[Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49  (อ่าน 267921 ครั้ง)

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ใครคือพี่บู้บี้กันน๊าาา  คงไม่ใช่นิลลาหรอกนะ

ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
 :katai4: แม่คุณพิษ อย่าร้ายมากได้ไหมม กลัวแทนบู้บี้แล้วววว. ส่วนคุณแม่ของบู้บี้ สุด ๆ ไปเลย นิลลาหรือเปล่าที่เป็นลูกอีกคน

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
นิลลาเป็นพี่ของอัยย์รึป่าว ครอบครัวนี้ความลับเยอะจริงๆ

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
นิลลาเป็นพี่หนูอัยย์แน่ๆๆๆๆ o13

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 42

 

 



 

 

 

         “อยู่ที่บ้านนู้นได้เข้าครัวทำอาหารบ้างหรือเปล่า”  มารดาของพิชช์ฌานถามขึ้นขณะที่ให้อาคิราห์ช่วยเตรียมผักให้  “ให้แม่ครัวทำให้ล่ะสิ”  เธอดักคอ

          คนเป็นเด็กยิ้มแหย

          “คือ...ผมไม่ค่อยมีเวลาครับ”

          “ทำกับข้าวเป็นหรือเปล่า  ตอบตามตรงนะ”

          “ถ้าง่าย ๆ ก็พอทำได้ครับ”  อาคิราห์ตอบอ้อมแอ้ม

          “ส่วนใหญ่ถนัดชิมมากกว่าใช่มั้ย  ฉันเห็นเธอในโทรทัศน์ทีไรเคี้ยวเต็มปากทุกที  มันน่าเกลียด...ไม่คีพลุคเอาเสียเลย”

          คนฟังหน้าจ๋อย

          “ผมไม่ทันรู้ตัวเลยว่าเขาถ่ายไปตอนไหนครับ”

          “ยิ่งแล้วใหญ่  ก็แสดงว่ากินทั้งวันเลยล่ะสิ”  คุณนวลพรรณร้อง  มองหน้าเจ้าโอเมก้าอย่างฉุน ๆ “ปรับปรุงเสียใหม่นะ  ฉันไม่อยากให้ใครนินทาว่าสะใภ้บ้านนี้เห็นแก่กิน  แล้วก็เรื่องเข้าครัว...จริงอยู่ว่าที่บ้านมีแม่ครัวดูแล  แต่ว่าเราก็ต้องทำเป็นด้วย  ยิ่งเมนูโปรดที่สามีชอบกิน  เราก็ควรจะต้องทำให้เป็น  โบราณเรียกเสน่ห์ปลายจวักเคยได้ยินหรือเปล่า”

          “เอ่อ...ครับ”  อาคิราห์พยักหน้า

          “รู้ไหมว่าพิชช์ฌานชอบกินอะไร”

          อาคิราห์ตอบเมนูมาสามอย่างที่เห็นอีกฝ่ายชอบสั่งให้ป้านิ่มทำบ่อย ๆ แม่สามีพยักหน้าอย่างพอใจ

          “อย่างน้อยก็ยังรู้จักสังเกตแล้วก็จดจำบ้าง”  คุณนวลพรรณว่า  “ถ้ายืนนาน ๆ ปวดหลังมั้ย”  เธอพยักพเยิดไปที่ครรภ์ที่เริ่มขยายขนาด

          “ไม่ครับ”  อาคิราห์ส่ายหน้า  “คุณแม่จะให้ผมช่วยทำอะไรก็บอกมาได้เลย”

          “หั่นผักก่อนแล้วกัน  อย่าหั่นมือตัวเองล่ะ  จับมีดให้มันถนัดมือหน่อยสิ  ไม่ใช่แบบนี้”  คนพูดขยับเข้ามาหั่นให้ดูเป็นตัวอย่าง  พออาคิราห์ทำบ้างก็สั่นหัวอย่างหงุดหงิด  สุดท้ายก็จบลงที่การจับมือทำแทบจะทุกอย่าง  “มีใครเคยบอกไหมว่าเธอหัวช้า”  คุณนวลพรรณพูดพลางทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างเหน็ดเหนื่อย

          คนฟังคอย่น  ส่งยิ้มหวานเข้าไปปะเหลาะเอาไว้ก่อน  ขยับเข้าไปยืนจนชิดผู้สูงวัยแล้วโบกมือพัดให้อย่างเอาใจ

          “คุณแม่ร้อนไหมครับ  ดื่มน้ำเย็น ๆ ก่อนแล้วออกไปรอข้างนอกก็ได้  เดี๋ยวผมเฝ้าหม้อเอาไว้เอง”

          “ไม่เอาล่ะ  เดี๋ยวเธอเผาครัวฉันวอดวายหมดพอดี  ไม่ต้องมาพัด...ไปนั่งตรงโน้นนู่น  เก้าอี้มีคนละตัว”  เธอชี้นิ้วไปที่เก้าอี้อีกมุมหนึ่ง  “ไม่ต้องแวะชิมแล้ว  รสมันพอดีแล้ว  ชิมอีกก็หมดหม้อพอดี”  เธอพูดอย่างฉุน ๆ ขมวดคิ้วใส่สะใภ้ที่ทำท่าจะไปวนเวียนอยู่แถวหม้อที่กำลังเดือดอีกรอบ

          อาคิราห์หันมาหัวเราะแก้เก้อ  ถอยไปนั่งตัวตรงแน่วอยู่อีกมุมของห้องครัว  สูดกลิ่นหอมอวล ๆ ของอาหารบนเตาอย่างพอใจ  นั่งไปนั่งมาก็หนังตาชักหนัก ๆ รู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองสะดุ้งตื่นเพราะถูกตีที่ท้อง

          “เกิดอะไรขึ้น”  เจ้าโอเมก้าลุกขึ้นมานั่งตาโต  มองซ้ายขวาอย่างตกใจ  เห็นมารดาของพิชช์ฌานกำลังตักอาหารใส่จานอยู่  เธอเหลียวมามองอย่างสงสัย

          “เป็นอะไร  แอบงีบแล้วยังจะมาตกใจอะไรอีก”  เธอว่า

          “เมื่อกี้มีใครตีผมหรือเปล่าครับ”

          “ใครตี  จะใส่ความฉันเรอะ”

          “เปล่านะครับ  แต่ว่าเมื่อกี้นี้มันแบบ...โอ๊ย”  อาคิราห์ลืมตาโพลง  ก้มลงดูหน้าท้องของตัวเองที่รู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในนั้น  “เป็นลำไส้ของผมแน่ ๆ  มันอาจจะทำงานมากเกินไป  ผมขอไปห้องน้ำก่อนนะครับ”  เขาลุกพรวดรีบเดินไปห้องน้ำโดยเร็วเพราะเกรงว่าข้าศึกจะทะลุป้อมปราการเสียก่อน

          มารดาของพิชช์ฌานมองตามไปอย่างงุนงง  เธอกับแม่บ้านช่วยจัดโต๊ะเรียบร้อย  พิชช์ฌานก็ถามหาเจ้าโอเมก้าใหญ่ว่าหายไปไหน

          “เห็นว่าไปห้องน้ำ”

          “เขาร้องไห้เหรอครับ”  ลูกชายเธอคิดในแง่ร้ายทันที  มองหน้าแม่อย่างเอาเรื่อง  ...มีลูกชายกับเขาคนเดียว  พอมันมีเมียก็ลืมแม่  เห็นเมียสำคัญกว่าแม่สินะ ...เธอคิดในใจ

          “แม่ไม่ได้ทำอะไร  ไม่ต้องมามองหน้าแม่อย่างนั้นนะตาฌาน”

          “ผมมาแล้วครับ”  อาคิราห์พูด  เดินโซเซเข้ามาหาอย่างหมดแรง  พิชช์ฌานรีบลุกขึ้นไปพยุงตัวให้เข้ามานั่งเรียบร้อย  “ผมนึกว่าท้องเสีย  แต่ว่าเข้าห้องน้ำแล้วก็ยังไม่หายเลย”  เจ้าโอเมก้ากุมท้องตัวเองเอาไว้แน่น  “เนี่ย...มันเป็นอีกแล้ว  จึ๊ด ๆ เหมือนมีพยาธิอยู่ข้างในท้อง  ต้องเป็นอาหารทะเลเมื่อวานแน่ ๆ เลย”

          “มันเป็นยังไงอัยย์  ปวดมากเหรอ”  พิชช์ฌานถามอย่างร้อนใจ  จับเนื้อจับตัวภรรยาไปด้วย

          “มันไม่ได้ปวด  แต่มันแบบ...เหมือนมีอะไรขยับ  แบบตื้ดๆๆ แล้วก็หยุด  แล้วก็ขยับอีก  เป็น ๆ หาย ๆ”  อาคิราห์พูด  หน้าซีดด้วยความกังวล  “หรือมีใครเล่นของใส่ผม  เสกหนังควายเข้าท้องแบบในหนัง  ผมรู้สึกเหมือนมันมีเท้าวิ่งได้เลย”

          สามียิ่งตกใจ

          “นอนลงก่อน ๆ เดี๋ยวฉันจะให้คนไปตามหมอ..”

          “นี่พวกเธอสองคนตั้งสติก่อนมั้ย”  มารดาที่นั่งดูอยู่นานแล้วพูดขึ้น  ยกมือขึ้นนวดที่ขมับข้างหนึ่งเพราะเริ่มปวดหัวขึ้นมาเป็นริ้ว ๆ  “เธอท้องได้กี่เดือนแล้วอาคิราห์”

          เจ้าโอเมก้าตอบกลับไป

          “เคยได้ยินคำว่าลูกดิ้นมั้ย”

          “เคยสิครับ”  พูดจบแล้วก็หันหน้ามองสามีที่อ้าปากค้างอยู่  พิชช์ฌานหน้าแดงก่ำลามลงมาถึงลำคอ  เอื้อมมือมาจับที่หน้าท้องของเจ้าโอเมก้าอย่างตื่นเต้น

          “ที่ฉันถามวันนั้นไง  ลูกดิ้นแล้ว”   พิชช์ฌานพูดเสียงดัง  วางมือทิ้งเอาไว้บนหน้าท้องครู่หนึ่งก็รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวข้างใต้นั้น  “นี่ไง  ว่าไงครับลูกพ่อ”

          อาคิราห์นั่งอึ้ง  อันที่จริงเขาเริ่มรู้สึกนิด ๆ มาได้วันสองวันแล้วแต่เข้าใจเอาเองว่าเป็นเรื่องของลำไส้และแก๊สในกระเพาะก็เลยไม่ได้บอกใคร  ยังไงก็ต้องเก็บเป็นความลับเอาไว้ก่อน  ให้พิชช์ฌานรู้เรื่องนี้ไม่ได้  ยิ่งรายนี้เฝ้ารอเวลาแบบนี้อยู่แล้วด้วย

          “ลูกเพิ่งจะดิ้น  ผมตกใจหมดเลย”  เขารีบพูด

          “ไหนขอฉันดูหน่อย”  คุณนวลพรรณลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินเข้ามาหา  วางมือทาบลงบนหน้าท้องของเจ้าโอเมก้า  “ตายล่ะ  ถีบใหญ่เชียว  สงสัยจะหิวแล้วล่ะมั้ง”

          “หิวมากครับคุณแม่”

          “ฉันหมายถึงหลาน”  คุณนวลพรรณว่า  ตวัดสายตามองลูกสะใภ้อย่างหมั่นไส้  “ลุกไหวไหมล่ะ  จะได้ไปนั่งกินให้เป็นที่เป็นทาง”

          “ไหวครับ”  อาคิราห์ยิ้มกว้าง  จับมือสามีลุกขึ้นเดินไปนั่งประจำที่บนโต๊ะอาหาร

          บรรยากาศดูดีขึ้นจนเห็นได้ชัด  คุณนายนวลพรรณคงจะเอ็นดูหลานไม่มากก็น้อย  คอยถามไถ่และเลื่อนจานอาหารมาให้อาคิราห์อยู่เป็นระยะ  ยิ่งเห็นลูกสะใภ้กินอาหารที่ตักให้จนหมดเกลี้ยงก็ยิ่งอารมณ์ดี

          “จานนี้เมียเธอเขาเป็นคนทำนะ  ลองชิมดูสิฌาน”

          “อร่อยมากครับ”  พิชช์ฌานรีบพูด

          “ยังไม่ทันเข้าปากเลย”  อาคิราห์ร้อง

          “แค่เห็นก็รู้แล้วว่าอร่อยแน่ ๆ”  สามีว่า  ตักใส่ปากแล้วก็แกล้งทำตาเหลือก  “ฉันว่าคืนนี้ไม่ได้นอนเพราะวิ่งเข้าส้วมแน่ ๆ เลยบู้บี้”

          “จริงเหรอ”  คนทำหน้าเสีย

          “ฌานอย่าแกล้งน้อง”  มารดาผู้นั่งหัวโต๊ะจุ๊ปาก  ลูกชายหัวเราะลั่น

          “อร่อยสุด ๆ แบบนี้รักตายเลย”

          คนฟังยิ้มร่า  หันไปหาแม่สามีคนสอนอย่างดีใจแล้วยกนิ้วโป้งให้  คุณนวลพรรณมุมปากกระตุก  จะยิ้มตอบก็ไม่ใช่จะบึ้งก็ไม่เชิง  เธอขมวดคิ้วแล้วพูดเสียงดุ

          “บนโต๊ะอาหารอย่าเล่น  จะกินก็กิน”

          “ครับคุณแม่”  อัยย์ตอบอย่างหงอย ๆ

          เสร็จมื้อนั้นอาคิราห์ก็มานั่งเอนหลังผึ่งพุงอยู่บนโซฟา   นับลูกดิ้นอย่างสบายใจ  นับไปนับมาเจ้าโอเมก้าก็ฉุกคิดขึ้นมาได้  หันขวับไปหาสามีที่นั่งคุยกับมารดาอยู่อีกมุมหนึ่ง

          “คุณพิชช์ฌาน  ผมเพิ่งคิดอะไรได้ล่ะ”

          คิ้วเข้มเลิกสูง

          “เคยสงสัยไหมว่าเจ้าบู้บี้ที่สองตายแล้วไปไหน”

          คนฟังขมวดคิ้ว  มองใบหน้ายิ้มกริ่มของภรรยาสลับกับมือที่ลูบวนอยู่ที่พุงแล้วก็ส่ายหน้า

          “ไม่ใช่แน่นอน  อย่าแม้แต่จะคิด  ป่านนี้เจ้าปลาบู่นั่นไปเกิดเป็นเต่าแล้วมั้ง”  พิชช์ฌานว่า  “ฉันไม่อยากมีลูกเป็นปลา  หยุดคิดเรื่องประหลาด ๆ ได้แล้วเจ้าบู้บี้  ถึงเวลากลับบ้านแล้วด้วย”

          “จะกลับแล้วเหรอ”  อาคิราห์ตาโต  “แต่คุณแม่บอกว่ากำลังอบขนมให้อยู่”  เขาท้วงเสียงอ่อย  หันไปมองทางมารดาของพิชช์ฌานที่นั่งอยู่

          “งั้นก็อยู่เฝ้าเตาอบไปแล้วกันนะ  ฉันกลับก่อน” พิชช์ฌานพูด  ทำท่าจะลุกหนี  เจ้าโอเมก้าหน้าจ๋อยรีบลุกขึ้นตามอย่างไม่เต็มใจนัก

          “เมียเธอนี่มันเห็นแก่กินจริง ๆ เลยนะตาฌาน”  คุณนายนวลพรรณพูด  ขมวดคิ้วใส่อาคิราห์  “ขนมยังไม่เสร็จ  ไม่ต้องมาทำหน้าเซื่อง  ลูกฉันยังมีธุระปะปังต้องไปทำอีก  จะมานั่งรอเธอได้ยังไง”     

          “ครับคุณแม่”  อาคิราห์พูด

          “เดี๋ยวขนมเสร็จแล้วให้คนมารับไปแล้วกัน  น่ารำคาญจริง ๆ”  เธอกระแทกเสียง  ลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในครัวแล้วก็กลับมาพร้อมกับกล่องบรรจุคุกกี้เอาไว้จนเต็ม  “เอาไปกินพลาง ๆ ก่อน  เดี๋ยวหลานฉันหิว”

          “ขอบคุณครับ”  อาคิราห์ค่อยยิ้มออก  ยกมือขึ้นทำความเคารพแม่สามีก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับพิชช์ฌาน

          “แม่ชักจะชอบเธอแล้วสิ”  นักการเมืองหนุ่มว่า

          “ชอบตรงไหน  ดุจะตาย  ขมวดคิ้วใส่ผมตลอดเลยไม่เห็นเหรอ”  อาคิราห์พูด  แกะกล่องคุกกี้เปิดออกดู  “โอ้โห  กินได้เป็นเดือนเลยมั้ง  ให้มาเยอะจัง”

          “ฉันให้สามวันหมด”

          “หมดเพราะผมแบ่งคุณกินน่ะ”  เจ้าโอเมก้าหยิบคุกกี้ขึ้นมาป้อนถึงปากของสามีอย่างเอาใจ  พิชช์ฌานส่ายหน้า  ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่อีกฝ่ายได้คุกกี้สูตรพิเศษของรักของหวงของมารดามาทั้งกล่อง  ก็ดูทำหน้าทำตาเข้า  แม่เขาก็คงต้านทานความบุบบิบบู้บี้นี้ไม่ไหว

          “อยากกินคุกกี้รสนมมากกว่า”  พิชช์ฌานพูดทั้งที่เคี้ยวเต็มปาก  อีกฝ่ายเหลือบมองด้วยหางตาอย่างรู้ทัน  อาคิราห์รู้แล้วว่ากลิ่นที่เขาได้จากเนื้อตัวของตนเองเหมือนกับคุกกี้รสนมหวานหอม

          “กลับดึกก็นอนนอกห้อง”  เจ้าโอเมก้าพูดลอย ๆ

          “แต่ประตูห้องนอนไม่ได้ล็อคนะ”  ชายหนุ่มต่อให้  อีกคนย่นจมูกใส่เขาแล้วหันหน้าหนี

          หลังจากวันนั้นก็มักจะมีอาหารจากมารดาของเขาส่งมาให้อาคิราห์ถึงบ้าน  อาคิราห์ก็มักจะตอบแทนด้วยการให้ป้านิ่มสอนทำอาหารแบบง่าย ๆ บรรจุกลับคืนลงไปในกล่องอาหาร  พอครั้งถัดไปก็จะมีจดหมายเขียนด้วยลายมือของคุณนายนวลพรรณติชมรสชาติกลับมาด้วยเสมอ

          โค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งเป็นไปอย่างดุเดือดมากขึ้นทุกที  พิชช์ฌานตระเวนขึ้นเหนือล่องใต้เพื่อเปิดเวทีปราศรัยทั่วประเทศ  ส่วนใหญ่ถ้าไม่ทุรกันดารเกินไป  อาคิราห์ก็จะได้ไปด้วย  โครงการมูลนิธิเพื่อเพื่อนโอเมก้าของเขากำลังไปได้สวย   มีโอเมก้าเข้าร่วมทั่วประเทศเกินครึ่งทีเดียว

          “คุณครูสอนพิเศษกลับไปแล้วเหรอ”  พิชช์ฌานเดินเข้ามาในห้องหนังสือ  เจอภรรยากำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออย่างคร่ำเคร่ง

          “กลับไปแล้วครับ  คุณพิชช์ฌานมีอะไรหรือเปล่า”

          “จะถามพัฒนาการเด็กหน่อยว่าพอมีหวังจะสอบผ่านมั้ย”  ชายหนุ่มตอบแกมหัวเราะ

          “ผ่านฉลุยแน่ ๆ”  เจ้าโอเมก้ายืดตัวขึ้น  “ว่าแต่คุณเถอะ  จะสอบผ่านหรือสอบตกก็ยังไม่รู้”  เขาอมยิ้ม  “ได้ข่าวว่าคะแนนสูสีไม่ใช่เหรอ”

          “กำลังขึ้นนำต่างหาก”  พิชช์ฌานแก้  “เดี๋ยวรอดูดีเบตนี่ก่อน  รับรองว่าทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่น”  ชายหนุ่มไม่พูดต่อว่าฝั่งอดีตรัฐบาลขาดมันสมองอย่างไตรภพไปก็เลยทำให้ดูด้อยลงจนเห็นได้ชัด  เพราะหนุ่มใหญ่ผู้นั้นจำเป็นต้องวางมือทางการเมืองก่อนชั่วคราวเพื่อสะสางคดีของตน  “เย็นนี้ช่างจะเข้ามาวัดตัวตัดชุดนะ  เลือกแบบได้หรือยัง”

          “แค่ไปดีเบตถึงกับต้องตัดชุดใหม่เลยเหรอ”

          “ชุดงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งต่างหากล่ะ”  พิชช์ฌานยิ้มกว้าง  เดินเข้ามาหอมแก้มของคนตัวเล็กกว่าฟอดใหญ่

          “อื้อหือ  มั่นใจอะไรขนาดนั้น”

          “......”  พิชช์ฌานไม่ตอบ  แต่แววตาคมกริบคู่นั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างไม่ปิดบัง

          เพราะการลงพื้นที่หาเสียงอย่างหนักและข่าวเสีย ๆ ของอดีตพรรครัฐบาลที่ถูกปล่อยเป็นระยะทำให้คะแนนนิยมของพิชช์ฌานพุ่งสูงขึ้นจนเป็นที่จับตามอง  ทุกโพลบอกชัดว่าโอกาสที่เขาจะชนะการเลือกตั้งในคราวนี้แทบจะเกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์  ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด

          อะไรที่จะเกิดผิดพลาดขึ้นในวินาทีสุดท้าย...นี่แหละคือสิ่งที่พิชช์ฌานกำลังกลัวอยู่  คดีค้าโอเมก้าถูกปิดข่าวจนเงียบเชียบ  ไม่มีใครพูดถึงอีก  เขาไปหาสารวัตรใหญ่ที่ดูแลคดีนี้ก็ได้คำตอบเพียงว่า  ไม่สามารถสืบหาหลักฐานมากไปกว่านี้ได้  ทุกอย่างราวกับถึงทางตัน   อักษรย่อในรายชื่อที่เจนภพได้มาไม่เพียงพอที่จะเอาผิดใครทั้งนั้น  แม้แต่ไตรภพเองที่ถูกจับได้คาหนังคาเขาก็สามารถหาทางบิดพริ้ว  ประกันตัวออกมาอยู่ข้างนอกได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

          ขั้นตอนในชั้นศาลถูกเลื่อนแล้วเลื่อนอีกจนทนายฝั่งเขาหมดกำลังใจ  พิชช์ฌานเองก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ดีไปกว่านั้น

          “ยังมีอีเมล์ขู่แบล็คเมล์ส่งมาอีกมั้ย”  พิชช์ฌานถามเจนภพเรียบ ๆ หลังจากประชุมพรรคเสร็จสิ้น

          “มีครับ  เป็นเรื่องของโรงงานผลิตกระป๋องเมื่อสามปีก่อน”

          “ยังไม่จบอีกหรือไง”  ชายหนุ่มพูดอย่างหัวเสีย  “ใช้เงินปิดปากไปก่อน  โค้งสุดท้ายแล้วอย่าให้กระโตกกระตากขึ้นมาได้”

          “ครับ”  เจนภพรับคำ  “มีอีกเรื่องหนึ่งครับ  มีคนมารอพบคุณฌาน  ...คุณธีรดล”

          “ธีรดลไหน”  พิชช์ฌานขมวดคิ้ว

          “คนที่เป็นเจ้าของโรงแรม ...ที่เกิดระเบิดหามือใครดมไม่ได้ไงครับ”

          “อ๋อ”  คนฟังลากเสียง  “มันจะเป็นไปได้ยังไงหามือระเบิดไม่ได้  คนทำมันก็อยู่ในโรงแรมนั่นแหละจะเป็นใครที่ไหน  ไม่ให้ความร่วมมือกับเรามากกว่า”

          “ผมก็คิดว่าแบบนั้นครับ  ดูท่าแล้วอาจจะอยากมาต่อรองผลประโยชน์กับคุณฌานเรื่องขอบเขตของหาดกับค่าเช่าที่”

          “บอกปัดไปก่อนว่าไว้คุยกันทีหลัง  ถ้าสนับสนุนฉันก็ไม่ควรมีข้อแม้  ฉันไม่ชอบคนเรื่องมาก”

          “ผมจะบอกให้ครับ”  เจนภพก้มศีรษะรับ  “คุณฌานจะไปพบหัวหน้าพรรคย่อยเย็นนี้ใช่ไหมครับ”

          “ใช่  มีอะไรหรือเปล่า”

          “มีคนกลุ่มหนึ่งขอเข้าพบคุณฌานครับ  เขาบอกว่าเป็นกลุ่มสนับสนุนโอเมก้า  ที่ผมไปสืบเพิ่มมารู้สึกจะเป็นการรวมกลุ่มของพวกโอเมก้าหัวรุนแรงครับ  ตอนแรกพวกเขาพยายามติดต่อมาหลายครั้งเพื่อเข้าพบคุณอาคิราห์แต่ว่าผมปฏิเสธไป”

          “กลุ่มสนับสนุนโอเมก้าเหรอ  ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน”  พิชช์ฌานนิ่งคิด  “แสดงว่าเป็นคนละขั้วกับพวกกลุ่มอนุรักษ์นิยมไม่เอาโอเมก้าใช่มั้ย  กลุ่มนั้นยังมีความเคลื่อนไหวอยู่บ้างแต่ก็ไม่กล้าทำอะไรมากเหมือนแต่ก่อนเพราะคนจับตาดูอยู่  ไอ้พวกฝั่งรัฐบาลที่สนับสนุนมันก็ไม่กล้าออกหน้าเพราะอยู่ในช่วงเลือกตั้ง”

          “ใช่ครับคุณฌาน  คุณจำแทมมี่  โอเมก้าที่หนีออกมากับคุณอัยย์และนิลลาได้มั้ยครับ”

          “ฉันจำได้  ที่บอกว่าขอกลับบ้านไปใช่มั้ย”     

          “แทมมี่ไปเข้าร่วมกับกลุ่มนี้ครับ  เป็นคนติดต่อผมมา”

          “ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังกลุ่มสนับสนุนอะไรนี่”  พิชช์ฌานถาม  คนฟังส่ายหน้า  “ฉันไม่เชื่อว่ากลุ่มนี้จะสร้างขึ้นมาได้เอง  ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังแน่  นายลองไปสืบดู  เขาอยากเข้าพบฉันใช่มั้ย  ...เป็นช่วงเย็นก็ได้  แทรกตารางลงไป”

          “ได้ครับ”

          “อย่าเพิ่งให้อาคิราห์รู้เรื่องนี้นะ”

          โอเมก้าสามคนที่อ้างว่าเป็นตัวแทนของกลุ่มสนับสนุนโอเมก้าเข้ามาพบเขาตามเวลานัด  หลังจากพูดคุยด้วยแล้วพิชช์ฌานก็พอจะมองออกราง ๆว่าพวกนี้คงนิยมความรุนแรงมากกว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนตามกฎหมายโดยใช้กลไกของเวลา  คนที่ชื่อแทมมี่เป็นคนออกปากว่าอยากขอพบอาคิราห์

          “ช่วงนี้อาคิราห์กำลังยุ่งมาก  เขาต้องเตรียมตัวสอบแล้วก็เรื่องมูลนิธิฯด้วย”

          “พวกเราได้ข่าวเรื่องมูลนิธิฯแล้ว  เราอยากเข้าร่วมโครงการของเขา  ให้เราได้เข้าพบคุณอาคิราห์เถอะครับ”  แทมมี่พูดอย่างสุภาพ  “เรามีเพื่อน ๆ สมาชิกโอเมก้าที่พร้อมจะสนับสนุนชาวโอเมก้าด้วยกันอีกมาก  ให้เราได้ช่วยผลักดันความฝันของโอเมก้าให้เป็นจริงด้วยรูปแบบต่าง ๆ นอกเหนือจากการก่อตั้งมูลนิธิฯหรือปรับเปลี่ยนกฎหมาย”

          “เธอมีวิธีอื่นงั้นหรือ”

          “อะไรที่อัลฟ่าเคยทำ  เราก็ทำได้ทั้งนั้น”  อีกคนที่บอกว่าเป็นหัวหน้าใหญ่พูดขึ้นด้วยท่าทางขึงขัง  “หรือแม้แต่ต้องใช้กำลัง  ..ถ้าจำเป็น  เราก็พร้อม”

          “ฉันไม่อยากให้เกิดการใช้กำลังกันในช่วงรัฐบาลของฉันหรอกนะ”  พิชช์ฌานรีบเบรก  “ฉันไม่นิยมความรุนแรง  เราพูดคุยกันได้  ฉันจะสนับสนุนสิ่งที่อาคิราห์จะทำอย่างเต็มที่  ไม่นานเกินรอจะต้องมีกฎหมายคุ้มครองโอเมก้า  และหน่วยงานรองรับพร้อมช่วยเหลือพวกเขา”

          “จะต้องให้รอไปถึงเมื่อไหร่  จนพวกเราตายก่อนมั้ย”  โอเมก้าอีกคนพูดขึ้น  ดูท่าทางใจร้อนที่สุด  “เราทนรอวันนั้นไม่ไหวหรอก  บางครั้งการเปลี่ยนแปลงก็ต้องแลกด้วยเลือดเนื้อ”

          คำพูดของโอเมก้าทำให้พิชช์ฌานหรี่ตาลง

          “เธอมีแผนอะไรงั้นเหรอ”

          “ขึ้นกับว่าคุณกับคุณอาคิราห์ตกลงจะร่วมมือด้วยหรือเปล่า”

          “ลองเสนอมาก่อน  แล้วฉันจะคิดดูอีกที”  พิชช์ฌานพูดแค่นั้น

          เขาให้เจนภพจับตาดูกลุ่มสนับสนุนโอเมก้าเอาไว้  ไม่ให้เข้าใกล้อาคิราห์เด็ดขาด  เพิ่มการคุ้มกันที่บ้านและเวลาเดินทางเป็นสองเท่า  ถึงฝ่ายนั้นจะเป็นโอเมก้าแต่เขาก็ไม่อยากประมาท 

          ...................................................................................

          “ฉันดูดีมั้ย”  ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่อยู่ในชุดสูทสีดำสนิทรับกับเรือนผมหยักศกและคิ้วเข้มคม  ริมฝีปากแดงสดประดับรอยยิ้มมีเสน่ห์ดึงดูดให้ใครต่อใครพากันคลั่งไคล้สมกับฉายานักการเมืองเทพบุตร  แต่อะไรก็ไม่ร้ายกาจเท่ากับแววตาวิบวับเป็นประกายคู่นั้น  อาคิราห์คิดว่ามันเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว

          “พอดูได้”  เขาตอบกลับไปสั้น ๆ  หันกลับไปมองกระจกตรงหน้า  พยายามจัดแต่งทรงผมสลวยของตนเองให้เข้าทรงตามเดิม  “มันไม่ยอมเรียบเลย”

          “ก็ใครใช้ให้แอบงีบเมื่อกี้ล่ะ”  หัวหน้านักการเมืองที่มาแรงที่สุดในขณะนี้ว่าพลางจุ๊ปากเบา ๆ ดึงหวีมาจากมือของภรรยาแล้วจัดการสางผมยุ่งเหยิงให้อย่างเบามือ  “อุตส่าห์ทำผมรอตั้งสองชั่วโมง”

          “หนังท้องตึง หนังตาก็ต้องหย่อนสิ”  อาคิราห์ท้วง  “อุ้ย  ลูกดิ้น  แสดงว่าเห็นด้วยแน่ ๆ”

          “ชักจะโมเมใหญ่แล้วเจ้าบู้บี้”

          อาคิราห์หมุนตัวกลับมาประจันหน้ากับสามีของเขา  เขย่งขึ้นยกแขนโอบรอบลำคอหนาเอาไว้แล้วยิ้มกว้าง

          “วันนี้คุณหล่อที่สุดเลย”

          พิชช์ฌานกระแอมออกมา  สบตากลมโตคู่นั้นแล้วก็เมินหลบไป

          “แน่อยู่แล้ว”  เขาพูดเสียงแหบ  “แล้วไงอีก”

          “แล้วไง?  คุณก็ชมผมกลับสิ  ตามมารยาทไงล่ะ”  อาคิราห์พูดหน้าตาย  เขาหัวเราะออกมาเพราะเห็นผู้ชายที่ดูดีที่สุดในสายตาเขาทำหน้าหงิกใส่  มุมนี้ของพิชช์ฌานใช่ว่าคนทั่วไปจะได้เห็นง่ายนัก

          “ไว้ให้เสร็จการดีเบตเสียก่อนเถอะ”  พิชช์ฌานว่า  ตบมือลงบนบั้นท้ายงอนงามของเจ้าโอเมก้าอย่างมันเขี้ยว  เจ้าของก้นสะดุ้ง  ฟาดมือตุบใส่แผ่นอกกว้างไปทีหนึ่ง

          ทีมงานของรายการดีเบตวันนี้เข้ามาตามพวกเขา  พิชช์ฌานจูงมืออาคิราห์ออกมาจากห้องรับรอง  พาไปส่งที่เก้าอี้ที่จัดเตรียมเอาไว้ให้กับผู้ติดตามของพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่เข้าร่วมในวันนี้  อาคิราห์หันไปทักทายกล้องนิดหนึ่งอย่างรู้งาน  เสียงรัวชัตเตอร์ดังรอบตัวก่อนที่หัวหน้าพรรครัฐบาลจะเดินทางมาถึง

          “ท่านไตรคุณมาแล้ว  ท่านไตรคุณมาเองเลย”  เสียงฮือฮาดังขึ้นตั้งแต่ปากทางเข้า  อาคิราห์ชะเง้อคอมองก็เห็นบิดาของตนเองลงจากรถมากับผู้ติดตามอีกขบวนใหญ่

          “กะแล้วว่าต้องมา”  พิชช์ฌานพึมพำ  หันไปพยักหน้าให้เจนภพที่ยืนอยู่มุมหนึ่งอย่างรู้กัน     

          อดีตนายกรัฐมนตรีสมัยที่แล้วเดินเข้ามาจนถึงที่เขากับอาคิราห์ยืนอยู่  พิชช์ฌานทำความเคารพอย่างนอบน้อมแต่ก็แฝงความไว้ตัวอยู่ในที  ส่วนอาคิราห์กอดพ่อเอาไว้แน่น

          “ลูกพ่อก็มาด้วย”   ไตรคุณพูด  “พี่ไตรภพก็มาด้วยนะ”

          อาคิราห์อึ้งไป  เขาไม่ทันเห็นพี่ชายคนโตในตอนแรก  พี่ภพของเขาส่งยิ้มมาให้เหมือนทุกครั้งที่เจอกันทว่าอาคิราห์กลับไม่สามารถรู้สึกสนิทใจได้เหมือนเดิม  คำพูดของอีกฝ่ายยังติดอยู่ในหู ....ฉันไม่เคยมีน้องชายเป็นโอเมก้า....         

          ไตรภพเองก็คงรู้   หนุ่มใหญ่ไม่ได้เข้ามาพูดอะไรกับน้องชายคนเล็กมากไปกว่านั้น  เขาถอยไปนั่งอยู่ริมสุดอีกด้านหนึ่งของเวที

          “กล้ามาขนาดนี้แสดงว่ามั่นใจมากนะครับว่าไม่มีใครเอาผิดมันได้”  เจนภพพึมพำ  พิชช์ฌานยิ้มมุมปาก

          “ปล่อยให้ตายใจไปก่อน  เอาไว้ฉันได้ขึ้นเป็นนายกฯเมื่อไหร่  ฉันไม่ปล่อยเอาไว้แน่”



ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk






          พิธีกรเริ่มดำเนินรายการ  บรรดาหัวหน้าพรรคการเมืองหัวกะทิทั้งหลายเริ่มถกเถียงและเปิดฉากโจมตีพรรคอดีตรัฐบาลกันอย่างเมามัน  พิชช์ฌานยังไม่พูดสักคำ  เขายืนดูเหล่าหัวหน้าพรรคเล็ก ๆ ที่หวังจะร่วมรัฐบาลหน้ากับเขาพูดปราศรัยโจมตีท่านไตรคุณอย่างใจเย็น

          ด้วยความที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากทำให้วาทะเหล่านั้นแทบไม่กระเทือนอดีตนายกฯเลย  ท่านไตรคุณยังคงยิ้มเยื้อนรักษาอาการสงบนิ่งเอาไว้ได้อย่างดี

          “ผมว่าเราอยากฟังเสียงของคุณพิชช์ฌานกันบ้างแล้วนะครับ”  พิธีกรเริ่มส่งลูกตามที่เตรียมกันเอาไว้  “เชิญครับคุณพิชช์ฌาน  มีความเห็นอย่างไรกับปัญหาเศรษฐกิจตอนนี้ครับ”

          “ขอบคุณครับ  อย่างที่ผมได้ตระเวนหาเสียงมาแล้วทั่วประเทศนะครับ  นโยบายของพรรคเราเน้นเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก  เพราะปากท้องย่อมสำคัญที่สุดนะครับ ...”  ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยเสียงทรงพลัง  เขารักษาสายตาเอาไว้ได้ดี  ไม่ล่อกแล่กเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ  ยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้คนฟังนึกภาพตามได้อย่างง่าย ๆ โดยเฉพาะเรื่องที่กำลังเป็นประเด็นทำให้คนมีความรู้สึกคล้อยตาม  “...จะเห็นว่านโยบายของผมเชื่อมโยงกันทุกเรื่องนะครับ  ไม่ว่าจะเศรษฐกิจ  การศึกษา  การคมนาคมหรือแม้แต่เรื่องวัฒนธรรม  เพราะประเทศเราจะเจริญขึ้น  ไม่ใช่เจริญเพียงแค่ด้านใดด้านหนึ่ง  แต่ต้องไปด้วยกัน  ไปพร้อม ๆ กันทุกด้านนะครับ”  พิชช์ฌานปิดท้ายอย่างมั่นอกมั่นใจ

          อาคิราห์ยกมือขึ้นปรบคนแรก  พิชช์ฌานหันมาทางเขาแล้วก้มศีรษะให้นิดหนึ่ง  เสียงกล้องจับภาพคู่สามีภรรยารัว

          “ตอบดีมากครับ  ใครฟังคุณพิชช์ฌานแล้วไม่เคลิ้มบ้างมีไหมครับ”  พิธีกรพูดยิ้ม ๆ “ทีนี้ก็ต้องเป็นหน้าที่และวิจารณญาณของผู้รับชมและพี่น้องประชาชนทุกท่านแล้วนะครับว่าจะเลือกใคร  เชียร์ใคร”

          “มาสู่อีกประเด็นหนึ่งที่กำลังเป็นที่ถกเถียงร้อนแรงอยู่ในโลกโซเชียลในขณะนี้นะครับ  เป็นเรื่องของการสนับสนุนโอเมก้าเพื่อความเท่าเทียม  มีทั้งเสียงที่เห็นด้วยและต่อต้านนะครับ  มีท่านไหนอยากพูดก่อนไหมครับ”

          “ผมว่าเริ่มต้นที่คุณพิชช์ฌาน  เจ้าของนโยบายดีกว่าครับ”

          “ขอบคุณครับ  แต่เจ้าของนโยบายตัวจริงก็คือคุณอาคิราห์  อัศวลักษณ์  ภรรยาของผมครับ”  พิชช์ฌานผายมือไปทางโอเมก้าที่นั่งอยู่  อาคิราห์ส่งยิ้มหวานให้กล้องอีกรอบ  พิชช์ฌานเริ่มปราศรัยนโยบายสนับสนุนความเท่าเทียมของโอเมก้าโดยมีอาคิราห์เป็นตัวชูโรง  เขาเลี่ยงที่จะไม่พูดว่าอาคิราห์ถูกเลี้ยงดูมาอย่างไร  แต่เลือกใช้คำพูดที่ให้คนฟังไปคิดเปรียบเทียบเอาเองถึงความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคม   “...ล่าสุดที่ผมอยากจะพูดถึงก็คือ..คดีการค้าโอเมก้าครับ  คุณทราบหรือเปล่าว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้  สารวัตรใหญ่ ท่านวิญญูถูกคำสั่งย้ายกลับกรมด่วน  ทุกคดีต้องหยุดชะงักรวมถึงคดีนี้ด้วย”

          เกิดความเงียบขึ้นในห้องส่ง  อาคิราห์บีบมือตัวเองแน่น  เขาไม่กล้าชำเลืองมองไปทางบิดาที่ยืนประจันหน้ากับพิชช์ฌานอยู่อีกด้านของโพเดียม

          “เชื่อไหมว่าผมไม่แปลกใจเท่าไหร่กับข่าวนี้”  ชายหนุ่มพูดต่อด้วยเสียงเข้ม  “เหมือนกับคดีอื่น ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา  เป็นที่ฮือฮาอยู่พักหนึ่งในสังคมพอสืบสาวราวเรื่องไปแล้วทำท่าจะเกี่ยวพันกับคนใหญ่คนโตเบื้องหลัง  คนดูแลคดีก็มีอันต้องได้ย้ายหรือป่วยเสียชีวิตไป  แล้วเรื่องที่ดัง ๆ นี่ก็เงียบหายไปในกลีบเมฆรอจนทุกคนลืม  คนผิดก็กลับมาลอยนวลอยู่ในสังคมใหม่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ผมเคยสงสัยนะครับ  ว่ามันเป็นอาถรรพ์อะไรของประเทศนี้หรือเปล่า  แล้วมันก็เป็นจริงอีกครั้งในคดีค้ามนุษย์ครั้งนี้”

          “................”  พิธีกรอ้ำอึ้ง  มองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจว่าออกอากาศได้หรือเปล่า

          “แต่ว่าผม...พิชช์ฌาน  อัศวลักษณ์  จะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นเด็ดขาด  ผมจะทำให้การสอบสวนของรัฐและตำรวจเป็นไปอย่างโปร่งใส  ตรวจสอบได้  โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับโอเมก้า  คดีที่โอเมก้าเป็นผู้เสียหาย  จะมีหน่วยงานรองรับดูแลเรื่องทนายและปกป้องในกรณีที่เป็นพยาน  ภรรยาของผมคุณอาคิราห์จะก่อตั้งมูลนิธิฯเพื่อเพื่อนโอเมก้า เพื่อดูแลและปกป้องผลประโยชน์ของโอเมก้าในประเทศนี้  ...ฟังดูยิ่งใหญ่เกินตัวนะครับ  แต่มันจะเกิดขึ้นจริงในยุคที่ผมเป็นรัฐบาล  ถ้าคุณไม่เชื่อ  โปรดให้โอกาสผมได้พิสูจน์  ผมไม่สัญญาแต่ผมจะทำให้คุณเห็น”

          “ผมชอบนโยบายเพื่อโอเมก้าของคุณพิชช์ฌานนะครับ  แล้วก็แอบชื่นชมอยู่เงียบ ๆ มานานแล้ว”  ท่านไตรคุณพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ผมคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีของนักการเมืองน้ำดีที่จะเข้ามาบริหารประเทศ...แต่ว่า..”  ไตรคุณเว้นระยะนิดหนึ่ง  เหลือบมองหน้าลูกเขยแล้วยิ้ม  “ผมขอเน้นว่า...น้ำดี นะครับ  ซึ่งในที่นี่ไม่มี”

          เกิดเสียงฮือฮาขึ้นรอบตัว

          “ผมอาจจะพูดตรงเกินไปหน่อย”  ท่านไตรคุณหัวเราะเบา ๆ “อาจจะทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่คนฟังหรือแฟนคลับของใครในที่นี้นะครับ  เนื่องจากว่าผมเกิดความเป็นห่วงต่ออนาคตของประเทศจริง ๆ ยังมีนโยบายอีกมากที่ผมยังทำเอาไว้ไม่เสร็จและรอที่จะสานต่อในสมัยหน้า  อย่างเช่นนโยบายปลอดภาษี  และอื่น ๆ ที่ทุกท่านคงจะพอทราบกันอยู่แล้ว  ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นโครงการที่เกิดขึ้นจริง และมันเกิดขึ้นแล้วครับ  ไม่ใช่ขายฝันไปวัน ๆ พูดถึงแต่เรื่องปรัชญาความเท่าเทียมโดยไม่ได้ดูบริบทของประเทศว่าตอนนี้บ้านเราเป็นยังไง”

          “ท่านไตรคุณจะบอกว่า การที่เราเป็นหนึ่งในสองประเทศสุดท้ายของโลก ที่ยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองโอเมก้าแล้วเราจะสร้างกฎหมายนั้นขึ้นมาเป็นเรื่องขายฝันเหรอครับ”  พิชช์ฌานแย้ง  “การที่นานาประเทศไม่ยอมรับเราในเวทีโลกก็เป็นเพราะว่าเรายังปิดกั้นเรื่องนี้  ประเทศอื่นเขาเปิดกว้างกันหมดแล้ว  บางประเทศโอเมก้าสามารถขึ้นเป็นประธานาธิบดีได้ด้วยซ้ำ  แล้วคุณหันมามองบ้านเราสิครับ  เรากดหัวให้โอเมก้าเป็นอะไร  เป็นสินค้าเอาไว้ค้าขายหรือว่าเป็นแรงงานทาสที่ไม่จำเป็นต้องมีสัญญาจ้าง  เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่นะครับ  มันเป็นเรื่องของการเคารพสิทธิมนุษยชน”

          “ผมเข้าใจที่คุณพิชช์ฌานจะพูดครับ  แต่ที่ผมพูดถึงก็คือบริบทประเทศของเราที่โอเมก้าถูกเก็บอยู่ในบ้านมาช้านาน  จู่ ๆ จะมาเปิดให้พวกเขาออกมา  คุณคิดดูสิครับว่ามันเป็นไปได้หรือเปล่า  คนเฒ่าคนแก่บ้านเราไม่ยอมทานข้าวร่วมโต๊ะกับโอเมก้าด้วยซ้ำ”

          “เหมือนที่บ้านของท่านใช่ไหมครับ”  พิชช์ฌานโกรธจัด  “เหมือนที่ท่านเก็บลูกชายคนเล็กเอาไว้ในบ้าน  ไม่ยอมให้ออกมาเจอโลกภายนอก  เหมือนที่ท่านลิดรอนสิทธิมนุษยชนของลูกชายท่านโดยที่ท่านไม่เคยมองเห็นผลลัพธ์ของการกระทำของท่านเลย”

          “คุณไม่ควรก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวในบ้านของผม”  ไตรคุณพูดเสียงเย็น  “ไม่ว่าผมจะเลี้ยงดูบุตรชายของผมอย่างไรก็ตาม  ผลลัพธ์ที่คุณเห็นก็คือเขาเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่ดีและงดงาม”

          “เขาคือผู้โชคดีหนึ่งในล้านไงครับ”  พิชช์ฌานพูด  “จะมีโอเมก้าคนไหนอีกที่เติบโตมาได้แบบนี้  ที่ผมเห็นก็คือ...พวกเขาเติบโตมากับการกดขี่ข่มเหง  โตมากับซากปรักหักพังของสังคมที่เชิดชูอัลฟ่าและเบต้า  ผมคิดว่าเราเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า  คุณลองถามตัวคุณดูสิ  คุณเห็นโอเมก้าเป็นคนเท่ากับตัวคุณเองไหม  นั่นแหละครับคือคำตอบ”

          “ผมว่าคุณออกนอกประเด็นไปกันใหญ่แล้วนะครับคุณพิชช์ฌาน”  อดีตนายกฯพูดเสียงเรียบ  “อันที่จริง  สิ่งที่ผมอยากพูดที่สุดก็คือ ....คนที่ชอบใช้การแบล็กเมล์คนอื่นเป็นอาวุธในการต่อรองผลประโยชน์  ไม่น่าจะใช่คนดีเท่าไหร่  ว่าไหมครับคุณพิชช์ฌาน”   

          คนฟังชะงักกึก  เก็บอาการไม่ทัน

          “หมายความว่าไงครับ”

          “ก็หมายถึงคุณไงครับ”

          “ท่านกำลังปรักปรำผม  ผมสามารถฟ้องท่านได้นะครับ”

          “เอาเลยครับ  ผมกำลังหาวิธีส่งหลักฐานให้ตำรวจอยู่พอดี”  นักการเมืองอาวุโสชูแฟลชไดรฟ์ในมือขึ้นสูงให้ทุกคนได้มองเห็นชัด ๆ “อยากดูเลยไหมครับ  หรือว่าจะไปดูพร้อมกันที่สถานีตำรวจดี”

          “เอ่อ...เราต้องตัดเข้าช่วงโฆษณาก่อนนะครับ”  พิธีกรรีบตัดบท  ทว่าเสียงผู้สื่อข่าวกลับดังกระหึ่มยิ่งกว่าเดิม  พิชช์ฌานจ้องแฟลชไดร์ฟในมือของพ่อตาเขม็ง 

          “นับถือความพยายามเฮือกสุดท้ายของท่านนะครับ”  ชายหนุ่มพูดเนิบ ๆ สะกดความโกรธเอาไว้ให้มากที่สุด  “ถึงขั้นต้องเล่นของเล่นหลอกเด็กเลยหรือ”

          “เดี๋ยวก็รู้ว่าของจริงหรือของเล่น”  ไตรคุณยิ้ม  “เสร็จจากนี่ก็ไปเจอกันที่สถานีตำรวจก็แล้วกันนะ  งานนี้คงแก้ต่างยากหน่อยเพราะรวมกันแล้วเกือบสิบคดีทีเดียว”

          “ผมไม่สนใจหลักฐานเท็จที่คุณสร้างขึ้นมาหรอกครับ”  พิชช์ฌานพูด

          “แต่ดูเหมือนว่าประชาชนจะสนนะครับ”

          พิชช์ฌานกลับลงมาจากเวทีอย่างโกรธจัด  บรรยากาศในสตูดิโอคุกกรุ่นแตกต่างจากตอนแรกราวกับหน้ามือกับหลังเท้า  อาคิราห์รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหาบิดา

          “คุณพ่อครับ”

          “อาคิราห์  ...จะกลับกับพ่อหรือเปล่า หรือว่ารอกลับพร้อมพิชช์ฌาน”

          “หลักฐานที่คุณพ่อเอามาคืออะไรครับ”

          “เราถามในฐานะลูกของพ่อหรือภรรยาของนายพิชช์ฌาน”

          “ทั้งสองอย่างครับ”

          “ไม่ได้หรอกอัยย์”  ไตรคุณบอกเสียงนุ่ม  จับต้นแขนทั้งสองข้างของเขาเอาไว้  “ลูกไม่สามารถอยู่ตรงกลางได้อีกแล้ว  ลูกจะต้องเลือก”

          “ผมเลือกความถูกต้องครับ”  อาคิราห์ตอบเสียงหนักแน่น  “คุณพ่อบอกได้ไหมครับว่าหลักฐานพวกนั้นคืออะไร”

          “พิชช์ฌานใช้วิธีแบล็คเมล์ในการขึ้นมาถึงจุดนี้”  ไตรคุณพูดเรียบ ๆ “ไม่สงสัยหรือว่าทำไมเขาถึงขึ้นมาอยู่ตำแหน่งนี้เร็วนัก  เขาไม่ใช่คนเถรตรงหรอกนะ”  คนฟังนิ่งไป

          “มันเป็นอดีตของเขา”

          “อดีต ‘ของเขา’  ลูกพูดถูกต้อง  มันเป็นของเขา  เป็นผลลัพธ์ที่เขาจะต้องรับให้ได้  ถ้าเขาผ่านไปไม่ได้  เขาก็คงไม่สามารถเป็นนายกฯได้อย่างที่ใฝ่ฝันหรอก  เขาต้องเคลียร์ซากเน่า ๆ พวกนี้ก่อน”

          “................”  อาคิราห์พูดไม่ออก

          “พ่อจะรอลูกอยู่ที่บ้านเสมอ”  ไตรคุณทิ้งท้ายเอาไว้เป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะก้าวผ่านเขาไป

          อาคิราห์กลับไปหาพิชช์ฌานที่ห้องพัก  เขาเจอชายหนุ่มกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่โซฟามุมห้อง  คิ้วเข้มคมขมวดมุ่นเปลือกตาปิดสนิทราวกับกำลังครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง

          “คุณไม่ควรสูบบุหรี่”  อาคิราห์พูด “ควันของมันจะส่งผลต่อทารกในครรภ์”  เดินไปหยิบบุหรี่มวนนั้นออกดับกับที่เขี่ยบุหรี่  “คุณไม่เคยสูบมาก่อน”

          “ฉันเคยติดมันอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะเลิก”  พิชช์ฌานตอบ  ดึงตัวลุกขึ้นนั่ง  พอเห็นหน้าของภรรยาเขาก็พูดเรียบ ๆ  “กลับไปคุยกันที่บ้านแล้วกันนะ”

          อาคิราห์พยักหน้ารับ  เดินตามหลังอีกฝ่ายออกมาจากห้องพักเงียบ ๆ บรรดานักข่าวที่รอดักอยู่ก่อนแล้วพากันโหมเข้ามาเพื่อสัมภาษณ์และถ่ายรูปอย่างโกลาหล   เจนภพช่วยกันไม่ให้อาคิราห์ถูกดันจนได้ขึ้นรถไปในที่สุด

          “พรุ่งนี้คงเป็นข่าวหน้าหนึ่งทุกฉบับ  เห็นว่าท่านไตรคุณไปที่สถานีตำรวจแล้ว”

          “ฉันขอเวลาคิดก่อน”  พิชช์ฌานพูด  เคาะปลายนิ้วกับขอบหน้าต่างของรถกันกระสุนที่วิ่งอย่างรวดเร็วไปบนถนนเพื่อตรงกลับบ้าน  “ไม่นึกมาก่อนว่าฝั่งนั้นจะเล่นไม้นี้  คงเข้าตาจนเต็มที  ถึงต้องขุดเรื่องสมัยก่อนมาพูดอีก”

          อาคิราห์เงียบกริบจนถึงบ้าน  เขาเดินตามสามีเข้าไปในสวนข้างหลังที่จัดเอาไว้อย่างร่มรื่น  บรรยากาศเงียบสงัดแทบจะได้ยินเสียงหัวใจของตนเองและคำถามใคร่รู้ที่ดังออกมาจากส่วนลึก

          “เธอคงมีคำถามอยากถามฉัน”  พิชช์ฌานเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน  เขายืนพิงต้นไม้ทอดสายตามองร่างโปร่งบางที่นั่งอยู่บนชิงช้าเตี้ย ๆ

          อาคิราห์เงยหน้าขึ้น  สบตาคมกริบคู่นั้น

          “คุณทำจริง ๆ หรือเปล่า”

          “หมายถึงเรื่องไหน”

          “คุณรู้อยู่แล้วว่าเรื่องอะไร”  เสียงคนพูดสั่นนิด ๆ “คุณใช้วิธีแบล็คเมล์จริงเหรอ”

          “เป็นความจริง”  พิชช์ฌานก้มศีรษะรับ  “เส้นทางการเมืองของฉันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบหรอก  มันค่อนข้างจะขมุกขมัว...แต่มันสว่างขึ้นตอนที่เจอเธอ”

          “คุณเคยเปรียบเทียบคนที่เจอให้ฟังว่าเป็นสีขาว  สีเทา หรือสีดำ...แล้วคุณเป็นสีอะไร”  อาคิราห์ถามต่อ  นิ่งฟังอย่างรอคอย

          “ของฉันเป็นสีแดง”  พิชช์ฌานตอบ

          “หมายถึงเต็มไปด้วยเลือดงั้นหรือ”  คนฟังใจหายวูบ  มองใบหน้าคมเข้มอย่างไม่อยากเชื่อ  “คุณไม่เคยบอกผม  ผมเคยสงสัยว่าทำไมคุณถึงร่ำรวยนักแต่ว่า...”

          “ไม่ใช่เลือดหรอกอาคิราห์  มันเป็นสีแดงเพราะว่าเธอ  ฉันกล้าพูดว่าฉันไม่ใช่พิชช์ฌานคนเดิมอีกแล้ว  ฉันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงตั้งแต่มีเธอเข้ามาในชีวิต”

          “แต่คุณก็ลบอดีตไม่ได้อยู่ดี”

          “เป็นสิ่งที่ฉันต้องยอมรับ”  ชายหนุ่มก้มศีรษะ  “เธอ...คิดว่ายังไงบ้าง  อยากจะ...ไปจากฉันหรือเปล่า”  มีความลังเลเป็นครั้งแรกของวันในน้ำเสียงของพิชช์ฌานที่เขาได้ยิน  อาคิราห์เม้มปากแน่น  “ฉันเข้าใจได้นะถ้าหากว่าเธอจะไม่สบายใจ...เพราะตอนนี้ก็พูดได้ว่าฉันอาจจะแพ้การเลือกตั้งแล้วก็ติดคุกแทน”  เขาพูดเร็วขึ้น  ใบหน้าคมคร้ามซีดเผือดไร้สีเลือด  “เธออาจจะสบายใจกว่าถ้าได้กลับบ้าน...”

          “หยุดพูดเสียที”  อาคิราห์พูดเสียงห้วน  “ผมถามคุณคำเดียวเท่านั้นว่าคุณจะไปต่อหรือเปล่า  คุณจะถอนตัวจากการเลือกตั้งครั้งนี้มั้ย  ตอบมาคำเดียวว่าใช่หรือไม่ใช่”

          “ถ้าฉันตอบว่า..ไม่ถอนตัวล่ะ”

          “แม้ว่าผมจะขอร้องงั้นเหรอ”  อาคิราห์เอื้อมมือมาประคองใบหน้าของสามีเอาไว้  “ผมรู้ว่าที่คุณพ่อทำแบบนี้ก็เพราะอยากให้คุณถอนตัวจากการเลือกตั้ง  ผมไม่อยากให้คุณต้องติดคุกเลย  คุณยอมถอยเถอะนะ”

          “เธอขอร้องให้ฉันถอนตัวเป็นครั้งที่สองแล้ว”

         “แล้วคุณจะยอมไหม”

          “ฉันยืนยันคำตอบเดิมอาคิราห์  ฉันมาไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับ  ถ้าคุณพ่อของเธออยากจะเอาผิดฉันก็ไปสู้กันในศาล  ฉันไม่ยอมแพ้เพียงแค่นี้แน่”  พิชช์ฌานพูด  จับมือของเจ้าโอเมก้าเอาไว้  “ที่ผ่านมาฉันไม่กล้าทำอะไรที่มันรุนแรงหรือว่าแตกหักเพราะกลัวว่าเธอจะเสียใจ  อาคิราห์  ฉันไม่อยากกลายเป็นคนใจร้ายในสายตาของเธอ”

          “คุณไม่ใช่คนใจร้าย”

          “จริง ๆ แล้วฉันเป็นคนใจร้าย  ...มากเสียด้วย”  พิชช์ฌานแก้ให้อย่างอ่อนโยน  “เธอกลับไปอยู่กับคุณพ่อก็ได้นะ  ฉันจะได้ไม่รู้สึกผิดมากเกินไปหลังจากนี้”

          “คุณไล่ภรรยาที่ตั้งท้องลูกคุณกลับบ้านงั้นเหรอ”  อาคิราห์พูดเสียงขึ้นจมูก  “คุณคิดได้ยังไง”

          “...................”  พิชช์ฌานเงียบ

          “ไม่ว่าคุณจะตอบว่ายังไง  ผมก็จะอยู่กับคุณ  ผมตัดสินใจแล้วตั้งแต่ตอนนั้นแล้วก็จะไม่เปลี่ยนใจอีก  เพียงแต่ว่า....เพียงแต่ว่า...”  น้ำตาร้อน ๆ เอ่อคลอขึ้นมาในดวงตากลมโตคู่นั้น  อาคิราห์พยายามที่จะกลั้นสะอื้นเอาไว้แล้วแต่ก็ไม่สำเร็จ  “อีกฝั่งหนึ่ง...เขาก็เป็นพ่อของผม”

          “ฉันรู้  อาคิราห์...ฉันรู้”  พิชช์ฌานรวบร่างโปร่งบางเข้ามากอดเอาไว้แน่น  พรมจูบไปทั่วใบหน้าเพื่อซับน้ำตาที่ไหลออกมาเหมือนเขื่อนแตก  หัวใจของเขาปวดหนึบ   ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะต้องเกิดขึ้นไม่ว่าวันใดก็วันหนึ่ง  จุดแตกหักระหว่างขั้วตรงข้ามทางการเมือง...

         “ผมไม่อยากเลือกฝั่งไหนเลย  ถ้าเป็นได้”  อาคิราห์กระซิบ  “แต่ความคิดที่ว่าฝั่งใดฝั่งหนึ่งทำผิด  มันก็ทำให้ผมทรมานมาก”

          “ฉันเข้าใจ”  พิชช์ฌานกระซิบตอบ  “ขอโทษด้วยที่ฉันหยุดตอนนี้ไม่ได้”

          “ผมรู้ว่าตำแหน่งนายกฯสำคัญสำหรับคุณ  ...เผลอ ๆ อาจจะสำคัญมากกว่าผม”

          “ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเธอกับลูกแล้ว  อาคิราห์”  พิชช์ฌานพูด  “ฉันพูดจริง ๆ”

          อาคิราห์ยิ้มทั้งน้ำตา  ...เขารู้ว่ามันไม่จริง...

          .................................................................................

          มาอัพต่อแล้วค่า

          มีใครยังตามอ่านเรื่องนี้บ้างคะ  ใช้คำว่ายังตามเลยนะฮ่าๆๆ เขียนยาวนานมากจริง

          ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ติชมนะคะ

          เจอกันตอนหน้า  พรุ่งนี้ใครทำงานบ้าง  ขอให้เป็นวันที่ดีนะคะ

          #ขอรักแค่คุณ




ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เจ้าบู้บี้  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :sad4: สงสารน้องที่ต้องอยู่ตรงกลาง

ออฟไลน์ pe-ar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
สงสารน้องงงงง แต่เข้าใจคุณพิชชานนะ น้องสำคัญที่สุดก็จริงแต่เรื่องนี้ก็อยากลองสู้สักตั้งก่อนแ

ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ฟ้าสว่างแป่บๆ เมฆฝนจะมาอีกแล้ว :ling3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เมื่อไหร่เรื่องยุ่งๆจะหมดไปกลัวส่งผลกระทยถึงเด็กน้อยในท้องจัง

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ไม่มีใครขาวสะอาดในวงการเมือง พ่อน้องอัยย์ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ สงสัเบื้องหลังครอบครัวอัยย์มาก แต่ก็กล้าทิ้งลูก พ่อก็ทำทุกทางเพื่อชัยชนะของตัวเอง งงใจครอบครัวนี้

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ยาวเข้มข้น แต่ชอบอ่าน
แม่พิษนี่ปากร้ายแต่ใจดีน๊า  พ่ออัยย์นี่ปากดีแต่ใจร้ายอ่า

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
อุปสรรคใหม่ที่ต้องก้าวข้ามให้ได้  นายพิษต้องค่อยๆคิดว่าจะแก้เกมอย่างไร
ในเมื่อเรามีจุดอ่อนฝั่งนั้นเค้าก็มีจุดอ่อนเหมือนกัน

ออฟไลน์ joyko26

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เข้าใจทุกคนเลย แต่ละคนก็มีเหตุผลของตัวเอง พลิกเกมกันไปมาสู้กันเต็มที่
สงสารบู้บี้น้องเลือกแทบไม่ได้เลย แม้ใจน้องจะเลือกแล้ว  :m15:
อยากรู้ตอนจบพร้อมๆกับที่อยากอ่านไปเรื่อยๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ มันส์มากค่ะ รออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
สงสารบูบี้จังอยู่ตรงกลางลำบากใจน่าดู

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
โอ๊ย

หลานฉันเกิด้ท่ามกลางสงคราม

พ่อตาลูกเขย

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
งงง่าาาา... มาต่อเร็วนะคะไรท์.. :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
อยากเห็นพิชช์ฌาณชนะ อยากเห็นบู้บี้เป็นท่านผู้หญิงภริยาท่านนายก ลุยๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
 :ling1: บทสรุปเรื่องนี้จะยังไง สรุปพี่คุณเลวจริงเปล่า รักน้องมั้งไหม แล้วคุณพ่ออีก รักลูกบ้างไหม แต่ที่อ่านมาดูออกว่าไม่รักแต่แสดงบทบาท สงสาร บู้บี้ แล้วยังเรื่อง พี่เลี้ยง นิลลาอีก

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
นี่เป็นนิยายที่ยาวแต่เข้มข้นมาก เนื้อๆเลยแทบไม่มีน้ำ  :L2:

ออฟไลน์ angelninae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
สงสารน้องอัยย์ การเป็นคนกลางไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ลำบากใจทั้งนั้น  :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
นี่คิดว่าเบื้องหลังครอบครัวบู้บี้ก็ไม่ธรรมดา ไม่ได้ขาวสะอาดเช่นกัน ท่านนายกต้องมีอะไรมากกว่าจะอยากได้แค่ตำแหน่งนายก เบื้องหลังการค้ามนุษย์มันต้องมีอะไร และนิลลาต้องเป็นพี่ชายของบู้บี้แน่เลย !

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
สู้ๆนะเจ้าบู้บี้ เป็นว่าที่คุณแม่ที่มีเรืีองเครียดเข้ามาไม่ขาดสายจริงๆ

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขำคุณแม่คุณพ่อมือใหม่บู้บี้น้อยแค่ดิ้นเอง

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

มีความรู้สึกว่า..

แม่สามีเอ็นดูลูกสะใภ้

เฮ้อ..สงสารบู้บี้

คนกลาง

 :mew1:

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
ว่าแล้วมันต้องมีเรื่องมาให้ดราม่าอีกแน่
สงสารน้องอัยย์จังเลย

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
สงสารบู้บี้ คนกลางเจ็บปวดที่สุด นั้นก็พ่อ นี่ก็สามีพ่อของลูก
เกมการเมืองไม่มีคำว่าแฟร์ดกมและขาวสะอาด ขึ้นอยู่กับว่าใครจะปกปิดแผลตัวเองได้มากกว่ากัน
ยิ่งครอบครัวอัยย์ มีแต่เรื่องน่าสงสัย ทั้งพ่อ แม่ พี่ชาย มีแต่ ? เต็มไปหมด
นิลลาเป็นพี่ชายอีกคนของบู้บี้แน่ๆ หวังว่าจะไม่มีใครใช้ประโยชน์จากบู้บี้ให้ต้องเจ็บปวดมากไปกว่านี้นะ สงสาร...

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด