+++ หล่อแค่ไหนก็ไม่รัก +++ Update ตอนที่ 19 ตอนจบ (22-02-19)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: +++ หล่อแค่ไหนก็ไม่รัก +++ Update ตอนที่ 19 ตอนจบ (22-02-19)  (อ่าน 46408 ครั้ง)

ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0
ตอนที่แล้วมันสั้นไป มาต่อให้อีกตอนนะครับ
ตอนนี้ก็เกินครึ่งเรื่องมาละ ขอกำลังใจด้วยนะครับ
ช่วยคอมเมนท์ แนะนำ หรือบอกต่อทีนะ
 :L2:

+++

‘ไอติม’
มกราคม



“เออ ติม น้องเฟมจะมาหามึงอีกเมื่อไหร่วะ”

นั่นไง ผมนึกไว้แล้วว่าภายในวันสองวันนี้ ไอ้ตี้ มันจะต้องถามผมเรื่องนี้แน่ๆ มันทำเป็นคีพคูลได้ไม่กี่วันหรอก เชื่อดิ อาการออกซะขนาดนี้ ถึงกับชวนพวกยัยป๋อมไปวิ่งออกกำลังกาย ตัดเผ้าตัดผมเตรียมต้อนรับผู้ชาย ซื้อเสื้อผ้าใหม่ แล้วยังมาทำเป็นปากแข็ง แบบนี้ต้องกวนตีนซะให้เข็ด

“ถามทำไม เกี่ยวอะไรกับมึง”
ได้ผล มันหันมามองแบบ สายตาพร้อมบวก
 “กูไม่ถามก็ได้ ไอ้สัด”
“อะแน่ะ งอน มึงอยากรู้ละสิว่าน้องวินจะมาดัวยไหม เอางี้ เดี๋ยวกูให้เฟมชวน บอกว่ามึงคิดถึงละกัน”
“นี่มึงกวนตีนเหรอ”
“แล้วมึงอะ ซึนเหรอ”
ผมยักคิ้วให้ ส่วนมันกลอกตาใส่อย่างเหลืออด
“ใจเย็นเพื่อน วันศุกร์ก็ได้เจอแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะได้เจอไอ้วินของมึงหรือเปล่านะ”

คราวนี้ถอนหายใจแล้วมองแรง ผมชอบแกล้งไอ้ตี้ก็เพราะงี้ จริงๆ แล้วมันน่ารักมากเลยนะ ยิ่งเวลาทำหน้าทำตาตอนโดนแกล้งนี่ ไม่รู้ว่ามันโง่จริงหรือแกล้งไม่รู้ว่าตัวเองไม่ได้แย่อย่างที่มันชอบบ่นเลยเหอะ

แต่ยังไงก็น่ารักสู้แฟนผมไม่ได้อยู่ดี เรียกว่าเทียบกันไม่ได้ดีกว่า

งื้อ คิดถึงๆ

คิดถึงแก้มนิ่มๆ กับตัวบางๆ หอมๆ แต่เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้ว นี่ก็เดือนนึงพอดีหลังจากทริป กทม. อยากรีบเรียนรีบจบโว้ย จะได้ย้ายไปหางานทำที่โน่น จะได้อยู่ด้วยกันตลอดๆ ไม่ต้องคิดถึงมากๆๆๆๆๆๆๆ แบบนี้

จริงๆ อยากจะคอลไลน์ไปหาตอนนี้เลย แต่รู้ว่าเฟมตั้งใจเรียน และเรียนหนักมาก ผมเลยไม่อยากกวน นี่ก็อีกอย่างหนึ่ง ผมรู้สึกเหมือนถูกหวยเลยอะ ที่อยู่ๆ ก็ได้คิวท์บอยตัวท็อปขนาดนี้มาเป็นแฟน ทั้งที่อยู่กันคนละฝั่งของประเทศ สติปัญญาก็คนละระดับแท้ๆ แล้วเฟมก็เป็นคนเริ่มจีบผมก่อนด้วยนะ แค่นึกถึงยังโคตรรู้สึกดีเลย

มันเป็นบ่ายวันหนึ่งของหน้าร้อน เดือนเมษายนปีที่แล้ว จำได้ว่าผมกำลังปั่นการบ้านวิชาการแปลอย่างสุดพลัง จู่ๆ ก็มีแจ้งเตือนไอจีดังรัวๆ

ที่จริงจะบอกว่าผิดปกติก็ไม่น่าใช่ เพราะถ้าผมโพสต์รูปใหม่ๆ ลงไปเมื่อไหร่มันก็เด้งรัวๆ เพลินๆ แบบนี้แหละ แต่ตอนนั้นผมดันจำได้ว่า ครั้งสุดท้ายที่โพสต์รุปในไอจีคือสองวันก่อน แล้วจู่ๆ ตอนนี้มันจะมาเด้งมารัวๆ ได้ยังไง ผมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูด้วยความหงุดหงิด ก็อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนเข้ามากดติดตามแล้วไลค์รูปรัวๆ เป็นสิบๆ รูป เพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่หนนี้ผมถึงกับทิ้งการบ้านเอาไว้ทำทีหลัง เพราะเจ้าของไอจีที่เข้ามากดรัวกวนใจกวนการบ้าน คือคิวท์บอยมหาลัยดังที่ผมแอบตามส่องอยู่นั่นเอง

“เชี่ย เขาไลค์รูปกู”
“ชอบกูเหรอวะ”
“เขาชอบกูถูกมะ”

ผมตะโกนเป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนในเดียวในหอพัก ก่อนจะรีบ dm ไปหา กลัวว่าเขาไปทำอย่างอื่นก่อน แล้วจะไม่ได้คุย

‘เอ่อ ใจเย็นนะ ที่กดหัวใจรัวๆ มานี่ ชอบรูปหรืออะไรครับ’
‘อ่า ขอโทษด้วยครับ มันเยอะไปเหรอ’
‘เยอะดิ ทำแบบนี้ เดี๋ยวผมไปกดหัวใจรัวๆ คืนมั่ง โดนแฟนตีไม่รู้ด้วยนะ’
‘ตามสบายเลยครับ เราไม่มีแฟน 555’
‘สาธุ ถ้าโกหกขอให้เลิกแฟนจริงๆ เด้อ’
‘จริงๆ สาบาน ฮือๆ เราขอโทษด้วยครับ ลืมคิดไปเลยว่าแฟนไอติมอาจจะว่าเอาได้’
‘ยังๆ ยังไม่มีเหมือนกันครับ แล้วนี่ รู้จักชื่อผมด้วยเหรอ’
‘ชื่อในไอจีไง ชื่อไอติมถูกปะครับ’
‘โห ดีใจจังที่น้องเฟมคิวท์บอยรู้จักชื่อผมด้วย’
‘ไม่เอา ห้ามเรียกคิวท์บอย เราเขิน ละอายแก่ใจ ไม่ได้หล่อขนาดนั้น 555’
‘หืม นี่ยังไม่เรียกหล่ออีกอ่อ งั้นให้เรียกอะไรดีอะ’
‘เรียกที่รักได้ไหมอะ ล้อเล่นนะ 555’
‘เหย ผมเรียกไปแล้วเหอะ เรียกในใจตั้งหลายทีแน่ะ’
‘อ่า ไอติม ชอบผู้ชายเหรอ’
‘ถามงี้เลยอ่อ 555’
‘อืม ถ้าใช่เราจะได้จีบ จีบได้ใช่ปะ’
‘ให้ผมจีบเฟมดีกว่าครับ’

ผมงี้ หน้าแดง สติหลุด ฟินไปนอกโลกโน่นแล้ว อยู่ดีๆ ก็ถูกตัวท็อประดับประเทศ dm มาขอจีบ แถมตอนนั้นไม่ได้คิดเอะใจอะไรด้วยว่า เจ้าของไอจีจะเป็นเฟมจริงๆ หรือเป็นแอคเคาท์ปลอม คือสมองมันเชื่อไปหมดแล้วไง โชคดีที่แอคเคาท์นี้เป็นของเฟมจริงๆ ไม่โดนปล้นโดนหลอก ไม่อย่างนั้น ตอนนี้นี่อาจจะเป็นหนังคนละม้วนกันไปแล้วก็ได้

แม่ง โคตรโชคดีอะ

จากนั้นก็อย่างที่ทุกคนพอจะนึกออกนั่นแหละครับ เราก็คุยกันมาเรื่อยๆ ยิ่งช่วงแรกๆ นี่ แทบจะตลอดเวลาที่ว่างเลย คือหัวปักหัวปำมาก ถึงขนาดที่ว่าต่อให้เป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เฟมปลอมแอคเคาท์มาหลอก ถ้าหน้าไม่แย่มากจนเกินรับ ผมก็ยังจะชอบอยู่ดี ไปขั้นนั้นเลย มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากจริงๆ นะ ไอ้การตกหลุมรักเนี่ย ยิ่งเป็นหลุมที่มีคนสองคนตกลงไปพร้อมๆ กันด้วยแล้ว

กลายเป็นว่า ปัญหาที่ใหญ่ที่สุด ไม่ใช่เรื่องที่ว่าเป็นเฟมจริงๆ ไหม เฟมชอบผมจริงๆ หรือแค่เจ้าชู้ หรือเป็นคนเหลวไหลจีบใครๆ ไปทั่วหรือเปล่า แต่ดันมาในรูปแบบของ เพื่อนสนิทที่สุดของเฟมที่ชื่อ วิน

ผมไม่ใจว่าไอ้เด็กนี่มันเป็นชายแท้ เกย์ หรือว่าไบแบบผม แต่เฟมเล่าว่ามันเองก็เพิ่งจะอกหักจากสาว เลยเบาใจไปเปราะหนึ่งว่ามันคงจะไม่ได้มีอะไรหรือคิดอะไรกับคนที่ผมชอบ แต่ถึงอย่างนั้น ผมเองก็ยังรู้สึกอึดอัดและไม่ชอบใจอยู่ดี ที่เฟมมีเพื่อนผู้ชายที่สนิทกว่า คุยกันเยอะกว่า แถมยังแชร์คอนโดอยู่ด้วยกันอีก แน่นอนครับว่าแว่บนึงในสมอง ผมคิดสงสัยไปแล้วว่า สองคนนี้อาจจะไม่ใช่แค่เพื่อนอย่างที่พูด

แต่ผมอยากจะเป็นคนที่มีเหตุผลมากกว่า เพราะถึงยังไง ตอนนี้ผมกับเฟมก็ได้ชื่อว่าเป็นแฟนกัน ไม่ใช่แค่เพื่อนหรือคนคุย แม้ว่าอะไรๆ มันจะยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็เถอะ

ผมไม่ได้มีแผนจะจับคู่ไอ้วินกับไอ้ตี้ เพื่อแยกแฟนผมออกจากเพื่อน อย่างที่ไอ้ตี้มันเข้าใจ แต่ผมก็ไม่ปฏิเสธว่าถ้าทำได้จริง มันก็จะเยี่ยมมาก แฮปปี้กันทุกคนทุกฝ่าย ถูกมะ

หลังจากคุยเปิดกล้องกันได้ประมาณสองเกือบสามเดือน ผมกับเฟมก็ตกลงที่จะมาเจอตัวกันจริงๆ โดยเฟมอาสาเป็นฝ่ายมาหาผมถึงที่เชียงใหม่ การเจอกันในครั้งนี้ยิ่งทำให้ผมแน่ใจยิ่งขึ้นว่าเฟมชอบผมจริงๆ เผลอๆ จะมากกว่าที่ผมเป็นฝ่ายชอบเขาซะอีก เช่น ตอนที่เขาขอกอดผมแทบจะทันที ที่ได้เราได้อยู่กันตามลำพัง

ใช่ครับ ตามลำพัง มันจะเป็นการอยู่ด้วยกันครั้งแรกที่ยอดเยี่ยมมากเลย ถ้าไม่มีเพื่อนสนิทของเฟมติดสอยห้อยตามมาด้วย จริงๆ ผมก็ไม่ได้รังเกียจเพื่อนแฟนหรอกครับ น้องมันก็ดี ไม่ได้มีท่าทีดูถูกดูแคลนอย่างที่ไอ้ตี้ว่า แต่มันก็ดีกว่าปะ ถ้าผมกับเฟมจะได้ใช้เวลาด้วยกันแบบเต็มๆ

ทีแรกจะให้ไอ้ตี้มาช่วยเอนเตอร์เทนน้อง ซึ่งผมรู้ว่ามันเต็มใจแหละ เพราะไอ้เด็กห่านี่ก็หล่อมาก หน้าเกาหลี หุ่นนายแบบ สเป็คเพื่อนผมเลย แต่กลายมาเป็นมีเรื่องกันไปซะนี่ ผมเลยจำเป็นที่จะต้องคุยกับเฟมตรงๆ

“วินมันหล่อมากเลยนะ อยู่ด้วยกัน เฟมไม่หวั่นไหวบ้างเหรอ”

ผมแกล้งถามหลังจากที่กลับมาค้างด้วยกันที่ห้องผม

“ทำไม พี่ติมหึงผมเหรอ”
เฟมหรี่ตา ยิ้มเจ้าเล่ห์
“เปล่าครับ ก็แค่ถามดู ถ้าไม่มีอะไรพี่ก็โล่งใจ เพราะถ้าให้แข่งกันยังไงพี่ก็แพ้ปะ”
“โห ดูพูดเข้า ไม่เอา ไม่น้อยใจดิ”

ว่าแล้วก็เข้ามาขอกอด เอาหน้ามาซุกไซร้ ทำเสียงอ้อน จนความเป็นชายของผมถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง

“วินมันไม่ชอบผมหรอก มันชอบผู้หญิง แล้วอีกอย่าง” น้องเอามือมาประคองใบหน้าผมแล้วระดมจูบ “แฟนผมน่ารักกว่า น่ากินกว่า แล้วก็แซ่บกว่าเยอะ”

นั่นแหละครับ ของจริง ไม่พูดเยอะ เจ็บ ค.

อีกอย่าง ผมเชื่อใจเฟมมากเลย ว่าเขาจะไม่มีมีทางโกหกผม เราสองคนคุยกันตั้งแต่ตอนเริ่มจีบกันแล้วว่า ถ้ารู้สึกว่าไม่ใช่ หรืออะไรๆ มันไม่เหมือนเดิม เราจะต้องบอกกันอย่างตรงไปตรงมา

ถึงแม้ว่าช่วงนี้เราจะไม่ค่อยได้คุยกันบ่อยเหมือนแต่ก่อนก็เถอะนะ

แปลกตรงไหนละ มันผ่านช่วงโปรมาสักพักแล้ว แล้วน้องก็ยุ่งมาก กลับมาจากทริปปีใหม่ก็เปิดเทอมเลยทันที มีบางวิชาที่เรียนไม่ทันเพื่อนไปตั้งหลายวัน แค่คิดยังเหนื่อยแทนเลย จะให้ว่างมาคุยไร้สาระกันตลอดมันก็ไม่ใช่ปะ

เนี่ย รากฐานของความรักคือความเข้าอกเข้าใจเว้ย ยังไงซะวันศุกร์นี้ก็จะได้เจอกันแล้ว

คุยกันน้อยลงหน่อย มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรหรอก\

หวังว่านะ

+++

ผมขับรถไปรับเฟมกับวินที่สนามบินเหมือนครั้งก่อนๆ กับไอ้เด็กวิน เราคุ้นเคยกันมากขึ้น ส่วนกับเฟม ผมรู้สึกว่าเขาคือคนรัก คือครอบครัวจริงๆ ของผมไปแล้วตอนนี้

ผมยื่นแขนบีบไปแก้มเฟมด้วยความคิดถึง เฟมเพียงแต่ยิ้มอ่อนๆ ดูท่าทางเหนื่อยๆ เทอมนี้เฟมมีเรียนวันศุกร์เกือบทั้งวัน ไหนจะกิจกรรมคณะอีก แล้วยังต้องรีบมาขึ้นเครื่องให้ทัน

“ถ้าเฟมเหนื่อย ก็ไม่ต้องมาก็ได้นะ พี่ไม่งอนหรอก เอาจริงๆ”
“ไม่ได้ดิ ซื้อตั๋วไว้แล้ว แพลนกันไว้แล้ว อีกอย่าง ถ้าไม่มาคราวนี้ จะได้มาอีกทีตอนไหนไม่รู้”

ผมหันไปมองเฟม เพราะไม่เข้าใจ

“คือ เฟมมีซ้อมหลีดอะ ทุกเสาร์ อาทิตย์ ตารางออกมาแล้ว”
“ก็เดี๋ยวพี่ไปหาเฟมเองไง”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”

ผมขยี้หัวเด็กน่ารักที่นั่งข้างๆ อย่างหมั่นเขี้ยว แล้วหันมองกระจก เพื่อทักทายกับไอ้เด็กวินที่นั่งอยู่เบาะหลัง

“วินอะ ไปเที่ยวสวิสกันมาเป็นไงมั่ง สนุกไหม”
“ก็ดีครับ อากาศหนาวดี ผมแค่แวะไปเจอเฟมแค่สองวันเองครับ เพราะไปกับที่บ้านเหมือนกัน”
“หนาวเท่าเชียงใหม่ตอนนี้เปล่า” ผมแกล้งแซว “มีคนเค้าถามหาอยู่นะ”
“ไม่มีหรอกครับ”

โอเค ไม่มีก็ไม่มี เรื่องของมึง

เราแวะทานมื้อค่ำกันในร้านอาหารฟิวชั่นงงๆ แถวนิมมาน (โทรชวนไอ้ตี้แล้ว แต่มันไม่ไป) นั่งกินดื่มคุยได้สักพักก็จวนเวลาที่ต้องไปเช็คอินก่อนเคาน์เตอร์โรงแรมจะปิด เฟมจองห้องในโรงแรมสี่ดาวเปิดใหม่ ซึ่งอยู่ใกล้ที่พักของผมมากกว่าเดิมให้กับเพื่อน ส่วนตัวเองก็แน่นอนว่าต้องมาค้างกับผมอยู่แล้ว เพราะถึงห้องผมจะไม่ใหญ่ แต่อย่างอื่นผมใหญ่

ผมจู่โจมเฟมทันทีที่เรามาถึงที่ห้อง ซึ่งน้องก็ยอมให้ผมทำมิดิมิร้ายแต่โดยดี ไม่มีขัดขืน นัวเนียกันอยู่พักใหญ่จนผมทนไม่ไหว อยากจะเอาเข้าข้างในแล้ว ปกติมาถึงขั้นนี้เฟมจะไม่ค่อยยอมให้ทำเท่าไหร่นัก เพราะขนาดของผมทำให้น้องเจ็บมากกว่าเสียว แต่คราวนี้กลับตกลงอย่างว่าง่าย ถึงจะค่อยๆ ทำ ค่อยๆ ขยับๆ และน้องน้ำตาไหลพรากๆ แต่ก็ไม่ยอมให้ผมเอาออก

“เฟมไหวแน่นะ”
“ไหวครับ เฟมอยากทำ”
“งั้นพี่จะพยายามเบาๆ ละกัน แต่ถ้าเฟมเจ็บต้องบอกพี่นะ”
“ครับพี่ติม” น้องน้ำตาไหลอีก “เฟมรักพี่ติมนะ”
“พี่ติมก็รักเฟมครับ”

เฟมทั้งแน่นและรัดเหมือนทุกครั้ง จนในที่สุดเราก็ถึงจุดหมาย ผมปล่อยข้างใน ในขณะที่ริมฝีปากของเราทั้งคู่ยังคงประกบกันอยู่  ส่วนเฟม ผมก็รู้สึกถึงน้องที่ปล่อยกระฉูดมาโดนหน้าท้องผมไปพร้อมๆ กัน ผมกอดเขาไว้แน่น เช่นเดียวกับที่น้องก็กอดผมเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“ขอบคุณนะเฟม ที่ยอมลองทำไปด้วยกัน แต่ถ้าเฟมยังเจ็บ คราวหน้า เราไม่ต้องทำก็ได้นะ”

เฟมทำหน้ายู่ แล้วกอดผมแน่นกว่าเดิม

“ไม่เป็นไรหรอกครับ”
“แน่ใจนะ ว่ารับไหว” ผมขยี้หัวเขา แล้วยิ้มให้กับความไม่เดียงสา “ก็บอกแล้วว่าของพี่ติมอะ ใหญ่”
“พี่ติมครับ”
“หืม”

เฟมก้มหน้าไม่ยอมสบตาผม นานหลายนาทีก่อนที่น้องจะค่อยๆ พูดออกมาด้วยเสียงเบา เหมือนกล้าๆ กลัวๆ

“พี่ติมลืมเฟมไปเถอะนะครับ”

!?!

ผมที่กำลังยิ้มมีความสุขจากความสัมพันธ์ทางกายอันลึกซึ้งที่เพิ่งเกิดขึ้นอยู่ดีๆ พอได้ยินประโยคนั้น มีอันต้องช็อคตัวแข็ง!
สมัยเด็กผมเคยปีนเล่นต้นฝรั่งขี้นกหน้าบ้าน แล้วเหยียบกิ่งอ่อนหักตกลงหัวกระแทกพื้น ยังดีที่บริเวณนั้นเป็นดินอ่อนนุ่มปูหญ้าแพรกสิงโปร์ แรงกระแทกเลยไม่ค่อยรุนแรง แต่ถึงกระนั้น ก็ทำเอาภาพตัด หัวโน และได้ยินเสียงวิ้งๆ อยู่ในหูเป็นอาทิตย์

อาการดังกล่าวกำลังเกิดขึ้นกับผมอีกครั้งในตอนนี้

ผมพยายามผลักเฟมออกจากตัว เพราะอยากมองหน้าเขาเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองฟังไม่ผิด แต่เขากำลังขัดขืน และกอดผมไว้แน่นกว่าเดิม ตัวเริ่มสั่นและร้องไห้

เดี๋ยว กูไหม ที่ต้องเป็นฝ่ายเสียใจฟูมฟาย

“อะไรของเฟมเนี่ย ล้อเล่นกันใช่ไหม”
“เฟมขอโทษครับพี่ติม”
“เดี๋ยวก่อนเฟม พี่ไม่เข้าใจ คืออะไรเนี่ย เฟมเป็นอะไร”
“เฟมขอโทษ”

ผมยอมรับว่าไม่ได้เตรียมใจว่ามันจะจบเร็วขนาดนี้ แต่ครับ มันคือเรื่องจริง

+++

“เฟมชอบพี่ติมจริงๆ นะครับ แต่เฟมเหนื่อย”


“เหนื่อย” ผมทวนคำพูดของน้อง “เหนื่อยอะไรเฟม เรายังไม่เคยทะเลาะกันสักครั้งเดียว พี่ไม่เคยนอกใจเฟม เฟมก็ไม่เคยนอกใจ….”
“เฟมเองพี่” เฟมพูดสวนขึ้นมา “เฟมนอกใจพี่ติม เฟมไม่อยากโกหกพี่ติม ไม่อยากทำร้ายพี่ติมอีกแล้วครับ”

ผมนิ่งไปประมาณสิบวิได้

“แล้วถ้าพี่บอกว่าพี่รับได้อะ”
“เราก็ต้องเลิกกันอยู่ดีครับ เราไปกันไม่รอดหรอก เอาจริงๆ เฟมไม่อยากทำให้พี่ติมเสียใจไปกว่านี้ เฟมขอโทษจริงๆ”

ผมมองหน้าหล่อๆ ที่กำลังหันไปทางอื่นไม่ยอมสบตา

“คลิเช่ว่ะเฟม ถ้าจะบอกว่าพี่ดีไม่พอจะเป็นแฟนเฟม เฟมก็พูดออกมาเลย แค่นั้น”

เฟมส่ายหน้าแล้วร้องไห้

“แล้วจะร้องไห้ทำไม เออ เลิกก็เลิก เฟมอยากเลิกพี่ก็จะเลิกให้ พี่เข้าใจว่าที่ผ่านมาเราก็แค่สนุกๆ แก้เหงา”
“พี่ติม มันไม่ใช่แบบนั้นนะครับ”
“พอเหอะเฟม พี่เข้าใจแล้วว่าเฟมอยากเลิก มันไม่ต้องมีเหตุผลอะไรหรอก ถึงพี่จะไม่ฉลาดเท่าเฟมหรือเพื่อนเฟม แต่พี่รู้ว่าไม่รู้สึกก็คือไม่รู้สึก ไปล้างตัวใส่เสื้อผ้าซะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

ผมบอกแล้วหยิบเสื้อกับกางเกงขึ้นมาสวมแบบลวกๆ

แม่งโคตรเกลียดเลย คนที่ใช้น้ำตาเพื่อให้ตัวเองดูน่าสงสารเนี่ย จริงๆ แล้ว ถ้าจะมาเพื่อจะบอกเลิกกันแค่นี้ แค่ส่งข้อความมาก็ได้ สมัยนี้ใครๆ เขาก็ทำกัน นี่ยังอุตส่าห์ดั้นด้นมา ยอมเหนื่อย ยอมเจ็บ ยอมโกหกว่ารัก เอาตัวเข้าแลกเพราะหวังว่าผมจะรู้สึกโอเคมากขึ้น แต่ไม่เลย ผมรู้สึกว่านี่มันคือการดูถูก เขาคิดแค่ว่าผมอยากได้ตัวเขา แล้วพอผมได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ก็จะยอมปล่อยไปง่ายๆ

ถ้าคิดว่าผมเป็นคนแบบนั้นละก็ เราก็ไม่เหมาะสมกันจริงๆ นั่นแหละครับ


เฟมพยายามจะพูดอะไรอยู่หลายครั้ง ระหว่างทางจากคอนโดของผมถึงโรงแรม แต่ผมแสดงทีท่าไม่อยากรับฟังอย่างชัดเจน จนเขาไม่กล้าที่พูดต่อและเอาแต่ร้องไห้

‘เออ มึงร้องเลย มึงสมควรต้องร้องแล้ว’ ผมคิดในใจ

ยิ่งเฟมร้องออกมาเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นเท่านั้น พอมาถึงถนนหน้าโรงแรม เฟมทำท่าเหมือนไม่อยากจะลงจากรถ จนผมรำคาญต้องเอื้อมมือไปปลดเบลท์และประตูให้ จะได้จบๆ ซีนดาราม่าห่าเหวนี่ซะที

“เฟมขอกอดพี่ติมเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหมครับ”

น้องพูดด้วยเสียงเบาปนสะอื้นจนผมรู้สึกเจ็บจุก น้ำตารื้น

“ถึงแล้ว”
“พี่ติม”
“เพื่ออะไร เพื่อความสะมใจเหรอ จะเอาให้เห็นน้ำตาพี่ให้ได้ใช่ไหม ทำไมเฟมใจร้ายอย่างงี้วะ พี่เคยไปทำอะไรให้เฟมเกลียดเหรอ”
“ไม่ครับ เฟมผิดเองครับพี่ติม เฟมมันเลวเอง เฟมขอโทษ”
“ลงไปได้แล้วไป ถ้าคิดจะใจร้าย ก็ไม่ต้องเหลือความสงสารให้พี่ แล้วก็อย่าขอโทษพร่ำเพรื่อ เพราะมันจะทำให้ทุกคำที่ออกมาจากปากเรา ฟังดูไม่มีค่า”

ด่าขนาดนี้ ไม่เจ็บให้มันรู้ไป

ผมเปิดประตูฝั่งคนขับแล้วเดินอ้อมไปอีกฝั่ง ดึงตัวเฟมที่กำลังร้องไห้ออกจากรถ ปิดประตู กลับเข้าไปอยู่หลังพวงมาลัย แล้วติดขับเครื่องออกไป โยบังคับตัวเองไม่ให้มองกระจกมองข้าง

แต่ถึงจะมองก็คงมองอะไรไม่เห็นหรอก เพราะน้ำตาที่ผมกลั้นเอาไว้ มันไหลท่วมบดบังทัศนียภาพและการมองเห็นของผมไปหมดแล้ว

เชี่ยเอ้ย

แม่ง

+++

ออฟไลน์ FanclubPong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เพิ่มปมเข้าไปอีก คืบหน้าแบบเนิบๆเนอะคู่ตี้กับวิน

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอาหล่ะสิ

สรุปแล้วเนี่ย  ฉันจะเชื่อคำพูดใครได้เนี่ย 

พอเจอเหตุการณ์นี้  เหมือนว่าคำพูดของเซนจะมีน้ำหนักขึ้นมาทันใด

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
เอ้า อะไรเนี่ย โอ๊ย อยู่ก็เข้าโหมดหน่วง งืมมมม  :mew5:

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ไอ้ตี้ก็ซึนโคตร ไอ้วินก็ชอบเพื่อนตัวเอง ไอ้ติมก็ดราม่าเรื่องเฟม อมก.วอทเดอะ  :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ LittlePrince

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
หน่วงๆแต่ก็ชอบ ชอบคนแบบตี้ วินยังไม่รู้ยังไงแน่ ตอนแรกไม่ชอบมาก ตอนนี้เริ่มเฉยๆ ส่วนเซนนั้นเสียดายมาก ชอบบุคลิกด้านสว่างของเซน

ส่วนอีกคู่นี่มาม่ากะทันหันมาก แต่เราชอบวิธีไอติมนะ หักดิบไปเลย ถ้ามีอะไรอยากพูดก็พูดมา ถ้าไม่พูดก็ไม่ต้องฟูมฟาย ไม่ใช่ไม่สงสารเฟมแต่ชอบความหักดิบนี้มากกว่า 555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-02-2019 06:55:04 โดย LittlePrince »

ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0

ขอดึงเข้าดราม่าหน่อยนะครับ
แต่รับรองว่ามีทางออกให้กับทุกตัวละครแน่นอน เพราะเขียนจบแล้ว
มาถึงตอนที่ 11 แล้ว (19 ตอนจบ) สั้นบ้างยาวบ้างสลับกันไปนะครับ
ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะครับ มันสำคัญมากเลย
ฝากนิยายเก่าด้วยนะครับ "หนุ่มโชคร้ายกับนายแชมป์ว่าว" ครับ
ตามไปอ่านที่ https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=5161.0
ขอบคุณครับ  :กอด1:
+++


11


‘เฟม’
ธันวาคม


มาเที่ยวกับป๊า ม๊า แล้วก็ พี่ฟิว ได้แปดวันแล้ว ไม่ค่อยอินกับช่วงเทศกาลหรือการเดินเที่ยวตลาดคริสต์มาสอย่างที่เคยจินตนาการเอาไว้เท่าไหร่ เอาจริงๆ ถ้าเลือกได้ปีนี้อยากอยู่เมืองไทยมากกว่า ได้ยินว่าที่เชียงใหม่ก็หนาวเหมือนกัน มันตั้งแต่เมื่อไหร่กันวะ ที่พ่อกับแม่เริ่มประเพณีหนีคนเยอะช่วงเทศกาลในเมืองไทย แล้วมาอัดเป็นปลากระป๋องอยู่บนรถไฟ เรือเฟอรี่ หรือกระเช้าลอยฟ้าขึ้นเขาร่วมกับนักเที่ยวชาติอื่นๆ ในยุโรปแบบนี้

แต่จะว่าไป ครอบครัวเราก็ไม่ใช่ครอบครัวแรก เพื่อนๆ ในคณะหลายคนก็หนีร้อนช่วงปิดเทอมมาอยู่ต่างประเทศกันทั้งนั้น ผมเองก็เคยตื่นเต้นไม่น้อยไปกว่าใครๆ

ถ้าได้อยู่กับพี่ไอติมในช่วงนี้ของปีก็คงจะดี

ความคิดแบบนี้ ขืนพูดหรือบอกใครไป คงโดนประณามว่าหลงผู้ชาย ไม่เห็นความสำคัญของบิดามารดาและครอบครัว แต่มันรู้สึกแบบนี้จริงๆ นี่นา ทำไงได้วะ แถมทริปนี้ก็นานเกินไปมะ เข้าใจว่าเพราะพี่ฟิวมาเรียนที่อังกฤษปีนี้พอดี พ่อกับแม่เลยอยากอยู่ด้วยนานๆ แต่กว่าจะได้กลับไทยอีกทีก็วันที่ 10 ปีหน้าโน่นเลย

พี่ไอติมจะทำอะไรอยู่นะ เมื่อวานเห็นบอกว่าพักอยู่สกีรีสอร์ทในฮอกไกโดใช่ไหม ตอนนี้จะบินต่อไปที่โตเกียวหรือยัง อยากจะวิดิโอคอลมากเลย แต่ต้องรอให้กลับถึงโรงแรมซะก่อนถึงมีไวไฟให้ใช้ได้ ที่ที่ผมอยู่ตอนนี้มีแต่ภูเขา หิมะ และทะเลสาบ ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง

เออใช่ ลองถามไอ้วินดูดีกว่า เผื่อโทรศัพท์มันจะมีสัญญาณเน็ต

“ไม่มีอะ ไว้รอถึงโรงแรมก่อนสิ”
“อืม”
“กูมีเรื่องจะคุยกับมึงด้วย”
“เรื่องไรวะ”
“ไว้ถึงโรงแรมก่อนละกัน”

อ้าว จะพูดก็ไม่พูดเลย สงสัยจะสำคัญหรือเป็นความลับที่ไม่สามารถเปิดเผยต่อธารกำนัลได้ ขนาดนั้นเลยมั้ง
จะว่าไป วันนี้ทั้งวันมันดูเครียดมากเลย เหมือนมีอะไรในใจ ไม่ดิ ต้องบอกว่าทั้งทริปนี่เลยต่างหาก

สงสัยจะมีเรื่องจริงๆ

+++

จนแล้วจนรอด ไอ้วินก็ไม่ปริปากซะที เอาแต่ทำหน้าเครียดจนผมรำคาญ หลังจากแยกย้ายกับพ่อแม่และพี่ฟิวหลังทานมื้อค่ำเสร็จ ผมเลยดึงตัวมันมาถามอย่างเหลืออด

“ไหนมึงบอกมีเรื่องจะคุยกับกูไง ไม่คุยกูจะนอนละนะเว้ย ง่วง พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปเจนีวาอีก”

มันดูไม่เป็นตัวของตัวเองตลอดมื้อค่ำ สงสัยว่าเรื่องที่มันจะพูดคงสำคัญจริงๆ ถึงได้ดูลังเลผิดปกติขนาดนี้

“พรุ่งนี้กูก็ต้องไปเจอพ่อแม่กูที่ซูริคแล้วเหมือนกัน”

อ่าใช่ พรุ่งนี้มันต้องไปแล้วนี่นา ลืมไปเลย

“งั้นกูพูดเลยละกันนะ”
“เอาดิ เรื่องไรวะ สำคัญมากเลยเหรอวะ”
“สำหรับกูน่ะใช่” มันหลบตาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “แต่สำหรับมึงกูไม่รู้”
“ทุกเรื่องของมึงสำคัญสำหรับกูเสมอแหละวิน”
“ขอบใจ แต่ถ้ากูพูดไปแล้ว กูไม่แน่ใจว่ามึงจะเกลียดกู หรือมองกูต่างออกไปไหม แต่กูต้องบอกมึงแล้วว่ะ เฟม”
“ซีเรียสขนาดนั้นเลย’’
“กูชอบมึง”


นี่ผมได้ยินไม่ผิดใช่ไหม

“วิน มึง…”
“กูชอบมึง”

มันย้ำ โอเค ผมไม่ได้หูแว่วไป

“มึง… แน่ใจเหรอ...”
“กูแน่ใจ กูคิดมาหลายเดือนแล้วตั้งแต่เลิกกับมิว แล้วยิ่งอาทิตย์ก่อนที่ เอ่อ พี่ไอติมมาหามึง กูยิ่งมั่นใจ ว่ากูชอบมึง”
คืออึ้งอะ ผมไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง หรือรู้สึกอะไรแล้วในตอนนี้ แค่รู้สึกอยู่ในหัวว่าไม่ใช่ ๆๆๆ
“วิน แต่กู…”
“กูรู้นะเฟม ว่ามึงก็ชอบกูเหมือนกัน หรืออย่างน้อยก็เคยชอบ กูรู้ว่ากูปล่อยให้มึงรอมานานมาก เพราะกูเอง ที่ไม่เคยเข้าใจตัวเอง ทำให้มึงต้องคอยมองหาจากคนอื่น ไม่ว่าจะไอ้บอส ไอ้พี่เซน หรือพี่ไอติม”

ผมคิดตามที่มันพูด ใช่ ผมชอบมัน ชอบมันมาตลอด จนกระทั่ง…

“แต่ตอนนี้กูรู้ตัวแล้วว่ากูชอบมึง แล้วกูก็นึกไม่ออกเลยว่าใครจะเหมาะสมกับกูเท่ามึง กูปล่อยให้มึงรอคำตอบอยู่ข้างเดียวมานานมาก” ไอ้วินยังคงพูดไม่หยุด เหมือนคนกลัวการถูกปฏิเสธ “แต่ตอนนี้มึงไม่ต้องรอกูแล้วนะ กูรู้แล้ว ตั้งนานแล้ว กูรู้ว่ามึงเคยแอบบอกชอบกูตอนที่กูเมาอยู่บ่อยๆ แล้วตอนนี้มึงยังรู้สึกแบบเดิมอยู่ไหมวะ…”
“กูนึกว่ามึงชอบพี่ตี้ซะอีก”

ไอ้วินชะงักเมื่อผมพูดชื่อนี้

“ไม่ใช่เว้ย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคนอื่น กูไม่ได้เป็นเกย์ กูชอบแค่มึง นี่มึงคิดจริงๆ เหรอว่ากูมีมึง คนที่กูชอบอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ แล้วกูจะไปชอบคนแบบนั้นได้ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกมึงยัดเยียดเขาให้กู”
“วิน มึงไม่ได้ชอบกูหรอก มึงแค่หึงกูกับพี่ไอติม แบบเพื่อนหวงเพื่อน”
“มึงไม่เชื่อกูสินะ”
“ไม่ใช่เว้ยวิน แต่… กูรักพี่ไอติม”

ผมบอกเหตุผลที่น่าจะเข้าท่าที่สุดแล้วไปกับมัน ถึงแม้ลึกๆ แล้วจะยังรู้สึกดีกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นก็เถอะ

“กูยอมรับว่าพี่ไอติมเขาดีกับมึง แต่มึงเชื่อกูนะ วันนึงเขาจะทำให้มึงเสียใจ เขาไม่มีอะไรเหมาะสมกับมึงเลยเว้ยเฟม เขาไม่มีอะไรเหมือนเรา มึงอาจจะคิดว่ามึงจะไปกันรอด มึงอาจจะคิดว่าแค่มึงรักกันก็พอแล้ว แต่มันไม่พอหรอก แค่รักกันอย่างเดียวมันไม่พอหรอก วันนึงมึงจะเริ่มเรียกร้องในสิ่งที่เขาให้มึงไม่ได้ แล้วเขาก็จะทำให้มึงเสียใจ”

ใช่ ผมกับพี่ไอติมเรายังไม่รู้จักกันดีนัก แต่ว่า…

แต่กับกู กูให้มึงได้ทุกอย่าง และกูจะไม่มีวันทำให้มึงเสียใจอีก”

“ทำไมมึงต้องมาบอกกูตอนนี้ด้วยวะ”

ผมรู้สึกลังเลใจ

“กูขอโทษ กูก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่กูก็หวังนะว่ามันจะไม่สายเกินไป”
“มันสายไปว่ะวิน ถึงกูจะยังชอบมึงอยู่ แต่กูก็ชอบพี่ไอติมไปแล้วเหมือนกัน กูทิ้งเขาไม่ได้”

ถูกแล้ว ถึงผมจะดีใจที่ในที่สุด เพื่อนสนิทที่ผมแอบชอบก็หันกลับมามองผมจริงๆ สักที แต่พี่ไอติมเขาไม่ได้ทำผิดอะไร ผมทำแบบนั้นกับเขาไม่ได้

“มึงไม่ทิ้งเขาวันนี้ วันนึงมึงก็ต้องทิ้งเขาอยู่ดี หรืออาจจะเป็นเขานั่นแหละที่ทิ้งมึง คิดดีๆ นะเฟม ความรักของมึงครั้งนี้มันจะพามึงไปได้ไกลไหนได้วะ กูพนันได้เลยว่าไม่เกินครึ่งปี แล้วมึงก็ต้องมาเจ็บอีก เหมือนทุกครั้ง ความรักหวือหวามันมีช่วงเวลาของไม่นานหรอก มึงก็รู้ แล้วใครจะยอมรับ ป๊ามึงจะยอมรับเหรอ เฟม กูสัญญาว่าถ้ามึงเลือกกู กูจะดูแลมึงตลอดไปในฐานะเพื่อนของมึง คนรักของมึง และครอบครัวของมึง จนกว่ามึงจะไม่ต้องการกูนั่นแหละ กูพูดจริงๆ นะ นี่มันถูกต้องที่สุดแล้วสำหรับคนอย่างพวกเรา พี่ไอติมไม่เหมาะกับมึงหรอก อย่าว่าแต่ความรู้สึกมั่นคงหรือปลอดภัยในชีวิตเลย เขาพามึงมาเที่ยวยุโรปแค่ปีละทริปยังไม่ได้เลยมั้ง”
“กูไม่ได้อยากเที่ยว แล้ว…”
“เฟม กูไม่ได้จะขอคำตอบวันนี้ กูแค่อยากบอกมึง เอางี้ มึงเที่ยวให้สนุก รอกลับถึงไทย แล้วค่อยบอกกู”
“ทำไมมึงต้องมาทำให้กูสับสนด้วยวะวิน ทำไมวะ”

ผมตัดพ้อออกไป ตัวมันเองก็ดูสับสนวุ่นวายใจไม่ต่างกัน

“กูรู้ว่ามึงยังชอบกูอยู่ และถ้าเป็นมึงกับกูมันจะเวิร์คแน่ๆ มึงก็รู้ว่ากูจะไม่หายไปไหน”
มันพูดแล้วก็ดึงผมเข้าไปกอด

“มึงไม่ได้ชอบพี่ไอติมจริงๆ หรอกเฟม มึงแค่เห็นความเป็นกูในตัวเขา อีกไม่นานพี่เขาก็จะรู้ว่ามึงชอบเขาแค่เพราะเขาเป็นตัวแทนของกูคนที่มึงชอบจริงๆ แล้วเขาก็จะเบื่อมึง เลิกชอบมึง ทำให้มึงเจ็บ เหมือนทุกคนที่เคยทำกับมึง”

วินพูดถูก ไม่ว่าจะบอส พี่เซน หรือคนอื่นๆ ที่ผ่านมา ผมคบคนเหล่านั้นเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพียงเพราะต้องการหาใครสักคนที่เป็นตัวแทนของมัน  ใครสักคนที่จะให้ความสุขแบบที่ผมไม่เคยได้รับ ความสุขที่ในตอนนั้น ผมได้แต่เฝ้าอิจฉา จนต้องไขว่ขว้าหาจากที่อื่น ก่อนจะพบว่าพวกเขาไม่ใช่ แถมยังทำร้ายความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายอย่างที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย

แล้วทำไมผมยังลังเลอยู่อีก สิ่งที่ผมเฝ้าแต่หวังมาตลอดมันเกิดขึ้นจริงๆ แล้วนี่นา

พอได้อยู่ในวงแขนของมันแบบนี้แล้ว ร่างกายของผมก็เสียการควบคุม แขนของผมกางออกและกอดมันไว้โดยไม่รู้ตัว
มันไม่เหมือนทุกครั้งที่เรากอดทักทายหรือแสดงความยินดี กอดเหล่านั้นที่ทำให้ผมเก็บเอามาคิดจินตนาการถึงเรื่องราวคล้ายๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้

มันคือกอดที่เกิดขึ้นจากคนสองคนที่มีหัวใจตรงกัน ใช่ไหม

แต่ทำไมผมถึงไม่รู้สึกมีความสุขอย่างที่ควรจะเป็น หรือเป็นอย่างที่จินตนาการเอาไว้ มันจะสุขก็สุขได้ไม่เต็มที่ เพราะผมรู้ว่าหลังจากนี้ ผมต้องเลือก

ใช่ ผมยังไม่ต้องรีบตัดสินใจอะไรทั้งนั้นก็ได้นี่

ดีใจกับความฝันที่เกิดขึ้นจริงๆ สิวะเฟม มึงฝันถึงวันนี้มานานแล้วไม่ใช่เหรอ

อย่าเพิ่งไปรู้สึกผิดอะไรเลย

ขอเวลานอก ขออยู่กับแค่ตรงนี้ก่อนได้ไหม ขอร้องล่ะ

“มึงยังชอบกูอยู่ใช่ไหมวะเฟม มึงยังชอบกูอยู่”

ไอ้วินถามซ้ำๆ เหมือนต้องการจะให้แน่ใจ
ผมกอดมันให้แน่นกว่าเดิม เพื่อยืนยันคำตอบ

+++

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

นั่นไง  ว่าแล้วเชียว  มนุษย์ปากแข็ง ปากไม่ตรงกับใจ  แอบชอบกันแต่ไม่กล้าบอกกันเพราะกลัวเสียความเป็นเพื่อน  แล้วก็ไปทำให้คนอื่นต้องเจ็บปวดกันไม่รู้กี่คน  เฮ้อ...

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ไม่ไหวกับนิสัยอย่างวิน ทำไมถึงคิดว่าตัวเองดีที่สุดเอ่อ แค่ฐานะดีไม่ใช่ว่าจะทำอะไรก้ประเสริฐ หลงตัวเอง
ดูแค่ความเหมาะสม ชอบดูถูกคนอื่น ถึงจะฐานะไม่เทียบเท่าใช่ว่าจะนิสัยไม่ดีหรือดูแลใครไม่ได้นะ
สงสารไอติมกับตี้เลย ที่เจอกับคนตรรกะป่วยๆ :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-02-2019 16:28:16 โดย Funnycoco »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ FanclubPong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อ่านมาตอนนี้แล้วรู้สึกไม่ชอบสองคนนี้เลย ดีแล้วละที่ไอติมหักดิบทิ้งไป และตี้ำม่หลวมตัวชอบไปมาก ให้นิยายมันหักมุมไปเถอะ อย่าบรรจบมาเจอกันอีกเลย

ออฟไลน์ ikou

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สนุกจังเลย :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Abella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
วินคือไปสุด หลงตัวเองที่สุดในโลกมั่นหน้าคือให้เต็มล้านไปเลย

ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์นะครับ
อย่าเพิ่งเกลียด "วิน" จนเลิกอ่านเลยนะครับ อีกไม่กี่ตอนก็จบแล้ว
จบแบบทุกคนน่าจะแฮปปี้แน่นอนครับ  :heaven
ชื่อเรื่อง "หล่อแค่ไหนก็ไม่รัก" ถ้าทำให้ทุกคนรู้สึกแบบนี้ได้
ผมถือว่าประสบความสำเร็จนะ แต่อย่างที่บอก อย่าเพิ่งเกลียดวินเลยครับ
ผมตั้งใจเขียนเรื่องนี้ให้พระเอกกับนายเอก ค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์กันไป
แต่ขนาดค่อยๆ รู้ใจตัวเอง ผมก็ยังว่าเร็วไปอยู่เลย
เพราะเรื่องที่แล้ว พระเอกนายเอก ได้กันตั้งแต่ตอนที่สามเลยครับ เร็วมาก 555
มาลองฟังความข้างวินในตอนสั้นๆ ตอนนี้ เผื่อจะเข้าใจวินมากขึ้น
ไม่อยากให้ลืมว่า ตัวละครอายุเพิ่ง 19 - 20 อาจจะไม่ได้เห็นโลกหรือรู้จักคนกว้างพอ
ก็เลยมีความรู้สึกนึกคิดและตัดสินใจไปแบบนั้นครับ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะครับ  :L2:

+++

12

‘วิน’
มกราคม


ไม่ใช่ทุกครั้งเสมอไป ที่เราส่องเฟสบุ๊คหรือไอจีใครสักคนด้วยความรู้สึก ‘ชอบ’

อย่างน้อยผมก็ไม่ชอบตัวเองที่ทำแบบนี้เลย ผมยอมรับว่าตัวเองผิดหวังหน่อยๆ ตอนที่พี่ไอติมวนรถมารับเราที่สนามบินเชียงใหม่ แต่ไม่มีพี่คนนั้นติดรถมาด้วยเหมือนครั้งก่อน แต่ยังไงซะ ผมก็ได้ทำความเข้าใจกับสถานการณ์แบบนี้มาระยะหนึ่งแล้ว จนแน่ใจแล้วว่า กับพี่คนนั้น มันเป็นเพียงความรู้สึก ‘อยากเอาชนะ’ และ ‘ความสนใจแบบโง่ๆ’ เท่านั้นเอง

เฟมแม่งคิดอะไรตลกมาก คิดไปได้ไงว่า ผมจะชอบคนที่มีลักษณะอะไรแบบนี้ หน้าตา นิสัย ฐานะ สติปัญญาและการศึกษา ไม่มีอะไรเลยที่จะทำให้ผมรู้สึกประทับใจ นึกออกไหมครับ

คืออย่างนี้นะ ผมน่ะชอบแต่เพศตรงข้ามมาโดยตลอด (แต่ผมก็ใจกว้าพอกับทุกเพศและทุกคน นี่มันยุคสมัยของความเลื่อนไหลทางเพศแล้ว ถูกไหม) และสมองของผมก็ตัดสินใจแล้วว่า ถ้าผมจะชอบเพศเดียวกันขึ้นมาจริงๆ คนๆ นั้นต้องมีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกันกับตัวเอง และผมก็มองไม่เห็นใครที่มีคุณสมบัติอย่างที่ว่า นอกจากไอ้เฟม เพื่อนสนิทที่ผมรู้จักมันทุกซอกทุกมุม คนที่อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลาในช่วงสองปีมานี้ และคนที่มีความรู้สึกดีๆ ให้กับผมตลอดระยะเวลาหลายปีที่รู้จักกัน

จะว่าผมเป็นหนี้ความรู้สึกของมันก็ไม่ผิดหรอก แต่ตอนที่บอกว่าผมชอบมัน ผมก็ชอบมันจริงๆ ผมชอบที่มีมันอยู่ข้างๆ ผมชอบตัวเองเวลาที่มีมันอยู่ ผมรู้สึกไม่ดีเวลาที่มันอยู่กับคนอื่น ให้ความสนใจกับคนอื่นมากกว่า

ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามา ทำให้ผมแน่ใจยิ่งขึ้นว่า จริงๆ แล้วผมเองก็ชอบมัน เราคิดเหมือนกันตั้งแต่แรก

ถ้าเทียบกับความรู้สึกเวลาที่ผมอยู่กับพี่คนนั้น ที่ทำให้หัวใจของผมเต้นแรง รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง จนถึงขั้นเกลียดตัวเองในบางครั้ง ความรู้สึกแบบนั้นไม่มีทางที่จะเป็นความรักได้เลย

ก็… ความรักควรทำให้เรารู้สึกสบาย สงบ และเป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่เหรอครับ

คนเรามักให้คุณค่ากับเรื่องของจิตใจ และความรู้สึกมากกว่าสมอง เพราะนั่นมันทำให้เขาดูเป็นคนดี เป็นคนเซนสิทีฟ อ่อนโยนและน่าสนใจในสายตาคนอื่น แต่เรามักลืมไปว่าสมองและการคิดเหตุผลต่างหาก ที่ทำให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ ชัดเจนตามความเป็นจริง

หะแรก คิดว่าหลังจากที่ได้สารภาพไปกับมันแล้ว ผมจะต้องรู้สึกดีทันที หรือระหว่างเราจะค่อยๆ รู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่ผมลืมไปว่าการให้ตัวเลือกกับมันในครั้งนี้ ย่อมทำให้ไอ้เฟมเกิดความสับสน เพราะต้องลงมือทำร้ายคนที่ไม่ใช่อย่างพี่ไอติมออกไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น จะให้เรารู้สึกดีต่อกันแบบดีดนิ้วสั่ง มันคงจะเป็นไปไม่ได้

แต่หลังจากเรื่องนี้ผ่านไป มันจะค่อยๆ ดีขึ้น มั่นคงและแข็งแรงขึ้น เป็นความสัมพันธ์ในแบบที่เป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่ความรักวัยรุ่นหวือหวาแบบที่เคยๆ มี

ผมยอมรับว่า ผมเองก็ไม่ได้สบายใจหรือมีความสุขมากนัก เมื่อนึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพี่ไอติม หรืออื่นๆ ที่จะตามมา แต่ว่า นี่คือสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว จะช้าหรือเร็วมันก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้แหละ

ส่วนพี่ตี้… ‘ผมเปล่ารู้สึกอะไรกับพี่นะ หรือถ้าจะมี ก็คงเป็นเพราะพี่เป็นคนที่ดูแล้วน่าสงสารเท่านั้นแหละ ซึ่งมันก็ไม่ใช่ความผิดอะไรของพี่เลย’

อีกไม่นานหรอก ผมคงไม่ต้องมานั่งเลื่อนจอมือถือ แอบส่องดูความเคลื่อนไหวของใครแบบนี้ ไม่ต้องมาเห็นโพสต์คำคมกับเพลงเวิ่นเว้อแล้วรู้สึกไม่ชอบใจ หรือเห็นรูปที่เขาไปไหนต่อไหนกับใครแล้วรู้สึกขุ่นมัว เพราะผมจะไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่รู้และไม่สนใจที่จะรู้

“ผมชอบไอ้เฟมต่างหาก ไม่ได้ชอบพี่ พี่ตี้”

ผมตัดสินใจออกจากแอพ ดูเวลาบนหน้าจอ แล้วเก็บมือถือใส่ในกระเป๋ากางเกง ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนครึ่ง นั่นแปลว่าผมนั่งรออยู่ที่ล็อบบี้โรงแรมเป็นเวลาห้าสิบนาทีแล้ว

ผมรู้ว่ามันไม่ง่าย แต่ถ้าอยากให้มันจบง่ายๆ ก็ต้องทำให้มันจบเร็วๆ

เฟมมันตกลงใจจะบอกเลิกกับพี่ไอติม และจะบอกให้เร็วที่สุดทันทีที่ถึงเชียงใหม่ โดยมีข้อแม้คือ ขออยู่กันตามลำพังเท่านั้น ซึ่งแม้ผมไม่เห็นด้วย แต่ก็ขัดไม่ได้ เพราะมันยื่นคำขาดเอาไว้ มันกลัวว่าผมจะได้รับอันตรายหากพี่ไอติมขาดสติขึ้นมา แต่ดันไม่ห่วงตัวเอง (มันยืนยันหนักแน่นว่าพี่ไอติมไม่มีวันใช้กำลังเอากับมัน แต่กับคนอื่นอย่างผมละไม่แน่) และจะโทรขอความช่วยเหลือทันทีหากควบคุมสถานการณ์เองไม่ได้ ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้ผมสบายใจเลย

ถ้าเป็นผม ผมจะไม่ยอมเสียเวลาหรือเสี่ยงอันตรายเด็ดขาด ผมคงเลือกที่จะตัดความสัมพันธ์กับคนอื่นผ่านทางข้อความหรือไม่ก็โทรศัพท์ แต่เฟมเป็นคนใจอ่อนเกินไป

มันควรจะบอกพี่เขาตั้งแต่ที่ร้านอาหารแล้ว เพราะนั่นคือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด แต่กลับประวิงเวลาเพราะสงสาร และยังยอมตามเขาไปถึงคอนโด คือต่อให้มันจะไลน์มาเป็นระยะๆ ว่ายังโอเคก็เถอะ แต่ผมไม่เห็นว่าจะต้องใช้เวลาอะไรมากมาย ต่างคนต่างรู้อยู่แก่ใจแล้วว่า ทั้งสองคนไม่เหมาะที่จะคบหากัน คนอย่างพี่ไอติมน่าจะเข้าใจดี

จากล้อบบี้ตรงนี้ ผมมองออกไปยังถนนหน้าโรงแรม วิสัยทัศน์ไม่ค่อยจะดีนัก เพราะตัวโรงแรมห่างออกมาจากถนนพอสมควร จนกระทั่งมีรถยนต์คันหนึ่งเข้ามาเทียบจอดด้านหน้า ซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่านั่นคือรถพี่ไอติมคันที่ผมนั่งมา ผมลุกยืนขึ้นเดินไปยังประตูหน้า จังหวะเดียวกับที่รถคันนั้นแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว

เฮ้อ กลับมาซะที สำเร็จปะนะ

ไอ้เฟมยังยืนอยู่ตรงนั้น ในมือมีถุงของฝากหลายใบที่ซื้อมาจากยุโรปที่คนรับคงไม่ต้องการมันแล้ว

ผมยืนรออยู่ครู่หนึ่งจนแน่ใจ จึงเดินเข้าไปหามัน แตะไหล่เล็กๆ ที่กำลังสั่นเทิ้มนั้นเบาๆ

ร้องไห้อยู่สินะ

“ไม่เป็นไรนะ”

ผมดึงตัวมันเข้ามากอดแน่นๆ

เฟมร้องไห้อยู่อย่างนั้นสักครู่ แล้วก็ถอนตัวออก เช็ดน้ำตา

“เข้าไปข้างในกันเถอะ”

ผมบอก มันเดินตามเข้ามาอย่างว่าง่าย

มาถึงห้องพัก เฟมนั่งลงที่ปลายเตียง ทิ้งของลงกับพื้น แล้วเริ่มร้องไห้อีกครั้ง

สารภาพว่าผมค่อนข้างตกใจที่มันเป็นแบบนี้

“ทำไมกูถึงรู้สึกเศร้าขนาดนี้วะวิน ทำไมอะ ทั้งที่กูกับเขาไม่น่าจะมีอนาคตร่วมกันได้ มึงบอกกูหน่อยสิ”

ออกจะฟูมฟายเกินไปหน่อย ผมนั่งลงข้างๆ มัน พยายามนึกหาคำพูดปลอบโยน

“มันก็แค่ความผูกพัน เดี๋ยวมึงก็จะรู้สึกดีขึ้นเอง มึงมองหน้ากูนี่ กูต่างหากคือคนที่มึงรัก มึงแอบชอบกูมาเป็นสิบปีแล้ว จำได้ไหม”

เฟมพยักหน้าทั้งน้ำตา

“แต่กูยังเจ็บในใจอยู่เลยว่ะวิน กูขอโทษนะ”
“กูต่างหากที่ต้องขอโทษ ที่ทำให้มึงเป็นแบบนี้ มึงไม่ต้องห่วงนะเฟม มึงเศร้าให้เต็มที่ แต่จากนี้ไปกูจะดูแลมึงเอง ถ้ากูรู้ตัวและบอกมึงเร็วกว่านี้ก็คงจะดี มึงจะได้ไม่ต้องมาเสียใจแบบนี้ เป็นความผิดกูเอง กูขอโทษนะ”

ผมกอดมันแน่น ลูบหลังเพื่อปลอบ พร้อมๆ กับอธิบายอารมณ์ที่มันกำลังเผชิญอย่างเป็นเหตุเป็นผลเพื่อให้มันรู้สึกดี ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เรากอดกันอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ซึ่งเป็นเพลงโปรดของเฟมดังขึ้น

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร มันผละออกแล้วรีบควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง
ผมส่งสายตาว่าอย่ารับ เฟมดูลังเล แต่ก็กดรับในที่สุด

“ฮะ ฮัลโหล ฮัลโหลครับ”

มีเสียงอู้อี้รัวๆ จากปลายสาย ดังจนเล็ดรอดออกมา เฟมดึงโทรศัพท์ออกจากตัวอย่างงงงวย ดูเบอร์ที่โทรเข้ามา แล้วกดสปีกเกอร์ให้ผมได้ยินด้วย

“ตกลงใช่แฟนของเจ้าของเครื่องไหมคะ”

ไม่ใช่พี่ไอติม แต่เป็นเสียงผู้หญิง !?!

“เอ่อ ครับ ใช่ครับ”
 “พอดีชั้นหาเบอร์ผู้ปกครองคนเจ็บไม่เจอน่ะคะ เขาไม่ได้เมมไว้ เห็นแต่เบอร์โทรออกเบอร์สุดท้ายที่เมมชื่อว่า ที่รักของติม ก็เลย…”
“คนเจ็บ? เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ พี่ไอติมเป็นอะไร”

เฟมตะโกนถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“อุบัติเหตุค่ะ เหมือนจะขับไปชนเกาะกลางถนน แต่ชั้นเรียกกู้ภัยกับรถพยาบาลแล้วนะคะ ใกล้ถึงแล้วค่ะ…”
เฟมหันมามองผมด้วยสีหน้าช็อคสุดขีด หน้าซีดเผือด ซึ่งผมเองก็ตกใจในสิ่งที่ได้ยินไม่ต่างกัน

พี่ไอติมประสบอุบัติเหตุรถชน

+++
 

ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ตอนนี้เราไม่โอเคกับการตัดสินใจ กับนิสัยส่วนตัวทั้งของเฟมและวินมาก ๆ แย่อ่ะ รออ่านนะคะ :katai3:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไงหล่ะ  ผลพวงของการกระทำที่ไม่ไตร่ตรองให้ดี

ทำคนเสียใจไปกี่คนแล้ว   เฮ้อ

นี่เสียใจจนถึงขั้นเกิดอุบัติเหตุ  อาจถึงชีวิต

มันน่า.....

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0
ลงอีกตอนสำหรับวันนี้นะครับ
เพราะพรุ่งนี้อาจไม่มีเวลามาลง (ทำงาน)
เหลืออีกแค่ 6 ตอนเท่านั้น ฝากติดตามด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
 :bye2:

+++

13


มกราคม

รู้สึกไม่ค่อยสบายใจยังไงก็ไม่รู้

หน้าเฟสบุ๊คของไอ้เด็กวินไม่มีอะไรเคลื่อนไหวเลย นี่มันก็สองอาทิตย์แล้วนะที่กลับจากสวิส ไปตั้งหลายวัน แต่ลงรูปแค่ 5 รูป แถมเป็นรูปครอบครัวไปอีก (กราบสวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่) นี่มันยุโรปเลยนะเว้ย บ้าบอ

สงสัยไปบ่อยจนไม่รู้สึกตื่นเต้นแล้วมั้ง

เห้อ อยากมีบุญได้ไปกับเขามั่งจัง

ไม่เข้าใจพวกที่ไม่คนค่อยอัพรูปหรืออัพสเตตัสเลยจริงๆ พวกเขาไม่มีอะไรให้บ่น หรือไม่สนใจโซเชียลมีเดียจริงๆ เหรอวะ มันแบบ… โอเค รู้แหละ ว่ามหาวิทยาลัยที่มันอยู่ เขาเรียนกันเอาเป็นเอาตายมาก แต่นี่ก็เพิ่งเปิดเทอมได้ไม่ถึงเดือนดี มันจะไม่มีเวลาอัพเดตอะไรเลยจริงอะ แบบนี้จะบังคับให้ผมแอดเฟรนด์เพื่อ?

เฟสบุ๊คของน้องเฟมก็มีแต่รูปหล่อๆ ของน้อง กับแชร์เพลงซึ้งๆ (ไม่บอกก็รู้ว่าซ่อนใครอยู่ในเพลง) แต่ไม่ยักกะมีรูปไอติม หรือกระทั่งเพื่อนสนิท นี่ถ้าเป็นไอ้เด็กวินก็น้อยใจเหมือนกันนะ

ส่วนผมที่พยายามแชร์โพสต์คำคม แชร์เพลง สร้างคาแรกเตอร์ฉลาดๆ (มีเพื่อนสิบกว่าคนที่มาคอยกดไลค์ให้เพราะความสงสาร) ด้วยหวังให้คนๆ นั้นเห็นและเข้าใจสารที่ผมพยายามจะสื่อ ก็ไม่คือด้วยประการทั้งปวง ไม่มีแม้แต่สักไลค์มาจากไอ้ …

เห้อ ช่างเถอะ ไม่มีประโยชน์

รู้งี้ ตามไอติมไปรับสองคนนั่นที่แอร์พอร์ตด้วยก็ดี ไม่น่าเล่นตัวเลยมึง ไอ้ตี้!

เที่ยงคืนกว่าแล้ว ป่านนี้คงเมาแอ่กันอยู่แถวนิมมานกันเหมือนเดิม เอาเถอะ ผมไม่ได้ชอบที่แบบนั้นอยู่แล้ว พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ขี้เกียจจะส่องแล้ว ผมวางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะหัวเตียง แล้วปิดไฟนอน

ตอนที่กำลังจะเคลิ้มหลับนั่นเอง จู่ๆ เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ก็ดังลั่น จนผมใจหายวาบ

ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่ส่องสว่างอยู่ท่ามกลางความมืด พลางนึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น หรือมีใครเป็นอะไรหรือเปล่า ถึงได้โทรมาหาตอนนี้

หน้าจอโชว์เบอร์และผู้ติดต่อเป็นน้องเฟม ผมรีบกดรับสาย
เมาจนไปมีเรื่องหรือยังไงกันวะ

เรื่องที่ได้ยินจากน้อง ทำเอาผมช็อค ใจไปอยู่ที่ตาตุ่มทันทีในหนึ่งวินาที

+++

ผมไปถึงที่โรงพยาบาลโดยที่น้องเฟมกับไอ้เด็กวินรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินก่อนแล้ว ผมเข้าไปตบไหล่ปลอบใจน้องที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก แล้วถามอาการของไอติมจากได้เด็กวิน ซึ่งมันก็ยังไม่ทราบเช่นกัน

“แต่คงไม่เป็นอะไรมากหรอกมั้งครับ แค่หมดสติไป คนที่เข้าไปช่วยกับกู้ภัยบอกว่า ตอนเคลื่อนย้ายมาที่นี่พี่ไอติมยังมีสติอยู่ เนื้อตัวไม่มีบาดแผลใหญ่อะไร แล้วทางโรงพยาบาลก็ติดต่อญาติพี่เขาได้แล้วครับ”

ได้ฟังแบบนั้นก็เบาใจ ผมเลยไม่ได้ซักถามอะไรอีก

“พี่ตี้สบายดีนะครับ”
ไอ้เด็กวินถาม จู่ๆ ผมก็รู้สึกใจเต้น นี่มันใช่เวลาไหม
“อ่อ ครับ สบายดี คุณเพิ่งกลับกันมาจากสวิสปะ”
“เยอรมันครับ”
“อ้อ”
“ผมมีของฝากมาให้พี่ด้วย แต่อยู่ที่โรงแรม”
อ่ะ ทำไมมันดีจังวะ แต่ก็ตามมารยาทละนะ อุตส่าห์ไปเที่ยวเมืองนอกมา
“ขอบคุณครับ แต่ไม่เห็นต้องซื้อมาฝากเลย เกรงใจ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมก็ซื้อมาฝากทุกคน”
เหอะ

เรานั่งอยู่เงียบๆ แบบนั้นอยู่สักพัก อากาศตอนดึกเริ่มหนาวกว่าเดิม จนนึกเสียใจว่าน่าจะใส่สเว็ตเตอร์ตัวที่หนากว่านี้สักหน่อยก่อนออกมา  สักพัก ไอ้เตอร์กับมิกซ์ ก็มาถึงพอดี น้องเฟมกับไอ้เด็กวินไหว้ทักทาย

“เป็นไงมั่งวะ มันเป็นไรมากไหม”
ไอ้เตอร์ถามผมทันทีที่มาถึง
“ยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน หมอยังไม่ออกมาบอกอะไรเลย”
“แล้วมันไปชนอีท่าไหนวะเนี่ย มันเมาเหรอ”
“เปล่า ไม่เมา มันไปส่งเฟมที่โรงแรมแล้วขากลับ เห็นเขาบอกว่ามันขับคร่อมเลนส์ แล้วพุ่งไปชนเกาะกลางถนน”
“แล้วนี่มึงโทรบอกพวกไอ้ป๋อม ไอ้ต้อม หรือยัง”
“ยัง มันดึกแล้ว กูว่าไว้บอกพรุ่งนี้ดีกว่า เดี๋ยวตกใจแล้วแห่กันมา เห็นว่าอาการไม่หนักนะ”
“เออว่ะ กูลืมคิดไป”

สักพักประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก พยาบาลเดินออกมาหาพวกเรา

“ญาติคนไข้มาหรือยังคะ”
“ยังเลยครับ ยังอยู่ระหว่างทาง แล้วมันเป็นยังไงบ้างครับ”
“ปลอดภัยแล้วนะคะ น้องได้สติแล้ว มีก็แต่แผลเล็กน้อยไม่รุนแรง ตอนนี้คุณหมอให้ยาแก้ปวดไปจะได้หลับ เดี๋ยวจะย้ายขึ้นวอร์ดแล้ว รอดูอาการค่ะ”

พี่พยาบาลตอบ ทุกคนหายใจโล่งอก ผมกอดกับน้องเฟมแสดงความดีใจ

“งั้นเดี๋ยวผมโทรบอกพ่อแม่มันเองครับ”
“เป็นความผิดเฟมเอง”

เฟมถอนตัวออกมาจากผม แล้วพูดเสียงสั่น

“เฟม!”
ไอ้เด็กวินเอ็ด พวกเราที่เหลือมองหน้ามันแล้วมองหน้ากันสลับไปมางงๆ

“ที่พี่ติมต้องมาเจ็บแบบนี้ เพราะเฟมเองครับ”
“หมายความว่ายังไง”
ผมถาม ก็มันขับไปชนเกาะกลางเองคนเดียวไม่ใช่เหรอ

“ไม่มีอะไรครับ เดี๋ยวผมเล่าให้พี่ฟังเอง” ไอ้เด็กวินบอก “พี่โทรหาพ่อกับแม่พี่ไอติมก่อนเถอะครับ ท่านจะได้สบายใจ”

ผมพยักหน้าแล้วเดินกดเบอร์หาพ่อไอติม
แต่เวลาที่คนพูดว่าไม่มีอะไรนี่ มันต้องมีอะไรสักอย่างสิน่า

+++

พ่อ แม่ และญาติๆ ไอติมเดินทางจากลำปางมาถึงในอีกหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น บรรยากาศเริ่มคลี่คลาย ต่อจากนี้ก็ถึงขั้นตอนการเฝ้าระวัง เช่นการะประเมินและผล MRI รวมถึงรักษาอาการบาดเจ็บ จากนั้นพวกเราเด็กๆ ทั้งหมด ก็ขอตัวกลับไปพักผ่อนตามคำแนะนำของพี่พยาบาล

หลังจกแยกกับเตอร์มิกซ์ ผม น้องเฟม และไอ้เด็กวิน เดินมาหาที่คุยตรงที่เงียบๆ เพราะไอ้เด็กวินบอกว่าจะเล่ารายละเอียดให้ฟังนั่นเอง

“ตกลงมันยังไงเหรอ มันไม่ได้เมาจริงๆ ใช่ไหม”

ผมถามน้องเฟมที่ยังคงร้องไห้ตาบวมไม่หยุด ดีนะที่พ่อกับแม่ไอติมร้อนใจจนไม่รู้สึกผิดสังเกต

“ไม่หรอกครับ เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง”
“เฟม อย่างี่เง่า มันคืออุบัติเหตุ ไม่เกี่ยวกับมึงเลย”

น้องเฟมตอบคำถามด้วยประโยคเดิมๆ จนผมรู้สึกสงสัย ส่วนไอ้เด็กวินก็คอยแต่ปลอบว่าไม่ใช่ หรือถึงขันเอ็ดในบางที

“ยังไงอะ ไม่เข้าใจ ใครก็ได้ เล่าให้ผมฟังหน่อย”
“คือ… ผมผิดเองพี่ ผมบอกเลิกพี่ไอติมครับ พี่ไอติมเขาก็เลย…”
“เฟม!”


มีอะไรให้ช็อคได้อีกไหมเนี่ย คืนนี้

“ทำไมอะเฟม ทำไมเฟมถึงจะบอกเลิกมัน มันเกิดไรขึ้นอะ”
ไม่มีคำตอบ ผมมองหน้าทั้งสองคนที่ไม่ยอมสบตาผม แล้วก็ค่อยๆ เข้าใจเองในที่สุด
“ผมขอโทษครับพี่ตี้ ผมทำให้พี่ไอติมต้องมาเจ็บ”

พลันใบหน้าผมก็ร้อนผ่าวด้วยโทสะ ผมครองสติ หันหลังเดินออกมาจากตรงนั้นด้วยความโกรธ เกลียดและผิดหวังที่พยายามอย่างยิ่งไม่ให้มันระเบิดออกมา

“พี่ตี้ครับ!”

ผมชะงักฝีเท้าแล้วหันกลับไป ไม่ได้หยุดเพราะเสียงเรียกของน้องเฟม แต่หยุดเพราะยังไม่ได้บอกในสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทั้งคู่ควรจะได้รู้เอาไว้

“พวกคุณกลับไปเหอะ แล้วอย่ามาที่นี่อีก อย่าให้ผมเจอพวกคุณที่นี่อีก”

เสียงผมอาจจะสั่นและเบาไปสักหน่อย แต่ผมเชื่อว่าสองคนนั้นน่าจะได้ยินเต็มสองหู


+++


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เอาอีกๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ FanclubPong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ดีๆไล่หนีไปเถอะพวกโลเล

ออฟไลน์ Manygun123

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าโดยส่วนตัวจะชอบนิยายแนวนี้เป็นพิเศษ คือมีความค่อนข้างสมจริงตัวละคร เหตุการณ์ คำพูดรวมไปถึงเนื้อเรื่องไม่แฟนตาซีหรือเหินจริงแบบนิย๊าย นิยาย มีปัญหาวามสมจริงอยู่มากพอสมควร ยังไม่นับรวมกาควางเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ ถึงแม้ว่าไม่ได้แปลกใหม่ที่สุดแต่ก็แต่งอแกมาได้ดี และลื่นไหลมากทีเดียวค่ะ  เราชอบความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นของตัวละครในเรื่องนี้โดยเฉพาะนายเอกที่ถึงแม้บทบาทอาจไม่ได้โดดเด่นกว่าตัวอื่นๆมากนักแต่กลับมีสีสัน ความ#ฉันแชอบเค้า #อยากได้แต่ไม่อยากเสี่ยง ที่เราชอบมากทีเดียวค่ะ แต่ถึงอย่างนั้น 18 ตอน ที่บางตอนก็สั้นมากจนแทบจะไปรวมตอนกันแล้วนับเป็นตอนเดียวได้ มันน้อยมากจริงๆค่ะ เาคิดว่านิยายเรื่องนี้มันสามารถไปได้ไกลมากกว่านี้ คือขยายเนื้อเรื่องให้ยาวมากกว่านี้สักสองเท่ายังได้ กับอีก 5 ตอนที่เหลือนั้นเรายังคิดไม่ออกเลยต่ะว่านิยายเรื่องนี้จะจบลงได้อย่างไรให้สมบูรณ์ (ในด้านของเนื้อหาและความสนุก) เชื่อว่าถ้ายังไปต่อก็จะต้องมีคนมาติดตามเพิ่มอีกแน่ค่ะ แต่ยังไงนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของดิฉันเท่านั้น ปล.บางตอนสั้นมากๆก็รวบเถอะค่ะ คือมันเลื่อนสองทีก็หมดแล้ว หมดตอนกับหมดอารมณ์ค่ะ5555 :mew1:

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
เราต้องปล่อยให้เขาไปรักกันสองคน อย่ามาเหยียบประเทศเชียงใหม่อีกนะ น้องตี้วางแผนกัดแล้ว

เลวเกิ้นนน ความคิดเด็กเมือง ใครหรืออะไรจะมาช่วยสอนและซักผ้าผืนนั้นให้ขาวล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ ikou

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เหนื่อยใจจริงๆ  :hao5:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ดีที่ไม่เป็นอะไรมากนะ  ถ้าเป็นอะไรมากถึงขั้น.....เฮ้อ ไม่อยากจะคิด  บาปแท้ ๆ

ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าโดยส่วนตัวจะชอบนิยายแนวนี้เป็นพิเศษ คือมีความค่อนข้างสมจริงตัวละคร เหตุการณ์ คำพูดรวมไปถึงเนื้อเรื่องไม่แฟนตาซีหรือเหินจริงแบบนิย๊าย นิยาย มีปัญหาวามสมจริงอยู่มากพอสมควร ยังไม่นับรวมกาควางเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ ถึงแม้ว่าไม่ได้แปลกใหม่ที่สุดแต่ก็แต่งอแกมาได้ดี และลื่นไหลมากทีเดียวค่ะ  เราชอบความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นของตัวละครในเรื่องนี้โดยเฉพาะนายเอกที่ถึงแม้บทบาทอาจไม่ได้โดดเด่นกว่าตัวอื่นๆมากนักแต่กลับมีสีสัน ความ#ฉันแชอบเค้า #อยากได้แต่ไม่อยากเสี่ยง ที่เราชอบมากทีเดียวค่ะ แต่ถึงอย่างนั้น 18 ตอน ที่บางตอนก็สั้นมากจนแทบจะไปรวมตอนกันแล้วนับเป็นตอนเดียวได้ มันน้อยมากจริงๆค่ะ เาคิดว่านิยายเรื่องนี้มันสามารถไปได้ไกลมากกว่านี้ คือขยายเนื้อเรื่องให้ยาวมากกว่านี้สักสองเท่ายังได้ กับอีก 5 ตอนที่เหลือนั้นเรายังคิดไม่ออกเลยต่ะว่านิยายเรื่องนี้จะจบลงได้อย่างไรให้สมบูรณ์ (ในด้านของเนื้อหาและความสนุก) เชื่อว่าถ้ายังไปต่อก็จะต้องมีคนมาติดตามเพิ่มอีกแน่ค่ะ แต่ยังไงนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของดิฉันเท่านั้น ปล.บางตอนสั้นมากๆก็รวบเถอะค่ะ คือมันเลื่อนสองทีก็หมดแล้ว หมดตอนกับหมดอารมณ์ค่ะ5555 :mew1:
เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยค่ะ

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เหนื่อยใจกับเด็กๆ ปล่อยให้เวลาสอนเขาเอง ถ้าคิดไม่ได้ก้จบ

ให้กำลังใจนักเขียนนะ  :3123:

ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0
ขอบคุณมากๆ เลยครับ สำหรับคอมเมนท์ และกำลังใจ
มาต่อให้แล้วนะครับ หน่วงๆ ไปก่อนนะครับ ช่วงนี้
ยังยืนยันว่ามี 19 ตอนจบนะครับ อันนี้ก็ตอนที่ 14 แล้ว
แต่ช่วงนี้จะช้าหน่อย เพราะมีกลับไปรีไรท์ เข้าไปเพิ่มนั่นนี่นิดหน่อย นิดเดียว
ยังไงก็ได้อ่านจนจบ เดือนนี้แน่ๆ ครับ ฝากด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ  :L2:

+++

14

แต่ถึงจะพูดไปแบบนั้น ก็ใช่ว่าผมจะกล้าทำอะไรพวกเขา


สายวันถัดมาซึ่งเป็นวันเสาร์ ผมเดินทางมาถึงโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมคนเจ็บ และผลัดเปลี่ยนให้พ่อกับแม่และญาติๆ ของไอติมได้พักผ่อนและออกไปทานอาหาร ไอติมตื่นแล้ว แต่ยังมีอาการเคล็ดขัดยอกและเจ็บแผลอยู่ มันไม่ยอมปริปากพูดอะไร เอาแต่เซื่องซึม จนผมต้องบอกไปว่าผมรู้เรื่องทั้งหมดแล้วนั่นแหละ

“ไม่เกี่ยวกับเฟมหรอก มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ กูประมาทเอง ตอนนั้นกูกำลังโกรธแล้วก็ร้องไห้”
“มึงจะบอกว่ามึงมองไม่เห็นทางเพราะร้องไห้อยู่งี้”
มันพยักหน้า
“แล้วแบบนี้มันจะไม่เกี่ยวกับเฟมได้ไงวะ”
“กูประมาทเอง”

อืม เวลาแบบนี้ยังจะมาทำตัวเป็นคนดี ผมสูดหายใจแล้วนั่งลงตรงโซฟา

“แล้วเขาให้เหตุผลอะไรไหม ว่าทำไมถึงเลิกกับมึง”
ไอติมส่ายหัว
“กูคิดว่ากูรู้ ไอ้เด็กวินมันชอบเฟม สองคนนั้นชอบกันอยู่ เซนบอกกูแล้วแต่กูไม่เชื่อ มันชอบเพื่อนตัวเอง มันอิจฉามึงแล้วคงรวบหัวรวบหาง…”
“ตี้ มึงใจเย็น ทำไมมึงต้องโกรธขนาดนั้นด้วยวะ คนที่โดนบอกเลิกคือกู ไม่ใช่มึง โอเคมั๊ย”
ไม่โอเค สงสัยหัวมันคงจะกระแทก ตื่นขึ้นมาแล้วก็ทำใจได้เลยงี้
“ก็เพราะมึงเป็นซะแบบนี้ไง”
“อืม กูมันเป็นซะแบบนี้อะ กูขอโทษที่ทำให้พวกมึงต้องเป็นห่วง”
รำคาญ
“เออ อยากทำอะไรก็เรื่องของมึงเลย”

มันเงียบไปพักใหญ่

“แล้ว…”
“จะถามว่าเขามาหามึงรึเปล่า ใช่ไหม” ผมถามกลับ “มา แต่กูให้กลับไปแล้วเมื่อคืน”
“มึงอย่าเพิ่งพาลดิตี้” ไอติมทำเสียงอ่อย “กูมีเรื่องอยากจะขอให้มึงช่วย กูไม่รู้ว่าเขาจะกลับกรุงเทพฯ วันนี้เลยหรือเปล่า”
“แล้วไง ก็ให้กลับไปสิ ก็ดีแล้ว”
“กูมีของที่ซื้อมาจากญี่ปุ่น แต่กูยังไม่ได้ให้เขา”
“ยังจะให้อีกเหรอวะ”
“เออ ก็กูตั้งใจซื้อมาให้เขา มึงช่วยเอาไปให้ที่โรงแรมหน่อยนะ มึงไปเอากุญแจห้องกับคีย์การ์ดที่แม่กู เดี๋ยวกูโทรบอกแม่ให้ แล้วไปเอาของในห้องไปให้เฟมที่โรงแรมที”
“มึงมันบ้าไปแล้วไอติม”
“มันสำคัญสำหรับกู ขอร้องล่ะ ถึงเขาจะไม่อะไรกับกูแล้ว แต่กูตั้งใจซื้อมาให้เขา”
ก็อยากจะปฏิเสธอยู่หรอกนะ แต่เห็นใจที่มันเฉียดตายมาหมาดๆ
“มึงคิดดีแล้ว?”
“กูคิดมาแล้ว ตะกี้นี้”
“อืม” ผมรับปากอย่างไม่ค่อยเต็มใจ “ถือว่ากูทำเพื่อมึงละกัน” ผมว่า “แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่ากูไม่ได้สนับสนุนมึงให้เป็นควาย มึงควายของมึงเอง”

นี่กะจะด่าอีกยาว แต่เสียงเคาะประตูห้องพักดังขึ้นซะก่อน เฟมเดินเข้ามาในห้องถือกระเช้าผลไม้ ท่าทางอิดโรยและดูเกร็งๆ

“พี่ติม เอ่อ หวัดดีครับพี่ตี้ พี่ติม… เป็นยังไงบ้างครับ”
เราสองคนไม่มีใครตอบ ทักทาย พูดหรือขยับ
“เพราะเฟมคนเดียวเลย พี่ติมถึงต้องเป็นแบบนี้ พี่ติมเจ็บมากไหมครับ”
น้องเดินเข้ามาที่เตียงแล้วร้องไห้ ส่วนไอติมมองตรงไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า
คือแบบ…
“เฟมขอโทษนะ”

“พี่ติมจะไม่พูดอะไรกับเฟมจริงๆ เหรอครับ”

ผมรู้สึกอึดอัดแทน กำลังจะอ้าปากบอกเฟมให้ค่อยมาใหม่ แต่ไอติมชิงพูดขึ้นซะก่อน

“ตี้ มึงออกไปก่อน แขวนป้ายห้ามรบกวนให้กูด้วย”
อ้าว ไอ้… เป็นกูซะงั้นที่ต้องออกไป เออ ใช่ซี้
“แล้ว… เรื่องนั้น กูฝากมึงด้วยนะ”

ผมกลอกตาแล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมปิดประตู

+++

เพิ่งจะโดนบอกเลิกไปเมื่อคืน มันไม่ง่าย ผมรู้ดี ในใจลึกๆ ก็หวังว่าสองคนนั้นจะกลับมาคบกันเหมือนเดิม เพราไอติมดูมีความสุขมากกว่าเวลาที่อยู่กับเฟม แต่ถ้าน้องแค่สงสาร หรือแค่ต้องการจะหลอกมันไปเรื่อยๆ อันนี้ไม่โอเคแล้ว

ผมค่อนข้างมั่นใจว่าไอ้เด็กวินต้องมีส่วนในเรื่องนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อาจจะเป็นคนยุแยง รวบหัวรวบหาง หรือบางทีทั้งสองคนอาจจะคบกันตั้งแต่แรกแล้ว แล้ว Open ความสัมพันธ์ไว้อย่างที่เซนเคยบอก ที่จริงจะโทษแต่พวกนี้ก็ไม่ถูก ไอติมก็โง่ โง่ทั้งหน้าทั้งสมอง บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นแล้วก็ได้ แบบว่าเป็น Lesson Learned ของมัน

ผมลงไปรับกุญแจจากแม่ไอติมที่กำลังกินข้าวอยู่แคนทีนคณะแพทย์ แล้วบอกพ่อกับแม่ว่ามีเพื่อนอีกคนที่เพิ่งมา อยู่คุยกับไอติม ดังนั้น ให้พ่อกับแม่พักผ่อนกันก่อนยาวๆ ไปเลย จากนั้นก็ขี่มอเตอร์ไซค์มุ่งหน้าไปยังคอนโดของไอติม หยิบของตามที่มันสั่งมาทางไลน์

Tee:    ยังไงเนี่ย กูเอาไปให้ที่โรงบาลเลยไม่ได้เหรอวะ เฟมยังอยู่กับมึงใช่ไหม เดี๋ยวกูกลับไปอีกรอบก็ได้
ผมไลน์ไปถาม
Itim:   ฝากเคาน์เตอร์โรงแรมไว้ดีแล้วมึง กูไม่อยากให้เฟมคิดว่ากูเอาของมารั้งเขาไว้
Tee:   เออๆ

ผมขี่มอเตอร์ไซค์ไปยังโรงแรมที่อยู่ไม่ไกลนักตามคำสั่ง ฝากของทั้งหมดไว้กับพนักงานต้อนรับที่ล็อบบี้ จังหวะนั้นเอง ที่ไอ้เด็กวิน เดินออกจากลิฟต์ พุ่งตรงเข้ามาหา

ตกใจจนเกือบจะวิ่งหนีแล้วนะ

“พี่ตี้… มาทำอะไรที่นี่เหรอครับ”
มันพูดกับผม ผมแกล้งทำมองไปทางอื่น
“พี่ตี้ ผม…”
“มาทำธุระ ไอติมให้เอาของฝากมาให้ คุณก็ไปรับที่เคาน์เตอร์เอาเองละกัน”
“ผมก็มีของฝากให้พี่เหมือนกัน อยู่ที่ห้อง เดี่ยวผม…”
“ขอบคุณ แต่ไม่เป็นไรดีกว่าครับ” ผมรีบปฏิเสธ “เอาไปให้คนอื่นเหอะ”
“พี่ตี้จะไปเยี่ยมพี่ไอติมไหมครับ ผมก็กำลังจะไปที่โรงพยาบาลพอดี”
“ไม่อะ ไปมาแล้ว” ผมตอบอย่างอารมณ์ไม่ดี ซึ่งก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ผมควรจะคีพคลามกว่านี้มะ “แต่ผมบอกคุณแล้วนี่ ว่าไม่ต้องไป”
“ผมเข้าใจครับ แต่…”
ขี้เกียจฟังคำตอบ คนเราถ้ามีจิตสำนึกพอน่าจะคิดได้เอง
“พี่ตี้ครับ เดี๋ยวก่อนครับ ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”
“เรื่อง?”
“ไปหาที่นั่งคุยกันก่อนไหมครับ”
“คุยตรงนี้ก็ได้ มีอะไรก็ว่ามาเลย”
“โอเค ก็ได้ครับ”

ไอ้เด็กวินทำท่าตะขิดตะขวง รู้สึกผิดสินะ เหอะ

“คือ ผมเห็นว่าเมื่อเช้านี้ พี่อันเฟรนด์ผมในเฟสบุ๊ค”
หืม เอาจริงดิ เรื่องนี้เนี่ยนะ
“ใช่ แล้วไง”
“ผมอยากรู้ว่าทำไม”
ผมยักไหล่แบบว่า อะไรของมึงอีก
“อันเฟรนด์คือ ไม่อยากเป็นเพื่อน ไม่อยากรู้จัก ก็ตามนั้น ไม่เข้าใจตรงไหนเหรอ”
ผมตอบไปตามตรง
“พี่ไม่ชอบผม ตั้งแต่เรื่องตอนนั้นนะเหรอครับ”
“พอได้แล้วไหม คุณจะมาเล่นแบ๊วอะไรอีก จะเอาอะไร เพื่อนผมก็เจ็บอยู่ไม่เห็นหรือไง ต้องใจร้ายขนาดไหนวะ งั้นคุณบอกเหตุผลผมมาสักข้อซิ ว่าทำไมเราถึงควรจะเป็นเพื่อนกันอีก”

ตอบไม่ได้ละสิ เพราะมันไม่มียังไงล่ะ!

“เข้าใจละ คนอย่างคุณคงไม่ชินกับการถูกปฏิเสธสินะ เรียกคุยแค่เรื่องเฟสบุ๊คเนี่ยนะ ถามจริง เป็นไรมากปะ”
“เปล่าครับ”
“หรือว่าคุณชอบผม”
ปากไวกว่าความคิด ถามเองยังตกใจเอง
“… เปล่าครับ”

... เออ รู้อยู่แล้วแหละ

“งั้นเราก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว ผมไปละ”
“พี่ตี้ครับ”
ผมหันกลับมามอง รอว่ามันจะพูออะไรอีก
“แล้วพี่ละครับ พี่ชอบผมหรือเปล่า”

ผมนี่ ใจหายวาบเลย แต่ก็ดึงสติขึ้นมาได้ แล้วแอคติ้งหัวเราะขื่นๆ

“คุณจะมาแคร์ทำไมว่าผมรู้สึกยังไง คนหล่อๆ อย่างคุณ ใครๆ ก็ชอบทั้งนั้นแหละ แต่ความหล่อมันไม่ใช่ทุกอย่างหรอกนะ”
“พี่แค่ตอบว่าใช่หรือไม่ใช่”
ใช่
“ไม่” ผมมองหน้าหล่อๆ นั้นตรงๆ “อย่าว่าแต่ชอบเลย ผมกำลังคิดหาวิธีอยู่ว่า ทำยังไงถึงจะไม่เกลียดคุณมากไปกว่านี้ ผมไม่ได้ชอบคุณ โชคดีแล้วที่ไม่ได้ชอบ เพราะแค่นี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงกับคนอย่างพวกคุณแล้ว”

ผมมองหัวจรดเท้า แล้วหันหลังให้

แต่เอาจริงปะ ถ้าใกล้กันกว่านี้อีกนิดเดียว ถ้าเขาดีกับผมกว่านี้อีกหน่อย …
ช่างเถอะ ก็ดีแล้วที่มันเป็นแบบนี้  เพราะคนอย่างเขาคงไม่มีวันชอบผมอย่างที่เขาบอกนั่นแหละ
ความรู้สึกในตอนนี้คือ ทั้งโล่งใจและน้อยใจในเวลาเดียวกัน

+++

ผมกลับไปที่โรงพยาบาลอีกทีในตอนค่ำ น้องเฟมไม่อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรไอติม เราแค่พยักหน้าทักทายกัน ไม่ได้พูดอะไร (สีหน้ามันดีขึ้นจากเดิม) เพราะมีคนมาเยี่ยมมันตลอดเวลาเยี่ยม

กลับเป็นผมซะทีอีกที่รู้สึกสะเทือนใจแปลกๆ

สิ่งที่ผมสงสัยมันคือเรื่องจริง คนที่เจ็บอย่างเห็นได้ชัดคือไอติม แต่สำหรับตัวเอง ผมไม่แน่ใจเลยว่าตัวผมมีสิทธิ์ที่จะรู้สึกอะไรไปมากกว่านี้ได้ไหม นอกจากความรู้สึกโกรธหรือเกลียดแทนเพื่อน ที่ถูกหักหลัง

มันไม่ยากหรอกที่จะยอมรับว่าตัวเองอกหัก
แต่คนอย่างผมมีสิทธิ์อกหักด้วยเหรอ มันไม่ตลกเหรอแบบ มโนไปเอง แล้วมาอกหักเอง

แต่ที่ผมรู้สึกเจ็บใจอยู่นี่ มันก็เจ็บจริงๆ นะ

กล้าไปชอบได้ยังไงวะ กล้าคิดได้ยังไงวะว่าเขาจะชอบมึงกลับ
เอาน่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้องรู้สึกแบบนี้ แล้วมันก็จะผ่านไป เหมือนทุกๆ ครั้ง
บางทีในอนาคตผมอาจจะโชคดี หรือฉลาดขึ้นกว่านี้ก็ได้
ผมอาจจะค้นพบวิธีเดินออกจากวังวนของการเป็นคนนอก ในเรื่องราวของคนอื่นเขา ซะที

หวังว่านะ

+++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2019 22:10:51 โดย bennietakky »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด