เหตุเกิดบนเตียงของห้องข้างเคียงวิศวะ ตอนพิเศษ 14.11.62 อัปจ้า
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เหตุเกิดบนเตียงของห้องข้างเคียงวิศวะ ตอนพิเศษ 14.11.62 อัปจ้า  (อ่าน 248700 ครั้ง)

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ รินดาwดาริน

  • OnTop&N'Song
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +243/-2
Special: Phing


เคาท์ดาวน์ปีนี้โคตรต่างจากครั้งก่อน แน่นอนว่าปีนี้เป็นปีแรกที่ได้นับถอยหลังเข้าปีใหม่ 2018 พร้อมๆกับไอ้ยิม เพราะปีก่อนเราสองคนห่างๆกันไป ปีนี้ไอ้ยิมเลยชวนผมไปรับลมหนาวอยู่ที่...คอนโดของมัน... เพื่อฉลองคอนโดใหม่น่ะสิ เห็นแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่ามันอยากให้ผมมาอยู่ด้วยกันหรือเปล่า


ผมไม่ลืมว่าวันที่ 1 มกราคมเป็นวันเกิดของยิม ผมคงไม่มีอะไรเซอร์ไพร์มัน นอกจากเค้กรสโปรดของอีกฝ่าย และการ์ดอวยพรหนึ่งใบ แค่นี้ไอ้ยิมก็ดีใจจะแย่แล้ว ผมเขียนการ์ดไม่ยืดยาวมาก เป็นความในใจมากกว่า ที่ขาดไม่ได้เลยไอ้โยดูท่าจะเป็นห่วงพี่ชายซะเหลือเกิน มันพยายามคิดแผนเวอร์ไพร์ไอ้ยิมให้ผมด้วย ดูกระตือรือร้นกว่าปกติ ผมรับไอเดียลูกโป่ง LED มา ปิดไฟแล้วคงสวยน่าดู


ที่ไอ้ยิมมันถอยคอนโดใหม่เพราะบอกว่าอยู่ใกล้บริษัท และ “อยากมีพื้นที่ส่วนตัว” ก็พอจะเดาออกเลยล่ะว่า มันหมายความว่ายังไง นอกจากนั้นแล้วไอ้โยก็แอบไปจิ๊กคีย์การ์ดสำรองคอนโดที่อยู่ตรงมาม๊ามาอีก เพื่อให้ไปแต่งระเบียงห้องให้ผม ลงทุนจริงๆ


“อยากให้เฮียมีความสุขไง พี่นี่ไม่โรแมนติกเอาซะเลย อะไรๆมันก็ต้องมีครั้งแรกทั้งนั้นแหละ”มันโทรมาหาผม หลังจากที่แอบไปแต่งระเบียงมาให้ แถมถ่ายรูปส่งมาให้ผมดูเรียบร้อย มันมั่นใจว่าเฮียของมันจะไปโผล่ที่คอนโดก่อนแน่ๆ เพราะจัดของมาไว้ที่คอนโดหมดแล้ว


“พูดซะกูรู้สึกผิดเลย โอเคๆ ขอบใจมาก”ผมแดกดันมันกลับไป ไอ้โยหัวเราะเบาๆ


“...แล้ว พี่ไม่คิดจะ—”


“รู้นะมึงจะพูดอะไร อย่าเลยน่า”ผมพึมพำ ไม่พร้อมเจออะไรที่เหนือความคาดหมายแบบนั้น อีกอย่างไอ้ยิมคงไม่คิดจะทำอะไรผมหรอกมั้ง...


“หึหึ พี่นี่รู้อะไร คนเป็นแฟนกัน นอนด้วยกันบ่อยๆ ไม่คิดก็บ้าแล้ว...พี่ก็น่าจะทำใจไว้บ้าง ยืดอกแมนๆไปเลยดิ”ไอ้โยพูดเสียงดังใส่ท่าทางตื่นเต้น ผมล่ะเหลือเชื่อเลย ไอ้เด็กนี่ จ้องแต่จะยุยงส่งเสริมเฮียของมันจริงๆ พอพูดถึงเรื่องนี้แล้วก็น่าอายจะตายไป


“พอๆ เลิกพูด แล้วไอ้ยิมจะมาเมื่อไหร่ รอจนรากงอกแล้วเนี่ย”


“เอ้า รีบเรอะ เฮียเพิ่งออกจากบ้านไปเอง ระวังตัวด้วยล่ะ”ผมยังไม่ทันออกปากด่าไอ้โยมัน มันก็ชิงตัดสายไปก่อน กวนประสาทจริงๆไอ้นี่ ผมขำมากกว่า คืนนี้ไอ้ยิมมันอยากฉลองปีใหม่กับผม พ่อเลยทำอาหารใส่กล่องไว้ แถมยังมีเบียร์หนึ่งลัง แต่คงดื่มไม่หมดอยู่แล้ว


ยิม-ออกมารอหน้าบ้านเลยก็ได้ กำลังจะถึงแล้ว


ผมอ่านไลน์ของยิม แล้วก็ยกของออกไปไว้ด้านนอกบ้าน จริงๆผมก็ตื่นเต้นอยู่เหมือนกันนะ ถ้าหากว่าบรรยากาศเป็นใจขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น ยิ่งอยู่กันสองคน ท่ามกลางอากาศหนาวๆแบบนี้อีก ก็นะ.....


‘คิดไปไกลแล้วไอ้ผิง’ ผมลูบแขนตัวเองไปมา ไม่นานก็เห็นรถโฟลคของไอ้ยิมกำลังขับใกล้เข้ามาก่อนจะชะลอจอดช้าๆ ไอ้ยิมเปิดประตูลงมาจากรถ


“พร้อมยัง”มันถามน้ำเสียงเหมือนกำลังคิดไม่ดีอยู่ ผมย่นคิ้ว “อือ”ตอบไปสั้นๆแบบเพลเซฟ เผื่อมันคิดอะไรไปไกล ไอ้ยิมเข้ามาช่วยยกของใส่หลังรถจนครบหมด


“ไอ้โยมาพูดอะไรกับมึงล่ะสิ ทำท่าตลก”ไอ้ยิมหันมาพูด ระหว่างที่เข้ามานั่งในรถแล้ว ผมหัวเราะกลบเกลื่อน “น้องมึงนี่จริงๆเลย”ผมส่ายหน้า ไอ้ยิมยกยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ดูขัดหูขัดตาพิกล แถมวันนี้อีกฝ่ายไม่ได้สวมแว่นตาเหมือยอย่างเคยกลับใส่คอนแทคเลนส์แทน ท่าทางดูคล้ายเตรียมพร้อมยังไงชอบกล ผมนั่งมองไปนอกหน้าต่างรถอย่างเหม่อลอย ไม่อยากสนใจคนข้างๆอีก


“คิดอะไรอยู่ล่ะสิ”ไอ้ยิมไม่วายหันมาพูดแหย่ผมต่อ


“ยิม ตอนนี้กูกำลังอารมณ์ดีๆอยู่นะ เดี๋ยวก็หมดมู้ดหรอก”ผมย่นคิ้วกลบเกลื่อนความกังวลใจ เรื่องนี้ต้องโทษน้องของมัน การเดินทางไปยังคอนโดใหม่ของไอ้ยิมใช้เวลาประมาณสิบห้านาที เราต่างช่วยกันขนของขึ้นลิฟต์


ระยะทางตั้งแต่ประตูลิฟต์เรื่อยไปจนถึงหมายเลขห้องของไอ้ยิม ทำให้ผมใจเต้นตุบตับอยู่ในอก ผมตื่นเต้น อยากเห็นอากัปกิริยาของแฟนเหลือเกินว่ามันจะทำหน้ายังไง หวังว่าไอ้โยจะจัดการพวกโคมไฟ ลูกโป่งแฟนซีในห้องให้ออกมาตามแผน ผมมองนาฬิกาที่ข้อมือ ตอนนี้สองทุ่มกว่าๆแล้ว เมื่อเดินมาจนถึงหน้าห้อง ไอ้ยิมสแกนคีย์การ์ดเข้าไป เสียงเตือนดังขึ้นก็จะตามมาด้วยเสียงปลดล็อก


คนตัวสูงกว่าเปิดประตูเข้าไป ไม่ทันได้มอง มันหันมายกลังเบียร์เข้าไปแทน เป็นอันว่าไอ้ยิมกำลังเข้าไปในห้องที่สว่างไปด้วยหลอดไฟแฟนซีที่ติดยาวไปตามผนังห้องไปจนถึงประตูระเบียงที่เป็นกระจก จากบริเวณหน้าประตูสามารถมองยาวทะลุไปถึงนอกระเบียงได้ ผมเห็นแสงไฟจากลูกโป่งLED ที่วางเสียบอยู่ในขวดเบียร์สีเขียวจากมุมของสองฝั่งระเบียง มันสวยงามตามที่นึกภาพไว้


ไอ้ยิมยืนอยู่กับที่ มันเหมือนคนวิญญาณหลุดไปแล้ว ผมวางของลงกับพื้นปิดประตูห้อง “รอฉลองวันเกิดมึงไงยิม...”ผมเข้าไปรับลังเบียร์ที่หนักอึ้งจนแทบถือไม่ไหว แต่ผมพยายามยกไปวางที่กลางห้อง ใกล้กับโซฟามีเซทลูกโป่งพร้อมตัวอักษร HBD สีส้มทอง ผมมองไอ้ยิมด้วยรอยยิ้ม รู้สึกปลื้มปริ่มที่เห็นว่ามันดูพูดไม่ออก


“เป็นไงบ้าง สวยไหมวะ”ผมเดินเข้าไปหามัน ร่างสูงเบนสายตามองผมอยู่เงียบๆ นัยน์ตาสีดำสนิทนั้นมีประกายสะท้อนของแสงไฟจากทั้งสองด้านของผนัง อยู่ๆก็รู้สึกว่าเริ่มร้อนขึ้นมา คงเพราะหลอดไฟเยอะๆแบบนี้หรือเปล่า ไอ้ยิมผุดยิ้มออกมา มันยกมือเกาต้นคอด้วยท่าทางเหมือนกับกลบเกลื่อนอาการเขิน


“ว่าไง ยิม มึงช่วยมีรีแอคชั่นหน่อย”ผมยืนอยู่ตรงหน้ามัน ไล่สายตามองผู้ชายผิวขาว ใบหน้าเรียบนิ่ง แต่ที่มุมปากมีรอยยิ้มปรากฏอยู่นิดๆ


“ตกใจนะเนี่ย นึกว่ามาผิดห้องซะแล้ว”มันเปิดปากพูดออกมา ผมหัวเราะ “ไอ้โยเป็นคนช่วย ไม่งั้นเราจะไม่ได้อยู่ในดงหลอดไฟแบบนี้แน่ๆ”ผมยิ้ม ไม่มองหน้าไอ้ยิมอีกต่อไป ผมหันไปสนใจกับกล่องอาหารที่พ่อเตรียมมาให้


“ออกไปนั่งด้านนอกกันดีกว่า...”ผมบอก แล้วยกกล่องอาหารขึ้นมา ไอ้ยิมเดินเข้ามาหาผมในระยะประชิด แต่พักหลังผมชักจะชินกับการถึงเนื้อถึงตัวมากขึ้น


“เฮ้ย”ผมร้องตกใจ เมื่อไอ้ยิมอยู่ๆก็เข้ามากอดผมซะอย่างนั้น ยังดีที่มีสติไม่ปล่อยให้กล่องอาหารล่วงพื้น อีกฝ่ายกอดผมไม่ถนัดนัก

“นึกว่าลืม”มันพึมพำ ก่อนจะผละออกจากกันมันยังไม่วายมาลูบศีรษะผมราวกับเด็กน้อย ผมส่ายหน้ากับความอ่อนไหวของมัน แต่ผมชอบนะ อย่างน้อย ท่าทีของมันก็คุ้มกับสิ่งที่ผมทำ


“อย่าซึ้งนาน ช่วยยกของเหอะ”ผมรีบบอก แล้วเดินออกไปทางระเบียงด้านนอก ผมเลื่อนประตูออก พอเดินออกมาด้านนอกก็สัมผัสกับบรรยากาศหนาวพร้อมกับลมเย็นที่ทำให้ทั้งร่างสั่นขึ้นมาได้ แต่ริอาจจะทำโรแมนติกก็ต้องทนได้น่า ผมวางกล่องอาหารลงบนพื้น ที่ด้านนอกมีเบาะรองนั่งอยู่ ไอ้ยิมเปิดลังเบียร์ออก หยิบออกมาสามขวดพร้อมกับเทน้ำแข็งใส่กระติก


ผมนั่งลง เปิดของทอดกินลองท้องไปก่อน ไอ้ยิมเดินเข้ามานั่งพร้อมกับเบียร์ มันรินเบียร์ให้ผมจนเต็มแก้ว


“วันนี้ดูท่าจะคุ้มนะ”ไอ้ยิมพูด ผมแทบสำลักเบียร์ เหลือบมองคนข้างๆอย่างระแวง


“แหงล่ะ เคาท์ดาวน์รับปีใหม่พร้อมกับฉลองวันเกิดไปด้วยเลย”ผมยิ้ม


“ไหนเค้ก”มันรีบทวง


“ในตู้เย็น ดึกๆค่อยเอาออกมากินก็ได้นะ”


“ของขวัญล่ะ”มันยิ้มกว้าง ผมมองเขม็ง “ปีนี้ปีแรกที่ฉลองด้วยกัน กูไม่มีอะไรให้หรอก นอกจากการ์ดอวยพร”ผมบอกมัน ไอ้ยิมไหวไหล่ แต่ยังจ้องผมไม่เลิก


“แค่นี้ก็ดีใจแล้ว เออ แล้วเข้ามาในห้องได้ยังไง”


“ไอ้โยมันแอบจิ๊กคีย์การ์ดที่ม๊ามามั้ง ร้ายจริงๆ”ผมใส่อารมณ์เล็กน้อย แต่ไอ้ยิมขำออกมาเบาๆ “ก็ว่าอยู่...ก็แอบคิดนะว่าจะมีอะไรซ่อนไว้หรือเปล่า แต่ไม่คิดว่าจะแต่งห้องแบบนี้”มันพูด


“อืม ขอบใจน้องมึงนู่น กูก็แค่อยากเอาเค้กมาให้มึงเป่าเท่านั้นแหละ”ผมบอก จ้องมองแสงสีจากตึกที่อยู่ห่างออกไปอย่างสนใจ เห็นจากทางหางตาว่าไอ้ยิมมันจ้องอยู่


“ในห้องนอนแต่งด้วยไหม”ไอ้ยิมด้วยความอยากรู้ ผมทำหน้าเข้ม “ไม่มีหรอก จะแต่งทำไม”ผมพูดเสียงดังกว่าปกติ แล้วยกเบียร์มาดื่มหลายอึก


“คิดลึกอีกแล้ว มึงนี่พิลึกคนจริงๆ”ไอ้ยิมส่ายหน้า แล้วหันไปจิบเบียร์แทน ผมคว้าดอกไม้ไฟเย็นมาจุดเล่น เหมือนได้ย้อนไปตอนเด็กๆที่เคยตื่นเต้นกับไฟเย็นแบบนี้ ระหว่างนั้นผมดื่มเบียร์เร็วกว่าไอ้ยิม คงเพราะมันกำลังกินแต่ของทอด พวกต้มยำแทนเบียร์ ต่างจากผมที่ซัดเบียร์ไปหลายแก้วจนจะหมดขวดแล้ว มองเวลาอีกทีก็ปาไปสามทุ่มแล้ว


“นี่ยิม ขอถามอะไรหน่อยสิ”ผมขยับไปใกล้ๆมัน ไอ้ยิมขมวดคิ้วมองผมด้วยสายตางงๆ


“หืม”


“ที่ชวนมาคอนโด อยากให้กูมาอยู่ด้วยว่างั้นเหอะ”ผมได้ทีทำใจกล้าถามมันไปตรงๆ พอผมพูดจบ สีหน้าของไอ้ยิมดูจะตกใจที่ผมถามออกมา เจ้าตัวเกาจมูกไปพลาง “ใช่ อยากให้มึงมาอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่ว่าอยู่บ้านมันไม่ดีนะ แต่มันไม่สะดวก”ไอ้ยิมพูด ผมฟังแล้วแปลกในใจ


“ไม่สะดวกเหรอ”


“ก็แบบ มันไม่เป็นส่วนตัวไง ฮ่ะๆ มึงนี่คิดไปไกลกว่ากูอีก”ไอ้ยิมหัวเราะเสียงสดใส ผมเอนตัวออกก่อนจะยิ้มกับตัวเอง ใช่สิ ผมคิดไปไกลกว่าไอ้ยิม เพราะไอ้โยแท้ๆ


“อืม ก็ถูกนะ พออยู่ที่บ้าน เกรงใจพ่อแม่”ผมบอก เวลาไอ้ยิมมาหาผมที่บ้าน ถึงเราจะไม่รู้สึกเกร็งต่อกัน พูดกันได้เหมือนคนในครอบครัว แต่จริงๆมันก็ยังมีช่องว่างอยู่ เช่น พฤติกรรมการแสดงออกของผมกับมันยังคงอยู่ในสายตาของพ่อแม่ ถึงครอบครัวจะไฟเขียวแต่จะมาออกนอกหน้าก็ไม่ได้ มันคงสะกิดใจแม่ผมไม่เบา


“เอาเก็บไปคิดก่อนก็ได้นะ ไม่ได้เร่งรีบอะไร”มันบอก ผมรับปากมัน ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาดูข้อความที่เพื่อนๆทยอยส่งกันมา HNY กัน ยังไม่ทันจะเคาท์ดาวน์เลยด้วยซ้ำ “ปีที่แล้วมึงเคาท์ดาวน์กับใคร”ผมถามมันบ้าง อยากรู้เรื่องแฟนเก่ามันเหมือกัน ไอ้ยิมนิ่วหน้า


“อยู่กับที่บ้าน”มันตอบสั้นๆ


“ไม่มีแฟนเหรอ”


“ก็มีแค่คุยๆ ไม่ใช่แฟนหรอก”ไอ้ยิมพูด ผมมองมัน หน้าตาแบบมันน่าจะหาแฟนได้ง่ายๆ แต่ไอ้ยิมไม่ใช่คนที่จะข้ามขั้น ก่อนจะคบเป็นแฟนก็ต้องคุยๆกันไปก่อน


ผมกลับเข้าไปด้านในไปหยิบเค้กออกมา เพราะอยากทานของหวานมากกว่า ผมหยิบกล่องเค้กกับจานมาด้วย ส่วนการ์ดอวยพร ผมเก็บไว้ในกระเป๋าเลยหยิบติดมาด้วยเลย ขนาดเท่าซองจดหมาย ผมเขียนข้อความไม่ยาว


“หนาวไหมวะ”ผมเดินไปถาม เผื่อว่าจะเอาผ้าห่มมาเพิ่ม ไอ้ยิมโบกมือ ได้แอลกอฮอล์เข้าไปร่างกายก็เริ่มร้อนนิดๆหน่อยๆ ผมถือกล่องเค้กกับจานออกไปด้านนอก นอกจากจะไม่เซอร์ไพรส์แล้ว ผมอาจจะไม่ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์ไอ้ยิม ร้องคนเดียวมันแปลก


“ทำเองสินะ”ไอ้ยิมรับกล่องเค้กไป แล้วค่อยๆเปิดกล่องออก ผมนั่งลงข้างๆมันช่วยคลายหนาวได้ด้วย ไอ้ยิมมองหน้าเค้กที่เขียนชื่อมันเต็มหน้า “รสชาติไม่ต้องห่วง แม้ว่าหน้าตามันจะไม่สวยงามนะเว้ย”ผมบอก ก่อนจะจิ้มวิปครีมมากิน ไอ้ยิมหยิบมีดมาแบ่งเค้กออกเป็นหลายส่วนเท่าๆกัน ผมมองนาฬิกา ตอนนี้เพิ่งสี่ทุ่มเอง กว่าจะเริ่มวันใหม่ ปีใหม่อีกหลายชั่วโมงเลย


“ฉลองก่อนเลยได้ไหมเนี่ย สุขสันต์วันเกิดนะยิม”ผมบอกมัน แล้วหยิบแก้วเบียร์มาชนแก้วกัน ไอ้ยิมไม่ค่อยอยากจะเมาสักเท่าไหร่ มันแค่จิบๆเท่านั้น ผมเล่นดื่มเป็นน้ำ ตอนนี้เปิดขวดที่สามแล้ว ผมแค่มึนๆนิดหน่อย ยังไม่เมาแน่นอน

“หึหึ ขอบคุณนะผิง”มันบอก สายตาเป็นประกาย มันยิ้ม ผมยังไม่ให้การ์ดมัน รอให้ถึงวันใหม่ก่อนถึงจะเป็นฤกษ์งามยามดี


“อือ มีอะไรอยากบอกกูเปล่า”ผมถามมันดูบ้าง พอเอ่ยไป คนข้างๆก็นิ่งไปสักพัก สีหน้าเรียบเฉย


“ก็...”ไอ้ยิมอิดออดไม่ยอมพูด ผมเลยหัวเราะชอบใจ สงสัยมันคงเขินแน่ๆ “งั้น...ขอถามนะ ทำไมถึงชอบกูเหรอยิม”ผมถาม อาจเป็นคำถามที่เคยถามไปแล้ว แต่ในเวลานี้ผมอยากได้ยินอีกครั้ง ไอ้ยิมมองผมนิ่งๆ แววตาคู่นี้ดูสอดส่องหาความจริงจากผม คงคิดว่าผมล้อมันเล่น


“...คงเพราะหลังๆเราสนิทกัน ไม่รู้เมื่อไหร่ที่กูแคร์มึง มันก็แค่นั้น ตอบยากนะ กูรู้ตัวได้เร็วมากกว่า ว่ากำลังชอบมึงอยู่ แล้วมันก็พัฒนาไปง่ายๆไม่ใช่เหรอ”ไอ้ยิมพูด ผมจับใจความอยู่นาน รู้สึกเบลอเพราะเบียร์ แต่ก็ยิ้มรับ


“แล้วตอนเราเป็นแฟนกันล่ะ ชอบกูที่ตรงไหน”ไอ้ยิมเลิกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจ มันจ้องผม


“ไม่น่าเมาเร็วนะ... แต่ถ้าอยากได้คำตอบ...รอผ่านคืนนี้ไปก่อนสิ”คำตอบของไอ้ยิมทำให้ผมตาสว่าง หายจากอาการเบลอไปได้ ผมทำตาโต จ้องมองมันเขม็ง


“...มีต่อรองนี่หว่า โอเค้”ผมพูด “กลับกันมึงต้องตอบคำถามนี้ด้วยเหมือนกัน”ไอ้ยิมพูดต่อ ผมยิ้มค้าง ใช่สิ...ผมไม่เคยบอกความรู้สึกของตัวเองแบบตรงไปตรงมาหรือในระยะตัวต่อตัวแบบนี้ แต่ไอ้ยิมยังคงมองอยู่


“ได้ ไม่ปอดแหกหรอก”ผมบอก ขณะเดียวกันไอ้ยิมก็ยื่นจานเค้กไส้บลูเบอรี่แต่แต่งด้วยสตอร์เบอรี่มาให้ผมหนึ่งชิ้น ผมรับมากินเงียบๆ


เวลาค่อยๆขยับผ่านไปทีละน้อย ไอ้ยิมขยับมานั่งใกล้ชิดกับผมมากขึ้น มันหยิบไฟเย็นออกมาจุดใส่กระถางต้นไม้ ปักลงไปหลายอัน ขณะเดียวกัน เสียงพลุกเริ่มดังต่อเนื่องกันเป็นสัญญาณเตือนว่า ตอนนี้เข้าสู่วันใหม่ ปีใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มองออกไปที่วิวด้านนอก พอดีกับพลุหลากสีกำลังปะทุกระจายอยู่บนค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลอง ผมยิ้มกว้างหันไปหาไอ้ยิม รวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยออกไป


“สุขสันต์วันเกิดนะยิม แล้วก็ขอบคุณช่วงเวลาที่ผ่านมานะเว้ย ปีใหม่แล้วขอให้อยู่ด้วยกันไปนานๆ เท่าที่จะทำได้นะ”ผมบอกรู้สึกว่าไม่เป็นตัวเองเอาซะเลย ผมมองไอ้ยิมอย่างตั้งใจ ผมเอื้อมหยิบการ์ดอวยพรให้มัน ไอ้ยิมรับไป มันยิ้มมีความสุข ไม่ได้พูดอะไรออกมา มันเปิดอ่านข้อความสั้นๆนั้น ก่อนจะเงยหน้ามองผม แววตาคู่นี้สะท้อนภาพผม


“เหมือนกันนะ กูรักมึงนะผิง แค่ไม่กี่ปี แต่กูก็รู้สึกยินดีที่ได้รู้จักกัน”มันพึมพำ


‘ขอให้มีความสุข ดีใจที่ได้รู้จักกัน กอดกัน และรักกัน จากผิง’ ก็แค่ข้อความสั้นๆ แต่ผมคิดอยู่นานว่าจะเขียนอะไร จนออกมาเป็นข้อความนี้ ผมพูดไม่เก่ง แต่ที่เขียนออกไปผมจริงใจ


“เออ”ผมตอบสั้นๆ หลบตาของอีกฝ่ายทันที ไม่อยากมองนานเดี๋ยวเผลอตัวขึ้นคงแย่เลย แต่ทว่าคงสายไปแล้วล่ะ รู้ตัวอีกที มืออุ่นของไอ้ยิมก็เข้ามาจับต้นคอของผมไว้ ก่อนที่จะเห็นว่าใบหน้าของมันอยู่ใกล้แค่เอื้อมเอง เหมือนรู้จักหวะ ผมแค่หลับตาและเราก็จูบกัน หัวใจแทบกระเด็นกระดอนออกมาจากอก ครั้งนี้ผมไม่ได้ตกใจ เพราะรู้อยู่แล้วว่าจูบนี้ต้องเกิดขึ้น


เป็นครั้งแรกที่มันราบรื่น ไม่มีการชี้แนะจากใคร ผมก็แค่จูบมัน จริงๆแล้วไอ้ยิมเป็นผู้ชายที่อ่อนโยน จูบของมันก็เป็นแบบนั้น เหมือนจะหลอมละลายผมจากข้างในมากกว่า ไอ้ยิมถอนจูบออกไป


“Happy new year”ไอ้ยิมพูด ผมไม่ทันจะอ้าปากตอบ มันก็เข้ามาจุ๊บปากผมซ้ำแต่ไม่ได้ล้ำลึกอะไรแค่ใช้ปากสัมผัสกันแค่นั้น ผมร้อนไปถึงหูแต่ไม่แสดงอาการออกไปแค่นิ่งๆไว้เดี๋ยวก็ดีเอง


“งั้น...”ไอ้ยิมเริ่มพูด ผมกลั้นใจฟัง หวังว่าจะไม่พูดอะไรทำลายบรรยากาศนะ ผมเลยหยิบแก้วเบียร์มาดื่มดับความร้อนรุ่มในใจ


“ง่วงหรือยัง”


“เพิ่งจูบไปเมื่อกี้ กูง่วงก็แปลกแล้ว”ผมหัวเราะออกมา ไอ้ยิมยิ้มขำตาม ก่อนจะดึงมือผมไปจับเบาๆ


“กูไม่ทำอะไรมึงหรอกน่า...คิดไปนู่นเชียวนะ”ไอ้ยิมส่ายหน้า มันเริ่มถึงเนื้อถึงตัวผมมากกว่าเดิมอีก ทำท่าเหมือนจะกอด ผมมองนิ่งๆ


“ก็แหม บรรยากาศกำลังได้ ไปนั่งห่างๆเลย”ผมบอก ขยับตัวออกห่างมัน ผมไม่ไร้เดียงสาแน่นอน ถึงไอ้ยิมจะเป็นคนอ่อนโยน แต่ก็ใช่ว่ามันไม่เคยผ่านเรื่องทำนองนั้นมา



“อะไร อยู่ด้วยกันแท้ๆ จะให้อยู่ห่างๆอีก”มันพูดด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย มันไม่สนใจ โทรศัพท์ของผมสั่นเตือนทั้งจากเฟซบุคและไลน์ ข้อความสวัสดีปีใหม่ส่งมาจากเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้องอยู่เรื่อยๆ ผมไม่ได้เปิดอ่าน ไอ้ยิมนั่งอยู่ข้างๆมองมาที่หน้าจอโทรศัพท์ผมเหมือนกัน ไอ้ยิมเอาผ้าห่มมาคลี่ออกก่อนจะเอนตัวลงนอนบนตักผมเฉยเลย


“อ้าว ง่วงเหรอ ไปนอนดีๆสิ”ผมบอก สะกิดไหล่มัน แต่ไอ้ยิมหลับตา นอนหนุนตักผมอย่างสบายใจ ผมไม่คิดว่ามันเมาหรอก คงแกล้งตีมึนมากกว่า


“เฮ้อ มีแฟนทำตัวเป็นเด็กก็แบบนี้”ผมพูดลอยๆ ไอ้ยิมลืมตาทันที มันจ้องผมอยู่นานจนเป็นผมซะเองที่ต้องละสายตาไปมองอย่างอื่นแทน


“แค่นอนตักแฟน”มันพูด เสียงทุ้มๆของมันดังขึ้น ผมไหวไหล่ ก่อนจะมองมันพยายามชักมือหลบมัน เพราะมันดื้อดึงคว้ามือผมไว้ ไม่เข้าใจว่าทำไมมันต้องมาทำเป็นปลาหมึกคอยมาหนุบหนับไปซะทุกอย่าง แล้วก็ไม่ได้เมาด้วย มันคอแข็งกว่าผมอีก


“มีอะไรหรือเปล่า”ผมถาม ปกติไอ้ยิมไม่ทำตัวแบบนี้ มันแค่ยิ้ม


“ลืมอะไรไปหรือเปล่า...ชอบกูที่ตรงไหน”มันถาม ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ มันบอกให้ผ่านคืนนี้ไป หมายถึงให้เข้าวันใหม่ก่อนงั้นสิ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น


“...เพราะมึงคือไอ้ยิมไง กูชอบมึงเพราะความใส่ใจ แล้วก็คอยอยู่ข้างๆกูเสมอเลย จนหลังเรียนจบไป มึงก็ยังเหมือนเดิมไง กูมาคิดดูแล้วกูไม่ควรปล่อยมึงไปง่ายๆ ไม่งั้นกูคงโดนด่าว่าโง่แน่ๆ”ผมพูดยิ้มๆ คนฟังถึงกับยิ้มกริ่ม แววตามีประกาย


“ตากูบ้าง—”


“ไม่ต้องหรอก กูรู้แล้วน่า ไม่ได้โง่นี่หว่า”ผมบอก ไอ้ยิมนิ่งไป ก่อนที่จะยื่นแขนมารั้งลำคอผมไว้จนได้ ผมเลยปล่อยเลยตามเลยก้มลงไปจูบมันที่นอนหนุนตักอยู่ การนั่งตากอากาศด้านนอกระเบียงทำให้เนื้อตัวเย็นไปหมด ปลายนิ้วของไอ้ยิมยังเย็นเลย


“เข้าไปด้านในเหอะ หนาวแล้ว”ผมบอกหลังจากที่ผละออกจากไอ้ยิม มันว่าง่ายลุกขึ้นนั่งก่อนจะยืน ผมกลับเข้าไปด้านใน ไฟแฟนซีรอบห้องยังคงสว่างในความมืด “เปิดไฟปกติไหม”ผมถาม


“อืม ในห้องก็ไม่มี ปิดเลยก็ได้ มันสวยดี แต่ไม่ได้มองเห็นมันนี่”ไอ้ยิมว่า ก่อนจะเดินไปเปิดไฟในห้อง จากนั้นทั้งห้องก็สว่างจ้าเป็นสีขาว ผมแสบตาเล็กน้อย ไอ้ยิมเดินไปถอดปลั๊กไฟของสายไฟแฟนซีออก ผมเดินเข้าไปด้านในห้องนอนแทน ภายในห้องนอนเป็นสไตล์น้ำเงินขาว ในห้องกว้างขวางมีเตียงใหญ่ มีตู้เสื้อผ้าทางฝั่งซ้ายมือและเยื้องออกไปคือห้องน้ำ ผมเดินไปนอนบนเตียงอย่างอ่อนเพลีย รู้สึกเหมือนโดนสูบพลังไปเลย


“เป็นไง”ไอ้ยิมถาม แล้วกระโจนลงเตียง มันคลานไปนอนบนหมอนใบใหญ่ ท่าทางมันคงจะเพลียเหมือนผม


“ไม่อาบน้ำเหรอ”


“ไม่ได้เปื้อนไม่ใช่เหรอ”ไอ้ยิมตอบงึมงำ มันหลับตา ผมเลยนอนมองมันแทน กลายเป็นว่าไอ้ยิมดันนอนไปทั้งแบบนั้นแทน ผมยิ้มกริ่ม นึกว่ามันจะคิดไม่ดีซะอีก ที่ไหนได้แม่งง่วงจริงๆ ผมส่านศีรษะก่อนจะลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สดชื่น พอเสร็จธุระ ผมเอาผ้าขนหนูผืนเล็กมาชุบน้ำไปเช็ดหน้าให้ไอ้ยิม อย่างน้อยหน้าก็ควรจะสะอาด ผมค่อยๆเช็ดใบหน้าและลำคอของไอ้ยิม


“กู๊ดไนท์”ผมก้มไปบอกมัน มันหลับไปแล้วจริงๆ ไม่หือไม่อือ ผมย่นหน้ารู้สึกกลายเป็นคนโง่ซะเอง


‘ผิงมึงคิดลึกเกินไปจริงๆด้วย’ ผมเอนตัวนอนดึงผ้าห่มผืนหนานุ่มให้ไอ้ยิมด้วย ก่อนจะนอนข้างกายไอ้ยิมแล้วนอนหลับไปแบบนั้น




-จบ-

 :กอด1:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
สวัสดีปีใหม่ค่ะ

บทสรุปแต่ละคู่ ละมุนแตกต่างกันไป แต่ก็เป็นไปตามคาแรคเตอร์แต่ละคนล่ะนะ

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ เรื่องนี้ค่ะ

ออฟไลน์ ชานมเย็น

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ รินดาwดาริน

  • OnTop&N'Song
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +243/-2
Valentine's Day
สอง

 วันนี้คือวันแห่งความรัก ผมไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากนัก เพราะพี่ท็อป แฟนของผมบอกกระซิบบอกว่าไม่ต้องสรรหาเรื่องมาเซอร์ไพรส์ ผมก็เลยตามนั้น ไม่ได้ซื้อดอกกุหลาบ แต่ก็อดซื้อช็อกโกแลตมาไม่ได้อยู่ดี อย่างน้อยก็มีของหวานให้ชุ่มชื่นหัวใจ หลังเลิกงาน ผมกลับมาบ้านได้ เจ้าทูก็ถลาวิ่งสี่ขาเข้ามาพันแข้งพันขาไม่หยุด ผมยิ้ม ก่อนจะอดเข้ามาลูบหัวตุบหลังมันตุบๆไม่ได้ เดินไปเทอาหารไว้ให้นิดหน่อย มันวิ่งมากินเสียงดังกุบกับ ผมเข้าไปในบ้าน เอาช็อกโกแลตไปแช่ตู้เย็น

Ontop : วันนี้กลับบ้านค่ำหน่อยนะ กินข้าวก่อนเลยไม่ต้องรอพี่

ผมอ่านไลน์ของแฟน แล้วขมวดคิ้ว เหลือบมองนาฬิกาไปด้วย นี่ก็ห้าโมงครึ่งแล้ว ทำไมยังทำงานอยู่อีก วันวาเลนไทน์แท้ๆ เจ้านายหรือเพื่อนไม่น่าจะรั้งตัวไว้นาน ผมแอบคิดเรื่อยเปื่อย

2 : โอเคครับ

ผมตอบแล้ว เดินเข้าไปในครัว ปกติเรื่องคนทำครัวจะเป็นของพี่ท็อป ผมไม่ค่อยสันทัดเท่าไหร่ ทำได้แค่หุงข้าว ทอดไข่ ผัดผัก เมนูง่ายๆ ไม่พลิกแพลงอะไรมาก ผมหุงข้าว ทำผัดบ็อกโคลี่ใส่หมูกับไข่ต้มไว้ ผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็ไม่เห็นวี่แววของพี่ท็อป เลยขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าที่ชั้นบน

ผมอาบน้ำอย่างใจลอย คิดเรื่องที่จะทำกับพี่ท็อปไปพลางๆ ไอ้เรื่องบนเตียงก็แวบเข้ามาในหัว ยิ่งเป็นวันวาเลนไทน์แบบนี้ ก็ยิ่งพลาดไม่ได้ ผมผิวปากหยิบแชมพูมาสระผม ตั้งแต่ทำงาน ผมก็ไม่ค่อยได้เข้าร้านตัดผมเปลี่ยนทรงบ่อย ก็ไว้ทรงเดิม แต่ไม่ให้ยาวจนระบ่า เมื่อออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นว่ามีผู้มาเยือน นั่งรออยู่ที่โซฟา เอนหลังเอกเขนกด้วยท่าทีสบายอกสบายใจ

“อ้าว มาเงียบจังนะพี่”ผมเอ่ย มองเจ้าตัวด้วยความงง พี่ท็อปยิ้ม

“อาบน้ำรอพี่ซะด้วย”ยังมีหน้ามาแซวอีกนะ ผมยิ้มเดินไปแต่งตัว ให้อีกฝ่ายแทะโลมไปเรื่อยๆ

“เพิ่งทำกับข้าวเสร็จ เลยขึ้นมาอาบน้ำน่ะพี่ ว่าแต่ก็ไม่เห็นว่าเลิกมืดค่ำตรงไหนเลย”

“ตอนแรกโดนเจ้านายกักตัวไว้ แต่แปบเดียวก็ปล่อย เห็นลูกน้องหลายคนอยากจะกลับบ้านจะแย่”พี่ท็อปหัวเราะเบาๆ ผมจ้องมองอีกฝ่ายผ่านกระจกที่โต๊ะเครื่องแป้ง

“เหรอ ผมซื้อช็อกโกแลตมาด้วยนะ อยู่ในตู้เย็น”ผมบอก

“จริงเหรอ พี่ก็เอามาเหมือนกัน”พี่ท็อปบอก ผมแต่งตัวเสร็จเดินไปนั่งที่โซฟา เหลือบมองอีกฝ่ายอย่างพิจารณาว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ เห็นยิ้ม สายตาวิบวับ

“อารมณ์ดีอะไร”

“ก็แค่วันแห่งความรัก”พี่ท็อปเอ่ย ทำเอาผมจ้องอย่างจับผิด หรือว่าพี่ท็อปมีเซอร์ไพรส์ อีกฝ่ายเห็นผมมองไม่วางตา เลยหัวเราะในลำคอ ปลดกระดุมที่คอออกให้ผ่อนคลาย

“เหรอ ไปอาบน้ำเถอะน่า จะได้ไปกินข้าว”ผมบอก พี่ท็อปมองผมอยู่นาน “สอง”

“ครับพี่”ผมเงยมอง ขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ มองแววตาอีกฝ่ายที่ดูหมดประกายความล้อเล่นแล้วก็ไม่อยากกวนประสาท เลยกลืนคำว่า ‘จะสารภาพรักกับผมอีกเหรอ’ลงคอไป

“พี่...”พี่ท็อปมีท่าทีอึกอักขึ้นมา

“อะไรอย่ามาอ้ำอึ้งดิ อย่าบอกนะว่ามีกิ๊ก”ผมเอ่ย เมื่ออีกฝ่ายยังลีลาไม่เลิก พี่ท็อปหัวเราะลั่น “เลอะเทอะ แค่อยากบอกว่าวันนี้ สองไม่ต้องรุกพี่”

“ห๊ะ”ผมแปลกใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยปากออกมา ปกติเรื่องทำนองนี้ ไม่เคยที่จะตกลงกันมาก่อน อีกอย่างใช่ว่าผมจะได้เชยชมพี่ท็อปบ่อยนักหรอก ผมเลยทำหน้าไม่ถูก เพราะวันวาเลนไทน์ปีที่แล้วผมได้ของขวัญจากพี่ท็อป

“อ้าว ทำไมล่ะ”ผมถาม เพราะวันนี้ถือเป็นฤกษ์งามยามดีเช่นเคย

“คือพรุ่งนี้พี่ต้องไปตรวจไซต์งานกับหัวหน้า เลยไม่อยากใช้กำลังเยอะ”พี่ท็อปเอ่ย ผมเลิกคิ้ว มันเกี่ยวกันด้วยเหรอ เพราะไม่เคยถูกขออะไรแบบนี้มานานแล้ว ไอ้สโกแกนที่ว่ายังไงก็ได้ หรือ วินๆทั้งสองฝ่าย มันห่างหายไปจากคู่ของผมอยู่นาน

“อ่า มีข้ออ้างแบบนี้ ผมก็แห้วอ่ะดิ”ผมบอก ใจเหี่ยวเฉาลงไปเยอะ ที่จริงเมื่อครู่ก่อนผมอุตส่าห์คิดอะไรเพลินๆตั้งหลายอย่าง ไม่คิดว่าจะโดนตัดจินตนาการแบบนี้ พอมองสำรวจอีกฝ่ายที่ดูจริงจัง อย่างกับคุยเรื่องงาน ผมอดขำไม่ได้ เลยนึกหาเรื่องแกล้งพี่ท็อปดีกว่า

“ทำหน้าแบบนี้ เซ็งอ่ะดิ”พี่ท็อปมองผม เอ่ยพูดอย่างกังวลใจ ผมทำเป็นถอนหายใจยาวราวกับเบื่อหน่ายในชีวิต

“อือ นานทีปีหน ผมก็ไม่ได้เฉียดมือไปจับตูดพี่บ้าง”ผมแกล้งเอ่ยไป เห็นพี่ท็อปคิ้วขมวด

“เหอะๆ อย่าพูดทะลึ่ง พรุ่งนี้คงต้องเหนื่อยหน่อย”

“พี่เป็นฝ่ายอยู่เฉยๆน่าจะสบายกว่าไม่ใช่เหรอ เกิดไปแข้งขาอ่อนสะดุดล้มขึ้นมาจะแย่เอา”ผมบอก แต่ก็ไม่คิดว่าไอ้การโดนเสียบจะดีไปกว่ากัน คงหนักกว่าเก่าล่ะมั้ง

“โธ่ คงหนักกว่าเดิมล่ะสิ”ไม่คิดว่าพี่ท็อปจะมาต่อรองกับผมด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ ผมไหวไหล่

“ไม่รู้ ไปข้างล่างดีกว่า หิวแล้ว”ผมตัดบท ลุกขึ้นยืนแล้วรีบออกจากห้องทันที ในใจที่ห่อเหี่ยว มีกำลังใจขึ้นมาบ้าง ผมเดินลงมาชั้นล่าง จัดโต๊ะอาหาร แอบไปเห็นดอกกุหลายสามดอกที่โต๊ะบริเวณโซฟาแล้วก็ยิ้มออก แล้วบอกผมไม่ให้ซื้อดอกไม้ ผมเดินไปหยิบดอกกุหลาบมาใส่แจกันที่โต๊ะอาหารแทน ไม่นานก็เห็นว่าพี่ท็อปเดินเข้ามาหา ด้วยชุดสบายๆเสื้อยืดกางเกงขาสั้น สีหน้าเคร่งเครียดกว่าที่ควรจะเป็น ผมยิ่งอารมณ์ดี

“เป็นอะไรหน้าเครียด”

“เปล่า”มีตึงๆด้วยแฮะ ผมแอบยิ้ม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เลยเลื่อนเก้าอี้นั่งลง

“เสียดายน่าจะซื้อไวน์ไม่ก็สปายมานะพี่ ดื่มเบาๆพอ”ผมชวนคุย

“อือ ตุ๊ดฉิบ”พี่ท็อปแอบแขวะเรื่องเครื่องดื่ม ผมหัวเราะออกมา “หุ้ว คิดมากอะไร พรุ่งนี้ยังต้องทำงานนะพี่ เดี๋ยวแฮงค์เอา”ผมบอก ไม่อยากทำอะไรเกินตัว

“ออกไปซื้อที่หน้าปากซอยสิ”พี่ท็อปบอก ก้มหน้าก้มตากินข้าว ผมเหลือบมองอย่างพอใจ นานๆทีจะเห็นเจ้าตัวคิดเล็กคิดน้อย ผมนั่งทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อยกว่าปกติ ทั้งๆที่อาหารไม่ได้เลิศรสนัก

“อืม เอาเกลือใส่ไปหรือไงวะ”พี่ท็อปบ่นพึมพำ ไอ้เรื่องเสน่ห์ปรายจวักพี่ท็อปน่าจะนำหน้าผมไปแล้ว พ่อก็ชอบส่งสูตรอาหารมาให้อยู่ตลอด

“ฮ่ะๆ หนักมือไปหน่อย”ผมยิ้ม เจ้าตัวเงยมองด้วยใบหน้าเรียบเฉยกับเสียงหัวเราะที่คงไปสะกิดต่อมอีกฝ่าย ผมกลั้นยิ้ม หลังจากที่ทานมื้อเย็นอิ่มหนำ ผมเดินออกไปซื้อน้ำแข็งกับสปายมาหนึ่งแพ็ค ไม่วายหยิบถุงยางติดมาด้วย เพราะมีหลายแบบ ชนิดที่มีกลิ่น ลังเลอยู่บ้างเพราะไอ้กลิ่นพวกนี้มันเป็นตัวเสริมให้เกิดอารมณ์พอสมควร ผมเลือกอยู่นานจนพนักงานมอง ทำอย่างกับว่าเป็นวัยละอ่อนที่ยังเวอร์จิ้น ผมหยิบติดมาด้วย เผื่อได้ใช้ ไม่ใช่ไซต์ผมหรอก ทำให้ผมคิดขึ้นมาได้ว่านานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้ซื้อถุงยางให้ตัวเองใช้

ตั้งแต่คบกับพี่ท็อปมาสามปีกว่าๆ ครั้งล่าสุดที่ได้กดอีกฝ่าย เหมือนจะเนิ่นนานจนผมลืมไปแล้ว ถึงจะไม่คิดมากกับเรื่องนี้ แต่ก็อดไม่มั่นใจในตัวเองอยู่เหมือนกัน คนมันเสียเซลฟ์มานาน แต่ก็ใช่ว่าจะโหยหาอะไรมาก พี่ท็อปก็ไม่ใช่ไร้น้ำยา เราไม่ได้มีบทบาทที่ตายตัวหนัก พี่ท็อปไม่เคยเอ่ยบอกว่าห้ามพลิก ก็คงแล้วแต่อารมณ์ผมในตอนนั้นด้วยล่ะว่าอยากจะเป็นฝ่ายทำหรือไม่ แต่สุดท้าย ปีที่ผ่านๆมาก็แทบไม่ได้พลิกบ่อยนัก ค่อนข้างจะร้างลาไปนาน  ถ้าไม่มีเทศกาลหรือวันสำคัญๆผมก็ไม่ค่อยฮึดอยากจะเปลี่ยนบทบาทนักหรอก วาเลนไทน์ปีก่อนยังได้ลิ้มรสอยู่เลย มาหักหน้ากันซะดื้อๆ

ผมเดินใจลอยกลับเข้าบ้านช้าๆ มองนาฬิกาแล้วเห็นว่าตัวเองใช้เวลาไปประมาณสิบนาที ผมล็อกประตูเดินไปนั่งเล่นที่ศาลาในสวน ไอ้ทูเดินมาหา ลิ้นห้อยหอบแฮ่กๆมาให้ ผมเรียกมันให้มาใกล้ๆ อดใจไม่ไหวบีบหูของมันเล่นจนมันมือ มันร้องเอ๋งๆเพราะผมเล่นแรงไปหน่อย เลยแกะขนมยื่นไปให้มันกินเล่น

“มานั่งอะไรตรงนี้ เดี๋ยวยุงกัด”พี่ท็อปเดินออกมาจากด้านในบ้าน เอ่ยบอกเสียงดังความมึนตึงในน้ำเสียงหายไปแล้ว ผมไหวไหล่ นั่งพิงเสาไม้อย่างเหม่อลอย

“โกรธเหรอ”อีกฝ่ายเดินมานั่งข้างๆ เมื่อเห็นว่าผมไม่ตอบ

“เปล่านี่ โกรธไปทำไม”ผมบอก พี่ท็อปยื่นหน้ามามอง คิ้วขมวด แววตาสีดำไม่ขยับไหว จ้องมองมาเหมือนค้นหาความจริง

“ก็โกรธพี่ไง”เจ้าตัวพึมพำเสียงแผ่ว

“เรื่องแค่นี้ พี่อ่ะคิดมาก”

“เหรอวะ”พี่ท็อปหัวเราะ หันมองถุงเซเว่นแล้วแหวกถุงพลาสติกมองเข้าไปด้านในแทน เห็นสปายกับน้ำแข็ง ผมจ้องปฏิกิริยาอีกฝ่ายที่สอดส่องมองของในถึงจนครบ เห็นว่าหัวคิ้วคลายความกังวลออกไป เจ้าตัวเงยหน้า “สอง”

“หืม”

“เอาตรงๆนะ โกรธพี่ไหม”

“...ไม่โกรธหรอก แต่แค่...ไม่รู้สิ ผมว่าพี่แคร์เรื่องนี้มากเกินไป น่าจะปล่อยให้เป็นไปตามเรื่องตามราวไป”ผมบอก

“อืม เหมือนซื้อมาประชดพี่”พี่ท็อปบอก เอียงตัวมาใกล้ ศีรษะซบลงกับไหล่ของผมไปด้วย ทำให้ผมยิ้มออก

“หึหึ คิดงั้นเหรอ เอามาให้เลือกไง อยากได้แบบไหนก็ตามใจ”

“เหรอ”พี่ท็อปพึมพำ ก่อนจะยื่นมือซ้ายมาบีบแก้มผมจนเจ็บนิดหน่อย

“เฮ้อ รักไปแล้วนี่หว่า ทำไงได้”ผมเอ่ยเสียงอ่อนลง

“อ่า พี่กลายเป็นคนใจแคบไปซะได้”

“พอๆ อย่ามาดราม่า”ผมหัวเราะ ก่อนจะลุกขึ้นยืน พี่ท็อปหยิบถุงใส่ของเดินตามผมเข้าบ้าน ด้วยสีหน้าที่ดีขึ้นกว่าเมื่อครู่ก่อน ผมกับพี่ท็อปขึ้นไปยังชั้นสอง เปิดทีวีดูแก้เบื่อ ยังไม่มีอารมณ์จะไปจ้ำจี้กับอีกฝ่ายนัก

“กินช็อกโกแลตป่ะ”พี่ท็อปถาม ระหว่างที่เอาถุงน้ำแข็งเทใส่กระติกขนาดเล็ก รินสปายใส่แก้วให้ผมท่าทางเอาใจ ผมเหลือบมอง “ยังอ่ะ อยากกินเหล้ามากกว่า”ผมบอก ยกแก้วมาดื่ม กลิ่นของมันแตะจมูกแรงขึ้น

“จะย้อมใจเหรอ”พี่ท็อปเอ่ยทีเล่นทีจริง

“แค่บิ้วตัวเองนิดหน่อย”ผมบอก ยังหัวค่ำอยู่เลย

“ให้นวดให้ไหม”อยู่ๆพี่ท็อปก็ถาม ผมมอง นึกในใจว่าคงเป็นวิธีเอาใจผมมากกว่า “ตรงนี้น่ะเหรอ”ผมถาม

“ที่เตียงสิ”พี่ท็อปบอก

“หึหึ ตลอดนะ”ผมส่ายหน้า ก่อนจะเข้าไปล้างเนื้อล้างตัวอีกรอบให้สดชื่น ผมมานึกทบทวน เมื่อปีที่แล้ววันวาเลนไทน์ผมกับพี่ท็อปก็ไม่ได้มีอะไรหวานแหววมาก แค่ให้ดอกไม้ ไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนที่ร้านอาหารของไอ้ผิง แล้วก็จบลงที่เตียง

ผมออกมาจากห้องน้ำ เห็นพี่ท็อปกำลังแกะช็อกโกแลตเข้าปากไปด้วย ผมเดินไปที่เตียงล้มตัวลงนอนอย่างผ่อนคลาย พี่ท็อปเดินไปเปิดลิ้นชัก หยิบกล่องสีน้ำตาลออกมา แล้วยื่นให้ผม

...กลิ่นช็อกโกแลตเนี่ยนะ ผมเลิกคิ้วมอง เคยได้ยินแต่ไม่เคยใช้

“ซื้อมาจากไหน”

“ในเว็บไง”พี่ท็อปบอกยิ้มๆ เข้ามากอดผมไว้หลอมๆ “วางแผนมาซะดิบดี”ผมพูดอย่างไม่คิดอะไร หันมองใบหน้าของคนที่กอดผมอยู่ อีกฝ่ายยังคงมองผมด้วยสายตาเช่นเดิม สายตาที่มีความรักมอบให้ แต่วันนี้ออกจะหยาดเยิ้มไปหน่อยไม่รู้เพราะฤทธิ์เหล้าหรือฤทธิ์คนหื่น

ผมเปิดกล่อง ดึงซองถุงยางออกมาอย่างสงสัยใครรู้ ก่อนจะฉีกซองออกอย่างไม่กลัวเสียของ กลิ่นช็อกโกแลตลอยออกมา ก็หอมดี แต่แอบเห็นข้างกล่องว่ามีสามกลิ่นพอดี  เหมาะกับวันวาเลนไทน์ ที่จริงเพราะวัน 14 ก.พ นั่นแหละ ถึงได้มีกลิ่นนี้ออกมา ผมโยนทิ้งลงถัง หยิบทิชชูมาเช็ดมือ

“เสียไปอันหนึงเลย”พี่ท็อปบอก “ระวังขาอ่อนนะพี่”ผมหัวเราะ ขยับไปนอนบนหมอนหลับตาลง เตียงอ่อนยวบเมื่อคนข้างกายขยับมานอนด้วย มือข้างถนัดลูบไล้ผ่านใต้เสื้อบริเวณหน้าท้อง ผมลืมตามอง

“ไหนว่าจะนวดไง”ผมถาม

“เอาจริงๆไหมล่ะ”พี่ท็อปทำเสียงจริงจัง ผมยิ้ม ก่อนจะเปลี่ยนท่านอน “ปวดไหล่พอดี”ผมบอก ก่อนจะนอนคว่ำ ขยับหมอนมาไว้ใต้คาง พี่ท็อปหัวเราะเบาๆ “เอายานวดไหม”

“หึ เหม็น เอากลิ่นอโรม่าดิ ได้มาก็ไม่ได้ใช้เลย”ผมหลับตาบอก ตั้งแต่ไปร้านสปานวดคราวก่อน ผมได้น้ำมันนวดอโรมามาจากแม่พี่ท็อปเป็นของฝากจากเชียงใหม่

“เออว่ะ”เจ้าตัวพึมพำ ลุกออกจากเตียงแล้วเดินไปเปิดลิ้นชักข้างเตียง หยิบขวดขนาดไม่ถึงสองนิ้วออกมาด้วย อีกฝ่ายเปิดฝาขวด ก่อนจะยกขึ้นดมแล้วย่นจมูก

“กลิ่นจะติดไหมเนี่ย”

“เดี๋ยวก็หายน่า”ผมบอก มองเจ้าตัวนั่งลงบนเตียง อีกฝ่ายบุ้ยใบ้ให้ผมถอดเสื้อออก ผมทำตามอย่างว่าง่าย กำลังคิดอยู่ว่าจะหาทางแกล้งอีกฝ่ายแบบไหนดี ผมโยนเสื้อไปข้างๆอย่างเกียจคร้านแล้วล้มตัวนอนต่อ

“นวดดีๆนะ”ผมบอก เห็นว่าพี่ท็อปไม่ได้ถอดเสื้อผ้าตาม สงสัยคงกลัวผมงอนเรื่องก่อนหน้านั้นเลยอยากเอาใจ พี่ท็อปขยับมาใกล้ก่อนจะลากมือเย็นๆไปที่หัวไหล่ รับรู้ถึงน้ำมันที่หยดลงไปตามหัวไหล่และบ่า ผมย่นคิ้วเพราะน้ำหนักมือแรงจนกลายเป็นเจ็บ “โห จะหักกระดูกผมเหรอ”ผมบ่นพึมพำ พี่ท็อปยื่นหน้ามามองใกล้ๆ มีรอยยิ้มปรากฏอยู่ เจ้าตัวไม่วายขยับมาจุ๊บแก้มผมเป็นของแถมก่อนจะกลับไปประจำการ ทำหน้าที่เป็นมือนวดต่อ อีกฝ่ายผ่อนน้ำหนักมือ กดลงที่หัวไหล่ ถึงจะไม่ถูกวิธีหนักแต่ก็ทำให้คลายความปวดเมื่อยที่บ่าลงไปได้บ้าง จนผมเกือบเผลอหลับไป

“ง่วงเหรอ”พี่ท็อปถาม หยุดมือลง เอนหน้ามาถาม ผมส่งเสียงอือออกลับไป ก็เล่นนวดเพื่อคลายเส้น ไม่ได้นวดแบบหยอกเย้า ผมปรือตามองอีกฝ่าย กำลังเห็นว่าเจ้าตัวเก็บขวดน้ำมันหอมไปวางที่โต๊ะ พี่ท็อปเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาเช็ดที่แผ่นหลัง ผมขี้เกียจลุกไปล้างตัวอีกรอบเลยปล่อยให้อีกฝ่ายเช็ดตัวไปแทน ผมพลิกตัวนอนหงาย มองพี่ท็อปที่อมยิ้มบนใบหน้า เห็นแววตาของเจ้าตัวแล้วผมก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ เลยยกขายันเข้าที่เอวอีกฝ่ายไปเต็มแรง

พี่ท็อปหัวเราะ จับขาของผมไว้แทน จากนั้นก็โยนผ้าเช็ดตัวในมือลงพื้นไปแบบส่งเดช แล้วหันมาจัดการกับปราการที่ขวางกั้นผมกับเจ้าตัวแทน

“นอกจากจะไม่หวานแล้ว พี่กะจะหื่นอย่างเดียวเลยหรอเนี่ย”ผมแกล้งพูด พี่ท็อปตวัดตามอง ก่อนจะก้มมาหยอกเอินกับริมฝีปากของผมอยู่นานสองนาน ลมหายใจร้อนๆเป่ารดข้างแก้มจนรู้สึกว่าตนเองอ่อนแรงไปด้วย

“ไม่หื่นกับแฟนจะไปหื่นกับหมาที่ไหนกัน หืม”พี่ท็อปยืดตัวมอง ส่งยิ้มหวานมาให้ก่อนจะปลดกางเกงออกจากร่าง ทั้งเนื้อตัวเปล่าเปลือยด้วยกันทั้งคู่  จะว่าไปต้องขอบคุณรสนิยมของอีกฝ่าย ผมยังไม่ลืมเซ็กส์ในคราวนั้นของเราเลย ไอ้จิบไวน์นอนเปลือยที่กลางบ้านกับการตกแต่งแปลกๆนั่น ผมลบออกจากความทรงจำไม่ได้เลย เหมือนเป็นตัวกระตุ้นใหพึงระลึกอยู่เสมอว่าอย่าผลีผลามตะกุมตะกรามมากไป

“แน่ะ ใจลอยอีกไปถึงไหน”คนด้านบนหัวเราะเสียงนุ่ม เอื้อมมือมาจับส่วนกลางลำตัวของผมอย่างพอดิบพอดี เราสองคนกำลังตื่นตัวกันทั้งคู่ พี่ท็อปโน้มตัวลงมากอดผมไว้อย่างนิ่มนวล ร่างกายอุ่นร้อนสัมผัสกันและกันจนรู้สึกเตลิดไปไกล อีกฝ่ายก้มลงจูบที่ลำคอ ลากลิ้นเลียขึ้นไปถึงใต้กกหู ผมยกแขนโอบกอดคนด้านบนไว้แน่น จากนั้นเราก็จูบกันอีกครั้ง ยาวนานจนกว่าผมจะหอบแฮ่ก

ร่างกายที่คุ้นเคยกันมาตลอดสามปี ไม่ว่าจูบ ดอมดมส่วนไหนก็ร้อนเป็นไฟ จุดติดได้ง่ายไปหมด กลิ่นช็อกโกแลตหอมหวานติดจมูกทำให้เคลิ้มไปอย่างง่ายดาย ว่ากันว่ากลิ่นสามารถช่วยกระตุ้นอารมณ์ได้ดี กลิ่นหอมหวาน ร่างกายที่คุ้นเคย ความอบอุ่นของคนรัก และสุดท้ายคำบอกรักกันและกันจึงแผดเผาให้ทั้งร่างแทบหลอมละลายไปด้วยกัน

กว่าจะผ่านสมรภูมิรบไปได้ พี่ท็อปก็ไม่ปล่อยให้ของที่ซื้อมาเสียเปล่า หยิบมาใช้ทีละนิด ก็เล่นเอาหมดเรี่ยวหมดแรงไปทั้งคู่

  ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ภายในห้องก็มืดสนิท คนข้างกายยังกอดผมไม่ปล่อย หายใจสม่ำเสมอ หลับเป็นตายไปแล้ว ผมยิ้มกับตัวเอง ยื่นหน้าไปหอมแก้มอีกฝ่ายฟอดใหญ่ หยิบนาฬิกามาดู อีกไม่กี่ชั่วโมงแสงสว่างก็จะพ้นขอบฟ้าแล้ว

ผมค่อยๆขยับตัวลุกออกจากเตียง พอยืนกับพื้นก็รู้สึกว่าสองขาอ่อนเปลี้ยไปบ้าง เดินขัดๆพิกล ผมย่องไปเข้าห้องน้ำ ตอนนี้ตื่นเต็มตา ไม่รู้สึกเพลียเท่าไหร่ ผมอาบน้ำสำรวจร่างกายว่าสึกหรอตรงไหนบ้าง หยิบสบู่เหลวมาชำระร่างกายให้กลิ่นช็อกโกแลตมันหายไปจากตัว

ออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าภายในห้องสว่าง พี่ท็อปยังคงนอนอยู่ ทว่าลืมตามองผม กวักมือเรียกให้ไปหา ผมเช็ดตัวให้แห้งรีบคว้าเสื้อกับกางเกงมาใส่ลวกๆ แล้วเดินไปหาพี่ท็อปที่เตียง นั่งลงข้างๆอีกฝ่าย

“อรุณสวัสดิ์ครับ”ผมบอก ยื่นหน้าไปจุ๊บแก้มอีกฝ่าย คนที่ยังงัวเงียย่นคิ้ว แต่กลับรั้งลำคอของผมไปกอดจูบอยู่พักนึง ผมหัวเราะเบาๆ หยิบผ้าเช็ดตัวบนเก้าอี้มาเช็ดผมให้แห้ง หยดน้ำกระเซ็นใส่คนที่นอนอยู่ไปด้วย

“ตื่นเช้าจัง”

“ต้องไปหุงข้าวอีก”

“ทำหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่องจริงๆเลย”อีกฝ่ายเอ่ยแซวใบหน้ายิ้มแย้ม อีกฝ่ายขยี้ตาไปมา ก่อนจะขยับอย่างเกียจคร้าน คลานมานอนบนตักของผมอย่างออดอ้อน แหงล่ะ ก็ต้องเอาใจผมหน่อย

“วันเสาร์ก็ชดเชยให้ผมด้วยแล้วกัน จะได้ไม่มีข้ออ้างว่าไม่อยากใช้กำลังเยอะ”ผมก้มมองคนบนตักด้วยรอยยิ้ม พี่ท็อปจ้องผมด้วยแววตาวิบวับ

“...รู้ไหมทำไมพี่ถึงเอาจริงเอาจริงเรื่องนี้”พี่ท็อปไม่ตอบคำถาม แต่ดันยกประเด็นเรื่องเก่าขึ้นมาแทน ผมผงกหัวอย่างเห็นด้วย

“ทำไมล่ะ”

“ก็ไอ้เพื่อนเวรน่ะสิ มันดันกวนตีน แอบซุบซิบกันว่า....”พี่ท็อปขมวดคิ้ว บ่นเป็นหมีกินผึ้ง สีหน้าดูไม่สบอารมณ์จริงจัง ผมมองอย่างนึกสนุก “ว่า”

“ว่าพี่ต้องโดนมึงอัดแน่นอน วันนี้ต้องออกไปไซต์งานกับพวกมันด้วยพอดี มันก็เลยวอนตีนจัด อยากจะขอพิสูจน์ สองก็น่าจะรู้นะว่ามันกวนตันกันแค่ไหน”พี่ท็อปหัวเราะออกมา ผมนิ่งไป ต่อให้พี่อิฐล้อพี่ท็อปจริง อีกฝ่ายไม่หน้าบางปานนั้นหรอกมั้ง แต่ก็นะ พี่ท็อปก็ใช่ว่าจะยอมผมบ่อยๆ ถ้าได้โอกาสผมก็จัดการให้อ่วมไปเลย โทษฐานที่ร้างลามานาน

“ฮ่าๆ พี่อิฐน่ะนะ ยังแซวพี่ไม่เลิกอีกเหรอเนี่ย”ผมขำออกมา กี่ปีกี่ชาติ พี่แกก็ยังชอบโดนตีนพี่ท็อปอยู่เสมอ คนอะไรอยากโดนพี่ท็อปเตะ

“เออดิ แม่งพนันกันด้วยนะ”พี่ท็อปส่ายหน้ายิ้มๆ แต่ผมไม่คิดว่าพี่ท็อปจะมาเอาจริงจังเพราะโดนเพื่อนแซวหรอก หาเรื่องบ่ายเบี่ยงผมซะมากกว่า

“แล้วพี่อิฐแกหาทางพิสูจน์ยังไงล่ะ ถึงจะได้เงินพนัน”ผมถามต่อ พี่ท็อปจ้องหน้าผมเขม็ง ไม่ยอมตอบอะไรออกมา ผมมองนิ่งๆ แกล้งกดดันต่อไป “ว่าไงล่ะ”

“ไม่บอก...”พี่ท็อปบอกเสียงเรียบ ยื่นหน้ามากัดหน้าท้องผมแรงๆ ถึงจะใส่เสื้อแต่อีกฝ่ายไม่ออมแรงเลย

“อ้าว ทำเป็นเขินอีกคนเรา”ผมหัวเราะ

“เออ กูอายมากกว่า เสียหน้านะโว้ย”พี่ท็อปเงยมอง

“ที่จริง ไม่เห็นต้องมาจริงจัง”ผมส่ายหน้า “ฮ่ะๆ แต่ก็นะ เป็นผัวมาตั้งนานจะให้กลายมาเป็นเมียมันก็ทำใจยากหน่อย”พี่ท็อปไม่วายเอ่ยถ้อยคำทำรายจิตใจของไอ้สองคนนี้เช่นเคย ผมยิ้ม เอื้อมไปชกไหล่อีกฝ่ายให้หายหมั่นไส้ ผมจะปล่อยเบลอมองผ่านไปก็แล้วกัน ชกไปหลายทีเข้า คนบนตักคงเจ็บเลยยกมือมาคว้ากำปั้นผมไว้แทน ก่อนจะจ้องตาผมไม่กระพริบ

“ฟังนะ เพราะสองเป็นแบบนี้ไง พี่ถึงรักไปเปลี่ยน”อยู่ๆพี่ท็อปก็เปลี่ยนอารมณ์มาบอกรักผมแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ก็ทำให้ผมยิ้มออก ก้มมองคนบนตัก เอื้อมไปเขี่ยแก้มเจ้าตัวเล่น พลางสบตากันไม่ห่าง

“ไม่รักก็บ้าแล้วครับ”ผมเอ่ยออกมา คนบนตักค่อยๆปรากฏรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟัน นัยน์ตาสีดำเปล่งประกายความสุขใจออกมาอย่างปิดไม่มิด

“อือ สงสัยวันนี้ต้องโด๊ปสักขวด เออ ฝากทำไข่ลวกให้หน่อยนะ”พี่ท็อปบอก ก่อนจะผุดลุกออกจากตักของผม ยื่นหน้ามาหอมแก้มกันอีกฟอด

บางทีก็ไม่เข้าใจแฟน ทำไมต้องมาดับอารมณ์โรแมนซ์ด้วยก็ไม่รู้นะ

ผมนั่งมองร่างของคนที่อ่อนเพลียเดินเซเข้าห้องน้ำไปแล้วถอนหายใจ ลุกออกจากเตียง ลงไปเตรียมอาหารเช้ากับเมนูโด๊ปให้ทั้งตัวเองทั้งพี่ท็อปนั่นแหละ ไอ้สองนี่มันกลายเป็นเมียของพี่ท็อปไปแล้วจริงๆสิเนี่ย


.
.
.
.
ตอนพิเศษสั้นๆไม่มีไรมากแค่คิดถึงท็อปสองจ้า

 :L1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-02-2018 15:05:00 โดย รินดาwดาริน »

ออฟไลน์ รินดาwดาริน

  • OnTop&N'Song
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +243/-2
ตอนพิเศษ : Valentine’s day
Deen Diary ** เหตุการณ์ไม่อิงเรื่องราวในเล่ม

-12 ก.พ.

ผมยังคงเป็นมนุษย์ห้อง ชอบสิงสถิตอยู่ภายในโลกของตัวเอง ยกเว้น บางวันที่มีคนพาออกไปข้างนอกบ้าง คงไม่ใช่ใครนอกจากไอ้แกนนั่นแหละ มาจนตอนนี้ ผมเรียนจบมา4 ปีแล้ว หากจะนับความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ้แกนล่ะก็ การการเป็นเพื่อนที่ดีระหว่างกันเข้าสู่ปีที่ 5 แล้วนับตั้งแต่ที่ผมยกโทษให้อีกฝ่าย นานพอควรสำหรับการที่จะปล่อยให้ความรู้สึก ‘บางอย่าง’ ตกตะกอนสู่ก้นบึ้งในใจ

ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ผมยังมีไอ้แกนไม่ห่างไปไหน มันยังคงแสดงตัวตนให้ผมได้รับรู้ จนทำให้ผมได้เข้าใจตัวเองมากยิ่งขึ้น เพราะเราต่างก็รับรู้ว่าตนเองกำลังรู้สึกบางอย่างต่ออีกฝ่าย เพียงแต่ไม่มีใครพูดออกมา

ช่วงสองทุ่มของวันจันทร์ 12 ก.พ ผมควรจะนอนอยู่ที่ห้อง ดูหนังอย่างเคย แต่ไอ้แกนดันบอกว่าจะพามาดูมวย ผมถึงถอนหายใจเซ็ง ชกมวยอีกแล้วหรือไง ผมเดินเข้าไปในลานเวทีมวย พยายามมองหาไอ้แกน แต่ไม่เห็นเลยโทรหามันอีกครั้ง รอสายอยู่นาน

“เออ กูมาแล้วนะ มึงอยู่ตรงไหน”ผมถามทันที แต่เสียงในสายดูวุ่นวายและมีเสียงคนพูดคุยแทรกออกมา มันคงอยู่ในงานเช่นกัน

“ผมเพื่อนแกนครับ ตอนนี้แกนมันกำลังขึ้นชก เนี่ยเวทีกลางเลยครับ”ทันทีที่มีเสียงพูด ผมถึงกับอึ้ง ไอ้แกนมันขึ้นชกมวยงั้นเหรอ ผมหันไปมองตามทิศทางของเวทีกลางซึ่งอยู่ตรงหน้าผม ตอนนี้มีเสียงพากย์กำลังบรรยายถึงมวยคู่นี้ ไม่ใช่คู่เอก ประกาศชื่อไอ้แกนออกมา ผมตกใจที่เห็นมันปีนข้ามเชือกไปยืนกลางเวที พร้อมกับคู่ต่อสู้ ผมวางสาย รีบเดินผ่านกลุ่มคนที่เริ่มเข้ามานั่งดู

ไอ้แกนมันดูดุดันเวลาสวมนวมและกางเกงมวย ตอนนี้มันกำลังคุยกับพี่เลี้ยง นวดน้ำมัน ใส่ฟันยางเรียบร้อย ผมกังวลใจเพราะไม่เคยเห็นมันชกมวยจริงๆจังแบบนี้มาก่อน ไอ้แกนกวาดสายตามองลงไปยังกลุ่มคนดู มันหยุดมองมาที่ผม เหมือนเลือดกายเย็นเฉียบ ผมใจหยุดเต้นไป บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง

ผมเป็นห่วงมัน กลัวมันจะเจ็บ

คนบนเวทีสวมกางเกงสีแสง ส่งสายตาเหมือนกำลังบอกผมว่ามันไม่เป็นอะไร ผมไม่เข้าใจว่ามันกลับไปชกมวยอีกทำไม

ไม่นานมีเสียงปี่เสียงกลองเพื่อรำไหว้ครูมวย ผมกอดอกมองกางเกงสีน้ำเงินที่กำลังนั่งคุกเข่าถวายบังคม รำมวยท่าพรมสี่หน้า ผมมองคนบนเวทีมวยด้วยใจที่แปลกไป ผมไม่เคยเห็นมุมนี้ของไอ้แกนมาก่อน ท่วงท่าตั้งใจ และดูแข็งแรงมาก ไม่ว่าจะกล้ามเนื้อขา แขนและลำตัว ผมมองคู่ต่อสู้ของมันก็สมน้ำสมเนื้อ ดูจะล่ำกว่าไอ้แกนด้วย

“มาดูเหมือนกันเหรอ”เสียงของคนรู้จักทำให้ผมหันไปมอง “ไอ้ตั้ม”ผมมองมันอย่างแปลกใจ ไอ้ตั้มเดินมายืนข้างๆโดยที่ผมไม่ทันรู้ตัว “ไม่ได้เจอนานเลย”มันยังคงยิ้ม ท่าทางเป็นห่วงผมเช่นเคย ผมพยักหน้า ไอ้ตั้มเป็นเพื่อนของแกนนี่นะ ทั้งๆที่มันอายุมากกว่าไอ้แกนซะอีก มากกว่าผมด้วย แต่มันกลับไม่ถือเรื่องอายุ เพราะห่างกันสองสามปี อาจเพราะมันเป็นเพื่อนไอ้แกน เลยทำให้ผมไม่มองมันเป็นพี่เท่าไหร่

“อือ ก็ไม่ค่อยว่างกลับไปแถวมอ”ผมบอก

“ว่างๆมาเยี่ยมกันบ้างก็ได้”

“ไว้จะไป”

“ไม่ต้องห่วงหรอก ไอ้แกนร้างไปนาน แต่ก็ใช่ว่าสนิมจะเกาะ”ไอ้ตั้มบอก ผมหันไปมองอย่างเรียบเฉย ในใจนึกกระตุกอยู่บ้างที่มันเหมือนจะรู้เรื่องของผมมาก่อน

“เหรอ ทำไมมันถึงกลับมาชก”

“มันบอกแค่ว่ากำลังทบทวนอะไรบางอย่าง มันเลยอย่างทิ้งทวนความรู้สึก”

“บ้า”ผมบอก คนข้างๆหัวเราะออกมาทันที

เสียงกระดิ่งดังขึ้นเป็นสัญญาณว่ากำลังเริ่มการชก การชกมวยไทย ยกละสามนาที ห้ายก แค่คิดก็หมดแรงแทนแล้ว ได้ยินว่าการฝึกซ้อมและการขึ้นชกมันเหนื่อยโหดมาก ผมไม่รู้ว่าไอ้แกนมันต้องการอะไร เพียงแค่มองมันออกอาวุธ ยกแรกเหมือนแค่ลองเชิงกันไปก่อน ไอ้แกนยังไม่ออกศอกออกแข้งอะไรมาก พอเข้ายกที่สอง เหมือนว่าไอ้แกนเลิกลองเชิงแล้ว จะขยับเข้าไล่ใส่ฝ่ายตรงข้าม แต่การ์ดไม่ตกเลย เสียงนวมปะทะกับร่างกายเสียงดัง ต่อให้มีการ์ดหลบหลีก กอดรัดป้องกันแค่ไหนก็ไม่อาจหลบหมัดของคู่ต่อสู้ได้ ถ้าเปิดหน้าแลกก็ต้องมีเจ็บตัว

“มันจะเป็นอะไรมากไหมนั่น”

“มึงใจไม่แข็งพอเหรอวะเนี่ย ไม่ยักรู้”ไอ้ตั้งถึงกับหัวเราะ ผมแปลกใจที่มันเอ่ยออกมาแบบนี้ ผมมองมันงงๆ

“อือ กูไม่ชอบกีฬาแบบนี้หรอก”ผมบอก ก่อนหันไปสนใจบนเวทีต่อ เข้ายกที่สามคู่ต่อสู้เหมือนเก็บแรงไว้ปล่อยใส่ไอ้แกนตอนท้ายยก ผมเห็นว่าลำตัวมันแดงเถือก ใบหน้าบวมช้ำ ยิ่งมองก็ไม่เข้าใจ

“มึงคงไม่แช่งมันให้แพ้นะ”

“ทำไมต้องแช่งด้วยล่ะ”ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก เสียงรอบตัวดังเฮเพื่อเชียร์ฝั่งของตนเอง ฝ่ายสีแดงอย่างไอ้แกนมีทีท่าเริ่มออกอาวุธน้อยลง คงเป็นกลยุทธของมันล่ะมั้ง ตอนนี้ก็เข้ายกสุดท้ายแล้ว ถ้าน็อกไม่ได้ ก็ต้องออกอาวุธเรียกคะแนนให้มากที่สุด ก่อนจะหมดยกสุดท้าย ไอ้แกนฝากหมัดซ้ายไปที่ปรายคางของคู่ต่อสู้ เรียกเสียเฮได้ไม่น้อย อีกฝ่ายปากแตก ท่าทางมึนๆก่อนจะจบยกไป ผมรอลุ้นคะแนน กรรมการจับแขนของนักมวยไว้ เตรียมชูมือฝ่ายที่ชนะ ผมเองก็เห็นว่าคู่นี้สูสี แต่พอกรรมการชูแขนของไอ้แกนขึ้นเสียงเฮรอบด้านก็ดังกลบเสียงคนพากย์ ได้ยินว่าคู่ต่อไปเป็นคู่เอก ไอ้ตั้มดึงผมให้เดินไปหาไอ้แกนที่ข้างเวที พอเดินเข้าไปใกล้ ยิ่งเห็นว่ามันบอบช้ำแค่ไหน ผมนิ่งไป

“ดีใจนะที่มา”มันหันมาพูดกับผม ข้างตัวมันมีพี่เลี้ยงและหน่วยแพทย์อยู่ มาเช็กอาการของมัน ต้องไปเอกซเรย์ดูว่ามีส่วนไหนฟกช้ำหรือเปล่า เพราะภายนอกมันไม่มีเลือดออก แต่อวัยวะภายในอาจได้รับความเสียหาย

“นึกว่าจะหมดแรงข้าวต้มก่อนซะแล้ว”ไอ้ตั้มบอก ผมอึดอัดกับสายตาของไอ้แกน เลยเลือกเดินกลับไปที่รถ ไม่รู้ว่ามันไปตรวจที่โรงพยาบาลไหน แต่เห็นว่าไอ้ตั้มวิ่งตามหลังผมมาด้วย “เฮ้ย จะไปด้วยกันไหม ไอ้แกนไปโรงพยาบาล###”มันอุตสาห์ตามมาบอกผม

“เออๆ เดี๋ยวตามไป”ผมบอก ไอ้ตั้มยิ้ม ก่อนจะโบกมือให้ผม อันที่จริงผมกำลังลังเล เพราะไม่รู้เป้าหมายของไอ้แกน ผมสะบัดศีรษะไปมาไล่ความคิดวุ่นวายออกจากหัว ผมเดินไปที่มอเตอร์ไซด์ ระหว่างทางไปโรงพยาบาลดังกล่าว ผมแวะซื้อน้ำเต้าหู้ทรงเครื่องกับปาท่องโก๋ติดไป ไม่รู้ว่าไอ้แกนจะกินได้ไหม แต่ผมไม่อยากไปมือเปล่า

พอขี่รถมาถึงโรงพยาบาล ไอ้ตั้มมันไลน์มาบอกว่าไอ้แกนตรวจอยู่ บอกว่าไม่ต้องรีบมา ผมเลยนั่งรับลมอยู่ที่ด้านนอก อยู่ๆก็รู้สึกกลัวขึ้นมา ภาพสุดท้ายที่เห็นคือไอ้แกนร่างกายฟกช้ำไม่น้อยเลย ผมเป็นห่วงมัน กลัวจะช้ำในตาย จากนั้นก็ถอนหายใจยาวๆ ยังคงไม่กล้าเข้าไปที่โรงพยาบาล ผมเดินไปหาที่นั่งที่หน้าตึกผู้ป่วย นึกถึงคำปรึกษาของพี่กัสขึ้นมาอีกครั้ง ผมสับสนอยู่ พอมองไปรอบตัว ก็เห็นว่ามีคนเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น

ตืด ตืด ตืด

ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาดู เห็นว่าเป็นไอ้แกน ผมมองอย่างลังเลใจ

“ฮัลโหล”

“อยู่ไหนเหรอ”อีกฝ่ายถาม น้ำเสียงไม่ชัดถ้อยชัดคำนัก

“อยู่ด้านนอก แล้วเป็นไงบ้าง”   

“อือ ก็ไม่ได้ตรวจอะไรมากหรอกแค่มาเช็คมาร่างกายปกติไหม กูอยู่ห้อง ### มาหาได้นะ”ไอ้แกนบอก ผมเงียบไป

 “อือ เดี๋ยวไปแล้วกัน”ผมบอกก่อนจะวางสาย ผมหยิบถุงน้ำเต้าหู้ติดมือมาด้วย ก่อนจะเดินเข้าไปในอาคารใหญ่ ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นห้า ไอ้แกนมันอยู่ห้องพิเศษคงเพื่อความเป็นส่วนตัว ประตูลิฟต์เปิดออก ผมเดินไล่หาห้อง จนในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่ห้องของไอ้แกน เห็นมีชื่อมันติดอยู่ ผมเคาะห้องสามครั้ง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องกว้าง เดินเข้าไปก็เจอกับเตียงผู้ป่วย มีไอ้แกนนั่งอยู่ มีสายน้ำเกลือห้อยไว้ ไอ้ตั้มนั่งอยู่ข้างเตียง คนอื่นๆก่อนหน้านั้นหายไปหมดแล้ว ไอ้แกนยิ้มให้ผม

ตอนนี้ใบหน้าของมันเริ่มปรากฏรอยฟกช้ำมากขึ้น และบวมจนเห็นได้ชัด ผมเดินเอาถุงของหวานไปวางที่ชั้นวางของ ก่อนจะเดินไปดูอาการของมัน

“เป็นไงบ้าง”

“ปกติดี แค่นอนพักวันสองวันก็พอ อันที่จริงจะกลับเลยก็ได้ แต่แม่ก็ให้นอนพักก่อน”ไอ้แกนบอก ผมพยักหน้า เหลือบมองไอ้ตั้มเงียบๆ ที่จริงผมมีเรื่องจะคุยกับไอ้แกนเหมือนกัน แต่มีไอ้ตั้มอยู่จึงไม่สะดวก

“เออ ยังไงก็แวะมาหากูที่ร้านได้เสมอนะ มึงก็ด้วยนะดีน งั้นกูไปล่ะ”ไอ้ตั้มผุดลุกจากเก้าอี้ มันหันมายิ้มให้ผมเช่นเคย อีกฝ่ายเดินออกจากห้องไป ผมหันไปมองคนเจ็บด้วยสายตามีคำถาม

“คิดยังไงไปชกมวยวะ ไม่เห็นบอกบ้าง”

“ก็ชกเป็นครั้งสุดท้าย”

“ทำไมวะ”ผมถามอย่างไม่เข้าใจ ไอ้แกนมองผมด้วยสายตาเรียบเฉย มันไม่ยิ้ม แต่ผมเห็นว่าที่ริมฝีปากของมันมีรอยแตกด้วย

“กูก็แค่พนันกับตัวเองน่ะ...กูอยากลองชกสักตั้ง”

“ไม่กลัวเจ็บเหรอ”

“หึ แค่คิดจะชกมันก็ต้องไม่กลัวเจ็บสิวะ จะมาป๊อดก็เลิกคิดไปตั้งแต่จะจับนวมแล้วสิ”ไอ้แกนเอ่ย มันเอนตัวลงกับหมอน ส่งสัญญาณให้ผมไปนั่งที่เก้าอี้ มันชี้นิ้วนั่นแหละ ผมถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมที่ไอ้ตั้มเคยนั่ง

“เหรอวะ ได้เงินเท่าไหร่กันเชียว”ผมพึมพำ เคยได้ยินมาว่าเงินที่ชกแต่ละไฟท์ก็ไม่สูงมาก ไม่รู้ว่าคุ้มกับค่าพักฟื้นไหม

“เป็นห่วงเหรอ”ไอ้แกนหันมาถาม ผมนิ่งไป จ้องหน้ามันไม่หลบสายตา

“อืม ก็ต้องห่วง ไม่ใจจืดใจดำขนาดนั้นหรอก”ผมบอกไปตามตรง เห็นว่าอีกฝ่ายมีรอยยิ้ม “แล้วคนอื่นไปไหนหมด”ผมถาม ไอ้แกนไหวไหล่ “กลับบ้านสิ กูไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก ไม่มีอะไรแตกหัก เลือดออกภายใน”มันเอ่ยบอก ผมพยักหน้ารับรู้

“คืนนี้อยู่เป็นเพื่อนกูนะ”

“เอางั้นเหรอ”ผมถามอย่างไม่แน่ใจ ไม่ได้เตรียมอะไรมาด้วยเลย ไอ้แกนพยักหน้า “เอาน่า ค้างคืนเดียวเอง พรุ่งนี้กูก็ออกแล้ว คืนนี้มาเปลี่ยนที่นอนเท่านั้นเอง”เจ้าตัวพูดติดตลก มันหัวเราะ แต่ผมไม่นึกขำ เลยลุกจากเก้าอี้ไปนอนบนโซฟาริมห้องแทน

“ให้มานอนเฝ้ากู ไม่ใช่ให้มึงไปนอนคนเดียวแบบนั้น”

“แล้วจะให้ทำยังไง ไหนว่าไม่เป็นอะไรมากไง”ผมหันไปคุย ไอ้แกนขมวดคิ้ว ท่าทางไม่สบอารมณ์

“ปรับเตียงให้หน่อย”มันบอก ผมไหวไหล่ ตีหน้านิ่งเดินไปที่ปรายเตียงก่อนจะปรับเตียงให้กลับมานอนราบดังเดิม ผมดินไปเช็คน้ำเปล่าให้มัน

“หิวอะไรไหม”ผมถาม ไอ้แกนมองหน้าผมอยู่นานเหมือนกำลังจ้องจับสังเกตอะไรบางอย่าง

“ขอน้ำหน่อย”มันบอก ผมถอนหายใจ รินน้ำใส่ให้อีกฝ่าย ใส่หลอดไปให้ก่อนจะยื่นให้ไอ้แกน มันเงยมองผม มุมปากมีรอยยิ้มอยู่เสมอ มันรับแก้วน้ำไปดื่มเงียบๆจนหมดแก้ว ก่อนจะยื่นให้ผม

“ถ้าปวดฉี่จะเรียกนะ”มันบอก

“ทำไมล่ะ เดินไหวไม่ใช่เหรอ”

“เฮ้อ... ถึงจะไม่มีอะไรเสียหาย แต่แข้งขากูก็ระบมไปหมดแล้วเหมือนกัน”มันบอกอย่างเอาแต่ใจ ไอ้แกนนี่มันไม่เปลี่ยนไปจากเดิมจริงๆ ยังไม่ฟังคนอื่นอยู่เรื่อยๆ ผมไม่ตอบอะไร แค่ไปเปิดลิ้นชัก เห็นว่ามีแปรงสีฟัน ยาสีฟันของมันครบแล้ว

“ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม”ผมถาม ไอ้แกนพยักหน้า ผมเลยเดินไปเปิดไฟที่นอกระเบียง แล้วก็เดินไปปิดไฟ เดินไปทิ้งตัวลงนอนที่โซฟา ในใจตีกันให้วุ่น ไอ้แกนก็ใช่จะเจ็บป่วยหนักที่ไหน แต่มันก็ยังอุตส่าห์จะนอนห้องพิเศษอีก

ผมเหลียวมองไปทางเตียงของมัน ไอ้แกนมันยังคงลืมตามองมาทางผมอยู่ ผมใจหายวาบ ก่อนจะนอนหันหลังให้มันแทน ‘กูต้องประสาทแดกไปแล้วแน่ๆ’ ผมคิดวนไปมา ผมยอมรับว่าเป็นห่วงมัน เลยนอนเฝ้ามันที่นี่ ทั้งๆที่อยู่ในมือหมอก็น่าจะปลอดภัยแล้ว ผมหลับตาลง รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองอีกต่อไป

ใจของผมด้วยหรือเปล่านะ?


-14 ก.พ.

หลังจากที่ไอ้แกนออกจากโรงพยาบาลไปเมื่อวันอังคาร มันกลับไปทำงานตามเดิม ส่วนผมก็วนเข้าวัฏจักรเดิม ไปทำงาน กลับห้อง อยู่เท่านี้ เหมือนอย่างเช่นเคย ช่วงเช้าผมตื่นไปใส่บาตรที่หน้าอพาร์ทเม้นท์ ก่อนจะขี่มอเตอร์ไซด์ไปทำงาน วันทั้งวันผมไม่มีสมาธินัก เปิดคอมฯทำงานไปอย่างเลื่อนลอย คนในออฟฟิศคุยฟุ้งเรื่องวันวาเลนไทน์ สาวๆตื่นเต้น แต่หนุ่มในออฟฟิศไม่ได้กระตือรือร้นอะไร เนื่องด้วยเป็นหนุ่มโสดและครองคู่แต่งงานมานาน ก็คงไม่มีอารมณ์มาโชว์หวานเหมือนคนหนุ่มสาว ผมได้ดอกกุหลาบมาหลายช่อ ก็เป็นเพื่อนๆพี่ๆในออฟฟิศด้วยกัน ก็ถือว่าเป็นโมเมนต์น่ารัก มีโพสท์อิทสีชมพูทวงงานกันแบบขำๆ วันนี้จึงผ่อนคลายไม่เครียดเท่าวันอื่น

ผมเช็คข้อความที่ว่างเปล่าทั้งในเฟซและในไลน์ ผมส่งข้อความทักทายไปหาแม่ตามปกติ อีกฝ่ายตอบบ้างไม่ตอบบ้างจนผมไม่อยากนึกเก็บเอามาใส่ใจ

หลังเลิกงาน ผมกลับมาที่ห้อง รู้สึกอ่อนเพลีย เข้าไปนอนที่เตียงแก้ง่วง จนตื่นมาอีกครั้งภายในห้องก็มืดไปหมด ผมหยิบโทรศัพท์ออมาดูเวลา ก็เห็นว่ามีสายที่ไม่ได้รับ เป็นไอ้แกนทั้งนั้น

ผมเปิดไลน์ เห็นมันทิ้งข้อความไว้ว่าให้โทรหา ผมพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงก่อนจะกดโทรออก

“ยังไม่ออกจากห้องอีก”ไม่ทันได้เอ่ยอะไรอีกฝ่ายก็เอ่ยขึ้นมา

“ยัง เดี๋ยวจะออกไปหาอะไรกิน”ผมตอบกลับไป

“นอนอยู่เหรอเนี่ย ป่านนี้แล้วไอ้ดีน”มันโวยวายกลับมา ผมนิ่วหน้าทันที

“ งั้นเดี๋ยวไปรับนะ”ไอ้แกนบอกต่อ เพราะเห็นว่าผมเงียบไป ผมเม้มปาก นอนมองความมืดในห้องอย่างพิจารณา

 “...อือ”

ผมลุกออกจากเตียง อาบน้ำอยู่นาน ในหัวคิดเรื่องของไอ้แกนไปหลายนาที ผมออกมาแต่งตัว จากที่คิดจะใส่แค่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นธรรมดา แต่เปลี่ยนเป็นเสื้อเชิ้ตแขนสั้นกับกางเกงขาสั้นเท่าเข่ามาแทน ผมลงไปยังชั้นล่าง เดินออกไปหน้าอพาร์ทเม้น เห็นรถมอเตอร์ไซด์ที่จอดรอกับร่างของไอ้แกนที่นั่งอยู่บนเบาะมองจอโทรศัพท์อยู่ พอเห็นผมลงมามันก็โบกมือเก็บโทรศัพท์ อีกฝ่ายแต่งตัวสุภาพ ไม่เชิงว่าพร้อมเที่ยว ผมรู้สึกไม่กล้ามองหน้าไอ้แกนมากนัก

“ไปกินร้านไหนดี”ผมถาม

“สุกี้ดีไหม ไม่ได้กินนานแล้ว”ไอ้แกนตอบ ก่อนจะสตาร์ทรถเสียงดัง ยื่นหมวกกันน็อกให้ตามความเคยชิน ผมรับมา

“อือ ก็ดี”ผมตอบตกลง ผมขึ้นไปซ้อนท้ายอีกฝ่ายด้วยใจไม่ปกติ

ไอ้แกนมันพาผมมากินสุกี้ในห้างฯ คนเยอะเป็นปกติ ยิ่งเป็นวันวาเลนไทน์อีก เจอแต่หนุ่มสาวเดินมาเป็นคู่ ผมกับมันจึงไม่ถูกมองว่าแปลก ไอ้แกนเดินไปสั่งสุกี้ให้ มันบริการดีทุกอย่าง แม้ว่าผมจะบอกว่าไม่ได้เป็นง่อย แต่มันก็ยังจะดื้อหยิบนู่นหยิบนี่ให้

“เออ เดี๋ยวเดินดูอะไรก่อนไหม จะได้ไม่เสียเที่ยว”

“อืม ตามใจสิ ไม่รีบอยู่แล้ว”ผมบอก ก่อนจะก้มหน้าสนใจถ้วยสุกี้ต่อ พยายามไม่มองหน้าไอ้แกนมากนัก ผมทำตัวไม่ถูก กับการถูกจับจ้องด้วยสายตาคมกริบของมันนัก

“ตอนแรกนึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”

“เอ้า ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ อยากไปไหนก็ชวน”ผมบอกเบาๆ ไม่ได้มองหน้ามันแต่รับรู้ได้ว่ามันกำลังยิ้มกว้างอยู่

“งั้นไปดูหนังไหม”ผมชะงักไปทันที ก่อนจะหาทางหลบหลีก อีกฝ่ายยังคงจ้องผมไม่ละไปไหน เพิ่งรู้ว่าไอ้แกนมันตาคม ขนตาหนาดี แต่ไม่ยาว ผมมองคิ้วเข้มของมันแทน

“คนคงเยอะน่าดู”ผมบอก ตอนนี้ไม่มีหนังที่สนใจเท่าไหร่ ไอ้แกนพยักหน้า “อือ นั่นสิ ไม่รู้จะดูเรื่องอะไรด้วย งั้นเอาไว้วันหลังแล้วกัน”

“อือ”ผมตอบ

หลังจากที่มื้ออาหารเย็น ผ่านไปอย่างเชื่องช้าและอึดอัด ผมกับไอ้แกนก็เดินไปดูร้านรองเท้า ไอ้แกนมันเลือกรองเท้าอยู่นาน สองจิตสองใจ เลือกไม่ได้สักที ผมยืนมองอย่างไม่ออกความเห็นอะไร แต่ไม่วายจะมาสะกิดให้ช่วยเลือกอีก ระหว่างดำกับสีน้ำเงิน ผมมองหน้าไอ้แกน เลือกสีดำให้มันไป

พอไอ้แกนได้รองเท้ามันก็แวะไปดูของเล่นอย่างพวกฟิกเกอร์ของเล่น ผมไม่มีความสนใจที่ใกล้เคียงกับมันเลยสักนิด

“อยากได้อะไรไหม กูซื้อให้”มันหันมาถาม เดินมาใกล้ผมเกินกว่าที่ควรเป็น ผมเอนตัวหนี “ไม่ล่ะ”

“เอ้า อยากได้อะไร กูเลี้ยงเอง”ไอ้แกนบอกเสียงอ่อนลง ไม่ได้บังคับอะไร ผมเม้มปาก ไม่อยากได้ของพวกนี้เท่าไหร่ ผมเลยไปเดินดูของโซนอื่นแทน ผมอยากได้พวกโมเดลจำลองมากกว่า เอาไว้ต่อเล่นเวลาที่ฟุ้งซ่าน ผมเดินเลือกโมเดลตัวต่อโลหะ เหมือนพวกจวนบ้านจีนโบราณ ไอ้แกนมันจะจ่ายให้แต่ผมไม่ยอม

“มึงนี่ไม่คิดจะออกจากห้องจริงๆสินะ”มันหันมาบอกหลังจากที่เถียงกันอยู่นาน สรุปว่าออกคนละครึ่ง คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ผมนิ่งไป “กูแค่เก็บสะสม”ผมบอก

“อย่าลืมล่ะ ว่ามึงมีกูเป็นเพื่อน”ไอ้แกนหันมาพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใย ผมมองมันอีกครั้ง เห็นว่าแววตาของมันเป็นประกาย ผมเลยยิ้มให้มันไปบ้าง อย่างน้อยก็ผูกมิตรไป

“แวะกินไอศกรีมกัน”ไอ้แกนดึงแขนผมเข้าไปที่ร้านไอศกรีม ผมพยายามขืนตัวเอาไว้เพราะตอนนี้พวกร้านไอศกรีม ของหวานต่างๆมันมีโปรโมชั่นคู่ ผมไม่อยากเข้าไปนั่งกับมัน

“น่า มาเถอะ”ไอ้แกนหันมาทำตาดุ มันไม่สนใจฟังคำท้วงของผม กึ่งลากกึ่งจูงไปนั่งโต๊ะแคบๆริมสุด ผมนั่งนิ่งงัน เหลียวมองไปรอบตัว ส่วนมากก็มาเป็นคู่ ผมหลบสายตาของอีกฝ่าย

“กินไร”มันเอ่ย วางเมนูลง เลื่อนมาให้ดูพร้อมกัน ผมเหลือบมองอีกฝ่าย ทำท่าตีซี้เกินกว่าเหตุ พนักงานเดินมารอออร์เดอร์ ผมเห็นว่ามันมีแต่โปรโมชั่นคู่ สตอร์เบอรี่ ของหวานที่คงเลี่ยนน่าดู ผมพยักหน้าส่งๆไปให้ไอ้แกน ผมอยากกินไอศกรีม

“ถือว่ามาเป็นเพื่อนกูสิ”ไอ้แกนบอก นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผม ใบหน้าฉาบรอยยิ้ม ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาไถเฟซบุคไปเรื่อยๆอย่างหมดความสนใจ

“ดีน”

“อะไร”

“ที่กูขึ้นชก เพราะกูเดิมพันกับตัวเองไว้”คำพูดของไอ้แกนดึงความสนใจผมกลับไปหามันได้สำเร็จ ผมเงยมองคนตรงข้ามอย่างหวั่นในใจ ผมอาจจะรู้อยู่แก่ใจว่ามันจะเอ่ยอะไรออกมา

 “เดิมพัน... ถ้ามันเกี่ยวกับกู ทำไมมึงไม่คิดจะถามกูล่ะ”

“มันก็ไม่เชิงหรอก ที่กูเดิมพันกับตัวเองเหมือนว่ากูกำลังหาทางเลือกให้ตัวเอง ... การแพ้ชนะ มันหมายถึงการยอมแพ้กับความคาดหวังของตัวกูเอง”ไอ้แกนเอ่ย แววตาคมกล้ายังคงจดจ้องผมอยู่เสมอ ผมไม่อาจหลบตามันได้อีก

“ความคาดหวัง?”

“ใช่....ถ้ากูแพ้ กูจะเลิกยุ่งกับมึง...อย่างเด็ดขาด”คำพูดของมันทำให้ผมหยุดหายใจไปชั่วขณะ แต่เมื่อวันก่อนมันชนะ..... หมายความว่ามันจะเดินหน้าต่องั้นสิ ผมมองมันอย่างตั้งใจ

“อืม มึงมีเป้าหมายเสมอนี่”ผมบอก ก่อนจะหัวเราะอย่างไม่นึกขำ ผมกำลังกลัวมัน ไม่ใช่กลัวการถูกคุกคามแบบเมื่อก่อน แต่เป็นการคุกคามความรู้สึก ผมรู้ตัวดีว่าใจอ่อนไปให้ไอ้แกนเยอะมาก มากจนกำแพงในใจผมกำลังจะพังทลายลง

“มึงกลัวอะไรเหรอดีน”คำถามของไอ้แกนทำให้ผมถึงกับหน้าเปลี่ยนสี ผมนิ่งงัน ผมสูญเสียความมั่นใจไปเยอะ

ผมคงกลัวความรัก...ล่ะมั้ง ผมไม่กล้ามีความรัก

เหมือนว่าคำตอบมันอยู่บนหน้าของผมแล้ว ไอ้แกนยิ้ม ก่อนจะพึมพำเสียงเบาไม่ต่างจากกระซิบ แต่ผมได้ยินอยู่ดี “...กูไม่เร่งหรอกนะ”

ระหว่างนั้นไอศกรีมสตอเบอร์รี่ก็มาเสิร์ฟ ไม่รู้ว่ามันสั่งอะไรมา แต่มันเป็นถ้วยสูงมีหลายสี ท่าทางก็น่าทานดีอยู่หรอก อีกฝ่ายส่งช้อนมาให้ ผมรับมา ไอ้แกนรอให้ผมตักก่อน ผมย่นหน้า แต่ก็หยิบเชอรรี่มาเข้าปาก

“หวานดีเหมือนกันนะ”ไอ้แกนพึมพำ หลังจากที่ตักไอศกรีมเข้าปากไปแล้ว ผมเงียบ ไม่ตอบโต้อะไร แค่นั่งมองหน้ากันไปมาก็เหลือทนแล้ว

“เออ ปลาหางนกยูงกูออกลูกอีกแล้วนะ อยากได้ไปเลี้ยงบ้างไหม”มันชวนคุย ผมคิดตาม

“ไม่รู้ดิ ไม่ชอบเลี้ยงสิ่งมีชีวิต”

“เหรอ แม้กระทั่งคนว่างั้น”ไม่รู้ว่าไอ้แกนมันนึกพูดออกมาทำไม ผมทำเป็นนิ่ง “คนก็ส่วนคน สัตว์ก็ส่วนสัตว์สิ”

“คนก็ถือเป็นสัตว์นะ มันไม่ต่างกันหรอก”ไอ้แกนพูด ผมเลยไม่เถียงมันต่อ จนกระทั่งสองทุ่มครึ่ง ไอ้แกนถึงพาผมกลับอพาร์ทเม้นท์ ตลอดทางมันก็พูดอยู่ฝ่ายเดียวนั่นแหละ ไม่รู้ว่าจะฝอยเยอะทำไม

พอมาถึงอพาร์ทเม้นท์ ผมไขกุญแจเสร็จ ไอ้แกนก็รั้งไว้ “มีของจะให้”ไอ้แกนเปิดกระเป๋าสะพาย มันหยิบกล่องของขวัญขนาดเล็กเท่าครึ่งเอสี่ออกมา แล้วยื่นให้ผม

“อืม ขอบใจ”

“วันวาเลนไทน์ กูซื้อมาให้มึง ปีแรกเลยนะเนี่ย”ไอ้แกนบอก ผมทำหน้าไม่ถูก เห็นมันหัวเราะ กล่องในมือเบา ไม่หนัก คงเป็นอะไรสักอย่าง ผมมองมันอีกครั้ง ไอ้แกนมีรอยยิ้ม ผมรู้สึกว่าจังหวะการเต้นของหัวใจเหมือนจะเร็วขึ้น ผมพยักหน้ารับรู้

“กูไม่มีอะไรให้...”

“ไม่คิดมากหรอก... แค่วันนี้มึงออกไปกับกูก็ดีใจแล้ว ขอบคุณนะ”ไอ้แกนเอ่ยออกมา ผมกระพริบตา รู้สึกดีกับคำขอบคุณของมันขึ้นมา ผมหันกลับมามองกล่องของขวัญในมือ

“เออ ขอบใจเหมือนกัน”ผมบอก ก่อนจะหมุนลูกบิดเข้ามาในห้อง เพราะเหมือนว่าอากาศที่ด้านหลังจะหายไปหมด ผมถอนหายใจออกมา รับรู้ว่าหัวใจยังคงเต้นแรง ผมแกะกล่องของขวัญสีชมพูอ่อนออกมาดู พอเปิดออกมา ด้านในเป็นแผ่นกระดาษเคลือบมัน เป็นการ์ดที่ถูกลงสีน้ำไว้ มันถูกพับครึ่ง เหมือนของเด็กเล่น เป็นการ์ดที่มีช่องทรงกลมทำให้มองเห็นรูปปลากัดสีแดงอยู่ตัวเดียว แต่พอเปิดการ์ดเข้าไปดู มันมีปลากัดสีน้ำเงินว่ายอยู่ในน้ำด้วย มันหันหน้าเข้าหากัน

มีข้อความเขียนไว้ว่า ‘ไม่อยากให้เราเป็นเหมือนปลากัดหรอก ที่อยู่ร่วมกันไม่ได้... (แกน)’

ผมนิ่งไป ก่อนจะเดินไปนั่งคิดอะไรอยู่สักพัก ผมเข้าใจเจตนามันดี เอาเข้าจริงๆ แกนก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไร ผมลุกเดินไปหยิบเบียร์มาเปิดดื่มดับความว้าวุ่น ก่อนจะก้มมองกระป๋องเบียร์ในมือความเย็นแล่นผ่านฝ่ามือจนชา ผมเอื้อมไปหยิบเบียร์มาอีกหนึ่งกระป๋อง ก่อนจะเดินออกจากห้อง แล้วก้าวเท้าไปยังห้องของไอ้แกน

ผมถอนหายใจ

ผมจะเคาะประตู แต่ก็ชะงัก ล้วงหยิบกุญแจห้องของมันออกมา ก่อนจะไขประตูเข้าไป ผมเดินเข้าไปในห้องของมัน ด้านในสว่าง เห็นไอ้แกนนั่งอยู่ที่นอกระเบียง ผมเดินเข้าไปหาเลื่อนบานประตูออก ไอ้แกนสะดุ้ง มันออกมานั่งฟังเพลงอยู่ด้านนอก มันตกใจที่เห็นผม

“ดื่มเป็นเพื่อนหน่อยสิ”ผมบอก ยื่นกระป๋องเบียร์ไปให้มัน ไอ้แกนรับไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ ผมทำเป็นไม่สนใจ นั่งลงข้างๆมัน มองท้องฟ้าสีมืด ไร้เมฆ มีแสงดาวให้มองอยู่บ้าง

“มึง...มีอะไรเหรอ”มันถาม

“กูอ่านการ์ดแล้ว...”

“อือ กูคิดแบบนั้นนะ”ไอ้แกนเหลียวมอง ผมเบนสายตาออกจากหน้าของมันก้มมองเบียร์ในมืออย่างเคร่งเครียด นี่อยากกว่าตอนสอบมิดเทอม หรือคิดงานไม่ออกอีก

“แต่เราไม่ใช่ปลากัดนี่หว่า...เราเป็นสัตว์สังคม”ผมบอก ก่อนจะกระดกเบียร์ดื่มอีกรอบ ความเย็นของมันทำให้กระเพาะวูบวาบ รสขมของเบียร์เป็นที่ชื่นชอบสำหรับผม

“อือ...”

“กูคิดว่ามีมึงอยู่ใกล้ๆก็ดี ชวนกูออกไปไหนมาไหนบ่อยๆ”ผมยิ้มขำ ไม่กล้าเอ่ยสิ่งที่ติดอยู่ในใจ ไอ้แกนบีบกระป๋องเบียร์ในมือ ผมเงียบไป

“เหรอ บอกแล้วไงว่ากูก็อยู่ข้างๆ มึงมันชอบสร้างกำแพงมาขวางกู ตอนเรียนด้วยกัน มึงเกลียดกู กูตามไปขอโทษมึงเสมอ แต่กูไม่ได้คิดโกรธอะไรมึงหรอก กูพอใจแบบนั้นเอง พอมึงยกโทษให้กู มึงก็ยังมีกำแพงในใจอีกระลอก จนชักท้อๆ แต่กูก็ยังตอบตัวเองได้เสมอนะ ว่าต้องการอะไร...แล้วมึงล่ะ มึงต้องการอะไรกันแน่”ไอ้แกนเอ่ยออกมา ผมคิดอะไรไม่ออก แสดงว่าการขึ้นชกของมัน หมายถึงมันกำลังท้องั้นเหรอ ผมต้องการอะไรงั้นเหรอ....


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-02-2018 15:25:42 โดย รินดาwดาริน »

ออฟไลน์ รินดาwดาริน

  • OnTop&N'Song
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +243/-2
“กูไม่กล้ามีความรัก...ไม่รู้สิ บอกไม่ถูก”ผมบอก

“ทำไมล่ะ”

“คงเพราะกูไม่เคยรักใครจริงๆล่ะมั้ง ตอนเรื่องพี่กัส กูคิดว่ากูชอบพี่เขา แต่มันไม่ใช่ กูกลับขวนขวายหาความรักมาตลอด...กูไม่ชินกับการถูกไล่ตามขนาดนี้...จากมึงไง”ผมหันไปมองมัน ไอ้แกนดูแปลกใจ ก่อนจะกลับมาสงบตามเดิม มันยิ้ม

“แล้วไงล่ะ”

“กูกลัวความผิดหวัง กูรับมือกับมันไม่ได้ ไม่เห็นเหรอว่าที่ผ่านมากูเป็นยังไง”ผมบอก ผมไม่อยากเสียการควบคุมอีก มันยากที่จะกลับมารู้สึกเหมือนที่เคยรู้สึก ถึงผมจะดีขึ้น แต่ในตอนนี้มันไม่เหมือนเดิม ผมกลายเป็นคนไม่กล้าเปลี่ยนแปลง อยู่กับสิ่งเดิมๆที่ทำให้ผมสบายใจ

 “อืม กูเข้าใจ”

ผมเงียบ ดื่มเบียร์จนหมดกระป๋อง ผมกลิ้งมันไปมาอย่างหมดคำพูด “แล้วมึงคิดยังไงกับกู...”คำถามของอีกฝ่ายทำให้ผมหายใจลำบาก ผมเกร็งขึ้นมา

“ก็บอกไม่ถูก...แต่ถ้าเราใจเต้นกับใครสักคนได้นี่หมายความว่าไง”ผมบอกความจริงออกไป อยากเลิกโกหกตัวเอง ผมไม่ได้มองหน้ามัน ไอ้แกนวางกระป๋องเบียร์ลงพื้น มือที่กลิ้งกระป๋องเบียร์เล่นชะงักไป เมื่ออีกฝ่ายเข้ามาจับมือผมเอาไว้ ฝ่ามือเย็นๆจากเบียร์ที่เพิ่งวางลงไปเมื่อครู่ก่อน ผมนิ่งไปหลายอึดใจ

“ให้กูอยู่ข้างๆมึงนะดีน กูไม่คิดถึงอนาคตหรอก แค่ ณ ปัจจุบันก็พอ”ไอ้แกนเอ่ยเบาๆ มันขยับมานั่งใกล้ผมมากขึ้นจนแขนของมันสัมผัสกับเนื้อตัวของผม ชั่วขณะเดียวเหมือนผ่านไปหลายนาที ผมเม้มปากไม่ได้ดึงมือออกจากฝ่ามือของอีกฝ่าย

“...ปัจจุบันงั้นเหรอ...”

“อือ คนละครึ่งทาง กูก็เป็นแค่ไอ้แกนคนเดิมนั่นแหละ...เพียงแค่มึงไม่ต้องไปมองใครที่ไหนอีก”คำพูดของมันทำให้ผมแทบกลั้นหายใจ ผมเหลียวมองมันนิ่งๆ รับรู้ความหมายของอีกฝ่ายดี

“...มึงคิดว่ากูเป็นคนเจ้าชู้เหรอ”ผมพึมพำ ขยับนิ้วรับสัมผัสจากฝ่ามือที่กุมแน่นขึ้น ฝ่ามือที่เริ่มอุ่นขึ้นมาแล้ว ผมหันไปยิ้มให้มัน เหมือนความหนักอึ้งในใจหายไปเป็นปลิดทิ้ง ไอ้แกนมองผม มันยิ้มมีความสุข แบบที่ผมไม่เห็นไม่บ่อยนัก

“ขอบคุณนะ”ไอ้แกนเอ่ย จับมือผมไว้แน่น ผมมองมือของมัน

อย่างน้อยก็มีคนอยู่ข้างๆ จะว่าไปไอ้แกนมันก็อยู่ข้างๆผมมาหลายปี ผมคิดว่าไอ้แกนเป็นคนที่หนักแน่นกว่าที่คิด ลูกตื้อของมันใช้ได้ผลกับผม

ผมใจอ่อนจนได้นะ

ไอ้แกนมันเป็นตัวอันตรายอย่างที่คิดไว้นั่นแหละ



.
.
.
น่าจะถูกใจคนที่ชอบแกนดีนนะ  :ling1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-02-2018 15:32:46 โดย รินดาwดาริน »

ออฟไลน์ Tangerine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Dark_Noah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-3
กรี๊ด เพิ่งเห็นแกนดีน ดีใจมาก ฮือ ในที่สุด ในที่สุด  :katai1:
อยากให้เปิดพรีไว้ ๆ จัง เราชอบเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะคู่แกนดีน ยิ่งอ่านยิ่งใช่  :กอด1:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
งือออ ชอบพี่แกนมากอะ พี่แกมีวิธีเข้าหาแบบที่ถึงจะทำให้รู้สึกเหมือนโดนรุกหนักแต่มันก็ทำให้ใจเต้นแรงมากจริงๆ รอวันพี่ดีนเปิดใจแบบเต็มๆนะ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ปรบมือให้ความพยายามของเฮียแกนนะ ขยันรุกแต่ก็ไม่ได้มากเกินพอดี อดทนดีมาก ขนาดดีนยังค่อยๆ เปิดใจ

คู่ท๊อป-สองก็ยังรักกันดี ชอบที่ความรักทั้งคู่เป็นไปแบบยอมรับในกันและกัน ไม่หวือหวาแต่ก็มั่นคง   :katai2-1:

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษยาวๆ ค่ะ.  :L2:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดีใจ  ยินดีกับแกน  :mew1: :mew1: :mew1:
ในที่สุดแกนก็ทำให้ดีนใจเต้นได้ซักที
จะได้อ่าน nc ของคู่นี้มั้ยนะ  :ling1: :ling1: :ling1:
แกน ดีน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ยิม ผิง ก็อบอุ่น ผิงก็ผ่อนคลาย วางใจกับยิมได้ซะที
ยิม ผิง  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

พูี่ท๊อป  สอง  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
กืจกรรมวาเลนไทน์  เหมือนจะล่ม แต่ก็แล่นฉิวเหมือนติดเทอร์โบ  :z3: :z3: :z3:
พี่ท๊อป ไม่น่าจะกลัวคำเย้าแหย่ของเพื่อนนะ
ก็ถ้ากลัวล้า ขาถ่าง พี่ก็เป็นฝ่ายรุกสิ วิน-วิน
สองใจเย็นดี รับสภาพเป็นรับ ได้แบบขำๆตัวเองด้วย  เป็นแม่บ้านได้ไม่เลวซะด้วย   :katai3:
ขอบคุณไรท์ มาต่อให้ยาวๆเลย ครบทุกคู่  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2018 23:59:47 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ รินดาwดาริน

  • OnTop&N'Song
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +243/-2
ตอนพิเศษ ตรุษจีน 16.2.2561

ผิง



วันวาเลนไทน์ ไอ้ยิมแค่เอาดอกกุหลาบมาให้ผมแค่นั้น ไอ้ผมก็ไม่ได้คาดหวังความหวานจากหนุ่มแว่นอยู่แล้ว ช่วงเช้าตรู่ผมมาช่วยร้านอาหารของครอบครัว ไอ้ยิมให้ความสำคัญกับวันตรุษจีนมากกว่าวันวาเลนไทน์ ไม่ใช่เพราะป๊าม๊ามันหรอก แต่มันทิ้งท้ายไว้ว่าจะพาผมไปไหว้ญาติผู้ใหญ่ของมัน ผมแอบกลัว ถ้าแค่พ่อแม่ของมันก็ยังพอทำเนา แต่นี่....

“ผิง ไม่ไปเที่ยวงานตรุษจีนเหรอ”พี่ฝนเอ่ยถาม เงยหน้ามองผม

“ยังครับ รอไอ้ยิมมารับ”ผมตอบ ไม่ได้มองหน้าพี่ฝน ตอนนี้ผมเปิดไลน์มาดู ไอ้ยิมส่งมาว่าจะมารับไปหาป๊า ผมมองนาฬิกา ตอนนี้เก้าโมงเช้าอยู่เลย

“ดีเนอะ เดี๋ยวก็ได้อั่งเปาอีก”พี่ฝนพูดยิ้มๆ ทำให้ผมยิ้มกริ่ม ปีที่แล้วก็ได้มาหลายซองอยู่ ระหว่างที่ไปเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะด้านนอก ก็เห็นว่ามีรถคุ้นหน้าคุ้นตาขับมาจอดที่ลานจอดรถด้านหน้าร้าน ไอ้ยิมมารอรับผมตามปกติ

“งั้นผมไปก่อนนะพี่ฝน”ผมยกมือไหว้ พี่ฝนเงยหน้ายิ้ม “จ้า” ผมหยิบกระเป๋าสะพาย หยิบถุงสีแดงสำหรับใส่ส้มสี่ผลออกมาด้วย แล้วออกจากร้าน เดินไปหาชายหนุ่มสวมแว่นที่นั่งรออยู่ในรถ เปิดกระจกฟังเพลงสบายใจเฉิบ ผมเดินเข้าไปร้องแฮร่ใส่ ไอ้ยิมหันมองด้วยสายตาเอือมระอา สวมใส่เสื้อผ้าสีสดใส เชิ้ตสีแดงของมันทำเอาผมแสบตา ผมเลยยื่นหน้าผ่านกระจกรถที่เปิดไว้ แล้วถามเบาๆ  “รอนานไหม”

“ไม่ กะเวลามาถูกนี่”มันตอบ หดหน้าไปจนติดกับเบาะรถ เพราะผมเข้ามาใกล้มันเกินไป ผมยิ้มกริ่ม เมื่อเห็นท่าทีประหม่า เลยขยับตัวออกจากหน้าต่าง แล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูรถอีกฝั่งแทน

“ทำไมต้องให้กูไปด้วยอ่ะ กูไม่ชินเลย”ผมบอก เมื่อเข้ามานั่งบนเบาะ ปิดเพลงในรถ ไอ้ยิมสตาร์ทรถ ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้

“ก็อยากให้ไปด้วยกัน ป๊าม๊าก็ชวนมาด้วย อย่าไปเกร็งสิ น่าจะชินแล้วนี่”มันเอ่ย ผมย่นคิ้ว ถึงจะเป็นนั้นก็เถอะ แต่บางครั้งก็ไม่ค่อยอยากจะไปรวมญาติกับคนในบ้านของไอ้ยิมเท่าไหร่ เพราะนอกจากอาอี๊แล้ว ผมก็แทบไม่รู้จักใครเลย

“แวะซื้อขนมหน่อยไหม ได้ยินว่าคนจีนจะชอบคนที่รู้จักไปมาลาไหว้”ผมเอ่ยขึ้น ไอ้ยิมถึงกับหัวเราะออกมา

“อ๋อ อยากทำตัวเป็นสะใภ้ที่ดีว่างั้น”คำตอบของมันทำเอาผมหน้าร้อนขึ้นมาทันที ผมหันไปง้างมือเตรียมต่อยอีกฝ่าย ไอ้ยิมหันมอง ยื่นมือไปลูบศีรษะผมแทน ทำเอาผมนิ่งงันไป เลยยอมอ่อนข้อให้ไปก่อน เดี๋ยวจะหาว่าไม่ทำตัวเหมือนแฟน

“ก็แค่เอาใจป๊ามึงไง เขาจะได้เอ็นดูกูเยอะๆ”ผมบอกยิ้มๆ ไอ้ยิมไม่ได้ตอบอะไรแต่เห็นว่ามันยิ้มแย้มมากขึ้น

“วันนี้วันตรุษจีน คงไม่มีอะไรมากหรอก แค่ไปไหว้ แล้วก็ไปเที่ยวกัน”ไอ้ยิมบอก ผมพยักหน้า

“จะไปไหนกันเหรอ”ผมถาม

“ไปเดินตลาดแหละ ในเมืองเขามีงานตรุษจีนอยู่ มีงานแสดงหลายอย่าง”ไอ้ยิมบอก ผมพยักหน้ารับรู้ ผมเองก็ดีใจนะที่ครอบครัวอีกฝ่ายยอมรับว่าผมเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว อย่างน้อยก็เปิดใจรับ อาจมีคนก่นด่าอยู่ แต่ไอ้ยิมบอกว่าตราบใดที่ไม่ใช่ป๊าม๊า มันก็ไม่สนใจหรอก ก่อนจะถึงบ้าน ไอ้ยิมจอดแวะร้านขนมหวาน ผมลงไปเลือกซื้อมาสองสามอย่างที่เป็นมงคล ไม่ได้ซื้อเยอะ เพราะเมื่อวานก็ยังเหลืออยู่เยอะเช่นกัน จากนั้นไอ้ยิมก็ขับรถพาผมไปบ้านของอากง ผมเริ่มออกอาการมือไม้สั่น หัวใจเต้นรัว

“กลัวเหรอ”

“อือ ลองเป็นกูแล้วจะรู้”

“หึหึ ไปถึงบ้าน แล้วอย่าลืมเรียกกูเพราะๆนะ จะพูดมึงๆกูๆไม่ได้”

“ให้เรียกอะไร พี่ เหรอ”ผมถาม ไอ้ยิมยิ้มกว้าง “ลองเรียกเฮียสิ”

“อ้าว ไม่ใช่ไอ้โยนี่หว่า เรียกทำไม”ผมบ่ายเบี่ยง ทำไมจะไม่รู้ทันไอ้ยิมมัน อีกฝ่ายหัวเราะอารมณ์ดี “เปล่า อยากมีคนเรียกบ้างไง ไม่ใช่จากไอ้โย”มันหันมองผม

“บ้า เรียกพี่ก็พอแล้ว”ผมบอก ไม่ชินที่จะเรียกว่าเฮีย ถึงจะเคยเรียกเฮียแกนมาก่อน แต่มันคนละอารมณ์กันเลย ระหว่างนั้นมันก็เลี้ยวเข้าไปในซอย ผมเหลียวมองไปนอกหน้าต่าง ไอ้ยิมขับรถมาจอดที่ริมถนนหน้าอาคารพาณิชย์หลังใหญ่ บ้านอากงมีสองชั้น ชั้นล่างเปิดโล่งมีเก้าอี้ไม้ตัวยาวติดผนังห้อง ผมเห็นว่ามีอากงกับอาม่านั่งคุยกับญาติพี่น้องอยู่ แต่ละคนไม่คุ้นหน้ากันเลย แต่เห็นว่าป๊าม๊าของไอ้ยิมก็อยู่ด้วย ไอ้ยิมเดินคู่กับผมเข้าไปด้านในบ้าน ผมถือถุงขนมหวานกับถุงผ้าสีแดงมาด้วย ในใจเต้นตุ้มๆต่อมๆอย่างประหม่า

“อ้าว มากันแล้วเหรอ มานั่งใกล้ๆอั๊วนี่”อากงหันมองผู้มาเยือนเช่นผมกับไอ้ยิม อากงกวักมือเรียกผม ที่จริงผมเคยแวะมาหาอากงกับอาม่าแล้ว แต่นานๆที เพราะไอ้ยิมก็ไม่ค่อยว่าง ผมเดินตัวลีบ ยกมือไหว้สวัสดีทั้งอากง อาม่า อาแปะ ป๊าม๊า อาเจ๊กอาซิ้ม อาอี๊ ส่วนไอ้โยก็นั่งอยู่กับลูกใครสักคน

“ผมเอาขนมหวานมาฝากอากงกับอาม่าด้วยครับ”ผมถือโอกาสบอก ไอ้ยิมดันไหล่ผมนั่งลงข้างๆอากง ส่วนอาม่ายังแข็งแรงดีส่งยิ้มมาให้ผมกับไอ้ยิม

“ไม่เห็นต้องซื้อมาเลยเปลืองตังเปล่าๆ เนี่ย ยังมีของกินเยอะแยะ เมื่อวานลื้อก็น่าจะพาอาผิงมาคุยกับพวกอั๊วหน่อย”อากงพูด ผมเพียงแค่หันไปมองไอ้ยิมอย่างหมดคำพูด

“ผิงต้องช่วยงานร้านอาหารน่ะกง”ไอ้ยิมเอ่ยแทน

“อืม ดีแล้วๆ แล้วลื้อสองคนได้ให้อั่งเปาอาผิงไปหรือยังล่ะ”อากงถามป๊าม๊าของยิม สองท่านจึงยิ้ม ตอบอากงว่าให้ผมมาแล้ว อาม่าเลยเรียกอาแปะให้ไปเอาซองแดงมาให้ ผมจึงต้องเก็บอาการสักหน่อย

ถึงเวลาป้ายเจียไหว้ขอพรและอวยพรจากญาติผู้ใหญ่ ไอ้ยิมนำถุงใส่ส้มไปมอบให้อากงอาม่า ท่านหยิบส้มออกไปและนำกลับมาคืนสองผลดังเดิม 

“อากงอาม่าครับ ขอให้สองท่านแข็งแรงๆ ซื่อจี้ผิงอัน ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้”ผมบอกหลังจากที่ท่องมาหลายหนต่อวัน

ไอ้ยิมเลยอวยพรไหว้อากงอาม่าตามหลัง พูดสิ่งดีๆให้ทั้งสองท่านคงอวยพรให้สุขภาพแข็งแรงอายุยืนยาวทำนองนั้น อากงอาม่าก็ยิ้มกว้าง อวยพรพวกผมสองคนไม่รู้วาแปลว่าอะไร เพราะท่านพูดจีนสลับคำไทย ไอ้ยิมหันมายิ้มกว้าง อากงอาม่าให้อั่งเปาผมมาคนละซอง ส่วนไอ้ยิมได้มาเมื่อวาน ส่วนคนอื่นๆ ผมก็เข้าไปไหว้ตามลำดับ ด้วยความมึนงง ส่วนไอ้โยมันแอบยิ้มยิงฟันล้อเลียนผมประจำ

“แน่ะ ได้อั่งเปาอีกแล้ว ไหนล่ะ ของผมอ่ะ”ไอ้โยยื่นหน้ามาถาม

“เรื่องไร มึง เอ้ย ตี๋ได้ไปเยอะแล้วนี่”ผมแกล้งพูด ไอ้โยตาโต ก่อนจะหยิกแขนผมซะเจ็บ “ทำเป็นพูดเพราะ จะปรับตัวเข้ากับบ้านเราเหรอ งั้นโยเรียกพี่ว่าผิงเอ๋อร์ดีไหม”

“เอาดีๆสิ ไอ้นี่”ผมทำหน้าบอกบุญไม่รับ เรียกซะผมเป็นคนน่ารักไปซะได้ “ผิงอันดีไหม”ไอ้โยกระซิบบอก ผมกำมือแน่น ไอ้ยิมมันเคยบอกว่าป๊ามันจะเรียกผมแบบนี้ด้วย โคตรแต๋วอ่ะ มันชื่อเด็กผู้หญิงนี่นา

“อาผิงมานี่มา”ป๊าเรียกผม ไอ้ยิมที่นั่งคุยอยู่กับอาม่าหันมามองป๊ามันเงียบๆ ผมค่อยๆเดินเข้าไปหา ยังมีหลายคนที่ไม่ได้เห็นดีเห็นงามเรื่องไอ้ยิมกับผม เช่น อาเจ๊ก อาแปะ แต่ด้วยความที่อากงอาม่าไม่ได้ต่อว่ารุนแรง ก็ไม่มีใครมาด่าผมกับไอ้ยิมลับหลังให้แคลงใจกัน

“ครับป๊า”เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ผมนั่งลงข้างๆป๊า ม๊าหยิบถุงสีแดงขนาดเล็กเหมือนเอาไว้ใส่สร้อย ผมถึงกับอ้าปากค้าง จนต้องเก็บอาการ เหลือบมองไอ้ยิมที่กำลังประจบอาม่าอยู่ เห็นมันบีบนวดขาให้อาม่า ท่านป่วยบ่อย เลยไม่ค่อยได้ออกไปไหนมาไหน

“ป๊าเห็นว่าฤกษ์งามยามดี เลยหุ้นกับม๊าซื้อสร้อยให้ ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจหรอก ถือว่าเป็นญาติพี่น้องกันนี่แหละ ว่างๆก็แวะมาเยี่ยมอากงอาม่าได้ตลอดนะ บ้านเราต้อนรับอาผิงเสมอ”ป๊าบอก หยิบถุงสร้อยจากม๊ามายื่นให้ผม ทำเอาผมพูดไม่ถูก ไม่คิดว่าสองท่านจะดีขนาดนี้ ผมเลยรับไหว้ “ขอบคุณมากครับ”

“จ๊ะ ยังไงก็ฝากดูแลยิมมันด้วยนะ มีอะไรก็พูดจากันดีๆ”ม๊าบอก ฟังไปฟังมาเหมือนว่าจะอวยพรให้คู่บ่าวสาวเลยแฮะ ผมยิ้ม ป๊าตบไหล่ผมเบาๆ

 หลังจากนั้นผมกับไอ้ยิมก็อยู่คุยกับพวกญาติผู้ใหญ่ ก่อนจะตกลงกันได้ว่าจะไปเดินงานตรุษจีนกัน ป๊าอยากพาอากงอาม่าไปดูงานแสดงกังฟูจากจีน เลยตกลงกันว่าไปดูงานแสดงก่อนค่อยแยกย้ายกันไป

“ไหนดูสิ ยังไม่ทันแต่งได้สร้อยทองมาแล้ว”ไอ้ยิมได้โอกาสแซวเมื่อเข้ามาอยู่ในรถ ไอ้โยนั่งอยู่ด้านหลัง มันขยับมาเกาะเบาะรถ “ไหนๆ ได้มากี่บาท”

ผมกะถุงสร้อยออก พอหยิบออกมาดูเป็นสร้อยข้อมือลายสี่เสามีจี้หัวใจเล็กๆห้อยใกล้ตะขอ ผมไม่รู้ว่าหนักกี่บาท ไอ้โยส่งเสียงตื่นเต้น

“ป๊าใจป้ำจริงๆเลย”ไอ้โยส่งเสียงฮือฮา มันขอดู ผมยื่นให้มันอย่างขบขัน ไอ้ยิมยิ้ม “เกรงใจยังไงไม่รู้”ผมบอก

“อย่าเลย ป๊าคิดดีแล้วล่ะเฮีย”ไอ้โยคืนสร้อยข้อมือกลับ ผมเก็บใส่ถุง เอาเข้ากระเป๋า

“อืม ป๊ากูให้ แสดงว่าเขายอมรับมึงเป็นสะใภ้แล้วล่ะ”ไอ้ยิมไม่วายหัวเราะชอบใจ

“อ้าว โยมีอาซ้อแล้วสิเนี่ย”ไอ้โยยังไปรับมุกพี่มันอีกนะ ผมหันไปเขกศีรษะมันเบาๆอย่างหมั่นไส้ ชี้หน้าคาดโทษมันไว้ มีหรือมันจะสลดหดหู่ ผมได้แต่เอือม แต่มีไอ้โยก็ดี เป็นสีสัน

พอมาถึงตลาดในตัวเมือง วนหาที่จอดรถได้แล้วจึงออกเดินพร้อมๆกับป๊าม๊า ส่วนอากงอาม่า มีอาแปะเป็นคนจูงเดิน ยิ่งอาม่าต้องนั่งรถเข็นเลยไม่ค่อยอยากให้ลูกหลานพาเที่ยวนัก จึงขอดูแค่งานแสดงกังฟู งานฟ้อนรำชุดชนเผ่าของจีนที่หอแสดงดนตรี ผมมองไปรอบๆตลาด คาดว่าน่าจะมีพาเหรดเชิดสิงโตกันไปแล้ว คนเยอะจึงเป็นพิเศษ

พอเข้ามาในหอดนตรี งานแสดงก็เริ่มไปบ้างแล้ว ผมกับไอ้ยิมจึงต้องนั่งกับพวกผู้ใหญ่ อากงอาม่าดูจะชอบการแสดงเป็นพิเศษ หลังจากนั้นป๊าม๊าจึงอนุญาตให้ผมกับไอ้ยิมแยกกันได้ เพราะท่านเองก็ไม่ได้อยากไปเดินเบียดเสียด เราสองคนเลยลาไหว้ผู้ใหญ่กันตรงนี้ ไอ้ยิมเข้าไปหอมแก้มอาม่า กอดอากงเป็นการประเหลาะส่งท้าย

“ป่ะ ไปทำอย่างอื่นดีกว่า”

“อย่างอื่น?”ผมงง ไอ้ยิมจับมือผมเดินไปตามถนน ผู้คนเยอะแยะจนต้องเดินระวังกันหน่อย

“อือ ไปไหว้พระกันไหม”อีกฝ่ายชวน เมื่อเดินมาถึงหน้าศาลเจ้า ที่ตอนนี้เปิดให้ทานอาหารฟรี ผมเลยไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมกับไอ้ยิม กะว่าจะอยู่กินอาหารซะหน่อย แต่ไอ้ยิมดึงแขนให้ออกมา

“กลับคอนโดของเราดีไหม เผื่อเหนื่อย”ไอ้ยิมหันมาคุย

“ก็ดีนะ นี่ก็เพลียมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว”ผมบอก ก่อนจะนวดไหล่ตัวเองไปพลางๆ ไอ้ยิมจึงโทรไปบอกป๊าของมันก่อนว่าจะกลับไปนอนที่คอนโด


...............



พอมาถึงที่คอนโด ผมเดินตรงไปนอนแผ่ที่โซฟารู้สึกเมื่อยขาขึ้นมาทันที ผมนอนหลับตา ได้ยินเสียงไอ้ยิมเดินไปเดินมา สักพักก็ได้กลิ่นหอมหวานของสตอร์เบอร์รี่ พอลืมตาก็เห็นเค้กไอศกรีมสีชมพูสดใส ผมตาโต ผุดลุกจากโซฟาทันที มองไอ้ยิมที่ขยับมานั่งข้างๆผม

“ซื้อมาเก็บไว้เหรอเนี่ย”ผมยิ้มกว้าง ตอนนี้ร่างกายต้องการน้ำตาลพอดี ผมหยิบช้อนมาตักเค้กเย็นเข้าปาก รสชาติหวานอมเปรี้ยว ไอ้ยิมหัวเราะกับท่าทีของผม

“อือ เห็นมันมีโปรโมชั่นคู่รักเลยซื้อมา”มันบอก ก่อนจะตักเค้กไอศกรีมเข้าปาก ผมชะงักไป เมื่อวันวาเลนไทน์ผมแค่รับดอกไม้จากมันแล้วก็ขอบคุณมันไปเท่านั้นเอง ไม่ได้เอ่ยบอกรักอะไรสักอย่าง แต่ตอนแรกผมตั้งใจจะให้ของขวัญมันเหมือนกันแต่เปลี่ยนใจ เห็นไอ้ยิมไม่ค่อยจะสนใจวันแห่งความรักเท่าไหร่ เพราะมันตรงกับวันจ่ายพอดี มันเลยกลับไปอยู่บ้าน ผมตักไอศกรีมก่อนจะยื่นไปจ่อหน้ามัน ไอ้ยิมทำหน้าแปลกใจ มองมือของผมอยู่นาน

“อ้าปากสิเฮีย”ผมบอก รู้สึกว่าเลือดขึ้นหน้าเหมือนกัน ไอ้ยิมผุดยิ้มออกมาจนได้ มันอ้าปากเหมือนเด็ก ผมป้อนเค้กให้มัน อยู่ก็ไม่กล้าสบตามันไปได้ ผมก้มไปตักไอศกรีมต่อ รู้สึกถึงสายตาที่เพ่งมา ยิ่งได้อานุภาพจากแว่นด้วยแล้วทำให้ผมรู้สึกโดนจับจ้องมากเป็นพิเศษ

“หวานดีนะ”ไอ้ยิมเอ่ย ขยับเข้ามาใกล้ผมซะจนนั่งแนบชิด ผมหันไปมองมันด้วยสายตาดุดัน

“ทำเป็นได้ใจนะ”ผมเอ่ย พยายามกลั้นยิ้ม ยื่นช้อนเค้กไปหาคนข้างกายอีกรอบ ไอ้ยิมยิ้มอย่างพอใจ มันงับช้อน ระหว่างนั้นก็ปรายตามองผมไปด้วย เล่นเอาผมร้อนไปทั้งหน้า อยู่ๆก็มือไม้สั่น หัวใจทำงานหนักอีกแล้ว

“หึหึ ยังมาทำเขินอีก”คนตัวสูงกว่าเอ่ยด้วยความขบขัน มันตักเค้กไอศกรีมที่เริ่มละลายไปบ้าง คราวนี้มันยื่นทำท่าจะป้อนผม

“อย่าน่า กินเองดีกว่า”ผมบอกปัด เพราะเขินมันจะตาย อีกฝ่ายไม่ยอม ดึงดันไม่ยอมวางช้อนลง มันยื่นมาใกล้ๆปากของผม  ไอ้ยิมจ้องมองอย่างไม่วางตา ถึงจะใส่แว่นแต่สายตาก็พิฆาตได้ไม่น้อย ผมอ้าปากกลืนเนื้อเค้กเย็นๆเข้าปาก ไม่ได้สัมผัสกับช้อนของเจ้าตัวมากนัก ผลคือเค้กบางส่วนมันร่วงพื้นซะอย่างนั้น ไอ้ยิมหัวเราะในลำคอ

“เอ้า ทำเซ่อซ่านะผิง”มันว่า เอื้อมไปหยิบทิชชูมาเช็ดให้ผม

“อย่าบ่นได้ป่ะ แดกๆไปเลย”ผมบอก ก่อนจะตักเค้กเข้าปากตัวเอง ไม่สนใจอีกฝ่ายต่อไป ผมไม่กล้าคิดถึงความสัมพันธ์ที่ลึกไปกว่านั้น มันทำให้ผมอายมากกว่า แต่ผมคิดว่ามันต้องมีสักวัน เพราะเราเป็นแฟนกันมาเกือบสองปีแล้ว เรื่องเรียนต่อผมเลื่อนไปหลายครั้ง แต่คาดว่าต้องไปเรียนช่วงเมษาฯ ผมเลยอยากใช้เวลาอยู่กับมันเยอะๆหน่อย เดี๋ยวจะน้อยใจอีก

“นี่ยิม...กูมีของขวัญวันวาเลนไทน์ย้อนหลังด้วยนะ อยากได้ไหม”ผมถาม พอนึกถึงของขวัญที่เตรียมไว้เมื่อวันพุธก็ทำเอาหน้าร้อน เพราะไอ้ยิมยุ่งๆอยู่เลยไม่ได้ให้ คนข้างๆหันมองด้วยแววตาสุกใส มันยิ้ม

“ให้ก็เอาทั้งนั้นแหละ”มันบอก ผมเลยตัดสินใจเอื้อมไปหยิบกระเป๋าสะพายออกมา ถึงไม่ได้เอาให้วันนั้น แต่ผมตั้งใจจะยื่นให้มันวันอื่นอยู่แล้ว ผมเปิดกระเป๋าหยิบกล่องของขวัญขนาดเล็ก ประมาณซองจดหมาย ผมยื่นออกไปให้มัน แล้วรีบเผ่นหนีด้วยความอับอาย ผมเดินไปที่ครัว ก่อนจะหยิบสปายออกมาเปิด แล้วยกดื่มดับความอายของตัวเอง ผมไม่กล้ามองว่าไอ้ยิมมันเปิดอ่านไปหรือยัง

รู้ตัวอีกที เห็นไอ้ยิมเดินมายืนอยู่ข้างๆ ผมเงียบ

“...แน่ใจเหรอวะ”มันถาม

“งั้นกูเปลี่ยนใจล่ะ”ผมหันไปมองมัน ยื่นมือไปเอาของขวัญคือ แต่ไอ้ยิมมันไวกว่ามันเอาหลบไปด้านหลัง สีหน้าไม่ปิดบังความยินดี มันเก็บซองจดหมายพับใส่กระเป๋าเสื้อแทน

“หึหึ จะคืนคำได้ยังไง ...”ไอ้ยิมเอ่ย เข้ามาดึงไหล่ผมไว้แน่น ไม่ให้ผมหลบเลี่ยงไปจากอีกฝ่ายได้ ผมสบตาอีกฝ่าย เห็นว่าแววตาคู่นี้ของเจ้าตัวสะท้อนภาพผมออกมา แล้วรู้สึกบอกไม่ถูก มันวูบวาบแปลกๆ ผมก้มหน้าหลบ มองพื้น

“ผิง กูรักมึงนะ กูยอมมึงทุกอย่าง ป่านนี้แล้วมึงน่าจะมั่นใจได้แล้วนะว่ากูไม่ทำร้ายมึงแน่ๆ”ผมได้ยินเสียงของไอ้ยิมเอ่ยบอก ผมยิ่งไม่กล้ามองหน้ามัน แต่แรงที่บีบลงหัวไหล่ทำให้ผมนิ่วหน้า เงยมองคนตรงหน้าอีกครั้ง ผมเม้มปาก พยักหน้า เรียกความมั่นใจให้ตัวเอง

“เออ กูรู้...ขอโทษนะที่ทำหน้าที่แฟนไม่ค่อยดี...”

“อย่ามาทำดราม่าน่า”ไอ้ยิมเอ็ด ไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยค ผมยิ้มให้มัน

“ฟังก่อนสิ กูก็รู้ตัวนั่นแหละ ไม่ใช่ว่ากูไม่แคร์นะ แต่...กูเขินอ่ะ ไม่กล้าทำหวานๆใส่ แต่มึงรู้ใช่ไหมว่ากูรู้สึกยังไง”ผมบอก มองอีกฝ่ายอย่างคาดหวัง ไอ้ยิมจ้องผม ริมฝีปากกระตุกยิ้มเหมือนจะนึกสนุก ผมรู้ได้ทันทีว่ามันคงหาทางแกล้งผมแน่ๆ

“รู้เหรอ รู้ว่าอะไร”ไอ้ยิมก้มหน้ามาถาม ผมหดคอหนีใบหน้าที่เฉียดมาใกล้ อีกนิดเดียวก็จะจูบผมอยู่แล้ว ผมย่นคิ้ว

“ไอ้นี่นิ... เออ กูรักมึงเหมือนกันแหละ ไม่งั้นจะทำขนาดนี้ไหมล่ะ”ผมบอกอย่างรวดเร็ว หากทำได้ผมจะโดดหนีไอ้ยิมไปห่างๆเพราะดูท่าทางมันจะเมาเนื้อ ยิ้มอะไรมากมาย คนตัวสูงกว่าหัวเราะออกมาอย่างสุขใจ คนบ้าอะไร นี่แฟนบอกรักนะ ยังมีหน้ามาขำอีก

“ดีใจจริงๆ ที่ได้ยินไอ้ผิงบอกรักขนาดนี้...ขอบใจนะ”ไอ้ยิมเอ่ย ผมพยักหน้า อีกฝ่ายเลยดึงผมเข้าไปกอดแน่นๆ ผมไม่ได้เตี้ยไปกว่าไอ้ยิมนัก แต่เทียบกันแล้วผมสูงประมาณคางของมัน พอกอดก็สามารถเทินคางบนไหล่ของอีกฝ่ายได้พอดี ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะขยับหน้าลงไปหอมท้ายทอยของมันแทน อีกฝ่ายยิ่งกอดผมแน่นไปใหญ่ ผมเลยตบหลังมันเบาๆให้ปล่อย

“ยิม ปล่อยเว้ย นานไปแล้ว”ผมบอก พยายามดึงตัวออกแต่มันไม่ยอมปล่อย

“อ้าว ได้ไง มีโอกาสกอดทั้งที ขอเต็มที่หน่อย”มันว่า ไม่กอดอย่างเดียวแต่เสือกลูบมือไปทั่วแผ่นหลังแบบนี้ก็ไม่ไหว ผมดิ้นพอเป็นพิธี รู้สึกว่าร่างกายมันอ่อนแรงยังไงชอบกล รู้ตัวอีกทีไอ้ยิมมันเลื่อนหน้ามาหอมแก้มผมแทน ผมนิ่ง ไม่ตกใจ แต่แค่ทำอะไรไม่ถูก ไอ้ยิมมองก่อนจะยิ้ม มันโน้มมาใกล้จนสัมผัสถึงลมหายใจของกันและกัน

ไอ้ยิมจูบผมจนได้ ริมฝีปากอุ่นชื้นเข้ามาครอบครองผมได้ง่ายดาย ผมยอมโอนอ่อนตามอีกฝ่าย ปล่อยให้ลิ้นของเจ้าตัวเข้ามาสำรวจด้านในอย่างพอใจ ผมไล่ตามมันอยู่นาน จนหายใจแรง อีกฝ่ายผละออกมา ไม่วายเข้ามาจูบต่อสั้นๆ

“งั้น...ใช้ของขวัญหน่อยดีไหม รับรองจะทำตามที่มึงต้องการ”อีกฝ่ายเอ่ยอย่างหนักแน่น ทำให้ผมคลายใจไปได้ ผมนิ่ง พยายามใจกล้าบ้าบิ่น เลยเข้าไปกอดมันอีกรอบสร้างความมั่นใจ

“อือ กูดีใจนะที่ป๊ากับม๊ายอมรับกูขนาดนี้”ผมบอกด้วยความรู้สึกขอบคุณจากใจ ตอนแรกป๊ายังคงพูดน้อยกับผม แต่ไอ้ยิมชวนผมไปบ้านมันบ่อยๆ ไปสร้างความสัมพันธ์ของผมกับป๊าให้ดีขึ้นแล้วมันก็สำเร็จ อีกอย่างผมเองก็รู้สึกผิดที่ทำหน้าที่แฟนได้ไม่เต็มที่ ใครๆก็ต่างต้องการแสดงความรักต่อกัน แต่ผมกลับแสดงออกน้อยมาก ถ้าไม่ใช่ไอ้ยิมก็คงไม่มีใครทนได้แน่นอน

“มึงวางใจได้แล้วนะ มาถึงขนาดนี้กูไม่ทิ้งไปไหนหรอก มีแต่จะเลี้ยงตลอดชีพ”ไอ้ยิมเอ่ย ผมถึงกับหัวเราะออกมา ขยับออกจากอ้อมกอดอุ่นๆของมัน ผมยื่นมือไปหยิบซองจดหมายออกมา ก่อนจะจับไปมาในมือ

“โอเคก็ไม่เล่นตัวล่ะ”ผมบอก ไอ้ยิมยิ้มออกมา มันเข้ามาหิ้วตัวผมทันที ผมตกใจไม่คิดว่ามันจะมาอุ้มผมแบบนี้

“เฮ้ย หนักนะเว้ย”ผมโวยวาย แต่ไอ้ยิมแค่หัวเราะ มันออกแรงกึ่งลากกึ่งหิ้วปีกซะมากกว่าการอุ้ม เล่นเอาผมเจ็บไหล่ไปเลย

จุดหมายปรายทางของเราคือที่ไหนถ้าไม่ใช่ห้องนอน!

ในจดหมายที่แนบไว้ผมเขียนไว้ว่า ‘ยังไงก็ใช้อย่างถนุถนอมกูหน่อยนะยิม (ผิง)’ ตอนที่เขียนผมยังอายตัวเองเลยล่ะ ไหนจะแนบถุงยางหนึ่งกล่องไว้เป็นที่ระลึก ที่แน่ๆไม่ใช่ไซต์ผม เพราะมาวิเคราะห์อย่างจริงจัง ผมคงไม่รอดมือมันแหง

เฮ้อ ตอนแรกกะว่าจะเสียตัวตอนวันวาเลนไทน์ แต่ดันมาลงเอยวันตรุษจีนซะนี่ แต่ก็เอาเถอะ มีค่าเท่ากัน ยังไงซะ ผมก็เสียซิงให้ไอ้ยิมมันอยู่ดีนั่นแหละ เห็นเป็นหนุ่มแว่นก็ใช่ว่าจะปราณีผมนะ

.

.

.

ไม่กล้าเขียน nc ของยิมผิงจริงๆ  :ling1: คือ เขินมากกว่า เข้าใจอารมณ์ของผิงจริงๆ
ไม่แน่อาจจะมีมาเพิ่มทีหลัง 5555

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-02-2018 03:56:15 โดย รินดาwดาริน »

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ชอบคู่ยิมผิงมากๆๆๆๆๆ ทำไมฉากในห้องนอนถึงไม่มีละคะ งือออ นี่นับวันรอเขาสวีทหวานกันเลยนะคะ  :z3: :ling1:

ออฟไลน์ IamPobPobPob

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Quill

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แล้วผิงรู้ขนาดของยิมได้ยังไง ทำไมถงเลือกไซส์ถุงยางถูก

ออฟไลน์ รินดาwดาริน

  • OnTop&N'Song
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +243/-2
ตอนพิเศษวันแม่ 12.8.61 

วันหยุดสุดสัปดาห์ เป็นวันแม่ด้วย ผมกับน้องสองเตรียมหาดอกไม้มาไหว้แม่ เธอกลับมาหาผมที่บ้านเพื่อมาเยี่ยมลูกรักกับไอ้ทู หมาหัวเน่าที่แม่ทิ้งหัวไป ท่าทางมันดีอกดีใจเข้าไปโถมตระกายล้อมหน้าล้อมหลังแม่อยู่นานจน ไอ้สองต้องเข้าไปลากคอมันออกมา

“คิดถึงแม่จังมากอดหน่อย”ผมเข้าไปอ้อเซาะอีกฝ่ายทันที  เธอหัวเราะก่อนจะตบหลังผมดังปึก จากนั้นเราสามคนจึงเดินเข้าไปในห้องรับแขก “เป็นไงบ้างจ๊ะสอง ท็อปมันทำตัวดีหรือเปล่า”แทนที่แม่จะถามไถ่ลูกรัก แต่กลับหันไปหาไอ้สองที่กำลังยกน้ำมาเสิร์ฟให้แม่ เจ้าตัวหน้าระรื่นปรายตามองผมก่อนจะนั่งลงที่โซฟาตัวเล็ก

“ไม่กล้าทำตัวแย่หรอกครับ ไม่งั้นได้เป็นหมาหัวเน่าแน่”ไอ้สองมันพูด จนแม่หัวเราะชอบใจ ผมเลยอดไม่ไหวแกล้งมันต่อ

“หึ ใครจะกล้าล่ะ ไม่เห็นเหรอแม่มันทำตัวเป็นศรีสะใภ้ที่ดีแค่ไหน งานบ้านงานเรือนไม่ขาดตกบกพร่องเลย ท็อปแค่กลับมาบ้านแค่รอกินข้าว”

ไม่ทันพูดจบ แม่ประเคนฝ่ามือใส่หลังผมอีกตุ้บ

“เรานี่อย่าบอกนะให้สองทำงานบ้านคนเดียว”

“โหแม่ ล้อเล่นครับ ก็ช่วยๆกันแต่ยังไงสองมันก็ทำหน้าที่ของมันดีจะตาย...ใช่ไหมน้อง”ผมหันไปหาไอ้สอง เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกเขินกับคำว่าน้องจากปากของผม เจ้าตัวทำหน้าเก็บอารมณ์แต่ว่าหูกับลำคอแดงก่ำ มันหันไปยิ้มกับแม่

“ก็ปกติล่ะครับ ถ้าใครเลิกงานก่อนก็หุงข้าวทำอาหาร ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แล้วทานอะไรมายังครับ จะได้ไปจัดโต๊ะเลย”

“เรียบร้อยแล้วจ้ะ”


“งั้นท็อปไม่กวนแม่แล้ว”ผมบอกก่อนจะเดินไปนั่งข้างไอ้สองแทน แม่แค่เหลือบมองยิ้มๆจากนั้นก็เดินขึ้นไปชั้นสอง เพราะคงเพลีย ส่วนกระเป๋าไอ้สองทำท่าจะลุกยกขึ้นไปให้แต่แม่โบกมือห้าม “ของไม่เยอะลูก ไม่หนักหรอก แม่ไปนอนสักงีบก่อนดีกว่า”

ผมมองแม่จนลับสายตาจากนั้นก็หันไปมองคนข้างๆที่เขยิบตัวหนี

“อะไร แค่นี้ทำงอน”

“เปล่าใครงอนวะ”มันทำหน้ากวนประสาทมาให้ ยักไหล่ไปด้วยยิ่งเพิ่มดีกรีความกวนเข้าไปอีก ผมคันมือยิบ จ้องมองหน้ามู่ทู่ของมันอย่างสุขใจ ที่จริงผมมีเซอรไพรซ์รอมันอยู่ อดใจไม่ไหวที่จะเห็นปฏิกิริยาของมันบ้าง

 พรุ่งนี้เป็นวันแม่ ผมเองก็ไม่ค่อยได้ทำหน้าที่ลูกที่ดีเท่าไรนัก พอมีไอ้สองที่คอยจะคะยั้นคะยอให้ผมเอาใจแม่บ้าง ผมพอจะเข้าใจความรู้สึกมันอยู่บ้างเพราะไอ้สองมันมีแค่พ่อ มันเลยรักแม่ผมมาก วันแม่ทีไรมันโทรไปคุยกับพ่อทุกที มันคงชินกับการทำแบบนั้นไปแล้ว

ดังนั้นวันแม่ปีนี้ ผมเลยปรึกษากับแม่ รวมถึงพ่อของสองแล้วเหมือนกันว่าจะผูกข้อไม้ข้อมือกัน คล้ายกับการสู่ขอกันนั่นล่ะ ในฐานะที่เป็นผมอายุมากกว่าก็อยากจะทำหน้าที่เป็นผู้นำ แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวว่าใครจะเป็นหัวหน้าครอบครัว เพราะเราต่างก็เป็นผู้ชาย การไปยึดว่าผมต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวเพราะบทบาทบทเตียงมันก็ไม่ใช่เรื่อง ผมรู้ว่าไอ้สองก็คงไม่ชอบใจนักแม้ว่ามันจะยิ้มแย้ม แต่ใจเขาใจเรา ผมไม่อยากให้ความรักของเราสมีรอยร้าว ให้ใครอื่นมาแทรกแซงได้อีก
 
ส่วนเรื่องพวงมาลัยไอ้สองจัดการไว้ให้แล้ว มันมีฝีมือด้านนี้ด้วย ซึ่งพวงมาลัยไม่ได้ยากมาก แค่ใช้ดอกพุดกับดอกมะลิธรรมดาร้อยจากนั้นก็ใช้อุบะที่ทำจากดอกกุหลาบมาร้อยเป็นเส้นเท่านั้นเอง มาลัยสองพวงนี้จึงหน้าตาน่ารักๆกลมๆไม่ใหญ่มาก

 “คิดอะไรอยู่ครับ ทำหน้าซีเรียส”

“คิดอยู่ว่าจะได้รางวัลลูกดีเด่นยังไงดี”

“หา จากแม่น่ะเหรอ”

“ไอ้สองมึงทำซื่อเหรอ ก็ต้องจากที่รักสิ”พอผมพูดจบ มันทำหน้าเหมือนขี้ไม่ออกมาหลายวัน ก่อนจะขยับมาต่อยผมทีหนึ่ง

“ตลกเรื่อย เกี่ยวอะไรกัน”

“เกี่ยวสิ สองก็เป็นแม่นะ....”ไม่ทันจะพูดจบ ไอ้สองเข้ามาฟัดผมแทน เพื่อหยุดไม่ให้ผมพูดต่อ การแกล้งเล็กๆน้อยๆพอให้ชุ่มชื่นหัวใจ ระหว่างนั้นผมกับไอ้สองออกไปเล่นไอ้ทู มันยังดีใจไม่หาย ส่งเสียงแหลมเข้ามาฟัดกับผมไปด้วย จะว่าไปแล้วชีวิตของผมกับไอ้สองก็ไม่ได้มีอะไรให้ตื่นเต้นมานาน ยิ่งเรื่องบนเตียงก็ไม่ใช่ว่าจืดชืด เพียงแต่มันก็แค่เซ็กส์ปกติธรรมดา พอมีโอกาสได้เปิดหูเปิดตาจากไอ้อิฐ เพื่อนเวรนี่คอยส่งหนังโป๊มาให้อยู่เรื่อย จำได้เลยว่าไอ้สองมันโวยวายแค่ไหน

“เฮ้ย พี่ซื้อมาดูเหรอ”มันทำหน้าตกใจ หนังโป๊น่ะไม่ใช่เรื่องที่ควรตกใจ แต่ที่มันทำตาโตก็เพราะไอ้หน้าปกอร่างฉาง อุปกรณ์มาครบครัน ปกติผมกับไอ้สองไม่เคยใช้อะไรพวกนี้มาเสริมสร้างในการร่วมรักกันหรอก พอไอ้สองเห็นมันหน้าแดง
“ไอ้อิฐส่งมาให้ ทำไม จะดูด้วยกันเหรอ”
“บ้าเหรอ พี่ชอบอะไรแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย”ผมทำหน้าแปลกใจ ผมส่ายหน้า ก็แค่หนังโป๊
“เปล่า ก็แค่ดูเฉยๆ”
“หวังว่าจะไม่พิสดารอีกนะ”ไอ้สองพึมพำ ผมไม่ค่อยหาอะไรแปลกๆมาให้ไอ้สองทำหรอก ออกจะสงสารมันมากกว่าถ้าเกิดให้เล่นอะไรแผลงๆ
“เหรอ...สองไม่ชอบเหรอ”เลยแกล้งมันอีก ไอ้สองมองหน้าเหมือนว่ากำลังใตร่ตรองว่าผมพูดเล่นหรือจริง
“หา เอาจริงดิ”มันเหลือกตา ท่าทางคิดหนัก ถ้าผมรุกเร้ามันคงยอมให้ผมอยู่แล้ว
“ก็น่าสนนะ เราไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยไม่ใช่หรอ”ผมบอกเสียงเบาหวิว พอเอ่ยปากไป มโนภาพในหัวก็มาชัดเจน ผมกลืนน้ำลาย ผมเคยจินตนาการถึงความบิดเบี้ยวในใจของตัวเอง เซ็กส์แปลกๆที่อยากทดลองกับสอง แฟนสุดรักของผม ไม่อยากจะคิดพิสดารอะไรมาก แต่สันดานดิบมันก็มีในตัวทุกคนอยู่แล้ว
“ก็ใช่...ไม่คิดนะเนี่ยว่าพี่จะชอบอะไรทำนองนี้”มันวางแผ่นหนังลงก่อนจะเดินหนีลงไปชั้นล่างทันที ผมหัวเราะในใจ ไอ้สองเป็นเกย์แต่ก็ไม่ชินหากว่าจะเจออะไรแปลกๆเหมือนกัน ผมเดินไปหยิบแผ่นมาดูก่อนจะเคาะมือไปมา คิดอะไรอยู่นานสองนาน ขนาดเมคเลิฟคราวนั้นผมยังทำได้ นับประสาอะไรถ้าผมจะ......Role play กับมันสักหน่อย

“เหม่ออะไรพี่”ไอ้สองยื่นหน้ามามอง ก่อนจะโบกมือผ่านหน้าไป

“คิดอะไรนิดหน่อย”ผมบอก ไอ้สองมองอย่างจับสังเกต ก่อนจะปล่อยมือที่จับไอ้ทุไว้ มันวิ่งไปเล่นกับน้ำสปริงเกออร์ที่หมุนไปมาอย่างสนุกสนาน ผมจูงมือมันไปนั่งที่ศาลาไม้ 

“เป็นอะไร สีหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่”ไอ้สองถาม ยื่นหน้าเข้าหา ผมเหลือบมองริมฝีปากของมันไปพลาง นึกภาพเวลามันดีใจน้ำตาไหล ไอ้สองของผมมันเป็นคนอ่อนไหว

“เปล่า แค่คิดว่าพรุ่งนี้ทำอะไรให้แม่ดี”

“นึกว่าแค่ไหว้แม่ก็พอแล้ว หรือจะไปปิกนิกที่เดอะปาร์ค”อีกฝ่ายเสนอ ผมพยักหน้า ยื่นมือไปลูบศีรษะมัน แม้ว่ารู้ว่าเจ้าตัวจะไม่ชอบที่ผมทำแบบนี้ก็ตาม แต่เห็นว่าไอ้สองมันยิ้มมุมปากไม่ว่าอะไร ยิ่งทำให้ผมได้ใจ ยื่นไปจูบแก้มมันแทน

“กินยาผิดเหรอ”มันว่า

“ฮ่ะๆ ปกติพี่ก็เป็นแบบนี้”ผมบอก

“ไม่อะ ดูเอาใจกว่าปกติ”มันบอก ผมเลิกสูงเชิงถาม

“จริง ปกติพี่ก็ไม่ค่อยจะหวานเท่าไร ส่วนมากชอบแกล้งผมมากกว่า”อีกฝ่ายบอก ผมเลยนึกทบทวนตัวเอง ผมไม่ใช่คนอ่อนหวาน ทำอะไรจ๊ะจ๋านัก ถ้าให้ปากหวานแซวเล่นนะพอไหว แต่จะให้ทำซึ้งหวานแหววก็ไม่ใช่ทางผมอีก

“อยากเพิ่มความหวานเหรอ”

“เปล๊า”

“แน่ะๆ อยากได้อะไรบอกพี่มา”ผมกระเซ้า เบียดตัวเข้าหาอีกฝ่ายขมวดคิ้ว

“ไม่อยากได้อะไรหรอก”

“ตามใจ อุตส่าห์ให้ขอแล้ว มาโวยทีหลังไม่ได้นะ”ผมยิ้มกรุ้มกริ่ม ไอ้สองหันมองทันที มันหรี่ตาจับผิด แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

หลังจากที่แม่พักผ่อนจนเต็มอิ่มไปแล้ว ไอ้สองกับผมก็ช่วยกันจัดโต๊ะมื้อเย็น ส่วนมากก็เป็นอาหารทำเอง ฝีมือของไอ้สองเจ้าเดิม อย่างที่บอกหน้าที่พ่อครัวจะเป็นมันซะส่วนใหญ่ ตอนนี้รสมือของมันพัฒนาขึ้นมา เรียกได้ว่าทำอะไรก็อร่อยกินได้ไม่ท้องเสีย แม่ลงมาที่โต๊ะอาหารก่อนจะมีรอยยิ้ม ผมนั่งข้างแม่ ส่วนไอ้สองนั่งอีกฝากของโต๊ะ แม่คอยชวนไอ้สองคุยมากกว่า เป็นเรื่องงานของมัน แล้วก็พฤติกรรมของลูกชายอย่างผม

“ท็อปไม่เกเรใช่ไหมลูก”

“ไม่มีครับ กลับบ้านตรงเวลา”ไอ้สองหัวเราะไปด้วย ผมกระตุกยิ้มตาม

“ต้องคอยดูมันนะ ถึงจะไม่ใช่พวกเจ้าชู้แต่ไอ้นี่ชอบทำอะไรแผลงๆตลอด”แม่เอ่ยเสียงเข้ม ทำเอาผมย่นคิ้ว แผลงๆเรอะ...หมายถึงอะไร

“โธ่แม่ครับ ท็อปทำอะไรแผลงๆที่ไหน ถามสองสิ”ผมยิ้มกว้างออกมา ไอ้สองดูมึนงงไปชั่วขณะ จากนั้นแววตาเหมือนรู้ตัวดี มันทำเมิน หันไปคุยกับแม่แทน

“เยอะครับ ไม่อยากจะเอามาพูด เดี๋ยวกินข้าวไม่อร่อย”สิ้นคำของมัน แม่หัวเราะทันที ผมเงียบ รู้สึกว่าไอ้สองจะชักตลกใหญ่ มีแม่เป็นแบล็กดีก็แบบนี้ ทำเอาผมมีไฟปะทุนึกอยากจะจับมันมา...ทำให้ร้องไห้ซะให้เข็ด จะว่าไปไอ้สองไม่เคยร้องไห้งอแงอะไรสักอย่าง สงสัยจะจริงอย่างที่แม่ว่าผมชอบทำอะไรแผลงๆ

“แล้วพวงมาลัยเราซื้อหรือว่าทำเองล่ะ”

“ผมทำเองครับ ร้อยมาสองพวง หน้าตาธรรมดาแหละครับ”เสียงของไอ้สองปลุกผมจากความคิดอันตราย เรื่องร้อยมาลัยนั่นทำให้ผมเลิกหมกมุ่นไปได้ชั่วขณะ วันแม่แท้ๆยังจะมาคิดเรื่องใต้สะดือเอาได้นะไอ้ท็อป นึกด่าตัวเองในใจ ตลอดมื้ออาหารเหลือบมองไอ้สองไปตลอด คิดว่ามันคงรู้ตัวเหมือนกัน

พอขึ้นห้อง ใช้เวลาส่วนตัว ผมดันไอ้สองไปชิดผนังห้องแทน ไอ้สองยิ้มกวน

“อะไร”

“ยังอีก ชักเหิมเกริมนะเรา”ผมแกล้งทำตาดุ ไอ้สองย่นคิ้วโอบเอวผมไว้ ไม่วายแอบมาบีบก้นผมอีก

“เดี๋ยว...ไอ้นี่”ผมยกขากดไปที่เข่ามันแทน ไอ้สองนิ่วหน้า แต่ไม่ได้โวยวายอะไร ผมเลยยืนกอดมันไปเรื่อยๆ

“พรุ่งนี้ตื่นเช้า”มันบอก ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ก้มไปจูบต้นคอของอีกฝ่ายแทนกลิ่นหอมของโลชั่นทาผิวจางๆผสานกับกลิ่นกับข้าวเมื่อเย็นมาด้วย แต่ก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์ผมลดลงเท่าไร ไอ้สองคงรู้สึกได้

“พักนี้ทำไมหมกมุ่นจังพี่”มันส่งเสียงงึมงำกับลำคอของผม สองมือสอดเข้ามาเคล้นคลึงเส้นผมไปด้วย

“เปล่านี่”

“คิดว่าผมไม่รู้เหรอ มองตาก็เห็นแล้วว่ากำลังคิดอะไร”

“เห็นได้ไงล่ะ”ผมแกล้ง ผละออกมาจ้องมองคนตรงหน้า ร่างกายแนบชิดมากขึ้น

“ก็ตาหื่นๆไง”มันยิ้ม ผมอดไม่ไหวยื่นหน้าไปกัดแก้มมันจนมันร้องโอ้ยออกมา

“เล่นแรงอยู่เรื่อย”มันผลักผมออก ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมา ผมเดินตามเข้าไปแต่ไม่ได้สานต่อ เพราะรู้ว่าไอ้สองอาจอารมณ์เสีย ยังไงซะพรุ่งนี้ก็ต้องตื่นเช้าจริงๆ แม่ก็อยู่ด้วยทำให้เราสองคนต้องเกรงใจกันบ้าง ไม่แน่อาจโดนปลุกไปใส่บาตรแต่เช้า

.
.

เช้าตรู่วันต่อมา วันนี้เป็นวันแม่ อากาศยามเช้าสดใส แม่เข้ามาปลุกบอกว่าให้ลงไปใส่บาตรที่หน้าบ้าน ผมกับไอ้สองจึงต้องลุกลงไปเตรียมอาหารกับดอกไม้สำหรับการทำบุญตอนเช้า ส่วนเรื่องที่จะเซอร์ไพรซ์ แม่แอบกระซิบว่าพ่อของสองเดินทางมาถึงแล้วเหมือนกัน แต่ออกไปทำธุระในตัวเมือง

วันแม่ปีนี้ผมกับสองไม่ได้ลงมือทำอะไรมาก แค่จัดบ้านให้สะอาด เตรียมห้องสำรับไหว้ขอขมาพ่อแม่ ผมเตรียมพานธูปเทียนแพเอาไว้แล้ว เราไม่ได้มากพิธีรีตองแค่อยากขอขมาพ่อแม่ด้วยใจจริง ไอ้สองดูไม่ได้สงสัยอะไร เพราะของพวกนี้ก็ใช้ในการขอขมาอยู่แล้ว

ระหว่างนั้นมีเสียงรถยนต์ขับเข้ามา ไอ้สองขมวดคิ้วทันที ผมเลยละมือออกไปรับพ่อสันติของไอ้สอง

“สวัสดีครับพ่อ เดินทางเหนื่อยไหมครับ”ผมเอ่ยทักทาย เพราะพ่อกับผมสนิทกันมากขึ้น พ่อของไอ้สองเดินลงมาจากรถแต่งตัวลำลองสีสันสดใส ใบหน้ายิ้มแย้ม

“สบายมาก ว่าแต่เตรียมของพร้อมแล้วนะ”พ่อถาม

“เรียบร้อยครับ”

ระหว่างนั้นไอ้สองโผล่หน้าออกมาจากประตูในบ้าน สีหน้าดูประหลาดใจมาก

“อ้าวพ่อ มาได้ไงครับเนี่ย”

“ทำไมวะ ข้าจะแวะมาเยี่ยมเอ็งไม่ได้เหรอ”พ่อยิ้มกว้างเดินเข้าไปกอดลูกชาย ผมยกกระเป๋าเข้าในบ้าน ไอ้สองยังคงมึน มันหันมองผมก่อนจะกลับไปสนใจพ่อของตัวเอง

“มาก็ไม่บอกกัน ผมจะได้ไปรับไง”อีกฝ่ายบอก

จากนั้นพ่อกับแม่ก็ทักทายกันตามปกติ ไอ้สองขยับมาหา “ยังไงกันแน่”

“อีกเดี๋ยวก็รู้”ผมยิ้มกริ่ม เจ้าตัวย่นคิ้ว ก่อนจะทำหน้าสงสัย ไม่ได้ถามเซ้าซี้อะไรอีก ที่จริงผมก็เรียกท่านว่าลุงตามปกติ แต่ว่าอีกฝ่ายบอกให้เรียกพ่อได้ ผมจึงเรียกมาจนชินปาก

ผมยกพานธูปเทียนแพออกมา พร้อมกับของรับไหว้ด้วยสองชุด เป็นไม้มงคล ไอ้สองคงงงเข้ามาช่วยผมถือ จากนั้นก็นั่งลงที่ตรงหน้าทั้งสองท่าน หัวใจเต้นระส่ำ เอาเข้าจริงๆพอทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า ผมก็มือเย็นไปหมด พ่อจึงเริ่มเอ่ยขึ้นมา

“วันนี้วันดี พ่อกับคุณพรปรึกษากันแล้ว เอ็งสองคนก็อยู่ด้วยกันมาหลายปี ข้ามีลูกคนเดียวยังไงซะก็ต้องทำให้มันถูกต้อง ข้าไม่ต้องการสินสอดอะไรหรอก ข้าแค่ทำพิธีเล็กๆน้อยๆเพื่อเป็นสิริมงคล”วิธีรับไหว้นั้นก็เหมือนการเคารพผู้ใหญ่ ฝากเนื้อฝากตัวเข้าครอบครัวอีกฝ่าย แสดงความขอบคุณและขอขมาที่ทำให้ผู้ใหญ่ไม่สบายใจ

ฟังพ่อพูดแล้วใจสงบลง ไอ้สองนิ่งไป ก่อนจะหันมองหน้าผมจากนั้นก็มองไปที่พ่อของตัวเอง

“พ่อ...นี่...”

“โทษทีจ้ะ ที่เราไม่ได้บอกสองไว้ก่อน ก็ตามที่ท็อปมันบอกไว้อยากให้เราประทับใจ...แม่ก็คิดเหมือนกัน การรับไหว้ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรือเรื่องน่าละอาย ดีเสียอีกที่คิดแบบนี้ได้ ถือว่าเป็นเกียรติของเราสองคนนะ ของพ่อแม่ด้วย”แม่เอ่ย ทำให้ผมยิ้มออกมา ก่อนจะจับมือไอ้สอง ยื่นพานธูปเทียนแพขอขมาให้ทั้งคู่ สองยังคงมึนทำตามที่ผมบอกอย่างเดียว ทั้งสองท่านให้คำอวยพรเราสองคน จากนั้นก็มอบของรับไหว้ให้แก่ผู้ใหญ่สองท่าน จากนั้นก็มอบพวงมาลัยให้อีกที เพราะทำร่วมกัน ระหว่างนั้นผมกับไอ้สองก็เอ่ยขอขมาแม่ รวมถึงพ่อสันติด้วย เพราะพิธีนี้ถือว่าทำร่วมกัน

“เอาล่ะ ข้าดีใจกับเอ็งสองคนนะที่ยังอยู่ด้วยกันมาจนถึงวันนี้ ...ข้ายังจำได้ว่าเอ็งสองคนยังอารมณ์ร้อนกันอยู่เลย ตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบห้าปีได้แล้วนะที่คบหากันมา ข้าอวยพรให้ท็อปกับสองอยู่ด้วยกันยืนยาวนะ ดูแลกันดีๆ”พ่อเอ่ยบอก ขณะที่หยิบสายสิญจ์สำหรับการผูกข้อมือออกมาถือ ผมสะกิดไอ้สองที่ดูจะทำอะไรไม่ถูก เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายแล้วผมจึงยิ้ม เข้าไปจับมือคนข้างๆยื่นไปให้พ่อผูกด้าย

“พ่อ...ทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะ”มันส่งเสียงเบาๆ มีเสียงสูดจมูกตามมาด้วย แม่ยิ้มเอ็นดู

“น่าๆ คนต้นคิดน่ะแฟนเอ็ง ...รู้ใช่ไหมว่ามันหมายถึงอะไร ด้ายห้าเส้นนี้ถือเป็นการเรียกขวัญมาไว้ที่แขน แล้วก็เหมือนการที่เราผูกแขนหมั้นหมายกัน การรับไหว้ก็เหมือนพิธีสูขอลูกชายเขาน่ะ มาขมาขอที่ล่วงเกินลูก สมัยนี้ต่อให้ไม่ถือเรื่องอยู่ก่อนแต่ง หรือแม้แต่เราเป็นผู้ชาย แต่มันก็เหมือนการให้เกียรติกันและกันไง พิธีนี้ข้าก็ไม่ได้คิดไว้หรอก แฟนเอ็งมาขอร้องข้าน่ะ...”พ่อบอก

ระหว่างที่มัดสายสิญจน์ให้ไอ้สอง จากนั้นก็เปลี่ยนมามัดให้ผมบ้าง แล้วเอ่ยถ้อยคำอวยพรที่ไม่ต่างกันให้ผมด้วย จากนั้นก็กราบท่าน ไอ้สองหันมองผมด้วยแววตาลึกซึ้ง ผมได้แต่ยิ้ม บางครั้งผมไม่อ่อนหวาน แต่พิธีวันนี้คงเป็นคำบอกรักที่มีพลังมากกว่าการเปล่งจากปาก

เราสองคนเปลี่ยนมาที่แม่ เธอหยิบสายสิญจน์ออกมาผูกให้สองก่อน จากนั้นก็อวยพร

“แม่รู้จักลูกชายตัวเองดี อยากให้สองเข้าใจท็อปมันมากๆ ถึงมันจะชอบกวนใจเราบ่อยๆแต่อย่าไปถือสาท็อปเลยนะลูก มันก็เป็นแบบนั้นแหละ อีกอย่าง แม่ก็เห็นเรามาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ตอนนั้นลูกแม่ทำให้เราเสียใจใช่ไหม แม่เองก็ไม่อยากพูดถึงนักเพราะเรื่องเก่าๆ เป็นแผลในใจมากกว่า...แต่ก็ถือเป็นบทเรียนของกันนะสอง...ขอให้พูดคุยกันมากๆ ต่อให้รักกันมากแค่ไหน รู้จักการมากแค่ไหน สุดท้ายแล้ว เวลามีเรื่องอะไรก็ต้องคุยกันตรงๆ ชีวิตจะได้ราบรื่น แม่ก็พูดแค่นี้ ดูแลท็อปดีๆนะ แม่ไม่ห่วงอะไรแล้วล่ะจ้ะ”เธอเอ่ยถ้อยคำยาว ไอ้สองขานรับ ยกมือไหว้แม่อีกครั้ง  ส่วนผมแม่อวยพรให้คล้ายกัน แต่จะมีเพิ่มเติมมาบ้าง

“เรื่องความรัก ความรู้สึก ไม่ใช่การเอาชนะ ไม่ใช่ว่าเราต้องถูกต้องอยู่เหนือกัน อยู่ด้วยกันแล้วเราต่างเท่าเทียมกันนะท็อป อย่าเอาคำว่าผัวเมียมาตัดสินกันดีกว่า”แม่เอ่ยบอก ไอ้สองได้แต่ปรายตามอง จากนั้นก็กราบแม่อีกครั้ง จากนั้นทั้งสองท่านก็เอ่ยถึงคำสอนคล้ายการถือครองชีวิตคู่ การครองเรือน ทำเหมือนว่าเราแต่งงานกันแล้ว ผมยิ้มเขินเมื่อพูดถึงเรื่องในมุ้ง ไอ้สองบีบมือผมแน่น บอกไม่ถูกว่าอีกฝ่ายรู้สึกเช่นไร

พอจบพิธีรับไหว้ ไอ้สองก็เข้าไปกอดพ่อของตัวเองแน่น

“โดนต้มอีกแล้ว ผมรู้ช้าตลอด”มันเอ่ยอย่างน้อยใจ ผมเลยเข้าไปกอดมันอีกต่อ

“อะไร อยากให้ซึ้งใจไงครับ”พูดจาเพราะๆ รู้ว่าไอ้สองพ่ายแพ้เวลาผมพูดแบบนี้ เจ้าตัวหันมองยื่นมือมาดึงแก้มผมอย่างมันมือ

“อย่ามาทำปากหวานว่ะ อายพ่อแม่บ้าง”มันพึมพำ เหลือบมองไปที่แม่

ตลอดทั้งวันเราพาแม่กับพ่อไปไหว้พระเก้าวัด ตะลอนไปทั่ว ได้ของกินมาเต็มไม้เต็มมือ ส่วนมากผมจะอยู่กับแม่ ไอ้สองก็เกาะติดพ่อไปแทน ถือว่าวันแม่ปีนี้ให้เวลากับครอบครัว ใช่แล้วล่ะ เราก็เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันไปแล้ว ยิ่งก้มมองที่แขนซ้ายด้ายสีขาวยังพันรอบข้อมือ ยิ่งทำให้ผมยินดี ผมคิดว่าไอ้สองก็คิดแบบเดียวกัน

.
.
หลังจากที่ผ่านการผูกข้อไม้ข้อมือจากผู้ใหญ่ทำให้ผมเหมือนมีสิทธิ์ขาดในตัว แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอีกประเภทหนึ่ง คืนนี้แม่ไม่อยู่บ้าน ไปหาเพื่อน ส่วนพ่อไอ้สองกลับไปแล้ว ทั้งๆที่ลูกชายเอยขอให้ค้างสักคืนแต่คนเป็นพ่อบอกว่าไม่อยากขัดเวลาส่งตัวของเรา เล่นทำไอ้สองเงียบกริบ

คืนนี้เรานอนกันเร็วเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน ผมเหลือบมองรูปร่างของไอ้สองอยู่นาน ช่วงที่อีกฝ่ายเดินออกจากห้องน้ำ หยดน้ำเกาะพราว เสียงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีจากอีกฝ่าย ช่วงที่ผ่านมาไอ้สองหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ไม่แปลกใจที่ร่างกายของอีกฝ่ายเริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทาง หน้าท้องเริ่มเห็นกล้ามเนื้อ ผมมองอยู่นานจนเจ้าตัวสังเกตเห็นจึงผุดยิ้มก่อนจะเดินมาหาทั้งที่สวมแค่บ็อกเซอร์โล่ง

“มองแบบนี้คิดอะไรอยู่ครับ”มันถาม ขณะที่กำลังสวมบ็อกเซอร์ตัวเดียว ปราศจากสิ่งขวางกั้นใด

“เปล่า แค่เห็นว่ามึงหุ่นดีขึ้น”ผมชม ยกนิ้วโป้งให้

“แหมทำอย่างกับว่าไม่เคยเห็น”สองพูด ได้กลิ่นสบู่เหลวที่อีกฝ่ายใช้ กลิ่นหอมจากคนเพิ่งอาบน้ำนั้นเย้ายวนใจผมมาก จนอยากจับอีกฝ่ายมานัวเนีย

“ยังอีกๆ ทำหน้ามีแผนการ”เจ้าตัวหัวเราะเบาๆ ทำให้ผมคันยิบในใจ อยากกอดมันมากขึ้น

“อยากให้ทำอะไรไหม”ผมถาม มองตาอีกฝ่ายอย่างเอาจริงเอาจัง สองทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะกัดปากไปด้วย แววตาที่เหมือนคิดอะไรอยู่ เห็นว่าหูแดงก่ำ “ไม่มีนะครับ”

“เหรอ นึกว่าอยากจะฉลองเรื่องของเรา”ผมบอกยื่นหน้าไปใกล้ ก่อนจะเข้าไปรวบตัวมันมากอดไว้

“หึหึ...ไม่ทันไรเลยนะครับ”เจ้าตัวส่ายหน้ายิ้ม จ้องมองไม่หลบไปไหน ผมแค่ยื่นมือไปจับใบหน้าเย็นๆของอีกฝ่าย เลื่อนไปจับสันกราม นานแล้วที่ไม่ได้ลูบไล้แบบนี้

“เมาเหรอ”

“อือ สงสัยเมามึง”ผมตอบ ไอ้สองเบ้ปาก

“แหวะ เพ้อฉิบ”ไอ้สองขำ งับมือผมไว้ทัน ก่อนจะยื่นหน้ามาหา จูบผมแผ่วเบาแค่ให้ปากสัมผัสกันธรรมดา ผมยิ้ม โน้มไปไล้จมูกข้างแก้ม ก้มหอมที่ลำคอก่อนจะอดใจไม่ไหวขบฟันลงฝากรอยเอาไว้ อีกฝ่ายสะดุ้งแต่ไม่ได้ห้ามปรามยิ่งทำให้ผมได้ใจ ผละมองหน้าของอีกฝ่าย ยื่นไปจูบซ้ำที่ริมฝีปาก เจ้าตัวไม่ยอมให้ผมเข้าไปสำรวจด้านใน แค่ไล่งับผมคืน หยอกเย้าแบบนี้อยู่นาน ผมจึงขยับไปคร่อมอีกฝ่ายไว้ โอบกอดไปทั้งตัว

“เป็นอะไร”อีกฝ่ายถามเสียงหอบ มองอย่างแปลกใจเพราะความหื่นกระหายของผม

“เปล่าก็แค่อยากฟัด”ผมกระซิบ ไอ้สองมีสีหน้าเหมือนรู้ทัน

“เว่อร์”

“จริง...เราลองทำอะไรใหม่ๆดูดีไหม”ผมเสนอความคิดแปลกๆปรากฏขึ้น ไอ้สองหน้าแดง มันต่อยแขนผมอีกทีจนต้องนิ่วหน้า ผมคว้ามือมันไว้ 

“อะไรล่ะ”มันถามทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ เพราะเรื่องที่เคยคุยกันมันไม่น่าจะลืม แววตามันเหมือนจะท้าทายขึ้นมา

ผมเลื่อนไปกระซิบข้างหู “อยากเห็นมึง xxx”

“หา...ไม่ไหวมั้งพี่”ทันที่ฟังจบ ไอ้สองแทบผลักผมออก แต่ผมยันร่างไว้ก่อน

“ไม่ได้เลยเหรอ ขอแค่สักคืน”ผมถาม รู้สึกยังติดอยู่กับเรื่องคราวก่อนอยู่ ไอ้สองถอนหายใจ มองตาผมอยู่นาน

“มันแปลกนี่”

“โอเค...”ผมไม่เซ้าซี้ ไม่ก็คือไม่ แต่ในใจเหมือนดอกไม้เฉาไปแล้ว ไอ้สองเลิกคิ้ว ก่อนจะรั้งลำคอผมลงต่ำ

“...ให้เวลาทำใจหน่อยเล่นมาบอกโต้งๆแบบนี้ใครตั้งตัวทัน”

“สรุปว่าได้ใช่ไหม...งั้นพี่ให้สองก่อน วันอื่นสองต้องทำตามที่พี่ขอนะ”ผมเอ่ย ก้มลงคลอเคลียกับจมูกของอีกฝ่าย

ไอ้สองกระพริบตา ก่อนจะเกาศีรษะเขินๆ“...รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น”

“เราสองคนไงใครจะรู้”ผมกระซิบ ยังคงคลอเคลียที่ใบหูของอีกฝ่ายอยู่ เจ้าตัวเอื้อมมือมาจับสะโพกของผมไปด้วยออกแรงบีบเหมือนว่ามันเขี้ยว ผมหัวเราะก่อนจะถอดกางเกงออก ไอ้สองพลิกขึ้นมาอยู่ด้านบนระหว่างนั้นก็ถอดเสื้อผ้าไปด้วย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-08-2018 18:48:22 โดย รินดาwดาริน »

ออฟไลน์ รินดาwดาริน

  • OnTop&N'Song
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +243/-2
“แบบนี้ต้องเอาให้คุ้ม”มันว่า สีหน้าหื่นกระหาย ดวงตาประกายวิบวับ เจ้าตัวดึงขาของผมขึ้นมาจูบ ลากลิ้นเลียตั้งแต่ขาอ่อนมาจนถึงข้อพับ ผมมองตามความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายอดไม่ได้ที่จะสอดมือเข้าหากลุ่มผมอ่อนนุ่มแล้วออกแรงดึงเล็กน้อย เจ้าตัวผงกหัวมองจากนั้นก็ทาบทับลงมา บดเบียดส่วนร้อนรุ่มตรงกลางเข้ากับช่องทางที่ห่างการรุกรานมานาน

ผมยิ้ม ไอ้สองจึงยื่นหน้ามาจูบแผ่วเบาก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเร่งเร้ามากขึ้น สอดลิ้นเข้ามาหาหยอกเย้ากันโรมรันกันอยู่นาน รู้ตัวอีกทีไอ้สองก็สอดมือเข้ามาจับกึ่งกลางลำตัวของผมไปด้วย ออกแรงรูดรั้งเนิบๆให้ผมได้ทรมานเล่น ผมเกี่ยวขารอบเอวอีกฝ่าย

ผมมีคติของผม หากจะรับให้อีกฝ่าย ผมก็เต็มที่เต็มใจอยู่แล้ว อาจจะอิดออดแกล้งมันเล่น แต่สุดท้ายผมก็ยอมให้อีกฝ่ายเชยชม เพราะเข้าใจว่าไอ้สองก็คงอยากจะเปลี่ยนบทบาทบนเตียงบ้าง

“อืม กูก็ยิ่งได้กำไรมากกว่า ทบต้นทบดอกนะ”ผมเตือน แต่ไอ้สองทำหน้ากวนประสาท ขบกัดลงมาที่ริมฝีปากล่างอย่างเอาใจ ยังคงไม่รุกร้ำเข้ามา ผมปล่อยให้อีกฝ่ายเล่นสนุกไปก่อน ไอ้สองเปลี่ยนมาไซ้ต้นคอแทน กดปรายจมูกพร้อมกับลากลิ้นขบกัดไปด้วย สงสัยว่าต้องเป็นรอยแหง

“วันนี้พี่ทำผมเหมือนเป็นสาวๆไปได้”อีกฝ่ายกัดที่ไหล่ เลื่อนศีรษะต่ำลงเลื่อนๆจนมาถึงหน้าอก

“จำคำแม่บอกได้หรือเปล่า ประมาณนั้นแหละ”ผมพึมพำ จ้องมองเรือนผมสีดำที่คลอเคลีออยู่ เรียวลิ้นตวัดลงที่ยอดอกเบาๆจากนั้นก็เพิ่มน้ำหนักจนเกร็งไปทั้งตัว หายใจแรงขึ้นตามร่างกายที่ตอบสนองต่อการเล้าโลม

มืออีกข้างของไอ้สองลูบวนเวียนอยู่บริเวณขาอ่อน ลูบมือผ่านส่วนร้อนที่ตื่นตัว เข้ามาจับที่ร่องสะโพกที่ปิดสนิท ผมเกร็งอยู่บ้าง แต่ก็ยอมให้อีกฝ่ายรุกล้ำเข้ามา

“เบาๆหน่อย”ผมบอก อีกฝ่ายถึงได้ยื่นมาจูบ มืออีกข้างควานหาเจลสักหลอด พอเจอก็สาละวนกับการชโลมของเหลวลงกับนิ้วมือป้ายลงกับร่องสะโพก อีกฝ่ายยันตัวขึ้นมา ซุกไซ้กับหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อให้เห็น ผมสอดมือเข้าไปขยำเรือนผมของมัน เมื่ออีกฝ่ายใช้ลิ้นเลียที่ส่วนปลายของแท่งร้อน อีกฝ่ายไม่รอช้าครอบปากลงไป ค่อยๆขยับศีรษะขึ้นลงตามความยาว ผมผ่อนลมหายใจช้าๆ มืออีกข้างยังคงสอดแทรกผ่านความคับแคบมาได้

ความรู้สึกตึงอึดอัดไม่คลายไปไหน รับรู้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามา จนไอ้สองเริ่มขยับนิ้วเข้าออก เพิ่มจำนวนเป็นสอง หมุนวนเพื่อขยายช่องทางให้มากขึ้น  ด้านหน้าก็รับสัมผัสวาบหวิว อีกฝ่ายดูดดึงเหมือนกับว่าจะเอาจิตวิญญาณของผมไปด้วย กระพุ้งแก้มอุ่นนุ่มเสียดสีเข้ากับแท่งร้อนอยู่เนืองๆ เรียวลิ้นที่คอยตวัดเข้าหาส่วนปลายของมันจนผมส่งเสียงครางออกมา ขยับขาออกกว้างให้อีกฝ่ายทำได้ถนัดมากขึ้น

“พี่พร้อมแล้ว”ผมกระซิบบอก เมื่อข้างหลังร้อนรุ่ม รู้สึกอ่อนนุ่มชุ่มชื้นขึ้นมา นิ้วของอีกฝ่ายยังคงเดินหน้าทะลวงเข้ามาไม่หยุด ผมดึงศีรษะไอ้สองออก

“พอก่อน...”เดี๋ยวได้ปล่อยออกมาก่อนที่จะได้กินอาหารจานหลัก อีกฝ่ายถอนปากออกจากของผม ดึงนิ้วออก จากนั้นก็ดันขาออกกว้าง ของของมันบดเบียดอยู่ที่ร่องสะโพกเจ้าตัวแกล้งเอามาถูไถเล็กน้อย ผมเลยตวัดขาเกี่ยวมันเข้าให้

“หึ เดี๋ยวจะเอาให้จุกเลย”ไอ้สองโน้มลงมาจูบบดเบียดซ้ำแล้วซ้ำเล่า สองมือเคล้นคลึงไปทั่งหน้าอก มันยังคงเล่นอยู่กับยอดอกสองข้างไม่ไปไหน จนผมเริ่มหงุดหงิดขึ้นมา มันต้องจงใจแน่ๆ เพราะไอ้แท่งร้อนของมันยังบดเบียดช่องทางผมอยู่เรื่อยๆ

“อืม มึงจะเอาไม่เอา”

“ฮ่าๆ ใจร้อนจัง”มันหัวเราะกวนประสาท

จากนั้นก็ยัดกาย ยื่นมือมาสัมผัสเร่งเร้าที่แก่นกายของผมบ้าง ท้องน้อยเสียววาบ ผมกัดฟันแน่น อุตส่าห์อ้าขารออยู่นาน เหมือนโดนมันแกล้ง เอาเถอะ ผมปล่อยให้มันได้ใจไปก่อน ผมเอื้อมไปบีบแก้มก้มสองข้างของมันบ้าง มันไม่ได้ว่าอะไรเลยลองสอดนิ้วเข้าไป ไอ้สองฟาดมือมาก่อนจะรวบแขนผมไว้ด้านบนแทน

 ผมยิ้ม ไอ้สองดูหงุดหงิดขึ้นมา มันดันข้าผมออกกว้าง จากนั้นก็เร่งเร้าที่แก่นกายของผมไปพลางนิ้วมือของมันผุดเข้าผุดออกที่พื้นที่ส่วนเล็กตรงนั้น ก่อนจะเร่งจังหวะถี่ขึ้น สอดเสียดซ้ำไปมา จนผมเกร็งขึ้นมาอีกระลอก ผ่อนคลายที่พื้นที่ส่วนนั้นตามจังหวะของไอ้สอง

“ไอ้สองมึง...”ไม่ทันพูดจบ ริมฝีปากก็ตระโบมเข้าที่ช่องทางนั้น โลมเลียจนผมทนไม่ไหว มือของมันยังกำรอบท่อนล่างของผมไว้ กระตุกมือตามด้วย จากนั้นไม่รอช้า ไอ้สองหยัดกายขึ้น จ่อแก่นกายเข้าหา ค่อยดันเข้ามาที่ละน้อย อีกฝ่ายโน้มลงมาจูบเนิบนาบ ขณะที่ท่อนล่างยังคงสอดแทรกสุดทน ผมอัดอัดไปหมด แต่ไม่ถึงกับเจ็บ ไอ้สองรูดรั้งของผมไปด้วยทำให้ความรุ่มร้อนเกิดขึ้นอย่างน่าประหลาด แม้จะชาไปทั้งร่าง

ไอ้สองเริ่มโยกตัวเข้าออก จ้วงโจนเข้าหา ผมกอดอีกฝ่ายไว้แน่น เลื่อนมือไปจับสะโพกของมันออกแรงบีบไปด้วย คนด้านบนไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร สอดแทรกเข้ามาอย่างมุทะลุ ในหัวดังวิ้ง ผมยื่นหน้าไปจูบมันสอดลิ้นโลมเลียเพื่อคลายความกระสั่น อีกฝ่ายฝ่ายครางอยู่ในลำคอ กระแทกสะโพกลงมาไม่ยั้ง สองมือโอบทั่วลำตัวของผมไว้

“ผมรักพี่นะ”อีกฝ่ายกระซิบเมื่อคลอเคลียอยู่ที่ริมฝีปาก ผมมองหน้าคนด้านบน แววตาดำสนิทเป็นประกาย จึงเข้าไปจูบที่คาง ขยับสะโพกตอบสนองอีกฝ่ายไปด้วย ยิ่งเพิ่มอารมณ์มากขึ้น

“อืม...คราวหน้ากูจะรักมึงให้มากกว่านี้อีก”ผมกระซิบไปแบบนั้น ได้ยินเสียงหัวเราะจากอีกฝ่าย ก่อนที่มันจะยันตัวขึ้น จับข้อพับผมไว้แล้วสวนเอวเข้าหาเต็มแรงจนจุก ผมเบ้หน้า

 กูคาดโทษมึงไว้ไอ้สอง เตรียมตัวเป็นทาสกูได้เลย!


เมื่อจบกิจกรรมบนเตียง ผมแทบลุกไม่ขึ้น อาจจะด้วยไม่ได้เป็นฝ่ายรับมานานเลยเข่าอ่อนไปบ้าง ไอ้ตัวแสบเดินผิวปากออกมาจากห้องน้ำ พันผ้าขนหนูไว้รอบเอว มันยิ้ม มองมาที่ผมเหมือนสุขใจนักหนา

“ให้ผมอุ้มไปไหมครับพี่”มันทำสุภาพ เข้ามาเช็ดตัวให้ผม มือของมันซุกซนเข้ามาจับหน้าอกแรงๆ

“หึ ไอ้สอง พี่ยอมให้เพราะวันนี้วันดี จำคำแม่ไว้ดีๆ”ผมเตือนมัน เจ้าตัวไหวไหล่ ยื่นหน้ามาจูบแผ่วเบา ทำเอาปรับอารมณ์ไม่ถูก

“ผมรักพี่ ผมยอมได้หมด”มันบอกด้วยเสียงเอาใจ ดวงตาสีดำสะท้อนความรักใคร่ ผมยิ้ม ดึงตัวมันลงมาหา อีกฝ่ายทับอยู่บนตัวผมไปโดยปริยาย

“อืม พี่ก็ยอมได้หมดแหละ”ผมบอก ยื่นไปจูบปากมันเบาๆ ไม่ได้เล้าโลม เลื่อนไปมือไปไปสัมผัสแผ่นหลังเนียน อดไม่ได้ไปบีบเนื้อแน่นๆของมัน

“อย่า นอนดีๆสักวันเถอะ”มันบอกแล้วหัวเราะ ทิ้งตัวนอนข้างกายผมทั้งอย่างนั้น

“ได้ แต่อย่าลืมที่สัญญาไว้ล่ะ”ผมหันไปยิ้มกริ่ม ไอ้สองทำหน้าใคร่ครวญ จากนั้นก็ผุดยิ้ม ยื่นหน้ามากระซิบ

“ก็ยอมให้ตลอดนี่ครับ”

คำตอบของมันทำให้ผมยินดี ทั้งอบอุ่นในใจ จับมือมันมากุมไว้ เห็นด้ายสีขาวแล้วก็อดนึกถึงคำพูดของพ่อมันไม่ได้ เลยหันไปมอง

“สอง ถือว่าเราหมั้นหมายกันแล้วเนอะ”ผมบอก

“ขอบคุณที่จัดงานขึ้นมานะครับ ผมดีใจมาก”ไอ้สองขยับตัวมาซุกไหล่ส่งเสียงอือออกลับมา ผมกอดมันไว้ เอาเถอะ ถือว่าฉลองให้มันแล้วกัน



[Talk]
มาแล้ววว
ส่วนคำขอของพี่ท็อปนั้นไปตอนหน้าจะอัปลง(ยังปั่นไม่เสร็จ) เร็วๆนี้จ้า ยิมผิงมาต่อคิวรอแล้วเลยเอา คู่รองให้ครบก่อน คาดว่าน่าจะมาเลทแน่นอน
 :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-08-2018 18:47:50 โดย รินดาwดาริน »

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
โห.... พี่ท๊อปใจสุดๆ ยอมให้สองกดทั้งที่ไม่ได้ขอ   :katai2-1:

ถึงไม่ได้จัดพิธีแต่งงาน แต่แค่พ่อ-แม่รับรู้ ยอมรับในความรักของทั้งคู่ก็ถือว่าเป็นคู่ครองกันจริงๆ แล้ว ยินดีด้วยจ้า 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ รินดาwดาริน

  • OnTop&N'Song
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +243/-2
สวัสดีค่ะ รินดาดารินเองงง




วันนี้มาแปะปกเล่ม 1 ให้ได้ยลโฉมกัน รายละเอียดยังไม่ออก แต่คาดว่าน่าจะเร็วๆนี้นะคะ ยังไงก็ฝากติดตามกันเน้อ

หากว่าสนใจสามารถคอยติดตามจากเพจของเรา ไม่ก็ตามจากเพจสนพ.ได้ค่ะ

จิ้ม เพจรินดาราริน   /   เพจของสนพ.Rainny Night


 :pig4:

ออฟไลน์ รินดาwดาริน

  • OnTop&N'Song
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +243/-2
ตอนพิเศษ : ว่าด้วยเรื่องบนเตียง [ท็อป]

หลังจากที่ผมกับไอ้สองเรียนจบ นี่ก็ล่วงเลยมาเกือบ 2 ปีแล้ว ผมได้งานทำที่ดี มีเจ้านายที่พอใช้ได้ เพื่อนร่วมงานก็มีทั้งดีกับร้ายปะปนกันไป มันเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ผมกับไอ้สองยังคงรักกันดี สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปก็คือเราย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านแบบถาวรเลยล่ะ อย่างน้อยก็ได้เจอหน้ากันทุกวัน แต่ก็ไม่เบื่อเลยเพราะผมกับมันมีเรื่องให้ได้สนุกไปด้วยกันบ่อยๆ

ผมกลับมาจากบริษัทตอนค่ำ เพราะมีงานเลี้ยงภายในวันเกิดเจ้านาย ผมเห็นว่าในบ้านเปิดไฟสว่างไว้ แต่วันนี้ไอ้สองไม่อยู่ เพราะว่ามันกลับไปหาพ่อที่บ้านเกิดตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ส่วนผมลางานไม่ได้เลย พอไม่เห็นมันอยู่ด้วยก็เกิดอาการคิดถึงขึ้นมา มีแต่ไอ้ทูที่วิ่งมาต้อนรับอยู่ทุกครั้ง

 “ไง หิวแล้วล่ะสิ”ผมคุยกับมันอย่างเคยชิน บางครั้งผมเองก็เผลอพูดคนเดียว ก่อนจะเดินไปหยิบอาหารสุนัขมาเทให้ไอ้ทูตรงหน้ารังนอนของมัน ผมเช็คว่ามันยังมีน้ำกินอยู่ จากนั้นก็เดินเข้าบ้าน ผมเดินไปเปิดเหล้าแจ็คแดเนียล ก่อนจะหยิบน้ำแข็งในตู้มาสองสามก้อนใส่แก้ว อยู่ๆก็อยากดื่มขึ้นมา ก่อนจะหยิบช็อกโกแลตไส้เชอรี่มาทั้งกล่อง

ผมเดินขึ้นไปที่ห้องนอน อาบน้ำให้สบายตัว เปิดทีวีไว้เพื่อไม่ให้บ้านเงียบเกินไป ไอ้สองมันไม่ค่อยโทรหาผมเลยแฮะ ไลน์ก็นานๆจะตอบที เข้าใจอยู่ว่ามันคงไม่ได้เติมโปรเล่นเน็ต อย่าหวังเลยว่าผมจะโทรไปนะ ไม่มีทาง มันคงแกล้งผมแน่ๆ

ผมรินเหล้าบนน้ำแข็งในแก้ว ดื่มเองที่บ้านชิลล์ๆไม่ต้องดื่มแบบถูกวิธี ผมยกแก้วเหล้ามาจิบ พอได้ผ่อนคลายผมก็ฟุ้งซ่านนึกทบทวนว่าตัวเองทำงานมาได้หนึ่งปีกว่าๆแล้ว ส่วนไอ้สอง มันทำฟรีแลนซ์กับรุ่นพี่ที่รู้จักในสายงานของมัน ออฟฟิศอยู่ในตัวเมือง ส่วนมากงานของมันก็รับเป็นจ็อบๆ ซึ่งก็ไม่ใช่งานไก่กาอะไร ทำงานเป็นทีม ซึ่งผมก็ไม่ได้ไปรู้จักมักจี่มากเท่าไหร่

ยกเว้น ไอ้คนชื่อไผ่ที่สะกิดใจผมนิดหน่อย รุ่นพี่คนนี้ก็ดีนะ ดูแลมันดี คอยแนะนำทริคแปลกๆดีๆให้ไอ้สองบ่อยๆ เวลาที่มันเครียด ผมเคยเห็นหน้าอยู่สองสามครั้งในเฟสบุ๊ค แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรเพราะผมกับมันไม่เอาเรื่องงานมาพูดที่บ้าน

ส่วนแม่ก็ยังคงอยู่บ้านเป็นครั้งคราวส่วนมากไปนอนที่ห้องพักของบริษัทมากกว่าเพราะความสะดวก ผมก็เลยกลายเป็นหมาหัวเน่ากับไอ้ทูสองคนไงล่ะ ผมกดโทรหาไอ้สองอย่างลืมตัว นึกขึ้นได้ก็โทรออกไปแล้ว

[ครับผม] คนปลายสายตอบรับด้วยน้ำเสียงระรื่นท่าทางคงแฮปปี้ดี

“สบายดีเหรอ ไม่โทรหาบ้างเลยนะ”ผมบ่นพึมพำ ตอนนี้ก็ไม่ได้เมาซะหน่อย แค่ดื่มไปแก้วเดียวกำลังจะต่อแก้วที่สอง ได้ยินปลายสายหัวเราะเบาๆ

[อีกวันสองวันผมก็กลับแล้ว นี่พี่กินเหล้าเหรอเสียงดูตึงๆนะ]

“อ้อ ก็แจ็คที่ลุงกูซื้อมาให้คราวนั้นไง อยู่คนเดียวก็แบบนี้ กินคนเดียว”ผมหัวเราะหึๆ ก่อนจะแกะห่อช็อกโกแลตออกแล้วเอาเข้าปาก รู้สึกร้อนท้องขึ้นมานิดหน่อย วิสกี้นี่แรงจริง ผมเองก็อยากจะลองดูเหมือนกันนะว่าจะแค่ไหนกันเชียว

[โห จะซัดคนเดียวเหรอไง เหลือให้บ้างดิ] มันโวยวายกลับมา ทำให้ผมยิ้มอารมณ์ดี

“ทำอะไร อยู่กับใคร รายงานมา”

[อยู่บ้าน กำลังย่างปลาอยู่กับพ่อเนี่ย จะคุยไหมครับ]

“บ้าเหรอ ไม่เอา จะคุยกับมึงไง พี่คิดถึงจะตาย”ผมแกล้งหยอดมันไป ไอ้สองหัวเราะ ได้ยินเสียงกุกกักเสียงลมปะทะเข้ากับโทรศัพท์สงสัยว่ามันเปลี่ยนที่คุยโทรศัพท์

[ครับ ผมคิดถึงเหมือนกันแหละ เมาแล้วปากหวานนะ] คนปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย เดาได้จากน้ำเสียงของอีกฝ่ายคงกำลังยิ้มแก้มปริอยู่แน่ๆ ผมก็เพิ่งรู้ตัวว่ากำลังคิดถึงมันอยู่ตลอด

“เหรอ แกล้งไปแบบนั้นแหละ พี่ยังไม่เมานะ”ผมบอก

[อาบน้ำแล้วใช่เปล่า ระวังโลกมืดไม่รู้ตัวนะพี่] อีกฝ่ายพูดแซ็วผม

“นั่นสิ นี่ก็จะลองของซะหน่อย พรุ่งนี้วันเสาร์ เมาได้”ผมบอก ที่สำคัญคือดื่มคนเดียว เมาคนเดียวแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน แต่ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะน็อกหรอกมั้ง แต่เหล้าที่ดื่มได้เพลินๆเรื่อยๆนี่ก็น่ากลัวนะเพราะหวิดร่วงไม่รู้ตัว ดื่มนิ่มๆแต่เมาสลบก็มีให้เห็นหลายชนิด

[อืม อยากกินด้วยเลยเนี่ย อยู่บ้านกับพ่อดื่มแค่น้ำเต้าหู้]

“ดีแล้วน่า ลด ละ เลิก บ้างนะ”

[พี่อยากกินอะไรไหมครับ จะได้ซื้อไปฝากให้] ไอ้สองถามเสียงใส ผมคิดอยู่อึดใจเดียวก่อนจะบอกกับมัน

“อืม ซื้อหมูบดมาให้หน่อย อ้อ แล้วก็ไอ้เรื่องTexture พิเศษ เรายังไปไม่ถึงไหนเลยนะ”ผมวกเข้าเรื่องเก่า จำได้ว่าคุยกับมันไว้นานแล้ว แต่มันก็บ่ายเบี่ยง ผมก็แค่แกล้งหยอดไป เผื่อฟลุคได้ขึ้นมาก็อยากจะลองดูหน่อย แต่ก็นะ...ไม่อยากจะพิสดารมาก

“งั้นกูวางก่อนนะ กู๊ดไนท์ จุ๊บ”ผมบอก ไอ้สองจุ๊บกลับมาก่อนจะวางสายไป


ผมดื่มต่อเพลินๆ เปลี่ยนเป็นเปิดเพลงฟังแทนแล้วปิดทีวี ผมนอนเอนตัวลงกับโซฟา ฟังดนตรีเพลินๆ แล้วจิบเหล้าไปด้วย ไม่รู้เนื้อรู้ตัวผมก็เผลอหลับไปซะได้จนมาสะดุ้งตื่นที่กลางดึก เสียงดนตรีเงียบลงไปแล้ว

ภายในห้องมืดสลัวลงไปบ้างมีเพียงแสงไฟสีส้มนวลตาที่หน้าประตูห้องเปิดไว้ ไม่ทันที่จะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง สัมผัสอุ่นของกายเนื้อ ผมผงะไปมองทางสัมผัสนั้น

“ไอ้สอง...”ผมอึ้ง ในหัวยังคงมึนงงคล้ายกับยังปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ได้ ผมมองไปที่ไอ้สองมันกำลังก้มอยู่เหนือหว่างขาของผม ไม่ต้องบอกว่ามันกำลังลักลอบทำอะไรกับเจ้าสิ่งนั้นของผม

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะพี่”มันหัวเราะเบาๆท่าทางเหมือนกำลังเมา ผมเหลือบไปมองขวดเหล้าที่พร่องลงไปมากจนเหลือค่อนขวดแล้ว

“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”ผมถาม มองอีกฝ่ายที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมสามสี่เม็ดจนเห็นหน้าอกที่แดงเพราะฤทธิ์เหล้า ไม่ก็เพราะอุณหภูมิของร่างกาย

    “นึกว่าพี่จะชอบซะอีก ไหนว่าอยากได้ texture พิเศษไง ก็นี่ไง เซอร์ไพรส์ไหมล่ะ”มันบอก ก่อนจะขยับโน้มตัวเข้ามาหาผมช้า ผมสบตาที่ดูร้อนรุ่มคู่นั้นของมันก่อนจะเปิดปากรับจูบรสเหล้าจากอีกฝ่าย

“น่าจะบอกก่อนนะว่ากลับมาแล้ว ดูสิ กูไม่ได้เตรียมตัวเลย”ผมบอกหลังจากที่จูบอีกฝ่ายจนหนำใจแล้ว เพราะผมยังไม่ได้อาบน้ำก่อน ทั้งยังนอนที่โซฟาเลยรู้สึกไม่สบายตัวเท่าไหร่

“ไม่เป็นไรน่า”ไอ้สองยิ้ม ก่อนจะผลักให้ผมนอนลงไปตามเดิม อีกฝ่ายปลดถอดเสื้อออกเหมือนเร่งรีบ ผมขมวดคิ้ว มองๆไปมันเหมือนสัตว์ที่หิวกระหายยังไงชอบกล อ้อ ก็นะ ไอ้สองมันเป็นหมาตัวน้อยๆของผม จำได้ว่ามันสถาปนาตัวเองไปเป็นซี้กับไอ้ทูไปแล้ว

“ตกลงมึงอยากทำเพราะกูอยากหรือเปล่า ไม่ได้บังคับหรอกนะ”ผมพูด เหมือนมันจะตามใจผมไปซะทุกอย่าง ไอ้สองที่กำลังสู้รบกับท่อนล่างของผมอยู่หยุดชะงัก

“เปล่านี่พี่ ของแบบนี้มันก็วินๆทั้งสองฝ่าย”มันยังคงคอนเซ็ปเดิม ผมแค่ยิ้ม เอื้อมมือไปจับเส้นผมของมันไว้ก่อนจะลูบไล้ไปที่ใบหน้าของเจ้าตัวที่ดูจะยั่วยวนเป็นพิเศษ มันบอกไม่ชอบเป็นเมียแต่มันก็ทำหน้าที่เมียซะเต็มที่เชียว

“อืม...”

ไอ้สองเล่นอยู่กับส่วนนั้นของผมไม่นานนักก่อนจะลุกขึ้นมาถอดกางเกงท่อนล่างออก มันหยิบคอนดอมอกมา ไม่ธรรมดาซะด้วย แบบ Texture พิเศษ พื้นผิวไม่เรียบ ผมกลืนน้ำลาย

“แน่ใจนะว่าไหว”ผมยิ้มแซวอีกฝ่ายที่กำลังจัดการใส่คอนดอมให้ผมอย่างถนอม ผมดึงมันมาจูบอีกครั้งก่อนจะไซร้ไปตามลำคอ ใบหูที่แดงก่ำ

“น่า...มาถึงขั้นนี้แล้วนี่”มันว่าก่อนจะเริ่มเปิดทางให้ตัวเองง่ายๆ ผมกึ่งนั่งกึ่งนอน จับจองอิริยาบถของอีกฝ่ายอย่างไม่ว่างตา บางครั้งมันก็ส่งสายตาเร่าร้อนมาให้ จนผมสั่นสะท้านไปบ้าง

เฮ้อ จะหลงมันมากไปแล้วเรา

ไม่นานอีกฝ่ายก็ตั้งท่ากดลงมาอย่างช้าๆ ผมปล่อยให้มันทำไปอย่างที่ต้องการ เอื้อมไปจัดการส่วนอ่อนไหวของเจ้าตัวที่กำลังตื่นตัวอยู่เหมือนกัน ไอ้สองหลับตาซี้ดปากไปด้วย ก่อนจะเริ่มขยับเป็นจังหวะ ผมมองกล้ามเนื้อหน้าท้องที่หดเกร็งไปตามจังหวะการขยับขึ้นลง คงเพราะสัมผัสจากคอนดอมแน่ๆ

“ฮื่ม พี่ว่ามันต่างกันยังไง”มันพึมพำ ลืมตามองผมไปด้วย

 “อะ...ต่างสิ ถามมาได้”ผมบอก ก่อนจะจับท่อนขาของอีกฝ่ายไว้แล้วเริ่มขยับตอบโต้อีกฝ่ายจากด้านบน แน่นอนว่าการตอบสนองของเจ้าตัวคงรู้ซึ้งถึงรสความต่างแบบธรรมดาๆกับแบบพิเศษๆแน่นอน

“ อือ...”ไอ้สองขยับตัวโน้มลงมาหาผมก่อนจะประกบจูบไม่ห่าง แขนทั้งสองข้างคล้องคอผมไว้ ยิ่งผมส่งไปแรงเท่าไหร่มันก็รับได้ทุกกระบวน แถมด้วยรอยเล็บที่แผ่นหลังด้วย รู้สึกแสบจนเลือดซิบ ไม่นานผมกับมันก็ทะลักทลายออกมาด้วยกันทั้งคู่ ไอ้สองหอบแฮ่ก ซบหน้าลงกับไหล่ของผม

“หนักว่ะ ไปอาบน้ำเหอะ”ผมบอก กอดมันไว้ในอ้อมแขน รู้สึกว่ามันใจเต้นตุบๆไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ ผมเอื้อมไปหยิบทิชชูมาทำความสะอาดของเหลวที่เปรอะเปื้อน ไอ้สองค่อยๆลุกออกจากตัวผม ก่อนจะรูดเอาคอนดอมออกมาทิ้ง มันนั่งพิงโซฟาท่าทางเหนื่อย

“ขนาดนั้นเลยเหรอ”ผมสะกิดขำๆก่อนจะเข้าไปหอมแก้มมันอีกด้วยอาการหมั่นเขี้ยว หากว่ามันเป็นลูกหมา ก็คงเปรียบเหมือนไซบีเรียน ท่าทางดูดุดัน แต่จริงๆดันขี้เล่นใจดีติดจะเอ๋อนิดๆด้วยซ้ำ

“อืม ใช้พลังงานเยอะ ฮ่ะๆ ป่ะ ผมช่วย”มันหันมายิ้มแยกเขี้ยวก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วดึงแขนผมให้ลุกขึ้นแล้วพากันไปอาบน้ำขัดเนื้อขัดตัว ไอ้สองเปิดน้ำในอ่างจากุชชี่ทรงสามเหลี่ยมอ่างเดิมติดกระจกบริเวณมุมห้อง ผมเปิดผักบัวด้านนอกเพราะต้องล้างเนื้อตัวก่อนจะไปนั่งแช่น้ำอุ่นในอ่าง ไอ้สองมันผสมน้ำยาหอมๆลงไปในน้ำด้วย

“กลิ่นลาเวนเดอร์ช่วยให้ผ่อนคลายเยอะเลย”ไอ้สองบอก ผมอาบน้ำเสร็จแล้วเดินไปนั่งแช่ในอ่างกับไอ้สอง

“ทำไมวันนี้มาแปลกวะ”

“หืม ทำไมเหรอ”

“ก็ดูมึงเอาใจกูไง”ผมบอก ปกติมันก็เอาใจนั่นแหละ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ผมมองหน้าไอ้สองที่กำลังยิ้มอยู่มันยื่นหน้ามาใกล้

“ก็เห็นว่าพี่ดูเหนื่อยๆ เลยอยากชดใช้ให้ไงครับ ไม่ดีหรือไง”ไอ้สองพูด ผมเลยหัวใจพองโต ดอกไม้ในใจผลิบานทันที รู้สึกดีจริงๆ ผมดึงมันมาจูบช้าๆราวกับกำลังละเลียดของหวานอยู่

“พูดจาน่ารักนะเรา”ผมหัวเราะ ก่อนจะดึงตัวให้อีกฝ่ายเข้ามานั่งคร่อมตักผมไว้ ท่าทางล่อแหลมแต่ก็ท่าถนัดนั่นแหละ ไอ้สองมองหน้าผม

“แหนะๆ ยังไม่พออีกเรอะ”

“หึหึ มึงถามตัวเองก่อนเหอะ”ผมพูดก่อนจะเอื้อมไปจับไอ้สองน้อยใต้น้ำที่กำลังกรึ่มๆใกล้ตื่นอีกรอบ

“โถ่ ก็แค่ปฏิกิริยาของร่างกายเท่านั้นแหละ ผมไม่ได้อยากต่อนะพี่”มันบ่น ทำหน้าย่นคิ้วขมวด จนอดไม่ได้ที่จะต้องฉกเข้าไปหอมแก้มมันอีกรอบ

“ทำตัวน่าฟัด เดี๋ยวก็จัดอีกรอบหรอก”

“ไหวเหรอ”มันถาม มองหน้าผมด้วยสีหน้าแววตากวนส้นนิดๆ มันลุกออกจากตักผมแล้วนั่งอยู่ริมขอบอ่าง มันหยิบขวดสบู่เหลวออกมาเทราดลำตัวช้าๆ เหมือนกำลังเล่นละครโชว์ผมยังไงยังงั้น มันกำลังท้าทายผมหรือเปล่านะ?
ไม่ต้องมากความ ผมลุกเข้าไปหามันแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก เห็นมันยิ้ม ผมเลยไปยืนค้ำหน้ามัน ไอ้สองเงยหน้ามองผมตาปริบ ก่อนจะเทสบู่เหลวใส่หน้าท้องของผมด้วยจากนั้นก็ลูบไล้เบาๆจนเป็นฟองเรื่อยลงมาจนถึงจุดสำคัญที่กำลังตอบสนองต่อมือของอีกฝ่าย

“ทำให้หน่อย”ผมบอก ไอ้สองมองเงียบๆ มันรูดเอาฟองสบู่ออกจนหมด ก่อนจะทำออรัล ทำเอาผมตกใจนิดหน่อย

“เฮ้ยสอง ล้างก่อนๆ”ผมบอกแทบไม่ทัน มันเบ้หน้าก่อนจะวักน้ำจากอ่างมาล้างเอาสบู่ออกให้หมด ทำแบบนี้ก็ยิ่งช่วยให้ผมตื่นตัวได้ดี

“แหยะ รสชาติไม่ได้เรื่องเลย”มันพูดขำๆ ผมเลยตบกะโหลกมันไปแรงๆ ไอ้สองไม่พูดมากค่อยๆปนเปรอผมด้วยริมฝีปาก ทั้งดูดทั้งเลียจนผมเกือบยืนไม่อยู่ อดใจไม่ให้ไปกดมัน ทำแบบนั้นเป็นการบังคับมากไป จนกระทั่งใกล้จุดไคลแม็กซ์เข้าไปทุกที ผมจับศีรษะอีกฝ่ายไว้ก่อนจะขยับเอวรับไปตามจังหวะการออรัลของอีกฝ่าย

“อะ สอง...”เหมือนใกล้จะระเบิด ผมแทบลืมหายใจ


พรึ่บ...

แสงสว่างจ้าภายในห้องทำให้ผมต้องหรี่ตา เสียงฝีเท้าหนักๆเดินเข้ามาหา ผมค่อยๆลืมตามองก่อนจะเห็นว่าผมกำลังนอนจ้องมองเพดานห้อง เบนสายตาไปข้างๆก็เห็นร่างสูง ในชุดเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์สีน้ำตาลยืนอยู่ปลายโซฟาตรงข้ามผม


ห๊ะ....


นี่ผมฝันไปงั้นสิ...อา...ไม่จริงน่า....

“สอง...”ผมเรียกมัน ไอ้สองที่กอดอกยืนมองผมด้วยสีหน้าเหมือนจะหลุดขำ มันบุ้ยใบ้มาที่ท่อนล่างของผมที่กำลังปวดหนึบๆ

“อรุณสวัสดิ์ครับ”ไอ้สองบอกก่อนจะเดินไปเปิดม่าน ฟ้ายังมืดอยู่ผมมองนาฬิกาบนผนังห้อง ปรากฏว่าตีสามครึ่ง

“มานานหรือยัง”ผมถามก่อนจะลุกขึ้นมานั่ง ไอ้สองเดินมานั่งที่โซฟาตัวเล็กข้างๆผมทางขวามือ ผมเหลือบไปมองเหล้าบนโต๊ะเห็นว่าหมดไปกว่าครึ่ง นี่ผมดื่มไปคนเดียวเหรอเนี่ย สงสัยจะเพลินมากไปหน่อย....

“สักพักแล้วครับ เห็นว่าพี่กำลังนอนเลยไม่ได้เข้ามาปลุก...ว่าแต่ฝันไปถึงไหนล่ะนั่น”ไอ้สองยิ้มทะลึ่ง มันยื่นหน้ามาจุ๊บแก้มผมเบาๆ

“อืม แหม ไม่น่ามาทำให้ตื่นซะก่อน ไม่งั้นกูเสร็จไปแล้ว”ผมหัวเราะเบาๆ รู้สึกอายนิดหน่อย แต่กลบเกลื่อนไว้ ไอ้สองหยิบชอกโกแลตมากิน เหลือชิ้นสุดท้ายแล้วด้วย

“คิดถึงผมล่ะสิ”มันหัวเราะหึๆ มองผมอย่างรู้ทัน

“อือ คิดถึงจนเก็บมาฝันนี่ไง สงสัยเมาแหง”ผมพูด ไอ้สองพยักหน้าสายตามันเลื่อนลงมาจับจ้องที่ใต้เข็มขัดของผมอย่างไม่ปิดบัง

“งั้นก็ฝันดีน่ะสิ”

“เออ ถามมากเดี๋ยวก็จัดการแม่งตรงนี้แหละ”ผมบอก ก่อนจะลุกยืนเพราะอยากอาบน้ำเต็มทน ไอ้สองลุกตาม “จะอาบน้ำเหรอ อาบด้วยสิ อยากนอนสบายๆแล้ว”มันบอกก่อนจะเดินนำหน้าผมไปหยิบผ้าเช็ดตัว

“เฮ้อ มึงนี่ชอบอ่อยนะ”ผมหัวเราะกับท่าทีของมัน ไอ้สองไหวไหล่ กวักมือให้ผมเข้าไปด้านในห้องน้ำ ผมตามเข้าไป หรือว่าจะจบลงแบบในฝันกันนะ...

“อาบฝักบัวน่าจะเร็วกว่านะ”ไอ้สองพูด ก่อนจะเปิดน้ำ มันถอดเสื้อผ้าออกโดยไม่สนใจผม คิดว่ามันกำลังทดสอบผมอยู่แน่ๆ เหอะ ไอ้นี่หนิ ผมถอดตามมันบ้าง ที่จริงก็อยากอาบน้ำอย่างเดียว แต่ก็นะ ร่างกายที่เพิ่งตื่นมันก็ต้องเอาออกเป็นธรรมดา ไม่สนใจดีนัก ผมก็เลยจัดการช่วยตัวเองใต้ผักบัวก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ ได้ยินไอ้สองหัวเราะจากด้านหลัง มันเข้ามากอดผม

“อะไร อาบน้ำโว้ย จะได้นอน”ผมบอก

“โอเคๆ ก็อาบน้ำนี่ไง”มันพึมพำก่อนจะไซร้หูผมไปด้วย สุดท้ายไอ้สองมันก็ช่วยผมให้ตัวเบาสบายด้วยมือมันนั่นแหละ เพราะผมก็สั่งสมอารมณ์มาเต็มเปี่ยมโดนกระตุ้นนิดหน่อยก็ปลดปล่อยได้ง่าย หลังจากที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ผมกับไอ้สองก็เข้านอน เมื่อหัวถึงหมอนไอ้สองก็หันมาถามด้วยสายตาซื่อๆแบบจอมปลอม

“ตกลงเล่าให้ฟังได้ป่ะว่าฝันว่าอะไร”

“หึหึ ไม่อยากนอนหรอวะสอง”ผมบอก ไอ้สองหัวเราะ ก่อนจะขยับมานอนหนุนแขนผมตามเคยชิน

“กู๊ดไนท์ครับ”มันบอก ก่อนจะหลับตานอน ริมฝีปากมีรอยยิ้มบุ๋มเล็กๆ ผมนอนจ้องมันอยู่สักพักก่อนจะเอื้อมมือไปจับแก้ม ริมฝีปาก จมูก เรื่อยไปจนหน้าผากของมัน นอกจากจะรักไอ้สอง ผมยังคงหลงใหลร่างกายของมันด้วย ไม่ได้หมายความในเชิงเรื่องเซ็กส์ แต่ผมชอบโครงหน้าของมันนะ มองได้ไม่เบื่อ มันคงนอนไม่หลับถ้าหากรู้ว่าผมชอบนอนจ้องหน้ามันอยู่เรื่อย

“ฝันดีที่รัก”ผมบอกแล้วยื่นหน้าไปจุ๊บปากมันเบาๆ ก่อนจะค่อยๆหลับตา ปล่อยให้ร่างกายและสมองได้พักผ่อน

*
*
รุ่งเช้า หลังจากที่ใส่บาตรเสร็จเรียบร้อย ผมชวนไอ้สองพาไอ้ทูไปเดินเล่น ไอ้ทูมันก็ร่าเริงตามปกติ แวะไปทักทายเพื่อนบ้านเป็นมารยาท

“อยากทำอะไร บอกมา”

“ไม่ล่ะ ขี้เกียจ ขอนอนอย่างเดียวได้ป่ะล่ะ”ไอ้สองตอบกลับมา ผมไหวไหล่

“แล้วพ่อว่ายังไงบ้างล่ะ”ผมถามถึงพ่อไอ้สอง ที่มันกลับไปบ้านเพราะเรื่องไร่เรื่องสวนของที่บ้าน

“ก็คุยเรื่องรายได้จากไร่นี่แหละพี่ เหมือนจะลดลงทุกปีๆเลย เศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เหมือนพ่ออยากลดต้นทุน เลยเลิกปลูกผักบางอย่างที่ไม่ค่อยทำกำไรไปบ้าง”

“เหรอ มีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้นะ”ผมบอกมันแล้วเอื้อมไปจับมือมัน อย่างน้อยผมก็พร้อมจะให้คำปรึกษา ไม่ก็เป็นที่ระบายให้มันได้บ้าง ไอ้สองหันมายิ้ม

“ครับ สถานการณ์ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ แค่เตรียมตัวไว้น่ะพี่”ไอ้สองไหวไหล่ ท่าทางดูไม่ได้หนักหนาเท่าไหร่ ผมกับไอ้สองพาไอ้ทูเดินเล่นจนสุดซอย ก่อนจะแวะเซเว่นซื้อน้ำเปล่ากับขนมมากินเล่น ระหว่างทางไอ้สองเอาสายจูงไปถือ มันฮัมเพลงเบาๆ
เมื่อถึงบ้าน ไอ้สองมันก็เดินไปหยิบกล่องแพ็กเกจสปา มีแก้วเทียนหอมประมาณหนึ่งโหล มันเอาออกมาโชว์ให้ผมดูท่าทางอารมณ์ดี

“เห็นว่าน่าสนใจดี เลยซื้อมาลอง พี่ว่ามันช่วยได้จริงป่ะ”ไอ้สองยื่นเทียนหอมมาให้ผมลองดม ขนาดยังไม่จุดก็พอมีกลิ่นอ่อนๆออกมาไม่แรงมาก

“สรรพคุณว่าไงล่ะ”ผมถาม เหลือบมองอีกฝ่ายที่ดูสนุกสนาน

“มันเขียนว่า แพ็กเกจ Aroma surprise”ไอ้สองอ่านให้ฟัง ผมก็พอจะรู้นะว่ามันจะเล่นอะไร เลยปล่อยให้มันพูดต่อไป

“แล้วไง”ผมเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย เจ้าตัวเดินมานั่งข้างๆผมก่อนจะยื่นหน้ามาใกล้ “ไปลองtextureพิเศษกันไหมพี่”มันกระซิบ แววตาเป็นประกาย ผมมองหน้ามันแบบเต็มตา แล้วเห็นว่าในมือมันถือคอนดอมสีส้มชมพูอยู่ในมือโบกไปมาให้ผมเห็น

“คิดไว้แล้วนะสิ”ผมว่า

“เอ้า ใครกันที่งอแงจนเก็บเอาไปฝันล่ะนั่น เอ๊ะ เปลี่ยนใจดีไหมน้า”ไอ้สองหัวเราะทำเป็นลังเล ผมส่ายหน้า ไม่ได้อยากจะมีเซ็กส์ในเวลาแบบนี้ ไอ้สองมันแค่แหย่ผมเล่น ที่จริงผมกับมันก็มีลิมิตของตัวเองน่ะ

“ไปพักผ่อนที่สวนดีกว่า เอาเทียนหอมไปจุดด้วยนะ”ผมบอก ไอ้สองทำหน้าผิดหวังก่อนจะโยนซองคอนดอมไปที่โต๊ะตัวเตี้ยก่อนจะหยิบเทียวหอมมาหนึ่งอัน

“เอาฟูลมูนด้วยก็ดีนะพี่”ไอ้สองแนะนำ

“ก็ดีนะ กรึ่มๆเหมาะกับวันหยุด”ผมบอกก่อนจะตบก้นมันระหว่างที่เจ้าตัวกำลังลุกขึ้นยืน มันยิ้มยื่นมือมาเขี่ยแก้มผมไปมา

“หึหึ รู้แบบนี้ไปหาพ่อบ่อยๆก็ดี”มันบอกเสียงระรื่นก่อนจะเดินหายไปในครัว ทิ้งให้ผมนั่งเงียบๆ มันพูดถูกนะ ผมไม่ค่อยไปลวนลามมันเท่าไหร่ ถึงจะคอยแซะอยากลองของใหม่ก็เถอะ ผมย้ายตัวเองออกไปที่สวน หยิบเทียนหอมกับหนังสือการ์ตูนติดมาด้วย ผมไปนั่งเล่นอยู่ที่ศาลายกพื้น ก่อนจะให้อาหารปลาคาร์ฟในบ่อข้างๆกัน

ไม่นานไอ้สองก็ถือขวดฟลูมูนมาสองขวด มีกลับแกล้มมาด้วยสองสามอย่างวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็ฉวยโอกาสมานอนตักผมซะอย่างนั้น ผมยิ้ม อย่างมากช่วงหยุดเสาร์อาทิตย์ผมกับไอ้สองแค่พักผ่อนอยู่ด้วยกันเท่านั้น ไม่ได้ไปเที่ยวตะลอนไปไหนไกลๆ ทั้งสัปดาห์ก็ทำงานไม่ได้เจอกัน ยกเว้นตอนกลับบ้าน เพราะมีกฎห้ามทำงานนอกเวลา เอางานมาทำที่บ้านแบบไร้เหตุผล แต่ไอ้สองก็ชอบแหกกฎบ้างนานๆครั้ง

เมื่อมีเวลาว่าง ผมกับไอ้สองเลยใช้เวลาอยู่ด้วยกันซะมากกว่า จะได้ไม่บ่นว่าไม่มีเวลาให้กันยังไงล่ะครับ แค่นี้ก็มีความสุขแล้วล่ะ ‘แค่มีวันดีๆด้วยกันก็พอ’



***************

ตอนพิเศามาพร้อมกับงานขายจ้าาา  :mc4:


ภาพ SUKI ZWEET*SM

ราคา 1370 บาท ไม่รวมค่าส่ง

ของแถมรอบจอง

- ที่คั่นหนังสือ
- สมุดโน้ต
- ที่รองแก้ว
- เล่มตอนพิเศษ



  กดสั่งจอง **คลิกเลย** 


เรื่องย่อเล่ม 1

คุณว่ามันแปลกไหมครับ
ที่จู่ๆ รุ่นพี่วิศวะข้างห้องก็ 'เข้าหา'
ผมด้วยวิธีประหลาดสุดๆ ผมตื่นขึ้นมาและพบว่า...นั่นล่ะ
จินตนาการกันไปก่อนก็แล้วกัน แบบว่านอนเตียงเดียวกัน
อาจฟังดูประหลาด แต่นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น
เพราะคนอย่างไอ้สองยินดีจะ ‘เสี่ยง’ กับคนที่ถูกใจเสมอ
ก็นะ...ใครๆ ก็ชอบความท้าทายกันทั้งนั้น จริงไหมล่ะ
แต่ใครมันจะไปรู้ว่าเรื่องทั้งหมดมีใครสักคนลิขิตไว้แล้ว
พอมารู้ตัวอีกทีก็ถอนตัวไม่ขึ้น


เรื่องย่อเล่ม 2

'อย่าเล่นกับไฟ'
เป็นวลีที่ผมได้ยินมาบ่อยเหลือเกินแต่สุดท้ายก็ห้ามใจไว้ไม่อยู่
เหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ รู้ว่าจะต้องตายแต่ก็ยอม
ฟังดูเจ็บปวด แต่ทุกอย่างมันเกินกว่าจะควบคุม
โดยเฉพาะ เรื่องความรู้สึก
และข้อสำคัญก็ยังคงเป็นสุดหล่อจากห้องข้างเคียงอยู่ดี 'พี่ท็อป'
คนๆ นี้ รักไปแล้วแถมถอนตัวไม่ขึ้นอีกต่างหาก !
นั่นไง เจ็บแล้วไม่จำ


เรื่องย่อเล่ม 3

จากจุดเริ่มต้นของการเอาคืนแบบเจ็บแสบ
มาสู่การเริ่มต้นของคำว่าแฟนอีกครั้ง
ฟังดูจั๊กจี้ชอบกล ความสัมพันธ์ดีขึ้น จะว่าไปนี่มันเป็นบุพเพชัดๆ
คู่แท้ ยังไงซะก็หนีกันไม่พ้นหรอก โดยเฉพาะกับหัวใจตัวเอง
กลับกันเรื่อง'ผิงและยิม' แน่นอนว่าความแตกต่างของคนทั้งคู่
จะสามารถปรับเข้าหากันได้หรือไม่ อีกคนก็บ้าอีกคนก็ใบ้ซะขนาดนั้น!
'ดีน'ชื่อนี้เหมือนมีอาถรรพ์
เจ้าตัวจะสามารถก้าวผ่านความรู้สึกของตนเองหรือว่าอริเก่าได้หรือไม่นะ...!

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-11-2019 14:11:57 โดย รินดาwดาริน »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด