[End] Zombie หนีเชื้อร้าย พ่ายเชื้อรัก by.Tt.looktal1993 [ตอนที่25☆17/5/2019]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [End] Zombie หนีเชื้อร้าย พ่ายเชื้อรัก by.Tt.looktal1993 [ตอนที่25☆17/5/2019]  (อ่าน 16231 ครั้ง)

ออฟไลน์ Looktal1993tt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

********************************





บทนำ


        ซอมบี้ ใครเป็นคนคิดชื่อนี้…หึหึ…ผมไม่สนหรอกเว้ยยย..ใครจะคิดชื่อนี้ แต่ที่ผมสน ใครแม่งเป็นคนทดลองไอ้เชื้อโรคบ้านี้วะ!! อุ้ย…พูดไม่เพราะ ขอโทษคราบบบ เอาหละเข้าเรื่องก่อนๆ ที่ผมได้ยินมานะก่อนไฟฟ้าจะตัดเมื่อปีที่แล้ว ผมได้ยินว่ามีนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งทดลองเชื้อโรคชนิดนึง เพื่อจะฟื้นฟูเซลล์ที่ตายแล้ว แล้วก็ตู้มมม!!!  ระเบิดกลายเป็นโกโก้ครั้น…ซะที่ไหนละ กลายเป็นซอมบี้นะสิ เขาว่าห้องแล็บระเบิด สารเคมีและเชื้อโรคต่างๆ ผสมปนเปกันมั่วซั่วไปหมด คนที่ตายในแล็บก็ฟื้นขึ้นมาไล่กัดคน คนโดนกัดก็ติดเชื้อ ไม่เดิน 48 ชั่วโมงก็เปลี่ยนเป็นซอมบี้แล้ว คุณคิดว่าใช่เวลานานเท่าไหร่เชื้อโรคถึงเดินทางไปทั่วโลก…ติ้กต๊อกๆๆ….หมดเวลา ใช้เวลาแค่เดือนเดียว เดือนเดียวเองนะคุณ ที่ผู้ติดเชื้อเดินทางนำเชื้อไปแพร่ทั่วโลก

       ประเทศไทย ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ติดเชื้อ เวลาผ่านไปหนึ่งปี ประชากรในประเทศ 60 กว่าล้านคน ได้ยินจากที่ทหารประกาศมาลาสุด เมื่อเดือนที่แล้ว บอกว่าคนไทยเหลือไม่ถึง 5 ล้านคนแล้ว จาก 60 กว่าล้าน เหลือไม่ถึง 5 ล้านคน งือ…ร้องไห้กับฉันระบายออกให้ใครฟังวะ …

       เอาหละๆๆ พอแล้วเรื่องความเป็นมา ต่อไปนี้ผมจะบอกวิธี การเอาตัวรอดจากการตายแล้วกลายเป็นซอมบี้ มี 4 ข้อ โดยนายไออุ่น สุดหล่อ เท่ ฮอดที่สุดทั้งในอดีตและปัจจุบัน อิอิ เขินจุงงง อะแฮ่ม…เอาหละๆ สี่ข้อนะ สี่ข้อ มาๆเริ่มๆ

1.   คุณต้องมีกรุ๊ปเลือด AB หรือกรุ๊ปเลือดพิเศษ Rh- แม้โดนกัดคุณก็จะไม่กลายเป็น “ซอมบี้” เด็ดขาด แต่คุณก็ยังโดนมันแดก…เฮ้ย..กิน ได้นะ ดังนั้นก็ระวังตัวด้วย ไม่ใช่ว่าตัวเองติดเชื้อไม่ได้แล้วไปหามัน อย่าเชียวนะ ไม่งั้นคุณจะเหลือแต่กระดูก อย่าหาว่าผมไม่เตือน ถ้าอย่ากรู้ว่าทำมัย AB และ Rh- ไม่ติด ผมบอกคุณได้เลยว่า  หึหึ  ผมไม่รู้เว้ยยย ผมไม่ใช่ซอมบี้ หรือนักวิทยาศาสตร์นะจะได้รู้ พอแล้วๆ ข้อต่อไปเถอะ

2.   คุณต้องได้รับวัคซีนสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในข้อ 1 แต่ขอบอกว่า การจะได้รับวัคซีนนั้นยากยิ่งกว่าการเอาตัวรอดจากฝูงซอมบี้อีก เพราะอะไรนั้นหรอ หึหึ…ก็เพราะประเทศไทยไม่ได้ผลิตเองงัย เรารอวัคซีนจาก อเมริกาและญี่ปุ่น ปัจจุบันวัคซีนมีน้อยมาก เค้าจึงชีดให้เฉพาะ คนที่จำเป็นที่จะรับเท่านั้น คนที่จำเป็นใครนะเหรอ… ก็ทหารหรืออาสา ต่างๆ ทีเสี่ยงออกมาหาอาหาร หาคนที่เหลือรอด และทำเรื่องต่างๆ ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อนะสิ ต่อไปๆ

3.   ง่ายๆ เลยข้อนี้ คุณต้องอย่าให้ซอมบี้กัด แค่นี้แหละ

4.   ถ้าคุณติดเชื้อแล้วไม่มีวัคซีน แต่คุณไม่อยากกลายเป็นซอมบี้ สิ่งที่คุณต้องทำคือระเบิดสมองตัวเอง หรือโดนตัดคอ เพียงแค่นี้แหละคุณจะไม่กรายเป็นซอมบี้

       ในโลกที่โหดร้ายนี้ ผมหวังว่าคุณจะเอาตัวรอดได้ ดังเช่นผมและน้องๆ ที่พยายามเอาตัวรอดอยู่ทุกวินาที ขอให้คุณปลอดภัย โดย นายไออุ่นสุดหล่อคนนี้ ผมหล่อจริงๆนะ อิอิ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-05-2019 16:38:16 โดย Looktal1993tt »

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
น่าสนใจ ติดตามค่า :katai5:

ออฟไลน์ Looktal1993tt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
- 1 -


[ไออุ่น]


       ในโลกที่กำลังเผชิญชะตากรรมอันโหดร้ายนี้ ถ้าคุณเป็นเพียงมนุษย์อันน้อยนิดที่เหลืออยู่ แน่นอนว่าคุณต้องเจอกับความกดดันมากมาย บางคนอาจรับได้ แต่บางคนก็เป็นบ้าเพราะความเครียด มนุษย์เริ่มเผยด้านมืดในจิตใจ ความเห็นแก่ตัวเป็นส่วนหนึ่งของการเอาชีวิตรอด เสียงหัวเราะเลือนหายไปจากตัว….

       …แต่มันไม่ใช่กับผมนายไออุ่นคนนี้ โลกเราก็เครียดจะตายห่าอยู่แล้ว ทำม่ายยยย ผมจะต้องเคลียดไปตามโลกด้วย
       ซอมบี้เกลื่อนโลกขนาดนี้หาจิตแพทย์ยากกว่างมเข็มในมหาสมุทรอีกนะ ดังนั้นอย่าเครียดกันไปเลยครับ

      ผมขอแนะนำตัวหน่อย ผมชื่อ ไออุ่น ชื่อจริง นายคิมหันต์  นฤพานธนากร อายุ 20 ปี หล่อ และรวย ปีที่แล้วผมกำลังขึ้นปีสอง ในมหาลัยแห่งหนึ่ง ผมเรียน วิทยาศาสตร์การกีฬา ผมชอบยิงธนู ยิงปืน และวิ่งมากๆ เลย

      ตอนนี้คุณกำลังสัยละสิว่าผมอยู่ที่ไหน ตอนนี้ผมกำลังอยู่บ้านของผมที่ชลบุรี เป็นบ้านที่มีกำแพงสูง

       เราอยู่ในบ้านหลังนี้ทั้งหมด 6 คน มีผม น้องชายผม อายุ 12 ปี หล่อเหมือนผมเลยชื่อลมหนาว อีกคนเป็นลูกพี่ลูกน้องน่าตาน่ารักมาก ชื่อมิดไนท์ อายุ 5 ขวบ คนที่ 4 ชื่อ มิว เป็นเพื่อนของลมหนาว คนที่ 5 เป็นคุณป้าบ้านอยู่ถัดไปสามหลัง ชื่อป้าริน  คนสุดท้ายเพื่อนผมเอง ชื่อแมนนี่ (จริงๆ มันชื่อแมน แต่คุณอย่าไปเรียกแบบนั้นเดี๋ยวโดนมันตบเอา จะหาว่าไม่เตือน)

       เราอยู่ที่นี้มาเป็นปีแล้วหละ แต่ก่อนมีอยู่สิบกว่าคน แต่ตอนนี้ก็เหลือแค่นี้แหละ อย่าถามเลยว่าทำไม เอาเป็นว่าเราเหลือกันแค่นี้ ไม่มีญาติและครอบครัวอีกแล้ว คนหล่ออยากร้องไห้

       เรา 6 คนต่าง กรุ๊ปเลือดพิเศษทั้งนั้น

      “อีอุ่น!!!”

       “เฮ้ยยย ตกใจหมด จะเสียงดังทำมัยละไอ้แมน”

       “เดี๋ยวกูตบปากฉีก บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกแมนนี่ๆ สมองมันมีแต่ขี้เลื่อยรึงัยหะ ถึงต้องให้บอกบ่อยๆ หนะ” ผมจะบอกว่าคนที่น่ากลัวกว่าซอมบี้ ก็เป็นแมนนี่นี้แหละ น่ากลัวชิบหายเลย

       “แล้วมีอะไรละคนสวย ถึงเรียกเสียงดังขนาดนั้น”

       “ก็กูเรียกมึงหลายครั้งแล้วไม่ตอบ หลับในรึงัย หรือฝันกลางวันอยู่”

       “กำลังฝันถึงแมนนี่งัยจ๊ะ” ผมยิ้มหวานๆ ให้เพื่อนร่วมเอกของผม

       “เสียใจยะ ฉันไม่ชอบตีฉิ่ง ไปยิ้มหวานๆ ล่อซอมบี้ไป๋” อั๊กกก คนหล่อกระอักเลือด

       “ทำมัยพูดกับคนหล่อแบบนี้หละ เจ็บปวด”

     “มึงส่องกระจกบานไหนบอกว่าตัวเองหล่อ” ส่องบานไหนก็หล่อ พูดเลย

     “แล้วทำมัยครับคนสวย”

     “กูก็จะไปทุบมันทิ้งนะสิ ข้อหาที่มันหลอกลวงมึงว่าหล่อ”

     “สลัดผัก” พูดหยาบมากไม่ได้ครับ ในบ้านมีเด็กตั้งสองคน ถึงจะอยากด่ามากแค่ไหนก็ตาม นี่ผมไม่ได้กลัวมันนะ ไม่ได้กลัวมันด่ากลับเลยจริงจริ๊งง จงเชื่อคนหล่อเถอะครับ เพราะคนหล่อพูดจริงเสมอ

    “มึงนี้พากูออกนอกเรื่องตลอด เดี๋ยวกูก็ลืมว่าจะมาพูดอะไร” แมนนี่ทำหน้าเซ็งๆ แล้วมองมาที่ผม อะไรอ่าาามันไม่ใช่ความผิดผมซะหน่อย

     “แล้วมีเรื่องอะไร ว่ามา คนหล่อจะตั้งใจฟัง”

     “ก็เรื่องอาหาร” เรื่องนี้สินะ “อาหารของเราเหลือน้อยมากแล้ว เราต้องออกไปหาอาหารมาเพิ่ม แต่แถวนี้เราไปหมดทุกที่แล้ว เราต้องไปไกลกว่าเดิม” ใช่ครับ แถวนี้เราออกไปหาทุกที่แล้ว ห้างเล็ก ห้างใหญ่ ร้านสะดวกซื้อ หรือแม้แต่บ้านคนเราก็ไปมาหมดแล้ว

     “ฉันว่าถึงเวลาที่เราต้องทำตามแผนที่วางไว้แล้วแหละ แถวนี้ไม่เหลืออาหารให้เราแล้ว ถึงจะปลอดภัยเราก็อดตายอยู่ดี” ไม่มีที่ไหนผลิตสินค้า แม้จะมีเงินมากแค่ไหนก็ไม่ช่วยอะไรเลย ถ้าเราไม่ตายเพราะโดนซอมบี้กิน เราก็ตายเพราะอดอยากอยู่ดี “ไปเรียกทุกคนมา เราจะลงความเห็นกัน”


+++


     “ตกลง ตามนี้นะ เราจะรวบรวมอาหารทั้งหมด น้ำมัน อาวุธ แล้วเดินทางกัน จุดหมายของเราคือภูเก็ต ทหารจะนั้งเรือมาทุกๆ เดือน ถ้าเราโชคดีเราจะเจอทหารก่อนถึงท่าเรือ” แมนนี่สรุปให้เราทุกคนฟัง

     “เราจะใช่รถอะไรคะ”ป้ารินถามขึ้นมา สีหน้าป้ามีความกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด

     “รถบัสนักเรียนงัยจ๊ะ คนสวย สถานที่กว้างจะนั่ง จะนอน จะยืนก็สบายมากกก เจอซอมบี้เราก็ขับชนมันเลย” มันคงเหมือนในเกมส์แน่เลย ครึครึ สนุกแน่ๆ

     “เหมือนในเกมใช่มัยคร๊าฟฟ เกมส์ที่น้องไนท์เคยเล่น ขับๆ ชนซอมบี้ตู้มๆ เลย” หลานใครก็ไม่รู้น่ารัก น่าชังจริงๆ

     “มัมๆ น้องไนท์ น้องไนท์จะได้ไปมัยคร๊าฟฟ” สงสัยละสิว่าทำไมน้องไนท์เรียกผมว่า มัม ก็เพราะหน้าผมเหมือนแม่ของเจ้าตัวงัย พอคิดถึงแม่มากๆ เห็นหน้าผมก็เรียกแม่ทันทีเลย คนหล่ออยากร้องไห้ ทำม่ายยยไม่เรียกพ่อละมิดไนท์!!

     “ได้ไปแน่นอน เราจะไปกันหมดนี้เลยนี้เลยดีมัยครับ” ผมยีหัวเจ้าตัวเล็กอย่างมันเขี้ยว การเลี้ยงเด็กในภาวะแบบนี้ไม่ได้ง่ายเลย แต่ผมจะทำให้ดีที่สุด ผมจะไม่มีวันทิ้งน้องแน่นอน

     “ดีคร๊าฟดี เย้ๆๆ หนาวๆ เราไปเก็บของกันๆ เราจะไปๆ ขับๆ ชนซอมบี้ ตู้มมม” เอิ่ม…รู้สึกว่ากำหนดเดินทางมันอีกตั้งหนึ่งอาทิตย์เลยนะ เก็บเร็วไปนะบางที

     “ไนท์ครับเร็วไปครับ อีกสามสี่วันค่อยเก็บก็ทันครับ ไปวาดรูปกับหนาวดีกว่ามา”

     “งะ ไม่เก็บตอนนี้ เหรอลมหนาว”

     “ไม่ครับ เดี๋ยวค่อยเก็บ”

     “งือ…ก็ได้…”แล้วก็หน้างอ ปากยื้นตามเจ้าลมหนาวไป

     “มิว วิทยุสื่อสารไปหาลุงดำหน่อยว่าเราจะเดินทางกันในอีก 7 วัน ให้แกเช็ครถ และน้ำมันให้พร้อม”ผมหันไปบอกมิวที่นั้งฟังอยู่เงียบๆ แต่ก่อนมิวเป็นเด็กร่าเริง แต่พอผ่านเหตุการณ์อันเลวร้ายมา ทำให้เราแทบไม่เห็นร้อยยิ้มเด็กคนนี้เลย

     “ได้ค่ะ” มิวเดินออกไปห้องที่ติดระเบียง เพื่อวิทยุสื่อสารหาลุงดำ ลุงดำอยู่บ้านตรงข้าม เป็นคนขับรถรับส่งนักเรียน อยู่กับลูกสาวกัน 2 คน ลูกแกอายุ 10 ขวบ ชื่อบี เราทุกคนมีความหวังจะไปให้ถึง ภูเก็ต ไปในที่ๆ ไม่มีซอมบี้ ไม่ต้องหลบซ้อนอีกต่อไป

     หวังว่าการเดินทางครั้งนี้จะไม่มีการสูญเสียเกิดขึ้นนะ


+++


     ตอนนี้เรากำลังมุ่งหน้าเข้าสู้จังหวัดฉะเชิงเทรา เรามีแผนจะพักที่นอกๆ เมืองเพื่อหาอาหาร และอาวุธเพิ่ม ลุงดำเป็นคนขับรถให้เรา แกเคยขับรถโรงเรียนมา แกจึงขับนิ่มมากก และดีมากกก แถมแกยังพูดกับเด็กๆ เพราะอีกด้วยนะ

     “ลุงดามๆ ซอมบี้ชนมานนนเลยยย”

     ตึงง!!! “ตายยยเย้ยยย ฮาๆ”

    “ฮ่าๆ แม่งมันชิบหายเลยวะ ใช่ไหมวะไอ้ไนท์”

    “คร๊าฟฟ มันมากกเย้ยยย” เอิ่ม….ก็นั้นแหละ เหอะๆๆ

     ลุงดำ…ช่วยพูดเพราะๆ หน่อยสิ…เดี๋ยวไอ้แสบก็ติดหรอก…งืออ ไอ้เราก็พยายามข่มปากตัวเองตั้งนาน

     “กรีสสส!!”

     “เฮ้ยๆ ไอ้แมน เป็นอะไร ผีเข้าเหรอ”

     “เดี๋ยวกูตบปาก กูบอกแล้วว่าชื่อแมนนี่ๆ แล้วกูก็ไม่ได้ผีเข้าด้วยชิ” เอ้า…กูผิดอะไร ก็คนตกใจนิเลยลืมชื่อใหม่มึง เซ็งเลย

     “แล้วมีอะไรจ๊ะ คนสวย”

     “มึงดูนั้นๆ ข้างหน้าหนะ ซอมบี้กล้ามล่ำ ว้ายย เสื้อก็ไม่ใส่ ใส่แต่กางเกงในอ่อยกูอยู่นั้น  เห็นแล้วอยากรับขึ้นรถเลย อ๊ายย” เอิ่มม ก็เข้าใจนะว่าผู้ชายหล่อๆ เหมือนผมปัจจุบันนี้มันหายาก แต่จำเป็นต้องขนาดนี้ไหม จะบ้าตาย

     “ว้ายยย ห่ออะไรเอ้ยยอยู่ในกางเกงใน ใหญ่จังเลยยย” ไปแล้วสมงสมองมัน

     “ถ้ามึงยังไม่หยุด เดี๋ยวกูจะถีบลงรถ ไปให้ซอมบี้กล้ามล่ำของมึงแดกแน่” ทนไม่ไหวแล้วครับ สำหรับความบ้าของมันเนี่ย

     “อ๋อยย หยุดก็ได้ ชิ” แนะๆ มีหน้ามาเชิดใส่อีก…หึมม..อะไรตู้มๆ อยู่ข้างหน้านั้น

     “วาว!! ใหญ่ขนาดนี้ขอจับซักทีได้มัยคราบบ เห็นแล้วหวั่นไหว”

     “ยี๋!! แค่นมบูดจะดูให้เสียสายตาทำมัยยะ”

    “อิจฉาเค้าละสิแมนนี่” ผมหยอกแมนนี่เล่น แต่สิ่งที่ได้กลับมา

     “แค่นมบูดๆ จะอิจฉาทำมัยยะ อีผีพุ่งไต้” ง่า..ทำมัยคนหล่อกลายเป็นผีพุ่งไต้ไปได้หละ เจ็บปวดด

     “พี่ไออุ่นเป็นผีพุ่งไต้หรือคะ” ไม่เอาสิน้องบีพี่ไม่ใช่ผีพุ่งไต้นะ TT

     “หนูบี ชะนีน้อย ไม่ต้องไปคุยกับผีพุ่งไต้มันหรอกจ๊ะ มาคุยกับพี่แมนนี่คนสวยดีกว่านะ” งืออออ…เจ็บปวดดด

+++

     เรามาถึงฉะเชิงเทรากันแล้ว เรากำลังหาที่พัก และอาหารกันอยู่ ถ้านอกเมืองเกินไปก็หาอาหารยาก แต่ถ้าเข้าเมืองก็มีแต่ซอมบี้ เราเลยตัดสินใจไปแถวชานเมือง เพื่อหาอาหารก่อน

     “ลองจอดร้านสะดวกซื้อดูก่อน เดี๋ยวผมกับแมนนี่จะลงไปเอง ลมหนาว มิว ขึ้นหลังคารถพร้อมธนู ทุกอย่างต้องทำให้เงียบที่สุดอย่าใช่ปืน ถ้าไม่จำเป็น” รถเรามีแต่เด็กและคนแก่ ผมกับแมนนี่จึงต้องลงมือกันแค่สองคน

     “ค่ะ พี่อุ่น” มิวรับคำ พร้อมไปหยิบธนูเพื่อเตรียมตัว

     “ครับเดี๋ยวหนาวระวังหลังให้บนรถเอง ไม่ต้องห่วง” หนาวรับคำด้วยสีหน้ามั่นใจ เพราะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราออกหาเสบียง

     “ลุงจอดร้านข้างหน้าเลย พอเราสองคนลงรถ ลุงร็อครถไว้เลยนะ ทุกคนพร้อมนะ เราต้องปลอดภัยแน่นอน” เราต้องปลอดภัยเพื่อคนที่รอเราอยู่

     “พี่ไออุ่น ผมรักพี่นะ กลับมาอย่างปลอดภัยนะ” ลมหนาวเดินมาจับมือผมพร้อมพูด ผมกระชับมือน้อง ให้น้องมั่นใจในตัวผม เพราะผมไม่มีวันทิ้งน้องไปแน่

     “พี่ก็รักลมหนาว แล้วก็มิดไนท์ตัวเล็กของมัมเหมือนกัน พี่ไปไม่นานหรอกเดี๋ยวกลับมา” ผมหอมแก้มน้องคนละที พร้อมยิ้มให้น้อง เพื่อลดความกังวลใจของพวกเขา

     “เฮ้ย…หนุ่มน้อย ไม่คิดจะหอมพี่แมนนี่บ้างเหรอคะ พี่ก็ต้องการกำลังใจน้าาา” ผมรู้ว่าแมนนี่พูดเพื่อให้เราคลายกังวล

     “อย่าหอมมันเลยเดี๋ยวแก้มมันยุ่ยติดออกมา”

    “สัดกูยังไม่เน่า เนื้อตึงดียะ” อย่างที่คิดทุกคนคลายความกังวลขึ้นมากแล้ว

     “ถึงแล้ว พร้อมนะ” พวกเราทุกคนเตรียมพร้อม อาวุธของผมและแมนนี่เป็นดาบและปืน เป็นเก็บเสียงเราไปเก็บกันมาที่โรงพัก เก็บมานะครับ เก็บมา ไม่ได้ขโมยน้าาา

     “ไป!!” ผมและแมนนี่วิ่งเข้าไปในร้านสะดวกผซื้อ เราต้องเปิดประตูกันเอง เพราะไฟฟ้าโดนตัดแล้ว

     ข้างนอกซอมบี้โดนลูกธนูปักหัวไปแล้วสอง

     “แมนนี่ข้างในมีสอง” ผมบอกแมนนี่เมื่อเห็นซอมบี้พนักงานยืนอยู่

    “คนละหนึ่งนะยะ”

     “โอเค ไป” เมื่อเราเปิดประตูได้ ซอมบี้ก็ตรงดิ่งมาหาเราเลยทันที

     “เฮ้ย!!” ฉับ!! ฟันครั้งแรกโดนแขน บ้าเอ้ยย ต้องตัดคอเท่านั้นถึงจะกำจัดได้ ผมวิ่งหลบข้างเคาน์เตอร์ เมือมันวิ่งมา ฉับ!! คอขาดด โอ้ยย เลือดเปื้อนหมดเลย

     “มัวยืนอยู่ได้มาช่วยกันขนของสิยะ” เสียงเจ้ากรรมนายเวรก็มา

     “จ้า!! ไปแล้วๆ” ผมวิ่งไปขนของใส่ตะกร้าของร้าน ขนมันทุกอย่างที่ขนไปได้ ของกิน ของใช้

     กว่าจะขนออกมาหมดเราใช้เวลานานครึ่งชั่วโมง ซอมบี้ข้างนอกตายไป 7

     ขณะที่เรากำลังขนของตะกร้าสุดท้ายขึ้นรถ ก็มีเสียงแปลกๆดังขึ้น ตอนนี้หนาวและมิว ขึ้นรถไปแล้ว เหลือแค่ผมและแมนนี่

     ตึกๆ ตึกๆ “เฮ้ย…เสียงอะไรวะ” ผมถามแมนนี่ที่อยู่หน้ารถ

     “เฮ้ย…มีคนกำลังวิ่งหนีซอมบี้มา เอาไงวะ”แมนนี่ตะโกนกลับคืนมา

     “ช่วยพวกเขา ลุงติดเครื่องเลย ไอ้แมนเอาของไป เดี๋ยวฉันไปช่วยเอง” ผมเอาของให้แมนเอาขึ้นรถแล้ววิ่งไปหลังรถเพื่อช่วยคนที่กำลังวิ่งหนีซอมบี้

     มีคนวิ่งมาห้าคน โอ้!! ซวยแล้วซอมบี้เป็นฝูงเลย

     “ทางนี้ครับ ขึ้นรถเลย คุณผมช่วย เร็วๆ ครับ” คนที่ไม่บาดเจ็บขึ้นรถไปแล้ว เหลือชายหญิงสองคน ผู้ชายได้รับบาดเจ็บจึงทำให้หนีช้า ผมไปช่วยผู้หญิงคนนั้น ลากผู้ชายขึ้นรถ

     โอ้ซวยแล้ว  “ขึ้นไปก่อนเลยผมเบี่ยงเบนความสนใจให้ ลุงออกรถเลย เดี๋ยวผมวิ่งตาม” มันเยอะเกินไป รถฝ่าไปไม่ได้แน่ๆ

     “ไอ้ซอมบี้ กูอยู่นี้เว้ยย มากินกูสิ กูหล่อนะเว้ยยย” โหยยมันวิ่งตามผมมาหมดเลย เห็นผมหล่อละสิ เฮ้ยย คนหล่อเพรีย

     ซิบหายแล้ว มีซอมบี้อยู่ข้างหน้าสามตัว ตายแน่ๆ
     ฉึบ!!! ล่วงไปสอง “พี่อุ่นเร็วๆ” ฝีมือน้องชายผมสินะ ผมตะโกนตอบไม่ได้ เพราะผมกำลังวิ่งจนสุดฝีตีนอยู่ ลุงดำลดความเร็วไม่ได้ เพราะพวกมันจะเกาะรถ

     จะถึงแล้ว อีกนิด “พี่อุ่นอีกนิดครับ อีกนิดเดียว” ฮึบ!! อ่าา ขึ้นได้แล้ว

     “โอ้ยย สัดเอ้ยย” ไอ้ซอมบี้บ้านี้มันเกาะขาผมอยู่ หนักเป็นบ้าเลย มือ จะ หลุด แล้วว

     ฉึก!! อ่าา หลุดซักทีไอ้ซอมบี้บ้า “ลมหนาวขอบใจนะ ยิงแม่นมากน้องใครวะเนี่ย” แต่ทำมัยน้องทำหน้าโหดอย่างนั้นหละ

     “ทำมัยต้องทำอย่างนั้นด้วย ทำมัยต้องเสียสละตัวเองด้วย ถ้าพี่เป็นอะไรขึ้นมา ผมกับไนท์จะอยู่ยังไง อย่าทำอย่างนี้อีก อย่าทำขอร้อง” ผมเดินเข้าไปสวมกอดน้อง และลูบหลังน้องเบาๆ ผมเข้าใจน้องดี ถ้าน้องและมิดไนท์เป็นอะไร คงอยู่ไม่ได้เหมือนกัน

     “ขอโทษ ที่ทำให้เป็นห่วง พี่จะไม่เป็นอะไร พี่จะอยู่ตรงนี้กับหนาวและไนท์เสมอ ขอโทษ หายโกรธนะ นะๆๆ สุดหล่อ นะๆๆ” ผมอ้อน ทำหน้าน่าสงสารนิดๆ ผมรู้น้องทนลูกอ้อนผมไม่ได้หรอก

    “เฮ้อ…ก็ได้ครับ แต่อย่าทำแบบนี้อีกนะครับ ผมกับไนท์เป็นห่วง”

     “ครับ รู้แล้วมากอดๆ กอดไอ้ตัวเล็กด้วย มานี้เลย” ผมเข้าไปกอดมิดไนท์ที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ

     “เมื่อกี่ ไนท์เป็นห่วงมัมมักๆเย้ย แต่มัมเก่งมักมากวิ่งหนีซอมบี้ตั้งเยอะแหนะ” ไอ้ตัวเล็กพูดเสียงเจื้อยแจ้ว ตาแป๋วโตขึ้นเมื่อพูดเรื่องตื่นเต้น ก็น่ารักกันขนาดนี้ผมก็ต้องกลับมาให้ได้สิ

     “จับมันโยนลงรถเลย เอามันขึ้นมาด้วยทำมัย มันโดนกัดไปแล้ว อีกเดี๋ยวมันก็ลุกขึ้นมากินเราแน่ ฉันสั่งให้โยนมันลงรถซะ” เสียงใครวะน่ารำคาญชิบ

     “ไม่ ไม่ได้นะ อย่า โยนเขาลงไปเลย อย่า ฮือออ เขาไม่เป็นอะไรอย่าทำเลยนะ ฮือออ”ผู้หญิงคนนั้นกำลังกอดคนรักตัวเองร้องไห้

     “เมียมันก็คงโดนกัดเหมือนกัน โยนมันลงรถไปทั้งสองคนเลย”ลุ่งนั้นก็ยังไม่ยอม

     “เอะอะอะไรกัน แล้วใครจะให้ใครลงรถเหรอ” ผมถามขึ้น แนนนี่กรอกตาแล้วหันหน้าหนีไปกินขนมกับน้องบี ไม่สนใจทางนี้ ผมคงต้องจัดการเองสินะ รับคนเพิ่มปัญหาก็เพิ่มเห้อออ สงสัยจะรับตัวปัญหาขึ้นรถซะแล้ว

     “ฉันเป็น สส ฉันกับลูกสาวรวยมาก” เอิ่ม…แล้ว ยังงัย คือ ไม่ได้ถาม หรือกูเผลอถามวะ

     “ฉันต้องการให้สองผัวเมียนี้ลงรถไปซะ” อือหือวางอำนาจซะ

     “ทำมัยต้องไล่ลงละครับคุณ สส” เอาเชิดเข้าไปๆ ขอให้คอเคล็ดสาธุ

     “พวกมันโดนกัด” ออ กลัวตัวเองติดเชื้อ

     “คุณกับลูกกรุ๊ปเลือดอะไรครับคุณ สส” ให้เกรียด!! มากๆ เลยนะเนี่ย

     “AB ทำมัย” อะเชิดเข้าไปอีก โอ้ยย เห็นแล้วหมั่นไส้

     “ก็กรุ๊ปเลือด AB และ Rh- โดนกัดก็ไม่ติดเชื้อครับ ข่าวเขาก็บอก ไม่รู้เหรอครับคุณ สส”

     “ฉันจะแน่ใจได้ไงว่ามันไม่ติด ถึงไม่ติดฉันก็ไม่อยากให้ซอมบี้อยู่ร่วมรถหรอกนะ เพราะงั้นฉันสั่งให้ไล่มันสองคนลงไปซะ” อือ..ไม่จบสินะ

     เหนื่อยกับการหนีซอมบี้ แล้วยังต้องมาเหนื่อยกับคนบ้าอำนาจอีกเหรอ เฮ้อ…คนหล่อเซ็ง

     “ผมก็โดนกัดด้วย เนี่ยที่ขาเห็นมัย แล้วผมก็ไม่ลงด้วยเพราะมันเป็นรถของผม ถ้าใครไม่พอใจ เชิญลงไปเลย แล้วผมก็จะให้สองผัวเมียนั้นอยู่ด้วย มีปัญหาอะไรอีกมัย” ผมยิ้มหวานส่งท้ายก่อนนั้งลงให้ลมหนาวทำแผลที่ขาให้

     “ไม่ได้นะคะพ่อ หนูไม่ยอมนะ หนูไม่อยากนั่งรถพวกพวกซอมบี้” หน้าตาก็สวย เสียดายนิสัยเสียไปนิด หรือมากวะ ซั่งเถอะ

     “ใครไม่พอใจนู้นคะประตู เชิญลงไปเลย ซิวๆ” แมนนี่คงเห็นผมเลิกสนใจแล้วจึงลุกขึ้นมาพูด

     “ได้ จำเอาไว้เลย แล้วฉันจะเอาคืนพวกแก” แล้วคุณท่าน สส และลูกสาวก็เชิดหน้าแล้วนั้งลง

     “หนาวไปทำแผลให้เขาหน่อยเร็ว คุณครับเดี๋ยวผมให้น้องทำแผลให้นะ” ผมมองไปที่บาดแผลของเค้า “แผลสดคงเพิ่งโดนกัด การทำแผลจะทำให้การกลายร่างช้าลง แต่ก็ไม่เกิน 48 ชั่วโมง จากที่เราคาดการณ์ไว้เราจะไปถึงทหาร ในวันพรุ่งนี้ ทหารเค้ามีวัคซีน คุณต้องอดทนไว้นะ เราจะไม่ทิ้งคุณ” ผมให้ความมั่นใจกับเค้า

     “แล้วคุณหละ เออ คุณก็โดนกัด” เค้ามองบาดแผลของผม

     “เลือดผมเป็น Rh- หนะ ผมเลยไม่กลายเป็นซอมบี้”

     “ดีจัง เมียผมก็มีเลือดกรุ๊ปพิเศษเหมือนกัน” เค้าหันไปยิ้มให้คนรักของเขา ทั้งสองดูจะรักกันมาก เฮ้อ เห็นคนรักกันแล้วมันตาร้อน

     เนื้อคู่ผมอยู่ไหนนน สาวสวยคนนั้นอยู่ไหน สุดหล่ออยู่ตรงนี้!!

+++

     ตอนนี้เราอยู่นอกเมือง กำลังหาที่พักที่คิดว่าเหมาะสม คือต้องมีรั่วสูง มีแท่งน้ำให้เราใช้ หายากชะมัด ขับมาเป็นชั่วโมงแล้ว

     “ลุง หลังนั้นๆ ใช่เลย แบบนี้แหละใช่เลย เหมาะเหม็ง” ในที่สุดเราก็เจอบ้านที่เราต้องการ

     “ลุงจอดอยู่ตรงทางเข้าผมกับแนนนี่จะลงไปสำรวจ มิว หนาว ขึ้นหลังคารถคุ้มกัน”

     ผมกับแนนนี่เข้าไปในบ้าน อย่างที่คิดเจอซอมบี้ครอบครัวนี้สามคน เรากำจัดแล้วเอาศพไปไว้นอกรั่วเรียบร้อย แล้วนำรถบัสมาจอดภายในบริเวณบ้าน
 
     เสียลูกปืนไปสามนัดแหนะ เสียดายซะมัด เราจับจองที่นอน อาบน้ำ และตั้งเวรยามกัน ว่าใครจะอยู่ผลัดไหน

     ผมกับลมหนาวอยู่ผลัดแรก แนนนี่กับมิวผลัดสอง ผลัดสุดท้ายเป็นลุงดำและผู้ชายที่ขึ้นรถมาใหม่ ชื่อพี่ชาติ

     ในที่สุดก็ได้อาบน้ำซักที ผมกับลมหนาวเฝ้ากะแรก โดยมีเจ้าตัวเล็กนอนหนุ่นตักผมอยู่

     “พี่ว่าเราจะพาเค้าไปฉีดวัคซีนทันเวลาไหม” ลมหนาวพูดกับผมเบา

     “พี่หวังว่าจะทัน หวังว่าทหารจะยังอยู่ที่นั้น ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผน เราต้องมีความหวัง” ผมลูบหัวน้องชายเบาๆ ผมรู้ว่าเค้ากังวล

     “เราต้องมีความหวัง อย่างที่พี่หวังว่า เมื่อไปถึงจะมีทหารสวยๆ ซักคน ให้พี่สมัครไปเป็นแฟน” ผมทำหน้าทะเล้นใส่น้องชาย

     “ผมกลัวว่าพี่จะไปเป็นแฟนทหารหล่อๆ ซะมากกว่า” อือหือ…ปากเหรอนั้น ฟันศอกน้องชายตอนนี้ จะดูใจร้ายไปไหม

     “หล่อๆ แบบพี่ ต้องสาวๆ สวยๆ เท่านั้น” เชิดครับเชิด สงสัยผมติดมาจากท่าน สส แน่เลย

     “ผมจะคอยดู” คอยดูไปเถอะ ผมจะหาพี่สะใภ้สวยๆ มาให้คอยดู

+ + +

05.30 น.

     “แย่แล้วๆ แย่แล้ว!!!”

     เฮื้อกกก!! ผมสดุงตื่นเพราะได้ยินเสียงเอะอะ

     “มีอะไรครับลุง” ผมถามลุงดำ ที่วิ่งหน้าตื่นเอะอะโวยวายเข้ามา

     “นะ นายชาติๆ สสๆ ไป ลูกสาวๆ”

     “ลุงดำใจเย็นๆ หายใจลึกๆ ค่อยๆพูด” ทุกคนตื่นกันเกือบหมด เหลือแต่เด็กๆ ที่ยังหลับอยู่ เมื่อลุงดำดูใจเย็นลงแล้ว จึงค่อยๆพูด

     “นายชาติ สส และลูกสาว เอารถบัสเรา หนี หนีไปแล้ว”

     …ชิบหายแล้ววววว…

ออฟไลน์ Looktal1993tt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

- 2 -



[ธาม]

     อคิราห์ ความหมายของชื่อนี้คือ แสงสว่าง พ่อกับแม่ท่านตั้งให้ผม เพราะอยากให้ผมเป็นแสงสว่างให้กับทุกคน
     
     ผมชื่อธาม นายอคิราห์  วิศามนกาณ  ผมเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว พ่อแม่ท่านให้ผมเข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร ตั้งแต่จบ ม.3 ผมซึ่งไม่ได้ชอบ หรืออยากเรียนอะไรเป็นพิเศษอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่จะต่อต้าน

     ชีวิตในการเรียนของผม ไม่มีอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษหรอก รู้แค่ว่าผมจบมาในผลการเรียนระดับต้นๆ พ่อแม่ผมท่านปลาบปลื้มมาก ก็แน่หละ ผมเป็นลูกชายคนเดียวของพวกท่านนิ
     
     การที่ครอบครัวผม เป็นครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร อยู่ในระดับกลางๆ ทั่วไป การที่ส่งลูกชายเรียนจบ ลูกชายผลการเรียนดี ได้ทำงานในตำแหน่งค่อนข้างสูง พ่อแม่ผมแทบจะปิดซอยเลี้ยง  ถ้าแม่ไม่คิดขึ้นมาซะก่อนว่าซอยมันยาวไป ปิดซอยเลี้ยงคงเป็นหนี้ก้อนโต

     พอทำงานได้ปีกว่า ผมก็เลือกที่จะไปอยู่หน่วยรบพิเศษ การจะกลับมาหาครอบครัวแต่ละครั้งจึงเป็นเรื่องยาก ผมได้ไปฝึก และทำงานกับทหารอเมริกา และอังกฤษบ่อยๆ ปีหนึ่งผมมีโอกาสกลับบ้านไปหาพ่อแม่ไม่เกิน 4 ครั้ง

     ถึงจะน้อย แต่พวกท่านก็ไม่เคยเสียใจที่ให้ผมเป็นทหาร พวกท่านภูมิใจทุกครั้งที่พูดถึงผม บอกผมเสมอว่าผมต้องเป็นผู้นำทางแสงสว่างให้กับทุกคน

     ใช่ครับ   ผมเป็นผู้นำทางแสงสว่างให้กับทุกคน…ทุกคน…ยกเว้นพวกเค้า…ผมไม่สามารถนำทางแสงสว่างให้กับพ่อแม่ตัวเองได้

     ผมช่วยคนอื่นให้รอดได้ แต่ไม่สามารถช่วยพ่อแม่ตัวเองได้…

     ผมเป็นคนลั้นไกลปืนปลิดชีวิตพวกเค้า จากสภาพอันน่าเวทนานั้น ด้วยมือของผมเอง

     นี่เป็นสิ่งสุดท้ายในฐานะลูก พี่ผมจะทำให้พ่อแม่ผมได้

     ผมฝังพวกเค้าไว้ใต้ต้นไม้ที่บ้าน สักวันเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ผมจะกลับไปทำพิธีส่งดวงวิญญาณตามพิธีกรรมทางศาสนาให้ถูกต้อง ผมสัญญาว่าจะทำให้ได้

     …ถ้าหากวันนั้นผมยังมีชีวิตอยู่…



     ในยามที่โลกพบกับมหันตภัยอันร้ายร้ายแรง ในทุกประเทศ ต่างมีวิธีการรับมือที่แตกต่างกันไป

     ในประเทศที่มีพื้นที่มาก ประชากรน้อยย่อมรับมือกับมหันตภัยเชื้อโรคร้ายนี้ได้ดีกว่า ประเทศที่มีพื้นที่น้อย แต่ประชากรมาก เพราะการที่มีประชากรเป็นจำนวนมาก ทำให้การแพร่เชื้อเป็นไปอย่างรวดเร็ว จะไปแห่งหนใดก็พบแต่ผู้ติดเชื้อ

     ประเทศที่มีพื้นที่เยอะ เทคโนโลยีทันสมัยอย่างจีน คุณคงคิดว่าเขาคงรับมือได้ดีกว่าประเทศเล็กๆ มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย ถึงจีนจะมีพื้นที่จำนวนมาก แต่ประชากรในประเทศเยอะและแออัด การแพร่เชื้อนั้นรวดเร็วและเลวร้ายมาก ชนบทจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของผู้รอดชีวิต

     ประเทศที่เป็นเกาะอย่างญี่ปุ่น เป็นประเทศที่รับมือได้ดีที่สุด ญี่ปุ่นปิดประเทศห้ามคนเช้าออกทุกทาง ซอมบี้ไม่มีทางเดินฝ่าทะเลไปได้อยู่แล้ว แต่ก่อนที่ญี่ปุ่นจะควบคุมได้ ใช่เวลานานครึ่งปี เสียประชากรไปกว่าครึ่งประเทศเลยทีเดียว

     ไม่มีที่ไหนที่ไม่มีความเสียหาย ไม่มีที่ไหนที่ไม่สูญเสีย ความตายเป็นเหมือนเรื่องปกติที่เห็นได้ทุกวัน ความเสียใจเปลี่ยนเป็นความเฉยชา

     ประเทศไทยไม่พ้นจากมหันตภัยนี้เช่นกัน ความตายเป็นเยือนทุกหนแห่ง ราวกับเป็นวันพิพากษาของมนุษย์ ผู้รอดมีเพียงน้อยนิด เชื้อโรคได้ให้ข้อแม้ในการรอดชีวิต  ป่าไม้ทวงคืนพื้นที่ที่เราเคยทำลาย

     หนึ่งปี ที่เราเผชิญหน้ากับความตาย คนตาย และเชื้อโรคร้าย เป็นหนึ่งปีที่ยาวนาน แต่ละวันผ่านไปอย่างยากลำบาก

     การฆ่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผม ไม่ว่าคนตรงหน้าอดีตจะเคยเป็นใครมาก่อน ปัจจุบันมันเป็นแค่ซอมบี้ที่เราต้องกำจัดให้สิ้นซาก

     มันไม่ง่ายเลยเมื่อต้องฆ่าซอมบี้เกือบทั้งประเทศ ด้วยอาวุธเพียงน้อยนิด ถ้าเราต้องกำจัดซอมบี้เกือบ 60 ล้านตัว เราต้องวางแผนมีอาวุธและกำลังพลที่มากพอ

     แต่ตอนนี้เรามีประชากรไม่ถึง 5 ล้านคน ด้วยซ่ำ แถมยังลดน้อยลงทุกวัน คนเห็นแก่ตัว รักตัวกลัวตายก็มีมาก

     เช่นนั้นการตามหาผู้รอดชีวิต และสร้างค่ายพักจึงเป็นงานที่สำคัญมาก แต่ที่สำคัญไม่แพ้กันคืออาหาร

    เรามีค่าย มีคน แล้วยังงัย ถ้าขาดอาหารก็ตายอยู่ดี

     เราจึงทำการปลูกข้าวในพื้นที่ห่างไกล ใช้เครื่องจักรมากกว่าใช้คน เพื่อลดความเสี่ยง แต่ก็ยังไม่พอต่อความต้องการ เราจึงต้องหาพื้นที่เพาะปลูกเพิ่ม

     เราส่งข้าวไปตามค่ายต่างๆ ภูเก็ตเป็นค่ายขนาดใหญ่ และมีค่ายเล็กๆ กระจายในหลายๆ จังหวัด

     ค่ายเล็กที่อาศัยคุกเป็นที่ตั้ง ไม่มีที่ไหนเหมาะสมกว่าคุกอีกแล้ว กำแพงสูง ประตูแข็งแรง ป้องกันซอมบี้ได้ดีกว่าตึกรางบ้านช่องมาก
     
     
     ตอนนี้ผมและพักพวกที่มีทั้งนายทหาร และอาสาสมัคร ได้นั้งเรือออกจากภูเก็ต มาแผ่นดินใหญ่ได้เกือบสัปดาห์แล้ว

     ปกติเราจะเข้าส่งเรือมารับผู้รอดชีวิตทุกเดือน แต่เพราะแท่งขุดเจาะน้ำมันมีปัญหา เราจึงลดปริมาณการใช้ โดยจะส่งเรือมารับในอีก 2 เดือนข้างหน้า

     ขณะนี้เราอยู่ค่ายพักชั่วคราวในจังหวัดราชบุรี อีกสองวันเราจะเดินทางไป กาญจนบุรี เพื่อเก็บเกี่ยวข้าวที่เราปลูกไว้

     เราได้ประกาศผ่านวิทยุเพื่อให้คนที่ฟังได้รู้ความเคลื่อนไหวของเรา เผื่อมีผู้รอดชีวิตอยากมาหาเราจะได้รู้พิกัดของเรา

     วิทยุเป็นเพียงสื่อเดียวในขณะนี้ที่สามารถรับฟังข่าวสารได้

+ + +

     “ผู้กองครับ ทีที03 บอกว่าจะถึงในอีก 15 นาทีครับ” จ่านนท์วิ่งหน้าตาตื่นมารายงานผม เรื่องการมาของหน่วยทีที

     ทีที เป็นหน่วยงานที่เราสร้างขึ้นเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว เพื่อดูแลผู้รอดชีวิตในค่ายย่อยต่างๆ พร้อมทั้งค้นหาผู้รอดชีวิตในพื้นที่ ที่ได้รับผิดชอบ

      แต่ด้วยข้อจำกัดทางด้านจำนวนคน ทำให้เจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร มีจำนวนน้อยมาก ในหลายๆ จังหวัดจึงยังไม่มีการเข้าไปสำรวจและดูแล

     “ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม” ผมหันไปถามความเรียบร้อยจากจ่านนท์

     “เรียบร้อยดีครับ!! แต่ติดนิ๊ดด เดียว” จ่านนทน์ ยิ้มแห้งๆ มาให้ผม

     “อะไร”

     “คือมีซอมบี้ตามมาด้วย ประมาณ 20-30 ตัว เองครับ แหะๆ” ปกติซอมบี้ไม่ได้วิ่งเร็วขนาดตามรถได้นิ

      อย่างมากเป็นซอมบี้ที่อยู่แถวนี้ ได้ยินเสียงรถแล้วตามมา แต่ก็ไม่น่าเกิน 15 ตัว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

     “จ่า รายงานมาให้หมด” ผมพูดเสียงต่ำ เพื่อให้จ่ารายงานความจริงมาซะที

     “คือ แหะๆ คือ ไอ้จ่านายมันรับเอาอาสาสมัครมาเพิ่มในหน่วย แบบว่าหลานผมเอง คือ มันเพิ่งเป็นวัยรุ่นกำลังคะนอง ก็เลยๆ” จ่าพูดติดๆ ขัดๆ พร้อมยิ้มแห้งๆ ส่งให้ผม

     “จ่า” ผมกดเสียงต่ำลงอีกเพื่อกดดัน ผมไม่ชอบโวยวายเสียงดัง ผมจะใจเย็นและใช้ความนิ่งสยบมากกว่า

     “คือมันเห็นซอมบี้อยู่เป็นกลุ่ม เลยขว้างระเบิดใส่ ทำให้ซอมบี้ที่อยู่ในระยะ 1 กิโลเมตรตามมาครับ แต่ด้วยรถกำลังวิ่งอยู่ ซอมบี้เลยตามรถมาด้วยไม่เยอะครับ” ผมจ้องหน้าจ่าเงียบๆ

     “รู้ใช่ไหม เด็กคนนั้นต้องโดนลงโทษ” คนทำผิด ต้องได้รับบทลงโทษ

    คุณคงสงสัยว่า ทำมัยแค่โยนระเบิดใส่ซอมบี้ ต้องโดนลงโทษ…

    มันจะไม่เป็นไรเลย ถ้าทำในที่ที่สมควร หรือในสภาวะที่จำเป็น แต่ต้องไม่ใช่ทำเพื่อความคึกคะนอง โดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา

     เสียงระเบิดทำให้ซอมบี้ที่ได้ยินมารวมตัวกัน แต่จุดที่พวกมันมารวมตัวกันดันเป็นเส้นทางที่เราใช้ เชื่อมต่อไปยังค่ายต่างๆ

     ถ้ามีผู้รอดชีวิตได้ได้ยินประกาศจากวิทยุ แล้วต้องการมาหาเรา หรือต้องการไปค่ายใหญ่ที่ภูเก็ต ต่างก็ต้องผ่านจุดนี้ นี่จึงไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ แน่นอน

     เราจะใช้ปืนเก็บเสียงในการฆ่าซอมบี้ หรืออะไรก็ได้ ที่เงียบที่สุด เว้นแต่จำเป็น และไม่มีทางเลือกแล้วเท่านั้น เราถึงจะใช้อาวุธที่เสียงดัง

     “รู้ครับ… เอ่อ…ว่าแต่ ผู้กองจะลงโทษมันยังไงครับ” จ่าถามผม พร้อมสายตาที่อ้อนวอน

     “ไม่ต้องให้หลานจ่ากลับไปกลับหน่วย ทีที03 ให้เค้าไปกาญจนบุรีกับเรา เพื่อเก็บเกี่ยวข้าว อีกสองเดือนค่อยส่งเค้ากลับไปพร้อมกับทีที03 ในตอนที่ทีที03 มารับเสบียง” อยู่ดีๆ ก็มีแรงงานเพิ่ม หึหึ

     “ไปบอกทุกคนเตรียมตัว เราจะทำให้เงียบที่สุด ถ้าพวกซอมบี้ที่รวมตัวกันอยู่ ได้ยินเสียงเรา จบเห่แน่” จะให้ที่นี้โดนซอมบี้เป็นกองทัพจู่โจมไม่ได้ เพราะนี้เป็นค่ายที่คอยส่งเสบียงให้ค่ายต่างๆ

     พรุ่งนี้คงต้องไปจัดการกับฝูงซอมบี้สินะ อยู่ดีไม่ว่าดีแท้ๆ เด็กหนอเด็ก

     หวังว่าจะไม่มีผู้รอดชีวิตไปเจอกับกองทัพซอมบี้นั่นซะก่อนนะ

+ + +

     เมือรถมาถึง เราจัดการกับซอมบี้ด้วยปืนเก็บเสียง และดาบ เราจะใช้แต่ปืนไม่ได้ เพราะอาวุธเรามีจำนวนค่อนข้างจำกัด

     ในสภาวะแบบนี้ ไม่มีโรงงานผลิตอาวุธที่ไหนเปิดทำการ ไม่มีการซื้อขาย ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

     ประเทศไหนมีอาวุธเยอะอยู่แล้วก็โชคดีไป ส่วนประเทศไหนมีอาวุธอยู่น้อย ก็ต้องพึ่งพาตนเอง และหาวิธีอื่นกำจัดซอมบี้แทน

     “งัยไอ้คุณผู้กองธาม ทำมัย ทำหน้าโหดอย่างนั้นวะ” ไอ้โฟรค หรือหมวดโฟรค เพื่อนของผมเอง เป็นหัวหน้าหน่วยทีที03 ดูแลแถบภาคกลาง

     “มีใครได้รับบาดเจ็บไหม” ผมไม่ตอบคำถามมัน แต่ถามกลับไปแทน

     “โอ้ย โดนเมิน เจ็บปวดดด อ่าๆ ไม่ต้องทำหน้าโหดใส่กู กูกลัวจนขนตูดลุกแล้วเนี่ย” ผมยังทำหน้านิ่งกดดันมัน “อะๆ ตอบก็ได้ มีคนโดนกัดมา 2 คน คนนึงเคยชีดวัคซีนแล้ว อีกคนยังไม่เคย กำลังพาไปชีดวัคซีนครับผม!!” แม่ง จะตะโกนทำซากอะไรวะ

     “โดนลูกน้องปาระเบิดใกล้หู จนหูหนวกรึไง ถึงต้องตะโกนคุย” ผมแซะเรื่องลูกน้องมันไป

     “แหมะๆ แซะเก่งๆ ก็เด็กมันเพิ่งทำงาน แถมมันเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนอยู่ มันก็ต้องมีผิดผลาดกันบ้าง” มันพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ผมรู้ว่ามันก็ไม่ชอบเหมือนกัน ที่เด็กนั้นทำแบบนี้

     “แล้วจะเอายังงัย” ผมอยากรู้ว่ามันจะลงโทษเด็กนั้นยังงัย

     “จ่า นนท์บอกมึงมีบทลงโทษแล้วนิ ก็ดีฝากอบรมริวน้อยให้กูด้วยแล้วกัน” เหมือนมีกลิ่นแปลกๆ แต่ก็ชั่งเถอะ ไม่ใช่เรื่องของผมนิ

     “เด็กนั้นไม่น้อยแล้วมั้ง สูงขนาดนั้น” ผมพูดถึงไอ้เด็กสูงโปร่งเจ้าปัญหานั้น ดูจากภายนอก อายุน่าจะประมาณ 17-18 ปี

    “กูหมายถึงอายุเว้ย แต่ตัวแม่งสูงชิบหาย มึงก็ดูๆ มันด้วยแล้วกัน” มันแสดงออกเหมือนว่าไม่ใส่ใจ แต่ผมดูออกว่าไม่ใช่ หึหึ

     “กูก็ดูทุกคนอยู่แล้วนี่ หรืออยากให้ดูใครให้เป็นพิเศษ” มันหลุดสีหน้าหลุกหลิกเล็กน้อย แล้วปรับให้เป็นปกติเหมือนเดิม

    “พิเศษอะไร กูก็พูดๆ ไปงั้นแหละ ไปแล้ว ง่วงนอนชิบหาย ขับรถมาตั่งนาน” แล้วมันก็เดินออกไป หึหึ มึงควรของคุณซอมบี้ซะที่แดกตำรวจเข้าไป ไม่งั้นมึงคงโดน ข้อหาพากผู้เยาว์

+ + +


21.25 น.

     “ผู้กองครับ หน่วยลาดตะเวนรายงานมาว่า มีผู้รอดชีวิต ขับรถโรงเรียนมาเจอกับฝูงซอมบี้ครับ” จ่านนท์วิ่งมารายผมที่ห้อง ผมรีบไปที่วิทยุสื่อสารเพื่อคุยกับหน่วยลาดตะเวน

     “เหยี่ยววัน นี่ผู้กองธามเรียก เหตุการณ์เป็นยังไงบ้าง” ผมถามทางหน่วยลาดตะเวนที่ส่งออกไป

     “รถผู้รอดกำลชีวิตกำลังจะไปต่อไม่ได้ เพราะซอมบี้มีมากเกินไปครับ”

     “มีผู้รอดชีวิตกี่คน” ผมถามจำนวนผู้รอดชีวิต เพื่อวางแผนการช่วยเหลือ

     “เท่าที่เราเห็นมีสามคนครับ ชายสอง หญิงหนึ่ง” จำนวนไม่เยอะ ง่ายต่อการพาออกมา

     “จากสถานการณ์ คุณคิดว่าจะสามารถนำผู้รอดชีวิตออกมาได้ไหม” ผมถามความเป็นไปได้ เพราะผมไม่เห็นสถานการณ์ด้วยตาตนเอง

     “ได้ครับ ผมจะพยายามให้ดีที่สุด”

     “ผมจะบอกวิธีการให้คุณเอง” เพราะตอนนี้เป็นช่วงกลางคืน ถ้าเราออกไปกำจัดซอมบี้ตอนนี้ มันเสี่ยงเกินไป ต้องรอให้เช้าก่อน

     ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือนำผู้รอดชีวิตออกมาก่อน

     “คุณบอกให้ผู้รอดชีวิตอยู่ในรถเงียบๆก่อน ปิดประตู หน้าต่างรถทุกบาน เพื่อไม่ให้กลิ่นเล็ดลอดออกไป จากนั้นให้นายทหารสองนายล่อซอมบี้ไปอีกทาง แล้วคุณก็ไปนำผู้รอดชีวิตออกจากรถซะ”ผมบอกวิธีการให้กับหมู่

     “อย่าใช้รถบัสที่ผู้รอดชีวิตขับมาหละ เสียงมันดังเกินไป ขับขึ้นไปทางทิศเหนือสลัดพวกที่ตามมาให้หลุดแล้วค่อยกลับมาที่ค่าย ใช้รถอีกคันไปรับนายทหารทั้งสองนายด้วย ทำได้ใช่ไหม” ผมถามความมั่นใจจากนายหมู่

     “ได้ครับผู้กอง รับรองไม่ผลาดแน่นอนครับ”

     “อย่าประมาทไป และดูแลตัวเองดีๆ” ผมสำทับอีกที

     “ครับผู้กอง” ผมและทหารที่ค่ายนั่งรอฟังข่าว ยังไม่มีใครเข้านอนเลยสักคน ทุกคนนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ

+ + +


23.02 น.

     ในที่สุดรถของทหารลาดตะเวนก็มาถึง มีผู้รอดชีวิตลงรถมาด้วย 2 คน ชายหนึ่งหญิ่งหนึ่ง ไหนว่ามีสามคน

     “หมู่ แล้วผู้รอดชีวิตอีกคนหละ” หมู่เดินเข้ามาหาผม ขณะที่หน่วยพยาบาลไปดูแลผู้รอดชีวิต

     “เอ่อ…เราเสียผู้รอดชีวิตไปหนึ่งครับ” หมู่ตอบด้วยสีหน้าลำบากใจ

     “เกิดอะไรขึ้น” ผมแค่อยากรู้เท่านั้น เพราะผมรู้ การสูญเสียเป็นเรื่องปกติที่เราต้องเจออยู่แล้ว แล้วทำมัยหมู่ต้องทำสีหน้าลำบากใจด้วย

     “คือ มีซอมบี้อีกกลุ่มไม่ยอมตามนายทหารทั้งสองไป เพราะสนใจกลิ่นบนรถมากกว่สครับ พอผู้รอดชีวิตลงรถ ซอมบี้ก็กลูกันออกจากที่มืด เกือบสิบตัว” มันก็ไม่เยอะขนาดที่หมู่ กับลูกน้องจะจัดการไม่ได้นิ
     “ก็ไม่เยอะเท่าไหร่นิ” ผมถามในสิ่งที่ตนเองสงสัย

     “ใช่ครับ มันไม่เยอะมาก เราจัดการได้ แต่ สองพ่อลูก คือผู้รอดชีวิตสองคนหนะครับ” อ๋อ สองคนนั้นเป็นพ่อลูกกันนี่เอง “สองคนนั่นตกใจ แล้วผลักผู้รอดชีวิตอีกคนไปให้ซอมบี้กิน” หึ พวกเห็นแก่ตัวสินะ ทำยังงัยก็ได้ แค่ให้ตัวเองรอดเป็นพอ

     “อืม เข้าใจแล้ว หมู่ไปพักเถอะ” ผมบอกให้หมู่ไปพัก เพราะดูอาการแล้ว คงเหนื่อยใช่เล่น

     “ผมขอโทษจริงๆนะครับ ที่ไม่สามารถช่วยผู้รอดชีวิตได้หมด” หมู่ทำสีหน้าสำนึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น

     “ไม่เป็นไรหรอกน่า หมู่ทำดีที่สุดแล้ว เรื่องสูญเสียมันเป็นเรื่องปกติที่เราต้องเจออยู่แล้ว หมู่ยังไม่ชินอีกเหรอ แค่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดก็พอ แล้ว ผลมันเป็นยังไงเราก็ต้องยอมรับมัน ไปพักเถอะ” หมู่มีสีหน้าที่ดีขึ้นมานิดนึง ก็คงผิดหวังที่ช่วยไม่ได้ทั้งที่อยู่ต่อหน้าตัวเองแท้ๆ สินะ

     “ครับผู้กอง” หมดเรื่องซักทีวันนี้มีแต่เรื่องทั้งวัน

+ + +


23.40 น.

     “ผู้กองครับ ผู้กอง” เรื่องอะไรอีกเนี่ย เฮ้ออ

     “มีอะไรอีกจ่า” ผมถามจ่า ที่กำลังยืนทำสีหน้าลำบากใจ

     “คือผู้รอดชีวิตที่มาใหม่ บอกอยากพบคนที่ดูแลที่นี้ครับ” จะพบทำมัยกัน

     “ก็จ่าไง จ่าก็ดูแลที่นี้ ไปพบสิ” จ่าเป็นมือขวาของผม จ่าอายุ 35 ปี มีลูกเมียแล้ว อยู่ที่ภูเก็ต

     “แต่เค้าจะพบคนที่ยศสูงสุดเท่านั้นครับ” เรื่องมากจริง จะอะไรกันนักหนา น่ารำคาญ เฮ้อ…

     “อืม” ผมทำหน้าเซ็งๆ แล้วเดินออกจากห้อง ไหนๆ ก็มีเรื่องทั้งวันแล้ว เอาให้มันสุดเลยแล้วกัน ดูสิจะมีเรื่องอะไรสำคัญนักหนา

     จ่าเดินตามผมด้วยสีหน้ารำบากใจ เมื่อเห็นผมทำหน้านิ่งๆ

     ผมเดินไปเจอกับชายหญิงสองคน ที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่

     “มีอะไร” ผมไม่มีอารมณ์มาสุภาพแล้ว

     “คุณใช่ไหมเป็นผู้กอง ที่ดูแลที่นี้” ผมมองคนที่กำลังถามผม เป็นผู้ชายอายุน่าจะ50กว่าๆ ดูจะเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่างน่าดู

     “ครับ” เค้าทำสีหน้าพอใจ

     “ดี ฉันชื่อชาญชัย เป็นสสของจังหวัดXX แล้วนี้ลูกสาวฉันชื่อโรส” แนะนำตัวเองพร้อมลูกสาวอย่างเสร็จสรรพ

     “ผมธาม” ผมแนะนำตัวเองสั้นๆ

     “สวัสดีค่ะผู้กองธาม โรสค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ เห็นคนที่นี่บอกว่าผู้กองยังโสดอยู่ คงเหงาแย่เลยนะคะที่ต้องมาทำงานแบบนี้ ในที่ที่มีแต่ผู้ชาย” อะไร What? “กลับไปค่ายที่ภูเก็ตแล้ว หวังว่าเราจะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นนะคะ” จบด้วยการยิ้มหวาน หึหึ ดูก็รู้ว่าต้องการอะไร แต่ผมไม่สนหรอกนะ ดูก็รู้ว่าถ้าเข้ามาในชีวิตผมแล้ว ชีวิตผมต้องวุ่นวายมากแน่ๆ

     “พูดถึงเรื่องภูเก็ตแล้ว ผมกับลูกต้องการกับค่ายใหญ่ภายในอาทิตย์นี้” คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าสั่ง

     “คงไม่ได้ เพราะเรือจะเข้ามาอีกทีก็อีก 2 เดือน” คุณ สส ทำสีหน้าไม่พอใจ

     “ก็บอกให้เค้ามารับเร็วๆสิ บอกว่าท่าน สส.ชาญชัย ต้องการไปที่เกาะ” คิดว่าสั่งได้ก็ลองดู

     “ไม่ว่าใครก็มารับไม่ได้ จะไปได้ก็ต่อเมื่อถึงกำหนดการเท่านั้น ถ้าไม่พอใจ ก็หาเรือไปเอง หรือไม่ก็ว่ายน้ำไป” ดูสิจะทำยังงัยต่อ

     “แก…นี่ฉันเป็นถึง สส.นะ ฉันรู้จักผู้ใหญ่ยศสูงๆ เยอะอย่าหาว่าฉันไม่เตือน ต่อสายให้ฉันคุยกับเจ้านายแกเดี๋ยวนี้” พวกตัวน่ารำคาญ กำลังจะเข้ามากระชากคอเสื้อผม แต่โดนลูกสาวดึกแขนไว้ก่อน

     “พ่อคะ พอเถอะ อย่าเพิ่งโมโหสิคะ” ลูกสาวส่งสายตาไปให้ถึงยอมสงบ แต่ก็ยังฮึดฮัดขัดใจอยู่

     “ขอโทษแทนคุณพ่อด้วยนะคะผู้กอง พอดีคุณพ่อท่านเครียดมากนะค่ะ เราต้องเจอเรื่องร้ายๆ มา ทำให้คุณพ่ออารมณ์ไม่มั่นคง” แล้วเธอก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ คิดว่าผมดูไม่ออกเหรอว่าแสดงหนะ แต่ก็เอาเถอะขี้เกียจคุย ง่วงจะตายอยู่แล้ว

     “อืม” ผมตอบไปให้จบๆ “แต่ก็อย่างที่บอก เรือจะมารับอีกสองเดือนข้างหน้า จะอยู่ด้วยหรือหาทางไปเองก็แล้วแต่” ผมบอกไปแบบไม่ใส่ใจนัก เหมือนเป็นเรื่องไม่สำคัญ แต่ก็เรื่องไม่สำคัญจริงๆแหละ หึหึ

     ดูก็รู้ คนแบบนี้มีแต่จะสร้างปัญหา แต่เราก็ต้องรับไว้เพราะหน้าที่ แต่ถ้าไม่อยากอยู่ มันก็ช่วยไม่ได้

     “สองเดือนก็สองเดือน แต่ตอนนี้ฉันต้องการฉีดวัคซีน” อะไรอีกเนี่ย เรื่องเยอะจริงวะ เฮ้อ แล้วเมื่อไหร่จะได้นอน

     “โดนกัด??” ผมถามด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่ทุกร้อน

     “ใช่ แต่พวกนี้ไม่ยอมฉีดให้” บอกผมเสร็จ  ก็หันไปตะคอกเสียงใส่พยายาล

     “เค้าถูกกัดแล้วไม่ได้ฉัดวัคซีนเหรอ” ผมหันไปถามพยาบาล พยาบาลและหมอเป็นหน่วยแพทย์ทหาร ดังนั้นอย่าคิดว่าพวกเค้าจะกลัวกับแค่เรื่องโดนตะคอก

     “พวกเค้ากรุ๊ปเลือด AB ค่ะ กัดยังงัยก็ไม่กลายพันธุ์อยู่แล้ว และที่สำคัญ นั่นก็ไม่ใช่แผลโดนกัดด้วย แค่โดนข่วนนิดหน่อยเอง” คุณพยาบาลทำหน้าเซ็งๆ ก่อนหน้านี้ คงเถี่ยงกันมานานพอสมควรแล้วสินะ ถึงทำให้คุณพยาบาลแสนใจดีของหน่วย อารมณ์เสียได้

     “แต่ฉันต้องการฉีดเพื่อความมั่นใจ” ยังไม่ยอมอีก น่าเบื่อชะมัด ถ้าเลือกระหว่างเจอคนแบบนี้กับซอมบี้ทั้งฝูง ขอเจอซอมบี้ดีกว่า

     “วัคซีนเรามีจำกัด เราจะใช้ในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ กรณีนี้ แล้วจะไม่มีการพูดเรื่องนี้อีก จบ ถ้าไม่พอใจเชิญออกไปจากค่าย” พูดจบผมเดินเข้าห้องเลย ไม่มีประโยชน์ที่จะคุยกับคนแบบนี้

     ได้นอนซักทีเว้ยยยย จัดการเองนะจ่า Good night หึหึ

+ + +

     

     ตอนนี้เวลาเที่ยงตรงเรากำลังกินข้าว เพื่อเตรียมตัวไปกำจัดซอมบี้ ที่อยู่ทางเข้าค่าย หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีการสูญเสียกำลังพล


     “ผู้กองครับ มีเรื่องแล้วครับ” อีกแล้วสิน่า

     “มีอะไรจ่า”

     “มีรถผู้รอดชีวิตขับมาเจอฝูงซอมบี้ครับ” เหมือนเมื่อคืนเปะ แล้วทำมัยต้องตื่นเต้นขนาดนั้นด้วย

     “ตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นจ่า”

     “ก็รถที่ขับมาเป็นรถธรรมดาไม่ใช่รถใหญ่ มีคนเยอะ และที่สำคัญมีเด็กมาด้วยไม่ต่ำกว่าสามคนครับ” แย่แล้ว

     “เด็ก?? หลายคนด้วย” เรื่องไม่ดีแน่ ซอมบี้เยอะขนาดนั้น เด็กจะเอาตัวรอดยังไง

     “ครับเด็กๆ”

     “ทุกคนเตรียมพร้อม!! เราจะไปกันเดี๋ยวนี้ เอาอาหารขึ้นไปกินบนรถ อย่าช้า ไปหยิบอาวุธซะ!!” ผมตะโกนบอกทุกคน

     เกิดความวุ่นวายในโรงอาหาร ทุกคนวิ่งวุ่นหยิบอาวุธของตนเอง

     …หวังว่าจะทัน ต้องทันสิ อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ กำลังจะไปช่วยแล้ว…


ออฟไลน์ Looktal1993tt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เรื่องนี้เรื่องแรก ถ้าไม่สนุกขออภัยด้วยนะคะ
 :z13:

ออฟไลน์ Looktal1993tt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เราลงตอนที่ 3 ไม่ได้อะ มันขาดตอน จาก 4,000 กว่าคำ เหลือไม่ถึง 500 คำ ทำยังไงดี ใครรู้บอกทีพรีสส  :katai4:

ออฟไลน์ Looktal1993tt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
- 3 -

[ไออุ่น]

05.30 น.

     “แย่แล้วๆ แย่แล้ว!!!”

     เฮื้อกกก!! ผมสดุงตื่นเพราะได้ยินเสียงเอะอะ

     “มีอะไรครับลุง” ผมถามลุงดำ ที่วิ่งหน้าตื่นเอะอะโวยวายเข้ามา

     “นะ นายชาติๆ สสๆ ไป ลูกสาวๆ”

     “ลุงดำใจเย็นๆ หายใจลึกๆ ค่อยๆพูด” ทุกคนตื่นกันเกือบหมด เหลือแต่เด็กๆ ที่ยังหลับอยู่ เมื่อลุงดำดูใจเย็นลงแล้ว จึงค่อยๆพูด

     “นายชาติ สส และลูกสาว เอารถบัสเรา หนี หนีไปแล้ว”

     …ชิบหายแล้ววววว…



     ก็เข้าใจนะว่าสถานการณ์แบบนี้ ต้องห่วงชีวิตของตัวเองและครอบครัวก่อน

     …แต่ มันก็เกินไปปะวะ กูเพิ่งช่วยมาจากซอมบี้เมื่อวานแท้ๆ ทำคุณบูชาโทษโปรดสัตว์ได้บาป ที่แท้ทรู…


     “เว้ยย กูจะไม่รับพวกนักการเมืองขึ้นรถอีกแล้ว” เจ็บปวดหัวใจ ทำมัยถึงทำกับฉันได้…ปล.ร้องให้เป็นทำนองเพลงนะครับ จะได้เข้าถึงอารมณ์   (ไรท์ : คือ…น้องค่ะ มึงเครียดจริงปะเนี่ย

ออฟไลน์ Looktal1993tt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
[ต่อตอนที่ 3]
     
       “อีอุ่น Wake up!! ตื่นค่ะ มึงไม่มีรถ มึงรับใครขึ้นรถไม่ได้อยู่แล้วค่ะ” แมนนี่ทำหน้าเอือมๆ ใส่ผม

     ทำมัยอะ คิดไว้ก่อนไม่ได้รึงัย คนเราต้องมีจินตนาการสิ ต้องรู้จักคิดไว้ก่อนเชอะ

     “แต่พูดก็พูดนะ ถ้ากูเจออีชะนีแหล่ กับอีลุงนั้นเมื่อไหร่ จะตบให้หายแค้นเลยคอยดู อีพี่ชาติเห็นเงียบๆ ก็นึกว่าจะดี ดันไปหลงชะนีตอแหลซะได้ พูดแล้วขึ้นๆ” ต้องถอยออกมาหนึ่งก้าว เดี๋ยวโดนจิกหัว อารมณ์เธอช่างไม่น่าไว้ใจ

     “ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ จับโยนลงรถตั้งแต่เมื่อวานก็ดี เห็นสวยๆ ไม่น่าทำกันได้ลงคอ” เธอสวยจริงนะ ถึงจะดูเอาแต่ใจหน่อย แต่ไม่คิดว่าจะเห็นแก่ตัวได้ขนาดนี้ เพราะแบบนี้สินะ แม่ถึงบอกว่าอย่าไว้ใจคนสวย กระซิกๆ

     “ชนีโบท็อกนั้นนะสวย ไม่เห็นจะสวยเลย ฉันสวยกว่าตั้งเยอะ ชิ” เอิ่ม…โนคอมเม้นท์ ไม่ขอแสดงความคิดเห็นใดๆ ทั้งสิ้น

     “เอ่อ…พี่ๆ ครับ เรามาคิดว่าจะเอายังงัยก่อนดีไหมครับ คือ…ลุงดำจะร้องไห้แล้วครับ ดูสิ” เมื่อลมหนาวพูดจบเราหันขวับ กลับไปดูลุงดำทันที

     “งะ ลุงดามมม อย่าเพิ่งร้องไห้ ผมรู้ว่าลุงดำรักรถคันนั้นมาก แต่ใจเย็นๆ มันเป็นแค่ของนอกกายลุง เราหาใหม่ได้ เอารถเฟอร์รารี่ไหม เดี๋ยวผมออกไปหามาให้เลย ขับหนีซอมบี้ด้วยเฟอร์รารี่ เท่จะตาย” ไหงทุกคนมองหน้าผมงั้นอะ

     “อีอุ่น!! มึงแหกตาดู มีคนกี่คน เฟอร์รารี่มึงมันนั่งได้กี่คน อีผี!! สติค่ะ สติ!!” โดนอีกแล้ว โดนด่าอีกแล้ว เกิดเป็นคนหล่อนี่ลำบาก ทำอะไรก็ผิด กระซิก กระซิก TT

     “คือรถหนะอีกเรื่อง แต่ที่ลุงจะร้องไห้เพราะเสียดายรูปเมียลุงหนะ ลุงอยากเอาไว้ให้ลูกสาวได้ดูหน้าแม่เค้า ลุงไม่อยากให้ลูกลืมหน้าแม่” ฟังแล้วหดหู่กันเป็นแถบ

     “จะว่าไปก็เสียดายของบนรถเหมือนกันนะ คนสวยอยากร้องไห้” แมนนี่ก็เป็นไปกับลุงแล้ว

     ไม่ได้ๆ เราจะให้บรรยากาศหดหู่สิ้นหวังไม่ได้ เราจะเครียดไม่ได้

     “ไม่เป็นไรน่า ถึงเราจะเสียอะไรไปมันก็แค่ของนอกกาย เราก็ยังเหลือชีวิตอยู่นะ เราต้องสู้สิ ไม่เอาไม่เศร้า” เป็นไงคนหล่อพูดดีมัย “มันก็แค่รถ น้ำมัน น้ำดื่ม รูปเมียลุง เสื้อผ้า ยา ธนู ลูกธนู ปืน ดาบ มีด และเสบียงที่เราเพิ่งเสี่ยงชีวิตไปเอามาเอง จิ๊บจิ๊บ” รึป่าววะ...ทำมัยยิ่งพูดยิ่งรู้สึกอยากร้องไห้

     “เอิ่ม…พี่ครับ เกือบจะดีแล้ว หดหู่กว่าเดิมอีก” ง่า…จริงดิ แหะๆ พูดเพลินไปหน่อย เห็นกำลังเคลิ้มกัน

     “ ♪ร้องไห้!! กับฉันระบายออกจากหัวใจ!!♪”

     “มึงจะแหกปาก ทำมายยย!”

     “ก็ไม่อยากให้เครียดอะ”

     “กูเครียดกว่าเดิมอีก แม่งเสียงอย่างกับหมาเยี่ยวใส่สังกะสี” จะร้องไห้จริงๆ แล้วนะ พูดขนาดนี้เอาทีนมาลูบหน้ากันเลยดีกว่า เจ็บปวด
     



     แดดประเทศไทยอย่างกับไฟนรก ที่ว่านี่ไม่ใช่ว่าผมเคยไปนรกหรอกนะ แต่ผมคิดว่ามันคงไม่ต่างเท่าไหร่หรอก

     ตอนนี้ผมกำลังเดินย่ำต๊อก ท้าไฟนรกที่กำลังแผดเผาในเวลา 10 โมงเช้า กับลุงดำ และแมนนี่ อยากรู้ใช่มัยว่าเรามาทำอะไรกัน คนหล่อใจดีจะเล่าให้ฟังคราวๆ

     เรื่องมันมีอยู่ว่า หลังจากเมื่อเช้ามืดที่เราปรึกษากันยังไม่ได้ข้อสรุปนั้น ผมคิดว่าการคุยกันเมื่อเช้าเป็นการปรึกษากันนะ ใช่รึเปล่า หรือไม่ใช่ เออ…ช่างมันเถอะ หลังจากนั้น เราก็หาของกินในบ้าน แล้วปลุกทุกคนขึ้นมาปรึกษากันใหม่

     พอท้องเราอิ่ม สมองเรามันก็แล่นปื้ดๆ เราจึงได้ข้อสรุปว่า เอาแค่หลักๆ แล้วกัน เราจะไปหารถ น้ำมัน อาวุธ และสะเบียงใหม่

     คุณคงคิดว่า แค่นี้เอง ทำมัยที่แรกคิดไม่ได้ คุณต้องเข้าใจนะ ต้อนนั้นเราเพิ่งแหกขี้ตาตื่น สมองกำลังเบลอๆ บวกความหดหู่ไปด้วย อย่าว่าแต่คิดแผนเลย แค่พูดกันรู้เรื่องกันนี้ก็บุญแล้ว


     กลับมาปัจจุบันก่อน เรากำลังเดินหารถกันอยู่ เราไปทิศตะวันออกได้น้ำมัน เสบียงและอาวุธนิดหน่อย

     ตอนนี้เรากำลังเดินไปทางทิศเหนือ รถมันเยอะนะ แต่มันเล็กไปสำหรับคน 10 คน ไปไม่ได้นะสิ นั่งขี่คอกันยังยากเลย

     “เฮ้ย…ดูนั้นๆ คันนั้นใช่ได้นะ อัดๆกันหน่อยก็หมดแล้ว” แมนนี่พูดขึ้นอย่างตื่นเต้น

     ผมหันไปดูเป็นรถ ฮุนได เอช-วัน 9 ที่นั่ง เจ๋งไปเลย ถึงใจอยากได้รถใหญ่ก็เถอะ แต่เวลานี้ มันใช่เวลาที่จะเรื่องมากชะที่ไหน ขอแค่ไปกันได้หมดก็พอ

     รถถูกจอดทิ้งไว้ประตูปิดไม่สนิท มีคราบเลือดที่ประตูฝั่งคนขับ เอิ่ม…ดูจากสภาพแล้ว คงไม่ต้องขออนุญาตเจ้าของรถหรอก เพราะไม่น่าจะรอด



     ตอนนี้เวลาเกือบเที่ยงแล้ว หลังจากได้รถ เราก็ตระเวนหาน้ำมัน เสบียงและอาวุธเพิ่ม อาวุธที่เรามีตอนนี้เป็นอาวุธที่ใช้ในระยะประชิดทั้งนั้น ธนู ปืน หาไม่ได้เลย…หวังว่าจะไม่มีเรื่องร้ายๆ นะ

     ส่วนน้ำมัน คงต้องหาเพิ่มตอนเย็นๆ พร้อมกับหาที่นอน เราคงไม่เสี่ยงเดินทางตอนกลางคืนแน่ๆ

     รถเราเล็กเกินไป ถ้าชนซอมบี้เข้า รถคงเสียหาย ไม่มากก็น้อย ไม่เหมือนรถใหญ่ ไม่เอาเราจะไม่พูดถึงรถใหญ่ให้หดหู่ ไม่ๆๆ อย่าคิดเรื่องรถคันเก่าม่ายยย ไม่คิดๆๆ

     “อีอุ่น!! มึงจะเอาหัวโขกเบาะกูทำไม เดี๋ยวกูถีบลงรถเลย นั่งดีๆ!!” งะ ช่างไม่อ่อนโยนกับคนหล่อเลย  {ไรท์ : บางทีก็สงสารเค้านะคะ ฮาๆๆๆ}



     “เราจะเดินทางไปให้ถึงสมุทรสาคร แล้วหาที่พัก จะพักอยู่ที่นั่นเพื่อหาเสบียงและน้ำมันเพิ่ม เราไม่สามารถเดินทางตอนกลางคืนได้ มันอันตรายเกินไป” ผมบอกทุกคนเมื่อเราขึ้นรถเสร็จ

     รถเรามีลุงดำเป็นคนขับเหมือนเดิม ที่นั่งข้างคนขับเป็นแมนนี่ เบาะถัดมาเป็นลมหนาวกับมิว เบาะถัดมาอีกเป็นผม มิดไนท์ น้องบี เบาะสุดท้ายเป็นสองผัวเมียกับป้าริน

     เรานั่งรถออกมาได้ซักพักแล้ว เจอซอมบี้บ้าง ไม่มาก เพราะเราใช้เส้นทางนอกเมือง เราพยายามที่จะไม่ชนมัน ให้รถเกิดความเสียหาย

     “มัมคร๊าฟฟ! ขนมเราไปหนายหมดคราฟ” สงสัยจะหิวอีกละสิถึงถามหาของกิน ไอ้ตัวเล็กเอ้ยย

     “ขนมเราอยู่บนรถใหญ่ครับ” ผมบอกไปตามตรง

     “แล้วรถหย่ายๆ สีเหลืองๆ เราไปไหนคราฟ” เจ้าตัวเอียงคอถาม ตาแป๋ว น่ารักซะจริงๆ

     “ถูกคนไม่ดีขโมยไปครับ” ผมตอบพร้อมลูบหัวเจ้าตัวเล็ก

     “ใครคราฟ คนไม่ดี ใช่คนที่มากับเยา แล้วๆ หายไป ใช่ม่ายคราฟ” ฉลาดจริงเด็กคนนี้

     “ใช่ครับ เพราะงั้นอย่าเอาเป็นแบบอย่าง และอย่าไปเข้าใกล้คนไม่ดีนะครับ” ผมพูดพร้อมหอมแก้มเจ้าตัวเล็ก ซ้ายขวา

     “คิกๆ คราฟมัม” ผมอุ้มเจ้าตัวขึ้นมานั่งบนตักผมพร้อมกอดไว้

     “นอนเถอะ เดี๋ยวเย็นนี้มัมจะหาขนมมาให้”

     “สัญญานะคราฟ หาวว”

     “ครับสัญญา”




     เราได้ที่พักเป็นบ้านที่ติดกับทะเล มีรั้วกั้นไม่สูงมากนัก อยู่โดดเดี่ยวห่างไกลชุมชน โชคดีมากที่เราหาเจอ

     เหมือนเดิม ผม แมนนี่ และลุงดำ ออกหาของที่ต้องการ ให้ลมหนาวและมิวดูแลที่พัก เราขับรถไปเรื่อย จอดเฉพราะที่เราแน่ใจว่าปลอดภัย บางที่ของอาจจะเยอะ แต่อาวุธเรามันต๊อกต๋อยมาก อย่าเสี่ยงเลยดีกว่า ไม่คุ้มหรอก

     เราได้น้ำมันที่ปั้มน้ำมันเล็กพอสมควร ยังงัยพรุ่งนี้ก็ถึงราชบุรีแน่นอน

     “มาแล้วว ไหนใครบอกว่าอยากได้ขนม ใครน้าาา” ผมถือมันฝรั่งทอดชนิดนึงที่ยังไม่หมดอายุขึ้นมาโชว์

     “ไนท์ๆ ไนท์เอง ไนท์อยากกิน ให้ไนท์นะคราฟมัม” เจ้าตัวเกาะขาผม สงสายตาอ้อนขอขนม หึหึ เห็นแบบนี้ใครมันจะต้านทานไหว

     “นี้ครับ มันของไนท์แล้ว”

     “เย้ๆๆ ขอบคุณคราฟฟ รักมัมที่สุดเยย”

     “รักมิดไนท์เหมือนกันครับ” ผมก้มลงไปกอดเจ้าตัวเล็ก ก่อนปล่อยให้ไปกินขนม

     “อะนี้ของน้องบี” ผมเอาไปให้น้องบีหนึ่งห่อ

     “ขอบคุณค่ะพี่ไออุ่น” ผมลูบหัวน้องเบาๆ พร้อมยิ้มให้อย่างเอ็นดู

     “อะนี้ของมิว”

     “ขอบคุณค่ะพี่อุ่น” มิวยิ้มให้ผมเล็กน้อยแล้วเดินไปนั่งคนเดียว ผมหวังว่าสักวันน้องจะสามารถยิ้มได้อย่างมีความสุขสักที ขอให้มีวันนั้นเถอะ

     “อะนี้ของลมหนาว”ผมเดินเอาห่อสุดท้ายไปให้หนาว

     “พี่อุ่นเก็บไว้ให้น้องเถอะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้น้องอยากกินแล้วหาไม่ได้ สงสาร” เจ้าตัวพูดหันไปมองมิดไนท์น้องเล็กของบ้าน

     “ขอบคุณครับ ที่ช่วยพี่ดูแลน้อง เราเป็นพี่ชายที่น่ารักมากรู้มัย” ผมลูบหัวน้องชายผมพร้อมยีส่งท้ายไปหนักๆ ด้วยความรัก ฮาๆ

     “ผมยุ่งหมดแล้ว คนกำลังซึ่งแท้ๆ เลย” เจ้าตัวทำหน้ายู่ใส่ผม ครึครึ ลมหนาวเป็นคนอบอุ่นเสมอ เค้าดูแลน้องได้เมื่อผมต้องออกไปข้างนอก หรือไม่ว่าง เค้าจะคิดถึงผมกับไนท์ก่อนตัวเองเสมอ

      ขอเพิ่มอีกคนน้องมิว หนาวคอยดูแลในยามที่จิตใจน้องอ่อนแอ คอยอยู่เป็นเพื่อน คอยให้กำลังใจ จนมิวลุกขึ้นเดินต่อได้ เด็กผู้หญิงอายุ 12 ที่ไม่เหลือใครเลย ไม่มีกำลังใจที่จะใช้ชีวิต การจะทำให้เค้าลุกขึ้นมาเดินต่อได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะ ผมถึงบอกไงว่า อยากเห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของน้องอีกสักครั้ง

       “คุณเป็นยังไงบ้าง” ผมเดินเข้าไปถามสองผัวเมียที่นั่งอยู่บนโซฟา

      “ผมยังไหว ผมไม่เป็นไร แค๊กๆ” เค้าไอ ผิวก็เริ่มซีด ถ้าพรุ่งนี้ไม่ได้วัคซีนก่อนค่ำ…ไม่ดีแน่ ไม่ดีแน่ๆ

     “อดทนไว้นะครับ พรุ่งนี้เราจะไปถึงที่ค่ายก่อนเที่ยงแน่นอน คุณต้องอดทนไว้ อย่ายอมแพ้เด็ดขาด”ผมจับมือเค้าแล้วพูดอย่างจริงจัง “ถ้าหายแล้ว ผมจะพาไปตามหาคุณ สส. เดี๋ยวผมจะให้คุณชกเค้าคนแรกเลย นี่คุณได้รับเกียรติสูงสุดเลยรู้ไหม แมนนี่อยากกระทืบแทบตาย แต่ผมจะให้คุณก่อนเลย ฮาๆ” ผมก็คือผมแหละครับ ให้ดีไปจนสุดมันไม่ใช่แนวโผมมม ครึครึ

ออฟไลน์ Looktal1993tt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
[ต่อตอนที่ 3]

เราออกเดินทางตั้งแต่ตีห้า ตอนนี้เราเข้ามาเขตจังหวัดราชบุรีแล้ว

     เรากำลังหยุดรถเพื่อดูที่ตั้งของค่ายจากแผนที่ คิดว่าเรามาถูกทางแล้วนะ ถ้าดูจากแผนที่ อีกประมาณ เอ่อ…ไม่น่าจะเกินสองชั่วโมง นี่อย่างช้าสุดนะ

     “แค๊กๆ แค๊กๆ” เริ่มไอเป็นเลือดแล้ว ไม่ดี ไม่ดีเลย

      “อดทนอีกนิดนะครับ ทนอีกแค่นิดเดียว เราจะถึงแล้ว ลุงดำออกรถเลย ด่วนๆ เลยลุง” ผมหันไปเร่งลุงดำให้ออกรถ ต้องทันสิ ยังไงก็ต้องทัน

     “ไม่ต้องห่วง แค๊กๆ ผมจะอดทน แค๊กๆ ไว้” ไม่ดีเลย โอ้ยย ผมอยากจระเข้ฟาดหางไอ้ สส.นั้น

     “ลุงเค้าเป็นอาไรคราฟมัม” ไนท์ถามผมด้วยความสงสัย

     “ลุงเค้าไม่สบายครับ เรากำลังพาจะพาลุงไปฉีดยา จะได้หาย”

     “ลุงจะหายใช่ไหมคราฟ” ผมรู้น้องกลัวจะเป็นเหมือนคนที่เคยอยู่กับเรา อาการเดียวกัน แต่ไม่มีหวังที่จะได้รักษา แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้น เรายังมีหวัง แล้วก็ต้องทำให้ได้ด้วย

     “ใช่ครับ ลุงจะต้องหาย” ผมกอดน้องแล้วลูบหลังเบาๆ
     


     เราใกล้ถึงแล้ว ทำมัยช่วงนี้ถึงไม่มีซอมบี้เลยนะ มันแปลกมาก เราขับรถมาเกือบกิโลแล้ว หลังจากที่เจอซอมบี้ตัวสุดท้าย มันไปไหนกันหมดนะ หรือแถวนี้ใกล้ค่าย ทหารเลยฆ่าไปหมดแล้ว ต้องใช่แน่ๆ

     ต่อไปเป็นหมู่บ้านสุดท้าย ก่อนจะเข้าที่ตั้งของค่าย มีถนนใหญ่แค่เส้นเดียว แล้วก็มีซอยเล็กๆ หลายซอยอยู่ เราไม่รู้ว่าแต่ละซอยจะไปไหน เพราะเราไม่ใช่คนพื้นที่ รู้แค่ถนนสายหลักเท่านั้น

     เริ่มเจอบ้านคนแล้ว เราขับรถมาเริ่มเจออาคาร ร้านค้า เหมือนเป็นตัวอำเภอเลย มันน่าจะใหญ่กว่าหมู่บ้านแน่ๆ มีตึกแถวบ้างประปราย แต่ก็ยังไม่เจอซอมบี้เลย

     ขับมาอีกประมาณห้านาทีเริ่มมีซอมบี้ออกมาจากซอยตามหลังเรามา ออกมาดักรอเราบ้าง

      มันเริ่มเยอะขึ้น ไม่เอาน่า ไม่เป็นแบบนี้สิ มันเริ่มแปลกๆ แล้ว ทำมัยซอมบี้ถึงอยู่แค่แถวนี้

     “อีอุ่น กูว่ามันแปลกๆ แล้ววะมึงงง” กูรู้…กูกำลังภาวนาให้มันไม่ใช้อยู่!! พุทธโท ธรรมโม สังโฆ อย่าเลย อย่าเป็นอย่างที่คิดเลย

     “พี่อุ่นซอมบี้ตามเรามาเยอะมาก เริ่มออกมาดักรอแล้วด้วย” หนาวพูดด้วยสีหน้ากังวล ทำยังงัยดีๆ

     “♪สิไปต่อ หรือสิพอส่ำนี่ เว่ามาตี๋ ฟ่าวตัดสินใจ♪” {{แปล > จะไปต่อ หรือจะพอแค่นี้ พูดมาสิ รีบตัดสินใจ}}  อาม ชุติมา ก็มา…เอิ่ม…มันใช่เวลาไหมแมนนี่!! ไร้สาระ!

     “♪อยากจะหนี! หนี!! หนี๊!!!♪ ผลัก! โอ้ยย” เพลงหนี ของพริกไทย ยังไม่จบท้อนเลยโดนเขวี้ยงของใส่แล้ว แมนนี่ช่างใจร้าย

     “หุบปากมึงไปเลย หนวกหู!” ทีตัวเองยังร้องได้เลย เชอะ

     “เงียบไปเลยนะ แล้วไม่ต้องร้องเพลงขึ้นมาอีก ลุงขับไปเลย มีเทคนิคอะไรงัดมาใช้ให้หมดเลยลุง” ว่าผมแล้ว ก็หันไปคุยกับลุง

     …บรรลัยแล้ว…


     “นั่นมันรถลุงนี่หว่า จอดขวางทางเลยวะ ไม่มีทางไปต่อเลย เอาไงดีวะ ไอ้อุ่น ไอ้แมน” นี่มันไม่นุ๊กแล้วโว้ยย

     “กลับรถไม่ได้ด้วยลุงข้างหลังเพียบเลย” แมนนี่พูดขึ้นอย่างร้อนรน

     “เราต้องลงจากรถแล้วหละ เราไม่มีทางเลือก เราต้องขึ้นไปบนอาคารก่อน” ข้างหลังเราซอมบี้ไม่ต่ำกว่า 50 ที่กำลังออกมาจากรถใหญ่ และซอยข้างหน้าอีก ทางรอดเดียวของเราคือขึ้นไปที่อาคาร

     “แมนนี่ไปเปิดประตูตึกข้างหน้านั้น หนาวพาไนท์ไป มิวดูบี เดี๋ยวพี่จะดูคนที่ลงรถตามหลังไป พร้อมนะ เราไม่มีเวลาแล้ว ไป!!”

      พอรถจอด แมนนี่ลงรถเป็นคนแรกเพื่อไปเปิดประตูตึก

     “อุ่นมันคล้องกุญแจไว้!!” แมนนี่ตะโกนกลับมา

     “เอามีดฟันไปเลย!!”ผมตะโกนกลับไป ดีที่รถเราเร็วซอมบี้เลยตามเรามาช้า แต่พวกที่อยู่แถวนี้ นี่สิ

     “มีดอยู่กับผมครับ” หนาวถือมีดใหญ่วิ่งไปพร้อมไนท์ ดีที่ไนท์รู้สถานการณ์ จึงทำตามที่หนาวบอกทุกอย่าง ไม่งอแง

     ผมช่วยผัวเมียคู่นั้นลงมาได้แล้ว ในรถเหลือแค่ป้าริน “ป้าเร็วๆ ครับ” ผมเร่งป้าให้รีบออกจากรถ

     ผมพาป้าออกมาได้แล้ว โอ้ยย แม่งเอ้ย มันกัดแขนผม ผมถีบมันออก เอามีดยาวฟันแขนมัน มีดมันไม่ได้ยาวเหมือนดาบ จะให้ตัดคอคงยาก

     “ป้ารินไป เดี๋ยวผมกันมันไว้” ป้ารินวิ่งไปหาพวกของเราที่ออกันอยู่หน้าประตู แมนนี่ยังเปิดประตูไม่ได้เลย ถ้าเปิดไม่ได้ถายในหนึ่งนาที งานเข้าแน่ พวกมันวิ่งเยาะๆ มาใกล้ถึงแล้ว ซอมบี้วิ่งเท่ากับเราเดินเร็วนั้นแหละ ยกเว้นบางตัวที่เร็วกว่านั้น แต่ส่วนน้อยนะ

     บ้าเอ้ย ผมพยายามตัดคอซอมบี้ด้วยมีดยาว ผมถีบให้มันล้มลงไป แล้วตัดคอ ตัวหนึ่งเสร็จไป ตัวสอง สามก็เข้ามา ผมได้แค่กระโดดถีบ แล้วฟันไปทั่ว ไม่ไหวแน่ๆ ถ้าไม่รีบเข้าไปในตึก

     “โอ้ย”

     “หนาว!!” หนาวกำลังโดนมันกัด ผมวิ่งไปถีบตัวที่กัดออกก่อน แล้วใช้แขนล็อกคออีกตัวออกมา เราไม่มีอาวุธที่ดีพอจะฆ่ากัน ได้แค่กัน มันออกไปเท่านั้น

     มันหลุดออกจากหนาวแล้ว ไอ้ตัวที่ล้มไปลุกขึ้นมาใหม่ แต่โดนหนาวถีบลงไปอีกรอบ พร้อมใช้มีดที่ผมทำร่วงไปฟันคอมันออก

     “โอ้ย” ป้ารินโดนซอมบี้สองตัวกัด ทุกคนกันเด็กไว้ข้างหลัง พยายามกันซอมบี้ไว้ จนสุดความสามารถ

     “ป้าริน” ผมจะวิ่งไปช้วยป้าริน แต่ซอมบี้มันเข้ามาหาผมสองตัว ผมไปหาป้าไม่ได้ แค่กันไอ้สองตัวนี้ ไม่ให้เข้าไปหาเด็กๆ ยังยากเลยผมหันไปมองป้าด้วยสีหน้าเศร้า แต่ป้ารินกลับยิ้มให้ผม สายตาป้าทำให้ผมกลัว ไม่นะป้าริน อย่าเป็นอย่างที่ผมคิดเลย

     “ปล่อยป้าไปเถอะ…ป้า อยากไปอยู่กับครอบครัวของป้า ช่วยน้องๆ ให้รอดนะ ลาก่อน…โอ้ยย…” ไม่ๆๆๆ ต้องไม่เป็นแบบนี้ ผมวิ่งไปหาป้าไม่ได้ ผมกันซอมบี้ออกจากเด็กๆ อยู่

     “ป้าริน!! ไม่!!” ป้าไปแล้ว ซอมบี้นับสิบที่ตามมาถึงก่อนกรูกันเข้าไปหาป้า จนมองไม่เห็นตัวของป้าแล้ว…

     “เปิดออกแล้ว!!” เสียงของแมนนี่เรียกสติของผมกลับคืนมา ผมผลักซอมบี้ทั้งสองตัวที่ผมลัดคอไว้ลงพื้นแล้ววิ่งไปช่วยดึกซอมบี้ไว้ให้ทุกคนเข้าไปข้างในตึก

     โอ้ย กัดอยู่ได้ ผมยันมันออกไป พยายามดึงตัวที่จะตามเข้าไปข้างในออก

     “พี่อุ่นเข้ามา!!” หนาวตะโกนมา ทุกคนเข้าไปกันหมดแล้ว ก็อยากเข้าไปนะแต่มันเข้าไม่ได้ ผมล็อกสองตัวด้วยแขน หลังผมติดกับประตูทางเข้า แต่ผมเปิดมันไม่ได้ ตัวหนึ่งกัดขาผม ผมถีบมันออกไป

     ผลัก!! แมนนี่เปิดประตูออกมา ถีบไอ้ตัวที่จะเข้ามากัดผมออก ผมผลักสองตัวในแขนออก แล้วแทรกเข้าประตู

     โอ้ยย มันกัดแขนผมอีกแล้ว ประตูมันปิดไม่ได้ผมเลยถีบมันอยู่หลายรอบกว่าจะปล่อย แขนผมเยินน่าดู มีแต่รอยกัด เลือดไหลเป็นทาง น่าเกลียดชะมัด

    เราเอาเหล็กมาคัดประตูไว้เลื่อนตู้ โต๊ะมากันไว้ ผมเอาผ้ามาพันห้ามเลือดไว้ คงไม่โดนเส้นเลือด ไม่งั้นเลือดคงออกเยอะกว่านี้

     พวกมันชนประตู และดันมาเรื่อยๆ อีกไม่นานคงพัง

    “ป้ารินละคะ” น้องบีถามขึ้นมาเมื่อมองรอบตัวแล้วไม่เจอป้าริน

     “ป้ารินไปอยู่กับครอบครัวแล้วครับ” ผมบอก และลูบหัวน้องไป

     “ฮึก…ฮึก…”น้องบีสะอื้น แต่ก็เอามือปิดปาก พยายามไม่ส่งเสียงร้องไห้ออกมา

     ลมหนาวน้ำตาไหลโดยไม่ได้ส่งเสียงร้องไห้ออกมา เช่นเดียวกับน้องมิว แมนนี่หันหน้าหนีไปทางอื่น

     “ป้ารินไปอยู่กับครอบครัวแล้วหรอคราฟ ป้ารินคงมีฟามสุขที่ได้อยู่กับครอบครัว” น้องไนท์พูดออกมา เหมือนจะปลอบใจทุกคน ผมไม่รู้ว่าน้องคิดอะไรอยู่ ไม่รู้ว่าน้องเข้าใจความหมายของมันมากน้อยแค่ไหน

     ผมเดินเข้าไปลูบหัวไนท์แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “ใช่ครับ ป้ารินต้องมีความสุขอยู่แล้วที่ได้อยู่กลับครอบครัว ป้ารินแกไปแล้ว มีแต่เรานี่แหละที่ต้องสู่ต่อไป เข้าใจไหมครับไนท์” ผมพูดเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน

     “ครับไนท์จะสู้!!” เจ้าตัวเลขชูกำปั้นขึ้นจะสู้

     “เอาหละ ประตูมันกันได้ไม่นาน เราต้องหาทางออกจากที่นี้” ผมบอกทุกคน เราไม่มีเวลาที่จะเศร้ากันหรอก ทุกนาทีหมายถึงความตาย เราต้องหาทางรอดให้ได้

     “ขึ้นไปสำรวจชั้นบนก่อน เผื่อมีทางออกด้านหลัง” ชั้นหนึ่งไม่มีทางออกด้านหลังเลย มีแต่ด้านหน้า

     ตึกที่เราอยู่เหมือนตึกแถวให้เช้าเปิดร้านด้านล่าง ด้านบนเหมือนที่พัก เราเดินสำรวจไปเรื่อยๆ เพื่อหาทางออก ก่อนที่ประตูจะพัง ถ้าประตูพังแล้วไม่มีทางออก ก็เหมือนขังตัวเองไว้กับซอมบี้

     ผมให้หนาวและมิวดูประตูทางเข้าไว้ ระหว่างเดินหาทางออก

     ไม่มี ไม่มีทางออกด้านหลังเลย มีแค่ด้านหน้า โธ่เว้ยย!!

     “พี่อุ่นคะ ประตูจะพังแล้วค่ะ มันดันกันมาไม่หยุดเลย” น้องมิววิ่งขึ้นมาบอกผม

     ผมวิ่งลงไปดูประตู มันจะพังจริงๆด้วย ไม่นะ เราไม่มีทางออกเลย เราจะตายที่นี้ไม่ได้ น้องผมต้องรอดสิ

     “แค๊กๆ แค๊กๆ” ผู้ชายคนนั้นไอเป็นเลือดออกมาเยอะมาก เวลาจะหมดแล้ว

     หรือเราจะไปต่อไม่ได้จริงๆ เราจะจบที่ตรงนี้เหรอ เราจะไม่รอดจริงๆเหรอ มำมัยนะ ทำมัยต้องเป็นแบบนี้

     แมนนี่เดินลงมาจากข้างบนกับลุงดำด้วยใบหน้าเศร้าๆ ไม่เจอทางออกเหมือนกันสินะ

     ผมเดินเข้าไปกอดลมหนาวที่กำลังกอดมิดไนท์ มือข้างนึงผมจับมือน้องมิวไว้ เช่นเดียวกับลมหนาวที่จับมืออีกข้างของมิว

     ผมหันไปมองหน้าแมนนี่ผมยิ้มให้มัน มันก็ยิ้มตอบกลับมาให้ผม

     ตึง ตึง ตึ้ง!! ประตูกำลังพังลง จบแค่นี้สินะ…



     ปัง ปังๆ ตู้ม เราทุกคนสะดุ้งกับเสียงปืนและระเบิด เสียงดังรัวยังกับหนังสงคราม

     ปืน? ระเบิด? หรือว่า…ตึ๊งง!!!

     ประตูเปิดออก พร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตู รูปร่างหน้าตา

     “หล่อ คม จมูกโด่ง กล้ามเป็นกล้าม ฮือ” เอ่อ…นั่นแหละครับอย่างที่แมนนี่มันบอก หล่อพอๆ กับผมนั้นแหละ

      เปิดประตูออกแล้วแต่ไม่พูดอะไร กวาดสายตามองเราด้วยหน้านิ่งๆ

    “คือ..”

     “ออกมาได้แล้ว” ผมยังพูดไม่จบเลย พูดตัดผมแล้วก็เดินไป ครับ…เอาที่พี่สบายใจเถอะครับ ไม่ต้องบอกอะไรพวกผมหรอก พวกผมตรัสรู้เองได้…

     ข้างนอกซอมบี้นอนตายเกลื่อนกลาด เราเดินตามมนุษย์หน้านิ่งมา

     ผลัก!! “แหวะ แค๊กๆ แหวะ” ผู้ชายคนนั้นล้มลงไปแล้ว

     “ฮือ…อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ อยู่กับฉันก่อน ฮือ” เมียแกกอดแกร้องไห้หนักมาก ผมกำลังจะหันไปขอความช่วยเหลือจากนายหน้านิ่ง แต่เค้าถามขึ้นมาซะก่อน

     “ติดเชื้อเหรอ” เข้าถามผมด้วยหน้านิ่งๆ นั้น

     “ใช่ครับ”

     “แล้วทำมัยไม่บอก!! จะรอให้ตายก่อนรึงัย!! หมอเอาวัคซีนมาฉีดให้เค้าด่วน” แล้วหันมามองผมอย่างไม่สบอารมณ์ เหมือนผมเป็นคนผิด

     ตูผิดอะไร What ?

     หมอมาฉีดวัคซีนให้เค้าแล้ว หมอบอกว่าอาการจะดีขึ้นเรื่อยๆ ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้ฉีดแล้วหายเลย ต้องรอสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ ถึงจะหายขาด

     ไม่แฟร์เลย ทีกัดไม่เกิน 48 ชั่วโมงก็กลายเป็นซอมบี้แล้ว แต่รักษาดันใช่เวลาตั้งนาน

     “มึง!! หล่อมาก งือ” เอาเข้าไปบิดเข้าไป แขนขาบิดเข้าไป ถามจริงนี่มึงเขินหรือปนลมบ้าหมูวะเนี่ย เห็นแล้วเพลีย

     “กูหล่อกว่าอีก” บอกไปอย่างเชิดๆ ก็คนมันหล่ออะ จะทำมัย

     “มึงช่างกล้าเอาตัวเองไปเทียบกับเค้า ไหนบนหน้าตรงไหนคะ ที่ว่าหล่อ ไม่เห็นจะมีเลย ตื่นค่ะ ตื่น” เจ็บปวดกว่าโดนซอมบี้กัน ก็โดนแมนนี่กัดนี่แหละ

     “จะคุยกันอีกนานไหม ถ้าไม่ไปจะได้ทิ้งไว้ที่นี้” ไอ้น่านิ่งงงง คือทุกคนขึ้นรถทหารกันแล้ว หรือแค่ผมกันแมนนี่

      “ขอขึ้นไปเอาของที่รถบัสคันข้างหน้าได้ไหม” ผมพยายามใจเย็น แล้วบอกสิ่งที่ต้องการออกไป ผมยากขึ้นไปเอาธนูกับดาบ ไม่มีอาวุธ แล้วรู้สึกไม่ปลอดภัย

     “เรื่องมาก” อ่าววว…ไอ้ทหารหน้านิ่ง ซอมบี้ไร้ความรู้สึก “เดี๋ยวเค้าก็ขับไปจอดที่ค่ายอยู่แล้ว จะขึ้นไปทำมัยตอนนี้ให้เสียเวลา คนอื่นเขารอ” แล้วกูจะรู้ไหมไอ้หน้านิงงงง อยากจับโยนให้ซอมบี้กินจริงๆ นี่ถ้าไม่ติดว่ามาช่วยนะ ฮึยย

     “ครับ” ผมยิ้มแบบฝืนๆ กลับไป ไม่ได้กลัวนะบอกไว้ก่อน แค่เห็นบุญคุณ เชอะ

     “หึหึ” หัวเราะอะไรวะ แม่งหัวเราะได้น่าสยองขวัญมาก ผมก็เคยหัวเราะนะไอ้สองหึเนี่ย แต่ไม่ได้สยองแบบนี่ป่าววะ แถมไอ้รอยยิ้มมุมปากนั้นด้วย

     …ซักไม่ชอบหน้านิ่งๆ นั้นแล้วสิ หมั่นไส้…
     

ออฟไลน์ Looktal1993tt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตอนที่ 3 ต้องแบ่งลงสามครั้งแหนะ กว่าจะลงได้
 :katai4: o22

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ยาวจุใจมาก
ปรกติชอบหนังแนวซอมบี้อยู่แล้ว แต่เป็นนิยายวายเพิ่งเคยอ่าน
เรื่องนี้ตลกมากกว่าน่ากลัว 5555 :katai3:
ปล หมั่นไส้ลุงสส.กับลูกสาวมากกกก ขอให้กลายเป็นอาหารซอมบี้ไวๆ!

ออฟไลน์ Looktal1993tt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
- 4 -


[ธาม]

     เกือบไป เกือบไม่ทัน ถ้ามาช้าอีกนิดเดียว ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น

     ถึงผมเคยบอกว่าด้านชากับความสูญเสียแล้ว แต่ต้องมาเห็นเด็กๆ เป็นอะไรไป ด้านชาแค่ไหนก็ต้องรู้สึกบ้างแหละ เด็กไร้เดียงสา ที่พยายามเอาชีวิตรอดในโลกที่โหดร้าย ไม่มีพ่อแม่คอยปกป้อง ต้องคอยดูแลกันเอง ผมนับถือพวกเขานะที่มาได้ไกลขนาดนี้

      “จ่าเอาศพกลับทำมัย” ผมถามจ่าที่กำลังใช้ถุงห่อศพขึ้นหลังรถกระบะ

     “คือ เด็กๆ ขอร้องผมให้นำศพกลับไปด้วยนะครับ เด็กบอกอยากฝังป้าไว้ในที่ดีๆ คือผมสงสารครับผู้กอง ถ้าผมไม่ทำตามเด็กๆ ต้องเสียใจแน่ๆ” จ่าพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ เหมือนกลัวความผิดอะไรซักอย่าง

     “พอๆ แค่ตอบว่าเด็กๆขอ ก็พอแล้ว พูดอะไรยืดยาว” ผมส่ายให้กับความคิดเยอะของจ่า ผมแค่ถามเพราะสงสัยแค่นั้นเอง

     “แหะๆ ครับผู้กอง” เมื่อจ่านำศพขึ้นรถเรียบร้อย ผมจึงได้ถามเรื่องงาน

     “ทุกอย่างเรียบร้อย ดีใช่ไหม”

     “เรียบร้อยดีครับ ซอมบี้ที่ได้ยินเสียงปืน จะตามเสียงปืนมาที่นี้คงไม่เยอะเท่าไหร่แล้วครับ” ก็เพราะพวกมันมาตั้งแต่ได้ยินเสียงระเบิดแล้วนิ

     “แล้วอาวุธเราหละ” อาวุธเราเหลือน้อยลงเรื่อยๆ แล้ว

     “ใช้ไปเยอะพอสมควรครับ” คงต้องหาเพิ่มแล้วสินะ

     “จัดการเรื่องข้าวเสร็จ ค่อยไปดูที่นครสวรรค์ ที่นั้นคงมีอาวุธเยอะพอสมควร”อาวุธที่เราใช้อยู่ปัจจุบันนี้ หาจากราชบุรี ใช้จนกระสุนจะหมดอยู่แล้ว

     “ไปบอกทุกคนขึ้นรถ เราจะกลับค่ายกัน ให้คนขับรถบัสนั้นไปค่ายด้วย”

     “ครับ ผู้กอง” ทุกคนขึ้นรถกันจะหมดแล้ว เหลือแค่

     “จะคุยกันอีกนานไหม ถ้าไม่ไปจะได้ทิ้งไว้ที่นี่” หนึ่งในนั้นหันมายิ้มให้ผม แล้วรีบวิ่งขึ้นรถ ดูแล้วน่าจะเป็นผู้ชายที่มีจิตใจเป็นผู้หญิง ผมไม่ได้มีอคติกับเพศที่สามนะ ผมมองคนที่นิสัยมากกว่าเพศ

     แล้วอีกคนเป็นด้วยรึเปล่า มีสิทธิ์นะ หน้าหวานกว่าผู้หญิงอีกถ้าไว้ผมยาว ผมสั้นแบบนี้ออกแนวเกาหลีหล่อใสมากกว่า

     “ขอขึ้นไปเอาของที่รถบัสคันข้างหน้าได้ไหม” ลักษณะการพูดไม่ได้ออกสาวเหมือนเพื่อน แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่คอยชอบผมเท่าไหร่

     “เรื่องมาก” หึ ดูทำหน้าเข้าสิ คงอยากด่าผมจะแย่ “เดี๋ยวเค้าก็ขับรถไปจอดที่ค่ายอยู่แล้ว จะขึ้นไปทำมัยตอนนี้ให้เสียเวลา คนอื่นเค้ารอ” ถึงไม่ได้พูดออกมาผมก็อ่านสีหน้าออก คงอยากจะตอบกลับผมว่ากูจะรู้ได้ไง แต่ก็คงยังเกรงใจผมอยู่

     “ครับ” ดูท่าจะรั้นใช่เล่น หน้าใสๆ เวลาหงุดหงิดโมโหมันหน้าดูเหมือนกันนะ

     “หึหึ” ท่าจะหมั่นไส้ผมมากทีเดียว เล่นกับเด็กนี่ก็หนุกดี หึ

     
     เราขึ้นมาบนรถกันหมดแล้วผู้รอดชีวิตที่เรารับมามีทั้งหมด 9 คน เสียชีวิต 1 คน ในผู้รอดชีวิตมีเด็ก 4 คน วัยรุ่น 2 คน ผู้ใหญ่ 3 คน

     ถ้ารู้ว่าไม่ได้ไปภูเก็ตภายใน 2 เดือนนี้ คงไม่โวยวายเหมือนคนก่อนหน้านะ เพราะมันน่าเบื่อมาก

     “พี่ชายๆ คราฟ” มีเด็กตัวเล็กมาดึงชายเสื้อผมอย่างกล้าๆ กลัวๆ น่ารักซะจริง ดูแล้วอายุไม่น่าเกิน 7 ขวบ

     “ครับ” ผมนั่งลงให้สายตาอยู่ระดับเดียวกัน

     “ขอบคุณคราฟที่ช่วย ไนท์ให้” หนูน้อยยื่นขนมให้ผมหนึ่งถุง เป็นมันฝรั่งทอดยี่ห้อดัง

     “ไม่เป็นไรครับพี่เต็มใจช่วย ไม่ต้องให้ของพี่หรอก” ทั้งอยากให้ ทั้งทำหน้าเสียดาย น่าเอ็นดูซะจริง

     “รับไปเถอะครับ ไนท์เค้าอยากตอบแทนจริงๆ” น่าจะพี่ชายของเจ้าตัวเล็กพูดขึ้น ดูท่าทางตั้งมั่นนั้นสิ ใครจะปฏิเสธลง

     “ขอบคุณครับ แต่พี่คงกินไม่หมดแน่เลย มาช่วยพี่กินหน่อยได้ไหม” เจ้าตัวทำหน้าดีใจที่ผมชวน

     จ่ามองหน้าผมเหมือนไม่อยากเชื่อว่าผมจะอ่อนโยนเป็น

     ผมไม่ใช่คนแข็งกระด้าง อ่อนโยนไม่เป็นนะ แค่ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เรื่องราวต่างๆ มันทำให้ผมเป็นแบบนี้ ผมไม่มีเหตุผลต้องยิ้มหรือหัวเราะ ไม่มีเหตุผลต้องอ่อนโยน เกือบทุกวันของผมหมดไปกับการฆ่าซอมบี้

      แต่เด็กคนนี้น่ารักเกินกว่าจะเย็นชาใส่ เค้าดูบริสุทธิ์เหมือนดังผ้าขาว สดใสแม้ในบรรยากาศที่หน้าหดหู่นี้

     “ก็พูดดีๆ เป็นนิ ชิ” เสียงเบาๆ เหมือนบ่นกับตัวเองลอยเข้าหูผม คงไม่ต้องบอกนะว่าใคร มีคนเดียวแหละที่กำลังหมั่นไส้ผมตอนนี้

     “พูดดีๆ พูดเป็น แต่พอดีเลือกคนพูดหนะ” เจ้าตัวทำหน้าเหลอหลา แล้วหันหน้าออกนอกหน้าต่างรถพร้อมปากที่ขมุบขมิบบ่นอะไรไม่รู้ หึหึ

     ผมเลิกสนใจ แล้วหันมามองเด็กที่รอขนมอยู่ตรงหน้า

     “ชื่อไนท์เหรอเรา” เจ้าตัวเล็กทำตาแป๋วตอบกลับมา

      “ใช่คราฟ ผมชื่อมิดไนท์ นี่พี่ชายชื่อ ลมหนาว มัมที่นั่งนู้น ฉวยๆนู้นชื่อมัมไออุ่นครับ” หือ มัม? แม่ ทำมัยถึงเรียกแม่หละ อยากเป็นแม่คนเลยให้เด็กเรียกแม่เหรอ

     “มัม?” ผมเผลอถามออกไป แต่เจ้าตัวโต หรือลมหนาวนั้นเป็นคนตอบข้อสงสัยของผม

     “คือพี่อุ่นหน้าเหมือนคุณน้า คือแม่ของไนท์หนะครับ ไนท์เลยเรียกพี่อุ่นว่ามัม” อ๋อ หน้าหวานเหมือนแม่เด็ก หึหึ นึกว่าอยากเป็นแม่ซะอีก ผมพยักหน้าเข้าใจ

     ผมเปิดขนมนั่งกินกับเจ้าตัวเล็กมิดไนท์ จนถึงค่าย ก่อนเข้าไปในค่าย พวกเขาขอไปฝังศพที่เราพามา ที่ใต้ต้นไม้หน้าค่ายก่อน

     บรรยากาศโศกเศร้า แต่ไม่มีเสียงร้องไห้ มีแค่น้ำตาที่ไหลออกมาอย่างเงียบๆ ดูท่าพวกเขาคงเจอความสูญเสียมาไม่น้อยเหมือนกัน ถึงจะเสียใจ แต่ก็ยังดูเข้มแข็งอยู่

     เมื่อบอกลาเสร็จแล้ว ก็เป็นช่วงเดียวกันกับรถบัสมาถึงพอดี

     “พวกเราขอขึ้นไปเอาของได้ไหมค่ะ สุดหล่อ” คนที่ออกสาวถามผมมา

     “ของอะไร มันไม่ใช่รถพวกคุณนิ” รถคนนี้เป็นรถที่สองพ่อลูกขับมา

     “นี่รถพวกเราค่ะ แต่มีอีพวกใจหมา เอ้ยย ใจร้ายขโมยของมา เราก็อุตสาห์ช่วยไว้แท้ๆ ยังมาขโมยรถเราได้ลงคอ” คนที่ออกสาวเล่าให้ผมฟัง สรุปแล้วสองพ่อลูกนั้นเป็นตัวปัญหาจริงๆ สินะ

     ผมพยักหน้าเข้าใจแล้วให้ทุกคนขึ้นไปขนของของตนลงมาจากรถ ของเยอะใช่เล่น ทั้งเสื้อผ้า ของใช้ เสบียง อาวุธ

     ธนูมีหลายคันมาก ดูแล้วไม่ต่ำกว่า 5 คัน ทำมัยเยอะขนาดนั้น

     “ชอบยิงธนู” ผมทำสีหน้าสงสัย และถามไออุ่นไป แต่เจ้าตัวทำเป็นไม่สนใจ มองไปทางอื่น หึ กวนซะจริง

     “ใช่ค่ะ พวกเราชอบยิงธนูมากกก นี่พวกเราก็เข้าแคมป์คัดตัวทีมชาติอยู่ แต่ดันมีเรื่องซอมบี้ก่อนเลยอดเป็นนักกีฬาทีมชาติเลย” เจ้าตัวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “ว่าแต่คุณทหารชื่ออะไรค่ะ เห็นแต่เค้าเรียกผู้กองๆ”

     “ผมชื่อธาม ดูแลที่นี้” ผมตอบกลับไปสั้นๆ

     “ชื่อแมนนี่นะค่ะ ส่วนอีผู้ชายหน้าสวยคนนี้ชื่อไออุ่น” คนที่ชื่อแมนนี่แนะนำตัวเอง และคนข้างๆ แต่คนถูกแนะนำคงไม่ชอบที่บอกว่าหน้าสวยเท่าไหร่

     “หล่อๆ ไม่ใช่สวย บอกกี่ทีแล้ว เชอะ” มีทำหน้างอนอีก ยิ่งทำแบบนี้ใครที่ไหนจะมองว่าหล่อ

     “ยะ เกลียดคนไม่ยอมรับตัวเอง เอาหละค่ะเลิกสนใจมัน มาแนะนำคนต่อไปดีกว่า เด็กน่ารักนั่นมิดไนท์ พี่ชายที่ยืนข้างๆชื่อ ลมหนาว ผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ด้วยกันชื่อมิว” แล้วเจ้าตัวก็หันมาแนะนำคนอื่นๆ จนหมด

     ผมให้ทุกคนเข้าไปพักข้างในก่อนจะคุยรายละเอียดเรื่องที่ต้องไปกาญจนบุรี

     แต่ผมลืมนึกว่า คนที่ขโมยรถพวกเขาอยู่ด้านในด้วย ชิบ…

     “นี่พวกแกมาได้ยังงัย!!” นั้นไงเสียงมาแล้ว เป็นเสียงของผู้หญิงชื่อโรสดังขึ้นมาก่อน

     “ฉันก็จะมาตบพวกหัวขโมยงัย หนอยย… ไอ้เราก็อุตสาห์สงสารเลยช่วยมา ดันมาหักหลังกันซะนี่ พวกไม่สำนึกบุญคุณ ต้องตบล้างน้ำ” เสียงแมนนี่ตามมาติดๆ ผมเดินเข้าไปยืนดูสถานการณ์ อยากรู้ว่าสองพ่อลูกนั้นจะทำยังงัย

     “อย่าเข้ามานะพวกชั้นต่ำ” เธอถอยหนีไปหลบหลังพ่อตัวเอง

     “ถ้าเป็นพวกชั้นสูงแล้วนิสัยต่ำๆ แบบนี้ ฉันยอมเป็นคนชั้นต่ำซะดีกว่า” แมนนี่เดินเข้าไปหาสองพ่อลูก คนอื่นๆ แค่ยืนมองไม่เข้าไปห้าม

     “จะทำอะไรลูกชั้น หยุดนะ ไอ้ผิดเพศ” แมนนี่เปลี่ยนเป้าหมายทันที

     “ผิดเพศใช่ไหม โดนไอ้คนผิดเพศต่อยซักหน่อยก็แล้วกัน” ผลัก!! โดนเต็มๆ ไปหนึ่งหมัด หึหึ มือหนักใช่เล่น

     “เออ ผู้กองจะไม่ห้ามซักหน่อยเหรอครับ” จ่ายืนอยู่ข้างๆ ผม ถามขึ้นมาด้วยสีหน้ายุ่งยาก ไม่ยุ่งยากได้ไงเสียงหนวกหูใช่ย่อย จนทุกคนต้องออกมาดู

      “จ่าก็ห้ามสิ” ผมทำหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน ถึงจะหนวกหูมากก็เถอะ สุดท้ายจ่าก็เข้าห้ามทัพ เมื่อทุกอย่างดูจะลงตัวแล้ว ผมจึงไปชี้แจงเรื่องเดินทางไปกาญจนบุรีให้ทุกคนทราบ

ออฟไลน์ Looktal1993tt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
[ต่อตอนที่ 4]


       ตอนนี่เราอยู่กันที่โรงอาหารของค่ายหรือคุกในอดีตนั้นเอง เรามาเพื่อประชุม เตรียมความพร้อมและความเข้าใจ

     “เราจะเดินทางไปภูเก็ตในอีกสองเดือนข้างหน้า แต่ก่อนจะถึงเวลานั้นต้องไปกาญจนบุรี เพื่อเก็บเกี่ยวข้าว และผลผลิตทางการเกษตร เพื่อเป็นเสบียงให้คนบนเกาะ และคนในค่ายต่างๆ ในโซนภาคกลาง ทุกคนต้องช่วยกัน ไม่ใช่อยู่เฉยๆ รอเวลา” คนเก่าไม่มีปัญหาเพราะรู้อยู่แล้ว แต่คนใหม่ที่เพิ่งมานี่สิ

     “เราต้องไปเกี่ยวข้าวหรอค่ะผู้กอง โรสทำไม่เป็นนะคะ” เธอทำเสียงออดอ้อนใส่ผม

     “ไม่เป็นก็หัดสิยะ จะไปนอนเป็นง่อยรอเวลารึไง ไร้ประโยชน์ ชิ” แมนนี่เชิดใส่ ดูท่าคนโดนว่าจะเคืองไม่น้อย

     “ฉันไม่ได้พูดกับแกยะ ฉันพูดกับผู้กองต่างหาก”

     “พอได้แล้ว เราไม่ต้องเกี่ยวข้าวเองเพราะมีรถเกี่ยวอยู่แล้ว แต่ต้องคอยดูแลผัก และผลไม้ ช่วยอะไรได้ก็ช่วยๆ กัน” กลุ่มที่มาวันนี้ไม่มีปัญหาอะไร บอกยังไงก็ได้ หึ พูดง่ายดีแฮะ

     แต่ดูท่าการอยู่ร่วมกันในเวลาสองเดือนนี้คงวุ่นวายวายพิลึก

     “ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนได้ เราจะออกเดินทางกันตอนเช้า ส่วนคนที่ยิงธนูได้อยู่ก่อน” เมื่อคนอื่นๆ ไปแล้ว ผมก็คุยธุระต่อทันที

     “มีอะไรเหรอขอรับ คุณท่านผู้กอง” คงไม่ต้องสงสัยนะว่าใครพูด กวนๆ แบบนี้มีคนเดียวนั้นแหละ

     “เธอ…โอ๊ะ…โทษที เห็นหน้าหวานๆ นึกว่าผู้หญิงหนะ” จากหน้ากวนๆ เปลี่ยนเป็นหน้าหงิกไปซะแล้ว หึหึ “ฉันเห็นลูกธนูพวกเธอเป็นไม้ไผ่ที่ทำขึ้นเอง มันฆ่าซอมบี้ได้เหรอ” ผมเห็นลูกธนูมีทั้งเป็นลูกที่หาซื้อได้ตามร้าน และทำขึ้นเองผสมกันอยู่

     “อยากลองดูไหมหละคุณผู้กอง ว่ามันจะปักกะโหลกได้ไหม” หน้าเชิดๆ ท้าทายนั้น มันหน้าแกล้งซะจริง

     “แหะๆ ผู้กองอย่าถือสาคนบ้าเลยนะคะ อีอุ่นก็บ้าอย่างนี้แหละ” คนถูกบอกว่าบ้าฮึกฮักขัดใจเพื่อนตัวเอง

     “ผมคงไม่ลองกับตัวเองหรอก เพราะผมมีค่ามากเกินกว่า จะใช้เป็นเป้าลองลูกธนูหนะ” เห็นคนหงุดหงิดแล้วสบายใจแปลกๆ แฮะ

      “แล้วผู้กองมีอะไรหรอครับ” เด็กที่ชื่อลมหนาวพูดขึ้นมาบ้าง

     “ฉันอยากใช้ฝีมือการยิงธนูพวกเธอ ในการคุ้มครองคนที่ออกไปทำงานในไร่นาหนะ เสียงปืนมันดังเกินไป ฉันไม่อยากให้ซอมบี้ได้ยิน ถึงเราจะมีกระบอกเก็บเสียง แต่ลูกปืนเราก็เหลือน้อยมาก ฉันจึงอยากให้พวกเธอช่วย ถ้าลูกธนูไม้ไผ่ฆ่าซอมบี้ได้จริง ฉันจะให้คนทำเพิ่มให้” ถ้าเป็นไปได้จริงๆ เราจะประหยัดลูกปืนได้มากทีเดียว

     “ให้พวกเราดูแล แล้วทหารทำอะไรหละ” ดูเหมือนไอ้ตัวกวนจะยังไม่ยอมแพ้
 
     “ทหารก็ช่วยดูอีกแรง และค้นหาผู้รอดชีวิตไงเจ้าหนู” ตาเขียวปั้ดเลย หึหึ

     “ผมโตแล้วเหอะ แต่ก็อย่างว่าแหละคุณคงแก่แล้ว เลยเห็นพวกเราเป็นเด็ก” แก่เหรอ เจ็บใช่ย่อยแฮะ

     “คงจะโตแล้วจริงๆ มีลูกแล้วนิเนอะ คุณมัม” ผมยิ้มอ่อนทิ้งท้ายก่อนจะหันไปหาเจ้าตัวเล็ก ที่ยืนเกาะขาพี่ชายตัวเองอยู่

     “ไงเรา ไม่ง่วงหรอ เป็นเด็กต้องนอนกลางวันนะ” เจ้าตัวเล็กทำหน้ายู่ใส่ผม

     “ไนท์ไม่ใช่เด็กนะ ไนท์โตแล้ว” โตมากเลยไอ้เปียก หึ มีเชิดหน้าใส่ด้วย คงติดมาจากคุณมัมสินะ

     “ครับโตแล้ว ก็โตแล้ว หึหึ” พอบอกว่าโตแล้วก็ทำหน้าพออกพอใจ น่ารักซะจริง

     “ไปพักผ่อนกันเถอะ ถ้าอยากรู้ว่าห้องนอน ห้องน้ำอยู่ไหนก็ถามจ่านนท์ ที่ยืนอยู่ตรงนั้นได้เลย จ่านนท์จะบอกทุกอย่างเอง”

     ถึงเวลาเก็บของเพื่อเตรียมพร้อมในการเดินทางแล้วสินะ การเก็บเกี่ยวข้าวครั้งแรก หวังว่าจะผ่านไปได้ด้วยดีนะ

     
     เช้าตรู่ทุกคนเตรียมพร้อมที่รถกันแล้ว ใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการขนสัมภาระขึ้นรถ

     “กูฝากริวน้อยด้วยนะ คุณผู้กอง เออ จะว่าไปกูว่า ผู้หญิงสวยๆ ที่มาใหม่ท่าจะชอบมึงนะ” ไอ้หมวดโฟรคมันมากวนทีนก่อนกลับ

     “แล้วไง” ชอบแล้วไง ผมจำเป็นต้องสนหรอ

     “แล้วไงอะไรวะ ไม่สนซักหน่อยเหรอ หรือไม่ชอบแบบนี้ ถ้าชอบอีกแบบก็น้องอะไรนะ แมนนี่กับ เออ ไออุ่น เออน้องแมนนี่กับน้องไออุ่นงัย น่ารักไม่แพ้น้องโรสเลย” มันทำหน้าเพ้อฝัน

     “หรือจะให้สนใจไอ้เด็กริวนั้น” หึ ซะงักเลยสิมึง อย่าคิดนะว่ามองไม่ออกหนะ

     “เฮ้ย มันยังเด็กอยู่นะ เลิกๆ เลิกคิดเลยมึง” บอกคนอื่นเลิกคิด แล้วคิดเองเนี่ยนะ

     “มึงไม่คิด?”

     “ไม่ได้คิด! แค่เห็นเป็นน้องเฉยๆ หรอก” จะรอดู ดูสิจะมีคนกลืนน้ำลายตัวเองไหม

      “เออๆ ไปได้แล้ว เบื่อหน้าแล้ว” ผมไร่มันไป ขืนช้าเดี๋ยวจะสายซะก่อน

     “เออ ไปก็ได้ ไล่กันอยู่ได้น้อยใจนะ เออๆ ไปก็ได้ไม่เห็นต้องใช้ความรุนแรงเลย ยังไงก็ฝากไอ้ริวด้วยหละ” ห่วงจริงๆ ไอ้เด็กริวนั้น แล้วยังมีหน้าบอกไม่สนใจ

     “เออๆ ไม่ต้องห่วงหรอก มึงก็ดูแลตัวเองดีๆ ด้วย อย่าเป็นอาหารซอมบี้ก่อนจะมารับไอ้เด็กนี่ซะหละ” บอกลากันเสร็จ ผมก็ไปจัดแจงผู้ที่จะโดยสารไปกับรถแต่ละคัน

     เรามีรถทหาร 4 คัน เป็นรถใหญ่สำหรับบรรทุกคนและสิ่งของ แต่ผมจะให้ผู้รอดชีวิตไปรถบัสนักเรียนคันที่เพิ่งได้มา ยกเว้นคนที่ยิงธนูได้ ให้นั้งรถสองแถวคันใหญ่ เป็นคันที่หก คันสุดท้ายปิดขบวน

     ที่เราต้องขับรถไปหลายคันก็เพื่อบรรทุกข้าวสาร และพืชผลทางการเกษตร รถหลายคันแน่นอนเสียงต้องดัง เราจึงต้องให้คนที่ยิงธนูเป็นและทหารบางส่วนมานั่งรถคันสุดท้ายเพื่อกำจัดซอมบี้ที่ตามรถมา

     “เราต้องนั่งรถสองแถวคันโตนี่หรอ” ไออุ่นตัวกวนคนเดิม เจ้าตัวทำหน้าสงสัย

     “หรือจะนั่งรถทหาร ไม่มีหลังคา” ผมเลิกคิ้วถาม หน้าบูดอีกแล้ว หึหึ

     “ก็แค่ถาม ไม่ได้มีปัญหาอะไรซักหน่อย ถามไม่ได้เหรอครับท่านผู้กอง” กระโดดกัดคอผมได้คงทำไปแล้ว

     “ถามได้ ผมเต็มใจตอบอยู่แล้ว” แต่จะตอบแบบไหนก็อีกเรื่อง

     “แน่ใจว่าเต็มใจตอบ” ผมจะทำเป็นไม่ได้ยินก็แล้วกัน ขี้เกียจเถียงกับเด็ก

     “ที่ผมให้นั่งรถคันนี่ เพื่อกำจัดซอมบี้ที่ตามเรา ผมไม่อยากให้เสียงดังเลยใช้ธนู เพราะแค่เสียงรถก็ดังพอแล้ว” ทุกคนทำหน้าเข้าใจ ก่อนจะขึ้นรถ มีทหารจำนวนหนึ่ง คนยิงธนู 4 คน และตัวแถมเป็นเจ้าตัวเล็กอีกหนึ่ง

     “เจ้าตัวเล็กขนอะไรมาเยอะแยะเลย” เป็นถุงใบใหญ่ที่ถือคนละข้างกับลมหนาว

     “ผมไม่ช่ายตัวเล็กน้าาา ผมชื่อมิดไนท์ต่างหาก” ไม่ชอบให้เรียกเด็ก แล้วยังไม่ชอบให้เรียกตัวเล็กอีกแหนะ

     “ครับๆ มิดไนท์เอาอะไรมาเยอะแยะ” เจ้าตัวเปิดถุงให้ผมดู

     “ขนมคราฟ ไนท์เอามาด้วย กลัวพี่คนไม่ดีขโมยไปอีก” เจ้าตัวกอดขนมไว้แน่น เมื่อเปิดให้ผมดูแล้ว

     “แล้วถ้าพี่ขอละครับ จะให้ไหม” ทำหน้าลังเล แล้วล้วงไปหยิบขนมมาให้ผมถุงหนึ่ง

     “ไนท์ให้” ยิ้มแฉ่งพร้อมยื่นขนมมา

     “แก่แล้วยังจะแย่งขนมเด็ก” ผมหันไปมองต้นเสียงเจ้าตัวทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

     “พี่โตแล้ว เสียสระให้มัมเราดีกว่า สงสัยยังเด็กอยู่ เอาไปให้มันเราสิ” คิดจะเอาชนะ ยังเร็วไปเด็กน้อย ดูสิแยกเขี้ยวขู่เหมือนแมวเลย หึหึ


     เราเข้าเขตกาญจนบุรีแล้ว ซอมบี้มีอยู่ประปรายเพราะเราใช้ถนนนอกเมือง การเข้าเมืองไม่น่าจะเป็นความคิดที่ดี

     “แมนนี่ดูซอมบี้ตัวนั้นสิ น่ากลัววะ” ผมมองตามมือที่ไออุ่นชี้ เป็นซอมบี้ผู้ชายที่หน้าเวอะไปข้าง ผิวหนังค่อนข้างเน่าเปื่อย แต่วิ่งได้ค่อนข้างเร็ว

     “กูว่าฆ่ามันเถอะวิ่งเร็วขนาดนี้อันตราย” จริง ถ้ามีคนมาเจอคงวิ่งหนีได้ยาก เพราะซอมบี้มันไม่เหนื่อย เราอาจจะวิ่งเร็วในตอนแรก แต่สุดท้ายแล้วเราก็จะหมดแรงจนมันตามทัน

     ฉึบ!! เข้ากลางหัวอย่างแม่นยำ “น้องมิวลูก แม่นมาก ชะนีน้อยเก่งจริงๆ” ใช่ครับเก่งมาก ขนาดรถยังวิ่ง ซอมบี้ก็วิ่ง ถ้าไม่เก่งจริงคงยิงไม่เข้าตั้งแต่ลูกแรก

     เจ้าตัวทำหน้าเฉยไม่ยินดียินร้ายกับเสียงชม จากที่สังเกตดู น้องเป็นคนที่มีไอแห่งความเศร้าปกคลุมอยู่รอบตัว ไม่ยิ้มหรือหัวเราะเลย คงเจอเรื่องร้ายๆ มาเยอะสินะ

     “จะจ้องน้องอีกนานไหม นั้นรุ่นลูกแล้วนะ เดี๋ยวโดนข้อหาพากผู้เยาว์หรอก” เจ้าเก่าเจ้าเดิม ยืนกอดอกมองหน้าผมอยู่

      “ถ้าเป็นนายคงไม่พากผู้เยาว์สินะ” เจ้าตัวทำหน้าเหวอ

     “ผมเป็นผู้ชายนะ ใครจะยอมกัน ฝันไปเถอะ” ถลึงตาใส่ แล้วเชิดหน้าหนีไปนั่งไกลๆผม ผมไม่ได้คิดอะไรหรอกแค่อยากจะแกล้งเจ้าเด็กจอมกวนเท่านั้นเอง

     “อีกหนึ่งกิโลเมตรถึงที่หมาย ฆ่าซอมบี้ทุกตัวที่ตามมา” จะให้มันเข้าใกล้กว่านี้ไม่ได้ มันอันตรายต่อคนที่ทำงานเกินไป

       “อีอุ่น ปล่อยชะนีซอมบี้สองตัวให้ฉันจัดการ”
      “หนาวสามตัวทางขวา”
     “มิวทางซ้ายๆ”
     “มัมๆ ยิงหัวมันเยยๆ พี่หนาวยิงๆ พี่แมนนี่คนฉวยยย ยิงไปหลายตัวเยย เก่งๆ”
     “แน่นอนสิสุดหล่อ นี่พี่แมนนี่คนสวยเอง ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว”
     “ซ้ายๆ ขวาๆ ข้างหลังๆ เฮ้ยๆ เอาลูกมาๆ มันมาอีกแล้วๆ”

     นั้นแหละครับ พวกเราได้แต่นั่งดูโดยไม่เสียกระสุนสักลูก เต็มที่เลยเด็กๆ


      ในที่สุดเราก็มาถึงที่พัก เป็นบ้านกลางทุ่งนา หลายหลังแต่ละหลังห่างกันเกือบ 500 เมตร หลังใกล้ๆ ก็มีแต่ไม่มีรั่วกลั้น ใครอยากจะนอนเราไม่ห้าม ส่วนมากจะมีแต่ทหารไปนอนหลังที่ไม่มีรั่ว

     “โรสกับพ่อต้องนอนที่ไหนคะ โรสกลัวจัง โรสนอนที่เดียวกับผู้กองได้ไหมคะ” เธอเข้ามาเกาะแขน แล้วเอาหน้าอกมาเสียดสีที่แขนผมด้วยท่าทางออดอ้อน

     “พักหลังใหญ่ด้วนกันหมดนี่แหละ” หลังอื่นคนเต็มหมดแล้ว คงต้องนอนที่บ้านหลังใหญ่กันหมด เพราะบ้านหลังใหญ่มีแค่ผมกับจ่าเท่านั้น

     “กับพวกนั่นเหรอค่ะ” เธอทำสีหน้าไม่พอใจ

     “พวกฉันแล้วทำมัยยะ ยายชะนีสตอเบอรี่” ตลอดสองเดือนบ้านหลังนี้คงหาความสงบไม่ได้แล้วสินะ

     “เลือกห้องกันเอาเอง ยกเว้นห้องด้านบนทางซ้ายมือ และห้องข้างล่างขวามือ” บ้านนี่แต่ก่อนทำเป็นที่พักสำหรับคนที่ชื่นชอบธรรมชาติ เป็นบ้านกลางทุ่งนา จึงมีห้องค่อนข้างเยอะพอสมควร มีคนที่เฝ้านาข้าว ช่วยทำความสะอาดให้ทุกอาทิตย์

     ตลอดระยะเวลาสองเดือนหวังว่าบ้านจะไม่พังไปก่อนนะ

     “กรีสสส นี่แกอยากตายรึไงยัยกระเทยบ้า”

     “ใครจะตายกันแน่ยะ ยัยชะนี”

     “เออ คือ ลุงจ่าให้ผมมาที่นี้ ห้องพักผมอยู่ที่ไหนเหรอ” ไอ้เด็กริวเจ้าปัญหา เดินเข้ามาด้วยสีหน้างุงงงกับเหตุการณ์ การทะเลาะกันนี้

      “ทุกคนนี่ริว จะมาอยู่ที่นี้ด้วยกัน อยากรู้อะไรก็ถามกันเอง” ผมขอออกจากบ้านไปดูนาข้าวดีกว่า ขืนอยู่นานกว่านี้คงเป็นบ้าตาย

     “เออ พี่เค้าทะเลาะอะไรกัน” เจ้าตัวทำหน้างงๆ
     “ปะตามพี่อุ่นมาดีกว่าทุกคน ริวใช่มัย พี่ชื่อไออุ่น ตามพี่มาเดี๋ยวจะแนะนำทุกคนให้รู้จัก และจะพาไปทัวบ้าน!! ไม่ต้องไปสนใจปล่อยให้ทะเลาะกันไป เดี๋ยวเหนื่อยก็หยุดเองแหละ” ไออุ่นพาคนที่เหลือออกจากเหตุการณ์ การทะเลาะ แล้วขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน

     เฮ้ออ ความสงบสุขจงกลับคืนมา คืนมา!!

ออฟไลน์ Looktal1993tt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ่านแล้วอย่าลืมคอมเม้นท์ พูดคุยกันด้วยนะคะ

ขอบคุณผู้อ่านทุกคน

ปล.เรื่องแรกมันก็จะงงๆ หน่อย

ออฟไลน์ JanTi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ rsmrypngpth

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Looktal1993tt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
- 5 -


[ไออุ่น]


     ท้องนาที่เหลืองอร่าม และอากาศที่บริสุทธิ์ เหมือนได้ชาร์จพลังชีวิตให้เพิ่มขึ้น ท้องนาป่าไม้อันเงียบสงบ งืออ…รักเลย

     “หน้าที่ของพวกเธอคือ…” เสียงมารก็ดังมาขัดความสุขจนได้ เกลียดเสียงนี้ชะมัด คนกำลังได้อารมณ์ “ดูแลคนทำงาน ข้าวเรายังไม่พร้อมเก็บเกี่ยว ต้องรออีกสองอาทิตย์ ดังนั้นจะมีแค่ส่วนไร่ผัก ผลไม้เท่านั้น เด็กๆ อยู่ตรงหอสังเกตการ แมนนี่ ริว ไออุ่น เดินตามไปคุ้มกันคนงาน” ก็ดี อย่างน้อยมิว ลมหนาว และมิดไนท์ ก็ไม่ต้องเดินตากแดดตามมา

     “แล้วทหารไปไหนละท่านผู้กอง” ที่พูดนี่ ยังไม่มีส่วนไหนที่ทหารต้องทำเลย ดูๆ ดูปรายตามามอง ถามแค่นี้มีปัญหา เดี๋ยๆ เดี๋ยวแช่งให้ซอมบี้กัดซะเลย

     “ทหารออกไปดูข้าวที่ปลูกไว้ที่อื่น เผอิญเราปลูกไว้หลายที่หนะ สงสัยอะไรอีกไหม” ไม่สงสัยก็ได้ เหม็นหน้าไม่อยากคุยด้วย เชอะ

     “หึหึ เป็นเด็กดีหละ” หน๋อยย ใครเด็กวะ ไอ้แก่เอ้ยยย

     ผมกำลังจะด่ากลับ แต่ท่านผู้กองเดินหนีไปซะแล้ว หึ สงสัยจะกลัว ไม่แน่นี่หว่า

     “มิว หนาว ดูแลน้องด้วยนะ เดี๋ยวพี่มา” ผมหันไปหามิว กับหนาวเพื่อฝากให้ดูมิดไนท์ งานผมต้องเดินไปเรื่อยเพื่อลาดตะเวน คงไม่เหมาะที่จะพาเด็กมาด้วย

     “พี่อุ่นไม่ต้องห่วงหรอก ผมดูแลน้องได้ แถมที่นี่ยังสบายอีกด้วย ห่วงแต่พี่เถอะใส่หมวกด้วย แดดมันแรง” น้องใครเนี่ย น่ารักจริง

     “ได้ครับผม พี่ไปแล้ว ปะแมนนี่คนสวย ไอ้น้องริว ริว!! จะเอาดาบไปทำมัยเยอะแยะให้มันหนัก มึงจะฟันแล้วทิ้งรึไง เอาไปอันเดียวพอ” เฮ้อ…ผมหละเหนื่อยใจ มีไหมซักคนที่จะปกติ

     หลังจากแบ่งลูกธนูที่ทหารเพิ่งทำให้เราใหม่ ก็ถึงเวลาเริ่มงานซักที อารมณ์เหมือนในหนังเลย หล่อๆ แบบผมต้อง ฮอว์คอาย ในอเวนเจอร์ เท่สุดๆ จนอยากถ่ายรูปอัพเฟซบุ๊กอวดชาวบ้านเลย ถ้ามันยังใช่งานได้นะ

      พูดแล้วอยากส่งไลน์ ไปถามเพื่อนที่มหาลัย ว่าเป็นตายร้ายดียังงัย กลายเป็นซอมบี้ไปหมดรึยัง หวังว่าเพื่อนๆ จะรอด เฮ้อ…พอแล้วเลิกคิดๆ ไปทำงานดีกว่า

     งานพวกผมมันก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่แค่ ฆ่าซอมบี้ที่หลงมาแถวนี้ งานเบาๆ สบายมาก…


     …ซะที่ไหน หลังจากเดินตามพี่ๆ ลุงป้าน้าอา มาทำสวนผัก ก็มีซอมบี้เดินมาให้ยิงหัวบ้างประปราย เราไม่มีปัญหาหรอกเรื่องฆ่าซอมบี้ แต่ที่เรามีปัญหาคือ…

     “นี่ฆ่าแล้วกูต้องตามเก็บศพด้วยเหรอ!!” แม่งแกล้งกันชัดๆ

     “เห็นผู้กองธามเค้าบอกแบบนั้น” ไอ้น้องริวพูดพร้อมยิ้มแห้งๆ ส่งมาให้

     “นี่ไม่คิดจะขัดไอ้คุณผู้กองซักหน่อยเหรอ” ถ้าเป็นผม มาบอกให้เก็บศพ ผมคงบอกให้ไปเก็บเองแล้ว ซอมบี้ก็ไม่ใช่ตัวเล็กๆ จะแบกยังงัยวะ แล้วดูหุ่นแต่ละคน เฮอ…เหนื่อยใจ

     “คือผมถูกส่งมานี่เพราะโดนทำโทษ ผมไม่กล้าขัดหรอก” เจ้าตัวทำสีหน้าเจี๋ยมเจี้ยมสำนึกผิด

     “แล้วนี่กูทำผิดอะไรวะเนี่ยถึงโดนทำโทษด้วย” ไอ้ผู้กองมันเกลียดผมแน่ๆ

     “แล้วพ่อหนุ่มน้อยทำอะไรผิดมาจ๊ะ ถึงโดนทำโทษ” เออจริง ตัวแค่นี้ทำอะไรผิดมาถึงต้องโดนทำโทษ

     “คือ คือผม แบบว่า” มันพูดยากขนาดนั้นเลยเหรอ

     “อึกอักอยู่ได้ พูดมาเถอะ คนเราก็ผิดผลาดกันได้ทั้งนั้นแหละ” ผมให้กำลังใจไอ้เด็กสูงโปร่งหน้าอ่อนไป ถึงตัวจะสูงแต่หน้าก็ยังเด็กอยู่ แถมยังผอมอีก

     “คือ ผมขว้างระเบิดใส่ซอมบี้ที่หมู่บ้านก่อนถึงค่าย ทั้งที่มันไม่จำเป็น ทำให้ซอมบี้มารวมกันเป็นโขยงปิดทางเข้าค่าย แล้วคือมีคนตายด้วย ผมไม่ได้ตั้งใจ” สรุปแล้วที่มีซอมบี้เยอะๆ นั้นเป็นเพราะมัน ผมหันไปมองหน้าไอ้เด็กริว เจ้าตัวทำหน้าเศร้าๆ

     “เฮ้ออ…เรื่องมันแล้วไปแล้ว เราย้อนกลับไปแก้ไขมันไม่ได้แล้ว ถ้ารู้ว่าผิดก็อย่าทำอีก ต่อไปนี้จะทำอะไรก็ต้องคิดให้ดีก่อน” ผมตบบ่าน้อง ผมรู้ว่าน้องผิด ที่เราเสียป้ารินไป ส่วนหนึ่งก็มาจากเรื่องนี้ แต่ก็อย่างที่ผมบอกน้องเรื่องมันแล้วไปแล้วเรากลับไปแก้ไขมันไม่ได้ ผมจึงเลือกที่จะให้อภัยดีกว่า

     “แต่ผมทำให้คนที่มากับพวกพี่ตายนะ” เจ้าตัวยังทำหน้าเศร้าต่อ

     “ตอนนี้สิ่งที่ควรเศร้า คือต้องไปเก็บศพซอมบี้นะ” แมนนี่พูดขึ้นมาทำหน้าจะร้องไห้เมื่อหันไปมองศพซอมบี้

     “ซิบ…เกือบลืมเลย” อยากจะร้องไห้ “แล้วเราจะกำจัดมันยังไง ฝัง หรือ เผา” ถ้าจะให้ขุดหลุมบอกเลยตายอย่างเดียว ซอมบี้ต้องหลายตัว ต้องขุดหลุมใหญ่ขนาดไหนเนี่ย

     “ผู้กองบอกให้เราเอาฟืนที่อยู่ตรงนู้นกองๆ กันขึ้น เอาซอมบี้ไว้ด้านบน น้ำมันราดแล้วจุดไปเผา” พูดเหมือนง่าย แค่ขนฟืนก็เหนื่อยแล้ว ยังต้องแบกซอมบี้มาอีก…ไอ้ผู้กอง อย่าให้ถึงทีผมนะ ผมจะทำให้จำชื่อผมไปจนวันตายเลย ฮือ…

     
     หลังจากส่งคนงานกลับแล้ว เราก็ไปเอาน้ำมัน และขนฟืนให้เป็นกองด้วยความเหนื่อยล้า ถึงเวลาที่เราต้องขนซอมบี้แล้วสินะ เราจะเริ่มขนตัวไกลๆ ก่อน

     “แหวะน้ำหนองติดเสื้อ แม่งไหลมาตามมือกูแล้ว เดินเร็วๆ” โอ้ยยหนัก ขยะแขยงด้วย แมนนี่แบกหัว ริวขา ผมกลางลำตัว ตัวนี้ตัวใหญ่มากแบกสองคนไม่ไหวแน่ โอ้ยย น้ำหนองไหลถึงข้อศอกแล้ว ฮือ…ผู้กอง ไอ้ผู้กอง!!!

     ตัวที่สอง “กรีสสส อีอุ่นมันมีหนอน ฮือ…” นั้นแหละครับ
     “เออๆ เดี๋ยวตัวนี้แบกกับไอ้ริวเอง” ไอ้น้องริวก็หน้าเริ่มซีดแล้ว

     ตัวที่สาม “พี่หนังมันติดมือผมมา ยี๋!! อวก!!” อวกแตกไปแล้วหนึ่ง

     ตัวที่สี่ “ชิบหาย แขนหลุด” เสียงผมเอง นู้นแขนซอมบี้ไปอยู่บนพื้นแล้ว “ริวเก็บแขนมาด้วย”

     ตัวที่ห้า “โอ้ยย…เหม็นเว้ยย เพิ่งยิงไปวันนี้เอง เน่าเร็วจังวะ” เหม็นสุดๆ เลยทุกคน ฮือ… อยากจะบ้า

     ในที่สุดเราก็ขนซอมบี้เก้าตัวเสร็จ สภาพแต่ละคนดูไม่ได้เลย เลือด น้ำหนองเลอะเต็มตัวไปหมด กลิ่นนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย อย่างกับส้วมแตก

     “ริวราดน้ำมัน เดี๋ยวพี่จะจุดไฟเผาเอง” ผมบอกริวไปราดน้ำมัน ส่วนตัวเองเตรียมไฟแซกรอ

     ในที่สุดไฟก็ลุกท้วมซอมบี้ ตอนนี้ผมอยากได้ พริกเกลือมากเลย ผมจะเอามาเผาแช่งไอ้ผู้กอง

     “อีอุ่นทำอะไรยะ” ผมกำลังถอดเสื้อกางเกงทิ้งใส่ไฟ เหลือแค่บอกเซอร์ ไม่ไหว อยู่ในสภาพนี้ต่อไปไม่ไหว

     “ทิ้งไง ใส่ต่อไปไม่ไหวหรอก”
     
     “ผมทิ้งด้วย เหม็น!!” แล้วไอ้น้องริวก็ถอดเสื้อผ้าทิ้งใส่กองไฟ

     “มึงไม่ถอดเหรอแมนนี่” ผมหันไปถามแมนนี่

     “จะให้คนสวยๆ อย่างกูโป้ต่อหน้าผู้ชายหรอ ถึงจะอยากถอดแต่จะไม่ถอด” จะคนสวย

     “แล้วพี่จะอยู่เหม็นๆ แบบนี้หรอครับ” ใช่เหม็นมาก ขนาดผมถอดเสื้อผ้าแล้วยังเหม็นอยู่เลย

     “ฉันจะไม่ทนเหม็น!!”

     “เดี๋ยวแมนนี่”

     ตู้ม!!!  ไม่ทันแล้วโดดลงสระน้ำแล้ว นู้นลอยคออยู่กลางสระนู้น เออ แต่ก็น่าจะดีนะ เอาบ้างดีกว่า

     ตู้ม!! ในที่สุดก็โดดลงน้ำทุกคน สภาพช่างหน้าเวทนาอะไรขนาดนี้ คนหล่อเศร้า

     
     ดีที่ผมเอาธนูกลับไปเก็บไว้ก่อนแล้ว เลยเดินกลับสบายๆ มีแค่ดาบที่อยู่กับริว ที่เอามาด้วยก็เผื่อมีซอมบี้หลงมา ตอนนี้กลิ่นเหม็นเราลดลงไปมากแล้ว ถ้าได้อาบน้ำฟอกสบู่ สระผมหน่อยก็กลับมาหอมเหมือนเดิมแล้ว

     ท้องนายามเย็นสวยใช่เล่นเลยแฮะ บรรยากาศก็ดี…

     “เฮ้ย..!!” ผลัก!!  ตุ๊บ!!

     “อีอุ่นมึงไปนอนเล่นปลักโคลนทำมัย” ใครมันจะบ้าลงมานอนปลักโคลนหลังล้างตัวเสร็จ และที่สำคัญ ผมไม่ใช่ควายนะจะได้เล่นปลักโคลน

      “กูลื่น ไมได้เล่น!! แมนนี่ดึงขึ้นไปหน่อย ขึ้นไม่ได้” วันนี้มันเป็นวันซวยอะไรของผมเนี่ย

     “ไม่!! ฉันเพิ่งล้างตัวมา ไม่อยากเปื้อน ลงไปเอง ก็ขึ้นมาเองสิยะ ทีลงไปหละไม่คิด” ใช่ผมไม่คิด   ไม่ได้คิดจะลงมาแต่แรกแล้วเว้ย คนมันลื่นเข้าใจไหม แล้วแมนนี่ก็สะบัดหน้าเดินหนีผมไป เธอช่างใจร้ายเหลือเกิน

     “ริว” ผมหันไปเรียกไอ้น้องริว

     “ลุงผมโทรมาพี่ ผมต้องรีบไปรับโทรศัพท์” แล้วมันก็วิ่งไป โทรศัพท์มันใช้ได้ที่ไหนวะ สลัดผัก ดูท่าทุกคนจะรักผมเหลือเกิน ซึ่งจนน้ำตาไหล

     ผมขึ้นมาจากปลักโคลนได้แล้ว สภาพก็ เปื้อนไปทั้งตัวยันหน้า นี่ผมลงท่าไหนวะเนี่ย

     “พี่อย่ายิง คนครับคนไม่ใช่ซอมบี้” เกือบไปแล้ว พี่ทหารเกือบยิงผมแล้ว สภาพผมคงดูไม่ได้จริงๆ แหละ ขนาดพี่ทหารยังคิดว่าผมเป็นซอมบี้เลย

     “พี่อุ่นทำมัยสภาพเป็นแบบนั้นครับ” ลมหนาวถามผม เมื่อผมเดินเข้าไปในบ้าน

     “พอดีพี่ลื่นตกคันนาหนะ ส่วนเสื้อผ้าพี่เผาทิ้งแล้วมันเหม็น” ผมตอบน้องไปคร่าวๆ เพราะต้องการไปอาบน้ำโดยด่วน

     “นั่นตัวอะไรหนะ หึหึ” เสียงปีศาจดังขึ้นข้างหลังลมหนาว

     “คน ไม่ใช่ตัวอะไร แก่แล้วตาฟ่าฟางเหรอครับท่านผู้กอง” อยากสลัดโคลนใส่ซะมัดเลย ดูหน้าตาสิกวนอวัยวะเบื้องล่างมากเลย

      “อ๋อ…คนเหรอนี่ ขอโทษที่มองผิด” ยังๆ ยังมายิ้มเยาะเย้ย อย่าให้ถึงทีผมบ้างนะ

     “ยี๋ตัวอะไรเนี่ย เมื่อกี่ก็ยายกระเทยทีนึงแล้ว แล้วนี่อะไร เหม็นด้วย ไปไกลๆ เลย แหวะ” คุณเธอคนสวยยืนทำหน้ารังเกียจผมอยู่ ถ้าจะทำท่ารังเกียจขนาดนี้เหยียบหน้าผมเลยดีกว่า แต่ผมไม่พูดออกไปหรอกนะ เพราะดูท่าเธอน่าจะทำจริง

     “ขึ้นไปอาบน้ำเถอะไป” ไอ้ผู้กองบอกผม ถึงไม่บอกผมก็ไปอยู่แล้วหละ ใครมันจะอยากยืนเน่าอยู่ตรงนี้ให้คนรังเกียจ ชิ สะบัดหน้าเดินขึ้นห้อง

     ได้เวลากินข้าวเย็นแล้ว แต่ทำไมผมรู้สึกไม่อยากจะกินเลย นั่งอยู่ก็เห็นแต่ภาพซอมบี้เน่า นี่ถ้าบนโต๊ะอาหาร มีลาบ มีต้มเลือดหมูคงได้อ้วกแตกแน่ แต่ดีหน่อยที่ไม่มีหมูในตอนนี้

     “ทำมัยนั่งเฉย ไม่กินเหรอ” ตอนนี้ผม ไอ้น้องริวกับแมนนี่นั่งเฉยๆ กินอะไรไม่ลง

     “คือ สุดหล่อขา หลังจากคลุกคลีกับเนื้อเน่าของซอมบี้ตอนเย็น มันก็กินอะไรไม่ลงเลยค่ะ” แมนนี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมตอบขึ้น

     “เรื่องมาก” แล้วเสียงแม่นางคนสวย ที่จิตใจไม่สวยตามใบหน้าก็ดังขึ้นมา

     “อีพวกอยู่เฉยๆ ไมทำอะไร อย่าสอใส่เฝือก ให้มากนัก” มันคืออะไรวะ สอใส่เฝือก…เอิ่ม…อ๋อ คิดออกแล้ว แต่ดูคุณคนสวยคงคิดไม่ออก ทำหน้าเอ๋ออยู่นั้น

     “พอเถอะ กินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะให้คนเอาถุงมือกับรถเข็นไปให้” ถุงมือ? รถเข็น?

     “มีถุงมือ กับรถเข็น??”

     “อ่าวผมไม่ได้บอกเหรอ” ผมทำตาขวางใส่ทันที “โทษทีสงสัยลืมบอก หึหึ” แม่ง ถ้าเตะก้านคอคนที่เคยช่วยเราไว้ จะบาปไหมวะ สักทีดีไหมเดี๋ยๆ

     “ของอลคนหล่อหนึ่งวัน ไม่น่ารักเลย” แมนนี่พึมพำเบาๆ

     สรุปแล้วนี้คืองานที่ผมต้องทำตลอดสองเดือนสินะ เฮอ…เอาวะ อย่างน้อยก็มีถุงมือ กับรถเข็น

     “มัมคราฟ น้องไนท์อยากกินคุณไข่ตุ๋น น้องไนท์ไม่ได้กินนานแล้ว” เจ้าตัวเล็กมองไข่ตุ๋นตาวาว โชคดีที่ ที่นี้มีไก่ไข่เหลืออยู่เยอะ สงสัยซอมบี้ไม่ชอบกินไก่

     “นี้ครับ กินเยอะๆ นะ จะได้ตัวโตๆ เท่าพี่หนาว” แค่ได้เห็นน้องๆ ได้กินอิ่มนอนหลับผมก็มีความสุขแล้ว

     “คุณมัมก็กินเยอะๆ นะครับ จะได้โตเร็วๆ” แต่ความสุขเริ่มจะหายไปแล้วสิ ไอ้ผู้กอง!!

     “คุณก็กินปลาเยอะๆ นะครับ แก่แล้วเดี๋ยวจะหลงๆ ลืมๆ” ผมตักปลาให้พร้อมยิ้มอ่อน หึหึ

     “ผู้กองไม่ต้องไปสนใจพวกนั้นหรอกค่ะ เดี๋ยวโรสตักให้เอง” คงจะชอบหละสิโดนสาวๆ สวยๆ เอาใจ หึ


     + + +


     ตลอดหนึ่งสัปดาห์ เราก็ทำกิจวัตรเดิมๆ เดินตามคนงาน ฆ่าซอมบี้ และเผา แรกๆ ก็รู้สึกแหยงๆ แต่ผ่านไปสี่ห้าวันก็เริ่มชินแล้ว สัปดาห์หน้าจะเริ่มเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว ตื่นเต้นจัง เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่จะได้เห็น

     ตอนนี้เรากำลังนั่งรวมกันอยู่ในห้องรับแขก คุณท่านผู้กองบอกมีเรื่องจะคุย เรื่องอะไรนะ จะเพิ่มงานให้พวกเราเหรอ ม่ายย

     “เอาหละ เรื่องที่ผมจะพูดคือ อีกสองวันเราจะเข้าตัวอำเภอไปหาอุปกรณ์การเกษตรเพิ่ม ผมอยากให้พวกคุณไปด้วย เพื่อเอาของใช้ให้ทุกคน คือ พวกเสื้อผ้า ของใช้ต่างๆ และของใช้ผู้หญิงด้วย เช่นพวก เอ่อ ชุดชั้นใน ผ้าอนามัย พวกนี้แหละ” หือ…ไอ้ผู้กองอาย ฮ่าๆ ฮาชะมัด อ่อนด๋อยที่สุด โอเคๆ เดี๋ยวช่วย

     “คุณผู้กองเลือกผ้าอนามัย และชุดชั้นในผู้หญิงไม่เป็น เลยอยากให้เราไปช่วยกันเลือกใช่ไหม หึหึ”

     “ใช่ เลือกไม่เป็น หรือนายเลือกเป็น เคยใช้เหรอถึงเลือกเป็น หึหึ” ไอ้ผู้กอง!! ไหงมันวกมาทางผมได้ละเนี่ย เซ็ง

     “เลือกไม่เป็นหรอก งั้นก็ให้คุณโรสไปด้วยสิ คงรู้ดีเลยแหละ” เชอะ ไปด้วยกันเลยไปรำคาญ

     “เอ่อ โรสไปด้วยคงไม่ดีมั่งคะ โรสไม่เก่งต่อสู้ ถ้าเจอซอมบี้โรสต้องแย่แน่ๆ เลย และอีกอย่างโรสไม่อยากเป็นภาระให้ผู้กองด้วย โรสขอรออยู่ที่นี่ได้ไหมคะ”

     “พูดอะไรเยอะแยะบอกว่าป๊อดกลัวตายก็จบ” แมนนี่พูดขึ้น ด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “ยายชะนีไม่ไป เดี๋ยวแมนนี่ไปเลือกให้ก็ได้ค่ะ” แมนนี่หันไปยิ้มหวานเกาะแขนไอ้ผู้กอง

     “เป็นผู้ชาย ทำเป็นรู้ดี หึ” หน้าแมนนี่เหมือนจะพ้นไฟเลย เอาหละทุกคนเตรียมอุดหูไว้ เรากำลังเผชิญกับมลพิษทางเสียง

     “หนอยย ยัยชะนี ถึงฉันจะเป็นผู้ชาย ฉันก็สวยไม่แพ้หล่อนหรอกยะ ยัยชะนีโบท็อก!” หมัดแรกจากฝั่งน้ำเงิน

     “กรีสสส ไอ้กระเทยบ้า กล้าว่าฉันหรอหะ ยัยของปลอม” ฝั่งแดงโต้กลับ

     “ของปลอมแล้วงัย เธอมันก็แค่ยัยชะนีของก๊อปเกรด Z” มันมีด้วยเหรอเกรดนี้ เคยได้ยินแต่เกรด A, B, C นี่เกรด Z ต่ำสุดเลยนี่หว่า

     “หยุดซักที!! ถ้าจะทะเลาะกัน ก็ออกไปทะเลาะข้างนอก!” หว่า..มวยหยุดซะแล้ว กำลังสนุกเลย คุณผู้กองดันมาห้ามก่อน ต้องเรียกเค้าคุณหน่อย เพราะเมื่อกี่หน้ากลัวมาก ขึ้นเสียงทีเดียวหยุดกันหมดเลย

     ดีนะเด็กๆ ไม่เข้ามาด้วย ผมไม่อยากให้น้องเห็นตัวอย่างที่ไม่ดี เพราะเห็นจากผมก็เยอะพอแล้ว กระซิกๆ ร้องไห้เบาๆ

     “สรุปแล้วให้แมนนี่กับไออุ่นไป ใครอยากได้อะไรบ้างภายในสองวันนี้ก็ไปถามให้เรียบร้อย คนที่เหลือทำงานเหมือนเดิม ริวเดี๋ยวให้ทหารไปช่วยสักคน จบ” โอเค จบก็จบ ใครมันจะกล้ามีปัญหาด้วยดูหน้าสิเรียบอย่างกับพื้นกระเบื้องที่บ้าน เวลาโมโหนี่น่ากลัวซะมัด



     “เด็กๆ อีกสองวันพี่จะเข้าเมือง อยากได้อะไรรึเปล่า” ผมมาถาม มิว ลมหนาว และมิดไนท์ น้องบีกับลุงดำคงต้องถามพรุ่งนี้ เพราะอยู่บ้านอีกหลังกับสองผัวเมียนั้น ผมเริ่มอิจฉาลุงแล้วสิ ดูท่าอยู่ที่นู้นจะสงบน่าดู ที่นี่อย่างกับสมรภูมิรบ

     “เอ่อ คือ มิวอยากได้ชุดชั้นในและเสื้อผ้าเพิ่มค่ะ” น้องมิวพูดเขินๆ โอเค ผมเข้าใจ ผมก็เขินเหมือนกัน ให้ผมไปเลือกชุดชั้นในผู้หญิงเนี่ยนะ

     “ได้ครับ ส่วนรายละเอียดไปบอกแมนนี่ได้เลย” น้องพยักหน้าเข้าใจ “แล้วเราสองคนหละอยากได้อะไร” ผมหันไปถามน้องชายทั้งสอง

     “อะไรก็ได้ครับ” หนาวตอบผมมา น้องผมเป็นคนง่ายๆ อยู่แล้ว เค้าไม่ค่อยจะเรื่องมากกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่

     “น้องไนท์อยากได้…” ไนท์ยังพูดไม่จบ เราก็พูดออกมาพร้อมกัน

     “ขนม/ขนม/ขนม” พูดเหมือนกันเปะ ฮาๆ

     “งะ รู้ได้งายอะ ว่าน้องไนท์อยากได้ขนม” เจ้าตัวทำหน้าอายๆ บิดตัวไปมา

     “เพราะกินเก่งจนจะอ้วนเป็นหมูแล้วไง ใครจะไม่รู้” เจ้าตัวทำตาโต

     “ไนท์ไม่เป็นหมูนะ ไนท์เป็นคน”

     “โอเคครับ เป็นคนก็เป็นคน แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่คนต้องนอนแล้ว ฝันดีครับสุดหล่อของมัม” ลมหนาวเดินไปส่งมิวที่ห้องแมนนี่ เรานอนห้องละสองคน เพราะเตียงมันนอนได้แค่นี้ อัดกันเข้าไปมากกว่านี้ คงได้มีคนตกเตียงแน่ๆ ดังนั้นผมเลยได้นอนคนเดียว

     “ฝันดีคราฟมัม จุ๊บ” เจ้าตัวจุ๊บแก้มผมแล้วนอนลงไป ผมเลยจุ๊บหน้าผาก คอยลูบหัวน้องจนน้องหลับ ผมถึงจะออกจากห้อง พร้อมหอมแก้มลมหนาวด้วยก่อนไป



     ตอนนี้ผมมาเดินดูความเรียบร้อยรอบบ้านก่อนนอน อันที่จริงไม่ใช่หน้าที่ผมหรอก แต่ผมนอนไม่หลับเลยมาเดินดูหน่อย

     ผมบอกทุกคนไปยังว่าบ้านหลังนี้มีไฟฟ้าใช้นะ เป็นไฟที่ได้จากแผงโซล่าเซลล์ เราจะใช้ไฟเฉพาะเปิดให้แสงสว่างเท่านั้น ไม่ให้ใช้ทำอย่างอื่น แอร์ก็ห้ามเปิด ถ้าร้อนก็เปิดหน้าต่างรับลมเอา ดีที่ที่นี้มีแต่ไร่นาป่าเขาอากาศเลยไม่ร้อนเท่าไหร่

     อากาศต้นเดือนพฤศจิกายนกำลังดีเลย เย็นๆ ไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไป สบาย…

     “ทำอะไร”

     “ตาเถรหกซอมบี้กัดตูด!!” โอ้ยย หัวใจจะวาย ตกใจหมดเลย ทำมัยมาเงียบๆ แบบนี้

     “ทำมัยต้องกัดที่ตูด?” นี่สงสัยจริงๆ หรือกวนทีน ผมจะไม่สนใจคำถามนี้แล้วกัน

     “มาทำมัยเงียบๆ ตกใจหมด นึกว่าซอมบี้ หน้าตายิ่งเหมือนซอมบี้อยู่ด้วย” ได้ทีเอาซักหน่อย ครึครึ

     “ซอมบี้ที่ไหนจะหน้าตาดีขนาดนี้” โห มั่นหน้ามากกก กอไก่ล้านตัว

     “ชมตัวเองแบบนี้ก็ได้หรอ”

     “ได้สิก็คนมันหล่อจริงนิ มองหน้าฉันสิ แล้วบอกว่ามันไม่จริง” เอ้อเฮอ ถึงผมจะมั่นหน้าแค่ไหน ผมก็ต้องยอม ถ้าผมเป็นผู้จัดรางววัลผมจะให้ผู้กอง ในรางวัลมั่นหน้าอวอร์ด

     “ไหนลุงจ่าบอกเป็นคนเงียบขรึม มันเงียบขรึมตรงไหนเนี่ย” ไม่ตรงปกๆ

     “นี่สนใจฉัน จนไปถามเรื่องฉันจากจ่าเลยเหรอ” What? อะไร คิดได้ไงว่าผมสนใจ ผมแค่เก็บข้อมูลศัตรู เขาบอกว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง…รึเปล่าวะ มั้ง เฮอะๆ

     “ช่างกล้าพูด คนหล่อๆ แบบผมเนี่ยนะจะสนใจคุณ รอให้ไก่ออกไข่เป็นหมูก่อนเถอะ” ถ้าออกไข่เป็นหมูก็ดีนะ เฮๆ อย่ามองผมแบบนั้นนะ ผมไม่ได้สนใจตาผู้กองนั้น ผมแค่อยากกินหมูต่างหาก

    “ใครหล่อ” ไอ้ผู้กองทำท่ามองหา หน๋อยย กล้ามาก กล้าเมินคนหล่อ ได้

      “ผมนี่ไง ดูซะ ดูให้เต็มตา” ผมชี้ที่หน้าตัวเอง พร้อมขยับเข้าไปใกล้

     “นี่มองจนจะทะลุอยู่แล้วยังไม่เห็นความหล่อเลย” มันปรี้ดๆ ไม่เห็นได้งัย ผมกำลังจะตอกกลับ แต่ผู้กองก็ชิงพูดขึ้นมาซะก่อน “เห็นแต่ความน่ารัก” ผู้กองพูดพร้อมยิ้มมุมปาก

     …เกิดความเงียบชั่วขณะ น่ารัก…ผมเนี่ยนะน่ารัก บ้าไปแล้ว!! ผู้กองต้องบ้าแน่ๆ

    “ผู้ชายที่ไหนจะชมผู้ชายด้วยกันว่าน่ารัก โอ้ยย พูดกับผู้กองแล้วซีเครียด” ผมเอามือกุมขมับ

     “อะไรคือซีเครียด?”

     “ซีเครียด ก็ซีเรียส ฟีทเจอริ่งกับเครียดงัย แก่แล้วก็เงี้ย หึ” เล่นกับใครไม่เล่น…

     “แล้วอยากลองคนแก่ดูไหมหละ จะได้รู้ว่าคนแก่กับเด็กใครมันจะแน่กว่ากัน หึหึ” มาอีกแล้วไอ้สองหึเนี่ย แล้วอะไรคือลองคนแก่ บ้าไปแล้ว ผู้กองบ้าไปแล้วจริงๆ ตามหมอด่วนนนน

     “จะบ้าเหรอ ผมเป็นผู้ชายนะ ไอ้คุณผู้กองบ้า ไม่อยู่ด้วยแล้วประสาทจะกิน” ผมสะบัดหน้าเดินหนีขึ้นบ้าน พร้อมได้ยินเสียงหัวเราะตามหลัง ไอ้ผู้กองเป็นบ้าจริงๆ ด้วย

     ทำมัยใจผมสั่นๆ อย่างนี่วะ ตั้งแต่ไอ้คำว่าน่ารักแล้วนะ หรือผมจะป่วย งือ…หมอช่วยผมด้วย ผมไม่สบาย

ออฟไลน์ JanTi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ผู้กองต้องมีซัมติงกับหนูอุ่นแน่เลย :impress2:

ออฟไลน์ Cyclopbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ผู้กองช่างหยอดจริงๆ

ขอแก้คำผิดนิดนึงค่าา ทำมัย >>> ทำไม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
โอ๊ย ทำไมไม่เอาพ่อลูกสองคนนั่นไปเป็นของล่อซอมบี้นะ ไร้ประโยชน์มาก :ling1:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Looktal1993tt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
- 6 -


[ไออุ่น]

     ในที่สุดก็ถึงเวลาเดินทางเข้าเมือง อาวุธพร้อม เสื้อผ้าพร้อม แหม๋จะเข้าเมืองทั้งที ต้องแต่งตัวดีๆหน่อยสิ ถ้าถามว่า จะใส่ไปอวดใคร บอกได้เลยว่า  ไม่มี จะให้ใส่ไปอวดใครได้หละมีแต่ซอมบี้ ผมก็แค่อยากหล่อเท่านั้นเอง ผมบอกไว้เลย ของผมเนี่ยยังน้อย อยากให้มาเจอเพื่อนผม


     “แมนนี่ ไปเอาวิกผมมาจากไหน นี่แต่งหน้าด้วยเหรอ” โอโห จัดเต็มครับ ประหนึ่งจะไปเดินแฟชั่นโชว์ กางเกงรัดรูป เสื้อยืดเอวลอย ใส่แจ็คเก็ตทับ ใส่วิกผมสั้นประบ่า พร้อมแต่งหน้า เห็นแล้วต้องยอม

     “ก็เอามาจากบ้านงัยยะ ฉันอัดมาเต็มกระเป๋าเลยแหละ” ใช่ครับเต็มจริงๆ แบกลงรถทีแขนจะหัก ดีที่ยังเป็นกระเป๋าเดินทางแบบลาก ถ้าใส่เป้คงแบกมาไม่ไหว

     “แล้วนี้จะใส่ไปอ่อยใคร”

     “ก็คุณผู้กองไง ทหารด้วย เห็นความสวยของฉันต้องหลงแน่ๆ ยัยชะนีโรสต้องกระอักเลือด” เธอช่างเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเอง ถึงมันจะมีเส้นบางๆ ระหว่างหลงตัวเองก็เถอะ

     “โห…พี่สาวเป็นใครครับเนี่ย สวยอย่างนี้ น้องริวขอเบอร์ได้ไหมครับบ” ไอ้น้องริวมันเดินมาเจอก็แซวทันที

     “เสียใจค่ะ คนสวยไม่ชอบกินเด็ก มันไม่เร้าใจ” แหนะ เชิดไปอีก

     “อัก! ปวดหัวใจ พี่แมนนี่คนสวยไม่เห็นน้องริวในสายตา” เจ้าตัวทำท่าเหมือนปวดหัวใจมากกก

     “นี่จะไปเอาของ หรือไปแสดงลิเกกันแน่ยะ” มาแล้วครับคู่กัดตลอดกาล

     “หนอยย พูดไม่ดูตัวเองเลยนะยะ แต่งหน้าอย่างกับงิ้ว ไม่เคยเดินออกไปข้างนอก คือแต่งไว้อวดผนังบ้านหรืองัยยะ”

     “ยัยกระเทยบ้านี่ ฉันจะมาพูดดีๆ กับแกแล้วแท้ๆ”

     “นี่ดีแล้ว? กลับไปเรียนมารยาทใหม่เลยไป ยัยชะนี” ผมเห็นด้วยกับแมนนี่ ที่เธอพูดมันไม่เห็นมีตรงไหนที่ว่าดีเลย

     “เออ…คุณโรสมีอะไรเหรอ” ผมพูดห้ามทัพไม่งั้นตีกันแน่ๆ เพราะไอ้ผู้กองออกไปเตรียมรถข้างนอก มาห้ามไม่ได้อยู่แล้ว

      “นี่แกรับไป รายการของที่ฉันอยากได้ เอามาให้ครบนะ” แล้วคุณเธอก็ยื่นกระดาษ A4 ให้ผม รายการของมันจะเยอะไปไหน

     “อีอุ่น เอามานี้ ไม่ต้องไปรับ ถ้ายัยชะนีอยากได้ของ ให้มันไปเอาเอง” แล้วแมนนี่ก็เอากระดาษในมือผมไปฉีกทิ้ง

     “กรีสสส แก!! ฉันจะฟ้องผู้กองแน่” ชี้หน้าแล้วเดินไปหน้าบ้าน คงไปฟ้องไอ้ผู้กองนั่นแหละ

     “ฮาๆๆๆ สะใจซะมัด” หน้าช่างดูสะใจอะไรขนาดนี้

     “มันจะดีเหรอวะ” ถึงในใจผมจะบอกว่าดี ผมขี้เกียจไปเดินหาของเหมือนกัน แต่ก็ถามออกไปหน่อยแสดงความเป็นคนดี ครึครึ

     “ดีสิยะ ไม่รู้จะเรื่องมากทำไม เอาอะไรมาให้ใช้ก็ใช้ๆ ไปเถอะ” จริง สถานการณ์แบบนี้ มันไม่ใช่เวลาที่จะมาเรื่องมากเลย


     

     เราเดินออกมานอกบ้านเมื่อกอดน้องๆ แล้ว เมื่อมาถึงรถก็เจอคุณโรสยืนเกาะแขนไอ้คุณผู้กองอยู่ แต่สีหน้าบึ้งตึง สงสัยไอ้ผู้กองไม่ตามใจ ยังดีที่ผู้กองมันยังคิดได้อยู่

      “มาแล้ว ก็ขึ้นรถ” เข้มไปอีก เชอะ


     
     “ฮาๆๆๆ” เสียงหัวเราะผมเองครับ

     “มึงหยุดขำก็ซะที” แมนนี่หันมาว่าผม “กูจะแต่งตัว แต่งหน้าใส่วิกผมมาทำไม ถ้าจะนั่งรถแบบนี้  ทำไมผู้กองสุดหล่อไม่บอกแมนนี่บ้าง ฮือ โอ้ยย วิกผมจะหลุดแล้ว ขับเบาๆ ไม่ได้รึไง” โอ้ยย ผมขำ ก็ไอ้คุณผู้กองนะสิดันเอารถทหารไม่มีหลังคามา แล้วตัวเองไปนั่งหน้า ให้ผมกับทหารจำนวนหนึ่งอยู่หลังรถ รวมทั้งแมนนี่ด้วย ฮาๆๆๆ

     รถก็ขับเร็ว หน้านี่ตีกับลมพรึบๆ เลย ที่สำคัญวิกผมแมนนี่จะปลิวไปกับลมหลายรอบแล้ว พี่ทหารที่นั่งข้างหลังก็ขำกัน

     ในที่สุดก็ถึงห้างสรรพสินค้าขนาดกลางตั้งอยู่ชานเมือง ทหารเคยมาที่นี่แล้ว ดังนั้นซอมบี้จะไม่เยอะ แต่อาหารในห้างแทบไม่เหลือ ยังดีที่ของใช้คนไม่ค่อยเอาไป หน้าที่ของพวกเราคือไปเอาของใช้ และขนมของเจ้าตัวเล็ก นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด ครึครึ

     “ผมจะให้ทหารไปด้วยสองคน เอาของใส่รถเข็นแล้วเข็นมาไว้ตรงทางเข้าเลย อีกประมาณ สองสามชั่วโมงจะกลับมารับ ไม่ต้องห่วงที่นี่เราเคยมาแล้วซอมบี้ไม่ค่อยเยอะ แต่อย่าเดินไปทางหลังห่างแล้วกัน ไปแล้ว” เฮย…บอกให้หมดสิหลังห้างมีอะไร ไปซะแล้ว พูดๆ แล้วก็ไป ไม่ได้สนใจเลยว่าเราจะเข้าใจ หรือมีปัญหาอะไรรึป่าว

     “คุณพี่ทหารขา หลังห้างมีอะไรค่ะ” แมนนี่ถามพี่ทหารสองคนที่มากับเรา ในสิ่งที่ผมอยากรู้เช่นกัน

     “เรียกชื่อพี่ก็ได้พี่ชื่อนาย ไอ้นี่ชื่อเทน ส่วนหลังห้างก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ศพซอมบี้พวกพี่เอาไปกองไว้ที่นั้น กลิ่นคงใช้ได้เลย” อ๋อ มีซากศพนี่เอง ผมจะไม่ไปหลังห้างเด็ดขาด

     “หนูชื่อแมนนี่ค่ะ ส่วนคนขี้เหร่นี่ชื่อไออุ่น” แหม!!  ไม่ค่อยจะอ่อยเลยนะ แม่คนหน้าตาดี

     “ยินดีที่ได้รู้จักครับแมนนี่คนสวย กับน้องไออุ่น เจอกันตั้งนานแท้ๆ แต่เพิ่งได้มีโอกาสได้ทำความรู้จักกัน” พี่เทนยิ้มหวาน เอาแล้ว…บางทีแมนนี่ของเราจะเสียซิงก็คราวนี้แหละ คนเค้าชมว่าสวยนี่ บิดจนแขนขาจะพันกันอยู่แล้ว

     “เราไปกันเถอะครับ เดี๋ยวเสียเวลา” ผมต้องเป็นคนเอ่ยชวน ก่อนจะกินเวลาไปมากกว่านี้

     เราเริ่มที่เสื้อผ้าก่อน แมนนี่พาเข้าแบรนด์ดังทั้งนั้น คราวนี้แหละคุณจะได้เห็นคนใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมทำนา ชุดชั้นในก็แบรนด์เนม เรื่องเสื้อผ้าผู้หญิงไม่ต้องห่วงแมนนี่เชี่ยวชาญมาก อื่อหือแค่เสื้อผ้าก็เต็มรถเข็นสี่คันแล้ว เราเข็นรถไปไว้หน้าห่างก่อนไปซ็อปต่อ

     ต่อไปของใช้ สบู่ ยาสีฟัน แชมพู ครีม และอีกมากมาย แต่ที่ผมสงสัยเอาเครื่องสำอางไปทำมัย เข้าร้านนาฬิกาอีก เรือนนี้คงหลายหมื่นอยู่ แต่เพชรพลอยไม่ได้เอาไปหรอกนะ ไม่รู้จะเอาไปทำมัย ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าเราก็ไม่เข้า เอาไปก็ใช้ไม่ได้ไร้ประโยชน์

     แต่ของที่เรากำลังร่วมกันใช้สมองคิดอยู่ว่าจะเอาหยังงัยคือ…. ผ้าอนามัย ทำไมมันเยอะแยะขนาดนี้

     “ทำไมมันเยอะแยะขนาดนี้ นี่อะไรแบบบาง แบบเย็น มีกลางคืนกลางวัน” โอ้ยยผมจะบ้า

     “มีแบบเย็นด้วยมึง ใส่แล้วแม่งจะเย็นตรงนั้นเหรอวะ โหล้ำไปอีก” แมนนี่พูดขึ้น มีแบบเย็นจริงดิ นี่ถ้าอากาศร้อนๆ ตรงนั้นก็ยังเย็นอยู่แบบนี้หรอ กราบคนคิด “นี่มีขนาดด้วยนะ กี่เซนเงี่ย แบบมีปีกไม่มีปีก จะบินกันเหรอยะชะนีถึงต้องมีปีก” เออ จริง จะเอาปีกไปทำไม

     “ไหนเสื้อผ้า ชุดชั้นในผู้หญิงเลือกได้ แต่ทำไมผ้าอนามัยเลือกไม่ได้หละแมนนี่” ผมก็เห็นเชี่ยวชาญเรื่องของใช้ผู้หญิง ก็นึกว่าจะเลือกเป็นซะอีก

     “ก็เสื้อผ้า ชุดชั้นในกูใส่ได้ไหมหละ แต่ผ้าอนามัยกูจะใส่ทำไม คิดสิคิด” เออ จริงวะ แมนนี่ไม่มีประจำเดือนนิ “โอ้ยย แล้วนี่อะไร มีแบบสอดด้วย”

     “พี่นาย พี่เทนเอางัยดีครับ” ผมหันไปถามพี่ทั้งสอง

     “แล้วแต่น้องๆ เลยครับ” พี่นายตอบ

     “อีอุ่น ฉันว่าเอาไปหมดเลย เอามันทุกแบบนี่แหละ” ก็ดีจะได้ไม่ต้องเลือก

     ในที่สุดผมกับแมนนี่ก็กวาดผ้าอนามัยมาทุกแบบ แต่เราคงเอาไปหมดห้างไม่ได้หรอก มันเยอะเกิน รถยังต้องใส่ของอื่นๆ อีก

     เหมือนเดิมเราเอาของใช้ ที่อยู่ในรถเข็นไปไว้หน้าห้าง ต่อไปเป็นของใช้เบ็ดเตล็ด  ผมได้ขนมเจ้าตัวเล็กแล้ว แต่ต้องดูวันหมดอายุดีๆ เพราะของบางอย่างก็หมดอายุแล้ว

     ตอนนี้ผมเห็นแมนนี่ด้อมๆมองๆ อยู่โซนของผู้ใหญ่

     “แมนนี่จะเอาถุงยาง กับเจลหล่อลื่นมาทำมัย” ผมสงสัยจริงๆ นะ จะเอาไปใช้กับใคร

     “เผื่อไว้งัยมึง คนเราต้องรู้จักป้องกันเผื่อท้อง”

     “มึงท้องไม่ได้แมนนี่”

     “เออ รู้แล้ว แต่มีไว้ก็ไม่เสียหาย เผื่อมีคนอยากใช้กับฉัน” ในเมื่อห้ามไม่ได้ ก็ต้องส่งเสริมไปเลย

     “แล้วจะรู้ได้งัยว่าไซส์ไหน” ไม่รู้ว่าเป็นใคร จะรู้ได้งัยว่าไซส์เท่าไหร่

     “ก็ซื้อมันทุกไซส์ไง แต่เน้นไซส์ใหญ่” แล้วก็ทำหน้าเพ้อฝัน “เผื่อผู้กองตกหลุมรักฉัน” ไปแล้ว แมนนี่ล่องลอยไปแล้ว บ๊ายบาย สิติแมนนี่ หวังว่าเราจะได้เจอกันเร็วๆนี้

     หลังออกมาจากโซนผู้ใหญ่ ผมก็เดินออกมาชมวิวอยู่ชั้นสอง มองผ่านกระจกดูบ้านเรือนของผู้คนที่อยู่ข้างๆ ห้าง แต่ก่อนคงมีผู้คนพลุกพล่าน แต่ตอนนี้มันช่างเงียบเหงา

     ซอมบี้ทำไมเดินแบบนั้น ซอมบี้เปิดประตูรั่วได้เหรอ เฮ้ยย นั้นมันคนนี่หน่า กำลังจูงหมาอยู่เลย มีคนรอดชีวิต

     “แมนนี่กูลงไปข้างล่างนะ ไปบ้านหลังข้างๆ ห้าง!!” ผมตะโกนบอกไป

      “ไปทำไม!!”

     “เดี๋ยวมาๆ” ตื่นเต้น เจอคนรอดชีวิต ถ้าผมช่วยลุงได้ ให้ลุงได้ไปอยู่ในที่ที่ดีกว่านี้ผมคงมีความสุขมาก



     
     “ลุง!! ไม่ต้องตกใจผมคน ไม่ใช่ซอมบี้ แล้วก็มาดีด้วย” ผมตะโกนพูดกับลุง ขณะที่ลุงกำลังปิดรั่วบ้าน

     “มาจากห้างใช่ไหม เหมือนลุงได้ยินเสียงรถ ประมาณชั่วโมงสองชั่วโมงที่แล้ว” ลุงตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม

     “ใช่ครับ ลุงอยู่คนเดียวเหรอ”

     “ลุงอยู่กับลูกสาวลุงหนะ”

     “ลุงมีอาหารเหรอครับ” อยู่แบบนี้ อาหารการกินคงหายากหน้าดู เพราะในห้างก็หมดแล้ว เหลือแค่ขนมขบเคี้ยว

     “ตอนนี้ยังมี แต่อีกไม่นานคงหมด หนูมาหาของกินเหรอ ในห้างไม่ค่อยเหลือแล้วหละ”

     “ผมมาหาของใช้เฉยๆครับ เรามีอาหารอยู่แล้ว”

     “ดีจัง เข้ามาก่อนไหม คุยกันข้างนอกมันอันตราย เข้ามานั่งสบายๆ ในบ้านเดี๋ยวลุงเอาน้ำให้กิน” ก็ดีเหมือนกัน เข้าไปจะได้คุยเรื่องไปอยู่ด้วย เห็นลุงบอกว่ามีลูกสาวด้วย

     ผมเข้ามาในบ้านของลุง ลุงผูกหมาไว้หน้าบ้าน หมาเป็นหมาโกลเด้นสองตัว อายุไม่น่าเกิน 3 เดือน แล้วแม่มันไปไหนนะ ทำไมมีแต่ลูก
 
     ในบ้านลุงมีกลิ่นแปลกๆ เป็นกลิ่นอับๆ เหม็นๆ หรือส้วมเต็ม ใช่แน่ๆเลย เพราะคงไม่มีรถดูดส้วมมาดูดให้ น่าเห็นใจลุงนะ ผมจะอดทนไม่ทักให้ลุงอายก็แล้วกัน ช่างเป็นคนดีจริงๆ

     “กินน้ำก่อนพ่อหนุ่ม” ลุงวางเเก้วน้ำไว้โต๊ะตรงหน้าผม “วางอาวุธไว้ก่อนก็ได้ นั่งสบายๆ เถอะ” ผมวางธนู และปลดกระบอกลูกธนูลงข้างตัว

     “แล้วลูกลุงหละครับ” ตั้งแต่เข้ามาผมยังไม่เจอลูกลุงเลย หลับอยู่เหรอ

     “ลูกสาวลุงอยู่ในห้องหนะ ตั้งแต่แม่แกจากไปแกก็ซึมเศร้าไม่ออกจากห้องเลย” ลุงทำหน้าเศร้าเมื่อพูดถึงลูกสาว น่าสงสารจัง

     “แขนลุงมีรอยกัดเต็มไปหมด ลุงต้องมีกรุ๊ปเลือดพิเศษแน่เลย ถึงไม่กลายร่าง” ผมสังเกตทั้งแขน ทั้งคอลุงมีรอยกัดเยอะเลย ลุงต้องได้ตอนออกไปหาของกินแน่ๆ น่าสงสาร ผมต้องพาลุงกับลูกสาวไปด้วยให้ได้

     “ใช่ ลุงกับลูกสาวกรุ๊ปเลือด AB แต่เมียลุงไม่ใช่ ลุงจึงเสียเมียไป” ลุงทำหน้าเศร้าอีกแล้ว

     “แต่อย่างน้อยลุงก็ยังมีลูกสาว ลุงต้องเข้มแข็งนะครับ” ผมให้กำลังใจลุง เท่ไปอีก ใครวะเนี่ยหล่อทั้งกายและใจ “ลุงไปอยู่กับพวกผมไหมครับ เราปลูกข้าวเอง ไม่ต้องกลัวอด แล้วก็ไม่มีซอมบี้ด้วย มีเด็กๆ หลายคน ลูกลุงได้เจอกับเพื่อนๆ คงดีขึ้น” จริงๆ นะ ขนาดน้องมิวยังดีขึ้นเลย

     “จริงเหรอ ดีจัง ลุงไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ลูกลุงนี่สิ พ่อหนุ่มไปคุยกับลูกสาวลุงได้ไหม” ลุงพูดด้วยสีหน้าคาดหวัง งานนี้ผมเป็นพระเอกแน่ ผู้กองก็ผู้กองเถอะ

     “ได้ครับลุง” ไออุ่นคนนี้จะมอบความอบอุ่นให้น้องเอง

     “แต่อย่าเอาอาวุธเข้าไปนะ เดี๋ยวลูกลุงจะกลัว” เด็กผู้หญิงเจอคนแปลกหน้าถืออาวุธเข้าไปหา ก็ต้องกลัวอยู่แล้ว ดังนั้นผมจึงปลดอาวุธออกหมด

     “ลุงนำผมไปเลยครับ เดี๋ยวผมไปพูดกับน้องเอง น้องต้องยอมไปแน่ๆ” ผมเดินตามลุงไปที่ห้องน้อง

     ยิ่งเดิน กลิ่นเหม็นยิ่งชัดขึ้น มันต้องมาจากทางนี้แน่ ลุงเปิดห้องห้องหนึ่ง อือหือ… ความเหม็นตีเข้าหน้าเลย น้องอยู่ได้ไงวะเนี่ย

     ผมเห็นที่เตียงมีผ้าห่มคุมอยู่ เลยเดินเข้าไป พอถึงหัวเตียง ก็มีบางอย่างมาคล้องข้อมือผม

     แก๊ก! กุญแจมือถูกใส่ที่ข้อมือผมข้างหนึ่ง อีกข้างติดอยู่กับโซ่ ปลายโซ่อีกด้านผูกติดหน้าต่างที่เป็นกรงเหล็กอยู่

     ใช่ ใช่ไหม…

     ผมโดนหลอกอีกแล้วใช่ไหม…

     ผมหันควบไปมองหน้าลุง ลุงเดินไปอยู่หน้าห้องน้ำด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ เนื่องจากโซ่ที่คล้องผมอยู่มันสั้นมากประมาณเมตรครึ่งได้ ผมจึงเดินไปหาลุงไม่ได้

     “ลุงทำอะไรเนี่ย ใส่กุญแจมือผมทำไม ปล่อยนะ” ลุงไม่ตอบคำถามผม แต่แกกำลังเปิดประตูห้องน้ำที่คล้องกุญแจไว้ ลุงเปิดประตูห้องน้ำออกพร้อมวิ่งไปที่หน้าประตูห้อง

     แกรกๆ! เสียงลากโซ่อยู่ในห้องน้ำ บอกเลยหลอนมาก เสียงมันใกล้ถึงประตูห้องน้ำแล้ว

     …ชัดเลย…

     ซอมบี้เด็กสาววัยรุ่น กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ โดยที่ขาข้างขวาของเธอคล้องโซ่ไว้ เธอเดินไปหาลุงอย่างเร็ว แต่โซ่ยาวไม่ถึงลุง แม้เธอจะพยายามแค่ไหนก็ตาม อย่านะ…

     ใช่แล้ว เธอหันมาหาผมแทน แล้วโซ่เธอก็ถึงด้วย เหลือเลยแหละ ตายแน ตายแน่ๆ ซวยแล้ว ไอ้ไออุ่น แมนนี่คนสวยช่วยด้วย!

     “ลุงปล่อยผมนะ ลุงปล่อยสิโว้ย!! ไอ้ลุงโรคจิต” มีที่ไหนแม่งเลี้ยงซอมบี้ ลุงมันบ้าไปแล้ว

     ผมถีบยัยน้องซอมบี้ก่อนที่มันจะถึงตัวผม “ปล่อยโวยย!!! ปล่อย!!” ผมตะโกนพร้อมถีบยัยซอมบี้อีกครั้ง

     “อย่าทำร้ายลูกฉันนะ” ลุงผมไม่ได้ทำร้ายยัยซอมบี้ลูกลุง มีแต่ลูกลุงแหละจะแดกผม

     แถวนี้ก็ไม่มีอะไรที่ใช้เป็นอาวุธได้ด้วยสิ เตะล้มมันยังคลานมาอีก สยองเอี่ยๆ เลย

     “โอ้ย เลิกกัดขากูได้แล้ว” เตะปลายคางแม่งเลย ขออีกทีเถอะ ผลัก!! ปลายคางเน้นๆ ตาลุงออกไปจากห้องแล้ว เว้ย…ยังจะคลานมาอีก ยัยซอมบี้ดื้อด้านนี่

     “หยุดนะ ถ้าไม่หยุดทำร้ายลูกสาวฉัน ฉันยิงแน่” ไปเอาธนูผม มายิงผม ดีจริงๆ จับก็จับไม่ถูก เฮอ… เอ่า ไอ้นี่ก็จะกัดอยู่ได้ “บอกให้หยุดดด” หยุดให้ลูกลุงแดกผมเหรอ ฝันไปเถอะ

    ฉึบ!! ลูกธนูเฉียดแขนไปนิดเดียว ให้ตายสิ เกือบไปแล้ว ตาลุงวิ่งออกไปอีกครั้ง สงสัยไปเอาลูกธนู ทำไมไม่เอามาทีเดียวเลยวะ วิ่งไปวิ่งมาทำมัย
   
     ยัยเด็กนี่ก็กัดอยู่ได้ ต้องกระทืบๆ ลุงมาแล้ว ทีนี้ถือมีดมาเว้ย ซวยแล้ว

     “แก่ตาย” ลุงถือมีดวิ่งมาแทงผม แต่โดนยายลูกสาวซอมบี้รวบขาล้ม ลุงแกเป็นตลกปะเนี่ย จังหวะให้มาก อ่าวลูกจะกินพ่อแล้ว กัดไปแล้วเต็มขา ลุงสลัดออกได้ตะเกียกตะกายไปที่หน้าประตู แล้วลุงก็ออกจากห้อง ยายหนูซอมบี้ก็มาทางนี้ต่อ

     คราวนี้ธนูเหมือนเดิม แต่ดูจะจับดีขึ้น ดังนั้นลงความเห็นได้ว่าผมซวยแล้วจริงๆ โอ้ยย โดนกัดขาอีกแล้ว ยัยคนลูกก็กัดขา ตาคนพ่อก็เล่งธนูมาทางนี้ ตายแน่ไออุ่นเอ๋ย เพราะความใจดีแท้ๆ เลย

     
   “หยุดนะ” ตาลุงตกใจเสียงแมนนี่ จึงปล่อยลูกธนูมา ผมล้มตัวนอนเพื่อหลบ ยัยซอมบี้ขึ้นมาคร่อมตัวผมทันที รอจังหวะนี้อยู่สินะ สงสัยกางเกงยีนผมจะหนา ยายซอมบี้จึงกินไม่ได้ ได้แต่กัดให้เจ็บ ผมเอาแขนกันไว้ ไม่ให้กัดหน้าผมได้ พี่ทหารยิงลุงล้มลงไป ต้องใช่พี่ทหารแน่ๆ เพราะใช้ปืนเก็บเสียง

     ฉึบ!! ลูกธนูปักหัวยัยซอมบี้ เลือดกระจายเต็มหน้าเลย  มีคนมาดึงซอมบี้ออกจากตัวผม

     “ขอบคุณครับ” ผมกล่าวขอบคุณพร้อมเงยหน้าขึ้นมอง “ผู้กอง!!” มาได้งัยวะ แล้วทำมัยทำหน้าดุอย่างงั้นหละ หน้าก็ดุอยู่แล้วยิ่งดุเข้าไปอีก

     “ออกมาคนเดียวทำไม ใครใช้ให้ออกมา!” งือ จะตะคอกทำไมเหล่า ตกใจหมดเลย

     “ก็ๆ ก็อยากช่วย ผู้รอดชีวิต” ก็ผมอยากช่วยจริงๆ นี่นา

     “ประสบการณ์เรื่องสองพ่อลูกคราวก่อน มันไม่ได้สอนอะไรเธอเลยเหรอ” ก็ๆ ก็สอนนะ สอนว่าอย่าไว้ใจนักการเมืองไง ผิดเหรอ

     “สอนครับ” แม้ใจจะคิดยังไง ปากก็พูดออกมาได้แค่นี้

     “สอน? นี่สอนแล้วเหรอ แล้วทำไมยังทำอีก” ทำมัยต้องดุด้วย ก็รู้ว่าผิดที่ออกมาคนเดียว แต่อยากช่วยคนมันผิดด้วยเหรอ “อยากช่วยหนะ ไม่ว่าหรอก แต่ไม่ใช่มาคนเดียวแบบนี้ มีเพื่อนมาด้วยเพื่ออะไร ไม่ใช่มาเพื่อช่วยเหลือกันหรอ” อย่าด่าเยอะสำนึกผิดไม่ทัน

     “ถ้าเป็นอะไรไปน้องเธอจะอยู่ยังงัย ทีหลัง อย่าทำอย่างนี้อีก” เมื่อเห็นผมไม่ตอบโต้จึงจบ ผมรู้แหละว่าผิดเลยไม่แก้ตัว

     “ครับ” หง่อยครับหง่อย อีกนิดก็ร้องไห้แล้ว เจ็บขาซอมบี้กัด

     “ไปล้างหน้าล้างตาซะ” ผมพยักหน้าแล้วเดินไปอย่างว่าง่าย เข้าไปในห้องน้ำ เชี่ย เหม็น! ยี๋มีแต่ซากหมา นี่ตาลุงเอาเนื้อหมาเลี้ยงลูกเหรอเนี่ย ผมวิ่งออกจากน้องนี่ทันที อยู่นานกว่านี้อ้วกแน่ ดีหน่อยที่ครัวมีน้ำอยู่

     ผมออกมาข้างนอก เจอทหารกำลังขนศพไปไว้หน้าบ้าน แล้วขุดหลุมใต้ต้นไม้ ไม่ลึกมากเพื่อฝังลุงกับลูก

     “เป็นไงมึง โดนสุดหล่อว่ามาหรอ” แมนนี่เดินเข้ามาถามผมเบาๆ ผมพยักหน้าตอบ “แล้วเห็นที่ขามีเลือกด้วย โดนกัดมาละสิ”

     “อือ เจ็บชะมัด”

     “ว่าแล้ว มานี่จะทำแผลให้” แมนนี่ดึงแขนผมให้นั่งลงสนามหญ้า ถลกขากางเกงผมขึ้น พร้อมทำแผล

     “จะไม่ด่าหน่อยเหรอ”

     “ด่าทำไม ก็มึงอยากช่วยชีวิตคนหนิ แต่ทีหลังจะไปไหน ก็เรียกด้วยแล้วกัน อย่ามาคนเดียวอีก” งือ แมนนี่แม่นางฟ้าตัวโต

     “นี่มึงกินแมนนี่กูเข้าไปใช่ไหม คายออกมาเลยนะ” คุณก็รู้ผมทนบทซึ้งได้ไม่นานหรอก

     “อีอุ่น เดี๋ยวกูตบคว่ำ” เออ แมนนี่จริงๆ ด้วย

     “หึหึ ขอบใจ” เพื่อนยังไงก็เพื่อนแหละ แม้จะด่ากันบ้าง แต่ก็เป็นห่วงกันเสมอ

     “แล้วหมานั้นเอาไงดีวะ” แมนนี่พูดขึ้น เราสองคนหันไปมองลูกหมาโกลเด้นสองตัว ที่ถูกผูกไว้ด้วยสายจูง

     “เอาไปด้วย มิดไนท์น่าจะชอบ ปล่อยไว้ก็น่าสงสาร” ถ้าปล่อยไว้คงตายแน่ๆ

     “อือ เห็นด้วย”

     “น้องอุ่นเป็นยังไงบ้าง พี่สองคนตกใจแทบแย่ ที่หาเราไม่เจอ” พี่นาย กับพี่เทนเดินเข้ามาคุยกับผม

     “เจ็บนิดหน่อยครับ ไม่เป็นอะไรมาก ขอโทษที่ออกมาไม่บอกนะครับ”

     “ช่างเถอะ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ผู้กองเป็นห่วงเรามากรู้ไหม ให้คนออกตามหาทุกที่เลย” ผู้กองเนี่ยนะเป็นห่วง ไม่อยากจะเชื่อ เป็นห่วงทำไม ไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย

      “คงกลัวกลับไปบอกเด็กๆ ไม่ถูกมากกว่า จะเป็นห่วงผมทำไม”

     “เป็นห่วงจริงๆ พี่สองคนอยู่กับผู้กองมานาน แกไม่ค่อยสนใจใครหรอก แต่นี่แกกระวนกระวายมากนะ พี่สองคนนี่เข้าหน้าแทบไม่ติดเลยที่ปล่อยให้เราหายไป” พี่เทนพูดต่อ

     เป็นห่วงจริงดิ ทำไมนะ เพิ่งรู้จักกันแท้ๆ เมื่อคิดไม่ออก ผมจึงเลิกคิดเรื่องนี้ แล้วหันไปคุยกับพี่ๆ เรื่องหมาที่จะเอากลับด้วย คุยได้ไม่นาน พอดีกับที่ฝังศพเสร็จำพอดี

     เรากำลังเดินทางกลับ บรรยากาศอึมครึมมาก เพราะคุณผู้กองมานั่งข้างหลังด้วย แถมยังทำหน้านิ่งๆ กดดันทุกคนอีก ไม่กล้าหายใจแรงเลย จะหายใจทางผิวหนังแล้วนะ

     “ฉันว่าเธอควรได้รับบทลงโทษ” ความเงียบหายไปซักที แทนที่ด้วยความชิบหาย..ของผม ม่ายยย!! ทำโทษอะไรไม่เอา

     “โทษอะไร” ใจดีสู้เสื้อไปก่อน

     “ทุกวันตอนเช้า เธอต้องไปดูความเรียบร้อยกับฉัน” ไม่จริงใช่ไหม ตอนเช้าที่แสนสงบ กับผ้าห่มผืนหนาๆ จะไม่พรากจากผมใช่ไหม ม่ายยย “ห้ามตื่นสาย เด็ดขาด” ผมจะเป็นลม

     “แมนนี่ฆ่ากูที” ผมหันไปกระซิบกับแมนนี่ นี่ขนาดไม่ต้องตื่นเช้าไปเรียนแล้ว ยังต้องมาตื่นตามไอ้ผู้กองนี้ด้วยเหรอ ผู้กองมันออกไปตั้งแต่ตีห้าครึ่งเลยนะ ปกติไปเรียนยังไม่ตื่นเช้าขนาดนี้เลย ม่ายย “แมนนี่ เปลี่ยนกันไหม ได้ไปกับผู้กองเลยนะ”

     “ไม่เอา ไม่อยากตื่นเช้า อยากตื่นสาย”

    “ผู้กอง กับ ตื่นสาย จะเอาอะไร”

     “เอาตื่นสาย”

     “ไม่คิดหน่อยเหรอ”

     “ไม่!” ชัดเจน จบ

    เอาเวลานอนผมคืนมาาาา….

ออฟไลน์ Looktal1993tt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ฝากติดตามด้วยนะคะ

ปล.เรื่องแรกมันก็จะงงๆ หน่อย

ออฟไลน์ rsmrypngpth

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ขัดใจอยู่อย่างเดียวค่ะ ทำไมต้องเขียน ทำมัย หรอคะ ยังงัย งี้ ขัดใจมากเลย

ออฟไลน์ Looktal1993tt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
      ตอนล่าสุดปรับแล้วค่ะ คำว่าทำมัย :ทำไม , ยังงัย : ยังไง แต่ไม่รู้ว่าหลงมาบ้างหรือเปล่า

        มันใช้จนเคยชิน เลยไม่ได้ดูว่าถูกต้องไหม ถ้ามีคำไหนผิดบอกได้นะคะ เจอคำวิบัติในชีวิตประจำวันเยอะจนบางทีคิดว่ามันถูกต้องแล้ว

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Looktal1993tt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
- 7 -


[ไออุ่น]

     “อุ่น!”

     “ไออุ่น!”

     “อุ่น!!” ปังๆๆ

     “อุ่นตื่น!!” ปังๆๆ “อุ่น!!” เสียงรายวะ หนวกหูชิบ

     “คนจะนอน! เงียบสักที!” มากวนอะไรเวลานอนไม่มีมารยาทเอาซะเลย ผมลืมตาขึ้นดูที่หน้าต่าง มันยังมืดอยู่เลยนิ ใครมันมาเอะอะโวยวายเนี่ย

     “จะตื่นไม่ตื่น ไม่ตื่นฉันเอากุญแจมาเปิดห้องนายแน่!” เสียงใครคุ้นๆ “ไออุ่น!!” อื้อหือ เสียงเข้มแบบชัดนี้ชัดเลย มีอยู่คนเดียวแหละ

     ตอนนี้กี่โมงแล้ววะ ผมเอาไฟฉายส่องนาฬิกาข้อมือ ฉิบหายแล้ววว ตีห้าสี่สิบห้า ผมลนลานใส่ข้างเกงขายาวเสื้อแขนยาว เพื่อออกไปข้างนอก เพราะตอนเช้าในเดือนพฤศจิกายน อากาศค่อนข้างหนาวหน่อยๆ

     ไม่ต้องล้างหน้าแปลงฟันมันหละ ขืนสายกว่านี้โดนไอ้ผู้กองฆ่าแน่ๆ ผมรีบหยิบธนูแล้ววิ่งไปเปิดประตู

     “ผู้กอง แหะๆ” ไอ้ผู้กองหน้านิ่งมาก จะโดนกินหัวปะวะเนี่ย นี่ถ้าผู้กองโมโหผม แล้วฆ่าผมซุกปลักโคลน คงอนาถใจน่าดู

     “แน่ใจนะว่าตื่นแล้ว” ผมต้องกลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ในนาข้าวแน่เลย “อุ่น!!”

“หะ หา อะไร คะ ครับ” ตะโกนทำไม ตกใจหมด ตะโกนแล้วยังมาทำหน้าเอือมใส่อีก นี่ไออุ่นสุดหล่อผิดอะไร

     “ฉันนัดกี่โมง” ตัวเองนัดเองแท้ๆ ยังจะถามคนอื่น

     “ตีห้าครึ่งครับ” อะบอกเค้าหน่อย สงสัยจะความจำสั้น

     “แล้วนี่มันกี่โมงแล้ว” ผมมองนาฬิกาข้อมือ

     “ตีห้า ห้าสิบ”

     “ทำไมสาย ฉันนัดแล้วแท้ๆ หรือความจำสั้น” เอ๋…ประโยคนี้มันคุ้นๆ นะ

     “ผมไม่มีนาฬิกาปลุก” ก็ไม่มีจริงๆ นะ

     “ทีนาฬิกาข้อมือเอามาได้ แล้วทำไมนาฬิกาปลุกไม่เอามา” เอ้า คนมันจะรู้ไหมว่าจะโดนลงโทษหนะ “พอๆ ไปกันได้แล้วเสียเวลา” ก็ไปสิ เชอะ “แล้วธนู ไม่เอาลูกมันไปจะยิงยังไง” เออวะ ลืมลูกธนู แหะๆ ก็คนมันยังตื่นไม่เต็มตานี่นา

     ผมวิ่งไปเอาลูกธนูแล้วตามผู้กองไปข้างล่าง ผู้กองพาผมเดินตามคันนาเพื่อไปดูไร่ ที่นี้ปลูกหลายอย่างมาก บางอย่างก็สามารถเก็บได้บ้างแล้ว เช่นพริก ผักสลัด หรือผักที่ใช้ระยะเวลาไม่นาน ไอ้ผู้กองบอกว่าผักพวกนี้ปลูกไว้กินเอง ไม่ได้เอาไปส่งให้ใคร เพราะพวกนี้ปลูกง่ายคนในค่ายปลูกกินเองได้ แต่ที่เรามาดูคือพวกที่จะส่งไปค่ายต่างๆ และภูเก็ต

     “เดินเหม่อแบบนั้น เดี๋ยวได้ลงไปนอนเล่นปลักโคลนอีกหรอก” ชอบขัดความคิดชะมัด เดี๋ยวปั้ด!!

     “คราบบบบ” เพราะเช้าอยู่หรอก เลยไม่อยากมีเรื่อง รอให้เซเว่นเปิดเมื่อไหร่เจอกันแน่ “เราจะไปไหนกัน”

     “ไปดูสวนแตงกวา” อ๋อ แค่ไปดูสวนแตงกวาแล้วกลับ ชิวๆ กลับไปนอนต่อได้เป็นชั่วโมงสองชั่วโมง “และก็สวนกล้วย มันเทศ ฟักทอง แครอทวันนี้เอาแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยขับรถไปดูสวนส้มโอ ฝรั่ง มะนาว” มีมีดไหมครับ แทงผมที

     “ว๊ากก!!”

     “เป็นบ้าอะไร แหกปากทำมัย”

     “ตกใจ” ทำไมต้องทำอะไรเยอะแยะขนาดนี้ ผมจะกลับไปทันกินข้าวเช้าไหมเนี่ย และที่สำคัญผมคงไมได้กลับไปนอนต่อ T_T

     “ฉันไหมควรตกใจ อยู่ดีๆ ก็แหกปากร้องขึ้นมา ถามจริงละเมอรึงัย”

     “ผมตื่นนานแล้ว!”

     “ใครจะรู้ เธออาจละเมอเดินตามฉันมาก็ได้” ละเมอพูดคุย และเดินตามมาด้วยขนาดนี้ก็เทพแล้ว หรือนี้จะผมจะไม่ได้ละเมอ แต่ผมกำลังฝันอยู่ ใช่แน่ๆ ผมกำลังฝันอยู่ ตอนนี้ผมคงนอนอยู่ในห้องแน่เลย “ทำหน้าอะไรของอีกเธอหนะ”

     “ตบผมหน่อยสิ”

     “หา!! จะบ้าเหรอ!!” จะเสียงดังทำไม แค่ให้ตบเพื่อปลุก จะได้ตื่นซะที

     “ไม่บ้า ตบเลย… เฮ้ยยย ผู้กองจะไปไหน มาตบผมก่อน” รีบเดินไปไหนเนี่ย

     “ถ้ายังไม่หายบ้า ก็ไม่ต้องตามฉันมา!!” ผมไม่ได้บ้านะเว้ย ปลุกผมก่อน

     ผลัก!! “โอ้ยย!”

     “อุ่นเป็นอะไร!” ผู้กองวิ่งกลับมาหาผม

     “ก็ผู้กองไม่รอ ผมไม่มีไฟฉาย มันก็ชนสิ” โอ้ยย เจ็บ ต้นไม้ทำไมไม่หลีกทางคนหล่อวะ ไอ้ต้นไม้บ้าเอ้ยย

     “ก็มันเริ่มสว่างแล้วนิ ฉันก็นึกว่าจะมองเห็น” ไอ้เห็นก็พอเห็นอยู่หรอก แต่มันรางๆ งัย พอเดินเร็วมันก็ไม่ทันมอง “แล้วเป็นอะไรมากไหม”

     “ก็เจ็บนิดหน่อย…เจ็บ!! ผมเจ็บ งั้นผมก็ไม่ได้ฝันสิ!!” นี่ผมไม่ได้ฝันจริงๆ ดิ ดีนะไอ้ผู้กองไม่ตบผม ไม่งั้นตายแน่ๆ เลือดคงกลบปาก

     “นี่เธอคิดว่าตัวเองกำลังฝัน!! หนักกว่าที่ฉันคิดนะเนี่ย เฮอออ…” อะไร ส่ายหัวแล้วถอนหายใจทำมัย “ไปได้แล้ว ตามมา!” ครับๆ ไปก็ได้ครับ

     
     “แตงกวาตรงนี้มันโตแล้วนิ ถ้ารออีกเป็นเดือนมันจะไม่แก่ก่อนเหรอ” มันโตพอกินแล้วนะ น่ากินอะ แอบกินสักลูกดีกว่า

     “อร่อยไหม” แหะๆ แตงกวาเต็มปาก ผมเลยได้แต่พยักหน้าตอบ “แตงกวาแปลงนี้ เราจะส่งให้ค่ายต่างๆ ก่อน จะส่งไปพร้อมกับข้าวแปลงนี้ด้วย ที่เหลือค่อยกลับมาเก็บเกี่ยวไปส่งที่ภูเก็ต” เข้าใจแล้วครับ แล้วผมก็กินต่อ

     


     เราเดินไปหลายแปลงแล้ว ในที่สุดก็มาถึงสถานที่สุดท้ายสักที สถานที่นี้คือดงกล้วยนั้นเอง มันกว้างใหญ่มากกกก ปลูกเป็นแปลงๆ ไว้ มีพื้นที่ว่างกว้างประมาณ 3 เมตร ขั้นกลางแต่ละแปลง

     “ทำไมต้องทำพื้นที่ว่างขั้นกลางไว้ ปลูกรวมกันเลยไม่ได้เหรอ” เนี่ยถ้าปลูกรวมกันเลย ไม่เว้นพื้นที่ว่าง เราจะได้กล้วยเพิ่มขึ้นเยอะเลยนะ

     “เจ้าของสวนเค้าบอกว่ามันเป็นกล้วยคนละพันธุ์”

     “เจ้าของสวนยังอยู่เหรอ แล้วแกก็ให้กล้วยเราเหรอ ใจดีจัง” แบ่งกล้วยที่ตัวเองปลูกตั้งหลายไร่แจกจ่ายคนอื่น เป็นคนดีมากเลย

     “ใช่ แกเป็นคนดี และเก่งด้วย ครอบครัวแกรอดทุกคนเลย”

     “น่าอิจฉาเนอะ” ถ้าครอบครัวผมเป็นแบบนั้นบ้าง…ไม่เอา ไม่คิด ไม่คิดๆๆ

     “อือ” แล้วนี่จะทำเสียเศร้าทำไม ไม่ได้การแล้ว อารมณ์แบบนี้ความบ้าต้องบังเกิด ความบรรเจิดทางอารมณ์จะได้ตามมา

     “คุณผู้กองว่าจะมีนางตานีไหม?”

     “จะจริงจังสักสองนาทีไม่ได้เหรอ”

     “นี่ผมจริงจังนะ” ผมไม่จริงจังตรงไหน บอกผมหน่อยสิ

     “เฮ้ออ…ไปต่อ!!” ไปไหนอ่าา

     “เราดูครบแล้วนิ ต้องกลับบ้านสิ” จะไปไหนอีก มันจะแปดโมงแล้วนะ แล้วก็หนักด้วย ได้ของแถมมาเพียบเลย เป็นมันเทศ แครอท และแตงกวาใส่ตะกร้าสานด้วยไม้ไผ่สวยมากเลย แต่เสียอย่างเดียวใหญ่ไปนิดนึง ใส่ของเต็มแล้วหนัก ไอ้ผู้กองก็ไม่ช่วยถือ

     “ไปหากล้วยสักเคลือ”

     “มันสุกแล้วหรอ”

     “มันก็สุกเรื่อยๆ แหละ” อ๋อ เข้าใจไม่มีปัญหาคาใจเรื่องกล้วยสุกแล้ว แต่มีเรื่องเดียวที่กำลังคาใจ

     “ใครแบกกลับ” คาใจมากๆ เลย ปัญหานี้

     “เธอไง” หน้าผมคงเหวอมากจนไอ้ผู้กองหัวเราะ “ฮาๆๆ ล้อเล่นหนะ เดี๋ยวฉันแบกกลับเอง” มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วไหม แค่ของในตะกร้า ก็จะแอบหย่อนทิ้งกลางทางหลายรอบแล้ว นี่ต้องท่องตลอดทางเลย สงสารคนไม่มีกินๆๆ ไม่งั้นแอบหย่อนทิ้งไปครึ่งตะกร้าแล้ว “จะเอากล้วยอะไร”

     “มันมีอะไรบ้าง” ผมไม่รู้หลอกกล้วยมีกี่พันธุ์ เอากล้วยอะไรมาผมก็กินหมดไม่เคยถาม ว่ามันเป็นกว่ากล้วยมันพันธุ์อะไร

     “ลุงแกปลูกอยู่สี่พันธุ์ กล้วยไข่ กล้วยหอมทอง กล้วยหอมเขียว และกล้วยน้ำว้า จะเอาอะไร” ไม่รู้เว้ยยย

     “อะไรก็ได้” ง่ายสุดแล้ว

     “งั้นเอากล้วยหอมทอง” ผมพยักหน้าให้ ผมไม่รู้จริงๆ ผมไม่ขอออกความคิดเห็นกับเรื่องนี้

     ไอ้ผู้กองเข้าไปในป่ากล้วยได้พักนึงแล้ว  กล้วยมีต้องเยอะทำไมนานจัง หรือนางตานีจับทำสามีไปแล้ว โถ่ๆๆ น่าสงสารแมนนี่

     “กำลังเพ้อฝันอะไรอีกหละ” มาแล้ว สงสัยนางตานีไม่อยากกิน คงไม่เร้าใจพอ… หูยยย กล้วยสีเหลืองสวยมากกก น่ากิน ผมไม่สนใจคำถาม แต่ถามกลับแทน

      “ทำไมไปนาน ตรงนี้ก็มี ตรงนั้นก็สุกเป็นสีเหลืองแล้ว” บริเวณใกล้ๆ ก็มี จะต้องเข้าไปไกลๆ ทำมัยไม่เข้าใจคุณผู้กองเค้าจริงๆ

     “ตรงนั้นมันยังเหลืองไม่มาก เอาไปก็ต้องบ่มก่อนถึงจะอร่อย ฉันเลยต้องหาเคลือที่สุกงอมแล้วกินได้เลยไง และที่สำคัญปล่อยไว้มันก็เน่าทิ้งน่าเสียดาย” อ๋อ เข้าใจก็ได้ “งั้นกลับได้แล้ว เด็กๆ คงมารอเธอกินข้าวแล้ว” สมควรกลับตั้งนานแล้ว แล้วไอ้คำว่าเธอแสลงหูชะมัด

    ผมขอตัวแบกตระกล้ากลับก่อนนะ ผมจะพยายามไม่หย่อนของในตะกร้าทิ้งระหว่างทางแล้วกัน




     ในที่สุด วันเก็บเกี่ยวก็มาถึงๆๆๆ เราต้องเปิดตัวอย่างอลังการซักหน่อย เพราะทุกคนมายืนให้กำลังใจลุงสนที่เป็นคนขับรถเกี่ยวข้าว แกเป็นเจ้าของรถเองแหละ แกเช็ครถไว้เป็นอาทิตย์แล้ว เพราะลุงเค้าได้รับหน้าที่สำคัญ

      คนที่มาทำนาทำไร่ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านในจังหวัดที่อาสามาทำอย่างเต็มใจ ส่วนคนที่ไม่ชอบเค้าก็ไม่บังคับ ผู้กองให้เหตุผลว่าไม่อยากบังคับใจใคร ใครไม่อยากช่วย ก็ไม่ต้องช่วย ไม่อยากระแวงกันเอง แค่ระแวงซอมบี้ก็เกินพอแล้ว

     ก็จริงนะ คนไม่มีใจจะทำ เราไม่รู้ว่าเค้าจะทำเต็มที่รึเปล่า จะใส่ใจรึเปล่า ถ้าทำแบบไม่ใส่ใจ แล้วเกิดความเสียหายขึ้นมาจะแย่เอา

     ลุงสนจะเริ่มแล้วๆ อื้นนน!! แค่ติดเครื่องเสียงก็ดังขนาดนี้แล้ว ถ้าลงไปเกี่ยวข้าวจะดังขนาดไหน ซอมบี้ระแวกนี้ มารวมตัวกันที่นี่แน่นอน สุดหล่อขอฟันธง!!

     แต่อย่าเพิ่งตกใจไป ถึงจะมาก็ไม่เยอะหรอก เพราะแถวนี้เราจัดการเกือบหมดแล้ว ไม่มีปัญหา แต่ปัญหาคือที่อื่นนะสิ แต่มันคืออนาคต อย่าเพิ่งไปคิดถึงมัน ตอนนี้เราต้อง…

     “ลุงสนสุดยอดเลย ขอขึ้นไปด้วยคนสิ!!” อยากขึ้นไปลองขับดูจริงๆ

     “อย่าแม้แต่จะคิด” ไม่เคยจะหนีเสียงมารผจญพ้นเลย “ขนาดน้องไนท์ยังอยู่เฉยๆ เลย” มันเกี่ยวกันตรงไหนละเนี่ย

     “ครับ” ไม่ได้กลัวหรอกนะ แค่จะอยู่ดูแลน้องไนท์เท่านั้น

     “แล้วเนี่ยสองพ่อลูกมหาภัยไม่มาหรอ” แมนนี่ถามขึ้นเมื่อมองไปรอบๆ ไม่เห็นคุณโรสกับพ่อ

     “ตอนไปเข้าห้องน้ำที่บ้าน เห็นนอนเปิดแอร์ที่ห้องรับแขก” ไอ้น้องริวเดินมาจากบ้านพอดี เลยตอบข้อสงสัยของแมนนี่

     “หนอยย ฉันก็ว่าอยู่ เปิดแค่ไฟไม่ได้ใช้อย่างอื่น แผงโซลาร์เซลล์ก็ตั้งเยอะ ทำมัยไฟมันหมดก่อนเช้า ที่แท้ก็ยายนี่นี่เอง” หมดก่อนเช้าจริงๆ นะครับ ผมตื่นมาเปิดไฟไม่ติดเลย ต้องใช้ไฟฉายแต่งตัวก่อนออกไปกับผู้กอง “เดี๋ยวเจอฉัน งานก็ไม่ช่วย ยังจะมาผลาญพลังงานไฟฟ้าอีก ริวน้อยไปกับฉัน เอ่อ ผู้กองขา...แมนนี่ไปจัดการยัยโรสนะคะ” ไอ้ผู้กองพยักหน้าตอบ แมนนี่ยิ้มแป้นเลย ความชั่วร้ายก่อเกิดขึ้นบนใบหน้าทันที

     “ผมเพิ่งมานะ จะดูลุงสนเกี่ยวข้าว”

     “เดี๋ยวค่อยดู ลุงแกยังเกี่ยวอีกนาน แกได้ดูจนตะแฉะแน่ ไม่ต้องห่วง ตามมา” ปากบอกตามมา แต่มือดึงคอเสื้อไอ้ริวไปแล้ว เพื่อประโยชน์สุขของทุกคนแมนนี่จึงออกโรง ขอสดุดีแมนนี่คนแมน เห็นแล้วคิดถึงไอ้แมนเพื่อนยาก

     ลุงแกเกี่ยวข้าวซักพักก็เอาข้าวเปลือกมาเท ลงในผ้าสีฟ้าๆ ที่ปูไว้ที่พื้น เป็นผ้าสีฟ้าๆ บางๆ ป้าๆ แกบอกว่าเป็นผ้ามุ้งเขียว บางคนเรียกผ้าแยงเขียว แต่มันเป็นสีฟ้านะ ผมสงสัยทำมัยไม่เรียกผ้ามุ้งฟ้า ผ้าแยงฟ้า ในเมื่อมันเป็นสีฟ้า ผมหละไม่เข้าใจจริงๆ

     เอาหละข้ามเรื่องผ้าไปก่อน มาเข้าเรื่องต่อดีกว่า พอเทข้าวลงผ้าแล้ว ป้าๆ ลุงๆ เขาก็มากรอกข้าวใส่ถุงกระสอบเอาฟางมัดปากถุงไว้ แล้วให้พี่ทหารแบกขึ้นรถ เพื่อเอาไปไว้ในยุ้งฉาง

     ส่วนผม กับแมนนี่ และริวที่กลับมาจากจัดการสองพ่อลูก ก็กลับมารวมกับผมเพื่อลาดตะเวนดูรอบๆ วันนี้มีซอมบี้มาให้เรายิงมากกว่าปกตินิดหน่อย ส่วนมิว ลมหนาว และมิดไนท์ยืนดูแลพวกลุง ป้า น้า อาทำงาน เพราะพวกพี่ทหาร และพี่ผู้ชายไปใช้แรงงานแบกถุงข้าวเปลือกหมดแล้ว คงจะหนักน่าดู บางคนแทบทรุด

     “แมนนี่มึงว่าเมฆมันครึ้มๆ ปะวะ” ท้องฟ้าเริ่มครึ้มๆ หวังว่าคงไม่มีฝนนะ

     “จริง อยู่ตั้งนานไม่ตก คงไม่ใจร้ายมาตกวันนี้หรอกมั้ง” มันไม่แน่หรอก

     “มันก็ไม่แน่นะพี่” ไอ้ริวพูดตรงกับที่ผมคิดเลย

     “เรารีบเดินให้ทั่ว แล้วกลับไปเถอะ เผื่อฝนตกจริงๆ จะได้ช่วยกันแบกข้าวไปเก็บ”

     “อีอุ่น ดูสภาพพวกเราสามคน มึงคิดว่าจะมีสักคนไหมที่แบกข้าวได้” ใช้คำว่าสภาพเลยเหรอ? แค่ตัวเล็กนิดๆ หน่อยๆ ใช้คำว่าสภาพเลยเหรอ ผมหนะความสูงมาตรฐานชายไทยเลยนะ แต่ติดจะตัวบางไปนิดเอง

     “ผมแบกได้นะพี่” แกหนักสุดเลยไอ้น้องริว ถึงจะสูงที่สุดในเราสามคน แต่ก็ผอมที่สุดด้วย

     “อีน้องริวค่ะ ไปทำให้น้ำหนักขึ้นซักสิบกิโล ก่อนค่ะ ค่อยคิดจะแบก” จริง ดูแล้วคาดว่าถุงข้าวจะทับแบนก่อน

     เราพูดกันไปเดินกันไปจนทั่ว แล้วกลับมารวมกับทุกคน ฟ้ามันครึ้มมากแล้ว สงสัยคงตกแน่ๆ คุณผู้กองบอกให้ลุงสนหยุดก่อน เอาข้าวมาเทให้หมด แล้วรีบกรอกข้าวใส่ถุงเพื่อนำไปเก็บ ตอนนี้เราทุกคนมาช่วยกันกรอกข้าวใส่ถุง โดยมีมิดไนท์ตะโกนเชียร์

     “ทุกคนสู้ๆ ทุกคนสู้ตาย ฝนตกมาเป็นสาย เปียกกระจายไปเลยอู้!…” เพลงอะไรวะเนี่ย น้องไนท์ลูก อย่าเพิ่งมาบอกให้เปียกสิ

     “เค้าว่ากันว่า ไม่อยากให้ฝนตกต้องปักตะไคร้” ปักตะไคร้ก็มา เสียงป้าคนนึงเสนอมา

     “แล้วทำยังไงครับ” ไอ้น้องริวก็สนใจทันที

      “ข้าก็ไม่รู้อะไรมากหรอก แต่ได้ยินมาว่าให้สาวพรหมจรรย์มาปักตะไคร้กลับด้านฝนจะไม่ตก” สาวพรหมจรรย์! จะหาที่ไหนวะเนี่ย ที่นี้ก็มีแต่เด็กๆ กับป้าๆ และผู้ชาย

     “โห ป้าขา จะไปหาสาวพรหมจรรย์ที่ไหนได้ละค่ะ”

     “ก็อีหนูที่ยืนกางร่มนั้นไง” พวกเราทุกคนหันไปมองคุณโรสที่ยืนกางร่มอยู่ใต้ต้นไม้ เอ่อ…คือ ใต้ต้นไม้ก็มีร่มเงาอยู่แล้ว ยังต้องกางร่มอีกเหรอ ที่สำคัญ ฟ้าครึ้มมาก ถ้าจะบอกว่ากางกันฝน คุณโรสก็กางตั้งแต่ก่อนฟ้าจะครึ้มแล้ว

     “หนูว่าอย่าเลย เดี๋ยวพายุจะเข้าเปล่าๆ” แมนนี่ทำหน้าไม่เห็นด้วยอย่างแรง

     “ข้าว่าลองดูก็ไม่เสียหายนะเว้ย” ป้าอีกคนพูดขึ้น

     “เออ จริง ไหนๆ มันก็จะตกแล้ว ลองซักหน่อยจะเป็นไร” เสียงป้าอีกคนก็เสริมขึ้นมา ผมว่าลองดูก็ไม่เสียหายนะ เห็นด้วยกับป้าๆ เลย

     “เอาไง เอากันค่ะ อีอุ่นไปหักตะไคร้มาสิ” ผมอีกแล้วเหรอ เฮ้อ…คนหล่อเซ็ง

     “คราบๆๆ ตามบัญชาครับ” แล้วก็ต้องเดินไปเอาตะไคร้ ที่รั่วบ้านปลูกพืชไว้เยอะมาก มีทั้งตะไคร้ มะกรูด มะนาว และอีกมาก แบบไม่ต้องออกไปเก็บไกล ถ้าต้องการใช้ก็มาเก็บ

     ผมได้ตะไคร้มาหนึ่งกำมือ หวังว่าคงพอนะ

     เดินกลับมาเจอคุณโรสยืนหน้างอ อยู่ท่ามกลางคุณป้าๆ และเด็กๆ ทั้งหลาย

     “ทำมัยฉันต้องทำยะ ไร้สาระ” เธอเชิดไม่ยอมทำ

     “ทำไปก็ไม่เสียหายหรอกหนู แค่ปักตะไคร้ลงดินเอง” คุณป้าคนนึงพูดขึ้น

     “หรือมีผัวเยอะ ก็บอกมาจะได้ไม่มีใครเซ้าซี้” คู่ปรับตลอดกาลมาแล้ว

     “อย่ามาใส่ร้ายฉันนะ ฉันยังบริสุทธิ์อยู่”

     “งั้นเธอก็ทำสิยะ กล้าป่าวว” แมนนี่ยั่วยุคุณโรส พร้อมยิ้มยั่ว ไม่ใช่ยั่วยวนนะ แต่เป็นยั่วโมโห

     “ฉันทำก็ได้ยะ เห็นแก่ผู้กองนะ” แต่สีหน้าคุณโรสไม่ดีเลยนะครับ

     คุณป้าก็กรอกข้าวไปด้วย รอฟังคำตอบไปด้วย แบบมือทำ แต่หูฟัง ฮาๆๆๆ

     “ดี อีอุ่นตัดใบตะไคร้ออกสิ แล้วเอามาให้คุณโรสเค้าซะ” เรียกคุณเหมือนให้เกียรติ แต่น้ำเสียงนี่คนละทางเลย “ปักกลับหัวนะยะ ไม่ใช่ปลูกตะไคร้” แมนนี่ยังพูดต่อ

     “ฉันรู้ยะ ไม่ได้โง่ ฉันมีการศึกษาพอ” เกี่ยวอะไรกับปักตะไคร้เนี่ย

     “ดี พูดขอให้ฝนไม่ตก แล้วปักตะไคร้ซะ”

     “รู้แล้ว” คุนโรสนั่งยองๆ “ขอให้ฝนไม่ตก” แล้วเธอก็ปักตะไคร้ลง

     ซ่า!! ฝนตกลงมาทันที ทุกคนอ้าปากค้าง แล้วฝนก็ตกแรงด้วยนะ

     “กรีสสส ฉันไม่ทำแล้ว ไร้สาระ โง่ดักดาน พวกไม่มีการศึกษา” ทุกคนอึ่งหนักไปอีก คุณเธอด่าเสร็จ ก็กลางร่มวิ่งกลับบ้านทันที

     “ฉันเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเลยนะ ยังไม่มีการศึกษาพอเหรอ” ป้าคนนึงพูดขึ้น

     “อย่าไปสนใจชะนีขี้วีนเลยค่ะพี่ๆคนสวย นางไม่รู้จักการทำเพื่อคนอื่นหรอกค่ะ ถึงบางครั้งมันจะดูไร้สาระ แต่ลองก็ไม่เสียหายนิค่ะ เราไม่ผิดหรอกค่ะ อย่างสนใจหล่อนเลย”

     เราเลิกสนใจเรื่องคุณโรส แล้วช่วยกันกรอกข้าวต่อ

     “มิว ลมหนาว น้องบี พามิดไนท์เข้าบ้านก่อนเร็ว เดี๋ยวไม่สบาย ไอ้ริว!! ไปดูเด็กๆ ที่บ้านให้หน่อย” ผมไม่อยากปล่อยเด็กๆ ไว้กับสองพ่อลูกนั่น สองคนนั้นอาจจะทำ หรือไม่ทำอะไรเด็กๆ ก็ได้ แต่ผมไม่อยากเสี่ยง ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า

     “น้องไนท์กำลังสนุกเลย น้ำฝนเย็นๆ น้องไนท์ชอบ” เจ้าตัวเล็กไม่อยากไป ทำหน้าอ้อนใหญ่เลย

     “ไปเถอะ เดี๋ยวไม่สบายแล้วอดออกมาเล่นข้างนอกนะ ถ้าป่วยต้องนอนอยู่บ้านคนเดียวเหงาแย่เลย” ไม่ใช่ผมหรอกครับที่พูด แต่เป็นไอ้ผู้กองต่างหาก โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ ยังกะผี

     “ไปเถอะครับ เดี๋ยวไม่สบาย” ลมหนาวเดินมาจูงมือเด็กน้อยให้เดินตาม มิดไนท์ก็เดินตามโดยดี หวังว่าจะไม่ป่วยกันนะ

     “เด็กๆ แข็งแรงกันจะตาย ไม่ป่วยกันหรอกน่า” ใครถามไม่ทราบ  ก็ได้แต่คิดในใจ ส่วนสิ่งที่พูดไป คือ…

     “ครับ” เหมือนเดิม และเหตุผลเดิมครับ

     ท้ายที่สุดการปักตะไคร้ก็ไม่ได้ผล ไม่ว่าจะด้วยเหตุอะไรก็ตาม สรุปแล้วข้าวของเราก็เปียกฝนไปกว่าสิบกระสอบ แล้วยุติการเกี่ยวข้าวในวันนี้ พรุ่งนี้หวังแต่ว่าฝนจะไม่ตก ส่วนผักผลไม้ก็สดชื่นเมื่อโดนฝน แต่ข้าวคงต้องตากให้แห้งในวันถัดไป จบการรายงาน โดยนายไออุ่นสุดหล่อ

     ฝนตกไปชั่วโมงกว่าๆ ก็หยุด แต่ในนายังมีน้ำอยู่ พรุ่งนี้น้ำคงแห้งหมดถ้าฝนไม่ตกอีกนะ ทุกคนกลับที่พักของตัวเอง เมื่อกินข้าวเที่ยงที่บ้านหลังใหญ่เสร็จ

     “งัยสุดหล่อของมัม ทำอะไรอยู่เอ่ยย ฟอดดด” ผมเข้ามาหอมเจ้าเด็กน่ารักของผม ที่นอนคว่ำอยู่บนฟูก

     “ระบายสีที่มัมเอามาให้คราฟผม” ไนท์เงยหน้าขึ้นมาพูดกับผม แล้วก้มลงไประบายสีต่อ “สวยมัยคราฟ น้องไนท์ระบายสีคุณกวางเป็นสีเหลืองๆ” อวดใหญ่เลยนะ

     “สวยมากครับ แต่คุณกวางต้องสีน้ำตาลนะครับ” น้องไม่เคยเห็นสัตว์เลยไม่รู้ว่าแต่ละตัวสีอะไร ชื่ออะไร เราต้องคอยบอกน้อง เพราะช่วงที่ซอมบี้กำลังระบาดน้องเพิ่งอายุ 4 ขวบเอง คุณน้ายังไม่ได้พาไปโรงเรียน น้องเลยยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ผมกับหนาวพยายามสอนน้องทุกอย่างเท่าที่เราจะทำได้

     “จริงหรอคราฟ น้องไนท์อยากเห็นจัง”

     “ถ้ามัมได้ไปห้างอีก จะเอาหนังสือภาพมาฝากเยอะๆ เลย ดีไหม” คราวที่แล้วของเยอะเกินผมเลยเอามาแค่สีไม้ และสมุดระบายสีเท่านั้น

     “ดีคราฟ ดีมักมากเลยย น้องไนท์ชอบดูรูปๆ คุณสัตว์ทั้งหลาย” เจ้าตัวกางมือออก ทำท่าประกอบกับสัตว์ทั้งหลาย อย่างน้ารัก

     
     “ไออุ่น!”  เสียงเหมือนใครเรียก

     “ครับจ่า มืออะไรหรอ” จ่านี่เองนึกว่าเสียงใคร

     “ผู้กองเรียกไปพบในห้องวิทยุ” เพื่อ?

     “พบเรื่องอะไรครับ” อยากเจอทำมัยไม่เดินมาเอง ขาไม่มีหรือไง

     “เรื่องเดินสำรวจ อะไรเนี่ยแหละ” เฮ้ยย หรือจะบอกไม่ต้องตื่นเช้าไปเดินดูความเรียบร้อยด้วยกันแล้ว ต้องใช่แน่ๆ ผู้กอง ก็ใจดีอยู่นะเนี่ย

     ผมรีบเดินไปด้วยความหวังล้นเปี่ยม จะได้นอนตื่นสายแล้ววโว้ยย จะไม่ต้องแบกผักผลไม้หนักๆ แล้วว!!

     “มีอะไรครับคุณผู้กอง” ผมเปิดประตูห้องวิทยุได้ ก็ถามทันที ในห้องมีแค่ผู้กองที่ก้มหน้าก้มตาอ่านอะไรไม่รู้

     “เรื่องเดินสำรวจ” ใช่แน่ ใช่แน่ๆ ครึครึ “ฉันอยากให้เย็นนี้เธอกับริวไปเดินสำรวจ และดูแล คนที่ไปตัดกล้วยหน่อย พอดีลุงบอกว่าเห็นกล้วยสุกหลายเคลือเลย

     “แล้วเรื่องเดินสำรวจตอนเช้าหละ” คาดหวังสุดๆ

     “ก็ไปเหมือนเดิม” ได้ยินเสียงไหมครับ เสียงความหวังผมที่แตกสลายไง เสียงดังมากเลย

     “อย่าบอกนะที่รีบมาเนี่ย คิดว่าฉันจะยกเลิกโทษ ฮาๆๆๆ คิดได้เนอะ” ไม่ต้องมาเยาะเย้ย ไอ้ผู้กองปีศาจ “หึหึ ไม่เป็นไรน่า ไปเดินสำรวจตอนเช้าสนุกจะตาย” ตรงไหน!!

     “เหรอครับ” ครับสนุกมาก สนุกจริงจริ๊งง “ทำมัยไม่ชวนคุณโรสไปหละ เธอคงเต็มใจมากแน่ๆ”

     “จะเอาไปเป็นภาระทำไม ไปกับเธอดีกว่าเยอะ” ดีกว่าสิ แทบจะแบกของอยู่คนเดียวหนิ เชอะ “แล้ววันนี้ตากฝนนานเลย ตัวร้อนรึเปล่าดูสิ” ผมยังไม่ทันตั้งตัว มือหนาๆ ก็ทาบที่หน้าผากผม แล้วยังไม่พอยังจับแก้มผมด้วย ไอ้ผู้กองบ้าาา!! “ตัวไม่ร้อนนะ แต่หน้าแดงนิดๆ”

     โดนแดดมาเหอะแก้มถึงแดง หนอยย ยังมีหน้ามายิ้ม ผมทำตาเขียวใส่ ยังไม่ทันพูดอะไรเลย เสียงวิทยุสื่อสารขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในห้อง ก็ส่งเสียง

     (“ทีที03 เรียกกองเหยี่ยว ได้ยินแล้วตอบด้วย”) เมื่อได้ยินเสียงผู้กองก็เข้าไปหาวิทยุสื่อสารเครื่องโตทันที ผมไม่ได้ออกจากห้องแต่ทำตัวรีบๆ ติดผนังไว้ เอาจริงๆ เลยนะ อยากเผือกอะ อิอิ

     “กองเหยี่ยวได้ยินแล้ว พูดมาได้เลย” ผู้กองตอบกลับ

     (“พูดธรรมดาได้ปะวะ ขี้เกียจ”)

     “มึงเนี่ยนะ เออ มีอะไรว่ามา” ดูลักษณะการคุยน่าจะเป็นเพื่อนกัน

     (“มีเรื่องหวะ”) ผมหูผึ่งเลยครับงานนี้

     “อะไร”

     (“แกจำเรื่องพวกโจเมื่อสี่เดือนที่เรียกตัวเองว่า ฝูงหมาป่า ได้ไหมวะ”)

     “อือ จำได้มีอะไร” มีโจรฝูงหมาป่าด้วย

     (“พวกมันปล้นผลไม้ และเสบียงที่ ทีที04ไปหามา พวกนั้นอุตสาห์ไปหาผลไม้ในสวนต่างๆ มาให้คนในค่าย ระหว่างที่รอข้าว และเข้าไปหาเสบียงที่ห้างชานเมืองกรุงเทพแท้ๆ แต่โดนพวกมันปล้นไปหมดเลย”)  น่าสงสารจัง อุตสาห์ออกไปหามาอย่างยากลำบากแท้ๆ

     “มีใครเป็นอะไรมากไหม”

     (“ทหารและอาสาตายเป็นสิบเลยหวะ”) พวกโจรมันเลวจริงๆ

     “แล้วที่ค่ายนนทบุรียังมีอาหารเหลือไหม”

     (“ไม่เท่าไหร่หวะ กูเลยเอาจากค่ายทีที06 ที่นครนายกให้ก่อน” ) เฮ้อ..ค่อยโล่งอกนิดนึง ไอ้ผู้กองทำหน้าเครียดขณะพูด

     “เออดี มีอะไรก็ช่วยๆ กันไปก่อน อีกไม่เกินสองสัปดาห์จะขนเสบียงไปให้”

     (“แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่แค่นั้นสิวะ”)  ยังมีอีกเหรอเนี่ย โอ้ยยคนหล่อกลุ้มใจ

     “ว่ามา”

     (“ตอนนั้นมีอาสาหลุดข้อมูลบอกพวกมันว่า เรามีค่ายที่คอยปลูกข้าว และพืชผักผลไม้ ที่กาญจนบุรี มันรู้ว่าอยู่อำเภอไหน แต่ไม่รู้ที่ตั้งแน่นอนหรอก”)

     “ชิบ หาย แล้ว”

     “นี่เธอยังไม่ไปอีกเหรอ เฮ้ออ ไหนๆ ก็ฟังแล้ว ฟังต่อให้จบเลยแล้วกัน” ไอ้ผู้กองหันมาพูดกับผมเบาๆ ด้วยหน้าที่นิ่งเกินปกติ “ไอ้โฟรคพูดต่อ”

     (“เออๆ ฉันให้คนคอยตามอยู่ห่างๆ ตอนนี้มันกำลังกลับรังมันอยู่ ลูกน้องฉันเข้าใกล้กว่านี้ไม่ได้หวะ โทษที แต่ฉันคาดว่าอีกไม่เกินอาทิตย์มันคงไปที่กาญจนบุรีแน่ๆ”) อยู่ดีๆ ก็งานเข้า เค้าว่ากันว่า คนหน้ากลัวกว่าผี คงเป็นเรื่องจริงสินะ

     แค่สู้กับซอมบี้ก็เหนื่อยจะแย่แล้ว ยังต้องมาสู้กับคนกันเองอีก เฮ้ออ คนหล่อหละกลุ้มใจ

ออฟไลน์ Looktal1993tt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มาแล้วๆ ตอนใหม่ ขอบคุณผู้อ่านทุกคนนะคะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด