...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)  (อ่าน 304871 ครั้ง)

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
คุณย่าขาลุย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
…………………..
ตอนที่ 21   


พิธีของคุณกอบกุลมีสองส่วน


ส่วนแรกคือการเชิญครอบครัวของพิทักษ์มาพูดคุยรับประทานอาหาร แน่นอนว่าไม่เป็นกันเองตามประสาหญิงชราผู้ยโสโอหัง แต่เชิญมาเพื่อให้ทางครอบครัวของพิทักษ์รับทราบว่าหล่อนรู้เห็นความสัมพันธ์นี้เช่นกัน และแม้จะเป็นคนตระหนี่ แต่หล่อนก็มอบแหวนเพชรและสร้อยพระเส้นใหญ่เป็นการรับขวัญ โดยไม่ได้ตระหนักว่าพิทักษ์จะนับถือศาสนาใด คนอย่างคุณกอบกุลนั้นเมื่อคิดจะให้ก็ให้ ไม่ใส่ใจอย่างอื่น


พิธีแรกจบสิ้นแบบไม่มีใครเสียน้ำตา ส่วนพิธีที่สองซึ่งเชิญแขกนับพันก็ย่อมไม่ใช่พิธีเรียกน้ำตา และหาใช่พิธีแต่งงานอย่างที่โกศลคาดคิด


แต่เป็นพิธีประกาศร่วมทุนระหว่างตระกูลของวงศ์กีรติและกลุ่มทุนเล็กๆกลุ่มหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยโต้โผใหญ่คือท่านนคร ท่านนครคนนี้รู้จักสนิทสนมกับคุณเทียมในระดับที่คุณเทียมเกรงอกเกรงใจ เคยยกหูโทรศัพท์ครั้งเดียวก็สามารถทำให้คุณเทียมยอมมาพบท่านเสรีซึ่งเดิมทีอยู่คนละขั้วอำนาจได้แล้ว การร่วมทุนระหว่างวงศ์กีรติและท่านนคร คนในแวดวงธุรกิจและการเมืองย่อมมองทะลุไปถึงการร่วมมือระหว่างวงศ์กีรติและคุณเทียม


ใครๆก็ว่า นี่คือการประกาศความเป็นหุ้นส่วนของวงศ์กีรติและตระกูลของคุณเทียม โดยมีพ่อสื่อเป็นท่านนคร


หากมองให้ลึกลงไปอีกชั้น ก็กลายเป็นเสียงลือที่คนเอามาเล่าต่อราวกับเป็นเรื่องขำขัน


“จริงๆแล้วคุณกอบอยากจัดงานให้หลานชายตัวเองกับหลานชายคุณเทียม แต่เอาเรื่องร่วมทุนมาบังหน้า ดูเอาซี่! ฝั่งหนึ่งเป็นคุณกอบ อีกฝั่งเป็นกลุ่มของท่านนคร ท่านนครน่ะลงทุนกับคุณเทียมอยู่แล้ว รอบนี้ก็เอาเงินจากคุณเทียมมาลงทุนด้วยนั่นล่ะ”


“ถ้ามีตั่งรดน้ำสังข์ เชิญคุณกอบกับคุณเทียมขึ้นไปนั่ง มีท่านนครเป็นคนคล้องพวงมาลัยล่ะก็ นี่มันงานแต่งนอมินีชัดๆ!”


เรื่องเล่าลือชักเพ้อเจ้อไปกันใหญ่ โดยเฉพาะการหยอกว่างานร่วมทุนคราวนี้เป็นงานแต่ง มีนอมินีจิณณะและพิทักษ์เป็นคุณกอบกุลและคุณเทียม แก่จนอายุปูนนี้ ถูกกล่าวหานินทาว่าร้ายมาเป็นล้านเรื่อง แต่ก็เพิ่งครั้งนี้ที่ถูกหยอกว่าจะถูกจับไปนั่งบนตั่งให้รดน้ำสังข์ แน่นอนว่ามันไม่สร้างความอภิรมย์ในใจหญิงชราเท่าไร และไม่ทราบว่าเพราะอะไร จู่ๆเรื่องหยอกเย้านี้ก็เงียบไปราวกับมีใครมาปิดสวิตช์ คนที่พูดถึงการร่วมทุนระหว่างวงศ์กีรติและท่านนครก็พลอยหุบปากไปด้วย


เป็นอันว่า งานร่วมทุนผ่านพ้นไปด้วยดี ผู้คนในแวดวงการเมืองและธุรกิจรับรู้โดยทั่วกันว่าคุณกอบกุลวางเส้นสายหลายขั้วอำนาจ ขวนขวายผลประโยชน์ผ่านทางเครือข่ายที่หล่อนไขว่คว้ามาไว้ในมือ ส่วนข่าวลือที่ว่าหลานชายของหล่อนคบหากับผู้ชายด้วยกัน ต่อให้จะมีคนหวั่นเกรงบารมีของคุณกอบกุล แต่ก็ยังเป็นเรื่องสนุกปากสำหรับคนบางกลุ่ม คนเหล่านี้ไม่ได้ใกล้ชิดกับจิณณะและพิทักษ์ มองเห็นจากมุมคนนอกว่าเป็นผู้ชายสองคนอยู่บ้านเดียวกันก็เอาไปพูดกันอย่างคะนองปากบ้าง หัวเราะร่วนเป็นเรื่องตลกบ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องที่ตระกูลวงศ์กีรติและครอบครัวของพิทักษ์จะเก็บมาใส่ใจ เพราะจากมุมคนในแล้ว ชายหนุ่มสองคนนี้ผ่านเรื่องราวมามากเสียจนวันนี้ที่พวกเขาหวนกลับมาอยู่เคียงข้างกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง ย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดี เสียงเล่าลือใดๆก็เป็นได้เพียงสายลมที่พัดมา แล้วเดี๋ยวก็พัดไปเท่านั้น


ทว่าสำหรับคนกำลังมีความหวังอย่างอรพิณ เสียงเล่าลือนี้ไม่ใช่สายลมพัดมาแล้วเดี๋ยวก็พัดไป


แม้เรื่องของพิทักษ์และจิณณะจะเป็นเรื่องเล่าลือของคนวงในในวงการธุรกิจ และอรพิณไม่ได้อยู่ในวงที่ว่านี้ แต่อีกกลุ่มหนึ่งที่หล่อนใกล้ชิดคือเพื่อนสนิทของพิทักษ์ซึ่งเรื่องความรักของเขาไม่ใช่เรื่องปิดบัง แม้จะไม่ได้พูดกันอย่างตรงไปตรงมา แต่ก็ทำให้อรพิณฉุกใจ


‘ช่วงนี้ ไอ้ทิศติดบ้านจะตาย บอกให้พาคนที่บ้านมาด้วยก็ไม่เอา หวงฉิบหาย กูต้องเป็นฝ่ายไปหา’


‘ยังหวงอีกเหรอวะ กูได้ข่าวว่าคนของมันเป็นคนจัดการเรื่องคดีด้วยซ้ำ เห็นว่าลาออกจากราชการมาเคลียร์เรื่องนี้โดยตรง’


ทั้งคำว่า ‘คนที่บ้าน’ และ ‘คนของมัน’ ไม่ได้หมายถึงคนในครอบครัวหรือญาติสนิทมิตรสหาย แต่สถานะนี้ชัดเจนว่ามันหมายถึง ‘คนรัก’ ของเขา


อรพิณไม่อาจเก็บความอยากรู้เอาไว้ได้ หลังจากสะสางงานของตนเองเรียบร้อยก็รีบตรงดิ่งไปยังสนามกอล์ฟของพิทักษ์ในทันที ตอนที่หล่อนไปถึง พิทักษ์ยังคงนั่งทำงานอยู่ที่ชั้นออฟฟิศ พอเลขานุการพาหล่อนเข้าพบ เขาก็เงยหน้าจากงานขึ้นมายิ้มจางให้หล่อน รอยยิ้มของเขายังคงอบอุ่นเหมือนเคย แต่ไม่อาจทำให้หัวใจของหญิงสาวนิ่งสงบได้เลย


“นั่งก่อนสิอร เอากาแฟหรือชาไหม” เจ้าของห้องทำงานลุกขึ้นเอ่ยอย่างอารี สันชาตญาณลูกผู้หญิงบอกให้รู้ว่าพิทักษ์เปลี่ยนไปจากเดิม ก่อนหน้านี้ตอนที่หล่อนไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล หรือแม้แต่ตอนแวะไปหาที่บ้านของทศพรและจิดาภา พิทักษ์ไม่ได้ดูสดใสเช่นนี้ จริงอยู่ว่าเขาไม่ได้ทำตัวร่าเริงผิดจากหน้ามือเป็นหลังมือ ตรงกันข้ามเขายังคงสุภาพ นิ่งสงบ ก่อนหน้านี้เขายิ้มให้หล่อนอย่างไร วันนี้เขาก็ยิ้มให้หล่อนอย่างนั้น เพียงแต่...สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือความสุข


พิทักษ์มีความสุข


หรือพูดอีกอย่างคือเขามีความรัก


อรพิณหายใจยากขึ้นมาทันทีที่ตระหนักได้ว่าสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าเปลี่ยนไปจากเดิมคือความรู้สึกแรงกล้าที่หล่อนขวนขวายอยากได้จากเขามานานหลายปี จนกระทั่งวันนี้...มีใครบางคนได้มันไป


หญิงสาวนั่งลงบนริมฝั่งหนึ่งของโซฟาตัวยาวขนาดสามที่นั่ง หวังว่าเจ้าของห้องจะนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน ทว่า...ไม่เลย พิทักษ์นั่งลงบนโซฟาเดี่ยว สร้างระยะห่างจนอรพิณสะท้อนใจ


“ไม่เป็นไรค่ะ...พอดี...อร...ผ่านมาแถวนี้ ก็เลยจะมาชวนพี่ทิศไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน” อรพิณจงใจมาหาเขาในเวลาใกล้เที่ยงเช่นนี้ก็เพื่อหาโอกาสให้ตนเองได้มีเวลาอยู่กับเขามากขึ้น หมายจะใช้เวลาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องที่หล่อนได้ยินมาจากกลุ่มเพื่อนของพิทักษ์


ใคร...ที่ทำให้พิทักษ์ยอมสละชีวิตตนเองเพื่อปกป้อง


ใคร...ที่ทำให้พิทักษ์ที่รักษาตัวจนหายดีแต่กลับเหมือนทิ้งหัวใจไปกับเหตุการณ์นั้นแล้ว


ใคร...ที่พาหัวใจกลับมาคืน


ใครคนนั้นจะใช่ผู้ชายคนที่หล่อนเคยพบเขาที่นี่หรือไม่ ผู้ชายคนที่หล่อนไม่เห็นความเหมาะสมใดๆกับพิทักษ์เลย ผู้ชายทีเล่นทีจริง ดูไม่อินังขังขอบกับมารยาทหรือกฎระเบียบ หนำซ้ำยังเป็น ‘ผู้ชาย’


พิทักษ์ควรได้คนรักที่ดีกว่านี้ไม่ใช่หรือ พิทักษ์ควรจะได้คนที่มั่นคงและเป็นแรงเกื้อหนุนมากกว่าคนที่ดูสนใจแต่ความสนุกสนานอย่างนั้นไม่ใช่หรือ หรืออย่างน้อย...พิทักษ์ก็ควรจะได้สร้างครอบครัวกับผู้หญิง เขาควรจะได้เป็นพ่อคน มีลูกๆน่ารักน่าชังวิ่งห้อมล้อม ไม่ใช่คบหากับผู้ชายด้วยกัน และไม่อาจสร้างครอบครัวอย่างที่เชิดหน้าชูตาในสังคม


“เที่ยงนี้พี่มีนัดทานข้าวที่นี่ อรอยู่ทานด้วยกันสิ”


อรพิณไม่แน่ใจนักว่าคำชวนนี้ของอีกฝ่ายเป็นไปตามมารยาทโดยขัดกับความรู้สึกลึกๆของเขาหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะเป็นการชวนตามมารยาทหรือไม่ก็ตาม หญิงสาวไม่มีทางปล่อยโอกาสให้หลุดมือ


“อรทานด้วยได้ใช่ไหมคะ” หล่อนทำเป็นตั้งคำถามอย่างเกรงใจ ทว่าชายหนุ่มเจ้าของห้องกลับยิ้มจางเช่นเดิม


“ได้สิ” พิทักษ์รับคำ ก็พอดีกับที่ประตูห้องถูกเคาะ แล้วถูกเปิดเข้ามาโดยเลขานุการ


“ขออนุญาตค่ะคุณทิศ คุณจิณมาแล้วค่ะ”


ไม่ต้องให้เลขานุการเชิญ จิณณะก็โผล่หน้าเข้ามาในห้อง อันที่จริงเขารับรู้จากเลขานุการของพิทักษ์แล้วว่าอีกฝ่ายมีแขก เจ้าหล่อนแจ้งเสร็จสรรพว่าแขกที่ว่าคือรุ่นน้องสาวชื่ออรพิณ ตอนแรกที่ได้ยินว่าเจ้าของห้องทำงานมีแขก จิณณะตั้งใจว่าจะลงไปรอที่ห้องอาหาร แต่เป็นฝ่ายเลขานุการของพิทักษ์เองที่ยื้อยุดเขาเอาไว้ แถมยังย้ำเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า ’ของของเรา เราต้องแสดงความเป็นเจ้าของ’


ตอนโดนย้ำว่า ‘ของของเรา เราต้องแสดงความเป็นเจ้าของ’ เล่นเอาหลานชายคุณกอบกุลถึงกับชะงักไปรอบหนึ่ง เรื่องของเขาและพิทักษ์เป็นที่รับรู้ของพนักงานทุกคนที่นี่ แต่การถูกย้ำต่อหน้าว่าพิทักษ์เป็นของของเขา ก็ทำเอาจิณณะทำหน้าไม่ถูก ใจหนึ่งก็อยากปฏิเสธว่าไม่มีใครเป็นของของใคร แต่อีกใจก็...นึกฮึกเหิมอย่างประหลาดกับการที่ได้พิทักษ์มาครอบครอง


...ก็แหม กว่าจะได้มาเลือดตาแทบกระเด็น มันก็ต้องภาคภูมิใจเป็นธรรมดา!...


“คุณจิณเชิญค่ะ” เลขานุการสาวเชื้อเชิญ ส่งสายตาเป็นทำนองว่าให้เขาเข้าไปนั่งที่ชุดโซฟาอีกมุมหนึ่ง


การสนับสนุนของหล่อนส่วนหนึ่งก็เพราะรับรู้ถึงสิ่งที่เขาทำให้พิทักษ์ อีกส่วนอาจจะเพราะความเอื้ออารีและแสนจะมือเติบของจิณณะ ขนมของฝากไม่เคยขาดมือ ต่อให้จะไม่ได้ยกเป็นบุญคุณเหนือหัว แต่ ‘น้ำใจ’ เหล่านั้นล้วนไม่ลบเลือน วันนี้เมื่อมีผู้หญิงอีกคนทำท่าจะกลับเข้ามาในชีวิตของพิทักษ์ หล่อนจึงตั้งมั่นจะขวางให้ถึงที่สุด


“เอ้อ...พี่ทิศมีแขก ผมลงไปรอที่ห้องอาหารก็ได้นะ” จิณณะออกปาก ทำเป็นชะโงกไปมองหน้าแขกของพิทักษ์แล้วก็นึกหน้าอีกฝ่ายขึ้นมาได้ทันที เขาเคยเจอผู้หญิงคนนี้แล้วครั้งหนึ่ง และพิทักษ์ก็เคยยืนยันว่าหล่อนเป็นเพียงรุ่นน้องเท่านั้น ความสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นน้องนั้นไม่รู้จะพัฒนาเมื่อไรและอย่างไร แต่...ที่แน่ๆ ‘ของของเรา เราต้องแสดงตัว’ ก็ชักจะกลายเป็นประโยคเด็ดที่จำขึ้นใจ


“ลงไปพร้อมกัน วันนี้อรจะทานข้าวด้วย” ประโยคหลังของพิทักษ์ทำเอาเลขานุการสาวที่ยืนใกล้จิณณะถึงกับอุทานออกมาเสียงเบา หน้าตาดูเป็นกังวลขึ้นมาทันทีที่ได้ยินว่ารุ่นน้องของพิทักษ์จะร่วมโต๊ะด้วย หล่อนรีบหันมามองจิณณะ ส่งสายตาเป็นเชิงว่าต้องสู้ หากไม่ติดว่ามีพิทักษ์และอรพิณอยู่ตรงนี้ด้วย รับรองว่าจะต้องโยนประโยคเด็ดใส่หูเขาอีกรอบแน่ๆ ‘ของของเรา เราต้องแสดงความเป็นเจ้าของ!’


เนี่ย...ขนาดหล่อนไม่พูด เสียงยังเหมือนดังอยู่ข้างหูเลย


“จิณกับอรเคยเจอกันแล้วใช่ไหม” พิทักษ์ถาม จิณณะเห็นว่าบทสนทนาถามถึงเขาโดยตรง จากตอนแรกที่ยักแย่ยักยันอยู่ที่หน้าประตูเลยก้าวเท้าเดินเข้าห้อง แน่นอนว่าในเมื่อสมองเล่นประโยคเดิมซ้ำว่า ‘ของของเรา เราต้องแสดงความเป็นเจ้าของ’ ชายหนุ่มผู้มาเยือนเลยเดินเข้าไปยืนข้างโซฟาเดี่ยวที่พิทักษ์นั่งอยู่ แล้ว...นั่งลงบนที่พักแขน


ชุดโซฟาในห้องทำงานของพิทักษ์ประกอบด้วยโซฟาตัวยาวขนาดสามที่นั่งซึ่งมีอรพิณนั่งอยู่ริมหนึ่ง ประกบข้างด้วยโซฟาเดี่ยวข้างละตัว ตัวหนึ่งพิทักษ์นั่งอยู่ ดังนั้นจึงเหลือที่นั่งอีกหลายที่ให้จิณณะได้เลือก แต่...เจ้าตัวเลือกแล้วที่จะนั่งบนที่พักแขนของโซฟาเดี่ยวตัวที่พิทักษ์นั่ง


เจ้าของห้องทำงานหันมองคนที่นั่งบนที่พักแขนของโซฟาตัวที่เขานั่ง แต่จิณณะกำลังส่งยิ้มแย้มอย่างมีไมตรีให้กับหญิงสาวอยู่ จึงไม่ได้สนใจสายตาเขา


“ผมจำได้ว่าเคยเจอคุณอรที่นี่ แต่ได้เจอกันแป็บเดียว คุณอรก็รีบกลับเสียก่อน เห็นพี่ทิศบอกว่าคุณอรเป็น...รุ่นน้อง?”


ประโยคหลังเหมือนเจ้าตัวจะหันมาถามหาความมั่นใจด้วยการก้มลงมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟา และอาจจะเพราะว่าท่านั่งของจิณณะนั้นเป็นเพียงการวางสะโพกส่วนหนึ่งลงกับที่พักแขน จึงค่อนข้างโคลงเคลง เพื่อให้สะดวกต่อการหันไปถามและไม่ให้เซไถลล้ม เจ้าตัวจึงวางแขนลงกับพนักด้านหลังพิทักษ์เพื่อความมั่นคงอีกทาง


ช่างเป็นท่านั่งที่แสดงความเป็นเจ้าของได้เต็มภาคภูมินัก จิณณะแอบชื่นชมตัวเองในใจ แต่หารู้ไม่ว่ามีอีกคนที่นึกเข่นเขี้ยวเขาในใจเช่นกัน


พิทักษ์เห็นสีหน้ายิ้มกระหยิ่มปิดไม่มิดของคนรัก และสายตายามมองต่ำลงมาที่เขาแล้วก็อยากฟัดอีกฝ่ายแรงๆสักทีแต่ติดที่มีอรพิณนั่งอยู่ด้วย ความรู้สึกของหญิงสาวไม่ใช่เรื่องที่เขาตระหนักมากนัก เพราะอย่างไรเสียเขาก็เคยปฏิเสธชัดเจนไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ที่ไม่อยากทำต่อหน้าคนอื่นก็เพราะหวั่นว่าตัวแสบอย่างจิณณะจะเขินจนหมายหัวเขาต่างหาก


หมายหัวแค่เวลาอยู่นอกบ้านน่ะไม่เท่าไร แต่หลานชายคุณกอบกุลนั้นเป็นประเภทจำฝังใจ เกิดแกล้งเจ้าตัวตอนนี้ แล้วไปออกฤทธิ์ตอนกลางคืน มีหวัง...อดกันหมด


“อรเป็นน้องรหัสของไอ้คุณ” พิทักษ์เอ่ยปาก ทำเอาอรพิณชะงักอีกครั้ง


“คุณจิณรู้จักพี่คุณด้วยหรือคะ” จิณณะสบตาหล่อนแล้วยิ้มแย้มอย่างไม่มีลับลมคมนัย


“รู้จักสิครับ เพื่อนพี่ทิศเคยมาที่บ้าน...” ถ้าไม่ใช่เด็กประถม จิณณะคิดว่าอีกฝ่ายควรเดาออกว่า ‘บ้าน’ ที่ว่าคือบ้านหลังไหน และทำไมเขาถึงพบเพื่อนของพิทักษ์ที่บ้านหลังนั้น


อรพิณตัวชาดิกไปทั้งร่าง ทั้งๆที่คาดเอาไว้แล้วว่าใครบางคนที่ทำให้พิทักษ์ไม่ออกไปไหน ใครบางคนที่พิทักษ์ห่วงหวงยิ่งกว่าชีวิตจะเป็นผู้ชายคนนี้ แต่เมื่ออีกฝ่ายมาอยู่ต่อหน้า หัวใจของหล่อนก็โหวงเหวง ในท้องเย็นวาบจนเหมือนจะขย้อนอวัยวะภายในออกมาให้หมด


“พ...พี่ทิศต้องรอใครอีกไหมคะ เราไปทานข้าวกันเลยดีไหม”


แม้ผู้ชายอีกคนจะนั่งเคียงข้างพิทักษ์ แต่อรพิณก็ทำใจแข็งอย่างยิ่งที่จะให้ความสนใจแต่พิทักษ์เพียงผู้เดียว ทว่า...ใครบางคนถูกเสี้ยมสอนมาจากเลขานุการของพิทักษ์มากเกินไป เพราะแม้จะไม่ได้อยู่ในบทสนทนาของหญิงสาว เขาก็แสดงความเป็นเจ้าของอย่างเต็มที่


“พี่ทิศเขารอผมอยู่คนเดียวนี่ล่ะครับ” จิณณะพูดพลางหัวเราะในคอ ฟังแล้วเหมือนเป็นแค่การหยอก แต่น้ำเสียงคล้ายจะตอกย้ำหัวใจหญิงสาว


“...คุณอรหิวแล้วหรือครับ ถ้าอย่างนั้นเชิญก่อนได้เลย ผมขอคุยกับพี่ทิศสักครู่ แล้วจะตามลงไป” แล้วหลานชายคุณกอบกุลก็แสดงความเป็นเจ้าของยิ่งกว่าเก่าด้วยการอัปเปหิอรพิณให้ออกจากห้องไปก่อน แน่นอนว่าหญิงสาวปากสั่นพูดอะไรไม่ออก พอมองหน้าพิทักษ์ ฝ่ายนั้นก็เพียงยิ้มจางแต่ไม่มีปฏิเสธคำพูดของจิณณะสักนิด


“...ค่ะ...” หลังจากควานหาเสียงตนเองอยู่อึดใจหนึ่ง อรพิณก็เอ่ยปากออกมาอย่างยากลำบาก หล่อนยอมลุกจากโซฟา แต่ไม่วายมองพิทักษ์เหมือนจะขอให้เขาส่งสัญญานสักนิดให้หล่อนอยู่ที่นี่ต่อหรือเขาจะออกไปพร้อมกับหล่อน ซึ่งตามมารยาทแล้วก็ควรเป็นเช่นนั้น หล่อนเป็นแขก และเขาไม่ควรปล่อยให้หล่อนลงไปรอที่ห้องอาหารแต่เพียงลำพัง


ทว่า...อาจจะเพราะสถานะรุ่นน้องที่อรพิณอาศัยเป็นช่องทางเข้าหาพิทักษ์มาโดยตลอดกลายเป็นดาบสองคม เพราะเมื่อเขามองหล่อนเป็นรุ่นน้องเช่นกัน เขาก็ย่อมไม่ต้องแสดงมารยาทอะไรมากมายนัก การปล่อยให้รุ่นน้องที่สนิทกันสักคนจะลงไปรอที่ห้องอาหารก่อนเพราะตนเองติดธุระ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่สำหรับอรพิณ...การที่ธุระของเขามีจิณณะร่วมด้วยเป็นเรื่องใหญ่เหลือเกินในสายตาของหล่อน


และสุดท้าย พิทักษ์ก็ไม่แสดงท่าทีอะไร อรพิณได้แต่เม้มปากหมุนตัวเดินออกจากห้องไปอย่างคนพ่ายแพ้ บานประตูปิดลง คนที่เต๊ะท่านั่งอยู่บนที่พักแขนก็ทำท่าจะลุกแต่ไม่รู้แขนปลาหมึกของพิทักษ์สอดอ้อมหลังเขาตั้งแต่เมื่อไร พอจิณณะจะลุกเลยกลายเป็นถูกคว้าหมับ


“เฮ้ย!” คนถูกคว้าเอวสะดุ้งโหยง ก้มลงมองพิทักษ์ที่เงยหน้ามองเขาอยู่ ดวงตาคู่นี้ไม่ว่าจะยามพบกันวันแรกหรือจนกระทั่งวันนี้ก็ยัง...ดุเสมอต้นเสมอปลาย


“คิดจะทำอะไร” แล้วดุแค่น้ำเสียงไม่พอ ตายังจ้องจับผิดเหมือนรู้เช่นเห็นชาติกันอีกต่างหาก แต่จิณณะคนปากแข็ง เรื่องอะไรจะยอมบอกว่าที่ทำๆอยู่นี่เพราะต้องแสดงความเป็นเจ้าของตามที่ถูกเลขานุการของพิทักษ์หนุนหลังมา


“ทำอะไรล่ะ? ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย” เจ้าตัวพูด ทำหน้าตาใสซื่อ แต่ยิ่งใสมากเท่าไรก็ยิ่งดูไม่ซื่อมากเท่านั้น คนอย่างจิณณะน่ะหรือใสซื่อ เลือดคุณกอบกุลเข้มข้นขนาดนั้น น่าจะเลิกซื่อตั้งแต่เข้าอนุบาลแล้ว


“แล้วเมื่อกี้ที่ว่ามีเรื่องจะพูดน่ะเรื่องอะไร”


หลานชายคุณกอบกุลชะงักไปเล็กน้อย แต่เรื่องแค่นี้นับว่าจิ๊บจ้อยมากนักสำหรับการแถเอาสีข้างเข้าถู


“ก็เรื่องข้าวเย็นวันนี้ไง! ผมจะบอกพี่ว่า วันนี้...เรา...ออกไปหาอะไรกินข้างนอกกันดีกว่า ชวนไอ้ชิตไปกินด้วย ผมไม่ได้เจอมันนานแล้ว”


แม้จะอาศัยอยู่กับพิทักษ์ แต่ก็ไม่ได้ทำงานในจังหวัดนี้อีกแล้ว ดังนั้นจึงแทบไม่ได้พบหน้าค่าตาเพื่อนสมัยเป็นปลัดอำเภอเลย แน่นอนว่าเรื่องเล็กน้อยอย่างข้าวเย็นนั้นไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบบอกแล้วให้อรพิณนำหน้าออกจากห้องไปก่อน พิทักษ์ดูออกแต่ไม่พูด ทว่าสายตาของเขายามมองคนรักนั้นทะลุปรุโปร่งจนคนถูกมองชักเก้อขึ้นมาเพราะรู้ว่าปิดไม่มิด


“เอ่อ...ผมหิวแล้ว เราไปทานข้าวกันดีกว่า”


“เดี๋ยว...” เอวถูกรั้งเอาไว้อีก จิณณะบิดตัวเล็กน้อยแต่ก็ไม่อาจออกจากอ้อมแขนของอีกฝ่ายได้เลย ตอนแรกที่นั่งบนที่พักแขนก็ว่าท่วงท่าตนเองดูมาดแมนแสนเท่ แต่...พอก้มลงมองแล้วเห็นมือคนที่นั่งอยู่บนโซฟาอ้อมหลังมาโอบเอวเขา ก็ทำเอาคำว่ามาดแมนแสนเท่ถูกหั่นทิ้งไปทีละพยางค์


ท่านั่งแบบนี้...แปลกๆว่ะ...


“น้ำหอม...” เสียงทุ้มดังขึ้นฉุดจิณณะออกจากมโนภาพในจินตนาการ แล้วก็ต้องชะงักตาแทบถล่นเมื่อคนพูดไม่พูดอย่างเดียว แต่ยื่นหน้ามาใกล้อกเสื้อของเขาด้วย


“เฮ้ย! พี่ทำไร?!”


“น้ำหอมของพี่” พิทักษ์เงยหน้าบอก สีหน้าเรียบเฉยเหมือนเมื่อครู่นี้ตนเองไม่ได้ทำอะไรถึงเนื้อถึงตัวแต่อย่างใด ทั้งๆที่...ทั้งๆที่ถ้าจิณณะไม่รู้ตัวขยับออกห่างจนแทบหงายหลัง ป่านนี้หน้าของเขาได้จมเข้าไปในอกเสื้อจิณณะแล้ว


“ผมหยิบผิดเว้ย! เมื่อเช้าง่วงจะตาย!...”


พูดเรื่องเมื่อเช้า จิณณะก็เป็นอันต้องหุบปากไปอีก ตื่นเช้าแล้วง่วงก็เพราะเมื่อคืนนอนดึก แล้วจะเพราะใครที่ทำให้เขานอนดึก? ก็ไอ้คนที่ทำหน้าตาไม่รู้ร้อนรู้หนาวนั่งอยู่บนโซฟาเอามือโอบเอวเขาอยู่นี่ไง!


“ไปๆ ไปกินข้าวได้แล้ว ป่านนี้รุ่นน้องพี่ทิศกินอิ่มแล้วมั้ง แล้วก็ปล่อยเอวผมได้แล้ว จับทำไม...”


เป็นมนุษย์แสบที่ขี้เขินขนาดหนัก พิทักษ์หัวเราะในคอแต่ไม่ปล่อยมือ ลุกจากโซฟาก็ยังโอบเอวคนรักอยู่อย่างนั้น พอก้าวเท้าเดินไปที่ประตูก็ยังไม่ปล่อย ในขณะที่อีกคนสาละวนอยู่กับการพยายามดึงมือเหนียวหนึบนั่นออกจากเอวตัวเอง ดูแล้วเหมือนพิทักษ์กระเตงลูกซนๆสักคน


“ปล่อยก่อน เดี๋ยวคนอื่นเห็น”


มืออีกข้างของพิทักษ์เอื้อมไปจับลูกบิดประตูแล้ว ลองว่าถ้าเขาหมุนแล้วเปิด ภาพที่คนทั้งชั้นออฟฟิศของสนามกอล์ฟแห่งนี้จะได้เห็นเป็นออเดิร์ฟก่อนอาหารเที่ยงก็คือพิทักษ์โอบเอวจิณณะ


พิทักษ์ที่เคยถูกเล่าลือว่าเป็นนางเอกของอดีตปลัดอำเภอจิณณะ มาวันนี้กลายเป็นคนโอบเอวเสียแล้ว


“ก่อนหน้านี้จิณยังเคยเดินโอบไหล่พี่เลย เคยบอกคนที่นี่ว่าพี่เป็นนางเอกของจิณด้วย พี่ไม่เห็นว่าอะไรสักคำ”


จิณณะอ้าปากค้างพูดไม่ออก ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเอาเรื่องในอดีตมาตลบหลังเขาแบบนี้


“น...นั่นมันอดีต! อยู่กับปัจจุบันสิพี่!” สมกับฟาดฟันฝีปากกับคุณกอบกุลมานานแรมปี เพราะสามารถต่อรองกับพิทักษ์ได้ในพริบตา คนฟังพยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วย


“พูดได้ดี...” ดูเหมือนเป็นคำชม แต่พิทักษ์ก็ย่อมเป็นพิทักษ์ จิณณะมีวิธีในการเจรจา เขาเองก็มีวิธีต้อนเช่นกัน


“...ถ้าอย่างนั้นปัจจุบันนี้เราเป็นอะไรกัน”


“เอ้อ...ถ...ถาม...ถามทำไม”


“จิณบอกเองว่าอดีตก็ส่วนอดีต ให้อยู่กับปัจจุบัน พี่เลยอยากรู้ว่าปัจจุบันนี้เราเป็นอะไรกัน”


“จ...จะรู้ไปทำไมล่ะ”


“จิณดูออกไหมว่าอรมาที่นี่ทำไม” พอพูดถึงอรพิณ จิณณะก็ถึงกับเม้มปาก พอสบตาคนตรงหน้าก็แทบอยากจะตะกุยหน้าตานิ่งสงบแต่ซ่อนเขี้ยวเล็บไว้ข้างในนั่นเสียจริง บอกแล้วว่าพิทักษ์ร้ายกาจ เจ้าตัวดูไม่มีพิษสงแต่ยกเอาคนอื่นมาเป็นตัวประกันหน้าตาเฉย


“บอกพี่ก่อน ว่าปัจจุบันเราเป็นอะไรกัน พี่จะได้ไปเคลียร์กับอรให้ชัด”


“เคลียร์แน่นะ”


“แน่สิ”


“ต้องไม่มีบุกมาหา มาชวนไปกินข้าวกลางวันสองต่อสองอีกนะ” จิณณะนึกเคืองหญิงสาวคนนั้นเล็กน้อย เรื่องของเขาและพิทักษ์ออกจะโด่งดัง และหล่อนก็รู้จักกับกลุ่มเพื่อนของพิทักษ์ทุกคน มีหรือจะไม่รู้ว่าพิทักษ์มีเขาเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมาหาถึงที่ ถ้าวันนี้จิณณะไม่บังเอิญนัดทานข้าวเที่ยงกับพิทักษ์ตั้งแต่แรก ก็คงไม่ทันรู้ว่ามีคนคิดจะตีท้ายครัวเขาเสียแล้ว


“พี่ไม่ได้ชวนอรมา พี่ห้ามเรื่องอรจะมาหาไม่ได้ แต่พี่เว้นระยะห่างกับอรได้”


เป็นอันชัดเจนว่าถึงอรพิณจะเข้าหาเท่าไร แต่พิทักษ์ไม่ขยับเข้าไปพบหล่อนก็เป็นอันใช้ได้ จิณณะมองคนพูด แม้จะหงุดหงิดหัวใจเล็กน้อย แต่ในเมื่ออีกฝ่ายยอมรับปาก เขาเองก็ควรจะชัดเจนเช่นกันว่าปัจจุบันของพวกเขาคืออะไร


ไม่มีคำพูด แต่จิณณะเลือกที่จะฉกหน้าเข้าไปจูบที่ริมฝีปากของคนรักวูบหนึ่ง ปากชนปาก ไม่มีความโรแมนติกหรืออ้อล้อสักนิด แต่ถึงอย่างนั้นหัวใจของพิทักษ์กลับอุ่นวาบ ยิ่งเห็นสีหน้าทั้งฉุนทั้งเขิน แถมด้วยใบหูแดงก่ำของคนรัก เขาก็ยิ่ง...ทั้งรักทั้งเอ็นดู


“...ของผม” เจ้าตัวไม่มองหน้า งึมงำพูดเสียงเบาราวกับไม่อยากให้พิทักษ์ได้ยิน แต่พวกเขายืนใกล้กันมากพอที่เสียงนั้นจะเข้าหู ทว่าจับใจความแล้วไม่เป็นประโยคนัก


“หือ?”


“ของผม” จิณณะเพิ่มระดับความดังขึ้นมาอีกเล็กน้อย สีหน้าหงุดหงิดมากขึ้นอีกหน่อย


“ของจิณ?”


“เออ! สถานะพี่คือของของผม ปัจจุบันของพี่ก็เป็นของผม ชัดยัง?!” ใบหน้าของคนนิ่งขรึมแย้มยิ้มกว้าง ยิ่งยิ้มกว้างมากเท่าไร จิณณะก็ยิ่งเขินจนต้องเม้มปากตนเองแน่นขึ้น แต่พอถูกอีกฝ่ายแตะปลายคางเบาๆ ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันก็คลายออกเล็กน้อย จนพิทักษ์ยื่นหน้าเข้าหา จากริมฝีปากที่ปิดสนิทก็กลายเป็นเผยอตอบรับสัมผัสอุ่นจากริมฝีปากของอีกฝ่าย มันแผ่วเบาและเนิ่นนาน แตกต่างจากการจูบของจิณณะเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง เมื่อถอนริมฝีปากออกแล้ว เสียงทุ้มก็ดังขึ้นเบาๆ


“จิณ...”


“...ก็เป็นของพี่เหมือนกัน”


……………………

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8

อรพิณยืนรออยู่ที่หน้าห้องอาหาร แม้จะผ่านไปเพียงห้านาทีแต่หล่อนกลับดูนาฬิกาแทบทุกวินาที จนกระทั่งชายหนุ่มสองคนเดินพ้นโถงลิฟต์ออกมา เห็นพวกเขาเคียงข้างกัน ต่อให้ไม่พูดอะไรกันเลย หล่อนก็ยังรู้สึกถึงสายสัมพันธ์เกี่ยวร้อยกันเอาไว้


กลุ่มเพื่อนของพิทักษ์ล้วนมีแต่ผู้ชาย แต่ไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างพิทักษ์และเพื่อนผู้ชายคนไหนทำให้หล่อนรู้สึกร้อนวูบไปทั้งร่างอย่างนี้ หญิงสาวกำมือแน่น


...ทำไมไม่เป็นหล่อน ทำไมถึงเป็นผู้ชายคนนั้น ทำไม…


แม้จะตั้งคำถามในใจ แต่เมื่อพิทักษ์มองมา อรพิณก็ขยับยิ้มหวานซุกซ่อนความรู้สึกริษยาลงสุดใจ


“พี่นึกว่าอรจะเข้าไปทานก่อนแล้วเสียอีก ขอโทษที่ทำให้รอ พอดี...คุยกันนานไปหน่อย” พิทักษ์เอ่ยปาก แต่ประโยคท้ายนั้นหันมองคนข้างกาย จิณณะเมินสายตาหนีไปทางอื่น คำว่า ‘คุย’ ที่พูดออกไป มีความหมายคนละอย่างกับที่ราชบัณฑิตยสถานบัญญัติแน่นอน เพราะ ‘การคุย’ ของพวกเขา ถึงขั้นทำเอาจิณณะได้แต่เม้มปากเพราะรู้สึกว่ามันบวมเจ่ออย่างไรชอบกล


“ไม่เป็นไรค่ะ อรรอพี่ทิศได้” ประโยคหลังของหญิงสาวทำเอาคนกำลังเก้อเขินเอาแต่เม้มปากถึงกับชะงักกึก หันกลับมามองอรพิณทันที แต่ดูเหมือนรุ่นน้องของพิทักษ์จะไม่ได้สนใจเขา หล่อนมองพิทักษ์แต่เพียงผู้เดียว


...รู้สึกเหมือน...กำลังถูกหาเรื่อง…


...เอาหน่า จิณณะ แกต้องใจเย็นๆ ผู้หญิงหาเรื่องเขาว่าผู้หญิงรัก...


แต่...รักใครนี่สิ...


เป็นคำถามที่รู้คำตอบดี ในเมื่ออรพิณเฝ้ามองแต่พิทักษ์ พิทักษ์รับรู้ จิณณะรับรู้ สถานการณ์จึงชวนให้อึดอัด พอดีกับที่พนักงานคนหนึ่งของห้องอาหารเดินเข้ามาหาเสียก่อน


“คุณทิศครับ คณะของอาจารย์อนุวัฒน์อยู่ในห้องอาหาร” ชื่อลูกค้าระดับ V.I.P. ของสนามกอล์ฟที่ออกจากปากของพนักงาน ทำให้ชายหนุ่มหันมาทางจิณณะทันที


“จิณพาอรเข้าไปทานข้าวก่อน พี่ไปพบแขกแล้วจะตามไป” พูดกับคนรักแล้วถึงหันมายิ้มให้อรพิณทีหนึ่ง จากนั้นจึงเดินตามพนักงานเข้าไปในห้องอาหารก่อน


การที่ยืนอยู่ข้างเขาสองคน แต่เขาเลือกที่จะพูดกับคนใดคนหนึ่งย่อมแสดงให้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับใครคนนั้นเป็นอันดับแรก


“ไปทานข้าวเถอะครับ” จิณณะออกปาก ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าห้องอาหารไปอีกคน ท่าทางของเขายังคงสบายและเป็นกันเอง อีกนัยหนึ่งคือเขาทำตัวตามสบายราวกับเป็นที่ของเขา ยิ้มแย้มให้กับคนที่นี่อย่างเป็นกันเอง ทักทายพนักงาน พูดคุยกับเชฟที่ยืนอยู่ตามซุ้มอาหาร เผื่อแผ่รอยยิ้มทักทายให้บรรดาลูกค้าที่กำลังนั่งรับประทานอาหารหรือพบเจอระหว่างที่ไปตักอาหารด้วย


อรพิณก้าวเท้าตาม ได้แต่มองตามเขา เจ็บไปทั้งใจ ทั้งๆที่หล่อนรู้จักพิทักษ์มานานกว่า มาที่นี่ก่อนที่จิณะจะเหยียบย่างมาเสียอีก แต่หล่อนกลับคว้าหัวใจของพิทักษ์ไม่ได้ สร้างความคุ้นเคยกับที่นี่ยังไม่ได้เท่ากับที่จิณณะทำด้วยซ้ำ


ชายหนุ่มกลับมาที่โต๊ะพร้อมด้วยจานอาหาร ในขณะที่อรพิณยังยืนตัวเปล่า เอาแต่มองเขา


“คุณอรตามสบายนะครับ” จิณณะเอ่ย พลางยิ้มการค้าให้หนึ่งที แล้วนั่งลงบนโต๊ะว่าง แต่อรพิณไม่เดินไปไหน หล่อนนั่งลงมองเขาทานข้าว แน่นอนว่าต่อให้จะหน้าด้านหน้าทนเพียงใด แต่มีคนจับจ้องในระหว่างที่ตักข้าวเข้าปากก็ทำเอาจิณณะชักรู้สึกว่าอาหารไม่อร่อยเหมือนทุกที


“คุณอรมีอะไรจะพูดกับผมรึเปล่าครับ” แม้จะรู้สึกว่าอาหารไม่อร่อยเพราะถูกจ้อง แต่มาดเยอะทำทีเป็นไม่เดือดเนื้อร้อนใจและทุกอย่างเป็นปกติเหมือนเคยๆ


...แต่กินข้าวไป มีคนจ้องกินเลือดกินเนื้อไป เป็นเรื่องเคยๆหรือ?...


...อ้อ...เคยสิ เวลาร่วมโต๊ะกับคุณกอบกุลอย่างไรล่ะ…


ไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณต้นตระกูลหรือไม่ที่สร้างความแข็งแกร่งให้จิณณะยังคงตักอาหารเข้าปากต่อไปได้แม้จะถูกจ้องก็ตาม


สายตาของอรพิณเต็มไปด้วยความโกรธเคืองและไม่เข้าใจ ยิ่งเห็นเขากินข้าวเอร็ดอร่อยไม่ทุกข์ไม่ร้อนก็ยิ่งไม่พอใจ ยิ่งไม่พอใจก็ยิ่งมีคำถามดังขึ้นในใจว่าผู้ชายคนนี้มีดีอะไร พิทักษ์ถึงต้องเอาทั้งชีวิตทั้งหัวใจมาเทให้หมดหน้าตัก


“คุณจิณคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันถูกแล้วใช่ไหม”


“แล้วมีตรงไหนที่ผิด” จิณณะย้อนถาม สีหน้าเหมือนไม่อินังขังขอบแต่อย่างใด


“พี่ทิศควรได้คนที่ดีกว่าคุณ”


หากเป็นก่อนหน้านี้ที่เขามีปัญหาคาราคาซัง หนำซ้ำยังหลอกลวงปิดบังให้พิทักษ์มาช่วยเหลือจนต้องเจ็บตัว เขาก็คงได้แต่ก้มหน้าต่ำ คอตกอย่างเห็นพ้องด้วย


แต่...ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว


ตอนนี้จิณณะไม่ใช่คนมีปัญหาพัวพัน ไม่ได้หลอกลวงปิดบัง แม้วันนี้จะมีแต่ตัว เงินทองหามาใช้ไป ยังไม่มีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำ แต่จิณณะผู้มีตำแหน่งหน้าที่การงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ซึ่งเป็นธุรกิจของทางบ้าน ที่ดูท่าไม่น่าจะล้มง่ายๆ ไหนจะนามสกุลที่แค่เอ่ยปากก็ทำให้ดูเป็นไฮโซได้ในพริบตา ล้วนเป็นปัจจัยที่สามารถสร้างฐานะเศรษฐีให้เขาได้ในอีกไม่ช้า นอกจากนั้นจิณณะก็คิดว่าตนเองหน้าตาดีในระดับหนึ่ง อวดได้ไม่อายใคร และที่อวดได้มากกว่าอะไรทั้งหมดคือสิ่งที่เขาทำเพื่อพิทักษ์


“คนที่ดีกว่าผมนี่หน้าตาเป็นยังไงหรือครับ” พอถูกย้อนมาอย่างนี้ อรพิณก็ได้แต่อ้าปากค้าง จิณณะนั้นเป็นหลานนอกคอกที่เป็นลูกไม้หล่นใต้ต้นคุณกอบกุลที่แท้จริง พอเห็นอีกฝ่ายพูดไม่ออก เขาก็ยิ้มเยาะ นัยน์ตาเป็นประกายพราวเหมือนเสือจ้องเหยื่อที่กำลังดิ้นรน


“หรือคนที่ดีกว่าผมต้องเป็นคุณ?”


“ฉันหมายถึงต้องไม่สร้างความลำบากให้พี่ทิศ!” อรพิณเถียง


   “แล้วผมสร้างความลำบากตรงไหน” เป็นอีกครั้งที่ความมั่นอกมั่นใจของจิณณะสำแดงอิทธิฤทธิ์ เวลานี้เขาไม่ใช่คนพ่วงภาระอีกแล้ว หนำซ้ำยังตั้งอกตั้งใจจะเกื้อหนุนพิทักษ์ให้เจริญยิ่งขึ้นไป นี่ยังไม่รวมถึงความรัก ความเอาใจใส่ที่มี โดยรวมแล้วการที่เขาอยู่เคียงข้างพิทักษ์ในวันนี้ มีแต่ข้อดีล้วนๆ ไม่เห็นข้อเสียสักนิด!


นอกจากความมั่นใจของคนพูดแล้ว อรพิณเองก็พบว่าพิทักษ์ไม่ได้ลำบากลำบนอะไรกับการที่มีจิณณะอยู่ข้างกายเลย เพื่อนๆของเขาถึงจะหยอกล้อว่าคนรักรายนี้ทำให้พิทักษ์แทบไม่ได้ไปไหนนอกจากสนามกอล์ฟกับบ้านพัก แต่ทุกคนก็ล้วนพูดถึงเรื่องนี้อย่างยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีใครมีปัญหากับการที่พิทักษ์มีคนรักชื่อจิณณะ หรือในอีกแง่หนึ่งคือเพื่อนของพิทักษ์ต่างก็รับรู้ว่าการมีอยู่ของจิณณะในเวลานี้ไม่ใช่ตัวปัญหาแต่อย่างใด


แต่...


แต่ใจของอรพิณมีปัญหา


“แต่...แต่คุณมีลูกให้พี่ทิศไม่ได้” อรพิณยกข้ออ้างที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่สุดในโลกเรื่องหนึ่งขึ้นมาพูด ต่อให้วิทยาการก้าวหน้าแล้ว แต่คู่รักเพศเดียวกันก็ยังมีปัญหาเรื่องทายาทสืบพันธุ์อยู่ดี


ทว่าเรื่องที่แสนจะเป็นวิทยาศาสตร์นี้กลับทำเอาคนพูดเก่งเถียงเก่งแถก็เก่งถึงกับชะงักกึกแล้ววินาทีต่อมาก็ส่งเสียงกู่ร้องในอกอย่างอัดอั้น


...วอทเดอะฟัค! ทำไมกลายเป็นเขาที่ต้องมีลูกให้พิทักษ์ล่ะ! ทำไมไม่เป็นพิทักษ์มีลูกให้เขา!!...


แม้ในใจจะโวยวายตะพึดตะพือถึงการเรียบเรียงคำพูดของหญิงสาวตรงหน้า แต่จิณณะพยายามทำใจเย็นสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วตีสีหน้าเย็นเยียบย้อนกลับไป


“ญาติผมไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ ญาติพี่ทิศก็ไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ แล้วคุณอรเป็นญาติฝ่ายไหนของเราหรือ ถึงมีปัญหากับเรื่องนี้”


อรพิณอ้าปากค้างหนักกว่าเก่า ทั้งๆที่คิดว่าเหตุผลของหล่อนไม่มีเรื่องใดมาโต้แย้งได้แน่แล้ว แต่จิณณะนั้นสมกับที่ลับฝีปากกับคุณกอบกุลมาแต่อ้อนแต่ออก เพราะสามารถตีกรอบเรื่องของเขาและพิทักษ์แล้วกันอรพิณเอาไว้นอกกรอบหน้าตาเฉย


จิณณะวางช้อนส้อม หยิบผ้าขึ้นมาเช็ดปากแล้วจับจ้องมาที่หล่อน สีหน้าของเขายังเย็นยะเยือก สายตาของเขาก็เยียบเย็นชนิดตัดขั้วหัวใจ อรพิณที่อ้าปากค้างอยู่แล้วถึงกับลืมหายใจไปชั่วขณะ ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าหล่อนในเวลานี้ไม่เหมือนผู้ชายคนที่พูดจาทีเล่นทีจริงอย่างเมื่อตอนที่อยู่กับพิทักษ์เลย


“ผมเข้าใจว่าคุณหวังดีกับพี่ทิศ แต่คุณไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจเรื่องของเขา ใครจะเป็นคนดีของเขา มันเรื่องของเขา คุณเป็นรุ่นน้องก็ให้มีขอบเขตของคนที่เป็นรุ่นน้อง เพราะถ้าคุณล้ำเส้นเรา ผมจะเป็นคนล้ำเส้นคุณบ้าง แล้วถ้าถึงตอนนั้น คุณจะไม่มีโอกาสกลับเข้ามาในชีวิตพี่ทิศอีกเลย”


“น...นี่ขู่หรือ?!”


“ไม่ได้ขู่ ผมทำจริง”


คำว่าทำจริงของจิณณะราวกับเป็นมือเหล็กที่ยื่นมาบีบคอหญิงสาวให้หายใจไม่ออก อรพิณอ้าปากค้าง ทว่าพอพิทักษ์เดินกลับมาที่โต๊ะ สีหน้าของจิณณะก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มแจ่มใสดูเป็นชายหนุ่มขี้เล่นคนหนึ่ง


เขาไม่ใช่คนพันหน้า ไม่ได้ปลิ้นปล้อนตลบตะแลง ไม่ว่าจะอยู่กับใคร จิณณะก็ยังเป็นจิณณะ เพียงแต่ยามอยู่กับพิทักษ์ จิณณะเลือกที่จะหันด้านหนึ่งซึ่งเป็นคนสดใส สนุกสนาน และมองโลกในแง่ดี แต่ยามอยู่กับคนที่คิดจะล้ำเส้น จิณณะย่อมเลือกที่จะหันอีกด้านหนึ่งให้คนผู้นั้นได้พบเจอ อีกด้านที่เป็นจิณณะคนจริงจัง ใจแข็ง เยียบเย็น และอำมหิต


“จิณ ท่านนพพรนั่งอยู่ที่โต๊ะด้านใน” พิทักษ์ก้มลงบอก เพียงเท่านั้นคนที่กำลังรับประทานอาหารก็ลุกจากโต๊ะอย่างรู้งานทันที


ต่อให้ท่านนพพรจะไม่ได้เอื้อประโยชน์โดยตรงโดยอ้อมอีกแล้วนับตั้งแต่สิ้นสุดเรื่องไพศาล แต่เมื่อครั้งหนึ่งเคยรู้จัก ครั้งนี้จะให้ทำเป็นเมินเฉยก็เห็นจะไม่ได้ อีกอย่างหนึ่งก็เพราะท่านนพพรเป็นหนึ่งในกลุ่มทุนที่ร่วมกับคุณเทียมผู้เป็นลุงของพิทักษ์ อนาคตข้างหน้าไม่แน่ไม่นอน ต่อให้ไม่ต้องพึ่งพาอาศัย แต่ผูกมิตรไว้ก็ดีกว่าไม่รู้จัก หรือถ้าจะไม่รู้จัก ก็ควรไม่รู้จักแต่แรกเพราะดีกว่าสร้างศัตรู


พิทักษ์หันมาขอตัวกับหญิงสาวเพียงคนเดียวของโต๊ะ ก่อนที่ทั้งสองจะพากันเดินไปยังโต๊ะอาหารที่มีชายวัยปลายนั่งรับประทานอาหารกับเพื่อนพ้องอีก 2-3 คน


ภาพชายหนุ่มสองคนเคียงข้างกันกำลังพูดคุยกับชายชรานั้นไม่ใช่ภาพจรรโลงใจสำหรับอรพิณ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้หญิงสาวผู้มีใจอิจฉายังต้องยอมรับก็คือสายสัมพันธ์ที่พิทักษ์และจิณณะมีต่อกัน พวกเขาไม่ได้ควงคู่เหมือนคู่รักหญิงชาย ไม่ได้ออดอ้อนออเซาะกระหนุงหระหนิง แต่พวกเขายืนหยัดเคียงข้าง เคียงบ่าเคียงไหล่ สายสัมพันธ์ของพวกเขาแม้จะมองแทบไม่ออก แต่กลับให้ความรู้สึกหนักแน่นจริงจัง


หัวใจยังอิจฉาจิณณะที่ได้เคียงข้างพิทักษ์ และยังไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรพิทักษ์ถึงเลือกผู้ชายคนนี้มาเคียงข้าง แต่ในทางกลับกัน หล่อนก็รู้ว่าสู้จิณณะไม่ได้ พอๆกับที่รู้สึกว่าพวกเขาสมกัน


อรพิณพ่นลมหายใจแล้วหัวเราะหยันให้กับตนเอง รู้จักพิทักษ์มานานกว่า รู้จักพิทักษ์ดีกว่า ไม่ใช่เงื่อนไขที่จะทำให้พิทักษ์รู้สึกกับหล่อนมากกว่าที่เป็นอยู่เลย ตัวหล่อนเองก็รู้ดีและควรจะรู้ตัวได้แล้วว่าไม่มีวันได้อะไรจากเขา เพราะเขาเก็บหัวใจเอาไว้ เก็บความรู้สึกเอาไว้...แล้วเลือกที่จะให้ใครบางคนที่เขาต้องการจะให้ต่างหาก


หญิงสาวหันไปเรียกพนักงาน เอ่ยปาก 2-3 ประโยค ก่อนจะคว้ากระเป๋าลุกออกจากโต๊ะไป


ตอนที่จิณณะและพิทักษ์กลับมาที่โต๊ะอีกครั้งจึงพบเพียงความว่างเปล่า กับจานอาหารที่วางเอาไว้ก่อนจะลุกไปพบท่านนพพร พนักงานที่อรพิณฝากข้อความไว้เดินเข้ามารายงาน


“คุณผู้หญิงแจ้งว่ามีงานด่วน ต้องขอตัวกลับก่อน แล้วคงไม่ได้มาอีกพักใหญ่เพราะช่วงนี้งานยุ่งครับ”


จู่ๆก็มีงานด่วน จู่ๆพักนี้ก็กลายเป็นงานยุ่ง พิทักษ์หันมองคนข้างกายซึ่งอยู่กับอรพิณเป็นคนสุดท้าย หลานชายคุณกอบกุลเห็นสายตาคนรักแล้วรู้สึกเหมือนตนเองเป็นวัวสันหลังหวะขึ้นมา


“ผมไม่ได้ทำอะไรนะ เขาไปของเขาเอง”


พิทักษ์เงียบ แต่ยังมองนิ่ง


“ก...ก็ได้ ผมบอกเขาว่าอย่าล้ำเส้น”


พิทักษ์เงียบ สายตายังจับจ้อง


“ผมพูดเฉยๆเองนะ ไม่ได้ขู่”


พิทักษ์เงียบ สุดท้ายจิณณะเลยถอนหายใจเฮือก


“เออๆ ผมบอกเขาว่าผมไม่ได้ขู่ แต่ผมจะทำจริง...” เพียงเท่านั้นคนมองก็ได้แต่ส่ายศีรษะ จิณณะตัวแสบอัพเกรดเป็นยิ่งกว่าตัวแสบ เจ้าตัวบ้าดีเดือดแค่ไหนก็เห็นได้จากที่เคยลาออกจากราชการเพื่อมาจัดการคดีไพศาล ฉุดอดีตผู้มีอิทธิพลจนติดคุกติดตารางได้ ต่อให้เพราะมีเส้นสายของคุณเทียมและคุณกอบกุลช่วย แต่ก็มองข้ามความเอาจริงเอาจังของเจ้าตัวไม่ได้เลย


“หรือพี่อยากให้รุ่นน้องกลับมาไหมล่ะ ผมจะโทร.บอกพี่คุณ บอกให้เขาตามน้องรหัสเขากลับมา แล้วผมจะเป็นคนไปเอง” จิณณะยื่นข้อเสนอ ทั้งๆที่ในใจถือดีว่าอย่างไรเสียพิทักษ์ก็ไม่กล้าปล่อยเขาไปเพื่อแลกกับอรพิณ


...ฐานะหลานคุณกอบกุลค้ำคอ ฐานะหลานจิดาภาก็หนุนหลัง ยิ่งไปกว่านั้นจิณณะยังสนิทสนมกับคุณเทียมแล้วด้วย…


แน่นปึ้กขนาดนี้ ถ้าพิทักษ์กล้าทิ้งเขาไป ก็ลาโลกนี้ไปได้เลย!!


“ไปเองน่ะไปไหน” พิทักษ์ย้อนถาม


“ไปไหนก็ได้ที่มีคนอยากอยู่กับผมแล้วกัน” แง่งอนน่ารักน่าชังจนคนพูดเองยังขนลุก ต้องกระแอมกระไอตั้งสติ ความรักที่มีให้พิทักษ์มากล้นแค่ไหนก็ดูได้จากมันทำให้จิณณะ  วงศ์กีรติคนที่ตอบโต้อรพิณกับจิณณะ  วงศ์กีรติคนที่อยู่กับพิทักษ์เหมือนเปลี่ยนจากฝ่าเท้าผู้ใหญ่เป็นฝ่ามือเด็กทารก ระดับความหยาบนุ่มแตกต่างกันอย่างชัดเจน


“งั้นก็ไม่ต้องไป”


“หมายความว่าที่นี่มีคนอยากอยู่กับผม?” ระดับความอ้อล้อก็ผกผัน จากกวนประสาทเย้ยหยันเมื่อยามอยู่กับอรพิณ กลายเป็นหยอกเย้าตั้งคำถามให้ตอบอย่างที่ถูกใจ


“ต้องให้แสดงให้ดูตรงนี้ไหม” ทว่าคำถามของพิทักษ์ ทำเอาคนที่คิดว่าตนเองถือแต้มต่อถึงกับชะงัก ยิ่งเห็นสายตาที่มองมายิ่งพาเอากลืนน้ำลายเอื้อก ประกายแน่วแน่จริงจังพร้อมจะทำจริงไม่มีขู่ที่ทอมากับสายตาคู่นั้นก็ทำเอาชักเข้าใจหัวอกอรพิณเมื่อครู่นี้แล้ว


หลานชายคุณกอบกุลกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะทำเป็นเลื่อนเก้าอี้แล้วทรุดตัวลงนั่งกินข้าวต่อ


“กินข้าวๆ พี่จะได้กลับไปทำงานต่อ เมื่อกี้พี่รับปากท่านนพพรว่าจะสนับสนุนสถานที่จัดกอล์ฟการกุศลให้ท่านไม่ใช่หรือ...” พูดได้เท่านั้นก็มีอันต้องชะงักกึก เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นที่แนบลงมาบนศีรษะ เดิมทีพิทักษ์มักจะชอบวางมือบนศีรษะของเขาบ่อยๆ แม้อายุจะเหยียบสามสิบแล้ว แต่จิณณะก็ไม่ถือสา เห็นว่าอีกฝ่ายเอ็นดูก็ดีใจด้วยซ้ำ แต่...คราวนี้สิ่งที่สัมผัส...ไม่ใช่มือ


มันเป็นสัมผัสอุ่นที่...พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นแค่ปลายคางของพิทักษ์ พอกะพริบตาตั้งสติก็ถึงได้เห็นว่าพิทักษ์ขยับตัวยืดตรงเหมือนเดิม


ดังนั้น เมื่อกี้พิทักษ์ไม่ได้วางมือลงบนศีรษะของเขาแน่นอน แต่ก้มลงมา...แล้ว...จูบต่างหาก


จูบหน้าผาก...กลางห้องอาหารเนี่ยนะ?!!


เอาเท้าเหยียบหัวยังไม่ชะงักเท่าจูบหัวกลางที่สาธารณะอย่างนี้เลย!!


คนถูกจูบหน้าผากกลางที่สาธารณะได้แต่เผยอปากพะงาบๆพูดไม่ออก ตาเหลือกไปแล้ว แต่คนทำกลับยิ้มจาง


“คราวนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าที่นี่มีคนอยากให้อยู่ด้วย”


พิทักษ์เป็นคนร้ายกาจ ชอบซุกซ่อนเขี้ยวเล็บเอาไว้ใต้ท่าทีเรียบเฉย และภายใต้เขี้ยวเล็บเหล่านั้นคือความเอ็นดูคนรักอย่างสุดหัวใจ


“กินข้าวได้แล้ว แล้วตอนเย็นจะพาไปหาคุณชิต อ้อ คืนนี้กลับไปสระผมด้วย หัวเริ่มเหม็นแล้ว”


“ห...หัวผม! พี่มายุ่งอะไรวะ!! แล้วผมจะไปหาไอ้ชิตบ่ายนี้เลย!!”


“ไม่รบกวนเวลาทำงานของข้าราชการ”


คนถูกย้อนได้แต่อ้าปากพะงาบเป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ สุดท้ายก็ได้แต่ฮึดฮัดตัดสินใจสงบปากสงบคำเพราะรู้ว่าไม่ว่าอย่างไรก็เถียงพิทักษ์ไม่ชนะ ไหนจะที่ถูกจูบหน้าผากกลางห้องอาหารเมื่อครู่นี้อีก เขาได้แต่กวาดตามองรอบๆ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ที่ลูกค้าซึ่งมีอยู่ประปรายให้ความสนใจมาที่พวกเขาเป็นพิเศษ


ครั้งหนึ่งจิณณะเคยอยากให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาโด่งดังถึงได้ขวนขวายมาที่นี่ทุกมื้อกลางวัน แต่วันนี้ที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นจริงขึ้นมา กลับนึกเขินจนกินข้าวไม่ลงสักคำ


พอเหลือบมองคนที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวแล้วก็ได้แต่เม้มปาก


จะหนีจากความสัมพันธ์นี้ก็ไม่ทันเสียแล้ว คนรับรู้ไปตั้งเท่าไร ไหนจะเรื่องร่วมทุนของวงศ์กีรติกับกลุ่มทุนที่เป็นเส้นสายของคุณเทียมอีก ที่สำคัญคือพิทักษ์เป็นลูกเลี้ยงที่น้าสาวของเขาทั้งรักทั้งหวง


เงื่อนไขที่ตอนแรกคิดว่าเข้าทางตนเองเหลือเกิน เวลานี้จิณณะเพิ่งตระหนักได้ว่ามันไม่ได้เป็นไปเพื่อเขาสักนิด แต่มันเทประโยชน์ให้พิทักษ์ต่างหาก


“พี่ทิศโคตรร้าย”


มารู้ตัวเอาตอนนี้ก็หมดโอกาสจะถอยเสียแล้ว พิทักษ์ยกยิ้มมุมปาก ไม่พูดอะไรแต่ก็ไม่ปฏิเสธ


หลานชายคุณเทียมจะร้ายน้อยหน้าหลานชายคุณกอบกุลได้อย่างไรกัน


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าเป็นตอนจบค่ะ)

ไหนใครเดาว่างานแต่งคะ คิดกันไปเองทั้งนั้นนนนนน

งานแต่งได้ประโยชน์แค่นับซอง งานประกาศร่วมทุนสิของจริง คุณกอบไม่ได้กล่าว แต่คุณกอบทำเลย วะฮ่าฮ่า

บอกแล้วว่าคุณกอบแกเป็นคนแก่ที่เดาทางง่ายค่ะ 1.ผลประโยชน์แก 2.ลูกหลานแก แกอยากได้เท่านี้จริงๆ ชีวิตนี้มักน้อยมาก ฮ่าฮ่า

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และทุกกำลังใจ ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

วันนี้ขอโทษจริงๆที่มาดึกมาก รถติดสุดๆ ใครรถติดถือว่าเราเป็นเพื่อนร่วมทางกันนะคะ อิอิ

เจอกันพฤหัสหน้ากับบทสุดท้ายของเรื่อง(หลัก) แล้วจะเอาตอนพิเศษมาลงตอนนึง จากนั้นจะขอพักหน่อยเพราะว่าช่วงที่ผ่านมา ชีวิตหนักมากจริงๆ ค่ะ (พักในที่นี้หมายถึงถ้าเดือนหน้ายังไม่มีนิยายใหม่มาลง ก็คือจะมีตอนพิเศษเรื่องไหนสักเรื่องมาลง 1 ตอนนะ ฮ่าฮ่า)

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
แง...จะจบแล้ว ตัวแสบของพี่   o18

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
แบบว่าแสบชัดๆ กับแสบหลบใน
ใครแสบกว่ากันนะ

ออฟไลน์ mox2224

  • :นักเขียนสมัครเล่น:
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เป็นตัวแสบของพี่ทิศตลอดไป!

ปูลู คิดถึงจารีตจังค่ะ แหะๆ ไม่รู้ติดใจอะไรกับคนนี้ ตัวแสบจูเนียร์

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
ตอนนุ้งจิณแสดงตัวนั้น...ชนะเลิศ~~~

ข้ออ้างที่บางคนชอบใช้กับคู่รักเพศเดียวกันก็คือ...มีลูกไม่ได้
ซึ่งมันไม่เกี่ยวกัน...คู่ชายหญิงธรรมดาก็ไม่มีลูกได้ด้วยเหตุผลหลายประการ รวมถึงข้อที่ว่าไม่อยากมีด้วย...สองคนก็สบายดี มีเงินใช้ อะไรแบบนี้

ชอบความยอกย้อนหน้านิ่ง แต่เจ็บแสบของน้อง...พี่ทิศก็เอ็นดูเหลือเกิน ถ้ามีพนักงานเป็นสาววายอยู่ในนั้น ชีวิตคงฟินทุกวันที่เจอเจ้านายกับแฟน 555

ออฟไลน์ IaminLove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-5
ความแสบมีไม่แพ้กัน สมน้ำสมเนื้อ 5555

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ยัยอรพิณนี่ก็ร้ายนะ พี่ทิศเคยปฏิเสธไปแล้วยังจะมาตามจีบอีก ทั้งๆ ที่รู้ว่าเค้าคบกับจิณอยู่ เจอแค่จิณขู่ว่าจะทำจริงนะ..ถ้าล้ำเส้นอีก นี่แค่หลานนะหล่อนถ้าเรื่องถึงคุณย่าละก็ หล่อนก็อาจจะเหลือแค่ชื่อประดับไว้บนโลกนะเออ!!! อย่าคิดมาแหย๋มคนตะกูลวงศ์กีรติสิคุณ ตระกูลนี้ขนาดพ่อของพี่ทิศยังบอกทิวากรเลยว่าห้ามคว้าใครในตระกูลนี้มาอีกเป็นอันขาด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
เอาจนจบตอนนี้คุณอรก็ยังนึกเข้าข้างตัวเองว่ารู้จักพี่ทิศมานานกว่า   :katai4:
แหมมมมมมมมมมมมมมม
ต่อให้รู้จักนานกว่าจริง ๆ ก็ไม่มีผลหรอกจ้ะ   :bye2:
พี่ทิศก็เกิ๊นนนนนนนน น่ารักไปไหน ตอนจูบหน้าผากจิณนี่ทำตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว
นุ้งบิดไปหมดแล้วจ้าพี่จ๋า  :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
จิณร้ายแบบเด็ก ๆ พี่ทิศสิร้ายของจริง

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ร้ายพอกันน่ะแหล่ะ เหมาะสมกันสุดๆ
อรพินเธอมีสิทธิ์อะไรมาว่าจิณของฉันไม่เหมาะกับพี่ทิศ
ต่อให้ไม่มีจิณ(เหตุการณ์นี้ผ่านมาแล้ว) เธอก็ไม่ได้ใจพี่ทิศหรอก

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ถึงจิณจะแสบยังไงก็ร้ายไม่เท่าพี่ทิศ
ความร้ายนั้นมันกร๊าวใจจริงๆ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 o13 o13 o13​ สามนิ้วให้เลยจ้ะ​

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
พี่ทิศไม่ร้ายจะทันจิณได้ไง 5555

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
จีดงานได้สมกับเป็นคุณกอบกุลจริงๆ 555 แหมๆ จิณ ถ้าพี่ทิศไม่ร้ายจะทีนเกมส์เหรอ แต่ร้ายก็รักไม๊ล่าาา

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
จะจบแล้วหรอดูเขายังสวีทกันไม่เท่าไหร่เอง 555

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
เปลี่ยนจากกอบกุลเป็นกอบโกยไหมคุณย่า ทุกอย่างที่ทำต้องมีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องจริงๆ เลย


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
พี่ทิศร้ายเสมอออ :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
ต่อให้จิณแสบแค่ไหน พี่ทิศก็เอ็นดูอ่ะเน้อ

ออฟไลน์ tomnub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ขอตอนพิเศษหลายๆตอนนะครับ

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ร้ายพอกันจ้าคู่นี้  :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชอบบบบบบ  :katai2-1:
อร รุ่นน้องของเพื่อนพี่ทิศ แค่มาตามพัวพันเพื่อนของรุ่นพี่  ถามจิณ o22 :really2: :เฮ้อ:
“พี่ทิศควรได้คนที่ดีกว่าคุณ”
“.......คุณมีลูกให้พี่ทิศไม่ได้”
   ก็แล้วมันเป็นธุระของเธอเรอะ   :fire: :angry2:
ชอบที่จิณ ถามกลับ
“ญาติผมไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ ญาติพี่ทิศก็ไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ แล้วคุณอรเป็นญาติฝ่ายไหนของเราหรือ ถึงมีปัญหากับเรื่องนี้”

ขำ ตรงที่จิณ น่าจะเลิกซื่อตั้งแต่เข้าอนุบาลแล้ว แสดงว่าร้ายกาจ แสบตั้งแต่จบอนุบาล   :laugh: :z3:  :ling1:
คนที่ร้ายกว่าจิณก็พี่ทิศแหละ  :m20:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ร้ายพอกันทั้งคู่เลยจ้า

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
จิณแพ้ทางพี่ทิศตลอด  :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
ร้ายกว่าจิณณะก็พี่ทิศ

ออฟไลน์ febusapollo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ง่าาาา จะจบแล้วรู้สึกใจหายจังเลยค่ะ
แต่ก็คิดว่าถ้าถึงเวลาอันสมควร จำนวนตอนเยอะขนาดนี้คุณนักเขียนควรได้พักผ่อนบ้าง :monkeysad:

อ่านแล้วเหมือนถูกสะกดจิตด้วยประโยค 'ของของเรา เราต้องแสดงความเป็นเจ้าของ' ฮือ 555555
ร้ายพอกันทั้งคู่เลยน้า แต่ถ้าพี่ทิศไม่อัพเลเวลขึ้นมาบ้างเจ้าจิณคงจะไหลไปเรื่อยๆนั่นแหละ

ขอบคุณมากเลยนะคะที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่าน รอติดตามต่อไปเลย :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
มีคนจิ้นคุณกอบกับคุณเทียมเหมือนเราด้วย

งื้ออออ เขินแทน

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
พี่ทิศเขาร้ายเงียบ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด