...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)  (อ่าน 305538 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
 :mew1:
น้องจิณนางเป็นคนตลก 5555:)
พี่ทิศก็โอ๋นางมากอะ
้รักเธอทั้งคู่จร้าาาา
 :กอด1:
 :กอด1:
 :กอด1:

ออฟไลน์ Peterpanmama

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่มารอน้องที่ท่าน้ำแต่เช้าแล้วนะคะ
มาอัพตอนใหม่สักทีเถอะค่ะ

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
…………………..
ตอนที่ 20


วันนี้เป็นวันนัดพบของจิดาภาและจิณณะ


ทุกอย่างดูเหมือนทุกๆวัน แต่จะมีใครรู้ว่าในใจของคนในบ้านรู้สึกต่างกันไปคนละอย่าง ทศพรถึงกับยอมเลื่อนวันประชุมไปวันพรุ่งนี้เพื่อจะได้หยุดอยู่บ้าน โดยอ้างกับภรรยาว่าองค์ประชุมไม่ครบ ส่วนทิวากรถึงขั้นแลกเวรกับเพื่อนเพื่อจะได้กลับมาสังเกตการณ์ที่บ้าน เรื่องนี้ก็ทำเป็นเรื่องบังเอิญเช่นกัน โดยบอกกับแม่เลี้ยงว่าเพื่อนติดนัดสัปดาห์หน้าเลยขอแลกเวรกับเขา


เป็นอันว่าทั้งสามีและลูกเลี้ยงคนเล็กต่างอยู่บ้านกันทั้งคู่


จิดาภาไม่ได้สงสัยอะไร เพราะตัวหล่อนเองก็ยุ่งมากพออยู่แล้ว


หล่อนตื่นแต่เช้ามาเข้าครัว วันนี้แม่ครัวใหญ่ของบ้านไม่ได้ลาพักผ่อน แต่ถูกจิดาภาแย่งงาน เลยต้องลดตำแหน่งกลายเป็นลูกมือไปโดยปริยาย


“แม่ภาท่าทางจะเอาจริง” ทิวากรเดินมาคุยกับบิดาที่แม้จะหยุดอยู่บ้านแต่จะให้อยู่เฉยก็เกรงว่าจะยิ่งตื่นเต้น เลยหาเรื่องตัดแต่งกิ่งต้นไม้ แต่ตามองประตูบ้านแทบจะทุกๆห้านาที


บอกแล้วว่าใครๆในบ้านวันนี้ก็ไม่ปกติเหมือนทุกวัน


“แกอย่าพูดให้พ่อกลัวสิ”


ทศพรอยู่กินกับจิดาภามายี่สิบปีแล้ว หล่อนดูเรียบร้อยสุภาพใจดี เนื้อแท้ก็เป็นเช่นนั้น แต่เรื่องความจริงเอาจังของหล่อนนั้น แม้แต่เขาที่เป็นผู้ชายก็ยังต้องยกให้ จิดาภาใจเด็ดแค่ไหน ดูได้จากก่อนหน้านี้หล่อนยืนขวางระหว่างจิณณะและพิทักษ์ จนพวกเขากระเจิดกระเจิงกันไปคนละทาง หากไม่ได้คุณกอบกุลเตือนสติ ป่านนี้คนทั้งคู่อาจจะแยกย้ายกันไปแน่นอนแล้ว


วันนี้ แม้ว่าหล่อนจะยอมให้พวกเขากลับมาเดินบนเส้นทางเดียวกัน แต่ไม่มีใครรู้ว่าในใจยอมรับความสัมพันธ์ของพวกเขามากน้อยแค่ไหน


แม้จะเป็นคู่ชีวิต แต่กับเรื่องนี้ ทศพรก็เดาใจหล่อนไม่ออกจริงๆ


“แต่ทางนั้นก็หลาน แม่ภาคงไม่ใจร้ายหรอกมั้ง” ทิวากรพูดพลางเหลือบมองบิดาที่ยังดูเป็นกังวล เขาเองก็กังวลไม่ต่างกัน เพียงแต่มีอีกเรื่องที่กังวลไม่น้อยไปกว่า


“แล้วพ่อล่ะ” ลูกชายคนเล็กย้อนถาม ทำเอาทศพรหันมอง


“...คิดยังไงกับการที่พี่ทิศมีแฟน...เป็นผู้ชาย” คำถามนี้ทำเอาคนถูกถามนิ่งไป


หากลูกจะมีคนรัก มีครอบครัว คนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมยินดี การได้มีชีวิตอยู่เห็นบุตรหลานมีครอบครัวอบอุ่นเต็มไปด้วยความรัก เป็นความปรารถนาสูงสุดของทศพร เพียงแต่...ในกรณีของพิทักษ์ การสร้างครอบครัวของเขาไม่เหมือนกับลูกชายคนอื่นๆ


พิทักษ์เป็นผู้ชาย และคนรักของเขาก็เป็นผู้ชาย


ครอบครัวที่เขาสร้างขึ้นมามีแต่ผู้ชาย


ชายอาวุโสถอนหายใจยาว


“ก็ไม่ใช่ว่าทำใจง่ายหรอก...” อันที่จริง ทศพรคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าบุตรชายคนโตที่มุ่งมั่นทำงาน ถึงจะเป็นคนเงียบขรึมพูดน้อย แต่เขาก็เคยมีคนรัก ซึ่งล้วนเป็นผู้หญิงทั้งสิ้น แต่จู่ๆ...วันหนึ่งเขาก็เอาตัวเองไปรับกระสุนแทนผู้ชายคนหนึ่ง


เหตุการณ์สำคัญขนาดนั้น สละชีวิตตัวเองเพื่อใครสักคนถึงเพียงนั้น ทศพรไม่อาจมองข้ามแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ทำความเข้าใจได้หรอก เพราะตระหนักว่าผู้ชายคนนั้นคือคนสำคัญของลูกชาย พิทักษ์สู้อุตส่าห์เอาชีวิตตัวเองปกป้องจากคนนอก แล้วจะให้ความรู้สึกของพิทักษ์มาถูกทำลายเพราะคนในครอบครัวอย่างนั้นหรือ


ต่อให้จะเป็นเรื่องทำใจยากสักเพียงใด ต่อให้สังคมจะต่อต้านแค่ไหน หรือต่อให้ทศพรจะไม่อาจทนทานต่อกระแสเชี่ยวกรากของค่านิยมและวัฒนธรรมคนหมู่มาก แต่เขาก็ไม่อาจทอดทิ้งเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองเช่นกัน


ยิ่งมองเห็นคุณกอบกุลเชิดหน้ายโสโอหังไม่หือไม่อือกับเสียงติฉินนินทาเรื่องที่หลานชายมาคบหาลูกชายของเขา จริงอยู่ว่าหล่อนอาจจะมีผลประโยชน์แอบแฝงตามเสียงลือ แต่ให้อย่างไรปัจจัยหลักที่ทำให้โบกปัดเสียงนินทาก็เพราะจิณณะเป็นหลานของหล่อน


ไม่ใช่เพราะเป็นลูกชายหรือลูกสาว ไม่ใช่เพราะเป็นหลานชายหรือหลานสาว แต่เพราะเป็นลูก เพราะเป็นหลาน


ทศพรสูดลมหายใจลึก มองต้นไม้เบื้องหน้าที่กำลังตัดแต่งกิ่ง ทว่าสายตาของเขาราวกับหยั่งลึกไปถึงแก่นของต้น


“สมัยก่อน มีต้นไม้อยู่ต้นหนึ่ง...แม่...เป็นคนปลูก ลงเมล็ดเองกับมือเลยนะ” คำว่า ‘แม่’ เพียงคำเดียวย่อมไม่ได้หมายถึงสตรีคู่ชีวิตนับยี่สิบปีที่ยังวุ่นอยู่ในครัว แต่หมายถึงสตรีอีกคนที่เคยเป็นคู่ชีวิตของเขาเช่นกัน และมีสถานะเป็นแม่แท้ๆของพิทักษ์และทิวากร


‘แม่’ คนนั้นตายจากไปเมื่อตอนสองพี่น้องยังเด็ก ไม่กี่ปีต่อมาทศพรพบรักครั้งใหม่กับจิดาภาและแต่งงานกัน


“แม่ภาก็รู้ และเขาก็รู้ว่าพ่อรักต้นไม้ต้นนั้นที่สุด...” ทศพรพูดพลางยิ้มจางแล้วหันมามองหน้าลูกชายคนเล็ก


“แต่เขาไม่เคยว่าเลย พ่อรู้ว่าบางทีแม่ภาก็ทำใจไม่ได้ ที่ดูเหมือนพ่อจะยังไม่ลืมแม่ แต่ของแบบนี้มันลืมกันได้ซะที่ไหน แม่เป็นเมียของพ่อ เป็นรักแรก เป็นแม่แท้ๆของพวกแกสองคน”


“...ช่วงแรกๆ ถ้ารู้ว่าพ่อลงมาตัดกิ่ง รดน้ำ เขาจะเงียบ ไม่มองหน้า แล้วจ้างคนงานคนสวนมาทำเพิ่ม เพื่อไม่ให้พ่อลงมาเอง แต่มีอยู่วันหนึ่งพายุเข้า พัดต้นไม้ล้มระเนระนาด พ่อวิ่งออกจากบ้านทั้งๆที่เขาห้ามเพื่อมามัดต้นไม้ต้นนั้น แต่สุดท้าย...มันก็ตาย วันนั้นยิ่งกว่าระเบิดลง แม่ภาทั้งร้องไห้ทั้งโกรธ พ่อได้แต่ขอโทษเขา บอกเขาว่าพ่อทิ้งไม่ได้ มันเป็นต้นไม้ของผู้หญิงคนหนึ่งที่พ่อก็รัก เป็นต้นไม้ของแม่แท้ๆของทิศกับทิว เป็นความทรงจำครั้งหนึ่ง เหมือนที่วันนี้พ่อเองก็มีความทรงจำอีกชุดที่เป็นพ่อและแม่ภา”


“แล้วแม่ภาก็เข้าใจ?” ทิวากรเดา


ทว่าทศพรส่ายหน้า ทำเอาคนเป็นลูกแทบวืด


“อ้าว!”


“มันเข้าใจง่ายเรอะ”


“มันไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจง่ายหรอกทิว ไม่มีเรื่องของใครเข้าใจง่ายทั้งนั้น มนุษย์เป็นสิ่งที่ซับซ้อน และสิ่งที่ซับซ้อนที่สุดของมนุษย์ก็คือความรู้สึก คนเรา ต่อให้เป็นครอบครัวเดียวกันก็ไม่เข้าใจกันทุกอย่างหรอก แต่ถ้าเรารักจะอยู่ด้วยกัน เราจะเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง เรื่องไหนช่างมันได้ก็ช่างมันบ้าง เรื่องไหนมองข้ามได้ก็มองข้ามบ้าง พ่อเองก็มีเรื่องที่ไม่เข้าใจแม่ภาเขาเหมือนกัน แต่พอคิดว่า ‘อ้าว นี่อยู่กันมาจนวันนี้ ยังมีเรื่องไม่เข้าใจอีกเหรอ ยังมีเรื่องนี้ที่ไม่รู้อีกเหรอ’ ก็ทำให้รู้สึกท้าทายเหมือนกันนะ” บิดาพูดแล้วหัวเราะ ทว่าสายตาอบอุ่นลึกซึ้ง ไม่ว่าจะยามพูดถึงภรรยาเก่าที่จากไป หรือภรรยาใหม่ที่เคียงข้างกันมากว่ายี่สิบปี


“พ่อเรานี่ก็สองใจเหมือนกันแหะ”


“ไม่ได้สองใจ แต่มีความทรงจำสองชุด”


“สรุปว่าพ่อปล่อยวางเรื่องพี่ทิศ?”


“แล้วถ้าไม่ปล่อยจะให้ทำยังไง คนของเรารักเขาขนาดนั้น ขวางไปก็ไม่ต่างจากทำร้ายลูกตัวเอง แถมทางนั้นก็หลานคุณกอบ ดีไม่ดีคุณกอบเล่นกลับ เจ็บซ้ำหนักกว่าเดิมอีก” สถานะ ‘หลานคุณกอบ’ นั้นอย่างกับโลโก้ แค่พูดถึง หน้าของหญิงชราผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยบารมีก็ผุดวาบขึ้นในสมอง


พอคิดถึงคุณกอบกุลแล้ว ทศพรก็นึกไปถึงทายาทคนอื่นๆของวงศ์กีรติ รุ่นหลานของตระกูล นอกจากจิณณะแล้วก็มีหลานชายอีกสามและหลานสาวอีกหนึ่ง หลานชายคนโตซึ่งเกิดจากไกรสร ลูกชายคนโตของคุณกอบกุลเห็นว่ามีคู่หมั้นคู่หมายแล้ว เหลือหลานอีกสามที่ยังไม่มีวี่แวว หลานคนหนึ่งเรียนดอกเตอร์อยู่อังกฤษคงไม่กลับมาในเร็วๆนี้ คราวนี้เลยเหลืออีกสอง เป็นหญิงหนึ่ง ชายหนึ่ง และชายหนึ่งที่ว่าก็คือจารีต น้องชายแท้ๆของจิณณะ


วาดแผนผังตระกูลวงศ์กีรติในหัวเสร็จ ชายผู้เป็นบิดาก็เหล่มองลูกชายคนเล็ก


“ไอ้ทิว แล้วแกล่ะ มีแฟนรึยัง”


“อะไรพ่อ อยู่ดีๆมาถามผม”


“อยากรู้”


“ไม่เห็นจะน่ารู้”


“แกไม่อยากบอกเพราะแกมีหรือเพราะแกไม่มี”


“พ่อนี่ว้าวุ่นกับพี่ทิศแล้วมาลงผม” ทิวากรโวย


“ไม่ได้ลงแก แต่เตือนไว้ก่อน มีแฟนเป็นใครก็ได้ แต่เว้นนามสกุลวงศ์กีรติไว้ตระกูลหนึ่ง”


รักใครก็ได้แต่ไม่เอาคนในตระกูลนี้แล้ว ชอบใครก็ได้แต่เว้นคนในตระกูลนี้ไว้สักตระกูล


“พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง นู่น...รถพี่ทิศมาแล้ว” แล้วลูกชายคนเล็กก็หาทางชิ่ง ชี้โบ้ชี้เบ้ไปที่หน้าประตูอัลลอย ทศพรหันมองตามเห็นรถหรูของลูกชายคนโตจอดอยู่ ก่อนที่ประตูบานเลื่อนจะถูกเลื่อนเปิดด้วยระบบอัตโนมัติ


พิทักษ์มาถึงแล้ว...เขามาพร้อมกับ ‘จิณณะ  วงศ์กีรติ’


………………………….


บ้านของครอบครัวของพิทักษ์เป็นคฤหาสน์หลังย่อม มีอาณาเขตกว้างขวาง ด้านหน้าเป็นสนามหญ้าและต้นไม้แผ่กิ่งก้าน ในตัวบ้านขนาดสองชั้นแบ่งเป็นสองปีกซ้ายขวาอย่างสมมาตร


ยามยังเล็ก จิณณะเคยติดตามมารดามาเยี่ยมเยียนน้าสาว มีโอกาสวิ่งเล่นเข้านอกออกในบ้านหลังนี้แทบปรุตามประสาเด็กซุนซน  แต่การมาคราวนี้ของเขาไม่เหมือนครั้งไหนๆ ฐานะหลานชายสตรีเจ้าของบ้านยังติดตัวเขา แต่อีกสถานะหนึ่งเพิ่มขึ้นมา


...คนรักของลูกชายเจ้าของบ้าน...


อ้อ...ระดับจิณณะ วงศ์กีรติเพิ่มอีกสถานะคือคนกลับกลอกไม่ทำตามที่รับปากด้วย


...เยี่ยมจริงๆ ถ้าแม่ผัวไม่รักจะไม่แปลกใจเลย...


พอคิดถึงคำว่า ‘แม่ผัว’ จิณณะก็ชักร้อนๆหนาวๆ หลังจากกระจ่างแจ้งในความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและพิทักษ์ ซึ่งไม่ใช่แค่ครั้งเดียว หนำซ้ำที่บอกว่าให้สลับกันบ้าง เอาเข้าจริงแล้วนับตั้งแต่ครั้งแรกก็เหมือนบทบาทนั้นตายตัว พิทักษ์เป็นฝ่ายย้ำความสัมพันธ์ของพวกเขาด้วยตัวเองซ้ำๆ ครั้งหลังสุดคือเมื่อคืนนี้ ตอนก่อนจะหลับยังมาพูดข้างหูให้เจ็บใจเล่นว่า


‘จำไว้นะจิณ แม่ภาเป็นแม่สามี’


จำจนตาย จิณณะก็ไม่ลืม วันนี้ที่ต้องมาพบ ‘แม่สามี’ เลยต้องทำตัวเป็นลูกสะใภ้ผู้อ่อนน้อมถ่อมตน หิ้วกระเช้ารังนกมาด้วย


“บอกแล้วว่าไม่ต้องซื้ออะไรมา” พิทักษ์บ่น อันที่จริงอยากจะบ่นตั้งแต่เมื่อวาน ตอนที่เห็นกระเช้ารังนกวางอยู่ในบ้าน ถามไปถามมาถึงได้ความว่าจิณณะไม่รู้จะซื้ออะไรติดไม้ติดมือมาฝากเนื้อฝากตัวกับจิดาภาในฐานะ...เอ่อ...คนรักของพิทักษ์ ก็เลยซื้อรังนก ฝ่ายลูกชายของจิดาภาทั้งขำทั้งฉุน ขำคนรักที่ซื้อกระเช้ารังนกอย่างกับจะมาสวัสดีปีใหม่ แต่ที่ฉุนคือตอนเจ้าตัวอึกอักราวกับยังไม่รู้สถานะว่าตนเองอยู่ในฐานะอะไร ก่อนจะได้บ่นอย่างที่อยาก พิทักษ์ก็เลยต้องระบุสถานะของพวกเขาอีกรอบ ตอนตัวแสบหมดแรงจะหลับแล่ไม่หลับแหล่ เขาย้ำด้วยคำพูดว่าจิดาภาเป็นแม่ของเขาก็เท่ากับเป็นแม่สามี และถ้าจิณณะยังไม่จำ จำไม่ได้ หรืออึกอักอีกล่ะก็ เขาจะ ‘ซ้ำ’ จนกว่าจะจำฝังใจทีเดียว


“ผมจะมามือเปล่าได้ไงล่ะ...” จิณณะเถียง สินสอดทองหมั้นก็ไม่มี ผู้ใหญ่ก็ไม่มี มาแต่ตัวล้วนๆ อย่างน้อยถือกระเช้ามาด้วยก็ยังดี


ลูกชายเจ้าของบ้านได้แต่ส่ายหน้า พอดีกับที่ทศพรและทิวากรเดินมาต้อนรับ พิทักษ์เลิกคิ้วเล็กน้อยที่เห็นน้องชายอยู่บ้านในวันนี้ แต่เป็นฝ่ายสองพ่อลูกมากกว่าที่พากันนิ่งงันเมื่อพบว่าจิณณะไม่ได้มาตัวเปล่า แต่หิ้วกระเช้ารังนกอยู่ในมือ


ทิวากรมองกระเช้ารังนกแล้วก็เหลือบขึ้นมองคนถือ จิณณะในเวลานี้ไม่เหมือน 2-3 ครั้งแรกที่เขาพบเลยสักนิด ครั้งแรกสุดที่หน้าห้องฉุกเฉิน เจ้าตัวเลอะเทอะไปด้วยเลือดของพิทักษ์ หน้าตาซีดขาวดวงตาเลื่อนลอย คราวต่อมาพบที่บ้านของคุณเทียมก็ดูนิ่งขรึมไร้อารมณ์อย่างกับหุ่นยนต์ แต่คราวนี้สิ สีหน้ามุ่งมั่น อกผายไหล่ผึ่งอย่างกับจะไปรบ


เป็นคนที่...คาดเดาไม่ได้จริงๆนั่นแหละ


เดาไม่ได้ตั้งแต่ที่เจ้าตัวหิ้วกระเช้ารังนกมาพบหน้าจิดาภาในวันนี้แล้ว


คุณหมอหนุ่มหัวเราะในคอ เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ชายของเขาถึงไปไหนไม่รอด


“ทิว...” คนเป็นพ่อหันมาปราม พอจะรู้ว่าลูกชายหัวเราะอะไร ในเมื่อเขาเองก็แอบกลั้นหัวเราะอยู่เหมือนกัน ก็ดูสีหน้ามั่นอกมั่นใจแต่ติดประหม่าเล็กๆของคนหิ้วกระเช้ารังนกมาด้วยเสียก่อน ถ้ามองข้ามทัศนคติชายต้องคู่กับหญิงแล้ว จิณณะก็นับว่า...น่าเอ็นดู...ทีเดียว


ชายอาวุโสที่สุดหันมาทางจิณณะ อดไม่ได้ที่จะเหลือบตาลงมองกระเช้ารังนกในมือเจ้าตัว ดูท่าหนักไม่น้อย แต่จิณณะก็นับว่าเป็นชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ ดูแข็งแรงสุขภาพดี แถมหน้าตามาดมั่นกับสิ่งที่ทำอยู่เป็นอย่างยิ่ง


“ภาอยู่ในบ้าน กำลังทำกับข้าว”


“น้าภาทำกับข้าวหรือครับ” จิณณะกะพริบตาปริบๆ


ระหว่างทางที่นั่งรถมา ความคิดของเขามีร้อยแปดพันเก้า สร้างภาพสถานการณ์ในหัวไปแปดล้านรูปแบบ จิดาภาอาจจะนั่งเชิดอย่างเจ้ายศเจ้าอย่างอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ให้เขาต้องคลานเข่าเข้าไปหา จิดาภาอาจจะไม่มองหน้า ยามเขายกมือไหว้ก็แค่ยกมือรับไหว้อย่างขอไปที หรือจิดาภาอาจจะตีบทเศร้าน้ำตานอง ร่ำร้องขอให้เขาออกจากชีวิตพิทักษ์ไปอีกครั้ง และร้ายที่สุด จิดาภาอาจจะหนีหน้าไม่ยอมอยู่พบด้วยซ้ำ


ทว่า...พอมาได้ยินจากทศพรว่าน้าสาวของเขากำลังทำกับข้าว ก็ทำเอาคนที่สูดลมหายใจลึกเรียกความกล้าทำหน้าตามุ่งมั่นอยู่เป็นนานเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้ตัวเองถึงกับแทบเซ


“ใช่ เข้าครัวแต่เช้าแล้ว”


หรือ...นี่อาจจะเป็นกลยุทธ์อีกรูปแบบหนึ่ง ทำเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ ซึ่งนั่นหมายถึงการเพิกเฉย มองข้าม ทำเป็นไม่รับรู้การมาเยือนของจิณณะ และอย่างร้ายที่สุดคือแอบวางยาตอนทำอาหาร


พอคิดมาถึงตรงนี้ จิณณะก็รีบส่ายศีรษะ รู้สึกว่าช่วงที่ผ่านมาเขาจะคลุกคลีกับคุณกอบกุลมากเกินไป ถึงได้มีแต่เรื่องร้ายๆในหัวเยอะแยะไปหมด จารีตเคยเตือนสติเขาครั้งหนึ่งว่าเรื่องของเขาและพิทักษ์มีแต่คนรู้จักของเขารายล้อมทั้งสิ้น การพบกันอย่างซึ่งหน้า พูดคุยอย่างตรงไปตรงมา แสดงความจริงใจอย่างเปิดเผย เป็นสามวิธีที่ได้ผลที่สุด เพราะหันซ้ายก็ญาติ หันขวาก็คนรู้จัก และทั้งหมดรับรู้ว่าความรู้สึกของเขาและพิทักษ์แข็งแกร่งเพียงใด


“ถ้าอย่างนั้น ผมขอไปพบน้าภาในครัวได้ไหมครับ” เขาหันมาขออนุญาตเจ้าของบ้าน ทศพรพยักหน้า จิณณะสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะก้าวเท้าอย่างมุ่งมั่นเข้าไปในบ้านที่เขาเคยวิ่งเล่นทุกซอกทุกมุม


ครั้งหนึ่งเขามาที่นี่ในฐานะหลานชาย


ครั้งนี้ ถึงจะมีสถานะอื่นเพิ่มเข้ามา และหล่อนอาจจะโกรธเกลียดเขาที่หลอกใช้ ปิดบัง ซ่อนเร้น แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นหลาน ตัวเขาและจิดาภาต่อให้ไม่ใช่สายเลือดโดยตรงแต่พวกเขาก็มีเลือดส่วนหนึ่งเหมือนกัน...สายเลือดย่อมตัดกันไม่ขาด


ขอเพียงแค่พบกันอย่างซึ่งหน้า พูดกันอย่างตรงไปตรงมา และแสดงความจริงใจอย่างเปิดเผย


เขาเชื่อว่าจะสามารถกอบกู้ความสัมพันธ์กลับมาได้ ไม่เพียงแค่สายสัมพันธ์ของน้าหลาน แต่รวมไปถึงความสัมพันธ์ในฐานะแม่ของคนรักและคนรักของลูกชายก็ด้วย


…………………


จิดาภากำลังสั่งให้แม่ครัวเทอาหารในหม้อลงบนชาม หล่อนได้ยินเสียงรถยนต์แล้ว และเดาได้ว่าลูกชายคนโตคงกลับมาถึงแล้ว การที่พิทักษ์ไม่ได้มาที่นี่เพียงลำพังแต่พาใครอีกคนมาด้วยนั้น เป็นเรื่องที่หล่อนตระหนักดี และเพราะตระหนักในเรื่องนี้ ถึงได้ลงครัวแต่เช้าเพื่อเตรียมอาหารเอาไว้ต้อนรับ


แกงส้มชะอมกุ้งนั่นของโปรดพิทักษ์ มีผัดเปรี้ยวหวานที่ทิวากรบ่นว่าอยากทาน กับข้าวอย่างง่ายอีก 2-3 อย่าง และหมูสับทอดใส่ตะไคร้ที่หล่อนจำได้ว่ามีใครบางคนชอบทาน
.
.
.
.
.
‘ตะไคร้เป็นผัก! จิณไม่กินผัก!’ เด็กชายจิณณะทำหน้ามุ่ย กอดอกอย่างเอาแต่ใจ เรื่องเลือกกินกับเด็กๆนั้นเป็นของคู่กัน


‘ผักทุกอย่างไม่ได้รสชาติเหมือนกันสักหน่อย’


‘เหมือนสิ! มันเป็นผัก!’


‘จิณก็เป็นเด็ก จิณคิดว่าเด็กทุกคนเหมือนกันหรือ’


‘ไม่เหมือน! จิณหล่อว่านิวยอร์ก!’ นิวยอร์กที่ว่าคือเพื่อนร่วมห้องร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์อาศัยความตัวใหญ่เลยกลายเป็นหัวโจก แต่จิณณะก็อาศัยความไม่ยอมคนเป็นหัวโจกของอีกฝั่งเช่นกัน สองฝั่งแข่งกันทุกเรื่องตั้งแต่ความหล่อ การศึกษา กีฬา รวมไปถึงฐานะทางบ้าน ซึ่งบางอย่างจิณณะชนะเฉียดฉิว บางอย่างก็ชนะหวุดหวิด แต่เรื่องฐานะทางบ้านนี้ชนะโด่ง อ้อ...แต่บางเรื่องที่หลานชายของจิดาภาสู้ไม่ได้ เจ้าตัวก็ไม่ยกมาแข่ง เช่นการเลือกกิน ฝั่งนิวยอร์กนั้นเพราะกินได้ทุกอย่างเลยตัวใหญ่หุ่นหนานุ่ม ผิดกับฝั่งจิณณะที่ติดเล่นมากกว่ากิน แถมเวลากินยังเลือกกินเฉพาะที่ชอบ ถึงแม้จะไม่แคระแกร็น แต่ขนาดตัวก็เล็กกว่านิวยอร์กเยอะ


‘ผักทุกชนิดก็ไม่เหมือนกัน’ น้าสาวย้ำด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล


‘แต่มันขมเหมือนกัน!’


‘จิณไปกินผักอะไร ที่ว่าขม’


‘อะไรไม่รู้ เป็นปุ่มๆในแกงจืด หมูสับก็ขม น้ำซุปก็ขม!’


‘มะระหรือ’ เด็กชายจิณณะทำหน้าตาซื่อ เพราะไม่รู้ว่าสิ่งนั้นเรียกมะระหรือไม่ แต่แค่นั้นก็ทำเอาจิดาภาถอนหายใจแล้ว


‘ใครให้กิน’


‘คุณย่า คุณย่าบอกว่าถ้าไม่กิน จาต้องกินแทน’ คนฟังได้แต่อ่อนใจ คุณกอบกุลเป็นจอมบงการ แต่มาบังคับเอากับหลานๆอายุยังน้อยพวกนี้ก็เกินเหตุไปหน่อย


‘เอาล่ะ จิณเชื่อน้าภาสักครั้งได้ไหม ว่าคราวนี้หมูทอดตะไคร้ของน้าภาไม่ขม’


เด็กชายจิณณะมองหน้าน้าสาวอย่างไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี ใจหนึ่งก็กลัวว่าต้องเจอผักขมๆแบบตอนที่ถูกคุณกอบกุลบังคับ แต่อีกใจก็...หมูทอดนี่หอมจริงๆ!


‘น้าภาทำเองกับมือ จิณเชื่อใจน้าภาไหม’


หลานชายเม้มปาก แต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้า ลองตัดหมูสับปั้นก้อนที่ทอดสุกแล้วออกเป็นชิ้นเล็กๆ ดวงตาของเด็กชายสอดส่องว่ามีผักสักเสี้ยวหรือไม่ พอเห็นตะไคร้สับเป็นเส้นเล็กๆที่แทรกอยู่ตามเนื้อหมูสับ ก็พาเอาต้องกลั้นหายใจ


....แต่จิณณะเป็นผู้ชาย! และคุณครูบอกว่าผู้ชายต้องกล้าหาญ!...


เด็กชายตัวน้อยตัดใจยัดช้อนเข้าปากแล้วหลับตาปี๋รอรับความขมที่จะมาถึง ทว่า...พอเคี้ยวไปได้ไม่กี่ครั้งจากที่หลับตากลั้นใจก็กลายเป็นลืมตาพรึ่บ เต็มไปด้วยประกายระยิบ


‘อร่อย!!’


สีหน้าของคนชมไม่สู้การตักเข้าปากเป็นคำที่สอง สาม สี่ ตบท้ายด้วยการขอเติมข้าวอีก อีกทั้งยังยกให้เป็นเมนูโปรดไปเรียบร้อย


หลังจากนั้น ไม่ว่าจิดาภาจะทำอะไรให้ทาน เจ้าตัวก็เต็มใจทานทุกอย่างไม่มีเกี่ยงงอน จากเด็กชายที่ทานผักได้แค่ไม่กี่อย่างและเลือกกินเป็นกิจวัตร กลายเป็นชายหนุ่มกินง่าย อยู่ง่าย ก็เพราะส่วนหนึ่งจากฝีมือทำอาหารของน้าสาว
.
.
.
.
.
“หมูทอดตะไคร้” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นเบื้องหลัง ทำเอาจิดาภาที่กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ความหลังรู้สึกตัวหันมอง วินาทีแรกที่สบตากับคนที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูครัว ทำให้หล่อนชะงักไปเล็กน้อย ความสัมพันธ์น้าหลานแม้จะยังอยู่ดี แต่สิ่งที่คั่นกลางคือเงื่อนไขที่หล่อนสร้างขึ้นมาเอง วันนี้การที่จิณณะหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูไม่ก้าวเข้ามาก็เพราะสิ่งที่หล่อนทำเอาไว้


จิดาภาใจหาย ตาตกลงพื้นแล้วก็พลันชะงักเมื่อเห็นบางอย่างในมือของหลานชาย


“เอ่อ...ผม...ซื้อรังนกมาฝาก”


“ซื้อรังนกมาฝาก?” จากที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดคุยกันอย่างไรดี ก็กลายเป็นร้องถามอย่างไม่ทันคิดด้วยซ้ำ


“ก็...ผมไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรมาดี”


“ไม่เห็นต้องซื้ออะไรมาเลย”


“ไม่ได้หรอก ผม...เอ่อ...” มันเป็นช่วงเวลาที่พูดยาก ไม่ใช่เพราะไม่กล้าพูดขอโทษ แต่เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดด้วยเรื่องไหนดี อย่างแรกคือขอโทษ อย่างที่สองคือเรื่องความสัมพันธ์ของเขาและพิทักษ์


จริงอยู่ว่าจิดาภารับทราบว่าพวกเขามีความรู้สึกต่อกันเช่นไร แต่การทราบแล้วยอมรับ กับการทราบแล้ววางเฉย ย่อมให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง


ระหว่างสองน้าหลานเงียบกันไป ฝั่งหนึ่งคือหลานชายตัวแสบที่หิ้วรังนกมากระเช้าโตและไม่รู้จะเริ่มต้นพูดอย่างไรดี อีกฝั่งคือน้าสาวผู้มีชนักปักหลัง เพราะเป็นฝ่ายออกปากกีดกันหลานชายกับลูกเลี้ยงเอง


“น้าภา/จิณ...” แล้วจู่ๆ คนที่ไม่รู้จะคุยอะไรกันดีก็เอ่ยปากขึ้นมาพร้อมกัน แล้วพอเรียกชื่อกันและกันออกมา ก็พาเอาชะงักไปทั้งคู่ และคราวนี้เป็นฝ่ายจิณณะที่ตัดสินใจเอ่ยขึ้นมาก่อน


“ผมเข้าไปได้ไหม” เป็นการขออนุญาตที่มีความนัย จิดาภาเองก็รู้ดีว่าคำถามนี้ไม่ใช่แค่การขอเข้ามายืนในครัวกับหล่อน แต่เขาขอ...เพื่อกลับเข้ามาเป็นหลานชายที่หล่อนเอ็นดูอีกครั้ง


ต่อให้จะโกรธสักเท่าไร ต่อให้จะเจ็บปวดสักเท่าไร แต่คนตรงหน้าก็เป็นหลาน เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขคนหนึ่งที่เห็นมาตั้งแต่แรกเกิด แม้จะไม่มีโอกาสได้เลี้ยงดูจิณณะเหมือนที่เลี้ยงดูพิทักษ์และทิวากร แต่หล่อนก็เห็นพัฒนาการของเขาตลอดมา


จากเด็กชายตัวน้อยจอมซุกซน เติบโตเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นแสนทโมน และเวลานี้เขาคือชายหนุ่มเต็มตัวที่...อาจจะยังแสบสัน แต่...เขาก็ยังเป็นหลานชายที่หล่อนรักและเอ็นดู


สายเลือดตัดกันไม่ขาด จิดาภาเข้าใจคำนี้เป็นอย่างดี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2019 19:38:13 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
“เข้ามาสิ” หล่อนตอบ พลางยิ้มจาง จิณณะก้าวเท้าเข้าไปในครัว พอเห็นกระเช้ารังนกในมือหลานชายเต็มตา คนเป็นน้าก็ได้แต่ส่ายหัว


“ทิศปล่อยให้ซื้อได้ยังไง เยอะขนาดนี้”


“ก็ซื้อตอนพี่ทิศไม่เห็นสิครับ” หลานตัวแสบตอบแล้วยักไหล่ ทำหน้านิ่วเล็กน้อยตอนยกขึ้นไปวางบนโต๊ะ กระเช้ารังนกที่ใหญ่ที่สุดในร้านมันใหญ่เกินไปจริงๆนั่นล่ะ แต่ถ้าซื้อกระเช้าเล็ก มันจะสมศักดิ์ศรีการมาฝากเนื้อฝากตัวในฐานะ...เอ่อ...คนรักของพิทักษ์ได้อย่างไร


“เยอะขนาดนี้ สงสัยต้องเอาไปแจกคนบ้าง หรือน้าเอามาทำรังนกนมสดดีไหม เอากลับไปฝากพี่ยาด้วย คุณกอบอีกล่ะ แกทานได้ไหม ไม่อย่างนั้นน้าจะทำแยกไป ถ้าจะทานใส่นมสดก็ค่อยใส่...”


“น้าภายังโกรธผมอยู่ไหม” จิณณะถามโพล่ง ขัดบทพูดทั้งหมดของจิดาภา เขารู้ว่าสิ่งที่หล่อนพูดก็เพื่อให้บรรยากาศระหว่างพวกเขาสองน้าหลานดีขึ้น แต่มันไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย เขารู้ว่าหล่อนพยายาม แต่...เราเป็นน้าหลานกัน จำเป็นต้องพยายามมากถึงเพียงนั้นเพื่อให้ความสัมพันธ์ของพวกเราดีขึ้นอย่างนั้นหรือ


จิดาภาเงียบไปในทันที ก่อนจะหันมองหลานชาย แววตาของหล่อนยังเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย จะว่าโกรธก็โกรธ แต่โกรธใครหล่อนเองก็ไม่แน่ใจ โกรธตนเองเป็นคนกลางทำให้จิณณะและพิทักษ์รู้จักกัน โกรธจิณณะที่เป็นสาเหตุหนึ่งให้พิทักษ์เจ็บตัว โกรธพิทักษ์ที่รักชีวิตจิณณะมากกว่าชีวิตตนเอง แต่ถึงจะโกรธ หล่อนก็รักทั้งพิทักษ์และจิณณะ หล่อนรักพวกเขาไม่ว่าพวกเขาจะเป็นเพียงลูกเลี้ยงหรือเป็นเพียงหลาน หล่อนรักพวกเขาแม้ว่าพวกเขาจะทำให้หล่อนกระวนกระวายด้วยความเป็นห่วงหรือเสียใจเพราะถูกปิดบัง หล่อนรักพวกเขา...รักและหวังให้พวกเขามีแต่ความสุข


“ผมขอโทษ...” จิณณะคนมุ่งมั่นเวลานี้กลับคอตกเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด


“จิณขอโทษน้าเรื่องอะไร”


“เรื่อง...ที่ผมปิดบังทั้งหมด ที่ทำให้พี่ทิศถูกยิง แล้วก็...ที่ไม่ทำตามสัญญา...” จิดาภามองหลานชายร่างสูงตรงหน้า เหมือนเห็นภาพซ้อนเป็นเด็กชายจิณณะที่สูงแค่เอวหล่อนยืนก้มหน้าสำนึกผิดเพราะแอบเด็ดดอกไม้ในสวนโดยไม่ขออนุญาต


“ตอนเด็กๆ จิณมาที่นี่บ่อยๆ จำได้ไหม” ความทรงจำยามยังเล็กนั้นเลือนรางสำหรับจิณณะ แต่สำหรับจิดาภา หล่อนจำได้ไม่ลืม ยามพูดถึงจึงปรากฏรอยยิ้มที่มุมปาก


“ตอนนั้น น้าเพิ่งแต่งงานกับคุณทศ มัน...ค่อนข้างกระท่อนกระแท่น...”


อันที่จริงต้องเรียกว่า ‘ร่อแร่’ ทศพรไม่ใช่ชายหนุ่มตัวเปล่า หนำซ้ำยังอายุมากกว่าหล่อนเกือบสิบปี ฝั่งครอบครัวของเขานั้นไม่เท่าไรเพราะเสียบุพการีไปนานแล้ว เหลือเพียงพี่ชายอีกสองคนที่ให้อิสระแก่กัน แต่ฝั่งครอบครัวภรรยาเก่านั้นค่อนข้างตั้งแง่กับหล่อน ลูกติดทั้งสองคนของทศพรก็ยังเด็ก เมื่อจู่ๆมีแม่ใหม่ การต่อต้านจึงเกิดขึ้น ไหนจะบิดามารดาของหล่อนเองก็ล้วนไม่พอใจที่หญิงสาวโสดอย่างจิดาภาซึ่งมีตัวเลือกมากมายแต่ดันตกลงปลงใจอยู่กินกับผู้ชายมีพันธะ


ชีวิตคู่ไม่ใช่เรื่องของสองสามีภรรยา แต่มีปัจจัยอีกมากมายที่วนเวียนเข้ามาจุดชนวนขัดแย้ง จิดาภาในยามนั้นต้องรับมือทุกด้านจนแทบเอาตัวเอาใจไม่รอด หวุดหวิดจะเลิกกับสามีหลายครั้ง โชคยังดีที่จรรยาแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนถามไถ่อยู่เสมอ และมักพาจิณณะและจารีตมาเที่ยวเล่นที่นี่ด้วย


“ตอนนั้นจิณยังตัวเท่านี้...” จิดาภาพูดแล้ววางมือลงเทียบกับเอวของหล่อน พลางยิ้มจางราวกับเห็นเด็กชายจิณณะที่ตัวเท่านี้ยืนอยู่ข้างกายหล่อน “...วิ่งไปทั่วทั้งบ้าน มีวันหนึ่งไปเด็ดดอกไม้มาให้น้า ถามไปถามมาถึงได้รู้ว่าเด็ดมาจากต้นไม้ที่คุณทศรักมาก”


จิณณะหน้าเสีย เขาลืมเหตุการณ์เหล่านั้นไปแล้ว แต่เมื่อน้าสาวพูดขึ้นมาก็เหมือนจำได้เลาๆว่าเขาทำเช่นนั้นจริง และครั้งนั้น...จิดาภาโกรธมาก


“วันนั้น น้าภาโกรธ...” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแผ่ว


“ใช่...แต่จิณจำได้ไหมว่าจิณเด็ดดอกไม้มาให้น้าเพราะอะไร”


จิณณะนิ่งไปเล็กน้อย พยายามทบทวนหาสาเหตุว่าเพราะอะไรเขาถึงมือบอนไปเด็ดดอกไม้จากในสวนบ้านคนอื่น ชายหนุ่มจำได้ดีว่าตอนยังเด็กตนเองทั้งซนทั้งทโมน อาจจะไม่มีเหตุผลอะไรเลยก็ได้ แค่เพียงอยากทำก็เท่านั้น


“...จิณเด็ดมาให้น้า เพราะวันนั้นจิณเห็นน้าร้องไห้...”


“...น้ามีปัญหากับทิศและทิว พวกเขาไม่อยากให้พ่อมีภรรยาใหม่ น้าเจอฤทธิ์ของทิศทุกวัน ทำอะไรให้เท่าไรก็ไม่ยอมรับ เรียกน้าว่าแม่เลี้ยงใจร้ายบ้าง แกล้งเอาแมลงมาโยนบนโต๊ะอาหารบ้าง น้าไปรับที่โรงเรียนก็ไม่ยอมกลับ ร้องโวยวายว่าน้าเป็นคนขโมยเด็กขึ้นรถตู้บ้าง เดือดร้อนต้องตามคุณทศมาที่โรงเรียน ไหนจะคุณตาคุณยายอีก วันนั้น...น้าจำได้ว่าพอเจอหน้าแม่ของจิณ น้าก็ร้องไห้อย่างเดียวเลย...”


คุณตาคุณยายที่ว่าก็คือบุพการีของจรรยาและจิดาภาซึ่งมีศักดิ์เป็นตายายของจิณณะ แม้เวลานี้ทั้งสองจะไม่อยู่แล้ว แต่ชายหนุ่มก็พอจะจำได้ว่าทั้งคุณตาคุณยายมักจะทำหน้าไม่สบอารมณ์ยามพูดถึงจิดาภาในทำนองว่าหล่อนแต่งงานกับพ่อหม้ายลูกติด


“จิณเห็นน้าร้องไห้ ก็เลยไปเด็ดดอกไม้มาให้ พอเห็นดอกไม้ น้าก็แทบจะร้องไห้หนักกว่าเก่า เพราะเป็นดอกไม้จากต้นที่คุณทศรักมาก” จิดาภาพูดแล้วหัวเราะเบาๆ นึกขันกับเหตุการณ์ในความทรงจำ แม้ว่าวันนั้นจะไม่มีอารมณ์ขันเลยสักนิดเดียว ไหนจะปัญหาคาราคาซังกับลูกเลี้ยง ยังมาเจอปัญหาใหม่คือหลานชายตัวแสบไปแตะต้องต้นไม้สุดที่รักของสามีอีก


“แล้ว...น้าภาทำยังไง...”


“น้าทำเรื่องที่แย่มากๆ...” จิดาภาพูด มองสบเข้าไปในดวงตาของหลานชาย “...น้าปล่อยให้แม่ของจิณตีจิณต่อหน้าน้า มือของจิณแดงเถือก แถมร้องไห้ดังลั่น แต่น้าไม่ห้ามสักคำ...”


วันนี้ มือของจิณณะไม่ได้แดงเถือกอย่างวันนั้นแล้ว ไม่มีรอยแผลใดๆ ไม่มีแม้แต่ความทรงจำว่าเขาเคยถูกตีเพราะเรื่องนั้น แต่สิ่งที่หลงเหลือกลับแย่ยิ่งกว่า


จิณณะจำได้ว่าเคยถูกจิดาภาโกรธเพราะเด็ดดอกไม้มาให้หล่อน แต่เขากลับจำไม่ได้ว่าความตั้งใจแรกเริ่มที่ทำให้เขาเด็ดดอกไม้ดอกนั้นคืออะไร


ความหวังดีของเด็กชายคนหนึ่ง ความไม่รู้อิโหน่อิเหน่ของเด็กตัวน้อยๆคนหนึ่ง ถูกลบออกไปแล้วเหลือเพียงความรู้สึกผิด


“แต่ผมก็ผิดจริง...”


“แต่น้าก็ควรจะห้าม ทั้งๆที่จิณตั้งใจจะปลอบน้า จิณหวังดี จิณไม่ควรถูกตีด้วยความไม่รู้” ในดวงตาของจิดาภาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด จนชายหนุ่มยังใจหาย เขาจับมือน้าสาวเอาไว้แล้วบีบเบาๆ


“ช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้วน้าภา ผมเองก็จำไม่ได้แล้ว”


“แต่จิณก็ยังจำได้ว่าน้าโกรธ...”


ความโกรธเคืองที่จิดาภามีต่อเด็กชายจิณณะในวัยเด็ก กลายเป็นความทรงจำที่หลงเหลือ อานุภาพของมันรุนแรงเพียงใดก็วัดเอาจากที่จิณณะในวันนี้ลืมทั้งสาเหตุของความโกรธ ลืมทั้งเรื่องหลังจากถูกโกรธ จำได้เพียงความโกรธของจิดาภาอย่างเดียวเท่านั้น


“...แล้วอีกสิบปี อีกยี่สิบปีข้างหน้า จิณจะจำเรื่องที่น้าโกรธวันนี้เหมือนกันไหม...จำได้แต่ความโกรธของน้า” จิณณะเงียบ พูดไม่ออก


“...น้าขอโทษนะจิณ” จิณณะตะลึงงันอย่างคาดไม่ถึง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพูดคำนี้


“ทั้งๆที่...เรื่องนี้มันมีอีกตั้งหลายอย่าง เรื่องที่จริงๆแล้วคุณกอบเป็นห่วงจิณ เรื่องที่ทิศปกป้องจิณ เรื่องที่จิณทำเพื่อทิศ ไหนจะความรู้สึกของทิศกับจิณอีก น้าไม่ควรเอาความโกรธของน้ามาทำลายความรู้สึกของทุกคน ยกโทษให้น้าได้ไหม...ยกโทษให้น้าที่น้าไม่เป็นผู้ใหญ่ ทำให้จิณต้องเสียใจ ทำให้ทิศกับจิณเกือบจะต้อง...แยกกันไป...” แววเสียใจล้นเอ่อในดวงตาของคนพูดจนแทบจะกลั่นเป็นหยดน้ำตา จิณณะสะท้อนไปทั้งใจ ได้แต่บีบมือหล่อน


“ผมจะยกโทษให้น้าภาได้ยังไง ในเมื่อผมไม่เคยโกรธน้าภาเลย”


“ถ้าอย่างนั้น...อย่าจำความโกรธของน้าเลยนะ...”


“ครับ ผมไม่จำแล้ว น้าภาอย่าร้องไห้เลย เดี๋ยวผมไปเด็ดดอกไม้มาให้อีก คราวนี้จะยุ่งไปกันใหญ่” จิดาภาหัวเราะเบาๆ ตีลงกับไหล่หลานชายตัวแสบไปที


“ไม่ต้องเอาดอกไม้มาให้น้าแล้ว แค่กระเช้ารังนกก็ยังไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงเลย ซื้อมาได้ยังไงเยอะขนาดนี้”


“รู้แล้วว่าพี่ทิศบ่นเก่งเหมือนใคร เอ้อ...หมูทอดตะไคร้จะเย็นหมดแล้ว ผมขอชิมสักชิ้นได้ไหม” เขาเปรยกับตัวเอง ก่อนจะรีบปลีกตัวไปยังจานหมูทอดที่วางอยู่ไม่ไกล พอเห็นจิดาภาพยักหน้าอนุญาต ก็หยิบขึ้นมาพลิกซ้ายพลิกขวาแล้วยัดเข้าปาก หมูสับปรุงรสผสมตะไคร้แล้วปั้นเป็นก้อนก่อนลงทอดยังคงให้สัมผัสกรอบนอกนุ่มใน รสกลมกล่อมหอมกลิ่นตะไคร้เหมือนที่ทานสมัยเด็กๆ ทว่าก่อนจะได้หันกลับไปชมคนทำ เสียงของน้าสาวก็ดังขึ้นมาเสียก่อน


“จิณ...จำไม่ได้ใช่ไหมว่าหลังจากถูกตีตอนนั้นแล้ว เกิดอะไรขึ้น”


จิณณะกะพริบตาปริบๆ หันมามองอย่างงุนงง


จิดาภายิ้มจางอ่อนโยน


“จิณเจอทิศครั้งแรกวันนั้น...”


“เจอพี่ทิศ?”


“ใช่ เจอกันวันแรก...ทะเลาะกันด้วย แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็ดีขึ้น จิณ...เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทิศยอมรับน้าในฐานะแม่อีกคนของเขา...”


หากจะบอกว่าชะตาลิขิตก็คงเป็นเช่นนั้น จิดาภาที่ใกล้จะถอดใจกับการสร้างครอบครัวร่วมกับพ่อหม้ายลูกติด กลับได้รับความช่วยเหลือจากหลานชายตัวเเสบ ไม่ว่าเขาจะรู้ตัวหรือไม่ แต่เขาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หล่อนได้รับการยอมรับ เขาสร้างกำลังใจในวันที่หล่อนอ่อนแอ วันที่หล่อนเกือบจะทอดทิ้งความรัก เขาช่วยฉุดรั้งหล่อนเอาไว้ มาวันนี้...หล่อนก็ไม่สมควรกีดกันความรักของเขาเช่นกัน


“จิณทำให้น้าได้ลูกชายมาสองคน วันนี้...น้าจะยกลูกชายหนึ่งคนของน้าให้จิณดูแลต่อ จิณจะรับไหม”


จิณณะตาค้างอย่างคาดไม่ถึง ทว่าสีหน้าอ่อนโยนของจิดาภานั้นไม่มีแววล้อเล่นเลยแม้สักเสี้ยวเดียว


“ลูกชายของน้าคนนี้ เป็นคนดี จริงใจ รักใครรักจริง และพร้อมจะปกป้องคนที่เขารักด้วยทั้งหมดที่เขามี เขาอาจจะดุไปบ้าง ขี้บ่นไปหน่อย พูดน้อยไปนิด...”


“รับครับ! รับ! รับแบบจะไม่เอามารีฟันด์แน่นอนครับ!” ไม่ต้องรอให้น้าสาวพูดจบ จิณณะก็รีบละล่ำละลักรับคำทันที จิดาภาหัวเราะเบาๆ


“ถ้าอย่างนั้นต้องทำตามที่รับปากน้าเอาไว้ จะไม่ทำให้ทิศลำบาก แต่ถ้าเมื่อไรที่เผลอทำให้ลำบาก จิณต้องไม่ทิ้งเขา... อย่าทิ้งทิศไปอีกนะ”


“ครับ ผมสัญญา”


เป็นสัญญาที่จิณณะไม่มีเรื่องซ่อนเร้น ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง และไร้เงื่อนไข


เป็นสัญญาที่ยอมรับด้วยความรู้สึกของหัวใจ ด้วยร่างกาย ด้วยลมหายใจ


เขาจะรักษามัน...จนวาระสุดท้ายของชีวิต


‘จะไม่ทิ้งพี่ทิศไปไหนอีกแล้ว’

…………………….


คุณกอบกุลเป็นคนมีบุญ มีบุญในที่นี้หมายถึงหากความลับใดๆที่ใครๆไม่อยากให้หล่อนรู้ ก็มีเหตุให้หล่อนต้องได้รู้


 เรื่องจิณณะไปพบจิดาภาไม่ใช่ความลับอะไรก็จริง แต่โกศลและจรรยาก็ไม่คิดจะบอกมารดา ทว่าการที่ทั้งสองอยู่บ้านพร้อมหน้าทำให้จู่ๆคุณกอบกุลเกิดนึกอยากจะชวนมาร่วมโต๊ะอาหารด้วย จรรยากำลังรอข่าวลูกชายด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ พอถูกคุณกอบกุลเรียกไปพบกะทันหัน สีหน้าจึงยิ่งปิดไม่มิด


แล้วคนมีบุญพ่วงด้วยประสบการณ์ มีหรือจะดูไม่ออก


“เป็นอะไร สีหน้าไม่ดี ถ้าไม่สบายก็รีบไปหาหมอ อย่าปล่อยไว้ จะยิ่งเป็นหนัก”


ประโยคเหมือนห่วงใย อันที่จริงก็คือห่วงใย แต่น้ำเสียงแข็งกร้าวยิ่งทำให้จรรยาหน้าเสียอึกอักหนักกว่าเดิม หล่อนเหลือบมองสามีที่นั่งอยู่ข้างกาย โกศลเองก็เป็นกังวลเรื่องบุตรชายคนโตไม่ต่างกัน หนำซ้ำยังถูกเรียกมาร่วมโต๊ะกับมารดาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอย่างนี้อีก ก็ยิ่งพานให้เก็บสีหน้าไม่อยู่


“แล้ววันนี้แกไม่มีงานหรือ” ห่วงใยลูกสะใภ้แล้วก็หันไปถามลูกชายต่อ แม้จะวางมือจากธุรกิจแล้ว แต่เรื่องเจ้ากี้เจ้าการขอให้วางใจคุณกอบกุล วันนี้เป็นวันทำงาน แต่โกศลกลับหยุดอยู่บ้าน แต่เวลานี้โกศลได้จิณณะมาช่วยงานแล้ว หากจะปล่อยให้ลูกชายคนโตบริหารจัดการด้วยตนเองก็ไม่แปลกนัก


“แต่หยุดบ้างก็ดี จะได้ให้ลูกแกมันเรียนรู้ว่าถ้าไม่มีพ่อมันอยู่ข้างๆ มันจะทำอะไรได้บ้าง”


พอพูดคำว่า ‘ลูกแก’ ขึ้นมา ทั้งโกศลและจรรยาก็ยิ่งพลอยกินไม่ลงหนักกว่าเดิม ท่าทางของสองสามีภรรยาอยู่ในสายตาจับผิดของหญิงชราอยู่แล้ว คุณกอบกุลจึงฟันธงฉับว่าการที่โกศลหยุดอยู่บ้าน และสีหน้าไม่ดีของจรรยาย่อมต้องเกี่ยวข้องกับจิณณะแน่นอน


 “หรือลูกแกก็ไม่ไปทำงาน มันไปไหน?!” หญิงชราถามเสียงแข็ง หากเป็นหลานคนอื่น น้ำเสียงของหล่อนอาจแฝงด้วยแววห่วงใยกว่านี้ แต่ด้วยสถานะหลานนอกคอกของจิณณะ ย่อมต้องได้รับน้ำเสียงค่อนข้างพิเศษจากคุณกอบกุล


หล่อนไม่เพียงตั้งคำถามอย่างเกรี้ยวกราด แต่ยังจ้องอย่างคาดคั้น และแน่นอนว่าสองสามีภรรยาย่อมไม่อาจปิดปากเงียบได้อีกแล้ว


“จิณ...ไปบ้านของทิศครับ”


คำว่า ‘บ้านของทิศ’ ไม่ได้หมายถึงบ้านของพิทักษ์ที่พวกเขาอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่หมายถึงบ้านที่เป็นครอบครัว อันประกอบด้วยบิดาและมารดาเลี้ยง


ฝั่งบิดาของพิทักษ์นั้นไม่เท่าไร แต่ที่ทำให้คุณกอบกุลขมวดคิ้วฉับคือมารดาเลี้ยงของชายหนุ่มต่างหาก


จิดาภาแม้จะเป็นน้าสาวแท้ๆของจิณณะ แต่ก็เป็นคนขัดขวางจิณณะและพิทักษ์เช่นกัน หากไม่ใช่เพราะคุณกอบกุลบุกไปสั่งสอน วันนี้ทั้งจิณณะและพิทักษ์คงระหกระเหินแยกย้ายกันไปคนละทางสองทาง


“ไปทำไม?!” แม้เวลานี้จิดาภาจะไม่กีดกันอีกแล้ว แต่คุณกอบกุลไม่วางใจ ประสบการณ์ที่สั่งสมสอนให้มองโลกในแง่ร้ายเอาไว้ก่อน แต่หากมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นจริง ก็อย่าหวังว่า ‘บ้านของพิทักษ์’ จะอยู่กันอย่างสงบ


“เห็นจิณบอกว่าจะไปคุยกับภาค่ะ...” จรรยากล่าวเสียงแหบแห้ง ใจคอก็ฝ่อจะแย่เพราะยังไม่ได้ข่าวอะไรจากลูกชาย ไหนจะมาถูกมารดาของสามีจี้ถามอย่างนี้อีก หล่อนเป็นทั้งลูกสะใภ้ของคุณกอบกุล เป็นทั้งมารดาของจิณณะ และยังเป็นพี่สาวของจิดาภา สถานะสามขาเช่นนี้ ทำเอากลืนไม่เข้าคายไม่ออก


“แล้วทำไมไม่มีใครบอกฉันสักคน! นี่พวกแกเห็นฉันตายไปแล้วรึไง?! ทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาไม่เห็นหัวฉันเป็นครั้งที่เท่าไรแล้ว?!”


“เอ่อ...หลานแค่ไปพบเองครับคุณแม่ แล้วทิศก็ไปด้วย อีกอย่าง...ภาก็เป็นน้า...” โกศลตะล่อมด้วยน้ำเสียงปลอบประโลม ตกใจเล็กน้อยที่เห็นมารดาของขึ้นแค่เพียงเพราะจิณณะไปพบครอบครัวของพิทักษ์โดยไม่บอกกล่าว แต่หากจะไม่บอกก็ไม่น่าจะผิดมากมายจนถึงขั้นต้องทำหน้าตาทมึงทึงไม่ใช่หรือ ในเมื่อทางฝั่งครอบครัวของพิทักษ์ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล


“ไปพบแต่ตัวเปล่าๆ! แกคิดว่าตอนนี้ลูกแกมีอะไรเชิดหน้าชูตาได้ถึงจะไปพบครอบครัวของพิทักษ์! เงินทองของมันก็เอาไปลงกับเรื่องคดีหมดแล้ว นอกจากนามสกุลฉัน ก็ไม่อะไรเหลือติดตัวสักอย่าง! มีแต่เปลือกแล้วยังจะมีหน้าไปพบคนอื่น!” คุณกอบกุลบ่นหน้าตาไม่สบอารมณ์ โกศลและจรรยาลอบมองหน้ากันด้วยไม่เข้าใจในความคิดอ่านของผู้เป็นมารดานัก


หล่อนพูดราวกับเป็นห่วงหน้าตาของจิณณะ แม้เวลานี้เขาจะมีฐานะเป็นหลานไฮโซตระกูลวงศ์กีรติเช่นเดิม และมีตำแหน่งหน้าที่การงานระดับผู้บริหารในธุรกิจของครอบครัว แต่คนใกล้ชิดย่อมรู้ดีว่านอกจากเงินเดือนที่ได้รับแล้ว มรดกพัสถานใดๆของเขาล้วนถูกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาใช้ในคดีของไพศาล เดือดร้อนให้คุณกอบกุลต้องวิ่งเต้นไปกวาดซื้อกลับมา


แต่...คุณกอบกุลน่ะหรือเป็นห่วงจิณณะ


จะว่าไป...คราวก่อนก็คุณกอบกุลคนนี้เช่นกันที่ส่งคนตามดูแลความปลอดภัยให้จิณณะ


บางทีหล่อนอาจจะห่วงหลานชายจริง แต่ก็อย่างที่รู้กันดี ให้หล่อนพูดว่าห่วงยังยากกว่าให้หยุดขวนขวายหาผลประโยชน์เสียอีก


“เอาเถอะ! คราวนี้มันเสนอหน้าไปคนเดียวก็เรื่องของมัน! แกสองคนไปจัดการนัดครอบครัวของพิทักษ์ให้มาพบฉันเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ต้องมีเถ้าก่งเถ้าแก่หรอกนะ! เอาแค่พอเป็นพิธี!”


“ถ...เถ้าแก่? คุณแม่หมายถึงอะไรครับ”


คุณกอบกุลถลึงตาใส่ลูกชายคนเล็ก ขัดใจหลานชายนอกคอกก็คนหนึ่งแล้ว ตอนนี้ก็ชักขัดใจลูกชายคนเล็กเช่นเดียวกัน


“ก็หมายถึงสู่ขอน่ะสิ! แกคิดจะปล่อยให้ลูกแกไปอยู่กินกับเขาเงียบๆอย่างนั้นหรือ ลูกแกไม่ใช่คนไม่มีพ่อไม่มีแม่ จะย้ายไปอยู่กับใครก็ทำได้ตามใจชอบ วันนี้ฉันยังนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้! ถ้ามันจะไปอยู่กับใคร ทางนั้นต้องรับรู้ว่าฉันรู้เห็น!”


หรืออีกนัยหนึ่งคือทางนั้นต้องเกรงใจฉัน หากคิดจะสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้ลูกหลานคนใดของคุณกอบกุลในยามที่หล่อนยังมีลมหายใจ ก็จงตระหนักให้มากว่าหญิงชราผู้นี้ยังมีพิษสงร้ายกาจ หรือต่อให้หล่อนจะจากโลกนี้ไป หากดวงวิญญาณยังอยู่ ก็อย่าได้หวังว่าจะมีใครทำร้ายตระกูลวงศ์กีรติและธุรกิจของวงศ์กีรติได้เลย


คุณกอบกุลแน่วแน่ว่าหล่อนจะสู้จนลมหายใจสุดท้าย ต่อให้ตายเป็นผีก็จะเฮี้ยนจนกว่าจะลากคนที่คิดร้ายกับวงศ์กีรติลงนรกไปพร้อมกับหล่อนได้


“แล้วเรื่องที่ลูกแกไปพบบ้านพิทักษ์วันนี้ได้ความว่ายังไงมารายงานฉันด้วย เข้าใจรึเปล่า?!” หญิงชราสั่งทิ้งท้าย นึกฉุนกับครอบครัวลูกชายคนเล็กที่ขยันสร้างเรื่องโดยไม่บอกกล่าวหล่อนล่วงหน้า จนหมดอารมณ์จะรับประทานอาหารต่อจึงหันไปเรียกคนรับใช้ให้ตามเลขานุการส่วนตัวมาพบ ไม่เกินอึดใจนาตยาก็รีบก้าวเท้าไวๆเข้ามารับคำสั่ง


“ฉันต้องการพบท่านนครเป็นการส่วนตัว ติดต่อเลขาฯท่านให้ที แล้วช่วยหาโรงแรมไว้ให้สัก 2-3 ที่มาให้ฉันเลือก จะจัดงานเลี้ยง ขั้นต่ำแขกห้าร้อยคน” พอพูดถึงการจัดงานเลี้ยงแล้ว หล่อนก็ปรายสายตามามองลูกชายและสะใภ้


“พวกแกจะเชิญแขกสักกี่ร้อยก็มาบอกนาตยาแล้วกัน”


“ม...หมายถึง...”


“หมายถึงเรื่องลูกแกกับพิทักษ์น่ะสิ! เข้าใจยากตรงไหน?!”


“เชิญแขกด้วยหรือครับ?! ไหนคุณแม่บอกว่า...แค่พอเป็นพิธี...” แม้จะไม่ขัดขวางลูกชาย แต่จะให้ถึงขั้นจัดงานเลี้ยงเชิญแขกเป็นร้อย โกศลก็ยังรู้สึกกระดาก ทว่าคนไม่กระดากคือมารดาวัย 72 ปี


“ก็พิธีน่ะสิ! ฉันคุยกับบ้านของพิทักษ์ก็พิธีหนึ่ง ส่วนนี่อีกพิธี!”


“อ...อีก...อีกพิธี? เอ่อ...คุณแม่หมายถึง...” โกศลหายใจลำบาก นึกคำพูดให้ครอบคลุมแต่ไม่ประเจิดประเจ้อไม่ออก แต่ที่คิดออกคำเดียวในสมองก็มีแค่อย่างเดียวเท่านั้น


พิธีอะไรเล่าที่เกี่ยวกับคนสองคนจะผูกสมัครรักใคร่


พิธีอะไรเล่าที่จะต้องมีแขกมาร่วมงานเป็นที่รับรู้ของสังคม


...พิธีแต่งงาน...


หากพิทักษ์หรือจิณณะสักคนเป็นหญิง พิธีแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะพูดถึง แต่นี่...


แม้โกศลจะทำใจยอมรับ แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะพูดออกมาได้ง่ายดายนัก


“หรือแกจะปล่อยให้ลูกแกอยู่กินกับเขาเงียบๆ วันไหนถูกทิ้งขึ้นมา พอดีไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน!” ประเด็นหลักคือกังวลว่าจิณณะอาจถูกทิ้งไม่วันใดก็วันหนึ่ง แต่อีกประเด็นที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันก็คือ ‘ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน’ อย่างน้อยตอนที่น้ำต้มผักยังหวาน ก็ต้องผูกมัดสร้างพันธะ หากวันใดวันหนึ่งความรักจืดจาง หมดสิ้นแม้แต่ความเสน่หาแล้ว หลานชายของคุณกอบกุลต้องไม่เหลือเพียงตัวเปล่าๆ


“ต...แต่...แต่ทางนั้นจะยอมหรือครับ เอ่อ...แขกตั้ง 500 คน...” ให้อย่างไร ทั้งจิณณะและพิทักษ์ก็เป็นผู้ชาย ความสัมพันธ์อย่างนั้น แค่เป็นไปอย่างเงียบๆ ยังถูกพูดถึงในเชิงหยอกล้อไม่เว้นแต่ละวัน แม้จะไม่เข้าหูโกศลทุกวัน แต่เขาก็รับรู้สายตาของสังคมที่เพ่งมาอย่างกับเป็นเรื่องตลก ทั้งๆที่มันไม่ใช่เรื่องตลกเลย ความสัมพันธ์ของจิณณะและพิทักษ์ไม่ต่างจากความสัมพันธ์ของชายหญิง แต่ก็อย่างที่กล่าว...หากไม่ใช่เรื่องของคนของตนเอง ก็ไม่อาจทำความเข้าใจได้ง่ายอย่างนี้


“ใครไม่ยอม ฉันจะจัดการเอง! อยากรู้เหมือนกันว่าจะมีใครหน้าไหนกล้าไม่ยอมไหม!”


แน่นอนว่านี่ไม่ใช่คำถามแต่เป็นคำขู่ หากมีใครไม่ยอม จะได้พบคุณกอบกุล!


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

คุณกอบกุลเนี่ย เป็นคาแรกเตอร์ที่เวลาเขียนแล้วมันมือมากจริงๆค่ะ มีความบ้าอำนาจ เงินฟาดหัว เอาแต่พวกตัว ผลประโยชน์ตน ทุกอย่างของคุณกอบคือดีสำหรับพรรคพวกตัวเอง และจะชั่วร้ายทันทีถ้าเราเป็นคนอื่น (ซึ่งจริงๆเราก็เป็นคนอื่น ฮ่าฮ่า)

จิณณะถอดแบบมาจากคุณกอบกุลเกือบจะเปี๊ยบ ยังดีอยู่บ้างตรงที่ไม่ได้ชั่วกับคนอื่นซะทีเดียว แต่ก็อย่ามาทำร้ายพี่ทิศของจิณแล้วกัน มิเช่นนั้นจะได้เห็นดีกันแบบที่ไพศาลเจอ (นี่ก็ผัวข้า ใครอย่าแตะ ฮ่าฮ่า)

สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป อาจจะมาลงได้ดึกๆเหมือนก่อนหน้านี้ เพราะเปิดเทอมแล้วค่ะ (บอกแล้วว่าปิดเทอมของบัวมันจอมปลอมมากจริงๆค่ะ T.T)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และทุกกำลังใจ ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

เจอกันพฤหัสหน้า

ป.ล.พาร์ทที่แล้ว พระเอกทำหน้าที่พระเอกแล้วเนอะ พาร์ทนี้พระเอกก็เลย...ถอยไปเป็นตัวประกอบอีกแล้วค่ะ ฮ่าฮ่า

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-06-2019 19:54:23 โดย Dezair »

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ความรักความเข้าใจจากคนในครอบครัวนี่สำคัญต่อชีวิตมากนะครอบครัวมีความสุขชีวิตก็มีสุขตาม

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
คุณย่าใจเย็นค่าาาา กลัวล๊าวววววววว
อารมณ์คือชั้นจะจัดงานให้หลานชั้นซะอย่าง ใครจะทำไม

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
5555 ตลกคุณยายอะ สุดมากกก


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
โอ้ยยยย คุณย่ากอบนี้คือสุดจัดดดด o13

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
คุณย่าาาาา ห่วงก็พูดว่าห่วงสิ โอยยย ฮามากก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Zinub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0
โอ้วว คุณกอบกุลได้ดั่งใจมาก

 :m4: :m4:  o13

ออฟไลน์ omuya

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2023
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-9
และนี้ก็คืออออ คุณย่าปากแข็งแห่งปี 55555555

พิธีเล็กๆ แขกแค่ 500 เองงงง

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
คุณกอบอย่างเจ๋ง 5555

ออฟไลน์ kingkongkaew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ยอมคุณกอบกุลเลย เยี่ยมจริงๆ

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
คุณกอบกุล มองเกมขาดมาก ฟันธงตำแหน่งได้อย่างไม่ลังเล รู้ด้วยว่าทางโน้นต้องเป็นคนมาสู่ขอ เอ๊ะทำไมมีแค่จิณณะที่ยังงงๆกับตำแหน่งตัวเองนะ 55555

ออฟไลน์ ขอบฟ้าสีจาง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คุณย่าฟาดมากค่ะ  ถึงจะหลานนอกคอกแต่ก็ขึ้นชื่อว่าหลาน ตระกูลข้า  ใครห้ามแตะสินะคะ  :laugh:
ส่วนคุณน้าภากับน้องจิณไม่มีปัญหาแม่สามีลูกสะใภ้แล้วสินะ  :mew3:

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
น้ำตาซึมเลยทีเดียว ตอนน้าหลานเขาคุยกัน
ความทรงจำที่เรามีต่อกันสำคัญเนาะ
ในตอนนั้นแม่ภาเป็นน้าที่น่ารักมากเลย คอยตะล่อม คอยสร้างความมั่นใจเรื่องกินให้หลาน

เรื่องครอบครัวไม่ใช่เรื่องของคนสองคนจริงๆ
แต่มันคือเรื่องของคนสองครอบครัวที่มาอยู่ด้วยกัน และยิ่งซับซ้อนขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่งเคยสร้างครอบครัวมาแล้ว...แม่ภานี่เจอความแอดวานซ์ตลอด ^^"

คุณย่าสายซึน ปากแข็งเก่ง~~~
เป็นห่วงน่ะใช่ แต่คุณย่าเข้าใจสถานะของน้องจิณจริงๆ ใช่มั้ยคะ
จะจัดงานแต่งให้ ถามหลานนิดนึงเนาะ

นี่ว่า...ต้องมีการปะหน้ากันระหว่างคุณย่ากะพี่ทิศ ฮา~~~

ออฟไลน์ Kiseri

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คุณย่านี่สุดๆไปเลย
พร้อมบวกตลอด55555
แขก500คนมันก็เยอะอยู่นาคุณย่า
 :katai2-1:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
คุณย่าต้องใจเย็นนะคะ รีบกว่านี้ก็5Gแล้วจ้าา
ถ้าคุณย่ารู้ว่าจิณเสียตัวจะเรียกค่าสินสอดเท่าไรนะ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ย่าฮาร์ดคอร์มาก ไม่มีเกรงใจใครทั้งนั้น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
คุณกอบกุลนี่สุดยอดคุณย่าจริง ๆ

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 o13 เด็ดมากคุณย่า  :pig2:

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
คุณย่ายืนหนึ่ง ที่แท้ทรู

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
‘จำไว้นะจิณ แม่ภาเป็นแม่สามี’ พี่ทิศนี่ก็ช่างย้ำเนาะ..
ย้ำชัดยิ่งกว่า HD 55555  :z10:

ลุ้นๆ แขก 500 คนนั้นจะมีชื่อเราเข้าร่วมงานด้วยมั้ย แฮ่ !!!!! ไม่อยากเป็นคนอื่นสำหรับขุ่นย่า !!

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ชอบคุณย่า  :sad4:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ชั้นรักคุณกอบกุล
//ชูป้าย โบกแท่งไฟรัวๆ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
ช่วยกันย้ำ จินจะได้เข้าใจสถานะ 555
 :katai2-1:
 :3123:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
เลิศมากครับคุณย่า

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คุณย่าฮาร์ดคอร์มากเลยค่ะ สมกับฉายาในวงการ พี่ทิศก็จะขยันย้ำเตือนกันบ่อยๆ :o8: ขอบคุณมากค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด