❤ คุณคนเดียวกัน ❤ [ตอนที่ 27 End]★06/04/21★ P:19
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤ คุณคนเดียวกัน ❤ [ตอนที่ 27 End]★06/04/21★ P:19  (อ่าน 132472 ครั้ง)

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
จ้าา คิดบวก

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ชอบที่หนูภาคิดจริง ๆ แค่มีระยะที่สบายใจ ไม่ต้องตัดใคร แค่นี้ก็พอแล้วจริง ๆ

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1960
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ mu_mam555

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1

ออฟไลน์ SeventeenCarat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ้าวเรื่องนี้ยังไม่จบนี่ อ่านสารบัญพลาดไป อารมณ์ค้างเลย แงงงง
 :sad4:

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
คินคิน สู้ต่อไป :mew1:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ดีมากที่คุยกัน

ออฟไลน์ darin

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1088
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2267/-46



ตอนที่ 25

ความคิดถึงหน้าตาเป็นแบบไหน




-ภาคิน กิตติวริศกุล-


เสียงฝีเท้าหยุดยืนที่หน้าห้องนอนก่อนจะตามมาด้วยเสียงเปิดประตู ผมวางโทรศัพท์ลงข้างตัว เงยหน้าขึ้นมองผู้ที่ก้าวเข้ามา

“กูคุยกับปายแล้วว่าจะไปบ้านป้าสาพรุ่งนี้ เลิกเรียนแล้วไปเลย” คินบอกหลังจากขึ้นมานั่งข้างผมบนเตียง

“ไอ้ปายบอกว่าป้าสายังเก็บบ้านไม่เสร็จ ไหนจะต้องเตรียมของอีก มันเลยอยากไปช่วยตั้งแต่วันพรุ่งนี้เลย มีเวลาสองวันศุกร์กับเสาร์ งานจัดวันอาทิตย์น่าทันสบายๆ”

“เอาสิ” ผมพยักหน้ารับ

“กูจะไปกับไอ้ปายสองคน มึงค่อยตามไปตอนเช้าวันอาทิตย์สักแปดโมงเช้าก็ได้ เลี้ยงพระเพลยังไงก็ทัน” คินกำลังพูดถึงงานทำบุญบ้านญาติของปาย ซึ่งจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ เท่าที่ฟังมาเป็นเพราะคุณป้าของปายป่วยกระเสาะกระแสะมานาน ลูกสาวจึงอยากจัดงานทำบุญขึ้นในวันเกิดของแม่

“ผมไปพร้อมคุณก็ได้”

“อย่าเลยพวกกูไปทำงาน มึงไปตอนเช้าวันอาทิตย์ดีแล้ว”

“ผมไปช่วย”

คินหันมามองหน้าผม ด้วยสายตาและสีหน้าที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวพร้อมจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาได้ทุกเมื่อ

“ไม่เชื่อผมเหรอ”

“เชื่อ กูเชื่อ” คนพูด พูดไปหัวเราะไป “แต่ไม่ต้องหรอก บ้านป้าไอ้ปายหลังเล็กมีสองห้องนอนเอง กูกับไอ้ปายไปก็ไปซุกกันอยู่ห้องรับแขก เอาแบบนี้แหละดีแล้ว”

“ก็ยังดี” ผมมองคินยิ้มๆ คนถูกมองเลิกคิ้วขึ้นเพราะไม่เข้าใจคำพูดของผม

“อะไร”

“ยังดีที่คุณไม่บอกว่าผมไปก็เกะกะเปล่าๆ”

“กูไม่ได้พูดนะ...มึงรู้เอง ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะดังลั่น เมื่อไม่อยากถูกหัวเราะเยาะก็ต้องปิดปากคนหัวเราะ คินทำเสียงอู้อี้ประท้วงอยู่ในคอครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยอมเป็นเด็กดี

• • • • •

“เดี๋ยวกูกับไอ้คินนั่งแท็กซี่ไปเอง มึงขับไปขับกลับเหนื่อยเปล่าๆ บ้านอยู่คนละมุมเมืองเลย” ปายเอ่ยปากเมื่อเดินมาถึงลานจอดรถด้านหน้าคณะ

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมไปส่ง”

“เอาอย่างไอ้ปายว่าดีแล้ว จะรถมึงหรือรถแท็กซี่พวกกูก็นั่งสบายไม่ได้ขับเหมือนกัน” คินไม่เห็นด้วยกับผม

“จะได้แวะหาอะไรทานด้วย” ผมบอกเหตุผลของตัวเอง

“โทษทีวะพวกกูจะไปทานที่บ้านป้าสา ไอ้ปายมันอยากรีบไปจะได้ไปช่วยทำงานทางโน้น นี่ก็เกือบเย็นแล้วกว่าจะไปถึงอีก”

“โทษนะมึง” ปายสำทับคำพูดของคินอีกที ผมพยักหน้าให้รู้ว่าเข้าใจแล้ว

“เปิดกระโปรงรถให้ทีกูจะเอากระเป๋า”

“อืม” ผมกดเปิดกระโปรงท้ายรถให้คิน มองสองเพื่อนซี้หยิบกระเป๋าที่วางอยู่ขึ้นสะพายบนบ่า

“ไว้เจอกัน” ปายส่งยิ้มให้ผมก่อนเลี่ยงออกไปยืนห่างๆ เพื่อให้เวลาผมกับคิน ปายเป็นเพื่อนที่เข้าใจอะไรง่ายเสมอ คินหมุนตัวหันมาหาผม ส่งยิ้มกว้างอย่างที่เห็นเป็นประจำมาให้

“ดีใจล่ะสิมึง”

“เรื่องอะไร”

“ก็วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้าน” คนพูดทำสายตาเจ้าเล่ห์เพื่อสื่อความหมายของคำที่พูด

“หมายถึงผมควรชวนผู้หญิงไป?”

“ก็น่าสนใจ” คินมองผมยิ้มๆ

“ผมจะลองคิดดู”

“จะทำอะไรก็ได้กูไม่ว่าหรอกขอแค่อย่างเดียว”

“อะไร”

“อย่าลืมลุกขึ้นมากินข้าว กินให้ครบสามมื้อด้วยเข้าใจไหม”

ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกหงุดหงิดและไม่พอใจท่าทางสบายใจคนตรงหน้า คำบางคำจึงหลุดออกมาจากลำคอ

“น่าเบื่อ”

“กูเหรอ?” คินชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ผมยกยิ้มมุมปากโดยไม่ตอบ

“ได้ๆ” คินตบมือบนบ่าผมแรงๆ พูดด้วยเสียงปนหัวเราะ “งั้นมึงก็ใช้สองวันนี้ให้คุ้มค่าจะได้หายเบื่อ กูไปล่ะวันอาทิตย์เจอกัน”

“อืม” ผมพิงหลังกับตัวรถมองคินเดินไปหาปาย มองแผ่นหลังที่คุ้นเคยห่างสายตาออกไปเรื่อยๆ เพียงครู่เดียวก็ลับสายตาไป

รอบข้างยังมีเสียงต่างๆ ให้ได้ยิน เสียงคนเดินคุยกันเข้ามาในลานจอดรถ เสียงรถยนต์กำลังแล่นออกไป เสียงจากสนามบาสข้างๆ แต่ผมกลับรู้สึกว่าลานจอดรถแห่งนี้เงียบมาก เงียบจนเผลอถอนหายใจออกมาในขณะที่ก้าวขึ้นรถ


• • • • •


(นอนหรือยัง)

“ยัง ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จ”

(กินข้าวแล้วใช่ไหม)

“กินแล้ว คุณล่ะ”

(เรียบร้อย...โอ๊ะ! ป้าสาเดี๋ยวผมยกเองครับ..แค่นี้นะมึง ฝันดี)

ผมมองโทรศัพท์ในมือจนหน้าจอเปลี่ยนเป็นสีดำจึงวางลงข้างตัว หยิบรีโมทโทรทัศน์ขึ้นมาเปิดเลือกหนังที่น่าสนใจ ขยับตัวเพื่อให้นอนอยู่ในท่าที่สบายที่สุด คืนนี้ไม่มีใครแย่งเลือกหนัง ไม่มีใครคอยถามว่าอะไรเป็นอย่างไร ไม่มีคนคอยวิจารณ์เนื้อเรื่องให้ต้องคอยดุ เป็นการดูหนังที่สงบสุขที่สุดในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ผมหันไปมองที่ว่างข้างตัว เพิ่งรู้วาบางครั้งความสงบสุขก็ไม่ใช่ความสุขเสมอไป

• • • • •

ผมกวาดมือไปด้านข้างก่อนจะพบกับความว่างเปล่า ดวงตาค่อยๆ ลืมขึ้น นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้ตื่นด้วยความสงบแบบนี้ ที่ผ่านมาบางเช้าผมโดนขาใครบางคนพาดที่เอว บางเช้าก็มีหมัดที่กำหลวมๆ ทาบเข้าที่ใบหน้า หรือหากอีกฝ่ายตื่นก่อน ห้องที่ไร้เสียงก็จะมีเสียงร้องเพลงเพี้ยนๆ แทนที่ให้ต้องหนวกหู ไม่นับรวมเสียงตึงตังประกอบการใช้ชีวิตในยามเช้าของอีกฝ่าย

ผมลุกขึ้นนั่ง เอียงศีรษะไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยล้า คิดว่าเป็นแบบนี้บ้างก็ดี เพียงแต่ความรู้สึกกับเหมือนคนตื่นไม่เต็มตา ไม่สดชื่นเอาเสียเลย


เป็นวันเสาร์ที่น่าเบื่อหน่าย หนังสือสองสามเล่มถูกทิ้งไว้บนโต๊ะหลังจากเปิดอ่านไปได้สามสี่หน้า ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาจีน

“อยู่ไหน”

(บ้าน มีอะไรหรือเปล่า)

“ว่าจะชวนออกไปข้างนอก”

(เอาสิ ที่ไหน)

ผมพูดชื่อห้างสรรพสินค้าที่หนึ่งย่านใจกลางเมืองออกไป

(ได้ เจอกันกี่โมง)

“สิบเอ็ดโมงแล้วกันจะได้กินข้าวเที่ยงด้วย”

(โอเค แล้วคินกับปายมาด้วยหรือเปล่า)

“ไม่อยู่”

(มิน่า ฮ่าๆ) เสียงหัวเราะของจีนดังมาตามสาย

ผมไม่ถามให้เสียเวลาว่าจีนหมายความว่าอย่างไร สิ่งที่อีกฝ่ายคิดผมย่อมรู้ดี ผมวางสายจากจีน กวาดสายตาไปรอบๆ ห้อง เมื่อก่อนผมไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย ชอบที่บ้านเงียบสงบแบบนี้ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมไม่ชอบความเงียบของบ้านหลังนี้เอาเสียเลย

• • • • •

-ภาคิน เกียรติสิริโยธิน-


เสียงโทรศัพท์ดังซ้ำเป็นครั้งที่สองผมจึงหยุดมือจากการล้างจาน ล้างมือและเช็ดลวกๆ กับกางเกงที่ใส่อยู่ก่อนหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง มองชื่อที่โทรเข้าก่อนยกยิ้มที่มุมปาก

“ว่าไงวะ”

(เตรียมงานเสร็จหรือยัง) เสียงพูดยังเรียบเรื่อย คล้ายไม่ใส่ใจในสิ่งที่ถามมากมายเท่าไหร่ตามสไตล์ของคิน

“เสร็จแล้ว” ผมมองกองถ้วยชามที่ล้างค้างอยู่ เหลือแค่นี้ก็ถือว่าเสร็จแล้วมั้ง

(อืม รออยู่ที่นั่น)

“รอที่นั่น? หมายถึงยังไงวะ” ผมตีความไม่แตกจึงต้องย้อนถาม แต่ปลายสายไม่สนใจผมสักนิด สิ่งที่ได้ยินจึงมีเพียงสัญญาณให้รู้ว่าอีกฝ่ายวางสายไปแล้ว

“อะไรของมันวะ?” ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน เก็บโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกง

“มีอะไร”

ผมหันไปมองปายก่อนยักไหล่ “ไอ้คินบอกให้กูรออยู่นี่ คงหมายถึงพรุ่งนี้เจอกันมั้ง” แม้จะสงสัยว่าทำไมจึงใช้คำพูดให้เข้าใจยากเย็นนัก แต่ผมก็ไม่ได้แปลกใจอะไร ถ้าแปลคำพูดไอ้คินได้ง่ายๆ ก็คงไม่ใช่ไอ้คินพูดแล้ว

• • • • •

เพราะเป็นบ้านที่ไม่มีพื้นที่มากนักจึงได้ยินเสียงรถยนต์ที่แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านได้อย่างชัดเจน ลูกพี่ลูกน้องของปายลุกขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนหันมาบอก

“รถไม่คุ้นมาบ้านโน้นมั้ง”

“มาบ้านเรานี่แหละ” ปายพูดยิ้มๆ ก่อนละสายตาจากหน้าต่างหันมามองผม

“ไม่มั้งพี่ไม่รู้จักใครใช้รถแพงแบบนี้” ลูกพี่ลูกน้องของปายยังปฏิเสธ

ผมฟังคนโน้นคนนี้ทีด้วยสีหน้าซื่อบื้อเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าปายยังมองผมด้วยสายตาขำ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว พร้อมๆ กับร่างกายที่ผุดลุกขึ้นยืนทันที

“มาเหรอวะ!”

“ออกไปสิ” ปายพูดเพียงแค่นั้นก็ยืนยันสิ่งที่ผมคิดได้ทันที ผมรีบเดินตรงไปยังประตูเพื่อเปิดออกไปภายนอก



“มายังไงวะ” ผมมองคินด้วยความแปลกใจ ร่างสูงยืนอยู่ข้างรถ ในมือมีโทรศัพท์เดาว่ากำลังจะโทรหาผม

“ขับรถมา”

“เหรอวะ! กูนึกว่ามึงเดินมา” ผมมองค้อนอีกฝ่าย จึงได้รับเสียงหัวเราะเป็นสิ่งตอบแทน

“เสร็จงานแล้วไม่ใช่เหรอ”

“อืม”

“ถ้างั้นก็กลับกัน”

“หะ!”

“กลับบ้าน”

แปลกที่เสียงทุ้มของคินทำให้ผมรู้สึกราวกับตัวเองจากบ้านมานาน

“แต่พรุ่งนี้..” ผมท้วงอย่างลังเล

“ค่อยมาพร้อมกันพรุ่งนี้”

“อ๋อ” ผมพยักหน้าด้วยสีหน้างงงันเล็กน้อย ผมมองร่างสูงของคิน สบตากับสายตาลุ่มลึกที่มองมา จู่ๆ ก็รู้สึกคิดถึงคนตรงหน้า มุมปากผุดเป็นรอยยิ้มบาง ดวงตาอ่อนแสงลง

“รอเดี๋ยวนะเข้าไปบอกปายกับป้าสาก่อน”

“อืม”



ผมมองมือที่กุมพวงมาลัยรถ มองไล่ไปตามแขนแข็งแรงและไปสิ้นสุดที่ใบหน้าด้านข้างของคิน

“มาธุระแถวนี้เหรอวะ”

“เปล่า” เสียงตอบไม่ใส่ใจ

“งั้นทำไม?”

“พรุ่งนี้ผมไม่อยากเข้าไปที่งานคนเดียว”

“อ๋อ” ผมเผลอทำสีหน้าผิดหวัง ก่อนรีบสะบัดความรู้สึกนั้นออกจากตัว

“เป็นยังไงบ้าง สองวันนี้สบายหูดีไหม”

“ดี”

“ดูมึงตอบ ไม่คิดถึงกูเหรอวะ”

“...”

“มึงนี่ไร้น้ำใจสุดๆ” ผมบ่นเมื่ออีกฝ่ายเลือกที่จะเงียบ

“หึๆ”

ผมหัวเราะตามคินบ้าง ส่ายหัวให้กับคำถามชวนขนลุกของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อดยิ้มเมื่อมองใบหน้าด้านข้างของคินไม่ได้

คิดถึง นั่นไม่ใช่คำตอบของคินแต่เป็นคำตอบของผม

• • • • •

“สบายฉิบ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายเมื่อเดินออกจากห้องน้ำ อยู่ที่ไหนก็ไม่สบายเหมือนอยู่ที่บ้าน คินเงยหน้าขึ้นมองผม ริมฝีปากคล้ายจะยกยิ้มก่อนจะจางหายไป สายตาตกลงมองหนังสือที่อยู่ในมือเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ผมยืนเช็ดผมไปด้วยมองคินไปด้วย ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างในตัวคินที่แปลกไป เพียงแต่ผมบอกไม่ได้เหมือนกันว่าคืออะไร

“ไอ้คิน” ผมเรียกอีกฝ่ายเมื่อลงไปนอนบนเตียงแล้ว

“อะไร”

ผมมองเพดานนิ่งโดยไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่งจึงหันไปมองคิน ดวงตาค่อยๆ สว่างขึ้น ความผิดหวังทำให้ความคิดของผมโง่งมไปชั่วคราว มาตอนนี้ถึงคิดได้ว่าคนอย่างไอ้คินน่ะเหรอจะไม่กล้าเข้าไปในงานคนเดียว

“มึงนี่มัน..” ผมหัวเราะออกมา

“อะไร”

ผมพลิกตัวหันไปหาคินเต็มตัว มองอีกฝ่ายด้วยดวงตาอ่อนโยน

“คิดถึงกูเหรอวะ”

“...”

“เหงาเหรอ”

“...”

แม้ไม่ได้คำตอบแต่ใบหูที่แดงขึ้นเล็กน้อยก็ทำให้ผมยิ้มได้

“ฮ่าๆ มึงแม่งโคตรน่ารัก” ผมเอื้อมมือไปหาหมายจะขยี้ผมอีกฝ่าย แต่คินเอียงตัวหลบไปได้อย่างเฉียดฉิว ผมสบตาคิน มองเห็นการไหววูบภายในดวงตาคู่นั้น น้ำเสียงที่พูดจึงอ่อนลงพอๆ กับสายตาที่มอง

“ถ้าเหงามึงโทรบอกกูได้ ถ้าอยากให้กลับมามึงโทรบอกกูได้”

“...”

“ถ้าคิดถึงกู..มึงบอกกูได้”

“...”

“กูก็คิดถึงมึง” ผมระบายรอยยิ้มออกกว้าง ตรึงสายตาของคินไว้เพื่อให้เห็นความจริงใจภายใน เราสบตากันนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยขึ้นไม่ดังนัก

“ผมไม่ชอบพูดอะไรแบบนั้น”

“ก็ไม่เป็นไร มึงจะพูดก็ได้ ไม่พูดก็ได้ แค่กูรู้ก็พอ”

คินสบตาผมนิ่ง ดวงตาคู่นั้นบ่งบอกอะไรมากมายเหลือเกิน

“ผมไม่ชอบพูด”

“เออ..กูรู้ๆ”

“แต่ผมแสดงออกด้วยวิธีอื่นได้”

“หือ?”

ดูเหมือนผมจะคิดช้าไปเสียแล้ว เมื่อร่างกายของตัวเองถูกดึงไปปะทะกับอกแกร่ง ริมฝีปากบางจู่โจมลงมาอย่างรวดเร็ว เอาละตอนนี้ผมรู้แล้วว่าการหาเรื่องใส่ตัวเองเป็นอย่างไร ดูเหมือนความคิดถึงของคนบางคนจะมากมายเหลือเกิน



“คิน”

“หือ?” ผมขานด้วยน้ำเสียงของคนใกล้หลับเต็มที ซุกใบหน้ากับหมอนอย่างหมดแรง

“ผมคิดถึงคุณ” ริมฝีปากอุ่นแตะลงบนหน้าผากอย่างแผ่วเบา ผมยกยิ้มมุมปากก่อนจะพ่ายแพ้ให้กับง่วงงุน

บางครั้งการต้องห่างกันบ้างก็ดี เพราะมันทำให้เราได้รู้ว่า..ความคิดถึงนั้นหน้าตาเป็นแบบไหน











ออฟไลน์ mamacub

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1041
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
คินคนปากแข็ง คิดถึงก็บอกคิดถึงสิ :hao3: :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
เเสดงออกไม่เก่งแต่รักใช่ไหม

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
พูดไม่เก่งแต่แสดงออกอย่างอื่นเก่งใช่มะ.  :hao3:

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1960
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
พบคนปากแข็ง 1 อัตราค่ะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ดีใจได้อ่านต่อ

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
หวานชื่น

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
พ่อคนปากหนัก น่ารักกกก

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 490
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts
รออยู่จ้า สนุกมากๆเลย  :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ความคิดถึงไม่เคยปราณีใคร :hao3:

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
"คิดถึง" ทำให้ใครบางคนหลับลึกกว่าเดิม แถมฝันดีอีกต่างหาก  :mew1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เอ็นดู้วว

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
น่ารัก คนไม่เคยรักใคร มีความรักแล้วน่ารักมาก
ภาคินเป็นคนตลก ชีวิตสนุก มีสีสันทุกวันเลย และรู้ทันคินไปหมดจ้า

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
 :L2:
คิดถึงก็บอกคิดถึง
จบ
น่ายัก
 :กอด1:

ออฟไลน์ Hoya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ใกล้จบแล้ว หรือเปล่าน้าคุณพริม 

ออฟไลน์ mamacub

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1041
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ darin

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1088
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2267/-46




ตอนที่ 26

ของรักของหวง



-ภาคิน กิตติวริศกุล-



“ไอ้หมอนี่มัน..”

ผมหันไปมองคนข้างกายเมื่อได้ยินเสียงบ่น คินโคลงศีรษะไปมา ดวงตาจับจ้องที่หน้าจอโทรศัพท์ ไม่ถึงกับหัวเสียแต่คล้ายเจ้าตัวกำลังอ่อนใจเสียมากกว่า

“มีอะไรเหรอ”

“เด็กมันกวนตีนน่ะ” คินวางโทรศัพท์ลงข้างตัวอย่างไม่ใส่ใจ

“เด็กไหน” ผมถามเพราะคำว่า ‘เด็ก’ กับ ‘หมอนี่’ ฟังอย่างไรก็ไม่อาจเชื่อมโยงกันได้

“ต่อ เด็กปีสองไง”

“จำไม่ได้” ผมไม่คุ้นกับชื่อนี้เอาเสียเลย

“ก็เด็กวิทย์ฯ เพื่อนไอ้ปิ๊ก ที่พักนี้ชอบมาสุมหัวอยู่ใต้ตึกคณะเราไง”

ภาพเด็กหนุ่มร่างสูงกับรอยยิ้มกวนผุดขึ้นมาทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลานึก ผมเคยได้รับการแนะนำให้รู้จักครั้งหนึ่งโดยรุ่นน้องที่เป็นเพื่อนของอีกฝ่าย แต่ผมไม่รู้ว่าคินไปสนิทสนมกับเด็กคนนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่

“ส่งอะไรมา”

“อ่านเอาเอง” คินหยิบโทรศัพท์ส่งให้ผมก่อนหันไปสนใจซีรีย์เรื่องโปรดที่กำลังดูอยู่ ผมอ่านข้อความล่าสุดก่อนแล้วย้อนขึ้นไปอ่านข้อความเก่าๆ ข้อความไม่มีอะไรสำคัญ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่เพราะแบบนั้นผมจึงแปลกใจ การทักมาเรื่อยเปื่อยแต่ทักมาทุกวันมองอย่างไรก็ไม่ปกติ

• • • • •

“ไอ้คินทางนี้”

ผมมองหาเจ้าของเสียงเรียก คินกำลังยิ้มร่าโบกไม้โบกมือให้ผมอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งใต้ตึกคณะ เห็นท่าทางแบบนี้ที่ไรก็อดจะยกยิ้มตามไม่ได้ ผมยกมือขึ้นทักตอบให้รู้ว่าผมเห็นเจ้าตัวแล้ว แต่มือยังไม่ทันลดลงรอยยิ้มบนริมฝีปากก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นมือใครบางคนจับหน้าของคินให้หันไปมองตัวเอง

“พี่ฟังผมอยู่หรือเปล่า”

“สกปรก มึงแม่งจับไก่แล้วมาจับหน้ากู” คินปัดมืออีกฝ่ายออก พูดด้วยน้ำเสียงรังเกียจ

“เพราะมือสกปรกไงผมถึงต้องจับ” คนพูดยกยิ้มกวน

“เด็กเวร เห็นหน้ากูเป็นผ้าเช็ดมือหรือไงวะ”

“ใช้แทนกันได้น่า” มือที่เพิ่งถูกปัดทิ้งยื่นเข้ามาหาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่โดนใบหน้าของคิน เพราะผมดึงไหล่ของคินให้เอนออกห่าง สายตาที่มองคินจึงเลื่อนสูงขึ้นจนสบตาเข้ากับผม ผมเห็นอาการชะงักเพียงเล็กน้อย ก่อนใบหน้านั้นจะปรากฎรอยยิ้มขึ้น

“สวัสดีครับ”

“สวัสดี” ผมทักทายตอบก่อนเลื่อนสายตาลงมองคิน

“ไปเลยไหม”

“นั่งรอก่อน ปายยังไม่ลงมาเลย” คินตบมือลงข้างตัวด้านที่ว่างอยู่ เรียกให้ผมนั่งลง

“ขยับไป”

“หือ?”

ผมไม่ตอบ เพียงแค่ผลักไหล่คินเบาๆ ให้รู้ว่าต้องเลื่อนไปทางไหน เมื่อมีที่ว่างมากพอผมจึงนั่งลงตรงกลางระหว่างคินและเด็กที่ชื่อต่อ

ร่องรอยไม่พอใจผ่านแววตาใครบางคนก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าและท่าทางกลับมาเป็นปกติดังเช่นก่อนหน้า ชะโงกศีรษะผ่านผมไปคุยกับคินโดยตรง

“พี่คินจะกลับเลยเหรอ ไหนสัญญากับผมว่าวันศุกร์จะไปดื่มด้วยกันไง”

“อ้าว กูพูดเหรอ” ดูเหมือนคินจะลืมไปแล้ว

“ไม่ใช่แค่พูด พี่สัญญากับผมแล้วด้วย”

ผมยกยิ้มมุมปากเมื่อฟังบทสนาที่เกิดขึ้น

“กูลืมว่ะ โทษที”

“เสียใจครับผมไม่รับคำขอโทษ ยังไงก็ต้องไปด้วยกันเพราะผมจองโต๊ะไว้แล้วด้วย”

“เหรอวะ” คินทำสีหน้าลำบากใจ ก่อนเบือนสายตามามองผม คล้ายต้องการถามว่าเอายังไงดี

“ไปสิ วันนี้ไม่มีอะไรอยู่แล้ว” ผมเลือกที่จะตอบตกลง

“มึงจะกลับไปดูแข่งรถไม่ใช่เหรอ”

“ไม่เป็นไร ผมไม่ได้อยากดูขนาดนั้น”

“งั้นเดี๋ยวรอปายลงมาก่อน ถ้าปายไปก็ไป” คินได้ข้อสรุปในที่สุด

เพียงไม่นานปายก็เดินลงมา เมื่อผ่านการสอบถามแล้วก็ได้คำตอบว่าไม่ติดอะไร สามารถไปด้วยได้ จากเดิมที่คิดจะตรงกลับบ้านก็เปลี่ยนไปร้านเหล้าแทน

• • • • •

ร้านเหล้าตั้งอยู่ไกลมหา’ ลัยพอสมควร เมื่อเดินทางมาถึงก็เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว

เราเลือกนั่งโต๊ะติดกระจกเพื่อความเป็นส่วนตัว คินนั่งด้านข้างผม ฝั่งตรงข้ามของคินคือปาย ด้านข้างปายหรือก็คือตรงหน้าผมเป็นที่นั่งของต่อ มีปิ๊กเพื่อนของต่อและเป็นรุ่นน้องของพวกผมนั่งอยู่หัวโต๊ะ

“พี่คินส่งแก้วมา”

“ขอบใจ” คินยื่นแก้วเหล้าที่พร่องจนเกือบหมดแล้วไปตรงหน้าเด็กที่ชื่อต่อ ซึ่งก็คือตรงหน้าผมด้วย มือที่ยื่นมารับไม่ได้จับเพียงแค่แก้วเท่านั้นแต่จับมือของคินแบบเต็มมือ ไม่ว่าจะบังเอิญหรือตั้งใจ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ทำให้ริมฝีปากของเด็กหนุ่มตรงหน้าผมยกยิ้มแบบที่รู้ความหมายอยู่ผู้เดียว ดูเหมือนว่าสิ่งที่ผมคิดจะถูกต้องแล้ว



หลังจากผ่านไปครึ่งคืน คินก็ยิ่งเฮฮามากขึ้นตามปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป รวมถึงเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้นด้วย

“เดี๋ยวกูมา” คิมบอกผมก่อนลุกขึ้นยืน

“ผมไปด้วย ปวดเหมือนกัน” ปิ๊กลุกขึ้นและเดินตามคินไปเข้าห้องน้ำ

ผมเคาะนิ้วลงบนโต๊ะช้าๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่ปลายนิ้ว โต๊ะที่เมื่อครู่ยังมีเสียงพูดคุยเฮฮาตอนนี้กลับเงียบสงบ เหลือเพียงเสียงเคาะนิ้วของผมเท่านั้น

ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับปาย อย่างที่ผมเคยบอกเสมอ ปายเป็นเพื่อนที่ดีและเป็นเพื่อนที่ฉลาดมาก

“เดี๋ยวกูมา” ปายลุกขึ้นยืนโดยไม่บอกว่าจะไปไหน เพียงแค่ลุกออกจากโต๊ะไปเงียบๆ เท่านั้น

ผมเบือนสายตาจากแผ่นหลังของปายกลับมายังคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ดูเหมือนอีกฝ่ายจะมองผมอยู่ก่อนแล้ว

ผมเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ ริมฝีปากยกยิ้ม

“นายชอบคิน”

ผมเห็นอาการชะงักของอีกฝ่าย แต่ก็เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น

“ครับ” เสียงที่ตอบชัดเจน ดวงตาที่มองมาแม้ไม่ถึงกับท้าทายแต่ก็ใกล้เคียง

“หึ” ผมหัวเราะในลำคอ ริมฝีปากหยักยกขึ้น

“ผมฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ ได้ข่าวว่าพวกพี่สนิทกันมาก ยังไงก็ฝากเชียร์ผมด้วย”

คนตรงหน้าไม่มีท่าทางเกรงกลัว สีหน้าออกไปทางดื้อรั้นอยากเอาชนะมากกว่า

“ไม่ว่านายจะไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่ว่าคินมีแฟนแล้วได้” ผมพูดขึ้นอย่างใจเย็น

“มีด้วยเหรอครับ ผมรู้จักพี่คินมานานไม่เห็นรู้สึกเลยว่าพี่คินมีแฟน”

“นายไม่รู้สึกเพราะนายไม่ให้ความสำคัญกับแฟนของคิน”

สายตาที่มองมามีร่องรอยของความแปลกใจ เห็นชัดว่าคนตรงหน้ารู้ว่าผมกับคินเป็นอะไรกัน ถึงสงสัยว่าทำไมผมพูดประโยคนี้ออกมาได้หน้าตาเฉย และผมย่อมไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายสงสัยนาน

“ก็เหมือนกับที่คินไม่รู้ว่านายชอบ ทั้งที่รู้จักนายมานาน”

ดวงตาที่ฉาบด้วยความโกรธทำให้ผมพอใจ ดี อย่างน้อยก็ฉลาดพอที่จะเข้าใจความหมายในคำพูดของผม

“มั่นใจเหรอครับว่าเป็นอย่างนั้น ถึงตอนนี้ไม่รู้แต่ต่อไปผมอาจจะทำให้พี่คินรักก็ได้” น้ำเสียงที่พูดถือดี

“ลองดูสิ ฉันเองก็อยากให้นายลอง” รอยยิ้มเกียจคร้านปรากฏที่ริมฝีปาก “เพราะฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่านายจะเสียเวลาไปอีกเท่าไหร่กว่าจะรู้ตัว”

“มั่นใจมากไปก็ไม่ดีนะครับ ผมเห็นมาเยอะแล้ว” น้ำเสียงที่พูดยังคงความท้าทาย

“ผิดแล้ว” ผมส่ายหน้า นอกจากรอยยิ้มแล้วไม่มีอารมณ์อื่นใดบนใบหน้าแม้แต่ความโกรธหรือไม่พอใจ

“ฉันไม่ได้มั่นใจ แต่ฉันแน่ใจ”

“...”

“คุยอะไรกันอยู่วะทำไมทำหน้าแบบนั้น” คินเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับปิ๊กพอดี ทำให้บทสนทนาสิ้นสุดลง

“คุยเรื่อยเปื่อย” ผมตอบโดยไม่คิดจะลงรายละเอียดใดๆ

“ไอ้ปายล่ะ”

“ออกไปข้างนอก”

“โทรศัพท์เหรอ”

“ใช่” ปายเป็นคนตอบคำถามนี้เอง ดูเหมือนปายจะคอยมองอยู่แล้ว เมื่อเห็นคินมาแล้วจึงเดินกลับมาที่โต๊ะ

คินนั่งลงทีเดิม หันหน้ามาทางผมเมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้

“เออ เมื่อกี้ตอนกูไปเข้าห้องน้ำ จีนโทรมาบอกว่าโทรหามึงไม่ติด”

“ผมปิดเสียงไว้ ให้โทรกลับไหม”

“ไม่ต้อง พรุ่งนี้จีนจะเข้าไปที่บ้าน จะไปเอาอะไรสักอย่างนี่แหละ ชื่อภาษาอังกฤษกูจำไม่ได้”

“บอกไปหรือยังว่าให้เข้ามาได้ พวกเราไม่ได้ไปไหน”

“บอกแล้ว บอกให้หิ้วก๋วยเตี๋ยวแถวบ้านมาด้วย”

“เห็นแก่กิน” ผมจับศีรษะคินโยกเบาๆ

“เห็นแก่กินอะไร กูเห็นแก่มึงต่างหาก ร้านนั้นมึงชอบไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ จำได้ด้วยเหรอ” ผมส่งยิ้มให้คิน ถามทั้งๆ ที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว

“เรื่องของมึงทำไมกูจะจำไม่ได้วะ” คินพูดด้วยน้ำเสียงอวดตัว

“ขอบคุณ” ผมมองคินด้วยสายตาลึกซึ้ง ทำให้รอยยิ้มกวนของอีกฝ่ายเพิ่มความเขินอายขึ้นมา

“พวกมึงช่วยเลิกสวีทกันก่อนได้ไหม ไม่ได้มีแค่แฟนมานะเพื่อนกับรุ่นน้องก็มาด้วย” เสียงเบื่อหน่ายของปายดังขึ้น

“กูลืม” คินหันไปยักคิ้วให้ปาย สีหน้าไม่รู้สึกผิดแต่อย่างใด

ผมยกยิ้มมุมปาก สบตากับคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม น่าเสียดายที่หมอนี่ไม่เข้าใจคำว่า ‘แน่ใจ’ ของผม

จะพยายามหาหนทางเอาชนะใจคินไปทำไม ในเมื่อผมไม่มีวันปล่อยให้มันได้เกิดขึ้น

ของรักของหวงที่สำคัญที่สุด ผมจะปล่อยให้ใครมาแย่งชิงไปได้อย่างไร

ไม่มีวัน

• • • • •

“กูเพิ่งสังเกตว่าพักนี้ไม่เห็นไอ้ต่อเลย” คินพูดขึ้นระหว่างนั่งรอปายอยู่ที่ใต้ตึกคณะ

“อาจจะเรียนหนัก” ผมตอบด้วยเหตุผลที่พอเป็นไปได้ แม้จะรู้ว่ามันไม่ใช่ก็ตาม หลังจากคืนนั้นอีกฝ่ายยังใช้ความพยายามอยู่อีกพักใหญ่ แต่มีหรือผมจะปล่อยให้มันเกิดขึ้น ในที่สุดก็ยอมแพ้และลามือไป

“สงสัยจะเป็นแบบนั้น” คินตอบสั้นๆ และเลิกใส่ใจ คล้ายเพิ่งนึกได้ก็พูดขึ้นมาเท่านั้น

ผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้ คินก็ยังเป็นคินที่สมองช้าเรื่องความรักอยู่ดี ไม่เคยรู้เลยว่ามีใครมาชอบพอตัวเอง และไม่เคยรู้เลยว่าผมทำอะไรลงไปบ้างเพื่อปกป้องของรักของหวงของตัวเอง แต่..

เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว

“คิน” ผมเรียกให้อีกฝ่ายหันมา

“อะไรวะ”

“รู้ตัวไหมว่าคุณเป็นของรักของหวงที่สุดของผม”

คินมองผมนิ่ง ดูเหมือนกำลังตกใจที่ผมพูดจาซึ้งขึ้นมา แต่เพียงครู่เดียวสายตากลับมีความลังเลไม่แน่ใจปรากฎขึ้น

“มึง..มึงพูดจริงเหรอวะ”

“จริงสิ” ผมให้คำยืนยัน เพราะอยากให้คินรู้ว่าตนเองสำคัญกับผมมากแค่ไหน

“ดี” คินอุทานด้วยน้ำเสียงดีใจ ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ

“ถ้ามึงไม่ได้หวงนาฬิกาที่สุด งั้นพรุ่งนี้กูยืมใส่นะ”

“...”

“ไม่ได้เหรอวะ” คินเลิกคิ้วขึ้น สีหน้ามีความเสียดาย

“ได้สิ ตกลง” ผมอดหัวเราะไม่ได้จริงๆ ได้แต่จับศีรษะคินโยกไปมา

บอกแล้วว่า..คินที่เป็นแบบนี้ดีที่สุด















ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
แหม ถึงเวลาป๋าคุม

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ขำคิน ความรู้สึกช้า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด