...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)  (อ่าน 304916 ครั้ง)

ออฟไลน์ Fish129

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 746
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-3
จิณณะขี้หวงมาก
โถ่ คุณพิทักษ์ จิณรักขนาดนี้ยอมๆ ทำเป็นไม่รู้เรื่องไปบ้างก็ได้

ออฟไลน์ ppwct

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พฤหัสเวียนมาแล้ววว รอนะคะ :mew1:

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มารอจ้ะ​ วันพฤหัสบ​ดี​แล้ว

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
=>ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1


ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
………………………….
ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 2


เลขานุการสาวคิดว่าตนเองน่าจะถูกโกรธที่นำตารางงานไปบอกคนอื่น แต่จิณณะเป็นคนรักของพิทักษ์ หากถูกโกรธก็ไม่น่าจะมากมายอะไร ซึ่งปรากฏว่าพิทักษ์ไม่ได้โกรธหล่อนจริง เมื่อเช้ามาถึงออฟฟิศก็ยังสั่งงานอย่างเป็นปกติ เสียแต่...หน้าตาของเขานิ่งเฉยเกินกว่าปกติ เดาว่าน่าจะทะเลาะกับจิณณะมา


เรื่องคาดเดากลายเป็นเรื่องมีเค้าจริงขึ้นมาในยามสาย เมื่อจู่ๆก็มีดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ส่งมาที่สนามกอล์ฟ


สาวน้อยสาวใหญ่พากันชะเง้อคอว่าใครเป็นผู้โชคดีได้รับกุหลาบแดงช่อมหึมา สรุปเป็นว่ามันมาถึงมือหล่อน


ทว่าก็แค่ถึงมือ...ก่อนจะผ่านมือไปเพราะคนสั่งมาส่งคือจิณณะ คนรับก็ย่อมเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพิทักษ์


หล่อนหอบดอกกุหลาบช่อใหญ่เข้ามาในห้องทำงานของเจ้านาย พอพิทักษ์เห็นก็ถึงกับชะงักงัน


“นั่นคุณเอาเข้ามาทำไม”


“มีคนส่งมาให้คุณทิศค่ะ” เลขานุการสาววางลงบนโต๊ะทำงาน แอบนวดแขนเล็กน้อย เพราะกุหลาบช่อโตนั้นน้ำหนักไม่ใช่น้อยๆเลย และนี่อาจจะเป็นช่อที่โตที่สุดเท่าที่หล่อนเคยเห็นด้วยซ้ำ


เล็กๆไม่ ใหญ่ๆต้องจิณณะ  วงศ์กีรติจริงๆ


“ใครส่งมา” พิทักษ์พยายามพลิกหาการ์ดหรือนามบัตร แต่ไม่พบ จึงเงยหน้ามองลูกน้อง หล่อนยิ้มแหยอย่างไม่กล้าตอบ เพียงเท่านั้นเขาก็รู้แล้วว่าจะมีใครแผลงได้เท่านี้


ส่งดอกไม้มาให้เขา แถมช่อใหญ่อย่างนี้ คนทั้งคลับกอล์ฟคงเห็นกันหมด นี่ตั้งใจจะขอโทษหรือหาเรื่องเพิ่ม


“ตัวแสบ!”


เลขานุการสาวได้แต่เงียบ ใจหนึ่งก็เห็นด้วยว่าจิณณะแสบจริงสมกับที่พิทักษ์พูด แต่อีกใจ...จิณณะแสบก็จริง แต่เขาก็แสบอย่างมีเหตุผล หากไม่ถูกคุกคาม เขาจะออกมาขวางดารินอย่างนั้นหรือ แล้วที่เขาทำก็ไม่ได้กระโตกกระตากเป็นเรื่องใหญ่ และธุรกิจก็ไม่ได้เสียหายสักนิด


“วันนี้ไม่มีงานอะไรแล้วใช่ไหม ผมจะออกไปข้างนอก” ไม่ต้องถามว่าออกไปไหน เพราะเขาคว้าเอาดอกกุหลาบช่อโตไปด้วย เลขานุการสาวได้แต่รับคำเสียงอ่อน ถอยให้พิทักษ์เดิน ทว่าก่อนที่เขาจะออก หล่อนก็เอ่ยปากอย่างเกรงใจ


“คุณทิศ ขอโทษนะคะ” ต่อให้เรื่องนี้จะไม่ใหญ่โต แต่การที่หล่อนซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการของเขาแต่กลับให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นมากกว่างาน ก็นับว่าเป็นความผิดอยู่ดี


พิทักษ์หันมามอง


“ผมรู้จักคนของผมดี ต่อให้คุณไม่ทำ เขาก็จะทำให้คุณทำให้ได้”


หรือบางที จิณณะก็เริ่มทำตั้งแต่แรกแล้ว


เขาวางน้ำใจตนเองลงในมือผู้คนที่นี่ พอถึงวันที่ต้องขอความช่วยเหลือ แค่เพียงเอ่ยปาก เรื่องเล็กน้อยอย่างการทำให้พิทักษ์ไม่ว่างในวันที่ดารินนัด ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร


คนเช่นนี้ จะควรใช้นามสกุลอื่นใดได้อีก ถ้าไม่ใช่ วงศ์กีรติ ของคุณกอบกุล


…………………


ทุกอย่างเงียบฉี่


จิณณะเหลือบมองโทรศัพท์แทบจะทุกๆนาที แต่ไม่มีสัญญานใดๆจากพิทักษ์เลย


ดอกไม้ถึงแล้วไม่ใช่หรือ พิทักษ์ก็น่าจะได้รับแล้วสิ แต่ทำไมไม่ติดต่อมาสักนิด


“พี่นัยมีแฟนไหม” ไม่รู้จะปรึกษาใคร วิดีโอคอลไปหาชเยนตร์ก็คงถูกด่าที่ไม่ดูเวล่ำเวลาว่าคนละไทม์โซน จะโทร.ไปปรึกษาวรชิตก็เดี๋ยวจะถูกหาว่ารบกวนเวลาทำงานของข้าราชการ มองไปมองมาก็เหลือแค่ดนัยที่ใกล้ชิดและว่างพอจะถูกเรียกมาเป็นศิราณี


“คุณจิณว่าอะไรนะครับ”


อดีตบอดี้การ์ดผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านอันตรายมานับไม่ถ้วน เมื่อถูกส่งมาเป็นเลขานุการที่วันๆทำแต่งานเอกสารดูท่าว่าชีวิตจะปลอดภัยมากขึ้นแล้ว แต่ดนัยกลับมีเรื่องชวนปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน


เจ้านายของคนอื่นเป็นอย่างไรเขาไม่ทราบ ที่ทราบคือเจ้านายของเขาหาเรื่องแผลงชนิดหัวไม่ได้วางหางไม่ได้เว้น


“ผมถามว่าพี่นัยมีแฟนไหม อ่ะ...ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร พี่นัยเคยง้อแฟนไหม” การเปลี่ยนคำถามไม่ได้ทำให้ดนัยตอบง่ายขึ้นเลย เขาทำหน้าปั้นยาก ก่อนจะย้อนถามแทน


“คุณจิณทะเลาะกับคุณทิศหรือครับ”


“ก็...นิดหน่อย” คำว่านิดหน่อยนั้นเบาหวิวจนฟังแล้วไม่น่าจะนิดหน่อย


“ถ้าอย่างนั้นก็ไปขอโทษคุณทิศสิครับ”


“พี่นัยรู้ได้ไงว่าผมต้องเป็นฝ่ายขอโทษ”


ดนัยไม่ตอบแต่มองนิ่ง ซึ่งเป็นคำตอบแล้วว่าระหว่างจิณณะและพิทักษ์ คนที่ก่อเรื่องให้ถูกโกรธก็ไม่น่าจะเป็นพิทักษ์หรอก


“เออๆ พี่คิดถูก ผมผิดเอง แต่นี่ผมส่งดอกไม้ไปขอโทษแล้วนะ”


“อะไรนะครับ?” ดนัยคิดว่าตนเองหูเพี้ยน แต่ก็ควรจะเป็นการหูเพี้ยน เพราะสิ่งที่ได้ยินไม่ควรจะเป็นเรื่องจริงเลย


“ผมส่งดอกไม้ไปขอโทษพี่ทิศแล้ว”


“ส่งดอกไม้?!”


“ใช่สิ ช่อใหญ่สุดในร้าน”


“ช่อใหญ่สุด!”


“กุหลาบแดงด้วย”


 ดนัยรู้สึกเหมือนหายใจยาก เขารู้ว่าจิณณะไม่ใช่คนโง่ แต่ก็ไม่มีคนฉลาดคนไหนที่ซื้อดอกกุหลาบช่อใหญ่สุดในร้านไปง้อ...คนอย่างพิทักษ์


“แต่พี่ทิศไม่ติดต่อมาเลย...หรือพี่นัยว่า พี่ทิศไม่ชอบ?”


“ผมว่าไม่น่าจะมีผู้ชายคนไหนชอบนะครับ”


เหมือนจิณณะเพิ่งตื่นรู้ เขาลืมไปได้อย่างไรว่าผู้ชายด้วยกันไม่น่าชอบดอกไม้ช่อใหญ่สุดแพงสุด เขาคิดแค่ว่าอยากจะง้อ แล้ววิธีการง้อที่คิดได้แค่อย่างเดียวก็คือดอกกุหลาบแดงเท่านั้น


เจ้าของห้องทำงานถึงกับหงายหลังผึ่งพิงพนักเก้าอี้ หน้าตาซีดขาวไปแล้ว


“ผมจะทำยังไงดีล่ะทีนี้...”


ดนัยไม่มีคำตอบ จิณณะก็ไม่รู้จะคาดคั้นอะไรได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายออกจากห้องไป ชายหนุ่มนั่งแกร่วอยู่ที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่อย่างสำนึกผิด รู้ว่าผิดที่ไปวุ่นวายกับตารางงานของพิทักษ์ ที่ทำไม่ใช่เพราะไม่ไว้ใจคนของตนเองแต่เพราะฝ่ายหญิงที่เข้าหาอย่างคาดหวังนั่นต่างหาก เขาถึงต้องรีบกันหล่อนออกห่าง


ใช่...เขาหวงแม้กระทั่งพื้นที่รอบกายของพิทักษ์ ทั้งรักทั้งหวง แต่ถ้าถามว่าขาดสติไหม จะขาดได้อย่างไร ในเมื่อวางแผนมาแล้ว ทำให้พิทักษ์ไม่ว่างในวันที่ดารินนัด มาพลาดตรงที่พิทักษ์รู้ได้อย่างไรว่าดารินนัด อ้อ...หรือจะเป็นฝ่ายหญิงบอก


พอคิดได้แบบนั้น จิณณะก็ถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึก เห็นที เขาอาจจะต้อง...


เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น ทำเอาความคิดในหัวหยุดอยู่เพียงเท่านั้น ยิ่งเมื่อประตูถูกเปิดออก แล้วชายหนุ่มร่างสูงก้าวเท้าดุ่มๆเข้ามาพร้อมกับช่อกุหลาบขนาดใหญ่ จิณณะก็ลืมความคิดในสมองไปจนหมด


“พี่ทิศ!” เขาผุดลุกขึ้นอย่างตื่นๆ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาทำไม แต่การที่พิทักษ์มาปรากฏตัวที่นี่ถือว่าดี...มั้ง


“ส่งไปทำไม” ผู้มาเยือนวางช่อกุหลาบลงบนโต๊ะทำงานของคนรัก ดวงตายังจ้องนิ่งจนจิณณะใจหาย ที่คิดว่าพิทักษ์มาที่นี่ถือเป็นสัญญานดี คงจะไม่ดีเสียแล้ว


“ก็...ส่งไปขอโทษ...พี่ทิศไม่ชอบหรือ”


“แล้วคิดว่าชอบไหม” สีหน้าคนย้อนถามไม่ต่างจากเมื่อวาน หรือเมื่อเช้าที่พวกเขาทานข้าวด้วยกันอย่างเงียบที่สุดนับตั้งแต่เริ่มคบหากัน บอกให้รู้ว่าแม้จะมีกุหลาบแดงช่อใหญ่สุดๆส่งไปให้ แต่อารมณ์ของพิทักษ์ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย


“ก็...ผมไม่รู้ว่าจะซื้ออะไร”


“ไม่ต้องซื้ออะไรทั้งนั้น”


“แล้วทำยังไงพี่ถึงจะหายโกรธ ผมรู้ว่าผมผิดที่เข้าไปยุ่งกับเรื่องงานของพี่ แต่ผมไม่อยากให้พี่กับผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวข้องกัน ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อใจพี่ แต่ผมไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนั้น”


“แล้วจิณจะทำยังไงต่อไป ถ้าคุณดารินเข้ามาในชีวิตพี่อีก”


จิณณะเงียบ ทว่าดวงตาของเขาที่จับจ้องพิทักษ์ก็ราวกับจะบอกความคิดอ่านได้เป็นอย่างดีแล้ว


จิณณะ  วงศ์กีรติคือหลานชายนอกคอกของคุณกอบกุลก็จริง แต่ในเวลาที่ภยันตรายถึงตัวถึงหัวใจ เขากลับเหมือนคุณกอบกุลมากกว่าใคร


ประกายกล้าและแน่วแน่แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง มีหรือพิทักษ์จะดูไม่ออก และเพราะดูออก ถึงได้ส่ายหน้าไปมาราวกับผิดหวัง


ชายหนุ่มไม่พูดอะไร แต่วางดอกไม้ลงบนโต๊ะทำงานของคนรัก ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป หัวใจของจิณณะเย็นเยียบราวกับถูกแช่แข็งภายในชั่ววินาที ไม่อาจแม้แต่จะอ้าปากร้องเรียก สิ่งเดียวที่ทำได้คือหลุบตาลงมองกุหลาบที่ไร้ค่าตรงหน้า


รู้สึกเหมือน...เขาเสียใครบางคนไปแล้ว…


…………………


ดนัยรับรู้ความสัมพันธ์ระหว่างจิณณะและพิทักษ์มาโดยตลอด นับตั้งแต่ถูกสั่งให้มาดูแลความปลอดภัยเขาก็เริ่มรู้ว่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับคุณเทียมแต่อย่างใด กลับเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับหลานชายของคุณเทียมที่สุด หลังจากเรื่องราวร้ายแรงผ่านพ้น ความสัมพันธ์ของจิณณะและพิทักษ์เข้ารูปเข้ารอย คนนอกอย่างเขาพบว่าแม้ทั้งสองคนจะไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย กลับเข้ากันได้ดีอย่างเหลือเชื่อ ทว่า...คราวนี้อาจจะเป็นครั้งแรกที่ความไม่เหมือนกันเลย กำลังสร้างรอยร้าวนำไปสู่การแตกหัก


“คุณจิณไม่กลับบ้านหรือครับ”


เย็นมากแล้ว และเลิกงานแล้ว แต่จิณณะที่ปกติมักจะพุ่งตัวกลับบ้านทันที กลับยังนั่งหมุนเก้าอี้ไปมาอยู่ที่โต๊ะ


“ยัง...พี่นัยจะกลับแล้วหรือ”


ดนัยไม่ตอบแต่มองอีกฝ่ายนิ่ง จิณณะรู้ว่าที่อดีตบอดี้การ์ดยอมทำงานเป็นเลขานุการให้เขา ไม่ใช่เรื่องปกติ อีกฝ่ายคงถูกสั่งให้มาดูแลความปลอดภัยแม้ว่าเรื่องของไพศาลจะยุติแล้ว


และหนึ่งในการรักษาความปลอดภัย ย่อมไม่ใช่การปล่อยจิณณะเอาไว้เพียงลำพัง แม้จะเป็นในออฟฟิศของตนเองก็ตาม


หลานชายคุณกอบกุลถอนหายใจเบา แล้วเอ่ยปากอย่างหมดท่า


“ไปดื่มกันไหม”


เวลานี้เขาไม่รู้ว่าจะใช้อะไรเยียวยาจิตใจตนเองได้ดีไปกว่าการดื่ม ทว่าดนัยกลับตอบเรียบ


“นั่นไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหานะครับ”


จิณณะทำหน้าปั้นยาก เรื่องนี้เขาก็รู้ว่าการดื่มของมึนเมาเป็นเพียงการผลักปัญหาออกไป หลังสร่างเมาแล้วปัญหาเดิมก็ยังคงอยู่


เพียงแต่...ยังไม่อยากกลับบ้าน ยังไม่อยากเจอหน้าคนที่เมินหนี ยังไม่อยาก...คิดถึงปัญหาเหล่านี้อีกแล้ว


“ชานมไข่มุกล่ะ”


ในเมื่อไม่ได้อย่างหนึ่ง ได้อีกอย่างที่ไม่เหมือนกันเลยก็ได้


ดนัยมองเจ้านายของตนเอง จิณณะในเวลานี้ไม่เหมือนจิณณะคนก่อนๆที่เขาเคยรู้จักเลยสักนิด จิณณะยามสู้กับไพศาลนั้นอำมหิตและอันตราย ในขณะที่จิณณะเวลาอยู่กับพิทักษ์กลับเหมือนเด็กผู้ชายซนๆทำแต่เรื่องแผลงๆทั้งๆที่รู้ว่าจะต้องถูกดุ ส่วนจิณณะในเวลานี้ที่ถูกพิทักษ์เมิน ก็หงอจนหน้าหดเหลือไม่ถึงสามนิ้ว


“ถ้าอย่างนั้นเอารถผมไปแล้วกันครับ แล้วขากลับผมจะไปส่ง”


ไม่มีเสียงคัดค้าน เจ้านายของดนัยได้แต่พยักหน้ารับเอื่อยๆแล้วลุกจากเก้าอี้เดินนำออกจากห้องทำงานอย่างหมดอาลัยตายอยาก เลขานุการหนุ่มมองตามแล้วถอนหายใจอีกเฮือก


เด็กซนที่ถูกดุจนคุ้นชิน มาวันนี้ถูกเมินเลยกลายเป็นเด็กจ๋องไปเสียแล้ว


..........................   


สยามย่อมเป็นทางเลือกลำดับต้นๆ สำหรับคนที่คิดจะเอาชานมไข่มุกและขนมหวานมาเป็นเครื่องปลอบใจ ร้านขนมชื่อดังในย่านนี้และเวลานี้ ไม่ว่าจะร้านไหนก็มีชานมไข่มุกเป็นออพชั่นเสริมกันทั้งนั้น


จิณณะยกบิงซูเมลอนและสตรอเบอร์รี่มาวางบนโต๊ะ ทำเอาชายหนุ่มที่มีแก้วชานมไข่มุกวางอยู่ตรงหน้าถึงกับเงยหน้ามองแทบไม่ทัน ทว่าดูเหมือนคนสั่งขนมหวานสองถ้วยจะไม่รู้สึกอะไร ทรุดตัวลงนั่งได้ก็ส่งช้อนให้


“อ่ะ เผื่อพี่อยาก”


ดนัยได้แต่กะพริบตาปริบๆ รับช้อนมาถือ แล้วมองคนที่เริ่มตักบิงซูเย็นฉ่ำและเนื้อผลไม้เข้าปาก ขนมหวานหน้าตาหวานๆดูจะไม่เหมาะกับการมาตั้งตรงหน้าผู้ชายวัยทำงานสองคนเลย แต่ดนัยไม่ใช่คนใส่ใจสายตาคนอื่น พอกวาดมองแล้วไม่เห็นภยันตรายนอกจากสายตาอยากรู้อยากเห็นของสาวๆโต๊ะหนึ่งที่มองมา เขาก็หันกลับมาสนใจคนที่ตักขนมหวานเย็นเข้าปากแต่หน้าตาดูจะไม่รื่นรมย์ไปกับรสชาติของมันสักนิด


“พี่นัยอยากกินอย่างอื่นรึเปล่า ผมเห็นมีแพนเค้กด้วยนะ เอาไหม ผมไปสั่งให้”


“ไม่ครับ”


“ชานมไข่มุกร้านนี้ก็อร่อยนะ ชิมรึยัง” จิณณะบุ้ยใบ้ไปทางชานมไข่มุกแก้วตรงหน้าดนัย แน่นอนว่าแก้วนี้ดนัยก็ไม่ได้เรียกร้อง แต่เป็นสายเปย์อันดับหนึ่งที่ซื้อมาวางให้ เลขานุการหนุ่มอยากบอกใจจะขาดว่าชิมแล้ว อร่อยจริงแต่หวานจนน้ำตาลจะขึ้นตา


“คุณจิณบอกคุณทิศรึยังว่ายังไม่กลับ” ดนัยเปลี่ยนเรื่อง ทำเอาช้อนที่กำลังตักสตรอเบอร์รี่เข้าปากถึงกับชะงัก


“ยัง...”


“คุณทิศจะเป็นห่วงเอานะครับ คุณไม่เคยกลับบ้านผิดเวลา”


“ก็ผิดดูมั่งสิ” จิณณะตีรวน ทีท่าเหมือนจะไม่สนใจใยดีแต่ดวงตากลับหลุบต่ำมองแต่ถ้วยขนมหวานสีสดใส


“คุณกำลังสร้างปัญหาให้ตัวเองเพิ่ม” ประโยคนี้ของดนัยทำเอาเสียงหัวเราะเย้ยหยันดังขึ้นในคอคนฟัง ดวงตาเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม


“เขาจะได้รู้ไงว่าคบกับผมแล้วมีแต่ปัญหา” พอพูดออกไปแล้ว จิณณะก็ยังอยากกัดลิ้นตัวเองแรงๆ เขาไม่ใช่คนช่างน้อยอกน้อยใจ ไม่ใช่คนประชดประชัน แต่พอเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพิทักษ์ นิสัยน่ารำคาญเหล่านี้กลับผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ดนัยไม่พูดอะไรอีก ดูก็รู้ว่าต่อให้เตือนอะไร จิณณะก็มีแต่อารมณ์ขุ่นมัวบังตา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายกินขนมหวานสองถ้วยด้วยหวังว่าใจจะเย็นลง


จากหนึ่งทุ่ม เข้าสู่สองทุ่ม และสามทุ่ม


ขนมหวานสองถ้วยไม่หมดแต่ละลายกลายเป็นน้ำไปหมดแล้ว ในขณะที่จิณณะเอาแต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกของร้าน ทว่าดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้หยุดสายตาอยู่กับแสงไฟระยิบระยับของย่านการค้าใจกลางเมืองแห่งนี้เลย


“คุณจิณคิดจะกลับกี่โมงครับ” เสียงของดนัยปลุกสติคนที่จมจ่อม จิณณะได้สติหันมองก่อนจะก้มลงมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาสามทุ่มครึ่งแล้ว ภายในร้านขนมที่ตอนแรกพลุ่กพล่านก็เหลือเพียงไม่กี่โต๊ะ พอมองออกไปนอกหน้าต่างกระจก สยามที่เคยครื้นเครงก็เหลือผู้คนเดินไปมาแค่เพียงประปราย


“ถ้าพี่นัยจะกลับ ก็กลับไปก่อนเถอะ”


“แล้วคุณจิณจะกลับยังไง”


จิณณะเพิ่งมารู้ตัวเอาตอนนี้ว่าการที่เขาให้ดนัยขับรถพามาไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีเลย


“ผมเรียกแท็กซี่ได้”


“แท็กซี่ที่ไหนจะรับล่ะครับ บ้านไกลออกขนาดนั้น”


 บ้านที่ว่าคือบ้านของพิทักษ์ที่อยู่นอกเขตกรุงเทพฯออกไปอีก แต่สำหรับจิณณะ เวลานี้เขาไม่คิดจะกลับบ้านหลังนั้นในขณะที่ความสัมพันธ์ของเขาและเจ้าของบ้านอยู่ในภาวะมึนตึงกันแบบนี้


บ้านหลังนั้นมีแต่ความทรงจำที่ดี ความทรงจำที่เขาและพิทักษ์มีความสุข เข้าอกเข้าใจ และเป็นที่พึ่งให้กันและกัน


“ผมจะกลับไปนอนบ้านพ่อแม่”


ดนัยนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะย้อนถาม


“บอกคุณทิศแล้วหรือ”


ชื่อของพิทักษ์กวนอารมณ์จิณณะให้ขุ่นอีกครั้ง หากเป็นปกติก็อยากจะบอกอยู่หรอก แต่เวลานี้แม้แต่หน้ายังไม่มองกัน ถ้าให้เสนอหน้าโทร.ไปบอกเกิดอีกฝ่ายตัดสายทั้งๆที่พูดไม่จบ เขาจะรู้สึกอย่างไร


“ไม่บอก”


ดนัยส่ายหน้าอย่างระอาใจ


“ถ้าอย่างนั้นก็บอกเถอะครับ” เขาเอ่ยแล้วพยักเพยิดไปทางด้านหลัง จิณณะชะงักไปอึดใจหนึ่ง เสี้ยวใจบอกว่าไม่มีทางที่พิทักษ์จะมาที่นี่ แต่สายตาของดนัยบอกให้เขาหันไปมอง ชายหนุ่มจึงต้องหัน


แล้วพอหัน เขาก็ถึงได้เห็น


พิทักษ์ยืนอยู่ข้างหลังเขา


จิณณะอ้าปากค้าง รีบหันกลับมามองลูกน้องที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม


“พี่นัยบอกเขาหรือ?!”


นอกจากดนัยแล้วก็ไม่มีใครอีกที่จะบอกเรื่องเขาหนีมานั่งกินขนมหวานอยู่ในสยามจนพิทักษ์ตามมาถูกแบบนี้


“คุณไม่ใช่เด็กๆ ทำผิดแล้วไม่หนีสิครับ” ดนัยเอ่ยเรียบๆ ทำเอาจิณณะพูดไม่ออก ถูกดุว่าไม่ใช่เด็กก็เรื่องหนึ่ง อีกเรื่องคือคนที่เขายังไม่อยากเจอหน้าเป็นฝ่ายเดินเข้ามาที่โต๊ะแล้ว จิณณะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะมาทำไม ทั้งๆที่เมื่อตอนกลางวันเป็นฝ่ายพิทักษ์เองที่ทิ้งเขา แล้วเดินจากไป


“คุณจิณไม่ได้เอารถมา และจะกลับไปนอนที่บ้านวงศ์กีรติ ถ้าอย่างไร ผมฝากคุณทิศช่วยพาคุณจิณกลับด้วยนะครับ” ตอนที่พิทักษ์เดินเข้ามาที่โต๊ะ จิณณะก็ยังเงียบ ต้องเป็นฝ่ายดนัยที่ลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยปาก เพียงเท่านั้นคนที่นั่งเงียบเพราะมีแต่คำถามล้านแปดในหัวว่าพิทักษ์มาที่นี่ทำไมก็ถึงกับรู้สติ


“เดี๋ยวสิ! ใครบอกว่าผมจะไปกับ...” เขายังไม่ทันประท้วง ดนัยก็ก้มลงมอง สายตาของเลขานุการหนุ่มอดีตบอดี้การ์ดนั้นทั้งดุทั้งเอาเรื่อง ราวกับจะบอกว่าอย่าก่อปัญหามากไปกว่านี้


“กลับไปกับคุณทิศครับ” เป็นประโยคบอกเล่าที่น้ำเสียงสั่งชนิดไม่ให้ความรู้สึกว่าเป็นการบอกเล่าแต่อย่างใด จากนั้นเขาก็หันไปทางพิทักษ์   


“พรุ่งนี้คุณจิณมีประชุมตอนสิบโมงครึ่งนะครับ” ดนัยพูดเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะหมุนตัวออกจากโต๊ะไป


…………………………


จิณณะรู้ว่าเขาไม่ควรสร้างปัญหาใดๆอีก แม้จะไม่อยากกลับไปพร้อมกับพิทักษ์ แต่เมื่ออีกฝ่ายออกปากว่าให้เดินตามมา เขาก็ยอมลุกจากโต๊ะเดินตามอย่างเว้นระยะห่าง พอขึ้นรถ เขาก็ยอมนั่งเงียบจนกระทั่งรถออกสู่ถนนใหญ่ถึงได้เอ่ยความตั้งใจของตนเองอีกครั้ง


“พาผมไปส่งที่บ้านพ่อแม่ที”


“แล้วทำไมไม่กลับบ้านเรา” คำว่า ‘บ้านเรา’ นั้นชวนให้หัวใจไหววูบจนต้องเม้มปาก จิณณะอยากบอกว่าเขาไม่อยากให้บ้านหลังนั้นมีความทรงจำแย่ๆอย่างการที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาระหองระแหง


“ผมจะกลับไปนอนบ้านพ่อแม่” เมื่อไม่คิดจะตอบคำถาม สิ่งที่พูดจึงเป็นการย้ำความตั้งใจเดิม


“นั่นไม่ใช่การตอบคำถาม พี่ถามว่าทำไมไม่กลับบ้านเรา”


“ก็ผมไม่อยากกลับ!”


“ขอเหตุผล”


ฝั่งหนึ่งตะเบ็ง ฝั่งหนึ่งเรียบเฉย ราวกับอยู่คนละโลก


“ผมไม่อยากกลับก็คือไม่อยากกลับ! ถ้าพี่ไม่ไปส่งก็จอด! ผมจะเรียกแท็กซี่!” จิณณะในเวลานี้มีแต่อารมณ์ ชวนให้หวั่นใจว่าหากพิทักษ์ยังมุ่งมั่นขับรถออกนอกกรุงเทพเพื่อกลับบ้าน เจ้าตัวอาจเปิดประตูกระโจนออกจากรถได้ทุกวินาที คนขับตัดสินใจเปิดไฟเลี้ยวพารถหรูเข้าสู่อาณาเขตของโรงแรมใจกลางเมืองที่อยู่ระหว่างทาง


“พี่มาที่นี่ทำไม” จิณณะตะลึงงันกว่าจะหาลิ้นเจอก็ตอนที่อีกฝ่ายเข้าสู่อาคารจอดรถแล้ว


“มาคุย” พิทักษ์ตอบเพียงเท่านั้น ก่อนจะพาคนรักออกจากรถเข้าโรงแรมทันที


………………….

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-09-2019 22:43:35 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8

โรงแรมหรูใจกลางเมืองพอจะมีห้องว่างอยู่บ้าง พิทักษ์ไม่มีปัญหากับห้องหรูหราราคาแพง ซึ่งแพงกว่าเดิมเมื่อเป็นการเข้าพักแบบวอล์กอิน เวลานี้เขาต้องการสถานที่สำหรับเคลียร์ปัญหากับคนก่อปัญหาก็เท่านั้น


จิณณะไม่ดิ้นรนให้ใครเสียหน้า ยอมเดินตามขึ้นลิฟต์ไปยังห้องพักแต่โดยดี ทว่าพอปิดประตูเรียบร้อยแล้ว คนไม่ดิ้นรนก็กลับนั่งเฉยอยู่ที่โซฟาราวกับจะไม่เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน ถ้าพิทักษ์ไม่พูด


...ดื้อเก่ง...


...ทั้งดื้อเงียบ ทั้งดื้อมีปากเสียง…


“ทำไมไม่กลับบ้าน” พิทักษ์ยังใจเย็นตั้งคำถามเดิม


“ผมจะกลับไปนอนบ้านพ่อแม่” จิณณะไม่ใช่คนใจเย็น แต่ระดับความดื้อแพ่งนั้นสูงปรี๊ด ดังนั้นคำตอบของเขาจึงไม่ใช่การตอบ แต่เป็นการพูดประโยคเดิม


“หนีปัญหา”


อย่างที่กล่าวว่าจิณณะไม่ใช่คนใจเย็น เมื่อถูกดุว่า ‘หนีปัญหา’ เขาจึงตวัดสายตาไปมองทันที ดวงตานั้นวาวโรจน์ด้วยความโกรธผสมน้อยเนื้อต่ำใจ


หนีปัญหาหรือ?! ใครกันแน่ที่หนีก่อน! เขาส่งดอกไม้ไปขอโทษ แต่คนที่เอาดอกไม้มาคืนแล้วเดินหนีเขาไปคือพิทักษ์ไม่ใช่หรือ?!!


“แล้วพี่อยากให้ผมทำยังไง?! ผมรู้ว่าพี่โกรธผม! แต่ผมก็ขอโทษพี่แล้ว! พี่ก็ยังไม่พอใจ! พี่เอาดอกไม้มาคืนผม! แล้วพี่ก็กลับไป! แล้วยังจะให้ผมเสนอหน้ากลับบ้านอย่างนั้นหรือ!” จิณณะโพล่งอย่างอึดอัด เขารู้ว่าดอกไม้ช่อใหญ่มันทดแทนกับสิ่งที่เขาทำไม่ได้ ยุ่งกับเรื่องงานของพิทักษ์ ขัดขวางการทำธุรกิจของพิทักษ์ แต่ทั้งหมดนั่นจะไม่เกิดขึ้นถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่เป็นเชื้อไฟ


แต่กลายเป็นว่าพอเขาปะทุ พิทักษ์กลับมองว่าเป็นความผิดของเขา แล้วผู้หญิงคนนั้นเล่า หล่อนลอยตัวและพร้อมจะกลับเข้ามาในชีวิตพิทักษ์ได้ทุกเมื่ออย่างนั้นหรือ?!


พิทักษ์มองคนรักที่ระเบิดอารมณ์ออกมาเป็นเสียงตะเบ็งและสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง เขารู้ว่าถ้าเขาร้อน ไฟอย่างจิณณะจะยิ่งโหมกระพือ ชายหนุ่มพยายามควบคุมอารมณ์ตนเองแล้วเตือนสติด้วยน้ำเสียงเรียบ


“จิณขอโทษทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้มันไม่เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นมาอีก แล้วถ้าเป็นแบบนั้น จิณจะต้องขอโทษพี่สักกี่ครั้ง”


“แล้วผู้หญิงคนนั้นจะกลับเข้ามาในชีวิตพี่สักกี่ครั้งล่ะ!”


“พี่บอกว่าเขาเป็นลูกค้า”


“ลูกค้าประเภทไหนจุ้นจ้านวุ่นวายแม้แต่เรื่องที่พี่ไม่ไปพบเขา! ผมไม่ได้โง่จนดูไม่ออกว่าเขาหวังอะไรจากพี่! พี่เองก็รู้ว่าเขาอยากได้อะไร! แต่สุดท้ายกลายเป็นพี่มองว่าผมผิดอยู่คนเดียว!!” ทว่าจิณณะไม่ใช่แค่ไฟร้อน แต่เขากระพือไฟในใจได้ด้วยโทสะของตนเอง


“แต่ผู้หญิงคนนั้นยังไม่ทำอะไร คนที่ทำคือจิณ”


“แล้วต้องรอให้เขาลากพี่ขึ้นเตียงก่อนรึไง?! มันถึงจะเรียกว่าเขาทำ!!”


“จิณ!” พิทักษ์ดุเสียงเข้ม วินาทีนั้นจิณณะถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าอารมณ์ของเขาพาให้พูดจาไปกันใหญ่


แม้จะทั้งโกรธทั้งน้อยใจที่กลายเป็นคนผิดแต่เพียงผู้เดียวในเรืองนี้ แต่จิณณะก็รู้ว่าเขาไม่ควรพูดจาเช่นนี้เลย เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว


“ผม...ผมขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น...” แม้แต่ตนเองก็รู้สึกว่าประโยคเมื่อครู่จะทำให้เรื่องราวยิ่งบานปลาย ทั้งๆที่ความจริงแล้วมันเป็นเพียงเรื่องที่เขาคาดคะเนไปเองฝ่ายเดียว พิทักษ์ไม่เคยมีความประพฤติอย่างนั้น เขารู้ว่าเชื่อใจพิทักษ์ได้ แต่เป็นฝ่ายผู้หญิงคนนั้นต่างหากที่ไม่น่าเชื่อใจสักนิด


ร่างสูงมองคนใจร้อนที่กำลังพยายามระงับอารมณ์ คนรักของเขาไม่ใช่คนที่ทำเรื่องพวกนี้ได้ดีนัก เจ้าตัววอกแวกและไม่ค่อยมีสมาธิ พอถูกปลุกปั่นให้โกรธขึงเลยพูดจาไม่รักษาน้ำใจใคร


แต่เรื่องคำพูดยังไม่ร้ายแรงเท่าการกระทำ กระทั่งคำพูดยังควบคุมไม่ได้ เรื่องการกระทำก็ยิ่งทำให้พลอยเป็นห่วง


“จิณ พี่เป็นห่วงนะ” ประโยคนี้ของพิทักษ์เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกอย่างที่พูด


“พี่อยากให้จิณมีขอบเขต”


“แล้วพี่คิดว่าผมไม่มีหรือ” คราวนี้น้ำเสียงของหลานชายคุณกอบกุลนิ่งเรียบไม่ได้เต็มไปด้วยอารมณ์แล้ว หลังจากพลั้งปากพูดจาแย่ๆออกมาก็รู้ตัวว่าปล่อยให้อารมณ์นำหน้าเหตุผล แต่พอก้มลงมองเหตุผลของตนเอง จิณณะก็พบว่า...เหตุผลของเขา มันอาจจะเลวร้ายกว่าอารมณ์เสียอีก


“...ผมมีขอบเขตของผม ผมรู้ว่าขอบเขตของผมอยู่ตรงไหน ผมถึงรู้ว่าใครคิดจะล้ำเส้น”


พิทักษ์มองคนตรงหน้าแล้วใจหาย เขารู้แล้วว่าจิณณะคนที่อำมหิตนั้นหน้าตาเป็นเช่นไร ดวงตาเต็มไปด้วยประกายกล้า ไม่มีไหวติงแม้แต่น้อย ราวกับจะบอกว่าใครก็ตามที่คิดล้ำเส้นขอบเขตของจิณณะ  วงศ์กีรติ จะต้องพบเจอกับสารพัดวิธีไม่ว่าจะถูกหรือไม่


ขอแค่สร้างความพึงใจ ขอแค่ขับไล่คนล้ำเส้นออกไป ต่อให้ไร้คุณธรรม จิณณะก็ไม่ลังเล


ชายหนุ่มนั่งลงเคียงข้าง ดึงมือของคนรักมาจับเอาไว้ ประกายกล้าและโหดเหี้ยมในดวงตาของจิณณะก็พลันคลายลง ยามดวงตาคู่นี้ทอดมองพิทักษ์ มันแตกต่างลิบลับกับเมื่อครู่


“จิณเห็นว่าพี่ดูแลเขตของพวกเราไม่ได้หรือ”


ไม่ใช่การดุ แต่เป็นการตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงทุ้มที่ชวนให้ใจเย็น ราวกับช่วยปลุกสติจิณณะออกมาจากด้านมืด


“คิดว่าพี่จะให้ใครล้ำเส้นของเราอย่างนั้นหรือ”


“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น”


“ถ้าอย่างนั้นให้พี่เป็นคนจัดการได้ไหม” ดวงตาของจิณณะเหลือบมองคนรัก จากประกายแกร่งกล้ากลายเป็นน้อยใจในคำพูดของอีกฝ่าย


“พี่...ไม่อยากให้ผมไปยุ่งกับผู้หญิงคนนั้น...” ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะเข้าใจเช่นนี้ พิทักษ์ออกตัวแต่แรกว่าไม่ต้องการให้เขายุ่ง จะมีอะไรมากไปกว่าไม่อยากให้เขาแตะต้องคนอื่น


ห่วงคนอื่นทำไม


ในเมื่อเขาต่างหากที่ห่วงพิทักษ์ยิ่งกว่าใคร


“พี่ไม่อยากให้จิณยุ่งกับใครทั้งนั้น...ไม่อยากให้จิณทำเรื่องอันตรายอีกแล้ว”


พิทักษ์ไม่อยากให้คนรักกระโจนเข้าสู่เส้นทางอันตราย ภัยร้ายจากคนอื่นยังไม่สู้ด้านมืดของตนเอง จิณณะในเวลาปกตินั้นบุ่มบ่าม แต่เวลาเผชิญกับเภทภัยกลับสุขุมเลือดเย็นผิดเป็นคนละคน


ความสุขุมหากในยามปกติคงเป็นเรื่องดี แต่ในยามเข้าสู่ด้านมืดแล้วกลับน่ากลัว เพราะแม้แต่พิทักษ์เองก็ไม่แน่ใจว่าจิณณะจะทำอะไร


“พี่เป็นห่วงจิณ...”


“...เป็นห่วงอยู่คนเดียว...”


ฝ่ามือร้อนลูบไล้ผิวแก้ม จิณณะเป็นชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ ทั้งจิตใจและร่างกายแข็งแกร่ง แต่สัมผัสของพิทักษ์กลับให้ความรู้สึกเหมือนหลานชายคุณกอบกุลเป็นตุ๊กตากระเบื้องที่ทั้งเปราะบางและแสนมีค่า


ไม่ใช่จะไม่รับรู้ นอกจากฝ่ามือที่ลูบไล้แก้มเขาอย่างอ่อนโยนแล้ว ริมฝีปากของพิทักษ์ที่ประทับลงมาก็ให้ความรู้สึกนุ่มนวลพะเน้าพะนอเช่นกัน


“อย่าให้พี่ต้องห่วงไปมากกว่านี้เลย แค่นี้ก็ทำงานไม่รู้เรื่องแล้ว”


ประโยคหลังรสจูบหวานแผ่วนั้นชวนให้บรรยากาศดีขึ้นผิดหูผิดตา ยิ่งใกล้ชิดกันมากเท่าไร ก็เหมือนจะช่วยคลายความรู้สึกมึนตึงต่อกันได้มากเท่านั้น


“ผมก็ทำงานไม่รู้เรื่องเหมือนกัน...หายโกรธผมรึยัง”


“หายนานแล้ว”


“แล้วทำไมเพิ่งมา”


“มานานแล้ว นั่งอยู่ข้างนอกร้าน”


“จริงน่ะ”


“บ้านช่องไม่กลับ ไม่โทร.มาบอกกันสักคำ คิดว่าพี่จะรอที่บ้านไหวหรือ”


“ก็...ผมคิดว่าพี่โกรธ ผมส่งดอกไม้ไปให้ก็เอาดอกไม้มาคืน” ริมฝีปากของพิทักษ์มีรอยยกเล็กน้อยอย่างเอ็นดูคนง้อ ที่ไม่ทราบว่าคิดอะไรถึงได้ส่งกุหลาบแดงช่อใหญ่ไปให้เขาถึงสนามกอล์ฟ


“ช่อใหญ่และแพงที่สุดในร้านด้วยใช่ไหม” ดวงตาของจิณณะเบิกโตขึ้นเล็กน้อย


“พี่รู้ด้วยหรือ” พอถามออกไปแล้วก็เพิ่งมานึกขึ้นได้ว่าพิทักษ์วางสายสืบไว้ข้างตัวเขา “พี่นัยบอกล่ะสิ”


“จิณมีเลขาฯของพี่คอยส่งข่าว พี่ก็มีเลขาฯของจิณคอยส่งข่าวเหมือนกัน” พิทักษ์พูดพลางยิ้มจาง ทว่าการที่เขาเอ่ยปากถึงเลขานุการก็ทำเอาคนมีชนักปักหลังนึกออกอีกเรื่องหนึ่งที่ตนสร้างไว้


ไม่ให้เลขานุการของพิทักษ์ลงนัดที่จะต้องไปพบดาริน เคลียร์ตารางวันนั้นให้ว่าง แล้วเขาแทรกนัดดูภาพยนตร์ลงไปแทน


“พี่ทิศอย่าดุเลขาฯของพี่เลยนะ เรื่องที่ผมให้เขาลงนัดพี่ไปดูหนังกับผมแทนที่จะไปคุยงานกับผู้หญิงคนนั้น เขาไม่ได้อยากทำหรอก แต่ผมบังคับเขาเอง”


แม้ในยามนั้น จิณณะจะไม่ได้บังคับเลยสักนิด เพียงขอความร่วมมือ เลขานุการของพิทักษ์ก็มอบน้ำใจกลับมาแต่โดยดี แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเขา เขาไม่อยากให้เลขาฯของพิทักษ์มีความผิดไปด้วย


“พี่รู้” พิทักษ์เปรย กวาดตามองดวงหน้าของคนรักแล้วมาหยุดที่ริมฝีปากที่มีไฝเม็ดเล็กแสนช่างพูดนั่น จิณณะเคยบอกว่าไฝนี้เป็นสัญลักษณ์ของความช่างพูด แต่สำหรับพิทักษ์ ยามพินิจใกล้ๆอย่างนี้ ไฝเม็ดนี้กลับชวนให้น่าบดเบียดและลงโทษ


“...พี่รู้ว่าพี่ควรดุใคร”


ใครคนนี้ย่อมไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากจิณณะ และในเมื่อเป็นจิณณะ การดุของพิทักษ์ก็ย่อมไม่ใช่การดุอย่างธรรมดา


คนที่ควรถูกดุ...ก็เลยถูกดุจนเกือบค่อนคืน จิณณะรู้ซึ้งแล้วว่าหากทำความผิดซ้ำสอง จะต้องถูกลงโทษด้วยวิธีแบบไหน ทว่าตอนที่คิดว่าบทลงโทษในค่ำคืนนี้จะสิ้นสุดลงแล้ว คนรักของเขาก็เอ่ยปากถึงความผิดกระทงใหม่


“แล้วก็มีอีกเรื่อง...อย่าหนีออกจากบ้านแบบคราวนี้อีก”


“ผมไม่ได้หนี”


“แต่ไม่ยอมกลับ”


“ก็...ผมไม่อยากให้เราตึงใส่กันในบ้านหลังนั้น ผมอยากให้ที่นั่นมีแต่ความทรงจำดีๆ”


“บ้านนะจิณ มันเป็นที่ที่เราอยู่ เป็นที่ที่เราเรียนรู้กัน ถ้ามันจะมีเรื่องดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่มันก็เป็นความทรงจำของเราไม่ใช่หรือ”


“...อย่าหนีออกจากบ้านของเราอีก เข้าใจไหม”


“ครับๆ...พี่ไม่อยากเสียตังค์ค่าโรงแรมใช่ไหมล่ะ” เพราะรู้ว่าจะถูกลงโทษเพิ่มอีกกระทง จิณณะเลยอาศัยแรงเฮือกสุดท้ายเบี่ยงประเด็นไปเสีย แต่อาจจะเพราะเหน็ดเหนื่อยกับกิจกรรมยามค่ำคืนจนร่างกายและสมองอ่อนล้าไปหมด การเลี่ยงไปพูดเรื่องค่าโรงแรม ก็เลยกลายเป็นการหยอกคนใช้เงินเป็นให้รู้สึกอยากกำราบตัวแสบขึ้นมาอีก


พิทักษ์พลิกร่างขึ้นทาบทับคนรัก คร่อมจิณณะเอาไว้ด้วยสองแขน


“ไหนๆก็เสียเงินค่าโรงแรมแล้ว ต้องใช้ให้คุ้มจริงไหม”


“เฮ้ย! เดี๋ยวๆ ใช้ให้คุ้มหมายความว่าไง?!” แน่นอนว่าคำตอบของคำถามนี้ย่อมไม่ใช่คำพูดแต่เป็นการกระทำ และเป็นการกระทำที่สั่งสอนจิณณะให้จำจนตายว่าอย่าได้จุดชนวนความคุ้มค่าในการใช้เงินจากคนใช้เงินเป็นอย่างพิทักษ์อีกเด็ดขาด


……………….


แม้จะร่วมงานกันไม่นาน แต่ดนัยก็คุ้นเคยและสนิทสนมกับจิณณะในระดับหนึ่ง ส่วนหนึ่งเพราะเจ้านายของเขาคนนี้จริงใจและมีน้ำใจ ความอาทรที่มีต่อคนรอบข้างอาจจะเพราะใฝ่ประโยชน์ส่วนหนึ่งก็จริง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ้าตัวแสดงออกอย่างจริงใจจากเนื้อแท้ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่เวลานี้ดนัยจะอดเป็นห่วงคนที่เขาฝากให้กลับไปพร้อมพิทักษ์


อดีตบอดี้การ์ดมาถึงออฟฟิศก็เฝ้าแต่มองนาฬิกาสลับกับประตู เขาหวั่นว่าจิณณะจะไม่มาทำงาน หรือมาก็มาโดยลำพังในสภาพทั้งหงอทั้งจ๋อง ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ก็หมายความว่าสองคนนั้นยังไม่คืนดีกัน


จนกระทั่งเก้าโมงสี่สิบห้านาที ใครบางคนก็เดินเข้ามาในชั้นของสำนักงานพร้อมกับเสียงผิวปาก


“เฮลโล พี่นัย” ทั้งเสียงผิวปาก ทั้งเสียงทัก ทั้งสีหน้าสีตา และรอยยิ้มกว้างขวาง ทำเอาคนที่กังวลจนนั่งไม่ติดที่ถึงกับลอบถอนหายใจเบา


“สวัสดีครับ” ดนัยเห็นสีหน้าของเจ้านายก็พลอยเบาใจจนเผลอยิ้ม และแน่นอนว่าจิณณะสังเกตเห็นพอดี


“พี่นัยยิ้มอะไร”


ดนัยเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่ทันรู้ตัวว่าเขาเผลอสบายใจไปเสียแล้วที่เห็นจิณณะรักใคร่กันดีกับพิทักษ์


“คุณจิณคืนดีกับคุณทิศแล้วหรือครับ”


ถือว่าตนเองเป็นคนรู้เห็นเหตุการณ์เมื่อวาน อีกทั้งยังรู้จักทั้งฝ่ายจิณณะและพิทักษ์ นอกจากนั้นการที่เจ้านายอารมณ์ดี ชีวิตรักมีความสุขก็ย่อมส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานด้วย พอคิดมาถึงตรงนี้ ดนัยก็รู้สึกตัวว่าเขาอยากจะทำงานกับชายหนุ่มคนนี้ต่อไปเรื่อยๆ แม้จะไม่ใช่งานที่ถนัดมากอย่างการดูแลความปลอดภัยอย่างที่ทำมาตลอดก็ตามที


อย่างที่บอกว่าส่วนหนึ่งก็เพราะลักษณะนิสัยใจคอของจิณณะ ถึงทำให้เขาอยากทำงานด้วย


อีกส่วนก็เพราะ...เขาอยากรู้ว่าชีวิตของคนทั้งคู่จะเป็นเช่นไรต่อไป ความรักความสัมพันธ์รูปแบบนี้ บางคนว่าไม่ยืนยาว บางคนว่าเป็นเพียงเรื่องสนุกชั่วครั้งชั่วคราว แต่เหตุการณ์ต่างๆที่หล่อหลอมความสัมพันธ์ของจิณณะและพิทักษ์กลับไม่ทำให้เขารู้สึกถึงความประเดี๋ยวประด๋าวเลยสักนิด


สายตาของดนัยที่จับจ้องเจ้านายนั้นทำเอาจิณณะถูจมูกอย่างเขินๆ


“ก็...โกรธกันนานๆไม่ดี...”


“คิดได้อย่างนั้นก็ดีแล้วครับ”


“แต่ว่า...ผมมีเรื่องอยากให้พี่นัยช่วยสักเรื่อง ตามผมมาหน่อยสิ” ดนัยรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล ทว่าก็ทำได้เพียงลุกขึ้นเดินตามแล้วหวังว่าจิณณะจะไม่หาเรื่องใส่หัวแบบคราวก่อนอีก


นี่เขาหวังลมๆแล้งๆหรือเปล่าหนอ...


………………….


เรื่องทุกอย่างดูจะจบสิ้นลงด้วยดี หรืออย่างน้อยๆก็เรียกว่าจางหายไปอย่างไม่ผิดสังเกต ดารินไม่ได้ติดต่อมาหาพิทักษ์อีก ยามติดต่อธุรกิจก็มีตัวแทนของบริษัทมาพบ พิทักษ์เองก็ไม่ได้หวังว่าจะต้องพบเจอหญิงสาวรายนั้น เพียงแต่...พอจู่ๆหายหน้าไปก็ชวนให้สงสัย


เขาไม่ได้สงสัยดาริน และไม่ได้ต้องการให้หล่อนกลับเข้ามาในชีวิต แต่ที่น่าสงสัยก็คือคนที่กำลังคีบเส้นใหญ่เยนตาโฟเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยนี่ต่างหาก


“มองไรพี่ อยากกินเยนตาโฟเหรอ สั่งไหม เดี๋ยวผมสั่งให้”


มากับสายเปย์นามว่าจิณณะ  วงศ์กีรติทั้งที มีหรือจะได้กินแค่ถ้วยสองถ้วย อยากกินอะไรเพิ่มขอให้บอก หรือแค่เพียงส่งสายตาแบบที่พิทักษ์กำลังทำอยู่นี่ หลานชายคุณกอบกุลก็พร้อมสั่งมาสนอง


“ไม่ต้องสั่งหรอก”


จิณณะหันมามอง “หรือจะชิมของผมก่อน?”


“พี่อิ่มแล้ว”


“อ้าว แล้วก็มองผมกิน นึกว่าอยากกินผม เอ๊ย! อยากกินอย่างผม” ตัวแสบที่รู้ตัวว่าเวลานี้คือเวลากลางวัน แถมยังนั่งกันอยู่ที่ร้านก๊วยเตี๋ยวริมถนนพูดแล้วหัวเราะฮ่าฮ่า สนุกสนานที่ได้ปากดียั่วคนรักในเวลาที่รู้ว่าอีกฝ่ายทำอะไรเขาไม่ได้ จะบอกว่าจิณณะลืมคิดว่าเวลาที่พิทักษ์ทำอะไรเขาไม่ได้นั้นมีเพียงหยิบมือก็ไม่ถูกนัก เพราะเมื่อถึงเวลาที่พิทักษ์ทำอะไรเขาได้ ก็เป็นฝ่ายเขานั่นล่ะที่ยินยอมให้ทำแต่โดยดี


พิทักษ์มองคนหัวเราะแล้วส่ายหน้าไปมาอย่างระอาใจ ก่อนจะเอ่ยปาก


“ไม่กี่วันก่อนมีคนมาที่สนามกอล์ฟ พอดีพี่อยู่เลยได้เจอ เขาบอกว่า...กำลังจะร่วมทุนกับบริษัทของคุณดาริน” ไม่ต้องเตือนความจำว่าจิณณะจำชื่อดารินได้หรือไม่ ทั้งๆที่คู่ค้าของสนามกอล์ฟของพิทักษ์มีมากมายก่ายกอง


หลานชายคุณกอบกุลนิ่งไปแค่อึดใจเดียว ก่อนจะเงยหน้าจากชามก๊วยเตี๋ยวขึ้นมามองคนรักตาใส...ซื่อ


“ผมนึกว่าคุณดารินเป็นเจ้าของบริษัทเสียอีก”


“แต่ก่อนน่ะใช่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว”


จิณณะทำเป็นพยักหน้าเออออเหมือนเพิ่งรู้


“พี่ก็ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร คุณดารินถึงขายหุ้นให้คนอื่น แต่...เท่าที่รู้ หุ้นส่วนคนใหม่ของคุณดารินชื่ออรรณพ จิณรู้จักไหม เห็นว่าจบจากคณะเดียวกับจิณ”


คราวนี้จิณณะไม่ได้นิ่งแค่อึดใจเดียวอีกแล้ว เขาน่าจะรู้ดีว่าคนอย่างพิทักษ์มีวิธีสืบข่าวมากมาย และหนึ่งในวิธีมากมายที่ว่าก็คือการสอบถามจากดนัย


แต่...เลือดวงศ์กีรติจะให้ใครดูแคลนไม่ได้ ปกปิดก็คือปกปิด แถก็คือแถ ไม่บอกความจริงเสียอย่าง ใครจะทำไม


“คณะผมมีตั้งสี่ภาคฯ แถมมีรุ่นอีก เขารุ่นไหนล่ะ แต่ในรุ่นผมไม่มีคนชื่อนี้นะ อีกอย่างถ้าเป็นรุ่นอื่นเราก็ไม่ค่อยรู้จักชื่อจริงกันหรอก รู้แต่ชื่อเล่น ถ้าไม่เห็นหน้าก็จำไม่ได้...”


พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นสายตาของพิทักษ์ จิณณะก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายน่าจะรู้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างเขากับรุ่นน้องร่วมคณะคนที่ชื่ออรรณพคนนี้ “...เออๆ จะว่าไปก็มีอยู่คนนะ ที่ชื่ออรรณพ รายนี้ดังหน่อยผมเลยจำได้ แต่ไม่ได้เรียนภาคเดียวกันหรอก แล้วเขามาซื้อหุ้นบริษัทของคุณดารินหรือ เพิ่งรู้ว่ามันสนใจธุรกิจกอล์ฟ ไว้ผมจะลองติดต่อไปหามันให้พาพรรคพวกมาเป็นลูกค้าสนามกอล์ฟพี่ทิศบ้างดีไหม เพิ่มฐานลูกค้า”


“ไม่ใช่ว่าจิณติดต่อเขาไปก่อนหน้านี้แล้วหรือ”


ตะเกียบแทบร่วงใส่ชามก๊วยเตี๋ยว ดวงตาหลุกหลิกของคนมีชนักปักหลังเหลือบขึ้นมองเจ้าของคำถามทันที


“จิณทำอะไรบ้าง” น้ำเสียงเรียบ ตาจิกบอกให้รู้ว่าจงเล่าความจริงแต่โดยดี


“ผ...ผมไม่ได้…”


พิทักษ์ไม่พูด แต่ตาจิกเหมือนเดิม


“ก็ได้ๆ...ก็ผมพอจะรู้ว่ากิจการคุณดารินไม่ค่อยดี แล้วไอ้เวฟ...เอ่อ...อรรณพนั่นแหละ มันสนใจธุรกิจประเภทนี้พอดี ก็เลยแค่บอกมัน...”


คำว่า ‘พอจะรู้’ แน่นอนว่าไม่ใช่การที่จู่ๆก็ได้ยินมา แต่เป็นเพราะจิณณะส่งคนสืบหาข้อมูลทางธุรกิจแล้ว ส่วนคำว่า ‘แค่บอก’ นั่นก็ไม่ใช่แค่บอก แต่มีเงื่อนไขบางประการที่จูงใจให้ใครสักคนเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในธุรกิจที่กิจการไม่ดี


แล้วแบบนี้จิณณะจะไม่คู่ควรกับนามสกุลวงศ์กีรติของคุณกอบกุลได้อย่างไรกัน


“ผมไม่ได้บังคับใครเลยนะ อีกอย่าง...นี่ผมช่วยคุณดารินด้วยซ้ำ”


คำว่า ‘ช่วย’ เป็นคำสุภาพ เพราะภายใต้คำว่าช่วยคือเงื่อนไขที่ว่าดารินจะต้องไม่โผล่หน้าไปให้พิทักษ์พบเจออีก หากเมื่อใดก็ตามที่เรื่องหนึ่งหญิงหนึ่งชายพบกันมาเข้าหูจิณณะ คนที่จะถูกจัดการเป็นรายแรกก็คือฝ่ายหญิง


ใช่...ก็ ‘หนึ่งชาย’ ที่ว่าคือคนของเขา เหตุใดเขาต้องจัดการคนของเขาก่อน ‘หนึ่งหญิง’ ซึ่งเป็นคนอื่นเล่า


“พี่...โกรธผมอีกรึเปล่า”


อาการเงียบของพิทักษ์ชวนให้หวั่นใจ แต่ถึงอย่างนั้นคราวนี้ก็ไม่ใช่ความผิดที่เห็นได้ชัดแจ้ง จะโกรธก็ไม่รู้จะโกรธด้วยเหตุผลใด หนำซ้ำสีหน้าเหมือนหวั่นว่าจะถูกโกรธนั่นก็น่าเอ็นดูสำหรับพิทักษ์อีกต่างหาก


“คราวหลังทำอะไรต้องบอก”


“ครับ” รับปากแล้วแต่จิณณะก็ยังคันปากยุบยิบ “...แต่จริงๆคราวนี้ก็ไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีนะ”


“แล้วทำเรื่องดีหรือ”


“ผมช่วย...”


“ถ้าทำเรื่องดี จิณมาอวดพี่นานแล้ว”


หมดกัน ถูกอ่านนิสัยช่างจ้อออกทะลุปรุโปร่งแบบนี้ จิณณะถึงกับหุบปากเถียงไม่ออกไปโดยปริยาย


“เอาเป็นว่าหลังจากนี้ ทั้งดีทั้งไม่ดีก็ต้องบอก เข้าใจไหม”


“ครับ”


“แล้วเดือนหน้า เคลียร์คิวให้พี่สักสามวัน จะพาไปปฏิบัติธรรมอีก”


“หา! ปฏิบัติธรรมอีกแล้ว?!”


“จนกว่าจิณจะทำอะไรแล้วมีสติ คิดก่อนแล้วค่อยทำ พี่จะพาไปปฏิบัติธรรมให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้”


“แต่คราวนี้ผมก็คิดก่อนทำนะ”


“คิดอะไรก่อนทำ”


“...” จิณณะเงียบกริบ ไม่กล้าอ้าปากว่าสิ่งที่ตนเองคิดก่อนทำคือการสั่งให้ดนัยหาข้อมูลทางการเงินของดารินแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าทำก่อนแล้วค่อยคิดได้อย่างไรกัน


“แล้วถ้าคุณกอบว่าเรื่องลางานไปปฏิบัติธรรม ให้มาบอกพี่ พี่จะไปคุยให้เอง”


“คุยกับคุณย่าน่ะหรือ”


“ใช่ ถ้าเขาดุเรื่องจิณลางาน พี่จะไปคุยให้”


“ไม่ต้องหรอกหน่า ผมจัดการได้”


“แต่พี่ไม่อยากให้คุณกอบดุจิณ” อันที่จริงต้องบอกว่าพิทักษ์ไม่ต้องการให้ใครดุจิณณะทั้งนั้น หรืออีกนัยหนึ่งคือเขาดุได้คนเดียว


จิณณะได้แต่กะพริบตาปริบๆอย่างตามไม่ทัน


“กินต่อได้แล้ว จะได้กลับไปทำงาน แล้วทำงานนะจิณ อย่าให้พี่รู้ว่าเอาเวลางานไปคิดเรื่องไม่ดีอีก”


“ไม่ให้คุณย่าดุผม แต่ตัวเองดุเอาดุเอา...” ได้แต่งึมงำคีบเยนตาโฟเข้าปาก แต่พอเหลือบตาขึ้นมองคนที่ดุเอาดุเอา จิณณะก็ทำได้เพียงก้มหน้าก้มตากินก๊วยเตี๋ยวต่อไป แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ทันเห็นสายตาของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งบัดนี้ผูกขาดการดูแลเขาทุกกรณีมาไว้ในมือแล้ว


ถ้าสำหรับจิณณะ พิทักษ์คือคนที่ใครก็ทำอันตรายไม่ได้แล้ว


สำหรับพิทักษ์ จิณณะก็คือคนที่ใครก็แตะไม่ได้เช่นกัน


…………………….


หลังจากนั้น เรื่องการลางานของจิณณะก็ยังคงมีมาเข้าหูคุณกอบกุลอยู่เนืองๆ เพียงแต่บัดนี้หล่อนไม่กระทบกระเทียบด้วยหน้าตาถมึงทึงเหมือนแต่ก่อน เพียงแต่ทำปากเบ้หน้าตึง แล้วพูดประโยคหนึ่งแทนที่จะพูดถึงหลานนอกคอก


“ก็ให้เขาจัดการกันเองแล้วกัน! คุ้มกะลาหัวกันได้ดีอยู่แล้วนี่!”


   คนรอบข้างฟังแล้ว แม้ไม่ระบุชื่อก็พอจะรู้หน้าว่าใครกันที่คุ้มกะลาหัวจิณณะ  วงศ์กีรติอยู่ เพราะเป็นคนเพียงคนเดียวที่สามารถพาหลานชายจิตไม่นิ่งของคุณกอบกุลเข้าทางธรรมได้ ทว่าพอมีเสียงบ่นจากคนถูกพาไปปฏิบัติธรรมบ่อยๆดังขึ้นมาเบาๆ ค่ายปฏิบัติธรรมก็ซาลง กลายเป็นทริปดำน้ำ ท่องเที่ยว กินดื่ม สลับกันไปจนแม้แต่จิณณะยังส่งรูปอวดคนทางบ้านแทบไม่ทัน เลยได้ยินเสียงมาจากคฤหาสน์หลังแรกจากอาณาเขตวงศ์กีรติดังขึ้นมาอีก


   “ถ้ากิจการมันเจ๊งก็อุ้มชูกันเองเถอะ!!”


   สองประโยคกระแหนะกระแหน จิณณะจะไม่ถือมาเป็นอารมณ์ถ้าจิกกัดเขาคนเดียว แต่นี่ฟังก็รู้ว่าแซะควบไปถึงพิทักษ์ด้วย แล้วคนอย่างจิณณะ  วงศ์กีรติที่ไม่เคยยอมให้พิทักษ์ตกอยู่ในอันตราย จะยอมให้อีกฝ่ายถูกต้นตระกูลของตนเองจิกกัดบ่อยๆอย่างนั้นหรือ


   “แก่แล้วก็หัดปล่อยวางบ้างนะครับ อย่าอิจฉากระทั่งลูกหลานเลย ไม่งั้นก็โทษคนของตัวเองนู่นที่ชิงไปเกิดใหม่ซะก่อน เลยไม่ได้อยู่อุ้มชูกันเหมือนพวกผม”


   ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า เมื่อคุณกอบกุลได้ยินประโยคนี้จะเกรี้ยวกราดหน้าตาถมึงทึงแค่ไหน จิณณะถือว่าตนเองโยนระเบิดแล้วเผ่นได้ก็ไม่สนใจ แต่หากยังมีเสียงกระแหนะกระแหนถึงพิทักษ์ลอยตามลมมาให้ได้ยินอีก เจ้าของเสียงก็ย่อมต้องได้ฟังเสียงจากเขาลอยกลับไปเช่นกัน!


   คนของข้าใครอย่าแตะ!


   คนของจิณณะ  จิณณะแตะได้คนเดียว!!


   FIN

พี่ทิศสปอยแฟนมากเลยค่ะ สปอยจนไม่รู้จะสปอยยังไง สปอยไปดุไป ถามว่าจิณกลัวมั้ย ก็คงกลัว(มั้งนะ ฮ่าฮ่า)

ส่วนจิณก็คือหลงพี่ทิศมากกกกก แต่ปล่อยให้เขาหลงเถอะเนอะ เขาได้มายากจริงๆค่ะ ฮ่าฮ่า

สำหรับ ระบบอุปถัมภ์ จะออกเป็นหนังสือในงานหนังสือครั้งนี้ ใครอยากเก็บพี่ทิศ จิณณะ และคุณกอบกุล ก็แวะเวียนไปสอยได้นะคะ

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกกำลังใจ ทุกการอ่าน ทุกการคอมเม้นท์ และทุกการคิดถึง ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ (ขอบคุณเอ็กตร้ามาแต่ชื่ออีกแล้วด้วยนะคะ ฮ่าฮ่า)

เจอกันใหม่เดือนหน้า (กับตอนพิเศษของเรื่องไหนสักเรื่อง อิอิ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-09-2019 22:39:28 โดย Dezair »

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
ที่สุดจริงๆ ทั้งพี่ทิศและจิณณะ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ร้ายได้อีกนะจิณ ดีนะพี่ทิศเอาอยู่

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ย้อนคุณย่าได้แสบสันต์ สมเป็นจิณณะจริงๆ   :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
ชอบการมีเส้นสายนี้.
ไปวัดไหนกันคะ อยากตรมไปด้วยจัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ยิ้มได้จนกระทั้งคำสุดท้ายเลยค่ะ​ กลั้นจนปวดแก้มแล้วเนี่ย

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
ความง้องอนเล่นกุหลาบช่อใหญ่นี้~~~ เฮ้ออออ

ต่างคนต่างหวงเก่งอ่ะเนอะ
คนของเราก็คือคนของเราอ่ะ แตะได้คนเดียว อิอิ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
โธ่ หลานจิณแซะคุณย่าแบบนั้นมันแรงไปนะ คุณย่าน่าสงสารออกไม่ได้อยู่กับคนรักจนแก่ตายไปพร้อมกันแล้วยังต้องดูแลกิจการและลูก ๆ ต่อคนเดียวแบบนี้อีก คุณย่าเก่งมากเลยนะ หลานควรแซะเรื่องอื่นซะมากกว่านะ

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
กับคุณกอบกุล ก็คือ ใส่กันสุด 5555 สมกับเป็นหลานรัก เอ๊ะ หลานอกคอก 5555

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
นึกว่าจิณหวงหนักคนเดียว ปรากฎว่าพี่ทิศห่วงหนักไม่แพ้กัน :mew4:

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
พิทักษ์คือ ลาสบอสสินะ 5555

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ทำไมว่าคุณย่าอย่างนั้นละครับจิณ 5555

ออฟไลน์ Fish129

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 746
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-3
สปอยแฟนอย่างหนักกันทั้งคู่นั้นแหละ

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
ยอมในความหลงของจินณะเลย ทั้งรักทั้งหวงพี่ทิศมาก
แอบฮาตอนจบนะคะ คุณย่ากับหลานหมัดหนักพอๆกันเลยนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
เรื่องพิทักษ์ จินไม่ลดราวาศอกกับใครทั้งนั้น ย่าก็ไม่เว้น

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
โอ้ยยย พี่ทิศสปอยไปดุไป ดุได้คนเดียวด้วยใครก็ห้ามแต่ะ!

ทั้งรักทั้งหลงกันหนักมากกกก ของของใครของก็หวง! ก็อกสอง จิณจัดการได้แจ่มมาก o13

ขำย่าหลาน เลือดวงศ์กีรติเข้มข้นจริงๆ แซะมาแซะกลับไม่โกง 5555555 

ขอบคุณนะคะ ชุ่มชื่นหัวใจมากกกกก  :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2019 09:24:07 โดย Ac118 »

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4
ของจิณ จิณจัดการได้คนเดียวจ้าาาา

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ความสปอยของพระเอกในจักรวาลของคุณบัวพี่ทิศมาวินเลยไหมเนี่ย ฮ่าๆ
พี่เวฟได้ค่าตัวอีกแล้วจ้าา

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อ่านรวดเดียวเลย สนุกมากๆ พี่ทิศคือที่สุดในใจ อิจฉาเจ้าจิณ

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1

ออฟไลน์ Natti

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอ้ยยยยยย ทั้งอิจฉา ทั้งหลง ในความรักของคุณเขาจัง รักอะไรกันปานนั้น จิณก็ยังคงความจิณเสมอต้อนเสมอปลาย ส่วนพี่ทิศนี่แสนดีจริงๆ จะโกรธจะดุน้องก็น่าเอ็นดูในสายตาตลอดเวลา

คนของข้าใครอย่าแตะ

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
จิณณะ ร้ายได้คุณย่า  :katai3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด