[Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49  (อ่าน 267141 ครั้ง)

ออฟไลน์ กวังกีเมย์บี

  • วาย ว๊าย วาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คุณพ่อ อย่าทำอะไรลูกเขยนะ ถ้ามันเป็นแผนของพ่อตากับพี่ภพหาตัวการละก็ ร่วมมือกันก็ได้ อย่าทำร้ายกันเลยยยย :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เรื่องคุณพี่เลี้ยงก็สงสัยว่ายังไงกันแน่
ส่วนเรื่องพ่อแม่เจ้าบู้บี้นี่ยิ่งแล้วใหญ่....เฮ้ออออออ

ออฟไลน์ Amethyst.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ผู้ร้ายในมุมมืด ขนาดเจ้าบู้บี้ที่สองก้ไม่เว้นเป็นห่วงน้องอะ :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ iamtsubame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เหนื่อยแทนหนูอัยย์จริงๆ  :hao5:
ยังมีเรื่องต้องร้องให้อีกหลายยกเลยเนี่ยยยย :sad4:

ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ต้องหาบู้บี้ที่ 3

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
โอ๊ยยย  ปมมันเยอะแยะไปหมด นิลลาไว้ใจได้ไหม แล้วมีเรื่องพี่ออมอีก ไหนจะพี่ไตรคุณยอมรับผิดแทนใคร??

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 41

 

 

 

 

 

         “ตีกอล์ฟกับคุณพ่อไม่สนุกเหรอครับ”  อาคิราห์ทักขึ้นตอนที่กลับเข้ามานั่งในรถด้วยกันแล้ว  พิชช์ฌานเลิกคิ้ว  ยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตัวเอง

          “ก็สนุกดีนี่  ทำไมเหรอ”

          “เห็นหน้าคุณเครียดจัง”

          “มาเจอพ่อตา  มีลูกเขยคนไหนไม่เครียดบ้าง”  พิชช์ฌานพูดแกมหัวเราะ  “กลัวเขาเอาเมียคืนน่ะซิ”

          คนฟังยิ้มกว้างพลางส่ายหน้า

          “ไม่มีทางหรอกครับ”  อาคิราห์นิ่งไปนิดหนึ่ง  “คุณพิชช์ฌานช่วยอะไรผมอย่างได้ไหมครับ”

          “หลายอย่างก็ได้”

          “ผมอยากให้ช่วยพาผมไปเจอพี่ออมหน่อยได้ไหมครับ  ผมมีบางอย่างต้องถามเขา”

          “เธอคงต้องเล่าให้ฉันฟังก่อนว่าคุณแม่ของเธอว่าอย่างไรบ้าง ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ยอมให้เธอไปเจอแน่ ๆ มันอันตราย”  พิชช์ฌานพูดอย่างเคร่งขรึม  “ช่วงหาเสียงเลือกตั้งเป็นช่วงที่อาจจะเกิดอะไรที่ไม่คาดฝันขึ้นได้  เธอรู้ใช่มั้ย  บางคนก็นิยมกำจัดคู่แข่งด้วยวิธีรุนแรง”

          อาคิราห์ส่ายหน้า  เล่าเรื่องที่ไปคุยกับมารดาให้อีกคนฟัง  พิชช์ฌานลูบปลายคางของตัวเองอย่างครุ่นคิด

          “เธอคิดว่าคุณแม่ของเธอไม่ได้พูดความจริงงั้นเหรอ?”

          “เปล่า  ผมเชื่อแม่ของผม แต่ว่า..”  อาคิราห์ลังเล “พี่ออมดูไม่ใช่คนแบบนั้นเลย  ผมเลยอยากถามเขาให้แน่ใจ”

          “งั้นฉันจะไปด้วย”  พิชช์ฌานพูด  “ฉันมีความสามารถพิเศษในการจับเท็จ  เผื่อเธอไม่รู้”

          “ผมรู้  คนที่ชอบโกหกบ่อยก็มักจะจับผิดคนโกหกด้วยกันได้เก่งไงล่ะ”  อาคิราห์พูดหน้าตาเฉย  “ไม่แปลกใจเท่าไหร่”

          พิชช์ฌานตวัดสายตามองอย่างฉุน ๆ ไม่ได้พูดว่าอะไรอีกเพราะกลัวโดนย้อนเข้าตัว

          ...........................................................................

          “ตื่นแล้วเหรอ”  เสียงทุ้ม ๆ ถามขึ้นจากข้างเตียง  นิลลาหันไปมองอย่างมึนงงก็เจอร่างสูงโปร่งของเจนภพยืนมองมาที่เขานิ่ง  “คุณหลับไปนานมาก”

          นิลลาก้มลงสำรวจตัวเองเป็นอันดับแรก  ไม่มีร่องรอยอะไรบนเนื้อตัวของเขา  แสดงว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาคงจะไม่ได้เกิดอะไรขึ้นจริง ๆ ตามที่อีกฝ่ายสัญญาเอาไว้

          “ผมพาคุณมาโรงพยาบาล  คุณดิ้นหนักมากผมเลยต้องมัดคุณเอาไว้  อาจจะมีรอยเชือกนิดหน่อยตรงข้อมือ”  เจนภพพูดอย่างรู้ใจเมื่อเห็นเจ้าโอเมก้ายกข้อมือบอบบางทั้งสองข้างขึ้นมาเพ่งพิศ  “หมอฉีดยาระงับอาการฮีทให้คุณ  ...ทำไมคุณถึงไม่ได้ทานยาระงับ”

          “ยาหมด  แล้วฉันก็มัวแต่ยุ่ง ๆ “  นิลลาตอบปัด  อีกฝ่ายหรี่ตาลง  เกือบจะพูดออกไปแล้วว่าเขาเจอกระปุกยาระงับอาการฮีทในห้องของนิลลา  ข้างในนั้นยังเหลือเม็ดยาอยู่เกือบครึ่งกระปุก

          “งั้นเหรอ  คุณคงต้องระวังมากกว่านี้หน่อย  เพราะคราวหน้าอาจจะไม่ใช่ผมที่เป็นคนมาเจอเข้า”  เจนภพเลือกที่จะไม่ถามต่อ  “นอนพักไปก่อนนะครับ  ตอนเย็น ๆ คุณพิชช์ฌานกับคุณอาคิราห์บอกว่าจะแวะมาเยี่ยมคุณ”

          “............”  นิลลามองหน้าเขาเหมือนมีอะไรจะพูดด้วย  เจนภพเลิกคิ้ว

          “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

          นิลลาส่ายหน้า

          “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน  คุณมีอะไรก็กดปุ่มเรียกคุณพยาบาลนะครับ”  เจนภพพูดอย่างสุภาพแต่ก็ห่างเหินอยู่ในที  นัยน์ตาเรียวยาวคู่นั้นเงยขึ้นมองตามเขาตาไม่กะพริบ  ริมฝีปากบางแห้งผากแตกเป็นแผลที่มีแต่เขาที่รู้ว่าเกิดจากอะไร  “พยายามทานข้าวเยอะ ๆ หน่อย  คุณผอมเกินไป”  เขาหลุดพูดออกไปแล้วก็นิ่ง

          “คุณกลับออกไปเถอะ”

          เจนภพก้มศีรษะให้แล้วหมุนตัวเดินกลับออกไปจากห้อง

          “ขอบคุณมาก”  ประตูยังไม่ทันปิดสนิทดี  ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงพูดที่เบามากเหมือนกระซิบลอยมาตามลมจากร่างผอมบางที่นอนอยู่บนเตียง  มือขวาคนสนิทของพิชช์ฌานชะงักนิดหนึ่ง  พยักหน้าให้เล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้แล้วก็กลับออกมาจากห้องพักผู้ป่วยนั้น

          เขาไม่เคยชอบโอเมก้าคนนี้เลยให้ตายสิ

          เจนภพกลับไปทำงานที่พรรคต่อ  สถานะลูกชายของนิมมานยังถูกเก็บเป็นความลับก็จริง  ทว่าการได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคจากการสนับสนุนของคน ๆ นั้นก็ทำให้ใครต่อใครในพรรคเกรงบารมีของเขามากขึ้นจากเดิมที่เป็นเพียงมือขวาคนสนิทของพิชช์ฌาน   ตอนนี้คนในพรรคให้เกียรติเขาเกือบจะเทียบเท่าพิชช์ฌานทีเดียว

          “คุณเจนภพครับ  มีสายถึงคุณครับ”

          “ใครหรือ”

          “จากท่านครับ”

          แค่นั้นก็เป็นอันรู้กันว่าหมายถึง ‘ท่าน’ คนไหน  เจนภพรับโทรศัพท์มาถือเอาไว้  เม้มปากแน่น  เวลานี้พิชช์ฌานก็ไม่อยู่เสียด้วย

          “สวัสดีครับ”

          “เจนภพเหรอ”  เสียงของคนที่เขาเพิ่งจะรู้ว่าเป็นพ่อแท้ ๆ นั้นดังมาตามสาย  ชายหนุ่มกำหูโทรศัพท์เอาไว้แน่น  “ฉันอยากจะพบเธอเสียหน่อย  สะดวกหรือเปล่า”

          “ช่วงนี้ผมติดธุระหลายอย่าง  คงไม่สะดวก”

          “แต่มีเวลาไปพบนายชาติชายงั้นหรือ”  อีกฝ่ายพูดต่อมา  คนฟังเงียบ  “ไม่ต้องตกใจ  ฉันแค่บังเอิญได้ยินมาผ่าน ๆ หูน่ะ”

          “ผมไปพบเขาตามหน้าที่  ถึงอย่างไรเขาก็เป็นนายทุนของพรรคเรา”  ชายหนุ่มตอบอย่างสงบ

          “ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรสักคำนี่  แต่ถึงอย่างไร...ฉันก็เป็นพ่อของเธอไม่ใช่เหรอ”  นิมมานพูดย้อนประโยคเดิมที่เจนภพพูด  คนเป็นลูกนิ่งไปอีก  “ฉันแค่อยากจะกินข้าวกับเธอสักมื้อ  ชวนพี่ชายของเธอมาด้วยสิ  จะได้พร้อมหน้าพร้อมตา  แต่รายนั้นอาจจะไม่ว่าง...ถ้าฉันเดาไม่ผิด”

          “ผมจะติดต่อกลับไปครับ”

          “อย่าให้ฉันรอเก้อเลยนะ  เห็นแก่คนแก่บ้าง”

          เจนภพกดวางสาย  เขายังไม่แน่ใจความรู้สึกของตัวเองเหมือนกันว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไรต่อคน ๆ นั้นกันแน่  อาจจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ  เขาไม่คิดจะไปฝืนหรือต่อต้านอะไรอีก

          แต่จะให้รักเหมือนพ่อก็คงจะเป็นไปไม่ได้

          คุณพิชช์ฌานติดต่อมาให้เขาไปหาเบต้าคนหนึ่งที่เคยทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคุณอาคิราห์มาก่อน  เจนภพใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็หาตัวผู้หญิงคนนั้นเจอ  เธอดูระวังตัวแจทีเดียวผิดปกติไปจากแม่บ้านทั่วไปที่เขาเคยเห็น

          “ผมจะส่งที่อยู่ไปให้คุณฌานนะครับ”  เจนภพว่า

          “ฝากจับตามองเอาไว้ก่อนนะเจนภพ  ฉันกับอาคิราห์เพิ่งออกจากโรงพยาบาลเดี๋ยวจะไปหา”

          “ได้ครับ”  เจนภพพึมพำ  เคาะปลายนิ้วกับขอบกระจกรถเก๋งเบา ๆ “คุณพิชช์ฌานจะให้ผมเรียกกำลังเสริมไหมครับ”

          “ไม่ต้องหรอก  เราไปฉันท์มิตร”

          คนฟังเกือบเบ้ปาก  ฉันท์มิตรของคุณพิชช์ฌานมักจะลงเอยด้วยการนองเลือดทุกที  ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนใจดีนักหรอก  เขารู้  อดขนลุกไม่ได้ที่พบว่าตัวเองเป็นน้องชายของฝ่ายนั้นจริง ๆ

          ไม่นานรถยนต์ดำปรอทคันใหม่ของคุณพิชช์ฌานก็เลี้ยวเข้ามาจอดเทียบข้าง ๆ เขาหน้าปากซอยแคบ ๆ ที่รถวิ่งสวนกันไม่ได้   มอเตอร์ไซค์หลายคันกับวัยรุ่นเดินเตร็ดเตร่ไปมาอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อและรถเข็นขายของ  ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าข้างในซอยคงเป็นบรรยากาศเหมือนสลัมแน่นอน

          “คุณอาคิราห์จะเข้าไปด้วยเหรอครับ”  เจนภพรับท้วงเอาไว้ก่อน  เขาไม่อยากให้เจ้าโอเมก้าวิ่งร้องไห้ออกมาหรอกนะ  “ให้ผมเข้าไปพาตัวเธอออกมาดีไหมครับ”

          “ฉันอยากไปเยี่ยมเขาด้วยตัวเอง”  อาคิราห์ยืนยัน  เจนภพเปลี่ยนสายตาไปมองเจ้านายที่ขนาบข้างอยู่  ฝ่ายนั้นพยักหน้านิดหนึ่งเป็นเชิงอนุญาต  เขาไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะระยะหลังมานี้เขาไม่เคยเห็นพิชช์ฌานปฏิเสธคุณอาคิราห์เลยสักครั้งเดียว

          “ให้คนของเราประกบอาคิราห์เอาไว้แล้วกัน”  พิชช์ฌานว่า

          พวกเขาส่งคนเข้าไปเคลียร์พื้นที่แล้วก็ดูลาดเลาเอาไว้ก่อนแล้ว  พิชช์ฌานเดินตามหลังร่างโปร่งบางของภรรยาเข้าไปในซอยเล็ก ๆ แคบ ๆ นั่นอย่างระมัดระวัง  อาคิราห์เองก็สอดส่ายสายตาไปรอบตัว  เขาไม่อยากเป็นภาระของใครทั้งนั้น

          “บ้านหลังนี้ครับ”  เจนภพกระซิบ  เดินเข้าไปเคาะประตูเรียก  “มีคนอยู่ไหมครับ  ผมมาเก็บค่าเช่า”

          “ฉันจ่ายไปแล้วนะ”  มีเสียงตะโกนตอบกลับมาจากชั้นสองของบ้าน  อาคิราห์กับพิชช์ฌานหันมามองหน้ากัน

          “ใช่เสียงของพี่ออมครับ”  อาคิราห์พยักหน้า

          “คุณยังจ่ายไม่ครบครับ”  เจนภพตะโกนกลับไป  “ขาดอีกเยอะเลย”

          “ฉันมีใบเสร็จ  นี่ไงเล่า”  ได้ยินเสียงลงบันไดตึกตักมาจากชั้นบนก่อนที่ประตูบ้านจะถูกไขเปิดออก  ร่างของอดีตพี่เลี้ยงของอาคิราห์ปรากฏตัวขึ้น  เธออ้าปากค้างแล้วรีบดึงประตูปิดแต่ก็ช้าเกินไปเพราะเจนภพรีบดันเอาไว้ได้ทัน

          “กลับไปนะ  ฉันไม่มีอะไรจะพูดด้วยหรอก”

          “พี่ออม  นี่อัยย์เองนะ  อัยย์มาเยี่ยมเฉย ๆ ได้ข่าวว่าพี่ออมย้ายบ้านย้ายที่ทำงาน”  อาคิราห์รีบพูด  ยื่นหน้าเข้าไประหว่างประตูทำให้อดีตพี่เลี้ยงใจอ่อน  ไม่กล้าปิดประตูงับอีก

          “คุณอัยย์มาทำไมคะ  แถวนี้อันตราย  รีบกลับไปเถอะค่ะ”

          “อัยย์อยากมาเยี่ยม  ให้อัยย์เข้าไปได้มั้ย”

          “บ้านพี่สกปรกค่ะ  คุณอัยย์กลับไปเถอะ”  อรุณาพูดซ้ำประโยคเดิม  แต่ว่าเด็กน้อยที่เธอเลี้ยงดูมาก็ดันประตูเข้ามาจนได้  อาคิราห์ก้าวเข้าไปในบ้านเช่าซอมซ่อหลังนั้น  กวาดตามองสำรวจรอบบ้านอย่างสะท้อนใจ

          “พี่ออมอยู่ได้อย่างไรนี่”  อาคิราห์อุทาน  “ที่นี่อยู่กี่คน”

          “เอ่อ...รวมพี่ด้วยก็หกคนค่ะ  แต่ว่าคนอื่น ๆ ไปทำงาน”

          “หกคน”  อัยย์ร้อง  บ้านหลังนั้นเป็นบ้านแคบ ๆ แบ่งซอยเป็นห้องเล็ก ๆ ขนาดเท่าแมวดิ้นตายชนิดที่อยู่สองคนยังอึดอัด  แต่นี่อีกฝ่ายกลับบอกว่าอยู่รวมกันหกชีวิต  ห้องของพี่ออมอยุ่ชั้นสองของบ้าน  อาคิราห์ย่องเท้าเดินขึ้นบันไดไม้เก่า ๆ รอเวลาผุพังตามหลังพี่เลี้ยงขึ้นไปช้า ๆ

          แม้ว่าสภาพห้องจะแคบมากแต่การจัดวางของในห้องของพี่ออมก็ยังเป็นระเบียบเรียบร้อยและสะอาดสะอ้านเหมือนเดิม  อาคิราห์มองเห็นกรอบรูปวางตั้งอยู่เหนือฟูกบาง ๆที่ปูบนพื้นไม้  เป็นรูปของเขากับอคินทร์  แล้วก็รูปพี่ออมกับเด็กอีกคนที่เขาไม่รู้จักสองสามรูป  คงเป็นเด็กที่พี่ออมเคยรับจ้างเลี้ยงดูมาก่อนหน้านี้กระมัง

          “มีรูปอัยย์ด้วย”  อาคิราห์พึมพำ  หยิบรูปขึ้นมาดูใกล้ ๆ

          “พี่เก็บรูปเด็ก ๆ ที่เคยเลี้ยงเอาไว้น่ะค่ะ”  อรุณาตอบ  ทรุดลงนั่งกับพื้น  “คุณอัยย์นั่งบนฟูกได้ค่ะ  พี่เพิ่งเปลี่ยนผ้าปูใหม่”

          “ห้องของพี่ออมสะอาดมาก ๆ ไม่เหมือน เอ่อ..ข้างนอก”  อาคิราห์พูดอย่างเกรงใจ  “ทำไมพี่ออมต้องย้ายงานใหม่ด้วย  งานห้องสมุดไม่ดีเหรอ”

          “ดีค่ะ  แต่เขาก็มีคนอื่นเข้ามาทำใหม่เรื่อย ๆ พี่เองก็ไม่ชอบทำงานเป็นหลักแหล่ง”

          “พี่ออมมีปัญหาด้านการเงินหรือเปล่า  อัยย์ถามจริง ๆ นะ  อัยย์อยากช่วย”  อาคิราห์ถามเสียงจริงจัง  “ไม่ต้องเกรงใจเลยนะ  พี่ออมเลี้ยงอัยย์มาตั้งแต่เล็ก ๆ อัยย์ไม่เคยตอบแทนอะไรเลย”

          “โถ  ทูนหัวของออม  แค่คุณอัยย์โตมาเป็นคนที่ดีขนาดนี้ พี่ออมก็ดีใจแล้วค่ะ  ไม่ต้องตอบแทนอะไรเลย”  เธอเอื้อมมือมาแตะที่ปลายเท้าของอาคิราห์   น้ำตาไหลเป็นทาง  “พี่ออมอยู่แบบนี้ก็สุขสบายตามอัตภาพแล้ว  ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”

          “แต่ว่าพี่เรียนจบปริญญา  ประสบการณ์ก็มี  ทำไมถึงไม่หางานดี ๆ มั่นคงเป็นหลักแหล่งทำล่ะครับ”  อาคิราห์ว่า  จับมือหยาบกร้านของพี่เลี้ยงเอาไว้  “พี่ออมไม่เห็นจำเป็นต้องมารับจ้างไปวัน ๆ แบบนี้เลยนะ”

          “พี่ออมชอบแบบนี้ค่ะ”  เธอตอบสั้น ๆ  “คุณอัยย์ไม่ต้องห่วงเลย  พี่ออมอยู่แบบนี้มานานแล้วสบายมาก  คุณอัยย์กลับไปเถอะค่ะ  หายขึ้นมานานแล้วเดี๋ยวคุณผู้ชายเป็นห่วง”

          “อัยย์จะไม่กลับจนกว่าจะได้คำตอบจากพี่ออม”  อาคิราห์ยืนยัน  “พี่ออมลาออกมาทำไม  บอกอัยย์ได้มั้ย”

          “พี่มีเหตุจำเป็นค่ะ”

          “เรื่องอะไรเหรอ”

          “พี่ไม่อยากให้คุณอัยย์ไม่สบายใจ  เรื่องของพี่ออมไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร  คุณอัยย์จะต้องออกช่วยหาเสียงอีกไม่ใช่เหรอคะ  เหนื่อยหรือเปล่า”

          “พี่ออมไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย  อัยย์รู้ทันหรอกนะ  ถ้าพี่ออมไม่บอก  อัยย์จะเอารูปพวกนี้กลับไปด้วยแล้วก็จะอดข้าวสามวัน”

          “โธ่”  อดีตพี่เลี้ยงหัวเราะทั้งน้ำตา  “คุณอัยย์ทำไม่สำเร็จหรอกค่ะพี่ออมรู้”

          “เดี๋ยวนี้อัยย์โตแล้ว  อัยย์ใจแข็งนะจะบอกให้”  อาคิราห์ว่า  “ยอมบอกมาเถอะนะ  ..อันที่จริง  อัยย์ก็รู้มาแล้วล่ะจากการที่ไปถามคุณแม่มา”

          ใบหน้าของคนฟังซีดเผือดในพริบตา

          “คุณอัยย์ไปถามคุณหญิงเหรอคะ”  อรุณาถามละล่ำละลัก  “ถามเมื่อไหร่กัน  คุณหญิงว่าอย่างไรบ้าง”

          “แม่ยอมบอกความจริง  แต่อัยย์ไม่อยากเชื่อเลยมาถามจากพี่ออมอีกที”   อาคิราห์พูดเรียบ ๆ แล้วก้มหน้าลงต่ำ  “พี่ออมบอกอัยย์ทีสิว่าที่แม่พูดมันไม่จริง”

          “คุณอัยย์”  อรุณาคราง  เอื้อมมือมาประคองใบหน้าเรียวหวานเอาไว้  “คุณอัยย์ฟังพี่นะ  มันไม่จริงค่ะ  ไม่จริงเลย  คุณแม่รักคุณอัยย์นะคะ  รักมาก ๆ ด้วย  แต่ว่าท่านรู้สึกผิดถึงได้กลายเป็นแบบนี้”

          อาคิราห์เกือบขมวดคิ้วแต่ยั้งไว้ทัน  เขาเล่นตามน้ำไปต่อ

          “อัยย์ไม่เชื่อ  ถ้าแม่รู้สึกผิดจริงจะทำแบบนี้ทำไม”

          “คุณหญิงรู้สึกผิดจริง ๆ ค่ะ  มันกลายเป็นบาปในใจของท่าน  ตอนที่ท่านคลอดคุณอัยย์ออกมาท่านก็ร้องไห้ใหญ่  แต่ว่าตอนนั้นพี่ออมไม่รู้เรื่องนี้  พี่ออมมารู้ทีหลัง”  อรุณาเว้นช่วงไปนิดหนึ่ง  ทอดสายตามองรูปถ่ายในกรอบที่วางเอาไว้ราวกับนึกย้อนกลับไปในอดีต  “พี่ออมก็ผิดเองที่อยากรู้อยากเห็น  คุณอัยย์อย่าเข้าใจคุณแม่ผิดนะคะ”

          “ทำไมพี่ออมต้องลาออกด้วย  แม่ใจร้าย”

          “พี่ออมเป็นคนผิดค่ะ  คุณหญิงท่านสั่งแล้วว่าไม่ให้เปิดดู  แต่พี่ออมก็แอบเปิดดู  ถึงได้รู้เรื่อง”  อรุณาพูดพึมพำ  “พี่ออมเข้าใจคุณหญิงนะคะ  สมัยนั้นไม่มีใครยอมรับโอเมก้า  ยิ่งครอบครัวของท่านนายกฯเป็นอัลฟ่าบริสุทธิ์ด้วยแล้ว  มันเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้จริง ๆค่ะ  คุณหญิงถึงจำเป็นต้องทำ  แต่ว่ากับคุณอัยย์ไม่เหมือนกันนะคะ  คุณหญิงรักคุณอัยย์แล้วก็รู้สึกผิด...”

          คนฟังหูผึ่ง

          “แม่ทำจริง ๆ เหรอ”  เขาแกล้งถามต่อ  อีกฝ่ายหลงกลตอบกลับมา

          “คุณอัยย์อย่าบอกคุณหญิงนะคะว่าพี่ยังอยู่ที่นี่  ไม่ได้ไปเมืองนอกอย่างที่เธอต้องการ”  อรุณารีบบอก  “คุณหญิงส่งลูกโอเมก้าคนนั้นออกไปจากบ้านจริง ๆค่ะ  พี่รู้เพราะเห็นในเล่มฝากครรภ์ของท่านว่าท่านเคยมีลูกอีกคนก่อนที่จะท้องคุณอัยย์กับคุณคิน”

          อาคิราห์นิ่งตะลึง  มองหน้าพี่อดีตเลี้ยงอย่างตกใจ

          “ลูกอีกคนเหรอครับ”

          “ใช่ค่ะ  อ้าว..คุณอัยย์ไม่ได้รู้อยู่ก่อนแล้วเหรอ”  อรุณาอ้าปากค้างบ้าง  “หรือว่าคุณอัยย์หลอกพี่”

          “แม่มีลูกอีกคนที่เกิดก่อนอัยย์กับคินเหรอ  ...แสดงว่าอัยย์กับคินก็ไม่ใช่ลูกหลงน่ะสิ  อัยย์เคยสงสัยแล้วว่าทำไมเกิดห่างจากพี่อริศราตั้งสิบสองปี  ที่แท้คือคุณแม่มีลูกอีกคนเหรอครับ”  อาคิราห์ตกใจมาก  “แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ”

          “น่าจะเสียชีวิตไปแล้วค่ะ”  อรุณาตอบเสียงเบา  “พี่แอบถามแม่บ้านคนก่อนที่ลาออกไป  เขาเล่าให้ฟังว่าคุณหญิงให้อุ้มลูกคนนั้นไปวางเอาไว้ใต้ต้นไม้ในสวนสาธารณะ  วันนั้นฝนตกหนัก...อากาศหนาวมาก ๆ”

          อาคิราห์นึกภาพตามแล้วก็ตัวสั่นขึ้นมา

          “แม่ให้ทิ้งลูกตัวเองเหรอครับ  เขาปล่อยให้ลูกของตัวเองตาย”  เขากระซิบเสียงแหบ  “เป็นเรื่องจริงเหรอครับ”

          อดีตพี่เลี้ยงพยักหน้ารับ

          “ทุกอย่างถูกปิดเป็นความลับค่ะ  สมัยก่อนโอเมก้ายังไม่ได้รับการยอมรับเท่าสมัยนี้  อัลฟ่าที่คลอดโอเมก้าออกมาถือเป็นความผิดบาปอย่างมหันต์จะต้องถูกรุมประนามอย่างหนัก  อย่าว่าแต่ตำแหน่งคุณหญิงเลย  แม้แต่จะใช้ชีวิตธรรมดาก็ยังยากลำบากเพราะถูกตราหน้าว่าเป็นคนที่มีสายเลือดไม่บริสุทธิ์

          “แม่เลือกจะปกป้องตัวเองด้วยการฆ่าลูกที่เป็นโอเมก้าเหรอครับ”  ความจริงที่ได้รับรู้ทำให้อาคิราห์รู้สึกวิงเวียนเหมือนจะเป็นลม  “แล้วทำไมแม่ไม่ฆ่าผมด้วยล่ะ  ทำไมผมถึงยังมีชีวิตอยู่”  แม้จะไม่เคยมอบความรักให้เขาอย่างที่มอบให้ฝาแฝด  แต่ว่ามารดาก็ไม่เคยทอดทิ้งเขาอย่างโหดร้ายขนาดนั้น

          “เพราะคุณเป็นแฝดค่ะ”  อรุณาตอบตามจริง  “ทุกคนรู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่าคุณหญิงท้องแฝด  จึงไม่สามารถทำแบบท้องที่แล้วที่อ้างว่าแท้งได้  อีกอย่าง....ช่วงสิบกว่าปีนั้นก็เกิดการปฏิวัติทางสังคมขึ้นในประเทศต่าง ๆ ทำให้สังคมเริ่มยอมรับโอเมก้ามากขึ้น  ถึงแม้ประเทศเราจะยังไม่เปิดกว้างแต่ก็ไม่ถึงขึ้นถอดยศคุณหญิง”

          อาคิราห์หลับตาลงอย่างสะเทือนใจ

          “คุณอัยย์...อย่าไปคิดมากเลยนะคะ  ถึงอย่างไรคุณหญิงท่านก็รักแล้วก็เลี้ยงดูคุณอัยย์มาอย่างดีนะคะ  ตอนที่พี่ออมทำงานอยู่ด้วย  พี่ออมก็รู้ว่าท่านรู้สึกผิดมาก ๆ กับลูกคนก่อนของท่านที่ทิ้งไป”

          “เขาก็เลยเย็นชากับผมงั้นเหรอ”

          “เพราะท่านไม่รู้ว่าจะแสดงความรู้สึกกับคุณอย่างไรมากกว่าค่ะ”  อดีตพี่เลี้ยงแก้ให้  “คุณแม่รักคุณอัยย์นะคะ”  เธอลูบแขนโอเมก้าอย่างปลอบใจ  “อย่าคิดมากเลยนะ”

          “ถ้าอย่างนั้นทำไมแม่ต้องไล่พี่ออมออกด้วย  แค่เรื่องนี้เหรอ”

          อรุณาอึกอักเหมือนจะเล่าต่อแต่ก็เปลี่ยนใจ

          “คุณหญิงขอให้พี่ออมไปเมืองนอกแล้วก็เก็บเรื่องนี้เป็นความลับค่ะ”  เธอพูดเรียบ ๆ “พี่ออมไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลยจนกระทั่งคุณอัยย์มาถามนี่ล่ะ”  เธอเช็ดน้ำตากับน้ำมูกในอาคิราห์โดยไม่รังเกียจ  “หยุดร้องนะคะ  ไม่ต้องร้องแล้วนะ”

          “อัยย์ไม่เคยรู้เลย  แล้วคนอื่นรู้เรื่องนี้มั้ย....คิน”

          “พี่ออมก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”  เธอส่ายหน้า  “พี่ไม่ได้เฉียดไปใกล้บ้านหลังนั้นนานแล้ว”

          อาคิราห์พูดคุยกับพี่เลี้ยงต่ออีกนิดหน่อยแล้วก็กลับลงมาด้วยสภาพจมูกแดงตาช้ำจากการร้องไห้อย่างหนัก  เขาพบว่าร่างสูงใหญ่ของพิชช์ฌานนั่งขัดสมาธิอยู่ที่พื้นกลางบ้านโดยมีคนอื่นนั่งแอบอยู่มุมห้องเพื่อรอเขา  พิชช์ฌานหันขวับมามองทันที

          “ว่าจะขึ้นไปดูแล้ว  ทำไมหายไปนานจัง”  นักการเมืองหนุ่มพูด  ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาแล้วจับต้นแขนทั้งสองข้างของโอเมก้าเอาไว้  “ไปคุยกันในรถแล้วกันนะ”  เขาพึมพำ  พาอาคิราห์กลับออกมาจากบ้านหลังนั้น

          อาคิราห์เงียบอยู่นานจนกระทั่งกลับมาถึงบ้านถึงได้ยอมเปิดปากเล่าให้สามีฟัง  พิชช์ฌานทั้งตกใจและแปลกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น  ชายหนุ่มนิ่งอึ้งฟังภรรยาเล่าไปร้องไห้ไปจนจบ

          “ผมโชคดีมาก ๆ ที่ไม่ถูกทิ้งแบบลูกคนนั้น”  อาคิราห์พูดตะกุกตะกัก  สูดน้ำมูกฟืดใหญ่  “เคยได้ยินเรื่องแม่ใจร้ายทิ้งลูก  ไม่นึกเลยว่าจะมาเจอกับตัว”

          พิชช์ฌานนึกภาพของคุณหญิงภรรยาท่านนายกฯคนนั้นแล้วก็กลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ  หน้าตาท่าทางงดงามสมกับเป็นนางงามหลายเวที  ไม่นึกเลยว่าจะเหี้ยมโหดถึงเพียงนั้น  จะโทษว่าเป็นเพราะบริบทสังคมสมัยก่อนก็ไม่ถูก  ถ้าเจ้าตัวไม่ได้เห็นแก่ตำแหน่งภรรยาของไตรคุณก็คงไม่ทำ

          เขาโอบอาคิราห์เข้าหาตัว  เจ้าโอเมก้าซุกใบหน้าเข้ากับอกของเขาสะอื้นฮัก

          “ใจเย็น ๆ ก่อน  ไม่เอาน่าอาคิราห์”  เขาพึมพำ  แตะริมฝีปากเข้าที่ซีกแก้มข้างนั้นแผ่ว ๆ รสเค็มปะแล่มของหยดน้ำตาติดที่ปลายลิ้น  “นี่เป็นเพียงคำบอกเล่าจากอดีตพี่เลี้ยงของเธอเองนะ  ไม่มีอะไรพิสูจน์อีกเลย”

          “พี่ออมคงไม่โกหก”

          “จะโกหกหรือเปล่าฉันไม่รู้  แต่ว่าต้องมีหลักฐานมากกว่าคำพูดของคน ๆ เดียวถึงจะพิสูจน์ได้ อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไปก่อนเลย”

          “จริงของคุณ”  อาคิราห์ใช้เสื้อของสามีเช็ดหน้า  “แต่ผมก็เชื่อพี่ออมไปแล้ว”  เขาพูดต่อเสียงอ่อย  อีกฝ่ายหัวเราะ

          “ไม่ได้สิ  ห้ามเอนเอียงก่อน  ไม่อย่างนั้นจะไม่ยุติธรรมนะ  วันนั้นอ่านในหนังสือเรียนเขาว่ายังไง  ต้องมีหลักฐานประจักษ์ใช่ไหม”  พิชช์ฌานว่า  ยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยสวยเบา ๆ “เดี๋ยวฉันจะให้คนช่วยสืบให้  ไม่ต้องห่วง”

          “ผมคิดวิธีเอาไว้แล้ว”  อาคิราห์พึมพำ  คนฟังขมวดคิ้วอย่างระแวง

          “คงไม่ใช่วิธีแผลง ๆ อีกหรอกนะ  ฉันขอห้ามขาด  ไม่ให้บุ่มบ่ามทำอะไรเองเข้าใจมั้ย  ให้รอฟังผลของฉันก่อน”

          เจ้าโอเมก้าพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้



ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk





         พิชช์ฌานให้เจนภพช่วยไปสืบเรื่องของคุณหญิงอารยาให้  อีกฝ่ายเข้ามารายงานพร้อมกับเรื่องของปลาบู่ที่ตายอย่างปริศนา

          “สรุปก็คือสัตวแพทย์บอกว่ามันได้รับสารเคมีชื่อ...อะไรนะ  ขออีกที”  พิชช์ฌานทวนคำ  “ทำให้ตายใช่มั้ย  แล้วไอ้สารนี่มันมาอยู่ในตู้ปลาของฉันได้ยังไง”

          “เขารายงานมาแค่นี้ครับ  ส่วนเรื่องน้ำที่กลายเป็นสีแดง  เกิดจากใส่สีลงไปครับ”

          “แสดงว่าต้องมีคนเข้ามาในห้องเพื่อทำสิ  แล้วทำไมกล้องวงจรปิดไม่เห็น”  พิชช์ฌานพูดอย่างครุ่นคิด

          “อาจจะเข้ามาตอนที่ห้องมืดสนิทครับ”  เจนภพพูดขึ้นช้า ๆ “เมื่อคืนผมลองดูแล้ว ถ้าแต่งตัวกลมกลืน เข้าไปในห้องตอนที่ปิดไฟมืดหมดล่ะก็  ดูภาพจากกล้องแทบจะไม่ออกเลยครับ”

          “ฉันว่ากล้องวงจรปิดของฉันถ่ายในที่มืดได้นะ”  พิชช์ฌานเคาะปลายนิ้วกับโต๊ะ  “ฝากเรียกคนดูแลกล้องมาคุยกับฉันด้วย   ส่วนเรื่องปลาคิดว่าน่าจะต้องเป็นคนในบ้านแล้วล่ะ  ถึงได้รู้เรื่องกล้องเรื่องเวลาปิดไฟของบ้าน  ฝากจับตาดูคนในบ้านเป็นพิเศษด้วย  โดยเฉพาะเวรยามคืนนั้น”

          “ครับ”

“แล้วเรื่องคุณหญิงอารยา  คุณแม่ของคุณอาคิราห์ได้ความว่าไงบ้าง”

          “เป็นความจริงครับ   ผมได้เจอคุณหมอที่ทำคลอดให้คุณหญิงเมื่อสมัยนั้น  คุณหญิงเคยคลอดลูกคนที่สามที่โรงพยาบาล....จริงในปี .....  ก่อนที่จะคลอดคุณอัยย์ในอีกสิบสองปีต่อมาที่โรงพยาบาลเดียวกัน”

          “แล้วทำไมถึงเก็บเป็นความลับเอาไว้ได้นานขนาดนี้”  พิชช์ฌานพูด  “ถึงจะคลอดออกมาเป็นโอเมก้า  แต่ก็ไม่น่าจะใจร้ายถึงขั้นเอาไปทิ้งเลย  ตระกูลนั้นเลือดเย็นจริง ๆ”  พอเห็นหน้าเจนภพแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายก็ถูกเก็บงำความลับเอาไปเลี้ยงที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเช่นกัน  พิชช์ฌานกระแอม  “แล้วอาคิราห์รู้หรือยัง”

          “ยังไม่ได้บอกคุณอัยย์ครับ”

          “ไม่เป็นไร  เดี๋ยวไว้ฉันจะบอกเอง  ตอนนี้เขาคงลืม ๆ ไปแล้ว  กลับบ้านไปท่องหนังสือเตรียมสอบ  ไหนจะเตรียมงานของตัวเองอีกก็เหนื่อยจะแย่  ตัวแค่นี้ไม่รู้จะคึกอะไรนักหนา”

          “เมื่อวานคุณยังบ่นว่าคุณอัยย์อ้วนปุ้กอยู่เลยครับ”  เจนภพพูดเนิบ ๆ มองพี่ชายด้วยหางตา  “ผมขอไปทำงานก่อนนะครับ”  ชายหนุ่มรีบเดินออกไป

          พิชช์ฌานใช้เวลาคิดหาวิธีบอกความจริงกับอาคิราห์อยู่หลายวัน  ระหว่างนั้นก็จับตาดูคนในบ้านไปด้วยแต่ก็ไม่พบความผิดปกติเลย  ถ้าคนร้ายยังอยู่ในบ้านเขาล่ะก็  มันจะต้องระวังตัวมากทีเดียว

          “ทำอะไรอยู่  อาคิราห์”  ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องสมุดที่มีเจ้าโอเมก้านั่งขีดอะไรอยู่อย่างเคร่งเครียด  มีนิลลานั่งอยู่ด้วยเงียบ ๆ  “หน้าเครียดเชียว”

          “ผมกำลังเลือกสัญลักษณ์ของมูลนิธิฯอยู่  นิลลาเอามาให้เลือก  คุณลองดูสิ”  อาคิราห์ส่งแผ่นภาพในมือมาให้ดู ข้างบนนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้ชนิดต่าง ๆ “ผมอยากใช้ดอกไม้เป็นสัญลักษณ์”

          “ทำไมไม่ใช้อะไรที่มันดูแข็งแกร่งหน่อย  แบบค้อนหรือขวาน  อะไรทำนองนั้น”  พิชช์ฌานว่า  นิลลาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย  “จะได้ดูเป็นโอเมก้าเข้มแข็งไงล่ะ”

          “โธ่  ผมไม่อยากให้มันดูแข็งเกินไป  เราไม่ได้จะไปรบกับใครนะ”  อาคิราห์พึมพำ  “เอาดอกกุหลาบดีกว่า  สวยบอบบางแต่ก็มีหนามแหลมคม  สื่อแทนโอเมก้าที่สวยงามแต่ก็สามารถป้องกันตัวได้  ดีไหมครับ”

          “เลือกเพราะชอบเป็นการส่วนตัวก็บอก  ไม่ต้องมาหาเหตุผลนู่นนี่”

          คนฟังหัวเราะ  ยกมือขึ้นปิดปาก  เหลือแต่ลูกตากลมโตเป็นประกายวาววับ

          “รู้ทัน”

          “ไม่รู้ทันจะเป็นสามีเธอได้เหรอ”  พิชช์ฌานย้อน  “นิลลา  ฉันขอกาแฟสักแก้วได้มั้ย”  เขาหันไปบอกคนสนิทของภรรยา  อีกฝ่ายผละออกไปอย่างเงียบกริบ  “นิลลาทำงานเป็นยังไงบ้าง”  เขาถามขึ้นเบา ๆ คล้ายไม่ใส่ใจนัก

          “ทำงานดีทีเดียว  เป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมาก”  อาคิราห์พูดอย่างพอใจ  “แต่ถ้าจะเปิดมูลนิธิฯจริง ๆ แค่นิลลาคงไม่พอ  ผมต้องเปิดรับสมัครพนักงานเพิ่ม”

          “ตกลงจะเปิดแน่นะ”

          “แน่นอนสิครับ”  อาคิราห์ยิ้มหวาน  เกาะท่อนแขนล่ำสันเอาไว้  “โครงการแรกของเราคือการจัดสอบเทียบวุฒิให้กับโอเมก้าเพื่อใช้ในการสมัครงานต่าง ๆ  ผมมาคิดดูแล้ว  ส่งเสริมการศึกษาสำคัญที่สุด  อย่างอื่นค่อยว่ากันไปทีละเรื่อง”

          “น่าสนใจนี่ ..ส่งร่างแผนงานมาให้ฉันดูแล้วกัน”  พิชช์ฌานพูดเรียบ ๆ “ขาดสปอนเซอร์ล่ะสิ”

          อาคิราห์พยักหน้ารับ

          “ทำตัวดี ๆ โครงการน่าจะผ่านการพิจารณาได้เร็วเป็นพิเศษ”  ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก  ลูบที่ไหปลาร้าของภรรยาอย่างมีความหมาย  อีกฝ่ายหน้าร้อนซู่  ปัดมือใหญ่ออก

          “ทำตัวเหมือนพวกเสี่ยแก่ ๆ ชอบเลี้ยงอีหนูเลย”

          “ฉันไม่ลงพุงเสียหน่อย”  นักการเมืองหนุ่มว่า  จับมือเล็ก ๆ มาวางบนหน้าท้องแข็งแรงด้วยมัดกล้าม  “เธอก็รู้ว่าฉันฟิตขนาดไหน”

          “สรุปผมใช้ดอกกุหลาบนะ”  อาคิราห์ดึงมือกลับ  เปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉย  อีกฝ่ายหัวเราะหึ ๆ ดึงมือเอาไว้

          “เดี๋ยวก่อน  มีอีกเรื่องหนึ่งต้องบอกเธอ  ..ฉันให้คนไปสืบมาแล้วสรุปว่าคุณหญิงอารยาแม่ของเธอเคยตั้งท้องลูกคนที่สามจริง ๆ”  พิชช์ฌานพูดเนิบ ๆ  “พี่เลี้ยงของเธอพูดถูก  เขารู้เรื่องนี้เข้าเลยถูกไล่ออก”

          คนฟังใจหายวูบ  แม้จะเตรียมใจเอาไว้แล้วก็ตาม

          “แล้วตอนนี้พี่ออมอยู่ที่ไหน”

          “ฉันให้คนตามประกบอยู่  ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยหรอกนะ”  พิชช์ฌานถอนหายใจยาว  “เธอจะเอาอย่างไรต่อ  ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไปคงทำให้ความนิยมของพ่อเธอตกฮวบเลยล่ะ”

          “คุณอย่าบอกใครได้มั้ย”  อาคิราห์คว้ามือใหญ่มาบีบแน่น  “อย่าเพิ่งบอกใครเลยนะ  ช่วยเก็บเอาไว้เป็นความลับก่อนได้หรือเปล่า”  น้ำตาร้อน ๆ เริ่มเอ่อคลอ  “แล้วเด็กคนนั้น  เขาก็ตายจริง ๆ ใช่ไหมครับ”

          “ไม่มีหลักฐานอะไรอีก  ถ้าไม่ตายก็คงหายสาบสูญ  ไม่มีทางตามเจออีกแล้ว”  พิชช์ฌานตอบอย่างสงบ  “ขนาดใบแจ้งเกิดยังถูกทำลายไปแล้วเลย  ไม่มีอะไรมายืนยันได้นอกจากตรวจดีเอนเอแล้วล่ะ”

          “แม่ใจร้ายมาก”  อาคิราห์พูด  ยกมือขึ้นปิดหน้า  “แม่ทำได้ลงคอ  ผมโชคดีแค่ไหนที่ไม่ถูกปล่อยให้ตาย” 

          “ไม่เอาน่ะ  อย่าคิดอย่างนั้น  คนเราหลงผิดกันได้  แม่ของเธอก็คงจะคิดได้แล้วล่ะ”  พิชช์ฌานปลอบใจ

...

          หลายอาทิตย์หลังจากนั้นอาคิราห์ก็งานยุ่งจนแทบจะลืมเรื่องมารดาไปเป็นปลิดทิ้ง  การหาเสียงเป็นไปอย่างเข้มข้นชนิดที่ไม่มีใครยอมใครทั้งฝ่ายอดีตพรรครัฐบาลและอดีตพรรคฝ่ายค้าน  กลยุทธของพิชช์ฌานในคราวนี้ใช้วิธีแบ่งเป็นกลุ่มย่อย  เน้นเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่และวัยทำงานเป็นหลักสมกับแผนนโยบายพรรคที่ชูความก้าวหน้าเท่าเทียมกับต่างประเทศและแผนพัฒนาเศรษฐกิจที่การันตีผลลัพธ์

          “แถบนี้เป็นฐานเสียงของพรรครัฐบาลเดิม  เราคงตียากหน่อย  แต่ว่าฉันรู้มาว่าเขามีปัญหาเรื่องขยะของโรงงานมานานแล้ว  น่าจะชูนโยบายกำจัดขยะของเราเข้าช่วย”  พิชช์ฌานพูดอย่างเคร่งขรึม  “เราไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับโรงงานพวกนี้  ชาวบ้านน่าจะฟังมากกว่าพวกชุดเก่าที่เอาประโยชน์เข้ากระเป๋า”

          “ครับท่าน”

          “พรุ่งนี้ต้องจบโซนนี้ทั้งหมด  ฉันจะไปช่วยแถวภาคใต้หาเสียงต่อ  เราล่าช้ากว่าแผนไปเกือบอาทิตย์เพราะปัญหาเรื่องถูกซื้อตัว  อย่าให้ช้ากว่านั้น”  หัวหน้าพรรคว่า  รีบขวดน้ำมาดื่มอย่างกระหาย  “นักข่าวที่จะมาสัมภาษณ์ฉันกับอาคิราห์มาหรือยัง”

          “มาแล้วค่ะท่าน  รออยู่ข้างนอกกับคุณอาคิราห์ค่ะ”

          “ฝากส่งโพลให้ฉันคืนนี้ด้วยนะ”  ชายหนุ่มพูดก่อนจะกลับออกมาจากรถตู้  เจอภรรยากำลังยืนคุยกับนักข่าวอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส  เขาเดินเข้าไปร่วมวงด้วย

          ช่วงที่ผ่านมามีบรรดาสื่อหลากหลายแขนงทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาขอสัมภาษณ์เขากับอาคิราห์มากมาย  ไม่ว่าพวกเขาจะขยับตัวทำอะไรก็เป็นต้องอยู่ในข่าวทั้งหมดโดยเฉพาะอาคิราห์ที่เป็นโอเมก้าคนแรกที่กำลังมีบทบาทในการเมืองขณะนี้ซึ่งถูกจับตามองมากที่สุดทั้งฐานะภรรยาของเขาควบตำแหน่งเลขานุการพรรค  และว่าที่ประธานมูลนิธิเพื่อเพื่อนโอเมก้าที่มีกำหนดจะเปิดอย่างเป็นทางการหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้น

          “ทำงานหนักกันทั้งคู่แบบนี้  มีเวลาเติมความหวานให้กันอย่างไรบ้างคะ”  ผู้สื่อข่าวสาวถามขึ้นยิ้ม ๆ พิชช์ฌานยิ้มกว้าง

          “เขาชอบกอดผมครับ”  หัวหน้าพรรคการเมืองชื่อดังตอบ  “ว่าง ๆ เราก็กอดให้กำลังใจกัน”

          “คือ...เราไม่ได้กอดกันบ่อยขนาดนั้น”  อาคิราห์รีบพูด  หน้าแดงจัดด้วยความเขิน

          “ทุกครั้งที่ว่างครับ  การกอดช่วยทำให้สมองปลอดโปร่ง  ความคิดไหลลื่น  ไม่เชื่อคุณลองดูสิครับ”  พิชช์ฌานว่า  “ใช่ไหม  เธอบอกฉันเมื่อคืนก่อนเอง”  ประโยคหลังเขายื่นหน้าเข้าไปถามภรรยาอย่างขัน ๆ “จะปฏิเสธก็คิดดี ๆ นะ”

          “ก็จริงครับ”  อาคิราห์ตอบอุบอิบเพราะกลัวอดกอดอีก

          เสียงรัวชัตเตอร์ดังขึ้นประสานเสียง  นักข่าวยิงคำถามต่อไม่ปล่อยให้เวลาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์  ใคร ๆ ก็รู้ว่าสามีภรรยาคู่นี้คิวทองขนาดไหน

          อาคิราห์เป็นนักพูดที่ดีทีเดียว  ถึงแรก ๆ จะตะกุกตะกักไปบ้างด้วยความตื่นเต้นแต่ตอนหลังก็พูดคล่องปรื๋อ  พิชช์ฌานให้เขารับผิดชอบนโยบายเพื่อโอเมก้าโดยเฉพาะ  เขาดีใจมากที่ในหลาย ๆ พื้นที่ที่ไปได้พบกับเหล่าโอเมก้าที่มารอรับพร้อมกับดอกกุหลาบสีแดงที่อาคิราห์ชอบและกลายเป็นสัญลักษณ์มูลนิธิเพื่อเพื่อนโอเมก้าของเขา

          “ผมบอกเจ้านายตอนที่รู้ข่าวว่าคุณมา”  โอเมก้าคนหนึ่งกระซิบเร็วปรื๋อ  ส่งดอกกุหลาบสีแดงสดมาให้  “เขายอมให้ผมหยุดวันนี้หนึ่งวันเพื่อมาหาคุณ”

          “จริงเหรอ”  อาคิราห์ตื่นเต้นไม่แพ้กัน  “ขอบคุณนะที่มา  สนใจเข้าร่วมมูลนิธิของเรามั้ย”

          “สนใจมาก ผมถึงได้มาวันนี้  ผมต้องลงชื่อตรงไหน  ผมมีเงินไม่มากแต่ก็เตรียมมาให้  มันเป็นเงินเก็บครึ่งหนึ่งของผมเลย”  อีกฝ่ายพูดอย่างกระตือรือร้น  ล้วงกระเป๋าย่ามเก่า ๆ หยิบกระเป๋าเงินกับซองเอกสารยับย่นขึ้นมาส่งให้  “ผมอยากเห็นสิ่งที่คุณพูดเป็นจริง”

          “มันจะต้องเป็นจริง  ด้วยความร่วมมือของพวกเราทุกคน”  อาคิราห์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น  ให้นิลลาเข้ามาช่วยลงทะเบียนเอาไว้  เหล่าโอเมก้าคนอื่นค่อย ๆ ทยอยเข้ามาทักทายอาคิราห์และลงชื่อบ้าง

          อาคิราห์มอบเข็มกลัดรูปดอกกุหลาบสีแดงสดเอาไว้ให้

          “มันเป็นเครื่องหมายของผู้ร่วมมูลนิธิฯ ด้านหลังเป็นเบอร์โทรและช่องทางติดต่อ  ถ้ามีปัญหาอะไรให้โทรมาที่เบอร์นี้”  เขาว่า

          “เรารู้ ๆ เราดูในข่าวมา  เห็นคุณออกทีวีทุกวัน  เรารอคอยอยากให้คุณมาจะได้เข้าร่วมมูลนิธิฯของคุณ”  โอเมก้าอีกคนพูดขึ้น  ติดเข็มกลัดเข้าที่อกเสื้อเรียบร้อย  “มันสวยมาก ๆ  และคุณก็ด้วย..อาคิราห์”

          อาคิราห์ยิ้มกว้าง  จับมือทุกคนอย่างตื้นตันใจ

          “ฉันขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่มา  มันอาจจะต้องใช้เวลาหน่อยนะ  กว่าสิ่งที่พวกเราต้องการจะเป็นจริง  นี่คือจุดเริ่มต้นเท่านั้น...”  อาคิราห์พูด  “แต่ฉันรับรองว่าจะไม่ให้มันสูญเปล่า”

          “เรารอได้คุณอาคิราห์  เรามาเกินครึ่งชีวิตแล้ว  อย่างน้อยลูกหลานของเราก็จะต้องมีชีวิตที่ดีกว่าเรา”

          “นั่นคือจุดมุ่งหมายของมูลนิธิฯ”

          พิชช์ฌานกล่าวปราศรัยจบก็ลงจากเวทีมาหาภรรยาโอเมก้าที่นั่งกอดช่อดอกไม้ช่อใหญ่อยู่บนตักด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม  ดอกกุหลาบพวกนั้นเพิ่มจำนวนขึ้นทุกทีจากสองสามดอกในตอนแรก ๆ ที่ไปหาเสียงกลายเป็นช่อใหญ่เต็มอ้อมกอดทุกครั้งที่อาคิราห์ปรากฏตัวขึ้น  เข็มกลัดที่อาคิราห์สั่งทำก็หมดเกลี้ยงทุกครั้งในระยะหลัง  ไม่ใช่เฉพาะแต่โอเมก้าแต่เริ่มมีเบต้าและอัลฟ่าบางคนที่สนใจจะบริจาคให้

          “อุ้มกลับไหวเหรอนั่น”   ชายหนุ่มพูด  “ฉันพูดคอแทบแตกไม่เห็นจะได้สักดอก  เธอนั่งเฉย ๆ ได้เป็นช่อเลย”  พิชช์ฌานค่อนแคะ  ช่วยพยุงร่างโปร่งบางที่ตอนนี้หน้าท้องเริ่มเห็นได้ชัดให้ลุกขึ้นยืน  อาคิราห์ยิ้มจนตาหยี

          “อะไรก็แข่งกันได้ แต่หน้าตาแข่งกันไม่ได้”

          “แถวนี้เขาคงชอบหน้าบู้บี้แบบนี้ล่ะซิ”  พิชช์ฌานพูดแกมหัวเราะ  “วันนี้ได้รายชื่อกี่คน”

          อาคิราห์ชูนิ้วมือให้ดูแล้วเรียกนิลลาให้ยกบัญชีมาอวด

          “อย่าลืมว่าต้องเปิดเผยชื่อผู้บริจาคกับรายรับรายจ่ายให้ชัดเจนนะ  เรื่องเงินต้องเปิดเผยชัดเจน”  พิชช์ฌานพูดอย่างผู้มีประสบการณ์  “ให้เจนภพช่วยดูก็ได้”  เขาเรียกน้องชายที่ยืนคุยกับลูกพรรคอยู่เข้ามา  “วันก่อนข่าวเล่นเรื่องที่เรารับบริจาค  บอกว่าจะเอาไปเป็นทุนหาเสียงของพรรค  ทำท่าจะยกเรื่องนี้มาฟ้องฉัน  แต่ขอโทษ..ทีพวกนั้นนัดกินข้าวระดมทุนกันโต๊ะละหลายล้านฉันยังไม่เคยว่าสักคำ”

          “คุณไม่ว่า  แค่บังเอิญหลุดปากกับนักข่าวใช่ไหมล่ะ”  อาคิราห์พูดอย่างรู้ทัน

          คนฟังหัวเราะ

          “ถึงฉันไม่พูด  ใคร ๆ ก็รู้  ฉะนั้นการบริจาคเข้ามูลนิธิของเธอน่ะมันเล็กน้อยมาก  ยอดเงินกระจึ๋งเดียว  เอาไปทำอะไร  ปริ้นท์ไวนิลผืนเดียวก็หมดแล้ว”

          “แหมดูถูก”  อาคิราห์ย่นจมูกใส่  “มันแค่เริ่มต้น ๆ เดี๋ยวอีกหน่อยรับรองว่ามูลนิธิของเราจะต้องยิ่งใหญ่เกรียงไกร”

          “ตึกเสร็จแล้วเหรอ”  พิชช์ฌานถาม  “เอาแค่ที่ทำการของมูลนิธิฯก่อน  อย่าเพิ่งไปไหนไกล”

          “ใกล้เสร็จแล้วน่า”  อาคิราห์งึมงำ  เขาขอใช้พื้นที่ห้องสมุดแห่งนั้นปรับเปลี่ยนใหม่ให้มีสำนักงานของมูลนิธิฯอยู่ข้างบนแทน  กำลังอยู่ในช่วงตกแต่ง  “จะทวงเงินแล้วเหรอ”

          “ฉันบริจาคให้ในฐานะสามีของคุณอาคิราห์ไง”  พิชช์ฌานพูดแกมหัวเราะ  “อย่าลืมว่าห้องทำงานของเธอต้องมีรูปหน้าฉันติดอยู่ด้วย  เลือกรูปที่หล่อที่สุดของฉันไปติดเลยในฐานะผู้บริจาครายใหญ่ที่สุด”

          “ติดในห้องทำงานก็มีแค่ผมเห็นคนเดียว  ผมว่าไม่เวิร์คหรอก  เดี๋ยวผมจะติดรูปคุณเอาไว้หน้าส้วม  ใครผ่านไปผ่านมาจะได้เห็นแล้วก็สำนึกในความใจกว้างยิ่งกว่าแม่น้ำของคุณ”  อาคิราห์พูดหน้าตาย

          คนฟังยกมือขึ้นเขกหัวเจ้าโอเมก้าดังโป๊ก  อาคิราห์คอย่น  รีบอุ้มช่อดอกไม้เดินหนีพลางส่งเสียงหัวเราะคิกคักส่งท้าย

          พิชช์ฌานส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ

          “คุณพิชช์ฌานครับ  เมื่อกี้คุณนายโทรมาอยากให้คุณกับคุณอาคิราห์แวะไปทานข้าวเย็นครับ”  เจนภพขยับเข้ามากระซิบข้าง ๆ

          “แม่เหรอ?  หรือว่าพ่อฉันกันแน่”

          “คุณปฏิเสธคุณพ่อไปแล้วนี่ครับ”  เจนภพพูดเรียบ ๆ “เป็นคุณนายครับ”

          “เวลาพอไหม  ฉันมีนัดพบนายทุนพรรคคืนนี้ไม่ใช่เหรอ”

          “พอครับ”  เจนภพพยักหน้ารับ  “ผมเตรียมของฝากไปเยี่ยมคุณนายให้แล้วครับ”

          พิชช์ฌานถอนหายใจเฮือก

          “ยังไงก็ต้องไปหาสินะ”

          บ้านของแม่เขายังอยู่ในสภาพเดียวกับเมื่อหลังสุดที่มา  อาคิราห์หันมามองหน้าเขาเหมือนขอกำลังใจ  ท่าทางเจ้าโอเมก้าตื่นเต้นแกมวิตกไม่น้อยที่จะได้มาเจอหน้าแม่สามีเข้าโดยไม่ทันตั้งตัวมาก่อน   

          “จะกลัวอะไร  แม่ฉันเจอแม่หมอทำนายตอนนั้นก็เรียกหาเธอเป็นสะใภ้คนโปรดแล้ว”  พิชช์ฌานหัวเราะหึ ๆ

          “ผมต้องทำยังไงบ้าง  เกิดแม่คุณไม่พอใจขึ้นมาทำไง”  อาคิราห์พูดประโยคเดิมที่บ่นมาตลอดทาง  “ผมต้องวิ่งออกจากบ้านหรือเปล่า”

          “ไม่หรอกน่า”  พิชช์ฌานลูบหลังไปมา  “ถ้าเธอจะวิ่งเมื่อไหร่ก็ส่งสัญญาณมาแล้วกัน  ฉันจะได้เผ่นออกมาด้วย”

          “โธ่  ไม่มีประโยชน์เลยคุณนี่”  อาคิราห์พูดเสียงขึ้นจมูก

          คุณนายนวลพรรณดูดีใจที่ได้เจอบุตรชายอีก  มีการตัดพ้อเล็กน้อยว่าพักหลังมานี้ไม่ค่อยจะแวะมาหาเธอบ้างเลย

          “ได้เจอหน้าลูกผ่านหน้าจอโทรทัศน์เท่านั้น  คิดดูแล้วกันว่าฉันเป็นแม่ที่อาภัพแค่ไหน”  เธอว่า “แล้วดูซินี่หาเสียงทั้งวันไม่ดูแลตัวเองเลยเหรอ  คล้ำลงตั้งเยอะ  เมียเราเขาไม่ช่วยดูหรือไง”

          “เขาบอกให้ผมทาครีมกันแดดแล้วครับ  แต่บางทีมันก็เอาไม่อยู่”  พิชช์ฌานอ้อมแอ้ม  อาคิราห์เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี  เจ้าโอเมก้าเดินตรงมานั่งประสานมือเรียบร้อยเคียงข้างสามี

          “มาพอดี ...ปกติการดูแลรูปลักษณ์ของสามีเนี่ยก็เป็นหน้าที่โดยตรงของภรรยา  เธอคงรู้อยู่แล้วใช่มั้ย”  คุณนายนวลพรรณพูดขึ้น  มองหน้าอาคิราห์นิ่ง ๆ “ยิ่งช่วงนี้ฌานทำงานหนักไม่มีเวลาดูแลตัวเอง  เรายิ่งต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ไม่ใช่เอาแต่สนใจมูลนิธิฯอะไรนั่นที่ไม่ใช่หน้าที่ของตัวเอง”

          อาคิราห์ขยับตัว

          “คุณแม่อยากให้ผมปรับปรุงตรงไหนครับ  ถ้าเป็นเรื่องรูปลักษณ์...พวกเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเป็นรสนิยมของคุณพิชช์ฌานที่ดีอยู่แล้ว  ผมไม่เคยก้าวก่าย  แต่ถ้าคุณแม่เห็นว่าคุณพิชช์ฌานดูหน้าดำคร่ำเครียดก็เป็นเพราะเขาจริงจังในการทำงาน  ผมว่าเป็นลุคที่ดีสำหรับคนทำงานครับ  ผมแบ่งเวลาไปดูแลมูลนิธิฯก็จริงแต่ว่าเรื่องของลูกชายคุณแม่มาเป็นอันดับหนึ่งครับ”

          อัลฟ่าหญิงวัยกลางคนที่ยังสวยสง่าเชิดใบหน้าขึ้นเล็กน้อย

          “คิดได้อย่างนั้นก็ดี  ฉันหวังว่าคงไม่ได้ดีแต่ปากหรอกนะ”  เธอพูดแล้วลุกขึ้นยืน  “ฉันจะไปเตรียมอาหารเย็น  เธอก็มาด้วยสิ”

          อาคิราห์เม้มปาก  ลุกขึ้นเดินตามหลังมารดาของพิชช์ฌานไปโดยมีสายตาเป็นห่วงของสามีมองตามหลัง

          ........................................................................................

         

          มาอัพต่อแล้วค่า

          ขอบคุณกำลังใจที่ส่งมาให้ทุกช่องทางนะคะ  ดีใจมากเลย

          เจอกันตอนหน้านะ

          #ขอรักแค่คุณ


ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
พี่อีกคนของน้องคือนิลลาแน่เลย​ คุณ​แม่ใจร้ายมากๆ​ พี่เลี้ยงเหมือนเป็นกุญแจ​ดอกสำคัญอะไรสักอย่างยังไงไม่รู้​ค่ะ​ ส่วนแม่ผัวก็ห่วงลูกชายเบาๆน่าเอ็นดู​

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เรื่องนี้มันดีมากเรยอ่ะ..  :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
มีปมอีกแล้ว

ออฟไลน์ JaikOrn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :hao4:  นิลลาต้องเป็นพี่บู้บี้แน่เลย แต่จะพิสูจน์ได้อย่างไรกัน / ใครคือคนทำบู้บี้ที่สองตาย คนในบ้านที่น่าสงสัยก็เหลือแค่นิลลากับป้านิ่ม ...​ยังงัยดีหล่ะนี่

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5


ไม่กล้าคาดเดา

อ่านไปเรื่อยดีกว่า

..แอบสงสารบู้บี้1,2

 :mew2:

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เงื้อนปมขมวดแน่นรอวันคลายนิลลาดูจะเป็นกุญแจสำคัญใครฆ่าบู้บี้แล้วทำไมนิลลาไม่กินยาระงับฮีท

ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เหมือนนิ่งๆแล้วความตรึงเครียดจะตามมา

ออฟไลน์ pe-ar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
นิลลาน่าสงสัยมากกดดด แต่ก็ น่าจะเป็นพี่โอเมก้าที่ถูกทิ้งของบู้บี้หรือเปล่า อาจถูกหลอกใช้ เหมือนเจนภพให้มาแก้แค้นอีกก็ได้

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
ศึกแม่สามี-ลูกสะใภ้ยังไม่จบสินะ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
แล้วอีกเรื่องที่พี่เลี้ยงยังไม่ได้บอกคืออะไร
แล้วนิลลาเจอหรือรู้อะไรที่ไม่ได้บอกเจนภพ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ใครฆ่าบูบี้ที่ 2 กันแน่ยังไม่รู้ตัวคนร้ายเลย แล้วยังมีเรื่องอื่นอีกตั้งเยอะที่เพิ่งได้รู้ และมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่รู้ โอ้โห้ อะไรมันจะมีปมซ่อนเงื่อนเยอะขนาดนี้เนี่ย

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :เฮ้อ: แม่ผัวนี้ก็ยังอคติไม่เลิก

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
นายของนิลลาอาจจะเป็นพ่อตัวเอง

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
นิลลาต้องเป็นพี่ชายอัยย์แน่ๆ

แล้วนิลลาก็ต้องเคยโดนรังแกตอนฮีทแน่ๆ

ฮือออๆงงไปหมดแล้ว

ออฟไลน์ NormalVee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่านแล่วก็เครียดนะคะ พอจะบอกได้มั้ยคะว่าเรื่องเดินมากี่เปอร์เซ็นแล้ว

ออฟไลน์ rawi62442

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ในหัวมีแต่ นิลลา นิลลา นิลลา นิลาคือพี่ของอัยย์รึป่าว? หรือนิลลาคือคนฆ่าบู้บี้ ฮือออออ อะไรเนี่ยยย

ออฟไลน์ Amethyst.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บ้านหนูอัยย์นี่คือรวมโคตรปมไว้เลย ไม่รู้จะลุ้นปมไหนก่อน หน่วงทุกปมเลย ขอบคุณไรท์ค่าา o13 :katai2-1:

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
นิลลา จะใช่พี่ของอัยย์ไหม? ถ้าใช่ก็ไม่เกินความคาดหมายนัก เพราะนิลลาดูธรรมดาเหมือนโอเมก้าทั่วไป
แต่บ้านอัยย์ ขยะที่ซุกใต้พรมอะไรมันจะเยอะขนาดนี้

แต่ที่แน่ๆ ว่าที่นายกคนใหม่ กลัวเมีย โอ๋เมียตามใจ ที่สุดในประเทศนี้แล้วว

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เนี่ยๆๆ เราว่านิลลาดูเก่งและฉลาด มีความติดหยิ่งนิดๆ เค้าต้องเป็นพี่ชายของอัยย์แน่ๆ :กอด1:
ว่าแต่ใครฆ่าเจ้าบู้บี้ที่สองล่ะ คนในบ้าน? คนแอบเข้ามา? อยากรู้ๆๆ :katai1:
ส่วนคุณแม่ผัวและลูกสะใภ้ก็ยังคงมีจิกกันเล็กน้อย :laugh:
รอลุ้นตอนต่อไปแล้ววว :hao7:

ออฟไลน์ iamtsubame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ใครฆ่าบู้บี้ที่2!!! :fire:
ต้องเป็นคนของพ่ออัยย์แน่เลย  :angry2:
แล้วก็ถ้านิลลาเป็นพี่ของอัยย์ แสดงว่าต้องมีคนอยู่เบื้องหลังนิลลาอีกเหรอ? คิดจนเหนื่อยแล้วจ้าาาา :ling2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด