...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)  (อ่าน 304579 ครั้ง)

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2545
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
น้ำตาปริ่มตลอดเลย ขอบคุณที่สร้างเรื่องดี ๆ จึ้นมาเสมอนะครับ

จะติดตามตลอดไปครับ

รัก :pig4:

ออฟไลน์ SeventeenCarat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านไปอ่านมาอยู่ทีมคุณย่าเฉยเลยเรา
 :-[

ออฟไลน์ Jely

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่ทิศ~~~หาได้ที่ไหนบ้างคะ คนแบบพี่เนี่ย ดี้ดี~~//ขอบคุณค้าบบ

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2

ออฟไลน์ tonpaicat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อยากอ่านเรื่องยาวของจากับทิว มากถ้าทางคงสนุก ดูเคมีเข้ากัน

ออฟไลน์ Vergintomza

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คุณย่า นี่คือ เจ๊เกียว ถูกมะ 5555

ออฟไลน์ น้ำหูู้ปาโก๋

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนดราม่าก็ร้องไห้ไม่หยุด ตอนเข้มข้นเนื้อหาก็ดี๊ดี  :impress2: o13 :pig4:

ออฟไลน์ Musashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-13

แล้วถ้าโลกแตก เขาก็อยากอยู่ในเหตุการณ์และรู้ตัวว่าโลกจะแตก อย่างน้อย...จะได้หายใจเฮือกสุดท้ายอย่างมีสติ
 
5555

ออฟไลน์ Musashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-13
คุณกอบกุลไม่พูด ไม่เดินเข้าไปหา แต่มองตอบกลับไปอย่างท้าทาย


ใช่...นี่คือการท้าทาย...

หายเกลียดคุณย่าเลย

ออฟไลน์ cutelady

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ชอบพระเอกที่ใจเย็นและมีเหตุผล มองนายเอกได้ทะลุถึงความในใจแบบพี่ทิศมากกกก  แต่ก็ไม่ชอบที่คอยดุและบังคับ..แม้นจะหวังดี.. แต่ยังไม่ชอบการถูกขัดใจและให้นายเอกเสียใจด้วย..

แต่ยังงัยก็รัก..อยู่ดี..
ขอขอบคุณนักเขียน.. บัว.. มากกก ให้ +1

 :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ myadam

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 o13
อ่านรวดเดียวจบ วางไม่ลงเลย

ออฟไลน์ mint_852

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 735
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
ไม่ได้เข้ามาอ่านนานเลย
ทุกตัวละครยังน่ารักเหมือนเดิม
อยากอ่านคู่น้องๆบ้าง ไม่รู้จะมีไหมนะ
หวังว่าจะมีตอนพิเศษเพิ่มนะคะ

ออฟไลน์ hardened-boy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 323
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
…………………….
ตอนพิเศษ ลูกไก่ในกำมือ


   วรชิตไม่รู้ว่าบนโลกนี้มีสักกี่คนที่ใช้นามสกุล ‘วงศ์กีรติ’


   เขาไม่รู้ว่านามสกุลนี้มีคนใช้ซ้ำโดยที่ไม่ได้เป็นญาติโกโหติกากันหรือไม่


   แต่ถ้าพูดถึง ‘วงศ์กีรติ’ ที่เป็นญาติโกโหติกากับ ‘กอบกุล  วงศ์กีรติ’ แล้วล่ะก็ เขารู้จักอยู่ 1 คน


   ‘จิณณะ  วงศ์กีรติ’


   จิณณะคนนี้ไม่เคยอวดกับใครว่าเป็นทายาทเศรษฐี หนำซ้ำยังชอบทำตัวติดดิน ในเวลางานใส่เสื้อโปโลสกรีนชื่อที่ว่าการ นอกเวลางานใส่เสื้อแถมและกางเกงบอล เครื่องประดับเดียวที่มีคือนาฬิกาสปอร์ตเรือนละไม่กี่พันที่ถลอกปอกเปิกเพราะใส่มานาน


แต่...เรื่องฐานะทางบ้านนั้นปิดกันยาก


นามสกุลวงศ์กีรติติดหราตามท้ายชื่อ


แถมวันแรกที่มาทำงาน ก็ดันขับรถยุโรปหรูป้ายแดง


เจ้าตัวบอกใครต่อใครว่าเป็นแค่คนนามสกุลซ้ำ ส่วนรถคันนี้ได้มาเพราะถูกหวย


ใครจะเชื่อก็เชื่อไปเถอะ แต่วรชิตรู้ว่าไม่ใช่


จิณณะ ไม่ใช่ ‘วงศ์กีรติที่นามสกุลซ้ำ’ และไม่ได้ ‘รวยเพราะถูกหวย’ แต่เป็นหนึ่งในทายาทของ ‘กอบกุล  วงศ์กีรติ’ ซึ่งรวยมากกก...จากการทำธุรกิจ


   ต่อให้คนที่ตกข่าวสารบ้านเมืองมากที่สุด ก็ยังรู้ว่านอกจากคุณกอบกุลจะใหญ่แล้ว หล่อนยังเป็นจอมบงการด้วย ทุกสิ่งในวงศ์กีรติล้วนอยู่ในกำมือของหล่อน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินประเภทไหน ต้องผ่านสายตาและการกำกับของหล่อนเสมอ และทุกคำสั่งของหล่อนล้วนเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ทั้งสิ้น


   แล้วคนอย่างนี้จะให้หนึ่งในทายาทมารับราชการตำแหน่งเล็กๆในต่างจังหวัดอย่างนั้นน่ะหรือ


   ผลประโยชน์คืออะไรเล่า?


เพื่อเส้นสายอย่างนั้นหรือ?


เส้นสายที่ได้มาจากตำแหน่งปลัดอำเภอในพื้นที่นอกกรุงเทพไม่น่าใช่ ‘เป้าหมาย’ ของคุณกอบกุลแน่นอน


   ดังนั้นการที่จิณณะรับราชการย่อมไม่ได้รับการอนุมัติจากต้นตระกูล


   แต่จิณณะก็ทำ


   คนหัวแข็งที่กล้าชนแม้กระทั่งกับย่าตัวเองที่ใครๆก็พากันขยาด บ้าบิ่นถึงขั้นก้าวเท้าออกจากความสุขสบาย มาใช้ชีวิตสมบุกสมบันในต่างจังหวัด คนแบบนี้...น่าสนใจสำหรับวรชิต แถมพอคบหาก็ชักถูกใจนิสัยใจคอ พอสนิทสนมก็เริ่มถามไถ่เรื่องส่วนตัวจนไปถึงเรื่องความรัก


   คนแบบจิณณะ...จะมีคนรักแบบไหน


แต่เรื่องแบบนี้ต่อให้จะสนิทใจกันระดับหนึ่งก็ไม่ถามกันโต้งๆ อาศัยว่าค่ำวันหนึ่ง อากาศดี ฟ้าโปร่ง วรชิตเลยชวนเพื่อนมาดื่มเหล้าที่หน้าบ้าน แล้วก็ลองเลียบๆเคียงๆถามด้วยความอยากรู้


   “มึงมาอยู่ต่างจังหวัดยังงี้ แฟนมึงไม่ว่าเหรอวะ กูเห็นเสาร์อาทิตย์ก็ไม่กลับกรุงเทพ”


   “แฟน?” จิณณะทวนคำ แล้วยกเหล้าขึ้นกระดก


   “อย่าบอกนะ ว่ามึงไม่มีแฟน?” วรชิตย้อนถาม หรี่ตาเหมือนจับผิด


คำถามเหมือนจะดูแคลนกันนิดๆ หนุ่มโสดอย่างจิณณะก็เลยโยนภาระให้เพื่อนเสียเลย   


   “กูรอมึงแนะนำให้สักคนไง ขอแบบพร้อมกัดก้อนเกลือกินร่วมหัวจมท้ายไปกับกูนะ”


   “กัดก้อนเกลือกินยังพอว่า แต่ให้ร่วมหัวจมท้ายไปกับมึงเนี่ย...”



วรชิตไม่อยากซ้ำเติมว่าคนอย่างจิณณะที่กล้างัดข้อแม้กระทั่งกับคุณกอบกุล จะมีใครบ้าดีเดือดร่วมหัวจมท้ายไปด้วย


   “เฮ้ย! ดูถูก! กูหล่อนะ!” นอกจากจะบ้าแล้ว ยังหลงตัวเองอีกต่างหาก


   วรชิตส่ายหัวไปมา


   “ส่ายหัวหมายความว่าไง กูเคยถูกชวนไปแคสต์งานด้วยนะเว้ย! เกือบได้เป็นพระเอกละ”


   “ขี้โม้ไอ้ปลัด!”


   “มึงก็ปลัด”


   “กูไม่ใช่ปลัดขี้โม้อย่างมึงนี่หว่า”


   “กูไม่ได้โม้ กูแค่จินตนาการในโลกคู่ขนานเว้ย!”


   “ส่วนโลกความจริงของมึงคือเป็นปลัดและไม่มีแฟน ใช่มะ?” วรชิตย้อน แล้วหัวเราะเย้ย ถามย้ำ


   “กูถามจริง สรุปตอนนี้มึงไม่มีแฟน แล้วก่อนหน้านี้มึงเคยมีแฟนมั้ย”


   “เคยสิวะ! กูบอกแล้วไงว่ากูหล่อ”


   “แฟนที่ไม่ได้คบเพราะมึงหล่อล่ะ มีมั้ย”


   “มีสิ! กูนิสัยดีนะ!”


   เรื่องนี้วรชิตไม่เถียง ถึงจิณณะจะบ้าบิ่น แต่ก็ใจดี ใครตกทุกข์ได้ยาก เจ้าตัวพร้อมช่วยเสมอ ขนาดเดือนก่อน วรชิตชักหน้าไม่ถึงหลัง ทั้งๆที่ปิดเงียบที่สุด แต่ไม่รู้จิณณะรู้ได้อย่างไร กลับเป็นฝ่ายเสนอเงินให้ยืมโดยไม่คิดดอกเบี้ย วรชิตเกรงใจแทบตาย แต่เรื่องเงินทอง เกรงใจมากไป ก็ยิ่งเครียด สุดท้าย เขาจึงยืมเท่าที่จำเป็น



แต่ก็นั่นล่ะ...จิณณะก็คือจิณณะ นอกจากจะให้ยืมแล้ว บางวันก็ทำทีเป็นสั่งอาหารมาเยอะๆแล้วแบ่งมาให้เขาช่วยกิน อ้างว่าสั่งตอนหิวเลยเยอะเกินกว่าจะกินหมด แต่ดูก็รู้ว่าตั้งใจเลี้ยงข้าวเขา


จิณณะนิสัยดี มีน้ำใจ ส่วนหนึ่งก็เพราะเจ้าตัวมาจากครอบครัวเศรษฐี ถึงได้แสดงความใจดีจากเนื้อแท้ออกมาได้อย่างเต็มที่ แต่ก็มีเศรษฐีอีกหลายคน ที่แม้จะมีเงินมาก แต่ก็ไม่ใจดีไม่ใช่หรือ


“ว่าแต่...มึงถามเรื่องแฟนกูทำไม หรือว่า...” จิณณะทิ้งจังหวะเล็กน้อย แล้วทำเป็นยิ้มกรุ้มกริ่ม “...แอบชอบกูเรอะ” คนหลงตัวเองจะคิดอะไรได้ นอกจากเรื่องนี้


วรชิตสำลัก ไอโขลกจนหน้าดำหน้าแดง เป็นฝ่ายคนถามที่หัวเราะร่วน แต่ก็หยิบน้ำส่งให้


“มึงไม่ต้องเล่นใหญ่ไอหนักขนาดนั้นก็ได้นะ เอ้า กินน้ำๆ”


วรชิตไอจนเหนื่อย หันมามองเพื่อนอย่างคาดโทษ


“คนอย่างมึงเนี่ยนะไอ้จิณ กูจะรอดูหน้าแฟนเลย”


จิณณะลอยหน้าลอยตา ยักไหล่เหมือนเป็นเรื่องสนุก “รับรองว่าแฟนกูหน้าหล่อ ร่างใหญ่ อกผายไหล่ผึ่ง หน้าตึงนมตั้ง ซิกแพ็กเป็นแผง! ฮ่าฮ่า!”


“มึงพูดเองนะ!” วรชิตชี้หน้า แต่จิณณะยังคงไม่ยี่หระ


“แล้วก็ต้องกล้าชนกับย่ากูด้วย”


“โอ้โห นี่มึงกะจะโสดจนตายเหรอ จะมีใครในโลกกล้าชนกับย่ามึงนอกจากมึง”


“ก็ไม่มีไง ฮ่าฮ่า!” พูดแล้วก็หัวเราะด้วยความสะใจ แต่วรชิตหมั่นไส้จนแก้มกระตุก ยกมือไหว้ท่วมหัว


“สาธุ!! ขอให้แฟนของไอ้จิณเป็นผู้ชายหล่อๆ ร่างใหญ่ อกผายไหล่ผึ่งอะไรของมันนั่นน่ะ แล้วก็กล้าชนกับย่าไอ้จิณ และทำให้ไอ้จิณกลายเป็นลูกไก่ในกำมือได้ด้วยเถิด!”


“ลูกไก่ในกำมือ?” จิณณะทวนแล้วหัวเราะลั่น “กำมือย่ากู กูยังไม่อยู่ นับอะไรกับกำมือคนอื่น ฮ่าฮ่า”


พูดอีกก็ถูกอีก กระทั่งมือที่เต็มไปด้วยเงินทอง อำนาจ บารมีอย่างคุณกอบกุล จิณณะยังดิ้นรนจากมา แล้วจะมี ‘กำมือ’ ไหนกุมเขาได้?


“เอ้า! แต่ถือว่ามึงเป็นเพื่อนกู กูจะช่วยสาธุไปด้วยก็ได้ ธุจ้า! อยากกลายเป็นลูกไก่ จะร้องจิ๊บๆให้เพื่อนดูจ้า!” จิณณะ ยกมือไหว้ท่วมหัวไปกับวรชิต ก่อนจะหัวเราะร่วนอย่างไม่จริงจัง


...ก็ใครที่ไหนจะมาจริงจัง หาคนที่หล่อกว่านั้นไม่ยาก หาคนอกผายไหล่ผึ่งอะไรนั่นก็ไม่ยาก แต่ที่หาไม่ได้คือคนที่กล้าชนกับคุณกอบกุล และที่หายังไงก็หาไม่เจอคือคนที่จะทำให้จิณณะกลายเป็นลูกไก่ในกำมือ...


กระทั่งกับหัวแถวของตระกูลวงศ์กีรติ จิณณะยังต่อกรด้วย แล้วคิดหรือว่าเขาจะยอมอยู่ในกำมือของใคร


Impossible!


...............................


อันที่จริง วรชิตก็ไม่ได้คาดหวังว่าสิ่งที่ตนเอง ‘สาธุ’ ไปนั้นจะเกิดขึ้นจริง แต่...พอรู้ตัวอีกที ก็พบว่าสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ กลับเป็นไปได้ สิ่งที่เคยพูดออกไปดันเป็นจริงสมพรปาก!


จิณณะมีแฟนเป็นผู้ชายหล่อๆ จะหล่อมาก หล่อน้อย เรื่องนี้ขึ้นกับรสนิยมแต่ละคน แถมรูปร่างสูงใหญ่ อกผายไหล่ผึ่ง หน้าตึงแน่นอน แต่นมตั้ง ซิกแพ็กเป็นแผงมั้ย ไม่รู้ จะลองถามจิณณะดูอีกที และที่เห็นคาตาคือกล้าชนกับย่าของจิณณะด้วย ที่เห็นตำตาที่สุดก็คือ ‘คนคนนี้’ ทำให้ทายาทแตกแถวของตระกูลวงศ์กีรติกลายเป็นลูกไก่ในกำมือไปโดยปริยาย!


   นี่สิ! หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก!


   แต่...ก็ยังมีบางคนไม่ยอมรับความจริง


   วันนี้ จิณณะมีเวลาว่างแวะมารำลึกความหลังเมื่อครั้งเป็นปลัดอำเภอ กินข้าวเที่ยงกับอดีตเพื่อนร่วมงานอย่างวรชิตที่ร้านข้าวแกงข้างที่ว่าการ กินไปกินมา วรชิตก็ชวนกินเหล้าตอนเย็น


   “เย็นนี้มึงว่างมั้ย พี่อำนาจชวนกินเหล้า”


   “เย็นนี้เหรอ...” จิณณะทวน ทำหน้านึก มื้อเย็นวันธรรมดา เขาและพิทักษ์จะกินข้าวด้วยกันเสมอ


   เห็นเพื่อนทำหน้าคิด วรชิตก็ชักเกรงใจ จิณณะในเวลานี้ทำธุรกิจ เวลางานย่อมไม่ใช่ ‘เข้าแปดออกสี่’ อยู่แล้ว


“เฮ่ย แต่ถ้ามีธุระไม่เป็นไรนะเว้ย”


   จิณณะส่ายหน้า อันที่จริงก็ไม่เชิงเรียกว่า ‘ธุระ’ 


   “เปล่า แต่ปกติกูกินข้าวกับพี่ทิศ เดี๋ยวบอกพี่ทิศก่อน...” พอออกตัวว่าต้องบอกคนรัก ก็รับรู้สายตาของเพื่อนสนิททันที คนปากไวเลยตั้งคำถามทันควัน “...อะไร มองกูทำไม”


วรชิตยิ้มล้อเลียน


   “กูก็แค่...คิดว่าปากกูกับมึงนี่ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ”


   “ปากศักดิ์สิทธิ์?”


   “อ้าว! ก็สมัยก่อน มึงเคยท้าไง ว่าขอให้มีแฟนรูปหล่อ กล้าชนกับย่ามึง กูยังคิดอยู่เลยว่าโลกนี้จะมีได้ไง สรุปมีจริงว่ะ” จิณณะกำลังจะหัวเราะเออออไปด้วยแล้ว ถ้าเพื่อนไม่เสริมขึ้นมา


“...ที่สำคัญ เขาทำให้มึงกลายเป็นลูกไก่ในกำมือด้วย!”


   คำว่า ‘ลูกไก่ในกำมือ’ ทำเอาคนถูกตราหน้าว่า ‘ลูกไก่’ ถึงกับชะงักกึก คำว่า ‘ในกำมือ’ ทำให้เลือดยโสโอหังของวงศ์กีรติเริ่มไหลพล่าน


   “ลูกไก่ในกำมือ? หมายถึงกูเป็นลูกไก่ในกำมือพี่ทิศเรอะ?” จิณณะตั้งคำถามอย่างเอาเรื่อง แต่วรชิตทำหน้าเหรอหราย้อนถาม


   “อ้าว ไม่ใช่เหรอ”


   “ไม่ใช่สิวะ! ไม่ใช่แน่ๆ!”


วรชิตไม่พูดแต่มองราวกับไม่เชื่อ จิณณะรู้สึกเหมือนถูกท้าทาย


…วงศ์กีรตินั้นฆ่าไม่ได้ หยามก็ไม่ได้!...


“มึงไม่เชื่อกูเหรอ?! อ่ะ! เดี๋ยวมึงดู! พี่ทิศต่างหากเป็นลูกไก่ในกำมือกู!”


วรชิตทำหน้าพยักเพยิดเหมือนเชิญทำให้ดูสักทีเถอะ!


จิณณะวางช้อน แล้วหันไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากด ไม่กี่อึดใจปลายสายก็รับ


“ฮัลโล! พี่ทิศ!”


ประโยคแรก เสียงสั้น กระชับ ดุดัน


“...กินข้าวยัง”


ประโยคต่อมา...ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ


วรชิตสำลักพรวด เสียงแรกก็ว่าเคร่งขรึมจริงจัง แต่ทำไมประโยคต่อมามันถึงอ่อนยวบยาบจนน่าใจหายอย่างงี้วะ?!


เห็นเพื่อนไอโขลก จิณณะถึงรู้ตัวว่าเขาเผลอใช้น้ำเสียงปกติที่คุยกับคนรัก เลยกระแอมไอตั้งสติแล้วเริ่มใหม่


...ใช่! คนเราเริ่มใหม่ได้เสมอ!...


“เปล่า! ผมจะบอกว่าวันนี้ผมไม่กลับไปกินข้าวกับพี่นะ!”


...ไงล่ะ! ฟังน้ำเสียงคนจริงซะก่อน!...


“จะไปกินเหล้ากับไอ้ชิต! อื้อ! ตอนนี้ก็นั่งกินข้าวกับมันอยู่ เดี๋ยวกินเสร็จ มันกลับไปทำงาน ผมก็ว่าจะอยู่แถวนี้แหละ แล้วตอนเย็นจะไปกินเหล้ากับมัน พี่ทิศหาอะไรกินเองได้เลย ไม่ต้องรอ!”


น้ำเสียงจริงจัง สีหน้าก็จริงจัง เรื่องสีหน้านี้ไม่ได้บอกคนปลายสายแน่นอนเพราะพิทักษ์ย่อมไม่เห็น แต่บอกวรชิตนี่ล่ะ ว่าคนอย่างจิณณะ วงศ์กีรติ ไม่ใช่ลูกไก่ในกำมือใคร!


แต่...สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพลูกไก่!


ปลายสายพูดอะไรสักอย่าง วรชิตไม่ได้ยิน แต่เห็นสีหน้าจริงจังของจิณณะเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วประโยคต่อมา น้ำเสียงก็เริ่มเปลี่ยนด้วย


“ก็...เดี๋ยวนั่งรอข้างล่างไง ไม่ตามไอ้ชิตขึ้นไปถึงโต๊ะหรอก...”


จากนั้นเจ้าตัวก็เงียบเหมือนฟังปลายสาย แล้วก็ทำหน้านึกตามไปด้วย


“อ่า...ให้ผมไปรอที่คลับเฮ้าส์ของพี่เหรอ แต่ตอนเย็นก็ต้องกลับมาที่นี่อีกอยู่ดี...อื้อ นี่นั่งกินข้าวอยู่ร้านป้าข้างที่ว่าการอ่ะ”


ไม่รู้ว่าจิณณะรู้ตัวมั้ย ว่าสีหน้าจริงจัง น้ำเสียงห้าวเป้งเปลี่ยนเป็นสีหน้าครุ่นคิดรับฟังปลายสาย น้ำเสียงก็อ่อนลงราวกับคนละคน


วรชิตนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ เห็นสีหน้าและได้ยินเสียงของเพื่อนรัก แต่เขาไม่กระโตกกระตาก ว่าเริ่มเห็นขนสีเหลืองงอกออกมาบนตัวจิณณะแล้ว


...เดี๋ยวคอยดูว่าจะกลายเป็นลูกไก่ในกำมืออย่างสมบูรณ์แบบมั้ย...


“หือ? อยากกินพะแนงร้านป้า? คลับเฮ้าส์มีกับข้าวน้อยเหรอ ถึงมาอยากกินร้านนี้...ก็ได้ๆ เดี๋ยวผมซื้อไปให้ เอาพะแนงอย่างเดียวเหรอ แปบนึง ผมดูให้ว่ามีอะไรอีก”


แล้วเจ้าตัวก็ลุกจากโต๊ะเดินไปส่องที่ตู้กระจกกับข้าวราดแกง ก่อนจะรายงานปลายสายว่ามีเมนูอะไรบ้าง ส่วนสีหน้าจริงจังอะไรนั่นก็ลืมไปเถอะ เพราะตอนนี้เจ้าตัวกำลังยิ้มและหัวเราะระหว่างที่คุยโทรศัพท์ด้วยซ้ำ


วรชิตมองตามเพื่อนรักผู้ลืมอุดมการณ์


...ตอนแรกใครนะบอกว่าไม่ใช่ลูกไก่ในกำมือ...


...ตอนแรกใครนะทำเสียงเข้มหน้าตาจริงจัง...


...แล้วดูตอนนี้สิ เดินไปสั่งกับข้าวให้งกๆ ไม่มีฉุกใจสักนิดเดียว!...


...ไอ้ลูกไก่จิณณะ! ตอนมันสาธุน่ะร้องจิ๊บๆเห็นเป็นเรื่องสนุก เป็นไงล่ะ! ได้จิ๊บสมใจ!...


จิณณะเดินวนอยู่หน้าตู้กระจก มองกับข้าวหลากหลาย ต่อรองกับปลายสายที่จะเอาแค่พะแนงอย่างเดียว


“มีไข่ลูกเขยด้วยนะพี่ ไม่อยากเหรอ”


ดูท่าปลายสายคงตามใจให้สั่งมาด้วย จิณณะถึงยิ้มกริ่มหันไปสั่งกับข้าวเพิ่ม...ไม่ได้เพิ่มแค่ไข่ลูกเขย แต่เพิ่มหมูก้อนทอดไปด้วยอีก 5 ชิ้น แล้วพอเหลือบตาไปเห็นป้ายเขียนว่า ‘วันนี้มีสละลอยแก้ว’ เลยสั่งเพิ่มไปอีก อ้อ...สั่งทองม้วนสดไปฝากลูกน้องคนรักอีก 5 กล่องตามประสาสายเปย์


จ่ายเงินรับของแล้ว ก็หิ้วกลับมาที่โต๊ะ ตอนนั้นเองที่เห็นสายตาของวรชิต แล้วก็เพิ่งนึกออกว่าก่อนจะโทรศัพท์ เขาประกาศอะไรไว้บ้าง


แต่...นึกๆดูแล้ว เขาก็ไม่ใช่ลูกไก่ในกำมือของพิทักษ์ซะหน่อย! เย็นนี้เขาจะมากินเหล้ากับวรชิตไง! งดกินข้าวเย็นกับพิทักษ์ 1 วัน!


“สรุปว่า...” วรชิตเกริ่นให้


“สรุปว่าเย็นนี้กูไปกินเหล้ากับมึง”


“แล้ว...” วรชิตถามด้วยสายตาที่มองไปยังถุงกับข้าวที่จิณณะถือกลับมาที่โต๊ะ


“อันนี้มื้อเที่ยงของพี่ทิศ”


“อ้อ...สรุปว่ากินข้าวเที่ยงกับกูเสร็จ จะเอากับข้าวไปส่งคุณพิทักษ์ก่อนแล้วค่อยกลับมาที่นี่”


“เออสิ กูบอกพี่ทิศแล้วว่าเอากับข้าวไปส่งอย่างเดียว แล้วจะกลับมารอมึง”


วรชิตทำเป็นพยักหน้าเหมือนจะเชื่อลมปากอดีตเพื่อนร่วมงาน แต่ไม่วายทิ้งท้าย


“แต่ถ้าคุณพิทักษ์ไม่ปล่อยมึงกลับมา ก็เจอกันที่ร้านเลยแล้วกันนะ”


“ทำไมพี่ทิศจะไม่ปล่อยกูกลับมาวะ”


วรชิตไม่ตอบ แต่ยักไหล่เหมือนไม่อยากพูด


...ลูกไก่ในกำมือ เจ้าของกำมือจะปล่อยออกมาเมื่อไร หรือจะดึงกลับไปตอนไหน คนนอกมองเห็น แต่ที่มองไม่เห็นก็ไอ้ลูกไก่ตัวนั้นแหละ!...


ขนสีเหลืองงอกขึ้นมาทั้งตัวแล้วยังไม่รู้อีก ไอ้ลูกไก่จิณณะ!


..............................


หลังมื้อเที่ยงทบทวนความหลังครั้งเป็นปลัดอำเภอ จิณณะก็แยกกับวรชิต เอากับข้าวไปส่งพิทักษ์ที่สนามกอล์ฟ ออกปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าส่งกับข้าวอย่างเดียว แล้วจะกลับมาหาเพื่อนที่ที่ว่าการ เพราะอยากรำลึกความหลังเสียหน่อย


วรชิตวางเงินร้อยนึงเลย พิทักษ์ไม่ปล่อยลูกไก่ออกมาก่อนถึงเวลานัดหรอก!


อ้อ! วรชิตขอวางอีกร้อยนึง จิณณะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าพิทักษ์จะไม่ปล่อยตัวเองออกมาจนกว่าจะถึงเวลานัด!


ลูกไก่ที่ชื่อจิณณะขับรถออกจากที่ว่าการไปยังสนามกอล์ฟของคนรัก ตอนไปถึงก็เกือบบ่ายโมงแล้ว แต่กลับพบว่าพิทักษ์ยังไม่ได้กินอะไรสักอย่าง


“ป้าไพบอกผมว่าพี่ยังไม่ได้กินข้าว ผมบอกแล้วนี่นาว่าให้กินก่อน” จิณณะเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของคนรักพร้อมกับเสียงโวย หลังจากเมื่อกี้ เจอแม่บ้านในแพนทรีบอกเขาว่าพิทักษ์รอกับข้าวจากเขา เลยไม่ยอมให้ยกอาหารเข้าไปให้


พิทักษ์ละสายตาจากงานบนโต๊ะขึ้นมามองคนรักที่ทำหน้าหงิก


“ก็จิณบอกว่าจะซื้อพะแนงมาฝาก” เขาตอบแล้วส่งยิ้มให้ แต่สีหน้าของจิณณะไม่คลายเลยสักนิด


“ผมบอกว่าจะซื้อมาฝาก แต่น่าจะมาช้า ให้พี่กินไปก่อน เดี๋ยวพะแนงตามมา”


จิณณะคนยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ถ้าเป็นเรื่องปากท้องล่ะก็ บ่นได้เป็นวรรคเป็นเวร


ส่วนพิทักษ์ เมื่อไรที่ถูกคนรักบ่นเรื่องนี้ เขาก็จะทำเพียงยิ้มจางๆ ไม่เถียงสักคำ


ไม่กี่อึดใจ แม่บ้านก็ยกอาหารตามเข้ามาในห้องทำงาน วางลงที่โต๊ะกระจกหน้าโซฟา


ตอนแรกหล่อนเตรียมข้าวผัดปูไว้เป็นอาหารกลางวันของพิทักษ์ แต่พิทักษ์บอกให้เปลี่ยนเป็นข้าวสวยและให้รอกับข้าวจากจิณณะ ซึ่ง...กับข้าวของจิณณะก็สมกับที่รอ เพราะมีทั้งพะแนง ไข่ลูกเขย หมูก้อนทอด และสละลอยแก้วอีกถ้วย


พิทักษ์ลุกจากโต๊ะทำงานมาเตรียมตัวกินมื้อกลางวันที่เลทไปร่วมชั่วโมง เห็นกับข้าวเพิ่มจากที่สั่งก็หันมาทางคนรัก


“ไหนว่ามีพะแนงกับไข่ลูกเขยไงจิณ”


ถ้าเรื่องปากท้อง จิณณะบ่น พิทักษ์ไม่เถียงน่ะใช่


แต่ถ้าเป็นเรื่องใช้เงิน พิทักษ์บ่น ส่วนจิณณะไม่เถียง...เรื่องนี้ไม่ใช่


“ก็! ผมเห็นว่าน่ากินอ่ะ สละลอยแก้วร้านป้าไม่ใช่จะได้กินง่ายๆนะ! บางทีหมดไวกว่ากับข้าวอีก!”


“แล้วหมูทอด?”


“ก็! เผื่อพี่อยากกินของแห้งๆไง ถ้ากินไม่หมดก็เก็บไว้กินมื้อเย็นก็ได้นี่นา!”


เห็นสายตาของพิทักษ์แล้ว ก็เกรงว่าจะถูกบ่นอีก คนพูดเก่งเลยต้องหาทางเบี่ยงประเด็น “กินข้าวๆ! นี่บ่ายโมงแล้ว ยังไม่กินอะไร เดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะพอดี”


“นั่งกินด้วยกันสิ” พิทักษ์ชวน


“ผมกินกับไอ้ชิตมาแล้ว”


“งั้นกินผลไม้มั้ย”


จิณณะกำลังจะบอกว่าเขาอิ่มแล้ว ไม่อยากกินอะไรอีก แต่อีกฝ่ายพูดขึ้นมาเสียก่อน “...นั่งกินเป็นเพื่อนกัน”


น้ำเสียงและสายตาไม่ได้อ้อนวอน แต่ชวนให้หัวใจอ่อนยวบอย่างไม่ทราบสาเหตุ


“ก็ได้”


แล้วคนที่อิ่มมาแล้ว ก็นั่งลงร่วมโต๊ะกับคนรักอีกรอบ


ถ้าวรชิตมาเห็นเข้า ก็คงพูดได้ประโยคเดียวเท่านั้น


...ไอ้ลูกไก่จิณณะ!...


...อิ่มท้องจะแตก แต่พอถูกชวนนิดเดียวก็ตามน้ำไปเฉยเลย!...


..............................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-08-2021 21:40:19 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
มื้อเที่ยงวันนี้ จิณณะกินถึง 2 รอบ


รอบแรกกินข้าวกับวรชิตที่ร้านข้าวแกงข้างที่ว่าการ รอบสองถึงจะกินเล่นกับพิทักษ์แต่ก็มีทั้งหมูก้อนทอดและผลไม้ ไม่อิ่มก็ไม่รู้จะพูดยังไง


“เฮ้อ! อิ่มมาก...” เจ้าตัวนั่งแผ่อยู่ที่โซฟา พอหนังท้องตึง หนังตาก็ชักหย่อน “...ง่วงเลยเนี่ย”


พิทักษ์หันมองคนรัก พลางยิ้ม


“ล้างปากแล้วใช่มั้ย ถ้าล้างแล้ว ง่วงก็นอน”


จิณณะสลัดศีรษะไปมาเหมือนจะช่วยบรรเทาความง่วง แต่ตาปรือแล้ว


“ฮื้อ!...กะว่าจะกลับไปรอไอ้ชิตที่ที่ว่าการนะเนี่ย...”


“รอที่นี่ก็ได้ เดี๋ยวตอนเย็นพี่ไปส่ง”


แม้ง่วงจนจะหลับ แต่จิณณะก็ยังมีสติ พอได้ยินว่าคนรักจะไปส่งก็เลยแย้งขึ้นมา


“ไปส่งทำไม ผมเอารถมา”


“ก็จิณจะไปดื่มไม่ใช่เหรอ พี่ไปส่งเอง แล้วพอจะกลับ จิณค่อยโทร.มา เดี๋ยวพี่ไปรับ”


ฟังดูก็เข้าท่า เพราะถ้าเอารถไปเอง ก็คงดื่มได้ไม่มาก ไหนๆก็ได้กลับไปก๊งกับคนคุ้นเคยทั้งที น่าจะเต็มที่สักหน่อย


“ถ้าจิณเมา พี่ก็ไม่อยากให้ขับรถนะ”


พิทักษ์ไม่ได้บังคับ ไม่ได้ออกคำสั่ง แต่พูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ได้ยินอย่างนี้ หัวใจของจิณณะผู้แข็งแกร่งก็พลอยอ่อนยวบอีกรอบ


“ก็ได้” พอรับคำแล้วก็นึกขึ้นได้ว่านัดวรชิตว่าจะกลับไปหาที่ที่ว่าการหลังจากเอากับข้าวมาส่งที่นี่ เลยพูดขึ้นมา “งั้นผมบอกไอ้ชิตไว้หน่อยดีกว่า ว่าจะกลับไปทีเดียวตอนเย็นเลย”


“พี่บอกให้เอง” พิทักษ์เสนอ


“หือ?”


เจ้าของห้องทำงานยิ้ม เหมือนไม่มีอะไรในกอไผ่


“เดี๋ยวพี่บอกให้ จิณง่วงก็นอน ตาจะปิดแล้วนั่น”


จริงๆจิณณะก็ไม่ได้รู้สึกง่วงขนาดตาจะปิด แต่พอถูกอีกฝ่ายบอกว่าเขา ‘ตาจะปิด’ ก็ชักรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ


“ง่า...งั้นฝากบอกมันหน่อย ว่าผมจะหิ้วแบล็กไปด้วย”


สั่งเรียบร้อย ก็ขยับตัวอีกหน่อยให้นั่งท่าสบายที่สุดแล้วหลับตาลง พิทักษ์รออยู่พักหนึ่งจนเห็นว่าคนรักหลับไปแล้ว ถึงกดโทรศัพท์หาวรชิต


“คุณชิต จิณให้โทร.มาบอกว่าจะไปเจอที่ร้านอาหารเลย”


ปลายสายหัวเราะกลับมา


‘กะไว้แล้ว ว่ามันไม่ได้กลับมาอีกรอบหรอก’


พิทักษ์เลิกคิ้วเล็กน้อย แต่เห็นว่าปลายสายไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาก็พูดต่อตามที่จิณณะฝากไว้


“แล้วจิณฝากบอกว่าจะเอาแบล็กไป”


‘โอเค’


“ถ้ายังไงฝากคุณชิตดูเขาหน่อย พรุ่งนี้ จิณมีประชุม ผมไม่อยากให้ดื่มมากไป”


ปลายสายหัวเราะกลับมาอีก เป็นเสียงหัวเราะที่พิทักษ์ไม่เข้าใจนัก เพราะเขาไม่คิดว่าคำพูดของตนติดตลกตรงไหน


แต่สำหรับวรชิต เรื่องนี้ขำมาก


...ขำมาก เพราะลูกไก่ที่ชื่อจิณณะไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นลูกไก่...


...ขำมาก เพราะมือที่กำลูกไก่ดันชอบทำตัวเป็นมือที่มองไม่เห็น...


แต่มือแบบพิทักษ์อาจเหมาะกับลูกไก่แบบจิณณะล่ะมั้ง


‘ได้ๆ ผมจะดูให้ รับรองว่าจะไม่บอกไอ้จิณว่าคุณฝากมา’


“ขอบคุณครับ” พิทักษ์กำลังจะวางสาย แต่คู่สนทนาเรียกเอาไว้ก่อน


‘ผมขอถามหน่อยได้มั้ย คุณพิทักษ์คิดว่าไอ้จิณเป็นลูกไก่ในกำมือรึเปล่า’


“หือ? จิณน่ะเหรอ” พิทักษ์เหลือบไปมองคนที่นั่งหลับอยู่บนโซฟาของเขา


คนอย่างจิณณะไม่มีวันยอมเป็นลูกไก่ในกำมือใคร เขาเองก็ไม่ได้ต้องการจะเป็นกำมือที่กุมลูกไก่เอาไว้ แต่บางครั้ง จิณณะก็ทำเรื่องสุดโต่งชนิดคาดไม่ถึง ถ้าไม่คอยดูแล เขาก็เป็นห่วง


“...ผมไม่คิดจะเก็บเขาเอาไว้ในกำมือ” เขาตอบกลับไปในสาย นิ่งไปอึดใจหนึ่งแล้วพูดต่อ “...ผมแค่...อยากดูแลเขาแม้ว่าผมจะไม่อยู่ใกล้เขา”


‘ไอ้จิณน่าเป็นห่วงขนาดนั้นเลยเหรอครับ’


พิทักษ์ยิ้มจาง วรชิตรู้จักจิณณะไม่น้อยไปกว่าเขา คำถามนี้จึงเหมือนจะท้วงอยู่ในทีว่าคนอย่างจิณณะไม่ได้ต้องการการปกป้อง


แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะปกป้องจิณณะตลอดเวลา อย่างที่บอก...เขาแค่อยากดูแลแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ใกล้ๆ


“จิณไม่ได้น่าเป็นห่วง แต่ผมเป็นห่วง”


‘รู้มั้ย ไอ้จิณเถียงผมคอเป็นเอ็นว่าไม่ใช่ลูกไก่ในกำมือ ส่วนคุณก็บอกว่าแค่อยากดูแล ไม่ได้คิดจะเก็บไอ้จิณไว้ในกำมือ  โอเค ผมเชื่อก็ได้ แต่ขอบอกไว้อย่าง ลูกไก่ในกำมือก็คือลูกไก่ในกำมือนะครับ ต่อให้มือที่ว่าจะเป็นมือที่มองไม่เห็น และลูกไก่ที่ว่าจะชอบกลายร่างเป็นไก่ปีศาจก็เถอะ’ วรชิตพูด ตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะอย่างรู้ทัน ก่อนจะวางสายจากไป


พิทักษ์มองโทรศัพท์ในมือ ก่อนจะเหลือบมองคนที่ยังนั่งหลับอยู่บนโซฟา


“มือที่มองไม่เห็นกับไก่ปีศาจเหรอ” เขาพึมพำแล้วหัวเราะเบาๆ


“หวังว่าไก่จะไม่รู้ก็แล้วกันว่ามือที่มองไม่เห็นทำอะไรบ้าง”


..........................


   จิณณะตื่นขึ้นมาอีกทีก็เกือบบ่ายสามแล้ว เห็นพิทักษ์ยังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ แต่ฝ่ายนั้นรู้ตัวไว คงเห็นเขาขยับตัว เลยเงยหน้าขึ้นมอง


   “ตื่นแล้วเหรอ หิวมั้ย”


   จิณณะยังสลึมสลือนิดหน่อย แต่ก็ส่ายหน้าไปมา แล้วซุกหน้าลงกับหมอนอีกรอบ หลับตาอีกอึดใจใหญ่ๆ ถึงได้เรียกสติกลับมาครบถ้วนแล้วก็พบว่าเมื่อตอนก่อนจะหลับ เขายังนั่งเอนอยู่เลย แต่ตอนนี้นอนเหยียดเต็มความยาวโซฟา รองเท้าถอดวางอยู่บนพื้น มีหมอนหนุนคอ มีผ้าห่มคลุมเสร็จสรรพ


   ...จะมีใครทำให้ ถ้าไม่ใช่เจ้าของห้อง...


   จิณณะลืมตาขึ้นอีกครั้ง เห็นพิทักษ์ก้มหน้าทำงานต่อแล้ว เขามองอีกฝ่ายเงียบๆ จนพิทักษ์เงยหน้าขึ้นมาอีกรอบ


   “มีอะไรรึเปล่า”


   คนที่ยังนอนบนโซฟาส่ายหน้าไปมา


   “ถ้าจะไปก็บอกนะ จิณ พี่จะไปส่ง” พิทักษ์พูดอย่างนั้นแต่ดูแล้วเจ้าตัวยังทำงานไม่เสร็จด้วยซ้ำ เห็นแบบนั้นแล้ว จิณณะก็ไม่อยากรบกวน


   “ไว้ค่อยไปเย็นๆก็ได้”


   พิทักษ์ยิ้มรับ ก่อนจะก้มหน้าลงทำงานต่อ จิณณะนอนเล่นโทรศัพท์เงียบๆ แล้วก็เหลือบมองคนที่ยังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ เขาไม่ค่อยได้เห็นอีกฝ่ายในมุมทำงานมากนัก พิทักษ์เป็นคนจริงจัง พอตอนทำงานก็ยิ่งจริงจังเข้าไปใหญ่ 


   ...เท่ชะมัด...


   จิณณะไม่รู้ว่าตนเองมองอยู่นานเพียงใด แต่มองถึงขั้นพิทักษ์รู้ตัวเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง พอสบตากัน ก็ยังไม่เลี่ยงไปมองทางอื่น เป็นฝ่ายคนทำงานที่อดไม่ไหว ลุกขึ้นเดินมาหา


   “มีอะไร หือ” เขานั่งลงเบียดบนโซฟาเดียวกัน จิณณะยังนอนอยู่ แม้พิทักษ์จะย้ายที่ สายตาของเขาก็ย้ายตาม


   “เท่”


   พิทักษ์นิ่งไปเล็กน้อย ไม่รู้อีกฝ่ายเพิ่งตื่น สติไม่ครบถ้วนหรืออย่างไรถึงได้ชมเขา มันชวนให้คนถูกชมอดใจไม่ไหวก้มลงแนบริมฝีปากบดเบียดกับริมฝีปากของคนช่างพูด พอถอนจูบออกมา ดวงตาวาววับก็มองมาอย่างเอาเรื่อง แถมยังยกมือปิดปากตัวเองอีกแล้วพูดอู้อี้ลอดฝ่ามือออกมา


   “น้ำลายผมบูด”


   พิทักษ์หัวเราะเบาๆ ขยับตัวลุกขึ้นแล้วดึงคนรักให้ลุกตาม


   “งั้นก็ไปล้างปาก พี่จะได้จูบใหม่”


   เขาพูดแล้วดึงคนรักเข้าห้องน้ำด้านในห้องทำงาน แล้วก็เลยยืนรออยู่ในนั้นด้วย


   จิณณะคงสติไม่ครบถ้วนจริงๆ เพราะแม้จะมองคนรักตาขวางผ่านทางกระจก แต่ก็ยอมแปรงฟันบ้วนปากแต่โดยดี พอเงยหน้าขึ้นมาอีกหน พิทักษ์ที่ยืนประกบหลังก็หมุนตัวเขาให้หันไปหา พอแนบจูบลงมา เขาก็พร้อมหยัดริมฝีปากจูบตอบแต่โดยดี


   รสจูบคราวนี้ไม่ใช่แค่การประกบปากแล้ว แต่สอดปลายลิ้นเข้ามาในโพรงปากด้วย


   “อื้อ...” จิณณะท้วงเบาๆ อ้อมกอดของพิทักษ์รัดแน่นขึ้นทุกที แถมฝ่ามือของอีกฝ่ายก็ลูบไปทั่วแผ่นหลังเขา ลงน้ำหนักตรงไหน ตรงนั้นก็เหมือนจะกลายเป็นกองเพลิงขนาดย่อมๆ


   แต่...ที่นี่ไม่ใช่ที่บ้าน


   แล้ว...เย็นนี้เขาก็มีนัดกินเหล้าด้วย


   “อ...อื้อ...” จิณณะดันอกอีกฝ่ายเบาๆเป็นสัญญาน พิทักษ์ก็ยอมถอยห่างแต่โดยดี


   “ที่ทำงาน” เป็นการท้วงที่น่ารักจนแทบไม่อยากปล่อยออกจากอ้อมแขน


   “ถ้าที่บ้านก็ได้ใช่มั้ย”


   ถ้าเป็นที่บ้านล่ะก็...ไม่ต้องให้ถามหรอก เพราะจิณณะก็ไม่ปล่อยอีกฝ่ายเหมือนกัน


   แต่...วันนี้ไม่เหมือนวันอื่นๆ เพราะเย็นนี้มีธุระข้างนอก


   “วันนี้ผมไม่ว่างด้วย...” เจ้าตัวพึมพำ รู้สึกผิดขึ้นมาที่ต้องปฏิเสธความต้องการของคนรัก


เขาช้อนตามอง เผลออ้อนอีกฝ่ายไม่รู้ตัว


   “...ผมรับปากทางนั้นไว้แล้ว” 


   สายตาของพิทักษ์ไม่ได้ตำหนิ กลับอ่อนโยนเสียอีก ก่อนจะแตะริมฝีปากลงกับปลายจมูกคนพูดเบาๆ


   “พี่รู้”


   ยิ่งถูกตามใจขนาดนี้ จิณณะก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายผิด ทั้งๆที่เขานัดกับเพื่อนก่อนแล้ว แต่...อารมณ์รัก บทจะมาก็มา แล้วพอเวลานี้มันมา แต่เขาตอบสนองไม่ได้ ความผิดจะเป็นของใคร ถ้าไม่ใช่คนติดธุระ


   แล้วคนอย่างจิณณะ เมื่อยอมรับว่าตนผิด เขาก็พร้อมจะเสนอทางแก้


   “ผม...จะรีบกลับนะ”


นอกจากคำพูดแสนอ้อน สายตาของจิณณะก็ไม่ต่าง ในอกของพิทักษ์ร้อนรุ่มแทบอยากขย้ำคนรักอยู่แล้ว แต่...ชั้นเชิงแบบผู้ใหญ่ ทำให้เขายับยั้งชั่งใจ ใช้ริมฝีปากอ้อยอิ่งบนริมฝีปากอุ่นช่างพูดนั่น


   “แต่จิณไปกินกับเพื่อน พี่ไม่อยากกวน”


   “ไม่กวน...”


   “พรุ่งนี้ จิณมีประชุมเช้าด้วย”


   “ผมก็จะรีบกลับไง...ไม่เกินสี่ทุ่ม...” จิณณะพูด แล้วยื่นปากไปงับริมฝีปากของคนรักอย่างหยอกเย้า “...รอผมนะ”


   อ้อนกันแบบนี้ พิทักษ์จะใจแข็งเล่นตัวต่อไปได้อย่างไรกัน


   เขายิ้มจาง


“อืม พี่จะรอ...”


......................   


เรื่องในห้องน้ำไม่มีอะไรมากกว่านั้น เพราะสถานที่ไม่เอื้อ แถมจิณณะก็มีนัดเย็นนี้แล้ว แต่...เจ้าตัวรับปากแล้วว่า


‘ไปแล้ว...จะรีบกลับ’


แน่นอนว่าเรื่องรับปากนี้รู้กันแค่ 2 คน แต่อีกเรื่องที่รู้กัน 2 คนไม่ได้ เพราะเห็นตำตาวรชิตก็คือจิณณะไม่ได้กลับมาที่ที่ว่าการตามที่นัดไว้แต่แรก แต่ไปเจอที่ร้านเหล้าในตอนเย็น โดยพิทักษ์เป็นคนมาส่ง


แต่พิทักษ์ก็แค่มาส่ง ไม่ได้ลงจากรถ พอจิณณะเดินมาที่หน้าร้านซึ่งวรชิตยืนรออยู่ ปลัดหนุ่มผู้กลายเป็นพยานรักก็ทำหน้าซื่อตาใส ร้องทักเพื่อนทันที


“คุณพิทักษ์มาส่งเหรอ”


“อือ”


“แล้วขากลับ?”


“พี่ทิศมารับ”


พอพูดไปแล้ว จิณณะก็ชักรู้สึกว่าพิทักษ์เหมือนผู้ปกครองรับส่งเข้าไปทุกที เลยต้องรีบหาเหตุผลมาเสริม


“ก็!...กูมากินเหล้าไง เขาก็เลยไม่อยากให้กูขับรถ”


...ใช่! กินเหล้า เมาไม่ขับ ถ้าจะกลับก็เรียกพี่ทิศ!...


...อ้อ...ต้องไม่ลืมว่าต้องรีบกลับเร็วด้วย เพราะ ‘นัด’ เอาไว้แล้ว...


คิดมาถึงตรงนี้ จิณณะก็เลียริมฝีปากตัวเอง รู้สึก ‘โหย’ ขึ้นมาเมื่อคิดถึง ‘นัดของคนรัก’


แต่ก็อย่างที่บอก ว่าเรื่องนี้รู้กันแค่ 2 คนกับพิทักษ์ ไม่บอกใครเด็ดขาด 


วรชิตมองหน้าเพื่อน อยากขำก็อยาก เอ็นดูก็เอ็นดู ไหนใครบอกว่าไม่ใช่ลูกไก่ในกำมือนะ


“อะไร มองกูอย่างงั้น กูคิดถึงความปลอดภัยของตัวเองเว้ย!”


ลูกไก่ในกำมือที่ไหน ออกมากินเหล้ากับเพื่อนก็ได้! เรียกคนมารับเมื่อไรก็ได้!



...แต่...เมื่อไรที่ว่าคือไม่เกินสี่ทุ่ม เพราะต้องรีบกลับ...


“เออๆ กูเชื่อ”


“ก็ต้องเชื่อสิวะ! คนเราก็ต้องห่วงตัวเองทั้งนั้นแหละ!”


“แล้วคุณพิทักษ์มารับกี่โมง?”


“มารับเมื่อกูโทรไปเรียก!” จิณณะทำเป็นตอบขึงขัง แท้จริงแล้วนัดเวลากับพิทักษ์ไว้แล้วต่างหาก


“โอ้โห! ทรงอำนาจมากครับคุณจิณณะ อย่าให้กูรู้นะว่าสุดท้ายเขาบอกให้มึงกลับกี่โมงก็กลับตอนนั้น”


“กูกลับเมื่อกูอยากกลับเว้ย!”


“ครับๆ เชื่อแล้ว” วรชิตทำเป็นเออออไปอย่างนั้น รู้ทั้งรู้ว่าพิทักษ์ฝากฝังให้เขาช่วยดูแลไม่ให้จิณณะดื่มหนักเพราะพรุ่งนี้มีประชุมเช้า


ในเมื่อพิทักษ์ยังฝากฝังเขา แล้วพิทักษ์จะไม่ตะล่อมจิณณะเองรึไง


สุดท้ายเรื่องที่วรชิตคาดเอาไว้ ก็ไม่เกินจริง


ตอนสามทุ่มสี่สิบห้า จิณณะที่ยังไม่เมาก็ขอตัวกลับ พร้อมด้วยข้ออ้างว่าพรุ่งนี้มีประชุมด่วน


...ประชุมด่วนอะไร้! วรชิตรู้ตั้งแต่เมื่อตอนบ่ายจากปากของพิทักษ์เองว่าพรุ่งนี้จิณณะมีประชุม!...


วรชิตไม่บอกว่าเขารู้อะไร แถมพอเพื่อนจะกลับ เขาก็ลุกจากโต๊ะเดินตามไปส่งด้วย


“มึงไม่ต้องเดินไปส่งกูก็ได้ เดี๋ยวพี่ทิศก็มา”


“ไม่ได้ๆ กูต้องเห็นมึงขึ้นรถคุณพิทักษ์ จะได้สบายใจว่าไม่ทะเล่อทะล่าขึ้นรถผิดคัน” วรชิตหมายความตามนั้นจริงๆ เพราะขืนปล่อยให้จิณณะออกจากร้านขึ้นรถคันไหนไปก็ไม่รู้ แล้วเกิดหายตัวไป คนซวยถูกพิทักษ์สอบก็คือเขา


คนถูกกล่าวหาว่าทะเล่อทะล่าหันมาแยกเขี้ยวใส่ แต่ก็ยอมให้อีกฝ่ายเดินไปส่ง


ลานจอดรถหน้าร้านมีรถจอดอยู่หลายคัน แต่มีอยู่คันหนึ่งที่จอดติดเครื่องและเปิดไฟหน้าเอาไว้


...รถของพิทักษ์...


วรชิตกะพริบตาปริบๆ


ทั้งๆที่ร้านนี้ไม่ได้อยู่ใกล้บ้านของจิณณะและพิทักษ์เลยสักนิด หากเพิ่งโทร.ไปตามให้มารับก็ไม่มีทางที่พิทักษ์จะมาจอดรอได้แบบนี้


...ความจริงมีเพียงอย่างเดียว คือนัดแนะกันล่วงหน้า ให้มารับเวลานี้!...


เขาเหล่ตามองอดีตปลัดปลาไหล แต่ฉายาปลาไหลก็คงเป็นอดีตเหมือนตำแหน่งปลัดอำเภอ เพราะจิณณะหลบตา ถามอ้อมแอ้ม


“อ...อะไร มองกูทำไม”


วรชิตส่ายหัวไปมา ระอาใจ


“กูเชื่อแล้วว่ามึงเป็นลูกไก่ในกำมือเขาจริงๆ”


ได้ยินอย่างนี้ ลูกไก่ในกำมือพิทักษ์ก็กลายร่างเป็นไก่ปีศาจว้ากขึ้นมาทันที


“ลูกไก่ในกำมือพ่อง!”


คนถูกด่าไม่ถือสากลับหัวเราะ แล้วโบกมือไล่


“ไปๆ กลับไปอยู่ในกำมือได้แล้ว”


ถ้าว่าง จิณณะก็จะด่าอีกสักประโยคหรอก แต่นี่... ‘มีนัด’ กับพิทักษ์ เลยจะสงบปากสงบคำก็แล้วกัน!


เขายอมเปิดประตูขึ้นรถของคนรักโดยดี ก่อนที่รถยนต์จะเคลื่อนตัวออกจากหน้าร้านไป


ลูกไก่กลับไปอยู่ในกำมือโดยสวัสดิภาพ


ส่วนวรชิต...ยืนมองส่งแล้วก็หัวเราะกับตัวเองเบาๆ


…คู่อื่นสมกันอย่างกิ่งทองใบหยก มีคู่นี้ล่ะ สมกันอย่างกับลูกไก่ปีศาจและกำมือที่มองไม่เห็น!...


FIN


สวัสดีเดือน 8 ค่ะ

จริงๆ ตอนพิเศษนี้เขียนไว้พักนึงแล้ว แต่ช่วงนี้งานยุ่งมากๆและหนักมากๆ จนไม่มีเวลาลง วันนี้ทนไม่ไหว เลยแว่บมาลงหน่อย หวังว่าทุกคนจะคิดถึงอดีตปลัดตัวแสบที่รอบนี้กลายร่างเป็นลูกไก่แสนน่ารักในกำมือพี่ทิศนะคะ

แล้วถ้าไว้มีตอนพิเศษอีก (ไม่ว่าจะเรื่องนี้หรือเรื่องไหน) ก็จะหาเวลามาลงอีกค่ะ ส่วนเรื่องใหม่ บัวคงต้องรอให้พ้นช่วงงานโหลดๆแบบนี้ไปก่อน เพราะกลัวว่าจะลงได้ไม่ต่อเนื่อง ขอโทษด้วยจริงๆ ที่หายไปนานขนาดนี้ค่ะ

ขอบคุณคนอ่าน คนคิดถึง พื้นที่บอร์ด และทุกๆกำลังใจ หวังว่างานของบัวจะช่วยสร้างความสุขเล็กๆและเป็นกำลังใจให้เช่นกันนะคะ

เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-08-2021 21:40:30 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ว๊าวววว!! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวันนี้เมื่อบ่ายอยู่ๆ ก็คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา แล้วตกดึกจะได้เห็นคุณบัวลงตอนพิเศษให้ได้อ่านคลายคิดถึงพ่ออดีตปลัดหนุ่มผู้รักย่าสุดหัวใจ 55555

และตอนนี้..​ดูยังไงจิณก็คือลูกไก่ในกำมือพี่ทิศชัดๆ พี่ทิศพูดอะไรไปเราได้ยินจิณตอบแต่จิ๊บ ๆ ๆ  :m20: :m20:

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ไก่ปีศาจกับมือที่มองไม่เห็น มีแอบขำตามเลย

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ไม่เคยชนะพี่ทิศได้เลยแพ้ทางตลอด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
น่ารักอ่ะ อ่านไปยิ้มไปเลย พี่ทักไม่ได้กำไว้เลยเนอะ ปล่อยเดินๆ แต่เดินอยู่บนฝ่ามือเนี่ยะแหล่ะ :laugh:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
เอ็นดูลูกไก่แล้ว1 :heaven

ออฟไลน์ tagloveX-Mark

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 970
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-6
ชอบเรื่องนี้มาก ครบรส อ่านแล้วอิน ได้รับครบรส ทุกอารมณ์มาหมด จะฮา หัวเราะ เครียด บีบหัวใจ เศร้า หน่วง อบอุ่นหัวใจ โรแมนติค อีโรติค
เนื้อเรื่องดี  ชวนติดตาม ลักษณะนิสัยตัวละครที่น่าจดจำแบบจิณ ที่มาเจอคู่ที่เหมาะกันแบบทิศ  และตัวละครอื่นๆ
ชอบบบบ จนต้องหาซิ้อเก็บไว้เลยครับ ประทับใจ ^_^ ขอบคุณคนแต่งที่แต่งเรื่องดีๆ ให้อ่านนะครับ

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
 :m20:  น่ารักเหมือนเดิม   ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
อ่านไปขำไป น่าเอ็นดูจริงๆเลยนะ จิณ

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ฮืออออ ดีใจมากๆเลยค่ะเข้าเล้ามาแล้วเห็นตอนพิเศษ ขอบคุณมากๆเลยค่ะคิดถึงสุดใจค่ะ

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ชอบลูกไก่ปีศาจจตัวนี้มากเลยเอ็นดู 555   :mew4:  ขอบคุณคุณบัวค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
เอ็นดูลูกไก่ปีศาจ
พี่ไม่ต้องตะล่อมใดๆน้องพร้อมเสมอ

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
กลับมาอ่านอีกรอบ น่ารักจริงๆ คู่นี้

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
…………………………
ตอนพิเศษ คริสต์มาส




ช่วงใกล้สิ้นปี การตั้งต้นคริสต์มาสให้เด่นเป็นสง่าย่อมเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป ไม่เว้นแม้แต่ในคฤหาสน์หลังหนึ่งภายในรั้ว ‘วงศ์กีรติ’


ลองจินตนาการดูสิ...



คฤหาสน์หรูหรา เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะพบต้นคริสต์มาสที่ประดับตกแต่งด้วยลูกตุ้มและไฟประดับตั้งอยู่กลางห้องโถงใต้แชนเดอเลียอันใหญ่ เมื่อเปิดแชนเดอเลียพร้อมกับไฟกะพริบบนต้นคริสต์มาส แสงไฟระยิบระยับชวนให้รู้สึกสนุกสนาน พร้อมต้อนรับเทศกาลที่จะมาถึง!


แต่...น่าเสียดาย ก่อนที่เทศกาลจะมา ใครบางคนกลับมาถึงคฤหาสน์หลังนี้ก่อน!


   ไม่รู้วันนี้ฤกษ์งามยามดีอย่างไร คุณกอบกุลนึกอยากจะมาหาลูกชายคนเล็กที่คฤหาสน์ของเขา แทนที่จะให้คนมาตามเขาไปพบที่คฤหาสน์ของหล่อน


   แล้วพอหล่อนเป็นฝ่ายมา ถึงได้พบว่าพื้นที่ภายใต้การปกครองของหล่อนมีบางสิ่งเคืองสายตา!


   ต้นคริสต์มาสมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!


   แม้นั่นจะเป็นสิ่งแรกที่ผุดขึ้นในสมองของหญิงชราผู้อาวุโสที่สุดของวงศ์กีรติ แต่วินาทีต่อมาหล่อนก็รู้คำตอบโดยไม่ต้องถามใคร ในเมื่อ มีอยู่คนเดียวที่ทำแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง!


   จิณณะ!


   “เอาต้นคริสต์มาสมาตั้งกลางบ้าน! นับถือศาสนาอะไรกัน!” เสียงของหล่อนดังก้อง ทำเอา 2 พี่น้องที่กำลังตกแต่งต้นคริสต์มาสกันอย่างสนุกสนานพากันชะงัก


‘เด็กชายจารีต’ คนน้องหันมาเห็นผู้เป็นย่าก็หน้าซีด ส่วน ‘นายจิณณะ’ คนพี่ผู้มีประสบการณ์ลับฝีปากกับย่าบังเกิดเกล้ามาตั้งแต่จำความได้กลับเพียงแค่เลิกคิ้ว


...เลิกคิ้ว...เพราะสงสัยว่าเหตุใดน้อ ที่นี่ก็บ้านพ่อแม่เขา แต่คุณย่ากลับมาถึงที่!...


เอาเถอะ เห็นแก่ว่าบ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนที่ดินของคุณกอบกุล หล่อนก็คงถือฤกษ์สะดวก ไปไหนมาไหนตามสบายนั่นแหละ


จารีตเห็นพี่ชายกับคุณย่าจ้องหน้ากันก็เริ่มลนลาน สองจิตสองใจ ไม่รู้จะอยู่ห้ามไม่ให้ทั้งสองทะเลาะกัน หรือวิ่งไปตามคนมาช่วยดี!


แต่ก่อนที่คนน้องจะตัดสินใจ...คนพี่กลับปากไวพูดขึ้นเสียก่อน


   “คงนับถือศาสนาเดียวกับคุณย่ามั้งครับ เอ๊?! คุณย่านับถือศาสนาอะไรนะครับ คำสอนดี๊ดี มีบริจาคตู้เย็น ไมโครเวฟให้โรงพัก”


   “จิณณะ!!” คุณกอบกุลขึ้นเสียง คนไม่ได้ชื่อจิณณะอย่างจารีตถึงกับสะดุ้งเฮือก ส่วนคนที่ชื่อจิณณะ กลับเลิกคิ้วไม่สะทกสะท้านแล้วถามซ้ำ


   “หรือว่า...ทำด้วยจิตสาธารณะ?”


   สงครามของ 2 ย่าหลานเริ่มปะทุ โชคดีว่าโกศลบิดาของจิณณะกับจารีตรีบวิ่งเข้ามาเสียก่อน


   “คุณแม่...” เขาเรียกมารดา คุณกอบกุลยอมละสายตาจากหลานชายนอกคอกหันไปมองลูกชายที่ตนเองจะมาพบ


   “...มีอะไรหรือครับ มาถึงนี่ ถ้าอยากพบผม ให้เด็กมาเรียกก็ได้”


   “ถ้าฉันให้คนอื่นมา ก็คงไม่รู้ว่าบ้านแกนับถือคริสต์กันหมดบ้าน!” หล่อนพูดแล้วปรายสายตาไปที่ต้นคริสต์มาสที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องโถง


   “เอ้อ...เด็กๆอยากให้เข้ากับเทศกาลน่ะครับ...” โกศลแก้ต่างแทนลูกๆ ก่อนจะรีบหาทางพามารดาไปที่อื่น “...คุณแม่ เชิญทางนี้เถอะครับ จะได้นั่งคุยกัน...”


คุณกอบกุลรู้ว่าลูกชายพยายามกันหล่อนออกจากจิณณะ หญิงชราปรายสายตามองหลานนอกคอกที่ยังทำหน้าอวดดีแล้วก็ยิ่งชิงชัง


   “ให้คนเอาไอ้ต้นบ้านี่ออกไปจากบ้านฉันด้วย!” หล่อนสั่งเสียงแข็ง


โกศลทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จารีตทำหน้าเหมือนจะร้องไห้และอยากจะวิ่งหนีไปฟ้องใครสักคนว่าคุณย่าไม่ให้จัดต้นคริสต์มาส ส่วนจิณณะ...ไม่เลิกลั่ก ไม่ร้องไห้


และ...ไม่รับคำสั่ง


   “ไม่”


   คุณกอบกุลตวัดสายตาฉับมามองทันที


   “ผมไม่ได้จัดในบ้านคุณย่าสักหน่อย คุณย่ามีปัญหาตรงไหนอ่ะครับ”


   “แต่ที่นี่มันที่ดินของฉัน!”


   คุณกอบกุลพูดถูก ที่ดินผืนนี้เป็นชื่อหล่อน บ้านทุกหลังในอาณาเขตรั้วนี้ก็สร้างด้วยเงินของหล่อน


   ...แต่...ยอมรับแล้วยังไร? จะให้จิณณะเก็บต้นคริสต์มาสกลับลงกล่องทั้งที่ซานต้าคลอสยังมาไม่ถึงเมืองไทยน่ะหรือ? อย่าหวัง!...


   เด็กหนุ่มทำหน้าตายย้อนถาม “ไม่คิดจะปลงสมบัติสักหน่อยเหรอครับ”


   “จิณณะ!”


   “ผมก็แค่พูดให้คิด อะไรที่ไม่ได้ใช้ทุกวัน ก็ปล่อยให้คนอื่นเอาไปบ้าง อะไรที่ไม่ต้องเห็นทุกวัน ก็ทำเป็นมองข้ามไปบ้าง อะไรที่ไม่ต้องได้ยินทุกวัน ก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปบ้าง ปล่อยวางบ้าง ชีวิตบั้นปลายจะได้สงบนะครับ”


   จิณณะพูดแล้วก็ไม่รอให้คุณกอบกุลเถียงกลับ เขาหันไปทางน้องชาย


   “จา มาทำต่อ เย็นนี้จะได้เปิดไฟต้นคริสต์มาสกัน”


   ชวนแล้วคนพี่ก็หันไปจัดสายไฟให้วางอยู่ในระดับที่สวยที่สุดในสายตาตัวเอง ส่วนคนน้องมองคุณกอบกุลอย่างกล้าๆกลัวๆ จะทำตามที่พี่ชวนก็ไม่กล้า แต่ถ้าไม่ทำ...ก็กลัวพี่จะโกรธ


   จิณณะเห็นน้องชายยังยืนเลิกลั่กอยู่ที่เดิมก็เหลือบมอง จารีตอายุยังน้อย สีหน้าลำบากใจปิดไม่มิด ตัวเขาเองก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าต่อให้เขาจะไม่หือไม่อือกับเสียงก่นด่าของคุณกอบกุล แต่คนอื่นๆในบ้านไม่ใช่แบบนั้น


   หลานชายนอกคอกถอนหายใจเบา สุดท้ายก็ตัดใจที่จะดื้อแพ่งซึ่งๆหน้า ทำเป็นลูบท้องตัวเอง


   “ชักหิว จา...เราไปหาขนมกินกันก่อนดีกว่า”


   พอพี่ชายออกปากอย่างนั้น สีหน้าของจารีตก็ราวกับเห็นแสงสว่างขึ้นมาทันที แล้วพอเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งออกเดิน เด็กชายตัวป้อมก็รีบเดินตาม ภายในเวลาไม่กี่อึดใจ 2 พี่น้องก็ลับสายตาคุณกอบกุลไปแล้ว


   แต่ต้นคริสต์มาสยังอยู่ทนโท่!


   “อย่าให้ฉันเห็นไอ้ต้นบ้านี่ในบ้านฉันอีก!” หล่อนสั่งลูกชายเสียงเข้ม ก่อนจะหมุนตัวเดินนำเข้าห้องนั่งเล่น โดยมีโกศลเดินตัวลีบตามหลัง


   หลายวันต่อมา เมื่อคุณกอบกุลแวะมาที่บ้านของลูกชายคนเล็กอีกครั้ง ก็ไม่ปรากฏ ‘ไอ้ต้นบ้านี่’ อยู่กลางบ้านอีกแล้ว และไม่เห็นหลานชายนอกคอกเดินร่อนไปร่อนมาให้รำคาญตาด้วย


หญิงชราเชิดหน้าอย่างสาแก่ใจที่คำสั่งของหล่อนยังคงเป็น ‘เสียง’ ที่ดังที่สุดในบ้านวงศ์กีรติ


ทว่า…สิ่งหนึ่งที่หล่อนไม่ทราบ คือ ‘ไอ้ต้นบ้านี่’ ไม่ได้หายไปไหน แต่มันถูกย้ายไปไว้ในห้องรับประทานอาหารข้างๆห้องโถงนี่เอง ซึ่งนี่เป็นความเห็นของจิณณะ หลานรักสุดนอกคอกของคุณกอบกุล


‘คุณย่าบอกว่าอย่าให้เห็น ก็นี่ไงครับ เอามาตั้งในห้องกินข้าว ถ้าคุณย่าจะมาบ้านเรา ก็เชิญคุณย่าอยู่ห้องอื่น แต่ถ้าคุณย่าจะมาห้องนี้ก็...ช่วยไม่ได้ นี่ผมก็หลบสายตาให้เต็มที่แล้ว’


คนบอกว่า ‘หลบให้เต็มที่แล้ว’ ว่าอย่างนั้น ก่อนจะกดเปิดสวิตช์ไฟประดับต้นคริสต์มาส แล้วเสียงดนตรีเป็นท่วงทำนอง Santa Claus is coming to town ก็ดังไปทั่วทั้งบ้านของโกศล


โชคดีเหลือเกิน ที่เสียงดังได้เท่านี้ เพราะถ้าดังได้มากกว่านี้ เห็นทีคุณกอบกุลคงรีบตรงดิ่งมาที่นี่แล้วมาเห็นต้นคริสต์มาสด้วยตาตัวเอง!


..................


   และนั่นคือเรื่องเมื่อครั้งจิณณะยังเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนที่พร้อมฉะกับคุณย่าทุกที่ทุกเวลา


บัดนี้ จิณณะ  วงศ์กีรติเป็นผู้ใหญ่แล้ว และบางครั้ง ความเป็นผู้ใหญ่ของเขา...ก็เหมือนคุณย่าของเขายิ่งกว่าลูกหลานคนไหน


   “ขอบคุณนะครับ คุณจิณณะ คนที่จับได้รางวัลของคุณคงดีใจมาก” นายอำเภอวัยกลางคนเอ่ยพลางยิ้ม แม้อายุจะมากกว่า แต่ก็สุภาพ ติดไปทางจะพินอบพิเทาด้วยซ้ำ


   ฝ่ายจิณณะยกยิ้ม ท่าทีสบายๆ


   “ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ ถึงผมจะออกจากราชการมานานแล้ว แต่ก็เคยทำงานที่นี่มาก่อน อยากเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ดีๆ แต่เห็นว่าไม่รับกระเช้า ก็บริจาคของจับสลากแล้วกัน เอ?...แต่ถ้าใครจับได้ของผม แล้วยังไม่อยากเปลี่ยนตู้เย็นใหม่ ก็ให้เขาเอาไปขายต่อนะครับ” เขาพูดพลางยิ้มติดตลก ก่อนจะทำเป็นยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู


   “เอ...พอดีผมมีธุระต่อ คงต้องผมขอตัวก่อน”


   “ผมไปส่งที่รถครับ”


   นักธุรกิจหนุ่มยิ้มไม่ปฏิเสธ


ทว่า...หากคนที่เคยทำงานกับจิณณะสมัยรับราชการมาเห็นรอยยิ้มนี้ ก็คงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เหมือนรอยยิ้มของปลัดจิณณะคนเก่า


   ...แหงอยู่แล้ว ‘ปลัดจิณณะ’ กับ ‘จิณณะ  วงศ์กีรติ’ จะเหมือนกันได้อย่างไร…


   แม้แต่ ‘ปลัดจิณณะ’ คนนั้นก็อาจนึกไม่ถึงด้วยซ้ำ ว่าในอีกหลายปีต่อมา ตนเองจะกลายเป็น ‘จิณณะ วงศ์กีรติ’ ที่แบ่งน้ำใจออกเป็น 2 รูปแบบ คือน้ำใจที่ให้โดยหวังสิ่งตอบแทน กับน้ำใจที่ให้โดยไม่หวังอะไรเลย


   ไม่น่าเชื่อใช่ไหม ว่าหลานชายนอกคอกที่เคยยอกย้อนย่าผู้ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ เมื่อถึงเวลาของเขา เขาก็...ไม่ต่าง


   ไม่สิ! จิณณะยังมีน้ำใจที่ให้โดยไม่หวังอะไรเลย ไม่เหมือนคุณกอบกุลที่มอบอะไรให้ใคร เป็นต้องได้ผลประโยชน์ตอบแทนเสมอ นี่ล่ะ! จุดที่ไม่เหมือนกัน! ยังไงๆก็ไม่เหมือน!


    เมื่อก้าวเท้าออกไปหน้าอาคารที่ว่าการ รถยนต์ของเขาก็เคลื่อนตัวมารับ แต่ก่อนจะขึ้นรถ ชายหนุ่มก็หันมาทางคนมาส่ง


   “แล้วถ้ามีอะไรให้ช่วย ก็บอกผมได้เสมอนะครับ ผมยินดี” เขาพูดพลางยิ้ม ก่อนจะก้าวเท้าขึ้นรถไป


   รถยนต์หรูของนักธุรกิจชื่อดังเคลื่อนตัวพ้นเขตที่ว่าการอำเภอแล้ว รอยยิ้มการค้าที่ฉาบบนใบหน้าของจิณณะก็หายไปทันที


เขาขยับตัวเอนตามสบาย ยกนาฬิกาข้อมือเรือนหรูขึ้นมาดูอีกรอบ เพราะเมื่อกี้ทำเป็นดูไปอย่างนั้น คนใช้นาฬิกาสปอร์ตมาทั้งชีวิต ต้องมาใช้นาฬิกามีเข็มสั้นเข็มยาวแล้วเวียนหัวทุกที!



แล้วถ้าถามว่าเขาจะใส่ทำไม ก็ต้องบอกว่า เขาไม่ได้ใส่เพื่อให้ตัวเองดูเวลา แต่ใส่เพื่อให้คนอื่นดู ว่าเขาใส่นาฬิกาอะไรต่างหาก...


ชีวิตในสังคมก็อย่างนี้ มีเรื่องถูกใจ ไม่ถูกใจ เรื่องควร เรื่องไม่ควร เรื่องที่ต้องทำ เรื่องที่ไม่ต้องทำ วิธีในการเลือกก็แสนจะแตกต่าง แต่ละอย่างก็เลือกแสนจะยาก เอาเป็นว่าสมองกับใจเห็นพ้องว่าทำหรือไม่ทำ ก็เลือกอย่างนั้น


   และตอนนี้...สมองและหัวใจของจิณณะก็ตัดสินใจที่จะทำเรื่องหนึ่ง


ทว่าไม่ทันอ้าปาก เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขัดจังหวะ พอหยิบขึ้นมาเห็นว่าเป็นชื่อเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ จะถือว่าให้อภัยก็แล้วกัน


   “ไง ปลัดกระทรวง” กรอกเสียงรับสายลงไปแค่นั้น ก็ได้ยินเสียงวรชิตโวยกลับมา


   ‘ปากมึงเนี่ยนะ!’


   จิณณะหัวเราะร่วน ไม่สะทกสะท้านที่ถูกเพื่อนเฉ่ง


   “มีอะไรให้รับใช้ครับท่านครับ”


   ‘กูจะใช้อะไรมึงล่ะ! คราวก่อนมึงเคลียร์กับท้องถิ่นให้ กูยังไม่ได้ขอบคุณมึงเลย’


   “ช่วยได้กูก็ช่วย ไม่เห็นต้องขอบคุณ” จิณณะตอบอย่างไม่ยีหระตามประสาคนใจกว้าง


   ใช่...เขาใจกว้าง แต่อย่างที่บอก ความใจกว้างและน้ำใจของเขามี 2 แบบ


กับบางคน เขา ‘ให้’ โดยหวังสิ่งตอบแทน แต่กับบางคนเขา ‘ให้’ และไม่หวังแม้แต่จะรับคำขอบคุณด้วยซ้ำ


   ‘เออ มึงไม่อยากได้ขอบคุณ งั้นกูขอบใจแล้วกัน’


   “นี่คือโทรมาขอบคุณขอบอกขอบใจกูอย่างเดียว?” จิณณะย้อนถามยิ้มๆ


   ‘กูจะโทรมาด่ามึงด้วย ไข่ไก่ที่ส่งมาในชื่อกูนี่จากมึงใช่มั้ย?!’ ประโยคหลังเป็นการกระซิบที่เสียงแข็งมาก คาดว่าเจ้าตัวคงอยู่ที่ทำงานนั่นล่ะ


   “ก็...ของขวัญคริสต์มาสจากปลัดกระทรวงวร...ชิ...ต...”


   ‘ไอ้จิณ!’


   “โธ่! อย่าดุหน่า กูช่วยคนรู้จักซื้อ...”


‘ช่วยใครซื้อ’


“คนรู้จักไง! คนรู้จัก!”


‘ให้กูทายนะ ผู้ว่าฯสักจังหวัดที่มาบอกมึงว่าไข่ไก่ราคาตกใช่มั้ย’


“แหม รู้ใจกูจัง สมแล้วที่กูส่งให้มึงเป็นของขวัญคริสต์มาส”


   ‘ส่งมาให้กู แต่คนขับรถบอกว่าจาก วรชิต’


   “อ้าว ถ้าบอกว่าจาก จิณณะ  เดี๋ยวก็หาว่ากูติดสินบนเจ้าพนักงานน่ะสิ”


คำตอบของจิณณะ ทำเอาปลายสายถอนหายใจเฮือกใหญ่ “...เอาหน่า ไอ้ชิต ถือว่าเป็นของขวัญจากกูแล้วกัน มึงก็เอาไปแจกคนในกระทรวงน่ะ บอกเขาไปว่าช่วงนี้ไข่ไก่ราคาตก มึงเลยช่วยชาวบ้านซื้อ”


   ‘มึงทำให้กูลำบากใจนะ จิณ’


   “ลำบากใจอะไร กูซื้อมา แล้วกูก็แจกคนไปทั่ว แล้วกูก็แค่แจกมึงด้วย มึงกินไข่ไก่คนเดียวหมดคันรถมั้ยล่ะ ถ้าไม่หมดก็เอาไปให้คนอื่นต่อ การให้ไม่สิ้นสุดน่ะ รู้จักมั้ย”


   เสียงถอนหายใจดังมาอีกเฮือก คราวนี้ปลายสายคงถอดใจจะเถียงกับเขาแล้วจริงๆ


‘มึงนี่นะ มือเติบฉิบหาย คุณพิทักษ์ไม่บ่นรึไง’


   “ไม่บ่น...ถ้าไม่รู้”


   ‘กูล่ะเชื่อมึงเลย! เหมาไข่ไก่ทั้งจังหวัดแบบที่คุณพิทักษ์ไม่รู้เนี่ยนะ?!’


   “ของแบบนี้มันอยู่ที่ความสามารถเว้ย!”


   ‘อวดดีไปเหอะ คุณพิทักษ์จับได้ว่าใช้เงินแบบนี้ มึงโดนหนักแน่’


   “อวยพรกูรับปีใหม่เลยเนอะ”


   ‘เออ เมอร์รี่ คริสต์มาส แฮปปี้นิวเยียร์ล่วงหน้า ขอบใจสำหรับไข่ไก่ในนามวรชิตด้วย’ ประโยคหลังนั่นฟังยังไงวรชิตก็กัดฟันพูด คาดว่าถ้าเจอหน้ากัน จิณณะคงถูกเพื่อนไล่เตะสักรอบนึง โทษฐานส่งไข่ไก่ไปเป็นของขวัญคริสต์มาส


   “เมอร์รี่ คริสต์มาส แอนด์ แฮปปี้นิวเยียร์ ปีหน้ากูสัญญาว่าไม่ใช่ไข่ไก่ เอาเป็นไข่เป็ดมั้ย”


   ‘ไม่เอาสักไข่โว้ย!’ วรชิตโวยกลับมา แต่คนถูกโวยไม่รู้สึกรู้สา หัวเราะร่วน พวกเขาคุยกันอีกเล็กน้อย ก่อนจะวางสาย คราวนี้ จิณณะเลยได้กลับมาที่เรื่องเดิมที่คิดจะทำ


   ...เดือนสุดท้ายของปี ใกล้เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ จะมีอะไรสำคัญไปกว่าการประดับตกแต่งและของขวัญ!...


   “พี่นัย ถ้าเข้ากรุงเทพฯตอนนี้ จะกลับมาทันหกโมงเย็นมั้ย ผมมีนัดกับพี่ทิศ”


   คนขับรถไม่ใช่ใครที่ไหน ดนัยเลขานุการและบอดี้การ์ดส่วนตัวที่วันนี้พ่วงตำแหน่งพิเศษมาขับรถให้


“คุณจิณจะเข้าไปหาคุณชิตหรือครับ”


จิณณะสั่นหน้ารัว “หึ! จะไปหาให้มันเฉ่งผมทำไมล่ะ”


ดนัยไม่อยากจะบอกว่าเป็นใครก็คงอยากเฉ่งทั้งนั้น อยู่ดีๆ มีคนส่งไข่ไก่หนึ่งคันรถไปที่กระทรวงในนามตนเองทั้งที่ตนเองไม่รู้เรื่องแบบนี้


แต่นั่นล่ะ...ดนัยทำงานกับจิณณะมานาน เขารู้ว่าเรื่องไข่ไก่คราวนี้ เจ้าตัวมีวาระซ่อนเร้นตอนช่วยซื้อ แต่ตอนส่งไปให้วรชิตกลับเป็นไปโดยบริสุทธิ์ใจ เขาดูออกว่าจิณณะหวังให้วรชิตนำไปแจกจ่ายให้คนในกระทรวงเพื่อผูกสัมพันธ์ในสายงานให้ตัววรชิตเอง ไม่ได้หวังอะไรกลับมาที่ตนเองสักนิด


เป็นหลานชายคุณกอบกุลที่ ‘เหมือน’ คุณกอบกุลมาก แต่ก็ ‘ไม่เหมือน’ คุณกอบกุลมากเช่นกัน


“แล้วคุณจิณจะไปไหนหรือครับ”


   “ผมอยากได้ต้นคริสต์มาส เมื่อกี้เห็นที่ที่ว่าการ นึกขึ้นได้ว่าที่บ้านไม่มี” พูดแล้วก็เหลือบมองคนขับรถ


ดนัยไว้ใจได้ทุกเรื่อง แต่ก็ลืมไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนของคุณเทียม ลุงของพิทักษ์ หากดนัยปูดเรื่องเขาใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย รับรองว่าเขาโดนพิทักษ์เฉ่งต้อนรับซานต้าคลอสแน่นอน


   “พี่นัยห้ามบอกพี่ทิศนะ รอจนกว่าผมจะเอาต้นคริสต์มาสมาตั้ง”


   ดนัยถอนหายใจเฮือก แล้วย้อนถาม


   “คุณจิณจะซื้อแบบคุณทิศไม่รู้อีกแล้วเหรอครับ”


เขาไม่อยากบอกเลยว่าเรื่องเหมาไข่ไก่ทั้งจังหวัด ยังรอวันเปิดเผยอยู่ แค่เรื่องนั้นเรื่องเดียวก็ไม่รู้จะถูกพิทักษ์บ่นกี่ชั่วโมงแล้ว


   “พี่ทิศรู้ ผมก็ไม่ได้ซื้อสิ! ไม่เอาหน่า พี่นัย คริสต์มาส 1 ปีมีครั้งเดียว จัดที่ไหนได้ก็ต้องจัด!”


   “ตอนซื้อไข่ไก่ คุณจิณก็พูดแบบนี้ว่าปีนึง ไข่ไก่จะราคาตกสักกี่ครั้ง”


   “คนละเรื่องเลยพี่”


   ดนัยได้แต่ถอนหายใจ อยากเถียงว่ามันเรื่องเดียวกันคือเรื่องการใช้เงินของจิณณะ แต่พูดไปแล้วฟังที่ไหน เนี่ย! โผล่หน้ามาตรงกลางระหว่างเบาะแล้ว!


   “แยกหน้าแล้วเลี้ยวเข้ากรุงเทพ”


   สั่งไม่พอ ยังจ้องจิกชนิดว่าถ้าดนัยไม่ทำตาม เจ้าตัวจะกระโดดมาขับแทน แต่ถ้าทำตาม ดนัยก็เดาอนาคตได้เลย


   ...ถ้าพิทักษ์ดุจิณณะ เขาก็โดนหางเลขไปด้วยอีกตามเคย...


...................


   ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองคือจุดหมายปลายทางของจิณณะ แม้ดนัยจะมาในฐานะคนขับรถ แต่เขาไม่กล้าเสี่ยงส่งคนใช้เงินมือเติบลงไปซื้อคนเดียวแน่


   เลขานุการหนุ่มทำเป็นขับรถไปจอดที่อาคารจอดรถ ไม่ได้ส่งผู้โดนสารที่หน้าประตูห้างฯ ฝ่ายจิณณะก็เอาแต่กดโทรศัพท์ยิกๆ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่รถจอดสนิทแล้ว


   2 หนุ่มลงจากรถ เดินเข้าห้างสรรพสินค้า ช่วงใกล้เทศกาล ลานกิจกรรมภายในห้างฯ เป็นจุดที่คึกคักที่สุด เพราะนอกจากจะมีการประดับประดาแล้ว ยังเป็นแหล่งรวมสินค้าต่างๆด้วย จิณณะเห็นต้นเขียวๆวางเรียงรายแต่ไกล เขาก็พุ่งไปที่นั่นก่อนอย่างอื่น


   กวาดตามอง 1 รอบ จากนั้นก็เรียกพนักงานขายมา ไม่ต้องให้ใครเสนอโปรโมชั่นสุดพิเศษ ชายหนุ่มก็ตัดสินใจซื้อภายในเวลาไม่กี่วินาที


   “เอาต้นนั้นครับ” ชี้แล้วก็หยิบกระเป๋าสตางค์ส่งบัตรเครดิตให้ “...อ้อ เอาไฟต้นคริสต์มาสด้วย เอาแบบที่ยาวพอจะพันต้นนี้ได้นะ จัดมาให้เลย”


พนักงานขายหัวไว รับบัตรเครดิตแล้วไปจัดการให้ทันที ส่วนจิณณะได้ของตามที่ต้องการแล้วก็ยิ้มกริ่มภูมิใจ


ทว่า...คนที่มากับเขา เริ่มหน้าซีด


   “คุณจิณ...ผมว่าแบบนี้ไม่รอด...”


ดนัยรับหน้าที่บอดี้การ์ดมาตั้งแต่สมัยอยู่กับคุณเทียม พอถูกส่งมาดูแลจิณณะ เขาก็คิดว่าชีวิตคงไม่เสี่ยงอันตรายเท่าตอนอยู่กับนายเก่า ที่ไหนได้...จิณณะหาเรื่องเสี่ยงตายไม่เว้นวัน!


   ฝ่ายคนหาเรื่องเสี่ยงตาย กลับไม่ได้ทุกข์ร้อน โบกมือหย็อยๆ


   “อย่าเว่อหน่า! ผมแค่ซื้อต้นคริสต์มาสต้นเดียว ไม่ได้ซื้อเป็นสิบซะหน่อย”


   “แต่ต้นเดียวของคุณจิณน่ะ...” ดนัยพูดแล้วปรายตามองต้นคริสต์มาสที่จิณณะจับจอง “...มันใหญ่ไปหน่อยมั้ยครับ”


   “ใหญ่ที่ไหน! ผมสูง 180 ต้นนี้ก็...” คนสูง 180 เซนติเมตร เหลือบมองยอดต้นคริสต์มาสที่ตนเองซื้อ “...ก็สูงกว่าผมนิดหน่อย”


   “กะจากสายตาผม ต้นคริสต์มาสสูง 3 เมตรครับ”


   “เอาหน่าๆ 3 เมตรมองให้น่ารักก็เหมือน 3 เซน!”


   “แล้ว 3 เซนของคุณจิณ จะเอาเข้าบ้านยังไงให้คุณทิศไม่เห็นครับ”


   ดูเหมือนจิณณะจะเพิ่งนึกออกว่าหากซื้อกลับไปวันนี้ เขาน่าจะถูกพิทักษ์ดุก่อนจะได้จัดเสียอีก ยกเว้นก็แต่...เก็บไว้ที่อื่นก่อน แล้วค่อยยกเข้าไปจัดเซอร์ไพรส์พิทักษ์วันคริสต์มาส!


   “เก็บไว้ที่ออฟฟิศผมก็ได้!” เจ้าตัวตอบอย่างมุ่งมั่น มีทางออกแล้ว! ยังไงก็ต้องได้ต้นคริสต์มาสกลับไป!


   “คุณทิศจะไม่ทราบใช่มั้ยครับ?”


คำถามของดนัยทำเอาจิณณะชักไม่มั่นใจ เพราะต่อให้ขึ้นชื่อว่าเป็นออฟฟิศของเขา แต่พิทักษ์ก็แวะไปบ่อยเสียจน...ไม่แน่ใจว่าวันใดวันหนึ่ง จะมีคนหลุดปากเรื่องต้นคริสต์มาส ‘3 เมตรมองให้น่ารักก็เหมือน 3 เซนฯ’ หรือไม่


   เอาอย่างไรดี จะเอาไว้ที่ไหนที่สามารถไปเอาได้สะดวก แต่ก็ต้องเป็นที่ที่พิทักษ์จะไม่แวะไป


   ตอนนั้นเองที่จิณณะนึกออก


เขาหันมองดนัยอย่างมีความหวัง แต่คนที่เป็นความหวังของเขากลับสะดุ้งโหยง


   “คุณจิณอย่าบอกนะครับว่า...”


   จิณณะทำตาละห้อยในวินาทีนั้น เปลี่ยนสีหน้าและสายตาไวราวกับนักแสดงมืออาชีพ


“พี่นัย เป็นคนเดียวที่จะช่วยผมได้นะ พี่นัยคงไม่อยากให้ผมถูกพี่ทิศดุเพราะแค่ซื้อต้นคริสต์มาสและตั้งใจจะฉลองกับพี่ทิศเงียบๆหรอกเนอะ...”


ทั้งๆที่จะปฏิเสธก็ได้ แต่อะไรสักอย่างของคนตรงหน้าก็ทำให้ดนัยปฏิเสธไม่ลง


ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกที่เท่าไรของวันก็ไม่รู้


...อย่าว่าแต่เขาจะโดนหางเลขเลย เวลานี้ เขากลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปแล้วเรียบร้อย...


   .........................


   หลังจากได้ต้นคริสต์มาสสมปรารถนา พร้อมด้วยไฟประดับตกแต่งอีก 1 กล่องใหญ่ อย่าคิดว่าจิณณะจะหยุดเท่านี้ เจ้าตัวเห็นลูกตุ้มหลากสีและสายรุ้งก็เกิดอยากจะเอามาประดับอีก ส่วนดาวประดับยอดต้นคริสต์มาส...อันนั้นไม่ซื้อ เพราะสั่งทำแบบพิเศษเอาไว้แล้ว


คริสต์มาสปีนี้ ซานต้าคลอสควรมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ‘ใช้จ่ายเก่ง’ ให้จิณณะ  วงศ์กีรติ!


   แต่...การใช้จ่ายเงินของจิณณะ ไม่ใช่เพียงเรื่องของจิณณะ


เมื่อเขาไม่สามารถเอาต้นคริสต์มาสสูง 3 เมตรกลับบ้านในวันนั้นได้ ผลกรรมเลยตกเป็นของดนัย ผู้ที่ต้องเปิดบ้านรับฝากต้นคริสต์มาส


   “ผมฝากไว้ก่อน เช้าวันที่ 24 พี่ทิศไปประชุมแล้ว พี่นัยค่อยเอาไปให้ผมที่บ้านนะ แล้วห้ามบอกพี่ทิศก่อนล่ะ ผมอยากให้พี่ทิศเซอร์ไพรส์”


   ดนัยไม่อยากพูดเลยว่าตลอดเวลาที่จิณณะกับพิทักษ์คบหากัน เขาเห็นจิณณะมีแต่เรื่องเซอร์ไพรส์พิทักษ์ทั้งสิ้น และหลายครั้งมักลงท้ายด้วยการส่ายหน้าระอาใจของพิทักษ์นั่นแหละ


แต่...ความระอาของพิทักษ์ก็ไม่อาจหยุดยั้งจิณณะได้เลย ผลคือวันนี้ดนัยเลยต้องรับฝากต้นคริสต์มาสความสูง 3 เมตร เพราะคนซื้อกลัวว่าเอากลับไป แล้วจะโดนดุล่วงหน้าไม่รอเทศกาล


......................   


   ((หน้าต่อไปค่ะ))

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด