ความเดิมตอนที่แล้วพรึ่บแสงไฟสว่างจ้าทั่วทั้งห้อง สายตาสามคู่เพ่งมองไปยังตู้ชั้นล่าง ไม่ต้องสำรวจนานก็มองเห็นความผิดปกติ...มันเปิดอยู่ เสียงสูดลมหายใจทั้งสามดังแทบพร้อมกัน ยกเว้นชวินที่ก้มหน้าเลี่ยงสายตาไปมองแผ่นหลังเพื่อนแทน
สิงหากระตุกมือเบาๆ ให้เดินตามเข้าไปข้างใน ห้องนี้มีกล้องสองจุด จุดแรกอยู่ใกล้ประตู เมื่อเดินตามสิงหาเข้ามาโบ้ก็เอื้อมมือไปปลดสายรัดดึงกล้องส่งข้างหลังไปให้เต้เก็บไว้ แต่ถุงของเต้เต็มแล้วเขาเลยส่งต่อให้ชวิน ชวินรับกล้องมาใส่ถุงดำในมือตัวเอง
ปัง!!“เหี้ย!!” ชวินเงยหน้ามองด้วยความตกใจ ชั่วขณะที่เขาปล่อยมือจากเพื่อนแล้วรับกล้องมา ประตูห้องทำงานก็กระแทกปิดลงตรงหน้า มันปิดกั้นเขาไว้นอกห้องเพียงลำพัง
“พวกมึง...เหี้ยเต้! เปิดประตูดิ๊ เล่นเหี้ยไรกัน!” ชวินตะโกนด่าเพื่อนเสียงสั่น พยายามบิดลูกบิดแต่ก็ยังเปิดไม่ได้ เขาคิดว่าประตูล็อกจากด้านในโดยฝีมือของเพื่อนทั้งสามที่ตั้งใจแกล้ง
สิงหา โบ้และเต้หันขวับไปมองประตูพร้อมกัน เต้เป็นฝ่ายเดินมาถึงประตูก่อนพร้อมได้ยินเสียงด่าจากชวินที่ด้านนอก เขาพยายามหมุนลูกบิดแต่มันเปิดไม่ออก
“เหี้ยแล้วๆ กูเปิดไม่ออก!! ไอ้ชวิน!! อย่าแกล้งนะมึง!!” คนด้านนอกยังด่าไม่หยุด คนด้านในก็คิดว่าเพื่อนที่อยู่คนเดียวด้านนอกแกล้งเช่นกัน สิงหาที่เดินไปแกะกล้องเมื่อครู่รีบเดินกลับมาแทรกตัวอยู่ข้างเต้ เขาลองจับลูกบิดหมุนดู มันไม่ได้ล็อกเพราะบิดได้รอบ แต่เปิดไม่ออกเหมือนถูกดึงอยู่ ลำพังแรงของชวินคนเดียวไม่สามารถดึงประตูต้านแรงพวกเขาได้แน่นอน โบ้หันหลังให้เพื่อนเพื่อมองรอบห้องอย่างไม่ไว้ใจ โดยเฉพาะประตูตู้ที่ยังเปิดอยู่
“ไอ้เหี้ย!!! มึง!!” ชวินเริ่มรู้ตัวว่าเพื่อนไม่ได้แกล้ง เต้พยายามตะโกนบอกให้ชวินลองปล่อยมือจากลูกบิดหรือให้ลองกระแทกประตูให้เปิดแต่ก็ทำไม่ได้ ทุกคนเริ่มร้อนรน สามคนข้างในเริ่มเป็นห่วงคนที่อยู่ลำพังด้านนอก
“ไอ้ชวิน!! มึงออกไปก่อน ลงไปข้างล่างหาคนมาช่วย ออกไปก่อน!!” สิงหาตัดสินใจให้เพื่อนหนีไปก่อน ถ้าคนดวงซวยเป็นพวกเขาแทนก็ยังดีกว่าเป็นชวินคนเดียว
ชวินฟังคำพูดสิงหาแล้วรีบหันหลังกลับเตรียมวิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือ เท้าที่จะก้าวไปข้างหน้าหยุดชะงักแล้วกระโดดถอยหลังมาพิงประตูห้องน้ำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามห้องทำงานแทน...มีบางสิ่งยืนอยู่ข้างเขามาตลอด
.
...และ.....
.......มัน......
.
..........กำลังหันมา..........-------------------------------------------------------------------
17. ข่าวลือชวินกลั้นหายใจกับบางสิ่งตรงหน้า ร่างเล็กของเด็กชายผิวคล้ำปรากฏอยู่ข้างกายเขาโดยไม่ทันตั้งตัว เสียงเพื่อนในห้องตะโกนเรียกเขาตลอดเวลาแต่เขาไม่กล้าแม้แต่จะออกเสียงผ่านลำคอ ร่างนั้นค่อยๆ หันมาทางเขาเหมือนรู้ว่ามีคนจ้องอยู่ ...มัน...ค่อยๆ หันมา...ช้าๆ
ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆเสียงหัวใจดังจนแทบทะลุออกมานอกอก เสี้ยววินาทีที่ใบหน้านั้นกำลังหันมาชวินจับลูกบิดประตูห้องน้ำที่ยืนพิง หมุนแล้วรีบก้าวถอยเข้าไปอยู่ด้านใน
ปัง!เขาปิดประตูห้องน้ำพร้อมกดล็อก สายตาจับจ้องมองด้านหน้า ภาวนาให้บางสิ่งข้างนอกนั่นไม่สามารถตามเข้ามาได้ เสียงเพื่อนเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะเริ่มตะโกนถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง เหมือนรู้ว่ามีบางสิ่งกำลังเกิดขึ้นกับเขา ชวินค่อยๆ ก้าวถอยหลังไปช้าๆ จนยืนชิดกำแพงตรงข้ามประตู ดวงตาเบิกโพลงไม่กล้าแม้แต่กะพริบตา
ความเย็นจากบางสิ่งแผ่กระจายทั่วฝ่ามือ มือข้างขวาของเขาเริ่มสั่นระริกจนลามไปทั่วตัว สายตาที่จ้องไปข้างหน้าลดระดับลงมองมือตัวเอง...มีมือเล็กๆ สีดำจับมือเขาอยู่
มัน!....ยืนอยู่ข้างๆ“
....ไปเล่นกันเถอะ”
สามหนุ่มที่ถูกขังอยู่ในห้องทำงานเริ่มรู้ถึกความผิดปกติของเพื่อนที่อยู่คนเดียวด้านนอก ชวินเงียบหายไปครู่หนึ่งแล้ว ประตูนี้ยังคงเปิดไม่ออกไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ตาม โบ้หยิบโทรศัพท์ส่วนตัวโทรหาชวินแต่อีกฝ่ายไม่รับสาย ทุกคนมองหน้ากันเพื่อหาทางออกจากห้องให้เร็วที่สุด พวกเขาพยายามพังประตูแต่ในห้องไม่มีอุปกรณ์อะไรจะช่วยได้
โบ้เหลียวมองหาของรอบห้องก่อนจะหยุดสายตาที่พระพุทธรูปในตู้
“พระ!”
ทันทีที่โบ้พูดจบ เต้ที่อยู่ใกล้ตู้ที่สุดรีบอุ้มพระพุทธรูปจากในตู้ขึ้นมา เดินไปที่ประตูแต่ก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อ เขาเหลียวมองเพื่อนเพื่อถามความเห็น โบ้ได้แต่ส่ายหน้า เขาพูดออกไปเพราะสิ่งเดียวที่น่าจะช่วยสู้กับผีได้คือพระ แต่ให้เอามาทำอะไรก็ต่อก็ไม่รู้เหมือนกัน สิงหาเองไม่มีคำตอบให้ ตั้งแต่เอาพระมาวางในตู้ เรื่องต่างๆ มันก็เริ่มหนักมากขึ้น เขาไม่คิดว่านี่เป็นความคิดที่ดีแต่ก็ไม่กล้าโต้แย้ง
เต้หันซ้ายหันขวาอย่างคนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่อุ้มพระเอาไว้รอการตัดสินใจของเพื่อน สิงหาตัดสินใจพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพียงอย่างเดียวในห้องอีกครั้ง
“ลองเอาพระไปแตะๆ ประตูดู เผื่อเปิดได้”
“โบ้มึงรู้บทสวดเยอะ ลองสวดสักบทสิวะ” เต้เดินไปยืนหน้าประตู ลองยกพระพุทธรูปแตะลูกบิดบ้างแนบไว้ที่ประตูบ้าง สุดท้ายขอเพิ่มความพลังด้วยบทสวดมนต์จากโบ้ สิงหาลองบิดลูกบิดอีกครั้งแต่ครั้งนี้พนมมืออธิษฐานขอให้ความดีทั้งหลายคุ้มครองและให้ความช่วยเหลือจากอันตรายครั้งนี้
กริ๊ก
แอดดดดด“เปิดได้แล้ว” สิงหาหันมาบอกเพื่อนอีกสองคนที่ยืนชะงักค้างไปเพราะไม่คิดว่าวิธีนี้จะเปิดได้จริงๆ ถึงแม้ความกลัวจะยังมีอยู่ในใจแต่ความเป็นห่วงเพื่อนมีมากกว่า เสียงชวินเงียบหายไปนานแล้ว ทุกคนรีบกรูกันออกมานอกประตู เต้ตะโกนเรียกเพื่อน โบ้ทำใจกล้าเดินไปตามหาชวินถึงโซนห้องครัว สิงหาปิดประตูห้องทำงาน เดินผ่านเพื่อนไปถึงห้องนอน อย่างน้อยห้องนี้ก็เคยปลอดภัย เพื่อนของเขาอาจจะเข้ามาหลบที่นี่ แต่ทุกคนก็ต้องผิดหวังเมื่อมองหารอบๆ แล้วไม่เจอ แม้กระทั่งเต้ที่เปิดประตูห้องออกไปมองถึงหน้าลิฟต์ก็ไม่มีแม้แต่เงา
“เหลือห้องน้ำยังไม่ได้ดู” สิงหานึกขึ้นได้ถึงอีกห้องที่พวกเขาลืมไป เขาเดินตรงไปที่ห้องน้ำใหญ่ในห้องนอนตัวเอง ส่วนโบ้กับเต้เดินไปที่ห้องน้ำเล็กหน้าห้องทำงาน
โบ้เป็นคนเปิดประตู แสงไฟในห้องน้ำสว่างจ้าผ่านประตูที่ค่อยๆ เปิดอ้าออกทำให้ทั้งสองคนใจชื้น ในนี้เปิดไฟเอาไว้แสดงว่ามีคนอยู่ แต่เมื่อเปิดประตูออกจนสุด สิ่งที่เห็นตรงหน้าไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นเลย เพื่อนสนิทของพวกเขาอยู่ในห้องนี้จริงๆ ร่างสูงยืนพิงผนังตรงข้ามประตู สองตาเบิกโพลง ใบหน้าขาวซีดและร่างกายกำลังสั่นเทาไปทุกส่วน
“ไอ้สิง! เจอแล้ว อยู่นี่!!” เต้รีบตะโกนเรียกสิงหา โบ้เดินกึ่งวิ่งไปถึงตัวชวิน สองมือละล้าละลังไม่กล้าแตะร่างที่กำลังสั่น พวกเขาเคยหยอกกันเล่นๆ ขำๆ ว่ามันต้องเป็นเป้าหมายของผีแน่ ต้องโดนหนักสุดแน่ แต่ไม่คิดว่าเพียงครู่เดียวที่แยกกันจะทำให้เพื่อนมีอาการแบบนี้
“มันเป็นไงบ้าง ชวิน! ชวิน!!” สิงหาเดินมายืนตรงหน้าชวิน แต่สายตาอีกคนไม่ได้จ้องมาที่เขาเลย เหมือนมองผ่านไป มองอะไรบางอย่างที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต
“ชวิน!!!” โบ้ช่วยตะโกนเรียกสติเพื่อน แต่แววตานั้นยังคงเลื่อนลอยอยู่ เต้น้ำตาคลอเบ้าด้วยความสงสารเพื่อน เขารู้ว่ามันขี้กลัว แต่มันไม่ใช่คนขี้ขลาดที่เจออะไรนิดหน่อยก็ช็อกได้ สิ่งที่มันเพิ่งเจอคงน่ากลัวมากถึงได้เป็นแบบนี้
“พามันไปที่ห้องก่อน ถ้าไม่ดีขึ้นก็ส่งโรงฯบาล” สิงหาค่อยๆ โอบไหล่เพื่อนที่สั่นจนกระตุก โบ้ช่วยประคองเอวดันให้ชวินค่อยๆ ก้าวเท้าเดินออกไป แต่อีกคนไม่ยอมขยับ สุดท้ายสิงหาเลยต้องแบกเพื่อนขึ้นหลังแล้วให้อีกสองคนช่วยกันประคอง เต้วางพระพุทธรูปไว้บนเคาน์เตอร์ล้างหน้าเดินตามเพื่อนออกไป ทุกคนลงความเห็นว่าอาการชวินไม่ปกติ ให้ส่งโรงพยาบาลเลยจะดีกว่า พวกเขาช่วยกันแบกเพื่อนลงลิฟต์มาถึงชั้นล่างท่ามกลางความตกใจของโจที่กำลังทำงานอยู่ เขารีบโทรเรียกรถพยาบาลมารับผู้ป่วยฉุกเฉิน สีหน้าสี่หนุ่มไม่ค่อยดีเท่าไรโจถึงไม่กล้าซักถาม ได้เพียงคาดเดาว่าน่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่น่านนทีเล่าให้ฟัง ซึ่งท่าทางจะหนักเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้
ในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ ชวินนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงผู้ป่วยหลังได้รับการรักษาจากแพทย์ที่วินิจฉัยตามคำบอกเล่าของเพื่อนทั้งสามว่าผู้ป่วยได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจทำให้เกิดภาวะช็อกชั่วขณะ หลังจากให้ยาเพื่อคลายเครียดและทำให้นอนหลับ ตื่นมาก็จะดีขึ้นแล้วค่อยตรวจเพิ่มเติมพรุ่งนี้เช้า
“มันช็อกน่ะปิง ตอนนี้น่าจะโอเคแล้ว ปิงไม่ต้องมาหรอก” สิงหาคุยโทรศัพท์กับน่านนทีที่โทรมาหาหลังทราบเรื่องจากโจ
“แล้วคุณสิงกับคนอื่นล่ะครับ โอเคไหม”
“ยังงงๆ กันอยู่ แต่ไว้เช้าผมค่อยเล่าดีกว่า เดี๋ยวปิงจะกลัว คืนนี้ทำงานกับออมเหมือนเดิมหรือเปล่า”
“ครับ ออมก็นั่งอยู่ข้างๆ ตอนมาถึงพี่โจเล่าให้ฟังปิงตกใจหมด พี่โจบอกหน้าทุกคนซีดมากเลย” น่านนทีรีบโทรมาหาด้วยความเป็นห่วงหลังรู้เรื่องจากโจและฝ่ายซีเคียวริตี้ที่นั่งอยู่ด้านหน้า ซึ่งโจตัดสินใจไม่เล่าอะไรให้ฟัง เพียงแค่บอกคนอื่นว่าลูกบ้านป่วยหนักเท่านั้น
“ผมก็ตกใจเหมือนกัน กลัวเพื่อนเป็นอะไร” ความตกใจของเขามีมากขนาดที่แบกเพื่อนตัวใหญ่กว่าลงมาจากห้องได้ ตอนนี้เลยปวดเอวนิดหน่อย
“ถึงมือหมอแล้ว คุณสิงไม่ต้องเครียดนะ เดี๋ยวตอนเช้าเลิกงานปิงแวะไปหานะครับ”
“ได้ งั้นปิงทำงานต่อเถอะ มีอะไรโทรหาผมนะครับ”
“โอเค พักผ่อนนะ ฝันดีครับ” น่านนทีวางสายไป เขารับรู้ได้ถึงความกังวลในน้ำเสียงของอีกคน อย่าว่าแต่ฝ่ายนั้นที่ช็อกเลย ขนาดเขาที่ไม่ได้เจอกับตัวยังอยากช็อกตาม ไอ้ผีที่ออกมาหลอกแบบเฮี้ยนๆ มันน่าจะมีแค่ในหนังในละครไม่ใช่หรือไง
“ไงวะ ปิงถึงคอนโดฯ แล้วเหรอ” โบ้ทักสิงหาที่ขอตัวออกไปนั่งคุยโทรศัพท์กับแฟนที่นอกห้อง
“เออ โจเขาเล่าให้ปิงฟังก็เลยเป็นห่วง กลัวจะเป็นอะไรหนัก”
“นี่ก็หนัก” โบ้พยักหน้าไปทางคนที่นอนหลับสนิทบนเตียงคนไข้
“เออ กูรู้...แม่ง ปวดหัวเลยว่ะ” สิงหาเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เต้ ยกมือกอดบ่าเขย่าเบาๆ ปลอบใจ มันคงรู้สึกผิดที่ตัวเองอยู่ใกล้ชวินที่สุดแต่ช่วยเพื่อนไม่ทัน
“เฮ้อ ทำไมเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยวะ ตอนแรกก็ขำๆ ตลกดี แต่นี่มันเกือบตายเลยนะเว้ย มันต้องการอะไรวะ” เต้บ่นด้วยความสงสารเพื่อนและสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทำไมมันยิ่งหนักขึ้นทุกๆ ครั้งที่เจอ
“กูว่าเราเลิกยุ่งกับห้องนั่นเถอะ ช่างมัน เหมือนยิ่งค้นก็ยิ่งเจอหนักขึ้น บางทีมันอาจไม่ชอบให้เราไปยุ่งก็ได้” สิงหาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก รวมถึงไม่ให้เพื่อนๆ ยุ่งด้วย
“ก็จริง เมื่อก่อนมึงอยู่เฉยๆ ไม่เห็นโดนแบบนี้ อาจเป็นเพราะเราไปยุ่งกับมันก็เลยโดนดีเข้าให้” โบ้ยอมรับการตัดสินใจจากเจ้าของห้องแต่โดยดี เต้เองก็เช่นกัน
“ว่าไงว่าตามกัน สงสารชวินมันว่ะ แม่งโดนตลอดเลย”
“ต้องโทรบอกพ่อมันไหมวะ” โบ้ถาม
“ดูอาการพรุ่งนี้ก่อนดีกว่า เผื่อดีขึ้นค่อยให้มันตัดสินใจเอง” สิงหาพูดจบก็ไล่ให้ทุกคนไปอาบน้ำ คืนนี้ทุกคนนอนรวมกันบนพื้นห้องเหมือนเดิม แม้จะมีห้องพักสำหรับญาติแต่ก็ไม่มีใครกล้าปล่อยเพื่อนนอนป่วยอยู่เพียงลำพัง ความตึงเครียดของค่ำคืนนี้ทำให้ยากที่จะนอนหลับ โบ้เลยตัดสินใจลุกไปขอยากับนางพยาบาลโดยโกหกว่ามีอาการน้ำมูกไหลเลยได้ยาแก้แพ้ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้ง่วง ยาที่เหมาะที่สุดในคืนนี้ ยาแก้แพ้สำหรับทุกคนที่แพ้ให้กับผีตัวเล็กๆ แต่ความน่ากลัวไม่เล็กเลย
รุ่งเช้าน่านนทีหมดเวลาทำงานก็เดินออกจากคอนโดฯ แวะซื้อข้าวเหนียวสี่ห่อ หมูปิ้งสิบไม้ โจ๊กหมูเด้งสี่ถุงก่อนเรียกแท็กซี่ไปโรงพยาบาล ลงจากแท็กซี่เดินเข้ามาในตึก กำลังมองหาลิฟต์เพื่อขึ้นไปชั้นบนก็เห็นชายหนุ่มหน้าตาดีแม้จะโทรมไปสักนิดแต่ก็หล่อที่สุดในสายตาเขา
“ซื้ออะไรมาเยอะเลยครับ” สิงหาที่ลงมารอรับแฟนถึงชั้นล่างเดินเข้ามาหาแล้วแย่งถุงอาหารทั้งหมดไปถือเอง แตะแขนเบาๆ ให้เดินตามไปที่ลิฟต์ เช้านี้พวกเขาตื่นตั้งแต่เจ็ดโมงเพราะพยาบาลเข้ามาดูอาการของคนไข้ที่ยังหลับสนิท สามหนุ่มที่นอนเกะกะบนพื้นห้องเลยต้องรีบลุกแยกย้ายกันอาบน้ำล้างหน้ากันอย่างเคอะเขิน
“อาหารเช้าครับ พี่ชวินเป็นยังไงบ้าง”
“ยังไม่ตื่นเลย หมอฉีดยาให้เมื่อคืน นอนไม่ค่อยเต็มอิ่มกันมาหลายคืนด้วยเลยหลับยาวหน่อย”
“สงสารจัง ทำไมโดนอยู่คนเดียวเลย”
“ผมจะปล่อยเรื่องนี้ไปแล้วล่ะ อันตรายเกินไป ถ้ายังไม่หยุดก็ไม่รู้จะโดนอะไรอีก เออ เรื่องห้องเช่าปิงได้ถามให้หรือยัง”
“ถามแล้ว เจ้าของอยู่ภูเก็ต ถ้าคุณสิงโอเคกับค่าเช่าก็โอนเงินแล้วเข้าอยู่ก่อนได้เลย เดือนหน้าเขาขึ้นมาค่อยทำสัญญากัน เดี๋ยวพวกฝ่ายขายคงโทรมาบอกคุณสิงวันนี้เรื่องเลขบัญชีกับรายละเอียดในสัญญา”
“ง่ายดีจัง อ้าว สงสัยชวินมันตื่นแล้ว” สิงหาเปิดประตูห้องพักเข้ามาก็ได้ยินเสียงโบ้และเต้กำลังยิงคำถามใส่ชวินด้วยความเป็นห่วง เขาวางถุงอาหารไว้ที่โต๊ะรับแขกแล้วเดินนำน่านนทีเข้าไปในส่วนห้องพักผู้ป่วยที่อยู่ด้านในอีกชั้น
“ตกลงว่าไง ถ้าพูดไม่ออกก็พยักหน้าก็ได้ อย่าเงียบสิวะ พวกกูใจไม่ดี” เต้กำลังถามกึ่งบ่นเพื่อนที่อยู่ดีๆ ก็ลืมตาตื่นขึ้นมา เขากับโบ้รีบพุ่งปราดมาถึงข้างเตียง แย่งกันถามอาการด้วยความเป็นห่วงแต่อีกฝ่ายก็ยังเอาแต่นอนนิ่ง ยังดีที่แววตาไม่เลื่อนลอยเหมือนเมื่อคืน
“หึๆๆ ฮ่าๆๆๆ นานๆ จะเห็นพวกมึงห่วงกูขนาดนี้ ฮ่าๆๆ” ชวินหัวเราะเสียงดังลั่นห้อง เขาพยายามกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นหน้าเพื่อนที่แย่งกันชะโงกหน้าอยู่เหนือเตียง มีการแตะหน้าผากวัดไข้ด้วย ความน่ารักของเพื่อนทำเอาเขาขนลุก
“ไอ้เหี้ย! ใจหายหมด” โบ้หลุดด่าเพื่อนที่ทำให้ตกใจ
“แม่ง เอาความห่วงใยกูคืนมา” เต้มองชวินด้วยความโกรธ อุตส่าห์เป็นห่วงแทบตาย กลัวตื่นมาจะช็อกจนเป็นบ้า ลืมไป มันบ้าอยู่แล้ว
“โทษๆ ไม่ได้ตั้งใจแกล้ง ตอนแรกเบลอๆ พวกมึงก็แย่งกันถามไม่หยุด อ้าว ปิง อยู่ด้วยเหรอ”
“ปิงเพิ่งเลิกงานเลยแวะเอาข้าวเช้ามาฝาก พี่ชวินโอเคแล้วเนอะ” น่านนทีเดินมาหยุดข้างเตียง มองสีหน้าคนป่วยที่ดูสดใสค่อยหายห่วงบ้าง
“ครับ ขอแค่ไม่อยู่ในห้องนั้นทุกอย่างก็โอเคหมด” ชวินพยายามส่งยิ้มให้แต่มันดูฝืดเหลือเกินเมื่อพูดถึงห้องของสิงหา
“เล่าได้ไหมวะว่าเกิดอะไรขึ้น หรือถ้ายังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไรนะเว้ย สบายใจค่อยเล่า” เต้ตบบ่าให้กำลังใจเพื่อนเบาๆ
“สรุปคือยังไงก็ต้องเล่าว่างั้น”
“เออดิ กูอยากรู้บอกเลย เป็นห่วงก็ส่วนเป็นห่วงนะเว้ย แต่ความเสือกนี่ห้ามใจตัวเองไม่ไหวจริงๆ โทษทีว่ะ”
“ไอ้เหี้ย”
“ปิงกลับไปพักผ่อนก่อนก็ได้นะ ไม่ต้องฟังหรอกเดี๋ยวจะกลัวเปล่าๆ” สิงหาบอกแฟนขี้กลัวของตัวเองที่ยืนทำตาโตอยู่ข้างๆ เหมือนกำลังลุ้นว่าจะเล่าอะไรออกมาเมื่อไร ถ้าชวินเล่าปุ๊บคงรีบยกมือปิดหูตัวเองทันที โชคดีที่คนที่โดนผีหลอกหนักสุดไม่ใช่น่านนที
“น่ากลัวมากไหมครับ ปิงก็อยากรู้เหมือนกัน”
“พี่ช็อกนอนโรงฯบาลแบบนี้ ปิงว่ามากหรือน้อยล่ะ”
“แฮ่ๆ น่าจะมากเนอะ งั้นปิงกลับก่อนนะ เรื่องนี้ปิงไม่ไหวจริงๆ ยังต้องทำงานดึกๆ ที่นั่นอีกนาน สู้ๆ นะครับทุกคน” น่านนทีระงับความอยากรู้ไว้เพียงเท่านี้ ขอเอาใจช่วยห่างๆ ก็พอ สิงหาให้เพื่อนกินอาหารเช้ารอก่อนระหว่างเขาลงมาส่งน่านนทีด้านล่าง
บรรยากาศยามสายของโรงพยาบาลมีผู้คนเดินเข้าออกตลอดเวลา ทั้งเจ้าหน้าที่ ทั้งผู้ป่วย สิงหานั่งอยู่ข้างๆ น่านนทีบนม้านั่งในสวนเล็กๆ ในโรงพยาบาล
“คุณสิงไม่ต้องเครียดนะ ปิงว่าพี่ชวินไม่เป็นอะไรมากหรอก”
“ผมไม่คิดว่าเรื่องจะหนักถึงขั้นนี้จริงๆ นะ ตอนแรกที่นัดกันผมยังแอบขำพวกมันอยู่เลย แต่ตอนเปิดประตูห้องน้ำไปเจอมันยืนช็อกตาค้างอยู่ผมทำอะไรไม่ถูกเลย ถ้าเกิดมันเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง เราไม่น่าทำอะไรพวกนี้เลย”
“ไม่เป็นไรนะ เพื่อนๆ ไม่โทษคุณสิงหรอก มันเป็นเรื่องไกลตัว ต่อให้วันนี้ไม่เกิดวันหน้าอาจจะเกิดก็ได้ ยังดีที่เกิดเรื่องตอนอยู่กันหลายคน คุณสิงช่วยเพื่อนไว้นะครับ” น่านนทีลูบหลังปลอบคนที่กำลังขวัญเสีย ถึงภายนอกจะดูเข้มแข็งเป็นผู้นำคนอื่นตลอด แต่เขารู้ว่าสิงหาเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกคนรอบตัวมาก คอยเป็นห่วงเป็นใยคนอื่นเสมอ ไม่มีใครคิดว่าผีในห้องนั้นจะทำอันตรายจนมีคนเข้าโรงพยาบาล ตัวน่านนทีเองก็ยังคิดไม่ถึง อย่างมากเขาก็แค่กลัวจนร้องไห้แค่นั้น
“......จริงๆ ผมก็กลัวนะ แต่มันก็คือบ้านผม คนไทยยังตั้งศาลพระภูมิเจ้าที่ในบ้านเลย นางกวักเอย กุมารเลย ความเชื่อพวกนี้ผมก็เจอมาตั้งแต่เด็ก พอรู้ว่าในห้องน่าจะมีผีผมก็เลยเฉยๆ เขาไม่ทำอะไรเราก็ต่างคนต่างอยู่ จนวันที่โดนจับขานั่นล่ะผมเลยอยากรู้ว่าเขาต้องการอะไร มันแค่ความอยากรู้เท่านั้นเองนะ เมื่อก่อนบ้านเพื่อนแม่ก็เจอแบบนี้ในบ้าน เห็นผู้หญิงในฝัน บางทีก็เห็นเดินในบ้าน เจอบ่อยๆ เลยตั้งหิ้งเอาดอกไม้เครื่องดื่มวางให้ทุกวันพระ คือถ้าเขาต้องการแบบนั้นผมก็จะได้ทำให้ แต่ไม่ใช่มาทำร้ายคนแบบนี้”
“มิน่า เคยเจอมาเยอะนี่เองเลยไม่ค่อยกลัว แต่ถึงไม่กลัวปิงก็ไม่อยากให้กลับไปนอนห้องนั้นคนเดียวนะ ปิงว่ามันอันตรายเกินไป”
“ครับ ผมคงไม่ไปหรอก เออปิงยกเลิกแม่บ้านให้ด้วยนะ กลัวเข้าไปแล้วเจอดีเข้าอีกคน”
“โอเค เรื่องห้องเช่าถ้าจะย้ายเข้าไปอยู่เมื่อไรบอกปิงนะ เดี๋ยวปิงช่วยย้าย คุณสิงมีอะไรให้ช่วยบอกได้ตลอดนะ แต่ห้ามไปที่ห้องคนเดียวเด็ดขาด”
“โอเคครับ ไม่ต้องห่วงนะผมไม่ไปหรอก ไปครับเดี๋ยวผมส่งขึ้นแท็กซี่ ถึงบ้านแล้วส่งข้อความมาด้วยนะ”
“ได้ครับผม อย่าเครียดนะๆ ทุกคนปลอดภัย พี่ชวินปลอดภัย ปิงก็ยิ่งปลอดภัย อย่าคิดมาก”
“หึๆ โอเค ขอบคุณนะ” สิงหาลูบหัวกำลังใจน้อยๆ ของเขาเบาๆ เดินพาน่านนทีไปขึ้นแท็กซี่ที่หน้าโรงพยาบาล ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ปล่อยให้ความวิตกกังวลทั้งหมดมลายหายไปแล้วนำกำลังใจที่ได้รับเข้ามาแทนที่ น่านนทีพูดถูก ตอนนี้ทุกคนปลอดภัยแล้ว และเหมือนจะปลอดภัยมากๆ โดยเฉพาะคนป่วยที่ใช้อภิสิทธิ์แย่งหมูเด้งในโจ๊กจากชามของคนอื่น