พิมพ์หน้านี้ - ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 12 - The Next Chapter : 07 October 2020

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: Punmile09 ที่ 01-12-2018 20:37:41

หัวข้อ: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 12 - The Next Chapter : 07 October 2020
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 01-12-2018 20:37:41
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************



✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧



(https://sv1.picz.in.th/images/2019/01/17/9LVcg2.png)



_______________________________________________


คำเตือน
นิยายเรื่องนี้น้องนายเอกเป็นสาวประเภทสองนะคะ
น้องเป็นเหมือนผู้หญิงคนหนึ่งเลย
แต่แค่ไม่ถึงขั้นT-girl (หรือยังไม่แปลงเพศนั่นเอง)

เพิ่มเติม

1. น้องยังไม่ผ่าตัดแปลงเพศนะคะ
2.น้องยังไม่เสริมหน้าอกค่ะ(แต่ในอนาคตเสริมค่ะ แค่ไม่แปลงเพศ)
3. น้องพูดจาคะขา แทนตัวเองว่าหนูค่ะ


ฝากเอ็นดูยัยน้องน่านกันด้วยนะคะ <3

รัก

พันไมล์

#ที่รักของน่านฟ้า

facebook : Punmile

twitter : pppunmile
_________________________________
_____________

นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นมาจากจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น
 บุคคลหรือสถานที่ที่กล่าวถึงล้วนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริงแต่อย่างใด


________________________________________________

Prologue

___________________

I love all the things you hate.


…อะไรก็ตามที่เป็นคุณ

ผมก็รักมันหมดนั่นแหละ..

 
..เสียงแหบห้าวเวลาตื่นนอนที่มักจะมาพร้อมกับหน้าตาที่ไร้เครื่องสำอางแต่งแต้ม

หรือแม้กระทั่งเส้นผมดัดลอนที่ยุ่งเหยิงจากการเกลือกกลิ้งบนหมอนใบเดียวกัน

..คุณมักจะงอแงบอกว่าตัวเองน่ะน่าเกลียด

...แต่สำหรับผม


“หน้าสดไม่โอเคเลย อย่ามองๆ”

“...”

“จ้องทำไมเล่า” หมอนใบนั้นถูกยกมาปิดหน้าไว้เพื่อปกป้องคนขี้เขิน

มั่นใจในตัวเองหน่อยครับคุณน่ะ..

..โคตรจะน่ารักเลย

 

..สีหน้าบูดบึ้งเวลาที่คุณโดนผมขัดใจ

อย่างเช่นการจะลงรูปในโลกโซเชียลส่วนตัวของคุณ..

“มันก็ไม่ได้โป๊ขนาดนั้นซะหน่อย”...คุณเถียง

..สุดท้ายก็โดนงอนไปหลายวันเพราะความงี่เง่าของผมเอง

...แต่ทำไงได้ ก็คนมันหวง

 

..แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ

อย่างเช่นกางเกงยีนส์ตัวเก่งของคุณที่มันเริ่มสวมยากไปนิด

เสียงบ่นในยามเช้าของทุกๆวันเกี่ยวกับรูปร่างที่ไม่ค่อยจะเพอร์เฟค

“กินเยอะเกินไปแล้วอะ” คุณงอแงอีกครั้ง พร้อมกับรบเร้าให้ผมพาออกกำลังกาย

แต่หลังจากนั้นก็ชวนกินไม่หยุด…แล้วคิดว่าผมจะใจแข็งกับคุณได้มากขนาดไหนกัน

..จุดจบก็คือ..น้ำหนักมันดันเพิ่มขึ้นเป็นเพื่อนคุณซะนี่

สุดท้ายถึงจะโดนเทรนเนอร์ดุยกใหญ่...แถมพ่อคุณก็ชอบบ่นว่าผมตามใจคุณมากไป

...ถึงอย่างนั้นมันก็เลิกตามใจคุณไม่ได้อยู่ดี

 

บ่อยครั้งที่คุณมักไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่คุณเป็น

...บางครั้งก็กังวล และคิดมากจนเกินไป

อย่างเช่น..

“น่านไม่ใช่ผู้หญิง...ผู้ชายก็ไม่ใช่” คุณร้องไห้เพราะน้อยใจที่ตัวเองเป็นแบบนี้ คุณเกลียดตัวเอง เพราะกลัวว่าผมจะอายใครต่อใครเขา

อยากจะดุอยู่หลายครั้งกับความคิดเพ้อเจ้อแบบนั้น แต่พอเห็นตาที่บวมช้ำของคุณแล้วทำได้มากสุดก็คือกอดคุณเอาไว้แน่นๆ

ตัวก็แค่นี้ ทำไมขี้กังวลนักนะ

...คิดเยอะไปได้ จะกลัวอะไรนักหนาก็ไม่รู้

ต่อให้คุณจะเป็นอะไรก็ตาม..

ผมก็รักทั้งหมดที่เป็นคุณอยู่ดี..




_____________________________________________________




Talk

สวัสดีค่ะแอบมาเปิดนิยายเรื่องใหม่ไว้สนองนี๊ดตัวเอง
เพราะพันไมล์อยากลองแต่งแนวนี้มานานแล้ว5555
ฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะค้าา


แวะมาพูดคุยกันได้ที่ #ที่รักของน่านฟ้า นะค้าบบ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter1 - Nanfah : 01 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 01-12-2018 20:49:53
Chapter 1


Nanfah

___________________


      ตึง!



               แก้วเหล้าถูกวางกระแทกลงบนโต๊ะไม้อย่างแรงท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มในย่านเริงรมย์ยอดฮิตของเหล่าวัยรุ่นและคนวัยทำงาน รอบตัวต่างรายล้อมไปด้วยผู้คนมากมายที่กำลังสนุกสนานกับเสียงเพลงและเสียงหัวเราะที่ล่องลอยอยู่ในห้วงความสุขของใครของของมัน



               ทุกๆคนในที่แห่งนี้ล้วนมีจุดประสงค์เดียวกันก็คือมาดื่มเพื่อผ่อนคลายจากเรื่องราวชีวิตที่มันหนักหนา



น่านฟ้าเองก็ไม่ต่างกัน



เพราะหลังจากที่เกิดเรื่องเฮงซวยที่สุดในชีวิตก็ซึมเศร้าอยู่หลายวัน ร้องไห้จนตาบวมเป่ง สุดท้ายพวกเพื่อนๆคงทนเห็นสภาพทุเรศแบบนี้ไม่ไหวเลยต้องลากออกมาเปิดหูเปิดตาให้เห็นแสงสีบ้าง



“ฟ้า ใจเย็นนะ”



ผิง...เพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุดในกลุ่มลูบหลังปลอบ ระหว่างนั้นก็พยายามดึงแก้วเหล้าให้ออกห่างจากมือ ก่อนจะรับเสื้อคลุมจากเพื่อนอีกคนมาปิดหน้าขาไว้ให้เมื่อเห็นว่ากระโปรงหนังตัวสั้นมันรั้งขึ้นสูงจนเห็นต้นขาขาวๆ



..อือ ใช่ กระโปรง



ไหนจะเสื้อสีขาวรัดรูปแหวกเว้าด้านหลังลึกจนเกือบถึงเอวอีก..ผู้ชายดีๆที่ไหนเขาจะใส่มันล่ะว่าไหม



นอกเสียจากว่าเป็นประเภทที่ผู้หญิงก็ไม่ใช่ผู้ชายก็ไม่เชิงแบบนี้ไง..แบบที่ใครต่อใครเขาเรียกกันว่า ‘สาวประเภทสอง’ ให้หยาบๆหน่อยก็ ‘กะเทย’ ‘ตุ๊ด’ ประมาณนั้น



ตั้งแต่เล็กจนโต น่านฟ้าไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายเลยเสียด้วยซ้ำไป



..ไม่เคยอยากเป็นเลยสักนิด…แต่มันก็ช่วยไม่ได้



อาจจะเป็นเพราะการเลี้ยงดูแบบประคบประหงมจากครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก โดนพ่อกับแม่และพี่ชายอีกสองคนเลี้ยงมาแบบสปอยชนิดที่ว่าน่านฟ้าเกือบจะลืมไปเสียด้วยซ้ำไปว่าโลกภายนอกนั้นมันไม่ได้สวยงามอย่างที่คิดเอาไว้



เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมรับในตัวตนของเราได้



..และไม่ใช่ทุกคนที่จะพร้อมเปิดใจและเข้าใจในสิ่งที่เราเป็น



มันเลยทำให้คนอย่างพวกเราต้องปิดใจและปิดกั้นเพื่อปกป้องตัวเองเอาไว้



..แต่พอลองเสี่ยงที่จะเปิดใจรับใครสักคนเข้ามา เพราะภาพในหัวมันวาดฝันเอาไว้ซะสวยหรู และแอบหวังว่าความรักที่ดีๆจะมีอยู่จริง



แต่สุดท้ายก็พังไม่เป็นท่า...



มันก็เลยต้องเก็บเอามาให้ช้ำใจบ่อยๆเวลาที่โดนตราหน้าว่าผิดเพศบ้างล่ะ เสียชาติเกิดบ้างล่ะ หรือถ้าหนักหน่อยก็คงเป็นการที่โดนสงสัยว่ามีอาการผิดปกติทางจิตหรือเปล่า



..โคตรน่าสมเพชเลย..ให้ตาย



“ฟ้า พอแล้ว ไม่กินแล้ว” ผิงออกแรงดึงแก้วออกมาจนหลุดมือเมื่อเจ้าคนหัวรั้นยังฝืนที่จะกินต่อ ทั้งๆที่ตัวเองคออ่อนยังกับอะไร



ตอนนี้แทบไม่ได้ยินอะไรแล้วนอกจากเสียงวิ๊งๆที่ข้างหู สติที่มีเริ่มหลุดลอยไปไกลจนเผลอแจกยิ้มให้ใครต่อใครเขาไปทั่ว รู้ตัวอีกทีผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะตรงข้ามก็เดินถือขวดเบียร์เข้ามาหาพร้อมนั่งลงข้างๆอย่างถือวิสาสะ



“คนสวยชื่ออะไรคะ”



หนุ่มหล่อท่าทางเจ้าชู้เอาเรื่องโอบแขนเข้ากับพนักพิงเก้าอี้อย่างใกล้ชิดพร้อมกับเบียดตัวเข้าหาอย่างแนบเนียน รอยยิ้มพราวเสน่ห์ดูเปล่งประกายเวลาที่เห็นเขี้ยวน้อยๆอยู่ที่มุมปาก



ผิงที่คอยดูแลอยู่ใกล้ๆพอเห็นว่าเพื่อนคงต้องการเวลาส่วนตัวและฝ่ายนั้นไม่ได้มีท่าทีที่จะล่วงเกินอะไร เลยได้โอกาสขอลุกออกไปเข้าห้องน้ำทิ้งให้ทั้งสองได้ทำความรู้จักกันตามสะดวก



“..ฟ้า” ภาพผู้ชายตรงหน้าพร่าเบลอจนซ้อนทับกับคนในความทรงจำ เมื่อสติการรับรู้ถูกฤทธิ์ของมึนเมากลืนหายไปหมดสิ้น



“ฟ้าเหรอ? ชื่อน่ารักจังค่ะ” เสียงทุ้มต่ำหว่านล้อมอย่างอารมณ์ดี ช่วงตัวก็เขยิบเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นน้ำหอมราคาแพงผสมกับบุหรี่นอก มันร้อนระอุจนพาลทำให้ใจที่อ่อนแอสั่นไหวคล้อยตามได้อย่างไม่ยากเย็น “พี่ชื่อเจตนะ” ไม่ว่าเปล่ามือซุกซนก็โอบกระชับลงบนช่วงเอวแล้วเป็นที่เรียบร้อย “พี่แอบมองฟ้ามาตั้งแต่เข้าร้านแล้วรู้ไหมคะ”



ระยะที่ใกล้จนเกินพอดีทำให้เริ่มอึดอัด ถ้าเป็นเวลาปกติก็คงพอปฏิเสธไปได้บ้างแต่ตอนที่สติการรับรู้มันขาดๆหายๆแบบนี้ทำได้แค่เพียงดันแผ่นอกกว้างเอาไว้ แต่สายตาของคนภายนอกดูยังไงก็เหมือนเป็นการจับยึดชายเสื้ออีกฝ่ายไว้เพื่อทรงตัวมากกว่า



ได้ยินเสียงเชียร์จากกลุ่มเพื่อนๆทั้งจากโต๊ะตัวเองและโต๊ะผู้ชายคนนั้นอยู่ไม่ขาดสาย



เชียร์ให้จูบบ้างล่ะ...กอดบ้างล่ะ



“แต่ฟ้าไม่ใช่ผู้หญิงนะคะพี่..” เพราะอะไรไม่รู้ทำให้เผลอหลุดปากบอกอีกฝ่ายออกไป คงเป็นเพราะยังติดอยู่ในห้วงความทรงจำอันแสนเจ็บปวดเลยพยายามตอกย้ำตัวเองว่าอยู่ในสถานะแบบไหน



..สถานะที่ไม่มีทางเป็นในแบบที่คนๆนั้นต้องการได้...



“จริงดิ” ผู้ชายคนนั้นดูตกใจนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ราวกับเรื่องที่บอกไปนั้นเป็นเพียงเรื่องตลกเบาสมอง “ไม่เป็นไร พี่ไม่ถือ หนูน่ารักพี่ชอบ” พอเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มมีท่าทีโอนอ่อนหนุ่มนักรักก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าแผนการเริ่มพัฒนาขึ้นมาบ้างแล้ว



...บุหรี่ยี่ห้อโปรดสามคอตตอนที่ถูกวางพนันไว้คงไม่ไกลเกินเอื้อม..



..ได้คนสวยๆไปนอนกอดทั้งคืนซ้ำยังได้ของรางวัลเป็นของชอบเซ็ตใหญ่ขนาดนั้น แม้อีกฝ่ายจะเป็นแบบที่เขาไม่เคยลองมาก่อน แต่นั่นก็ถือว่าไม่ได้แย่เท่าไหร่



...คนประเภทอย่างน้องคนสวยในอ้อมกอดควรจะดีใจมากกว่าที่โดนผู้ชายเสนอตัวมาให้ถึงที่ แถมอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนอะไรด้วย



..งานนี้ไม่มีอะไรเสียหาย มีแต่ได้กับได้ทั้งนั้น



“ทำ..อะไร” เสียงเริ่มขาดหายไปในลำคอ เมื่อรู้สึกได้ถึงมือหยาบที่ล้วงเข้ามาในเสื้อ



ยิ่งดึกเพลงก็ยิ่งดังกระหึ่ม ทุกคนในร้านต่างลุกออกไปแสวงหาความสนุกที่ฟลอร์กลางร้านรวมถึงกลุ่มเพื่อนทุกคนที่ตอนนี้ปล่อยให้โต๊ะว่างเปล่า ทิ้งน่านฟ้าไว้ให้อยู่กับคนแปลกหน้าสองต่อสองโดยที่ไม่มีใครสนใจ ราวกับมันเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับสถานที่แบบนี้



การรุกรานที่เกินขอบเขตทำให้คนตัวเล็กเริ่มดิ้นขัดขืน กลิ่นกายร้อนแรงของผู้ชายตรงหน้ากลับดูคุกคามอย่างน่าอันตราย



เชื่อเถอะว่าถ้าเป็นผู้ชายด้วยกันคงยังพอเอาตัวรอดได้



แต่ตอนนี้ร่างกายมันไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนหนึ่ง ผลมาจากการกระทำของตัวเองทั้งนั้น ทั้งแขนทั้งขามันเลยเรียวเล็กแบบนี้



...นึกโมโหตัวเองชะมัด



“คืนนี้หนูไปกับพี่นะคะ” ผู้ชายคนนั้นอาศัยจังหวะที่กำลังพลาดท่ารวบเอวเข้ามาหาจนตัวชิดเกยขึ้นไปบนตัก “นะคะ คนสวย”



“ไม่..ปล่อย”



“อย่าดื้อน่า” เขาหัวเราะขบขันอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะถือวิสาสะซุกลงข้างซอกคอเรียวขาวอย่างหยาบคาย



...ตัวหอมฉิบหาย ให้นอนกอดทั้งคืนก็ยังไหว



ถึงจะไม่ใช่ผู้หญิงแท้ก็ไม่สนมันแล้ว



“ปล่อย!”



สติรับรู้ที่ยังเหลือปลุกสัญชาตญาณการเอาตัวรอดให้ทำงาน



น่านฟ้ารวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายอาศัยความชิดใกล้กระแทกศอกเข้าช่วงตัวสูงใหญ่ของผู้ชายคนนั้นอย่างแรงจนมันเผลอปล่อยอ้อมแขนพร้อมกับอาศัยจังหวะนี้ลุกหนีออกมา แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวพ้นกลับโดนแรงมหาศาลกระชากแขนกลับไปจนราวสะโพกกระแทกเข้ากับขอบโต๊ะอย่างจัง



“มึง!”



ผู้ชายคนนั้นโกรธจัดจนรับรู้ได้ ตาแดงก่ำเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จดจ้องกันไม่วางตา ทันใดนั้นซีกหน้าสวยก็ถูกแรงกระแทกจนชาไปทั้งแถบ รู้ตัวอีกทีก็ได้รสเค็มปร่าของเลือดที่ผุดซึมออกมาข้างมุมปากแล้ว..



“เห้ยไอ้เจต!มึงทำอะไรวะ!”



พอมันตั้งท่าจะเข้ามาทำร้ายอีกรอบก็โดนเพื่อนที่วิ่งกรูกันเข้ามาห้ามเอาไว้ก่อน



ความสนุกสนานถูกหยุดกะทันหันเมื่อเห็นว่าแขกในร้านเริ่มมีปากเสียงกัน การ์ดตั้งท่าจะเข้ามาชาร์จเมื่อเห็นว่ามีคนใช้กำลัง



เพื่อนๆคนอื่นที่ไปเต้นกลางฟลอร์รีบเดินเข้ามาหาเมื่อเห็นว่าน่านฟ้าถูกทำร้าย ผิงที่พึ่งกลับออกมาจากห้องน้ำเป็นคนแรกที่เข้ามากอดเพื่อนตัวเล็กเอาไว้แน่น



ห้องน้ำต้องรอต่อคิวค่อนข้างนานก็จริง แต่ไม่คิดว่าระยะเวลาที่เธอเดินออกไปจะทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตได้ขนาดนี้



ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่าไอ้หน้าม่อนั่นมันแผลงฤทธิ์เข้าให้แล้ว



เป็นความผิดของเธอเองที่เผลอวางใจทิ้งเพื่อนให้อยู่คนเดียว



“ฟ้า เกิดอะไรขึ้น” ผิงตกใจมากกว่าเดิมเมื่อสังเกตเห็นมุมปากของเพื่อนมีเลือดซึมออกมา คงเป็นฝีมือไอ้หน้าตัวเมียนั่นแน่นอน “มึงทำอะไรเพื่อนกู!” เธอหันไปตวาดผู้ชายคนนั้นอย่างเอาเรื่อง



“เพื่อนมึงมันทำกูก่อน” มันตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะถุยน้ำลายลงพื้นอย่างท้าทาย “ถุย! กูจับนิดจับหน่อย ทำเป็นเล่นตัว คิดว่ามึงสวยนักรึไงวะ อีตุ๊ด!” คำหยาบคายที่ถูกพ่นออกมาทำให้คนรับฟังได้แต่กำมือแน่นจนมันสั่นเทิ้มไปทั้งตัว



เพี๊ยะ!



เสียงฝ่ามือตวัดฟาดลงบนเสี้ยวหน้าคนปากดีจนมันหน้าหัน



ผิงปรี่เข้าไปตบสั่งสอนปากพล่อยๆที่เอาแต่พ่นคำหยาบคายทำร้ายจิตใจเพื่อนของเธอ ฝ่ายผู้ชายตั้งท่าจะเข้ามาทำร้ายกลับบ้างแต่ก็โดนเพื่อนตัวเองและการ์ดยื้อห้ามเอาไว้ เพียงเสี้ยววินาทีน่านฟ้าก็ดึงเพื่อนไปหลบไว้ข้างหลังแทน



ผิงเป็นผู้หญิง คงไม่ดีนักที่จะถูกทำร้าย



“ฟ้า!หลบ! ให้กูสั่งสอนมันที ผู้ชายห่าอะไรปากโคตรหมา” ถึงจะเป็นผู้หญิงแต่ผิงก็สูงตั้งร้อยเจ็ดสิบกว่า สูงกว่าน่านฟ้าเป็นไหนๆ



...ไอ้ตัวเล็กนี่ไม่ต่างอะไรกับน้องสาวของเธอเลยสักนิด



“พอแล้วผิง”



“ตุ๊ดประเภทไหนวะให้ผู้หญิงปกป้อง—!!! โอ๊ย—!!”



ยังพูดไม่จบดีรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังก็ลอยละลิ่วกระแทกเข้าที่ปากพอดิบพอดี โดยที่เจ้าของมันยืนเท้าเอวมองหน้าอย่างเอาเรื่อง



ผิงจ้องไอ้ผู้ชายปากมอมคนนั้นไม่วางตา ไม่สนแม้กระทั่งแรงดึงอย่างห้ามปรามของเพื่อนตัวเล็ก



บอกเลยว่าตอนนี้อารมณ์มันโคตรขึ้น ถ้าไม่ได้ถอนหมาออกจากปากมันคืนนี้มีหวังนอนไม่หลับแน่



“ไอ้ฟ้ามันเพื่อนกู กูจะปกป้องมันก็ไม่ผิด” เธอขึ้นเสียงท่ามกลางสายตาคนทั้งร้านที่จดจ้องมองมาเป็นตาเดียว “ถึงมันจะเป็นแบบนี้ แต่มันก็ไม่เคยไประรานใครมั่วซั่ว...เว้นก็แต่ว่าจะโดนทำก่อน!”



ผู้ชายคนนั้นออกอาการฟึดฟัดอย่างหัวเสียเมื่อเสียทีให้กับฝ่ายตรงข้าม ตอนนี้สายตาของคนทั้งร้านมองเขาอย่างนึกประณามด้วยเพราะทุกคนต่างเห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้น



ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ใช่ผู้หญิงแต่ก็ถือว่าตัวเล็กอยู่มากเมื่อเทียบกับเขา...พอดูจากสถานการณ์ตอนนี้มันก็เลยไม่ต่างอะไรกับการที่ใช้กำลังรังแกผู้หญิงคนหนึ่งเลยสักนิด



“ถ้าเรื่องแค่นี้ยังคิดไม่ได้ ก็ภาคภูมิใจกับอีโก้โง่ๆของมึงต่อไปเถอะ! ไอ้เฮงซวย!” ผิงทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะฉวยเอากระเป๋าสะพายและเสื้อคลุมมาถือไว้พร้อมกับหันไปลากลุ่มเพื่อน แล้วลากไอ้ตัวเล็กให้ออกมาจากร้านทันที



ระหว่างที่กำลังยืนรอแท็กซี่อยู่ฟุตบาทหน้าร้าน เสื้อแจ็คเก็ตยีนส์สีซีดก็ถูกคลุมลงบนไหล่เล็กจนเจ้าตัวต้องเงยหน้าขึ้นมามอง



“ใส่ไว้เหอะ เสื้อแกโคตรบาง มันเห็นไปถึงไหนต่อไหน”



ผิงยกมือขึ้นขยี้กลุ่มผมนุ่มจนยุ่งเหยิง



..น่านฟ้าน่ะมันตัวเล็กกว่าเธอที่เป็นผู้หญิงแท้ๆซะอีก ซ้ำยังมีออร่าอะไรก็ไม่รู้ที่เห็นแล้ว...โคตรอยากปกป้อง



ยิ่งมันพึ่งอกหักมาอะไรๆก็ดูอ่อนไหวไปหมด ไม่ต่างกับเด็กตัวเล็กๆที่กำลังหลงทางเลยสักนิด



บนรถโดยสารมีเพียงเสียงวิทยุที่โชเฟอร์เปิดคลอเบาๆไปกับหยาดฝนปรอยปรายที่ตกกระทบกับกระจกไปตลอดทาง ทั้งสองต่างหลุดจมเข้าไปในห้วงความคิดของใครของมัน



เมื่อถึงที่หมายก็ต้องประคองกันขึ้นห้องอย่างทุลักทุเลเพราะต่างคนก็ต่างดื่มไปไม่น้อย



และไอ้ความบ้าดีเดือดของผิงแท้ๆเลยที่ไปแจกรองเท้าใส่ปากชาวบ้านเขาจนต้องเดินเท้าเปล่าข้างนึง ซ้ำยังโดนพนักงานที่คอนโดทักถามตั้งแต่บริเวณเลานจ์ด้านล่าง



...ได้เรื่องน่าอายในชีวิตเพิ่มมาอีกหนึ่ง..

 

“แกไปอาบน้ำก่อนเหอะ เดี๋ยวฉันโทรบอกพี่เมฆให้ว่าวันนี้แกจะค้างด้วย” ผิงดันหลังอีกคนเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับยัดผ้าขนหนูและชุดนอนใส่มือให้เรียบร้อยเสร็จสรรพ แต่เจ้าตัวกลับมีท่าทีเซื่องซึมยืนนิ่งอยู่หน้าห้องน้ำจนผิดสังเกต



“ฟ้า..แกโอเคปะวะ” เพียงเท่านั้นกำแพงความเข้มแข็งที่แตกร้าวก็พังทลายลงมาอย่างไม่มีชิ้นดี



น่านฟ้าปล่อยโฮจนผิงต้องเข้าไปสวมกอดไว้แน่นพร้อมกับปลอบให้ร้องเบาๆเดี๋ยวข้างห้องจะตกใจเอา



“ร้องออกมาเลยแก” โยกตัวปลอบคนในอ้อมกอดเหมือนตอนปลอบน้องสาววัยสิบขวบ...ตอนน้องสะดุดล้ม เธอก็ปลอบน้องแบบนี้



...มันคงใช้กับไอ้ฟ้าได้ผลแหละ...มั้ง



“แกไม่ผิดนะฟ้า...แต่คนอื่นมันเฮงซวยเองว่ะ” จะให้ปลอบแบบซึ้งๆผิงทำเป็นเสียที่ไหนล่ะ “ร้องเลยแก ตาจะได้บวม แกจะได้ขี้เหร่กว่าฉันซะที” อันนี้ทีเล่นทีจริง เพราะนึกหมั่นเขี้ยว



...คนอะไรทำไมมันน่ารักบ้าบอขนาดนี้วะ



 “ไอ้บ้า” สุดท้ายมุขสุดเห่ยก็เรียกรอยยิ้มบางเบาให้มาประทับที่ใบหน้าได้



“เฮ้ออ” ผิงถอนหายใจอย่างปลงตก “ขนาดแกร้องไห้จนตาบวมขนาดนี้ ยังสวยเลยว่ะ อ่ะๆๆยอมก็ได้ ให้สวยกว่าวันนึง” กอดปลอบกันได้สักพักอีกฝ่ายก็มีท่าทีดีขึ้น เธอเลยไล่ให้มันไปอาบน้ำอาบท่าซะ เพราะกลิ่นบุหรี่และน้ำหอมของไอ้ผู้ชายคนนั้นที่อบอวลอยู่รอบตัวมันทำให้นึกคลื่นไส้



เสียงสายน้ำกระทบกับพื้นกระเบื้องอย่างต่อเนื่องทำให้มั่นใจว่าอีกฝ่ายปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเชื่อฟัง ผิงหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมากดโทรหาใครบางคนที่เธอเมมชื่อไว้ในรายการโปรด



‘คุณเมฆมืด’



..พี่ชายคนโตของไอ้ตัวน่ารักที่กำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำนั่นแหละ



รอเพียงไม่นานฝ่ายนั้นก็กดรับ



(ครับ) ฟังจากน้ำเสียง ทางนั้นท่าทางอารมณ์ดีทีเดียวที่ผิงเป็นฝ่ายโทรหา



“คืนนี้ฟ้าจะค้างด้วย ไม่ต้องห่วง ไล่ไปอาบน้ำแล้วเดี๋ยวจะกล่อมนอนต่อ” พูดรัวยิงยาวอย่างไม่เว้นจังหวะให้อีกฝ่ายได้ถามอะไรอีก



...ตอนนี้คงอ้าปากค้างพร้อมกับทำหน้าหมางงอยู่แน่นอน



...นานๆทีได้แหย่คุณหมอเขาเล่นบ้างก็สนุกดีเหมือนกัน..



(น่านโอเคใช่ไหม) ทางนั้นเสียงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด คงเป็นห่วงน้องมาก



“โอเค” ผิงไม่อยากให้ฝ่ายนั้นกังวลมากนัก เพราะแค่เข้าเวรก็เหนื่อยจะแย่  “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวดูแลเอง”



(ขอบคุณครับ) เสียงในสายดูโล่งอกขึ้นมาหน่อย (บอกน่านว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปรับ)



“อื้ม” ผิงพยักหน้ารับอย่างเคยชิน ก่อนจะทำท่าวางสายเมื่อเห็นว่าใครอีกคนกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ “แค่นี้นะคุณ”



(ครับ...ผิง)



“...”



(คิดถึงนะ)



“อื้อ” อ่า...เล่นเสียงอ้อนขนาดนั้น...ปลายจมูกมันก็เริ่มร้อนขึ้นมาหน่อยๆ “เหมือนกัน”



เสียงตัดของสัญญาณดังชัดเจนแข่งขับเสียงหัวใจที่มันเต้นรัว



..อยู่ไกลกันขนาดนี้ยังขยันทำให้มันทำงานหนักอยู่ได้...

 

เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นห้องในช่วงสายของเช้าวันเสาร์ ผิงเป็นคนแรกที่ขุดตัวออกมาจากกองผ้าห่มผืนหนา ผมประบ่ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรงจากการเกลือกกลิ้งไปกับหมอน พอหันไปมองข้างตัวก็ได้พบเจ้าผ้าห่มก้อนกลมนอนขดม้วนตัวกลมดิกโผล่ออกมาให้เห็นแค่เสี้ยวหน้าโชว์แพขนตายาว



เห็นแบบนั้นมันก็อดไม่ได้ที่จะโถมตัวลงไปนอนทับเพื่อก่อกวนตัวขี้เซา



“ตื่นนนนนน”



ตุ้บ!



“โอ๊ย!”



และแล้วก็โดนหมอนข้างฟาดกลับมาอย่างจัง ทั้งๆที่คนที่ลงมือยังคงหลับตาอยู่ มีเพียงคิ้วเรียวสวยเท่านั้นที่ขมวดมุ่นอย่างหงุดหงิด



คุณน่านฟ้าตอนกำลังง่วงนี่อย่าได้ไปกวนเชียว อารมณ์ดุร้ายซะยิ่งกว่าผู้หญิงตอนเป็นเมนส์!



“ฟ้า ตื่นน ไปกินข้าวกันน”



คราวนี้เจ้าตัวนิ่งไปสักพักก่อนจะลุกขึ้นมานั่งสะลึมสะลืออยู่ข้างกัน



เสื้อยืดสีขาวขนาดพอดีตัวเปิดรั้งขึ้นมาจนถึงช่วงเอวอวดผิวกายขาวเนียน แต่ที่ทำให้คนมองต้องตกใจก็คือรอยจ้ำสีม่วงคล้ำที่ปรากฏอยู่บริเวณบั้นเอวต่างหาก



“ไอ้ฟ้า! ไปทำอะไรมา” ผิงจับตัวเพื่อนมาพลิกตรวจสอบอย่างร้อนรน นี่ยังไม่นับรอยช้ำข้างมุมปากนั่นอีกนะ



...ถ้าคุณหมอเขารู้ มีหวังคงโดนดุกันยกใหญ่แน่



...แต่คนที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือป๊ะป๋าของเจ้าน่านฟ้านี่แหละ



เชื่อได้เลยว่าถ้ารู้ล่ะก็อาละวาดบ้านแตกแหงๆ..



“หือ” เจ้าตัวเองก็ขมวดคิ้วสงสัยไม่ต่าง ก่อนจะก้มลงมองตาม “อ้อ คงเป็นตอนที่กระแทกเข้ากับขอบโต๊ะล่ะมั้ง” มิน่า ทำไมตอนนอนมันรู้สึกไม่สบายตัวยังไงก็ไม่รู้



“ไอ้หน้าหมานั่นใช่ไหม” คนที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างนึกโมโหย้อนหลัง “ถ้าเจออีกนะแม่จะฟาดให้มันดั้งหักเลยคอยดู!”



               “พอเลย เมื่อคืนไปก่อวีรกรรมอะไรไว้เยอะนะ” น่านฟ้าเริ่มดุเพื่อนกลับบ้าง มีอย่างที่ไหนเป็นผู้หญิงแท้ๆแต่ไม่ห่วงตัวเองบ้างเลย “เดี๋ยวถ้ามีอีกจะฟ้องพี่เมฆ”



               …โห กลัวจะแย่ ขู่เก่งจังวะตัวแค่เนี้ย



               “กลัวแล้วจ้า” ผิงแสร้งทำท่าขนลุกขนชันเกินเบอร์ไปมากจนทำให้ต้องหลุดขำอย่างช่วยไม่ได้



               ...ต้องได้พี่สะใภ้ที่บ้าๆบวมๆงี้จริงดิ



               “แกไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวไปหาไรกินกัน เมฆฝากบอกว่าจะเข้ามารับช่วงบ่ายๆ”



               “จะอวดว่าโทรหากันว่างั้น?” ไอ้ตัวน่ารักทำหน้าทะเล้นใส่จนโดนตีตูดไปหนึ่งป้าบ



               “เร็วๆ! ช้าเป็นคนเลี้ยงนะเว้ย!”



               เพียงเท่านั้นต่างคนก็ต่างวิ่งจี๋แย่งกันเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาแทบไม่ทัน เหตุการณ์วุ่นวายเล็กๆเกิดขึ้นภายในห้องน้ำขนาดย่อม เสียงทะเลาะกันดังออกมาอย่างไม่ขาดสาย เป็นความวุ่นวายในยามเช้าที่ช่วยเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำของน่านฟ้าลงไปได้มากทีเดียว



               ..ไม่อยากจะนึกถึงเรื่องนั้นอีกต่อไปแล้ว..

   

___________________

มาอัพด้วยความรวดเร็ว

ฝากเอ็นดูยัยน้องด้วยนะค้าาาา  :mew1:


หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter1 - Nanfah : 01 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 02-12-2018 01:11:23
ติดตามค่า
ฟ้าน่ารักกก
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter1 - Nanfah : 01 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-12-2018 10:50:09
ตาม   :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter1 - Nanfah : 01 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: fanhy ที่ 03-12-2018 01:09:12
ชอบแนวนี้จัง รอนะคะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter1 - Nanfah : 01 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: MmBb ที่ 03-12-2018 06:16:31
ยังไม่เคยอ่านนายเอกที่เป็นแบบนี่เลยค่ะอันนี้เป็นเรื่องแรกเนื้อหาน่าติดตามมากมาอัพบ่อยๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter1 - Nanfah : 01 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 03-12-2018 14:25:44
ตามหาแนวนี้อ่านนานมากแล้วค่ะ หายากมากกกกก มาต่อไวๆนะคะ ฮือออออ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter1 - Nanfah : 01 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 03-12-2018 14:30:47
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter1 - Nanfah : 01 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: Emmaline ที่ 03-12-2018 18:48:20
น่านฟ้าน่ารักจัง ขอให้เจอคนที่รักที่เราเป้นเราไวไวนะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter1 - Nanfah : 01 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 04-12-2018 14:18:39
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :katai3:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter1 - Nanfah : 01 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 04-12-2018 16:06:23
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 2 - Tanthai : 06 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 06-12-2018 16:24:12
Chapter 2

Tanthai


___________________

   “ไอ้ฟ้า กินข้าวให้หมดเลยนะ”

ผิงหรี่ตามองอย่างคาดโทษ เมื่อเห็นว่าข้าวผัดในจานคนตรงหน้าเหลือเกินกว่าครึ่ง

เพราะอย่างนี้ไง มันถึงตัวเล็กเหมือนเด็กไม่ยอมโต

“อิ่มแล้ว” เจ้าตัวยืนยันโดยการลูบหน้าท้องให้ดู

โห แบนราบแบบนั้นกินแล้วเอาไปไว้ไหน

“ตลอดอะ กินข้าวนิดเดียว แล้วก็ชอบไปหนักที่ขนม”

“ยุ่งน่า” น่านฟ้าส่ายหัวอย่างเอือมระอาไอ้คนที่เป็นห่วงจนเว่อร์

ขนาดป๋ากับหม่าม้ายังไม่บังคับเท่าไอ้ผิงเลย…ให้ตาย

...สงสัยเป็นแฟนคุณหมอแล้วติดนิสัยดุแบบนี้มาชัวร์

 

หลังจากที่ออกมาจากร้านอาหารเจ้าประจำ ทั้งสองก็เดินทอดน่องเล่นไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะแวะเข้าร้านสะดวกซื้อข้างคอนโดเพื่อซื้อของใช้ที่จำเป็น

แล้วก็เป็นอย่างที่คิดพอก้าวเข้ามาในร้านไม่ทันไรน้องของคุณเมฆก็ปลีกตัวหยิบตะกร้าออกไปขนขนมนมเนยใส่จนแทบล้น ที่เยอะที่สุดก็คงเป็นพวกเยลลี่และซูกัสรสผลไม้ที่เจ้าตัวติดงอมแงมมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย ในแต่ละวันต้องมีติดกระเป๋าไว้ตลอด

โคตรอยากจะตีเลยจริงๆ ฟันไม่ผุให้มันรู้ไป

แต่ไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากท้วงเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ก็ดึงความสนใจเอาไว้ซะก่อน เบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอนั้นเป็นเบอร์แปลกที่ไม่คุ้นเคย ให้ทายก็คงเป็นพวกพนักงานขายประกันไม่ก็คอลล์เซ็นเตอร์อีกตามเคย

“สวัสดีค่า” ลองหยั่งเชิงดูก่อน กะว่าถ้าปลายสายโทรมาขายตรงล่ะก็จะด่าให้ยับ โทษฐานทำให้เสียเวลา

(ครับ) …เดี๋ยวนะ พนักงานขายตรงสมัยนี้เสียงมันหล่อได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ

“อ่าค่ะ...ใครคะเนี่ย” ผิงยกเครื่องมือสื่อสารออกมาดูหน้าจออีกครั้ง เพราะไม่มั่นใจว่าตัวเองเคยรู้จักคนหล่อขนาดนี้ด้วยเหรอ

เอาดิ แค่ได้ยินเสียงก็คิดไปเองแล้วว่าฝ่ายนั้นหล่อ

แต่เชื่อในสัญชาตญาณตัวเองว่ะ มีร้อยให้ร้อยเต็ม

(ผมแทนไทครับ เป็นคนจากค่ายป๋าปรีชา...คุณคือเพื่อนของน่านฟ้าใช่ไหม)

“ใช่ค่ะ คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”

(ผมมารับน้องแทนคุณเมฆ พอดีโทรไปหาน่านแล้วไม่ติด ผมเลยโทรมาหาคุณแทน)

“อ้อ...”

(อีกประมาณครึ่งชั่วโมงน่าจะถึง ถ้ายังไงรบกวนฝากบอกน่านด้วยนะครับ)

“อ่า..ค่ะ”

พอวางสายไปผิงถึงฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าไม่ควรไว้ใจใครสุ่มสี่สุ่มห้า เลยต้องรีบต่อสายตรงหาคุณหมอเขาทันที

(ครับผิง)

“คุณให้ใครมารับฟ้า”

(อ้าว เมื่อเช้าพี่ส่งไลน์ไปบอกน่านแล้วนะ ไม่อยากโทรไปรบกวนเพราะพวกเราคงยังไม่ตื่นกัน)

“โทรศัพท์ฟ้าแบตหมด มันคงยังไม่ชาร์จ” ผิงเบนสายตามองหาเพื่อนที่หายตัวไปจากเชลฟ์ขนม ก่อนจะเห็นว่ามันเปลี่ยนเป้าหมายไปอยู่ที่โซนครีมบำรุงผิวแล้ว ไอ้ตัวเล็กนั่งยองๆคู้เข่าเลือกโลชั่นอยู่สองยี่ห้ออย่างจริงจังจนไม่อยากจะรบกวน

(พี่ให้ไอ้ไทมันไปรับเอง พอดีมีเคสฉุกเฉินเข้ามาน่ะ เลยไปรับน่านไม่ได้)

“ไท? ใช่แทนไทเด็กในค่ายคุณหรือเปล่า” …ทำไมไม่เห็นรู้จักมาก่อนเลย

(อื้ม จำมันไม่ได้หรือไง)

“ใครจะไปจำได้เล่า นักมวยในค่ายคุณมีเป็นร้อย”

(ผิงคงลืมมันแน่ๆ ไว้จะแนะนำให้รู้จักอีกก็แล้วกัน..แค่นี้ก่อนนะพี่ต้องไปทำงานแล้ว ฝากบอกน่านด้วยว่าเย็นนี้จะเข้าไปหา)

“อื้อ” ผิงรับปากอย่างมั่นเหมาะ

พอดีกับที่น่านฟ้าเดินเข้ามาหา เลยได้โอกาสมองสำรวจลงไปที่ตะกร้า สุดท้ายไอ้โลชั่นสองขวดที่เจ้าตัวนั่งเลือกอย่างสองจิตสองใจก็มานอนแอ้งแม้งแพ็คคู่อยู่ข้างกันเป็นที่เรียบร้อย

แล้วมันจะเลือกทำไมตั้งนาน..

“คุยกับใครเหรอ” มาถึงก็อยากรู้อยากเห็นเลย เจ้าหนูจำไมเอ๊ย

“เมฆ” ยังไม่ทันพูดจบก็โดนมันยิ้มล้อเข้าให้แล้ว “บอกว่ามารับแกไม่ได้เพราะติดเคสฉุกเฉินที่โรงพยาบาล เลยจะให้เด็กในค่ายมารับแทน”

“อ้อ” น่านฟ้าพยักหน้ารับอย่างไม่นึกสงสัยอะไรอีก ก่อนจะชักชวนให้ไปคิดเงินที่เคาน์เตอร์

เรื่องตลกอีกอย่างของมนุษย์น่านฟ้าคือเจ้าตัวบ้าสะสมแสตมป์เซเว่นขั้นสุด

แล้วไม่ได้เอาไปแลกของพรีเมี่ยมอะไรทั้งนั้นด้วยนะ แต่เอาไว้ใช้แทนเงินสด มันตลกก็ตรงที่ว่าพอได้ใช้แสตมป์เป็นส่วนลดแล้วจะโคตรดีใจประหนึ่งว่าได้ของฟรี ทั้งๆ ที่มองยังไงมันก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบเองแท้ๆ

เป็นคนประเภทไหนกันนะ ที่ดีใจกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้

เพราะแบบนี้ไง คนรอบตัวถึงโคตรจะหวงมันเลย

เหมือนมีเจ้าก้อนนุ่มๆ มาลอยวนเวียนอยู่รอบๆ ตัวจนทำให้อยากจะจับฟัดวันละหลายหน

เชื่อเลยว่าถ้าน่านฟ้ายังเป็นผู้ชายมันก็คงดูนุ่มนิ่มน่ากอดไม่ต่างกับตอนนี้เลยสักนิด เหมือนที่เขาฮิตๆ กันช่วงนี้ไง มนุษย์ไทป์น้อง จะทำอะไรมันก็ดูน่าเอ็นดูไปหมดเลย..ให้ตาย

 

หลังจากที่ขึ้นมาเอาสัมภาระบนห้องเรียบร้อยผิงก็อาสาลงมารอเป็นเพื่อน ถึงแม้เจ้าตัวจะปฏิเสธเพราะเกรงใจก็เถอะ

เพียงไม่นานรถแลนด์โรเวอร์รุ่น Discovery sport HSE ก็วิ่งแล่นเข้ามาจอดเทียบบริเวณดรอปออฟของคอนโด เรียกความสนใจจากน่านฟ้าให้หันไปมองได้เป็นอย่างดี

จะไม่ให้สนใจได้ไง…ก็รถคันนั้นเป็นรถคันโปรดของป๋าเลย

อย่าบอกนะว่าป๋าเป็นคนมารับด้วยตัวเอง!

เพราะปกติแล้วรถคันนี้น่ะป๋าหวงสุดๆ แล้วยิ่งเฮียเมฆบอกว่าจะให้เด็กในค่ายมารับด้วยแล้ว มันเลยเป็นไปไม่ได้แน่ๆ ที่ป๋าจะให้เอารถสุดรักสุดหวงออกมาใช้ อย่างมาก็แค่รถเก๋งญี่ปุ่นธรรมดาเท่านั้นแหละ

แต่แล้วความฟุ้งซ่านก็จางหาย เมื่อประตูฝั่งคนขับถูกเปิดออก

ร่างสูงใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถ ท่าทีผึ่งผายแข็งแรงแบบผู้ชายเต็มตัวทำให้ผู้คนบริเวณนั้นหันมามองอย่างสนอกสนใจ

ฝ่ายนั้นยกมือข้างหนึ่งขึ้นเพื่อถอดแว่นกันแดดเหน็บเข้ากับคอเสื้อยืดสีเทาขนาดพอดีตัว ช่วงขายาวในกางเกงยีนสีเข้มก้าวตรงมาหาเมื่อเห็นว่าคนที่จะมารับยืนรออยู่ก่อนแล้ว

น่านฟ้ามองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ยากที่จะอธิบาย จู่ๆหัวใจมันก็พลันสั่นไหวขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ความรู้สึกคุ้นเคยที่ห่างเหินไปนานแผ่กระจายออกมาจนทำให้รู้สึกเก้ๆ กังๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

…ก็ไม่ได้เจอกันมาหลายปีเลยนี่..

ใครมันจะไปทำตัวถูกกันเล่า

ใบหน้าคมเข้มต้องก้มลงมามองกันเพราะความสูงของพวกเขานั้นมันค่อนข้างห่างกันพอสมควร

ตัวสูงขึ้นอีกแล้วหรือเปล่าเนี่ย

“ไท..กลับมาแล้วเหรอ” เสียงเต้นตึกตักในอกมันดังรุนแรงขึ้นจนน่าหวั่นเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นกระตุกยิ้มตอบรับเพียงนิด

..ไม่เจอกันมาเกือบสามปีแล้วนะ..

               “อืม” แทนไทพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปรับไหว้จากหญิงสาวที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ข้างๆ “พึ่งถึงเมื่อตอนสายๆนี่เอง”

ผู้ชายตรงหน้ายังคงเป็นพวกถามคำตอบคำเหมือนเดิม จะมีก็แต่มือที่ยื่นมาดึงเอาถุงพลาสติกของร้านสะดวกซื้อไปถือเอาไว้เอง

...เหมือนกับที่เคยทำมาตลอด

ผิงที่ยืนสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ สัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่มันก่อตัวขึ้นระหว่างคนทั้งสอง

มันแปลกๆ...บอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่ตอนนี้ยังดูเหมือนว่าต่างคนก็ต่างมีกำแพงในใจด้วยกันทั้งคู่ มันเลยยากที่จะอธิบายว่าไอ้ความรู้สึกแบบนั้นมันคืออะไรกันแน่

แต่เชื่อเถอะ เซ้นส์ผู้หญิงมันแรงและโคตรน่ากลัว

เหมือนไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนั้นที่น่านฟ้าพึ่งบอกเลิกไปมันเป็นแค่ตัวคั่นเวลายังไงไม่รู้

..แต่ผู้ชายหน้านิ่งที่ยืนถือถุงขนมไร้สาระของไอ้ตัวเล็กด้วยท่าทีที่ดูยังไงก็โคตรจะเต็มใจ กลับทำให้ผิงรู้สึกเลยว่า..

...คนนี้ของจริงว่ะ

 

บรรยากาศภายในรถนั้นไร้ซึ่งบทสนทนาระหว่างคนทั้งคู่ มีเพียงเสียงของดนตรีบรรเลงเพลงคลาสสิกเท่านั้นที่ถูกเปิดดังคลอระหว่างทาง ยานพาหนะเคลื่อนตัวไปได้ทีละนิดเพราะการจราจรที่ติดขัด

อากาศภายนอกเริ่มขมุกขมัวมืดครึ้มลงถนัดตาทั้งๆที่เมื่อครู่ท้องฟ้ายังโปร่งอยู่แท้ๆ

หยาดฝนเม็ดเล็กเริ่มร่วงหล่นลงมาตกกระทบบนกระจกผสานกับเสียงเพลง น่านฟ้าเลิกสนใจวิวทิวทัศน์ของเมืองกรุงเมื่อรู้สึกหนาวจนตัวเริ่มสั่น แต่ก็อดทนไว้เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นขี้ร้อนขนาดไหน

ไม่รู้ว่าอยู่หนาวขนาดนี้เป็นหมีหรือคน

รู้อย่างนี้ขอยืมกางเกงขายาวของผิงใส่กลับมาซะก็ดี เพราะตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวมันมีแค่เสื้อยืดใส่นอนย้วยๆ กับกางเกงขาสั้นเท่านั้น

แต่จู่ๆ ระหว่างที่กำลังนั่งกอดอกมองเม็ดฝนเพลินๆ อะไรบางอย่างก็ถูกโยนมากองไว้ตรงหน้าขา

กว่าจะรู้ตัวฝ่ายนั้นก็หันกลับไปมองถนนต่อแล้ว

“ใส่ไว้” ไม่ว่าเปล่ายังเอื้อมมือไปเพิ่มอุณหภูมิของแอร์ให้อุ่นขึ้นอีก “คราวหลังถ้าหนาวก็บอก”

น่านฟ้าไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทำเพียงแค่คลี่แจ็คเก็ตหนังสีดำตัวใหญ่ห่มตัวท่อนบนเอาไว้ พร้อมกับขดขาขึ้นมานั่งขัดสมาธิ

คงเพราะอากาศเย็นชื้นและความอุ่นจากเสื้อนั้นมันพอเหมาะ ซ้ำกลิ่นโคโลญจน์หอมอ่อนๆที่ติดมาจากเจ้าของเสื้อมันให้ความรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก หนังตามันเลยพาลหนักอึ้งขึ้นอีกหน

สติการรับรู้เริ่มเลือนลางเข้าไปทุกที

ตากลมโตทอดมองไปเบื้องหน้า ก่อนจะเบนสายตากลับมามองฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งที่คอยประคองพวงมาลัยเอาไว้ ข้อนิ้วแข็งเคาะลงบนหนังหุ้มตามจังหวะเสียงเพลง ส่วนอีกข้างเจ้าตัวก็วางไว้บนที่เท้าแขนข้างกาย

ท่อนแขนแข็งแรงนั้นมีกล้ามเนื้อหนั่นแน่นตามประสานักกีฬาที่ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ แต่พอสังเกตดูดีๆ แล้วอีกฝ่ายดูตัวหนาและสูงใหญ่ขึ้นจากเดิมจนรู้สึกได้

ก็แน่ล่ะ ไปอยู่อเมริกามาตั้งหลายปี อาหารการกินที่นั่นก็หนักหน่วงทั้งนั้น

..ถูกอัพเกรดเป็นหมีกริซลี่อย่างเต็มตัวเลยทีนี้...

“ไทไม่เห็นติดต่อกันมาบ้างเลย มีแต่เฮียหมอกโทรมาหา” ตาจะปิดอยู่รอมร่อ แต่ปากมันดันถามออกไปซะงั้น อาการคงคล้ายละเมอมากกว่า “โคตรใจร้าย..”

พอทิ้งบอมบ์ลูกใหญ่เอาไว้เจ้าตัวก็ชิ่งหนีไปเฝ้าพระอินทร์แล้วเป็นที่เรียบร้อย...ปล่อยให้ใครอีกคนนั่งนิ่งเงียบจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย

 

ในระหว่างที่กำลังรอสัญญาณไฟเขียวตรงสี่แยกอยู่นั้น เสื้อแจ็คเก็ตที่อีกคนใช้ห่มก็ดันร่วงลงมากองไว้ที่หน้าขาขาว ทำให้คนที่กำลังเหม่อมองออกไปนอกรถต้องหันกลับมาสนใจอย่างช่วยไม่ได้

แขนเรียวเล็กที่โผล่พ้นออกมาจากแขนเสื้อแสดงให้เห็นว่าหลายปีมานี้เจ้าตัวนั้นเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ที่เห็นได้ชัดก็คือสรีระร่างกายที่เพรียวบางเหมือนผู้หญิงมากขึ้นนั่นล่ะ

...ทั้งช่วงเอวคอดเล็กลงรับกับเรียวขากลมกลึงที่โผล่ออกมาจากกางเกงขาสั้น

และบริเวณหน้าอกตอนนี้กลับมีส่วนเว้าโค้งเล็กๆ ออกมาให้เห็น ถึงจะไม่ได้มีเยอะมากเหมือนอย่างพวกผู้หญิงแต่ก็ถือว่าไม่ได้แบนราบเหมือนแต่ก่อน

..น่านฟ้าเปลี่ยนไปมากจริงๆ ..

แทนไทเบือนหน้ากลับไปมองที่ปัดน้ำฝนทันทีเมื่อรู้สึกว่าตัวเองนั้นเสียมารยาท

เขาตั้งสมาธิอยู่นานก่อนจะหันกลับไปหาคนข้างกายอีกครั้งพร้อมกับหยิบแจ็คเก็ตขึ้นมาห่มให้อย่างเบามือ หลังจากนั้นก็เข้าเกียร์ขับเคลื่อนรถออกไปเมื่อสัญญาณจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว

น่านฟ้าขดตัวเข้าหาความอบอุ่นที่ล่องลอยอยู่ในความฝัน สัมผัสนุ่มนวลบางอย่างประทับลงมาที่ข้างมุมปาก รู้สึกเจ็บเล็กน้อยบริเวณที่เป็นแผลฟกช้ำ แต่หลังจากนั้นเพียงไม่นานสัมผัสเย็นๆ ก็ถูกปาดลงมาอย่างแผ่วเบาตามมาด้วยการนวดคลึงที่แสนนุ่มนวล

เพราะรู้สึกสบายตัวเลยทำให้เผลอเอนกายเข้าหาความอบอุ่นนั้นอย่างโหยหา

เป็นความคิดถึงอะไรบางอย่างที่มันขาดหายไปนานแสนนาน..

จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนกับทั้งร่างโดนโอบกอดเอาไว้ในวงแขนของใครบางคน ก่อนจะรับรู้ถึงสัมผัสอุ่นๆ ที่ประทับลงมากลางศีรษะ

เหมือนตอนเด็กๆ ที่โดนป๊ะป๋าอุ้ม วงแขนใหญ่และแข็งแรงทำให้รู้สึกปลอดภัยจนอดไม่ได้ที่จะซุกตัวเข้าหาราวกับเด็กตัวเล็กๆ

มันต่างกันก็ตรงที่ว่าในความฝัน..ป๋าของน่านฟ้าดูเสียงทุ้มต่ำแปลกๆ

..หรือจะเป็นป๋าตอนหนุ่มๆ กันนะ..

‘โตขนาดนี้แล้วยังให้พี่เขาอุ้มอยู่อีก’ ..นั่นเสียงหม่าม้านี่ ‘ตายแล้ว! ทำไมน้องมีแผลล่ะ’

‘ผมก็ไม่รู้ครับ’

‘ไทพาน้องขึ้นห้องไปก่อนเลยนะ ป๋าเขาคุยงานอยู่ ถ้าเห็นตอนนี้ล่ะโวยวายแน่’

‘ครับ’

ไทเหรอ..?

สัมผัสสุดท้ายที่ทิ้งเอาไว้ก็คือความนุ่มนวลที่แนบลงมาบนหน้าผาก มันส่งกระแสความอุ่นวาบไปทั้งใจ จนรู้สึกว่าเท่านี้มันไม่เพียงพอ

..อยากเรียกร้อง...มากกว่านี้

แต่สุดท้ายก็เหลือทิ้งไว้แค่เพียงความว่างเปล่าในห้วงนิทราอันแสนเหงา..

 

น่านฟ้ารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เข็มของนาฬิกาพรายน้ำข้างเตียงชี้ไปที่เลขหก

สงสัยเมื่อตอนกลางวันคงยังแฮงก์ค้าง พอเจอแอร์เย็นๆ บนรถบวกกับอากาศชื้นๆ เลยทำให้หลับยาวถึงเย็น เพราะสภาพตอนนี้ยังอยู่ในชุดของไอ้ผิงอยู่เลย

บรรยากาศภายในห้องมืดสนิทจนต้องยอมขุดตัวเองออกจากเตียงนุ่มไปเปิดสวิตช์ไฟ ร่างเล็กบิดตัวไปมาอย่างเกียจคร้านก่อนจะเดินนวยนาดเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา ใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ไร้เครื่องสำอางแต่งแต้มนั้นซีดเซียวมากกว่าเคย

เจ้าตัวขมวดคิ้วมุ่นเมื่อรู้สึกว่าภายในหัวมันเริ่มหนักแปลกๆ ซ้ำกระบอกตายังร้อนผ่าวจนต้องหยิบเอาผ้าชุบน้ำมาประคบไว้

อา..ไข้คงจะถามหาแล้วสิ..

แน่ล่ะ..เมื่อคืนดื่มไปซะขนาดนั้น ซ้ำยังต้องมาเผชิญกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงอีก ไม่ป่วยยังไงไหว

น่านฟ้าเดินกลับออกมาที่โต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะหยิบทิ้นท์สีโปรดมาทาแตะลงบนเรียวปากด้วยความเคยชิน

ป่วยได้ แต่ปากจะซีดไม่ได้เด็ดขาด

ทันใดนั้นสายตาก็เห็นภาพสะท้อนอะไรบางอย่างจากกระจก มันคือเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำของผู้ชายกำลังนอนแอ้งแม้งอยู่ข้างๆ หมอน

คิ้วเรียวขมวดเข้ามากันอย่างนึกสงสัยก่อนจะเดินกลับไปหยิบขึ้นมาดู เมื่อคลี่ออกความทรงจำเมื่อช่วงบ่ายก็ไหลเวียนกลับเข้ามาจนทำให้ใจมันกระตุกวูบ

จำได้ว่าไทเป็นคนมารับที่คอนโดผิงแทนเฮียเมฆ พออยู่บนรถก็โยนเสื้อตัวนี้มาให้ห่ม แล้วหลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้แล้ว

แต่รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเหมือนโดนอุ้มด้วยนะ...

เพียงเท่านั้นใบหน้าสวยก็ร้อนวูบเมื่อนึกถึงสัมผัสอบอุ่นที่โอบประคองร่างของตัวเองไว้

..ถ้าเป็นไปตามที่เข้าใจจริง ก็แสดงว่าไทเป็นคนอุ้มขึ้นมาบนห้องน่ะสิ

เจ้าตัวสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากหัวเมื่อเริ่มโดนความมึนจู่โจม

จะตื่นเต้นทำไมก็ไม่รู้ ทำอย่างกับไม่คุ้นเคยไปได้

...อีกฝ่ายเขาก็คงทำไปเพราะหน้าที่เท่านั้นแหละ

 

ลูกคนเล็กของบ้านนันพิวัฒน์เดินลงมาด้านล่างด้วยชุดที่ทำให้ทุกคนที่เห็นเข้าใจผิดคิดว่าเข้าสู่ฤดูหนาวซะแล้ว เจ้าตัวสวมกางเกงวอร์มขาจั๊มสีเทาและเสื้อเขนยาวเข้าชุดกัน

แต่ที่เด่นที่สุดก็คงเป็นสลิปเปอร์เท้าไดโนเสาร์สีเขียวอื๋อ แถมด้วยแมสปิดปากจนแทบมองไม่เห็นใบหน้านั่นล่ะ

“ไอ้หมวย!” อวัศย์หรือหมอกที่กำลังเข้าคู่ฝึกกับเด็กในค่ายอยู่บนเวทีมวย กระโดดลงมาพื้นด้านล่างทันทีเมื่อเห็นว่าน้องตัวเองเดินผ่านมา

ตอนแรกก็นึกว่าโจรบุกค่าย ที่ไหนได้เป็นไอ้ตัวเล็กนี่เอง

ก็แต่งตัวซะมิดชิดขนาดนี้ใครมันจะไปจำได้กันเล่า ปกติเจ้าตัวมันแต่งตัวรัดกุมขนาดนี้ซะที่ไหนกันล่ะ

ไม่ใส่ขาสั้นสูงลิ่ว ก็แหวกนู่น โชว์นี่จนโดนป๋าดุเอาบ่อยๆ

ตอนอยู่อเมริกาหม่าม้าโทรมาเล่าให้ฟังประจำ ว่าป๋าหวงไอ้หมวยจนความดันขึ้นอยู่หลายหน ลำบากม้าต้องคอยชงยาหอมให้จิบอยู่ตลอด

หมอกรวบกอดน้องจนตัวลอยหวือ ตอนแรกมันก็ดิ้นขัดขืนพอเป็นพิธีแต่ผ่านไปสักพักก็กลายร่างเป็นลูกลิงยังไม่หย่านมเกาะตัวเขาหนึบแน่นซะยิ่งกว่าตังเม

“เฮียกลับมาทำไมไม่บอกบ้างอะ” เสียงแหบๆ พูดอู้อี้ผ่านผ้าปิดปาก จนพี่ชายต้องเอื้อมมือไปดึงออกให้

เห็นแล้วหายใจไม่ออกแทน

“มั่ว ในไลน์กลุ่มเขานัดกันกินข้าวเรียบร้อยหมดละ เฮียเมฆก็ออกเวรพอดีด้วย...มีแต่หนูอะแหละไม่รู้เรื่อง” หมอกดุอย่างไม่จริงจังนัก เมื่อเห็นสภาพของคนป่วย แต่แล้วคิ้วเข้มก็ขมวดมุ่นเมื่อเห็นรอยช้ำเป็นจ้ำที่ข้างมุมปากจิ้มลิ้ม “ไปทำอะไรมา ไอ้หมวย” เจ้าตัวดูตกใจเล็กน้อยเมื่อโดนยิงคำถามใส่ตรงๆ ก่อนจะกระโดดลงมาจากอ้อมกอดของพี่ชาย พร้อมกับพยายามแย่งผ้าปิดปากกลับมาอย่างไม่ยอมแพ้

“เปล่า…เล่นกับไอ้ผิงแรงไปหน่อย” ….ใครเชื่อก็บ้าแล้ว

“คิดว่าเฮียเชื่อปะ?” คุณพี่ชายตัวโตเท้าเอวมองอย่างเอาเรื่อง น้ำเสียงก็เริ่มจริงจังขึ้น

“...”

ในระหว่างที่กำลังก้ำกึ่งว่าจะบอกหรือไม่บอกความจริงอยู่นั้น ร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งก็เดินผ่านมาซะก่อนเฮียเลยเปลี่ยนไปสนใจฝ่ายนั้นแทน

“ฝึกเด็กมันเสร็จแล้วเหรอวะไอ้ไท” หมอกหันไปถามอีกฝ่ายเมื่อมองกลับไปที่ยิมเห็นพวกเด็กๆ มันล้มตัวลงนอนอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง

...ยังคงโหดเหมือนเดิม

“อืม” แทนไทตอบกลับอย่างประหยัดถ้อยคำ พร้อมกับยกมือขึ้นเสยเส้นผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าขึ้นเก็บอย่างลวกๆ

ภาพตรงหน้าทำให้น่านฟ้าหน้าร้อนวูบอีกครั้ง เมื่อรู้สึกแปลกใจว่าอีกฝ่าย..

...ทำไมโคตรฮอตขนาดนี้ก็ไม่รู้

แทนไทในความทรงจำล่าสุดก็คือเด็กหนุ่มวัยรุ่นธรรมดาที่มีกล้ามเนื้อสมส่วน ไม่ได้น่าสะดุดตาอะไรมากกว่าเด็กในค่ายคนอื่นๆเลยด้วยซ้ำไป

เจ้าตัวเป็นคนใต้หน้าเลยคมดุไปนิดไม่ได้ดูหล่อเว่อร์วังแบบพิมพ์นิยมของสมัยนี้เท่าไหร่นัก

โอเค ก็เป็นคนที่จัดได้ว่าหน้าตาดีคนหนึ่งเลยแหละ แต่ก็ไม่ได้ดูโดนเด่นเมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คนทั่วไป

แต่แทนไทตอนนี้เหมือนเป็นเวอร์ชั่นฉบับอัพเกรดแบบพรีเมี่ยม

หน้าตาก็ยังคมดุเหมือนเดิมตามสไตล์ผู้ชายไทยหน้าเข้ม คงเพราะอายุที่เพิ่มขึ้นเลยทำให้ไทดูสุขุมและมีกลิ่นอายความเป็นผู้ใหญ่แบบเต็มตัวด้วยกล้ามเนื้อหนั่นแน่นใต้เสื้อยืดแขนกุดสีดำรับกับช่วงขายาวดูแข็งแรงที่โผล่พ้นจากกางเกงมวยขาสั้น

แต่มีสิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดเลยคือบริเวณต้นแขนด้านขวามีรอยสักกราฟิกสีดำประทับอยู่เด่นหรา ลวดลายสวยงามนั้นลามเข้าไปในเสื้อที่เปียกชุ่มด้วยอีกต่างหาก

ไทสักตั้งแต่เมื่อไหร่?

เมื่อช่วงบ่ายไม่ทันได้สังเกตก็คงเพราะอีกฝ่ายนั้นสวมเสื้อยืดอยู่

 “เอ้าๆ ตัวไอ้ไทมันจะสึกแล้วมั้งนั่น” หมอกโยกหัวน้องจนผมยุ่งเหยิง ก่อนจะโม้ต่ออย่างอารมณ์ดี “มันหล่อขึ้นอ่ะดิมองตาค้างเลย ไอ้หมวย จะบอกให้ตอนอยู่นู่นนะแม่งโคตรฮอต ที่ยิมนี่ผู้หญิงมาสมัครเรียนกันให้พรึ่บ ทั้งฝรั่งทั้งสาวเอเชีย โอยยยย อาหารตาอย่างเยอะ ไม่เป็นอันเรียนกันก็เพราะมัวแต่นั่งมองสาวๆ ที่มาเรียนกับคุณไทเขานี่แหละ ”

หมอกยังคงเม้าท์อย่างสนุกปาก สาธยายความเนื้อหอมของเทรนเนอร์แทนไทจนไฟลุก

ความจริงมีสิบ แต่เล่าไปร้อยแล้ว

“มึงเว่อร์” คนที่ถูกตกเป็นเป้าในวงสนทนาส่ายหัวอย่างเอือมระอากับความโม้เกินจริง

ไอ้มีผู้หญิงเข้าหามันก็ใช่ แต่ไม่ได้เยอะแยะแบบที่มันพูดซะหน่อย

แค่บางคนเท่านั้นแหละที่จะเข้ามาหากันตรงๆ เพื่อบอกจุดประสงค์ที่แท้จริง

...เป็นผู้ชายแถมยังโสดด้วย มันก็ต้องมีเรื่องแบบนั้นกันบ้างเป็นธรรมดา

“ล่าสุดนี่ใครนะ ลูกครึ่งญี่ปุ่นป่ะ ที่เขาตามมาเฝ้ามึงที่ยิมอะไอ้ไท— เอ้า หมวย! จะไปไหน ไอ้หมวยย!”

รู้ตัวอีกทีเจ้าตัวก็เดินลิ่วๆ ลากสลิปเปอร์ไดโนเสาร์ไปทางห้องครัวเป็นที่เรียบร้อยโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองพี่มันเลยด้วยซ้ำไป

เป็นอะไรของมันล่ะนั่น เมนส์ไม่มาก็ไม่น่าใช่เพราะมันก็ไม่มีให้มาอยู่แล้ว

นี่ฮอร์โมนมันเปลี่ยนขนาดนี้เลยเรอะ นอกจากจะรูปร่างหน้าตาเหมือนผู้หญิงแล้วอารมณ์ยังเหมือนอีก

“หมวยมันเป็นไรของมันวะไท— ไอ้ไท!”

ไอ้นี่ก็อีกคนเดินหนีกันไปตอนไหนก็ไม่บอกไม่กล่าว

คนหล่อเซ็งโว้ย!

 

“ม้า ทำไรกินอะ”

น่านฟ้าเดินเข้ามาถึงห้องครัวก็เห็นว่าหม่าม้ากำลังยืนคนหม้อแกงอะไรสักอย่างอยู่ เลยตรงดิ่งเข้าไปกอดเอววางคางไว้บนไหล่อย่างออดอ้อน แล้วก็ได้เห็นว่าสิ่งที่อยู่ในหม้อคือของโปรดตัวเอง

แกงจืดเต้าหู้หมูสับใส่สาหร่ายเยอะๆ ...ฝีมือหม่าม้าอร่อยที่สุดในโลก!

“ตื่นแล้วเหรอ ม้ากำลังจะขึ้นไปปลุกเลย” หม่าม้าปิดแก๊สให้เรียบร้อยแล้วหันตัวมากอดตอบ ก่อนจะหันไปสนใจใครบางคนที่พึ่งก้าวเข้ามาในห้องครัวแทน “เอ้า ไท ฝึกเสร็จแล้วเหรอลูก”

“ครับ น้าดาว” แทนไทตอบรับคำผู้อาวุธโสก่อนจะเลื่อนไปมองอีกคนที่กำลังป้วนเปี้ยนอยู่กับหม้อแกงโดยไม่ได้หันมาสนใจเขาเลยสักนิด

“ไทไปอาบน้ำก่อนก็ได้นะลูก จะได้มากินข้าวด้วยกัน เจ้าเมฆพึ่งมาถึงตะกี้เอง” หม่าม้าบอกเพราะเห็นว่าอีกคนนั้นตัวเปียกชุ่ม ก่อนจะหันมาฝากให้น่านฟ้าช่วยคุณป้าแม่บ้านจัดเตรียมอาหารขึ้นโต๊ะแทน “เดี๋ยวม้าไปเรียกป๋ากับพวกเฮียเขาก่อนนะคะ หนูอยู่ช่วยป้านิดนะ” ก่อนออกไปก็ยังไม่วายจับใบหน้าลูกคนเล็กมาหอมแก้มซ้ายขวาฟอดใหญ่จนเจ้าตัวยิ้มกว้าง

น่านฟ้ากำลังสาละวนกับการหาผ้ามาพันหูหม้อเพื่อยกหม้อแกงจืดลงจากเตา หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ พอจะขอความช่วยเหลือจากป้านิดอีกฝ่ายก็หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เจ้าตัวเลยตัดสินใจใช้มือเปล่าๆ จับเพื่อลองหยั่งเชิงความร้อนดู

“ร้อนๆ ๆ ” สุดท้ายก็ได้กลับมาแค่นิ้วแดงๆ เลยต้องรีบจับใบหูเพื่อระบายความร้อน

คราวนี้ลองดึงแขนเสื้อลงมากะจะใช้แทนผ้าจับ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรใครบางคนก็แทรกตัวเข้ามาหน้าเตาแล้วจัดการยกหม้อแกงจืดไปวางไว้บนเคาน์เตอร์หินอ่อนให้เป็นที่เรียบร้อย

น่านฟ้ายืนมองแผ่นหลังกว้างพร้อมกับเม้มปากเข้าหากันตามนิสัยของเจ้าตัว

เมื่อกี้ที่เดินหนีออกมาจากเฮียหมอกก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร

ไม่มั่นใจว่าไม่อยากฟังเฮียโม้

...หรือไม่อยากฟังเรื่องของใครบางคนกันแน่..

“ไม่ไปอาบน้ำล่ะ” ตอนแรกก็นึกว่าออกไปแล้วซะอีก ใครจะรู้ว่ายังอยู่ในนี้

“ใครทำ” นอกจากจะไม่ตอบแล้วคุณแทนไทเขายังยกมือชี้ข้างมุมปากตัวเองเป็นการส่งคำถามกลับ ซ้ำยังเดินเข้ามาใกล้จนรับรู้ได้ถึงไอร้อนระอุจากคนตัวสูง

“…”

เพราะรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องบอก น่านฟ้าเลยหมุนตัวกลับเดินไปหยิบจานชามออกมาจากชั้นวางอย่างไม่สนใจคู่สนทนา ทิ้งให้อีกคนต้องขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นักที่โดนเมิน

“น่าน” เสียงที่เข้มขึ้นทำให้ต้องยอมหันกลับมามองจนได้

“มาถามอะไรตอนนี้เล่า” ตั้งท่าจะแหย่เล่นแต่พอเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายว่าไม่มีท่าทีเล่นด้วยเลยต้องอ่อนเสียงลง “ไม่มีอะไรหรอกน่า ไปอาบน้ำเลยไป๊ๆ ” นอกจากจะไม่ตอบแล้วยังเดินไปดันแผ่นหลังกว้างให้ออกไปจากครัวอีก

แต่แรงเท่านี้เหรอจะสามารถเคลื่อนยักษ์ปักหลั่นได้ มากสุดก็แค่เขยิบไปก้าวสองก้าวเท่านั้นแหละ

แทนไทมองอีกฝ่ายอยู่สักพัก ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้แล้วหมุนตัวเดินออกไปโดยไม่รอให้น้องไล่เป็นรอบที่สอง

ทิ้งไว้ให้ไอ้ตัวดื้องุนงงอยู่ข้างหลังเพียงคนเดียว

เป็นอะไรของเขา จู่ๆ ก็หน้าบึ้ง

...ไปกินรังแตนที่ไหนมาเนี่ย!

________________________________________



แนบรูปสลิปเปอร์คู่โปรดของยัยหมวยค่ะ 555

(https://sv1.picz.in.th/images/2018/12/06/3yBwzR.jpg)
(Credit:aliexpress.com)

ปล. พันไมล์ขอตัวลาไปสอบไฟนอลก่อนนะคะ คงยาวไปถึงหลังวันที่ 20 ธันวาเลย :hao5:
แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าค่า
ฝากคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้าา หรือจะแวะมาพูดคุยในแท็ค #ที่รักของน่านฟ้า ทางทวิตเตอร์ก็ได้ค้าบบบ <3  :กอด1:

หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 2 - Tanthai : 06 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 06-12-2018 16:53:28
คนในใจน่านฟ้าเหรอนี่
แต่แยกกันไปตั้งสามปีทำไมถึงไปนะ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 2 - Tanthai : 06 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: Opolniscute ที่ 07-12-2018 02:09:31
 :katai2-1: :katai2-1:   น่ารักดีค่ะ ชอบนิยายที่นายเอกเป็นสาวสอง
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 2 - Tanthai : 06 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 07-12-2018 02:17:23
โอเอ็มจี วันที่20 ลงแดงแร้วววว แต่ก็รอค่าาา ชอบน่านมากน่ารักถูกจริตนิยายแบบนี้สุดๆ ดีใจมากๆที่แต่งขึ้นมานะคะ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 2 - Tanthai : 06 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: fanhy ที่ 08-12-2018 01:30:46
ยัยหมวยน่ารัก  :hao7:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 2 - Tanthai : 06 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: เปลว แว๊บแว๊บ ที่ 08-12-2018 11:04:02
แง้้้้้้้ หมวยน่ารัก
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 2 - Tanthai : 06 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-12-2018 15:38:35
น่าน กับแทนไท  .............  o18
ต่างฝ่ายต่างชอบกัน แต่ไม่บอกกันใช่ไหม  :serius2:

แทนไท  น่านฟ้า   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 2 - Tanthai : 06 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: GevalinW329 ที่ 09-12-2018 12:12:35
 :mew1: :katai3: :katai2-1:
ยัยหมวยเอ้ยยย
น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 2 - Tanthai : 06 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: GevalinW329 ที่ 09-12-2018 12:16:00
 :mew3: :pig4: :L1:
ยัยหมวยของเเม่
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 2 - Tanthai : 06 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 09-12-2018 23:38:43
มาอ่านตอนเดิมซ้ำรอสันที่20 :ling1:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 2 - Tanthai : 06 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 14-12-2018 02:53:59
โอ้ยยยยย ชอบ มานะคะๆๆๆ มาต่อเร็วๆ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 3 - Curfews : 16 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 16-12-2018 02:57:24
Chapter 3

Curfews

___________________



             ช่วงเวลาเช้าตรู่ทำให้คนที่นอนสะสมมาพอสมควรต้องขุดตัวเองออกมาจากเตียงอย่างช่วยไม่ได้

               หลังจากมื้อเย็นเมื่อวานนี้ก็ยังสามารถซ่อนรอยแผลจากป๊ะป๋าได้อยู่ เพราะฝ่ายนั้นมัวแต่คุยกับเฮียหมอกและแทนไทที่พึ่งกลับมาถึงซะยืดยาว อีกอย่างพอจัดการแกงจืดฝีมือหม่าม้าจนเรียบ ก็รีบชิ่งหนีกลับขึ้นมาก่อนโดยอ้างเหตุผลไปว่าปวดหัวนิดหน่อย

               ...แต่เอาจริงๆก็มึนไม่น้อยเหมือนกัน หม่าม้าเลยให้กินยาลดไข้ดักไว้สองเม็ด ผลก็คือสลบไปตั้งแต่หัวค่ำ วันนี้มันเลยตื่นเช้ากว่าทุกวันนี่แหละ

               หลังจากอาบน้ำเสร็จเสื้อยืดสีขาวโอเวอร์ไซส์และกางเกงขาสั้นก็ถูกหยิบออกมาจากตู้ก่อนจะโดนโยนไปพักไว้บนเตียง กายขาวเนียนที่สวมทับไว้เพียงแค่ชั้นในลูกไม้สีดำปล่อยเปลือยอกช่วงบนกำลังยืนหมุนส่องกระจกอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งอย่างที่เคยทำในทุกๆเช้า

               หน้าอกที่มีส่วนเว้านูนออกมาตามฮอร์โมนที่ถูกปรับเปลี่ยนนั้นทำให้เจ้าตัวนึกพอใจอยู่ไม่น้อย

ไม่เสียแรงที่อดทนมาหลายปี

               ตอนนี้ถ้ามองเผินๆน่านฟ้าก็ไม่ต่างกับผู้หญิงทั่วไปเลยสักนิด

ไหนจะเรียวแขนเรียวขาที่ไร้มัดกล้ามแบบเมื่อก่อนอีก เพราะปกติเจ้าตัวก็เป็นคนที่มีโครงร่างเล็กอยู่แล้ว ก็ไม่แปลกใจเลยที่ใครต่อใครมักจะเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆ

..สิ่งเดียวที่แสดงถึงความเป็นเพศชายในตัวตอนนี้ก็คือบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ใต้ชั้นในลูกไม้นี่แหละ..

พอหมุนตัวไปดูอีกทางรอยช้ำที่บั้นเอวก็ยังคงอยู่ ซ้ำวันนี้มันยังขึ้นสีม่วงช้ำเลือดได้อย่างน่ากลัว

นึกแล้วก็โคตรเจ็บใจผู้ชายปากมอมคนนั้น พลาดท่าให้มันลวนลามยังไม่พอกลับโดนตบแถมมาฉาดหนึ่งซะนี่

..เรื่องเฮงซวยมันรุมเร้าจริงๆช่วงนี้

น่านฟ้าหยิบเสื้อตัวโคร่งขึ้นมาสวมทับไว้ก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนเตียงนุ่มอย่างเกียจคร้านพร้อมกับคว้าเอาตุ๊กตาตัวโปรดเข้ามากอด มือก็ควานหาโทรศัพท์มือถือที่ตัวเองโยนทิ้งไว้แบบสุ่มๆไปด้วย

เฟซบุ๊กที่นานๆทีจะเข้าไปเช็คความเคลื่อนไหวขึ้นแถบแจ้งเตือนเป็นสิบๆ ส่วนมากก็คือคำขอเป็นเพื่อนที่รอการอนุมัติ เลื่อนดูผ่านๆก็มีแต่พวกผู้ชายที่ไม่รู้จักทั้งนั้นนอกจากจะไม่กดรับแล้วน่านฟ้ายังปิดการแจ้งเตือนไปอย่างไม่ใส่ใจอีก

..แต่แล้วคำขอเป็นเพื่อนจากใครคนหนึ่งก็ต้องทำให้หยุดชะงัก

...ดูจากเวลาแล้วคงพึ่งแอดกันมาเมื่อไม่นานมานี้



Tanthai Jiranon



รูปโปรไฟล์สีขาวดำเห็นแค่แผ่นหลังกว้างครึ่งตัวยืนอยู่บริเวณยอดผาสถานที่ท่องเที่ยวสักที่ในประเทศอเมริกา เจ้าตัวสวมหมวกแก๊ปและสะพายเป้แบ็คแพ็คใบใหญ่

ดูเผินๆแล้วก็คล้ายกับหนุ่มแบ็คแพ็คเกอร์ที่โด่งดังในแชนแนลยูทูปเหมือนกันแฮะ

พอเข้าไปส่องดูหน้าฟีดก็เห็นว่าแทนไทมีเพื่อนอยู่ราวๆสองสามร้อยคนเท่านั้น ส่วนมากก็คงจะเป็นคนสนิทกันจริงๆมีทั้งบรรดาเทรนเนอร์ที่เป็นคนไทยและต่างชาติ กลุ่มเพื่อนของไทที่คบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม เฮียเมฆ เฮียหมอก กับพวกเด็กๆในค่าย

เจ้าตัวคงไม่ค่อยได้สนใจโลกโซเชียลมากนักเหมือนเอาไว้คอยติดตามข่าวสารและมีไว้ให้เพื่อนได้ติดต่อซะมากกว่า

แต่ยังไม่ทันที่จะได้กดตอบรับคำขอนั้นจู่ๆหน้าจอก็ปรากฏสายเรียกเข้าจากใครบางคน

จะใครซะอีก..

ถ้าไม่ใช่คนที่ทำให้เจ้าตัวต้องโดนลากออกไปสังสรรค์เพียงเพราะอาการซึมเศร้าบ้าบอที่เกิดจากเขา..

..เตชิน

 “...”

(ฟ้า)

“อืม..ว่าไง”

(ออกมาเจอกันหน่อยได้ไหม) ทางฝ่ายนั้นพูดอย่างถนอมถ้อยคำ (ชินมีเรื่องจะคุยด้วย)

“ยังมีอะไรต้องคุยอีก” เสียงแข็งจนตัวเองยังนึกแปลกใจ

(ฟ้า…ขอร้อง ชินไม่อยากเลิกกับฟ้า) ทางนั้นดูร้อนรนขึ้นมา เมื่อรู้ว่าคราวนี้คงไม่ได้รับการให้อภัยอีก

...ความผิดนับครั้งไม่ถ้วน..

“…”

(ชินขอโทษที่ทำให้ฟ้าต้องเสียใจ...ชินจะไม่ทำอีกแล้ว)

…ครั้งที่แล้วก็พูดแบบนี้...ครั้งก่อนหน้าก็พูดแบบนี้

 …คิดว่าคนๆนึงจะมีความอดทนมากแค่ไหนกัน?

เจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

จากแผลที่เคยช้ำเลือดมันตกสะเก็ดกลายเป็นแผลเป็นนานแล้วจนแทบไม่ต้องการการรักษา

..จะมานึกห่วงอะไรตอนนี้...

“เก็บคำนี้ไว้ใช้กับผู้หญิงคนใหม่เถอะ” กำมือแน่นจนเล็บจิกลงไปในอุ้งมือ

…โมโหจนแทบบ้า เสียดายเวลาที่โง่งมงายมาสองปีกว่ากับผู้ชายพรรค์นี้

(ฟ้า...) คนปลายสายครางออกมาอย่างเว้าวอน

คงคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะได้รับโอกาสอีก..โอกาสแก้ตัวที่เคยใช้ไปแล้วไม่รู้กี่ครั้ง

“หวังว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก…ขอให้โชคดี”

(เดี๋ยว--!)

ตัดสายไปอย่างไม่รีรอพร้อมกับโยนโทรศัพท์ทิ้งลงในกองผ้าห่มอย่างไม่คิดจะสนใจ

เมินแม้กระทั่งสายเรียกเข้าที่กระหน่ำโทรมาอย่างไม่ยอมแพ้ แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวต้องจัดการบล็อกเบอร์และทุกช่องทางการติดต่อที่เตชินจะสามารถติดต่อมาได้

สำหรับความรู้สึกที่มีให้คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนเก่า มันไม่ใช่ความเสียใจหรือน้อยใจ

...เพราะตลอดเวลาเกือบสองปีที่คบกัน คนๆนี้ได้หยิบยื่นความรู้สึกเหล่านั้นมาให้จนมันชินชาไปหมดแล้ว

คงเหลือแค่ความว่างเปล่าที่อึดอัดจนแทบบ้า

...อยากจะหลุดพ้นมันไปสักที..

 



วันนั้น...

หลังจากที่ฉลองงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเสร็จ ก่อนที่จะกลับไปค้างคอนโดกับผิง น่านฟ้าเลยตัดสินใจที่จะแวะซื้อของกินเข้าไปให้เตชินซะก่อน เพราะอีกฝ่ายชอบทำงานจนดึกดื่นและมักจะลืมกินข้าวเป็นประจำ

ถึงจะเป็นแฟนกันมาสองปีแล้วก็เถอะแต่ก็ใช่ว่าจะอยู่กินด้วยกันเหมือนคู่อื่นๆเพราะแน่นอนว่าป๋ากับพวกเฮียค้านหัวชนฝาแบบสุดๆ และส่วนตัวน่านฟ้าเองก็ยังไงก็ได้อยู่แล้ว ไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ไม่ใช่ปัญหา คนเป็นแฟนกันไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาซะหน่อย

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เคยไปนอนค้างกับเตชินเลย มันเป็นเรื่องปกติของคู่รักทุกคู่นั่นแหละที่ต้องการมีเวลาส่วนตัวร่วมกันบ้าง และแน่นอนว่าแต่ละครั้งที่น่านฟ้าไปค้างที่คอนโดของเตชิน ป๋าและพวกเฮียไม่เคยรู้เพราะมีผิงคอยให้ความร่วมมือปกปิดช่วยกันอยู่ตลอด

หวิดจะโดนจับได้ก็หลายหน แต่ก็ยังรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้

คีย์การ์ดสำรองถูกแตะเพื่อเปิดบานประตู ภายในห้องนั้นเงียบสนิทไร้วี่แววของคนรักที่ปกติมักจะนั่งทำงานอยู่บริเวณโต๊ะหน้าทีวีเป็นประจำ น่านฟ้าเดินไปเปิดสวิตซ์ไฟด้วยความเคยชิน แต่แล้วเสียงแว่วของบางอย่างที่ดังออกมาจากภายในห้องนอนก็ทำให้ตัวแข็งทื่อ

มือจรดเท้าเหมือนโดนน้ำเย็นเฉียบสาดซัดเข้าใส่จนหน้าชาไปทั้งแถบ

..เสียงครวญครางอย่างมีจริตของผู้หญิงดังคลอไปกับเสียงสปริงของเตียงชั้นดี

รูปวาดสีน้ำที่น่านฟ้าตั้งใจทำให้เป็นของขวัญวันเกิดเจ้าของห้องตกอยู่บนพื้นบริเวณหน้าโซฟารับแขก ราวกับเจ้าของมันไม่คิดจะใส่ใจเท่าไหร่นัก

..ถึงแม้ว่ากระจกของกรอบรูปมันจะแตกอย่างไม่มีชิ้นดีเลยก็ตาม

ก่อนที่จะย้ายไปห้องนอนคงเริงรักกันแบบสุดเหวี่ยงที่ตรงนี้มาก่อน...เพราะบราลูกไม้สีแดงยังคงวางพาดเด่นหราอยู่บนพนักพิงอยู่เลย

‘ไอ้เหี้ยชิน!’ ผิงที่เดินตามเข้ามาทีหลังถึงกับโมโหจนฟิวส์ขาด แต่คนที่โดนนอกใจกลับนิ่งเฉยกว่าที่คิด

น่านฟ้าก้าวไปเปิดประตูห้องนอนออกอย่างถือวิสาสะ โดยไม่สนเลยด้วยซ้ำว่าชายหญิงคู่นั้นจะเล่นบทร้อนแรงกันขนาดไหนบนเตียงหลังใหญ่

...เตียงที่เราเคยนอนด้วยกัน..

‘ฟ้า!’ เตชินตกใจสุดขีดก่อนจะผลักคู่ขาให้ลุกออกจากตัว

ส่วนฝ่ายผู้หญิงก็ไม่มีท่าทีที่จะตกใจหรือเขินอายเลยสักนิด เธอทำเพียงแค่หยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมไว้ลวกๆแล้วยืนมองเหตุการณ์อยู่ไม่ห่าง

ถ้าจำไม่ผิดเธอคือพนักงานที่อยู่แผนกเดียวกันกับเตชิน เคยเห็นหน้าค่าตามาบ้างแล้ว ซ้ำฝ่ายนั้นยังเป็นคนที่มักจะชวนคุยอย่างเป็นกันเองเสมอตอนที่พบเจอกัน

แต่ในวันนี้..สายตาที่เธอใช้มองกันทำไมจะตีความไม่ออก

...โดนมาจนชินแล้ว

ทุกครั้งที่เตชินทำผิดก็มักจะอ้อนวอนขอความเห็นใจจากกัน

เขาบอกว่าผู้ชายมันก็แบบนี้ ผู้หญิงมาเสนอให้ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องตอบรับ ไม่ได้คิดจะจริงจังอะไร และไม่ว่าจะมีใคร เขาก็ยังคงรักกันมากที่สุด

...ก็แค่เหตุผลของพวกมักง่ายและเห็นแก่ตัว

ตอนนั้นหลงโง่งมงายก็เพราะรักมาก เพราะกลัวเสียเขาไปเลยต้องยอมมองข้าม ยอมแม้กระทั่งต้องปลอบใจตัวเองว่าอย่างน้อยเขาก็แค่นอกกาย

ไม่ได้นอกใจกัน...

‘ไว้วันหลังจะเข้ามาเก็บของนะ’ น่านฟ้าเพียงแค่เดินเลยผ่านอีกฝ่ายไปก่อนจะถอดนาฬิกาข้อมือที่อีกคนซื้อให้วางไว้บนโต๊ะหัวเตียง

ไม่มีการโวยวาย หรือสาดอารมณ์ใส่กันเหมือนอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา

ครั้งนี้อารมณ์มันสงบนิ่งจนน่าแปลก

..บางทีเป็นแบบนี้ก็คงดีแล้ว..

            ‘หมายความว่าไง?’

            ‘ต้องให้แปลภาษาเหรอ มันกลวงมากใช่ไหมสมอง’ ผิงที่ยืนมองอยู่นานสุดจะทนกับพฤติกรรมของฝ่ายชาย

 ไอ้ฟ้าทนมามากพอแล้ว...เพื่อนของเธอควรหลุดพ้นจากผู้ชายเฮงซวยคนนี้ซะที

            ‘ชินไม่เลิก!’ ผู้ชายคนนั้นเอื้อมมือมาจะคว้าตัว แต่ครั้งนี้มันขยะแขยงซะจนต้องเอี้ยวตัวหลบอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ‘ฟ้า..’

            น่านฟ้ายืนมองคนทรยศด้วยแววตาที่ว่างเปล่าเป็นครั้งสุดท้าย มันไม่ได้เสียใจหรือโมโหจนอยากจะทุบตีหรือฟูมฟายตัดพ้อว่าทำไมต้องทำร้ายกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า

            ...บอกแล้วไงว่าเตชินทำให้ผ่านจุดนั้นมาแล้ว

            พอถึงจุดๆหนึ่งกลับพบว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะต้องโวยวายและแย่งชิง นอกจากตัวเราจะดูไร้ค่าแล้วยังรู้สึกผิดกับตัวเองจนแทบแย่

            ‘..เราขาดกัน’

            พูดไว้เพียงแค่นั้นก็หมุนตัวเดินออกมาจากห้องโดยไม่หันกลับไปมองอีก ไม่ว่าอีกฝ่ายจะตะโกนเรียกเสียงดังขนาดไหนก็ตาม

            มันจบแล้ว..พอแล้ว

...ครั้งนี้มันจบแล้วจริงๆ..


 



               พอนึกถึงอดีตที่ไม่น่าจดจำเช้าที่แสนสดใสกลับดูหม่นหมองไปหมด

นอนแบะอยู่บนเตียงไปสักพักมือก็ปัดไปเจอเสื้อแจ็คเก็ตของใครบางคนที่ตอนนี้มันแทบหล่นลงเตียงอยู่รอมร่อเลยต้องคว้ากลับมาไว้ เสื้อตัวใหญ่กว่ากันเกือบครึ่งเพราะเป็นไซส์ฝรั่ง ถ้าลองนึกภาพว่าแทนไทใส่ก็คงจะพอดีกับเจ้าตัวนั่นแหละ

               ใช้เวลานอนเล่นอยู่เพียงไม่นานน้องคนเล็กของบ้านก็เดินลงมาด้านล่าง เจ้าตัวอยู่ในชุดลำลองสบายๆมากกว่าทุกวัน ใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางแต่งแต้มมีเพียงแค่ลิปมันสีเบาบางประดับบนเรียวปากจิ้มลิ้มเพื่อไม่ให้หน้าซีดจนเกินไป

               ..วันนี้ไม่มีโปรแกรมออกไปนอกบ้านก็ขอหน้าสดมันสักวันก็แล้วกัน

               น่านฟ้าเดินลากเจ้าเท้าไดโนเสาร์คู่ใจไปทางโถงกลางของบ้าน พอเห็นว่าป๊ะป๋ากำลังนั่งสไลด์ไอแพดอัพเดทข่าวอยู่เจ้าตัวเล็กก็ย่องเข้าไปด้านหลัง ก่อนจะโถมตัวกอดรัดอย่างแรงจนอีกฝ่ายตกใจเกือบทำไอแพดหล่น

               “ตื่นเช้าจังเลยวันนี้” ป๋าปรีชาคว้าตัวลูกคนเล็กมาหอมแก้มอย่างคิดถึง ก่อนจะเอียงหน้าให้ลูกหอมคืนเป็นการแลกเปลี่ยนกันอย่างเคยชิน

               ...ถ้าพวกลูกน้องในค่ายมาเห็นภาพนี้คงฮากันน่าดู

               “เมื่อคืนหนูกินยาเลยหลับเร็ว” เจ้าตัวยิ้มตอบก่อนจะหยิบขนมปังปิ้งในจานป๋าขึ้นมากินแล้วค่อยเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างๆกัน

               “เห็นม้าเขาบอกว่าหนูไม่สบาย” เจ้าของค่ายมวยใหญ่เลิกสนใจข่าวสารในวงการทันที เพราะตอนนี้เป็นห่วงลูกมากกว่า “ดีขึ้นหรือยังลูก ให้เฮียเมฆเขาดูให้หน่อยไหม”

               “ไม่เป็นไรป๋า หนูดีขึ้นแล้ว” เจ้าตัวยิ้มกว้างเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ

เพราะกินยาของม้าดักไปเมื่อคืน วันนี้อาการปวดหัวมันเลยหายเป็นปลิดทิ้ง จะห่วงอยู่อย่างเดียวก็คือรอยช้ำข้างมุมปากนี่แหละ ไม่รู้ว่าป๋าจะสังเกตเห็นไหม อุตส่าห์ใช้คอนซีลเลอร์ทับไว้ซ้ำยังลงทุนปล่อยผมท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าวแบบนี้อีก

               ป๋าปรีชาพยักหน้ารับอย่างตามใจก่อนจะนั่งมองลูกคนเล็กกินข้าวเช้าที่แม่เขาหามาให้อย่างเพลินตา

               ..เจ้าน่านฟ้าดูซูบลงไปเยอะ สงสัยหลังจากนี้คงจะต้องขุนกันจริงๆจังๆซะแล้ว

               “น้องน่านกินข้าวต้มให้หมดเลยนะ ถ้ากินถ้วยนี้ไม่หมดม้าจะบังคับให้กินน้ำมะเขือเทศปั่น” …โห อย่างกับยาขมเลยนะนั่น

               “หนูอิ่มแล้วอ่า” …ข้าวต้มยังไม่พร่องถึงครึ่งเลยเสียด้วยซ้ำไป มันน่าจับตีจริงๆ

               “อย่าดื้อ ม้าไม่ยอมแล้วนะ ผอมเกินไปแล้ว” หม่าม้าตีหน้าเครียดอย่างจริงจัง นานๆทีจะได้เห็น “เร็วๆ”

               เมื่อเห็นว่ายังมีท่าทีอิดออดเลยนั่งเฝ้าซะเลย เจ้าตัวงอแงนิดหน่อยแต่ก็ยอมตักข้าวต้มหมูขึ้นมากินต่อจนหมดแถมดื่มน้ำส้มคั้นแก้วโตจนเกลี้ยงทำเอาหม่าม้ายิ้มกว้างอย่างพออกพอใจ

               ..ต้องให้บังคับกินเหมือนเด็กๆเลย

               “เอ้า มากินข้าวเร็ว ม้าเขาทำไว้รอตั้งหลายอย่าง”

               เมฆกับหมอกที่พึ่งกลับมาจากยิมเดินเข้ามาที่โต๊ะอย่างหิวโหยเมื่อได้กลิ่นอาหารเช้าฝีมือหม่าหม้า

หมอกเดินอ้อมไปอีกฝั่งก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งใกล้น้องคนเล็กที่กำลังนั่งดูคลิปรีวิวเครื่องสำอางในไอแพดอย่างตั้งอกตั้งใจ

               “ไงเรา ดีขึ้นหรือยัง”

               เมฆเดินอ้อมมาหาบ้าง พร้อมกับใช้ฝ่ามือวัดไข้ให้น้อง พอเห็นว่าปกติดีก็หายห่วง

               แต่ก่อนที่จะกลับไปนั่งประจำที่ก็ไม่ลืมที่จะก้มลงหอมแก้มน้องไปหนึ่งฟอดใหญ่ๆ

“อ้าว แล้วเจ้าไทไปไหนล่ะ” ป๋าปรีชามองหาลูกชายคนโปรดอีกคน เพราะปกติไทจะมากินข้าวเช้าด้วยตลอด

               “อยู่ยิมนู่นป๋า” หมอกบุ้ยหน้าบอก “เรียกแล้วแต่มันไม่มา คงยังไม่หิว”

               “เรอะ ไอ้เจ้านี่มันฟิตอะไรของมัน”

               “ผมก็ไม่รู้ ตั้งแต่กลับมามันดูอารมณ์ไม่ดีแปลกๆด้วยนะ”

               “หักโหมเยอะไปไม่ดีนะ พึ่งกลับมาถึงด้วย ม้ากลัวไทจะป่วย” ผู้หญิงคนเดียวของบ้านเริ่มนึกเป็นห่วง “น้องน่านไปเรียกพี่เขามากินข้าวหน่อยสิลูก”

               “เดี๋ยวหิวเขาก็มาเองแหละม้า” ชะงักมือที่กำลังสไลด์หาคลิปใหม่ไปนิดหน่อย ก่อนจะก้มลงมองหน้าจออย่างไม่สนใจ

               “น้องน่าน” หม่าม้าเสียงเริ่มดุ จนต้องจำใจวางไอแพดไว้ ก่อนจะลุกออกไปตามคำสั่งผู้มีอำนาจที่แท้จริงในบ้าน

               ป๋าที่ว่าแน่ยังแพ้คุณอิงดาวเขาล่ะ


(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 3 - Curfews : 16 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 16-12-2018 02:58:25
 

ยิมมวยอยู่ไม่ห่างจากบ้านเท่าไหร่นักบริเวณข้างบ้านจะมีพื้นเฉลียงไม้เชื่อมกับหลังออฟฟิศเพื่อความสะดวกสบายในการเดิน

น่านฟ้าเลยอาศัยทางลัดตรงนี้แทนเพราะขี้เกียจอ้อมไปเข้าทางด้านหน้า

วันนี้ทั้งโรงยิมเงียบกว่าปกติเพราะเป็นวันหยุดของทางค่าย อีกอย่างเมื่อวันก่อนป๋าพึ่งพาเด็กๆไปแข่งมาเลยหยุดให้ได้พักผ่อน บางคนก็เลยได้โอกาสกลับบ้านไปเยี่ยมครอบครัว บางคนก็นอนพักอยู่ที่ห้องพักข้างหลัง

ในวงการมวยที่ค่ายนันพิวัฒน์นี้ก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าใคร

มีนักมวยที่มีชื่อเสียงอยู่หลายคนที่เป็นลูกศิษย์ของที่นี่ ทั้งคนไทยและต่างชาติ จนถึงขั้นที่ทางบ้านต้องขยายกิจการไปไกลถึงอเมริกา และแน่นอนว่ามันได้รับผลตอบรับที่ดีเกินคาด

ป๋าเลยให้เฮียหมอกไปดูแลยิมที่นั่นโดยที่ไม่ลืมส่งตัวนักมวยเบอร์หนึ่งของทางค่ายไปช่วยด้วยอีกแรง ในตอนนั้นแทนไทที่กำลังจะเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการกลับต้องพักเรื่องการแข่งขันเอาไว้ก่อนโดยป๋าให้เหตุผลที่ว่าอยากให้ไปช่วยควบคุมเฮียหมอกไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง

และป๋าเองก็รักและไว้ใจอีกฝ่ายไม่ต่างกับลูกแท้ๆคนหนึ่งเลยด้วยซ้ำไป

..ที่จริงแล้วแทนไทนั้นเป็นลูกชายของเพื่อนรักที่จากไปเพราะอุบัติเหตุเมื่อสิบสามปีก่อน..

วันนั้นที่งานศพเด็กชายในวัยสิบห้าปีคนนั้นดูนิ่งสงบจนน่านฟ้าเองยังแปลกใจ

เขาไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายแสดงความเสียใจให้ใครเห็นสักนิด แต่ลับหลังทุกคนกลับไปนั่งหลบมุมร้องไห้เสียอย่างนั้น

น่านฟ้าเป็นคนที่เดินไปเจอเพราะตอนนั้นกำลังตามหาหม่าม้าให้วุ่น ฝ่ายนั้นดูตกใจนิดหน่อยแต่พอเห็นว่าเป็นใครก็ทำเพียงแค่ปาดน้ำตาทิ้งก่อนจะอาสาพาเดินตามหาหม่าม้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แต่เดิมทีทางครอบครัวของแทนไทมีฐานะไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก ยิ่งเสาหลักของครอบครัวจากไปเลยเหลือเพียงแค่แม่คนเดียวที่ต้องแบกรับภาระทั้งหมด

ตอนนั้นจำได้ว่าไทที่เป็นพี่ชายคนโตต้องลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาทำงานหาเงินช่วยแม่และเสียสละให้น้องได้เรียนหนังสือแทน พอป๋ารู้เรื่องเลยตัดสินใจรับไทมาเลี้ยงเองซะเลยพร้อมกับเสนอตัวว่าจะส่งเสียให้เรียนจนจบ

ตอนแรกแม่ของไทก็ไม่ยอมเพราะเกรงใจและไม่อยากเป็นภาระ ป๋ากับหม่าม้าหว่านล้อมยังไงก็ไม่ได้ผล จนสุดท้ายก็ยื่นข้อเสนอว่าจะรับเลี้ยงไปเป็นเด็กในค่ายให้คอยช่วยงาน ทางแม่ฝ่ายนั้นเลยยอมในที่สุด

แต่ถึงจะพูดแบบนั้นสุดท้ายป๋าก็ไม่ได้ให้ไทไปฝึกหรือไปแข่งตามที่พูดหรอก ก็ส่งเสียเลี้ยงดูเหมือนลูกคนหนึ่งเลย กินข้าวด้วยกัน เรียนโรงเรียนเดียวกัน ไปเที่ยวด้วยกัน เหมือนเป็นลูกคนที่สี่ของบ้านนันพิวัฒน์เลยก็ว่าได้ อีกอย่างฝ่ายนั้นก็เข้ากับคนที่บ้านได้ดีมากด้วย ไม่ได้มีปัญหาเหมือนในละครไทยที่เห็นกันดาษดื่นสักนิด

แทนไทเป็นคนขยันและอดทนมากๆ เรียนได้ท็อปของห้องตลอดตีคู่ไปกับเฮียเมฆ เป็นดูโอ้หัวกะทิของบ้านมีหน้าที่ต้องมาคุมติวเข้มให้เฮียหมอกและน่านฟ้าในช่วงสอบเป็นประจำ

ถึงป๋าจะไม่ได้บังคับให้ทำงานอะไร แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ยอมอยู่เฉย ไทมักชอบเข้ายิมไปดูพวกครูฝึกสอนเด็กในค่ายจนในที่สุดก็โดนลากให้ไปลองฝึกดูเพราะเห็นว่าหน่วยก้านดี

แล้วก็เป็นอย่างที่คิด

แทนไทเรียนรู้ได้เร็วเกิดคาด

วันนั้นทางค่ายจัดงานเลี้ยงฉลองหลังจากที่ไปลุยแข่งกันมาหลายเวที และสิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องตื่นตะลึงก็คือแทนไทสามารถชนะน็อคแชมป์เบอร์หนึ่งของค่ายได้อย่างง่ายดาย ขนาดป๋ายังต้องอ้าปากค้างเพราะเป็นคนลงพนันเองว่ายังไงฝ่ายนั้นก็ต้องแพ้แน่นอน

หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ผันตัวมาชกมวยอย่างจริงจัง ฝีมือของแทนไทขึ้นเป็นตัวท็อปของค่ายได้ในเวลาไม่กี่ปีแถมยังมีค่าตัวการขึ้นชกสูงที่สุดอีกด้วย

แต่ถึงอย่างนั้นป๋าเองก็ไม่เห็นดีเห็นงามด้วยเท่าไหร่เพราะอาชีพนักมวยเป็นอาชีพที่ไม่มีความมั่นคง เลยไม่ค่อยได้ส่งตัวแทนไทไปขึ้นชกแบบมั่วซั่ว ส่วนใหญ่จะเน้นให้ฝึกสอนนักมวยและควบคุมดูแลยิมเสียมากกว่า

ว่าก็ว่าเถอะแต่ละแมทที่คุณเขาไปชกน่ะเวทีดังๆทั้งนั้น ที่ป๋ายอมให้ไปแต่ละทีก็เพราะมีทางผู้ใหญ่เขาขอมานั่นล่ะ ได้ยินมาว่าล่าสุดถูกเลือกให้ไปชกที่ต่างประเทศด้วยแต่เจ้าตัวก็ยังไม่ได้ตอบตกลงไป

..ก็คือโกอินเตอร์สุดอะไรสุด

น่านฟ้ายืนกอดอกมองคนที่กำลังเตะกระสอบทรายอยู่ตรงมุมหนึ่ง เสียงกระทบของลำแข้งที่ฟาดเข้ากับกระสอบนั้นหนักแน่นจนอดคิดไม่ได้เลยว่าถ้าเป็นคนล่ะก็คงต้องตัวหักครึ่งแน่ๆ

ร่างสูงใหญ่อยู่ในชุดฝึกซ้อมทั่วไป เสื้อแขนกุดกับกางเกงมวยแบบง่ายๆ

แต่โคตรจะดูดีเลยเวลาที่มันอยู่บนตัวคุณเขา

“น่าน?” ฝ่ายนั้นหยุดเตะไปตอนไหนไม่รู้

รู้ตัวอีกทีก็ถอดนวมออกแล้วเดินเข้ามาหากันแล้ว

เหงื่อที่เปียกชุ่มทำให้เสื้อสีเข้มแนบเข้ากับกล้ามเนื้อหนั่นแน่นบริเวณแผ่นอก เส้นผมชื้นเหงื่อถูกเสยขึ้นเก็บแบบลวกๆเมื่อหยดเหงื่อกำลังจะเข้าตา

 “มีอะไรหรือเปล่า”

“หม่าม้าให้มาตามไปกินข้าว” ตัวสูงจนต้องเงยหน้าคุยด้วยจนปวดคอไปหมดเลย...ให้ตาย “บังคับด้วย ห้ามปฏิเสธ” เพราะถ้าลากไปด้วยไม่ได้คนโดนดุก็คือตัวเองนี่แหละ

แทนไทพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายหลังจากนั้นก็เดินไปเก็บอุปกรณ์ฝึกซ้อมให้เข้าที่แล้วหยิบเสื้อวอร์มขึ้นมาสวมทับไว้ก่อนจะเดินตามออกมา

 



“ไทมากินข้าวเร็วลูกน้าทำของโปรดไทให้ด้วยนะ” คุณอิงดาวเข้าไปลากลูกชายคนโปรดมาที่โต๊ะ พร้อมกับตักข้าวใส่จานให้อย่างเสร็จสรรพ “กินเยอะๆนะ อยู่นู่นคงคิดถึงอาหารไทยแย่”

“โอ๊ยม้า ไม่ต้องห่วงมันหรอก อยู่นั่นไม่เคยขาด” หมอกหันมาฟ้องยิกๆ “ใช่ไหมวะไอ้ไท”

               “จริงเหรอเนี่ย” หม่าม้าดูตื่นเต้นมาก “ทำกินเองรึไงเรา”

               “ใช่ที่ไหนกันเล่า ผู้หญิงที่มาเรียนกับมันคนนึงเขาเป็นเจ้าของร้านอาหารไทยเลยนะม้า โหยยย เช้าถึงเย็นถึง”

               “เสน่ห์แรงช่วยไม่ได้ สมัยนี้เขาฮิตคมเข้มเว้ย ขาวๆจืดๆแบบมึง หมดสิทธิ์” เฮียเมฆที่กำลังนั่งดูข่าวอยู่กับป๋าหันมาเยาะเย้ยอย่างสะใจ

               ...ก็มันจริง ในบรรดาพี่น้องมีไอ้หมอกนี่แหละที่ดูตี๋สุดแล้ว เพราะถึงม้าจะมีเชื้อสายจีนแต่ป๋าน่ะไทยแท้ๆเลยมีแค่มันนี่แหละที่แหกคอกมาคนเดียว

               “มันหล่อได้พ่อมัน” ป๋าปรีชาตบหลังลูกของเพื่อนรักอย่างเอ็นดู

               ยิ่งโตมันก็ยิ่งเหมือนพ่อเว้ยไอ้นี่

               “เนี่ยน้องน่าน ม้าอยากได้ลูกเขยแบบพี่ไทจัง” คุณอิงดาวพูดแหย่ทีเล่นทีจริงจนคนที่ตกเป็นเป้าหมายต้องชะงักช้อนกินข้าวขึ้นมามอง

               “ม้าก็ พูดงี้ไอ้ชินมันเสียใจแย่ ใช่ไหมไอ้หมวย” หมอกที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรแซวออกมาอย่างสนุกปาก

               “แหม ม้าก็หยอกเล่น เจ้าชินก็หล่อไปอีกแบบไง ไทก็หล่ออีกแบบ”

               ทุกคนหัวเราะกันอย่างสนุกสนานเพราะยังรู้ว่าความจริงนั้นน่านฟ้าได้บอกเลิกอีกฝ่ายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

               เมฆเป็นคนแรกที่รับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของน้อง ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่ายังมีเรื่องที่ต้องคุยกัน อันที่จริงก็ตั้งใจว่าจะเคลียร์ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่พอเห็นว่าน้องอาการไม่ค่อยดีเลยปล่อยไปก่อน

               “น่าน..มีอะไรจะบอกทุกคนไหม” เสียงทุ้มต่ำเรียกคนที่กำลังนั่งก้มหน้าให้ขึ้นมามอง “เรื่องของเตชิน”

               พี่ใหญ่ของบ้านมีสีหน้าเครียดขึ้นมาทันทีจนทุกคนต้องหันมาสนใจ เพราะนานๆทีคุณหมอเมฆเขาจะใช้น้ำเสียงจริงจังกับน้องคนเล็ก

               “บอกเรื่องอะไรเฮีย” เจ้าตัวยังคงดูงุนงงอยู่ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของพี่ชายเลยทำให้เข้าใจได้เลยว่าไปรู้เรื่องอะไรมาแน่นอน จะรู้มาจากใครล่ะ ถ้าไม่ใช่... “ไอ้ผิงมันบอกอะไร”

               “เฮียถาม..หนูจะบอกป๋ากับม้าเองหรือจะให้เฮียบอก”

               หม่าม้ามองมาอย่างเป็นห่วง จนในที่สุดก็ต้องยอมรับออกไป

               ..เอาเถอะ ไม่ได้คิดจะปิดเป็นความลับไปตลอดซะหน่อย

               “..หนูเลิกกับชินแล้วนะ”

               ป๋าหยิบรีโมทมากดปิดทีวีทันทีก่อนจะหันกลับมานั่งฟังอย่างตั้งใจ ในแววตาก็มองลูกคนเล็กด้วยความเป็นห่วง         “เลิกกันเพราะอะไร...บอกป๋าไปน่าน”

               “...”

               “ก็...อยากเลิก”

               “ได้...เฮียบอกเอง” ไม่รอให้น้องได้ตั้งตัว คนเป็นพี่ก็หันไปเล่าให้ป๋ากับม้าฟังแทนจนเจ้าตัวต้องหันหน้าหนีออกไปอีกทางเพราะไม่อยากจะได้ยิน “ไอ้ชินมันนอกใจน่าน”

               หม่าม้าตกใจจนตาโต ก่อนจะเดินเข้าไปกอดเจ้าตัวเล็กเอาไว้เมื่อเห็นว่าน้องเริ่มมีสีหน้าไม่ค่อยจะดี

               เฮียเมฆอาจจะดูใจร้ายที่ทำแบบนี้ แต่เชื่อเถอะ เพราะเขารักน้องเขามากนั่นล่ะฟิวส์มันเลยขาดอย่างที่เห็น

               “มันพาผู้หญิงขึ้นมานอนบนคอนโด คืนที่น่านไปงานวันเพื่อน” คุณหมอโกรธจนขบกรามกรอด “มันทำมาหลายครั้งแล้ว แต่น่านก็ให้อภัยมาตลอด”

               ป๋าดูอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาถามกับเจ้าตัวเอง บรรยากาศภายในโต๊ะอาหารเลยเริ่มมาคุขึ้นมาเล็กน้อย

               “จริงเหรอน่าน” พยายามกลั้นอารมณ์โมโหไว้เพราะไม่อยากจะดุ “..ทำไมหนูไม่บอกป๋าล่ะลูก ไปทนมันทำไม”

               “แม่ง..” หมอกที่มีสีหน้าตึงเครียดไม่ต่างกันกำหมัดแน่น ใจก็อยากจะบุกไปเอาเรื่องไอ้สันดานนั่นแม่งให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ทุกคนในบ้านไม่ได้เลี้ยงไอ้หมวยมาเพื่อให้ใครมาทำร้าย มันคิดว่ามันเป็นใครกัน “ทำไมหมวยไม่บอกเฮีย”

“ก็..” ตอนแรกมันก็เฉยๆแหละไม่ได้สะเทือนใจอะไรด้วยซ้ำ แต่พอเจอสายตาดุๆจากป๋ากับพวกเฮียจมูกมันก็ร้อนแปลกๆ ความรู้สึกผิดและความกดดันที่กักเก็บมาตลอดมันเลยพังทลายไม่เป็นท่า จนหม่าม้าต้องเข้ามากอดปลอบกันยกใหญ่

“อีกเรื่องนะ” คุณหมอเมฆยังคงใจแข็งไม่เข้าไปโอ๋เพราะต้องการที่จะสั่งสอนให้น้องรู้ซะบ้างว่าเวลามีเรื่องอะไรไม่ควรเก็บไว้ฟุ้งซ่านอยู่คนเดียว

น้องไม่รู้รึไงว่าทุกคนเป็นห่วงแค่ไหน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าช่วงนี้มันซูบโทรมลงก็เพราะไอ้เรื่องพวกนี้นี่แหละ “เมื่อวานผมสังเกตเห็นว่าน้องมีแผลที่มุมปาก พอโทรไปถามผิง เลยรู้มาว่าเมื่อคืนก่อน ที่น้องขอไปเที่ยว โดนผู้ชายตบหน้ามา” พูดถึงตรงนี้ก็ต้องหยุดผ่อนลมหายใจให้เป็นปกติ เพราะเรื่องนี้ทำเขาสติแทบแตก..

ให้ตายเถอะ ใจเย็นกับทุกเรื่องยกเว้นเรื่องของน้องแค่เรื่องเดียวนี่แหละ “..มันจะลวนลาม แต่น้องป้องกันตัวเลยโดนตบ”

หม่าม้าถึงกับปล่อยโฮออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ส่วนป๋าตอนนี้สีหน้าเคร่งเครียดเสียยิ่งกว่าตอนที่รู้เรื่องของเตชินอีก

“มันเป็นใคร” เสียงทุ้มต่ำที่ถามขึ้นกลางวงนั้นน่ากลัวจนคนฟังยังแอบขนลุกเกรียว

ตอนนี้เจ้าตัวเล็กของบ้านไม่มีสติที่จะตอบคำถามแล้ว น่านฟ้าเอาแต่กอดหม่าม้าแน่น

หมอกมองน้องอย่างสงสาร แต่สิ่งที่ทำให้ต้องสะดุดตาก็คือสายตาของใครบางคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม มันมองน้องของเขาไม่วางตา...ตั้งแต่เรื่องของเตชินแล้ว

ไม่ใช่ไม่รู้ไม่เห็นหรอกนะว่ามันคิดอะไร

แต่แค่อยากรอดูเฉยๆว่าจะทำยังไงต่อก็แค่นั้น

อยากรู้ว่ามันจะเก็บอาการไปได้อีกนานแค่ไหนกัน

เพราะน่านฟ้าเอาแต่ร้องไห้ป๋าเลยต้องยอมเลิกคาดคั้นเพราะทนไม่ได้ที่เห็นน้ำตาของน้อง เฮียเมฆก็ไม่ต่าง พอดุชุดใหญ่ไปสุดท้ายก็เข้าไปดึงเจ้าตัวมากอดปลอบยกใหญ่ ท่ามกลางเสียงประกาศิตที่ดังขึ้นกลางบ้านอย่างจริงจัง

“ป๋าขอสั่งห้ามให้หนูออกไปเที่ยวกลางคืนและไปไหนมาไหนคนเดียว” น้ำเสียงดุที่ปกติมักใช้เวลาด่าลูกน้องถูกนำมาใช้ “ป๋าจะให้เฮียหมอกกับพี่ไทเขาคอยไปรับไปส่งแทน เข้าใจไหม” เพราะรู้ดีว่าเจ้าเมฆคงคอยตามดูแลน้องไม่ได้ตลอด...น่านฟ้าน่ะดื้อกับทุกคนยกเว้นพี่คนโตของเขานั่นล่ะ

เจ้าตัวเล็กยังคงซบหน้าอยู่ในอกเฮียเมฆนิ่ง เพราะร้องไห้จนหูอื้อตาลายไปหมด

การที่ป๋าประกาศเคอร์ฟิวกะทันหันแบบนี้ส่วนหนึ่งก็เพราะเป็นห่วง อีกส่วนก็ต้องการที่จะสั่งสอนเจ้าตัวดื้อมันซะบ้าง

“หนูได้ยินที่ป๋าพูดไหมคะ” คุณหมอที่ใจอ่อนยวบใช้น้ำเสียงนุ่มนวลถามคนในอ้อมกอดพร้อมกับกดจูบลงไปบนหน้าผากที่เริ่มอุ่นๆของน้องเป็นการไถ่โทษทางอ้อมที่เผลอดุไป

เจ้าน่านฟ้าของทุกคนพยักหน้ากับอกพี่อย่างว่าง่าย

..ปกติแล้วน้องไม่ใช่คนขี้แงอะไรหรอก ที่ร้องหนักขนาดนี้ก็คงเพราะเก็บมานานจนมันทนไม่ไหว พอไปสะกิดเข้าหน่อยเลยพังทลายไม่เป็นท่าแบบนี้แหละ

“มานี่มา” ป๋ากวักมือเรียกให้เข้าไปหา ไม่ทันไรเจ้าตัวก็พุ่งเข้าไปกอดแน่นจนหม่าม้าต้องตามเข้าไปกอดอีกคน “น่านเข้าใจป๋าใช่ไหม...ป๋าห่วงหนูที่สุด อย่าทำแบบนี้อีกนะ ถ้ามีเรื่องอะไรห้ามเก็บไว้คนเดียว” น่านฟ้าพยักหน้ารัวอย่างว่าง่ายก่อนจะกอดป๋ากับม้าจนตัวกลม จนหมอกอดไม่ได้ที่จะยกมือถือขึ้นมาถ่ายวีดีโอไว้เพราะกะจะเอาไว้เปิดล้อน้องทีหลัง

น่านฟ้าเป็นหัวใจของคนทั้งบ้าน ไม่ว่าเจ้าตัวจะเป็นอะไร ไม่ว่าน้องจะเป็นเพศไหนก็ตามที่คนภายนอกมองว่ามันแปลกแยกกับคนอื่น

แต่ทุกคนในที่นี้ก็รักเจ้าน่านฟ้าตัวน้อยที่สุด..



______________________________________________



ยัยหมวยโดนกักบริเวณแล้วววว

แหะๆ ตอนแรกตั้งใจจะมาลงหลังวันที่20 แต่พอดีพันไมล์เคลียร์งานเสร็จก่อนเวลาเลยแวะมาอัพให้ค่าา :hao7:

ขอบคุณทุกๆคนที่เอ็นดูน้องน่านนะคะ <3



ปล.ปีใหม่นี้พันไมล์จะทำสคส.แจกค่ะ แอบสปอยว่ามียัยน่านตัวอ้วนป้วนเปี้ยนรอบขนมด้วยน้าา > <

เผื่อใครสนใจอย่าลืมมารับน้าา :กอด1:

ติดตามข่าวสารได้ที่ทางทวิตเตอร์เลยนะคะ จะอัพเดทข่าวสารในนั้นมากกว่าในเพจ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 3 - Curfews : 16 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 16-12-2018 06:39:49
ติดตามจ้า  สนุกมาก
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 3 - Curfews : 16 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: GevalinW329 ที่ 16-12-2018 07:46:42
 :mew1:
รักหนูนะลูกกกก
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 3 - Curfews : 16 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: GevalinW329 ที่ 16-12-2018 07:48:08
 :mew1:
รักหนูนะลูกกกก
 :L3: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 3 - Curfews : 16 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 16-12-2018 09:00:50
รอไทมีบทบาทททททท :ling1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 3 - Curfews : 16 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: bowbeauty ที่ 16-12-2018 16:25:08
ชอบนิยายที่เป็นฟิวนี้ ชอบนายเองแบบนี้ งื้ออ.  น่ารัก
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 3 - Curfews : 16 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 17-12-2018 00:04:54
จะมีคนดื้ออีกมั้ยน้าา
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 3 - Curfews : 16 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-12-2018 13:33:51
น่านฟ้า น่ารัก  :mew1: :mew1: :mew1:
ไม่ใช่แค่หัวใจคนทั้งบ้านเท่านั้น
เอาหัวใจคนอ่านไปด้วยแล้ว
สาปส่งเตชิน  :z6: :fire: :angry2:

แทนไท  น่านฟ้า   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 4 - Simple things : 22 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 22-12-2018 00:27:58
Chapter 4

Simple things

___________________

             

“น้องน่าน ไปเอาตะกร้าเสื้อผ้าของหนูมาซักด้วยสิลูก”

                    หม่าม้าหันมาสั่งในขณะที่กำลังนั่งคัดแยกชนิดของผ้าออกจากกัน

วันนี้เป็นวันหยุดงานของคุณป้าแม่บ้านตามที่หม่าม้าได้ตกลงเอาไว้ว่าในหนึ่งอาทิตย์จะหยุดให้หนึ่งวันเพื่อที่ป้านิดจะได้พักผ่อน

เพราะฉะนั้นหน้าที่คนดูแลงานบ้านช่วยคุณอิงดาวจึงตกเป็นของน่านฟ้าที่โดนปลุกให้ลุกขึ้นมาช่วยงานตั้งแต่เช้าตรู่ ส่วนทางป๋าก็ลากเฮียหมอกออกไปรดน้ำและให้ปุ๋ยต้นไม้ในสวนแทน

วันนี้เลยถือว่าเป็นวันกิจกรรมครอบครัวของบ้านนันพิวัฒน์โดยแท้จริง

               “อ้อ แล้วก็ไปปลุกเฮียเมฆเขาด้วยนะ เดี๋ยวจะไปทำงานสายเอา”

                    จะมีก็แต่คุณหมอเมฆินทร์ที่ต้องไปทำงานในวันหยุดแบบนี้ ป๋ากับม้าเลยปล่อยให้นอนยาวเพราะอยากให้ฝ่ายนั้นได้พักผ่อนให้เต็มที่

               น่านฟ้าพยักหน้ารับสั่งก่อนจะเดินไปดึงหนังยางมัดถุงแกงที่ห้อยไว้อยู่ตรงก๊อกอ่างล้างจานมามัดผมเป็นมวยไว้หลวมๆ ทำให้หม่าม้าอดไม่ได้ที่จะหันมาดุนิดหน่อยเพราะกลัวว่ายางมันจะกินผมเอา         

เจ้าตัวเดินลากสลิปเปอร์คู่โปรดขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านพร้อมกับตรงดิ่งไปที่ห้องพี่ชายคนโตทันที

เคาะประตูอยู่สองสามครั้งก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาหาเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายตื่นแล้วเป็นที่เรียบร้อย ไอเย็นเฉียบของอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ถูกลดลงต่ำสุดแทรกตัวออกมาเมื่อเจ้าของห้องเปิดประตูออกกว้าง

               คุณหมอที่ปกติจะเนี๊ยบตลอดเวลากลับอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่ายับเยิน นี่ถ้าหากพี่ๆพยาบาลที่ร่วมงานกันมาเห็นล่ะก็คงไม่เชื่อสายตาแน่ๆ

เรือนผมสีเข้มชี้ฟูไม่เป็นทรงคงเพราะพึ่งไปเกลือกกลิ้งกับหมอนมา เมฆยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตานิดหน่อยเมื่อยังคงรู้สึกง่วงงุนไม่หาย แต่แล้วคิ้วได้รูปก็ขมวดมุ่นขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าน้องตัวเองอยู่ในชุดที่รุ่มร่ามต่างจากเวลาปกติที่น้องมักจะแต่งตัวแบบเห็นทีไรมีอันต้องเลือดขึ้นหน้าเพราะแต่ละชุดมันโคตรจะโชว์เนื้อโชว์หนัง

                    …เสื้อยืดกระทิงแดงตัวใหญ่กับกางเกงกีฬาขาสั้น..

               ...เด็กกะโปโลหลุดออกมาจากดอยไหนเนี่ย

แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ

               “ว่าไงคะ”

                    “หม่าม้าให้มาปลุกกก กลัวเฮียจะตื่นสาย”

                    “อ้อ” เมฆินทร์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบเศษฝุ่นที่เกาะอยู่บนหัวน้องออกให้ “แล้วนี่หนูจะไปไหนเนี่ย”

                    “มาเอาเสื้อผ้าไปซักค่ะ” เจ้าน่านฟ้าตัวน้อยยิ้มแป้น “เฮียจะฝากซักมั้ย”

                    น้องถามอย่างกระตือรือร้นจนคนพี่ต้องยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู

น่านฟ้าถนัดเรื่องงานบ้านมากกว่าผิงเป็นไหนๆ ทางฝ่ายนั้นน่ะเคยขออาสารีดเสื้อเชิ้ตให้เขาอยู่หน ผลสรุปก็คือนอกจากจะไม่เรียบแล้วยังได้รูระบายอากาศที่กลางหลังแถมมาประมาณสองคืบ เจ้าตัวเลยนอยด์เอามากๆตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ยอมจับเตารีดอีกเลย

               ...เรื่องนี้เอาไว้ล้อได้ยันลูกบวช

               “ไม่เป็นไร เฮียจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว ขอบคุณครับ”

                    คุณหมอเมฆก้มลงหอมหน้าผากชื้นเหงื่อของน้องไปสองสามทีเพื่อเติมพลังก่อนไปทำงาน ก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำบ้าง เพราะเดี๋ยวออกเดินทางสายกว่านี้รถจะติดเอาได้

 

                    ร่างเล็กเดินสาละวนเก็บเสื้อผ้าที่วางกระจัดกระจายอยู่บนเตียงอย่างไม่เป็นระเบียบเท่าไหร่นัก

ส่วนมากก็จะเป็นชุดที่พึ่งซื้อมาใหม่ พอลองแล้วก็เลยเผลอวางทิ้งเอาไว้บนเตียงบ้างเก้าอี้บ้าง

จนในที่สุดแจ็คเก็ตหนังสีดำตัวใหญ่ที่ถูกวางกองไว้อยู่ข้างๆหมอนก็ทำให้เจ้าตัวนึกขึ้นมาได้ว่าควรเอาไปคืนเจ้าของเขาได้แล้ว

ป่านนี้คงลืมไปแล้วมั้ง ไม่เห็นจะทวงซักกะที

               น่านฟ้าจัดการอุ้มตะกร้าผ้าไว้เต็มสองแขนพร้อมกับพาดแจ็คเก็ตไว้บนไหล่อย่างระมัดระวังไม่ให้มันยับ กลิ่นโคโลญจน์ของผู้ชายที่เคยติดอยู่นั้นหายไปแล้ว แต่กลับแทนที่ด้วยกลิ่นของครีมบำรุงผิวที่ตัวเองใช้ทาก่อนนอนทุกคืนแทน

               ...อ่า ไม่ได้ตั้งใจนะ ก็เอาวางไว้ข้างๆตัว มันจะติดไปบ้างก็คงไม่แปลก

               ถึงจะไม่ใช่กลิ่นไม่พึงประสงค์ก็เถอะ ออกจะหอมซะด้วยซ้ำไป นี่ดมเองยังชอบเองเลย

แต่คงไม่ดีเท่าไหร่ที่จะส่งคืนให้เจ้าของเขาด้วยสภาพนี้น่ะนะ

                    พอคิดได้ดังนั้นเลยตัดสินใจว่าก่อนจะส่งคืนคงต้องทำความสะอาดให้ซะหน่อยแล้ว ถือว่าเป็นการตอบแทนที่ให้ยืมห่มแก้หนาวก็แล้วกัน

               “เอ้า เสื้อใครละนั่น” หม่าม้าที่กำลังเทน้ำยาปรับผ้านุ่มลงไปในเครื่องซักผ้าหันมาถามอย่างสงสัย

               “ของไทอะม้า วันนั้นไทให้ยืมห่มหนูเลยกะจะเอามาทำความสะอาดให้ก่อนแล้วค่อยเอาไปคืน”

                    “อ้อ ถ้างั้นน้องน่านไปทำให้พี่เขาเถอะ เดี๋ยวเสื้อผ้าหนูหม่าม้าซักให้”

                    คุณอิงดาวอมยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับรับตะกร้าผ้าของลูกคนเล็กมาถือเอาไว้ แต่ต้องอดเขม่นไม่ได้อยู่ดีเมื่อเห็นว่าบางชุดมันแหวกเว้าโชว์ผิวเนื้อขนาดไหน

               “ป๋าเขาเห็นละความดันขึ้นอีกแน่ๆ” หม่าม้าส่ายหัวอย่างปลงตก

ถึงจะแอบดุไปนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรนักเพราะเข้าใจว่ามันเป็นความชอบของเจ้าตัวเขา แต่มันก็อดขำไม่ได้อยู่ดีเมื่อนึกนึกสภาพของคุณพ่อที่มักจะหัวเสียอยู่บ่อยๆเวลาที่น้องน่านแต่งตัวไม่ค่อยมิดชิดออกจากบ้าน

แหม...ทีตอนไปส่องสาวๆริงเกิร์ลที่ข้างเวทีมวยตาเป็นมันไม่ยักจะรู้สึกอะไร

พอลูกโชว์ตัวเองใส่สั้นนิดๆหน่อยๆก็โมโหหวงซะละ แค่เด็กในค่ายบางคนแอบมองน้องน่านยังด่าแล้วด่าอีก  พาลไปทั่วจริงๆเลยคุณปรีชาเนี่ย

               ก็ไม่แปลกใจหรอก...เจ้าตัวเล็กนี่เรียกว่าเป็นของรักของหวงทั้งป๊ะป๋าทั้งพวกพี่ชายเขานั่นล่ะ

             

               แจ็คเก็ตหนังตัวใหญ่ถูกเช็ดทำความสะอาดอย่างตั้งอกตั้งใจด้วยผ้าชุบน้ำสบู่อ่อนๆ ตามด้วยการใช้ผ้าผืนนุ่มอีกผืนซับให้แห้งจนเรียบร้อย

 น่านฟ้าจัดการทุกอย่างด้วยความคล่องแคล่วจนหม่าม้าที่ยืนมองอยู่ห่างๆอดที่จะปลื้มใจไม่ได้

               ความสามารถของเจ้าตัวอย่างหนึ่งน่ะคือทำงานบ้านเก่งนี่ล่ะ โดยเฉพาะการซักรีดเสื้อผ้ากริบเนี๊ยบทุกตัว

เพราะตั้งแต่เด็กๆน้องน่านมักงอแงอยากขอมีส่วนร่วมด้วยทุกครั้ง จนหม่าม้ากับป้านิดต้องยอมให้เข้ามาช่วยเป็นลูกมือ

มีอยู่ครั้งนึงเด็กน้อยน่านฟ้าในวัยหกขวบทำเสื้อเชิ้ตตัวแพงของป๊ะป๋าไหม้จนกรอบ น้องร้องไห้เสียใจใหญ่ที่ทำพังไม่เป็นท่า รู้สึกผิดถึงขั้นไม่ยอมออกมากินข้าวจนทุกคนในบ้านนั้นเป็นห่วง

               เย็นวันนั้นหลังเลิกงานป๋าต้องเป็นคนเข้าไปอุ้มเจ้าก้อนผ้าห่มกลมๆออกมาจากห้องนอนเพราะหม่าม้าเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง น้องน่านร้องไห้จ้ากอดคอคนเป็นพ่อแน่นเพราะกลัวว่าจะโดนดุ แก้มกลมยุ้ยที่พาดอยู่บนบ่าของป๊ะป๋าคล้ายก้อนแป้งนุ่มๆย้วยยืดได้อย่างน่าเอ็นดู

               ‘หนูร้องไห้ทำไม’ คุณป๋าที่แอบขยิบตาให้หม่าม้าลับหลังแอบเก๊กเสียงดุ ‘ไปซนอะไรมาหรือเปล่า’

            เจ้าตัวน้อยนิ่งไปสักพักก่อนจะยอมพยักหน้าอย่างยอมรับผิด

                    เสียงสูดน้ำมูกที่ดังฟืดอยู่ข้างหูแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวกำลังอึ้บน้ำตาอยู่

               ‘หนู...ฮึก หนูทำเสื้อป๋าเป็นรู’ เสียงเล็กๆที่พูดอู้อี้อยู่บนบ่าแผ่วเบาจนต้องเงี่ยหูฟัง ‘หนูแค่อยากช่วยหม่าม้าร..รีดเสื้อ ให้ แต่..แต่หนูก็ทำไหม้ดำปี๋ ฮึก เลย ฮือออ’ ...แล้วก็เป่าปี่ออกมาอีกหนึ่งซิงเกิ้ลเมื่อนึกถึงภาพเสื้อเชิ้ตของป๊ะป๋าที่เป็นรูโบ๋

            ใช้เวลาปลอบอยู่สักพักเจ้าก้อนผ้าห่มก็ยอมคลายตัวออกมาจากเกราะกำบัง

ตากลมโตบวมฉึ่งแทบจะเป็นขีดเดียว ป๊ะป๋าอุ้มเจ้าน่านฟ้าตัวน้อยให้ขึ้นไปนั่งอยู่บนเคาน์เตอร์หินอ่อนก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าที่หม่าม้ายืนมาให้ซับคราบน้ำตาที่เปรอะเปื้อนอยู่ออกให้อย่างเบามือ

               ‘หนูร้องไห้เพราะกลัวป๋าดุเหรอครับ’

            เจ้าตัวน้อยหลุบตาลงต่ำพร้อมพยักหน้ายอมรับ มือน้อยๆทั้งสองข้างกำชายเสื้อของคนเป็นพ่อไว้แน่นราวกับต้องการหาที่พึ่ง

               ‘ทำไมถึงคิดว่าป๋าจะดุล่ะ’ รอยยิ้มอบอุ่นประทับอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา ป๊ะป๋าเงยหน้ามองกับหม่าม้าเป็นระยะในระหว่างที่รอคำตอบจากเจ้าก้อนความสุขตัวเล็ก

            ‘ก็..เสื้อตัวนั้น ฮึก ป๋าชอบใส่ หนู..หนูแค่อยากช่วยหม่าม้าดูแลป๋า ต...แต่ก็ทำไมมันไหม้ หนู ฮึก หนูไม่เก่งเลย หนูช่วยอะไรหม่าม้าไม่ได้เลย’

               ...ตัวก็แค่นี้ แต่ทำไมคิดเยอะแยะได้ขนาดนี้นะ

               ‘ก็รู้ตัวนี่หว่า’ สุดท้ายก็เก๊กขรึมต่อไปไม่ไหว คุณปรีชาหลุดขำออกมาจนได้ โดยที่ไม่มีคำพูดปลอบใจหรือสปอยว่าลูกคนเล็กเก่งออกมาให้ได้ยินเลยสักนิด ‘น้องน่านฟังป๋านะ...หนูพึ่งเคยทำมันเป็นครั้งแรกใช่มั้ยครับ’

            เจ้าน่านฟ้าหน้าไม่สู้ดี เพราะนอกจากจะไม่ได้รับคำโอ๋แล้วป๊ะป๋ายังมาหัวเราะกันอีก

               ...สำหรับเด็กหกขวบ เรื่องแค่นี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่แล้ว

               ‘อื้อ’

            ‘นั่นก็เพราะมันเป็นครั้งแรก หนูเลยไม่เก่งไง’ น้ำเสียงอ่อนโยนพูดเนิบนาบพร้อมกับลูบหัวเจ้าตัวน้อยไปด้วย ‘ไม่มีใครที่จะเก่งตั้งแต่แรกเริ่มหรอกนะลูก ที่หนูทำเขาเรียกว่าประสบการณ์ มันเป็นความผิดพลาดที่จะคอยสอนหนูให้เก่งขึ้นเอง’

               ‘ปะสบกานคืออะไร’ เจ้าน่านฟ้าตัวน้อยเลิกหายสะอื้นเป็นที่เรียบร้อย ตากลมใสแจ๋วเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นพ่ออย่างนึกสงสัยกับคำศัพท์แปลกใหม่

            ‘ก็อย่างเช่น วันนี้หนูทำเสื้อป๋าไหม้ แล้วหนูก็ได้เรียนรู้จากมันว่าผลที่ได้รับคืออะไร รอบต่อไปหนูก็จะได้ไม่ทำอีกไงคะ’ ป๊ะป๋ายกมือนุ่มๆขึ้นมาจุ๊บอย่างมันเขี้ยวเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวเล็กพยักหน้ารับรัวทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเข้าใจความหมายมันจริงๆหรือเปล่า

            ‘แล้ว..แล้วหนูจะเก่งขึ้นมั้ย’

            ‘มันก็ขึ้นอยู่ที่ตัวหนู ว่าจะจริงจังกับมันแค่ไหน ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็เก่งเอง’

            ‘เหมือนที่ป๊ะป๋าต่อยมวยเก่งๆเหรอ’

            ‘ประมาณนั้นครับ’

            ...เป็นเด็กที่เข้าใจอะไรง่ายดีจริง

            ‘งั้น...หนูจะรีดเสื้อให้ป๊ะป๋าทุกวันเลย จะได้เก่งๆ!’

            หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ทำจริงอย่างที่พูด...แรกๆก็เล่นเอาเสื้อของป๊ะป๋ามีรูระบายอากาศไปหลายตัวอยู่เหมือนกัน

แต่หลังจากนั้นมาเด็กน้อยน่านฟ้าก็เป็นมือวางอันดับหนึ่งในด้านการรีดเสื้อผ้ารองลงมาจากป้านิด

ขนาดหม่าม้าเองยังต้องยอมแพ้เลย

 

            “ม้ายืนยิ้มอะไรอะ” เสียงทักท้วงดังขึ้นทำให้ต้องหลุดออกมาจากความทรงจำสุดประทับใจในอดีต

               “เปล่า แค่คิดถึงตอนที่หนูทำเสื้อป๋าเขาไหม้เป็นรู”

               เจ้าตัวย่นจมูกเล็กน้อยเมื่อนึกถึงวีรกรรมวัยเด็กของตัวเอง

               ...โธ่ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น

               “น้องน่านเดี๋ยวม้าวานเอาน้ำไปให้ป๋ากับเฮียเขาทีนะ” พอดีพึ่งนึกขึ้นได้ “เดี๋ยวทางนี้หม่าม้าจัดการต่อเอง”

               น่านฟ้าพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินกลับเข้าไปในครัว น้ำเย็นเจี๊ยบสองขวดถูกกอดเอาไว้แนบอก ส่วนอีกขวดเจ้าตัวก็กำลังยกขึ้นดื่มจนมันพร่องลงไปเกือบครึ่ง

 

               เดินตามเฉลียงไม้มาเพียงเล็กน้อยก็ถึงบริเวณสวนหลังบ้าน

น่านฟ้าเดินเข้าไปหาป๊ะป๋าที่กำลังนั่งหลบแดดอยู่ตรงเก้าอี้พับใต้ต้นมะม่วง

หมวกคาวบอยใบเก่งถูกยกขึ้นมาโบกพัดระบายความร้อนจากเสื้อกล้ามที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ พอมองไปอีกด้านก็เห็นว่าเฮียหมอกกำลังใช้กรรไกรตัดแต่งกิ่งเล็มก้านของช่อเฟื่องฟ้าที่เริ่มยาวเฟื้อยให้เข้าที่ ส่วนอีกมุมหนึ่งแทนไทกำลังใช้เครื่องตัดหญ้าเล็มอยู่บริเวณริมรั้วที่หญ้ากำลังขึ้นรก

...อ้าว ก็นึกว่าอยู่กันสองคนเลยไม่ได้หยิบน้ำมาเผื่อ

“มันร้อนนะ ทำไมไม่สวมหมวกละลูก” ป๊ะป๋ารับขวดน้ำไปพร้อมกับตะโกนเรียกให้สองหนุ่มเข้ามาพักยกก่อน

วันนี้พวกเด็กๆในค่ายกลับบ้านกันหมด เขาเลยนัดแนะเจ้าหมอกกับเจ้าไทให้มาช่วยกันตัดแต่งสวน เพราะพึ่งผ่านพ้นฤดูฝนไปหมาดๆหญ้าหลังบ้านมันก็เริ่มรกครึ้ม ปล่อยไว้ก็กลัวว่าพวกสัตว์เลื้อยคลานมีพิษมันจะเข้ามาอยู่เอา

“แฟชั่นเด็กม้งเหรอวะไอ้หมวย”

อวัศย์ถอดหมวกออกมาพัดคลายความร้อนพร้อมกับมองสำรวจน้องตัวเองไปด้วย

“เด็กม้งอะไรเฮีย” เจ้าตัวเล็กทำหน้างุนงงอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจความหมายที่เฮียหมอกต้องการจะสื่อนัก...ขนาดป๊ะป๋ายังแอบขำเลย

“เด็กดอยอะ รู้จักป่ะ โผะอาแคเหลาะมาฝะ” ว่าจบก็ยกขวดน้ำขึ้นดื่มจนไม่รอให้อีกฝ่ายได้นึกทัน

ทางน่านฟ้าเองก็ใช้เวลาคิดอยู่นิดหน่อย พอเก็ทขึ้นมาก็ฟาดฝ่ามือลงไปที่หน้าท้องอีกฝ่ายจนคนที่กินน้ำอยู่สำลักจนตัวงอ

“อึก! ไอ้หมวย! แค่กๆๆ” หมอกสำลักน้ำไปอึกใหญ่ มือพยายามคว้าเอาไอ้ตัวแสบเข้ามาหาหวังจะเอาคืน แต่น้องก็ดันวิ่งเข้าไปหลบหลังไอ้ไทมันซะก่อน ทางฝ่ายนั้นนอกจากจะไม่เข้าข้างเขาแล้วยังเสือกเบี่ยงตัวบังไอ้หมวยไว้อีกต่างหาก

แม่ง...หาที่หลบได้ถูกที่จริงๆ

“มานี่เลย!” หมอกเอี้ยวตัวไปคว้า อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นก็จะจับได้แล้วถ้าไม่ติดว่าไอ้ไทมันใช้เท้ายันแข้งเขาเอาไว้!

               ได้!ไทได้!

พอเห็นว่าไร้พวกก็หันไปขอความเห็นใจจากป๋าแทน แต่นอกจากคุณปรีชาเขาจะไม่เข้าข้างแล้วยังนั่งหัวเราะสมน้ำหน้าอย่างอารมณ์ดี

               “ไอ้ไท!มึงนะ! กูไม่ให้กินน้ำด้วยแล้ว!” ไม่ว่าเปล่ายังยกน้ำขึ้นกระดกจนหมดขวดเพื่อเป็นการแก้แค้น

ตัวก็ไม่ใช่น้อยๆแต่ทำแง่งอนได้โคตรน่าถีบ

               “เรื่องของมึง” แทนไทส่ายหัวอย่างไม่ใส่ใจ เพราะตั้งแต่เล็กจนโตไอ้หมอกมันก็บ้าๆบอๆแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร

               ร่างสูงใหญ่ยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดหยดเหงื่อที่กำลังจะไหลเข้าตา แต่แล้วแรงสะกิดยิกๆที่ข้างหลังก็ทำให้ต้องหยุดชะงักไว้

พอหันกลับไปมองก็เห็นว่าน่านฟ้ายื่นขวดน้ำอีกขวดมาให้

               น้องเม้มปากอย่างเคยชินเวลาที่เจ้าตัวกำลังตกประหม่า“ขี้เกียจเดินไปเอามาให้ใหม่…ขวดนี้น่านกินไปแล้วนิดหน่อยอะ ถ้าไม่รังเกียจน่ะนะ”

               ไม่ต้องรอให้คนคิดมากต้องคอยเก้อ

แทนไทจัดการรับน้ำขวดนั้นขึ้นยกดื่มจนหมดเกลี้ยง...โดยไม่แม้แต่จะยกให้ออกห่างจากริมฝีปากตัวเองสักนิด ทำให้คนที่ยืนมองอยู่ต้องร้อนวูบที่ใบหน้าเพราะพึ่งจะนึกขึ้นมาได้

               ...ทำแบบนั้นมันก็เหมือนได้แตะปากกันทางอ้อมไม่ใช่หรือไง

               ...ไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ มันลืมตัว..

               “ป๋าๆ น้ำขวดป๋าหวานป่ะ” หมอกหันไปสะกิดถามยิกๆด้วยน้ำเสียงที่ฟังยังไงมันก็โคตรจะกระแนะกระแหนพร้อมบวกเต็มที่

               “อะไรหวานวะ” ..แต่ก็ลืมไปว่าอีกฝ่ายคงจะไม่เก็ทมุกวัยรุ่น....

               “น้ำไงน้ำ ผมว่าวันนี้น้ำมันหวานแปลกๆว่ะ”

               “ก็ไม่นะ หรือป๋าลิ้นชาวะ” เอากับเขาสิ...จริงจังไปโน่นแล้ว

               “มันอาจจะหวานแค่ขวดนั้นก็ได้ม้างงง” หมอกลากเสียงยาวพร้อมกับยักคิ้วใส่ไอ้คนหน้าตายอย่างล้อเลียน “ใช่มั้ยวะไอ้ไท”

               หนุ่มใต้ดุนลิ้นเข้ากับกระพุ้งแก้มอย่างเอาเรื่องเมื่อรู้สึกว่าไอ้ตัววุ่นวายมันพูดมากเกินกว่าที่ควร พร้อมกับเม้มริมฝีปากเข้าหากันก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ใครอีกคนหูดับไปเป็นที่เรียบร้อย

                    ตอนแรกก็ตั้งใจจะกวนให้ไอ้ไทมันหงุดหงิดใจเล่นเฉยๆไม่คิดว่ามันจะตามน้ำไปด้วย

               “อืม...หวาน” …เอาเรื่องว่ะ

            รู้ตัวอีกทีไอ้หมวยมันก็ก้าวขาฉับๆกลับเข้าไปในบ้านแล้วเป็นที่เรียบร้อย ทิ้งให้คนที่อยู่ด้านหลังมองตามไปจนสุดสายตา

               ...เอะอะก็เดินหนีๆๆๆ

ไอ้เตี้ยเอ๊ย! เห็นนะเว้ยว่าหน้าแดง อย่ามา!

               “ลิ้นกูชาแน่ๆ” แต่ป๋าปรีชาซึ่งเป็นคนที่ยังคงไม่เก็ทอะไรทั้งนั้นบนโลกใบนี้กำลังนั่งบ่นงึมงำกับตัวเองอย่างเคร่งเครียดจนลูกชายต้องกุมขมับตาม

               “โห่ป๋า!”

               หมอกทิ้งท้ายไว้อย่างเซ็งๆก่อนจะหยิบหมวกปีกกว้างขึ้นมาสวมเพื่อเตรียมตัวกลับไปตัดกิ่งต้นไม้ต่อ แต่ก่อนไปก็ไม่ลืมที่จะแอบชำเลืองมองไปที่ไอ้ตัวต้นเหตุ

               ...แม่งยืนยิ้มหน้าบานเลยนะไอ้ห่า!”



           (มีต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 4 - Simple things : 22 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 22-12-2018 00:30:18
   


               หลังจากมื้อเย็นของบ้านนันพิวัฒน์พวกคุณผู้ชายทั้งหลายก็ต่างนัดชุมนุมกันอยู่ที่ห้องรับแขก เพราะวันนี้ช่วงดึกมีถ่ายทอดสดบอลคู่โปรด ประมุขใหญ่ของบ้านเลยออกตัววางพนันกับลูกชายคนรองอย่างดุเดือด

               เขากับเจ้าหมอกน่ะเชียร์ทีมคู่กัดกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ดีหน่อยที่วันนี้พี่ชายคนโตของมันไปเข้าเวร ฝ่ายนั้นเลยขาดกำลังเสริม...ส่วนทางเจ้าแทนไทน่ะเชียร์ทีมเดียวกันอยู่แล้ว

               งานนี้ได้เปรียบเห็นๆ

               “หนูจะออกไปเซเว่น มีใครเอาอะไรมั้ย” น่านฟ้าเดินเข้ามาถามทั้งสามหนุ่มที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่

เจ้าตัวตั้งใจจะออกไปซื้อมาส์กบำรุงผิวหน้ามาใช้เพราะของที่สต็อคไว้มันดันหมดกลางคันซะนี่

               ไว้คงต้องหาเวลาไปห้างซะแล้ว...เพราะมีเครื่องสำอางออกใหม่อีกหลายตัวเลยที่อยากได้ ทั้งๆที่อันเก่ายังใช้ไม่หมดแต่ของใหม่ที่พึ่งไปดูรีวิวมามันก็น่าซื้อชะมัด

               ของมันต้องมี...อย่างน้อยก็อุ่นใจแต่จะใช้หมดรึเปล่าน่ะอีกเรื่อง

               “จะไปซื้ออะไรไอ้หมวย” หมอกที่นอนเหยียดกายอยู่บนโซฟาตัวยาวหันมามอง

               “มาส์กมันหมดอะ”

               ดูท่าน้องคงพึ่งไปอาบน้ำมา เพราะเด็กม้งเมื่อช่วงบ่ายตอนนี้ถูกอัพเกรดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

               จากกระทิงแดงย้วยยืดถูกแทนที่ด้วยเสื้อกล้ามสีเทาขนาดพอดีตัวแล้วคลุมทับด้วยเชิ้ตขาวแขนยาวตัวโคร่ง ส่วนกางเกงก็ยังคงคอนเซปสั้นกุดเหมือนเดิม

..เริ่มสงสัยแล้วว่าที่บ้านหม่าม้าใช้ผงซักฟอกยี่ห้ออะไร ทำไมชุดไอ้หมวยแต่ละชุดมันหดได้หดดี บางตัวนี่ไม่บอกนึกว่าเสื้อหมา

ตัวเล็กชิบเป๋ง

               “ไอ้หมอกไปขับรถให้น้องไป ซื้อเบียร์มากินด้วย” ป๋าเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าตังค์ยื่นส่งมาให้พร้อมกับกุญแจรถ

               หมอกบิดขี้เกียจเล็กน้อยแต่ยังไม่ทันที่จะลุกไปรับของจากป๋ากลับต้องชะงักตัวไว้ก่อน เมื่อไอ้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมันอาสาที่จะไปแทน

               “ผมไปเอง” แทนไทลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อมกับรับเอากุญแจรถมาเพียงอย่างเดียว “ป๋าไม่ต้องก็ได้ เดี๋ยวผมเลี้ยง”

                    “เอาไปเถอะ เผื่อน้องจะซื้อของ” แกยังคงยัดเยียดให้อย่างไม่ยอมแพ้ สุดท้ายกระเป๋าตังค์ของป๋าก็ตกไปอยู่ที่เจ้าตัวแสบประจำบ้านเป็นที่เรียบร้อย

                    “ไอ้ไทอย่าลืมกับแกล้ม” หมอกที่นอนกอดหมอนใบโตไล่รายชื่อขนมขบเคี้ยวซะยาวยืด

               กินคู่กับเบียร์เย็นๆแล้วดูบอลไปด้วยนี่โคตรสวรรค์!

                    “น้องน่านจะไปไหน”

                    หม่าม้าที่พึ่งเดินถือจานผลไม้เข้ามาทักถามขึ้น

               “ไปเซเว่นค่ะ ม้าเอาอะไรมั้ย” เจ้าตัวใช้มือหยิบแตงโมชิ้นใหญ่เข้าปากไปเคี้ยวจนแก้มตุ่ย ก่อนจะกลืนมันลงไปทั้งเมล็ดเพราะขี้เกียจคาย

               “ไม่เอาค่ะ อ้อ ม้าลืมซื้อนมมาไว้ให้ มันหมดพอดี ยังไงหนูก็ซื้อเข้ามาด้วยเลยแล้วกัน” พอสั่งคนน้องเสร็จก็หันไปกำชับคนพี่ที่มายืนตัวสูงอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ “ฝากดูหน่อยนะไท เข้าเซเว่นไม่ได้เลยคนนี้ บ้าหอบฟางตลอด”

                    ดูจากหลักฐานที่กองอยู่บนห้องก็รู้ ทั้งเครื่องสำอางขวดครีมบำรุงผิวจุกจิกเยอะแยะไปหมด

อันไหนมาใหม่มีอันต้องทดลอง ลามไปถึงคอลเลคชั่นแก้วน้ำที่เป็นลวดลายไม่ซ้ำกันอีกเป็นสิบ ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะซื้อมาทำไมนักหนาทั้งๆที่ใช้อยู่ไม่กี่อย่างแท้ๆ

               “ม้าอะ!” พอโดนดักก็แอบย่นจมูกอย่างขัดใจนิดหน่อยที่มีคนรู้ทัน

               “อะไร ม้าพูดจริงนะ ของเก่าที่หนูซื้อมายังไม่เปิดใช้เลยก็มี ฝุ่นมันจับหมดแล้วเนี่ย” หม่าม้าหัวเราะอย่างอารมณ์ดีที่ได้แกล้งตัวแสบของบ้าน ก่อนจะจับเจ้าตัวมาฟัดแก้มจนหน้ายู่นั่นล่ะถึงจะยอมปล่อยออกไป

 

               เพราะร้านสะดวกซื้ออยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามจึงใช้เวลาเพียงไม่นานนักในการเดินทาง

พอจอดเทียบกับฟุตบาทน่านฟ้าก็เป็นคนแรกที่ลงมาจากรถ ก่อนจะเดินเข้าไปในร้านโดยไม่รอคนที่มาด้วยเลยสักนิด เพราะพอเจ้าตัวหยิบตะกร้าได้ก็พุ่งไปตรงเชลฟ์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทันที

               ใช้เวลาเลือกอยู่สักพักแผ่นมาส์กหลากหลายยี่ห้อก็ถูกกวาดลงใส่ตะกร้าเป็นที่เรียบร้อย โดยมีแฮนด์ครีมอีกสองขวดแถมพ่วงมาด้วย

แต่พอกำลังจะหันตัวกลับออกไปช่วงตัวก็ปะทะเข้ากับแผ่นอกของใครอีกคนเข้าจนแทบจะหงายหลังล้มถ้าฝ่ายนั้นไม่จับแขนเอาไว้ซะก่อน

               ...โห ขนาดเป็นฝ่ายที่โดนชนนะ...ยังไม่กระดิกแม้แต่เซนต์เดียว

               “เอามาสิ” แทนไทเอื้อมมือออกมาใกล้ตะกร้าเป็นเชิงบอกว่าต้องการที่จะทำอะไร “เดี๋ยวถือให้”

                    “เอ่อ...ไม่เป็นไร น่านถือเองได้ ไทไปซื้อเบียร์เลยๆ” น้องปฏิเสธโดยการเอาตะกร้าเบี่ยงหลบไปไว้ด้านหลังก่อนจะบุ้ยหน้าไปทางตู้จำหน่ายแอลกอฮอลล์แทน

               “เรียบร้อยแล้ว” อีกฝ่ายตอบกลับมาพร้อมกับยกตะกร้าที่อัดแน่นไปด้วยกระป๋องเบียร์และกับแกล้มหลากหลายถุงให้ดูเป็นหลักฐาน “จะซื้ออะไรอีกมั้ย”

                    “ครบแล้วๆ ไปจ่ายเงินกันๆ”

                    “ไหนน้าดาวบอกให้ซื้อนมเข้าไปด้วย” …ไม่ทันไรก็ลืมซะแล้ว

               “อ่า..จริงด้วย งั้นไทไปรอที่เคาน์เตอร์ก็ได้ เดี๋ยวน่านเดินไปหยิบเอง แปบเดียว”

                    ว่าเสร็จก็ปลีกตัวออกไปทางด้านหลังร้านทันที

               นมตราหมีรสน้ำผึ้งที่เจ้าตัวชอบกินถูกจัดวางเอาไว้บริเวณชั้นล่างสุด น่านฟ้าย่อตัวลงเพื่อหยิบแพ็คนมกล่องออกมาใส่ตะกร้าจำนวนสี่แพ็ค พอกำลังยกตะกร้าขึ้นจู่ๆก็มีมือปริศนาเอื้อมมายกตัดหน้าไปซะก่อน

               รู้ตัวอีกทีก็เห็นว่าแทนไทเดินถือตะกร้าสองใบกลับไปทางเคาน์เตอร์แล้วเป็นที่เรียบร้อยจนคนที่ขาสั้นกว่าต้องจ้ำอ้าวตามไปแทบไม่ทัน

               ขายาวอะไรขนาดนั้น!

 

 

               “ให้ถือช่วยมั้ย” น่านฟ้าถามอย่างเป็นห่วงเพราะตอนนี้คิวรอชำระเงินค่อนข้างยาว อีกอย่างตะกร้าทั้งสองใบก็ใช่ว่าจะเบาซะที่ไหน

แต่ดูท่าแล้วอีกฝ่ายคงไม่รู้สึกหนักอะไรมากมายกลับยืนชิวได้อย่างหน้าตาเฉย

               “ไม่เป็นไร”

               น้องพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจก่อนจะหันไปสนใจพวกสินค้าที่วางอยู่หลังเคาน์เตอร์แทน ดูท่าเจ้าตัวคงอยากได้อะไรสักอย่างแน่ๆเพราะเห็นจ้องอยู่นานแล้ว

               ในระหว่างที่กำลังจะยกตะกร้าขึ้นวางไว้บนเคาน์เตอร์แทนไทก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาทางพวกเขาอยู่

ชายหนุ่มสองคนนั้นทำท่ามองดูของบริเวณเชลฟ์ใต้เคาน์เตอร์อย่างแนบเนียน แต่สายตากลับเบือนไปหาคนข้างกายเขาอยู่เป็นระยะ แต่ฝ่ายที่ตกเป็นเป้าสายตากลับไม่มีท่าทีว่าจะรู้ตัวเลยสักนิด แถมตอนนี้เสื้อเชิ้ตมันดันร่นลงมา เปิดกว้างโชว์ไหล่ไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้

...ไม่ระวังตัวเอาซะเลย

จู่ๆช่วงแขนแข็งแรงข้างหนึ่งก็ถูกวางพาดลงไปบนไหล่เล็กทำให้เจ้าตัวตกใจจนสะดุ้ง ก่อนจะหันกลับมามองด้วยความงุนงง

“ยืมวางก่อน...เมื่อย” แทนไททำท่ายืดแขนคลายความเมื่อขบก่อนจะดึงเสื้อเชิ้ตที่ตกลงของอีกฝ่ายขึ้นมาไว้ที่เดิมให้มันปิดไหล่ขาวๆจนมิดชิด

สายตานิ่งเรียบถูกมองกลับไปทางผู้ชายสองคนนั้นอีกครั้ง ทางฝ่ายนั้นดูตกใจนิดหน่อยก่อนจะก้มหลบตาแล้วรีบคว้าเอาถุงของพร้อมกับเผ่นออกไปจากร้านแทบจะทันที

“เห็นมั้ยล่ะ บอกแล้วว่าจะถือช่วยก็ไม่ยอม” น้องยังคงบ่นให้อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร

“Mevius option ด้วยสองซองครับ”

แบงก์พันถูกยื่นตัดหน้าไปให้พนักงานแทนคนที่กำลังจะหยิบเงินออกมาจ่าย

“อะไรอะ มาจ่ายให้ทำไมเนี่ย” น่านฟ้ามองอย่างงุนงงพร้อมกับยื่นเงินคืนให้ “เอาคืนไป” แต่นอกจากฝ่ายนั้นจะไม่รับแล้วยังทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินอีก

               ได้! อยากแสดงความป๋านักก็ตามใจ!

 

               บุหรี่สองซองถูกแยกออกมาวางไว้ตรงช่องวางแก้วข้างคนขับซึ่งพวกมันก็ดึงความสนใจจากเจ้าหนูจำไมที่นั่งอยู่ข้างๆได้เป็นอย่างดีเสียด้วย

               “ไทสูบบุหรี่ด้วยเหรอ?” …ก่อนหน้านี้ไม่เห็นแตะด้วยซ้ำไป...แต่นั่นมันก็เมื่อสามปีก่อนน่ะนะ

               “อืม”

                    ดูท่าแล้วคงสูบจัดไม่น้อยเพราะริมฝีปากอีกฝ่ายนั้นดูคล้ำลงกว่าแต่ก่อน

               ...เป็นคนรักสุขภาพประเภทไหนเนี่ย

               “คนเดียวสองซองเลยเหรอ”

                    “เปล่า อีกซองของไอ้หมอกมัน”

                    “อ้อ”

                    น้องทำเพียงแค่พยักหน้ารับเพราะเข้าใจว่าผู้ชายกับเหล้าและบุหรี่มันเป็นของคู่กันเป็นธรรมดา หลังจากนั้นเจ้าตัวก็เลิกสนใจเขาก่อนจะคุ้นเอาพวกซองมาส์กทั้งหมดขึ้นมาอ่านเล่นไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงบ้านน่านฟ้าก็ขอแยกตัวขึ้นไปบนห้องเพราะจะขึ้นไปคุยโทรศัพท์กับเพื่อน

 

               ราวๆเกือบตีหนึ่งแก๊งเชียร์บอลที่ชุมนุมกันอยู่บริเวณชั้นล่างก็สลายตัวเป็นที่เรียบร้อย น่านฟ้าที่ตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะความหิวเดินงัวเงียคลำทางลงมาจนถึงห้องครัว

               นมน้ำผึ้งที่เจ้าตัวเอามาแช่ช่องฟรีซไว้ถูกหยิบออกมากินพร้อมกับขนมคุกกี้รสเนยอีกซองจนหมดเกลี้ยง

               แต่ก่อนที่จะเดินกลับขึ้นไปบนชั้นสองสายตาก็ดันไปเห็นเสื้อแจ็คเก็ตของใครบางคนถูกแขวนเอาไว้ตรงราวตากผ้าหลังบ้านตั้งแต่ช่วงบ่าย

               ...ลืมเอาไปคืนอีกแล้วจนได้

เพราะกลัวว่าจะลืมอีกน่านฟ้าเลยตัดสินใจจะเอาไปคืนเจ้าตัวตอนนี้แทนซะเลย เพราะสังเกตว่าเห็นว่าไฟที่ห้องของอีกฝ่ายยังคงเปิดอยู่

               ห้องของแทนไทนั้นอยู่รวมกันกับนักมวยคนอื่นๆ ที่จริงตอนแรกป๋าคะยั้นคะยอให้เข้ามานอนในบ้านด้วยกันแทบตายแต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธ

สุดท้ายป๋าก็เลยยอมตามใจ

               บริเวณหลังบ้านถัดจากสวนไปอีกนิดหน่อยมีห้องพักถูกแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจนมีทั้งห้องที่นอนรวมกันเป็นกลุ่มและแยกนอนเดี่ยว ส่วนห้องของแทนไทนั้นอยู่ริมสุดติดกับห้องเก็บอุปกรณ์ฝึก

               น่านฟ้าเคาะประตูอยู่เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของเจ้าของห้องเดินเข้ามาใกล้

คงจะพึ่งอาบน้ำเสร็จเพราะเมื่อตะกี้ได้ยินเสียงปิดประตูห้องน้ำอีกบานอยู่ข้างใน

                    พอประตูเปิดออกฝ่ายนั้นดูตกใจอยู่เล็กน้อย ก่อนจะรีบเอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่คลุมอยู่บนศีรษะมาพาดไว้บนบ่าข้างซ้ายแทน

               ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้น่านฟ้าหน้าร้อนขึ้นมาอีกครั้ง

               โอเค...ฝ่ายนั้นไม่ได้โป๊อะไรเพราะท่อนล่างก็สวมกางเกงวอร์มไว้เรียบร้อย

แต่ท่อนบนนี่แหละที่อันตราย

               แผ่นอกกว้างกำยำยังคงมีหยดน้ำเกาะพราวอยู่บางส่วน เส้นผมสีเข้มที่เปียกชื้นถูกเสยไปเก็บไว้ข้างหลังแบบลวกๆทำให้หยดน้ำบางส่วนไหลลงมาจากปลายผม ก่อนจะทิ้งตัวลงผ่านช่วงหน้าท้องที่ปรากฏลอนกล้ามเนื้อหนั่นแน่น

               ยิ่งอีกฝ่ายเปลือยท่อนบนแบบนี้ก็ยิ่งได้เห็นรอยสักบริเวณต้นแขนขวาชัดขึ้น

มันเป็นลวดลายที่นิยมกันในหมู่ผู้ชายฝรั่งหลายๆคน ที่คุ้นชินกันมากสุดก็คงเป็นดเวย์น จอห์นสัน นักแสดงสายบู๊หุ่นล่ำสันที่ใครต่อใครหลายคนรู้จักกันในชื่อเดอะร็อค

               น่านฟ้าไม่ได้รู้จักความหมายของมันมากนัก..แต่พอเห็นว่ามันประทับอยู่บนตัวของคุณแทนไทเขาก็อดที่จะยอมรับไม่ได้เลยว่า

..มันเข้ากันมากๆ

                    แอบสังเกตเห็นด้วยว่าบริเวณอกข้างซ้ายของไทมีรอยสักอีกรอย แต่เห็นแค่ตรงปลายเท่านั้น มันคล้ายกับหัวของตัวอักษรภาษาอังกฤษบางตัวแต่ไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไรเพราะอีกฝ่ายดันเอาผ้ามาพาดปิดไว้ซะก่อน

               “น่าน?”

                    คิ้วเข้มขมวดหากันอย่างนึกเคืองไม่น้อยที่จู่ๆน้องก็เดินออกมานอกบ้านตอนกลางคืนแบบนี้ ถึงจะอยู่ในบริเวณบ้านก็เถอะแต่มันก็อันตรายอยู่ดี

                    “เอาเสื้อมาคืน” แจ็คเก็ตต้นเหตุถูกยื่นส่งมาให้ คนตัวสูงก้มลงมองอยู่เพียงครู่ก่อนจะรับมาไว้แล้วโยนทิ้งลงไปบนเตียงอย่างไม่ค่อยจะใส่ใจมันเท่าไหร่นัก

               “อย่าโยนแบบนั้นสิ เดี๋ยวมันยับนะ” เจ้าตัวบ่นเสียงเล็กเสียงน้อยเมื่อเห็นว่าเสื้อที่ตัวเองอุตส่าห์ดูแลอย่างดีโดนเจ้าของมันปฏิบัติด้วยความรุนแรง

               “ออกมาทำไมดึกๆดื่นๆ” แทนไทไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะบ่นอะไรด้วยซ้ำ แขนข้างหนึ่งยกขึ้นค้ำกับขอบประตูอย่างพร้อมเอาเรื่อง

                    …ไม่เคยระวังตัวเลยจริงๆ

                    “ก็เอาเสื้อมาคืนไง”

                    “พรุ่งนี้ค่อยคืนก็ได้”

                    “เดี๋ยวลืมอะ น่านลงมาหาอะไรกิน เห็นมันตากอยู่ นึกขึ้นได้เลยเอามาคืน” พอเห็นท่าทีมุ่งมั่นแบบนั้นมันก็ดุไม่ลง เพราะน้องคงจะหวังดีจริงๆ “แล้วก็พอดีนอนอยู่บนเตียงด้วยกันมันเลยมีกลิ่นโลชั่นติดไปด้วยอะ แต่ไทไม่ต้องห่วงนะ น่านทำความสะอาดให้เรียบร้อยแล้ว”

               “ไม่เป็นไรหรอก ที่จริงไม่ต้องลำบากก็ได้” สุดท้ายกลับเป็นเขาเองที่ต้องยอมใจอ่อน..จากตอนแรกที่ตั้งท่าจะดุก็ดันล้มเหลวไม่เป็นท่า “แต่ยังไงก็...ขอบคุณนะครับ”

                    “อื้อ” น้องดูอึ้งไปนิดหน่อยก่อนจะยกมือขึ้นมาถูจมูกแดงๆอย่างลืมตัว

               “รอก่อน เดี๋ยวเดินไปส่ง” แทนไทบอกทิ้งไว้เพียงแค่นั้นก่อนจะเดินกลับเข้าไปหยิบเสื้อกล้ามสีดำมาสวมทับช่วงบนเอาไว้

                    คราวนี้น่านฟ้าดูพูดง่ายกว่าเดิมเยอะ เจ้าตัวเอาแต่เดินก้มหน้างุดๆเหมือนสนามหญ้ามันมีอะไรให้สนใจนัก

               “คราวหลังห้ามเดินมั่วซั่วออกมาแบบนี้อีกนะ”

                    ในระหว่างที่น้องกำลังถอดรองเท้าเตรียมขึ้นบ้านก็ถือโอกาสนี้ดุไปด้วยเลยก็แล้วกันจะได้ไม่ทำอีก

               “รู้แล้วน่า” แต่กลับโดนย่นจมูกใส่กลับมาเสียอย่างนั้น

               “ล็อคบ้านดีๆ”  เขาเตือนเสียงเข้ม “น่านใส่กลอนด้วย”

                    “อื้ออ รู้แล้วๆๆๆ”

                    แทนไทยืนกอดอกรอจนกระทั่งได้ยินเสียงลงกลอนประตู หลังจากนั้นน่านฟ้าก็เอียงหน้าออกมามองผ่านทางหน้าต่างบานเกล็ดพร้อมกับโบกมือเป็นทำนองไล่ให้เขากลับห้องไปได้แล้ว แต่เจ้าตัวก็ยืนรอจนกระทั่งน้องเดินขึ้นบันไดบ้านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นล่ะถึงจะยอมเดินกลับห้องไป

               ..ทิ้งเอาไว้แค่เพียงความสับสันที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาภายในจิตใจของใครบางคน..


_______________________


*เพิ่มเติม

1.รอยสักที่แขนพี่ไทเรียกว่า Tribal tattoo ค่ะ ที่เดอะร็อคสักทุกคนน่าจะคุ้นตากันมาบ้าง
สามารถไปเสิร์ชดูรูปเพิ่มเติมไปคับบ สวยมากก แฮ่กมากกก 55555

2.ริงเกิร์ลที่หม่าม้าพูดถึงก็คือสาวๆเซะซี่ที่คอยถือป้ายอยู่บนเวทีมวยนั่นเองค่าาา


ขอบคุณสำหรับฟีดแบ็คที่น่ารักๆของทุกคนเลยนะคะ
ขอบคุณที่เอ็นดูยัยหมวยค่ะ <3 :mew1:

ขอสวัสดีปีใหม่นักอ่านทุกคนล่วงหน้านี้เลยแล้วกันนะคะ เพราะหลังจากนี้พันไมล์จะลาไปเที่ยวยาวจนถึงสิ้นเดือนเลยคงเจอกันอีกทีปีหน้า (ดูนานจังแต่อีกไม่กี่วันเอง55555)

ขอให้ทุกคนมีความสุขในวันหยุดปีใหม่นี้นะคะ เที่ยวและพักผ่อนกันให้เต็มที่เน้อ ส่วนใครที่ติดงานพันไมล์เป็นกำลังใจให้ค่าา <3

ฝากคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้าาา หรือจะแวะไปพูดคุยกันที่แท็ค #ที่รักของน่านฟ้า ในTwitterก็ได้ค่ะ > <

ปล.สคส.เลื่อนไปส่งให้ได้หลังปีใหม่นะคะ เพราะตอนนี้ยังไม่เสร็จเลยค่ะคงส่งไม่ทัน สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ทางทวิตเลยครับผม (แจกแค่20ใบเท่านั้นน้าาา พลาดแล้วจะเสียใจนะเอออ น้องน่านน่ารักมากๆๆๆ)

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :L2: :pig4:

รัก

พันไมล์
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 4 - Simple things : 22 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-12-2018 01:37:08
โอ๊ยย แทนไทยจะอดใจได้ถึงไหนนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 4 - Simple things : 22 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 22-12-2018 03:57:15
แซวเก่งงงงงงงง แต่ตลกคุณพ่อ 55555555555
การกระทำนี่แสนหวาน
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 4 - Simple things : 22 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-12-2018 04:45:27
ชอบบบบบบ .......... ดูน่ารัก หวานๆ  :mew1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 4 - Simple things : 22 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: Lotsa ที่ 22-12-2018 16:31:14
เอ็นดูน้องงงงงงง ครอบครัวน้องน่ารักมากกกกกก
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 4 - Simple things : 22 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: GevalinW329 ที่ 23-12-2018 07:51:34
 :mew1: :ling1:ึ
:t3: :katai4:
เขินแทนไทอ่ะ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 4 - Simple things : 22 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: bowbeauty ที่ 23-12-2018 21:12:39
เราหาเรื่องนี้เป็นอาทิตย์ เพราะจำชื่อน้องน่านผิด โอยยยยย จะบ้าตาย ไล่หาความเป็นไปได้หลายเรื่อง แล้วก็ข้ามเรื่องนี้ตลอด กว่าจะเจอโอยยยยย รักน้องน่านขอบแทนไท งื้อออ มาต่อบ่อยๆนะ น่านน่ารัก
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 4 - Simple things : 22 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 24-12-2018 20:46:40
 o13 น้องน่านนนนนนนนเอ็นดูความเขินอายไทนี่หวงห่วงจริงจัง
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 4 - Simple things : 22 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: bekeyyy ที่ 02-01-2019 00:32:15
สุขสันต์วันปีใหม่ค่า
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 4 - Simple things : 22 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 12-01-2019 14:15:16
คิดถึงเเว้วว
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 4 - Simple things : 22 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: bowbeauty ที่ 14-01-2019 13:11:19
เมื่อไหร่จะมาอัพง่าาาาา
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 4 - Simple things : 22 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 16-01-2019 22:25:09
น่านคือน่าถนอมมาก น้องน้อยของบ้าน
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 4 - Simple things : 22 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 19-01-2019 19:30:18
 :heaven :z13: จิ้มๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 4 - Simple things : 22 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: Lotsa ที่ 28-01-2019 23:20:21
คิดถึงน้องน่านนนนนน มาอ่านตอนเก่าๆวนไปค่ะ
รอนะค้าาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 5 - The angry bear : 29 Jan 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 29-01-2019 22:47:33
Chapter 5


The angry bear

___________________


               น่านฟ้าที่กำลังนั่งเคร่งเครียดอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อยเมื่อรู้สึกขัดใจกับร่องรอยตำหนิบนใบหน้า...เพราะหลังจากที่ปล่อยตัวโทรมมาหลายวัน มันเลยต้องลำบากมานั่งเก็บพวกรอยคล้ำใต้ตาแล้วไหนจะสิวที่ขึ้นบางจุดมาให้รำคาญใจอีก

               รอยแผลที่มุมปากเริ่มเจือจางลงบ้างแล้ว...อาศัยเครื่องสำอางกลบนิดหน่อยก็เรียบเนียนกริบ

               ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มเปลี่ยนลุคให้เจ้าตัวดูมีความมั่นใจมากขึ้น

               ถ้าเฮียหมอกมาเห็นก็คงจะพูดประมาณว่าหมวยสลัดคราบเด็กม้งออกไปจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมแน่ๆ

               ลิปกลอสยี่ห้อโปรดถูกเกลี่ยทับลงไปบนเรียวปากบางเป็นขั้นตอนสุดท้ายจนริมฝีปากวาววับดูสุขภาพดี...เจ้าตัวย่นจมูกเล็กน้อยตามนิสัยเมื่อเห็นว่าไอเทมตัวเก่งนั้นหมดเกลี้ยงไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย แถมที่เคยสต็อคไว้ก็ไม่มีเหลือ

               ...เห็นทีคงจะต้องหาวันไปช็อปปิ้งจริงๆจังๆซะทีแล้ว..

               ผ้าขนหนูผืนนุ่มที่เคยพันไว้รอบตัวถูกปลดพาดไว้บนพนักเก้าอี้ เผยผิวเนื้อเปลือยเปล่าที่ปราศจากปราการป้องกันอื่นใด น่านฟ้าเดินไปหยิบบราและชั้นในตัวใหม่ที่พึ่งไปซื้อมากับผิงเมื่ออาทิตย์ก่อนออกมาสวมใส่ด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นกับของใหม่

               บราเกาะอกสีดำขอบลูกไม้โอบอุ้มเนินอกเล็กไว้เป็นทรงสวย...แม้จะมีไม่เยอะมากเหมือนกับผู้หญิงแท้ๆแต่ก็ไม่ได้เรียบแบนจนมองไม่เห็น ให้กะทางสายตาตอนนี้ก็คงราวๆคัพเอเห็นจะได้ เพราะเป็นผลพวงมาจากการเทคฮอร์โมนอย่างสม่ำเสมอในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา

               แต้มตำหนิบริเวณเหนือสะโพกซ้ายโผล่พ้นขอบชั้นในตัวเล็กออกมาให้เห็นวับๆแวมๆยามที่เจ้าตัวหมุนสำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจก

               ...รอยปานสีน้ำตาลอ่อนขนาดประมาณสามนิ้วทาบเด่นชัดตัดกับผิวเนื้อขาวเนียน แต้มตำหนิที่มีรูปร่างคล้ายกับถูกแปรงสีของศิลปินปาดปัดเพื่อตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานจากจิตวิญญาณที่มั่นคง

               เมื่อก่อนตอนเด็กๆน่านฟ้าไม่ค่อยจะชอบเจ้าร่องรอยตำหนิบนร่างกายของตัวเองสักเท่าไหร่นัก เพราะเคยได้ยินเพื่อนๆในชั้นประถมพูดกันว่าใครที่มีปานแสดงว่าคนๆนั้นถูกปีศาจแต้มเอาไว้ แต่พอเติบโตขึ้นก็เริ่มที่จะปล่อยวางความเชื่อจากนิทานหลอกเด็กแล้วเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันแทน

               กางเกงยีนส์ขาสั้นตัวเก่งถูกสวมทับลงไปก่อนจะปิดท้ายด้วยเชิ้ตขาวโอเวอร์ไซส์ร่นเปิดไหล่ข้างหนึ่ง ส่วนชายเสื้อด้านหน้าถูกเก็บไว้ในกางเกงอย่างลวกๆ

...แต่ก็มีปัญหาเกิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าชุดที่เคยสวมมันมีช่องว่างเยอะขึ้นจนสังเกตได้...ช่วงเอวที่หลวมโพรกลงไปมากจำเป็นต้องหาเข็มขัดมารัดไว้ทำให้น่านฟ้ารู้เลยว่าที่ผ่านมานั้นตัวเองผอมซูบลงแค่ไหน

               ...ถึงขนาดที่หม่าม้าต้องคอยมายืนคุมให้กินข้าวให้หมดจานกันเลยทีเดียว

               และด้วยความขี้เกียจมานั่งดัดลอนผมให้ยุ่งยากเจ้าตัวเลยตัดสินใจที่จะถักเปียเดี่ยวแบบหลวมๆเอาไว้แทน พอดีกับเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ที่วางชาร์จไว้อยู่ตรงโต๊ะปลายเตียงดังขึ้น เมื่อเดินไปดูก็พบว่าเป็นหม่าม้าที่โทรเข้ามา

               “ม้า~”

               (น้องน่านอยู่ไหนลูก)

               “หนูอยู่บนห้องค่ะ พึ่งแต่งตัวเสร็จ ม้าว่าไง” น่านฟ้าเอียงใบหน้าแนบโทรศัพท์ไว้กับไหล่ก่อนจะนั่งลงตรงปลายเตียงเพื่อยกเรียวขาขึ้นสวมใส่ถุงเท้า

               (เปล่าๆ พอดีม้าออกมาทำธุระข้างนอกกับป้านิด ถ้ายังไงหนูไปปลุกป๋าเขาขึ้นมาทานข้าวด้วยนะเดี๋ยวโรคกระเพาะจะถามหาเอา)

               “อ๋อ...ได้ค่ะ”

               (น้องน่านหาอะไรให้ป๋าทานแทนหม่าม้าด้วยนะลูก เมื่อเช้าเฮียหมอกกับพี่ไทเขาทานหมดเกลี้ยงเลย ม้าไม่ได้ทำเผื่อเอาไว้ด้วยกลัวมันจะชืด)

               “โอเคค่ะ ม้าไม่ต้องห่วงหนูจัดการเอง”

               (จ้า ขอบคุณนะคะลูก ม้ารักหนูนะ)

               “ค้าบบ”

 

               หลังจากที่ไปปลุกป๊ะป๋าตามคำสั่งของหม่าม้า น่านฟ้าก็เข้าครัวลงมือทำข้าวต้มกุ้งร้อนๆให้กับคนที่นอนซมอยู่โซฟาหน้าทีวี

วันนี้ป๋าตื่นสายกว่าทุกๆวัน คงเป็นผลมาจากเมื่อวานที่ไปซ่าตากแดดตากลมลุยสวนตลอดทั้งวันแถมตกดึกมายังซดเบียร์เย็นๆโต้รุ่งทำเหมือนตัวเองยังเป็นหนุ่มๆที่ร่างกายแข็งแรง

สรุปก็คือ...นอกจากจะตื่นมากินข้าวเช้าฝีมือหม่าม้าไม่ทันแล้วยังโดนทิ้งเอาไว้ให้นอนซมเป็นผักเปื่อยอีก

พอตรวจดูแล้วก็ยังไม่ถึงกับมีไข้แค่ตัวรุมๆนิดหน่อยบวกกับอาการเหนื่อยล้าจากการออกแรงหนัก ให้กินข้าวกินยาดักไว้แล้วปล่อยให้นอนพักสักหน่อยก็คงดีขึ้น

“จะออกไปข้างนอกเหรอลูก” ป๋าปรีชาที่นอนดูรายการข่าวอยู่กระเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งพิงพนักพร้อมกับรับถ้วยข้าวต้มมาวางไว้บนโต๊ะกระจก

“หนูว่าจะเข้าไปดูร้านหน่อยอะป๋า...ไม่ได้แวะไปหลายวันแล้ว” ว่าจบก็วางแก้วยากับน้ำเปล่าไว้ให้ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาข้างๆกัน

น่านฟ้าไม่ได้เป็นพนักงานออฟฟิศเหมือนอย่างเพื่อนคนอื่นๆในรุ่นเดียวกัน เพราะหลังจากที่เรียนจบปริญญาตรีนิเทศศิลป์จากมหาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง เจ้าตัวก็ทำงานเป็นกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ฟรีแลนซ์และเปิดธุรกิจเล็กๆเป็นของตัวเองตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนอยู่

โดยที่เงินลงทุนบางส่วนนั้นมาจากการเก็บออมของตัวเองตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนอยู่โดยที่น่านฟ้ารับงานพิเศษมาทำในระหว่างที่เรียน ส่วนใหญ่ก็เป็นงานง่ายๆทั้งนั้น อย่างเช่น ออกแบบโลโก้และงานสเกลเล็กๆมาทำเพื่อฝึกมือในช่วงที่ว่าง

แต่แน่นอนว่าความฝันจะเป็นรูปเป็นร่างขนาดนี้ไม่ได้เลยถ้าขาดแรงสนับสนุนจากทางครอบครัว...แม้ว่าตอนแรกจะปฏิเสธและยืนกรานที่จะทำมันด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองแต่กลับกลายเป็นว่าถูกหยิบยื่นทางลัดมาให้โดยไม่ทันได้ตั้งตัว

               ที่ดินที่ป๋าเคยเปิดเป็นค่ายมวยเล็กๆตั้งแต่สมัยแรกเริ่มถูกรื้อถอนออกจนเกลี้ยงก่อนจะถูกแทนที่ด้วยของขวัญวันรับปริญญาให้กับลูกคนเล็กของบ้านนันพิวัฒน์

               ‘ถือซะว่านี่เป็นของขวัญจากป๋ากับม้านะน้องน่าน...แล้วหนูไม่จำเป็นต้องรู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นกรงขังไม่ให้หนูเติบโตเพราะนี่มันเป็นเพียงต้นทุนที่ป๋ากับหม่าม้าสามารถสนับสนุนหนูได้’

            ‘...แต่...หนูรู้สึกไม่ได้พยายามอะไรด้วยตัวเองเลย’ น่านฟ้าในวันนั้นดูสับสนทั้งน้ำตาแห่งความตื้นตันที่ไหลนองเต็มหน้า

            ‘ใครบอก...ที่ผ่านมาหนูพยายามมาไม่น้อยเลยต่างหาก...แต่บางเรื่องเราไม่จำเป็นต้องเริ่มจากศูนย์เสมอไปหรอกนะลูก การช่วยเหลือจากครอบครัวไม่ใช่เครื่องหมายที่จะแสดงว่าหนูไม่มีความสามารถเติบโตได้ด้วยตัวเองสักหน่อย... เข้าใจใช่ไหม ไม่ต้องคิดมาก’


               ถึงจะรับปากกับป๋าเอาไว้แต่หลังจากนั้นมาน่านฟ้าก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะทำงานเก็บเงินให้ได้สักก้อนเพื่อเอาไปคืนป๋าให้ได้อยู่ดี

ก็จริงที่ทุกคนไม่จำเป็นต้องเริ่มจากศูนย์...แต่อย่างน้อยๆการที่เราได้เริ่มต้นทำอะไรสักอย่างด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองมันก็เป็นความภูมิใจเล็กๆในชีวิตเหมือนกันนะ

               ตอนนี้ร้านกาแฟเล็กๆกึ่งอาร์ทแกลลอรี่นั้นกำลังไปได้สวย...นอกจากที่ร้านจะเอาไว้จัดตั้งโชว์ผลงานแล้วยังมีห้องสตูดิโอเวิร์คช็อปเปิดสอนสำหรับผู้ที่สนใจในการเรียนเพ้นท์สีน้ำและงานศิลปะขั้นพื้นฐานอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่กลุ่มเป้าหมายจะเป็นพวกเด็กๆวัยอนุบาลและประถมต้นที่ต้องการเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านนี้ซะมากกว่า

               น้องๆวัยมัธยมก็พอมีบ้างประปรายเพราะส่วนมากมักจะเป็นคอร์สสำหรับงานอดิเรกมากกว่าที่จะติวสอบเข้ามหาลัยแบบจริงจัง แต่ก็มีน้องๆอยู่หลายคนที่มาคะยั้นคะยอให้เปิดสอนจนน่านฟ้าใจอ่อน

“แล้วที่ร้านเป็นยังไงบ้างช่วงนี้” ข้าวต้มกุ้งร้อนๆถูกตักเข้าปากไปคำแรกพร้อมกับนิ้วโป้งถูกยกขึ้นมาเป็นการชมเชยว่าเจ้าน่านฟ้าของเขานั้นฝีมือในการทำอาหารยอดเยี่ยมไม่แพ้หม่าม้าเลย

“ก็เรื่อยๆอะป๋า พักนี้เด็กๆเปิดเทอมเลยเงียบหน่อย”

“ป๋าก็ไม่ได้แวะเข้าไปสักที ไว้ว่างๆคงต้องหาโอกาสไปเยี่ยมบ้างแล้ว”

“เด็กๆกลัวป๋าจะแย่” แน่สิ ป๋าหน้าดุจะตาย แต่มีแค่คนในบ้านเท่านั้นล่ะที่จะรู้ว่าป๋าของน่านน่ะเป็นคนใจดีที่สุดในโลก

“ป๋าน่ากลัวตรงไหนเนี่ย” คุณปรีชาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อถูกตัวซนย่นจมูกใส่

ที่น่านฟ้าพูดน่ะไม่ผิดหรอก เขาเป็นคนดุจริง...แต่ก็ยกเว้นแค่กับเจ้าตัวเท่านั้นล่ะ

“ตรงที่หวงหนูมากเกินไปนี่ไงงงง” หัวกลมๆถูไถเข้ากับอกคนเป็นพ่ออย่างออดอ้อน

“อ้าว ไม่ให้หวงหนูแล้วจะให้ป๋าหวงใคร” ป๋าปรีชารวบเอาตัวลูกคนเล็กเข้ามากอดพร้อมกับหอมแก้มไปฟอดใหญ่ ก่อนจะพึ่งสังเกตเห็นว่าการแต่งตัวของน้องน่านวันนี้ขัดใจป๋าอีกตามเคย...แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยท้วงอะไรออกไปเพราะเห็นว่าเป็นความชอบของลูก

...ไว้เดี๋ยวค่อยไปบ่นกับคุณอิงดาวเขาทีหลังก็แล้วกัน..

“หวงหนูนี่แหละ~หวงเยอะๆเลยย” เจ้าน่านฟ้ากอดรัดป๊ะป๋าแน่นก่อนจะยอมปล่อยให้อีกฝ่ายจัดการมื้ออาหารจนหมด

หลังจากกินข้าวเสร็จป๋าก็กินยาตามอย่างว่าง่ายก่อนจะเอนตัวลงพักผ่อนตามคำสั่ง

ดูท่าแล้ววันนี้เด็กๆในค่ายคงได้สบายหูไปอีกหนึ่งวัน เพราะไม่มีป๋าปรีชาคอยตะโกนกระตุ้น...อันที่จริงก็ตะโกนด่านั่นแหละแต่ป๋าเถียงสุดใจเลยว่าแค่ต้องการกระตุ้นและสร้างความฮึกเหิมให้พวกเด็กๆเฉยๆ

อะ...กระตุ้นก็กระตุ้น

“ให้เฮียหมอกขับรถไปส่งนะ”

ระหว่างที่กำลังก้มลงใส่รองเท้าอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงเข้มๆของคนป่วยกำชับตามหลังมา

“ค่า คุณป๋า”

 เจ้าตัวแสบว่าทิ้งท้ายไว้พร้อมกับบอกให้ป๊ะป๋านอนพักผ่อนอยู่ในบ้านห้ามดื้อออกมานอกบริเวณเด็ดขาด

…ดื้อมากนะคนนี้น่ะ

ที่น่านฟ้าหัวรั้นในบางครั้งก็ได้รับอิทธิพลมาจากป๋าเต็มๆนี่แหละ

 

วันนี้ที่ยิมกลับมาครึกครื้นเหมือนปกติเพราะหมดช่วงวันหยุดพักผ่อน เหล่าครูฝึกและพี่ๆนักมวยที่คุ้นหน้าคุ้นตากันหันมายิ้มทักทายในระหว่างที่กำลังฝึกซ้อมอยู่ แต่ก็มีบางคนที่ดูท่าแล้วคงเป็นเด็กใหม่...เห็นว่ามองตามกันไม่ละสายตาเพราะคงคิดว่าเป็นผู้หญิง

น่านฟ้าเดินตรงไปหาเฮียหมอกที่ยืนถือเป้าล่อให้เด็กเตะอยู่บนเวทีมวย โดยที่ข้างๆกันมีใครอีกคนกำลังเข้าคู่ซ้อมกับเทรนเนอร์...ทางฝ่ายนั้นหันมามองกันเพียงเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปเตะเป้าล่อตรงหน้าต่อ

“มีไรไอ้หมวย” อวัศย์หันมาถามน้องก่อนจะต้องเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจเมื่อเด็กดอยเมื่อวันก่อนถูกอัพเกรดจนสวยขึ้นผิดหูผิดตา

“น่านจะเข้าร้านอะ ป๋าบอกให้เฮียไปส่ง” ตอบพร้อมพยักหน้าส่งยิ้มให้กับเทรนเนอร์คู่ซ้อมของแทนไทไปด้วยเมื่อฝ่ายนั้นออกปากทักทายกัน “แต่ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวน่านไปเองได้” เพราะดูแล้วเฮียคงกำลังยุ่ง…ไม่อยากจะรบกวน

“ให้พี่ไปส่งก็ได้นะคะน้องน่าน” พี่เอกเทรนเนอร์คนสนิทที่คุ้นเคยกันมานานหันมายิ้มกรุ้มกริ่มออกปากแซวเหมือนอย่างเคย...ถึงจะเห็นแบบนี้แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้คิดเกินเลยอะไรมากไปกว่านั้น...แน่ล่ะ ก็เห็นกันมาตั้งแต่สมัยยังหัวเกรียนนี่

“ไปส่งได้ แต่รอแปป” หมอกพยักหน้ารับก่อนจะสังเกตได้ถึงบรรยากาศที่เริ่มเปลี่ยนไป...เพราะจู่ๆแรงเตะที่เป้าล่อของไอ้เอกก็แรงขึ้นและหนักขึ้นจนคนจับตัวเซ “ที่จริงให้ไอ้ไทไปส่งก็ได้นะ วันนี้มันว่างไม่มีคิวสอน”

น่านฟ้าหันไปมองคนที่กำลังตั้งการ์ดเตะอยู่อย่างขะมักเขม้นแล้วก็ต้องชะงักเมื่อถูกสายตาดุๆคู่นั้นมองตอบกลับมา

...คุณเขาไปหงุดหงิดอะไรมาล่ะนั่น

“ไท มึงไปส่งน้องหน่อยแล้วกัน กูไม่ว่าง” หมอกสรุปให้เสร็จสรรพโดยไม่ต้องรอให้มันได้ออกปากปฏิเสธ…ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันจะไม่ปฏิเสธก็เถอะ

“อืม...เดี๋ยวไปส่ง ออกไปรอหน้าบ้านไป” แทนไทก้มลงมองคนที่ยืนอยู่ด้านล่าง ก่อนจะพยักพเยิดหน้าเป็นเชิงบอกให้น้องออกไปรอนอกยิม

...โดนมองไปถึงไหนต่อไหนแล้วยังไม่รู้สึกตัวอีก

“ไอ้ไท!เบาหน่อยๆ” เอกร้องเตือนเมื่อรู้สึกได้ว่าแรงเตะตรงเป้าล่อมันชักจะหนักขึ้นทุกทีๆ...ปกติแม่งก็ตีนหนักอยู่แล้ว ยิ่งใส่ลงมาเน้นๆแบบนี้เขาก็ตั้งรับแทบไม่ทัน นี่ถ้าให้คนอื่นมาจับให้มีหวังคงล้มหงายหลังไปนานแล้ว

“อะไร” หนุ่มใต้เลิกคิ้วถาม

แต่ในแววตาที่ครุกกรุ่นนั้นกลับฉายชัดเสียจนหมอกยังต้องส่ายหัวเอือมระอา “เหลาะแหละว่ะเอก จับดีๆ” …แม่งโคตรพาล

...รับกรรมไป ไอ้เอกมึง

“พี่บ๊าวว!เบาบ๊าว!” เสียงแหกปากของเทรนเนอร์เอกดังลั่นยิมเมื่อถูกยันโครมเข้าไปจนเซ “ไทๆ แรงไปแล้วเพื่อน”

“แรงมึงไปไหนหมดเอก” แรงกูก็เท่าเดิมนี่แหละ! แต่มึงอ่ะเอาแรงมาจากไหน!

ปั้ง!

ลูกเตะรอบสุดท้ายถูกฟาดลงไปบนเป้าหนังบุนวมจนเกิดเสียงดังลั่นพร้อมกับเสียงโวยวายจากเทรนเนอร์คนเก่งที่ลงไปนอนแผ่พังพาบอยู่บนพื้นเวที “ข้อมือกูพังหม้ด! หมอก! เพิ่มสวัสดิการให้กูด้วย!”

 

เพียงไม่นานคนที่อาสาจะขับรถไปส่งก็เดินมาหาที่หน้าบ้านด้วยชุดที่แปลกตาออกไป จากชุดฝึกซ้อมถูกผลัดเปลี่ยนเป็นชุดลำลองในแบบที่เจ้าตัวชอบใส่ เสื้อยืดกางเกงยีนส์ตามฉบับของผู้ชายที่ไม่เรื่องมากด้านการแต่งตัว

...แต่มันก็ดูดีน้อยเสียที่ไหนกันล่ะ

ยิ่งตอนที่แทนไทยกแว่นกันแดดขึ้นสวมมันให้อารมณ์เหมือนกับพวกนายแบบที่หลุดออกมาจากนิตยสารยังไงยังงั้นเลย

“ไทสักตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ”

ในระหว่างที่รถจอดรอสัญญาณไฟอยู่นั้นน่านฟ้าก็เอ่ยปากถามในสิ่งที่อยากรู้มาตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน

“สองปีที่แล้ว”

“เจ็บไหมอะ” เจ้าหนูจำไมเลิกสนใจภูมิทัศน์รอบกายก่อนจะหันมาคุยจ้อไม่หยุดแทน...ก็ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีเลยนี่นะ มันมีเรื่องที่อยากรู้เกี่ยวกับอีกฝ่ายเยอะแยะเต็มไปหมด

“นิดหน่อย ไม่เจ็บมาก”

“เหรอ...แล้วสักตรงหน้าอกเจ็บไหมอะ” น่านฟ้าจำได้ว่าเคยเห็นรอยสักวับๆแวมๆอยู่บริเวณนั้น....ตรงแผ่นอกด้านซ้ายของไท

ฝ่ายนั้นดูชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าตอบกลับมา “..ไม่เจ็บเท่าไหร่”

“ดีจัง น่านอยากลองสักมั่ง...แบบมินิมอลๆน่ารักดี”

“อยากสักตรงไหนล่ะ” แทนไทหันกลับมามองเจ้าตัวเล็กที่พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด...สงสัยวันนี้จะใส่ถ่านมาหลายก้อนเลยดูร่าเริงเป็นพิเศษ

“ตรงนี้ๆ” จู่ๆเจ้าตัวก็เลิกชายเสื้อเชิ้ตขึ้นจนเผยให้เห็นผิวเนื้อขาวนวลใต้ร่มผ้าพร้อมกับชี้นิ้วลงไปตรงช่วงเอวเล็ก

เพียงเท่านั้นก็ทำให้คิ้วเข้มขมวดมุ่นขึ้นกว่าเดิมเมื่อสังเกตเห็นว่าน้องไม่ได้ใส่เสื้อซับข้างใน…ไอ้ประเด็นเรื่องรอยสักเลยถูกปัดทิ้งออกไปอย่างรวดเร็ว

“ทำไมไม่ใส่เสื้อข้างใน” น้ำเสียงเข้มขึ้นจนทำให้น่านฟ้าต้องเลิกคิ้วแปลกใจ

…ดุอีกแล้วรึเปล่าเนี่ย

“มั่วแล้ว นี่ไงใส่เกาะอกอยู่” น้องชี้ลงไปยังเกาะอกสีดำที่สวมใส่...ที่จริงไอ้เสื้อเชิ้ตตัวนั้นมันแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยด้วยซ้ำเพราะเจ้าตัวดันปล่อยให้มันร่นโชว์ไหล่เปลือยข้างหนึ่ง

               “เสื้อมันบางน่าน” ก็พึ่งจะมาสังเกตเอาตอนนี้ว่าเสื้อที่น้องสวมทับมันบางแค่ไหน...แล้วยังกล้าเดินเข้าไปในยิมที่มีแต่ผู้ชายล้วนๆด้วยนะ ไม่ระวังตัวเองเอาซะเลย

               ...มันน่านัก

               “นี่โดนป๋าจ้างให้มาเป็นคนคุมป่ะเนี่ย” น่านยิ้มขำอย่างอารมณ์ดีผิดกับใครอีกคนที่ตอนนี้คิ้วเริ่มขมวดเป็นปมแล้ว “ไม่เห็นเป็นไรเลย...น่านไม่ใช่ผู้หญิงซะหน่อย ไม่มีอะไรเสียหายหรอกน่า”

               “..ดื้อ” สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจออกมายาวเหยียดเพื่อระบายอารมณ์คุกกรุ่นที่เริ่มก่อตัวขึ้นมา

               “ไม่ดุสิ เอ้อ ไท จะแวะปั๊มเติมน้ำมันหรือเปล่าอะ น่านหิวจะไปซื้ออะไรกินในเซเว่น” น้องชี้มาเมื่อเห็นว่าเกจ์น้ำมันใกล้ถึงขีดแดง

               นอกจากเจ้าตัวจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรแล้วยังเปลี่ยนเรื่องได้อย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ใครบางคนต้องปรับอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติด้วยตัวเอง

            ...เอาเถอะ...ตอนนี้ทำได้มากสุดก็คงเท่านี้

 

            “ไทเอาอะไรไหม” น่านฟ้าหันมาถามในระหว่างที่กำลังปลดสายนิรภัยออก แต่ดูท่าว่ามันจะมีปัญหานิดหน่อยเลยทำให้ไม่สามารถปลดออกได้

               “มันไม่ออกเหรอ” เขาก้มลงไปมอง

               “อื้อ กดไม่ลงอะ”

               “เดี๋ยวทำให้” ว่าแค่นั้นก็โน้มตัวเข้าไปหาทันที...ดูท่าแล้วตัวล็อกเก้าอี้ตัวนี้น่าจะมีปัญหา

               ...แต่ปัญหาหนักกว่าก็คงจะเป็นความรู้สึกบางอย่างที่กำลังเริ่มปะทุอยู่ในอกเมื่อได้ใกล้ชิดกับอีกฝ่าย...น่านฟ้ายังคงนั่งพิงพนักด้วยท่าทีปกติ น้องเลยไม่ทันได้สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงเล็กๆที่เกิดขึ้น

               ..ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดี

               กลิ่นน้ำหอมที่เจ้าตัวใช้ถูกลมแอร์เป่าพัดบางเบา แต่เพียงเท่านั้นก็มากพอที่จะทำให้ใครบางคนสูญเสียการควบคุมได้อย่างไม่ยากเย็น ปลายนิ้วที่กำลังวุ่นวายอยู่กับตัวล็อกสายนิรภัยเผลอปัดไปโดนบริเวณบั้นเอวจนน้องสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะก้มลงมามองจนเผลอสบประสานสายตาเข้าด้วยกัน

               น่านฟ้าเผลอเม้มปากตามนิสัยยามที่เจ้าตัวตกประหม่า...คงเพราะระยะที่ใกล้ชิดเกินกว่าปกติจึงทำให้น้องทำตัวไม่ถูก นอกจากจะพิงตัวเข้ากับพนักอย่างเกร็งๆแล้วมือไม้ก็เริ่มอยู่ไม่สุข

               “...ออกหรือยังอะ”   เสียงแผ่วเบาที่ดังขึ้นอยู่ใกล้ๆทำให้อดไม่ได้ที่จะช้อนตาขึ้นมองก่อนจะจดจ้องไปที่เรียวปากบางที่เม้มเข้าหากันจนเผยให้เห็นรอยบุ๋มเล็กๆตรงข้างแก้ม

               ...ไอความเย็นจากเครื่องปรับอากาศกลับไม่มีค่าเมื่อเทียบกับอุณหภูมิในร่างกายที่เริ่มสูงขึ้น

               “อืม...เรียบร้อย” พอดีกับที่ได้ยินเสียงคลิกจากตัวล็อก แขนของใครบางคนก็พาดผ่านช่วงตัวไปอีกฝั่งเพื่อดันสายนิรภัยให้เข้าที่           

               เส้นสายหมึกสีดำที่ถูกสลักบริเวณต้นแขนกำยำโผล่พ้นจากแขนเสื้อออกมาให้ได้เห็นบางส่วน พร้อมกับช่วงตัวสูงใหญ่ของใครบางคนที่เบี่ยงมาบังกันจนมิด

               ...ที่จริงไม่ต้องบริการให้ขนาดนี้ก็ได้...

           
(มีต่อด้านล่างจ้า)
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 5 - The angry bear : 29 Jan 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 29-01-2019 22:47:56
   “อะนี่” ในระหว่างที่รถกำลังเคลื่อนตัว จู่ๆแซนวิชชิ้นหนึ่งก็ถูกยื่นมาจ่อไว้ตรงปากพอหันไปมองน้องก็จิ้มเข้ามาจนสัมผัสได้ถึงความอุ่นจากขนมปัง...นี่เป็นการบังคับให้กินทางอ้อมใช่หรือเปล่า “ครัวซองค์แฮมชีส...อร่อยนะ”

               สุดท้ายก็ต้องรับเอาเข้าปากไปเคี้ยวแถมคนป้อนยังมีน้ำใจถือไว้ให้จนมันจะหมดชิ้นอีกต่างหาก

               บริเวณขอบขนมปังส่วนสุดท้ายถูกส่งเข้ามาพร้อมกับเรียวนิ้วของใครบางคนที่ถูกเรียวปากร้อนขบเม้มอย่างเฉียดฉิว...เพียงเท่านั้นก็ให้ความรู้สึกที่เหมือนกับถูกกระแสไฟแล่นลามไปทั่วทั้งตัว น่านฟ้าชักมือกลับอย่างรวดเร็วพร้อมกับยื่นส่งขวดน้ำมาให้แทน

               “อร่อยไหม” น้องถามขึ้นมาอีกครั้ง

               “หมายถึงแซนวิชเหรอ”

               “เอ้า ก็ใช่ไง” ตัวแสบทำหน้างุนงงอย่างไม่เข้าใจ

               “อืม...อร่อยหมดนั่นแหละ”

               เพียงเท่านั้นบทสนทนาก็สิ้นสุดลงเหลือไว้เพียงแค่เสียงจากเครื่องปรับอากาศและเพลงบรรเลงคลอขึ้นมาบางเบาในระหว่างการเดินทาง...ท่ามกลางอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่ลดคลายความร้อนจากภายนอก ปรากฏรอยยิ้มบางเบาขึ้นที่ข้างมุมปากของใครบางคนเมื่อสังเกตเห็นริ้วแดงพาดผ่านบนแก้มขาวๆของคนที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ

               ..เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าการจราจรที่ติดขัดนั้นไม่น่าเบื่อเหมือนอย่างเช่นทุกวัน..

            เสียงโมบายเหล็กกระทบกันยามที่ประตูร้านถูกผลักเข้าไป กลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟและขนมที่พึ่งอบเสร็จลอยตัวกระจายฟุ้งอยู่รอบบริเวณ

ตัวร้านเป็นอาคารสองชั้นถูกตกแต่งด้วยสไตล์อิงลิชคอตเทจผสมผสานกับดีเทลแบบอินดัสเทรียลได้อย่างลงตัว โดยตัวผนังจะก่ออิฐโชว์ความดิบและฉาบปูนเปลือยทับในบางส่วน บานประตูและหน้าต่างทำมาจากไม้เก่าเพื่อลดความแข็งกระด้างของตัวอาคารลง

บนชั้นสองฝั่งหนึ่งถูกปรับแต่งให้เป็นพื้นที่แบบดับเบิ้ลสเปซเพื่อให้ภายในดูโล่งกว้างมากยิ่งขึ้น ช่องแสงที่เป็นหลังคาโปร่งใสช่วยให้บรรยากาศภายในร้านเป็นธรรมชาติเมื่อไอแดดเจือจางส่องลงมากระทบกับดอกไม้นานาพันธุ์รอบร้าน

“น้องน่าน!” เสียงร้องทักดังขึ้นมาจากบริเวณหลังเคาน์เตอร์ ก่อนร่างของผู้หญิงคนหนึ่งจะโผเข้ามากอดจนน่านฟ้าตัวเซ “หายหน้าหายตาไปไหนมาคะเนี่ย” ‘พี่ฝน’ บาริสต้าประจำร้านถามหน้ายู่จนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

               “แอบอู้นิดหน่อยค่ะ” เจ้าตัวยิ้มเมื่อถูกดึงแก้มจนยืดเพื่อเป็นการลงโทษ

               “คราวหลังส่งข่าวมาบ้างนะคะ พวกพี่เป็นห่วงแทบแย่” เธอถือโอกาสดุเจ้าของร้านไปนิดหน่อย ก่อนจะสังเกตเห็นว่าข้างหลังน้องน่านมีใครอีกคนเดินตามเข้ามาด้วย “ว่าแต่...ใครคะนั่น” รอยยิ้มล้อเลียนเล็กๆถูกจุดขึ้นเมื่อมองเลยผ่านไปยังผู้ชายตัวสูงที่เธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน

               ก็พอจะรู้มาจากน้องผิงบ้างแล้วว่าน้องน่านน่ะเลิกกับคุณเตชิน...แต่ก็ไม่คิดว่า..

               “อ๋อ...พี่ชายค่ะ พึ่งกลับมาจากเมกา” …อ้าว ออกตัวแรงเกินเกือบหักหลบแทบไม่ทัน

ก็ว่า...น้องน่านไม่น่าจะสเปคเปลี่ยนเร็วขนาดนั้น  เพราะผู้ชายคนนี้ดูต่างจากคุณเตชินคนละขั้วเลย

แต่ถ้าให้เทียบก็กินกันไม่ลงอยู่แล้ว คนนึงหล่อแบบไทยๆส่วนอีกคนก็นู่นขาวตี๋ตามแบบสมัยนิยมอย่างที่เจ้านายเธอชอบ

               “ไท...นี่พี่ฝน บาริสต้าคนเก่งของน่านเอง...พี่ฝนคะนี่แทนไท” น่านฟ้าแนะนำให้คนทั้งคู่ได้รู้จักกัน เพราะพี่ฝนพึ่งได้มาร่วมงานที่ร้านหลังจากที่ไทไปอยู่ที่นู่นเพียงไม่กี่เดือน

               “สวัสดีครับ” รอยยิ้มเป็นมิตรที่นานๆทีน่านฟ้าจะได้เห็นปรากฏอยู่บนใบหน้าคมเข้ม

               “สวัสดีค่ะคุณไท...เรียกฝนเฉยๆก็ได้นะคะ เราน่าจะรุ่นๆเดียวกัน” หญิงสาวตอบกลับอย่างอัธยาศัยดีก่อนจะขอตัวกลับไปชงเครื่องดื่มให้ที่หลังเคาน์เตอร์

               “ที่จริงตอนเย็นๆไทค่อยกลับมารับน่านก็ได้นะ เผื่อมีธุระต้องไปทำ”

               “ไม่เป็นไร...วันนี้ว่างทั้งวันอยู่แล้ว”

               ได้ยินดังนั้นก็อดที่จะย่นจมูกใส่ไม่ได้...นี่ถูกป๋าจ้างมาเป็นการ์ดจริงๆใช่ไหมเนี่ย “ตามใจ...ถ้าเบื่ออย่ามาบ่นละกัน”

               “ไม่เบื่อหรอก” ยิ้มบางเบาแทนคำตอบ สายตาก็คอยมองคนที่เดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนออกมาสวมทับไว้ไม่วางตา “..น่าน” โดยไม่รู้ตัวก็เอ่ยเรียกออกไปซะแล้ว

               “หืม” น้องหันมามองกะทันหันจนผมเปียสะบัดพลิ้วไปตามแรงขยับ เส้นผมสีอ่อนที่ถูกแสงจางๆส่องกระทบยิ่งขับให้อีกฝ่ายน่ามองขึ้นไปอีก

               “...เปล่า…ไม่มีอะไร”

               “อยากสูบบุหรี่เหรอ” คำถามที่เหนือความคาดหมายถูกส่งมาให้พร้อมกับรอยยิ้มอย่างเข้าอกเข้าใจ...เข้าใจผิดไปใหญ่ “ที่หลังร้านมีที่ให้สูบบุหรี่อยู่นะ...ตามสบายเลย” น้องคงคิดว่าอาการงุ่นง่านนี้มันเกิดจากความอยากบุหรี่…ทั้งๆที่จริงแล้วมันไม่ใช่

               “อืม”

               “น่านไม่ว่านะถ้าไทจะสูบ” อีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ “เผื่อมันจะทำให้หมีขี้โมโหหายหงุดหงิดได้” รอยบุ๋มที่ข้างแก้มเด่นชัดอีกครั้งเมื่อเจ้าตัวฉีกยิ้มล้อเลียน

               เพียงเท่านั้นคิ้วได้รูปก็ขมวดขึ้นเมื่อโดนกล่าวหา “...ใครขี้โมโห”

               “แน่ะ ยังไม่รู้ตัวอีก คิ้วขมวดมาตั้งแต่อยู่ที่บ้านแล้วนะคะคุณแทนไท” น้องยิ้มล้อก่อนจะยกนิ้วขึ้นจิ้มระหว่างคิ้วตัวเอง “ยิ้มบ่อยๆหน่อยซี่ จะหน้าตึงไปไหนเนี่ย คนอื่นเขากลัวหมดแล้ว” ว่าทิ้งไว้แค่นั้นก็หมุนตัวเดินกลับไปหลังเคาน์เตอร์ปล่อยให้ใครอีกคนต้องปรับอารมณ์ตัวเองอยู่พักใหญ่ก่อนจะเดินออกไปทางหลังร้าน

 

               “เอ้อ น้องน่านพี่ลืมบอกไปเลย” ฝนเอ่ยทักขึ้นมาในระหว่างที่กำลังทำออเดอร์เครื่องดื่มของลูกค้า “ช่วงที่น้องน่านไม่อยู่ คุณเตชินแวะเข้ามาหาที่ร้านด้วยนะคะ”     

               เพียงเท่านั้นมือที่กำลังจัดของอยู่หลังเคาน์เตอร์ก็หยุดชะงักลงก่อนรอยยิ้มที่เจือจางจะลางหาย

               “เขา...มาทำไมคะ” แม้ว่าจะบอกกับตัวเองว่าทำใจได้แล้ว...แต่มันก็ไม่ได้ง่ายดายถึงขนาดที่ว่าความรู้สึกที่เคยมีให้อีกฝ่ายจะลบเลือนหายไปซะหมด

               ..ยอมรับว่าตอนนี้ชื่อของเตชินยังคงมีผลกับรอยแผลในหัวใจอยู่...

            “คุณชินบอกว่าเขาติดต่อน้องน่านไม่ได้เลยเป็นห่วงน่ะค่ะ...ก่อนกลับยังบอกเอาไว้เลยว่าถ้าน้องน่านมาแล้วให้โทรไปบอกเขาด้วย”

               อันที่จริงถ้าฝ่ายนั้นตั้งใจจะมาหากันก็ไม่ใช่เรื่องยากเพราะเตชินรู้จักบ้านของน่านฟ้าอยู่แล้ว...แต่ที่ไม่เข้าไปหาก็คงเพราะกลัวว่าจะเจอป๋ากับพวกเฮียมากกว่า

               “พี่ฝนไม่ต้องโทรไปบอกนะคะ...น่านไม่อยากเจอหน้าเขา”

               “ครั้งนี้จริงจังใช่ไหมคะน้องน่าน” ฝนเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เพราะทุกทีแม้ว่าทั้งคู่จะโกรธกันขนาดไหนเพียงแค่คุณเตชินตามมาง้อนิดหน่อยเจ้านายของเธอก็ให้อภัยอย่างง่ายดาย...ไม่เห็นว่ามีครั้งไหนจะรุนแรงเท่านี้มาก่อนเลยเสียด้วยซ้ำ

               “ค่ะ...เลิกขาดเลย” ใบหน้าน่ารักพยักหน้ายืนยันก่อนจะส่งยิ้มอย่างอารมณ์ดีกลับมาเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริง “น่านจะไปหาแฟนเป็นหนุ่มลาตินแบบพี่ฝนดีกว่า...ไม่เอาแล้วคนไทย ใจร้าย”

               “ก็พูดไปนั่น” ฝนหลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อเจ้าของร้านจอมดื้อยิ้มล้อเลียนถึงแฟนของเธอ “เอ๊ะ...ว่าแต่วันนี้น้องน่านดูแปลกไปนะคะ”

               จู่ๆก็รู้สึกได้ว่าคนตรงหน้านั้นมีบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป...บางอย่างที่เจ้าตัวมักจะสวมใส่ไว้ที่คอทุกครั้ง

               “สร้อยเส้นนั้นไปไหนเอ่ย” เพียงเท่านั้นเจ้าตัวก็ยกมือขึ้นคลำตามก่อนจะนิ่งค้างไป

...ให้ตาย...ลืมไปเสียสนิทเลย..

               “นี่ถ้าพี่ฝนไม่ทักน่านเกือบลืมไปเลย” ว่าไว้แค่นั้นก็วิ่งแจ้นถือโทรศัพท์ออกไปที่นอกร้านทันที

               รอเพียงไม่นานปลายสายก็กดรับพร้อมกับน้ำเสียงแหลมๆที่ร้องทักมาจนต้องยกโทรศัพท์ออกห่างจากหู (หายหน้าหายตาไปไหนมาวะไอ้ฟ้า!)

               “ผิงเห็นสร้อยของน่านไหม” ไม่รอให้เสียเวลาก็เอ่ยปากถามขัดอารมณ์อีกฝ่ายซะก่อน

               (สร้อยอะไรอะ)

               “สร้อยที่เฮียเมฆซื้อให้...มันหายไปไหนไม่รู้ อยู่ห้องแกหรือเปล่า” สร้อยจี้รูปพระจันทร์ประจำวันเกิดที่เฮียซื้อให้เมื่อปีที่แล้ว...เป็นไอเทมสุดหวงที่น่านฟ้ามักจะใส่ติดตัวไว้ตลอด...แต่ตอนนี้กลับลืมว่าไปถอดทิ้งไว้ที่ไหนนี่สิ

               ...เฮียรู้ล่ะมีหวังโดนงอนหนักแน่

               (เดี๋ยวไปหาแปปนะ) ถือสายรอสักพักน้ำเสียงวิตกกังวลก็กรอกกลับมา (ไม่มีว่ะฟ้า...แต่ฉันจำได้ว่าตอนไปเที่ยวข้าวสารกับแกครั้งล่าสุด แกไม่ได้ใส่ไปนะ ลืมไว้ที่ไหนหรือเปล่า คิดดีๆ)

               “จำไม่ได้อะ”

               (แกลืมไว้ที่ห้องไอ้ชินรึเปล่า) ข้อสันนิษฐานที่เหนือการคาดหมายถูกเสนอขึ้นมา

               ..เพียงเท่านั้นบทสนทนาก็เงียบลงเมื่อความทรงจำบางอย่างผุดผ่านเข้ามา..

               (ไอ้ฟ้า...) ผิงถอนหายใจออกมาอย่างยาวเหยียด (อย่าบอกนะ...ว่าแกลืมไว้ที่ห้องมันจริงๆ)

               “อือ...” ฝ่ามือที่ถือเครื่องมือสื่อสารอยู่นั้นเริ่มเย็นเฉียบเมื่อเผลอสบตาเข้ากับใครบางคนที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล “...คิดว่าคงใช่”

               (เวรกรรม) ทางนั้นโอดครวญแทนไปแล้วเรียบร้อย

               …อุตส่าห์ตั้งใจไว้แล้วแท้ๆว่าจะไม่ไปเจอหน้าอีก

               ...แต่ครั้งนี้มันจำเป็นต้องไปนี่สิ..

               แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว



______________________________________



พี่ไทบอก ไม่ได้ดึงหน้ามันตึงเองงง555555

ขอโทษที่หายหน้าหายตาไปนานเลยนะคะ มารายงานตัวแล้วค่าา ฮื่อออ /คุกเข่าสำนึกผิด  :z10:



ฝากเม้นเป็นกำลังใจให้พม.ด้วยน้าาา จะได้มีพลังปั่นนิยาย อะเหื้อออ <3
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 5 - The angry bear : 29 Jan 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Lotsa ที่ 29-01-2019 23:21:14
ุแทนไทสไตล์  :really2: ซึนๆอึนๆ แต่แอบหวงน้อง
ไม่รู้ทำไมอ่านแล้วเขินน้องน่าน น่ารัก
ปล.น้องน่านมีปานที่เดียวกับเราเลย เขิน
ปล.2เป็นกำลังใจให้คุณพันไมล์นะคะ รอเสมอคิดถึงตลอดเวลา :กอด1:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 5 - The angry bear : 29 Jan 2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 30-01-2019 01:14:06
จะทำยังไงล่ะทีนี้  :z3:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 5 - The angry bear : 29 Jan 2019
เริ่มหัวข้อโดย: HappyYaoi ที่ 30-01-2019 01:38:02
น้องน่านพาพี่แทนไทไปด้วยเลยลูก ให้พี่จัดการ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 5 - The angry bear : 29 Jan 2019
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-01-2019 07:46:41
พาไท ไปเอาสร้อยเลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 5 - The angry bear : 29 Jan 2019
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 30-01-2019 13:17:38
แงงงงงง พี่ไทของน้องงง หน้าพี่ตึงเพราะน้องน่าหวง เราเข้าใจ แต่พาน้องไปเอาสร้อยอย่าไปต่อยแฟนเก่าเข้าล่ะ กระทืบมันเล้ยยย
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 5 - The angry bear : 29 Jan 2019
เริ่มหัวข้อโดย: แพรวฐา ที่ 30-01-2019 13:36:12
หวงน้องก็บอกว่าหวงเลยพี่ไท :-[ :hao3:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 5 - The angry bear : 29 Jan 2019
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 01-02-2019 23:03:06
ชอบโทนเรื่องมากเลยค่ะ เหมือนอ่านเรื่อยๆ แต่รู้สึกอุ่นๆตลอดเวลา เป็นครอบครัวที่น่ารักมากๆๆๆๆๆ

ปล. ให้พี่เขาพาไปเอาสิน้องน่าน
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 5 - The angry bear : 29 Jan 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 06-02-2019 09:25:27
คุณแทนโซฮอตตตต //ขนาดไม่ค่อยแต่งตัวนะเนี่ย

น่านฟ้าก็น่ารักจัง หานายเอกสาวสองอ่านยากมาก ฮือออออ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 6 - Ex-boyfriends : 07 Feb 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 07-02-2019 21:00:26
Chapter 6 - Ex-boyfriends

Ex-boyfriends

___________________

 
                    “พรุ่งนี้เข้าร้านรึเปล่าคะน้องน่าน” บาริสต้าคนเก่งหันมาถามในขณะที่กำลังจัดขนมลงกล่องให้อีกฝ่ายนำกลับไปทานที่บ้าน…เพราะเจ้าตัวเข้ามาอ้อนขอไว้ตั้งแต่ช่วงบ่ายเมื่อเห็นว่าวันนี้ที่ร้านมีซอฟท์คุกกี้และอัลมอนด์ทาร์ตที่เจ้าตัวชื่นชอบ

               อันที่จริงน้องน่านจะเข้ามาหยิบไปเลยก็ได้เพราะเป็นเจ้าของร้านไม่มีใครว่าอะไรอยู่แล้ว แต่เพราะน้องชอบอ้อนขอนู่นขอนี่จนติดเป็นนิสัยมากกว่า พนักงานที่ร้านเลยนึกเอ็นดูกันใหญ่ มีช่วงนึงเห่อทำขนมให้ชิมบ่อยจนน้องน่านน้ำหนักขึ้นมาห้ากิโล แก้มที่มีเยอะอยู่แล้วก็แทบจะล้น

สุดท้ายก็โดนคุณเตชินดุไปยกใหญ่เพราะกลัวว่าจะเสียสุขภาพ

แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...คนที่เป็นห่วงน้องน่านไม่แพ้ครอบครัวของเจ้าตัวก็คือคุณเตชินคนนี้นี่ล่ะ

               ...อันที่จริงพอได้รู้ว่าน้องน่านเลิกกับคุณเตชินก็ใจหายอยู่เหมือนกัน

แม้จะไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ต้องแยกกันแต่เธอก็นึกเสียดายความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่อยู่ไม่น้อย...เพราะตลอดระยะเวลาที่คบกันแทบจะไม่มีวันไหนเลยที่เจ้านายของเธอจะไม่มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าเมื่อพูดถึงชื่อคนรัก

               แต่ถึงจะรู้สึกเสียดาย...สุดท้ายเธอก็เป็นเพียงคนนอก คงจะทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้นอกเสียจากคอยให้กำลังใจอยู่ห่างๆ

               ความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคนก็จริง...แต่ในเมื่อวันหนึ่งไม่สามารถที่จะเดินไปด้วยกันต่อได้ ก็คงจำเป็นที่จะต้องปล่อยมือในท้ายที่สุด

               ...และเธอก็หวังเอาไว้จริงๆว่าสักวันรอยยิ้มของน้องน่านจะกลับมาสดใสได้อีกครั้ง

               อาจจะเป็นเพราะคุณเตชินหรือไม่ก็ใครสักคนที่จะเข้ามาดูแลเจ้านายตัวน้อยของเธอให้มีความสุข...แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม

ฝนขอเพียงแค่คนคนนั้นรักและดูแลน้องน่านให้ดีก็พอแล้ว

คนอย่างน่านฟ้าน่ะไม่เหมาะกับรอยน้ำตาและความเศร้าหรอกนะ…เพราะน้องเหมือนเป็นพลังชีวิตด้านบวกให้ใครต่อใครที่ได้อยู่ใกล้มีความสุขไปด้วย

...รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ขอแค่ให้ยิ้มได้ในทุกๆวันก็เพียงพอแล้วล่ะ

“พรุ่งนี้คงไม่ได้เข้ามาค่ะพี่ฝน” น้องยิ้มจนตาหยีพร้อมกับถอดผ้ากันเปื้อนออกจากตัว “หม่าม้าชวนไปซื้อของขวัญวันเกิดให้ป๋าน่ะค่ะ”

“หืม พรุ่งนี้วันเกิดคุณป๋าเหรอคะเนี่ย”

“ใช่ค่ะ ถ้ายังไงตอนเย็นพี่ฝนมาทานข้าวด้วยกันนะคะ ม้ากับป๋าบ่นคิดถึงใหญ่ น่านชวนพี่ๆคนอื่นแล้วด้วยพรุ่งนี้ให้ปิดร้านเร็ววันนึง”

                    “เสียดายจัง...พี่มีนัดกับโทมัสแล้วนี่สิ” ดินเนอร์ครบรอบสามปีซะด้วย “ถ้ายังไงเดี๋ยวฝากของขวัญไปให้คุณป๋าแทนละกันเนอะ”             

               “ไม่เป็นไรค่ะพี่ฝน ไม่ต้องก็ได้ แค่บอกว่าพี่ฝนฝากมาอวยพรป๋าก็ดีใจแล้ว” น้องรีบปฏิเสธอย่างเกรงใจ

               “งั้น...เอาไว้เดี๋ยวพี่เข้าไปเยี่ยมพวกท่านวันหลังก็แล้วกัน ฝากความคิดถึงไปหาหม่าม้าด้วยนะคะ พี่คิดถึงอาหารฝีมือหม่าม้าม้ากมากก”

                    น่านฟ้าพยักหน้ายิ้มรับพร้อมกับทำมือโอเคเป็นการรับปาก

               “ว่าแต่...คุณไทไปไหนคะเนี่ย” เอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่มุมสวนของร้านหายตัวไป

               “น่าจะไปคุยโทรศัพท์นะคะ” หันออกไปมองทางหน้าร้านก็เห็นว่าคนตัวสูงกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่จริงๆ

               ใบหน้าคมเข้มดูผ่อนคลายลงไปมากเมื่อตอบกลับปลายสายซ้ำรอยยิ้มน้อยๆที่ปรากฏอยู่ข้างมุมปากยังทำให้ฝ่ายนั้นดูอ่อนโยนมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

               ...ที่จริงเวลาคุณเขายิ้มน่ะมันดูมีเสน่ห์จะตาย

ไม่รู้จะชอบทำหน้าตึงไปทำไม ใครต่อใครเห็นก็กลัวไปหมดน่ะสิ

“คุณไทเนี่ย...ดูเท่ห์ดีจังเลยนะคะ ไม่ได้หล่อจนต้องเหลียวหลังก็จริง แต่ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกินนน” จู่ๆน้ำเสียงชื่นชมก็ลอยขึ้นมาจนน่านฟ้าอดที่จะแซวไม่ได้ว่าระวังหนุ่มลาติโนหึงเข้า

“แหมมม น้องน่านขาา แค่ชมเฉยๆเองง” ฝนเอื้อมมือไปดึงแก้มนุ่มๆทั้งสองข้างจนยืดอย่างนึกมันเขี้ยว “ว่าแต่คุณไทเขาหน้าค้มคมเนอะ”

“ไทเขาเป็นคนใต้น่ะค่ะ”

“ว่าแล้วเชียว!” เดาอะไรเคยผิดเสียที่ไหน

“เปลี่ยนใจยังทันนะคะพี่ฝน ได้ยินมาว่าหนุ่มใต้รักใครแล้วรักจริงน้า~” ตัวแสบยักคิ้วหลิ่วตามองมาอย่างล้อเลียนจนโดนยืดแก้มไปอีกหนึ่งทีข้อหาพูดจาสุ่มเสี่ยง...นี่ถ้าโทมัสรู้มีหวังถูกงอนยาว

“หนุ่มลาติโน่ก็รักจริงค่ะ”

ฝนยืนยันหนักแน่นก่อนประโยคต่อมาจะทำให้เจ้าของร้านตัวน้อยต้องเบิกตากว้าง “ว่าแต่น้องน่านเถอะค่ะ...ไม่สนใจหนุ่มใต้บ้างหรือไง ได้ยินมาว่าหนุ่มใต้รักใครแล้วรักจริงน้า~” ในถ้อยคำแซวสนุกแฝงบางสิ่งบางอย่างมาด้วย...บางสิ่งที่ว่านั่นหมายถึงใครบางคนที่กำลังเดินกลับเข้ามาในร้านนั่นไง

...ก็น้องน่านเคยบอกว่าคุณแทนไทไม่ใช่พี่แท้ๆ ซ้ำยังไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดด้วย ยิ่งฝ่ายนั้นเป็นลูกชายของเพื่อนคุณป๋าที่คุณป๋ารับมาเลี้ยงด้วยแล้วฝนก็ยิ่งสนุกยุ

...อะไรๆมันก็เกิดขึ้นได้น่า...

ฝนหลุดขำเมื่อเห็นว่าคนที่โดนแซวย่นจมูกจนยู่ ซ้ำตรงปลายยังขึ้นสีแดงๆได้อย่างน่าชมอีก

“อะไรคะ หรือพี่ฝนพูดผิด ถึงหนุ่มใต้จะไม่ใช่สเปค แต่พี่อยากให้หมวยเล็กได้ลองค่ะ บางทีอาจจะแซ่บกว่าตี๋ๆแบบที่น้องน่านเคยชอบก็ได้น้า~”

คำก็หนุ่มใต้...สองคำก็หนุ่มใต้นะพี่ฝนเนี่ย! สมกับเป็นบาริสต้ามือหนึ่งของร้านเลย ชงเก่งมาก!

“ไม่เอาค่ะ บอกแล้วไงจะไปหาแฟนเป็นหนุ่มลาตินแบบพี่ฝน” ยกมือขึ้นมาถูจมูกแก้เก้อเมื่อเห็นว่าหนุ่มใต้ของพี่ฝนเดินเข้ามาหา...ได้ยินอะไรไปบ้างแล้วเนี่ย

“อะ ตามใจค่ะ ถ้ายังไงฝนฝากคุณไทคุมด้วยก็แล้วกัน...ระวังอย่าให้ไปโปรยเสน่ห์ใส่ใครเขาเข้านะคะคนนี้น่ะ” ว่าทิ้งไว้แค่นั้นก็ขอตัวเดินเข้าไปเก็บของหลังร้าน...แต่เห็นนะว่าก่อนไปน่ะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลย พี่ฝน!

“จะกลับเลยรึเปล่า” แทนไทที่ยืนอยู่อีกฝั่งของเคาน์เตอร์เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าน้องเตรียมตัวพร้อมแล้ว

“อ...อือ กลับเลยๆ” จู่ๆก็รู้สึกลนแปลกๆทั้งที่ฝ่ายนั้นยังไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าที่เป็น...แต่น่านฟ้ากลับรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กที่แอบไปทำผิดแล้วโดนคุณครูจับได้เสียอย่างนั้น

น้องเดินอ้อมออกมาจากหลังเคาน์เตอร์ก่อนจะหันไปยกมือไหว้ลาพวกพี่ๆพนักงานที่กำลังช่วยกันทำความสะอาดโต๊ะอยู่ พร้อมกับใครบางคนที่เดินตามหลังมาไม่ห่างซ้ำสองมือของหนุ่มใต้ยังถือถุงกระดาษที่ภายในนั้นเต็มไปด้วยกล่องขนมและเค้กหลายชิ้น

ไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากขอ...ไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากอาสาช่วย

ทุกๆอย่างเป็นไปตามธรรมชาติราวกับเป็นพฤติกรรมที่เสพติดจนกลายเป็นความเคยชินไปกับเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้

เรื่องเล็กๆน้อยๆที่ใครบางคนเต็มใจที่จะทำให้เสมอ...และทำมันมาโดยตลอด

 

ช่วงเวลาราวๆห้าโมงเย็นนั้นเป็นช่วงที่เรียกได้ว่าการจราจรค่อนข้างจะหนาแน่นอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นช่วงเวลาเลิกงานของใครหลายคน บนท้องถนนจึงเต็มไปด้วยรถยนต์ส่วนตัวและรถสาธารณะที่วิ่งเบียดเลนกันไปมาดูวุ่นวายไม่เสียชื่อเมืองหลวงของประเทศไทย

“หนาวไหม” แทนไทหันมาถามในขณะที่กำลังนั่งรอสัญญาณไฟเขียวเป็นรอบที่สาม

“ฮื่อ...ไม่หนาวๆ” ส่ายหน้าปฏิเสธรัวเมื่อเห็นตัวเลขอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศ

ยี่สิบห้าองศาถือว่าเป็นอุณหภูมิของคนปกติกำลังอยู่เย็นสบายตัว แต่คงไม่ใช่กับหมีตัวใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างๆแน่ๆ...เห็นนะว่าดูงุ่นง่านๆเพราะร้อนน่ะ

“ไท...ลดแอร์ลงได้ไหมน่านร้อนอะ” เพราะรู้ว่าถ้าบอกให้ลดอุณหภูมิเพื่อตัวเองก็คงไม่ทำแน่

แล้วก็ได้ผลจริงๆเมื่อคนดื้อเงียบยอมลดเลขลงมาเหลือยี่สิบสอง...พอแอร์เย็นๆปะทะเข้าผิว คุณหมีขี้โมโหเลยดูผ่อนคลายมากขึ้น

“ขอบคุณค่ะ” ยิ้มให้จนเห็นรอยบุ๋มที่ข้างแก้ม ก่อนเจ้าหนูจำไมจะกลับคืนร่างอีกครั้งเพราะไม่อยากให้บรรยากาศในรถเงียบเกินไป

“เอ้อ แล้วก่อนออกมาไทโทรคุยกับใครอะ เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่...สาวโทรมาเหรอ!” น้ำเสียงล้อเลียนมาพร้อมกับประกายตาวาววับ...เพียงเท่านั้นคิ้วเข้มก็กลับมาดูยุ่งอีกครั้งเมื่อเจอคำถามที่ทำให้ต้องหันกลับมามอง

...คิดไปถึงไหนแล้ว

“มั่วแล้ว...มีซะที่ไหน” เอื้อมมือไปดันหัวเด็กน้อยเบาๆจนได้รับใบหน้ายู่ตอบกลับมา

“อ้าว ก็เห็นเฮียหมอกแซวออกบ่อยไป” น้องยักไหล่อย่างไม่ค่อยจะใส่ใจแต่มันกลับบาดลึกลงไปในจิตใจของใครบางคน

“มันก็พูดไปเรื่อย...พูดทุกอย่างยกเว้นเรื่องจริง” ส่ายหัวอย่างเอือมระอาเมื่อถึงนึกไอ้ตัววุ่นวายที่นอกจากจะไม่ช่วยทำอะไรให้ดีขึ้นแล้วยังชอบยุยงให้น้องเข้าใจเขาผิดไปกันใหญ่ “แม่โทรมาครับ...ไม่ใช่สาวที่ไหนหรอก”

“น้าเดือนโทรมาเหรอ! น่านก็อยากคุยกับน้าเดือนบ้างอะ คิดถึง…ไม่ได้ไปเยี่ยมนานแล้ว” น้องพูดอย่างเสียดาย

“แม่บอกคิดถึงน่านเหมือนกัน หยาก็ฝากบอกว่าคิดถึง” รอยยิ้มบางเบากลับมาอีกครั้งเมื่อได้พูดถึงผู้หญิงสองคนที่เจ้าตัวรักมากที่สุดในชีวิต...น้าเดือนกับปั้นหยาคุณแม่และน้องสาวสุดรักสุดหวงของคุณแทนไทเขาล่ะ

“แล้วไทคิดถึงน่านไหมอะ” น้องถามอย่างนึกสนุกและคงไม่ได้ต้องการคำตอบ...เพราะแววตาที่วาววับอยู่ตรงหน้าทำให้รู้ว่าเจ้าตัวไม่ได้คิดจริงจังอะไร คงเพราะอยากจะแหย่เขาเล่นมากกว่า

“ก็ไม่เคยไม่คิดถึงนะ”

 …เพียงเท่านั้นตัวแสบก็นั่งเงียบหุบปากฉับ ก่อนจะหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างราวกับว่าความวุ่นวายข้างนอกนั้นมีอะไรให้น่าสนใจนักหนา

...โผล่มาให้เห็นแค่ใบหูขาวที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ

และรอยบุ๋มเล็กๆที่ข้างแก้มตอนที่ริมฝีปากถูกเม้มเอาไว้แน่น

แต่ก่อนที่บรรยากาศแปลกๆจะเริ่มก่อตัวขึ้น เรื่องบางอย่างก็ย้อนกลับเข้ามาเตือนความทรงจำอีกครั้ง...เรื่องที่ทำให้วันนี้ต้องออกจากร้านมาเร็วกว่าปกติเพียงเพราะว่าจะมาทำธุระที่สำคัญ

                    “ไท”

                    “ครับ”

                    “คือ...น่านลืมบอกเลยว่ามีธุระต้องไปทำนิดหน่อย”

                    “จะแวะซื้อของเหรอ” สายตาจับจ้องฝ่ามือใหญ่ที่กำลังเคาะปลายนิ้วลงบนพวงมาลัยตามจังหวะเพลงบรรเลงที่เปิดคลอในรถ

               “เปล่า...คือ” เม้มปากจนแน่นเมื่อจู่ๆก็รู้สึกตกประหม่าขึ้นมา...อยู่ดีๆก็รู้สึกไม่กล้าบอกขึ้นมาเสียอย่างนั้น “…น่านอยากไปคอนโดเตชิน”

                    เผลอกำอุ้งมือแน่นจนฝ่ามือชื้นเหงื่อเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าปลายนิ้วข้างนั้นหยุดชะงักทั้งๆที่เพลงกำลังสนุก

               “ไปทำไม” แม้จะยังดูเรียบเฉย แต่ความทุ้มลึกและแข็งกระด้างของน้ำเสียงก็ทำเอาน่านฟ้าเผลอกัดริมฝีปากเมื่อรู้สึกว่ามีความกดดันบางอย่างเข้ามาสลายบรรยากาศดีๆเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา

               “อย่าพึ่งทำเสียงดุสิ...ฟังน่านก่อน” สุดท้ายก็ยอมพูดความจริงออกไปทั้งหมดอย่างไม่คิดที่จะปิดบัง “พอดี...น่านหาสร้อยที่เฮียเมฆซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดไม่เจอ”

                    “…” จากปลายนิ้วที่เคาะลงพวงมาลัยอย่างอารมณ์ดีเริ่มแผ่ขยายกอบกุมเอาไว้โดยรอบแทน

               “แล้ว...แล้วก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าสงสัยจะลืมเอาไว้ที่ห้องเตชินแน่ๆเลย…เพราะห้องผิงก็ไม่มี ที่บ้านก็ไม่มี”

                    “แล้วทำไมไปอยู่ที่นั่น” ปากถามแต่สายตามองตรงไปบนท้องถนนอย่างมั่นคง แขนอีกข้างเลื่อนลงมาค้ำไว้ตรงที่พักแขนด้วยท่าทีผ่อนคลายขัดกับเรียวคิ้วที่เริ่มขมวดแน่น

                    “ก็...” ...กดดันซะยิ่งกว่าตอนแอบป๋าไปเที่ยวอีก..

               “ไปค้างบ่อยเหรอ” เพลงบรรเลงถูกปิดไปกะทันหันเมื่อรู้สึกว่ามันไม่น่าฟังอีกต่อไป

               “อ..อืม ก็มีบ้าง”

         เพียงเท่านั้นก็คล้ายกับโดนหินหนักอึ้งถ่วงเอาไว้ทั้งตัว

               ...ตอนอยู่ที่นู่นไอ้หมอกก็บอกตลอดว่าน้องมีแฟนแล้ว...แต่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าถึงขั้นไปค้างที่ห้องด้วย

               มันอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะน้องก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว...แต่เพียงเท่านี้ก็เห็นได้ชัดเลยว่าทางครอบครัวน้องไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ไม่ต้องเดาเลยว่าคงโดนห้ามแล้วเจ้าตัวก็แอบไปนอนห้องแฟนตามอำเภอใจ

               “ป๋าไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม”

                    “ไม่...ไม่มีใครรู้ เฮียก็ไม่รู้” เสียงตอบรับบางเบาจนแทบปลิวหาย...คงเพราะเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา “...ไทอย่าบอกป๋านะ”

“อืม”

“ไท...โกรธน่านรึเปล่า” คงเพราะไม่สามารถเก็บสีหน้าเอาไว้ได้มันเลยแสดงออกอย่างชัดเจน

“โกรธเรื่องอะไร”

“ก็...ที่น่านไปอยู่กับชิน” น้องหน้าไม่สู้ดีจนรู้สึกสงสาร...ถึงจะไม่ชอบใจแล้วทำอะไรได้บ้าง

ถ้าบอกว่าไม่พอใจ...แล้วทำอะไรได้บ้าง

“ทำไมต้องโกรธ” น้ำเสียงเรียบเฉยไม่ต่างกับแววตา “คนเป็นแฟนกันอยู่ด้วยกัน...ไม่ผิดหรอก”

“อื้อ ขอบใจนะ” รอยยิ้มบางเบาถูกส่งมอบมาให้เมื่อรู้สึกโล่งใจ ทั้งๆที่คนรับยังถูกหินก้อนโตถ่วงเอาไว้ตรงปลายเท้า แต่สุดท้ายก็ต้องซ่อนมันเอาไว้เพื่อความสบายใจของใครบางคน

“อืม” สัมผัสอุ่นๆวางทาบทับลงบนศีรษะแผ่วเบา...กลิ่นแชมพูที่เจ้าตัวใช้ฟุ้งกระจายยามที่เส้นผมสีอ่อนถูกยีจนยุ่งเหยิง “...บอกทางมาสิ”



(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 6 - Ex-boyfriends : 07 Feb 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 07-02-2019 21:01:47
“ไทนั่งรอที่ล็อบบี้นะ....เดี๋ยวน่านขึ้นไปแป๊ปเดียว” หลังจากที่มาถึงคอนโดของเตชินก็ปาไปราวๆทุ่มกว่า

ตอนแรกน่านฟ้าบอกให้อีกนั่งรอในรถเพราะแค่ขึ้นไปเอาของคงใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ แต่เขาปฏิเสธน้องเลยยอมตามใจ อันที่จริงอยากจะขึ้นไปเป็นเพื่อนเสียด้วยซ้ำแต่เพราะเคารพกฎกติกาของสถานที่ส่วนตัวจึงทำได้แค่นั่งรออยู่ที่ล็อบบี้ตามที่น้องบอก

“ทำไมไม่โทรให้เขาเอาลงมาให้” แทนไทถามพร้อมกับเอื้อมมือไปดึงเสื้อร่นไหล่ขึ้นมาคลุมปิดจนมิดชิดและยืนคุมให้น้องติดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้ครบทุกเม็ด

“ไม่อยากคุยด้วยอะ...แล้วน่านก็ลบเบอร์เขาไปหมดแล้ว” เจ้าตัวยิ้มแหย “อีกอย่างเวลานี้ชินยังไม่กลับมาจากออฟฟิศหรอก...ทางสะดวกไม่ต้องห่วง” น้องยิ้มโชว์รอยบุ๋มที่แก้มพร้อมกับโชว์คีย์การ์ดห้องชุดของอดีตแฟนให้ดูเป็นการยืนยันว่าเตรียมตัวมาพร้อมขนาดไหน

“อืม...รีบลงมา” แทนไทพยักหน้ารับส่งๆ แต่ประโยคต่อมากลับทำให้เด็กแสบหลุดขำ “…อย่าไปนาน...หิวข้าวแล้ว” ก็ได้เหรอ! งอแงเพราะหิวเนี่ยนะ!

“ค่า รู้แล้วๆ รอแป๊ปเดียวนะ ไม่ถึงห้านาที”

…ว่าทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็รีบเดินไปขึ้นลิฟต์ทันที

เดี๋ยวคุณหมีโมโหหิวขึ้นมาล่ะยุ่งเลย

 

ประตูห้องพักถูกเปิดออกหลังจากที่แตะคีย์การ์ดลงไป ภายในห้องนั้นมืดสนิทมีเพียงนาฬิกาพรายน้ำที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหน้าทีวีเท่านั้นที่ส่องสว่าง แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงไอเย็นของเครื่องปรับอากาศที่พัดผ่านช่วงตัวกระทบเข้ากับผิวกายเพื่อเป็นตัวยืนยันว่า..

..เจ้าของห้องอยู่ที่นี่…

มือที่เอื้อมไปกดเปิดสวิตช์ไฟชื้นเหงื่อขึ้นเมื่อจังหวะการเต้นของหัวใจนั้นเริ่มถี่กระชั้น

...ไม่อยากเจอเลยจริงๆ

เดินเข้าไปใกล้บริเวณโซนรับแขกด้วยความลุ้นระทึก...แล้วก็ต้องหยุดหายใจเพียงเสี้ยววินาทีเมื่อเห็นคนที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นแฟนเก่านอนเหยียดกายอยู่บนโซฟาตัวยาว....บนโต๊ะเตี้ยข้างกายอีกฝ่ายมีขวดเหล้าและกระป๋องเบียร์วางเกลื่อนเต็มไปหมด

ฝ่ายนั้นคงเมาแล้วหลับไป...พอเห็นชุดที่อีกฝ่ายสวมเป็นเพียงเสื้อยืดและกางเกงขาสามส่วนตามที่เตชินมักชอบใส่เสมอเวลาอยู่ที่บ้าน

...แสดงว่าวันนี้คงอยู่ห้องทั้งวัน

...มาได้ถูกจังหวะจริงๆ ให้ตาย...

สายตาเฉยชามองเลยผ่านอดีตคนรักไปอย่างไม่ไยดี ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อนำของสำคัญกลับไปให้ไว้ที่สุด

น่านฟ้าถือวิสาสะรื้อค้นลิ้นชักบริเวณโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อหาสร้อยเส้นนั้น แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นวี่แววจึงเริ่มรู้สึกร้อนใจขึ้นมาไม่น้อย ก่อนจะผละออกมายืนตั้งสติใหม่อีกรอบ

พอกวาดสายตามองสังเกตรอบห้องก็ได้พบว่าบนโต๊ะของเตชินยังคงมีข้าวของเครื่องใช้ที่เคยใช้ร่วมกันตั้งอยู่อย่างเดิมเหมือนอย่างที่มันเคยเป็น แต่สิ่งที่ทำให้น่านฟ้าสะดุดตามากที่สุดก็คงเป็นกรอบรูปสีขาวที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง...มันเป็นกรอบรูปอันเดียวกันกับที่ตกแตกอยู่หน้าทีวีในคืนนั้น..

รูปสีน้ำของเจ้าตัวที่ยิ้มกว้างยังคงประกายความสุข...แม้กระจกจะแตกละเอียดไปแล้วแต่กรอบยังคงเป็นอันเดิม

จะมีแค่เพียงความรู้สึกของคนวาดเท่านั้นที่เปลี่ยนไป

...เมื่อก่อนมันไม่ได้ถูกนำมาตั้งไว้ข้างหัวเตียงแบบนี้หรอก

แล้วจู่ๆทำไมถึงพึ่งมานึกให้ความสนใจกัน...พึ่งจะมาดูแลและเห็นคุณค่าในวันที่มันแตกสลายไปและไม่มีวันที่จะย้อนกลับมาได้ไปทำไม

มันไม่สายไปหน่อยหรือ

“...ฟ้า” เสียงแหบพร่าที่ดังขึ้นมาจากบริเวณหน้าประตูดึงสติให้น่านฟ้าหันกลับไปมอง ก่อนจะพบว่าอดีตคนรักกำลังยืนพิงกายเข้ากับกรอบประตูพร้อมกับมองมาที่ตัวเองอย่างไม่ลดละสายตา

น้ำเสียงและท่าทางที่ฝ่ายนั้นใช้มองกันเจือไปด้วยความรู้สึกผิดจนล้น แววตาแดงก่ำสั่นไหวได้อย่างน่าเห็นใจ

...แต่ก็เพียงเท่านั้น เมื่อมันไม่สามารถส่งผ่านมาถึงใจได้อีกต่อแล้ว

“ฟ้า...ให้อภัยชินแล้วใช่ไหม” เตชินเดินโซเซเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นเหล้าคละคลุ้งอยู่รอบกาย นัยน์ตาสีเข้มสะท้อนวูบไหวอย่างสิ้นหวังเมื่อคนที่ตนเฝ้ารอมีเพียงความเฉยชาส่งมาให้ “…ฟ้า เรื่องวันนั้นชินขอโทษ...กับขวัญชินไม่ได้ตั้งใจ”

…ยังจะกล้าพูดอีกเหรอ..

น่านฟ้าอยากจะปัดคำแก้ตัวเหลวไหลออกไปให้พ้นทางก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อดับอารมณ์ที่เริ่มปะทุ เรียวเล็บจิกลงบนอุ้งมือจนรู้สึกเจ็บเมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้

...ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกรักจนแทบถวายหัวแปรเปลี่ยนเป็นขยะแขยงจนแทบบ้า..

“สร้อยของฟ้าอยู่ไหน” น้ำเสียงหนักแน่นพูดตัดบทแสดงให้เห็นว่าไม่อยากจะพูดคุยด้วยมากไปกว่านี้ “ชินเห็นรึเปล่า”

แม้น้ำเสียงจะแข็งกระด้างแต่อย่างน้อยเตชินก็รู้สึกคลายความตึงเครียดลงไปได้บ้างเมื่ออีกฝ่ายยอมพูดด้วย “ชินเก็บไว้ให้...ฟ้าลืมทิ้งไว้ในห้องน้ำ” รอยยิ้มบางเบาประทับขึ้นบนใบหน้าเมื่อได้มองคนที่เฝ้าคิดถึงมาตลอดหลายวัน

“ขอคืนด้วย”

“ทำไม...ฟ้าจะไปไหน” จู่ๆน้ำเสียงที่เคยอ่อนระโหยกลับแข็งกระด้างขึ้นมาเมื่อรู้ว่าที่อีกฝ่ายมาหานั้นไม่ใช่เพราะต้องการให้อภัยหรือคิดถึงกัน...แต่เพราะน่านฟ้าแค่ต้องการของสำคัญคืนก็เท่านั้น

                    เขารู้ดีว่าสร้อยเส้นนั้นมันมีความสำคัญกับฟ้ามากขนาดไหน...ถ้าให้คืนไปก็เท่ากับว่าฟ้าจะตัดขาดเขาอย่างถาวรและไม่มีทางที่จะเดินกลับมาหากัน

               ...ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ!

                    “ฟ้าจะไปจากชินจริงๆใช่ไหม!” ฤทธิ์น้ำเมาที่ยังคงไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือดเป็นตัวกระตุ้นเร้าให้ขาดสติ

                    “ชิน...ถอยออกไป” น่านฟ้าผงะถอยเมื่อคนตัวใหญ่ย่างก้าวเข้ามาหาจนประชิดพร้อมกับออกแรงกระชากให้เข้าไปหาอย่างแรงจนใบหน้าปะทะกับช่วงอกกว้าง

               “ไม่!” เสียงทุ้มตวาดลั่นก่อนจะออกแรงโอบรัดร่างของอดีตคนรักแน่นเมื่ออีกฝ่ายเริ่มดิ้นขัดขืนราวกับรังเกียจกันจนเกินจะรับไหว

               ...ฟ้าไม่เคยเป็นแบบนี้...

                     ที่ผ่านมาต่อให้ทะเลาะกันรุนแรงแค่ไหนเพียงแค่กอดเดียวก็สามารถทำให้ฟ้าให้อภัยเขาได้โดยง่าย

               แต่รอบนี้มันต่างออกไป...แม้จะออกแรงรัดแน่นเพียงไหนแต่กลับรู้สึกว่าคนในอ้อมกอดยิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ

               “เราเลิกกันแล้ว! ชินไม่มีสิทธิ์ทำกับฟ้าแบบนี้!” เล็บยาวทั้งจิกและข่วนแผ่นอกจนขึ้นรอยแดง แต่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่สะทกสะท้านแล้วยังเพิ่มแรงรัดให้แน่นขึ้นอีก

               “ชินไม่เลิก!!” คำยุติความสัมพันธ์กรีดลึกลงไปในใจจนเจ็บคล้ายกับถูกคมมีดกรีดจนเป็นแผลเหวอะ

               ...เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าจะทะเลาะกันหนักแค่ไหนน่านฟ้าไม่เคยพูดคำนี้ออกมาให้ได้ยินสักครั้งเดียว

               “ปล่อยนะ! ชิน!ฟ้าเจ็บ!” อุ้งมือแข็งบีบรอบข้อมือเล็กจนขึ้นรอยแดงอย่างน่ากลัว

               “ทำไมต้องเลิก! ฟ้าไปมีคนใหม่ใช่ไหม!” ตะคอกถามจนข้างขมับรับรู้ได้ถึงเส้นเลือดที่เต้นตุบ “บอกมา!มันเป็นใคร! ไอ้เหี้ยนั่นมันเป็นใครถึงกล้าเสือกกะโหลกมายุ่งกับเมียชาวบ้าน!  มันไม่รู้เหรอว่าฟ้ามีผัวแล้ว--!” คำสบประมาทหยาบคายทำให้คนฟังถึงกับหน้าชาวาบ รู้ตัวอีกทีฝ่ามือก็ตวัดตบลงไปบนเสี้ยวหน้าของคนไม่รักดีอย่างช้ำใจ นัยน์ตาสีสวยเอ่อคลอไปด้วยหยดน้ำเมื่อความเสียใจตีรวนขึ้นมาจนท่วมท้น

…หัวใจคนเรามันจะแหลกสลายกันได้กี่ครั้งกัน

“จำเอาไว้…ที่ฟ้าหมดรักชิน มันก็เพราะตัวชินเอง…ไม่ใช่เพราะใคร!”

               ประกายวาวโรจน์นัยน์ตาคมเข้มแสดงให้เห็นว่าตอนนี้เตชินฟิวส์ขาดไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยรอยยิ้มบิดเบี้ยวแสดงให้เห็นว่าภายในนั้นแตกสลายไม่มีชิ้นดี ร่างสูงใหญ่พุ่งตัวเข้าไปตวัดอุ้มอดีตคนรักก่อนจะเหวี่ยงลงไปบนเตียงจนได้ยินเสียงสปริงลั่น

“หึ…ชินไม่ยอมปล่อยฟ้าไปง่ายๆหรอก”

…รู้ว่าคงไม่มีทางหวนคืน…แต่หมาจนตรอกน่ะมันทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว

“ฟ้าเป็นเมียชิน! เป็นของของชิน!…มันคือความจริงที่ฟ้าลบมันออกไปไม่ได้!!”

               น่านฟ้าร้องจนเสียงหลงเมื่ออีกฝ่ายกดล็อกข้อมือทั้งสองข้างขึ้นไว้เหนือหัวพร้อมกับแทรกกายเข้ามาใช้เข่ากดทับหน้าขาจนชาดิก

               “ชิน!หยุดนะ!” กรีดร้องดังลั่นเมื่อเสื้อเชิ้ตที่สวมใส่ถูกกระชากออกไม่มีชิ้นดี กระดุมทุกเม็ดขาดกระจัดกระจายไปคนละทิศ ทันใดนั้นก็รู้สึกชาวาบไปทั้งตัวเมื่อถูกซุกซบเข้ามาที่ข้างซอกคออย่างรุนแรง สัมผัสเปียกชื้นที่ขบเม้มรุนแรงบนผิวเนื้ออ่อนทำให้รู้สึกหวาดกลัวจนร้องไม่ออก

               ริมฝีปากถูกกระแทกจูบดุดันจนรับรู้ได้ถึงสัมผัสเค็มปร่าของเลือดที่ซึมออกมา

เตชินสติแตกไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย...เพราะฝ่ายนั้นทั้งกัดและจูบตระโบมผิวเนื้อด้วยความหยาบคายอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

...เจ็บใจจนน้ำตาไหล

ฝ่ามือเล็กที่ประทุษร้ายคนตัวใหญ่เริ่มอ่อนแรงลง มือที่กำเข้ากับผ้าปูที่นอนจนยับย่นคลายออกเมื่อความสิ้นหวังประเดประดังเข้ามาโจมตี น่านฟ้านอนนิ่งไม่ต่อต้านทั้งๆที่ฝ่ายนั้นเอื้อมมือเข้ามารองใต้แผ่นหลังเพื่อที่จะปลดตะขอเกาะอกออก

เตชินจูบซับลงบนหัวไหล่เปลือยอย่างโหยหา...ไม่ว่าอย่างไรกลิ่นกายของคนในอ้อมกอดก็เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจห้ามความปรารถนาเอาไว้ได้ สองมือบีบเฟ้นไปทั่วผิวเนื้อขาวนวลจนขึ้นรอยแดงอย่างถือสิทธิ์ เรียวปากขบเม้มบริเวณผิวเนื้อเหนือเนินอกจนขึ้นจ้ำสีแดงคล้ำไปทั่วอย่างไร้ความปรานี

ความหึงหวงและต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทำให้สติถูกหั่นสะบั้นลง

...ตั้งแต่คบกันมาไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งแค่ไหนฟ้าก็ไม่เคยอนุญาตให้เขาทำร่องรอยบนตัว...

แต่แล้วสัมผัสเปียกชื้นที่หยดลงบนฝ่ามือก็หยุดให้ทุกการกระทำชะงักลง เนื้อตัวสั่นเทาของคนใต้ร่างทำให้เตชินต้องกำฝ่ามือเข้าหากันแน่นจนเส้นเลือดปูดเกร็ง

...ทำไมต้องหวาดกลัวและรังเกียจกันมากขนาดนี้...

ทั้งๆที่เราเคยรักกันมากแท้ๆ

ทำไม...ทำไมความรักของเขามันส่งไปไม่ถึงใจของอีกฝ่ายเลย

หรือนี่อาจเป็นบทลงโทษของคนที่ไม่รักดี...คนเห็นแก่ตัวที่มาเห็นค่าของสำคัญในวันที่สายไป...

“..แม่งเอ๊ย!” น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงเมื่อเปลือกตาปิดการรับรู้ทุกสิ่ง ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงทับคนใต้ร่างไว้อย่างหมดเรี่ยวแรง เสียงทุ้มต่ำที่สั่นเครือข้างใบหูแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายอ่อนแอมากแค่ไหน “..ขอโทษ...ชินขอโทษ”

เขาเกือบจะทำมันไปแล้ว...เกือบลงมือทำร้ายฟ้าไปแล้ว

น่านฟ้านอนนิ่งไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้นออกมาให้ได้ยิน ริมฝีปากอิ่มถูกขบเม้มจนซีดเพื่อระบายความกดดันทั้งหมดที่มี

…มีค่าแค่นี้ใช่ไหม...

เพราะเป็นแบบนี้ใช่ไหม...ใครต่อใครถึงนึกอยากจะทำอะไรกับร่างกายนี้ก็ได้

…เอาเลย...อยากทำอะไรก็เชิญ..

“ฟ้า...”

“ถอย” น้ำเสียงแผ่วระโหยเฉยชาจนน่ากลัว “...ไปให้พ้น”

“ฟ้า...ชินขอโทษ” มีเพียงเสียงสะอื้นจากผู้ชายตัวโตเท่านั้นที่ดังคลอไปกับเสียงลมเครื่องปรับอากาศ

เตชินยอมผละกายออกห่างในท้ายที่สุด

แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรน่านฟ้าก็ลุกหนีออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าตัวเองจะมีเพียงเสื้อเชิ้ตที่ขาดวิ่นห่อหุ้มผิวกายเอาไว้

เสียงปิดประตูด้านนอกดังขึ้นดึงสติให้ชายหนุ่มต้องรีบคว้าเอาเสื้อเชิ้ตของตัวเองที่พาดอยู่ใกล้ๆมาถือไว้ก่อนจะวิ่งตามออกไป

 

น่านฟ้าแทรกตัวเข้ามาในลิฟต์และปิดเอาไว้ได้ทันก่อนที่ใครอีกคนจะตามเข้ามา

เพียงไม่นานก็ลงมาถึงชั้นล่าง มองจากตรงนี้ก็ได้เห็นว่าใครบางคนกำลังนั่งรออยู่ที่ล็อบบี้ตามเดิมไม่ได้ลุกไปไหน เพียงเท่านั้นม่านน้ำตาก็ฉาบทับขึ้นมาบังเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นลุกเดินเข้ามาหาด้วยความร้อนรน

“น่าน” แทนไทดูตกใจอยู่ไม่น้อยเมื่อเห็นสภาพของน้อง “เกิดอะไรขึ้น”

               น่านฟ้าไม่ตอบอะไรทำเพียงแค่ส่ายหน้าแล้วโผเข้ามากอดเอาไว้แน่น เจ้าตัวซุกหน้าลงกับอกพร้อมกับปล่อยโฮจนผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นหันมามองเป็นตาเดียว

                 แม้จะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่สุดท้ายก็ต้องเก็บความสงสัยเอาไว้แล้วรีบพาน้องกลับไปที่รถ

               แทนไทอาสาเปิดประตูฝั่งข้างคนขับให้น้องลงไปนั่ง แต่แล้วกลับสังเกตเห็นร่องรอยบางอย่างที่เด่นชัดบนเนินเนื้อขาวผ่อง

                  ...พึ่งจะเห็นก็ตอนนี้เองว่ากระดุมทุกเม็ดบนเสื้อน้องมันขาดออกไปจนหมดเลยทำให้คอเสื้อเปิดกว้างขึ้นกว่าเดิม

               “ใครทำ” แทนไทค้ำแขนลงบนหลังกรอบประตูรถด้วยท่าทีเคร่งเครียด “มันใช่ไหม” สันกรามถูกขบแน่นจนนูน

                    น้องไม่ตอบอะไร ทำเพียงก้มหน้านิ่งแล้วกำมือแน่น

               “ฟ้า!” แต่แล้วเสียงร้องเรียกด้วยความร้อนรนของใครบางคนก็ดึงความสนใจให้ต้องหันกลับไปมอง

               เตชินวิ่งเข้ามาหาที่ลานจอดรถทั้งๆที่ไม่ได้สวมใส่รองเท้าพลันในตาก็กลับมาแข็งกร้าวเมื่อเห็นว่ามีใครอีกคนอยู่กันอดีตคนรัก

“มันเป็นใครฟ้า” สันกรามถูกบดจนนูนเพื่อระงับอารมณ์

..เตชินไม่เคยได้พบเจอแทนไทมาก่อน เจ้าตัวรู้เพียงแค่ว่าน่านฟ้ามีพี่ชายอีกคนที่ป๋ารับมาเลี้ยง แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดจะใส่ใจอะไรมากมาย มันเลยไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจผิดคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนใหม่ที่เข้ามาแทนที่ตัวเอง

“ไท...กลับกันเถอะ” น่านฟ้าเอื้อมมือไปจับแขนเมื่อเห็นว่าไทมองฝ่ายนั้นไม่วางตา

“นี่ใช่ไหมคนใหม่ของฟ้า” คนที่ว่าเบี่ยงตัวเข้ามาขวางไม่ยอมให้เขาได้เข้าไปใกล้...ร่างสูงใหญ่ของผู้ชายสองคนยืนประจันหน้ากันเขม็งอย่างไม่ยอมลดละ

“ถอยไป” น้ำเสียงกดต่ำเป็นการเตือน แทนไทผลักอกอีกฝ่ายออกเมื่อเห็นว่ามันตั้งท่าจะเอื้อมมือไปดึงตัวน้อง

“มึงมีสิทธิ์อะไรมาสั่งกู!” เตชินผลักคืนอย่างไม่ออมแรงนัก “นี่เมียกู! อย่าเสือกมายุ่งกับของคนอื่น!”

“พูดดีๆไม่ชอบใช่ไหม”

สิ้นน้ำเสียงเย็นเยียบสัมผัสหนักๆก็ลอยปะทะกับใบหน้าเข้าอย่างจังจนคนถูกต่อยเซล้มลงไปบนพื้น

               “ไท!”

                    เสียงร้องเรียกไม่เป็นผลเมื่อคนที่ถูกโทสะควบคุมจนสิ้นสติ แทนไทดึงคอเสื้ออีกฝ่ายขึ้นมาก่อนจะเหวี่ยงกระแทกเข้ากับตัวรถพร้อมใช้แขนดันล็อกลำคอเอาไว้จนไม่มีโอกาสที่จะตอบโต้กลับได้

เตชินไม่ใช่ผู้ชายตัวเล็กก็จริง...แต่ถ้าเทียบกับไทแล้วล่ะก็ยังไงก็คงสู้ไม่ไหว

ในขณะที่อีกคนเป็นเพียงผู้ชายสุขภาพแข็งแรงทั่วไป...จะไปเทียบกับแรงนักกีฬาได้ยังไง

               “เหี้ยเอ๊ย!” เสียงสบถหยาบดังขึ้นซ้ำยังพยายามที่จะสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้

               “น่านเลิกกับมึงแล้ว” หนุ่มใต้กดเสียงต่ำอย่างต้องการระงับอารมณ์เดือดดาลที่ปะทุขึ้นมา “อย่าเสือกเข้ามายุ่งอีก”

                    …แทนไทที่อยู่ตรงหน้าราวกับเป็นใครอีกคนที่น่านฟ้าไม่เคยได้รู้จัก

...ดูน่ากลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้...

               “แล้วน่านก็ไม่ใช่สิ่งของของใครทั้งนั้น...ไม่ใช่คนที่มึงคิดจะมาเล่นทิ้งๆขว้างๆด้วยได้” ถ้อยคำเอ่ยเตือนแฝงไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “จำใส่หัวไว้”

ประกายตาลุกโชนไปด้วยโทสะพร้อมกับแรงกดเข้าที่ลำคอของอีกฝ่ายแน่น ความรู้สึกที่สะสมมาเนิ่นนานถูกระบายผ่านเรี่ยวแรงมหาศาลเมื่อหวนนึกถึงรอยน้ำตาของใครบางคนที่หลั่งไหลเพราะคนคนนั้น

               ...ทั้งๆที่มีโอกาสได้ดูแล...แต่ทำไมยังทิ้งขว้างอย่างไม่ไยดี

ทำเหมือนกับว่าเป็นของตายที่รอให้มันคอยเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า

               ...ที่ผ่านมาเพราะเห็นว่าน่านรักมันมากเลยยอมถอย…ไม่เข้าไปยุ่ง

               พอแล้ว...พอกันที

                    ทนมาเกินพอแล้ว

               หมัดที่สองซัดเข้าที่ใบหน้าจนอีกฝ่ายเซจนต้องอิงตัวเข้ากับรถ แต่พอตั้งท่าจะเข้าไปต่อยซ้ำให้หายแค้นกลับถูกใครบางคนเข้ามาขวางเอาไว้ก่อน

               “ไท..พอแล้ว” …น้องร้องขอทั้งที่น้ำตายังเปื้อนอาบแก้ม

               “...” หมัดสองข้างกำแน่นจนเกร็งแววตาเครียดขมึงจ้องเลยผ่านไปยังอีกคนอย่างไม่ยอมล่าถอย...อาจเป็นเพราะน้ำหนักกำปั้นที่มีมากกว่าคนปกติทั่วไปเลยทำให้ฝ่ายนั้นมึนอยู่ไม่น้อย

               “พอแล้ว...น่านขอ...” ฝ่ามือเล็กเอื้อมมาจับแขนเอาไว้ นัยน์ตากลมโตสั่นไหวเมื่อช้อนขึ้นมอง เพียงเท่านั้นก็คล้ายกับถูกกระแสน้ำเย็นสาดซัดเข้ามาดับไฟโทสะที่กำลังคุกรุ่น “ไทอย่าทำเขาเลย”

            ก็แพ้อยู่วันยังค่ำ

               “…จะปกป้องมันทำไมน่าน”

               “ไท..”

                    “ยังจะห่วงมันอีกทำไม”

                    ถามออกไปทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แก่ใจ

               คนเคยรักกัน...จะห่วงกันก็ไม่แปลก

               ทั้งๆที่รู้แบบนั้นแต่แรงบีบรัดในอกซ้ายกลับทำงานหนักจนแทบทนไม่ไหว

               ...ยิ่งเห็นว่าน้องร้องไห้ก็ยิ่งเจ็บจนแทบบ้า

             

 บรรยากาศภายในรถเงียบจนน่าอึดอัด น่านฟ้าพิงตัวเข้ากับประตูรถจนแทบกลืนหายเข้าไปในนั้น

รู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาไม่หยุดเมื่อคนข้างกายไม่มีท่าทีที่จะหันกลับมามองกัน...หลังจากที่ออกมาจากคอนโดของเตชินไทก็เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา น่านฟ้าสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายกำพวงมาลัยแน่นจนกล้ามเนื้อตึงเครียดไปหมด

...ไม่เคยเห็นไทโมโหขนาดนี้มาก่อน

ยอมรับว่าตอนนั้นตกใจมากจริงๆที่เห็นไทต่อยอดีตคนรัก...เพราะปกติแล้วในเรื่องการใช้กำลังแทนไทจะเป็นคนที่ใจเย็นมากเพราะเจ้าตัวรู้ตัวดีว่าตัวเองนั้นมือและเท้าหนักกว่าคนทั่วไป ถ้าไม่จำเป็นจะพยายามเลี่ยงตลอด ขนาดต่อยเตชินไปแค่ไม่กี่หมัดฝ่ายนั้นยังแทบแย่ ถ้าปล่อยให้มีเรื่องต่อมีหวังไม่พ้นหามส่งโรงพยาบาลแน่นอน

“...น่านขอโทษ” น้องเสียงสั่นพร่าพร้อมกับเอื้อมมือจะไปจับแขนเอาไว้...แต่ก็ต้องใจเสียเมื่อคนพี่ยื้อหลบ

“…”

“ไทอย่าโกรธเลยนะ” กังวลจนแทบบ้ากับท่าทีเฉยชาแบบนี้ “น่านไม่ได้เป็นห่วงเตชินแล้ว...แค่...แค่ไม่อยากให้ไทมีเรื่อง”

“น่านไม่ได้ ฮึก ..ไม่ได้รักเขาแล้วจริงๆ” น้ำตาที่พยายามกลั้นมาตลอดทางหยดลงบนฝ่ามือ

“...”

“ไทเชื่อน่านนะ...ขอร้อง” ตัวแสบเซื่องซึมลงมาก ทั้งมือก็ยกขึ้นปาดน้ำตาป้อยๆเหมือนเด็กเล็กๆโดยไม่ได้แคร์เลยว่ามาสคาร่าจะเปื้อนเปรอะ

เผลอเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อความกดดันทั้งหมดลอยวนเวียนอยู่รอบตัวจนรู้สึกหนักอึ้ง...ปลายเล็บจิกลงบนอุ้งมือจนเป็นรอยแดงเพื่อระบายความอึดอัดที่เกิดขึ้น

ไม่ได้อยากร้องไห้งี่เง่าแบบนี้เลย...แต่เพราะมันทนไม่ไหวที่อีกคนเอาแต่นั่งเงียบไม่สนใจกัน

แต่แล้วจู่ๆฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งก็ยื่นเข้ามาหาพร้อมกับถือวิสาสะสอดปลายนิ้วเข้ามากอบกุมเอาไว้แทนเลยทำให้อุ้งมือปลอดภัยจากเล็บของตัวเอง

“เดี๋ยวเจ็บมือ” ประโยคสั้นๆที่เรียกให้หยดน้ำตาไหลรินลงมามากกว่าเดิม “...ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ”

“…” น่านฟ้าส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมออกแรงกระชับฝ่ามืออุ่นแน่น

“อย่าร้องไห้”

พอเงยหน้าขึ้นมองฝ่ายนั้นก็เอาแต่มองตรงไปยังท้องถนน...ตาคมจ้องเลขสีแดงของไฟจราจรอย่างมั่นคง ไม่แม้แต่จะหันมาสนใจต่างจากอุ้งมือใหญ่ที่บีบกระชับแน่นขึ้นจนรู้สึกอุ่นไปทั้งหัวใจ

ความแข็งกระด้างฉุนเฉียวก่อนหน้าหายไปแล้ว...ตอนนี้เหลือแต่หมีตัวโตที่ดูหงุดหงิดงุ่นง่านเวลาที่มีอะไรสักอย่างมาป้วนเปี้ยนให้รำคาญใจ

“ไท”

“ครับ”

“ขอบคุณนะ” ขอบคุณที่อยู่ข้างๆกัน

“อืม” ในที่สุดก็ยอมหันกลับมามองกันซะที “...เจ็บมากไหม” ปลายนิ้วยกขึ้นมาลูบข้างมุมปากอย่างเบามือ...อ่อนโยนราวกับคนที่ต่อยคนอื่นจนหน้าหงายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานั้นเป็นเพียงร่างสมมติ

“ฮื่อ เจ็บ” เพราะตอนที่เตชินจูบน่ะโดนเขี้ยวบาดมาด้วยนิดหน่อย

...แต่คงไม่กล้าบอกหรอกเดี๋ยวหมีแปลงร่างอีก

“ไหนดู” จู่ๆคุณคนขับก็โน้มตัวลงมาใกล้จนน่านฟ้าเผลอกลั้นหายใจไปเสี้ยววินาที ลำตัวแนบไปกับเบาะแน่นเมื่อฝ่ายนั้นเอี้ยวตัวเข้ามาหาจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกัน

ลมหายใจอุ่นร้อนที่เจือกลิ่นหอมเย็นของเมนทอลเริ่มทำให้รู้สึกตาพร่าเบลอ...นิโคตินเจือจางปลุกเร้าความรู้สึกบางอย่างให้ออกมาโลดแล่น

ปลายนิ้วอุ่นไล้รอยช้ำเล็กๆตรงมุมปากแผ่วเบาก่อนจะย้ายไปเกลี่ยที่ข้างแก้มทั้งๆที่ยังคงจับจ้องอยู่กับเยลลี่นุ่มนิ่มไม่วางตา...น้องเผลอเม้มปากอีกครั้งจนเจ้ารอยบุ๋มข้างแก้มโผล่มาให้เห็น

...ทุกๆอย่างสะกดสายตาจนไม่อาจจะเพิกเฉยได้...เรียวลิ้นในโพรงปากเริ่มอยู่ไม่สุขจนต้องดุนดันเข้าที่กระพุ้งแก้มเพื่อระงับความอยากบางอย่างที่กำลังปะทุขึ้นมา

...แทนไทคิดมาตลอดว่าตัวเป็นพวกสูบบุหรี่จัดในระดับหนึ่ง

แต่อาการแบบนี้ไม่เคยเป็นมาก่อน...

ยิ่งได้สบเข้ากับแววตาที่ไหวสั่นของคนตรงหน้าด้วยแล้ว...คิดว่านิโคตินหลายร้อยกรัมก็คงไม่สามารถระงับได้

“ท...ไท” น้องเรียกไม่เต็มเสียงนักเพราะตอนนี้ระยะห่างระหว่างกันอยู่ในขั้นอันตราย...ผิดจังหวะไปนิดเดียวล่ะโดนแน่…

“ยัง...ยังหิวอยู่ไหม” รู้ว่าคำถามที่ถามออกไปมันไร้สาระ...แต่ตอนนี้คิดอะไรไม่ออกแล้ว..

รอยยิ้มขบขันปรากฏบนใบหน้าคมดุ...น่านฟ้าใจกระตุกเมื่อฝ่ายนั้นเผลอขบเรียวปากล่างราวกับกำลังสะกดกลั้นอะไรบางอย่างอยู่

...ภายในเสี้ยววินาที...ผีเสื้อนับร้อยนับพันก็โบยบินสยายปีกเป็นอิสระหลุดพ้นจากพันธนาการเศร้าโศกที่กักขัง

เมื่อได้รับสารบางอย่างที่ส่งผ่านมาทางกระแสลม

..เว้าวอน..อ่อนหวาน

และมากล้นราวกับสิ่งสิ่งนั้นถูกกักเก็บมาเนิ่นนาน…รอให้ใครอีกคนได้รับรู้

“...แทนไท” ใกล้เกินไปแล้ว..

“ครับ” ไม่ต้องมายิ้มเลย...อันตรายเกินไปแล้วจริงๆ

“ไฟ..อือ...ไฟเขียวแล้ว” เสียงขาดห้วงไปเล็กน้อยเมื่อถูกแกล้งให้ต้องเบี่ยงหน้าหลบออกไปอีกทาง

ฝ่ายนั้นผละออกไปตั้งใจขับรถเหมือนเดิม...จะมีก็เพียงแค่แขนข้างซ้ายที่ยังคงป้วนเปี้ยนวางพาดอยู่บนพนักพิงของเบาะตุ๊กตาหน้ารถอย่างแนบเนียน

รอยยิ้มบางเบาปรากฏสะท้อนจากกระจกมาให้ได้เห็นจนใบหูขาวเองก็ขึ้นสีระเรื่อไปตามกัน

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา...ทนมามากพอแล้ว

...หลังจากนี้คงถึงเวลาที่จะทำอะไรให้มันชัดเจนสักที



_________________________________________



พี่ไทหิวอัลไล! พูดให้มันดีๆ! /ตีๆๆๆๆ  :angry2:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 6 - Ex-boyfriends : 07 Feb 2019
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 07-02-2019 21:53:38
ไม่อยากให้ขึ้นไปคนเดียว นึกแล้วว่าต้องเจอแบบนี้
มันแย่มากๆ

รอพี่ไท ได้เวลาทำอะไรให้มันชัดเจนแล้ว ขอให้สำเร็จนะ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 6 - Ex-boyfriends : 07 Feb 2019
เริ่มหัวข้อโดย: bowbeauty ที่ 07-02-2019 22:35:10
พี่แทนของน้องงงง งื้ออออ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 6 - Ex-boyfriends : 07 Feb 2019
เริ่มหัวข้อโดย: แพรวฐา ที่ 07-02-2019 22:42:15
อยากให้น่านมีความสุขสักที ไทสู้ๆนะคะ จีบน่านเลยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 6 - Ex-boyfriends : 07 Feb 2019
เริ่มหัวข้อโดย: GevalinW329 ที่ 07-02-2019 23:35:14
 :z3: :ling1: :mew4: :katai1:
อ่านไปร้องไปอ่ะสงสารน้อง
ต่อไปนี้พี่ไทก็คงจะรุกน้องหนักขึ้นนนน
กรี้สสสส กนี้สสสสส กรี้สสสสส
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 6 - Ex-boyfriends : 07 Feb 2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 08-02-2019 00:21:45
คุณแทนไทสู้นะ รักมากตั้งหลายปีเจ็บมาก็หลายปีเช่นกัน
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 6 - Ex-boyfriends : 07 Feb 2019
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 08-02-2019 02:05:57
โอ้วววววว ในที่สุดพี่แทนไปก็จะเดินหน้าแล้วจ้า เย้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 6 - Ex-boyfriends : 07 Feb 2019
เริ่มหัวข้อโดย: piiya ที่ 11-02-2019 01:51:04
แง ดีมากเรยยยยยยย จาเปงลม  :sad4:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 6 - Ex-boyfriends : 07 Feb 2019
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 12-02-2019 01:19:47
สู้ ลุยยยย เพื่อน้อง เอาน้องคืนมา ดูเเลเองจ้า
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 6 - Ex-boyfriends : 07 Feb 2019
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 12-02-2019 04:32:11
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 6 - Ex-boyfriends : 07 Feb 2019
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 17-02-2019 16:13:57
ลุยเต็มกำลังค่ะพี่ไท
จีบน้องหนักเลย
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 6 - Ex-boyfriends : 07 Feb 2019
เริ่มหัวข้อโดย: HZtaoFan ที่ 22-02-2019 12:19:49
พี่ไทคืองานดีย์อะค่ะ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 6 - Ex-boyfriends : 07 Feb 2019
เริ่มหัวข้อโดย: porjj ที่ 25-02-2019 10:10:41
พี่ไท รุกเลยค่าาา จีบน้องเลยๆ
เชียร์ๆ โปกแท่งไฟรอเลย
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 7 - Beauty and the beast : 08 Mar 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 08-03-2019 00:17:40
CHAPTER 7

Beauty and the beast

___________________


น่านฟ้าแอบย่องเข้ามาในห้องครัว พอเห็นว่าหม่าม้ากำลังหันหลังทำกับข้าวอยู่เจ้าตัวก็แอบส่งสัญญาณกับป้านิดก่อนจะพุ่งเข้าไปกอดเอวคุณอิงดาวจนตัวเซ

“ม้า~”

   “กลับมาแล้วเหรอคะ ทานข้าวไหม ม้าพึ่งทำเสร็จ”

   “หนูไปทานกับผิงมาแล้วค่ะ” สองแม่ลูกกอดกันกลมพร้อมกับหอมแก้มกันไปมา

   หม่าม้าหยิบทิชชู่ในกล่องออกมาซับเหงื่อข้างขมับให้ ก่อนจะดันตัวลูกคนเล็กไปนั่งที่โต๊ะอาหารแล้วยกจานผลไม้แช่เย็นออกมาให้ทาน

   เมื่อช่วงเช้าน้องน่านบอกว่าจะเข้าร้านไปเคลียร์งานนิดหน่อย เจ้าตัวเลยขอยืมรถขับออกไปที่ร้านเองเพราะวันนี้ป๋าและคนอื่นๆออกไปงานแถลงข่าวตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว เจ้าตัวแสบเลยได้โอกาสออกไปตะลอนๆตามใจตัวเองหนึ่งวันเมื่อไม่มีคนคอยคุม

   คุณปรีชาเนี่ยจะอะไรนักหนาไม่รู้ ลูกก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วยังจะคุมเข้มอยู่ได้

แต่ก็อย่างว่าเขารักเขาหวงของเขามากนั่นล่ะ เดี๋ยวโดนน้องน่านอ้อนเข้าหน่อยก็ใจอ่อนเป็นขี้ผึ้งถูกไฟลนแล้ว

   “แล้ววันนี้น้องผิงจะมาไหมลูก” หม่าม้ารินน้ำส้มคั้นสดผสมน้ำมะนาวนิดหน่อยตามที่เจ้าตัวชอบไปให้ก่อนจะนั่งลงข้างๆกัน

   เพราะเย็นนี้ที่บ้านจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดป๋า ป้านิดกับหม่าม้าเลยต้องวิ่งวุ่นออกไปตลาดแต่เช้าเพื่อซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารกินเลี้ยงโดยมีพวกเด็กๆในค่ายมาช่วยอีกแรง อันที่จริงจะซื้ออาหารข้างนอกมากินก็ได้แต่เด็กๆส่วนใหญ่นั้นบอกอยากกินฝีมือแม่ดาวกับแม่นิดมากกว่าเลยต้องยอมตามใจ

   “มาค่ะ ผิงจะมาพร้อมเฮียเมฆ” มะละกอสุกชิ้นสุดท้ายถูกส่งเข้าปากเคี้ยวจนแก้มตุ่ย “เมื่อกี้หนูก็พาผิงไปเดินเลือกของขวัญให้ป๋ามาด้วย”

   “นี่แอบไปซื้อก่อนม้าเหรอ ไหนบอกจะรอไปพร้อมกันไง น้องน่านเนี่ย”

คุณอิงดาวดึงแก้มนุ่มจนยืด

   ช่วงนี้น้องน่านเริ่มมีน้ำมีนวลขึ้นเยอะไม่ซูบโทรมเหมือนก่อนแล้ว คงเพราะเจ้าตัวยอมกินข้าวตามที่บอกซ้ำป้านิดยังขยันเอาใจทำแต่ของโปรดให้ทานน้องน่านเลยเจริญอาหารขึ้นมาก คิดว่าอีกไม่นานคงต้องวางแผนควบคุมน้ำหนักให้แน่นอน

   “ม้า~หนูเจ็บ~” ตัวแสบยื้อหน้าหนีก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย “ของหนูซื้อแล้วแต่ก็พาหม่าม้าไปอีกรอบไง~”

   “ไม่ต้องเลย ม้าจะไปกับเฮียหมอกแค่สองคน” คุณอิงดาวพูดตัดบทพร้อมกับยกจานและแก้วเปล่าไปเก็บที่ซิงค์ล้างจาน ท่าทางงอนตุ๊บป่องทำให้ลูกคนเล็กต้องเข้าไปโอ๋อย่างว่องไว

   หม่าม้าไม่ได้งอนจริง...แอบเห็นหรอกว่ายิ้ม

   “ให้หนูไปด้วยน้า~เดี๋ยวไม่มีคนถือของช่วยนะม้า” คุณอิงดาวถูกจู่โจมหอมแก้มจนต้องเอี้ยวหน้าหลบเป็นพัลวัน

   “จะขอเกาะไปซื้อเครื่องสำอางก็บอกมาเถอะ ไม่ต้องมาเนียน” เลี้ยงมาตั้งแต่ตัวกระจ้อยทำไมจะดูไม่ออก

   “โธ่ หนูไปซื้อกับผิงมาแล้วว”

   “เดี๋ยวหนูก็ซื้ออีกเชื่อม้าสิ” ครั้งเดียวจบรอบเดียวจอดมีที่ไหน

   “ทำอะไรกันแม่ลูก” เสียงร้องทักมาจากหน้าประตูห้องครัวดึงความสนใจของทั้งสองให้หันไปมอง คุณป๋าที่วันนี้แต่งตัวดูกระชากวัยมากกว่าทุกวันเดินเข้ามาหอมแก้มหม่าม้าแล้วรับน้ำเย็นเจี๊ยบจากป้านิดมาดื่ม

   อันที่จริงป๋าปรีชาอายุก็ปาเข้าไปเลขห้าปลายๆแล้วแต่ถ้าเทียบกับคนรุ่นราวคราวเดียวกันแล้วละก็ถือว่ายังหนุ่มยังแน่นและเตะปี๊ปกระเด็นไปได้หลายร้อยเมตรแบบสบายๆ

   “แปลก...วันนี้ใส่ขายาว” พอหอมแก้มลูกคนเล็กเสร็จก็ต้องนึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่วันนี้น้องน่านสวมกางเกงยีนขายาวสีดำกับเสื้อสเวตเตอร์สีเหลืองคัสตาร์ด...แบบที่นานๆที่จะใส่ให้ได้เห็น

ป๋าละอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก

   “เป็นของขวัญวันเกิดป๋า งดใส่สั้นวันนึง” เจ้าตัวยืดขึ้นไปจุ๊บแก้มเต็มรักแถมบ่นส่งท้ายมานิดหน่อยว่าให้ป๋าโกนหนวดได้แล้วมันบาดปาก

   ..ก็หม่าม้าเขาบอกชอบแบบนี้นี่หว่า

   “ป๋าอยากจะมีวันเกิดทุกวันเลย” เพราะที่ผ่านมาความดันขึ้นจนเหนื่อยแล้ว

   “เจ้าหมอกกับไทล่ะพ่อ” หม่าม้าถามหาลูกชายอีกสองคนทันทีเมื่อไม่เห็นแม้แต่เงา นี่ก็เที่ยงกว่าแล้วกลัวว่าจะหิวกัน

   “ไอ้หมอกมันนอนอยู่โซฟานู่น ส่วนเจ้าไทคงคุยกับเด็กอยู่ที่ยิม” ป๋าปรีชาบุ้ยหน้าออกไปด้านนอก “พ่อหิวจังเลย ม้าทำอะไรกินบ้างครับ” ไม่ว่าเปล่ายังโอบเอวคุณภรรยาสุดรักเข้ามากอดแน่นจนโดนตีแขนไปป้าบใหญ่เพราะอายสายตาลูกกับป้านิดที่กำลังยิ้มล้อเลียน

   “เยอะแยะ” คุณอิงดาวเอี้ยวหน้าหลบเมื่อกำลังจะถูกจู่โจมเป็นครั้งที่สอง “น้องน่านเอาน้ำไปให้เฮียเขาหน่อยลูก เอ๊ะ! พ่อนี่ ทำไมซนจัง”

   น่านฟ้าหลุดขำกับภาพตรงหน้าอย่างห้ามไม่อยู่ แม้ว่าป๋ากับหม่าม้าจะสวีทกันจนเป็นภาพที่ชินตามาตั้งแต่เด็กๆแล้วก็เถอะ

   แต่ที่ทำให้ลูกๆต้องนึกอิจฉาในใจก็คือสายตาที่ป๋าใช้มองหม่าม้านี่แหละ ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนไปนานแค่ไหนก็ตาม สายตาคู่นั้นก็ยังคงมั่นคงอยู่เสมอไม่มีนอกลู่นอกทาง แค่เห็นก็รู้แล้วว่าคุณปรีชาเขารักของเขามากแค่ไหน

   น้ำเปล่าเย็นเจี๊ยบสองขวดถูกถือออกมาเผื่อใครบางคนด้วย แล้วก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อเห็นว่าที่โซฟารับแขกตรงกลางบ้านเฮียหมอกไม่ได้นอนอยู่คนเดียวอย่างที่ป๋าว่า

   “แต่งตัวเรียบร้อย...ก็ว่าทำไมวันนี้ฟ้ามันครึ้มๆ โอ๊ย! ไอ้หมวย!” เอ่ยปากแซวน้องยังไม่จบก็ถูกมันโยนขวดน้ำใส่ท้องในขณะที่กำลังนอนดูรายการทีวีอยู่เพลินๆ

   “พูดมาก” น่านฟ้าไม่ได้สนใจพี่ชายตัวเองที่กำลังมองมาตาเขียว กลับเดินไปอีกฝั่งแล้วยื่นขวดน้ำให้ใครบางคนแทน

   “อะ...รอบนี้เอามาเผื่อ” บอกไว้แค่นั้นก็เดินกลับไปนั่งเบียดกับพี่ชายที่โซฟาตัวเดียวกัน เฮียหมอกบ่นไม่หยุดปากว่าน้องสองมาตรฐานแต่สุดท้ายก็ค่อยๆกระเถิบตัวมานอนหนุนตักอย่างแนบเนียน

   ตักไอ้หมวยนุ่มนิ่มนอนแล้วหลับโคตรสบาย

   น่านฟ้าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมานั่งเล่นไปเรื่อยเปื่อย ทำทีเป็นไม่สนใจใครอีกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม พออาศัยจังหวะที่คิดว่าอีกฝ่ายกำลังเผลอแอบลอบมองก็ต้องสะดุ้งเพราะทางนั้นดันเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกันพอดี

วันนี้แทนไทดูแปลกตาไปกว่าเดิมนิดหน่อยเพราะเจ้าตัวสวมเสื้อโปโลสีดำของทางค่ายแบบเดียวกันกับที่ป๋ากับเฮียหมอกใส่ ซ้ำทรงผมยังถูกเซตเปิดไปด้านหลัง ลุคกึ่งๆทางการแบบนี้มันเลยพานทำให้คนมองต้องกระแอมไอแก้เก้ออยู่หลายครั้ง

..ปกติไทชอบใส่แค่เสื้อยืดสีพื้นธรรมดาๆ พอแต่งตัวแบบนี้มันเลยไม่ค่อยจะชินตาเท่าไรนัก…

จู่ๆก็เผลอไล่มองตามปลายนิ้วเรียวยาวที่กำลังลูบพาดผ่านข้างริมฝีปากในขณะที่เจ้าตัวกำลังนั่งมองจอโทรทัศน์ พลันใบหน้าก็ร้อนวูบขึ้นมา

   ...ภาพความทรงจำบนรถเมื่อคืนมันยังคงชัดเจน

   ไม่ว่าจะเป็นสัมผัสอบอุ่นที่กอบกุม...

และลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารินรดอยู่ข้างผิวแก้มเจือกลิ่นหอมเย็นของเมนทอลและนิโคลตินอ่อนๆ ทำให้บรรยากาศรอบข้างคล้ายถูกสะกดตรึงเอาให้หยุดไว้เพียงเท่านั้น

   ไม่อยากจะคิดเลยถ้าตอนนั้นไฟเขียวไม่มาช่วยชีวิตเอาไว้ก่อนละก็..

   “เหม่อไรไอ้หมวย” อวัศย์เงยหน้าขึ้นถามเมื่อสังเกตเห็นว่าน้องหูแดง

   แม่ง...มันขาวได้หม่าม้ามาเต็มๆ เขากับเฮียยังไม่ขาวขนาดนี้เลย

   “เปล่า..”  น่านฟ้าส่ายหน้าปฏิเสธ พยายามเบี่ยงเบนความสนใจเฮียสุดความสามารถ “เอ้อ เฮีย ซื้อไรให้ป๋าอะ ของขวัญวันเกิด”

   “ไม่บอกเว้ย เป็นความลับ” หมอกเอามือน้องมานวดๆเล่นอย่างที่ชอบทำมาตั้งแต่เด็ก...ยิ่งเห็นสายตาของหมาบางตัวมันแสดงอาการก็ยิ่งได้ใจ...รู้หรอกว่าอยากจับ สมน้ำหน้าทำได้แค่มอง!  รอต่อไปเถอะมึง! “ว่าแต่หมวยซื้อเค้กให้ป๋ายัง”

   “เรียบร้อย หนูทำเองด้วยไม่อยากจะอวด”

   “...เออ...เฮียจะได้ไม่กิน” หมอกแสร้งตีหน้าสยองล้อเลียนน้อง...แล้วก็ได้ฝ่ามือฟาดเข้ามาตรงต้นแขนหนึ่งป้าบ

   “เด็กๆไปกันหรือยัง” หม่าม้าเดินออกมาจากห้องครัวหลังจากที่หาข้าวหาน้ำให้คุณสามีทานเสร็จเรียบร้อย...สงสัยคุณเขาจะหิวจริงเพราะนั่งทานไม่พูดไม่จา พอถามว่าทำไมไม่แวะกินก่อนเข้ามาคำตอบที่ได้ก็เล่นเอาเขินจนลืมอายุ

   ‘ก็พ่ออยากกลับมากินข้าวฝีมือม้านี่’

   ดูพูดเข้า รู้เลยลูกชายบ้านนี้ปากหวานได้ใคร

   “ไปๆ” หมอกเด้งตัวขึ้นกะทันหันจนหัวโขกกับน้องดังโป๊ก “อูย ไอ้หมวยไมไม่หลบวะ”

   “เฮียนั่นแหละ!” แล้วสองพี่น้องก็ตีกันไปมาจนหม่าม้าต้องส่ายหัวอย่างเอือมระอาพร้อมออกปากดุไปด้วยเมื่อเห็นว่าเจ้าหมอกเริ่มแกล้งน้องแรงเกินควร

“ปะไท ไปซื้อของขวัญให้ป๋ากัน”

“ครับ” คุณอิงดาวเลิกสนใจสองแสบ แล้วหันไปชวนลูกชายอีกคนแทน ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับโดยไม่หือไม่อือพร้อมกับเดินไปหยิบกุญแจรถมาเตรียมพร้อม

ถ้าเจ้าหมอกสงบปากสงบคำได้ครึ่งของไทคงดีไม่น้อย...จะได้พักหูซะบ้าง ทุกวันนี้พูดจ้อไม่หยุด พูดน้ำไหลไฟดับหม่าม้าล่ะเหนื่อยที่จะฟัง

“เชิญค่ะคุณผู้หญิง” ลูกชายคนกลางเปิดประตูฝั่งข้างคนขับให้พร้อมกับโค้งกายอย่างสุภาพทั้งๆที่มองยังไงมันก็โคตรจะกวนบาทา

“หมอกมาขับ ให้ไทเขาพักบ้าง” คุณอิงดาวสั่ง

“ไม่เป็นไรครับน้าดาว” แทนไทยิ้มตอบรับพร้อมกับช่วยปิดประตูให้

“กูขับเอง” หมอกรีบแย่งกุญแจรถมาถือไว้ซะเอง...เปิดทางให้ขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวอีก “มึงไปนั่งหลังกับไอ้หมวยนู่นไป”

มันดูลังเลนิดหน่อยแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี

หมอกเดินอ้อมไปขึ้นรถทางฝั่งคนขับพร้อมปรับเบาะให้นั่งได้สบาย ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดโดยไม่ลืมย้ำให้หม่าม้าคาดด้วยเพราะคุณนายเธอมัวแต่ตอบไลน์กับเพื่อนสาวอยู่

แว่นกันแดดที่เก็บไว้ประจำรถถูกหยิบออกมาสวมด้วยความเคยชิน

เท่านี้ก็พร้อมแล้วสำหรับหน้าที่สารถีตามที่คุณอิงดาวเขาต้องการ



“ม้าจะซื้ออะไรอีกไหมครับ”

เนื่องจากวันนี้ตรงกับวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ห้างจึงมีคนพลุกพล่านมากเป็นพิเศษซ้ำผู้คนยังเลือกที่จะมาเดินตากแอร์เย็นๆเพื่อหลบหนีอากาศที่ร้อนจัดช่วงบ่ายแก่

หลังจากที่เดินวนดูของขวัญให้เจ้าของวันเกิดอยู่สองสามรอบในที่สุดหม่าม้าก็ตัดสินใจได้ซะทีว่าปีนี้จะซื้อกระเป๋าสตางค์ให้คุณสามีเพราะเจ้าตัวนั้นยังคงใช้ใบเก่าที่เคยซื้อให้เป็นของขวัญเมื่อสามปีที่แล้วไม่ยอมเปลี่ยนซะที จนตะเข็บรุ่ยแล้วรุ่ยอีก

อันที่จริงคุณปรีชาก็เคยบอกไว้แล้วว่าไม่จำเป็นต้องซื้อของขวัญให้มากพิธี แค่ทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาก็พอแล้ว

“ไม่ละ” หม่าม้าส่ายหน้า เดินนานๆชักจะเมื่อยขา “น้องน่านจะซื้ออะไรไหม”

“หนูขอเดินไปดูเครื่องสำอางแป๊ปนึง” เจ้าตัวอมยิ้มโชว์รอยบุ๋มตรงแก้มเมื่อถูกพี่ชายหรี่ตามอง

“แป๊ปนึงไม่มีอยู่จริง” หมอกทำหน้าเมื่อยใส่น้อง “เฮียไปด้วยทีไรไม่เคยต่ำกว่าชั่วโมง”

“ตอนหนูไปเป็นเพื่อนเฮียซื้อรองเท้าก็นานพอกันนั่นแหละ” ไอ้ตัวแสบมันเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ พอกำลังจะเอื้อมมือไปผลักหัวมันหม่าม้าก็เข้ามาห้ามทัพไว้ซะก่อน

“งั้นหมอกไปกับม้าก็แล้วกัน ม้าอยากไปดูหนังสือที่คิโนะหน่อย” หม่าม้าเข้าไปคล้องแขนลูกชายเอาไว้เป็นการบังคับทางอ้อม “ส่วนหนูก็ไปเดินเล่นตามใจเลยนะไม่ต้องรีบ ถ้าเสร็จแล้วโทรหาม้านะคะ”

หลังจากทั้งสองเดินห่างออกไปก็พอดีกับที่ใครบางคนเดินกลับออกมาจากห้องน้ำ แทนไทเลิกคิ้วเป็นเชิงคำถามเมื่อเห็นว่าตอนนี้เหลือเพียงแค่น่านฟ้าที่ยืนอยู่คนเดียว

“ม้ากับเฮียไปร้านหนังสือ”

“แล้วไม่ไปด้วยรึไง”

“ไม่อะ น่านว่าจะไปดูลิปหน่อย” เผลอยกมือขึ้นมาเกาปลายจมูกเมื่อเริ่มรู้สึกถึงความประหม่าเวลาที่ได้อยู่กันสองต่อสองอีกครั้ง “แล้ว...ไทจะไปซื้ออะไรไหม”

“เดี๋ยวไปด้วยก็ได้”

“จะดีเหรอ มัน...น่าเบื่อนะ” ตอนที่คบกับเตชินฝ่ายนั้นยังเคยหลุดปากบ่นออกมาเลย...เพราะมันต้องใช้เวลาเลือก กลัวว่าอีกฝ่ายจะหงุดหงิดเอา

“ไม่เป็นไร ไม่ได้อยากไปไหนอยู่แล้ว”

“แต่”

“จะไปไม่ไป”

“อื้อ ไปแล้วๆ””

ปลายแขนเสื้อสเวตเตอร์ถูกกำเอาไว้เมื่อร่างสูงใหญ่เขยิบเข้ามาใกล้เพื่อหลบทางให้เด็กๆที่กำลังวิ่งไล่จับกันอยู่

เพียงชั่วขณะที่กระแสลมอ่อนๆพัดพา กลิ่นหอมเย็นเจือจางที่ลอยมาปะทะจมูกทำให้น่านฟ้าแอบใจกระตุกไปเล็กน้อย

โดยปกติแล้วแทนไทไม่ใช่ผู้ชายที่ติดน้ำหอม ยกเว้นก็แต่เวลาที่จะต้องไปออกงานสำคัญๆเจ้าตัวถึงจะฉีดเพื่อเสริมบุคลิกภาพและสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง

น่านฟ้าคุ้นเคยกับกลิ่นหอมนุ่มแบบนี้ดี...น้ำหอมยอดฮิตของคุณสุภาพบุรุษทั้งหลาย

Chanel bleu…กลิ่นเดียวกันกับที่แฟนเก่าเคยใช้เป๊ะเลย...

..แต่พอเป็นแทนไทแล้ว...กลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ดวงตากลมโตมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินนำหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

ไล่ตั้งแต่ทรงผมอันเดอร์คัทที่ถูกเซตเป็นระเบียบ ช่วงลำคอและแนวบ่าแข็งแรงรับกับท่อนแขนกำยำ ลายเส้นสีดำของรอยสักบางส่วนที่โผล่พ้นออกมาจากแขนเสื้อด้านขวาช่วยดึงเสน่ห์ความดิบของผู้ชายออกมาได้เป็นอย่างดี บั้นเอวสอบที่รับกับช่วงขายาวก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงพร้อมแผ่นหลังกว้างแกร่ง

ทั้งหมดทั้งมวลนั้นสร้างความรู้สึกอุ่นใจให้กับคนที่แอบมองได้อย่างน่าประหลาด

รู้ตัวอีกทีก็เผลอเนียนเขยิบเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นหอมเย็นนุ่มจมูกชวนให้ใบหน้าต้องร้อนผ่าว

..เข้ากันได้ดีเกินไปแล้ว…

ก็เคยได้ยินมาบ่อยเหมือนกันว่าไอ้เจ้าน้ำหอมตัวนี้ถ้าใครใช้แล้วละก็แฟนจะหวงจนไม่อยากให้ออกไปไหน แถมยังอยากจะกอดอยากจะซุกทั้งวัน ตอนแรกก็รับฟังมาแบบขำๆไม่คิดจะเชื่อคำโฆษณาโอเวอร์เกินจริง เพราะตอนที่เตชินใช้ก็ไม่เห็นจะรู้สึกอะไร ออกจะฉุนจมูกไปนิดด้วยซ้ำ

แต่ทำไมพอเป็นแทนไทใช้แล้วมันกลับเข้ากันแบบสุดๆ..

กลิ่นหอมเย็นนุ่มนวลที่เป็นเอกลักษณ์ความเป็นผู้ใหญ่ช่วยเบรกความดิบของคนวัยหนุ่มได้อย่างพอเหมาะ มันเลยกลายเป็นกลิ่นเฉพาะตัวที่ทำให้น่านฟ้าต้องยอมเชื่อคำโฆษณาที่เคยได้ยินมาโดยไม่มีข้อโต้แย้ง

ที่บอกว่าแค่ได้กลิ่นก็ใจเต้นแล้ว...คงจะจริงก็งานนี้..

“ทำอะไร” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยทักเมื่อรู้สึกสัมผัสบางอย่างที่ชนเข้ากับบริเวณต้นแขน พอก้มลงมองก็เห็นว่าน้องเอาจมูกมาแตะๆแถวแขนเสื้อตัวเอง

“ห้ะ อ๋อ ป...เปล่า พอดีน่านเดินเพลินไปหน่อย โทษที” น่านฟ้าส่ายหน้าปฏิเสธ...ไม่ได้แอบดมเลยนะจริงๆ...

“จะไปร้านไหน” ยืนรอให้น้องตัดสินใจสักพักเจ้าตัวก็ชี้ไปที่ร้านเครื่องสำอางร้านใหญ่ที่มีผู้คนค่อนข้างหนาแน่น และส่วนมากก็มีแต่ผู้ชายทั้งนั้นที่ยืนคอยอยู่หน้าร้าน

“ไทรออยู่ข้างนอกก็ได้นะ น่านขอเข้าไปแป๊ปนึง” นึกอยากจะขำกับแววตาประกายวิบวับเหมือนเด็กเล็กๆเวลาที่เห็นของเล่นถูกใจ

“เดี๋ยวเข้าไปด้วยก็ได้” เพราะรออยู่ข้างนอกก็ไม่รู้จะทำอะไรอยู่ดีนอกจากยืนมองตากับผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกัน

“เอาจริงดิ”

“อืม” อยากจะรู้เหมือนกันว่าเวลาที่รอน้องซื้อเครื่องสำอางจะน่าเบื่อเหมือนกับที่ไอ้หมอกเคยมาบ่นให้ฟังบ่อยๆไหม

“งั้น...อย่ามาบ่นทีหลังแล้วกัน” น้องยักไหล่ใส่ทีนึงก่อนจะเดินนำหน้าเข้าไปในร้าน

โดยไม่ต้องรอให้เสียเวลาตะกร้าสินค้าก็ถูกนำมาคล้องแขนเอาไว้ด้วยความรวดเร็ว ก่อนเจ้าตัวจะตรงดิ่งไปที่เชลฟ์เครื่องสำอาง เผลอแป๊ปเดียวก็คลาดสายตาไปแล้ว

แทนไทเดินตามหาทีละล็อกจนในที่สุดก็เจอเจ้าตัวกำลังยืนเลือกลิปสติกอยู่หน้าเชลฟ์ พอเดินเข้าไปหาก็ต้องคอยเบี่ยงตัวหลบทางให้ลูกค้าคนอื่น

พึ่งจะรู้สึกว่าตัวเองตัวใหญ่เทอะทะก็ตอนนี้...ดูเกะกะเก้งก้างไปหมด

ผู้ชายตัวโตสูงโดดเด่นช่างขัดกับบริบทโดยรอบอย่างสิ้นเชิง

 “ไทว่าสีไหนสวย” พอน้องหันมาเจอก็ยิ้มโชว์เจ้ารอยบุ๋มข้างแก้มก่อนจะชูลิปสติกสองแท่งที่ดูยังไงมันก็แทบจะไม่มีความแตกต่างขึ้นมาให้ช่วยเลือก

“มันก็แดงเหมือนกันไม่ใช่เหรอ” ไม่เห็นจะต่างกันตรงไหน

“ไม่เหมือน อันนี้มันจะออกส้มๆ” ลิปสติกแท่งที่อยู่ในมือซ้ายถูกยื่นมาตรงหน้า “แต่อันนี้จะตุ่นๆ” อีกแท่งถูกยื่นเข้ามาติดๆ ทำเอาคนพี่ต้องขมวดคิ้วมองอย่างงุนงง

“อะไรตุ่นๆ” ยอมรับว่าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยจริงๆ

“ก็ตุ่นๆไง สีตุ่นๆ” น้องเร่งเร้า “เร็วช่วยเลือกหน่อย”

“เอาไอ้ตุ่นก็ได้” ตัดสินใจให้พร้อมกับชี้ไปที่มือข้างขวา แต่ผลที่ได้รับคือน้องกลับตีหน้าเสียดายซะงั้น

“จริงดิ...แต่น่านชอบอีกอันมากกว่า”

“งั้นก็เอาอันนั้นแหละ”

“แต่สีตุ่นก็สวยนะ”

“…”

“งั้นเอาทั้งสองเลยก็แล้วกันเสียดายอะ”

แล้วก็ได้เข้าใจซะทีว่าทำไมตอนนั้นเพื่อนๆมันชอบมาบ่นให้ฟังว่าไม่ควรออกความคิดเห็นถ้าแฟนให้เลือกสีลิปช่วย...

สถานการณ์ตอนนี้เป็นได้แค่ผู้รับฟังที่ดีเท่านั้นเพราะถูกลิดรอนสิทธิโดยชอบธรรมตั้งแต่ย่างก้าวเข้ามาในร้านแล้ว

เขาอาสาถือตะกร้าให้น้องเพราะอีกฝ่ายจะได้เลือกของได้สะดวก น่านฟ้าเดินข้ามไปอีกเชลฟ์เพื่อซื้อทินต์ตัวโปรดที่พึ่งจะหมดไป แล้วก็ได้เห็นว่าแบรนด์นี้ออกลิปคอลเลคชั่นใหม่ ไม่รอช้าแขนเสื้อสเวตเตอร์ก็ถูกดึงร่นขึ้นมาอยู่ช่วงศอกก่อนลิปสติกแต่ละสีจะถูกปาดลงบริเวณแขนจนเป็นรอยปื้นตัดกับผิวขาว

“ทำอะไร” แทนไทก้มลงมองตามอย่างสงสัย

“ก็ลองสวอชสีดูไงว่าอันไหนสวยบ้าง”

ยอมพยักหน้ารับรู้ทั้งๆที่ในใจก็อดสงสัยไม่ได้ว่าลิปสติกเอาไว้ทาปากทำไมต้องไปลองกับแขน แต่ก็ทำได้แค่เก็บความสงสัยเอาไว้เพราะเวลาที่มองคนตรงหน้ากำลังมีความสุขไปกับการเลือกซื้อเครื่องสำอางมันเพลินตาอยู่ไม่น้อย

...ไม่เห็นจะน่าเบื่อเหมือนที่ไอ้หมอกมันชอบบ่นเลยสักนิด

เส้นผมสีอ่อนปล่อยยาวถูกเหน็บทัดหูไว้ตอนที่เจ้าตัวกำลังก้มลงอ่านขวดคลีนซิ่งของยี่ห้อหนึ่งอยู่ ริมฝีปากเล็กขบเม้มเบาๆเวลาที่สมาธิได้จดจ่ออยู่กับอะไรบางสิ่งบางอย่าง

แม้ปอยผมบางส่วนจะหลุดลงมาจนบังเสี้ยวหน้าเอาไว้แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีว่าจะสนใจ พอจะเอื้อมมือขึ้นมาทัดเก็บกลับช้ากว่าใครบางคน..

สัมผัสอุ่นร้อนจากปลายนิ้วแข็งปัดผ่านใบหูเพียงนิดพร้อมกับทัดเก็บเส้นผมให้เสร็จสรรพ

แม้จะเป็นเพียงสัมผัสผิวเผินแต่กลับส่งผลให้เลือดในกายสูบฉีดขึ้นมาจนรู้สึกร้อนที่ใบหน้าจนลามไปถึงใบหู

“ไหนบอกจะมาซื้อแค่ลิป” แทนไทยิ้มมุมปากพร้อมกับหยิบขวดคลีนซิ่งในมือน้องมาใส่ไว้ในตะกร้าให้เพราะเห็นว่าเจ้าตัวอ่านอยู่นานแล้วไม่ตัดสินใจสักที

“ก็อันนี้มันออกใหม่..” ตอบได้ไม่เต็มเสียงนักเพราะตอนนี้ของในตะกร้ามีเกินสิบอย่างเข้าไปแล้วด้วย...

“จะซื้ออะไรอีกไหม” เพราะเมื่อกี้น้าดาวโทรมาหาบอกว่าจะไปรอที่รถก่อน

“เดี๋ยวน่านขอไปดูแฮนด์ครีมแป๊ปนึง” ล็อกตรงข้ามเป็นเชลฟ์ของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทุกรูปแบบ น่านฟ้าสุ่มเลือกเทสเตอร์แฮนด์ครีมมาหลอดนึงก่อนจะเปิดทาแล้วยกขึ้นดมกลิ่น

“ไทว่าหอมไหมอะ” แตะหลังมือเข้าที่ปลายจมูกซ้ำๆอย่างไม่มั่นใจจนในที่สุดก็หันไปขอความช่วยเหลือจากคนข้างกายอย่างลืมตัว

ท่าทีชะงักไปนิดหน่อยของฝ่ายนั้นทำให้น่านฟ้าที่พึ่งจะรู้สึกตัวตั้งท่าจะชักมือกลับ แต่ก็สายไปแล้วเมื่อร่างสูงใหญ่ก้มหน้าลงมาใกล้พร้อมกับแตะปลายจมูกเข้ากับหลังมือแผ่วเบา

“ก็หอมดี”

เพียงเสี้ยววินาทีก็ได้ยินเสียงอื้ออึงเต้นตุบโครมใหญ่จนหูอื้อ น่านฟ้าชักมือกลับพร้อมกับวางแฮนด์ครีมไว้ในตะกร้าแล้วเดินไปต่อแถวที่เคาน์เตอร์เพื่อรอชำระเงินปล่อยให้ใครบางคนที่อยู่ด้านหลังต้องกลั้นยิ้มเอาไว้อย่างสุดความสามารถ

..ลูกคนเล็กของป๋านี่ยังไง

มาทำให้คนอื่นเขาเสียอาการแต่ตัวเองดันชิงเขินก่อนซะงั้น...




(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 7 - Beauty and the beast : 08 Mar 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 08-03-2019 00:18:45

เย็นวันนั้นที่ค่ายมวยนันพิวัฒน์ดูครึกครื้นมากกว่าทุกวัน บริเวณลานกว้างหน้ายิมเปลี่ยนเป็นสถานที่วางโต๊ะกินเลี้ยงขนาดใหญ่และมีโต๊ะย่อยอีกสี่ห้าโต๊ะเพื่อเอาไว้สำหรับวางอาหารและเครื่องดื่ม

ป๋าปรีชาลงทุนซื้อคาราโอเกะชุดใหม่มาต่อพ่วงกับจอตามคำขอของพวกเด็กๆในค่าย...ถือซะว่าตามใจพวกมันก็แล้วกัน เพราะเดือนหน้ามีแข่งแมตช์ใหญ่เด็กมันจะได้มีกำลังใจ

ส่วนในห้องครัวก็กำลังวุ่นวายได้ที่เพราะนอกจากคุณอิงดาวและป้านิดแล้วยังมีผู้ชายตัวโตๆอีกสี่ห้าคนมาคอยช่วยเป็นลูกมือ

“เอกทำอาหารเก่งนะเนี่ย” หม่าม้าชมไม่ขาดปากเพราะปลากะพงทอดน้ำปลาฝีมือเทรนเนอร์เอกนั้นออกมาสวยงามน่าทานมากๆ

“ขอบคุณครับม้า” ปลาตัวสุดท้ายถูกจัดวางไว้บนจานพร้อมเสิร์ฟ เอกเรียกเด็กๆให้เข้ามายกจานอาหารออกไปเรียงตั้งโต๊ะเพราะใกล้เวลากินเลี้ยงแล้ว

“ม้า” เสียงร้องเรียกบริเวณหน้าประตูทำให้ต้องหันไปมอง แล้วก็ต้องยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นลูกสะใภ้คนโปรดที่เดินเข้ามาพร้อมกับน้องน่าน

“สวัสดีค่ะ” ผิงยกมือไหว้ทุกคนในห้องครัวไม่เว้นแม้แต่พี่ๆนักมวย

“สวัสดีค่ะลูก ม้าคิดถึงผิงจัง หายไปไหนซะนาน” หม่าม้าดึงลูกสาวคนโปรดเข้ามากอดมาหอมเต็มรักเพราะไม่ได้เจอหน้ากันหลายเดือนแล้ว

“พอดีช่วงที่ผ่านมายุ่งๆน่ะค่ะเลยหาเวลามาเยี่ยมม้าไม่ได้เลย” ลูกสะใภ้คนสวยยิ้มเอาใจ “คิดถึงอาหารฝีมือม้ากับป้านิดจะแย่”

“หืม ปากหวานนะเนี่ย” คุณอิงดาวลูบหัวอย่างเอ็นดู รวมถึงป้านิดเองก็อมยิ้มจนแก้มแทบแตก “ดูสิ ขนาดผิงเขายังคิดถึงอาหารฝีมือม้า แต่ใครบางคนที่อยู่นี่กลับไม่ค่อยทานข้าวเลย”

ใครบางคนที่กำลังหยิบกุ้งชุบแป้งทอดขึ้นมากินถึงกับสะดุ้ง

“ม้าเผาหนูอีกแล้วอะป้านิด” น่านฟ้าบุ้ยปากก่อนจะเข้าไปกอดเอวท้วมของคุณป้าแม่บ้านแทน

“ก็จริงของหม่าม้าเขานะคะ ดูสิ ผอมขนาดนี้ ป้านิดคิดถึงแก้มยุ้ยๆของน้องน่านจะแย่” โธ่...ป้านิดเนี่ยไม่เข้าข้างกันเลย

“ตอนอยู่กับหนูก็กินเท่าแมวดม” ส่วนผิงก็รีบใส่ไฟเมื่อได้โอกาส

“ไอ้ผิง”

“ไร” ดูทำหน้าเข้า อยากให้เฮียเมฆได้มาเห็นจริงๆว่าสุดที่รักของเฮียทะเล้นขนาดไหน

“เดี๋ยวเหอะ”

“พอเลยๆทั้งคู่มาช่วยม้ายกกับข้าวออกไปวางที่โต๊ะข้างนอกเร็ว” แล้วก็ถูกห้ามทัพไว้ซะก่อนที่จะเกิดสงครามขนาดย่อม ทั้งสองถือจานกุ้งแช่น้ำปลาฝีมือหม่าม้าออกไปวางไว้ที่โต๊ะเป็นอย่างสุดท้าย



เวลาสามทุ่มกว่าบรรยากาศงานเลี้ยงเป็นไปอย่างสนุกสนานเพราะวันนี้ป๋าเลี้ยงเครื่องดื่มมึนเมากันแบบเต็มที่ทั้งเทรนเนอร์ทั้งเด็กฝึกเลยจัดหนักจัดเต็มกันชนิดที่ว่ากะให้เมาหัวราน้ำกันเลยทีเดียว เหล่าครูฝึกที่เริ่มกรึ่มๆเข้าไปยึดแย่งไมค์กันร้องเพลงอย่างสนุกสนานสร้างสีสันให้งานเลี้ยงได้เป็นอย่างดี

ถือซะว่าเป็นวันผ่อนคลายให้ทุกคนหลังจากที่ตั้งใจทำงานอย่างหนักติดต่อกันมาหลายเดือน

เจ้าภาพงานวันเกิดที่นั่งอยู่หัวโต๊ะตัวยาวคอยรับคำอวยพรจากพวกเด็กๆและครูฝึกในค่ายอย่างไม่ขาดสายด้วยความสุข แม้จะไม่ได้มีของขวัญมีค่าราคาแพงแต่คำอวยพรที่ขอให้ป๋าสุขภาพแข็งแรงอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ทุกคนไปนานๆกลับสร้างความสุขให้เจ้าของวันเกิดมากกว่าสิ่งไหน

“เออนี่เจ้าไท เห็นบอกว่าจะลงไปเยี่ยมแม่เขานี่ ใช่ไหมลูก”

ป๋าปรีชาหันไปถามลูกชายอีกคนที่กำลังชงเหล้าให้อยู่ทางขวามือ...เมื่อสองวันก่อนแทนไทบอกว่าจะขอลากลับไปเยี่ยมแม่ที่กระบี่สักสามสี่วัน

“ครับ”

“แล้วจะไปวันไหนละ”

“คงเป็นมะรืนครับป๋า”

“อืม” แกพยักหน้ารับก่อนจะหันไปหาลูกคนเล็กที่กำลังคุยอยู่กับเพื่อนและหม่าม้าอย่างออกรสออกชาติ “น้องน่านอยากไปเที่ยวทะเลไหมลูก”

“ป๋าว่าไงนะ” น่านฟ้าขอทวนคำถามอีกรอบเพราะเสียงร้องคาราโอเกะของพี่เอกนั้นมันดังกลบไปหมด

“ป๋าถามว่าหนูอยากไปเที่ยวทะเลไหม ปีนี้เรายังไม่ได้ไปเที่ยวกันเลยนะ” คุณป๋ายิ้มมุมปากพร้อมกับขอความเห็นจากภรรยา “ม้าว่าไง เจ้าไทมันบอกจะลงไปเยี่ยมแม่มะรืนนี้”

“ม้าได้หมดแล้วแต่พ่อเลย” หม่าม้าออกปากแซว “พูดเองเออเองเก่ง เจ้าบ้านเขายังไม่ได้ชวนซะหน่อย เนอะไท”

แทนไทหลุดขำพร้อมกับส่ายหน้าปฏิเสธออกจะยินดีซะด้วยซ้ำ แม่คงดีใจที่ป๋ากับน้าดาวลงไปเยี่ยม

“ไปบ้านไทเหรอ” เจ้าตัวแสบที่ยังคงเคี้ยวผลไม้แก้มตุ่ยหันไปถามก่อนจะพยักหน้าตกลงเสร็จสรรพ “ไปๆ!หนูคิดถึงน้าเดือนกับน้องหยา อยากไปเที่ยวทะเลแหวกกับสระมรกตด้วย” ในหัวตอนนี้วางแผนเตรียมชุดไปถ่ายรูปเรียบร้อยแล้ว

“ไม่มีงานรึไงเรา” ป๋าปรีชายิ้มล้อ “จะทิ้งร้านไปเที่ยวกับป๋าได้เร้อ”

“ไม่เป็นไรค่ะ หนูอนุญาตให้ตัวเองพักได้” สายตามุ่งมั่นที่ส่องประกายทำให้หม่าม้าต้องดึงแก้มนุ่มอย่างมันเขี้ยว

“เมฆกับน้องผิงว่าไงไปกับป๋าไหมลูก ถือโอกาสไปพักผ่อนด้วย” ป๋าหันไปถามลูกชายคนโตอย่างมีความหวังเพราะไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันนานแล้ว แต่สีหน้าเสียดายที่อีกฝ่ายแสดงออกมาก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเจ้าตัวคงไม่ว่าง

“ครั้งนี้คงไปไม่ได้ครับป๋า ผมต้องเข้าเวรสองวันติดเลย ส่วนน้องก็ติดงานที่บริษัทด้วย” แม้จะนึกเสียดายแต่ก็เข้าใจเอาไว้คราวหน้าค่อยไปด้วยกันก็ได้

“ผิงเช็ดปากหน่อย” คุณหมอหันไปหาคนรักของตัวเองพร้อมกับช่วยเช็ดปากให้เพราะเจ้าตัวพึ่งกินกุ้งชุบแป้งทอดตัวโตเข้าไปเกล็ดขนมปังบางส่วนมันเลยยังติดอยู่ข้างมุมปาก

“อื้อ” พอจะยื้อกายออกห่างก็โดนดึงกลับเข้าไปหา จะเถียงก็ไม่ได้เพราะกุ้งยังเต็มปาก

“ทำไมช่วงนี้มีแต่คนจีบกันวะ” อวัศย์ที่นั่งไร้บทบาทมานานแทรกขึ้นกลางคันพร้อมกับเคี้ยวถั่วฝักยาวไปเรื่อยเปื่อยอย่างเบื่อหน่าย คู่นี้ก็เช็ดปากให้กันส่วนอีกคู่แม่งก็นั่งมองกันไปมาอยู่นั่น นี่ถ้าเป็นปลากัดไอ้หมวยมันท้องไปนานแล้ว

“ว่าแต่จะไปวันไหนนะป๋า ผมจะได้เก็บเสื้อผ้ารอ”

“ไปไหน” ป๋าปรีชามองลูกชายคนกลางและจิบเหล้าในแก้วไปด้วยอย่างสบายอารมณ์เมื่อถูกมันตีหน้าหมางงใส่

“ก็ไปเที่ยวบ้านไอ้ไทไง”

“ใครเขาชวนเอ็งไอ้หมอก” ทุกคนถึงกับหลุดขำเมื่อเห็นไอ้ตี๋ทำหน้าเหลอหลา

“เอ้า! ได้ไง!จะทิ้งผมเหรอ!”  มันโวยวายใหญ่

“หมอกไปใครจะเฝ้ายิม เฮียเมฆเขาก็เข้าเวร” ยิ่งแกล้งยิ่งสนุก “เอาน่า ป๋าฝากหน่อยเดี๋ยวเอาน้ำทะเลใส่ขวดมาฝาก”

“แรงมาก!” หมอกแกล้งเคี้ยวถั่วฝักยาวอย่างเกรี้ยวกราดก่อนจะหันไปขอความช่วยเหลือจากหม่าม้าที่กำลังกลั้นขำอยู่ “ม้าดูแฟนม้าดิ”

“พ่อก็ไปแกล้งลูก เอาน้ำทะเลมาฝากอะไรกัน” ไอ้ตี๋ยิ้มมุมปากอย่างมีชัยชนะ แต่ทว่า... “เอาทรายใส่ขวดมาด้วยสิจะได้ครบ”

“ม้า!” ผมคือเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง!

ป๋าปรีชาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แกล้งใครก็ไม่สนุกเท่าแกล้งไอ้ตี๋มัน

พอล่วงเลยเข้าสู่ช่วงสี่ทุ่มกว่าแก๊งคาราโอเกะก็เลิกร้องเพลงเพราะกลัวว่าเสียงมันจะไปรบกวนชาวบ้านเขา หน้าจอจึงถูกเปลี่ยนไปเป็นรายการโทรทัศน์ข่าวภาคค่ำที่กำลังนำเสนอสกู๊ปข่าวของวงการกีฬาอยู่

“ป๋าๆ” เอกร้องเรียกเมื่อเห็นว่ามันเป็นงานแถลงข่าวของสมาคมมวยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

ทุกสายตาหันไปสนใจจอโทรทัศน์ทันที แล้วก็ได้เห็นว่าพิธีกรกำลังสัมภาษณ์เจ้าของค่ายอยู่ ป๋ายิ้มเขินเมื่อเห็นตัวเองผ่านจอ

ผ่านไปสักพักไมค์ก็ถูกยื่นไปหาใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างกัน

แทนไทให้สัมภาษณ์กับทางสื่อเกี่ยวกับแมตช์ไทยไฟต์ที่จะถูกจัดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ตภายในเดือนหน้า แต่เนื้อหาสำคัญมันอยู่ที่ว่าครั้งนี้เจ้าตัวจะขึ้นชกด้วยหลังจากที่ห่างหายจากวงการไปนาน เล่นเอาผู้สื่อข่าวและทั้งวงการฮือฮากันเป็นอย่างมาก

นับว่าแมตช์นี้เป็นอีกหนึ่งแมตช์ที่น่าจับตามองที่สุดในปีนี้เลยก็ว่าได้

“ไทจะขึ้นชกเหรอไม่เห็นรู้มาก่อน” น่านฟ้าหันมาถามคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม...ไม่ได้เห็นไทแข่งมานานแล้วเหมือนกัน

“ใช่ลูก ครั้งนี้ป๋าทนแรงตื๊อไม่ไหวจริงๆ ผู้ใหญ่เขาขอมา” ป๋าปรีชาอาสาตอบแทน “ถ้ายังไงวันแข่งหนูก็ไปด้วยกันสิ ไปเชียร์พี่เขาหน่อย”

“ถ้าหนูว่างนะ” เจ้าตัวไม่ได้รับปากไป

สนามมวยเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่านฟ้าไม่ค่อยจะสันทัดสักเท่าไรนัก เพราะเคยตามป๋าเข้าไปอยู่หนหนึ่ง นอกจากเสียงเชียร์อย่างดุเดือดแล้วก็ได้เห็นทุกช็อตไม่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ที่โดนเตะต่อยจนน็อคคาเวที เสียงลำแข้งและสันหมัดที่ปะทะกันจนเลือดอาบ ทำให้รู้สึกเลยว่าที่นี่ไม่ค่อยจะเหมาะกับตัวเองสักเท่าไร หลังจากนั้นมาน่านฟ้าก็เลี่ยงตลอด

ให้ไปดูน่ะไปได้ แต่ถ้าให้เลือกก็ขอดูผ่านหน้าจอจะดีกว่า

“เดี๋ยวหนูมานะ” น่านฟ้าอาศัยจังหวะที่ป๋าเดินออกไปคุยกับพวกครูฝึกที่โต๊ะอีกฝั่งเดินออกมาจากบริเวณงานเลี้ยง ก่อนไปก็ไม่ลืมที่จะส่งสัญญาณให้หม่าม้ากับพวกเฮียได้รู้ว่าจะไปเอาเค้กมาเซอร์ไพรส์ป๋า ตอนแรกผิงตั้งท่าจะลุกไปช่วยแต่ใครบางคนกลับอาสาไปแทน

ผิงมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินตามไอ้ฟ้าเข้าไปติดๆพร้อมกับนึกทบทวนความจำที่เมฆเคยพูดเกี่ยวกับอีกฝ่ายให้ฟังแล้วก็ได้แต่นั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว

ไหนบอกว่าเป็นพี่ชายอีกคนของไอ้ฟ้ามันไง

...แสดงออกชัดขนาดนี้...พี่ชายไม่จริงนี่หว่า



เค้กใบเตยมะพร้าวอ่อนขนาดสองปอนด์ถูกยกออกมาจากช่องแช่เย็น น่านฟ้าแกะกล่องออกก่อนจะยกออกมาวางบริเวณเคาน์เตอร์หินอ่อน และในขณะที่กำลังจะหมุนตัวกลับไปหากล่องเทียนใบหน้าก็ปะทะเข้ากับแผ่นอกของใครบางคนเข้าอย่างจัง

“อ้าว มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” น้องเงยหน้าขึ้นถามพร้อมกับลูบปลายจมูกป้อยๆ

“มีอะไรให้ช่วยไหม” เสียงทุ้มต่ำแตกพร่าเล็กน้อยเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป ตาคมก้มลงมองเค้กที่วางอยู่เบื้องหลังพร้อมกับเลิกคิ้วเป็นเชิงคำถาม

“ช่วย...ช่วยหยิบกล่องเทียนที่วางอยู่ข้างหลังไทมาให้หน่อย” น่านฟ้าประหม่าเล็กน้อยเพราะถูกช่วงตัวสูงใหญ่บังจนมิด ฝ่ายนั้นผละออกไปหยิบให้ตามคำขอก่อนจะกลับมายืนอยู่ข้างกัน

แทนไทยืนมองน้องเสียบเทียนรูปตัวเลขลงไปบนหน้าเค้กที่เขียนคำอวยพรเจ้าของวันเกิดอย่างตั้งอกตั้งใจ ตาคมทอดมองปลายจมูกที่กำลังขึ้นสีแดงก่ำไล่เรื่อยมาจนถึงริมฝีปากสีสดคล้ายขนมเยลลี่ที่ขบเม้มเข้าหากันจนเห็นรอยบุ๋มข้างแก้มที่เป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว

ปลายผมที่ตกระลงมาข้างแก้มถูกผู้หวังดีทัดเก็บเข้าที่ใบหูให้เหมือนตอนที่อยู่ในร้านเครื่องสำอาง

น่านฟ้าเอาแต่ก้มหน้าก้มตาสนใจเค้กก้อนกลมเพราะไม่กล้าที่จะเงยหน้าไปมองใครอีกคนที่อยู่ข้างกัน...ตั้งแต่เกิดเรื่องในรถคืนนั้นก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศระหว่างกันมันดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

เนิบนาบ..แต่ชวนให้ใจสั่นคล้ายกับถูกความร้อนของบางสิ่งบางอย่างเฝ้ารอหลอมละลายอย่างช้าๆ

ไม่รีบร้อน...แต่ทุกวินาทีกลับชวนให้หวั่นไหวเสียจนใบหน้าร้อนผ่าว

ไม่ใช่ไม่รู้ว่าสิ่งที่อีกคนต้องการจะสื่อคืออะไร...แต่แค่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว มันเลยรับมือไม่ทันก็เท่านั้นเอง

“น่าน”

“ห...หา ว่าไง”

“มือเปื้อน”

“อ้อ...” เพราะเผลอสมาธิหลุดจึงทำให้ปลายนิ้วปัดผ่านครีมสดและไม่ต้องรอให้ใช้กระดาษเช็ดออกเจ้าตัวก็ส่งปลายนิ้วเข้าปากไปไล้เลียเนื้อครีมเพื่อทำความสะอาดตามความเคยชิน ส่งผลให้คนข้างกายต้องหยุดมองราวกับถูกสะกดตราตรึง

เนื้อครีมสีขาวถูกริมฝีปากนุ่มงับผ่านแผ่วเบาตามด้วยปลายลิ้นที่ไล้เลียตามทีหลัง แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่บริเวณขอบปากโดยที่เจ้าตัวไม่รู้

ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่วินาที เมื่อฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งช้อนเข้าใต้คางพร้อมกับดันใบหน้าของน้องให้แหงนเงยขึ้น ปลายนิ้วโป้งปาดไล้เนื้อครีมที่ยังหลงเหลือบนเยลลี่สีสดออกอย่างเบามือ สัมผัสนุ่มนิ่มที่ปลายนิ้วทำให้เกือบอดใจไม่ให้ก้มลงไปลิ้มลองความหวานไม่ไหว แต่สุดท้ายก็จำใจที่จะต้องหักห้ามความปรารถนาในเบื้องลึกเอาไว้เพราะไม่อยากจะล่วงเกินมากไปกว่านี้

เนื้อครีมรสละมุนที่ติดอยู่ปลายนิ้วถูกส่งเข้ามาในปากเป็นเวลาต่อมา

ปกติแล้วเขาเป็นคนที่ไม่ชอบกินขนมหวาน

แต่วิปครีมครั้งนี้มันอร่อยจนแทบอยากจะขอชิมอีกเรื่อยๆอย่างไม่รู้เบื่อ...

“อร่อยดี” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยอย่างราบเรียบ...แต่กลับแฝงเร้นความนัยไปด้วยอย่างแนบเนียน

“ไม่ชอบของหวานไม่ใช่รึไง” น่านฟ้าก้มหน้าหลบเพราะทนมองสายตาคู่นั้นไม่ไหว...มันแสดงออกชัดเจนมากกว่าที่เคย

“ก็ชอบแค่อันนี้”

แทนไทเอาแต่จดจ้องริมฝีปากอิ่มที่ถูกเจ้าของขบเม้มเอาไว้แน่น

“ไทเมารึเปล่าเนี่ย” ลองหยั่งเชิงถามดูเพราะไม่มั่นใจว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความตั้งใจของอีกฝ่ายหรือเป็นเพียงแค่ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์กันแน่

“เปล่า” เสียงทุ้มยืนยันหนักแน่น

ที่ดื่มไปไม่ถึงขั้นเมาไม่รู้สติ...แค่มันทำให้กล้าแสดงความรู้สึกออกมาให้มากขึ้นก็เท่านั้น

“งั้น...เราออกไปข้างนอกกัน¬¬¬¬¬¬¬¬¬--” แต่แล้วคำพูดกลับถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อจู่ๆใบหน้าคมเข้มก็ก้มลงมาหาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว...ดีหน่อยที่มีเค้กกั้นตรงกลางไว้ระยะระหว่างกันจึงไม่ได้ใกล้ชิดจนเกินไป

ลมหายใจอุ่นร้อนเจือกลิ่นแอลกอฮอล์เบาบางเป่ารดลงบนผิวแก้ม แม้ว่ากลิ่นน้ำหอมที่เจ้าตัวใช้จะเจือจางลงไปมากแล้วแต่เวลาที่ขยับตัวก็ยังคงหลงเหลือกลิ่นนุ่มละมุนที่โอบล้อมอยู่รอบกาย

น่านฟ้าไม่ได้หลับตาเพื่อหลบหนี กลับจ้องตอบแววตาเว้าวอนนั้นไปจนอีกคนต้องเป็นฝ่ายหลบแทน

รอยบุ๋มข้างแก้มโชว์ตัวให้เห็นอีกครั้งเมื่อเจ้าตัวเม้มปากเข้าหากันเป็นการปฏิเสธทางอ้อม

..รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร แต่ที่ปฏิเสธไม่ใช่ว่านึกรังเกียจ

เพียงแต่ว่า...

“ไม่ใช่ตอนนี้...” ยังไม่พร้อม.. “น่าน..ขอเวลาหน่อยนะ” นัยน์ตากลมโตที่สะท้อนแสงไฟวูบไหวช้อนขึ้นมอง

มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่เป็นคำตอบ...และสัมผัสนุ่มนวลที่กดลงข้างแก้มอย่างอ้อยอิ่งคล้ายกับไม่อยากให้เวลาตอนนี้ล่วงเลยผ่านไป

“..ครับ”

น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยกระซิบตอบรับข้างใบหูก่อนร่างสูงใหญ่จะยืดตัวกลับไปยืนตรงเหมือนเดิม

สองสายตาสอดประสานกันท่ามกลางบรรยากาศชวนให้ใจหวิวที่ฟุ้งกระจายอยู่ทั่วห้องครัว

เสียงโห่ร้องพูดคุยกันอย่างสนุกสนานจากบริเวณด้านนอกดังคลอมาเป็นระยะในขณะที่คนทั้งสองคนคลี่ยิ้มให้กันและกัน

พร้อมกับความรู้สึกบางอย่างเติบโตขึ้นทีละนิด ไร้ซึ่งโซ่ตรวนแห่งอดีตที่คอยพันธนาการกักขังอิสระ

ไม่ต้องรีบร้อน...ค่อยๆเป็นค่อยๆไป

ปล่อยให้เวลาได้ทำตามหน้าที่ของมันก็พอ


_____________________________


มาแล้วค่าาาาา ขอโทษที่หายหน้าหายตาไปนานเลยนะคะ
เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาพันไมล์เรียนหนักและมีโปรเจคหลายวิชาที่ต้องส่งก่อนช่วงสอบมิดเทอมจึงไม่สามารถปลีกตัวมาอัพนิยายได้เลยค่ะ
ขออภัยในความล่าช้าด้วยนะคะ พันไม์จะปรับปรุงในส่วนนี้ให้ดีขึ้นค่ะ
ขอบคุณคนอ่านที่ยังรอและคอยแวะมาให้กำลังใจกันเสมอเลยนะคะ <3

ตอนหน้าไปเที่ยวบ้านพี่ไทกันค่ะ ยัยหมวยจะได้ใส่บิกินี่แล้ววว> <

ปล.พันไมล์มีอะไรมาให้ทุกคนได้ดูด้วยค่ะ แต่ขอลงแค่ในทวิตเตอร์นะคะ แอบใบ้ว่าไปคอมมิชชั่นรูปพี่ไทมาค่ะ หล่อมากกก สามารถแวะไปส่องได้ที่แอค pppunmile ในทวิตเตอร์ได้เลยนะคะ <3
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 7 - Beauty and the beast : 08 Mar 2019
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 08-03-2019 05:41:06
ดีใจที่เขามีพัฒนาการค่ะ :really2: :o8:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 7 - Beauty and the beast : 08 Mar 2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 08-03-2019 11:02:54
เก็บอาการเก่งจังเลยคนพี่  :hao3:
แต่เขาก็ชอบของเขามานานอ่ะ อย่าขอเวลานานมากนะ  :heaven
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 7 - Beauty and the beast : 08 Mar 2019
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 08-03-2019 21:31:45

มารอเช็ดกำเดาพี่ไท ตอนยัยหมวยใส่บิกินี่
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 7 - Beauty and the beast : 08 Mar 2019
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 08-03-2019 22:02:55
บทจะรุก คุณพี่เขาก็แลดูเอาจริงเอาจังขี้นมาเลยนะคะเนี่ย

ลุ้นๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 7 - Beauty and the beast : 08 Mar 2019
เริ่มหัวข้อโดย: piiya ที่ 08-03-2019 22:05:25
โอ้ยเบาหวานขึ้นตาแล้วจ้า :hao7:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter1 - Nanfah : 01 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 09-03-2019 21:43:24
ชอบมากเลยค่ะ กำลังหาเรื่องแบบนี้อยู่เลย ติดตามนะ +1 ค่ะ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 2 - Tanthai : 06 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 09-03-2019 22:14:27
อ้าว แอบชอบกันทั้งคู่เหรอ หรือยังไง
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 4 - Simple things : 22 Dec 2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 09-03-2019 22:58:48
เมื่อไรจะเริ่มความสัมพันธ์ แง้ ลุ้น ๆ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 7 - Beauty and the beast : 08 Mar 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 09-03-2019 23:37:38
ดีใจ ๆ อ่านไปเขินไป ฮือ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 7 - Beauty and the beast : 08 Mar 2019
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 11-03-2019 14:34:30
 :z13: :z13: :katai5:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 7 - Beauty and the beast : 08 Mar 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 11-03-2019 16:53:32
ขอแบบพี่ไทคนนึงงงงง
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 7 - Beauty and the beast : 08 Mar 2019
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 11-03-2019 18:25:25
มีพัฒนาการนะพี่ไท
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 7 - Beauty and the beast : 08 Mar 2019
เริ่มหัวข้อโดย: แพรวฐา ที่ 12-03-2019 01:48:08
งื้ออออ เขินพี่ไทจังค่ะ :o8: :o8: :-[ น้องน่านก็น่ารักสุด :o8:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 7 - Beauty and the beast : 08 Mar 2019
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 13-03-2019 09:30:05
มารออออออออ :z13:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 7 - Beauty and the beast : 08 Mar 2019
เริ่มหัวข้อโดย: sehuniie ที่ 18-03-2019 19:52:42
หมวยยยยย
คิดถึงหมวยแล้ว เมื่อไหร่จะมาจ้ะ
 :m15:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 7 - Beauty and the beast : 08 Mar 2019
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 22-03-2019 15:44:37
คนเขียนหายยยยย มาตาททท :z3: :z13:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 7 - Beauty and the beast : 08 Mar 2019
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 23-03-2019 23:37:46
น้อนน่าน น่ารักน่าชังมากๆ
หมั่นไส้พี่ไทอาการออกจนทุกคนรู้หมดแล้ว  5555
รอดูนะคะว่าพี่ไทจะรุกแค่ไหน หึหึ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 7 - Beauty and the beast : 08 Mar 2019
เริ่มหัวข้อโดย: sehuniie ที่ 28-03-2019 22:36:17
 :m15:  :sad11: 
คิดถึงหมวย มารอที่ท่าน้ำทุกวันเลยจ้ะ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 8 - Lost control : 06 Apr 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 06-04-2019 17:53:32
Chapter 8

Lost control

___________________



   ช่วงเวลาเช้ามืดประมาณตีห้ากว่าที่บ้านนันพิวัฒน์นั้นเกิดความเคลื่อนไหวขนาดย่อมขึ้น...เพราะวันนี้เป็นวันที่จะออกเดินทางไปบ้านของแทนไทที่จังหวัดกระบี่ป๋าเลยนัดแนะให้ทุกคนตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดและเผื่อเวลาเอาไว้แวะเที่ยวระหว่างทางด้วยกะให้ไปถึงที่หมายก็ราวๆช่วงเย็นพอดี

   หมอกอาสาขนสัมภาระของทุกคนไปเก็บไว้ในรถส่วนแทนไทก็กำลังวุ่นอยู่กับการตรวจเช็กบริเวณห้องเครื่องรถยนต์

   โตโยต้าอัลพาร์ดคันสีขาวถูกล้างทำความสะอาดและขัดจนขึ้นเงาจากฝีมือของเด็กในค่ายที่อาสาบริการล้างรถให้ป๋าปรีชาด้วยความเต็มใจ

   สองหนุ่มช่วยกันเช็กรอบรถอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ไว้เดี๋ยวตอนไปแวะปั๊มน้ำมันค่อยไปเช็กลมยางอีกรอบ

   “กาแฟครับหนุ่มๆ” หม่าม้าเดินถือแก้วเก็บความร้อนสองใบตรงเข้ามาหา ใบสีเงินเป็นของเจ้าหมอกกาแฟใส่นมข้นเพียวๆจนหวานมันตามที่เจ้าตัวชอบ ส่วนใบสีดำเป็นของลูกชายอีกคนกาแฟดำเข้มๆไม่ใส่นมไม่ใส่น้ำตาล

   “ขอบคุณครับ” ทั้งสองรับกาแฟขึ้นมาจิบก่อนหมอกจะอาสาแก้วเอาไปเก็บไว้บริเวณที่วางหน้ารถ ในช่วงเช้าไอ้ไทจะรับหน้าที่เป็นคนขับแล้วค่อยเปลี่ยนกันอีกทีตอนแวะพักรถที่เพชรบุรี

   “ไอ้หมวยอะม้า” หมอกถามหาน้อง เพราะตั้งแต่เขาลงมาเช็กรถก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของมัน

   “น้องเก็บของอยู่ ม้าไปเรียกแล้วเมื่อกี้”

   พูดไม่ทันขาดคำเจ้าตัวก็เดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าเป้แบ็คแพ็คและกระเป๋าสะพายข้างอีกสองใบ

   ...แม่งจะย้ายบ้านรึไง

   “ไปสี่วันแบกอะไรไปเยอะแยะวะถามจริง” หมอกเดินเข้าไปหาทำหน้าเบื่อหน่ายใส่มัน แต่มือก็ดึงกระเป๋าของน้องทุกใบมาถือไว้ให้แล้วเดินเอาไปเก็บไว้ที่ท้ายรถ “จะไปอยู่บ้านไอ้ไทมันถาวรเลยรึไง”

   “เงียบไปเลย” เฮียไม่เข้าใจหรอก...แค่เสื้อผ้าก็ปาไปหนึ่งกระเป๋าเต็มแล้วไหนจะเครื่องสำอางและพร็อพเสริมต่างๆนี่ยังไม่รวมผ้าห่มประจำตัวที่ม้วนๆไว้ในกระเป๋าอีกใบนะ

   ไปเที่ยวทั้งที ขอหน่อยไม่ได้รึไงล่ะ

   น่านฟ้าลอบมองคนที่สวมเสื้อฮาวายสีขาวและกางเกงขาสามส่วน...สีสันที่นานๆทีจะปรากฏให้ได้เห็นบนร่างกายของอีกฝ่ายนั้นทำให้อดที่จะชื่นชมในใจไม่ได้ แม้ลายเสื้อจะเป็นแค่กราฟิกใบไม้เรียบง่ายแต่มันกลับเสริมให้อีกคนดูคล้ายกับนายแบบในนิตยสารช่วงซัมเมอร์ ยิ่งวันนี้ทรงผมที่ปกติมักเซตเปิดไปข้างหลังถูกปล่อยตามสบายให้ระลงมาข้างใบหน้าก็ยิ่งแปลกตาเข้าไปใหญ่

 “กูรำคาญชุดคู่” หมอกที่ยืนเช็ดแว่นกันแดดอยู่แอบกลอกตาไปมาอยู่หลายหน

   กับไอ้หมวยน่ะเขาไม่แปลกใจหรอกเพราะมันมีชุดใส่หลากหลายแบบอยู่แล้ว อย่างวันนี้ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าไอ้เจ้าเสื้อโบฮิเมียนสีขาวตัวใหญ่สั้นเหนือเข่าที่น้องใส่อยู่น่ะมันน่ารักโคตรๆ แต่กับไอ้ไทนี่สิที่แปลกตาเพราะมันเสือกบังเอิญใส่เชิ้ตขาวทั้งๆที่ร้อยวันพันปีแม่งมีแต่สีดำไม่ก็เทา

   เป็นความบังเอิญที่น่าหมั่นไส้จริงๆ

   “อะไรเฮีย” น่านฟ้ายังคงตามไม่ทัน แต่พอมองตามเฮียไปที่ใครอีกคนก็เข้าใจได้ในทันที

   ...ชุดคู่อะไรเล่า ไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย แค่บังเอิญหรอก

   “คุยอะไรกัน” ป๋าเดินเข้ามาได้ทันเวลาพอดีก่อนที่สองพี่น้องจะทำสงครามประสาทใส่กัน

วันนี้คุณปรีชาเขาก็ไม่น้อยหน้าลูกๆ แต่งตัวกระชากไวซะจนเกือบจะจำไม่ได้แน่ะ

   “ป๋าจะแต่งหล่อไปไหนเนี่ย” น่านฟ้าแซวไม่หยุดจนถูกป๋ารวบตัวเข้าไปหอมแก้มฟอดใหญ่

   “ไม่ต้องแต่งก็หล่อครับ ว่าแต่ทำไมวันนี้หนูน่ารักจัง” ถึงชุดกระโปรงมันจะสั้นไปหน่อยแต่วันนี้จะหยวนๆให้ก็แล้วกัน

   “หนูก็น่ารักทุกวันอยู่แล้ว” เจ้าตัวยิ้มแป้นโชว์ลักยิ้ม

   “ครับๆ ป๋าไม่มีอะไรจะเถียงเลย” ป๋าปรีชาหัวเราะร่าก่อนจะเปิดประตูรถให้แม่กับลูกได้เข้าไปนั่ง

   “ไม่มานั่งหน้าเหรอไอ้หมวย” หมอกที่กำลังดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดหันมามองน้องอย่างล้อเลียน “มานั่งเป็นเพื่อนไอ้ไทหน่อยไหม” …หรือจะอยากนั่งในฐานะอื่นก็ไม่ว่ากัน เชื่อว่าไอ้คนขับมันเต็มใจสุดๆ

   “ไม่เอา หนูง่วง”

   เจ้าตัวบอกไว้แค่นั้นก็รื้อผ้าห่มออกมาคลุมตักแล้วสวมหมอนรองคอคุมะมงลงไป แถมยังดึงหมวกเจ้าหมีตัวดำขึ้นมาคลุมหัวเอาไว้อีกต่างหาก

   น่านฟ้าที่อยู่เบาะหลังสุดนั่งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ไปเงียบๆคล้ายกับไม่สนใจบทสนทนารอบข้าง

แต่ทว่าภาพหน้าจอกลับขึ้นเป็นห้องแชทของใครบางคนที่คุยกันค้างไว้ตั้งแต่เมื่อคืน

   สติ๊กเกอร์เจ้าหมีตัวสีน้ำตาลยอดฮิตสวมนวมสีแดงถูกส่งไปให้พร้อมกับข้อความสั้นๆ

‘คนขับรถสู้ๆ’

‘ถ้าเหนื่อยก็เปลี่ยนกับเฮียหมอกนะ’

ข้อความสุดท้ายถูกกดส่งไปพร้อมกับขึ้นเครื่องหมายแสดงว่าฝ่ายนั้นกำลังเปิดอ่านอยู่

พอเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นว่าใครบางคนที่นั่งอยู่ตำแหน่งคนขับกำลังก้มลงดูโทรศัพท์

อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองภาพสะท้อนผ่านกระจกส่องหลัง สองสายตาสอดประสานกันเพียงครู่ก่อนที่รอยยิ้มบางเบาจะปรากฏขึ้นที่ข้างมุมปาก

แทนไทวางเครื่องมือสื่อสารไว้ตรงข้างช่องวางแก้วด้วยท่าทีที่เรียบเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนจะปลดเบรกมือแล้วขับเคลื่อนรถออกไปจากบ้าน

“วันนี้ทำไมไทดูอารมณ์ดีแปลกๆเนอะพ่อ”

หม่าม้าทักขึ้นระหว่างการเดินทางโดยมีคุณสามีพยักหน้าเห็นด้วย

“กำลังใจดีอารมณ์เลยดีม้า” หมอกแสร้งพูดลอยหน้าลอยตา พร้อมกับมองกระจกส่องหลังก็เห็นว่าไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้เพื่อนเขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่กำลังนอนเอกเขนกดูหนังในไอแพดอย่างสบายอารมณ์

...แม่งอาการน่าเป็นห่วงจริงๆ

หมายถึงไอ้คนขับข้างๆนี่แหละที่อาการน่าเป็นห่วง

...มีแววตกเป็นทาสไอ้หมวยมาแต่ไกล...



กว่าจะเดินทางมาถึงตัวเมืองจังหวัดกระบี่ก็เป็นเวลาหกโมงเย็นพอดีตามแผนการเดินทางที่วางไว้ ตลอดทางหมอกสลับหน้าที่โชว์เฟอร์กับแทนไทเพื่อที่จะไม่ให้รู้สึกเหนื่อยจนเกินไป จากเพชรบุรีมาชุมพรเป็นหน้าที่เขา ส่วนไอ้ไทก็ขับยิงยาวจากชุมพรมาถึงกระบี่ นี่ขนาดสลับกันขับยังรู้สึกเมื่อยไม่น้อยเลย ดีหน่อยที่ป๋ากับหม่าม้าไม่หลับคอยเป็นเพื่อนพูดคุยตลอดทาง

จะมีอยู่คนเดียวนั่นล่ะที่นั่งๆนอนๆสบายใจเฉิบอยู่เบาะหลัง จะได้ยินเสียงก็ต่อเมื่อตอนที่รถจอดพักแล้วเจ้าตัวลงไปหาซื้อของกินเท่านั้น

“แม่เขาว่ายังไงบ้างล่ะเจ้าไท”

หลังจากที่รอฝ่ายนั้นวางสายป๋าปรีชาก็ถามขึ้นในระหว่างที่รอรถติดไฟแดงอยู่

“บอกให้กลับไปรอที่บ้านเลยครับ แม่กำลังจะปิดร้านเดี๋ยวจะแวะซื้อของสดเข้ามาทำกับข้าวให้กินด้วย” ตอนที่โทรไปบอกทางนั้นดีใจใหญ่เมื่อรู้ว่าป๋ากับน้าดาวลงมาเยี่ยม แต่ที่ทำให้แม่ตื่นเต้นสุดๆก็คงเป็นตอนที่รู้ว่าน่านฟ้าเองก็มาด้วย

คนนั้นน่ะลูกรักเขาล่ะ

“โทรกลับไปบอกแม่เขาว่าไม่ต้องหรอก เดี๋ยวออกไปทานข้าวนอกบ้านก็ได้” ป๋าปรีชานึกห่วง...เพราะอีกฝ่ายทำงานมาทั้งวันแล้ว “แม่จะได้ไม่เหนื่อย ป๋ามาทั้งทีก็ขอเลี้ยงข้าวหน่อยสิวะ” แกบอกอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับรับโทรศัพท์ที่แทนไทส่งมาให้เมื่อแม่บอกว่าอยากจะขอคุยกับป๋าหน่อย

คุยกันไปมาผลสรุปก็ออกมาเป็นเอกฉันท์เมื่อฝ่ายนั้นยอมคล้อยตามในที่สุด เครื่องมือสื่อสารถูกส่งคืนเจ้าของอีกครั้งเมื่อทางปลายสายบอกว่ามีธุระต้องคุยกับลูกชาย

“ครับ”

(ไทอยู่แถวไหนลูก)

“ถนนหน้าศาลากลางครับ”

(เมื่อกี้เจ้าหยาโทรมาบอกว่าพึ่งจะซ้อมดรัมเสร็จ แม่วานให้ไทไปรับน้องแทนแม่หน่อยได้ไหมครับ ถ้าต้องขับอ้อมไปแม่กลัวว่ามันจะช้า)

“ได้ครับ…เดี๋ยวผมไปรับน้องเอง”

(ขอบคุณครับ ฝากรบกวนป๋าเขาด้วยนะลูก)

“ครับ”

หลังจากที่วางสายเสร็จยังไม่ทันได้เอ่ยปากขออนุญาตป๋าก็ชิงตอบตกลงมาก่อนแล้ว มิหนำซ้ำยังบอกอีกว่าคิดถึงน้องปั้นหยามากเพราะไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว

รถขับวนรอบวงเวียนตรงแยกศาลากลางก่อนจะหักเข้าถนนเส้นหลักประจำเมือง

ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ถึงโรงเรียนมัธยมประจำจังหวัดกระบี่ที่ปั้นหยาเรียนอยู่ แทนไทเลี้ยวรถเข้าไปข้างในพร้อมจอดเทียบไว้บริเวณข้างสนามฟุตบอลก่อนจะขอตัวลงไปรับน้อง

โทรศัพท์ถูกยกขึ้นมาต่อสายตรงไปหารออยู่เพียงไม่นานฝ่ายนั้นก็กดรับ

(พี่ไท?) เสียงน้องดูงุนงงไม่น้อย

“หยาอยู่ไหน” แทนไทเดินเลียบไปกับขอบสนามฟุตบอลก่อนจะสอดส่องสายตามองหาตามบริเวณที่คิดว่าน้องจะนั่งอยู่ เพราะปกติปั้นหยาจะชอบไปนั่งเล่นอยู่ที่ลานอเนกประสงค์ไม่ก็โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นหูกวาง

(อยู่โรงเรียนค่ะ)

“รู้แล้ว...พี่หมายถึงตอนนี้หยาอยู่ตรงไหนของโรงเรียน”

(หนูพึ่งซ้อมดรัมเสร็จ นั่งอยู่บนสแตนด์ ทำไมเหรอ)

เสียงที่ดังลอดจากปลายสายมาพร้อมกับเสียงเอะอะจากพวกนักเรียนชายที่กำลังเตะบอลกันอยู่ในสนาม พอหันไปมองก็เห็นว่าน้องกำลังนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนสนิทที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี

“อืม...เห็นแล้ว เดี๋ยวเดินไปรับ”

(ห้ะ! เดี๋ยวๆ! พี่--) ไม่รอให้น้องได้ถามก็ชิงตัดสายไปก่อน

ใช้เวลาไม่นานแทนไทก็อ้อมสนามฟุตบอลข้ามไปอีกฝั่งก่อนจะเดินตรงไปหาน้อง ปั้นหยาที่ยืนอยู่บนสแตนด์ขั้นแรกยังคงงงไม่หายในมือเจ้าตัวยังคงถือโทรศัพท์เอาไว้อยู่เลยด้วยซ้ำ น้องมองค้างเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของคนพี่ที่ไม่ได้เจอกันมานาน จนเพื่อนสะกิดเข้านั่นล่ะถึงจะรู้ตัว

“พี่ไท?”

“ว่าไง” แทนไทคลี่ยิ้มบางเบาเมื่อเห็นว่าน้องกระโดดลงมาที่พื้นก่อนจะวิ่งเข้ามาหา วงแขนกว้างเปิดรอให้อีกฝ่ายเข้ามาสวมกอดจนตัวเซ

“มาถึงตอนไหนเนี่ย ทำไมหนูไม่รู้เรื่อง” ปั้นหยาเอาคางเกยอกกว้างเอาไว้ก่อนจะจ้องมองอย่างคาดคั้น

“ถึงเมื่อกี้” คนพี่ก้มลงจุ๊บหน้าผากน้องไปสองสามทีให้หายคิดถึง...ไม่ได้เจอกันตั้งนาน สูงขึ้นจนเกือบจะเลยไหล่กันแล้ว...สูงกว่าใครบางคนที่นอนเล่นอยู่บนรถซะอีก “แม่ให้มารับ จะได้ออกไปกินข้าวข้างนอกกัน”

“อ้าว ก็ไหนแม่บอกวันนี้จะทำกินที่บ้าน”

“เปลี่ยนใจแล้ว ป๋าบอกให้ไปกินข้างนอกแทน” ปอยผมบางส่วนที่ตกระข้างใบหน้าถูกพี่ชายทัดเก็บไว้ให้ตามความเคยชิน

การกระทำแสนอ่อนโยนที่ขัดกับภาพลักษณ์แบบนี้มีให้แค่เพียงคนไม่กี่คนเท่านั้น

“ไปเก็บกระเป๋าเร็ว” ดันตัวน้องให้ออกห่างเมื่อเห็นว่าเริ่มเป็นจุดสนใจของเพื่อนๆที่นั่งอยู่บนสแตนด์เชียร์

ปั้นหยารีบวิ่งกลับไปเก็บของยัดลงใส่กระเป๋าเป้พร้อมกับชี้นิ้วมาที่พี่ชายที่กำลังเดินเข้าไปหา น้องพูดอะไรสักอย่างกับเพื่อนก่อนทุกคนจะทำหน้าตกตะลึงพร้อมกับหันมาไหว้กันยกใหญ่

แทนไทรับไหว้เด็กๆพร้อมกับยิ้มตอบรับเมื่อกลุ่มเพื่อนของน้องบ่นออกมานิดหน่อยว่าพี่ไทเปลี่ยนไปจนจำแทบไม่ได้

“โห พี่ไท หล่อขึ้นหรือเปล่าคะเนี่ย” เพื่อนผู้ชายคนเดียวในกลุ่มถามด้วยท่าทางเก้อเขินออกจริตจนปั้นหยาต้องหยิกเข้าที่แขนด้วยความหมั่นไส้

“แม่ห้ามเต๊าะพี่เค้านะ!” แขนข้างหนึ่งถูกน้องคว้าเข้าไปกอดอย่างหวงแหน

“ขอบคุณครับ” แทนไทยิ้มรับอย่างเก้อเขินที่ถูกชมซึ่งๆหน้าก่อนจะดึงกระเป๋าเป้ของน้องมาสะพายไว้ให้ “น้องโยก็น่ารักขึ้นนะ”

   “พี่ไทบ้า!” วาโยหันไปซบแขนเพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างกันอย่างขวยเขินเกินงาม

   นี่ขนาดแซวกันไปมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นจนตอนนี้จะจบม.ปลายแล้วก็ยังไม่ชินสักที

   “พี่ขอพาหยากลับก่อนนะ เด็กๆอย่ากลับบ้านดึกล่ะ”

   ทุกคนขานรับก่อนจะยกมือขึ้นไหว้พี่ชายเพื่อนอีกหน

   “พี่น่านอะ” ปั้นหยาหันมาถามเมื่อเห็นรถคันที่คุ้นเคยจอดอยู่ในระยะสายตา

   “อยู่บนรถนู่น” เจ้าตัวยิ้มกว้างทันทีเมื่อได้ยินคำตอบ...ตอนที่รู้ว่าพี่ไทจะกลับบ้านก็ดีใจมากแล้ว แต่พอรู้ว่าพี่น่านจะมาด้วยยิ่งดีใจมากกว่าเดิม ถึงกับลงทุนเก็บกวาดห้องนอนตัวเองซะจนสะอาดเอี่ยมไว้เพื่อพี่น่านโดยเฉพาะ

   ตั้งแต่ตอนเด็กแล้วที่ปั้นหยาชอบนอนกอดตัวนุ่มนิ่มๆของพี่น่าน...เพราะว่ามันนิ่มกว่าตุ๊กตาหมีที่พี่ไทซื้อให้อีก

   พอเดินมาใกล้ถึงรถก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของใครบางคนลงมายืนอยู่ฝั่งข้างคนขับ...ทำให้แทนไทต้องเลิกคิ้วขึ้นมองเป็นเชิงถามทางสายตาว่ามันเสนอหน้าลงมาจากรถทำไม

   “พี่หมอก..สวัสดีค่ะ” น้องเอ่ยทักพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ทำให้คนที่มองอยู่ก่อนหน้าต้องยกมือขึ้นรับอย่างเก้กัง

   อวัศย์มองเด็กหญิงตัวน้อยในความทรงจำไม่วางตา

   ..จากเด็กตัวเล็กที่เคยขึ้นขี่หลังเขาในวันนั้นเติบโตเป็นเด็กสาวแบบเต็มตัวแล้ว...น้องโตขึ้นมากจริงๆ

   ..และยังสวยขึ้นมากๆด้วย...

   “มึงมองอะไร” เสียงเข้มห้วนของคนที่ยืนอยู่หลังปั้นหยาเอ่ยถาม

   “ห้ะ..อ้อ..ป..เปล่าๆ แค่สงสัยว่าไม่ได้เจอกันนานน้องหยาตัวสูงขึ้นเยอะจังเลยเนอะ แหะๆ”  หมอกยกมือขึ้นเกาต้นคอแก้เก้อ มือไม้อยู่ไม่สุขเมื่อเห็นว่าน้องยืนขำกับท่าทีของตัวเอง “เอ่อ...ขึ้น..ขึ้นรถเลยไหม”

   ลูกชายคนกลางของคุณอิงดาวที่ปกติมักจะมีท่าทีทะเล้นกลับพูดตะกุกตะกักลิ้นพันกันมั่วไปหมดซ้ำใบหูยังขึ้นสีจนสังเกตได้

   ...อาการเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง

   “เชิญครับ” หมอกเลื่อนเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารให้น้องขึ้นไปนั่ง พอป๋ากับม้าเห็นก็ร้องทักกันยกใหญ่พร้อมกับคว้าตัวลูกสาวคนเล็กไปกอดไปหอมอย่างแสนคิดถึง

   “หยา!” น่านฟ้าที่โผล่หน้ามาตรงช่องกลางระหว่างเบาะพร้อมกับหมอนรองคอร้องทักน้องอย่างตื่นเต้น “มานั่งนี่ๆๆ” เจ้าตัวรับกระเป๋าเป้ของน้องมาวางไว้พร้อมกับดึงมือให้เข้ามาหาจนหม่าม้าหันมาแซวว่าออกอาการจนเว่อร์

   ระหว่างเดินทางไปร้านอาหารบนรถก็มีเสียงสองสาวคุยจ้อกันไม่หยุดและในบางครั้งก็มีหม่าม้าเข้ามาร่วมวงด้วย

   ขับออกมาจากตัวเมืองเพียงไม่ไกลก็ถึงร้านอาหารขึ้นชื่ออีกหนึ่งร้านในจังหวัดกระบี่ ร้านอาหารกึ่งบ้านสวนขนาดพอเหมาะที่โดยรอบรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ มีซุ้มเรือนไม้ขนาดใหญ่หลายหลังวางกระจายตัวอยู่ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทางร้าน แสงสลัวจากหลอดไฟที่ตัดกับภาพท้องฟ้ายามโพล้เพล้แบบนี้ยิ่งทำให้บรรยากาศร่มรื่นมากยิ่งขึ้น

   แทนไทจอดรถไว้บริเวณหน้าร้านก่อนจะลงไปเปิดประตูผู้โดยสารให้จนน้าดาวต้องบอกขอบคุณอย่างเกรงใจ

   “คราวหลังไม่ต้องก็ได้นะไท ให้เจ้าหมอกมันทำบ้าง” ป๋าปรีชาเอ่ยท้วงทีเล่นทีจริง ทำเอาไอ้ตี๋ต้องร้องประท้วงว่าโดนไอ้ไทแย่งซีนทำคะแนนอยู่เรื่อย

   “แล้วนี่แม่เขาอยู่ไหนล่ะ ใกล้ถึงหรือยัง”

   “คงอีกราวๆครึ่งชั่วโมงครับ แม่โทรมาบอกว่าในเมืองรถติดนิดหน่อย”

   “อืม งั้นเราก็เข้าไปสั่งอาหารไว้รอก่อนก็แล้วกัน” ป๋าปรีชาเอ่ยสรุปพร้อมกับลงมายืนที่พื้นเพื่อรอรับคุณภรรยาสุดที่รัก “ส่งมือมาสิม้า”

   “เว่อร์จังพ่อเนี่ย เล่นเป็นเด็กไปได้” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็ยิ้มไม่หุบพร้อมกับเอื้อมมือไปจับกับคุณสามีไว้

   “ป๋ากับม้าจะไปเดินเล่นรอบๆหน่อย เด็กๆไปสั่งอาหารได้เลยนะ อยากทานอะไรเอาให้เต็มที่” ว่าไว้แค่นั้นก็เดินโอบเอวภรรยาสุดรักเข้าไปทางสวนของร้าน ทิ้งให้ลูกๆได้แต่มองตามหลังตาปริบๆ

   “อ้าว ทิ้งกันเฉยเลย” น่านฟ้าบ่นอุบ

   “ช้าว่ะหมวย เร็วๆดิ๊ หิวข้าว” หมอกที่กำลังยืดกายบิดขี้เกียจแกล้งทำเป็นบ่นน้อง แต่พอเห็นใครอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆกันกับไอ้หมวยก็แสร้งกระแอมไอแก้เก้อตอนที่เห็นว่าน้องหยามองมาที่ตัวเอง

   “เฮียทำไมหูแดงอะ ไม่สบายเหรอ” น่านฟ้ายกหลังมือขึ้นทาบหน้าผากพี่ชายเมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติ

   “เปล่า...แค่ร้อน” ...แม่งอาการมันแสดงออกชัดขนาดนั้นเลยเหรอวะ

   “แน่นะ?” หรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ...เฮียน่ะเวลาป่วยไม่ชอบบอกใครหรอก คนนี้น่ะดื้อเงียบที่สุดในบ้าน

   “เออ ไปได้แล้ว หิวข้าว” หมอกตัดบทก่อนจะหมุนตัวเดินนำเข้าไปในร้านก่อนใคร...ใจก็อยากจะชวนน้องหยามาด้วยกันแต่ติดที่ตัวพี่มันมองไม่วางตา...เริ่มรู้สึกเสียวสันหลังเหมือนโดนรู้ทันยังไงไม่รู้   

   “งั้นหนูขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ เจอกันที่โต๊ะ” ปั้นหยาหันไปบอกพี่ชายพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย…ก็ไม่อยากจะอยู่เป็นก้างใครเขาน่ะนะ

   “ไทขับรถเหนื่อยไหม” น่านฟ้าเงยหน้าขึ้นถามอีกคนพร้อมกับเอาหนังยางที่สวมไว้ที่ข้อมือมารวบมัดผม

   “นิดหน่อย ไม่เหนื่อยมาก” แทนไทยิ้มตอบก่อนจะใช้นิ้วจิ้มไปที่แก้มน้องเมื่อเห็นว่ามันขึ้นรอยแดง “นอนเยอะจนแก้มเป็นรอยหมด” เจ้าตัวคงเอาหน้าไปพิงกับขอบกระจกหรือไม่ก็เบาะหน้าเลยทำให้มีร่องรอยเล็กๆพาดอยู่บนแก้มนุ่มนิ่ม

   “ฮื่อ ก็ไทขับรถดีน่านเลยหลับไง ตอนเฮียขับนี่ไม่ง่วงเลยนะจริงๆ” ตัวแสบแก้ตัวอย่างแนบเนียน พร้อมกับแอบเขม่นคนพี่ไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นหลุดขำออกมาไม่เหลือเค้ามาดขรึมเลย...

ฮึ่ย ไม่ชินกับแทนไทลุคนี้จริงๆให้ตาย

   “หัวเราะอะไร คนขี้ลอก” น้องหรี่ตามองพร้อมกับตีเข้าที่หน้าท้องไม่แรงมากนัก

   “ใครขี้ลอก” คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างสงสัย พร้อมกับถือวิสาสะรวบมือน้องมาจับเอาไว้

   “ก็ไทนั่นแหละ ลอกชุดน่าน ปกติใส่แต่สีทึบๆ ทำไมวันนี้ต้องใส่สีขาวด้วยอะ โดนเฮียล้อว่าใส่ชุดคู่เลยเห็นไหม” น้องย่นจมูกใส่ตามนิสัย

   “แล้วมันไม่ดีเหรอ” พยายามกลั้นยิ้มอย่างสุดความสามารถเมื่อเห็นว่าใบหูของเด็กตัวขาวเริ่มแดงระเรื่อ

   “ฮื่อ ไม่ใช่ซะหน่อย” ริมฝีปากสีอ่อนขบเม้มเข้าหากันอย่างตกประหม่า ก่อนจะบ่นอุบอิบออกมาเบาๆ “...เดี๋ยวก็โดนเฮียล้อว่าเหมือนแฟนกันอีกอะ”

   “ว่าไงนะ” แทนไทก้มลงไปหา แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่น้องพูด ทั้งๆที่ความจริงน่ะได้ยินชัดเต็มสองหู

   “ไม่ต้องก้มลงมาเลย รู้แล้วว่าตัวเตี้ย!” น้องเอี้ยวตัวหลบพร้อมกับฟาดเข้าที่ต้นแขนหนึ่งป้าบเพื่อแก้เก้อ ก่อนจะเดินนำเข้าไปในร้านโดยไม่รอใครบางคนที่ยืนมองตามแผ่นหลังเล็กด้วยความรู้สึกมากมายจนไม่สามารถเก็บเอาไว้ได้

รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นข้างมุมปากตอนที่เดินตามไปโดยทิ้งระยะห่างเอาไว้นิดหน่อย

ยิ่งมองน้องก็ยิ่งนึกเสียดายวันเวลาที่ผ่านมา...อดทนมาถึงขนาดนี้ได้ยังไงกัน



(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 8 - Lost control : 06 Apr 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 06-04-2019 17:54:32
“พี่น่านๆ มานั่งข้างหยา” ปั้นหยากวักมือเรียกเมื่อเห็นว่าพี่เขากำลังเดินเข้ามาในซุ้ม

โต๊ะอาหารสำหรับแปดที่นั่งถูกจัดแยกออกมาบริเวณข้างสระน้ำ บริเวณหัวโต๊ะมีป๋าปรีชากำลังนั่งดูเมนูอาหารกับหม่าม้าพร้อมกับปั้นหยาที่นั่งอยู่ฝั่งซ้าย ส่วนอีกฝั่งมีแค่หมอกที่นั่งโดดเดี่ยวอยู่คนเดียว

น่านฟ้าเดินไปเลื่อนเก้าอี้นั่งลงข้างน้องก่อนจะถูกหม่าม้ายื่นเมนูมาให้สั่งอาหาร

“ม้าสั่งใบเหลียงผัดไข่กับปลาอินทรีทอดซีอิ๊วให้หนูแล้วส่วนน้องหยาก็สั่งแล้วเรียบร้อย หนูอยากทานอะไรเพิ่มก็สั่งเลยนะ” หม่าม้าบอกอย่างรู้ใจเพราะลูกคนเล็กไม่ค่อยจะสันทัดอาหารรสจัดเท่าไรนัก ยิ่งเป็นอาหารใต้ยิ่งแล้วใหญ่

เคยลองกินแค่คำเดียวน้องน่านก็น้ำหูน้ำตาร่วงแล้ว...ลิ้นแมวจริงๆ

“เท่านี้ก็พอแล้วม้า” เจ้าตัวยื่นเมนูไปให้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแทน “ไทกับเฮียสั่งเลย”

หมอกรับหน้าที่สั่งอาหารแทนไอ้คนที่กำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ เหมือนได้ยินคร่าวๆว่าน้าเดือนมาถึงแล้ว คงกำลังถามว่านั่งอยู่แถวไหนกัน

หลังจากที่พนักงานทวนรายการอาหารทั้งหมดอีกครั้งก็พอดีกับที่แม่ของแทนไทเดินเข้ามาที่ซุ้ม คุณอิงดาวเป็นคนแรกที่ลุกไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับกอดทักทายกันด้วยความคิดถึงตามมาด้วยน่านฟ้าที่ดูดีใจจนเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่

“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน แม่จำหนูแทบไม่ได้” เธอจับลูกรักหมุนซ้ายหมุนขวาพร้อมกับหอมแก้มย้ำๆ “ตายละ น้องน่านสวยขนาดนี้ป๋าเขาไม่หวงแย่เลยเหรอ”

เพราะเจอครั้งล่าสุดก็ตอนที่น้องน่านรับปริญญา...ไม่คิดเลยว่าเวลาเพียงไม่กี่ปีลูกคนเล็กของดาวจะสวยขึ้นขนาดนี้

“รายนั้นน่ะ หวงยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ซะอีก” หม่าม้าแซวไม่หยุดปาก “พี่เดือนมัวแต่สนใจเจ้าน่าน ดูซิ ไทเขาน้อยใจแล้วนะ”

“โธ่ เห็นหน้ากันแทบทุกวัน เบื่อแล้วคนนั้นน่ะ” เพราะเจ้าหยาวีดีโอคอลกับพี่ชายตลอด แทบจะทุกเวลาหลังอาหารเลยก็ว่าได้

แทนไทลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าแม่เดินเข้ามาหาก่อนจะถูกสวมกอดเอาไว้ด้วยความคิดถึง ใบหน้าคมเข้มของลูกชายตัวโตถูกคุณแม่ประคองไว้แล้วหอมแก้มซ้ายขวาไปมาเหมือนกับตอนเด็กๆ

ถึงจะบอกว่าได้เห็นหน้ากันทุกวันก็เถอะ...แต่การมองผ่านหน้าจอโทรศัพท์ยังไงก็ไม่เท่ากับได้เห็นตัวจริง

แต่สิ่งที่ทำให้เธอต้องตกใจก็คือรอบนี้แทนไทตัวสูงใหญ่ขึ้นมาก เจอกันครั้งล่าสุดยังไม่ล่ำสันเท่านี้เลยเสียด้วยซ้ำ

   “ทำไมเหมือนพ่อเขาขนาดนี้เนี่ย ฮึ” ปลายนิ้วลูบข้างกรอบหน้าคมเข้มของลูกชายอย่างรักใคร่

   นี่ก็คิ้วของพ่อ...นี่ก็ตาของพ่อ

   ยิ่งโตแทนไทก็ยิ่งถอดแบบพ่อเขามาเป๊ะๆ...ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้อยู่เห็นแล้วแต่ก็ยังมีตัวแทนไว้ให้ได้มองแก้คิดถึงเพื่อย้ำเตือนว่าไม่เคยจากไปไหนไกลแม้สักวินาทีเดียว

   “พี่บอกแล้วว่าเจ้าไทน่ะหล่อเหมือนพ่อมัน” ป๋าปรีชาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะกวักมือเรียกให้อีกฝ่ายมานั่งเก้าอี้ที่เว้นว่างไว้อีกฝั่ง

   หลังจากนั้นพวกผู้ใหญ่ก็ร่วมวงสนทนากันจนเด็กๆแทบจะไม่ได้มีส่วนร่วมด้วย อาหารที่สั่งค่อยๆทยอยมาเสิร์ฟทีละอย่างจนครบถ้วน น่านฟ้ากับปั้นหยาถูกทั้งหม่าม้าและแม่เดือนตักกับข้าวใส่จานให้จนล้นพร้อมกับสั่งให้กินข้าวให้หมดทั้งคู่

   “แม่ ข้าวเยอะขนาดนี้หนูทานไม่หมด” ปั้นหยาหน้ายู่

“ไม่ต้องเลย อดข้าวเย็นมาหลายมื้อแล้ว” คุณดวงเดือนดุลูกสาวคนเล็กอย่างไม่จริงจังมากนัก เพราะช่วงนี้เจ้าหยาผอมลงจนเธอต้องมานั่งแก้ตะเข็บกระโปรงนักเรียนให้ใหม่อยู่หลายรอบ

“ก็เดือนหน้าก็กีฬาสีแล้วอะ เดี๋ยวใส่ชุดละมีพุง”

“หยาทำอะไรอะ” น่านฟ้าที่นั่งอยู่ข้างกันหันมาถามน้องอย่างตื่นเต้น

“เป็นดรัมน่ะน้องน่าน ตำแหน่งเดิมมาสามปีแล้ว” แม่เดือนหันมาตอบแทน

“หูยย เก่งจัง”

“ก็หยาเขาตัวสูงนี่ หุ่นดีด้วย ไม่เหมือนเด็กแถวนี้  ตัวเล็กไม่พอแถมยังหยุดโตตั้งแต่มอปลาย” คุณอิงดาวที่นั่งอยู่ข้างกันหันมาดึงแก้มลูกคนเล็กจนยืด

“ม้าอะ!” น่านฟ้าเจ็บจี๊ดที่โดนหม่าม้าจี้จุด...หนูก็ตัวเล็กเหมือนม้านั่นแหละ!

“ก็จริงนี่ ดูสิ น้องพึ่งจะมอปลายแท้ๆแต่ตัวสูงกว่าหนูแล้ว” ยิ่งได้เห็นแก้มเจ้าตัวแสบแดงก็ยิ่งได้ใจ

“ตัวเล็กน่ารักออก” แม่เดือนยิ้มเอ็นดูก่อนจะหันไปขอความคิดเห็นกับลูกชายที่นั่งอยู่ข้างกัน “เนอะพี่ไท”

แทนไทชะงักมือที่กำลังจะเอื้อมไปตักกับข้าวไว้ก่อนจะลอบมองไปที่อีกฝ่าย

“..ครับ” เล่นเอาคนที่ถูกจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวได้แต่นั่งก้มหน้าตักข้าวเข้าปากไปเงียบๆ โผล่มาให้เห็นแค่ใบหูขาวที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ

“ตัวเล็กสเปคเสี่ยไท” หมอกพึมพำล้อเลียนให้ได้ยินกันแค่สองคน “จีบกันกลางโต๊ะไม่ได้น้า อุก! แค่กๆๆ” ทันทีที่ตักแกงเหลืองเข้าปากก็ต้องสำลักออกมาเพราะโดนกำปั้นหนักๆของไอ้โหดมันประเคนเข้าที่กลางหลังดังตุบ

แม่งเอ๊ย! แซวแค่นี้ถึงกับต้องลงไม้ลงมือ! แตะไม่ได้เลยนะ!

“เอ้า กินระวังๆสิเจ้าหมอก” หม่าม้าที่ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไรเอ่ยเตือนพร้อมกับยื่นกระดาษทิชชู่มาให้เมื่อเห็นว่าลูกชายสำลักน้ำแกงจนหน้าแดง

หมอกหันไปมองค้อนไอ้ตัวต้นเหตุที่นั่งหน้าตาเฉยไร้อาการสำนึกผิด ซ้ำมันยังลอยหน้าลอยตาเอื้อมมือข้ามฝั่งไปตักกุ้งแชบ๊วยในจานข้าวไอ้หมวยมากินต่อได้อย่างหน้าตาเฉยเพราะน้องบ่นว่าอิ่ม

...จะโชว์ว่ากินของต่อกันว่างั้น...อย่าให้ถึงทีกูบ้างก็แล้วกัน!

ฮึดฮัดอยู่ในใจนี่แหละ มันจะได้ไม่รู้! สมน้ำหน้ามึง!



หลังจากจบมื้ออาหารเย็นพวกผู้ใหญ่ก็ได้ข้อสรุปกันว่าวันพรุ่งนี้จะออกเดินทางไปเที่ยวที่อ่าวนางเพราะน่านฟ้าอยากไปดูทะเลแหวก ประจวบเหมาะกับเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ปั้นหยาไม่ได้ไปโรงเรียนทุกอย่างเลยลงล็อกไปหมด

ขากลับแทนไทอาสาขับรถแม่กลับแทนเพราะกลัวว่าแม่จะเหนื่อยหลังจากที่ทำงานมาทั้งวัน ถึงแม้จะยืนยันแล้วว่าไหวแต่ลูกชายคนโตก็ไม่ยอมเลยต้องตามใจ

รถตู้คันใหญ่เทียบจอดหน้าบ้าน ก่อนปั้นหยาจะเป็นคนอาสาลงไปเลื่อนเปิดประตูรั้วไม้ให้ได้นำรถเข้าไปจอด   บ้านไม้สีขาวสองชั้นที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านแถบชานเมืองนั้นเงียบสงบเพราะตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มกว่า ชาวบ้านแถวนี้เข้านอนกันตั้งแต่หัวค่ำ บริเวณโดยรอบจึงมีเพียงแค่ไฟสาธารณะที่ถูกเปิดไว้ตามทางถนนของหมู่บ้านเท่านั้น

“เดือนทำความสะอาดห้องไว้เรียบร้อยแล้ว พี่ปราบกับดาวไปนอนห้องนั้นได้เลยนะ ห้องเดิมที่เคยนอนนั่นล่ะ” คุณดวงเดือนเดินมาไขกุญแจบ้านพร้อมกับกดเปิดสวิตช์ไฟเพื่อไล่ความมืด “ส่วนหมอกก็ไปนอนห้องเจ้าไทก็แล้วกัน”

“อ้าว แล้วเดือนล่ะนอนไหน” ป๋าปรีชาถามอย่างนึกเป็นห่วงเพราะรู้สึกเกรงใจเจ้าบ้านอยู่ไม่น้อย

“เดี๋ยวไปนอนห้องเจ้าหยาก็ได้พี่ วันนี้น้องน่านก็บอกว่าจะมานอนกับแม่เดือนใช่ไหมคะ” หันไปถามลูกสาวสุดรักที่กำลังช่วยพี่ชายขนของเข้ามาไว้ในข้างในบ้าน

“ใช่ค่ะ” เจ้าตัวยิ้มกว้างโชว์รอยบุ๋มที่ข้างแก้ม

“ไปนอนเบียดแม่เดือนกับน้องทำไม มานอนกับม้านี่” คุณอิงดาวแย้งขึ้นเพราะน้องน่านน่ะนอนดิ้นน้อยซะที่ไหน

“ไม่เป็นไรค่ะน้าดาว ให้พี่น่านนอนกับหนูๆ” ปั้นหยาร้องขอ “อยากนอนกอดตัวนุ่มนิ่มๆ” น้องกอดแขนคนพี่อย่างหวงแหนเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากพ่อๆแม่ๆได้เป็นอย่างดี

“พรุ่งนี้ออกสายหน่อยนะ” คุณปรีชาเอ่ยย้ำ “สักสิบโมงกำลังดีเจ้าหมอกกับเจ้าไทจะได้พักผ่อนด้วย วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

หลังจากที่ทุกคนต่างแยกย้ายไปอาบน้ำชำระความอ่อนล้าที่สั่งสมมาทั้งวัน ป๋ากับหม่าม้าก็ลงมานั่งชมวิวตากอากาศที่ชานระเบียงชั้นล่างของบ้านโดยมีคุณดวงเดือนมานั่งร่วมวงสนทนาด้วยพร้อมกับนำมะยงชิดและมังคุดที่แวะซื้อที่ตลาดมาให้ทั้งคู่ได้ทาน





“หยาเก็บเสื้อผ้ารึยัง” น่านฟ้าที่กำลังนั่งเป่าผมอยู่หน้าพัดลมหันไปถามน้อง

“เดี๋ยวเก็บแล้วๆ” ปั้นหยานอนกลิ้งอยู่บนเตียงอย่างเกียจคร้าน “พี่น่านเอาชุดว่ายน้ำไปไหมอะ” น้องถาม

“เอาไปๆ” พูดไม่ทันขาดคำก็ดึงกระเป๋าออกมารื้อชุดขึ้นมาอวด “หยาว่าสวยปะ สองตัวนี้พี่พึ่งซื้อมาเลย”

ชุดว่ายน้ำสองแบบถูกวางแผ่ไว้บนเตียง ตัวนึงเป็นวันพีชสีดำแบบผูกคอเปิดเว้าหลังลึกลงไปเกือบถึงสะโพก ส่วนอีกตัวเป็นบิกินี่เกาะอกสีชมพูนู้ดมีโบผูกตรงกลางเข้าชุดกันกับท่อนล่าง

...แค่เห็นหยาก็ปวดหัวแล้ว...ถ้าพี่น่านใส่จริงพรุ่งนี้มีคนหัวร้อนแน่..

“โห ไซส์เอสปะเนี่ยพี่น่าน ตัวเล็กมากอะ”

“อื้อ ใช่ๆ”

“อยากเห็นพี่น่านใส่จัง” น้องเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเตียงอย่างกระตือรือร้นพร้อมกับตื๊อให้พี่เขาลองชุดว่ายน้ำให้ดู...ตั้งแต่เล็กจนโตหยาไม่เคยเห็นพี่น่านใส่บิกินี่มาก่อนเลย และครั้งนี้จะต้องได้เห็นเป็นคนแรกให้ได้!

“พรุ่งนี้ก็ได้เห็นแล้ว” น่านฟ้าบอกปัดอย่างขวยเขิน ถึงน้องจะเป็นผู้หญิงก็เถอะ

“หยาอยากเห็นอ่า นะๆลองให้ดูหน่อย แค่ตัวนี้ตัวเดียวก็ได้”

สุดท้ายก็ทนลูกอ้อนไม่ไหวยอมตามใจน้องจนได้ เจ้าหยาให้ความร่วมมือโดยการสัญญาว่าจะไม่แอบดูตอนพี่น่านกำลังเปลี่ยนชุดพร้อมกับนอนหันหลังให้อย่างเสร็จสรรพ ได้ยินแค่เสียงเนื้อผ้าที่เสียดสีกันเบาๆท่ามกลางความเงียบเท่านั้น

“เสร็จแล้วหยา” ปั้นหยารีบหมุนตัวกลับก่อนจะต้องร้องออกมาอย่างตื่นตะลึง

..เพราะพี่น่านน่ะโคตรน่ารักเลย!

ส่วนเว้าโค้งตรงช่วงเอวเล็กที่รับกับสะโพกมนแทบไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงเลยสักนิด ท่อนบนที่เป็นตัวเกาะอกมีฟองน้ำเสริมเลยทำให้ฝ่ายนั้นมีเนินอกเล็กๆขึ้นมา ถึงมันจะไม่ได้มากมายแต่กลับเซ็กซี่อย่างน่าประหลาด ส่วนท่อนล่างนี่ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนละก็พี่น่านก็คือผู้หญิงชัดๆ ซ้ำผิวกายที่ขาวสว่างยังขับสีของบิกินี่จนทำให้อีกฝ่ายดูน่ามองแบบยากที่จะละสายตาออกไปได้

ปั้นหยามองสำรวจคนพี่ทุกซอกทุกมุมจนฝ่ายที่ถูกมองรู้สึกเขินอายขึ้นมา...แม้จะสนิทกันมากแค่ไหนแต่ก็อดที่จะเกร็งไม่ได้เพราะโดนน้องชมไม่ขาดปาก

“โอ๊ย พี่น่านจะสวยกว่าผู้หญิงไม่ได้ป๊ะ ไม่ยุติธรรมเลย ฮืออ หยาอิจฉา” ปั้นหยากลิ้งหน้าไปกับหมอนอย่างงอแง เพราะยิ่งมองก็ยิ่งแพ้ความขาวของพี่เขา

เหมือนมนุษย์น่านฟ้าเกิดมาเพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ มันเลยขีดจำกัดที่จะไปสนใจแล้วว่าพี่น่านเพศไหน เอาเป็นว่าปั้นหยาสถาปนาแต่งตั้งให้พี่น่านเป็นเพศน่านฟ้าก็แล้วกัน

เพศน่านฟ้าที่มีแค่คนเดียวบนโลกใบนี้!

“เว่อร์” หลุดขำกับท่าทีของน้องก่อนจะหมุนตัวสำรวจอยู่หน้ากระจกอีกครั้ง

เพราะช่วงที่ผ่านมาถูกหม่าม้าขุนหนักจนมีเนื้อมีหนังไม่ผอมกะหร่องเลยทำให้ชุดว่ายน้ำมันไม่หลวม แถมตรงช่วงอกที่ถูกฟองน้ำดันยังขึ้นเนินสวยจนต้องเดินไปหยิบกล้องในกระเป๋ามาถ่ายเก็บไว้อย่างเพลิดเพลิน

ปั้นหยาอาสาเป็นมือกล้องจำเป็นก่อนทั้งสองจะเปลี่ยนห้องนอนให้เป็นสตูดิโอถ่ายรูปขนาดย่อม

“หยา ท่านี้มันโคตรนางเอกเอวีเลยอะ” น่านฟ้าเอ่ยท้วงเพราะท่าทางที่น้องจัดให้ก็คือให้นั่งทับเข่าอยู่บนเตียงพร้อมกับหันข้างให้กล้อง ผมที่ปล่อยยาวระเอวถูกถักเปียหลวมๆไว้โชว์เรียวคอขาว ตรงกลางระหว่างขาอ่อนมีตุ๊กตาหมีวางไว้ปิดบังท่อนล่างได้อย่างพอดิบพอดี

“น่ารักจะตาย” ปั้นหยากดรัวชัตเตอร์กระหน่ำ...รู้สึกสะใจเล็กๆที่พี่ชายตัวเองไม่มีบุญตาที่จะได้เห็นพี่น่านในท่านี้

“พอแล้ว เหนื่อยย” เจ้าตัวงอแงเพราะเริ่มรู้สึกเมื่อยก่อนจะล้มตัวนอนแผ่หลาไปบนเตียงจนเส้นผมกระจายเต็มหมอน

แต่แล้วก็ต้องนิ่งค้างเมื่อเห็นว่ามีอะไรบางอย่างเกาะอยู่บริเวณโคมไฟด้านบน

ยังไม่ทันที่จะได้ลุกหนีมันก็ร่วงตุบลงมาแปะอยู่แถวเนินอกก่อนจะชูคอมองเบาะรองรับอย่างสงสัยใคร่รู้ น่านฟ้านิ่งค้างอยู่อย่างนั้น พอตั้งสติได้ก็ร้องกรี๊ดลั่นก่อนจะดีดตัวออกมาจากเตียงแล้วปัดๆเนื้อตัวอย่างร้อนรนเล่นเอาปั้นหยาที่กำลังนั่งดูรูปอยู่ในกล้องตื่นตกใจไปด้วย

“พี่น่านเป็นอะไร!”

“จิ้งจก!”

ในระหว่างที่กำลังวุ่นวายปัดเนื้อตัวออกช่วยกันอยู่นั้นบานประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออกกะทันหันทำให้ทั้งสองต้องหันไปหา

แล้วก็ได้พบว่าเป็นแทนไทที่ยืนคิ้วขมวดมองอยู่

เมื่อกี้นี้เขาพึ่งอาบน้ำเสร็จพอเดินผ่านห้องน้องก็ได้ยินเสียงน่านร้องกรี๊ดเลยทำให้ต้องรีบเปิดประตูเข้ามาดูเพราะกลัวว่าทั้งสองจะเป็นอะไรไป แต่แล้วก็ต้องยืนตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นว่าน่านฟ้าอยู่ในชุดที่ไม่ค่อยจะปกปิดเนื้อหนังสักเท่าไรนัก และน้องเองก็ดูตกใจไม่น้อย เจ้าตัวรีบยกมือขึ้นมาปิดช่วงอกเอาไว้ก่อนจะเบี่ยงตัวเข้าไปหลบข้างหลังปั้นหยา

“พี่ไททำไมไม่เคาะประตูเล่า!” ปั้นหยาร้องบอกเพราะเห็นว่าคนที่หลบอยู่ข้างหลังหน้าแดงเถือกไปหมดแล้ว

“โทษที...พี่ไม่รู้ว่า..” กำลังลองชุดว่ายน้ำกันอยู่...

เสียงทุ้มต่ำไม่มั่นคงเหมือนอย่างเคยเมื่อได้สบเข้ากับดวงตาสีอ่อนที่สั่นไหวเพราะความอาย...ผิวเนื้อขาวเนียนที่มีเพียงชุดน้อยชิ้นเท่านั้นที่ปิดบังเอาไว้ทำเอารู้สึกร้อนวูบไปทั่วทั้งใบหน้า

“ปิดตาเลย! พี่น่านเขินหมดแล้วเนี่ย!” 

พี่น่านกินไม่ได้นะ! ไม่ต้องจ้องขนาดนั้นก็ได้!

แทนไทปิดประตูลงตามคำสั่งของน้องก่อนจะเดินกลับห้องทั้งที่ยังรู้สึกหูอื้อไม่หาย

พอเปิดประตูเข้าไปหมอกก็ร้องทักทันทีเมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเองนั้นหน้าแดงเถือกไปถึงลำคอ

“มึงเป็นไรเนี่ย”

มันไม่ตอบอะไรสักคำ ทำแค่ล้มตัวนอนหงายลงบนอีกฝั่งของเตียงก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนมิดหัว

“เอ้า เดี๋ยวก็ขาดอากาศตายห่า” เขาเลิกสนใจมันแล้วหันกลับไปดูหนังในไอแพดต่อ ปล่อยให้ไอ้ไทนอนคลุมโปงต่อไป

ผ่านไปเพียงไม่นานฝ่ายนั้นก็ยอมเปิดหน้าออกมา หนุ่มใต้นอนมองโคมไฟด้านบนนิ่งงันก่อนจะพึมพำออกมา

“หมอก”

“เออ” อวัศย์ขานรับ

น้องมึงแม่ง..” ท่อนแขนข้างซ้ายถูกยกขึ้นมาปิดตาเอาไว้เพื่อปิดบังความรู้สึกที่มากล้น “..ทำไมน่ารักจังวะ

“เมากุ้งเหรอมึง” หมอกตีหน้าปุเลี่ยนเหม็นเบื่อความรัก...ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นท่าทีแบบนี้ของมันหรอกนะ

เพราะแม่งเป็นมาตั้งแต่สมัยอยู่มหาลัยแล้ว...ยิ่งตอนอยู่ที่อเมริกาก็ยิ่งเป็นหนัก มีแค่เขาเท่านั้นแหละที่รู้ว่าไอ้ไทมันหลงไอ้หมวยมากขนาดไหน

อาการเหมือนพวกทาสหมาทาสแมวเห็นแล้วใจเหลวใจอ่อนเป็นน้ำไปหมด

...กูอดทนมานานขนาดนี้ได้ไงวะ

“เพราะมึงมันใจปลาซิวไง ไอ้หอกหัก!” ยุให้จีบตั้งแต่น้องมันขึ้นมหาลัย เป็นไงล่ะ มัวแต่เล่นบทพี่ชายที่แสนดีอยู่ได้ สุดท้ายก็โดนหมาคาบไปแดกตัดหน้า!

ด่าจบก็ถูกถีบเข้าที่บั้นเอวจนเกือบจะตกเตียง นี่วิธีแก้เขินของมึงเรอะ!

“ไอ้ไท...กูน่ะไม่ว่าหรอกนะที่มึงจะจีบไอ้หมวยมัน” น้ำเสียงทีเล่นทีจริงถูกปรับเปลี่ยนมาจริงจังกะทันหัน “แต่มึงอย่าลืมว่าป๋ากับเฮียเมฆยังไม่รู้เรื่องนี้นะเว้ย...ยังไงก็เตรียมใจไว้ด้วยนะมึง”

เพราะป๋ากับเฮียน่ะหวงไอ้หมวยแบบโคตรๆ ขนาดตอนที่น้องเปิดตัวเตชิน กว่าทั้งสองจะยอมเปิดใจรับได้ก็ใช้เวลาเกือบปี เพราะฉะนั้นถ้าไอ้ไทคิดจะจีบน้องเขาจริงๆละก็เห็นทีต้องผ่านด่านนี้ได้ก่อน

..สู้นะเพื่อน

ถึงจะเป็นลูกรักของป๋าก็ใช่ว่ามึงจะเดินสะดวก...

“อืม” เสียงทุ้มต่ำขานรับ “รู้แล้ว”

...ก็เตรียมไว้ตั้งแต่วันที่รู้ใจตัวเองแล้ว



_________________



อาการแพ้ของขาวทั้งพี่ทั้งน้อง 555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 8 - Lost control : 06 Apr 2019
เริ่มหัวข้อโดย: NaunaeZaa ที่ 06-04-2019 21:26:00
พึ่งมาอ่าน พลาดได้ไงเนี่ยยยย ฮืออออ น้องน่ารักมากอ่ะ จะสำลักความเซ็กซี่ของน้องตายแล้ว
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 8 - Lost control : 06 Apr 2019
เริ่มหัวข้อโดย: bowbeauty ที่ 06-04-2019 22:32:37
งื้อออออ น้องน่าน
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 8 - Lost control : 06 Apr 2019
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 06-04-2019 23:19:32
แพ้เด็กทั้งเฮียทั้งไทเลย
ส่วนน่านน่าน้วยมากก เป็นเราก็จะนอนกับน้องน่านน
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 8 - Lost control : 06 Apr 2019
เริ่มหัวข้อโดย: piiya ที่ 06-04-2019 23:41:16
น้องน่านอายอะไรลูกกก อายแบบนี้จะใส่ชุดว่ายน้ำไปทะเลได้ไงคะ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 8 - Lost control : 06 Apr 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 06-04-2019 23:57:16
โถ่ววว พี่ไทแอบหวีดน้องน่านกับเฮียหมอก :o8:

หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 8 - Lost control : 06 Apr 2019
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 07-04-2019 00:57:01
พี่หมอกชอบน้องหยาเหรอ
แต่น้องน่านเขินพี่ไทเหรอ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 8 - Lost control : 06 Apr 2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 07-04-2019 02:17:07
เสียอาการหนักเลยแทนไท ถ้าหมอกรู้โดนล้อแน่ 555555555555555
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 8 - Lost control : 06 Apr 2019
เริ่มหัวข้อโดย: แพรวฐา ที่ 07-04-2019 12:00:14
หลงน้องน่านชิบหายยย พี่ไทนี่แบบยอมน้องตลอดด เอาใจใส่เก่งงงง
อยากเห็นน้องน่านใส่ชุดว่ายน้ำบ้างจุงง อยากเห็นคนหวงน้อง รอๆๆๆๆค้าบบบบ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 8 - Lost control : 06 Apr 2019
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 07-04-2019 20:23:22
โถถถถ เอ็นดูพี่ไท เห็นภาพเลยทาสหมาทาสแมว...แต่นี่ทาสน้องน่านเนอะ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 8 - Lost control : 06 Apr 2019
เริ่มหัวข้อโดย: GevalinW329 ที่ 07-04-2019 21:18:29
น้องมึงแม่ง ประโยคนี้ทำเราใจสั่นฮื่อออ
 :katai1: :m25: :angry2: :กอด1: :z13:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 8 - Lost control : 06 Apr 2019
เริ่มหัวข้อโดย: sehuniie ที่ 08-04-2019 21:42:09
 :katai2-1: :hao5:
หมวยมาแล้ว พี่คิดถึงหมวย
ถ้าหมวยใส่บิกินนี่เล่นน้ำอิพี่ไทอกแตกตายแน่ 555
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 8 - Lost control : 06 Apr 2019
เริ่มหัวข้อโดย: sunsatoh ที่ 08-04-2019 23:56:05
สนุกมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 8 - Lost control : 06 Apr 2019
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 09-04-2019 12:05:54
สนุกมากเลยจ้า
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 8 - Lost control : 06 Apr 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 20-04-2019 00:19:14
ชอบพี่หมอกมากเลยค่ะ กากๆดี โดนขู่ก็หงอแล้ว เชียร์น้องตัวเองให้เพื่อน แต่เพื่อนไม่เชียร์ให้เรา ร้องไห้แล้ว 555555555555
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 8 - Lost control : 06 Apr 2019
เริ่มหัวข้อโดย: SLEEPERINDY ที่ 20-04-2019 22:00:42
ชอบน้องมา รออออ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 8 - Lost control : 06 Apr 2019
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 02-05-2019 21:08:30
บรรยายน่านฟ้ามาแต่ละอย่างคือ น่าจับฟัดมากเลยค่ะ
คือต้องนุ่มลิ้น นุ่มมือมากแน่นอน

เอ็นดูน่านฟ้า หยอกเก่ง และเขินเก่งมากจ้า
ตอนแรกก็ยังไม่คิดอะไร อยู่ดีๆ มามีใจให้ซะงั้นนะ

แทนไทคือตัวร้ายจ้า ดูแลดี ทำน้องเคยชิน
มีแอบแชทกันด้วยนะ ไม่ธรรมดาเลยคนเรา

ตลกหมอก มัวแต่ว่าแทนไท ตัวเองม้วนต้วนกว่าไปอีก

ชอบครอบครัวน่านฟ้า น่ารักมากเลยค่ะ ชีวิตน่านฟ้าถึงมีความสุข
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 9 - Before the sunset : 09 July 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 09-07-2019 21:35:10
CHAPTER 9

Before the sunset

___________________






   “พี่น่าน~ไปถ่ายรูปกันน”

ปั้นหยากระโดดทับร่างคนที่กำลังนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงจนได้ยินเสียงโวยวายมาจากฝ่ายนั้นว่ากระดูกจะหัก

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสี่โมงเย็นเข้าไปแล้ว...หลังจากที่เข้าเช็คอินที่โรงแรมเมื่อตอนบ่ายสองทุกคนก็ต่างลงความเห็นกันว่าพรุ่งนี้ถึงจะเดินทางไปทะเลแหวก เพราะช่วงนี้น้ำจะลดในตอนเช้าถึงสายพอบ่ายน้ำก็ขึ้น วันนี้จึงถือโอกาสปล่อยฟรีสไตล์ให้ได้นอนเล่นชมวิวพักผ่อนกันเต็มที่ นัดหมายอีกทีคือช่วงหัวค่ำเพื่อทานมื้อเย็นที่ห้องอาหารของทางโรงแรม

“แดดยังร้อนอยู่เลยอะหยา” น่านฟ้าบิดขี้เกียจไปมาจนเสื้อครอปสีขาวที่สวมใส่อยู่เปิดขึ้นสูงจนเกือบจะถึงเนินอก

ห้องนี้ก็อยู่กับน้องแค่สองคนอยู่แล้วเลยปล่อยตัวตามสบาย...ประตูห้องก็ล็อกแล้วด้วย มั่นใจได้ว่ารอบนี้ใครบางคนบุกเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้แน่นอน

เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน จู่ๆใบหน้าก็ร้อนวูบขึ้นมาจนต้องยกมือขึ้นมาอังแก้ม ตอนนั้นคงต้องโทษตัวเองที่กรี๊ดซะเสียงดังลั่นบ้านเลยทำให้ใครต่อใครเขาตกใจไปทั่ว น่านฟ้าเม้มปากแน่นเพราะดันคิดถึงใบหน้าของใครบางคนที่ขึ้นสี เพราะก่อนที่ฝ่ายนั้นจะปิดประตูลงก็แอบเห็นนิดหนึ่งด้วยว่าไทหูแดงเหมือนกุ้งที่ถูกต้มจนสุกจัด

คนที่ควรเขินคือทางนี้ต่างหากเล่า! เห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้วเนี่ย...

“แสงมันกำลังสวยอะ นะๆๆพี่น่านไปด้วยกันๆ” ปั้นหยานอนทับลงไปบนต้นขาของอีกฝ่าย...วันนี้พี่น่านใส่กางเกงยีนขาสั้นกุดเลยได้อานิสงส์มองต้นขาขาวๆทั้งวัน ขนาดเป็นผู้หญิงแท้ๆยังมองเพลินตาไปหมด คนอะไรขาเรียวเล็กชะมัดขนหน้าแข้งสักเส้นก็ไม่มี เรียบเนียนลื่นมือไปหมด...ที่รู้เพราะแอบเนียนจับอยู่บ่อยๆ น่าเห็นใจที่ใครบางคนทำได้แค่แอบมองตาละห้อย

แค่พี่น่านใส่บิกินี่ก็ไปไม่เป็นแล้ว นี่ถ้าได้เห็นตอนที่กำลังเปลือยทั้งเนื้อทั้งตัวเหมือนที่หยาเห็นคงกลับบ้านไม่ถูกแน่...พี่ชายใครก็ไม่รู้ ใจปลาซิวจริงๆเลย เพราะแบบนี้ไงเลยไม่ทันใครเขาสักทีน่ะ

“หยารู้ตัวไหมว่าสายตาหยาตอนนี้น่ากลัวมากก” น่านฟ้ายื่นมือไปบิดแก้มน้องจนยืดก่อนจะเบือนหน้าหลบไปอีกทาง

ก็พี่น้องคู่นี้น่ะแววตาเหมือนกันอย่างกับแกะ...ฉะนั้นเวลาที่ถูกปั้นหยาจ้องเอาๆมันเลยทำตัวไม่ค่อยจะถูกสักเท่าไหร่

“จริงอะ...นี่หยาไม่ได้คิดถึงชุดบิกินี่ของพี่น่านเลยนะจริงๆ” น้องยิ้มทะเล้นใส่

“หยา~” น่านฟ้าดึงขาหลบพร้อมกลิ้งหนีออกไปอีกฝั่งของเตียง มีเสียงโวยวายตามหลังมาว่าคอเกือบเคล็ด

“ไปแต่งตัวเลย หรือจะไปชุดนี้ก็ได้นะไม่ว่ากัน” ปั้นหยาทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นก่อนจะลุกเดินเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนชุด เตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายรูปริมทะเลตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ทั้งที่บ้านอยู่ติดทะเลแท้ๆแต่นานทีถึงจะมีโอกาสได้มาเที่ยว

ใช้เวลาราวๆสิบนาทีก็เดินออกมาจากห้องน้ำเพื่อเติมลิปกลอสนิดหน่อยก็ถือว่าเป็นอันจบพิธี

แต่ใครบางคนที่ก่อนหน้านี้เพิ่งบ่นว่าร้อนไปหยกๆกลับจัดเต็มเสียยิ่งกว่าจนปั้นหยาอยากจะวิ่งกลับเข้าไปในห้องน้ำใหม่เพื่อหาชุดมาสู้...ว่าก็ว่าเถอะจริงๆแล้วพี่น่านก็ไม่ได้แต่งตัวยุ่งยากอะไรแต่กลับน่ามองจนต้องเหลียวหลัง เจ้าบิกินี่เกาะอกสีชมพูนู๊ดตัวเมื่อวานถูกนำมาใช้ ท่อนล่างยังเป็นกางเกงยีนขาสั้นตัวเดิมที่ใส่ตั้งแต่ออกมาจากบ้าน และปั้นหยาจะไม่มองตาค้างเลยถ้าเจ้าเสื้อคลุมครึ่งตัวที่อีกฝ่ายสวมทับเป็นเนื้อผ้าปกติทั่วไป

...เพราะเสื้อครอปถักสีขาวมันทำให้เห็นไปถึงไหนต่อไหน..แทบจะไม่มีอะไรปกปิดเลยเสียด้วยซ้ำไป..

“ขาวแสบตามาก” ปั้นหยาเอ่ยปากแซวคนที่กำลังนั่งเกลี่ยลิปสติกให้ได้สีตามที่ต้องการ

ปากบอกร้อนนะ...แต่ตอนนี้พร้อมยิ่งกว่าคนชวนอีก

“หยาหยุดแซวได้แล้ว” หมอนรองใบเล็กถูกปาเข้ามาใส่ดีที่กระโดดหลบทันแบบเฉียดฉิว

“ก็พี่น่านขาวจริงๆอะ” ปั้นหยามองต้นขาที่ขาวจนเห็นเส้นเลือด “หยาอยากขาวแบบนี้บ้าง” เจ้าตัวแกล้งทำเป็นงอแงใส่คนพี่

“ผิวหยาก็สวยเหอะ มีเสน่ห์ออก” น่านฟ้าหันไปมองน้องพร้อมกับยิ้มให้อย่างเอ็นดูเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวหน้าง้ำงอ

“โหย แต่สมัยนี้ใครๆก็ชอบคนขาวอะ” น้องบ่นอย่างไม่จริงจังไปตามประสาเด็กผู้หญิงที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมและสังคมที่เพื่อนมีอิทธิพลต่อความคิดและความมั่นอกมั่นใจในรูปร่างของตัวเอง

“เพ้อเจ้อ” อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปดึงแก้มเจ้าเด็กคิดมากจนยืด “ทุกคนก็มีความสวยในแบบของตัวเองทั้งนั้นแหละ อย่าให้ใครมากำหนดสิว่าเราเป็นยังไง มั่นใจในตัวเองเข้าไว้ อย่าเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้ใครชอบเลย...เป็นตัวของตัวเองน่ะดีที่แล้ว”

ปั้นหยามองตากะพริบปริบๆเมื่อถูกสอน...อันที่จริงก็ไม่ได้คิดมากเรื่องรูปลักษณ์ของตัวเองขนาดนั้น ที่พูดก็เพราะอยากแซวพี่น่านให้เขินม้วนก็เท่านั้นเอง แต่ยิ่งได้รู้ถึงทัศนคติการใช้ชีวิตของอีกฝ่ายก็ยิ่งประทับใจมากขึ้นไปอีก จากที่เคยปลื้มพี่น่านมากอยู่แล้วมันก็มากขึ้นกว่าเดิม...เติบโตมาเพื่อเป็นพลังงานบวกของคนรอบข้างจริงๆด้วยสินะคนนนี้น่ะ

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครบางคนถึงตกหลุมจนหาทางขึ้นไม่เจอมาได้นานขนาดนี้

...ก็น่ารักขนาดนี้ไม่ให้รักได้ยังไงไหว นี่ถ้าไม่ติดว่าคุณพี่ชายเขาแอบมองมาตั้งแต่เด็ก ป่านนี้ชิงจีบตัดหน้าไปแล้วนะเนี่ย

“สวย...สวยมาก คำตอบสวยเหมือนกำลังดูเวทีประกวดนางงาม” เจ้าเด็กตัวแสบยืนปรบมือด้วยท่าทางที่ดูยังไงมันก็น่าบิดแก้มให้แดงแจ๋ “ควรค่าแก่การเอามาเป็นพี่สะใภ้ที่สุด”

“พูดไปนั่น” น่านฟ้าส่ายหัวให้อย่างนึกขำขันในความล้นเกินของน้อง

“หยาล้อเล่นน่า” ปั้นหยายิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะพูดพึมพำ “…แต่พี่ไทน่ะคิดจริง”

“หยาพูดว่าอะไรนะ” ถามย้ำอีกครั้งเพราะได้ยินไม่ค่อยชัดนัก

“ไม่มี๊ ไม่มี~” เจ้าตัวยักไหล่อย่างไร้พิรุจ “พี่น่านพร้อมหรือยัง รีบไปกันเถอะเดี๋ยวแสงหมด”

ว่าไว้แค่นั้นก็หันไปคว้ากระเป๋ากล้องมาสะพายเอาไว้พร้อมกับลากคนพี่ออกมาจากห้อง แต่ในระหว่างที่กำลังจะเดินไปที่ลิฟต์จู่ๆก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้เสียก่อน ปั้นหยาเดินย้อนกลับมาทางเดิมก่อนจะหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักห้องหนึ่งที่อยู่เยื้องมาเล็กน้อย เคาะเรียกอยู่สองสามหนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านในเดินเข้ามาใกล้

“หยาลืมของเหรอ” น่านฟ้าเงยหน้าขึ้นถามน้องอย่างนึกสงสัย เพราะก่อนออกจากห้องก็เช็กกันไปแล้วรอบหนึ่งก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรขาด

“เปล่า” น้องยักไหล่ “จะให้พี่ไทไปถ่ายรูปให้”

“เดี๋ยว..” พอกำลังจะอ้าปากทักท้วงก็พอดีกับที่บานประตูเปิดออก ร่างสูงใหญ่ของใครบางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ค่อยจะเรียบร้อยสักเท่าไรนักเพราะอีกฝ่ายสวมไว้แค่กางเกงสามส่วนสีดำตัวเดียวเท่านั้น เรือนผมสั้นที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยทำให้รู้ว่าคุณเขาคงเพิ่งลุกออกมาจากเตียง

น่านฟ้าเผลอจับจ้องลายอักษรที่สลักไว้อยู่บนแผ่นอกข้างซ้ายของอีกฝ่ายอย่างสนอกสนใจ พลันลมหายใจก็สะดุดผิดจังหวะเมื่อได้เห็นข้อความที่ถูกวาดบรรจงสวยงามลงไปบนผิวเนื้อ

...เพราะครั้งก่อนไทเอาผ้าเช็ดตัวพาดบ่าไว้เลยทำให้มองไม่เห็น

แต่รอบนี้กลับกระจ่างชัดเจนทุกตัวอักษร..

‘My Soul is in the sky’

สั้นง่ายได้ใจความ...แต่ยากที่จะตีความหมายที่แน่ชัด

สายตาถูกสั่งให้หลบหนีเมื่อรู้สึกร้อนผะผ่าวที่ใบหน้าจนแทบมอดไหม้ แต่กลับถูกแรงดึงดูดบางอย่างสั่งให้เงยหน้าขึ้นไปสบตากับใครบางคนแทน...ซึ่งดูเหมือนทุกอย่างถูกจัดวางมาอย่างพอเหมาะและดูเหมือนว่าฝ่ายนั้นจะมองมาทางนี้ตั้งนานแล้วเสียด้วยซ้ำไป

ท่าทีนิ่งเฉยไร้ซึ่งอาการที่ต้องการจะปิดบังเหมือนครั้งก่อนกลับจางหาย...เหลือเพียงแค่ความรู้สึกชัดเจนที่ฉายชัดออกมาจากแววตามั่นคงคู่นั้น

ราวกับต้องการบอกให้รู้ทางอ้อมว่าความหมายที่แท้จริงของมันคืออะไร...

...ถ้าไม่ได้คิดมากไปเองละก็นะ

“อะแฮ่ม” ปั้นหยาขัดจังหวะขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าจู่ๆตัวเองก็กลับกลายเป็นคนนอกไปกะทันหัน

น้องยืนอยู่นี่ทั้งคน ไม่ชายตามองเลยนะพี่ไท!

“จะออกไปไหนกัน” แทนไทยกมือขึ้นมาลูบต้นคอที่รู้สึกร้อนผ่าวแก้เก้อเมื่อพยายามบังคับสายตาไม่ให้มองใครอีกคนจนเสียมารยาทมากเกินไป...แค่เห็นรอยปานบนสะโพกได้รูปที่โผล่พ้นออกมาจากขอบกางเกงขาสั้นก็ทำเอามือไม้เก้กังไปหมดแล้ว

“หนูจะไปถ่ายรูปกับพี่น่าน...เลยอยากมาชวนให้พี่ไทไปถ่ายรูปให้หน่อย” น้องยิ้มจนตาปิด “สะดวกไหมคะ”

“ได้...พี่ขอไปใส่เสื้อก่อน”

ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อหยิบเสื้อยืดสีขาวมาสวมทับเอาไว้ พอดีกับที่บานประตูห้องน้ำถูกเปิดออก ร่างสูงใหญ่ที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวพันรอบท่อนล่างยังคงมีหยดน้ำเกาะพราวเปียกชุ่มไปทั้งตัว หมอกตั้งท่าจะโวยวายใส่ว่าทำไมเพื่อนเขามันเปิดประตูห้องอ้าซ่าขนาดนั้นแต่พอเห็นว่ามีใครบางคนยืนยิ้มอยู่ข้างไอ้หมวยก็ทำได้แค่อ้าปากค้างก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำด้วยความรวดเร็ว

“ชีเปลือย!” น่านฟ้าตะโกนร้องแซวเมื่อได้ยินเสียงเฮียบ่นให้แทนไทอยู่ในห้องน้ำว่าทำไมไม่บอกก่อนว่ามีคนมา

“เงียบน่าไอ้หมวย จะไปไหนก็ไปเลยไป เกะกะ” หมอกเดินออกมาพร้อมกับสวมเสื้อยืดตัวเก่าทับท่อนบนเอาไว้ แต่พอเห็นชุดที่น้องจะใส่ลงไปเล่นทะเลตามันก็ขวางขึ้นมาตามสัญชาตญาณคนหวงน้อง “โป๊” เสียงทุ้มดุเอ่ยเตือน

“ไม่เห็นจะโป๊เลย” ยังจะมาเถียงอีก

“เฮียเมฆคอลมาพอดี จะฟ้อง” โทรศัพท์ที่วางอยู่บนตู้เย็นถูกคว้ามากดรับทันควัน ท่าทางที่ดูสะอกสะใจทำเอาคนที่มองอยู่ได้แต่ส่ายหัวปลงพร้อมกัน จะมีก็แต่ปั้นหยาคนเดียวที่อมยิ้มเหมือนจะเอ็นดูไอ้หมาบ้ามันซะเหลือเกิน

“เฮียโทรมาพอดีเลย มีอะไรให้ดู” หน้าจอถูกเปลี่ยนเป็นรูปแบบวิดีโอคอลแทนก่อนที่กล้องจะหันไปหาคนที่ยืนอยู่หน้าห้อง “มีเด็กโป๊ เฮียจัดการเลย”

(เล่นอะไรของมึงหมอก) คุณหมอเมฆที่อยู่ในชุดเครื่องแบบพร้อมแว่นสายตาขมวดคิ้วมองเมื่อเห็นหน้าน้องชาย แต่พอเห็นน้องคนเล็กใบหน้านิ่งขรึมก็พลันเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างราวกับพลิกเปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือ (เฮียโทรหาหนูทำไมไม่รับสายครับ)

“หนูชาร์จแบตไว้ในห้องอะ ขี้เกียจพก” น่านฟ้าเดินไปคว้าโทรศัพท์มาถือไว้เอง ก่อนจะชี้ให้เฮียดูปั้นหยาที่ยืนอยู่ข้างกัน “เฮียดูสิ หยาตัวสูงขึ้นเยอะเลย”

(เมื่อวานหม่าม้าส่งรูปที่ถ่ายคู่กับน้องมาให้ดูแล้ว) เขาพยักหน้ารับไหว้จากน้องพร้อมเอ่ยปากแซวไอ้ตัวเล็กของตัวเองที่ตัวเตี้ยไม่ยอมโตเสียทีจนน้องหน้างอได้อย่างน่ารักน่าเอ็นดู (จะไปเล่นน้ำเหรอครับ)

“ค่ะ...อยากให้เฮียมาด้วยจังเลย” น่านฟ้าถือโอกาสนี้อ้อนพี่ชายคนโตจนได้ยินเสียงถอนหายใจมาจากคนที่ยืนอยู่ข้างกัน เฮียหมอกกลอกตาไปมาจนต้องเอื้อมมือไปตีแขนด้วยความหมั่นไส้หนึ่งที

(เอาไว้รอบหลังก็ได้) คุณหมอหนุ่มพูดคุยต่ออีกไม่กี่ประโยคก็ขอตัวกลับไปทำงานต่อ ก่อนจะทิ้งท้ายเอาไว้ (อย่าลืมทาครีมกันแดดนะคะ ดูแลตัวเองดีๆด้วยระวังจะเป็นไข้ล่ะ)

“อื้อ หนูรู้แล้วว”

(แล้วก็ชุดนี้...เฮียอนุญาตให้ใส่แค่ตอนไปเที่ยวเท่านั้นนะ) เอ่ยดุอย่างไม่จริงจังมากนัก เพราะน้องก็โตพอที่จะรับผิดชอบตัวเองได้อยู่แล้ว แต่มันก็อดไม่ได้อยู่ดี...น่ารักขนาดนี้ไม่ให้หวงได้ยังไงไหว (ถ้าไอ้หมอกมันไม่สนใจก็ไปอยู่กับไอ้ไทนะ)

คนพูดอาจจะไม่คิดอะไรแต่ทางนี้น่ะหน้าร้อนไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ยิ่งได้ยินเสียงเฮียหมอกแกล้งไอขึ้นมาขัดจังหวะก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก

“วู้ว ฝากปลาย่างไว้กับแมว...โคตรแมวซะด้วย” เอ่ยปากแซวพอดีกับที่สายถูกตัดไป

“เฮียพูดมาก...ไปกันเถอะหยา” น่านฟ้ายัดโทรศัพท์กลับคืนเจ้าของก่อนจะหันไปดึงมือปั้นหยาให้เดินออกมาจากห้องนั้นทันที น้องดูตั้งตัวไม่ทันนิดหน่อยแต่ก็ยอมเดินตามมาแต่โดยดี ก่อนออกมาก็ไม่ลืมหันกลับไปบอกพี่ชายตัวเองด้วยว่าเดี๋ยวจะลงไปรอที่ล็อบบี้ด้านล่าง
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 9 - Before the sunset : 09 July 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 09-07-2019 21:36:10
บริเวณหาดอ่าวนางในช่วงเย็นนั้นยังคงครึกครื้นด้วยผู้คนตามถนนทางเท้า บนชายฝั่งมีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและคนต่างชาติกระจายอยู่ตามจุดต่างๆเพื่อรอถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดิน บางส่วนก็ลงไปเล่นน้ำทะเล เสียงคลื่นสาดซัดเข้าฝั่งดังประสานกับสายลมเอื่อยเฉื่อย หาดทรายสีขาวดูกลมกลืนไปกับผืนน้ำใสเมื่อแสงจากดวงอาทิตย์ค่อยๆลดระดับลงไปซ่อนตัวอยู่หลังภูเขา

 “สวยจัง” น่านฟ้าเป็นคนแรกที่เดินแยกออกไปก่อนใครเพื่อน รองเท้าแตะถูกถอดทิ้งเอาไว้ข้างต้นมะพร้าวก่อนเจ้าตัวจะเดินลุยหาดทรายเอาเท้าไปจุ่มน้ำทะเลเล่น ไม่นานหมอกก็ตามน้องไปพร้อมกับใช้เท้าเตะน้ำใส่จนได้ยินเสียงร้องโวยวาย

“ลมแรงจังอะ” ปั้นหยาพึมพำพร้อมทั้งพยายามใช้มือรวบผมให้เป็นทรงอย่างนึกรำคาญ “พี่ไท~เปียผมให้หนูหน่อยสิ” ลองเอ่ยปากออดอ้อนขอพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างกันดู

“โตแล้วนะ” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่กลับยกมือขึ้นลูบหัวจนถูกอ้อนขอยิ่งกว่าเดิม

“ฮื่อ~ก็พี่ไททำสวยอะ นะๆทำให้หน่อย ตอนพี่ไทไม่อยู่ไม่มีใครทำให้หยาเลย” น้องกอดแขนพร้อมกับใช้หัวถูไถไปมาจนในที่สุดก็ยอมใจอ่อน

“เอายางมา” ยางมัดผมบนข้อมือปั้นหยาถูกยื่นส่งไปให้พร้อมยืนหันหลังเตรียมพร้อมอย่างเสร็จสรรพ

ฝ่ามือใหญ่ค่อยๆสางเส้นผมให้เป็นระเบียบ ก่อนจะเริ่มแบ่งช่อผมอย่างคล่องแคล่วราวกับมืออาชีพโดยไม่ได้รู้สึกขัดเขินเลยสักนิด

สำหรับแทนไทแล้วการที่ได้ทำอะไรเล็กๆน้อยๆให้น้องแบบนี้มันไม่ใช่สิ่งที่แปลกหรือว่าเป็นเรื่องที่น่าอาย กลับกันแล้วเขาเต็มใจที่จะทำมันเสียด้วยซ้ำ เพราะตั้งแต่ที่พ่อเสียไปก็ได้ตั้งใจเอาไว้ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้น้องรู้สึกขาด อะไรที่สามารถทำได้เพื่อทดแทนในส่วนนั้นก็ไม่ลังเลเลยที่จะลงมือ

เริ่มจากการเปียผมให้หยา...เพราะในตอนนั้นแค่อยากช่วยแม่ดูแลน้องเลยขอให้แม่ช่วยสอน แล้วหลังจากนั้นมาหยาก็ไม่ยอมให้แม่ทำให้อีกเลย น้องติดเขาแจซ้ำบอกว่าทำสวยจนเพื่อนที่โรงเรียนถามกันใหญ่ว่าใครทำให้ พอบอกว่าพี่ชายเป็นคนทำทุกคนก็หัวเราะและพร้อมใจกันไม่เชื่อ

‘พี่ไทถักเปียให้หยาได้แค่คนเดียว! ห้ามเอาวิชาแม่ไปจีบสาวเด็ดขาด ไม่งั้นจะงอน!’ เด็กขี้หวงขู่ทิ้งเอาไว้...น้องหวงเขามาก มากจนแม่เคยแซวเอาไว้ว่าคงได้เป็นโสดอยู่ดูแลเจ้าตัวแสบไปทั้งชีวิต

“ยังคล่องเหมือนเดิม...ไปแอบทำให้สาวที่ไหนหรือเปล่า” เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยน้องก็หันกลับมาแกล้งทำท่าจับผิด จนถูกดันหน้าผากไปทีถึงยิ้มออก

“มั่วแล้ว ไม่มีหรอก”

“จริงเร้อ~” ปั้นหยาทำท่าไม่เชื่อ ก่อนจะหันไปมองใครบางคนที่อยู่บนหลังพี่หมอกแล้วรอยยิ้มแฝงความนัยบางอย่างก็ปรากฏขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็...ทำให้พี่น่านบ้างสิ” ข้อเสนอที่ไม่คิดว่าจะได้ยินออกมาจากปากเด็กขี้หวงทำเอาต้องเลิกคิ้วมองอย่างนึกแปลกใจ

“ไหนบอกว่าห้ามทำให้คนอื่นไง” แทนไททวนความจำน้อง

“พี่น่านไม่ใช่คนอื่นซะหน่อย! แล้วอีกอย่าง…”  รอยยิ้มร้ายกาจเผยขึ้น “…คนนี้เป็นข้อยกเว้น”

“ตัวแสบ” แก้มนุ่มถูกดึงยืดจนติดมือ น้องร้องโวยวายก่อนจะตะโกนเรียกใครอีกคนเสียงดังลั่นหาด

“พี่น่าน!” ปั้นหยาป้องปากกวักมือเรียกหยอยๆ “มานี่ๆๆๆๆ”

น่านฟ้าหันมามองตามเสียงก่อนจะสั่งให้พี่ชายพาเดินมาหา หมอกบ่นไม่ขาดปากแต่ก็ยอมทำตามน้อง พอถึงที่เจ้าตัวก็กระโดดลงมายืนบนพื้นก่อนจะก้มลงปัดทรายที่เปื้อนติดอยู่ปลีน่องออก

“มีอะไรเหรอหยา”

“ให้พี่ไทถักเปียให้ๆ เดี๋ยวไปถ่ายรูปคู่กัน” แม่สื่อคนเก่งเริ่มปฏิบัติงานโดยไม่สนใจท่าทีอ้ำอึ้งของพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างกัน

ขืนชักช้าแบบพี่ไท มีหวังชาตินี้คงไม่มีอะไรคืบหน้ากันพอดี!

“ห้ะ” น่านฟ้าทำหน้าเหวอพอหันไปมองทางฝ่ายนั้นก็เอาแต่ยืนเงียบ “จะดีเหรอ” ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้ทำให้...แต่ตั้งแต่เช้ามาคุยกับไทแทบนับประโยคได้ เพราะต่างฝ่ายก็ต่างทำตัวไม่ถูก...ยิ่งนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแค่จะมองตายังไม่กล้าเลย

“ดี! พี่ไททำสวยมากเลยนะ” น้องดันตัวเข้าไปใกล้ก่อนจะจับหมุนให้ยืนซ้อนอยู่หน้าพี่ชายตัวเอง “ฝากด้วยนะ เสร็จแล้วก็รีบตามมา” ปั้นหยาทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็ดึงเอากระเป๋ากล้องที่ห้อยอยู่แขนพี่ออกมาถือไว้พร้อมกับหันไปชวนใครอีกคนแทน “พี่หมอกคะ ไปถ่ายรูปกัน”

“อ...อ้อ ครับ” หมอกรับกระเป๋ากล้องมาถือไว้ทั้งที่ยังตามเหตุการณ์ไม่ทัน แต่ก็ยอมเออออตามน้องไป

“หยา..เดี๋ยว..”

รู้ตัวอีกทีสองคนนั้นก็เดินห่างออกไปไกลแล้ว...น่านฟ้าหันกลับมามองคนที่ยืนร่วมชะตากรรมเดียวกันด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แต่ก่อนที่ความคิดทุกอย่างจะฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้เสียงทุ้มต่ำก็พูดขึ้นอย่างเนิบนาบ

“ขยับเข้ามาสิ”

“คือ...ไม่เป็นไรหรอก..” ปฏิเสธเสียงอ่อนแต่ก็ยอมขยับเข้าไปหาแต่โดยดี

“เดี๋ยวหยางอแง” เอาน้องมาเป็นข้ออ้างไปอย่างนั้นเอง

“ฮื่อ...ผมยุ่งหน่อยนะ โดนลมทะเลอะ” น่านฟ้าพึมพำก่อนจะยืนนิ่งๆให้อีกฝ่ายได้ลงมือ 

ฝ่ามือใหญ่แก้ยางมัดผมออกอย่างเบามือจนเส้นผมสีอ่อนค่อยๆทิ้งตัวลงมาระข้างเอวก่อนจะถูกสางจนเข้าที่ แทนไทไล่มองตามนิ้วตัวเองจนถึงปลายผม ช่วงเอวคอดบางที่ไม่มีอะไรปกปิดทำให้เขารับรู้ว่าน้องตัวเล็กมากแค่ไหน รอยบุ๋มเล็กๆสองจุดบริเวณเหนือสะโพกรับกับร่องส่วนเว้าโค้งของแผ่นหลังเล็กทำเอาต้องหยุดสายตามองอยู่พักใหญ่

ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนฉายชัดขึ้นมาอีกครั้งจนต้องรีบเสมองไปทางอื่นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเสียมารยาท

กลุ่มผมถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนก่อนจะถูกถักเป็นเปียเดี่ยวแบบหลวมๆตามที่เจ้าตัวชอบทำ ปลายนิ้วค่อยๆสอดสลับอย่างอ้อยอิ่ง เนิบนาบกว่าปกติ เส้นผมบางส่วนที่ตกระอยู่ข้างซอกคอขาวถูกมือรวบกลับเข้ามา เพียงเสี้ยวเดียวที่ปลายนิ้วได้สัมผัสกับผิวเนื้อเนียนนุ่มบริเวณลาดไหล่เปลือยลมหายใจก็เพี้ยนผิดจังหวะก่อนจะรับรู้ได้ถึงมือไม้ที่เริ่มเก้กังซ้ำยังชุ่มเหงื่อ

เสียงดังกึกก้องในอกซ้ายเต้นรัวเร็วจนแทบทะลุเมื่อเห็นว่าใบหูของคนตรงหน้าเริ่มขึ้นสี...ริ้วเลือดฝาดที่พาดผ่านบนแก้มขาวสลักตราตรึงลงไปแนบแน่น

“เจ็บหรือเปล่า” แทนไทถามเมื่อถักเปียมาได้ถึงกลางทาง พอเงยหน้าขึ้นมองก็สังเกตเห็นว่ามีผู้คนบางส่วนที่เดินผ่านไปผ่านมาทั้งเป็นคู่และเป็นกลุ่มแอบอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อมองมาที่พวกเขาสองคน

“ไม่ๆ ไม่เจ็บ” น้องเผลอส่ายหัวแรงนิดหน่อยเลยทำให้ปมมันคลาย จากที่ใกล้จะเสร็จก็ต้องยืนแก้อยู่สักพักจนเข้าที่เรียบร้อยดี

ชายหนุ่มมัดยางตรงส่วนปลายก่อนจะจับพาดเปียไว้บนไหล่ข้างขวาให้อย่างเสร็จสรรพ “เรียบร้อย”

“ไม่เห็นรู้มาก่อนเลยว่าไททำอะไรแบบนี้เป็นด้วย” น่านฟ้ายกมือขึ้นจับผมตัวเองด้วยสีหน้าที่เหลือเชื่อพร้อมกับชมไม่ขาดปากว่าไททำสวยกว่าที่ตัวเองทำเสียอีก

เทียบกับคนที่ต่อยเตชินจนหน้าคว่ำในวันนั้น...ราวกับคนละคนเลย

“ก็ทำให้หยามาตั้งแต่เด็กแล้ว”

“หูยย งี้ก็แสดงว่าทำให้สาวบ่อยอะดิ” ใบหน้าน่ารักยิ้มทะเล้นพร้อมกับกระชับเสื้อคลุมขึ้นมาเมื่อถูกลมพัดจนมันร่วงหล่นลงมากองที่บริเวณข้อพับแขน

“ไม่มีหรอก หยาขู่ไว้ว่าห้ามเอาไปทำจีบใคร” รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นที่ข้างมุมปากเมื่อเห็นว่าทางนั้นเริ่มมือไม้เกะกะจนผิดสังเกต

“น่านได้รับสิทธิพิเศษสินะเนี่ย” น่านฟ้ากระแอมไอแก้เก้อพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกเชิดหน้าอย่างมีอำนาจเหนือกว่า

“อืม” ปอยผมบางส่วนถูกสายลมพัดตกระลงมาข้างแก้ม...แต่ไม่ทันที่จะได้ปัดออกก็ถูกมือของใครบางคนเกี่ยวเก็บขึ้นทัดหูให้ก่อน “...น้องบอกว่ายอมให้น่านแค่คนเดียว”

ดวงตากลมโตเบิกกว้างก่อนริ้วแดงระเรื่อจะพาดผ่านขึ้นมาบนใบหน้าจนเห็นได้ชัด เจ้าตัวตั้งท่าจะพูดตอบกลับแต่ก็ทำได้แค่เม้มปากเอาไว้แน่นจนเห็นรอยบุ๋มที่ข้างแก้มเหมือนอย่างเคยเมื่อถูกจู่โจมด้วยวิธีการร้ายกาจ

เอาน้องมาเป็นตัวช่วยเหรอ!

“ไม่คุยด้วยแล้ว” น่านฟ้าเดินหมุนตัวกลับไปทางชายหาดโดยมีเสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังตามหลังมาด้วย “เดินตามมาทำไมเล่า”

“ก็ไม่รู้จะไปไหน...สองคนนั้นหายไปแล้ว” ฝ่ายนั้นยืนล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทางผ่อนคลายก่อนจะหันไปมองรอบบริเวณเพื่อย้ำอีกครั้งว่าปั้นหยากับเฮียหมอกหายไปแล้วจริงๆ “ให้ถ่ายรูปให้ไหม” แทนไทเสนอตัวช่วย

“จะถ่ายให้จริงอะ” น่านฟ้าลองหยั่งเชิง แต่พอเห็นว่าฝ่ายนั้นพยักหน้ารับด้วยความเต็มใจก็ไม่รอช้าที่จะตอบรับ “’ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เกรงใจแล้วนะ”

“ครับ...เต็มที่เลย”

หลังจากนั้นเสียงรัวชัตเตอร์กล้องจากโทรศัพท์มือถือของแทนไทก็ดังขึ้นต่อเนื่องจนแทบจะไม่ได้พยุดพัก ส่วนอีกฝ่ายก็สนุกสนานหัวเราะร่าเริงเมื่อเห็นว่าเขาเริ่มจับภาพไม่ทัน ได้รูปดีบ้างหลุดบ้างแต่ไม่มีแม้แต่รูปเดียวที่จะถูกลบออกไป น่านฟ้าโวยวายใหญ่เมื่อเห็นว่ามีรูปหนึ่งที่ตัวเองหลับตาเพราะแสงแดดส่อง

“ไม่เอารูปนี้ ลบๆ” น้องยื่นหน้าเข้ามาดูรูปที่จอก่อนจะตีหน้ายุ่งพร้อมบ่นว่าตัวเองไม่สวย

“สวยแล้ว” ดึงโทรศัพท์หลบเมื่อเห็นว่าเจ้าของรูปตั้งท่าจะแย่งไปกดลบ “ไปถ่ายต่อเร็ว เดี๋ยวแสงหมด”

“ไม่เอาแล้วแสบตา” เจ้าตัวส่ายหน้าปฏิเสธ แม้จะรู้สึกเสียดายแต่รูปที่ถ่ายไปไม่รู้อาทิตย์นี้จะลงหมดหรือเปล่า “น่านอยากเล่นน้ำ” อุตส่าห์ใส่ชุดมาเต็มที่แต่กลับโดนคนชวนเทซะงั้น

ทีแรกก็ตั้งใจจะให้หยามาถ่ายรูปชุดบิกินี่ให้...แต่ตอนนี้คงต้องพับโครงการเก็บลงไปก่อนเพราะคุณแทนไทดันมาเป็นตากล้องให้แทน

ก็...ใครจะไปกล้าเล่า...แค่นี้ก็เขินจะตายอยู่แล้ว..

“เอาสิ เดี๋ยวลงเป็นเพื่อน” แทนไทพยักหน้ารับคำก่อนเสื้อยืดสีขาวที่สวมใส่อยู่จะถูกถอดออก เจ้าตัวเดินเอาไปวางไว้ให้พ้นรอยคลื่นพร้อมทั้งโทรศัพท์เพื่อเตรียมตัวลงน้ำ...นี่ก็เริ่มเย็นแล้วผู้คนเลยบางตาลงไปพอสมควรบริเวณชายหาดจึงค่อนข้างสงบ ไม่พลุกพล่านเหมือนชั่วโมงก่อนหน้า

“ทำไมต้องอวดพุงอะ” ย่นจมูกใส่อย่างนึกหมั่นไส้คนขี้อวด

พุงเพิงอะไรมีที่ไหนกัน...วีเชฟขึ้นชัดซะขนาดนั้น

น่านฟ้าไล่มองอีกฝ่ายตั้งแต่บริเวณช่วงบ่ากว้างที่มีมัดกล้ามได้รูป แผ่นอกแข็งแกร่งแผ่ไอร้อนออกมาจากตัว รอยสักบริเวณแขนขวาและอกซ้ายช่วยดึงเสน่ห์ดิบของผู้ชายออกมาได้เป็นอย่างดี ผิวสีเข้มที่ถูกแสงอาทิตย์ช่วงเย็นส่องกระทบยิ่งเสริมให้ฝ่ายนั้นดูดีและน่ามองมากขึ้นไปอีก

...อันตรายเกินไปแล้วนะ

“มองอะไร” แก้มข้างหนึ่งถูกดึงจนยืดเพื่อเรียกสติ

“งก!” น่านฟ้าเบี่ยงประเด็นเหมือนเด็กถูกโดนจับได้ว่าทำความผิด ก่อนจะใช้เท้าไล่เหยียบฝ่าเท้าของคนพี่แก้เก้อเมื่อเห็นว่าถูกแกล้ง ส่วนคนที่โดนน้องทำร้ายร่างกายกลับหัวเราะอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับดึงเท้าหลบเป็นพัลวัน พอเริ่มรู้สึกว่าถูกจี้ไม่ยอมถอยก็ตัดสินใจเบี่ยงตัวออกมาด้านข้างก่อนจะช้อนเข้าที่ใต้ขาของอีกฝ่ายแล้วอุ้มจนตัวลอย อารามตกใจทำใจน่านฟ้าต้องรีบยกแขนขึ้นมาโอบรอบคอเอาไว้ตามสัญชาตญาณพร้อมกับร้องประท้วงเมื่อเห็นว่ากำลังถูกอุ้มลงทะเล

“ไทคนมองหมดแล้ว!” ทั้งอายทั้งตกใจ ซ้ำยังตั้งตัวไม่ทันเมื่อจู่ๆก็เนื้อตัวแนบชิดกันจนแทบไม่มีช่องว่าง

ไอร้อนระอุจากแผ่นอกกว้างแผ่กระจายโอบล้อมเอาไว้ทั้งตัว...เพิ่งจะรู้ว่าไทตัวสูงมากก็ตอนที่โดนอุ้มเอาไว้แบบนี้

“ไทอย่าแกล้ง!” เจ้าตัวร้องโวยวายขึ้นอีกครั้งเมื่อจะถูกโยนลงน้ำ แต่โชคดีที่กอดคอเอาไว้แน่นพอสมควรเลยรอดตัวไป

“ก็ไหนบอกอยากเล่นน้ำ” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำในลำคอดังขึ้นอย่างอารมณ์ดี

แทนไทหยุดเดินเมื่อระดับน้ำสูงเกือบเท่าอกก่อนจะกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นเพื่อไม่ให้คนในอ้อมกอดเปียกน้ำ

...พอได้กอดเอาไว้แบบนี้...ก็ได้รู้ว่าน่านตัวเล็กมากแค่ไหน

“ฮื่อ ก็ปล่อยสิ”

“โอเค”

“ปล่อยดีๆสิ ไม่ใช่โยน!” น้องเกาะแน่นยิ่งกว่าเดิมเมื่อรู้ตัวว่าจะถูกแกล้งอีก “ไทขี้แกล้งอะ”

“ไม่แกล้งแล้วครับ” แม้จะรู้สึกเสียดายที่ต้องปล่อยแต่ก็ยอมจำนนแต่โดยดีเมื่อเห็นว่าน่านเริ่มมองค้อนใส่

ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะผละออกจากอ้อมกอดจู่ๆร่างสูงใหญ่ก็ทิ้งตัวลงไปในน้ำส่งผลให้ใครอีกคนจมลงไปตามกันติดๆ แต่เพียงไม่นานทั้งคู่ก็โผล่พ้นขึ้นมาเหนือผิวน้ำ น่านฟ้าสำลักน้ำทะเลเข้าไปอึกใหญ่เพราะไม่ทันได้ตั้งตัวก่อนจะไอจนใบหน้าแดงก่ำเดือดร้อนคนพี่ต้องเข้ามาช่วยลูบหลังให้

“ไทอะ!” น้องหน้างอลงนิดหน่อยก่อนจะฟาดมือเข้ามาที่ต้นแขนจนขึ้นรอยแดง

“โอ้ย” ท่าทีแกล้งเจ็บเกินจริงทำให้นึกหมั่นไส้จนต้องวักน้ำใส่หน้าเพื่อเอาคืน

น่านฟ้าดันน้ำจนเป็นคลื่นลูกเล็กผลักใส่หน้าคนขี้แกล้งเพื่อเป็นการแก้แค้น แต่นอกจากฝ่ายนั้นจะไม่หลบแล้วยังยืนนิ่งให้เอาคืนอย่างไม่สะทกสะท้าน เส้นผมสีเข้มที่เปียกลู่ลงมาแนบกับใบหน้าถูกเสยขึ้นเก็บไว้อย่างลวกๆ หยดน้ำที่เกาะอยู่ปลายผมหยดลงมาผสานตัวบนแผ่นอกกว้าง ท่าทางที่เป็นไปตามธรรมชาติไร้การปรุงแต่งทำเอาหัวใจคนมองเต้นผิดจังหวะ

แล้วข้อมือน่านฟ้าก็ถูกรวบจับเอาไว้เพราะฝ่ายนั้นบอกว่าแสบตา ให้หยุดสาดน้ำใส่ก่อน

“แค่นี้อย่ามาบ่น” เจ้าตัวฮึดฮัด แต่พอจะดึงมือออกมาจากการจับกุมกลับถูกฝ่ามือใหญ่โอบกระชับให้แน่นขึ้นเสียงยิ่งกว่าเดิมซ้ำฝ่ายนั้นยังดึงตัวให้เข้าไปใกล้ด้วย “ฮื่อ ปล่อยซี่” น่านฟ้าหลบสายตามองไปที่อื่นอย่างไร้ช่องทางการหลบหนี ระดับน้ำที่ลึกถึงช่วงบ่ากลับสูงเพียงอกของไทเท่านั้น

“ตัวเตี้ย” รอยยิ้มล้อเลียนปรากฏขึ้นพร้อมกับแขนข้างหนึ่งที่โอบเข้ามารอบเอว

“ไทตัวสูงเกินไปต่างหาก!” น้องขึ้นมายืนเหยียบบนหลังเท้าก่อนจะพยายามเขย่งให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกัน

แทนไทมองคนตรงหน้าไม่วางตา...มองอยู่อย่างนั้น...เนิ่นนานจนไร้ซึ่งบทสนทนาระหว่างกัน

“มองอะไรเล่า” น่านฟ้าเบือนหน้าหลบไปอีกทางแต่ก็ถูกตามไปก่อกวนจนไร้ทางหลบหนี“ฮื่อ ปล่อยเลย น่านหนาว อยากกลับแล้ว”

“น่าน”

“อื้อ” ใบหูขาวที่เริ่มขึ้นสีอีกครั้งทำเอาความยับยั้งชั่งใจเริ่มลดต่ำ

“…ทำไมน่ารักจัง” คำถามที่ถูกส่งไปทำเอาอีกฝ่ายหน้าแดงก่ำ หลังจากนั้นน้องก็ยกมือขึ้นมาปิดตาเขาเอาไว้

“ไทเมาคลื่นปะเนี่ย” น้ำเสียงบ่นอุบอิบแผ่วเบา แต่สามารถแสดงอารมณ์ความรู้สึกของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี

“เปล่า” แทนไทยกมือขึ้นมากุมทับมือน้องก่อนจะดึงลงมาจับเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ปลายนิ้วเกลี่ยลงไปบนหลังมืออย่างเพลิดเพลิน ฝ่ามือเรียวเล็กเมื่อวางทาบกันแล้วมีขนาดเพียงแค่ครึ่งฝ่ามือเขาเท่านั้น “...พูดจริง”

แสงแดดอบอุ่นที่เริ่มจางหายไปตามเวลาฉาบไล้ลงข้างใบหน้าได้รูป แก้มน้องขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะถูกไอแดดเล่นงาน ประกายวูบไหวที่ส่องสะท้อนอยู่ในแววตาคู่นั้นยากที่จะสามารถถอดถอนสายตาออกไปได้ สายลมแผ่วเบาที่พัดพาคลื่นลมทะเลดังเคล้าเบาบางล่องลอยคล้ายติดอยู่ในห้วงความฝัน สองสายตาสอดประสานกันเนิ่นนานไร้ซึ่งบทสนทนาอื่นใด มีเพียงแค่ความรู้สึกบางอย่างที่ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านประกายวูบไหวในแววตา...อ่อนไหวคล้ายกับเกลียวคลื่นที่สาดซัดลงบนผืนทรายขาว ทิ้งไว้เพียงร่องรอยเปียกชื้น ก่อนจะกลืนหายกลับลงไปในท้องทะเลสีคราม

ใบหน้าคมเข้มเคลื่อนต่ำลงมาใกล้ทำให้ระยะห่างของทั้งคู่ลดน้อยลงจนสัมผัสได้ถึงปลายจมูกที่แตะลงบนผิวแก้มเย็นชืด ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดอยู่ในระยะประชิดรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของชีพจรที่รัวเร็วขึ้นกว่าเดิม เสียงอึกทึกที่เต้นรัวอยู่ในอกขยายอิทธิพลมากขึ้นจนไม่สามารถรับรู้ได้ถึงสิ่งรอบตัว

น่านฟ้ามองต่ำไม่ยอมสบตาเอาเสียดื้อๆ รู้ตัวอีกทีปลายคางก็ถูกช้อนขึ้นก่อนภาพทั้งหมดจะถูกบดบังด้วยใบหน้าของใครอีกคนแทน ริมฝีปากที่เม้มแน่นถูกปลายนิ้วใหญ่เกลี่ยไปมาอย่างอ้อยอิ่ง พอรวบรวมความกล้าสบตาโดยตรงกลับต้องลมหายใจสะดุดอีกครั้งเมื่อเห็นแววตาอ้อนวอนขออนุญาตจากฝ่ายนั้น

จนในที่สุดเปลือกตาก็ค่อยๆปิดลงแทนคำตอบทั้งหมด

สัมผัสอุ่นร้อนนุ่มนวลคล้ายปุยนุ่นถูกประทับลงมาบนเรียวปากแผ่วเบาก่อนจะจางหายไปคล้ายกับหยดน้ำที่ทิ้งตัวลงบนแผ่นหินร้อนจัดแล้วระเหยกลายเป็นไอ เพียงไม่นานความอบอุ่นนั้นก็กดลงมาซ้ำเป็นรอบที่สองด้วยน้ำหนักที่มากขึ้นก่อนจะกดแช่เนิ่นนานอยู่อย่างนั้น ไร้ซึ่งท่าทีคุกคามและเร่งเร้า นุ่มนวลและอ่อนโยนราวกับเกรงว่าทุกอย่างจะแตกสลายเป็นเพียงภาพลวงตา

“..เรา...กลับกันเถอะ” หลังจากที่ใบหน้าของอีกฝ่ายถอยห่างออกไป น่านฟ้าก็เอาแต่พิงศีรษะเข้ากับแผ่นอกกว้างไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน โผล่มาให้เห็นแค่ใบหูที่ขึ้นสีแดงจัด

“ครับ” เสียงทุ้มนุ่มกระซิบบอก พร้อมกับวงแขนที่โอบกระชับแน่นขึ้น

หลังจากที่ขึ้นมาบนชายหาดแทนไทก็บอกให้น้องยืนรอยู่กับที่ก่อนจะเดินกลับไปเอาเสื้อและโทรศัพท์ที่วางทิ้งไว้รวมถึงรองเท้าแตะของน่านที่ถอดทิ้งเอาไว้ด้วย

“ใส่ซะ” เสื้อยืดสีขาวถูกยื่นส่งไปตรงหน้าเมื่อเห็นว่าใครอีกคนยืนตัวสั่นเพราะถูกลมทะเล

“ม...ไม่เป็นไร” น่านฟ้าปฏิเสธ ก่อนจะหลบตาให้วุ่นเมื่อเผลอไปมองริมฝีปากของอีกฝ่าย

“น่าน...เดี๋ยวไม่สบาย” เสียงเข้มดุขึ้นมาเล็กน้อยอย่างไม่ยอมแพ้ จนในที่สุดเสื้อคลุมถักที่แทบจะไม่ปกปิดอะไรเลยก็ถูกถอดออกจนเหลือเพียงแค่เกาะอกสีชมพูตัวเดียว เนื้อผ้าสีอ่อนแนบไปกับผิวขาวนวลจนเห็นสัดส่วนชัดเจน เนินเนื้อขนาดพอเหมาะถูกมือของเจ้าตัวยกขึ้นมาปิดเอาไว้เพราะรู้สึกเขินกับสายตาของใครบางคนจนแทบอยากจะจมหายลงไปในทะเล

แทนไทเบือนหน้าหนีออกไปอีกทางเพื่อไม่ให้น้องรู้สึกอึดอัดก่อนฝ่ายนั้นจะรับเสื้อยืดของเขาไปสวมทับเอาไว้อย่างว่าง่าย และเพราะขนาดตัวที่ต่างจึงทำให้ชายเสื้อคลุมยาวจนปิดต้นขาขาวเอาไว้ได้อย่างพอดิบพอดี

...นับว่าเป็นที่น่าพอใจ



ระยะทางจากตัวโรงแรมไปหาดอ่าวนางนั้นใช้เวลาเดินเท้าประมาณห้านาทีเท่านั้น ร่างสูงใหญ่ที่เปลือยท่อนบนตกเป็นเป้าสายตาอยู่ไม่น้อยตอนที่เดินผ่านบริเวณล็อบบี้ แต่เจ้าตัวกลับมีท่าทีนิ่งเฉยอย่างไม่สะทกสะท้าน

ในระหว่างที่ลิฟต์กำลังไต่ระดับขึ้นไปบนชั้นของห้องพักก็ไร้ซึ่งบทสนทนาระหว่างกันจนกระทั่งสัญญาณเตือนว่าถึงที่หมาย แทนไทเดินตามหลังอีกฝ่ายไปโดยทิ้งระยะห่างเล็กน้อย น้องหันมามองอยู่บ่อยครั้งแต่ก็ไม่ได้พูดทักท้วงอะไรออกมาเพราะคงรู้ว่าเขาต้องการจะมาส่ง

“รีบไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวเป็นหวัดนะ” พอหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องน้องก็ออกปากไล่ทันทีก่อนจะเคาะประตูเรียกให้ปั้นหยามาเปิดให้ “ไอ้แสบ แอบกลับมาไม่บอกกันเลยนะ” บ่นพึมพำกับบานประตูไปเรื่อยเปื่อยเพื่อดึงความสนใจของตัวเองไม่ให้ไปอยู่ที่ใครอีกคนมากจนเกินไป

แต่แล้วแผ่นหลังกลับสัมผัสได้ถึงไอร้อนระอุที่แผ่กระจายออกมาโอบล้อมรอบตัวเอาไว้ พอตั้งท่าจะขยับหนีกลับถูกแขนข้างหนึ่งยกขึ้นมากั้นเอาไว้จนเห็นรอยสักที่ต้นแขนข้างซ้ายในระยะประชิด...ถูกกักขังอยู่ในอ้อมแขนอย่างสมบูรณ์แบบพอดีกับที่ได้ยินเสียงฝีเท้าในห้องกำลังเดินเข้ามาใกล้บานประตู

“น่าน” เพราะถูกเรียกเลยทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่โดยไม่ทันตั้งตัวริมฝีปากก็ถูกฝ่ายนั้นก้มลงมาประทับจูบด้วยความรวดเร็ว พอดีกับที่บานประตูถูกเปิดออกแทนไทก็ยืดตัวกลับขึ้นไปยืนเต็มความสูงก่อนจะตีสีหน้านิ่งเฉยตามปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น...ผิดกับใครอีกคนที่ยืนหน้าร้อนหูดับไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย...

ยิ่งเห็นสายตาล้อเลียนของปั้นหยาที่มองมาก็ยิ่งทำตัวไม่ถูกไปกันใหญ่ กว่าจะรู้ตัวว่าถูกขโมยจูบฝ่ายนั้นก็เดินกลับเข้าห้องไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย..เหลือทิ้งไว้แค่ความอุ่นชื้นที่ยังคงเจือจางอยู่บนริมฝีปากตอนที่ยกปลายนิ้วขึ้นมาแตะ




_______________

ยัยเด็กหยานี่มีบทบาทกว่าพระเอกอีกนะลู้กกก5555555555555


ต้องขออภัยมากเลยนะคะที่ทิ้งช่วงไปนาน ไม่มีอะไรจะแก้ตัวเลยค่ะ แง้  :z13:
ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่คอยส่งกำลังใจมาให้ตลอดนะคะ
ขอบคุณที่ยังอุตส่าห์รอไปทิ้งพันไมล์ไปไหน<3 :L2: :กอด1:

แวะมาพูดคุยกันได้ที่ #ที่รักของน่านฟ้า นะคะ <3
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 9 - Before the sunset : 09 July 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 09-07-2019 23:42:34
โอ่ยๆๆๆ เขินแทนยัยน่าน :o8:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 9 - Before the sunset : 09 July 2019
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 10-07-2019 00:39:41
หืมมมมมม บทจะรุกนี่รุกเร็วรุกแรงจริงนะพ่อคุณ นี่เขินเป็นเพื่อนน้องน่านแล้ว
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 9 - Before the sunset : 09 July 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Gimlongdeep ที่ 10-07-2019 01:22:50
พี่นักเขียนกินข้าวรึยังคะ แงงๆๆเราเราตามอยุ่เน้ออออ สู้ๆนะคะเด้วก้หายเหนื่อยนน
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 9 - Before the sunset : 09 July 2019
เริ่มหัวข้อโดย: เปลว แว๊บแว๊บ ที่ 10-07-2019 01:47:02
ซึนมาหลายตอน รุกน้องเป็นแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 9 - Before the sunset : 09 July 2019
เริ่มหัวข้อโดย: แพรวฐา ที่ 10-07-2019 01:48:12
เขินพี่ไทอะแงง มาอัพแล้วคิดถึงมากๆเลยค่ะะะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 9 - Before the sunset : 09 July 2019
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 10-07-2019 07:32:48
พี่แทนนนนนเสียอาการแล้วกล้าๆหน่อย..ขอบคุณนักเขียนนะคะเราจะรอวันที่พี่แทนไปบอกเฮียว่าชอบยัยหมวย
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 9 - Before the sunset : 09 July 2019
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 10-07-2019 09:35:08
เหมือนจับคนขี้เขินมาเจอกัน แข่งกันแก้มแดงหูแดง น่ารักมากๆเลยค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 9 - Before the sunset : 09 July 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kookkiex ที่ 10-07-2019 10:11:39
พี่ไทพอได้รุกแล้วรุกเก่งจังเลยนะ น้องน่านสู้ๆลูก5555
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 9 - Before the sunset : 09 July 2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 10-07-2019 11:40:55
รุกน้องซักที  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 9 - Before the sunset : 09 July 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Moonoii ที่ 10-07-2019 13:21:27
งุ้ยย เขินพี่แทนไท น่านฟ้าก็น่ารักก :o8:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 9 - Before the sunset : 09 July 2019
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-07-2019 17:47:28
หวาน........ละมุนละไม   :mew1: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 9 - Before the sunset : 09 July 2019
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 10-07-2019 21:51:14
 :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 9 - Before the sunset : 09 July 2019
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 11-07-2019 01:00:46
น้องหยาชงเข้มมากเลยลู้กกกก ทับจัยน 555
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 9 - Before the sunset : 09 July 2019
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 11-07-2019 17:51:13
 :-[ :-[ มาต่อเร็วๆนั
รอติดตามอยุ่นะ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 9 - Before the sunset : 09 July 2019
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 14-07-2019 19:57:55
ใจบางอีกแล้วค่ะ อะไรนิดหน่อย ก็ทำเขิน น่ารักจริงเลย
โมเมนท์วันสบายๆ ทำตัวเรื่อยเปื่อย ดูอบอวลมาก

ไทพร้อมรุกแล้วนะน่าน รอตั้งรับ หรือรอโต้กลับได้เลย

หมอกก็มีมึนบางอารมณ์ หยาคือคนชงเข้มมากค่ะ รู้ทันไปหมด

แหมมม พอได้เริ่มแล้วหยุดไม่อยู่เลยนะ คืออะไรไปจุ๊บส่งหน้าห้องคะ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 9 - Before the sunset : 09 July 2019
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 20-07-2019 15:42:48
งื้อออ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 9 - Before the sunset : 09 July 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 09-10-2019 05:28:11
 :mew1: บอดี้ ไท น่าจะฮอตสุด ๆ
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 9 - Before the sunset : 09 July 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 21-10-2019 20:25:46
มารอน้องน่านฟ้า    :กอด1:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 10 - After the sunrise : 03 Dec 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 02-12-2019 23:08:25
CHAPTER 10 - After the sunruse

_____________________________





“เจ้าไทไปไหนล่ะ” ป๋าปรีชาถามอย่างสงสัยเพราะตั้งแต่ลงมาทานมื้อเช้าที่บริเวณห้องอาหารของทางโรงแรมก็ไม่เห็นหน้าลูกชายอีกคนทั้งที่ปกติแล้วเจ้าตัวเป็นคนตื่นเช้า ผิดกับเจ้าหมอกที่นั่งหน้าง่วงจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่อยู่บนโต๊ะจนถูกหม่าม้าบิดแก้มไปไหน

“มันออกไปวิ่งตั้งแต่เช้าแล้วป๋า เพิ่งจะกลับมาตอนผมแต่งตัวเสร็จ สงสัยอาบน้ำอยู่มั้ง”

“ฟิตจังเว้ย” แกหัวเราะเพราะไม่คิดว่าฝ่ายนั้นยังคงรักษาวินัยแม้จะมาเที่ยวพักผ่อนก็ตาม

แต่ก็อย่างว่า...เจ้าไทต้องขึ้นชกเดือนหน้านี้แล้ว ก็คงอยากจะฟิตร่างกายเตรียมเอาไว้เพราะห่างจากสังเวียนมาตั้งหลายปี เรียกได้ว่าหลังจากนี้คงต้องซ้อมกันหนักจนแทบไม่ได้หยุดพักหายใจกันเลยทีเดียว

“มันตื่นตั้งแต่ตีห้า” หมอกถอนหายใจอย่างยอมแพ้ ไม่รู้แม่งจะขยันไปไหน...แต่พอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนก็ทำให้รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาอีกครั้งเพราะมีหมาบางตัวมันยิ้มไม่หุบตั้งแต่เดินเข้ามาในห้อง มิหนำซ้ำหน้ายังแดงลามไปถึงใบหู พอถามเข้าหน่อยมันก็เอาแต่ลูบหน้าลูบตาไปมาไม่ยอมพูดจนเขาต้องยอมแพ้ไป

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครที่ทำให้เพื่อนเขาเสียอาการมากขนาดนี้...พูดถึงปุ๊บมันก็เดินเข้ามาพอดี

...ด้วยชุดขัดใจป๋าเหมือนอย่างเคย...เอาล่ะเว้ยงานนี้ มันต้องมีคนหัวร้อนกันบ้างล่ะว้า

“สาวๆ ลงมากันแล้ว” คุณอิงดาวพูดพร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวแสบทั้งสองเดินยิ้มมาแต่ไกล แต่งตัวสวยกันเชียว โดยเฉพาะคนพี่ที่ดูท่าแล้ววันนี้คงทำให้ป๋าเขาความดันขึ้นอีกรอบแน่นอน...เพราะฝ่ายนั้นเองก็มองตามลูกมาตั้งแต่ประตูทางเข้าห้องอาหารแล้ว

จริงๆ เลยนะคุณปรีชาเนี่ย

“น่ารักจังเลยค่ะ คนสวยของแม่เดือน” คำเอ่ยชมทำให้น่านฟ้ารู้สึกเขินจนต้องยกมือขึ้นเกาจมูกแก้เก้อ ทั้งที่ปกติแล้วก็ถูกแม่เดือนชมออกบ่อย แต่ไม่รู้ทำไมครั้งนี้มันถึงอายจนหน้าร้อนก็ไม่รู้...ถ้าถามถึงสาเหตุละก็ แน่นอนเลยว่าลูกชายแม่เดือนมีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน...

“ป๋าจะทำยังไงกับหนูดีเนี่ย” เสียงพึมพำที่อยู่หัวโต๊ะทำให้ต้องอมยิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไปกอดและหอมแก้มจนฝ่ายนั้นเลิกตีหน้านิ่งเมื่อถูกลูกอ้อนของเจ้าตัวแสบ “เดี๋ยวเถอะ” คุณปรีชาถอนหายใจออกมาอย่างแพ้ราบคาบตอนที่น้องน่านแนบแก้มลงมาบนบ่า...อ้อนเก่งจริงๆ เลยตัวแค่นี้

“วันหลังเฮียจะสแกนชุดก่อนไปเที่ยวดีไหม” หมอกถอนหายใจยาวเหยียดพร้อมกับมองคนที่นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ไอ้หมวยมันเบ้ปากใส่ก่อนจะเอื้อมมือมาหยิบขนมปังปิ้งในจานเขาไปกินหน้าตาเฉยพร้อมยักคิ้วท้าทาย

“อะไรเฮีย” น่านฟ้ายังคงอยากจะกวนอารมณ์พี่ตัวเองให้หายหมั่นไส้สักหน่อยข้อหาแอบมองปั้นหยาเกินความจำเป็น...ไม่ใช่ไม่รู้นะว่าเฮียคิดอะไรอยู่ อย่าหวังเลยว่าจะยอมให้เข้าใกล้หยาได้ง่ายๆ น่ะ ไม่มีทาง!

“ชุดโป๊” หมอกเอนหลังพิงพนัก ไล่เช็กชุดน้องตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะรู้สึกตึงที่ขมับขึ้นมากะทันหัน

เสื้อเกาะอกแขนตุ๊กตาสีขาวกับกางเกงยีนเอวสูงขาสั้นกุดที่นั่งทีมันเห็นไปถึงไหนต่อไหน...

โอเค...ชุดน้องก็ไม่ได้น่าเกลียดกลับกันแล้วมันโคตรน่ารัก ถ้าเป็นคนอื่นใส่เขาก็คงมองตามอย่างไม่ต้องสงสัยตามประสาผู้ชายตาไว แต่เพราะแบบนี้มันเลยทำให้รู้สึกขัดแย้งอยู่ในใจจนคันยิบๆ

กับคนอื่นน่ะไม่เคยคิดเยอะ แต่พอน้องตัวเองใส่กลับรู้สึกหวงจนอยากจะบังคับให้มันไปเปลี่ยน...กรรมตามสนองเข้าแล้ว...

“ทีสาวๆ คนอื่นใส่หมอกยังชอบมองเลย ไม่เห็นจะบ่นว่าโป๊” คุณอิงดาวนึกขำลูกชายตัวเองที่นับวันชักจะเดินตามรอยคนเป็นพ่อเข้าไปทุกที

“ก็นั่นคนอื่นไงม้า” หมอกยักไหล่อย่างไม่ยอมแพ้เมื่อเลือดพี่ชายหวงน้องมันพลุ่งพล่าน

“เว่อร์ หนูไม่ใช่ผู้หญิงซะหน่อย ไม่มีใครมองหรอก” ฝ่ายนั้นหัวเราะออกมาพร้อมกับจิ้มสับปะรดบนจานกินจนแก้มตุ่ย

“เอาหัวเฮียเป็นประกันเลยว่าร้อยทั้งร้อยมี...เยอะด้วย หรือจะเถียง” พอโดนน้ำเสียงจริงจังใส่หน่อยไอ้ตัวแสบก็หน้ามุ่ยก่อนจะโคลงศีรษะไปมาเพราะเถียงไม่ออก

เอาตั้งแต่มันเดินเข้ามาในนี้นับจำนวนได้แล้วไม่ต่ำกว่าห้า

อ้อ...คนที่หกกำลังเดินเข้ามานั่นไง…

จ้องไม่วางตาเลยนะมึง...ประกาศความเป็นเจ้าของชัดเจนเกินไปหน่อยมั้ง...

“พี่ไท มานั่งนี่ๆ” ปั้นหยากวักมือเรียกอีกฝ่ายอย่างกระตือรือร้นพร้อมกับลุกเดินไปนั่งข้างหมอกเสร็จสรรพ ปล่อยพื้นที่ว่างข้างตัวอีกคนให้อย่างรู้งานโดยที่มีสายตาจากฝั่งนั้นมองมาอย่างคาดโทษ ส่วนไอ้ตัวพี่ก็หน้านิ่งตามสไตล์ทั้งที่แววตามันแสดงออกไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

ไม่เนียนไปเรียนมาใหม่!

“ฟิตขนาดนี้กะเอาแชมป์เลยใช่ไหม เจ้าไท” ป๋าปรีชาเอ่ยแซวอย่างสนุกปาก ส่วนฝ่ายนั้นก็ได้แต่ยิ้มรับเล็กน้อยตามฉบับ

“มันไม่ได้ฟิตอะไรหรอกป๋า แต่เมื่อคืนได้กำลังใจดีเช้านี้เลยดีดไปหน่อย” หมอกนั่งกอดอกแซวอย่างอารมณ์ดี

“จากสาวคนไหนล่ะ” แกหัวเราะอย่างรู้ทัน เป็นที่รู้กันว่าลูกชายบ้านนี้น่ะแต่ละคนก็ไม่เบากันทั้งนั้นในเรื่องเจ้าชู้ ดีหน่อยที่เจ้าเมฆเป็นฝั่งเป็นฝาไปแล้วจะเหลือแต่ไอ้เสือร้ายสองคนนี่ล่ะที่ยังลอยลม...ได้ข่าวว่าตอนที่อยู่อเมริกาก็เนื้อหอมไม่เบาสาวๆ ติดตรึม

“อู้ยย พูดไปเดี๋ยวจะหาว่าผมใส่ร้ายเพื่อน” หมอกพยายามกลั้นขำเพื่อไม่ให้มีพิรุธโดยมีน้องปั้นหยาเสริมช่วยอีกแรง...ส่วนไอ้หมวยน่ะเหรอดูสายตาก็รู้ว่าอยากจะเข้ามาตะครุบปากเขาแค่ไหน “แถวนี้แหละไม่ใกล้ไม่ไกล”

“หนูขอไปปิ้งขนมปังก่อนนะ” น่านฟ้าลุกขึ้นยืนท่ามกลางบทสนทนาก่อนจะเดินออกไปทันทีโดยไม่รอฟังคำพูดของเฮียอีก

ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ!

“อย่าไปฟังไอ้หมอกมันมาก” ในระหว่างที่กำลังยืนรอขนมปังจากเครื่องปิ้งอยู่นั้นเสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้นอยู่ในระยะประชิด น่านฟ้าเผลอเม้มปากแน่นเมื่อได้กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคย ไออุ่นจากแผ่นอกกว้างแผ่ออกมาเมื่อแผ่นหลังเฉียดสัมผัสเพียงเสี้ยววินาที แต่เพียงเท่านั้นก็มากพอแล้วที่จะทำให้จังหวะชีพจรในกายสะดุดได้โดยง่าย

“อะไรเล่า” เจ้าตัวเอาแต่ก้มหน้างุดโดยที่ลืมสนใจขนมปังปิ้งในเครื่องจนใครอีกคนต้องเอื้อมมือไปคีบมาวางไว้บนจากให้แทน

“มันก็พูดไปเรื่อย” แทนไทยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าน้องมองเลยไปที่อื่น “ยิ่งมันเห็นว่าน่านโมโหมันก็ยิ่งอยากแกล้ง”

“ไม่ได้โมโหสักหน่อย” น่านฟ้ายกแขนขึ้นกอดอกก่อนจะเงยหน้ามองอีกฝ่าย พลันสายตาก็เผลอจับจ้องไปที่ริมฝีปากได้รูปก่อนความทรงจำเมื่อวานจะย้อนกลับมาจนต้องเบือนหน้าหนีออกไปอีกทางพร้อมทั้งความรู้สึกที่ร้อนจัดบริเวณสองข้างแก้ม “…ถอยออกไปเลย ยืนใกล้ขนาดนี้เดี๋ยวก็โดนล้ออีกอะ” เจ้าตัวบ่นอุบอิบพร้อมทั้งสลับมองไปที่โต๊ะอาหารเป็นระยะ แต่พอเห็นว่าทุกคนกำลังสนใจกับบทสนทนาอยู่ก็โล่งใจที่อย่างน้อยจะได้ไม่ถูกเฮียหมอกกับน้องหยาจ้องจับผิดอีก

“รอขนมปังอยู่” แทนไทยกยิ้มเมื่อเห็นว่าน้องมองค้อนมา

“กินของน่านก็ได้ น่านกินไม่หมดหรอก” ขนมปังปิ้งที่อยู่ในจานถูกยื่นส่งไปให้เพราะยังรู้สึกไม่ค่อยหิวนัก...เช้าๆ แบบนี้กินอะไรยังไม่ลงซะด้วยสิ

“แค่นั้นไม่อิ่มหรอก” แทนไทรับมาถือเอาไว้ นัยน์ตาคมเข้มก้มลงมองเรียวปากที่ถูกเคลือบเอาไว้ด้วยลิปสติกสีสวยก่อนจะรู้สึกแห้งผากในลำคอเมื่อความต้องการบางอย่างมันตีรวนขึ้นมาอีกครั้ง

“กินเยอะ” น้องแกล้งแซวทั้งที่ใบหน้าเริ่มขึ้นสีคงเพราะรับรู้ได้ถึงความหมายบางอย่างที่เขาต้องการจะสื่อผ่านทางสายตา แทนไทเอื้อมไปหยิบขนมปังปิ้งออกมาจากเตาและยกมือขึ้นแตะบนริมฝีปากนุ่มนิ่มนั่นเพียงแค่เสี้ยววินาที ก่อนจะเดินกลับโต๊ะไปโดยที่ปล่อยให้ใครอีกคนยืนหน้าร้อนเสียยิ่งกว่าขนมปังในเตาปิ้ง

‘...หมายถึงตรงนี้...ไม่ใช่ขนมปัง’













“หนูอยากนั่งกับป๋า” ระหว่างที่กำลังรอขึ้นเรืออยู่ที่ท่าป๋าปรีชาก็ถูกรบเร้าจากลูกคนเล็กเพราะเจ้าตัวตามติดแจ น้องน่านเป็นอย่างนี้เสมอเวลาที่จะขึ้นเรือ เป็นมาตั้งแต่สมัยยังตัวเล็กๆ ถ้าไม่นั่งกับเขาก็ต้องนั่งกับหม่าม้าตลอดเพราะเจ้าตัวให้เหตุผลแค่ว่ารู้สึกปลอดภัยมากกว่าถ้าได้นั่งใกล้ป๋ากับม้า

“โตแล้วยังจะกลัวอยู่อีก” หมอกเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับยกนิ้วขึ้นจิ้มแก้มไอ้หมวยไปทีแต่ก็ถูกมันปัดออกด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความรำคาญ “มานั่งกับเฮียก็ได้ ป๋ากับม้าจะได้สวีทกัน”

“ไม่ได้กลัวสักหน่อย” น่านฟ้าส่ายหน้าปฏิเสธโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด “ถ้าให้นั่งกับเฮียหนูนั่งคนเดียวดีกว่า”

“เรื่องมาก” แกล้งแหย่มันไปอีกทีก่อนจะต้องร้องอู้ออกมาเมื่อถูกตีเข้าที่ต้นแขน

“สองคนนี้นี่จริงๆ เลย” หม่าม้าเข้ามาห้าม “หมอกก็ชอบแกล้งน้อง ไปเลยไปนั่งท้ายเรือนู่นไป”

“ม้าลำเอียงอะ” หมอกบ่นเล็กน้อยก่อนจะปีนเรือขึ้นไปนั่งที่เบาะหลังสุดแล้วชี้นิ้วคาดโทษไปยังไอ้ตัวแสบเมื่อเห็นมันแลบลิ้นมาให้อย่างสะใจที่เขาถูกหม่าม้าด่า

“สรุปหนูจะนั่งกับป๋าใช่ไหม” ป๋าปรีชาหันมาถามย้ำอีกครั้ง พอเห็นว่าเจ้าตัวพยักหน้ายืนยันก็ยิ้มออกมาก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวอย่างรักใคร่...ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ แต่ในฐานะคนเป็นพ่อก็รู้สึกดีใจเสมอที่ยังคงเป็นที่ต้องการของลูกแม้ว่าลูกจะโตขนาดนี้แล้วก็ตาม

แต่ก็แค่กับน้องน่านเท่านั้นล่ะนะ

ลองเป็นเจ้าเมฆกับเจ้าหมอกก็คงถูกด่าเปิดเปิงไปเป็นที่เรียบร้อย...ยอมรับเลยว่าลำเอียงและสองมาตรฐานสุดๆ

“ป๋าดูนี่สิ ป๋าว่าสวยไหมคะ” น่านฟ้ายกโทรศัพท์ขึ้นมาอวดรูปที่เพิ่งไปถ่ายมาเมื่อวานให้คนที่นั่งอยู่ข้างกันดูในระหว่างที่รอเรือออกจากท่า ก่อนสายตาจะลอบมองไปยังใครบางคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันพอดี แทนไทกำลังคุยกับเด็กคุมเรือด้วยภาษาถิ่นจนฟังตามแทบไม่ทัน

“หมายถึงหนูหรือวิวล่ะ” ป๋าปรีชาถามกลับอย่างรู้ทัน

“หนูซี่~” เจ้าตัวแสบยิ้มแป้นเมื่อถูกหอมแก้มจนหน้ายู่ก่อนจะซบลงที่อกคนเป็นพ่ออย่างออดอ้อน

“สวยครับ ว่าแต่ใครถักเปียให้หนู น้องหยาเหรอ” คำถามนี้ทำเอาน่านฟ้าถึงกับไปไม่เป็น แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตอบใครอีกคนที่นั่งอยู่ระหว่างแม่เดือนกับหม่าม้าก็ยิ้มแป้นพร้อมนำเสนอฝีมือพี่ชายตัวเองอย่างภาคภูมิใจ

“พี่ไทค่ะ พี่ไทเป็นคนเปียผมให้พี่น่าน”

…ปั้น...หยา....

“ไม่ยักรู้ว่าเจ้าไททำเป็น” ป๋าปรีชาหัวเราะเสียงต่ำก่อนจะหันไปมองคนที่ตกเป็นหัวข้อในการสนทนา แต่ฝ่ายนั้นก็ทำเพียงแค่นั่งนิ่งไม่หือไม่อือ

“ไทเขาเปียผมสวยกว่าเดือนอีกนะพี่ เจ้าหยาติดมือไปเลย” แม่เดือนช่วยเสริมให้ ทั้งยังยกยิ้มขึ้นมาอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นว่าน้องน่านเอนซบลงไปที่ไหล่คนเป็นพ่อจนแก้มบี้แบน

“ขนาดนั้นเชียว” แกพยักหน้ารับก่อนจะยกแขนขึ้นโอบรอบไหล่ลูกคนเล็กเอาไว้พร้อมกับกดจูบลงบนกลุ่มผมนุ่มอย่างหวงแหน “หน้าหนูแดงหมดแล้ว นั่งฝั่งป๋าแดดมันร้อนนะ ไปนั่งกับหม่าม้าเขาดีกว่า”

“ไม่เห็นจะร้อนเลยค่ะ” น่านฟ้าขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย แต่สุดท้ายก็ยอมลุกไปนั่งที่หัวเรือข้างหม่าม้าตามที่ป๋าสั่ง

“…โป๊ะแตก” เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้หมอกสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะเอียงตัวไปกระซิบกับคนข้างกายให้ได้ยินกันแค่สองคน “ซวยแล้วมึง”

“…”

“ซุบซิบอะไรกันสองคน” เสียงของผู้ที่มีอำนาจที่สุดในบ้านนันพิวัฒน์เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าลูกชายสองคนนั่งชิดกันเป็นพิเศษ คุณปรีชายกขาขึ้นนั่งไขว่ห้างด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายก่อนจะเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นว่าเจ้าหมอกยิ้มแหยออกมา

“ไม่มีอะไรป๋า แหะ วันนี้อากาศดี๊ดีนะป๋าว่าไหม” หมอกยกมือขึ้นลูบท้ายทอยเมื่อรู้สึกเสียววาบที่สันหลัง

เป็นร้อนๆ หนาวๆ แปลกๆ เหมือนจะโดนติดร่างแหไปด้วยยังไงไม่รู้...

“จะไม่ดีก็เพราะเอ็งนี่แหละ” ป๋าปรีชาถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย “ไปนั่งชิดอะไรเจ้าไทขนาดนั้น อากาศร้อนจะตายห่า”

“อะไรป๋า ผมกับไอ้ไทจะรักกันบ้างไม่ได้ไง๊ ทีไอ้หมวยมันนั่งจนแทบจะเกยตักป๋าแล้วยังไม่เห็นป๋าจะบ่น ไหนความยุติธรรมอยู่ไหน ในประเทศนี้มันยังมีอยู่ไหมฮึ” ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งยุนอกจากจะไม่ขยับออกแล้วหมอกยังกอดแขนกอดขาอีกฝ่ายแน่นหนึบ ซึ่งไอ้ไทเองก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือผลักไสเขาออกไปแต่อย่างใด

“ก็นั่นลูกกู”

“อะไรวะ ผมไม่น่ารักแบบไอ้หมวย แล้วผมไม่ใช่ลูกป๋าเหรอ!” หมอกแสร้งโวยวายด้วยอินเนอร์ของนักแสดงจากละครชื่อดัง ก่อนจะเปลี่ยนฝั่งไปนั่งข้างคนเป็นพ่อแทนพร้อมกับยกแขนยกขาขึ้นกอดพันเสร็จสรรพ “ไหนมันยังไงนะ มันจะร้อนขนาดไหนกันเชียว วัดใจกันหน่อยซิ”

“กวนตีน” ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่สุดท้ายก็ยอมให้ไอ้ลูกคนรองมันนั่งเกาะแกะไปตลอดทาง

“ไม่เจ็บหรอกนะแค่นี้ ซาดิสก์ ชอบโดนเสียดสี” ว่าไว้แค่นั้นก็เอียงหัวซบอกป๋าเลียนแบบไอ้หมวยมันซะเลย แต่สิ่งที่ได้กลับมาแทนที่จะเป็นการลูบหัวอย่างเอ็นดูกลับถูกตบจนมึน “ป๋าอะ! วู้ว ตบหัวทำไม เดี๋ยวผมก็ฉี่ใส่ที่นอนหรอก” หมอกบ่นเสียงเล็กเสียงน้อยก่อนจะเอาหัวมุดอกอีกฝ่ายไปมาจนได้ยินเสียงถอนหายใจยาวเหยียดอย่างเบื่อหน่าย

...นี่ยอมเสียสละขนาดนี้ก็เพื่อเปลี่ยนความสนใจป๋าเลยนะ...กูทำเพื่อมึงขนาดนี้เลยนะเพื่อนไทเห็นใจกูบ้าง...


(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 10 - After the sunrise : 03 Dec 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 02-12-2019 23:09:18


“สวยจัง” ทันทีที่เท้าเหยียบลงบนผืนทรายสีขาวรอยยิ้มก็ปรากฏกว้าง น่านฟ้ากวักมือเรียกใครอีกคนที่เดินตามกันมาอย่างตื่นเต้น “หยาไปถ่ายรูปกันๆ”

“คนเยอะม้ากก” ปั้นหยาเดินมาจับมืออีกฝ่ายไว้ก่อนจะขอแยกตัวออกไปถ่ายรูปกันแค่สองคน “น่าจะให้พี่ไทมาช่วยถ่ายให้เนอะ”

“พอเลย เมื่อวานตัวเองก็ทิ้งพี่” น่านฟ้าย่นจมูกใส่น้องก่อนจะเอื้อมมือไปดึงแก้มจนยืดอย่างนึกมันเขี้ยว

“ก็นึกว่าอยากได้เวลาส่วนตัวกันแค่สองคนอะไรแบบนี้ โอ๊ยๆ พี่น่าน เล็บๆ” ปั้นหยาแกล้งเจ็บเกินจริงจนคนพี่ตาโตอย่างตกใจก่อนจะรีบเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง

“พี่ขอโทษ” น่านฟ้ามองรอยเล็บบนแก้มน้องด้วยความรู้สึกผิด แต่ยังไม่ทันที่จะได้ยกมือขึ้นแตะก็ถูกเจ้าตัวแสบคว้าคอเข้าไปใกล้ก่อนจะกดชัตเตอร์กล้องรัวๆ จนพอใจ “หยา!”

“อะไรเล่า น่ารักออก” ปั้นหยาชูกล้องขึ้นสุดแขนเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นยกมือขึ้นแย่ง แต่โทษทีพี่น่านน่ะเตี้ยกว่าหยาเยอะ “หน้าบึ้งเลย โอ๋ๆ”

“หยาอะ”

“โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว” ยกมืออย่างยอมแพ้ก่อนจะส่งกล้องไปให้เพราะกลัวว่าพี่น่านจะงอนขึ้นมาจริงๆ ...ถึงจะแอบเสียดายที่ไม่ได้แกล้งต่อก็เถอะ

ทำไมเป็นที่แกล้งสนุกได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้ ยิ่งเวลาที่เห็นว่าแก้มขาวๆ ขยับไปมาเวลาเจ้าตัวบ่นก็ยิ่งอยากจะจับมาฟัดให้หายมันเขี้ยว...นี่พี่ไทอดทนและห้ามใจตัวเองมานานขนาดนี้ได้ยังไงไม่เข้าใจเลยจริงๆ ...

“ทำอะไรกัน” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นอยู่เหนือศีรษะทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็ได้เห็นว่าเป็นใครอีกคนที่เดินเข้ามาใกล้จนสามารถบดบังไอร้อนจากแดดในช่วงเกือบจะเที่ยงเอาไว้ได้จนมิด

“หยาแกล้ง” น่านฟ้าถือโอกาสฟ้องก่อนจะต้องหดคอลงเมื่อถูกอีกฝ่ายวางมือลงบนศีรษะพร้อมกับอะไรบางอย่าง พอยกมือขึ้นไปจับดูก็รับรู้ได้ว่าเป็นหมวกแก๊ปที่เจ้าตัวพกติดตัวมาด้วย

“อากาศมันร้อน ใส่เอาไว้” แทนไทเคาะนิ้วลงตรงปีกหมวกเมื่อเห็นว่าน้องเงยหน้าขึ้นมามองอย่างสงสัย

“ทำไมไม่เอาให้น้อง” พอตั้งท่าจะถอดปั้นหยาก็รีบโบกมือปฏิเสธทันที

“แดดแค่นี้เองไม่เป็นไรหรอก พี่น่านใส่เถอะ หยาทนได้” น้องยิ้มกว้างก่อนจะมองเลยไปยังคนที่ยืนอยู่ด้านหลังพี่ชายตัวเอง “พี่หมอกน่าจะใส่หมวกด้วยนะคะ หน้าแดงหมดแล้วเดี๋ยวไม่สบายนะ” เจ้าตัวยกนิ้วขึ้นชี้ที่ข้างแก้มเป็นเชิงบอกก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเมื่อฝ่ายนั้นยกมือขึ้นลูบตาม

“เฮียไม่ป่วยง่ายๆ หรอกหยา หนังหนาขนาดนี้” น่านฟ้าแลบลิ้นใส่พี่ชายก่อนจะร้องกรี๊ดออกมาเมื่อถูกฝ่ายนั้นพุ่งตัวเข้ามาใกล้ แต่นอกจากเฮียจะทำอะไรไม่ได้แล้วยังทำได้แค่ยืนเขม่นตาเขียวปั๊ดเพราะใครอีกคนเบี่ยงตัวมาบังกันเอาไว้จนมิดเลยทำให้รอดจากการถูกเอาคืน

“ไท เฮียแกล้งน่านอะ” น่านฟ้าขยับเข้าไปใกล้จนสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากแผ่นอกกว้าง ระยะห่างที่เหลือน้อยนิดทำให้ได้กลิ่นน้ำหอมประจำกายของอีกฝ่าย

“ไอ้ห่าเอ๊ย มึงติดบุญคุณกูตอนอยู่บนเรือนะ!” หมอกพูดอย่างขัดใจซ้ำยังเตะทรายใส่มันไปหนเพื่อเอาคืน

แต่เพราะลมที่พัดวูบมาพอดีเลยทำให้เศษทรายบางส่วนปลิวขึ้นบนอากาศ โชคดีที่ไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นอยู่ใกล้บริเวณนี้ ไม่อย่างนั้นคงถูกสรรเสริญพ่อแม่อย่างถึงพริกถึงขิงแน่นอน

“อื้อ! เฮียอะ” น่านฟ้ารีบหลับตาลงเมื่อรู้สึกได้ว่ามีเศษของทรายลอยปลิวเข้ามาในตา เจ้าตัวจะยกมือขึ้นขยี้เมื่อเริ่มรู้สึกระคายเคืองแต่ข้อมือกลับถูกใครบางคนดึงรั้งเอาไว้ก่อน

“อย่าขยี้” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นในระยะประชิดก่อนสัมผัสจากปลายนิ้วใหญ่จะวางลงบนแก้มแผ่วเบา

“ไอ้หมวย เฮียขอโทษ” หมอกเดินเข้ามาใกล้อย่างเป็นห่วงน้อง ที่จริงเข้าตั้งใจเตะทรายใส่ไอ้ตัวนั้นแต่ลมมันเสือกพัดเข้ามาพอดีเลยทำให้น้องพลอยโดนลูกหลงไปด้วย นี่ถ้าป๋ากับม้ารู้คงโดนด่าจนหูชา

“คันอะ แสบด้วย” น่านฟ้าบ่นเมื่อไม่สามารถยกมือขึ้นขยี้ตาได้ตามที่ต้องการ

“หยา มีทิชชูหรือผ้าเช็ดหน้าไหม” แทนไทหันไปถามน้องก่อนจะรับห่อทิชชูมาถือเอาไว้แล้วก้มลงมองคนที่อยู่ตรงหน้า “น่าน ลืมตาขึ้นหน่อย”

“ฮื่อ คัน”

“นิดเดียว...นะครับ” แทนไทยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อน้องยอมทำตามอย่างว่าง่าย “กะพริบตาด้วย” กระดาษทิชชูถูกนำมารองเอาไว้ที่ขอบตาล่างเพื่อกันไม่ให้หยดน้ำตาไหลเปื้อนลงมาที่แก้ม

น่านฟ้าทำตามคำสั่งของใครอีกคนก่อนหยดน้ำตาจะร่วงลงมาทีละนิดเพื่อขับสิ่งแปลกปลอมออกมาจากดวงตา ลมหายใจอุ่นร้อนของใครบางคนที่รินรดลงบนผิวแก้มในระยะประชิดทำให้รู้สึกประหม่าจนต้องเม้มปากเอาไว้จนรอยบุ๋มที่ข้างแก้มปรากฏขึ้น

“ออกหรือยัง” แทนไทเอ่ยถามน้องอย่างเป็นห่วงพร้อมกับมองสังเกตอาการไปด้วย

“อื้อ ออกแล้ว” น่านฟ้าพยักหน้ารับ “ขอบคุณนะ”

“เอาไว้กลับโรงแรมค่อยไปล้างอีกรอบ” ร่างสูงใหญ่ยืดกายขึ้นกลับไปยืนเต็มความสูงก่อนจะยื่นกระดาษทิชชูให้อีกฝ่ายซับคราบน้ำตาที่หลงเหลืออยู่ออก “อย่าขยี้ เดี๋ยวตาแดง” เสียงทุ้มเข้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าน้องกำลังจะยกมือขึ้นขยี้ตา

“รู้แล้วน่า”

“ถ้ารู้สึกระคายเคืองรีบบอกนะ”

“โอเค” น่านฟ้ารับปากก่อนจะย่นคอลงเมื่อถูกวางมือลงบนศีรษะ

“เฮียขอโทษนะ” คนที่ดูไร้บทบาทมานานแทรกเข้ามากอดจากทางด้านหลังแล้ววางคางลงไปบนกลุ่มผมนุ่ม

“เฮีย คนมองหมดแล้ว” เจ้าตัวเล็กพยายามดิ้นขัดขืนออกจากอ้อมแขนแต่ดูท่าแล้วคุณพี่ชายจะยังคงอยากเล่นใหญ่อยู่เลยไม่ยอมปล่อยกันไปง่ายๆ

“หายโกรธยัง” หมอกวางคางบนไหล่น้องก่อนจะแนบแก้มเข้าด้วยกันเหมือนอย่างที่ชอบทำเวลาที่ไอ้หมวยมันงอน...ทริคนี้เจ้าตัวมักจะชอบใช้กับเฮียเมฆเวลาที่ฝ่ายนั้นงอนเขาเลยขอลอกเลียนแบบมาอีกที หนึ่งเพราะอยากง้อน้องและสอง...แค่อยากเยาะเย้ยหมาบางตัวที่ทำได้แค่มอง

ไงล่ะ...อิจฉากูอะเด่ะ อิธ่อว

“ไม่ได้โกรธซะหน่อย เฮียปล่อยนะ หนูอึดอัด” น่านฟ้าพยายามแกะท่อนแขนที่เกาะเกี่ยวอยู่รอบเอวออกก่อนจะต้องหน้ายู่เมื่อถูกหอมแก้มฟอดใหญ่จนแก้มแทบหลุดติดออกไป “โอเคๆ หนูไม่โกรธแล้วๆๆๆ”

“น่ารักที่สุด น้องใครก็ไม่รู้” หมอกยกมือขึ้นบีบแก้มนุ่มนิ่มไปมาอย่างนึกมันเขี้ยวสลับมองไปทางใครอีกคนที่ยืนตีหน้านิ่งอยู่ตรงข้ามด้วยความสะใจ “แก้มนุ้มนุ่ม ตัวก็นิ่มแถมหอมอีกต่างหาก”

“เฮีย...หนูขนลุก” น่านฟ้าและปั้นหยาหลุดขำออกมาอย่างไม่สามารถห้ามเอาไว้ได้ เพราะใครอีกคนเล่นใหญ่เกินไป

“ขนลุกอะไร หยาบคายว่ะหมวย” หมอกคลายอ้อมกอดออกก่อนจะแสร้งตีหน้าเข้ม “รู้ไหมว่าอ้อมกอดเฮียเนี่ยมีแต่คนอยากซบนะจะบอกให้” ก็ยังโม้ต่อไม่หยุด

“ค่า รู้แล้วว่าฮอตปรอทแตก” น่านฟ้าพยักหน้ารับก่อนจะปลีกตัวเดินไปยืนอยู่ข้างปั้นหยา “เราไปกันเถอะ ปล่อยให้คนฮอตๆ เขาบริหารเสน่ห์ต่อไป”

“พี่หมอกคงเจ้าชู้ไม่เบาเลยนะคะเนี่ย” ปั้นหยายิ้มออกมาอย่างนึกขบขันแต่เพียงเท่านั้นก็ทำให้ตัวต้นเหตุรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก พอหันไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนที่แสนดีมันก็ทำเพียงแค่ยกยิ้มมุมปากขึ้นก่อนจะเดินนำออกไปทิ้งให้เขาต้องเผชิญชะตากรรมอยู่คนเดียว

...แม่ง..

“คือ...”

“โอ๊ย พูดไปเดี๋ยวหาว่าใส่ร้ายพี่ชายตัวเอง” น่านฟ้ายกยิ้มขึ้นอย่างอารมณ์ดีเมื่อได้โอกาสเอาคืนเรื่องเมื่อเช้า “ไปกันดีกว่าหยา อย่าอยู่นี่เลยเดี๋ยวมีคนเรตติ้งตก”

“ไอ้หมวย!” หมอกทำได้แค่ฟึดฟัดอยู่กับตัวเองก่อนจะเดินตามหลังทั้งสองคนไปเงียบๆ

เออ! จำไว้เลย!













กว่าจะเดินทางกลับมาถึงโรงแรมก็ห้าโมงเย็นเข้าไปแล้ว ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับห้องไปอาบน้ำเพื่อลงมาทานมื้อเย็นที่ห้องอาหารของทางโรงแรมในเวลาหนึ่งทุ่มตรง ก่อนจะกลับไปพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้

“ไม่อยากกลับเลยอะ ขี้เกียจไปเรียน” ปั้นหยาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างเกียจคร้านพร้อมงอแงออกมา “...เดี๋ยวพี่ไทกับพี่น่านก็ต้องกลับแล้วด้วย” เจ้าตัวแสบคว้าหมอนเข้ามากอดเอาไว้เมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกวูบโหวงขึ้นมาในอกจนคนพี่ต้องนั่งลงบนเตียงข้างกันแล้วยกมือขึ้นลูบหัวเพื่อปลอบใจ

“เดี๋ยวเดือนหน้าไทก็กลับมาแล้วนี่” น่านฟ้ายิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อน้องยกหมอนขึ้นมาปิดหน้าโผล่มาให้เห็นแค่ตา

“แล้วพี่น่านจะมาด้วยไหม” น้องขยับตัวขึ้นมานอนหนุนตักอย่างออดอ้อน

“อืม...ก็คงต้องดูก่อนนะว่าจะเคลียร์งานเสร็จทันหรือเปล่า” ที่ยังไม่กล้ารับปากน้องไปเพราะคิวงานเดือนหน้านั้นค่อนข้างเยอะพอสมควร ถึงจะเป็นฟรีแลนซ์แต่ก็ใช่ว่าจะว่างซะเมื่อไหร่ กลับไปจากกระบี่รอบนี้ยังมีงานอีกหลายชิ้นรอให้เคลียร์เป็นกองภูเขา

“มาเถอะนะ มาหาหยา ไปดูพี่ไทด้วยกัน” น้องคว้ามือไปกอบกุมก่อนจะซุกหน้าเข้ามาที่แผ่นท้องจนต้องหลุดขำเมื่อรู้สึกจั๊กจี้

“พี่ไม่ชอบสนามมวยนี่ หยาก็รู้” น่านฟ้าถือโอกาสจิ้มแก้มน้องเล่นไปเพลินๆ ถึงจะเป็นตัวแสบแต่น้องก็ยังเป็นแค่เด็กมัธยมปลายที่กำลังเริ่มเติบโตขึ้นตามวัย ฉะนั้นแล้วในสายตาของทุกคนปั้นหยาก็ยังคงเป็นน้องสาวตัวเล็กๆ ที่ชอบพูดเจื้อยแจ้วสร้างรอยยิ้มให้คนที่อยู่รอบตัวเสมอ

จะยกเว้นก็แต่ใครบางคนที่เริ่มมองน้องเปลี่ยนไปนั่นล่ะ...วางใจไม่ได้แล้วงานนี้...

“ก็...มาให้กำลังใจพี่ไทไง น้า~ ถ้าพี่น่านมาพี่ไทชนะน็อคแน่ๆ อะหยามั่นใจ” ปั้นหยายังคงรบเร้าไม่เลิก ก่อนจะต้องหลุดยิ้มกว้างออกมาเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าตกลง “เย้! พี่น่านน่ารักที่สุด”

“เว่อร์” น่านฟ้าหยิกแก้มน้องไปทีด้วยความมันเขี้ยวจนเจ้าตัวหน้ายู่

“พี่น่าน” จู่ๆ ปั้นหยาก็เด้งตัวขึ้นมานั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงอย่างกระตือรือร้นจนคนพี่เริ่มตามอารมณ์ไม่ทัน

“ว่าไง”

“ไปเล่นน้ำกัน”

“ห้ะ” น่านฟ้าเลิกคิ้วขึ้นอย่างงุนงง “ตอนนี้เนี่ยนะ?” พอกดเปิดดูหน้าจะโทรศัพท์มือถือก็เห็นว่าอีกเพียงแค่ไม่กี่นาทีก็จะสามทุ่มแล้ว

“อื้อ ทำไมอะ” ปั้นหยาลุกขึ้นยืนก่อนดึงอีกฝ่ายออกมาจากเตียง “สระน้ำของโรงแรมตอนกลางคืนสวยมากเลยนะ คนก็ไม่ค่อยมี”

“เวลานี้ใครเขาจะไปเล่นน้ำกันเล่า” ถึงจะแย้งอย่างนั้นแต่ก็ยอมรับชุดว่ายน้ำมาจากน้องแต่โดยดี

“ไปถ่ายรูปเฉยๆ ก็ได้นะๆๆๆ แสงมันสวยอะ พรุ่งนี้ต้องกลับแล้วน้า” ปั้นหยาอ้อน “อีกอย่างพี่น่านยังไม่ได้ใส่วันพีชชุดนั้นเลย หยาอยากเห็น”

“นี่คือจุดประสงค์หลักใช่ไหมเนี่ย” น่านฟ้าหลุดขำออกมาเมื่อเห็นประกายตาบางอย่างอยู่ในแววตาน้อง

“โดนรู้ทันจนได้” เจ้าตัวอมยิ้มจนแก้มปริก่อนจะดันหลังคนพี่ให้เข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำสลับกับมองนาฬิกาข้อมือ

...ใกล้ถึงเวลาแล้ว

สระว่ายน้ำของทางโรงแรมนั้นค่อนข้างเงียบสงบ จะมีก็เพียงแต่เสียงดนตรีจากบาร์ที่อยู่ติดกับทางร้านอาหารที่ดังคลอแผ่วเบามาเป็นระยะ แสงไฟจากทางเดินบริเวณชานไม้และพุ่มไม้บางจุดช่วยเสริมให้บรรยากาศรอบด้านนั้นดูร่มรื่นและผ่อนคลายท่ามกลางวิวทิวทัศน์จากภูเขาที่ถูกแสงของดวงจันทร์ส่องกระทบ

“สวยจัง เริ่มไม่อยากกลับจริงๆ แล้วนะเนี่ย” ปั้นหยายิ้มกว้างด้วยสีหน้าเจือความสุขในระหว่างที่กำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกก่อนจะลอบมองคนที่ยืนอยู่ข้างกัน พี่น่านถอดเสื้อคลุมวางไว้บนเก้าอี้ข้างสระน้ำเป็นที่เรียบร้อย เหลือเพียงแค่กางเกงขาสั้นที่ปกปิดท่อนล่างเอาไว้ เจ้าตัวกำลังมัดรวบผมขึ้นเก็บเป็นหางม้า ผิวขาวสว่างทีตัดกับสีดำของชุดว่ายน้ำทำให้ยากที่จะถอนสายตาออกไปได้

...บิกินี่สีชมพูตัวนั้นก็ว่าน่ารักแล้ว...แต่ชุดนี้มันเซ็กซี่เอามากๆ เลย ขนาดหยาเป็นผู้หญิงยังมองเพลินไปหมด

ชุดวันพีทสีดำแบบผูกที่หลังคอเว้าหลังลึกลงไปถึงช่วงสะโพกเล็ก ยิ่งใส่ผ้าแนบเนื้อแบบนี้เอวพี่น่านก็ยิ่งดูเล็กคอดเข้าไปอีก ช่วงหน้าอกที่มีฟองน้ำเสริมช่วยทำให้เนินเนื้อบริเวณนั้นนูนขึ้นมาเล็กน้อย

นี่ขนาดมีนิดเดียวยังรู้สึกเซ็กซี่มากขนาดนี้...ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าพี่น่านดูมขึ้นมามันจะขนาดไหน...

“มองอะไรเล่า อย่าปล่อยให้พี่ถอดคนเดียวสิ” น่านฟ้าถอดกางเกงขาสั้นออกไปวางทับไว้บนเสื้อ ทำให้เห็นเรียวขาขาวเนียนเกลี้ยงเกลาจนน่าอิจฉา...แม้แต่ขนหน้าแข้งสักเส้นยังไม่มี

“คือ...หยาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมโทรศัพท์ไว้บนห้องอะ” ปั้นหยายิ้มแหยออกมา ก่อนจะมองเลยไปทางด้านหลังพี่น่านเมื่อเห็นว่าใครบางคนกำลังเดินเข้ามาทางสระว่ายน้ำ

..ช้าจริงๆ เลยพี่ไทเนี่ย…

“เดี๋ยวหยาขึ้นไปเอาโทรศัพท์ก่อนนะ แป๊บเดียว” พูดทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นก็วิ่งแจ้นออกไปทันทีโดยไม่รอฟังเสียงทักท้วงจากคนพี่

“หยา เดี๋ยว-” น่านฟ้าอ้าปากค้างเอาไว้เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวแสบหายเข้าไปทางล็อบบี้ของโรงแรมแล้วเป็นที่เรียบร้อย จะตามไปก็ไม่ทันเพราะตอนนี้สภาพของตัวเองนั้นไม่ค่อยจะเรียบร้อยสักเท่าไหร่นัก

แต่แล้วพอหมุนตัวกลับมาก็ทำให้ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนกำลังเดินเข้ามาหา

…ปั้นหยา...นี่เป็นแผนอีกแล้วใช่ไหม...

“น่าน?” ฝ่ายนั้นคิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย “ลงมาทำอะไรตอนนี้” แทนไทถามเสียงเข้มก่อนจะหยุดมองเมื่อเพิ่งสังเกตเห็นว่าชุดว่ายน้ำของน้องนั้นมันเว้าลึกมากขนาดไหน แล้วก็ต้องรีบเบือนสายตาออกไปทางอื่นเมื่อรู้สึกว่าเผลอจับจ้องอีกฝ่ายนานเกินไป

“คือ...หยาชวนลงมาอะ” น่านฟ้าเม้มปากเมื่อรู้สึกประหม่าที่ต้องอยู่ต่อหน้าอีกฝ่ายในสภาพที่ไม่เรียบร้อยสักเท่าไหร่นัก...รอบที่แล้วใส่บิกินี่ก็จริงแต่ก็ยังมีกางเกงขาสั้นใส่ปิดท่อนล่างเอาไว้ แต่รอบนี้...

“แล้วหยาไปไหน”

“น้องขึ้นไปเอาโทรศัพท์” ขยับตัวออกมาเล็กน้อย เมื่อคุณเขาถอดเสื้อยืดออกมาวางลงบนเก้าอี้ตัวเดียวกัน “แล้ว...แล้วไทล่ะ ลงมาทำอะไร”

“ว่ายน้ำ”

“หยาชวนเหรอ” ลองหยั่งเชิงถามดู เผื่อครั้งนี้จะเป็นแผนของเจ้าตัวแสบอีก

“เปล่า”

“แล้วทำไม...”

“สงสัยหยาจะได้ยินตอนกำลังคุยกับไอ้หมอก” แทนไทยืนยืดกล้ามเนื้อแขนและคอ สลับมองคนข้างกายไปด้วย “...น่านคงโดนหลอกอีกแล้ว” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นในลำคอเมื่อเริ่มตามแผนน้องตัวเองทัน เจ้าตัวคงรู้ว่าเขาจะลงมาว่ายน้ำตอนนี้เลยหลอกให้อีกฝ่ายลงมาด้วยกัน

“ตัวแสบ...” น่านฟ้าฟึดฟัดเมื่อรู้ตัวว่าถูกแกล้งเป็นรอบที่สองก่อนจะต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าร่างสูงใหญ่ถอดกางเกงออกไปวางไว้ที่เก้าอี้เหลือเพียงแค่กางเกงว่ายน้ำขาสั้นเพียงตัวเดียว

“จะลงด้วยกันไหม” แทนไทเดินเข้าไปหาแต่ก็เว้นระยะห่างเอาไว้เพื่อไม่ให้น้องรู้สึกประหม่า

“ม...ไม่ลง” น่านฟ้าเบือนหน้าหนีออกไปอีกทางเมื่อรู้สึกร้อนจัดที่ใบหน้า

ไม่เห็น....ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น...สาบานได้...

เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงของน้ำที่ล้นออกมาจากขอบสระ พอหันกลับไปมองก็เห็นว่าฝ่ายนั้นออกว่ายไปที่อีกฝั่งแล้วเป็นที่เรียบร้อย น่านฟ้าถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะเดินไปที่ขอบสระอีกฝั่งแล้วนั่งหย่อนขาลงไปในสระเพื่อแช่น้ำเล่น

เรียวขาเล็กขยับตีไปมาจนผิวน้ำกระเพื่อมออกเป็นวงกว้างพร้อมกับมองบรรยากาศทิวทัศน์ไปเรื่อยเปื่อย นัยน์ตากลมโตทอดมองไปยังบริเวณรอบด้านก่อนจะมองตามใครอีกคนที่กำลังว่ายน้ำไปกลับอีกฝั่งอย่างเพลิดเพลิน รู้ตัวอีกทีฝ่ายนั้นก็หายไปจากระยะสายตาแล้วเป็นที่เรียบร้อย

แต่ในระหว่างที่กำลังชะเง้อหน้ามองหาอยู่นั้นผิวน้ำเบื้องหน้าก็มีการขยับเคลื่อนไหวก่อนใครอีกคนจะโผล่พ้นขึ้นมาเหนือน้ำกะทันหันจนต้องเผลอหลุดกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ

“ไท!” น่านฟ้าตีเข้าที่ช่วงบ่ากว้างอย่างไม่ออมแรง แต่ฝ่ายนั้นก็เอาแต่หัวเราะอย่างอารมณ์ดีที่สามารถแกล้งกันได้สำเร็จ

“เหม่อ” รอยยิ้มบางเบากดลึกข้างมุมปากในตอนที่เสยผมเปียกชื้นปรกใบหน้าไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะถือวิสาสะยึดข้อมือเล็กเอาไว้เมื่อน้องตีเข้ามาที่ต้นแขนอีกข้าง

“กำลังดูวิวอยู่ต่างหาก อื้อ ปล่อยนะ” น่านฟ้าพยายามยื้อมือกลับแต่ก็ไร้ผลเมื่อถูกกอบกุมเอาไว้แน่นก่อนจะโดนดึงเข้าไปใกล้จนหยดน้ำจากตัวอีกฝ่ายตกกระทบลงบนหน้าขา สัมผัสเย็นชืดตัดกับอุณหภูมิภายในร่างกายทำให้จังหวะชีพจรนั้นเต้นถี่ขึ้นเมื่อร่างสูงใหญ่เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้จนแผ่นอกกว้างแนบชิดกับหน้าขาเกลี้ยงเกลา

รอยสักที่อยู่บนผิวกายสีเข้มที่ถูกหยดน้ำเกาะพราวยิ่งเสริมให้อีกฝ่ายดูอันตรายมากยิ่งขึ้น

“น่าน”

“อ...อะไร” น่านฟ้าขานรับเสียงแผ่วก่อนจะก้มหน้างุดเมื่อฝ่ายนั้นวางแขนกักขังไว้ข้างลำตัวทั้งสองด้าน

“ยังเจ็บตาอยู่หรือเปล่า” ฝ่ายนั้นขยับเข้ามาจนลมหายใจอุ่นร้อนรินรดอยู่บริเวณหน้าขา

“ไม่เจ็บแล้ว” ส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อแก้มถูกประคองเอาไว้ ก่อนจะเผลอเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อฝ่ายนั้นใช้นิ้วโป้งเกลี่ยไล้ไปมาบริเวณข้างมุมปากราวกับต้องการบอกถึงความต้องการที่กักเก็บมาตั้งแต่เมื่อเช้า “...ขอบใจนะ”

แทนไทยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อน้องมองตอบกลับมา “ครับ”

โดยไม่ทันได้ตั้งตัวเรือนกายสูงใหญ่ก็ดันตัวขึ้นจากผิวน้ำก่อนจะยื่นใบหน้าเข้าไปกดจูบแนบแน่นเข้าที่ริมฝีปากสีอ่อนจนทำให้นัยน์ตาคู่สวยเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ น่านฟ้านั่งนิ่งไม่กล้าขยับเคลื่อนตัวเมื่อสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากแผ่นอกกว้างที่อยู่ในระยะประชิด ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงเพื่อตอบรับสัมผัสจากอีกฝ่าย

รู้ตัวอีกทีก็ถูกอุ้มลงมาในสระแล้วเป็นที่เรียบร้อย สัมผัสเย็นเฉียบของน้ำทำให้ต้องยกมือขึ้นวางลงบนแผ่นอกกว้างเพื่อหาหลักยึดก่อนช่วงเอวจะถูกวงแขนแข็งแรงโอบประคองเอาไว้จนลำตัวแนบชิดไปกับเรือนกายสูงใหญ่

สัมผัสนุ่มนวลที่บริเวณเรียวปากเริ่มลงน้ำหนักมากขึ้นเมื่อใบหน้าคมเข้มปรับองศาเอียงเข้าหากันได้พอเหมาะ สัมผัสชื้นแฉะร้อนระอุทำให้สมองรู้สึกพร่าเบลอจนต้องคล้อยตามในตอนที่ฝ่ายนั้นยกนิ้วขึ้นมาเกลี่ยบริเวณริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง

“มากกว่านี้...ได้ไหม” เสียงทุ้มพร่าที่เอ่ยประชิดเว้าวอนขอ ก่อนสัมผัสร้อนจัดจะประกบแนบลงมาอีกครั้งเมื่อได้รับการอนุญาต

“อื้อ” น่านฟ้าเผลอผงะถอยในตอนที่เรียวลิ้นร้อนกำลังสอดแทรกเข้ามา ก่อนจะออกแรงจิกลงไปบนบ่ากว้างเมื่อโพรงปากถูกละเลียดกวาดต้อนจนได้ยินเสียงชื้นแฉะคลอขึ้นมาตามจังหวะการเคลื่อนไหว

จากเชื่องช้าเนิบนาบ นุ่มนวล ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นจนต้องควบคุมจังหวะการหายใจเอาไว้เมื่อถูกรุกล้ำมากขึ้น

น่านฟ้ายกมือขึ้นวางลงบนแผ่นอกกำยำในตอนที่ฝ่ายนั้นกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นจนทำให้อะไรต่อมิอะไรแนบชิดกันจนสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากเรือนกายสูงใหญ่ที่โอบล้อมอยู่รอบตัว พยายามลืมตาขึ้นมองเบื้องหน้าไม่ทันไรกลับต้องหลับลงไปใหม่เมื่อถูกอีกฝ่ายขบกัดเข้าที่ริมฝีปากด้านล่างและสอดลิ้นเข้ามากวาดต้อนจนเริ่มรู้สึกไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน

“ไท...” เสียงแผ่วเบาเอ่ยเรียกอีกครั้งในตอนที่บริเวณเนินอกแนบชิดกับฝ่ายนั้นจนความรู้สึกวาบหวามแล่นปราดขึ้นมาทำให้รู้สึกร้อนจัดที่ใบหน้า แต่นอกจากจะไม่ถูกปล่อยแล้วแขนทั้งสองข้างยังโดนดึงขึ้นไปโอบกอดรอบลำคอแกร่งเอาไว้จนทำให้ผิวเนื้อที่เกือบจะเปลือยเปล่าแนบชิดกันมากยิ่งขึ้น

“ท...อื้อ หยุด..ก่อน” น่านฟ้าอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายผละริมฝีปากออกไปเอ่ยบอก

แต่ดูท่าจะไร้ผลเมื่อถูกประกบจูบแนบแน่นลงมาอีกครั้ง ทำให้ต้องบีบเข้าที่กล้ามเนื้อบริเวณแผ่นหลังของอีกฝ่ายจนเกิดรอยเมื่อเรียวลิ้นถูกไล่ตอนจนมุมก่อนจะโดนดูดกลืนจนเกิดเสียงน่าอาย รู้สึกตัวอีกทีแผ่นหลังก็สัมผัสได้ถึงกระเบื้องบริเวณขอบสระ ช่วงตัวถูกวงแขนคู่นั้นกักขังเอาไว้จนแทบกลืนหายลงไปในแผ่นอกกว้าง

จังหวะลมหายใจพลันสะดุดขึ้นมาเมื่อรับรู้ได้ว่าฝ่ามือใหญ่กำลังลากปลายนิ้วผ่านผิวเนื้อเปลือยเปล่าบริเวณแผ่นหลังขึ้นมาตามสีข้างก่อนจะหยุดเอาไว้ที่บริเวณเหนือบั้นเอว น่านฟ้าพยายามดันกายให้มีระยะห่างเมื่อรู้สึกว่าถูกเบียดแนบชิดจนเกินไป

มันก็ไม่ได้รู้สึกแย่...แค่...แค่เขินจนทนไม่ไหวแล้ว

เหมือนจะตายซะให้ได้เลย...

นัยน์ตาสีเข้มก้มลงมองคนในอ้อมกอดก่อนจะยอมถอนริมฝีปากออกมาเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มตั้งรับไม่ทัน แทนไทกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นเมื่อเห็นว่าน้องซบใบหน้าลงมาที่แผ่นอก ใบหน้าคมเข้มเคลื่อนต่ำลงไปคลอเคลียที่ข้างแก้มก่อนจะกดจูบลงบนผิวเนื้อเนียนนุ่มแล้วพึมพำออกมาเสียงพร่า “...แก้มนุ่มเหมือนที่ไอ้หมอกบอกจริงๆ ด้วย”

“ฮื่อ อย่าพูดนะ” น่านฟ้าพยายามดันตัวออกห่างเมื่อรู้สึกว่าหน้าร้อนจนแทบจะสุกอยู่รอมร่อแล้ว พอตั้งท่าจะเบือนหน้าหนีคุณเขาก็ขยับหน้ามองตาม เลยยอมอยู่เฉยๆ ให้อีกฝ่ายกดจมูกลงบนแก้มทั้งสองฝั่งจนพอใจ “แก้มน่านช้ำหมดแล้ว” บ่นงึมงำอย่างไม่จริงจังพร้อมกับยกมือขึ้นปิดเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกจูบแก้มอีก

แต่เหมือนจะลืมไปว่าที่แก้มปลอดภัยแล้ว แต่ที่ปากน่ะ...

“อื้อ” สัมผัสหนักๆ ที่กดย้ำลงมาทำให้ต้องหลับตาแน่นก่อนจะเอ่ยแย้งขึ้นเมื่อถูกจูบจนเริ่มเจ็บบริเวณริมฝีปาก

ไทไม่ได้รุนแรงก็จริง...แต่สัมผัสหนักหน่วงนั้นเป็นตัวบ่งบอกว่าเจ้าตัวคงกำลังอดทนกับความรู้สึกของตัวเองอยู่อย่างสุดความสามารถ น่านฟ้าหอบหายใจหนักเมื่อถูกรุกล้ำจนน้ำตาเริ่มคลอด้วยความรู้สึกวาบหวามที่แล่นปราดเข้ามาเล่นงานจนไร้เรี่ยวแรงขัดขืน ใบหน้าสวยแดงก่ำร้อนจัดเมื่อได้ยินเสียงทุ้มพร่าสบถอยู่ในลำคอ ก่อนวงแขนกว้างที่โอบกอดกันเอาไว้แน่นจะคลายออกกะทันหัน

“น่าน...ขึ้นไปได้แล้ว” แทนไทสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะผละตัวออกห่างจากน้องเมื่อเริ่มควบคุมความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ไม่ได้

ยิ่งได้กอด ยิ่งได้สัมผัส ความอดทนที่มีก็เริ่มเหลือน้อยลงไปเรื่อยๆ ...

...เพราะรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้น...ถ้าเขาไม่หยุดมันตั้งแต่ตอนนี้...

“ไท..” น่านฟ้ายังคงสับสนในการกระทำของอีกฝ่าย แต่พอจะยกมือขึ้นแตะแขนฝ่ายนั้นกลับขยับตัวออกห่างก่อนจะย้ำให้รีบขึ้นสระไป

“ขึ้นไปรอข้างบน เดี๋ยวเดินไปส่งที่ห้อง”

“อื้อ เข้าใจแล้ว” น้องพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟังก่อนจะว่ายไปทางบันไดสระ เมื่อเห็นผิวเนื้อขาวเนียนที่โผล่พ้นขึ้นจากน้ำก็รีบเบือนหน้าหนีออกไปอีกทางก่อนจะรอให้น้องสวมเสื้อคลุมให้เรียบร้อย แล้วอยู่สงบสติอารมณ์ของตัวเองอีกสักพักถึงจะตามขึ้นไป













“ไท...โอเคไหม” น่านฟ้าถามเสียงแผ่วในตอนที่ยืนอยู่ในห้องโดยสารของลิฟต์เพียงแค่สองคน

“อืม” …ถ้าจะบอกว่าไม่...ก็กลัวว่าเจ้าตัวจะคิดไปไกลถึงไหนต่อไหน

“ถ้าอย่างนั้น...พรุ่งนี้เจอกัน ฝันดีนะ” ในตอนที่เดินมาหยุดยืนอยู่บริเวณหน้าห้องแทนไทไม่ได้เข้าไปใกล้อีกฝ่ายเกินความจำเป็น ทำเพียงแค่พยักหน้ารับก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องตัวเองเมื่อเห็นว่าน้องเดินเข้าไปข้างในแล้ว

...ที่หยุดตัวเองเอาไว้และเว้นระยะห่างออกมาเพราะเขารู้ดีว่าตัวเองไม่ได้มีความเป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะหยุดเอาไว้เพียงแค่กอดและจูบ…

...แค่นั้นมันไม่พอ...







____________________________________________







คุนตำหนวดดดดดดด มีคนคิดมิดีมิร้ายกับลูกอิชั้นค่าาาา ฮือออออออ /เซฟหมวยเร้กกกก

แล้วก็ๆ ป๋าเหมือนจะรู้ตัวแล้วว่ามีคนคิดไม่ซื้อกับน้อง คิกค้ากกกก ซวยย บอกเลยว่าซวยย


ห่างหายไปนานเลยค่ะยอมรับจริงๆไม่แก้ตัวอีกแล้ว สารภาพว่าที่ต้องงดอัพหมวยเพราะช่วงที่ผ่านมาต้องไปปั่นต้นฉบับอีกเรื่อง

แต่หลังจากนี้จะไม่ดองนานหลายเดือนแบบนี้แน่นอนฮับบบ :z10:


พันไมล์คงไม่ได้อัพหมวยอีกภายในปีนี้เพราะต้องเร่งปั่นต้นฉบับเรื่องสุดท้ายก่อนสิ้นปี

แต่ถ้ามีเวลาว่างจะเขียนตอนพิเศษมาให้ทุกคนได้อ่านแก้คิดถึงในวันปีใหม่นะคะ

พันไมล์ต้องขออภัยนักอ่านทุกท่านจริงๆที่ทิ้งช่วงไปนานขนาดนี้ อุแง ขอบคุณทุกคนมากนะคะที่ยังรอหมวยอยู่ซาบซึ้งมากจริงๆค่ะ

แวะมาพูดคุยกันได้ที่ #ที่รักของน่านฟ้า ใน Twitter นะคะ

หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 10 - After the sunrise : 03 Dec 2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 03-12-2019 00:38:16
กี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ฟ้องป๋าดีมั้ยเนี่ย  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 10 - After the sunrise : 03 Dec 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 03-12-2019 07:46:56
กลับมาแล้วเนอะ   :mc4:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 10 - After the sunrise : 03 Dec 2019
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaWikit ที่ 03-12-2019 09:19:12
คิดถึงเรื่องนี้ มากมากเลย พอมีแจ้งเตือนจากทางเล้าเป็ด  ดีใจแทบตาย
นึกว่า พี่ไท จะใจกล้าหาญ ขอ น้องน่าน เป็น แฟน เลย หึ หึ แต่ก็ไม่
เดี๋ยวพอ น้องน่าน กลับสู่สังคม ปกติ ของน้องแล้ว จะมาหึง วงแตก วงแตน อะไรก็ไม่ได้แล้ว
ไหนจะปะป๊า ที่เริ่ม ระแคะ ระคาย ละ  พี่ไท เอ๊ยยย  แย่แน่แน่

TALK : จะมารอตอนพิเศษ นะจ๊ะ  แล้วคนเขียนรีบกลับมาต่อไวไวนะจ๊ะ
เนี่ย หมุนกลับไปอ่านตอนเก่า 2 ตอน ก่อนมาอ่านตอนใหม่ที่เพิ่งลง จะได้ต่อติดจ้า
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 10 - After the sunrise : 03 Dec 2019
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 04-12-2019 01:35:00
กลับมาแล้วคิดถึงหมวยยย  555
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 10 - After the sunrise : 03 Dec 2019
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-12-2019 05:42:37
แง.......... หายไปนานเลย ฮึกๆ  :hao5: :mew2:
น่าน น่ารัก  :mew1:
ไท น่าน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
รอไทซีนนั้นนะ  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:     
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 10 - After the sunrise : 03 Dec 2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-12-2019 07:56:39
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 10 - After the sunrise : 03 Dec 2019
เริ่มหัวข้อโดย: oohsg94 ที่ 26-12-2019 16:28:47
แจ้งคุนตำหนวดดดดด มีคนลวนลามลูกสาวค่าาา :z3: :hao7:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 10 - After the sunrise : 03 Dec 2019
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 31-12-2019 15:07:44
น้องน่านถูกรังแกอีกแล้ว ทำไมทุกคนชอบแกล้ง
เอ็นดูจังเลย หนูออกจะเป็นคนสวย น่ารัก 5555

ไทได้กำไรหลายรอบละนะ ทำเนียนๆ แต่ได้เต็มทุกคะแนน

หมอกเป็นคนตลก บ้าบอ แต่ได้ใจ เพราะทันทุกเหตุการณ์

หยาร้ายนะคนเรา แต่ทำดีมากค่ะ

หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 10 - After the sunrise : 03 Dec 2019
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 10-02-2020 22:28:06
อดทนไว้นะไท 555555
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 10 - After the sunrise : 03 Dec 2019
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 11-02-2020 07:24:23
เพี๊ยงงงงง ขอให้ป๋ามาเจอ 5555
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 11 - Just Leave It Behind : 10 May 2020
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 10-05-2020 00:38:57
Chapter 11

Just Leave It Behind.

___________________




(น้องน่านจะเข้าร้านเหรอคะวันนี้)
“ใช่ค่ะพี่ฝน ตั้งแต่กลับมาจากกระบี่น่านไม่ได้แวะเข้าไปเสียที วันนี้ช่วงบ่ายนัดพวกเด็ก ๆ ไว้ด้วยว่าจะติวสีน้ำให้” น่านฟ้าตอบกลับปลายสายในขณะที่กำลังเช็กตัวเองอยู่บริเวณหน้ากระจกหลังจากลองใส่มินิเดรสตัวใหม่
เดรสสายเดี่ยวสีแดงลายสก๊อตที่ความยาวปิดถึงแค่บริเวณหน้าขาเท่านั้น ผมยาวดัดลอนอ่อนบริเวณส่วนปลายถูกปล่อยระลงมาถึงช่วงเอว เจ้าตัวยิ้มให้กับภาพสะท้อนในกระจกอีกครั้งเพื่อเรียกความมั่นใจให้ตัวเอง หลังจากที่กลับจากกระบี่ ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นเรียกได้ว่าแทบไม่ได้พักหยุดหายใจเพราะต้องเคลียร์งานที่ค้างอยู่ส่งให้ลูกค้าจนใต้ตาดำปี๋ สภาพโทรมไม่ต่างจากสมัยที่เรียนอยู่เลยสักนิด
แต่เรื่องงานนั้นนับว่าเป็นเรื่องเล็กมากเมื่อเทียบกับปัญหาบางอย่างที่ต้องเผชิญในช่วงนี้
หลังจากที่ชีวิตมันเงียบสงบมาได้สักพักหนึ่งน่ะนะ
(พอน้องน่านไม่เข้ามาที่ร้าน คุณชินก็ไม่ได้มานี่สองวันแล้วล่ะค่ะ)
ฝ่ายนั้นรายงานด้วยน้ำเสียงที่ไม่สู้ดีนัก คงรู้สึกหนักใจอยู่ไม่น้อยที่ต้องมาเป็นคนรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ เพราะหลังจากที่กลับมาจากกระบี่น่านฟ้าก็ได้รู้ว่าแฟนเก่าที่เพิ่งบอกเลิกไปหมาด ๆ นั้นมาหาที่ร้านแทบจะทุกวัน โชคดีที่ไม่ได้เจอกัน ไม่อย่างนั้นคงต้องปวดหัวจนไม่เป็นอันทำการทำงานแน่นอน
“ลำบากพี่ฝนแย่เลย…น่านขอโทษด้วยนะคะ”
(ไม่เป็นไรเลยค่ะ) หญิงสาวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงผิดกับก่อนหน้าเพราะไม่อยากให้เจ้านายคนสวยต้องรู้สึกเครียด (ว่าแต่ วันนี้คุณไทจะเข้ามาที่ร้านไหมน้า)
“หา” น่านฟ้าชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อของใครอีกคน ก่อนจะหลุดขำออกมา “คนนี้เขาเกี่ยวอะไรคะเนี่ย”
(ก็แหม พี่ฝนก็แค่ถามดู)
“พอเลย ไม่คุยด้วยแล้วค่ะ” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่รอยยิ้มเล็ก ๆ กลับปรากฏขึ้นโดยที่ไม่ทันรู้ตัวเสียด้วยซ้ำ
(ว้าวว เล่ามาเดี๋ยวนี้เลยค่ะน้องน่าน) นอกจากจะไม่ยอมวางสายแล้วฝ่ายนั้นยังพูดกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด (ทริปกระบี่ต้องมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นแน่นอนเลย พี่ฝนรู้นะคะ!)
“น่านต้องไปแล้วค่ะ หม่าม้าเรียกไปทานข้าวพอดีเลย แค่นี้น้า เจอกันที่ร้านนะคะ”
(น้องน่า-!)
ติ๊ด!
น่านฟ้าถอนหายใจออกมาเมื่อสามารถหลบเลี่ยงคำถามของอีกฝ่ายได้ เจ้าตัวเม้มปากเบา ๆ เพราะเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวที่บริเวณสองข้างแก้ม
ตั้งแต่กลับมาจากกระบี่ การกระทำของแทนไทก็ชัดเจนมากขึ้นจนสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงระหว่างทั้งคู่
จะให้แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็คงไม่ไหว
เพราะคุณเขาจับทางได้หมดเลย แถมยังรุกแรงมากด้วย…
“น้องน่านมานี่เร็ว”
เมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่างจู่ ๆ ป้านิดที่กำลังกวาดพื้นอยู่บริเวณนั้นก็ปรี่เข้ามาหาด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลอยู่ไม่น้อย น่านฟ้าเดินตามอีกฝ่ายไปทางห้องรับแขก แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นใครบางคนนั่งอยู่บนโซฟากับญาติผู้ใหญ่ โดยที่มีป๋ากับหม่าม้านั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ชิน…” น่านฟ้ามองไปที่ฝ่ายนั้นก่อนจะเผลอเรียกชื่อ ทำให้คนที่นั่งอยู่ทั้งหมดหันมามองพร้อมกัน
“โอ้ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะน้องน่าน” ผู้ชายวัยกลางคนที่มีศักดิ์เป็นลุงแท้ ๆ ของเตชินเอ่ยทักด้วยรอยยิ้มทำให้จำเป็นที่จะต้องเดินเข้าไปหาพร้อมกับยกมือไหว้ไปตามมารยาท น่านฟ้ายิ้มให้อีกฝ่ายและจงใจเมินสายตาของใครบางคนที่มองมา
“สวัสดีค่ะลุงพล”
“น้องน่านมานั่งกับป๋ามา” คุณปรีชากวักมือเรียกพร้อมกับตบลงบนเบาะข้าง ๆ ตัวเอง
“แต่…หนูต้องเข้าร้าน”
“แป๊บเดียว” ป๋าย้ำเสียงเข้ม ในแววตาดูนิ่งสงบไม่ได้ฉายแววใจดีเหมือนปกติ
“มาลูก” หม่าม้าขยับเปิดทางให้ลงไปนั่งแทรกตรงกลางก่อนจะหยิบหมอนมาให้กอดเพื่อบังต้นขาเอาไว้
น่านฟ้าสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่มาคุอยู่ไม่น้อย เจ้าตัวกอดหมอนและเผลอบีบแรงจนมันยับย่น ส่วนอดีตคนรักที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทำเพียงแค่นั่งเงียบและมองมาเป็นระยะ ในระหว่างที่พวกผู้ใหญ่กำลังคุยกันเกี่ยวกับแมทชกที่จะจัดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้
ลุงพลเป็นเพื่อนรุ่นพี่ในวงการของป๋าตั้งแต่สมัยที่ทั้งคู่ยังเป็นนักมวยอยู่ มิหนำซ้ำอีกฝ่ายยังเป็นญาติผู้ใหญ่ของเตชินอีกด้วย จึงทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองบ้านนั้นสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้นในช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมา
“แล้วรอบนี้ไปกล่อมยังไง ทำไมเจ้าไทมันถึงยอมขึ้นชกล่ะ” ฝ่ายนั้นเอ่ยถาม
“ทางผู้ใหญ่เขาขอมาว่ะพี่ ไม่ได้เห็นมันชกนานแล้ว” คุณปรีชาตอบกลับไปพร้อมกับหัวเราะในลำคอเล็กน้อย “เห็นบอกจะชกเวทีนี้กับงานที่มาเลอีกแค่สองครั้งก็อาจจะพักยาว”
“เสียดายฝีมือตายห่า”
“เจ้าไทมันถูกเพื่อนผมที่เป็นอาจารย์คณะวิทย์กีฬาทาบทามไว้ตั้งแต่ยังไม่กลับมาจากอเมริกา เขาอยากชวนมันไปเป็นอาจารย์สอนพิเศษ”
“อะไรวะ ไปเป็นอาจารย์มหาลัยเนี่ยนะ” ฝ่ายนั้นเลิกคิ้วขึ้นอย่างเหลือเชื่อ อีกทั้งยังนึกเสียดายในความสามารถของแทนไทอยู่ไม่น้อย
“ตัวมันก็คงจะเบื่อ ขึ้นชกมาตั้งแต่สิบห้าสิบหก อีกอย่างผมก็อยากให้เจ้าไทมันมีอาชีพที่มั่นคงกว่านี้ พี่ก็รู้ว่านักมวยอย่างเรา ถึงจะเก่งแค่ไหน แต่สักวันหนึ่งมันก็ต้องตกรุ่น มีเด็กใหม่ ๆ เข้ามาแทนที่” เขาอธิบายอย่างใจเย็น ทุกคำที่พูดออกมานั้นแสดงถึงความรักและห่วงใยอีกฝ่ายไม่ต่างจากลูกแท้ ๆ
ถ้าพ่อมันยังอยู่ ก็คงคิดแบบนี้เหมือนกัน
“อีกอย่างมันเรียนจบตั้งปริญญาโท เก็บความรู้เอาไว้ขึ้นสนิมตายห่ากันหมดพอดี”
“แล้วจะต่อเอกเลยหรือเปล่า”
“เห็นบอกคงอีกสักพักเลย ช่วงนี้กำลังวุ่นน่าดู”
คุณปรีชายักไหล่ด้วยท่าทีผ่อนคลาย ก่อนจะเอนหลังพิงพนักโซฟาพร้อมกับยกแขนขึ้นโอบรอบไหล่ลูกคนเล็กเอาไว้ “ว่าแต่พี่เถอะ ปกติก็มาหาผมคนเดียวตลอด ทำไมวันนี้ถึงพาเจ้าชินมาด้วย”
แม้น้ำเสียงและรอยยิ้มที่มีจะดูสบาย ๆ แต่สายตาที่มองไปยังฝั่งตรงข้ามกลับทำให้เตชินตกประหม่าขึ้นมา
“อ้อ” ลุงพลชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมาแล้วตบลงไปที่บ่าของหลานชาย “มันมาเยี่ยมกูที่บ้านกับพ่อมัน พอมันรู้ว่ากูจะมาหามึงก็ขอตามมาด้วย สงสัยอยากจะมาหาความรู้กับโปรโมเตอร์มือโปรล่ะมั้ง”
“ไม่ยักรู้ว่าชินจะสนใจเรื่องนี้ด้วย ปกติเวลาออกงานก็ไม่ค่อยเห็นหน้า จู่ ๆ ทำไมนึกสนใจมวยขึ้นมาล่ะ” น้ำเสียงทุ้มต่ำที่หัวเราะอยู่ในลำคอทำให้น่านฟ้าต้องเงยหน้าขึ้นไปมองและส่งสายตาบอกทางอ้อมว่าห้ามป๋าก่อเรื่องเด็ดขาด
แต่ก็ดูเหมือนว่าจะช้าไปแล้ว…
“พ่อครับ คือผม-” หลังจากที่นั่งเงียบมานาน ฝ่ายนั้นก็ตั้งท่าจะเปิดบทสนทนาแต่กลับถูกป๋าสกัดจนเสียหลัก
“เรียกอาก็พอ” คุณปรีชายิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดีเมื่อได้ยินสรรพนามที่อีกฝ่ายเคยเรียก แต่ในแววตานั้นกลับเริ่มคุกรุ่นจนหม่าม้าต้องเอื้อมมือมาวางบนตักให้ใจเย็นลง
“ครับ ขอโทษครับอา” เตชินพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะซ่อนความรู้สึกเสียหน้าเอาไว้ใต้รอยยิ้ม
“แล้วชินมีธุระอะไรกับอา?” เขาลองถามหยั่งเชิง ทั้งที่จับทางได้ตั้งแต่เห็นหน้าแล้วว่าคนที่อีกฝ่ายอยากจะเจอคือน้องน่าน “สนใจเรื่องมวยเหรอ อยากจะให้อาเริ่มแนะนำจากตรงไหนก่อนดีล่ะ”
“ผมมีเรื่องที่อยากจะคุยกับฟ้า” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นพร้อมทั้งสายตาที่มองตรงไปยังอดีตคนรักที่นั่งก้มหน้าอยู่ฝั่งตรงข้าม
“เรื่อง? เรื่องอะไร?” เสียงทุ้มต่ำนิ่งสงบจนไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ของผู้พูดได้ “เกี่ยวอะไรกับน่าน?”
“อาครับ คือผมอยากจะขอ-”
“หมดธุระแล้วใช่ไหม”
“ไอ้ปราบ มึงก็ให้เด็กมันเคลียร์กันหน่อยเถอะ หลายวันมานี้หลานกูสภาพแม่งไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว” ฝ่ายนั้นเอ่ยแทรกขึ้นมาเมื่อรู้สึกสงสารหลานชายของตนเอง
“ก็เรื่องของหลานพี่ เกี่ยวอะไรกับลูกผม” คุณปรีชาเสียงแข็งขึ้นมาจนหม่าม้าต้องปลอบว่าให้ใจเย็นลง
“เจ้าชินมันอยากมาขอโทษน้องน่าน…กูรู้ว่ามันทำตัวไม่ดี มึงก็ให้โอกาสเด็กมันได้ปรับความเข้าใจกันหน่อยเถอะ นะปราบ ถือว่ากูขอ เห็นใจหลานมันหน่อย”
“แสดงว่าพี่รู้แล้วใช่ไหมว่าหลานพี่มันทำอะไรไว้” เขาถามกลับ
“รู้ มันบอกกูหมดแล้วกูถึงยอมพามันมาด้วยนี่ไง ไอ้ปราบ ผู้ชายวัยนี้มันก็ต้องมีหลงผิดกันบ้าง อาจจะนอกลู่นอกทางไปบ้าง แล้วตอนนี้มันก็สำนึกผิดแล้ว มันสัญญากับกูว่าจะไม่ทำอีก ขอให้มันได้คุยกับน้องน่านเถอะ”
น่านฟ้ามองตรงไปที่ฝ่ายตรงข้ามด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจเมื่อได้ยินความคิดที่แสนจะเห็นแก่ตัวของผู้ใหญ่ที่ตนเองนับถือเสมือนญาติ สองมือกำเข้าหากันจนสั่นเทิ้ม แต่ก่อนที่ความอดทนทั้งหมดจะจบลง เสียงปฏิเสธของป๋ากลับทำให้ทุกอย่างในบริเวณนี้เงียบสนิท ไม่เว้นแม้แต่ตัวลุงพลเอง
“ไม่” เสียงทุ้มต่ำยืนยันหนักแน่น
ร่างสูงใหญ่ของหัวหน้าครอบครัวยืนขึ้นเต็มความสูงพร้อมกับดึงมือลูกคนเล็กให้มาหลบที่ด้านหลังเมื่อสังเกตเห็นว่าน้องน่านมีสีหน้าที่ไม่สู้ดี
“ขอโทษด้วยที่ผมต้องพูดตรง ๆ ถ้าพี่จะโกรธ ผมก็ไม่ว่า แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าถ้าผมไม่เกรงใจและไม่ไว้หน้าพี่พล หลานพี่มันคงไม่ได้เข้ามาเหยียบในบ้านตั้งแต่แรกแล้ว”
“…”
“เรื่องนอกใจสำหรับผมแค่ครั้งเดียวคือเกินพอ แต่นี่มันนอกใจลูกผมมาสามครั้งแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรก” น้ำเสียงทุ้มต่ำมั่นคงไม่ต่างจากอุ้งมือใหญ่ที่กำลังบีบมือลูกเอาไว้ “โชคดีแค่ไหนที่ผมเพิ่งรู้ เพราะน่านไม่เคยบอกไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง แม้แต่เมฆกับหมอกก็ไม่รู้ พี่คิดว่าถ้าผมรู้ผมจะปล่อยให้มันคบกันมาได้นานขนาดนี้เหรอ”
“…”
“นอกลู่นอกทางมันแค่ข้ออ้างของคนมักง่ายที่ไม่รู้จักพอ และการที่พี่พูดถือหางหลานพี่แบบนี้เท่ากับว่าพี่ไม่ไว้หน้าผมเลยว่ะ ไม่ไว้หน้าผมไม่เท่าไหร่ แต่ยังมาดูถูกศักดิ์ศรีลูกผมด้วย ถ้าผมยังยอมและทำเป็นมองข้ามไปเหมือนที่พี่บอก ผมก็คงไม่ใช่พ่อคนแล้วพี่พล”
“ปราบ มึงใจเย็นก่อน กูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับ เมื่อเริ่มคิดได้ว่าตนเองพูดจาไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่เอาเสียเลย เพียงเพราะรักหลานชายมากเกินไปจนมองข้ามความผิดของอีกฝ่าย “กูเข้าใจแล้ว เอาเป็นว่าขอโทษด้วยก็แล้วกันที่พูดอะไรไม่คิด”
แม้จะรู้สึกเสียหน้าอยู่ไม่น้อย แต่เขาก็เป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะไม่ปล่อยให้อารมณ์และความรู้สึกมาอยู่เหนือเหตุผล เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้วอีกฝ่ายก็เปรียบเสมือนเพื่อนที่เติบโตในวงการด้วยกันมา หากไม่ยอมลดทิฐิและมองข้ามความผิดของตนเองไปก็คงจะเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้ไม่ได้
ที่ไอ้ปราบพูดมาก็ถูก…คำพูดที่เขาพูดไปนั้นช่างไม่ให้เกียรติกันเอาเสียเลย
“พี่พล ดาวขอพูดอะไรหน่อยนะคะ” หม่าม้าที่นั่งเงียบอยู่นานเดินเข้ามาสมทบก่อนจะมองตรงไปยังอีกฝ่ายด้วยความแน่วแน่ ผิดกับเวลาปกติที่มักจะอ่อนโยนและใจดีอยู่เสมอ
“ตั้งแต่วันที่ดาวรู้จักกับพี่ปราบและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาเกินครึ่งชีวิต พี่ปราบไม่เคยนอกใจหรือนอกกายดาวเลยสักครั้ง พี่เองก็น่าจะรู้เรื่องนี้ดี ดาวแค่อยากจะบอกพี่ว่าสิ่งที่เตชินทำมันไม่ใช่เรื่องปกติเลยสักนิด”
“…”
“การที่ได้ยินพี่พูดแบบนั้น ดาวรู้สึกผิดหวังมากจริง ๆ ค่ะ เพราะพี่ก็เป็นผู้ใหญ่ที่ดาวให้ความเคารพนับถือ พี่อาจจะไม่พอใจหรือรู้สึกโกรธกับสิ่งที่ดาวและพี่ปราบพูดในวันนี้ แต่ดาวก็อยากจะให้พี่เข้าใจด้วยว่าหัวอกของคนเป็นพ่อเป็นแม่คงไม่สามารถนิ่งเฉยกับเรื่องนี้ได้จริง ๆ ต่อให้เตชินจะเป็นหลานของพี่ก็ตาม”
หลังจากพี่พูดจบในบริเวณนั้นก็ถูกปกคลุมด้วยความเงียบอยู่นาน แม้แต่คุณปรีชาเองก็ยังไม่กล้าเอ่ยแทรกขึ้น
“เอาล่ะ พี่เข้าใจ พี่ไม่โกรธดาวกับไอ้ปราบ ขอบคุณที่ช่วยเตือนสติพี่” ฝ่ายนั้นถอนหายใจออกมาก่อนจะลุกขึ้นมายืนเผชิญหน้า “กูขอโทษด้วยที่พูดแบบนั้นออกไป”
“…”
“น้องน่าน ลุงขอโทษนะลูก ขอโทษแทนเจ้าชินมันด้วย หลังจากนี้ลุงสัญญาว่าจะไม่ให้มันมาวุ่นวายกับหนูอีก”
“ไม่เป็นไรค่ะ” น่านฟ้าขานรับเสียงเบา
“ชิน” คุณปรีชาเอ่ยเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง ไม่มีท่าทียินดียินร้ายกับเหตุการณ์ตรงหน้า
“ครับอา”
“โต ๆ กันแล้ว อาจะพูดแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ เพราะเห็นแก่พี่พล เรื่องนี้ก็ถือว่าเลิกแล้วต่อกันไม่มีอะไรต้องติดค้าง หวังว่าชินจะเข้าใจว่าขอบเขตของตัวเองอยู่ตรงไหน อย่าให้มีอีก”
อีกฝ่ายเข้าใจดีว่าเขาหมายถึงอะไร ไม่ว่าจะเรื่องที่ตามไปเฝ้าน้องน่านที่ร้านหรือเรื่องที่ตามตื๊อขอคืนดี
นี่ถือเป็นสัญญาณเตือนว่าอีกฝ่ายจะต้องหยุดการกระทำทุกอย่าง
“…”
“หรือถ้าชินอยากจะลองดูก็ได้…แต่อาจะไม่เตือนเป็นครั้งที่สอง”
“ครับ ผมเข้าใจ” ฝ่ายนั้นเม้มปากแน่นก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจในสถานการณ์…เพราะถ้าอีกฝ่ายเอาจริงขึ้นมา แม้แต่ลุงเองก็คงช่วยอะไรเขาไม่ได้ “ผมจะไม่มายุ่งกับฟ้าอีก ขอโทษที่ทำให้อากับน้าดาวต้องเดือดร้อน แต่ที่ผมมาวันนี้เพราะตั้งใจอยากจะมาขอโทษฟ้าจริง ๆ”
น่านฟ้าเงยหน้าขึ้นมองอดีตคนรักด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่า ในตอนนี้ความรักไม่เหลืออยู่แล้ว ที่ค้างคาอยู่ก็คงเป็นความผูกพันเส้นสุดท้ายที่รั้งเอาไว้ให้ยอมรับคำขอโทษจากอีกฝ่าย
และหลังจากนี้ ก็จะถือว่าไม่มีอะไรต้องติดค้างกันอีกต่อไป
“หนูว่าไงครับ?” ป๋าก้มลงมาถามอย่างเป็นห่วงพร้อมกับเพิ่มน้ำหนักมือที่บีบกระชับให้มากขึ้น
“พูดมาสิ” น่านฟ้าสูดลมหายใจเข้าลึก นัยน์แววตาฉายถึงความแน่วแน่ว่ารอรับฟังทุกอย่างโดยที่ไร้ทิฐิมาครอบงำ “วันนี้ฟ้าจะฟังชิน…เป็นครั้งสุดท้าย”
“ครับ” ร่างสูงใหญ่ของอดีตคนรักเดินเข้ามาหาและหยุดยืนอยู่ตรงหน้าโดยที่เว้นระยะห่างเอาไว้พอสมควร ก่อนที่ของบางอย่างจะถูกยื่นส่งมาให้ “สร้อยของฟ้า…ชินเอามาคืนให้”
น่านฟ้ามองไปยังของชิ้นนั้น แม้ว่ามันจะเป็นของที่รักมากขนาดไหน แต่ในเวลานี้กลับไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะรับมันคืนมาอีกต่อไปแล้ว
“เอาทิ้งไปเถอะ เฮียเมฆบอกจะซื้อให้ฟ้าใหม่” เจ้าตัวยิ้มบางเบา “มีแค่นี้ใช่ไหม?”
“เดี๋ยว” เตชินตั้งท่าจะเข้ามาใกล้ แต่กลับถูกป๋ายกมือกันไว้อีกฝ่ายเลยทำได้แค่มองมาด้วยสายตาที่เศร้าสร้อย “ชินอยากจะขอโทษฟ้า สำหรับเรื่องทุกอย่างที่เคยทำลงไป หลังจากวันนั้นชินรู้สึกผิดมาตลอดที่พูดจาไม่ดีใส่ฟ้า แต่ชินแค่อยากบอกฟ้าว่าชินไม่ได้ตั้งใจ ชินขอโทษ”
“ไม่เป็นไร” น่านฟ้าพยักหน้ารับ และฝืนยิ้มออกมาอย่างยากลำบาก “เรื่องนั้นมันไม่ได้ทำให้ฟ้าเจ็บมากขึ้นเท่าไหร่หรอก เพราะที่ผ่านมามันมากเกินพอแล้ว…แค่นี้ใช่ไหมที่อยากจะพูด?”
น้ำตาเริ่มเอ่อจนรู้สึกร้อนผ่าว แต่เพราะมีมือป๋ากับหม่าม้าที่กุมอยู่เลยสามารถเรียกความเข้มแข็งให้กลับมาได้
“ฟ้า…ชินขอโทษจริง ๆ ฟ้าอาจจะไม่เชื่อคำนี้ที่ออกมาจากปากชินแล้ว แต่ชินเสียใจและโคตรเกลียดตัวเองที่เกือบลงมือทำร้ายฟ้าในวันนั้น”
“ช่างเถอะ” น่านฟ้าสูดหายใจเข้าลึกเมื่อนึกถึงวันที่เกือบโดนอดีตคนรักขืนใจ และทำร้ายกันด้วยคำพูดที่ร้ายกาจพวกนั้น “ชินไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าวันนั้นไทไม่ไปด้วยจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ทำอะไร?” แต่แล้วคนข้างกายที่นิ่งเฉยมาตลอดกลับถามขึ้นเสียงเข้ม ป๋ามองจ้องไปที่อีกฝ่ายด้วยอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่น
“วันนั้นฟ้ากลับมาเอาของที่คอนโดผม” เตชินตัดสินใจสารภาพความผิดของตนเองเพราะมันเป็นเหมือนตราบาปที่ติดตัวจนเขาไม่สามารถข่มตาให้นอนหลับได้ในแต่ละคืนวันที่ผ่านมา เพราะรู้สึกขยะแขยงกับการกระทำของตนเองแทบบ้า “วันนั้นผมดื่มเยอะจนขาดสติ แล้วก็โมโหที่ฟ้าบอกเลิก เลยเกือบที่จะขืนใจ-”
ผั๊วะ!
ยังพูดไม่จบประโยคดีร่างของชายหนุ่มก็ถูกหมัดหนัก ๆ ปะทะเข้าที่ข้างแก้มจนหน้าหัน มีเสียงร้องของคุณอิงดาวดังขึ้นอย่างตื่นตกใจ ก่อนเธอจะปรี่เข้าไปดึงร่างของสามีเอาไว้เมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นกำลังโกรธจนหน้าดำหน้าแดง ทางน่านฟ้าเองก็ยังคงตกใจไม่หาย เพราะไม่เคยเห็นคนเป็นพ่อโมโหจนขาดสติแบบนี้มาก่อน
“ถ้าทำ…มึงไม่ตายดี”
“พี่ปราบ ใจเย็น ๆ อย่าใช้กำลังสิ” คุณอิงดาวพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ เพราะเธอรู้ดีว่าเวลาที่สามีตัวเองโกรธนั้นน่ากลัวมากแค่ไหน “พาเตชินกลับไปก่อนนะพี่ ดาวขอร้อง ไม่งั้นหลานแย่แน่”
ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับอย่างเข้าใจสถานการณ์เพราะรู้จักดีว่าไอ้ปราบในเวลานี้ใครก็เข้าหน้าไม่ติด อีกอย่างหลานชายตัวเองก็ทำเรื่องงามหน้าเอาไว้ รอดมาได้ขนาดนี้ก็บุญหัวมันมากแล้ว
“กลับบ้านไปมึงมาคุยกับกูให้มันรู้เรื่อง โทรเรียกพ่อมึงมาด้วย” ฝ่ายนั้นปรายตามองหลานชายก่อนจะเดินนำออกไปจากบ้านโดยไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ
ยอมรับว่าที่ผ่านมาเขาเข้าข้างมันมาโดยตลอดเพราะเตชินเป็นหลานชายเพียงคนเดียว แต่เขาไม่เคยรู้เรื่องที่มันจะขืนใจน้องน่านมาก่อน นึกว่าเด็กมันแค่ทะเลาะกันธรรมดาตามประสาวัยรุ่น…ถ้าเขารู้ว่ามันทำเรื่องทุเรศแบบนี้ ก็คงไม่ออกโรงปกป้องให้เสียผู้ใหญ่ตั้งแต่แรก
“ป๋า…หนูขอโทษ” น่านฟ้าเดินเข้าไปใกล้คนเป็นพ่อด้วยความรู้สึกผิดและกลัวว่าจะถูกดุ “หนูขอโทษที่ไม่ระวังตัว”
“มานี่มา” หลังจากที่ฝ่ายนั้นยืนสงบสติอารมณ์อยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็อ้าแขนออกเพื่อเตรียมสวมกอด ไม่รอช้าเจ้าตัวเล็กก็โผตัวเข้าสู้อ้อมอกของคนเป็นพ่อโดยที่มีหม่าม้าตามมากอดช่วยอีกแรง “ต่อไปนี้ห้ามปิดบังป๋ากับหม่าม้าอีกนะน้องน่าน หนูไม่จำเป็นต้องเผชิญเรื่องแบบนี้คนเดียว ป๋าไม่ได้เลี้ยงหนูมาเพื่อให้คนอื่นทำร้าย”
เสียงทุ้มพร่าสั่นเล็กน้อยพร้อมกับปลายจมูกโด่งที่กดลงบนกลุ่มผมนุ่มด้วยความรัก เพียงแค่คิดว่าลูกจะถูกทำร้าย หัวใจก็รู้สึกเจ็บปวดจนเกินกว่าที่จะรับไหว
“หนูอยากเล่าให้ป๋าฟังไหมว่าเรื่องมันเป็นยังไง” คนเป็นพ่อเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับกดจูบลงไปบนหน้าผากอย่างทะนุถนอม “หรือถ้าหนูไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร ป๋าจะไม่เซ้าซี้”
น่านฟ้าสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะพยักหน้ารับแล้วเริ่มเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้พ่อแม่ฟัง “วันนั้นไทไปด้วย หนูอาศัยจังหวะที่ชินหยุดหนีลงมาได้พอดี แล้วสองคนนั้นก็แลกหมัดกันไปยกใหญ่เลย”
“ต่อยกันเหรอ?”
“ค่ะ ป๋ากับม้าน่าจะได้เห็น วันนั้นไทน่ากลัวมาก หนูยังไม่เคยเห็นไทโมโหใครเท่านี้มาก่อนเลย”
“หึ มันไม่เห็นเล่าเรื่องนี้ให้ป๋าฟัง” คุณปรีชาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในลำคออย่างไม่พอใจ
“ป๋าอย่าว่าไทนะ หนูเองที่ขอไม่ให้ไทเล่า” น่านฟ้าซุกลงไปที่อกคนเป็นพ่ออย่างออดอ้อน ตอนนี้ป๋าเริ่มใจเย็นลงบ้างแล้ว “ที่หนูไม่เล่าเพราะกลัวว่าป๋ากับลุงพลจะมองหน้ากันไม่ติด หนูคิดเอาเองว่าหนูจัดการเรื่องนี้ได้”
“ไม่ติดก็ไม่ติดสิ ช่างหัวมัน ป๋าสนใจที่ไหน วันนี้ไม่ตัดขาดกันก็ดีมากแล้ว”
“ป๋าอะ พูดไม่เพราะเลย” น่านฟ้าบ่นงึมงำก่อนจะยืดตัวขึ้นสุดเพื่อหอมแก้มคนเป็นพ่อ “อารมณ์ดีขึ้นบ้างหรือยังคะ โมโหนานๆ เดี๋ยวล้มป่วยน้า”
ฝ่ายนั้นมองลงมาด้วยหางตาก่อนจะถอนหายใจออกมายาวเหยียดแล้วเอียงใบหน้าอีกข้างเข้าหาแทน
“ยังไม่ดีครับ ถ้าอยากให้ดีต้องอีกข้าง” ท่าทางการออดอ้อนลูกคนเล็กของคุณปรีชาทำให้หม่าม้าและป้านิดที่มองอยู่แอบขำ เพราะคนโหดเมื่อกี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เหลือแต่คนช่างอ้อน
จุ๊บ จุ๊บ
“หายหรือยังคะ” น่านฟ้าแถมให้ด้วยตรงหน้าผากเหมือนที่ชอบทำตอนเด็ก ๆ
“หายดีไหมครับหม่าม้า” ฝ่ายนั้นเอื้อมมือไปโอบเอวภรรยาเข้ามาใกล้เพื่อขอความเห็น “ลูกใครนะ ดื้อเหมือนหม่าม้าตอนสาว ๆ เลย”
“อย่าเล่นตัวให้มันมากนัก” คุณอิงดาวหยิกเข้าไปที่สีข้างของสามีจนอีกฝ่ายร้องโอ๊ย “ระวังเถอะ วันไหนน้องน่านไปอ้อนแฟนแทน กลัวว่าจะต้องมีคนกอดหมอนนอนบ่นงึมงำเป็นหมีกินผึ้ง”
“ไม่ให้มี” ทีอย่างนี้ล่ะเสียงเข้มขึ้นมาเชียว “พอแล้ว ไม่ให้มีแล้ว อยู่กับป๋าไปแบบนี้แหละ”
“ไม่มีใครเขาสนใจหนูหรอก” น่านฟ้าย่นจมูกใส่อมยิ้มแก้มป่องจนถูกหม่าม้าดึงยืดด้วยความมันเขี้ยว
“เหรอ” คนเป็นพ่อก้มลงมามองด้วยสายตาที่มีเลศนัย แม้รอยยิ้มจะดูใจดีแต่กลับทำให้คนมองรู้สึกชาวาบที่ปลายนิ้ว “อย่าคิดว่าไม่รู้นะ”
“ป๋ามั่วแล้ว!”
“หึหึ”
“หม่าม้า ป๋าเหมือนตัวโกงอะ” น่านฟ้าหันไปสะกิดขอความเห็นจากคนเป็นแม่ โดยที่ฝ่ายนั้นกลับทำเพียงแค่อมยิ้มและส่ายหน้าไปมาเท่านั้น
“แล้วนี่ไหนว่าเราจะเข้าร้าน สายแล้วนะ ยังไม่รีบไปอีก” หม่าม้าเอ่ยเตือน
“จริงด้วย ถ้าอย่างนั้นหนูขอ-”
“ป๋าจะไปด้วย”
“ห...หา” น่านฟ้ามองไปที่อีกฝ่ายอย่างคาดไม่ถึง “จะดีเหรอคะ วันนี้ป๋าไม่มีงานเหรอ”
“วันนี้ว่าง” คุณปรีชายิ้มมุมปาก “ป๋าไม่ได้ไปร้านหนูนานแล้วนี่ อยากเห็นหนูทำงาน”
“แต่วันนี้หนูมีสอนนะ เด็ก ๆ มาเรียนเยอะกลัวป๋าจะเบื่อน่ะสิ” เจ้าตัวพยายามบ่ายเบี่ยงสุดชีวิต
ที่ไม่อยากให้ป๋าไป…ก็เพราะใครบางคนส่งข้อความมาเมื่อเช้าว่าตอนบ่ายจะแวะเข้ามาหาที่ร้านต่างหาก
ถ้าเจอกันละก็มีหวังถูกจับได้แหงๆ เลย…
“ป๋าเคยเบื่อหนูด้วยเหรอ?” ฝ่ายนั้นเลิกคิ้วถาม ก่อนจะหันไปบอกให้ป้านิดหยิบกุญแจรถมาให้ “หรือที่ไม่อยากให้ป๋าไปเพรราะว่าแอบนัดใครเอาไว้หรือเปล่า”
“ไม่มีสักหน่อย” น่านฟ้ารีบพูดตัดบทเพราะยิ่งบ่ายเบี่ยงก็จะยิ่งมีพิรุธ
เป็นไงก็เป็นกัน…ก็ไม่ได้คิดจะปิดแบบนี้ไปตลอดสักหน่อย




_____________________




แฮ่ กลับมาแล้วค่า /ปิดหน้าเขิน
หายไปนานอีกแล้ว เพราะช่วงที่ผ่านมายุ่งมากเลยค่ะ แง้ ไม่ขอแก้ตัวละกันรอบนี้ เชิญโบยได้เลยจ้ะ /ผูกตัวเองติดกับเสา

หลังจากที่ปล่อยให้ใครบางคนเขามีซีนมาเยอะ ตอนนี้เลยยึดค่าตัวซะเลย
ส่วนเรื่องของเตชินก็ถือว่าเคลียร์ไปแล้วระดับหนึ่ง ฉะนั้นสบายใจได้ฮะ~ 

ขอบคุณทุกคนที่ยังรอคอยกันเสมอนะคะ พันไมล์ดีใจมากที่ทุกคนแวะมาทักทายและทวงยัยหมวยทุกวัน
เลยอยากจะถือโอกาสนี้ตอบคำถามที่ทุกคนสงสัยไปด้วยเลย
1.เรื่อง ที่รักของน่านฟ้า อยู่ในความดูแลของสำนักพิมพ์Hermit ยังไม่ถูกตีพิมพ์เป็นเล่ม และยังไม่มีEbookนะคะ เพราะยังเขียนไม่จบค่ะ
2.ตอนนี้กำลังเร่งปิดต้นฉบับให้ทันงานหนังสือเดือนตุลาค่ะ
3.เรื่องนี้จะลงให้อ่านจนจบ ไม่มีการปิดตอนค่ะ ยกเว้นแค่ตอนพิเศษในเล่ม
4.ไม่มีการกั๊กตอนเหมือนอย่างที่ใครเข้าใจผิดนะคะ ไม่ได้กั๊กค่ะ แค่ดอง อุแง~

สุดท้ายนี้ฝากคอมเม้น หรือ แท็ก #ที่รักของน่านฟ้า เป็นกำลังใจให้พันไมล์ด้วยนะคะ
ถ้าเม้นเยอะๆรับรองว่าตอนหน้าจะมาในเร็ว ๆนี้ค่ะ <3
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 11 - Just Leave It Behind : 10 May 2020
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 10-05-2020 01:21:56
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 11 - Just Leave It Behind : 10 May 2020
เริ่มหัวข้อโดย: Ritawongishere ที่ 10-05-2020 01:26:42
เย้ มาต่อแล้วววว
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 11 - Just Leave It Behind : 10 May 2020
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaWikit ที่ 10-05-2020 01:29:07
ดีใจที่ได้กลับมาอ่านเป็นที่แรกเลยนะคะ
น้องน่านฟ้าเป็นที่รักของคนอ่านคนนี้มากมาก น้องนุ่มนิ่มน่ารัก
แต่ก็แอบรักความอบอุ่นของแทนไทนะคะ
ป๋าปราบต้องดีใจที่แทนไท โกรธเตชินจนน่ากลัวอย่างน้องน่านฟ้าเล่านั่นละค่ะ
เสียดายวันนี้ไม่น่าใช้หมัดต่อยเตชินเลย น่าจะตบด้วยฝ่ามือซ้ายขวา เพราะเตชินไม่ใช่ลูกผู้ชาย
ต่อจากนี้ไป น้องน่านฟ้า ก็จะมีผู้ชาย man man อย่างแทนไท ดูแลต่อ
ตอนต่อไปจะได้ดู แทนไท ขึ้นชกมวยแล้ว รึเปล่า
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 11 - Just Leave It Behind : 10 May 2020
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 10-05-2020 02:36:08
จะมีคนโดนจับได้มั้ยนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 11 - Just Leave It Behind : 10 May 2020
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 10-05-2020 22:15:25
เคลียร์นะเตชิน ออกนอกวงโคจรจองน้องน่านไปเลย
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 11 - Just Leave It Behind : 10 May 2020
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 11-05-2020 04:38:05
น้องน่านก็ยังคงเป็นน้องน่าน ทุกอย่างสลายหายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น
ป๋าน่าจะมือไวอีกสักหมัดสองหมัด กับบางคนต้องเจอแบบนี้บ้าง

เอ็นดูมากเลยค่ะ น่านฟ้า มีคนตามไปทำงานด้วย
และมีคนจะแวะมาหาด้วย ฮ็อตนะเรา
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 11 - Just Leave It Behind : 10 May 2020
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 21-05-2020 10:09:20
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 11 - Just Leave It Behind : 10 May 2020
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaWikit ที่ 26-05-2020 14:04:25
 :katai2-1:  วันนี้แวะมาอ่านน้องน่านกับพี่ไท อีก app. ด้วยความคิดถึง

ยังไม่สะใจเรื่องที่เตชินทำร้ายน้องน่านวันนั้นเลย  :z6:  :z6:  :z6:
อยากให้พี่ไทฝากรอบ ไว้อีกซักหน่อย เสียดาย

โอเค เวรย่อมระงับด้วยการ ตืบซ้ำซ้ำ  เอ๊ย ด้วยการไม่จองเวร :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 11 - Just Leave It Behind : 10 May 2020
เริ่มหัวข้อโดย: Pinkmoon ที่ 26-05-2020 17:57:29
รอน้าาาา