...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)  (อ่าน 304667 ครั้ง)

ออฟไลน์ Fish129

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 747
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-3
คุณพิทักษ์น่ารักมาก แบบลงตัวเวลาอยู่กับจิณณะมากๆๆ

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
………………………….
ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1


   คุณเทียมเคยบอกว่าจิณณะเป็นคนจริงจังและเด็ดเดี่ยว คนสนิทของคุณเทียมอย่างมิตรก็ย้ำอีกว่า จริงจัง เด็ดเดี่ยวและอำมหิตมาก ทนายความที่เคยทำคดีให้ก็พูดในทำนองเดียวกันว่า จิณณะ  วงศ์กีรติคือคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่...อย่าได้มีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลแล้วยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามเป็นอันขาด


   ดูเหมือนคนรอบข้างล้วนพากันบอกว่าจิณณะ  วงศ์กีรติมีอีกด้านหนึ่งที่พิทักษ์ไม่รู้จัก ตอนแรกเขาคิดว่าจิณณะที่คนรอบข้างพูดถึงว่าเป็นคนจริงจัง มุ่งมั่นและทุ่มเทคือคนเดียวกับที่เขาเคยเจอตอนที่เจ้าตัวพูดด้วยเสียงเยียบเย็นว่าเขาหมดประโยชน์ แต่เมื่อลองไตร่ตรอง ก็พบว่าจริงอยู่ว่าวันนั้นจิณณะแสดงออกอย่างเย็นชาไร้หัวใจ แต่นั่นคือ ‘เปลือก’ ที่สร้างขึ้นมาต่างหาก ไม่ใช่ ‘อีกด้าน’ ที่ใครๆพูดถึงว่า ‘อำมหิต’


   ...อำมหิต?...


   จิณณะคนที่กำลังยืนเกาะตู้กระจก ตามองพะแนงที มองพะโล้ทีเหมือนตัดสินใจไม่ได้นี่หรือ ‘อำมหิต’


   “กินไรดี พะแนงก็อยาก พะโล้ก็อยาก พี่ทิศกินอะไร” แถมยังหันมาขอความเห็นราวกับตัดสินใจเองไม่ได้อีกต่างหาก


   “ก็เอาทั้งพะแนง ทั้งพะโล้สิ สั่งแยกใส่ถ้วย พี่กินด้วย” พอเขาออกปาก คนอยากทั้งพะแนงทั้งพะโล้ก็ยิ้มกระดี๊กระด๊า หันไปสั่งกับแม่ค้าหลังตู้ทันที


   “เอาพะแนงกับพะโล้อย่างละถ้วย ไข่เจียวหมูสับหนึ่ง พี่ทิศเอาไรอีกไหม” เมื่อพิทักษ์ส่ายหน้า จิณณะก็หันไปยิ้มให้แม่ค้าอีกทีพร้อมชูสองนิ้ว “แล้วก็ข้าวสอง”


   สั่งเสร็จสรรพก็พาพิทักษ์เดินไปโต๊ะ ร้านข้าวราดแกงแห่งนี้เป็นร้านข้างที่ว่าการอำเภออันเป็นสถานที่ทำงานเก่าของจิณณะ รู้สึกเหมือนเป็นเจ้าถิ่นที่กลับมาตุภูมินิดๆ ก็ตอนที่ปล่อยให้คนรักนั่งรอ ส่วนตนเองเดินไปกดน้ำเปล่าจากตู้ใกล้ๆมาเสิร์ฟอย่างรู้งาน


   “พี่ทิศเคยมากินร้านนี้ใช่ไหม ทำไมตอนนั้นถึงมาที่นี่นะ? ปกติเห็นไม่ออกไปกินข้าวที่ไหน” จิณณะถาม จำได้เลาๆว่าครั้งแรกที่มาทานข้าวกับพิทักษ์ที่ร้านนี้ มีวรชิตและเพื่อนปลัดอีก 2-3 คนติดตามมาด้วย คราวนั้นพิทักษ์เป็นฝ่ายมาหาเขา ไม่รู้นึกอย่างไรเหมือนกันทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เล่นตัวอยู่แต่ที่สนามกอล์ฟ ถ้าจะกินข้าวด้วยต้องให้เขาเป็นฝ่ายบุกไปหา


   “ก็จิณไม่ไปหา...” พิทักษ์ตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆเหมือนเล่าเรื่องเก่าๆที่ไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่ใครบางคนเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าเรื่องคราวนั้นเป็นฝั่งเขาเองที่ซุกอะไรบางอย่างที่ใหญ่เบอเริ่มไว้ในกอไผ่


   “...ทำไมไม่ไป” น้ำเสียงทุ้มไม่คาดคั้นเอาคำตอบ แต่สายตาจับจ้องจนคนถูกถามถึงกับกลืนน้ำลายไม่ลงคอ


   ...ก็เพราะตอนนั้นรู้ตัวแล้วน่ะสิว่าคิดเกินเลย…


   เรื่องแบบนี้พูดออกไป จะกลายเป็นถูกเยาะเย้ยว่าตกหลุมรักพิทักษ์ก่อน คนมีมาดเลยตีหน้าสุขุม หยิบแก้วน้ำมาดื่ม


   “ไม่รู้ จำไม่ได้แล้ว” ตอบเหมือนจะเนียน แต่ดูดน้ำไปอึกใหญ่ สายตาหลุกหลิกมองทางอื่นแทนที่จะมองคนร่วมโต๊ะ พิทักษ์ยกยิ้มน้อยๆที่มุมปาก จิณณะช่างเป็นคนโกหกไม่เก่งเอาเสียเลย


   “โกหกไม่เนียน” คนถูกหยอกเหลือบตามามอง แก้มกระตุกเล็กน้อยที่ถูกรู้ทันว่าโกหก แต่...รู้ทันแล้วไง โกหกไม่เนียนแล้วไง ถึงจะถูกรู้ทัน ถึงจะไม่เนียนก็จะโกหกต่อไป ยังไงก็ง้างความจริงออกจากปากไม่ได้หรอก!


   จิณณะตีมึนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ พอดีกับที่ลูกจ้างของร้านยกอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ เจ้าตัวเลยอาศัยความวุ่นวายของมื้ออาหารเป็นตัวปิดบังความจริงในครั้งเก่าก่อนนั่นเสียเลย


   ครั้งเก่าของเรากับมื้อแรกที่มาทานข้าวด้วยกันที่นี่


   เป็นครั้งแรกที่พิทักษ์เป็นฝ่ายบุกมาหา และเป็นช่วงแรกที่จิณณะรู้ตัวว่ามอบความรู้สึกมากเกินกว่าคนขอความช่วยเหลือและคนช่วยเหลือแล้ว


   ทว่า...ตอนที่คิดว่าการตีมึนทำเป็นสนใจกับข้าวจะใช้ได้ผลแล้ว จู่ๆ คนตรงหน้าก็เอ่ยปากอย่างตรงไปตรงมา


“ตอนนั้นที่พี่มาหา เพราะพี่คิดถึง”


คนกำลังจะกลืนข้าวลงคอถึงกับสำลัก ไอโขลกหน้าดำหน้าแดง


   “พี่ทิศ! พูดอะไรของพี่วะ?!”


คนถูกโวยกลับยักไหล่ด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โต


   “พูดเรื่องจริง”


   จิณณะอ้าปากค้างอีกระลอก พะงาบๆจะพูดอะไรก็นึกไม่ออก จากคนพูดเก่ง เถียงคุณกอบกุลชนิดคำต่อคำ กลายเป็นคนที่ทำได้เพียงแค่อ้าปาก


   “แต่ใครบางคนไม่มองหน้ากันเลย” พิทักษ์ทวนความจำต่อ ทว่าอีกฝ่ายใบ้กินไปแล้วเรียบร้อย ได้แต่ทำปากขมุบขมิบ แล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่ออย่างจำนน พิทักษ์มองคนรักด้วยแววเอ็นดู ทว่าวูบหนึ่งก็ชวนให้คิดถึงคำที่คนรอบข้างพูดถึงคนตรงหน้าให้เขาได้ยินขึ้นมาอีก


‘อำมหิต’


จิณณะที่อยู่ตรงหน้าเขา จะเป็นได้ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ คนที่โกหกไม่เนียน พอถูกจับได้ก็ทำหน้าตาเฉไฉบ้าง ทำปากขมุบขมิบบ้าง คนที่เมื่อครู่คิดไม่ตกว่าจะเลือกพะโล้หรือพะแนงดี คนอย่างนี้น่ะหรือ ‘อำมหิต’


พิทักษ์พินิจคนตรงหน้า ก่อนจะตัดใจเลิกคิด เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่เห็นวี่แววสัญญานอำมหิตในตัวคนรักของเขาอย่างที่ใครๆว่ากันเลย


………………………


หลังอิ่มหนำกับอาหารรสชาติพื้นบ้านที่คุ้นเคย จิณณะมีโปรแกรมแวะไปป่วนอดีตเพื่อนร่วมงานอย่างวรชิตที่ที่ว่าการอำเภอ พอเห็นทองม้วนวางขายอยู่บนชั้นวางใกล้ประตูร้าน จึงแวะเลือกซื้อ พิทักษ์หันกลับไปมองคนที่หยิบถุงนั้นถุงนี้มาส่องด้วยความเอ็นดู


“ซื้อไปฝากคุณชิตหรือ”


“อื้อ ไม่มีอะไรติดมือไปเดี๋ยวมันหาว่ารวยแต่ขี้เหนี...เฮ้ย! พี่ทิศ!!” จิณณะกำลังจะตอบแต่ต้องกลายเป็นร้องลั่นเมื่อเห็นรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งพุ่งเข้ามาที่พิทักษ์ เขาทิ้งถุงขนมก้าวพรวดเข้าไปกระชากร่างคนรักออกมา เฉียดฉิวหวุดหวิดก่อนจะถูกชน


“ข...ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่นั่งอยู่บนอานมอเตอร์ไซค์เจ้าปัญหาพอหยุดรถได้แล้วก็ตาลีตาเหลือกรีบยกมือไหว้ด้วยความตกใจไม่แพ้กัน แต่พอเห็นสายตาของจิณณะ ก็ยิ่งชวนให้ใจหายหนักกว่าเก่า


“ทำไมไม่ดูคน!”


เจ้าของสายตาเย็นเยียบถามเสียงเข้ม สายตาเอาเรื่องไม่พอ โทนเสียงยังทุ้มต่ำเสียจนพิทักษ์หันมอง


“ผ...ผม...ผมเพิ่งหัดขับ...ข...ขอโทษครับ...” เด็กหนุ่มยกมือไหว้ปะหลกๆ


“ที่นี่เป็นที่หัดขับรึไง?!”


“ผ...ผม...” เจ้าหนุ่มนั่นพูดไม่ออก อย่าว่าแต่เสียงจะหลุดออกมาเป็นคำเลย แม้กระทั่งหายใจยังยาก ราวกับเจ้าของสายตาที่จ้องมานั้นคว้าอากาศหายใจไปหมด


“จิณ” เสียงของพิทักษ์ดึงสติจิณณะให้รู้ตัว สายตาวาววับเอาเรื่องพลันเปลี่ยนเป็นสายตาของจิณณะคนเดิมเมื่อหันมองเจ้าของเสียงเรียกนั้น


“พี่ทิศไม่เป็นอะไรใช่ไหม” น้ำเสียงเมื่อครู่ที่ใช้กับเด็กหนุ่มวัยรุ่นกับน้ำเสียงตอนนี้ที่ใช้พูดคุยกับพิทักษ์แตกต่างราวฟ้ากับเหว


“ไม่เป็นไร” คนเกือบถูกมอเตอร์ไซค์ชนตอบ ก่อนจะหันไปทางคู่กรณี หนุ่มวัยรุ่นยังยืนตาเหลือกตัวลีบคร่อมมอเตอร์ไซค์ราวกับกำลังรอคำพิพากษา


“ถ้าจะหัดขับก็ไปหัดที่อื่น แถวนี้คนพลุ่กพล่านจะอันตราย แล้วก็ระวังให้มากกว่านี้ด้วย” พิทักษ์สอนเหมือนผู้ใหญ่สอนเด็ก เจ้าหนุ่มมอเตอร์ไซค์รีบยกมือไหว้


“ค...ครับ ขอโทษนะครับ”


“อือ จะไปไหนก็ไปเถอะ” มอเตอร์ไซค์คันที่เกือบจะก่อเหตุรีบสตาร์ทเครื่องแล้วขับจากไป พิทักษ์หันกลับมาที่คนข้างกายอีกครั้ง


“จิณจะซื้อของไปฝากคุณชิตรึเปล่า”


“อ่า...จริงด้วย” ว่าแล้วอดีตปลัดอำเภอก็หมุนตัวกลับไปที่ชั้นวางขนมอีกครั้ง พิทักษ์มองตามหลังคนรัก ก่อนจะหันกลับไปมองยังจุดที่เกิดเหตุเมื่อครู่นี้


สายตาและน้ำเสียงที่จิณณะใช้กับเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่เกือบก่อเรื่องชวนให้พิทักษ์อดคิดถึงคำหนึ่งคำขึ้นมาไม่ได้เลย


‘อำมหิต’


......................


หลังจากออกจากร้าน จุดหมายถัดไปของพวกเขาคือที่ว่าการอำเภอ แน่นอนว่าคนอัธยาศัยดี นามสกุลดังกลับมาทั้งที ย่อมมีแต่คนห้อมล้อมด้วยความคิดถึง จิณณะที่อยู่กับเพื่อนฝูง อย่างไรก็เป็นจิณณะ  วงศ์กีรติที่พิทักษ์รู้จัก ไม่เหมือน...คนที่เอาเรื่องเจ้าหนุ่มมอเตอร์ไซค์คันนั้นเลย


มันทำให้เขาอดหวนคิดถึงเรื่องที่ได้ยินจากลุง จากคนสนิทของลุง จากทนายความที่ทำคดีให้ หรือแม้แต่การที่อรพิณออกไปจากชีวิตเขา ถ้าทั้งหมดนั่นเกิดจากอีกด้านของจิณณะที่เขาไม่เคยพบเคยเห็น เป็นจิณณะที่จริงจัง มุ่งมั่น เลือดเย็นและ ‘อำมหิต’ เขาก็ไม่ควรอยู่เฉย


พิทักษ์รู้ว่าเขาควรจะเริ่มจากตรงไหน อย่างน้อยก็มีคนใกล้ตัวที่เคยประสบพบเจอจิณณะที่เป็นเช่นนั้น


“จะถามเรื่องคุณจิณ?”


“น้ามิตรเคยบอกว่าตอนเขาเคลียร์เรื่องไพศาล เขา...ไม่เหมือนจิณที่เคยรู้จัก”


มิตรร้องอ้อในใจ “ใช่ครับ”


“เขาเป็นยังไง”


“ก็...ไม่ใช่จิณณะคนนี้” พูดแล้ว มิตรก็ถอนหายใจยาวก่อนจะอธิบายเพิ่ม


“ถ้ามีคนบอกผมว่าเขาเป็นหลานของกอบกุล  วงศ์กีรติ ผมเชื่อแบบไม่ต้องขอดูนามสกุลของเขาเลย”


“น้ามิตรหมายความว่าเขาเหมือนคุณกอบมากอย่างนั้นหรือ?”


“มากครับ อย่างกับโขลกกันมา”


มิตรมีความกังวลใจเล็กๆเมื่อคิดถึงความเหมือนของจิณณะและคุณกอบกุล จริงอยู่ว่าเวลานี้จิณณะคนที่เหมือนคุณกอบกุลมากขนาดนั้นหายไปแล้วพร้อมกับไพศาลที่จากไป แต่ให้อย่างไรก็ไม่ใช่การหายไปตลอด คงซุกซ่อนอยู่ส่วนใดส่วนหนึ่ง หากมีปัจจัยหรือเหตุการณ์ใดมากระตุ้นก็คงได้เห็นจิณณะคนนั้นอีก


“คุณทิศ...ต้องระมัดระวังตัวเองให้มาก ผมไม่คิดว่าเขาจะทำร้ายคุณ แต่เมื่อไรก็ตามที่มีคนทำร้ายคุณ จิณณะคนนั้นจะกลับมา ผมกลัวว่า...มันจะทำให้ทั้งตัวคุณเองและคุณจิณเดือดร้อน”


‘เมื่อไรก็ตามที่มีคนทำร้ายคุณ จิณณะคนนั้นจะกลับมา’


เหตุการณ์ที่หน้าร้านอาหารเมื่อคราวก่อนที่พิทักษ์เกือบถูกมอเตอร์ไซค์ชนอธิบายคำพูดประโยคนี้ของมิตรได้อย่างดี สิ่งที่เขาพบไม่ใช่เพียงจิณณะที่พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ยังเป็นหลังมือที่...อันตราย


“ขอบคุณน้ามิตรมาก ผมจะคอยดูเขาอีกที”


คนสนิทของคุณเทียมเลิกคิ้วเล็กน้อย


“คุณทิศไม่กลัวคุณจิณหรือ”


พิทักษ์หันมอง พลางยิ้มจาง


“น้ามิตรบอกว่าเขาจะไม่ทำร้ายผม ผมก็เชื่อว่าเขาไม่มีวันทำอย่างนั้น แล้วถ้าอย่างนั้นจะมีอะไรต้องกลัวอีก” คนฟังถึงกับยิ้ม แล้วพยักหน้ารับรู้


“บางที ผมก็ดีใจเหมือนกันนะ ที่ได้เห็นคุณจิณที่เหมือนคุณกอบกุลขนาดนั้น เพราะจิณณะคนนั้นไม่ได้ออกมาง่ายๆหรอก แต่เขาออกมาเพราะคนที่เขารักมากต่างหาก”


และคนที่จิณณะรักมากก็ไม่ได้หมายถึงคนอื่นไกล แต่เป็นพิทักษ์ คนที่เมื่อครู่นี้เพิ่งออกปากว่าจะคอยดูแลจิณณะ


ต่างคนต่างรักมาก


และคนที่ได้รับความรักมากนั้นก็ต่างเป็นกันและกัน


โชคดีแล้วที่พวกเขารักกัน


…………………….


พิทักษ์ไม่ใช่คนโฉ่งฉ่าง มักทำแต่ละอย่างอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากเริ่มแรกชวนคนรักออกกำลังกายบ้าง ปลูกต้นไม้บ้าง จนมาถึงหางานศิลปะมาชวนทำที่บ้าน


ในขณะที่จิณณะเป็นคนรักสนุก ออกกำลังกายจำพวกเล่นกีฬาแข่งขันย่อมสร้างความรื่นรมย์ให้กับเขา กิจกรรมปลูกต้นไม้ก็ไม่แย่เพราะเห็นว่าปลูกในบ้าน อย่างน้อยก็ได้ดอกผลไว้กิน ตอนพิทักษ์เอางานศิลปะสร้างสมาธิสำหรับผู้ใหญ่กลับมาชวนเขาทำ แรกๆก็เห็นเป็นเรื่องสนุก หลังๆมาชักเบื่อก็ไม่สนใจอีก


จนกระทั่ง...มาชวนไปเข้าค่ายธรรมะนั่งสมาธิ


คราวนี้คนรักสนุกถึงกับกะพริบตาปริบๆ


“พี่ทิศชวนผมไปไหนนะ?”


“นั่งสมาธิ”


จิณณะสะท้านเฮือก ขยับถอยหลังแทบไม่ทัน


“พ...พี่จะบวชหรือ?!” แม้จะถามเป็นประโยคสั้นๆ แต่ในสมองของจิณณะกำลังมีความคิดล้านแปด


เป็นเพราะเขารึเปล่าที่ทำให้พิทักษ์อยากละทางโลก หรือเพราะความรักของเรามาถึงทางตัน พิทักษ์ไม่กล้าบอกเขาตามตรงเลยหาทางเลี่ยงเข้าทางธรรมไปเสีย หรือพิทักษ์มีปัญหาชีวิตบอกใครไม่ได้เลยต้องใช้ธรรมะเยียวยา หรือ...หรือ...หรือเราต้องเลิกกัน...


ใช่สิ! คนหนึ่งบวช อีกคนจะอยู่รอให้พระสึกอย่างนั้นหรือ?! คนบวชจะใจสงบในผ้าเหลืองได้อย่างไรถ้าเห็นอุบาสกอย่างจิณณะไปรอใส่บาตรนิมนต์หลวงพี่ทุกเช้า!


“คิดไปถึงไหน พี่ไม่ได้จะบวช”


สีหน้าของจิณณะนั้นแสดงออกชัดแจ้งว่าคิดอะไรเกินเหตุไปหลายตลบ


“แต่...แต่พี่จะไปนั่งสมาธิ?”


“ไปปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ นุ่งขาวห่มขาว ไม่ต้องบวช”


“อ้อ...เหรอ...” แม้ปากจะรับคำเหมือนรับรู้ แต่จิณณะก็ไม่อาจขจัดความกังวลใจได้เลย อยู่ดีๆทำไมถึงคิดจะนั่งสมาธินุ่งขาวห่มขาวขึ้นมาล่ะ ถ้าไม่ใช่จะละทางโลกไปสู่ทางธรรม


ก่อนหน้านี้จิณณะรู้ซึ้งแค่เรื่องการจากเป็นจากตาย แต่มาบัดนี้ กลับรู้เพิ่มขึ้นอีกอย่างคือมนุษย์เรามีการจากไปสู่ทางธรรมด้วย


แล้วเส้นทางอย่างนี้จะขัดขวางก็เรียกว่ามารศาสนา จะปล่อยให้ไปก็...เป็นหม้าย


...ใครล่ะหม้าย ก็จิณณะ  วงศ์กีรติคนนี้ไง!...


“จิณไปด้วยกันไหม” คำถามดังขึ้นอีก คนกำลังกังวลกับอนาคตหม้ายที่ลอยเด่นมาแต่ไกลได้แต่กลืนน้ำลายแล้วฝืนยิ้ม


“ผ...ผมขอดูตารางงานก่อนแล้วกันนะ พ...พี่จะไปเมื่อไรล่ะ”


อันที่จริงคือไม่ได้ดูตารางงาน แต่ขอระยะเวลาทำใจ เกิดพิทักษ์ไปแล้วไม่กลับมาอีก


...หม้ายจริงๆ งานนี้หม้ายจริงๆ…


“คอร์สมีหลายช่วง พี่จะส่งให้ดู แล้วจิณว่างช่วงไหน เราไปด้วยกัน”


…เราจะเข้าทางธรรมด้วยกัน แล้วเราจะออกมาสู่ทางโลกด้วยกันไหม…


นี่คือคำถามของจิณณะ  วงศ์กีรติที่ดังก้องหัวใจ

…………………


ว่าที่ดอกเตอร์ชเยนตร์ได้แต่มองผ่านจอคอมพิวเตอร์ตาปริบๆ เมื่อจู่ๆญาติผู้น้องก็ติดต่อมาด้วยสีหน้าอมทุกข์เอาแต่กุมขมับเหมือนพบปัญหาระดับชาติ


“ทิศบอกเองหรือว่าจะบวช”


หลังจากฟังการระบายอย่างคับอกคับใจ ชเยนตร์จับใจความได้ว่า พิทักษ์จะเข้าทางธรรม จะบวช และจะไม่สึก


‘ไม่บอกก็เหมือนบอก เขามาชวนผมไปนั่งสมาธิวิปัสสนา ผมถามเขาว่าเขาจะบวชหรือ เขาบอกเปล่าแค่นุ่งขาวห่มขาว แต่แค่นั้นก็รู้แล้วเปล่าวะพี่ชุน เขาบวชแน่! ผมต้องเลิกกับเขาแน่ๆ! เขาไม่สึกแน่ๆ!’


ชเยนตร์กะพริบตาปริบๆ น้ำเสียงของน้องชายนั้นเดือดเนื้อร้อนใจของแท้ แต่เนื้อหาที่พูดไม่เห็นจะคล้องจองกันตรงไหน


พิทักษ์บอกว่าจะไปนั่งสมาธิ นุ่งขาวห่มขาว แต่จิณณะตีความว่าพิทักษ์จะบวช


…อ่ะ...เอาใหม่...


...พิทักษ์บอกว่าจะไปปฏิบัติธรรม แต่จิณณะบอกว่าพิทักษ์จะบวช…


สรุปว่าสิ่งที่พิทักษ์บอกกับสิ่งที่จิณณะตีความคือเรื่องเดียวกันไหม


“สรุปว่าทิศบอกว่าอะไร”


‘บอกว่าจะไปนั่งสมาธิ นุ่งขาว...’


“ไม่ได้บอกว่าจะบวชใช่มั้ย” ชเยนตร์แทรก


‘ก็...ก็ไม่ได้บอก! แต่เดาเองก็ได้เปล่าวะพี่ชุน!’ หน้าตาหลานชายนอกคอกของคุณกอบกุลนั้นบูดบึ้งเหลือประมาณ คาดว่าเจ้าตัวตีความไปไกลแล้วว่าต้องได้เห็นผ้าเหลืองของพิทักษ์แน่ๆ


“อย่าเดาสิวะ ไปถาม”


‘ผมถามแล้ว! เขาบอกว่าไม่ได้จะบวช แต่...’


“ไอ้จิณ ทิศบอกว่าจะไปนั่งสมาธิ ไม่ได้บวช! แกนี่ท่าจะเป็นเอามาก คอร์สปฏิบัติธรรมน่ะพี่ก็เคยไป แล้วทุกวันนี้พี่บวชมั้ย” ชเยนตร์ย้อนถาม จิณณะนิ่งไปเล็กน้อย เพราะเวลานี้ญาติผู้พี่ของเขาก็ยังมุ่งมั่นจะหิ้วดีกรีดอกเตอร์กลับมาเป็นขวัญตาคุณกอบกุลให้ได้ ก็เลยยังไม่มีใครได้เห็นผ้าเหลืองของหลานยายตระกูลวงศ์กีรติเลย


“แกคิดเรื่อยเปื่อยจิตไม่ว่างแบบนี้ไง ทิศเลยหาคอร์สธรรมะมาลากแกไป เขาไม่ได้คิดจะบวชหรอก เขาคิดจะชวนแกไปทำสมาธินี่ล่ะ!” ชเยนตร์รวบใจความสำคัญ ทำเอาจิณณะนิ่งงันไปอีกรอบ


‘พี่ชุนหมายความว่า…ที่พี่ทิศจะไปนั่งสมาธิ นุ่งขาวห่มขาว เป็นเพราะผมหรือ’


“ก็เออสิ!”


จิณณะที่อยู่อีกฝั่งโลกนิ่งงัน หวนคิดถึงกิจกรรมของเขาและคนรักช่วงที่ผ่านมา จะว่าแปลกก็แปลก ไม่แปลกก็ไม่แปลก เรื่องออกกำลังกาย ปลูกต้นไม้ อาจมองว่าเป็นกิจกรรมใช้เวลาร่วมกันของคู่รักก็ได้ แต่ศิลปะสร้างสมาธิสำหรับผู้ใหญ่ที่พิทักษ์ถือกลับบ้านโดยอ้างว่าเพื่อนเป็นเจ้าของบริษัทนำเข้าและให้เอามาลองนั่น...ก็ดูเข้าทางกับคำพูดของชเยนตร์


“มีเรื่องแค่นี้ใช่ไหมที่แกจะคุย ขอบอกว่าทางนี้ตีสอง กระผมขอตัวไปนอนก่อนนะขอรับ คุณชาย”


คนกำลังจมอยู่กับการไตร่ตรองไม่ได้รั้งศิรานีว่าที่ดอกเตอร์เอาไว้อีก ได้แต่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วครุ่นคิดกับเรื่องที่ผ่านมา

.....................

แม้จะเป็นคนรักกัน แต่ก็หาใช่จะพูดคุยทุกเรื่องอย่างตรงไปตรงมา จิณณะไม่รู้จะถามอย่างไรดี แต่ยิ่งเก็บงำ ก็ยิ่งปกปิดความรู้สึกไม่มิด พิทักษ์ดูออกว่าคนรักมีเรื่องคาใจ เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าเรื่องอะไร


อาจจะเป็น...เรื่องที่เขาชวนไปปฏิบัติธรรม


“จิณ ไม่อยากไปหรือ”


ช่วงเวลาที่ได้พบหน้าพูดคุยของพวกเขาคือช่วงทานอาหาร วันนี้พิทักษ์ออกจากสนามกอล์ฟมาหาอีกฝ่ายถึงที่ ก่อนจะพาออกไปหาร้านผัดไทเจ้าอร่อย อย่างน้อยก็คิดเอาเองว่าอาหารรสชาติถูกปากสำหรับคนชอบกินของอร่อยนั้น น่าจะทำให้จิณณะยอมเปิดเผยอะไรไห้ได้รับรู้บ้าง


“หือ ไปไหน” จิณณะเงยหน้าจากจานผัดไทของตนเอง แต่ในช้อนมีหอยทอดตัวใหญ่จากจานหอยทอดตรงกลาง บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวเอร็ดอร่อยกับอาหารถูกปากจริง แต่ไม่มีเวลาเปิดเผยอะไรทั้งนั้นเพราะเน้นกินเป็นสำคัญ


พิทักษ์มองคนรักแล้วก็อดหัวเราะเบาไม่ได้ จิณณะ  วงศ์กีรตินั้นไม่สมกับเป็นหลานชายคุณกอบกุลเลยสักนิด ยิ่งเวลามีของที่ชอบ ของที่ถูกปากอยู่ตรงหน้า ไม่ต้องคาดหวังเลยว่าจะได้เห็นมาดนุ่มลึกหรือเปล่งอำนาจบารมีแบบผู้เป็นย่า


ทว่า...พอมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น เจ้าตัวก็กลับ...


คิดมาถึงตรงนี้ จากเสียงหัวเราะเบาก็กลายเป็นสีหน้าจริงจัง พิทักษ์คิดว่าเขาไม่ควรปล่อยคนรักเอาไว้เช่นนี้ มนุษย์ทุกคนล้วนมีด้านมืด และมนุษย์ทุกคนก็มีความสามารถในการจัดการด้านมืดของแต่ละคนแตกต่างกัน ทว่าจิณณะ...ดูเหมือนจะยินยอมให้ด้านมืดครอบงำโดยสิ้นเชิง แค่เพียงแต่มีคนมุ่งร้ายคนรอบข้างของเจ้าตัว


ใจเสี้ยวหนึ่งของพิทักษ์นั้นอิ่มเอิบเมื่อรู้ว่าความรู้สึกที่เขามอบให้หาใช่มีแต่เขา จิณณะเองก็มีความรู้สึกแรงกล้ามอบกลับมาเช่นกัน แต่อีกเสี้ยวใจก็เป็นห่วง ไม่อยากให้ความรู้สึกแรงกล้าของอีกฝ่ายถูกบิดจนกลายเป็นโทสะ เพราะสุดท้าย เรื่องที่ร้ายที่สุดจะกลับไปตกที่ตัวจิณณะเอง


“ที่พี่ชวนไปปฏิบัติธรรม”


คำตอบของพิทักษ์ทำเอาช้อนที่อยู่ในมือของจิณณะถึงกับวางลงกับจาน


ต่างคนต่างมองหน้ากัน แต่ต่างคนต่างไม่รู้เหตุผลในใจของกันและกัน


หากไม่พูด ให้ตายก็ย่อมไม่รู้ จิณณะอึดอัดจนสุดท้ายกลายเป็นพ่นลมหายใจ


“พี่อยากให้ผมไปหรือ ทำไม”


พิทักษ์ไม่ได้คิดจะบอกตามตรงตั้งแต่แรก แต่เมื่ออีกฝ่ายถามอย่างตรงไปตรงมาและสายตายามมองเขานั้นก็เต็มไปด้วยความอยากรู้แฝงด้วยแววกังวล หากจะโกหกหรือตอบเลี่ยงก็คงไม่ยุติธรรมสำหรับความอยากรู้ของคนรักเลย


“พี่อยากให้จิณมีสติ”


“แล้วผมไม่มีตอนไหน”


“ตอนที่เกือบมีมอเตอร์ไซค์มาชนพี่”


จิณณะกะพริบตาปริบๆอย่างงุนงง แต่แล้วความทรงจำเสี้ยวเล็กๆที่แทบจะไม่สำคัญจนเกือบลืมไปแล้วก็ฉายวาบขึ้นมาในสมองอีกครั้ง 


ตอนที่พวกเขาไปทานข้าวเที่ยงร้านข้าวแกงข้างที่ว่าการด้วยกัน พิทักษ์เกือบถูกมอเตอร์ไซค์ของเด็กวัยรุ่นหัดขับพุ่งชน ดีว่าจิณณะดึงอีกฝ่ายออกมาได้ทันเวลา


ทว่าแม้พิทักษ์จะไม่เป็นอะไร แต่จิณณะในเวลานั้น...โกรธ


...โกรธมาก...


ใครก็ตามที่ทำให้พิทักษ์ตกอยู่ในอันตราย มันคนนั้นก็ไม่อาจอยู่ดีมีสุขเช่นกัน


พอคิดย้อนกลับไปในยามนั้น จิณณะรู้สึกเหมือนขนลุกไปทั้งร่าง คล้ายเห็นภาพซ้อนตนเองกับคุณกอบกุล คนที่เขาไม่อยากเหมือนที่สุดในชีวิต


“ผม...” ยิ่งคิดว่าตนเองเหมือนผู้เป็นย่า ก็ยิ่งพูดไม่ออก ไม่อาจแก้ตัวอะไรได้สักคำ อนาคตข้างหน้า เขาอาจจะเหมือนคุณกอบกุลมากกว่านี้ก็ได้


“พี่ดีใจที่จิณเป็นห่วงพี่ ดีใจที่อยากทำเพื่อพี่ แต่พี่ไม่อยากเห็นจิณขาดสติแบบนั้น มันจะไม่ดีต่อตัวจิณเอง”


จิณณะพูดไม่ออก เขาอยากบอกว่าเขามีสติอยู่เสมอ ยามเกิดเหตุ เขาก็รู้ตัว และเพราะรู้ เขาจึงกวาดตามองหาต้นเหตุทันที หากรู้ว่าใครหรืออะไรทำให้เกิดเพศภัยต่อพิทักษ์ มันจะอยู่อย่างปกติสุขเช่นเดิมไม่ได้อีก


“ลองไปไหม ไปด้วยกัน”


ความจริงใจของพิทักษ์นั้น ต่อให้หลับตาก็รับรู้ จิณณะเม้มปากอย่างช่างใจ หันมองคนถาม


“พี่ทิศ...ไปด้วยกันใช่ไหม” พิทักษ์พยักหน้ารับ


“งั้น...ไปก็ไป ลองดูก็ได้”


……………………..


เคยกล่าวแล้วว่าคุณกอบกุลเป็นผู้มีบุญ เรื่องใดที่ใครไม่อยากให้หล่อนรับรู้ ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่มีวันลับหูลับตาหล่อนได้ วันดีคืนร้ายที่คุณกอบกุลแวะมาเฉิดฉายเปล่งบารมีผู้ก่อตั้งในสำนักงานใหญ่ พอพบหน้าบุตรชายคนเล็กอย่างโกศล ถามไถ่ความเคลื่อนไหวของส่วนงานที่โกศลดูแลแล้ว ก็ถามเลยไปถึงเรื่องหลานชายทั้งสอง


จารีตเรียนจบและเริ่มงานในบริษัทในเครือวงศ์กีรติแล้ว


ส่วนจิณณะ...


“อะไรนะ?! ไปปฏิบัติธรรมสามวัน! ติดต่อไม่ได้! ลูกแกน่ะหรือปฏิบัติธรรม?!”


คุณกอบกุลตกตะลึงยิ่งกว่ารู้ว่าบริษัทจะล่มจมก็เมื่อได้รู้ว่าจิณณะลางานสามวันชนิดปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดแล้วปลีกวิเวกเข้าหาธรรมะ


...ไม่สิ จะเรียกว่าปลีกวิเวกไม่ได้ เพราะมีคนติดตามไปด้วย…


“ครับ เห็นว่าทิศชวน”


หญิงชราขมวดคิ้วมุ่น นึกหาเหตุผลแต่ก็ไม่เห็นจะมีเรื่องใดเป็นชนวนเหตุให้จิณณะและพิทักษ์ต้องจูงมือกันไปปฏิบัติธรรมเลย


กิจการของทั้งสองเป็นไปด้วยดี สุขภาพร่างกายแข็งแรงกันทั้งคู่ชนิดที่ถ้าใครสักคนเป็นหญิง คุณกอบกุลคงได้ไปชำเลืองหน้าห้องเด็กแรกคลอดเพื่อดูหน้าเหลนที่เกิดจากหลานนอกคอกแล้ว ส่วนเรื่องความสัมพันธ์...เรื่องนี้แย่ แย่เพราะคุณกอบกุลไม่อาจเรียกนักสืบมาสอบถามได้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเช่นไร แต่ก็ยังเห็นจิณณะไม่ดิ้นรนจะย้ายออกจากบ้านพิทักษ์ ตัวพิทักษ์เองก็ไม่มีทีท่าจะมองหาใครใหม่ ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็คงเป็นไปด้วยดีอยู่หรอก


แล้วถ้าเช่นนั้น มีปัญหาอะไร


“ช่างเถอะ มันจะไปไหนก็เรื่องของมัน แกออกไปได้แล้ว แล้วให้ใครตามนาตยาเข้ามา”


คุณกอบกุลโบกมือไล่ลูกชาย เพราะเขาไม่อาจให้ความกระจ่างอะไรได้อีก โกศลจากไป อึดใจต่อมาเลขานุการส่วนตัวของหญิงชราก็ก้าวเข้ามาในห้องเพื่อรับคำสั่ง


“เช็คให้ฉันที ค่ายปฏิบัติธรรมอะไรนั่นเขาทำอะไรกันบ้าง”


นาตยากะพริบตาปริบๆอย่างคาดไม่ถึง เพราะนับตั้งแต่ติดตามดูแลคุณกอบกุลมานาน หล่อนไม่เคยเห็นหญิงผู้นี้จะเข้าใกล้ทางธรรมมากเกินกว่าการทำเอาหน้าเพื่อส่งเสริมธุรกิจของวงศ์กีรติเลย แล้วอะไรดลใจให้จู่ๆก็ถามเรื่องปฏิบัติธรรมขึ้นมาเล่า


เลขานุการผู้ใกล้ชิดคุณกอบกุลมายาวนานรู้ดีว่าต่อให้สงสัยก็ไม่ควรตั้งคำถาม หากไม่เพื่อธุรกิจและผลประโยชน์ของตระกูล ก็มีเพียงเหตุเดียวที่เหลืออยู่


...ลูกหลาน...


ว่าแต่...ลูกหลานคนใดในวงศ์กีรติสนใจค่ายปฏิบัติธรรมเล่า?


…………………….


ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8


มีสติ จิตสะอาด ใจสงบ


ค่ายปฏิบัติธรรมระยะสั้นสำหรับมือใหม่อย่างจิณณะนับว่าผ่านไปด้วยดี แม้จะทุลักทุเลอยู่บ้างเพราะคนจิตไม่นิ่งนั้นมักจะชอบแต่เรื่องสนุก ให้เดินจงกรมครึ่งวัน นั่งวิปัสสนาสำรวจจิตอีกครั้งวันย่อมเป็นเรื่องยาก แต่ก็นับว่าความพยายามพาให้ผ่านพ้นไปได้ อีกทั้งพอมองข้างกายแล้วพบว่าพิทักษ์ยังอยู่ข้างๆ เดินจงกรมก็เดินด้วยกัน นั่งวิปัสสนาก็นั่งข้างกัน พอมีคนทำให้ดู อีกทั้งยังเป็นคนที่จิณณะแอบยกย่องว่านอกจากจะเป็นคนรักที่พึ่งพาได้แล้วยังเป็นไอดอลในใจด้วย จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาเหตุผลให้ตนเองทำตาม


“พี่นัยบอกว่าผมนิ่งขึ้นเยอะเลยตั้งแต่กลับมา ผมก็ว่าผมนิ่งขึ้นนะ” จิณณะโอ้อวดให้คนรักฟังในเย็นวันหนึ่งระหว่างที่กำลังทานก๊วยเตี๋ยวคนละชามอยู่ในร้านริมถนนที่ทั้งร้อนและไม่หรูหรา ทว่ารสชาติดีเยี่ยม


พิทักษ์ยิ้มจาง มองคนพูดเพลิน แม้จะอยากล้ออยู่บ้างว่าแค่สามวันได้ผลถึงเพียงนั้นเชียวหรือ แต่เห็นอีกฝ่ายพูดเก่งก็ไม่อยากขัด 


“แสดงว่าไปแล้วดี” เขาสรุป จิณณะเงยหน้าจากถ้วยขึ้นมายิ้มแฉ่ง


“แค่สามวันก็เห็นผลแล้ว ปีหน้าก็ไปสามวันแบบนี้อีกก็ดีนะ”


คราวนี้พิทักษ์หัวเราะเบา


“ไม่คิดจะเพิ่มจำนวนวันเลยรึไง”


“สามวันก็พอแล้ว แค่นี้ก็มีเสียงมาถึงหูว่าลางานไปตั้งสามวัน ติดต่อก็ไม่ได้ ไม่กลัวบริษัทล่มจมรึไง”  หลานชายตัวแสบไม่ต้องทำเสียงเล็กเสียงน้อยนินทาคนพูด ก็พอจะรับรู้กันว่าเจ้าตัวพูดถึงใคร จะมีใครเสียอีกที่ค่อนแคะกระแหนะกระแหนจิณณะ  วงศ์กีรติได้ทุกเรื่องแม้กระทั่งเรื่องลาหยุดไปปฏิบัติธรรม


พิทักษ์ไม่มีนิสัยให้ท้ายคนรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นการพูดจาส่อเสียดต้นตระกูล แต่จะให้เขาพอใจกับเสียงบ่นที่ฟังก็รู้ว่าเป็นเสียงจากใครก็เห็นจะไม่ได้


“คุณกอบดุหรือ” จิณณะชะงักไปเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่านอกจากจะไม่ถูกคนรักดุ ยังถูกถามเหมือนอยากรู้ด้วย


“ก็...ดุมั้ง ผมแค่ได้ยินมา ไม่ได้ถูกเรียกไปพบ”


พิทักษ์นิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปาก


“ถ้าถูกเรียกพบก็บอก พี่จะไปด้วย”


“หือ? ไปทำไม”


“จิณลางานไปกับพี่ ถ้าคุณกอบจะดุเรื่องนี้ พี่จะอธิบายให้เขาฟังเอง” สีหน้าของพิทักษ์นั้นจริงจังเสียจนคนฉลาดทำตาลิ่วตาเหล่


“ฮั่นแน่ พี่ปกป้องผมหรือ” พิทักษ์ไม่ตอบ แต่จ้องเป็นเชิงดุให้หยุดแซว จิณณะหัวเราะหน้าตาสดใส กำลังจะก้มหน้าก้มตาคีบเยนตาโฟเข้าปากต่อ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น


“อุ๊ย คุณทิศ! ตายจริง โลกกลมจังเลยค่ะ”


พิทักษ์และจิณณะเงยหน้ามองโดยพร้อมเพรียง คนที่เข้ามาทักทายคือหญิงสาวหน้าตาสะสวยแต่งตัวจัดที่ดูแล้วไม่เหมือนจะมานั่งกินข้าวในร้านก๊วยเตี๋ยวข้างทางอย่างที่พิทักษ์และจิณณะกำลังทานอยู่เลย


“สวัสดีครับ คุณดาริน”


“โธ่ ดารินอะไรกัน เรียกดาสั้นๆก็ได้ค่ะ” สองประโยคของหญิงสาวและการเล่นหูเล่นตาที่มอบให้พิทักษ์แต่เพียงผู้เดียว ต้องให้จิณณะหูตามืดบอด ประสาทสัมผัสทั้งหกทำงานไม่ได้ ถึงจะบอกว่าหญิงสาวคนนี้เข้ามาทักอย่างไม่มีอะไรในกอไผ่


แต่ขอโทษที หลานชายคุณกอบกุล  วงศ์กีรติมีหรือจะหูดับตาบอด ประสาทสัมผัสหมดอายุขัย


เพราะทุกอย่างยังใช้ได้ดี สมองเลยประกาศภัยในร่างกายและหัวใจรับรู้


ผู้หญิงคนนี้หวังใกล้ชิดพิทักษ์!


ทว่าพิทักษ์ไม่เล่นหูเล่นตากลับ เพียงแค่มองและยิ้มอย่างสุภาพ หญิงสาวเลยทำทีเป็นเพิ่งหันมาเห็นว่ามีคนร่วมโต๊ะด้วย


“โอ๊ะ! คุณทิศมากับเพื่อนหรือคะ ขอโทษทีดาไม่เห็น”


จิณณะยิ้มเย็น ดวงตาจับจ้องชนิดที่หญิงสาวรู้สึกหนาวยะเยือกจนเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่


“สวัสดีครับ คุณดาสั้นๆ...” ดารินชะงักหน้าตาเหรอหรา แต่จิณณะฉีกยิ้มเหมือนขบขัน “ก็เมื่อครู่นี้คุณดาสั้นๆบอกให้พี่ทิศเรียกว่าดาสั้นๆก็ได้ไม่ใช่หรือครับ”


“อ...อ๋อ ค...ค่ะ...ใช่ค่ะ อุ๊ย! เพื่อนคุณทิศเป็นคนตลก...” หญิงสาวรู้สึกทั้งเก้อทั้งเขิน อีกทั้งยังรู้สึกแปลกๆ แม้จะออกปากว่า ‘เพื่อนคุณทิศเป็นคนตลก’ แต่ชายคนนี้กลับมีแค่รอยยิ้มที่ทำให้ดูตลก ทว่าสายตาไม่ตลกด้วยเลย


“ส...สวัสดีค่ะ เอ๊! เหมือนดาเคยเห็นคุณ เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่าคะ”


“ไม่หรอกครับ เพราะผมจำคุณไม่ได้” สีหน้าของหญิงสาวซีดลงไปอีก รู้สึกเหมือนถูกด่าว่าโมเมทั้งๆที่ไม่มีคำด่าสักคำ ทว่าจิณณะยังคงยิ้มจางแล้วเอ่ยต่อ “...ผมจิณณะ  วงศ์กีรติ ยินดีที่ได้รู้จัก หลังจากนี้...ผมกับคุณอาจจะได้เจอกันอีก”


หญิงสาวรู้สึกประหลาด มันเป็นความหวั่นอย่างที่ไม่ควรหวั่นอีกทั้งยังไม่รู้สึกยินดีกับคำว่า ‘อาจจะได้เจอกันอีก’ นั่นเลย


“เอ้อ...ค่ะ ถ้า...ถ้ายังไงดาขอตัวก่อนนะคะ แล้วไว้เจอกันนะคะ” หล่อนหันไปพูดกับพิทักษ์ แต่พอปรายตามามองจิณณะก็กลับขนลุกวาบขึ้นมาอีกจนต้องรีบผละจากไป เมื่อเหลือกันเพียงสองคน เยนตาโฟแสนอร่อยในชามไม่อาจยั่วน้ำลายคนหมดอารมณ์ได้อีก จิณณะหันไปเรียกเด็กในร้านมาคิดเงินทันที พอจ่ายเงินแล้วก็ถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาลืมถามพิทักษ์เสียสนิทว่าอิ่มหรือยัง


“เอ่อ...พี่...กินต่อก็ได้นะ ผมแค่เรียกเก็บเงินไว้ก่อน”


ไม่รู้จะแก้ตัวว่ายังไง แต่ก็ไม่อยากพูดความจริงให้หงุดหงิดว่าไม่อยากนั่งต่อให้มีผู้หญิงที่ไหนมาทักทายพิทักษ์อีกแล้ว ทว่าแม้อารมณ์จะแกว่งเพราะผู้หญิงคนนั้น แต่น้ำเสียงที่ใช้คุยกับคนรักกลับแตกต่างราวฟ้ากับเหว พิทักษ์รู้เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ที่แสนสั้น เพียงไม่กี่นาทีที่จิณณะพูดคุยกับดาริน เขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมอรพิณถึงขยับตัวออกห่าง


“พี่ก็อิ่มแล้ว ไปเถอะ”


พวกเขาพากันขึ้นรถ อากาศข้างนอกค่อนข้างร้อน แต่เมื่อเครื่องปรับอากาศภายในรถทำงาน ไม่กี่อึดใจก็กลายเป็นเย็นฉ่ำ คนที่ดูท่าจะหงุดหงิดก็เลยพลอยอารมณ์เย็นลง พิทักษ์เหลือบมองคนข้างกาย พอเห็นจิณณะผ่อนคลายเอนหลังพิงพนักเริ่มสนอกสนใจนอกหน้าต่างรถ เขาจึงเอ่ย


“ไหนบอกว่านิ่งขึ้นเยอะแล้ว”


“ก็นิ่งไง” ต่อให้กำลังมองใบไม้ใบหญ้าและบ้านเรือนริมถนน แต่จิณณะก็รู้ดีว่าคนรักกำลังพาบทสนทนาไปยังเรื่องอะไร


ปฏิบัติธรรมสามวันจนโอ้อวดว่าจิตนิ่ง ใจสงบ แต่พอเจอผู้หญิงเข้ามาอ้อล้อพิทักษ์ อย่าว่าแต่ใจสงบเลย แม้กระทั่งปากก็สงบไม่ได้


“แล้วเมื่อกี้นี้อะไร”


“เมื่อกี้? ผมแนะนำตัวนะนั่น ไม่นิ่งตรงไหน” พิทักษ์ไม่ตอบแต่เหลือบมามอง เพียงเท่านั้นคนเถียงคอเป็นเอ็นทั้งๆที่รู้ตัวดีก็ได้แต่เม้มปากก่อนจะยอมโพล่งออกมา


“ก...ก็ได้...ม...เมื่อกี้ใจแกว่งไปหน่อย...ดูก็รู้ว่าเขาไม่ได้บังเอิญมาเจอพี่ แต่งสวยมาขนาดนั้นแต่บังเอิญมากินก๋วยเตี๋ยวริมถนน ไม่เมคเซ้นท์เลย”


“เขาเป็นลูกค้า”


“ขาวจั๊วะขนาดนั้นเนี่ยนะ ตีกอล์ฟ?” พอย้อนถามไปแล้วจิณณะก็อยากกลับไปเคลียร์ตารางงานตนเองบ้างแล้ว สงสัยต้องโผล่หน้าไปสนามกอล์ฟของพิทักษ์ให้บ่อยกว่านี้ เพราะขนาดไปเยือนแทบทุกสัปดาห์ ลูกค้าสาวสวยทั้งขาวทั้งเซ็กซี่ยังหลุดรอดสายตาเขาไปได้เลย


แม้ความรู้สึกของพวกเขาจะวางใจได้ แต่มีของสวยๆงามๆเดินล่อตาล่อใจอยู่ใกล้มือ ต่อให้จะไว้ใจพิทักษ์แค่ไหน จิณณะก็ไม่คิดว่าตนเองควรจะวางใจแล้วปล่อยให้ใครคนอื่นเข้ามาสร้างโอกาสพัฒนาความสำคัญกับคนรักของเขา


‘ของของเรา เราต้องแสดงตัว’ เลขานุการของพิทักษ์เคยกรอกหูเอาไว้


“เขากำลังจะเอาอุปกรณ์กอล์ฟมาลงที่สนาม” พิทักษ์ย้ำ


จิณณะรู้แก่ใจว่าพวกเขาผ่านเรื่องราวด้วยกันมามาก พิทักษ์เองก็ไม่ใช่คนวอกแวกหรือมีนอกมีใน แต่ฝั่งคนอื่นต่างหาก กระทั่งเห็นว่าพิทักษ์ไม่ได้อยู่คนเดียวยังเข้ามาทักทายเล่นหูเล่นตาเลย


“สำหรับพี่ทิศ เขาเป็นลูกค้า แต่สำหรับเขาอาจจะไม่มองว่าพี่เป็นเจ้าของสนามก็ได้นี่นา”


ตบมือข้างเดียวให้อย่างไรก็ไม่ดัง จิณณะรู้ แต่โลกนี้มีคนหลายประเภท ประเภทที่พอเห็นคนอื่นไม่เล่นด้วยแล้วถอยฉากก็มี ประเภทเห็นคนอื่นไม่เล่นด้วยแต่บังคับข่มขู่จับมืออีกคนมาตบกับมือตัวเองจนได้ก็มีไม่น้อยเช่นกัน


“พี่ก็ไม่ใช่เจ้าของจริงๆนั่นล่ะ” คำพูดของพิทักษ์ทำเอาคนกำลังจมอยู่กับการคิดหาวิธีกันผู้หญิงอื่นออกจากคนรักต้องหันมอง


“พี่ทิศไม่ใช่เจ้าของ? อ้าว แล้วใคร คุณเทียมหรือ”


พอถูกดึงไปเรื่องอื่น คนจิตไม่นิ่งก็พร้อมจะไหลตาม พิทักษ์เพิ่งเห็นข้อดีของการวอกแวกง่ายก็ตอนที่พยายามดึงเจ้าตัวออกมาจากเรื่องที่ชวนให้หวั่นว่าจิณณะจะทำเรื่องดำมืดอีก


“ไม่ใช่” เขาตอบสั้น ล่อหลอกให้จิณณะคิดหาคำตอบกับเรื่องนี้แทนที่จะคิดเรื่องชวนอารมณ์เสียอย่างผู้หญิงที่ชื่อดาริน และดูท่าจะได้ผลเพราะเริ่มขมวดคิ้วหนัก


“ไม่ใช่คุณเทียมด้วยหรือ? หรือพวกพี่คุณ”


ชื่อกลุ่มเพื่อนสนิทก็ถูกยกขึ้นมา แต่พิทักษ์ยังส่ายหน้า


“ไม่ใช่พี่คุณด้วย? แล้วใคร หรือจริงๆแล้วพี่ทิศแอ๊บเป็นเจ้าของ ที่จริงเป็นแคดดี้ใช่ไหม” แล้วตัวแสบก็หัวเราะลั่นรถที่ได้หยอกเย้า


หากเป็นเวลาปกติ พิทักษ์คงไม่ปล่อยให้หัวเราะเขาอย่างนี้ จับจูบสักทีสองทีให้รู้กันไปว่าเป็นเจ้าของสนามหรือแคดดี้ แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาปกติ นอกจากเขาจะกำลังขับรถแล้ว ควรปล่อยให้จิณณะอยู่กับเสียงหัวเราะเช่นนี้ไปจนกว่าจะลืมเรื่องผู้หญิงคนนั้น หรือ...ถ้าไม่อยู่กับเสียงหัวเราะ ก็...ให้อยู่กับความเขิน


“เจ้าของเป็นใครไม่รู้ อยู่ดีๆก็ขอมากินข้าวเที่ยง ใส่เสื้อโปโลที่ว่าการมาโชว์ลูกค้าทั้งสนาม บังคับให้พี่นั่งกินข้าวด้วยจนกว่าจะหมดเวลาพัก กินไปหน้าบูดไป แต่ก็มามันซะทุกเที่ยง แล้วพอเริ่มชิน จู่ๆบทจะไม่มาก็ไม่มา เล่นตัวต้องให้ไปหา”


เสียงหัวเราะหยุดกึก จิณณะอ้าปากค้างมองคนพูด ทว่าพิทักษ์ยังคงขับรถแต่ไม่วายเหลือบตามามองพร้อมรอยยิ้มจาง


“เล่น...เล่นตัวอะไร” ตอนนั้นจิณณะไม่ได้คิดจะเล่นตัวสักนิด เพียงแต่จับความรู้สึกตนเองได้และคิดเอาว่ามันไม่ควรถึงได้ถอยห่าง แต่กลายเป็นถูกกล่าวหาว่าเล่นตัว แต่...จะพูดความจริงก็ไม่ได้ เพราะหากบอกว่าแอบยกหัวใจให้พิทักษ์ไปตั้งแต่ตอนนั้น คงได้ถูกล้อเลียนอีก สรุปเป็นว่าไม่ว่าจะพูดความจริงหรือปล่อยให้พิทักษ์เข้าใจว่าเล่นตัว ก็ล้วนไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์มาดแมนแฮนด์ซัมของจิณณะ  วงศ์กีรติเลยสักนิด!


“เดี๋ยวนี้ก็มา แต่ไม่มาเป็นเวลาแล้ว คิดจะมาก็มา มาแต่ละทีก็ชอบหิ้วขนมมาฝากคนนั้นคนนี้ คนทั้งสนามลืมชื่อพี่ไปหมดแล้วมั้ง เห็นเรียกหาแต่คุณจิณ”


‘คุณจิณ’ ตัวจริงเสียงจริงได้แต่เม้มปาก ความรู้สึกวูบวาบในอกเหมือนเด็กหนุ่มวัยริรักนี่มันช่างทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวยจริงๆด้วย ทว่าแม้จะดีใจเพียงใด แต่คนฟอร์มจัดก็ยังทำทีเก็กขรึมก่อนจะย้อนถาม


“ค...คนนั้นเป็นเจ้าของสนามหรือ”


“อืม...แล้วก็เป็นเจ้าของทุกอย่างในชีวิตพี่เลย”


จบกัน อารมณ์หงุดหงิดที่มีมา จิณณะทิ้งไปหมดแล้ว

……………….

เมื่อมีช่วงเวลาที่อารมณ์เสีย ก็ย่อมมีช่วงเวลาที่อารมณ์ดี คนเราจะถือความทุกข์ไปได้สักกี่น้ำ โดยเฉพาะมนุษย์ที่รักความสุขสำราญใจเป็นหนึ่งอย่างจิณณะ นับจากนั้นเขาก็ไม่เอ่ยถึงชื่อผู้หญิงคนไหนกับพิทักษ์อีก พิทักษ์เองก็คิดเอาว่าคนรักคงไม่ถือสากับเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนั้น


จนกระทั่ง…


วันหนึ่งพิทักษ์ได้รับโทรศัพท์จากเบอร์ปริศนา พอรับสายก็พบว่าปลายสายคือดารินที่โทรศัพท์มากระเง้ากระงอดที่เขาไม่เป็นผู้นำทีมไปพบหล่อนเมื่อวานด้วยตนเอง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้จัดการ พิทักษ์งุนงงเล็กน้อยแต่ก็บอกปัดว่าเขาติดธุระสำคัญ พอวางสายจากหล่อนแล้วเปิดตารางงานเมื่อวานของตนเองขึ้นดู ก็พบว่าเมื่อวานตอนบ่ายเขาว่าง


และเพราะว่าว่าง จึงรับนัดจิณณะไปดูภาพยนตร์


ชายหนุ่มกดอินเตอร์โฟนเรียกเลขานุการสาวเข้าพบทันที


“เมื่อวานตอนบ่ายมีนัดกับบริษัทของคุณดารินหรือ”


เลขานุการนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบเสียงแผ่ว


“ใช่ค่ะ”


“ผมว่างไม่ใช่หรือ ทำไมทีมที่ไปพบคุณดารินถึงไม่มีผม” หญิงสาวอึกอักเล็กน้อยก่อนจะตอบ


“เอ่อ...ก็...ก็เมื่อวาน คุณทิศมีนัดกับคุณจิณนี่คะ”


พิทักษ์หรี่ตามองลูกน้อง แต่หาใช่เขาไม่รู้ว่าหล่อนยืนฝั่งไหน ระหว่างเขาหรือจิณณะ


เมื่อวาน เขามีนัดกับจิณณะจริง จู่ๆรายนั้นก็อยากดูภาพยนตร์ขึ้นมา เขาเห็นว่าไม่มีงานอะไรจึงตกลง เขาไปรับคนรักหลังเที่ยงแล้วไปห้างสรรพสินค้า รอบฉายมีหลายรอบ ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปบ่ายวันธรรมดา ยกเว้นแต่ว่าเป็นจิณณะเองที่ยกข้ออ้างที่ว่า ‘ตอนบ่ายวันทำงาน โรงว่างจะตาย สบายด้วย’


แต่...ถ้าเมื่อวานมีงาน เขาย่อมต้องยกเลิกนัดกับจิณณะ


หรือ...อันที่จริงแล้ว จิณณะรู้ว่าเขาจะมีงาน จึงเร่งรัดจะไปดูหนังเมื่องวาน อย่างน้อยก็เพื่อให้เขาไม่ว่าง


เลขานุการสาวยืนเงียบตัวลีบดูจากท่าทางของหล่อนแล้วก็คงกลัวเขาดุ แต่พิทักษ์รู้ว่าเรื่องคราวนี้ไม่ควรดุใครนอกจากคนรักของเขา


“คุณไปทำงานต่อได้แล้ว” เมื่อได้รับอนุญาต หญิงสาวก็รีบถอยออกจากห้องอย่างรวดเร็ว


………………….


จิณณะคิดว่าวันนี้คนรักของเขาเงียบผิดปกติ  แม้ปกติจะเงียบเป็นนิจและปล่อยให้เขาเล่าเรื่องร้อยแปดพันเก้า แต่ก็มีส่วนร่วมรับคำหรือแสดงความคิดเห็นอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งบรรยากาศรอบตัวก็ไม่ดูขึงขังเคร่งเครียดขนาดนี้ ทว่า...วันนี้พิทักษ์แปลกไป


แม้จะเป็นคนช่างพูด แต่จิณณะก็รู้จักอ่านสถานการณ์ เมื่อเห็นว่าพิทักษ์ดูอารมณ์ไม่ดี เขาก็ไม่โพล่งถามสุ่มสี่สุ่มห้า รอจนทานอาหารเย็นด้วยกันเรียบร้อยแล้ว และอีกฝ่ายยกจานชามไปล้าง เขาถึงได้เดินมาเปิดโทรทัศน์ ทำทีเหมือนดูแต่แท้จริงแล้วหางตาคอยแต่จะชำเลืองมองไปที่ครัว


เสียงน้ำในครัวเงียบไป อึดใจต่อมาร่างสูงใหญ่ของพิทักษ์ก็ก้าวเท้าเดินออกจากห้องครัว ตอนนั้นเองที่จิณณะรีบทำทีหันกลับไปสนใจโทรทัศน์ ตั้งใจว่าถ้าอีกฝ่ายเดินเลี่ยงขึ้นชั้นบน เขาจะร้องเรียกชวนมานั่งดูโทรทัศน์ด้วยกัน ใช้เวลาสบายๆร่วมกันสักสิบนาทีหรือยี่สิบนาที ตอนนั้นพิทักษ์อาจจะอยากเล่า


แต่...พิทักษ์ไม่ได้เดินขึ้นชั้นสอง


ร่างสูงก้าวเท้ามาหยุดอยู่ที่ข้างโซฟา


“เมื่อวาน...ทำไมจู่ๆอยากดูหนัง”


จิณณะที่ทำทีเป็นนั่งดูโทรทัศน์หันมองคนรักอย่างงุนงง


“เมื่อวาน?...ก็...ผมบอกพี่แล้วไงว่าหนังเพิ่งเข้า”


“เรื่องนั้นเข้ามาสองอาทิตย์แล้ว”


คนบนโซฟาชะงักไปเล็กน้อย นอกจากสายตาคาดคั้นของพิทักษ์แล้ว จู่ๆยังมาถามเรื่องดูหนังเมื่อวานทั้งๆที่ไม่น่าเป็นประเด็นอะไร เป็นสัญญานอย่างดีให้คนมีชนักปักหลังเริ่มร้อนรน 


“ก็...ก็ผมเพิ่งว่าง...” แต่จะรนแค่ไหน เรื่องตีมึนยืนหนึ่งไว้ก่อน


“เพิ่งว่างหรือเพราะรู้ว่าคุณดารินจะนัดคุยงาน”


จิณณะ  วงศ์กีรติมีเลือดคุณกอบกุล  วงศ์กีรติเต็มตัว แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อยามอยู่ต่อหน้าพิทักษ์ เขากลับโกหกไม่แนบเนียนเสียเลย


แต่...ถึงจะไม่เนียน ก็ยังหน้าด้านหน้าทนแถสีข้างเข้าถู


“คุณดารินไหน” ไม่ต้องเพ่งจับผิด พิทักษ์ก็รู้ว่าคำถามนี้เป็นการพาออกทะเลไปเรื่อย จิณณะจำได้ทั้งชื่อทั้งหน้านั่นล่ะ


“ผู้หญิงที่เราเจอที่ร้านก๋วยเตี๋ยว”


หลานชายคุณกอบกุลทำหน้าคิดก่อนจะร้องอ้อ! “นึกออกล่ะ! คนนั้นเอง! เขาจะนัดคุยงานกับพี่ทิศหรือ”


“จิณรู้แต่แรกแล้วใช่ไหม”


“ผมจะไปรู้ได้ไง” คนดื้อตาใส อย่างไรก็ยังดื้อวันยังค่ำ พิทักษ์ไม่ตอบแต่จ้องนิ่ง จิณณะรู้ตัวแล้วว่าเขาถูกจับได้แน่นอน ว่าเหตุใดเมื่อวานเขาถึงอยากดูภาพยนตร์ที่เข้าโรงฉายมาสองอาทิตย์แล้ว


ระหว่างสองหนุ่มมีเพียงความเงียบ จนสุดท้ายก็มีเสียงถอนหายใจดังขึ้นเฮือกหนึ่ง


“ก็...ก็ได้! ผมรู้ว่าเขาจะนัด”


พิทักษ์ยังเงียบ เป็นการบอกให้รู้ว่าจิณณะต้องพูดความจริงมาให้หมด


“ผม...ผมก็เลยบอกเลขาฯของพี่ ให้ส่งทีมไปโดยไม่ต้องมีพี่ ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่เห็นต้องมีพี่ไปด้วยเลย กับแค่จะโชว์อุปกรณ์กอล์ฟรุ่นใหม่ให้ดู” คุณกอบกุลคงดีใจออกนอกหน้าทีเดียว หากรู้ว่าหลานนอกคอกเดินตามเส้นทางของหล่อนขนาดนี้ จิณณะไม่เพียงแค่เข้าทางเลขานุการของพิทักษ์จนรู้ตารางงานว่าดารินจะขอนัด แต่เขารู้กระทั่งว่าดารินทำธุรกิจนำเข้าอุปกรณ์กอล์ฟ


พิทักษ์ยังเงียบ แต่จิณณะอธิบายหมดเปลือกไม่เหลืออะไรแล้ว


“ผมพูดหมดแล้วนะ”


จบประโยคนั้น คนที่ยืนอยู่ข้างโซฟาก็หมุนตัวเดินหนีหายขึ้นชั้นบนทันที


เหลือเพียงจิณณะนั่งไหล่ลู่อยู่บนโซฟาอย่างเดียวดาย


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

สวัสดีค่ะ เดือนนี้ยังคงเป็นตอนพิเศษเพราะบัวยังเขียนเรื่องใหม่ได้ไม่เยอะ(เนื่องจากสถานการณ์ชีวิตตอนนี้ยังลูกผีลูกคนมากๆ เรียนหนักสุด งานเยอะสุด แถมติ่งสุดๆ ฮ่าฮ่า)

และตอนพิเศษก็ยังคง...มีคนก่อปัญหาค่ะ คุณกอบแกเคยบอกว่าหลานแกคนนี้เกิดมาสร้างเป็นแต่ปัญหา ก็สมพรปากแกจริงๆนะคะ

แต่จิณก็ไม่ได้จู่ๆคิดจะสร้างปัญหาก็สร้าง มีคนมายุ่งกับของรักของหวงนี่นา แถมเป็นของรักของหวงที่กว่าจะได้มาเลือดตาแทบกระเด็น จะปล่อยให้คนอื่นมาชุบมือเปิบได้ไง (สปอยจิณหนักมากก็คือบัวเองค่ะ ฮ่าฮ่า)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม ทุกกำลังใจ และพื้นที่บอร์ด

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ (จะพยายามมาไวๆ ขอให้เลิกเรียนเร็ว รถไม่ติด ฝนไม่ตก สาธุๆ)

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 822
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ตลกความพี่ทิศไม่เชื่อในตอนแรกว่าคนอย่างจิณจะอำมหิตได้อย่างไร เนี่ยแหละ ความรักทำให้ตาบอด ฮ่าา รอตอนหน้าว่าพี่ทิศจะจัดการคนขี้หวงยังไง  :man1:

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
นี่ก็ทีมสปอยนุ้งจิณ ^^

ก็คือ...แหม~~~ ลูกค้าอะไรจะโทร.มาทวงถามว่าทำไมส่งทีมมาคุยงานแทน
อะไรมันจะสนิทสนมขนาดน้าน~~~ เพื่อนก็ไม่ใช่เหอะ ชิชะ

หรือพี่ทิศทนได้ ถ้ามีใครมาเกาะแกะน้อง เชอะๆ

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
พี่ทิศงอนเดินขึ้นห้องไปแล้ววววว รีบตามไปง้อเลยจิณ!!  :L2:

พี่ทิศคะ พี่ควรพาจิณไปบวชซัก 1 พรรษาค่ะ 3 วันไม่พอจริงๆ เนาะ

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2545
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2

ออฟไลน์ Natti

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอ้ยยยยย เอ็นดูความจิณณ์ในทุกๆเรื่อง ยังไม่หายคิดถึงเลย รอๆพฤหัสหน้า

ออฟไลน์ wipor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ก็จิณหวง โปรดเห็นใจน้อง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
พี่ทิศงอนแล้วววว ง้อเร็วๆๆๆ

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
คุณปลัด


งอนเลย


งอนเลย


แบบนี้


พี่ทิศอาจแอบมีใจ


ให้เจ้ดารินก็เป็นได้

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
ทีมจิณณะด้วยค่ะ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
แอบอยากอ่านเรื่องของพี่ชุณ พี่ทิศอย่าดุน้องจิณนักเลย..ยยยย    :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Kiseri

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เอาแล้วววววว
โดนงอนแล้วไงงงง

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จะโดนดัดแบบไหนหนอ

ออฟไลน์ Cloudnine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
รอดูว่าจิณจะง้อพี่ยังไง  :mew3: :mew4:

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
จะโดนงอนไหมเนี่ย  รออ่านตอนต่อไปนะครับ

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รอคนมาง้อกันตอนหน้าค่ะ :o8: ขอบคุณมากนะคะ

ออฟไลน์ Yร้าย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
ของ  ๆ  เราทั้งต้องแสดงออกและต้องหวงเอาไว้  ทำแบบนี้ไม่ได้รึไงพี่ทิศ....งอนเลยหนูจิณไม่ต้องหวงไม่ต้องแสดงความเป็นเจ้าของออกไปให้ใครรู้  อยู่นิ่ง  ๆ  เงียบ  ๆ  แล้วแต่พี่ทิศตะไปไหนกับใคร เอาให้พี่ทิศสงสัยหงุดหงิดไปเลยลูก....ก็แค่เป็นทีมหนูจิณ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ bigbeeboom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
คุณย่าออกน้อยไป คิดถึงคุณกอบ ความแซ่บระดับ 10 10 10 มาก พฤ หน้า เฝ้ารอเลยจ้า :katai1:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
น้องทั่งรักทั้งหวงพี่ เอ็นดูในความหวงนี้

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
รอพี่ทิศจัดการจิณ :katai2-1:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ขี้หึงจริงๆเลยนะ จิน

ออฟไลน์ srxxm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านรวดเดียว คือดีมากก ชอบภาษา ชอบทุกอย่างเลย


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ Cuddlemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไหนใครนึกจิณโหมดนี้ไม่ออกนะตอนแรก555555 เอาจริงอะการก็ไม่ได้น่าห่วงขนาดนั้นนะแต่ถ้าเปิดแล้วก็นั่นแหล่ะมีคนปิดได้แค่คนเดียว เลือดคุณย่าเข้มข้นสุดอะเจาะเข้าทุกทางเลยพี่มีความซ้อนแผนแต่ยังดีที่โกหกไม่เก่งไม่งั้นปสดหัวแย่

ออฟไลน์ nishihimitsu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่ทิศอบอุ่นมาก ส่วนจิณก็ยังเป็นจิณที่เเสบสัน ขอบคุณคนเเต่งเรื่องนี้มากๆค่ะ เนื้อเรื่องดีมากจริงๆ ใช้ภาษาได้สวยอ่านเข้าใจง่าย  เราอินกับเนื้อเรื่องมากเลยค่ะ


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
 ชอบๆๆอ่ะ อ่านไปยิ้มไปร้องไห้ไปก็หลายครั้ง คิดถึงจอมขวัญกับพี่โตขึ้นมาเลยอ่ะมีความร้ายยยย

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :mew1: มาตามเก็บขนจบแล้วจ้า ไม่ผิดหวังเลย สนุกมากกกกกก

ออฟไลน์ m.starlight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เอาแล้วทำพี่ทิศโกรธ

ขอบคุณที่มาต่อตอนพิเศษให้อ่านนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด