———— 04 ————
“พี่ณะๆ”
“ว่าไงขิม”
“พี่ณะถ่ายรูปให้น้องได้เปล่า”
“ได้ครับ”
น้องขิมยิ้มหวานเอ่ยปากขอบคุณก่อนที่จะเดินไปที่ปลายก้อนหินให้ผมเล็งรูปภาพสวยๆ เปลี่ยนท่าไปมาก่อนจะเริ่มโวยวายว่าไม่รู้จะทำท่าอะไรแล้วจนผมหัวเราะด้วยความเอ็นดู
“มาดูรูปก่อนเปล่า”
“ดูๆๆ ดูค่ะ”
เด็กวัยเพิ่งจบมหาวิทยาลัยวิ่งกลับมาชะโงกหน้าดูรูปในกล้องที่ยังถูกห้อยคอผมไว้ เป็นระยะที่ใกล้เสียจนได้กลิ่นน้ำหอมจางๆ จากเจ้าหล่อน –
ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรกับเขาหรอก แต่พอเธอเงยหน้าขึ้นมาแล้วผงะไปนิดหน่อยถึงได้รับรู้ว่ามันคงจะเป็นการไม่ระวังเกินไป
“ขอโทษค่ะพี่ณะ” ขิมว่าหัวเราะแบบที่ดู—
กระอักกระอ่วน? ผมพยายามจะคิดให้มันเป็นคำนั้น หากแต่เท่าที่มองแล้ว ใช้คำว่า
เขินน่าจะเหมาะกว่า “พี่ถ่ายรูปสวยจัง”
“เอ้า พี่ทำงานด้านนี้ ถ่ายไม่สวยแล้วจะให้ทำมาหากินยังไง”
“มันก็ไม่มีถ่อมตัวเลยเนอะ”
“ให้พี่อวดหน่อยเหอะ” ผมส่ายหน้า “มีเรื่องดีๆ ให้อวดอยู่นิดเดียว”
“จริง—”
“อะแฮ่ม!” ผมสะดุ้งอย่างตกใจเมื่อเสียงกระแอมไอที่ดังกว่าปกติดังมาจากอีกฝั่ง พี่เอกเป็นต้นกำเนิดเสียงนั้น ปรายตามองผมและมองน้องสาวแฟนตัวเองก่อนที่จะชี้นิ้วไปที่ด้านหลัง
“ณะไปถ่ายให้ข้าวดิ มันบ่นว่าพี่ถ่ายไม่สวยว่ะ”
“ได้พี่” ผมพยักหน้า “ไอ้โย่งมันไปไหนอ่ะ”
“ถ่ายคลิปอยู่ไง”
“—อ๋อ” ผมไม่ได้ถามอะไรต่อ วิ่งไปหาเจ้านายอีกคนของตัวเองแทบไม่ทันเพราะเห็นว่าพี่เอกกำลังมองผมตาเขียวปั๊ดอยู่
แต่นั่นก็ไม่ใช่ความผิดของผมใช่ไหมล่ะ
“ฉันว่าน้องขิมชอบแกว่ะณะ”
นั่นเป็นการเปิดประเด็นที่ค่อนข้างจะร้ายแรงของเจ้ปันขณะที่เราอยู่กันในเซเว่น กำลังจะซื้อข้าวของไปสำหรับปาร์ตี้คืนสุดท้ายก่อนที่พรุ่งนี้จะกลับกรุงเทพฯ
“คิดมาก” ผมตอบปัด
“ไม่เว้ย” แต่หล่อนไม่ยอมจบ “มึงเชื่อเซ้นส์ผู้หญิงที”
“โอ๊ย อิเจ้”
“คำพูดแกสาวแตกมาก ฉันเครียด” ผมหัวเราะกับการยกมือสองข้างขึ้นมากุมศีรษะของเจ้มัน หันไปสนใจกับเนื้อหมูสันคอในโซนอาหารสดแทนคำพูดของสาวใหญ่อย่างเจ้ปัน “น้องก็น่ารักนะเว้ย กรุบๆ กริบๆ”
“ยังไม่รับปริญญาจ้า”
“ก็ไม่ติดคุกอ่ะ”
“จับคู่เก่ง” ผมลากเสียงยาว “เอาเวลาไปจับคู่ให้ตัวเองก่อนน้า”
“ไอ้ณะ!”
หล่อนทำท่ากระฟัดกระเฟียดเมื่อผมพูดจาจี้ใจดำเต็มๆ เห็นอย่างนี้หล่อนคงเศร้าอยู่บ้าง เดือนก่อนเห็นเอาแต่บ่นว่าเพื่อนๆ เตรียมงานแต่งกันเกือบหมดแล้วเหลือแค่ตัวเองที่ยังไม่มีแม้แต่ว่าที่เจ้าบ่าว
“จะว่าไปก็ไม่เคยเห็นแกมีแฟน” คนอายุมากกว่าพูดต่อพลางคว้าข้าวโพดสองฝักใส่รถเข็น “หรือว่าจริงๆ ซุกเงียบวะ”
“ไม่มีจริงๆ”
“แต่เห็นช่วงนี้ไอ้โย่งแซวแกบ่อย เรื่องถ่านไฟเก่า”
ผมชะงักไปนิดหน่อยก่อนที่แกล้งทำเป็นง่วนกับการเลือกผักชนิดอื่นแทน “เอาแครอทด้วย”
“เปลี่ยนเรื่องเก่งมาก” หล่อนประชดแต่ก็คว้าผักมาให้ดังว่า “แค่ถามเฉยๆ ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า”
“ขอบใจมากเจ้ มันไม่ได้แย่หรอก”
หล่อนขมวดคิ้ว “แฟนเก่าเนี่ยนะไม่แย่” ถามออกมาอย่างแปลกใจ “ฉันคือคนหนึ่งที่บอกเลยว่าแฟนเก่าจะไม่ได้อยู่ในชีวิตอีก –
ทุกกรณี” ย้ำคำสุดท้ายอย่างชัดถ้อยชัดคำ
ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ ความคิดมันเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่ได้มองว่าเจ้าหล่อนผิดที่คิดแบบนั้น เพราะกาลครั้งหนึ่ง, ผมเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน – พูดไปขี้กร้านจะเถียงกันมากกว่า – นั่นคงเป็นสิ่งที่ตัวผมในอดีตกับตอนนี้แตกต่างไป
“เฮ้ยณะ หลบๆ”
เสียงไอ้โย่งดังมาจากระยะไม่ใกล้ไม่ไกล มันเดินมาพร้อมกับเบียร์หนึ่งแพ๊ค ตามด้วยน้องขิมที่มาพร้อมกับน้ำอัดลมและขนมอีกนิดหน่อยในมือ
เจ้ปันย่นจมูก “พวกแกอาบราดตัวเหรอ”
“ให้พี่เอกอาบค่ะ” น้องขิมพูดถึงแฟนพี่สาวตัวเองด้วยรอยยิ้มตาหยี “เรามากินแค่โค้กกันดีกว่าพี่ปัน”
“ก็แย่แล้ว” ผมเอ่ยแซว “สรุปขิมเมาคนแรก พี่จะหัวเราะให้”
“บ้า น้องไม่กิน”
ผมเห็นเจ้ปันบึนปากแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รับรู้อะไร พอๆ กับแกล้งไม่รู้ว่าน้องสาวพี่ข้าวมองผมด้วยสายตาแบบไหน ไม่รู้สิ แกล้งทำเป็นไม่รู้ก็คงไม่ใช่เรื่องผิดอะไร ตอนนี้น้องก็ไม่ได้พูดอะไรชัดเจน อยู่กันแค่ในทริป ไม่น่าจะยุ่งยากตรงไหน
จัดการจ่ายเงินเรียบร้อย เจ้ปันเป็นคนออกเงินให้และทำท่าว่าจะเลี้ยง ไอ้เราก็ถือว่าลาภปาก ก่อนที่พวกผมจะเดินไปที่มอเตอร์ไซค์ที่เรายืมมาจากที่พัก
ผมแบมือไปตรงหน้าคนอายุน้อยกว่า “แบ่งมาให้พี่ถือก็ได้”
“ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวน้องถือเอง”
“งั้นเอาพวกนี้มาให้พี่แขวนไว้”
“ได้เหรอพี่” หล่อนทำท่าลังเลนิดหน่อย “น้องถือไหวนะคะ”
“เอามาเถอะ” สุดท้ายหญิงสาวก็ยื่นบางส่วนให้ผมแขวนไว้ข้างหน้า อีกส่วนเธออาสาจะถือไว้เอง
ผมสตาร์ทรถ หล่อนเอามือมาแตะไหล่ผมเบาๆ ตามคำสั่งว่าอย่าจับที่ชายเสื้อ ท่าท่าเงอะงะในการซ้อนมอเตอร์ไซค์ทำให้นึกเอ็นดู
k. อยากไปเที่ยวมั่ง
เราล่ะอิจฉา
napat
ก็ไปเที่ยวร้านดัง คนวางทริปเป็นพวกพี่ๆ น่ะ
แล้วก็มีไปสามพันโบก
เออ วันนี้ยุ่งอยู่เหรอ
คำถามนั้นถูกทิ้งไว้ตั้งแต่แปดชั่วโมงก่อนโดยยังไร้ซึ่งคำตอบ ไม่ได้มีแม้กระทั่งสัญญาณว่ามันถูกเปิดอ่าน ผมไม่ได้ร้อนรน –
คิดว่าอย่างนั้น – แม้ว่าตอนนี้ผมจะเผลอเปิดหน้าแชตของอีกฝ่ายมาดูก็ตาม
เพลงคาราโอเกะถูกเปิดร้องที่บ้านพัก คุณป้าเจ้าของที่บอกว่าเสียงดังได้แค่อย่าให้เกิดเที่ยงคืนเพราะว่าบ้านข้างๆ สองหลังไม่มีคนพักอยู่ ทีนี้ก็สมใจสาวๆ โดยเฉพาะเจ้ปันที่ยังร้องเพลงกินจุ๊บกินจิ๊บอยู่
แก้วใส่เบียร์ของผมพร่องไปเยอะทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่กินมากนักเนื่องจากว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวกินไม่มีหยุดจนเริ่มหน้าแดง เจ้ปันก็เป็นพระเภทคออ่อน ไอ้โย่งก็ไม่ใช่คนที่จะมานั่งเก็บข้าวของ หน้าที่นั้นคงเป็นของผมไปโดยปริยาย อีกส่วนหนึ่งคงเพราะคิดว่าตัวเองแก่เกินจะเมาหัวราน้ำเหมือนกับวัยมหาวิทยาลัยแล้ว
“พี่ณะเอาเนื้ออีกไหม”
“ขิมกินเหอะ” ผมโบกมือปฏิเสธพลางหยิบถั่วปากอ้าที่ซื้อมาเข้าปากอีกรอบ “พี่กินแค่ถั่วก็พอแล้ว”
หล่อนพยักหน้า วางจานเนื้อไว้ตรงหน้าก่อนที่จะหย่อนกายนั่งข้างๆ “เป็นไรพี่ ไม่ร้องเพลงเหรอ”
“—ขี้เกียจไปแย่งไมค์เจ้มัน”
“อ๋อ” แล้วเราก็เงียบใส่กันอย่างกระอักกระอ่วน
ผมดื่มเบียร์ที่เหลือครึ่งแก้วจนหมด วางลงบนโต๊ะ เธอจัดการเติมน้ำแข็งและรินเบียร์ให้ ค่อยๆ เทไม่ให้มีฟอง “มีฟองก็ได้” ผมเอ่ยขึ้นแบบนั้น
ขิมทำหน้างุนงง “ปกติเพื่อนๆ น้องกินแบบไม่มีฟอง”
“เทให้มีฟองมันหอมกว่า” ผมพูดไปตามจริง “แล้วก็ไม่ทำให้ท้องอืดด้วย”
“จริงเหรอ ไม่ยักกะรู้ ปกติเวลากินกับพวกเพื่อนๆ นะ เวลาเทให้มีฟองก็จะโดนแซวว่าเมาแล้วๆ”
ผมเผลอยกมือขึ้นมาเท้าโต๊ะมองเจ้าหล่อน ไม่ได้พูดอะไรสักคำแต่กลับทำให้เธอแสดงอาการทำอะไรไม่ถูกออกมาให้เห็นได้ชัด
“มันก็แล้วแต่คนกิน— แฟนเก่าพี่ก็กินแบบเราแหละ”
ดูท่าผมเองก็เริ่มมึนๆ เข้าให้แล้ว ไม่เช่นนั้นคำว่าแฟนเก่าคงไม่มีวันหลุดออกมาจากปาก
หล่อนทำหน้าไม่ถูกก่อนจะหัวเราะแก่นๆ “พูดถึงแฟนเก่าเฉย มึนแล้วสิท่า” ยิ้มแย้มตามวัยเด็กเพิ่งเรียนจบ “ขอเพลงเปล่า เดี๋ยวน้องไปขอไมค์ให้เลยนะเนี่ย”
“ไม่ต้องหรอก” ผมปฏิเสธอีกครั้ง “แค่พูดถึงเฉยๆ”
“ขิม! มาเป็นสาวสาวสาวกับพวกพี่เร็ว!”
เสียงเอ่ยออกไมค์ทำเอาผมหัวเราะพรืดพร้อมๆ กับคนถูกเรียก น้องทำหน้างุนงงไม่เท่าไหร่ก็โดนเจ้ๆ ทั้งสองเดินมาลากไปร้องเพลง ขิมโวยวายใหญ่ว่าสาวสาวสาวอะไรไม่รู้จัก หล่อนรู้จักแต่เฟย์ฟางแก้ว เป็นเรื่องที่น่าขันพิลึก
เพลงถูกเล่นไปเรื่อยๆ จนเจ้ปันยอมวางไมค์ ท่าทางเหมือนจะตายไปแล้วหนึ่ง ในขณะที่บุหรี่มาอยู่ในมือของผมแทนที่จะนอนแอ้งแม้งอยู่ในซองต่อไป เป่าควันขึ้นฟ้าตอนที่เพลงเฮฮาถูกเปลี่ยนเป็นเพลงที่เศร้ามากขึ้น แอบรักบ้าง โหยหารักครั้งเก่าบ้าง
ผมเลิกอินกับเพลงที่กล่าวถึงแฟนเก่ามานานมากแล้ว, สักสามหรือสี่ปีเห็นจะได้ที่เลิกเฮิร์ทเสียจนนั่งฟังเพลงเศร้าซ้ำไปมา
คิดจริงๆ หรือว่าผมจะไม่เปิดใจให้ความสัมพันธ์ใดเลยก่อนที่กลับมาเจอคุณ ตลกแล้ว ผมเป๋ไปแค่เทอมเดียวด้วยซ้ำกระมัง พอทำงานแล้วก็มีคุยเล่นกับคนอื่นบ้าง เพื่อนของเพื่อน คนที่รู้จักกันจากการทำงาน กระทั่งเจอกันจากร้านเหล้าสักร้าน –
คุณแค่เป็นคนสุดท้ายที่ผมเรียกว่าแฟน – หลังจากนั้นมักจะเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ได้ไปต่อหรือไม่ก็จบลงแค่ค่ำคืนเดียว
ผมไม่ได้ปิดใจหรอก
ไม่เคยสักนิด ในขณะเดียวกันก็เลิกครวญครางร้องหาความรักหรือก่นโทษพระเจ้าว่าทำไมใจร้ายไปนานแล้ว ผมแค่ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่ควรจะเป็น
ผมปล่อยควันออกจากปาก บุหรี่ร้อนไม่ใช่อะไรที่ชอบเท่าไหร่แต่ของฟรีจากพี่เอกมัน เอาอะไรมาก
ผมเองก็มีคำถามเหมือนกันนะว่ามันเป็นเรื่องน่าดีใจหรือน่าเศร้ากันแน่ที่ได้กลับมาเจอคุณอีกครั้ง
ดีใจ, ที่มีโอกาสมาเจอคนที่เคยทำให้รักมากถึงเพียงนั้น
น่าเศร้า, ที่ไม่รู้ว่าต่อให้เจอกันแล้ว เราจะมีโอกาสทำอะไรได้อีกบ้างไหม
ครืด โทรศัพท์ในมือสั่นทำให้ผมพลิกมันขึ้นมาดูก่อนที่จะเผลอยืดตัวหลังตรงขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นว่าข้อความนั้นมาจากใคร
k. ใช่ 55555 อย่างเยินเลยวันนี้
โคตรๆๆๆ เหนื่อย
เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไป opd อีกตั้งแต่เช้า
เอ้า อ่านเร็วจัง ไม่เที่ยวอยู่เหรอ
ผมกลืนน้ำลาย เผลอเข้ามาอ่านแชตก่อนที่ในหัวจะตัดสินใจได้อีก โทษเบียร์ที่ตัวเองกินไปคนเดียวตั้งสองขวดและบุหรี่มวนเมื่อกี้แล้วกัน
napat
อื้ม กินเหล้ากันอยู่ที่พักแล้ว
k. อ๋อ ดีจัง 555555
ไปกินดิ
—ยังไม่อยากไป
นิ้วผมผมเกือบพิมพ์คำนั้นไปอยู่แล้ว อันที่จริงพิมพ์ไปแล้วเสียด้วยซ้ำ แต่จังหวะที่จะกดส่งก็ชะงักไป กดลบ พิมพ์ข้อความอื่นไปแทน
napat
ทำไมอ่ะ คุยไม่ได้เลยเหรอ
k. เปล่าครับ ก็คุยได้แหละ
เมาเหรอ
napat
ไม่เมา
k. จริงเปล่าาาา
napat
จริงๆ
ไม่งั้นลองคอลดูไหม
ผมกดออกแชตในทันทีที่พิมพ์ไปแบบนั้น ข้อความมันขึ้นว่าอีกฝ่ายอ่านแล้วก่อนที่ผมจะออกมาเสียอีก อยู่ๆ ในใจก่อนเต้นรัว อยากจะกดลบข้อความแม้จะรู้ดีว่าไม่ทันแล้วก็ตาม
บทสนทนาของเราเงียบลง พอๆ กับความรู้สึกผมที่รู้สึกเหมือนรอบตัวเงียบไปด้วยทั้งที่เพลงยังเปิดดังลั่น เสียงของพี่ๆ ยังร้องเพลงเศร้ากันอยู่
ผมบี้บุหรี่ที่สุดก้นกรองลงบนที่เขี่ยบุหรี่ “ขออีกตัวนะพี่” เอ่ยกับพี่เอกที่นังกระซิบกระซาบกับแฟนสาวตัวเองอยู่ข้างๆ หยิบออกมาหนึ่งตัวพร้อมกับไฟแช็ก
ผมเดินออกมาที่หน้าบ้านซึ่งไกลจากบริเวณที่ทุกคนกำลังเฮฮากันอยู่ หย่อนกายบนบันไดที่มีเพียงสองขั้นเพื่อยกตัวบ้านสูงจากพื้นดิน เกาศีรษะอย่างหงุดหงิดใจก่อนจะจุดบุหรี่ขึ้นมาอีกมวน
หน้าจอนั้นยังคงเงียบเฉย
ผมรู้ตัวในตอนนั้นเลยว่าตัวเองพลาดไปแล้ว napat
ขอโทษ
สุดท้ายผมก็พิมพ์คำนั้นออกไป สั้นๆ ง่ายๆ ข้อความนั้นไม่ถูกอ่านในทันทีแต่ผมก็เฝ้ารอ ในที่สุดมันก็ขึ้นว่าข้อความที่ส่งไป ปลายทางได้เปิดอ่านแล้ว
k. 55555 ไม่เป็นไร
ช่างมันเถอะเนอะ
napat
อืม
อึดอัดใช่หรือเปล่าครับ
ถ้าเป็นตอนที่เราคบกัน คุณคงจะบอกว่าเดี๋ยวค่อยคุยได้ไหม รอเจอหน้ากันดีกว่า เคลียร์กันผ่านตัวอักษรหรือน้ำเสียงเพียงอย่างเดียวไม่เคยช่วยให้อะไรดีขึ้น รั้งแต่จะทำให้แย่ลง รู้อยู่แล้วหากแต่รอบนี้ก็คิดไม่ออกว่าจะเป็นอย่างไร
อันที่จริงเรามีอะไรให้เคลียร์กันหรือเปล่าก็ไม่รู้
ผมดูดลมร้อนเข้าปอด, แผดเผาภายใน, ก่อนที่จะปล่อยมันออกไปเหลือแต่กลิ่นติดปลายจมูก
k. นิดนึง
เราไม่เคยปิดบังอะไรกัน เลือกที่จะพูดกันตรงๆ เสมอ เพราะฉะนั้นผมไม่ได้แปลกใจกับคำตอบที่ไม่ได้ตอบตามมารยาทของอีกฝ่าย – หรือจริงๆ นั่นอาจจะตามมารยาทแล้ว? ในใจคณณัฐ์อาจจะอยากตอบกลับมาว่า
อึดอัดสิโว้ยก็ได้
k. ก็เราไม่ได้เจอกันนานแล้ว
เค้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าต้องตอบเธอแบบไหน
napat
เข้าใจครับ
k. จำได้ปะว่าตอนนั้นเราคุยกันว่าถ้าเลิกกันเราจะเป็นเพื่อนกันต่อ
แต่ตอนนั้น เธอก็ทำไม่ได้ใช่ไหมล่ะ
เค้าก็เข้าใจนะ เพราะงั้นเค้าเลยไม่รู้ไงว่าเล่นได้ถึงไหน 5555555
คำพูดนั้นทำให้ผมรู้สึกว่าก้อนเนื้อในอกบีบรัดเสียจนอยากจะร้องไห้
เป็นความรู้สึกที่ไม่ได้รู้สึกมานานมากแล้ว, หากแต่ก็ยังรู้สึกในวินาทีนี้
napat
เล่นเหมือนเดิมได้หรือเปล่า เหมือนที่เราเคยเล่นกัน
คุยกันเหมือนเดิม
อะไรแบบนั้น เธอพอจะทำได้ไหม
คุณเงียบ ไม่ได้ตอบอะไรอยู่พักหนึ่ง นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเก่า – คนเมาไม่ได้พูดอะไรไม่คิด แต่พูดในสิ่งที่คิดหากไม่เคยได้พูดเสียมากกว่า – ผมก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน
k. ตอนนั้นเธอไม่อยากมีเค้าอยู่ในชีวิตแล้วนะ 55555555
เค้าก็ตามใจเธอตลอดแหละ 555555555
ผมรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกเลย
napat
อืม แล้วเธอคิดว่ายังไงบ้างอ่ะ
หมายถึง
อยากให้เค้าทำยังไงครับ
ผมรอคำตอบนั้นอย่างใจจดใจจ่อ เฝ้ารอว่าประโยคถัดไปที่คุณจะเอ่ยเอื้อนคืออะไร หวาดหวั่นเล็กน้อยยามคิดว่านั่นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ
k. อยากมีเธอในชีวิตเหมือนเดิมแหละ
อย่าหายไปอีกได้เปล่า
นะครับ
—เป็นคุณตลอดเลยที่ทำให้ผมรู้สึก
เป็นคุณเสมอมาเลยด้วยซ้ำไป
k. กลับไปทำตามสัญญาได้เปล่า
เลิกกันแล้วเราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิมนะ
-------------------------
เปิดเทอมแล้ว หลังจากนี้คงอัพช่วงวันพฤหัส - เสาร์นะคะ
เพราะที่หอไม่มีเน็ตค่ะ 5555555555
แต่ว่าวันนี้มาอัพให้ก่อน แบกคอมมานั่งคาเฟ่ใกล้ๆ
ขอให้อ่านให้สนุกนะคะ
#ตอนนี้ยังเป็นคุณ