บทที่ 7 อะไรๆ ก็พี่อิง
[/b]
ตั้งแต่กลับมาจากจีน อะไรๆ ก็ดูเปลี่ยนไป
ไอ้พีมีอาการคุ้มดีคุ้มร้าย ไม่ใช่ผีเข้าแต่ก็เหมือนอยู่ ถึงเราจะสนิทกัน (ทั้งทางกายและทางใจ) แต่ก็ไม่ได้ตัวติดกันตลอด แต่ตอนนี้มันกลับหน้ากลับหลังไปหมด ไอ้พีเกาะติดผมหนึบ หนึบชนิดที่ว่าจะเข้าห้องน้ำก็ยังต้องเปิดประตูทิ้งไว้
พีมันขี้งอน ถ้าเทียบกับผม แต่ก่อนก็งอนเอง หายเอง เพราะประสาทการรับรู้เรื่องพวกนี้ผมมีต่ำมาก มันบ่นให้ผมบ่อยๆ ว่าผมไม่รู้เลยว่ามันงอน จนมันขี้เกียจจะงอน มันบอกนั้นแหละผมถึงรู้ ก็ผมเรียนโรงเรียนชายล้วนมา เด็กผู้ชายมันไม่ค่อยมีอารมณ์มุ้งมิ้งกันนี่ครับ
ถือได้ว่าพีเป็นคนแรกที่เปิดประสบการณ์ใหม่ให้ผมหลายอย่าง ผมมีแต่เพื่อนผู้ชาย แต่เพื่อนทุกคนไม่มีใครเป็นแบบพี มันเป็นผู้ชายจริงๆ ครับ แต่ก็เป็นคนที่ทำให้ผมคิดว่าผู้ชายคนนึงมันขี้อ้อนได้ขนาดนี้เลยเหรอ
ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียว อยากมีพี่น้องมาแต่ไหนแต่ไร ผมเลยดีใจไม่น้อยที่ได้มาใช้ชีวิตร่วมกับพี อะไรๆ ก็ดูจะลงล็อกไปได้ดี
เข้ากันได้ดีเกินไป...
จนกลายเป็นพี่น้องท้องชนกัน
“พรุ่งนี้มึงมีเรียนมั้ย”
“มี แต่ไม่อยากไปอะ”
“ได้ไง ขาดเรียนบ่อยเดี๋ยวก็ไม่จบหรอก”
“รอจบพร้อมพี่ก็ได้”
ผมถอนหายใจ (ในใจ ออกเสียงไม่ได้เดี๋ยวมันงอนอีก) ผมกับพีเรียนคณะเดียวกัน ผมเป็นรุ่นพี่มัน แต่พอได้เข้าวงการบันเทิงเลยทำให้ผมค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆ ผมเลยตัดสินใจลาออกไปเรียนที่ใหม่ ในคณะที่จะสานต่อความฝันของผมได้ ผมจะเริ่มเรียนปี 1 ใหม่ในปีการศึกษาหน้าครับ ตอนนี้ผมเลยว่าง ทำหน้าที่นักแสดงอย่างเดียว ในขณะที่ไอ้พีมันเรียนใกล้จะจบ แต่ด้วยฮอต (ไม่ได้โม้นะ) ของเราทั้งคู่ตอนนี้ ทำให้งานเข้ามามากมาย จนมันต้องขาดเรียนบ่อยๆ นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมเป็นห่วงมาก
“อย่างอแงน่า”
อ้าวแม่ง แค่นี้เบะแล้ว
“ทำไมถึงไม่อยากไปเรียน ไม่คิดถึงเพื่อนเหรอหื้ม”
“ก็คิดถึงแต่อยากอยู่กับพี่”
“เฮ้อ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้กูไปด้วยละกัน”
มหาวิทยาลัย
“โอ้โห ไอ้พี นี่มึงอินเกินเรื่องปะเนี่ย”
ผมโดนไอ้กัส เพื่อนในกลุ่มแซว จริงๆ มันคงอยากจะพ่นความหยาบคายออกมามากกว่านี้ตามประสาเพื่อน แต่คงเกรงใจไอ้พี่อิง เพราะพี่มันเป็นอดีตเฮดว้ากครับ ถึงจะผ่านห้องเชียร์มานานแต่ก็ต้องยอมรับว่าพี่อิงยังคงความน่าเกรงขามไม่หาย ก็อย่างที่บอกไปตอนไปจีนแหละครับว่าตอนแรกผมไม่ค่อยชอบหน้าพี่มัน ดูเก็กๆ แต่พอได้มาสนิทกันแล้ว...เออ มันก็เก็กนั้นแหละ
แต่พี่มันก็ดีนะครับ แค่ไม่ชอบให้น้องลามปาม แต่ชอบให้ลวนลาม แค่กๆ
“เรียนถึงไหนกันแล้วครับ ยังไงพี่ฝากเราช่วยดูไอ้พีหน่อยนะ”
“พี่อิงขอขนาดนี้ ชาตี้ทำให้เต็มที่อยู่แล้วค่ะ” เพื่อนสาวสองในสาขาที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ยื่นหน้ามายิ้มหวานให้ไอ้พี่อิง
“หยุดเลยไอ้ชาติชาย นอมึงจะทิ่มหน้าพี่กูอยู่แล้ว”
“อ๊าย! อิพี! กูบอกให้เรียกชาตี้! ไม่เจอกันแป๊บเดียว ปากคอเราะร้ายขึ้นนะยะ!”
“พี่ใคร ใครก็หวงปะวะ”
“แค่พี่เหรอ”
ไอ้กัสเหมือนรอจังหวะแซวมาทั้งชีวิต มึงเก็บกดใช่มั้ย แค่กูไปทำงานมึงจำเป็นต้องเก็บทุกเม็ดเลยเหรอ แล้วไอ้พี่เนี่ยอะไร แทนที่จะปฏิเสธบ้าง มานั่งยิ้มเล็กยิ้มน้อยอยู่นั่นแหละ
“อีกสิบนาทีจะถึงเวลา ขึ้นไปได้แล้ว”
“พี่ไปด้วยสิ” ผมเกาะแขนพี่อิงไปโดยไม่รู้ตัว
“วิชาขุ่นแม่ กูขอบายว่ะ”
ผมหน้างอแต่ก็จำเป็นต้องยอม เพราะขุ่นแม่โหดจริง เคยไปสอนที่ต่างประเทศอยู่หลายแห่ง ไปที่ไหนก็ไปดุที่นั่น เรียกว่าดุข้ามทวีป ผมไม่เคยเห็นนักศึกษาคนไหนกล้าเล่นโทรศัพท์มือถือในคาบแกสักคน แล้วพี่อิงที่รู้จักขุ่นแม่ดีไม่ต่างกัน ไม่มีทางยอมเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงแน่นอน
นี่กูมาเรียนหรือมารบ
“เลิกเที่ยง พี่จะรอพีใช่มั้ย”
“เออ เดี๋ยวกูไปหาเพื่อนบ้าง คงอยู่แถวนี้แหละ”
“โอเค ห้ามไปไหนไกลนะ”
“เออ”
“ห้ามกินข้าวก่อนนะ”
“เอออ ไปได้แล้ว”
“พูดไม่เพราะ”
ผมเบะปาก ไอ้เพื่อนตัวดีก็ดึงแขนเสื้อยิกๆ แต่ผมยังไม่ยอมไป จนกว่าจะคุยกับพี่อิงรู้เรื่อง
“โอเคๆ พี่จะรอพีอยู่ตรงนี้ อย่าดื้อนะคะ”
12.00 น.
ไหนบอกว่าจะรอไง
ไอ้พี่บ้า! ไอ้พี่เหี้ยม!
ทันทีที่เลิกเรียนผมก็รีบควักโทรศัพท์มาโทรหาพี่อิงแต่ไม่มีคนรับ ที่ใต้คณะก็ไม่มี
“เฮ้ย! ไอ้พี น้องแอนมาหาอะ”
ไอ้กัสกระทุ้งสีข้างให้ผมสนใจผู้หญิงตัวเล็กที่กำลังโบกไม้โบกมืออย่างดีใจ ผมเบือนหน้าหนีเพราะไม่รู้สึกสนใจเลยสักนิด
“ไม่หา จะรอพี่อิง”
“พี เด็กมึงที่อยู่คณะวิทย์มาดักมึงอยู่โรงอาหารว่ะ”
“ไม่ไป จะกินกับพี่อิง”
“น้องก้อยจอดรถรอมึงอยู่หน้าตึกอะ”
“ไม่ จะกลับกับพี่อิง”
“พี่เขามีธุระรึเปล่า”
“ธุระอะไร ทำไมต้องผิดสัญญาด้วย พี่อิงแม่งนิสัยไม่ดี ฮึก”
“แล้วมึงจะร้องไห้ทำไมเนี่ยไอ้พี โอ๊ย! กูจะบ้า”
LINGLOM : ความเป็นกุลสตรีเนี่ย ไม่เหลือแล้วนังคลแฬด ใช้ร่างกายให้คุ้มนะพี นี่อิจฉามาก TT