Chapter 11
Just Leave It Behind.
___________________
(น้องน่านจะเข้าร้านเหรอคะวันนี้)
“ใช่ค่ะพี่ฝน ตั้งแต่กลับมาจากกระบี่น่านไม่ได้แวะเข้าไปเสียที วันนี้ช่วงบ่ายนัดพวกเด็ก ๆ ไว้ด้วยว่าจะติวสีน้ำให้” น่านฟ้าตอบกลับปลายสายในขณะที่กำลังเช็กตัวเองอยู่บริเวณหน้ากระจกหลังจากลองใส่มินิเดรสตัวใหม่
เดรสสายเดี่ยวสีแดงลายสก๊อตที่ความยาวปิดถึงแค่บริเวณหน้าขาเท่านั้น ผมยาวดัดลอนอ่อนบริเวณส่วนปลายถูกปล่อยระลงมาถึงช่วงเอว เจ้าตัวยิ้มให้กับภาพสะท้อนในกระจกอีกครั้งเพื่อเรียกความมั่นใจให้ตัวเอง หลังจากที่กลับจากกระบี่ ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นเรียกได้ว่าแทบไม่ได้พักหยุดหายใจเพราะต้องเคลียร์งานที่ค้างอยู่ส่งให้ลูกค้าจนใต้ตาดำปี๋ สภาพโทรมไม่ต่างจากสมัยที่เรียนอยู่เลยสักนิด
แต่เรื่องงานนั้นนับว่าเป็นเรื่องเล็กมากเมื่อเทียบกับปัญหาบางอย่างที่ต้องเผชิญในช่วงนี้
หลังจากที่ชีวิตมันเงียบสงบมาได้สักพักหนึ่งน่ะนะ
(พอน้องน่านไม่เข้ามาที่ร้าน คุณชินก็ไม่ได้มานี่สองวันแล้วล่ะค่ะ)
ฝ่ายนั้นรายงานด้วยน้ำเสียงที่ไม่สู้ดีนัก คงรู้สึกหนักใจอยู่ไม่น้อยที่ต้องมาเป็นคนรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ เพราะหลังจากที่กลับมาจากกระบี่น่านฟ้าก็ได้รู้ว่าแฟนเก่าที่เพิ่งบอกเลิกไปหมาด ๆ นั้นมาหาที่ร้านแทบจะทุกวัน โชคดีที่ไม่ได้เจอกัน ไม่อย่างนั้นคงต้องปวดหัวจนไม่เป็นอันทำการทำงานแน่นอน
“ลำบากพี่ฝนแย่เลย…น่านขอโทษด้วยนะคะ”
(ไม่เป็นไรเลยค่ะ) หญิงสาวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงผิดกับก่อนหน้าเพราะไม่อยากให้เจ้านายคนสวยต้องรู้สึกเครียด (ว่าแต่ วันนี้คุณไทจะเข้ามาที่ร้านไหมน้า)
“หา” น่านฟ้าชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อของใครอีกคน ก่อนจะหลุดขำออกมา “คนนี้เขาเกี่ยวอะไรคะเนี่ย”
(ก็แหม พี่ฝนก็แค่ถามดู)
“พอเลย ไม่คุยด้วยแล้วค่ะ” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่รอยยิ้มเล็ก ๆ กลับปรากฏขึ้นโดยที่ไม่ทันรู้ตัวเสียด้วยซ้ำ
(ว้าวว เล่ามาเดี๋ยวนี้เลยค่ะน้องน่าน) นอกจากจะไม่ยอมวางสายแล้วฝ่ายนั้นยังพูดกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด (ทริปกระบี่ต้องมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นแน่นอนเลย พี่ฝนรู้นะคะ!)
“น่านต้องไปแล้วค่ะ หม่าม้าเรียกไปทานข้าวพอดีเลย แค่นี้น้า เจอกันที่ร้านนะคะ”
(น้องน่า-!)
ติ๊ด!
น่านฟ้าถอนหายใจออกมาเมื่อสามารถหลบเลี่ยงคำถามของอีกฝ่ายได้ เจ้าตัวเม้มปากเบา ๆ เพราะเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวที่บริเวณสองข้างแก้ม
ตั้งแต่กลับมาจากกระบี่ การกระทำของแทนไทก็ชัดเจนมากขึ้นจนสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงระหว่างทั้งคู่
จะให้แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็คงไม่ไหว
เพราะคุณเขาจับทางได้หมดเลย แถมยังรุกแรงมากด้วย…
“น้องน่านมานี่เร็ว”
เมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่างจู่ ๆ ป้านิดที่กำลังกวาดพื้นอยู่บริเวณนั้นก็ปรี่เข้ามาหาด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลอยู่ไม่น้อย น่านฟ้าเดินตามอีกฝ่ายไปทางห้องรับแขก แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นใครบางคนนั่งอยู่บนโซฟากับญาติผู้ใหญ่ โดยที่มีป๋ากับหม่าม้านั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ชิน…” น่านฟ้ามองไปที่ฝ่ายนั้นก่อนจะเผลอเรียกชื่อ ทำให้คนที่นั่งอยู่ทั้งหมดหันมามองพร้อมกัน
“โอ้ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะน้องน่าน” ผู้ชายวัยกลางคนที่มีศักดิ์เป็นลุงแท้ ๆ ของเตชินเอ่ยทักด้วยรอยยิ้มทำให้จำเป็นที่จะต้องเดินเข้าไปหาพร้อมกับยกมือไหว้ไปตามมารยาท น่านฟ้ายิ้มให้อีกฝ่ายและจงใจเมินสายตาของใครบางคนที่มองมา
“สวัสดีค่ะลุงพล”
“น้องน่านมานั่งกับป๋ามา” คุณปรีชากวักมือเรียกพร้อมกับตบลงบนเบาะข้าง ๆ ตัวเอง
“แต่…หนูต้องเข้าร้าน”
“แป๊บเดียว” ป๋าย้ำเสียงเข้ม ในแววตาดูนิ่งสงบไม่ได้ฉายแววใจดีเหมือนปกติ
“มาลูก” หม่าม้าขยับเปิดทางให้ลงไปนั่งแทรกตรงกลางก่อนจะหยิบหมอนมาให้กอดเพื่อบังต้นขาเอาไว้
น่านฟ้าสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่มาคุอยู่ไม่น้อย เจ้าตัวกอดหมอนและเผลอบีบแรงจนมันยับย่น ส่วนอดีตคนรักที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทำเพียงแค่นั่งเงียบและมองมาเป็นระยะ ในระหว่างที่พวกผู้ใหญ่กำลังคุยกันเกี่ยวกับแมทชกที่จะจัดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้
ลุงพลเป็นเพื่อนรุ่นพี่ในวงการของป๋าตั้งแต่สมัยที่ทั้งคู่ยังเป็นนักมวยอยู่ มิหนำซ้ำอีกฝ่ายยังเป็นญาติผู้ใหญ่ของเตชินอีกด้วย จึงทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองบ้านนั้นสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้นในช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมา
“แล้วรอบนี้ไปกล่อมยังไง ทำไมเจ้าไทมันถึงยอมขึ้นชกล่ะ” ฝ่ายนั้นเอ่ยถาม
“ทางผู้ใหญ่เขาขอมาว่ะพี่ ไม่ได้เห็นมันชกนานแล้ว” คุณปรีชาตอบกลับไปพร้อมกับหัวเราะในลำคอเล็กน้อย “เห็นบอกจะชกเวทีนี้กับงานที่มาเลอีกแค่สองครั้งก็อาจจะพักยาว”
“เสียดายฝีมือตายห่า”
“เจ้าไทมันถูกเพื่อนผมที่เป็นอาจารย์คณะวิทย์กีฬาทาบทามไว้ตั้งแต่ยังไม่กลับมาจากอเมริกา เขาอยากชวนมันไปเป็นอาจารย์สอนพิเศษ”
“อะไรวะ ไปเป็นอาจารย์มหาลัยเนี่ยนะ” ฝ่ายนั้นเลิกคิ้วขึ้นอย่างเหลือเชื่อ อีกทั้งยังนึกเสียดายในความสามารถของแทนไทอยู่ไม่น้อย
“ตัวมันก็คงจะเบื่อ ขึ้นชกมาตั้งแต่สิบห้าสิบหก อีกอย่างผมก็อยากให้เจ้าไทมันมีอาชีพที่มั่นคงกว่านี้ พี่ก็รู้ว่านักมวยอย่างเรา ถึงจะเก่งแค่ไหน แต่สักวันหนึ่งมันก็ต้องตกรุ่น มีเด็กใหม่ ๆ เข้ามาแทนที่” เขาอธิบายอย่างใจเย็น ทุกคำที่พูดออกมานั้นแสดงถึงความรักและห่วงใยอีกฝ่ายไม่ต่างจากลูกแท้ ๆ
ถ้าพ่อมันยังอยู่ ก็คงคิดแบบนี้เหมือนกัน
“อีกอย่างมันเรียนจบตั้งปริญญาโท เก็บความรู้เอาไว้ขึ้นสนิมตายห่ากันหมดพอดี”
“แล้วจะต่อเอกเลยหรือเปล่า”
“เห็นบอกคงอีกสักพักเลย ช่วงนี้กำลังวุ่นน่าดู”
คุณปรีชายักไหล่ด้วยท่าทีผ่อนคลาย ก่อนจะเอนหลังพิงพนักโซฟาพร้อมกับยกแขนขึ้นโอบรอบไหล่ลูกคนเล็กเอาไว้ “ว่าแต่พี่เถอะ ปกติก็มาหาผมคนเดียวตลอด ทำไมวันนี้ถึงพาเจ้าชินมาด้วย”
แม้น้ำเสียงและรอยยิ้มที่มีจะดูสบาย ๆ แต่สายตาที่มองไปยังฝั่งตรงข้ามกลับทำให้เตชินตกประหม่าขึ้นมา
“อ้อ” ลุงพลชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมาแล้วตบลงไปที่บ่าของหลานชาย “มันมาเยี่ยมกูที่บ้านกับพ่อมัน พอมันรู้ว่ากูจะมาหามึงก็ขอตามมาด้วย สงสัยอยากจะมาหาความรู้กับโปรโมเตอร์มือโปรล่ะมั้ง”
“ไม่ยักรู้ว่าชินจะสนใจเรื่องนี้ด้วย ปกติเวลาออกงานก็ไม่ค่อยเห็นหน้า จู่ ๆ ทำไมนึกสนใจมวยขึ้นมาล่ะ” น้ำเสียงทุ้มต่ำที่หัวเราะอยู่ในลำคอทำให้น่านฟ้าต้องเงยหน้าขึ้นไปมองและส่งสายตาบอกทางอ้อมว่าห้ามป๋าก่อเรื่องเด็ดขาด
แต่ก็ดูเหมือนว่าจะช้าไปแล้ว…
“พ่อครับ คือผม-” หลังจากที่นั่งเงียบมานาน ฝ่ายนั้นก็ตั้งท่าจะเปิดบทสนทนาแต่กลับถูกป๋าสกัดจนเสียหลัก
“เรียกอาก็พอ” คุณปรีชายิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดีเมื่อได้ยินสรรพนามที่อีกฝ่ายเคยเรียก แต่ในแววตานั้นกลับเริ่มคุกรุ่นจนหม่าม้าต้องเอื้อมมือมาวางบนตักให้ใจเย็นลง
“ครับ ขอโทษครับอา” เตชินพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะซ่อนความรู้สึกเสียหน้าเอาไว้ใต้รอยยิ้ม
“แล้วชินมีธุระอะไรกับอา?” เขาลองถามหยั่งเชิง ทั้งที่จับทางได้ตั้งแต่เห็นหน้าแล้วว่าคนที่อีกฝ่ายอยากจะเจอคือน้องน่าน “สนใจเรื่องมวยเหรอ อยากจะให้อาเริ่มแนะนำจากตรงไหนก่อนดีล่ะ”
“ผมมีเรื่องที่อยากจะคุยกับฟ้า” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นพร้อมทั้งสายตาที่มองตรงไปยังอดีตคนรักที่นั่งก้มหน้าอยู่ฝั่งตรงข้าม
“เรื่อง? เรื่องอะไร?” เสียงทุ้มต่ำนิ่งสงบจนไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ของผู้พูดได้ “เกี่ยวอะไรกับน่าน?”
“อาครับ คือผมอยากจะขอ-”
“หมดธุระแล้วใช่ไหม”
“ไอ้ปราบ มึงก็ให้เด็กมันเคลียร์กันหน่อยเถอะ หลายวันมานี้หลานกูสภาพแม่งไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว” ฝ่ายนั้นเอ่ยแทรกขึ้นมาเมื่อรู้สึกสงสารหลานชายของตนเอง
“ก็เรื่องของหลานพี่ เกี่ยวอะไรกับลูกผม” คุณปรีชาเสียงแข็งขึ้นมาจนหม่าม้าต้องปลอบว่าให้ใจเย็นลง
“เจ้าชินมันอยากมาขอโทษน้องน่าน…กูรู้ว่ามันทำตัวไม่ดี มึงก็ให้โอกาสเด็กมันได้ปรับความเข้าใจกันหน่อยเถอะ นะปราบ ถือว่ากูขอ เห็นใจหลานมันหน่อย”
“แสดงว่าพี่รู้แล้วใช่ไหมว่าหลานพี่มันทำอะไรไว้” เขาถามกลับ
“รู้ มันบอกกูหมดแล้วกูถึงยอมพามันมาด้วยนี่ไง ไอ้ปราบ ผู้ชายวัยนี้มันก็ต้องมีหลงผิดกันบ้าง อาจจะนอกลู่นอกทางไปบ้าง แล้วตอนนี้มันก็สำนึกผิดแล้ว มันสัญญากับกูว่าจะไม่ทำอีก ขอให้มันได้คุยกับน้องน่านเถอะ”
น่านฟ้ามองตรงไปที่ฝ่ายตรงข้ามด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจเมื่อได้ยินความคิดที่แสนจะเห็นแก่ตัวของผู้ใหญ่ที่ตนเองนับถือเสมือนญาติ สองมือกำเข้าหากันจนสั่นเทิ้ม แต่ก่อนที่ความอดทนทั้งหมดจะจบลง เสียงปฏิเสธของป๋ากลับทำให้ทุกอย่างในบริเวณนี้เงียบสนิท ไม่เว้นแม้แต่ตัวลุงพลเอง
“ไม่” เสียงทุ้มต่ำยืนยันหนักแน่น
ร่างสูงใหญ่ของหัวหน้าครอบครัวยืนขึ้นเต็มความสูงพร้อมกับดึงมือลูกคนเล็กให้มาหลบที่ด้านหลังเมื่อสังเกตเห็นว่าน้องน่านมีสีหน้าที่ไม่สู้ดี
“ขอโทษด้วยที่ผมต้องพูดตรง ๆ ถ้าพี่จะโกรธ ผมก็ไม่ว่า แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าถ้าผมไม่เกรงใจและไม่ไว้หน้าพี่พล หลานพี่มันคงไม่ได้เข้ามาเหยียบในบ้านตั้งแต่แรกแล้ว”
“…”
“เรื่องนอกใจสำหรับผมแค่ครั้งเดียวคือเกินพอ แต่นี่มันนอกใจลูกผมมาสามครั้งแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรก” น้ำเสียงทุ้มต่ำมั่นคงไม่ต่างจากอุ้งมือใหญ่ที่กำลังบีบมือลูกเอาไว้ “โชคดีแค่ไหนที่ผมเพิ่งรู้ เพราะน่านไม่เคยบอกไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง แม้แต่เมฆกับหมอกก็ไม่รู้ พี่คิดว่าถ้าผมรู้ผมจะปล่อยให้มันคบกันมาได้นานขนาดนี้เหรอ”
“…”
“นอกลู่นอกทางมันแค่ข้ออ้างของคนมักง่ายที่ไม่รู้จักพอ และการที่พี่พูดถือหางหลานพี่แบบนี้เท่ากับว่าพี่ไม่ไว้หน้าผมเลยว่ะ ไม่ไว้หน้าผมไม่เท่าไหร่ แต่ยังมาดูถูกศักดิ์ศรีลูกผมด้วย ถ้าผมยังยอมและทำเป็นมองข้ามไปเหมือนที่พี่บอก ผมก็คงไม่ใช่พ่อคนแล้วพี่พล”
“ปราบ มึงใจเย็นก่อน กูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับ เมื่อเริ่มคิดได้ว่าตนเองพูดจาไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่เอาเสียเลย เพียงเพราะรักหลานชายมากเกินไปจนมองข้ามความผิดของอีกฝ่าย “กูเข้าใจแล้ว เอาเป็นว่าขอโทษด้วยก็แล้วกันที่พูดอะไรไม่คิด”
แม้จะรู้สึกเสียหน้าอยู่ไม่น้อย แต่เขาก็เป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะไม่ปล่อยให้อารมณ์และความรู้สึกมาอยู่เหนือเหตุผล เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้วอีกฝ่ายก็เปรียบเสมือนเพื่อนที่เติบโตในวงการด้วยกันมา หากไม่ยอมลดทิฐิและมองข้ามความผิดของตนเองไปก็คงจะเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้ไม่ได้
ที่ไอ้ปราบพูดมาก็ถูก…คำพูดที่เขาพูดไปนั้นช่างไม่ให้เกียรติกันเอาเสียเลย
“พี่พล ดาวขอพูดอะไรหน่อยนะคะ” หม่าม้าที่นั่งเงียบอยู่นานเดินเข้ามาสมทบก่อนจะมองตรงไปยังอีกฝ่ายด้วยความแน่วแน่ ผิดกับเวลาปกติที่มักจะอ่อนโยนและใจดีอยู่เสมอ
“ตั้งแต่วันที่ดาวรู้จักกับพี่ปราบและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาเกินครึ่งชีวิต พี่ปราบไม่เคยนอกใจหรือนอกกายดาวเลยสักครั้ง พี่เองก็น่าจะรู้เรื่องนี้ดี ดาวแค่อยากจะบอกพี่ว่าสิ่งที่เตชินทำมันไม่ใช่เรื่องปกติเลยสักนิด”
“…”
“การที่ได้ยินพี่พูดแบบนั้น ดาวรู้สึกผิดหวังมากจริง ๆ ค่ะ เพราะพี่ก็เป็นผู้ใหญ่ที่ดาวให้ความเคารพนับถือ พี่อาจจะไม่พอใจหรือรู้สึกโกรธกับสิ่งที่ดาวและพี่ปราบพูดในวันนี้ แต่ดาวก็อยากจะให้พี่เข้าใจด้วยว่าหัวอกของคนเป็นพ่อเป็นแม่คงไม่สามารถนิ่งเฉยกับเรื่องนี้ได้จริง ๆ ต่อให้เตชินจะเป็นหลานของพี่ก็ตาม”
หลังจากพี่พูดจบในบริเวณนั้นก็ถูกปกคลุมด้วยความเงียบอยู่นาน แม้แต่คุณปรีชาเองก็ยังไม่กล้าเอ่ยแทรกขึ้น
“เอาล่ะ พี่เข้าใจ พี่ไม่โกรธดาวกับไอ้ปราบ ขอบคุณที่ช่วยเตือนสติพี่” ฝ่ายนั้นถอนหายใจออกมาก่อนจะลุกขึ้นมายืนเผชิญหน้า “กูขอโทษด้วยที่พูดแบบนั้นออกไป”
“…”
“น้องน่าน ลุงขอโทษนะลูก ขอโทษแทนเจ้าชินมันด้วย หลังจากนี้ลุงสัญญาว่าจะไม่ให้มันมาวุ่นวายกับหนูอีก”
“ไม่เป็นไรค่ะ” น่านฟ้าขานรับเสียงเบา
“ชิน” คุณปรีชาเอ่ยเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง ไม่มีท่าทียินดียินร้ายกับเหตุการณ์ตรงหน้า
“ครับอา”
“โต ๆ กันแล้ว อาจะพูดแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ เพราะเห็นแก่พี่พล เรื่องนี้ก็ถือว่าเลิกแล้วต่อกันไม่มีอะไรต้องติดค้าง หวังว่าชินจะเข้าใจว่าขอบเขตของตัวเองอยู่ตรงไหน อย่าให้มีอีก”
อีกฝ่ายเข้าใจดีว่าเขาหมายถึงอะไร ไม่ว่าจะเรื่องที่ตามไปเฝ้าน้องน่านที่ร้านหรือเรื่องที่ตามตื๊อขอคืนดี
นี่ถือเป็นสัญญาณเตือนว่าอีกฝ่ายจะต้องหยุดการกระทำทุกอย่าง
“…”
“หรือถ้าชินอยากจะลองดูก็ได้…แต่อาจะไม่เตือนเป็นครั้งที่สอง”
“ครับ ผมเข้าใจ” ฝ่ายนั้นเม้มปากแน่นก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจในสถานการณ์…เพราะถ้าอีกฝ่ายเอาจริงขึ้นมา แม้แต่ลุงเองก็คงช่วยอะไรเขาไม่ได้ “ผมจะไม่มายุ่งกับฟ้าอีก ขอโทษที่ทำให้อากับน้าดาวต้องเดือดร้อน แต่ที่ผมมาวันนี้เพราะตั้งใจอยากจะมาขอโทษฟ้าจริง ๆ”
น่านฟ้าเงยหน้าขึ้นมองอดีตคนรักด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่า ในตอนนี้ความรักไม่เหลืออยู่แล้ว ที่ค้างคาอยู่ก็คงเป็นความผูกพันเส้นสุดท้ายที่รั้งเอาไว้ให้ยอมรับคำขอโทษจากอีกฝ่าย
และหลังจากนี้ ก็จะถือว่าไม่มีอะไรต้องติดค้างกันอีกต่อไป
“หนูว่าไงครับ?” ป๋าก้มลงมาถามอย่างเป็นห่วงพร้อมกับเพิ่มน้ำหนักมือที่บีบกระชับให้มากขึ้น
“พูดมาสิ” น่านฟ้าสูดลมหายใจเข้าลึก นัยน์แววตาฉายถึงความแน่วแน่ว่ารอรับฟังทุกอย่างโดยที่ไร้ทิฐิมาครอบงำ “วันนี้ฟ้าจะฟังชิน…เป็นครั้งสุดท้าย”
“ครับ” ร่างสูงใหญ่ของอดีตคนรักเดินเข้ามาหาและหยุดยืนอยู่ตรงหน้าโดยที่เว้นระยะห่างเอาไว้พอสมควร ก่อนที่ของบางอย่างจะถูกยื่นส่งมาให้ “สร้อยของฟ้า…ชินเอามาคืนให้”
น่านฟ้ามองไปยังของชิ้นนั้น แม้ว่ามันจะเป็นของที่รักมากขนาดไหน แต่ในเวลานี้กลับไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะรับมันคืนมาอีกต่อไปแล้ว
“เอาทิ้งไปเถอะ เฮียเมฆบอกจะซื้อให้ฟ้าใหม่” เจ้าตัวยิ้มบางเบา “มีแค่นี้ใช่ไหม?”
“เดี๋ยว” เตชินตั้งท่าจะเข้ามาใกล้ แต่กลับถูกป๋ายกมือกันไว้อีกฝ่ายเลยทำได้แค่มองมาด้วยสายตาที่เศร้าสร้อย “ชินอยากจะขอโทษฟ้า สำหรับเรื่องทุกอย่างที่เคยทำลงไป หลังจากวันนั้นชินรู้สึกผิดมาตลอดที่พูดจาไม่ดีใส่ฟ้า แต่ชินแค่อยากบอกฟ้าว่าชินไม่ได้ตั้งใจ ชินขอโทษ”
“ไม่เป็นไร” น่านฟ้าพยักหน้ารับ และฝืนยิ้มออกมาอย่างยากลำบาก “เรื่องนั้นมันไม่ได้ทำให้ฟ้าเจ็บมากขึ้นเท่าไหร่หรอก เพราะที่ผ่านมามันมากเกินพอแล้ว…แค่นี้ใช่ไหมที่อยากจะพูด?”
น้ำตาเริ่มเอ่อจนรู้สึกร้อนผ่าว แต่เพราะมีมือป๋ากับหม่าม้าที่กุมอยู่เลยสามารถเรียกความเข้มแข็งให้กลับมาได้
“ฟ้า…ชินขอโทษจริง ๆ ฟ้าอาจจะไม่เชื่อคำนี้ที่ออกมาจากปากชินแล้ว แต่ชินเสียใจและโคตรเกลียดตัวเองที่เกือบลงมือทำร้ายฟ้าในวันนั้น”
“ช่างเถอะ” น่านฟ้าสูดหายใจเข้าลึกเมื่อนึกถึงวันที่เกือบโดนอดีตคนรักขืนใจ และทำร้ายกันด้วยคำพูดที่ร้ายกาจพวกนั้น “ชินไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าวันนั้นไทไม่ไปด้วยจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ทำอะไร?” แต่แล้วคนข้างกายที่นิ่งเฉยมาตลอดกลับถามขึ้นเสียงเข้ม ป๋ามองจ้องไปที่อีกฝ่ายด้วยอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่น
“วันนั้นฟ้ากลับมาเอาของที่คอนโดผม” เตชินตัดสินใจสารภาพความผิดของตนเองเพราะมันเป็นเหมือนตราบาปที่ติดตัวจนเขาไม่สามารถข่มตาให้นอนหลับได้ในแต่ละคืนวันที่ผ่านมา เพราะรู้สึกขยะแขยงกับการกระทำของตนเองแทบบ้า “วันนั้นผมดื่มเยอะจนขาดสติ แล้วก็โมโหที่ฟ้าบอกเลิก เลยเกือบที่จะขืนใจ-”
ผั๊วะ!
ยังพูดไม่จบประโยคดีร่างของชายหนุ่มก็ถูกหมัดหนัก ๆ ปะทะเข้าที่ข้างแก้มจนหน้าหัน มีเสียงร้องของคุณอิงดาวดังขึ้นอย่างตื่นตกใจ ก่อนเธอจะปรี่เข้าไปดึงร่างของสามีเอาไว้เมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นกำลังโกรธจนหน้าดำหน้าแดง ทางน่านฟ้าเองก็ยังคงตกใจไม่หาย เพราะไม่เคยเห็นคนเป็นพ่อโมโหจนขาดสติแบบนี้มาก่อน
“ถ้าทำ…มึงไม่ตายดี”
“พี่ปราบ ใจเย็น ๆ อย่าใช้กำลังสิ” คุณอิงดาวพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ เพราะเธอรู้ดีว่าเวลาที่สามีตัวเองโกรธนั้นน่ากลัวมากแค่ไหน “พาเตชินกลับไปก่อนนะพี่ ดาวขอร้อง ไม่งั้นหลานแย่แน่”
ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับอย่างเข้าใจสถานการณ์เพราะรู้จักดีว่าไอ้ปราบในเวลานี้ใครก็เข้าหน้าไม่ติด อีกอย่างหลานชายตัวเองก็ทำเรื่องงามหน้าเอาไว้ รอดมาได้ขนาดนี้ก็บุญหัวมันมากแล้ว
“กลับบ้านไปมึงมาคุยกับกูให้มันรู้เรื่อง โทรเรียกพ่อมึงมาด้วย” ฝ่ายนั้นปรายตามองหลานชายก่อนจะเดินนำออกไปจากบ้านโดยไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ
ยอมรับว่าที่ผ่านมาเขาเข้าข้างมันมาโดยตลอดเพราะเตชินเป็นหลานชายเพียงคนเดียว แต่เขาไม่เคยรู้เรื่องที่มันจะขืนใจน้องน่านมาก่อน นึกว่าเด็กมันแค่ทะเลาะกันธรรมดาตามประสาวัยรุ่น…ถ้าเขารู้ว่ามันทำเรื่องทุเรศแบบนี้ ก็คงไม่ออกโรงปกป้องให้เสียผู้ใหญ่ตั้งแต่แรก
“ป๋า…หนูขอโทษ” น่านฟ้าเดินเข้าไปใกล้คนเป็นพ่อด้วยความรู้สึกผิดและกลัวว่าจะถูกดุ “หนูขอโทษที่ไม่ระวังตัว”
“มานี่มา” หลังจากที่ฝ่ายนั้นยืนสงบสติอารมณ์อยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็อ้าแขนออกเพื่อเตรียมสวมกอด ไม่รอช้าเจ้าตัวเล็กก็โผตัวเข้าสู้อ้อมอกของคนเป็นพ่อโดยที่มีหม่าม้าตามมากอดช่วยอีกแรง “ต่อไปนี้ห้ามปิดบังป๋ากับหม่าม้าอีกนะน้องน่าน หนูไม่จำเป็นต้องเผชิญเรื่องแบบนี้คนเดียว ป๋าไม่ได้เลี้ยงหนูมาเพื่อให้คนอื่นทำร้าย”
เสียงทุ้มพร่าสั่นเล็กน้อยพร้อมกับปลายจมูกโด่งที่กดลงบนกลุ่มผมนุ่มด้วยความรัก เพียงแค่คิดว่าลูกจะถูกทำร้าย หัวใจก็รู้สึกเจ็บปวดจนเกินกว่าที่จะรับไหว
“หนูอยากเล่าให้ป๋าฟังไหมว่าเรื่องมันเป็นยังไง” คนเป็นพ่อเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับกดจูบลงไปบนหน้าผากอย่างทะนุถนอม “หรือถ้าหนูไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร ป๋าจะไม่เซ้าซี้”
น่านฟ้าสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะพยักหน้ารับแล้วเริ่มเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้พ่อแม่ฟัง “วันนั้นไทไปด้วย หนูอาศัยจังหวะที่ชินหยุดหนีลงมาได้พอดี แล้วสองคนนั้นก็แลกหมัดกันไปยกใหญ่เลย”
“ต่อยกันเหรอ?”
“ค่ะ ป๋ากับม้าน่าจะได้เห็น วันนั้นไทน่ากลัวมาก หนูยังไม่เคยเห็นไทโมโหใครเท่านี้มาก่อนเลย”
“หึ มันไม่เห็นเล่าเรื่องนี้ให้ป๋าฟัง” คุณปรีชาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในลำคออย่างไม่พอใจ
“ป๋าอย่าว่าไทนะ หนูเองที่ขอไม่ให้ไทเล่า” น่านฟ้าซุกลงไปที่อกคนเป็นพ่ออย่างออดอ้อน ตอนนี้ป๋าเริ่มใจเย็นลงบ้างแล้ว “ที่หนูไม่เล่าเพราะกลัวว่าป๋ากับลุงพลจะมองหน้ากันไม่ติด หนูคิดเอาเองว่าหนูจัดการเรื่องนี้ได้”
“ไม่ติดก็ไม่ติดสิ ช่างหัวมัน ป๋าสนใจที่ไหน วันนี้ไม่ตัดขาดกันก็ดีมากแล้ว”
“ป๋าอะ พูดไม่เพราะเลย” น่านฟ้าบ่นงึมงำก่อนจะยืดตัวขึ้นสุดเพื่อหอมแก้มคนเป็นพ่อ “อารมณ์ดีขึ้นบ้างหรือยังคะ โมโหนานๆ เดี๋ยวล้มป่วยน้า”
ฝ่ายนั้นมองลงมาด้วยหางตาก่อนจะถอนหายใจออกมายาวเหยียดแล้วเอียงใบหน้าอีกข้างเข้าหาแทน
“ยังไม่ดีครับ ถ้าอยากให้ดีต้องอีกข้าง” ท่าทางการออดอ้อนลูกคนเล็กของคุณปรีชาทำให้หม่าม้าและป้านิดที่มองอยู่แอบขำ เพราะคนโหดเมื่อกี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เหลือแต่คนช่างอ้อน
จุ๊บ จุ๊บ
“หายหรือยังคะ” น่านฟ้าแถมให้ด้วยตรงหน้าผากเหมือนที่ชอบทำตอนเด็ก ๆ
“หายดีไหมครับหม่าม้า” ฝ่ายนั้นเอื้อมมือไปโอบเอวภรรยาเข้ามาใกล้เพื่อขอความเห็น “ลูกใครนะ ดื้อเหมือนหม่าม้าตอนสาว ๆ เลย”
“อย่าเล่นตัวให้มันมากนัก” คุณอิงดาวหยิกเข้าไปที่สีข้างของสามีจนอีกฝ่ายร้องโอ๊ย “ระวังเถอะ วันไหนน้องน่านไปอ้อนแฟนแทน กลัวว่าจะต้องมีคนกอดหมอนนอนบ่นงึมงำเป็นหมีกินผึ้ง”
“ไม่ให้มี” ทีอย่างนี้ล่ะเสียงเข้มขึ้นมาเชียว “พอแล้ว ไม่ให้มีแล้ว อยู่กับป๋าไปแบบนี้แหละ”
“ไม่มีใครเขาสนใจหนูหรอก” น่านฟ้าย่นจมูกใส่อมยิ้มแก้มป่องจนถูกหม่าม้าดึงยืดด้วยความมันเขี้ยว
“เหรอ” คนเป็นพ่อก้มลงมามองด้วยสายตาที่มีเลศนัย แม้รอยยิ้มจะดูใจดีแต่กลับทำให้คนมองรู้สึกชาวาบที่ปลายนิ้ว “อย่าคิดว่าไม่รู้นะ”
“ป๋ามั่วแล้ว!”
“หึหึ”
“หม่าม้า ป๋าเหมือนตัวโกงอะ” น่านฟ้าหันไปสะกิดขอความเห็นจากคนเป็นแม่ โดยที่ฝ่ายนั้นกลับทำเพียงแค่อมยิ้มและส่ายหน้าไปมาเท่านั้น
“แล้วนี่ไหนว่าเราจะเข้าร้าน สายแล้วนะ ยังไม่รีบไปอีก” หม่าม้าเอ่ยเตือน
“จริงด้วย ถ้าอย่างนั้นหนูขอ-”
“ป๋าจะไปด้วย”
“ห...หา” น่านฟ้ามองไปที่อีกฝ่ายอย่างคาดไม่ถึง “จะดีเหรอคะ วันนี้ป๋าไม่มีงานเหรอ”
“วันนี้ว่าง” คุณปรีชายิ้มมุมปาก “ป๋าไม่ได้ไปร้านหนูนานแล้วนี่ อยากเห็นหนูทำงาน”
“แต่วันนี้หนูมีสอนนะ เด็ก ๆ มาเรียนเยอะกลัวป๋าจะเบื่อน่ะสิ” เจ้าตัวพยายามบ่ายเบี่ยงสุดชีวิต
ที่ไม่อยากให้ป๋าไป…ก็เพราะใครบางคนส่งข้อความมาเมื่อเช้าว่าตอนบ่ายจะแวะเข้ามาหาที่ร้านต่างหาก
ถ้าเจอกันละก็มีหวังถูกจับได้แหงๆ เลย…
“ป๋าเคยเบื่อหนูด้วยเหรอ?” ฝ่ายนั้นเลิกคิ้วถาม ก่อนจะหันไปบอกให้ป้านิดหยิบกุญแจรถมาให้ “หรือที่ไม่อยากให้ป๋าไปเพรราะว่าแอบนัดใครเอาไว้หรือเปล่า”
“ไม่มีสักหน่อย” น่านฟ้ารีบพูดตัดบทเพราะยิ่งบ่ายเบี่ยงก็จะยิ่งมีพิรุธ
เป็นไงก็เป็นกัน…ก็ไม่ได้คิดจะปิดแบบนี้ไปตลอดสักหน่อย
_____________________
แฮ่ กลับมาแล้วค่า /ปิดหน้าเขิน
หายไปนานอีกแล้ว เพราะช่วงที่ผ่านมายุ่งมากเลยค่ะ แง้ ไม่ขอแก้ตัวละกันรอบนี้ เชิญโบยได้เลยจ้ะ /ผูกตัวเองติดกับเสา
หลังจากที่ปล่อยให้ใครบางคนเขามีซีนมาเยอะ ตอนนี้เลยยึดค่าตัวซะเลย
ส่วนเรื่องของเตชินก็ถือว่าเคลียร์ไปแล้วระดับหนึ่ง ฉะนั้นสบายใจได้ฮะ~
ขอบคุณทุกคนที่ยังรอคอยกันเสมอนะคะ พันไมล์ดีใจมากที่ทุกคนแวะมาทักทายและทวงยัยหมวยทุกวัน
เลยอยากจะถือโอกาสนี้ตอบคำถามที่ทุกคนสงสัยไปด้วยเลย
1.เรื่อง ที่รักของน่านฟ้า อยู่ในความดูแลของสำนักพิมพ์Hermit ยังไม่ถูกตีพิมพ์เป็นเล่ม และยังไม่มีEbookนะคะ เพราะยังเขียนไม่จบค่ะ
2.ตอนนี้กำลังเร่งปิดต้นฉบับให้ทันงานหนังสือเดือนตุลาค่ะ
3.เรื่องนี้จะลงให้อ่านจนจบ ไม่มีการปิดตอนค่ะ ยกเว้นแค่ตอนพิเศษในเล่ม
4.ไม่มีการกั๊กตอนเหมือนอย่างที่ใครเข้าใจผิดนะคะ ไม่ได้กั๊กค่ะ แค่ดอง อุแง~
สุดท้ายนี้ฝากคอมเม้น หรือ แท็ก #ที่รักของน่านฟ้า เป็นกำลังใจให้พันไมล์ด้วยนะคะ
ถ้าเม้นเยอะๆรับรองว่าตอนหน้าจะมาในเร็ว ๆนี้ค่ะ <3