(The End) เป็นเซียนอย่างสงบไม่ง่ายเลย #วิถีเซียน3p
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (The End) เป็นเซียนอย่างสงบไม่ง่ายเลย #วิถีเซียน3p  (อ่าน 58417 ครั้ง)

ออฟไลน์ FiZZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
อั้ยยะ สนุกมากกกกกเลยค่ะ สนุกแบบไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรมาบรรยาย
ทุกอย่างลงตัวกลมกล่อม โดยเฉพาะสำนวนภาษา ชอบจิงจัง
แอบเชียร์ตงหวาง เหมือนทำให้แบบไม่ได้หวังอะไร แค่อยากให้มาออดอ้อนบ้าง ท่านเทพดูขี้เหงานะคะ 555

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
ฮือๆๆๆๆๆๆ อยากได้ 3p  :m13: :m13: :m13:
 :110011: :110011: :z7: :z7:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4

ออฟไลน์ JanTi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ยิ่งอ่านยิ่งรักพี่เสียดายน้องอย่าให้เก็บเธอไว้ทั้งสองคน :o8:

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
ไม่อยากให้ใครเสียใจ และไม่อยากให้ทุกฝ่ายต้องเจ็บ

ออฟไลน์ Whitedemon21

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

Prince’s fiancé (end)



   การแต่งงาน สำหรับอวิ๋นหนานก็เป็นเพียงการเปลี่ยนสถานะที่ทำให้ทุกอย่างง่ายดายขึ้น ไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งแต่อย่างใด เพียงทำให้เขาสามารถติดตามดูเซียนน้อยตนนั้นอย่างใกล้ชิด และตั้งใจจะช่วยให้อีกฝ่ายตัดบ่วงที่พันธนาการจิตเซียนของเขาออกทีละน้อย แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มปลอดโปร่งยามที่ฝ่ายนั้นยื่นแก้วมาหาเขาเป็นเชิงรอคอยแล้ว ในใจพลันเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างขึ้นก่อนที่จะหายไปอย่างรวดเร็ว รู้เพียงแต่ว่าเสียงแก้วกระทบกันดังกังวานกว่าที่คิด
   วันต่อมา มีประกาศจากวังหลวง แต่งตั้งแอสเชอร์ สเวนเป็นไวเคานต์ (Viscount) และพระราชนัดดาในสมเด็จพระมหากษัตริย์ และยกให้เป็นพระคู่หมั้นของเจ้าชายลำดับที่สอง ดีแลนด์ ลูเซียโน่ ราชโองการที่ทำให้ทั่วทั้งอาณาจักรนอร์ทตกตะลึง แต่เมื่อได้อ่านข้อความสรรเสริญดยุกสเวน และชื่นชมความสามารถของแอสเชอร์ สเวน ทายาทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของตระกูลสเวนแล้ว ความคลางแคลงใจก็สิ้นไป ดยุกสเวนเป็นวีรบุรุษผู้กล้า ทายาทของเขาจะไม่เอาไหนได้อย่างไร ที่สำคัญในเมื่อเขาเป็นคู่ชะตาของเจ้าชายดีแลนด์ ยิ่งไม่มีเหตุผลอื่นให้ไม่ยอมรับเขาเป็นราชวงศ์
   จิวซือที่อยู่ๆ ก็ถูกเรียกตัวเข้าวัง พลันรู้สึกว่าบางทีคำอวยพรของเทพอวิ๋นหนานอาจจะมีอานุภาพมากเกินไป ดีแลนด์และเขาถูกพาไปยังห้องทรงอักษร กษัตริย์เด็กซ์ตันกล่าวได้ว่ารักและตามใจลูกชายคนที่สอง และหลานชายคนใหม่อย่างแท้จริง ทรงจัดเลี้ยงอาหารเย็นต้อนรับพวกเขา และสนทนากับแอสเชอร์ด้วยรอยยิ้มเอ็นดูตลอดเวลา จนจิวซืออดคิดไม่ได้ว่าบางทีความสัมพันธ์ระหว่างดยุกสเวนและองค์กษัตริย์คงลึกซึ้งกว่าที่ได้ยินได้ฟังมา ขณะที่พระราชินี มารดาแท้ๆ ของเจ้าชายโดมินิกก็มีท่าทางอ่อนโยน และพอใจที่แอสเชอร์กลายเป็นคู่หมั้นของดีแลนด์ ตระกูลสเวนเป็นแค่เสากลวงๆ ไม่มีคนหนุนหลังย่อมไม่เหมาะจะช่วยลูกชายของพระนางค้ำบัลลังก์อยู่แล้ว
   ส่วนโดมินิกนั้น เขายังคงรักษาท่าทางและรอยยิ้มอ่อนโยนตามแบบฉบับของเขา แสดงความยินดีกับแอสเชอร์และน้องชายได้อย่างสง่างามสมกับเป็นเจ้าชายรัชทายาท สำหรับโดมินิกแล้ว บางทีแอสเชอร์ สเวนคงเป็นกล่องปริศนาที่เขาทำหลุดมือไป หรือบางทีอาจเป็นแค่ตะปูดอกหนึ่งที่หลงมาอยู่ในทางเดินของเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มีเพียงโดมินิกเท่านั้นที่ทราบว่ารอยยิ้มของตนแท้จริงหรือจอมปลอม



   จิวซือ และดีแลนด์ออกเดินทางท่องเที่ยวตามที่ตกลงกันไว้ พวกเขาเริ่มจากทางใต้ที่อากาศกำลังอุ่นสบาย ขณะที่นั่งอยู่บนชายหาด ปล่อยให้สายลมและแสงแดดปะทะร่าง ค่อยรู้สึกว่าวิถีเซียนนั้นช่างสงบ และสบายใจดี การใช้ชีวิตไม่กี่สิบปีบนโลกมนุษย์จะว่าไปก็เหมือนกับการเข้าเรียน บางคนมีจุดมุ่งหมายแค่สอบผ่านได้เลื่อนชั้น บางคนต้องการทั้งสอบผ่านทั้งประสบการณ์ ขณะที่บางคนเพียงต้องสนุกกับการเรียนรู้ในแต่ละวัน สุดแล้วแต่ใครใคร่ใช้ช่วงเวลาสั้นๆ นี้แบบไหน
   “ชอบทะเลหรือ”
   “อืม” จิวซือตอบเมื่อได้ยินเสียงของดีแลนด์ดังจากด้านหลังของเขา ก่อนที่อีกฝ่ายจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ “ชอบทะเล ชอบแม่น้ำ”
   “ไม่ชอบอะไร”
   จิวซือมองไปยังทะเลสีครามเบื้องหน้า คิดอยู่ครู่หนึ่งจนเหมือนว่าจะไม่ตอบคำถามนี้ แต่แล้วก็เอียงใบหน้า สบตาดีแลนด์ กล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้างว่า “ช่องเขา”
   ไม่ชอบจริงๆ นั่นแหละ
   ไม่อยากเข้าไปใกล้ แค่เห็นในอกก็รู้สึกอึดอัดเหมือนจะหายใจไม่ออกแล้ว
   “เราไม่ชอบเวลาเธอยิ้มแบบนี้”
   คำพูดเถรตรงจี้ใจดำทำให้รอยยิ้มของจิวซือเจือนลง เปลี่ยนเป็นหัวเราะในลำคอ ดีแลนด์เป็นมนุษย์ประหลาด ในความทรงจำทุกๆ ชาติที่ผ่านมาของเขาไม่เคยพบคนที่เหมือนกับดีแลนด์มาก่อน ถ้าจะให้อธิบายละเอียดคงยาก แต่พอจะเปรียบเทียบได้ว่าอีกฝ่ายเหมือนกับต้นไม้ใหญ่ริมแม่น้ำเจียงหัวที่เขาใช้พักอาศัย ขอเพียงแผ่นหลังพิงกับลำต้น ใจก็จะรู้สึกสงบมั่นคงขึ้นมา ทั้งที่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาๆ ที่ไม่มีวันได้พบอีกแท้ๆ
   “ดีแลนด์นาย...” อยากเข้าสู่วิถีเซียนด้วยกันไหม
    ท้ายประโยคคำถามนั้นถูกกลืนลงไป คำถามที่อยากเอ่ยอยู่หลายครั้ง แต่เพราะกฎของภพสวรรค์เขาจึงไม่อาจชี้แนะอีกฝ่ายโดยตรงได้ ไม่อาจแพร่งพรายเรื่องที่มนุษย์ไม่มีสิทธิ์รู้ มิฉะนั้นดวงจิตของเขาอาจถูกทำลาย จิวซือถอนหายใจ
   “มีเงินเยอะไหม”
   ดีแลนด์เลิกคิ้วกับคำถามปราศจากที่มาที่ไป แต่ก็พยักหน้ารับ
   “ดี”
   ในเมื่อกระทำโดยตรงไม่ได้ จิวซือจึงคิดช่วยดีแลนด์สร้างกุศล ส่วนเรื่องหลังจากนั้นก็ต้องสุดแต่สวรรค์และวาสนาแล้ว



   ระหว่างที่ทั้งคู่เดินทางไปทั่วนอร์ท นอกจากเที่ยวชมธรรมชาติ สิ่งก่อสร้าง ตลอดจนวิถีชีวิตของประชาชนแล้ว ทุกครั้งที่มีโอกาสก็จะช่วยเหลือคนเดือดร้อน หรือไม่บริจาคทานไปด้วย ชื่อเสียงของเจ้าชายดีแลนด์และไวเคานต์สเวนเริ่มกระจายผ่านปากต่อปาก ผู้คนต่างสรรเสริญและชื่นชมพวกเขา อิทธิพลที่มีต่อประชาชนทั่วไปมากมายอย่างที่คนในวังหลวงเริ่มนั่งไม่ติด
   จิวซือถอดเสื้อผ้า ก้าวเท้าลงไปในลำธารใส ขณะที่สายตามองตามหลังดีแลนด์ที่ปลีกตัวไปล่าสัตว์เพื่อเป็นมื้อเย็น สหายผู้นี้เป็นมนุษย์ที่ประหลาดมากจริงๆ ซ้ำยังดูเข้าใจเรื่องราวต่างๆ ได้ลึกซึ้งยิ่งกว่าเขาที่เป็นเซียน ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา กลายเป็นเขาเสียอีกที่ได้เรียนรู้จากอีกฝ่าย เวลาที่เขาขอให้ยื่นมือช่วยใคร ก็จะทำโดยไม่ลังเล ทั้งยังมีสีหน้าเห็นพ้องและภูมิอกภูมิใจกับการทำกุศลของเขา ความสัมพันธ์นับได้ว่าเป็นสหาย และเป็นสหายร่วมทางอย่างแท้จริง ไม่เคยลึกซึ้งเกินกว่านั้น แม้แต่ช่วงฮีทของร่ายกายนี้ จิวซือยังใช้จิตเซียนทำให้ตัวเองสงบลง ขณะที่ดีแลนด์อยู่ข้างๆ ถ่ายทอดพลังเย็นเหมือนสายน้ำช่วยดับร้อน โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน ไม่ทราบอัลฟ่าของดีแลนด์ทนได้อย่างไร และไม่ทราบว่าทำไมต้องอดทน แต่ดูเหมือนว่ามีเส้นบางๆ กางกั้นอยู่ และฝ่ายนั้นไม่ต้องการก้าวข้ามมา
   กล่าวตามตรงแล้ว หากดีแลนด์เอ่ยปาก เขาก็ยินดีโอนอ่อนผ่อนตาม ความสัมพันธ์ทางกายสำหรับมนุษย์แล้ว เป็นเรื่องธรรมชาติ ถ้าเกิดจากความพอใจของสองฝ่าย และไม่ผิดศีลธรรม ยิ่งสำหรับเทพเซียน ยิ่งถือเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่คู่ควรแก้การเอ่ยถึง ความสำคัญของกายหยาบเทียบกับดวงจิตไม่ได้แม้เพียงเสี้ยว ต่อให้กายหยาบนี้ถูกทำร้าย แปดเปื้อน สูญสิ้น หรือถูกทำลายอย่างไร ก็สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ ผิดกับดวงจิต นั่นต่างหากถือเป็นสมบัติของเทพเซียน หากถูกทำให้แตกสลาย ย่อมหมายถึงการดับสูญอย่างถาวร
   จิวซือหัวเราะในลำคอ นึกถึงสีหน้าตกใจของดีแลนด์เมื่อเขาฮีทครั้งแรก เห็นได้ชัดว่ากลิ่นจากร่างกายของเขาทำให้อีกคนเกิดปฏิกริยาตามธรรมชาติ กระนั้นก็ยังกอดไหล่ของเขาไว้ และช่วยถ่ายทอดพลัง ชักนำให้เขาสงบลง ทั้งที่ตนเองเหงื่อซึมทั้งตัว
   คู่ชะตา คู่ชะตา โกหกทั้งเพ
   ชอบ แต่ไม่ได้รัก รู้สึกแบบนั้น คิดว่าเขาไม่รู้หรือ


   
   จู่ๆ จิวซือก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้า เมื่อก้มดูก็พบว่าเป็นงูสีดำมะเมื่อมขนาดเล็กตัวหนึ่ง มันจู่โจมเขาแล้วผละหนีไปอย่างรวดเร็ว ทั้งยังนิ่งเงียบราวกับมือสังหาร จิวซือไม่รู้สึกเลยว่ามีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ แต่อันตรายเช่นนี้เข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไร หรืออาจเป็นเพราะเขามัวแต่ใจลอยก็เป็นได้ จิวซือพยายามสั่งร่างกายให้ชะลอพิษร้าย ทว่าเพียงเสี้ยวอึดใจ ดวงตาก็เริ่มพร่าเลือน มองอะไรไม่ชัด ความง่วงงุนเข้าครอบงำ ร่างกายทั่วทั้งตัวชาจนขยับไม่ได้ พิษมันร้ายแรงกว่าที่คิด
   จิวซือยังคงมองตรงไปเบื้องหน้า สุดสายตาคือป่าโปร่งที่ดีแลนด์หายเข้าไป หนังตาเขาเริ่มหนักขึ้นทุกที แม้พยายามฝืนอย่างไรก็มิอาจทัดทานได้เมื่อพิษร้ายแล่นเข้าสู่หัวใจ ใบหน้ายกยิ้มอย่างที่ดีแลนด์เคยว่าเขาไม่ชอบเห็น
   หากได้พบกันอีก ก็คงดี...
   

   ร่างเปลือยเปล่าหงายหลังล้มลง จมหายไปในลำธาร ร่างเซียนของจิวซือเพิ่งจะลอยขึ้นมาก็ถูกอ้อมแขนของบุรุษชุดดำช้อนไว้แนบอก เขาก้มมองคนที่เปลือกตาปิดสนิท ก่อนที่ร่างของคนทั้งคู่จะค่อยๆ สลายหายไป

   


   ตำนานของอาณาจักรนอร์ทเล่าขานว่าคู่แห่งชะตาเป็นคำอวยพรจากสวรรค์ ครั้งหนึ่งเจ้าชายดีแลนด์ ได้พบกับคู่ชะตาของเขา ไวเคานต์สเวน ทรงตกหลุ่มรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้นและได้หมั้นหมายกัน เจ้าชายดีแลนด์ไม่ไยดีต่อราชบัลลังก์ ออกเดินทางไปทั่วทั้งนอร์ทตามความปรารถนาของพระคู่หมั้น ทั้งสองช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่เสียดายเงินทอง กระทั่งไวเคานต์สเวนถูกงูพิษกัดตายในป่า เจ้าชายดีแลนด์เสียพระทัยอย่างมาก กระทั่งเรียกอัสนีเก้าชั้นฟ้าลงมา ความรักและความทุกข์ตรอมที่ทรงได้รับกลายเป็นแรงกระตุ้นทำให้พระองค์ผ่านด่านอัสนีเก้าชั้นฟ้ากลายเป็นเทพมังกรกลับสวรรค์ จากนั้นก็ไม่มีผู้ใดพบเห็นเจ้าชายดีแลนด์อีก แต่เชื่อว่าทรงคอยดูแลปกป้องประชาชนของพระองค์ต่อไป
   ชาวบ้านในบริเวณนั้นได้ช่วยกันสร้างรูปปั้นของเจ้าชายดีแลนด์และไวเคาตน์สเวน บริเวณริมแม่น้ำที่เชื่อว่าเป็นที่ที่ไวเคาตน์สเวนเสียชีวิตและที่ที่เจ้าชายดีแลนด์กลายร่างเป็นมังกร เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความรักมั่นและความเมตตาของคนทั้งคู่
   ภาวนาให้สวรรค์เมตตาให้พวกเขาได้พบกันอีกครั้ง



(End of Arc 2)

#วิถีเซียน3p

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
สนุกค่ะ อ่านเพลินมากๆเลย
 :pig4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชอบบบบบบบบบ   :mew1: :mew1: :mew1:
มีต่อใช่ไหม....  รอ......นะ   :z3: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

รอลุ้นต่อไปจ้า

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
สนุกมากเลยค่ะ ชอบๆ

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
 o13 o13
รอชาติต่อไปของจิวซือ

ออฟไลน์ JanTi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
รอชาติต่อไปจะเกิดเป็นใครอีกหนอแล้วชุดดำนี่ใครอ่ะลุ้นตลอด :katai2-1:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
อ่านเพลินเลย สนุกดีค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ ursleepingxd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เพิ่งได้มาอ่าน ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะ เขียนออกมาได้ดี สละสลวย ชวนติดตามมากเลย เราชอบที่คุณนักเขียนเขียนมาให้เราอ่านแล้วรู้สึกว่าโฟกัสกับความสัมพันธ์ของตัวละครต่างๆมากกว่า ทำให้อ่านได้สบายๆ ไม่รีบร้อนอะไร อ่านเพลินมากเลยค่ะ น้องจิวซือน่ารักมาก ตัวละครทุกตัวมีอะไรให้ติดตาม ต่อจากนี้ไปก็ขอให้เขียนตามแนวทางที่ตัวเองชอบและอยากเขียนนะคะ จะคอยติดตามและเป็นกำลังใจให้ค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
ความสัมพันธ์ระหว่างจิวซือกับอวิ๋นหนานเริ่มมีแววพัฒนาขึ้นมาบ้างแล้ว

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
เหมือนคนเขียนทำให้รู้สึกว่าถ้าจิวซือเลือกอวิ๋นหนานชีวิตจะมีแต่ก้าวหน้าในหน้าทีาการงานอ่ะ
แต่ถ้าเลือกอี้เทียนก็อาจจะกลายเป็นคู่คลั่งรัก เหมือนอย่างตอนพี่เหิงกับเย่เย่
ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีหรอกนะเพราะเราชอบ555555555555

ออฟไลน์ Whitedemon21

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0


Interval 2: The Underworld (1)



   จิวซือลืมตาขึ้นมาพบกับบรรยากาศมืดสลัวคล้ายตอนพลบค่ำ ตัวเขานอนอยู่บนเตียงกว้าง ผ้าห่มหนาผืนใหญ่คลุมร่างจรดลำคอ รอบกายมืดมิด และหนาวเย็น ไร้กลิ่นอายของสิ่งมีชีวิต ทุกอย่างดูราวกับว่าถูกแช่แข็ง ถูกหยุดไว้ จิวซือขยับลุกขึ้นนั่ง มอบไปรอบๆ อย่างใช้ความคิด
   โดยปกติเมื่อเสียชีวิตในด่านคุณธรรม จะมีผู้คุมพาจิตเซียนของเขากลับไปที่หอคุณธรรม เพื่อรอฟังผลการตัดสิน จากนั้นจึงปล่อยตัวเขากลับที่พัก จะมีก็แต่คราวก่อนที่ถูกพาไปวังตะวันออก แต่ที่นี่ดูอย่างไรก็ไม่ใช่ทั้งหอคุณธรรม และวังตะวันออก บรรยากาศไร้ชีวิตเช่นนี้แตกต่างจากทุกที่ที่เขาเคยพบเจอ



   เสียงประตูดึงแผ่วเบา แสดงออกถึงความระมัดะวังของคนเปิด แต่เพราะรอบกายเงียบสงัด จิวซือจึงได้ยินมันอย่างชัดเจน ร่างสูงใหญ่ปรากฎขึ้นในครรลองสายตา ร่างสูงใหญ่อยู่ในชุดดำยาวหยุดอยู่ข้างเตียง เม่ือเห็นว่าคนบนเตียงตื่นแล้ว เขาจึงโบกมือคราหนึ่ง แสงสว่างจากลูกไฟสีเหลืองนวลถูกจุดขึ้นรอบห้อง ขับไล่ความมืดและความหนาวเย็น

   ดวงตาสองสีของอี้เทียนมองซื่อเสวี่ยนที่อยู่ห่างเขาเพียงเอื้อมมือ ใบหน้าอ่อนวัย ผิวขาวซีด มิคล้ายสหายผู้กินนอนอยู่กลางสนามรบในความทรงจำ ไม่ใช่ซื่อเสวี่ยนที่กอดร่างของเขาร้องไห้แทบขาดใจ ดวงตาสีดำคู่นั้นที่สบประสานกับเขามีหมอกจางๆ ปิดกั้นความรู้สึก ทำให้เขาอ่านไม่ออก นอกจากความประหลาดใจเพียงเล็กน้อยแล้ว เขาไม่เห็นอย่างอื่น ไม่ใช่แววตาที่ฉายแต่เพียงภาพของเขาอีกต่อไป  เห็นได้ชัดว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างขึ้นกับซื่อเสวี่ยน ไม่ใช่แค่ชื่อ ไม่ใช่แค่วิถีเซียน กระนั้นเขาก็ยังมิอาจปล่อยมือ ยังคงดึงรั้งโซ่แห่งอดีตเส้นนี้ไว้ ไม่ยอมให้พันธนาการระหว่างพวกเขาคลายออก

   “ซื่อเสวี่ยน”  ...ซื่อเสวี่ยน...เป็นเหมือนสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวอดีตของพวกเขาไว้
   เมื่อได้ยินเขาเอ่ยชื่อนั้น ดวงตาของคนบนเตียงคล้ายจะขยายขึ้นเล็กน้อย ม่านหมอกที่ปกคลุมดวงตาคล้ายจะกระจายออก แต่เพียงพริบตาเดียวก็กลับมาเป็นเช่นเดิม ทั้งยังก่อตัวหนาขึ้น ปิดกั้นความรู้สึกทุกอย่างไว้
   “ไม่ใช่”
   น้ำเสียงปฏิเสธชัดเจน ขณะที่เจ้าตัวลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับเขา
   หลายครั้งที่อยากถามว่าเพราะอะไรถึงเปลี่ยนชื่อ หากว่าเป็นเซียนเหมือนกันเพราะอะไรถึงไม่เคยมาหาเขา ชื่อของเขาอี้เทียนอยู่บนตำแหน่งสูงสุดของทำเนียบเซียน ก็ด้วยหวังว่าซื่อเสวี่ยนจะได้เห็น หวังว่าอีกฝ่ายจะมาพบเขา แต่ก็ไม่เคย หรือต้องการลืมเลือนเขาแล้ว ไม่ต้องพบเจออีกแล้วหรือ

   แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ข้าก็ปล่อยเจ้าไปไม่ได้ จะจองจำเจ้าไว้กับข้าที่นี่
   ดวงตาสองสีของอี้เทียนเข้มขึ้น ยามเน้นย้ำคำเรียกขาน ประกายความมืดพาดผ่านดวงตาข้างที่เป็นสีทอง ทำให้แสงสีทองแห่งองค์เทพขมุกขมัวลง
   “ซื่อเสวี่ยน”
   “จิวซือ ซื่อเสวี่ยนตายไปแล้ว”
   อี้เทียนยิ้ม แต่ดวงตาสองสีของเขาไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย ตรงกันข้าม มันแข็งกร้าว ลุกโชนด้วยความเผด็จการ ไม่ยินยอมให้ปฏิเสธ ราวกับจะบอกเป็นนัยว่าต่อให้เปลี่ยนชื่อ ต่อให้กลายเป็นเซียน เป็นเทพ หรือแม้แต่วิญญาณเร่ร่อน เจ้าก็คือซื่อเสวี่ยนของข้า

   รอยยิ้มของอี้เทียนทำให้จิวซือขนลุกไปทั้งตัว
   อี้เทียนที่อยู่ๆ ก็มาปรากฏตัวตรงหน้าเขาดูไม่เหมือนอี้เทียนที่เขาเคยรู้จักหรือจดจำ ดูราวกับปีศาจร้ายที่บ้าคลั่งและอันตราย
   มือเยียบเย็นยกขึ้นมาสัมผัสใบหน้าเขาแผ่วเบา ทั้งที่เย็นไม่ต่างจากก้อนน้ำแข็ง แต่กลับลูบใบหน้าของเขาอย่างอ่อนโยน ทะนุถนอม รอยยิ้มมุมปากกดลึกยามเอ่ยว่า
   “ข้าฆ่าเจ้า”

   จิวซือถึงกับหยุดหายใจไปชั่วขณะ
   ฆ่า? หมายถึงงูดำตัวนั้น?
   ไม่รอให้ต้องสงสัยนาน งูสีดำตัวเล็กที่กัดเขาจนตายก็โผล่หัวเล็กๆ ของมันออกมาจากคอเสื้อของอี้เทียน ก่อนจะเลื้อยไปขดอยู่บนไหล่กว้าง
   จิวซือเลื่อนสายตาจากงูตัวนั้นไปสบกับดวงตาของอี้เทียน เวลานี้เขาจึงเพิ่งเห็นว่าดวงตาข้างหนึ่งของอี้เทียนเป็นสีทอง
   อี้เทียนน่ะหรือฆ่าเขา
   ความคิดที่ทำให้ความตึงเครียดตลอดทั้งร่างของจิวซือคลายลง ก่อนที่รอยยิ้มเล็กๆ จะปรากฎขึ้น

   “ไม่โกรธหรือ”
   “เจ้าไม่ได้ฆ่าข้า” อี้เทียนเลิกคิ้วกับคำตอบของจิวซือ ความประหลาดใจยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อได้ยินคำถามต่อมา  “โดมินิก?”
   ฉลาดไม่เปลี่ยน
   อี้เทียนถอนหายใจ ก่อนจะพยักหน้า
   “แต่ข้าช่วยกำบังร่างของเจ้าตัวนี้”
   จิวซือส่งเสียงตอบรับในลำคอ เพราะเหตุนี้เขาถึงไม่รู้สึกตัวว่ามีงูตัวหนึ่งเข้ามาใกล้ โดมินิกต้องการฆ่าเขา อาจเพราะชื่อเสียงของเขาและดีแลนโด่งดังเกินไป จนเป็นภัยจากราชบัลลังก์ แต่ก็ดี แค่ไม่กี่วันด่านคุณธรรมด่านที่เก้าของเขาก็สิ้นสุด เพียงแต่น่าเสียดายที่ไม่ทันได้บอกลา
   ร่องรอยของความอาลัยที่ปรากฏในแววตาของจิวซือทำให้ความมืดในดวงตาของอี้เทียนเข้มขึ้น ไม่คาดคิดมาก่อนว่าตงหวางแห่งวังตะออกจะตามไปถึงด่านคุณธรรม ครานั้นเขาเห็นเทพอวิ๋นหนานประคองร่างเซียนของจิวซือออกจากร่างไร้วิญญาณของเจียเย่ เขาคิดว่าเป็นความบังเอิญ แต่เวลานี้เขาไม่มั่นใจว่ายังเป็นแค่เรื่องบังเอิญอีกหรือไม่
   เดิมทีการที่เขาบังเอิญพบซื่อเสวี่ยนที่ไท่ซาน เขาดีใจมาก แต่เพราะเกรงว่าตนเองอาจตายในระหว่างบททดสอบของเทพยามา กลัวว่าจะทำให้ซื่อเสวี่ยนเสียใจอีก จึงได้แต่สะกดอารมณ์พลุ่งพล่านทั้งมวลไว้ และปล่อยให้อีกฝ่ายกลับวังตะวันออกไป
   ทันทีที่สำเร็จเป็นเทพยามา สิ่งแรกที่ทำคือไปท้วงคนจากวังตะวันออก แต่กลับช้าไปก้าวหนึ่ง พวกเขาคลาดกันหลายครั้ง จนอี้เทียนนึกกลัว กลัวว่าจะเป็นดั่งที่อาจารย์ของเขากล่าวไว้ว่า หากไร้ซึ่งวาสนา ไม่ว่าชาติใดก็มิอาจครองคู่ แม้แต่เทพยามาผู้ปกครองยมโลก ชี้เป็นตายแก่ทุกดวงวิญญาณ ก็ไม่อาจฝืนลิขิตสวรรค์
   เขาไม่เช่ืออาจารย์ ไม่เชื่อลิขิตสวรรค์ เชื่อแต่ตัวเองเท่านั้น
   หากเขายินกรานจะผูกมัดอีกฝ่ายไว้ตลอดกาลเล่า
   
   “ที่นี่คือ?”
   “ยมโลก”
   จิวซือไม่เคยมายมโลก เพราะเมื่อเขาตาย ก็ถูกพาเข้าสู่วิถีเซียนทันที อย่างไรก็ตามเขาพอจะทราบเกี่ยวกับยมโลกอยู่บ้าง ยมโลกไม่มีกลางวันและกลางคืน บรรยากาศมืดสลัวตลอดทั้งวัน อาณาเขตของยมโลกกว้างใหญ่ไพศาล ไม่ด้อยไปกว่าภพสวรรค์ เมืองหลวงชื่อว่าโยวดู๋ มีเขตปกครองทั้งหมด 10 เขต แต่ละเขตมีผู้ปกครอง เรียกว่าหยานหวาง ล้วนเป็นตัวแทนของเทพยามา คอยตัดสินบุญบาปของทุกวิญญาณ ยมโลกไม่มีทางเชื่อมกับสะพานข้ามภพ คนที่ไม่มีป้ายผ่านทางไม่สามารถเข้ามาได้ แม้แต่เทพชั้นผู้ใหญ่ก็ไม่เว้น ดวงวิญญาณทั้งหลายจะถูกยมฑูตพาข้ามแม่น้ำ แยกไปแต่ละเขตปกครอง เพื่อตัดสินบุญและกรรม
   เทพยามา ผู้ปกครองยมโลก จะถูกเปลี่ยนทุกหมื่นปี เพื่อรักษาความเป็นกลางของยมโลก เทพยามาเป็นเทพองค์เดียวที่มีตาสองสี ข้างหนึ่งเป็นสีดำ แสดงถึงพลังปีศาจ พลังมืด อีกข้างเป็นสีทองแห่งปวงเทพ
   
   “เจ้า...เป็นเทพยามา?”
   “ใช่”
   จิวซือบอกไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกอย่างไร อี้เทียนกลายเป็นเทพยามา แม้แต่จอมเทพยังต้องเกรงใจ ตอนที่ทราบว่าอี้เทียนเข้าสู่วิถีเซียน ตอนที่เห็นชื่ออีกฝ่ายอยู่ด้านบนสุดของทำเนียบเซียน เขาทั้งดีใจและกังวล ใจหนึ่งอยากไปหา ใจหนึ่งละอายเกินกว่าจะพบหน้า สุดท้ายก็บอกตนเองว่าเมื่อเลื่อนขั้นเป็นเทพได้สำเร็จ ค่อยไปพบอีกฝ่าย ถึงเวลานั้นพวกเขาต่างมีชีวิตยืนยาว ไม่เจ็บไม่ตายโดยง่าย มีเวลาหลายพันปีให้สนทนากัน
   ซื่อเสวี่ยนเป็นคนโชคร้าย มีชะตาทำให้คนรอบข้างเป็นทุกข์ ถึงขั้นตายตก บิดา พี่ชาย สหาย คนรัก ผู้มีพระคุณ ทุกคนล้วนตายตก ตายอย่างไม่เป็นสุข มีแต่เขาที่ยังชีวิตอยู่ได้ เขา...ไม่อยากเป็นซื่อเสวี่ยน เพราะเช่นนั้นจึงเปลี่ยนชื่อเป็นจิวซือที่แปลว่าชะตาและความสุข หากได้เกิดใหม่เป็นเทพ ชำระวิญญาณจนบริสุทธิ์ คงจะลบล้างความอัปมงคลของตัวเองได้ ถึงตอนนั้นค่อยมาพบอี้เทียนก็ยังไม่สาย ถึงเวลานั้นค่อยขอให้อีกฝ่ายอภัยให้ แต่เมื่อได้ตรองดูดีๆ แล้ว ก็ต้องยอมรับว่าทั้งหมดล้วนเป็นข้ออ้าง สุดท้ายเขาก็แค่ขี้ขลาด ไม่กล้าไปเจอ
   เวลานี้อีกฝ่ายกลายเป็นเทพชั้นผู้ใหญ่อย่างที่เขาอย่างเขาเทียบไม่ติด เซียนเล็กๆ อย่างเขาย่อมไม่กระทบชีวิตเทพชั้นสูงอย่างอี้เทียน นับว่าเป็นเรื่องดี เป็นเรื่องดีจริงๆ
   “ยินดีด้วย”
   รอยยิ้มกว้างจนตาปิดทำให้ใบหน้าของจิวซือดูละมุนลงอีกสองส่วน แต่กลับทำให้หัวใจของคนมองกระตุกหลายครั้ง ภาพในอดีตที่ไม่เคยเลื่อนหายไปจากหัวใจซ้อนทับกับดวงหน้าอ่อนวัย ซื่อเสวี่ยนมักจะยิ้มเช่นนี้เสมอ เดิมทีเขาไม่เคยสังเกต และไม่กล้าสังเกต เวลานี้จึงพบว่ารอยยิ้มของอีกฝ่ายทำให้หัวใจของเขาบีบรัดเพียงใด

   เขา...เป็นต้นเหตุให้ซื่อเสวี่ยนยิ้นเช่นนี้

   
   

   ตำหนักสีขาวหลังเล็กลอยอยู่กลางอากาศกลืนไปกับหมู่เมฆที่รอบล้อม ดูเรียบง่าย และเงียบสงบ นกสีขาวตัวเล็กบินมาเกาะขอบหน้าต่างที่เปิดกว้าง เอียงคอ ส่งเสียงร้องจิ๊บๆ อย่างน่าฟัง ทว่าใบหน้าของหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างกลับเคร่งเครียดขึ้นทุกวินาที เจ้านกตัวน้อยบินจากไปทันทีที่ส่งสารจบ ขณะที่ดวงตาสีทองสว่างของหญิงผู้นั้นทอดมองไปข้างหน้าอย่างใช้ความคิด
   ครู่ใหญ่ ค่อยได้ยินนางเอ่ยว่า “เจ้าไปหอคุณธรรมอีกครั้ง”
   “เจ้าค่ะ” เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มรับคำ บนหน้าผากนวลมีปานรูปกลีบบัวเล็กๆ สีแดง ปรากฏอยู่ ดวงตากลมโตปรากฏแววเวทนาสงสาร และจำใจ



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เกิดเหตุอันใดหนอ

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
งือ สนุกมาก
ฝากคนเขียน ตอนอัพอย่าลืมเปลี่ยนหัวข้อนะคะ
จะได้รู้ว่ามีตอนใหม่มา

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
จะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับจิวซือหรือเปล่านะ
อยากให้ทั้งจิวซือและอี้เทียนได้ปรับความเข้าใจกันเร็ว ๆ จะได้หมดเรื่องที่ค้างคาต่อกัน

ออฟไลน์ Whitedemon21

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

The underworld (2)




   ภพสวรรค์

   คงเหวินไม่เคยเห็นท่านเจ้าวังของเขามีสีหน้าโกรธขึ้งเช่นนี้มานานแล้ว แม้จะไม่ทรงแสดงออกด้วยกริยาหรือวาจา แต่ริมฝีปากที่เม้มเป็นเส้นตรง ดวงตาสีทองเรียบเฉยไร้ความเมตตาเช่นทุกที และบรรยากาศรอบกายเยียบเย็น กดดันจนแทบหายใจไม่ออก ก็สามารถบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ไม่ปกติของตงหวางได้เป็นอย่างดี
   นับตั้งแต่ตงหวางกลับมาจากโลกมนุษย์ ก็ตรงดิ่งไปยังหอคุณธรรม เมื่อกลับมาถึงวังตะวันออก สีหน้ายิ่งย่ำแย่กว่าเดิม คาดว่าคงไม่พบคนที่ตามหา คราแรกคงเหวินยังไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องราวร้ายแรงอะไร ลอบหวาดกลัวไปต่างๆ นานาว่าจะเกิดเหตุกับวังตะวันออก หรือภพมังกร กระทั่งได้ยินตงหวางถามว่า ‘จิวซือได้กลับมาที่นี่หรือไม่’ ค่อยตระหนักว่าต้นเหตุที่ทำให้เจ้านายของเขากริ้วถึงเพียงนี้ คือเซียนน้อยผู้หนึ่ง
   จิวซือ เขาใคร่พบหน้าเซียนน้อยผู้นี้เหลือเกิน
    “สหายเซียนไม่ได้มาที่นี่ขอรับ” คงเหวินรายงานอย่างระวัง แต่แล้วก็นึกได้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเทพผู้ครองยมโลกมาตามหาจิวซือที่วังตะวันออก “ก่อนหน้านี้ เทพยามาก็มาตามหาสหายเซียนขอรับ”
   “เทพยามา?”
   “ขอรับ หลังจากท่านเจ้าวังลงไปโลกมนุษย์เพียงวันเดียว”
   เห็นสีหน้าครุ่นคิดของอวิ๋นหนาน คงเหวินจึงกล่าวเสริมว่า “ยมโลกมีเทพยามาองค์ใหม่แล้วขอรับ”
   ดวงตาสีทองของอวิ๋นหนานมีประกายพาดผ่าน ความหงุดหงิดผุดขึ้นกลางใจ เสมือนตอน้ำเล็กๆ ที่ปล่อยกระแสแห่งความขุ่นมัวไหลนองไปทั่วอก อยู่ๆ ก็หายไปจากสายตาเขาที่คอยเฝ้าดู แค่พริบตาเดียวก็เหลือไว้เพียงแต่กายว่างเปล่าปราศจากวิญญาณ หากรู้ว่าเป็นผู้ใด...
   “ตราผ่านทาง”
   คราวนี้คงเหวินตกใจจริงๆ แต่ไม่กล้าเอ่ยถามสักครึ่งคำ ด้วยน้ำเสียงของท่านเจ้าวังแฝงไว้ด้วยแรงกดดันมหาศาล ท่านเจ้าวัง...คิดจะไปตามคนถึงยมโลกเชียวหรือ




   ยมโลก

   จิวซือไม่ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับเทพยามามากนัก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะยมโลกเป็นดินแดนปิด เป็นดินแดนที่ต้อนรับเฉพาะคนตาย เทพยามาเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบปรากฎตัว คนที่รู้จักและมีความสัมพันธ์กับเขามีน้อยเพียงหยิบมือ นึกไม่ถึงว่าเวลานี้ตัวเองจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วย
   คราวก่อนที่พบกับในงานชุมนุมเทพเซียน อี้เทียนบอกว่าผ่านด่านคุณธรรมแล้ว จิวซือคิดว่าอีกฝ่ายจะได้เป็นเทพในสังกัดของแม่ทัพสวรรค์ ด้วยความสามาถเชิงยุทธ์เป็นเลิศ ต้องก้าวหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย สุดท้ายยังเป็นเขาที่ประเมินอี้เทียนต่ำไป

   ฟ่อๆ
   งูพิษสีดำตัวเดิมยกหัวเล็กๆ ขึ้นมาถูแก้มอี้เทียน จากนั้นก็ผงกหัวให้จิวซือ ดวงตากลมสีดำคล้ายลูกปัดของมันที่จับจ้องใบหน้าของจิวซือมีประกายอ้อนวอน เมื่อเห็นว่าเขายังไม่มีปฏิกริยา หัวเล็กๆ ก็ตกลง ซบอยู่กับซอกคอของอี้เทียนอย่างหดหู่

   “มันชอบเจ้า” อี้เทียนกล่าว นิ้วชี้ลูบหัวเจ้างูน้อยเบาๆ “มันอยากขอโทษ” ได้ยินอี้เทียนช่วยอธิบายความในใจ เจ้างูก็รีบชูคอ มองหน้าจิวซือ แล้วผงกหัวลง

   เห็นท่าทางแสนรู้และน่าเอ็นดูเช่นนั้น จิวซือก็อดยื่นมือไปลูบลำตัวลื่นๆ ของมันไม่ได้ เจ้างูน้อยร้องฟ่อๆ อย่างตื่นเต้นดีใจ แล้วใช้หางพันข้อมือของจิวซือไว้
   “มันปลุกสำนึกแล้วหรือ” จิวซือถาม งูเป็นสัตว์เลื้อยคลาน มีวรรณะต่ำกว่ามนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ดังนั้นการปลุกสำนึก หรือสิ่งที่มนุษย์เรียกว่า ‘สติปัญญา’ นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องบำเพ็ญตบะร้อยปีกว่าจะเริ่มมีปัญญา รับรู้ เข้าใจภาษามนุษย์ และบำเพ็ญเพียรอีกพันปีจึงจะมีสิทธิเข้าสู่วิถีเซียน ถึงเวลานั้นค่อยสามารถแปลงกายเป็นมนุษ์ และมีอิทฤทธิ์ไม่แพ้เซียนทั่วไป
   “อืม เพราะได้เลือดกับพลังเซียนของเจ้า เจ้าตัวน้อยเลยพลอยได้ตบะร้อยปีมาด้วย”
คำตอบของอี้เทียนทำให้จิวซือเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ตบะร้อยปีของเขาน่ะหรือ ร่างที่ถูกเจ้าตัวนี้กัดตายเป็นร่างกายของมนุษย์ธรรมดาชัดๆ นอกจากนั้นตัวเขายังเป็นเพียงเซียนเล็กๆ ต่อให้จิตเซียนแข็งแกร่งขึ้นอย่างไรก็ไม่น่าจะทดแทนตบะร้อยปีได้
   “เป็นไปได้อย่างไร”
   อี้เทียนมองจิวซืออย่างมีความหมาย เขาเลี่ยงไม่ตอบคำถาม แต่กลับจับเจ้างูดำไปวางบนฝ่ามือของจิวซือและขอให้เขาตั้งชื่อมัน
   “ตั้งชื่อให้มันสิ”

   เห็นอี้เทียนไม่ตอบข้อสงสัยของเขา จิวซือก็ไม่ว่าอะไร เจ้างูตัวเล็กบนฝ่ามือชูคอมองเขาอย่างคาดหวัง ทำให้อดนึกถึงดีแลนที่มีร่างเดิมเป็นงูดำสี่ขาไม่ได้ ความเชื่อของนอร์ทคือหากงูสี่ขาผ่านด่านอัสนีเก้าชั้นฟ้าจะกลายเป็นเทพมังกร ไม่ทราบจริงหรือไม่ เมื่อรู้สึกตัวว่าตนเองเผลอนึกถึงสหายผู้นั้นอีกแล้ว ก็ได้แต่นึกขันในใจ ดูท่าเขาคงจะมีวาสนากับสัตว์จำพวกงูกระมัง
   จิวซือลูบหัวเล็ก แล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า “เสี่ยวเฮย” เฮยแปลว่าสีดำ เสี่ยวแปลว่าเล็ก ในเมื่อเจ้าตัวนี้เป็นงูสีดำตัวเล็ก ก็ย่อมต้องชื่อว่าเสี่ยวเฮ่ย

   อี้เทียนอมยิ้ม สีหน้าของเขาอ่อนโยนลง พลอยให้บรรยากาศรอบตัวผ่อนคลายลงไปด้วย “เจ้ายังตั้งชื่อไม่ได้เรื่องอยู่เหมือนเดิม”
   ได้ยินอี้เทียนบอกว่าชื่อเสี่ยวเฮยของมันไม่ได้เรื่อง เจ้างูก็ชูคอขึ้นมาขู่ฟ่อๆ เป็นเชิงประท้วง เห็นได้ชัดว่าเปลี่ยนเจ้านายใหม่เรียบร้อยแล้ว ทั้งยังออกโรงปกป้องอย่างแข็งขัน แทบลืมไปว่าบุคคลที่มันประท้วงอยู่นั้นเป็นนายแห่งยมโลก

   จิวซือยิ้ม อดรู้สึกเอ็นดูเสี่ยวเฮยไม่ได้
   “ข้าเพิ่งเคยมายมโลก”
   “เช่นนั้นพวกเราไปเดินเล่นกัน” อี้เทียนกล่าว จากนั้นก็จับมือจิวซือให้เดินไปด้วยกันกับเขา จิวซือก้มมองข้อมือที่ถูกเกาะกุม อุณหภูมิจากร่างกายของอี้เทียนเย็นกว่าคนทั่วไปอยู่มาก กระนั้นเขาก็ไม่ได้ดึงออก



   ยมโลกที่อี้เทียนพาจิวซือไปเดินเที่ยวชมนั้นเป็นแค่อาณาเขตชั้นในสุด กล่าวคือเป็นบริเวณปราสาทดำ และหอคอยของเหล่าบริวารระดับสูงซี่งมีอยู่ไม่ถึงร้อยคน เทียบกับพื้นที่กว้างใหญ่สุดสายตาแล้ว เรียกว่าน้อยมาก
   ปราสาทของอี้เทียนทำจากหินสีดำ มีบันไดสูง 1,008 ขั้น รอบปราสาทปลูกดอกไม้ชนิดหนึ่ง เรียกว่าดอกไม้วิญญาณ กลีบดอกเรียวเล็กมีสีแดงสด มันเป็นดอกไม้ชนิดเดียวที่เบ่งบานในดินแดนที่ไร้แสงแดดอย่างยมโลก เพราะใช้พลังวิญญาณในการเติบโต
   หอคอยต่างๆ ที่อยู่ห่างจากปราสาทดำของอี้เทียนออกไปมีลักษณะเป็นทรงกระบอก สูงต่ำต่างกันไป แต่ทั้งหมดล้วนทำจากหินสีดำ ซึ่งเป็นวัสดุพิเศษที่มีแต่ในยมโลกเท่านั้น มีคุณสมบัติทนทาน และมีพลังป้องกันดีเยี่ยม
   ถัดจากอาณาเขตชั้นในสุด จึงจะเป็นโลกวิญญาณที่แท้จริง แต่ละเขตมีหยานหวางปกครองอยู่ ถ้าเทียบกับโลกมนุษย์แล้ว หยานหวางก็เปรียบได้กับอ๋อง ขณะที่เทพยามาเป็นฮ่องเต้ ต่างกันตรงที่หยานหวางมีอำนาจสิทธิ์ขาดในดินแดนของตัวเอง หากไม่มีเรื่องร้ายแรง จะมาพบเทพยามาเพื่อรายงานทั่วไปปีละหน และเทพยามาก็มิใคร่ยุ่งเกี่ยวกับภารกิจเหล่านี้ เขามีหน้าที่ในการรักษาสมดุล และความสงบสุขของยมโลก เป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจของยมโลก อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีปัญหาเรื่องกบฎหรือแย่งบัลลังก์เหมือนพวกมนุษย์ เนื่องจากทุกสิ่งทุกอย่างในยมโลกถือเทพยามาเป็นนาย และเชื่อฟังแต่เขาผู้เดียว นี่คือกฎและวิถีของยมโลก



   อี้เทียนพาจิวซือมาถึงหน้าผาสูงเป็นชะง่อนยื่นไปกลางอากาศ หน้าผาแห่งนี้มีความพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง คือพื้นดินรอบๆ ยกตัวสูงจนสามารถมองเห็นอาณาเขตได้รอบทิศ ด้านหน้าคือเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนจนนับไม่ถ้วน มีหมอกสีแดงจางๆ ปกคลุมอยู่ ด้านซ้ายเป็นทะเลทรายกว้างไกลไร้จุดจบ ด้านขวาเป็นทะเลลาวาเดือด และด้านหลังคือแม่น้ำใหญ่ชื่อว่าซันสี เป็นแม่น้ำที่เชื่อมไปยังโลกมนุษย์ และรับดวงวิญญาณจากทุกสารทิศเข้ามาสู่ยมโลก ก่อนจะแยกไปยังสิบเขตปกครอง ในบรรดาทั้งสี่ทิศ จิวซือคิดว่าแม่น้ำซันสีดูสวยงามและปลอดภัยที่สุด แต่อี้เทียนกลับบอกว่านั่นคือที่ที่อันตรายที่สุด ภายใต้ผืนน้ำระยิบระยับคืออสูรกาย และปีศาจร้ายที่พร้อมจะดึงดวงวิญญาณทั้งหลายให้จมลง ดังนั้นจึงต้องมีคนพายเรือพาข้ามมาส่ง เรือเมื่อพายออกมาแล้วจะไม่หันหัวเรือกลับ จนกว่าจะถึงอีกฝั่งหนึ่ง
   ทิวทัศน์ที่ได้เห็นแตกต่างจากที่เคยจินตนาการไว้มาก หลายอย่างดูขัดแย้งจนไม่น่าอยู่ร่วมกันได้ บางทีนี่คงเป็นแก่นแท้ของยมโลก เช่นเดียวกับผู้ปกครองของมัน ความดี ความเลว พลังเทพและมาร ล้วนแล้วแต่รวมอยู่ในร่างของเขา
   ยมโลกกว้างใหญ่ และซับซ้อนกว่าที่คิด แต่ก็เงียบเหงาวังเวงอย่างบอกไม่ถูก ตรงข้ามกับวังตะวันออก แม้จะมีอาณาเขตไม่กว้างมากนัก แต่ทุกวันเต็มไปด้วยสีสัน และเสียงพูดคุยของผู้คน
   แม้เทพยามาจะย่ิงใหญ่จนทุกภพต้องไว้หน้า จิวซือกลับรู้สึกว่าข้างในช่างว่างเปล่านัก
   “เจ้าบอกจะไปเยี่ยมข้าที่วังตะวันออก นึกไม่ถึงว่าจะเชิญข้ามาที่นี่แทน”
   อี้เทียนผุดรอยยิ้มบางเบา ไม่อธิบายเรื่องที่เขาต้องรับบททดสอบเพื่อเป็นเทพยามาจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เพียงแต่ทอดสายตามองไปไกล เอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นปกติว่า
   “ซื่อเสวี่ยน มาอยู่กับข้าเถิด”





#วิถีเซียน3p
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-01-2019 22:02:44 โดย Whitedemon21 »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
โอ๊ยย ใจเราเอนเอียงมากตอนนีั
อี้เทียนรอมานานเหลือเกิน จิวซือก็รออี้เทียนเหมือนกัน

เลือกไม่ได้ ฮึกก  :m15:

ออฟไลน์ earn23

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไม่อยากให้ใครเสียใจเลยยย​ เลือก​ ​ยากกก :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ ikou

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สนุกมากกกกกกกกกกกกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด