“ไทนั่งรอที่ล็อบบี้นะ....เดี๋ยวน่านขึ้นไปแป๊ปเดียว” หลังจากที่มาถึงคอนโดของเตชินก็ปาไปราวๆทุ่มกว่า
ตอนแรกน่านฟ้าบอกให้อีกนั่งรอในรถเพราะแค่ขึ้นไปเอาของคงใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ แต่เขาปฏิเสธน้องเลยยอมตามใจ อันที่จริงอยากจะขึ้นไปเป็นเพื่อนเสียด้วยซ้ำแต่เพราะเคารพกฎกติกาของสถานที่ส่วนตัวจึงทำได้แค่นั่งรออยู่ที่ล็อบบี้ตามที่น้องบอก
“ทำไมไม่โทรให้เขาเอาลงมาให้” แทนไทถามพร้อมกับเอื้อมมือไปดึงเสื้อร่นไหล่ขึ้นมาคลุมปิดจนมิดชิดและยืนคุมให้น้องติดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้ครบทุกเม็ด
“ไม่อยากคุยด้วยอะ...แล้วน่านก็ลบเบอร์เขาไปหมดแล้ว” เจ้าตัวยิ้มแหย “อีกอย่างเวลานี้ชินยังไม่กลับมาจากออฟฟิศหรอก...ทางสะดวกไม่ต้องห่วง” น้องยิ้มโชว์รอยบุ๋มที่แก้มพร้อมกับโชว์คีย์การ์ดห้องชุดของอดีตแฟนให้ดูเป็นการยืนยันว่าเตรียมตัวมาพร้อมขนาดไหน
“อืม...รีบลงมา” แทนไทพยักหน้ารับส่งๆ แต่ประโยคต่อมากลับทำให้เด็กแสบหลุดขำ “…อย่าไปนาน...หิวข้าวแล้ว” ก็ได้เหรอ! งอแงเพราะหิวเนี่ยนะ!
“ค่า รู้แล้วๆ รอแป๊ปเดียวนะ ไม่ถึงห้านาที”
…ว่าทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็รีบเดินไปขึ้นลิฟต์ทันที
เดี๋ยวคุณหมีโมโหหิวขึ้นมาล่ะยุ่งเลย
ประตูห้องพักถูกเปิดออกหลังจากที่แตะคีย์การ์ดลงไป ภายในห้องนั้นมืดสนิทมีเพียงนาฬิกาพรายน้ำที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหน้าทีวีเท่านั้นที่ส่องสว่าง แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงไอเย็นของเครื่องปรับอากาศที่พัดผ่านช่วงตัวกระทบเข้ากับผิวกายเพื่อเป็นตัวยืนยันว่า..
..เจ้าของห้องอยู่ที่นี่…
มือที่เอื้อมไปกดเปิดสวิตช์ไฟชื้นเหงื่อขึ้นเมื่อจังหวะการเต้นของหัวใจนั้นเริ่มถี่กระชั้น
...ไม่อยากเจอเลยจริงๆ
เดินเข้าไปใกล้บริเวณโซนรับแขกด้วยความลุ้นระทึก...แล้วก็ต้องหยุดหายใจเพียงเสี้ยววินาทีเมื่อเห็นคนที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นแฟนเก่านอนเหยียดกายอยู่บนโซฟาตัวยาว....บนโต๊ะเตี้ยข้างกายอีกฝ่ายมีขวดเหล้าและกระป๋องเบียร์วางเกลื่อนเต็มไปหมด
ฝ่ายนั้นคงเมาแล้วหลับไป...พอเห็นชุดที่อีกฝ่ายสวมเป็นเพียงเสื้อยืดและกางเกงขาสามส่วนตามที่เตชินมักชอบใส่เสมอเวลาอยู่ที่บ้าน
...แสดงว่าวันนี้คงอยู่ห้องทั้งวัน
...มาได้ถูกจังหวะจริงๆ ให้ตาย...
สายตาเฉยชามองเลยผ่านอดีตคนรักไปอย่างไม่ไยดี ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อนำของสำคัญกลับไปให้ไว้ที่สุด
น่านฟ้าถือวิสาสะรื้อค้นลิ้นชักบริเวณโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อหาสร้อยเส้นนั้น แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นวี่แววจึงเริ่มรู้สึกร้อนใจขึ้นมาไม่น้อย ก่อนจะผละออกมายืนตั้งสติใหม่อีกรอบ
พอกวาดสายตามองสังเกตรอบห้องก็ได้พบว่าบนโต๊ะของเตชินยังคงมีข้าวของเครื่องใช้ที่เคยใช้ร่วมกันตั้งอยู่อย่างเดิมเหมือนอย่างที่มันเคยเป็น แต่สิ่งที่ทำให้น่านฟ้าสะดุดตามากที่สุดก็คงเป็นกรอบรูปสีขาวที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง...มันเป็นกรอบรูปอันเดียวกันกับที่ตกแตกอยู่หน้าทีวีในคืนนั้น..
รูปสีน้ำของเจ้าตัวที่ยิ้มกว้างยังคงประกายความสุข...แม้กระจกจะแตกละเอียดไปแล้วแต่กรอบยังคงเป็นอันเดิม
จะมีแค่เพียงความรู้สึกของคนวาดเท่านั้นที่เปลี่ยนไป
...เมื่อก่อนมันไม่ได้ถูกนำมาตั้งไว้ข้างหัวเตียงแบบนี้หรอก
แล้วจู่ๆทำไมถึงพึ่งมานึกให้ความสนใจกัน...พึ่งจะมาดูแลและเห็นคุณค่าในวันที่มันแตกสลายไปและไม่มีวันที่จะย้อนกลับมาได้ไปทำไม
มันไม่สายไปหน่อยหรือ
“...ฟ้า” เสียงแหบพร่าที่ดังขึ้นมาจากบริเวณหน้าประตูดึงสติให้น่านฟ้าหันกลับไปมอง ก่อนจะพบว่าอดีตคนรักกำลังยืนพิงกายเข้ากับกรอบประตูพร้อมกับมองมาที่ตัวเองอย่างไม่ลดละสายตา
น้ำเสียงและท่าทางที่ฝ่ายนั้นใช้มองกันเจือไปด้วยความรู้สึกผิดจนล้น แววตาแดงก่ำสั่นไหวได้อย่างน่าเห็นใจ
...แต่ก็เพียงเท่านั้น เมื่อมันไม่สามารถส่งผ่านมาถึงใจได้อีกต่อแล้ว
“ฟ้า...ให้อภัยชินแล้วใช่ไหม” เตชินเดินโซเซเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นเหล้าคละคลุ้งอยู่รอบกาย นัยน์ตาสีเข้มสะท้อนวูบไหวอย่างสิ้นหวังเมื่อคนที่ตนเฝ้ารอมีเพียงความเฉยชาส่งมาให้ “…ฟ้า เรื่องวันนั้นชินขอโทษ...กับขวัญชินไม่ได้ตั้งใจ”
…ยังจะกล้าพูดอีกเหรอ..
น่านฟ้าอยากจะปัดคำแก้ตัวเหลวไหลออกไปให้พ้นทางก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อดับอารมณ์ที่เริ่มปะทุ เรียวเล็บจิกลงบนอุ้งมือจนรู้สึกเจ็บเมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้
...ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกรักจนแทบถวายหัวแปรเปลี่ยนเป็นขยะแขยงจนแทบบ้า..
“สร้อยของฟ้าอยู่ไหน” น้ำเสียงหนักแน่นพูดตัดบทแสดงให้เห็นว่าไม่อยากจะพูดคุยด้วยมากไปกว่านี้ “ชินเห็นรึเปล่า”
แม้น้ำเสียงจะแข็งกระด้างแต่อย่างน้อยเตชินก็รู้สึกคลายความตึงเครียดลงไปได้บ้างเมื่ออีกฝ่ายยอมพูดด้วย “ชินเก็บไว้ให้...ฟ้าลืมทิ้งไว้ในห้องน้ำ” รอยยิ้มบางเบาประทับขึ้นบนใบหน้าเมื่อได้มองคนที่เฝ้าคิดถึงมาตลอดหลายวัน
“ขอคืนด้วย”
“ทำไม...ฟ้าจะไปไหน” จู่ๆน้ำเสียงที่เคยอ่อนระโหยกลับแข็งกระด้างขึ้นมาเมื่อรู้ว่าที่อีกฝ่ายมาหานั้นไม่ใช่เพราะต้องการให้อภัยหรือคิดถึงกัน...แต่เพราะน่านฟ้าแค่ต้องการของสำคัญคืนก็เท่านั้น
เขารู้ดีว่าสร้อยเส้นนั้นมันมีความสำคัญกับฟ้ามากขนาดไหน...ถ้าให้คืนไปก็เท่ากับว่าฟ้าจะตัดขาดเขาอย่างถาวรและไม่มีทางที่จะเดินกลับมาหากัน
...ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ!
“ฟ้าจะไปจากชินจริงๆใช่ไหม!” ฤทธิ์น้ำเมาที่ยังคงไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือดเป็นตัวกระตุ้นเร้าให้ขาดสติ
“ชิน...ถอยออกไป” น่านฟ้าผงะถอยเมื่อคนตัวใหญ่ย่างก้าวเข้ามาหาจนประชิดพร้อมกับออกแรงกระชากให้เข้าไปหาอย่างแรงจนใบหน้าปะทะกับช่วงอกกว้าง
“ไม่!” เสียงทุ้มตวาดลั่นก่อนจะออกแรงโอบรัดร่างของอดีตคนรักแน่นเมื่ออีกฝ่ายเริ่มดิ้นขัดขืนราวกับรังเกียจกันจนเกินจะรับไหว
...ฟ้าไม่เคยเป็นแบบนี้...
ที่ผ่านมาต่อให้ทะเลาะกันรุนแรงแค่ไหนเพียงแค่กอดเดียวก็สามารถทำให้ฟ้าให้อภัยเขาได้โดยง่าย
แต่รอบนี้มันต่างออกไป...แม้จะออกแรงรัดแน่นเพียงไหนแต่กลับรู้สึกว่าคนในอ้อมกอดยิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ
“เราเลิกกันแล้ว! ชินไม่มีสิทธิ์ทำกับฟ้าแบบนี้!” เล็บยาวทั้งจิกและข่วนแผ่นอกจนขึ้นรอยแดง แต่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่สะทกสะท้านแล้วยังเพิ่มแรงรัดให้แน่นขึ้นอีก
“ชินไม่เลิก!!” คำยุติความสัมพันธ์กรีดลึกลงไปในใจจนเจ็บคล้ายกับถูกคมมีดกรีดจนเป็นแผลเหวอะ
...เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าจะทะเลาะกันหนักแค่ไหนน่านฟ้าไม่เคยพูดคำนี้ออกมาให้ได้ยินสักครั้งเดียว
“ปล่อยนะ! ชิน!ฟ้าเจ็บ!” อุ้งมือแข็งบีบรอบข้อมือเล็กจนขึ้นรอยแดงอย่างน่ากลัว
“ทำไมต้องเลิก! ฟ้าไปมีคนใหม่ใช่ไหม!” ตะคอกถามจนข้างขมับรับรู้ได้ถึงเส้นเลือดที่เต้นตุบ “บอกมา!มันเป็นใคร! ไอ้เหี้ยนั่นมันเป็นใครถึงกล้าเสือกกะโหลกมายุ่งกับเมียชาวบ้าน! มันไม่รู้เหรอว่าฟ้ามีผัวแล้ว--!” คำสบประมาทหยาบคายทำให้คนฟังถึงกับหน้าชาวาบ รู้ตัวอีกทีฝ่ามือก็ตวัดตบลงไปบนเสี้ยวหน้าของคนไม่รักดีอย่างช้ำใจ นัยน์ตาสีสวยเอ่อคลอไปด้วยหยดน้ำเมื่อความเสียใจตีรวนขึ้นมาจนท่วมท้น
…หัวใจคนเรามันจะแหลกสลายกันได้กี่ครั้งกัน
“จำเอาไว้…ที่ฟ้าหมดรักชิน มันก็เพราะตัวชินเอง…ไม่ใช่เพราะใคร!”
ประกายวาวโรจน์นัยน์ตาคมเข้มแสดงให้เห็นว่าตอนนี้เตชินฟิวส์ขาดไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยรอยยิ้มบิดเบี้ยวแสดงให้เห็นว่าภายในนั้นแตกสลายไม่มีชิ้นดี ร่างสูงใหญ่พุ่งตัวเข้าไปตวัดอุ้มอดีตคนรักก่อนจะเหวี่ยงลงไปบนเตียงจนได้ยินเสียงสปริงลั่น
“หึ…ชินไม่ยอมปล่อยฟ้าไปง่ายๆหรอก”
…รู้ว่าคงไม่มีทางหวนคืน…แต่หมาจนตรอกน่ะมันทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว
“ฟ้าเป็นเมียชิน! เป็นของของชิน!…มันคือความจริงที่ฟ้าลบมันออกไปไม่ได้!!”
น่านฟ้าร้องจนเสียงหลงเมื่ออีกฝ่ายกดล็อกข้อมือทั้งสองข้างขึ้นไว้เหนือหัวพร้อมกับแทรกกายเข้ามาใช้เข่ากดทับหน้าขาจนชาดิก
“ชิน!หยุดนะ!” กรีดร้องดังลั่นเมื่อเสื้อเชิ้ตที่สวมใส่ถูกกระชากออกไม่มีชิ้นดี กระดุมทุกเม็ดขาดกระจัดกระจายไปคนละทิศ ทันใดนั้นก็รู้สึกชาวาบไปทั้งตัวเมื่อถูกซุกซบเข้ามาที่ข้างซอกคออย่างรุนแรง สัมผัสเปียกชื้นที่ขบเม้มรุนแรงบนผิวเนื้ออ่อนทำให้รู้สึกหวาดกลัวจนร้องไม่ออก
ริมฝีปากถูกกระแทกจูบดุดันจนรับรู้ได้ถึงสัมผัสเค็มปร่าของเลือดที่ซึมออกมา
เตชินสติแตกไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย...เพราะฝ่ายนั้นทั้งกัดและจูบตระโบมผิวเนื้อด้วยความหยาบคายอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
...เจ็บใจจนน้ำตาไหล
ฝ่ามือเล็กที่ประทุษร้ายคนตัวใหญ่เริ่มอ่อนแรงลง มือที่กำเข้ากับผ้าปูที่นอนจนยับย่นคลายออกเมื่อความสิ้นหวังประเดประดังเข้ามาโจมตี น่านฟ้านอนนิ่งไม่ต่อต้านทั้งๆที่ฝ่ายนั้นเอื้อมมือเข้ามารองใต้แผ่นหลังเพื่อที่จะปลดตะขอเกาะอกออก
เตชินจูบซับลงบนหัวไหล่เปลือยอย่างโหยหา...ไม่ว่าอย่างไรกลิ่นกายของคนในอ้อมกอดก็เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจห้ามความปรารถนาเอาไว้ได้ สองมือบีบเฟ้นไปทั่วผิวเนื้อขาวนวลจนขึ้นรอยแดงอย่างถือสิทธิ์ เรียวปากขบเม้มบริเวณผิวเนื้อเหนือเนินอกจนขึ้นจ้ำสีแดงคล้ำไปทั่วอย่างไร้ความปรานี
ความหึงหวงและต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทำให้สติถูกหั่นสะบั้นลง
...ตั้งแต่คบกันมาไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งแค่ไหนฟ้าก็ไม่เคยอนุญาตให้เขาทำร่องรอยบนตัว...
แต่แล้วสัมผัสเปียกชื้นที่หยดลงบนฝ่ามือก็หยุดให้ทุกการกระทำชะงักลง เนื้อตัวสั่นเทาของคนใต้ร่างทำให้เตชินต้องกำฝ่ามือเข้าหากันแน่นจนเส้นเลือดปูดเกร็ง
...ทำไมต้องหวาดกลัวและรังเกียจกันมากขนาดนี้...
ทั้งๆที่เราเคยรักกันมากแท้ๆ
ทำไม...ทำไมความรักของเขามันส่งไปไม่ถึงใจของอีกฝ่ายเลย
หรือนี่อาจเป็นบทลงโทษของคนที่ไม่รักดี...คนเห็นแก่ตัวที่มาเห็นค่าของสำคัญในวันที่สายไป...
“..แม่งเอ๊ย!” น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงเมื่อเปลือกตาปิดการรับรู้ทุกสิ่ง ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงทับคนใต้ร่างไว้อย่างหมดเรี่ยวแรง เสียงทุ้มต่ำที่สั่นเครือข้างใบหูแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายอ่อนแอมากแค่ไหน “..ขอโทษ...ชินขอโทษ”
เขาเกือบจะทำมันไปแล้ว...เกือบลงมือทำร้ายฟ้าไปแล้ว
น่านฟ้านอนนิ่งไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้นออกมาให้ได้ยิน ริมฝีปากอิ่มถูกขบเม้มจนซีดเพื่อระบายความกดดันทั้งหมดที่มี
…มีค่าแค่นี้ใช่ไหม...
เพราะเป็นแบบนี้ใช่ไหม...ใครต่อใครถึงนึกอยากจะทำอะไรกับร่างกายนี้ก็ได้
…เอาเลย...อยากทำอะไรก็เชิญ..
“ฟ้า...”
“ถอย” น้ำเสียงแผ่วระโหยเฉยชาจนน่ากลัว “...ไปให้พ้น”
“ฟ้า...ชินขอโทษ” มีเพียงเสียงสะอื้นจากผู้ชายตัวโตเท่านั้นที่ดังคลอไปกับเสียงลมเครื่องปรับอากาศ
เตชินยอมผละกายออกห่างในท้ายที่สุด
แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรน่านฟ้าก็ลุกหนีออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าตัวเองจะมีเพียงเสื้อเชิ้ตที่ขาดวิ่นห่อหุ้มผิวกายเอาไว้
เสียงปิดประตูด้านนอกดังขึ้นดึงสติให้ชายหนุ่มต้องรีบคว้าเอาเสื้อเชิ้ตของตัวเองที่พาดอยู่ใกล้ๆมาถือไว้ก่อนจะวิ่งตามออกไป
น่านฟ้าแทรกตัวเข้ามาในลิฟต์และปิดเอาไว้ได้ทันก่อนที่ใครอีกคนจะตามเข้ามา
เพียงไม่นานก็ลงมาถึงชั้นล่าง มองจากตรงนี้ก็ได้เห็นว่าใครบางคนกำลังนั่งรออยู่ที่ล็อบบี้ตามเดิมไม่ได้ลุกไปไหน เพียงเท่านั้นม่านน้ำตาก็ฉาบทับขึ้นมาบังเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นลุกเดินเข้ามาหาด้วยความร้อนรน
“น่าน” แทนไทดูตกใจอยู่ไม่น้อยเมื่อเห็นสภาพของน้อง “เกิดอะไรขึ้น”
น่านฟ้าไม่ตอบอะไรทำเพียงแค่ส่ายหน้าแล้วโผเข้ามากอดเอาไว้แน่น เจ้าตัวซุกหน้าลงกับอกพร้อมกับปล่อยโฮจนผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นหันมามองเป็นตาเดียว
แม้จะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่สุดท้ายก็ต้องเก็บความสงสัยเอาไว้แล้วรีบพาน้องกลับไปที่รถ
แทนไทอาสาเปิดประตูฝั่งข้างคนขับให้น้องลงไปนั่ง แต่แล้วกลับสังเกตเห็นร่องรอยบางอย่างที่เด่นชัดบนเนินเนื้อขาวผ่อง
...พึ่งจะเห็นก็ตอนนี้เองว่ากระดุมทุกเม็ดบนเสื้อน้องมันขาดออกไปจนหมดเลยทำให้คอเสื้อเปิดกว้างขึ้นกว่าเดิม
“ใครทำ” แทนไทค้ำแขนลงบนหลังกรอบประตูรถด้วยท่าทีเคร่งเครียด “มันใช่ไหม” สันกรามถูกขบแน่นจนนูน
น้องไม่ตอบอะไร ทำเพียงก้มหน้านิ่งแล้วกำมือแน่น
“ฟ้า!” แต่แล้วเสียงร้องเรียกด้วยความร้อนรนของใครบางคนก็ดึงความสนใจให้ต้องหันกลับไปมอง
เตชินวิ่งเข้ามาหาที่ลานจอดรถทั้งๆที่ไม่ได้สวมใส่รองเท้าพลันในตาก็กลับมาแข็งกร้าวเมื่อเห็นว่ามีใครอีกคนอยู่กันอดีตคนรัก
“มันเป็นใครฟ้า” สันกรามถูกบดจนนูนเพื่อระงับอารมณ์
..เตชินไม่เคยได้พบเจอแทนไทมาก่อน เจ้าตัวรู้เพียงแค่ว่าน่านฟ้ามีพี่ชายอีกคนที่ป๋ารับมาเลี้ยง แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดจะใส่ใจอะไรมากมาย มันเลยไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจผิดคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนใหม่ที่เข้ามาแทนที่ตัวเอง
“ไท...กลับกันเถอะ” น่านฟ้าเอื้อมมือไปจับแขนเมื่อเห็นว่าไทมองฝ่ายนั้นไม่วางตา
“นี่ใช่ไหมคนใหม่ของฟ้า” คนที่ว่าเบี่ยงตัวเข้ามาขวางไม่ยอมให้เขาได้เข้าไปใกล้...ร่างสูงใหญ่ของผู้ชายสองคนยืนประจันหน้ากันเขม็งอย่างไม่ยอมลดละ
“ถอยไป” น้ำเสียงกดต่ำเป็นการเตือน แทนไทผลักอกอีกฝ่ายออกเมื่อเห็นว่ามันตั้งท่าจะเอื้อมมือไปดึงตัวน้อง
“มึงมีสิทธิ์อะไรมาสั่งกู!” เตชินผลักคืนอย่างไม่ออมแรงนัก “นี่เมียกู! อย่าเสือกมายุ่งกับของคนอื่น!”
“พูดดีๆไม่ชอบใช่ไหม”
สิ้นน้ำเสียงเย็นเยียบสัมผัสหนักๆก็ลอยปะทะกับใบหน้าเข้าอย่างจังจนคนถูกต่อยเซล้มลงไปบนพื้น
“ไท!”
เสียงร้องเรียกไม่เป็นผลเมื่อคนที่ถูกโทสะควบคุมจนสิ้นสติ แทนไทดึงคอเสื้ออีกฝ่ายขึ้นมาก่อนจะเหวี่ยงกระแทกเข้ากับตัวรถพร้อมใช้แขนดันล็อกลำคอเอาไว้จนไม่มีโอกาสที่จะตอบโต้กลับได้
เตชินไม่ใช่ผู้ชายตัวเล็กก็จริง...แต่ถ้าเทียบกับไทแล้วล่ะก็ยังไงก็คงสู้ไม่ไหว
ในขณะที่อีกคนเป็นเพียงผู้ชายสุขภาพแข็งแรงทั่วไป...จะไปเทียบกับแรงนักกีฬาได้ยังไง
“เหี้ยเอ๊ย!” เสียงสบถหยาบดังขึ้นซ้ำยังพยายามที่จะสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้
“น่านเลิกกับมึงแล้ว” หนุ่มใต้กดเสียงต่ำอย่างต้องการระงับอารมณ์เดือดดาลที่ปะทุขึ้นมา “อย่าเสือกเข้ามายุ่งอีก”
…แทนไทที่อยู่ตรงหน้าราวกับเป็นใครอีกคนที่น่านฟ้าไม่เคยได้รู้จัก
...ดูน่ากลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้...
“แล้วน่านก็ไม่ใช่สิ่งของของใครทั้งนั้น...ไม่ใช่คนที่มึงคิดจะมาเล่นทิ้งๆขว้างๆด้วยได้” ถ้อยคำเอ่ยเตือนแฝงไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “จำใส่หัวไว้”
ประกายตาลุกโชนไปด้วยโทสะพร้อมกับแรงกดเข้าที่ลำคอของอีกฝ่ายแน่น ความรู้สึกที่สะสมมาเนิ่นนานถูกระบายผ่านเรี่ยวแรงมหาศาลเมื่อหวนนึกถึงรอยน้ำตาของใครบางคนที่หลั่งไหลเพราะคนคนนั้น
...ทั้งๆที่มีโอกาสได้ดูแล...แต่ทำไมยังทิ้งขว้างอย่างไม่ไยดี
ทำเหมือนกับว่าเป็นของตายที่รอให้มันคอยเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
...ที่ผ่านมาเพราะเห็นว่าน่านรักมันมากเลยยอมถอย…ไม่เข้าไปยุ่ง
พอแล้ว...พอกันที
ทนมาเกินพอแล้ว
หมัดที่สองซัดเข้าที่ใบหน้าจนอีกฝ่ายเซจนต้องอิงตัวเข้ากับรถ แต่พอตั้งท่าจะเข้าไปต่อยซ้ำให้หายแค้นกลับถูกใครบางคนเข้ามาขวางเอาไว้ก่อน
“ไท..พอแล้ว” …น้องร้องขอทั้งที่น้ำตายังเปื้อนอาบแก้ม
“...” หมัดสองข้างกำแน่นจนเกร็งแววตาเครียดขมึงจ้องเลยผ่านไปยังอีกคนอย่างไม่ยอมล่าถอย...อาจเป็นเพราะน้ำหนักกำปั้นที่มีมากกว่าคนปกติทั่วไปเลยทำให้ฝ่ายนั้นมึนอยู่ไม่น้อย
“พอแล้ว...น่านขอ...” ฝ่ามือเล็กเอื้อมมาจับแขนเอาไว้ นัยน์ตากลมโตสั่นไหวเมื่อช้อนขึ้นมอง เพียงเท่านั้นก็คล้ายกับถูกกระแสน้ำเย็นสาดซัดเข้ามาดับไฟโทสะที่กำลังคุกรุ่น “ไทอย่าทำเขาเลย”
ก็แพ้อยู่วันยังค่ำ
“…จะปกป้องมันทำไมน่าน”
“ไท..”
“ยังจะห่วงมันอีกทำไม”
ถามออกไปทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แก่ใจ
คนเคยรักกัน...จะห่วงกันก็ไม่แปลก
ทั้งๆที่รู้แบบนั้นแต่แรงบีบรัดในอกซ้ายกลับทำงานหนักจนแทบทนไม่ไหว
...ยิ่งเห็นว่าน้องร้องไห้ก็ยิ่งเจ็บจนแทบบ้า
บรรยากาศภายในรถเงียบจนน่าอึดอัด น่านฟ้าพิงตัวเข้ากับประตูรถจนแทบกลืนหายเข้าไปในนั้น
รู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาไม่หยุดเมื่อคนข้างกายไม่มีท่าทีที่จะหันกลับมามองกัน...หลังจากที่ออกมาจากคอนโดของเตชินไทก็เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา น่านฟ้าสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายกำพวงมาลัยแน่นจนกล้ามเนื้อตึงเครียดไปหมด
...ไม่เคยเห็นไทโมโหขนาดนี้มาก่อน
ยอมรับว่าตอนนั้นตกใจมากจริงๆที่เห็นไทต่อยอดีตคนรัก...เพราะปกติแล้วในเรื่องการใช้กำลังแทนไทจะเป็นคนที่ใจเย็นมากเพราะเจ้าตัวรู้ตัวดีว่าตัวเองนั้นมือและเท้าหนักกว่าคนทั่วไป ถ้าไม่จำเป็นจะพยายามเลี่ยงตลอด ขนาดต่อยเตชินไปแค่ไม่กี่หมัดฝ่ายนั้นยังแทบแย่ ถ้าปล่อยให้มีเรื่องต่อมีหวังไม่พ้นหามส่งโรงพยาบาลแน่นอน
“...น่านขอโทษ” น้องเสียงสั่นพร่าพร้อมกับเอื้อมมือจะไปจับแขนเอาไว้...แต่ก็ต้องใจเสียเมื่อคนพี่ยื้อหลบ
“…”
“ไทอย่าโกรธเลยนะ” กังวลจนแทบบ้ากับท่าทีเฉยชาแบบนี้ “น่านไม่ได้เป็นห่วงเตชินแล้ว...แค่...แค่ไม่อยากให้ไทมีเรื่อง”
“น่านไม่ได้ ฮึก ..ไม่ได้รักเขาแล้วจริงๆ” น้ำตาที่พยายามกลั้นมาตลอดทางหยดลงบนฝ่ามือ
“...”
“ไทเชื่อน่านนะ...ขอร้อง” ตัวแสบเซื่องซึมลงมาก ทั้งมือก็ยกขึ้นปาดน้ำตาป้อยๆเหมือนเด็กเล็กๆโดยไม่ได้แคร์เลยว่ามาสคาร่าจะเปื้อนเปรอะ
เผลอเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อความกดดันทั้งหมดลอยวนเวียนอยู่รอบตัวจนรู้สึกหนักอึ้ง...ปลายเล็บจิกลงบนอุ้งมือจนเป็นรอยแดงเพื่อระบายความอึดอัดที่เกิดขึ้น
ไม่ได้อยากร้องไห้งี่เง่าแบบนี้เลย...แต่เพราะมันทนไม่ไหวที่อีกคนเอาแต่นั่งเงียบไม่สนใจกัน
แต่แล้วจู่ๆฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งก็ยื่นเข้ามาหาพร้อมกับถือวิสาสะสอดปลายนิ้วเข้ามากอบกุมเอาไว้แทนเลยทำให้อุ้งมือปลอดภัยจากเล็บของตัวเอง
“เดี๋ยวเจ็บมือ” ประโยคสั้นๆที่เรียกให้หยดน้ำตาไหลรินลงมามากกว่าเดิม “...ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ”
“…” น่านฟ้าส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมออกแรงกระชับฝ่ามืออุ่นแน่น
“อย่าร้องไห้”
พอเงยหน้าขึ้นมองฝ่ายนั้นก็เอาแต่มองตรงไปยังท้องถนน...ตาคมจ้องเลขสีแดงของไฟจราจรอย่างมั่นคง ไม่แม้แต่จะหันมาสนใจต่างจากอุ้งมือใหญ่ที่บีบกระชับแน่นขึ้นจนรู้สึกอุ่นไปทั้งหัวใจ
ความแข็งกระด้างฉุนเฉียวก่อนหน้าหายไปแล้ว...ตอนนี้เหลือแต่หมีตัวโตที่ดูหงุดหงิดงุ่นง่านเวลาที่มีอะไรสักอย่างมาป้วนเปี้ยนให้รำคาญใจ
“ไท”
“ครับ”
“ขอบคุณนะ” ขอบคุณที่อยู่ข้างๆกัน
“อืม” ในที่สุดก็ยอมหันกลับมามองกันซะที “...เจ็บมากไหม” ปลายนิ้วยกขึ้นมาลูบข้างมุมปากอย่างเบามือ...อ่อนโยนราวกับคนที่ต่อยคนอื่นจนหน้าหงายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานั้นเป็นเพียงร่างสมมติ
“ฮื่อ เจ็บ” เพราะตอนที่เตชินจูบน่ะโดนเขี้ยวบาดมาด้วยนิดหน่อย
...แต่คงไม่กล้าบอกหรอกเดี๋ยวหมีแปลงร่างอีก
“ไหนดู” จู่ๆคุณคนขับก็โน้มตัวลงมาใกล้จนน่านฟ้าเผลอกลั้นหายใจไปเสี้ยววินาที ลำตัวแนบไปกับเบาะแน่นเมื่อฝ่ายนั้นเอี้ยวตัวเข้ามาหาจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกัน
ลมหายใจอุ่นร้อนที่เจือกลิ่นหอมเย็นของเมนทอลเริ่มทำให้รู้สึกตาพร่าเบลอ...นิโคตินเจือจางปลุกเร้าความรู้สึกบางอย่างให้ออกมาโลดแล่น
ปลายนิ้วอุ่นไล้รอยช้ำเล็กๆตรงมุมปากแผ่วเบาก่อนจะย้ายไปเกลี่ยที่ข้างแก้มทั้งๆที่ยังคงจับจ้องอยู่กับเยลลี่นุ่มนิ่มไม่วางตา...น้องเผลอเม้มปากอีกครั้งจนเจ้ารอยบุ๋มข้างแก้มโผล่มาให้เห็น
...ทุกๆอย่างสะกดสายตาจนไม่อาจจะเพิกเฉยได้...เรียวลิ้นในโพรงปากเริ่มอยู่ไม่สุขจนต้องดุนดันเข้าที่กระพุ้งแก้มเพื่อระงับความอยากบางอย่างที่กำลังปะทุขึ้นมา
...แทนไทคิดมาตลอดว่าตัวเป็นพวกสูบบุหรี่จัดในระดับหนึ่ง
แต่อาการแบบนี้ไม่เคยเป็นมาก่อน...
ยิ่งได้สบเข้ากับแววตาที่ไหวสั่นของคนตรงหน้าด้วยแล้ว...คิดว่านิโคตินหลายร้อยกรัมก็คงไม่สามารถระงับได้
“ท...ไท” น้องเรียกไม่เต็มเสียงนักเพราะตอนนี้ระยะห่างระหว่างกันอยู่ในขั้นอันตราย...ผิดจังหวะไปนิดเดียวล่ะโดนแน่…
“ยัง...ยังหิวอยู่ไหม” รู้ว่าคำถามที่ถามออกไปมันไร้สาระ...แต่ตอนนี้คิดอะไรไม่ออกแล้ว..
รอยยิ้มขบขันปรากฏบนใบหน้าคมดุ...น่านฟ้าใจกระตุกเมื่อฝ่ายนั้นเผลอขบเรียวปากล่างราวกับกำลังสะกดกลั้นอะไรบางอย่างอยู่
...ภายในเสี้ยววินาที...ผีเสื้อนับร้อยนับพันก็โบยบินสยายปีกเป็นอิสระหลุดพ้นจากพันธนาการเศร้าโศกที่กักขัง
เมื่อได้รับสารบางอย่างที่ส่งผ่านมาทางกระแสลม
..เว้าวอน..อ่อนหวาน
และมากล้นราวกับสิ่งสิ่งนั้นถูกกักเก็บมาเนิ่นนาน…รอให้ใครอีกคนได้รับรู้
“...แทนไท” ใกล้เกินไปแล้ว..
“ครับ” ไม่ต้องมายิ้มเลย...อันตรายเกินไปแล้วจริงๆ
“ไฟ..อือ...ไฟเขียวแล้ว” เสียงขาดห้วงไปเล็กน้อยเมื่อถูกแกล้งให้ต้องเบี่ยงหน้าหลบออกไปอีกทาง
ฝ่ายนั้นผละออกไปตั้งใจขับรถเหมือนเดิม...จะมีก็เพียงแค่แขนข้างซ้ายที่ยังคงป้วนเปี้ยนวางพาดอยู่บนพนักพิงของเบาะตุ๊กตาหน้ารถอย่างแนบเนียน
รอยยิ้มบางเบาปรากฏสะท้อนจากกระจกมาให้ได้เห็นจนใบหูขาวเองก็ขึ้นสีระเรื่อไปตามกัน
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา...ทนมามากพอแล้ว
...หลังจากนี้คงถึงเวลาที่จะทำอะไรให้มันชัดเจนสักที
_________________________________________
พี่ไทหิวอัลไล! พูดให้มันดีๆ! /ตีๆๆๆๆ