รับขนุนสักลูกไหมครับ ll ขนุนลูกที่ 27 (END) 16/07/2562
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รับขนุนสักลูกไหมครับ ll ขนุนลูกที่ 27 (END) 16/07/2562  (อ่าน 40004 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ขนุน
มัน
ร้าย
อย่า
ใว้
ใจ
ตา
ใสๆ
ที่
เห็น
เพราะ
มัน
หลอก
ตา
วง
วาร
พี่
คณิน

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

นี่เรามโนว่าพี่สาวคนนั่นคือแฟนเก่าพี่คณิน 55
ขำความนิสัยไม่เข้ากับหน้าของขนุน

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
พี่คนนั้นพี่ลูกตาลมั้ยอะ

ขนุนลูกกจะไปกดพี่เขาหรอ ไข่ดาววิ่งเข้าหายังจะล้มเลยนะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4



ขนุนลูกที่ 6





   ใครจะรู้ว่าฝันสลายกลางอากาศเป็นยังไง เมื่อจู่ๆ คนที่ชวนไปกินข้าวมื้อดึกอย่างคณินเป็นอันต้องเบี้ยวนัด ขนุนแทบแบะปากร้องไห้ลงแดดิ้นหลังจากไล่สายตาอ่านข้อความผ่านไลน์ หน้าเหวอๆ เหมือนโดนบอกเลิกกลางอากาศหันไปมองต้ากับนิวแววตาว่างเปล่า จนทั้งสองเกือบจะเข้าใจว่ามีใครตายเลยเข้าเขย่าตัวขนุนจนหัวโยกหัวคลอน ถามไถ่จนรู้จากปากเจ้าตัวว่าคณินยกเลิกนัด คนหมั่นไส้โบกหัวขนุนไปคนละทีแล้วหนีบคอไปซดก๋วยเตี๋ยวแก้โมโหหิว

   หลังจากกินเสร็จขนุนก็กลับหอมากับต้าและแยกย้ายกับนิวที่ไม่ได้อยู่หอเดียวกันระหว่างทาง ขนุนเดินไหล่ตกถอนหายใจเป็นวรรคเป็นเวรอย่างกับหมดอาลัยคนทั้งโลก

   “เดินดีๆ ขนุน มึงจะห่อตัวห่อไหลให้เป็นห่อหมกเลยรึไง แค่เขาไม่ว่างกะทันหันมึงก็เป็นเอามากนะ”ต้าส่ายหน้าโยกหัวขนุน แล้วคนตัวสูงกว่าก็ยืดแขนยาวกอดคอขนุนเดินเข้าลิฟต์ไป

   “ก็เกือบจะได้โอกาสเจอกันทั้งทีมันก็ต้องเฟลเป็นธรรมดาดิต้า เสียใจอ่ะ”

   “มึงก็รู้ว่าเด็กทันตะเขาเรียนหนัก ก็เข้าใจหน่อยดิวะไหนแล็บไหนสอบ ไหนจะต้องอ่านหนังสืออีก วุ่นชายฉิบหายกูเห็นมานักต่อนักทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องที่บ่นให้ฟัง”

   “มันก็จริง เราจะทำตัวงี่เง่าไม่ได้”

   “เดี๋ยวนะ! นี่มึงอยู่สถานะไหนครับ พูดอย่างกับเป็นแฟนพี่เขาไปแล้วอย่างนั้นแหละ วุ้!”ต้าส่ายหน้าควักกุญแจห้องรอเพราะประตูลิฟต์กำลังเปิด

   “ก็อนาคตไงต้า ดวงในมือถือเราส่งมาว่า เราจะได้โชคเป็นสัตว์สองเท้านะ อาจจะเป็นเนื้อคู่ว่ามั้ย”

   “มึงจะเสยผมทำหลอเชี่ยอะไร อย่าเพ้อเจ้อ สัตว์สองเท้าเดี๋ยวกูให้ตอนนี้เลยก็ยังได้ ไปนอนได้แล้ว! ถึงห้องมึงแล้วเนี้ยแหกตาดู หรือให้กูไปตบตูดกล่อมนอน”

   “ต้าก็ เราไม่เด็กแล้วนะ”เจ้าของปากชมพูยู่ปากจนอีกฝ่ายทนไม่ได้ต้องยื่นมือมีบีบปากเข้าให้จนร้องเสียงอู้อี้

   “สำออย! บีบนิดบีบหน่อยทำสะดิ้ง”

   “ปากไม่ฟูดูไม่น่าจุ๊บจะทำไงอ่า เรารักษาบำรุงทุกคืนเลยนะ”ขนุนแตะปากตัวเองเบาๆ แล้วเม้มเบาๆ เช็กดูว่ายังโอเคดีไหม

   “คร้าบบบบ ผมขอโทษครับ”ต้ายกมือไหว้ท่วมหัวเป็นเชิงหยอกล้อ ก่อนจะส่ายหน้าระอาใจ

   “จริงสิต้า พรุ่งนี้ถ้าเรานอนตื่นสายอย่าลืมมาปลุกด้วย”

   “ไม่! กู ไม่ ปลุก! ไปนอนได้แล้ว”ขนุนหันมายิ้มให้ต้าเพราะรู้ว่าต้าก็ปฏิเสธไปงั้นๆ ก่อนผลุบเข้าห้องตัวเองโบกมือลาแล้วปิดประตู ต้ามองประตูไม้ตรงหน้าถอนหายใจหนักๆ ยิ้มระอาให้กับประตูไม้ตรงหน้าก่อนเดินกลับห้องตัวเองที่ห่างไปเพียงไม่กี่ห้องในชั้นเดียวกัน

   ขนุนเดินเข้าห้องมาก็จัดการโยนกระเป๋าลงบนโต๊ะมุมห้องที่นั่งทำงาน เล่นคอมฯ กินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม สารพัดกิจกรรม แล้วไปสลัดชุดนักศึกษาออกตั้งแต่เสื้อยันกางเกง จนเหลือเพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อดูว่าพรุ่งนี้มีชุดใส่ไปเรียนพอหรือเปล่า แต่ก็เป็นที่น่ายินดีว่ามีเสื้อ แต่กางเกงนั้นกลับหมดเกลี้ยง ขนุนเลยเดินเกาพุงขาวๆ ที่ข่วนจนเป็นรอยแดงไปคุ้ยในตะกร้าผ้าซัก เพราะอยากจะขึงลมกางเกงสักตัวที่ดูสกปรกน้อยที่สุดเอามาใส่แก้ขัดไปก่อน เพราะหากจะซักคงแห้งไม่ทันใส่

   แต่ขณะที่รื้อกางเกงสแล็กสีดำขึ้นมาสะบัดนั้น เศษกระดาษหรือเรียกได้ว่านามบัตรใบหนึ่งก็ร่วงออกมาจากกระเป๋ากางเกง ขนุนก้มลงไปหยิบรีดด้วยมือให้เรียบนิดหน่อยก่อนจะอ่านชื่อเจ้าของบัตรที่ใช้ในการโฆษณาขายกระเป๋าแบรนด์เนมออนไลน์ออกเสียง

   “ลูกตาล...”

   ขนุนอ่านเสียงพึมพำเบาๆ ระลึกได้ว่าคือรุ่นพี่ผู้หญิงที่เจอกันด้วยอุบัติเหตุเมื่อวันก่อน ขนุนเพียงโยนนามบัตรใส่ไว้ในลิ้นชัก เลือกกางเกงที่มาใส่ในวันพรุ่งนี้ตากไว้ แล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ





   “กูไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้จะต้องมาส่องผู้ชาย”

   “ก็ประสบกการณ์ชีวิตไงนิว เอาน่า ไหนๆ ก็ยอมมาแล้วอยู่เป็นเพื่อนกันก่อนเหอะนะ จะให้เรามาเดินอยู่แถวนี้คนเดียวมันก็ยังไงอยู่”

   “แล้วมึงก็ลากพวกกูมาเป็นเป้าสายตาด้วยสินะ สัด!”นิวคนใจร้อนยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ยีหัวตัวเองเป็นรอบที่สิบ เพราะดันตกปากรับคำขนุนมาเดินทางมายังมหาลัยที่คณินเรียนอยู่ แถมพอเดินเข้ามาในส่วนที่เป็นพื้นที่ของคณะทันตะ ก็ตกเป็นเป้าสายตามองแปลกของผู้คนไปในทันที คงสงสัยว่าลิงสามตัวมาอยู่ที่นี่ได้ไง

   ทำตัวมีพิรุธกันสุดฤทธิ์ คนนึงเกาะเสาทางเดินหลังคาเชื่อมชะเง้อคอยาว ส่วนอีกคนหันมองสายขวาตาเลิกลักเพราะเกรงสายตาคนผ่านไปมา ส่วนอีกคนก็หน้าตาบึ้งตึงถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อย

   “มึงแน่ใจว่าพี่คณินเขานัดมึง ไม่ได้เบี้ยวเหมือนเมื่อวานอีก”ต้าเท้าสะเอวมองขนุนที่ชะเง้อคอยาวมองทางเหมือนเด็กไม่มีผิด

   “แน่ใจ เราคุยไลน์กับพี่คณินแล้วเมื่อคืน พี่เขาบอกว่าจะเรียนเสร็จหลัง 5 โมงเย็น บ่ายมีพรีคลินิกแต่อาจจะช้านิดนึง”

   “กูยืนรอจนขาตะคริวแดกแล้วเนี่ย”นิวบ่น

   “รอแป๊บเดียวเอง เดี๋ยวก็ออกมาแล้วพรุ่งนี้ก็จะไปค่ายคงไม่ได้เจอพี่คณินเขาตั้งสองสามวัน เดี๋ยวเราก็เป็นไข้ใจไม่สงสารเหรอ”ขนุนส่งสายตาวิงวอน

   “เออๆ จะรอแค่อีกครึ่งชั่วโมงนะ”นิวยื่นคำขาด ขนุนพยักหน้า

   “ขนุนกูถามจริงว่าที่พยายามติดต่อ พยายามตามพี่เขาแบบนี้มึงคิดจริงจังจริงๆ เหรอวะ”

   คนถามมองลึกเข้าไปในแววตาของขนุนที่หันมาสบตากับต้าสีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังก่อนขยับปากพูด

   “อะแฮ่ม!....บอกตรงๆ ตั้งแต่วันที่ได้พบเธอ ตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าเธอชื่ออะรายยยย ใจข้างในก็ยอมแพ้ แม้เธอไม่เคยบอก ว่าเธอคิดกับฉันว่ายังไง....”

   ปึก!

   “โอ๊ย!”

   “กูถาม! ไม่ใช่ให้มึงมาร้องเพลงเสียงเพี้ยนๆ ใส่หน้ากู”ต้าสับสันฝ่ามือลงกลางหัวทุยๆ ของขนุนที่ส่วนสูงน้อยหน้ากว่าตัวเองไปถึง 5 เซนอย่างเหลืออด คนถูกทุบลูบหัวตัวเองขมวดคิ้วยุ่งเป็นโบ

   “ก็เพลงมันได้อ่ะ นั่นบอกความรู้สึกเราทั้งหมดเลยนะ ความรู้สึกเราทุกอย่างมันกะทันหันจริงๆ ความรักก็เหมือนผี เวลาจะเข้าสิงใครจำเป็นต้องบอกเหรอ”

   “เปรียบเทียบได้สยองขวัญเหี้ยๆ ”นิวส่ายหน้าจิ๊ปากให้กับขนุน ที่เปลี่ยนอิริยาบถเป็นนั่งยองลงกับพื้นเฝ้าทางอย่างกับหมา

   “เราก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องสนใจพี่คณินขนาดนั้น แต่นิวกับต้ารู้มั้ยว่าเราไม่เคยรู้สึกใจเต้นแรงกับใครแบบนี้มาก่อนเลย มันเหมือนมีบางอย่างสะกิดใจเราให้สนใจเขาทั้งๆ ที่ไม่ต้องพยายามสั่งให้สมองเข้าใจว่าทำไมต้องเป็นคนนี้ มันเป็นเรื่องแปลกแต่จริงนะ อย่าถามเลยว่าทำไมต้องเป็นพี่คณินเลย เพราะเราเองก็หาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มายืนยันให้ไม่ได้หรอก”

   อีกครั้งที่ในคำตอบของขนุนไม่ได้มีความล้อเล่นมาเจือปน มันเป็นความใสของความรู้สึกข้างในจริงๆ

   “นิวกับต้าจะรังเกียจเรามั้ยถ้าเราจะชอบผู้ชายจริงๆ ”

   “มึงจะเป็นยังไงพวกกูไม่เคยรังเกียจ เข้าใจคำว่าเพื่อนจริงๆ รึเปล่าถึงถามพวกกูแบบนี้”

   “ก็มีหลายคนไม่ใช่เหรอที่รับเรื่องพวกนี้ไม่ได้”ขนุนกดสายตาลงต่ำมองพื้น ไม่ใช่ว่าไม่เคยรับรู้หรือไม่เคยเห็น ที่คนคิดต่างชอบต่างมักถูกเหยียด

   เหยียดโดยที่พวกเขาบริสุทธิ์ ไม่ได้ไปทำร้ายใคร

   “แต่พวกกูไม่ใช่หนึ่งในนั้น.....เข้าใจมั้ยห๊ะ”น้ำเสียงเข้มของนิวมาพร้อมกับมือหนักๆ ที่ยื่นไปยืดแก้มกลมๆ ของคนตรงหน้าอย่างมันเขี้ยว

   “เจ็บ เจ็บ เจ็บ เจ็บ....”คนถูกดึงแก้มครวญออกมาก่อนจะถูกยีหัวซ้ำจากต้าจนผมที่จัดทรงมาอย่างดีชี้โด่ชี้เด่ดูยุ่งเหยิง

   “เลิกดราม่าใส่พวกกูสักที มึงจะชอบหรือไม่ชอบอะไรก็แล้วแต่มึงดิ ใครว่าอะไรล่ะ เอาที่มึงสบายใจ”

   “พูดแล้วห้ามคืนคำ”

   “เออ”นิวขานรับขึ้นเหมือนจะไม่สนใจแต่ก็ต้องสนใจคนตรงหน้าอยู่ดี อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาให้กับท่าทางกระตือรือร้นออกนอกหน้าของขนุน

   “เรารักทั้งสองคนเลย”คนตัวเตี้ยกว่าอ้าแขนสองแขนกว้างแล้วโอบเพื่อนสองคนในกอดเดียว ทำเอาคนที่เดินผ่านไปมาไม่มองก็คงจะแปลกแล้ว

   “พอๆ อย่าดึงซีนเศร้า เชี่ยเอ้ยให้กูร้องไห้กับคำบอกรักมึงด้วยมะ”ต้าดันหน้าผากขนุนออกเอ่ยประชด ส่วนนิวก็แกะมือคนขี้อ้อนออก

   “เอาคำบอกรักของมึงไปบอกคนที่มึงชอบโน่น”ต้าบุ้ยหน้าไปทางด้านหลังของขนุน

   “พี่คณินมาแล้ว! ”พลันสายตาของขนุนหันไปมอง และหยุดอยู่ที่กลุ่มนักศึกษาชายสามคนที่เดินเรียงกันมา เรียกได้ว่าลมพัดใบไม่ปลิว การก้าวเท้าสม่ำเสมอแทบจะพร้อมเพรียง หากมีเพลงคงเหมือนเป็นการเปิดตัววงบอยกรุ๊ป แต่ที่ขนุนสะดุดตามากที่สุดก็คงจะไม่แคล้วเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาขาวใสใต้ตาคล้ำนิดๆ อย่างคณิน ถึงกับทำให้ขนุนพูดเพ้อออกมาตาปรือ

   “ยิ่งเราเห็นหน้าพี่คณิน เราก็ยิ่งอยากจะล้วง....”

   “เดี๋ยวๆ ล้วงเลิ้งอะไรของมึง!”ต้ายกมือปางห้ามญาติก่อนที่ขนุนที่หน้าตาใสซื่อจะพูดจาฟ้าผ่าออกมา

   “ล้วง? ก็ล้วงหัวใจเราให้พี่เขาไปต้มยำทำแกงน่ะสิ”ขนุนยิ้มตาหยี่ในแววตาซ่อนเร้นในสิ่งที่ไม่ใช่แค่หัวใจที่จะล้วงอย่างแน่นอน

   “แล้วไป”

    “แต่กูสงสัย สองคนนั้นใครวะที่เดินมากับพี่คณิน? ”นิวหรี่ตามองถามขนุนที่ส่ายหน้างงๆ เหมือนกัน

   “ไม่รู้สิ คงจะเป็นเพื่อนพี่คณินล่ะมั้ง เห็นบอกว่ามีเพื่อนสนิทสองคนชื่อพี่โจมกับพี่วิน”

   ต้ากับนิวพยักหน้า ขนุนเดินเข้าไปหาคณินที่ฉีกยิ้มขึ้นเมื่อเห็นว่าใครมา รอยยิ้มอบอุ่นที่ดูสุภาพบวกกับชุดนักศึกษาทันตแพทย์ยิ่งทำให้เข้ากับบุคลิกหล่อเหลาได้ไม่มีที่ติ จนทำให้ขนุนถึงกับเผลอทาบมือขาวไปบนตัวเสื้อที่คณินใส่อยู่แล้วเอ่ยปากชมด้วยสีหน้าชื่นชม

   “มองยังไงผมก็ชอบ.....ชอบชุดพี่คณินแบบนี้มาก ดูดีจังครับ...”พูดไม่ทันไรมือยาวๆ ของนิวก็เกี่ยวคอเสื้อของขนุนให้ถอยห่าง ไม่ห้ามเดี๋ยวมันจะเกินงาม

   “มึงทักอย่างเดียวมือไม่ปลาหมึกได้มะ”นิวพูดลอดผ่านซี่ฟันแต่ตายังยิ้มให้กับรุ่นพี่ต่างมหาลัยตรงหน้า

   “สวัสดีครับผมต้า แล้วก็นิวเป็นเพื่อนขนุน ผมกับพี่เราเคยเจอกันครั้งก่อนหน้านี้แล้วจำได้ไหมครับ”

   “อ้อพี่จำได้ เราที่เจ้าฟางที่ติดต่อเรื่องไข่ดาวให้ใช่มั้ย”

   “ครับ ฟางเป็นรุ่นน้องแต่เรียนที่นี่ บ้านใกล้กันเลยรู้จัก”

   “งั้นเหรอ ครั้งก่อนขอบใจมากนะ”

   “ครับ”

   “จริงสิ ลืมแนะนำไปเลย สองคนนี้เพื่อนพี่นะ”คณินบุ้ยหน้าไปให้รู้จักกับอนาวินและโจมที่ยืนอยู่ข้างๆ ให้แนะนำตัวทำความรู้จักกันเอง

   “พี่ชื่ออนาวิน เรียกวินเฉยๆ ก็ได้”

   “ส่วนพี่ชื่อโจม ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

   “ขนุนใช่มั้ย ที่อุ้มไข่ดาวไปอ่ะ?”อนาวินทักทายเจ้าของดวงตากลมใสที่ยิ้มน้อยๆ

   “คะครับ”

   “อา.....คนนี้นี่เอง หน้าตาน่ารักนะเรา แต่ได้ขาวว่าเมาเอาเรื่อง”อนาวินพูดหยอกล้ออย่างเป็นกันเอง มองขนุนที่ชำเลืองตามองคณินบ่อยด้วยสายตาเชื่อมอย่างกับเพื่อนของเขาเป็นขนมหวาน

   “ก็บางครั้งครับ แต่มีต้ากับนิวคอยดูอยู่เลยจะไม่ค่อยบ่อยนัก”ขนุนหันไปสบตากับต้าและนิว หันไปยิ้มแห้งให้กับวินที่รู้เรื่องราวของตัวเองมาบ้างแล้ว

   “ตอนนี้อย่าเพิ่งคุยอะไรมากเลย กูหิวแล้วเนี้ย พวกน้องไม่หิวรึไงครับ? ”โจมท้วงขึ้นยกมือลูบท้องตัวเองตัดบทสนทนา

   “นั่นสิ พวกขนุนอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย ว่าไงต้า นิว? ”คณินหันไปถามความเห็นรุ่นน้อง

   “พวกผมกินง่ายอยู่ง่าย อะไรก็ได้ครับ”

   “งั้นไปชาบู กูอยากกินปูอัด”อนาวินเสนอ ทุกสายตาหันไปมองเหมือนตำหนิ

   “ปูอันเซเว่นก็มีขายมะ”โจมกระทุ้งศอกเพื่อนตัวเองที่ทำตัวเหมือนดั่งสุภาษิตที่ว่า ฆ่าช้างเอางา ยอมเสียค่าหัวแพงๆ เพื่อไปกินปูอัดไม่กี่ชิ้น

   “ก็ดีนะครับ ผมก็อยากกินอยู่พอดี”

   “งั้นก็ชาบู”คณินตอบรับ

   “ทีกูล่ะแม่งขัดจัง ทีน้องนุ่งนี่ยอมตลอด”อนาวินแซวคณินที่ทำเป็นไม่ได้ยินและเกาะไหล่ขนุนเดินนำ คนถูกจับนิดแตะหน่อยอย่างขนุนถึงกับเอี้ยวหน้ามองหลังไปยังนิวและตาแล้วยิ้มหน้าชื่นอย่างเนียนๆ

   “มึงบอกกูทีว่าไอ้ขนุนไม่ใช่เพื่อนกู”นิวถอนหายใจบ่นกับต้ากระปอดกระแปด

   “ไปครับ ไม่ต้องเกรงใจมื้อนี้พวกพี่เลี้ยงเอง”อนาวินที่เดินตามหลังมาแตะบ่าของนิวกับต้าคล้ายดันให้เดินร่วมกันไป

   “เอ่อ.....พี่วินครับ”ต้าอึกอักเหมือนจะพูดบางอย่าง

   “หืม?”

   “ถ้าเพื่อนผมมันวอแวเพื่อนพี่หนักไปก็ขอโทษด้วยนะครับ พอดีขนุนมันขาดความอบอุ่น”

   อนาวินหัวเราะไม่คิดอะไร “ก็ดีแล้ว” แค่เห็นสีหน้าขนุนก็รู้แล้วว่ารายนั้นดูจะถูกใจเพื่อนเขาเป็นพิเศษ อนาวินก็อยากให้เพื่อนอย่างคณินเดินออกมาจากโลกสีเทาๆ เสียที ชีวิตจะได้มีสีสันบ้าง เลิกยึดติดกับอดีตพังๆ เพราะความรักที่ไปไม่สวยซะที

   “เมื่อกี้พี่พูดว่าอะไรนะครับ?”

   “ไม่มีอะไร ไปเหอะสองคนโน้นไปไกลแล้ว”อนาวินขยิบตาให้ต้าอย่างเป็นกันเอง ทำเหมือนเมื่อครู่แค่เผอเรอออกมาซะอย่างนั้น




ร้านชาบู

   หม้อใบกลมที่แบ่งออกเป็นสองฝั่งด้วยน้ำซุปสีดำและน้ำต้มยำรสแซ่บ ควันสีขาวที่ลอยฟุ้งไปในอากาศหายวับไปกับตาแทนที่ด้วยกลิ่นหอมของน้ำซุปและบรรดาเนื้อและผักที่ถูกเทลงไปในหม้อเพื่อต้มรวมกันให้ทันใจคนกิน ไม่นานของที่ถูกเทลงไปก็ถูกคีบตักใส่จานและราดด้วยน้ำจิ้มสุกี้รสเด็ดของร้าน ตักเข้าปากเคี้ยวแล้วกลืนลงท้องอย่างไม่มีใครยอมใคร คอนโดภาชนะที่ใส่วัตถุดิบถูกกวาดลงหม้อจนเกลี้ยงซ้อนสูงนับสิบชั้นจนพนักงานต้องมาเก็บกลับไปอยู่หลายรอบ
 
   การพูดคุยในช่วงต้นระหว่างรอน้ำซุปเดือดและก่อนของที่สั่งจะมาก็ทำให้พวกขนุนและคณินสนิทสนมกันได้ในระดับหนึ่ง ช่องว่างระหว่างอายุและความเป็นรุ่นพี่ก็ค่อยๆ ลดลง การพูดคุยถูกคอมากขึ้น กระทั่งของทุกอย่างมาเสิร์ฟบทสนทนาจึงสั้นลงเพราะมัวแต่วุ่นอยู่กับมื้ออาหารตรงหน้า แต่ก็นับว่าเป็นมื้อสานสัมพันธ์ฉันพี่น้องโดยแท้ ดูได้ไม่ยากจากคณินกับขนุนเป็นตัวอย่าง

   “พี่คณินกินกุ้งไหมครับเดี๋ยวผมแกะให้”

   “มา พี่แกะให้เองดีกว่า”คณินคีบกุ้งที่อยู่ในจานขนุนมาไว้ในจานตัวเองก่อนจะยอมมือเปื้อนแกะเปลือกกุ้งให้แล้วส่งกลับไปให้ขนุน

   “ขอบคุณครับ”คนถูกเอาใจยิ้มหน้าบานคีบกุ้งใส่ปากเคี้ยวจนแก้มตุ่ย

   “อันนี้อร่อยนะครับพี่คณินกินดู”ขนุนคีบหมูสามชั้นสไลด์แบบบางที่ไม่มีอะไรพิเศษนอกจากความรู้สึกของคนที่คีบให้ใส่จานคณินเป็นการตอบแทน

   “น้องขนุนครับ พี่ก็อยากกินแต่คีบไม่ถึงรบกวนหน่อยได้มั้ยครับ”โจมแทรกขึ้นเหมือนจงใจเรียกสองคนนั้นให้กลับเข้าสู่โลกที่มีเพื่อนและพี่นั่งหัวโด่ร่วมโต๊ะอยู่ด้วย

   “พี่โจมอยากกินอะไรครับ?”

   “อะไรก็ได้ครับ”

   แล้วขนุนก็คีบให้

   “ผักบุ้งไหมครับ บำรุงสายตา”

   “กูอยากทุบหน้ามึงมากไอ้ขนุน ลำเอียงสัดๆ อ่ะ”ต้ามองผักบุ้งในจานของโจมประท้วงให้กับความไม่ยุติธรรม และมองเนื้อในจานของคณิน เกิดอยากจุ่มหัวขนุนลงไปในหม้อชาบู

   นี่มันสองมาตรฐานชัดๆ !

   “ก็พี่โจมบอกว่าอะไรก็ได้ หมูยังไม่สุกเลยจะกินได้ไงอ่ะ”

   “มึงตักให้พี่คณินหมดต่างหาก พวกกูนั่งกินแต่ผักจนจะเป็นมังสวิรัติกันหมดแล้วเห็นมะ”นิวจิ๊ปากเหน็บแนมขนุนเปิดเผย อนาวินอดขำไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดของเพื่อนขนุน

   “เอ้าเหรอ ก็นึกว่าชอบกินแต่ผักกัน”

   “เอานาๆ ขนุนก็ไม่ต้องตักให้พี่แล้ว แค่นี้พี่ก็จะกินไม่หมดแล้วครับ”พูดไปคณินก็กวักมือเรียกเติมน้ำให้ขนุนแล้วเลื่อนแก้วให้

   “พี่โจมไมโกรธผมใช่มั้ยอ่า”ขนุนหันไปมองโจมที่ส่ายหน้ายิ้มๆ จะโกรธลงได้ยังไงเล่นทำสีหน้าที่ฆ่าไม่ลงแบบนั้น โจมก็รู้ว่าน้องไม่ได้ตั้งใจ แถมที่พูดให้ขนุนตักให้ก็แค่อยากจะแกล้งก็เท่านั้น

   “พี่ไม่ได้โกรธ คิดมากนา นี่มันบุพเฟ่นะครับน้องขนุน จะกินอะไรก็สั่งได้อีก อย่าวอรี่”

   “เห็นมะพี่โจมไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย นิวกับต้าอยากกินอะไรอีกเดี๋ยวเราสั่งให้”ขนุนหยิบกระดาษออเดอร์มาเตรียมจะสั่งเพิ่ม อนาวินโบกมือปฏิเสธเพราะเริ่มอิ่มเต็มทีแล้ว ส่วนต้าก็สั่งเพิ่มไปแค่เนื้อปลาส่วนนิวก็ลุกไปตักของหวานแก้เลี่ยนล้างปาก

   หลังอาหารคาวจบลงก็ตบท้ายกันด้วยของหวานเป็นไอศกรีม ช่วงเวลาของการเริ่มบทสนทนาจึงเริ่มขึ้นอีกครั้งแบบสบายๆ

   ขนุนไม่ลืมที่จะเล่าว่าพรุ่งนี้พวกเขาจะต้องออกค่ายอาสาร่วมกับรุ่นน้อง และอาจจะไปถึงสามวัน ประเด็นสำคัญไม่ใช่กิจกรรมที่จะนำเสนอต่อคณินว่าตัวเองทำอะไรบ้าง แต่ประสงค์หลักแค่อยากบอกคณินอ้อมๆ ว่า ตัวเองไม่อยู่อยากให้รู้ว่าควรจะนึกถึงกันบ้าง

   ขนุนถึงจะดูเหมือนไม่คิดอะไรท่าทางเปิดเผยทั้งความคิดและการกระทำ แต่บางครั้งความคิดก็ซับซ้อนจนเพื่อนอย่างต้าและนิวก็คาดไม่ถึงเช่นกัน

   หลังจากใช้เวลาอยู่ในร้านชาบูถึง 2 ชั่วโมงกว่าๆ ออกมาท้องฟ้าก็มืดสนิท คณินเห็นว่ามันค่อนข้างดึกแล้วเลยอาสาที่จะไปส่ง แต่ขนุนกลับยืนกรานว่าจะกลับกับเพื่อนเอง คณินเลยขัดไม่ได้แถมเจ้าคนตัวเล็กแต่ใจใหญ่ยังขออาสาเดินไปส่งคณินถึงรถที่จอดอยู่หลังร้านในพื้นที่ที่ทางร้านจำกัดไว้ให้สำหรับลูกค้า ส่วนต้ากับนิวก็บอกว่าจะคอยอยู่หน้าร้าน นั่นหมายความว่าเพื่อนทั้งสองรู้งานและรู้ใจขนุนเป็นที่สุด

   ทั้งอนาวินและโจมก็ขอเดินไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ คณินไม่ต้องรอเพราะขับรถแยกคันกันมา

   “พี่คณินพรุ่งนี้มีเรียนเช้าเหรอครับ”

   “อืม เช้าเกือบทุกวัน อย่างช้าก็เริ่มเก้าโมง ปี 4 ก็จะเริ่มมีเข้าคลินิกบ้างช่วงนี้พี่กำลังเก็บเคสทำฟันอยู่”

   “เหรอครับ แล้วแบบนี้ไข่ดาวตอนกลางวันไม่เหงาแย่เหรอ”

   “ก็คงจะเหงานั่นแหละ แต่พี่ก็มีเวลาให้แค่ตอนกลับบ้าน หรือบางทีก็ต้องเอาไปฝากเลี้ยงที่โรงแรมสัตว์เวลาพี่ยุ่งจริงๆ ”คณินเดินไปก็เล่าให้ขนุนฟังไม่ปิดบัง

   “เอ่อ.....ถ้าพี่คณินไว้ใจผม และไม่คิดว่าผมเป็นคนอื่นคนไกล.....คือว่า.....”ขนุนก้าวเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าคณินหลังจากที่เดินมาจนถึงรถปาเจโร่คันสีดำ ที่มีเจ้าของความสูงเหนือกว่าขนุนไปถึง 1 ช่วงบ่ายืนพิงประตูรถกอดอกตั้งใจฟังในสิ่งที่ขนุนต้องการพูด
 
   คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ดวงตาคู่คมสบตากับขนุน คณินมองคนตัวเล็กกว่าที่ขยี้ปลายจมูกตัวเองไปมาจนแดงเถือกมองดูตลกจนเผลอยิ้มออกมา

   “มีอะไรก็พูดมาครับ ขยี้จนจมูกเราแดงไปหมดแล้ว”แขนยาวๆ เอื้อมมือมาจับมือขนุนให้ลดจากใบหน้าดึงคนตัวเล็กกว่าให้เข้ามาใกล้อีกนิดทันทีที่มีรถขับผ่านหลังขนุนไป ระยะใกล้ใจทำเอาขนุนแอบหวั่น กลัวว่าจะเผลอปากลั่นพูดอะไรไม่เข้าท่าจนคณินกระเจิง ขนุนรู้ว่าความสัมพันธ์ที่ยืนยาวจะต้องค่อยเป็นค่อยไป และมีช่องว่างระหว่างกัน จึงได้แต่เก็บกลั้นความรู้สึกล้นปริ่มเอาไว้

   “ขอบคุณครับ ผมแค่จะบอกว่า ถ้าพี่ไม่ว่างดูแลไข่ดาว และพี่คณินไว้ใจก็มาฝากผมได้นะครับ”

   คนอาสาลูบแก้มผ่าวๆ ของตัวเองเบาๆ เดิมทีขนุนก็ไม่ได้รังเกียจสัตว์เลี้ยงออกจะชอบด้วยซ้ำแต่ติดตรงที่ว่ายังรับผิดชอบไม่พอจะดูแลมันทั้งชีวิต เรื่องช่วยดูแลไข่ดาวจึงกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยที่เต็มใจ แถมไข่ดาวยังน่ารักน่ากอดขนาดนั้น

   “ขนุนบอกว่าอยู่หอ เอาสัตว์เลี้ยงไปไว้ที่ห้องได้เหรอ”คณินเลิกคิ้วมองว่าคนตรงหน้าจะตอบว่าไง

   “ผมค่อนข้างจะสนิทกับเจ้าของหอน่ะครับ เลยไม่เป็นไร”

   “แบบนั้นพี่ว่าไม่ดีหรอก อย่าเลย”คณินปฏิเสธเสียงเรียบ ขนุนหน้าถอดสีไปเล็กน้อยก็รู้ว่าใครมันจะไปวางใจคนพร่ำเพรื่อให้ดูแล

   “.....ครับ”

   “เพราะว่าแบบนั้นมันรบกวนข้างห้องเขาน่ะ” พูดจบคณินก็เปิดประตูรถแล้วก้มลงไปควานหาอะไรสักอย่างโดยไม่สนใจสีหน้าของขนุน

   “.....”

   “แต่พี่ว่าวิธีของพี่มันโอเคกว่านะ ไม่รบกวนคนอื่น แต่ต้องรบกวนขนุนแล้วล่ะ”รอยยิ้มหยักจุดขึ้นที่มุมปากพร้อมจะกระชากหัวใจดวงน้อยๆ ของขนุนเหลือเกิน เมื่อคณินคว้ามือของขนุนขึ้นมาแล้วหย่อนโลหะสีเงินเย็นเยียบลงบนฝ่ามือของขนุน ขนุนซึ่งก้มมองสีหน้าประหลาดใจ

   “อะไรครับ?”

   “กุญแจสำรองที่บ้านของพี่น่ะ ถ้าอยากมาเล่นกับไข่ดาวก็มาได้ทุกเมื่อ แบบนี้เรียกว่าไว้ใจพอรึเปล่าครับ”

   ปากเล็กๆ เผยอขึ้นดวงตาเบิกโพลงนิ่งค้าง คณินหัวเราะน้อยๆ วางมือหนักๆ ลงบนกลุ่มผมสีบลอนด์ที่นุ่มละเอียดอย่างเอ็นดู ขยี้เบาๆ แล้วส่งรอยยิ้มนัยน์ตาเป็นประกาย ตอกย้ำให้ขนุนยิ่งรู้สึกว่า
.

.

   ถ้าไม่ใช่คนนี้ คงจะไม่ได้แล้ว
.
.
.
   ‘พี่ทำแบบนี้ ผมถือว่าพี่อ่อยผมแล้วนะครับ’   









ติดตามตอนต่อไป >>


ฝากน้องหนุนไว้เช่นเคยค่ะ  :hao5:
ช่วยเอ็นดูน้องหนุนด้วยนะคะ  :o8:



โดย หลานฮวา

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
อู้ววววหูววว อ่อยเบอร์แรง

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
พี่คนิณชักศึกเข้าบ้านแล้ว


ขนุนมันร้าย


อย่าใว้ใจเด็กแบ๊ว

55555555

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่มันอ่อยยย  :hao3:

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4



ขนุนลูกที่ 7



   มินิบัสคันเล็กที่เดินทางไกลจากภาคกลางลงสู่ภาคใต้และย้อนกลับมาเมื่อภารกิจค่ายอาสาเสร็จสมบูรณ์ ตอนไปแต่ละคนสีหน้าครื้นเครงเหมือนจะออกไปแตะขอบฟ้า แต่หลังจากกลับมาหน้าคล้ำแทบจะคลานลงจากรถด้วยความเหนื่อยล้า แต่ความเหน็ดเหนื่อยครั้งนี้ก็นับว่าเป็นประโยชน์ให้ใครหลายๆ คนได้ลงมือทำดีสักครั้งในชีวิต

   ไปอาบเหงื่อ ตากแดด คลุกฝุ่น เก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว
   
   “เป็นไงขนุน เหนื่อยมากมั้ย? ”เสียงใสๆ ของคนที่มายืนรอพวกเขาไม่ใช่ใครแต่เป็นจ๊ะเอ๋แฟนต้า สาวสวยคณะอักษรที่ปันจักรยานมาหาถึงหน้าคณะ

   “เหนื่อยนั่งรถซะมากกว่า ตูดชาไปหมดแล้ว”มือเล็กยกขึ้นขยี้ตาที่ดูเหมือนว่าจะนอนหลับไม่ได้สนิทสักเท่าไหร่ สังเกตได้จากถุงใต้ตาที่แปะอบู่บนใบหน้างัวเงียของขนุน

   “ดูแต่ละคนหน้าตาแขนคล้ำกันเยอะเลย ตากแดดกันทั้งวันป่ะเนี่ย? ”จ๊ะเอ๋พลิกท้องแขนของขนุนสำรวจด้วยความเป็นห่วงจนเคยชิน ลืมไปเลยว่าตัวเองมารอแฟนหนุ่มที่แทบจะไม่ชะเง้อมองหาแม้แต่น้อย

   “โอ๊ยยยยที่รัก เค้าไม่ไหวแล้ว อย่าเพิ่งถามอะไรเลยขอกลับไปนอนก่อนได้มั้ย”ต้าเดินตัวลอยมาแทรกกลางระหว่างขนุนกับจ๊ะเอ๋เรียกร้องความสนใจแล้วพักคางไว้ที่ไหล่บาง อีกฝ่ายลูบหลังให้เป็นกำลังใจจนเพื่อนพ้องเหม็นความรักแบะปากตาคว่ำกันเป็นแถว

   “กลับมาล่ะอ้อนจัง แฟนกูอยู่ไหนวะ! ไม่เห็นมารับบ้างเลยโว้ยยยย!”เสียงช้างที่เดินลงมาจากรถโวยวายประชดเพราะตัวเองยังหาแฟนไม่ได้ ตามหลังมาด้วยแจ็กเฮดว๊ากที่แบกสัมภาระของฝากลงมาเต็มไม้เต็มมือ บอกจะเอาไปฝากแม่กับน้องที่บ้านดูพะรุงพะรังเหมือนรถกับข้าวเคลื่อนที่

   “เค้าก็อยู่นี่ไงตะเอง ช่วยถือของเค้าหน่อยดิ ปวดแขนจะแย่แล้ว”แจ็กเดินมาสวมรอยแฟนจำเป็นของช้างให้ เข้าถูไถใบหน้ากับไหลล่ำๆ  ท่าทางแกล้งตุ้งติ้งทำเอาเพื่อนๆ รุ่นพี่รุ่นน้องป้องปากหัวเราะด่ากราดถึงความบัดสีบัดเถลิงและท่าทางออกสาวเกินหน้าเกินตา

   “อย่ามาคลอไอ้แจ็กกูร้อน สัด! แล้วไม่ต้องมาเนียนให้กูช่วยถือของด้วย ซื้ออย่างกับไม่เคยซื้อของ”

   “กูคนมีน้ำใจเว้ย เอาไปแจกทั้งนั้น”

   “ของแม่กับน้องมึงถุงเดียวป่ะ ที่เหลือน่ะของมึงทั้งนั้น”

   “แล้วทุกครั้งที่มึงมาห้องกู ก็มึงไม่ใช่รึไงที่แดกของกูเกลี้ยงเหมือนล้างตู้เย็น”

   “พวกมึงไปล้างตู้เย็นกันตอนไหน”

   “ไอ้สัดต้า!”ช้างคำรามขึ้นดันหน้าแจ็กให้ออกห่างอย่างรังเกียจขึ้นมา เมื่อถูกพาดพิงเรื่องเสียๆ หายๆ

   “สอนเราบ้างดิ ล้างตู้เย็นอ่ะ”ขนุนตาวาวขึ้น

   “กูไหวล่ะขนุน อย่าพูดแบบนี้ กูใจสั่นเพราะมึงหมด”ช้างเอามือทาบอกตัวเองกับท่าทีสนใจเรื่องใต้สะดือออกนอกหน้าของขนุน แม้จะทำใจมาบ้างแล้วแต่ไอ้ตาใสๆ ที่พูดเรื่องหลุมดำแล้วมันไม่ไหวกับใจช้างจริงๆ

   “พวกมึงอ่ะเลิกพูดมากแล้วไสหัวมาช่วยขนของลงจากรถก่อนดิ๊! ”นิวตะโกนมาจากข้างรถที่เปิดอ้าออกก่อนทุกสภาพร่างจะรีบกรูเข้าไปช่วยขนก่อนที่นิวคนหัวร้อน 2019 จะสำแดงอิทธิฤทธิ์

   หลังจากขนของและสัมภาระต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้านอย่างหมดสภาพ บ้างก็กลับหอไปพักผ่อนเอาแรงเตรียมมาเรียนในวันพรุ่งนี้ ต้าและขนุนยังคงกลับด้วยกัน และแยกย้ายเข้าห้องตัวเองเพื่อไปอาบน้ำพักผ่อน ขนุนโยนกระเป๋าและทิ้งตัวลงนอน เปิดแอร์เย็นฉ่ำอย่างที่ชอบ มือเอื้อมคว้าพวงกุญแจที่วางไว้ในโถแก้วบนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาดูแกว่งเล่นไปมากลางอากาศอมยิ้มอยู่คนเดียวอยู่หลายนาที

   “กุญแจสำรองที่บ้านของพี่น่ะ ถ้าอยากมาเล่นกับไข่ดาวก็มาได้ทุกเมื่อ แบบนี้เรียกว่าไว้ใจพอรึเปล่าครับ”

   ประโยคที่ดังขึ้นซ้ำๆ ในหัวมันทำให้ขนุนมีความสุขทุกครั้งที่นึกถึงเจ้าของกุญแจช่อนี้
 
   แก้มขาวที่คล้ำแดดขึ้นมาเล็กน้อยค่อยๆ จับตัวเป็นก้อนเมื่อเจ้าของปากชมพูฉีกยิ้มกว้างขึ้น แล้วกอดกุญแจในมือพร้อมกลิ้งไปมาบนเตียงหลายสิบตลบเพราะความมโนเก่งเกินตัว

   “ผมจะเก็บรักษากุญแจไว้เป็นอย่างดีเลยครับพี่คณิน”

   ขนุนม้วนตัวเขินอายอยู่คนเดียวสักพัก ก่อนจะเผลอหลับไปทั้งรอยยิ้มและไม่ได้อาบน้ำ เก็บเอาคณินเข้าไปอยู่ในความฝัน ขังไว้ในโลกที่ขนุนสามารถจินตนาการได้เท่าที่ต้องการ





   “โอ๊ย ปวดตัวไปหมด อยากจะกลับไปอาบน้ำแล้วล้มตัวลงนอนสุดๆ ”

   “มึงจะนอนก็อย่าลืมอาทิตย์หน้ามีสอบแล็บ 2 ตัว เลือกเอาว่าจะนอนหรือตายไปเลย”

   “คุณคณินครับ อย่าพูดเรื่องน่าสยองแบบนั้นตอนที่คนกำลังต้องการจะพักผ่อนจิตใจได้มะ” พูดแล้วอนาวินก็พรูลมหายใจออกจากปากยาวเหยียด “อาทิตย์นี้กูนอนรวมๆ ไม่ถึง 8 ชั่วโมงด้วยซ้ำ”

   “นี่แค่เบาะๆ กูเห็นรุ่นพี่ปี 5 แม่งผีดิบเดินได้อ่ะ กูชักหวั่นๆ เหมือนกันแล้วว่ะว่าจะมีชีวิตรอดมั้ย”โจมจกกระเป๋าเสื้อเดินนำไปยังตู้กดเครื่องดื่มดูโรยรา ก่อนจะกดซื้อน้ำชาเขียวผสมน้ำผึ่งมา 1 ขวด

   “พอๆ เลิกพูดเรื่องเรียนชั่วคราว”คนพูดแย่งน้ำจากในมือของโจมมากระดกแล้วส่งกลับให้เจ้าของ และหันไปมองคณินที่ยืนกดโทรศัพท์ “จริงสิ น้องขนุนของมึงหายหน้าไปหลายวัน ยังไม่กลับจากค่ายอีกเหรอวะ?”

   “กลับมาแล้ว”

   “รู้ได้ไง”โจมแกล้งถามเดินเข้าไปใกล้เพื่อนเกลอแล้วเอามือตะปบไหล่เบาๆ แอบเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ของคณินเนียนๆ

   “ขนุนไลน์มาบอกกูเมื่อเช้า แล้วบอกว่าจะเข้าไปเล่นกับไข่ดาวตอนบ่ายที่บ้าน แล้วกูก็ให้กุญแจสำรองไปแล้ว”คณินตอบออกไปไม่ปิดบังสีหน้าปกติสุดๆ แล้วหันไปพยักหน้าเป็นเชิงรับไหว้รุ่นน้องผู้หญิงที่เดินผ่านไปเป็นกลุ่ม ใครบ้างจะไม่รู้จักสมบัติของคณะอย่างคณิน ความดีงามและงานดีที่มีไม่กี่คนให้สาวๆ ได้ชุ่มฉ่ำหัวใจ แต่น่าเสียดายตรงที่คณินไม่ได้ชอบสังสรรค์เฮฮากับคนอื่นมากนัก ไปไหนมาไหนโดยส่วนใหญ่ก็มีแต่อนาวินและโจม นานๆ ครั้งถึงจะเข้าร่วมกิจกรรมใหญ่ๆ ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างงานบายเนียร์หรืองานเลี้ยงสายรหัสเท่านั้น

   ใครๆ ก็เลยลงความเห็นว่าสมบัติที่หาตัวจับยากรองจากดาวเดือนมหาลัยก็คือนายคณิน ดิเรกราชรังสรรค์นี่แหละ

   “ไปบ้านมึง? แล้วมึงยังให้กุญแจไปอีก! ”โจมหน้าเหวอๆ เมื่อได้ยินเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อนแบบนั้น ปกติเพื่อนรักอย่างคณินแทบจะไม่เปิดบ้านให้ใครเข้าไปยุ่มย่ามสักเท่าไหร่นักนอกจากพวกเขา หรืออดีตคนพิเศษอย่างลูกตาล

   “ทำไม? ”

   “มึงยังจะถามว่าทำไมอีก ปกติมึงไม่ชอบให้ใครมารุกล้ำความเป็นส่วนตัวไม่ใช่เหรอครับ แต่นี่ถึงกับให้ไปบ้านกูว่าไม่ธรรมดา ถามจริงนะเว้ย มึงชอบน้องขนุนขนาดนั้นเลย? ”อนาวินจ้องคณินตาเขม่น จับพิรุธเพื่อนสุดฤทธิ์สุดเดช

   “อย่ามองกูด้วยสายตาแบบนั้น กูคิดกับขนุนแค่น้องชายคนนึง มึงก็เห็นว่าขนุนเป็นเด็กคุยง่าย นิสัยน่ารัก พวกมึงยังชอบเลยไม่ใช่รึไง”

   “พวกกูไม่เถียง กูยกน้องหนุนเป็นเบสออฟเดอะบอยไปเลยก็ยังได้ มอบสายสะพายคล้องคอให้เลยเอ้า! แต่กูแค่ถามเพื่อความมั่นใจแค่นั้น ก็เห็นสนิทกันไวอย่างกับอะไรดีใช่มะไอ้โจม”อนาวินหาพวก

   “คิดมากแล้วพวกมึงอ่ะ”

   “เอาดีๆ นะเว้ยคณิน กูไม่ห้ามถ้ามึงจะเปลี่ยนใจจากน้องชายมาเป็นเมีย”อนาวินได้ทีแซวคณินสนุกปาก ปกติไม่มีเรื่องอะไรให้กระแนะกระแหนเท่าไหร่นัก แต่พอมีขนุนทุกอย่างมันดูสนุกไปหมด เพื่อนอย่างโจมกับอนาวินเลยมีเรื่องให้ล้อคนที่ใจแทบกลายเป็นหินให้ได้ร้อนตัวขึ้นมาบ้าง

   “มึงก็พูดดีๆ เดี๋ยวน้องเขาเสียหาย”คณินพูดเสียงเข้มละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์ที่กำลังคุยไลน์อยู่กับคนที่อนาวินนินทาลับหลังอย่างตำหนิ

   “ปกป้องว่างั้น? แหมรักน้องรักนุ่งจริงๆ แต่มึงลืมไปป่ะว่าขนุนเป็นผู้ชาย จะหวงอะไรปานนั้นครับ พวกกูก็พูดเล่นๆ ไปงั้น”โจมไหวไหล่กอดอกมองคณินที่ส่ายหน้าระอากับเพื่อนที่ชอบต้อนเขาให้จนมุมในเรื่องที่ไม่เข้าท่า

   ตอนนี้กับขนุนแล้ว.....คณินไม่ได้คิดมากไปกว่ารุ่นน้องคนนึง ความน่ารัก ความสดใสและบวกกับบุคลิกที่ตรงไปตรงมาทำให้คณินรู้สึกว่าเขาจะไม่เงียบเหงาอีกต่อไปถ้ามีขนุนเป็นเพื่อนอยู่เคียงข้างอีกคน

   และมันก็เป็นเรื่องแปลกที่คณินก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าขนุนไม่ใช่คนอื่นไกลมาตั้งแต่ต้น ไม่เคยรู้สึกว่าเป็นคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกัน แต่มันมีความรู้สึกผูกพันที่มากกว่านั้นอยู่ในความรู้สึก

   “กูจะกลับบ้านแล้ว หมดเรื่องจะแซวแล้วใช่มะ”คณินหันไปถามอย่างรู้ทันก่อนเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง

   “รีบเพราะน้องหนุนอยู่บ้าน? ”

   “อืม เห็นว่ากำลังรับศึกหนักกับไข่ดาว กูจะไปดูหน่อยชักเป็นห่วง”เจ้าของส่วนสูง 185 เซนติเมตรปัดปลายจมูกหลบสายตาอนาวินกับโจมเล็กน้อยก่อนจะขอตัวแยกออกไปทิ้งให้สองเพื่อนสนิททั้งคิด วิเคราะห์ แยกแยะกันสนุก
 
   “ไอ้โจม มึงคิดอย่างที่กูคิดหรือเปล่า B1”

   “กูก็คิดเหมือนอย่างที่มึงคิดแหละ B2 ”

   “กูว่าแม่งมันไม่น่าจะธรรมดาแล้ว”อนาวินกอดอกมองคณินที่เดินหนีไป ระหว่างทางก็มีสาวๆ แอบเหลือบสายตามองทำท่าเขินอาย กระซิบหยอกล้อกันเป็นเรื่องชินตา
   
   “แต่มันเสือกไม่รู้ตัวนี่ดิ กูล่ะสงสารน้องขนุนตงิดๆ ”

   “มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าน้องหนุนปลื้มมันขนาดไหน”

   “แล้ว.....กูกับมึงเมื่อไหร่จะเลิกเสือกเรื่องไอ้คณินแล้วกลับบ้านไปนอนสักทีวะ”

   “เออ จริง”
   




   เป็นเวลาประมาณ 6 โมงเย็นกว่าๆ ที่คณินขับรถจากมหาลัยเข้าไปยังหมู่บ้านที่ซึ่งเคยเป็นบ้านที่พ่อกับแม่อาศัยอยู่ร่วมกัน แต่หลังจากทั้งสองย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างจังหวัดหลีกเลี่ยงความวุ่นวายในเมืองกรุงฯ เมื่อหลายปีก่อน คณินก็เลยต้องอาศัยอยู่คนเดียวในบ้านหลังใหญ่ที่มีถึง 5 ห้องนอนไม่นับรวมห้องนั่งเล่น ห้องหนังสืออีก ก็นับว่าใหญ่ไปมากสำหรับการอยู่คนเดียว แต่เพราะมีไข่ดาวที่ช่วยบำบัดความเหงาได้บ้างคณินเลยชินที่จะอยู่คนเดียวกับอีกหนึ่งตัวแบบนี้

   ตั้งแต่เลิกกับลูกตาลไปเมื่อ 5 เดือนก่อน นับจริงๆ ก็ไม่ได้เร็วนักสำหรับคนลืมช้าอย่างคณิน เพราะหากเขาเปิดใจให้กว้างกว่านี้อีกนิดสาวๆ ที่รอแจกเบอร์หรือพร้อมจะยืนอยู่ข้างๆ ในฐานะแฟนคนใหม่ก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว

   ทันทีที่คณินมาถึงบ้าน กระทั่งนำรถไปจอดด้านในความเงียบที่ผิดปกติช่างย้อนแย้งกับแสงไฟภายในบ้านที่เปิดสว่างจ้าอยู่มาก ร่างสูงก้าวเท้าของเขาเข้าไปในบ้านตัวเองมองดูรองเท้าผ้าใบที่ถอดทิ้งไว้หน้าบ้านผ่านๆ และมั่นใจว่าเป็นของขนุน และในตอนนั้นคณินก็รู้ในทันทีว่าทั้งคนและหมานั้นหายไปอยู่ที่ไหน

   “โฮ่ง! โฮ่ง!”

   เสียงเห่าที่ดังก้องไปทั่วบ้านมาจากห้องน้ำที่อยู่ด้านในของตัวบ้านชั้นล่าง ภายในห้องน้ำขนาดกว้างกลับปรากฏร่างเล็กที่กำลังอาบน้ำให้เจ้าไข่ดาวอย่างทุลักทุเล ด้วยนิสัยของไข่ดาวที่ขี้เกียจอาบน้ำเป็นที่หนึ่งจึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับขนุนเลยแม้แต่นิดเดียว

   “ไม่ๆ ไข่ดาวอยู่นิ่งๆ เปียกไปด้วยเลยเนี้ย หยุดดิ้นได้แล้วนา!”

   เสียงดุที่แม้แต่เด็กก็ไม่กลัวทำให้คณินที่แอบย่องไปมอง อดที่จะหัวเราะไม่ได้

   สภาพดูแล้วไม่จืดทั้งคนทั้งหมา

   ในขณะที่ขนุนพยายามล้างแชมพูออกจากตัวไข่ดาว เจ้าหมาสุดแสบก็เล่นสะบัดขนซะจนฟองแชมพูกระจายไปทั่วห้องน้ำ กระเด็นลอยไปติดบนหัวขนุนก็ไม่เว้น แม้จะจับลงอ่างอาบน้ำแล้วแต่กลับยิ่งดูวุ่นวายเข้าไปอีก ยกแรกที่ขนุนพยายามอุ้มไข่ดาวยัดลงอ่างอย่าได้พูดถึง ทั้งยืดขาดันแขนขัดขืนสุดฤทธิ์อภินิหารเหลือล้น

   จะว่าน่าสงสารก็ใช่น่าหัวเราะก็ไม่เชิง

   สภาพขนุนตอนนี้คือเปียกมะลอกมะแลกตั้งแต่หัวจรดเท้า

   “จะเสร็จแล้ว อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวจะเช็ดตัวให้ พี่คณินกลับมาแกจะได้ไม่โดนดุที่เล่นซนจนเละเทะไปทั้งตัวขนาดนี้”

   ขนุนบ่นกับไข่ดาวเป็นวรรคเป็นเวร มือหนึ่งรั้งสายจูงอีกมือก็คว้าผ้าเช็ดตัวเอามาห่มให้เจ้าตัวหน้าขนที่เลียหน้าขนุนแผล็บๆ ขณะที่คนตัวเล็กพยายามห่อหมาให้เป็นแหนมแล้วอุ้มไข่ออกจากห้องน้ำพยายามไม่ให้ทุกอย่างเละเทะไปกว่านี้แล้ว แค่สภาพภายในห้องน้ำก็ราวกับสงครามเวียดนามครั้งที่ 2 ไม่มีผิด

   ทว่าจังหวะที่หันขนุนหันไปถึงกับสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นคณินยืนทนโท่อยู่หน้าห้องน้ำเงียบๆ หัวใจขนุนแทบกระโดดออกมานอกอก
 
   “พี่คณิน! กลับมาทำไมไม่ให้สุ้มให้เสียง ผมตกใจหมด”ขนุนพ่นพรูลมหายใจออกมา

   “เราเหอะ นี่ทำอะไรอยู่ตัวเปียกไปหมด”เจ้าของบ้านใช้สายตาสำรวจมองขนุนในชุดนักศึกษาที่หัวจรดเท้าลงมามีหยดน้ำเกาะชุ่มไปทั้งตัว

   “ผมแค่พยายามอาบน้ำให้ไข่ดาวแต่ว่า.....ผมทำดีที่สุดแล้วนะครับ”สายตาเว้าวอนพยายามบอกให้คณินรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยจริงๆ กับภารกิจนี้ คณินไม่ใช่ไม่รู้ว่าเจ้าไข่ดาวอาบน้ำยากเย็นแค่ไหน ขนาดเขาเองยังต้องเอาไปส่งที่ร้านให้ช่วยอาบให้นับประสาอะไรกับขนุนที่โดนเจ้าแสบเล่นงานจนเปียกไปทั้งตัวแบบนี้

   “อย่าทำหน้าเศร้า พี่ไม่ได้จะว่าเราแค่เป็นห่วงเฉยๆ ”คณินส่ายหน้ายิ้มๆ ให้ขนุนสบายใจ จังหวะนั้นไข่ดาวก็ดิ้นกระโดดออกจากผ้าที่ขนุนห่อไว้ ด้วยความตกใจเลยพยายามจะวิ่งไล่จับ แต่ทว่าคณินกลับคว้าแขนห้ามไว้ซะก่อน หากช้ากว่านี้คงได้เห็นภาพการ์ตูนเรื่องทอมแอนด์เจอร์รี่วิ่งวุ่นไปรอบบ้านแน่ๆ

   “ถ้าไม่จับไว้เดี๋ยวไข่ดาวทำพื้นเปียกนะครับ”ขนุนตาวาวมองเห็นไข่ดาวที่วิ่งปรู๊ดออกไปทางหน้าบ้านเหมือนกับบ้าคลั่งไปแล้ว

   “พื้นเปียกก็เช็ดให้แห้งได้ เราก็เหมือนกันตัวเปียกแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัด”คนตัวสูงยื่นมือมาขยี้ผมของขนุนที่เปียกชื้นให้สลัดน้ำออก คนถูกขยี้เส้นผมหลับตาปี๋ก้มหน้าจนคางชิดอก หัวใจดวงน้อยกำลังทำงานหนักขึ้นอีกครั้งก็เพราะสัมผัสที่อีกฝ่ายไม่ได้คิดอะไร

   “จริงๆ ผมก็ไม่ได้ตั้งใจให้เปียก แต่ฝักบัวมันสะบัดเพราะไข่ดาวจ้องจะงับฝักบัวอย่างเดียวเลย”

   “พี่รู้ เราน่ะไปเปลี่ยนชุดเถอะ เรื่องไข่ดาวเอาไว้ทีหลัง”ขนุนก้มมองชุดของตัวเอง

   “แต่ผมไม่มี.....”

   “ของพี่เราใส่ได้อยู่แล้ว”เจ้าของบ้านพูดเสร็จก็เปลี่ยนจากจับตรงท่อนแขนของขนุนเลื่อนลงมาจับตรงข้อมือเบาๆ แล้วดึงให้เดินตามขึ้นไปบนชั้นสอง

   ขนุนมองมือคณินที่กุมข้อมือตัวเองอึ้งๆ สัมผัสได้ว่ามือคู่นั้นทั้งใหญ่และอบอุ่นแค่ไหน ความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ กลับยิ่งทำให้หัวใจของคนคาดหวังจู่ๆ ก็เต้นเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว สายตาวิบวับเงยหน้ามองไปยังแผ่นหลังกว้างด้วยความรู้สึกตื่นเต้นไปซะหมด

   พี่คณินจับมือ! อยากตัดแขนเอาไปเก็บไว้จริงๆ ให้ตายเถอะ!

   “พี่คณินจะพาผมไปไหนครับ”

   “ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้องน้ำข้างล่างไม่ค่อยมีคนใช้พวกสบู่แชมพูเลยมีแต่ของไข่ดาว เรามาใช้ห้องน้ำที่ห้องพี่ข้างบนจะดีกว่า พี่จะได้หาชุดให้เปลี่ยนด้วย”

   “จะดีเหรอครับ”

   แบบนี้โคตรจะดีเลยครับพี่คณิน

   “ไม่ต้องเกรงใจหรอก”

   จริงๆ ไม่อยากจะเกรงใจหรอกครับ ได้เข้าห้องนอนพี่คณิน แล้วเมื่อไหร่จะได้เข้าไปอยู่ในใจพี่เขาสักทีนะ

   “ครับ”

   ขนุนใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำของคณินประหนึ่งเดินอยู่ในสวนวันเดอร์แลนด์หลังจากที่สลัดชุดเปียกๆ ชื่นๆ ของตัวเองออกก็ใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กพันรอบเอวพอเป็นพิธี ถ้าไม่อยากรู้อยากเห็นก็คงไม่ใช่ขนุน

   ดังนั้นแล้วขนุนเลยแอบสำรวจข้าวของเครื่องใช้ภายในห้องน้ำของคณินด้วยความสนใจ เดินไปมุมกระจกตรงอ่างล้างหน้าก็ไล่สายตาสำรวจไม้เว้นมีดโกนตลอดจนครีมโกนหนวดแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่หน้ากระจก ถัดไปก็เป็นโซนอาบน้ำ

   “ซืดดดด....หอมจัง”ขวดแชมพูออร์แกนิคที่ขนุนไม่คุ้นตาถูกเปิดฝาแล้วสูดดมเข้าเต็มปอด กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งขนุนเคยได้กลิ่นผ่านๆ แท้แล้วมีที่มาจากของใช้เหล่านี้

   ดูเหมือนการได้เข้ามาในโลกของคนที่ชอบ จะทำให้ขนุนมีความสุขเป็นพิเศษจนลืมเวลาไปซะสนิท คณินเห็นว่าขนุนเข้าไปนานและเงียบผิดปกติเลยเคาะเรียกถามไถ่ด้วยเป็นห่วง ตอนนั้นเองขนุนจึงได้เร่งอาบน้ำล้างตัวแล้วใส่เสื้อผ้าที่คณินเตรียมไว้ให้อย่างรวดเร็วก่อนจะออกมาท่าทีเก้ๆ กังๆ
 
   สาเหตุคงเพราะเสื้อผ้าที่สวมใส่ จะดมตรงไหนก็มีแต่กลิ่นของคนที่ชอบทั้งนั้น

   ตอนนี้ผมคงตายตาหลับแล้วจริงๆ

   “ถ้าอีก 5 นาทียังไม่ออกมาพี่คงได้พังประตูเข้าไปเพราะคิดว่าเราเป็นลมอยู่ในห้องน้ำแล้ว”คณินที่ยืนรออยู่หน้าประตูเดินเข้ามาหาขนุนทันทีที่อีกฝ่ายโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำ และต้อนรับด้วยการคลุมผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาวสะอาดลงบนหัวทุยๆ ของขนุนก่อนจะลงมือเช็ดผมให้เบาๆ

   คนถูกดูแลยิ่งกว่าแขก VIP ถึงกับเผลอมองใบหน้าอารมณ์ดีของคณินนิ่งค้างราวกับในห้วงวินาทีนั้นทุกอย่างหยุดการเคลื่อนไหว ความใจดีของคณินกำลังทำให้หัวใจของขนุนน้อยแทบจะระเบิดอยู่ตรงนี้

   “มะไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเช็ดเอง”ขนุนสบตากับคณินที่ขมวดคิ้วได้รูปเข้าหากัน และหยุดมือไว้ครู่หนึ่ง

   “พี่เช็ดให้เจ็บเหรอ? ”

   “ปะเปล่าครับ ไม่ใช่อย่างนั้น”

   ขนุนจะบอกได้ไงว่าขืนทำแบบนี้ต่อไปไม่ใช่แค่ใจที่พองโต แต่อย่างอื่นมันก็มีโอกาสโตเหมือนกัน

   “งั้นก็อยู่นิ่งๆ ไปครับ”ตบท้ายด้วยประโยคกระชากใจและรอยยิ้มดีต่อใจจนคนตัวเล็กกว่าแทบจะละลายหายไปตรงนั้น

   พี่คณินทำแบบนี้.....ผมจะไม่ไหวจริงๆ นะ

   ขนุนคร่ำครวญอยู่ในใจปล่อยให้คณินเช็ดผมให้อย่างกับเป็นไข่ดาวอวตารอีก 1 ตัว หนำซ้ำคณินยังลากขนุนให้ไปนั่งแหมะอยู่ตรงขอบเตียงแล้วเสียบสายไดร์เป่าผมจัดการเป่าแห้งให้ครบวงจรเข้าไปอีก

   ระยะห่างที่คณินยืนอยู่ตรงหน้ามันไม่ได้ไกลไปจากใบหน้าของขนุนเลยแม้แต่น้อย การขยับตัวไปมาสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าแม้จะเป็นเสื้อนักศึกษาทันตแพทย์ที่เห็นอยู่ แต่ขนุนก็กลับกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่จินตนาการไปถึงสิ่งที่อยู่ใต้ร่มผ้าจนหน้าแดงเปลี่ยนสี

   วันรุ่นสุขภาพดีและมีจินตนาการสร้างสรรค์อย่างขนุนก็คงไม่ยากที่จะคิดได้ไกลถึงนอกกาแล็กซี
 
   “เรานี่ก็ผมนุ่มดีเหมือนกันนะ”

   “เอ๊ะ? อาครับ”ขนุนมัวแต่หมกมุ่นจนตกสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคณินพูดขึ้น

    “ขนาดเราทำสีสว่างแบบนี้ก็ไม่เสีย ดูแลดีเหมือนกันนะ”

   “จริงๆ ผมก็ไม่ได้ดูแลมากหรอกครับ เรื่องสีผมต้ากับนิวบอกว่ามันน่าจะเหมาะกับตัวผม ผมก็เลยหลวมตัวไป ผมว่าจะเปลี่ยนไปทำเป็นสีธรรมชาติตามเดิมแล้วล่ะครับเพราะมันดูเด่นเกินไป”

   มือหนากว่าแตะลงบนกลุ่มผมสีบลอนด์สว่างและลูบไปมาเพื่อจัดทรงให้หลังจากเป่าแห้งเสร็จแล้ว คณินก็เคยเห็นคนที่ทำสีผมสว่างๆ แบบนี้มานักต่อนักไม้เว้นรุ่นพี่รุ่นน้องในมหาลัย แต่ก็ไม่เคยสะดุดตาและรู้สึกเลยว่ามันน่าสนใจมากกว่าที่คิด
 
   “ทำไมล่ะ พี่ว่ามันเหมาะกับขนุนนะ น่ารักดี”

   น่ารักดี!

   น่ารักดี!!

   น่ารักดี!!!

   แค่คำชมธรรมดาที่เคยฟังมาเป็นร้อยๆ ครั้งก็ไม่เคลิ้มดีใจเท่าครั้งนี้

   “ถ้าพี่บอกแบบนั้นผมจะทำสีแบบนี้ไปจนแก่เลยครับ”

   “เอาจริง? ”

   “ครับ…..เอาจริงๆ ไม่ล้อเล่น”ขนุนฉีกยิ้มประทุษร้ายในความหมายที่คณินพูดไปซะแล้ว

   “หัวล้านขึ้นมาอย่ามาโทษพี่แล้วกัน”คณินบีบปลายจมูกรั้นเบาๆ ก่อนจะเดินไปปลดปลั๊กไดร์เป่าผมและเก็บเข้าที่ ขนุนมองตามร่างสูงที่เดินไปมาให้ห้องราวกับตัวเองอยู่ในความฝัน อบอวลไปด้วยการมีตัวตนของคนที่หลงใหลได้ปลื้ม จนความรู้สึกเหล่านั้นกำลังล้นปริ่มออกมา

   “พี่คณินครับ”

   หัวใจของขนุนมันพองโต

   “ครับ”

   “คือว่า.....”

   ถึงจะรู้อยู่ผลอยู่แล้วก็อยากจะบอก

   “ผมชอบพี่คณินนะครับ”

   น้ำเสียงที่ฟังชัดเจนดังออกมาจากปากขนุน คณินที่ก้มอยู่แถวๆ ลิ้นชักเงยหน้าขึ้นมาใบหน้าแต้มไปด้วยรอยยิ้มละมุน เจ้าของร่างสูงผิวขาวท่าทีอ่อนโยนหัวเราะเบาๆ ให้กับคนตัวเล็กกว่าที่เดินมายืนอยู่ข้างหลังในชุดเสื้อแขนยาวมีฮูดกับกางเกงขายาวของคณินที่จ้องตาเขาเว้าวอนเหลือเกิน

   คณินเลยไม่ลังเลที่จะตอบกลับไปเช่นกัน

   “ครับ พี่ก็ชอบขนุนเหมือนกัน”มืออุ่นๆ เอื้อมมาวางบนหัวขนุนแล้วขยี้เบาๆ แล้วเลื่อนลงมาตบบ่าสองสามทีเบาๆ

   “เอ่อ.....”

   ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น.....

   “อ้อนแบบนี้หิวแล้วใช่มั้ย? งั้นออกไปหาอะไรกินกันก่อน ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง จะชวนนิวกับต้าออกมากินด้วยกันก็ได้นะ”

   “ก็.....ดีครับ”

   กร่อยกว่าน้ำบาดาลก็คือสีหน้าของขนุนในตอนนี้

   “ดูทำหน้าแปลกๆ เจ็บอะไรตรงไหนรึเปล่าครับ”

   “คือเหมือนมดจะกัดน่ะครับ”ขนุนแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ เกาไปที่อกซ้ายตำแหน่งหัวใจใบหน้าฝืนยิ้มสุดๆ

   “เอ๊ะ? ในห้องพี่มีมดเหรอ แต่แม่บ้านเพิ่งมาทำความสะอาดนะ สงสัยต้องให้มาทำใหม่อีกรอบ”

   จะบอกว่ามดตัวนั้นก็คือคนตรงหน้าก็ไม่กล้าพูดไป ดูเหมือนว่าอุปสรรค์ครั้งใหญ่คือกำแพงความรู้สึกของคณินนี่แหละ









ติดตามตอนต่อไป >>>



------------------------------

เป็นตอนที่ไม่รู้จะขำหรือสงสารน้องหนุนดี 5555+

อยากจะบอกว่าหนุนใจเย็นๆ ลูกกกกกก พี่เขาอาจจะยังงงๆ กับความรู้สึกของหนุนอยู่

ยังไงก็อย่าลืมมาลุ้นกันต่อในตอนต่อไปว่าน้องหนุนจะทำยังไงเพื่อพิชิตใจพี่คณิน

เห็นใสๆ แต่น้องหนุนก็วร๊ายใช่เล่นนะคะ รอออกลายกันต่อไป ฮ่าๆๆ

ใครเล่นทวิตเตอร์ ไปส่งเสียงเชียร์น้องหนุนกันได้ แฮชแท็ก #ขนุนอุ้มหมา ได้เลยค่า

แล้วเจอกันตอนหน้าค่าาาา


โดย หลานฮวา

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
พี่คณินตีทึนหรือไม่รู้จริงๆ 555

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4

ขนุนลูกที่ 8




   “ไอ้เหี้ยกูขำ ฮ่าๆ”

   เสียงหัวเราะครืนของช้างทำเอาลูกค้าคนอื่นๆ ของร้านไอศกรีมที่ฮิตติดตลาดมาอย่างยาวนานซึ่งนั่งอยู่โต๊ะถัดไปหันมามอง พนักงานสาวสวยที่ยืนแทคแคร์ลูกค้าก็ชะเง้อมองว่าเกิดอะไรขึ้น

   “โคตรตลกเลยว่ะขนุน กูยอมใจนับถือมึงเรื่องนี้เลย”แจ็กปาดน้ำตาที่ปริ่มอยู่ตรงหางตาเพราะหัวเราะมากเกินไปกับเรื่องสุดเฟลที่ขนุนเล่าให้ฟัง

   จะเป็นเรื่องไหนไปได้นอกจากเรื่องที่ขนุนบอกชอบคณินแล้วตบท้ายด้วยการถูกพาไปกินจิ้มจุ่มเพราะคณินคิดว่าเขาอ้อนเพราะหิว

   “เหี้ยเอ้ย! แบบนี้เขาเรียกว่ารุกมากลาภหายป่ะวะ”ช้างส่ายหน้าขำๆ ตักไอศกรีมรสมะนาวเข้าปากที่รสชาติเปรี้ยวจี๊ดแล้วยังไม่จี๊ดเท่าเรื่องของขนุน

   “ตอนนั้นหัวใจของเราเจ็บแปลบเลยอ่ะ เหมือนถูกฮุกเข้ากลางอก พี่คณินช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยจริงๆ ทั้งๆ ที่เราก็พูดออกไปซะขนาดนั้น”

   “กูบอกมึงแล้วใช่มั้ยว่าอย่าผลีผลาม แค่พี่เขาทำดีกับมึงหน่อยมึงก็อย่าไหลไปทั้งตัวสิวะ รู้จักมั้ย คำว่าหักห้ามใจ”

   “โถ่ต้า แต่ตอนนั้นมันได้อารมณ์มากเลยนะfeelingมาเต็มๆ เราเลยกล้าที่จะพูดแบบนั้นออกไปต่อหน้าพี่คณิน”

   “มึงจะอารมณ์มาเต็มแค่ไหน แต่มึงก็โพล่งทุกอย่างที่คิดออกไปไม่ได้เว้ย! ไอ้บักหำน้อย! ”นิวยื่นมือไปบีบปากชมพูที่หวานด้วยไอศกรีมรสวนิลาก่อนจะสะบัดทิ้งอย่างหมั่นไส้

   คนถูกรังแกนวดปากตัวเองเบาๆ เท้าคางวางช้อนถอนหายใจเฮือก แจ็กกับช้างที่นั่งอยู่ตรงข้ามเลิกคิ้วสูงหยุดอารมณ์ขำเมื่อเห็นว่าขนุนน้อยกำลังกลุ้มเรื่องรักๆ ใคร่อย่างจริงจัง คนเป็นเพื่อนจะอยู่เฉยได้ยังไง

   “นี่ขนุน กูจะบอกอะไรให้นะ พลังของความรักสามารถเปลี่ยนโลกได้ทั้งใบ จะไปกลุ้มใจทำไมกับแค่จะเปลี่ยนใจใครสักคน มันอยู่ที่ตัวมึงแล้วว่าจะล้มกี่ครั้งเพื่อไปถึงชัยชนะ จะสู้หรือขอยอมแพ้ คิดเอาง่ายๆ แบบนั้นแล้วกัน”

   แปะ! แปะ!

   เสียงปรบมือจากรอบโต๊ะดังขึ้นเมื่อช้างพูดจบ เจ้าตัวถึงกับโยนเชอร์รี่เข้าปากด้วยความเท่

   “กูไม่คิดเลยว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้มาจากปากมึง”นิวจิ๊ปากพยักหน้าให้กับความแน่ของช้าง

   “ถึงรูปจะชั่ว ตัวคล้ำ ต่ำตมในบางที แต่ใจช้างหล่อมากจริงๆ ”

   “เดี๋ยว! ขนุนนี่มึงกำลังชมกูป่ะ? ”

   “งงอะไร เราชมช้างอยู่นะที่ให้กำลังใจเรา”

   “เหรอ? ”คนอื่นๆ เม้มปากกลั้นขำกันสุดฤทธิ์ บทจะซื่อก็ต้องยกให้ช้าง บทจะปากร้ายเป็นกรดก็ต้องยกให้ขนุน

   “จริงดิ เราโชคดีจริงๆ ที่มาเดินเล่นเจอช้างกับแจ็ก กินเต็มที่เลยนะ แต่ไม่ต้องสั่งเพิ่มเดี๋ยวเราเลี้ยงเอง”ขนุนยิ้มได้กว้างขึ้น ส่วนคนถูกเลี้ยงไอศกรีมไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเปล่า

   จริงๆ แล้วทั้งสี่คนไม่ได้นัดกันมา ขนุนแค่จำเป็นต้องมาห้างสรรพสินค้าเพื่อมองหาของขวัญวันเกิดสักชิ้นให้กับแม่ของตัวเองที่กำลังจะถึงในอีกไม่กี่วันก็เท่านั้น หลังจากซื้อของเสร็จแล้วก็บังเอิญเจอช้างกับแจ็กแถวๆ เกมเซนเตอร์จึงชวนกันมาหาที่พูดคุยสบายๆ จนกลายเป็นว่าหัวข้อสนทนาจะเบี่ยงเบนไปในเรื่องของขนุนที่เกินจะต้านขำไว้ได้

   และช่วงหลังมานี้หลังจากไปค่ายอาสา อาจเพราะผลพวงที่ได้ทำงานร่วมกันมากขึ้นขนุน ต้า นิว แจ็กและช้างก็ดูเหมือนจะพูดคุยกันได้ถูกคอเป็นพิเศษ บวกกับทั้งสองก็ดูเป็นคนโผงผางและจริงใจ หลายเรื่องจึงคุยให้ฟังได้ไม่ตะขิดตะขวงใจมากนัก

   โดยเฉพาะขนุนที่ไม่ได้คิดจะปิดเรื่องส่วนตัวกับใครอยู่แล้ว เพราะยิ่งปิดก็มีแต่คนอื่นจะคุ้ย สู้เปิดเผยตรงๆ ไปยังดีเสียกว่าอ้อมค้อม อ้อมเมือง

   “เออจริงสิ นี่พวกมึงรู้รึยังเรื่องที่พี่ไม้จะกลับมาเรียนแล้ว”ช้อนด้ามยาวที่กำลังจ้วงตักไอศกรีมของขนุนเป็นอันหยุดชะงักเมื่อได้ยินสิ่งที่แจ็กพูดขึ้น

   “หายแล้วเหรอวะ เห็นว่ากันว่าแขนหัก”ต้าขมวดคิ้วเหลือบหันไปมองขนุนที่ตั้งใจฟัง

   “คืออย่างนี้ กูได้ยินไอ้พอสมันบอกว่าจริงๆ พี่ไม้ไม่ได้แขนหักตามที่ใครๆ เค้าลือกันหรอก แต่เพราะหัวแตกเย็บไปหลายเข็ม ไอ้ตรงที่ถูกเย็บแม่งต้องโกนผมทิ้งใช่มะ แล้วมึงลองนึกถึงขุนช้างที่ตรงกลางหัวผมหายดูดิ ใครมันจะกล้ามา เรียนวะ เสียฟอร์มไม่ว่า แต่ขายหน้าไม่ได้ไง”

   “อ้าว! แล้วที่ปล่อยข่าวว่าแขนหักก็โกหกกันอ่ะดิ”ขนุนวางช้อนแล้วพูดขึ้น ตอนแรกก็นึกเป็นห่วงแต่พอได้ยินเรื่องนี้จากปากของช้างก็รู้สึกตกใจขึ้นมา

   “มึงตกใจผิดเรื่องมะไอ้ขนุน เจ้าพ่อแทคแคร์ของมึงกำลังจะกลับมาแล้วนะเว้ย”ต้าเตือนความจำ
เพราะใครๆ เขาก็รู้ว่าไม้เอกรุ่นพี่ในคณะเล็งขนุนไว้ ไม่ประกาศบอกให้ใครรู้ก็พอจะรู้สึกได้
 
   “คราวนี้มึงก็หาเสาหลบให้ดี กูไม่ออกหน้ารับแทนให้หรอกนะ”นิวเอนหลังพิงพนักเก้าอี้กอดอกมองไอศกรีมที่ละลายในถ้วยแววตาไม่อ่อนโยน ขนุนรู้ว่านิวไม่ค่อยชอบไม้เอกสักเท่าไหร่ ปีหนึ่งคงจำฝังใจตอนเข้าค่ายรับน้อง ที่ถูกไม้เอกล้อว่าเป็นนิว 1 นิ้ว

   เชื่อเถอะว่าไม่มีใครภูมิใจกับขนาดแค่นั้น ซึ่งความจริงแล้วเป็นยังไงนิวก็ไม่ได้เฉลย แต่ที่รู้ๆ คือไม่เลือกต่อสู้แต่แอบต่อต้าน

   “ไม่เอานานิว เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ไม่ใช่เหรอ”

   “กูเลิกเป็นเพื่อนมึงตอนนี้เลยก็ได้ ถ้าต้องไปข้องแวะกับ.....”

   “มันก็ผ่านมาแล้วมึงก็เลิกฝังใจเหอะ มึงไม่ใช่นิว 1 นิ้วก็อย่าไปซีดิวะ พี่ไม้เอกก็แค่ล้อมึงเล่นป่ะ ใครๆ เขาก็มีฉายาตอนรับน้อง”แจ็กเอื้อมมาตบบ่าให้กำลังใจเพื่อนแต่ก็แอบขำอยู่ดี มันเป็นเรื่องดังมากเลยในตอนนั้น

   “งั้นต้า....ช่วยเราหน่อยนะ เป็นไม้กันหมาให้หน่อยก็ยังดี”

   “กูเป็นคน ไม่ใช่ไม้เว้ย!”

   “ใจร้ายอ่ะ ต้า.....ช่วยเราหน่อยนะ”ขนุนหันไปมองต้าตาสายตาเว้าวอน ปากเล็กเม้มสนิทเข้าหากัน หัวคิ้วได้รูปยกสูงชนชิด คนถูกสายตาอ้อนวอนสะกดจิตถึงกับต้องกระแอมไอ

   “แฮ่มๆ แจ็ก ช้าง พวกมึง.....”

   “พวกกูอิ่มแล้ว”ไม่ทันที่ต้าจะได้พูดอะไร คนไม่อยากข้องเกี่ยวก็รีบพูดตัดหน้าซะทันที ใครๆ ก็รู้ว่าการเข้าไปขวางคอรุ่นพี่ มันเป็นเรื่องหาเหาใส่หัว

   “เอาตัวรอดเป็นยอดคนนะขนุน มึงทำได้มาตลอดไม่ใช่เหรอ สู้ๆ นะเว้ย”แจ็กเอื้อมมือมาตบบ่าขนุน ยิ้มให้กำลังใจ จริงๆ ไม้เอกก็ไม่ได้เลวร้ายหรือน่ากลัวประหนึ่งอันธพาล แค่ทำตัวน่ารำคาญเพราะลูกช่างตื๊อก็เท่านั้นเอง หน้าตาจะว่าขี้เหร่ก็ไม่ใช่ออกจะดูดีมีสาวติดตรึมคงถูกต้องมากกว่า ที่ใครๆ ไม่อยากจะยุ่งเรื่องของขนุนเพราะระบบรุ่นพี่รุ่นน้องมันแรงการทำอะไรที่ไม่ให้เกียรติกันค่อนข้างจะเป็นดาบสองคม

   “พวกกูไปล่ะ ขอบใจที่เลี้ยงไอติม ไว้ครั้งหน้ากูเลี้ยงน้ำคืน”ช้างยกนิ้วก่อนจะดันแจ็กให้ลุกเดินออกไป แล้วหันมาขยิบตาให้ขนุนอีกรอบ

   ขนุนมองสองคนที่กุลีกุจอออกไป ปากพะงาบๆ เหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ทัน

   “ไปซะแล้ว”

   “ถ้าอิ่มแล้วก็กลับ กูขี้เกียจนั่งแล้ว”นิวลุกขึ้นพยายามหาเรื่องอื่นขึ้นมาพูดแทน ขนุนรู้ว่าถึงนิวกับต้าจะทำเป็นเมินเรื่องไม้เอกแต่พอเอาเข้าจริง ด้านหลังของสองคนนี้นี่แหละที่พอจะพึ่งได้

   และระหว่างที่ขนุนกำลังเดินพูดคุยกับเพื่อนทั้งสองหลังจากออกมาจากร้านไอศกรีม ดูเหมือนว่าความบังเอิญจะทำให้ขนุนต้องเดินชนไหล่เข้าให้กับใครคนหนึ่ง จนต้องหันไปพูดขอโทษด้วยความไม่ได้ตั้งใจ

   “ขอโทษครับ”

   “ขอโทษค่ะ อ้าว! นี่ขนุนใช่ป่ะ”เสียงแหลมเล็กชี้นิ้วมาที่ขนุน

   “พี่.....”ขนุนเพ่งสายตาระลึกว่าคนที่คุ้นหน้าเป็นใคร “พี่ลูกตาล!”

   “ใช่ๆ พี่เอง เป็นไงบ้างหลังจากวันนั้น ไม่ได้เคล็ดขัดยอกตรงไหนใช่มั้ย? ”

   “ไม่เลยครับ สบายมาก”ขนุนพูดคุยกับสาวตรงหน้าโดยที่นิวกับต้าได้แต่มองตาค้าง สงสัยไปหมดว่าคนที่ขนุนคุยด้วยเป็นใคร ทำไมถึงไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้ามาก่อน

   “ไอ้ขนุน ผู้หญิงสวยประดุจนางฟ้าคนนี้เป็นใครวะ ทำไมพวกกูไม่รู้จัก”นิวหนีบคอขนุนให้หันหลังไปแล้วรัวถามคำถามที่ค้างคาใจออกมาเสียงแผ่ว

   “อ้อ! ยังจำตอนที่เราบอกว่าเกือบโดนรถชนได้ป่ะ พี่ลูกตาลเป็นคนที่ขับรถวันนั้นแหละ”

   “เข้! ถ้าวันนั้นกูเป็นมึงนะจะไปนอนโรงพยาบาลให้เค้าแทคแคร์สักเดือนเลย”

   “บ้าน่ะต้า เราจะไปทำงั้นทำไม ไม่ได้เจ็บตรงไหนสักหน่อย”

   “มึงไม่ได้เจ็บแต่มึงโง่ไง”นิ้วจิ้มนิ้วไปที่หน้าผากขนุน ก่อนจะปล่อยให้หันกลับมาคุยกับคู่สนทนาต่อ

   “เอ่อ.....แล้วพี่ลูกตาลมาทำอะไรครับ เห็นเดินมาคนเดียว”

   “พอดีพี่มีนัดทานข้าวกับเพื่อนน่ะ ไปกินด้วยกันมั้ย? ”รอยยิ้มหวานเอ่ยชวน นิวกระทุ้งศอกขนุนเบาๆ เหมือนเป็นสัญญาณบางอย่าง

   “ไม่เป็นไรครับ ผมกำลังจะกลับแล้ว พี่ลูกตาลไปเถอะครับเดี๋ยวจะสาย”ขนุนฉีกยิ้มให้กับลูกตาล

   “โอเค งั้นไว้คราวหน้าถ้าเจอกันอีกไว้พี่จะเลี้ยงข้าวทำขวัญย้อนหลังแล้วกันนะ”

   “โอเคครับ”

   “อ้อ.....เพื่อนพี่มาพอดีเลย พี่ไปก่อนนะ ไว้เจอกัน”ขนุนมองเจ้าของร่างบางสมส่วนที่เดินด้วยรองเท้ากีฬายี่ห้อดังในชุดนักศึกษาท่าทาคล่องแคล่วยกมือขึ้นทักผู้ชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาหา

   “งานดีฉิบหายเลยสัด! กูว่านั่นไม่ใช่เพื่อนชัวร์ๆ ”นิวหรี่ตามองตามลูกตาลที่เดินหายลับไปตรงทางลงบันไดเลื่อนพร้อมกับเพื่อนชายที่ดูสนิทสนมเกินเหตุ

   “กูก็คิดเหมือนมึงนั่นแหละ”ต้าตอบนิวยกนิ้วขึ้นลูบคางสากๆ ไปมา

   “จะไปยุ่งอะไรกับพี่เค้า ไปเหอะกลับกันได้แล้ว”

   เป็นขนุนที่ต้องลากแขนของทั้งสองคนให้เดินหน้า ใครว่าผู้ชายไม่ขี้เสือกไม่จริงหรอกขนุนยืนยันได้







   เป็นเวลากว่าสองทุ่มครึ่งแล้วที่เจ้าของห้องสี่เหลี่ยมยังคงเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงนอนขนาด 5 ฟุตพร้อมกับอากาศที่เย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศที่ตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 20 องศา ในมือถือโทรศัพท์แนบกับใบหูเงยหน้าขึ้นมองเพดานห้องสีขาว พร้อมกับกรอกเสียงนุ่มนิ่มลงไปในสาย

   “แม่ก็รู้ว่าหนุนไม่ลืมอยู่แล้วล่ะครับ วันเกิดแม่ทั้งทีจะพลาดได้ยังไง ปีนี้แม่จะเชิญใครมาเป็นพิเศษรึเปล่าน๊า”

   [จะมีใครอีกก็แค่เราสองคนแล้วก็ป้าขิมก็พอแล้ว แม่แก่แล้วนะไม่ใช่เด็กๆ ที่ต้องทำอะไรให้วุ่นวาย แค่หนุนกลับมาแม่ก็ดีใจแล้วครับ]

   “แม่เหงามั้ย หนุนไม่ได้กลับบ้านตั้งหลายวันแล้ว มัวแต่ยุ่งๆ แถมเพิ่งกลับจากค่ายอีก”

   เนื่องจากบ้านขนุนที่อยู่ต่างจังหวัดห่างออกไปจากใจกลางเมืองกรุงฯ แต่ก็ไม่ได้ไกลมากหากนั่งรถก็แค่สองชั่วโมงกว่าก็ถึง แต่เพราะไม่อาจไปเช้าเย็นกลับได้ขนุนจึงต้องมาอยู่หอและได้ต้าเป็นเพื่อนข้างห้องและเพื่อนในคณะที่คอยดูแลช่วยเหลือกัน

   [ถ้าบอกไม่เหงาเราจะงอนแม่รึเปล่าล่ะ] น้ำเสียงหวานพูดหยอกล้อหัวเราะเบาๆ ให้กับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างอ่อนโยน

   “อาจจะงอนนั่นแหละ แต่แม่ครับถ้าเหงาจะหาพ่อใหม่ให้หนุนก็ไม่ว่านะ”

   [พูดอะไรน่ะหนุน แก่แดดจริงๆ นะเราเนี่ย]

   “ก็หนุนกลัวแม่เหงาจริงๆ นี่ครับ หนุนรับได้นะหนุนโตแล้วและรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่อยากให้แม่ต้องฝืนอยู่คนเดียวนะครับ หากมีใครสักคนที่พอจะอยู่ดูแลกันได้หนุนโอเคเลย”

   [หนุนครับ แม่มีหนุนคนเดียวแม่ก็มีความสุขแล้วนะ ไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่านี้แล้ว ถึงพ่อจะหนีแม่กับหนุนไปอยู่บนสวรรค์ซะก่อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อเราหอบเอาความสุขของแม่ไปด้วยซะหน่อยนี่ครับ แม่ยังมีหนุนทั้งคน]

   เสียงอ่อนฟังแล้วอบอุ่นใจพลอยให้ขนุนรู้สึกมีความสุขไปด้วย แม่ยังคงรักษาความสุขในส่วนนั้นไม่หล่นหาย แม้ว่าสองแม่ลูกจะไม่ได้มีทุกอย่างครบถ้วนอย่างครอบครัวอื่นเขา แต่ขนุนก็ยังมีแม่ที่รักและเข้าใจเสมอมา

   ทว่าบางสิ่งที่ขาดหายไป แม้จะพยายามเติมเต็มเท่าไหร่มันก็ไม่อาจทดแทนกันได้ แต่ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้าย ขนุนยังคงใช้ชีวิตอย่างตรงไปตรงมาและมีความสุขในทุกวันอย่างที่แม่เคยสอน
   
   “ใครจะไปรู้ล่ะครับ แม่อาจจะแอบมีใครในใจไม่บอกหนุนก็ได้”

   [จะไปมีได้ยังไง] เสียงขบขันในความคิดของลูกชาย ทำให้คนเป็นแม่อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

   “ก็ไม่แน่นี่ครับ แม่หนุนออกจะทั้งสาวทั้งสวย”

   [ชมแบบนี้จะอ้อนเอาอะไรครับ]

   “เปล่านะ”

   [ว่าแต่หนุนเถอะ แอบไปมีฟงมีแฟนแล้วไม่บอกแม่ด้วยรึเปล่า ไม่เห็นเล่าอะไรให้แม่ฟังบ้างเลยช่วงนี้] ขนุนได้ยินแม่พูดแบบนั้นก็นึกแปลกใจในเซ้นส์ความรู้สึกของแม่จริงๆ เดิมทีขนุนก็ไม่ได้ปกปิดเรื่องพวกนี้กับแม่ แต่เพราะไม่มีให้คุยเลยไม่ได้พูดถึง แต่หากล่าสุดเขาเองก็ยังไม่ได้บอกแม่เรื่องที่แอบไปปันใจให้คณินนี่สิ

   “ก็.....มีแล้วครับคนที่ชอบ แต่แม่อย่าเพิ่งคั้นหนุนนะ เพราะคนที่หนุนชอบเค้ายังมองไม่เห็นความรู้สึกของหนุนเลย”พูดไปขนุนก็ถอนหายใจ ใบหน้าของคณินที่ยิ้มละมุนมองเขาเป็นน้องชายที่แสนน่ารักกำลังลอยคว้างอยู่บนเพดานเต็มไปหมด

   [หนุนครับ ไม่ใช่ว่าหนุนไปทำอะไรให้เขาไม่ชอบใจหรอกนะ? ]

   “โถ่แม่ครับ หนุนไม่ใช่คนอย่างนั้นซะหน่อย เรื่องนี้ถ้าคืบหน้าหนุนจะรายงานแม่อีกทีนะครับ เพราะตอนนี้ไม่มีอะไรให้เล่าต่อเลยจริงๆ ”

   [ก็ได้ แม่ไม่คั้นหนุนหรอก ลูกชายของแม่จะมีความรักทั้งที]

   “ครับ แถมเป็นคนที่ใช่ เห็นแล้วหัวใจเต้นแรงเหมือนที่แม่บอกเลย”ขนุนดีดตัวลุกขึ้นนั่งหยิบหมอนเข้ามากอดเสียแน่น

   [ความรักต้องใจเย็น ไม่วู่วามและรีบร้อนนะครับหนุน] เสียงเตือนเบาๆ เหมือนเข้าไปนั่งในความคิดของลูกชาย

   “แหะๆ โอเคครับแม่”

   [นี่ก็ดึกแล้ว แม่ว่าเรานอนพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้มีเรียนอีกใช่มั้ยล่ะ แม่ก็จะทำบัญชีแล้วก็จะนอนแล้วเหมือนกัน] เพราะทางบ้านของขนุนที่มีแม่เป็นเสาหลัก รายได้ก็มาจากการขายผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและอาหารเสริม และเพราะประภัสสรแม่ของขนุนเป็นดาราเก่าที่ยังคงได้ออกสื่อบ้างเพื่อโปรโมทสินค้า รวมถึงฐานแฟนคลับและคนรู้จักในวงการยังมีอยู่มาก กิจการที่ทำอยู่จึงค่อนข้างไปได้สวย จึงมีสินค้ากระจายจำหน่ายไปทั่วประเทศ

   “แม่ครับ หนุนรักแม่นะ แม่พักผ่อนเยอะๆ อย่าทำงานหนักมากนะ บอกป้าขิมด้วยว่าหนุนคิดถึงเดี๋ยวอาทิตย์หน้าไปหานะครับ”

   [ครับ ฝันดีแล้วก็ตั้งใจเรียนนะหนุน]

   ทันทีที่สิ้นสุดการโทร ขนุนก็ล้มตัวลงนอนแผ่หลากางแขนกางขาอีกครั้ง ตำเตือนเบาๆ ของแม่ยังคงทำขนุนประหลาดใจไม่หาย

   “นี่แม่มีสปายสายสืบเรื่องเรารึไง ทำไมถึงรู้ได้นะ”








   “พี่ขนุน พอดีมีรุ่นพี่บอกน้ำให้เอาอันนี้มาให้ค่ะ”ผู้หญิงตัวเล็กแค่ค่อนข้างท้วมเดินมากับเพื่อนอีกสามคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี มาพร้อมกับยื่นกระดาษสีขาวที่พับไว้ บอกให้ขนุนรับมัน

   “รุ่นพี่? ใครเหรอน้ำ”

   รุ่นน้องเหมือนถูกสั่งมาเลยได้แต่ส่ายหน้าแล้วยิ้มอย่างเดียว

   “บอกไม่ได้ซะด้วย ใครวะ? ”ต้าเดินมาทางด้านหลังของขนุนก้มลงมองกระดาษในมือขนุนครุ่นคิด

   “น้ำกับเพื่อนบอกไม่ได้จริงๆ ค่ะ ขอโทษด้วยนะพี่”

   “อื้ม ไม่เป็นไร”ขนุนพยักหน้าเข้าใจ เพราะหากเขาเปิดมันออกอ่านก็คงรู้ล่ะว่าใครส่งมา

   “พี่ขนุนคะ”

   “ครับ? ”ขนุนเลิกคิ้วขานรับยิ้มกว้างอย่างที่เคย

   “เปล่าค่ะ แค่จะถามว่า น้ำเห็นพี่ขนุนลงรูปหมาในไอจี ใช่ตัวที่พี่ตามหาเจ้าของป่ะคะ”ที่หมายถึงคงจะเป็นรูปเมื่อก่อนหน้าที่ขนุนไปบ้านของคณินและเล่นกับไข่ดาว เพราะความน่ารักขนุนเลยถ่ายรูปไข่ดาวแล้วอัปลงไอจีเล่นๆ แต่ไม่คิดว่าจะมีใครมาถามถึง

   “ไข่ดาวน่ะเหรอ อืมใช่ น่ารักใช่มั้ยล่ะ”ขนุนฉีกยิ้มให้รุ่นน้องที่พยักหน้าเห็นด้วย แล้วพากันสะกิดกระทุ้งศอกกันไปมาเหมือนมีเรื่องอยากจะพูดต่อ แต่กำลังหาคนกล้าในกลุ่ม

   “เอ่อ.....แล้วตกลงเจ้าของหมาใช่คนที่ชื่อ พี่คณินที่เรียนทันตะป่ะคะ? ”เพื่อนของน้องน้ำที่สวมแว่นตากรอบกลมรับกับใบหน้าดันขาแว่นขึ้นลงถามไถ่ด้วยความอยากรู้ ท่าทางตื่นเต้นกันน่าดู

   “เอ๊ะ? พวกน้องรู้จักชื่อพี่คณินได้ไง”ต้าถามออกไปเพราะตั้งแต่วันที่คณินมารับไข่ดาวไป เขาก็ไม่ได้มาที่นี่อีกเลย

   “พอดีพวกหนูชอบส่องพวกเพจ Handsome guy” พูดไปน้องคนที่ใส่แว่นก็บิดเขิน “ในเพจมันมีภาพพี่คณินอยู่ด้วยพวกหนูเลยจำได้ ก็เลยอยากมาถามเพื่อความแน่ใจ”

   “ก็.....อาจจะใช่คนเดียวกันมั้ง พี่เองก็ไม่เคยเห็นภาพในเพจที่พวกน้องๆ ชอบดูกัน”ขนุนยกมือขึ้นเกาแก้มตัวเองเขินๆ เมื่อรู้ว่าคณินก็เหมือนจะป๊อปในหมู่สาวๆ ไม่น้อย

   “ถ้ายังไง ฝากบอกพี่คณินด้วยนะคะว่าพวกหนูปลื้มพี่เค้ามาก”ท่าทางเหมือนเจอดาราทำเอาขนุนถึงกับเงอะๆ งะๆ กับความติ่งจ๋าของพวกรุ่นน้องในคณะทันที

   “ถ้าใช่คนเดียวกัน พี่จะบอกให้”

   “ขอบคุณมากค่ะพี่ขนุนอุ้มหมา”

   แล้วพวกนางๆ หนูๆ ทั้งหลายก็ลั้นลาจากไปโดยแปะแฮชแท็กทิ้งไว้ให้ขนุนซะด้วย ขนุนส่ายหน้าไม่คิดว่าจะยังมีใครจำเรื่องไร้สาระอะไรแบบนั้นอยู่อีก

   “ไม่คิดมาก่อนเลยว่าพี่คณินจะเป็นที่รู้จักขนาดนี้”ขนุนพลิกกระดาษในมือไปมาแต่ยังไม่เปิดอ่าน ก่อนจะหาที่นั่งในโรงอาหารเพื่อหาข้าวเที่ยงกินหลังจากเลิกคลาสเรียนรวม

   “ก็เขาหน้าตาดีขนาดนั้นกูไม่สงสัย”

   “แล้วเราหน้าตาไม่ดีพอเหรอ”ขนุนทำตาแป๋วถามความเห็นเพื่อนทั้งสองที่หัวเราะออกมา

   “มึงไปเพจ Cute boy โน่นไป Handsome guy ไม่มีที่ยืนสำหรับมึงหรอก”

   หลังจากพูดคุยกันพอสนุก ช่วงเวลาหาโต๊ะนั่ง ห้ำหั่นกับความหิวโหยของนักศึกษา กับฝ่าคนแน่นไปซื้อข้าวแกงก็ใช้เวลาไปไม่น้อย ก่อนที่ทุกอย่างตรงหน้าจะถูกเคลียร์จนจานข้าวว่างเปล่า กวาดเข้าท้องเกลี้ยงจนคุ้มค่าเงินที่จ่าย

   “มึงเปิดจดหมายดิ๊ไอ้ขนุน กูอยากรู้แล้วเนี้ยว่าใครส่งมา อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะ กูอยากเสือกว่ะ”

   นิวเหวี่ยงตัวมานั่งเบียดขนุน รินน้ำเปล่าใส่แก้วให้กับคนที่เพิ่งกินข้าวเสร็จ แล้ววาดแขนขึ้นวางบนไหล่ของคนตัวเล็กกว่าที่กระดกน้ำเปล่าเข้าปากกลืนลงคอไปหลายอึก

   ขนุนคาดคะเนอยู่ในใจแล้วว่า บางทีสิ่งที่เขาได้มาไม่ควรจะเปิดอ่านก็ได้ มันเหมือนมีอะไรบางอย่างบอกเตือนอยู่ข้างใน ขนุนเลยทำเป็นเมินเฉยเก็บกระดาษใส่กระเป๋าแล้วกินข้าวให้อิ่มก่อนที่จะกินอะไรไม่ลง แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ขนุนเลยตัดสินใจคลี่กระดาษออกแล้วหันไปให้ทั้งสองอ่านโดยตัวเองรอลุ้นจากสีหน้าของทั้งสองแทน

   ความนิ่งเฉยของนิวกับต้าเกิดขึ้นครู่หนึ่ง ขนุนหันไปสบตากับต้าและนิวเบาๆ

   “ว่าไง? เป็นไงบ้าง? ”ไม่มีคำตอบใดๆ จากเพื่อนทั้งสอง มีเพียงฝ่ามือที่พร้อมใจกันวางแหมะลงบนหัวของขนุนแล้วลูบเบาๆ ประหนึ่งปลอบโยนด้วยแววตาเห็นใจ

   “มานี่มาไอ้ขนุน”ต้ายื่นท่อนแขนกว้างเข้ากอดขนุนตบหลังแปะๆ และไม่ได้พูดอะไรต่อ ด้วยความสงสัยสุดกำลังขนุนเลยตัดสินใจพลิกกระดาษแล้วอ่านมันด้วยตัวเอง

   ‘เย็นนี้ไปกินข้าวด้วยกันนะครับ หวังว่าขนุนคงจะไม่ปฏิเสธ’

   “มันมาแล้วว่ะ”นิวไหวไหล่ยิ้มให้กำลังใจขนุน ที่ตอนนี้ทำกระดาษหลุดร่วงจากมือไปแล้ว

   “จริงๆ แล้วเรื่องที่มึงมีโชคเป็นสัตว์สองเท้า กูว่าอันนี้ชัวร์”ต้าพ่นขำออกมาที่เห็นใบหน้าของขนุนเหี่ยวลงจนเหลือแค่หยิบมือ แทบจะจุ่มหัวลงไปในจานข้าวตรงหน้า

   “เอานาๆ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ปี 1 มึงยังผ่านมาได้เลย”

   “ไว้พวกกูจะเลี้ยงเหล้าปลอบใจ อย่าทำหน้าบูดดิไอ้ลูกหมา”ต้าขยี้หัวขนุนเบาๆ เพราะจนใจไม่รู้ว่าต้องทำยังไง จะให้คำแนะนำว่าปฏิเสธไปว่าไม่ชอบแบบหักดิบเลยก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะพาซวยกันไปทั้งรุ่น และที่สำคัญไม้เอกก็ยังไม่เคยพูดชัดๆ ออกจากปากเลยว่าชอบขนุนแบบพิศวาสออกมาตรงๆ หากไปพูดหักหน้าแล้วถูกตอบกลับมาว่า เขาแค่เอ็นดูแต่พวกมึงคิดไปเองมันก็คงจะหน้าแหกและจบไม่สวยเช่นกัน

   “เห้อ.....เครียดๆ แบบนี้อยากได้กำลังใจเป็นพี่คณินขึ้นมาเลย อยากกอดแน่นๆ อีกสักครั้ง”

   “หน้าตามึงฝันละเมอมาก หลับกลางวันอยู่เหรอคร๊าบบบบ”

   “เดี๋ยวฝันเราก็จะเป็นจริงแล้วต้า เรากำลังพยายามอยู่ เตรียมยินดีล่วงหน้ากับเราไว้เลยก็ได้นะ”ขนุนยักคิ้วปากคาบไมจิ้มฟัน

   “แน่ใจว่าพี่เขาจะเอามึง? ”นิวส่ายหน้าจิ๊ปากรัวๆ

   “เราตอบนิวตอนนี้ไม่ได้หรอก แต่ถ้าถามว่าเราอยากเอาพี่เขาไหม ก็ตอบเลยว่ามากกกกก!”ขนุนใส่ความต้องการของตัวเองลงไปด้วยการยกมือวาดความหมายที่บอกว่ามาในอากาศเท่าฝืนฟ้า

   “ไอ้ขนุน!”

   “โอ๊ยยยย! นิวกับต้าทุบเราทำไม”ขนุนหยี่ตาเมื่อเห็นมือเพื่อนที่เตรียมจะง้างทุบหลังเป็นรอบที่สอง

   “ก็มึงลามก! ”

   “เราพูดความในใจไม่ได้รึไง ทีนิวกับต้ายังพูดเรื่องแบบนี้ได้เลย”ขนุนเถียงเสียงแข็ง

   “พูดได้ แต่ใช่ตรงนี้มั้ย!”

   เหมือนถูกสะกิดให้รู้ตัว เพราะโต๊ะที่พวกเขานั่งมีคนอื่นนั่งร่วมอยู่ด้วยนับได้คร่าวๆ จากเก้าอี้ตัวยาวก็เห็นจะสิบคนได้ เรียกได้ว่าทุกสายตาจ้องมองมายังขนุนกันเป็นตาเดียว แถมมองตานิ่งเป็นศพปลากันเลยก็ว่าได้

   “ขะขอโทษครับ กินต่อเลย”

   “กูอายฉิบหายเลยว่ะ”นิวเอามือตบหน้าผากตัวเองแล้วลุกขึ้นเก็บจานทันที ตามมาด้ายขนุนและต้าที่ลุกตามหลังกันไปติดๆ ผงกให้ผู้ที่เสียหูเพราะเรื่องบ้าบอเหล่านี้










ติดตามตอนต่อไป >>>

ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ ^^
 :กอด1: :กอด1:
   

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ขนุน น่ารักกับแรดต่างกันนิดเดียว  :laugh:
แต่ว่าอย่าพยายามไปกดพี่เค้าเลยนะ ให้พี่เค้ากดเถอะขอร้อง

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4


ขนุนลูกที่ 9




   กลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่ทยอยกลับออกมาจากตึกสูงสีขาวสถานที่ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตึกคณะทันตะ  ภายในไม่กี่นาทีผู้คนก็ค่อยๆ สลายตัวกันไปคนละทิศคนละทาง เวลาเย็นย่ำแสงแดดอ่อนลงพร้อมกลับอากาศที่อุ่นร้อนมากกว่าจะเย็นไปตามช่วงเวลา กลุ่มนักศึกษาทันตะที่ค่อนข้างโดดเด่นในชั้นปีอย่างคณินและเพื่อนเกลอก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่โบกมือร่ำลาเพื่อนในชั้นปีแล้วเดินแตกกลุ่มออกมา

   ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่จะได้พักสมองหลังจากเรียนหนักหน่วงมาตลอดทั้งวัน แต่ดูเหมือนสีหน้าเหนื่อยหน่ายยังคงไม่จางไปสักเท่าไหร่โดยเฉพาะคณิน เขาไม่ได้มีปัญหาเรื่องการเรียน แต่ปัญหามันอยู่ที่ตัวแปรอื่นมากกว่า

   “มึงไม่ต้องไปเครียดมาก เดี๋ยวพวกกูช่วยหาคนไข้ใหม่ให้”

   คณินพยักหน้ารับรู้ เพราะเขาเพิ่งถูกคนไข้ที่เป็นแม่บ้านยกเลิกเคสไม่มารีเช็กหรือรักษาต่อแล้ว บอกจะย้ายไปอยู่กับลูกที่ต่างจังหวัดคงจะไม่ได้มาตามนัดอีก ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับนักศึกษาทันตะ แต่มันคือเรื่องเจ็บปวดระทมใจของการคงไว้ซึ่งคนไข้ให้ได้ หลายคนต้องจ่ายเพื่อที่จะได้เก็บเคสได้ครบ นั่นอาจไม่ใช่หนทางที่ดีแต่ก็ต้องฉีกกระเป๋ากันหน่อยถ้าหากอยากจะจบครบตามสเต็ป ทั้งที่เพิ่งจะเริ่มต้นก็ต้องมาปวดหัวซะแล้ว

   “อือ”คณินพยักหน้ายิ้มน้อยๆ ตอบเพื่อนไป

   “ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันศุกร์แห่งชาติแล้ว ไปหาอะไรกระแทกปากกันที่ตลาดกลางคืนหน่อยดีกว่ามะ”โจมดันแผ่นหลังคณินเบาๆ ให้เดินไปข้างหน้า

   ระหว่างที่เดินอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าของคณินก็ดังขึ้น คนตัวสูงหยุดเดินล้วงโทรศัพท์ขึ้นมา ยิ้มบางให้กับชื่อที่ขึ้นเด่นอยู่ตรงหน้าจอที่สว่างขึ้น

   “จะมองอีกนานไหม น้องมันโทรมาก็รับดิ ยิ้มอยู่ได้”อนาวินเหลือบตามองเห็นว่าคณินเอาแต่จ้องไม่ยอมกดรับสักทีเลยแซวออกไปพอหอมปากหอมคอ เพราะรู้เพราะเห็นอยู่กับตาว่าคณินมักจะอารมณ์ดีทุกครั้งที่พูดถึงขนุน

   “ฮัลโหลครับ.....พี่กำลังจะไปตลาดกับเพื่อน.....”

   “ชวนน้องไปด้วยดิ”โจมพูดขึ้น เพราะเดาทางออกว่าคณินกับขนุนกำลังคุยเรื่องอะไรกัน คณินพยักหน้ารับรู้ เลยพูดชวนออกไป อีกปลายสายดูจะดีใจฟังจากน้ำเสียงที่ตอบรับออกมาอย่างไม่ลังเล

   “โอเคงั้นเจอกันครับ”คณินกดวางสายเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า ยังคงทิ้งรอยยิ้มจางๆ ไว้บนใบหน้า

   “มึงรู้ตัวป่ะว่าเดี๋ยวนี้มึงยิ้มง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย”

   “ปกติ”

   “ไม่ปกติ ก็ตั้งแต่มึงเลิกกับลูกตาลมึงก็กลายเป็นเสือยิ้มยากอ่ะ.....”

   “ไอ้วิน! ”เสียงเตือนจากโจมยั้งปากอนาวินเอาไว้ เพราะกลัวคนใจบางอย่างคณินจะคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องเก่าๆ อีก เพราะทุกครั้งที่พูดถึงชื่อแฟนเก่าทีไรคณินก็ทำหน้าเหมือนคนอมทุกข์อยู่เป็นอาทิตย์

   “เอ่อ.....กูขอโทษ มันพลั้งปากไปว่ะ”อนาวินยกมือไหว้ท่วมหัวอย่างรู้สึกผิด เขารู้ว่าการที่ผู้ชายคนหนึ่งที่ซื่อสัตย์ต่อความรักเอามากๆ อย่างคณินจู่ๆ ต้องถูกบอกเลิกเพราะอีกฝ่ายคบซ้อน ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ผิดต่อคนที่รักเลย มันดูไม่ยุติธรรมเท่าไหร่นัก แต่จะรั้งอีกฝ่ายไว้ได้ยังไงในเมื่อใจเขาไม่ได้อยู่กับคณินแล้ว

   “ไม่ต้องขอโทษกูขนาดนั้น จะไปไหมตลาดอ่ะ”คณินส่ายหน้ายักคิ้วให้กับอนาวินเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรแล้ว

   “ไอ้โจม มึงเห็นมั้ยเมื่อกี้ ปกติมันต้องฟาดฟันกูด้วยสายตาแล้วไม่พูดเพราะโกรธมะ แต่มึงดูเมื่อกี้ดิ แม่งมันดูไม่แคร์แล้วอ่ะ”

   “ก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง”

   “อืมดี”อนาวินพยักหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไร ก่อนจะแอบเอามือป้องปากกระซิบไปที่หูของโจมเหมือนไม่ต้องการให้คณินได้ยินเรื่องที่ตัวเองพูด

   “มึงสองคนจะไปไหม ช้าวะ”

   “อะเออๆ ไปดิวะ”





   ท่ากลางผู้คนมากมายมหาศาล ขนุนมองหาคนที่นัดกันไว้ตรงจุดมองเห็นง่ายด้วยความรีบร้อน เพราะมหามวลชนที่เบียดเสียดกันเดินทางด้วย MRT ในเวลาเร่งด่วนนั้นทำให้ขนุนต้องต่อคิวยาวเพื่อที่จะซื้อบัตรโดยสาร กระทั่งมาถึงที่หมายก็พยายาวิ่งเพื่อไปเจอคณิน โดยวันนี้ทั้งนิวและต้าก็ขอบายเพราะมีธุระส่วนตัว อย่างต้าก็ไปกินข้าวกับจ๊ะเอ๋ ส่วนนิวก็มีนัดกับช้างกับแจ๊กไปร้านเกมหลังมอ

   “ขนุนทางนี้!”อนาวินมองเห็นขนุนที่กำลังชะเง้อมองไปหาจึงกวักมือและตะโกนเรียก

   “ขอโทษครับที่มาช้า ผมรีบสุดๆ แล้วจริงๆ นะ”ขนุนปาดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผากออกแล้วหันไปยิ้มให้คณิน ตัวยังหอบโยนลมหายใจยังไม่สม่ำเสมอ

   “พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเราสักหน่อย ดูซิวิ่งมาจนเหงื่อท่วม เอ่อ แล้วเพื่อนเราไม่มาด้วยเหรอวันนี้”

   “ไม่ครับ ทั้งสองคนมีธุระเลยมาด้วยไม่ได้”

   “อืม งั้นไม่เป็นไรเราไปข้างในกันเถอะ”

   “ครับ”ขนุนยิ้มกว้าง รับมือหนาที่เอื้อมมาโยกหัวตัวเองเบาๆ แล้วขนุนก็เดินตามคณิน อนาวินและโจมไปในตลาด ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางพอดู แบ่งโซนต่างๆ ไว้สำหรับนักเที่ยว ทั้งส่วนที่เป็นของขายพวกเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า งานแฮนด์เมคที่ไม่ได้ราคาสูงนัก ส่วนใหญ่นักศึกษาและคนวัยทำงานจะชอบมาเดินชิว อีกส่วนก็คงจะไม่มีไม่ได้ นั่นคือของกินสารพัดอย่างที่ตาลายจนเลือกกินไม่ไหว ถึงแม้คนจะเยอะแต่ใครๆ ก็ชอบที่จะมาเดินด้วยบรรยากาศพลุกพล่านมันทำให้ไม่เหงา

   ยิ่งติดวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์แล้ว ตลาดแทบจะไม่พอให้คนเดิน

   ตอนนี้ขนุนเดินตามคณินที่นำหน้าไปเล็กน้อย หันมาพูดกันบ้างเวลาเจอของอะไรที่น่าสนใจ ส่วนโจมกับอนาวินก็เดินตามหลังกันไปกระทั่งหยุดลงตรงแผงขายของเล่นเก่า จนลืมเป้าหมายไปว่าจะมาหาของกิน

   “คณิน มึงพาน้องไปเดินเล่นก่อนเลย กูกับไอ้โจมขอแวะตรงนี้สักเดี๋ยว”อนาวินที่ก้มๆ เงยๆ ดูรถจำลองของเล่นแบบต่างๆ เงยหน้าขึ้นมาบอกคณิน

   “ไปครับ เราไปเดินเล่นรอสองคนนี้กันก่อน”

   “ครับ”

   “ปกติขนุนมาเที่ยวที่นี่บ่อยรึเปล่า”

   “อะไรนะครับ? ”ขนุนขมวดคิ้วพยายามฟังสิ่งที่คณินพูด เพราะเสียงที่ดังจากร้านเหล้าและเสียงเพลงที่อยู่ใกล้ๆ กลบเสียงพูดไปซะหมด

   “พี่ถามว่าเรามาที่นี่บ่อยไหม? ”คนตัวสูงกว่าเอียงตัวมาใกล้ๆ ขนุนแล้วพูดใกล้ๆ หู

   ขนุนพยักหน้า “อ๋อ ก็ไม่บ่อยมากครับ นานๆ ครั้ง ก็พอรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง ที่ชอบเดินสุดก็ตรงโซนของกินนั่นแหละครับ หรือไม่ก็ตรงร้านเหล้าโน่นเลย”ขนุนเล่าเรื่องไม่ปิดบัง เพราะส่วนใหญ่ก็ไปที่แบบนั้นจริงๆ

   “ขาดื่มเหมือนกันนะเรา”

   “ก็พอประมาณครับ แต่ก็เพลาๆ ลงบ้างแล้ว แม่ขอร้องไว้”ขนุนหัวเราะหงึกๆ

   “พี่ว่าเราเปลี่ยนไปเดินซอยโน้นดีกว่าคนไม่เยอะมาก”มวลชนที่เดินสวนกันไปมาไหลเชี่ยวกรากอย่างกับน้ำตก

   “ก็ดีครับ ผมว่าคนมันเริ่มจะแน่นแล้ว”ขนุนหันมาพูดกับคณินที่เดินอยู่ข้างๆ ตัวแทบจะถูกกระชากไปกับฝูงคน และไม่ทันไรขนุนก็ถูกเดินชนจนเซถลาโชคดีที่คณินกลับรับแผ่นหลังเล็กเอาไว้ทันไม่ให้หงายหลังหกล้มซะก่อน

   “พี่ว่าเรามาเดินใกล้ๆ พี่ดีกว่า”มือของคณินเกี่ยวเอวขนุนเข้าหาตัวเบาๆ เป็นเชิงให้ขนุนระวัง แต่ทว่าสัมผัสที่แตะลงตรงแผ่นหลังนั้นทำเอาขนุนใจสั่นไปหมด มือเล็กแอบกำแน่นเก็บกลั้นความรู้สึกสุดๆ ยิ่งเห็นว่าคณินเอาใจใส่ขนาดนี้ จะไม่ให้คนแอบหวังดีใจได้ยังไงกัน

   “คนเยอะมากเลยนะครับ”พูดไปขนุนก็เริ่มเบียดใกล้คณินเข้าไปอีกนิดอย่างเนียนๆ แอบเหลือบตามองเจ้าของร่างสูงแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ รู้สึกร้อนผะผ่าวอยู่ข้างในขึ้นมา

   “ต้องทำใจล่ะนะถ้าอยากจะมาที่นี่ คนไทยก็เยอะอยู่แล้วแถมยังมีนักท่องเที่ยวอีก จีนอย่างเยอะ”

   “พี่คณินครับ”เสียงใส่เอ่ยขึ้นพร้อมกับมือเล็กที่ยื่นมากระตุกแขนเสื้อเบาๆ และพยายามเดินตามก้าวของคณินให้ทัน

   “มีอะไรเหรอ? ”

   “ผมกลัวจะหลงกับพี่ ขอผมจับไว้หน่อยนะครับ”ขนุนแตะมือไปจับที่ศอกของคณินเบาๆ อีกฝ่ายหัวเราะขึ้น ก่อนจะเลื่อนมือขนุนมาจับไว้ในมือตัวเองอย่างไม่ลังเล

   “แบบนั้นเดี๋ยวก็หลุดมือ จับแบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอ”

   “อ่าครับ”ตากลมใสพยักหน้ายิ้มๆ แสดงความขอบคุณอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ทว่าในใจกลับกระโดดโลดเต้น เพราะรู้ว่าคณินใจดี จะให้เขาจับแค่ศอกเหมือนกรวดน้ำคว่ำขันได้ยังไง และมันก็เป็นไปตามที่ขนุนคิดไม่มีผิด

   “กำมือพี่ซะแน่น แถมยังมือเย็นๆ ด้วย เป็นอะไรรึเปล่า? จะเป็นลมบอกพี่ได้นะ”คณินดึงมือขนุนขึ้นมาดู เมื่อรู้สึกได้ถึงความเย็นที่ฝ่ามือและปลายนิ้วเรียวที่สัมผัสกัน ขนุนจะบอกได้ยังไงว่าตัวเองกำลังตื่นเต้นสุดๆ ไอ้ที่กำแน่นเพราะมันเผลอใจไปเท่านั้นเอง

   “ปะเปล่าครับ ผมสบายดี เอ่อพี่คณินครับ โน่นใช่พี่โจมกับพี่วินรึเปล่าครับ เห็นกระโดดกวักมือเรียกอยู่กลางซอย”   

   “ใช่ๆ สงสัยคงซื้อของเสร็จแล้ว ไปหาอะไรกินกัน”

   “ครับ”

   เจ้าของแก้มขาวที่แอบแดงเรื่อหลุบตาลงมองปลายเท้า ปล่อยให้คณินเดินจูงมืออย่างว่าง่าย จะไปซ้ายก็ไป จะไปขวาก็ยอม แต่ขอแค่ให้ได้กุมมือคนที่ชอบให้นานกว่านี้อีกหน่อยก็ยังดี

   และไม่รู้เพราะท่าทางตลกๆ ที่ดูน่ารักของขนุนหรือว่าเพราะอะไร ถึงทำให้คณินเผลอยิ้มพร้อมกับจูงมือข้างที่เย็นเยียบเอาไว้ไม่ปล่อย บางทีก็แอบหันไปมองเจ้าของผมสีบลอนด์สว่างที่ใช้มือข้างที่เหลือปัดปลายจมูกไปมาจนมันเริ่มแดง บ้างก็เอามาลูบแก้มใส่ๆ ที่มีเม็ดเหงื่อขึ้นประปรายด้วยความรู้สึกน่าเอ็นดู

   ทั้งยังแอบหัวเราะเวลาที่อีกฝ่ายต้องเดินหลบคนที่ตัวโตกว่าและพยายามเบี่ยงตัวแอบอยู่ด้านหลังเหมือนต้องการกำแพงปกป้อง

   คณินทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร แต่ก็คอยกุมมือเล็กไม่ให้หลุดจากกันง่ายๆ และไม่สนด้วยว่าคนอื่นจะมองการกระทำแบบนี้ด้วยสายตายังไง คณินแค่พอใจในสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ก็เท่านั้น

   คนตัวโตกว่าหน้าที่ปกป้องมันก็เหมาะแล้ว





มอM

   “มึงมองมือตัวเองจนกูชักจะหมั่นไส้แล้วว่ะ”คนที่ง้างกรรไกรในมือขยับปากกรรไกรไปมา อยากจะตัดมือคนข้างๆ ทิ้ง

   “พี่คณินจับมือเชียวนะ นิวไม่ยินดีกับความสำเร็จเราหน่อยเหรอ”

   “กูก็จับมือมึงได้ เห็นมะ”นิวคว้ามือขนุนเข้ามาจับแถมยังสอดนิ้วประสานให้มันดูเป็นเรื่องปกติ แต่ถูกเจ้าของมือโวยใส่

   “โหยนิว ก็เราไม่ได้อยากได้มือนิวอ่ะ มันไม่ได้พิเศษแบบนั้น”ขนุนสะบัดมือเพื่อนทิ้งแล้วปาดเช็ดไปมากับท่อนแขน ก่อนจะไปจับดินสอแทนแล้วลงมือทำงาน แสดงเจตนาโดยบริสุทธิ์ว่าอะไรที่มันพิเศษอย่าคิดมาเทียบชั้น

   “น้ำได้แล้ว แดกดีๆ อย่าให้หกสักหยดกูอุตส่าห์เดินไกลออกไปซื้อจนจะเป็นลมอยู่แล้ว”

   “นี่เลี้ยงด้วยป่ะ? ”ขนุนคว้าน้ำแตงโมปั่นมาดูด แสดงสีหน้าสดชื่นสุดๆ

   “สัด! กูเหนื่อยแล้วยังต้องออกเองอีกเหรอ เอามาคนละ 25 บาท ขาดกูต่อย เกินกูไม่คืน”

   “งกอ่ะต้า”

   “บาทเดียวก็ตังค์มะ อย่าลีลา ส่งเงินมาซะดีๆ ครับ”

   “มาอยู่ที่นี่กันเองพี่ตามหาซะทั่ว”

   กิจกรรมที่กำลังชุลมุนเรื่องตังค์ค่าน้ำหยุดลงกะทันหัน เมื่อเสียงคุ้นหูที่ทำเอาขนลุกชันดังมาจากด้านหลังของทั้งสาม ขนุนกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะหมุนตัวไปยังที่มาของเสียง กระทั่งเจอกับเจ้าของทรงผมที่ดูแปลกตาเพราะถูกตัดสั้นขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าไม่ได้ดูน่าเกลียด แต่ค่อนข้างเปลี่ยนให้ดูกร้าวขึ้นมาเล็กน้อย จะบอกว่าเท่เอาการก็ได้อยู่ดูเป็นเบดกายนิดๆ จนสาวๆ ที่ชอบสายนี้มีตาวาวกันบ้าง

   ขนุนยิ้มบางให้กับเจ้าของส่วนสูง 185 ปลายๆ ก่อนจะหันกลับมามองหน้าต้าและนิว พร้อมขมุบขมิบปากพูด

   “พี่ไม้เอกมาแล้วอ่ะ”

   “ว่าไง มาทำอะไรกันตรงนี้ครับ? ”

   “สวัสดีครับพี่ไม้เอก”ทั้งสามยกมือไหว้เป็นมารยาทต่อรุ่นพี่ที่มาหาถึงใต้ถุนคณะ

   คนที่รูปร่างค่อนข้างสูงหูทั้งสองข้างเจาะและใส่จิวสีดำเม็ดเล็กกำลังยิ้มให้กับขนุน และหันไปสบตากับต้าและนิวที่หลบตาลงต่ำไปมองงานตรงหน้าของตัวเองซะแทน ก็รู้อยู่ว่าถึงหน้ายิ้มแต่เขาก็ไม่ได้ปลื้มไม้เอกสักเท่าไหร่ ปมนิว 1 นิ้วมันฝังหัวซะขนาดนั้น

   “เมื่อวานพี่ชวนเราไปกินข้าวไม่สำเร็จวันนี้ก็เลยจะมาชวนด้วยตัวเองอีกรอบ ว่าไง เย็นนี้โอเคมั้ย มีเพื่อนเราไปกันหลายคนด้วย ช้างกับแจ็กก็บอกว่าว่าง”

   “แต่งานผมยังไม่เสร็จเลยครับพี่ไม้เอก แล้วแถมตอนเย็นผมก็มีนัดแล้วด้วย”

   ขนุนพยายามปฏิเสธ ก็รู้ว่าตั้งใจมาชวนแต่ก็ไม่ชอบที่ไม้เอกเอาแจ็กกับช้างมาอ้าง

   “นัดที่ไหน ให้พี่ไปส่งไหม? ”ไม้เอกเดินเข้ามาใกล้วางมือทั้งสองข้างลงบนโต๊ะ ค้ำตัวเอาไว้แล้วก้มลงคุยกับขนุนที่ยิ้มแห้งไปแล้วสามรอบ ความอัธยาศัยดีของไม้เอกมันก็ดีอยู่หรอก แต่พอรู้จุดประสงค์แล้วก็อดที่จะระแวงไม่ได้ นิวเห็นท่าทีแบบนั้นก็เหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่ต้ากับเหยียบเท้าเอาไว้ซะก่อน

   “ไม่ดีกว่าครับผมไปเองได้ ว่าแต่พี่ไม้เอกเถอะครับ ตอนนี้สบายดีแล้วเหรอครับ ผมได้ข่าวว่าเกิดอุบัติเหตุ”ขนุนแสร้งพูดเรื่องอื่นขึ้นนัยน์ตาอยากรู้ อีกฝ่ายคิดว่าขนุนใส่ใจเลยยิ้มออกมาแล้วตอบ

   “พี่โอเคแล้ว หายดีทุกอย่าง ยกเว้น.....”ไม้เอกเว้นประโยคไว้ แล้วจ้องขนุนที่นั่งหลังตรงเพราะอึดอัด ไม่ต่างจากต้าที่พยายามสงบปากสงบคำปล่อยให้ขนุนแก้ปัญหาไป และต้าพยายามส่งสายตาหานิวให้อยู่เงียบๆ

   “ยกเว้นอะไรครับ? ”

   “ยกเว้นว่าขนุนจะให้โอกาสพี่บ้าง”

   ขนุนถึงกับอ้าปากเหวอ ไม่คิดว่าวันแรกของการเจอกันในรอบครึ่งเดือนจะถูกหยอดจนจุกแบบนี้ซะแล้ว

   “คือผมไม่ว่างจริงๆ เอาแบบนี้ไหมครับ ไว้ครั้งหน้าผมจะไปแน่นอน นะครับพี่ไม้เอก ถือว่าสงสารคนที่งานไม่เสร็จนะครับ พี่ก็รู้ว่าอาจารย์เพ็ญพักตร์เขาเข้มเรื่องเวลาส่งงานจะตาย”

   ไม้เอกนิ่งคิดเหมือนชั่งใจอะไรบางอย่าง

   “.....”

   “นะนะนะครับ”ดวงตาเป็นประกายแสดงสีหน้าวอนขอจนคนถูกสบตาถึงกับใจอ่อนยวบขึ้นมาซะอย่างนั้น

   “ก็ได้ครับ เอาที่ขนุนสบายใจแล้วกัน ไว้พี่มาชวนใหม่ครั้นหน้าห้ามเบี้ยวพี่นะ” ไม้เอกมองงานบนโต๊ะของรุ่นน้องอย่างช่วยไม่ได้

   “…..”

   “ถ้าเรื่องเรียนมีปัญหา ก็มาปรึกษาพี่ได้นะพี่ให้คำแนะนำได้”

   “ครับ”

   เพราะต้องใช้ลูกอ้อนร้อยกระบวนท่าอีกฝ่ายจึงยอมล่าถอยไปแต่โดยดี ขนุนถอนหายใจหลุดโล่งที่รอดตัวไปได้ อย่างน้อยก็ยื้อเวลาไปได้อีกสักพัก และพอหันไปมองต้ากับนิวอีกครั้งก็เห็นสองคนนั้นจ้องขนุนตาเขม่นอย่างตั้งใจจนสะดุ้งซะเอง

   “ทำไมมองเราอย่างนั้นอ่ะ หรืออะไรติดหน้า? ”

   “ไอ้ขนุน! มึงนี่ก็ร้ายไม่เบา กูแม่งชักกลัวหน้าใสๆ ตาซื่อๆ ของมึงแล้วจริงๆ ”ต้าตบขาตัวเองดังฉาด

   “กูกลัวใจเหลือเกินว่าคนที่มึงชอบ จะตามเล่ห์เหลี่ยมมึงทันรึเปล่า”

   “ต้ากับนิวพูดจนเราดูเหมือนตัวโกงอ่ะ ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”

   “นี่มึงยังไม่รู้ตัวอีก? ”

   “ไม่ช่วยเราแล้วยังหาว่าเราร้าย การหาทางเอาตัวรอดเราผิด? ”ขนุนหน้ายู่เพราะถูกเหน็บแนม จนปากเล็กแทบจะย่นชิดกับจมูก ขมวดคิ้วหมุนก้มหน้าก้มตาทำงานไม่พูดจา

   หากจะให้ปฏิเสธแบบใช้ไม้แข็งขนุนก็ไม่ชำนาญพอจะทำแบบนั้น หากใช้ไม่อ่อนแล้วทุกอย่างมันดูประนีประนอม ไม่ลำบากใจกันทั้งสองฝ่ายมันก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะหากจะให้ไปโผงผางหยาบคายใส่เรื่องมันก็จะไม่จบง่ายๆ แน่นอน

   “อาๆ พวกกูขอโทษ ก็ดีแล้วที่มึงเอาตัวรอดได้ พวกกูจะได้ไม่ต้องห่วงมึงมาก อย่างอนดิวะ กูจ่ายตังค์ค่าน้ำให้เองก็ได้”นิวไถ่โทษโดยการควักตังค์ให้ต้า แล้วยื่นมือไปบีบแก้มขาวที่นิ่มมือโยกไปมาหยอกล้อเบาๆ

   “คิดว่าเราง่ายขนาดนั้นเลย? ”

   “ได้ข่าวว่าจะไปหาพี่คณินไม่ใช่เหรอ กูเคลียงานที่เหลือให้หายงอนมะ”นิววางมือลงบนกระดาษแผ่นที่ขนุนขยุบมือขยุกขยิกเขียนแล้วจ้องตาอย่างมีความหมาย

   “เดี๋ยวขนุน! มึงลุกไปไหน? ”

   “ไปหาพี่คณิน”ยิ้มกว้างระบายขึ้นบนใบหน้า ท่าทางอารมณ์ดีเก็บโกยข้าวของอย่างไว ก่อนจะตบไหล่เพื่อนทั้งสองเบาๆ

   “ฝากงานที่เหลือด้วยนะ เราไม่โกรธแล้ว เรารู้ว่านิวกับต้าไม่ได้ใจร้ายกะเราจริงหรอก”

   “สัด! กูว่าแล้วไงโกรธได้ไม่ถึง 5 นาที” ต้าเท้าคางมองดูขนุนที่เดินจากไปเท้าแทบไม่ติดพื้นแล้วบ่นพึมพำ มองดูท้องฟ้าที่ครึ้มๆ แล้วตะโกนไปว่า “มึงทำอะไรพี่คณินฟ้าผ่ามึงแน่ไอ้ขนุน! ”

   แล้วเสียงเล็กก็ตะโกนกลับมาทำหน้า “ยอมฟ้าผ่าเหอะ! ” คนที่มองดูอยู่ทางนี้ถึงกับหลุดขำหัวเราะส่ายหน้าให้กับความระริกระรี้ของขนุนเหลือเกิน

   “ไอ้ต้า มึงว่าขนุนมันไหวเหรอวะ กูกลัวซะเหลือเกินว่าหากไม่ได้เป็นอย่างที่มันคิดเรื่องมันจะไม่แฮปปี้นะเว้ย”

   “ไม่รู้ว่ะ กูเดาใจพี่คณินไม่ออก แต่เท่าที่เห็น พี่เค้าก็ดูแทคแคร์ไอ้ขนุนในระดับนึงเหมือนกัน”

   “กูกลัวว่ะ”

   “มึงจะกลัวอะไรไอ้นิว”

   “กูกลัวไอ้ขนุนเสียใจ ถ้าสุดท้ายแล้วมัน.....”

   “หยุด! หยุด หยุด หยุด กูรู้ว่ามึงห่วงมัน กูก็ห่วง แต่! เอาตรงๆ นะ ตอนนี้ไอ้ขนุนมันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ขนุนไม่ใช่ผลไม้นะเว้ยแต่มันเป็นสัตว์กินเนื้อดีๆ นี่เอง จิตใจมันคิดบวกมึงก็รู้ 18+ 20+ 25+ มึงอย่ากลุ้มอะไรไม่เข้าท่า”

   “กูก็หวังว่าอย่างนั้น.....ถ้ามันไม่จับพี่เขารวบหัวรวบหาง กูรู้ว่าไอ้ขนุนมันคิดบวก กูหนักใจตั้งแต่มันเปิดเว็ปโป๊แล้วชวนกูศึกษา แถมยังถามลึกไปถึงลำไส้”

   “แล้วมึงตอบ? ”

   “สัด! กูจะเอาอะไรมาตอบ กูไม่เคยเว้ย!”

   “โชคดีนะที่กูไม่เจออะไรแบบมึง”คนที่คิดว่ารอดลูบอกตัวเองถอนหายใจโล่ง

   “มึงไม่เจอตอนนี้ไง แต่อีกเดี๋วยมึงเสร็จไอ้ขนุนแน่ กูบอกเลย ห้องอยู่ข้างๆ ไม่ใช่ไง เดี๋ยวมันก็เดินไปหาเชื่อกูดิ”

   “มึงอย่าพูดให้กูกลัวดิ”

   “กู พูด จริง!”







ติดตามตอนต่อไป >>>



ฝากน้องหนุนในตอนต่อไปด้วยนะคะ
 :o8: :o8:


โดย หลานฮวา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2019 18:36:41 โดย ทามากิบ๊อง »

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ตอนที่น้องหนุนวิ่งมาแล้วยิ้มให้พี่คณินทันที่ทั้งที่ยังหอบอยู่เนี่ยมันแอทแทคใจพี่มากๆเลย พี่คณินไม่คิดจะเกินเลยกับน้องจริงๆเหรอ :z1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
สู้ๆ นะลูกขนุน

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4



ขนุนลูกที่ 10




   เป็นเวลาเดิมที่เหล่านักศึกษาทันตะเลิกเรียน ขนุนตั้งใจจะมาเจอคณินแบบเซอร์ไพรส์ แต่กลับเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่าเพราะมาแล้วดันไม่เจอ แต่เจอเพื่อนของคณินอย่างโจมแทนแถมอนาวินก็หายตัวไปอีกคน

   “นี่ไม่ได้บอกล่วงหน้าใช่มะเรา”

   “ครับ ผมกะจะเอาเสื้อผ้าที่พี่คณินให้ยืมมาคืน นึกว่าจะทันซะอีก”ขนุนหน้าจ๋อยเดินไปคุยไปกับโจม

   “วันนี้คณินมันรีบกลับเพราะจะไปเอาของให้แม่มัน พี่ก็ไม่รู้รายละเอียดมาก แต่ก็เพิ่งออกไปไม่ถึง 15 นาที”

   “แล้วพี่วินล่ะครับ ผมก็ไม่เห็นเหมือนกัน”

   “มันถูกทำโทษให้ล้างโบวล์อยู่ข้างบนตึกน่ะ”โจมไหวไหล่ในแววตามีรอยยิ้ม “ของจะฝากพี่ไว้ไหม หรือยังไง?”

   “ไม่เป็นไรครับ ผมเอาไปให้เองดีกว่า”ขนุนแอบยิ้มเหวี่ยงถุงที่ใส่ของไปไว้ข้างหลัง คนช่างสังเกตอย่างโจมทำไมจะไม่รู้ว่ารุ่นน้องที่หน้าตาน่ารักอย่างขนุนกำลังคิดอะไร เพียงแต่แอบยิ้มขบขันเล็กน้อยไม่ให้น้องมันเขินมากก็เท่านั้น

   “ขนุน”จู่ๆ โจมที่เดินอยู่เงียบๆ ข้างขนุนก็เรียกคนตัวเล็กกว่าขึ้นมาลอยๆ

   “ครับพี่โจม”ดวงตากลมใสเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงกว่าที่เดินอยู่ใกล้ๆ แล้วขานรับ

   “เรา.....ชอบเพื่อนพี่เหรอ? ”

   กึก!

   คำถามที่ออกมาจากปากของโจม ทำเอาขนุนหยุดเท้ากะทันหัน แอบตกใจเล็กน้อยที่เพื่อนของคณินถามออกมาแบบนั้น ขนุนขมวดคิ้วคิดอยู่ในใจว่าจะตอบออกไปอย่างไรดี มีความกังวลหลายอย่างที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นทั้งๆ ที่ไม่ได้คิดมาก่อน เขาควรจะพูดออกไปแบบไหน เพราะโจมเป็นเพื่อนของคณินไม่ใช่เพื่อนของขนุนที่จะได้ไม่ต้องแคร์เวลาจะพูดอะไรออกไป และถ้าพูดออกไปแล้วทำให้คณินต้องถูกเพื่อนมองแปลกๆ ขนุนจะทำยังไง

   “.....เอ่อ”

   “เฮ้ย! ไม่ต้องเครียด ที่พี่พูดไม่ได้ต้องการจะกดดันหรืออะไรเลย”โจมหันไปมองขนุนที่หน้าแดงก่ำดวงตาเลิกลักอาการเหมือนคนจะขาดอากาศซะอย่างนั้น

   “ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร พี่แค่ถามเพราะสงสัยแค่นั้นเองไม่ได้จะแอนตี้หรือกีดกันอะไรทำนองนั้น ยิ้มหน่อยเร็ว”คนรู้สึกผิดที่ทำเอาน้องตรงหน้าอย่างขนุนนิ่งค้าง ปลอบใจโดยการยืนมือไปขยี้หัวเจ้าของผมสีบลอนด์อยากให้ผ่อนคลาย เสริมด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเบาๆ ให้มั่นใจว่าที่พูดออกไปไม่ได้คิดอะไรมาก

   “พี่โจม.....”ขนุนค่อยๆ ผ่อนคลายแล้วเหลือบตาขึ้นมองโจมที่พยักหน้ารับคำเรียกขาน

   “ครับ”

   “จริงๆ แล้วผมไม่บริสุทธิ์ใจกับเพื่อนพี่ พี่โอเคมั้ย? ”   

   “ขนุน ถ้าพี่จะบอกว่า.....”โจมทิ้งช่วงคำพูดแล้วเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย มองดูเด็กผู้ชายที่หน้าตาน่ารัก แม้จะเข้าสู่โหมดจริงจังก็ยังน่าแกล้ง “ตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกพี่เจอเรา พี่ก็ดูออกแล้วล่ะครับว่าในสายตาน้องคิดยังไงกับเพื่อนพี่ ก็มีแต่เพื่อนของพี่เท่านั้นแหละที่ความรู้สึกช้าน่ะ”

   “หมายความว่า.....ดูออกเหรอครับ”

   “ออก”โจมพยักหน้ายิ้มๆ ให้กับท่าทางตกใจของขนุน
 
   “สารภาพครับ.....ว่าผมชอบพี่คณินจริงๆ ”ขนุนเงยหน้ายืดอกพกความจริงพูดให้โจมฟัง ทว่าจังหวะนั้นกลับไม่ได้มีแค่ 1 คนที่รับรู้

   “มาทันได้ยินช็อตเด็ดพอดีเลย”

   “พะพี่วิน!”

   “โอ๊ย น้องขนุนครับ ไม่ต้องตกใจยังไงพี่ก็เชียร์น้องอยู่แล้ว”อนาวินที่เข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียงแตะบ่าจากทางด้านหลังของขนุน

   “ครับ? ”

   “พี่ไม่สนหรอกว่าจะหญิงหรือชาย ขอแค่คนที่เข้ามาไม่ทำให้เพื่อนพี่เสียใจเป็นครั้งที่สองก็เป็นพอ”

   “หมายความว่าไงเหรอครับ”

   “อ้าวไม่รู้มาก่อนเหรอว่าคณินเพื่อนพี่มันเพิ่งอกหักน่ะ”

   “เอ๊ะ? ”ขนุนตาเบิกโพลงทันทีที่ได้ยินเรื่องความรักของคณินออกจากปากของอนาวิน

   “หึ! ไม่รู้ล่ะสิ พี่จะบอกให้นะว่า.....”คนที่กำลังจะเล่าทุกอย่างกลับถูกโจมแบรกไว้หัวแทบทิ่มพื้น

   “ไอ้วิน! พอได้แล้ว เรื่องมันก็ผ่านมาจะไปพูดถึงทำไม น้องขนุนครับ ลืมๆ เรื่องที่เพื่อนปากหมาของพี่พูดไปเถอะนะครับ แล้วเหยียบให้จมดินเลยนะว่าพวกพี่พูดอะไรในวันนี้ เดี๋ยวศพของพี่ทั้งสองจะออกมาไม่สวย”

   “ครับ ผมจะเงียบปากไว้ รู้แล้วแต่จะไม่พูด”

   “ดีมากครับ ยังไงพี่ก็ฝากเพื่อนพี่ด้วยนะ ตั้งแต่มีน้องเข้ามามันก็ดูสดใสขึ้นเยอะเลย เรื่องบางเรื่องพวกพี่ก็ทำให้มันรู้สึกดีไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่อง.....”โจมกำมือหลวมๆ ทุบเบาๆ ไปที่อกด้านซ้ายของตัวเองเป็นอันรู้กัน

   “ผมไม่รู้หรอกครับว่าหากรับปากแล้วทำได้ไหม เอาเป็นว่าผมจะทำให้พี่คณินมีความสุขเท่าที่ผมจะทำได้ก็แล้วกันครับ”

   “ดีมากน้องหนุน! ”อนาวินเข้ามากอดคอขนุนหนีบหัวไว้ใต้รักแร้อย่างเอาใจช่วย

   “พี่ว่าเราค่อยคุยกันวันหลังดีกว่านะ รู้สึกฟ้าครึ้มๆ เหมือนฝนจะตก น้องขนุนจะให้พวกพี่ไปส่งบ้านไหม? ”

   “ไม่รบกวนดีกว่าครับ พอดีผมมีธุระไปทำต่อนิดหน่อย”

   “ให้ทายไหมว่าที่ไหน”อนาวินยักคิ้วแซวไปอีก

   “อย่าดีกว่าครับ เดี๋ยวจะทายถูก”

   “อืม งั้นกลับดีๆ พวกพี่ไปก่อน”

   “ครับ สวัสดีครับ”ขนุนยกมือไหว้ ก่อนจะมองอนาวินและโจมที่โบกมือลาห่างไกลออกไป และกลับมาสู่ความคิดของตัวเองอีกครั้ง

   เรื่องที่เพิ่งจะรู้ว่าคณินเพิ่งจะเลิกกับแฟนไป ถึงจะเป็นเรื่องน่าเสียใจแต่ขนุนกลับไม่รู้สึกอย่างนั้นแม้แต่นิด ทั้งหมดขนุนมองเป็นเรื่องน่ายินดีเสียด้วยซ้ำ ถ้าจะให้ขนุนร้องไห้คงจะเป็นเรื่องที่คณินมีแฟนแล้วซะมากกว่า

   ‘ผมขอโทษนะครับพี่คณิน ที่ผมคิดดีกับพี่อย่างน้องชายคนหนึ่งไม่ได้จริงๆ ผมยอมเป็นน้องชายในสายตาคนทั้งโลก.....แต่กับพี่คณินคนเดียวที่เท่านั้นที่ผมไม่ต้องการ’   




   “ลุงๆ จอดบ้านหลังข้างหน้าเลย”

   “มีร่มรึเปล่า ระวังเปียกนะไอ้หนู”

   “ไม่เป็นไรครับผมมีกุญแจเปิดเข้าบ้าน วิ่งไปเปิดประตูแป๊บเดียวไม่เปียกหรอก”

   เป็นไปตามที่กรมอุตุฯ พยากรณ์อากาศบอกไว้ไม่มีผิด ถึงจะไม่บอกแต่จากสภาพอากาศจากช่วงกลางวันและตอนเย็นก็รู้แล้วว่าฝนจะต้องตกลงมาอย่างแน่นอน ขนุนเลยเลือกที่จะนั่งแท็กซี่เพื่อมาลงที่หน้าบ้านของคณิน พยายามทำเวลาไม่ให้ทันฝนตก แต่ทว่าขณะนั่งรถแท็กซี่ไม่ทันจะถึงครึ่งทางฝนก็เทลงมาซะอย่างนั้น แถมยังหนักเอาการซะด้วย

   ก่อนหน้าจะมาขนุนติดต่อกับคณินไปแล้ว และไม่ถือวิสาสะเข้าบ้านคณินโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เพราะคณินรับรู้แล้วขนุนเลยไม่ต้องรอ อีกเดี๋ยวคณินก็จะมาถึงบ้านแล้วเหมือนกัน

   หลงจากขนุนจัดการจ่ายค่าแท็กซี่และวิ่งลงมาจากรถแล้ว มั่นใจว่ากุญแจบ้านสำรองที่คณินให้ไว้อยู่ในกระเป๋าเป้ แต่ทันทีที่ล้วงหาปรากฏว่ากลับไม่เจอแม้แต่เสี้ยวเดียว กระทั่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเปลี่ยนกระเป๋าเป้ใบใหม่เพราะนำไปซัก กุญแจบ้านของคณินเลยไม่ได้ติดกระเป๋ามา

   “โอ๊ยยยย! ซวยแล้วขนุน!”คนขี้ลืมเบียดตัวไปยืนชิดกับกำแพง พยายามให้ตัวโดนฝนน้อยที่สุด และกอดถุงเสื้อผ้าของคณินไว้แน่น แต่ดูเหมือนความพยายามจะไม่เป็นผลดีเท่าไหร่นัก เจ้าของร่างเล็กถึงได้เปียกโชกไปทั้งตัวแบบนี้

   ปากบ่นพึมพำถึงเจ้าของบ้านที่ยังไม่โผล่มา จนขนุนเปียกจนไม่รู้ว่าจะต้องหลบฝนไปอีกทำไม พลันความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้น ริมฝีปากเล็กที่เม้มสนิทอย่างหงุดหงิดก็ค่อยๆ คลายออก แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มจางๆ แก้มขาวที่ขยับขึ้นด้วยรอยยิ้มค่อยๆ จับตัวกันเป็นก้อนจนน่าบีบ แถมดวงตาก็ค่อยๆ หรี่เล็กแล้วยื่นปลายเท้าออกไปรับสายฝนทีละก้าว

   “ไหนๆ ก็เปียกแล้ว ก็ตกลงมาเลยยยย!”ท่ามกลางหมู่บ้านที่ปิดรั้วรอบขอบชิด ทว่าหน้าบ้านหลังหนึ่งกลับปรากฏบุคคลที่กระโดดใส่แอ่งน้ำบนถนนอยู่กลางสายฝนซะอย่างนั้น จะเป็นใครไปได้นอกจากขนุนที่เอาตัวเข้าตากฝนอย่างเต็มที่

   กระทั่งแสงไฟหน้าจากรถที่กำลังขับมาขนุนถึงได้รีบเข้าไปยืนชิดริมรัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลูบหน้าที่เปียกชื้นขยี้เส้นผมสะบัดน้ำยืนคอยท่า ไม่นานเจ้าของรถคันคุ้นตาก็จอดลงและเปิดประตูออกมาพร้อมร่มในมือแล้วรีบเดินหน้าตื่นมาทางขนุน

   “ขนุน ทำไมไม่เข้าบ้าน นี่เรายืนตากฝนนานแค่ไหนแล้วเนี้ย? ”เจ้าของร่างสูงที่ยืนร่มมาทางขนุนสีหน้าดูเป็นห่วง ยื่นมือเข้าจับแก้มเย็นๆ จับตัวที่เปียกมะล่อกมะแล่ก
 
   “คือ....ผมลืมหยิบกุญแจสำรองมา เลยลงแท็กซี่แล้วก็เข้าบ้านไม่ได้”

   “ทำไมถึงไม่รีบโทรหาพี่ มาเข้าบ้านก่อนเร็ว”คณินยื่นมือไปดันแผ่นหลังของขนุนให้อยู่ในร่มด้วยกันแล้วรีบเดินเข้าบ้านไปหลังจากกดสวิตช์เปิดประตูรั้วแล้ว

   “ยืนรอตรงนี้เดี๋ยวพี่เอารถไปเก็บ”

   “ครับ”แผ่นหลังที่วิ่งออกไปพร้อมกับร่มในมือทำให้ขนุนถึงกับยิ้มแก้มแทบแตก

   “รู้สึกดีจังที่มีคนเป็นห่วง”เสียงพึมพำเบาๆ ถูกดับฝันไปทันทีเมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงแทรกขึ้นมา

   “โฮ่ง โฮ่ง!”

   “ไข่ดาว ตกใจหมด”ขนุนหันไปมองเจ้าไข่ดาวที่อยู่ในคอกกั้นพื้นที่สำหรับวิ่งเล่นซึ่งอยู่ภายใต้หลังคาที่สร้างเสริมออกมาจากตัวบ้าน ก่อนขนุนจะรีบเดินไปหาเจ้าหมาที่ชอบเรียกร้องความสนใจ และทันทีที่ขนุนเข้าไปใกล้เจ้าตัวหน้าขนพุงกลมๆ ก็ทำเสียงหงิงๆ งึดๆ ออดอ้อนขนุนซะอย่างนั้น

   “อย่าเพิ่งเล่นกับไข่ดาวเลย เข้าข้างในกันก่อนดีกว่า”

   น้ำเสียงที่เดินมาจากทางด้านหลังทำให้ขนุนหันไป อย่างอื่นอาจจะดูไม่สะดุดใจเท่ากับเสือนักศึกษาที่โดนฝนจนเปียกชื้นกำลังดีกำลังแนบลู่ไปกับผิวเนื้อด้านหน้าของคณินจนมองเห็นสัดส่วนกล้ามเนื้อที่พอดี ขนุนกะพริบตาปริบๆ แอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ จนใบหน้าและพวงแก้มเผลอร้อนผ่าวขึ้นมา

   “ก็ได้ครับ”ขนุนพยักหน้าพร้อมกับฝ่ามือใหญ่ที่ขยี้ลงมาบนหัวแสดงถึงความเอ็นดู

   “หงิงๆ หงิงๆ ”

   “เอ่อพี่คณินครับ.....ข้างนอกอาจจะหนาว ผมเอาไข่ดาวเข้าบ้านด้วยได้มั้ย”จะให้ขนุนทนเสียงร้องหงิงๆ นั้นคงเป็นไปไม่ได้ เล่นทำสีหน้าอ้อนวอนขนาดนั้นคนสบตากับเจ้าไข่ดาวอย่างขนุนเลยปล่อยไว้ไม่ได้

   “ก็ได้ครับ”คณินพยักหน้าหลังจากหันไปมองเจ้าไข่ดาวที่ร้องหงิงๆ จนแทบขาดใจ แถมยังยกมือขึ้นตะกุยคอกกั้นซะขนาดนั้นก็ต้องยอมเขาแล้วล่ะ

   ไข่ดาวเหมือนรู้งาน ทันทีที่ประตูคอกกั้นเปิดออก พี่คณินคว้าสายจูงแล้วนำไข่ดาวออกมา เจ้าหมาแสนรู้ก็รีบเดินเร็วรี่ไปยังประตูทางเข้าด้านในของบ้านแทบจะทันที ขนุนสบตากับคณินที่หัวเราะออกมากับท่าทางดีอกดีใจของไข่ดาว จนขนุนรู้สึกว่าภาพตรงหน้าโดนใจขนุนเข้าอย่างจัง โดยเฉพาะรอยยิ้มละมุนที่มองมาแบบนั้น
 
   ไม่อยากเชื่อ.....ผมตกหลุมรักคนคนเดียวเป็นครั้งที่รอย

   ทำไงดี ผมอยากได้คนคนนี้ใจจะขาดแล้วอ่า

   หลังจากเข้าไปด้านในคณินก็ยอมปลดสายเชือกจูง และให้อิสระกับไข่ดาวได้วิ่งไปมาในบ้าน ไข่ดาวกลายเป็นหมาคลุ้มคลั่งไปภายในไม่ถึงหนึ่งนาที ทั้งวิ่งไปมาเข้าออกซอกนั้นมุมนี้จนมองตามตาลายไม่ใช่เล่น

   “อย่ามัวแต่มองเพลินเลย พี่ว่าไปเปลี่ยนชุดอาบน้ำอาบท่าเลยดีกว่า เดี๋ยวจะไม่สบาย”

   “ผมขอโทษนะครับที่รบกวนพี่คณินอีกแล้ว ชุดวันก่อนไม่ทันจะคืนก็เปลี่ยนไปอีกรอบแล้ว แถมยังมาเอาชุดใหม่อีก”

   “ไม่ต้องเกรงใจหรอก ชุดพี่มีเป็นสิบ ขนุนจะยืมใส่กี่ชุดพี่ก็มีใส่ ไม่เป็นชีเปลือยหรอก”คณินมองดูขนุนที่ดึงเสื้อตัวเองออกจากถุงซึ่งเปียกเป็นไม่ถูพื้นแถมยังมีหยดน้ำหยดติ๋งๆ ลงมาอีก

   “ไว้ครั้งหน้าผมจะไม่ทำให้เปียกก็แล้วกันนะครับ”

   “ครับ”คณินมอบยิ้มไปให้เจ้าของดวงตากลมใส่ที่เงยหน้าขึ้นสบตาอย่างมีความหมาย คนตัวสูงกว่ามองดูร่างเล็กที่ขยับตัวไปมาปลดกระเป๋าเป้ที่สะพายไว้ออกเพราะมันเปียก

   “พี่ช่วยถือครับ”

   “ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไรผมถือเองดีกว่า มาใช้งานเจ้าของบ้านแบบนี้ผมเกรงใจ”ขนุนเบี่ยงเป้หลบ อันที่จริงขนุนยังไม่ได้สารภาพเลยว่าแอบไปตากฝนเรียกร้องความสนใจ

   “โอเค.....งั้นขึ้นไปข้างบนให้ไข่ดาวอยู่ข้างล่างไป”

   “ครับ.....ผมจะขึ้นข้างบน”ขนุนแอบบิดตัวเขินขบริมฝีปากตัวเองเลือดแทบไหลซิบเพราะคิดไกล

   “ตัวเปียกขนาดนี้พี่คิดว่าเราไปเล่นน้ำฝนมาซะอีก”

   “ปะเปล่า ก็ฝนมัน....”คนร้อนตัวโบกมือปฏิเสธ

   “พี่รู้ ไปเถอะ”

   “ครับ”

   พรืดดดด!

   เพียงก้าวแรกที่ขนุนขยับตัวฝ่าเท้าก็เผลอไปเหยียบหยดน้ำที่แฉะนองอยู่บนพื้นจนร่างกายเสียการทรงตัวลื่นสไลด์หงายหลังในทันทีเหมือนกรรมตามสนอง แต่ทว่าโชคดีที่คณินยืนไม่ไกลจากขนุน จึงขยับตัวเข้าไปรับขนุนจากทางด้านหลัง ทว่าคณินเองก็เหยียบลงไปตรงจุดเดิมที่น้ำหยดนองพื้นซึ่งมองไม่เห็น กลับกลายเป็นอุบัติเหตุซ้ำซ้อน ภาพของอีกคนที่เข้าไปรับทับด้วยอีกคนที่หงายหลังลงมาท่าอึ่งไชโยโยนของในมือลอยละลิ่วขึ้นกลางอากาศ ปรากฏว่าไม่รอดทั้งสอง แถมคนตัวโตกว่าดันกลายเป็นเบาะหนังมนุษย์ชั้นดีที่รองตัวขนุนเอาไว้

   โครม!!!

   “พะพี่คณิน! เป็นอะไรมากรึเปล่าครับ”เพราะความตกใจ ขนุนที่นอนหงายทับร่างคณินทันทีที่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นก็รีบม้วนตัวลงมาจากตัวของผู้รับกรรมในทันที หันไปมองคนที่ถูกตัวเองทับอย่างอกสั่นขวัญเขว เรียกได้ว่านอนนิ่งแผ่หลาอยู่กลางบ้านเลยทีเดียว

   “พี่ไม่เป็นไร แต่เจ็บเข่านิดหน่อย”โชคดีที่อีกฝ่ายหัวไม่ฟาด จึงตอบคำถามของขนุนที่นั่งพับอยู่ข้างๆ ได้

   “ตรงไหนครับ ข้างซ้ายข้างขวา? ”

   “ขวา”

   “จะหักรึเปล่าเนี้ย! ”ขนุนมองเข่าของคณินอย่างตกใจไม่รู้จะจับจะแตะตรงไหนดูลุกลนจนคณินต้องดันตัวลุกขึ้นนั่งเจ็บหลังมากกว่าเข่าซะอีก แต่ก็แอบหัวเราะกับความลนลานของขนุนไม่ให้อีกฝ่ายเห็น จนต้องมาแปลกใจกับท่าทางของคนตัวเล็ก

   “ขนุน ทำอะไร? ”

   “พี่คณินขึ้นหลังผมมา! เดี๋ยวผมพาไปหาหมอ”ขนุนย่อตัวหันหลังให้พยายามดึงแขนคณินให้พาดมาที่ไหล่เล็ก เตรียมจะแบบคนที่ตัวโตกว่า

   “เอ่อ”คณินมองขนุนทึ่งๆ ไม่คิดว่าคนตัวเล็กเท่าลูกหมาคิดจะแบกเขาขึ้นหลังจริงๆ เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้

   “ขึ้นมาเลยผมแบกเอง!”

   “ขนุนฟังพี่ก่อน พี่ไม่ได้เจ็บเยอะอะไรขนาดนั้น ไม่ต้องแบกพี่เดินได้สบายมาก”

   “เอ๊ะ! มะไม่หักเหรอ? ”

   “แค่เจ็บนิดเดียวเหมือนมดกัดนั่นแหละ”

   “แน่ใจนะครับ”ขนุนมองเข่าคณินที่ขยับให้ดู

   “อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้สิ”

   “กะก็ผมตกใจนี่ครับ”

   ถ้าผมไม่พิเรนทร์ไปตากฝนตัวก็คงไม่เปียกเข้าบ้านจนลื่นล้มไม่เป็นท่า เดือดร้อนพี่คณินแบบนี้แน่ๆ คิดบ้าอะไรเนี้ยขนุน! อยากตีตัวเอง!

   “พี่ไม่เป็นไรแล้ว”ขนุนพยักหน้ารับรู้ แต่แววตากลับยังตื่นตกใจไม่หาย

   “ขอโทษครับ ผมเกือบทำให้พี่คณินเจ็บตัวจริงๆ ซะแล้ว คราวหลังผมจะระวังให้มากขึ้น”

   “ระวังน่ะดี พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเราด้วย”

   “ครับ”คณินดันตัวเองลุกขึ้นยืนโดยที่ขนุนพยายามช่วย แต่เพราะไม่ได้เจ็บอะไรมากคณินจึงยืนได้ด้วยตัวเองสบายๆ แต่จะเจ็บแปล็บๆ เล็กน้อยตรงข้างในเข่าเท่านั้น

   “ให้ผมช่วยพยุงนะครับ ขอทำดีไถ่โทษจะได้มั้ย? ”คณินตั้งใจจะเดินด้วยตัวเองอยู่แล้ว แต่เพราะด้วยสายตาออดอ้อนแบบนั้นใครจะไปปฏิเสธลง

   “พี่ไม่ได้เจ็บจนเดินไม่ได้นะ แต่เอาเถอะอยากช่วยก็ช่วย”

   คนตัวสูงเปิดโอกาสพยักหน้ายินดีเสียขนาดนั้นทำไมขนุนจะไม่ดีใจ ได้ทีเจ้าของร่างเล็กกว่าคณินก็ปราดเข้าไปยืนใกล้ แล้วสอดมือโอบไปทางด้านแผ่นหลังของคณิน ตวัดแขนแข็งแรงของอีกฝ่ายให้พาดลงบนบ่าของตัวเอง พยายามเบียดตัวเข้าใกล้รวมถึงใบหน้าของตัวเองก็ด้วย เรียกว่าขนุนเล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์ก็ว่าได้จนคณินอึ้ง ไม่คิดว่าขนุนจะทำถึงขนาดนี้

   เห็นแบบนั้นคณินก็ถึงกับเม้มปากพยายามไม่ขำแล้วแต่ก็อดไม่ไหว คิดในใจว่าขนุนประหลาดคนจริงๆ

   “พี่คณินหัวเราะอะไรครับ”ขนุนที่ตีเนียนด้วยจงใจใกล้ชิดเงยหน้าที่อยู่ระดับไหล่ของคณินถามออกไป

   “ถามจริง นี่เราดูละครมากไปใช่มั้ยถึงได้ลอกเลียนแบบมาซะเป๊ะแบบนี้”

   “เลียนแบบเรื่องอะไรครับ? ”ขนุนตีมึน

   “ก็ไอ้การโอบประคองแบบนี้ไง”คณินแกล้งใช้มือที่พาดไหล่ขนุนอยู่ขยับโอบไหล่ให้ชิดเข้าหาตัวเหมือนอยากจะล้อเลียน แต่ใครจะไปรู้ว่าสายตาที่สบเข้าหากันจะหยุดนิ่งทุกการกระทำได้อย่างน่ามหัศจรรย์ใจ

   คนอยากกอดอย่างขนุนที่ถูกกอดด้วยแขนแข็งแรงแทบจะหยุดหายใจ ก่อนจะกลับมากลืนน้ำลายอึกใหญ่

   ขนุนสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นผ่านเนื้อผ้าที่เปียกชื่อซึ่งมันส่งผลให้หัวใจของขนุนจู่ๆ ก็เต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง จนแทบจะห้ามใจไม่ไหว ในขณะที่คณินกลับนิ่งค้างจ้องมองไปที่ใบหน้าผ่านดวงตากลมใสที่เบิกโพลงเล็กน้อยราวกับมีบางอย่างดึงดูด และแรงโน้มถ่วงบางอย่างที่ทำให้สองร่างไม่อาจผละออกจากกันกระทั่ง

   ขอนิดนึงก็ยังดี

   คนภาวนาในใจอย่างขนุนค่อยๆ เลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้แทบจะทำท่าปากจู๋เข้าหาคณินอยู่แล้วเชียวแต่ทว่า...

   “โฮ่ง โฮ่ง!”

   เสียงเห่าเป็นชุดมาพร้อมกับสองขาหน้าที่เข้าปีนป่ายทั้งคู่อย่างสนุก แถมยังวิ่งวนไปรอบๆ วิ่งหยอกซ้ายขวาเหมือนกำลังเรียกร้องความสนใจ

   โอ๊ยยยย! ไข่ดาว! เราเกือบจะได้สัมผัสปากของพี่คณินอยู่แล้วเชียวจะมาเล่นอะไรด้วยตอนนี้เล่า!

   คนโอดครวญในใจมองไข่ดาวงอนๆ แต่มือกลับยังไม่ปล่อยโอกาส ความเหนียวแน่นยังคงแปะหนึบอยู่ที่แผ่นหลังของคณินไม่ปล่อย

   “พี่คณินไปกันเถอะครับ ผมงอนหมาแถวๆ นี้ซะแล้ว”

   “งอนไข่ดาว? ”

   “อือ”ขนุนพยักหน้ารีบดันแผ่นหลังคณินเดินขึ้นบันไดสู่ชั้นสองของบ้าน และหันไปแลบลิ้นใส่ไข่ดาว ที่นอนเกลือกกลิ้งหงายท้องอยู่บนพื้นอย่างไม่มีใครสนใจ

   ถ้าเมื่อกี้ไข่ดาวไม่มาขัดนะ ป่านนี้พี่คณินเสร็จเราแล้ว

   บุญมี แต่กรรมบังชัดๆ!

   ‘งื้ออออออ ฮึบไว้ขนุน ไม่ร้อง!’







ติดตามตอนต่อไป >>>


ขอบคุณนักอ่านทุกท่านค่ะที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ ^^

แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ


โดย หลานฮวา

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ขนุนใสๆไม่มีจริงใช่มะ แอบร้ายนะเราเนี่ยะ แต่เกรงว่าอิพี่ก็น่าจะรุ้ทันแต่ยอมๆไปใช่ป่าว

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ขนุนลูกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
สติลูก สติ

หนูจะตอดเล็กตอดน้อยพี่เขาแบบโจ่งแจ้งไม่ได้นะลูก

พี่เขาดูออก

หนูต้องเนียนกว่านี้ลูก

ความพยายามคะแนนเกินร้อย

แต่ความเนียนยังติดลบนะลูก

ทุกคนมองหนูออกหมด

หนูต้องแอ๊ปใสกว่านี้ลูก

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4



ขนุนลูกที่ 11




   ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่ดูเรียบง่ายสะอาดตา ข้าวของทุกอย่างถูกจัดวางไว้อย่างเหมาะสมและเป็นระเบียบ ไม่ต่างจากครั้งแรกที่ขนุนเคยเข้ามา สิ่งของน้อยชิ้นแต่ทุกอย่างล้วนถูกใช้งานตั้งแต่โคมไฟตัวเล็กตรงโต๊ะข้างเตียงนอน ตลอดจนคลิปหนีบกระดาษและโพสต์อิทหลากสี แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะถูกใช้งานมากที่สุดน่าจะเป็นโต๊ะอ่านหนังสือตรงมุมห้อง ที่อยู่ติดกับบานหน้าต่าง บนโต๊ะส่วนใหญ่จะวางหนังสือซ้อนทับกันไว้หลายเล่ม ตามสันหนังสือสอดโพสต์อิทสีต่างๆ คั่นไว้ในหน้าต่างๆ โพล่ออกมาสลับสีชวนสังเกต

   ขนุนแอบใช้โอกาสที่คณินอยู่ให้ห้องน้ำสำรวจห้องอย่างอยากรู้ แอบเปิดลิ้นชักข้างเตียงที่ไม่ได้ล็อกออก อยากรู้ว่าจะมีอะไรซ่อนไว้เหมือนห้องของผู้ชายทั่วๆ ไปหรือเปล่า อย่างตอนไปเที่ยวห้องแจ็กเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ขนุนยังเคยเห็นถุงยางชนิดบางที่แจ็กสอดไว้ใต้หนังสือเลย

   “พี่คณินจะมีบ้างไหม.....”แง้มไปก็พึมพำอยู่คนเดียว จนได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออกขนุนผละจากลิ้นชักกระโดดขึ้นนั่งบนเตียงทำเหมือนนั่งรอคณินเป็นเด็กดีไม่ซุกไม่ซน

   “ตัวพี่คณินหอมจังครับ ใช้อะไรมาเหรอครับ”

   คณินชะงักมือที่ขยี้ผมตัวเองมองดูเจ้าของดวงตากลมใสเป็นประกาย แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ก็เพิ่งอาบน้ำเสร็จ จะให้พี่ตัวเหม็นก็แปลกแล้ว กลิ่นเหมือนเรานั่นแหละ ถามแปลกคน”

   “นั่นสินะครับ”ขนุนยกแขนตัวเองขึ้นทำทีเป็นดมกลิ่นเพราะก่อนหน้าก็แซงคิวเจ้าของบ้านอาบน้ำก่อนแล้ว

   “ว่าแต่ขนุนเถอะหิวรึเปล่า เดี๋ยวลงไปหาอะไรกินในครัวข้างล่างกัน”

   ขนุนนั่งมองคณินที่เดินเปลือยท่อนบนอย่างไม่คิดอะไร ผิวขาวตั้งแต่แผ่นหลังกว้างยันสะโพกเนื้อแน่นจนน่าขย้ำยิ่งมองยิ่งหายใจฮึดฮัดจนแทบทำขนุนกลายร่าง แอบกลืนน้ำลายลงคอไปไม่รู้กี่ลิตรแล้ว เจ้าของห้องเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วคว้าเอาเสื้อยืดเข้ามาสวม ขนุนยังคงมองคณินที่เดินไปมาไม่วางตา เรียกได้ว่าเก็บทุกอิริยาบถของคนตรงหน้าก็ว่าได้

   “ว่าแต่ตอนนี้เข่าพี่คณินยังเจ็บอยู่อีกรึเปล่าครับ? ”

   “ไม่เจ็บเท่าไหร่แล้ว”

   “แน่ใจนะครับ พี่คณินมีน้ำมันนวดหรือพวกยาทาลดปวดเมื่อยรึเปล่าครับ? ”

   “มี ถามทำไมครับ หรือเราเจ็บตรงไหนด้วย”คณินเดินเข้ามาหาขนุนที่ขยับตัวลงจากเตียงแล้วนั่งห้องขา ในจุดที่เคยนั่งครั้งก่อนตอนที่คณินเป่าผมให้

   “ผมเป็นคนทับพี่จะเจ็บได้ไง ผมจะนวดให้พี่คณินมากกว่า มือผมอย่างเทพนะครับ ถึงจะไม่ได้เรียนกายภาพและเรื่องบีบๆ นวดๆ ผมก็ถนัด”ขนุนกระโดดมายืนทำมือยุบยับจนน่าสยองซะมากกว่าน่าเชื่อถือ

   “พี่ว่า อย่าลำบากเราเลย”คณินคลี่ยิ้มส่ายหน้า เอื้อมมือมาขยี้เจ้าของเส้นผมสีบลอนด์ที่ทำหน้ายู่ ก่อนจะไปยืนซ้อนหลังดันไหล่ขนุนให้ลุกและพากันเดินลงไปข้างล่าง

   “ไม่ต้องได้ไงครับ ขนาดตอนเล่นบอลผมจำได้ว่าล้มนิดเดียวไม่ทันจะเจ็บ แต่พอตื่นเช้ามาอย่างปวด ยังไงป้องกันไว้ก่อนดีกว่า เผื่อเจ็บขึ้นมาเดี๋ยวจะส่งผลต่อเรื่องเรียนของพี่คณินผมไม่รู้ด้วยนะ”

   “โอเคพี่ยอมละ เอางั้นก็ได้ครับ”จนแล้วจนรอดคณินก็เอ่ยยินยอมจนได้ “แต่หลังจากหาอะไรรองท้องให้เรียบร้อยแล้วเท่านั้นนะครับ พี่หิวจนไส้กิ่วแล้ว”คนตัวโตทำท่างอแงกะพริบตาปริบๆ ใส่ขนุน

   เล่นงี้พี่เอามีดมาแทงผมดีกว่า ก่อนที่จะเกิดอาชญากรรมพรากผู้ใหญ่

   “ก็ได้ครับ”

   “ยิ้มอะไรจนแก้มตึงขนาดนั้น”

   “เปล่าครับ ไม่มีอะไร”

   หลังจากลงไปขลุกอยู่ในครัว เมนูยามฝนตกก็คงจะหนีไม่พ้นมาม่า โชคดีที่ในตู้เย็นพอจะมีไข่อยู่บ้าง จึงพอจะทำให้มื้อนี้อิ่มท้องแบบไม่ขาดสารอาหารเกินไป คนที่ลงมือต้มมาม่าเห็นจะเป็นเจ้าของบ้านอย่างคณิน โดยมีขนุนคอยเอาใจช่วยอยู่ใกล้ๆ กับเจ้าไข่ดาวที่เล่นอยู่ข้างๆ

   หลังจากกินเสร็จคนที่อาสาเก็บกวาดคือขนุน ท่าทางคล่องแคล่วในระดับหนึ่งจนดูถูกไม่ได้เลย คณินมองขนุนที่จัดการล้างถ้วยล้างจานให้ก่อนจะไปยืนอยู่ข้างๆ ส่งผ้าสะอาดให้อีกฝ่ายเช็ดมือให้เรียบร้อย

   “ขอบคุณครับ”

   ขนุนเอ่ยขอบคุณเช็ดมือเลยเนื้อผ้าไปจนถึงมือคนยื่นให้อย่างเนียนๆ คณินแอบยิ้มขำก่อนจะเดินนำไปยังห้องรับแขก กดรีโมตเปิดโทรทัศน์ขึ้นเพื่อให้บ้านทั้งหลังไม่เงียบเกินไป ไข่ดาวที่เดินเตาะแตะตามมากระโดดขึ้นโซฟานั่งเทียบเสมอเจ้าของบ้านอย่างคุ้นเคย ก่อนจะล้มตัวลงนอนเอาหัวเกยคณินเล็กน้อย ขนุนมองไข่ดาวรู้สึกอิจฉาหมาในใจ

   “พี่คณินยาอยู่ไหนครับ? ”

   “อ้อ เกือบลืม เดี๋ยวพี่ไปหยิบให้”

   “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมหยิบให้เอง”

   “งั้นรบกวนทีนะ มันอยู่ในตู้ไม้ด้านล่างโทรทัศน์ตรงซ้ายมือ”

   “โอเคครับ พี่คณินนั่งรอแป๊บนะครับ”

   คนที่ถูกสั่งมองขนุนเดินไปเอายาตามตำแหน่งที่บอก ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับยาหลอดบีบที่ใช้นวดบรรเทาอาการปวดเมื่อยในมือ พลิกบรรจุภัณฑ์หน้าหลังขมวดคิ้วหรี่ตาอ่านสรรพคุณตัวเล็กจางอย่างตั้งใจ ก่อนจะนั่งลงกับพื้นด้านล่างตรงหน้าคณินในทันที

   “ขนุนนั่งข้างบน”

   “ไม่เป็นไรครับตรงนี้สะดวกกว่า ขอขาหน่อยครับ”

   “จะทำให้ได้เลยสินะ”คณินส่ายหน้า มองคนรั้นจับขาตัวเองล็อกไว้แล้วถลกขากางเกงขายาวขึ้นเลยเข่าไปเล็กน้อย

   “ไหนบอกไม่เจ็บครับ ผมเห็นตรงนี้มันแดงนิดๆ ด้วย”ขนุนก้มลงไปมองตรงเข่าคณินจิ้มเบาๆ ไปตรงที่เป็นรอยแดงขึ้นมา เพราะผิวของคนตรงหน้าค่อนข้างขาวเลยเห็นได้ชัด

   “ก็แค่แดง”คณินพิงหลังกอดอกยอมให้ขนุนจัดการทายาแล้วนวดเบาๆ ให้ มองหัวทุยๆ ที่ก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงหน้า แกล้งขยับขาไปมาให้ขนุนเงยหน้าขึ้นมาทำตาดุ
 
   “นิ่งหน่อยสิครับ”

   “ครับๆ ”คนถูกดุอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว และยังคงใช้เวลามองขนุนที่ตั้งใจนวดให้เบามือ

   การนั่งนิ่งๆ และมองคนตัวเล็กกว่าตรงหน้า มันเหมือนการนั่งมองความรู้สึกของตัวเองที่สะท้อนกลับมา ขนุนไม่ต่างจากกระจกที่ส่องสะท้อนอารมณ์ของคณิน น่าแปลกที่เขาแสดงความรู้สุกได้มากมายขนาดนี้เพียงเพราะคนๆ เดียว

   เพราะตั้งแต่คณินรู้จักกับขนุน ทุกครั้งที่เจอและได้พูดคุย คงนับครั้งไม่ถ้วนที่คณินสามารถยิ้มและหัวเราะออกมาโดยธรรมชาติ ไม่ต้องพยายามแค่มองแววตาที่สดใส ซื่อตรงต่อความรู้สึกตัวเองทำทุกอย่างด้วยความพยายาม

   จนคณินรู้สึกว่า…..เหมือนเจอโอเอซิสกลางทะเลทราย

   ช่วยชีวิตไว้ไม่ให้แห้งเฉาเหมือนไม้แล้งน้ำ โอเอซิสที่ทำให้ทุกอย่างดูสดชื่นไปหมด

   “ถ้าเจ็บบอกผมนะครับ”

   “เก่งพอตัวนะเรา”

   “จะให้นวดที่อื่นก็บอกนะครับ พร้อมมาก”

   “แต่พี่ไม่พร้อม กลัวเส้นยึด”

   “ผมแบกพี่ได้ บอกเลย”

   “หึ ตัวเท่าไข่ดาวจะมาแบกพี่ไหวได้ไง”

   “ขนาดไม่สำคัญ มดยังแบกของที่หนักกว่าตัวเองหลายเท่าได้เลย นับประสาอะไรกับผมแบกพี่”

   “ตกลงจะเป็นมดหรือเป็นขนุน”

   “แล้วพี่คณินชอบอย่างไหนครับ มดหรือขนุน ผมจะเป็นอย่างนั้น”คนถามทำสายตากรุ้มกริ่มอย่างมีความหวัง

   “พี่ชอบไข่ดาว น่ารักจะตายใช่มั้ยครับ”คณินแสร้งหันไปพูดกับเจ้าไข่ดาวที่ชันตัวลุกขึ้นนั่ง

   นั่นปะไร แถเก่งกว่าใครก็คนตัวโตๆ ข้างหน้าขนุนนี่แหละ

   “โห่ คนละเรื่องกับที่ถามมั้ยเนี้ย”ขนุนทำหน้างอนปากจมูกแทบจะติดกัน บีบๆ นวดๆ ไปเรื่อยเริ่มสะเปะสะปะ ไข่ดาวที่นั่งเอียงคอซ้ายขวามองขนุนทำเรื่องที่ไม่ค่อยเข้าใจ ก่อนเจ้าหมาจอมสงสัยจะกระโดดลงจากโซฟาแล้วมุดใต้แขนขนุนเข้าไปนั่งในตักซะอย่างนั้น

   กลายเป็นเราสองและหนึ่งตัวที่มาแทรกกลาง

   “ไข่ดาวทำไรเนี้ย”ขนุนโวยพยายามดันเจ้าไข่ดาวออก แต่ก็ไม่ยอมย้ายก้นออกไป คณินเห็นแบบนั้นเลยเก็บอาการขำไม่อยู่ ปกติไข่ดาวไม่ค่อยชอบไปนั่งตักใครหรือมากสุดก็แค่เอาคางหรือวางอุ้งมือสัมผัสก็เท่านั้น แต่กับขนุนดูเหมือนมันจะไม่แคร์เท่าไหร่ แถมยังไว้ใจสงสัยจะคิดว่าเป็นเพื่อนหมาเหมือนกัน

   “ไข่ดาวไมทำงั้นฮะเรา มานั่งตรงนี้มา”คณินตบมือลงไปที่โซฟาข้างๆ ตัวเอง แต่เจ้าไข่ดาวก็ยังไม่ขยับ

   “อ้อนผิดคนป่ะเนี้ย คนซื้ออาหารให้อยู่ทางโน้น”ขนุนใช้สองมือบีบไปที่แก้มไข่ดาวดึงเนื้อย้วยๆ ตรงแก้มอย่างหมั่นไส้ คณินมองขนุนที่เล่นกับไข่ดาวเหมือนนั่งมองสารคดีสัตว์โลกแสนรัก

   “พี่คณิน ผมจะลุกแล้วเอาไข่ดาวออกหน่อย”ขนุนจิ้มนิ้วไปที่ตัวกลมๆ ของเจ้าไข่ดาวที่เล่นทับขาขนุนเสียจริงจัง ยิ่งขนุนขยับเจ้าไข่ดาวก็เหมือนแสนรู้ ดันขยับก้นตามเหมือนจะแกล้ง

   “ไข่ดาวไม่กวนพี่เค้า มาตรงนี้”ไข่ดาวหันหน้าหลบ ทำเหมือนไม่ฟังแต่หูกระดิก คณินเลยจนปัญญาเพราะสงสารขนุนที่หน้ามุ่ยอยากจะลุกเต็มทน เลยตัดสินใจก้มตัวลงไปด้านล่างเพื่อจะดึงเจ้าไข่ดาวออก

   ทว่าขนุนเองก็ขยับยึกยัก จึงเป็นจังหวะเดียวที่อีกฝ่ายโน้มตัวมาข้างหน้าเช่นกัน หากคณินชะงักหรือหยุดไม่ทันอีกหัวคงได้ชนโป๊กกับขนุนแน่ๆ แต่ที่เป็นปัญหาใหญ่กว่าคือการหยุด และหยุดโดยที่ใบหน้าของทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกันเพียงฝ่ามือลอด แถมปลายจมูกก็ดันชนกันไปเล็กน้อย

   ขนุนหลับตาปี๋เป็นปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ พอลืมตาโพล่งออกมาใบหน้าของคณินก็อยู่ซะใกล้ จนคนตัวเล็กกว่าใจเต้นโครมครามขึ้นมาอีกครั้ง รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่คณินผละออกไปแล้วส่งมือมาจิ้มแก้มกลมๆ ที่แดงเป็นลูกมะเขือเทศของขนุนเบาๆ คล้ายสะกิด ซึ่งตอนนั้นเจ้าไข่ดาวดันลุกออกไปตั้งแต่คณินเตรียมจะดึงตัวเจ้าหมาแสบออกไปแล้ว

   “เมื่อกี้เจ็บรึเปล่า”

   “เอ๊ะ? เอ่อไม่ครับ”ขนุนจับจมูกตัวเองเบาๆ เหมือนสติเพิ่งเข้าร่าง
   
   “แน่ใจนะ แต่ดูแดงนิดหน่อย”

   “เหรอครับ แหะๆ ”คนหัวเราะแห้งๆ เหลือบตามองไปทั่ว จนไปสะดุดกับเวลาที่อยู่บนหน้าปัดนาฬิกาเรือนใหญ่ตรงผนังบ้าน “เอ่อ.....ดูเหมือนว่าได้เวลาที่ผมต้องกลับแล้ว ดึกแล้วพี่คณินจะได้มีเวลาส่วนตัว อยู่จนลืมเวลาไปเลยแฮะ”

   “นี่มันก็ 3 ทุ่มกว่าๆ แล้ว ฝนก็เพิ่งจะหยุดตกหากพรุ่งนี้ไม่รีบคืนนี้นอนที่นี่ก่อนไหม พี่ว่ามันดึกแล้วจะออกไปเดี๋ยวอันตราย”

   จริงๆ ขนุนอยากจะบอกความจริงออกไปว่า ปกติตี 2 ก็ไม่หวั่น เวลาเที่ยวกลับตี 3 ก็เคยมาแล้ว แต่จะพูดแบบนั้นก็ดูจะประจานตัวเองไปหน่อย แถมอีฝ่ายยังเป็นคนเอ่ยปากชวนอีก มีหรือขนุนจะไม่ดีใจจนตาพร่า

   “ผมเกรงใจพี่จังเลยครับ”

   “ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เช้าค่อยออกไปพร้อมพี่ก็ได้ พี่มีเรียนเช้า”

   “เอ่อคือ.....”

   ไม่ได้จะปฏิเสธหรอกครับ ผมแค่เล่นตัวตื๊อผมอีกนิดเถอะพี่

   “ถ้าคิดว่าไม่สะดวกงั้นพี่ขับรถไปส่ง.....”

   “นอนครับ! ห้องพี่คณินใช่มั้ย ผมขึ้นไปรอนะ”

   เกือบกลับห้องไปนอนปากแห้งอยู่คนเดียวแล้วไหมล่ะไอ้ขนุน!

   คณินหัวเราะคนตัวเล็กกว่าที่ผุดลุกขึ้นแล้วรีบร้อนขึ้นไปข้างบนโดยไม่รีรอ แถมยังระบุเจตจำนงที่ชัดเจนออกมาว่าไม่ขอนอนที่อื่นต้องที่ห้องของคณินเท่านั้น เจ้าของบ้านเพียงมองแผ่นหลังเล็กที่เดินออกไปด้วยแววตาอ่อนโยน พร้อมกับลุกขึ้นกดปิดโทรทัศน์ด้วยรีโมทแล้วเดินตามไปบอกให้ไข่ดาวนอนเฝ้าอยู่ด้านล่าง และย้ำเรื่องสำคัญ

   “วันนี้มีแขก ห้ามเห่าก่อกวน เดี๋ยวขนุนจะนอนไม่หลับเข้าใจมั้ย? ”คณินหันไปเตือนไข่ดาว ที่ปกติเวลามีใครมาบ้านเจ้าตัวแสบจะต้องเห่าขึ้นมากลางดึกกลางดื่นพร่ำเพรื่อทุกที ขนาดโจมกับอนาวินที่เคยมาค้างติวหนังสือเตรียมสอบก็ยังเคยโดนก่อกวน

   “โฮ่ง! ”เสียงเห่าตอบรับที่เบาลงเหมือนจะรับรู้ก่อนจะวิ่งเตาะแตะกระโดดขึ้นไปนอนบนโซฟา และปล่อยที่นอนสำหรับหมาให้ว่างลงไม่คิดจะไปเหยียบซะด้วยซ้ำ

   ในเวลาไม่ถึง 5 นาทีคณินขึ้นห้องตามขนุนมา ก็เห็นอีกฝ่ายยืนทำท่าเก้ๆ กังๆ อยู่ข้างเตียง ทันทีที่ได้ยินเสียงคณินเปิดประตูเข้ามาขนุนก็เอี้ยวตัวหันไปมองอีกฝ่ายแล้วถามออกไป

   “เอ่อ ปกติพี่คณินถนัดนอนด้านไหนของเตียงครับ ซ้ายหรือขวา หรือว่านอนตรงกลาง? ”เจ้าของตากลมใสหันมาถาม คณินถึงได้รู้สาเหตุว่าทำไมขนุนถึงยังยืนอยู่แทนที่จะกระโดดขึ้นเตียงไปนอน

   “ขนุนอยากนอนตรงไหนเป็นพิเศษพี่ให้เลือกเลยตามสบาย”ได้ยินแบบนั้นขนุนถึงกับเม้มปากเก็บรอยยิ้มที่เกือบขยายกว้างเต็มหน้าเอาไว้

   “ก็.....ผมอยากจะนอนข้างๆ พี่นั่นแหละครับ”ขนุนพูดออกมา แม้จะเสียงเบาๆ เหมือนชั่งใจอีกฝ่าย แต่เพราะห้องมันเงียบคณินเลยได้ยินหมดทุกคำพูด

   “แล้วใครบอกว่าพี่จะไม่ให้ขนุนนอนบนเตียง”

   นั่นปะไร! ขนุนถึงกับถอนหายใจเพราะหยอดมุกใส่คณินไม่สำเร็จ

   โถ่! หรือต้องให้พูดว่าอยากไปนอนกลิ้งอยู่ในใจพี่นั่นแหละ! แบบนั้นจะดีกว่าไหม! เมื่อไหร่จะมองว่าผมประสงค์ร้ายซะที

   อยากเป็นโจรให้รู้แล้วรู้รอด คืนนี้จะได้ปล้นทั้งตัวทั้งใจคนซะเลยทีเดียว หึ!

   คณินแอบเหลือบมองขนุนที่คลานขึ้นเตียงไปนอนฝั่งซ้ายแล้วมุดเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มหน้าจ๋อยๆ ก่อนจะกระตุกยิ้มขึ้นมาซะอย่างนั้น เก็บกลั้นความรู้สึกบางอย่างเอาไว้และกลบเกลื่อนท่าทีด้วยการเดินไปปิดไฟกลางห้อง และคว้าไอแพดที่วางอยู่ตรงโต๊ะใกล้ๆ นั่งลงขอบเตียงแล้วสอดขาและลำตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน โดยมีสายตาของขนุนคอยมองไม่วางตาในความสลัว

   ไม่ใช่ไม่รู้สึกตัว แต่แค่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น สายตาอย่างกับลูกหมาของคนข้างๆ มันรบกวนจิตใจของคณินซะขนาดนั้น

   “พี่ขออ่านชีทแป็บนึง ขนุนนอนก่อนได้เลยนะ แต่พี่ขอเปิดโคมไฟข้างเตียงดวงนึง เรานอนได้ใช่มั้ยครับ? ”

   “ครับ พี่คณินก็อย่านอนดึกนะ ผมเป็นห่วง”

   ครู่นึงที่เกิดความเงียบ เสี้ยวหน้าของคณินหันไปสบตากับขนุนแล้วระบายยิ้มเล็กๆ นัยน์ตาอ่อนโยน

   “อื้ม ฝันดีครับ”คณินเอื้อมมือที่ลังเลว่าควรจะยื่นออกไปไหม แต่เพราะความคุ้นชินหรืออะไรบางอย่างทำให้คณินยื่นมือของตัวเองออกไปวางลงบนหัวของขนุนแล้วแทรกปลายนิ้วเข้าสัมผัสกลุ่มผมนุ่มคล้ายกับเสพติดความนิ่มละเอียดของเส้นผมที่สว่างดูอบอุ่นของขนุนซะแล้ว

   “ฝันดีครับพี่คณิน”

   เสียงงัวเงียดังขึ้นเบาๆ หลังจากที่เงียบไป เป็นประโยคสุดท้ายที่คณินได้ยินในคำคืนนี้

   ขนุนขยับตัวเล็กน้อยใต้ผ้าห่ม เหมือนพยายามกล่อมตัวเองให้หลับหาท่าที่นอนสบายที่สุด ก่อนจะเอียงตัวทับแก้มกลมๆ จนจมไปกับหมอน ไม่ถึง 10 นาทีขนุนก็นิ่งไปและมีเสียงหายใจเบาๆ สม่ำเสมอดังขึ้น

   คนที่จดจ่ออยู่กับหน้าจอที่สว่างหันหน้าไปมองเจ้าของใบหน้าที่หลับพริ้มสบายสุดๆ เพราะการจ้องมองที่เนิ่นนาน คณินไม่เคยสังเกตเลยว่าขนุนจะมีขนตาที่เรียงยาวได้หนาขนาดนั้น อีกทั้งปลายจมูกที่เจ้าตัวมักจะชอบขยี้บ่อยๆ กลับโด่งรั้นรับกับเรียวปากได้อย่างน่าชวนมอง

   แบบนี้เขาเรียกว่าหน้าตาจิ้มลิ้มหรือเปล่า

   ใบหน้าที่มีความสุขของขนุนยามหลับ ชวนมองเสียจนคนที่ยังไม่หลับยอมตัดใจวางไอแพดในมือแล้วขยับตัวเข้าไปใกล้ ค้ำศีรษะลงกับฝ่ามือเอียงตัวนอนมองคนที่หลับลึกอยู่ข้างๆ ราวกับที่นี่เป็นบ้านของตัวเอง บางคนผิดที่ผิดทางก็จะนอนไม่หลับ แต่สำหรับขนุนดูเหมือนจะเป็นกรณียกเว้นหรือเปล่า หลับลึกหลับเป็นตายซะขนาดนั้น

   “ไปนอนบ้านคนอื่นง่ายๆ แบบนี้บ่อยรึเปล่าฮะเรา ไม่ระวังตัวเอาซะเลย”เสียงพูดแผ่ว ถามออกไปพร้อมกับแตะนิ้วเรียวไปที่ปลายจมูกรั้น แต่เพราะเจ้าของเสียงกรนเบาๆ อย่างขนุนหลับไปแล้ว เลยไม่ได้ลุกขึ้นมาตอบ

   การหลับที่ดูจริงจังแบบนั้น ขนุนถึงไม่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกคนที่ชอบมองใกล้ขนาดไหน แถมยังมีลำแขนเอื้อมไปพาดวางเบาๆ ไปบนผ้าห่มเหนือตัวขนุน เคาะปลายนิ้วเป็นจังหวะเบาๆ จ้องมองไปที่คนตรงหน้าและครุ่นคิดบางอย่างไปด้วย


    
มอM

   “ว่าไงขนุน เป็นไงบ้างช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นหน้าเห็นตา หายหัวและตัวตลอดเลยว่ะ”คนที่เดินมาจากทางด้านหลังส่งเสียงโวยวายจนเด็กปี 1 ที่นั่งอยู่ใต้ถุนคณะหันมามอง กลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 4 คนกับขนุนที่ไม่เข้าพวกกำลังจับกลุ่มคุยกันระหว่างทาง

   “เราก็มาเรียนปกติ ไม่ได้โดดสักวิชา”ขนุนปัดมือใหญ่ที่ยื่นมาแกล้งทำให้ผมขนุนเสียทรง โชคดีที่ที่ผมขนุนมันจัดทรงง่าย

   “ก็กูเห็นเย็นปุ๊บเดี๋ยวหาย สารภาพเดี๋ยวนี้ไปไหนคนเดียวบ่อยๆ ห๊ะ”ช้างยังคงคาดคั้น

   “มึงยังต้องถามอีกเหรอวะ ก็เห็นความกระดี๊กระด๊าของมันอยู่”นิวส่ายหน้าอยากจะดีดมะเหงกใส่ขนุนสักโป๊ะตรงหน้าผาก เพราะเมื่อวานสายรายงานมาว่าขนุนไม่กลับห้อง

   “อ้อ พวกกูลืมไปว่าขนุนกำลังมีความรัก”แจ็กพยักหน้านึกขึ้นมาได้ แล้วหันไปเหลือบตามองคนต่ำเตี้ยที่สุดในกลุ่มอย่างหมั่นไส้นิดๆ

   “เออเกือบลืม กูมีเรื่องจะถามพวกมึงสองคน”ต้าที่หยุดเดินกะทันหันขณะที่ตัวเองเดินนำหน้า แล้วหันไปหาแจ็กกับช้างที่เดินกอดคอกันอยู่ข้างหลังก่อนจะกวักมือเรียกแล้วเบาเสียงลงขณะพูด

   “เรื่อง? ”

   “เมื่อวานพี่ไม้เอกชวนพวกมึงไปร้านเหล้าด้วยรึเปล่าวะ”

   “อ้อชวน แต่ไม่ได้มีแค่พวกกูนะก็มีคนอื่นไปด้วย แต่ไม่ได้อยู่กันดึกมากหรอก 5 ทุ่มก็แยกย้ายกันกลับแล้ว”ช้างไหวไหล่

   “มึงถามเรื่องนี้ทำไม? ”แจ็กขมวดคิ้วเอามือล้วงกระเป๋า

   “ก็แค่อยากยืนยัน พอดีพี่ไม้มาชวนไอ้ขนุนไปกินข้าวไปกินเหล้านั้นและ แต่มันชิ่งหนีได้ซะก่อน”ต้าอธิบายความช้างกับแจ็กเลยเข้าใจ

   “ถึงว่าทำไมบรรยากาศงานกร่อยๆ แม่งตัวหลักไม่มานี่เอง”

   “เกี่ยวอะไรกับเราด้วย”ขนุนหลบตาไม่รู้ไม่เห็น

   “เลิกพูดถึงคนที่ไม่อยากจะเจอได้แล้ว เดี๋ยวแม่งก็มาหรอก”นิวเข้าไปทลายวงเล่า ก่อนจะลากขนุนให้เดินตามไปด้วย

   “มึงกลัวอ่ะดิ กลัวโดนล้ออีกรึไง”แจ็กแซวคนที่เดินก้าวฉับๆ ไม่สนคำพูด

   “ไม่ได้กลัวเว้ย! ”

   “เอาเรื่องจริงมาล้อเล่นแบบนี้กูเข้าใจว่ะว่ามันเจ็บ นิว 1 นิ้ว”คนปลอบวางมือลงบนไหล่เจ้าของฉายาเป็นเชิงหยอกล้อ

   “ไอ้ช้าง! ปากเสียเดี๋ยวกูถีบหน้าแม่ง! ”คนอื่นพากันหัวเราะกับความร้อนตัวของนิว

   แต่ใครจะไปรู้ว่าวงแตกที่แท้จริงคือหลังจากนี้มากกว่า เพราะระหว่างที่ต่างคนต่างกำลังฮาครืนมองดูความวุ่นวายของสองชายฉกรรจ์ที่ไล่เตะไล่กวดกันอยู่นั้นคนที่เดินเลี้ยวมาตรงหัวมุมตึกดันเป็นหัวข้อสนทนาที่เพิ่งพูดถึงไปหยกๆ นี่เอง

   “มึงไม่โดนล้ออย่างกูบ้างมึงไม่รู้หรอก! ”

   “โถ่อย่าหัวร้อนดิ”

   “มานี่เลย ถ้าจะให้กูสงบใจได้มาให้เพ่นกะโหลกหนาๆ ของมึงสักสองที”นิวกระดิกนิ้ว แต่คนอื่นขยิบตา เป็นนิวคนเดียวที่ไม่เห็นว่าใครเดินมาข้างหลัง กระทั่งคนหัวร้อน 2019 ง้างแขนข่มขู่ช้าง แต่จังหวะโคตรดีที่สันแขนเกือบฟาดหน้าคนที่เดินมาข้างหลัง

   หมับ!

   แต่กลายเป็นว่าอีกฝ่ายป้องกันตัวเองได้โดยการรับด้วยฝ่ามือจนนิวหันขวับไปหาด้วยปฏิกิริยาเหมือนไฟลนตูดในทันที

   “เหี้ย! พี่ไม้เอก”

   “โตแล้วนะครับ เล่นเป็นเด็ก”เสียงเหมือนสุภาพ แต่ใครฟังก็รู้ว่ากำลังดุชัดๆ คนถูกดุถึงกลับดึงมือตัวเองกลับ และกำลังจะอ้าปากพ่นหมาออกมาล้านตัว

   “ก็พี่มึงแม่งเดินไม่......!”แต่โชคดีที่แจ็กไหวตัวทันเข้าไปอุดปากแล้วลากนิวออกมาก่อน ไม่งั้นไม่รอดเงื้อมมือพี่ไม้เอกก็คราวนี้ เผลอๆ อาจสะเทือนไปถึงเฮดว๊ากและเฮดสันทนาการที่ยืนหัวโด่ตรงนี้ทั้งแจ็กและช้าง

   “อย่าไปสนใจนิวเลยครับ พี่ไม้มีอะไรกับพวกผมรึเปล่า? ”ขนุนออกหน้าถามไถ่ เพราะไม้เอกไม่ได้เดินมาคนเดียวแต่มีรุ่นพี่ที่สนิทเดินมาด้วยอีกสองคน

   “ลืมแล้วรึยังว่าสัญญาอะไรกับพี่ไว้ วันนี้เราปฏิเสธไม่ได้แล้วนะ”

   “สัญญา....”ขนุนขมวดคิ้วผูกเป็นปมรำลึกความหลัง ก่อนจะหัวเราะขึ้นมาเมื่อนึกได้ “อ้อ! เรื่องไปกินข้าวใช่มั้ยครับ? ”

   “ใช่ครับ”ไม้เอกยิ้มพอใจที่อีกฝ่ายไม่ได้ลืม สองมือที่ยืนล้วงกระเป๋าก็ดูเป็นท่ายืนธรรมดาอยู่หรอก แต่ก็เท่ไม่หยอกเพราะพวกสาวๆ ใต้ถุนคณะก็มองกันแบบจริงจัง เหมือนมีการรวมกลุ่มคนหน้าตาดีมาสุมหัวกันตรงนี้อย่างมิได้นัดหมาย อาจจะมีของแปลกอย่างช่างโผล่มาหนึ่งคน ถือว่าเป็นที่นิยมของคนสายหมียักษ์

   “กะก็ได้ครับ แต่ผมพาเพื่อนไปด้วยนะครับ พอดีช่วงนี้ผมติดเพื่อนมาก”ขนุนถอยหลังไปสองก้าวเข้าไปคล้องแขนคนที่อยู่ใกล้สุดยิ้มจนตาหยี่ ผู้ที่ติดบ่วงไปด้วยเป็นนิวกับแจ็ก จนคนหัวร้อนอย่างนิวถึงกับสบถเสียงลอดไรฟันออกมาด่า

   “แน่ใจว่ามึงติดเพื่อน ไม่ใช่ติดสัด! เอากูไปเอี่ยวทำไมไอ้ขนุน! ”

   “เอาเหอะนา ไปเป็นเพื่อนเราหน่อย”ขนุนยิ้มสู้พูดเสียงแผ่วพยักหน้าให้ไม้เอกที่มองตัวเองตาเชื่อม แต่กลับมองตาแข็งๆ ใส่นิวที่ทำตัวไม่น่ารักเท่าไหร่นักกับพี่ไม้เอก

   “ก็ดีนะ ไปกันหมดนี่สนุกดี เจอกัน 1 ทุ่มที่ร้านป๋าชุบใกล้ๆ ที่ขนุนชอบไปก็แล้วกัน เดี๋ยวพี่ไปเรียนก่อนไว้เจอกันที่ร้านครับ อ้อ.....ถ้าเพื่อนน้องไม่อยากมาก็ไม่ต้องบังคับก็ได้ นอนอยู่บ้านดูการ์ตูนคงจะอินกว่า”

   ทุกคนอ้าปากเหวอกับประโยคทิ้งท้ายของพี่ไม้เอกสุดๆ พูดถึงใครก็คงไม่ต้องถาม เรื่องกินข้าวนั้น แน่นอนว่ามันคือยอดข้าวหมักที่เต็มไปด้วยแอลกอฮอล์

   “ไอ้ขนุนกูไปด้วย ไปที่แบบนั้นจะขาดกูได้ไง! กูพร้อมเป็นหมากันไม้ว่ะ”อยู่ดีๆ นิวก็จงใจพูดกับขนุนเสียงดังให้ใครบางคนได้ยิน

   “หมากันไม้? ”ต้าทวนประโยคที่นิวพูดขึ้นเหมือนมีอะไรผิดไป

   “อ้อ! กูพูดผิด ไม้กันหมาน่ะ ก็มึงชอบเมาเรื้อนเดี๋ยวมีพวกไม่หวังดีมาวอแวทำเรื่องปวดหัว กูจะเอาหน้าที่ไหนไปบอกแม่มึง”

   “พี่ว่าก็ไม่จำเป็นนะ พี่ดูแลขนุนได้ ขนุนเป็นรุ่นน้องที่น่ารัก ไม่เหมือนน้องบางคน”ไม้เอกทำเหมือนไม่แคร์เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายอคติต่อตัวเอง หรือง่ายๆ ว่าไม่ชอบขี้หน้าแต่ก็ไม่อยากถือสาเพราะแน่นอนว่าไม่ได้มีแค่นิวคนเดียวที่คิดแบบนั้น แค่คนคนนี้กล้าแสดงออกโต้งๆ ก็เท่านั้นถึงมองออกง่าย

   ไม้เอกยิ้มบางให้ขนุนเลิกสนใจคนหัวร้อน แล้วเอื้อมมือมาแตะไหล่ขนุนเอ่ยลาอีกครั้ง “งั้นพี่ไปก่อนนะ”

   “อ่า.....โอเคครับ”ขนุนโบกมือหย็อยๆ ให้กับไม้เอกที่เดินจากไปพร้อมกับเพื่อนที่เดินมาด้วยกัน

   “หยุดยิ้มได้แล้ว จะยิ้มให้เค้าทำไมนักหนาเดี๋ยวกูต่อยปากเลย”

   “นิวพาลอ่ะ เมื่อกี้ยังดูปกป้องเราอยู่เลย”ขนุนเอี้ยวตัวไปหลบหลังช้างหรี่ตามอง เมื่อเห็นความเกรี้ยวกราดเป็นประกายในดวงตาของนิว

   “โธ่เพื่อนใจเย็นดิวะ ถ้ามึงไม่อยากให้เค้ามาวอแวขนุนคืนนี้ก็จัดการมอมเหล้าพี่มันแล้วสมอ้างยัดเยียดความเป็นผัวให้ แล้วใช้โอกาสนี้ดึงพี่มันออกจากวงโคจรของขนุนไง”ช้างเสนอไอเดียละครหลังข่าว

   “โคตร!”

   “โคตรเจ๋งใช่มะ!”
   
   “โคตรเหี้ย! ”เสียงหัวเราะดังครืนขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่สนสายตากับคำตอบของนิว คนที่พูดหยอกก็ช่างไม่กลัวตายเสียเหลือเกิน โชคดีที่นิวก็แค่ส่ายหน้าเอือมๆ เพราะรู้สันดานกันดีเลยไม่อยากถือสาให้มาก แต่กลับต้องมากลุ้มเรื่องที่พลั้งปากพล่อยออกไป จะเรื่องอะไรหากไม่ใช่ประกาศตนไปว่าจะไปเป็นหมากันไม้ให้ขนุนนี่สิ

   สัดเอ๊ย! ทำไมกูต้องพูดอะไรแบบนั้นไปด้วยวะ!

   คนที่หน้าหดเหลือสองนิ้วขมวดคิ้วคิดหนักจนเป็นโบ ยกมือขึ้นนวดขมับตัวเองแก้เครียด แถมยังพรูลมหายใจฟึดฟัดออกมาซะหลายรอบ

   “นิว”ขนุนถือโอกาสที่ทุกคนกำลังเดินสะกิดคนที่เดินอยู่ข้างๆ

   “อะไร? ”

   “แม่เราบอกว่า เกลียดอะไร ได้อย่างนั้นนะ”แล้วขนุนก็ทิ้งรอยยิ้มกว้างเป็นนายสยามไว้ให้นิวก่อนจะไปรวมกลุ่มกับแก๊งข้างหน้า ปล่อยให้นิวอ้าปากพะงาบๆ จะด่าแต่คิดคำพูดไม่ทัน

   “ไอ้! ไอ้ขนุน! ”

   !!!









ติดตามตอนต่อไป >>>

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
น้องหนุนหยอดเก่งมากลูก
น้องจะว่ายังไง ถ้ารู้ว่าพี่คณินมองน้องเป็นสายพันธ์เดียวกับไข่ดาว ฮา

 :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด