วงล้อที่สามสิบสี่
“พาย..พาย” เสียงเรียกจากหญิงสาวผู้ที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวของภาสกร เรียกหาน้องชายไปดังไปทั่วไปบ้าน “เอ..ไปไหนของเขานะ”
ภารวีบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะมองไปรอบ ๆ บ้านอีกครั้ง ทว่าก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่กำลังตามหา เธอจึงตัดสินใจเดินไปทางลานหน้าบ้าน เมื่อไปถึงก็เห็นร่าง ๆ หนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้กลางเก่ากลางใหม่
“อ้าว แม่เองเหรอ”
“อืม แม่เอง มีอะไรหรือเปล่า”
“พรีมนึกว่าเจ้าพายอยู่หน้าบ้านเสียอีก”
“หาพายอยู่เหรอ แม่ได้ยินเสียงอยู่เมื่อตะกี้”
“เหรอจ๊ะ แล้วน้องไปไหนแล้วล่ะ”
“นู่นน่ะ” ภาพรรณพยักพเยิดหน้าไปทางหน้าข้างหน้าอีกทอดหนึ่ง เมื่อภารวีมองตามจึงพบกับแผ่นหลังของน้องชายที่เธอเรียกหาอยู่ อีกฝ่ายนั่งอยู่บนผืนทราย ใบหน้ามองไปยังทะเลเบื้องหน้า
เธอตั้งใจจะเดินไปหาแต่กลับถูกมารดารั้งแขนเอาไว้พลางส่ายหน้าไม่ให้ออกไปตามภาสกร ทำให้ภารวีจำต้องยืนนิ่งอยู่แบบนั้น
หลังจากที่น้องชายกลับมาเมื่อสองเดือนก่อน เธอก็ย้ายออกจากบ้านพักครูแล้วมาเช่าบ้านหลังหนึ่งแถวริมทะเล เนื่องจากบ้านหลังนี้ไม่มีคนอาศัยอยู่พอดี ประกอบกับภาพรรณ มารดาของเธอรู้จักคุ้นเคยกับเจ้าของบ้าน ทำให้เช่าบ้านหลังนี้ได้ในราคาที่ไม่สูงนัก
ช่างน่าแปลกใจ น้องชายที่จากไปทำงานที่ต่างประเทศเกือบปีนั้น พอกลับมาคราวนี้ เจ้าตัวมีอะไรที่แตกต่างออกไป เหมือนคนมีอะไรในใจ เก็บไว้ไม่ยอมบอก แม้ว่าเธอหรือมารดาจะลองเลียบเคียงถาม แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมปริปากเล่าอะไรออกมาแม้แต่เพียงนิด
นั่นไม่ใช่นิสัยของน้องชายเธอ ภารวีรู้จักนิสัยภาสกรดี เธอสนิทกับน้องชายตั้งแต่เด็ก ไม่มีสักเรื่องที่ภาสกรจะเคยปิดบังหญิงสาว
“พายนั่งเหม่ออีกแล้วเหรอแม่”
“จ้ะ เหมือนเดิม แม่ถามก็ไม่ยอมพูดอะไรเลยสักคำ พรีมได้คุยกับน้องบ้างหรือเปล่า”
“พรีมก็ถามพาย แต่ไม่ยอมบอกเหมือนกัน น้องเหม่ออะไร แม่พอจะเดาออกบ้างไหม”
ภาพรรณถอนหายใจพลางส่ายหน้า “พรีมก็รู้ว่าพายน่ะเป็นเด็กร่าเริง มองโลกในแง่ดี น้อยครั้ง..ไม่สิ พายไม่เคยมีอาการแบบนี้เลยสักครั้ง มากสุดก็แค่ร้องไห้เสียใจ งอแงตามประสา สักพักก็หาย ไม่ใช่นั่งซึมนั่งเหม่อเป็นเดือน ๆ แบบนี้”
“นั่นสิจ๊ะ พรีมเลยคิดไม่ออกเลยว่าน้องเป็นอะไร หรือจะเป็นเรื่องความรัก?” ภารวีลองเดาบ้าง
“น้องเคยเล่าไหมว่ามีแฟนหรือเปล่า”
“ไม่เคยเลย แต่ก็อาจเป็นได้นะแม่เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่พรีมคุยกับน้องแล้วบอกให้น้องกลับบ้าน พายก็บ่ายเบี่ยง พอพรีมแซวเรื่องแฟน พายก็อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ดูมีลับลมคมใน”
“ถ้าพายมีแฟนจริง แม่ก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าพายจะอยากอยู่กับแฟน” ภาพรรณบอกอย่างเข้าใจ เธอไม่ต้องการยึดหรือดึงรั้งบุตรชายเอาไว้กับตน “เอาอย่างไรดี หรือเราจะลองไปถามเพื่อนของเจ้าพายดูดีไหม”
“จริงด้วยแม่! พรีมลืมไปเลย นน เพื่อนพายไงแม่ เดี๋ยวหนูโทรหานนตอนนี้เลย” ภารวีบอกอย่างดีใจแล้วรีบกดโทรศัพท์โทรออกไปหายังคนที่พูดถึงทันที
ทางด้านคนที่นั่งมองทะเลแต่ไม่ได้สนใจภาพตรงหน้าเลยอยู่นั้น ใจของเขากำลังลอยไปไกลถึงประเทศที่เขาเคยไปทำงานมาก่อนหน้านี้ พลางถอนหายใจออกมา ไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวัน ตั้งแต่กลับมาดูเหมือนว่าภาสกรจะติดนิสัยถอนหายใจไปเสียแล้ว
‘คุณอรรคสบายดีไหม’
‘ทานข้าวด้วยนะครับ พายเป็นห่วง’
‘อย่านอนดึกนะครับ’
‘พายอยากให้คุณพักเยอะ ๆ ทำงานให้น้อยลงหน่อยได้ไหมครับ’
‘…’
‘ไม่ต้องรอพาย’
‘พายรักคุณอรรคนะครับ’
ข้อความมากมายหลายข้อความที่เขาพิมพ์ไว้ อยากจะส่งไปให้อีกฝ่ายแต่ไม่กล้า ปล่อยให้ข้อความในใจค้างเติ่งอยู่แบบนั้นโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้รับรู้
เป็นเวลาสองเดือนแล้วที่ภาสกรไม่ได้ติดต่ออีกฝ่ายเลย และอรรควัสเองก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาเช่นกันนอกจากอาเฉิน อาคุน รวมทั้งนวพลและแอนดี้ที่ทักมาบ้างประปราย ช่วงที่พวกเขามีเวลาว่าง
ในวันที่จะกลับมาประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของตนนั้น ภาสกรได้เจอกับแอนดี้โดยบังเอิญที่หน้าคาสิโน ทำให้ทั้งสองได้มีเวลาพูดคุยกันครู่หนึ่ง ภาสกรดีใจที่คนร้ายไม่ใช่แอนดี้ แม้ลึก ๆ ในใจแล้วยังเสียใจกับเพื่อนอีกคนที่เขาไว้ใจก็ตาม
“หิ้วกระเป๋าไปไหนน่ะพาย” แอนดี้มองกระเป๋าในมือจึงเอ่ยถาม
“กลับบ้านครับพี่แอนดี้”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“แม่ไม่สบายเลยตั้งใจจะกลับไปดูแลแม่”
“อย่างนั้นเหรอ ดีแล้ว พ่อแม่เรา ลูกอย่างเรามีโอกาสก็ควรดูแลท่านด้วยตัวเอง ถ้าพี่ไม่สบายแล้วมีลูกมาอยู่ด้วยใกล้ ๆ พี่คงหายวันหายคืน” แอนดี้บอกพลางยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อนึกถึงลูก ๆ ที่รอเขาอยู่ที่บ้าน หากวันนั้นเขาตัดสินใจฆ่าตัวตายไป วันนี้ก็คงไม่มีวันได้เห็นรอยยิ้มและความสุขของลูกและภรรยาอีก ต้องขอบคุณภาสกรที่ช่วยเขาไว้
“พี่แอนดี้ ผมถามอะไรหน่อยได้ไหม” ภาสกรสะดุดหูเมื่อแอนดี้พูดถึงลูกของอีกฝ่าย
“ได้สิ”
“ทำไมพี่ถึงบอกคนอื่นว่ายังไม่มีลูกครับ” ภาสกรถาม เขาจำได้ว่าเจษฎาหรือเจนั้นเคยบอกเขาเรื่องนี้
“ไม่เคยนะ ถ้าใครถามพี่เรื่องลูก พี่ก็บอกว่ามีแล้วทุกครั้ง ทำไมเหรอ มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าครับ สงสัยผมคงจำมาผิด ๆ” ภาสกรใช้คิด ตอนนั้นเจษฎาพูดเรื่องนี้คงอยากให้เขาเบี่ยงเบนความสนใจไปทางแอนดี้สินะ
“อืม ๆ”
“ถ้างั้นผมไปก่อนนะครับ” ภาสกรเอ่ยลาอีกฝ่าย
“เดินทางปลอดภัยนะ”
“ขอบคุณครับ”
“พาย เดี๋ยว” ภาสกรหิ้วกระเป๋าเตรียมจะเดินขึ้นรถที่อาเฉินติดเครื่องรอไว้แล้ว แต่ได้ยินเสียงของแอนดี้เรียกเขาไว้อีกครั้ง
“ครับ” คนขานรับหันกลับมาตามเสียงเรียก
“แล้วจะกลับมาที่นี่อีกไหม” แอนดี้ถาม
“ไม่กะ...” ภาสกรยิ้มเศร้าก่อนจะพูดใหม่ “ไม่รู้เหมือนกันครับ”
“ถ้าอย่างนั้น แล้วเจอกันใหม่นะ”
เขาทอดสายตามองไปยังเบื้องหลังของแอนดี้ เห็นป้าย ‘Welcome to The Fountain Casino’ สูงเด่นตระหง่าน น้ำตาก็พานจะหยดไหลริน เขารีบกลั้นมันไว้แล้วขึ้นรถทันที
ทุกอย่างของเราเกิดขึ้นที่นี่ และจบลงที่นี่
‘ลาก่อนนะครับคุณอรรค’
นึกมาถึงตรงนี้ น้ำตาที่กลั้นไว้ตอนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคาสิโนกลับมาไหลราวกับเขื่อนแตกที่หน้าทะเล มีเสียงคลื่นคอยกลบเสียงสะอื้น ชายหนุ่มนั่งกอดเข่าฟุบหน้าลงบนหัวเข่า ตัวสั่นไหวอย่างแรงด้วยความเสียใจ
‘พายคิดถึงคุณ อยากกลับไปหาเหลือเกิน’
ภาสกรเคยคิดหลายต่อหลายครั้งว่าหากวันใดที่เขาต้องแยกจากอรรควัส เขาคงต้องคิดถึงอีกฝ่ายมากแน่ ๆ แต่ไม่นึกเลยว่านอกเหนือจากความคิดถึงที่ท่วมท้นเกินกว่าจะคาดคิดแล้วมันตามมาด้วยความทรมานในใจที่หักห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้เลย
แต่เขาไม่อาจทิ้งมารดาที่กำลังป่วยและปล่อยให้พี่สาวดูแลมารดาเพียงลำพังได้ เขาไม่สามารถทิ้งความรับผิดชอบแล้วเอาแต่ใจตัวเอง ทิ้งครอบครัวแล้วไปหาคนรักได้ แม้ในใจจะอยากเจออีกฝ่ายมาเพียงใดก็ตาม อย่างไรแล้วเขาก็ไม่อาจทำได้
ดังนั้นในคืนสุดท้ายของเรา เขาจึงบอกอรรควัสด้วยประโยคหนึ่ง
“อย่ารอพายเลย”
“...”
“คืนนี้อยู่กับพายจนถึงเช้านะครับ”
“...”
“ขอให้พายรักคุณนะครับ”
คนพูดค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตนเองออกทีละเม็ดจนหมด แผงอกขาวเปิดเผยให้คนตรงหน้าได้เห็น ได้ยินเสียงหายใจเข้าอย่างแรง ภาสกรไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายแม้เพียงนิด เขาเขินอายแต่ก็อยากมอบความสุขให้บอส ความสุขของสองเราในคืนสุดท้าย
กางเกงขายาวถูกปลดกระดุมออกเช่นเดียวกัน เผยให้ชั้นในที่สวมใส่ภายใต้กางเกง เขาละมือจากกางเกงมาเป็นที่เสื้อก่อนจะถอดมันออกให้ร่วงหล่นลงไปที่พื้นข้างตัว ใบหน้าก้มต่ำถูกเชยคางให้เชิดขึ้นด้วยมือของใครอีกคน หมายจะให้สบตา ใบหน้าภาสกรแดงก่ำ ยิ่งเห็นใบหน้าคนตรงหน้าเขายิ่งรู้สึกอายกับการกระทำของตัวเอง
ทว่าบอสใหญ่ไม่ปล่อยให้อีกคนต้องเขินหนักไปมากกว่านี้ เขารั้งร่างคนในหว่างเขาให้เข้ามาใกล้ชิดตนมากขึ้นกว่าเดิมก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปที่ปากได้รูปของอีกฝ่าย ประกบแนบแน่นลึกซึ้งอย่างอ่อนโยนแต่ก็ดุดันในที ปลายลิ้นแลบเลียกึ่งบังคับให้คนในอ้อมแขนเผยอปากออกตามการชักนำ
เรียวลิ้นสอดแทรกรุกล้ำในโพรงปากชื้น ชุ่มฉ่ำด้วยความหวานราวกับเหล้าชั้นดี ยิ่งได้ลองลิ้มยิ่งหลงใหล ยิ่งทำให้มัวเมาจนอยากลิ้มลองอีกครั้ง และอีกครั้ง ไม่รู้จักอิ่ม ลิ้นสีชมพูสดกวาดชิมไปทั่ว ดูดดึงไม่ถอยห่าง ภาสกรตาปรือเยิ้มฉ่ำเต็มไปด้วยอารมณ์พิศวาส กางเกงทั้งชั้นนอกและในถูกถอดออกไปอย่างรวดเร็ว เนื้อตัวเปล่าเปลือย มือขาวจับต้นแขนอีกฝ่ายไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
ร่างกายภาสกรถูกยกขึ้นสูงจากพื้น เจ้าตัวตกใจเล็กน้อยที่ถูกอุ้มโดยไม่ทันตั้งตัว ขาเรียวยาวเกาะเกี่ยวเอวอีกคนไว้อย่างกลัวตกกระทั่งปลายทางเป็นเตียงนุ่มหลังใหญ่ บอสหนุ่มวางคนรักลงบนเตียงด้วยความอ่อนโยนและไม่เชื่องช้า สายตาดุที่ล้อมกรอบด้วยขนตายาวสวยนั้นมองคนตรงหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์รัก ภาพที่เห็นทำให้เขาอดทนไม่ไหวอีกต่อไป มือหนาถอดเสื้อผ้าตัวเองออกไม่รอช้า ก่อนจะทาบทับร่างกายอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
คนใต้ร่างชันขาขึ้นพลางแยกขาออกกว้างอย่างรู้งาน อรรควัสจูบลำคอเรียวก่อนจะละไล่ลงมาบนแผ่นอกขาวที่เขาจ้องมองมันมาตั้งแต่ต้น ดูดกลืนไล้เลียจุดสีชมพูอย่างที่ใจอยากทำกระทั่งมันแข็งชูชัน เขาจึงผละไปจัดการอีกข้างไม่ให้น้อยหน้ากัน หน้าอกภาสกรแอ่นขึ้นให้คนลงมือโดยไม่รู้ตัว
บอสใหญ่จับส่วนอ่อนไหวอีกฝ่ายอย่างเบามือขยับรูดมันขึ้นลงราวกับเพื่อหยั่งเชิงดูท่าทีของภาสกร เพียงเท่านั้นก็เรียกเสียงครางเครือจากคนใต้ร่างได้เป็นอย่างดี ภาสกรเริ่มขยับตัวส่ายไปมาตามอารมณ์ที่กำลังพุ่งขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด มุมปากยกยิ้มอย่างพอใจที่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายมีความสุข
ก่อนที่ภาสกรจะถึงปลายทางเสียก่อน บอสใหญ่เลื่อนตัวลงแล้วใช้ปากครอบครองส่วนนั้นแทนการใช้มือ ไหล่หนาถูกอีกคนจับแน่นที่ไหล่ทั้งสองข้าง สะโพกขยับตามสัญชาตญาณ อรรควัสเดาว่าอีกฝ่ายคงจวนเจียนใกล้จะถึงปลายฝั่งในเร็ว ๆ นี้แล้ว
ไม่ผิดจากที่คาดเดา เพียงไม่นานหลังจากนี้คนใต้ร่างก็เสร็จสมอย่างที่อรรควัสตั้งใจ น้ำสีขาวขุ่นเลอะเปรอะเปื้อนไปทั่วหน้าท้องและต้นขาของเจ้าตัว คนกระทำนั้นลุกขึ้นนั่งหยิบทิชชูมาเช็ดคราบเหล่านั้นออกให้อย่างเบามือ แล้วปฏิบัติภารกิจต่อไปเพราะกลัวว่าอารมณ์ของภาสกรจะดับมอดไปเสียก่อน
อรรควัสดึงคนที่นอนหอบเหนื่อยให้ขึ้นมานั่งหันหน้าเข้าหากัน ขาของภาสกรอ้าคร่อมร่างเขาไว้ สองร่างใกล้ชิดจนส่วนอ่อนไหวของสองฝ่ายสัมผัสกัน จมูกโด่งคลอเคลียคอระหงไม่หยุดหย่อนแล้วไล่ดอมดมลงมาที่ลาดไหล่ที่มีกลิ่นกายหอมของภาสกร มือไม้ขยับไม่อยู่สุข สัมผัสไปทั่วร่างกายราวกับต้องการสำรวจทุกพื้นที่บนตัวอีกฝ่าย ไม่มีบริเวณไหนที่เล็ดลอดไม่ถูกสัมผัสเลย
บอสใหญ่จูบอีกฝ่ายอีกครั้งโดยไม่นึกเบื่อ เท่าไหร่คงไม่พอ ส่วนอ่อนไหวที่อ่อนแรงไปแล้วของภาสกรนั้นดูเหมือนจะกลับมาผงาดได้อีกครั้ง อรรควัสละจูบออกมาทำให้ภาสกรลืมตาขึ้นราวกับเสียดายแต่ไม่ได้ท้วงติงอะไรเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหยิบเครื่องป้องกันและตัวช่วยสำหรับเรื่องบนเตียงออกมาจากลิ้นชักข้างเตียง แค่นั้นก็รู้ตัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
อรรควัสสวมถุงยางให้กับตัวเองก่อนจะพลิกตัวภาสกรให้นอนคว่ำแล้วเทเจลลงไปที่ช่องทางด้านหลังอีกฝ่ายอย่างไม่นึกเสียดาย เขาใช้นิ้วผ่อนคลายช่องทางนั้นให้กับร่างกายภาสกร อดทนใจเย็นกระทั่งมันอ่อนนุ่มลง
ภาสกรพร้อมแล้วสำหรับค่ำคืนนี้
ในจังหวะที่ความแข็งขืนสอดแทรกเข้าไปในร่างภาสกรนั้น คนนอนคว่ำอยู่ก็ได้ยินเสียงปลอบประโลมข้างใบหูอย่างอบอุ่นว่าให้ผ่อนคลาย อย่าเกร็ง หายใจเข้าออกให้สม่ำเสมอ อรรควัสไม่เร่งรีบรอกระทั่งร่างกายอีกฝ่ายปรับตัวได้แล้วเขาจึงเริ่มขยับร่างกายของตัวเองบ้าง
เตียงหลังใหญ่สั่นไหวตามกิจกรรมที่เกิดขึ้นของคนสองคน
“อือ..คุณอรรค” เสียงครวญครางจากคนนอนคว่ำที่บัดนี้ถูกพลิกให้หลับมานอนหงายสบตากับคนด้านบน
“เธอจะเป็นของฉันคนเดียวใช่หรือเปล่า” คนขี้หวงถามในตอนที่แทรกตัวตนเข้าไปในตัวอีกฝ่ายอย่างแรง
“ครับ พายเป็นของคุณคนเดียว” ภาสกรตอบทันทีราวกับละเมอ แต่กระนั้นเขาก็ยังมีสติรับรู้อยู่บ้างว่าพูดอะไรออกไป
“เธอจะไม่มีใครอื่น นอกจากฉันใช่ไหม”
“พายจะมีแค่คุณคนเดียว”
“เด็กดีของฉัน”
“...”
“ฉันจะรีบจัดการเรื่องที่นี่”
“อย่า..อย่ารอพา..” คนพูดพูดยังไม่ทันจบ ร่างกายกลับถูกกระแทกขึ้นมาโดยแรงจากอีกฝ่ายอีกครั้งกระทั่งเขาหลุดเสียงร้องออกมาอย่างไม่ตั้งใจ “อ๊ะ!”
“ห้ามพูด”
“แต่พายไม่อยากให้คุณร..” คำว่า รอ ยังไม่ทันออกจากปากจนครบคำ ร่างกายเขาก็ถูกดึงขึ้นมาโดยที่ส่วนเชื่อมต่อกันยังแนบสนิท ไม่หลุดออกจากกัน ทำให้ภาสกรตกใจเล็กน้อยจนเรียกชื่ออีกฝ่ายออกไปอย่างไม่ตั้งใจ
“ฉันบอกว่าห้ามพูด” อรรควัสขยับตัวเอนตัวพิงหลังกับหัวเตียง กึ่งนั่งกึ่งนอนโดยมีร่างของภาสกรนั่งคร่อมร่างเขาอยู่ด้านบน มือหนาจับสะโพกสวยไว้สองข้างออกแรงชักนำให้ภาสกรขยับตัวขึ้นลงเอง ใบหน้าขาวแดงก่ำไม่รู้ว่าจากอารมณ์หรือความเขินอายกันแน่ระหว่างที่ทำตามความต้องการของอีกฝ่ายโดยไม่อิดออด
ต่างฝ่ายต่างมองกันอย่างลึกล้ำแทบจะกลืนกิน มันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถเอ่ยออกมาในเวลานี้ได้กระทั่งเสร็จสมถึงปลายฝั่งไปด้วยกัน
ทั้งที่ภาสกรตั้งใจจะอยู่กับอีกฝ่ายจนถึงเช้า แต่สุดท้ายหลังจากจบครั้งที่สองเขากลับหลับไปอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอีกเลย
น่าขายหน้าเสียจริง
กระทั่งรุ่งเช้าชายหนุ่มรู้สึกตัวตื่นเพราะถูกบอสใหญ่ปลุกขึ้น เขาไม่แน่ใจว่าระหว่างนั้นตัวเองกำลังสะลึมสะลือจนทำให้ได้ยินคำพูดของอรรควัสไม่ชัดหรือเปล่า
“ขอโทษที่ฉันไปส่งวันนี้ไม่ได้ แต่รอฉันหน่อยได้ไหม ฉันจะรีบจัดการเรื่องที่นี่แล้วกลับไปหาเธอนะพาย”
ภาสกรคิดระหว่างที่นั่งเครื่องกลับมาประเทศไทย อรรควัสพูดอย่างนี้หรือเปล่านะ
วงหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาหลุดยิ้มออกมาได้บ้าง หากประโยคที่ตนคิดนั้นเป็นคำพูดของอรรควัสจริง ภาสกรจะดีใจเป็นที่สุด
‘มาหาพายไว ๆ นะครับ’
สักพักเขาก็หลุดขำออกมา ตอนนี้ภาสกรคิดว่าในแต่ละวันเขารู้สึกว่าตนเองใกล้จะเป็นคนประหลาดเต็มทีแล้ว เดี๋ยวร้องไห้เสียใจ เดี๋ยวหัวเราะ ไม่รู้สิ เมื่อไหร่ก็ตามที่คิดถึงคนที่ห่างไกล ใจของเขาก็ทรมานจนร้องไห้เพื่อให้คลายความทุกข์ใจ แต่พอนึกถึงคนเดิมอีกครั้งทำให้กลับยิ้มออกมาได้
เขาจะมีความสุขหรือทุกข์ก็เพราะอรรควัสเป็นคนกำหนดคนเดียวเท่านั้น
ทันใดนั้นภาสกรรีบเช็ดน้ำตาออกอย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสได้ว่ามีคนมายืนอยู่ข้างหลัง เขาลุกขึ้นแล้วใช้มือปัดทรายให้พ้นจากกางเกงที่สวมใส่อยู่ก่อนจะหันไปยิ้มอย่างสดใสให้คนที่มาเยือนโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนนั้นเป็นใคร
“พี่พรีมเองเหรอ”
“อืม พี่เอง พี่ตามหาพายเสียทั่วบ้านเลย แอบมานั่งอยู่นี่เอง”
“ตอนเย็น ๆ ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน วิวมันสวยดีนี่ครับ พายก็เลย...” ภาสกรยังพูดไม่จบก็ถูกพี่สาวแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“พายก็เลยชอบมานั่งดู..” ภารวีต่อประโยคของน้องชายอย่างเสร็จสรรพ เพราะแน่นอนว่าครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกอยู่แล้วที่ภาสกรออกมานั่งเงียบ ๆ คนเดียวแบบนี้
“พี่พรีมก็..” ภาสกรทำเสียงเง้างอดพี่สาวเล็กน้อยที่ถูกรู้ทันก่อนจะนึกขึ้นได้จึงถามหญิงสาวต่อทันที “เอ้อ..ว่าแต่พี่พรีมตามหาพายทำไม”
“ไม่มีอะไรหรอก ก็วันนี้วันเสาร์ใช่ไหม ทีแรกพี่ตั้งใจจะชวนพายไปเดินตลาดนัดด้วยกันสักหน่อย”
“เหรอครับ ไปสิพี่พรีม” น้องชายรีบกระวีกระวาดใส่รองเท้าแตะอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องแล้ว พี่เปลี่ยนใจไม่ไปแล้ว”
“ทำไมล่ะครับ”
“มีคนมารับพายไปเดินตลาดด้วยกันแล้วน่ะสิ”
“ใครครับ”
“ก็เพื่อนที่ทำงานพายที่เพิ่งเริ่มไปทำงานไง เขานั่งรออยู่ในบ้านแน่ะ” ภารวีอธิบาย
“อ่อครับ”
“อย่างไรน่ะ เขาชอบพายเหรอ เห็นมาบ่อยเชียว” พี่สาวยิงคำถามเข้าประเด็น
“ไม่ใช่หรอกครับ พี่เขาสอนงานให้พาย คงไม่มีเพื่อนไปเดินตลาดด้วยกันมากกว่าครับ” ภาสกรบอกอย่างอารมณ์ดีและไม่ได้คิดอะไร
“อย่างนั้นเหรอ พี่ว่าไม่ใช่มั้ง”
“ไม่ใช่จริง ๆ ครับพี่พรีม หรือต่อให้ใช่จริง...พายก็”
“ถ้าใช่จริง ๆ แล้วพายจะทำอย่างไร”
“พายก็ไม่ทำไงครับ เพราะไม่ได้ชอบพี่เขาสักหน่อย” เพราะเขารักคุณอรรคไปแล้ว
“โธ่ จบกันน้องฉัน” ภารวีพูดอย่างเสียดายแต่เธอก็ยังไม่ยอมทิ้งโอกาส “พายจะไม่ลองดูสักหน่อยเหรอ”
ภาสกรส่ายหน้า “ไม่ครับ พายไปก่อนนะครับพี่พรีม”
“จ้า ๆ เฉไฉเปลี่ยนเรื่องไม่ตอบอีกแล้ว มีอะไรก็บอกพี่ได้นะพาย”
“ครับ พี่พรีมไม่ต้องเป็นห่วงพายนะ”
ภาสกรเดินกลับไปยังบ้านเช่า เห็นรุ่นพี่ที่ทำงานกำลังนั่งคุยกับมารดาอยู่ ดูก็รู้ว่าคุยกันถูกคอ แม่ของเขาใจดีและช่างคุยพอประมาณ เป็นผู้หญิงที่น่ารักเสมอในความคิดเขา ใครได้คุยก็ต้องรักในตัวมารดาของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ใจพลันนึกไปถึงอีกคน ถ้าอรรควัสได้เจอกับแม่เขาจะเป็นอย่างไรกันนะ นัยน์ตาสวยสลดวูบลงมามีประโยคถัดมาในใจ ไม่แน่ว่าอาจจะไม่มีวันนั้นเลยก็ได้
ป่านนี้แล้ว ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมีใครคนอื่นไปแล้วหรือยัง จะยังจำคำที่เคยบอกเขาได้ไหม หรือเป็นแค่คำพูดที่ผ่านเลยไปเท่านั้น ลึก ๆ แล้วภาสกรก็ยอมรับว่าเขาไม่แน่ใจมากนัก อย่างที่รู้กันดีว่าก่อนหน้านี้อรรควัสก็มีคนในสังกัดไม่เคยขาด เขาอยากเชื่อใจแต่บางครั้งเขาก็ไม่มั่นใจเลย ทุกอย่างในความคิดย้อนแย้งกันไปหมด
แต่ใจเขาน่ะ น่าแปลกทั้งที่ปกติเป็นคนชอบใครง่ายและเลิกชอบง่ายเช่นกัน แต่ครั้งนี้ไม่รู้ทำไม เมื่อรักไปแล้วกลับไม่เลิกรักสักที
“พายมาแล้วเหรอ นี่พี่เขามาชวนพายไปเดินตลาดนัด นั่งรออยู่พักใหญ่แล้ว พี่เขาเห็นพายชอบดูพระอาทิตย์ตอนเย็นเลยยังไม่อยากกวน ดูสิต้องมานั่งคุยกับคนแก่เลย คงเบื่อแย่แล้วล่ะ” ภาพรรณเอ่ยทักเมื่อเห็นบุตรชายเดินเข้ามาในบ้าน
“ไม่เบื่อเลยครับ คุณน้าคุยสนุกมาก” ผู้มาเยือนบอกอย่างจริงใจ
“งั้นแม่ไปทำกับข้าวก่อนแล้วกันนะจ๊ะ จะไปตลาดนัดก็รีบพากันไป เดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน”
“ครับ” ภาสกรตอบรับก่อนจะหันไปคุยกับคนที่มานั่งรอหลังจากที่มารดาเดินลับเข้าไปหลังบ้านแล้ว “พี่มานานหรือยัง วันหลังพี่มาเรียกพายได้เลย ไม่ต้องเกรงใจครับ” ภาสกรปรับหน้าสีหน้าและบอกอีกคนอย่างยิ้มแย้ม
“พี่กลัวเข้าไปขัดจังหวะ” อีกฝ่ายพูดอย่างอารมณ์ดี “ไปกันเลยไหม”
“เอาสิครับ”
รุ่นพี่รุ่นน้องเดินตลาดนัดด้วยกันอย่างไม่เร่งรีบ รุ่นพี่คนนี้เป็นคนคุยสนุก มักจะมีมุกตลกมาสอดแทรกในบทสนทนาที่คุยกันจนภาสกรหัวเราะตามจนตาหยีหลายครั้งนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว กระทั่งทั้งคู่กลับขึ้นมานั่งในรถยนต์ของรุ่นพี่อีกครั้ง ภาสกรก็ยังไม่หยุดขำ
“พี่มีแต่เรื่องตลก ๆ ให้พายหัวเราะจนเจ็บท้องไปหมดแล้วครับ”
“พายน่ะเส้นตื้น ดูสิ หัวเราะจนหน้าแดงไปหมดแล้ว”
“จริงเหรอครับ”
คนที่อยู่หลังพวงมาลัยกลับขยับตัวและชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ภาสกรอย่างไม่ทันตั้งตัว “จริงสิ มองใกล้ ๆ ยิ่งเห็นชัดเลย”
ภาสกรจากที่หัวเราะอย่างสนุกสนานกลับกลายเป็นหัวเราะฝืด ๆ ทันที พลางขยับตัวมาทางประตูที่นั่งให้มากขึ้น “อ่อ..ครับ”
เจ้าของรถยนต์ขยับตัวกลับไปที่เดิมแล้วสตาร์ตรถออกตัวอย่างนุ่มนวล ระหว่างทางท่ามกลางความเงียบ อีกฝ่ายก็ทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน “ถ้าคราวหน้าพี่มาหาพายได้ไหม”
“ได้สิครับ ทำไมจะไม่ได้” ภาสกรตอบตามอัตโนมัติ
“แล้วถ้าพายนั่งดูพระอาทิตย์อยู่ล่ะ”
“พี่มาตามพายเลยก็ได้ครับ พายบอกแล้วว่าไม่ต้องเกรงใจ”
“ถ้าพี่ไม่ได้อยากมาตาม แต่อยากมานั่งดูพระอาทิตย์กับพายล่ะ พายจะว่าไง”
========================================
HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ