...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)  (อ่าน 305028 ครั้ง)

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
+1 o13 :katai2-1: ขอบคุณมากครับ :pig4:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
กด + ให้คนเขียนเลยค่ะ อ่านเพลินมากและสนุกมากเช่นกัน (สารภาพว่าพึ่งได้อ่าน)  :pig4:

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 821
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ตอนที่พี่ทิศจี้ถามแล้วจิณตอบแบบตะกุกตะกักมาก แบบคนมันทำผิดอะเนาะ มันมีชนักติดหลังง  ตอนหน้าของหวานๆเลยนะคะ  ไฟนอลก็สู้ๆนะคะ  :3123:

ออฟไลน์ IaminLove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-5
เข้ามานับถอยหลังรอวันที่ 23 ><
อยากอ่านต่อเร็วๆ แย้วววว

ออฟไลน์ Keawmikami

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เพิางเข้ามาอ่าน จะตามอ่านให้ทันค่ะ

ออฟไลน์ Chakaimook

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอยยย หลงคุณย่า ช่างเป็นหญิงแกร่งอะะะไรเช่นนี้  :-[

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
คิดถึง
 :mew1:
 :mew1:
 :mew1:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
คิดถึงพี่ทิศกับน้องจิณแล้วค่ะ

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
……………………..
ตอนที่ 19


วาระสุดท้ายของไพศาลกลายเป็นข่าวโด่งดังชั่วข้ามคืน จากพ่อค้าผู้มีอิทธิพลในจังหวัดที่ใครหลายคนเพ่งเล็งว่าเขาจะมาโค่นผู้มีอิทธิพลรายเดิมอย่างคุณเทียม กลับกลายเป็นชีวิตตกอับ มีคดีติดตัว และลมหายใจสุดท้ายหมดลงเบื้องหลังลูกกรง


แน่นอนว่าการฆ่าตัวตายในเรือนจำเป็นประเด็นที่น่าสนใจโดยเฉพาะการตั้งคำถามว่าเป็นการฆ่าตัวตายจริงหรือไม่ ข่าวลือลอยตามลมมีอยู่สองกระแส


กระแสแรกคือเป็นการฆ่าตัวตายจริง เพราะตระหนักว่าอย่างไรก็ไม่รอด พ้นคดีค้ามนุษย์ก็ไปติดที่คดีจ้างวาน พ้นคดีจ้างวาน ก็ไร้ซึ่งบุญวาสนาจะได้กลับมาเป็นใหญ่


ส่วนกระแสที่สอง...ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย กระแสนี้มีหลายมูลเหตุ เหตุหนึ่งคือแก้แค้น โดยเสือเฒ่าผู้ทรงอิทธิพลในพื้นที่เดียวกันที่หลานชายถูกยิง หรือมิเช่นนั้นก็เป็นงูพิษหญิงชราเจ้าของธุรกิจพันล้านที่หลานชายถูกหมายหัว อีกเหตุหนึ่งคือการปิดปากจากขบวนการค้ามนุษย์


อย่างไรก็ตาม คนเราเมื่อหมดวาสนาก็ไม่เหลือแม้สักกระผีก เพราะจู่ๆ สื่อก็ขุดคุ้ยคดีทุจริตโครงการก่อสร้างแห่งหนึ่ง ความสนใจของคนทั้งประเทศก็แห่แหนกันไปลงยังเรื่องนั้น การตายที่ดูจะมีเงื่อนงำแม้จะโด่งดังชั่วข้ามคืน แต่อีกไม่กี่คืนต่อมาก็จางลง ส่วนลูกน้องลูกพี่ของไพศาลก็ไม่อยากกวนน้ำให้ขุ่น เรื่องนี้จึงเงียบหาย


ชีวิตคนตายจะโด่งดังหรือไม่ก็เป็นส่วนของคนตาย ส่วนชีวิตคนเป็นก็ยังคงดำเนินต่อไป


ชีวิตของพิทักษ์และจิณณะเป็นไปในทิศทางที่สงบมากขึ้น นอกจากผู้หลักผู้ใหญ่ของครอบครัวจะรู้เห็นและไม่มีวี่แววขัดขวางแล้ว ยังไม่มีศัตรูใดๆมาสร้างความเดือดร้อนให้อีก นับว่าแต่ละเช้าที่ตื่นขึ้นมาล้วนสดใสและสงบสุข ยกเว้นก็แต่...ใครบางคนกำลังก่อเรื่อง


แต่คราวนี้ไม่ใช่คนก่อเรื่องเกรดพรีเมี่ยม


“พาไปหาน้าภา? พี่บ้าเหรอ?!!” จิณณะร้องลั่นหน้าตาตกใจ ช้อนที่ถือถึงกับหล่นลงกับจานดังเคร้ง ทั้งข้าวทั้งกับที่อยู่บนช้อนกระเด็นกระดอนเลอะเทอะเสื้อเชิ้ต แต่เจ้าตัวไม่มีสติจะสนใจความสกปรกบนเสื้อตัวเองเลยสักนิด เพราะสิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือคำพูดประโยคที่แล้วของพิทักษ์ต่างหาก


‘จิณว่างเมื่อไร พี่อยากพาไปหาแม่ภา’


เป็นฝ่ายพิทักษ์เสียเองที่หันไปดึงกระดาษเช็ดหน้าบนโต๊ะมาส่งให้ แต่ทว่าก็ยังนิ่งมองราวกับเป็นการย้ำว่าคำพูดเมื่อครู่นี้ เขาพูดจริง และตั้งใจจริง


นับตั้งแต่เกิดเรื่องพิทักษ์ถูกยิง จนกระทั่งวันนี้ ความสัมพันธ์ของพิทักษ์และจิณณะเป็นที่รับรู้ของคนรอบข้าง แม้จะไม่มีใครชื่นชมยินดีออกหน้าออกตา แต่ก็ไม่มีใครออกตัวขัดขวางเช่นกัน ส่วนหนึ่งต้องยกให้เป็นความดีความชอบของคุณกอบกุลที่ยืนกรานหนักแน่นว่าหล่อนไม่มีปัญหากับการที่ทั้งสองจะคบหากัน คนอื่นเลยพากันเงียบและกลายเป็นยอมรับไปโดยดุษณี แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นที่รู้กันดีว่าจิดาภาและจิณณะไม่เคยพบกันในฐานะแม่ของพิทักษ์และคนรักของพิทักษ์เลยสักครั้ง


เสียดายความสัมพันธ์น้าหลานที่ครั้งหนึ่งเคยเคารพรักใคร่เอ็นดู


พิทักษ์ในฐานะคนกลางระหว่างแม่เลี้ยงและคนรัก จึงต้องหาทางช่วยเหลือ ด้วยวิธีการที่แม้แต่จิณณะเองก็ถึงกับตาโตตกตะลึงคาดไม่ถึง


“พี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ น้าภา...ไม่อยากพบผมหรอก” จะบอกว่าเกลียดก็พูดได้ไม่เต็มปากเพราะมันยอกอก แค่ทุกวันนี้จิดาภายอมปิดหูปิดตาให้พิทักษ์และเขาคบหากันก็นับว่าบุญมากแล้ว แล้วจะให้เขาเสนอหน้าไปพบทั้งๆที่เคยรับปากว่าจะไม่ทำให้พิทักษ์ลำบากอีกอย่างนั้นหรือ


...เดี๋ยวสิ จะว่าไป...ตอนนั้นสัญญาว่าจะไม่ทำให้ชีวิตพิทักษ์ลำบากอีก แต่ไม่ได้พูดสักคำว่าจะไม่กลับมาอยู่กับพิทักษ์อีก...


...เอ่อ...พูดเอง ตีความเอง แล้วก็เข้าข้างตัวเองเสร็จสรรพ มันก็ดูหน้าด้านจริงๆนั่นล่ะ! แถมยังจะให้เอาหน้าด้านๆไปพบจิดาภาในฐานะคนรักของพิทักษ์อีก! จิดาภาไม่รักเขาก็ไม่แปลก แต่จะเกลียดขี้หน้าเป็นของแถมมาด้วยนี่สิ!...


“แล้วเราจะอยู่กันอย่างนี้หรือ” พิทักษ์ย้อนถาม ทำเอาคนฟังชะงักกึกเป็นรอบที่เท่าไรก็ไม่รู้ของเช้านี้


“ทำไมพี่พูดเหมือนผมกับพี่หนีตามกันมา หวังว่าพี่จะไม่ลำบากที่หนีตามผมมานะ กัดก้อนเกลือกินบ้างรึเปล่า เมื่อคืนนอนหนาวยุงไรไต่ตอมบ้างไหม” แล้วตัวแสบก็หาทางเปลี่ยนเรื่อง พลางกลั้วหัวเราะ แต่พิทักษ์ยังนั่งนิ่งราวกับไม่คิดจะพูดเล่น ทำเอาเสียงหัวเราะของจิณณะหายไปทันที หลานชายของจิดาภากลืนน้ำลายอึกใหญ่ รู้ตัวดีว่าคงไม่รอดแน่ๆ


“อ่า...ไม่ขำแหะ”


“ไม่ขำ” เชื่อแล้วว่าไม่ขำเพราะไม่มีรอยยิ้มสักนิด


“ดุด้วยเว้ย”


“ไม่ได้ดุ” ส่วนนี่ไม่เชื่อ เพราะจ้องกันตาเขม็ง อีกนิดคงฆ่ากันตายได้แล้ว


“เอ้อ...แล้ว...แล้วพี่...แน่ใจเหรอ...”


“มีอะไรที่ต้องไม่แน่ใจ จิณเป็นคนรักของพี่ แม่ภาเป็นแม่ของพี่ ทั้งจิณและแม่ภามีปัญหากันเพราะพี่ พี่อยู่เฉยๆจนมาถึงวันนี้ เพราะคิดว่าเวลาน่าจะช่วยได้ แต่จนตอนนี้ทั้งจิณและแม่ภาก็ยังไม่คุยกันใช่ไหม”


“ก็...ไม่รู้ว่าต้องคุยอะไร” คนเป็นหลานตอบอ้อมแอ้ม ทั้งๆที่นอกจากสถานะคนรักของพิทักษ์แล้ว จิณณะยังเป็นหลานชายแท้ๆของจิดาภา หนำซ้ำยังไม่ใช่ญาติห่างไกลเจอกันแค่ตอนบังสุกุลโกฐบรรพบุรุษปีละครั้งอะไรเทือกนั้น


จะว่าสนิทกันพอสมควรก็ว่าได้ แต่จะมาไม่สนิทก็ตอนมาอยู่กินกับพิทักษ์ทั้งๆที่คำสัญญายังแทงหลังอยู่นี่ล่ะ


“ตอนเป็นน้าหลานคุยอะไรกัน ตอนนี้ก็คุยเหมือนตอนนั้น”


“จะให้คุยเหมือนเดิมได้ไง ตอนนี้ผมกับน้าภาอย่างกับ...”


พอมาคิดถึงสถานะของตนเองกับจิดาภา ก็ทำเอาจิณณะฉุกใจ จะว่าไปแล้วระหว่างเขาและพิทักษ์ก็ไม่มีการตกลงว่าใครจะเป็นผัวเป็นเมีย พวกเขาอยู่ด้วยกัน เป็นห่วงเป็นใย พึ่งพาอาศัย ความสัมพันธ์เป็นไปในเชิงคู่รักก็จริง แต่ยังไปไม่ถึงขั้นแนบชิด เอาจริงๆก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าการนอนข้างกันทุกคืน ทำไมความสัมพันธ์ถึงไม่ขยับ พิทักษ์ไม่เร้าใจสำหรับเขาหรือ หรือเป็นเขาเองที่ไม่หวือหวาสำหรับพิทักษ์ แต่เพราะต่างคนต่างก็ยุ่ง แม้จะหมดเรื่องไพศาลแล้ว แต่หน้าที่การงานในแต่ละวันก็ล้วนผลาญพลังงานไปแทบหมด หัวถึงหมอนก็หลับสนิท เอ่อ...คนหลับก่อนก็เขานี่ล่ะ   


แต่เอาเป็นว่า จนกระทั่งวันนี้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาเรียกว่าแฟนน่ะได้ แต่เรียกว่าผัวเมียยังไม่ถึงขั้น พอเป็นอย่างนั้นก็เลยไม่รู้ว่าจะนับตนเองเป็นลูกสะใภ้หรือลูกเขยของจิดาภาดี


...จะเรียกว่าเป็นศึกแม่ผัวลูกสะใภ้ หรือแม่ยายลูกเขยดีล่ะ…


แต่เขาเป็นผู้ชาย ก็สมควรจะเป็นลูกเขยของจิดาภา อ่า...แต่พิทักษ์ก็เป็นผู้ชาย...


เพศกำเนิดไม่ใช่เรื่องปวดหัว แต่จะมาปวดหัวก็ตอนระบุสถานะทางสังคมให้กลายเป็นคำที่เข้าใจง่าย จริงๆก็ไม่ยาก ถ้าระบุได้ชัดเจนว่าใครจะเป็น ‘ผัว’ ใคร


แล้วเรื่องแบบนี้ ควรเอามาถามเป็นคำพูดไหม ‘เฮ้! พี่ทิศ สรุปว่าเราสองคน ใครเป็นผัวหรือเมียดีล่ะพี่’ แค่คิด จิณณะก็เหมือนจะต้องไว้อาลัยให้ตัวเอง ไม่ใช่แค่จะโดนดุแต่มีหวังโดนพิทักษ์สวดแน่นอน


“มองอะไร ทำตาหลุกหลิก” พิทักษ์ย้อนถาม เมื่อเห็นดวงตาซุกซนมองเขาอย่างคลางแคลงใจ


...เห็นไหม ยังไม่ทันได้ถาม แค่มองอย่างเดียวยังถูกดุ...


...อย่างงี้สงสัยต้องใช้วิธีโยนหินถามทาง หยอดทีละนิดว่าจิดาภาเป็นแม่ยาย สุดท้ายก็จะเป็นฝ่ายจิณณะที่ได้ตำแหน่งลูกเขยมาครอง!...


“เปล่า เอ่อ...ผมแค่ไม่คิดว่าน้าภาจะอยากเจอผม”


“แต่พี่กลับคิดว่าแม่ภาอยากเจอจิณ แม่ภาเอ็นดูจิณมากนะ แต่แม่ภาเองเป็นคนยื่นข้อเสนอนั้น จะให้แกเป็นฝ่ายมาหา ก็เหมือนอะไรสักอย่างค้ำคอ” จิณณะพยักหน้าอย่างเข้าใจ กรณีแบบนี้ต้องมีใครสักคนเป็นฝ่ายยอมลงให้ก่อน ไม่เขาก็จิดาภา แต่ฝั่งจิดาภาถือตัวว่าเป็นผู้ใหญ่ เลยไม่กล้าถอยศักดิ์ศรี หากฝ่ายเขาเองมองว่าศักดิ์ศรีสำคัญไปด้วยอีกคน ก็จะต่างคนต่างอยู่เช่นนี้ไปตลอด


แล้วมันดีต่อใคร?


ฝ่ายผู้ใหญ่ไม่ถอยให้เด็ก เพราะเห็นว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ ฝ่ายเด็กไม่ถอยให้ผู้ใหญ่เพราะคาดหวังว่าอีกฝ่ายต้องมีวุฒิภาวะและรู้จักปลงตกให้อภัย สุดท้ายก็เลยไม่มีใครเป็นผู้ใหญ่จริงๆสักคน


จิณณะเหลือบมองพิทักษ์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม การต่างคนต่างอยู่ของเขาและจิดาภาดีต่อใครไม่รู้ แต่ที่รู้คือมันไม่ดีต่อคนกลางอย่างพิทักษ์เลย


“พี่ก็อยากให้ผมไปพบน้าภาใช่ไหม”


 คนถูกถามพยักหน้า


ศักดิ์ศรีทำให้เรากล้าผายอกอยู่ในสังคม แต่สำหรับจิณณะผู้ซึ่งเป็นหลานชายของคุณกอบกุลนั้น ได้สายเลือดของพวกประโยชน์นิยมมาแทบจะเต็มร้อย ศักดิ์ศรีทำให้มีหน้ามีตาก็จริง แต่เมื่อวันหนึ่งมีบางสิ่งที่สำคัญกว่าศักดิ์ศรี เขาก็พร้อมจะทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อประโยชน์บางอย่างที่เทียบกันแล้วมากกว่า ซึ่งในคราวนี้ ประโยชน์ที่ว่าก็คือความรู้สึกของพิทักษ์


“ก็ได้ ผมจะไปพบน้าภา” เจ้าตัวออกปาก สีหน้าหนักใจเล็กน้อย “...แต่ขอเป็นสักสัปดาห์หน้าได้ไหม ขอผมคิดก่อนว่าจะพูดกับน้าภายังไงดี” ลูกเลี้ยงของจิดาภาหัวเราะเบา ดูเบาใจไปเปราะที่คนรักยอมตกปากรับคำ


“อยากพูดอะไรกับแม่ภาก็พูด ไม่เห็นต้องคิดว่าจะพูดยังไงเลย” ทว่าคนกำลังจะต้องไปพบ ‘แม่ของแฟน’ กลับส่ายหัวดิก


“ไม่ได้สิ ผมไปพบน้าภารอบนี้ก็เหมือนไปขอพี่ ตอนนี้ผมอยู่กินกับพี่ก่อนแล้ว อย่างน้อยก็ต้องขอขมา ไหนจะเรื่องที่ผมหน้าด้านไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับน้าภาอีก สองกระทงแล้วนะ พี่ว่าผมไปตอดมรดกคุณย่ามาอีกสักหน่อยดีไหม เอาไปเป็นสินสอดวางตรงหน้าน้าภา แต่น้าภาจะเรียกเยอะไหมก็ไม่รู้ พี่เคยถูกยิงเพราะผมด้วย...อ่า ไม่ได้ถูกยิงเพราะผม แต่ถูกยิงเพราะปกป้องผม วุ้ย! ซีนนี้พูดผิดไม่ได้เลยนะ”


ประโยคหลังนั้น จิณณะจำต้องเปลี่ยนคำพูดเสียใหม่ เพราะถูกคนรักจ้องตาขวาง แต่ถ้าจะสังเกตมากกว่านั้นสักนิด พิทักษ์เริ่มหน้าตึงมาตั้งแต่ตอนที่เจ้าตัวออกปากว่าจะไปตอดมรดกคุณย่ามาสู่ขอแล้ว


มีบางคนไม่รู้ตัวจริงๆด้วย ว่าที่อยู่รอดปลอดภัยมาทุกวันนี้ เป็นเพราะอีกคนทำตัวเป็นผู้ใหญ่ ‘ยอม’ ลงให้ก่อน ทว่าก็เป็นการยอมที่อยู่ในสายตามาโดยตลอด


เห็นว่าช่วงนี้งานหนัก กลับถึงบ้านก็หมดสภาพ หัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย ไหนจะผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เพิ่งจะหลังจากที่ย้ายมาอยู่ด้วยกันนี่เอง จิณณะถึงได้เริ่มมีเนื้อหนังขึ้นบ้าง


เหยื่อถูกขุนให้อ้วนไม่รู้ตัวสักนิดว่านักล่ากำลังรอเชือดตอนที่กำลังอร่อยได้ที่


“พี่ว่าผมพูดอะไรอีกดี ผมจะรับผิดชอบพี่ทั้งตอนทุกข์ตอนสุข เรื่องที่เคยสัญญาว่าจะไม่ทำให้พี่ลำบากก็จะยึดมั่นแน่วแน่ จะไม่วอกแวกนอกใจ จะไม่ทิ้งให้พี่เดียวดาย โห...คำศัพท์น้ำเน่ามากไม่น่าเชื่อถือสุดๆ แต่ผมอยากพูดประมาณนี้อ่ะ พี่ช่วยปรับคำพูดให้หน่อยสิ เอ?...พูดยังไงดี เอาแบบไม่ละคร แบบคนปกติพูดกันน่ะ...” จิณณะคิดไป ตักข้าวเข้าปากไป ดูเจ้าตัวจะจริงจังเสียเหลือเกินกับการคิดบทพูดที่จะไปสู่ขอพิทักษ์จากจิดาภา พิทักษ์ไม่ขัด เขาปล่อยให้คนช่างพูดได้พูดอย่างที่คิด แต่แน่นอนว่าสิ่งที่จิณณะคิดกับเขาคิดในเวลานี้ย่อมไม่เหมือนกัน


จิณณะคิดว่าจะไปพบจิดาภาในฐานะ ลูกเขยแม่ยาย


แต่พิทักษ์คิดว่าจะใช้วิธีไหนดีที่จะทำให้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้ารู้ว่าสถานะที่แท้จริงของตนเองนั้น ไม่ใช่การยกสินสอดไปสู่ขอใคร แต่แค่ไปพบแม่เลี้ยงของเขาในฐานะคนรักที่ผู้ชายคนหนึ่งปกป้องด้วยชีวิต


หรือบางที...นี่อาจถึงเวลาบอกจิณณะให้รู้ตัวได้แล้ว ว่า ‘ฐานะคนรักของพิทักษ์’ เป็นเช่นไร

……………………..

จิณณะค่อนข้างเครียด ทั้งๆที่มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจถึงหนึ่งสัปดาห์เต็ม และคนที่เขาจะไปพบคือน้าสาวแท้ๆของตนเองก็ตามที แต่ประเด็นที่จะไปพบไม่ใช่เรื่องที่จะพูดกันอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสเลยสักนิด


จะพูดอะไรดี จะพูดยังไงดี ควรมีของขวัญของฝากติดไม้ติดมือไปด้วยไหม ถ้ามีควรจะเป็นอะไร จิดาภาชอบอะไรไม่ชอบอะไรบ้าง ก็ไม่รู้ กระเช้าผลไม้จะพอไหม สำหรับการไปพบในโอกาสขอขมาลาโทษที่หน้าหนาฮุบพิทักษ์กลับมาเป็นของตนเองทั้งๆที่รับปากเอาไว้แล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวทำให้ชีวิตของลูกเลี้ยงของจิดาภาต้องลำบากอีก จิดาภาจะยอมฟังไหม จะยอมรับหรือไม่ หรือจะไล่ตะเพิด เขวี้ยงของขวัญของฝากตามหลัง แล้วถ้าอย่างนั้นควรเอาผู้ใหญ่ไปสักคนเผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้มีคนกลางไกล่เกลี่ยไปในตัว


ทั้งๆที่ไม่ใช่คนมองโลกในแง่ร้าย แต่กับเรื่องนี้จิณณะมองให้เป็นเหตุการณ์ดีๆไม่ได้เลย บุญหัวเท่าไรแล้ว ที่พิทักษ์ยอมรับให้พอสบายใจว่าจิดาภารับนัดที่จะให้เขาเข้าไปหา


จิดาภายอมเจอเขา แต่...ไม่รู้จะยอมเจอแบบไหนนี่สิ


หลานชายผู้เคยเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ ยิ่งใกล้วันนัดพบ ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนใกล้ถึงวันประหาร ทางที่ดีเขาควรลางานล่วงหน้า เผื่อไปพบจิดาภาแล้วชอกช้ำถูกแม่ของคนรักรังเกียจเดียดฉันท์จนไปทำงานไม่ไหว


...เอ่อ...เหตุผลนี้ถ้ารู้ถึงหูคุณกอบกุล มีหวังโดนด่าเปิง โทษฐานเซนซิทีฟเกินเหตุ...


คิดแล้วก็ถอนหายใจอีกเฮือก เกิดเป็นจิณณะ วงศ์กีรตินั้นแสนลำบาก จะมีเมียสักคนก็ยุ่งยาก ต้องฝ่าฝัน อุตส่าห์ได้รับการยอมรับจากญาติผู้ใหญ่ฝั่งตัวเองแล้ว แต่ไม่วายมามีปัญหาคาราคาซังกับญาติฝั่งคนรักอีก


...เรื่องของคนรักกันมันไม่ใช่แค่คนสองคนจริงๆด้วย...   


คิดพลาง ถอนหายใจพลาง กว่าจะติดกระดุมเสื้อเชิ้ตครบทุกเม็ดก็ถอนหายใจไปแล้วไม่ต่ำกว่าห้ารอบ จนกระทั่งพิทักษ์ที่เห็นคนรักยังไม่ลงไปทานอาหารเช้าเสียทีต้องขึ้นมาตาม


“ยังแต่งตัวไม่เสร็จอีกหรือ เดี๋ยวก็ไปทำงานสายหรอก”


แม้จะเพิ่งเจ็ดโมง แต่เพราะย้ายมาอยู่บ้านเดียวกับพิทักษ์เป็นการถาวร จากบ้านในเขตรอยต่อของกรุงเทพฯกับจังหวัดข้างเคียง แม้จะขึ้นทางด่วน แต่ก็ใช้เวลาในการเดินทางร่วมชั่วโมงอยู่ดี แถมก่อนหน้านี้ที่ยังไม่สมหวังในความรัก ตื่นแต่เช้าไปทำงานก่อนเวลาทุกวัน พอมาอยู่กินกับพิทักษ์แล้วทำตัวเอ้อระเหอลอยชาย เข้างานสายโด่ง เป็นได้โดนคุณกอบกุลด่าอีก


...เนี่ย...เกิดเป็นจิณณะ วงศ์กีรติมันลำบากจริงๆนะ…


“เสร็จแล้ว...” คนเพิ่งแต่งตัวเสร็จ ฉีดน้ำหอม หวีผมลวกๆ แต่หน้าตาไม่สดชื่นสักนิด


“เป็นอะไร ไม่สบายรึเปล่า” เห็นท่าทางเคร่งเครียดของคนรัก พิทักษ์ก็ชักเป็นห่วง


“เปล่า แต่ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าจะไปพบน้าภายังไงดี วันนี้แวะไปดูกระเช้าผลไม้ดีไหม”


“กระเช้าผลไม้? เอาไปทำไม”


“อ้าว ก็...ผมไม่รู้ว่าจะต้องเอาอะไรไปบ้าง...” พิทักษ์ส่ายหน้า


“ไม่ต้องเอาอะไรไปทั้งนั้น แล้วก็เลิกคิดมากเรื่องนี้ได้แล้ว ไป ลงไปกินข้าว เดี๋ยวก็สายพอดี” เจ้าของบ้านหมุนตัวจะเดินนำออกจากห้อง แต่เสียงของจิณณะดังขึ้นเสียก่อน


“จะให้ผมเลิกคิดมากได้ไง น้าภาตอนนี้ไม่ใช่แค่น้าของผมแล้วนะ แต่พี่เป็นแฟนผม น้าภาก็เหมือนแม่ย...” คำสุดท้ายไม่ทันพ้นริมฝีปาก คนที่กำลังจะเดินนำออกจากห้องก็หันกลับมามอง สีหน้าท่าทางขึงขังจริงจังจนจิณณะชักกลืนน้ำลายลำบาก


“วันนี้มีประชุมไหม” แล้วจู่ๆ คำถามของพิทักษ์ก็เปลี่ยนเรื่อง


“ม...ไม่มี” จะมีได้ยังไง ในเมื่อสัปดาห์นี้จิณณะไม่มีสมาธิสักนิด ประชุมไปก็ฟังไม่รู้เรื่อง เขาก็เลยให้ดนัยโยกทุกนัดทุกประชุมไปไว้ภายหลังพบจิดาภา ส่วนประชุมหรือนัดไหนที่ด่วนมากก็ขอให้บิดาช่วยไปแทน ซึ่งการให้บิดาไปทำงานแทนนี่ก็โดนคุณกอบกุลค่อนขอดมาตามลมไปแล้วรอบหนึ่ง เพียงแต่ว่าจิณณะหน้าหนาเหลือทน เลยทำเมินไม่ได้ยินไปเสีย


“มีพบลูกค้าไหม”


“ม...ไม่มี...” ตอบแล้วจิณณะก็เบิกตากว้างเมื่อเห็นพิทักษ์เดินกลับเข้ามาในห้อง พร้อมกับปิดประตูเบื้องหลัง


“พ...พี่เข้ามาทำไม ร...เราต้องลงไปกินข้าว...ต...ต้องไปทำงาน...”


“จิณบอกว่าไม่มีประชุม ไม่มีนัด วันนี้น่าจะว่าง พี่เองก็ว่างเหมือนกัน และพี่คิดว่าเราควรทำความเข้าใจเรื่องของเราให้ชัดเจนไปเลยก็ดี”


“ข...เข้าใจอะไร...เฮ่ย!!” ไม่ทันได้คำตอบ ร่างของจิณณะก็ถูกรวบเอวเข้าไปกอดเรียบร้อย หลานชายตัวแสบของจิดาภาก้มลงมองแขนของพิทักษ์ที่โอบเอวเขาเอาไว้ ในขณะที่มือลูบบั้นเอวเลื้อยไปยังแผ่นหลัง


“ค่อยมีเนื้อมีหนังขึ้นมาหน่อย”


“พ...พี่ทิศทำอะไรวะ! เฮ้ย! ไม่ลูบ...”


“ไม่ทำแล้วจะรู้ตัวหรือ”


“ร...รู้อะไร”


“รู้ว่าเป็นอะไรกับพี่ และควรเรียกแม่ภาว่ายังไง” จิณณะกะพริบตาปริบๆ อย่างตามไม่ทัน ที่สำคัญคือไม่ทันย้อนถาม ริมฝีปากของเขาก็ถูกจู่โจมด้วยจูบของพิทักษ์แล้ว


ริมฝีปากของพิทักษ์บดเบียดแนบแน่นทำเอาคนถูกจูบไม่ทันตั้งตัวได้แต่ครวญอยู่ในคอ สองมือพยายามดันอีกฝ่ายออกห่าง แต่ไม่เป็นผลสักนิด ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกต้อนจนเดินไปชนเตียงหงายหลังผึ่งลงไปนอนแผ่หราตาเหลือกอยู่บนเตียงอีกต่างหาก


“ทำอะไรของพี่วะ! ผมต้องไปทำงาน! เฮ้ย! ถอดเสื้อทำไม?!” พอผงกศีรษะขึ้นมาตั้งท่าจะโวยวาย จิณณะก็มีอันต้องตาเหลือกอีกรอบ เพราะพิทักษ์ถอดเสื้อเชิ้ตแล้วโยนไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว คนบนเตียงตาค้างหนักกว่าเดิม แผ่นอกกว้างของพิทักษ์นั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสมส่วน ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวแข็งแรงเพราะออกกำลังกายเป็นประจำ ที่ไหล่ขวามีร่องรอยของแผลที่หายสนิทดีแล้ว แม้มันจะยอกในอกอยู่บ้างยามเห็นรอยแผลเป็นนั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันกลายเป็นเครื่องประดับบนผิวเนื้อของผู้ชายที่ส่งให้รัศมีความดุยิ่งกลายเป็นน่าเกรงขามมากกว่าเดิม


น่าเกรงขามเสียจน...จิณณะยังกลืนน้ำลายไม่ลงคอ


สองมือยันไปด้านหลังเพื่อกระถดตัวหนี นอกจากรัศมีความดุแล้ว รังสีบางอย่างที่พิทักษ์แผ่ออกมายามจับจ้องเขานั้น ยิ่งชวนให้หัวใจเย็นวาบ ช่องท้องโหวงเหวงไปหมด


อาการตาค้าง แต่พยายามถอยร่างออกห่างทีละน้อยนั้นย่อมไม่รอดพ้นสายตาของนักล่าที่จ้องเหยื่อคนนี้มานานนับเดือน มาวันนี้ถึงจะยังขุนให้อ้วนท้วนสมบูรณ์ได้ไม่เท่าที่อยากทำ แต่ถ้าปล่อยเอาไว้ก็เกรงว่าเหยื่อจะไม่รู้ตัวเสียทีว่าตนเองอยู่ในฐานะอะไร


พิทักษ์สืบเท้าเข้าหาช้าๆ ดวงตายังจับจ้องร่างบนเตียง


ดวงตาของคนดุที่มองตรงมาทำเอาคนถูกจ้องกลืนน้ำลายไม่ลงคอสักอึก ในหัวมีแต่เร่งหาทางหนีทีไล่จากสถานการณ์ชวนหวั่น


...หวั่น?...นั่นสิ...หวั่นอะไร...


ผู้ชายเหมือนกัน ผู้ชายที่แข็งแรงเหมือนกัน มีอะไรให้ต้อง...


.   ..เอ่อ...แต่สมควรหวั่น ถ้าผู้ชายคนนั้นชื่อพิทักษ์ และกำลังจ้องตาไม่กะพริบแบบนี้!


จิณณะกวาดตาหลุกหลิกมองซ้ายขวา สมรภูมิของเขาในเวลานี้ดูเสียเปรียบชนิดที่ต่อให้ข้างหลังเป็นภูเขา ข้างหน้าเป็นแม่น้ำ ก็ไม่มีทางปรับฮวงจุ้ยให้ดีขึ้นมาได้ในพริบตาแน่ ในเมื่อชัยภูมิใช้ไม่ได้ ทางเดียวที่ใช้ได้ก็คือสมองเท่านั้น


ทว่าจิณณะลืมไปหนึ่งอย่าง ต่อให้สมองของเขาจะอัปเกรดให้มีไอคิวระดับเทียบเท่าอัจฉริยะ แต่ร้อยละ 99.99 พิทักษ์อ่านความคิดเขาออกเสมอ ดังนั้นเมื่อคนย่างสามขุมก้าวเข้ามาหยุดที่ข้างเตียง เห็นจิณณะพลิกตัวจะกระโดดลงจากเตียง ก็ฉวยเอาข้อเท้าคนหนีแล้วกระชากกลับมานอนแอ้งแม้ง ก่อนจะทิ้งตัวลงทับปิดกั้นการหนีไปได้อีก


“โอ๊ย!” แม้หลานชายคุณกอบกุลจะเป็นชายหนุ่มอกสามศอก แต่การถูกชายหนุ่มที่อกสามศอกไม่น้อยไปกว่ากันทิ้งตัวลงทับชนิดที่ไม่มีออมแรงสักนิดก็เล่นเอาจุกแอ้กหน้าบิดเบี้ยว พิทักษ์สงสารขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่ข่มใจเอาไว้ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาก็เนื่องมาจากความสงสารนี่ล่ะ จนกระทั่งวันนี้จิณณะยังคิดจะเรียกจิดาภาว่าแม่ยายอยู่เลย


“จะหนีไปไหน” คนทำตัวเป็นกำแพงหนา ทับจากข้างบน สองแขนชันศอกประกบข้าง ถามเสียงเข้ม


“ป...ไปทำงานไง...” คนกะล่อนพยายามอย่างยิ่งที่จะหาทางหนีให้ตัวเอง แต่มองซ้ายก็ติดแขนของพิทักษ์ มองขวาก็ติดแขนอีกข้างของพิทักษ์ แล้วดูแขนแต่ละข้างเถอะ แอบไปยกน้ำหนักก็น่าจะบอกกันสักคำ เขาจะได้ไม่ประมาทคู่ต่อสู้


แต่ดูเหมือนคำตอบของเขาจะไม่ใช่คำตอบที่ช่วยสร้างความขบขันในใจคนฟังเลยสักนิด พิทักษ์ทิ้งน้ำหนักตัวเองลงทับคนข้างใต้มากขึ้นอีก ทำเอาจิณณะชักนิ่วหน้า


“ก็ได้ ถ้าพี่อยากจะตกลงเรื่องของเราก็ได้ แต่...เอ่อ...เรา...เราควรจะนั่งคุยกันดีๆ ไปคุยร้านกาแฟก็ได้ ผมรู้จักร้านกาแฟบรรยากาศดีเยอะ...อื้อ...” ปกติพิทักษ์เป็นคนชอบฟัง ในขณะที่จิณณะก็ชอบพูด แต่เวลานี้เขาไม่นึกอยากจะฟังคำพูดเลื่อนเปื้อนของคนรักอีกแล้ว ดูเอาเถอะ จะตกลงเรื่องความสัมพันธ์ของเรา ยังมีหน้าเสนอให้ไปคุยกันที่ร้านกาแฟ ถ้าจะไปคุยร้านกาแฟแต่แรก แล้วเขาจะถอดเสื้อทำไม?


ชายหนุ่มจูบปิดปากที่มีไฝเม็ดเล็กที่มุมปากนั่นไปอีกที โดนไปอีกหนึ่งจูบ ที่กินเวลายาวกว่าเดิมเล็กน้อย พอถอนจูบออกจิณณะก็ถึงกับหอบ


“อ...โอเค ไม่คุยที่ร้านกาแฟก็ได้ แต่พี่ขยับออกไปหน่อยได้ไหม ตัวพี่ไม่ใช่เบาๆ ทับลงมาแบบนี้กระดูกผมหักขึ้นมาทำ...อื้อ...” พูดจาไม่สมเหตุสมผล น้ำหนักของพิทักษ์ไม่ทำให้ชายฉกรรจ์อย่างจิณณะกระดูกหักได้ภายในชั่วโมงนี้หรอก คนที่ถูกกล่าวหาเลยจูบลงโทษโทษฐานหมิ่นประมาทไปอีกที คราวนี้ยาวนานกว่าจูบเมื่อครู่ พอถอนจูบออก นอกจากคนถูกจูบจะหอบแล้ว ริมฝีปากก็ชักบวมแดงขึ้นมาเล็กน้อย


แต่...ยัง...ยังไม่หมด


เกิดเป็นหลานเศรษฐินีนักเจรจาต่อรองเพื่อประโยชน์ส่วนตนจะให้เสียชื่อกอบกุล  วงศ์กีรติได้อย่างไรกัน


“ม...ไม่ต้องขยับแล้วก็ได้ แต่เรากลับมาคุยกันเย็นนี้ดีไหม ขอผมไปทำงานก่...!...”


พิทักษ์ก้มลงจะปิดปากคนพูดอีกครั้ง แต่ถูกกระทำครั้งแรกถือว่าไม่รู้ ถูกกระทำซ้ำเป็นครั้งที่สองถือว่าโง่ ถ้าถูกกระทำซ้ำเป็นครั้งที่สามถือว่าเต็มใจ จริงๆแล้วจิณณะก็เต็มใจ แต่สถานการณ์แบบนี้หวั่นใจว่าจะเกินเลยไปมากกว่าที่คิดเยอะ เลยต้องรีบตะปบหน้าอีกฝ่ายไว้ก่อน


“ถ...ถ้าพี่จูบอีก ผมจะถือว่าพี่ไม่ฟังคำเตือนของผมแล้วนะ!”


“คำเตือนอะไร” พิทักษ์ดึงมืออีกฝ่ายออก ทำเอาคนขู่ถึงขั้นเหวอหน้าตาเหรอหรา เหวอแรกคือพิทักษ์ดึงทีเดียว มือของเขาก็หลุดออกจากหน้าของอีกฝ่ายเหมือนนางเอกใจง่ายที่พระเอกทำอะไรก็โอนอ่อนไปหมดไร้เรี่ยวแรงขัดขืน เหวอที่สองคือ...คำเตือน...อะไร...นั่นสิ! คำเตือนอะไร...


“อ...เอ่อ...เตือน...เตือนว่าอย่าจูบ”


“ถ้าจูบแล้วจะทำไม” อดีตปลาไหลแห่งตระกูลวงศ์กีรติ ระดับความกะล่อนในการต่อปากต่อคำถึงขั้นทำให้คุณกอบกุลยังเต้นเป็นเจ้าเข้า แต่พอมาเจอพิทักษ์ถามจี้เข้าแบบนี้ ปลาไหลที่ว่าก็ไม่ต่างจากปลาไหลตายแล้ว ปราศจากทักษะหลบเลี่ยงแต่อย่างใด


“ก...ก็...ผ...ผมเป็นผู้ชาย จูบมากๆก็...อึ๋ย!” จิณณะสะดุ้งเฮือกหลับตาปี๋เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายทิ้งน้ำหนักตัวลงมามากกว่าเดิม หากเป็นการทิ้งน้ำหนักทั้งตัว เขาคงร้องโวยวายว่าอีกฝ่ายจงใจทับกระดูกเขาหักแน่ๆ แต่นี่...พิทักษ์กลับทิ้งน้ำหนักแค่เฉพาะจุดที่ต่ำกว่าเอวลงไป


ส่วนสูงที่ต่างกันไม่มากนัก พอนอนราบทับกันแบบนี้ อะไรๆก็เหมือนจะอยู่ตรงกันไปโดยปริยาย ใบหน้า แผ่นอก หน้าท้อง และ...ส่วนที่ต่ำลงไปกว่านั้น ซึ่งไวต่อสัมผัสเป็นพิเศษ


พิทักษ์ยิ้มจาง เห็นปฏิกิริยาของคนรักแล้วทั้งขำทั้งเอ็นดู เขายอมยกตัวขึ้นเล็กน้อย เลยได้เห็นการถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่แค่วินาทีต่อมา บางอย่างก็เข้าแทนที่ ทำเอาคนที่อุตส่าห์ถอนหายใจด้วยความเบาใจเมื่อครู่นี้ถึงกับตาเหลือก ขนสันหลังตั้งชันจนต้องห่อไหล่


“พ...พี่...ม...ไม่เล่น...” มือข้างหนึ่งยังถูกพิทักษ์จับเอาไว้ เลยเหลือมือแค่ข้างเดียวลงไปยื้อยุดกับมือของคนรักที่กำลังสัมผัสส่วนกลางลำตัว เดิมทีมันสงบอยู่ใต้กางเกงสแล็ก แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมา ทั้งความเครียดสะสม ทั้งความเหนื่อยล้า ไหนจะงานหนัก จนจิณณะก็แทบลืมความรู้สึกแบบนี้ไปแล้ว ไหนจะเพราะมาคบหากับพิทักษ์อีก เรื่องปลดปล่อยกับคนอื่นก็ลืมไปได้เลยเช่นกัน พอมาวันนี้ ความรู้สึกเหล่านั้นกำลังถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำมือของคนรัก อารมณ์กำหนัดที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ความเหนื่อยล้าเคร่งเครียดมานาน ก็เริ่มปะทุผ่านรอยแยก


“ไม่ได้เล่น...” เสียงทุ้มดังกระซิบข้างหูเมื่อพิทักษ์ก้มหน้าลงหา คลอเคลียติ่งหูและผิวแก้มลงมายังซอกคอที่มีกลิ่นน้ำหอมเย็นๆแบบผู้ชายกรุ่นอยู่บนผิว ฝ่ามือของเขาบดเบียดลงกับเนื้อผ้าอยู่แค่ครู่เดียวก็เริ่มรับรู้ความตั้งชันภายใต้กางเกง เขาหัวเราะเบาๆ แต่ก็ทำเอาคนที่หลับตาปี๋พยายามกลั้นเสียงครางสลับกับเปล่งเสียงห้ามอย่างยากลำบากต้องลืมตาขึ้นมอง


“ห...หัวเราะอะไร ซี้ด...พ...พอ...”


“ให้พอจริงหรือ มีอารมณ์แล้วนี่...” ดวงตาของจิณณะมีแววขวาง


“ก็แล้วใครไปยุ่งกับมันวะ! อื้อ!” ยอกย้อนไปหนึ่งที เลยโดนตอบโต้ด้วยการรูดซิปกางเกงลงแล้วส่งปลายนิ้วเข้าไปเย้าแหย่บนชั้นในแทน จิณณะรู้สึกเหมือนนอกจากขนแขนจะลุกเกลียวแล้ว กระแสเย็นวาบจากสันหลังยังวิ่งขึ้นมาจนถึงศีรษะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2019 20:32:10 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8


ทั้งๆที่เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเขา จิณณะไม่ใช่ชายหนุ่มบริสุทธิ์ผุดผ่อง ช่วงวัยคะนอง เขาผ่านความสัมพันธ์ฉาบฉวยมาแล้วหลายครั้ง ทว่าครั้งนี้นอกจากจะไม่ใช่ความสัมพันธ์มาไวไปไวแล้ว คนที่กำลังอยู่เหนือร่างเขาก็ยังไม่ใช่ผู้หญิงอีกต่างหาก


พอเป็นผู้ชายด้วยกัน...อะไรๆก็ดูเหมือนจะรู้ดีไปหมด


“อื้อ...ย...อย่ารูด...ซี้ด...” ไม่รู้เพราะมัวแต่ขนลุกไปทั้งตัวหรืออย่างไร มารู้ตัวอีกที กางเกงสแล็กก็ถูกปลดออกทั้งซิปทั้งตะขอ กางเกงชั้นในถูกรั้งลงให้ความต้องการถูกพาออกสู่โลกภายนอก มันเย็นวาบอยู่แค่เสี้ยววินาทีเดียว ความร้อนผ่าวก็เข้ากอบกุม รูดลูบไปตามความยาว


เสียงครางผสานเสียงร้องห้ามเบาหวิวนั้นชวนให้เคลิบเคลิ้ม ยิ่งจิณณะห้ามอย่างอ่อนแรงมากเท่าไร พิทักษ์ก็ยิ่งพึงใจมากเท่านั้น เขาวนเวียนจูบซับตามผิวแก้มและเนื้อหนัง เสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุกออกทุกเม็ด ถูกปัดสาบเสื้อให้พ้นแผ่นอกราบ เปิดทางให้คนข้างบนลิ้มรสได้ทุกอณู


“อ่า...” จิณณะครางต่ำ หน้าแหงนเงยเมื่อยอดอกข้างหนึ่งถูกครอบครองด้วยริมฝีปากร้อน ในขณะที่เบื้องล่างถูกชักรูดจนชุ่มฉ่ำ อารมณ์หวามถูกตีรวนให้พุ่งพล่านจนสมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก เสียงครางที่พยายามเก็บกลั้นอาไว้ อดไม่ไหวอีกแล้ว ได้แต่เปล่งออกมาตามอารมณ์ที่ถูกปลุกปั่นด้วยมือและปลายลิ้นของพิทักษ์


นอกจากจะจูบเก่งแล้ว ชั้นเชิงของอีกฝ่ายยังทำให้จิณณะหลงลืมไปชั่วขณะว่าเวลานี้แม้ว่าเขาจะถูกปรนเปรอด้วยสัมผัส แต่ตนเองก็ล้วนเต็มใจให้อีกฝ่ายมอบความสุขสมนั้นอย่างถนัดถนี่ ยิ่งริมฝีปากดูดดึงยอดอกมากเท่าไร มือของจิณณะก็ยิ่งขยุ้มขยำเส้นผมของพิทักษ์เพื่อระบายความรู้สึกมากเท่านั้น ยิ่งปลายนิ้วของพิทักษ์บดบี้รูดรั้งส่วนกลางลำตัวของจิณณะมากเท่าไร เขาก็ยิ่งยกสะโพกเข้าหาสัมผัสมากเท่านั้น


“อ...พอ...พอ...อื้อ...จะออก...” คนข้างใต้ครางฮือ ปากร้องห้ามแต่ยิ่งฝ่ามือของพิทักษ์เร่งความเร็ว เขาก็ยิ่งขยับสะโพกเข้าหา ก่อนจะสะดุ้งวาบตัวสั่นระริกเมื่ออารมณ์ถูกชักพาไปจนถึงฝั่ง...ครั้งที่หนึ่ง


คนปลดปล่อยนอนแผ่หอบหายใจระรัวอย่างเหนื่อยอ่อน ยังไม่ทันได้คิดอะไร ก็รู้สึกเหมือนกางเกงของเขาถูกรูดออกทางปลายเท้าไป จิณณะไม่อยากใส่ใจนักเพราะความเหน็ดเหนื่อยและสุขสม แต่อะไรบางอย่างฉุกใจให้เขาผงกศีรษะขึ้นมอง แล้วพลันนั้นดวงตาของชายหนุ่มก็เบิกกว้าง


พิทักษ์เปลือย!...ตั้งแต่เมื่อไรวะ?!


จิณณะตาค้างพูดไม่ออก รู้แน่แล้วว่าอย่างไรเสียตัวเองก็เสร็จแน่ เขาหงายหลังผึ่ง ได้แต่หลับตาท่องนะโมขมุบขมิบเพื่อทำใจ ยิ่งรับรู้สัมผัสอุ่นที่ตามลงมาทาบทับ สัมผัสจากฝ่ามือที่ลูบไล้ไปตามบั้นเอวและหน้าท้อง ก็ยิ่งทำเอาหายใจติดขัด


“จิณ...ลืมตาขึ้นมาก่อน” เสียงทุ้มดังเบาที่ข้างหู


“พ...พี่...พี่จะทำอะไรก็ทำเถอะ...ผ...ผมโอเค...” โอเคแปลว่าอะไรไม่รู้ แต่ที่รู้คือยังไงก็ต้องโอเค มาถึงขั้นนี้แล้วจะมาบอกว่าไม่โอเคทั้งๆที่นอนแผ่อยู่ใต้ร่างอีกฝ่ายก็ดูขัดกับสถานการณ์ไปหน่อย


“ลืมตาขึ้นมาก่อน...” เสียงของพิทักษ์ดังซ้ำอีกครั้ง จิณณะยอมทำใจลืมตาขึ้นมอง แล้วก็ถึงได้เห็นว่าคนที่ทาบทับอยู่เบื้องบนของเขานั้นกำลังมองเขาอยู่ ดวงตาดุของคนช่างดุ เวลานี้กลับไม่มีความดุเลยสักนิด มันแฝงแววรักใคร่ ผสมเอ็นดู เจือความขำขันอยู่ในที


“ถ้าจิณไม่พร้อม พี่รอได้นะ”


รอ...รออีกแล้ว


เป็นพิทักษ์ที่ออกปากว่าจะรออีกแล้ว


จิณณะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนเห็นแก่ตัว พิทักษ์เป็นฝ่ายรอเขาเสมอ ตั้งแต่ก่อนจะเกิดเรื่องถูกยิง ก็เป็นฝ่ายเขาเองที่ไม่ยอมขยับความสัมพันธ์ แต่พิทักษ์ก็ยังรอ พอหลังจากพิทักษ์ถูกยิง ก็เป็นเขาเองที่เดินจากมา ส่วนพิทักษ์ก็ยังรอ มาวันนี้ พวกเรากลับมาสานสัมพันธ์กันต่อแล้ว แต่ก็ยังเป็นฝ่ายพิทักษ์ที่รอ


พิทักษ์รอมานานเท่าไรแล้ว และต้องรอต่อไปอีกนานเท่าไร ต้องรอไปจนกว่าจะมีวิกฤตเข้ามาในชีวิตของพวกเราอีกอย่างนั้นหรือ ถึงจะเห็นคุณค่าของการรอคอยของพิทักษ์


จิณณะเม้มปาก รู้สึกหายใจลำบาก ใจหนึ่งก็กลัว...กลัวว่าความสัมพันธ์ที่จะข้ามไปยังอีกขั้น จะทำให้พวกเขาเปลี่ยนแปลง อีกใจก็กลัวว่าพิทักษ์จะต้องอยู่กับการรอคอยไปอีกนานเท่าไร ถ้าเขายังเอาแต่กลัวไปเรื่อยๆอย่างนี้


แต่จะกลัวอะไร...คนตรงหน้าก็ยังเป็น ‘พี่ทิศ’ คนเดิม ยังเป็น ‘พี่ทิศ’ ที่ดุเก่งที่หนึ่ง แต่ก็ใจดีไม่น้อยไปกว่าความดุเลย


เอ้า! เอาก็เอาวะ! กับเรื่องใหญ่กว่านี้ยังผ่านมาได้ แล้วทำไมกับเรื่องนี้จะผ่านไปไม่ได้


“ผ...เอ่อ...ผมได้ยินมาว่ามันเจ็บ...” ถึงจะใจกล้ายอม ‘เอา’ แต่ก็ยังไม่วายออกตัวเหมือนจะขอความเห็นใจ


“พี่ก็ได้ยินมาอย่างนั้นเหมือนกัน”


“ถ้าผมเจ็บ พี่จะหยุดให้ผมได้ไหม” เรียกว่าหวั่นอาจจะน้อยไป น่าจะเรียกว่ากลัวจะดีกว่า จึงได้ขอคำสัญญาที่ดูแล้วไม่น่าจะเป็นจริงได้ ในช่วงเวลาที่สัญชาตญานเพศผู้อยู่เหนือสมอง หากเป็นตัวเขาเองก็คงไม่มีสติสมาธิจะมาฉุกคิดฉุกฟังเสียงร้องห้ามเสียงเจ็บปวดของใคร


พิทักษ์นิ่งไปเล็กน้อยเหมือนกำลังถามตัวเอง ก่อนจะรับคำแน่วแน่


“คิดว่าได้”


ในเมื่อรับปาก ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องบอกปัดอีกแล้ว จิณณะพยักหน้ารับช้าๆโดยไม่พูดอะไร แต่ถึงอย่างนั้น สีหน้าของคนใต้ร่างก็ดูจะเปี่ยมไปด้วยความกังวล จนต้องเริ่มจูบปลอบขวัญกันใหม่อีกหน


จูบรอบนี้อ่อนโยนและนุ่มนวล ไม่ใช่การลงโทษแต่เป็นการปลอบโยนให้วางใจ บดเบียดแทรกสอดด้วยปลายลิ้น หยอกล้อกันไปมาให้ลืมเลือนความกังวลทั้งหลาย สร้างความคุ้นเคยในความสัมพันธ์ที่แนบชิดด้วยฝ่ามือที่ลูบไล้กันและกัน จนเริ่มชุ่มฉ่ำ ในไม่ช้าความกังวลก็มลายหาย เหลือเพียงอารมณ์รักเคลิบเคลิ้มที่เริ่มผุดพรายพร้อมไอร้อนตามเนื้อตัว


เสียงครางที่ดังก้องไปทั่วห้องสะดุดไปจังหวะหนึ่งเมื่อจิณณะรับรู้ถึงการรุกล้ำ แต่เมื่อพิทักษ์วนเวียนมอบรสจูบปลอบโยนก็พอจะทำให้เขาพยายามปรับตัวกับสถานการณ์รูปแบบใหม่ที่เพิ่งเคยพบเจอ


“หายใจช้าๆ อย่าเกร็ง ชู่ว...” ปลายนิ้วชุ่มโชกด้วยเจลลื่นเบียดผ่านเข้าสู่ช่องทางเบื้องหลังอย่างยากลำบาก ความไม่คุ้นเคยทำให้ต่อต้าน แต่เมื่อพิทักษ์อดทนสร้างความเคยชินให้อย่างช้าๆ จิณณะเองก็เริ่มปรับตัวรับรู้การแทรกสอดนั้นเช่นกัน


“อ...อื้อ...อึดอัด...อ่ะ...” จากหนึ่งนิ้วเพิ่มเป็นสอง คนเบื้องบนให้เวลาปรับตัวและปรับลมหายใจอีกพักหนึ่งจึงเพิ่มเป็นสาม คราวนี้จิณณะหายใจยากลำบากจนต้องแหงนเงยใบหน้าไปด้านหลังเพื่อโกยอากาศเข้าปอด


“หายใจช้าๆ...จิณ...” ความรัดรึงต่อต้านนั้นทำให้พิทักษ์แทบอยากจะฝากฝังร่างตัวเองเข้าแทนที่ปลายนิ้ว แต่เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ระทดระทวยพร้อมจะต้อนรับการบุกรุกของเขา สิ่งเดียวที่ทำได้คือเก็บกลั้นอารมณ์ที่ใกล้จะล้นปรี่แล้วสร้างความคุ้นเคยให้จิณณะเท่าที่จะทำได้


อีกพักหนึ่ง ลมหายใจของจิณณะถึงได้เริ่มคลายความกระชั้นลง ตอนนั้นเองก็เพิ่งได้เห็นว่าพิทักษ์ที่ยังฝังปลายนิ้วอยู่ในร่างกายของเขา ขยับเข้าออกอย่างเชื่องช้าเพื่อสร้างความเคยชิน ทว่าก็ยังมองเขาด้วยสายตารักใคร่และห่วงใย


พี่ทิศขี้โกงและโคตรร้าย


ถามด้วยความห่วงใย มองด้วยความรักมาก แต่มือขยับไม่หยุด


“ไหวไหม”


“อ...อื้อ...ว...ไหว...ซี้ด...” ไม่ใช่แค่ความอึดอัด คับแน่นและความเจ็บปวด แต่อารมณ์กำหนัดแทรกซึมอยู่ทุกการเคลื่อนไหวของปลายนิ้ว


“พี่เข้าไปนะ...” จิณณะได้แต่เม้มปากพยักหน้ารับ สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าปลายนิ้วถูกถอนออกจากร่างกายของเขาไป มันโหวงวูบอยู่แค่ชั่วเสี้ยววินาที ก่อนจะรับรู้ถึงอะไรบางอย่างที่เบียดลงบนปากทาง


ทั้งๆที่อีกฝ่ายสร้างความเคยชินให้แล้วส่วนหนึ่ง แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆก็อดเกร็งไม่ได้อยู่ดี


“จิณ...ไหวแน่หรือ” ร่างกายแข็งทื่อและเอาแต่หลับตาปี๋เหมือนรอรับชะตากรรมทำเอาพิทักษ์ใจหาย


“พ...พี่ทิศ...จูบผมหน่อยได้ไหม” จิณณะไม่อยากกลายร่างเป็นตัวถ่วงของความสัมพันธ์อีกแล้ว พวกเขามาถึงขั้นนี้จะไม่ล้มเลิกแยกย้ายกันไปช่วยตัวเองเด็ดขาด แต่ถ้านอนแข็งทื่อแบบนี้ เขารู้ว่าพิทักษ์จะต้องหยุดแน่ๆ


“แต่...”


“จูบเถอะ...ถ้าพี่จูบผม พี่จะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น” แล้วคนกลัวแต่ใจกล้าก็ส่งสองมือขึ้นไปโน้มคออีกฝ่ายลงมาหา


“จูบผมนะ...” ไม่ใช่แค่การอ้อนขอสัมผัสของริมฝีปาก แต่พิทักษ์รู้ว่าจิณณะอยากจะก้าวไปข้างหน้ากับเขาเช่นกัน เราพร้อมสำหรับความสัมพันธ์เช่นนี้ เพียงแต่ครั้งแรกย่อมเป็นครั้งที่น่าหวาดหวั่นเสมอ


คนเบื้องบนก้มลงหา มอบรสจูบให้กับคนที่ร้องขอ ก่อนจะพาร่างกายตัวเองดำดิ่งลงสู่ความคับแน่นและร้อนผ่าว สัมผัสแรกที่แทรกสอดนั้นทำเอาร่างของจิณณะเกร็งเฮือก แต่เมื่อพิทักษ์บดเบียดริมฝีปากอย่างนุ่มนวลปลอบโยน มือลูบไล้ปลุกเร้าชวนให้เคลิบเคลิ้มก็พอจะเบี่ยงเบนความกังวลอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างนั้น จิณณะก็รับรู้ทุกวินาทีว่ากำลังมีบางอย่างเคลื่อนเข้ามาในตัวเขา


มันอึดอัดและทรมาน ปั่นป่วนไปทั้งช่องท้องจนตัวสั่นระริก แล้วเนื้อตัวของเขาอยู่ใต้ร่างพิทักษ์ แนบชิดกันทุกสัดส่วนเช่นนี้ มีหรืออีกฝ่ายจะไม่รับรู้ จูบละมุนถูกถอนออก ใบหน้าขยับถอยห่างเพื่อพินิจพิเคราะห์คนที่เอาแต่ข่มตาหลับพยายามหายใจให้เป็นจังหวะสม่ำเสมอราวกับทำสมาธิ


พิทักษ์หยุดร่างกายของตัวเองแต่เพียงเท่านั้น แม้ว่ามันจะเดินทางเข้าไปได้เพียงแค่ครึ่งเดียว ส่วนหนึ่งอยู่ในโพรงร้อนที่ตอดรัดแน่น อีกส่วนบวมเป่งเฝ้ารอการฝากฝัง


อารมณ์กำหนัดนั้นทรมาน แต่ความเจ็บปวดที่จิณณะได้รับอยู่ในเวลานี้ก็ทรมานไม่ต่างกัน


“จิณ...พี่เอาออกไหม”


คนถูกถามลืมตาขึ้นมอง เม้มปากอยู่อึดใจหนึ่งแล้วสั่นศีรษะไปมา หากวันนี้หยุดแต่เพียงเท่านี้ ก็ไม่รู้วันหน้าเขาจะกล้ามาถึงขั้นนี้อีกหรือไม่ หากวันนี้ทุกอย่างจบลงที่ความเจ็บ มันคงกลายเป็นความไม่ประทับใจแรกที่ลืมไม่ลง


ยังไงก็ต้องไปต่อ!


“ไม่”


“แต่จิณไม่ไหว”


“ผมไหว! อื้อ!...” ตอบเสียงเด็ดเดี่ยวแล้วก็สั่นระริกขึ้นมาอีกเพราะคนที่แทรกสอดเข้ามาครึ่งหนึ่ง ลองขยับเข้าหาอีกนิด ทั้งคับทั้งฝืดทั้งอึดอัด ความเจ็บแปลบวิ่งพล่านขึ้นมาตามกระดูกสันหลัง


“จิณไม่ไหว” พิทักษ์ย้ำพลางส่ายศีรษะ แต่คนดื้อก็ย่อมเป็นคนดื้อ จิณณะรวบร่างอีกฝ่ายลงมากอดแน่นเหมือนไม่ยอมให้หยุดทุกอย่างแต่เพียงเท่านี้


“ถ้าพี่เอาออก ผมจะกลับไปอยู่บ้าน จะไม่อยู่กับพี่ แล้วเราก็เลิกกันไปได้เลย!” จะมีใครมาดมั่น เอาตัวเองเป็นตัวประกันได้ขนาดนี้อีกไหมก็ไม่รู้ พิทักษ์ทั้งขำทั้งฉุน เจ้าตัวเจ็บร้าวจนตัวสั่น ต่อให้เตรียมพร้อมให้แล้วแต่ร่างกายที่ไม่คุ้นเคยก็ยังต่อต้าน ทว่าฟังคำพูดเข้าเถอะ ยื่นคำขาดว่าจะเลิกกันถ้าเขาหยุดครึ่งๆกลางๆ แล้วแบบนี้พิทักษ์จะกล้าหยุดได้ยังไง


“ตัวแสบ...ถ้าหลังจากนี้ร้องไห้ก็จะไม่หยุดแล้ว...”


“ผมไม่ร้องหรอก อื้อ...” การเดินทางอันยาวนานเริ่มขึ้นอีกครั้ง แม้จะไม่คุ้นเคย แต่ต่างคนต่างพยายามเรียนรู้จังหวะของกันและกัน กอดเกี่ยวกันดำดิ่งสู่ห้วงความรู้สึกที่ถูกปลุกเร้าด้วยความรักและรสสัมผัส เนิ่นนานกว่าทุกอย่างจะอยู่ในที่ในทาง


“อ่า...ขอ...ขอหายใจเดี๋ยว...อา...แน่น...” มือที่เกาะกอดไหล่กว้างดันอีกฝ่ายออกเบาๆ พิทักษ์ยอมหยุดแต่โดยดี ใบหน้าของจิณณะแดงก่ำ เต็มไปด้วยอารมณ์ และเหงื่อผุดพราย ขณะที่พยายามสูดลมหายใจเข้าและออกให้เป็นจังหวะคงที่ แต่พอลืมตาขึ้นมองคนที่ยอมหยุดอยู่กับที่ เห็นความรู้สึกมากมายที่ทอดมากับสายตา ก็ชวนให้นึกเขินขึ้นมาอีก ทั้งๆที่...เวลานี้ไม่น่าจะต้องมีอะไรมาเขินอายกันอีกแล้ว


“ถ...ถ้าพี่พูดว่าจะหยุด จะเอาออก จะไม่ไปต่อ พี่เอาโคมไฟมาฟาดหัวผมให้สลบได้เลยนะ อ่ะ...ซี้ด...” โทษฐานปากดี เลยถูกคนที่อุตส่าห์ยอมหยุดเพื่อให้ปรับตัวกระทุ้งเบาๆเข้าไปที สะท้านไปทั้งร่างจนต้องทุบลงกับไหล่เพื่อประท้วง


พิทักษ์หัวเราะเบาๆ ก้มลงฟัดแก้มคนพูด ทั้งรักทั้งขำปนมันเขี้ยว


“ไม่หยุดแล้ว บอกแล้วว่าต่อให้ร้องไห้ก็ไม่หยุด”


แล้วคนไม่หยุดก็ทำตามอย่างที่ปากพูด เมื่อเขาเริ่มขยับด้วยการพาร่างกายของตัวเองออกห่างเล็กน้อยแล้วกดซ้ำกลับเข้าไป เริ่มแรกด้วยจังหวะเชื่องช้าเรียกเสียงครางแผ่ว ต่อมาไม่นานก็โจนทะยานไม่ต่างจากคลื่นลูกโตที่ซัดซาดเข้าสู่คนเบื้องล่าง จิณณะต้องเกาะเกี่ยวอีกฝ่ายเอาไว้แนบแน่น ได้แต่ครางเรียกชื่อ แม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่แน่ใจว่าเสียงที่เปล่งออกไปนั้นมาจากความต้องการที่มากขึ้นหรือเพื่อร้องปรามอารมณ์ที่โหมกระหน่ำมากขึ้นทุกที


แต่...ต่อให้เป็นคำร้องปราม พิทักษ์ก็บอกแล้วว่าเขาจะไม่หยุด


ชายหนุ่มขยับเคลื่อนเข้าออก ฝากฝังความร้อนเข้าสู่ช่องทางคับแน่น จากนั้นดึงออกเสียดสีร้อนวาบ แล้วอัดกระแทกกลับเข้าซ้ำ เกิดเป็นเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องประสานไปกับเสียงครางแห่งอารมณ์ เตียงกว้างแข็งแรงแม้ไม่ไหวโยกแต่ก็ลั่นกึกๆทุกครั้งที่คนบนเตียงขยับรุกล้ำตอบรับกันและกัน


“พ...พี่ทิศ...พี่ทิศ...ผม...อื้อ! อ่า...อีก...อีก...ผมจะไม่ไหว...ซี้ด...” แม้แต่จิณณะก็ลืมความเจ็บปวดในช่วงแรกไปแล้ว อารมณ์หฤหรรษ์ชักพาให้เวลานี้เห็นแต่ความสุขที่ลอยอยู่ข้างหน้า แค่อีกนิดเดียว เขาจะคว้ามันมาเชยชมสมอารมณ์ พิทักษ์เร่งความเร็วมากขึ้นอีก กอดรัดอีกฝ่ายจนแทบจะหลอมลวม เสือกกายร้อนจัดเข้าสู่ภายในร่างที่ร้อนผ่าวไม่ต่างกัน มันบีบรัดกระชั้นมากขึ้นทุกที


“พ...พี่...ผมไม่ไหว...อื้อ...อะ...อ๊า!...” จิณณะระเบิดความรู้สึกออกมาก่อน ไอร้อนทะลักทะลายเปรอะเลอะเต็มหน้าท้องของเขาและพิทักษ์ที่เบียดชิด ร่างกายเกร็งเฮือกกระตุกถี่ยิ่งทำให้ภายในตอดรัดสิ่งที่ฝากฝังหนักหน่วง พิทักษ์จับสะโพกอีกฝ่ายมั่นแล้วเร่งกายกระเสือกกระสนอัดกระแทกถี่ยิบ คนที่เพิ่งปลดปล่อยไม่มีโอกาสได้พักก็มีอันต้องร้องครางสะท้านไปอีกอึดใจหนึ่ง ก่อนจะถูกอัดกระแทกเฮือกสุดท้ายด้วยท่อนร้อนจนแนบสนิท ปลดปล่อยความต้องการออกมาจนหมดสิ้น


“อ่า...จิณ...”


พิทักษ์ทิ้งกายลงทาบทับคนที่ได้แต่นอนระทดระทวยหอบหายใจถี่ราวกับวิ่งมาราธอน ทุกอย่างสงบลงแล้ว นอกจากเสียงหอบหายใจก็มีเพียงเสียงเข็มนาฬิกาที่กำลังเดินดังติ๊ก ติ๊ก...


ผ่านไปได้แล้ว...พวกเขาก้าวมาสู่ระดับความสัมพันธ์ใหม่ของคนรักแล้ว


จิณณะผ่อนลมหายใจเมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ร่างของพิทักษ์ยังทับอยู่บนร่างของเขา แต่กลับไม่รู้สึกร้อนรุ่มอึดอัดเลยสักนิด อาจต้องขอบคุณเครื่องปรับอากาศที่ยังทำงานได้อย่างดีเยี่ยม เปิดโอกาสให้ประชาชนตาดำๆในประเทศที่อากาศร้อนจัดมีโอกาสขยับความสัมพันธ์ในเวลากลางวันอย่างนี้ได้


ตัวแสบหัวเราะเบาๆในคอ ทำเอาพิทักษ์ที่นอนทับต้องผงกศีรษะขึ้นมามอง


“หัวเราะอะไร” เขาถามด้วยความสงสัย


“กลางวันแสกๆ...” คำพูดของตัวแสบนั้นสมเป็นตัวแสบ แม้ตอนแรกจะโอดครวญหาทางเอาตัวรอด ต่อมาทั้งกลัวทั้งหวั่นตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า แต่ก็ต่อมาอีกนั่นล่ะที่ประกาศกร้าวเด็ดขาดว่าถ้าไปไม่ถึงฝั่งจะไม่อยู่ด้วยกันอีก แล้วพอทุกอย่างเสร็จสมอารมณ์หมาย ‘ตัวแสบ’ ก็ยังมีหน้าหัวเราะแถมหยอกล้ออีกต่างหาก


พิทักษ์ได้แต่กะพริบตาปริบๆ นึกเก้อขึ้นมาเสียเองทั้งๆที่เขาเป็นฝ่ายเริ่มด้วยซ้ำ


แต่ก็อย่างที่จิณณะว่า ‘กลางวันแสกๆ...’ จริงๆนั่นล่ะ


คนต้นเรื่องเริ่มเก้อเขินจนต้องออกปาก


“พี่เอาออกก่อน จะได้พาจิณไปล้างตัว...”


หากจะนับว่าตอนเริ่มนั้นทั้งเจ็บทั้งกลัว ตอนจบก็ไม่ได้ต่างกันเสียเท่าไร โชคยังดีที่พิทักษ์ใช้ถุงยางอนามัย เลยไม่ต้องล้วงต้องล้างให้ลำบากใจมากไปกว่านี้อีก ทว่ากว่าจิณณะจะกลับไปมานอนบนเตียงได้อย่างเดิมก็ทุลักทุเลจนพอร่างถึงฟูก หัวถึงหมอนก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พิทักษ์ล้างคราบเหงื่อไคล แต่งตัวใหม่ แล้วโกยเอาผ้าปูที่นอนเดิมลงไปใส่เครื่องซักผ้า จากนั้นคว้าน้ำดื่มและนมกล่องกลับขึ้นมาหาคนที่ยังนอนแบบบนเตียง


“กินสักหน่อย” พิทักษ์นั่งลงบนเตียงข้างกายคนที่นอนคว่ำหลับตาพริ้ม พอเจ้าตัวลืมตาเขาก็เจาะนมกล่องส่งให้ดูดแก้หิวไปก่อน


“กลางวันแสกๆ แถมข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กิน...” คนดูดนมยังไม่วายปากดีล้อเลียน ดวงตาพราวระยิบยามแหงนมองคนที่นั่งอยู่ข้างกาย พิทักษ์ยิ่งพูดไม่ออกหนักกว่าเดิม รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นผู้ชายหัวงูที่ถูกความต้องการครอบงำลืมวัน ลืมเวลาไปหมด


ยิ่งเห็นท่าทางของคนรัก จิณณะยิ่งได้ใจ ยิ้มกระหยิ่ม กัดหลอดนมกล่องเหมือนอร่อยทั้งๆที่มันไม่มีรสชาติอะไรเลย


“โดดงานอีกต่างหาก ถ้าคุณย่ารู้เข้า ผมจะต้องถูกไล่ออกแน่ๆ” คำพูดเหมือนสลดกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่สีหน้ากรุ้มกริ่มหมายแกล้งให้คนเริ่มต้นได้สำนึกผิดแต่เพียงฝ่ายเดียว


ทั้งๆที่ตัวเขาเองนั่นล่ะ ที่พออีกฝ่ายจะหยุดก็ไม่ให้หยุด


“ทำยังไงดีน้า...”


พิทักษ์หลือบมอง เห็นคนพูดเคี้ยวหลอดแจ๊บๆเลยดึงกล่องนมเอาไว้


“ไม่เคี้ยวหลอด หมดแล้วก็ทิ้ง” คนดุก็ยังเป็นคนดุวันยังค่ำ นมกล่องที่หมดแล้วตกอยู่ในมือของพิทักษ์เรียบร้อย จิณณะเลยได้แต่ทำปากยื่น


“ถ้าคุณกอบเรียกไปพบ พี่ก็จะบอกตามความเป็นจริง”


หลานชายคุณกอบกุลขมวดคิ้ว มองคนพูดด้วยแววสงสัย


“บอกว่าอะไร”


“บอกว่าจิณไม่เข้าใจสถานะของตัวเองสักที พี่เลยจำเป็น...ต้องบอกให้จิณรู้ว่าจิณเป็นอะไรสำหรับพี่ จะได้ไม่ลอยตัวเข้าใจผิดแบบเดิมๆอีก”


คนฟังเบิกตาโพลง ถ้ามีเรี่ยวแรงเหลือคงได้ลุกขึ้นโวยวายแล้ว แต่เพราะช่วงเอวลงไปยังชาดิก เลยได้แต่นอนอยู่กับที่ ใช้งานแค่ปาก


“พ...พี่บ้ารึไงวะ! จะไปพูดแบบนั้นกับคุณย่าเนี่ยนะ?!”


คราวนี้คุณกอบกุลอาจด่าไม่ออก แต่ลมจับไปเลย


“พี่คิดว่าคุณกอบต้องเข้าใจ”


“แต่ผมไม่เข้าใจว่าพี่จะไปอธิบายทำไมเว้ย! พอๆ วันนี้ผมลาป่วย ไม่มีใครถาม ไม่มีใครสงสัยทั้งนั้น!” หรือต่อให้จะมีใครถาม ใครสงสัย จิณณะจะไล่ออกสถานเดียว


จากตอนแรกที่ตั้งใจล้อเลียนพิทักษ์ กลายเป็นไปๆมาๆเข้าตัวเสียเอง จิณณะเลยได้แต่หน้าบูดซุกครึ่งปากครึ่งจมูกลงกับหมอนที่นอนเกย


คนที่นั่งอยู่เคียงข้างยิ้มน้อยๆ ไม่พูดอะไรแต่ลูบศีรษะคนรักแผ่วเบาราวกับปลอบประโลม


จิณณะเหลือบสายตาขึ้นมอง รู้สึกเหมือนตัวเองแพ้ทางอีกฝ่ายชอบกล พิทักษ์ทั้งขี้โกงและร้ายกาจ ชอบอาศัยรอยยิ้มน้อยๆและท่าทางเหมือนเอ็นดูมาทำให้เขาตายใจ


“คราวหน้าสลับกันบ้างเลย!” คนหน้าบูดประกาศโพล่ง บอกตัวเองให้ใจแข็ง คราวหน้าก็จะ ‘กลางวันแสกๆ’ แบบนี้เหมือนเดิม แล้วจะทำวันธรรมดาให้พิทักษ์ต้องลาป่วยกะทันหันเหมือนกันบ้าง จะได้เจอความลำบากใจว่าจะต้องอ้างกับคนที่ทำงานยังไงที่จู่ๆก็ต้องหยุดงานไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้!


ไม่มีเสียงโต้เถียง มีเพียงการลูบศีรษะเหมือนปลอบประโลมให้ใจเย็นลง แต่การเงียบของเขาไม่ได้หมายความว่าตกลง


คนพูดนั้นพูดง่าย


คราวนี้ก็เห็นชัดแล้วว่าชั้นเชิงใครมากกว่า ใครต้อนได้เก่งกว่า ใครจับใครได้อยู่หมัดกว่า


คราวหน้า...หรือคราวไหนๆ...


คนทำก็คือคนทำ


ส่วนคนพูด...ก็ได้แต่พูดและไม่มีโอกาสได้ทำเช่นเดิม


พิทักษ์เป็นคนขี้โกงที่อยากแต่จะเป็นฝ่ายกอด และเป็นคนร้ายกาจที่คิดแต่จะฮุบจิณณะเอาไว้เป็นของตัวเองแต่เพียงผู้เดียว


ขี้โกง...และร้ายกาจจริงๆนั่นล่ะ


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

สวัสดีปิดเทอมมมม (ถึงแม้จะเป็นปิดเทอมจอมปลอม อีกไม่นานก็ต้องเรียนอีกแล้วก็ตาม)

มีใครเตรียมผ้าเช็ดหน้ามาด้วยหวังร้อยเปอร์เซ้นว่าจะซับเลือดแต่สุดท้ายเอามาปิดปากกลั้นหัวเราะจิณบ้างคะ วะฮ่าฮ่า

สำหรับพาร์ทนี้คืนกำไรให้พี่ทิศทุกบาททุกสตางค์แล้ว (มั้ง) ขอบคุณสำหรับที่เสียเลือดปกป้องจิณในวันนั้น ส่วนหลังจากนี้...พี่ทิศต้องมาสะสมแต้มบุญใหม่ค่ะ ถ้าทั้งรักทั้งหลงจิณหัวปักหัวปำมากพอ จะคืนกำไรให้พี่ทิศอีก (สปอยจิณสุดๆ ฮ่าฮ่า)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม กำลังใจ และพื้นที่บอร์ด

เจอกันใหม่พฤหัสหน้าค่ะ

ป.ล.เรื่องนี้ใกล้จบแล้ว คาดว่าไม่เกินเดือนหน้าค่ะ

ป.ล.2 จบที่ว่าหมายถึงเรื่องหลักจบ ไม่นับตอนพิเศษ ฮ่าฮ่า


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 821
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
 :hao6: แหม่ กลางวันแสกๆไปเลยย เรื่องที่พูดว่าจะทำพี่ทิศบ้างก็คือได้แค่พูดจริงๆ55555

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
มาแล้วววว  :sad4: :sad4: :sad4:

เย่ รอเล่มเลยค่ะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ พลอย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ครั้งหน้าพี่ทิศก็จะให้ทำจริงๆนั่นแหล่ะ 55555แต่น้องจินก็อยู่ข้างบนไง

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
กรี๊ดดดดดดดดดด

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ในที่สุด..โอ้ยย พี่ทิศ เลิฟฟฟ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
พี่ทิศต้องหมั่นทวนสถานะบ่อยๆนะค่ะ
เด่วจินเขาลืม  :3123:
 :katai2-1:

ออฟไลน์ IaminLove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-5
จิณรู้สถานะของตัวเองแล้ว อิอิ สมใจพี่ทิศเค้าล่ะ ว่าแต่จะไปหาน้าภาวันไหนนะ ไปไหวไหมเนี่ย 5555

ออฟไลน์ nrbtst1997

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :hao3:

ชอบที่นักเขียน​มาตามนัดมากๆไม่รอเก้อเลย​ สนุกมากๆๆ

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
อร๊ายย โดนจับกินสักที :z1:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ทำไมเป็นเลิฟซีนที่อ่านไปขำไปซะได้..จิณเอ๊ย..ยยยย  :m20: :m20:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
ก็พกผ้าเช็ดหน้ามาจริงๆ นั่นแหละ เตรียมตัวมาอย่างดี
ตอนแรกกะซับน้ำตาเตรียมซึ้ง พี่ทิศจะพาน้องเข้าพบคุณแม่
ส่วนไอ้ที่กะจะพกมาซับกำเดา เช็ดน้ำลาย กลายเป็นโบกเชียร์พี่ทิศแทน
แถมไปๆ มาๆ ต้องยกให้นุ้งจิณเอาไปโบกไหวๆ ยอมแพ้พี่ทิศไปซะงั้น 555

เข้าใจสถานะซะทีนะ นุ้งจิณ โถๆๆ ><

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
‘เฮ้! พี่ทิศ สรุปว่าเราสองคน
ใครเป็นผัวหรือเมียดีล่ะพี่’

คำถามเมื่อกลางตอน คงได้คำตอบแล้วสินะจิณ 555

...
ช่างเป็นเลิฟซีนที่อ่านไปขำไปจนงงกับอารมณ์ตัวเองเหมือนกันว่านี่ฉันควรจะรู้สึกหื่นหรือรู้สึกฮาดี..   :hao6:

ออฟไลน์ Luxfern

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พี่ทิศนี่ร้ายเงียบนะคะ 5555555

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
หึ หึ หึ จิณณะ

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ให้รู้ซะบ้าง ว่าใครเป็นใคร นะเจ้าจิณ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
หุหุหุ แพ้ทางมาแต่ไหนแต่ไร คิดไงว่าจะชนะได้นะ จิน

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
เหยื่อที่ไม่รู้ตัวว่าเป็นเหยื่อ ช่างร้ายกาจจริงๆ เจ้าของสนามกอล์ฟ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
พี่ทิศร้ายยย
เข้าใจตรงกันนะจิณ อิอิ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ยังไม่เจียมอีกเนอะคนเรา​  :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด