...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)  (อ่าน 305160 ครั้ง)

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
พี่ทิศมาหรือยัง

น้องจิณณ์ชิงบทพระเอกไปแล้ว

รีบมาชิงฝ่ายรุกคืนเร็วๆนะ

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
…………………..
ตอนที่ 16


ชีวิตของพิทักษ์กลับไปเป็นอย่างก่อนหน้านี้อย่างที่จิดาภาให้คำนิยามว่าเป็นชีวิตที่สงบสุข ชีวิตประจำวันที่วนเวียนอยู่แค่ไม่กี่ที่ และกับคนไม่กี่คน แต่ถึงอย่างนั้นก็มีใครบางคนแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนเขามากกว่าเคย ในขณะที่...บางคนก็หายไปจากชีวิตอย่างสิ้นเชิง


อรพิณคือคนที่เริ่มขยับเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ


ส่วนคนที่หายไปไม่ได้ยินแม้แต่ชื่อ ไม่เห็นแม้แต่เงาคือจิณณะ


“สวัสดีค่ะ คุณลุงคุณป้า ขอโทษที่มารบกวนแต่เช้านะคะ”


เช้านี้ คฤหาสน์ของทศพรและจิดาภามีแขกมาเยี่ยมในช่วงเวลามื้อเช้าพอดี หญิงสาวรุ่นน้องของพิทักษ์ยิ้มแย้มมีมารยาทพร้อมกับโชว์ถุงของฝากจากต่างประเทศ


“พอดีอรเพิ่งกลับมาถึง ก็เลยแวะเอาของฝากมาให้ค่ะ” หล่อนสนิทสนมไปมาหาสู่กับพิทักษ์และเพื่อนๆของเขา แต่ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ไปต่างประเทศแล้วต้องหิ้วของฝากกลับมาให้ แถมยังหิ้วมาฝากทันทีที่เหยียบเมืองไทยอย่างนี้


ที่โต๊ะอาหารประกอบด้วยสี่พ่อแม่ลูก ทศพรและจิดาภา พิทักษ์และทิวากรผู้เป็นน้องชายซึ่งวันนี้กลับมาพักผ่อนที่บ้าน ทิวากรไม่ค่อยได้กลับก็จริง แต่เท่าที่รู้ ไม่เคยมีเพื่อนผู้หญิง หรือรุ่นน้องผู้หญิงคนไหนของพิทักษ์บุกบ้านแต่เช้าแบบนี้


อรพิณคือคนแรก


คนเป็นน้องเหลือบมองใบหน้าของพี่ชายที่เพียงยิ้มเฉย ลุกขึ้นรับของฝากแล้วเอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงปกติ พิทักษ์ไม่มีทีท่าอะไรกับการมาเยือนของหญิงสาวมากนัก นอกจากมิตรไมตรีธรรมดา แต่คนที่มี...กลับเป็นจิดาภาแม่เลี้ยงของพวกเขา


“อรเพิ่งมาถึงหรือ ทานอะไรรึยัง มาทานข้าวด้วยกันสิจ๊ะ” ไม่เพียงชวนอย่างเดียว แต่ยังหันไปสั่งคนรับใช้ให้จัดถ้วยและช้อนสำหรับแขกไม่ได้รับเชิญแต่เช้าด้วย หญิงสาวเลยพลอยต้องรับความเอื้ออารีของเจ้าของบ้านด้วยการนั่งลงข้างพิทักษ์


“อรไปเที่ยวไหนมาหรือ” คนชวนคุยก็ยังคงเป็นจิดาภา อันที่จริงพิทักษ์ก็ไม่ได้เมินเฉยต่อหญิงสาวรุ่นน้องมากเกินไปหรอก เพียงแต่นับตั้งแต่เขาออกจากโรงพยาบาล จากคนเงียบก็กลายเป็นเงียบหนักกว่าเก่า วันๆทำแต่งาน ไม่ค่อยพบปะใครเกินความจำเป็น แต่ถึงอย่างนั้นคนรอบตัวก็ดูออกว่าเขารอใครบางคน


รอ...คนที่ไม่เคยมาหาเลยสักครั้งนับตั้งแต่เขาฟื้น


จิณณะหายไปจากชีวิตเขาอย่างสิ้นเชิง ไม่มีใครพูดถึง เจ้าตัวไม่เคยกลับมา ทำราวกับว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝัน สิ่งเดียวที่ยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดคือเรื่องจริงคือแผลจากกระสุนนัดนั้นที่ยังหลงเหลือ


“เป็นอะไรไปทิศ ยังเจ็บแผลหรือ” เสียงทักของมารดาเลี้ยงดังขึ้น ทำเอาพิทักษ์ตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้สึกตัวว่าแม้จะมีแขกร่วมโต๊ะอย่างอรพิณ แต่เขาก็ยัง...คิดถึงใครอีกคน จนเผลอยกมือขึ้นแตะที่ไหล่ขวา


“เอ่อ...เปล่าครับ”


อรพิณมองชายหนุ่มข้างกายด้วยความเป็นห่วง แม้จะรู้ว่าเขามีคนอื่นในใจ แต่ใจของหล่อนก็ยังมีเขาอยู่ดี หากว่านี่เป็นโอกาส...ที่จะได้เบียดใครคนนั้นในใจของพิทักษ์ออกไปสักนิด หล่อนก็อยากลอง


“แผลยังไม่หายดีหรือคะ ไปพบหมอไหม ทำไมจู่ๆถึงเจ็บ...”


“ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกครับ ถึงแผลจะหายแล้ว แต่มันมีผลกระทบต่อสภาพจิตใจอยู่ อาจจะรู้สึกเจ็บบ้าง...เวลาคิดถึง” ทิวากรทะลุกลางปล้อง ไม่ได้พูดในฐานะหมอ แต่พูดในฐานะของน้องชายที่เห็นพี่อย่างพิทักษ์กลับมาเป็นเหมือนเดิมแค่ภายนอก แต่ภายในใจเล่า...เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง


ภาพเงาของคนที่เคยเข้ามาในชีวิต แม้จะเป็นช่วงเวลาไม่นาน ทว่ามีความหมายและสำคัญต่อความรู้สึกนึกคิด สิ่งเดียวที่เชื่อมโยงใครคนนั้นกับพิทักษ์ในเวลานี้ก็คงเป็นบาดแผลที่ไหล่ขวา


   “เห็นว่าตำรวจจับมือปืนได้แล้ว ซัดทอดคนจ้างวานด้วยไม่ใช่หรือครับ” ทิวากรพูดต่อ ทำเหมือนไม่รับรู้ความเงียบของโต๊ะอาหาร


ข่าวเรื่องพิทักษ์ถูกยิงอาการสาหัสกลายเป็นข่าวระดับประเทศ หนึ่งเพราะคนถูกยิงเป็นหลานชายผู้มีอิทธิพลในจังหวัด สองคือเรื่องเกิดในจังหวัดเดิมกับที่เคยเกิดเหตุยิงถล่มบ้านจนชาวบ้านตายคาที่จนเป็นข่าวโด่งดัง และสามคือมีข่าวลือจากปากต่อปากว่ามีทายาทนักธุรกิจหญิงแกร่งอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย เรื่องที่สามนี้เป็นเรื่องลือเล่ากันสนุกปากเพราะไปคล้องกับข่าวลือก่อนหน้าที่ว่าหลานชายผู้มีอิทธิพลอดีตนักการเมืองระดับประเทศกำลังคบหาดูใจกับหลานชายเศรษฐินีใหญ่


เมื่อข่าวดัง สื่อมวลชนและประชาชนสนใจ หนำซ้ำคนที่เกี่ยวข้องยังเป็นทายาทเชื้อสายผู้มีอิทธิพลและนักธุรกิจผู้ร่ำรวย กลายเป็นเชื้อเพลิงเร่งกระบวนการทำงานอย่างดี คนลงมือถูกจับได้ในเวลาไม่นาน และต่อมาซัดทอดไปถึงผู้จ้างวาน


เรื่องนี้ควรจะเป็นเรื่องที่คนทั้งบ้านนำมาพูดคุยหารือ แต่ถ้าไม่ใช่ทิวากรพูดขึ้นมา ก็ไม่มีใครเอ่ยปากถึงเรื่องคดีความ ผู้บงการ หรือแม้แต่มูลเหตุเลยสักนิด


เพราะทุกอย่างเกี่ยวกับจิณณะ


จิดาภาโกรธเคืองที่หลานชายปิดบังหลอกลวงมาขอให้พิทักษ์สวมรอยเป็นคนรักไม่ใช่เพื่อตบตาคุณกอบกุลที่ต้องการให้เขาแต่งงานเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อใช้เป็นเกราะกำบังจากปัญหาที่พัวพันอยู่ด้วย อีกทั้งยังโกรธตนเองที่เป็นคนกลางทำให้จิณณะและพิทักษ์รู้จักกัน การที่พิทักษ์ยอมช่วยเหลือหลานชายของหล่อนก็เพราะหล่อนเป็นมารดาเลี้ยงของเขา หากไม่มีหล่อน พิทักษ์ย่อมไม่เจ็บตัว เมื่อความโกรธรวมจากสองส่วน จิดาภาจึงเลือกที่จะตัดต้นเหตุของเหตุทั้งปวง


ต้นเหตุก็คือหล่อน


ในเมื่อคนกลางระหว่างจิณณะและพิทักษ์คือจิดาภา เช่นนั้นก็ถอยออกมาจากสถานะเชื่อมสัมพันธ์นี่เสีย เมื่อไม่ต้องยืนตรงกลาง หล่อนก็เพียงแค่ต้องเลือกว่าจะยืนข้างใคร ฝั่งหนึ่งคือหลานชายและพี่สาว อีกฝั่งคือสามีและลูกเลี้ยง  หากต้องเลือกระหว่างญาติและครอบครัวแล้ว หล่อนย่อมต้องเลือกครอบครัว


เพียงเท่านี้พิทักษ์และจิณณะก็หมดสิ้นความเกี่ยวข้องใดๆ ไหนจะคำมั่นสัญญาที่หล่อนขอจากจิณณะอีก นับจากนี้ พิทักษ์ก็ไม่ต้องเอาตนเองเข้าไปวุ่นวายกับกรรมที่เขาไม่ได้ก่ออีกแล้ว


ในขณะที่ทศพร เมื่อเห็นภรรยาไม่อยากพูดถึง เขาก็ไม่อยากกวนน้ำให้ขุ่น อาศัยว่าสามารถสอบถามความคืบหน้าจากคุณเทียมได้โดยตรง ก็พอจะรับรู้ข่าวคราวความเป็นไปทั้งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดีความและเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจิณณะ


ส่วนพิทักษ์...


...รายนี้ไม่พูด ไม่ถามถึง ซึ่งนั่นทำให้ทิวากรชักหงุดหงิด


...ใจคิดถึง ตัวคิดถึง อยากพบหน้า อยากไปหา แต่...พอไปพบครั้งหนึ่งแล้วไม่ประสบความสำเร็จก็ไม่พยายามอีกเลย…


ทางนั้นหนีหน้า เขาก็เข้าใจ แต่ทางหนีที่จิณณะมุ่งหน้าไป ไม่ใช่ว่าพิทักษ์จะไม่รู้เสียหน่อย รู้ทั้งรู้แต่ไม่ทำอะไร แบบนี้สิหน่า...ถึงโสดมาจนสามสิบ! แล้วถ้าจะโสดต่อไปจนแก่ จะไม่แปลกใจเลย!


พอคิดว่าพี่ชายอาจจะโสดไปจนแก่ตาย ก็ดันเหลือบไปเห็นหญิงสาวนั่งเคียงข้าง จากตอนแรกที่ค่อนขอดก็เลยชักจะหวั่น


...สงสัยจะไม่ได้โสดยันแก่ แต่จะได้แต่งงานเพราะผู้หญิงรุกคืบนี่ล่ะ…


ทิวากรไม่มีปัญหาหรืออคติใดๆกับฝ่ายหญิง แต่สภาพจิตใจของพิทักษ์ในเวลานี้ไม่สมควรมีคนใหม่ ทั้งๆที่ความรู้สึกกับจิณณะยังค้างคา และคนใหม่ก็ไม่สมควรอาศัยโอกาสเข้าหา เพราะสุดท้ายแล้วคงได้เจ็บกันไปหมดทุกฝ่าย


“พี่ทิศได้ตามข่าวบ้างไหม เรื่องนี้เกี่ยวกับพี่โดยตรงเลยนี่” ทิวากรถามย้ำหน้าซื่อตาใส ทั้งๆที่รู้แก่ใจว่านอกจากเรื่องนี้จะเกี่ยวกับพิทักษ์โดยตรงแล้ว ยังเกี่ยวกับจิณณะโดยตรงอีกต่างหาก


“แต่ไม่รู้จะจับคนจ้างวานได้รึเปล่า เห็นว่าหายตัวไปเลย ป่านนี้หนีออกนอกประเทศไปแล้วล่ะมั้ง” ทิวากรพูดต่อ แม้ปากจะพูดถึงคนจ้างวาน แต่กลับจุดความคิดถึงไปถึงใครอีกคนในใจของผู้เป็นพี่


พิทักษ์วางช้อน หยิบน้ำมาดื่ม อิ่มตื้อขึ้นมากะทันหัน


“ผมไปทำงานก่อนนะครับ” เขาว่าอย่างนั้น ใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อเก็บความรู้สึกลงก้นบึ้งหัวใจจนลืมที่จะสนใจหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างตัวด้วยซ้ำ ทว่าพอจะลุก ถึงได้เพิ่งหันมาเห็นว่าอรพิณเพิ่งจะตักข้าวต้มทานไปได้ไม่กี่คำเท่านั้น แม้จะเป็นคนนิ่งเฉย และต่อให้ไม่ได้มีความรู้สึกในเชิงหนุ่มสาว แต่ระหว่างพวกเขาก็เป็นมิตรภาพระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง


“เอ่อ...พอดีพี่มีงานด่วน...” อันที่จริงคือไม่มีงานอะไรด่วนทั้งนั้น แต่ต้องออกปากโกหกเป็นมารยาทเพื่อรักษาน้ำใจอีกฝ่าย  ทว่าพิทักษ์จะรักษาน้ำใจอรพิณก็เป็นเรื่องของพิทักษ์ สำหรับทิวากรที่ไม่ได้รู้จักหญิงสาวเป็นการส่วนตัว แถมยังไม่ต้องหวั่นเกรงมารยาทอะไรกับหล่อนมากนัก กลับลุกขึ้นยืนทำท่าจะออกจากโต๊ะไปพร้อมพี่ชาย


“ทิวก็อิ่มแล้วหรือ” มารดาเลี้ยงหันมาถามลูกชายคนเล็ก ทิวากรยิ้มซื่อ


“ผมว่าจะติดรถพี่ทิศไปเยี่ยมลุงเทียมน่ะครับ” ทั้งโต๊ะนิ่งงันอีกครั้ง คุณหมอหนุ่มรู้ดีว่าแม้กระทั่งชื่อคุณเทียมก็เหมือนจะเกี่ยวข้องกับจิณณะไปแล้ว


แต่...ถ้าหากจิดาภายังใจแข็งอยู่แบบนี้ พิทักษ์ยังกักขังตัวเองเอาไว้แบบนี้ ต่อให้แผลหายสนิท สุดท้ายก็ยังหลงเหลือผลกระทบในจิตใจอยู่ดี


“ก็ดี เห็นลุงเทียมบ่นปวดแขนปวดขาอยู่” ทว่าจู่ๆ ทศพรก็เอ่ยปากขึ้นมา แม้จะไม่อยากให้ภรรยาขุ่นใจ แต่เขาก็ไม่อยากเห็นลูกชายคนโตกลายสภาพเป็นซากศพไร้วิญญาณ อยู่ได้แค่อากาศหายใจแบบนี้


ผู้เป็นพ่อทำเป็นไม่มีอะไรแอบแฝง สนับสนุนลูกชายคนเล็กที่นานๆจะกลับมากรุงเทพฯสักทีให้ไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ ทิวากรพลอยยิ้มซื่อ ก่อนจะหันไปมองพี่ชายเป็นเชิงกระตุ้น


“ไปพี่ทิศ” พิทักษ์ไม่รู้ว่าน้องชายคิดอะไร แต่เมื่อถูกเร่ง เขาก็ทำได้เพียงหันไปลาบิดามารดาเลี้ยงและอรพิณ ก่อนจะเดินออกจากห้องรับประทานอาหาร โดยมีน้องชายเดินผิวปากตามหลัง


เสียงผิวปากของทิวากรเบาลงเรื่อยๆ ในที่สุดภายในห้องรับประทานอาหารก็เหลือเพียงชายหญิงเจ้าของบ้าน และหญิงสาวรุ่นน้องของพิทักษ์


อรพิณอยากขอตามพิทักษ์ไปด้วย แต่ติดที่ว่าจะขอตัวลุกจากไปทั้งๆที่เจ้าของบ้านยังทานไม่เสร็จก็เห็นจะผิดมารยาท จิดาภาเองก็รู้สึกว่าหล่อนพลาดที่ชวนหญิงสาวร่วมโต๊ะด้วย ครั้นจะออกปากให้อรพิณตามลูกเลี้ยงสองคนไป ก็จะดูเหมือนไล่แขก ต้องโทษว่าเป็นเพราะความช่างพูดไม่ดูสถานการณ์ของทิวากรแท้ๆ!


ชวนคุยเรื่องอะไรไม่ชวน ดันชวนคุยเรื่องคดี!


แล้วแทนที่จะช่วยยื้อพิทักษ์ให้นั่งเป็นเพื่อนแขก กลับกลายเป็นตัวเร่งให้เขารีบออก ถ้าทิวากรอายุสักสิบขวบ หล่อนจะเรียกเข้าห้องเย็นแล้วอบรมสักสองชั่วโมง!


จิดาภาลอบพ่นลมหายใจอย่างขุ่นเคืองลูกชายคนเล็ก แต่สุดท้ายก็ต้องตัดใจแล้วหันไปชวนอรพิณคุยเรื่องทั่วๆไปเพื่อไม่ให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัดมากนัก ทศพรเห็นว่าภรรยากำลังให้ความสนใจกับแขกร่วมโต๊ะ จึงขยับตัวทำทีเป็นลุกออกไปโทรศัพท์เรื่องงาน ทว่าปลายสายที่เขาโทร.หาไม่ใช่เพื่อธุรกิจที่ทำ แต่เป็นการติดต่อหาพี่ชายคนโต


“พี่เทียม...ทิวกำลังพาทิศไปหา” ทศพรเปรยเสียงเบา


เขาคิดว่าคุณเทียมรู้...ว่า ‘คนเป็นพ่อ’ ต้องการอะไร


………………………


ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8

แม้ปากจะบอกว่าให้พิทักษ์แวะมาส่ง แต่ตามมารยาทแล้วหลานชายแท้ๆย่อมทำแค่ส่งหน้าประตูบ้านไม่ได้ เมื่อมาถึงให้อย่างไรก็ต้องลงไปทักทายถามไถ่


สองพี่น้องลงจากรถยนต์ แล้วเดินเข้าบ้านของผู้เป็นลุง น่าแปลกอยู่สักหน่อยที่ไม่เห็นลูกน้องคู่ใจของคุณเทียมออกมาคอยต้อนรับ พวกเขายกมือไหว้เจ้าของบ้าน พิทักษ์ถึงได้เอ่ยปากถามตามประสาคนที่เห็นกันมานาน


“น้ามิตรไม่อยู่หรือครับ” คุณเทียมเอนหลังสบายอยู่ที่เก้าอี้เอนตรงเฉลียง ยกชาขึ้นจิบช้าๆ


“เดี๋ยวก็มา” เป็นคำตอบสั้นที่ไม่ให้ความกระจ่างมากนัก สองพี่น้องรู้ดีว่าบางครั้งงานของคุณเทียมก็เป็นเรื่องนอกกฎหมาย การบอกอะไรอย่างตรงไปตรงมาย่อมทำไม่ได้ ไม่มีใครซักไซ้เรื่องลูกน้องคนสนิทของผู้เป็นลุงอีก ทิวากรเลยชวนคุยเรื่องสุขภาพแทน


“เห็นพ่อบอกว่าลุงบ่นปวดแขนปวดขา เป็นยังไงบ้างครับ ได้ไปตรวจสุขภาพประจำปีบ้างรึเปล่า”


“พ่อแกพูดจาไม่ไว้หน้าลุงเลย ปวดแขนปวดขาอะไร แค่เมื่อย!” คนเป็นหมอหัวเราะ


“ผมบอกให้ลุงหาเมียตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ ป่านนี้ก็มีคนช่วยบีบช่วยนวดแล้วเห็นไหมล่ะ”


“เออๆ ลุงผิดเองไม่เชื่อแก ไม่คิดว่าจะแก่เร็วอย่างนี้ แล้วกินอะไรกันมารึยัง”


“เรียบร้อยครับ แต่ถ้าจะให้กินเป็นเพื่อนลุงอีกรอบก็ได้นะ” ทิวากรพูดทีเล่นทีจริง ทว่าเข้าทางคุณเทียมพอดี


“ดีเลย ลุงยังไม่ได้ทานอะไร ทิวกับทิศทานเป็นเพื่อนลุงหน่อยแล้วกัน ทิศไม่ต้องรีบไปไหนใช่ไหม” พิทักษ์ไม่มีงานเร่งงานด่วนอะไร อีกทั้งเขาก็ไม่ได้มาพบคุณเทียมพักใหญ่แล้ว จึงพยักหน้ารับแทนคำตอบ


เจ้าของบ้านสั่งให้คนรับใช้ไปเตรียมอาหารเช้าเพิ่ม ในระหว่างนั้นก็พูดคุยกับทิวากรไปพลาง คุณหมอหนุ่มให้คำแนะนำเรื่องสุขภาพ โดยมีพิทักษ์นั่งเงียบๆ บางช่วงก็เหมือนจะเป็นการพูดคุยแค่สองคนคือคุณเทียมและทิวากร ส่วนพิทักษ์...จมหายไปกับความทรงจำบางอย่างที่เก็บเอาไว้ในใจ


ชายสูงวัยผู้ผ่านประสบการณ์ชีวิตมานับไม่ถ้วนเหลือบไปมองหลานชายคนโต แล้วจึงหันมาทางหลานชายคนเล็ก ทิวากรส่งสายตาเป็นเชิงว่าต่างคนต่างรู้ว่าพิทักษ์ไม่เหมือนเดิม


แผลกายหาย แต่แผลใจกลับบาดลึกหนักขึ้นทุกที


พักหนึ่ง คนรับใช้ก็ยกอาหารออกมาตั้งที่โต๊ะริมเฉลียง มีทั้งข้าวหลากสี กับข้าว 3-4 อย่าง และผลไม้ ทว่าพอเริ่มตักข้าว เสียงพูดคุยก็ดังแว่วๆมาให้ได้ยิน


อึดใจแรก พิทักษ์คิดว่าหูแว่ว แต่เมื่อตั้งใจฟังให้ดี ก็พบว่าไม่ใช่ เสียงที่เขาไม่มีทางลืมกำลังดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ราวกับ...เจ้าของเสียงกำลังเดินกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง


ชายหนุ่มแทบลืมหายใจ โทนเสียงที่ดังเข้าหู ชั่วชีวิตนี้...ให้อย่างไรก็ไม่ลืม


“มาแต่เช้าอย่างนี้ จะไม่รบกวนคุณเทียมหรือ น้ามิตร” สิ้นประโยคนั้น พิทักษ์รู้แน่แล้วว่าไม่ใช่คิดถึงจนหูแว่ว แต่เป็นเพราะเจ้าของเสียงอยู่ตรงนี้แล้วจริงๆ


เขาหันกลับไปมอง วินาทีที่สบตากับคนที่เพิ่งเดินมาถึงประตูเฉลียง ราวกับเวลาทั้งหมดหยุดชะงัก


...จิณณะ…


...เป็นจิณณะจริงๆ…


นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดเรื่อง ที่พวกเขาได้พบกันอีกครั้ง พิทักษ์สบตาคู่นั้นนิ่งนาน ความรู้สึกในอกพุ่งพล่าน อยากลุกไปหา อยากดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดให้สมกับความคิดถึง แต่อีกส่วนก็อยากถอยห่าง อยากตั้งคำถามว่าทำไมจิณณะถึงไม่เคยกลับไปหากันเลยสักครั้ง


ทำไม...เราถึงได้เพิ่งได้เจอกันวันนี้


ทำไมถึงไม่เคยกลับไปเลย


“อ...เอ่อ...คุณเทียมมีแขก งั้นไว้ผมมาใหม่ก็แล้วกัน” คนที่รู้ตัวก่อนคือจิณณะ เขาทำเป็นหันไปพูดกับมิตรที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่ไม่ทันจะหมุนตัวเดินจากมา เสียงของเจ้าของบ้านก็ดังขึ้น


“ไม่ใช่แขกที่ไหนสักหน่อย มานั่งทานข้าวด้วยกันก่อนสิ” คุณเทียมเป็นผู้อาวุโสที่สุด อีกทั้งยังเป็นเจ้าบ้าน ในเมื่อออกปากชวนแล้ว การปฏิเสธย่อมเป็นการเสียมารยาท


มารยาท...ไม่ต่างอะไรกับแค่คำพูดสวยหรูที่ยกมาบังหน้า


น่าขำ...คนอย่างจิณณะ วงศ์กีรติที่หาเรื่องกวนโทโสย่าแท้ๆอย่างคุณกอบกุลได้ทุกครั้งที่พบหน้า มาวันนี้กลับอ้างคำว่ามารยาทแล้วยอมเดินเข้าไปหาคุณเทียม


จะมีใครรู้ดีกว่าตนเอง บนสุดของเหตุผลที่ยอมทำตามคำพูดของคุณเทียมคือมารยาท แต่...ลึกสุดในใจก็เพราะ...อยากอยู่ใกล้พิทักษ์


ทั้งๆที่เป็นคนจากมาเองแท้ๆ ทั้งๆที่เป็นคนตัดใจไม่ไปพบเอง ทั้งๆที่รับปากแล้วว่าจะไม่ทำให้พิทักษ์ลำบากอีก แต่...ถ้าแค่ร่วมโต๊ะกันสักมื้อ...ไม่ต้องพูดอะไรกันก็ได้ แค่ได้ใช้อากาศร่วมกันในช่วงเวลาสั้นๆ ก็คง...ดี


“ทิวรู้จักคุณจิณรึยัง จิณณะ  วงศ์กีรติ แต่ก่อนเป็นปลัดอำเภอที่นี่” เพราะเป็นโต๊ะกลม และที่นั่งเดียวที่ว่างอยู่คือที่ระหว่างพิทักษ์กับคุณเทียม คนรับใช้จึงจัดให้แขกคนที่สามของเช้านี้นั่งตรงนั้น


ซึ่งมันถนัดถนี่สำหรับการหันไปมองของพิทักษ์พอดี


“แต่ก่อน?” ทิวากรทวนคำของผู้เป็นลุง “แต่ผมเคยเห็นใส่ชุดข้าราชการ...”


วันที่ทิวากรเห็นจิณณะครั้งแรกคือวันที่เกิดเรื่องพิทักษ์ถูกยิง วันนั้นจิณณะสวมชุดข้าราชการสีกากีเปื้อนเลือดเกรอะกรังยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน แต่วันนี้ผู้เป็นลุงกลับพูดคว่า ‘แต่ก่อนเป็นปลัดอำเภอ’ ชึ้นมา ก็ชวนเอาสงสัย


ทว่าสำหรับจิณณะที่ลาออกจากราชการมาพักใหญ่แล้ว กลับรู้สึกเหมือนวัวสันหลังหวะ ใครคนหนึ่งจ้องเขาไม่วางตา คงทั้งสงสัยทั้งอยากถามว่าเหตุใดเขาจึงลาออกจากราชการ ใจอยากหันไปบอกเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ลาออกแล้ว กลับไปทำงานให้กับธุรกิจของคุณกอบกุลแล้ว อยากพูดปนจิกกัดตัวเองว่าไปไหนไม่รอดแล้วจริงๆเลยต้องกลับไปพึ่งใบบุญคุณย่า


แต่...เราไม่ได้เป็นแบบเดิมอีกแล้ว


พวกเขา...ไม่ต่างอะไรกับคนที่ไม่รู้จักกันอีกแล้ว


จิณณะได้แต่เม้มปากแน่น บอกตัวเองว่าที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็แค่อยากใช้อากาศหายใจร่วมกับพิทักษ์ อย่าได้คิดผูกสัมพันธ์อะไรต่อกันอีกเลย


“ก็นั่นมันแต่ก่อน ตอนนี้เขาลาออกแล้ว” คุณเทียมตอบแล้วหันไปทางอดีตปลัดอำเภออีกครั้ง


“จำทิวได้ไหม วันนั้นก็เจอที่หน้าห้องฉุกเฉิน ทิวเป็นน้องของทิศ” จิณณะยิ้มจางแทนคำพูดทั้งหมด พยายามสนใจอยู่แต่ชายหนุ่มผู้เป็นน้องของพิทักษ์ แม้จะรู้ตัวก็ตามทีว่าคนที่นั่งอยู่ข้างเขากำลังมองมา แต่...แค่เจอกันวันนี้ แค่นั่งข้างกันก็มากเกินพอแล้ว แค่นี้ก็ช่วยชโลมใจแห้งผากของเขาได้แล้ว เราไม่ต้องพูดกัน ไม่ต้องก่อสายสัมพันธ์ใดๆต่อกันขึ้นมาอีก


ให้ทุกอย่างเป็นอากาศ เป็นความฝัน เป็น...เรื่องที่ไม่มีทางเป็นจริงอย่างนี้ จากเป็นย่อมเจ็บกว่าจากตาย แต่ครั้งหนึ่งที่การจากตายเกือบมาเยือน จิณณะก็ขอเลือกจากเป็นยังจะดีเสียกว่า


อย่างน้อย วันนี้ก็ยังได้เห็นพิทักษ์หายใจ ยังเห็นพิทักษ์มีชีวิต และชีวิตของพิทักษ์ควรจะไปได้ดีกว่านี้ถ้าไม่มีเขา


โต๊ะอาหารเช้าของคุณเทียมถูกครองด้วยบทสนทนาของเจ้าของบ้านและหลานชายคนเล็ก มีจิณณะคอยพูดคุยบ้างเป็นระยะ แต่ที่เงียบราวกับไม่ได้นั่งอยู่ด้วยก็คือพิทักษ์


จบมื้อเจ้าของบ้านก็ขอตัวคุยธุระกับจิณณะต่อ ตามมารยาทพิทักษ์และทิวากรควรจะขอตัวกลับ แต่ ‘ธุระ’ ของคุณเทียมกับจิณณะทำให้พิทักษ์ไม่สบายใจ ยิ่งเห็นว่ามีใครอีกคนปรากฏตัวที่บ้านของคุณเทียม เขาก็ยิ่งใจหาย


“สวัสดีครับ คุณทิศ”


ใครอีกคนที่ว่าคือทรงพล อดีตเด็กบ้านแตกสาแหรกขาด ที่ลุงของพิทักษ์รับมาส่งเสียให้เรียนหนังสือ เมื่อเติบโตจึงทดแทนบุญคุณผู้อุปถัมภ์ด้วยการวนเวียนอยู่ในแวดวงอำนาจและผลประโยชน์สีเทา พิทักษ์รู้จักอีกฝ่ายดีในระดับที่รู้ว่าทรงพลทำอาชีพค้าขาย แต่สินค้าที่ขายล้วนไม่ใช่สิ่งถูกกฎหมายทั้งสิ้น 


“พี่พล...มาพบคุณลุงหรือ” ใจของพิทักษ์อยากให้ทรงพลบอกแค่ว่าบังเอิญผ่านมาแถวนี้เลยแวะมาเยี่ยมเยียนถามไถ่ ทว่าทรงพลกลับยกยิ้ม


“ท่านเรียกมาช่วยงานครับ”


“งาน?” ทรงพลทำเป็นเลิกคิ้วเหมือนสงสัย แต่นัยน์ตาพราวระยับยามมองพิทักษ์เหมือนมีลับลมคมใน


“คุณทิศไม่รู้หรือ? แปลก...ผมคิดว่าคุณทิศน่าจะรู้เป็นคนแรกๆด้วยซ้ำ...” เขาทำเป็นเปรยเปิดประเด็น แต่ไม่อธิบายอะไรเพิ่ม ก็พอดีกับที่มิตรออกมาจากห้องทำงานของคุณเทียม


“พล มาแล้วหรือ คุณเทียมรออยู่เลย” ทรงพลหันมาขอตัวจากพิทักษ์ แล้วก้าวเท้าตามมิตรเข้าไปในห้องทำงานของเจ้าของบ้านทันที คนที่อยู่ในห้องทำงานนั้นไม่เพียงแค่คุณเทียม แต่ยังมีจิณณะด้วย


...ทรงพลมาที่นี่เพื่อช่วยงานคุณเทียม เรื่องนั้นไม่น่าแปลกใจ...


...แต่งานที่ว่า กลับมีจิณณะร่วมด้วย...


“ผมไม่รีบนะ ถ้าพี่จะอยู่ต่ออีกสักพัก ผมโอเค” เห็นสีหน้าห่วงใยปิดไม่มิดของคนเป็นพี่ ทิวากรก็พอเข้าใจ เขาไม่เพียงเปรยอย่างเดียว แต่เดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ทำราวกับเป็นเจ้าของบ้านก็ไม่ปาน แม้จะไม่ได้มาเยี่ยมเยียนคุณเทียมบ่อยๆ หากเทียบกับพิทักษ์แล้ว พี่ชายของเขาสนิทกับผู้เป็นลุงมากกว่า แต่ทิวากรจะขอละความสนิมสนมมากน้อยอะไรพวกนั้นทิ้งสักวัน แล้วทำตัวตามสบายถือเอาว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเองสักครั้ง อย่างน้อยก็เพื่อพี่ชายของเขา


พิทักษ์ละล้าละลังเพราะไม่รู้ว่าเขาควรจะรอพบหน้าจิณณะดีหรือไม่ ในเมื่อรายนั้นไม่เคยมาพบเขาเลยสักครั้ง พอเขาไปหาที่ที่ว่าการอำเภอก็พบว่าจิณณะลาออกไปแล้ว แม้จะรู้แก่ใจว่าเจ้าตัวกลับเข้าไปทำงานในตระกูลวงศ์กีรติ แต่...ไม่มีครั้งไหนเลยที่เราจะได้พบกัน และมีเวลาให้เราได้พูดคุยทำความเข้าใจกัน


ทำไมถึงลาออก ทำไมอยู่ๆถึงมีธุระกับคุณเทียม ทำไมถึงต้องมีทรงพลเข้ามาเกี่ยวข้อง และที่สำคัญเรื่องข้อตกลงของจิดาภาและจิณณะ


คนหนึ่ง...ขออิสรภาพของเขาคืน


อีกคน...รับปากที่จะไม่มาพบเขาอีก


คนเรา...พอวันหนึ่งจะไม่พบกันอีกก็ตัดใจกันได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนั้นเลยหรือ พิทักษ์ไม่เข้าใจและเฝ้าแต่ตั้งคำถามกับตนเองว่าทำไมจิณณะถึงยอมรับคำขอจากจิดาภา ทำไมถึงยอมทำตามที่จิดาภาต้องการ ทั้งๆที่เป็นคนดื้อดึง


หรือความรู้สึกที่พวกเขารู้สึกต่อกันมันไม่มากพอให้ยึดเหนี่ยวหรือ


มีเรื่องที่สำคัญกว่าความรู้สึกอย่างนั้นหรือ จิณณะถึงยอมจากไป แล้วให้ทุกอย่างเป็นเพียงความทรงจำอยู่แบบนี้


ครู่ใหญ่ คนที่พิทักษ์รอก็เดินออกมาจากห้องของคุณเทียม เป็นอีกครั้งที่พวกเขาสบตากัน และเป็นอีกครั้งที่เป็นฝ่ายจิณณะเมินสายตาหนีไปก่อน  ทำราวกับไม่เห็น ไม่รู้จักกันแต่อย่างใด และมันทำให้ความอดทนของพิทักษ์ขาดผึ่ง เขาก้าวเท้าไวตามไปคว้าแขนเอาไว้ แน่นอนว่าคนถูกคว้าย่อมสะดุ้งในทีแรก ยิ่งพอหันกลับมาเห็นว่าใครเป็นคนรั้งเอาไว้ก็พลอยให้ชะงักไปอีก


“มาคุยกันหน่อย” แม้ในบ้านจะเงียบสงบ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครเดินไปเดินมาเมื่อไร ไหนจะคุณเทียมและทิวากรที่อยู่ในห้องทำงานและห้องนั่งเล่นอีก หลานชายของคุณเทียมผู้คุ้นเคยกับที่นี่ดี จึงกึ่งลากกึ่งจูงจิณณะออกมานอกบ้านเพื่อหามุมสงบพูดคุยกัน


หัวใจคนนั้นอ่อนไหวและเปราะบาง แม้จะทำเมินเฉย ใจแข็ง เลือดเย็นหรืออำมหิตแค่ไหน แต่กับบางสิ่ง กับบางคนที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึก แค่เพียงถูกใครบางคนจับจูง แค่เพียงถูกใครบางคนเข้าใกล้ ใจทั้งใจก็หลอมละลายจนแทบไม่เหลือแม้แต่เศษด้วยซ้ำ


จิณณะรู้ดีว่าบางคนที่มีอิทธิพลมากขนาดนั้นคือพิทักษ์ ดังนั้นห้ามปรามไปก็ไม่มีประโยชน์ ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายดึงเขาไปตามแต่ที่จะพาไป


ใจ...ที่คิดว่าเอากลับมาแล้ว มาวันนี้ ถึงได้รู้ว่าไม่เคยได้คืนเลย


ใจ...ยังอยู่ในมือของพิทักษ์


ใจ...ยังอยู่ที่พิทักษ์


ใจ...ยังเป็นของพิทักษ์


“ลาอออกจากราชการทำไม” คำถามแรกของคนตรงหน้า ดึงจิณณะขึ้นมาจากห้วงความคิด แต่พอสบตากับพิทักษ์ ก็พาลเป็นต้องหันหน้าหนีไปอีก


แต่พิทักษ์อดทนมามากพอแล้ว ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เขาเฝ้าแต่ถามตัวเองว่าทำไมจิณณะถึงไม่เคยกลับมา เขาเฝ้าแต่ถามตัวเองว่าความรู้สึกที่มีต่อกัน มันเล็กน้อยมากถึงขั้นหักดิบได้ในเวลาเพียงชั่วครู่ชั่วยามเลยหรือ เขาเฝ้าแต่ถามตัวเอง...ถามตัวเองซ้ำๆว่าหรือเรื่องทั้งหมดคือความฝัน


แต่วันนี้ จิณณะที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า บอกให้รู้ว่าไม่ใช่ความฝัน จิณณะมีตัวตนจริง แผลบนร่างกายของเขาเองก็เป็นหลักฐานชัดแจ้งว่าครั้งหนึ่งเรื่องเหล่านี้เคยเกิดขึ้นจริง และวันนี้...ที่จิณณะหลบตาเขาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็บอกให้รู้ว่าจิณณะตั้งใจจะหายไปจากเขาจริงๆ


“ตอบพี่” สุ่มเสียงของพิทักษ์นั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ ทั้งไม่เข้าใจ ทั้งโกรธ ทั้งน้อยใจ ทั้งเสียความรู้สึก คนนิ่งสงบที่จิณณะรู้จัก มาวันนี้เขากลับแสดงความรู้สึกหลากหลายผ่านทางคำพูดสั้นๆ ยิ่งทำเอาคนที่พยายามตัดใจตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าได้แต่เม้มปากแน่น


บอกตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ว่าอย่าได้คิดผูกสัมพันธ์ใดๆกับพิทักษ์อีกเลย อย่าดึงคนที่ควรได้ใช้ชีวิตอย่างสงบเข้ามาอยู่ในวงจรชีวิตที่แสนวุ่นวายอีกเลย ที่ผ่านมาหากเป็นกรรมใดๆที่พิทักษ์เคยก่อต่อเขา ก็ขอให้จบสิ้นกันไปแต่เพียงเท่านี้ เราไม่ควรต้องมาเกี่ยวข้องกันอีก


“ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณพิทักษ์...” จิณณะใช้เวลาอยู่อึดใจใหญ่ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำเสียงของตนเองจะราบเรียบ อารมณ์ทั้งหมดถูกเก็บลึกสุดใจ


“...ผมลาออกจากราชการทำไม เป็นการตัดสินใจของผม” ไม่ใช่แค่การเรียกพิทักษ์อย่างห่างเหิน แต่การออกปากว่าการตัดสินใจนี้เป็นของตนเอง ก็ไม่ต่างอะไรกับขีดเส้นคั่นระหว่างพวกเขาสองคน


เรื่องของจิณณะไม่เกี่ยวกับพิทักษ์อีกแล้ว เรื่องของจิณณะจะไม่มีพิทักษ์เข้ามาเกี่ยวข้องอีกแล้ว เรื่องของพวกเขา...จะไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว


โทษใครไม่ได้ นอกเสียจากโทษตัวเอง


จิณณะยอมรับว่าเขาทำตัวเอง เขาทำตัวเองตั้งแต่แรก ตั้งแต่ดึงพิทักษ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ปล่อยให้พิทักษ์เข้ามามีอิทธิพลต่อความรู้สึก ยินยอมให้พิทักษ์ครอบครองหัวใจ แล้วพอวันนี้...ก็เป็นเขาอีกเช่นกันที่พยายามตัดใจไปจากพิทักษ์ ทั้งๆที่...รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย


แต่เพื่อพิทักษ์


“คิดจะทำอะไร” พิทักษ์ถามซ้ำ แม้จะไม่พอใจกับความห่างเหิน แต่เรื่องที่คาใจคือเรื่องที่จิณณะลาออกจากราชการ ซึ่งเดิมทีดื้อแพ่งจนทะเลาะกับคุณกอบกุลมาแล้ว


จิณณะเรียนมาทางสายการปกครอง การเข้ารับราชการเป็นปลัดอำเภอดูจะตรงสายที่เรียนมาที่สุด เจ้าตัวเองก็ดูยึดมั่นในอาชีพนี้ แม้ว่าคุณกอบกุลบจะไม่ชอบใจก็ตามที แต่คนที่ดื้อแพ่งคนนั้น กลับยอมลาออกในเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทั้งๆที่มุ่งมั่นยืนหยัดในเส้นทางนี้มาตลอด


เพราะอะไร?


เพราะคิดจะตามใจคุณกอบกุลอย่างนั้นหรือ


หรือเพราะคิดจะทำอะไรบางอย่างที่อาชีพข้าราชการไม่สามารถอำนวยความสะดวกได้


หนำซ้ำ...ยังเป็นฝ่ายมาพบคุณเทียมอีก


“ผมคิดว่าผมพูดไปแล้วว่านี่เป็นเรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับคุณพิทักษ์” จิณณะพยายามอย่างยิ่งที่จะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบกริบ


“จะไม่เกี่ยว...”


ก่อนที่พิทักษ์จะพูดถึงความเกี่ยวข้องขึ้นมา จิณณะก็ตัดสินใจหันขวับกลับไปมอง สายตาของเขาเยียบเย็นราวกับน้ำแข็ง ท่าทีนิ่งสงบราวกับไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด แต่...ไม่มีใครรู้ยกเว้นตนเอง หัวใจตอนนี้เต้นถี่ขนาดไหน


นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจะได้มองกันและกันใกล้ถึงเพียงนี้ อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจะได้พูดคุยกันอย่างนี้ ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือไม่ที่อย่างน้อยก็ยังได้มีโอกาสครั้งสุดท้าย แต่...ความเสียใจก็มากล้นไม่แพ้กันเมื่อรู้ว่านี่คือครั้งสุดท้ายของพวกเขา


“เราไม่เกี่ยวกันอีกแล้วคุณพิทักษ์”


เป็นคำพูดตรงไปตรงมา ทว่าไม่ได้สร้างความเข้าใจใดๆเลย พิทักษ์ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆทุกอย่างถึงมาลงรูปแบบนี้


“เพราะแม่ภาขออย่างนั้นหรือ”


“ผมตัดสินใจเอง” คำขอของจิดาภาอาจเป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาตระหนักได้ว่าไม่ควรเอาพิทักษ์เข้ามาอยู่ในวงโคจรอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้ที่เขากำลังคิดจะจัดการเรื่องคาราคาซังให้เรียบร้อย ไม่รู้ผลที่ออกมาจะก่อให้เกิดอันตรายมากน้อยเพียงใด แต่จะไม่มีใครมารับเคราะห์แทนเข้าได้อีกแล้ว ถ้าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ควรเกิดที่เขาคนเดียว


“ทำไม”


จิณณะหัวเราะเสียงแปร่ง เปลี่ยนบรรยากาศเคร่งเครียดให้ยิ่งกดดันด้วยเสียงหัวเราะของตนเอง


“คุณหมดประโยชน์แล้วไง”


พิทักษ์นิ่งงัน คำว่าหมดประโยชน์เหมือนดึงเขาลงไปสู่อีกเส้นทางหนึ่งที่ไม่เคยคิดว่ามีอยู่ ทั้งๆที่แต่แรกเริ่ม เขาถูกจิณณะดึงเข้ามาเกี่ยวข้องก็เพื่อประโยชน์ของเจ้าตัวเท่านั้น


“ผมอุตส่าห์ไม่พูดตรงๆ อุตส่าห์เลี่ยงที่จะพบคุณ แต่คุณคาดคั้นผมเอง ตอนนี้ผมลาออกจากราชการแล้ว จะไปซุกผู้มีอิทธิพลคนไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเอาคุณมาบังหน้า แล้วพอผมออกจากราชการกลับไปทำงานที่บ้าน คุณย่าก็ไม่บังคับผมแต่งงานแล้วด้วย ดูสิ...แค่ลาออกจากราชการอย่างเดียว ทุกอย่างก็จบ”


“แล้วเรื่องของเรา...”


จิณณะหัวเราะเย็น เป็นเสียงหัวเราะที่แม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่คุ้นเคย แต่เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนแปลง จะให้เขายังคงเป็นจิณณะคนเดิมได้อย่างไรกัน


“มันไม่มีมาตั้งแต่แรกแล้ว”


เหมือนถูกตีแสกหน้าสองทีติดๆกัน คำว่าไม่มีมาตั้งแต่แรกช่างแตกต่างกับภาพความทรงจำในใจเขา


วันที่ยิ้มให้กัน วันที่จูบกัน วันที่ปรึกษากัน วันที่กอดกันเอาไว้


ทั้งหมดนั่น มันไม่มีมาตั้งแต่แรกอย่างนั้นหรือ


“อะไรกัน อย่าทำเหมือนลืมสิว่าผมกับคุณเจอกันได้ยังไง คุณถูกผมขอให้มาช่วย ข้อหนึ่งเพราะผมต้องการบารมีคุณเทียม ข้อที่สองเพราะผมไม่ต้องการแต่งงานตามคำสั่งคุณย่า ตอนนี้ผมได้บารมีคุณเทียมมาแล้ว และคุณย่าก็ไม่จับผมแต่งงานอีกต่อไป ไหนบอกผมซิ ประโยชน์คุณอยู่ที่ตรงไหนอีก”


พิทักษ์พูดไม่ออก ไม่ใช่แค่ไม่รู้ว่าประโยชน์ของตนเองอยู่ตรงไหน แต่เพราะจิณณะที่อยู่ตรงหน้าไม่เหมือนจิณณะคนเดิมที่เขารู้จักอีกแล้ว คนที่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้คือคนที่พูดจาเลือดเย็นได้อย่างหน้าตาเฉย เป็นคนที่ยิ้มเย็น หัวเราะเสียงเย็น อำมหิตไม่มีสะทกสะท้าน แม้กระทั่งพูดเรื่องของเรา...ก็ไม่มีความรู้สึกอื่นใดหลงเหลืออีกแล้ว


“แต่ยังไงซะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณก็มีประโยชน์ต่อผมมากนะ ที่คุณโดนยิงแทนผมก็ด้วย แต่คุณย่าของผมออกค่ารักษาพยาบาลให้ก็ถือว่าตอบแทนแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือ...ถ้าคุณอยากให้ผมช่วยอะไรก็บอกแล้วกัน ผมและวงศ์กีรติจะตอบแทนเท่าที่จะทำได้” พูดไปแล้วจิณณะก็แค่นยิ้มราวกับเย้ยหยันความคิดตัวเอง


ผลประโยชน์และการตอบแทนอย่างนั้นหรือ


ฟังดูแล้วแห้งแล้งเหลือเกินเมื่อทุกอย่างถูกวัดเป็นตัวเงิน ทั้งๆที่เรื่องระหว่างเขาและพิทักษ์ แม้จะเริ่มต้นด้วยผลประโยชน์ของเขาเอง แต่ลงท้ายแล้วกลับไม่อาจประเมินค่าสิ่งที่พิทักษ์มอบให้เขาได้เลย


แต่...เมื่อตัดใจแล้วก็ต้องตัดให้สุด พิทักษ์ไม่ควรสร้างสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ให้เขาอีก คนอย่างจิณณะไม่มีค่าเพียงพอสำหรับสิ่งเหล่านั้น


“ขอบคุณนะครับ สำหรับประโยชน์ที่ผ่านมา”


ยิ่งพูดก็ยิ่งแย่ ที่แย่ที่สุดคือจิตใจคนพูดเอง แม้แต่ตัวจิณณะก็ทนไม่ได้กับสิ่งที่ออกปาก เขาใช้ประโยคนั้นเป็นประโยคสุดท้าย ค้อมศีรษะให้อีกฝ่ายหนึ่งทีแล้วเดินจากมาโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองข้างหลังอีก


ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ข้างหลัง ทั้งหัวใจ ทั้งความรู้สึก


ไม่มีอะไรเหลือติดตัวจิณณะ  วงศ์กีรติอีกแล้ว


…………………….


“ผมลาออกจากราชการหลายเดือนแล้ว จะออกมาเคลียร์เรื่องไพศาล พี่ก็รู้ เป็นข้าราชการก็เหมือนอยู่กลางแจ้ง ทำอะไรนิดหน่อยก็เป็นข่าวแล้ว ผมไม่อยากขึ้นหน้าหนึ่งเรียกแขกแบบ ‘คดีค้ามนุษย์คืบ ปลัดหนุ่มวิ่งเต้นขาแทบขวิด’ ‘ฉาว ปลัดไฮโซ ใช้เส้นเร่งคดี’ ก็เลย...ลาออกดีกว่า ทำอะไรง่ายกว่าเยอะด้วย แล้วเงินเดือนที่คุณย่าให้ก็เยอะกว่าเงินเดือนปลัดตั้งเท่าไร พี่ก็เห็นว่าผมใช้เงินเก่ง ยิ่งเรื่องคดี ผมไม่กล้านับเลยว่าหมดไปเท่าไรแล้ว”


“นี่ผมเก็บข้อมูลคดีที่มันจ้างวานฆ่าเกือบครบแล้ว เดี๋ยวจะปล่อยตัวมันให้ตำรวจจับ ผมให้รุ่นน้องคนนึงช่วยเรื่องข่าวแล้ว รอดูวันไอ้ไพศาลถูกจับได้เลย รับรองเป็นเบรกกิ้งนิวส์ทุกช่อง เป็นข่าวใหญ่ทุกสำนัก”


“ส่วนเรื่องค้ามนุษย์ ผมคุยกับลุงของพี่ เขาก็ว่าจะเอาผิดมันฐานค้าน่าจะยาก เพราะดูๆแล้วหลักฐานเป็นไปในทางที่มันเป็นคนรับจ้างขนย้าย ทำเอกสารอะไรทำนองนั้น เป็นความผิดต่อรัฐ ไม่ใช่ความผิดต่อมนุษย์ คุณทรงพลเขาเลยจะช่วยเช็กดูให้ ว่าไพศาลมันเกี่ยวกับค้ามนุษย์โดยตรงไหม แต่ถ้าสุดท้ายแล้วไม่ได้ค้ามนุษย์จริงๆ แค่อยู่ในระบบเฉยๆ ผมก็กะว่าจะเอาแค่คดีจ้างวาน เพราะมันก็ไม่น่าไปไหนรอดแล้ว”


“แต่เรื่องค้ามนุษย์นี่...ทำให้หนักใจเหมือนกัน ทั้งคุณย่าทั้งคุณเทียมก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอย่าไปยุ่ง คุณเทียมส่งลูกน้องเขามาเป็นเลขาฯให้ผมด้วย ชื่อดนัย อย่างกันในหนังเลยพี่ ฉากหน้าเป็นเลขาฯ ฉากหลังเป็นบอดี้การ์ด ชีวิตผมนี่โคตรแฟนซีเลย”


“อ้อ...ส่วนเรื่องพี่สุก สรุปว่าก่อนตาย แกน่าจะหลอกไอ้ไพศาลว่าบอกเรื่องที่มันอยู่ในขบวนการค้ามนุษย์กับคนอื่นไปแล้ว ไอ้ไพศาลคิดว่าเป็นผม เพราะผมอยู่กับพี่สุกในคืนนั้น ผมก็ไม่รู้นะ ว่าพี่สุกตั้งใจใช้ผมเป็นโล่รึเปล่า หรือตั้งใจโยนบาปให้ผมไหม หรือแกอยากให้ไพศาลมันดิ้นจนเผยไต๋ออกมาเอง เพราะเห็นว่าไพศาลเสนอเงินให้แกตั้งแต่แรก แต่แกไม่เอา ผมว่าแกก็คงทำใจรับเงินไม่ลงนะพี่ นี่มันขายทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชาย แกอาจจะยอมปิดหูปิดตา แต่ให้รับเงินก็เหมือนเข้าร่วมไปด้วย จะว่าไงดีล่ะ...คนก็ตายไปแล้ว ไปปลุกขึ้นมาถามก็ไม่ได้ ว่าคิดอะไรบ้าง ผมก็เลยไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงกับแก อีกอย่าง แกก็ดีกับผมมาตลอดด้วย ตอนผมย้ายมาอยู่ใหม่ๆ แกก็ช่วยหาข้าวหาน้ำมาส่งเรื่อย...หรือพี่ทิศว่าไง...” อดีตปลัดอำเภอพูดแล้วก็หันมองข้างกายราวกับมีใครอีกคนนั่งรถมาด้วยกัน


ทว่า...เบาะนั่งข้างจิณณะว่างเปล่า


ไม่มีใครนั่งมากับเขา ไม่มีใครอยู่เคียงข้างเขา ไม่มีใครอยู่เพื่อรับฟังเรื่องที่เขาเล่า


จิณณะรู้ดี รู้มาตั้งแต่ขับรถออกมาจากบ้านคุณเทียมว่าเขาทิ้งผู้ชายคนนั้นเอาไว้ข้างหลังแล้ว ผู้ชายที่ชื่อพิทักษ์ ผู้ชายที่เคียงข้าง คอยให้สติ คอยเป็นหลักยึด คอยจนกระทั่งวันนี้...ที่เราได้เจอกัน


แต่...นับจากนี้...ผู้ชายคนนั้นจะไม่ต้องคอยอีกแล้ว เพราะเรื่องของเรามันจบลงไปแล้ว


   ทิ้งทุกอย่างไปแล้ว ไม่เหลืออีกแล้ว


   ยิ่งตระหนักว่าทุกอย่างจบลงแล้ว และเป็นเขาเองที่ตัดสินใจจากมา ก็ยิ่งรู้ดีว่าเขากลับไปไม่ได้อีกแล้ว ไม่เพียงแค่เรื่องจบลง แต่จะไม่อาจเกิดขึ้นใหม่ได้อีก เขาและพิทักษ์...ไม่มีทางกลับมาเป็นหมือนเดิมได้อีกแล้ว


   น้ำตาลูกผู้ชายเอ่อล้นจนมองแทบไม่เห็นทาง จิณณะต้องเลี้ยวรถเข้าจอดข้างทางแล้วเปิดไฟกะพริบ เขาฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยรถ ปล่อยให้ความเสียใจกลั่นตัวออกมาเป็นน้ำใส ไม่มีเสียงสะอื้น มีเพียงเสียงครวญแผ่วที่มาพร้อมน้ำตา


   “พี่ทิศ...”


   ...ผมรักพี่...


   ...ผมรักพี่จริงๆ...


น่าเสียดาย...ประโยคนี้ พิทักษ์ไม่มีทางได้ยิน เพราะแม้จะอยู่เพียงลำพัง จิณณะยังไม่กล้าเอ่ยปากออกมาเลย


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

มีตัวประกอบค่าตัวแพงด้วยล่ะค่ะ ฮ่าฮ่า เป็นตัวประกอบจากเรื่องนู้น แล้วก็มาเป็นตัวประกอบเรื่องนี้ แต่ก็หวังว่าคนที่เคยอ่านเรื่องนู้นจะพอจำกันได้นะคะ ฮ่าฮ่า

รู้สึกว่าเคยเขียนถึงทรงพลในตอนพิเศษ ไม่แน่ใจว่าเป็นตอนที่ลงเน็ตมั้ย ว่าทรงพลบ้านแตกก็จริงแต่ก็มีผู้มีพระคุณอุปถัมภ์ ถึงได้รอดมาเป็นทรงพลในวันที่เจอพี่จักร วะฮ่าฮ่า ซึ่งผู้มีพระคุณคนนั้นก็คุณเทียมนี่แหละค่ะ (ตบมือให้กับความใช้ตัวละครคุ้ม)

วันนี้งานเยอะมากๆ ขอโทษที่มาดึกค่ะ กลับไปทำงานต่อแล้วววว

ป.ล.ไม่พูดถึงจิณเพราะรู้ว่าจิณจะต้องถูกคนอ่านหมั่นไส้ คนอะไร้! มีคนอยากคุยด้วย อยากฟังคำอธิบาย ก็ดันไปปากร้ายใส่เขา (เอาเป็นว่าหมั่นไส้แล้ว อย่าดุจิณแรงนะคะ จิณร้องไห้แล้ววววว)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม พื้นที่บอร์ด และทุกกำลังใจเช่นเคย

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ

ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
้เศร้า :mew4: สงสารทั้งสองคน :sad4:

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
……


จิณณะเอ้ยยยยยย

สงสารพี่ทิศอ่ะ


 :ling3:  :ling1:  :ling3:  :ling1:  :ling3:  :ling1:  :ling3:  :ling1:  :ling3:  :ling1:



……

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
อ่านตอนนี้แล้วสงสารพิทักษ์มาก  รู้สึกว่าจิณทำเกินไป จำเป็นต้องพูดอะไรขนาดนั้นไหม  คือตั้งแต่ต้นจิณเลือกคิดเลือกทำตลอด แต่คนรับผลกลับเป็นพิทักษ์ ไม่แฟร์เลยเหมือนที่ปลัดวรชิตพูดเลย

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
จิณใจร้าย  :m15:

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
อ่านแล้วหงุดหงิดเลย
ตอนไหนจะได้กลับมาคุยกันเนี่ย

เป็นกำลังใจให้คนเขียนครับ

ออฟไลน์ kingkongkaew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สงสารทั้งพิทักษ์และจิณณะเลย ขอให้พิทักษ์ปะติดปะต่อเรื่องได้ว่าทำไมจิณณะถึงต้องทำแบบนี้ ไม่หลงเชื่อไปกับคำพูดเย็นชาของจิณณะ คิดว่าคงต้องมีคนกลางมาช่วยบอกให้พิทักษ์รู้ เอาใจช่วยให้ทั้งสองคนได้กลับมาคุยกันเหมือนเดิมอีกครั้ง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 ร่างกายอ่อนล้าลงทันใด

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
โกรธจิณมากๆ  :o12: :o12:

ออฟไลน์ idoloveyou555

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
งื้อ วาร์ปไปเป็นวันพฤหัสเลยได้ไหม ได้แต่

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
เศร้าจนพูดไม่ออก หม่น มึน อึน
รู้สึกทางตันไปหมด
เศร้ากว่าทุกเรื่องที่เคยอ่านมาจริงๆ
วิบากกรรมจริงๆ เขื่อแล้ว

หวังว่าคงไม่พล็อตให้พี่ทิศแต่งงานกับอรพินอะไรนั่นนะคะ ไม่เอาไม่เอา

หวังว่าพี่ทิศจะไม่ยอมแพ้ ไม่เชื่อง่ายๆ ต้องรู้ดิว่าจิณณะเสแสร้ง
ส่วนสายตาเยือกเย๋นนั่นไปหัดมาจากไหนจิณณะ
ต้องน้าภาไหมที่จะยอมเข้ามาแก้ไข หรือคุณกอบกุลดี

นี่พยายามคิดว่า อะไรจะทำให้เขากลับมาหากัน คงจะคดีนี่แหละ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-04-2019 01:15:52 โดย arjinn »

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
คุณทรงพล~~~ ความเทาที่แท้จริง...แหะๆ

แอบน้ำตาซึมตอนนุ้งจิณคนเดิมพูดคุยกับความว่างข้างตัว
คือมัน...ไงดีล่ะ เขาฉาบหน้าด้วยความเลือดเย็น แต่คนเดิมของเขายังอยู่ คนเดิมแบบที่คนอื่นจะไม่ได้เห็นอีกแล้ว
น่าเหนื่อยแทนนะ เขาพยายามเข้มแข็ง ทำทุกอย่างที่ตั้งใจไปสู่เป้าหมาย แต่โดดเดี่ยวมากเลย...สงสาร~~~

พี่ทิศจะฮึดสู้มั้ยน้า~~~

ออฟไลน์ Luxfern

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น่าตีจริงๆเลยจิณ

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตอนจิณคุยคนเดียวคือร้องแล้ว  :m15: ไม่ไหวแล้ว ขอบคุณมากนะคะ ฮือออออ

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ความปากร้ายของจิณณะทำเราร้องไห้ :hao5:

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
โอ๊ยยยย สงสารที่งคู่ จะร้องไห้ตามเลย
เมื่อไหร่จะได้คุยกันดีๆ เมื่อไหร่จะได้บอกรักกันดังๆ ให้สุดเสียงสักที

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
อย่างงี้จะลงเอยกันยังไงอ่ะปวดหัวเหลือกัน อย่าทิ้งพี่เขาไปเลยสงสาร

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
สงสารรร

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
มันบีบหัวใจเหลือเกิน :sad4:

ออฟไลน์ Sutharat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พูดเองเจ็บเอง

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
อ่านแล้วน้ำตาไหลเลย ทำไมจิณปากร้ายได้ขนาดนี้

มันจะไม่จบเศร้าใช่มั้ยคะ ต้องมีวิธีที่ทำให้ทั้งคู่เข้าใจกันได้แหละ จิณสู้ๆ

ออฟไลน์ beerby-witch

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ฮืออออ ละครช่องเจ็ดมาก นางเอกแห่งทุ่งรังสิต แอบน้ำตาไหลกับประโยคบอกรักพี่ทิศของน้องจิน  :sad4:

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
อยากมห้พี่ทิศจับจิณณะมาตีสัก3ทีแรงๆ แล้ใขังไว้ในห้องแบบจำเลยรัก น่าฟาดนัก

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
จิณใจแข็งกว่าที่คิด

ออฟไลน์ taku_kimu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
คนอย่างจิณณะเนี่ย ต้องโดนฟ้าดินลงโทษหนักๆ .. ให้พี่ทิศตายเพราะจิณณะไปเลยค่ะ ไปให้สุดค่ะไรท์ฯ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด