ภูรักฟ้า Special 3 กลับมาได้ไหม...กลับมาหากัน(แทนความคิดถึง)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ภูรักฟ้า Special 3 กลับมาได้ไหม...กลับมาหากัน(แทนความคิดถึง)  (อ่าน 28206 ครั้ง)

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คำโปรย

ความผูกพันในวัยเยาว์ก่อเกิดเป็นรัก  ต่อให้ต้องแยกจากรักนั้นก็ยังคงอยู่
อาจรางเลือนดั่งภาพฝัน  แต่ยังอุ่นไอในกันและกัน   
อยู่ในความทรงจำ… ไม่อาจลืม
 “ตัวเล็ก  อย่าลืมพี่นะ  พี่จะกลับมา  เราจะหากันจนเจอ”


       สารบัญ
ตอนที่  1  ครอบครัวภูดิศ           
ตอนที่  2  เมื่อหมอมาหา
ตอนที่  3  แรกพบสบตา
ตอนที่  4  ใกล้กันอีกนิด
ตอนที่  5  ขยับมาใกล้กัน
ตอนที่  6  เมื่อมีคนเจ็บ
ตอนที่  7  มุมที่เปราะบาง
ตอนที่  8  จำกันได้ไหม
ตอนที่  9  ปาร์ตี้ริมสระ
ตอนที่ 10  กลัวที่แคบ
ตอนที่ 11  ถูกกล่าวหา
ตอนที่ 12  เคลียร์กับคุณปู่
ตอนที่ 13  คนนี้ที่ชอบ
ตอนที่ 14  เป็นแฟนกันนะ
ตอนที่ 15 มีคนรู้ว่ามีแฟน
ตอนที่ 16 น้องวินวินป่วย
ตอนที่ 17 การเผชิญหน้า
ตอนที่ 18 งานกาล่าดินเนอร์
ตอนที่ 19 คุณหญิงแม่
ตอนที่ 20 พี่ไม่เคยลืม
ตอนที่ 21 พี่เมศแพ้แอลกอฮอล์
ตอนที่ 22 ขอผมดูแลพี่เอง
ตอนที่ 23 พี่น้ำเป็นห่วงลูก
ตอนที่ 24 เที่ยวสวนผึ้ง
ตอนที่ 25 พี่น้องเคลียร์กัน
ตอนที่ 26 พี่น้ำเครียด ใครกัน?
ตอนที่ 27 พ่อตัวจริง
ตอนที่ 28 ค้างบ้านพี่ภู
ตอนที่ 29 บ้านนี้มีลูกเขย
ตอนที่ 30 ครอบครัวน่านน้ำ
ตอนที่ 31 เรื่องดีๆ
ตอนที่ 32 ถูกลักพาตัว
ตอนที่ 33 ลบรอย
ตอนที่ 34 วันเกิดคุณปู่
ตอนที่ 35 คืนข้ามปี
ตอนที่ 36 รักแท้มีจริงหรือ?
ตอนที่ 37 เพราะรัก
ตอนที่ 38 รักเป็นเหตุ
ตอนที่ 39 แค่รัก
ตอนพิเศษ 1
ตอนพิเศษ 2
ตอนพิเศษ 3

บทนำ

“ขอโทษที่ซุ่มซ่าม  นี่รูปพี่ภูตอนเด็ก  เหรอฮะ”
ขอบฟ้ากลั้นใจถามออกไป  แล้วรอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อและคาดหวัง

“ใช่ครับ  ตอนนั้นพี่เรียนอยู่  ป.6 ทั้งบ้านก็มีรูปเดียวนี่แหละครับ
พี่ไม่ค่อยชอบถ่ายรูปสักเท่าไหร่”

ขอบฟ้าได้ยินคำตอบของพี่ภูรู้สึกเย็นวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
จ้องหน้าพี่ภู  พลันน้ำตาก็เอ่อท้นขึ้นมาอีก

`เจอแล้วนะครับ  พี่ตัวโต  ตัวเล็กอยู่นี่แล้ว จำได้ไหมฮะ
พี่บอกห้ามลืมพี่ไง  แล้วพี่ล่ะ`

 



พี่ดีกับผม เล่นกับผม เล่านิทานให้ฟัง ให้ขี่คอ
แต่แล้ววันหนึ่ง...พี่ทำลายความเชื่อใจทั้งหมด ผมถูกขังไว้ในห้องมืดที่ไร้
ซึ่งแสงสว่าง  มีเพียงอากาศอันน้อยนิดที่พอให้
หายใจ  ผมร้องไห้ดิ้นรนขัดขืน  อ้อนวอนขอให้พี่เปิดประตู
ไม่มีใครได้ยินผมเลย...ผมกลัวเหลือเกิน  อากาศอันบางเบา...ลมหายใจที่เริ่มแผ่วโหย

`ไม่นะ ผมยังไม่อยากตาย  แม่ครับ  พ่อครับ  ช่วยภูด้วย!`
แล้วสติรับรู้ทั้งหมดของผมก็ดับวูบลง 



“พ่อไม่รักเราแล้วตาเมศ  พรุ่งนี้พ่อลูกจะแต่งงาน”

“ไม่เป็นไรนะครับแม่  เมศอยู่นี่  แม่ยังมีเมศ  แม่อย่าร้องไห้”

พ่อต้องไปแต่งงานใหม่เพื่อความเหมาะสม
แม่ต้องทนกับความเศร้าและเหงาจนสุดท้ายก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
ด้วยปืนเพียงนัด  ผมไม่เหลือใครแล้ว  แม่จากผมไป
ผมต้องไปอยู่บ้านใหญ่  แต่มันช่างอ้างว้าง โดดเดี่ยวเสียเหลือเกิน
ทุกคนให้ความสนใจกับเด็กน้อยน่ารักที่ชื่อภู...น้องชายสินะ
`เด็กนั่นทำบุญมาด้วยอะไร  ถึงมีพร้อมไปเสียทุกอย่าง`







ตอนที่  1  ครอบครัวภูดิศ 

ชายหนุ่มนัยน์ตาสีสนิมมองดูตัวเองในกระจก  เช้านี้เลือกที่จะสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเนื้อเนียน
กับกางเกงสแล็คผ้ายืดทรงกระบอกสีดำ  แม้สีเสื้อจะตัดกับสีผิวของเขามากพอดู
แต่ความพอดีของชุดกลับทำให้น่ามองด้วยรูปกายที่สูงใหญ่ผมตัดสั้นตามสมัยนิยม
คิ้วเข้มได้รูป  จมูกโด่งเป็นสัน  กับริมฝีปากหนาแม้ยกยิ้มเพียงน้อยนิดก็มีเสน่ห์ดึงดูด
ทั้งหญิงชายให้อยากเข้าใกล้  เขาคว้าเสื้อสูทราคาแพงติดมือลงมาชั้นล่างด้วย
พบกับหญิงสูงวัยร่างท้วม  ผิวขาวหน้าตาใจดี  แย้มยิ้มเดินเข้ามาหาและหยุดอยู่ตรงหน้า

“คุณหนูของนมตื่นแล้วหรือคะ  ของที่จะนำไปถวายพระเช้านี้พร้อมแล้วละค่ะ
คุณหนูต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่าคะ?”

“ไม่แล้วล่ะครับนมพร้อม  ดูสิครับ  ต้องลำบากลำบน  ตื่นดึกดื่นมาทำให้
เดี๋ยวก็ล้มป่วยไปหรอก  ผมไปซื้อหาเอาข้างหน้าก็ได้นม  จะทำให้เหนื่อยทำไมครับเนี้ย”

“ได้ยังไงกันล่ะคะ  นมเคยทำให้ทุกปี  ครบรอบวันจากไปของคุณท่านทั้งสองทั้งที
เพื่อเป็นการระลึกถึงท่าน  คุณหนูอย่าห้ามนมเลยค่ะ”
นมพร้อมพูดไปก็อดลูบหลังไหล่ชายหนุ่มที่นางเลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อยเสียไม่ได้

“ห้ามเคยได้เหรอครับนม  หึหึ”
ชายหนุ่มสัพยอกจึงถูกนมพร้อมตีเพียะที่ต้นแขนไปเบาๆ

“สายๆ  นมก็พักผ่อนบ้างนะครับ  รู้สึกไม่สบายรีบบอกผมเลยนะนม”
ชายหนุ่มกำชับด้วยความอาทรห่วงใย

"นมยังแข็งแรงอยู่ค่ะ  ช่วยเลี้ยงยัยหนูรินได้จนโตนั่นแหละ
ไม่ต้องมาห่วงนมเลยคุณหนู” 
ขณะที่พูดก็เดินไปหยิบกล่องอาหารเช้ามายื่นให้ชายหนุ่ม
“นี่อาหารเช้าค่ะ  อย่าลืมทานด้วย  ในส่วนของพระ  นมให้เจ้านัทเอาไปไว้ที่รถแล้วล่ะค่ะ
อีกอย่างหนูรินวันนี้ให้หยุดเรียนสักวันนะคะตัวรุมๆ เกรงว่าจะมีไข้น่ะ
 นมก็ให้ส้มไปอยู่เป็นเพื่อนแล้ว  รีบไปเถอะค่ะเดี๋ยวสาย”

นมพร้อมไม่วายกำชับชายหนุ่มเรื่องมื้อเช้าและแจกแจงเรื่องในบ้านให้ฟัง
ในวันปกติเขาจะทานมื้อเช้าพร้อมลูกแล้วจึงพาไปส่งโรงเรียนก่อนที่จะไปทำงาน
หนุ่มโสดกับการทำหน้าที่พ่อไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาก็ได้นมพร้อมนี่แหละ
ที่เป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ให้ความช่วยเหลือ

“ไปละครับนม  ฝากยัยหนูด้วยครับ”
 ชายหนุ่มพูดจบหันไปหอมแก้มนมพร้อมเสียฟอดใหญ่


นมพร้อมมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่ม  ผู้ถือกำเนิดในตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวย
อันดับต้นๆ ของประเทศ  ผู้ซึ่งจำต้องขึ้นบริหารงาน
แทนผู้ให้กำเนิดที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกเมื่อหลายปีก่อน


ในตอนนั้นชายหนุ่มยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มนักศึกษาที่เรียนปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัยอยู่เลย
แต่จากการที่พ่อของเขาใช้ให้ไปเรียนรู้งานตั้งแต่ตอนเรียนอยู่มัธยมปลายก็เป็นการบ่มเพาะ
เมล็ดพันธุ์ไปในตัว  ทำให้เขาสามารถขึ้นบริหารงานต่อจากบิดาได้ทันทีที่ท่านจากไปอย่างกระทันหันเช่นนี้



4 ปีก่อนชายหนุ่มเกิดไปถูกชะตากับทารกแรกเกิดเพศหญิง
แม่เด็กท้องในวัยเรียนและไม่พร้อมเลี้ยง

หนูน้ำรินเป็นเด็กในโครงการ `รับฝากเลี้ยงเด็กที่แม่ไม่พร้อมเลี้ยง`
โดยแม่เด็กได้กรอกแบบฟอร์ม `ยินดียกลูกเป็นสิทธิ์ขาดรัฐ
 เพื่อจัดหาครอบครัวทดแทนให้เด็กเป็นบุตรบุญธรรม `

ภูดิศจึงขอให้ลุงปรานต์ลุงของเขาเองที่เป็นแพทย์ศัลยกรรมหัวใจ
ในโรงพยาบาลนั้นช่วยดำเนินการให้
จนเขาได้สิทธิ์ในการเลี้ยงดูหนูน้ำรินตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
 

ตอนสายขณะที่นมพร้อมนั่งอยู่บนแคร่ในครัวไทยแบบเปิดโล่ง
ซึ่งภูดิศเพิ่งให้ช่างมาต่อเติมขยายพื้นที่ใช้สอยให้มากขึ้นกว่าเดิม
ขณะที่เด็กรับใช้กำลังจัดเรียงเครื่องครัวให้เข้าที่เข้าทางอยู่นั้น
นมพร้อมก็ได้ยินเสียงเดินเตาะแตะมาทางเบื้องหลังของนาง
สักพักก็มีมืออ้วนๆ ป้อมๆ มากอดรัดที่แผ่นหลังของนาง

“จ๊ะเอ๋…ใครเอ่ย  รู้ไหมคะ?”  เสียงเล็กใสเอื้อนเอ่ย พร้อมทั้งหัวเราะคิกคัก

“นั่นสิ  ใครกันนะ”
นมพร้อมซ่อนรอยยิ้มขบขัน  ฉับพลันทันใดเด็กน้อยก็เอี้ยวตัวมาด้านหน้า

“น้ำรินไง  คุณย่าขา  ดูการ์ตูนจบแล้ว  หิวจังค่ะ”
ใบหน้าแป้นแล้น  แก้มแดง  ดวงตากลมใส
มัดจุก 2 ข้าง  ก็โหนตัวมานั่งตรงหน้านมพร้อม

“ส้ม  หนูรินหิวแล้วล่ะ  ไปหาอะไรมาให้ทานเร็วเข้า”
ส้มพี่เลี้ยงรีบวางมือ  เดินรี่ไปเตรียมของว่างทันที

“หนูรินรอๆ  ไม่หิวเท่าไหร่  คุณย่าขา”
พูดพลางยิ้มประจบ  ย่าพร้อมก็ยกมือลูบหัวเด็กช่างเจรจา


“วันนี้ลูกชุบค่ะหนูริน” พี่ส้มวางขนมให้ตรงหน้า
 หนูรินยกมือไหว้ขอบคุณพี่ส้ม  หนูน้อยจิ้มลูกชุบหลากสีเข้าปากเขี้ยวตุ้ยๆ
นมพร้อมมองเด็กน้อยที่บอกว่าไม่ค่อยหิวด้วยสายตาเอื้อเอ็นดู 
ไม่ทันไรจานของว่างก็ว่างเปล่าไปแล้ว  ยัยหนูยกน้ำขึ้นดื่มต่อ
 วางแก้วลงแล้วลูบท้องป้อยๆ

“ทานเยอะไม่ดี  อ้วนๆ  พ่อภูบอก"
เด็กในครัวได้ยินพากันหัวเราะ  โดยเฉพาะเจ้านัทตัวแสบที่ชะเง้อมองจานขนมที่ว่างเปล่า
ก็พูดสวนขึ้นทันควันตามประสาคนปากไว

“ไม่ทันแล้ว  ลูกหมูเอ้ย!  จะกลิ้งได้แล้วล่ะนั่น”
 พี่นัทหัวเราะงอหาย

“กิ้งไม่ได้สิพี่นัท  หนูรินไม่อ้วนซะหน่อย”
 หนูน้อยยกมือกอดอกฉับ  หันข้างให้พี่นัทที่ว่าตนอ้วนเป็นหมู

`เป็นหมูไม่ดีสิ`
 หนูน้อยคิด  เจ้านัทก็ยังล้อหลอกทำจมูกหมูใส่คุณหนูของมันไม่หยุด

นมพร้อมยกมือเป็นขึ้นเป็นการห้ามปราม  เจ้านัทจึงยิ้มแหยๆ
แล้วเข้าไปง้อหนูรินที่แก้มป่องพองลมไปแล้ว

เจ้านัทง้องอนคุณหนูแป๊บเดียวเสียงหัวเราะคิกคักก็กลับมาอีกครั้ง
นมพร้อมเห็นว่าบ่ายคล้อยมากแล้ว  จึงบอกส้มให้มาพาหนูรินไปนอนกลางวัน

“นอนกลางวัน  ตื่นมา…ฉลาดเลย”  หนูรินเชื่อที่พี่นัทเคยบอกไว้
 ทุกคนในครัวพากันอมยิ้มคำพูดของหนูน้อย  ก่อนไปไม่วายหันมาโบกไม้โบกมือไหวๆ ลาทุกคน




หญิงสาวในชุดกระโปรงสีส้ม  ผ้าเนื้อเนียนเบาสบายกับดีไซน์เก๋ที่สวมใส่
ทำให้เธอดูเป็นสาวมาดมั่น  และการแต่งหน้าที่ไม่เข้มจัดจนเกินไปกับผมที่ซอยสั้น
บ่งบอกความเป็นตัวเองในแบบของเธอ 

หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปยังห้องของผู้บริหารหนุ่ม  พร้อมหอบแฟ้มงานอีกกองและสมุดเสนอเซ็นเข้าไปด้วย
“คุณภูคะ  ริสามีงานมาเพิ่มแฟ้มนี้ค่ะไม่ด่วนเท่าไหร่  ตารางงานพรุ่งนี้ด้วยค่ะ
 ประชุมบอร์ด 9  โมง  ทานมื้อเที่ยงกับคุณปรานต์ที่ร้านอาหารไทย
 บ่ายเข้าไซต์งานกับคุณวินิจค่ะ”

หญิงสาวแจกแจงตารางงานให้ภูดิศฟัง  เขาพยักหน้ารับแต่ไม่เงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยซ้ำ
เขายังคงง่วนอยู่กับเอกสารกองหนาตรงหน้า  เธอทำหน้าที่เป็นเลขาคู่กับณนนท์
ให้กับชายหนุ่มมานาน  ความเป็นคนหนุ่มที่เต็มไปด้วยความสามารถและฉลาดหลักแหลม
ทันคน  ทำให้ทั้งเธอและณนนท์จำเป็นต้องตื่นตัวและพัฒนาตัวเองให้ทัดเทียมเจ้านายตลอดเวลา
มีเจ้านายไฟแรงและเก่งแบบนี้ก็เหนื่อยเป็นธรรมดา

“ริสา  ผมขอรายละเอียดที่จะคุยในวันพรุ่งนี้ด้วย  ส่วนบ่ายนี้ผมไม่เข้าแล้วนะ
 แล้วก็ช่วยเรียกณนนท์ให้ผมที  ขอกาแฟมาเพิ่มให้อีกถ้วยนึงด้วยล่ะ”
 ชายหนุ่มพูดรัวเร็ว  ใบหน้าเรียบเฉย

ไม่บ่อยครั้งนักที่ริสาจะได้เห็นใบหน้าที่แสดงอารมณ์ในแบบอื่นๆ ด้วยหน้าที่การงานที่รัดตัว
และช่วงเวลาที่ต้องเร่งรีบมันได้กลืนกินชายหนุ่มไปมากทีเดียว

ริสาได้แต่นึกเห็นใจเจ้านายหนุ่ม  เมื่อริสาออกไปสักพักเลขาหนุ่มหล่อตัวบาง
หน้าตี๋  ปากแดง  ก็เข้ามาพร้อมกาแฟที่ชายหนุ่มขอไว้

“คุณภูเรียกผม  มีงานอะไรเร่งด่วนให้รับใช้ครับ”
พูดพร้อมกับส่งยิ้มตาหยีมาให้  ภูดิศเงยหน้ามองคนมาใหม่พร้อมยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบไปพลางๆ

“คุณช่วยติดต่อที่พัก  ที่สวนผึ้งให้ผมที  ผมจะพาครอบครัวไปพักผ่อนขอเป็นปลายๆเดือนนะ
ที่พักสำหรับ 7 - 8 คน  ขอเป็นความลับด้วยล่ะ  ไม่อยากให้ใครไปรบกวน”
ชายหนุ่มสั่งงานแล้วก็ก้มหน้าก้มตาสนใจกับกองงานตรงหน้าต่อ

“ครับบอส  จะซุกสาวไปด้วยก็บอกเถอะครับ  เดี๋ยวผมจัดให้แบบเงียบเชียบที่สุด
วางใจได้เลยครับ”

 ภูดิศเงยหน้ามองทำตาดุใส่เจ้าหนุ่มตี๋  ณนนท์คนเดียวนี่แหละที่กล้าเย้าแหย่เขาแต่ความขี้เล่น
ที่ไม่มีพิษภัยอะไรก็ทำให้ผ่อนคลายได้ดีเหมือนกัน  ทั้งริสาและณนนท์สองคนนี้ไม่ว่างานน้อยใหญ่
ไม่เคยปล่อยหลุด  จัดการได้ดีแม้กระทั่งกับคนที่เจ้านายอย่างเขาไม่พึงประสงค์ก็ตาม



เลิกงานแล้วขณะที่ภูดิศเอื้อมมือไปจะเปิดประตูรถยนต์คันหรูสีดำของเขาเพื่อกลับบ้าน
โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน  พอเห็นรายชื่อผู้ที่โทรเข้ามาก็พรูลมหายใจก่อนจะกดรับสาย

“สวัสดีครับ  คุณปู่”

“ตาภู  เข้ามาที่บ้านเย็นนี้  ปู่มีธุระจะคุยกับแก  อย่าช้าล่ะ”

“ครับ”  แค่นั้นจริงๆ  ที่เขาพูดได้ทัน  ก่อนที่ปลายสายจะตัดไป



ปัญหาร้อนหูและชวนให้ร้อนใจมักจะตามมาเสมอเมื่อเขากับปู่ต้องพบกัน

ชายหนุ่มเลี้ยวรถเข้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์หลังงามตระกูล  `ศุภกิตติ์บุญญารักษ์`
ซึ่งกินอาณาบริเวณกว้างขวางแทบจะสุดลูกหูลูกตา 
บ้านที่เขาเคยอยู่มาตั้งแต่เล็กแต่น้อย  เขาซึ่งเป็นทายาทสายตรง
กลับไม่มีความยินดียินร้ายต่อมันเลย


เขาอึดอัดทุกครั้งที่ต้องย่างกรายเข้ามาที่นี่  ชายหนุ่มเดินเรื่อยไปตามทางที่ทอดยาว
ไปยังห้องรับแขกที่คาดว่าประมุขของบ้านกำลังรอการมาของเขาอยู่
เมื่อโผล่หน้าเข้าไปในห้องก็พบชายวัยเกษียณผมสีดอกเลา  ท่าทางน่าเกรงขาม
นั่งอ่านหนังสือรออยู่ก่อนแล้ว  ท่านเงยหน้าขึ้นแล้ววางหนังสือในมือลง
ชายหนุ่มรีบทำความเคารพ  แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับท่าน

สาวใช้นำน้ำดื่มมาเสิร์ฟ  เขาทำเพียงชายตามองเฉยๆ  โดยไม่คิดที่จะยกขึ้นดื่มด้วยซ้ำ

“ปู่จะให้แกหมั้นกับหนูญาดา  ลูกสาวคุณอรรถกับคุณหญิงรวี”
 คุณปู่พูดขึ้นโดยไม่มีอารัมภบทเช่นเคย

“ห๊ะ!!  อะไรนะ!!”
 ร่างสูงตกใจ  เผลอหลุดตะโกนออกไป

คนเป็นปู่ชะงักมองหลานชายที่ไม่เคยว่าง่ายสักครั้งในสายตาของท่าน
 แววตาเด็ดเดี่ยวนั่น  ไม่ต่างอะไรกับตอนที่ชายชราหนุ่มๆ เลยสักนิด

“อายุแกก็มากพอสมควรที่จะมีคู่ครอง  ยังจะรออะไรอีก
 ฉันที่แก่ลงทุกวันก็ต้องการเพียงเห็นพวกแกเป็นฝั่งเป็นฝา 
ไม่รู้ล่ะ  ไม่แกก็ตาเมศที่ต้องมีทายาทสืบสกุลให้ฉัน”
คุณปู่พูดไปตามเจตนาที่ตั้งไว้  ท่านเห็นสีหน้าเป็นกังวลของหลานชายแล้วให้นึกขัดใจยิ่งนัก

“ไม่!!  ผมไม่หมั้น!”
ภูดิศพูดเสียงแข็งตามแบบที่เขาเป็น  เขาไม่เคยยอมใครแม้แต่คนเป็นปู่ก็ตาม

“คนนี้  ปู่เลือกแล้ว  ชาติตระกูลใช้ได้  และคาดว่าจะเข้าใจแก ไม่ต้องมาทำเสียงแข็งเลย”
 ปู่กับหลานจ้องหน้ากันแบบไม่มีใครยอมใครหรือถ้าใครหลบตาก่อนคนนั้นจะแพ้เสียอย่างนั้น

“พอเถอะครับคุณปู่  ยังไงผมก็ไม่หมั้น!!”
 ภูดิศยืนกรานเสียงแข็งตามอารมณ์ที่เริ่มไต่ระดับขึ้น


 ปู่เห็นหลานไม่มีทีท่าจะอ่อนให้จึงยื่นคำขาดออกไปด้วยความกรุ่นโกรธ
"แกต้องทำตามที่ฉันสั่งเท่านั้นภูดิศ!!  หากแค่เรื่องเดียวแกทำให้ฉันไม่ได้
ก็อย่ามาเผาผีกัน  ฉันจะได้รู้ว่าไม่ได้มีหลานอย่างแก  หัวดื้อหัวรั้นเป็นก็เท่านั้น
แกไปได้แล้วฉันไม่อยากเห็นหน้าแกอีก”


โทสะที่ระเบิดออกมาของปู่ในครั้งนี้ทำให้ภูดิศรู้สึกหนักอึ้งเป็นอย่างมาก

หากเขายอมตามใจปู่ชีวิตทั้งชีวิตของเขาจะปราศจากความสุขในทันที
เขาจะทำอย่างนั้นได้ยังไง  ชายหนุ่มกำมือแน่นตัดสินใจพูดมันต่อ

“คุณปู่จะให้ผมทำอะไรผมจะทำให้  แต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องเดียวที่ผมให้ไม่ได้
 เลิกคิดที่จะหาเมียให้ผมสักทีเถอะครับ  เราพูดกันนับครั้งไม่ถ้วนแล้วนะครับ
 คุณปู่ไม่เบื่อบ้างหรือไงครับ”
 เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ


คุณปู่ลุกขึ้นชี้หน้าชายหนุ่มทันที  หน้าแดงก่ำด้วยระงับความโกรธไม่อยู่แล้ว

“ตกลงแกจะขัดคำสั่งฉันให้ได้ใช่ไหม  ที่ฉันทำเพราะเป็นห่วงแก
กลัวแกจะไปคว้าพวกผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้ามา  ฉันต้อง
การทายาทสืบสกุลต่อจากพวกแก  ไม่ใช่ไอ้เด็กที่ไหนก็ไม่รู้ที่แม่มันใจแตก
แล้วแกก็อุปโลกน์รับมาเลี้ยงเป็นลูก  กับแม่พร้อมนั่นก็อีกคนไม่มีห้ามปรามกันเลยสักนิด
อุ้มชูกันเข้าไปถ้าเด็กนั่นโตมาคงนำเรื่องงามหน้ามาให้แก
ถึงตอนนั้นชื่อเสียงวงศ์ตระกูลที่ฉันอุตส่าห์สร้างสมมาไม่ฉิบหายวายปวง
ไปหมดหรือไงกันห๊ะ!!?”


"คุณปู่!!  หนูรินยังไงก็เป็นลูกผมแล้ว  อย่าลากแกเข้ามาเกี่ยวด้วยเลยครับ
 อคติของคุณปู่จะทำร้ายแกโดยไม่รู้ตัว  ถึงคุณปู่จะไม่ยอมรับแกเข้าร่วมสกุล
 ไม่รักไม่เอ็นดูผมไม่ว่าเลย  แต่ครั้งนี้ผมขอร้องล่ะ!  อย่าได้พูดจาพาดพิงว่าร้ายแก
ให้ต้องเสียๆ หายๆ เลยครับ  เด็กก็เหมือนผ้าขาวอยู่ที่เราจะแต่งแต้มสีสันลวดลายให้กับแก
อย่าทำให้ผ้าสีขาวหมองก่อนที่จะได้ลงสีเลยนะครับคุณปู่  ผมขอร้อง”

ชายหนุ่มพูดด้วยหัวใจที่เหมือนถูกบีบคั้นอย่างรุนแรง


“แกกล้าดียังไงมาต่อปากต่อคำกับฉัน  แตะต้องกันไม่ได้เลยสินะ
 อ้าปีกกางแขนปกป้องกันเข้าไป”
 คุณปู่พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน  ใบหน้าโกรธจัดไม่หาย

ภูดิศขยับลุกพรวดเขาทนฟังวาจาเชือดเฉือนต่อไปไม่ไหวแล้ว

“ไว้คุณปู่ใจเย็นกว่านี้เราค่อยคุยกันนะครับ  ผมไปล่ะ” 
พูดจบชายหนุ่มก็จ้ำอ้าวๆ ออกจากห้องทันทีไม่คิดที่จะหันกลับไปมองข้างหลัง


พอพ้นคฤหาสน์นั้นมาไกลพอสมควรชายหนุ่มก็ถอนหายใจหนักหน่วง
จอดรถเข้าข้างทางมือกำพวงมาลัยแน่น
ไหล่สั่นไหวอย่างพยายามระงับสติอารมณ์
เขารู้ดีว่าปู่จะไม่ยอมลามือง่ายๆ  ดูท่าชีวิตที่สุขสงบในรอบหลายเดือน
จะพบความยุ่งยากเข้าแล้ว  จะห่วงก็แต่หนูรินเท่านั้นไม่อยากให้แกต้อง
มารับรู้สิ่งที่ผู้ใหญ่กระทำต่อกันเลยจริงๆ










Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-02-2019 15:45:51 โดย เส้นขอบฟ้า »

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 2 เมื่อหมอมาหา

บ้านสองชั้นสไตล์โมเดิร์นที่ปลูกสร้างในแบบผสมผสานระหว่างปูนกับไม้
บนเนื้อที่กว่า 5 ไร่  ที่ชายหนุ่มเป็นเจ้าของ
ภายในห้องนั่งเล่นสมาชิกในบ้านต่างรวมตัวกันอยู่ก่อนแล้ว
โดยนมพร้อมง่วนอยู่กับงานถักโครเชต์ในมือ
เจ้านัทเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนเดียวของบ้านคลานสี่ขาบนพื้นให้หนูริน
ขึ้นขี่หลังพาวนไปรอบๆห้อง 

ส้มกำลังจัดเก็บข้าวของเครื่องใช้ของหนูรินเข้าที่
ส่วนป้าแก้วยุ่งอยู่กับการจัดอาหารขึ้นโต๊ะให้เจ้าของบ้านหนุ่มที่โทรเข้ามาว่าใกล้จะถึงแล้ว


แสงไฟที่ส่องสว่างบนโถงทางเดิน  เสียงพูดคุยและเสียงหยอกล้อเล่นกันลอยมาให้ได้ยิน
จากภายในห้องพักผ่อน  เสียงที่เปรียบเสมือนน้ำทิพย์ชโลมใจให้ชุ่มชื่น
จังหวะที่ชายหนุ่มโผล่หน้าเข้าไปในห้องนั้น


“พ่อภูขา  กลับมาแล้ว  พี่นัทหนูรินจะลง จอดๆค่ะ”
ยัยหนูตะกายลงจากหลังเจ้านัท


วิ่งไปเกาะขาชายหนุ่มทันที  ยิ้มอวดฟันขาวแล้วชูไม้ชูมือ
“พ่อภูขา อุ้มๆ”
ภูดิศจึงช้อนตัวอุ้มหนูรินขึ้นมา
แล้วก็จับฟัดแก้มกลมซ้ายขวาเสียฟอดใหญ่ๆ  ยัยหนูหัวเราะคิกคักถูกใจ

“หนูริน  พ่อภูกลับมาเหนื่อยๆ  ไม่กวนคุณพ่อนะลูก”
 ย่าพร้อมออกปากห้ามปรามหนูน้อย

หนูรินทำปากจู๋แล้วก็ยื่นไปจุ๊บๆ ที่ปากชายหนุ่มเหมือนที่เคยทำเพราะรู้ว่าคุณพ่อจะหายเหนื่อย
“พ่อภูเหนื่อย  หนูรินจุ๊บๆ 2 ที หายเลย”
ชายหนุ่มหัวเราะในความไร้เดียงสาและช่างคิดของลูก  พลางขยี้หัวลูกสาวอย่างรักใคร่

“โอ้โห!  หายเหนื่อยจริงๆด้วย  คนเก่ง  อยู่กับย่าพร้อมก่อนนะ
 พ่อขอไปล้างหน้าแป๊บนึง”

“คุณหนูทานข้าวเสร็จค่อยมานะคะ  อาหารจัดเสร็จแล้ว
 หนูรินบ่นหิวๆ  นมจึงไม่ทันได้รอน่ะค่ะ  ทานไปคนเดียวก่อนนะ”
 นมพร้อมบอกกล่าวให้รู้

“อ้าว! ไม่เป็นไรครับ  พอดีบ้านใหญ่เรียกตัว”
 ชายหนุ่มเผลอปากเล่าไปแล้วนึกได้จึงหยุด
ทำทีเลี่ยงออกไป  เขาไม่อยากเอาเรื่องร้อนใจที่เขาได้รับมาให้นมพร้อ
มพลอยทุกข์ใจไปกับเขาด้วย



นมพร้อมมองตามร่างสูงที่คล้อยหลังไป  นางได้แต่ส่ายหน้าสงสารชายหนุ่ม
เพราะคุณท่านบ้านใหญ่ที่เอาแต่ใจ เผด็จการ  ท่านเปรียบดั่งพายุหมุนลูกใหญ่
ที่ก่อให้เกิดคลื่นลมแรงมากระทบชายฝั่งอยู่เสมอ

คุณหนูของนางจะทนได้สักแค่ไหนกันนางก็ได้แต่ห่วงอยู่ห่างๆ



พ่อลูกระบายสีสมุดภาพจนหัวแทบชนกันอยู่พักใหญ่ๆ
จนได้เวลานอนส้มจึงมาพาหนูรินไปอาบน้ำ


 เด็กน้อยในชุดนอนลายเจ้าหญิงดิสนีย์  ปีนขึ้นบนเตียงพร้อมสมุดภาพนิทานในมือ
“พ่อภูขา วันนี้เอาเรื่องนี้นะคะ  เมื่อวานหนูรินหลับก่อน  ฟังไม่จบเลยค่ะ”

“ได้สิคะ  มาๆ  เริ่มเลยนะ  ต.เต่าเตาะแตะต้วมเตี้ยม…”
คุณพ่อเล่าไปคนลูกก็ถามนั่นนี่ไม่ได้หยุดนี่ไงเจ้าหนูจำไมของบ้านสงสัยตลอด

พักเดียวสังเกตว่าหนูน้อยที่ถามไม่หยุดเงียบเสียงไปจึงก้มมอง
เห็นเจ้าตัวน้อยหลับ จึงดึงผ้ามาห่มให้
แล้วจึงหันไปปิดไฟกลางห้องเปิดโคมไฟดวงเล็กข้างเตียงแทน
ชายหนุ่มกดจูบหน้าผากลูกเบาๆ
ก่อนเดินไปยังประตูที่เชื่อมไปสู่ห้องนอนใหญ่ของเขา 



ห้องนอนที่ตกแต่งสีเอิร์ธโทนซึ่งเป็นสีใกล้เคียงธรรมชาติ
เขาเลือกใช้สีเบจซึ่งออกน้ำตาลอ่อนๆ
สีนี้ทำให้รู้สึกสงบและผ่อนคลาย
เขาล้มตัวลงนอนบนเตียงขนาดคิงไซส์
พยายามข่มตาให้หลับลงอย่างยากลำบากกว่าทุกครั้งเพราะเรื่อง
ที่มารบกวนจิตใจ  กว่าจะหลับลงก็เข้าวันใหม่




ภูดิศตื่นก่อนนาฬิกาปลุกเสียอีก  เขาเปลี่ยนใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อแขนกุดสีกรมเข้าชุดกัน
เขาตั้งใจจะลงไปวิ่งรอบสระว่ายน้ำ แล้วจะถือโอกาสนี้ไปชมสวนที่ลุงเนียนดูแลอยู่ด้วย


ลุงเนียนเป็นคนสวนเก่า  แกเป็นคนซื่อสัตย์  ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขใดๆ ทั้งสิ้น
แกตัวคนเดียวไม่มีลูกหลาน
“คุณภู  ตื่นเช้ามากเลยนะครับวันนี้”
 ลุงเนียนหยุดมือที่กำลังขุดยกร่องแปลงผัก
 พร้อมมองใบหน้าชายหนุ่มที่ชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
 แต่สีหน้ากลับมีรอยยิ้มน้อยๆ

“ครับ  ไหนๆ ก็ตื่นแล้วเลยลงมาวิ่ง  ผักชุดนี้ของลุงเนียนงามจริงๆเลยครับ”
 ชายหนุ่มชวนพูดคุย

“เดี่ยวลุงตัดไปให้แม่แก้วทำให้ทานนะครับ  ช่วงนี้อากาศดี  ฝนด้วย  ผักถึงได้สวยครับ”

“ดีเลยครับลุง  ผักสดแถมปลอดสารพิษด้วย”
 ชายหนุ่มยิ้มพอใจ
 
ลุงเนียนยิ้มชอบอกชอบใจที่เจ้านายหนุ่มถูกใจผักของแก
พลางก้มหน้าทำงานของแกต่อไป

ชายหนุ่มจึงเดินเลี่ยงออกมา  เพื่อกลับไปอาบน้ำเตรียมตัวไปทำงานและส่งลูกไปโรงเรียนเหมือนเช่นทุกวัน
 


ช่วงสายของวันหมอคีรีซึ่งเป็นเพื่อนกับเขาตั้งแต่มัธยมเข้ามาหา  หมอคีรีเพิ่งกลับจากต่างประเทศ
เพราะทำโปรเจคร่วมระหว่างประเทศในด้านการค้นคว้าวิจัย  จึงทำให้ไม่ได้พบกันนานเป็นปี 
หมอคีรีดูไม่เปลี่ยนไปจากเดิมรูปร่างสูงใหญ่เหมือนกับเขาแต่ผิวขาวกว่ามากนัก

“ไงหมอบ้า ไม่เจอกันนาน หืม”
ชายหนุ่มชะงักคำพูดที่เอ่ยทัก
เมื่อเห็นสีผมที่ชัดเจนของเพื่อน สีบรอนเทาต้องกล้าขนาดไหนถึงจะทำได้นะ
ชายหนุ่มนึกค่อนขอดในใจ
 

“เห่ย…ไรวะ?  ไม่เจอกันเป็นปี  เรียกเพื่อนรักให้มันไพเราะหูหน่อย
 เป็นจิตแพทย์เว้ย!!  ไม่ได้บ้า  ไอ้นี่”
 หมอคีรีเข้ามาตบกลางหลังเขาเสียป้าบใหญ่เป็นการทักทายในรอบปี


“เออ!  ผมสีนี้ใครเข้าฝันให้ทำวะ กล้าคิด  กล้าทำว่ะ”

“ช่างเรื่องหัวมันเถอะน่า เป็นไงบ้างตอนนี้?”
 หมอคีรีทำคิ้วยุ่งๆ  แบบรำคาญๆ  แล้วเปลี่ยนเรื่อง

“แย่ว่ะ!  เรื่องมันยาว  แกว่างไหมล่ะ  ไปกินข้าวเย็นที่บ้านสิ  แล้วจะเล่าให้ฟัง”

“ก็ดีนะ  ไม่เจอนมพร้อม  คิดถึงรสมือป้าแก้วด้วย  แล้วก็อยากเจอหนูรินของแก
 งั้นเย็นนี้เจอกันอีกที”
 สองหนุ่มคุยกันไปสักครู่ใหญ่ๆหมอหนุ่มก็ขอแยกตัวกลับก่อน



แขกของบ้านตั้งแต่มาถึงพูดคุยไม่หยุดปากอาจเพราะไม่ได้พบกันนาน
บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง
หนูรินกว่าจะจำอาหมอของเธอได้และยอมเข้าใกล้ก็นานพอดู
แต่ด้วยทักษะการโน้มน้าวจิตใจ

และฝีปากของจิตแพทย์หนุ่มไม่มีใครเกิน  ตอนนี้หนูรินก็คุ้นเคยเกาะติดอาหมอไม่ห่าง 

หลังมื้ออาหารสองหนุ่มแยกตัวไปนั่งคุยกันที่ซุ้มไม้เลื้อยข้างๆ ตัวบ้าน
บรรยากาศโปร่งโล่งสบายลมพัดเอื่อยๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากการต้อง
อยู่ในห้องแอร์มาทั้งวัน

หมอคีรีเริ่มเปิดประเด็นพูดคุยขึ้นก่อน
“มีเรื่องอะไรวะภู  เล่ามา  รอฟังอยู่”
 หมอคีรีมองหน้าเพื่อนแววตานิ่งๆ

“ปู่จะให้หมั้นหญิงว่ะ”  เขาตอบไปแบบเซ็งๆ

“อีกแล้วเหรอวะ  คนที่เท่าไหร่เข้าไปแล้ว  แกปฏิเสธเลยถูกคุณปู่โกรธ
 แล้วก็ทะเลาะกันยกใหญ่?”
 เพื่อนซี้เดาอย่างกับตาเห็น  ภูดิศพยักหน้ายอมรับทุกคำที่เพื่อนพูด

“เออ!  แกก็รู้ว่าใครที่จะเข้ามาต้องเข้าใจตัวฉัน  และงานของฉันรวมถึงต้องยอมรับหนูรินด้วย
 อีกหลายสิ่งหลายอย่างว่ะ”
ชายหนุ่มพูดไปพลางลูบคลำปลายคางเล่นไปด้วย

“อืม  เหตุผลใช้ได้…แต่แค่เพียงบางส่วนเท่านั้น…แกนหลักๆ ของเรื่อง
 แกกำลังรอเด็กนั่นของแกอยู่ต่างหากล่ะไอ้ภู!” 
หมอคีรีพูดด้วยสีหน้าจริงจัง  ภูดิศได้ฟังเกิดอาการอ้ำอึ้งพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
เพราะหมอคีรีเหมือนมานั่งอยู่ภายในใจของเขาเลยทีเดียว


“ภู  แกฟังนะ  แกจะรอคนที่แกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร  ทำอะไรอยู่ที่ไหน
และที่สำคัญไม่รู้แม้กระทั่งชื่อ  เพื่ออะไรวะ  ป่านนี้เด็กนั่นยังจะโสดรอแกอยู่เหรอ!!”

หมอคีรีทำเสียงขึงขังขึ้นจมูกอย่างหงุดหงิดเพื่อนรักเสียเต็มประดา 
กับเรื่องที่ฝังลึกในใจที่มันไม่รู้จักลืมเสียที

“ไม่รู้ว่ะหมอ  มันลืมไม่ได้  จะให้ทำไงล่ะ?”
 ชายหนุ่มพูดโต้กลับไปอย่างกวนๆ

“งั้นมาพูดเรื่องว่าที่คู่หมั้นแกดีกว่า  ตกลงแกจะทำไงต่อไป?”
 หมอคีรีเลิกคิ้ว และเอ่ยถามกลับมา

“ถ้าปู่อยากจะจับคู่นัก  ฉันคงต้องเล่นละครสักพัก”
 ภูดิศตอบอย่างจนหนทางแล้วจริงๆ

“อืม ก็ขอให้แกรอดพ้นจากเงื้อมมือแม่สาวนั่นก็แล้วกัน”
 หมอคีรีส่ายหน้าในชะตากรรมที่ภูดิศจะต้องเผชิญในอนาคตอันใกล้นี้

“นี่ก็ดึกแล้ว  ฉันต้องกลับก่อนว่ะ  ไว้เราไปหาที่นั่งดื่ม
 ปลดปล่อยอารมณ์กันหน่อยละกัน”

“เออๆ  ขับรถกลับดีๆ”


แล้วหมอคีรีก็ลากลับไป  ปล่อยให้ภูดิศนั่งจมอยู่ในห้วงคำนึง
นึกถึงคนในอดีตต่อไปพักใหญ่ๆ เขาจึงเดินกลับเข้าไปภายในบ้าน






     TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-12-2018 10:53:51 โดย เส้นขอบฟ้า »

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ภูรักฟ้า ตอนที่ 3 แรกพบสบตา
«ตอบ #2 เมื่อ26-11-2018 21:16:24 »

ตอนที่ 3 แรกพบสบตา

ค่ำคืนของสถานบันเทิงชื่อดังย่านใจกลางเมือง
ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างกำลังปลดปล่อยอารมณ์
ไปตามท่วงทำนองของดนตรี

สถานที่อโคจรแบบนี้ไม่บ่อยนักที่ภูดิศจะเหยียบย่างเข้ามา
สองคู่หูได้ที่นั่งในโซนวีไอพีที่เป็นส่วนตัวพอสมควร

แม้จะมีสาวสวยแวะเวียนเข้ามาเพื่อผูกสัมพันธ์
ทอดสะพาน  แต่พวกเธอก็ต้องผิดหวังกลับไป 

แก้วเหล้าตรงหน้าของเขาพร่องไปเพียงนิดเดียว
เป็นเพราะเขาไม่นึกอยากดื่ม  เขานั่งเขี่ยกับแกล้มตรงหน้า
แล้วค่อยตักเข้าปากไปพลางๆ



กวาดสายตามองนักท่องราตรีโต๊ะอื่นๆ  ก็พบหญิงสาวคนหนึ่งท่าทางไฮโซ
ทั้งที่มีหนุ่มมาด้วยก็ยังแอบส่งสายตาหวานหยดมาทางเขาสองคน
เจ้าหล่อนแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดกับทรวดทรง  องเอว  ส่วนโค้ง  ส่วนเว้า
และการใส่ชุดที่โชว์เนื้อหนังที่มากจนเกินพอดี
ดื่มหนักแต่ไม่ออกอาการมึนเมาให้เห็น 

แล้วภูดิศก็เลิกใส่ใจเธอหันมองเพื่อนก็เห็นดื่มไป
แล้วก็สไลด์หน้าจอโทรศัพท์เล่นเป็นครั้งคราว
สีหน้าผ่อนคลาย  เขาสองคนแต่งกายเหมาะกับช่วงวัยก็คืนนี้เอง



ชายหนุ่มเริ่มเบื่อเมื่อนั่งไปชั่วโมงกว่าๆ  หากจะหาเหตุกลับตอนนี้หมอคีรีคงไม่ยอมเป็นแน่ 
พลันสายตาไปสะดุดที่หนุ่มตัวเล็ก 2 คน  คนหนึ่งผมสั้น
ส่วนอีกคนผมยาวปล่อยสยายเต็มแผ่นหลัง
ทั้งสองได้ที่นั่งโต๊ะข้างหน้าเขา  คนผมยาวหน้าหวานนั่งหันหน้า
มาทางเขาพอดี  ทำให้เห็นว่าเจ้าตัวมีเครื่องหน้าที่
เล็กจิ้มลิ้ม คิ้วเรียว  ดวงตารีอย่างกับตากวาง  จมูกเชิดรั้น
ริมฝีปากบางเป็นรูปกระจับ
สวมเสื้อยืดสีอ่อนเข้ารูปกับกางเกงยีนส์ขาดเป็นริ้วสวยทำให้ดูบอบบางลงไปอีก 


ภูดิศจ้องมองจนแทบจะเก็บรายละเอียดได้หมดทั้งตัว
ถ้าไม่เพราะคนถูกมองมุ่นหัวคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์นัก
ชายหนุ่มจึงจำต้องละสายตาออกมาชั่วคราว

“ไงวะภู  สนใจเหรอ? 
จ้องอย่างเอาเป็นเอาตายซะขนาดนั้น  อยากได้เบอร์เดี๋ยวให้เด็กไปขอให้”

หมอคีรีเห็นอาการเพื่อนตั้งแต่คนตัวเล็กเดินเข้ามาแล้ว
อาการเบื่อๆ ซังกะตายหายเป็นปลิดทิ้ง
ไม่เคยเห็นเพื่อนในแบบนี้มาก่อนจ้องตาไม่มีกระพริบ
หมอคีรียกยิ้มมุมปากมีเรื่องให้สนุกแล้วสินะ


“เปล่าเว่ย”  ภูดิศยักไหล่ตอบสั้นๆ  แล้วหันไปมองอีก
แต่คราวนี้ที่โต๊ะนั่นมีเพื่อนมาเพิ่ม
ไอ้การเห็นคนตัวเล็กถูกเพื่อนสัมผัสตัวเท่านั้น
อาการฟึดฟัดไม่พอใจของภูดิศก็เกิดขึ้น
เจ้าตัวไม่รู้ว่าออกอาการ `ขี้หวง` จนหมอคีรีรู้สึกได้


“เฮ้ย!  ฟ้า  ออกไปเต้นกันมั๊ยล่ะ”
 ดิศได้ยินเพื่อนในกลุ่มเรียกหนุ่มตัวเล็กพร้อมกับเข้าตบบ่า
เจ้าตัวส่ายหน้ายิ้มๆ  แค่เห็นรอยยิ้มเพียงเล็กๆ นั่น
ชายหนุ่มก็ใจไหววูบ  หัวใจเต้นผิดจังหวะ  ชื่อ`ฟ้า` สินะ

“ไอ้ภู!  เว้ย!  หางโผล่แล้วว่ะ  ไอ้นี่”
 หมอคีรีแกล้งเพื่อน  ภูดิศสะดุ้ง  ส่งสายตาเคืองๆ มาให้

“อะไรเล่า  ไอ้หมอเลว  จะตะโกนทำไม  เดี๋ยวน้องเค้าได้ยิน”
ภูดิศยกเท้าจะถีบ แต่หมอคีรีรู้ทันจึงชักขาหลบและหัวเราะขำ
ไอ้คนปากไม่ตรงกับใจ  นั่งต่อกันไปอีกพักใหญ่ๆ


“ไอ้ภู เว้ย!!  กลับเถอะว่ะ  พรุ่งนี้มีงานด่วน”
ไอ้หมอแหกปากเรียกชวนให้กลับบ้าน 
ทีอยากจะอยู่ต่อให้นานขึ้นมันดันจะกลับ
แล้วมันจะตะโกนทำไมนักหนาอยู่กันแค่นี้

เขารู้สึกไม่ชอบหน้าเพื่อนรักนักที่ขยันทำให้ขายหน้า
มันเรียกเช็คบิลส่งบัตรเครดิตให้พนักงานรูดค่าอาหาร
ถึงมื้อนี้จะได้กินฟรี  ก็ยังแอบเกลียดขี้หน้ามันอยู่ดี
ก่อนออกจากร้านชายหนุ่มก็อดที่จะหันมองคนตัวเล็กอีกครั้งไม่ได้


“ไม่เข้าไปทักหน่อยเหรอวะ  อย่าป๊อดดิเพื่อน”
หมอคีรีกระเซ้าเพื่อนอีก

“เถอะน่า  กลับก็กลับดิไปๆ” ภูดิศตัดใจเดินนำออกมา

“ไอ้หมอกลับดีๆ  แล้วเจอกัน” ภูดิศส่งหมอคีรีขึ้นรถก่อน

“เจอแล้วใช่ไหม?
คนในความลับน่ะ  เจอแล้วก็อย่าปล่อยหลุดมือ”

“ ??????????????????..............”
อึ้งได้อีกกับประโยคที่เพื่อนทิ้งไว้ให้

ภูดิศมองตามไฟท้ายที่ค่อยๆ ไกลออกไปทุกทีจนลับตา
พลางคิดตามคำพูดของหมอหนุ่ม `เจอแล้วงั้นเหรอ`




เช้านี้ได้อาบน้ำร่างกายรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก
ชายหนุ่มนั่งทานข้าวต้มกุ้งเป็นมื้อเช้ากับลูก
หนูน้อยหันมาส่งยิ้มอวดฟันขาวอย่างเคยและชวนคนพ่อคุย

“พ่อภูขา ไปดูหนูรินเต้นไหมคะ?”

“ไปซิค่ะ  คนเก่งของพ่อ  ได้เต้นทั้งที”
ชายหนุ่มรับปากลูก 

หนูรินออกจะตื่นเต้นเสียยกใหญ่ที่จะได้ร่วมแสดงกับเพื่อนๆ
 นงานโรงเรียนที่จะมีขึ้นในอีก 3 วันข้างหน้า

“หนูรินเป็นแมลงเต่าทองด้วยค่ะ  วินวินเป็นผึ้งน้อยด้วยนะคะ”
หนูหน้อยเล่าให้ฟังเสียงเจื้อยแจ้ว
ชายหนุ่มฟังยิ้มๆ  คงต้องรีบเคลียร์งานให้เสร็จจะได้ไปดูลูก



เมื่อการประชุมเสร็จสิ้น  ชายหนุ่มก็ไปยังที่นัดหมายซึ่งเป็นร้านอาหารไทย
เจ้าประจำของเขาซึ่งไม่ไกลจากที่ทำงานนัก

ร้านนี้ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่  ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย 
ชายหนุ่มสั่งอาหารและนั่งรอการมาของผู้นัดหมายอีกคน
ไม่นานชายวัยกลางคนแต่งกายภูมิฐานท่าทางใจดีก็มาอยู่ตรงหน้าเขา

“สวัสดีครับลุงหมอ  ไม่พบกันนาน  สบายดีนะครับ?”
 หลานชายเอ่ยทักคุณลุงหมอที่มีใบหน้ายิ้มแย้มใจดีไม่เหมือนคุณปู่สักนิด


“อืม…สบายดีอยู่หรอกนะ  ถ้าไม่มีเหตุให้ต้องมาหาแกวันนี้ ”
ลุงหมอตอบน้ำเสียงเนือยๆ

ท่านก็รู้สึกเห็นใจหลานชายอยู่เหมือนกันที่ถูกจับคลุมถุงชน
ยุคสมัยมันเปลี่ยน เด็กสมัยนี้ยากที่จะเข้าใจอยู่สักหน่อย
คนเป็นลุงคิด  และมองใบหน้าเจ้าหนุ่มที่มีแววตาถือดีคู่นี้


“อย่าบอกนะที่ลุงมาวันนี้เพราะผม  หึหึ” ชายหนุ่มหัวเราะกลบเกลื่อน
และคาดคะเนว่าลุงหมอโดนหางเลขคุณปู่เข้าแล้ว
 เพราะเห็นท่านดูลังเลที่จะเอ่ยอะไรออกมาตรงๆ

“ก็แกน่ะแหละ  ตาภู  เอ่อ!  กินไปด้วยสิ  ลุงมีคิวผ่าตัดรออยู่  อยู่ได้ไม่นานนะ”
 ลุงหมอชวนทานอาหารไปด้วยเพื่อไม่ให้เสียเวลา

“ผมยอมเท่าที่ยอมได้แล้วกันครับลุง  ขอแค่ยังไม่จับผมหมั้นในเร็ววันก็พอ
 เดี่ยวผมหาทางออกต่อจากนั้นเองครับ”
ชายหนุ่มบอกเงื่อนไขให้ลุงหมอทราบตามที่คิดเอาไว้ก่อนมาพบท่านที่นี่
 

“อ่ะห่ะ…ลุงจะไปพูดกับปู่แก  ไม่ให้เร่งรัดแกเกินไป  เอาตามนี้ก็แล้วกัน”
ลุงหมอรับปากจะไกล่เกลี่ยกับปู่ให้  แล้วท่านก็เล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ฟังไปเรื่อย 


“ตาเมศจะกลับไทยอาทิตย์นี้นะภู ไปมาหาสู่พี่ชายแกบ้าง”
คนเล่าไม่ทันสังเกตสีหน้าคนฟังที่ดูตื่นๆ ชอบกล

ลุงหมอพูดพร้อมรวบช้อน  เตรียมตัวจะกลับ  ทุกนาทีมีค่าสำหรับอาชีพหมอ
มาไวไปไวแบบนี้เสมอ  แต่สิ่งที่ได้รับรู้ในตอนท้ายบทสนทนามันทำให้
ชายหนุ่มอึดอัดแทบหายใจไม่ออก `พี่งั้นเหรอ`



บรรดานักแสดงตัวเล็กตัวน้อยในชุดแมลง  สีสันสดใส
พากัน  ส่ายเอว  ส่ายสะโพก  ก้นดุกดิก
เต้นถูกบ้างผิดบ้าง  พลอยได้เรียกเสียงหัวเราะและสีหน้าเอ็นดูจากผู้ชมได้ดี
ต่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ในความไร้เดียงสาของเด็กๆ
ไม่เว้นแม้แต่ภูดิศเอง


หนูรินของเขาดูสดใสร่าเริงและสนุกสนานในชุดแมลงเต่าทองอย่างที่บอกเขาไว้วันก่อน
พอการแสดงจบลงเด็กๆก็มารับดอกไม้  หรือของขวัญตามแต่ผู้ปกครองจะจัดสรรมาให้
บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักต่างถ่ายรูปเซลฟี่อวดกันบนโลกโซเชียลยกใหญ่

“เต้นน่ารักมาก  คนเก่งของพ่อ” 
คุณพ่อหอมแก้มเป็นรางวัลไปฟอดหนึ่ง  หนูน้อยยิ้มหน้าบานที่ได้รับคำชม

“พ่อภูขา  หนูรินเก่ง  พ่อภูพาไปทานไอศกรีมหน่อยค่ะ”
 หนูน้อยทำตาอ้อนขอรางวัล

“ได้สิ  ไปกันเลย!!”
 แต่จังหวะที่ชายหนุ่มหันหลังจะก้าวเท้ามีเด็กวิ่งมาชนจนล้มลงร้องไห้จ้า
 เขาไม่ทันจะแตะตัวเด็กด้วยซ้ำก็มีคนผมยาวตัวเล็กปราดมาอุ้มเด็กน้อยขึ้นเสียก่อน


“วินวิน  โอ๋ๆ  เจ็บเหรอครับ  ไม่เป็นไรนะครับ”
 ลูบหลังไหล่โอ๋หนูน้อยให้หายตกใจ

 หนูรินเข้าไปช่วยปลอบ  พอคนตัวเล็กหันมาทางเขาก็ชะงักไปนิดนึง
 เจอกันอีกแล้ว `น้องฟ้า` ตัวเล็กตากวางคนนั้น
 

“พ่อภูขา  วินวินเจ็บร้องไห้เลยค่ะ”
 หนูรินหันมาบอกผม  ทำหน้าหงอยสงสารเพื่อน

 เด็กชายผมหยักศก  ตัวขาว  ปากแดง ตากลมโตสีดำ
น่ารัก  ในชุดผึ้งสีเหลืองดำนั่นเองที่หนูรินเคยพูดถึง


“เจ็บมากมั๊ยครับ  น้องวินวินเพื่อนหนูรินเหรอครับ  สุดหล่อ”
 ชายหนุ่มพูดกับเด็กชายแต่ตาจับจ้องคนอุ้มไม่วางตา
 เด็กชายซบหน้ากับไหล่คนอุ้ม


“ไม่เป็นไรครับ  แกแค่ขวัญเสียนิดหน่อยน่ะ  คนเก่งของอาฟ้า  ไม่เป็นไรแล้วนะ”
 เสียงเล็กตอบกลับมา  แล้วหันไปโอ๋หลานชายตัวเองต่อ


“วินวินบอก  ร้านอาฟ้าเค้กหร่อยที่ซู้ดด…ในโลก  หนูรินอยากไปค่ะ”
หนูลากเสียงยาวบอกอาฟ้าแล้วหันมาอ้อนขอคนเป็นพ่อ
อาฟ้ามีอาการอ้ำอึ้งไปเพียงเล็กน้อยแล้วจึงพูดขึ้น


“ไปสิครับ  ร้านอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้”
 คนตัวเล็กหันมาบอกกับภูดิศ

“ไปนะคะ  พ่อภูขา” 
ผมพยักหน้าตอบรับคนตัวเล็กและยัยหนู

“เย้  เย้  ได้ไปกินเค้กร้านอาฟ้า”
เด็กหญิงกระโดดเหย็งๆ ดีใจ

“กลับกันวินวิน  อาฟ้าต้องไปร้านนะครับ  พี่นินจาหยุดวันนี้  ร้านยุ่งมากเลย”
พูดกับหลานและมีทีท่าจะรีบกลับ  จ้ำอ้าวไปไกลแล้ว

ภูดิศรีบสาวเท้าตามไปไม่ยอมให้คนตัวเล็กทิ้งห่าง  จนกระทั่งแยกกันไปขึ้นรถ


ภูดิศขับตามคุณอาตัวเล็กไปเรื่อยๆ พบว่าทางนี้เป็นทางผ่านกลับบ้านของเขาพ่อลูกที่ใช้อยู่ทุกวัน
เขารู้สึกแปลกใจที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน  เมื่อจอดรถมองไปเห็นป้ายชื่อร้าน `Sky coff`
ซึ่งเดาว่าเป็นชื่อเจ้าตัวละมั้ง





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-12-2018 13:10:04 โดย เส้นขอบฟ้า »

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่  4  ใกล้กันอีกนิด

สิ่งแรกที่ชายหนุ่มพบเมื่อลงจากรถ  ร้านนี้มีการตกแต่งสวนเสียสวยสะดุดตา
เมื่อเดินเข้าไปภายในร้านสัมผัสกับแอร์เย็นฉ่ำ ดนตรีบรรเลงเบาๆ
ภายในร้านตกแต่งสไตล์วินเทจ  ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่กับบ้าน
ชายหนุ่มเลือกนั่งด้านที่มีกระจกบานใสซึ่งมองเห็นสวนหลังบานกระจกนี้

ยัยหนูรินกับน้องวินวินจับจูงกันไปที่ตู้เค้กทันทีที่เข้ามาถึง
ชี้ชวนกันเลือกเค้กโดยมีพี่ๆยืนรอรับออเดอร์กันอยู่ก่อนแล้ว
น้องวินวินชี้มือมาที่โต๊ะซึ่งภูดิศนั่ง  และเหมือนจะบอกว่าจะนั่งด้วยกันกับหนูริน

สักพักเด็กทั้งสองก็วิ่งกลับมา  มีเด็กหนุ่มผมตามเอาเค้กมาเสิร์ฟ 2 ชิ้น
นั่นคือสตอเบอรี่ชีสเค้กของหนูริน
และอีกชิ้นที่เป็นเค้กช็อกโกแลตซึ่งหากชายหนุ่มเดาไม่ผิดก็คงเป็นของน้องวินวิน

ชายหนุ่มสั่งมัทฉะชาเขียวปั่นแทนเมนูกาแฟเพราะวันนี้เขาดื่มมามากพอแล้ว
“ไหนหนูรินบอกพ่อ  จะทานไอศกรีมไงล่ะลูก  กลายเป็นเค้กได้ไงล่ะคะ”
ภูดิศเลิกคิ้วสงสัย  ยัยหนูยิ้มหวานประจบ

“ก็ร้านอาฟ้า  เค้กหร่อยที่ซู้ดดดค่ะ  พ่อภูขา  ไอติมทานเมื่อไหร่ก็ได้เนาะ”
ยัยหนูลอยหน้าลอยตาพูดกับพูด

“กินนี่สิ  หร่อยนะหนูริน”
น้องวินวินตักเค้กช็อกโกแลตของตนมาจ่อปากหนูริน
ยัยหนูก็ไม่มีขัดเพื่อนอ้าปากงับแล้วก็ทำตาโตทันที

“ก็หร่อยนะ  แต่นี่หร่อยกว่า  กินมั๊ยวินวิน”
หนูรินชี้ที่จานเค้กตัวเอง
เพื่อนส่ายหน้า  คงชิมมาหมดทุกรสแล้วก็ร้านของอาตัวเองนี่นะ


ชายหนุ่มมองหนูน้อยทั้งสองที่ทานกันอย่างเอร็ดอร่อย
ตั้งแต่เข้ามายังไม่เห็นเจ้าของร้านเลย
จึงสอดส่ายสายตามองหา พลันเห็นคนตัวเล็กเดินออกมาจากด้านในสุดของร้าน

“ขอโทษนะครับ  พอดีไปช่วยดูเค้กที่อบกันไว้น่ะ  น้องวินวินมากวนอาภูรึเปล่าครับ”
คนตัวเล็กรีบขอโทษที่เห็นหลานชายมานั่งที่โต๊ะกับสองพ่อลูก

“ไม่หรอกครับ  เด็กๆเค้าได้ทานร่วมกัน  อร่อยกันใหญ่สิไม่ว่า  นั่งด้วยกันก่อนสิครับ”
ภูดิศตอบยิ้มๆ เจ้าของร้านก็นั่งลงตรงข้ามกัน


 “ร้านเก๋ดีนะครับ  บรรยากาศก็อบอุ่นเหมือนอยู่บ้านเลย  ที่สำคัญสวนก็สวยมากด้วย
 คงต้องขอมาเป็นลูกค้าประจำแล้วล่ะครับ”
ภูดิศเห็นนวลแก้มขึ้นสีระเรื่อ


“ยินดีครับ  เอ่อ… พอดีว่า  สวนนั่นผมออกแบบเองครับ
คือว่าผมรับงานออกแบบจัดแต่งสวนด้วยน่ะครับ”
คนตัวเล็กพูดพร้อมกับยื่นนามบัตรให้ชายหนุ่มไปใบหนึ่ง
ภูดิศรับมา `ขอบฟ้า  กิจตระการกุล`
รับออกแบบจัดแต่งสวน Tel.089xxxxxxx

ชายหนุ่มไม่นึกฝันว่าการพาลูกมาทานเค้กครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล


“อืม  ขอบฟ้า  ชื่อเก๋ดีนะครับ”
เป็นอีกครั้งที่ได้เห็นแก้มคนตรงหน้าขึ้นสี `คนขี้เขิน`

ชายหนุ่มเห็นเด็กๆ ทานเค้กหมดกันแล้วและดื่มน้ำหวานตาม
หนูรินลูบท้องคงอิ่มแล้ว และถึงเวลาที่เขาต้องพาลูกกลับ
จึงเปิดกระเป๋าสตางค์เก็บนามบัตรของคนตัวเล็กและหยิบนามบัตรของตนเองส่งให้
คนตัวเล็กรับไปแบบงงๆ


“เรารู้จักกันแล้วนะครับ  ผมต้องขอตัวกลับก่อน  หนูรินลาอาฟ้าสิคะลูก”

“เค้กหร่อยมากเลย  ไว้หนูรินจะมาใหม่นะคะ  อาฟ้า”
 ยัยหนูไหว้ลาอย่างสวยงาม

“น้องวินวิน  หนูรินกับคุณพ่อจะกลับกันแล้ว  สวัสดีสวยๆด้วยครับ”
 คนตัวเล็กบอกหลานชาย

 เด็กชายยกมือไหว้ภูดิศพร้อมกับทำหน้าเหงาๆ  จนภูดิศต้องพูดขึ้น
“สุดหล่อ  ไว้อาภูจะพาหนูรินมาทานเค้กอีกนะครับ” 
ชายหนุ่มบอกหนูน้อยพร้อมกับลุกยืนและจูงลูกเดินออกจากร้านไป




ขอบฟ้าดูนามบัตรที่เพิ่งรับมา `ภูดิศ ศุภกิตติ์บุญญารักษ์
กรรมการผู้จัดการ  SPKR  คอนสตรัคชั่น Tel.092xxxxxxx
พอหันมองไปนอกร้านยังทันได้เห็นแผ่นหลังกว้าง
นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเจ้าของโครงการคอนโดและบ้านหรูใจกลางเมือง
ทายาทตระกูลเก่าแก่  ที่ใครๆพากันพูดว่าเข้าถึงยากและโลกส่วนตัวสูง
ขอบฟ้าบังเอิญได้รู้จักตัวจริงก็วันนี้

ร่างเล็กจำได้ว่าชายหนุ่มคือคนที่จับจ้องเขาคืนก่อนในผับอย่างเสียมารยาท
แต่พบกันครั้งนี้ไม่ยักจะเป็น
ผู้ชายคนนี้ตัวตนจริงๆ แล้วเป็นแบบไหนกันนะ


“น้องวินวินอยากกลับบ้านหรือยังครับ”
 ร่างเล็กหันไปถามหลานชายที่เริ่มออกอาการงัวเงียแล้วเล็กน้อย

“หาถ้วยฟูกันนะ  อาฟ้า”
เด็กชายตาใสเมื่อได้ยินว่าจะได้กลับบ้าน ไปเล่นกับเจ้าถ้วยฟู
แมวไทยพันธุ์วิเชียรมาศที่เขาเลี้ยงไว้เกือบปีแล้ว  ขี้อ้อน  ซุกซน  ช่างประจบ
น้องวินวินรักมากเป็นพิเศษ  ซึ่งก็คงเพราะเป็นสัตว์เลี้ยงตัวเดียวของบ้านด้วย

“ไปบอกลาพี่อิง  พี่เกล้าก่อนครับ”
เด็กชายวิ่งตุบตับไปหาสองหนุ่มหน้าเคาน์เตอร์

ทั้งสองพากันฟัดแก้มเด็กน้อยยกใหญ่ก่อนจะปล่อยตัวกลับ
ขอบฟ้าหอบหิ้วงานจนล้นมือ  เกล้ารีบวิ่งมาช่วยถือไปส่งให้ที่รถ
พร้อมทั้งจูงน้องวินวินไปด้วย

“พี่ฟ้าเสาร์นี้ผมขอกลับบ้านนะฮะ ไอ้แก้มมันโทรมาบอกว่าแม่ป่วย”
้เด็กหนุ่มหัวทอง แต่งกายเลียนแบบไอดอลเกาหลี  ถึงจะดูกวนๆ รั่วๆ
ไปบ้างแต่ขยันทำงานส่งเงินให้ทางบ้านไม่ได้ขาด

ขอบฟ้าพยักหน้าอนุญาต  เกล้ายิ้มแฉ่งดีใจ  น้องสาวโทรบอกว่าแม่ป่วยไม่ยอมหาหมอ 
เกล้าก็เลยต้องกลับไปบ้านเพื่อพาแม่ไปหาหมอเสียเอง  คงเพราะแม่ของเกล้านึกเสียดายเงินค่ารักษา
และคิดว่าป่วยได้ก็หายได้อีกตามเคย  ซึ่งเกล้ากลับมามักจะมาบ่นๆ ให้ฟังเสมอๆ

“ขาดเหลืออะไรบอกพี่ได้นะเกล้า  ไม่ต้องเกรงใจ  แต่ก่อนจะกลับไปแวะหานมอุ่นด้วย
 เห็นบอกจะฝากของไปให้แม่เราน่ะ”

“ครับพี่ฟ้า  ขอบคุณนะฮะ”
เด็กหนุ่มพึมพำเบาๆ  แล้วส่งของที่ช่วยถือคืนให้พี่ฟ้า

พร้อมทั้งอุ้มน้องขึ้นนั่งเบาะหลัง เห็นตาปรอยๆ  โดนแอร์ไม่นานก็คงจะหลับ
เกล้าเป็นหลานห่างๆของนมอุ่นที่เป็นแม่นมของพี่ฟ้า  นมอุ่นพาเด็กหนุ่มมาฝาก
ทำงานที่ร้านนี้ตั้งแต่ร้านเปิดใหม่ๆ
พี่ฟ้าใจดี  ที่บ้านมีกิจการร้านเพชรแต่พี่ฟ้าไม่ยอมทำ
ให้พี่น้ำพี่ชายทำแทนส่วนตัวเองมาเปิดร้านกาแฟ
และรับออกแบบจัดแต่งสวน  ฝีมือออกแบบพี่ฟ้าคงจะดีมาก
เห็นมีลูกค้ามาติดต่อไม่ได้ขาด พี่ฟ้าเคยบอกกับเขาว่าให้ทำสิ่งที่ตัวเองรัก
หรือชอบแล้วจะทำได้ดี  เกล้าก็ได้แต่ฟังเพราะทางบ้านเขาฐานะยากจน
เขายังต้องส่งน้องเรียนและส่งเงินช่วยแม่อีกคงไม่มีโอกาสอย่างพี่ฟ้าเป็นแน่



น้องวินวินหลับมาตลอดทาง  เมื่อจอดรถเก่งก็วิ่งมาเปิดประตูอุ้มน้องวินวินพาเข้าบ้านไป
เก่งเป็นลูกชายน้าเต้ยคนขับรถของคุณแม่  เด็กหนุ่มถึงจะไม่ค่อยเป็นโล้เป็นพายเรื่องงานในบ้านนัก
แต่ถ้าเป็นเรื่องน้องวินวินเจ้าเก่งจะได้ความมากกว่าเรื่องอื่นๆ เสมอ


ขอบฟ้ามีพี่ชายหนึ่งคนชื่อน่านน้ำ  เดิมทีพวกเขาอยู่รวมกันที่บ้านใหญ่
เนื้อที่กว่า 6 ไร่  เป็นบ้าน 2 ชั้นสไตล์วินเทจ 3 ห้องนอน
ขอบฟ้าเรียนจบจึงขอแยกออกมาอีกหลังโดยที่เจ้าตัวออกแบบเอง
ในสไตล์คอทเทจ  สีขาว - เทา ชั้นเดียว 3 ห้องนอน
และออกแบบจัดแต่งสวนเองทั้งหมด 
กลายเป็นตอนนี้บ้านของขอบฟ้าดูสวยงามโดดเด่นที่สุด
ซึ่งมีสวนสวยและแวดล้อมไปด้วยพันธุ์ไม้หลากสีสัน

เขาตั้งชื่อบ้านว่า `ตัวเล็ก`



ค่ำนี้ที่โต๊ะอาหารทุกคนกำลังรับประทานอาหารกันอย่างพร้อมหน้า
คุณพ่อนั่งทานไปเงียบๆ เหมือนทุกครั้ง
ส่วนพี่น้ำคอยดูแลให้ลูกชายทานอาหารเอง  แต่ก็มีช่วยลูกบ้าง
แล้วคุณหญิงแม่ก็หันมาที่เขาแล้วเอ่ยปาก

“ฟ้า  พรุ่งนี้ตอนเที่ยงไปทานข้าวเป็นเพื่อนแม่นะ  แม่จองร้านไว้แล้ว” 
คุณหญิงศศิบอกกับขอบฟ้า  ร่างเล็กสะดุ้งหันไปสบตากับพี่ชาย
แล้วยิ้มเจื่อนๆให้กับท่าน

“ครับแม่  บอกร้านฟ้ามาว่าร้านไหน  ขอฟ้าขับรถไปเองแล้วกันนะฮะ”
ขอบฟ้ารู้สึกว่างานจับคู่ดูตัวมาอีกแล้ว
ต้องเตรียมหาทางหนีทีไล่ก่อน

“พรุ่งนี้ช่วงเช้าแม่ไม่มีธุระที่ไหนจ้ะ  ก่อนเที่ยงแม่ไปรับฟ้าที่ร้านได้สบาย”
คำประกาศิตมาเต็มๆ

ขอบฟ้ามุ่นหัวคิ้วแอบมองคนนั้นทีคนนี้ที  คุณพ่อไม่ช่วยอยู่แล้วขอบฟ้ารู้

“ฟ้า  เมื่อไหร่เราจะเข้าไปช่วยงานพี่ที่บริษัทซักที  นี่ก็จบมาจะปีนึงแล้ว”
 พี่น้ำเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเอาดื้อๆ

“พี่น้ำเก่งจะตายไป  ทำได้อยู่แล้ว  นี่ฟ้าก็ช่วยเลี้ยงน้องวินวินให้แล้วไงครับ
 จนใครๆ ว่าวินวินเป็นลูกฟ้าแล้วเนี้ย อีกอย่าง  ตอนนี้ขอฟ้าทำสิ่งที่รักก่อน
 นะๆ ดูสิคุณพ่อยังไม่เคยบ่นฟ้าเลย”  ขอบฟ้าพูดแล้วหาเกราะกำบังทันที

รู้ว่ายังไงพี่น้ำก็เกรงคุณพ่อ เพราะท่านพูดน้อยแต่ถึงคราวเด็ดขาดคุณแม่
ที่เหมือนกุมอำนาจทั้งบ้านยังต้องยอม
ขอบฟ้าแอบซ่อนยิ้มร้ายทำไม่รู้ไม่ชี้ทานอาหารต่อไป









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-12-2018 13:05:41 โดย เส้นขอบฟ้า »

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่  5  ขยับมาใกล้กัน

น้าเต้ยขับรถพาคุณแม่มาที่ร้านแล้วรับขอบฟ้าออกไป
เมื่อไปถึงร้านที่คุณแม่จองไว้  ก็เจอฉากแบบเดิมๆอีกแล้ว 

เขาก็ต้องเล่นไปตามบทสินะ  เจ้าตัวหมายมาดว่าจะสำเร็จเหมือนทุกที
“ฟ้าไหว้คุณป้าแม้นวาดซิลูก  แล้วนั่นน้องน้ำหวาน”
คุณแม่แนะนำเพื่อนของท่านและหญิงสาวเนิร์สๆ ที่มาด้วย

เขาจึงยกมือไหว้แล้วเหลือบไปมองหญิงสาวตัวเล็กผมซอยสั้น
คราวนี้คุณแม่เปลี่ยนแนวจากที่เคยพามาสวยๆ
แจ่มๆ ทั้งนั้น  คราวนี้ออกจะทอมบอยเสียมากกว่า


“พี่ฟ้า  ลองทานอันนี้ดูหน่อยสิคะ  น้ำหวานว่าอร่อยดีไม่เผ็ดเกินไปด้วยค่ะ”
เด็กเนิร์สพยายามเอาใจชายหนุ่ม เขาเห็นแม่ของเธอคอยสะกิดให้ทำ
ขอบฟ้าเอ่ยขอบคุณไปเบาๆ

น้ำหวานเล่าว่าเรียนบริหารปีสองมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง
แล้วก็ชวนคุยไปเรื่อยเธอถามอะไรมาเขาก็ทำเป็นไม่ได้ยินบ้าง
ตอบไม่ครบคำถามบ้าง จนช่วงหลังๆเธอรู้ตัวนั่งทานไปเงียบๆ
คุณป้ากับคุณแม่ต่างก็คุยอวดอ้างสรรพคุณลูกสาวลูกชายให้กันฟังไม่หยุด


“เดี๋ยวฟ้าขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”
แล้วคนตัวเล็กก็รีบเดินออกมา

เมื่อเสร็จกิจ  จังหวะที่เงยหน้าขึ้นจากอ่างล้างมือ
พลันสายตาสบเข้ากับร่างสูงที่จ้องมองมาจากกระจก

เขาคลี่ยิ้มส่งให้ขอบฟ้าเป็นยิ้มที่กว้างกว่าทุกทีที่ขอบฟ้าเคยเห็นมา

“เอ่อ…มาทานร้านนี้เหมือนกันเหรอครับคุณภู”
 ขอบฟ้าหันไปทักภูดิศก่อน

“ครับ  ร้านประจำพี่น่ะ  พอดีนัดคุยงานกับลูกค้าที่นี่  น้องฟ้ามาคนเดียวหรือครับ”
ภูดิศเรียกแบบสนิทชิดเชื้อทำเอาขอบฟ้าออกอาการเก้อๆ ที่ถูกเรียกแบบนั้น 
ไม่เคยมีใครเรียกมาก่อนนอกจากคนในครอบครัวแต่ก็นานมาแล้ว  จึงออกจะเขินสักหน่อย


“เอ่อ…มาเป็นเพื่อนคุณแม่น่ะครับ  ท่านนัดเพื่อนทานข้าว
นี่ก็ออกมานานแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”
ขอบฟ้าพูดตัดบทเตรียมเดินหนีแต่ข้อมือถูกคว้าไว้
เขาเผลอสะบัดแต่ไม่แรงนัก

ภูดิศหน้าเสียปล่อยมือทันทีก้มหัวเป็นเชิงขอโทษ

“เดี๋ยวก่อนครับ  เอ่อ  พี่อยากจะให้น้องฟ้าไปช่วยออกแบบสวนที่บ้านน่ะครับ”
 ร่างสูงรีบแก้ตัวทันควัน

“อ่อครับ  เบอร์ตามนามบัตรเลยนะครับ  คุณภูสะดวกเมื่อไหร่ก็แจ้งมาแล้วกันครับ”
พูดจบรีบเบี่ยงตัวจ้ำอ้าวๆออกมาทันที

“ทำไมไปนานจังลูกคนนี้”
คุณแม่เอ่ยติงไม่จริงจังนะ  ขอบฟ้าจึงบอกไปว่ามีลูกค้าสนใจจะให้ไปออกแบบสวนให้
ท่านก็ไม่ว่าอะไร

“เรียกเช็คบิลเถอะฟ้า  แม่ต้องไปสมาคมต่อ”
คุณแม่เอ่ยชวนกลับ  ช่วงเวลาที่ขอบฟ้ารอเลยล่ะ

เมื่อนั่งมาในรถคุณแม่ลองเชิงถามถึงน้องน้ำหวาน
ขอบฟ้าก็พูดแบบกลางๆ  แบบขอไปที

“คุณแม่งานการกุศล  ที่จะจัดอาทิตย์หน้า  มีชุดแล้วเหรอครับ
 ฟ้าพาไปร้านประจำของคุณแม่มั๊ยครับ”
 ขอบฟ้าชวนท่านพูดเรื่องอื่น

“ลูกฟ้า!  ถ้าป่านนี้ยังไม่ได้ลองก็ไม่ทันแล้วลูก  เพราะมันต้องแก้ทรง
เนี้ยแม่ผอมลงอีกแล้วไม่แก้ก็ใส่ไม่สวยกันสิ”
คุณแม่จีบปากจีบคอเล่าเรื่องความสวยความงามต่อจนลืมเรื่องน้องน้ำหวานไปเลย

`คุณลูกไม่ปลื้มจบนะคุณแม่`
ขอบฟ้าสบตาน้าเต้ยทางกระจกมองหลังแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
น้าเต้ยก็ส่ายหน้าขำๆกลับมา  แบบรู้ทันความคิดของเขา



ขอบฟ้าเดินเข้าไปกำลังจะนั่งลงที่โต๊ะทำงาน
แต่มีสายโทรเข้าเสียก่อนจึงควานมือไปที่กระเป๋าถือ
ล้วงโทรศัพท์เครื่องหรูออกมา  เบอร์ไม่คุ้นแต่มือบางก็กดรับ

“น้องฟ้า  พี่ภูเองครับ  เย็นนี้พี่จะเข้าไปรับนะ  จะพาไปดูสวนที่จะให้ออกแบบให้
สะดวกไหมครับ”
เสียงนุ่มทุ้มพูดออกมา  น้ำเสียงมีแววคาดหวัง

“เอ่อ  ได้ครับ”  เผลอรับปากออกไปแล้ว

“รบกวนน้องฟ้าช่วยรับหนูรินมาให้ด้วยได้ไหมครับ  เรียนห้องเดียวกันกับน้องวินวิน
พอดีพี่อาจจะไปช้านิดนึง  ถ้าน้องฟ้าไม่มีอะไรขัดข้อง  พี่จะได้โทรบอกกับคุณครูให้ก่อนน่ะครับ”
น้ำเสียงที่พูดเป็นเชิงขอร้อง

“เอ่อ ได้ครับ” ตอบไปแบบสั้นๆอีกตามเคย

“ขอบคุณครับ  น้องฟ้า  แล้วเจอกันนะครับ”
 ปลายสายมีอาการกระตือรือร้น




พอรับเด็กๆมาถึงที่ร้าน  ขอบฟ้าก็หาของว่างให้ทานในระหว่างรอภูดิศ
ไม่นานร่างสูงก็มาถึง  เขาควักเงินจะจ่ายค่าของว่างของหนูรินแต่ขอบฟ้าไม่รับ
บอกว่าขอเลี้ยงเองมื้อนี้  ชายหนุ่มพึมพำขอบคุณเบาๆ


“ไปรถพี่นะครับ  เดี๋ยวขับมาส่ง  อยู่แค่นี้เองวิ่งรถไม่ถึงชั่วโมง
ให้เด็กนั่งด้วยกัน  นะครับ”  ภูดิศพูดรวบรัดตัดความ
ขอบฟ้าจึงตามมาขึ้นรถจนได้


ไม่นานก็ถึงที่หมายมีส้มหญิงสาววัยรุ่นเนื้อตัวสะอาดสะอ้านมารับเด็กๆไปดูแลต่อ
คุณภูจึงพาออกไปดูสวนที่จะให้ออกแบบจัดแต่ง  พูดคุยถึงสิ่งที่อยากให้มีตรงมุมนั้นจุดนี้
และสิ่งที่ชอบ  จนรู้ว่าคุณภูมีแนวคิดรสนิยมที่เหมือนกับตัวของขอบฟ้าเอามากๆ
ชายหนุ่มจึงส่งแบบให้คุณภูเลือก เขารับไอแพดไปเลื่อนๆ ดูจนได้แบบที่อยากได้
แล้วก็ส่งไอแพดคืนมาให้ ขอบฟ้าชะงักที่เห็นแบบที่คุณภูตัดสินใจเลือก


“แบบนี้เลยเหรอครับ  เอ่อ  แน่ใจนะครับ”
คุณภูดูลังเลที่ได้ยินขอบฟ้าถามย้ำ
คิ้วเข้มๆ นั้นเลิกขึ้นสูง  ขอบฟ้าจึงต้องแก้ข้อสงสัยให้ชายหนุ่ม

“มันเป็นแบบเดียวกับที่บ้านผมน่ะ  ถ้าชอบก็ทำให้ได้ครับ
ไม่มีปัญหาอะไร”  ขอบฟ้าบอกออกไป
ทำให้ได้เห็นแววตาของคุณภูที่มีความกระตือรือร้นแปลกๆ
ยิ้มกว้างอีกแล้ว  นี่เป็นครั้งที่สองของวันที่ขอบฟ้าเห็น


“ไว้พี่ขอดูสวนที่บ้านน้องฟ้าบ้างนะครับ  ว่าทำออกมาแล้วจะสวย
เหมือนในรูปที่ถ่ายนี่หรือเปล่า”  คุณภูพูดอย่างคาดหวัง

“ได้ครับ  ถ้าไม่มีอะไรแล้ววันนี้  รบกวนคุณภูไปส่งกลับร้าน
หน่อยครับ  ค่ำแล้ว”  คนตัวเล็กเอ่ยปาก  อยากจะกลับ

“น้องฟ้า  พี่ให้นมพร้อมเตรียมมื้อเย็นให้แล้วครับ  ทานด้วยกันก่อน
เด็กๆ หิวแย่แล้วล่ะป่านนี้”

“รบกวนเปล่าๆ ครับ  น้องวินวินทานอาหารว่างมาแล้ว  ไม่เป็นไรครับ”
 ขอบฟ้าพูดจบเตรียมจะออกเดินไปยังตัวบ้านที่คาดว่าเด็กๆ เล่นกันอยู่
 ชะงักเท้า  เมื่ออีกคนมองมาด้วยสายตาตำหนิ

“ผู้ใหญ่เลยมื้ออาหารได้  แต่เด็กๆควรให้เขาได้ทานตามเวลานะครับ”
 ร่างสูงพูดเสียงออกจะไม่สบอารมณ์นัก  จนคนฟังรู้สึกได้

“งั้นรบกวนด้วยแล้วกัน  ไว้ผมจะเลี้ยงคืนคุณกับลูกนะครับ”
ตอบรับไปอย่างยอมจำนน



เมื่อเข้าไปภายในบ้าน  เจ้าของบ้านแนะนำนมพร้อมกับป้าแก้วให้ขอบฟ้ารู้จัก
ท่านทั้งสองมองมาอย่างเป็นมิตร  ที่โต๊ะอาหารเด็กๆนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
ขอบฟ้ารู้สึกผิดขึ้นมาทันที เพราะเมื่ออาหารวางตรงหน้าเด็กๆ
ต่างลงมือทานกันทันที  น้องวินวินทานเอาทานเอา
คงหิวมากอย่างที่ร่างสูงว่า  อาหารมื้อนี้ขอบฟ้ารู้สึกถูกปากเป็นอย่างมาก
เพราะเป็นรสชาติที่เจ้าตัวชอบอยู่แล้วและคงเพราะฝีมือของแม่ครัวที่นี่ด้วย 
ทุกอย่างบนโต๊ะเป็นอาหารไทยทั้งหมด  มิน่าล่ะเขาจึงได้พบคุณภู
ที่ร้านอาหารไทยเมื่อตอนเที่ยงวันนี้


“น้องฟ้า  ทานเยอะๆนะครับ  ตัวเล็กนิดเดียวเอง  ข้าวไม่พอเติมได้นะ”
ร่างสูงพูดพร้อมกับตักอาหารมาใส่จานให้คนตัวเล็ก ขอบฟ้าขอบคุณไปเบาๆ
คุณภูก็ยกยิ้มมุมปาก  วันนี้ขอบฟ้ารู้สึกว่าคุณภูที่คนพูดกันว่าเข้าถึงยากยิ้มบ่อยไปแล้ว

สักพักเด็กรับใช้ก็นำผลไม้มาเสิร์ฟ  เมื่อมื้ออาหารจบลง  ก็ย้ายกันไปที่ห้องนั่งเล่นพักใหญ่ๆ
คุณภูก็ออกไปเตรียมรถ  ขอบฟ้าไหว้ลาผู้ใหญ่ของบ้าน  ท่านใจดีออกปากให้มากันอีก
ขอบฟ้าไม่ลืมเอ่ยชมรสชาติอาหาร  และการต้อนรับที่อบอุ่น  หนูรินออกอาการงอแง
ไม่ยอมให้วินวินกลับมีน้ำตาคลอที่หน่วยตา  คงเพราะเล่นกันยาวนานจึงจับแยก
ออกจากกันยากสักหน่อย จนภูดิศต้องมาช่วยพูดกับลูก

“หนูรินค่ะ  วินวินต้องกลับไปหาคุณพ่อ  ถ้าพ่อรอลูกแต่ลูกมาช้า  พ่อก็ต้องรอๆ
 นานๆ  พ่อก็ต้องคิดถึงลูกมากแน่ๆ เลยด้วย”

“ก็ได้ๆ  หนูรินให้วินวินกลับก็ได้”  หนูรินพูดรัวๆ



 แล้วสองอาหลานก็ได้กลับบ้าน  ระหว่างทางที่จะไปเอารถที่ร้าน
คุณภูเลี่ยงเส้นทางที่คาดว่ารถจะติด
จึงกลายเป็นบ้านของขอบฟ้าถึงก่อนร้านเสียได้  ขอบฟ้าจึงต้องบอกคุณภู
ให้เปลี่ยนจุดหมายปลายทางเป็นส่งเขาที่บ้านแทน  ภูดิศพยักหน้ารับรู้


“ของที่ใช้ตกแต่งสวน  น้องฟ้าได้มายังไงล่ะครับ”
ภูดิศชวนคนนั่งข้างๆคุย

“ไปเลือกซื้อเองบ้าง  ถ้าชิ้นเล็กก็นำกลับมาเองเลย
 ถ้าชิ้นโตๆ ทางร้านก็บริการจัดส่งให้  แล้วก็มีสั่งจากทางเว็บไซต์บ้างบาง
รายการที่เป็นของนำเข้าน่ะครับแล้วแต่แบบที่ลูกค้าเลือกด้วยครับ”

คนตัวเล็กเล่าให้ฟังเสียยืดยาวถ้าเกี่ยวกับงานของตน  น้ำเสียงเล็กๆ
ที่พูดเบาๆฟังเพลินไปเหมือนกัน สองคนคุยกันไปเรื่อยจนถึงบ้านของขอบฟ้า
น้องวินวินหลับมาตลอดทางเช่นกันที่เบาะด้านหลัง



ความมืดที่โรยตัวโดยรอบแต่มีแสงไฟทางส่องสว่าง
เมื่อร่างสูงเลี้ยวรถเข้าภายในอาณาเขตบ้าน
ที่ดูกว้างขวางพอๆกับบ้านของเขา  แสงไฟจากตัวตึกหลังใหญ่เปิดไว้สว่าง
คนที่บ้านคงรอการกลับมา

ของสองคนอากับหลาน  เมื่อรถจอดร่างบางลงจากรถเปิดประตูข้างที่น้องวินวินหลับอยู่เบาะหลัง
ก็มีเด็กวัยรุ่นผู้ชายวิ่งมาช้อนอุ้มหนูน้อยพาเดินไปทางตัวตึก


“ขอบคุณครับคุณภู  ที่มาส่งฟ้ากับหลาน”

“พรุ่งนี้พี่มารับนะครับทั้งสองคน  ยังไงก็ต้องไปส่งหนูรินที่โรงเรียนอยู่แล้ว
 แล้วก็อยากจะขอกาแฟที่ร้านดื่มสักถ้วยด้วยครับ”

“เอ่อ…ครับ”  ร่างเล็กรับคำสั้นๆ  ชายหนุ่มยกยิ้มถูกใจ

“อีกอย่างนะ  เรียกพี่ว่า…พี่ภู…นะครับ  ยังไงก็รู้จักกันแล้ว
แล้วแทนตัวเองว่า  ฟ้า  แบบตะกี้ก็น่ารักที่สุดเหมือนกัน”
ภูดิศยิ้มพราย  ร่างเล็กมองตามรถที่ค่อยๆ เคลื่อนออกไป `ฟ้า-พี่ภู` งั้นเหรอ









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-12-2018 13:24:56 โดย เส้นขอบฟ้า »

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 6 เมื่อมีคนเจ็บ

“พ่อภูขา  มากู๊ดไนท์คิสกัน  หนูรินจะนอนแล้วค่ะ”  หนูรินยิ้มเข้ามากอด

"ไหนพ่อดูซิ  ไม่ฟังนิทานเนี้ยตัวร้อนรึเปล่าค่ะ  เอ้…ตัวก็ไม่ร้อน 
หรือว่าพลังหมดกันนะ  เล่นเยอะล่ะสิวันนี้  งั้นมานอนเลย  จุ๊บๆ
กันก่อนค่ะ”

แล้วลูกหมูตัวกลมก็หันไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับเจ้าตุ๊กตาหมีขี้เซาสีขาว
ก่อนจะล้มตัวลงนอนให้คุณพ่อลูบหลัง  ไม่นานก็หลับพริ้มไปแล้ว
 

หนูรินพอรู้ว่าเช้านี้จะได้ไปบ้านอาฟ้าและรับวินวิน
หนูน้อยก็ให้ความร่วมมือกับพี่ส้มเต็มที่ในการแต่งตัว
ทานมื้อเช้าไม่มีอิดออด  พอทุกอย่างพร้อมก็วิ่งปรู๊ดไปรอที่รถ

“เย้!  ไปบ้านอาฟ้า  หาถ้วยฟู  หาถ้วยฟู”
เริงร่าดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่จริงๆ ภูดิศอดที่จะยิ้มเอ็นดู


เมื่อรถแล่นผ่านประตูใหญ่มาก็มีเด็กรับใช้นำไปยังบ้านชั้นเดียวอีกหลังที่
อยู่ไม่ห่างจากหลังใหญ่มากนัก  เป็นบ้านหลังเล็กกะทัดรัดสไตล์เก๋ไก๋ลงตัว
สีขาว - เทา  มีป้ายชื่อบ้าน `ตัวเล็ก`

ชายหนุ่มเผลอเหยียบเบรกทันทีที่เห็นป้ายชื่อบ้าน  เหมือนมีกระแสอุ่นวาบไปสู่หัวใจ
คงเป็นความบังเอิญที่ขอบฟ้าจะตั้งชื่อบ้านได้เหมาะกับตัวเองเสียจริงๆ `คิดถึงตัวเล็ก`

เมื่อคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญจึงแล่นรถผ่านไป   หน้าบ้านมีสวนสวยในแบบที่เขาอยากได้

“เชิญที่ห้องรับแขกเลยค่ะ  เดี๋ยวแนนไปเตรียมน้ำดื่มมาให้  คุณฟ้ากับน้องวินวินอีกเดี๋ยวคงมาค่ะ”
 เด็กชื่อแนนแจ้งกับแขกให้ทราบ  นั่งรอครู่หนึ่งก็มีเสียงเดินมาจากด้านหน้า

น้องวินวินมาในชุดนักเรียนอนุบาล  กับอาฟ้าในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ขาดที่เข่า
เท่ในแบบที่เคยเห็น  แต่วันนี้รวบผมไว้ด้านหลัง  เผยให้เห็นผิวหน้าที่เนียนขาวใส
กระจ่างตา  น่ารักน่ามองไปอีก

“สวัสดีครับ  มาเช้ากันจัง  พอดีไปทานมื้อเช้าที่บ้านใหญ่  นี่ทานอะไรกันมาหรือยังครับ?”
 ขอบฟ้าเอ่ยทักและบอกเล่าเหตุผลที่มาช้า  เด็กๆ ไหว้สวัสดีผู้ใหญ่แล้วน้องวินวินก็วิ่งไปห้องด้านใน

“เรียบร้อยกันมาแล้วครับ  โทษทีที่มาเร็วไปหน่อย  ยัยหนูสิครับรบเร้าบอกจะหาถ้วยฟูๆ
อะไรนี่แหละ พึมพำมาตลอดทางเลยครับ”

ชายหนุ่มรีบออกตัว  ขอบฟ้าร้องอ๋อ  ยิ้มทั้งปากและดวงตา
แล้วน้องวินวินก็ออกมาจากห้องด้านในพร้อมอุ้มเจ้าก้อนขนสีขาวนวลสวย
มีจุดดำแต้มอยู่หลายตำแหน่งที่ชัดๆ ก็ใบหู 2 ข้าง  จมูก  เท้าทั้งสี่

“ว้าว  ถ้วยฟูๆ  น่ารักๆ  อย่ากัดหนูรินนะ” 
เจ้าถ้วยฟูดวงตาสีฟ้ามองเด็กหญิงที่มายืนอยู่ตรงหน้าตาวาวๆ
แต่ไม่มีท่าจะตื่นคน  ขอบฟ้ารีบพูดขึ้นก่อน

“หนูรินอย่าเพิ่งอุ้มนะคะ  แค่ลูบๆทำความคุ้นเคยกันก่อน
 ถ้ารู้จักกันแล้วถ้วยฟูจะชอบหนูริน  แล้วจะยอมให้อุ้มนะคะ” 
ขอบฟ้า บอกหนูริน  ร่างสูงแอบชมชอบน้ำเสียงที่ขอบฟ้าใช้พูดกับเด็กๆ
มันบ่งบอกว่าคนตัวเล็กนี่เป็นคนที่อ่อนโยนและใจดี


“ก็ได้ๆ  หนูรินไม่อุ้มค่ะอาฟ้า  เนาะๆถ้วยฟู”  หนูรินรับคำ 
แต่ก็พยายามตีซี้เจ้าถ้วยฟูใช้มือลูบไปตามตัวไม่หยุดมนุษย์เด็กกับสัตว์เลี้ยงตัวจ้อย
เป็นอะไรที่แยกกันไม่ออกตามเคย

“บ้านน่ารัก  น่าอยู่มากเลยครับ  ชื่อบ้านก็เก๋ดีสมกับตัวเจ้าของเลย
แล้วสวนก็สวยมากๆ อย่างที่พี่อยากได้เลยครับ เห็นอย่างนี้
แล้วแทบอดใจรอไม่ไหวแล้วสิครับ”  ใบหน้าที่ยิ้มไปเอ่ยชมไปไม่ขาดปาก

“เอ่อ…คุณ…พี่ภูรอหน่อยนะ  ขอฟ้าเคลียร์  เอ่อ…ผมเคลียร์ลูกค้ารายล่าสุดให้จบก่อนครับ”
 คนตัวเล็กพูดไปหน้าแดงไปที่เผลอเรียกแทนชื่อตัวออกไป  ร่างสูงยิ้มไม่หุบแล้วคราวนี้

“แทนตัวว่าฟ้าน่ะน่ารักแล้วครับ  พี่ชอบ”
คนตัวเล็กทำหน้าตาเหรอหรา

“เด็กๆ เตรียมตัวไปโรงเรียนกันเถอะ  เดี๋ยวรถติดน๊า
ค่อยมาเล่นกับถ้วยฟูใหม่เนอะ”
ขอบฟ้าหาทางเลี่ยงออกจากสถานการณ์เป็นรองตรงหน้าทันควัน


ส่งเด็กๆ ที่โรงเรียนเรียบร้อย  ก็ถึงคิวของอาฟ้าบ้าง
ร่างสูงขอไม่แวะดื่มกาแฟอย่างที่บอกไว้ในทีแรก
เพราะมีเรื่องด่วนเสียก่อน  ขอบฟ้าพยักหน้าเข้าใจ
ภูดิศออกจาก `Sky coff` อย่างเร่งรีบ

เนื่องจากลุงหมอโทรมาบอกว่าคุณปู่ลื่นล้มในห้องน้ำเมื่อเช้า
ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล ถึงแม้ความคิดเห็นเขากับท่านจะไม่ค่อยลงรอย
กันบ่อยครั้ง  แต่เขาซึ่งเป็นหลานก็อดเป็นห่วงเสียไม่ได้



คุณปู่ที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้  มีถุงน้ำเกลือแขวนอยู่
ใส่เฝือกที่แขนขวาข้างถนัดของท่าน 

ชายหนุ่มได้พบคุณหมอเจ้าของไข้แล้ว
“กระดูกแขนร้าวและมีอาการฟกช้ำตามตัวนะครับ  ประกอบกับคนไข้เป็นผู้สูงอายุ
จึงอ่อนเพลียและมีไข้สูง  หากตื่นมาจะปวดระบบตามเนื้อตัวได้ด้วย
อาการอื่นๆ ไม่มีอะไรน่ากังวลแล้วละครับ”  เมื่อคุณหมอออกไปจากห้อง

ชายหนุ่มจึงเข้าไปยืนข้างเตียง  สภาพท่านดูต่างไปจากเดิมที่เคยพบ
มาดที่น่าเกรงขามในวันนั้นไม่หลงเหลืออยู่เลย


“เอ้า  ไม่ทำงานเหรอ  เจ้าภู”
ปู่ประหลาดใจที่ลืมตาขึ้นแล้วเห็นหลานชายนั่งรอที่โซฟา

“ทำครับ  รอคุณปู่ตื่นนี่แหละ  แล้วเป็นไงบ้างครับ”
ภูดิศเดินเข้าไปยืนข้างๆเตียง

“เอ่อ  ปู่ปวดแขนมากๆเลยตอนนี้น่ะ”
 ชายหนุ่มได้ฟังปู่บอกก็รีบกดเรียกพยาบาลทันที

“อ่อ  ได้เวลาต้องให้ยากับคนไข้แล้วละค่ะ”
คุณพยาบาลคนสวยบอก

“งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับปู่  นอนพักเยอะๆนะครับ  ค่ำๆ ผมจะมาใหม่ครับ”
ท่านพยักหน้ารับรู้อย่างอ่อนแรง




ภูดิศรับหนูรินกลับไปส่งบ้านแล้ว  นั่งพักเหนื่อยตั้งใจว่าเย็นๆ ค่อยออกไปดูคุณปู่อีกที
ตามที่บอกกับท่านไว้ในตอนสาย  หากไม่ไปคนแก่จะพลอยรอเก้อเสียเปล่าๆ

“นมพร้อมครับ  คุณปู่ลื่นล้มในห้องน้ำเมื่อเช้าครับ”
ชายหนุ่มเล่าให้นมพร้อมฟัง

“อุ๊ยตายจริง  แล้วท่านเป็นอย่างไรบ้างคะคุณหนู  อายุท่านก็มากแล้ว
 คงเจ็บน่าดู”  นมพร้อมตกอกตกใจเป็นการใหญ่

“กระดูกแขนขวาร้าวต้องเข้าเฝือกครับ  มีไข้ด้วยคุณหมอยังไม่ให้กลับบ้าน
 เดี๋ยวค่ำๆ ผมจะไปดูท่านอีกทีครับ”

“นมเป็นห่วงท่านจริงๆ เลยนะคะ  แล้วใครเฝ้าละคะ  ยังไงช่วงนี้คุณหนูต้องค่อยๆ
พูดค่อยๆจากับท่านนะ  อย่าเพิ่งขัดใจอะไรท่าน ตอนนี้เลยค่ะ”

“ตอนนี้ก็จ้างพยาบาลพิเศษดูแลอยู่ครับ  ผมเห็นแล้วก็สงสาร
จะพยายามไม่ขัดใจคุณท่านของนมก็แล้วกันครับ  นมอย่ากังวลไปเลย"
ชายหนุ่มรับปากอย่างแข็งขัน นั่งพักเหนื่อยได้สักพักใหญ่ๆ ก็ฝากนมพร้อมให้เวยดูแลหนูริน
เพราะเขาน่าจะกลับดึกสักหน่อย




เคลื่อนรถออกมาได้ไม่นานก็พบกับผู้คนที่สัญจรไปมาสองฟากฝั่งถนน
มีร้านค้าแบบสตรีทฟู้ดเรียงราย  เมนูให้เลือกก็หลากหลาย  ราคาพอเหมาะกับมนุษย์เงินเดือน
เขาก็เคยได้มาเดินเมื่อคราวเป็นนักศึกษา  แต่ด้วยภาวะในปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยเขาจึงไม่มีโอกาส
ได้ทำเช่นนั้นอีก  ภูดิศเอื้อมมือไปเปิดเพลงฟังเบาๆ

ทันใดนั้น!!  มีคนวิ่งตัดหน้ารถของเขา  ชายหนุ่มเหยียบเบรกอย่างแรง
ส่งผลให้รถคันหลังที่ตามมาเสียจังหวะบีบแตรไล่เขาดังลั่น
ชายหนุ่มรีบลงจากรถเพื่อไปดู  หากมีคนเจ็บ


“เอ่อ  พี่ภู  ฟ้า  ขอโทษครับ”
คนตัวเล็กเบิกตากว้างมองเจ้าของรถที่ตนวิ่งตัดหน้ามา

“น้องฟ้า  เจ็บตรงไหน  ทำไมไม่ดูให้ดีก่อน  ดูสิแขนถลอกเลือดไหลเลย 
ไปหาหมอก่อนครับ” 
ชายหนุ่มพูดรัวเร็วจับคนตัวเล็กหันซ้ายหันขวาเช็คหาบาดแผลไม่หยุด
พลันเมื่อเห็นเจ้าก้อนขนที่คนเจ็บอุ้มอยู่ก็หน้าตึง หงุดหงิดขึ้นมาทันทีทันใด

“อืม  นี่สินะ  สาเหตุที่วิ่งข้ามถนน  ไม่ดูรถ  ไม่ดูอะไรเลย  ไม่ห่วงตัวเองเลยจริงๆ”
 ภูทำหน้าดุใส่อีก

“คุณน้าขา  หนูขอซูชิคืนนะคะ  ขอบคุณมากๆ ที่ช่วยไว้ค่ะ”
เด็กผู้หญิงวิ่งมายกมือไหว้
แล้วชี้ที่เจ้าก้อนขนที่มีอาการตื่นๆ คน
พอมันเห็นหนูน้อยก็ตะกายจะไปหา  ขอบฟ้าจึงส่งคืนให้
เธอรับไปกอดหอมและกล่าวขอบคุณอีกยกใหญ่
ขอบฟ้าหันมายิ้มแหยๆ ให้คนข้างๆ อย่างเกรงความผิด

“ฟ้าไม่เป็นไรมากครับพี่ภู  ขอโทษที่ทำให้ตกใจ  และเสียเวลาไปกับฟ้าด้วย”
ขอบฟ้าพูดเสียงอ่อย  หน้าสลดอย่างสำนึกผิด  ร่างสูงเห็นอย่างนั้นก็ไม่อยากตำหนิอะไรอีก
นึกสงสารที่ได้แผล  ผิวสวยๆ ยังไปครูดกับพื้นถนนมาอีก

“เอารถมารึป่าว  ไปหาหมอก่อน  พี่จะเข้าไปเยี่ยมคุณปู่ที่โรงพยาบาลอยู่พอดี  ท่านล้มเมื่อเช้าน่ะ”

“ฟ้านั่งแท็กซี่มาครับ  พอดีมาเลือกของแต่งสวนให้ลูกค้า  แต่วันนี้คงไม่ไปเดินหาให้แล้ว
ได้แผลกลับบ้านแบบนี้  เจ็บชะมัดเลย”  เผลอตัวเล่าไปด้วยโอดครวญไปด้วยแต่ไม่ดังนัก

“อืม  ก็ต้องเจ็บสิ  แผลถลอกยาวขนาดนั้น  ดีนะที่ไม่โดนเฉี่ยวชนเข้าให้ด้วย  ทำอะไรระวังเยอะๆ  เป็นอะไรไปจะทำยังไง”

พี่ภูยังขี้บ่นไม่ยอมเลิก  ขอบฟ้าปิดปากเงียบไม่น่าบ่นออกไปให้ได้ยินเลยว่าเจ็บ

“ฟ้าขอโทษ  ต่อไปจะระวังครับ”
 คนตัวเล็กทำตาละห้อยอย่างน่าสงสาร

“กลับบ้านพักผ่อนดีแล้ว  แต่ไปรู้จักคุณปู่พี่ก่อนค่อยกลับ  นะครับ”
 ขอบฟ้ามีสีหน้าลังเลอยู่หน่อยๆ  แต่แล้วก็เดินตามคนตัวโตต้อยๆ ไปขึ้นรถ
 


ภูดิศส่งคนขอบฟ้าทำแผล  เสร็จแล้วพาเข้าไปเยี่ยมคุณปู่  สีหน้าท่านดีขึ้นกว่าเมื่อเช้า
ชายหนุ่มแนะนำคนตัวเล็กกับคุณปู่  ท่านซักถามถึงรู้ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร
แล้วก็คุยกันไปไม่ได้หยุด  คุณปู่ดูจะถูกใจที่มีคนมาคุยให้คลายเหงาลงบ้าง

“ปู่อยากกลับบ้านแล้วเจ้าภู  ถามหมอให้หน่อย  กลับได้รึยัง?”  คุณปู่ร้องจะกลับบ้าน

“คุณหมอให้อยู่ก่อน  ยังมีไข้อยู่เลยครับปู่  เดี๋ยวลุงหมอก็มาครับ  ปู่ไม่น่าจะเหงานะ”

“เออ!  แกมาลองเป็นบ้างมั๊ยล่ะ  จะได้รู้  จะลุกหยิบจับทำอะไรก็ลำบากไปหมด  เฮ้อ!”
คุณปู่บ่นงึมงำๆ ก็คนเคยทำอะไรด้วยตัวเองได้เองนี่นา  หลานชายแอบส่ายหน้า

“คุณปู่ทานข้าวต้มนี่ก่อนครับ  หลังอาหารจะได้ทานยาครับ”
 คนตัวเล็กช่างเอาใจ  ช่วยป้อนให้ท่าน เพราะแขนอีกข้างท่านไม่ค่อยถนัดนัก
หลังทานอาหารผ่านไปสักพักพยาบาลก็เข้ามาให้ยา

สองหนุ่มจึงเตรียมตัวลากลับ ให้คนป่วยได้พักผ่อน
“คุณปู่หายไวๆ นะครับ  ฟ้ากลับก่อนครับ”
 ท่านก็พยักหน้า  แล้วเอ่ยกับหลานชาย

“ตาภู  ไว้พาหนูฟ้าไปหาปู่ที่บ้านบ้างนะ  คุยเก่ง  ช่างเอาใจ
 แบบนี้ทำคนแก่หายเหงาไปด้วย”  ภูดิศเงียบไป

 คิดว่าตัวเองหูฝาดไปเสียแล้ว  ที่ท่านเอ่ยปากว่าอยากเจอ
 คนตัวเล็กได้ฟังก็ยิ้มให้ปู่แล้วหันมองหน้าคนตัวโต

“ครับคุณปู่  เดี๋ยวพาไปครับ”  ภูดิศรับปากคนแก่ขี้เหงา




เมื่อนั่งมาในรถขอบฟ้าชมว่าคุณปู่ใจดี  จนภูดิศต้องหันมองหน้าคนพูดแล้วนิ่งไป
พลางขับรถไปใช้ความคิดไปด้วยปัญหายุ่งยากที่ยังไม่ได้รับการสะสาง
คงต้องรอจังหวะดีๆซึ่งก็ยังไม่รู้อีกนั่นแหละว่าเมื่อไหร่
วันหนึ่งเขาต้องได้เล่าให้ใครสักคนที่พร้อมจะมาอยู่ด้วยกันข้างกายได้รับฟัง



“น้องฟ้าอย่าให้แผลโดนน้ำนะ  หมั่นทำความสะอาด  ทายาด้วยนะ”
 ย้ำจนคนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงักไปอย่างนั้นเอง
คุณหมอก็บอกมาแล้ว  พูดไปก็กลัวคนตัวโตจะหน้าแตก

“ครับพี่ภู  ขอบคุณนะครับที่มาส่ง  ขับกลับดีๆนะครับ”  แล้วคนตัวเล็กก็ลงจากรถไป

 ภูดิศจึงเคลื่อนรถออกมา  มองผ่านกระจกหลังยังเห็นยืนส่งอยู่ไกลออกไป
 ก็อมยิ้มแล้วคิดไปว่า อาจจะเป็นคนนี้ที่รอคอยอยู่ก็เป็นได้












« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-12-2018 13:38:50 โดย เส้นขอบฟ้า »

ออฟไลน์ graciej

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ค่อนข้างอ่านยาก มันติดๆ กันไปหมด ถ้าเว้นบรรทัดจะอ่านง่ายกว่านี้ค่ะ

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 7 มุมที่เปราะบางของคนตัวโต

สองวันมานี้ภูดิศงานยุ่งเสียจนไม่มีเวลาไปเยี่ยมคุณปู่
ได้แต่ส่งเลขาไปแทนและนำของเยี่ยมไปให้เท่านั้น
ณนนท์รายงานว่าคุณปู่จะได้กลับบ้านในตอนเย็นวันนี้
และท่านยังถามหาเขาอีกด้วย

ชายหนุ่มจึงโทรไปชวนขอบฟ้าให้เข้าไปบ้านคุณปู่ด้วยกัน
ภูดิศตั้งใจว่าเขาจะพาหนูรินไปด้วย



“คุณทวด  ใจดีไหมคะพ่อภูขา”
ตั้งแต่จำความได้เธอยังไม่เคยเจอกับคุณทวดเลย

“ใจดีสิ  อาฟ้าเคยเจอมาค่ะ”
ขอบฟ้าตอบแทนภูดิศที่มีอาการอึกอักไม่ยอมตอบคำถามลูก

คนตัวเล็กทันเห็นแววตาไหววูบของร่างสูงแวบนึง
อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ที่หนูรินไม่เคยเจอกับคุณทวดมาก่อน 




เมื่อคุณปู่พบแขกตัวน้อยที่มาเยือนอย่างไม่คาดคิด  สีหน้าไม่ยินดียินร้ายก็ปรากฏเด่นชัด
“คุณทวดขา  เจ็บมากไหมคะ  มาๆ หนูรินเป่าเพี้ยงๆ  หายเลย”
หนูรินเข้าไปหาคุณทวดที่อาฟ้าบอกว่าใจดี

คุณปู่ชะงักไปที่เห็นการกระทำของเด็กหญิง


“ยังเจ็บหรือคะคุณทวด  หน้าไม่ยิ้มเลย”
หนูรินพูดจบภูดิศกับขอบฟ้าหันควับไปมองพร้อมกัน

เห็นท่านมีท่าทีกระอักกระอ่วนชอบกลอยู่  ขอบฟ้าจึงช่วยแก้สถานการณ์ตรงหน้า
“พี่ภูครับ  ผลไม้นี่ให้ใครเอาไปล้างจัดใส่จานมาที  เดี๋ยวฟ้าจะปอกให้คุณปู่ทานครับ”
คนตัวเล็กส่งผลไม้ให้คนตัวสูงไป


“มาครับ  เดี๋ยวพี่ไปจัดการให้  แล้วในครัวเขาก็จะปอกมาให้เองเสร็จนั่นแหละ”
 พี่ภูรับผลไม้ไปจากมือ  สีหน้าเขาดีขึ้น

แล้วขอบฟ้าก็หันไปหาหนูริน

“คุณทวดเจ็บเยอะค่ะหนูริน  หลายวันถึงจะหาย  อย่าเพิ่งกวนคุณทวดตอนนี้เลยนะคะ  อาฟ้าว่าเราไปดูปลากัน
 ตะกี้เดินผ่านเห็นสวยๆ ทั้งนั้นเลยนะ”
 ขอบฟ้าชวนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของหนูน้อย



“ก็ได้ๆ  จับมาทอดให้คุณทวด  กินปลาเยอะๆ ดีนะ  อาฟ้า”
หนูรินพูดอย่างหมายมาด

โดยไม่ทันได้เห็นว่าคุณปู่สะดุ้ง  ก็เจ้าเด็กนี่จะไปจับปลาคราฟในบ่อมาให้กิน
คุณปู่นั่งปั้นหน้าอยู่อย่างนั้น  แล้วก็มีเสียงพูดเล็ดลอดมาให้ได้ยินอีก


“ปลาคราฟ  เป็นปลาสวยงาม  กินเป็นอาหารไม่ได้  เลี้ยงไว้ดูสวยๆ  แค่นั้นนะคะ”
 เสียงอาฟ้าอธิบายให้เด็กน้อยเข้าใจ

“อ้อ!  กินไม่ได้  นี่เอง  อู้อู้  ปลาสวย  อาฟ้า  มาดูๆ
 เยอะแยะเต็มไปหมดจริงๆด้วยค่ะ”  เสียงใสๆ ตื่นเต้นดีใจ

“ค่ำแล้ว  กินข้าวเย็นเสียที่นี่ล่ะ  เดี๋ยวให้แม่จันทร์ตั้งโต๊ะ
 แกช่วยเดินไปบอกให้ทำต้มจืดให้อีกสักอย่างสิ” 

คุณปู่พูดยังไม่ทันจบดี  หนูรินก็เดินกลับเข้ามาหาชายหนุ่มแล้วจับแขนเขย่า
“พ่อภูขา  กลับบ้านกันได้หรือยัง  หนูรินหิว”  หนูน้อยทำตาละห้อยน่าสงสาร

“ทานที่นี่นะลูก  วันนี้ทานเป็นเพื่อนคุณทวด  รอแป๊บนึง  เดี๋ยวพ่อมา”
 แล้วร่างสูงก็เดินเข้าไปในครัว

 ครู่เดียวอาหารก็พร้อม  อาฟ้าช่วยจัดเตรียมให้หนูรินกับคุณปู่  ท่านทานไปเงียบๆ
 ต้มจืดเต้าหู้สาหร่ายที่ขึ้นโต๊ะท่านไม่ยักจะตักสักคำ  มัวแต่มองยัยหนูที่เคี้ยวตุ้ยๆแก้มป่องๆ
 อย่างเพลินตา  ภูดิศมองตามสายตาของท่านก็เห็นมีแววอ่อนลงไปบ้างแล้ว
 เขาก็อยากจะให้ท่านเป็นแค่คนแก่ปากร้ายแต่ใจดีเสียจริงๆ


“อาฟ้าขา  ขอผักอีก  เยอะๆ เลยค่ะ”  อาฟ้าคอยดูแลไม่ห่าง

“ทานผักด้วย  เก่งจริงๆ เลย  เด็กคนนี้”
 ขอบฟ้าชมยัยหนูริน  เด็กน้อยยิ้มตาหยี

“ทานผักเยอะๆ แข็งแรงๆ”
คุณปู่เงียบลอบมองหนูริน  ต้องสอนกันมายังไงถึงรู้ความได้ขนาดนี้นะ

มุมมองของชายสูงวัยเริ่มเอนเอียง  ดูสิจากเด็กแบเบาะที่เคยพบครั้งนั้น
โตได้ขนาดนี้  อคติในใจเริ่มจะเลือนลง

 `เด็กก็เหมือนผ้าขาว`
คำที่หลานชายพูดใส่หน้าท่านวันนั้นยังก้องอยู่ในหู


“คุณทวดขา  กินผักแข็งแรงนะ”
เสียงยัยหนูที่พูดทำเอาคุณปู่สะดุ้งขึ้นมาเพราะมัวคิดเพลินๆ อยู่

“เราน่ะกินไปเยอะๆ เลย  จะได้โตไวไว”
หนูน้อยตาโต  ร้องอู้  ขอผักอีกอยากโตไวไวตามที่คุณทวดบอก

พอของหวานมาเสิร์ฟยัยหนูก็ตาลุกวาว
“เนี้ยหนูรินชอบๆ  เงาะในน้ำเชื่อม  แบ่งกันๆ เด็กดีรู้จักแบ่งปัน”
 ย่าพร้อมสอนว่าของที่ชอบทานก็ต้องแบ่งกันถึงจะได้เป็นเด็กดี

“หนูรินเด็กดี  ทานไปเยอะๆ ไม่ต้องแบ่ง  อาฟ้าไม่เอาค่ะ”
 อาฟ้าชม ยกมือลูบหัวเด็กน้อย เป็นจังหวะเดียวกันกับภูดิศ 
มือทั้งสองจึงกุมกันอย่างพอเหมาะพอเจาะ  ขอบฟ้ารีบชักมือออกจากมือหนา
รู้สึกอุ่นวาบบนหลังมือ


“เรื่องหนูญาดาปู่ยังยืนยันคำเดิมนะ  วันอาทิตย์ตอนเย็นหนูญาดาจะเข้ามาเยี่ยมปู่
 แกจะต้องเข้ามาอย่าทำปู่ขายหน้าอีกล่ะ”
 ภูดิศชักสีหน้าขึ้นมาทันทีอย่างที่ขอบฟ้าก็ไม่เคยเห็น
 บรรยากาศชวนอึดอัดระหว่างสองคนนี้มันคืออะไรกัน

 ขอบฟ้านึกสงสัยอยู่ครามครัน  แล้วเสียงเพลงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ดังขึ้นสียก่อน
 เขาจึงถือโอกาสเลี่ยงออกไปคุยข้างนอก  น่านน้ำบอกว่าให้เอาวินวินมานอนด้วย 
 เขาจะเดินทางไปต่างประเทศ 3 วัน  ขอบฟ้ารับปากพี่ชายแล้ววางสาย
 หมุนตัวจะเดินกลับเข้าข้างใน


“น้องฟ้ากลับกันเถอะครับิ ค่ำมากแล้ว”  ภูดิศเดินมาตามขอบฟ้า

“คุณปู่หายไวๆ นะครับ  ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้  อาหารอร่อยมากๆ เลยละครับ”

“คุณทวดหายไวไว  นะคะ”
 หนูรินลาคุณทวดตามที่เห็นผู้ใหญ่ทำ  ท่านมองพร้อมพยักพเยิดหน้าให้




ทั้งสามพากันขึ้นรถเพื่อกลับบ้าน  หนูรินขึ้นไปนั่งเบาะหลังคว้าเจ้าตุ๊กตาหมีขี้เซามากอด
และเจอกับแอร์เย็นฉ่ำไม่นานก็หลับไป  ภูดิศขับไปช้าๆ  เขาแค่อยากให้มีคนตัวเล็กนั่งอยู่ข้างกัน
ไปแบบนี้นานอีกสักหน่อย  แล้วจึงตัดสินใจเอ่ยปากพูดทำลายความเงียบขึ้น

“น้องฟ้าครับ  จะรังเกียจไหม?  หากพี่จะเล่าเรื่องส่วนตัว  เอ่อ  เกี่ยวกับครอบครัวของพี่ให้ฟังน่ะครับ”

 คนตัวโตถามออกไป  แล้วชำเลืองมองว่าจะมีอากัปกิริยาจากคนข้างๆ ออกมายังไง
 เจ้าตัวขยับตัวยุกยิกแล้วมองหน้าเขา


“ถ้าพี่ภูเชื่อใจและไว้ใจฟ้า  ก็ตามแต่เถอะครับ  ยินดีรับฟัง”
 คนตัวเล็กส่งมอบรอยยิ้มใจดีมาให้
 คนตัวโตละสายตามองไปข้างหน้า  แล้วเริ่มเล่า

“ที่คุณปู่ให้พี่มาอีกวันอาทิตย์  คือจะให้พี่เจอตัวญาดา  คนที่ท่านจะให้พี่หมั้นด้วย
 ก่อนหน้านี้ก็มีมาอีกหลายคน  พี่ก็ปฏิเสธท่านไปเสียทุกครั้ง  เราทะเลาะกันด้วยเรื่องเดิมๆ
 แบบนี้  และครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่ท่านไม่ยอมฟังพี่  ท่านยื่นคำขาดจะตัดขาดพี่หากไม่
ทำตามที่ท่านสั่ง  พี่จนหนทางจริงๆ” 
พี่ภูเค้นเสียงพูดในตอนท้าย  แล้วถอนหายใจหนักหน่วงตาทอดมองไกลออกไป

ขอบฟ้ารู้สึกถึงน้ำเสียงที่เริ่มสั่นเครือจากความอัดอั้นของคนพูด
ให้นึกสงสารและเห็นใจคนตัวโตเป็นอย่างมาก

“พี่ภูครับ  ฟ้าว่าค่อยๆ คิด  ค่อยๆ ทำเถอะนะครับ  ทุกปัญหามีทางออก
 มีทางแก้  เพียงแต่เราต้องใช้ความพยายามให้เยอะขึ้น ถ้าปัญหานั้นมันหนักหนา
ก็ต้องเหน็ดเหนื่อยมากหลายเท่า  หรืออาจต้องใช้เวลานานสักหน่อย
ที่ผ่านมาพี่ก็เคยทำมันสำเร็จแล้ว  ครั้งนี้พี่ก็จะต้องผ่านมันไปได้  ฟ้าเชื่ออย่างนั้นครับ” 

ขอบฟ้าพูดปลอบใจ  จากใบหน้าด้านข้างที่เห็นเพียงสันจมูกโด่งสวย
เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าคนฟังอยู่ในอารมณ์เช่นไร

“อืม…นั่นสินะ” พี่ภูพูดงึมงำเบาๆ

“อีกเรื่องก็เรื่องของยัยหนู  เอ่อ…ที่แกไม่ใช่เลือดเนื้อทางเรา
 คุณปู่ท่านไม่ยอมรับแก  พี่จึงไม่เคยพาลูกเข้าใกล้ท่าน  จนวันนี้ที่
พี่ตัดสินใจพามาด้วย  ส่วนหนึ่งเพราะพี่เห็นว่ามีน้องฟ้าอยู่ด้วยกัน 
ทำให้พี่มีความกล้าเพิ่มขึ้น  กล้าที่จะเผชิญกับปัญหา  พี่เบื่อที่
จะหนีแล้วเหมือนกัน  ความน่ารักและความไร้เดียงสาของลูก
อาจทำให้ท่านไม่ใจหินจนเกินไปนัก  พี่สงสารยัยหนูที่ถูกคุณปู่ทำ
เย็นชาใส่  น้องฟ้าว่าพี่ทำถูกมั๊ยที่พาแกมาวันนี้”
ชายหนุ่มเล่าไปและเผลอตัวกำพวงมาลัยแน่น  ขอบฟ้าสังเกตเห็นจึงพูดขึ้น


“พี่ภู  ไหวไหมครับ  จอดรถก่อนก็ได้นะครับ”
 คนตัวเล็กเอ่ยปากบอก 



ภูดิศจึงตบไฟเลี้ยวจอดเข้าข้างทาง  ที่ยังพอมีผู้คนสัญจรผ่านไปมาบ้าง
แล้วเขาก็ซบหน้ากับพวงมาลัย ขอบฟ้าเอื้อมมือไปลูบหลังคนตัวโตอย่างแผ่วเบา
เพื่อให้ความอึดอัดแน่นได้จางลง  คนตัวเล็กคิดว่าวิธีนี้น่าจะช่วยได้บ้าง

ใครจะนึกว่าภายใต้ความสุขุมเยือกเย็นของคนตัวโตจริงๆ
แล้วภายในนั้นกลับสั่นไหวและเปราะบางถึงเพียงนี้
แค่ได้ยินได้ฟังก็พลอยรู้สึกสะเทือนอารมณ์ตามไปด้วยอีกคน


“พี่ภูครับ  ฟ้าอยู่ตรงนี้แล้วนะ  ไม่เป็นไรแล้วครับ  มันจะผ่านไปด้วยดี
 สิ่งดีๆ ยังมีอยู่นะครับ  แค่พี่อย่ายอมแพ้  สู้ๆ นะครับ”

คนตัวเล็กรู้แต่ว่าต้องพูดปลอบประโลมเพื่อเรียกกำลังใจของคนตัวโตกลับมา
พี่ภูเงยหน้าแล้วคว้าคนตัวเล็กดึงเข้ามา
สวมกอดไว้แน่น  ขอบฟ้าตกใจจึงขืนตัวไว้


“ขอพี่อยู่แบบนี้สักพัก  นะครับ  คนดี”
ภูดิศกระซิบเบาๆ ที่ข้างกกหูแล้วกระชับกอดคนตัวเล็กแน่นขึ้น
ซึมซับกระแสอุ่นวาบที่กำลังแผ่ซ่านไปสู่หัวใจของเขาในตอนนี้ 
ขอบฟ้านิ่งให้กอดนานพอควร

เริ่มอึดอัดเพราะกอดที่แน่นจนแทบจมลงไปในแผ่นอก
“พี่ภู  ฟ้าหายใจไม่ออก” ภูดิศจึงค่อยๆคลายวงแขนออกอย่างนึกเสียดาย
แล้วปล่อยคนตัวเล็กให้เป็นอิสระ

“ขอบคุณ  ที่อยู่ด้วยกันตรงนี้  นะครับ” ภูดิศเชยคางมน

พลางใช้ปลายนิ้วไล้ไปมาบนกลีบปากบางรูปกระจับในความสลัวเลือนของแสงไฟ
อย่างห้ามใจไม่อยู่เขาแนบริมฝีปากหนาลงไปสัมผัสแผ่วเบาบนเรียวปาก
รับรู้ถึงความนุ่มหยุ่นและอาการสั่นน้อยๆของคนตัวเล็กตรงหน้า
ภูดิศถอนริมฝีปากตนออกอย่างอ้อยอิ่ง  แต่ปลายจมูกและหน้าผากยังแตะกันอย่างแนบแน่น
ทำให้ลมหายใจรินลดกันเบาๆ  ขอบฟ้าใจเต้นแรงแทบทะลุออกมานอกอก

`พี่ภูจูบเขา` ขอบฟ้าดีดตัวออกห่างจากภูดิศ
 กลับไปนั่งเสียชิดประตูมองออกไปนอกรถอย่างทำอะไรไม่ถูก


“ห้ามให้ใครทำแบบนี้กับน้องฟ้าแล้วนะ  พี่บอกไว้ก่อน  พี่หวง…นะครับ”
ขอบฟ้าหน้าร้อนผ่าวเหมือนจะระเบิดกับถ้อยคำและน้ำเสียงหยอกล้อ
แล้วพี่ภูก็เคลื่อนรถขับออกไปช้าๆ อย่างไม่เร่งรีบตามเดิม  ไม่มีเสียงพูดคุยใดๆ


ขอบฟ้าชำเลืองมองคนขับที่ดูอารมณ์ดีขึ้นเหมือนอย่างกับเป็นคนละคนกัน
“ขอบคุณที่ไปเป็นเพื่อนพี่วันนี้  ฝันดีนะครับ” ภูดิศลดกระจก 
แล้วชะโงกหน้าไปพูดกับคนตัวเล็กที่ก้าวเท้าเตรียมหนีเข้าบ้าน
ออกอาการสะดุดเท้าตัวเองหน่อยๆ
`คนขี้เขิน  ใจดี  น่ารักชะมัดปล่อยไปไม่ได้แล้ว`
 เขานึกกรุ้มกริ่มอยู่ภายในใจ



“ขอบฟ้า  กลับดึกนะเราวันนี้  เอาหลานไปนอนได้แล้ว
 เอ้อ!  เดือนหน้ามีงานกาล่าดินเนอร์ไปหาชุดไว้ด้วยล่ะ  ห้ามเบี้ยวเด็ดขาด”
คุณแม่พูดเสียงเรียบหน้าก็นิ่ง  จะมาไม้ไหนนะ  ขอบฟ้าระแวงหน่อยๆ


“แม่อ่ะ  ฟ้าไม่อยากไปเลย  ให้พี่น้ำไปสิครับ  พ่อก็ได้  ฟ้าไม่ไปนะครับแม่”
ขอบฟ้าเข้าไปกอดอ้อน  คุณหญิงทำไม่รู้ไม่ชี้แกะมือแกะไม้ออกเป็นพัลวัน
อย่ามาอ้อนเสียให้ยาก  นางตีขรึมใส่


“ไปไป๊  พาวินวินไปนอน  ดูสิ  สัปหงกแล้วนะนั่น  ไม่สงสารหลานหรือไง”
คุณหญิงไล่ลูกชายตัวดีไปเสียให้พ้นๆ กลัวว่าจะใจอ่อน


“วินวินครับ  ไปนอนกัน  คุณย่าใจร้าย  ไม่น่ารักเลยวันนี้” ขอบฟ้าเลิกเซ้าซี้

 
ยังพอมีเวลาเดี๋ยวค่อยหาทางหลบเลี่ยงเอาแล้วกัน หนูน้อยอ้าแขนให้อุ้ม 
ชายหนุ่มก้มลงอุ้มหลานรักขึ้นมาพาดบ่า  เด็กน้อยกอดคอซบบ่าอาหนุ่ม
แล้วโบกมือให้คุณย่า  คุณย่าก็โบกตอบไหวๆ

“ฝันดีครับ  วินวิน  พรุ่งนี้เช้าเจอกันนะ”
คุณย่าบอกหลานตัวน้อย  แล้วเหลือบมองลูกชายตัวแสบ
อย่างเอือมๆ  กับความไม่ได้ดั่งใจ


“อาฟ้า  วินวินจะนอนแล้ว  หาถ้วยฟูแป๊บนึง  อยู่ไหน  มานี่เลย  ถ้วยฟู”
เด็กชายร้องหาแมวตัวโปรดที่ร้องเมี้ยวๆ อยู่ข้างเตียง พร้อมกับตบที่นอนเสียงดังปุๆ

“ถ้วยฟูไม่นอนเตียงครับ  ดึกๆ วินวินกลิ้งมาทับแบนเลยนะ  พรุ่งนี้ค่อยเล่นกันนะครับ
 มาจุ๊บๆ กันก่อน  ฝันดีครับ”
 แล้วเจ้าหลานรักก็ล้มตัวลงนอนให้ลูบหลัง  หลับปุ๋ยในเวลาไม่นานนักบนที่นอนแสนนุ่ม
 กับเครื่องนอนสีขาวสะอาดตาในเตียงไซส์พิเศษ  เจ้าถ้วยฟูมาป้วนเปี้ยนอยู่ไม่ห่างนัก
 ดึกๆ ก็คงกระโดดขึ้นมานอนเบียดอีกตามเคยนั่นแหละ  ดีไม่ดีปีนมานอนทับอกเขาด้วยซ้ำไป
เจ้าตัวปรายตามองเจ้าก้อนขนที่ส่ายหางย้ายก้นไปมา


ห่มผ้าให้น้องวินวินอีกครั้ง  หนูน้อยขี้รำคาญชอบถีบผ้าออก
เขาถึงต้องจับเจ้าหลานตัวแสบใส่ชุดนอนแขนยาวขายาว
เพราะกลางดึกจะเจอเจ้าตัวนอนไม่ห่มผ้าเสียทุกทีไป
ขอบฟ้าล้มตัวลงนอนในหัวมีแต่ภาพเมื่อตอนหัวค่ำ
ที่คนตัวโตฉวยโอกาสผุดขึ้นมาทุกทีที่ปิดเปลือกตาลง
พี่ภูนะพี่ภูเขาออกจะแมนเต็มร้อย  มาทำแบบนี้กับคนหล่อได้ยังไง 

ขอบฟ้าได้แต่คร่ำครวญอยู่ภายในใจเท่านั้น  กว่าจะหลับลงได้ก็นานพอดู



***** ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ อ่านสบายตาขึ้นมั๊ยค่ะ  ^_^












« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-12-2018 14:03:49 โดย เส้นขอบฟ้า »

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ภูรักฟ้า ตอนที่ 8 จำกันได้ไหม
«ตอบ #8 เมื่อ29-11-2018 08:40:57 »

ตอนที่ 8 จำกันได้ไหม

ขอบฟ้าเข้าร้านในตอนสายเพราะวันนี้เป็นวันหยุด  น้องวินวินอยู่บ้าน  มีเจ้าเก่งคอยเป็นพี่เลี้ยง
พนักงานในร้านมี พี่เปรี้ยว - พี่วรรณ ทำครัวและอบขนม,  อิง - เกล้า ดูแลเมนูเครื่องดื่ม,
 นินจา - ข้าวตัง รับลูกค้าและเสิร์ฟ 

ทุกคนทำหน้าที่ของตนได้ไม่ขาดตกบกพร่อง  วันไหนไม่เข้าร้านก็มอบหมายอิงให้ดูแลร้านแทน
อิงเป็นสาวเจ้าเนื้อหน้าสวย นินจาเด็กหนุ่มหน้าหล่อมีสาวมัธยมปลายผลัดเปลี่ยนหน้ากันมาเฝ้าทุกเย็น 
ส่วนข้าวตัง  มาเฉพาะวันหยุดเพราะเรียนปีหนึ่งมหาลัยเอกชน  ตัวเล็กน่ารักอัธยาศัยดี
ขอบฟ้ารู้เรื่องในร้านเป็นอย่างดีเพราะอิงชอบเล่าให้ฟังอยู่บ่อยๆ


คนสุดท้ายน้าดอนหัวหน้าทีมจัดแต่งสวนที่รับผิดชอบหน้างาน  และสวนที่ร้านและที่บ้านใหญ่ด้วย
น้าดอนมีทีมงานจำนวนหนึ่งที่แกหามาเองจากจังหวัดบ้านเกิด  แกฝีมือดีงานละเอียดไว้วางใจได้
น้าดอนจบเกษตรมาโดยตรงจึงมีความรู้ความชำนาญในเรื่องต้นไม้ใบหญ้าเป็นอย่างดี
ถึงรูปลักษณ์ภายนอกของน้าดอนที่ออกจะดิบเถื่อนเพราะต้องทำงานกลางแดดจนตัวดำ
แต่หากได้ยิ้มโชว์ฟันขาวทีไรก็ทำให้ภาพลักษณ์เปลี่ยนได้เหมือนกัน  ดูจริงใจ  ไม่ล่อกแล่กเลยทีเดียว

ขอบฟ้ามัวคิดอะไรเพลินๆก็สะดุ้งแทบตกเก้าอี้ที่ถูกจู่โจมถึงตัว
“เห่ย!  ซีเกมส์  มายังไง  ทำไมไม่โทรมาก่อน  กำลังจะไปข้างนอกแล้วเนี้ย”

 ขอบฟ้าหน้ามุ่ยที่เพื่อนรักตัวขาวโผล่มาไม่บอก  ตาโตๆ สีน้ำตาลแค่ยกยิ้มเท่านั้น
“อ้าว!!  พีท  ยังไง  มาได้ไงอีกคนแล้ว?”
 เพื่อนร่างหนาผิวสีแทน  หน้าหล่อ  คิ้วเข้ม  ตาคม
 ปรี่เข้ามาสวมกอดคนตัวเล็กจากด้านหลังแล้วจับคนตัวเล็กให้หันหน้ามา

“จะมารับไปดูหนังน่ะ  ไปนะฟ้า  ห้ามปฏิเสธ”
 พีทพูดพลางนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ๆ แต่ไม่วายฉวยมือคนตัวเล็กไปกุมไว้
 ขอบฟ้ากำลังจะตอบเพื่อนรักทั้งสอง ก็มีมือเล็กๆของหนูน้อยในชุดเอี๊ยมยีนส์กางเกงขาสั้น
มาดึงๆ ที่ชายเสื้อของเขาไว้ก่อน


“อาฟ้าขา  ไปว่ายน้ำกันนะ  หนูรินกับพ่อภูมารับค่ะ” หนูน้อยพูดจบ

 ก็มีผู้ชายตัวสูงสวมเสื้อโปโลสีฟ้ากับกางเกงยีนส์ขาเดฟเดินมาที่กลุ่มของพวกเขา
 สองหนุ่มมองเพื่อนตัวเองเลิกคิ้วสีหน้าเหมือนอยากจะถาม  ขอบฟ้าอ้ำอึ้ง  ก่อนเปิดปากพูด

“นี่พี่ภู  พ่อของหนูน้ำริน น่ะ / ส่วนนี่ ซีเกมส์กับพีท เพื่อนฟ้าเอง ครับ/สวัสดี อาซีกับอาพีทด้วยสิ หนูริน”

สองหนุ่มพากันทำหน้างงหนักที่ได้ยินขอบฟ้าเรียกพ่อเด็กน้อยว่าพี่ภูเต็มปากเต็มคำ
ทั้งสองก้มหัวให้ ภูดิศทำเพียงแค่พยักหน้าให้เท่านั้นเช่นกัน

“พี่มารับน้องฟ้า  กับน้องวินวิน  ไปเล่นน้ำที่บ้านน่ะครับ  น้องฟ้าสะดวกรึป่าว”
คนพ่อพูดจบคนลูกก็จับชายเสื้อขอบฟ้ากระตุกอีก ส่งสายตาอ้อนวอนมาให้
ขอบฟ้ามองหน้าพ่อกับลูก สลับกับมองเพื่อนรักสองคนไปด้วย

“ฟ้าว่าจะออกไปข้างนอก  สองคนนี้ก็มาชวนไปดูหนัง  พี่ภูกับหนูรินก็จะให้ไปว่ายน้ำ
 ตกลงฟ้าจะไปทางไหนกับใครดีล่ะฮะ”

ขอบฟ้าแจกแจงให้ทุกคนฟังโดยไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อดี 
ภูดิศรีบเสนอความคิดเห็นขึ้นทันที


“ไปปาร์ตี้ริมสระน้ำบ้านพี่ดีไหม  ยินดีต้อนรับทุกคน
เด็กๆก็จะได้เล่นน้ำด้วยกัน  หรือทุกคนว่าไงครับ”
ภูดิศเสนอ  แล้วไล่มองปฏิกิริยาของแต่ละคน


“ไปบ้านหนูรินเถอะนะคะ  อาฟ้า  อาซี  อาพีท  หนูรินอยากเล่นน้ำกะวินวิน”
หนูน้อยส่งสายตาละห้อยมาให้ผู้ใหญ่ทั้งสี่  เผื่อว่าจะยอมตามใจเธอ


“ถ้าไม่เป็นการรบกวนพี่ภูจนเกินไป  ตกลงไปก็ได้  รึว่าไงพีท”
 ซีเกมส์สรุปแล้วหันไปหาเพื่อนเพื่อขอเสียงสนับสนุน


“อืม  ก็ดีเหมือนกันนะ” พีทมองหน้าทุกคน  แล้วจึงตอบตกลง

 เพราะมองว่ามีเรื่องสนุกรอให้เขาไปพิสูจน์อยู่ที่นั่น `บ้านพี่ภู`


“เย้!!!  ไปรับวินวินกันค่ะอาฟ้าขา  เอาเค้กไปฝากวินวินด้วย  หนูรินไปเลือกก่อนเลยนะคะ”
เด็กน้อยดีใจ  วิ่งไปเกาะตู้เค้กรอแล้ว  ชี้มือเลือกเป็นการใหญ่


“น้องฟ้า  ไปรถพี่นะครับ” ภูดิศรีบเรียกคนตัวเล็กไว้ก่อนที่จะถูกเพื่อนคว้าตัวไป


“ฟ้า  เราสองคนตามไปทีหลังแล้วกันนะ  จะแวะซื้อเครื่องดื่มกับขนมด้วยน่ะ”
 สองหนุ่มยังไม่รู้จักนิสัยใจคอเจ้าของบ้านจะไปมือเปล่าคงไม่เป็นการดีเขาคิดแบบนั้น

“งั้นเจอกันที่บ้านพี่ภูนะ  แล้วจะส่งโลเคชั่นไปให้” คนตัวเล็กนัดแนะกับเพื่อน

 

“น้องฟ้ากับเพื่อนสนิทกันมากเลยเหรอ  ครับ”
 ภูดิศถามขึ้นเมื่ออยู่กันในรถ  เขายังตะหงิดๆไม่หาย

“เรียนมหาลัยด้วยกัน  อยู่กลุ่มเดียวกันครับ  มีฟ้า  ซีเกมส์  พีท
 นทีและนาวาน่ะครับ  ไปไหนด้วยกันตลอด  ตอนนี้นทีกับนาวาไปทำงานทางใต้
 นานๆ จะมาเจอกันสักที”
 คนตัวเล็กเล่าไปพร้อมสังเกตสีหน้าพี่ภูไปด้วย

“อ่อ  อย่างนี้น่ะเอง” พี่ภูพึมพำรับรู้เพียงเบาๆ
 เป็นอะไรของเขานะ  ดูมึนตึงชอบกลตั้งแต่ตอนเจอแล้ว  คนตัวเล็กได้แต่สงสัย


หนูรินนั่งที่เบาะหลังสักพักขอข้ามมานั่งข้างหน้าด้วย
“อาฟ้าขา  ขอหนูรินนั่งด้วยคน  นะคะ” อ
อาฟ้ายิ้มและเอี้ยวตัวมารับหนูน้อยให้นั่งระหว่างขาตรงหน้าตัก

ภูดิศแอบชำเลืองมองหนูรินที่เริ่มติดอาฟ้า  คงเพราะความอ่อนโยนที่อาฟ้าแสดงออกกับเด็กๆ
`คนใจดี` ภูดิศแอบชื่นชมอยู่ลึกๆ



ชายหนุ่มเข้าไปรับน้องวินวิน  ซึ่งพี่เลี้ยงได้เตรียมสัมภาระประจำตัวไว้ให้แล้ว
เป็นเพราะขอบฟ้าโทรบอกนมอุ่นว่าจะมารับหลานไปเล่นน้ำ  นมอุ่นจึงบอกเก่ง
ให้จัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้ของเด็กชายไว้ให้พร้อม  ขอบฟ้าขอตัวไปจัดในส่วนของตัวเองบ้าง
เพราะต้องลงสระไปกับเด็กๆ ด้วย  สักพักคนตัวเล็กก็ตามออกมาขึ้นรถ 
เด็กน้อยเล่นกันอยู่เบาะหลังเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว


“จุ๊  จุ๊  เล่นกันเบาๆ หน่อยครับ  อาภูต้องใช้สมาธิครับเด็กๆ”
 เด็กน้อยทั้งสองลดเสียงลงนิดหน่อย
 แล้วก็ดังขึ้นมาอีก  เป็นแบบนี้จนถึงบ้านของภูดิศ


ภูดิศโทรบอกนมพร้อมว่าจะมีเพื่อนมาปาร์ตี้รวมทั้งเด็กเล็กที่มาเล่นน้ำด้วย
และเพื่อให้เวลาแม่ครัวได้จัดเตรียมอาหาร เพื่อนซี้รุ่นจิ๋วจะเปลี่ยนชุดลงเล่นน้ำ
แต่ภูดิศบอกให้รอแดดร่มสักหน่อยก่อน  เพื่อเป็นการรอแขกอีกสองคนที่จะตามมาด้วย




ภูดิศพาขอบฟ้าไปเปลี่ยนชุดที่ห้องของเขาด้านบน  เพราะด้านล่างมีคนเข้าออก
ใช้กันพลุกพล่านเกินไปไม่เป็นส่วนตัว
“น้องฟ้าเปลี่ยนก่อนเลยนะ  ห้องน้ำอยู่ด้านนู้นครับ  พี่หาชุดว่ายน้ำก่อน”

ร่างสูงใหญ่เดินไปเลื่อนบานประตูตู้เสื้อผ้า  ดึงลิ้นชักใส่ของหยิบกางเกงว่ายน้ำขาสั้นสีดำ
แถบข้างสีขาวกับเสื้อกล้ามสีดำออกมาถือไว้  หมุนตัวกลับจะไปนั่งรอคนตัวเล็ก


“อ้าว!  พี่นึกว่าน้องฟ้าเข้าห้องน้ำไปแล้ว  เห็นเงียบๆ  ยังนั่งอยู่นี่เองเหรอ”
ขอบฟ้านั่งรอเจ้าของห้องอยู่ปลายเตียง 
เห็นก้มๆเงยๆรื้อหาของในลิ้นชักอยู่ก็มองเพลิน


“ฟ้ารอได้  พี่ภูไปเปลี่ยนก่อนเถอะ  ฟ้าขอดูห้องว่ามีสมบัติอะไรบ้าง”
คนตัวเล็กพูดพลางทำตามที่ปากบอก
คนตัวโตก็เดินเอามือมาขยี้ผมคนช่างพูด  ที่เมื่อก่อนพูดแทบนับคำได้

“ได้เลย  เหลือเตียงนอนไว้ให้ด้วยละกันนะครับ  หึหึ”
พูดทิ้งท้ายก่อนเดินหายไป  ห้องพี่ภูเรียบดูดีมีสไตล์  เตียงขนาดเดียวกับของเขาเลย
โทนสีห้องนอนให้ความรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย   น่านอน


พลันหางตาสะดุดเข้ากับหิ้งวางของติดผนังที่มีรูปถ่ายเด็กชายวัยประถมคนที่คุ้นเอามากๆ
เหมือนมีแรงดึงดูดให้เท้าก้าวเข้าไปใกล้  แม้สีของภาพจะจางมากตามกาลเวลาแต่มันยังชัดเจน
ในความทรงจำไม่เคยเปลี่ยน `พี่ตัวโต` ขอบฟ้าไล้ปลายนิ้วไปยังใบหน้าของเด็กชายในรูปถ่าย

`คิดถึงเหลือเกิน` พลันน้ำตาก็ไหลลงมาตามร่องแก้มโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลย

 `เป็นพี่จริงๆ  ใช่ไหม  ตัวเล็กหาพี่มานานมากแล้ว`



เมื่อภูดิศออกมาจากห้องน้ำ  ก็เดินตรงไปหาคนตัวเล็กที่ยืนนิ่งมองอะไรสักอย่างตรงหน้าแบบเหม่อลอย
“น้องฟ้า  สำรวจได้อะไรไปกี่ชิ้น  ไหนพี่ดูหน่อยครับ” พี่ภูจับคนตัวเล็กหันมา 
ทำให้คนไม่ระวังเผลอป่ายมือลากเอากรอบรูปตกลงบนพื้นแตกกระจาย 

ขอบฟ้าตกใจรีบคว้าจึงโดนเศษกระจกบาดนิ้วเลือดไหล
“เห้ย!!  เลือด  อยู่นิ่งๆ เลย  พี่ขอโทษ!!  ทำให้ตกใจ  เจ็บตัวอีกแล้ว
แผลเก่าเพิ่งหาย  ได้แผลใหม่อีกแล้วสิ  อ้าว!  ร้องไห้ทำไมกัน  เจ็บมากเหรอครับ
ไม่เป็นไรรูปนี่ใส่กรอบใหม่ก็เหมือนเดิมแล้ว  เดี๋ยวพี่ไปหายามาใส่ให้แล้วปิดปลาสเตอร์ไปก่อน 
รอแป๊บนึง” เจ็บมากเลยละสิน้ำตารื้นขอบตาตลอดเลย  ภูดิศนึกสงสาร  รีบไปเอาอุปกรณ์ทำแผล



“ขอโทษที่ซุ่มซ่าม  นี่รูปพี่ภูตอนเด็ก  เหรอฮะ”
ขอบฟ้ากลั้นใจถามออกไป  แล้วรอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อและคาดหวัง


“ใช่ครับ  ตอนนั้นพี่เรียนอยู่ ป.6  ทั้งบ้านก็มีรูปเดียวนี่แหละครับ  พี่ไม่ค่อยชอบถ่ายรูปสักเท่าไหร่”
 ขอบฟ้าได้ยินคำตอบของพี่ภู รู้สึกเย็นวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า  จ้องหน้าพี่ภู 
พลันน้ำตาก็เอ่อท้นขึ้นมาอีก 

`เจอแล้วนะครับ  พี่ตัวโต  ตัวเล็กอยู่นี่แล้ว จำได้ไหมฮะ  พี่บอกห้ามลืมพี่ไง'

'แล้วพี่ล่ะ  ยังมีตัวเล็กในความทรงจำอยู่บ้างไหม  พี่ตัวโต` 

ขอบฟ้ารู้แล้วว่าความรู้สึกที่อยากรู้แต่ไม่อยากถามมันเป็นแบบนี้นี่เอง


“เจ็บเหรอครับ  ร้องไห้อีกแล้ว  พี่ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย
 ไปล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนชุด  ป่านนี้เพื่อนมารอแล้วล่ะ”
พูดพลางภูดิศก็ใช้นิ้วเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้คนขี้แย  ทำไมเจ้าน้ำตานักนะ
แล้วยังจ้องตาแป๋ว ๆมองมานี่อีก …อยากจับฟัดนัก  ภูดิศได้แต่นึกหมั่นเขี้ยว
กับความน่าเอ็นดูของคนตรงหน้า


“รูปนี่  เดี๋ยวฟ้าเอาไปใส่กรอบให้ใหม่  นะฮะ”
 ขอบฟ้าออกตัวเป็นการชดใช้ความผิดแบบเบาๆ


“อืม…ก็ได้  ถ้าไม่ยอมให้เอาไปทำ  จะมีคนงอแงเสียเปล่าๆ”
พูดพลางลูบผมยาวลื่นมือไปมา


“พี่ภู  ฟ้าไม่ใช่หนูรินกับวินวินนะ  จะได้งอแงน่ะ  หึ้ยย…ไม่คุยด้วยแล้ว”

 พูดพลางทำหน้ากระเง้ากระงอดกลบเกลื่อนความเขิน แล้วเลี่ยงเข้าห้องน้ำไป







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-12-2018 14:16:53 โดย เส้นขอบฟ้า »

ออฟไลน์ graciej

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ชอบแบบคห.1 ค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 8 จำกันได้ไหม
« ตอบ #9 เมื่อ: 29-11-2018 19:46:53 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 9 ปาร์ตี้ริมสระ

เมื่อซีเกมส์กับพีทมาถึง  ภูดิศก็เรียกรวมพลบริเวณสระน้ำ
สองหนุ่มรีบไปจับจองเก้าอี้นวมสีขาวสะอาดตาที่วางเรียงรายอยู่ขอบสระ
ส่วนซุ้มอาหารก็ตั้งถัดมา  อาหารเครื่องดื่มพร้อมสรรพแล้ว

“อ้าว  พีทกับซี  ไม่ลงเล่นด้วยกันเหรอ?”
 ขอบฟ้าหันมองเพื่อนสองคนที่พากันจับจองที่นอน

“ฟ้ากับพี่ภู  พาเด็กๆลงสระเถอะ  เราสองคนขอเป็นผู้ดูก็แล้วกัน”
พีทพูดพลางยักคิ้ว

“ไปเหอะฟ้า  เด็กๆ เต้นกันเหยงๆแล้วนั่น”
ซีเกมส์รีบลุกขึ้นไปดุนหลังเพื่อนให้ไปลงสระ


ขอบฟ้าพาบรรดาลูกเป็ดตัวน้อยลงมาลอยคอในน้ำ
เล่นกันเสียงดังกรี๊ดกร๊าดเป็นที่สนุกสนาน
อุปกรณ์ช่วยก็มากมายทั้งห่วงยางลายเจ้าหญิงเจ้าชาย
ลูกบอลเป่าลม  แพยางนกฟลามิงโก้ตัวน้อยและอีกหลายชิ้น
ขอบฟ้าในชุดว่ายน้ำเต็มตัวขาสั้นซิปหน้าสีดำมีแถบสีเงินข้างลำตัว
เอวคอด  ดูผอมบางลงมากจนภูดิศเองก็ลอบมองอยู่บ่อยๆ
ส่วนภูดิศใส่เพียงกางเกงว่ายน้ำขาสั้น  เปลือยแผ่นอกกว้าง
กล้ามท้องเรียงตัวสวยจนขอบฟ้านึกอิจฉา

ในบางจังหวะไล่คว้าตัวเด็กๆกลับคว้ากอดกันเองกลมเลยก็มี
ภาพนั้นไม่ได้รอดพ้นจากสายตาของเพื่อนซี้สองคนที่จับตาดูอยู่
เมื่อขึ้นจากน้ำพี่เลี้ยงรีบมารับตัวเด็กๆ ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด

ภูดิศกับขอบฟ้าก็ขอไปเปลี่ยนด้วยเช่นกัน
ดยทั้งสองบอกให้เพื่อนๆ ทานอาหารไปพลางๆ ก่อน

สองคนมองตามแผ่นหลังของภูดิศกับขอบฟ้าที่เดินเคียงกันออกไป
ทั้งสองมีสีหน้าครุ่นคิด  พวกเขารู้จักขอบฟ้าดีว่าหวงความเป็นส่วนตัวขนาดไหน
ไม่เปิดให้ใครล่วงล้ำได้ง่ายๆ  แต่กับพ่อลูกคู่นี้ล่ะ

“เห่ย!  ฟ้ามันชักจะยังไงๆ อยู่นะพีท  ดูมีเงื่อนงำ  ว่ามั๊ย?”
 พีทมัวคิดอะไรเพลินๆถึงกลับสะดุ้ง

“เออ!   แต่มันไม่ใช่เกย์นะซี  ผู้ชายที่เข้ามาจะจีบมัน  มันไล่ตะเพิดไปกี่คนแล้วลืมรึไง?”

“ไม่รู้ดิ  พี่ภูดูจะไม่เหมือนคนอื่นๆ นะ  ฟ้ามันเคยให้ใครเข้าใกล้มันขนาดนี้ซะที่ไหน แต่กับพี่ภู
 เอ่อ!  ยังไง  จะพูดว่าอะไรดีล่ะ เอาเป็นว่า  เขาคนนี้ไม่ธรรมดาน่ะแก”
ซีเกมส์พูดตามที่เขารู้สึก

“ถ้างั้นนะซี  เดี๋ยวพีทจัดให้  เสร็จแน่ขอบฟ้าเพื่อนรัก  ฮ่าฮ่า”
 พีทหัวเราะและแปะมือกับซีเกมส์



เมื่อสองหนุ่มเปลี่ยนชุดเสร็จก็ลงมาพร้อมกันที่ขอบสระ
เด็กๆ ก็วิ่งแข่งกันมาถึงแล้วเหมือนกัน ต่างนั่งประจำที่รอทานอาหาร
พออาหารวางตรงหน้าก็ลงมือทานกันทันทีด้วยความหิวโซ

“หนูริน  วินวิน  ค่อยๆ ทาน  อย่ารีบ  เดี๋ยวติดคอ  นะลูก”
 ขอบฟ้าคอยดูแลหนูน้องทั้งสองไม่ห่าง

ภูดิศก็ช่วยแกะอาหารทะเลส่งมาให้  เด็กๆ  เคี้ยวกันตุ้ยๆ  อย่างเอร็ดอร่อย
พีทเดินมาโอบบ่าขอบฟ้าแล้วบีบนวดให้เบาๆ
ขอบฟ้าเงยหน้ามองความใจดีของเพื่อนที่มาในแบบแปลกๆ

“ฟ้า  ทานบ้างสิ  ผอมจะปลิวลมแล้วเนี้ย  เอาน้ำส้มเนอะ  เดี๋ยวพีทไปเอามาให้”

“อ่ะ  น้ำส้ม  แล้วนี่ก็ยำที่ฟ้าชอบ  ทานเยอะๆ นะ”
พูดพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างๆ กัน
พีททำเป็นไม่เห็นสายตาของภูดิศที่มองมาอย่างไม่ชอบใจนัก

“น้องฟ้าครับ  นี่ก็อร่อย  ลองทานดูครับ”
 ภูดิศตักปลาทับทิมลุยสวนส่งให้คนตัวเล็ก

“พี่ภูทานบ้างเถอะ  ดูแลเด็กๆแล้วยังจะบริการฟ้าอีก ”
ขอบฟ้าออกปากอย่างเกรงใจ

“เห็นทานได้เยอะ  แสดงว่าอาหารถูกปาก  พี่ก็ดีใจแล้วครับ” คนตัวโตหยอด

“อร่อยเหมือนเดิมเลยครับ  ขากลับฟ้าต้องเข้าไปขอบคุณนมพร้อมกับป้าแก้วเสียหน่อย”
ขอบฟ้าพูดออกตัว  ไม่ทันเห็นว่าสองหนุ่มเพื่อนรักหูผึ่งไปตามๆ กัน
ที่ได้รู้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ขอบฟ้ามาบ้านพี่ภู

“ฟ้า  ไปรู้จักกับพี่ภูได้ยังไง”
 ซีเกมส์เริ่มล้วงลับจับเท็จทันทีจากที่นั่งเงียบเก็บข้อมูลมาช่วงหนึ่ง

“ก็…เอ่อ…คือ  น้องวินวินเรียนที่เดียวกับหนูริน  เด็กๆ เค้าเรียนห้องเดียวกันน่ะ
 แล้วพี่ภูก็จ้างฟ้ามาออกแบบจัดสวนให้ที่นี่”
ขอบฟ้าเล่าให้เพื่อนรักฟังไปบางส่วนเท่านั้น  ซีเกมส์เลิกคิ้วคิดตาม

“อาฟ้าขา  หนูรินอยากไปหาถ้วยฟูอีกจังค่ะ”
หนูรินนึกถึงแมวที่บ้านอาฟ้าขึ้นมาได้

“ฟ้า/ฟ้า..เดี๋ยวเรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน”
ขอบฟ้าสะดุ้งเฮือก  อะไรของพวกมันกัน  ตะโกนออกมาได้  ขอบฟ้างงกับสองคนนี้จริงๆ


ซีเกมส์กับพีทมองหน้ากันชักจะเซอร์ไพรส์หลายเรื่องแล้ว  บ้าน `ตัวเล็ก`
ของขอบฟ้าให้สองพ่อลูกไปมาแล้ว
นั่นมันพื้นที่หวงห้ามที่สุดของมันเลยนะ!
พวกเขาที่เป็นเพื่อนสนิทยังไปแทบนับครั้งได้
แล้วพ่อลูกคู่นี้ล่ะยังไงกัน  ภูดิศพอจะเข้าใจอะไรได้เลาๆ
ว่าขอบฟ้าคงยังไม่ได้เล่าเรื่องอะไร
ที่เกี่ยวกับเขาให้เพื่อนรับรู้จึงพากันออกอาการหวงเพื่อนแบบนี้
แกล้งสักหน่อยก็แล้วกัน  ภูดิศยกยิ้มมุมปากอย่างที่ชอบทำ

“น้องฟ้า พรุ่งนี้ไปเยี่ยมคุณปู่กับพี่อีกนะครับ” ส่งสายตาอ้อนวอน

“เอ่อ  ก็เมื่อวานคุณปู่บอกว่าจะมีแขกไปหานี่ครับ จะไม่น่าเกลียดเหรอที่ฟ้าไป”

“ไม่หรอกครับ  ท่านชอบน้องฟ้าออก  ไปนะครับ”
คุยกันอยู่สองคน  เรียกน้องฟ้าทุกคำ  ส่งสายตาอ่อนเชื่อม
ไม่ต้องพิสูจน์อะไรกันแล้ว สองหนุ่มเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันที่เห็นแบบนั้น
ภูดิศลอบยิ้มร้ายที่เห็นอาการกระฟัดกระเฟียดของสองหนุ่ม
กับหน้าซื่อๆ ตาใสๆ  ของคนตัวเล็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลย



ปาร์ตี้จบลงแล้วอย่างอิ่มเอมไปตามๆ  กัน  พวกเราย้ายไปคุยกันต่อที่ห้องนั่งเล่น
ขอบฟ้านำทีมเข้าไปขอบคุณนมพร้อมและป้าแก้วผู้ใหญ่ใจดีที่จัดเตรียมอาหารไว้ให้ได้รับประทานกัน
ท่านทั้งสองยิ้มยินดีและพากันคุยอย่างออกรสออกชาติ


นมพร้อมอดประหลาดใจเสียไม่ได้ที่คุณหนูของนางเปิดบ้านรับแขก
ที่นอกเหนือไปจากหมอคีรี  ที่นี่ไม่เคยมีการจัดงานสังสรรค์ใดๆ
ไม่พาใครมาบ้านจนได้พาหนูฟ้าเข้ามา
นมพร้อมสัมผัสได้ว่าอาฟ้าที่เด็กๆ  เรียกเหมือนมีอะไรพิเศษต่างออกไปจากคนอื่น
ทำให้คุณหนูของนางเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้ 


ภูดิศแยกตัวออกไปคุยด้านนอกกับพีทตรงซุ้มไม้เลื้อยมุมโปรดของเขา
เริ่มแล้วสินะคนหวงเพื่อนภูดิศคิด  ดูอาการของพีทที่แทบอดรนทนรอไม่ไหว 
“ผมขอถามตรงๆเลยนะครับพี่ภู  พี่ชอบฟ้าเพื่อนผมใช่ไหม”
พีทเป็นประเภทตรงๆทื่อๆ  ไม่ชอบอ้อมค้อม  สินะ  ภูดิศพอจะมองออก

“ใช่ครับ ชอบมาก แล้วพี่ก็จริงใจเสียด้วยครับ”
ภูดิศยอมรับไปแบบลูกผู้ชายจนพีทอึ้งไปเลยทีเดียว

“เอ่อ!  แต่เพื่อนผม  ไม่ใช่เกย์  ถ้าพี่คาดหวังว่ามันจะรัก  พี่เตรียมตัวผิดหวังได้เลย
เพราะมันมีรักฝังใจที่มันไม่มีวันลืมและไม่มีใครแทนที่คนนั้นของมันได้ด้วย  พี่ปล่อยเพื่อนผมไปเถอะ”
พีทเล่าเรื่องที่ได้รู้มา  ทุกคนในกลุ่มรู้ดีแต่ไม่มีใครรู้ลึกว่าคนนั้นของขอบฟ้าเป็นใครก็เท่านั้นเอง

“พี่ก็ไม่ใช่เกย์นะพีท  ถ้าไม่ใช่เพื่อนคุณ  พี่ก็ไม่คิดชอบ  บอกเราไว้ตรงนี้เลยนะ  พี่ปล่อยเขาไปไม่ได้แล้ว”
ภูดิศโต้ตอบกลับไปอย่างหนักแน่น  เขาเชื่อว่าเรื่องที่พีทเล่าเป็นเรื่องจริง
อึ้งอยู่เหมือนกันที่ได้ฟัง  ทั้งสองต่างยืนประจันหน้ากัน  แล้วภูดิศก็พูดขึ้นอีก

“ฟังนะ  พี่ไม่ได้ต้องการไปแทนที่ใคร  และไม่ได้อยากรู้ว่าคนนั้นของน้องฟ้าคือใคร
ทุกคนย่อมมีอดีตด้วยกันทั้งนั้น  มีคนในความลับ  พี่ก็มีนะ  แต่ชีวิตคนเราต้องเดินไปข้างหน้า
ขอบคุณที่บอกเรื่องนี้ให้พี่รู้  มันจะไม่เป็นปัญหาแน่นอน  ไม่ต้องห่วงนะ พี่เป็นลูกผู้ชายพอ
หากสุดท้ายแล้วพี่กับขอบฟ้าจะไม่ใช่ของกันและกัน  พี่ก็จะยอมรับผลของมัน”
ภูดิศพูดความรู้สึกของเขาที่มีต่อขอบฟ้าให้พีทรับรู้ ด้วยรู้ว่าพีทเป็นห่วงเพื่อนอย่างแท้จริง

“ถ้าพี่ภู แน่ใจว่าสามารถทำให้ฟ้าเปิดใจยอมรับพี่ได้
 ก็เตรียมตัวเจอด่านคุณหญิงแม่ของมันอีกคนด้วยก็แล้วกัน
ฟ้ามันเปราะบางเหมือนตัวมันนั่นแหละ  ยังไงก็ห้ามทำเพื่อนผมต้องเสียใจ
เสียน้ำตา  เด็ดขาด!  ไม่อย่างงั้นผมกับพี่ได้เห็นดีกัน”
พีทเห็นว่าภูดิศจริงจังกับเพื่อนของเขาจึงได้ฝากฝังพร้อมกับคาดโทษไว้ด้วย

“ได้สิ  พี่จะดูแลและไม่ทำให้เพื่อนเราต้องผิดหวัง  หรือมีน้ำตาอย่างแน่นอน
อย่าห่วงเลย  นี่นามบัตรพี่นะ  โทรมาได้ตลอดเวลา  แล้วก็ยินดีที่ได้รู้จักนะพีท”
ชายหนุ่มพูดจบพร้อมกับตบบ่าพีทไปเบาๆ

“ยินดีเช่นกันครับ พี่ภู”
พีทยิ้มรับกับมิตรภาพที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาระหว่างพวกเขา






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 10 กลัวที่แคบ
«ตอบ #11 เมื่อ02-12-2018 05:28:41 »

ตอนที่ 10 กลัวที่แคบ

ขอบฟ้าเอารูปพี่ภูกลับมาด้วย  ตั้งใจจะเอาไปใส่กรอบให้ใหม่  ดูรูป `พี่ตัวโต`
แล้วหวนนึกถึงตอนที่ตัวเองเป็นเด็ก  คุณแม่เล่าให้ฟังว่าเขาป่วยเป็นลูคีเมียเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น
ช่วงให้เคมีบำบัดเป็นช่วงที่เขาต้องนอนโรงพยาบาลนานเป็นเดือน
เมื่อแม่เล่ามาถึงช่วงนี้ทีไร  ความทรงจำในวัยเด็กของเขาจะย้อนกลับมาทุกครั้ง

“คุณหนูค่ะ  อย่าเดินเร็วนักสิคะ นมตามไม่ทัน  ระวังด้วยค่ะ”
ขอบฟ้าในวัยเด็กมาโรงพยาบาลจนจะกลายเป็นบ้านหลังที่สองเข้าไปทุกที
เขามักขอให้นมอุ่นพาออกมาเดินข้างนอก  อยู่แต่บนเตียงผู้ป่วยเบื่อจะแย่

“โอ๊ะ!  เจ็บไหมครับ  ตัวเล็ก”
ขอบฟ้าชนเข้ากับพี่ตัวโตจนถลาเกือบจะล้ม  แต่พี่ตัวโตก็คว้าตัวเขาไว้ได้เสียก่อน

“ขอโทษครับ  ไม่เจ็บ” เด็กตัวเล็กตอบ  แล้วหันซ้ายหันขวาเหมือนกำลังหนีใครมา

“จะไปไหนครับตัวเล็ก เดี๋ยวพี่พาไป”

“อยากไปซื้อไอศกรีม  พี่ตัวโตพาไปหน่อย  นะครับ”
คนตัวโตเลิกคิ้วมอง  อยากกินไอศกรีมนี่เอง

“ได้สิ  ตามพี่มา ร้านค้าอยู่ด้านนี้ครับ” คนพี่เดินนำทางไป

“พี่ตัวโต  เอาแบบนี้ครับ  หยิบให้หน่อย” ตัวเล็กเลือกตามที่เห็นในป้ายเมนู
แล้วยืนรอให้พี่ควานหาในตู้แช่ให้  เจ้าตัวล้วงหาเงินเตรียมจ่ายค่าไอศกรีม
พบว่าเขาไม่ได้พกเงินออกมาด้วยนึกเสียดายคงต้องกินวันอื่นแล้วล่ะ
จึงจับชายเสื้อพี่แล้วเขย่าเรียก

“พี่ตัวโต ไม่ต้องหาแล้วละครับ ไม่ทานแล้ว”
พี่เงยหน้ามองน้อง  ที่ทำหน้ามุ่ยแววตาผิดหวัง  พี่ยืดตัวขึ้นเมื่อหาจนเจอ

“นี่ไงครับได้แล้ว  รับไปสิตัวเล็ก” ส่งให้กับมือน้อง  เจ้าตัวก็ไม่รับไปเสียที

“ผมลืมเอาตังค์มาครับ  ไว้ค่อยมาซื้อวันหลัง”
พูดพร้อมกับหมุนตัวจะกลับ  พี่ตัวโตคว้าข้อมือเล็กไว้ได้ทัน

“รับไปเถอะครับ  พี่เลี้ยงเอง  ไปหาที่นั่งทานก่อน  ถ้าช้าจะละลายหมดนะครับ”
ยัดใส่มือน้องพร้อมกับหยิบอันของตัวเองเดินไปจ่ายเงิน

“ไปนั่งม้าหินอ่อนตรงโน้นก็ดีนะ  แดดไม่ร้อนด้วย  มาสิ”
 คนตัวเล็กเดินตามพี่ไปอย่างว่าง่าย

“ขอบคุณนะ  พี่ตัวโต”
 พูดขอบคุณพร้อมเดินตามพี่ไป  แล้วก็นั่งทานไอศกรีมด้วยกันจนหมด

“อยู่ห้องไหน  เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง”
 น้องมองหน้าพี่  แล้วชี้มือไปตามทางที่เดินมาเมื่อสักครู่

“ห้องนี้เหรอ  อยู่อีกหลายวันเหรอครับ  ไว้พี่มาหาใหม่นะตัวเล็ก”
น้องพยักหน้า  ส่งยิ้มตาหยีให้


หลังจากนั้นเขาก็ได้เจอพี่ตัวโตอีกหลายครั้ง  ทุกครั้งพี่จะมีขนมติดไม้ติดมือมาด้วย
 พาเดินออกไปข้างนอก  พาไปซื้อไอศกรีมโดยออกเงินให้น้องทุกครั้ง

“วันนี้พี่กลับก่อนนะ  ไว้พี่จะมาหาใหม่นะตัวเล็ก”



พี่ตัวโตกลับบ้านไป  ผ่านไปไม่กี่วันพี่ก็มาจริงๆ  และครั้งสุดท้ายพี่บอกว่าครอบครัวจะย้ายไปต่างประเทศ
“ตัวเล็กห้ามลืม!  พี่นะ ขอให้หายเร็วๆ  ดูแลตัวเองดีๆ  อย่าป่วยอีกนะครับ
ถ้าพี่มีโอกาสได้กลับมา  พี่จะหาเราให้เจอนะ”
ตัวเล็กน้ำตาคลอ  ที่จะไม่ได้พบพี่ตัวโตอีก  พี่ตัวโตเข้ามากอดและขยี้หัวน้องเบาๆ
นั่นเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ ที่ได้พบกัน


`พี่บอกว่าถ้าได้กลับมา  จะหากันให้เจอ  พี่ตัวโต  กลับมานะ  ตัวเล็กจะรอพี่เหมือนทุกครั้ง  ที่เคยรอ`
และนั่นคือความผูกพัน  ที่เชื่อมโยงให้เราทั้งสอง  ไม่อาจลืมเลือนแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม



วันนี้ขอบฟ้ามีนัดพบลูกค้าที่อาคารสูงเสียงฟ้าติดอันดับต้นๆของประเทศ
ซึ่งเป็นที่ทำการของบริษัทขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ที่มีจำนวนชั้นไม่ต่ำกว่า 50 ชั้น
เขาเคยมาพบลูกค้าหลายรายที่นี่จนค่อนข้างคุ้นชิน

ขอบฟ้ากดเรียกลิฟท์จากชั้นจอดรถเพื่อไปตามนัดหมาย  ลิฟท์รอบนี้ดูบางตา
แต่เมื่อหยุดชั้นต่อไปก็มีคนเข้า 7 - 8 คน ทำให้ต้องยืนเบียดๆ กัน
รู้สึกว่าคนที่ยืนอยู่ติดกันดูจะโงนเงน  แล้วยังคว้าหมับที่ต้นแขนของเขา
แล้วบีบแน่น  จนเจ็บ  ขอบฟ้าสะบัดอย่างแรงแต่ไม่หลุด
เขาหันขวับไปหัวจึงโขกโดนปลายคางของเจ้าของมือที่แข็งอย่างกับเหล็ก
มองอีกทีเป็นพี่ภูนี่เอง  ทำไมหน้าเขาซีดมาก  หายใจหอบหนัก
คนที่เบียดๆ อยู่ใกล้ๆ ตัวพี่ภูก็ถอยออกห่างเมื่อเห็นอาการพี่ภู

“พี่ภูครับ!!  เป็นอะไร  นี่ฟ้าเอง  หายใจลึกๆสิครับ”
ขอบฟ้าเขย่าเรียกเสียงร้อนรน  พอดีลิฟท์หยุดมีคนออกไปจนเหลือเขากับพี่ภูสองคนภายในลิฟท์

“น้องฟ้าครับ  พี่ปวดหัว  คลื่นไส้  หายใจไม่ออก  ช่วยพี่ที”
พี่ภูยังตัวสั่นไม่หาย  ริมฝีปากแห้งมาก  พี่ภูทิ้งน้ำหนักตัวมาทำให้ขอบฟ้าแทบทรงตัวไม่อยู่
แต่ยังยืนเป็นหลักให้พี่เกาะ

“ถึงชั้นที่พี่ภูจะไปรึยังครับ  เดี๋ยวฟ้าไปส่ง  อ้าว!  ชั้นเดียวกันหรอกเหรอ  อดทนอีกนิดนะครับ”
เห็นตัวเลขเป็นปลายทางเดียวกันที่เรียกไว้

“ฟ้าพาไปนะครับ  เดินช้าๆนะ”

ขอบฟ้าประคองคนตัวสูงออกจากลิฟท์  พี่ภูยังมีอาการหวาดกลัวซ่อนอยู่ในแววตา
พี่ภูเดินไปจนถึงออฟฟิศของตัวเองอย่างทุลักทุเล  มีสาวสวยกับหนุ่มหล่อหน้าตี๋
วิ่งปราดเข้ามาช่วยพยุงอย่างตื่นตระหนก

“คุณภูเป็นอะไรคะ/บอส  ครับ” ทั้งสองถามพร้อมกัน

“คงจะเป็นลม  พาไปพักก่อน  ผมขอผ้าชุบน้ำเย็นสักผืนครับ  อ่อ!  ผมรู้จักกับพี่ภู”
หนุ่มหน้าตี๋พยักหน้าแล้วผละไป  ส่วนสาวสวยอีกคนพาไปนั่งที่โซฟาในห้องทำงานใหญ่
ชายหนุ่มยังหน้าซีดไม่หาย

“น้องฟ้า  อยู่ก่อนนะครับ” พี่ภูพูดพลางเอนตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนลงกับพนักพิงโซฟาแล้วหลับตา
ขอบฟ้าจึงช่วยปลดเนคไทและกระดุมเสื้อออกให้ 2 เม็ดเพื่อคลายความรัดรึงลง
พลางอ้อมมือไปถอดเสื้อสูทออกให้ด้วย  และส่งให้หญิงสาวที่ตามมารับไปวางพาดให้
เธอยังมองมาหน้าตาตื่น  งงๆ  แบบไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้อีก  สักพักหนุ่มตี๋ก็มาพร้อมผ้าชุบน้ำในมือ

“ขอผ้าให้ผม  ช่วยเร่งแอร์ให้หน่อยครับ”
หญิงสาวหันไปหยิบรีโมทและปรับอุณหภูมิให้ใหม่  ขอบฟ้ารับผ้ามาแล้วเช็ดตามใบหน้าลำคอ
ลงมาจนถึงหน้าอกชะงักมือไป  แล้วจึงเช็ดย้อนไปส่วนบน  พี่ภูเปิดเปลือกตาขึ้นมองหน้าคนใจดี

“พี่เริ่มดีขึ้นแล้วละน้องฟ้า  อ้อ! นี่  ริสากับณนนท์  เลขาพี่ / นี่คุณขอบฟ้านะ / ออกไปกันก่อนผมเรียกค่อยเข้ามา”
เลขาหันมาก้มหัวให้บอสกับขอบฟ้า  แล้วเดินออกไป  สีหน้ายังตื่นตกใจไม่หาย
เพราะไม่เคยเห็นบอสที่แข็งแรงบึกบึนจะมีอาการอย่างกับนกปีกหักแบบนี้

“พี่ภูปวดหัวอีกมั๊ยครับ  จะอาเจียนหรือเปล่า  ฟ้าพาไปห้องน้ำได้นะครับ”
คนตัวเล็กออกอาการเป็นห่วงเป็นใยจนปิดไม่มิด

“พี่ดีขึ้นมากแล้วครับ  นี่น้องฟ้าจะไปไหน  ทำไมมาแถวนี้ได้ล่ะ
 มาเจอพี่ทำให้พลอยลำบากไปด้วยเลย  ขอโทษนะ…แล้วก็ขอบคุณมากๆที่ดูแลพี่”
พี่ภูพูดพร้อมกับจับมือคนตัวเล็กมากุมไว้  พลันเห็นรอยช้ำแดงที่เกิดกับแขนขาวๆ
ชัดเจนมาก  พลิกกลับไปกลับมาและใช้นิ้วมือลูบไล้ไปบนรอยแดงนั้นอย่างรู้สึกผิด
วันนี้ขอบฟ้าใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นทรง  slim fit  สีครีมกับกางเกงสแล็คทรงกระบอกเล็กสีน้ำตาล
ทำให้ตัวเล็กกระทัดรัดน่าเก็บไว้บ้านไม่ให้ออกมาเดินอย่างนี้ด้วยซ้ำ

“พี่ขอโทษที่ทำให้เจ็บ ช้ำเลยนะเนี้ย”แววตาพี่ภูที่พูดดูเศร้าๆ

“ฟ้าไม่เป็นไรมาก อย่าโทษตัวเองเลยครับ เจ็บแค่นี้เอง”
คนตัวเล็กยกมือกุมแก้มพี่ภู  ซึ่งกิริยาที่กระทำช่างอ่อนโยนจนคนได้รับ
ต้องซ้อนมือกุมทับมือคนใจดีไปบ้าง

“ไปอยู่ที่ไหนมา  ทำไมเราถึงเพิ่งเจอกันครับ” พี่ภูพึมพำเสียงแผ่ว
 ดวงตาที่จ้องมองมามีแววหวานซึ้งจนคนตัวเล็กหน้าขึ้นสีชมพูระเรื่อ

“เอ่อ…พี่ภู  ฟ้าต้องขอตัวกลับก่อนครับ  ฟ้ามีนัดลูกค้า” ขอบฟ้าพูดพลางลุกขึ้นยืน

“เสร็จธุระแล้วมาหาพี่นะ  พี่จะพาไปทานมื้อเที่ยง  พี่รอนะครับ”
ภูดิศพูดรวบรัด ไม่รอให้มีการปฏิเสธ  ขอบฟ้าพยักหน้าตกลงแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป

“กลับแล้วเหรอฮะ  คุณขอบฟ้า” ณนนท์เอ่ยทัก

“เอ่อ…ไปพบลูกค้าตามนัดก่อน  แล้วจะกลับมาอีกครับ
 อืม…แล้วก็เรียกฟ้าเฉยๆ ก็ได้ครับคุณณนนท์”
เสียงเล็กใสบอกออกไปแล้วยิ้มน้อยๆ ให้

“ครับ คุณฟ้า เดี๋ยวเจอกันครับ”
หนุ่มตี๋พูดและมองตามคนน่ารักที่เดินออกไปแล้ว



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-12-2018 18:40:36 โดย เส้นขอบฟ้า »

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 11 ถูกกล่าวหาว่าแย่งของเขา

ขอบฟ้าคุยงานเสร็จก็กลับมาหาภูดิศ   เลขารีบเปิดทางให้เข้าไปเพราะเห็นว่าบอสเอาแต่ยกนาฬิกาดูเวลาเสมอ
ในขณะที่พวกเขาเข้าไปส่งงาน   คนตัวสูงเงยหน้ามาส่งยิ้มให้คนตัวเล็กที่กลับมา
เขารีบลุกขึ้นคว้ากุญแจรถทันทีเหมือนว่ารออยู่ก่อนแล้ว

“ไปกันเถอะครับน้องฟ้า  เดี๋ยวพี่พาไปร้านอร่อยๆ นะ   หรืออยากจะทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”
พี่ภูแตะที่ต้นแขนเป็นเชิงให้เดินนำไปก่อน

“อะไรก็ได้ครับ  ผมทานได้หมด”
คนตัวเล็กบอกแล้วยิ้มเผื่อแผ่ไปให้กับเลขาทั้งสองที่ยังยืนกันอยู่ในห้อง

“ริสา/นนท์  ผมไปทานข้าวก่อน  ถ้ามีอะไรด่วนก็โทรได้เลย  อาจจะเข้ามาช้าหน่อยนะ”
คุณภูพูดเสียงเรียบๆ เหมือนเคย  แต่สีหน้าระรื่นนั้นก็ปิดม่มิดอยู่ดี

“ค่ะ/ครับ  บอส  ตามสบายเลยครับ”
ตอบรับ  แล้วมองตามสองหนุ่มที่เดินเคียงกันไปไม่ห่าง  แล้วเลขาทั้งสองก็หันขวับกลับมามองหน้ากัน

“พี่ริสา  ผมว่าบอสกับคุณฟ้ามีความห่วงใย  ใส่ใจ  ดูแลกันแปลกๆ นะครับ  พี่ริสาคิดเหมือนผมไหม?”

“นนท์จะให้พี่ถามบอสให้มั๊ย  พี่จะได้บอกว่านนท์อยากรู้   คริคริ” พี่ริสาจอมแสบหัวเราะเสียได้

“ผมจัดการเองได้ครับ   พี่ริสาคนสวย” พูดแล้วสะบัดหน้าใส่อย่างแรง



เมื่อลิฟท์ที่เรียกมาถึง  คนมากมายภายในทำให้พี่ภูชะงักเท้า  เขาโบกมือปฏิเสธลิฟท์เที่ยวนี้ 
พอลิฟท์ตัวข้างๆ มาอีกพี่ภูก็ยืนนิ่ง   จนขอบฟ้าอดสงสัยในพฤติกรรมแปลกๆ ของชายหนุ่มไม่ได้

“พี่ภูครับ  คนอื่นๆ เขาไปหาข้าวกลางวันทานกันนะครับ  ลิฟท์ก็จะแน่นแบบนี้
ปกติกลางวันพี่ภูไปทานยังไงครับ” ถามออกไปด้วยความสงสัย

“เอ่อ  ณนนท์  สั่งมาให้น่ะ  พี่จึงไม่ได้ออกมาข้างนอก”
ภูดิศอธิบายให้คนตัวเล็กคลายความสงสัย

“อ้าว…เหรอครับ  งั้นเรากลับไปสั่งมาทานที่ห้องทำงานพี่ภูก็ได้นี่ครับ”
ขอบฟ้าหาทางออกให้  แต่ชายหนุ่มส่ายหน้ารัวเร็ว

“ไม่ดีกว่าครับ  วันนี้พี่อยากไปทานข้างนอกน่ะ  ไปกันเถอะคนน้อยลงแล้ว”
ภูดิศพาเข้าไปในลิฟท์  แล้วระหว่างทางก็มีคนเรียกใช้ทำให้คนแน่นอย่างเคย
ขอบฟ้ามองหน้าเห็นแววตาตื่นตระหนกของพี่ภู  จึงคว้ามือพี่ภูมาบีบให้คลายกังวล

“พี่ภูครับ  ทนหน่อยนะครับ”
ภูดิศบีบมือเล็กที่อยู่ในอุ้งมือของตนแน่น  พร้อมกระซิบข้างหู
“อย่าไปไหนนะ”

ขอบฟ้าเงยหน้ามองคนพูด  ทำให้ปลายจมูกไปสัมผัสโดนปลายคางของพี่ภู
คนตัวเล็กออกอาการกระดาก  แต่คนโดนไม่ได้รู้สึกเพราะไม่อยู่ในอารมณ์ที่เป็นปกตินัก

“ถึงแล้วครับพี่ภู  ออกไปกันก่อนเถอะ”
ภูดิศรีบโกยอากาศเข้าปอดอย่างหนักหน่วง  แล้วพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก



ภูดิศเลือกร้านอาหารไม่ไกลจากที่ทำงานนัก  ก็ยังคงเป็นอาหารไทยเช่นเคย
แต่เปลี่ยนเป็นร้านอาหารเรือนไทยริมน้ำที่ต่อยื่นลงไปในสระบัวชมพูที่ชูดอกอวดความงดงาม
ละลานตา  แล้วยังน้ำพุตรงกลางสระอีก  จนคนตัวเล็กเก็บอาการไม่อยู่

“ชอบจังครับพี่ภู  ถ้าอาหารร้านนี้ไม่อร่อยแต่บรรยากาศดีแบบนี้ฟ้าก็ยอมนะ  ฟ้าถ่ายรูปไว้ดูบ้างดีกว่า”
คนตัวเล็กหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บภาพในมุมต่างๆ หลายภาพทีเดียว

“มาเซลฟี่กับพี่บ้างสิ  เก็บไว้ดูตอนเราแก่ไงครับ”
ภูดิศแกล้งเย้าคนตรงหน้า  คนฟังย่นจมูกกลับมาทันที

“พี่ภู!!  พูดอะไรเนี้ย  ใครจะไปแก่พร้อมพี่กันเล่า”
ขอบฟ้าเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อซ่อนใบหน้าที่ร้อนผ่าว  แต่คนตัวโตก็ยังทันเห็นแก้มที่แดงเรื่อนั้นอยู่ดี

ภูดิศเอื้อมมือไปเกลี่ยกลุ่มผมที่รุ่ยลงมาข้างแก้มทัดหลังใบหูขาว  หญิงสาวที่นั่งโต๊ะข้างๆ
สะกิดกันให้มองมาที่สองหนุ่ม  ขอบฟ้าสังเกตเห็นแต่แรกแล้วว่าสองสาวหัวเราะกันคิกคัก
คงเป็นสาววายแบบอิงลูกน้องเขาที่ร้าน  ป่านนี้คงจับเขากับพี่ภูจิ้นกันเรียบร้อยไปแล้ว


เมื่ออาหารมาเสิร์ฟทั้งสองก็ลงมือทานกันไป  พูดคุยกันไปไม่หยุด  อาหารรสชาติใช้ได้อยู่เหมือนกัน
ภูดิศตักให้คนตัวเล็กไม่ได้หยุด  เจ้าตัวก็เคี้ยวตุ้ยๆ อย่างไม่รู้ว่ามากพอควร
ภูดิศรอบยิ้มดีใจที่เดี๋ยวนี้เขาพอจะรู้ว่าอาหารจานไหน  แบบไหนที่คนตัวเล็กจะชอบเป็นพิเศษ
เลี้ยงไม่ยากเลยจริงๆ

“พี่ภูครับ  ฟ้าพอแล้ว  อิ่มแล้วนะเนี้ย  แทบจะตักป้อนฟ้าแล้วเนี้ย  พี่ภูไม่อายเหรอ  คนมองกันใหญ่แล้วนะ”
คนตัวเล็กพูดเป็นกระซิบ

“มองก็ช่างสิครับ  เขาคงอิจฉาว่าพี่มีแฟนน่ารัก  หรือน้องฟ้าลืม  พี่ทบทวนให้ได้นะ”
ภูดิศพูดพลางมองหน้าคนตรงหน้าว่าจะโต้ตอบกลับยังไง  แต่เจ้าตัวกลับเงียบทำหน้านิ่ง
จนภูดิศหน้าเจื่อน

“น้องฟ้า  พี่ขอโทษ  พี่ไม่ได้ล้อเล่นนะครับ  ขอพี่จัดการเรื่องยุ่งๆ ให้มันจบก่อน
แล้วเรามาเป็นแฟนกันนะครับ คนดี”
คนตัวโตพูดบอกคนตรงหน้าเสียงอ่อนโยน  แต่แล้วก็มีเสียงพูดแทรกขึ้นในทันทีทันใด

“ยากหน่อยนะคุณภูดิศ  ที่จะปฏิเสธคนอย่างญาดาได้ง่ายๆ ไอ้ที่หลบๆ เลี่ยงๆ
บ่ายเบี่ยงไม่ไปพบหน้ากันมาตลอด  มันเพราะแบบนี้นี่เอง   มานั่งพลอดรัก ออดอ้อนกัน
จะไม่วิปริตผิดเพศไปหน่อยรึไง  ช่างน่าไม่อายทั้งสองคน  โดยเฉพาะแก!!
กล้ามาแย่งคนที่เขามีคู่อยู่แล้ว!  ฉันจะฟ้องคุณปู่ให้เล่นงานแก!  คอยดูเถอะ!!!”
หญิงสาวที่ภูดิศพบในผับคืนที่เจอขอบฟ้านั่นเอง ภูดิศจำความเปรี้ยวจี๊ดของการแต่งกาย
และท่าท่างเธอได้  นี่เหรอญาดาผู้หญิงที่คุณปู่หาไว้ให้เขา  ปากคอช่างเราะร้ายเหลือเกิน
หันไปมองคนตัวเล็กที่นั่งหน้าซีดก็ทำให้อารมณ์พลุ่งพล่าน

“เธอเป็นใคร  เราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ  ไม่หน้าด้านไร้ยางอายเสียกว่ารึไงที่มายืนป่าวประกาศ
แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผม  และไอ้การด่าทอคนอื่นเสียๆ หายๆ แบบนี้ช่างไร้สกุลเสียกว่า
แล้วคิดว่าตัวเองมีดียังไงผมถึงจะเลือกคุณ  ไม่ทราบ  ไม่ดูตัวเองเอาซะเลย  ทุเรศที่สุด”
ภูดิศลุกขึ้นตอบโต้หล่อนอย่างดุเดือดกลับไป  และใช้สายตามองผู้หญิงตรงหน้าอย่างเหยียดหยาม
เขาพอจะรู้ว่าหล่อนเป็นใครก็ตอนที่มาประกาศปาวๆ นี่แหละ  นี่นะเหรอว่าที่ภรรยาเขา
เขารู้สึกรังเกียจ และขยะแขยงเจ้าหล่อนเป็นที่สุด

“คุณภู!!!  อย่ามาหยาบคายกับญาดานะ  เห็นไอ้เกย์หน้าอ่อนนี่ดีกว่างั้นเหรอ
อย่าคิดว่าแกจะชนะฉันได้นะ  ไม่มีทาง!  แล้วเราจะได้เห็นดีกัน  คุณด้วยภูดิศ”
ญาดายังพาลชี้หน้าด่าขอบฟ้าที่นั่งหน้าซีดอยู่กับที่  แล้วเจ้าหล่อนก็กระทืบเท้าเดินตึงตังออกไป
ไม่สนใจว่าใครจะมองเธอยังไง

“น้องฟ้า  ไม่เป็นไรนะ  พี่ผิดเองที่ไม่เคลียร์ตัวเองให้มันจบๆ ไป  ทำให้น้องฟ้าต้องมาเสียชื่อแบบนี้
พี่ขอโทษนะครับ”
ภูดิศเข้าไปโอบบ่าคนที่นั่งหน้าซีดปากคอสั่นอย่างน่าสงสารเป็นที่สุด 


ภูดิศเรียกคิดเงิน  เขากดโทรศัพท์หาเลขา  บอกว่าบ่ายนี้ไม่เข้าออฟฟิศ  มีธุระต้องไปจัดการที่บ้านใหญ่
แต่จะแวะไปเก็บของก่อน

“น้องฟ้า  เดี๋ยวพี่ส่งเอารถนะครับ  อย่าเครียดนะ  พี่จะไปคุยกับคุณปู่”
ภูดิศพยายามปลอบประโลมคนตัวเล็กให้หายตกใจและกลับมาร่าเริงเหมือนเดิม
 แต่เหตุการณ์ที่พบเจอดูแล้วก็ยากที่จะดึงอารมณ์กลับมาได้ง่ายๆ

“พี่ภู  ฟ้า  เอ่อ…สับสน เขาเป็นคนที่พี่จะต้องหมั้นกับเขานะครับ  แล้วมาเจอเรา
 ถ้าเขาไปฟ้องคุณปู่  พี่ภูก็จะเดือดร้อนอีกนะครับ”
 ขอบฟ้าตกใจกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่  แต่พอเริ่มรวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิงมาได้
 ก็อดสงสารพี่ภูไม่ได้

“แล้วมันจะผ่านไปด้วยดีแน่ครับ  น้องฟ้าอยู่เป็นกำลังใจให้พี่ก็พอแล้วครับ  คนดี”
พี่ภูมีประกายตาเชื่อมั่น

“พี่ภู  ต้องพูดดีๆ กับคุณปู่ท่านนะ  แล้วก็อย่าวู่วามด้วยล่ะครับ”
 พูดพลางเข้าไปเกาะแขนพี่ภู  คนตัวสูงก็ส่งมือวางบนหัวคนตรงหน้าลูบเบาๆ
 แล้วกดจูบลงบนเรือนผมนุ่ม

“แค่นี้ก็พอแล้ว  ขอบคุณที่อยู่ข้างๆ พี่  ตรงนี้นะ”
ภูดิศดุนคนตัวเล็กให้ขึ้นไปประจำที่คนขับ ปิดประตูรถให้แล้วยืนส่งจนรถแล่นไปจากสายตา



ชายหนุ่มกลับเข้าไปที่สำนักงาน  ณนนท์เตรียมเก็บของใส่กระเป๋าให้บ้างแล้ว
“คุณฟ้า  น่ารักนะครับบอส  ดูอ่อนโยนใจดี  เขามีแฟนหรือยังครับ”
ณนนท์ชวนคุย  แต่บอสหนุ่มหน้าตึงขึ้นมาฉับพลัน

“มีแล้ว!!  หล่อมากด้วย! ทำไมจะจีบเขารึไง?”
 ณนนท์สะดุ้งโหยงที่ได้ยินน้ำเสียงกระแทกๆ มองหน้าบอสเห็นแววตาขุ่นเคืองแล้วเสียวสันหลังวาบ

“โธ่ๆ  บอสก็  เขาตัวเล็ก  ผมยาว  น่ารัก  แถมมีแฟนหล่ออีก  สุดยอดจะเพอร์เฟค  น่าเสียดายจัง”
ณนนท์อดจะกวนประสาทบอสเสียไม่ได้  เห็นสีหน้ากับแววตาก็รู้ทันทีว่าคนนี้พิเศษแค่ไหน 
หลุดมาดเสียขนาดนี้  รังสีอำมหิตแผ่มาอีกแล้วรีบชิ่งหนีจะดีกว่า  แต่ไม่วายได้ยินเสียงบอสดังไล่หลังมา

“แฟนเค้าหวงมากด้วย  โว๊ย!  บอกไว้ก่อน”


ขณะกำลังจะผ่านหน้าณนนท์ออกไป  ภูดิศยังหันมาชี้หน้าหมายหัวเจ้าหนุ่มตี๋ที่ทำหน้าระรื่นยั่วโมโหไม่เลิก

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 ตอนที่ 12 เคลียร์กับคุณปู่

ภูดิศออกจากออฟฟิศก็มุ่งหน้าไปที่บ้านคุณปู่ทันที  เขาพยายามใจเย็นคิดหาคำพูดเหมาะๆ
ที่ปู่จะยอมฟังจนจบโดยไม่ไล่ตะเพิดเขาออกจากบ้าน  แต่ยิ่งคิดหาหนทางก็ยิ่งมืดแปดด้าน
เขาจึงเลิกขบคิดในที่สุด

เมื่อชายหนุ่มจอดรถ  ก็พบว่ามีรถหรูอีกคันจอดอยู่ก่อนแล้ว  หรือว่าคุณปู่จะมีแขกกันนะ
ชายหนุ่มลังเลที่จะเข้าไป  พอดีมีเด็กรับใช้เดินผ่านม า เขาจึงเรียกตัวไว้ถาม
พอได้คำตอบก็อึ้งไปถนัดตา  เร็วจริงนะแม่คุณ  ดีเหมือนกันให้หล่อนพูดสิ่งที่อยากพูดเสียให้หมด
เขาจะได้ไม่ต้องสาธยายให้มากความ  ชายหนุ่มทิ้งช่วงเวลาให้ห่างพอสมควรจึงตัดสินใจเดินเข้าไปด้านใน

“คุณปู่ขาที่ญาดาพูดเป็นเรื่องจริง  ญาดาเห็นมากับตาว่าคุณภูออดอ้อนกับผู้ชายตัวขาวผมยาว
 คู่เกย์กันค่ะดูก็รู้  คุณปู่ต้องจัดการให้นะคะ  ไม่งั้นญาดาไม่ยอมด้วย”
เสียงแหลมเล็กชวนให้ปวดประสาทหูเป็นที่สุด

“พูดพอหรือยัง?  เธอต้องการอะไรกันแน่  อุตส่าห์ถ่อมาถึงนี่?”
ชายหนุ่มมาทันได้เห็นปากแดงๆ พล่ามไม่หยุด  ส่วนคุณปู่ของเขาก็นั่งหน้าเครียดไม่ห่างกัน
ทั้งสองหันขวับมองตรงมาที่เขาทันที

“มาก็ดีแล้ว  ไหนแกลองอธิบายให้ฉันเข้าใจที  ว่าที่หนูญาดาบอกว่าแกเป็นเกย์ มันยังไงตาภู
 แกพูดมา!!” คุณปู่ไม่รอให้เขาได้นั่งลงด้วยซ้ำ  ความร้อนใจทำให้ท่านโพล่งออกมา

“คุณปู่ขา  ยังต้องถามอะไรกันอีก  ที่ญาดาบอกไปทั้งหมดคุณปู่ไม่เชื่อเลยรึไงกัน  เปลืองน้ำลายสิ้นดี”
หญิงสาวพูดแทรกทันทีที่คุณปู่พูดจบ

“เธอ  หุบปาก!  อย่ามาก้าวร้าวคุณปู่  กับแค่น้ำลายที่เธอพ่นๆ ออกมามันน่าเชื่อนักหรือไง  น่ารังเกียจ”
ชายหนุ่มอารมณ์ขึ้นทันทีที่ได้ยินเธอพูดจาไม่ไว้หน้าปู่ของเขา

“ใครกันแน่ที่น่ารังเกียจ  น่าขยะแขยงเป็นที่สุด  พวกผิดเพศ  มั่ว  สกปรก!!  กรี๊ดดดดด!!!!!”
เธอไม่ยอมลดละเถียงกลับแทบทุกคำและแผดเสียงกรี๊ดลั่นห้อง

“หยุดสักที  ทั้งสองคน  ฉันจะเป็นลม  ใครอยู่แถวนั้นน่ะ  ไปหายาดม  ยาหอมมาที”
คุณปู่ทำท่าจะลุกยืนก็โงนเงนนั่งลง  ชายหนุ่มตกใจรีบเข้าไปประคอง

“ป้าอรครับ!!!  ตามลุงหมอมาที”
ภูดิศตะโกนเรียกแม่บ้านเสียงดัง  แล้วหันไปรับยาดมจากเด็กรับใช้มา

“คุณปู่  ใจเย็นๆ นะครับ”
ชายหนุ่มพูดกับปู่  แล้วหันขวับไปที่หญิงสาวที่นั่งหน้าตึงอยู่ไม่ห่าง

“นี่เธอ  กลับไปก่อนไป  ไม่เห็นรึไง  ว่าคุณปู่ท่านยังป่วยไม่หาย  ต้องมาเครียดเพราะเธอ!”
เธอหันไปคว้ากระเป๋าถือแล้วกระแทกเท้าปึงปังออกไป  โดยไม่ใส่ใจที่จะบอกลาเจ้าของบ้านก่อน
เสียงรถที่แล่นออกไปอย่างแรงบ่งบอกอารมณ์ของคนขับได้ดี



ทางด้านขอบฟ้าเมื่อออกรถมาได้สักพักก็ให้รู้สึกร้อนใจเป็นกังวลจนไม่มีจิตใจที่จะไปทำอะไรต่อ
นึกถึงเพื่อนรักขึ้นมาทันที  จึงรีบคว้าโทรศัพท์กดโทรออก

“ซี แกว่างหรือเปล่า  มีเรื่องร้อนใจน่ะ”
ขอบฟ้ากรอกเสียงลงไปทันทีที่เพื่อนกดรับ

“มีอะไรฟ้า  เป็นอะไร  ว่ามาได้เลย”
ซีเกมส์กรอกเสียงมาอย่างร้อนรนด้วยเหมือนกัน

“ไม่สะดวกเล่า เรื่องมันยาว แกอยู่ไหน เดี๋ยวเข้าไปหา”

“อยู่ที่ห้างxxxxพีทก็อยู่นะ  แกมาได้ไหมล่ะ”

“เออ!  รอนั่นแหละ  ถึงแล้วจะโทรหาอีกทีนะ”


ขอบฟ้ากลับรถไปห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่ไม่ไกลจากจุดที่เขาอยู่มากนัก
พอหาที่จอดได้ก็รีบโทรนัดแนะกับเพื่อนทันที ทั้งสองให้มาเจอที่ร้านอาหารญี่ปุ่น
เพราะยังไม่ได้ทานมื้อกลางวันกัน

“ฟ้า  มีอะไร  ใช่เรื่องพี่ภูรึเปล่า? ซีเกมส์เปิดฉากถามเมื่อพบหน้ากัน
เขารู้เรื่องจากพีทที่คุยกับพี่ภูวันก่อน  เมื่อถามออกไปขอบฟ้าก็พยักหน้ารัวเร็ว
พร้อมมองหน้าเขาสองคน

“ใช่ๆ ซี  พีท  พอดีพี่ภูถูกคุณปู่บังคับให้หมั้นกับผู้หญิงที่ชื่อญาดา
 วันนี้ฟ้าไปกินข้าวกับพี่ภูเจอเธอเข้ามาอาละวาด  ด่าทอฟ้าว่าไปแย่งพี่ภูของเธอน่ะ
 แล้วยังประณามฟ้ากับพี่ภูเสียๆหายๆ ว่าผิดเพศ  คู่เกย์  โอ๊ย! มากมายน่ะ  ฟ้าควรทำยังไงต่อ?”
ขอบฟ้าเล่าให้เพื่อนรักฟังเสียงและสีหน้าเครียดเขม็ง

“ขนาดนั้นเลยเหรอ  ร้ายว่ะแม่นั่น  แล้วพี่ภูว่าไงล่ะ” พีทถามขึ้นหน้าเรียบตึง

“พี่ภู  ก็ว่าเธอไปเจ็บๆ แสบๆ เหมือนกัน  ไม่เคยเห็นพี่ภูตอนหลุดมาดก็ได้เห็น
ใครโดนพี่ภูตอกกลับแบบนั้นถือว่าดวงซวยสุดๆ"
ขอบฟ้าเล่าไปตามที่เจอมา

“เออ!  พอจะเดาๆ ท่าทีพี่ภูออก  ถ้าพี่ภูเค้าออกโรงปกป้องแกซะขนาดนั้นนะฟ้า
 แกก็ไม่ต้องสนใจอะไรแล้ว  ถวายตัวเป็นเมียพี่ภูก็สิ้นเรื่องไป”
พีทพูดจบก็โดนซีเกมส์โบกหัวไปที  หน้าแทบขมำกับอาหารตรงหน้า

“ไอ้พีท!!  ผัวเมียอะไรเล่า  ทะลึ่งแล้วนะ”
ขอบฟ้าหน้าร้อนผ่าวสุดๆ ที่โดนเพื่อนพูดจาทำนองนี้ใส่
 อาการของเขาไม่รอดพ้นจากสายตาของซีเกมส์ไปได้

“แล้วที่มาวันนี้?  จะให้ช่วยยังไงล่ะ?” พีทถาม พลางตักอาหารเข้าปาก
ส่วนซีเกมส์ก็เคี้ยวตุ้ยๆแก้มป่องพองลม  เป็นคนตัวเล็กที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน
ที่สำคัญกินเก่งกินเยอะด้วย  ขอบฟ้ามองทั้งสองที่กินไปฟังไปอย่างไม่ทุกข์ร้อนกับเรื่องที่เขาเล่าเท่าไรนัก

“พี่ภูบอกจะไปเคลียร์เรื่องนี้กับคุณปู่  พี่ภูกับคุณปู่ไม่ค่อยจะลงรอยกัน
 อีกอย่างพี่ภูบอกจบเรื่องจะขอฟ้าเป็นแฟนด้วยละ”
เล่าจบก็มองเพื่อนสองคนที่หนีบอาหารค้าง

“คบเป็นแฟน!!?  แล้วแกคิดยังไงกับพี่ภู  ชอบเขารึไง  เจอด่านคุณปู่ของพี่ภู
 แล้วยังจะต้องคุณหญิงแม่ของแกอีก  ที่สุดของที่สุดก็คนในความลับของแกด้วย
 ทุกปัญหาอยู่ที่แกนะฟ้า  ถามใจตัวเอง  ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลัง”
พีทพูดยืดยาว  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคำพูดยาวๆ ของพีทกลับทำให้เขาฉุกคิด

`นั่นสินะเขาชอบพี่ภูหรือเปล่า ถ้าชอบล่ะ!แล้วมากพอจะเดินหน้ามั๊ย`
 คำตอบมันสั้นนิดเดียว  เดินไป  หรือหยุดแล้วถอย  แค่เลือกและตัดสินใจ
 ขอบฟ้าเงียบอย่างจนด้วยหนทาง

“เออ!  เดี๋ยวค่อยคิด  แต่ตอนนี้  ใครช่วยไปส่งหาพี่ภูที่บ้านคุณปู่หน่อยละกัน
 เขาไปนานแล้วเนี้ย  เป็นห่วงว่ะ”
ขอบฟ้าเผลอตัวแสดงความในใจออกมา

“ไอ้ฟ้า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!  ไม่เบานะนั่น  ไม่ต้องคิดมากแล้วพวกเรารู้คำตอบของแกแล้ว
 ก่อนอื่นขอกินก่อน  รอแป๊บนึง”
แล้วซีเกมส์ก็ลุยอาหารตรงหน้าต่อ  ท้องแตกดีกว่าของเหลือเขาคิด



เมื่อทานกลางวันกันเสร็จพวกเขา 3 คน ก็มาจอดรถซุ่มอยู่ไม่ห่างจากบ้านคุณปู่นัก
หากมีรถเข้ารถออกจากบ้านหลังนั้นก็ต้องผ่านพวกเขาก่อน สักพักก็มีรถแล่นผ่านเข้าไปในบ้าน
ขอบฟ้าตัดสินใจส่งข้อความหาพี่ภูโดยใช้โปรแกรมแชท

Sky:>  พี่ภูอยู่ไหนครับ  ไหวรึป่าว?

Sky:>  ฟ้าเป็นห่วงนะครับ

Phudit:>>  อยู่กับปู่  พี่ไม่เป็นไรครับ  แต่ปู่ไม่ค่อยดี  รอลุงหมอมาตรวจ
                 อ่อ! ลุงหมอมาแล้วครับ


แล้วพี่ภูก็เงียบหายไป  เพื่อนๆ ต่างชะเง้อคอยาวมาอ่านแชทของเขาด้วยกัน
“ฟ้าใจเย็นๆก่อนนะ  รอพี่ภูตรงนี้แหละ  หากมีอะไรค่อยว่ากันอีกที”
ซีเกมส์ปลอบเพื่อน  แล้วเอื้อมมือไปเปิดเพลงฟังเบาๆ 
ทั้งสามจ้องมองไปยังทางเข้าบ้านหลังใหญ่ไม่วางตา



ลุงหมอมาถึงก็ตรงเข้าไปตรวจอาการของคุณปู่ทันที  ท่านดูอ่อนแรง
ลุงหมอจึงฉีดยาแล้วหันมาบอกหลานชายว่า  ให้ท่านได้นอนพักสักเดี๋ยวอาการก็จะดีขึ้น
แล้วชวนชายหนุ่มไปหาที่นั่งคุยกันตามลำพัง

“มีเรื่องอะไรกันเจ้าภู  ไหนเล่ามาซิ”
ลุงหมอถามเสียงเรียบ  หน้านิ่ง

“ก็ผู้หญิงที่คุณปู่หามาน่ะครับ  เธอไปเจอผมกับเพื่อนผู้ชาย
 เข้าไปอาละวาดด่าทอทั้งที่เรายังไม่ทันทำความรู้จักกันด้วยซ้ำ
 สุดท้ายก็เอาเรื่องร้อนหูมาฟ้องคุณปู่  เราเจอกันที่นี่  เถียงกันรุนแรง
สุดท้ายคุณปู่ก็เป็นอย่างที่ลุงหมอเห็นนี่แหละครับ”
ภูดิศเล่าความเป็นมาของเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปสดๆ ร้อนๆ ให้ลุงหมอฟัง


“นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นอะไรกัน  ยังทำถึงขนาดนี้  ลุงต้องคุยกับปู่แกแล้ว
ถ้ายังเอาเจ้าหล่อนมาให้เป็นเมียแก  ไม่ปู่แกก็แกล่ะที่ต้องเส้นประสาทแตกตายกันไปคนนึง”
ลุงหมอพูดอย่างเบื่อหน่าย

“ลุงหมอผมยอมรับแบบลูกผู้ชายเลยก็แล้วกัน  ผมชอบผู้ชาย
 แล้วตอนนี้ก็เจอคนที่ใช่แล้วด้วยครับ”
ชายหนุ่มไม่คิดจะปิดบังผู้เป็นลุง

“อืม  ก็อยู่ที่ตัวแกนะภู  เพราะยังไงลุงกับปู่ก็อยู่กับแกอีกไม่นานก็ต้องตายจากพวกแกแล้ว
อยากเลือกอยากเป็น  ไม่ว่าจะอะไรยังไ ง สุดท้ายแกก็ยังเป็นหลานของลุง”
ลุงหมอดูไม่สะทกสะท้านกับเรื่องที่เพิ่งได้รู้  ภูดิศรู้สึกอุ่นใจที่อย่างน้อยท่านก็ยังพอที่จะเข้าใจเขาบ้าง

“ขอบคุณครับลุง  ที่เข้าใจผม”
ชายหนุ่มยกมือไหว้ขอบคุณจากใจจริง  ลุงหมอตบบ่าเขาเบาๆ

“ถ้าปู่แกตื่น  ลุงจะให้แกเข้าไปด้วย  คุยๆ กันเลยให้มันจบๆ ซะวันนี้  เดี๋ยวลุงจะช่วยพูดให้อีกแรง”

“ครับลุงหมอ  งั้นทานมื้อเย็นด้วยกันเลยก็ดีนะครับ  เดี๋ยวผมไปบอกแม่บ้านให้”
พูดพลางเดินออกไป  แต่ก้าวเท้าออกมาได้ไม่กี่ก้าวก็มีสายโทรเข้า

“ครับน้องฟ้า  อืม  ลุงหมอให้ยาแล้ว  รอท่านตื่น  คงไม่เป็นอะไรมาก  อ้าว!
 อยู่หน้าบ้านเหรอ  อ่อ  ลุงหมอให้เข้ามาน่ะน้องฟ้า  มาพบท่านหน่อยนะ
 เดี๋ยวพี่ออกไปรับ”
ขณะที่คุยสายกับขอบฟ้าลุงหมอตามมาด้านหลัง
พอรู้ว่ามีคนมารออยู่หน้าบ้านก็ให้ชวนเข้ามาคุยด้านใน

“คนนี้รึเปล่าตาภู  ที่แกบอกน่ะ  มาเจอตัวกันหน่อยก็ดีนะ”

“ครับๆ  พอดีน้องเค้าเป็นห่วง  ก็เลยตามมาน่ะ  เดี๋ยวผมไปรับเข้ามานะครับ”
ลุงหมอพยักหน้ารับรู้

ขอบฟ้าบอกกับเพื่อนว่าพี่ภูให้เข้าไปด้านใน  ทั้งสองจึงขอตัวกลับไปก่อน
และบอกให้ขอบฟ้าอยู่เคลียร์ให้จบ  จะรับหรือปฏิเสธก็ให้ตัดสินใจไปเลย
แล้วก็พารถเคลื่อนออกไปเมื่อเห็นพี่ภูโผล่หน้าออกมาชะเง้อหาเพื่อนตัวเล็กของพวกเขา






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 13 คนนี้ที่ชอบ
«ตอบ #14 เมื่อ07-12-2018 10:06:45 »

ตอนที่ 13 คนนี้ที่ชอบ

ภูดิศพาขอบฟ้าเข้าไปพบลุงหมอที่นั่งรออยู่ด้านในแล้ว  ขอบฟ้าชะงักเท้า  แล้วไหว้ทักทาย

“สวัสดีครับลุงหมอ  สบายดีไหมครับ ไม่ได้พบนานเลยครับ”

“อ้าว!  นั่นหนูฟ้า  ลูกคุณสรภพกับคุณหญิงศศินี่  โตเป็นหนุ่มหล่อเลย
 เป็นไงมาไงมารู้จักเจ้าภูมันล่ะเรา  แล้วคุณพ่อเป็นไงบ้าง”

ลุงหมอเป็นคุณหมอประจำตัวคุณพ่อที่ขอบฟ้าเคยพบท่านบ่อยๆ
ตอนที่ตามคุณพ่อไปโรงพยาบาลด้วยปัญหาด้านหัวใจของท่านนั่นแหละ

“คุณพ่อท่านก็ได้คุณลุงหมอรักษาให้นี่แหละครับ  ท่านสบายดีแล้วครับตอนนี้”

“น้องฟ้า  รู้จักกับลุงพี่เหรอครับ”
พี่ภูฉีกยิ้มกว้างมองลุงหมอทีขอบฟ้าทีที่คุยกันอย่างคุ้นเคย  คนตัวเล็กพยักหน้ายิ้มๆ
สีหน้าผ่อนคลายไปมากกว่าตอนที่ไปพาเข้ามาเสียอีก

“อ้าว  ยังไง  ยังไม่มีใครตอบลุงเลย  ไปรู้จักกันได้ไง  แล้วที่บอกว่าเป็นคนที่ใช่ของแก
หนูฟ้านี่เหรอ  หืม!”
ลุงหมอถามอย่างไม่อยากจะเชื่อก็เด็กคนนี้ท่านเห็นมานาน

“หนูรินเป็นเพื่อนกับหลานน้องฟ้าครับ  ตอนนี้ผมก็ตามจีบเค้าอยู่
แต่ติดที่คุณปู่หาหญิงมาให้  น้องฟ้าก็เลยยังไม่ยอมคบกับผมครับลุง”
ภูดิศเล่าไปส่งสายตาอ่อนเชื่อมไปให้คนตัวเล็ก

“เออ!  แกคิดเองเออเองไปคนเดียวรึเปล่าเนี้ยเจ้าภู 
ถ้าเจ้าภูมันบังคับข่มเหงจิตใจเราบอกนะ
ลุงจะฟาดหัวมันให้  แกจะไปทำลูกเค้าเสียคนเปล่าๆ นะ
ได้ข่าวว่าคุณหญิงแม่หวงอย่างกับอะไรดี  จริงมั๊ยเรา?”
ลุงหมอพูดกับเขาทีหันไปพูดกับคนตัวเล็กที

“โธ่  ลุงหมอ  ก็ต้องช่วยผม  อยู่ข้างผมซิครับลุง

”หลานทำหน้าจ๋อยที่เหมือนลุงจะไปเข้ากับอีกฝ่ายเสียให้ได้

“แกเคลียร์ตัวเองให้มันจบๆ ไปก่อน  อย่าเพิ่งมายุ่งกับน้อง
ไม่งั้นลุงนี่แหละจะเล่นงานแกเอง  เจ้าภู”
ลุงหมอหันมาขึงตาใส่หลานชาย

“ก็นี่ไง  ที่ผมมาก็เรื่องนี้  ปู่ตื่นแล้วละมั้ง  ไปช่วยพูดให้ผมเลยลุงหมอ
แล้วน้องฟ้าก็รอพี่อยู่นี่ก่อนนะ อย่าเพิ่งไปไหน”
หลานอ้อนวอนลุง  แล้วหันไปบอกขอบฟ้าให้รอก่อน
แล้วสองคนลุงกับหลานจึงพากันเข้าไปด้านใน 


“คุณปู่  ดีขึ้นรึยังครับ”
ภูดิศเข้าไปนั่งข้างเตียงนอนท่าน  ห้องนอนท่านเครื่องใช้ไม่มากเหมือนข้างนอก
ออกจะน้อยชิ้นและโปร่งสบายตาเสียมากกว่า

“เออ  ยังไม่ตาย  ยังอยู่เป็นก้างขวางคอแกไปได้อีกนาน  เสียดายมั๊ยที่ฉันหนังเหนียว”
ปู่ประชดประชันหลานชาย

“โธ่  คุณพ่อ  พูดกับมันดีๆหน่อย  ดูหน้ามันสิเหลือ 2 นิ้วแล้วนั่น”
ลูกชายหยุดคนเป็นพ่อ

“เหอะ!  อย่างมันจะมีสลดอะไร  ฉันตายเสียได้คงสมใจมัน”
ปู่ไม่วายประชดต่ออีก  หลานชายได้ฟังก็หน้าเผือดลง

“พ่อครับ  อย่าประชดประชันนักเลย  เดี๋ยวอาการแย่นะ
เจ้าภูมันเป็นห่วงถึงได้ให้คนโทรตามผมมาดูพ่อนี่ไงครับ
ถ้ามันไม่รักไม่ห่วง  คงปล่อยให้พ่อนอนแหมบ  แล้วเปิดก้นหนีไปแล้วล่ะครับ
นะพ่อ  อย่าไปว่ามันนักเลย  แล้วแม่ผู้หญิงนั่นก็อย่าไปเอามาร่วมวงศ์ตระกูลเรา
นี่ยังไม่ทันไรก็นำพาเรื่องรกหูรกใจมาให้แล้ว  บ้านจะร้อนเป็นไฟเสียเปล่าๆ นะครับ
อายุจะสั้นกันเสียก่อนถ้ามีสะใภ้แบบนี้”
ลุงหมอช่วยพูดให้ หลานชายลอบมองสีหน้าปู่ว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรออกมาบ้าง

“ก็ไม่ต้องเอาคนนี้ถ้าแกเห็นว่าไม่เหมาะ  หาเอาใหม่สิมีเยอะแยะไปผู้หญิง”
ภูดิศสะดุ้ง  คุณปู่จะไม่ยอมหยุดสินะ

“โธ่พ่อ  เรื่องคู่ครอง  ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่  ให้มันเลือกของมันเอง 
มันจะไปเอาใครจะชายจะหญิงหรือไม่เอาใครเลยก็ชีวิตมัน
เราสองคนจะอยู่กับมันอีกสักเท่าไหร่กัน
สู้ใช้ชีวิตที่เหลือของเราให้มีความสุขเถอะนะครับ
ดูผมสิไม่คิดจะมีครอบครัวผมก็อยู่มาได้จนปูนนี้ไม่ทุกข์ร้อนอะไร
มีความสุขไปอีกแบบ”
ลุงหมอพูดไปมองหน้าปู่ไปด้วย  หันไปมองหลานชายที่นั่งฟังเงียบๆ

“ถ้าให้มันเลือกเองคงจะงามหน้า  นี่ไม่ทันไรก็มีคนวิ่งโล่มาฟ้องว่ามันเป็นเกย์
ไปนั่งป้อผู้ชายร้องขอให้เขาเป็นแฟน  จะให้พ่อต้องเดินเอาปี๊บคลุมหัวหรือไงกัน”
ชายชราพูดอย่างเคืองๆ

“ช่างมันเถอะครับคุณพ่อ  ไม่ต้องรับรู้รับฟังก็ไม่ต้องรกหู  อีกอย่างเด็กที่มันไปตื้อเขาน่ะ
 เขาก็เป็นเด็กดีผมรู้จักมานาน  บ้านก็ค้าเพชรค้าพลอยทั้งชาติก็ใช้เงินไม่หมด
 เขาจะเอาตาภูไปให้เบียดบังเงินเขาเหรอ  แม่เขาเลี้ยงอย่างกับไข่ในหิน
 หวงอย่างกับจงอางหวงไข่  แถมเจ้าภูดันมีเรือพ่วงอีก
 พ่อไม่ต้องไปสนมันหรอกผมว่ามันจีบเขาไม่สำเร็จหรอก
ใครเขาจะหน้ามืดมาเอามัน  ดีไม่ดีคนที่พ่อหาให้มันนั่นแหละที่หวัง
จะเข้ามากอบโกยสมบัติที่พ่อสะสมไว้ซะมากกว่า”

ลุงหมอพูดแบบปิดประตูเสียจนทั้งปู่ทั้งหลานแทบหาทางออกไม่เจอ
ชายชรารู้สึกว่าเค้าลางจะเป็นไปอย่างที่หมอลูกชายพูดเสียมากก็เริ่มใจชื้น
ว่าไม่ควรกังวลอะไรไปเกินกว่าเหตุ

“นี่แกไปรู้จักมักจี่กันมาแล้วเหรอเจ้าปรานต์  กับเด็กของมันน่ะ
แต่ฟังๆ ดูคุ้นๆ นะเด็กคนนี้น่ะที่ว่าทางบ้านค้าเพชรน่ะ”
ปู่พูดอย่างนึกหวั่นๆ ใจชอบกล

“ครับพ่อ  นี่ก็เพิ่งเรียกเข้ามาด้วย  ให้นั่งรอ  แต่พ่ออย่าไปรังเกียจรังงอน
หนูฟ้าเขาล่ะ ด่านที่หินๆ น่ะแม่หนูฟ้านั่นไม่ใช่พ่อหรอก”

“ไหนๆ  แกพูดใหม่สิ  หนูฟ้าเพื่อนเจ้าภูมันน่ะเหรอ
 ที่แม่ญาดาว่ามันไปติดพันเขาน่ะ”
ปู่เบิ่งตาโต  คนใกล้ตัวที่เจอกันบ่อยช่วงนี้หรือเปล่า

“ครับ  ผมเห็นมาแต่เล็กแต่น้อยแล้ว  พ่อแม่เจ้าหนูนั่นผมก็รู้จักดีคนไข้ผมเองนี่ครับ
ไปกินข้าวกันเถอะป่านนี้ยังจะนั่งรออยู่รึเปล่า  หรือหนีกลับไปแล้ว
ใครเขาจะทนมานั่งรอให้ตาแก่ที่ไหนก็ไม่รู้  มาพูดจาถากถางดูถูกเขาล่ะ
ถ้าเป็นลูกหลานพ่อจะยอมหรือก็เปล่า ไปๆ เจ้าภูนั่งซื่อบื้ออยู่ได้มาพยุงปู่แกไป
นี่แขนกระดูกก็ยังไม่เข้าที่  มีแต่เรื่องจริงๆ  เดี๋ยวลุงกินข้าวแล้วจะรีบกลับมีงานต่อด้วย”
ลุงหมอพูดเสียยืดยาว



“สวัสดีครับคุณปู่  มาฟ้าช่วยพยุง”
ขอบฟ้ารีบมาช่วยพาคุณปู่ไปที่โต๊ะกินข้าวที่อาหารจัดเสร็จแล้ว
พร้อมกับเลื่อนเก้าอี้ให้นั่ง  แล้วก็นั่งลงข้างๆ กัน
ภูดิศนั่งตรงข้ามกับขอบฟ้าส่วนลุงหมอนั่งตรงข้ามกับคุณปู่

“อืม  กินข้าวกินปลากันเสียก่อน”
ปู่ชวนให้เริ่มลงมือทานอาหาร

ขอบฟ้าคอยตักอาหารให้ปู่บ้างลุงหมอบ้าง  จานที่เป็นปลาก็แกะก้างออกให้
ปู่ก็ได้แต่แอบชำเลืองมองที่จานข้าวคนตัวเล็กที่มีน้ำใจดูแลคนแก่

“กินซะบ้างเราน่ะ  ผอมไปนะ”
ปู่บอกคนข้างๆ ให้ตักกินไปด้วย  ภูดิศตักอาหารมาใส่จานให้คนตัวเล็กบ้าง
แล้วก็พากันกินไปอย่างเงียบๆ  ขอบฟ้าคอยหยิบทิชชูให้
เติมน้ำดื่มให้ท่านบ้างไม่ได้ขาด  ชายชราก็ไม่ได้ว่าอะไร
หายากที่คนหนุ่มสาวสมัยนี้จะมีจิตบริการคนแก่คนเฒ่า
แต่เด็กคนนี้ทำไปอย่างเป็นธรรมชาติ

นึกไปถึงพ่อแม่ที่เลี้ยงดูอบรมกันมา
แล้วแอบชื่นชมในใจ  แล้วก็ลอบมองเจ้าภู  ไปชอบพอเขาเสียได้
ไม่เห็นเขาจะมีท่าทีอะไรกับมัน ก็คงคิดเองเออเองไปคนเดียวเหมือนที่ลุงมันพูดเสียมากกว่า
คงต้องพยายามทำใจ  แล้วปล่อยมันไปละมั้งเหนื่อยกับมันมาก็หลายปีแล้ว



หลังมื้ออาหารลุงหมอขอตัวกลับก่อน  บอกว่ามีงานต่ออีก  คุณปู่ไปนั่งดูข่าวที่ห้องนั่งเล่น
ภูดิศจึงไปเตรียมยากับน้ำมาให้ท่าน  ขอบฟ้ารับช่วงส่งยาและน้ำให้คุณปู่เอง
ชายชราดื่มน้ำผิดจังหวะสำลักจนตัวโยนขอบฟ้าเผลอลูบหลังให้ท่านไปหลายที
แล้วจึงหันไปไหว้ขอโทษที่บังอาจไปลูบหลังเข้า  คุณปู่ไม่ได้ว่าอะไร
ชายชราคิดว่าที่ทำลงไปคงเพราะความเคยชินที่เลี้ยงหลานมา
กลไกร่างกายมันก็จะเป็นไปเอง

คนสูงวัยผ่อนลมหายใจยาวพลางคิดเปรียบเทียบกับผู้หญิง
ที่หาให้หลานชาย  คนนั้นร้อนอย่างกับไฟเข้าใกล้มีแต่จะแผดเผา
กับอีกคนที่เจ้าตัวเลือกเองก็เย็นอย่างกับสายน้ำพัดพาความเย็นกายเย็นใจมาสู่
ได้แต่มองทั้งสองที่ไม่พูดคุยอะไรกัน  แต่กลับเห็นแววตาห่วงใยที่เจ้าตัวเล็ก
ส่งผ่านไปให้เจ้าตัวโต  ก็คงต้องปล่อยมันไปจริงๆ เสียที


“คุณปู่อย่านอนดึกนักนะครับ  ผมสองคนต้องกลับกันแล้วเป็นห่วงเด็กๆ
 แล้วจะมาเยี่ยมใหม่ครับ”
ชายหนุ่มเข้ามาลาคุณปู่พร้อมกับขอบฟ้า

“หายไวๆ  แข็งแรงๆ นะครับ  คุณปู่”
ขอบฟ้าลา  ท่านพยักหน้ารับพร้อมโบกมือให้



ภูดิศส่งขอบฟ้าให้เอารถที่บ้านพีท  ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณคนตัวเล็กเป็นการใหญ่
ที่ทำอะไรให้เขาตั้งมากมายในวันนี้  มองอย่างซึ้งใจ  ก่อนจากกันชายหนุ่มยังกำชับ
ให้ขอบฟ้าโทรบอกเมื่อถึงบ้านด้วย






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 14 เป็นแฟนกันนะ

เช้านี้ขอบฟ้าชวนสองพ่อลูกให้มาทานมื้อเช้าด้วยกัน  เพราะที่บ้านอยู่กันพร้อมหน้าซึ่งไม่บ่อยครั้งนัก
จึงอยากให้ทำความรู้จักกันไว้  ภูดิศมีท่าทีกระตือรือร้นจนออกนอกหน้าที่จะได้พบทุกคน

“คุณพ่อคุณแม่นี่พี่ภูพ่อของหนูรินครับ  แล้วก็เป็นลูกค้าฟ้าที่ให้ออกแบบสวนให้ด้วยครับ”

“สวัสดีครับ  คุณลุง/คุณป้า”
ภูดิศไหว้ทำความเคารพ  หนูรินก็ทำตามพ่อภู

“อุ้ย!  หน้าตายัยหนู  น่าเอ็นดูดี”
คุณหญิงศศิพูดยิ้มๆ ส่วนสามีก็รับไหว้สองพ่อลูก

พอนั่งลงน้องวินวินก็วิ่งตุบตับลงมาจากชั้นบน  พร้อมชายหนุ่มผิวขาวตัวสูง
หน้าตาหล่อเหลาแต่ก็ดูบอบบางพอๆ กับขอบฟ้า  ภูดิศเดาว่าคงเป็นพี่ชายของคนตัวเล็ก

“วินวิน  มานั่งนี่  ใกล้ๆ หนูรินเลย”
หนูรินตบเก้าอี้ข้างๆ ตนเองให้เพื่อนมานั่งด้วย

“พี่ภู  นั่นพี่น้ำ  พ่อน้องวินวินครับ/แล้วนี่ก็พี่ภูกับลูกสาว  น้องน้ำริน
 เรียนห้องเดียวกับวินวินน่ะพี่น้ำ” น่านน้ำส่งยิ้มมาให้ 
ภูดิศก็ค้อมหัวทักทายกัน  เขาคาดว่าอายุก็คงจะไล่ๆ กับเขา ซึ่งก็คงอ่อนกว่าไม่มาก

“ทานอาหารกันก่อนเถอะคุณภู  เดี๋ยวส่งเด็กๆแล้วต้องไปทำงานกันต่อนี่”
พ่อของขอบฟ้าชวนให้เริ่มรับประทานอาหารกัน  เช้านี้เป็นข้าวต้มทะเล
เด็กๆ เลือกทานกุ้งเป็นส่วนใหญ่เนื้อปลาบ้างเล็กน้อย  รสชาติอาหารบ้านนี้ก็อร่อยดี
ภูดิศและหนูรินรับประทานกันได้ค่อนข้างมาก  บรรยากาศก็เป็นไปแบบเรื่อยๆ
ไม่ได้อึดอัดอะไร

“วินวินขอกุ้งอีกครับ  พ่อน้ำ  เอาเยอะๆเลย” เด็กชายขอกุ้งเพิ่ม

“หนูรินขอด้วยค่ะ  อาฟ้าขา”
ขอบฟ้าก็ตักกุ้งส่งให้หนูน้อยอีกหลายตัว

มีแต่เสียงของเด็กๆ ที่พูดคุยกันหงุงหงิง  ชายหนุ่มแอบมองคุณหญิงแม่ที่ก็ไม่ได้วางท่าอะไรมากนัก
คงเพราะท่านยังไม่รู้ว่าเขามีเจตนาอย่างไรกับลูกชายคนเล็กของท่านเสียมากกว่า
คุณหญิงหันมาชวนภูดิศคุยในช่วงท้ายที่เริ่มจะอิ่มกันแล้ว  ท่านถามถึงเรื่องธุรกิจของเขา
ภูดิศเล่าเพียงภาพรวมๆคุณหญิงท่านก็พยักหน้ารับรู้  ส่วนน่านน้ำก็ทานไปด้วยดูลูกไปด้วย
เมื่อมื้อเช้าเสร็จสิ้น  คุณหญิงแม่เรียกลูกชายคนเล็กไว้เสียก่อน
ทำให้คนอื่นๆทำเพียงแค่ขยับแต่ยังไม่ลุกจากเก้าอี้

“ขอบฟ้า  ไปลองชุดที่จะไปงานแล้วหรือยัง  ใกล้วันงานเข้ามาทุกที
แม่บอกไว้ล่วงหน้าเป็นเดือนๆ แล้วนะ  ถ้ายังก็ไปรับหนูน้ำหวานลองพร้อมกันเลย”
คุณหญิงหันไปสั่งลูกชายคนเล็กที่หน้าง้ำขึ้นมาทันทีที่ได้ฟังท่าน

“คุณแม่ครับ  ให้พี่น้ำไปสิครับ  พี่น้ำเข้าสังคมเก่งออก  ชุดก็มีเยอะแยะแล้วด้วย
เนอะพี่น้ำไปกับคุณแม่นะๆ ฟ้าไม่อยากไป”
คนตัวเล็กหันไปอ้อนพี่ชายให้ช่วยออกงานเป็นเพื่อนคุณแม่แทนเขา

“เหลวไหลนะฟ้า  พี่เราเค้างานเยอะเต็มไม้เต็มมืออยู่  อย่ามาทำให้แม่อารมณ์เสียแต่เช้า
วันนี้ไปจัดการลองชุด  เดี๋ยวแม่โทรนัดน้องน้ำหวานให้”
คุณแม่สั่งเสียงเขียว

“แม่ครับ  น้องน้ำหวานยังเด็ก  เรียนก็ยังไม่จบด้วยซ้ำแม่อย่าเพิ่งจับคู่ให้ได้ไหมล่ะครับ
หาให้พี่น้ำไปก่อนเลย  พี่น้ำว่างอยู่”
ขอบฟ้าโบ้ยไปให้พี่ชายอีก

“อะไรฟ้า  อย่ามาโยนให้พี่เลยนะตัวแสบ  เดี๋ยวเราจะโดนไม่ใช่น้อย”
พี่ชายขึงตาใส่น้องชายจอมแสบของบ้าน

“รีบๆ ไปทำงานกันไป  จะสายแล้ว  เดี๋ยวรถติด  ไว้ค่อยคุยกันวันหลัง”
คุณพ่อรีบพูดห้ามทัพ  ตัดบทเสียก่อน  ทำให้คุณหญิงแม่หันมาส่งสายตาดุๆ
ข้ามไปหาลูกคนเล็ก  ภูดิศมองดูครอบครัวนี้ก็แอบขำ  แต่ที่จะขำไม่ออกตรงได้ยิน
ชื่อบุคคลที่สามที่คนตัวเล็กต้องไปข้องเกี่ยวด้วยนี่สิ

“สวัสดี  คุณปู่คุณย่า  คุณพ่อวินวิน  หนูรินไปเรียนก่อนนะคะ”
หนูน้อยไหว้ลาผู้ใหญ่ทั้งหมดอย่างสวยงาม

“โอกาสหน้าก็เชิญคุณภูกับหนูรินมาทานมื้อเย็นด้วยกันนะครับ
จะได้มีเวลาคุยกันมากกว่านี้”
น่านน้ำพูดเชื้อเชิญชายหนุ่ม

“ได้ครับคุณน้ำ” ชายหนุ่มตกปากรับคำพี่ชายของคนตัวเล็ก

“ผมเรียกพี่ภูแบบฟ้าแล้วกัน  แล้วพี่ก็เรียกผมน้ำเฉยๆ ไม่ต้องมีคุณนะครับพี่ภู
คนกันเองครับ”
น่านน้ำบอกชายหนุ่มร่างสูงคนรู้จักของน้องชายตน  ร้อยวันพันปีไม่เคยชวนใครมาบ้าน
เริ่มทำตัวแปลกๆ แล้วล่ะเจ้าน้องชายน่านน้ำรู้สึกตะขิดตะขวงในใจแปลกๆ ร่ำๆ
อยากจะถามน้องตัวแสบออกไปเสียจริง

“น้องฟ้า ไปกันเถอะครับ”
ภูดิศเรียกคนตัวเล็กให้ไปที่รถของตนที่จอดอยู่  ขอบฟ้าเดินตาม


น่านน้ำเลิกคิ้วมองตามแผ่นหลังที่เดินเคียงกันไปโดยมีเด็กๆ วิ่งไปรอที่รถก่อนแล้ว
ถ้าเขาหูไม่ฝาดนะ`น้องฟ้า`งั้นเหรอ  ไม่เคยมีใครได้เรียก  ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัว
แต่มันก็นานมากแล้ว  เพราะเมื่อเจ้าตัวขึ้นมัธยมก็หน้าเง้าหน้างอบอกไม่ให้เรียกอายเพื่อน
พอโดนเด็กแสบงอนเข้าบ่อยๆ เขากับคุณแม่ก็ไม่ได้เรียกอีก  นี่ขนาดยอมให้ผู้ชายตัวโตเรียก
`น้องฟ้า`แล้วก็เดินตามต้อยๆ เนี้ยนะ


เมื่อส่งเด็กๆ ที่โรงเรียนแล้ว  ขอบฟ้าชวนชายหนุ่มดื่มกาแฟที่ร้านต่อ
วันนี้เขาไม่รีบจึงอยู่ดื่มกาแฟด้วยกันได้

“พี่ขอเอสเปรสโซ่ร้อนครับ”
คนตัวโตร้องขอ  คนตัวเล็กจึงเดินไปจัดการให้

“ได้แล้วครับพี่ภู  รับน้ำตาลหน่อยมั๊ย  ดื่มเพียวๆ ขมตาย”

“แบบนี้แหละครับ  ได้ทั้งกลิ่นกาแฟและรสชาติแท้ๆ”
ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ พร้อมกับยกถ้วยขึ้นจิบ  มองไปที่คนตัวเล็กก็ทำหน้าแบบขมแทน
ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากในอาการน่าเอ็นดูของคนตรงหน้า

“พี่ภู  ลิฟท์ที่พี่ภูขึ้นถ้ามันแออัดมากๆ พี่ภูไม่ต้องทนอึดอัดนะครับ
กดออกเลย  ไม่ต้องไปสนใจใครเขาจะมองนะครับ  เพื่อสุขภาพของเราเอง”
คนตัวเล็กรีบพูดอย่างนึกขึ้นได้  ชายหนุ่มยิ้มรับกับความห่วงใยที่คนตรงหน้าไม่ลืมที่จะใส่ใจกัน

“ขอบคุณครับที่เป็นห่วงพี่  แฟนใครนะ  ใจดีจังครับ”

“พี่ภู  เด็กๆ ในร้านได้ยินนะครับ  โมเมอีกแล้วนะ”
คนตัวเล็กพูดเป็นเสียงกระซิบ

“เป็นแฟนกันนะครับ  น้องฟ้า  พี่จะได้มีสิทธิ์หวงได้บ้าง
แล้วงานที่คุณแม่จะให้ไปกับเด็กคนนั้นน่ะงานอะไร  ขอพี่ไปด้วยคนนะ”
คนตัวโตไม่ได้ลดเสียงลงเลย  พูดไปตามโทนเสียงปกตินั่นแหละ
แต่เพราะตอนนี้ร้านมันเงียบเขาจึงกลัวว่าคนอื่นๆ จะได้ยิน

“พี่ภู  เบาๆ หน่อย  เดี๋ยวเด็กๆมันล้อฟ้าเอานะครับ”
ขอบฟ้านั่งหน้าแดงกับการถูกขอเป็นแฟน

“ถ้าไม่ยอมตกลง  พี่จะไปตะโกนขอหน้าร้านนู้นเลย ให้ได้ยินกันทั้งคนมาดื่มกาแฟ
ทั้งคนผ่านไปผ่านมา  เอาไงดีครับ  พี่นับถึงแค่สามนะครับน้องฟ้า หนึ่ง…สอง…ส า ม ?”
คนตัวโตทำทีลุกขึ้นจะไปทำอย่างที่ปากพูด  แต่คนไวกว่ารีบคว้าหมับที่ข้อมือหนาได้ทัน

“พี่ภู  ฟ้า  เอ่อ  ย..ยอม ก็ได้”
คนตัวโตฉีกยิ้มแทบจะถึงหู  ดวงตาวาววับ จับหัวคนตัวเล็กโยกไปมา
พร้อมหยิบปอยผมที่รุ่ยลงมาข้างแก้มทัดหลังใบหูเล็กให้ โดยไม่ได้สนใจ
ตาโตๆ หูผึ่งๆข องบรรดาลูกสมุนในร้านที่เป็นพยานกันไปถ้วนหน้าแบบไม่ทันเตรียมเนื้อเตรียมตัว

“เป็นแฟนกันแล้วนะครับ  งานที่คุณแม่พูดน่ะ  เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อน
…เอ่อ!!ไปเป็นแฟนนะ”
ทั้งตาทั้งปากจะหวานหยดไปไหนพี่ภูบ้า  ชอบแกล้งกันนัก  ขอบฟ้าย่นจมูกใส่

“ไปทำงานเลย  ถึงออฟฟิศแล้วโทรมาบอกฟ้าด้วยนะ”
ขอบฟ้าดุนหลังให้คนตัวโตออกเดิน

“น้องฟ้าครับ  อย่าเพิ่งไล่สิ  กาแฟยังไม่หมดถ้วยเลย”
พี่ภูยังหย่อนก้นลงนั่งอีก  ขอบฟ้าอายเด็กๆ ในร้านที่พากันส่งสายตาล้อๆ
 และพากันอมยิ้มเจ้านายหนุ่ม  ที่เขินจนหน้าแดงไปหมดแล้ว

“ขอบคุณนะครับ  กับกาแฟถ้วยนี้  หวานไม่เบาเลยครับ  แล้วเจอกันนะ”
พี่ภูยื่นหน้ากระซิบ  ใบหน้าเปื้อนยิ้ม  แล้วเดินออกไป  ขอบฟ้านั่งหน้าร้อนลามไปที่ใบหู

“พี่ฟ้าครับ  เอสเปรสโซ่ไม่เติมน้ำตาล  หวานจริงๆ เหรอฮะ”
นินจาเดินมาเก็บแก้วที่พี่ภูดื่มไว้  แล้วพูดแซวขึ้น

“เอ่อ  เงินเดือนรอบนี้  ยืดออกไปสักอาทิตย์ค่อยจ่ายจะดีมั๊ยเรา”
พี่ฟ้าพูดยิ้มๆ แต่แววตาไม่ยิ้มด้วย

“โอ๊ะๆ จ่ายเหมือนเดิมดีแล้วละฮะ  พี่ฟ้าคนดี  มีอะไรเกล้า  เออๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ”
นินจาทำทีว่าเกล้าเรียกเปิดฉากหนีไปแล้ว  ขอบฟ้าส่ายหน้าในความทะเล้นของเด็กหนุ่ม
ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะพี่ภูคนเดียวเลย  พวกทโมนนี่ก็เหลือเกิน
 


เมื่อถึงออฟฟิศภูดิศก็รีบโทรรายงานขอบฟ้าทันที  พร้อมกับเล่าว่าเขาต้องออกจากลิฟท์
ถึงสองครั้งเพื่อหนีคนที่แออัดเบียดเสียดจนแน่นลิฟท์  ขอบฟ้าบอกว่าดีแล้วที่ไม่เป็นอะไรไปอีก
เมื่อวางสายจากขอบฟ้าภูดิศจึงต่อสายหาเพื่อนรักทันทีเหมือนกัน

“มีอะไรภู โทรมาแต่เช้า” หมอคีรีกรอกเสียงถามกลับมาทันที

“แกว่างตอนไหนบ้างวะ  มีข่าวดีจะบอก  แล้วก็มีเรื่องปรึกษาด้วยว่ะหมอ”

“งั้นเย็นนี้เป็นไง  พอดีช่วงนี้ยุ่งๆ ว่ะ”

“ที่ไหนดี  ที่แกจะสะดวกน่ะ”

“บ้านแกก็ได้นะ  กินข้าวได้เยอะดี  ฮ่าฮ่า”

“เออๆ จะได้โทรบอกนมพร้อม  อืม!  แล้วเจอกัน”


ภูดิศวางสาย  ณนนท์เอางานมาส่งให้ตรวจ  แล้วแจ้งว่ารีสอร์ตที่ติดต่อไปได้แล้ว
เป็นวันศุกร์สิ้นเดือน  ซึ่งก็เหลือเวลาอีก 2 สัปดาห์  ณนนท์กำลังจะเดินไป
หันมาถามบอสหนุ่ม

“คุณภู  คุณฟ้าไม่มาด้วยเหรอครับวันนี้  อยากเจออีกครับ”
พูดพลางวิ่งปรู๊ดออกไปจากห้อง  ชายหนุ่มมองตามแล้วส่ายหน้า
ในความเล่นไม่เลิกของณนนท์  ถ้ารู้ว่านั่นน่ะแฟนหมาดๆของเขาล่ะ
ไม่ลงไปดิ้นเหรอ  หึหึ  ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดี



ทั้งที่น่าจะดีใจ…กับตำแหน่งแฟนที่ได้มาสดๆ ร้อนๆ ขอบฟ้ากลับรู้สึกหนักอึ้ง
ในใจไหนจะคนรอบข้าง  และกับทางบ้านเขาอีกที่คุณแม่ก็ไม่เลิกล้มที่จะจับคู่
ให้เขาอยู่นั่นแหละ  เย็นนี้พี่ภูบอกจะมารับไปทานมื้อเย็นที่บ้าน  มีเพื่อนจะแนะนำ
ให้รู้จักด้วย 

ช่วงบ่ายเขามีนัดลูกค้าแต่วันนี้ไม่ได้เอารถมาจึงนัดที่ร้านกาแฟของตนแทน
ลูกค้าที่ให้ออกแบบสวนนั่นเอง  แต่ว่าเธออยู่ออกไปในจังหวัดทางภาคตะวันออกนู้น
เขาจึงขอดูรายละเอียดก่อน  ซึ่งยังไม่รับปากว่าจะรับงานนี้ไหม
เพราะน้าดอนเองก็งานตึงมือแล้วเช่นกัน

“ยังไงก็ได้นะคะคุณฟ้า  พี่รอได้อย่าเพิ่งปฏิเสธเลยนะคะ
พี่ไปเห็นของเพื่อนที่คุณฟ้ารับออกแบบให้แล้ว
สวยถูกใจมากๆ เลยละค่ะ”
หญิงสาวร่างอวบหน้าสวยพูด

“ถ้าคุณเดือนรอได้  ผมก็ยินดีนะครับ  แต่ถ้าด่วนมาก
ผมเกรงว่าจะเคลียร์คิวให้ไม่ทันจริงๆ นี่ก็มีอีก 2 รายที่ยังไม่ได้ลงมือทำให้เขาเลย
แค่ได้เลือกแบบไว้แค่นั้นเองครับ”
ขอบฟ้าชี้แจงให้ลูกค้าทราบ

“พี่เดือนรอจริงๆ นะ  รอได้ค่ะ  คุณฟ้า”
ขอบฟ้าส่งยิ้มอ่อนให้คุณเดือน  ลูกค้าก็ช่างน่ารัก
ไม่อยากปล่อยพลาดเลยต้องลงมือช่วยงานพี่ดอนเองแล้วสิ





ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 15 เมื่อมีคนรู้ว่ามีแฟน

ภูดิศแวะมาที่ `Sky coff `เพื่อพาขอบฟ้าไปรับเด็กๆ ที่โรงเรียนด้วยกัน
ชายหนุ่มพาสองอากับหลานไปที่บ้านของเขาทันที นมพร้อมกับป้าแก้วดีใจ
ที่วันนี้จะได้โชว์ฝีมือทำครัวให้ทั้งขอบฟ้าและหมอคีรีรับประทาน

“เด็กๆ ตามพี่นัทมาเลยครับ ไปเล่นกันห้องนู้นเลย  เดี๋ยวพี่นัทไปอยู่ด้วย
แล้วก็หาของว่างอร่อยๆ ให้ทานครับ”
นัทรับดูแลหนูน้องแทนส้มที่ต้องไปช่วยงานในครัว

“หนูรินขอต่อจิ๊กซอกล่องนี้ก่อนนะพี่นัท
 พ่อภูซื้อให้ตะกี้  แล้วค่อยดูตูนเนอะ”

“ได้สิ  มาพี่นัทเปิดกล่องให้”

“น้องฟ้า  พี่ขอขึ้นไปเปลี่ยนกางเกงเป็นขาสั้นนะ
 ไปด้วยกันมั๊ย  พี่มีให้ยืมนะ”

“ไม่ครับพี่ภู  ฟ้าไปช่วยป้าๆ ในครัวดีกว่า”
ขอบฟ้ารีบหาทางเลี่ยง

“พี่จะไปเก็บผักในสวนด้วย  แล้วจะตามไปช่วยนะ”
คุณตัวโตก็เดินโฉบผ่านหน้าขึ้นชั้นบนไปเสียก่อน


ขอบฟ้าซอยหอมแดงไปน้ำหูน้ำตาก็ไหลไปด้วย
ภูดิศเดินมาเห็นแล้วสงสารจึงอาสาทำแทน
ขอบฟ้าจึงหันไปปอกเปลือกไข่ที่ต้มไว้สำหรับเมนูไข่พะโล้เย็นนี้
คนตัวโตซอยหอมเสร็จจะเข้าช่วยอีก

“คุณหนูไม่ต้องช่วยแล้วนะคะ  มีรถเข้ามานมว่าหมอคีรีมาแล้วล่ะค่ะ
ไปเป็นเพื่อนคุยกับแขกเลย  ในครัวอีกนิดหน่อยก็จะลงมือปรุงกันแล้ว
เดี๋ยวจะปล่อยหนูฟ้าคืนให้นะคะ”

นมพร้อมพูดแล้วดุนหลังให้คนตัวโตๆ ออกจากครัวไป


ผ่านไปสักพักงานที่เตรียมกันแต่ต้นก็เสร็จ  ต่อไปเป็นขั้นตอนการปรุง
ขอบฟ้าจึงขอตัวออกมาด้านนอก  นมพร้อมมองตามแผ่นหลังอย่างเอ็นดู
มากกว่าเดิมที่เห็นหนูฟ้าหยิบจับช่วยทำนั่นนี่คล่องไปเสียหมด


ที่ห้องรับแขกหมอคีรีคุยอยู่กับภูดิศอย่างออกรสออกชาติ
ขอบฟ้าชะงักเท้าที่จะก้าวไปด้านในเพราะได้ยินคำพูดของแขกเสียก่อน

“แกลืมคนนั้นของแกได้แล้วเหรอภู  ที่ผ่านมาไม่เห็นแกยอมมีใครสักคน
ไม่ใช่เพราะแกรอเขาคนนั้นอยู่รึไง  แล้วคนนี้แกจะทำไงต่อวะภู?”

ขอบฟ้านิ่งงันไป  ก้าวเท้าไม่ออกถ้าเข้าไปก็จะเป็นการไม่สมควร
หยุดอยู่หน้าห้องก็เหมือนแอบฟัง

“อืม…15 ปีแล้วนะไอ้หมอ ถ้าเจอคงเจอกันไปนานแล้ว
คนนั้นน่ะผูกพัน  แต่คนนี้น่ะชอบและจะรักในอนาคต
อันใกล้นี้  ไม่เป็นปัญหาหรอก  อย่าห่วงเลย”

เสียงพี่ภูแว่วมา  ทำเอาใจสั่น  ไปไม่ถูกเลย  ชอบและจะรักในอนาคต
หน้าร้อนแล้วขอบฟ้า  แต่ก็ต้องเข้าไปอยู่ดีนึกออกแล้ว
เจ้าตัวจึงส่งเสียงเรียกไปก่อน  ทำทีว่าเพิ่งเดินมาถึง

“พี่ภูครับ  อยู่ไหนกันครับ”

“พี่อยู่นี่ครับ  เข้ามารู้สิ  มารู้จักกับเพื่อนพี่ก่อน”
พี่ภูส่งเสียงออกมาจากในห้อง

“หมอคีรีเพื่อนพี่ครับ  เป็นจิตแพทย์   เห่ย!  ไอ้หมอบ้า!
นี่น้องฟ้าแฟนฉัน  มองเสียตาค้าง”
พี่ภูตีแขนหมอคีรีไปทีเสียงดังป้าบ

“เอ่อ  เรียกพี่หมอนะครับ  น้องฟ้า  น่ารักว่ะภู  ตาถึงจริงๆ เลย
 สงสารน้องว่ะที่มาชอบคนอย่างแก  น้องฟ้าเปลี่ยนใจมาชอบพี่หมอได้นะ
 พี่หมอว่างอยู่นะ  จะดูแลอย่างดีเลย"
แล้วก็โดนพี่ภูซัดไปอีกเพียะที่หัวไหล่

“สวัสดีครับ  พี่หมอ”
ยกมือไหว้พร้อมส่งยิ้มทักทายออกไป

“หมอ  ของเพื่อนอย่าเรื้อน  สิวะ  หวงนะบอกไว้ก่อน”
พี่ภูพูดหน้าตาเฉย

“ไอ้ขี้หวง  ก็น้องฟ้าเขาน่ารัก  แก้มใส” คนถูกชมยิ้มเขิน

“เอ่อ  แกบอกมีเรื่องไรจะปรึกษาว่ะ  พูดมาได้เลยนะภู”
หมอคีรีพูดขึ้น  ขอบฟ้าทำท่าจะลุกขึ้นให้สองหนุ่มคุยธุระกันตามลำพัง
แต่พี่ภูคว้าข้อมือให้อยู่ก่อน

“ไม่มีอะไรเป็นความลับ  น้องฟ้าก็สมควรจะต้องอยู่นะครับ  เผื่อช่วยพี่ได้บ้าง”

“ฟ้าไปดูเด็กๆจะดีกว่านะครับ”
ขอบฟ้าหาทางจะเลี่ยงไปจากห้องนี้

“อยู่เถอะ  ถ้าภูมันบอกว่าอยู่ได้  คือมันวางใจแล้วละนะ”
พี่หมอพูดอย่างรู้นิสัยเพื่อนดี

“อาการเดิมที่เคยเป็นเมื่อนานมาแล้ว  คือถ้าอยู่ในที่แออัดคนแน่นจนขยับไม่ได้
 มันจะปวดหัว  แน่นหน้าอกเหมือนหายใจไม่ออก  ใจสั่นมากด้วย
 แล้วเหงื่อก็ออกเยอะจนมือเท้าเย็น  ถ้าออกจากจุดนั้นช้าอีกหน่อยก็คงหมดสติว่ะ
 ดีนะได้น้องฟ้าช่วย  แต่ก็บีบเสียแขนน้องช้ำไปหลายวันเลยว่ะ
 อาการทางจิตแน่ๆ ถึงต้องให้แกช่วยไงล่ะหมอ”
ขอบฟ้านั่งฟังเงียบๆ นึกสงสารพี่ภูขึ้นมาอีก  ถ้าวันนั้นออกจากลิฟท์ช้าคงหมดสติ
แล้วใครจะช่วยล่ะ โรคประหลาดๆ เป็นได้ยังไงกันนะ

“อืม  ขอถามหน่อยเถอะ  แกเคยติดอยู่ในลิฟท์  แบบว่าลิฟท์ค้างตอนเด็กๆ หรือเปล่า
 คือมันต้องรู้ต้นสายปลายเหตุก่อนถึงจะง่ายในการวินิจฉัยโรค”
หมอคีรีเริ่มซักไซ้คนไข้วีไอพี

“ไม่เคยเลยนะเท่าที่จำได้  แล้วก็ไม่ได้กลัวการใช้ลิฟท์ด้วย
 ก่อนหน้านี้ก็เจอที่ผู้โดยสารแน่นๆ แบบนี้แต่ก็ไม่ได้มีอาการนะหมอ”
พี่ภูเล่าไป คิ้วก็ขมวดกันยุ่ง

“ถ้าเราหาสาเหตุที่มันเกิดไม่ได้น่ ะ เราก็ไม่สามารถที่จะเยียวยาได้ตรงจุดนะภู
รู้แต่ว่ามันเป็นอาการทางจิต  ที่มันฝังลึกโดยสมองกดมันไว้ให้จดจำ
ง่ายๆ เลยคือแกกำลังกลัว  แต่อะไรที่ล่ะแกกำลังกลัว  แล้วมันฝังลึก
แกต้องหาคำตอบให้เจอด้วยตัวเอง”
หมอคีรีพูดจากประสบการณ์การเป็นแพทย์เฉพาะทางของเขา

“ตอนนี้มันกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันเสียมากเลยว่ะหมอ
 นี่น้องฟ้าก็แนะว่าให้หลีกเลี่ยง  ให้กดลงชั้นอื่นก่อนถ้ารู้สึกแย่ๆ
ไม่ให้ฝืน  วันนี้ก็เจอแบบนั้น  แต่เพราะทำตามที่น้องบอกถึงไม่มีอาการอะไร”
ภูดิศเล่าให้เพื่อนฟังหน้าเครียดๆ

“นั่นก็ช่วยได้เยอะนะตามที่น้องบอกแก  แต่ถ้าแกรู้ความกลัวที่แท้จริง
ว่ากลัวอะไร  นั่นแหละแกจะรักษาหายได้โดยไม่ต้องกินยาเลยด้วยซ้ำ
ถ้านึกออกมาบอกแล้วกัน”
หมอคีรีให้คำแนะนำกับพี่ภู

“ขอโทษนะคะคุณๆ ไปทานมื้อเย็นกันได้แล้วค่ะ  เด็กๆ หิวกันแล้วล่ะค่ะ”
ป้าแก้วมาตามไปทานมื้อเย็น  ทุกคนจึงพร้อมใจกันเดินไปห้องทานข้าว


“หูย… อาหารน่าทานมากเลย  เด็กๆ หิวกันแล้วเนาะ  มาๆ อาฟ้าจัดการให้
 เอ้านี่ของวินวินครับ แล้วนี่ของหนูริน ไข่พะโล้หวานๆ มีหมูมันด้วยใครชอบเอ่ย”
อาฟ้าดูแลอาหารให้เด็กๆ ก่อนเป็นอย่างแรก

“หนูรินชอบๆ วินวินก็ชอบค่ะ  ที่โรงเรียนทานกันเยอะมากๆ เลยนะอาฟ้า
หร่อยมากๆ เนอะๆวินวิน”
หนูรินสาธยายให้อาฟ้าฟังยาวเหยียด

“น้องวินวิน  รู้จักกับอาหมอรึยังครับ”
น้องวินวินพยักหน้า  คงได้เจอกันก่อนแล้วตอนที่ขอบฟ้าอยู่ในครัวเจ้าตัวจึงลูบหัวหลานชาย

“ทานได้แล้วน้องฟ้า  ปล่อยเด็กๆทานกันเอง  มาๆ ส่งถ้วยแบ่งให้พี่จะตักต้มยำนี่ให้”
พี่ภูจัดการตักต้มยำที่ร้อนควันขึ้นฉุยจนคนตัวเล็กเห็นแล้วน้ำลายสอ

“พี่ภูก็ทานเถอะ  เดี๋ยวฟ้าตักเองครับ”

“เอายำนี่ไปใกล้ๆ ไป  ของชอบนี่”

“อะแฮ่ม!!! ผมก็ทานเป็นนะครับคุณภู”
หมอคีรีสบช่องแซวทันที  จนภูดิศส่ายหน้าระอาเพื่อน
ส่วนขอบฟ้าน้ำต้มยำแทบพุ่งออกจากปาก

“พ่อภูขอผัดผักให้หนูรินหน่อยค่ะ” ลูกสาวขอบ้าง

“มาๆ เดี๋ยวอาหมอตักให้นะคนเก่ง” อาหมอบริการหลานบ้าง

“วินวินขอไก่ทอดอีกชิ้นนึงฮะ  อาฟ้า”
ภูดิศส่งจานไก่ทอดที่อยู่ใกล้มือให้ขอบฟ้าเพื่อเอาให้หลาน

“ทานเยอะๆนะเด็กๆ คุณย่าพร้อมกับย่าแก้วจะได้ดีใจ
ที่เด็กๆ ชอบนะ” ขอบฟ้าคะยั้นคะยอให้เด็ก ๆทานกัน
 จนสักพักหนูรินลูบท้องกลมไปมา บอกว่าอิ่มแล้ว

“เอ่อ!  น้องฟ้า  อีกสองวันพี่ต้องไปสัมมนาที่ภูเก็ต 3 วัน
พี่ฝากช่วยเลี้ยงหนูรินได้ไหมครับ  ถ้าให้อยู่ที่นี่ก็เป็นห่วงเรื่องว่าใครจะรับส่งไปโรงเรียน
ใครจะพาเข้านอนอีก”
ชายหนุ่มติดจะเกรงใจที่เอ่ยปากขอ

“ได้สิครับพี่ภู  เดี๋ยวฟ้าดูแลให้เอง  มีน้องวินวินด้วยอีกคน  ไม่ต้องห่วงนะครับ”

“ฮึ่ม…ครอบครัวสุขสันต์” 
แล้วก็เป็นไปตามคาดพี่ภูวาดมือไปที่พี่หมอเสียอีกเพียะ



มื้อค่ำผ่านไปทุกคนไปพักย่อยอาหารกันที่ห้องนั่งเล่น
และไม่นานหมอคีรีก็ขอตัวกลับ  แล้วจากนั้นจึงเป็นภูดิศที่ไปส่งขอบฟ้า
และหลานชายที่บ้าน

หนูรินขอตามไปด้วยบอกพ่อภูจะได้มีเพื่อนขากลับ
สักพักเด็กๆ ก็หลับหัวพิงกันอยู่เบาะหลัง
เมื่อจอดรถก็เป็นเก่งที่วิ่งมาอุ้มวินวินเข้าตึกไป
ขอบฟ้าโบกมือลาภูดิศ  แล้วกำมือชูนิ้วส่งสัญญานว่าถึงบ้านแล้วให้โทรบอกด้วย



ขอบฟ้าเข้าไปดูน้องวินวินยังไม่ตื่น  จึงนั่งรอกะเวลาว่าอีก 30 นาที
จะปลุกไปอาบน้ำส่งเข้านอน  พอดีน่านน้ำกลับเข้าบ้านมา

“พี่น้ำ  น้องวินอีกครึ่งชั่วโมงค่อยปลุกนะฮะ  แกหลับมาจากในรถ”

“ไปไหนกันมาล่ะ  กลับเสียค่ำเชียว”

“ไปทานข้าวเย็นบ้านพี่ภูมาน่ะครับ  เอ่อ! คุยกันติดลมไปหน่อย”

“ฟ้ากับพี่ภู  สนิทกันมากเลยเหรอ เห็นเราให้เรียกชื่อเสียสนิทสนม
 อย่างกับคนในครอบครัว”
ขอบฟ้าชะงักที่ถูกถามแบบนั้น

จึงตัดสินใจที่จะบอกความจริงกับน่านน้ำ  เพราะเขากับพี่ชายไม่เคยมีความลับต่อกันตั้งแต่เด็กแล้ว

“สนิทครับพี่น้ำ  คือว่า…เราเพิ่งจะเป็นแฟนกันวันนี้เอง
พี่ภูมาขอคบกับฟ้าน่ะครับ”
ขอบฟ้ายอมเปิดปากเล่าทำเอาพี่ชายอ้าปากค้างไปเลย

“ฟ้ารู้ตัวมั๊ยว่าเนี่ยมันเป็นเรื่องใหญ่มากเลย  ถ้าคุณแม่รู้ฟ้าจะทำยังไง
น้องพี่ไม่ได้เป็นเอ่อ…เกย์  ถึงจะรักพี่ตัวโตแค่คนเดียวก็เถอะ
แต่กับคนอื่นก็ไม่เห็นฟ้าจะสนใจนี่นา  แล้วทำไมถึงยอมเป็นแฟนกับพี่ภูล่ะ
แล้วชอบเขาหรือไง  พี่งงจริงๆ นะ  ถ้าพี่จะขอให้ฟ้าถอยห่างตอนนี้จะยังทันไหม
พี่ว่าหยุดแล้วถอยมาเถอะนะ  ก่อนที่คุณแม่จะรู้  แล้วถ้าเราไปรักเขาเข้านะ  ฟ้าเอ้ย!”

พี่น้ำพูดออกมาเสียยาวด้วยสีหน้าตื่นตกใจและกังวลควบคู่กันไป
แล้วก็ทิ้งท้ายให้ขอบฟ้าถอนตัวจากพี่ภู  คนน้องนิ่งงันเมื่อฟังจบ
จะเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะถอนตัว

“พี่น้ำ  ฟ้าชอบพี่ภูไปแล้ว  หรืออาจจะรักไปแล้วด้วยซ้ำ”

“แล้วพี่ตัวโตของแกล่ะ  ลืมเขาไปแล้วหรือไงกันฟ้า”
พี่น้ำถามถึงรักฝังใจในวัยเด็กของน้องที่ได้รู้มา
“พี่น้ำ…เอ่อ…พี่ภูคือ`พี่ตัวโต` คนนั้น  ครับ”
ขอบฟ้าตัดสินใจบอกความจริง

“ฟ้า!!! เห่ย!...จริงสิ  ไม่น่าเชื่อ  เป็นไปได้ยังไง
 แล้วจะทำไงดีเนี้ย” พี่น้ำตกใจตาเบิกกว้างมากกว่าเดิมอีก

“พี่ภู  เค้าไม่รู้นะว่าฟ้าคือ `ตัวเล็ก`  ฟ้าไปพบรูปถ่ายตอนพี่ภูเด็กๆ
ก็เลยจำได้  พี่น้ำ  ฟ้าเลิกกับพี่ภูไม่ได้ครับ  ยิ่งรู้ว่าพี่ภูเป็นพี่ตัวโต
คนที่ฟ้าเฝ้ารอมาทั้งชีวิต  เมื่อได้เจอแล้วพี่น้ำจะให้ฟ้าลืม
แล้วเลิกรักเขา  มันทำได้จริงๆ เหรอครับ  พี่น้ำบอกฟ้าที  อึก อือ ฮือ”

พูดไปก็น้ำตาไหลสะอื้นอย่างหนัก  น่านน้ำจึงประคองใบหน้าน้อง
แล้วเกลี่ยน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา  คนน้องก็ไม่วายกลั้นสะอื้นจนตัวโยน

“ฟ้า  ไม่เป็นแบบนี้สิ  ไม่ร้องแล้วนะ  พี่จะหาทางช่วยเอง
รักเขาตัดใจจากเขาไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืนแล้ว  เจ็บปวดใจเปล่าๆ
ค่อยๆ คิดกันนะ  คงมีสักทางทำให้ไม่ต้องเจ็บปวดใจ  เชื่อพี่นะ”

น่านน้ำดึงน้องเข้ามากอดพลางลูบหลังไหล่ให้ 
โดยไม่รู้ว่าคนเป็นพ่อได้ยินที่สองพี่น้องพูดกันโดยตลอด
แววตาของท่านมีความกังวลห่วงใยท่วมท้น
แต่สุดท้ายก็หันหลังเดินกลับขึ้นไปด้านบนและเข้าห้องพระไปในที่สุด






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 16 น้องวินวินป่วย

เช้านี้เป็นวันที่ภูดิศต้องเดินทางไปภูเก็ตแล้ว  ชายหนุ่มส่งหนูรินที่บ้านของขอบฟ้าแต่เช้ามืด
ชายหนุ่มบอกลูกให้เชื่อฟังอาฟ้าแล้วจะโทรหาทุกคืนก่อนนอน  ขอบฟ้าเข้าไปจูงมือหนูริน
เพราะเห็นยังง่วงจากการตื่นก่อนเวลา  ชายหนุ่มหันมาร่ำลาคนตัวเล็กก่อนรีบไปขึ้นรถขับไปสนามบิน
ขอบฟ้าจึงพาหนูน้อยเข้าบ้าน`ตัวเล็ก`ของเขา


“อาฟ้าขา หนูรินยังง่วงอยู่เลยค่ะ”
เด็กหญิงที่หอบหิ้วเจ้าขี้เซามาด้วย ปิดปากหาวหวอดๆ

“มาค่ะ  ตามอาฟ้ามา  ตื่นเช้ามากนี่เนาะ  ตาจะปิดแล้วสิ  นอนเตียงนี่เลย
เดี๋ยวอาฟ้ามาปลุกนะลูก  นอนซะ”
ขอบฟ้าอุ้มหนูหน้อยขึ้นไปนอน  หนุนหมอน  ห่มผ้าให้
แล้วเจ้าตัวก็ออกมาเปิดทีวีในห้องนั่งเล่น  ตาสว่างแล้วนอนไม่ได้อีกแล้ว
จึงดูทีวีไปพลางๆ รอเด็กน้อยตื่น


 
มื้อเช้าที่บ้านใหญ่  แขกตัวน้อยเจื้อยแจ้วไม่หยุดตั้งแต่มาถึง  ช่างฉอเลาะ
จนทุกคนพากันเอ็นดูไม่เว้นแม้แต่เด็กรับใช้เอง  คุณหญิงแต่มองมาอย่างสงสัยก็หลายครา

“คือว่า  เอ่อ  พี่ภูไปสัมมนาที่ภูเก็ต 3 คืน  ฟ้าก็เลยอาสารับหนูรินมาค้าง
แล้วจะได้ส่งไปโรงเรียนพร้อมกับน้องวินวินด้วยเลยน่ะฮะ”
ขอบฟ้าบอกเหตุผลให้ทุกคนฟัง  พี่น้ำกับคุณพ่อไม่ได้แสดงสีหน้าหรืออาการอะไรออกมา
แต่ขอบฟ้าเห็นมารดาชะงักแล้วคิ้วก็ขมวด

“ดีเลยฟ้า  วินวินจะได้มีเพื่อนเล่น  ไม่เหงา  แต่ระวังจะติดกันจนจับแยกไม่ออกล่ะ”
พี่น้ำพูดขึ้น  ขอบฟ้ารู้สึกโล่งอกที่สถานการณ์ผ่อนคลายลง

“พ่อก็ว่าดีเหมือนกัน  มีเด็กผู้หญิงมาเจื้อยแจ้วให้ได้ยิน  ก็น่าฟังไม่น้อย”
พ่อพูดขึ้นอีกหนึ่งเสียง  ทำเอาคุณหญิงแม่ตักข้าวทานไปเงียบๆ
นางอดแปลกใจไม่น้อยที่ลูกชายคนเล็กให้คนอื่นเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว
ได้มากขนาดนี้ก็ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจก็เท่านั้น
 


ตลอด 3 วัน  ภูดิศโทรมาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของทั้งคนเลี้ยงและลูกสาวอย่างสม่ำเสมอ
แล้วก็ส่งเข้านอนทั้งพี่เลี้ยงและลูกพร้อมกันทุกคืน  น้องวินวินขอมานอนกับอาฟ้าและหนูริน
ไม่ว่างเว้น  ติดกันแจอย่างที่พี่ชายพูดไว้ไม่มีผิด  ตอนจับแยกคงเรื่องใหญ่แน่ๆ
ขอบฟ้ามองเด็กน้อยสองคนที่นอนหลับไปด้วยกันบนเตียงนอนกว้างของตน


“ก่อนจะเข้าบ้านเย็นนี้  อาฟ้าขอแวะรับถ้วยฟูก่อนนะเด็กๆ
 อาฟ้าส่งเจ้าถ้วยฟูให้ไปอาบน้ำที่ร้านเพื่อนคุณหนูครับ”

“ทำไมเราไม่อาบให้ด้วยฟูเองละคะ” หนูรินสงสัย

“ไม่ได้ค่ะ  ถ้วยฟูไม่ชอบน้ำ  พอเปียกจะดิ้นๆหนีน้ำแล้วก็อาจจะข่วน
จนเราเป็นแผลเลือดออกได้นะคะ” อาฟ้าบอกให้เด็กน้อยเข้าใจ

“อ่อ  ถ้วยฟูดื้อนี่เอง  แต่หนูรินไม่ดื้อนะคะ”

 “จ้ะเด็กดี  เย็นนี้คุณพ่อจะมารับกลับบ้านแล้วนะ”

“ดีจังค่ะ  คิดถึงพ่อภู  แต่กลับบ้านแล้ว  ก็จะต้องคิดถึงถ้วยฟู
 วินวิน  และอาฟ้ามากแน่ๆ” หนูน้อยรักพ่อแต่ก็คิดถึงทุกคนอยู่ดี

 “วินวิน  เป็นอะไรลูก  ทำไมนั่งเงียบเลยครับวันนี้”
ขอบฟ้าสังเกตว่าเด็กชายเงียบกว่าที่เคย

“หนูรินกลับบ้าน  วินวินก็เหงา  ไม่มีเพื่อนเล่น”
หนูน้อยหน้าเศร้า ท่าทางหงอยเหงาเอามากๆ

“พรุ่งนี้วินวินไปโรงเรียนก็ได้เจอหนูรินไงล่ะครับ  แล้วก็ไปเล่นด้วยกันที่โรงเรียน
 ถ้าวันหยุดเราก็ไปหาหนูรินที่บ้านหรือให้พ่อภูของหนูรินพามาส่งที่บ้านอาฟ้าก็ได้
 มีตั้งหลายวิธีที่วินวินจะเจอเพื่อน  เนาะไม่เหงานะครับ  เด็กดีของอาฟ้า”
อาฟ้าพูดปลอบให้หนูน้อยเข้าใจ  หนูรินมองอาฟ้าพูดแล้วก็พยักหน้าตาม

“จริงด้วย  ให้พ่อภูพามาอีกก็ได้  หนูรินมาอยู่แล้ว  วินวินไม่เหงาแล้วนะ”

“ก็ได้ๆ เจอที่โรงเรียนก็ได้”
เด็กชายยอมฟังอาฟ้าและเพื่อนตัวน้อยที่บอก

“อาฟ้า  ถ้วยฟูตัวห๊อมหอมค่ะ  วินวิน  ดมๆ สิ”
หนูน้อยสองคนพากันกอดฟัดเจ้าถ้วยฟูที่อาบน้ำมาตัวหอม 
แล้วก็ลืมเศร้าที่จะต้องแยกกันค่ำนี้  เพราะมีเจ้าแมวมาขั้นจังหวะ



มื้อค่ำผ่านไป  เด็กๆ นั่งเล่นกันที่ห้องนั่งเล่น  และดูการ์ตูนไปด้วย  สักพักภูดิศก็มาถึง
ชายหนุ่มฉีกยิ้มมาแต่ไกลเมื่อเห็นคนตัวเล็กออกมารับหน้า

“พ่อภูมาแล้ว  เย้ เย้”
หนูน้อยกระโดด ชูไม้ชูมือดีใจยกใหญ่

“มาให้พ่อกอดหน่อยค่ะ  เร็วๆ”
พ่อลูกกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันจนหายคิดถึงจึงปล่อยลูกออกไปเล่นกับเพื่อนต่อ
ขอบฟ้ามองภาพเมื่อตะกี้แล้วอบอุ่นใจแทน


แนนช่วยยกกระเป๋าของหนูรินมาส่งให้  ภูดิศขอบคุณคนตัวเล็ก
เสียมากมายที่ดูแลลูกให้เป็นอย่างดี
“คิดถึงจังครับ  ไม่เจอตั้งหลายวั น อยากกอดบ้าง  ทำได้ไหมครับ  หืม”
พี่ภูกระซิบให้ได้ยินกันสองคน  ขอบฟ้ามองคนตัวโตแล้วส่ายหน้าให้คนถาม

“ไม่ได้ครับ  เดี๋ยวมีคนมาเห็น  ไม่ดื้อนะครับ” ขอบฟ้าบอกออกไป 
พี่ภูยังส่งสายตาอาลัยอาวรณ์ที่ไม่สามารถกอดคนที่คิดถึงได้อย่างที่ใจต้องการ
ได้แต่ฉวยมือมากุมไว้เท่านั้น  อ้อยอิ่งอยู่นานไม่ยอมกลับจนขอบฟ้าต้องดุนหลัง

“พี่ภูครับ  กลับมาเหนื่อยๆ ไปพักเถอะนะครับ  แล้วพรุ่งนี้เช้าเจอกันนะ”
ขอบฟ้าพูดขึ้นอีก  จนนั่นแหละคนตัวโตจึงยอมพาลูกขึ้นรถแล้วขับออกไป
คุณหญิงศศิเห็นการกระทำของผู้ชายตัวโตที่กระทำกับลูกชายคนเล็ก
ขมวดคิ้วสงสัยในพฤติกรรมที่ทั้งสองปฏิบัติต่อกันเสียเหลือเกิน


Phudit:  ถึงแล้วนะครับ  พาลูกอาบน้ำก่อน

Phudit:  ส่งลูกนอนแล้วครับ  น้องฟ้านอนหรือยัง

Sky:      พี่ภูกลับมาปลอดภัยฟ้าก็หมดห่วงครับ  พักผ่อนเถอะ >> ฝันดีครับ

Phudit:  ฝันดีเช่นกันครับ >>  จุ๊บ  จุ๊บ

ขอบฟ้าเขินจนตัวจะแตก  กล้าขึ้นทุกวันตั้งแต่ยอมเป็นแฟนด้วย
เจ้าตัวคิดแล้วก็กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง



เช้านี้น่านน้ำบอกว่าวินวินตัวร้อนไม่ต้องให้ไปเรียน  ขอบฟ้ารับปากจะอยู่ดูแลหลานให้
 แล้วบอกให้พี่ชายไปทำงาน  มือเรียวรีบกดโทรหาคนตัวโตทันที

“ฮัลโหล  พี่ภู  ไม่ต้องเข้ามารับฟ้ากับหลานนะครับ  วินวินตัวร้อนมีไข้ครับ”

“น้องฟ้า  เอาอย่างนี้นะ  พี่ส่งหนูรินที่โรงเรียนแล้วจะเข้าไปหานะครับ”
แล้วพี่ภูก็วางสายไป



ขอบฟ้าเช็ดตัวให้วินวินตลอดเวลา  พี่น้ำก็ให้ยาลดไข้แล้วแต่ทำไมไข้ยังไม่ลดอีก
ร่างบางเดินหมุนไปมาเริ่มวิตกกังวลไปสารพัดจนนั่งไม่ติดที่  คอยแต่เช็ดตัวแล้วก็วัดไข้
อยู่อย่างนั้น  ภูดิศมาที่ห้องรับแขกที่เด็กรับใช้บอกว่าอากับหลานอยู่ด้วยกัน

“ไหน  คนเก่ง  อาภูดูสิครับ  หูย…ตัวร้อนมากเลยน้องฟ้า  พี่ว่าพาไปโรงพยาบาลดีกว่า
ไข้สูงมากเนี่ย  อาจชักได้  เตรียมผ้าชุบน้ำไปด้วย   เดี๋ยวพี่อุ้มวินวินไปก่อน  ตามมาเลยนะน้องฟ้า”
ชายหนุ่มรีบเข้าไปช้อนอุ้มเด็กชายขึ้น  ขอบฟ้าดูเงอะงะทำอะไรไม่ถูก  แต่ก็หยิบจับเท่าที่ภูดิศบอกให้ทำ
อาการลนลานนั้นภูดิศเห็นแล้วก็ให้นึกเห็นใจ

 “น้องฟ้า  ใจเย็นๆนะ  ไปนั่งเบาะหลังเลย  แล้วก็เช็ดตัวเรื่อยๆนะครับ
จนกว่าจะถึงโรงพยาบาล”
มือหนารีบต่อโทรศัพท์หาลุงหมอพร้อมเล่าอาการของวินวินให้ลุงหมอฟังทั้งหมด
ท่านบอกให้รีบพาไปในทันที


“ถึงแล้วครับ  น้องฟ้าใจเย็นๆ นะ  ลุงหมอท่านฝากเรื่องกับเพื่อนท่านแล้วครับ”



พอชายหนุ่มจอดรถเจ้าหน้าที่พยาบาลก็มารับตัวน้องวินวินเพื่อส่งตรวจ
ขอบฟ้าเกาะเตียงเด็กชายตามไปไม่ห่าง  ภูดิศรีบไปหาที่จอดรถเพื่อจะได้ตามไปสมทบ
ขอบฟ้ามีสีหน้ากังวลและตื่นกลัวตลอด  จนภูดิศต้องจับมือมากุมไว้ไม่ปล่อย

“พี่ภู  ฟ้าสงสารหลาน  ฟ้ากลัวเหลือเกินครับ  กลัวน้องวินวินจะเป็นเหมือนพี่ทราย
พี่ทรายเป็นธาลัสซีเมียเธอคลอดน้องไม่นานก็จากไป”
คนตัวเล็กเล่าไปทำท่าจะร้องไห้  ภูดิศจึงตบที่หลังมือเบาๆ

“พี่เห็นน้องวินวินแกมีพัฒนาการและการเติบโตของร่างกายปกตินี่ครับ
ไม่มีภาวะโลหิตจางตัวซีดเหลืองนะ  เท่าที่เห็น  อย่ากังวลไปเลยนะครับ”
ภูดิศปลอบโยนขอบฟ้าให้คลายความวิตกกังวล

“ขอพบญาติเด็กชายธนดล  กิจตระการกุลค่ะ  คุณหมอให้เข้าพบ”
ขอบฟ้าทะลึ่งตัวขึ้นอย่างฉับพลันเมื่อพยาบาลมาตามให้เข้าพบแพทย์ 
มือบางคว้าหมับที่มือหนาของภูดิศจับจูงให้เข้าไปฟังผลด้วยกัน


 “จากประวัติคนไข้ที่ทางเรามี  แม่ของน้องเสียชีวิตจากโรคธาลัสซีเมีย
 ต่น้องไม่ได้เป็นนะครับ  วันนี้ที่ตรวจพบคือไข้หวัดใหญ่  สายพันธุ์ A ต้องให้ยาฆ่าเชื้อ
และยาลดไข้  ยังไงญาติไปติดต่อห้องพักให้คนไข้อีกที  คงต้องอยู่ด้วยกัน 2 - 3 คืนครับ
แล้วก็เฝ้าระวังคนใกล้ชิดจะติดด้วย  หากพบเห็นใครในครอบครัวมีอาการให้รีบรักษา
เพราะเชื้อแพร่กระจายติดต่อกันได้ง่ายมาก”
คุณหมอแว่นหนาชี้แจงให้ญาติทราบ

“ขอบคุณ  คุณหมอมากๆ เลยครับ”
ขอบฟ้ามีสีหน้าดีขึ้นมากจนคนยืนข้างๆ ค่อยเบาใจไปด้วย
ขอบฟ้าจึงเตรียมจะไปทำประวัติคนไข้ในให้หลานชาย

“พี่ภูไปทำงานเถอะครับ  ขอบคุณที่เป็นธุระให้แล้วยังมาอยู่เป็นเพื่อนฟ้าอีก
ต้องโทรบอกพี่น้ำก่อน”
ปากบางเอื้อนเอ่ย  คิ้วที่ขมวดก็คลายออกแล้ว

“เอาเบอร์น้ำมาเดี๋ยวพี่โทรให้  นอกจากเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวอยากได้อะไรเพิ่มอีกบอกนะ
ตอนเย็นพี่จะเอามาให้ครับ”
คนตัวโตพูดพร้อมกับดึงคนตัวเล็กมากอดหอมที่ผมนุ่ม

“ครับ  พี่ภูขับรถดีๆ นะครับ  ถึงที่ทำงานบอกฟ้าด้วย”



ก่อนจะออกรถภูดิศต่อโทรศัพท์หาน่านน้ำบอกอาการลูกชาย
ชายหนุ่มมีน้ำเสียงตกใจร้อนรนจะรีบตามมาในทันที
แต่ภูดิศบอกให้จัดหาอาหารน้ำดื่มและขนมสำหรับคนเฝ้าไข้มาให้ขอบฟ้าก่อน
เพราะเขามีประชุมต้องรีบกลับไป น่านน้ำรับปากจะจัดการให้และขอบคุณภูดิศ
เป็นอย่างมากที่เป็นธุระเรื่องลูกให้กับเขาและน้องชาย



ภูดิศกลับไปเคลียร์งานแล้วเข้าประชุมเป็นเวลายาวนานไปจนกระทั่งเกือบบ่าย
พอออกจากห้องประชุมจึงรีบโทรหาขอบฟ้า

“น้องฟ้าทานข้าวหรือยัง  แล้วเป็นยังไงบ้างอยู่ได้มั๊ย  พี่เพิ่งออกจากห้องประชุมมาครับ”

“ครับพี่ภู  วันนี้เย็นฟ้ากลับบ้านกับคุณพ่อนะ  พี่น้ำจะเฝ้าลูกก่อน  พรุ่งนี้ฟ้าค่อยมาเปลี่ยน
บ่ายนี้พี่ภูทำงานไปนะ  ไม่ต้องห่วง  ฟ้าอยู่ได้ครับ”
แล้วทั้งสองก็คุยกันอีกนิดหน่อย  จึงวางสายแยกย้ายกันไปทานอาหารกลางวัน








ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ติดตามจ้า  สนุกมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ujen

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-13

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 17 การเผชิญหน้า

ขอบฟ้าโทรหาภูดิศแต่เช้ามืด  ขอขับรถไปที่โรงพยาบาลเอง
เพราะต้องเอางานไปให้พี่ชายที่รออยู่ที่นั่น  ภูดิศบอกกลับมาว่า
ถ้าเช่นนั้นให้เจอกันในตอนเย็นทีเดียวเลยเขาต้องรับหนูรินไปเยี่ยมวินวินด้วย
เพราะทนลูกรบเร้ามาตลอดที่เจอหน้ากันไม่ไหว
ขอบฟ้าวางสายและรีบจัดการกิจธุระส่วนตัวเพื่อจะได้เอางานไปให้พี่ชายได้ทัน
และเรียกแอนไว้เมื่อเห็นหน้า

“แอน  ไปบอกป้าวาดให้ทีว่าเช้านี้ พี่ขออาหารใส่กล่อง 2 ชุด
จะเอาไปทานพร้อมพี่น้ำที่โรงพยาบาลน่ะ”

“ได้ค่ะ  คุณฟ้า  เดี๋ยวแอนจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย
แล้วจะวิ่งเอามาให้นะคะ” แอนพูดแล้ววิ่งออกไปในทันที



“พ่อภูขา  หนูรินขอซื้อของเล่นไปเล่นกับวินวินได้ไหมคะ”

“ได้สิลูก  เดี๋ยวพ่อแวะร้านขายของเล่นข้างหน้าให้แล้วกัน  นะครับ”
ภูดิศปล่อยให้หนูรินเลือกของเล่นตามใจชอบ  หนูน้อยหยิบมาสองชิ้นแล้วเดินมาหาพ่อ

“พ่อภูขาอันนี้หนูรินจะเอาไปเล่นกับวินวิน  แต่อันนี้ก็น่าเล่นมากเลยค่ะ
ขอเอาไปฝากวินวินด้วยได้ไหมคะ” หนูน้อยยิ้ม  มองของเล่นในมือ
 ดูก็รู้ว่ารักพี่เสียดายน้องอยากจะได้ทั้งสองชิ้นนั่นแหละ

“เอาสิ  งั้นไปจ่ายตังค์กันครับ  ป่านนี้อาฟ้ากับวินวินรอพวกเราแล้วนะ”
ชายหนุ่มบอกลูก  และเป็นการกระตุ้นให้ลูกไม่โอ้เอ้ด้วย



“วินวิน  หนูรินมาเยี่ยม  มีของเล่นมาฝากด้วยนะ
มาเล่นกันเถอะ  อาฟ้าขา  ขอขึ้นไปบนเตียงนะคะ”
อาฟ้าจึงอุ้มหนูรินไปไว้บนเตียงเพื่อน
แล้วหนูน้อยทั้งสองก็เล่นกันคุยกันไปเสียงดังหงุงหงิงไม่หยุด


เด็กชายมีอาการดีขึ้นจากเมื่อวาน  แต่ยังมีไข้  ทานได้แต่อาหารอ่อนๆ
คนเฝ้าไข้และคนมาเยี่ยมต้องใส่หน้ากากอนามัยป้องกันการติดเชื้อ


วันนี้ขอบฟ้าสวมเสื้อยืดโปโลลายขาวดำกับกางเกงขาสั้นสีเขียวเข้มพอดีเข่า
กับรองเท้าผ้าใบสีพื้น  รวบผม  ดูทะมัดทะแมงเอามากๆ แต่ก็ดูน่ารักสมวัยไปอีก
จนภูดิศอดไม่ได้พูดขึ้น

“น้องฟ้าครับ  ถ้าจะแต่งตัวน่ารักขนาดนี้นะ  พี่ว่ากลับไปอยู่บ้านเลยดีกว่านะครับ
 พี่เลี้ยงได้  บอกไม่เคยฟัง  ว่าหวง”
ขอบฟ้าอ้าปากค้าง  หน้าง้ำกับคนขี้หวงตรงหน้า

“พี่ภูครับ  ฟ้ามาเฝ้าหลานไม่ได้มาโชว์ตัวให้ใครดูเสียหน่อย
อีกอย่างมีแต่คนเค้าชอบอวดแฟน  พี่ภูนี่ท่าจะชอบซุกแฟนนะครับ”
ภูดิศเดินเข้ามาขยี้หัวแล้วลากตัวไปกอดหอม 
ไม่สนใจว่าจะมีใครเข้ามาเห็นหรือเปล่า  จนคนตัวเล็กอายหน้าแดง


นั่งคุยกันไปสองคนตรงโซฟานั่นเองรอคุณพ่อกับคุณแม่ที่บอกจะเข้ามา
พอตกค่ำคุณปู่คุณย่าก็พากันมาเยี่ยมหลานชาย

“คุณพ่อคุณแม่ครับ  ฟ้าขอพาพี่ภูกับหนูรินไปทานมื้อเย็นแถวนี้ก่อนนะ
แล้วเดี๋ยวฟ้าจะดูมาฝากครับ”

“ไม่ต้องนะฟ้า  พ่อกับแม่จะกลับไปทานที่บ้าน  ไม่ได้บอกงดมื้อเย็นที่บ้าน
เดี๋ยวแม่วาดกับนมอุ่นกินกันตายพอดี”
คุณพ่อพูด  ก่อนจะเดินไปยืนข้างๆ เตียงหลานชาย
คุณแม่มองพี่ภูและหนูรินยิ้มๆ ตอนที่พ่อลูกไหว้ทักทายท่าน



ทั้งสามเลือกร้านฟาสต์ฟู้ดข้างๆ โรงพยาบาลนั่นเอง  หนูรินชวนคุยไม่หยุดปาก
ขอบฟ้าหันไปเห็นชายหนุ่มผมหยักศกสีน้ำตาล  หน้าหล่อ  เดินเข้ามาในร้าน
เป็นผู้ชายตัวขาวผอมบางแต่รวมๆ แล้วดูดีมากอย่างกับเดินออกมาจากปกนิตยสารก็ไม่ผิด

ขอบฟ้าเลิกสนใจหันมาที่พี่ภูที่คุยโทรศัพท์กับลุงหมอสีหน้าเครียด
พอวางสายก็ถอนหายใจยาว  แล้วนั่งทานอาหารไปเงียบๆ ไม่พูดไม่จา
ลูกถามอะไรก็ตอบไปผิดๆ ถูกๆ แบบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวชอบกล
ขอบฟ้าก็ไม่ได้พูดหรือถามอะไรให้พี่ภูต้องลำบากใจ

`เดี๋ยวถ้าอยากจะบอกก็คงบอกเองนั่นแหละ`



เมื่อทานกันเสร็จก็พากันเดินกลับทางเดิม ระหว่างทางกลับขอบฟ้ารู้สึกเหมือนมีคนเดินตาม
จึงตั้งท่าจะหันไปแต่ไม่ทันแล้วพี่ภูไวกว่า  เขาจึงหยุดเท้าแล้วค่อยหันไปมอง

“มีอะไร ตามมาทำไม”
พี่ภูถามออกไปสีหน้าเอาเรื่อง นั่นหนุ่มหล่อในร้านเมื่อตะกี้นี่นา

“ทักทายพี่ชายให้มันดีๆ หน่อยน้องชาย  ไม่เจอกันซะนาน
ได้ข่าวว่ามีลูกมีเต้า โอ๊ะ! โอ!  โตขนาดนี้แล้วด้วย  แล้วนี่ใคร?
จะไม่แนะนำหลานให้รู้จักกับลุงหน่อยเหรอ  แล้วก็ว่าที่น้องสะใภ้รึเปล่านะ
เห็นคุณปู่พูดๆอยู่”
ผู้ชายตรงหน้าพูดไม่หยุด  ทั้งยังมองหน้าเราทั้งสามสลับกันไปมา
น้ำเสียงยียวนกวนอารมณ์จนขอบฟ้าเองยังสัมผัสได้

“ไม่จำเป็นต้องรู้จัก  อย่าเกี่ยวข้องกันดีที่สุด”
พี่ภูพูดแล้วหมุนตัวจะก้าวเดิน  หนูรินเกาะแขนอาฟ้าไม่ปล่อย
ที่เห็นพ่อของเธอหน้าบึ้งคุยกับคนที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน
แต่ก็อดถามออกไปตามประสาเด็กไม่ได้

“พ่อภูขา  ลุงคนนี้เป็นใครคะ  เพื่อนหรือคะ”

“ไม่ใช่ค่ะลูก  พ่อไม่รู้จัก  คำว่าเพื่อนมันยังมากไปด้วยซ้ำ ไปกันเถอะลูก”
ภูดิศตอบลูกพร้อมส่งสายตาเหยียดหยันไปให้คนที่ลูกถามถึง

“ภูดิศ!!!  มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอ  เด็กไม่ได้รู้เรื่องไม่เป็นเรื่องนี้เสียหน่อย
อย่าบอกอะไรลูกไปผิดๆสิ”

“พูดเหมือนเป็นคนดีนะ  หนักมั๊ยหน้ากากที่สวมอยู่น่ะ  สวมไว้กี่ชั้นล่ะ
ทางที่ดีไปหลอกพวกหน้าโง่คนอื่น  ผมไม่หลงผิดมองว่าคุณดีอีกแล้ว
อย่ามาเข้าใกล้พวกเราจะดีกว่า” ภูดิศพูดอย่างเดือดดาล

“ภู  เราจะคุยกันดีๆ ไม่ได้เลยหรือไง”
คนหน้าหล่อ  หน้าสลดลง  น้ำเสียงก็ดูอ่อนลงไปด้วย

“ผมเคยมีนะพี่ชายน่ะ  แต่ซาตานร้ายเอาเขาไป  ได้ยินมั๊ย!!!
เขาตายไปตั้งแต่ตอนนั้น  ผมไม่มีพี่แล้ว!!!”
พี่ภูตะโกนเสียงดังใส่หน้าผู้ชายคนนั้น  หน้าเครียดตัวสั่นหอบหายใจหนัก
ขอบฟ้าเห็นไม่ดีจึงเข้าไปขวาง

“ไว้ค่อยคุยกันเถอะครับ  รอให้ใจเย็นลงกว่านี้  นะครับ”
ขอบฟ้าหันไปบอกกับคนหน้าหล่อ  แววตาขอร้องอยู่ในที
คนหน้าหล่อพยักหน้าให้แล้วหมุนตัวกลับ  เดินกลับไปทางเดิม
ขอบฟ้ารีบดันให้พี่ภูออกเดินอย่างเร็วโดยมีหนูรินเกาะชายเสื้ออาฟ้าไม่ปล่อย

“พี่ภูครับ  หายใจลึกๆ นั่งตรงนี้ก่อนครับ  ฟ้ากับหนูรินอยู่นี่นะครับ  ไม่เครียดนะ”
ขอบฟ้าดึงให้ภูดิศนั่งลงที่ม้าหินอ่อนข้างตึก  ชายหนุ่มพยายามดึงอารมณ์
ของพี่ภูให้กลับมาเป็นปกติ

`เรื่องบาดหมางในอดีตมันเป็นเรื่องที่อภัยกันไม่ได้
จนกระทั่งพี่น้องต้องตัดขาดกันเลยหรือไงนะ` ขอบฟ้าขบคิด
พี่ภูนั่งตามที่เขาบอก


ไม่นานก็มีสายโทรเข้า  เห็นพี่ภูอึ้งไปที่มองหน้าจอแล้วก็กดรับ

“ครับลุงหมอ  อืม…เจอกันแล้วครับ  ไม่นะครับ
ไม่ให้ผมมีเวลาทำใจกันเลยหรือไงนะคุณปู่น่ะ
ผมปฏิเสธท่านได้เหรอครับ  งั้นไว้ผมว่างก่อนแล้วกัน  นะครับ”
พี่ภูวางสายแล้วลุกขึ้นพากันเดินไปเงียบๆ จนถึงห้องเฝ้าไข้

“ฟ้า  พ่อกับแม่จะกลับแล้วนะ  ดูหลานดีๆ มีอะไรก็โทรไปบอกพ่อนะ
แม่เราบ่นหิวแล้ว  ไปกันเถอะคุณ”
เมื่อท่านไปก็เหลือเราอยู่กันตามลำพังที่โซฟา  หนูรินเล่นของเล่นต่อจากที่เล่นค้างไว้

“เขาชื่อภูเมศ  เป็นลูกของพ่อกับอาปรุง  คุณพ่อมาแต่งงานกับคุณแม่พี่
ตอนพี่ 3หรือ 4 ขวบ พี่ก็จำไม่ได้แล้ว  แล้วพ่อก็พาเขามาอยู่ในบ้าน
บอกว่าเขาเป็นพี่ชาย  เขาแกล้งทำดีกับพี่จนพี่ตายใจและเชื่อใจเขา”
พี่ภูเล่ามาถึงตรงนี้ก็เกิดอาการเครียดเส้นเลือดข้างขมับเขม็งเกร็ง
ขอบฟ้าจึงกุมมือพี่ภูแล้วตบหลังมือเขาเบาๆ

“พี่ภู  ไม่ต้องเล่าแล้วครับ  รู้สึกไม่ดีก็ไม่ต้องเล่านะ”
ขอบฟ้าบอกออกไปเมื่อเห็นพี่ภูดูไม่ดี  ไอ้อยากรู้น่ะใช่
แต่ไม่อยากเห็นพี่ภูเป็นแบบนี้  พี่ภูกลับส่ายหน้าแล้วเล่าต่อ

“คืนนั้นที่บ้านมีงานเลี้ยง  แขกของคุณปู่มากมายเดินกันให้ขวักไขว่ในบ้าน
พี่ลืมของเล่นชิ้นโปรดทิ้งไว้ที่ห้องใต้หลังคา  เป็นห้องที่พี่ชอบไปนอนเล่น
ในตอนกลางวันกับเขา  พี่จึงขึ้นไปจะเอามันกลับลงมา  แต่…”
พี่ภูกำมือแน่น  แววตาหวาดหวั่นเผยออกมาให้เห็นแวบนึง
ก่อนที่เขาจะหลับตานิ่งรวบรวมความกล้า  เล่าต่อ

“พี่เดินกลับไปที่ประตูจังหวะที่เอื้อมไปจะเปิด  ไฟในห้องก็ดับพรึบ
ห้องเล็กแคบจะไปมีแสงลอดเข้ามาได้ไง  น้องฟ้าลองนึกตามนะ
ห้องนั้นถูกล็อคจากด้านนอก  พี่ได้ยินเสียงวิ่งห่างออกไปจากประตู
พี่ร้องเรียกให้คนข้างนอกช่วย  แต่กลับเงียบไร้ซึ่งเสียงใดๆ
พี่เรียกอยู่นาน  จนเสียงแหบแห้ง  ห้องมืดๆ เงียบๆ และแคบๆ นั้น
พี่หายใจไม่ออก  พี่เจ็บแน่นที่หน้าอก  พี่กลัว!!! กลัวที่สุดในชีวิต
อยากที่จะให้ใครก็ได้ผ่านมาได้ยินแล้วพาพี่ออกไป…ไม่มีเลยสักคน
ที่จะได้ยิน  ไม่มีเลยสักคนที่จะออกตามหา  พี่ต้องติดอยู่ในห้องมืดๆ
แคบๆ นั้นเพียงลำพังทั้งคืนจนกระทั่งสายของอีกวันจึงมีคนมาพาพี่ออกไป”

ชายหนุ่มเหงื่อออกมาก  เนื้อตัวสั่นเกร็ง  อาการพี่ภูเหมือนตอนอยู่ในลิฟท์ไม่มีผิด
`นี่สินะ  สาเหตุของความกลัวทั้งหมด ที่พี่ภูฝังมันในจิตใต้สำนึก`
ขอบฟ้ารีบวิ่งไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดให้ตามใบหน้าและลำคอให้ไม่ได้หยุด

“น้องฟ้ารู้มั๊ย  มีพี่ชายคนไหนบ้างที่มองน้องชายตัวเองด้วยความสะใจ
สมใจ  ยิ้มหยัน  เขาดูมีความสุขเสียมากมายที่เห็นพี่อยู่ในสภาพนั้น
เขาสมควรจะได้รับความไว้ใจความเชื่อใจอีกงั้นเหรอ”
พี่ภูเค้นเสียงพูดออกมา  มันเป็นความเจ็บปวดภายในที่ฝังลึกขอบฟ้ารับรู้

`ทำไมนะ ผู้ชายคนนี้ถึงเจอแต่เรื่องที่มันบีบเค้นขนาดนี้  เขาผ่านมันมาได้ยังไงกัน`

“โธ่  พี่ภู  คนดี  ฟ้าอยู่กับพี่ตรงนี้แล้วน ะ ต่อไปจะไม่มีอะไรมาทำอะไรพี่ได้อีก
พี่ภูเก่งมากนะครับ  ที่ผ่านมันมาได้  ถ้าเป็นฟ้าเจอเรื่องแย่ๆ มากมายอย่างพี่
ก็คงไม่ได้อยู่เป็นปกติมาถึงวันนี้  อย่างที่พี่เป็น”


ขอบฟ้าเข้าไปกอดชายหนุ่มลูบหลังให้อย่างแผ่วเบา
แล้วเปลี่ยนมาประคองใบหน้าพี่ภูไว้เอาหน้าผากของตนไปแนบชิด
จนปลายจมูกของเขาสองคนแตะสัมผัสกัน  นิ่งอยู่ในท่านี้เป็นนาน
ส่งผ่านความรู้สึกดีๆไปให้คนตัวโต  เขาทั้งสองตกอยู่ในภวังค์ด้วยกันทั้งคู่
จนมาสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกหนูรินเรียก

“อาฟ้าขา  พี่พยาบาลถามว่าวินวินฉี่กี่ครั้งแล้วคะ  วันนี้”
หนูรินหันมาถาม  เพราะเธอไม่รู้คำตอบ


ขอบฟ้ารีบปล่อยมือจากแก้มพี่ภูแล้วรีบผละไปที่พยาบาลสาว
แล้วพูดคุยบอกรายละเอียดตามที่เธอถามมา  เมื่อได้คำตอบเธอก็จดลงบันทึกการเยี่ยม
ขอบฟ้าไม่ค่อยกล้าสบตากับพยาบาลนางนั้นสักเท่าไหร่  เธอก็ดูจะเขินๆ
เช่นกันที่โผล่มาเห็นฉากหวานซึ้งของสองหนุ่มเข้าพอดี




ออฟไลน์ ujen

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-13
รอตอนต่อไปน่ะค่ะ

 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 18 งานกาล่าดินเนอร์

น่านน้ำไปรับน้องวินวินออกจากโรงพยาบาลกลับมาบ้าน 
เด็กชายดูมีความสุขอ้อนพ่อน้ำไม่ยอมห่าง
เพราะพ่อลูกไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันบ่อยนัก  เนื่องด้วยงานที่เขาต้องรับดูแล
แทนคุณพ่อเกือบจะเต็มตัว  ขณะนี้อยู่ในช่วงขยายตลาดออกต่างประเทศ
ทำให้ต้องเดินทางไกลบ่อยๆ แต่อีกไม่กี่เดือนก็จะเข้าที่เข้าทางแล้ว
เขาถึงจะมีเวลาให้ลูกมากขึ้น

“พี่น้ำ  งานกาล่าดินเนอร์ที่จะถึงในวันศุกร์นี้  พี่น้ำไปนะ
เดี๋ยวฟ้าจะดูน้องวินวินให้เอง”
จนป่านนี้เขาก็ยังอ้อนทั้งแม่และพี่ไม่สำเร็จ

“พี่ติดคุยงานกับลูกค้ากว่าจะกลับมาก็เหนื่อยแล้ว  ขอพี่อยู่กับลูกแล้วกัน
ฟ้าไปทีเถอะนะ  พี่เบื่อต้องไปปั้นหน้าในงานอีกตั้งครึ่งค่อนคืน”
สีหน้าพี่น้ำเหนื่อยๆ อย่างที่พูดจริงๆ  ก็ทั้งงานประจำทั้งต้องเฝ้าไข้ลูกอีก

“ก็ได้ๆ  เห็นว่าพี่น้ำเพลียๆ นะ ไปให้ก็ได้  แต่ถ้าคุณแม่จับคู่ให้ฟ้ามากๆ เข้านะ
ฟ้าจะหนีกลับเลยคอยดูเถอะ” ขอบฟ้าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพูด

“หึหึ  พี่จะคอยดูนะ  ว่าเราจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า  งานนี้พวกเซเล็บเพียบนะฟ้า
อย่าไปทำอะไรให้คนจับจ้องล่ะ  ข่าวมันโหมแรงกว่าแร้งลงเสียอีก
ยิ่งเป็นลูกชายคนเล็กของกิจตระการกุล  ผู้ค้าเพชรรายใหญ่ด้วยแล้ว
ดังเป็นพลุแตกเพียงข้ามคืนเลยด้วย”
พี่น้ำเตือนเพราะถือว่าเขาอาบน้ำร้อนมาก่อนน้อง

“รู้น่ะพี่น้ำ  ฟ้าถึงไม่อยากไปไงล่ะ  กลัวเป็นคนดังเพียงข้ามคืนเสียจริง คริคริ”
น้องตัวเล็กกระเซ้าพี่หน้าระรื่น

“ทำเป็นทะเล้นไปเถอะ  พี่เตือนแล้วนะ  ระวังๆ ไว้บ้างอย่ามัวแต่ทำเป็นเล่นไปซะหมด
เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ จะหัวเราะไม่ออกสิไม่ว่า”

“ค๊าบบบ  พี่ชายยยย” ขอบฟ้าลากเสียงยาวล้อเลียน

“พี่ภูก็คงจะไม่พลาดงานนี้ด้วยสินะ  เขาเป็นถึงนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงใครก็จับตามอง
แถมเนื้อหอมอีกต่างหาก  สาวแก่แม่หม้าย  ไม่เว้นแม้กระทั่งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่
หมายตาเขาเสียด้วย”
น่านน้ำจุดชนวน  คนตัวเล็กตาวาวแล้วคิดตาม  ก็ลองดิพี่ภู
แล้วจะรู้ว่าฟ้าก็หวงของเป็นเหมือนกัน

“เห็นพี่ภูพูดอยู่เหมือนกันว่าจะไปงานนี้  พรุ่งนี้ฟ้าชวนไปช่วยเลือกชุดดีกว่า”

“หึหึ  นี่คนไม่อยากไปนะเนี่ย ”พี่ชายย้อนรอยน้อง

“พี่น้ำก็  ถ้าไม่หล่อก็จะเป็นข่าวสิ  ลูกชายคนเล็กของกิจตระการกุล
เชยระเบิด  น้องขนาดนี้พี่ไม่แย่กว่ารึไงถึงไม่มาออกงาน
แล้วจะเสียมาถึงพี่น้ำเห็นไหมล่ะ  ฟ้าห่วงจะทำพี่เสียชื่อจริงๆนะ”
ขอบฟ้าลอยหน้าพูด  คนพี่ได้แต่ส่ายหน้าในความเป็น
`เจ้าตัวแสบ`ของบ้าน



ภูดิศมารับขอบฟ้าไปลองชุดที่จะใส่ไปงานในตอนบ่าย
เด็กๆ ในร้านมองหนุ่มตัวโตที่มาพาเจ้านายหนุ่มตัวเล็กของพวกเขา
ออกไปจากร้าน  ถึงจะเห็นบ่อยจนชินตากันแล้ว  แต่ก็อดที่จะเม้ามอยลับหลังไม่ได้

“พี่ฟ้ากับพี่ภูนี่เหมาะกันดีเนอะว่ามั๊ย  แต่คุณหญิงแม่จะทำยังไงถ้ารู้เข้า
พี่ละกลัวใจจริงๆ” พี่อิงพูดขึ้น

“รักแท้มีอยู่จริง  เชื่อเกล้าเถอะ  พี่ๆ เขาต้องฟันฝ่ากันได้หรอกน่ะ” เกล้าพูดขึ้น

“รักแท้แพ้แม่ยาย  ก็มีจริงนะเชื่อผม”
นินจาพูดจบวงเม้าแตกกระจายไปทำงานกันต่อ
จะมีก็แต่ข้าวตังทำหน้าไม่รู้ไม่เข้าใจที่พี่ๆ พูดกัน
`รักแท้มีอยู่จริง แล้วจะแพ้แม่ยายทำไม`



งานกาล่าดินเนอร์เริ่มขึ้นแล้วในค่ำคืนนี้  หรูเริ่ดตั้งแต่ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้างานด้วยซ้ำ
ขอบฟ้ามาในชุดสูทสีดำ  เรียบหรูแต่เท่ได้ใจ  ควงแขนมากับคุณหญิงแม่ที่สวมเดรสยาวสีดำ
ดีไซน์สวยสมวัยท่าน  เพิ่มลูกเล่นต่างหูยาว  และสร้อยข้อมือเพชรส่องประกาย
ดูดีดูแพงก็ผู้ค้าเพชรมาเอง  แต่สำหรับขอบฟ้ามีเพียงแค่แหวนเพชรเรียบๆ หนึ่งวง
กับนาฬิกาฝังเพชรเท่านั้น  ตลอดทางเดินเข้ามีแต่คนเข้ามาทักทายคุณแม่อย่างไม่ขาดสาย

ชายหนุ่มพาคุณหญิงแม่ไปนั่งโต๊ะที่จัดไว้ในโถงด้านใน  เวทีจัดอย่างตระการตาด้วยไฟน้อยใหญ่
วูบวาบแพรวพราว  รอให้ประธานมาเปิดงานเท่านั้น  งานคืนนี้ก็จะเริ่มอย่างเป็นทางการแล้ว


ขอบฟ้าสอดส่ายสายตาหาภูดิศ  พลันเห็นควงคู่มากับสาวสวยชุดเดรสยาวดำเปลือยไหล่
พี่ภูใส่สูทดำเสริมให้ยิ่งหล่อและทรงเสน่ห์  มีหมอคีรีซึ่งสวมสูทน้ำเงินกระจ่างตาดูหล่อเนี้ยบ
ไปอีกแบบเดินตามมาไม่ห่าง  และไม่ห่างจากนั้นเป็นพี่ชายพี่ภูในชุดสูทสีอ่อนดูหล่อลุ่มลึกไปอีก
จากจุดที่ขอบฟ้านั่งทำให้เห็นแทบทุกคนที่เดินเข้ามา  แล้วนั่น  ญาดาที่มาในชุดผ่าหน้าผ่าหลัง
ดูวาบหวามเสียจริง  ขอบฟ้าโบกมือขึ้นไหวๆ ให้พี่ภูที่หันมาเห็นพอดี พี่ภูยกยิ้มมุมปากมาให้
ผู้หญิงคนนั้นไม่ปล่อยพี่ภูไปไหนเลยจริงๆ ขอบฟ้ามองตามหงอยๆ อ้าว!  นั่น!  น้ำหวาน
มาในชุดเดรสสั้นสีอ่อนไม่สวมแว่น  แม่ของเธอกำลังพาเดินมาทางนี้ ขอบฟ้ารีบทำทีไปเข้าห้องน้ำ
เพื่อหลบไปทำใจก่อนต้องมาปั้นหน้าให้กับสองแม่ลูก


“มาอยู่นี่เอง  พี่มองอีกทีเห็นแต่หลังไวๆ จึงรีบตามมา  คนนั้นน่ะ  เอวา
เพื่อนเรียนเมืองนอกด้วยกันตอนพี่มัธยมครับหมอคีรีก็รู้จัก”
พี่ภูรีบอธิบายกลัวน้องเข้าใจผิด แ ต่ขอบฟ้าจินตนาการกว้างไกลไปก่อนแล้ว

“ฟ้าไม่ได้อยากรู้เสียหน่อยครับ  พี่ภู”
ทำแก้มป่องพองลม  จึงถูกจับดึงแก้มไปที

“ตะกี้ใครหน้างอ  พี่เห็นนะครับ” พี่ลูบหัวน้องดึงมาหอมหนึ่งที

“เปล่าเสียหน่อย  อ้อ!  ฟ้าเห็นญาดาทีนี่ด้วยนะ  พี่ภู”
ปากบางช่างเจรจาพาที

“อืม  เขาไม่กล้าแล้วละ  พี่ไม่ได้จะหมั้นกับเขาแล้วนี่
คุณปู่ก็รับรู้แล้วด้วย  อย่ากังวลไปเลยนะครับ”

“ให้มันจริงเถอะ  คราวนี้ฟ้าบอกก่อนนะครับ  ไม่ไว้หน้าแน่
ถ้ายังมารังควานกันอีก” ตัวแสบเริ่มออกฤทธิ์ออกเดชนิดๆ

“พี่ชายพี่ภูก็มานะครับ  ฟ้าเห็นเข้ามาหลังๆพี่น่ะ”
บอกไปก็มองสีหน้าที่เรียบๆไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ

“อืม  ช่างเหอะ  เขาก็มีสิทธิ์ที่จะไปไหนมาไหนของเขา”
พี่ภูพูดน้ำเสียงออกจะเนือยๆ แต่จังหวะออกจากห้องน้ำนั้นก็สวนกันจนได้

“ไงครับ  น้องชาย  พามาเปิดตัวเหรอ  ชื่ออะไร
ป่านนี้ยังไม่รู้จักชื่อกันเลยครับ”
ภูเมศโผล่มาทักพอดิบพอดีสีหน้าเรียบๆ
ไม่มีแววกวนให้เห็นเหมือนวันก่อนหน้าที่พบกัน

“ขอบฟ้าครับ” คนตัวเล็กบอกออกไป
ส่วนคนตัวโตข้างๆ นี่หน้าตึงขึ้นมาทันทีทันใด

“น้องฟ้าเราออกไปกันเถอ ะ อึดอัด  หายใจไม่ออก”

“อะไรกันครับ  เจอปุ๊บก็จะหนีกันปั๊บเลยเหรอ” พี่ชายพี่ภูพูดดักไว้

“ถ้าอยากจะคุย  ไว้ไปคุยกันที่บ้านคุณปู่”
พี่ภูพูดเสียงแข็งๆ ขอบฟ้ารีบชวนพูดเรื่องอื่น
แล้วดึงพี่ภูให้เดินออกมา

“พี่ภูพาฟ้าไปหาพี่หมอหน่อย  อยากเจอครับ”
คนตัวเล็กร้องขอให้พาไป

“ตามมา แต่จะอยากเจอมันทำไม  หืม?” คนตัวโตสงสัยไว้ก่อน

“เห็นแล้วก็ต้องไปทักสิครับ  คนรู้จักกัน  นะครับ”
พี่หมอยืนคุยอยู่กับพี่ผู้หญิงที่พี่ภูบอกว่าเป็นเพื่อน
พอเดินเข้าไปใกล้เธอก็หันมามองทันที

“สวัสดีครับ  พี่หมอ  หล่อนะครับคืนนี้”
หมอคีรีรับไหว้ยกยิ้มให้  คนข้างๆพี่หมอก็มองมาไม่วางตา

“สวัสดีน้องฟ้า  เราก็น่ารักไม่เบานะครับ”
พี่หมอพูดยิ้มๆ ทำตาวาวๆ ใส่  ขอบฟ้ายิ้มเขิน
ถ้าจะให้ดีชมว่าหล่อจะดีกว่านะพี่หมอ ขอบฟ้าคิด

“เอวา  นี่ขอบฟ้า  แฟนภูเองครับ”
เธอทำตาโตขึ้นทันทีเมื่อได้ยิน  อ้าปากกว้างแล้วก็เอามือปิดปากพรึบ
จนเห็นเล็บยาวๆ ที่ทาสีสวยๆ นั้นแวววาว

“สวัสดีครับ  พี่เอวา”
ขอบฟ้ายกมือไหว้  เธอรีบรับไหว้เกือบไม่ทันเพราะยังตะลึงอยู่

“อะไรภู  ไม่บอกไม่กล่าวกันก่อน  เซอร์ไพรส์สุดๆ เลยนะ
ตัวจริงละซีคนนี้น่ะ  ตาถึงไม่เบานะ  น่ารักซะด้วย  ขอยืมควงคืนนึงนะภู”
เธอพูดมาเป็นชุดแล้วก็เข้ามาคล้องแขนขอบฟ้าทันที  พี่ภูถลึงตาใส่เธอทันทีทันใดเหมือนกัน

“ของเพื่อน  ให้ยืมไม่ได้  หวง”
สั้นๆ ได้ใจความทำเอาคนตัวเล็กหน้าแดง

“โห  ไรกัน  แค่ยืมเอง  ขี้หวงว่ะ”
เธอพูดพร้อมสะบัดหน้าใส่พี่ภูอย่างงอนๆ แล้วก็ปล่อยแขนขอบฟ้า

“มันหวงมากนะเว่ย คนนี้  โดนมาแล้วเหมือนกัน  หึหึ”
พี่หมอขยี้ซ้ำอีก  ทำเอาขอบฟ้าวางหน้าไม่ถูก

“กล้ามากที่มางานใหญ่แบบนี้  อยากเปิดตัวให้โลกรู้รึไง   พวกวิปริต
ชั้นต่ำ  ชอบแย่งของคนอื่น  คงไปฝึกปรือมาเยอะสิท่า  ถึงได้หน้าด้าน
หน้าทนกันได้ขนาดนี้  ไร้ยางอายที่สุด  แต่คนประเภทนี้คงไม่มีอะไรจะ
ต้องอายแล้วล่ะนะ”
นั่นไงมารร้ายชัดๆ ขอบฟ้าหน้าชากับแม่ผู้หญิงที่ไล่จับไม่เลิกคนนี้

“อะไรของเธออีกล่ะเป็นชะนีหรือไง ไล่จับผู้ชายไปทุกทีที่เจอกันสิน่า
ไม่ได้รู้จักมักจี่กันเสียหน่อย  พ่อแม่รู้จะไม่ว่าหรือไงมีลูกสาวแบบนี้
ยางอายหล่อนก็คงไม่รู้จักสินะ  แล้วไอ้ที่ทำวางท่าวางทางว่าตัวเอง
สูงส่งเลอค่าซะมากมายน่ะ  ใครให้ค่าให้ราคาหล่อนกัน  มองคนอื่น
ต่ำต้อยไปหมดแบบนี้ก็อย่าลดตัวย่างกรายเข้ามาใกล้เราสิ
แล้วไอ้น้ำลายเน่าๆ ที่พ่นๆ ออกมามีเชื้อบ้าหรือเปล่า ฉีดยามารึยัง
พี่ภูครับ  แม่นี่น่ะ  พี่รู้จักหรือเปล่าไล่จับไปทั่วงานจนตอนนี้จะจับพี่
อีกคนแล้วเนี่ย”


ขอบฟ้าออกโรงปกป้องตนเอง ก็เขาบอกไปแล้วว่าอย่ามารังควานกันก่อน
แล้วก็โยนเรื่องให้พี่ภูสานต่อเอาเอง  ภูดิศสะดุ้งเห็นฤทธิ์คนตัวเล็กก็วันนี้

“แม่นี่เหรอ  ไม่เคยรู้จักนะครับ  แต่เท่าที่เล่าลือกันในหมู่ผู้ชายที่พี่ได้ยินมา
ว่าเป็นไฮโซที่กวาดหนุ่มน้อยใหญ่ไปค่อนเมืองเผลอๆ ที่เดินกันอยู่ในงาน
ก็ผ่านเธอมาแล้ว  และคนพวกนั้นเราอาจจะรู้จักเป็นอย่างดีด้วยซ้ำ
น้องฟ้ารอแป๊บ  เดี๋ยวพี่ไปถามก่อนนะ  ว่าใครเป็นผู้ชายของหล่อน
แต่ไม่ใช่พี่แน่”
ภูดิศพูดจบ  ญาดาเต้นเร่าๆ อย่างกับถูกน้ำร้อนลวก

“หยุดนะ!  ไอ้พวกสกปรก!  ไอ้วิปริต!  ไอ้ทุเรศ!  คอยดูนะ 
มันจะไม่จบแค่นี้แน่  ไอ้พวกบ้า!  บ้าเอ๊ย!”
แล้วหล่อนก็กระทืบเท้าปึงปังออกไป  พวกเราต่างมองตามแผ่น
หลังเปลือยที่ก้าวเฉิบๆ หนีไปอย่างรวดเร็ว อย่างสมเพช

“แรงได้อีกน้องฟ้า  ไอ้ภูก็ไม่เบานะ  เห็นมันแบบนี้
ขยาดเหมือนกันนะเอวา  อย่าไปยุ่งกับของรักของหวงมันนะเว่ย!
เตือนไว้ก่อน”
แล้วก็พลอยหัวเราะผสมโรงกันไปทั้งแก๊ง 
ขอบฟ้านึกขำแล้วก็ต้องขอตัวกลับไปหาคุณหญิงแม่ที่โต๊ะ





ออฟไลน์ ujen

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-13

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 19 คุณหญิงแม่

“ไปไหนมาฟ้า  น้องมารอตั้งนาน”
คุณแม่พูดแล้วโบ้ยไปทางน้องน้ำหวาน

“ห้องน้ำครับ  พอดีเจอคนรู้จักคุยนานไปหน่อย”

“งานเริ่มแล้ว  ไม่ต้องไปไหนแล้วนะฟ้า"
คุณแม่หันมากำชับแล้วส่งสายตาจิกๆ มาอีก
งานยัดเยียดลูกชายของสุดยอดคุณแม่ก็เริ่มขึ้นนับจากนาทีนั้น

“ฟ้า  ช่วยตักอาหารให้น้องน้ำหวานด้วยลูก”

“ฟ้า  พาน้องไปเลือกเครื่องดื่มด้วยนะ”
“นี่ขอบฟ้า ลูกชายคนเล็กค่ะ  นี่ยัยหนูน้ำหวานลูกสาวคุณหญิงแม้นวาด
 อ้อ! เด็กสองคนนี้เค้าคุยๆ กันอยู่น่ะค่ะ”

สารพัดวิธีที่คุณแม่จะสรรหามาใช้  จนกระทั่งมีผู้ชายตัวโตมาขอยืมตัวเขา
ออกไปจากตรงหน้าท่าน  ต้องใช้คำว่าลากออกไปจะถูกเสียกว่า
เพราะคุณแม่ยังไม่ทันตั้งรับเสียด้วยซ้ำ
“คุณป้าครับ  ผมขอตัวน้องฟ้าหน่อยครับจะหารือเรื่องจัดสวนที่คุยกันค้างไว้น่ะครับ”
พี่ภูเอ่ยปาก  คุณแม่อ้าปากยังไม่ได้ตกปากรับคำ

 คนตัวเล็กก็ถูกดึงหลุนๆ ออกห่างผู้คนมาพอควร
“พี่ภู  หยุดก่อนครับ  จะพาฟ้าไปไหนเนี่ย  เดินไม่ทันแล้วขาจะขวิดแล้วด้วย”
ขอบฟ้าโอดครวญ  ทำเสียงได้น่าสงสาร
“พี่ไม่ให้น้องฟ้าไปบริการใคร  ไม่ชอบให้ถูกแนะนำคู่กับเด็กคนนั้น
 น้องฟ้าเป็นแฟนพี่นะ  ไม่ใช่แฟนเด็กนั่น  ถ้าพี่ไม่พาออกมา  พี่นี่แหละจะทนไม่ได้
แล้วจะเดินไปบอกคุณแม่ให้เลิกจับคู่ให้ฟ้าเสียเดี๋ยวนี้”
พี่ภูพูดหน้าตึง อย่าบอกนะว่าหึงกันน่ะ

“ใจเย็นสิครับ  แฟนฟ้าก็อยู่ตรงนี้แล้วนะครับ  จะไปเป็นแฟนคนอื่นอีกได้ไง
ชอบอยู่คนเดียวเนี่ย  หายโมโหนะครับพี่ภู  คนดี  ไม่โกรธฟ้านะ”
ขอบฟ้าเข้าไปเกาะแขนคนตัวโตประจบ

“พูดอีกที  ชอบใครครับ  หืม” พี่ภูคาดคั้น

“ก็คนนี้ไง  ชอบแฟนครับ  ดีกันแล้วนะ”
พูดพร้อมกับใช้นิ้วชี้จิ้มๆ ที่อกคนตัวโต

“พี่ขี้หวงก็รู้  อย่าทำอีก  ไม่งั้นเจอดีแน่”
พี่ภูพูดเสียงเอาจริงเอาจังมากขึ้น

“ครับ  ไม่ทำแล้วครับ  แฟนขี้หวงครับ  กลัว”
แล้วคนตัวเล็กก็ทำหน้าทะเล้นใส่  จึงถูกรวบตัวมากอด

“น้องฟ้า  ศุกร์หน้าตอนบ่ายเราไปเที่ยวสวนผึ้งกันนะ  พี่จองที่พักแล้วพาน้องวินวินไปด้วย”

“งานฟ้าเร่งครับ  ต้องไปเลือกของให้ลูกค้า  ไว้โอกาสหน้านะครับพี่ภู”
ขอบฟ้าพูดทำหน้าเสียดายไปด้วย

“พี่ให้น้องฟ้ายืมตัวพี่เสาร์อาทิตย์นี้  บัญชามาได้เต็มที่เลย
ให้พี่ไปช่วยงานนะ  เราจะได้ไปเที่ยวด้วยกันได้  นะๆ”

“มันร้อนเอามากๆ แล้วก็เดินเยอะมากด้วย  พี่ภูอย่าลำบากไปช่วยเลยนะ”

“พี่แข็งแรงกว่าเรานะ  พรุ่งนี้สายๆ พี่จะเข้าไปรับ  ห้ามปฏิเสธครับ”
พี่ภูพูดเองเออเอง  แล้วก็พาเดินกลับเข้าไปในงาน  หน้าระรื่นผิดกับตอนลากเขาออกมาลิบลับ

“ฟ้ากลับบ้านกัน  แม่ปวดหัว”
คุณแม่พูดทันทีที่เขากลับมาถึงโต๊ะ  สีหน้าท่านไม่สู้ดีนัก
ขอบฟ้ารีบเข้าไปพยุงท่านลุกขึ้นพาไปที่รถที่น้าเต้ยจอดรออยู่
ระหว่างทางท่านไม่ปริปากพูดอะไรเลยสักคำ


 
เช้าวันต่อมาที่โต๊ะอาหาร  ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้ายกเว้นน้องวินวินที่ได้ตื่นสาย
เพราะเป็นวันหยุด  ขอบฟ้าสังเกตสีหน้าของทุกคนดูเคร่งเครียด  คุณแม่นั่งนวดขมับ
ตัวเองไปมา  คุณพ่อก็หน้านิ่งกว่าที่เคย  ส่วนพี่น้ำก็มองมาที่เขาแล้วส่ายหน้า
บรรยากาศดูมัวๆ หม่นๆ ชอบกล  ขอบฟ้าอดรนทนไม่ไหวจึงเปิดปากถามออกไป

“มีอะไรกันหรือครับเช้านี้  ทำไมทุกคนดูเครียดๆ กันจัง
คุณแม่ยังปวดหัวเหรอครับ  หาหมอไหมครับ  ฟ้าพาไป?”
ขอบฟ้าถามออกไปคราวนี้ทุกคนพุ่งสายตามาที่เขาคนเดียวแล้ว

“ดูนี่แล้วกัน  พี่เตือนเราแล้ว  ระวังจะดัง  คราวนี้ได้ดังจริงๆ”
พี่น้ำพูดแล้วก็ส่งโทรศัพท์มาให้ตรงหน้า  พอรับมาก็เห็นเป็นคลิปวีดีโอ
ความยาวไม่เกิน5นาที พอกดเล่น

`ใจเย็นสิครับ  แฟนฟ้าก็อยู่ตรงนี้แล้วนะครับ  จะไปเป็นแฟนคนอื่นอีกได้ไง
 ชอบอยู่คนเดียวเนี่ย  หายโมโหนะครับพี่ภู  คนดี  ไม่โกรธฟ้านะ`
`พูดอีกที  ชอบใครครับ  หืม`
`ก็คนนี้ไง  ชอบแฟนครับ  ดีกันแล้วนะ`
`พี่ขี้หวงก็รู้  อย่าทำอีก  ไม่งั้นเจอดีแน่`
`ครับ  ไม่ทำแล้วครับ  แฟนขี้หวงครับ  กลัว`

พอดูคลิปจบก็ตัวเย็นวาบ  ยิ่งเห็นยอดไลค์ยอดแชร์ที่สูงมาก
ได้ดังจริงๆ แล้ว  โต๊ะอาหารเงียบ  ได้ยินแต่เสียงถอนหายใจของคุณแม่ที่หนักหน่วงสุดๆ
แล้วก็ลมหายใจของตัวเองที่ดังแผ่วๆ

"มีคำอธิบายไหมขอบฟ้า  จะทำให้แม่ต้องใช้ปี๊บคลุมหัวตอนออกจากบ้านหรือไง
ทำอะไรไม่คิดถึงหน้าตาของคนในวงศ์ตระกูลอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
แม่เลี้ยงเราให้เป็นคนแบบนี้เหรอตอบแม่มา”
คุณแม่พูดด้วยน้ำสียงดุดันที่ไม่เคยใช้มาก่อน

“แม่ครับ  ฟ้าขอโทษ”
ขอบฟ้าปากคอสั่น  ลุกขึ้นไปจะกอดแต่คุณแม่ขืนตัวผลักไสเขาออกห่าง
ฟ้าทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นน้ำตานองหน้า

“ดี!! ที่ยังรู้ตัวว่าที่ทำน่ะมันผิด  เลิกยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น
ที่ฟ้าหลงผิดไปเพราะถูกชักนำ  ฟ้าไม่ได้วิปริตผิดเพศฟ้าไม่ใช่เกย์
รับปากแม่มาว่าจะเลิกติดต่อกับเขา  แล้วแม่จะยกโทษให้”

คุณแม่พูดคาดคั้นลูกชายคนเล็กแววตาโกรธขึ้งระคนผิดหวัง

“ฟ้าขอโทษ  ฟ้าทำไม่ได้  ฟ้าเลิกกับพี่ภูไม่ได้  คุณแม่! ได้โปรดให้ฟ้า
ได้รักกับพี่ภูนะครับ  ฟ้าขอร้อง”
ขอบฟ้าสะอึกสะอื้นส่ายหน้าไปมาอย่างเสียขวัญ

“ฟ้าที่เคยว่านอนสอนง่ายของแม่ไปไหน  ลูกที่ไม่เคยทำให้แม่ผิดหวัง
ไม่เคยทำให้แม่เสียน้ำตา  ลูกคนนั้นของแม่หายไปไหน  บอกแม่มาฟ้า”
คุณหญิงศศิน้ำตาไหล  มองหน้าขอบฟ้าอย่างผิดหวัง  น้อยใจและเสียใจ

“แม่ครับ  ฟ้ารักแม่ไม่เคยเปลี่ยน   แต่ว่าเรื่องนี้แม่อย่าบังคับฟ้าจะได้ไหม
ฟ้ารักพี่ภู  รักมาก  และรักมานานมากแล้ว 15 ปี เลยนะครับที่ฟ้าเฝ้ารอ
เมื่อฟ้าเจอพี่ตัวโตของฟ้าแล้ว  แม่จะให้ฟ้าลืมเขา  ให้ฟ้าเลิกติดต่อกับเขา
ฟ้าทำไม่ได้  ฟ้าขอโทษครับแม่”
ขอบฟ้ายังสะอื้นไห้มือกำที่อกเสื้อด้านซ้ายตรงตำแหน่งหัวใจแน่น  แล้วสะอื้นจนตัวโยน

“คุณแม่ครับ ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันนะครับ”
น่านน้ำพูดขึ้นเป็นการดึงสติของแม่  เขาสงสารทั้งแม่และน้องพอๆ กัน

“ตาน้ำ!!  แกดูน้องแกมันทำกับแม่  แม่สู้อุตส่าห์เลี้ยงดูทะนุถนอม
แค่เจอผู้ชายคนนั้นมันกลับกลายเป็นเด็กที่ใจร้ายใจดำกับแม่
เหมือนแม่ไม่เคยรู้จักเด็กคนนี้มาก่อน  ทำไมกัน  จิตใจมันเป็นไปได้ถึงเพียงนี้
มันทำลงไปได้ยังไง  แกดูมัน  แกดูน้องแกสิ  ตาน้ำ”
คุณหญิงศศิพูดไปร้องไห้ฟูมฟายไปด้วย

“ฟ้าออกไปก่อนไป  ให้แม่แกหายโมโหแล้วค่อยกลับเข้ามา  ค่อยมาคุยกันใหม่”
คุณพ่อเอ่ยปากห้ามทัพจากที่นั่งหน้าเรียบมานาน 

น่านน้ำลุกไปพยุงน้องขึ้นและพยักหน้าให้ทำตามที่คุณพ่อบอก


ขอบฟ้าจึงเดินออกมาจากบ้านหลังใหญ่จะกลับไปที่บ้าน`ตัวเล็ก`
จังหวะนั้นรถของภูดิศก็เลี้ยวเข้ามาจอด  ขอบฟ้าจึงหยุดเดินและยืนก้มหน้านิ่ง
ชายหนุ่มเห็นรีบจอดรถและวิ่งลงไปดักหน้า  เชยคางคนตรงหน้าให้เงยขึ้น
พอเห็นมีน้ำตาเปียกที่ขนตา

“น้องฟ้าร้องไห้ทำไม  ใครทำอะไร  บอกพี่สิครับ”
ขอบฟ้าส่ายหน้าเป็นคำตอบ  ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น

“มีอะไร  เสียใจอะไร  ถ้ายังไม่อยากพูดตอนนี้  งั้นเราไปหาที่คุยกันก่อนนะ”
ภูดิศจูงคนตัวเล็กให้ไปที่รถ  ขอบฟ้าขืนตัวไม่ยอ ม ส่ายหน้ารัว

“ฟ้าไม่ไปครับพี่ภู  ฟ้าเล ว ฟ้าทำให้คุณแม่เสียใจ”
คนตัวเล็กพูดทั้งน้ำตา

“น้องฟ้า  เราต้องคุยกัน  นะครับ  ไปกับพี่นะ”
ภูดิศเปิดประตูดันคนตัวเล็กให้ขึ้นนั่งจนได้  แล้วขับรถพาคนตัวเล็กออกมาทันที
ขอบฟ้ามองออกไปนอกรถหน้านิ่วคิ้วขมวดครุ่นคิดหาวิธีที่จะให้แม่หายโกรธ
และอภัยให้เขาขนตาก็ยังฉ่ำน้ำ

`เหลืออีกแค่ทางเลือกเดียวเท่านั้น  ทางเดียวที่เราไม่อยากจะเลือก`
นั่งไปเงียบๆ ปล่อยความคิดให้ล่องลอยไป  รถก็แล่นไปเรื่อยๆ



ภูดิศพามาหยุดที่บึงบัวขนาดใหญ่ที่ออกดอกชูช่อขาวโพนไปทั่วท้องน้ำ
รอบๆ มีเก้าอี้พักผ่อนที่มีคนจับจองนั่งอ่านหนังสือบ้าง  ให้อาหารปลากันบ้าง
ปั่นจักรยานหรือแม้แต่วิ่งจ๊อกกิ้งรอบบึงก็ทำกัน  มีแนวต้นไม้น้อยใหญ่แผ่กิ่งก้าน
ออกให้ร่มเงา  บรรยากาศยามสายที่แดดไม่แรงนัก  ทำให้รู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย


ภูดับเครื่องยนต์และลดกระจกเพื่อเปิดรับลมธรรมชาติเข้ามา
“ดีขึ้นหรือยังครับ…หืม?”
ภูดิศดึงมือบางไปกุมไว้  อยู่ในท่านี้ไปพักใหญ่ๆ

“พี่ภูครับ  ปล่อยมือฟ้าแป๊บนึง  มีอะไรจะให้ดู”
คนตัวเล็กดึงมือ  แล้วล้วงโทรศัพท์หาเพจนั้นที่พี่น้ำให้ดูเมื่อเช้า
แล้วยื่นให้พี่ภู  ชายหนุ่มรับไปดูด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์เมื่อดูจบลง

“ที่บ้านเห็นคลิปนี้  ฟ้าโดนคุณแม่เกลียดแล้ว  คุณแม่จะยกโทษให้ถ้าฟ้า
 เอ่อ…เลิก…” ขอบฟ้าไม่กล้าพูดคำนั้นออกมา
ส่ายหน้าและเม้มปากแน่น  น้ำตาไหลลงมาอีกแล้ว

“พี่พอจะรู้ว่าท่านต้องการอะไร  แต่ฟ้าล่ะครับตัดสินใจยังไง
จะเดินจูงมือไปด้วยกัน  หรือว่าจะหันหลังจากไป… หืม”
ขอบฟ้าส่ายหน้าอย่างจนหนทาง  ปากคอสั่น
ภูดิศเห็นอย่างนั้นก็คว้าตัวเข้ามากอดแนบอกพลางลูบหลังไหล่ปลอบโยน

“พี่จะเข้าไปคุยกับท่าน  ขอแค่เรายังจับมือกันไม่หนีหายแค่นี้ก็พอ  ฟ้าเชื่อใจพี่ไหมครับ”
คนที่อยู่ในอ้อมแขนยังคงสะอื้นไม่หยุด ภูดิศกอดกระชับแน่นขึ้น




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2018 11:08:09 โดย เส้นขอบฟ้า »

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ujen

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-13

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 20 พี่ไม่เคยลืม

“นมพร้อมครับ  ผมขอข้าวต้มร้อนๆ ให้น้องฟ้าถ้วยนึงสิครับ
น้องไม่ค่อยสบาย  รบกวนหน่อยนะครับนม”

“อุ๊ย!!  ได้สิคะ  ดูแลหนูฟ้าดีๆ ล่ะคุณหนู  เดี๋ยวนมให้เด็กยกไปให้ค่ะ”
นมพร้อมกุลีกุจอจัดหาให้


ขอบฟ้าทานไปนิดเดียวก็วางช้อนบอกว่าอิ่มแล้ว  ภูดิศจึงพาขึ้นไปบนห้องของเขา
ขอบฟ้าเดินตามหลังมาเงียบๆ

“พี่ภูครับ  อย่าเพิ่งไปคุยกับคุณแม่ตอนนี้เลยนะ  ถ้าเห็นหน้าเราคุณแม่คงจะโกรธมากขึ้นแน่ๆ”
ขอบฟ้านั่งลงที่ปลายเตียง  ภูดิศก็นั่งลงข้างๆ กัน

“พี่ไม่อยากหลบหน้า  เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว  ให้พี่ได้แสดงความจริงใจและรับผิดชอบบ้าง
พี่ไม่อยากให้น้องฟ้าต้องทุกข์อยู่ฝ่ายเดียว  พี่มีส่วนผิดที่เข้าไปในชีวิตของเรา
หากให้ย้อนกลับไปตรงจุดนั้นที่เราพบกัน  พี่ก็ยังจะชอบน้องฟ้าอยู่ดี
พี่ไม่ขอโทษนะที่ทำให้ฟ้ามีวันนี้”
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม  จากที่ก่อนหน้านี้เขาเงียบฟังมานาน

“ฟ้าแค่อยากให้เรารอไประยะหนึ่งก่อน  ให้ท่านใจเย็นลงกว่านี้  น่ะครับ” คนตัวเล็กพูดเสียงเบา

“พี่อยากปกป้อง  ดูแลน้องฟ้าให้มีความสุข  มันอาจจะดูเร็วเกินไปที่พี่จะพูดว่า
พี่...รัก...น้องฟ้านะครับ …อาจจะรักตั้งแต่วันแรกที่พบหน้าด้วยซ้ำ  เชื่อใจพี่นะ”
พี่ภูยืนยันหนักแน่นว่ารัก   ขอบฟ้านิ่งงันอยู่กับที่  วันนี้ที่รอคอยมาถึงแล้วจริงๆ สินะ
เขาไม่ต้องแอบรักข้างเดียวอีกต่อไป

“พี่ตัวโต... ตัวเล็ก... ก็รักพี่ตัวโต  นะครับ” ขอบฟ้าโผเข้าไปกอดพี่ภูแน่น
ภูดิศได้ยินถึงกลับตกตะลึง  ประหลาดใจ  ระคนกับไม่แน่ใจ  แต่ก็อุ่นซ่านไปทั้งหัวใจ
เขาได้ยินน้องฟ้าเรียกเขาว่า`พี่ตัวโต`

“ตัวเล็ก!!  น้องฟ้า...คือ `ตัวเล็ก ของพี่ตัวโต`  จริงๆ เหรอ!
ตัวเล็กของ `พี่ตัวโต`  จริงๆ ใช่มั๊ย  พี่ฟังไม่ผิดใช่มั๊ยครับ”
พี่ภูพูดกระท่อนกระแท่นและดันคนตัวเล็กออกห่าง  เพื่อมองให้ชัดว่าเขาไม่ได้ฝันไป
คนที่เขาเฝ้ารอ  มาอยู่ตรงหน้านี่แล้ว  น้องยังไม่ลืมเขา  ขอบฟ้าเม้มปากแน่นหลับตาปี๋
พร้อมกับพยักหน้าหงึกหงัก  สักพักก็รู้สึกว่าตัวลอยจากพื้น  จึงลืมตาพี่ภูกอดรัดเขาแล้วพาหมุนไปรอบๆ

“ดีใจมากเลยครับ  พี่รักเด็กคนนั้นมา 15 ปี  พาไปซื้อไอศกรีม  เอาขนมไปฝาก
พาออกไปเดินเล่น  เฝ้ารอมาตลอด  ยังโกรธตัวเองจนทุกวันนี้ที่ไม่เคยถามชื่อ
ไม่เคยดูชื่อหน้าห้องตอนไปเยี่ยม  ไม่เคยเลย  พี่ตัวโตกว่าซะเปล่าๆ
พี่รักตัวเล็กนะ  ทำไมไม่บอกพี่  รู้ได้ไง  รู้มานานหรือยังครับ  หืม”
พี่ภูพูดความในใจออกมาทั้งหมด  คนได้ฟังหัวใจพองโตที่พี่ตัวโต
จำได้ทุกอย่าง`ไม่เคยลืม`

“ก็รูปที่ฟ้าทำหล่นแตกตอนนั้นไงครับ  ที่พี่บอกว่าเป็นรูปพี่ตอนเด็กไง
ฟ้าใส่กรอบให้แล้วนะ  แต่ว่ายังไม่ได้เอามาคืนให้เลยเนี่ย” ตัวเล็กอ้อมแอ้มตอบพี่

“พี่ไม่รับคืนแล้วล่ะ  เก็บไว้ให้ด้วยเลยตัวเล็ก  พี่สะดุดใจตั้งแต่วันแรกที่เห็นชื่อบ้านแล้ว
แต่พี่มองเป็นแค่ความบังเอิญเท่านั้น  ตัวเล็กของพี่  ที่วันนั้นร้องงอแงตั้งมากมายเพราะ
รู้ว่าเป็นพี่นี่เอง  ทำไมไม่บอกกันบ้างเลย  ใจร้ายชะมัด”
ภูดิศปล่อยน้องลงพอเท้าถึงพื้นก็เซจะล้ม  จนคนตัวโตคว้าไว้ทำให้พากันล้มไปบนเตียง
โดยที่ขอบฟ้านอนทับพี่ภูทั้งตัว  ลมหายใจรินรดกัน  เราต่างก็อึ้งกันอยู่ในท่านั้น
ขอบฟ้ารู้สึกตัวก็รีบดีดตัวออกเมื่อนึกได้ว่าเป็นท่าที่ล่อแหลมจนเกินไป
ภูดิศหัวเราะหึหึในลำคอ  จนคนตัวเล็กหน้าแดง

“พี่ภู  พาฟ้าไปหานมพร้อม  ป้าแก้ว  แล้วก็ลูกหน่อยครับ”
พี่ภูยิ้มแก้มปริที่ได้ยินคนตัวเล็กเรียกหนูรินว่าลูก

“ได้ครับ  ไปหา...ลูก...กันนะ” ขอบฟ้าทำตาโตที่คนตัวโตย้ำคำว่าลูก



“อาฟ้าขา  สวัสดีค่ะ  พ่อภูบอกว่าอาฟ้าไม่สบายเหรอคะ
ไม่ให้หนูรินขึ้นไปกวนด้วย” หนูน้อยทักถามเมื่อเห็นหน้าอาฟ้าของเธอ

“ค่ะ  หายแล้วล่ะ” ขอบฟ้ายิ้มอายๆ หนูริน  เขาป่วยเสียที่ไหนกันเล่า

“เป็นยังไงบ้างล่ะหนูฟ้า  ดีขึ้นแล้วเหรอ  นมว่าจะให้เด็กไปถามว่าอยากจะทานอะไร
เป็นพิเศษหรือเปล่า มื้อเที่ยงน่ะค่ะ  ดูสิคะ  ตายังบวมๆ อยู่เลย”
นมพร้อมถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย

“ดีขึ้นมากแล้วครับนม  ทำอะไรมาให้  ฟ้าก็ทานได้หมดครับ”
ขอบฟ้าอายม้วนกว่าเดิมอีก ที่นมยังทักว่าตาบวม

`พี่ภูนะพี่ภู  รู้กันทั้งบ้านแล้วเนี้ย`
 แล้วโทรศัพท์ของขอบฟ้าก็ดังขึ้น  เป็นซีเกมส์ที่โทรเข้ามา

“ฟ้า!!  อยู่ไหน? เห็นคลิปแล้ว  เป็นไงบ้าง?
อย่าคิดมากนะเดี๋ยวเข้าไปหาตอนนี้เลย”
ซีเกมส์ถามแบบไม่รอคำตอบเลยสักคำถามเดียว

“อยู่บ้านพี่ภู  เดี๋ยวถามพี่ภูก่อนนะว่าจะไปส่งหาซีไหม  แป๊บนึงนะ”
แล้วขอบฟ้าก็หันไปจะถาม ภูดิศส่ายหน้า ทำท่าทางบอกว่าให้เพื่อนเข้ามาทานมื้อกลางวันด้วยกันเลย

“ซี  พี่ภูไม่ไปส่งน่ะ  บอกให้ซีเข้ามาทานกลางวันด้วยกัน”

“เออๆ เดี๋ยวเข้าไป  ชวนพีทก่อน” แล้วซีเกมส์ก็วางสายไป


ไม่นานนัก  พีทและซีเกมส์ก็มา  เพื่อนสามคนกอดกันกลมไปแล้ว
จนไม่มีใครได้มองว่าคนตัวโตยืนมองตาขุ่นอยู่

“น้องฟ้า  ไม่กอดกันครับ  พี่หวง”
พี่ภูทำหน้าตึงใส่เพื่อนๆ ของคนตัวเล็ก  ทำให้ต่างฝ่ายรีบผละออกฉับพลันทันใด

“พี่ภูอ่ะ  ก็เพื่อนกอดให้กำลังใจ  นิดหน่อยเอง” ขอบฟ้าพูดเสียงอ่อยๆ
ภูดิศส่ายหน้า  แล้วก็ผละไปหาลูกที่ห้องนั่งเล่นแทน  ปล่อยให้เพื่อนๆ ได้คุยกัน

“ฟ้าตาบวมมากเลยนะ  คุณหญิงแม่ท่านรักฟ้าจะตายไป  หายโกรธก็ดีเองแหละน่า
แม่ลูกตัดกันไม่ขาดหรอก  หรือไม่ฟ้าก็ทิ้งพี่ภูซะ  ง่ายนิดเดียว  จะอะไรนักหนา”
พีทแกล้งแหย่เพื่อนทำให้โดนซีเกมส์ฟาดกลางหลังป้าบ

“อะไรเล่าซี  ฟ้ามันจะกล้าทิ้งผัวมันเหรอ  ตัวติดกันอย่างกับอะไร  ดูสิ
มีอะไรนิดหน่อยก็ร้องไห้โฮมาอยู่บ้านเขาเนี้ย” พีทยังว่าพูดต่ออีก

“ไอ้พีท!!!  ผัวอะไรกันเล่า” ขอบฟ้าเรียกพีทเสียงดัง
พีทแกล้งทำหน้าสำนึกผิดเมื่อพี่ภูชะเง้อมองมา

“เออ!!  ไม่เป็นวันนี้ก็สักวันแหละน่า  อืมๆ ไม่เล่นแล้วก็ได้
แล้วจะร้องไห้อะไรมากมายวะ  ก็แค่คุณหญิงแม่บอกให้เลิกกัน
ทำเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต  ยังไม่ทันจะรักกันด้วยซ้ำ  เลิกกันจะเป็นไรไปล่ะ
แค่เพิ่งเริ่มคบเป็นแฟนเอง  ไม่เข้าใจแกเลยนะฟ้า”
พีทยังพูดง่ายๆ ตามความคิดของตัวเอง

“ก็เพราะว่ารักไง  ถึงเลิกไม่ได้น่ะ” ขอบฟ้าสารภาพออกมาตามตรง

“ห๊ะ!!!  ว่าไง  รักเหรอ!  ตอนไหนวะฟ้า  ใจง่ายไปหรือเปล่า
เพิ่งเจอกันเองไม่ใช่เหรอ?” ซีเกมส์รัวคำถามเป็นชุด

“พี่ภูเป็น...รักแรกของฟ้า  คนที่เคยเล่าให้ฟังจำได้ใช่มั๊ย 
พี่เขาเป็น...คนนั้นของฟ้าในตอนเด็กน่ะ  เพิ่งรู้ตอนไปปาร์ตี้ริมสระคราวก่อน
ฟ้าไปเจอรูปถ่ายตอนพี่ภูเด็กๆ” เพื่อนสองคนตาโตยังกับนกฮูกไปแล้ว
ซีเกมส์อ้าปากกว้างจนแมลงวันแทบบินไปวางไข่ได้

“ได้ไงกัน?  ใช่จริงอ่ะ!  ไม่มั๊ง!  อะไรมันจะประจวบเหมาะขนาดนี้” พีทพูดอย่างเหลือเชื่อ

“พรหมลิขิต  ชัดๆ” ซีเกมส์พูดย้ำ

“เออๆ รู้กันแล้วก็อย่ามาบังคับฟ้าให้เลิกกับพี่ภูเหมือนแม่เลยนะ
ฟ้าทำไม่ได้หรอก  รักมาตั้งนาน”
ขอบฟ้าหน้าหงอยๆ เหมือนหมาโดนเจ้าของทิ้ง
เพื่อนซี้เข้ามากอดลูบหัวลูบหลังปลอบใจกันอีกพักหนึ่ง



“อ้าว!!  เห้ย!  มาไม่บอกว่ะหมอ  ไปๆ กินกลางวันกัน
วันนี้มีเพื่อนน้องฟ้ามาทานด้วย  ไปครับตัวเล็กอย่ากอดกันนานครับ”
คนขี้หวงหันไปต้อนให้ทุกคนไปรวมกันที่โต๊ะอาหาร

“พี่หมอคีรี  นี่ซีเกมส์และพีท  เพื่อนของฟ้าเองครับ”
พี่หมอพยักหน้าให้  สองหนุ่มยกมือไหว้


เมนูกลางวันเป็นแนวอาหารอิสาน  ส้มตำ  ยำ  ลาบ  แต่ก็มีอาหารจานโปรดจานใหญ่
ของหนูรินและเผื่อสำหรับผู้ใหญ่ด้วย  หนูรินขอส้มตำไม่ใส่พริกตามแบบผู้ใหญ่บ้าง
เธอจะทานกับไก่คั่วเกลือที่เห็น  กำลังจะลงมือรับประทาน  ภูเมศก็มา 
ขอบฟ้าหันมองภูดิศทันที  แต่ภูดิศก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรมากไปกว่าการตีหน้าเรียบเฉย

“คุณเมศขา  ไม่พบกันนานมากเลยนะคะ  เป็นหนุ่มใหญ่  หล่อขึ้นกว่าเดิมอีกนะคะเนี้ย
มาทานกลางวันกันก่อนค่ะ  เชิญๆ นั่งก่อนค่ะ” นมพร้อมรีบเข้าไปต้อนรับขับสู้

“อ้าว! คุณลุงคนนั้นนี่คะ  หนูรินจำได้” หนูรินพูดขึ้น  นมพร้อมรีบแนะนำทันที

“คุณลุงเมศค่ะ  หนูริน  สวัสดีด้วยค่ะ” นมพร้อมหันไปบอก
หนูรินจึงหันไปส่งยิ้มแล้วไหว้อย่างอ่อนน้อม

“นี่พี่เมศ  เอ่อภูเมศ  จบสถาปัตย์  เป็นสถาปนิก  ทำงานเป็นที่ปรึกษา
ในทีมวิศวกรบริษัทต่างชาติ  เพิ่งถูกคุณปู่เรียกตัวให้มาช่วยงานพี่ที่บริษัทน่ะ”
พี่ภูแนะนำให้ทุกคนรู้จักโดยสีหน้าไม่ได้ยินดียินร้าย

ขอบฟ้ามองว่าก็ดีแล้วที่เก็บอาการได้ดีทั้งพี่ทั้งน้องแบบนี้  บรรยากาศบนโต๊ะอาหารจะได้ไม่ชวนอึดอัด
“เอ่อ!  ผมขอบฟ้า  นี่พีทและซีเกมส์เพื่อนสนิทผมครับ”
ขอบฟ้าแนะนำตัวเองครั้งรวมทั้งเพื่อนๆ ให้ภูเมศรู้จักอย่างเป็นทางการ
พี่เมศพยักหน้าให้แล้วส่งยิ้มอ่อน  ส่วนหมอคีรีรู้จักกันอยู่ก่อนแล้ว

“สวัสดีครับ  พี่เมศไม่เจอกันนานเหมือนกันนะฮะ” หมอคีรีทักบ้าง ภูเมศก็ยิ้มๆ

“ยินดีที่รู้จักทุกคน  เรียกผมว่าพี่เมศก็ได้ครับ  คนกันเองทั้งนั้น”
พูดจบหันไปทางภูดิศ  ซึ่งพี่ภูทำหน้าเฉยๆ เพียงแค่นั้นเองที่ขอบฟ้าเห็น

“วันพุธพี่ค่อยเข้าไปรายงานตัวที่บริษัทแล้วกัน  ช่วงนี้ขอพักทำตัวให้ชิน
กับสภาพแวดล้อมถนนหนทางเสียก่อน  ไม่ได้อยู่ไทยเสียนาน
คงไม่ว่ากันนะครับท่านประธาน” พี่เมศออกตัวก่อน

“พร้อมก็เข้าไปแล้วกัน  รีบหน่อยก็ดี  คุณปู่โทรถามผมเกือบทุกวัน
ไหนจะลุงหมออีก” พี่ภูเอ่ยน้ำเสียงเนือยๆ

“เอ่อ  คุณเมศ  เดี๋ยวนมไปทำอาหารจืดๆ มาเพิ่มให้อีกอย่างนะคะ
ผัดซีอิ๊วทะเลแล้วกันนะ”
นมพร้อมรีบเข้าแทรกอย่างมีชั้นเชิงก่อนที่พี่น้องจะลับฝีปากกันไปมากกว่านี้

“ไม่ต้องแล้วละครับนม  ข้าวผัดนี่ก็จานใหญ่มากๆ ผมทานได้ครับ ทานไม่จุครับ”
พี่เมศออกปาก  คงจะจริงเพราะตัวก็ออกจะผอมบางไปเสียด้วยขอบฟ้ามอง

“นมไปหาอะไรง่ายๆ ทำให้จะดีกว่า  ไม่ลำบากอะไร
ทานกันไปพลางๆ ก่อนนะคะทุกคน” นมพร้อมเอ่ยแล้วเลี่ยงออกไปเตรียมเมนูเพิ่ม


พีทเก็บความสงสัยในท่าทีที่พี่ภูเป็นตลอดมื้ออาหาร  แล้วจึงลากขอบฟ้าไปถาม
ทันทีที่มื้อเที่ยงจบลง  ขอบฟ้าจึงต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้พีทฟัง
พีทเริ่มไม่ชอบหน้าคนขี้เก๊กที่ขี้อิจฉาคนนี้ขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว

ท้ายที่สุดเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรของผู้ใหญ่ก็พูดคุยเข้ากันได้ดีกับลุงเมศไปเสียแล้ว
ภูเมศดูมีสีหน้าผ่อนคลายลง  แม้ยังเข้าหน้ากันระหว่างพี่น้องไม่สนิทใจก็ตาม


หมอคีรีพูดคุยกับทุกคนอย่างสนุกสนานตามแบบจิตแพทย์หนุ่มอารมณ์ดี
คิดบวกแต่ไม่ได้โลกสวย  เขาแจกนามบัตรไปทั่วเผื่อใครมีปัญหาญาติป่วยจิต
เขายินดีให้คำปรึกษา  แม้แต่ขอบฟ้ายังได้รับแจกไปด้วย

“อกหักหรือรักไม่เป็น  ไม่รับปรึกษา  นะครับผม”
หมอหนุ่มยิงมุก  พร้อมหัวเราะในลำคอ


นั่งคุยกันสักพักใหญ่ๆ ทุกคนก็พร้อมใจกันว่าจะกลับ
แล้วหันไปขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีและเจ้าของบ้านที่ให้การต้อนรับพวกเขา
หมอคีรีกับภูเมศออกไปก่อนในชุดแรก  และตามด้วยซีเกมส์และพีท
ส่วนขอบฟ้าถูกรั้งไว้ไม่ให้ตามเพื่อนไป  โดยภูดิศบอกว่าเย็นๆ จะพาไปส่งบ้าน






ออฟไลน์ ujen

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-13
รอตอนต่อไปค่ะ

 :mew1: :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด