✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 12 - The Next Chapter : 07 October 2020
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✧ ที่รักของน่านฟ้า ✧ : Chapter 12 - The Next Chapter : 07 October 2020  (อ่าน 28636 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
น่านฟ้า น่ารัก  :mew1: :mew1: :mew1:
ไม่ใช่แค่หัวใจคนทั้งบ้านเท่านั้น
เอาหัวใจคนอ่านไปด้วยแล้ว
สาปส่งเตชิน  :z6: :fire: :angry2:

แทนไท  น่านฟ้า   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
Chapter 4

Simple things

___________________

             

“น้องน่าน ไปเอาตะกร้าเสื้อผ้าของหนูมาซักด้วยสิลูก”

                    หม่าม้าหันมาสั่งในขณะที่กำลังนั่งคัดแยกชนิดของผ้าออกจากกัน

วันนี้เป็นวันหยุดงานของคุณป้าแม่บ้านตามที่หม่าม้าได้ตกลงเอาไว้ว่าในหนึ่งอาทิตย์จะหยุดให้หนึ่งวันเพื่อที่ป้านิดจะได้พักผ่อน

เพราะฉะนั้นหน้าที่คนดูแลงานบ้านช่วยคุณอิงดาวจึงตกเป็นของน่านฟ้าที่โดนปลุกให้ลุกขึ้นมาช่วยงานตั้งแต่เช้าตรู่ ส่วนทางป๋าก็ลากเฮียหมอกออกไปรดน้ำและให้ปุ๋ยต้นไม้ในสวนแทน

วันนี้เลยถือว่าเป็นวันกิจกรรมครอบครัวของบ้านนันพิวัฒน์โดยแท้จริง

               “อ้อ แล้วก็ไปปลุกเฮียเมฆเขาด้วยนะ เดี๋ยวจะไปทำงานสายเอา”

                    จะมีก็แต่คุณหมอเมฆินทร์ที่ต้องไปทำงานในวันหยุดแบบนี้ ป๋ากับม้าเลยปล่อยให้นอนยาวเพราะอยากให้ฝ่ายนั้นได้พักผ่อนให้เต็มที่

               น่านฟ้าพยักหน้ารับสั่งก่อนจะเดินไปดึงหนังยางมัดถุงแกงที่ห้อยไว้อยู่ตรงก๊อกอ่างล้างจานมามัดผมเป็นมวยไว้หลวมๆ ทำให้หม่าม้าอดไม่ได้ที่จะหันมาดุนิดหน่อยเพราะกลัวว่ายางมันจะกินผมเอา         

เจ้าตัวเดินลากสลิปเปอร์คู่โปรดขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านพร้อมกับตรงดิ่งไปที่ห้องพี่ชายคนโตทันที

เคาะประตูอยู่สองสามครั้งก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาหาเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายตื่นแล้วเป็นที่เรียบร้อย ไอเย็นเฉียบของอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ถูกลดลงต่ำสุดแทรกตัวออกมาเมื่อเจ้าของห้องเปิดประตูออกกว้าง

               คุณหมอที่ปกติจะเนี๊ยบตลอดเวลากลับอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่ายับเยิน นี่ถ้าหากพี่ๆพยาบาลที่ร่วมงานกันมาเห็นล่ะก็คงไม่เชื่อสายตาแน่ๆ

เรือนผมสีเข้มชี้ฟูไม่เป็นทรงคงเพราะพึ่งไปเกลือกกลิ้งกับหมอนมา เมฆยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตานิดหน่อยเมื่อยังคงรู้สึกง่วงงุนไม่หาย แต่แล้วคิ้วได้รูปก็ขมวดมุ่นขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าน้องตัวเองอยู่ในชุดที่รุ่มร่ามต่างจากเวลาปกติที่น้องมักจะแต่งตัวแบบเห็นทีไรมีอันต้องเลือดขึ้นหน้าเพราะแต่ละชุดมันโคตรจะโชว์เนื้อโชว์หนัง

                    …เสื้อยืดกระทิงแดงตัวใหญ่กับกางเกงกีฬาขาสั้น..

               ...เด็กกะโปโลหลุดออกมาจากดอยไหนเนี่ย

แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ

               “ว่าไงคะ”

                    “หม่าม้าให้มาปลุกกก กลัวเฮียจะตื่นสาย”

                    “อ้อ” เมฆินทร์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบเศษฝุ่นที่เกาะอยู่บนหัวน้องออกให้ “แล้วนี่หนูจะไปไหนเนี่ย”

                    “มาเอาเสื้อผ้าไปซักค่ะ” เจ้าน่านฟ้าตัวน้อยยิ้มแป้น “เฮียจะฝากซักมั้ย”

                    น้องถามอย่างกระตือรือร้นจนคนพี่ต้องยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู

น่านฟ้าถนัดเรื่องงานบ้านมากกว่าผิงเป็นไหนๆ ทางฝ่ายนั้นน่ะเคยขออาสารีดเสื้อเชิ้ตให้เขาอยู่หน ผลสรุปก็คือนอกจากจะไม่เรียบแล้วยังได้รูระบายอากาศที่กลางหลังแถมมาประมาณสองคืบ เจ้าตัวเลยนอยด์เอามากๆตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ยอมจับเตารีดอีกเลย

               ...เรื่องนี้เอาไว้ล้อได้ยันลูกบวช

               “ไม่เป็นไร เฮียจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว ขอบคุณครับ”

                    คุณหมอเมฆก้มลงหอมหน้าผากชื้นเหงื่อของน้องไปสองสามทีเพื่อเติมพลังก่อนไปทำงาน ก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำบ้าง เพราะเดี๋ยวออกเดินทางสายกว่านี้รถจะติดเอาได้

 

                    ร่างเล็กเดินสาละวนเก็บเสื้อผ้าที่วางกระจัดกระจายอยู่บนเตียงอย่างไม่เป็นระเบียบเท่าไหร่นัก

ส่วนมากก็จะเป็นชุดที่พึ่งซื้อมาใหม่ พอลองแล้วก็เลยเผลอวางทิ้งเอาไว้บนเตียงบ้างเก้าอี้บ้าง

จนในที่สุดแจ็คเก็ตหนังสีดำตัวใหญ่ที่ถูกวางกองไว้อยู่ข้างๆหมอนก็ทำให้เจ้าตัวนึกขึ้นมาได้ว่าควรเอาไปคืนเจ้าของเขาได้แล้ว

ป่านนี้คงลืมไปแล้วมั้ง ไม่เห็นจะทวงซักกะที

               น่านฟ้าจัดการอุ้มตะกร้าผ้าไว้เต็มสองแขนพร้อมกับพาดแจ็คเก็ตไว้บนไหล่อย่างระมัดระวังไม่ให้มันยับ กลิ่นโคโลญจน์ของผู้ชายที่เคยติดอยู่นั้นหายไปแล้ว แต่กลับแทนที่ด้วยกลิ่นของครีมบำรุงผิวที่ตัวเองใช้ทาก่อนนอนทุกคืนแทน

               ...อ่า ไม่ได้ตั้งใจนะ ก็เอาวางไว้ข้างๆตัว มันจะติดไปบ้างก็คงไม่แปลก

               ถึงจะไม่ใช่กลิ่นไม่พึงประสงค์ก็เถอะ ออกจะหอมซะด้วยซ้ำไป นี่ดมเองยังชอบเองเลย

แต่คงไม่ดีเท่าไหร่ที่จะส่งคืนให้เจ้าของเขาด้วยสภาพนี้น่ะนะ

                    พอคิดได้ดังนั้นเลยตัดสินใจว่าก่อนจะส่งคืนคงต้องทำความสะอาดให้ซะหน่อยแล้ว ถือว่าเป็นการตอบแทนที่ให้ยืมห่มแก้หนาวก็แล้วกัน

               “เอ้า เสื้อใครละนั่น” หม่าม้าที่กำลังเทน้ำยาปรับผ้านุ่มลงไปในเครื่องซักผ้าหันมาถามอย่างสงสัย

               “ของไทอะม้า วันนั้นไทให้ยืมห่มหนูเลยกะจะเอามาทำความสะอาดให้ก่อนแล้วค่อยเอาไปคืน”

                    “อ้อ ถ้างั้นน้องน่านไปทำให้พี่เขาเถอะ เดี๋ยวเสื้อผ้าหนูหม่าม้าซักให้”

                    คุณอิงดาวอมยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับรับตะกร้าผ้าของลูกคนเล็กมาถือเอาไว้ แต่ต้องอดเขม่นไม่ได้อยู่ดีเมื่อเห็นว่าบางชุดมันแหวกเว้าโชว์ผิวเนื้อขนาดไหน

               “ป๋าเขาเห็นละความดันขึ้นอีกแน่ๆ” หม่าม้าส่ายหัวอย่างปลงตก

ถึงจะแอบดุไปนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรนักเพราะเข้าใจว่ามันเป็นความชอบของเจ้าตัวเขา แต่มันก็อดขำไม่ได้อยู่ดีเมื่อนึกนึกสภาพของคุณพ่อที่มักจะหัวเสียอยู่บ่อยๆเวลาที่น้องน่านแต่งตัวไม่ค่อยมิดชิดออกจากบ้าน

แหม...ทีตอนไปส่องสาวๆริงเกิร์ลที่ข้างเวทีมวยตาเป็นมันไม่ยักจะรู้สึกอะไร

พอลูกโชว์ตัวเองใส่สั้นนิดๆหน่อยๆก็โมโหหวงซะละ แค่เด็กในค่ายบางคนแอบมองน้องน่านยังด่าแล้วด่าอีก  พาลไปทั่วจริงๆเลยคุณปรีชาเนี่ย

               ก็ไม่แปลกใจหรอก...เจ้าตัวเล็กนี่เรียกว่าเป็นของรักของหวงทั้งป๊ะป๋าทั้งพวกพี่ชายเขานั่นล่ะ

             

               แจ็คเก็ตหนังตัวใหญ่ถูกเช็ดทำความสะอาดอย่างตั้งอกตั้งใจด้วยผ้าชุบน้ำสบู่อ่อนๆ ตามด้วยการใช้ผ้าผืนนุ่มอีกผืนซับให้แห้งจนเรียบร้อย

 น่านฟ้าจัดการทุกอย่างด้วยความคล่องแคล่วจนหม่าม้าที่ยืนมองอยู่ห่างๆอดที่จะปลื้มใจไม่ได้

               ความสามารถของเจ้าตัวอย่างหนึ่งน่ะคือทำงานบ้านเก่งนี่ล่ะ โดยเฉพาะการซักรีดเสื้อผ้ากริบเนี๊ยบทุกตัว

เพราะตั้งแต่เด็กๆน้องน่านมักงอแงอยากขอมีส่วนร่วมด้วยทุกครั้ง จนหม่าม้ากับป้านิดต้องยอมให้เข้ามาช่วยเป็นลูกมือ

มีอยู่ครั้งนึงเด็กน้อยน่านฟ้าในวัยหกขวบทำเสื้อเชิ้ตตัวแพงของป๊ะป๋าไหม้จนกรอบ น้องร้องไห้เสียใจใหญ่ที่ทำพังไม่เป็นท่า รู้สึกผิดถึงขั้นไม่ยอมออกมากินข้าวจนทุกคนในบ้านนั้นเป็นห่วง

               เย็นวันนั้นหลังเลิกงานป๋าต้องเป็นคนเข้าไปอุ้มเจ้าก้อนผ้าห่มกลมๆออกมาจากห้องนอนเพราะหม่าม้าเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง น้องน่านร้องไห้จ้ากอดคอคนเป็นพ่อแน่นเพราะกลัวว่าจะโดนดุ แก้มกลมยุ้ยที่พาดอยู่บนบ่าของป๊ะป๋าคล้ายก้อนแป้งนุ่มๆย้วยยืดได้อย่างน่าเอ็นดู

               ‘หนูร้องไห้ทำไม’ คุณป๋าที่แอบขยิบตาให้หม่าม้าลับหลังแอบเก๊กเสียงดุ ‘ไปซนอะไรมาหรือเปล่า’

            เจ้าตัวน้อยนิ่งไปสักพักก่อนจะยอมพยักหน้าอย่างยอมรับผิด

                    เสียงสูดน้ำมูกที่ดังฟืดอยู่ข้างหูแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวกำลังอึ้บน้ำตาอยู่

               ‘หนู...ฮึก หนูทำเสื้อป๋าเป็นรู’ เสียงเล็กๆที่พูดอู้อี้อยู่บนบ่าแผ่วเบาจนต้องเงี่ยหูฟัง ‘หนูแค่อยากช่วยหม่าม้าร..รีดเสื้อ ให้ แต่..แต่หนูก็ทำไหม้ดำปี๋ ฮึก เลย ฮือออ’ ...แล้วก็เป่าปี่ออกมาอีกหนึ่งซิงเกิ้ลเมื่อนึกถึงภาพเสื้อเชิ้ตของป๊ะป๋าที่เป็นรูโบ๋

            ใช้เวลาปลอบอยู่สักพักเจ้าก้อนผ้าห่มก็ยอมคลายตัวออกมาจากเกราะกำบัง

ตากลมโตบวมฉึ่งแทบจะเป็นขีดเดียว ป๊ะป๋าอุ้มเจ้าน่านฟ้าตัวน้อยให้ขึ้นไปนั่งอยู่บนเคาน์เตอร์หินอ่อนก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าที่หม่าม้ายืนมาให้ซับคราบน้ำตาที่เปรอะเปื้อนอยู่ออกให้อย่างเบามือ

               ‘หนูร้องไห้เพราะกลัวป๋าดุเหรอครับ’

            เจ้าตัวน้อยหลุบตาลงต่ำพร้อมพยักหน้ายอมรับ มือน้อยๆทั้งสองข้างกำชายเสื้อของคนเป็นพ่อไว้แน่นราวกับต้องการหาที่พึ่ง

               ‘ทำไมถึงคิดว่าป๋าจะดุล่ะ’ รอยยิ้มอบอุ่นประทับอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา ป๊ะป๋าเงยหน้ามองกับหม่าม้าเป็นระยะในระหว่างที่รอคำตอบจากเจ้าก้อนความสุขตัวเล็ก

            ‘ก็..เสื้อตัวนั้น ฮึก ป๋าชอบใส่ หนู..หนูแค่อยากช่วยหม่าม้าดูแลป๋า ต...แต่ก็ทำไมมันไหม้ หนู ฮึก หนูไม่เก่งเลย หนูช่วยอะไรหม่าม้าไม่ได้เลย’

               ...ตัวก็แค่นี้ แต่ทำไมคิดเยอะแยะได้ขนาดนี้นะ

               ‘ก็รู้ตัวนี่หว่า’ สุดท้ายก็เก๊กขรึมต่อไปไม่ไหว คุณปรีชาหลุดขำออกมาจนได้ โดยที่ไม่มีคำพูดปลอบใจหรือสปอยว่าลูกคนเล็กเก่งออกมาให้ได้ยินเลยสักนิด ‘น้องน่านฟังป๋านะ...หนูพึ่งเคยทำมันเป็นครั้งแรกใช่มั้ยครับ’

            เจ้าน่านฟ้าหน้าไม่สู้ดี เพราะนอกจากจะไม่ได้รับคำโอ๋แล้วป๊ะป๋ายังมาหัวเราะกันอีก

               ...สำหรับเด็กหกขวบ เรื่องแค่นี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่แล้ว

               ‘อื้อ’

            ‘นั่นก็เพราะมันเป็นครั้งแรก หนูเลยไม่เก่งไง’ น้ำเสียงอ่อนโยนพูดเนิบนาบพร้อมกับลูบหัวเจ้าตัวน้อยไปด้วย ‘ไม่มีใครที่จะเก่งตั้งแต่แรกเริ่มหรอกนะลูก ที่หนูทำเขาเรียกว่าประสบการณ์ มันเป็นความผิดพลาดที่จะคอยสอนหนูให้เก่งขึ้นเอง’

               ‘ปะสบกานคืออะไร’ เจ้าน่านฟ้าตัวน้อยเลิกหายสะอื้นเป็นที่เรียบร้อย ตากลมใสแจ๋วเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นพ่ออย่างนึกสงสัยกับคำศัพท์แปลกใหม่

            ‘ก็อย่างเช่น วันนี้หนูทำเสื้อป๋าไหม้ แล้วหนูก็ได้เรียนรู้จากมันว่าผลที่ได้รับคืออะไร รอบต่อไปหนูก็จะได้ไม่ทำอีกไงคะ’ ป๊ะป๋ายกมือนุ่มๆขึ้นมาจุ๊บอย่างมันเขี้ยวเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวเล็กพยักหน้ารับรัวทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเข้าใจความหมายมันจริงๆหรือเปล่า

            ‘แล้ว..แล้วหนูจะเก่งขึ้นมั้ย’

            ‘มันก็ขึ้นอยู่ที่ตัวหนู ว่าจะจริงจังกับมันแค่ไหน ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็เก่งเอง’

            ‘เหมือนที่ป๊ะป๋าต่อยมวยเก่งๆเหรอ’

            ‘ประมาณนั้นครับ’

            ...เป็นเด็กที่เข้าใจอะไรง่ายดีจริง

            ‘งั้น...หนูจะรีดเสื้อให้ป๊ะป๋าทุกวันเลย จะได้เก่งๆ!’

            หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ทำจริงอย่างที่พูด...แรกๆก็เล่นเอาเสื้อของป๊ะป๋ามีรูระบายอากาศไปหลายตัวอยู่เหมือนกัน

แต่หลังจากนั้นมาเด็กน้อยน่านฟ้าก็เป็นมือวางอันดับหนึ่งในด้านการรีดเสื้อผ้ารองลงมาจากป้านิด

ขนาดหม่าม้าเองยังต้องยอมแพ้เลย

 

            “ม้ายืนยิ้มอะไรอะ” เสียงทักท้วงดังขึ้นทำให้ต้องหลุดออกมาจากความทรงจำสุดประทับใจในอดีต

               “เปล่า แค่คิดถึงตอนที่หนูทำเสื้อป๋าเขาไหม้เป็นรู”

               เจ้าตัวย่นจมูกเล็กน้อยเมื่อนึกถึงวีรกรรมวัยเด็กของตัวเอง

               ...โธ่ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น

               “น้องน่านเดี๋ยวม้าวานเอาน้ำไปให้ป๋ากับเฮียเขาทีนะ” พอดีพึ่งนึกขึ้นได้ “เดี๋ยวทางนี้หม่าม้าจัดการต่อเอง”

               น่านฟ้าพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินกลับเข้าไปในครัว น้ำเย็นเจี๊ยบสองขวดถูกกอดเอาไว้แนบอก ส่วนอีกขวดเจ้าตัวก็กำลังยกขึ้นดื่มจนมันพร่องลงไปเกือบครึ่ง

 

               เดินตามเฉลียงไม้มาเพียงเล็กน้อยก็ถึงบริเวณสวนหลังบ้าน

น่านฟ้าเดินเข้าไปหาป๊ะป๋าที่กำลังนั่งหลบแดดอยู่ตรงเก้าอี้พับใต้ต้นมะม่วง

หมวกคาวบอยใบเก่งถูกยกขึ้นมาโบกพัดระบายความร้อนจากเสื้อกล้ามที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ พอมองไปอีกด้านก็เห็นว่าเฮียหมอกกำลังใช้กรรไกรตัดแต่งกิ่งเล็มก้านของช่อเฟื่องฟ้าที่เริ่มยาวเฟื้อยให้เข้าที่ ส่วนอีกมุมหนึ่งแทนไทกำลังใช้เครื่องตัดหญ้าเล็มอยู่บริเวณริมรั้วที่หญ้ากำลังขึ้นรก

...อ้าว ก็นึกว่าอยู่กันสองคนเลยไม่ได้หยิบน้ำมาเผื่อ

“มันร้อนนะ ทำไมไม่สวมหมวกละลูก” ป๊ะป๋ารับขวดน้ำไปพร้อมกับตะโกนเรียกให้สองหนุ่มเข้ามาพักยกก่อน

วันนี้พวกเด็กๆในค่ายกลับบ้านกันหมด เขาเลยนัดแนะเจ้าหมอกกับเจ้าไทให้มาช่วยกันตัดแต่งสวน เพราะพึ่งผ่านพ้นฤดูฝนไปหมาดๆหญ้าหลังบ้านมันก็เริ่มรกครึ้ม ปล่อยไว้ก็กลัวว่าพวกสัตว์เลื้อยคลานมีพิษมันจะเข้ามาอยู่เอา

“แฟชั่นเด็กม้งเหรอวะไอ้หมวย”

อวัศย์ถอดหมวกออกมาพัดคลายความร้อนพร้อมกับมองสำรวจน้องตัวเองไปด้วย

“เด็กม้งอะไรเฮีย” เจ้าตัวเล็กทำหน้างุนงงอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจความหมายที่เฮียหมอกต้องการจะสื่อนัก...ขนาดป๊ะป๋ายังแอบขำเลย

“เด็กดอยอะ รู้จักป่ะ โผะอาแคเหลาะมาฝะ” ว่าจบก็ยกขวดน้ำขึ้นดื่มจนไม่รอให้อีกฝ่ายได้นึกทัน

ทางน่านฟ้าเองก็ใช้เวลาคิดอยู่นิดหน่อย พอเก็ทขึ้นมาก็ฟาดฝ่ามือลงไปที่หน้าท้องอีกฝ่ายจนคนที่กินน้ำอยู่สำลักจนตัวงอ

“อึก! ไอ้หมวย! แค่กๆๆ” หมอกสำลักน้ำไปอึกใหญ่ มือพยายามคว้าเอาไอ้ตัวแสบเข้ามาหาหวังจะเอาคืน แต่น้องก็ดันวิ่งเข้าไปหลบหลังไอ้ไทมันซะก่อน ทางฝ่ายนั้นนอกจากจะไม่เข้าข้างเขาแล้วยังเสือกเบี่ยงตัวบังไอ้หมวยไว้อีกต่างหาก

แม่ง...หาที่หลบได้ถูกที่จริงๆ

“มานี่เลย!” หมอกเอี้ยวตัวไปคว้า อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นก็จะจับได้แล้วถ้าไม่ติดว่าไอ้ไทมันใช้เท้ายันแข้งเขาเอาไว้!

               ได้!ไทได้!

พอเห็นว่าไร้พวกก็หันไปขอความเห็นใจจากป๋าแทน แต่นอกจากคุณปรีชาเขาจะไม่เข้าข้างแล้วยังนั่งหัวเราะสมน้ำหน้าอย่างอารมณ์ดี

               “ไอ้ไท!มึงนะ! กูไม่ให้กินน้ำด้วยแล้ว!” ไม่ว่าเปล่ายังยกน้ำขึ้นกระดกจนหมดขวดเพื่อเป็นการแก้แค้น

ตัวก็ไม่ใช่น้อยๆแต่ทำแง่งอนได้โคตรน่าถีบ

               “เรื่องของมึง” แทนไทส่ายหัวอย่างไม่ใส่ใจ เพราะตั้งแต่เล็กจนโตไอ้หมอกมันก็บ้าๆบอๆแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร

               ร่างสูงใหญ่ยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดหยดเหงื่อที่กำลังจะไหลเข้าตา แต่แล้วแรงสะกิดยิกๆที่ข้างหลังก็ทำให้ต้องหยุดชะงักไว้

พอหันกลับไปมองก็เห็นว่าน่านฟ้ายื่นขวดน้ำอีกขวดมาให้

               น้องเม้มปากอย่างเคยชินเวลาที่เจ้าตัวกำลังตกประหม่า“ขี้เกียจเดินไปเอามาให้ใหม่…ขวดนี้น่านกินไปแล้วนิดหน่อยอะ ถ้าไม่รังเกียจน่ะนะ”

               ไม่ต้องรอให้คนคิดมากต้องคอยเก้อ

แทนไทจัดการรับน้ำขวดนั้นขึ้นยกดื่มจนหมดเกลี้ยง...โดยไม่แม้แต่จะยกให้ออกห่างจากริมฝีปากตัวเองสักนิด ทำให้คนที่ยืนมองอยู่ต้องร้อนวูบที่ใบหน้าเพราะพึ่งจะนึกขึ้นมาได้

               ...ทำแบบนั้นมันก็เหมือนได้แตะปากกันทางอ้อมไม่ใช่หรือไง

               ...ไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ มันลืมตัว..

               “ป๋าๆ น้ำขวดป๋าหวานป่ะ” หมอกหันไปสะกิดถามยิกๆด้วยน้ำเสียงที่ฟังยังไงมันก็โคตรจะกระแนะกระแหนพร้อมบวกเต็มที่

               “อะไรหวานวะ” ..แต่ก็ลืมไปว่าอีกฝ่ายคงจะไม่เก็ทมุกวัยรุ่น....

               “น้ำไงน้ำ ผมว่าวันนี้น้ำมันหวานแปลกๆว่ะ”

               “ก็ไม่นะ หรือป๋าลิ้นชาวะ” เอากับเขาสิ...จริงจังไปโน่นแล้ว

               “มันอาจจะหวานแค่ขวดนั้นก็ได้ม้างงง” หมอกลากเสียงยาวพร้อมกับยักคิ้วใส่ไอ้คนหน้าตายอย่างล้อเลียน “ใช่มั้ยวะไอ้ไท”

               หนุ่มใต้ดุนลิ้นเข้ากับกระพุ้งแก้มอย่างเอาเรื่องเมื่อรู้สึกว่าไอ้ตัววุ่นวายมันพูดมากเกินกว่าที่ควร พร้อมกับเม้มริมฝีปากเข้าหากันก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ใครอีกคนหูดับไปเป็นที่เรียบร้อย

                    ตอนแรกก็ตั้งใจจะกวนให้ไอ้ไทมันหงุดหงิดใจเล่นเฉยๆไม่คิดว่ามันจะตามน้ำไปด้วย

               “อืม...หวาน” …เอาเรื่องว่ะ

            รู้ตัวอีกทีไอ้หมวยมันก็ก้าวขาฉับๆกลับเข้าไปในบ้านแล้วเป็นที่เรียบร้อย ทิ้งให้คนที่อยู่ด้านหลังมองตามไปจนสุดสายตา

               ...เอะอะก็เดินหนีๆๆๆ

ไอ้เตี้ยเอ๊ย! เห็นนะเว้ยว่าหน้าแดง อย่ามา!

               “ลิ้นกูชาแน่ๆ” แต่ป๋าปรีชาซึ่งเป็นคนที่ยังคงไม่เก็ทอะไรทั้งนั้นบนโลกใบนี้กำลังนั่งบ่นงึมงำกับตัวเองอย่างเคร่งเครียดจนลูกชายต้องกุมขมับตาม

               “โห่ป๋า!”

               หมอกทิ้งท้ายไว้อย่างเซ็งๆก่อนจะหยิบหมวกปีกกว้างขึ้นมาสวมเพื่อเตรียมตัวกลับไปตัดกิ่งต้นไม้ต่อ แต่ก่อนไปก็ไม่ลืมที่จะแอบชำเลืองมองไปที่ไอ้ตัวต้นเหตุ

               ...แม่งยืนยิ้มหน้าบานเลยนะไอ้ห่า!”



           (มีต่อด้านล่าง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-12-2018 07:49:55 โดย Punmile09 »

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
   


               หลังจากมื้อเย็นของบ้านนันพิวัฒน์พวกคุณผู้ชายทั้งหลายก็ต่างนัดชุมนุมกันอยู่ที่ห้องรับแขก เพราะวันนี้ช่วงดึกมีถ่ายทอดสดบอลคู่โปรด ประมุขใหญ่ของบ้านเลยออกตัววางพนันกับลูกชายคนรองอย่างดุเดือด

               เขากับเจ้าหมอกน่ะเชียร์ทีมคู่กัดกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ดีหน่อยที่วันนี้พี่ชายคนโตของมันไปเข้าเวร ฝ่ายนั้นเลยขาดกำลังเสริม...ส่วนทางเจ้าแทนไทน่ะเชียร์ทีมเดียวกันอยู่แล้ว

               งานนี้ได้เปรียบเห็นๆ

               “หนูจะออกไปเซเว่น มีใครเอาอะไรมั้ย” น่านฟ้าเดินเข้ามาถามทั้งสามหนุ่มที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่

เจ้าตัวตั้งใจจะออกไปซื้อมาส์กบำรุงผิวหน้ามาใช้เพราะของที่สต็อคไว้มันดันหมดกลางคันซะนี่

               ไว้คงต้องหาเวลาไปห้างซะแล้ว...เพราะมีเครื่องสำอางออกใหม่อีกหลายตัวเลยที่อยากได้ ทั้งๆที่อันเก่ายังใช้ไม่หมดแต่ของใหม่ที่พึ่งไปดูรีวิวมามันก็น่าซื้อชะมัด

               ของมันต้องมี...อย่างน้อยก็อุ่นใจแต่จะใช้หมดรึเปล่าน่ะอีกเรื่อง

               “จะไปซื้ออะไรไอ้หมวย” หมอกที่นอนเหยียดกายอยู่บนโซฟาตัวยาวหันมามอง

               “มาส์กมันหมดอะ”

               ดูท่าน้องคงพึ่งไปอาบน้ำมา เพราะเด็กม้งเมื่อช่วงบ่ายตอนนี้ถูกอัพเกรดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

               จากกระทิงแดงย้วยยืดถูกแทนที่ด้วยเสื้อกล้ามสีเทาขนาดพอดีตัวแล้วคลุมทับด้วยเชิ้ตขาวแขนยาวตัวโคร่ง ส่วนกางเกงก็ยังคงคอนเซปสั้นกุดเหมือนเดิม

..เริ่มสงสัยแล้วว่าที่บ้านหม่าม้าใช้ผงซักฟอกยี่ห้ออะไร ทำไมชุดไอ้หมวยแต่ละชุดมันหดได้หดดี บางตัวนี่ไม่บอกนึกว่าเสื้อหมา

ตัวเล็กชิบเป๋ง

               “ไอ้หมอกไปขับรถให้น้องไป ซื้อเบียร์มากินด้วย” ป๋าเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าตังค์ยื่นส่งมาให้พร้อมกับกุญแจรถ

               หมอกบิดขี้เกียจเล็กน้อยแต่ยังไม่ทันที่จะลุกไปรับของจากป๋ากลับต้องชะงักตัวไว้ก่อน เมื่อไอ้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมันอาสาที่จะไปแทน

               “ผมไปเอง” แทนไทลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อมกับรับเอากุญแจรถมาเพียงอย่างเดียว “ป๋าไม่ต้องก็ได้ เดี๋ยวผมเลี้ยง”

                    “เอาไปเถอะ เผื่อน้องจะซื้อของ” แกยังคงยัดเยียดให้อย่างไม่ยอมแพ้ สุดท้ายกระเป๋าตังค์ของป๋าก็ตกไปอยู่ที่เจ้าตัวแสบประจำบ้านเป็นที่เรียบร้อย

                    “ไอ้ไทอย่าลืมกับแกล้ม” หมอกที่นอนกอดหมอนใบโตไล่รายชื่อขนมขบเคี้ยวซะยาวยืด

               กินคู่กับเบียร์เย็นๆแล้วดูบอลไปด้วยนี่โคตรสวรรค์!

                    “น้องน่านจะไปไหน”

                    หม่าม้าที่พึ่งเดินถือจานผลไม้เข้ามาทักถามขึ้น

               “ไปเซเว่นค่ะ ม้าเอาอะไรมั้ย” เจ้าตัวใช้มือหยิบแตงโมชิ้นใหญ่เข้าปากไปเคี้ยวจนแก้มตุ่ย ก่อนจะกลืนมันลงไปทั้งเมล็ดเพราะขี้เกียจคาย

               “ไม่เอาค่ะ อ้อ ม้าลืมซื้อนมมาไว้ให้ มันหมดพอดี ยังไงหนูก็ซื้อเข้ามาด้วยเลยแล้วกัน” พอสั่งคนน้องเสร็จก็หันไปกำชับคนพี่ที่มายืนตัวสูงอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ “ฝากดูหน่อยนะไท เข้าเซเว่นไม่ได้เลยคนนี้ บ้าหอบฟางตลอด”

                    ดูจากหลักฐานที่กองอยู่บนห้องก็รู้ ทั้งเครื่องสำอางขวดครีมบำรุงผิวจุกจิกเยอะแยะไปหมด

อันไหนมาใหม่มีอันต้องทดลอง ลามไปถึงคอลเลคชั่นแก้วน้ำที่เป็นลวดลายไม่ซ้ำกันอีกเป็นสิบ ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะซื้อมาทำไมนักหนาทั้งๆที่ใช้อยู่ไม่กี่อย่างแท้ๆ

               “ม้าอะ!” พอโดนดักก็แอบย่นจมูกอย่างขัดใจนิดหน่อยที่มีคนรู้ทัน

               “อะไร ม้าพูดจริงนะ ของเก่าที่หนูซื้อมายังไม่เปิดใช้เลยก็มี ฝุ่นมันจับหมดแล้วเนี่ย” หม่าม้าหัวเราะอย่างอารมณ์ดีที่ได้แกล้งตัวแสบของบ้าน ก่อนจะจับเจ้าตัวมาฟัดแก้มจนหน้ายู่นั่นล่ะถึงจะยอมปล่อยออกไป

 

               เพราะร้านสะดวกซื้ออยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามจึงใช้เวลาเพียงไม่นานนักในการเดินทาง

พอจอดเทียบกับฟุตบาทน่านฟ้าก็เป็นคนแรกที่ลงมาจากรถ ก่อนจะเดินเข้าไปในร้านโดยไม่รอคนที่มาด้วยเลยสักนิด เพราะพอเจ้าตัวหยิบตะกร้าได้ก็พุ่งไปตรงเชลฟ์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทันที

               ใช้เวลาเลือกอยู่สักพักแผ่นมาส์กหลากหลายยี่ห้อก็ถูกกวาดลงใส่ตะกร้าเป็นที่เรียบร้อย โดยมีแฮนด์ครีมอีกสองขวดแถมพ่วงมาด้วย

แต่พอกำลังจะหันตัวกลับออกไปช่วงตัวก็ปะทะเข้ากับแผ่นอกของใครอีกคนเข้าจนแทบจะหงายหลังล้มถ้าฝ่ายนั้นไม่จับแขนเอาไว้ซะก่อน

               ...โห ขนาดเป็นฝ่ายที่โดนชนนะ...ยังไม่กระดิกแม้แต่เซนต์เดียว

               “เอามาสิ” แทนไทเอื้อมมือออกมาใกล้ตะกร้าเป็นเชิงบอกว่าต้องการที่จะทำอะไร “เดี๋ยวถือให้”

                    “เอ่อ...ไม่เป็นไร น่านถือเองได้ ไทไปซื้อเบียร์เลยๆ” น้องปฏิเสธโดยการเอาตะกร้าเบี่ยงหลบไปไว้ด้านหลังก่อนจะบุ้ยหน้าไปทางตู้จำหน่ายแอลกอฮอลล์แทน

               “เรียบร้อยแล้ว” อีกฝ่ายตอบกลับมาพร้อมกับยกตะกร้าที่อัดแน่นไปด้วยกระป๋องเบียร์และกับแกล้มหลากหลายถุงให้ดูเป็นหลักฐาน “จะซื้ออะไรอีกมั้ย”

                    “ครบแล้วๆ ไปจ่ายเงินกันๆ”

                    “ไหนน้าดาวบอกให้ซื้อนมเข้าไปด้วย” …ไม่ทันไรก็ลืมซะแล้ว

               “อ่า..จริงด้วย งั้นไทไปรอที่เคาน์เตอร์ก็ได้ เดี๋ยวน่านเดินไปหยิบเอง แปบเดียว”

                    ว่าเสร็จก็ปลีกตัวออกไปทางด้านหลังร้านทันที

               นมตราหมีรสน้ำผึ้งที่เจ้าตัวชอบกินถูกจัดวางเอาไว้บริเวณชั้นล่างสุด น่านฟ้าย่อตัวลงเพื่อหยิบแพ็คนมกล่องออกมาใส่ตะกร้าจำนวนสี่แพ็ค พอกำลังยกตะกร้าขึ้นจู่ๆก็มีมือปริศนาเอื้อมมายกตัดหน้าไปซะก่อน

               รู้ตัวอีกทีก็เห็นว่าแทนไทเดินถือตะกร้าสองใบกลับไปทางเคาน์เตอร์แล้วเป็นที่เรียบร้อยจนคนที่ขาสั้นกว่าต้องจ้ำอ้าวตามไปแทบไม่ทัน

               ขายาวอะไรขนาดนั้น!

 

 

               “ให้ถือช่วยมั้ย” น่านฟ้าถามอย่างเป็นห่วงเพราะตอนนี้คิวรอชำระเงินค่อนข้างยาว อีกอย่างตะกร้าทั้งสองใบก็ใช่ว่าจะเบาซะที่ไหน

แต่ดูท่าแล้วอีกฝ่ายคงไม่รู้สึกหนักอะไรมากมายกลับยืนชิวได้อย่างหน้าตาเฉย

               “ไม่เป็นไร”

               น้องพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจก่อนจะหันไปสนใจพวกสินค้าที่วางอยู่หลังเคาน์เตอร์แทน ดูท่าเจ้าตัวคงอยากได้อะไรสักอย่างแน่ๆเพราะเห็นจ้องอยู่นานแล้ว

               ในระหว่างที่กำลังจะยกตะกร้าขึ้นวางไว้บนเคาน์เตอร์แทนไทก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาทางพวกเขาอยู่

ชายหนุ่มสองคนนั้นทำท่ามองดูของบริเวณเชลฟ์ใต้เคาน์เตอร์อย่างแนบเนียน แต่สายตากลับเบือนไปหาคนข้างกายเขาอยู่เป็นระยะ แต่ฝ่ายที่ตกเป็นเป้าสายตากลับไม่มีท่าทีว่าจะรู้ตัวเลยสักนิด แถมตอนนี้เสื้อเชิ้ตมันดันร่นลงมา เปิดกว้างโชว์ไหล่ไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้

...ไม่ระวังตัวเอาซะเลย

จู่ๆช่วงแขนแข็งแรงข้างหนึ่งก็ถูกวางพาดลงไปบนไหล่เล็กทำให้เจ้าตัวตกใจจนสะดุ้ง ก่อนจะหันกลับมามองด้วยความงุนงง

“ยืมวางก่อน...เมื่อย” แทนไททำท่ายืดแขนคลายความเมื่อขบก่อนจะดึงเสื้อเชิ้ตที่ตกลงของอีกฝ่ายขึ้นมาไว้ที่เดิมให้มันปิดไหล่ขาวๆจนมิดชิด

สายตานิ่งเรียบถูกมองกลับไปทางผู้ชายสองคนนั้นอีกครั้ง ทางฝ่ายนั้นดูตกใจนิดหน่อยก่อนจะก้มหลบตาแล้วรีบคว้าเอาถุงของพร้อมกับเผ่นออกไปจากร้านแทบจะทันที

“เห็นมั้ยล่ะ บอกแล้วว่าจะถือช่วยก็ไม่ยอม” น้องยังคงบ่นให้อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร

“Mevius option ด้วยสองซองครับ”

แบงก์พันถูกยื่นตัดหน้าไปให้พนักงานแทนคนที่กำลังจะหยิบเงินออกมาจ่าย

“อะไรอะ มาจ่ายให้ทำไมเนี่ย” น่านฟ้ามองอย่างงุนงงพร้อมกับยื่นเงินคืนให้ “เอาคืนไป” แต่นอกจากฝ่ายนั้นจะไม่รับแล้วยังทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินอีก

               ได้! อยากแสดงความป๋านักก็ตามใจ!

 

               บุหรี่สองซองถูกแยกออกมาวางไว้ตรงช่องวางแก้วข้างคนขับซึ่งพวกมันก็ดึงความสนใจจากเจ้าหนูจำไมที่นั่งอยู่ข้างๆได้เป็นอย่างดีเสียด้วย

               “ไทสูบบุหรี่ด้วยเหรอ?” …ก่อนหน้านี้ไม่เห็นแตะด้วยซ้ำไป...แต่นั่นมันก็เมื่อสามปีก่อนน่ะนะ

               “อืม”

                    ดูท่าแล้วคงสูบจัดไม่น้อยเพราะริมฝีปากอีกฝ่ายนั้นดูคล้ำลงกว่าแต่ก่อน

               ...เป็นคนรักสุขภาพประเภทไหนเนี่ย

               “คนเดียวสองซองเลยเหรอ”

                    “เปล่า อีกซองของไอ้หมอกมัน”

                    “อ้อ”

                    น้องทำเพียงแค่พยักหน้ารับเพราะเข้าใจว่าผู้ชายกับเหล้าและบุหรี่มันเป็นของคู่กันเป็นธรรมดา หลังจากนั้นเจ้าตัวก็เลิกสนใจเขาก่อนจะคุ้นเอาพวกซองมาส์กทั้งหมดขึ้นมาอ่านเล่นไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงบ้านน่านฟ้าก็ขอแยกตัวขึ้นไปบนห้องเพราะจะขึ้นไปคุยโทรศัพท์กับเพื่อน

 

               ราวๆเกือบตีหนึ่งแก๊งเชียร์บอลที่ชุมนุมกันอยู่บริเวณชั้นล่างก็สลายตัวเป็นที่เรียบร้อย น่านฟ้าที่ตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะความหิวเดินงัวเงียคลำทางลงมาจนถึงห้องครัว

               นมน้ำผึ้งที่เจ้าตัวเอามาแช่ช่องฟรีซไว้ถูกหยิบออกมากินพร้อมกับขนมคุกกี้รสเนยอีกซองจนหมดเกลี้ยง

               แต่ก่อนที่จะเดินกลับขึ้นไปบนชั้นสองสายตาก็ดันไปเห็นเสื้อแจ็คเก็ตของใครบางคนถูกแขวนเอาไว้ตรงราวตากผ้าหลังบ้านตั้งแต่ช่วงบ่าย

               ...ลืมเอาไปคืนอีกแล้วจนได้

เพราะกลัวว่าจะลืมอีกน่านฟ้าเลยตัดสินใจจะเอาไปคืนเจ้าตัวตอนนี้แทนซะเลย เพราะสังเกตว่าเห็นว่าไฟที่ห้องของอีกฝ่ายยังคงเปิดอยู่

               ห้องของแทนไทนั้นอยู่รวมกันกับนักมวยคนอื่นๆ ที่จริงตอนแรกป๋าคะยั้นคะยอให้เข้ามานอนในบ้านด้วยกันแทบตายแต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธ

สุดท้ายป๋าก็เลยยอมตามใจ

               บริเวณหลังบ้านถัดจากสวนไปอีกนิดหน่อยมีห้องพักถูกแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจนมีทั้งห้องที่นอนรวมกันเป็นกลุ่มและแยกนอนเดี่ยว ส่วนห้องของแทนไทนั้นอยู่ริมสุดติดกับห้องเก็บอุปกรณ์ฝึก

               น่านฟ้าเคาะประตูอยู่เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของเจ้าของห้องเดินเข้ามาใกล้

คงจะพึ่งอาบน้ำเสร็จเพราะเมื่อตะกี้ได้ยินเสียงปิดประตูห้องน้ำอีกบานอยู่ข้างใน

                    พอประตูเปิดออกฝ่ายนั้นดูตกใจอยู่เล็กน้อย ก่อนจะรีบเอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่คลุมอยู่บนศีรษะมาพาดไว้บนบ่าข้างซ้ายแทน

               ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้น่านฟ้าหน้าร้อนขึ้นมาอีกครั้ง

               โอเค...ฝ่ายนั้นไม่ได้โป๊อะไรเพราะท่อนล่างก็สวมกางเกงวอร์มไว้เรียบร้อย

แต่ท่อนบนนี่แหละที่อันตราย

               แผ่นอกกว้างกำยำยังคงมีหยดน้ำเกาะพราวอยู่บางส่วน เส้นผมสีเข้มที่เปียกชื้นถูกเสยไปเก็บไว้ข้างหลังแบบลวกๆทำให้หยดน้ำบางส่วนไหลลงมาจากปลายผม ก่อนจะทิ้งตัวลงผ่านช่วงหน้าท้องที่ปรากฏลอนกล้ามเนื้อหนั่นแน่น

               ยิ่งอีกฝ่ายเปลือยท่อนบนแบบนี้ก็ยิ่งได้เห็นรอยสักบริเวณต้นแขนขวาชัดขึ้น

มันเป็นลวดลายที่นิยมกันในหมู่ผู้ชายฝรั่งหลายๆคน ที่คุ้นชินกันมากสุดก็คงเป็นดเวย์น จอห์นสัน นักแสดงสายบู๊หุ่นล่ำสันที่ใครต่อใครหลายคนรู้จักกันในชื่อเดอะร็อค

               น่านฟ้าไม่ได้รู้จักความหมายของมันมากนัก..แต่พอเห็นว่ามันประทับอยู่บนตัวของคุณแทนไทเขาก็อดที่จะยอมรับไม่ได้เลยว่า

..มันเข้ากันมากๆ

                    แอบสังเกตเห็นด้วยว่าบริเวณอกข้างซ้ายของไทมีรอยสักอีกรอย แต่เห็นแค่ตรงปลายเท่านั้น มันคล้ายกับหัวของตัวอักษรภาษาอังกฤษบางตัวแต่ไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไรเพราะอีกฝ่ายดันเอาผ้ามาพาดปิดไว้ซะก่อน

               “น่าน?”

                    คิ้วเข้มขมวดหากันอย่างนึกเคืองไม่น้อยที่จู่ๆน้องก็เดินออกมานอกบ้านตอนกลางคืนแบบนี้ ถึงจะอยู่ในบริเวณบ้านก็เถอะแต่มันก็อันตรายอยู่ดี

                    “เอาเสื้อมาคืน” แจ็คเก็ตต้นเหตุถูกยื่นส่งมาให้ คนตัวสูงก้มลงมองอยู่เพียงครู่ก่อนจะรับมาไว้แล้วโยนทิ้งลงไปบนเตียงอย่างไม่ค่อยจะใส่ใจมันเท่าไหร่นัก

               “อย่าโยนแบบนั้นสิ เดี๋ยวมันยับนะ” เจ้าตัวบ่นเสียงเล็กเสียงน้อยเมื่อเห็นว่าเสื้อที่ตัวเองอุตส่าห์ดูแลอย่างดีโดนเจ้าของมันปฏิบัติด้วยความรุนแรง

               “ออกมาทำไมดึกๆดื่นๆ” แทนไทไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะบ่นอะไรด้วยซ้ำ แขนข้างหนึ่งยกขึ้นค้ำกับขอบประตูอย่างพร้อมเอาเรื่อง

                    …ไม่เคยระวังตัวเลยจริงๆ

                    “ก็เอาเสื้อมาคืนไง”

                    “พรุ่งนี้ค่อยคืนก็ได้”

                    “เดี๋ยวลืมอะ น่านลงมาหาอะไรกิน เห็นมันตากอยู่ นึกขึ้นได้เลยเอามาคืน” พอเห็นท่าทีมุ่งมั่นแบบนั้นมันก็ดุไม่ลง เพราะน้องคงจะหวังดีจริงๆ “แล้วก็พอดีนอนอยู่บนเตียงด้วยกันมันเลยมีกลิ่นโลชั่นติดไปด้วยอะ แต่ไทไม่ต้องห่วงนะ น่านทำความสะอาดให้เรียบร้อยแล้ว”

               “ไม่เป็นไรหรอก ที่จริงไม่ต้องลำบากก็ได้” สุดท้ายกลับเป็นเขาเองที่ต้องยอมใจอ่อน..จากตอนแรกที่ตั้งท่าจะดุก็ดันล้มเหลวไม่เป็นท่า “แต่ยังไงก็...ขอบคุณนะครับ”

                    “อื้อ” น้องดูอึ้งไปนิดหน่อยก่อนจะยกมือขึ้นมาถูจมูกแดงๆอย่างลืมตัว

               “รอก่อน เดี๋ยวเดินไปส่ง” แทนไทบอกทิ้งไว้เพียงแค่นั้นก่อนจะเดินกลับเข้าไปหยิบเสื้อกล้ามสีดำมาสวมทับช่วงบนเอาไว้

                    คราวนี้น่านฟ้าดูพูดง่ายกว่าเดิมเยอะ เจ้าตัวเอาแต่เดินก้มหน้างุดๆเหมือนสนามหญ้ามันมีอะไรให้สนใจนัก

               “คราวหลังห้ามเดินมั่วซั่วออกมาแบบนี้อีกนะ”

                    ในระหว่างที่น้องกำลังถอดรองเท้าเตรียมขึ้นบ้านก็ถือโอกาสนี้ดุไปด้วยเลยก็แล้วกันจะได้ไม่ทำอีก

               “รู้แล้วน่า” แต่กลับโดนย่นจมูกใส่กลับมาเสียอย่างนั้น

               “ล็อคบ้านดีๆ”  เขาเตือนเสียงเข้ม “น่านใส่กลอนด้วย”

                    “อื้ออ รู้แล้วๆๆๆ”

                    แทนไทยืนกอดอกรอจนกระทั่งได้ยินเสียงลงกลอนประตู หลังจากนั้นน่านฟ้าก็เอียงหน้าออกมามองผ่านทางหน้าต่างบานเกล็ดพร้อมกับโบกมือเป็นทำนองไล่ให้เขากลับห้องไปได้แล้ว แต่เจ้าตัวก็ยืนรอจนกระทั่งน้องเดินขึ้นบันไดบ้านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นล่ะถึงจะยอมเดินกลับห้องไป

               ..ทิ้งเอาไว้แค่เพียงความสับสันที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาภายในจิตใจของใครบางคน..


_______________________


*เพิ่มเติม

1.รอยสักที่แขนพี่ไทเรียกว่า Tribal tattoo ค่ะ ที่เดอะร็อคสักทุกคนน่าจะคุ้นตากันมาบ้าง
สามารถไปเสิร์ชดูรูปเพิ่มเติมไปคับบ สวยมากก แฮ่กมากกก 55555

2.ริงเกิร์ลที่หม่าม้าพูดถึงก็คือสาวๆเซะซี่ที่คอยถือป้ายอยู่บนเวทีมวยนั่นเองค่าาา


ขอบคุณสำหรับฟีดแบ็คที่น่ารักๆของทุกคนเลยนะคะ
ขอบคุณที่เอ็นดูยัยหมวยค่ะ <3 :mew1:

ขอสวัสดีปีใหม่นักอ่านทุกคนล่วงหน้านี้เลยแล้วกันนะคะ เพราะหลังจากนี้พันไมล์จะลาไปเที่ยวยาวจนถึงสิ้นเดือนเลยคงเจอกันอีกทีปีหน้า (ดูนานจังแต่อีกไม่กี่วันเอง55555)

ขอให้ทุกคนมีความสุขในวันหยุดปีใหม่นี้นะคะ เที่ยวและพักผ่อนกันให้เต็มที่เน้อ ส่วนใครที่ติดงานพันไมล์เป็นกำลังใจให้ค่าา <3

ฝากคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้าาา หรือจะแวะไปพูดคุยกันที่แท็ค #ที่รักของน่านฟ้า ในTwitterก็ได้ค่ะ > <

ปล.สคส.เลื่อนไปส่งให้ได้หลังปีใหม่นะคะ เพราะตอนนี้ยังไม่เสร็จเลยค่ะคงส่งไม่ทัน สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ทางทวิตเลยครับผม (แจกแค่20ใบเท่านั้นน้าาา พลาดแล้วจะเสียใจนะเอออ น้องน่านน่ารักมากๆๆๆ)

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :L2: :pig4:

รัก

พันไมล์

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
โอ๊ยย แทนไทยจะอดใจได้ถึงไหนนะ อิอิ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
แซวเก่งงงงงงงง แต่ตลกคุณพ่อ 55555555555
การกระทำนี่แสนหวาน

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชอบบบบบบ .......... ดูน่ารัก หวานๆ  :mew1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Lotsa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เอ็นดูน้องงงงงงง ครอบครัวน้องน่ารักมากกกกกก

ออฟไลน์ GevalinW329

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :mew1: :ling1:
:t3: :katai4:
เขินแทนไทอ่ะ

ออฟไลน์ bowbeauty

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
เราหาเรื่องนี้เป็นอาทิตย์ เพราะจำชื่อน้องน่านผิด โอยยยยย จะบ้าตาย ไล่หาความเป็นไปได้หลายเรื่อง แล้วก็ข้ามเรื่องนี้ตลอด กว่าจะเจอโอยยยยย รักน้องน่านขอบแทนไท งื้อออ มาต่อบ่อยๆนะ น่านน่ารัก

ออฟไลน์ BloodyBlue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 o13 น้องน่านนนนนนนนเอ็นดูความเขินอายไทนี่หวงห่วงจริงจัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bekeyyy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สุขสันต์วันปีใหม่ค่า

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
คิดถึงเเว้วว

ออฟไลน์ bowbeauty

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
เมื่อไหร่จะมาอัพง่าาาาา

ออฟไลน์ phunpk

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่านคือน่าถนอมมาก น้องน้อยของบ้าน

ออฟไลน์ BloodyBlue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :heaven :z13: จิ้มๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Lotsa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คิดถึงน้องน่านนนนนน มาอ่านตอนเก่าๆวนไปค่ะ
รอนะค้าาาาาาาาาา

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
Chapter 5


The angry bear

___________________


               น่านฟ้าที่กำลังนั่งเคร่งเครียดอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อยเมื่อรู้สึกขัดใจกับร่องรอยตำหนิบนใบหน้า...เพราะหลังจากที่ปล่อยตัวโทรมมาหลายวัน มันเลยต้องลำบากมานั่งเก็บพวกรอยคล้ำใต้ตาแล้วไหนจะสิวที่ขึ้นบางจุดมาให้รำคาญใจอีก

               รอยแผลที่มุมปากเริ่มเจือจางลงบ้างแล้ว...อาศัยเครื่องสำอางกลบนิดหน่อยก็เรียบเนียนกริบ

               ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มเปลี่ยนลุคให้เจ้าตัวดูมีความมั่นใจมากขึ้น

               ถ้าเฮียหมอกมาเห็นก็คงจะพูดประมาณว่าหมวยสลัดคราบเด็กม้งออกไปจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมแน่ๆ

               ลิปกลอสยี่ห้อโปรดถูกเกลี่ยทับลงไปบนเรียวปากบางเป็นขั้นตอนสุดท้ายจนริมฝีปากวาววับดูสุขภาพดี...เจ้าตัวย่นจมูกเล็กน้อยตามนิสัยเมื่อเห็นว่าไอเทมตัวเก่งนั้นหมดเกลี้ยงไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย แถมที่เคยสต็อคไว้ก็ไม่มีเหลือ

               ...เห็นทีคงจะต้องหาวันไปช็อปปิ้งจริงๆจังๆซะทีแล้ว..

               ผ้าขนหนูผืนนุ่มที่เคยพันไว้รอบตัวถูกปลดพาดไว้บนพนักเก้าอี้ เผยผิวเนื้อเปลือยเปล่าที่ปราศจากปราการป้องกันอื่นใด น่านฟ้าเดินไปหยิบบราและชั้นในตัวใหม่ที่พึ่งไปซื้อมากับผิงเมื่ออาทิตย์ก่อนออกมาสวมใส่ด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นกับของใหม่

               บราเกาะอกสีดำขอบลูกไม้โอบอุ้มเนินอกเล็กไว้เป็นทรงสวย...แม้จะมีไม่เยอะมากเหมือนกับผู้หญิงแท้ๆแต่ก็ไม่ได้เรียบแบนจนมองไม่เห็น ให้กะทางสายตาตอนนี้ก็คงราวๆคัพเอเห็นจะได้ เพราะเป็นผลพวงมาจากการเทคฮอร์โมนอย่างสม่ำเสมอในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา

               แต้มตำหนิบริเวณเหนือสะโพกซ้ายโผล่พ้นขอบชั้นในตัวเล็กออกมาให้เห็นวับๆแวมๆยามที่เจ้าตัวหมุนสำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจก

               ...รอยปานสีน้ำตาลอ่อนขนาดประมาณสามนิ้วทาบเด่นชัดตัดกับผิวเนื้อขาวเนียน แต้มตำหนิที่มีรูปร่างคล้ายกับถูกแปรงสีของศิลปินปาดปัดเพื่อตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานจากจิตวิญญาณที่มั่นคง

               เมื่อก่อนตอนเด็กๆน่านฟ้าไม่ค่อยจะชอบเจ้าร่องรอยตำหนิบนร่างกายของตัวเองสักเท่าไหร่นัก เพราะเคยได้ยินเพื่อนๆในชั้นประถมพูดกันว่าใครที่มีปานแสดงว่าคนๆนั้นถูกปีศาจแต้มเอาไว้ แต่พอเติบโตขึ้นก็เริ่มที่จะปล่อยวางความเชื่อจากนิทานหลอกเด็กแล้วเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันแทน

               กางเกงยีนส์ขาสั้นตัวเก่งถูกสวมทับลงไปก่อนจะปิดท้ายด้วยเชิ้ตขาวโอเวอร์ไซส์ร่นเปิดไหล่ข้างหนึ่ง ส่วนชายเสื้อด้านหน้าถูกเก็บไว้ในกางเกงอย่างลวกๆ

...แต่ก็มีปัญหาเกิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าชุดที่เคยสวมมันมีช่องว่างเยอะขึ้นจนสังเกตได้...ช่วงเอวที่หลวมโพรกลงไปมากจำเป็นต้องหาเข็มขัดมารัดไว้ทำให้น่านฟ้ารู้เลยว่าที่ผ่านมานั้นตัวเองผอมซูบลงแค่ไหน

               ...ถึงขนาดที่หม่าม้าต้องคอยมายืนคุมให้กินข้าวให้หมดจานกันเลยทีเดียว

               และด้วยความขี้เกียจมานั่งดัดลอนผมให้ยุ่งยากเจ้าตัวเลยตัดสินใจที่จะถักเปียเดี่ยวแบบหลวมๆเอาไว้แทน พอดีกับเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ที่วางชาร์จไว้อยู่ตรงโต๊ะปลายเตียงดังขึ้น เมื่อเดินไปดูก็พบว่าเป็นหม่าม้าที่โทรเข้ามา

               “ม้า~”

               (น้องน่านอยู่ไหนลูก)

               “หนูอยู่บนห้องค่ะ พึ่งแต่งตัวเสร็จ ม้าว่าไง” น่านฟ้าเอียงใบหน้าแนบโทรศัพท์ไว้กับไหล่ก่อนจะนั่งลงตรงปลายเตียงเพื่อยกเรียวขาขึ้นสวมใส่ถุงเท้า

               (เปล่าๆ พอดีม้าออกมาทำธุระข้างนอกกับป้านิด ถ้ายังไงหนูไปปลุกป๋าเขาขึ้นมาทานข้าวด้วยนะเดี๋ยวโรคกระเพาะจะถามหาเอา)

               “อ๋อ...ได้ค่ะ”

               (น้องน่านหาอะไรให้ป๋าทานแทนหม่าม้าด้วยนะลูก เมื่อเช้าเฮียหมอกกับพี่ไทเขาทานหมดเกลี้ยงเลย ม้าไม่ได้ทำเผื่อเอาไว้ด้วยกลัวมันจะชืด)

               “โอเคค่ะ ม้าไม่ต้องห่วงหนูจัดการเอง”

               (จ้า ขอบคุณนะคะลูก ม้ารักหนูนะ)

               “ค้าบบ”

 

               หลังจากที่ไปปลุกป๊ะป๋าตามคำสั่งของหม่าม้า น่านฟ้าก็เข้าครัวลงมือทำข้าวต้มกุ้งร้อนๆให้กับคนที่นอนซมอยู่โซฟาหน้าทีวี

วันนี้ป๋าตื่นสายกว่าทุกๆวัน คงเป็นผลมาจากเมื่อวานที่ไปซ่าตากแดดตากลมลุยสวนตลอดทั้งวันแถมตกดึกมายังซดเบียร์เย็นๆโต้รุ่งทำเหมือนตัวเองยังเป็นหนุ่มๆที่ร่างกายแข็งแรง

สรุปก็คือ...นอกจากจะตื่นมากินข้าวเช้าฝีมือหม่าม้าไม่ทันแล้วยังโดนทิ้งเอาไว้ให้นอนซมเป็นผักเปื่อยอีก

พอตรวจดูแล้วก็ยังไม่ถึงกับมีไข้แค่ตัวรุมๆนิดหน่อยบวกกับอาการเหนื่อยล้าจากการออกแรงหนัก ให้กินข้าวกินยาดักไว้แล้วปล่อยให้นอนพักสักหน่อยก็คงดีขึ้น

“จะออกไปข้างนอกเหรอลูก” ป๋าปรีชาที่นอนดูรายการข่าวอยู่กระเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งพิงพนักพร้อมกับรับถ้วยข้าวต้มมาวางไว้บนโต๊ะกระจก

“หนูว่าจะเข้าไปดูร้านหน่อยอะป๋า...ไม่ได้แวะไปหลายวันแล้ว” ว่าจบก็วางแก้วยากับน้ำเปล่าไว้ให้ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาข้างๆกัน

น่านฟ้าไม่ได้เป็นพนักงานออฟฟิศเหมือนอย่างเพื่อนคนอื่นๆในรุ่นเดียวกัน เพราะหลังจากที่เรียนจบปริญญาตรีนิเทศศิลป์จากมหาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง เจ้าตัวก็ทำงานเป็นกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ฟรีแลนซ์และเปิดธุรกิจเล็กๆเป็นของตัวเองตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนอยู่

โดยที่เงินลงทุนบางส่วนนั้นมาจากการเก็บออมของตัวเองตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนอยู่โดยที่น่านฟ้ารับงานพิเศษมาทำในระหว่างที่เรียน ส่วนใหญ่ก็เป็นงานง่ายๆทั้งนั้น อย่างเช่น ออกแบบโลโก้และงานสเกลเล็กๆมาทำเพื่อฝึกมือในช่วงที่ว่าง

แต่แน่นอนว่าความฝันจะเป็นรูปเป็นร่างขนาดนี้ไม่ได้เลยถ้าขาดแรงสนับสนุนจากทางครอบครัว...แม้ว่าตอนแรกจะปฏิเสธและยืนกรานที่จะทำมันด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองแต่กลับกลายเป็นว่าถูกหยิบยื่นทางลัดมาให้โดยไม่ทันได้ตั้งตัว

               ที่ดินที่ป๋าเคยเปิดเป็นค่ายมวยเล็กๆตั้งแต่สมัยแรกเริ่มถูกรื้อถอนออกจนเกลี้ยงก่อนจะถูกแทนที่ด้วยของขวัญวันรับปริญญาให้กับลูกคนเล็กของบ้านนันพิวัฒน์

               ‘ถือซะว่านี่เป็นของขวัญจากป๋ากับม้านะน้องน่าน...แล้วหนูไม่จำเป็นต้องรู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นกรงขังไม่ให้หนูเติบโตเพราะนี่มันเป็นเพียงต้นทุนที่ป๋ากับหม่าม้าสามารถสนับสนุนหนูได้’

            ‘...แต่...หนูรู้สึกไม่ได้พยายามอะไรด้วยตัวเองเลย’ น่านฟ้าในวันนั้นดูสับสนทั้งน้ำตาแห่งความตื้นตันที่ไหลนองเต็มหน้า

            ‘ใครบอก...ที่ผ่านมาหนูพยายามมาไม่น้อยเลยต่างหาก...แต่บางเรื่องเราไม่จำเป็นต้องเริ่มจากศูนย์เสมอไปหรอกนะลูก การช่วยเหลือจากครอบครัวไม่ใช่เครื่องหมายที่จะแสดงว่าหนูไม่มีความสามารถเติบโตได้ด้วยตัวเองสักหน่อย... เข้าใจใช่ไหม ไม่ต้องคิดมาก’


               ถึงจะรับปากกับป๋าเอาไว้แต่หลังจากนั้นมาน่านฟ้าก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะทำงานเก็บเงินให้ได้สักก้อนเพื่อเอาไปคืนป๋าให้ได้อยู่ดี

ก็จริงที่ทุกคนไม่จำเป็นต้องเริ่มจากศูนย์...แต่อย่างน้อยๆการที่เราได้เริ่มต้นทำอะไรสักอย่างด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองมันก็เป็นความภูมิใจเล็กๆในชีวิตเหมือนกันนะ

               ตอนนี้ร้านกาแฟเล็กๆกึ่งอาร์ทแกลลอรี่นั้นกำลังไปได้สวย...นอกจากที่ร้านจะเอาไว้จัดตั้งโชว์ผลงานแล้วยังมีห้องสตูดิโอเวิร์คช็อปเปิดสอนสำหรับผู้ที่สนใจในการเรียนเพ้นท์สีน้ำและงานศิลปะขั้นพื้นฐานอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่กลุ่มเป้าหมายจะเป็นพวกเด็กๆวัยอนุบาลและประถมต้นที่ต้องการเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านนี้ซะมากกว่า

               น้องๆวัยมัธยมก็พอมีบ้างประปรายเพราะส่วนมากมักจะเป็นคอร์สสำหรับงานอดิเรกมากกว่าที่จะติวสอบเข้ามหาลัยแบบจริงจัง แต่ก็มีน้องๆอยู่หลายคนที่มาคะยั้นคะยอให้เปิดสอนจนน่านฟ้าใจอ่อน

“แล้วที่ร้านเป็นยังไงบ้างช่วงนี้” ข้าวต้มกุ้งร้อนๆถูกตักเข้าปากไปคำแรกพร้อมกับนิ้วโป้งถูกยกขึ้นมาเป็นการชมเชยว่าเจ้าน่านฟ้าของเขานั้นฝีมือในการทำอาหารยอดเยี่ยมไม่แพ้หม่าม้าเลย

“ก็เรื่อยๆอะป๋า พักนี้เด็กๆเปิดเทอมเลยเงียบหน่อย”

“ป๋าก็ไม่ได้แวะเข้าไปสักที ไว้ว่างๆคงต้องหาโอกาสไปเยี่ยมบ้างแล้ว”

“เด็กๆกลัวป๋าจะแย่” แน่สิ ป๋าหน้าดุจะตาย แต่มีแค่คนในบ้านเท่านั้นล่ะที่จะรู้ว่าป๋าของน่านน่ะเป็นคนใจดีที่สุดในโลก

“ป๋าน่ากลัวตรงไหนเนี่ย” คุณปรีชาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อถูกตัวซนย่นจมูกใส่

ที่น่านฟ้าพูดน่ะไม่ผิดหรอก เขาเป็นคนดุจริง...แต่ก็ยกเว้นแค่กับเจ้าตัวเท่านั้นล่ะ

“ตรงที่หวงหนูมากเกินไปนี่ไงงงง” หัวกลมๆถูไถเข้ากับอกคนเป็นพ่ออย่างออดอ้อน

“อ้าว ไม่ให้หวงหนูแล้วจะให้ป๋าหวงใคร” ป๋าปรีชารวบเอาตัวลูกคนเล็กเข้ามากอดพร้อมกับหอมแก้มไปฟอดใหญ่ ก่อนจะพึ่งสังเกตเห็นว่าการแต่งตัวของน้องน่านวันนี้ขัดใจป๋าอีกตามเคย...แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยท้วงอะไรออกไปเพราะเห็นว่าเป็นความชอบของลูก

...ไว้เดี๋ยวค่อยไปบ่นกับคุณอิงดาวเขาทีหลังก็แล้วกัน..

“หวงหนูนี่แหละ~หวงเยอะๆเลยย” เจ้าน่านฟ้ากอดรัดป๊ะป๋าแน่นก่อนจะยอมปล่อยให้อีกฝ่ายจัดการมื้ออาหารจนหมด

หลังจากกินข้าวเสร็จป๋าก็กินยาตามอย่างว่าง่ายก่อนจะเอนตัวลงพักผ่อนตามคำสั่ง

ดูท่าแล้ววันนี้เด็กๆในค่ายคงได้สบายหูไปอีกหนึ่งวัน เพราะไม่มีป๋าปรีชาคอยตะโกนกระตุ้น...อันที่จริงก็ตะโกนด่านั่นแหละแต่ป๋าเถียงสุดใจเลยว่าแค่ต้องการกระตุ้นและสร้างความฮึกเหิมให้พวกเด็กๆเฉยๆ

อะ...กระตุ้นก็กระตุ้น

“ให้เฮียหมอกขับรถไปส่งนะ”

ระหว่างที่กำลังก้มลงใส่รองเท้าอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงเข้มๆของคนป่วยกำชับตามหลังมา

“ค่า คุณป๋า”

 เจ้าตัวแสบว่าทิ้งท้ายไว้พร้อมกับบอกให้ป๊ะป๋านอนพักผ่อนอยู่ในบ้านห้ามดื้อออกมานอกบริเวณเด็ดขาด

…ดื้อมากนะคนนี้น่ะ

ที่น่านฟ้าหัวรั้นในบางครั้งก็ได้รับอิทธิพลมาจากป๋าเต็มๆนี่แหละ

 

วันนี้ที่ยิมกลับมาครึกครื้นเหมือนปกติเพราะหมดช่วงวันหยุดพักผ่อน เหล่าครูฝึกและพี่ๆนักมวยที่คุ้นหน้าคุ้นตากันหันมายิ้มทักทายในระหว่างที่กำลังฝึกซ้อมอยู่ แต่ก็มีบางคนที่ดูท่าแล้วคงเป็นเด็กใหม่...เห็นว่ามองตามกันไม่ละสายตาเพราะคงคิดว่าเป็นผู้หญิง

น่านฟ้าเดินตรงไปหาเฮียหมอกที่ยืนถือเป้าล่อให้เด็กเตะอยู่บนเวทีมวย โดยที่ข้างๆกันมีใครอีกคนกำลังเข้าคู่ซ้อมกับเทรนเนอร์...ทางฝ่ายนั้นหันมามองกันเพียงเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปเตะเป้าล่อตรงหน้าต่อ

“มีไรไอ้หมวย” อวัศย์หันมาถามน้องก่อนจะต้องเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจเมื่อเด็กดอยเมื่อวันก่อนถูกอัพเกรดจนสวยขึ้นผิดหูผิดตา

“น่านจะเข้าร้านอะ ป๋าบอกให้เฮียไปส่ง” ตอบพร้อมพยักหน้าส่งยิ้มให้กับเทรนเนอร์คู่ซ้อมของแทนไทไปด้วยเมื่อฝ่ายนั้นออกปากทักทายกัน “แต่ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวน่านไปเองได้” เพราะดูแล้วเฮียคงกำลังยุ่ง…ไม่อยากจะรบกวน

“ให้พี่ไปส่งก็ได้นะคะน้องน่าน” พี่เอกเทรนเนอร์คนสนิทที่คุ้นเคยกันมานานหันมายิ้มกรุ้มกริ่มออกปากแซวเหมือนอย่างเคย...ถึงจะเห็นแบบนี้แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้คิดเกินเลยอะไรมากไปกว่านั้น...แน่ล่ะ ก็เห็นกันมาตั้งแต่สมัยยังหัวเกรียนนี่

“ไปส่งได้ แต่รอแปป” หมอกพยักหน้ารับก่อนจะสังเกตได้ถึงบรรยากาศที่เริ่มเปลี่ยนไป...เพราะจู่ๆแรงเตะที่เป้าล่อของไอ้เอกก็แรงขึ้นและหนักขึ้นจนคนจับตัวเซ “ที่จริงให้ไอ้ไทไปส่งก็ได้นะ วันนี้มันว่างไม่มีคิวสอน”

น่านฟ้าหันไปมองคนที่กำลังตั้งการ์ดเตะอยู่อย่างขะมักเขม้นแล้วก็ต้องชะงักเมื่อถูกสายตาดุๆคู่นั้นมองตอบกลับมา

...คุณเขาไปหงุดหงิดอะไรมาล่ะนั่น

“ไท มึงไปส่งน้องหน่อยแล้วกัน กูไม่ว่าง” หมอกสรุปให้เสร็จสรรพโดยไม่ต้องรอให้มันได้ออกปากปฏิเสธ…ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันจะไม่ปฏิเสธก็เถอะ

“อืม...เดี๋ยวไปส่ง ออกไปรอหน้าบ้านไป” แทนไทก้มลงมองคนที่ยืนอยู่ด้านล่าง ก่อนจะพยักพเยิดหน้าเป็นเชิงบอกให้น้องออกไปรอนอกยิม

...โดนมองไปถึงไหนต่อไหนแล้วยังไม่รู้สึกตัวอีก

“ไอ้ไท!เบาหน่อยๆ” เอกร้องเตือนเมื่อรู้สึกได้ว่าแรงเตะตรงเป้าล่อมันชักจะหนักขึ้นทุกทีๆ...ปกติแม่งก็ตีนหนักอยู่แล้ว ยิ่งใส่ลงมาเน้นๆแบบนี้เขาก็ตั้งรับแทบไม่ทัน นี่ถ้าให้คนอื่นมาจับให้มีหวังคงล้มหงายหลังไปนานแล้ว

“อะไร” หนุ่มใต้เลิกคิ้วถาม

แต่ในแววตาที่ครุกกรุ่นนั้นกลับฉายชัดเสียจนหมอกยังต้องส่ายหัวเอือมระอา “เหลาะแหละว่ะเอก จับดีๆ” …แม่งโคตรพาล

...รับกรรมไป ไอ้เอกมึง

“พี่บ๊าวว!เบาบ๊าว!” เสียงแหกปากของเทรนเนอร์เอกดังลั่นยิมเมื่อถูกยันโครมเข้าไปจนเซ “ไทๆ แรงไปแล้วเพื่อน”

“แรงมึงไปไหนหมดเอก” แรงกูก็เท่าเดิมนี่แหละ! แต่มึงอ่ะเอาแรงมาจากไหน!

ปั้ง!

ลูกเตะรอบสุดท้ายถูกฟาดลงไปบนเป้าหนังบุนวมจนเกิดเสียงดังลั่นพร้อมกับเสียงโวยวายจากเทรนเนอร์คนเก่งที่ลงไปนอนแผ่พังพาบอยู่บนพื้นเวที “ข้อมือกูพังหม้ด! หมอก! เพิ่มสวัสดิการให้กูด้วย!”

 

เพียงไม่นานคนที่อาสาจะขับรถไปส่งก็เดินมาหาที่หน้าบ้านด้วยชุดที่แปลกตาออกไป จากชุดฝึกซ้อมถูกผลัดเปลี่ยนเป็นชุดลำลองในแบบที่เจ้าตัวชอบใส่ เสื้อยืดกางเกงยีนส์ตามฉบับของผู้ชายที่ไม่เรื่องมากด้านการแต่งตัว

...แต่มันก็ดูดีน้อยเสียที่ไหนกันล่ะ

ยิ่งตอนที่แทนไทยกแว่นกันแดดขึ้นสวมมันให้อารมณ์เหมือนกับพวกนายแบบที่หลุดออกมาจากนิตยสารยังไงยังงั้นเลย

“ไทสักตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ”

ในระหว่างที่รถจอดรอสัญญาณไฟอยู่นั้นน่านฟ้าก็เอ่ยปากถามในสิ่งที่อยากรู้มาตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน

“สองปีที่แล้ว”

“เจ็บไหมอะ” เจ้าหนูจำไมเลิกสนใจภูมิทัศน์รอบกายก่อนจะหันมาคุยจ้อไม่หยุดแทน...ก็ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีเลยนี่นะ มันมีเรื่องที่อยากรู้เกี่ยวกับอีกฝ่ายเยอะแยะเต็มไปหมด

“นิดหน่อย ไม่เจ็บมาก”

“เหรอ...แล้วสักตรงหน้าอกเจ็บไหมอะ” น่านฟ้าจำได้ว่าเคยเห็นรอยสักวับๆแวมๆอยู่บริเวณนั้น....ตรงแผ่นอกด้านซ้ายของไท

ฝ่ายนั้นดูชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าตอบกลับมา “..ไม่เจ็บเท่าไหร่”

“ดีจัง น่านอยากลองสักมั่ง...แบบมินิมอลๆน่ารักดี”

“อยากสักตรงไหนล่ะ” แทนไทหันกลับมามองเจ้าตัวเล็กที่พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด...สงสัยวันนี้จะใส่ถ่านมาหลายก้อนเลยดูร่าเริงเป็นพิเศษ

“ตรงนี้ๆ” จู่ๆเจ้าตัวก็เลิกชายเสื้อเชิ้ตขึ้นจนเผยให้เห็นผิวเนื้อขาวนวลใต้ร่มผ้าพร้อมกับชี้นิ้วลงไปตรงช่วงเอวเล็ก

เพียงเท่านั้นก็ทำให้คิ้วเข้มขมวดมุ่นขึ้นกว่าเดิมเมื่อสังเกตเห็นว่าน้องไม่ได้ใส่เสื้อซับข้างใน…ไอ้ประเด็นเรื่องรอยสักเลยถูกปัดทิ้งออกไปอย่างรวดเร็ว

“ทำไมไม่ใส่เสื้อข้างใน” น้ำเสียงเข้มขึ้นจนทำให้น่านฟ้าต้องเลิกคิ้วแปลกใจ

…ดุอีกแล้วรึเปล่าเนี่ย

“มั่วแล้ว นี่ไงใส่เกาะอกอยู่” น้องชี้ลงไปยังเกาะอกสีดำที่สวมใส่...ที่จริงไอ้เสื้อเชิ้ตตัวนั้นมันแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยด้วยซ้ำเพราะเจ้าตัวดันปล่อยให้มันร่นโชว์ไหล่เปลือยข้างหนึ่ง

               “เสื้อมันบางน่าน” ก็พึ่งจะมาสังเกตเอาตอนนี้ว่าเสื้อที่น้องสวมทับมันบางแค่ไหน...แล้วยังกล้าเดินเข้าไปในยิมที่มีแต่ผู้ชายล้วนๆด้วยนะ ไม่ระวังตัวเองเอาซะเลย

               ...มันน่านัก

               “นี่โดนป๋าจ้างให้มาเป็นคนคุมป่ะเนี่ย” น่านยิ้มขำอย่างอารมณ์ดีผิดกับใครอีกคนที่ตอนนี้คิ้วเริ่มขมวดเป็นปมแล้ว “ไม่เห็นเป็นไรเลย...น่านไม่ใช่ผู้หญิงซะหน่อย ไม่มีอะไรเสียหายหรอกน่า”

               “..ดื้อ” สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจออกมายาวเหยียดเพื่อระบายอารมณ์คุกกรุ่นที่เริ่มก่อตัวขึ้นมา

               “ไม่ดุสิ เอ้อ ไท จะแวะปั๊มเติมน้ำมันหรือเปล่าอะ น่านหิวจะไปซื้ออะไรกินในเซเว่น” น้องชี้มาเมื่อเห็นว่าเกจ์น้ำมันใกล้ถึงขีดแดง

               นอกจากเจ้าตัวจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรแล้วยังเปลี่ยนเรื่องได้อย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ใครบางคนต้องปรับอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติด้วยตัวเอง

            ...เอาเถอะ...ตอนนี้ทำได้มากสุดก็คงเท่านี้

 

            “ไทเอาอะไรไหม” น่านฟ้าหันมาถามในระหว่างที่กำลังปลดสายนิรภัยออก แต่ดูท่าว่ามันจะมีปัญหานิดหน่อยเลยทำให้ไม่สามารถปลดออกได้

               “มันไม่ออกเหรอ” เขาก้มลงไปมอง

               “อื้อ กดไม่ลงอะ”

               “เดี๋ยวทำให้” ว่าแค่นั้นก็โน้มตัวเข้าไปหาทันที...ดูท่าแล้วตัวล็อกเก้าอี้ตัวนี้น่าจะมีปัญหา

               ...แต่ปัญหาหนักกว่าก็คงจะเป็นความรู้สึกบางอย่างที่กำลังเริ่มปะทุอยู่ในอกเมื่อได้ใกล้ชิดกับอีกฝ่าย...น่านฟ้ายังคงนั่งพิงพนักด้วยท่าทีปกติ น้องเลยไม่ทันได้สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงเล็กๆที่เกิดขึ้น

               ..ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดี

               กลิ่นน้ำหอมที่เจ้าตัวใช้ถูกลมแอร์เป่าพัดบางเบา แต่เพียงเท่านั้นก็มากพอที่จะทำให้ใครบางคนสูญเสียการควบคุมได้อย่างไม่ยากเย็น ปลายนิ้วที่กำลังวุ่นวายอยู่กับตัวล็อกสายนิรภัยเผลอปัดไปโดนบริเวณบั้นเอวจนน้องสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะก้มลงมามองจนเผลอสบประสานสายตาเข้าด้วยกัน

               น่านฟ้าเผลอเม้มปากตามนิสัยยามที่เจ้าตัวตกประหม่า...คงเพราะระยะที่ใกล้ชิดเกินกว่าปกติจึงทำให้น้องทำตัวไม่ถูก นอกจากจะพิงตัวเข้ากับพนักอย่างเกร็งๆแล้วมือไม้ก็เริ่มอยู่ไม่สุข

               “...ออกหรือยังอะ”   เสียงแผ่วเบาที่ดังขึ้นอยู่ใกล้ๆทำให้อดไม่ได้ที่จะช้อนตาขึ้นมองก่อนจะจดจ้องไปที่เรียวปากบางที่เม้มเข้าหากันจนเผยให้เห็นรอยบุ๋มเล็กๆตรงข้างแก้ม

               ...ไอความเย็นจากเครื่องปรับอากาศกลับไม่มีค่าเมื่อเทียบกับอุณหภูมิในร่างกายที่เริ่มสูงขึ้น

               “อืม...เรียบร้อย” พอดีกับที่ได้ยินเสียงคลิกจากตัวล็อก แขนของใครบางคนก็พาดผ่านช่วงตัวไปอีกฝั่งเพื่อดันสายนิรภัยให้เข้าที่           

               เส้นสายหมึกสีดำที่ถูกสลักบริเวณต้นแขนกำยำโผล่พ้นจากแขนเสื้อออกมาให้ได้เห็นบางส่วน พร้อมกับช่วงตัวสูงใหญ่ของใครบางคนที่เบี่ยงมาบังกันจนมิด

               ...ที่จริงไม่ต้องบริการให้ขนาดนี้ก็ได้...

           
(มีต่อด้านล่างจ้า)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-01-2019 23:27:11 โดย Punmile09 »

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
   “อะนี่” ในระหว่างที่รถกำลังเคลื่อนตัว จู่ๆแซนวิชชิ้นหนึ่งก็ถูกยื่นมาจ่อไว้ตรงปากพอหันไปมองน้องก็จิ้มเข้ามาจนสัมผัสได้ถึงความอุ่นจากขนมปัง...นี่เป็นการบังคับให้กินทางอ้อมใช่หรือเปล่า “ครัวซองค์แฮมชีส...อร่อยนะ”

               สุดท้ายก็ต้องรับเอาเข้าปากไปเคี้ยวแถมคนป้อนยังมีน้ำใจถือไว้ให้จนมันจะหมดชิ้นอีกต่างหาก

               บริเวณขอบขนมปังส่วนสุดท้ายถูกส่งเข้ามาพร้อมกับเรียวนิ้วของใครบางคนที่ถูกเรียวปากร้อนขบเม้มอย่างเฉียดฉิว...เพียงเท่านั้นก็ให้ความรู้สึกที่เหมือนกับถูกกระแสไฟแล่นลามไปทั่วทั้งตัว น่านฟ้าชักมือกลับอย่างรวดเร็วพร้อมกับยื่นส่งขวดน้ำมาให้แทน

               “อร่อยไหม” น้องถามขึ้นมาอีกครั้ง

               “หมายถึงแซนวิชเหรอ”

               “เอ้า ก็ใช่ไง” ตัวแสบทำหน้างุนงงอย่างไม่เข้าใจ

               “อืม...อร่อยหมดนั่นแหละ”

               เพียงเท่านั้นบทสนทนาก็สิ้นสุดลงเหลือไว้เพียงแค่เสียงจากเครื่องปรับอากาศและเพลงบรรเลงคลอขึ้นมาบางเบาในระหว่างการเดินทาง...ท่ามกลางอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่ลดคลายความร้อนจากภายนอก ปรากฏรอยยิ้มบางเบาขึ้นที่ข้างมุมปากของใครบางคนเมื่อสังเกตเห็นริ้วแดงพาดผ่านบนแก้มขาวๆของคนที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ

               ..เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าการจราจรที่ติดขัดนั้นไม่น่าเบื่อเหมือนอย่างเช่นทุกวัน..

            เสียงโมบายเหล็กกระทบกันยามที่ประตูร้านถูกผลักเข้าไป กลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟและขนมที่พึ่งอบเสร็จลอยตัวกระจายฟุ้งอยู่รอบบริเวณ

ตัวร้านเป็นอาคารสองชั้นถูกตกแต่งด้วยสไตล์อิงลิชคอตเทจผสมผสานกับดีเทลแบบอินดัสเทรียลได้อย่างลงตัว โดยตัวผนังจะก่ออิฐโชว์ความดิบและฉาบปูนเปลือยทับในบางส่วน บานประตูและหน้าต่างทำมาจากไม้เก่าเพื่อลดความแข็งกระด้างของตัวอาคารลง

บนชั้นสองฝั่งหนึ่งถูกปรับแต่งให้เป็นพื้นที่แบบดับเบิ้ลสเปซเพื่อให้ภายในดูโล่งกว้างมากยิ่งขึ้น ช่องแสงที่เป็นหลังคาโปร่งใสช่วยให้บรรยากาศภายในร้านเป็นธรรมชาติเมื่อไอแดดเจือจางส่องลงมากระทบกับดอกไม้นานาพันธุ์รอบร้าน

“น้องน่าน!” เสียงร้องทักดังขึ้นมาจากบริเวณหลังเคาน์เตอร์ ก่อนร่างของผู้หญิงคนหนึ่งจะโผเข้ามากอดจนน่านฟ้าตัวเซ “หายหน้าหายตาไปไหนมาคะเนี่ย” ‘พี่ฝน’ บาริสต้าประจำร้านถามหน้ายู่จนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

               “แอบอู้นิดหน่อยค่ะ” เจ้าตัวยิ้มเมื่อถูกดึงแก้มจนยืดเพื่อเป็นการลงโทษ

               “คราวหลังส่งข่าวมาบ้างนะคะ พวกพี่เป็นห่วงแทบแย่” เธอถือโอกาสดุเจ้าของร้านไปนิดหน่อย ก่อนจะสังเกตเห็นว่าข้างหลังน้องน่านมีใครอีกคนเดินตามเข้ามาด้วย “ว่าแต่...ใครคะนั่น” รอยยิ้มล้อเลียนเล็กๆถูกจุดขึ้นเมื่อมองเลยผ่านไปยังผู้ชายตัวสูงที่เธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน

               ก็พอจะรู้มาจากน้องผิงบ้างแล้วว่าน้องน่านน่ะเลิกกับคุณเตชิน...แต่ก็ไม่คิดว่า..

               “อ๋อ...พี่ชายค่ะ พึ่งกลับมาจากเมกา” …อ้าว ออกตัวแรงเกินเกือบหักหลบแทบไม่ทัน

ก็ว่า...น้องน่านไม่น่าจะสเปคเปลี่ยนเร็วขนาดนั้น  เพราะผู้ชายคนนี้ดูต่างจากคุณเตชินคนละขั้วเลย

แต่ถ้าให้เทียบก็กินกันไม่ลงอยู่แล้ว คนนึงหล่อแบบไทยๆส่วนอีกคนก็นู่นขาวตี๋ตามแบบสมัยนิยมอย่างที่เจ้านายเธอชอบ

               “ไท...นี่พี่ฝน บาริสต้าคนเก่งของน่านเอง...พี่ฝนคะนี่แทนไท” น่านฟ้าแนะนำให้คนทั้งคู่ได้รู้จักกัน เพราะพี่ฝนพึ่งได้มาร่วมงานที่ร้านหลังจากที่ไทไปอยู่ที่นู่นเพียงไม่กี่เดือน

               “สวัสดีครับ” รอยยิ้มเป็นมิตรที่นานๆทีน่านฟ้าจะได้เห็นปรากฏอยู่บนใบหน้าคมเข้ม

               “สวัสดีค่ะคุณไท...เรียกฝนเฉยๆก็ได้นะคะ เราน่าจะรุ่นๆเดียวกัน” หญิงสาวตอบกลับอย่างอัธยาศัยดีก่อนจะขอตัวกลับไปชงเครื่องดื่มให้ที่หลังเคาน์เตอร์

               “ที่จริงตอนเย็นๆไทค่อยกลับมารับน่านก็ได้นะ เผื่อมีธุระต้องไปทำ”

               “ไม่เป็นไร...วันนี้ว่างทั้งวันอยู่แล้ว”

               ได้ยินดังนั้นก็อดที่จะย่นจมูกใส่ไม่ได้...นี่ถูกป๋าจ้างมาเป็นการ์ดจริงๆใช่ไหมเนี่ย “ตามใจ...ถ้าเบื่ออย่ามาบ่นละกัน”

               “ไม่เบื่อหรอก” ยิ้มบางเบาแทนคำตอบ สายตาก็คอยมองคนที่เดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนออกมาสวมทับไว้ไม่วางตา “..น่าน” โดยไม่รู้ตัวก็เอ่ยเรียกออกไปซะแล้ว

               “หืม” น้องหันมามองกะทันหันจนผมเปียสะบัดพลิ้วไปตามแรงขยับ เส้นผมสีอ่อนที่ถูกแสงจางๆส่องกระทบยิ่งขับให้อีกฝ่ายน่ามองขึ้นไปอีก

               “...เปล่า…ไม่มีอะไร”

               “อยากสูบบุหรี่เหรอ” คำถามที่เหนือความคาดหมายถูกส่งมาให้พร้อมกับรอยยิ้มอย่างเข้าอกเข้าใจ...เข้าใจผิดไปใหญ่ “ที่หลังร้านมีที่ให้สูบบุหรี่อยู่นะ...ตามสบายเลย” น้องคงคิดว่าอาการงุ่นง่านนี้มันเกิดจากความอยากบุหรี่…ทั้งๆที่จริงแล้วมันไม่ใช่

               “อืม”

               “น่านไม่ว่านะถ้าไทจะสูบ” อีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ “เผื่อมันจะทำให้หมีขี้โมโหหายหงุดหงิดได้” รอยบุ๋มที่ข้างแก้มเด่นชัดอีกครั้งเมื่อเจ้าตัวฉีกยิ้มล้อเลียน

               เพียงเท่านั้นคิ้วได้รูปก็ขมวดขึ้นเมื่อโดนกล่าวหา “...ใครขี้โมโห”

               “แน่ะ ยังไม่รู้ตัวอีก คิ้วขมวดมาตั้งแต่อยู่ที่บ้านแล้วนะคะคุณแทนไท” น้องยิ้มล้อก่อนจะยกนิ้วขึ้นจิ้มระหว่างคิ้วตัวเอง “ยิ้มบ่อยๆหน่อยซี่ จะหน้าตึงไปไหนเนี่ย คนอื่นเขากลัวหมดแล้ว” ว่าทิ้งไว้แค่นั้นก็หมุนตัวเดินกลับไปหลังเคาน์เตอร์ปล่อยให้ใครอีกคนต้องปรับอารมณ์ตัวเองอยู่พักใหญ่ก่อนจะเดินออกไปทางหลังร้าน

 

               “เอ้อ น้องน่านพี่ลืมบอกไปเลย” ฝนเอ่ยทักขึ้นมาในระหว่างที่กำลังทำออเดอร์เครื่องดื่มของลูกค้า “ช่วงที่น้องน่านไม่อยู่ คุณเตชินแวะเข้ามาหาที่ร้านด้วยนะคะ”     

               เพียงเท่านั้นมือที่กำลังจัดของอยู่หลังเคาน์เตอร์ก็หยุดชะงักลงก่อนรอยยิ้มที่เจือจางจะลางหาย

               “เขา...มาทำไมคะ” แม้ว่าจะบอกกับตัวเองว่าทำใจได้แล้ว...แต่มันก็ไม่ได้ง่ายดายถึงขนาดที่ว่าความรู้สึกที่เคยมีให้อีกฝ่ายจะลบเลือนหายไปซะหมด

               ..ยอมรับว่าตอนนี้ชื่อของเตชินยังคงมีผลกับรอยแผลในหัวใจอยู่...

            “คุณชินบอกว่าเขาติดต่อน้องน่านไม่ได้เลยเป็นห่วงน่ะค่ะ...ก่อนกลับยังบอกเอาไว้เลยว่าถ้าน้องน่านมาแล้วให้โทรไปบอกเขาด้วย”

               อันที่จริงถ้าฝ่ายนั้นตั้งใจจะมาหากันก็ไม่ใช่เรื่องยากเพราะเตชินรู้จักบ้านของน่านฟ้าอยู่แล้ว...แต่ที่ไม่เข้าไปหาก็คงเพราะกลัวว่าจะเจอป๋ากับพวกเฮียมากกว่า

               “พี่ฝนไม่ต้องโทรไปบอกนะคะ...น่านไม่อยากเจอหน้าเขา”

               “ครั้งนี้จริงจังใช่ไหมคะน้องน่าน” ฝนเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เพราะทุกทีแม้ว่าทั้งคู่จะโกรธกันขนาดไหนเพียงแค่คุณเตชินตามมาง้อนิดหน่อยเจ้านายของเธอก็ให้อภัยอย่างง่ายดาย...ไม่เห็นว่ามีครั้งไหนจะรุนแรงเท่านี้มาก่อนเลยเสียด้วยซ้ำ

               “ค่ะ...เลิกขาดเลย” ใบหน้าน่ารักพยักหน้ายืนยันก่อนจะส่งยิ้มอย่างอารมณ์ดีกลับมาเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริง “น่านจะไปหาแฟนเป็นหนุ่มลาตินแบบพี่ฝนดีกว่า...ไม่เอาแล้วคนไทย ใจร้าย”

               “ก็พูดไปนั่น” ฝนหลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อเจ้าของร้านจอมดื้อยิ้มล้อเลียนถึงแฟนของเธอ “เอ๊ะ...ว่าแต่วันนี้น้องน่านดูแปลกไปนะคะ”

               จู่ๆก็รู้สึกได้ว่าคนตรงหน้านั้นมีบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป...บางอย่างที่เจ้าตัวมักจะสวมใส่ไว้ที่คอทุกครั้ง

               “สร้อยเส้นนั้นไปไหนเอ่ย” เพียงเท่านั้นเจ้าตัวก็ยกมือขึ้นคลำตามก่อนจะนิ่งค้างไป

...ให้ตาย...ลืมไปเสียสนิทเลย..

               “นี่ถ้าพี่ฝนไม่ทักน่านเกือบลืมไปเลย” ว่าไว้แค่นั้นก็วิ่งแจ้นถือโทรศัพท์ออกไปที่นอกร้านทันที

               รอเพียงไม่นานปลายสายก็กดรับพร้อมกับน้ำเสียงแหลมๆที่ร้องทักมาจนต้องยกโทรศัพท์ออกห่างจากหู (หายหน้าหายตาไปไหนมาวะไอ้ฟ้า!)

               “ผิงเห็นสร้อยของน่านไหม” ไม่รอให้เสียเวลาก็เอ่ยปากถามขัดอารมณ์อีกฝ่ายซะก่อน

               (สร้อยอะไรอะ)

               “สร้อยที่เฮียเมฆซื้อให้...มันหายไปไหนไม่รู้ อยู่ห้องแกหรือเปล่า” สร้อยจี้รูปพระจันทร์ประจำวันเกิดที่เฮียซื้อให้เมื่อปีที่แล้ว...เป็นไอเทมสุดหวงที่น่านฟ้ามักจะใส่ติดตัวไว้ตลอด...แต่ตอนนี้กลับลืมว่าไปถอดทิ้งไว้ที่ไหนนี่สิ

               ...เฮียรู้ล่ะมีหวังโดนงอนหนักแน่

               (เดี๋ยวไปหาแปปนะ) ถือสายรอสักพักน้ำเสียงวิตกกังวลก็กรอกกลับมา (ไม่มีว่ะฟ้า...แต่ฉันจำได้ว่าตอนไปเที่ยวข้าวสารกับแกครั้งล่าสุด แกไม่ได้ใส่ไปนะ ลืมไว้ที่ไหนหรือเปล่า คิดดีๆ)

               “จำไม่ได้อะ”

               (แกลืมไว้ที่ห้องไอ้ชินรึเปล่า) ข้อสันนิษฐานที่เหนือการคาดหมายถูกเสนอขึ้นมา

               ..เพียงเท่านั้นบทสนทนาก็เงียบลงเมื่อความทรงจำบางอย่างผุดผ่านเข้ามา..

               (ไอ้ฟ้า...) ผิงถอนหายใจออกมาอย่างยาวเหยียด (อย่าบอกนะ...ว่าแกลืมไว้ที่ห้องมันจริงๆ)

               “อือ...” ฝ่ามือที่ถือเครื่องมือสื่อสารอยู่นั้นเริ่มเย็นเฉียบเมื่อเผลอสบตาเข้ากับใครบางคนที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล “...คิดว่าคงใช่”

               (เวรกรรม) ทางนั้นโอดครวญแทนไปแล้วเรียบร้อย

               …อุตส่าห์ตั้งใจไว้แล้วแท้ๆว่าจะไม่ไปเจอหน้าอีก

               ...แต่ครั้งนี้มันจำเป็นต้องไปนี่สิ..

               แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว



______________________________________



พี่ไทบอก ไม่ได้ดึงหน้ามันตึงเองงง555555

ขอโทษที่หายหน้าหายตาไปนานเลยนะคะ มารายงานตัวแล้วค่าา ฮื่อออ /คุกเข่าสำนึกผิด  :z10:



ฝากเม้นเป็นกำลังใจให้พม.ด้วยน้าาา จะได้มีพลังปั่นนิยาย อะเหื้อออ <3
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-01-2019 23:08:47 โดย Punmile09 »

ออฟไลน์ Lotsa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ุแทนไทสไตล์  :really2: ซึนๆอึนๆ แต่แอบหวงน้อง
ไม่รู้ทำไมอ่านแล้วเขินน้องน่าน น่ารัก
ปล.น้องน่านมีปานที่เดียวกับเราเลย เขิน
ปล.2เป็นกำลังใจให้คุณพันไมล์นะคะ รอเสมอคิดถึงตลอดเวลา :กอด1:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
จะทำยังไงล่ะทีนี้  :z3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ HappyYaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้องน่านพาพี่แทนไทไปด้วยเลยลูก ให้พี่จัดการ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พาไท ไปเอาสร้อยเลย  :katai2-1:

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
แงงงงงง พี่ไทของน้องงง หน้าพี่ตึงเพราะน้องน่าหวง เราเข้าใจ แต่พาน้องไปเอาสร้อยอย่าไปต่อยแฟนเก่าเข้าล่ะ กระทืบมันเล้ยยย

ออฟไลน์ แพรวฐา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
หวงน้องก็บอกว่าหวงเลยพี่ไท :-[ :hao3:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ชอบโทนเรื่องมากเลยค่ะ เหมือนอ่านเรื่อยๆ แต่รู้สึกอุ่นๆตลอดเวลา เป็นครอบครัวที่น่ารักมากๆๆๆๆๆ

ปล. ให้พี่เขาพาไปเอาสิน้องน่าน

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
คุณแทนโซฮอตตตต //ขนาดไม่ค่อยแต่งตัวนะเนี่ย

น่านฟ้าก็น่ารักจัง หานายเอกสาวสองอ่านยากมาก ฮือออออ

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
Chapter 6 - Ex-boyfriends

Ex-boyfriends

___________________

 
                    “พรุ่งนี้เข้าร้านรึเปล่าคะน้องน่าน” บาริสต้าคนเก่งหันมาถามในขณะที่กำลังจัดขนมลงกล่องให้อีกฝ่ายนำกลับไปทานที่บ้าน…เพราะเจ้าตัวเข้ามาอ้อนขอไว้ตั้งแต่ช่วงบ่ายเมื่อเห็นว่าวันนี้ที่ร้านมีซอฟท์คุกกี้และอัลมอนด์ทาร์ตที่เจ้าตัวชื่นชอบ

               อันที่จริงน้องน่านจะเข้ามาหยิบไปเลยก็ได้เพราะเป็นเจ้าของร้านไม่มีใครว่าอะไรอยู่แล้ว แต่เพราะน้องชอบอ้อนขอนู่นขอนี่จนติดเป็นนิสัยมากกว่า พนักงานที่ร้านเลยนึกเอ็นดูกันใหญ่ มีช่วงนึงเห่อทำขนมให้ชิมบ่อยจนน้องน่านน้ำหนักขึ้นมาห้ากิโล แก้มที่มีเยอะอยู่แล้วก็แทบจะล้น

สุดท้ายก็โดนคุณเตชินดุไปยกใหญ่เพราะกลัวว่าจะเสียสุขภาพ

แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...คนที่เป็นห่วงน้องน่านไม่แพ้ครอบครัวของเจ้าตัวก็คือคุณเตชินคนนี้นี่ล่ะ

               ...อันที่จริงพอได้รู้ว่าน้องน่านเลิกกับคุณเตชินก็ใจหายอยู่เหมือนกัน

แม้จะไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ต้องแยกกันแต่เธอก็นึกเสียดายความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่อยู่ไม่น้อย...เพราะตลอดระยะเวลาที่คบกันแทบจะไม่มีวันไหนเลยที่เจ้านายของเธอจะไม่มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าเมื่อพูดถึงชื่อคนรัก

               แต่ถึงจะรู้สึกเสียดาย...สุดท้ายเธอก็เป็นเพียงคนนอก คงจะทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้นอกเสียจากคอยให้กำลังใจอยู่ห่างๆ

               ความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคนก็จริง...แต่ในเมื่อวันหนึ่งไม่สามารถที่จะเดินไปด้วยกันต่อได้ ก็คงจำเป็นที่จะต้องปล่อยมือในท้ายที่สุด

               ...และเธอก็หวังเอาไว้จริงๆว่าสักวันรอยยิ้มของน้องน่านจะกลับมาสดใสได้อีกครั้ง

               อาจจะเป็นเพราะคุณเตชินหรือไม่ก็ใครสักคนที่จะเข้ามาดูแลเจ้านายตัวน้อยของเธอให้มีความสุข...แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม

ฝนขอเพียงแค่คนคนนั้นรักและดูแลน้องน่านให้ดีก็พอแล้ว

คนอย่างน่านฟ้าน่ะไม่เหมาะกับรอยน้ำตาและความเศร้าหรอกนะ…เพราะน้องเหมือนเป็นพลังชีวิตด้านบวกให้ใครต่อใครที่ได้อยู่ใกล้มีความสุขไปด้วย

...รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ขอแค่ให้ยิ้มได้ในทุกๆวันก็เพียงพอแล้วล่ะ

“พรุ่งนี้คงไม่ได้เข้ามาค่ะพี่ฝน” น้องยิ้มจนตาหยีพร้อมกับถอดผ้ากันเปื้อนออกจากตัว “หม่าม้าชวนไปซื้อของขวัญวันเกิดให้ป๋าน่ะค่ะ”

“หืม พรุ่งนี้วันเกิดคุณป๋าเหรอคะเนี่ย”

“ใช่ค่ะ ถ้ายังไงตอนเย็นพี่ฝนมาทานข้าวด้วยกันนะคะ ม้ากับป๋าบ่นคิดถึงใหญ่ น่านชวนพี่ๆคนอื่นแล้วด้วยพรุ่งนี้ให้ปิดร้านเร็ววันนึง”

                    “เสียดายจัง...พี่มีนัดกับโทมัสแล้วนี่สิ” ดินเนอร์ครบรอบสามปีซะด้วย “ถ้ายังไงเดี๋ยวฝากของขวัญไปให้คุณป๋าแทนละกันเนอะ”             

               “ไม่เป็นไรค่ะพี่ฝน ไม่ต้องก็ได้ แค่บอกว่าพี่ฝนฝากมาอวยพรป๋าก็ดีใจแล้ว” น้องรีบปฏิเสธอย่างเกรงใจ

               “งั้น...เอาไว้เดี๋ยวพี่เข้าไปเยี่ยมพวกท่านวันหลังก็แล้วกัน ฝากความคิดถึงไปหาหม่าม้าด้วยนะคะ พี่คิดถึงอาหารฝีมือหม่าม้าม้ากมากก”

                    น่านฟ้าพยักหน้ายิ้มรับพร้อมกับทำมือโอเคเป็นการรับปาก

               “ว่าแต่...คุณไทไปไหนคะเนี่ย” เอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่มุมสวนของร้านหายตัวไป

               “น่าจะไปคุยโทรศัพท์นะคะ” หันออกไปมองทางหน้าร้านก็เห็นว่าคนตัวสูงกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่จริงๆ

               ใบหน้าคมเข้มดูผ่อนคลายลงไปมากเมื่อตอบกลับปลายสายซ้ำรอยยิ้มน้อยๆที่ปรากฏอยู่ข้างมุมปากยังทำให้ฝ่ายนั้นดูอ่อนโยนมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

               ...ที่จริงเวลาคุณเขายิ้มน่ะมันดูมีเสน่ห์จะตาย

ไม่รู้จะชอบทำหน้าตึงไปทำไม ใครต่อใครเห็นก็กลัวไปหมดน่ะสิ

“คุณไทเนี่ย...ดูเท่ห์ดีจังเลยนะคะ ไม่ได้หล่อจนต้องเหลียวหลังก็จริง แต่ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกินนน” จู่ๆน้ำเสียงชื่นชมก็ลอยขึ้นมาจนน่านฟ้าอดที่จะแซวไม่ได้ว่าระวังหนุ่มลาติโนหึงเข้า

“แหมมม น้องน่านขาา แค่ชมเฉยๆเองง” ฝนเอื้อมมือไปดึงแก้มนุ่มๆทั้งสองข้างจนยืดอย่างนึกมันเขี้ยว “ว่าแต่คุณไทเขาหน้าค้มคมเนอะ”

“ไทเขาเป็นคนใต้น่ะค่ะ”

“ว่าแล้วเชียว!” เดาอะไรเคยผิดเสียที่ไหน

“เปลี่ยนใจยังทันนะคะพี่ฝน ได้ยินมาว่าหนุ่มใต้รักใครแล้วรักจริงน้า~” ตัวแสบยักคิ้วหลิ่วตามองมาอย่างล้อเลียนจนโดนยืดแก้มไปอีกหนึ่งทีข้อหาพูดจาสุ่มเสี่ยง...นี่ถ้าโทมัสรู้มีหวังถูกงอนยาว

“หนุ่มลาติโน่ก็รักจริงค่ะ”

ฝนยืนยันหนักแน่นก่อนประโยคต่อมาจะทำให้เจ้าของร้านตัวน้อยต้องเบิกตากว้าง “ว่าแต่น้องน่านเถอะค่ะ...ไม่สนใจหนุ่มใต้บ้างหรือไง ได้ยินมาว่าหนุ่มใต้รักใครแล้วรักจริงน้า~” ในถ้อยคำแซวสนุกแฝงบางสิ่งบางอย่างมาด้วย...บางสิ่งที่ว่านั่นหมายถึงใครบางคนที่กำลังเดินกลับเข้ามาในร้านนั่นไง

...ก็น้องน่านเคยบอกว่าคุณแทนไทไม่ใช่พี่แท้ๆ ซ้ำยังไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดด้วย ยิ่งฝ่ายนั้นเป็นลูกชายของเพื่อนคุณป๋าที่คุณป๋ารับมาเลี้ยงด้วยแล้วฝนก็ยิ่งสนุกยุ

...อะไรๆมันก็เกิดขึ้นได้น่า...

ฝนหลุดขำเมื่อเห็นว่าคนที่โดนแซวย่นจมูกจนยู่ ซ้ำตรงปลายยังขึ้นสีแดงๆได้อย่างน่าชมอีก

“อะไรคะ หรือพี่ฝนพูดผิด ถึงหนุ่มใต้จะไม่ใช่สเปค แต่พี่อยากให้หมวยเล็กได้ลองค่ะ บางทีอาจจะแซ่บกว่าตี๋ๆแบบที่น้องน่านเคยชอบก็ได้น้า~”

คำก็หนุ่มใต้...สองคำก็หนุ่มใต้นะพี่ฝนเนี่ย! สมกับเป็นบาริสต้ามือหนึ่งของร้านเลย ชงเก่งมาก!

“ไม่เอาค่ะ บอกแล้วไงจะไปหาแฟนเป็นหนุ่มลาตินแบบพี่ฝน” ยกมือขึ้นมาถูจมูกแก้เก้อเมื่อเห็นว่าหนุ่มใต้ของพี่ฝนเดินเข้ามาหา...ได้ยินอะไรไปบ้างแล้วเนี่ย

“อะ ตามใจค่ะ ถ้ายังไงฝนฝากคุณไทคุมด้วยก็แล้วกัน...ระวังอย่าให้ไปโปรยเสน่ห์ใส่ใครเขาเข้านะคะคนนี้น่ะ” ว่าทิ้งไว้แค่นั้นก็ขอตัวเดินเข้าไปเก็บของหลังร้าน...แต่เห็นนะว่าก่อนไปน่ะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลย พี่ฝน!

“จะกลับเลยรึเปล่า” แทนไทที่ยืนอยู่อีกฝั่งของเคาน์เตอร์เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าน้องเตรียมตัวพร้อมแล้ว

“อ...อือ กลับเลยๆ” จู่ๆก็รู้สึกลนแปลกๆทั้งที่ฝ่ายนั้นยังไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าที่เป็น...แต่น่านฟ้ากลับรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กที่แอบไปทำผิดแล้วโดนคุณครูจับได้เสียอย่างนั้น

น้องเดินอ้อมออกมาจากหลังเคาน์เตอร์ก่อนจะหันไปยกมือไหว้ลาพวกพี่ๆพนักงานที่กำลังช่วยกันทำความสะอาดโต๊ะอยู่ พร้อมกับใครบางคนที่เดินตามหลังมาไม่ห่างซ้ำสองมือของหนุ่มใต้ยังถือถุงกระดาษที่ภายในนั้นเต็มไปด้วยกล่องขนมและเค้กหลายชิ้น

ไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากขอ...ไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากอาสาช่วย

ทุกๆอย่างเป็นไปตามธรรมชาติราวกับเป็นพฤติกรรมที่เสพติดจนกลายเป็นความเคยชินไปกับเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้

เรื่องเล็กๆน้อยๆที่ใครบางคนเต็มใจที่จะทำให้เสมอ...และทำมันมาโดยตลอด

 

ช่วงเวลาราวๆห้าโมงเย็นนั้นเป็นช่วงที่เรียกได้ว่าการจราจรค่อนข้างจะหนาแน่นอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นช่วงเวลาเลิกงานของใครหลายคน บนท้องถนนจึงเต็มไปด้วยรถยนต์ส่วนตัวและรถสาธารณะที่วิ่งเบียดเลนกันไปมาดูวุ่นวายไม่เสียชื่อเมืองหลวงของประเทศไทย

“หนาวไหม” แทนไทหันมาถามในขณะที่กำลังนั่งรอสัญญาณไฟเขียวเป็นรอบที่สาม

“ฮื่อ...ไม่หนาวๆ” ส่ายหน้าปฏิเสธรัวเมื่อเห็นตัวเลขอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศ

ยี่สิบห้าองศาถือว่าเป็นอุณหภูมิของคนปกติกำลังอยู่เย็นสบายตัว แต่คงไม่ใช่กับหมีตัวใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างๆแน่ๆ...เห็นนะว่าดูงุ่นง่านๆเพราะร้อนน่ะ

“ไท...ลดแอร์ลงได้ไหมน่านร้อนอะ” เพราะรู้ว่าถ้าบอกให้ลดอุณหภูมิเพื่อตัวเองก็คงไม่ทำแน่

แล้วก็ได้ผลจริงๆเมื่อคนดื้อเงียบยอมลดเลขลงมาเหลือยี่สิบสอง...พอแอร์เย็นๆปะทะเข้าผิว คุณหมีขี้โมโหเลยดูผ่อนคลายมากขึ้น

“ขอบคุณค่ะ” ยิ้มให้จนเห็นรอยบุ๋มที่ข้างแก้ม ก่อนเจ้าหนูจำไมจะกลับคืนร่างอีกครั้งเพราะไม่อยากให้บรรยากาศในรถเงียบเกินไป

“เอ้อ แล้วก่อนออกมาไทโทรคุยกับใครอะ เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่...สาวโทรมาเหรอ!” น้ำเสียงล้อเลียนมาพร้อมกับประกายตาวาววับ...เพียงเท่านั้นคิ้วเข้มก็กลับมาดูยุ่งอีกครั้งเมื่อเจอคำถามที่ทำให้ต้องหันกลับมามอง

...คิดไปถึงไหนแล้ว

“มั่วแล้ว...มีซะที่ไหน” เอื้อมมือไปดันหัวเด็กน้อยเบาๆจนได้รับใบหน้ายู่ตอบกลับมา

“อ้าว ก็เห็นเฮียหมอกแซวออกบ่อยไป” น้องยักไหล่อย่างไม่ค่อยจะใส่ใจแต่มันกลับบาดลึกลงไปในจิตใจของใครบางคน

“มันก็พูดไปเรื่อย...พูดทุกอย่างยกเว้นเรื่องจริง” ส่ายหัวอย่างเอือมระอาเมื่อถึงนึกไอ้ตัววุ่นวายที่นอกจากจะไม่ช่วยทำอะไรให้ดีขึ้นแล้วยังชอบยุยงให้น้องเข้าใจเขาผิดไปกันใหญ่ “แม่โทรมาครับ...ไม่ใช่สาวที่ไหนหรอก”

“น้าเดือนโทรมาเหรอ! น่านก็อยากคุยกับน้าเดือนบ้างอะ คิดถึง…ไม่ได้ไปเยี่ยมนานแล้ว” น้องพูดอย่างเสียดาย

“แม่บอกคิดถึงน่านเหมือนกัน หยาก็ฝากบอกว่าคิดถึง” รอยยิ้มบางเบากลับมาอีกครั้งเมื่อได้พูดถึงผู้หญิงสองคนที่เจ้าตัวรักมากที่สุดในชีวิต...น้าเดือนกับปั้นหยาคุณแม่และน้องสาวสุดรักสุดหวงของคุณแทนไทเขาล่ะ

“แล้วไทคิดถึงน่านไหมอะ” น้องถามอย่างนึกสนุกและคงไม่ได้ต้องการคำตอบ...เพราะแววตาที่วาววับอยู่ตรงหน้าทำให้รู้ว่าเจ้าตัวไม่ได้คิดจริงจังอะไร คงเพราะอยากจะแหย่เขาเล่นมากกว่า

“ก็ไม่เคยไม่คิดถึงนะ”

 …เพียงเท่านั้นตัวแสบก็นั่งเงียบหุบปากฉับ ก่อนจะหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างราวกับว่าความวุ่นวายข้างนอกนั้นมีอะไรให้น่าสนใจนักหนา

...โผล่มาให้เห็นแค่ใบหูขาวที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ

และรอยบุ๋มเล็กๆที่ข้างแก้มตอนที่ริมฝีปากถูกเม้มเอาไว้แน่น

แต่ก่อนที่บรรยากาศแปลกๆจะเริ่มก่อตัวขึ้น เรื่องบางอย่างก็ย้อนกลับเข้ามาเตือนความทรงจำอีกครั้ง...เรื่องที่ทำให้วันนี้ต้องออกจากร้านมาเร็วกว่าปกติเพียงเพราะว่าจะมาทำธุระที่สำคัญ

                    “ไท”

                    “ครับ”

                    “คือ...น่านลืมบอกเลยว่ามีธุระต้องไปทำนิดหน่อย”

                    “จะแวะซื้อของเหรอ” สายตาจับจ้องฝ่ามือใหญ่ที่กำลังเคาะปลายนิ้วลงบนพวงมาลัยตามจังหวะเพลงบรรเลงที่เปิดคลอในรถ

               “เปล่า...คือ” เม้มปากจนแน่นเมื่อจู่ๆก็รู้สึกตกประหม่าขึ้นมา...อยู่ดีๆก็รู้สึกไม่กล้าบอกขึ้นมาเสียอย่างนั้น “…น่านอยากไปคอนโดเตชิน”

                    เผลอกำอุ้งมือแน่นจนฝ่ามือชื้นเหงื่อเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าปลายนิ้วข้างนั้นหยุดชะงักทั้งๆที่เพลงกำลังสนุก

               “ไปทำไม” แม้จะยังดูเรียบเฉย แต่ความทุ้มลึกและแข็งกระด้างของน้ำเสียงก็ทำเอาน่านฟ้าเผลอกัดริมฝีปากเมื่อรู้สึกว่ามีความกดดันบางอย่างเข้ามาสลายบรรยากาศดีๆเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา

               “อย่าพึ่งทำเสียงดุสิ...ฟังน่านก่อน” สุดท้ายก็ยอมพูดความจริงออกไปทั้งหมดอย่างไม่คิดที่จะปิดบัง “พอดี...น่านหาสร้อยที่เฮียเมฆซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดไม่เจอ”

                    “…” จากปลายนิ้วที่เคาะลงพวงมาลัยอย่างอารมณ์ดีเริ่มแผ่ขยายกอบกุมเอาไว้โดยรอบแทน

               “แล้ว...แล้วก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าสงสัยจะลืมเอาไว้ที่ห้องเตชินแน่ๆเลย…เพราะห้องผิงก็ไม่มี ที่บ้านก็ไม่มี”

                    “แล้วทำไมไปอยู่ที่นั่น” ปากถามแต่สายตามองตรงไปบนท้องถนนอย่างมั่นคง แขนอีกข้างเลื่อนลงมาค้ำไว้ตรงที่พักแขนด้วยท่าทีผ่อนคลายขัดกับเรียวคิ้วที่เริ่มขมวดแน่น

                    “ก็...” ...กดดันซะยิ่งกว่าตอนแอบป๋าไปเที่ยวอีก..

               “ไปค้างบ่อยเหรอ” เพลงบรรเลงถูกปิดไปกะทันหันเมื่อรู้สึกว่ามันไม่น่าฟังอีกต่อไป

               “อ..อืม ก็มีบ้าง”

         เพียงเท่านั้นก็คล้ายกับโดนหินหนักอึ้งถ่วงเอาไว้ทั้งตัว

               ...ตอนอยู่ที่นู่นไอ้หมอกก็บอกตลอดว่าน้องมีแฟนแล้ว...แต่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าถึงขั้นไปค้างที่ห้องด้วย

               มันอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะน้องก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว...แต่เพียงเท่านี้ก็เห็นได้ชัดเลยว่าทางครอบครัวน้องไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ไม่ต้องเดาเลยว่าคงโดนห้ามแล้วเจ้าตัวก็แอบไปนอนห้องแฟนตามอำเภอใจ

               “ป๋าไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม”

                    “ไม่...ไม่มีใครรู้ เฮียก็ไม่รู้” เสียงตอบรับบางเบาจนแทบปลิวหาย...คงเพราะเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา “...ไทอย่าบอกป๋านะ”

“อืม”

“ไท...โกรธน่านรึเปล่า” คงเพราะไม่สามารถเก็บสีหน้าเอาไว้ได้มันเลยแสดงออกอย่างชัดเจน

“โกรธเรื่องอะไร”

“ก็...ที่น่านไปอยู่กับชิน” น้องหน้าไม่สู้ดีจนรู้สึกสงสาร...ถึงจะไม่ชอบใจแล้วทำอะไรได้บ้าง

ถ้าบอกว่าไม่พอใจ...แล้วทำอะไรได้บ้าง

“ทำไมต้องโกรธ” น้ำเสียงเรียบเฉยไม่ต่างกับแววตา “คนเป็นแฟนกันอยู่ด้วยกัน...ไม่ผิดหรอก”

“อื้อ ขอบใจนะ” รอยยิ้มบางเบาถูกส่งมอบมาให้เมื่อรู้สึกโล่งใจ ทั้งๆที่คนรับยังถูกหินก้อนโตถ่วงเอาไว้ตรงปลายเท้า แต่สุดท้ายก็ต้องซ่อนมันเอาไว้เพื่อความสบายใจของใครบางคน

“อืม” สัมผัสอุ่นๆวางทาบทับลงบนศีรษะแผ่วเบา...กลิ่นแชมพูที่เจ้าตัวใช้ฟุ้งกระจายยามที่เส้นผมสีอ่อนถูกยีจนยุ่งเหยิง “...บอกทางมาสิ”



(ต่อด้านล่าง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-02-2019 22:26:10 โดย Punmile09 »

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
“ไทนั่งรอที่ล็อบบี้นะ....เดี๋ยวน่านขึ้นไปแป๊ปเดียว” หลังจากที่มาถึงคอนโดของเตชินก็ปาไปราวๆทุ่มกว่า

ตอนแรกน่านฟ้าบอกให้อีกนั่งรอในรถเพราะแค่ขึ้นไปเอาของคงใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ แต่เขาปฏิเสธน้องเลยยอมตามใจ อันที่จริงอยากจะขึ้นไปเป็นเพื่อนเสียด้วยซ้ำแต่เพราะเคารพกฎกติกาของสถานที่ส่วนตัวจึงทำได้แค่นั่งรออยู่ที่ล็อบบี้ตามที่น้องบอก

“ทำไมไม่โทรให้เขาเอาลงมาให้” แทนไทถามพร้อมกับเอื้อมมือไปดึงเสื้อร่นไหล่ขึ้นมาคลุมปิดจนมิดชิดและยืนคุมให้น้องติดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้ครบทุกเม็ด

“ไม่อยากคุยด้วยอะ...แล้วน่านก็ลบเบอร์เขาไปหมดแล้ว” เจ้าตัวยิ้มแหย “อีกอย่างเวลานี้ชินยังไม่กลับมาจากออฟฟิศหรอก...ทางสะดวกไม่ต้องห่วง” น้องยิ้มโชว์รอยบุ๋มที่แก้มพร้อมกับโชว์คีย์การ์ดห้องชุดของอดีตแฟนให้ดูเป็นการยืนยันว่าเตรียมตัวมาพร้อมขนาดไหน

“อืม...รีบลงมา” แทนไทพยักหน้ารับส่งๆ แต่ประโยคต่อมากลับทำให้เด็กแสบหลุดขำ “…อย่าไปนาน...หิวข้าวแล้ว” ก็ได้เหรอ! งอแงเพราะหิวเนี่ยนะ!

“ค่า รู้แล้วๆ รอแป๊ปเดียวนะ ไม่ถึงห้านาที”

…ว่าทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็รีบเดินไปขึ้นลิฟต์ทันที

เดี๋ยวคุณหมีโมโหหิวขึ้นมาล่ะยุ่งเลย

 

ประตูห้องพักถูกเปิดออกหลังจากที่แตะคีย์การ์ดลงไป ภายในห้องนั้นมืดสนิทมีเพียงนาฬิกาพรายน้ำที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหน้าทีวีเท่านั้นที่ส่องสว่าง แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงไอเย็นของเครื่องปรับอากาศที่พัดผ่านช่วงตัวกระทบเข้ากับผิวกายเพื่อเป็นตัวยืนยันว่า..

..เจ้าของห้องอยู่ที่นี่…

มือที่เอื้อมไปกดเปิดสวิตช์ไฟชื้นเหงื่อขึ้นเมื่อจังหวะการเต้นของหัวใจนั้นเริ่มถี่กระชั้น

...ไม่อยากเจอเลยจริงๆ

เดินเข้าไปใกล้บริเวณโซนรับแขกด้วยความลุ้นระทึก...แล้วก็ต้องหยุดหายใจเพียงเสี้ยววินาทีเมื่อเห็นคนที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นแฟนเก่านอนเหยียดกายอยู่บนโซฟาตัวยาว....บนโต๊ะเตี้ยข้างกายอีกฝ่ายมีขวดเหล้าและกระป๋องเบียร์วางเกลื่อนเต็มไปหมด

ฝ่ายนั้นคงเมาแล้วหลับไป...พอเห็นชุดที่อีกฝ่ายสวมเป็นเพียงเสื้อยืดและกางเกงขาสามส่วนตามที่เตชินมักชอบใส่เสมอเวลาอยู่ที่บ้าน

...แสดงว่าวันนี้คงอยู่ห้องทั้งวัน

...มาได้ถูกจังหวะจริงๆ ให้ตาย...

สายตาเฉยชามองเลยผ่านอดีตคนรักไปอย่างไม่ไยดี ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อนำของสำคัญกลับไปให้ไว้ที่สุด

น่านฟ้าถือวิสาสะรื้อค้นลิ้นชักบริเวณโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อหาสร้อยเส้นนั้น แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นวี่แววจึงเริ่มรู้สึกร้อนใจขึ้นมาไม่น้อย ก่อนจะผละออกมายืนตั้งสติใหม่อีกรอบ

พอกวาดสายตามองสังเกตรอบห้องก็ได้พบว่าบนโต๊ะของเตชินยังคงมีข้าวของเครื่องใช้ที่เคยใช้ร่วมกันตั้งอยู่อย่างเดิมเหมือนอย่างที่มันเคยเป็น แต่สิ่งที่ทำให้น่านฟ้าสะดุดตามากที่สุดก็คงเป็นกรอบรูปสีขาวที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง...มันเป็นกรอบรูปอันเดียวกันกับที่ตกแตกอยู่หน้าทีวีในคืนนั้น..

รูปสีน้ำของเจ้าตัวที่ยิ้มกว้างยังคงประกายความสุข...แม้กระจกจะแตกละเอียดไปแล้วแต่กรอบยังคงเป็นอันเดิม

จะมีแค่เพียงความรู้สึกของคนวาดเท่านั้นที่เปลี่ยนไป

...เมื่อก่อนมันไม่ได้ถูกนำมาตั้งไว้ข้างหัวเตียงแบบนี้หรอก

แล้วจู่ๆทำไมถึงพึ่งมานึกให้ความสนใจกัน...พึ่งจะมาดูแลและเห็นคุณค่าในวันที่มันแตกสลายไปและไม่มีวันที่จะย้อนกลับมาได้ไปทำไม

มันไม่สายไปหน่อยหรือ

“...ฟ้า” เสียงแหบพร่าที่ดังขึ้นมาจากบริเวณหน้าประตูดึงสติให้น่านฟ้าหันกลับไปมอง ก่อนจะพบว่าอดีตคนรักกำลังยืนพิงกายเข้ากับกรอบประตูพร้อมกับมองมาที่ตัวเองอย่างไม่ลดละสายตา

น้ำเสียงและท่าทางที่ฝ่ายนั้นใช้มองกันเจือไปด้วยความรู้สึกผิดจนล้น แววตาแดงก่ำสั่นไหวได้อย่างน่าเห็นใจ

...แต่ก็เพียงเท่านั้น เมื่อมันไม่สามารถส่งผ่านมาถึงใจได้อีกต่อแล้ว

“ฟ้า...ให้อภัยชินแล้วใช่ไหม” เตชินเดินโซเซเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นเหล้าคละคลุ้งอยู่รอบกาย นัยน์ตาสีเข้มสะท้อนวูบไหวอย่างสิ้นหวังเมื่อคนที่ตนเฝ้ารอมีเพียงความเฉยชาส่งมาให้ “…ฟ้า เรื่องวันนั้นชินขอโทษ...กับขวัญชินไม่ได้ตั้งใจ”

…ยังจะกล้าพูดอีกเหรอ..

น่านฟ้าอยากจะปัดคำแก้ตัวเหลวไหลออกไปให้พ้นทางก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อดับอารมณ์ที่เริ่มปะทุ เรียวเล็บจิกลงบนอุ้งมือจนรู้สึกเจ็บเมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้

...ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกรักจนแทบถวายหัวแปรเปลี่ยนเป็นขยะแขยงจนแทบบ้า..

“สร้อยของฟ้าอยู่ไหน” น้ำเสียงหนักแน่นพูดตัดบทแสดงให้เห็นว่าไม่อยากจะพูดคุยด้วยมากไปกว่านี้ “ชินเห็นรึเปล่า”

แม้น้ำเสียงจะแข็งกระด้างแต่อย่างน้อยเตชินก็รู้สึกคลายความตึงเครียดลงไปได้บ้างเมื่ออีกฝ่ายยอมพูดด้วย “ชินเก็บไว้ให้...ฟ้าลืมทิ้งไว้ในห้องน้ำ” รอยยิ้มบางเบาประทับขึ้นบนใบหน้าเมื่อได้มองคนที่เฝ้าคิดถึงมาตลอดหลายวัน

“ขอคืนด้วย”

“ทำไม...ฟ้าจะไปไหน” จู่ๆน้ำเสียงที่เคยอ่อนระโหยกลับแข็งกระด้างขึ้นมาเมื่อรู้ว่าที่อีกฝ่ายมาหานั้นไม่ใช่เพราะต้องการให้อภัยหรือคิดถึงกัน...แต่เพราะน่านฟ้าแค่ต้องการของสำคัญคืนก็เท่านั้น

                    เขารู้ดีว่าสร้อยเส้นนั้นมันมีความสำคัญกับฟ้ามากขนาดไหน...ถ้าให้คืนไปก็เท่ากับว่าฟ้าจะตัดขาดเขาอย่างถาวรและไม่มีทางที่จะเดินกลับมาหากัน

               ...ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ!

                    “ฟ้าจะไปจากชินจริงๆใช่ไหม!” ฤทธิ์น้ำเมาที่ยังคงไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือดเป็นตัวกระตุ้นเร้าให้ขาดสติ

                    “ชิน...ถอยออกไป” น่านฟ้าผงะถอยเมื่อคนตัวใหญ่ย่างก้าวเข้ามาหาจนประชิดพร้อมกับออกแรงกระชากให้เข้าไปหาอย่างแรงจนใบหน้าปะทะกับช่วงอกกว้าง

               “ไม่!” เสียงทุ้มตวาดลั่นก่อนจะออกแรงโอบรัดร่างของอดีตคนรักแน่นเมื่ออีกฝ่ายเริ่มดิ้นขัดขืนราวกับรังเกียจกันจนเกินจะรับไหว

               ...ฟ้าไม่เคยเป็นแบบนี้...

                     ที่ผ่านมาต่อให้ทะเลาะกันรุนแรงแค่ไหนเพียงแค่กอดเดียวก็สามารถทำให้ฟ้าให้อภัยเขาได้โดยง่าย

               แต่รอบนี้มันต่างออกไป...แม้จะออกแรงรัดแน่นเพียงไหนแต่กลับรู้สึกว่าคนในอ้อมกอดยิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ

               “เราเลิกกันแล้ว! ชินไม่มีสิทธิ์ทำกับฟ้าแบบนี้!” เล็บยาวทั้งจิกและข่วนแผ่นอกจนขึ้นรอยแดง แต่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่สะทกสะท้านแล้วยังเพิ่มแรงรัดให้แน่นขึ้นอีก

               “ชินไม่เลิก!!” คำยุติความสัมพันธ์กรีดลึกลงไปในใจจนเจ็บคล้ายกับถูกคมมีดกรีดจนเป็นแผลเหวอะ

               ...เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าจะทะเลาะกันหนักแค่ไหนน่านฟ้าไม่เคยพูดคำนี้ออกมาให้ได้ยินสักครั้งเดียว

               “ปล่อยนะ! ชิน!ฟ้าเจ็บ!” อุ้งมือแข็งบีบรอบข้อมือเล็กจนขึ้นรอยแดงอย่างน่ากลัว

               “ทำไมต้องเลิก! ฟ้าไปมีคนใหม่ใช่ไหม!” ตะคอกถามจนข้างขมับรับรู้ได้ถึงเส้นเลือดที่เต้นตุบ “บอกมา!มันเป็นใคร! ไอ้เหี้ยนั่นมันเป็นใครถึงกล้าเสือกกะโหลกมายุ่งกับเมียชาวบ้าน!  มันไม่รู้เหรอว่าฟ้ามีผัวแล้ว--!” คำสบประมาทหยาบคายทำให้คนฟังถึงกับหน้าชาวาบ รู้ตัวอีกทีฝ่ามือก็ตวัดตบลงไปบนเสี้ยวหน้าของคนไม่รักดีอย่างช้ำใจ นัยน์ตาสีสวยเอ่อคลอไปด้วยหยดน้ำเมื่อความเสียใจตีรวนขึ้นมาจนท่วมท้น

…หัวใจคนเรามันจะแหลกสลายกันได้กี่ครั้งกัน

“จำเอาไว้…ที่ฟ้าหมดรักชิน มันก็เพราะตัวชินเอง…ไม่ใช่เพราะใคร!”

               ประกายวาวโรจน์นัยน์ตาคมเข้มแสดงให้เห็นว่าตอนนี้เตชินฟิวส์ขาดไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยรอยยิ้มบิดเบี้ยวแสดงให้เห็นว่าภายในนั้นแตกสลายไม่มีชิ้นดี ร่างสูงใหญ่พุ่งตัวเข้าไปตวัดอุ้มอดีตคนรักก่อนจะเหวี่ยงลงไปบนเตียงจนได้ยินเสียงสปริงลั่น

“หึ…ชินไม่ยอมปล่อยฟ้าไปง่ายๆหรอก”

…รู้ว่าคงไม่มีทางหวนคืน…แต่หมาจนตรอกน่ะมันทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว

“ฟ้าเป็นเมียชิน! เป็นของของชิน!…มันคือความจริงที่ฟ้าลบมันออกไปไม่ได้!!”

               น่านฟ้าร้องจนเสียงหลงเมื่ออีกฝ่ายกดล็อกข้อมือทั้งสองข้างขึ้นไว้เหนือหัวพร้อมกับแทรกกายเข้ามาใช้เข่ากดทับหน้าขาจนชาดิก

               “ชิน!หยุดนะ!” กรีดร้องดังลั่นเมื่อเสื้อเชิ้ตที่สวมใส่ถูกกระชากออกไม่มีชิ้นดี กระดุมทุกเม็ดขาดกระจัดกระจายไปคนละทิศ ทันใดนั้นก็รู้สึกชาวาบไปทั้งตัวเมื่อถูกซุกซบเข้ามาที่ข้างซอกคออย่างรุนแรง สัมผัสเปียกชื้นที่ขบเม้มรุนแรงบนผิวเนื้ออ่อนทำให้รู้สึกหวาดกลัวจนร้องไม่ออก

               ริมฝีปากถูกกระแทกจูบดุดันจนรับรู้ได้ถึงสัมผัสเค็มปร่าของเลือดที่ซึมออกมา

เตชินสติแตกไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย...เพราะฝ่ายนั้นทั้งกัดและจูบตระโบมผิวเนื้อด้วยความหยาบคายอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

...เจ็บใจจนน้ำตาไหล

ฝ่ามือเล็กที่ประทุษร้ายคนตัวใหญ่เริ่มอ่อนแรงลง มือที่กำเข้ากับผ้าปูที่นอนจนยับย่นคลายออกเมื่อความสิ้นหวังประเดประดังเข้ามาโจมตี น่านฟ้านอนนิ่งไม่ต่อต้านทั้งๆที่ฝ่ายนั้นเอื้อมมือเข้ามารองใต้แผ่นหลังเพื่อที่จะปลดตะขอเกาะอกออก

เตชินจูบซับลงบนหัวไหล่เปลือยอย่างโหยหา...ไม่ว่าอย่างไรกลิ่นกายของคนในอ้อมกอดก็เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจห้ามความปรารถนาเอาไว้ได้ สองมือบีบเฟ้นไปทั่วผิวเนื้อขาวนวลจนขึ้นรอยแดงอย่างถือสิทธิ์ เรียวปากขบเม้มบริเวณผิวเนื้อเหนือเนินอกจนขึ้นจ้ำสีแดงคล้ำไปทั่วอย่างไร้ความปรานี

ความหึงหวงและต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทำให้สติถูกหั่นสะบั้นลง

...ตั้งแต่คบกันมาไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งแค่ไหนฟ้าก็ไม่เคยอนุญาตให้เขาทำร่องรอยบนตัว...

แต่แล้วสัมผัสเปียกชื้นที่หยดลงบนฝ่ามือก็หยุดให้ทุกการกระทำชะงักลง เนื้อตัวสั่นเทาของคนใต้ร่างทำให้เตชินต้องกำฝ่ามือเข้าหากันแน่นจนเส้นเลือดปูดเกร็ง

...ทำไมต้องหวาดกลัวและรังเกียจกันมากขนาดนี้...

ทั้งๆที่เราเคยรักกันมากแท้ๆ

ทำไม...ทำไมความรักของเขามันส่งไปไม่ถึงใจของอีกฝ่ายเลย

หรือนี่อาจเป็นบทลงโทษของคนที่ไม่รักดี...คนเห็นแก่ตัวที่มาเห็นค่าของสำคัญในวันที่สายไป...

“..แม่งเอ๊ย!” น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงเมื่อเปลือกตาปิดการรับรู้ทุกสิ่ง ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงทับคนใต้ร่างไว้อย่างหมดเรี่ยวแรง เสียงทุ้มต่ำที่สั่นเครือข้างใบหูแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายอ่อนแอมากแค่ไหน “..ขอโทษ...ชินขอโทษ”

เขาเกือบจะทำมันไปแล้ว...เกือบลงมือทำร้ายฟ้าไปแล้ว

น่านฟ้านอนนิ่งไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้นออกมาให้ได้ยิน ริมฝีปากอิ่มถูกขบเม้มจนซีดเพื่อระบายความกดดันทั้งหมดที่มี

…มีค่าแค่นี้ใช่ไหม...

เพราะเป็นแบบนี้ใช่ไหม...ใครต่อใครถึงนึกอยากจะทำอะไรกับร่างกายนี้ก็ได้

…เอาเลย...อยากทำอะไรก็เชิญ..

“ฟ้า...”

“ถอย” น้ำเสียงแผ่วระโหยเฉยชาจนน่ากลัว “...ไปให้พ้น”

“ฟ้า...ชินขอโทษ” มีเพียงเสียงสะอื้นจากผู้ชายตัวโตเท่านั้นที่ดังคลอไปกับเสียงลมเครื่องปรับอากาศ

เตชินยอมผละกายออกห่างในท้ายที่สุด

แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรน่านฟ้าก็ลุกหนีออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าตัวเองจะมีเพียงเสื้อเชิ้ตที่ขาดวิ่นห่อหุ้มผิวกายเอาไว้

เสียงปิดประตูด้านนอกดังขึ้นดึงสติให้ชายหนุ่มต้องรีบคว้าเอาเสื้อเชิ้ตของตัวเองที่พาดอยู่ใกล้ๆมาถือไว้ก่อนจะวิ่งตามออกไป

 

น่านฟ้าแทรกตัวเข้ามาในลิฟต์และปิดเอาไว้ได้ทันก่อนที่ใครอีกคนจะตามเข้ามา

เพียงไม่นานก็ลงมาถึงชั้นล่าง มองจากตรงนี้ก็ได้เห็นว่าใครบางคนกำลังนั่งรออยู่ที่ล็อบบี้ตามเดิมไม่ได้ลุกไปไหน เพียงเท่านั้นม่านน้ำตาก็ฉาบทับขึ้นมาบังเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นลุกเดินเข้ามาหาด้วยความร้อนรน

“น่าน” แทนไทดูตกใจอยู่ไม่น้อยเมื่อเห็นสภาพของน้อง “เกิดอะไรขึ้น”

               น่านฟ้าไม่ตอบอะไรทำเพียงแค่ส่ายหน้าแล้วโผเข้ามากอดเอาไว้แน่น เจ้าตัวซุกหน้าลงกับอกพร้อมกับปล่อยโฮจนผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นหันมามองเป็นตาเดียว

                 แม้จะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่สุดท้ายก็ต้องเก็บความสงสัยเอาไว้แล้วรีบพาน้องกลับไปที่รถ

               แทนไทอาสาเปิดประตูฝั่งข้างคนขับให้น้องลงไปนั่ง แต่แล้วกลับสังเกตเห็นร่องรอยบางอย่างที่เด่นชัดบนเนินเนื้อขาวผ่อง

                  ...พึ่งจะเห็นก็ตอนนี้เองว่ากระดุมทุกเม็ดบนเสื้อน้องมันขาดออกไปจนหมดเลยทำให้คอเสื้อเปิดกว้างขึ้นกว่าเดิม

               “ใครทำ” แทนไทค้ำแขนลงบนหลังกรอบประตูรถด้วยท่าทีเคร่งเครียด “มันใช่ไหม” สันกรามถูกขบแน่นจนนูน

                    น้องไม่ตอบอะไร ทำเพียงก้มหน้านิ่งแล้วกำมือแน่น

               “ฟ้า!” แต่แล้วเสียงร้องเรียกด้วยความร้อนรนของใครบางคนก็ดึงความสนใจให้ต้องหันกลับไปมอง

               เตชินวิ่งเข้ามาหาที่ลานจอดรถทั้งๆที่ไม่ได้สวมใส่รองเท้าพลันในตาก็กลับมาแข็งกร้าวเมื่อเห็นว่ามีใครอีกคนอยู่กันอดีตคนรัก

“มันเป็นใครฟ้า” สันกรามถูกบดจนนูนเพื่อระงับอารมณ์

..เตชินไม่เคยได้พบเจอแทนไทมาก่อน เจ้าตัวรู้เพียงแค่ว่าน่านฟ้ามีพี่ชายอีกคนที่ป๋ารับมาเลี้ยง แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดจะใส่ใจอะไรมากมาย มันเลยไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจผิดคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนใหม่ที่เข้ามาแทนที่ตัวเอง

“ไท...กลับกันเถอะ” น่านฟ้าเอื้อมมือไปจับแขนเมื่อเห็นว่าไทมองฝ่ายนั้นไม่วางตา

“นี่ใช่ไหมคนใหม่ของฟ้า” คนที่ว่าเบี่ยงตัวเข้ามาขวางไม่ยอมให้เขาได้เข้าไปใกล้...ร่างสูงใหญ่ของผู้ชายสองคนยืนประจันหน้ากันเขม็งอย่างไม่ยอมลดละ

“ถอยไป” น้ำเสียงกดต่ำเป็นการเตือน แทนไทผลักอกอีกฝ่ายออกเมื่อเห็นว่ามันตั้งท่าจะเอื้อมมือไปดึงตัวน้อง

“มึงมีสิทธิ์อะไรมาสั่งกู!” เตชินผลักคืนอย่างไม่ออมแรงนัก “นี่เมียกู! อย่าเสือกมายุ่งกับของคนอื่น!”

“พูดดีๆไม่ชอบใช่ไหม”

สิ้นน้ำเสียงเย็นเยียบสัมผัสหนักๆก็ลอยปะทะกับใบหน้าเข้าอย่างจังจนคนถูกต่อยเซล้มลงไปบนพื้น

               “ไท!”

                    เสียงร้องเรียกไม่เป็นผลเมื่อคนที่ถูกโทสะควบคุมจนสิ้นสติ แทนไทดึงคอเสื้ออีกฝ่ายขึ้นมาก่อนจะเหวี่ยงกระแทกเข้ากับตัวรถพร้อมใช้แขนดันล็อกลำคอเอาไว้จนไม่มีโอกาสที่จะตอบโต้กลับได้

เตชินไม่ใช่ผู้ชายตัวเล็กก็จริง...แต่ถ้าเทียบกับไทแล้วล่ะก็ยังไงก็คงสู้ไม่ไหว

ในขณะที่อีกคนเป็นเพียงผู้ชายสุขภาพแข็งแรงทั่วไป...จะไปเทียบกับแรงนักกีฬาได้ยังไง

               “เหี้ยเอ๊ย!” เสียงสบถหยาบดังขึ้นซ้ำยังพยายามที่จะสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้

               “น่านเลิกกับมึงแล้ว” หนุ่มใต้กดเสียงต่ำอย่างต้องการระงับอารมณ์เดือดดาลที่ปะทุขึ้นมา “อย่าเสือกเข้ามายุ่งอีก”

                    …แทนไทที่อยู่ตรงหน้าราวกับเป็นใครอีกคนที่น่านฟ้าไม่เคยได้รู้จัก

...ดูน่ากลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้...

               “แล้วน่านก็ไม่ใช่สิ่งของของใครทั้งนั้น...ไม่ใช่คนที่มึงคิดจะมาเล่นทิ้งๆขว้างๆด้วยได้” ถ้อยคำเอ่ยเตือนแฝงไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “จำใส่หัวไว้”

ประกายตาลุกโชนไปด้วยโทสะพร้อมกับแรงกดเข้าที่ลำคอของอีกฝ่ายแน่น ความรู้สึกที่สะสมมาเนิ่นนานถูกระบายผ่านเรี่ยวแรงมหาศาลเมื่อหวนนึกถึงรอยน้ำตาของใครบางคนที่หลั่งไหลเพราะคนคนนั้น

               ...ทั้งๆที่มีโอกาสได้ดูแล...แต่ทำไมยังทิ้งขว้างอย่างไม่ไยดี

ทำเหมือนกับว่าเป็นของตายที่รอให้มันคอยเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า

               ...ที่ผ่านมาเพราะเห็นว่าน่านรักมันมากเลยยอมถอย…ไม่เข้าไปยุ่ง

               พอแล้ว...พอกันที

                    ทนมาเกินพอแล้ว

               หมัดที่สองซัดเข้าที่ใบหน้าจนอีกฝ่ายเซจนต้องอิงตัวเข้ากับรถ แต่พอตั้งท่าจะเข้าไปต่อยซ้ำให้หายแค้นกลับถูกใครบางคนเข้ามาขวางเอาไว้ก่อน

               “ไท..พอแล้ว” …น้องร้องขอทั้งที่น้ำตายังเปื้อนอาบแก้ม

               “...” หมัดสองข้างกำแน่นจนเกร็งแววตาเครียดขมึงจ้องเลยผ่านไปยังอีกคนอย่างไม่ยอมล่าถอย...อาจเป็นเพราะน้ำหนักกำปั้นที่มีมากกว่าคนปกติทั่วไปเลยทำให้ฝ่ายนั้นมึนอยู่ไม่น้อย

               “พอแล้ว...น่านขอ...” ฝ่ามือเล็กเอื้อมมาจับแขนเอาไว้ นัยน์ตากลมโตสั่นไหวเมื่อช้อนขึ้นมอง เพียงเท่านั้นก็คล้ายกับถูกกระแสน้ำเย็นสาดซัดเข้ามาดับไฟโทสะที่กำลังคุกรุ่น “ไทอย่าทำเขาเลย”

            ก็แพ้อยู่วันยังค่ำ

               “…จะปกป้องมันทำไมน่าน”

               “ไท..”

                    “ยังจะห่วงมันอีกทำไม”

                    ถามออกไปทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แก่ใจ

               คนเคยรักกัน...จะห่วงกันก็ไม่แปลก

               ทั้งๆที่รู้แบบนั้นแต่แรงบีบรัดในอกซ้ายกลับทำงานหนักจนแทบทนไม่ไหว

               ...ยิ่งเห็นว่าน้องร้องไห้ก็ยิ่งเจ็บจนแทบบ้า

             

 บรรยากาศภายในรถเงียบจนน่าอึดอัด น่านฟ้าพิงตัวเข้ากับประตูรถจนแทบกลืนหายเข้าไปในนั้น

รู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาไม่หยุดเมื่อคนข้างกายไม่มีท่าทีที่จะหันกลับมามองกัน...หลังจากที่ออกมาจากคอนโดของเตชินไทก็เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา น่านฟ้าสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายกำพวงมาลัยแน่นจนกล้ามเนื้อตึงเครียดไปหมด

...ไม่เคยเห็นไทโมโหขนาดนี้มาก่อน

ยอมรับว่าตอนนั้นตกใจมากจริงๆที่เห็นไทต่อยอดีตคนรัก...เพราะปกติแล้วในเรื่องการใช้กำลังแทนไทจะเป็นคนที่ใจเย็นมากเพราะเจ้าตัวรู้ตัวดีว่าตัวเองนั้นมือและเท้าหนักกว่าคนทั่วไป ถ้าไม่จำเป็นจะพยายามเลี่ยงตลอด ขนาดต่อยเตชินไปแค่ไม่กี่หมัดฝ่ายนั้นยังแทบแย่ ถ้าปล่อยให้มีเรื่องต่อมีหวังไม่พ้นหามส่งโรงพยาบาลแน่นอน

“...น่านขอโทษ” น้องเสียงสั่นพร่าพร้อมกับเอื้อมมือจะไปจับแขนเอาไว้...แต่ก็ต้องใจเสียเมื่อคนพี่ยื้อหลบ

“…”

“ไทอย่าโกรธเลยนะ” กังวลจนแทบบ้ากับท่าทีเฉยชาแบบนี้ “น่านไม่ได้เป็นห่วงเตชินแล้ว...แค่...แค่ไม่อยากให้ไทมีเรื่อง”

“น่านไม่ได้ ฮึก ..ไม่ได้รักเขาแล้วจริงๆ” น้ำตาที่พยายามกลั้นมาตลอดทางหยดลงบนฝ่ามือ

“...”

“ไทเชื่อน่านนะ...ขอร้อง” ตัวแสบเซื่องซึมลงมาก ทั้งมือก็ยกขึ้นปาดน้ำตาป้อยๆเหมือนเด็กเล็กๆโดยไม่ได้แคร์เลยว่ามาสคาร่าจะเปื้อนเปรอะ

เผลอเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อความกดดันทั้งหมดลอยวนเวียนอยู่รอบตัวจนรู้สึกหนักอึ้ง...ปลายเล็บจิกลงบนอุ้งมือจนเป็นรอยแดงเพื่อระบายความอึดอัดที่เกิดขึ้น

ไม่ได้อยากร้องไห้งี่เง่าแบบนี้เลย...แต่เพราะมันทนไม่ไหวที่อีกคนเอาแต่นั่งเงียบไม่สนใจกัน

แต่แล้วจู่ๆฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งก็ยื่นเข้ามาหาพร้อมกับถือวิสาสะสอดปลายนิ้วเข้ามากอบกุมเอาไว้แทนเลยทำให้อุ้งมือปลอดภัยจากเล็บของตัวเอง

“เดี๋ยวเจ็บมือ” ประโยคสั้นๆที่เรียกให้หยดน้ำตาไหลรินลงมามากกว่าเดิม “...ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ”

“…” น่านฟ้าส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมออกแรงกระชับฝ่ามืออุ่นแน่น

“อย่าร้องไห้”

พอเงยหน้าขึ้นมองฝ่ายนั้นก็เอาแต่มองตรงไปยังท้องถนน...ตาคมจ้องเลขสีแดงของไฟจราจรอย่างมั่นคง ไม่แม้แต่จะหันมาสนใจต่างจากอุ้งมือใหญ่ที่บีบกระชับแน่นขึ้นจนรู้สึกอุ่นไปทั้งหัวใจ

ความแข็งกระด้างฉุนเฉียวก่อนหน้าหายไปแล้ว...ตอนนี้เหลือแต่หมีตัวโตที่ดูหงุดหงิดงุ่นง่านเวลาที่มีอะไรสักอย่างมาป้วนเปี้ยนให้รำคาญใจ

“ไท”

“ครับ”

“ขอบคุณนะ” ขอบคุณที่อยู่ข้างๆกัน

“อืม” ในที่สุดก็ยอมหันกลับมามองกันซะที “...เจ็บมากไหม” ปลายนิ้วยกขึ้นมาลูบข้างมุมปากอย่างเบามือ...อ่อนโยนราวกับคนที่ต่อยคนอื่นจนหน้าหงายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานั้นเป็นเพียงร่างสมมติ

“ฮื่อ เจ็บ” เพราะตอนที่เตชินจูบน่ะโดนเขี้ยวบาดมาด้วยนิดหน่อย

...แต่คงไม่กล้าบอกหรอกเดี๋ยวหมีแปลงร่างอีก

“ไหนดู” จู่ๆคุณคนขับก็โน้มตัวลงมาใกล้จนน่านฟ้าเผลอกลั้นหายใจไปเสี้ยววินาที ลำตัวแนบไปกับเบาะแน่นเมื่อฝ่ายนั้นเอี้ยวตัวเข้ามาหาจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกัน

ลมหายใจอุ่นร้อนที่เจือกลิ่นหอมเย็นของเมนทอลเริ่มทำให้รู้สึกตาพร่าเบลอ...นิโคตินเจือจางปลุกเร้าความรู้สึกบางอย่างให้ออกมาโลดแล่น

ปลายนิ้วอุ่นไล้รอยช้ำเล็กๆตรงมุมปากแผ่วเบาก่อนจะย้ายไปเกลี่ยที่ข้างแก้มทั้งๆที่ยังคงจับจ้องอยู่กับเยลลี่นุ่มนิ่มไม่วางตา...น้องเผลอเม้มปากอีกครั้งจนเจ้ารอยบุ๋มข้างแก้มโผล่มาให้เห็น

...ทุกๆอย่างสะกดสายตาจนไม่อาจจะเพิกเฉยได้...เรียวลิ้นในโพรงปากเริ่มอยู่ไม่สุขจนต้องดุนดันเข้าที่กระพุ้งแก้มเพื่อระงับความอยากบางอย่างที่กำลังปะทุขึ้นมา

...แทนไทคิดมาตลอดว่าตัวเป็นพวกสูบบุหรี่จัดในระดับหนึ่ง

แต่อาการแบบนี้ไม่เคยเป็นมาก่อน...

ยิ่งได้สบเข้ากับแววตาที่ไหวสั่นของคนตรงหน้าด้วยแล้ว...คิดว่านิโคตินหลายร้อยกรัมก็คงไม่สามารถระงับได้

“ท...ไท” น้องเรียกไม่เต็มเสียงนักเพราะตอนนี้ระยะห่างระหว่างกันอยู่ในขั้นอันตราย...ผิดจังหวะไปนิดเดียวล่ะโดนแน่…

“ยัง...ยังหิวอยู่ไหม” รู้ว่าคำถามที่ถามออกไปมันไร้สาระ...แต่ตอนนี้คิดอะไรไม่ออกแล้ว..

รอยยิ้มขบขันปรากฏบนใบหน้าคมดุ...น่านฟ้าใจกระตุกเมื่อฝ่ายนั้นเผลอขบเรียวปากล่างราวกับกำลังสะกดกลั้นอะไรบางอย่างอยู่

...ภายในเสี้ยววินาที...ผีเสื้อนับร้อยนับพันก็โบยบินสยายปีกเป็นอิสระหลุดพ้นจากพันธนาการเศร้าโศกที่กักขัง

เมื่อได้รับสารบางอย่างที่ส่งผ่านมาทางกระแสลม

..เว้าวอน..อ่อนหวาน

และมากล้นราวกับสิ่งสิ่งนั้นถูกกักเก็บมาเนิ่นนาน…รอให้ใครอีกคนได้รับรู้

“...แทนไท” ใกล้เกินไปแล้ว..

“ครับ” ไม่ต้องมายิ้มเลย...อันตรายเกินไปแล้วจริงๆ

“ไฟ..อือ...ไฟเขียวแล้ว” เสียงขาดห้วงไปเล็กน้อยเมื่อถูกแกล้งให้ต้องเบี่ยงหน้าหลบออกไปอีกทาง

ฝ่ายนั้นผละออกไปตั้งใจขับรถเหมือนเดิม...จะมีก็เพียงแค่แขนข้างซ้ายที่ยังคงป้วนเปี้ยนวางพาดอยู่บนพนักพิงของเบาะตุ๊กตาหน้ารถอย่างแนบเนียน

รอยยิ้มบางเบาปรากฏสะท้อนจากกระจกมาให้ได้เห็นจนใบหูขาวเองก็ขึ้นสีระเรื่อไปตามกัน

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา...ทนมามากพอแล้ว

...หลังจากนี้คงถึงเวลาที่จะทำอะไรให้มันชัดเจนสักที



_________________________________________



พี่ไทหิวอัลไล! พูดให้มันดีๆ! /ตีๆๆๆๆ  :angry2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-02-2019 21:27:03 โดย Punmile09 »

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
ไม่อยากให้ขึ้นไปคนเดียว นึกแล้วว่าต้องเจอแบบนี้
มันแย่มากๆ

รอพี่ไท ได้เวลาทำอะไรให้มันชัดเจนแล้ว ขอให้สำเร็จนะ

ออฟไลน์ bowbeauty

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
พี่แทนของน้องงงง งื้ออออ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด