พิมพ์หน้านี้ - ภูรักฟ้า Special 3 กลับมาได้ไหม...กลับมาหากัน(แทนความคิดถึง)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 26-11-2018 19:36:51

หัวข้อ: ภูรักฟ้า Special 3 กลับมาได้ไหม...กลับมาหากัน(แทนความคิดถึง)
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 26-11-2018 19:36:51
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คำโปรย

ความผูกพันในวัยเยาว์ก่อเกิดเป็นรัก  ต่อให้ต้องแยกจากรักนั้นก็ยังคงอยู่
อาจรางเลือนดั่งภาพฝัน  แต่ยังอุ่นไอในกันและกัน   
อยู่ในความทรงจำ… ไม่อาจลืม
 “ตัวเล็ก  อย่าลืมพี่นะ  พี่จะกลับมา  เราจะหากันจนเจอ”


       สารบัญ
ตอนที่  1  ครอบครัวภูดิศ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3916463#msg3916463)           
ตอนที่  2  เมื่อหมอมาหา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3916504#msg3916504)
ตอนที่  3  แรกพบสบตา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3916524#msg3916524)
ตอนที่  4  ใกล้กันอีกนิด (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3916776#msg3916776)
ตอนที่  5  ขยับมาใกล้กัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3916901#msg3916901)
ตอนที่  6  เมื่อมีคนเจ็บ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3917176#msg3917176)
ตอนที่  7  มุมที่เปราะบาง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3917265#msg3917265)
ตอนที่  8  จำกันได้ไหม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3917516#msg3917516)
ตอนที่  9  ปาร์ตี้ริมสระ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3918230#msg3918230)
ตอนที่ 10  กลัวที่แคบ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3918478#msg3918478)
ตอนที่ 11  ถูกกล่าวหา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3919087#msg3919087)
ตอนที่ 12  เคลียร์กับคุณปู่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3919099#msg3919099)
ตอนที่ 13  คนนี้ที่ชอบ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3920453#msg3920453)
ตอนที่ 14  เป็นแฟนกันนะ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3920841#msg3920841)
ตอนที่ 15 มีคนรู้ว่ามีแฟน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3921304#msg3921304)
ตอนที่ 16 น้องวินวินป่วย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3921351#msg3921351)
ตอนที่ 17 การเผชิญหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3921771#msg3921771)
ตอนที่ 18 งานกาล่าดินเนอร์ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3922146#msg3922146)
ตอนที่ 19 คุณหญิงแม่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3922837#msg3922837)
ตอนที่ 20 พี่ไม่เคยลืม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3923132#msg3923132)
ตอนที่ 21 พี่เมศแพ้แอลกอฮอล์ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3923566#msg3923566)
ตอนที่ 22 ขอผมดูแลพี่เอง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3923827#msg3923827)
ตอนที่ 23 พี่น้ำเป็นห่วงลูก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3924185#msg3924185)
ตอนที่ 24 เที่ยวสวนผึ้ง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3924190#msg3924190)
ตอนที่ 25 พี่น้องเคลียร์กัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3924198#msg3924198)
ตอนที่ 26 พี่น้ำเครียด ใครกัน? (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3924611#msg3924611)
ตอนที่ 27 พ่อตัวจริง
 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3924616#msg3924616)ตอนที่ 28 ค้างบ้านพี่ภู (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3925002#msg3925002)
ตอนที่ 29 บ้านนี้มีลูกเขย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3925257#msg3925257)
ตอนที่ 30 ครอบครัวน่านน้ำ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3925262#msg3925262)
ตอนที่ 31 เรื่องดีๆ
 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3925273#msg3925273)ตอนที่ 32 ถูกลักพาตัว (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3925340#msg3925340)
ตอนที่ 33 ลบรอย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3925348#msg3925348)
ตอนที่ 34 วันเกิดคุณปู่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3925350#msg3925350)
ตอนที่ 35 คืนข้ามปี
 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3926003#msg3926003)ตอนที่ 36 รักแท้มีจริงหรือ? (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3927710#msg3927710)
ตอนที่ 37 เพราะรัก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3927756#msg3927756)
ตอนที่ 38 รักเป็นเหตุ
 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3928008#msg3928008)ตอนที่ 39 แค่รัก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3928010#msg3928010)
ตอนพิเศษ 1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3929631#msg3929631)
ตอนพิเศษ 2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3929640#msg3929640)
ตอนพิเศษ 3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3944945#msg3944945)

บทนำ

“ขอโทษที่ซุ่มซ่าม  นี่รูปพี่ภูตอนเด็ก  เหรอฮะ”
ขอบฟ้ากลั้นใจถามออกไป  แล้วรอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อและคาดหวัง

“ใช่ครับ  ตอนนั้นพี่เรียนอยู่  ป.6 ทั้งบ้านก็มีรูปเดียวนี่แหละครับ
พี่ไม่ค่อยชอบถ่ายรูปสักเท่าไหร่”

ขอบฟ้าได้ยินคำตอบของพี่ภูรู้สึกเย็นวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
จ้องหน้าพี่ภู  พลันน้ำตาก็เอ่อท้นขึ้นมาอีก

`เจอแล้วนะครับ  พี่ตัวโต  ตัวเล็กอยู่นี่แล้ว จำได้ไหมฮะ
พี่บอกห้ามลืมพี่ไง  แล้วพี่ล่ะ`

 



พี่ดีกับผม เล่นกับผม เล่านิทานให้ฟัง ให้ขี่คอ
แต่แล้ววันหนึ่ง...พี่ทำลายความเชื่อใจทั้งหมด ผมถูกขังไว้ในห้องมืดที่ไร้
ซึ่งแสงสว่าง  มีเพียงอากาศอันน้อยนิดที่พอให้
หายใจ  ผมร้องไห้ดิ้นรนขัดขืน  อ้อนวอนขอให้พี่เปิดประตู
ไม่มีใครได้ยินผมเลย...ผมกลัวเหลือเกิน  อากาศอันบางเบา...ลมหายใจที่เริ่มแผ่วโหย

`ไม่นะ ผมยังไม่อยากตาย  แม่ครับ  พ่อครับ  ช่วยภูด้วย!`
แล้วสติรับรู้ทั้งหมดของผมก็ดับวูบลง 



“พ่อไม่รักเราแล้วตาเมศ  พรุ่งนี้พ่อลูกจะแต่งงาน”

“ไม่เป็นไรนะครับแม่  เมศอยู่นี่  แม่ยังมีเมศ  แม่อย่าร้องไห้”

พ่อต้องไปแต่งงานใหม่เพื่อความเหมาะสม
แม่ต้องทนกับความเศร้าและเหงาจนสุดท้ายก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
ด้วยปืนเพียงนัด  ผมไม่เหลือใครแล้ว  แม่จากผมไป
ผมต้องไปอยู่บ้านใหญ่  แต่มันช่างอ้างว้าง โดดเดี่ยวเสียเหลือเกิน
ทุกคนให้ความสนใจกับเด็กน้อยน่ารักที่ชื่อภู...น้องชายสินะ
`เด็กนั่นทำบุญมาด้วยอะไร  ถึงมีพร้อมไปเสียทุกอย่าง`







ตอนที่  1  ครอบครัวภูดิศ 

ชายหนุ่มนัยน์ตาสีสนิมมองดูตัวเองในกระจก  เช้านี้เลือกที่จะสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเนื้อเนียน
กับกางเกงสแล็คผ้ายืดทรงกระบอกสีดำ  แม้สีเสื้อจะตัดกับสีผิวของเขามากพอดู
แต่ความพอดีของชุดกลับทำให้น่ามองด้วยรูปกายที่สูงใหญ่ผมตัดสั้นตามสมัยนิยม
คิ้วเข้มได้รูป  จมูกโด่งเป็นสัน  กับริมฝีปากหนาแม้ยกยิ้มเพียงน้อยนิดก็มีเสน่ห์ดึงดูด
ทั้งหญิงชายให้อยากเข้าใกล้  เขาคว้าเสื้อสูทราคาแพงติดมือลงมาชั้นล่างด้วย
พบกับหญิงสูงวัยร่างท้วม  ผิวขาวหน้าตาใจดี  แย้มยิ้มเดินเข้ามาหาและหยุดอยู่ตรงหน้า

“คุณหนูของนมตื่นแล้วหรือคะ  ของที่จะนำไปถวายพระเช้านี้พร้อมแล้วละค่ะ
คุณหนูต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่าคะ?”

“ไม่แล้วล่ะครับนมพร้อม  ดูสิครับ  ต้องลำบากลำบน  ตื่นดึกดื่นมาทำให้
เดี๋ยวก็ล้มป่วยไปหรอก  ผมไปซื้อหาเอาข้างหน้าก็ได้นม  จะทำให้เหนื่อยทำไมครับเนี้ย”

“ได้ยังไงกันล่ะคะ  นมเคยทำให้ทุกปี  ครบรอบวันจากไปของคุณท่านทั้งสองทั้งที
เพื่อเป็นการระลึกถึงท่าน  คุณหนูอย่าห้ามนมเลยค่ะ”
นมพร้อมพูดไปก็อดลูบหลังไหล่ชายหนุ่มที่นางเลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อยเสียไม่ได้

“ห้ามเคยได้เหรอครับนม  หึหึ”
ชายหนุ่มสัพยอกจึงถูกนมพร้อมตีเพียะที่ต้นแขนไปเบาๆ

“สายๆ  นมก็พักผ่อนบ้างนะครับ  รู้สึกไม่สบายรีบบอกผมเลยนะนม”
ชายหนุ่มกำชับด้วยความอาทรห่วงใย

"นมยังแข็งแรงอยู่ค่ะ  ช่วยเลี้ยงยัยหนูรินได้จนโตนั่นแหละ
ไม่ต้องมาห่วงนมเลยคุณหนู” 
ขณะที่พูดก็เดินไปหยิบกล่องอาหารเช้ามายื่นให้ชายหนุ่ม
“นี่อาหารเช้าค่ะ  อย่าลืมทานด้วย  ในส่วนของพระ  นมให้เจ้านัทเอาไปไว้ที่รถแล้วล่ะค่ะ
อีกอย่างหนูรินวันนี้ให้หยุดเรียนสักวันนะคะตัวรุมๆ เกรงว่าจะมีไข้น่ะ
 นมก็ให้ส้มไปอยู่เป็นเพื่อนแล้ว  รีบไปเถอะค่ะเดี๋ยวสาย”

นมพร้อมไม่วายกำชับชายหนุ่มเรื่องมื้อเช้าและแจกแจงเรื่องในบ้านให้ฟัง
ในวันปกติเขาจะทานมื้อเช้าพร้อมลูกแล้วจึงพาไปส่งโรงเรียนก่อนที่จะไปทำงาน
หนุ่มโสดกับการทำหน้าที่พ่อไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาก็ได้นมพร้อมนี่แหละ
ที่เป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ให้ความช่วยเหลือ

“ไปละครับนม  ฝากยัยหนูด้วยครับ”
 ชายหนุ่มพูดจบหันไปหอมแก้มนมพร้อมเสียฟอดใหญ่


นมพร้อมมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่ม  ผู้ถือกำเนิดในตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวย
อันดับต้นๆ ของประเทศ  ผู้ซึ่งจำต้องขึ้นบริหารงาน
แทนผู้ให้กำเนิดที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกเมื่อหลายปีก่อน


ในตอนนั้นชายหนุ่มยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มนักศึกษาที่เรียนปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัยอยู่เลย
แต่จากการที่พ่อของเขาใช้ให้ไปเรียนรู้งานตั้งแต่ตอนเรียนอยู่มัธยมปลายก็เป็นการบ่มเพาะ
เมล็ดพันธุ์ไปในตัว  ทำให้เขาสามารถขึ้นบริหารงานต่อจากบิดาได้ทันทีที่ท่านจากไปอย่างกระทันหันเช่นนี้



4 ปีก่อนชายหนุ่มเกิดไปถูกชะตากับทารกแรกเกิดเพศหญิง
แม่เด็กท้องในวัยเรียนและไม่พร้อมเลี้ยง

หนูน้ำรินเป็นเด็กในโครงการ `รับฝากเลี้ยงเด็กที่แม่ไม่พร้อมเลี้ยง`
โดยแม่เด็กได้กรอกแบบฟอร์ม `ยินดียกลูกเป็นสิทธิ์ขาดรัฐ
 เพื่อจัดหาครอบครัวทดแทนให้เด็กเป็นบุตรบุญธรรม `

ภูดิศจึงขอให้ลุงปรานต์ลุงของเขาเองที่เป็นแพทย์ศัลยกรรมหัวใจ
ในโรงพยาบาลนั้นช่วยดำเนินการให้
จนเขาได้สิทธิ์ในการเลี้ยงดูหนูน้ำรินตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
 

ตอนสายขณะที่นมพร้อมนั่งอยู่บนแคร่ในครัวไทยแบบเปิดโล่ง
ซึ่งภูดิศเพิ่งให้ช่างมาต่อเติมขยายพื้นที่ใช้สอยให้มากขึ้นกว่าเดิม
ขณะที่เด็กรับใช้กำลังจัดเรียงเครื่องครัวให้เข้าที่เข้าทางอยู่นั้น
นมพร้อมก็ได้ยินเสียงเดินเตาะแตะมาทางเบื้องหลังของนาง
สักพักก็มีมืออ้วนๆ ป้อมๆ มากอดรัดที่แผ่นหลังของนาง

“จ๊ะเอ๋…ใครเอ่ย  รู้ไหมคะ?”  เสียงเล็กใสเอื้อนเอ่ย พร้อมทั้งหัวเราะคิกคัก

“นั่นสิ  ใครกันนะ”
นมพร้อมซ่อนรอยยิ้มขบขัน  ฉับพลันทันใดเด็กน้อยก็เอี้ยวตัวมาด้านหน้า

“น้ำรินไง  คุณย่าขา  ดูการ์ตูนจบแล้ว  หิวจังค่ะ”
ใบหน้าแป้นแล้น  แก้มแดง  ดวงตากลมใส
มัดจุก 2 ข้าง  ก็โหนตัวมานั่งตรงหน้านมพร้อม

“ส้ม  หนูรินหิวแล้วล่ะ  ไปหาอะไรมาให้ทานเร็วเข้า”
ส้มพี่เลี้ยงรีบวางมือ  เดินรี่ไปเตรียมของว่างทันที

“หนูรินรอๆ  ไม่หิวเท่าไหร่  คุณย่าขา”
พูดพลางยิ้มประจบ  ย่าพร้อมก็ยกมือลูบหัวเด็กช่างเจรจา


“วันนี้ลูกชุบค่ะหนูริน” พี่ส้มวางขนมให้ตรงหน้า
 หนูรินยกมือไหว้ขอบคุณพี่ส้ม  หนูน้อยจิ้มลูกชุบหลากสีเข้าปากเขี้ยวตุ้ยๆ
นมพร้อมมองเด็กน้อยที่บอกว่าไม่ค่อยหิวด้วยสายตาเอื้อเอ็นดู 
ไม่ทันไรจานของว่างก็ว่างเปล่าไปแล้ว  ยัยหนูยกน้ำขึ้นดื่มต่อ
 วางแก้วลงแล้วลูบท้องป้อยๆ

“ทานเยอะไม่ดี  อ้วนๆ  พ่อภูบอก"
เด็กในครัวได้ยินพากันหัวเราะ  โดยเฉพาะเจ้านัทตัวแสบที่ชะเง้อมองจานขนมที่ว่างเปล่า
ก็พูดสวนขึ้นทันควันตามประสาคนปากไว

“ไม่ทันแล้ว  ลูกหมูเอ้ย!  จะกลิ้งได้แล้วล่ะนั่น”
 พี่นัทหัวเราะงอหาย

“กิ้งไม่ได้สิพี่นัท  หนูรินไม่อ้วนซะหน่อย”
 หนูน้อยยกมือกอดอกฉับ  หันข้างให้พี่นัทที่ว่าตนอ้วนเป็นหมู

`เป็นหมูไม่ดีสิ`
 หนูน้อยคิด  เจ้านัทก็ยังล้อหลอกทำจมูกหมูใส่คุณหนูของมันไม่หยุด

นมพร้อมยกมือเป็นขึ้นเป็นการห้ามปราม  เจ้านัทจึงยิ้มแหยๆ
แล้วเข้าไปง้อหนูรินที่แก้มป่องพองลมไปแล้ว

เจ้านัทง้องอนคุณหนูแป๊บเดียวเสียงหัวเราะคิกคักก็กลับมาอีกครั้ง
นมพร้อมเห็นว่าบ่ายคล้อยมากแล้ว  จึงบอกส้มให้มาพาหนูรินไปนอนกลางวัน

“นอนกลางวัน  ตื่นมา…ฉลาดเลย”  หนูรินเชื่อที่พี่นัทเคยบอกไว้
 ทุกคนในครัวพากันอมยิ้มคำพูดของหนูน้อย  ก่อนไปไม่วายหันมาโบกไม้โบกมือไหวๆ ลาทุกคน




หญิงสาวในชุดกระโปรงสีส้ม  ผ้าเนื้อเนียนเบาสบายกับดีไซน์เก๋ที่สวมใส่
ทำให้เธอดูเป็นสาวมาดมั่น  และการแต่งหน้าที่ไม่เข้มจัดจนเกินไปกับผมที่ซอยสั้น
บ่งบอกความเป็นตัวเองในแบบของเธอ 

หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปยังห้องของผู้บริหารหนุ่ม  พร้อมหอบแฟ้มงานอีกกองและสมุดเสนอเซ็นเข้าไปด้วย
“คุณภูคะ  ริสามีงานมาเพิ่มแฟ้มนี้ค่ะไม่ด่วนเท่าไหร่  ตารางงานพรุ่งนี้ด้วยค่ะ
 ประชุมบอร์ด 9  โมง  ทานมื้อเที่ยงกับคุณปรานต์ที่ร้านอาหารไทย
 บ่ายเข้าไซต์งานกับคุณวินิจค่ะ”

หญิงสาวแจกแจงตารางงานให้ภูดิศฟัง  เขาพยักหน้ารับแต่ไม่เงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยซ้ำ
เขายังคงง่วนอยู่กับเอกสารกองหนาตรงหน้า  เธอทำหน้าที่เป็นเลขาคู่กับณนนท์
ให้กับชายหนุ่มมานาน  ความเป็นคนหนุ่มที่เต็มไปด้วยความสามารถและฉลาดหลักแหลม
ทันคน  ทำให้ทั้งเธอและณนนท์จำเป็นต้องตื่นตัวและพัฒนาตัวเองให้ทัดเทียมเจ้านายตลอดเวลา
มีเจ้านายไฟแรงและเก่งแบบนี้ก็เหนื่อยเป็นธรรมดา

“ริสา  ผมขอรายละเอียดที่จะคุยในวันพรุ่งนี้ด้วย  ส่วนบ่ายนี้ผมไม่เข้าแล้วนะ
 แล้วก็ช่วยเรียกณนนท์ให้ผมที  ขอกาแฟมาเพิ่มให้อีกถ้วยนึงด้วยล่ะ”
 ชายหนุ่มพูดรัวเร็ว  ใบหน้าเรียบเฉย

ไม่บ่อยครั้งนักที่ริสาจะได้เห็นใบหน้าที่แสดงอารมณ์ในแบบอื่นๆ ด้วยหน้าที่การงานที่รัดตัว
และช่วงเวลาที่ต้องเร่งรีบมันได้กลืนกินชายหนุ่มไปมากทีเดียว

ริสาได้แต่นึกเห็นใจเจ้านายหนุ่ม  เมื่อริสาออกไปสักพักเลขาหนุ่มหล่อตัวบาง
หน้าตี๋  ปากแดง  ก็เข้ามาพร้อมกาแฟที่ชายหนุ่มขอไว้

“คุณภูเรียกผม  มีงานอะไรเร่งด่วนให้รับใช้ครับ”
พูดพร้อมกับส่งยิ้มตาหยีมาให้  ภูดิศเงยหน้ามองคนมาใหม่พร้อมยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบไปพลางๆ

“คุณช่วยติดต่อที่พัก  ที่สวนผึ้งให้ผมที  ผมจะพาครอบครัวไปพักผ่อนขอเป็นปลายๆเดือนนะ
ที่พักสำหรับ 7 - 8 คน  ขอเป็นความลับด้วยล่ะ  ไม่อยากให้ใครไปรบกวน”
ชายหนุ่มสั่งงานแล้วก็ก้มหน้าก้มตาสนใจกับกองงานตรงหน้าต่อ

“ครับบอส  จะซุกสาวไปด้วยก็บอกเถอะครับ  เดี๋ยวผมจัดให้แบบเงียบเชียบที่สุด
วางใจได้เลยครับ”

 ภูดิศเงยหน้ามองทำตาดุใส่เจ้าหนุ่มตี๋  ณนนท์คนเดียวนี่แหละที่กล้าเย้าแหย่เขาแต่ความขี้เล่น
ที่ไม่มีพิษภัยอะไรก็ทำให้ผ่อนคลายได้ดีเหมือนกัน  ทั้งริสาและณนนท์สองคนนี้ไม่ว่างานน้อยใหญ่
ไม่เคยปล่อยหลุด  จัดการได้ดีแม้กระทั่งกับคนที่เจ้านายอย่างเขาไม่พึงประสงค์ก็ตาม



เลิกงานแล้วขณะที่ภูดิศเอื้อมมือไปจะเปิดประตูรถยนต์คันหรูสีดำของเขาเพื่อกลับบ้าน
โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน  พอเห็นรายชื่อผู้ที่โทรเข้ามาก็พรูลมหายใจก่อนจะกดรับสาย

“สวัสดีครับ  คุณปู่”

“ตาภู  เข้ามาที่บ้านเย็นนี้  ปู่มีธุระจะคุยกับแก  อย่าช้าล่ะ”

“ครับ”  แค่นั้นจริงๆ  ที่เขาพูดได้ทัน  ก่อนที่ปลายสายจะตัดไป



ปัญหาร้อนหูและชวนให้ร้อนใจมักจะตามมาเสมอเมื่อเขากับปู่ต้องพบกัน

ชายหนุ่มเลี้ยวรถเข้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์หลังงามตระกูล  `ศุภกิตติ์บุญญารักษ์`
ซึ่งกินอาณาบริเวณกว้างขวางแทบจะสุดลูกหูลูกตา 
บ้านที่เขาเคยอยู่มาตั้งแต่เล็กแต่น้อย  เขาซึ่งเป็นทายาทสายตรง
กลับไม่มีความยินดียินร้ายต่อมันเลย


เขาอึดอัดทุกครั้งที่ต้องย่างกรายเข้ามาที่นี่  ชายหนุ่มเดินเรื่อยไปตามทางที่ทอดยาว
ไปยังห้องรับแขกที่คาดว่าประมุขของบ้านกำลังรอการมาของเขาอยู่
เมื่อโผล่หน้าเข้าไปในห้องก็พบชายวัยเกษียณผมสีดอกเลา  ท่าทางน่าเกรงขาม
นั่งอ่านหนังสือรออยู่ก่อนแล้ว  ท่านเงยหน้าขึ้นแล้ววางหนังสือในมือลง
ชายหนุ่มรีบทำความเคารพ  แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับท่าน

สาวใช้นำน้ำดื่มมาเสิร์ฟ  เขาทำเพียงชายตามองเฉยๆ  โดยไม่คิดที่จะยกขึ้นดื่มด้วยซ้ำ

“ปู่จะให้แกหมั้นกับหนูญาดา  ลูกสาวคุณอรรถกับคุณหญิงรวี”
 คุณปู่พูดขึ้นโดยไม่มีอารัมภบทเช่นเคย

“ห๊ะ!!  อะไรนะ!!”
 ร่างสูงตกใจ  เผลอหลุดตะโกนออกไป

คนเป็นปู่ชะงักมองหลานชายที่ไม่เคยว่าง่ายสักครั้งในสายตาของท่าน
 แววตาเด็ดเดี่ยวนั่น  ไม่ต่างอะไรกับตอนที่ชายชราหนุ่มๆ เลยสักนิด

“อายุแกก็มากพอสมควรที่จะมีคู่ครอง  ยังจะรออะไรอีก
 ฉันที่แก่ลงทุกวันก็ต้องการเพียงเห็นพวกแกเป็นฝั่งเป็นฝา 
ไม่รู้ล่ะ  ไม่แกก็ตาเมศที่ต้องมีทายาทสืบสกุลให้ฉัน”
คุณปู่พูดไปตามเจตนาที่ตั้งไว้  ท่านเห็นสีหน้าเป็นกังวลของหลานชายแล้วให้นึกขัดใจยิ่งนัก

“ไม่!!  ผมไม่หมั้น!”
ภูดิศพูดเสียงแข็งตามแบบที่เขาเป็น  เขาไม่เคยยอมใครแม้แต่คนเป็นปู่ก็ตาม

“คนนี้  ปู่เลือกแล้ว  ชาติตระกูลใช้ได้  และคาดว่าจะเข้าใจแก ไม่ต้องมาทำเสียงแข็งเลย”
 ปู่กับหลานจ้องหน้ากันแบบไม่มีใครยอมใครหรือถ้าใครหลบตาก่อนคนนั้นจะแพ้เสียอย่างนั้น

“พอเถอะครับคุณปู่  ยังไงผมก็ไม่หมั้น!!”
 ภูดิศยืนกรานเสียงแข็งตามอารมณ์ที่เริ่มไต่ระดับขึ้น


 ปู่เห็นหลานไม่มีทีท่าจะอ่อนให้จึงยื่นคำขาดออกไปด้วยความกรุ่นโกรธ
"แกต้องทำตามที่ฉันสั่งเท่านั้นภูดิศ!!  หากแค่เรื่องเดียวแกทำให้ฉันไม่ได้
ก็อย่ามาเผาผีกัน  ฉันจะได้รู้ว่าไม่ได้มีหลานอย่างแก  หัวดื้อหัวรั้นเป็นก็เท่านั้น
แกไปได้แล้วฉันไม่อยากเห็นหน้าแกอีก”


โทสะที่ระเบิดออกมาของปู่ในครั้งนี้ทำให้ภูดิศรู้สึกหนักอึ้งเป็นอย่างมาก

หากเขายอมตามใจปู่ชีวิตทั้งชีวิตของเขาจะปราศจากความสุขในทันที
เขาจะทำอย่างนั้นได้ยังไง  ชายหนุ่มกำมือแน่นตัดสินใจพูดมันต่อ

“คุณปู่จะให้ผมทำอะไรผมจะทำให้  แต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องเดียวที่ผมให้ไม่ได้
 เลิกคิดที่จะหาเมียให้ผมสักทีเถอะครับ  เราพูดกันนับครั้งไม่ถ้วนแล้วนะครับ
 คุณปู่ไม่เบื่อบ้างหรือไงครับ”
 เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ


คุณปู่ลุกขึ้นชี้หน้าชายหนุ่มทันที  หน้าแดงก่ำด้วยระงับความโกรธไม่อยู่แล้ว

“ตกลงแกจะขัดคำสั่งฉันให้ได้ใช่ไหม  ที่ฉันทำเพราะเป็นห่วงแก
กลัวแกจะไปคว้าพวกผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้ามา  ฉันต้อง
การทายาทสืบสกุลต่อจากพวกแก  ไม่ใช่ไอ้เด็กที่ไหนก็ไม่รู้ที่แม่มันใจแตก
แล้วแกก็อุปโลกน์รับมาเลี้ยงเป็นลูก  กับแม่พร้อมนั่นก็อีกคนไม่มีห้ามปรามกันเลยสักนิด
อุ้มชูกันเข้าไปถ้าเด็กนั่นโตมาคงนำเรื่องงามหน้ามาให้แก
ถึงตอนนั้นชื่อเสียงวงศ์ตระกูลที่ฉันอุตส่าห์สร้างสมมาไม่ฉิบหายวายปวง
ไปหมดหรือไงกันห๊ะ!!?”


"คุณปู่!!  หนูรินยังไงก็เป็นลูกผมแล้ว  อย่าลากแกเข้ามาเกี่ยวด้วยเลยครับ
 อคติของคุณปู่จะทำร้ายแกโดยไม่รู้ตัว  ถึงคุณปู่จะไม่ยอมรับแกเข้าร่วมสกุล
 ไม่รักไม่เอ็นดูผมไม่ว่าเลย  แต่ครั้งนี้ผมขอร้องล่ะ!  อย่าได้พูดจาพาดพิงว่าร้ายแก
ให้ต้องเสียๆ หายๆ เลยครับ  เด็กก็เหมือนผ้าขาวอยู่ที่เราจะแต่งแต้มสีสันลวดลายให้กับแก
อย่าทำให้ผ้าสีขาวหมองก่อนที่จะได้ลงสีเลยนะครับคุณปู่  ผมขอร้อง”

ชายหนุ่มพูดด้วยหัวใจที่เหมือนถูกบีบคั้นอย่างรุนแรง


“แกกล้าดียังไงมาต่อปากต่อคำกับฉัน  แตะต้องกันไม่ได้เลยสินะ
 อ้าปีกกางแขนปกป้องกันเข้าไป”
 คุณปู่พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน  ใบหน้าโกรธจัดไม่หาย

ภูดิศขยับลุกพรวดเขาทนฟังวาจาเชือดเฉือนต่อไปไม่ไหวแล้ว

“ไว้คุณปู่ใจเย็นกว่านี้เราค่อยคุยกันนะครับ  ผมไปล่ะ” 
พูดจบชายหนุ่มก็จ้ำอ้าวๆ ออกจากห้องทันทีไม่คิดที่จะหันกลับไปมองข้างหลัง


พอพ้นคฤหาสน์นั้นมาไกลพอสมควรชายหนุ่มก็ถอนหายใจหนักหน่วง
จอดรถเข้าข้างทางมือกำพวงมาลัยแน่น
ไหล่สั่นไหวอย่างพยายามระงับสติอารมณ์
เขารู้ดีว่าปู่จะไม่ยอมลามือง่ายๆ  ดูท่าชีวิตที่สุขสงบในรอบหลายเดือน
จะพบความยุ่งยากเข้าแล้ว  จะห่วงก็แต่หนูรินเท่านั้นไม่อยากให้แกต้อง
มารับรู้สิ่งที่ผู้ใหญ่กระทำต่อกันเลยจริงๆ










หัวข้อ: ภูรักฟ้า ตอนที่ 2 เมื่อหมอมาหา
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 26-11-2018 20:51:01
ตอนที่ 2 เมื่อหมอมาหา

บ้านสองชั้นสไตล์โมเดิร์นที่ปลูกสร้างในแบบผสมผสานระหว่างปูนกับไม้
บนเนื้อที่กว่า 5 ไร่  ที่ชายหนุ่มเป็นเจ้าของ
ภายในห้องนั่งเล่นสมาชิกในบ้านต่างรวมตัวกันอยู่ก่อนแล้ว
โดยนมพร้อมง่วนอยู่กับงานถักโครเชต์ในมือ
เจ้านัทเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนเดียวของบ้านคลานสี่ขาบนพื้นให้หนูริน
ขึ้นขี่หลังพาวนไปรอบๆห้อง 

ส้มกำลังจัดเก็บข้าวของเครื่องใช้ของหนูรินเข้าที่
ส่วนป้าแก้วยุ่งอยู่กับการจัดอาหารขึ้นโต๊ะให้เจ้าของบ้านหนุ่มที่โทรเข้ามาว่าใกล้จะถึงแล้ว


แสงไฟที่ส่องสว่างบนโถงทางเดิน  เสียงพูดคุยและเสียงหยอกล้อเล่นกันลอยมาให้ได้ยิน
จากภายในห้องพักผ่อน  เสียงที่เปรียบเสมือนน้ำทิพย์ชโลมใจให้ชุ่มชื่น
จังหวะที่ชายหนุ่มโผล่หน้าเข้าไปในห้องนั้น


“พ่อภูขา  กลับมาแล้ว  พี่นัทหนูรินจะลง จอดๆค่ะ”
ยัยหนูตะกายลงจากหลังเจ้านัท


วิ่งไปเกาะขาชายหนุ่มทันที  ยิ้มอวดฟันขาวแล้วชูไม้ชูมือ
“พ่อภูขา อุ้มๆ”
ภูดิศจึงช้อนตัวอุ้มหนูรินขึ้นมา
แล้วก็จับฟัดแก้มกลมซ้ายขวาเสียฟอดใหญ่ๆ  ยัยหนูหัวเราะคิกคักถูกใจ

“หนูริน  พ่อภูกลับมาเหนื่อยๆ  ไม่กวนคุณพ่อนะลูก”
 ย่าพร้อมออกปากห้ามปรามหนูน้อย

หนูรินทำปากจู๋แล้วก็ยื่นไปจุ๊บๆ ที่ปากชายหนุ่มเหมือนที่เคยทำเพราะรู้ว่าคุณพ่อจะหายเหนื่อย
“พ่อภูเหนื่อย  หนูรินจุ๊บๆ 2 ที หายเลย”
ชายหนุ่มหัวเราะในความไร้เดียงสาและช่างคิดของลูก  พลางขยี้หัวลูกสาวอย่างรักใคร่

“โอ้โห!  หายเหนื่อยจริงๆด้วย  คนเก่ง  อยู่กับย่าพร้อมก่อนนะ
 พ่อขอไปล้างหน้าแป๊บนึง”

“คุณหนูทานข้าวเสร็จค่อยมานะคะ  อาหารจัดเสร็จแล้ว
 หนูรินบ่นหิวๆ  นมจึงไม่ทันได้รอน่ะค่ะ  ทานไปคนเดียวก่อนนะ”
 นมพร้อมบอกกล่าวให้รู้

“อ้าว! ไม่เป็นไรครับ  พอดีบ้านใหญ่เรียกตัว”
 ชายหนุ่มเผลอปากเล่าไปแล้วนึกได้จึงหยุด
ทำทีเลี่ยงออกไป  เขาไม่อยากเอาเรื่องร้อนใจที่เขาได้รับมาให้นมพร้อ
มพลอยทุกข์ใจไปกับเขาด้วย



นมพร้อมมองตามร่างสูงที่คล้อยหลังไป  นางได้แต่ส่ายหน้าสงสารชายหนุ่ม
เพราะคุณท่านบ้านใหญ่ที่เอาแต่ใจ เผด็จการ  ท่านเปรียบดั่งพายุหมุนลูกใหญ่
ที่ก่อให้เกิดคลื่นลมแรงมากระทบชายฝั่งอยู่เสมอ

คุณหนูของนางจะทนได้สักแค่ไหนกันนางก็ได้แต่ห่วงอยู่ห่างๆ



พ่อลูกระบายสีสมุดภาพจนหัวแทบชนกันอยู่พักใหญ่ๆ
จนได้เวลานอนส้มจึงมาพาหนูรินไปอาบน้ำ


 เด็กน้อยในชุดนอนลายเจ้าหญิงดิสนีย์  ปีนขึ้นบนเตียงพร้อมสมุดภาพนิทานในมือ
“พ่อภูขา วันนี้เอาเรื่องนี้นะคะ  เมื่อวานหนูรินหลับก่อน  ฟังไม่จบเลยค่ะ”

“ได้สิคะ  มาๆ  เริ่มเลยนะ  ต.เต่าเตาะแตะต้วมเตี้ยม…”
คุณพ่อเล่าไปคนลูกก็ถามนั่นนี่ไม่ได้หยุดนี่ไงเจ้าหนูจำไมของบ้านสงสัยตลอด

พักเดียวสังเกตว่าหนูน้อยที่ถามไม่หยุดเงียบเสียงไปจึงก้มมอง
เห็นเจ้าตัวน้อยหลับ จึงดึงผ้ามาห่มให้
แล้วจึงหันไปปิดไฟกลางห้องเปิดโคมไฟดวงเล็กข้างเตียงแทน
ชายหนุ่มกดจูบหน้าผากลูกเบาๆ
ก่อนเดินไปยังประตูที่เชื่อมไปสู่ห้องนอนใหญ่ของเขา 



ห้องนอนที่ตกแต่งสีเอิร์ธโทนซึ่งเป็นสีใกล้เคียงธรรมชาติ
เขาเลือกใช้สีเบจซึ่งออกน้ำตาลอ่อนๆ
สีนี้ทำให้รู้สึกสงบและผ่อนคลาย
เขาล้มตัวลงนอนบนเตียงขนาดคิงไซส์
พยายามข่มตาให้หลับลงอย่างยากลำบากกว่าทุกครั้งเพราะเรื่อง
ที่มารบกวนจิตใจ  กว่าจะหลับลงก็เข้าวันใหม่




ภูดิศตื่นก่อนนาฬิกาปลุกเสียอีก  เขาเปลี่ยนใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อแขนกุดสีกรมเข้าชุดกัน
เขาตั้งใจจะลงไปวิ่งรอบสระว่ายน้ำ แล้วจะถือโอกาสนี้ไปชมสวนที่ลุงเนียนดูแลอยู่ด้วย


ลุงเนียนเป็นคนสวนเก่า  แกเป็นคนซื่อสัตย์  ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขใดๆ ทั้งสิ้น
แกตัวคนเดียวไม่มีลูกหลาน
“คุณภู  ตื่นเช้ามากเลยนะครับวันนี้”
 ลุงเนียนหยุดมือที่กำลังขุดยกร่องแปลงผัก
 พร้อมมองใบหน้าชายหนุ่มที่ชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
 แต่สีหน้ากลับมีรอยยิ้มน้อยๆ

“ครับ  ไหนๆ ก็ตื่นแล้วเลยลงมาวิ่ง  ผักชุดนี้ของลุงเนียนงามจริงๆเลยครับ”
 ชายหนุ่มชวนพูดคุย

“เดี่ยวลุงตัดไปให้แม่แก้วทำให้ทานนะครับ  ช่วงนี้อากาศดี  ฝนด้วย  ผักถึงได้สวยครับ”

“ดีเลยครับลุง  ผักสดแถมปลอดสารพิษด้วย”
 ชายหนุ่มยิ้มพอใจ
 
ลุงเนียนยิ้มชอบอกชอบใจที่เจ้านายหนุ่มถูกใจผักของแก
พลางก้มหน้าทำงานของแกต่อไป

ชายหนุ่มจึงเดินเลี่ยงออกมา  เพื่อกลับไปอาบน้ำเตรียมตัวไปทำงานและส่งลูกไปโรงเรียนเหมือนเช่นทุกวัน
 


ช่วงสายของวันหมอคีรีซึ่งเป็นเพื่อนกับเขาตั้งแต่มัธยมเข้ามาหา  หมอคีรีเพิ่งกลับจากต่างประเทศ
เพราะทำโปรเจคร่วมระหว่างประเทศในด้านการค้นคว้าวิจัย  จึงทำให้ไม่ได้พบกันนานเป็นปี 
หมอคีรีดูไม่เปลี่ยนไปจากเดิมรูปร่างสูงใหญ่เหมือนกับเขาแต่ผิวขาวกว่ามากนัก

“ไงหมอบ้า ไม่เจอกันนาน หืม”
ชายหนุ่มชะงักคำพูดที่เอ่ยทัก
เมื่อเห็นสีผมที่ชัดเจนของเพื่อน สีบรอนเทาต้องกล้าขนาดไหนถึงจะทำได้นะ
ชายหนุ่มนึกค่อนขอดในใจ
 

“เห่ย…ไรวะ?  ไม่เจอกันเป็นปี  เรียกเพื่อนรักให้มันไพเราะหูหน่อย
 เป็นจิตแพทย์เว้ย!!  ไม่ได้บ้า  ไอ้นี่”
 หมอคีรีเข้ามาตบกลางหลังเขาเสียป้าบใหญ่เป็นการทักทายในรอบปี


“เออ!  ผมสีนี้ใครเข้าฝันให้ทำวะ กล้าคิด  กล้าทำว่ะ”

“ช่างเรื่องหัวมันเถอะน่า เป็นไงบ้างตอนนี้?”
 หมอคีรีทำคิ้วยุ่งๆ  แบบรำคาญๆ  แล้วเปลี่ยนเรื่อง

“แย่ว่ะ!  เรื่องมันยาว  แกว่างไหมล่ะ  ไปกินข้าวเย็นที่บ้านสิ  แล้วจะเล่าให้ฟัง”

“ก็ดีนะ  ไม่เจอนมพร้อม  คิดถึงรสมือป้าแก้วด้วย  แล้วก็อยากเจอหนูรินของแก
 งั้นเย็นนี้เจอกันอีกที”
 สองหนุ่มคุยกันไปสักครู่ใหญ่ๆหมอหนุ่มก็ขอแยกตัวกลับก่อน



แขกของบ้านตั้งแต่มาถึงพูดคุยไม่หยุดปากอาจเพราะไม่ได้พบกันนาน
บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง
หนูรินกว่าจะจำอาหมอของเธอได้และยอมเข้าใกล้ก็นานพอดู
แต่ด้วยทักษะการโน้มน้าวจิตใจ

และฝีปากของจิตแพทย์หนุ่มไม่มีใครเกิน  ตอนนี้หนูรินก็คุ้นเคยเกาะติดอาหมอไม่ห่าง 

หลังมื้ออาหารสองหนุ่มแยกตัวไปนั่งคุยกันที่ซุ้มไม้เลื้อยข้างๆ ตัวบ้าน
บรรยากาศโปร่งโล่งสบายลมพัดเอื่อยๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากการต้อง
อยู่ในห้องแอร์มาทั้งวัน

หมอคีรีเริ่มเปิดประเด็นพูดคุยขึ้นก่อน
“มีเรื่องอะไรวะภู  เล่ามา  รอฟังอยู่”
 หมอคีรีมองหน้าเพื่อนแววตานิ่งๆ

“ปู่จะให้หมั้นหญิงว่ะ”  เขาตอบไปแบบเซ็งๆ

“อีกแล้วเหรอวะ  คนที่เท่าไหร่เข้าไปแล้ว  แกปฏิเสธเลยถูกคุณปู่โกรธ
 แล้วก็ทะเลาะกันยกใหญ่?”
 เพื่อนซี้เดาอย่างกับตาเห็น  ภูดิศพยักหน้ายอมรับทุกคำที่เพื่อนพูด

“เออ!  แกก็รู้ว่าใครที่จะเข้ามาต้องเข้าใจตัวฉัน  และงานของฉันรวมถึงต้องยอมรับหนูรินด้วย
 อีกหลายสิ่งหลายอย่างว่ะ”
ชายหนุ่มพูดไปพลางลูบคลำปลายคางเล่นไปด้วย

“อืม  เหตุผลใช้ได้…แต่แค่เพียงบางส่วนเท่านั้น…แกนหลักๆ ของเรื่อง
 แกกำลังรอเด็กนั่นของแกอยู่ต่างหากล่ะไอ้ภู!” 
หมอคีรีพูดด้วยสีหน้าจริงจัง  ภูดิศได้ฟังเกิดอาการอ้ำอึ้งพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
เพราะหมอคีรีเหมือนมานั่งอยู่ภายในใจของเขาเลยทีเดียว


“ภู  แกฟังนะ  แกจะรอคนที่แกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร  ทำอะไรอยู่ที่ไหน
และที่สำคัญไม่รู้แม้กระทั่งชื่อ  เพื่ออะไรวะ  ป่านนี้เด็กนั่นยังจะโสดรอแกอยู่เหรอ!!”

หมอคีรีทำเสียงขึงขังขึ้นจมูกอย่างหงุดหงิดเพื่อนรักเสียเต็มประดา 
กับเรื่องที่ฝังลึกในใจที่มันไม่รู้จักลืมเสียที

“ไม่รู้ว่ะหมอ  มันลืมไม่ได้  จะให้ทำไงล่ะ?”
 ชายหนุ่มพูดโต้กลับไปอย่างกวนๆ

“งั้นมาพูดเรื่องว่าที่คู่หมั้นแกดีกว่า  ตกลงแกจะทำไงต่อไป?”
 หมอคีรีเลิกคิ้ว และเอ่ยถามกลับมา

“ถ้าปู่อยากจะจับคู่นัก  ฉันคงต้องเล่นละครสักพัก”
 ภูดิศตอบอย่างจนหนทางแล้วจริงๆ

“อืม ก็ขอให้แกรอดพ้นจากเงื้อมมือแม่สาวนั่นก็แล้วกัน”
 หมอคีรีส่ายหน้าในชะตากรรมที่ภูดิศจะต้องเผชิญในอนาคตอันใกล้นี้

“นี่ก็ดึกแล้ว  ฉันต้องกลับก่อนว่ะ  ไว้เราไปหาที่นั่งดื่ม
 ปลดปล่อยอารมณ์กันหน่อยละกัน”

“เออๆ  ขับรถกลับดีๆ”


แล้วหมอคีรีก็ลากลับไป  ปล่อยให้ภูดิศนั่งจมอยู่ในห้วงคำนึง
นึกถึงคนในอดีตต่อไปพักใหญ่ๆ เขาจึงเดินกลับเข้าไปภายในบ้าน






     TBC.
หัวข้อ: ภูรักฟ้า ตอนที่ 3 แรกพบสบตา
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 26-11-2018 21:16:24
ตอนที่ 3 แรกพบสบตา

ค่ำคืนของสถานบันเทิงชื่อดังย่านใจกลางเมือง
ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างกำลังปลดปล่อยอารมณ์
ไปตามท่วงทำนองของดนตรี

สถานที่อโคจรแบบนี้ไม่บ่อยนักที่ภูดิศจะเหยียบย่างเข้ามา
สองคู่หูได้ที่นั่งในโซนวีไอพีที่เป็นส่วนตัวพอสมควร

แม้จะมีสาวสวยแวะเวียนเข้ามาเพื่อผูกสัมพันธ์
ทอดสะพาน  แต่พวกเธอก็ต้องผิดหวังกลับไป 

แก้วเหล้าตรงหน้าของเขาพร่องไปเพียงนิดเดียว
เป็นเพราะเขาไม่นึกอยากดื่ม  เขานั่งเขี่ยกับแกล้มตรงหน้า
แล้วค่อยตักเข้าปากไปพลางๆ



กวาดสายตามองนักท่องราตรีโต๊ะอื่นๆ  ก็พบหญิงสาวคนหนึ่งท่าทางไฮโซ
ทั้งที่มีหนุ่มมาด้วยก็ยังแอบส่งสายตาหวานหยดมาทางเขาสองคน
เจ้าหล่อนแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดกับทรวดทรง  องเอว  ส่วนโค้ง  ส่วนเว้า
และการใส่ชุดที่โชว์เนื้อหนังที่มากจนเกินพอดี
ดื่มหนักแต่ไม่ออกอาการมึนเมาให้เห็น 

แล้วภูดิศก็เลิกใส่ใจเธอหันมองเพื่อนก็เห็นดื่มไป
แล้วก็สไลด์หน้าจอโทรศัพท์เล่นเป็นครั้งคราว
สีหน้าผ่อนคลาย  เขาสองคนแต่งกายเหมาะกับช่วงวัยก็คืนนี้เอง



ชายหนุ่มเริ่มเบื่อเมื่อนั่งไปชั่วโมงกว่าๆ  หากจะหาเหตุกลับตอนนี้หมอคีรีคงไม่ยอมเป็นแน่ 
พลันสายตาไปสะดุดที่หนุ่มตัวเล็ก 2 คน  คนหนึ่งผมสั้น
ส่วนอีกคนผมยาวปล่อยสยายเต็มแผ่นหลัง
ทั้งสองได้ที่นั่งโต๊ะข้างหน้าเขา  คนผมยาวหน้าหวานนั่งหันหน้า
มาทางเขาพอดี  ทำให้เห็นว่าเจ้าตัวมีเครื่องหน้าที่
เล็กจิ้มลิ้ม คิ้วเรียว  ดวงตารีอย่างกับตากวาง  จมูกเชิดรั้น
ริมฝีปากบางเป็นรูปกระจับ
สวมเสื้อยืดสีอ่อนเข้ารูปกับกางเกงยีนส์ขาดเป็นริ้วสวยทำให้ดูบอบบางลงไปอีก 


ภูดิศจ้องมองจนแทบจะเก็บรายละเอียดได้หมดทั้งตัว
ถ้าไม่เพราะคนถูกมองมุ่นหัวคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์นัก
ชายหนุ่มจึงจำต้องละสายตาออกมาชั่วคราว

“ไงวะภู  สนใจเหรอ? 
จ้องอย่างเอาเป็นเอาตายซะขนาดนั้น  อยากได้เบอร์เดี๋ยวให้เด็กไปขอให้”

หมอคีรีเห็นอาการเพื่อนตั้งแต่คนตัวเล็กเดินเข้ามาแล้ว
อาการเบื่อๆ ซังกะตายหายเป็นปลิดทิ้ง
ไม่เคยเห็นเพื่อนในแบบนี้มาก่อนจ้องตาไม่มีกระพริบ
หมอคีรียกยิ้มมุมปากมีเรื่องให้สนุกแล้วสินะ


“เปล่าเว่ย”  ภูดิศยักไหล่ตอบสั้นๆ  แล้วหันไปมองอีก
แต่คราวนี้ที่โต๊ะนั่นมีเพื่อนมาเพิ่ม
ไอ้การเห็นคนตัวเล็กถูกเพื่อนสัมผัสตัวเท่านั้น
อาการฟึดฟัดไม่พอใจของภูดิศก็เกิดขึ้น
เจ้าตัวไม่รู้ว่าออกอาการ `ขี้หวง` จนหมอคีรีรู้สึกได้


“เฮ้ย!  ฟ้า  ออกไปเต้นกันมั๊ยล่ะ”
 ดิศได้ยินเพื่อนในกลุ่มเรียกหนุ่มตัวเล็กพร้อมกับเข้าตบบ่า
เจ้าตัวส่ายหน้ายิ้มๆ  แค่เห็นรอยยิ้มเพียงเล็กๆ นั่น
ชายหนุ่มก็ใจไหววูบ  หัวใจเต้นผิดจังหวะ  ชื่อ`ฟ้า` สินะ

“ไอ้ภู!  เว้ย!  หางโผล่แล้วว่ะ  ไอ้นี่”
 หมอคีรีแกล้งเพื่อน  ภูดิศสะดุ้ง  ส่งสายตาเคืองๆ มาให้

“อะไรเล่า  ไอ้หมอเลว  จะตะโกนทำไม  เดี๋ยวน้องเค้าได้ยิน”
ภูดิศยกเท้าจะถีบ แต่หมอคีรีรู้ทันจึงชักขาหลบและหัวเราะขำ
ไอ้คนปากไม่ตรงกับใจ  นั่งต่อกันไปอีกพักใหญ่ๆ


“ไอ้ภู เว้ย!!  กลับเถอะว่ะ  พรุ่งนี้มีงานด่วน”
ไอ้หมอแหกปากเรียกชวนให้กลับบ้าน 
ทีอยากจะอยู่ต่อให้นานขึ้นมันดันจะกลับ
แล้วมันจะตะโกนทำไมนักหนาอยู่กันแค่นี้

เขารู้สึกไม่ชอบหน้าเพื่อนรักนักที่ขยันทำให้ขายหน้า
มันเรียกเช็คบิลส่งบัตรเครดิตให้พนักงานรูดค่าอาหาร
ถึงมื้อนี้จะได้กินฟรี  ก็ยังแอบเกลียดขี้หน้ามันอยู่ดี
ก่อนออกจากร้านชายหนุ่มก็อดที่จะหันมองคนตัวเล็กอีกครั้งไม่ได้


“ไม่เข้าไปทักหน่อยเหรอวะ  อย่าป๊อดดิเพื่อน”
หมอคีรีกระเซ้าเพื่อนอีก

“เถอะน่า  กลับก็กลับดิไปๆ” ภูดิศตัดใจเดินนำออกมา

“ไอ้หมอกลับดีๆ  แล้วเจอกัน” ภูดิศส่งหมอคีรีขึ้นรถก่อน

“เจอแล้วใช่ไหม?
คนในความลับน่ะ  เจอแล้วก็อย่าปล่อยหลุดมือ”

“ ??????????????????..............”
อึ้งได้อีกกับประโยคที่เพื่อนทิ้งไว้ให้

ภูดิศมองตามไฟท้ายที่ค่อยๆ ไกลออกไปทุกทีจนลับตา
พลางคิดตามคำพูดของหมอหนุ่ม `เจอแล้วงั้นเหรอ`




เช้านี้ได้อาบน้ำร่างกายรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก
ชายหนุ่มนั่งทานข้าวต้มกุ้งเป็นมื้อเช้ากับลูก
หนูน้อยหันมาส่งยิ้มอวดฟันขาวอย่างเคยและชวนคนพ่อคุย

“พ่อภูขา ไปดูหนูรินเต้นไหมคะ?”

“ไปซิค่ะ  คนเก่งของพ่อ  ได้เต้นทั้งที”
ชายหนุ่มรับปากลูก 

หนูรินออกจะตื่นเต้นเสียยกใหญ่ที่จะได้ร่วมแสดงกับเพื่อนๆ
 นงานโรงเรียนที่จะมีขึ้นในอีก 3 วันข้างหน้า

“หนูรินเป็นแมลงเต่าทองด้วยค่ะ  วินวินเป็นผึ้งน้อยด้วยนะคะ”
หนูหน้อยเล่าให้ฟังเสียงเจื้อยแจ้ว
ชายหนุ่มฟังยิ้มๆ  คงต้องรีบเคลียร์งานให้เสร็จจะได้ไปดูลูก



เมื่อการประชุมเสร็จสิ้น  ชายหนุ่มก็ไปยังที่นัดหมายซึ่งเป็นร้านอาหารไทย
เจ้าประจำของเขาซึ่งไม่ไกลจากที่ทำงานนัก

ร้านนี้ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่  ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย 
ชายหนุ่มสั่งอาหารและนั่งรอการมาของผู้นัดหมายอีกคน
ไม่นานชายวัยกลางคนแต่งกายภูมิฐานท่าทางใจดีก็มาอยู่ตรงหน้าเขา

“สวัสดีครับลุงหมอ  ไม่พบกันนาน  สบายดีนะครับ?”
 หลานชายเอ่ยทักคุณลุงหมอที่มีใบหน้ายิ้มแย้มใจดีไม่เหมือนคุณปู่สักนิด


“อืม…สบายดีอยู่หรอกนะ  ถ้าไม่มีเหตุให้ต้องมาหาแกวันนี้ ”
ลุงหมอตอบน้ำเสียงเนือยๆ

ท่านก็รู้สึกเห็นใจหลานชายอยู่เหมือนกันที่ถูกจับคลุมถุงชน
ยุคสมัยมันเปลี่ยน เด็กสมัยนี้ยากที่จะเข้าใจอยู่สักหน่อย
คนเป็นลุงคิด  และมองใบหน้าเจ้าหนุ่มที่มีแววตาถือดีคู่นี้


“อย่าบอกนะที่ลุงมาวันนี้เพราะผม  หึหึ” ชายหนุ่มหัวเราะกลบเกลื่อน
และคาดคะเนว่าลุงหมอโดนหางเลขคุณปู่เข้าแล้ว
 เพราะเห็นท่านดูลังเลที่จะเอ่ยอะไรออกมาตรงๆ

“ก็แกน่ะแหละ  ตาภู  เอ่อ!  กินไปด้วยสิ  ลุงมีคิวผ่าตัดรออยู่  อยู่ได้ไม่นานนะ”
 ลุงหมอชวนทานอาหารไปด้วยเพื่อไม่ให้เสียเวลา

“ผมยอมเท่าที่ยอมได้แล้วกันครับลุง  ขอแค่ยังไม่จับผมหมั้นในเร็ววันก็พอ
 เดี่ยวผมหาทางออกต่อจากนั้นเองครับ”
ชายหนุ่มบอกเงื่อนไขให้ลุงหมอทราบตามที่คิดเอาไว้ก่อนมาพบท่านที่นี่
 

“อ่ะห่ะ…ลุงจะไปพูดกับปู่แก  ไม่ให้เร่งรัดแกเกินไป  เอาตามนี้ก็แล้วกัน”
ลุงหมอรับปากจะไกล่เกลี่ยกับปู่ให้  แล้วท่านก็เล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ฟังไปเรื่อย 


“ตาเมศจะกลับไทยอาทิตย์นี้นะภู ไปมาหาสู่พี่ชายแกบ้าง”
คนเล่าไม่ทันสังเกตสีหน้าคนฟังที่ดูตื่นๆ ชอบกล

ลุงหมอพูดพร้อมรวบช้อน  เตรียมตัวจะกลับ  ทุกนาทีมีค่าสำหรับอาชีพหมอ
มาไวไปไวแบบนี้เสมอ  แต่สิ่งที่ได้รับรู้ในตอนท้ายบทสนทนามันทำให้
ชายหนุ่มอึดอัดแทบหายใจไม่ออก `พี่งั้นเหรอ`



บรรดานักแสดงตัวเล็กตัวน้อยในชุดแมลง  สีสันสดใส
พากัน  ส่ายเอว  ส่ายสะโพก  ก้นดุกดิก
เต้นถูกบ้างผิดบ้าง  พลอยได้เรียกเสียงหัวเราะและสีหน้าเอ็นดูจากผู้ชมได้ดี
ต่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ในความไร้เดียงสาของเด็กๆ
ไม่เว้นแม้แต่ภูดิศเอง


หนูรินของเขาดูสดใสร่าเริงและสนุกสนานในชุดแมลงเต่าทองอย่างที่บอกเขาไว้วันก่อน
พอการแสดงจบลงเด็กๆก็มารับดอกไม้  หรือของขวัญตามแต่ผู้ปกครองจะจัดสรรมาให้
บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักต่างถ่ายรูปเซลฟี่อวดกันบนโลกโซเชียลยกใหญ่

“เต้นน่ารักมาก  คนเก่งของพ่อ” 
คุณพ่อหอมแก้มเป็นรางวัลไปฟอดหนึ่ง  หนูน้อยยิ้มหน้าบานที่ได้รับคำชม

“พ่อภูขา  หนูรินเก่ง  พ่อภูพาไปทานไอศกรีมหน่อยค่ะ”
 หนูน้อยทำตาอ้อนขอรางวัล

“ได้สิ  ไปกันเลย!!”
 แต่จังหวะที่ชายหนุ่มหันหลังจะก้าวเท้ามีเด็กวิ่งมาชนจนล้มลงร้องไห้จ้า
 เขาไม่ทันจะแตะตัวเด็กด้วยซ้ำก็มีคนผมยาวตัวเล็กปราดมาอุ้มเด็กน้อยขึ้นเสียก่อน


“วินวิน  โอ๋ๆ  เจ็บเหรอครับ  ไม่เป็นไรนะครับ”
 ลูบหลังไหล่โอ๋หนูน้อยให้หายตกใจ

 หนูรินเข้าไปช่วยปลอบ  พอคนตัวเล็กหันมาทางเขาก็ชะงักไปนิดนึง
 เจอกันอีกแล้ว `น้องฟ้า` ตัวเล็กตากวางคนนั้น
 

“พ่อภูขา  วินวินเจ็บร้องไห้เลยค่ะ”
 หนูรินหันมาบอกผม  ทำหน้าหงอยสงสารเพื่อน

 เด็กชายผมหยักศก  ตัวขาว  ปากแดง ตากลมโตสีดำ
น่ารัก  ในชุดผึ้งสีเหลืองดำนั่นเองที่หนูรินเคยพูดถึง


“เจ็บมากมั๊ยครับ  น้องวินวินเพื่อนหนูรินเหรอครับ  สุดหล่อ”
 ชายหนุ่มพูดกับเด็กชายแต่ตาจับจ้องคนอุ้มไม่วางตา
 เด็กชายซบหน้ากับไหล่คนอุ้ม


“ไม่เป็นไรครับ  แกแค่ขวัญเสียนิดหน่อยน่ะ  คนเก่งของอาฟ้า  ไม่เป็นไรแล้วนะ”
 เสียงเล็กตอบกลับมา  แล้วหันไปโอ๋หลานชายตัวเองต่อ


“วินวินบอก  ร้านอาฟ้าเค้กหร่อยที่ซู้ดด…ในโลก  หนูรินอยากไปค่ะ”
หนูลากเสียงยาวบอกอาฟ้าแล้วหันมาอ้อนขอคนเป็นพ่อ
อาฟ้ามีอาการอ้ำอึ้งไปเพียงเล็กน้อยแล้วจึงพูดขึ้น


“ไปสิครับ  ร้านอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้”
 คนตัวเล็กหันมาบอกกับภูดิศ

“ไปนะคะ  พ่อภูขา” 
ผมพยักหน้าตอบรับคนตัวเล็กและยัยหนู

“เย้  เย้  ได้ไปกินเค้กร้านอาฟ้า”
เด็กหญิงกระโดดเหย็งๆ ดีใจ

“กลับกันวินวิน  อาฟ้าต้องไปร้านนะครับ  พี่นินจาหยุดวันนี้  ร้านยุ่งมากเลย”
พูดกับหลานและมีทีท่าจะรีบกลับ  จ้ำอ้าวไปไกลแล้ว

ภูดิศรีบสาวเท้าตามไปไม่ยอมให้คนตัวเล็กทิ้งห่าง  จนกระทั่งแยกกันไปขึ้นรถ


ภูดิศขับตามคุณอาตัวเล็กไปเรื่อยๆ พบว่าทางนี้เป็นทางผ่านกลับบ้านของเขาพ่อลูกที่ใช้อยู่ทุกวัน
เขารู้สึกแปลกใจที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน  เมื่อจอดรถมองไปเห็นป้ายชื่อร้าน `Sky coff`
ซึ่งเดาว่าเป็นชื่อเจ้าตัวละมั้ง





หัวข้อ: ภูรักฟ้า ตอนที่ 4 ใกล้กันอีกนิด
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 27-11-2018 11:16:08
ตอนที่  4  ใกล้กันอีกนิด

สิ่งแรกที่ชายหนุ่มพบเมื่อลงจากรถ  ร้านนี้มีการตกแต่งสวนเสียสวยสะดุดตา
เมื่อเดินเข้าไปภายในร้านสัมผัสกับแอร์เย็นฉ่ำ ดนตรีบรรเลงเบาๆ
ภายในร้านตกแต่งสไตล์วินเทจ  ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่กับบ้าน
ชายหนุ่มเลือกนั่งด้านที่มีกระจกบานใสซึ่งมองเห็นสวนหลังบานกระจกนี้

ยัยหนูรินกับน้องวินวินจับจูงกันไปที่ตู้เค้กทันทีที่เข้ามาถึง
ชี้ชวนกันเลือกเค้กโดยมีพี่ๆยืนรอรับออเดอร์กันอยู่ก่อนแล้ว
น้องวินวินชี้มือมาที่โต๊ะซึ่งภูดิศนั่ง  และเหมือนจะบอกว่าจะนั่งด้วยกันกับหนูริน

สักพักเด็กทั้งสองก็วิ่งกลับมา  มีเด็กหนุ่มผมตามเอาเค้กมาเสิร์ฟ 2 ชิ้น
นั่นคือสตอเบอรี่ชีสเค้กของหนูริน
และอีกชิ้นที่เป็นเค้กช็อกโกแลตซึ่งหากชายหนุ่มเดาไม่ผิดก็คงเป็นของน้องวินวิน

ชายหนุ่มสั่งมัทฉะชาเขียวปั่นแทนเมนูกาแฟเพราะวันนี้เขาดื่มมามากพอแล้ว
“ไหนหนูรินบอกพ่อ  จะทานไอศกรีมไงล่ะลูก  กลายเป็นเค้กได้ไงล่ะคะ”
ภูดิศเลิกคิ้วสงสัย  ยัยหนูยิ้มหวานประจบ

“ก็ร้านอาฟ้า  เค้กหร่อยที่ซู้ดดดค่ะ  พ่อภูขา  ไอติมทานเมื่อไหร่ก็ได้เนาะ”
ยัยหนูลอยหน้าลอยตาพูดกับพูด

“กินนี่สิ  หร่อยนะหนูริน”
น้องวินวินตักเค้กช็อกโกแลตของตนมาจ่อปากหนูริน
ยัยหนูก็ไม่มีขัดเพื่อนอ้าปากงับแล้วก็ทำตาโตทันที

“ก็หร่อยนะ  แต่นี่หร่อยกว่า  กินมั๊ยวินวิน”
หนูรินชี้ที่จานเค้กตัวเอง
เพื่อนส่ายหน้า  คงชิมมาหมดทุกรสแล้วก็ร้านของอาตัวเองนี่นะ


ชายหนุ่มมองหนูน้อยทั้งสองที่ทานกันอย่างเอร็ดอร่อย
ตั้งแต่เข้ามายังไม่เห็นเจ้าของร้านเลย
จึงสอดส่ายสายตามองหา พลันเห็นคนตัวเล็กเดินออกมาจากด้านในสุดของร้าน

“ขอโทษนะครับ  พอดีไปช่วยดูเค้กที่อบกันไว้น่ะ  น้องวินวินมากวนอาภูรึเปล่าครับ”
คนตัวเล็กรีบขอโทษที่เห็นหลานชายมานั่งที่โต๊ะกับสองพ่อลูก

“ไม่หรอกครับ  เด็กๆเค้าได้ทานร่วมกัน  อร่อยกันใหญ่สิไม่ว่า  นั่งด้วยกันก่อนสิครับ”
ภูดิศตอบยิ้มๆ เจ้าของร้านก็นั่งลงตรงข้ามกัน


 “ร้านเก๋ดีนะครับ  บรรยากาศก็อบอุ่นเหมือนอยู่บ้านเลย  ที่สำคัญสวนก็สวยมากด้วย
 คงต้องขอมาเป็นลูกค้าประจำแล้วล่ะครับ”
ภูดิศเห็นนวลแก้มขึ้นสีระเรื่อ


“ยินดีครับ  เอ่อ… พอดีว่า  สวนนั่นผมออกแบบเองครับ
คือว่าผมรับงานออกแบบจัดแต่งสวนด้วยน่ะครับ”
คนตัวเล็กพูดพร้อมกับยื่นนามบัตรให้ชายหนุ่มไปใบหนึ่ง
ภูดิศรับมา `ขอบฟ้า  กิจตระการกุล`
รับออกแบบจัดแต่งสวน Tel.089xxxxxxx

ชายหนุ่มไม่นึกฝันว่าการพาลูกมาทานเค้กครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล


“อืม  ขอบฟ้า  ชื่อเก๋ดีนะครับ”
เป็นอีกครั้งที่ได้เห็นแก้มคนตรงหน้าขึ้นสี `คนขี้เขิน`

ชายหนุ่มเห็นเด็กๆ ทานเค้กหมดกันแล้วและดื่มน้ำหวานตาม
หนูรินลูบท้องคงอิ่มแล้ว และถึงเวลาที่เขาต้องพาลูกกลับ
จึงเปิดกระเป๋าสตางค์เก็บนามบัตรของคนตัวเล็กและหยิบนามบัตรของตนเองส่งให้
คนตัวเล็กรับไปแบบงงๆ


“เรารู้จักกันแล้วนะครับ  ผมต้องขอตัวกลับก่อน  หนูรินลาอาฟ้าสิคะลูก”

“เค้กหร่อยมากเลย  ไว้หนูรินจะมาใหม่นะคะ  อาฟ้า”
 ยัยหนูไหว้ลาอย่างสวยงาม

“น้องวินวิน  หนูรินกับคุณพ่อจะกลับกันแล้ว  สวัสดีสวยๆด้วยครับ”
 คนตัวเล็กบอกหลานชาย

 เด็กชายยกมือไหว้ภูดิศพร้อมกับทำหน้าเหงาๆ  จนภูดิศต้องพูดขึ้น
“สุดหล่อ  ไว้อาภูจะพาหนูรินมาทานเค้กอีกนะครับ” 
ชายหนุ่มบอกหนูน้อยพร้อมกับลุกยืนและจูงลูกเดินออกจากร้านไป




ขอบฟ้าดูนามบัตรที่เพิ่งรับมา `ภูดิศ ศุภกิตติ์บุญญารักษ์
กรรมการผู้จัดการ  SPKR  คอนสตรัคชั่น Tel.092xxxxxxx
พอหันมองไปนอกร้านยังทันได้เห็นแผ่นหลังกว้าง
นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเจ้าของโครงการคอนโดและบ้านหรูใจกลางเมือง
ทายาทตระกูลเก่าแก่  ที่ใครๆพากันพูดว่าเข้าถึงยากและโลกส่วนตัวสูง
ขอบฟ้าบังเอิญได้รู้จักตัวจริงก็วันนี้

ร่างเล็กจำได้ว่าชายหนุ่มคือคนที่จับจ้องเขาคืนก่อนในผับอย่างเสียมารยาท
แต่พบกันครั้งนี้ไม่ยักจะเป็น
ผู้ชายคนนี้ตัวตนจริงๆ แล้วเป็นแบบไหนกันนะ


“น้องวินวินอยากกลับบ้านหรือยังครับ”
 ร่างเล็กหันไปถามหลานชายที่เริ่มออกอาการงัวเงียแล้วเล็กน้อย

“หาถ้วยฟูกันนะ  อาฟ้า”
เด็กชายตาใสเมื่อได้ยินว่าจะได้กลับบ้าน ไปเล่นกับเจ้าถ้วยฟู
แมวไทยพันธุ์วิเชียรมาศที่เขาเลี้ยงไว้เกือบปีแล้ว  ขี้อ้อน  ซุกซน  ช่างประจบ
น้องวินวินรักมากเป็นพิเศษ  ซึ่งก็คงเพราะเป็นสัตว์เลี้ยงตัวเดียวของบ้านด้วย

“ไปบอกลาพี่อิง  พี่เกล้าก่อนครับ”
เด็กชายวิ่งตุบตับไปหาสองหนุ่มหน้าเคาน์เตอร์

ทั้งสองพากันฟัดแก้มเด็กน้อยยกใหญ่ก่อนจะปล่อยตัวกลับ
ขอบฟ้าหอบหิ้วงานจนล้นมือ  เกล้ารีบวิ่งมาช่วยถือไปส่งให้ที่รถ
พร้อมทั้งจูงน้องวินวินไปด้วย

“พี่ฟ้าเสาร์นี้ผมขอกลับบ้านนะฮะ ไอ้แก้มมันโทรมาบอกว่าแม่ป่วย”
้เด็กหนุ่มหัวทอง แต่งกายเลียนแบบไอดอลเกาหลี  ถึงจะดูกวนๆ รั่วๆ
ไปบ้างแต่ขยันทำงานส่งเงินให้ทางบ้านไม่ได้ขาด

ขอบฟ้าพยักหน้าอนุญาต  เกล้ายิ้มแฉ่งดีใจ  น้องสาวโทรบอกว่าแม่ป่วยไม่ยอมหาหมอ 
เกล้าก็เลยต้องกลับไปบ้านเพื่อพาแม่ไปหาหมอเสียเอง  คงเพราะแม่ของเกล้านึกเสียดายเงินค่ารักษา
และคิดว่าป่วยได้ก็หายได้อีกตามเคย  ซึ่งเกล้ากลับมามักจะมาบ่นๆ ให้ฟังเสมอๆ

“ขาดเหลืออะไรบอกพี่ได้นะเกล้า  ไม่ต้องเกรงใจ  แต่ก่อนจะกลับไปแวะหานมอุ่นด้วย
 เห็นบอกจะฝากของไปให้แม่เราน่ะ”

“ครับพี่ฟ้า  ขอบคุณนะฮะ”
เด็กหนุ่มพึมพำเบาๆ  แล้วส่งของที่ช่วยถือคืนให้พี่ฟ้า

พร้อมทั้งอุ้มน้องขึ้นนั่งเบาะหลัง เห็นตาปรอยๆ  โดนแอร์ไม่นานก็คงจะหลับ
เกล้าเป็นหลานห่างๆของนมอุ่นที่เป็นแม่นมของพี่ฟ้า  นมอุ่นพาเด็กหนุ่มมาฝาก
ทำงานที่ร้านนี้ตั้งแต่ร้านเปิดใหม่ๆ
พี่ฟ้าใจดี  ที่บ้านมีกิจการร้านเพชรแต่พี่ฟ้าไม่ยอมทำ
ให้พี่น้ำพี่ชายทำแทนส่วนตัวเองมาเปิดร้านกาแฟ
และรับออกแบบจัดแต่งสวน  ฝีมือออกแบบพี่ฟ้าคงจะดีมาก
เห็นมีลูกค้ามาติดต่อไม่ได้ขาด พี่ฟ้าเคยบอกกับเขาว่าให้ทำสิ่งที่ตัวเองรัก
หรือชอบแล้วจะทำได้ดี  เกล้าก็ได้แต่ฟังเพราะทางบ้านเขาฐานะยากจน
เขายังต้องส่งน้องเรียนและส่งเงินช่วยแม่อีกคงไม่มีโอกาสอย่างพี่ฟ้าเป็นแน่



น้องวินวินหลับมาตลอดทาง  เมื่อจอดรถเก่งก็วิ่งมาเปิดประตูอุ้มน้องวินวินพาเข้าบ้านไป
เก่งเป็นลูกชายน้าเต้ยคนขับรถของคุณแม่  เด็กหนุ่มถึงจะไม่ค่อยเป็นโล้เป็นพายเรื่องงานในบ้านนัก
แต่ถ้าเป็นเรื่องน้องวินวินเจ้าเก่งจะได้ความมากกว่าเรื่องอื่นๆ เสมอ


ขอบฟ้ามีพี่ชายหนึ่งคนชื่อน่านน้ำ  เดิมทีพวกเขาอยู่รวมกันที่บ้านใหญ่
เนื้อที่กว่า 6 ไร่  เป็นบ้าน 2 ชั้นสไตล์วินเทจ 3 ห้องนอน
ขอบฟ้าเรียนจบจึงขอแยกออกมาอีกหลังโดยที่เจ้าตัวออกแบบเอง
ในสไตล์คอทเทจ  สีขาว - เทา ชั้นเดียว 3 ห้องนอน
และออกแบบจัดแต่งสวนเองทั้งหมด 
กลายเป็นตอนนี้บ้านของขอบฟ้าดูสวยงามโดดเด่นที่สุด
ซึ่งมีสวนสวยและแวดล้อมไปด้วยพันธุ์ไม้หลากสีสัน

เขาตั้งชื่อบ้านว่า `ตัวเล็ก`



ค่ำนี้ที่โต๊ะอาหารทุกคนกำลังรับประทานอาหารกันอย่างพร้อมหน้า
คุณพ่อนั่งทานไปเงียบๆ เหมือนทุกครั้ง
ส่วนพี่น้ำคอยดูแลให้ลูกชายทานอาหารเอง  แต่ก็มีช่วยลูกบ้าง
แล้วคุณหญิงแม่ก็หันมาที่เขาแล้วเอ่ยปาก

“ฟ้า  พรุ่งนี้ตอนเที่ยงไปทานข้าวเป็นเพื่อนแม่นะ  แม่จองร้านไว้แล้ว” 
คุณหญิงศศิบอกกับขอบฟ้า  ร่างเล็กสะดุ้งหันไปสบตากับพี่ชาย
แล้วยิ้มเจื่อนๆให้กับท่าน

“ครับแม่  บอกร้านฟ้ามาว่าร้านไหน  ขอฟ้าขับรถไปเองแล้วกันนะฮะ”
ขอบฟ้ารู้สึกว่างานจับคู่ดูตัวมาอีกแล้ว
ต้องเตรียมหาทางหนีทีไล่ก่อน

“พรุ่งนี้ช่วงเช้าแม่ไม่มีธุระที่ไหนจ้ะ  ก่อนเที่ยงแม่ไปรับฟ้าที่ร้านได้สบาย”
คำประกาศิตมาเต็มๆ

ขอบฟ้ามุ่นหัวคิ้วแอบมองคนนั้นทีคนนี้ที  คุณพ่อไม่ช่วยอยู่แล้วขอบฟ้ารู้

“ฟ้า  เมื่อไหร่เราจะเข้าไปช่วยงานพี่ที่บริษัทซักที  นี่ก็จบมาจะปีนึงแล้ว”
 พี่น้ำเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเอาดื้อๆ

“พี่น้ำเก่งจะตายไป  ทำได้อยู่แล้ว  นี่ฟ้าก็ช่วยเลี้ยงน้องวินวินให้แล้วไงครับ
 จนใครๆ ว่าวินวินเป็นลูกฟ้าแล้วเนี้ย อีกอย่าง  ตอนนี้ขอฟ้าทำสิ่งที่รักก่อน
 นะๆ ดูสิคุณพ่อยังไม่เคยบ่นฟ้าเลย”  ขอบฟ้าพูดแล้วหาเกราะกำบังทันที

รู้ว่ายังไงพี่น้ำก็เกรงคุณพ่อ เพราะท่านพูดน้อยแต่ถึงคราวเด็ดขาดคุณแม่
ที่เหมือนกุมอำนาจทั้งบ้านยังต้องยอม
ขอบฟ้าแอบซ่อนยิ้มร้ายทำไม่รู้ไม่ชี้ทานอาหารต่อไป









หัวข้อ: ภูรักฟ้า ตอนที่ 5 ขยับมาใกล้กัน
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 27-11-2018 20:41:17
ตอนที่  5  ขยับมาใกล้กัน

น้าเต้ยขับรถพาคุณแม่มาที่ร้านแล้วรับขอบฟ้าออกไป
เมื่อไปถึงร้านที่คุณแม่จองไว้  ก็เจอฉากแบบเดิมๆอีกแล้ว 

เขาก็ต้องเล่นไปตามบทสินะ  เจ้าตัวหมายมาดว่าจะสำเร็จเหมือนทุกที
“ฟ้าไหว้คุณป้าแม้นวาดซิลูก  แล้วนั่นน้องน้ำหวาน”
คุณแม่แนะนำเพื่อนของท่านและหญิงสาวเนิร์สๆ ที่มาด้วย

เขาจึงยกมือไหว้แล้วเหลือบไปมองหญิงสาวตัวเล็กผมซอยสั้น
คราวนี้คุณแม่เปลี่ยนแนวจากที่เคยพามาสวยๆ
แจ่มๆ ทั้งนั้น  คราวนี้ออกจะทอมบอยเสียมากกว่า


“พี่ฟ้า  ลองทานอันนี้ดูหน่อยสิคะ  น้ำหวานว่าอร่อยดีไม่เผ็ดเกินไปด้วยค่ะ”
เด็กเนิร์สพยายามเอาใจชายหนุ่ม เขาเห็นแม่ของเธอคอยสะกิดให้ทำ
ขอบฟ้าเอ่ยขอบคุณไปเบาๆ

น้ำหวานเล่าว่าเรียนบริหารปีสองมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง
แล้วก็ชวนคุยไปเรื่อยเธอถามอะไรมาเขาก็ทำเป็นไม่ได้ยินบ้าง
ตอบไม่ครบคำถามบ้าง จนช่วงหลังๆเธอรู้ตัวนั่งทานไปเงียบๆ
คุณป้ากับคุณแม่ต่างก็คุยอวดอ้างสรรพคุณลูกสาวลูกชายให้กันฟังไม่หยุด


“เดี๋ยวฟ้าขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”
แล้วคนตัวเล็กก็รีบเดินออกมา

เมื่อเสร็จกิจ  จังหวะที่เงยหน้าขึ้นจากอ่างล้างมือ
พลันสายตาสบเข้ากับร่างสูงที่จ้องมองมาจากกระจก

เขาคลี่ยิ้มส่งให้ขอบฟ้าเป็นยิ้มที่กว้างกว่าทุกทีที่ขอบฟ้าเคยเห็นมา

“เอ่อ…มาทานร้านนี้เหมือนกันเหรอครับคุณภู”
 ขอบฟ้าหันไปทักภูดิศก่อน

“ครับ  ร้านประจำพี่น่ะ  พอดีนัดคุยงานกับลูกค้าที่นี่  น้องฟ้ามาคนเดียวหรือครับ”
ภูดิศเรียกแบบสนิทชิดเชื้อทำเอาขอบฟ้าออกอาการเก้อๆ ที่ถูกเรียกแบบนั้น 
ไม่เคยมีใครเรียกมาก่อนนอกจากคนในครอบครัวแต่ก็นานมาแล้ว  จึงออกจะเขินสักหน่อย


“เอ่อ…มาเป็นเพื่อนคุณแม่น่ะครับ  ท่านนัดเพื่อนทานข้าว
นี่ก็ออกมานานแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”
ขอบฟ้าพูดตัดบทเตรียมเดินหนีแต่ข้อมือถูกคว้าไว้
เขาเผลอสะบัดแต่ไม่แรงนัก

ภูดิศหน้าเสียปล่อยมือทันทีก้มหัวเป็นเชิงขอโทษ

“เดี๋ยวก่อนครับ  เอ่อ  พี่อยากจะให้น้องฟ้าไปช่วยออกแบบสวนที่บ้านน่ะครับ”
 ร่างสูงรีบแก้ตัวทันควัน

“อ่อครับ  เบอร์ตามนามบัตรเลยนะครับ  คุณภูสะดวกเมื่อไหร่ก็แจ้งมาแล้วกันครับ”
พูดจบรีบเบี่ยงตัวจ้ำอ้าวๆออกมาทันที

“ทำไมไปนานจังลูกคนนี้”
คุณแม่เอ่ยติงไม่จริงจังนะ  ขอบฟ้าจึงบอกไปว่ามีลูกค้าสนใจจะให้ไปออกแบบสวนให้
ท่านก็ไม่ว่าอะไร

“เรียกเช็คบิลเถอะฟ้า  แม่ต้องไปสมาคมต่อ”
คุณแม่เอ่ยชวนกลับ  ช่วงเวลาที่ขอบฟ้ารอเลยล่ะ

เมื่อนั่งมาในรถคุณแม่ลองเชิงถามถึงน้องน้ำหวาน
ขอบฟ้าก็พูดแบบกลางๆ  แบบขอไปที

“คุณแม่งานการกุศล  ที่จะจัดอาทิตย์หน้า  มีชุดแล้วเหรอครับ
 ฟ้าพาไปร้านประจำของคุณแม่มั๊ยครับ”
 ขอบฟ้าชวนท่านพูดเรื่องอื่น

“ลูกฟ้า!  ถ้าป่านนี้ยังไม่ได้ลองก็ไม่ทันแล้วลูก  เพราะมันต้องแก้ทรง
เนี้ยแม่ผอมลงอีกแล้วไม่แก้ก็ใส่ไม่สวยกันสิ”
คุณแม่จีบปากจีบคอเล่าเรื่องความสวยความงามต่อจนลืมเรื่องน้องน้ำหวานไปเลย

`คุณลูกไม่ปลื้มจบนะคุณแม่`
ขอบฟ้าสบตาน้าเต้ยทางกระจกมองหลังแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
น้าเต้ยก็ส่ายหน้าขำๆกลับมา  แบบรู้ทันความคิดของเขา



ขอบฟ้าเดินเข้าไปกำลังจะนั่งลงที่โต๊ะทำงาน
แต่มีสายโทรเข้าเสียก่อนจึงควานมือไปที่กระเป๋าถือ
ล้วงโทรศัพท์เครื่องหรูออกมา  เบอร์ไม่คุ้นแต่มือบางก็กดรับ

“น้องฟ้า  พี่ภูเองครับ  เย็นนี้พี่จะเข้าไปรับนะ  จะพาไปดูสวนที่จะให้ออกแบบให้
สะดวกไหมครับ”
เสียงนุ่มทุ้มพูดออกมา  น้ำเสียงมีแววคาดหวัง

“เอ่อ  ได้ครับ”  เผลอรับปากออกไปแล้ว

“รบกวนน้องฟ้าช่วยรับหนูรินมาให้ด้วยได้ไหมครับ  เรียนห้องเดียวกันกับน้องวินวิน
พอดีพี่อาจจะไปช้านิดนึง  ถ้าน้องฟ้าไม่มีอะไรขัดข้อง  พี่จะได้โทรบอกกับคุณครูให้ก่อนน่ะครับ”
น้ำเสียงที่พูดเป็นเชิงขอร้อง

“เอ่อ ได้ครับ” ตอบไปแบบสั้นๆอีกตามเคย

“ขอบคุณครับ  น้องฟ้า  แล้วเจอกันนะครับ”
 ปลายสายมีอาการกระตือรือร้น




พอรับเด็กๆมาถึงที่ร้าน  ขอบฟ้าก็หาของว่างให้ทานในระหว่างรอภูดิศ
ไม่นานร่างสูงก็มาถึง  เขาควักเงินจะจ่ายค่าของว่างของหนูรินแต่ขอบฟ้าไม่รับ
บอกว่าขอเลี้ยงเองมื้อนี้  ชายหนุ่มพึมพำขอบคุณเบาๆ


“ไปรถพี่นะครับ  เดี๋ยวขับมาส่ง  อยู่แค่นี้เองวิ่งรถไม่ถึงชั่วโมง
ให้เด็กนั่งด้วยกัน  นะครับ”  ภูดิศพูดรวบรัดตัดความ
ขอบฟ้าจึงตามมาขึ้นรถจนได้


ไม่นานก็ถึงที่หมายมีส้มหญิงสาววัยรุ่นเนื้อตัวสะอาดสะอ้านมารับเด็กๆไปดูแลต่อ
คุณภูจึงพาออกไปดูสวนที่จะให้ออกแบบจัดแต่ง  พูดคุยถึงสิ่งที่อยากให้มีตรงมุมนั้นจุดนี้
และสิ่งที่ชอบ  จนรู้ว่าคุณภูมีแนวคิดรสนิยมที่เหมือนกับตัวของขอบฟ้าเอามากๆ
ชายหนุ่มจึงส่งแบบให้คุณภูเลือก เขารับไอแพดไปเลื่อนๆ ดูจนได้แบบที่อยากได้
แล้วก็ส่งไอแพดคืนมาให้ ขอบฟ้าชะงักที่เห็นแบบที่คุณภูตัดสินใจเลือก


“แบบนี้เลยเหรอครับ  เอ่อ  แน่ใจนะครับ”
คุณภูดูลังเลที่ได้ยินขอบฟ้าถามย้ำ
คิ้วเข้มๆ นั้นเลิกขึ้นสูง  ขอบฟ้าจึงต้องแก้ข้อสงสัยให้ชายหนุ่ม

“มันเป็นแบบเดียวกับที่บ้านผมน่ะ  ถ้าชอบก็ทำให้ได้ครับ
ไม่มีปัญหาอะไร”  ขอบฟ้าบอกออกไป
ทำให้ได้เห็นแววตาของคุณภูที่มีความกระตือรือร้นแปลกๆ
ยิ้มกว้างอีกแล้ว  นี่เป็นครั้งที่สองของวันที่ขอบฟ้าเห็น


“ไว้พี่ขอดูสวนที่บ้านน้องฟ้าบ้างนะครับ  ว่าทำออกมาแล้วจะสวย
เหมือนในรูปที่ถ่ายนี่หรือเปล่า”  คุณภูพูดอย่างคาดหวัง

“ได้ครับ  ถ้าไม่มีอะไรแล้ววันนี้  รบกวนคุณภูไปส่งกลับร้าน
หน่อยครับ  ค่ำแล้ว”  คนตัวเล็กเอ่ยปาก  อยากจะกลับ

“น้องฟ้า  พี่ให้นมพร้อมเตรียมมื้อเย็นให้แล้วครับ  ทานด้วยกันก่อน
เด็กๆ หิวแย่แล้วล่ะป่านนี้”

“รบกวนเปล่าๆ ครับ  น้องวินวินทานอาหารว่างมาแล้ว  ไม่เป็นไรครับ”
 ขอบฟ้าพูดจบเตรียมจะออกเดินไปยังตัวบ้านที่คาดว่าเด็กๆ เล่นกันอยู่
 ชะงักเท้า  เมื่ออีกคนมองมาด้วยสายตาตำหนิ

“ผู้ใหญ่เลยมื้ออาหารได้  แต่เด็กๆควรให้เขาได้ทานตามเวลานะครับ”
 ร่างสูงพูดเสียงออกจะไม่สบอารมณ์นัก  จนคนฟังรู้สึกได้

“งั้นรบกวนด้วยแล้วกัน  ไว้ผมจะเลี้ยงคืนคุณกับลูกนะครับ”
ตอบรับไปอย่างยอมจำนน



เมื่อเข้าไปภายในบ้าน  เจ้าของบ้านแนะนำนมพร้อมกับป้าแก้วให้ขอบฟ้ารู้จัก
ท่านทั้งสองมองมาอย่างเป็นมิตร  ที่โต๊ะอาหารเด็กๆนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
ขอบฟ้ารู้สึกผิดขึ้นมาทันที เพราะเมื่ออาหารวางตรงหน้าเด็กๆ
ต่างลงมือทานกันทันที  น้องวินวินทานเอาทานเอา
คงหิวมากอย่างที่ร่างสูงว่า  อาหารมื้อนี้ขอบฟ้ารู้สึกถูกปากเป็นอย่างมาก
เพราะเป็นรสชาติที่เจ้าตัวชอบอยู่แล้วและคงเพราะฝีมือของแม่ครัวที่นี่ด้วย 
ทุกอย่างบนโต๊ะเป็นอาหารไทยทั้งหมด  มิน่าล่ะเขาจึงได้พบคุณภู
ที่ร้านอาหารไทยเมื่อตอนเที่ยงวันนี้


“น้องฟ้า  ทานเยอะๆนะครับ  ตัวเล็กนิดเดียวเอง  ข้าวไม่พอเติมได้นะ”
ร่างสูงพูดพร้อมกับตักอาหารมาใส่จานให้คนตัวเล็ก ขอบฟ้าขอบคุณไปเบาๆ
คุณภูก็ยกยิ้มมุมปาก  วันนี้ขอบฟ้ารู้สึกว่าคุณภูที่คนพูดกันว่าเข้าถึงยากยิ้มบ่อยไปแล้ว

สักพักเด็กรับใช้ก็นำผลไม้มาเสิร์ฟ  เมื่อมื้ออาหารจบลง  ก็ย้ายกันไปที่ห้องนั่งเล่นพักใหญ่ๆ
คุณภูก็ออกไปเตรียมรถ  ขอบฟ้าไหว้ลาผู้ใหญ่ของบ้าน  ท่านใจดีออกปากให้มากันอีก
ขอบฟ้าไม่ลืมเอ่ยชมรสชาติอาหาร  และการต้อนรับที่อบอุ่น  หนูรินออกอาการงอแง
ไม่ยอมให้วินวินกลับมีน้ำตาคลอที่หน่วยตา  คงเพราะเล่นกันยาวนานจึงจับแยก
ออกจากกันยากสักหน่อย จนภูดิศต้องมาช่วยพูดกับลูก

“หนูรินค่ะ  วินวินต้องกลับไปหาคุณพ่อ  ถ้าพ่อรอลูกแต่ลูกมาช้า  พ่อก็ต้องรอๆ
 นานๆ  พ่อก็ต้องคิดถึงลูกมากแน่ๆ เลยด้วย”

“ก็ได้ๆ  หนูรินให้วินวินกลับก็ได้”  หนูรินพูดรัวๆ



 แล้วสองอาหลานก็ได้กลับบ้าน  ระหว่างทางที่จะไปเอารถที่ร้าน
คุณภูเลี่ยงเส้นทางที่คาดว่ารถจะติด
จึงกลายเป็นบ้านของขอบฟ้าถึงก่อนร้านเสียได้  ขอบฟ้าจึงต้องบอกคุณภู
ให้เปลี่ยนจุดหมายปลายทางเป็นส่งเขาที่บ้านแทน  ภูดิศพยักหน้ารับรู้


“ของที่ใช้ตกแต่งสวน  น้องฟ้าได้มายังไงล่ะครับ”
ภูดิศชวนคนนั่งข้างๆคุย

“ไปเลือกซื้อเองบ้าง  ถ้าชิ้นเล็กก็นำกลับมาเองเลย
 ถ้าชิ้นโตๆ ทางร้านก็บริการจัดส่งให้  แล้วก็มีสั่งจากทางเว็บไซต์บ้างบาง
รายการที่เป็นของนำเข้าน่ะครับแล้วแต่แบบที่ลูกค้าเลือกด้วยครับ”

คนตัวเล็กเล่าให้ฟังเสียยืดยาวถ้าเกี่ยวกับงานของตน  น้ำเสียงเล็กๆ
ที่พูดเบาๆฟังเพลินไปเหมือนกัน สองคนคุยกันไปเรื่อยจนถึงบ้านของขอบฟ้า
น้องวินวินหลับมาตลอดทางเช่นกันที่เบาะด้านหลัง



ความมืดที่โรยตัวโดยรอบแต่มีแสงไฟทางส่องสว่าง
เมื่อร่างสูงเลี้ยวรถเข้าภายในอาณาเขตบ้าน
ที่ดูกว้างขวางพอๆกับบ้านของเขา  แสงไฟจากตัวตึกหลังใหญ่เปิดไว้สว่าง
คนที่บ้านคงรอการกลับมา

ของสองคนอากับหลาน  เมื่อรถจอดร่างบางลงจากรถเปิดประตูข้างที่น้องวินวินหลับอยู่เบาะหลัง
ก็มีเด็กวัยรุ่นผู้ชายวิ่งมาช้อนอุ้มหนูน้อยพาเดินไปทางตัวตึก


“ขอบคุณครับคุณภู  ที่มาส่งฟ้ากับหลาน”

“พรุ่งนี้พี่มารับนะครับทั้งสองคน  ยังไงก็ต้องไปส่งหนูรินที่โรงเรียนอยู่แล้ว
 แล้วก็อยากจะขอกาแฟที่ร้านดื่มสักถ้วยด้วยครับ”

“เอ่อ…ครับ”  ร่างเล็กรับคำสั้นๆ  ชายหนุ่มยกยิ้มถูกใจ

“อีกอย่างนะ  เรียกพี่ว่า…พี่ภู…นะครับ  ยังไงก็รู้จักกันแล้ว
แล้วแทนตัวเองว่า  ฟ้า  แบบตะกี้ก็น่ารักที่สุดเหมือนกัน”
ภูดิศยิ้มพราย  ร่างเล็กมองตามรถที่ค่อยๆ เคลื่อนออกไป `ฟ้า-พี่ภู` งั้นเหรอ









หัวข้อ: ภูรักฟ้า ตอนที่ 6 เมื่อมีคนเจ็บ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 28-11-2018 11:37:42
ตอนที่ 6 เมื่อมีคนเจ็บ

“พ่อภูขา  มากู๊ดไนท์คิสกัน  หนูรินจะนอนแล้วค่ะ”  หนูรินยิ้มเข้ามากอด

"ไหนพ่อดูซิ  ไม่ฟังนิทานเนี้ยตัวร้อนรึเปล่าค่ะ  เอ้…ตัวก็ไม่ร้อน 
หรือว่าพลังหมดกันนะ  เล่นเยอะล่ะสิวันนี้  งั้นมานอนเลย  จุ๊บๆ
กันก่อนค่ะ”

แล้วลูกหมูตัวกลมก็หันไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับเจ้าตุ๊กตาหมีขี้เซาสีขาว
ก่อนจะล้มตัวลงนอนให้คุณพ่อลูบหลัง  ไม่นานก็หลับพริ้มไปแล้ว
 

หนูรินพอรู้ว่าเช้านี้จะได้ไปบ้านอาฟ้าและรับวินวิน
หนูน้อยก็ให้ความร่วมมือกับพี่ส้มเต็มที่ในการแต่งตัว
ทานมื้อเช้าไม่มีอิดออด  พอทุกอย่างพร้อมก็วิ่งปรู๊ดไปรอที่รถ

“เย้!  ไปบ้านอาฟ้า  หาถ้วยฟู  หาถ้วยฟู”
เริงร่าดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่จริงๆ ภูดิศอดที่จะยิ้มเอ็นดู


เมื่อรถแล่นผ่านประตูใหญ่มาก็มีเด็กรับใช้นำไปยังบ้านชั้นเดียวอีกหลังที่
อยู่ไม่ห่างจากหลังใหญ่มากนัก  เป็นบ้านหลังเล็กกะทัดรัดสไตล์เก๋ไก๋ลงตัว
สีขาว - เทา  มีป้ายชื่อบ้าน `ตัวเล็ก`

ชายหนุ่มเผลอเหยียบเบรกทันทีที่เห็นป้ายชื่อบ้าน  เหมือนมีกระแสอุ่นวาบไปสู่หัวใจ
คงเป็นความบังเอิญที่ขอบฟ้าจะตั้งชื่อบ้านได้เหมาะกับตัวเองเสียจริงๆ `คิดถึงตัวเล็ก`

เมื่อคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญจึงแล่นรถผ่านไป   หน้าบ้านมีสวนสวยในแบบที่เขาอยากได้

“เชิญที่ห้องรับแขกเลยค่ะ  เดี๋ยวแนนไปเตรียมน้ำดื่มมาให้  คุณฟ้ากับน้องวินวินอีกเดี๋ยวคงมาค่ะ”
 เด็กชื่อแนนแจ้งกับแขกให้ทราบ  นั่งรอครู่หนึ่งก็มีเสียงเดินมาจากด้านหน้า

น้องวินวินมาในชุดนักเรียนอนุบาล  กับอาฟ้าในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ขาดที่เข่า
เท่ในแบบที่เคยเห็น  แต่วันนี้รวบผมไว้ด้านหลัง  เผยให้เห็นผิวหน้าที่เนียนขาวใส
กระจ่างตา  น่ารักน่ามองไปอีก

“สวัสดีครับ  มาเช้ากันจัง  พอดีไปทานมื้อเช้าที่บ้านใหญ่  นี่ทานอะไรกันมาหรือยังครับ?”
 ขอบฟ้าเอ่ยทักและบอกเล่าเหตุผลที่มาช้า  เด็กๆ ไหว้สวัสดีผู้ใหญ่แล้วน้องวินวินก็วิ่งไปห้องด้านใน

“เรียบร้อยกันมาแล้วครับ  โทษทีที่มาเร็วไปหน่อย  ยัยหนูสิครับรบเร้าบอกจะหาถ้วยฟูๆ
อะไรนี่แหละ พึมพำมาตลอดทางเลยครับ”

ชายหนุ่มรีบออกตัว  ขอบฟ้าร้องอ๋อ  ยิ้มทั้งปากและดวงตา
แล้วน้องวินวินก็ออกมาจากห้องด้านในพร้อมอุ้มเจ้าก้อนขนสีขาวนวลสวย
มีจุดดำแต้มอยู่หลายตำแหน่งที่ชัดๆ ก็ใบหู 2 ข้าง  จมูก  เท้าทั้งสี่

“ว้าว  ถ้วยฟูๆ  น่ารักๆ  อย่ากัดหนูรินนะ” 
เจ้าถ้วยฟูดวงตาสีฟ้ามองเด็กหญิงที่มายืนอยู่ตรงหน้าตาวาวๆ
แต่ไม่มีท่าจะตื่นคน  ขอบฟ้ารีบพูดขึ้นก่อน

“หนูรินอย่าเพิ่งอุ้มนะคะ  แค่ลูบๆทำความคุ้นเคยกันก่อน
 ถ้ารู้จักกันแล้วถ้วยฟูจะชอบหนูริน  แล้วจะยอมให้อุ้มนะคะ” 
ขอบฟ้า บอกหนูริน  ร่างสูงแอบชมชอบน้ำเสียงที่ขอบฟ้าใช้พูดกับเด็กๆ
มันบ่งบอกว่าคนตัวเล็กนี่เป็นคนที่อ่อนโยนและใจดี


“ก็ได้ๆ  หนูรินไม่อุ้มค่ะอาฟ้า  เนาะๆถ้วยฟู”  หนูรินรับคำ 
แต่ก็พยายามตีซี้เจ้าถ้วยฟูใช้มือลูบไปตามตัวไม่หยุดมนุษย์เด็กกับสัตว์เลี้ยงตัวจ้อย
เป็นอะไรที่แยกกันไม่ออกตามเคย

“บ้านน่ารัก  น่าอยู่มากเลยครับ  ชื่อบ้านก็เก๋ดีสมกับตัวเจ้าของเลย
แล้วสวนก็สวยมากๆ อย่างที่พี่อยากได้เลยครับ เห็นอย่างนี้
แล้วแทบอดใจรอไม่ไหวแล้วสิครับ”  ใบหน้าที่ยิ้มไปเอ่ยชมไปไม่ขาดปาก

“เอ่อ…คุณ…พี่ภูรอหน่อยนะ  ขอฟ้าเคลียร์  เอ่อ…ผมเคลียร์ลูกค้ารายล่าสุดให้จบก่อนครับ”
 คนตัวเล็กพูดไปหน้าแดงไปที่เผลอเรียกแทนชื่อตัวออกไป  ร่างสูงยิ้มไม่หุบแล้วคราวนี้

“แทนตัวว่าฟ้าน่ะน่ารักแล้วครับ  พี่ชอบ”
คนตัวเล็กทำหน้าตาเหรอหรา

“เด็กๆ เตรียมตัวไปโรงเรียนกันเถอะ  เดี๋ยวรถติดน๊า
ค่อยมาเล่นกับถ้วยฟูใหม่เนอะ”
ขอบฟ้าหาทางเลี่ยงออกจากสถานการณ์เป็นรองตรงหน้าทันควัน


ส่งเด็กๆ ที่โรงเรียนเรียบร้อย  ก็ถึงคิวของอาฟ้าบ้าง
ร่างสูงขอไม่แวะดื่มกาแฟอย่างที่บอกไว้ในทีแรก
เพราะมีเรื่องด่วนเสียก่อน  ขอบฟ้าพยักหน้าเข้าใจ
ภูดิศออกจาก `Sky coff` อย่างเร่งรีบ

เนื่องจากลุงหมอโทรมาบอกว่าคุณปู่ลื่นล้มในห้องน้ำเมื่อเช้า
ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล ถึงแม้ความคิดเห็นเขากับท่านจะไม่ค่อยลงรอย
กันบ่อยครั้ง  แต่เขาซึ่งเป็นหลานก็อดเป็นห่วงเสียไม่ได้



คุณปู่ที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้  มีถุงน้ำเกลือแขวนอยู่
ใส่เฝือกที่แขนขวาข้างถนัดของท่าน 

ชายหนุ่มได้พบคุณหมอเจ้าของไข้แล้ว
“กระดูกแขนร้าวและมีอาการฟกช้ำตามตัวนะครับ  ประกอบกับคนไข้เป็นผู้สูงอายุ
จึงอ่อนเพลียและมีไข้สูง  หากตื่นมาจะปวดระบบตามเนื้อตัวได้ด้วย
อาการอื่นๆ ไม่มีอะไรน่ากังวลแล้วละครับ”  เมื่อคุณหมอออกไปจากห้อง

ชายหนุ่มจึงเข้าไปยืนข้างเตียง  สภาพท่านดูต่างไปจากเดิมที่เคยพบ
มาดที่น่าเกรงขามในวันนั้นไม่หลงเหลืออยู่เลย


“เอ้า  ไม่ทำงานเหรอ  เจ้าภู”
ปู่ประหลาดใจที่ลืมตาขึ้นแล้วเห็นหลานชายนั่งรอที่โซฟา

“ทำครับ  รอคุณปู่ตื่นนี่แหละ  แล้วเป็นไงบ้างครับ”
ภูดิศเดินเข้าไปยืนข้างๆเตียง

“เอ่อ  ปู่ปวดแขนมากๆเลยตอนนี้น่ะ”
 ชายหนุ่มได้ฟังปู่บอกก็รีบกดเรียกพยาบาลทันที

“อ่อ  ได้เวลาต้องให้ยากับคนไข้แล้วละค่ะ”
คุณพยาบาลคนสวยบอก

“งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับปู่  นอนพักเยอะๆนะครับ  ค่ำๆ ผมจะมาใหม่ครับ”
ท่านพยักหน้ารับรู้อย่างอ่อนแรง




ภูดิศรับหนูรินกลับไปส่งบ้านแล้ว  นั่งพักเหนื่อยตั้งใจว่าเย็นๆ ค่อยออกไปดูคุณปู่อีกที
ตามที่บอกกับท่านไว้ในตอนสาย  หากไม่ไปคนแก่จะพลอยรอเก้อเสียเปล่าๆ

“นมพร้อมครับ  คุณปู่ลื่นล้มในห้องน้ำเมื่อเช้าครับ”
ชายหนุ่มเล่าให้นมพร้อมฟัง

“อุ๊ยตายจริง  แล้วท่านเป็นอย่างไรบ้างคะคุณหนู  อายุท่านก็มากแล้ว
 คงเจ็บน่าดู”  นมพร้อมตกอกตกใจเป็นการใหญ่

“กระดูกแขนขวาร้าวต้องเข้าเฝือกครับ  มีไข้ด้วยคุณหมอยังไม่ให้กลับบ้าน
 เดี๋ยวค่ำๆ ผมจะไปดูท่านอีกทีครับ”

“นมเป็นห่วงท่านจริงๆ เลยนะคะ  แล้วใครเฝ้าละคะ  ยังไงช่วงนี้คุณหนูต้องค่อยๆ
พูดค่อยๆจากับท่านนะ  อย่าเพิ่งขัดใจอะไรท่าน ตอนนี้เลยค่ะ”

“ตอนนี้ก็จ้างพยาบาลพิเศษดูแลอยู่ครับ  ผมเห็นแล้วก็สงสาร
จะพยายามไม่ขัดใจคุณท่านของนมก็แล้วกันครับ  นมอย่ากังวลไปเลย"
ชายหนุ่มรับปากอย่างแข็งขัน นั่งพักเหนื่อยได้สักพักใหญ่ๆ ก็ฝากนมพร้อมให้เวยดูแลหนูริน
เพราะเขาน่าจะกลับดึกสักหน่อย




เคลื่อนรถออกมาได้ไม่นานก็พบกับผู้คนที่สัญจรไปมาสองฟากฝั่งถนน
มีร้านค้าแบบสตรีทฟู้ดเรียงราย  เมนูให้เลือกก็หลากหลาย  ราคาพอเหมาะกับมนุษย์เงินเดือน
เขาก็เคยได้มาเดินเมื่อคราวเป็นนักศึกษา  แต่ด้วยภาวะในปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยเขาจึงไม่มีโอกาส
ได้ทำเช่นนั้นอีก  ภูดิศเอื้อมมือไปเปิดเพลงฟังเบาๆ

ทันใดนั้น!!  มีคนวิ่งตัดหน้ารถของเขา  ชายหนุ่มเหยียบเบรกอย่างแรง
ส่งผลให้รถคันหลังที่ตามมาเสียจังหวะบีบแตรไล่เขาดังลั่น
ชายหนุ่มรีบลงจากรถเพื่อไปดู  หากมีคนเจ็บ


“เอ่อ  พี่ภู  ฟ้า  ขอโทษครับ”
คนตัวเล็กเบิกตากว้างมองเจ้าของรถที่ตนวิ่งตัดหน้ามา

“น้องฟ้า  เจ็บตรงไหน  ทำไมไม่ดูให้ดีก่อน  ดูสิแขนถลอกเลือดไหลเลย 
ไปหาหมอก่อนครับ” 
ชายหนุ่มพูดรัวเร็วจับคนตัวเล็กหันซ้ายหันขวาเช็คหาบาดแผลไม่หยุด
พลันเมื่อเห็นเจ้าก้อนขนที่คนเจ็บอุ้มอยู่ก็หน้าตึง หงุดหงิดขึ้นมาทันทีทันใด

“อืม  นี่สินะ  สาเหตุที่วิ่งข้ามถนน  ไม่ดูรถ  ไม่ดูอะไรเลย  ไม่ห่วงตัวเองเลยจริงๆ”
 ภูทำหน้าดุใส่อีก

“คุณน้าขา  หนูขอซูชิคืนนะคะ  ขอบคุณมากๆ ที่ช่วยไว้ค่ะ”
เด็กผู้หญิงวิ่งมายกมือไหว้
แล้วชี้ที่เจ้าก้อนขนที่มีอาการตื่นๆ คน
พอมันเห็นหนูน้อยก็ตะกายจะไปหา  ขอบฟ้าจึงส่งคืนให้
เธอรับไปกอดหอมและกล่าวขอบคุณอีกยกใหญ่
ขอบฟ้าหันมายิ้มแหยๆ ให้คนข้างๆ อย่างเกรงความผิด

“ฟ้าไม่เป็นไรมากครับพี่ภู  ขอโทษที่ทำให้ตกใจ  และเสียเวลาไปกับฟ้าด้วย”
ขอบฟ้าพูดเสียงอ่อย  หน้าสลดอย่างสำนึกผิด  ร่างสูงเห็นอย่างนั้นก็ไม่อยากตำหนิอะไรอีก
นึกสงสารที่ได้แผล  ผิวสวยๆ ยังไปครูดกับพื้นถนนมาอีก

“เอารถมารึป่าว  ไปหาหมอก่อน  พี่จะเข้าไปเยี่ยมคุณปู่ที่โรงพยาบาลอยู่พอดี  ท่านล้มเมื่อเช้าน่ะ”

“ฟ้านั่งแท็กซี่มาครับ  พอดีมาเลือกของแต่งสวนให้ลูกค้า  แต่วันนี้คงไม่ไปเดินหาให้แล้ว
ได้แผลกลับบ้านแบบนี้  เจ็บชะมัดเลย”  เผลอตัวเล่าไปด้วยโอดครวญไปด้วยแต่ไม่ดังนัก

“อืม  ก็ต้องเจ็บสิ  แผลถลอกยาวขนาดนั้น  ดีนะที่ไม่โดนเฉี่ยวชนเข้าให้ด้วย  ทำอะไรระวังเยอะๆ  เป็นอะไรไปจะทำยังไง”

พี่ภูยังขี้บ่นไม่ยอมเลิก  ขอบฟ้าปิดปากเงียบไม่น่าบ่นออกไปให้ได้ยินเลยว่าเจ็บ

“ฟ้าขอโทษ  ต่อไปจะระวังครับ”
 คนตัวเล็กทำตาละห้อยอย่างน่าสงสาร

“กลับบ้านพักผ่อนดีแล้ว  แต่ไปรู้จักคุณปู่พี่ก่อนค่อยกลับ  นะครับ”
 ขอบฟ้ามีสีหน้าลังเลอยู่หน่อยๆ  แต่แล้วก็เดินตามคนตัวโตต้อยๆ ไปขึ้นรถ
 


ภูดิศส่งคนขอบฟ้าทำแผล  เสร็จแล้วพาเข้าไปเยี่ยมคุณปู่  สีหน้าท่านดีขึ้นกว่าเมื่อเช้า
ชายหนุ่มแนะนำคนตัวเล็กกับคุณปู่  ท่านซักถามถึงรู้ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร
แล้วก็คุยกันไปไม่ได้หยุด  คุณปู่ดูจะถูกใจที่มีคนมาคุยให้คลายเหงาลงบ้าง

“ปู่อยากกลับบ้านแล้วเจ้าภู  ถามหมอให้หน่อย  กลับได้รึยัง?”  คุณปู่ร้องจะกลับบ้าน

“คุณหมอให้อยู่ก่อน  ยังมีไข้อยู่เลยครับปู่  เดี๋ยวลุงหมอก็มาครับ  ปู่ไม่น่าจะเหงานะ”

“เออ!  แกมาลองเป็นบ้างมั๊ยล่ะ  จะได้รู้  จะลุกหยิบจับทำอะไรก็ลำบากไปหมด  เฮ้อ!”
คุณปู่บ่นงึมงำๆ ก็คนเคยทำอะไรด้วยตัวเองได้เองนี่นา  หลานชายแอบส่ายหน้า

“คุณปู่ทานข้าวต้มนี่ก่อนครับ  หลังอาหารจะได้ทานยาครับ”
 คนตัวเล็กช่างเอาใจ  ช่วยป้อนให้ท่าน เพราะแขนอีกข้างท่านไม่ค่อยถนัดนัก
หลังทานอาหารผ่านไปสักพักพยาบาลก็เข้ามาให้ยา

สองหนุ่มจึงเตรียมตัวลากลับ ให้คนป่วยได้พักผ่อน
“คุณปู่หายไวๆ นะครับ  ฟ้ากลับก่อนครับ”
 ท่านก็พยักหน้า  แล้วเอ่ยกับหลานชาย

“ตาภู  ไว้พาหนูฟ้าไปหาปู่ที่บ้านบ้างนะ  คุยเก่ง  ช่างเอาใจ
 แบบนี้ทำคนแก่หายเหงาไปด้วย”  ภูดิศเงียบไป

 คิดว่าตัวเองหูฝาดไปเสียแล้ว  ที่ท่านเอ่ยปากว่าอยากเจอ
 คนตัวเล็กได้ฟังก็ยิ้มให้ปู่แล้วหันมองหน้าคนตัวโต

“ครับคุณปู่  เดี๋ยวพาไปครับ”  ภูดิศรับปากคนแก่ขี้เหงา




เมื่อนั่งมาในรถขอบฟ้าชมว่าคุณปู่ใจดี  จนภูดิศต้องหันมองหน้าคนพูดแล้วนิ่งไป
พลางขับรถไปใช้ความคิดไปด้วยปัญหายุ่งยากที่ยังไม่ได้รับการสะสาง
คงต้องรอจังหวะดีๆซึ่งก็ยังไม่รู้อีกนั่นแหละว่าเมื่อไหร่
วันหนึ่งเขาต้องได้เล่าให้ใครสักคนที่พร้อมจะมาอยู่ด้วยกันข้างกายได้รับฟัง



“น้องฟ้าอย่าให้แผลโดนน้ำนะ  หมั่นทำความสะอาด  ทายาด้วยนะ”
 ย้ำจนคนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงักไปอย่างนั้นเอง
คุณหมอก็บอกมาแล้ว  พูดไปก็กลัวคนตัวโตจะหน้าแตก

“ครับพี่ภู  ขอบคุณนะครับที่มาส่ง  ขับกลับดีๆนะครับ”  แล้วคนตัวเล็กก็ลงจากรถไป

 ภูดิศจึงเคลื่อนรถออกมา  มองผ่านกระจกหลังยังเห็นยืนส่งอยู่ไกลออกไป
 ก็อมยิ้มแล้วคิดไปว่า อาจจะเป็นคนนี้ที่รอคอยอยู่ก็เป็นได้












หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 6 เมื่อมีคนเจ็บ
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 28-11-2018 12:28:04
ค่อนข้างอ่านยาก มันติดๆ กันไปหมด ถ้าเว้นบรรทัดจะอ่านง่ายกว่านี้ค่ะ
หัวข้อ: ภูรักฟ้า ตอนที่ 7 มุมที่เปราะบางของคนตัวโต
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 28-11-2018 18:04:12
ตอนที่ 7 มุมที่เปราะบางของคนตัวโต

สองวันมานี้ภูดิศงานยุ่งเสียจนไม่มีเวลาไปเยี่ยมคุณปู่
ได้แต่ส่งเลขาไปแทนและนำของเยี่ยมไปให้เท่านั้น
ณนนท์รายงานว่าคุณปู่จะได้กลับบ้านในตอนเย็นวันนี้
และท่านยังถามหาเขาอีกด้วย

ชายหนุ่มจึงโทรไปชวนขอบฟ้าให้เข้าไปบ้านคุณปู่ด้วยกัน
ภูดิศตั้งใจว่าเขาจะพาหนูรินไปด้วย



“คุณทวด  ใจดีไหมคะพ่อภูขา”
ตั้งแต่จำความได้เธอยังไม่เคยเจอกับคุณทวดเลย

“ใจดีสิ  อาฟ้าเคยเจอมาค่ะ”
ขอบฟ้าตอบแทนภูดิศที่มีอาการอึกอักไม่ยอมตอบคำถามลูก

คนตัวเล็กทันเห็นแววตาไหววูบของร่างสูงแวบนึง
อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ที่หนูรินไม่เคยเจอกับคุณทวดมาก่อน 




เมื่อคุณปู่พบแขกตัวน้อยที่มาเยือนอย่างไม่คาดคิด  สีหน้าไม่ยินดียินร้ายก็ปรากฏเด่นชัด
“คุณทวดขา  เจ็บมากไหมคะ  มาๆ หนูรินเป่าเพี้ยงๆ  หายเลย”
หนูรินเข้าไปหาคุณทวดที่อาฟ้าบอกว่าใจดี

คุณปู่ชะงักไปที่เห็นการกระทำของเด็กหญิง


“ยังเจ็บหรือคะคุณทวด  หน้าไม่ยิ้มเลย”
หนูรินพูดจบภูดิศกับขอบฟ้าหันควับไปมองพร้อมกัน

เห็นท่านมีท่าทีกระอักกระอ่วนชอบกลอยู่  ขอบฟ้าจึงช่วยแก้สถานการณ์ตรงหน้า
“พี่ภูครับ  ผลไม้นี่ให้ใครเอาไปล้างจัดใส่จานมาที  เดี๋ยวฟ้าจะปอกให้คุณปู่ทานครับ”
คนตัวเล็กส่งผลไม้ให้คนตัวสูงไป


“มาครับ  เดี๋ยวพี่ไปจัดการให้  แล้วในครัวเขาก็จะปอกมาให้เองเสร็จนั่นแหละ”
 พี่ภูรับผลไม้ไปจากมือ  สีหน้าเขาดีขึ้น

แล้วขอบฟ้าก็หันไปหาหนูริน

“คุณทวดเจ็บเยอะค่ะหนูริน  หลายวันถึงจะหาย  อย่าเพิ่งกวนคุณทวดตอนนี้เลยนะคะ  อาฟ้าว่าเราไปดูปลากัน
 ตะกี้เดินผ่านเห็นสวยๆ ทั้งนั้นเลยนะ”
 ขอบฟ้าชวนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของหนูน้อย



“ก็ได้ๆ  จับมาทอดให้คุณทวด  กินปลาเยอะๆ ดีนะ  อาฟ้า”
หนูรินพูดอย่างหมายมาด

โดยไม่ทันได้เห็นว่าคุณปู่สะดุ้ง  ก็เจ้าเด็กนี่จะไปจับปลาคราฟในบ่อมาให้กิน
คุณปู่นั่งปั้นหน้าอยู่อย่างนั้น  แล้วก็มีเสียงพูดเล็ดลอดมาให้ได้ยินอีก


“ปลาคราฟ  เป็นปลาสวยงาม  กินเป็นอาหารไม่ได้  เลี้ยงไว้ดูสวยๆ  แค่นั้นนะคะ”
 เสียงอาฟ้าอธิบายให้เด็กน้อยเข้าใจ

“อ้อ!  กินไม่ได้  นี่เอง  อู้อู้  ปลาสวย  อาฟ้า  มาดูๆ
 เยอะแยะเต็มไปหมดจริงๆด้วยค่ะ”  เสียงใสๆ ตื่นเต้นดีใจ

“ค่ำแล้ว  กินข้าวเย็นเสียที่นี่ล่ะ  เดี๋ยวให้แม่จันทร์ตั้งโต๊ะ
 แกช่วยเดินไปบอกให้ทำต้มจืดให้อีกสักอย่างสิ” 

คุณปู่พูดยังไม่ทันจบดี  หนูรินก็เดินกลับเข้ามาหาชายหนุ่มแล้วจับแขนเขย่า
“พ่อภูขา  กลับบ้านกันได้หรือยัง  หนูรินหิว”  หนูน้อยทำตาละห้อยน่าสงสาร

“ทานที่นี่นะลูก  วันนี้ทานเป็นเพื่อนคุณทวด  รอแป๊บนึง  เดี๋ยวพ่อมา”
 แล้วร่างสูงก็เดินเข้าไปในครัว

 ครู่เดียวอาหารก็พร้อม  อาฟ้าช่วยจัดเตรียมให้หนูรินกับคุณปู่  ท่านทานไปเงียบๆ
 ต้มจืดเต้าหู้สาหร่ายที่ขึ้นโต๊ะท่านไม่ยักจะตักสักคำ  มัวแต่มองยัยหนูที่เคี้ยวตุ้ยๆแก้มป่องๆ
 อย่างเพลินตา  ภูดิศมองตามสายตาของท่านก็เห็นมีแววอ่อนลงไปบ้างแล้ว
 เขาก็อยากจะให้ท่านเป็นแค่คนแก่ปากร้ายแต่ใจดีเสียจริงๆ


“อาฟ้าขา  ขอผักอีก  เยอะๆ เลยค่ะ”  อาฟ้าคอยดูแลไม่ห่าง

“ทานผักด้วย  เก่งจริงๆ เลย  เด็กคนนี้”
 ขอบฟ้าชมยัยหนูริน  เด็กน้อยยิ้มตาหยี

“ทานผักเยอะๆ แข็งแรงๆ”
คุณปู่เงียบลอบมองหนูริน  ต้องสอนกันมายังไงถึงรู้ความได้ขนาดนี้นะ

มุมมองของชายสูงวัยเริ่มเอนเอียง  ดูสิจากเด็กแบเบาะที่เคยพบครั้งนั้น
โตได้ขนาดนี้  อคติในใจเริ่มจะเลือนลง

 `เด็กก็เหมือนผ้าขาว`
คำที่หลานชายพูดใส่หน้าท่านวันนั้นยังก้องอยู่ในหู


“คุณทวดขา  กินผักแข็งแรงนะ”
เสียงยัยหนูที่พูดทำเอาคุณปู่สะดุ้งขึ้นมาเพราะมัวคิดเพลินๆ อยู่

“เราน่ะกินไปเยอะๆ เลย  จะได้โตไวไว”
หนูน้อยตาโต  ร้องอู้  ขอผักอีกอยากโตไวไวตามที่คุณทวดบอก

พอของหวานมาเสิร์ฟยัยหนูก็ตาลุกวาว
“เนี้ยหนูรินชอบๆ  เงาะในน้ำเชื่อม  แบ่งกันๆ เด็กดีรู้จักแบ่งปัน”
 ย่าพร้อมสอนว่าของที่ชอบทานก็ต้องแบ่งกันถึงจะได้เป็นเด็กดี

“หนูรินเด็กดี  ทานไปเยอะๆ ไม่ต้องแบ่ง  อาฟ้าไม่เอาค่ะ”
 อาฟ้าชม ยกมือลูบหัวเด็กน้อย เป็นจังหวะเดียวกันกับภูดิศ 
มือทั้งสองจึงกุมกันอย่างพอเหมาะพอเจาะ  ขอบฟ้ารีบชักมือออกจากมือหนา
รู้สึกอุ่นวาบบนหลังมือ


“เรื่องหนูญาดาปู่ยังยืนยันคำเดิมนะ  วันอาทิตย์ตอนเย็นหนูญาดาจะเข้ามาเยี่ยมปู่
 แกจะต้องเข้ามาอย่าทำปู่ขายหน้าอีกล่ะ”
 ภูดิศชักสีหน้าขึ้นมาทันทีอย่างที่ขอบฟ้าก็ไม่เคยเห็น
 บรรยากาศชวนอึดอัดระหว่างสองคนนี้มันคืออะไรกัน

 ขอบฟ้านึกสงสัยอยู่ครามครัน  แล้วเสียงเพลงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ดังขึ้นสียก่อน
 เขาจึงถือโอกาสเลี่ยงออกไปคุยข้างนอก  น่านน้ำบอกว่าให้เอาวินวินมานอนด้วย 
 เขาจะเดินทางไปต่างประเทศ 3 วัน  ขอบฟ้ารับปากพี่ชายแล้ววางสาย
 หมุนตัวจะเดินกลับเข้าข้างใน


“น้องฟ้ากลับกันเถอะครับิ ค่ำมากแล้ว”  ภูดิศเดินมาตามขอบฟ้า

“คุณปู่หายไวๆ นะครับ  ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้  อาหารอร่อยมากๆ เลยละครับ”

“คุณทวดหายไวไว  นะคะ”
 หนูรินลาคุณทวดตามที่เห็นผู้ใหญ่ทำ  ท่านมองพร้อมพยักพเยิดหน้าให้




ทั้งสามพากันขึ้นรถเพื่อกลับบ้าน  หนูรินขึ้นไปนั่งเบาะหลังคว้าเจ้าตุ๊กตาหมีขี้เซามากอด
และเจอกับแอร์เย็นฉ่ำไม่นานก็หลับไป  ภูดิศขับไปช้าๆ  เขาแค่อยากให้มีคนตัวเล็กนั่งอยู่ข้างกัน
ไปแบบนี้นานอีกสักหน่อย  แล้วจึงตัดสินใจเอ่ยปากพูดทำลายความเงียบขึ้น

“น้องฟ้าครับ  จะรังเกียจไหม?  หากพี่จะเล่าเรื่องส่วนตัว  เอ่อ  เกี่ยวกับครอบครัวของพี่ให้ฟังน่ะครับ”

 คนตัวโตถามออกไป  แล้วชำเลืองมองว่าจะมีอากัปกิริยาจากคนข้างๆ ออกมายังไง
 เจ้าตัวขยับตัวยุกยิกแล้วมองหน้าเขา


“ถ้าพี่ภูเชื่อใจและไว้ใจฟ้า  ก็ตามแต่เถอะครับ  ยินดีรับฟัง”
 คนตัวเล็กส่งมอบรอยยิ้มใจดีมาให้
 คนตัวโตละสายตามองไปข้างหน้า  แล้วเริ่มเล่า

“ที่คุณปู่ให้พี่มาอีกวันอาทิตย์  คือจะให้พี่เจอตัวญาดา  คนที่ท่านจะให้พี่หมั้นด้วย
 ก่อนหน้านี้ก็มีมาอีกหลายคน  พี่ก็ปฏิเสธท่านไปเสียทุกครั้ง  เราทะเลาะกันด้วยเรื่องเดิมๆ
 แบบนี้  และครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่ท่านไม่ยอมฟังพี่  ท่านยื่นคำขาดจะตัดขาดพี่หากไม่
ทำตามที่ท่านสั่ง  พี่จนหนทางจริงๆ” 
พี่ภูเค้นเสียงพูดในตอนท้าย  แล้วถอนหายใจหนักหน่วงตาทอดมองไกลออกไป

ขอบฟ้ารู้สึกถึงน้ำเสียงที่เริ่มสั่นเครือจากความอัดอั้นของคนพูด
ให้นึกสงสารและเห็นใจคนตัวโตเป็นอย่างมาก

“พี่ภูครับ  ฟ้าว่าค่อยๆ คิด  ค่อยๆ ทำเถอะนะครับ  ทุกปัญหามีทางออก
 มีทางแก้  เพียงแต่เราต้องใช้ความพยายามให้เยอะขึ้น ถ้าปัญหานั้นมันหนักหนา
ก็ต้องเหน็ดเหนื่อยมากหลายเท่า  หรืออาจต้องใช้เวลานานสักหน่อย
ที่ผ่านมาพี่ก็เคยทำมันสำเร็จแล้ว  ครั้งนี้พี่ก็จะต้องผ่านมันไปได้  ฟ้าเชื่ออย่างนั้นครับ” 

ขอบฟ้าพูดปลอบใจ  จากใบหน้าด้านข้างที่เห็นเพียงสันจมูกโด่งสวย
เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าคนฟังอยู่ในอารมณ์เช่นไร

“อืม…นั่นสินะ” พี่ภูพูดงึมงำเบาๆ

“อีกเรื่องก็เรื่องของยัยหนู  เอ่อ…ที่แกไม่ใช่เลือดเนื้อทางเรา
 คุณปู่ท่านไม่ยอมรับแก  พี่จึงไม่เคยพาลูกเข้าใกล้ท่าน  จนวันนี้ที่
พี่ตัดสินใจพามาด้วย  ส่วนหนึ่งเพราะพี่เห็นว่ามีน้องฟ้าอยู่ด้วยกัน 
ทำให้พี่มีความกล้าเพิ่มขึ้น  กล้าที่จะเผชิญกับปัญหา  พี่เบื่อที่
จะหนีแล้วเหมือนกัน  ความน่ารักและความไร้เดียงสาของลูก
อาจทำให้ท่านไม่ใจหินจนเกินไปนัก  พี่สงสารยัยหนูที่ถูกคุณปู่ทำ
เย็นชาใส่  น้องฟ้าว่าพี่ทำถูกมั๊ยที่พาแกมาวันนี้”
ชายหนุ่มเล่าไปและเผลอตัวกำพวงมาลัยแน่น  ขอบฟ้าสังเกตเห็นจึงพูดขึ้น


“พี่ภู  ไหวไหมครับ  จอดรถก่อนก็ได้นะครับ”
 คนตัวเล็กเอ่ยปากบอก 



ภูดิศจึงตบไฟเลี้ยวจอดเข้าข้างทาง  ที่ยังพอมีผู้คนสัญจรผ่านไปมาบ้าง
แล้วเขาก็ซบหน้ากับพวงมาลัย ขอบฟ้าเอื้อมมือไปลูบหลังคนตัวโตอย่างแผ่วเบา
เพื่อให้ความอึดอัดแน่นได้จางลง  คนตัวเล็กคิดว่าวิธีนี้น่าจะช่วยได้บ้าง

ใครจะนึกว่าภายใต้ความสุขุมเยือกเย็นของคนตัวโตจริงๆ
แล้วภายในนั้นกลับสั่นไหวและเปราะบางถึงเพียงนี้
แค่ได้ยินได้ฟังก็พลอยรู้สึกสะเทือนอารมณ์ตามไปด้วยอีกคน


“พี่ภูครับ  ฟ้าอยู่ตรงนี้แล้วนะ  ไม่เป็นไรแล้วครับ  มันจะผ่านไปด้วยดี
 สิ่งดีๆ ยังมีอยู่นะครับ  แค่พี่อย่ายอมแพ้  สู้ๆ นะครับ”

คนตัวเล็กรู้แต่ว่าต้องพูดปลอบประโลมเพื่อเรียกกำลังใจของคนตัวโตกลับมา
พี่ภูเงยหน้าแล้วคว้าคนตัวเล็กดึงเข้ามา
สวมกอดไว้แน่น  ขอบฟ้าตกใจจึงขืนตัวไว้


“ขอพี่อยู่แบบนี้สักพัก  นะครับ  คนดี”
ภูดิศกระซิบเบาๆ ที่ข้างกกหูแล้วกระชับกอดคนตัวเล็กแน่นขึ้น
ซึมซับกระแสอุ่นวาบที่กำลังแผ่ซ่านไปสู่หัวใจของเขาในตอนนี้ 
ขอบฟ้านิ่งให้กอดนานพอควร

เริ่มอึดอัดเพราะกอดที่แน่นจนแทบจมลงไปในแผ่นอก
“พี่ภู  ฟ้าหายใจไม่ออก” ภูดิศจึงค่อยๆคลายวงแขนออกอย่างนึกเสียดาย
แล้วปล่อยคนตัวเล็กให้เป็นอิสระ

“ขอบคุณ  ที่อยู่ด้วยกันตรงนี้  นะครับ” ภูดิศเชยคางมน

พลางใช้ปลายนิ้วไล้ไปมาบนกลีบปากบางรูปกระจับในความสลัวเลือนของแสงไฟ
อย่างห้ามใจไม่อยู่เขาแนบริมฝีปากหนาลงไปสัมผัสแผ่วเบาบนเรียวปาก
รับรู้ถึงความนุ่มหยุ่นและอาการสั่นน้อยๆของคนตัวเล็กตรงหน้า
ภูดิศถอนริมฝีปากตนออกอย่างอ้อยอิ่ง  แต่ปลายจมูกและหน้าผากยังแตะกันอย่างแนบแน่น
ทำให้ลมหายใจรินลดกันเบาๆ  ขอบฟ้าใจเต้นแรงแทบทะลุออกมานอกอก

`พี่ภูจูบเขา` ขอบฟ้าดีดตัวออกห่างจากภูดิศ
 กลับไปนั่งเสียชิดประตูมองออกไปนอกรถอย่างทำอะไรไม่ถูก


“ห้ามให้ใครทำแบบนี้กับน้องฟ้าแล้วนะ  พี่บอกไว้ก่อน  พี่หวง…นะครับ”
ขอบฟ้าหน้าร้อนผ่าวเหมือนจะระเบิดกับถ้อยคำและน้ำเสียงหยอกล้อ
แล้วพี่ภูก็เคลื่อนรถขับออกไปช้าๆ อย่างไม่เร่งรีบตามเดิม  ไม่มีเสียงพูดคุยใดๆ


ขอบฟ้าชำเลืองมองคนขับที่ดูอารมณ์ดีขึ้นเหมือนอย่างกับเป็นคนละคนกัน
“ขอบคุณที่ไปเป็นเพื่อนพี่วันนี้  ฝันดีนะครับ” ภูดิศลดกระจก 
แล้วชะโงกหน้าไปพูดกับคนตัวเล็กที่ก้าวเท้าเตรียมหนีเข้าบ้าน
ออกอาการสะดุดเท้าตัวเองหน่อยๆ
`คนขี้เขิน  ใจดี  น่ารักชะมัดปล่อยไปไม่ได้แล้ว`
 เขานึกกรุ้มกริ่มอยู่ภายในใจ



“ขอบฟ้า  กลับดึกนะเราวันนี้  เอาหลานไปนอนได้แล้ว
 เอ้อ!  เดือนหน้ามีงานกาล่าดินเนอร์ไปหาชุดไว้ด้วยล่ะ  ห้ามเบี้ยวเด็ดขาด”
คุณแม่พูดเสียงเรียบหน้าก็นิ่ง  จะมาไม้ไหนนะ  ขอบฟ้าระแวงหน่อยๆ


“แม่อ่ะ  ฟ้าไม่อยากไปเลย  ให้พี่น้ำไปสิครับ  พ่อก็ได้  ฟ้าไม่ไปนะครับแม่”
ขอบฟ้าเข้าไปกอดอ้อน  คุณหญิงทำไม่รู้ไม่ชี้แกะมือแกะไม้ออกเป็นพัลวัน
อย่ามาอ้อนเสียให้ยาก  นางตีขรึมใส่


“ไปไป๊  พาวินวินไปนอน  ดูสิ  สัปหงกแล้วนะนั่น  ไม่สงสารหลานหรือไง”
คุณหญิงไล่ลูกชายตัวดีไปเสียให้พ้นๆ กลัวว่าจะใจอ่อน


“วินวินครับ  ไปนอนกัน  คุณย่าใจร้าย  ไม่น่ารักเลยวันนี้” ขอบฟ้าเลิกเซ้าซี้

 
ยังพอมีเวลาเดี๋ยวค่อยหาทางหลบเลี่ยงเอาแล้วกัน หนูน้อยอ้าแขนให้อุ้ม 
ชายหนุ่มก้มลงอุ้มหลานรักขึ้นมาพาดบ่า  เด็กน้อยกอดคอซบบ่าอาหนุ่ม
แล้วโบกมือให้คุณย่า  คุณย่าก็โบกตอบไหวๆ

“ฝันดีครับ  วินวิน  พรุ่งนี้เช้าเจอกันนะ”
คุณย่าบอกหลานตัวน้อย  แล้วเหลือบมองลูกชายตัวแสบ
อย่างเอือมๆ  กับความไม่ได้ดั่งใจ


“อาฟ้า  วินวินจะนอนแล้ว  หาถ้วยฟูแป๊บนึง  อยู่ไหน  มานี่เลย  ถ้วยฟู”
เด็กชายร้องหาแมวตัวโปรดที่ร้องเมี้ยวๆ อยู่ข้างเตียง พร้อมกับตบที่นอนเสียงดังปุๆ

“ถ้วยฟูไม่นอนเตียงครับ  ดึกๆ วินวินกลิ้งมาทับแบนเลยนะ  พรุ่งนี้ค่อยเล่นกันนะครับ
 มาจุ๊บๆ กันก่อน  ฝันดีครับ”
 แล้วเจ้าหลานรักก็ล้มตัวลงนอนให้ลูบหลัง  หลับปุ๋ยในเวลาไม่นานนักบนที่นอนแสนนุ่ม
 กับเครื่องนอนสีขาวสะอาดตาในเตียงไซส์พิเศษ  เจ้าถ้วยฟูมาป้วนเปี้ยนอยู่ไม่ห่างนัก
 ดึกๆ ก็คงกระโดดขึ้นมานอนเบียดอีกตามเคยนั่นแหละ  ดีไม่ดีปีนมานอนทับอกเขาด้วยซ้ำไป
เจ้าตัวปรายตามองเจ้าก้อนขนที่ส่ายหางย้ายก้นไปมา


ห่มผ้าให้น้องวินวินอีกครั้ง  หนูน้อยขี้รำคาญชอบถีบผ้าออก
เขาถึงต้องจับเจ้าหลานตัวแสบใส่ชุดนอนแขนยาวขายาว
เพราะกลางดึกจะเจอเจ้าตัวนอนไม่ห่มผ้าเสียทุกทีไป
ขอบฟ้าล้มตัวลงนอนในหัวมีแต่ภาพเมื่อตอนหัวค่ำ
ที่คนตัวโตฉวยโอกาสผุดขึ้นมาทุกทีที่ปิดเปลือกตาลง
พี่ภูนะพี่ภูเขาออกจะแมนเต็มร้อย  มาทำแบบนี้กับคนหล่อได้ยังไง 

ขอบฟ้าได้แต่คร่ำครวญอยู่ภายในใจเท่านั้น  กว่าจะหลับลงได้ก็นานพอดู



***** ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ อ่านสบายตาขึ้นมั๊ยค่ะ  ^_^












หัวข้อ: ภูรักฟ้า ตอนที่ 8 จำกันได้ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 29-11-2018 08:40:57
ตอนที่ 8 จำกันได้ไหม

ขอบฟ้าเข้าร้านในตอนสายเพราะวันนี้เป็นวันหยุด  น้องวินวินอยู่บ้าน  มีเจ้าเก่งคอยเป็นพี่เลี้ยง
พนักงานในร้านมี พี่เปรี้ยว - พี่วรรณ ทำครัวและอบขนม,  อิง - เกล้า ดูแลเมนูเครื่องดื่ม,
 นินจา - ข้าวตัง รับลูกค้าและเสิร์ฟ 

ทุกคนทำหน้าที่ของตนได้ไม่ขาดตกบกพร่อง  วันไหนไม่เข้าร้านก็มอบหมายอิงให้ดูแลร้านแทน
อิงเป็นสาวเจ้าเนื้อหน้าสวย นินจาเด็กหนุ่มหน้าหล่อมีสาวมัธยมปลายผลัดเปลี่ยนหน้ากันมาเฝ้าทุกเย็น 
ส่วนข้าวตัง  มาเฉพาะวันหยุดเพราะเรียนปีหนึ่งมหาลัยเอกชน  ตัวเล็กน่ารักอัธยาศัยดี
ขอบฟ้ารู้เรื่องในร้านเป็นอย่างดีเพราะอิงชอบเล่าให้ฟังอยู่บ่อยๆ


คนสุดท้ายน้าดอนหัวหน้าทีมจัดแต่งสวนที่รับผิดชอบหน้างาน  และสวนที่ร้านและที่บ้านใหญ่ด้วย
น้าดอนมีทีมงานจำนวนหนึ่งที่แกหามาเองจากจังหวัดบ้านเกิด  แกฝีมือดีงานละเอียดไว้วางใจได้
น้าดอนจบเกษตรมาโดยตรงจึงมีความรู้ความชำนาญในเรื่องต้นไม้ใบหญ้าเป็นอย่างดี
ถึงรูปลักษณ์ภายนอกของน้าดอนที่ออกจะดิบเถื่อนเพราะต้องทำงานกลางแดดจนตัวดำ
แต่หากได้ยิ้มโชว์ฟันขาวทีไรก็ทำให้ภาพลักษณ์เปลี่ยนได้เหมือนกัน  ดูจริงใจ  ไม่ล่อกแล่กเลยทีเดียว

ขอบฟ้ามัวคิดอะไรเพลินๆก็สะดุ้งแทบตกเก้าอี้ที่ถูกจู่โจมถึงตัว
“เห่ย!  ซีเกมส์  มายังไง  ทำไมไม่โทรมาก่อน  กำลังจะไปข้างนอกแล้วเนี้ย”

 ขอบฟ้าหน้ามุ่ยที่เพื่อนรักตัวขาวโผล่มาไม่บอก  ตาโตๆ สีน้ำตาลแค่ยกยิ้มเท่านั้น
“อ้าว!!  พีท  ยังไง  มาได้ไงอีกคนแล้ว?”
 เพื่อนร่างหนาผิวสีแทน  หน้าหล่อ  คิ้วเข้ม  ตาคม
 ปรี่เข้ามาสวมกอดคนตัวเล็กจากด้านหลังแล้วจับคนตัวเล็กให้หันหน้ามา

“จะมารับไปดูหนังน่ะ  ไปนะฟ้า  ห้ามปฏิเสธ”
 พีทพูดพลางนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ๆ แต่ไม่วายฉวยมือคนตัวเล็กไปกุมไว้
 ขอบฟ้ากำลังจะตอบเพื่อนรักทั้งสอง ก็มีมือเล็กๆของหนูน้อยในชุดเอี๊ยมยีนส์กางเกงขาสั้น
มาดึงๆ ที่ชายเสื้อของเขาไว้ก่อน


“อาฟ้าขา  ไปว่ายน้ำกันนะ  หนูรินกับพ่อภูมารับค่ะ” หนูน้อยพูดจบ

 ก็มีผู้ชายตัวสูงสวมเสื้อโปโลสีฟ้ากับกางเกงยีนส์ขาเดฟเดินมาที่กลุ่มของพวกเขา
 สองหนุ่มมองเพื่อนตัวเองเลิกคิ้วสีหน้าเหมือนอยากจะถาม  ขอบฟ้าอ้ำอึ้ง  ก่อนเปิดปากพูด

“นี่พี่ภู  พ่อของหนูน้ำริน น่ะ / ส่วนนี่ ซีเกมส์กับพีท เพื่อนฟ้าเอง ครับ/สวัสดี อาซีกับอาพีทด้วยสิ หนูริน”

สองหนุ่มพากันทำหน้างงหนักที่ได้ยินขอบฟ้าเรียกพ่อเด็กน้อยว่าพี่ภูเต็มปากเต็มคำ
ทั้งสองก้มหัวให้ ภูดิศทำเพียงแค่พยักหน้าให้เท่านั้นเช่นกัน

“พี่มารับน้องฟ้า  กับน้องวินวิน  ไปเล่นน้ำที่บ้านน่ะครับ  น้องฟ้าสะดวกรึป่าว”
คนพ่อพูดจบคนลูกก็จับชายเสื้อขอบฟ้ากระตุกอีก ส่งสายตาอ้อนวอนมาให้
ขอบฟ้ามองหน้าพ่อกับลูก สลับกับมองเพื่อนรักสองคนไปด้วย

“ฟ้าว่าจะออกไปข้างนอก  สองคนนี้ก็มาชวนไปดูหนัง  พี่ภูกับหนูรินก็จะให้ไปว่ายน้ำ
 ตกลงฟ้าจะไปทางไหนกับใครดีล่ะฮะ”

ขอบฟ้าแจกแจงให้ทุกคนฟังโดยไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อดี 
ภูดิศรีบเสนอความคิดเห็นขึ้นทันที


“ไปปาร์ตี้ริมสระน้ำบ้านพี่ดีไหม  ยินดีต้อนรับทุกคน
เด็กๆก็จะได้เล่นน้ำด้วยกัน  หรือทุกคนว่าไงครับ”
ภูดิศเสนอ  แล้วไล่มองปฏิกิริยาของแต่ละคน


“ไปบ้านหนูรินเถอะนะคะ  อาฟ้า  อาซี  อาพีท  หนูรินอยากเล่นน้ำกะวินวิน”
หนูน้อยส่งสายตาละห้อยมาให้ผู้ใหญ่ทั้งสี่  เผื่อว่าจะยอมตามใจเธอ


“ถ้าไม่เป็นการรบกวนพี่ภูจนเกินไป  ตกลงไปก็ได้  รึว่าไงพีท”
 ซีเกมส์สรุปแล้วหันไปหาเพื่อนเพื่อขอเสียงสนับสนุน


“อืม  ก็ดีเหมือนกันนะ” พีทมองหน้าทุกคน  แล้วจึงตอบตกลง

 เพราะมองว่ามีเรื่องสนุกรอให้เขาไปพิสูจน์อยู่ที่นั่น `บ้านพี่ภู`


“เย้!!!  ไปรับวินวินกันค่ะอาฟ้าขา  เอาเค้กไปฝากวินวินด้วย  หนูรินไปเลือกก่อนเลยนะคะ”
เด็กน้อยดีใจ  วิ่งไปเกาะตู้เค้กรอแล้ว  ชี้มือเลือกเป็นการใหญ่


“น้องฟ้า  ไปรถพี่นะครับ” ภูดิศรีบเรียกคนตัวเล็กไว้ก่อนที่จะถูกเพื่อนคว้าตัวไป


“ฟ้า  เราสองคนตามไปทีหลังแล้วกันนะ  จะแวะซื้อเครื่องดื่มกับขนมด้วยน่ะ”
 สองหนุ่มยังไม่รู้จักนิสัยใจคอเจ้าของบ้านจะไปมือเปล่าคงไม่เป็นการดีเขาคิดแบบนั้น

“งั้นเจอกันที่บ้านพี่ภูนะ  แล้วจะส่งโลเคชั่นไปให้” คนตัวเล็กนัดแนะกับเพื่อน

 

“น้องฟ้ากับเพื่อนสนิทกันมากเลยเหรอ  ครับ”
 ภูดิศถามขึ้นเมื่ออยู่กันในรถ  เขายังตะหงิดๆไม่หาย

“เรียนมหาลัยด้วยกัน  อยู่กลุ่มเดียวกันครับ  มีฟ้า  ซีเกมส์  พีท
 นทีและนาวาน่ะครับ  ไปไหนด้วยกันตลอด  ตอนนี้นทีกับนาวาไปทำงานทางใต้
 นานๆ จะมาเจอกันสักที”
 คนตัวเล็กเล่าไปพร้อมสังเกตสีหน้าพี่ภูไปด้วย

“อ่อ  อย่างนี้น่ะเอง” พี่ภูพึมพำรับรู้เพียงเบาๆ
 เป็นอะไรของเขานะ  ดูมึนตึงชอบกลตั้งแต่ตอนเจอแล้ว  คนตัวเล็กได้แต่สงสัย


หนูรินนั่งที่เบาะหลังสักพักขอข้ามมานั่งข้างหน้าด้วย
“อาฟ้าขา  ขอหนูรินนั่งด้วยคน  นะคะ” อ
อาฟ้ายิ้มและเอี้ยวตัวมารับหนูน้อยให้นั่งระหว่างขาตรงหน้าตัก

ภูดิศแอบชำเลืองมองหนูรินที่เริ่มติดอาฟ้า  คงเพราะความอ่อนโยนที่อาฟ้าแสดงออกกับเด็กๆ
`คนใจดี` ภูดิศแอบชื่นชมอยู่ลึกๆ



ชายหนุ่มเข้าไปรับน้องวินวิน  ซึ่งพี่เลี้ยงได้เตรียมสัมภาระประจำตัวไว้ให้แล้ว
เป็นเพราะขอบฟ้าโทรบอกนมอุ่นว่าจะมารับหลานไปเล่นน้ำ  นมอุ่นจึงบอกเก่ง
ให้จัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้ของเด็กชายไว้ให้พร้อม  ขอบฟ้าขอตัวไปจัดในส่วนของตัวเองบ้าง
เพราะต้องลงสระไปกับเด็กๆ ด้วย  สักพักคนตัวเล็กก็ตามออกมาขึ้นรถ 
เด็กน้อยเล่นกันอยู่เบาะหลังเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว


“จุ๊  จุ๊  เล่นกันเบาๆ หน่อยครับ  อาภูต้องใช้สมาธิครับเด็กๆ”
 เด็กน้อยทั้งสองลดเสียงลงนิดหน่อย
 แล้วก็ดังขึ้นมาอีก  เป็นแบบนี้จนถึงบ้านของภูดิศ


ภูดิศโทรบอกนมพร้อมว่าจะมีเพื่อนมาปาร์ตี้รวมทั้งเด็กเล็กที่มาเล่นน้ำด้วย
และเพื่อให้เวลาแม่ครัวได้จัดเตรียมอาหาร เพื่อนซี้รุ่นจิ๋วจะเปลี่ยนชุดลงเล่นน้ำ
แต่ภูดิศบอกให้รอแดดร่มสักหน่อยก่อน  เพื่อเป็นการรอแขกอีกสองคนที่จะตามมาด้วย




ภูดิศพาขอบฟ้าไปเปลี่ยนชุดที่ห้องของเขาด้านบน  เพราะด้านล่างมีคนเข้าออก
ใช้กันพลุกพล่านเกินไปไม่เป็นส่วนตัว
“น้องฟ้าเปลี่ยนก่อนเลยนะ  ห้องน้ำอยู่ด้านนู้นครับ  พี่หาชุดว่ายน้ำก่อน”

ร่างสูงใหญ่เดินไปเลื่อนบานประตูตู้เสื้อผ้า  ดึงลิ้นชักใส่ของหยิบกางเกงว่ายน้ำขาสั้นสีดำ
แถบข้างสีขาวกับเสื้อกล้ามสีดำออกมาถือไว้  หมุนตัวกลับจะไปนั่งรอคนตัวเล็ก


“อ้าว!  พี่นึกว่าน้องฟ้าเข้าห้องน้ำไปแล้ว  เห็นเงียบๆ  ยังนั่งอยู่นี่เองเหรอ”
ขอบฟ้านั่งรอเจ้าของห้องอยู่ปลายเตียง 
เห็นก้มๆเงยๆรื้อหาของในลิ้นชักอยู่ก็มองเพลิน


“ฟ้ารอได้  พี่ภูไปเปลี่ยนก่อนเถอะ  ฟ้าขอดูห้องว่ามีสมบัติอะไรบ้าง”
คนตัวเล็กพูดพลางทำตามที่ปากบอก
คนตัวโตก็เดินเอามือมาขยี้ผมคนช่างพูด  ที่เมื่อก่อนพูดแทบนับคำได้

“ได้เลย  เหลือเตียงนอนไว้ให้ด้วยละกันนะครับ  หึหึ”
พูดทิ้งท้ายก่อนเดินหายไป  ห้องพี่ภูเรียบดูดีมีสไตล์  เตียงขนาดเดียวกับของเขาเลย
โทนสีห้องนอนให้ความรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย   น่านอน


พลันหางตาสะดุดเข้ากับหิ้งวางของติดผนังที่มีรูปถ่ายเด็กชายวัยประถมคนที่คุ้นเอามากๆ
เหมือนมีแรงดึงดูดให้เท้าก้าวเข้าไปใกล้  แม้สีของภาพจะจางมากตามกาลเวลาแต่มันยังชัดเจน
ในความทรงจำไม่เคยเปลี่ยน `พี่ตัวโต` ขอบฟ้าไล้ปลายนิ้วไปยังใบหน้าของเด็กชายในรูปถ่าย

`คิดถึงเหลือเกิน` พลันน้ำตาก็ไหลลงมาตามร่องแก้มโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลย

 `เป็นพี่จริงๆ  ใช่ไหม  ตัวเล็กหาพี่มานานมากแล้ว`



เมื่อภูดิศออกมาจากห้องน้ำ  ก็เดินตรงไปหาคนตัวเล็กที่ยืนนิ่งมองอะไรสักอย่างตรงหน้าแบบเหม่อลอย
“น้องฟ้า  สำรวจได้อะไรไปกี่ชิ้น  ไหนพี่ดูหน่อยครับ” พี่ภูจับคนตัวเล็กหันมา 
ทำให้คนไม่ระวังเผลอป่ายมือลากเอากรอบรูปตกลงบนพื้นแตกกระจาย 

ขอบฟ้าตกใจรีบคว้าจึงโดนเศษกระจกบาดนิ้วเลือดไหล
“เห้ย!!  เลือด  อยู่นิ่งๆ เลย  พี่ขอโทษ!!  ทำให้ตกใจ  เจ็บตัวอีกแล้ว
แผลเก่าเพิ่งหาย  ได้แผลใหม่อีกแล้วสิ  อ้าว!  ร้องไห้ทำไมกัน  เจ็บมากเหรอครับ
ไม่เป็นไรรูปนี่ใส่กรอบใหม่ก็เหมือนเดิมแล้ว  เดี๋ยวพี่ไปหายามาใส่ให้แล้วปิดปลาสเตอร์ไปก่อน 
รอแป๊บนึง” เจ็บมากเลยละสิน้ำตารื้นขอบตาตลอดเลย  ภูดิศนึกสงสาร  รีบไปเอาอุปกรณ์ทำแผล



“ขอโทษที่ซุ่มซ่าม  นี่รูปพี่ภูตอนเด็ก  เหรอฮะ”
ขอบฟ้ากลั้นใจถามออกไป  แล้วรอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อและคาดหวัง


“ใช่ครับ  ตอนนั้นพี่เรียนอยู่ ป.6  ทั้งบ้านก็มีรูปเดียวนี่แหละครับ  พี่ไม่ค่อยชอบถ่ายรูปสักเท่าไหร่”
 ขอบฟ้าได้ยินคำตอบของพี่ภู รู้สึกเย็นวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า  จ้องหน้าพี่ภู 
พลันน้ำตาก็เอ่อท้นขึ้นมาอีก 

`เจอแล้วนะครับ  พี่ตัวโต  ตัวเล็กอยู่นี่แล้ว จำได้ไหมฮะ  พี่บอกห้ามลืมพี่ไง'

'แล้วพี่ล่ะ  ยังมีตัวเล็กในความทรงจำอยู่บ้างไหม  พี่ตัวโต` 

ขอบฟ้ารู้แล้วว่าความรู้สึกที่อยากรู้แต่ไม่อยากถามมันเป็นแบบนี้นี่เอง


“เจ็บเหรอครับ  ร้องไห้อีกแล้ว  พี่ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย
 ไปล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนชุด  ป่านนี้เพื่อนมารอแล้วล่ะ”
พูดพลางภูดิศก็ใช้นิ้วเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้คนขี้แย  ทำไมเจ้าน้ำตานักนะ
แล้วยังจ้องตาแป๋ว ๆมองมานี่อีก …อยากจับฟัดนัก  ภูดิศได้แต่นึกหมั่นเขี้ยว
กับความน่าเอ็นดูของคนตรงหน้า


“รูปนี่  เดี๋ยวฟ้าเอาไปใส่กรอบให้ใหม่  นะฮะ”
 ขอบฟ้าออกตัวเป็นการชดใช้ความผิดแบบเบาๆ


“อืม…ก็ได้  ถ้าไม่ยอมให้เอาไปทำ  จะมีคนงอแงเสียเปล่าๆ”
พูดพลางลูบผมยาวลื่นมือไปมา


“พี่ภู  ฟ้าไม่ใช่หนูรินกับวินวินนะ  จะได้งอแงน่ะ  หึ้ยย…ไม่คุยด้วยแล้ว”

 พูดพลางทำหน้ากระเง้ากระงอดกลบเกลื่อนความเขิน แล้วเลี่ยงเข้าห้องน้ำไป







หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 8 จำกันได้ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 29-11-2018 19:46:53
ชอบแบบคห.1 ค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 9 ปาร์ตี้ริมสระ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 01-12-2018 11:24:42
ตอนที่ 9 ปาร์ตี้ริมสระ

เมื่อซีเกมส์กับพีทมาถึง  ภูดิศก็เรียกรวมพลบริเวณสระน้ำ
สองหนุ่มรีบไปจับจองเก้าอี้นวมสีขาวสะอาดตาที่วางเรียงรายอยู่ขอบสระ
ส่วนซุ้มอาหารก็ตั้งถัดมา  อาหารเครื่องดื่มพร้อมสรรพแล้ว

“อ้าว  พีทกับซี  ไม่ลงเล่นด้วยกันเหรอ?”
 ขอบฟ้าหันมองเพื่อนสองคนที่พากันจับจองที่นอน

“ฟ้ากับพี่ภู  พาเด็กๆลงสระเถอะ  เราสองคนขอเป็นผู้ดูก็แล้วกัน”
พีทพูดพลางยักคิ้ว

“ไปเหอะฟ้า  เด็กๆ เต้นกันเหยงๆแล้วนั่น”
ซีเกมส์รีบลุกขึ้นไปดุนหลังเพื่อนให้ไปลงสระ


ขอบฟ้าพาบรรดาลูกเป็ดตัวน้อยลงมาลอยคอในน้ำ
เล่นกันเสียงดังกรี๊ดกร๊าดเป็นที่สนุกสนาน
อุปกรณ์ช่วยก็มากมายทั้งห่วงยางลายเจ้าหญิงเจ้าชาย
ลูกบอลเป่าลม  แพยางนกฟลามิงโก้ตัวน้อยและอีกหลายชิ้น
ขอบฟ้าในชุดว่ายน้ำเต็มตัวขาสั้นซิปหน้าสีดำมีแถบสีเงินข้างลำตัว
เอวคอด  ดูผอมบางลงมากจนภูดิศเองก็ลอบมองอยู่บ่อยๆ
ส่วนภูดิศใส่เพียงกางเกงว่ายน้ำขาสั้น  เปลือยแผ่นอกกว้าง
กล้ามท้องเรียงตัวสวยจนขอบฟ้านึกอิจฉา

ในบางจังหวะไล่คว้าตัวเด็กๆกลับคว้ากอดกันเองกลมเลยก็มี
ภาพนั้นไม่ได้รอดพ้นจากสายตาของเพื่อนซี้สองคนที่จับตาดูอยู่
เมื่อขึ้นจากน้ำพี่เลี้ยงรีบมารับตัวเด็กๆ ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด

ภูดิศกับขอบฟ้าก็ขอไปเปลี่ยนด้วยเช่นกัน
ดยทั้งสองบอกให้เพื่อนๆ ทานอาหารไปพลางๆ ก่อน

สองคนมองตามแผ่นหลังของภูดิศกับขอบฟ้าที่เดินเคียงกันออกไป
ทั้งสองมีสีหน้าครุ่นคิด  พวกเขารู้จักขอบฟ้าดีว่าหวงความเป็นส่วนตัวขนาดไหน
ไม่เปิดให้ใครล่วงล้ำได้ง่ายๆ  แต่กับพ่อลูกคู่นี้ล่ะ

“เห่ย!  ฟ้ามันชักจะยังไงๆ อยู่นะพีท  ดูมีเงื่อนงำ  ว่ามั๊ย?”
 พีทมัวคิดอะไรเพลินๆถึงกลับสะดุ้ง

“เออ!   แต่มันไม่ใช่เกย์นะซี  ผู้ชายที่เข้ามาจะจีบมัน  มันไล่ตะเพิดไปกี่คนแล้วลืมรึไง?”

“ไม่รู้ดิ  พี่ภูดูจะไม่เหมือนคนอื่นๆ นะ  ฟ้ามันเคยให้ใครเข้าใกล้มันขนาดนี้ซะที่ไหน แต่กับพี่ภู
 เอ่อ!  ยังไง  จะพูดว่าอะไรดีล่ะ เอาเป็นว่า  เขาคนนี้ไม่ธรรมดาน่ะแก”
ซีเกมส์พูดตามที่เขารู้สึก

“ถ้างั้นนะซี  เดี๋ยวพีทจัดให้  เสร็จแน่ขอบฟ้าเพื่อนรัก  ฮ่าฮ่า”
 พีทหัวเราะและแปะมือกับซีเกมส์



เมื่อสองหนุ่มเปลี่ยนชุดเสร็จก็ลงมาพร้อมกันที่ขอบสระ
เด็กๆ ก็วิ่งแข่งกันมาถึงแล้วเหมือนกัน ต่างนั่งประจำที่รอทานอาหาร
พออาหารวางตรงหน้าก็ลงมือทานกันทันทีด้วยความหิวโซ

“หนูริน  วินวิน  ค่อยๆ ทาน  อย่ารีบ  เดี๋ยวติดคอ  นะลูก”
 ขอบฟ้าคอยดูแลหนูน้องทั้งสองไม่ห่าง

ภูดิศก็ช่วยแกะอาหารทะเลส่งมาให้  เด็กๆ  เคี้ยวกันตุ้ยๆ  อย่างเอร็ดอร่อย
พีทเดินมาโอบบ่าขอบฟ้าแล้วบีบนวดให้เบาๆ
ขอบฟ้าเงยหน้ามองความใจดีของเพื่อนที่มาในแบบแปลกๆ

“ฟ้า  ทานบ้างสิ  ผอมจะปลิวลมแล้วเนี้ย  เอาน้ำส้มเนอะ  เดี๋ยวพีทไปเอามาให้”

“อ่ะ  น้ำส้ม  แล้วนี่ก็ยำที่ฟ้าชอบ  ทานเยอะๆ นะ”
พูดพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างๆ กัน
พีททำเป็นไม่เห็นสายตาของภูดิศที่มองมาอย่างไม่ชอบใจนัก

“น้องฟ้าครับ  นี่ก็อร่อย  ลองทานดูครับ”
 ภูดิศตักปลาทับทิมลุยสวนส่งให้คนตัวเล็ก

“พี่ภูทานบ้างเถอะ  ดูแลเด็กๆแล้วยังจะบริการฟ้าอีก ”
ขอบฟ้าออกปากอย่างเกรงใจ

“เห็นทานได้เยอะ  แสดงว่าอาหารถูกปาก  พี่ก็ดีใจแล้วครับ” คนตัวโตหยอด

“อร่อยเหมือนเดิมเลยครับ  ขากลับฟ้าต้องเข้าไปขอบคุณนมพร้อมกับป้าแก้วเสียหน่อย”
ขอบฟ้าพูดออกตัว  ไม่ทันเห็นว่าสองหนุ่มเพื่อนรักหูผึ่งไปตามๆ กัน
ที่ได้รู้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ขอบฟ้ามาบ้านพี่ภู

“ฟ้า  ไปรู้จักกับพี่ภูได้ยังไง”
 ซีเกมส์เริ่มล้วงลับจับเท็จทันทีจากที่นั่งเงียบเก็บข้อมูลมาช่วงหนึ่ง

“ก็…เอ่อ…คือ  น้องวินวินเรียนที่เดียวกับหนูริน  เด็กๆ เค้าเรียนห้องเดียวกันน่ะ
 แล้วพี่ภูก็จ้างฟ้ามาออกแบบจัดสวนให้ที่นี่”
ขอบฟ้าเล่าให้เพื่อนรักฟังไปบางส่วนเท่านั้น  ซีเกมส์เลิกคิ้วคิดตาม

“อาฟ้าขา  หนูรินอยากไปหาถ้วยฟูอีกจังค่ะ”
หนูรินนึกถึงแมวที่บ้านอาฟ้าขึ้นมาได้

“ฟ้า/ฟ้า..เดี๋ยวเรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน”
ขอบฟ้าสะดุ้งเฮือก  อะไรของพวกมันกัน  ตะโกนออกมาได้  ขอบฟ้างงกับสองคนนี้จริงๆ


ซีเกมส์กับพีทมองหน้ากันชักจะเซอร์ไพรส์หลายเรื่องแล้ว  บ้าน `ตัวเล็ก`
ของขอบฟ้าให้สองพ่อลูกไปมาแล้ว
นั่นมันพื้นที่หวงห้ามที่สุดของมันเลยนะ!
พวกเขาที่เป็นเพื่อนสนิทยังไปแทบนับครั้งได้
แล้วพ่อลูกคู่นี้ล่ะยังไงกัน  ภูดิศพอจะเข้าใจอะไรได้เลาๆ
ว่าขอบฟ้าคงยังไม่ได้เล่าเรื่องอะไร
ที่เกี่ยวกับเขาให้เพื่อนรับรู้จึงพากันออกอาการหวงเพื่อนแบบนี้
แกล้งสักหน่อยก็แล้วกัน  ภูดิศยกยิ้มมุมปากอย่างที่ชอบทำ

“น้องฟ้า พรุ่งนี้ไปเยี่ยมคุณปู่กับพี่อีกนะครับ” ส่งสายตาอ้อนวอน

“เอ่อ  ก็เมื่อวานคุณปู่บอกว่าจะมีแขกไปหานี่ครับ จะไม่น่าเกลียดเหรอที่ฟ้าไป”

“ไม่หรอกครับ  ท่านชอบน้องฟ้าออก  ไปนะครับ”
คุยกันอยู่สองคน  เรียกน้องฟ้าทุกคำ  ส่งสายตาอ่อนเชื่อม
ไม่ต้องพิสูจน์อะไรกันแล้ว สองหนุ่มเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันที่เห็นแบบนั้น
ภูดิศลอบยิ้มร้ายที่เห็นอาการกระฟัดกระเฟียดของสองหนุ่ม
กับหน้าซื่อๆ ตาใสๆ  ของคนตัวเล็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลย



ปาร์ตี้จบลงแล้วอย่างอิ่มเอมไปตามๆ  กัน  พวกเราย้ายไปคุยกันต่อที่ห้องนั่งเล่น
ขอบฟ้านำทีมเข้าไปขอบคุณนมพร้อมและป้าแก้วผู้ใหญ่ใจดีที่จัดเตรียมอาหารไว้ให้ได้รับประทานกัน
ท่านทั้งสองยิ้มยินดีและพากันคุยอย่างออกรสออกชาติ


นมพร้อมอดประหลาดใจเสียไม่ได้ที่คุณหนูของนางเปิดบ้านรับแขก
ที่นอกเหนือไปจากหมอคีรี  ที่นี่ไม่เคยมีการจัดงานสังสรรค์ใดๆ
ไม่พาใครมาบ้านจนได้พาหนูฟ้าเข้ามา
นมพร้อมสัมผัสได้ว่าอาฟ้าที่เด็กๆ  เรียกเหมือนมีอะไรพิเศษต่างออกไปจากคนอื่น
ทำให้คุณหนูของนางเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้ 


ภูดิศแยกตัวออกไปคุยด้านนอกกับพีทตรงซุ้มไม้เลื้อยมุมโปรดของเขา
เริ่มแล้วสินะคนหวงเพื่อนภูดิศคิด  ดูอาการของพีทที่แทบอดรนทนรอไม่ไหว 
“ผมขอถามตรงๆเลยนะครับพี่ภู  พี่ชอบฟ้าเพื่อนผมใช่ไหม”
พีทเป็นประเภทตรงๆทื่อๆ  ไม่ชอบอ้อมค้อม  สินะ  ภูดิศพอจะมองออก

“ใช่ครับ ชอบมาก แล้วพี่ก็จริงใจเสียด้วยครับ”
ภูดิศยอมรับไปแบบลูกผู้ชายจนพีทอึ้งไปเลยทีเดียว

“เอ่อ!  แต่เพื่อนผม  ไม่ใช่เกย์  ถ้าพี่คาดหวังว่ามันจะรัก  พี่เตรียมตัวผิดหวังได้เลย
เพราะมันมีรักฝังใจที่มันไม่มีวันลืมและไม่มีใครแทนที่คนนั้นของมันได้ด้วย  พี่ปล่อยเพื่อนผมไปเถอะ”
พีทเล่าเรื่องที่ได้รู้มา  ทุกคนในกลุ่มรู้ดีแต่ไม่มีใครรู้ลึกว่าคนนั้นของขอบฟ้าเป็นใครก็เท่านั้นเอง

“พี่ก็ไม่ใช่เกย์นะพีท  ถ้าไม่ใช่เพื่อนคุณ  พี่ก็ไม่คิดชอบ  บอกเราไว้ตรงนี้เลยนะ  พี่ปล่อยเขาไปไม่ได้แล้ว”
ภูดิศโต้ตอบกลับไปอย่างหนักแน่น  เขาเชื่อว่าเรื่องที่พีทเล่าเป็นเรื่องจริง
อึ้งอยู่เหมือนกันที่ได้ฟัง  ทั้งสองต่างยืนประจันหน้ากัน  แล้วภูดิศก็พูดขึ้นอีก

“ฟังนะ  พี่ไม่ได้ต้องการไปแทนที่ใคร  และไม่ได้อยากรู้ว่าคนนั้นของน้องฟ้าคือใคร
ทุกคนย่อมมีอดีตด้วยกันทั้งนั้น  มีคนในความลับ  พี่ก็มีนะ  แต่ชีวิตคนเราต้องเดินไปข้างหน้า
ขอบคุณที่บอกเรื่องนี้ให้พี่รู้  มันจะไม่เป็นปัญหาแน่นอน  ไม่ต้องห่วงนะ พี่เป็นลูกผู้ชายพอ
หากสุดท้ายแล้วพี่กับขอบฟ้าจะไม่ใช่ของกันและกัน  พี่ก็จะยอมรับผลของมัน”
ภูดิศพูดความรู้สึกของเขาที่มีต่อขอบฟ้าให้พีทรับรู้ ด้วยรู้ว่าพีทเป็นห่วงเพื่อนอย่างแท้จริง

“ถ้าพี่ภู แน่ใจว่าสามารถทำให้ฟ้าเปิดใจยอมรับพี่ได้
 ก็เตรียมตัวเจอด่านคุณหญิงแม่ของมันอีกคนด้วยก็แล้วกัน
ฟ้ามันเปราะบางเหมือนตัวมันนั่นแหละ  ยังไงก็ห้ามทำเพื่อนผมต้องเสียใจ
เสียน้ำตา  เด็ดขาด!  ไม่อย่างงั้นผมกับพี่ได้เห็นดีกัน”
พีทเห็นว่าภูดิศจริงจังกับเพื่อนของเขาจึงได้ฝากฝังพร้อมกับคาดโทษไว้ด้วย

“ได้สิ  พี่จะดูแลและไม่ทำให้เพื่อนเราต้องผิดหวัง  หรือมีน้ำตาอย่างแน่นอน
อย่าห่วงเลย  นี่นามบัตรพี่นะ  โทรมาได้ตลอดเวลา  แล้วก็ยินดีที่ได้รู้จักนะพีท”
ชายหนุ่มพูดจบพร้อมกับตบบ่าพีทไปเบาๆ

“ยินดีเช่นกันครับ พี่ภู”
พีทยิ้มรับกับมิตรภาพที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาระหว่างพวกเขา





หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 10 กลัวที่แคบ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 02-12-2018 05:28:41
ตอนที่ 10 กลัวที่แคบ

ขอบฟ้าเอารูปพี่ภูกลับมาด้วย  ตั้งใจจะเอาไปใส่กรอบให้ใหม่  ดูรูป `พี่ตัวโต`
แล้วหวนนึกถึงตอนที่ตัวเองเป็นเด็ก  คุณแม่เล่าให้ฟังว่าเขาป่วยเป็นลูคีเมียเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น
ช่วงให้เคมีบำบัดเป็นช่วงที่เขาต้องนอนโรงพยาบาลนานเป็นเดือน
เมื่อแม่เล่ามาถึงช่วงนี้ทีไร  ความทรงจำในวัยเด็กของเขาจะย้อนกลับมาทุกครั้ง

“คุณหนูค่ะ  อย่าเดินเร็วนักสิคะ นมตามไม่ทัน  ระวังด้วยค่ะ”
ขอบฟ้าในวัยเด็กมาโรงพยาบาลจนจะกลายเป็นบ้านหลังที่สองเข้าไปทุกที
เขามักขอให้นมอุ่นพาออกมาเดินข้างนอก  อยู่แต่บนเตียงผู้ป่วยเบื่อจะแย่

“โอ๊ะ!  เจ็บไหมครับ  ตัวเล็ก”
ขอบฟ้าชนเข้ากับพี่ตัวโตจนถลาเกือบจะล้ม  แต่พี่ตัวโตก็คว้าตัวเขาไว้ได้เสียก่อน

“ขอโทษครับ  ไม่เจ็บ” เด็กตัวเล็กตอบ  แล้วหันซ้ายหันขวาเหมือนกำลังหนีใครมา

“จะไปไหนครับตัวเล็ก เดี๋ยวพี่พาไป”

“อยากไปซื้อไอศกรีม  พี่ตัวโตพาไปหน่อย  นะครับ”
คนตัวโตเลิกคิ้วมอง  อยากกินไอศกรีมนี่เอง

“ได้สิ  ตามพี่มา ร้านค้าอยู่ด้านนี้ครับ” คนพี่เดินนำทางไป

“พี่ตัวโต  เอาแบบนี้ครับ  หยิบให้หน่อย” ตัวเล็กเลือกตามที่เห็นในป้ายเมนู
แล้วยืนรอให้พี่ควานหาในตู้แช่ให้  เจ้าตัวล้วงหาเงินเตรียมจ่ายค่าไอศกรีม
พบว่าเขาไม่ได้พกเงินออกมาด้วยนึกเสียดายคงต้องกินวันอื่นแล้วล่ะ
จึงจับชายเสื้อพี่แล้วเขย่าเรียก

“พี่ตัวโต ไม่ต้องหาแล้วละครับ ไม่ทานแล้ว”
พี่เงยหน้ามองน้อง  ที่ทำหน้ามุ่ยแววตาผิดหวัง  พี่ยืดตัวขึ้นเมื่อหาจนเจอ

“นี่ไงครับได้แล้ว  รับไปสิตัวเล็ก” ส่งให้กับมือน้อง  เจ้าตัวก็ไม่รับไปเสียที

“ผมลืมเอาตังค์มาครับ  ไว้ค่อยมาซื้อวันหลัง”
พูดพร้อมกับหมุนตัวจะกลับ  พี่ตัวโตคว้าข้อมือเล็กไว้ได้ทัน

“รับไปเถอะครับ  พี่เลี้ยงเอง  ไปหาที่นั่งทานก่อน  ถ้าช้าจะละลายหมดนะครับ”
ยัดใส่มือน้องพร้อมกับหยิบอันของตัวเองเดินไปจ่ายเงิน

“ไปนั่งม้าหินอ่อนตรงโน้นก็ดีนะ  แดดไม่ร้อนด้วย  มาสิ”
 คนตัวเล็กเดินตามพี่ไปอย่างว่าง่าย

“ขอบคุณนะ  พี่ตัวโต”
 พูดขอบคุณพร้อมเดินตามพี่ไป  แล้วก็นั่งทานไอศกรีมด้วยกันจนหมด

“อยู่ห้องไหน  เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง”
 น้องมองหน้าพี่  แล้วชี้มือไปตามทางที่เดินมาเมื่อสักครู่

“ห้องนี้เหรอ  อยู่อีกหลายวันเหรอครับ  ไว้พี่มาหาใหม่นะตัวเล็ก”
น้องพยักหน้า  ส่งยิ้มตาหยีให้


หลังจากนั้นเขาก็ได้เจอพี่ตัวโตอีกหลายครั้ง  ทุกครั้งพี่จะมีขนมติดไม้ติดมือมาด้วย
 พาเดินออกไปข้างนอก  พาไปซื้อไอศกรีมโดยออกเงินให้น้องทุกครั้ง

“วันนี้พี่กลับก่อนนะ  ไว้พี่จะมาหาใหม่นะตัวเล็ก”



พี่ตัวโตกลับบ้านไป  ผ่านไปไม่กี่วันพี่ก็มาจริงๆ  และครั้งสุดท้ายพี่บอกว่าครอบครัวจะย้ายไปต่างประเทศ
“ตัวเล็กห้ามลืม!  พี่นะ ขอให้หายเร็วๆ  ดูแลตัวเองดีๆ  อย่าป่วยอีกนะครับ
ถ้าพี่มีโอกาสได้กลับมา  พี่จะหาเราให้เจอนะ”
ตัวเล็กน้ำตาคลอ  ที่จะไม่ได้พบพี่ตัวโตอีก  พี่ตัวโตเข้ามากอดและขยี้หัวน้องเบาๆ
นั่นเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ ที่ได้พบกัน


`พี่บอกว่าถ้าได้กลับมา  จะหากันให้เจอ  พี่ตัวโต  กลับมานะ  ตัวเล็กจะรอพี่เหมือนทุกครั้ง  ที่เคยรอ`
และนั่นคือความผูกพัน  ที่เชื่อมโยงให้เราทั้งสอง  ไม่อาจลืมเลือนแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม



วันนี้ขอบฟ้ามีนัดพบลูกค้าที่อาคารสูงเสียงฟ้าติดอันดับต้นๆของประเทศ
ซึ่งเป็นที่ทำการของบริษัทขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ที่มีจำนวนชั้นไม่ต่ำกว่า 50 ชั้น
เขาเคยมาพบลูกค้าหลายรายที่นี่จนค่อนข้างคุ้นชิน

ขอบฟ้ากดเรียกลิฟท์จากชั้นจอดรถเพื่อไปตามนัดหมาย  ลิฟท์รอบนี้ดูบางตา
แต่เมื่อหยุดชั้นต่อไปก็มีคนเข้า 7 - 8 คน ทำให้ต้องยืนเบียดๆ กัน
รู้สึกว่าคนที่ยืนอยู่ติดกันดูจะโงนเงน  แล้วยังคว้าหมับที่ต้นแขนของเขา
แล้วบีบแน่น  จนเจ็บ  ขอบฟ้าสะบัดอย่างแรงแต่ไม่หลุด
เขาหันขวับไปหัวจึงโขกโดนปลายคางของเจ้าของมือที่แข็งอย่างกับเหล็ก
มองอีกทีเป็นพี่ภูนี่เอง  ทำไมหน้าเขาซีดมาก  หายใจหอบหนัก
คนที่เบียดๆ อยู่ใกล้ๆ ตัวพี่ภูก็ถอยออกห่างเมื่อเห็นอาการพี่ภู

“พี่ภูครับ!!  เป็นอะไร  นี่ฟ้าเอง  หายใจลึกๆสิครับ”
ขอบฟ้าเขย่าเรียกเสียงร้อนรน  พอดีลิฟท์หยุดมีคนออกไปจนเหลือเขากับพี่ภูสองคนภายในลิฟท์

“น้องฟ้าครับ  พี่ปวดหัว  คลื่นไส้  หายใจไม่ออก  ช่วยพี่ที”
พี่ภูยังตัวสั่นไม่หาย  ริมฝีปากแห้งมาก  พี่ภูทิ้งน้ำหนักตัวมาทำให้ขอบฟ้าแทบทรงตัวไม่อยู่
แต่ยังยืนเป็นหลักให้พี่เกาะ

“ถึงชั้นที่พี่ภูจะไปรึยังครับ  เดี๋ยวฟ้าไปส่ง  อ้าว!  ชั้นเดียวกันหรอกเหรอ  อดทนอีกนิดนะครับ”
เห็นตัวเลขเป็นปลายทางเดียวกันที่เรียกไว้

“ฟ้าพาไปนะครับ  เดินช้าๆนะ”

ขอบฟ้าประคองคนตัวสูงออกจากลิฟท์  พี่ภูยังมีอาการหวาดกลัวซ่อนอยู่ในแววตา
พี่ภูเดินไปจนถึงออฟฟิศของตัวเองอย่างทุลักทุเล  มีสาวสวยกับหนุ่มหล่อหน้าตี๋
วิ่งปราดเข้ามาช่วยพยุงอย่างตื่นตระหนก

“คุณภูเป็นอะไรคะ/บอส  ครับ” ทั้งสองถามพร้อมกัน

“คงจะเป็นลม  พาไปพักก่อน  ผมขอผ้าชุบน้ำเย็นสักผืนครับ  อ่อ!  ผมรู้จักกับพี่ภู”
หนุ่มหน้าตี๋พยักหน้าแล้วผละไป  ส่วนสาวสวยอีกคนพาไปนั่งที่โซฟาในห้องทำงานใหญ่
ชายหนุ่มยังหน้าซีดไม่หาย

“น้องฟ้า  อยู่ก่อนนะครับ” พี่ภูพูดพลางเอนตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนลงกับพนักพิงโซฟาแล้วหลับตา
ขอบฟ้าจึงช่วยปลดเนคไทและกระดุมเสื้อออกให้ 2 เม็ดเพื่อคลายความรัดรึงลง
พลางอ้อมมือไปถอดเสื้อสูทออกให้ด้วย  และส่งให้หญิงสาวที่ตามมารับไปวางพาดให้
เธอยังมองมาหน้าตาตื่น  งงๆ  แบบไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้อีก  สักพักหนุ่มตี๋ก็มาพร้อมผ้าชุบน้ำในมือ

“ขอผ้าให้ผม  ช่วยเร่งแอร์ให้หน่อยครับ”
หญิงสาวหันไปหยิบรีโมทและปรับอุณหภูมิให้ใหม่  ขอบฟ้ารับผ้ามาแล้วเช็ดตามใบหน้าลำคอ
ลงมาจนถึงหน้าอกชะงักมือไป  แล้วจึงเช็ดย้อนไปส่วนบน  พี่ภูเปิดเปลือกตาขึ้นมองหน้าคนใจดี

“พี่เริ่มดีขึ้นแล้วละน้องฟ้า  อ้อ! นี่  ริสากับณนนท์  เลขาพี่ / นี่คุณขอบฟ้านะ / ออกไปกันก่อนผมเรียกค่อยเข้ามา”
เลขาหันมาก้มหัวให้บอสกับขอบฟ้า  แล้วเดินออกไป  สีหน้ายังตื่นตกใจไม่หาย
เพราะไม่เคยเห็นบอสที่แข็งแรงบึกบึนจะมีอาการอย่างกับนกปีกหักแบบนี้

“พี่ภูปวดหัวอีกมั๊ยครับ  จะอาเจียนหรือเปล่า  ฟ้าพาไปห้องน้ำได้นะครับ”
คนตัวเล็กออกอาการเป็นห่วงเป็นใยจนปิดไม่มิด

“พี่ดีขึ้นมากแล้วครับ  นี่น้องฟ้าจะไปไหน  ทำไมมาแถวนี้ได้ล่ะ
 มาเจอพี่ทำให้พลอยลำบากไปด้วยเลย  ขอโทษนะ…แล้วก็ขอบคุณมากๆที่ดูแลพี่”
พี่ภูพูดพร้อมกับจับมือคนตัวเล็กมากุมไว้  พลันเห็นรอยช้ำแดงที่เกิดกับแขนขาวๆ
ชัดเจนมาก  พลิกกลับไปกลับมาและใช้นิ้วมือลูบไล้ไปบนรอยแดงนั้นอย่างรู้สึกผิด
วันนี้ขอบฟ้าใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นทรง  slim fit  สีครีมกับกางเกงสแล็คทรงกระบอกเล็กสีน้ำตาล
ทำให้ตัวเล็กกระทัดรัดน่าเก็บไว้บ้านไม่ให้ออกมาเดินอย่างนี้ด้วยซ้ำ

“พี่ขอโทษที่ทำให้เจ็บ ช้ำเลยนะเนี้ย”แววตาพี่ภูที่พูดดูเศร้าๆ

“ฟ้าไม่เป็นไรมาก อย่าโทษตัวเองเลยครับ เจ็บแค่นี้เอง”
คนตัวเล็กยกมือกุมแก้มพี่ภู  ซึ่งกิริยาที่กระทำช่างอ่อนโยนจนคนได้รับ
ต้องซ้อนมือกุมทับมือคนใจดีไปบ้าง

“ไปอยู่ที่ไหนมา  ทำไมเราถึงเพิ่งเจอกันครับ” พี่ภูพึมพำเสียงแผ่ว
 ดวงตาที่จ้องมองมามีแววหวานซึ้งจนคนตัวเล็กหน้าขึ้นสีชมพูระเรื่อ

“เอ่อ…พี่ภู  ฟ้าต้องขอตัวกลับก่อนครับ  ฟ้ามีนัดลูกค้า” ขอบฟ้าพูดพลางลุกขึ้นยืน

“เสร็จธุระแล้วมาหาพี่นะ  พี่จะพาไปทานมื้อเที่ยง  พี่รอนะครับ”
ภูดิศพูดรวบรัด ไม่รอให้มีการปฏิเสธ  ขอบฟ้าพยักหน้าตกลงแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป

“กลับแล้วเหรอฮะ  คุณขอบฟ้า” ณนนท์เอ่ยทัก

“เอ่อ…ไปพบลูกค้าตามนัดก่อน  แล้วจะกลับมาอีกครับ
 อืม…แล้วก็เรียกฟ้าเฉยๆ ก็ได้ครับคุณณนนท์”
เสียงเล็กใสบอกออกไปแล้วยิ้มน้อยๆ ให้

“ครับ คุณฟ้า เดี๋ยวเจอกันครับ”
หนุ่มตี๋พูดและมองตามคนน่ารักที่เดินออกไปแล้ว



หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 11 ถูกกล่าวหาว่าแย่งของเขา
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 03-12-2018 18:44:42
ตอนที่ 11 ถูกกล่าวหาว่าแย่งของเขา

ขอบฟ้าคุยงานเสร็จก็กลับมาหาภูดิศ   เลขารีบเปิดทางให้เข้าไปเพราะเห็นว่าบอสเอาแต่ยกนาฬิกาดูเวลาเสมอ
ในขณะที่พวกเขาเข้าไปส่งงาน   คนตัวสูงเงยหน้ามาส่งยิ้มให้คนตัวเล็กที่กลับมา
เขารีบลุกขึ้นคว้ากุญแจรถทันทีเหมือนว่ารออยู่ก่อนแล้ว

“ไปกันเถอะครับน้องฟ้า  เดี๋ยวพี่พาไปร้านอร่อยๆ นะ   หรืออยากจะทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”
พี่ภูแตะที่ต้นแขนเป็นเชิงให้เดินนำไปก่อน

“อะไรก็ได้ครับ  ผมทานได้หมด”
คนตัวเล็กบอกแล้วยิ้มเผื่อแผ่ไปให้กับเลขาทั้งสองที่ยังยืนกันอยู่ในห้อง

“ริสา/นนท์  ผมไปทานข้าวก่อน  ถ้ามีอะไรด่วนก็โทรได้เลย  อาจจะเข้ามาช้าหน่อยนะ”
คุณภูพูดเสียงเรียบๆ เหมือนเคย  แต่สีหน้าระรื่นนั้นก็ปิดม่มิดอยู่ดี

“ค่ะ/ครับ  บอส  ตามสบายเลยครับ”
ตอบรับ  แล้วมองตามสองหนุ่มที่เดินเคียงกันไปไม่ห่าง  แล้วเลขาทั้งสองก็หันขวับกลับมามองหน้ากัน

“พี่ริสา  ผมว่าบอสกับคุณฟ้ามีความห่วงใย  ใส่ใจ  ดูแลกันแปลกๆ นะครับ  พี่ริสาคิดเหมือนผมไหม?”

“นนท์จะให้พี่ถามบอสให้มั๊ย  พี่จะได้บอกว่านนท์อยากรู้   คริคริ” พี่ริสาจอมแสบหัวเราะเสียได้

“ผมจัดการเองได้ครับ   พี่ริสาคนสวย” พูดแล้วสะบัดหน้าใส่อย่างแรง



เมื่อลิฟท์ที่เรียกมาถึง  คนมากมายภายในทำให้พี่ภูชะงักเท้า  เขาโบกมือปฏิเสธลิฟท์เที่ยวนี้ 
พอลิฟท์ตัวข้างๆ มาอีกพี่ภูก็ยืนนิ่ง   จนขอบฟ้าอดสงสัยในพฤติกรรมแปลกๆ ของชายหนุ่มไม่ได้

“พี่ภูครับ  คนอื่นๆ เขาไปหาข้าวกลางวันทานกันนะครับ  ลิฟท์ก็จะแน่นแบบนี้
ปกติกลางวันพี่ภูไปทานยังไงครับ” ถามออกไปด้วยความสงสัย

“เอ่อ  ณนนท์  สั่งมาให้น่ะ  พี่จึงไม่ได้ออกมาข้างนอก”
ภูดิศอธิบายให้คนตัวเล็กคลายความสงสัย

“อ้าว…เหรอครับ  งั้นเรากลับไปสั่งมาทานที่ห้องทำงานพี่ภูก็ได้นี่ครับ”
ขอบฟ้าหาทางออกให้  แต่ชายหนุ่มส่ายหน้ารัวเร็ว

“ไม่ดีกว่าครับ  วันนี้พี่อยากไปทานข้างนอกน่ะ  ไปกันเถอะคนน้อยลงแล้ว”
ภูดิศพาเข้าไปในลิฟท์  แล้วระหว่างทางก็มีคนเรียกใช้ทำให้คนแน่นอย่างเคย
ขอบฟ้ามองหน้าเห็นแววตาตื่นตระหนกของพี่ภู  จึงคว้ามือพี่ภูมาบีบให้คลายกังวล

“พี่ภูครับ  ทนหน่อยนะครับ”
ภูดิศบีบมือเล็กที่อยู่ในอุ้งมือของตนแน่น  พร้อมกระซิบข้างหู
“อย่าไปไหนนะ”

ขอบฟ้าเงยหน้ามองคนพูด  ทำให้ปลายจมูกไปสัมผัสโดนปลายคางของพี่ภู
คนตัวเล็กออกอาการกระดาก  แต่คนโดนไม่ได้รู้สึกเพราะไม่อยู่ในอารมณ์ที่เป็นปกตินัก

“ถึงแล้วครับพี่ภู  ออกไปกันก่อนเถอะ”
ภูดิศรีบโกยอากาศเข้าปอดอย่างหนักหน่วง  แล้วพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก



ภูดิศเลือกร้านอาหารไม่ไกลจากที่ทำงานนัก  ก็ยังคงเป็นอาหารไทยเช่นเคย
แต่เปลี่ยนเป็นร้านอาหารเรือนไทยริมน้ำที่ต่อยื่นลงไปในสระบัวชมพูที่ชูดอกอวดความงดงาม
ละลานตา  แล้วยังน้ำพุตรงกลางสระอีก  จนคนตัวเล็กเก็บอาการไม่อยู่

“ชอบจังครับพี่ภู  ถ้าอาหารร้านนี้ไม่อร่อยแต่บรรยากาศดีแบบนี้ฟ้าก็ยอมนะ  ฟ้าถ่ายรูปไว้ดูบ้างดีกว่า”
คนตัวเล็กหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บภาพในมุมต่างๆ หลายภาพทีเดียว

“มาเซลฟี่กับพี่บ้างสิ  เก็บไว้ดูตอนเราแก่ไงครับ”
ภูดิศแกล้งเย้าคนตรงหน้า  คนฟังย่นจมูกกลับมาทันที

“พี่ภู!!  พูดอะไรเนี้ย  ใครจะไปแก่พร้อมพี่กันเล่า”
ขอบฟ้าเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อซ่อนใบหน้าที่ร้อนผ่าว  แต่คนตัวโตก็ยังทันเห็นแก้มที่แดงเรื่อนั้นอยู่ดี

ภูดิศเอื้อมมือไปเกลี่ยกลุ่มผมที่รุ่ยลงมาข้างแก้มทัดหลังใบหูขาว  หญิงสาวที่นั่งโต๊ะข้างๆ
สะกิดกันให้มองมาที่สองหนุ่ม  ขอบฟ้าสังเกตเห็นแต่แรกแล้วว่าสองสาวหัวเราะกันคิกคัก
คงเป็นสาววายแบบอิงลูกน้องเขาที่ร้าน  ป่านนี้คงจับเขากับพี่ภูจิ้นกันเรียบร้อยไปแล้ว


เมื่ออาหารมาเสิร์ฟทั้งสองก็ลงมือทานกันไป  พูดคุยกันไปไม่หยุด  อาหารรสชาติใช้ได้อยู่เหมือนกัน
ภูดิศตักให้คนตัวเล็กไม่ได้หยุด  เจ้าตัวก็เคี้ยวตุ้ยๆ อย่างไม่รู้ว่ามากพอควร
ภูดิศรอบยิ้มดีใจที่เดี๋ยวนี้เขาพอจะรู้ว่าอาหารจานไหน  แบบไหนที่คนตัวเล็กจะชอบเป็นพิเศษ
เลี้ยงไม่ยากเลยจริงๆ

“พี่ภูครับ  ฟ้าพอแล้ว  อิ่มแล้วนะเนี้ย  แทบจะตักป้อนฟ้าแล้วเนี้ย  พี่ภูไม่อายเหรอ  คนมองกันใหญ่แล้วนะ”
คนตัวเล็กพูดเป็นกระซิบ

“มองก็ช่างสิครับ  เขาคงอิจฉาว่าพี่มีแฟนน่ารัก  หรือน้องฟ้าลืม  พี่ทบทวนให้ได้นะ”
ภูดิศพูดพลางมองหน้าคนตรงหน้าว่าจะโต้ตอบกลับยังไง  แต่เจ้าตัวกลับเงียบทำหน้านิ่ง
จนภูดิศหน้าเจื่อน

“น้องฟ้า  พี่ขอโทษ  พี่ไม่ได้ล้อเล่นนะครับ  ขอพี่จัดการเรื่องยุ่งๆ ให้มันจบก่อน
แล้วเรามาเป็นแฟนกันนะครับ คนดี”
คนตัวโตพูดบอกคนตรงหน้าเสียงอ่อนโยน  แต่แล้วก็มีเสียงพูดแทรกขึ้นในทันทีทันใด

“ยากหน่อยนะคุณภูดิศ  ที่จะปฏิเสธคนอย่างญาดาได้ง่ายๆ ไอ้ที่หลบๆ เลี่ยงๆ
บ่ายเบี่ยงไม่ไปพบหน้ากันมาตลอด  มันเพราะแบบนี้นี่เอง   มานั่งพลอดรัก ออดอ้อนกัน
จะไม่วิปริตผิดเพศไปหน่อยรึไง  ช่างน่าไม่อายทั้งสองคน  โดยเฉพาะแก!!
กล้ามาแย่งคนที่เขามีคู่อยู่แล้ว!  ฉันจะฟ้องคุณปู่ให้เล่นงานแก!  คอยดูเถอะ!!!”
หญิงสาวที่ภูดิศพบในผับคืนที่เจอขอบฟ้านั่นเอง ภูดิศจำความเปรี้ยวจี๊ดของการแต่งกาย
และท่าท่างเธอได้  นี่เหรอญาดาผู้หญิงที่คุณปู่หาไว้ให้เขา  ปากคอช่างเราะร้ายเหลือเกิน
หันไปมองคนตัวเล็กที่นั่งหน้าซีดก็ทำให้อารมณ์พลุ่งพล่าน

“เธอเป็นใคร  เราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ  ไม่หน้าด้านไร้ยางอายเสียกว่ารึไงที่มายืนป่าวประกาศ
แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผม  และไอ้การด่าทอคนอื่นเสียๆ หายๆ แบบนี้ช่างไร้สกุลเสียกว่า
แล้วคิดว่าตัวเองมีดียังไงผมถึงจะเลือกคุณ  ไม่ทราบ  ไม่ดูตัวเองเอาซะเลย  ทุเรศที่สุด”
ภูดิศลุกขึ้นตอบโต้หล่อนอย่างดุเดือดกลับไป  และใช้สายตามองผู้หญิงตรงหน้าอย่างเหยียดหยาม
เขาพอจะรู้ว่าหล่อนเป็นใครก็ตอนที่มาประกาศปาวๆ นี่แหละ  นี่นะเหรอว่าที่ภรรยาเขา
เขารู้สึกรังเกียจ และขยะแขยงเจ้าหล่อนเป็นที่สุด

“คุณภู!!!  อย่ามาหยาบคายกับญาดานะ  เห็นไอ้เกย์หน้าอ่อนนี่ดีกว่างั้นเหรอ
อย่าคิดว่าแกจะชนะฉันได้นะ  ไม่มีทาง!  แล้วเราจะได้เห็นดีกัน  คุณด้วยภูดิศ”
ญาดายังพาลชี้หน้าด่าขอบฟ้าที่นั่งหน้าซีดอยู่กับที่  แล้วเจ้าหล่อนก็กระทืบเท้าเดินตึงตังออกไป
ไม่สนใจว่าใครจะมองเธอยังไง

“น้องฟ้า  ไม่เป็นไรนะ  พี่ผิดเองที่ไม่เคลียร์ตัวเองให้มันจบๆ ไป  ทำให้น้องฟ้าต้องมาเสียชื่อแบบนี้
พี่ขอโทษนะครับ”
ภูดิศเข้าไปโอบบ่าคนที่นั่งหน้าซีดปากคอสั่นอย่างน่าสงสารเป็นที่สุด 


ภูดิศเรียกคิดเงิน  เขากดโทรศัพท์หาเลขา  บอกว่าบ่ายนี้ไม่เข้าออฟฟิศ  มีธุระต้องไปจัดการที่บ้านใหญ่
แต่จะแวะไปเก็บของก่อน

“น้องฟ้า  เดี๋ยวพี่ส่งเอารถนะครับ  อย่าเครียดนะ  พี่จะไปคุยกับคุณปู่”
ภูดิศพยายามปลอบประโลมคนตัวเล็กให้หายตกใจและกลับมาร่าเริงเหมือนเดิม
 แต่เหตุการณ์ที่พบเจอดูแล้วก็ยากที่จะดึงอารมณ์กลับมาได้ง่ายๆ

“พี่ภู  ฟ้า  เอ่อ…สับสน เขาเป็นคนที่พี่จะต้องหมั้นกับเขานะครับ  แล้วมาเจอเรา
 ถ้าเขาไปฟ้องคุณปู่  พี่ภูก็จะเดือดร้อนอีกนะครับ”
 ขอบฟ้าตกใจกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่  แต่พอเริ่มรวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิงมาได้
 ก็อดสงสารพี่ภูไม่ได้

“แล้วมันจะผ่านไปด้วยดีแน่ครับ  น้องฟ้าอยู่เป็นกำลังใจให้พี่ก็พอแล้วครับ  คนดี”
พี่ภูมีประกายตาเชื่อมั่น

“พี่ภู  ต้องพูดดีๆ กับคุณปู่ท่านนะ  แล้วก็อย่าวู่วามด้วยล่ะครับ”
 พูดพลางเข้าไปเกาะแขนพี่ภู  คนตัวสูงก็ส่งมือวางบนหัวคนตรงหน้าลูบเบาๆ
 แล้วกดจูบลงบนเรือนผมนุ่ม

“แค่นี้ก็พอแล้ว  ขอบคุณที่อยู่ข้างๆ พี่  ตรงนี้นะ”
ภูดิศดุนคนตัวเล็กให้ขึ้นไปประจำที่คนขับ ปิดประตูรถให้แล้วยืนส่งจนรถแล่นไปจากสายตา



ชายหนุ่มกลับเข้าไปที่สำนักงาน  ณนนท์เตรียมเก็บของใส่กระเป๋าให้บ้างแล้ว
“คุณฟ้า  น่ารักนะครับบอส  ดูอ่อนโยนใจดี  เขามีแฟนหรือยังครับ”
ณนนท์ชวนคุย  แต่บอสหนุ่มหน้าตึงขึ้นมาฉับพลัน

“มีแล้ว!!  หล่อมากด้วย! ทำไมจะจีบเขารึไง?”
 ณนนท์สะดุ้งโหยงที่ได้ยินน้ำเสียงกระแทกๆ มองหน้าบอสเห็นแววตาขุ่นเคืองแล้วเสียวสันหลังวาบ

“โธ่ๆ  บอสก็  เขาตัวเล็ก  ผมยาว  น่ารัก  แถมมีแฟนหล่ออีก  สุดยอดจะเพอร์เฟค  น่าเสียดายจัง”
ณนนท์อดจะกวนประสาทบอสเสียไม่ได้  เห็นสีหน้ากับแววตาก็รู้ทันทีว่าคนนี้พิเศษแค่ไหน 
หลุดมาดเสียขนาดนี้  รังสีอำมหิตแผ่มาอีกแล้วรีบชิ่งหนีจะดีกว่า  แต่ไม่วายได้ยินเสียงบอสดังไล่หลังมา

“แฟนเค้าหวงมากด้วย  โว๊ย!  บอกไว้ก่อน”


ขณะกำลังจะผ่านหน้าณนนท์ออกไป  ภูดิศยังหันมาชี้หน้าหมายหัวเจ้าหนุ่มตี๋ที่ทำหน้าระรื่นยั่วโมโหไม่เลิก
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 12 เคลียร์กับคุณปู่
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 03-12-2018 19:06:22
 ตอนที่ 12 เคลียร์กับคุณปู่

ภูดิศออกจากออฟฟิศก็มุ่งหน้าไปที่บ้านคุณปู่ทันที  เขาพยายามใจเย็นคิดหาคำพูดเหมาะๆ
ที่ปู่จะยอมฟังจนจบโดยไม่ไล่ตะเพิดเขาออกจากบ้าน  แต่ยิ่งคิดหาหนทางก็ยิ่งมืดแปดด้าน
เขาจึงเลิกขบคิดในที่สุด

เมื่อชายหนุ่มจอดรถ  ก็พบว่ามีรถหรูอีกคันจอดอยู่ก่อนแล้ว  หรือว่าคุณปู่จะมีแขกกันนะ
ชายหนุ่มลังเลที่จะเข้าไป  พอดีมีเด็กรับใช้เดินผ่านม า เขาจึงเรียกตัวไว้ถาม
พอได้คำตอบก็อึ้งไปถนัดตา  เร็วจริงนะแม่คุณ  ดีเหมือนกันให้หล่อนพูดสิ่งที่อยากพูดเสียให้หมด
เขาจะได้ไม่ต้องสาธยายให้มากความ  ชายหนุ่มทิ้งช่วงเวลาให้ห่างพอสมควรจึงตัดสินใจเดินเข้าไปด้านใน

“คุณปู่ขาที่ญาดาพูดเป็นเรื่องจริง  ญาดาเห็นมากับตาว่าคุณภูออดอ้อนกับผู้ชายตัวขาวผมยาว
 คู่เกย์กันค่ะดูก็รู้  คุณปู่ต้องจัดการให้นะคะ  ไม่งั้นญาดาไม่ยอมด้วย”
เสียงแหลมเล็กชวนให้ปวดประสาทหูเป็นที่สุด

“พูดพอหรือยัง?  เธอต้องการอะไรกันแน่  อุตส่าห์ถ่อมาถึงนี่?”
ชายหนุ่มมาทันได้เห็นปากแดงๆ พล่ามไม่หยุด  ส่วนคุณปู่ของเขาก็นั่งหน้าเครียดไม่ห่างกัน
ทั้งสองหันขวับมองตรงมาที่เขาทันที

“มาก็ดีแล้ว  ไหนแกลองอธิบายให้ฉันเข้าใจที  ว่าที่หนูญาดาบอกว่าแกเป็นเกย์ มันยังไงตาภู
 แกพูดมา!!” คุณปู่ไม่รอให้เขาได้นั่งลงด้วยซ้ำ  ความร้อนใจทำให้ท่านโพล่งออกมา

“คุณปู่ขา  ยังต้องถามอะไรกันอีก  ที่ญาดาบอกไปทั้งหมดคุณปู่ไม่เชื่อเลยรึไงกัน  เปลืองน้ำลายสิ้นดี”
หญิงสาวพูดแทรกทันทีที่คุณปู่พูดจบ

“เธอ  หุบปาก!  อย่ามาก้าวร้าวคุณปู่  กับแค่น้ำลายที่เธอพ่นๆ ออกมามันน่าเชื่อนักหรือไง  น่ารังเกียจ”
ชายหนุ่มอารมณ์ขึ้นทันทีที่ได้ยินเธอพูดจาไม่ไว้หน้าปู่ของเขา

“ใครกันแน่ที่น่ารังเกียจ  น่าขยะแขยงเป็นที่สุด  พวกผิดเพศ  มั่ว  สกปรก!!  กรี๊ดดดดด!!!!!”
เธอไม่ยอมลดละเถียงกลับแทบทุกคำและแผดเสียงกรี๊ดลั่นห้อง

“หยุดสักที  ทั้งสองคน  ฉันจะเป็นลม  ใครอยู่แถวนั้นน่ะ  ไปหายาดม  ยาหอมมาที”
คุณปู่ทำท่าจะลุกยืนก็โงนเงนนั่งลง  ชายหนุ่มตกใจรีบเข้าไปประคอง

“ป้าอรครับ!!!  ตามลุงหมอมาที”
ภูดิศตะโกนเรียกแม่บ้านเสียงดัง  แล้วหันไปรับยาดมจากเด็กรับใช้มา

“คุณปู่  ใจเย็นๆ นะครับ”
ชายหนุ่มพูดกับปู่  แล้วหันขวับไปที่หญิงสาวที่นั่งหน้าตึงอยู่ไม่ห่าง

“นี่เธอ  กลับไปก่อนไป  ไม่เห็นรึไง  ว่าคุณปู่ท่านยังป่วยไม่หาย  ต้องมาเครียดเพราะเธอ!”
เธอหันไปคว้ากระเป๋าถือแล้วกระแทกเท้าปึงปังออกไป  โดยไม่ใส่ใจที่จะบอกลาเจ้าของบ้านก่อน
เสียงรถที่แล่นออกไปอย่างแรงบ่งบอกอารมณ์ของคนขับได้ดี



ทางด้านขอบฟ้าเมื่อออกรถมาได้สักพักก็ให้รู้สึกร้อนใจเป็นกังวลจนไม่มีจิตใจที่จะไปทำอะไรต่อ
นึกถึงเพื่อนรักขึ้นมาทันที  จึงรีบคว้าโทรศัพท์กดโทรออก

“ซี แกว่างหรือเปล่า  มีเรื่องร้อนใจน่ะ”
ขอบฟ้ากรอกเสียงลงไปทันทีที่เพื่อนกดรับ

“มีอะไรฟ้า  เป็นอะไร  ว่ามาได้เลย”
ซีเกมส์กรอกเสียงมาอย่างร้อนรนด้วยเหมือนกัน

“ไม่สะดวกเล่า เรื่องมันยาว แกอยู่ไหน เดี๋ยวเข้าไปหา”

“อยู่ที่ห้างxxxxพีทก็อยู่นะ  แกมาได้ไหมล่ะ”

“เออ!  รอนั่นแหละ  ถึงแล้วจะโทรหาอีกทีนะ”


ขอบฟ้ากลับรถไปห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่ไม่ไกลจากจุดที่เขาอยู่มากนัก
พอหาที่จอดได้ก็รีบโทรนัดแนะกับเพื่อนทันที ทั้งสองให้มาเจอที่ร้านอาหารญี่ปุ่น
เพราะยังไม่ได้ทานมื้อกลางวันกัน

“ฟ้า  มีอะไร  ใช่เรื่องพี่ภูรึเปล่า? ซีเกมส์เปิดฉากถามเมื่อพบหน้ากัน
เขารู้เรื่องจากพีทที่คุยกับพี่ภูวันก่อน  เมื่อถามออกไปขอบฟ้าก็พยักหน้ารัวเร็ว
พร้อมมองหน้าเขาสองคน

“ใช่ๆ ซี  พีท  พอดีพี่ภูถูกคุณปู่บังคับให้หมั้นกับผู้หญิงที่ชื่อญาดา
 วันนี้ฟ้าไปกินข้าวกับพี่ภูเจอเธอเข้ามาอาละวาด  ด่าทอฟ้าว่าไปแย่งพี่ภูของเธอน่ะ
 แล้วยังประณามฟ้ากับพี่ภูเสียๆหายๆ ว่าผิดเพศ  คู่เกย์  โอ๊ย! มากมายน่ะ  ฟ้าควรทำยังไงต่อ?”
ขอบฟ้าเล่าให้เพื่อนรักฟังเสียงและสีหน้าเครียดเขม็ง

“ขนาดนั้นเลยเหรอ  ร้ายว่ะแม่นั่น  แล้วพี่ภูว่าไงล่ะ” พีทถามขึ้นหน้าเรียบตึง

“พี่ภู  ก็ว่าเธอไปเจ็บๆ แสบๆ เหมือนกัน  ไม่เคยเห็นพี่ภูตอนหลุดมาดก็ได้เห็น
ใครโดนพี่ภูตอกกลับแบบนั้นถือว่าดวงซวยสุดๆ"
ขอบฟ้าเล่าไปตามที่เจอมา

“เออ!  พอจะเดาๆ ท่าทีพี่ภูออก  ถ้าพี่ภูเค้าออกโรงปกป้องแกซะขนาดนั้นนะฟ้า
 แกก็ไม่ต้องสนใจอะไรแล้ว  ถวายตัวเป็นเมียพี่ภูก็สิ้นเรื่องไป”
พีทพูดจบก็โดนซีเกมส์โบกหัวไปที  หน้าแทบขมำกับอาหารตรงหน้า

“ไอ้พีท!!  ผัวเมียอะไรเล่า  ทะลึ่งแล้วนะ”
ขอบฟ้าหน้าร้อนผ่าวสุดๆ ที่โดนเพื่อนพูดจาทำนองนี้ใส่
 อาการของเขาไม่รอดพ้นจากสายตาของซีเกมส์ไปได้

“แล้วที่มาวันนี้?  จะให้ช่วยยังไงล่ะ?” พีทถาม พลางตักอาหารเข้าปาก
ส่วนซีเกมส์ก็เคี้ยวตุ้ยๆแก้มป่องพองลม  เป็นคนตัวเล็กที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน
ที่สำคัญกินเก่งกินเยอะด้วย  ขอบฟ้ามองทั้งสองที่กินไปฟังไปอย่างไม่ทุกข์ร้อนกับเรื่องที่เขาเล่าเท่าไรนัก

“พี่ภูบอกจะไปเคลียร์เรื่องนี้กับคุณปู่  พี่ภูกับคุณปู่ไม่ค่อยจะลงรอยกัน
 อีกอย่างพี่ภูบอกจบเรื่องจะขอฟ้าเป็นแฟนด้วยละ”
เล่าจบก็มองเพื่อนสองคนที่หนีบอาหารค้าง

“คบเป็นแฟน!!?  แล้วแกคิดยังไงกับพี่ภู  ชอบเขารึไง  เจอด่านคุณปู่ของพี่ภู
 แล้วยังจะต้องคุณหญิงแม่ของแกอีก  ที่สุดของที่สุดก็คนในความลับของแกด้วย
 ทุกปัญหาอยู่ที่แกนะฟ้า  ถามใจตัวเอง  ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลัง”
พีทพูดยืดยาว  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคำพูดยาวๆ ของพีทกลับทำให้เขาฉุกคิด

`นั่นสินะเขาชอบพี่ภูหรือเปล่า ถ้าชอบล่ะ!แล้วมากพอจะเดินหน้ามั๊ย`
 คำตอบมันสั้นนิดเดียว  เดินไป  หรือหยุดแล้วถอย  แค่เลือกและตัดสินใจ
 ขอบฟ้าเงียบอย่างจนด้วยหนทาง

“เออ!  เดี๋ยวค่อยคิด  แต่ตอนนี้  ใครช่วยไปส่งหาพี่ภูที่บ้านคุณปู่หน่อยละกัน
 เขาไปนานแล้วเนี้ย  เป็นห่วงว่ะ”
ขอบฟ้าเผลอตัวแสดงความในใจออกมา

“ไอ้ฟ้า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!  ไม่เบานะนั่น  ไม่ต้องคิดมากแล้วพวกเรารู้คำตอบของแกแล้ว
 ก่อนอื่นขอกินก่อน  รอแป๊บนึง”
แล้วซีเกมส์ก็ลุยอาหารตรงหน้าต่อ  ท้องแตกดีกว่าของเหลือเขาคิด



เมื่อทานกลางวันกันเสร็จพวกเขา 3 คน ก็มาจอดรถซุ่มอยู่ไม่ห่างจากบ้านคุณปู่นัก
หากมีรถเข้ารถออกจากบ้านหลังนั้นก็ต้องผ่านพวกเขาก่อน สักพักก็มีรถแล่นผ่านเข้าไปในบ้าน
ขอบฟ้าตัดสินใจส่งข้อความหาพี่ภูโดยใช้โปรแกรมแชท

Sky:>  พี่ภูอยู่ไหนครับ  ไหวรึป่าว?

Sky:>  ฟ้าเป็นห่วงนะครับ

Phudit:>>  อยู่กับปู่  พี่ไม่เป็นไรครับ  แต่ปู่ไม่ค่อยดี  รอลุงหมอมาตรวจ
                 อ่อ! ลุงหมอมาแล้วครับ


แล้วพี่ภูก็เงียบหายไป  เพื่อนๆ ต่างชะเง้อคอยาวมาอ่านแชทของเขาด้วยกัน
“ฟ้าใจเย็นๆก่อนนะ  รอพี่ภูตรงนี้แหละ  หากมีอะไรค่อยว่ากันอีกที”
ซีเกมส์ปลอบเพื่อน  แล้วเอื้อมมือไปเปิดเพลงฟังเบาๆ 
ทั้งสามจ้องมองไปยังทางเข้าบ้านหลังใหญ่ไม่วางตา



ลุงหมอมาถึงก็ตรงเข้าไปตรวจอาการของคุณปู่ทันที  ท่านดูอ่อนแรง
ลุงหมอจึงฉีดยาแล้วหันมาบอกหลานชายว่า  ให้ท่านได้นอนพักสักเดี๋ยวอาการก็จะดีขึ้น
แล้วชวนชายหนุ่มไปหาที่นั่งคุยกันตามลำพัง

“มีเรื่องอะไรกันเจ้าภู  ไหนเล่ามาซิ”
ลุงหมอถามเสียงเรียบ  หน้านิ่ง

“ก็ผู้หญิงที่คุณปู่หามาน่ะครับ  เธอไปเจอผมกับเพื่อนผู้ชาย
 เข้าไปอาละวาดด่าทอทั้งที่เรายังไม่ทันทำความรู้จักกันด้วยซ้ำ
 สุดท้ายก็เอาเรื่องร้อนหูมาฟ้องคุณปู่  เราเจอกันที่นี่  เถียงกันรุนแรง
สุดท้ายคุณปู่ก็เป็นอย่างที่ลุงหมอเห็นนี่แหละครับ”
ภูดิศเล่าความเป็นมาของเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปสดๆ ร้อนๆ ให้ลุงหมอฟัง


“นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นอะไรกัน  ยังทำถึงขนาดนี้  ลุงต้องคุยกับปู่แกแล้ว
ถ้ายังเอาเจ้าหล่อนมาให้เป็นเมียแก  ไม่ปู่แกก็แกล่ะที่ต้องเส้นประสาทแตกตายกันไปคนนึง”
ลุงหมอพูดอย่างเบื่อหน่าย

“ลุงหมอผมยอมรับแบบลูกผู้ชายเลยก็แล้วกัน  ผมชอบผู้ชาย
 แล้วตอนนี้ก็เจอคนที่ใช่แล้วด้วยครับ”
ชายหนุ่มไม่คิดจะปิดบังผู้เป็นลุง

“อืม  ก็อยู่ที่ตัวแกนะภู  เพราะยังไงลุงกับปู่ก็อยู่กับแกอีกไม่นานก็ต้องตายจากพวกแกแล้ว
อยากเลือกอยากเป็น  ไม่ว่าจะอะไรยังไ ง สุดท้ายแกก็ยังเป็นหลานของลุง”
ลุงหมอดูไม่สะทกสะท้านกับเรื่องที่เพิ่งได้รู้  ภูดิศรู้สึกอุ่นใจที่อย่างน้อยท่านก็ยังพอที่จะเข้าใจเขาบ้าง

“ขอบคุณครับลุง  ที่เข้าใจผม”
ชายหนุ่มยกมือไหว้ขอบคุณจากใจจริง  ลุงหมอตบบ่าเขาเบาๆ

“ถ้าปู่แกตื่น  ลุงจะให้แกเข้าไปด้วย  คุยๆ กันเลยให้มันจบๆ ซะวันนี้  เดี๋ยวลุงจะช่วยพูดให้อีกแรง”

“ครับลุงหมอ  งั้นทานมื้อเย็นด้วยกันเลยก็ดีนะครับ  เดี๋ยวผมไปบอกแม่บ้านให้”
พูดพลางเดินออกไป  แต่ก้าวเท้าออกมาได้ไม่กี่ก้าวก็มีสายโทรเข้า

“ครับน้องฟ้า  อืม  ลุงหมอให้ยาแล้ว  รอท่านตื่น  คงไม่เป็นอะไรมาก  อ้าว!
 อยู่หน้าบ้านเหรอ  อ่อ  ลุงหมอให้เข้ามาน่ะน้องฟ้า  มาพบท่านหน่อยนะ
 เดี๋ยวพี่ออกไปรับ”
ขณะที่คุยสายกับขอบฟ้าลุงหมอตามมาด้านหลัง
พอรู้ว่ามีคนมารออยู่หน้าบ้านก็ให้ชวนเข้ามาคุยด้านใน

“คนนี้รึเปล่าตาภู  ที่แกบอกน่ะ  มาเจอตัวกันหน่อยก็ดีนะ”

“ครับๆ  พอดีน้องเค้าเป็นห่วง  ก็เลยตามมาน่ะ  เดี๋ยวผมไปรับเข้ามานะครับ”
ลุงหมอพยักหน้ารับรู้

ขอบฟ้าบอกกับเพื่อนว่าพี่ภูให้เข้าไปด้านใน  ทั้งสองจึงขอตัวกลับไปก่อน
และบอกให้ขอบฟ้าอยู่เคลียร์ให้จบ  จะรับหรือปฏิเสธก็ให้ตัดสินใจไปเลย
แล้วก็พารถเคลื่อนออกไปเมื่อเห็นพี่ภูโผล่หน้าออกมาชะเง้อหาเพื่อนตัวเล็กของพวกเขา





หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 13 คนนี้ที่ชอบ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 07-12-2018 10:06:45
ตอนที่ 13 คนนี้ที่ชอบ

ภูดิศพาขอบฟ้าเข้าไปพบลุงหมอที่นั่งรออยู่ด้านในแล้ว  ขอบฟ้าชะงักเท้า  แล้วไหว้ทักทาย

“สวัสดีครับลุงหมอ  สบายดีไหมครับ ไม่ได้พบนานเลยครับ”

“อ้าว!  นั่นหนูฟ้า  ลูกคุณสรภพกับคุณหญิงศศินี่  โตเป็นหนุ่มหล่อเลย
 เป็นไงมาไงมารู้จักเจ้าภูมันล่ะเรา  แล้วคุณพ่อเป็นไงบ้าง”

ลุงหมอเป็นคุณหมอประจำตัวคุณพ่อที่ขอบฟ้าเคยพบท่านบ่อยๆ
ตอนที่ตามคุณพ่อไปโรงพยาบาลด้วยปัญหาด้านหัวใจของท่านนั่นแหละ

“คุณพ่อท่านก็ได้คุณลุงหมอรักษาให้นี่แหละครับ  ท่านสบายดีแล้วครับตอนนี้”

“น้องฟ้า  รู้จักกับลุงพี่เหรอครับ”
พี่ภูฉีกยิ้มกว้างมองลุงหมอทีขอบฟ้าทีที่คุยกันอย่างคุ้นเคย  คนตัวเล็กพยักหน้ายิ้มๆ
สีหน้าผ่อนคลายไปมากกว่าตอนที่ไปพาเข้ามาเสียอีก

“อ้าว  ยังไง  ยังไม่มีใครตอบลุงเลย  ไปรู้จักกันได้ไง  แล้วที่บอกว่าเป็นคนที่ใช่ของแก
หนูฟ้านี่เหรอ  หืม!”
ลุงหมอถามอย่างไม่อยากจะเชื่อก็เด็กคนนี้ท่านเห็นมานาน

“หนูรินเป็นเพื่อนกับหลานน้องฟ้าครับ  ตอนนี้ผมก็ตามจีบเค้าอยู่
แต่ติดที่คุณปู่หาหญิงมาให้  น้องฟ้าก็เลยยังไม่ยอมคบกับผมครับลุง”
ภูดิศเล่าไปส่งสายตาอ่อนเชื่อมไปให้คนตัวเล็ก

“เออ!  แกคิดเองเออเองไปคนเดียวรึเปล่าเนี้ยเจ้าภู 
ถ้าเจ้าภูมันบังคับข่มเหงจิตใจเราบอกนะ
ลุงจะฟาดหัวมันให้  แกจะไปทำลูกเค้าเสียคนเปล่าๆ นะ
ได้ข่าวว่าคุณหญิงแม่หวงอย่างกับอะไรดี  จริงมั๊ยเรา?”
ลุงหมอพูดกับเขาทีหันไปพูดกับคนตัวเล็กที

“โธ่  ลุงหมอ  ก็ต้องช่วยผม  อยู่ข้างผมซิครับลุง

”หลานทำหน้าจ๋อยที่เหมือนลุงจะไปเข้ากับอีกฝ่ายเสียให้ได้

“แกเคลียร์ตัวเองให้มันจบๆ ไปก่อน  อย่าเพิ่งมายุ่งกับน้อง
ไม่งั้นลุงนี่แหละจะเล่นงานแกเอง  เจ้าภู”
ลุงหมอหันมาขึงตาใส่หลานชาย

“ก็นี่ไง  ที่ผมมาก็เรื่องนี้  ปู่ตื่นแล้วละมั้ง  ไปช่วยพูดให้ผมเลยลุงหมอ
แล้วน้องฟ้าก็รอพี่อยู่นี่ก่อนนะ อย่าเพิ่งไปไหน”
หลานอ้อนวอนลุง  แล้วหันไปบอกขอบฟ้าให้รอก่อน
แล้วสองคนลุงกับหลานจึงพากันเข้าไปด้านใน 


“คุณปู่  ดีขึ้นรึยังครับ”
ภูดิศเข้าไปนั่งข้างเตียงนอนท่าน  ห้องนอนท่านเครื่องใช้ไม่มากเหมือนข้างนอก
ออกจะน้อยชิ้นและโปร่งสบายตาเสียมากกว่า

“เออ  ยังไม่ตาย  ยังอยู่เป็นก้างขวางคอแกไปได้อีกนาน  เสียดายมั๊ยที่ฉันหนังเหนียว”
ปู่ประชดประชันหลานชาย

“โธ่  คุณพ่อ  พูดกับมันดีๆหน่อย  ดูหน้ามันสิเหลือ 2 นิ้วแล้วนั่น”
ลูกชายหยุดคนเป็นพ่อ

“เหอะ!  อย่างมันจะมีสลดอะไร  ฉันตายเสียได้คงสมใจมัน”
ปู่ไม่วายประชดต่ออีก  หลานชายได้ฟังก็หน้าเผือดลง

“พ่อครับ  อย่าประชดประชันนักเลย  เดี๋ยวอาการแย่นะ
เจ้าภูมันเป็นห่วงถึงได้ให้คนโทรตามผมมาดูพ่อนี่ไงครับ
ถ้ามันไม่รักไม่ห่วง  คงปล่อยให้พ่อนอนแหมบ  แล้วเปิดก้นหนีไปแล้วล่ะครับ
นะพ่อ  อย่าไปว่ามันนักเลย  แล้วแม่ผู้หญิงนั่นก็อย่าไปเอามาร่วมวงศ์ตระกูลเรา
นี่ยังไม่ทันไรก็นำพาเรื่องรกหูรกใจมาให้แล้ว  บ้านจะร้อนเป็นไฟเสียเปล่าๆ นะครับ
อายุจะสั้นกันเสียก่อนถ้ามีสะใภ้แบบนี้”
ลุงหมอช่วยพูดให้ หลานชายลอบมองสีหน้าปู่ว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรออกมาบ้าง

“ก็ไม่ต้องเอาคนนี้ถ้าแกเห็นว่าไม่เหมาะ  หาเอาใหม่สิมีเยอะแยะไปผู้หญิง”
ภูดิศสะดุ้ง  คุณปู่จะไม่ยอมหยุดสินะ

“โธ่พ่อ  เรื่องคู่ครอง  ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่  ให้มันเลือกของมันเอง 
มันจะไปเอาใครจะชายจะหญิงหรือไม่เอาใครเลยก็ชีวิตมัน
เราสองคนจะอยู่กับมันอีกสักเท่าไหร่กัน
สู้ใช้ชีวิตที่เหลือของเราให้มีความสุขเถอะนะครับ
ดูผมสิไม่คิดจะมีครอบครัวผมก็อยู่มาได้จนปูนนี้ไม่ทุกข์ร้อนอะไร
มีความสุขไปอีกแบบ”
ลุงหมอพูดไปมองหน้าปู่ไปด้วย  หันไปมองหลานชายที่นั่งฟังเงียบๆ

“ถ้าให้มันเลือกเองคงจะงามหน้า  นี่ไม่ทันไรก็มีคนวิ่งโล่มาฟ้องว่ามันเป็นเกย์
ไปนั่งป้อผู้ชายร้องขอให้เขาเป็นแฟน  จะให้พ่อต้องเดินเอาปี๊บคลุมหัวหรือไงกัน”
ชายชราพูดอย่างเคืองๆ

“ช่างมันเถอะครับคุณพ่อ  ไม่ต้องรับรู้รับฟังก็ไม่ต้องรกหู  อีกอย่างเด็กที่มันไปตื้อเขาน่ะ
 เขาก็เป็นเด็กดีผมรู้จักมานาน  บ้านก็ค้าเพชรค้าพลอยทั้งชาติก็ใช้เงินไม่หมด
 เขาจะเอาตาภูไปให้เบียดบังเงินเขาเหรอ  แม่เขาเลี้ยงอย่างกับไข่ในหิน
 หวงอย่างกับจงอางหวงไข่  แถมเจ้าภูดันมีเรือพ่วงอีก
 พ่อไม่ต้องไปสนมันหรอกผมว่ามันจีบเขาไม่สำเร็จหรอก
ใครเขาจะหน้ามืดมาเอามัน  ดีไม่ดีคนที่พ่อหาให้มันนั่นแหละที่หวัง
จะเข้ามากอบโกยสมบัติที่พ่อสะสมไว้ซะมากกว่า”

ลุงหมอพูดแบบปิดประตูเสียจนทั้งปู่ทั้งหลานแทบหาทางออกไม่เจอ
ชายชรารู้สึกว่าเค้าลางจะเป็นไปอย่างที่หมอลูกชายพูดเสียมากก็เริ่มใจชื้น
ว่าไม่ควรกังวลอะไรไปเกินกว่าเหตุ

“นี่แกไปรู้จักมักจี่กันมาแล้วเหรอเจ้าปรานต์  กับเด็กของมันน่ะ
แต่ฟังๆ ดูคุ้นๆ นะเด็กคนนี้น่ะที่ว่าทางบ้านค้าเพชรน่ะ”
ปู่พูดอย่างนึกหวั่นๆ ใจชอบกล

“ครับพ่อ  นี่ก็เพิ่งเรียกเข้ามาด้วย  ให้นั่งรอ  แต่พ่ออย่าไปรังเกียจรังงอน
หนูฟ้าเขาล่ะ ด่านที่หินๆ น่ะแม่หนูฟ้านั่นไม่ใช่พ่อหรอก”

“ไหนๆ  แกพูดใหม่สิ  หนูฟ้าเพื่อนเจ้าภูมันน่ะเหรอ
 ที่แม่ญาดาว่ามันไปติดพันเขาน่ะ”
ปู่เบิ่งตาโต  คนใกล้ตัวที่เจอกันบ่อยช่วงนี้หรือเปล่า

“ครับ  ผมเห็นมาแต่เล็กแต่น้อยแล้ว  พ่อแม่เจ้าหนูนั่นผมก็รู้จักดีคนไข้ผมเองนี่ครับ
ไปกินข้าวกันเถอะป่านนี้ยังจะนั่งรออยู่รึเปล่า  หรือหนีกลับไปแล้ว
ใครเขาจะทนมานั่งรอให้ตาแก่ที่ไหนก็ไม่รู้  มาพูดจาถากถางดูถูกเขาล่ะ
ถ้าเป็นลูกหลานพ่อจะยอมหรือก็เปล่า ไปๆ เจ้าภูนั่งซื่อบื้ออยู่ได้มาพยุงปู่แกไป
นี่แขนกระดูกก็ยังไม่เข้าที่  มีแต่เรื่องจริงๆ  เดี๋ยวลุงกินข้าวแล้วจะรีบกลับมีงานต่อด้วย”
ลุงหมอพูดเสียยืดยาว



“สวัสดีครับคุณปู่  มาฟ้าช่วยพยุง”
ขอบฟ้ารีบมาช่วยพาคุณปู่ไปที่โต๊ะกินข้าวที่อาหารจัดเสร็จแล้ว
พร้อมกับเลื่อนเก้าอี้ให้นั่ง  แล้วก็นั่งลงข้างๆ กัน
ภูดิศนั่งตรงข้ามกับขอบฟ้าส่วนลุงหมอนั่งตรงข้ามกับคุณปู่

“อืม  กินข้าวกินปลากันเสียก่อน”
ปู่ชวนให้เริ่มลงมือทานอาหาร

ขอบฟ้าคอยตักอาหารให้ปู่บ้างลุงหมอบ้าง  จานที่เป็นปลาก็แกะก้างออกให้
ปู่ก็ได้แต่แอบชำเลืองมองที่จานข้าวคนตัวเล็กที่มีน้ำใจดูแลคนแก่

“กินซะบ้างเราน่ะ  ผอมไปนะ”
ปู่บอกคนข้างๆ ให้ตักกินไปด้วย  ภูดิศตักอาหารมาใส่จานให้คนตัวเล็กบ้าง
แล้วก็พากันกินไปอย่างเงียบๆ  ขอบฟ้าคอยหยิบทิชชูให้
เติมน้ำดื่มให้ท่านบ้างไม่ได้ขาด  ชายชราก็ไม่ได้ว่าอะไร
หายากที่คนหนุ่มสาวสมัยนี้จะมีจิตบริการคนแก่คนเฒ่า
แต่เด็กคนนี้ทำไปอย่างเป็นธรรมชาติ

นึกไปถึงพ่อแม่ที่เลี้ยงดูอบรมกันมา
แล้วแอบชื่นชมในใจ  แล้วก็ลอบมองเจ้าภู  ไปชอบพอเขาเสียได้
ไม่เห็นเขาจะมีท่าทีอะไรกับมัน ก็คงคิดเองเออเองไปคนเดียวเหมือนที่ลุงมันพูดเสียมากกว่า
คงต้องพยายามทำใจ  แล้วปล่อยมันไปละมั้งเหนื่อยกับมันมาก็หลายปีแล้ว



หลังมื้ออาหารลุงหมอขอตัวกลับก่อน  บอกว่ามีงานต่ออีก  คุณปู่ไปนั่งดูข่าวที่ห้องนั่งเล่น
ภูดิศจึงไปเตรียมยากับน้ำมาให้ท่าน  ขอบฟ้ารับช่วงส่งยาและน้ำให้คุณปู่เอง
ชายชราดื่มน้ำผิดจังหวะสำลักจนตัวโยนขอบฟ้าเผลอลูบหลังให้ท่านไปหลายที
แล้วจึงหันไปไหว้ขอโทษที่บังอาจไปลูบหลังเข้า  คุณปู่ไม่ได้ว่าอะไร
ชายชราคิดว่าที่ทำลงไปคงเพราะความเคยชินที่เลี้ยงหลานมา
กลไกร่างกายมันก็จะเป็นไปเอง

คนสูงวัยผ่อนลมหายใจยาวพลางคิดเปรียบเทียบกับผู้หญิง
ที่หาให้หลานชาย  คนนั้นร้อนอย่างกับไฟเข้าใกล้มีแต่จะแผดเผา
กับอีกคนที่เจ้าตัวเลือกเองก็เย็นอย่างกับสายน้ำพัดพาความเย็นกายเย็นใจมาสู่
ได้แต่มองทั้งสองที่ไม่พูดคุยอะไรกัน  แต่กลับเห็นแววตาห่วงใยที่เจ้าตัวเล็ก
ส่งผ่านไปให้เจ้าตัวโต  ก็คงต้องปล่อยมันไปจริงๆ เสียที


“คุณปู่อย่านอนดึกนักนะครับ  ผมสองคนต้องกลับกันแล้วเป็นห่วงเด็กๆ
 แล้วจะมาเยี่ยมใหม่ครับ”
ชายหนุ่มเข้ามาลาคุณปู่พร้อมกับขอบฟ้า

“หายไวๆ  แข็งแรงๆ นะครับ  คุณปู่”
ขอบฟ้าลา  ท่านพยักหน้ารับพร้อมโบกมือให้



ภูดิศส่งขอบฟ้าให้เอารถที่บ้านพีท  ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณคนตัวเล็กเป็นการใหญ่
ที่ทำอะไรให้เขาตั้งมากมายในวันนี้  มองอย่างซึ้งใจ  ก่อนจากกันชายหนุ่มยังกำชับ
ให้ขอบฟ้าโทรบอกเมื่อถึงบ้านด้วย





หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 14 เป็นแฟนกันนะ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 08-12-2018 14:38:39
ตอนที่ 14 เป็นแฟนกันนะ

เช้านี้ขอบฟ้าชวนสองพ่อลูกให้มาทานมื้อเช้าด้วยกัน  เพราะที่บ้านอยู่กันพร้อมหน้าซึ่งไม่บ่อยครั้งนัก
จึงอยากให้ทำความรู้จักกันไว้  ภูดิศมีท่าทีกระตือรือร้นจนออกนอกหน้าที่จะได้พบทุกคน

“คุณพ่อคุณแม่นี่พี่ภูพ่อของหนูรินครับ  แล้วก็เป็นลูกค้าฟ้าที่ให้ออกแบบสวนให้ด้วยครับ”

“สวัสดีครับ  คุณลุง/คุณป้า”
ภูดิศไหว้ทำความเคารพ  หนูรินก็ทำตามพ่อภู

“อุ้ย!  หน้าตายัยหนู  น่าเอ็นดูดี”
คุณหญิงศศิพูดยิ้มๆ ส่วนสามีก็รับไหว้สองพ่อลูก

พอนั่งลงน้องวินวินก็วิ่งตุบตับลงมาจากชั้นบน  พร้อมชายหนุ่มผิวขาวตัวสูง
หน้าตาหล่อเหลาแต่ก็ดูบอบบางพอๆ กับขอบฟ้า  ภูดิศเดาว่าคงเป็นพี่ชายของคนตัวเล็ก

“วินวิน  มานั่งนี่  ใกล้ๆ หนูรินเลย”
หนูรินตบเก้าอี้ข้างๆ ตนเองให้เพื่อนมานั่งด้วย

“พี่ภู  นั่นพี่น้ำ  พ่อน้องวินวินครับ/แล้วนี่ก็พี่ภูกับลูกสาว  น้องน้ำริน
 เรียนห้องเดียวกับวินวินน่ะพี่น้ำ” น่านน้ำส่งยิ้มมาให้ 
ภูดิศก็ค้อมหัวทักทายกัน  เขาคาดว่าอายุก็คงจะไล่ๆ กับเขา ซึ่งก็คงอ่อนกว่าไม่มาก

“ทานอาหารกันก่อนเถอะคุณภู  เดี๋ยวส่งเด็กๆแล้วต้องไปทำงานกันต่อนี่”
พ่อของขอบฟ้าชวนให้เริ่มรับประทานอาหารกัน  เช้านี้เป็นข้าวต้มทะเล
เด็กๆ เลือกทานกุ้งเป็นส่วนใหญ่เนื้อปลาบ้างเล็กน้อย  รสชาติอาหารบ้านนี้ก็อร่อยดี
ภูดิศและหนูรินรับประทานกันได้ค่อนข้างมาก  บรรยากาศก็เป็นไปแบบเรื่อยๆ
ไม่ได้อึดอัดอะไร

“วินวินขอกุ้งอีกครับ  พ่อน้ำ  เอาเยอะๆเลย” เด็กชายขอกุ้งเพิ่ม

“หนูรินขอด้วยค่ะ  อาฟ้าขา”
ขอบฟ้าก็ตักกุ้งส่งให้หนูน้อยอีกหลายตัว

มีแต่เสียงของเด็กๆ ที่พูดคุยกันหงุงหงิง  ชายหนุ่มแอบมองคุณหญิงแม่ที่ก็ไม่ได้วางท่าอะไรมากนัก
คงเพราะท่านยังไม่รู้ว่าเขามีเจตนาอย่างไรกับลูกชายคนเล็กของท่านเสียมากกว่า
คุณหญิงหันมาชวนภูดิศคุยในช่วงท้ายที่เริ่มจะอิ่มกันแล้ว  ท่านถามถึงเรื่องธุรกิจของเขา
ภูดิศเล่าเพียงภาพรวมๆคุณหญิงท่านก็พยักหน้ารับรู้  ส่วนน่านน้ำก็ทานไปด้วยดูลูกไปด้วย
เมื่อมื้อเช้าเสร็จสิ้น  คุณหญิงแม่เรียกลูกชายคนเล็กไว้เสียก่อน
ทำให้คนอื่นๆทำเพียงแค่ขยับแต่ยังไม่ลุกจากเก้าอี้

“ขอบฟ้า  ไปลองชุดที่จะไปงานแล้วหรือยัง  ใกล้วันงานเข้ามาทุกที
แม่บอกไว้ล่วงหน้าเป็นเดือนๆ แล้วนะ  ถ้ายังก็ไปรับหนูน้ำหวานลองพร้อมกันเลย”
คุณหญิงหันไปสั่งลูกชายคนเล็กที่หน้าง้ำขึ้นมาทันทีที่ได้ฟังท่าน

“คุณแม่ครับ  ให้พี่น้ำไปสิครับ  พี่น้ำเข้าสังคมเก่งออก  ชุดก็มีเยอะแยะแล้วด้วย
เนอะพี่น้ำไปกับคุณแม่นะๆ ฟ้าไม่อยากไป”
คนตัวเล็กหันไปอ้อนพี่ชายให้ช่วยออกงานเป็นเพื่อนคุณแม่แทนเขา

“เหลวไหลนะฟ้า  พี่เราเค้างานเยอะเต็มไม้เต็มมืออยู่  อย่ามาทำให้แม่อารมณ์เสียแต่เช้า
วันนี้ไปจัดการลองชุด  เดี๋ยวแม่โทรนัดน้องน้ำหวานให้”
คุณแม่สั่งเสียงเขียว

“แม่ครับ  น้องน้ำหวานยังเด็ก  เรียนก็ยังไม่จบด้วยซ้ำแม่อย่าเพิ่งจับคู่ให้ได้ไหมล่ะครับ
หาให้พี่น้ำไปก่อนเลย  พี่น้ำว่างอยู่”
ขอบฟ้าโบ้ยไปให้พี่ชายอีก

“อะไรฟ้า  อย่ามาโยนให้พี่เลยนะตัวแสบ  เดี๋ยวเราจะโดนไม่ใช่น้อย”
พี่ชายขึงตาใส่น้องชายจอมแสบของบ้าน

“รีบๆ ไปทำงานกันไป  จะสายแล้ว  เดี๋ยวรถติด  ไว้ค่อยคุยกันวันหลัง”
คุณพ่อรีบพูดห้ามทัพ  ตัดบทเสียก่อน  ทำให้คุณหญิงแม่หันมาส่งสายตาดุๆ
ข้ามไปหาลูกคนเล็ก  ภูดิศมองดูครอบครัวนี้ก็แอบขำ  แต่ที่จะขำไม่ออกตรงได้ยิน
ชื่อบุคคลที่สามที่คนตัวเล็กต้องไปข้องเกี่ยวด้วยนี่สิ

“สวัสดี  คุณปู่คุณย่า  คุณพ่อวินวิน  หนูรินไปเรียนก่อนนะคะ”
หนูน้อยไหว้ลาผู้ใหญ่ทั้งหมดอย่างสวยงาม

“โอกาสหน้าก็เชิญคุณภูกับหนูรินมาทานมื้อเย็นด้วยกันนะครับ
จะได้มีเวลาคุยกันมากกว่านี้”
น่านน้ำพูดเชื้อเชิญชายหนุ่ม

“ได้ครับคุณน้ำ” ชายหนุ่มตกปากรับคำพี่ชายของคนตัวเล็ก

“ผมเรียกพี่ภูแบบฟ้าแล้วกัน  แล้วพี่ก็เรียกผมน้ำเฉยๆ ไม่ต้องมีคุณนะครับพี่ภู
คนกันเองครับ”
น่านน้ำบอกชายหนุ่มร่างสูงคนรู้จักของน้องชายตน  ร้อยวันพันปีไม่เคยชวนใครมาบ้าน
เริ่มทำตัวแปลกๆ แล้วล่ะเจ้าน้องชายน่านน้ำรู้สึกตะขิดตะขวงในใจแปลกๆ ร่ำๆ
อยากจะถามน้องตัวแสบออกไปเสียจริง

“น้องฟ้า ไปกันเถอะครับ”
ภูดิศเรียกคนตัวเล็กให้ไปที่รถของตนที่จอดอยู่  ขอบฟ้าเดินตาม


น่านน้ำเลิกคิ้วมองตามแผ่นหลังที่เดินเคียงกันไปโดยมีเด็กๆ วิ่งไปรอที่รถก่อนแล้ว
ถ้าเขาหูไม่ฝาดนะ`น้องฟ้า`งั้นเหรอ  ไม่เคยมีใครได้เรียก  ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัว
แต่มันก็นานมากแล้ว  เพราะเมื่อเจ้าตัวขึ้นมัธยมก็หน้าเง้าหน้างอบอกไม่ให้เรียกอายเพื่อน
พอโดนเด็กแสบงอนเข้าบ่อยๆ เขากับคุณแม่ก็ไม่ได้เรียกอีก  นี่ขนาดยอมให้ผู้ชายตัวโตเรียก
`น้องฟ้า`แล้วก็เดินตามต้อยๆ เนี้ยนะ


เมื่อส่งเด็กๆ ที่โรงเรียนแล้ว  ขอบฟ้าชวนชายหนุ่มดื่มกาแฟที่ร้านต่อ
วันนี้เขาไม่รีบจึงอยู่ดื่มกาแฟด้วยกันได้

“พี่ขอเอสเปรสโซ่ร้อนครับ”
คนตัวโตร้องขอ  คนตัวเล็กจึงเดินไปจัดการให้

“ได้แล้วครับพี่ภู  รับน้ำตาลหน่อยมั๊ย  ดื่มเพียวๆ ขมตาย”

“แบบนี้แหละครับ  ได้ทั้งกลิ่นกาแฟและรสชาติแท้ๆ”
ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ พร้อมกับยกถ้วยขึ้นจิบ  มองไปที่คนตัวเล็กก็ทำหน้าแบบขมแทน
ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากในอาการน่าเอ็นดูของคนตรงหน้า

“พี่ภู  ลิฟท์ที่พี่ภูขึ้นถ้ามันแออัดมากๆ พี่ภูไม่ต้องทนอึดอัดนะครับ
กดออกเลย  ไม่ต้องไปสนใจใครเขาจะมองนะครับ  เพื่อสุขภาพของเราเอง”
คนตัวเล็กรีบพูดอย่างนึกขึ้นได้  ชายหนุ่มยิ้มรับกับความห่วงใยที่คนตรงหน้าไม่ลืมที่จะใส่ใจกัน

“ขอบคุณครับที่เป็นห่วงพี่  แฟนใครนะ  ใจดีจังครับ”

“พี่ภู  เด็กๆ ในร้านได้ยินนะครับ  โมเมอีกแล้วนะ”
คนตัวเล็กพูดเป็นเสียงกระซิบ

“เป็นแฟนกันนะครับ  น้องฟ้า  พี่จะได้มีสิทธิ์หวงได้บ้าง
แล้วงานที่คุณแม่จะให้ไปกับเด็กคนนั้นน่ะงานอะไร  ขอพี่ไปด้วยคนนะ”
คนตัวโตไม่ได้ลดเสียงลงเลย  พูดไปตามโทนเสียงปกตินั่นแหละ
แต่เพราะตอนนี้ร้านมันเงียบเขาจึงกลัวว่าคนอื่นๆ จะได้ยิน

“พี่ภู  เบาๆ หน่อย  เดี๋ยวเด็กๆมันล้อฟ้าเอานะครับ”
ขอบฟ้านั่งหน้าแดงกับการถูกขอเป็นแฟน

“ถ้าไม่ยอมตกลง  พี่จะไปตะโกนขอหน้าร้านนู้นเลย ให้ได้ยินกันทั้งคนมาดื่มกาแฟ
ทั้งคนผ่านไปผ่านมา  เอาไงดีครับ  พี่นับถึงแค่สามนะครับน้องฟ้า หนึ่ง…สอง…ส า ม ?”
คนตัวโตทำทีลุกขึ้นจะไปทำอย่างที่ปากพูด  แต่คนไวกว่ารีบคว้าหมับที่ข้อมือหนาได้ทัน

“พี่ภู  ฟ้า  เอ่อ  ย..ยอม ก็ได้”
คนตัวโตฉีกยิ้มแทบจะถึงหู  ดวงตาวาววับ จับหัวคนตัวเล็กโยกไปมา
พร้อมหยิบปอยผมที่รุ่ยลงมาข้างแก้มทัดหลังใบหูเล็กให้ โดยไม่ได้สนใจ
ตาโตๆ หูผึ่งๆข องบรรดาลูกสมุนในร้านที่เป็นพยานกันไปถ้วนหน้าแบบไม่ทันเตรียมเนื้อเตรียมตัว

“เป็นแฟนกันแล้วนะครับ  งานที่คุณแม่พูดน่ะ  เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อน
…เอ่อ!!ไปเป็นแฟนนะ”
ทั้งตาทั้งปากจะหวานหยดไปไหนพี่ภูบ้า  ชอบแกล้งกันนัก  ขอบฟ้าย่นจมูกใส่

“ไปทำงานเลย  ถึงออฟฟิศแล้วโทรมาบอกฟ้าด้วยนะ”
ขอบฟ้าดุนหลังให้คนตัวโตออกเดิน

“น้องฟ้าครับ  อย่าเพิ่งไล่สิ  กาแฟยังไม่หมดถ้วยเลย”
พี่ภูยังหย่อนก้นลงนั่งอีก  ขอบฟ้าอายเด็กๆ ในร้านที่พากันส่งสายตาล้อๆ
 และพากันอมยิ้มเจ้านายหนุ่ม  ที่เขินจนหน้าแดงไปหมดแล้ว

“ขอบคุณนะครับ  กับกาแฟถ้วยนี้  หวานไม่เบาเลยครับ  แล้วเจอกันนะ”
พี่ภูยื่นหน้ากระซิบ  ใบหน้าเปื้อนยิ้ม  แล้วเดินออกไป  ขอบฟ้านั่งหน้าร้อนลามไปที่ใบหู

“พี่ฟ้าครับ  เอสเปรสโซ่ไม่เติมน้ำตาล  หวานจริงๆ เหรอฮะ”
นินจาเดินมาเก็บแก้วที่พี่ภูดื่มไว้  แล้วพูดแซวขึ้น

“เอ่อ  เงินเดือนรอบนี้  ยืดออกไปสักอาทิตย์ค่อยจ่ายจะดีมั๊ยเรา”
พี่ฟ้าพูดยิ้มๆ แต่แววตาไม่ยิ้มด้วย

“โอ๊ะๆ จ่ายเหมือนเดิมดีแล้วละฮะ  พี่ฟ้าคนดี  มีอะไรเกล้า  เออๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ”
นินจาทำทีว่าเกล้าเรียกเปิดฉากหนีไปแล้ว  ขอบฟ้าส่ายหน้าในความทะเล้นของเด็กหนุ่ม
ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะพี่ภูคนเดียวเลย  พวกทโมนนี่ก็เหลือเกิน
 


เมื่อถึงออฟฟิศภูดิศก็รีบโทรรายงานขอบฟ้าทันที  พร้อมกับเล่าว่าเขาต้องออกจากลิฟท์
ถึงสองครั้งเพื่อหนีคนที่แออัดเบียดเสียดจนแน่นลิฟท์  ขอบฟ้าบอกว่าดีแล้วที่ไม่เป็นอะไรไปอีก
เมื่อวางสายจากขอบฟ้าภูดิศจึงต่อสายหาเพื่อนรักทันทีเหมือนกัน

“มีอะไรภู โทรมาแต่เช้า” หมอคีรีกรอกเสียงถามกลับมาทันที

“แกว่างตอนไหนบ้างวะ  มีข่าวดีจะบอก  แล้วก็มีเรื่องปรึกษาด้วยว่ะหมอ”

“งั้นเย็นนี้เป็นไง  พอดีช่วงนี้ยุ่งๆ ว่ะ”

“ที่ไหนดี  ที่แกจะสะดวกน่ะ”

“บ้านแกก็ได้นะ  กินข้าวได้เยอะดี  ฮ่าฮ่า”

“เออๆ จะได้โทรบอกนมพร้อม  อืม!  แล้วเจอกัน”


ภูดิศวางสาย  ณนนท์เอางานมาส่งให้ตรวจ  แล้วแจ้งว่ารีสอร์ตที่ติดต่อไปได้แล้ว
เป็นวันศุกร์สิ้นเดือน  ซึ่งก็เหลือเวลาอีก 2 สัปดาห์  ณนนท์กำลังจะเดินไป
หันมาถามบอสหนุ่ม

“คุณภู  คุณฟ้าไม่มาด้วยเหรอครับวันนี้  อยากเจออีกครับ”
พูดพลางวิ่งปรู๊ดออกไปจากห้อง  ชายหนุ่มมองตามแล้วส่ายหน้า
ในความเล่นไม่เลิกของณนนท์  ถ้ารู้ว่านั่นน่ะแฟนหมาดๆของเขาล่ะ
ไม่ลงไปดิ้นเหรอ  หึหึ  ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดี



ทั้งที่น่าจะดีใจ…กับตำแหน่งแฟนที่ได้มาสดๆ ร้อนๆ ขอบฟ้ากลับรู้สึกหนักอึ้ง
ในใจไหนจะคนรอบข้าง  และกับทางบ้านเขาอีกที่คุณแม่ก็ไม่เลิกล้มที่จะจับคู่
ให้เขาอยู่นั่นแหละ  เย็นนี้พี่ภูบอกจะมารับไปทานมื้อเย็นที่บ้าน  มีเพื่อนจะแนะนำ
ให้รู้จักด้วย 

ช่วงบ่ายเขามีนัดลูกค้าแต่วันนี้ไม่ได้เอารถมาจึงนัดที่ร้านกาแฟของตนแทน
ลูกค้าที่ให้ออกแบบสวนนั่นเอง  แต่ว่าเธออยู่ออกไปในจังหวัดทางภาคตะวันออกนู้น
เขาจึงขอดูรายละเอียดก่อน  ซึ่งยังไม่รับปากว่าจะรับงานนี้ไหม
เพราะน้าดอนเองก็งานตึงมือแล้วเช่นกัน

“ยังไงก็ได้นะคะคุณฟ้า  พี่รอได้อย่าเพิ่งปฏิเสธเลยนะคะ
พี่ไปเห็นของเพื่อนที่คุณฟ้ารับออกแบบให้แล้ว
สวยถูกใจมากๆ เลยละค่ะ”
หญิงสาวร่างอวบหน้าสวยพูด

“ถ้าคุณเดือนรอได้  ผมก็ยินดีนะครับ  แต่ถ้าด่วนมาก
ผมเกรงว่าจะเคลียร์คิวให้ไม่ทันจริงๆ นี่ก็มีอีก 2 รายที่ยังไม่ได้ลงมือทำให้เขาเลย
แค่ได้เลือกแบบไว้แค่นั้นเองครับ”
ขอบฟ้าชี้แจงให้ลูกค้าทราบ

“พี่เดือนรอจริงๆ นะ  รอได้ค่ะ  คุณฟ้า”
ขอบฟ้าส่งยิ้มอ่อนให้คุณเดือน  ลูกค้าก็ช่างน่ารัก
ไม่อยากปล่อยพลาดเลยต้องลงมือช่วยงานพี่ดอนเองแล้วสิ




หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 14 เป็นแฟนกันนะ >>> New
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 08-12-2018 15:02:28
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 15 เมื่อมีคนรู้ว่ามีแฟน
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 09-12-2018 12:32:45
ตอนที่ 15 เมื่อมีคนรู้ว่ามีแฟน

ภูดิศแวะมาที่ `Sky coff `เพื่อพาขอบฟ้าไปรับเด็กๆ ที่โรงเรียนด้วยกัน
ชายหนุ่มพาสองอากับหลานไปที่บ้านของเขาทันที นมพร้อมกับป้าแก้วดีใจ
ที่วันนี้จะได้โชว์ฝีมือทำครัวให้ทั้งขอบฟ้าและหมอคีรีรับประทาน

“เด็กๆ ตามพี่นัทมาเลยครับ ไปเล่นกันห้องนู้นเลย  เดี๋ยวพี่นัทไปอยู่ด้วย
แล้วก็หาของว่างอร่อยๆ ให้ทานครับ”
นัทรับดูแลหนูน้องแทนส้มที่ต้องไปช่วยงานในครัว

“หนูรินขอต่อจิ๊กซอกล่องนี้ก่อนนะพี่นัท
 พ่อภูซื้อให้ตะกี้  แล้วค่อยดูตูนเนอะ”

“ได้สิ  มาพี่นัทเปิดกล่องให้”

“น้องฟ้า  พี่ขอขึ้นไปเปลี่ยนกางเกงเป็นขาสั้นนะ
 ไปด้วยกันมั๊ย  พี่มีให้ยืมนะ”

“ไม่ครับพี่ภู  ฟ้าไปช่วยป้าๆ ในครัวดีกว่า”
ขอบฟ้ารีบหาทางเลี่ยง

“พี่จะไปเก็บผักในสวนด้วย  แล้วจะตามไปช่วยนะ”
คุณตัวโตก็เดินโฉบผ่านหน้าขึ้นชั้นบนไปเสียก่อน


ขอบฟ้าซอยหอมแดงไปน้ำหูน้ำตาก็ไหลไปด้วย
ภูดิศเดินมาเห็นแล้วสงสารจึงอาสาทำแทน
ขอบฟ้าจึงหันไปปอกเปลือกไข่ที่ต้มไว้สำหรับเมนูไข่พะโล้เย็นนี้
คนตัวโตซอยหอมเสร็จจะเข้าช่วยอีก

“คุณหนูไม่ต้องช่วยแล้วนะคะ  มีรถเข้ามานมว่าหมอคีรีมาแล้วล่ะค่ะ
ไปเป็นเพื่อนคุยกับแขกเลย  ในครัวอีกนิดหน่อยก็จะลงมือปรุงกันแล้ว
เดี๋ยวจะปล่อยหนูฟ้าคืนให้นะคะ”

นมพร้อมพูดแล้วดุนหลังให้คนตัวโตๆ ออกจากครัวไป


ผ่านไปสักพักงานที่เตรียมกันแต่ต้นก็เสร็จ  ต่อไปเป็นขั้นตอนการปรุง
ขอบฟ้าจึงขอตัวออกมาด้านนอก  นมพร้อมมองตามแผ่นหลังอย่างเอ็นดู
มากกว่าเดิมที่เห็นหนูฟ้าหยิบจับช่วยทำนั่นนี่คล่องไปเสียหมด


ที่ห้องรับแขกหมอคีรีคุยอยู่กับภูดิศอย่างออกรสออกชาติ
ขอบฟ้าชะงักเท้าที่จะก้าวไปด้านในเพราะได้ยินคำพูดของแขกเสียก่อน

“แกลืมคนนั้นของแกได้แล้วเหรอภู  ที่ผ่านมาไม่เห็นแกยอมมีใครสักคน
ไม่ใช่เพราะแกรอเขาคนนั้นอยู่รึไง  แล้วคนนี้แกจะทำไงต่อวะภู?”

ขอบฟ้านิ่งงันไป  ก้าวเท้าไม่ออกถ้าเข้าไปก็จะเป็นการไม่สมควร
หยุดอยู่หน้าห้องก็เหมือนแอบฟัง

“อืม…15 ปีแล้วนะไอ้หมอ ถ้าเจอคงเจอกันไปนานแล้ว
คนนั้นน่ะผูกพัน  แต่คนนี้น่ะชอบและจะรักในอนาคต
อันใกล้นี้  ไม่เป็นปัญหาหรอก  อย่าห่วงเลย”

เสียงพี่ภูแว่วมา  ทำเอาใจสั่น  ไปไม่ถูกเลย  ชอบและจะรักในอนาคต
หน้าร้อนแล้วขอบฟ้า  แต่ก็ต้องเข้าไปอยู่ดีนึกออกแล้ว
เจ้าตัวจึงส่งเสียงเรียกไปก่อน  ทำทีว่าเพิ่งเดินมาถึง

“พี่ภูครับ  อยู่ไหนกันครับ”

“พี่อยู่นี่ครับ  เข้ามารู้สิ  มารู้จักกับเพื่อนพี่ก่อน”
พี่ภูส่งเสียงออกมาจากในห้อง

“หมอคีรีเพื่อนพี่ครับ  เป็นจิตแพทย์   เห่ย!  ไอ้หมอบ้า!
นี่น้องฟ้าแฟนฉัน  มองเสียตาค้าง”
พี่ภูตีแขนหมอคีรีไปทีเสียงดังป้าบ

“เอ่อ  เรียกพี่หมอนะครับ  น้องฟ้า  น่ารักว่ะภู  ตาถึงจริงๆ เลย
 สงสารน้องว่ะที่มาชอบคนอย่างแก  น้องฟ้าเปลี่ยนใจมาชอบพี่หมอได้นะ
 พี่หมอว่างอยู่นะ  จะดูแลอย่างดีเลย"
แล้วก็โดนพี่ภูซัดไปอีกเพียะที่หัวไหล่

“สวัสดีครับ  พี่หมอ”
ยกมือไหว้พร้อมส่งยิ้มทักทายออกไป

“หมอ  ของเพื่อนอย่าเรื้อน  สิวะ  หวงนะบอกไว้ก่อน”
พี่ภูพูดหน้าตาเฉย

“ไอ้ขี้หวง  ก็น้องฟ้าเขาน่ารัก  แก้มใส” คนถูกชมยิ้มเขิน

“เอ่อ  แกบอกมีเรื่องไรจะปรึกษาว่ะ  พูดมาได้เลยนะภู”
หมอคีรีพูดขึ้น  ขอบฟ้าทำท่าจะลุกขึ้นให้สองหนุ่มคุยธุระกันตามลำพัง
แต่พี่ภูคว้าข้อมือให้อยู่ก่อน

“ไม่มีอะไรเป็นความลับ  น้องฟ้าก็สมควรจะต้องอยู่นะครับ  เผื่อช่วยพี่ได้บ้าง”

“ฟ้าไปดูเด็กๆจะดีกว่านะครับ”
ขอบฟ้าหาทางจะเลี่ยงไปจากห้องนี้

“อยู่เถอะ  ถ้าภูมันบอกว่าอยู่ได้  คือมันวางใจแล้วละนะ”
พี่หมอพูดอย่างรู้นิสัยเพื่อนดี

“อาการเดิมที่เคยเป็นเมื่อนานมาแล้ว  คือถ้าอยู่ในที่แออัดคนแน่นจนขยับไม่ได้
 มันจะปวดหัว  แน่นหน้าอกเหมือนหายใจไม่ออก  ใจสั่นมากด้วย
 แล้วเหงื่อก็ออกเยอะจนมือเท้าเย็น  ถ้าออกจากจุดนั้นช้าอีกหน่อยก็คงหมดสติว่ะ
 ดีนะได้น้องฟ้าช่วย  แต่ก็บีบเสียแขนน้องช้ำไปหลายวันเลยว่ะ
 อาการทางจิตแน่ๆ ถึงต้องให้แกช่วยไงล่ะหมอ”
ขอบฟ้านั่งฟังเงียบๆ นึกสงสารพี่ภูขึ้นมาอีก  ถ้าวันนั้นออกจากลิฟท์ช้าคงหมดสติ
แล้วใครจะช่วยล่ะ โรคประหลาดๆ เป็นได้ยังไงกันนะ

“อืม  ขอถามหน่อยเถอะ  แกเคยติดอยู่ในลิฟท์  แบบว่าลิฟท์ค้างตอนเด็กๆ หรือเปล่า
 คือมันต้องรู้ต้นสายปลายเหตุก่อนถึงจะง่ายในการวินิจฉัยโรค”
หมอคีรีเริ่มซักไซ้คนไข้วีไอพี

“ไม่เคยเลยนะเท่าที่จำได้  แล้วก็ไม่ได้กลัวการใช้ลิฟท์ด้วย
 ก่อนหน้านี้ก็เจอที่ผู้โดยสารแน่นๆ แบบนี้แต่ก็ไม่ได้มีอาการนะหมอ”
พี่ภูเล่าไป คิ้วก็ขมวดกันยุ่ง

“ถ้าเราหาสาเหตุที่มันเกิดไม่ได้น่ ะ เราก็ไม่สามารถที่จะเยียวยาได้ตรงจุดนะภู
รู้แต่ว่ามันเป็นอาการทางจิต  ที่มันฝังลึกโดยสมองกดมันไว้ให้จดจำ
ง่ายๆ เลยคือแกกำลังกลัว  แต่อะไรที่ล่ะแกกำลังกลัว  แล้วมันฝังลึก
แกต้องหาคำตอบให้เจอด้วยตัวเอง”
หมอคีรีพูดจากประสบการณ์การเป็นแพทย์เฉพาะทางของเขา

“ตอนนี้มันกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันเสียมากเลยว่ะหมอ
 นี่น้องฟ้าก็แนะว่าให้หลีกเลี่ยง  ให้กดลงชั้นอื่นก่อนถ้ารู้สึกแย่ๆ
ไม่ให้ฝืน  วันนี้ก็เจอแบบนั้น  แต่เพราะทำตามที่น้องบอกถึงไม่มีอาการอะไร”
ภูดิศเล่าให้เพื่อนฟังหน้าเครียดๆ

“นั่นก็ช่วยได้เยอะนะตามที่น้องบอกแก  แต่ถ้าแกรู้ความกลัวที่แท้จริง
ว่ากลัวอะไร  นั่นแหละแกจะรักษาหายได้โดยไม่ต้องกินยาเลยด้วยซ้ำ
ถ้านึกออกมาบอกแล้วกัน”
หมอคีรีให้คำแนะนำกับพี่ภู

“ขอโทษนะคะคุณๆ ไปทานมื้อเย็นกันได้แล้วค่ะ  เด็กๆ หิวกันแล้วล่ะค่ะ”
ป้าแก้วมาตามไปทานมื้อเย็น  ทุกคนจึงพร้อมใจกันเดินไปห้องทานข้าว


“หูย… อาหารน่าทานมากเลย  เด็กๆ หิวกันแล้วเนาะ  มาๆ อาฟ้าจัดการให้
 เอ้านี่ของวินวินครับ แล้วนี่ของหนูริน ไข่พะโล้หวานๆ มีหมูมันด้วยใครชอบเอ่ย”
อาฟ้าดูแลอาหารให้เด็กๆ ก่อนเป็นอย่างแรก

“หนูรินชอบๆ วินวินก็ชอบค่ะ  ที่โรงเรียนทานกันเยอะมากๆ เลยนะอาฟ้า
หร่อยมากๆ เนอะๆวินวิน”
หนูรินสาธยายให้อาฟ้าฟังยาวเหยียด

“น้องวินวิน  รู้จักกับอาหมอรึยังครับ”
น้องวินวินพยักหน้า  คงได้เจอกันก่อนแล้วตอนที่ขอบฟ้าอยู่ในครัวเจ้าตัวจึงลูบหัวหลานชาย

“ทานได้แล้วน้องฟ้า  ปล่อยเด็กๆทานกันเอง  มาๆ ส่งถ้วยแบ่งให้พี่จะตักต้มยำนี่ให้”
พี่ภูจัดการตักต้มยำที่ร้อนควันขึ้นฉุยจนคนตัวเล็กเห็นแล้วน้ำลายสอ

“พี่ภูก็ทานเถอะ  เดี๋ยวฟ้าตักเองครับ”

“เอายำนี่ไปใกล้ๆ ไป  ของชอบนี่”

“อะแฮ่ม!!! ผมก็ทานเป็นนะครับคุณภู”
หมอคีรีสบช่องแซวทันที  จนภูดิศส่ายหน้าระอาเพื่อน
ส่วนขอบฟ้าน้ำต้มยำแทบพุ่งออกจากปาก

“พ่อภูขอผัดผักให้หนูรินหน่อยค่ะ” ลูกสาวขอบ้าง

“มาๆ เดี๋ยวอาหมอตักให้นะคนเก่ง” อาหมอบริการหลานบ้าง

“วินวินขอไก่ทอดอีกชิ้นนึงฮะ  อาฟ้า”
ภูดิศส่งจานไก่ทอดที่อยู่ใกล้มือให้ขอบฟ้าเพื่อเอาให้หลาน

“ทานเยอะๆนะเด็กๆ คุณย่าพร้อมกับย่าแก้วจะได้ดีใจ
ที่เด็กๆ ชอบนะ” ขอบฟ้าคะยั้นคะยอให้เด็ก ๆทานกัน
 จนสักพักหนูรินลูบท้องกลมไปมา บอกว่าอิ่มแล้ว

“เอ่อ!  น้องฟ้า  อีกสองวันพี่ต้องไปสัมมนาที่ภูเก็ต 3 วัน
พี่ฝากช่วยเลี้ยงหนูรินได้ไหมครับ  ถ้าให้อยู่ที่นี่ก็เป็นห่วงเรื่องว่าใครจะรับส่งไปโรงเรียน
ใครจะพาเข้านอนอีก”
ชายหนุ่มติดจะเกรงใจที่เอ่ยปากขอ

“ได้สิครับพี่ภู  เดี๋ยวฟ้าดูแลให้เอง  มีน้องวินวินด้วยอีกคน  ไม่ต้องห่วงนะครับ”

“ฮึ่ม…ครอบครัวสุขสันต์” 
แล้วก็เป็นไปตามคาดพี่ภูวาดมือไปที่พี่หมอเสียอีกเพียะ



มื้อค่ำผ่านไปทุกคนไปพักย่อยอาหารกันที่ห้องนั่งเล่น
และไม่นานหมอคีรีก็ขอตัวกลับ  แล้วจากนั้นจึงเป็นภูดิศที่ไปส่งขอบฟ้า
และหลานชายที่บ้าน

หนูรินขอตามไปด้วยบอกพ่อภูจะได้มีเพื่อนขากลับ
สักพักเด็กๆ ก็หลับหัวพิงกันอยู่เบาะหลัง
เมื่อจอดรถก็เป็นเก่งที่วิ่งมาอุ้มวินวินเข้าตึกไป
ขอบฟ้าโบกมือลาภูดิศ  แล้วกำมือชูนิ้วส่งสัญญานว่าถึงบ้านแล้วให้โทรบอกด้วย



ขอบฟ้าเข้าไปดูน้องวินวินยังไม่ตื่น  จึงนั่งรอกะเวลาว่าอีก 30 นาที
จะปลุกไปอาบน้ำส่งเข้านอน  พอดีน่านน้ำกลับเข้าบ้านมา

“พี่น้ำ  น้องวินอีกครึ่งชั่วโมงค่อยปลุกนะฮะ  แกหลับมาจากในรถ”

“ไปไหนกันมาล่ะ  กลับเสียค่ำเชียว”

“ไปทานข้าวเย็นบ้านพี่ภูมาน่ะครับ  เอ่อ! คุยกันติดลมไปหน่อย”

“ฟ้ากับพี่ภู  สนิทกันมากเลยเหรอ เห็นเราให้เรียกชื่อเสียสนิทสนม
 อย่างกับคนในครอบครัว”
ขอบฟ้าชะงักที่ถูกถามแบบนั้น

จึงตัดสินใจที่จะบอกความจริงกับน่านน้ำ  เพราะเขากับพี่ชายไม่เคยมีความลับต่อกันตั้งแต่เด็กแล้ว

“สนิทครับพี่น้ำ  คือว่า…เราเพิ่งจะเป็นแฟนกันวันนี้เอง
พี่ภูมาขอคบกับฟ้าน่ะครับ”
ขอบฟ้ายอมเปิดปากเล่าทำเอาพี่ชายอ้าปากค้างไปเลย

“ฟ้ารู้ตัวมั๊ยว่าเนี่ยมันเป็นเรื่องใหญ่มากเลย  ถ้าคุณแม่รู้ฟ้าจะทำยังไง
น้องพี่ไม่ได้เป็นเอ่อ…เกย์  ถึงจะรักพี่ตัวโตแค่คนเดียวก็เถอะ
แต่กับคนอื่นก็ไม่เห็นฟ้าจะสนใจนี่นา  แล้วทำไมถึงยอมเป็นแฟนกับพี่ภูล่ะ
แล้วชอบเขาหรือไง  พี่งงจริงๆ นะ  ถ้าพี่จะขอให้ฟ้าถอยห่างตอนนี้จะยังทันไหม
พี่ว่าหยุดแล้วถอยมาเถอะนะ  ก่อนที่คุณแม่จะรู้  แล้วถ้าเราไปรักเขาเข้านะ  ฟ้าเอ้ย!”

พี่น้ำพูดออกมาเสียยาวด้วยสีหน้าตื่นตกใจและกังวลควบคู่กันไป
แล้วก็ทิ้งท้ายให้ขอบฟ้าถอนตัวจากพี่ภู  คนน้องนิ่งงันเมื่อฟังจบ
จะเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะถอนตัว

“พี่น้ำ  ฟ้าชอบพี่ภูไปแล้ว  หรืออาจจะรักไปแล้วด้วยซ้ำ”

“แล้วพี่ตัวโตของแกล่ะ  ลืมเขาไปแล้วหรือไงกันฟ้า”
พี่น้ำถามถึงรักฝังใจในวัยเด็กของน้องที่ได้รู้มา
“พี่น้ำ…เอ่อ…พี่ภูคือ`พี่ตัวโต` คนนั้น  ครับ”
ขอบฟ้าตัดสินใจบอกความจริง

“ฟ้า!!! เห่ย!...จริงสิ  ไม่น่าเชื่อ  เป็นไปได้ยังไง
 แล้วจะทำไงดีเนี้ย” พี่น้ำตกใจตาเบิกกว้างมากกว่าเดิมอีก

“พี่ภู  เค้าไม่รู้นะว่าฟ้าคือ `ตัวเล็ก`  ฟ้าไปพบรูปถ่ายตอนพี่ภูเด็กๆ
ก็เลยจำได้  พี่น้ำ  ฟ้าเลิกกับพี่ภูไม่ได้ครับ  ยิ่งรู้ว่าพี่ภูเป็นพี่ตัวโต
คนที่ฟ้าเฝ้ารอมาทั้งชีวิต  เมื่อได้เจอแล้วพี่น้ำจะให้ฟ้าลืม
แล้วเลิกรักเขา  มันทำได้จริงๆ เหรอครับ  พี่น้ำบอกฟ้าที  อึก อือ ฮือ”

พูดไปก็น้ำตาไหลสะอื้นอย่างหนัก  น่านน้ำจึงประคองใบหน้าน้อง
แล้วเกลี่ยน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา  คนน้องก็ไม่วายกลั้นสะอื้นจนตัวโยน

“ฟ้า  ไม่เป็นแบบนี้สิ  ไม่ร้องแล้วนะ  พี่จะหาทางช่วยเอง
รักเขาตัดใจจากเขาไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืนแล้ว  เจ็บปวดใจเปล่าๆ
ค่อยๆ คิดกันนะ  คงมีสักทางทำให้ไม่ต้องเจ็บปวดใจ  เชื่อพี่นะ”

น่านน้ำดึงน้องเข้ามากอดพลางลูบหลังไหล่ให้ 
โดยไม่รู้ว่าคนเป็นพ่อได้ยินที่สองพี่น้องพูดกันโดยตลอด
แววตาของท่านมีความกังวลห่วงใยท่วมท้น
แต่สุดท้ายก็หันหลังเดินกลับขึ้นไปด้านบนและเข้าห้องพระไปในที่สุด





หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 16 น้องวินวินป่วย
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 09-12-2018 14:41:54
ตอนที่ 16 น้องวินวินป่วย

เช้านี้เป็นวันที่ภูดิศต้องเดินทางไปภูเก็ตแล้ว  ชายหนุ่มส่งหนูรินที่บ้านของขอบฟ้าแต่เช้ามืด
ชายหนุ่มบอกลูกให้เชื่อฟังอาฟ้าแล้วจะโทรหาทุกคืนก่อนนอน  ขอบฟ้าเข้าไปจูงมือหนูริน
เพราะเห็นยังง่วงจากการตื่นก่อนเวลา  ชายหนุ่มหันมาร่ำลาคนตัวเล็กก่อนรีบไปขึ้นรถขับไปสนามบิน
ขอบฟ้าจึงพาหนูน้อยเข้าบ้าน`ตัวเล็ก`ของเขา


“อาฟ้าขา หนูรินยังง่วงอยู่เลยค่ะ”
เด็กหญิงที่หอบหิ้วเจ้าขี้เซามาด้วย ปิดปากหาวหวอดๆ

“มาค่ะ  ตามอาฟ้ามา  ตื่นเช้ามากนี่เนาะ  ตาจะปิดแล้วสิ  นอนเตียงนี่เลย
เดี๋ยวอาฟ้ามาปลุกนะลูก  นอนซะ”
ขอบฟ้าอุ้มหนูหน้อยขึ้นไปนอน  หนุนหมอน  ห่มผ้าให้
แล้วเจ้าตัวก็ออกมาเปิดทีวีในห้องนั่งเล่น  ตาสว่างแล้วนอนไม่ได้อีกแล้ว
จึงดูทีวีไปพลางๆ รอเด็กน้อยตื่น


 
มื้อเช้าที่บ้านใหญ่  แขกตัวน้อยเจื้อยแจ้วไม่หยุดตั้งแต่มาถึง  ช่างฉอเลาะ
จนทุกคนพากันเอ็นดูไม่เว้นแม้แต่เด็กรับใช้เอง  คุณหญิงแต่มองมาอย่างสงสัยก็หลายครา

“คือว่า  เอ่อ  พี่ภูไปสัมมนาที่ภูเก็ต 3 คืน  ฟ้าก็เลยอาสารับหนูรินมาค้าง
แล้วจะได้ส่งไปโรงเรียนพร้อมกับน้องวินวินด้วยเลยน่ะฮะ”
ขอบฟ้าบอกเหตุผลให้ทุกคนฟัง  พี่น้ำกับคุณพ่อไม่ได้แสดงสีหน้าหรืออาการอะไรออกมา
แต่ขอบฟ้าเห็นมารดาชะงักแล้วคิ้วก็ขมวด

“ดีเลยฟ้า  วินวินจะได้มีเพื่อนเล่น  ไม่เหงา  แต่ระวังจะติดกันจนจับแยกไม่ออกล่ะ”
พี่น้ำพูดขึ้น  ขอบฟ้ารู้สึกโล่งอกที่สถานการณ์ผ่อนคลายลง

“พ่อก็ว่าดีเหมือนกัน  มีเด็กผู้หญิงมาเจื้อยแจ้วให้ได้ยิน  ก็น่าฟังไม่น้อย”
พ่อพูดขึ้นอีกหนึ่งเสียง  ทำเอาคุณหญิงแม่ตักข้าวทานไปเงียบๆ
นางอดแปลกใจไม่น้อยที่ลูกชายคนเล็กให้คนอื่นเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว
ได้มากขนาดนี้ก็ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจก็เท่านั้น
 


ตลอด 3 วัน  ภูดิศโทรมาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของทั้งคนเลี้ยงและลูกสาวอย่างสม่ำเสมอ
แล้วก็ส่งเข้านอนทั้งพี่เลี้ยงและลูกพร้อมกันทุกคืน  น้องวินวินขอมานอนกับอาฟ้าและหนูริน
ไม่ว่างเว้น  ติดกันแจอย่างที่พี่ชายพูดไว้ไม่มีผิด  ตอนจับแยกคงเรื่องใหญ่แน่ๆ
ขอบฟ้ามองเด็กน้อยสองคนที่นอนหลับไปด้วยกันบนเตียงนอนกว้างของตน


“ก่อนจะเข้าบ้านเย็นนี้  อาฟ้าขอแวะรับถ้วยฟูก่อนนะเด็กๆ
 อาฟ้าส่งเจ้าถ้วยฟูให้ไปอาบน้ำที่ร้านเพื่อนคุณหนูครับ”

“ทำไมเราไม่อาบให้ด้วยฟูเองละคะ” หนูรินสงสัย

“ไม่ได้ค่ะ  ถ้วยฟูไม่ชอบน้ำ  พอเปียกจะดิ้นๆหนีน้ำแล้วก็อาจจะข่วน
จนเราเป็นแผลเลือดออกได้นะคะ” อาฟ้าบอกให้เด็กน้อยเข้าใจ

“อ่อ  ถ้วยฟูดื้อนี่เอง  แต่หนูรินไม่ดื้อนะคะ”

 “จ้ะเด็กดี  เย็นนี้คุณพ่อจะมารับกลับบ้านแล้วนะ”

“ดีจังค่ะ  คิดถึงพ่อภู  แต่กลับบ้านแล้ว  ก็จะต้องคิดถึงถ้วยฟู
 วินวิน  และอาฟ้ามากแน่ๆ” หนูน้อยรักพ่อแต่ก็คิดถึงทุกคนอยู่ดี

 “วินวิน  เป็นอะไรลูก  ทำไมนั่งเงียบเลยครับวันนี้”
ขอบฟ้าสังเกตว่าเด็กชายเงียบกว่าที่เคย

“หนูรินกลับบ้าน  วินวินก็เหงา  ไม่มีเพื่อนเล่น”
หนูน้อยหน้าเศร้า ท่าทางหงอยเหงาเอามากๆ

“พรุ่งนี้วินวินไปโรงเรียนก็ได้เจอหนูรินไงล่ะครับ  แล้วก็ไปเล่นด้วยกันที่โรงเรียน
 ถ้าวันหยุดเราก็ไปหาหนูรินที่บ้านหรือให้พ่อภูของหนูรินพามาส่งที่บ้านอาฟ้าก็ได้
 มีตั้งหลายวิธีที่วินวินจะเจอเพื่อน  เนาะไม่เหงานะครับ  เด็กดีของอาฟ้า”
อาฟ้าพูดปลอบให้หนูน้อยเข้าใจ  หนูรินมองอาฟ้าพูดแล้วก็พยักหน้าตาม

“จริงด้วย  ให้พ่อภูพามาอีกก็ได้  หนูรินมาอยู่แล้ว  วินวินไม่เหงาแล้วนะ”

“ก็ได้ๆ เจอที่โรงเรียนก็ได้”
เด็กชายยอมฟังอาฟ้าและเพื่อนตัวน้อยที่บอก

“อาฟ้า  ถ้วยฟูตัวห๊อมหอมค่ะ  วินวิน  ดมๆ สิ”
หนูน้อยสองคนพากันกอดฟัดเจ้าถ้วยฟูที่อาบน้ำมาตัวหอม 
แล้วก็ลืมเศร้าที่จะต้องแยกกันค่ำนี้  เพราะมีเจ้าแมวมาขั้นจังหวะ



มื้อค่ำผ่านไป  เด็กๆ นั่งเล่นกันที่ห้องนั่งเล่น  และดูการ์ตูนไปด้วย  สักพักภูดิศก็มาถึง
ชายหนุ่มฉีกยิ้มมาแต่ไกลเมื่อเห็นคนตัวเล็กออกมารับหน้า

“พ่อภูมาแล้ว  เย้ เย้”
หนูน้อยกระโดด ชูไม้ชูมือดีใจยกใหญ่

“มาให้พ่อกอดหน่อยค่ะ  เร็วๆ”
พ่อลูกกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันจนหายคิดถึงจึงปล่อยลูกออกไปเล่นกับเพื่อนต่อ
ขอบฟ้ามองภาพเมื่อตะกี้แล้วอบอุ่นใจแทน


แนนช่วยยกกระเป๋าของหนูรินมาส่งให้  ภูดิศขอบคุณคนตัวเล็ก
เสียมากมายที่ดูแลลูกให้เป็นอย่างดี
“คิดถึงจังครับ  ไม่เจอตั้งหลายวั น อยากกอดบ้าง  ทำได้ไหมครับ  หืม”
พี่ภูกระซิบให้ได้ยินกันสองคน  ขอบฟ้ามองคนตัวโตแล้วส่ายหน้าให้คนถาม

“ไม่ได้ครับ  เดี๋ยวมีคนมาเห็น  ไม่ดื้อนะครับ” ขอบฟ้าบอกออกไป 
พี่ภูยังส่งสายตาอาลัยอาวรณ์ที่ไม่สามารถกอดคนที่คิดถึงได้อย่างที่ใจต้องการ
ได้แต่ฉวยมือมากุมไว้เท่านั้น  อ้อยอิ่งอยู่นานไม่ยอมกลับจนขอบฟ้าต้องดุนหลัง

“พี่ภูครับ  กลับมาเหนื่อยๆ ไปพักเถอะนะครับ  แล้วพรุ่งนี้เช้าเจอกันนะ”
ขอบฟ้าพูดขึ้นอีก  จนนั่นแหละคนตัวโตจึงยอมพาลูกขึ้นรถแล้วขับออกไป
คุณหญิงศศิเห็นการกระทำของผู้ชายตัวโตที่กระทำกับลูกชายคนเล็ก
ขมวดคิ้วสงสัยในพฤติกรรมที่ทั้งสองปฏิบัติต่อกันเสียเหลือเกิน


Phudit:  ถึงแล้วนะครับ  พาลูกอาบน้ำก่อน

Phudit:  ส่งลูกนอนแล้วครับ  น้องฟ้านอนหรือยัง

Sky:      พี่ภูกลับมาปลอดภัยฟ้าก็หมดห่วงครับ  พักผ่อนเถอะ >> ฝันดีครับ

Phudit:  ฝันดีเช่นกันครับ >>  จุ๊บ  จุ๊บ

ขอบฟ้าเขินจนตัวจะแตก  กล้าขึ้นทุกวันตั้งแต่ยอมเป็นแฟนด้วย
เจ้าตัวคิดแล้วก็กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง



เช้านี้น่านน้ำบอกว่าวินวินตัวร้อนไม่ต้องให้ไปเรียน  ขอบฟ้ารับปากจะอยู่ดูแลหลานให้
 แล้วบอกให้พี่ชายไปทำงาน  มือเรียวรีบกดโทรหาคนตัวโตทันที

“ฮัลโหล  พี่ภู  ไม่ต้องเข้ามารับฟ้ากับหลานนะครับ  วินวินตัวร้อนมีไข้ครับ”

“น้องฟ้า  เอาอย่างนี้นะ  พี่ส่งหนูรินที่โรงเรียนแล้วจะเข้าไปหานะครับ”
แล้วพี่ภูก็วางสายไป



ขอบฟ้าเช็ดตัวให้วินวินตลอดเวลา  พี่น้ำก็ให้ยาลดไข้แล้วแต่ทำไมไข้ยังไม่ลดอีก
ร่างบางเดินหมุนไปมาเริ่มวิตกกังวลไปสารพัดจนนั่งไม่ติดที่  คอยแต่เช็ดตัวแล้วก็วัดไข้
อยู่อย่างนั้น  ภูดิศมาที่ห้องรับแขกที่เด็กรับใช้บอกว่าอากับหลานอยู่ด้วยกัน

“ไหน  คนเก่ง  อาภูดูสิครับ  หูย…ตัวร้อนมากเลยน้องฟ้า  พี่ว่าพาไปโรงพยาบาลดีกว่า
ไข้สูงมากเนี่ย  อาจชักได้  เตรียมผ้าชุบน้ำไปด้วย   เดี๋ยวพี่อุ้มวินวินไปก่อน  ตามมาเลยนะน้องฟ้า”
ชายหนุ่มรีบเข้าไปช้อนอุ้มเด็กชายขึ้น  ขอบฟ้าดูเงอะงะทำอะไรไม่ถูก  แต่ก็หยิบจับเท่าที่ภูดิศบอกให้ทำ
อาการลนลานนั้นภูดิศเห็นแล้วก็ให้นึกเห็นใจ

 “น้องฟ้า  ใจเย็นๆนะ  ไปนั่งเบาะหลังเลย  แล้วก็เช็ดตัวเรื่อยๆนะครับ
จนกว่าจะถึงโรงพยาบาล”
มือหนารีบต่อโทรศัพท์หาลุงหมอพร้อมเล่าอาการของวินวินให้ลุงหมอฟังทั้งหมด
ท่านบอกให้รีบพาไปในทันที


“ถึงแล้วครับ  น้องฟ้าใจเย็นๆ นะ  ลุงหมอท่านฝากเรื่องกับเพื่อนท่านแล้วครับ”



พอชายหนุ่มจอดรถเจ้าหน้าที่พยาบาลก็มารับตัวน้องวินวินเพื่อส่งตรวจ
ขอบฟ้าเกาะเตียงเด็กชายตามไปไม่ห่าง  ภูดิศรีบไปหาที่จอดรถเพื่อจะได้ตามไปสมทบ
ขอบฟ้ามีสีหน้ากังวลและตื่นกลัวตลอด  จนภูดิศต้องจับมือมากุมไว้ไม่ปล่อย

“พี่ภู  ฟ้าสงสารหลาน  ฟ้ากลัวเหลือเกินครับ  กลัวน้องวินวินจะเป็นเหมือนพี่ทราย
พี่ทรายเป็นธาลัสซีเมียเธอคลอดน้องไม่นานก็จากไป”
คนตัวเล็กเล่าไปทำท่าจะร้องไห้  ภูดิศจึงตบที่หลังมือเบาๆ

“พี่เห็นน้องวินวินแกมีพัฒนาการและการเติบโตของร่างกายปกตินี่ครับ
ไม่มีภาวะโลหิตจางตัวซีดเหลืองนะ  เท่าที่เห็น  อย่ากังวลไปเลยนะครับ”
ภูดิศปลอบโยนขอบฟ้าให้คลายความวิตกกังวล

“ขอพบญาติเด็กชายธนดล  กิจตระการกุลค่ะ  คุณหมอให้เข้าพบ”
ขอบฟ้าทะลึ่งตัวขึ้นอย่างฉับพลันเมื่อพยาบาลมาตามให้เข้าพบแพทย์ 
มือบางคว้าหมับที่มือหนาของภูดิศจับจูงให้เข้าไปฟังผลด้วยกัน


 “จากประวัติคนไข้ที่ทางเรามี  แม่ของน้องเสียชีวิตจากโรคธาลัสซีเมีย
 ต่น้องไม่ได้เป็นนะครับ  วันนี้ที่ตรวจพบคือไข้หวัดใหญ่  สายพันธุ์ A ต้องให้ยาฆ่าเชื้อ
และยาลดไข้  ยังไงญาติไปติดต่อห้องพักให้คนไข้อีกที  คงต้องอยู่ด้วยกัน 2 - 3 คืนครับ
แล้วก็เฝ้าระวังคนใกล้ชิดจะติดด้วย  หากพบเห็นใครในครอบครัวมีอาการให้รีบรักษา
เพราะเชื้อแพร่กระจายติดต่อกันได้ง่ายมาก”
คุณหมอแว่นหนาชี้แจงให้ญาติทราบ

“ขอบคุณ  คุณหมอมากๆ เลยครับ”
ขอบฟ้ามีสีหน้าดีขึ้นมากจนคนยืนข้างๆ ค่อยเบาใจไปด้วย
ขอบฟ้าจึงเตรียมจะไปทำประวัติคนไข้ในให้หลานชาย

“พี่ภูไปทำงานเถอะครับ  ขอบคุณที่เป็นธุระให้แล้วยังมาอยู่เป็นเพื่อนฟ้าอีก
ต้องโทรบอกพี่น้ำก่อน”
ปากบางเอื้อนเอ่ย  คิ้วที่ขมวดก็คลายออกแล้ว

“เอาเบอร์น้ำมาเดี๋ยวพี่โทรให้  นอกจากเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวอยากได้อะไรเพิ่มอีกบอกนะ
ตอนเย็นพี่จะเอามาให้ครับ”
คนตัวโตพูดพร้อมกับดึงคนตัวเล็กมากอดหอมที่ผมนุ่ม

“ครับ  พี่ภูขับรถดีๆ นะครับ  ถึงที่ทำงานบอกฟ้าด้วย”



ก่อนจะออกรถภูดิศต่อโทรศัพท์หาน่านน้ำบอกอาการลูกชาย
ชายหนุ่มมีน้ำเสียงตกใจร้อนรนจะรีบตามมาในทันที
แต่ภูดิศบอกให้จัดหาอาหารน้ำดื่มและขนมสำหรับคนเฝ้าไข้มาให้ขอบฟ้าก่อน
เพราะเขามีประชุมต้องรีบกลับไป น่านน้ำรับปากจะจัดการให้และขอบคุณภูดิศ
เป็นอย่างมากที่เป็นธุระเรื่องลูกให้กับเขาและน้องชาย



ภูดิศกลับไปเคลียร์งานแล้วเข้าประชุมเป็นเวลายาวนานไปจนกระทั่งเกือบบ่าย
พอออกจากห้องประชุมจึงรีบโทรหาขอบฟ้า

“น้องฟ้าทานข้าวหรือยัง  แล้วเป็นยังไงบ้างอยู่ได้มั๊ย  พี่เพิ่งออกจากห้องประชุมมาครับ”

“ครับพี่ภู  วันนี้เย็นฟ้ากลับบ้านกับคุณพ่อนะ  พี่น้ำจะเฝ้าลูกก่อน  พรุ่งนี้ฟ้าค่อยมาเปลี่ยน
บ่ายนี้พี่ภูทำงานไปนะ  ไม่ต้องห่วง  ฟ้าอยู่ได้ครับ”
แล้วทั้งสองก็คุยกันอีกนิดหน่อย  จึงวางสายแยกย้ายกันไปทานอาหารกลางวัน







หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 16 น้องวินวินป่วย
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 09-12-2018 18:04:02
ติดตามจ้า  สนุกมาก
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 16 น้องวินวินป่วย
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 09-12-2018 20:01:30
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 17 การเผชิญหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 10-12-2018 15:40:24
ตอนที่ 17 การเผชิญหน้า

ขอบฟ้าโทรหาภูดิศแต่เช้ามืด  ขอขับรถไปที่โรงพยาบาลเอง
เพราะต้องเอางานไปให้พี่ชายที่รออยู่ที่นั่น  ภูดิศบอกกลับมาว่า
ถ้าเช่นนั้นให้เจอกันในตอนเย็นทีเดียวเลยเขาต้องรับหนูรินไปเยี่ยมวินวินด้วย
เพราะทนลูกรบเร้ามาตลอดที่เจอหน้ากันไม่ไหว
ขอบฟ้าวางสายและรีบจัดการกิจธุระส่วนตัวเพื่อจะได้เอางานไปให้พี่ชายได้ทัน
และเรียกแอนไว้เมื่อเห็นหน้า

“แอน  ไปบอกป้าวาดให้ทีว่าเช้านี้ พี่ขออาหารใส่กล่อง 2 ชุด
จะเอาไปทานพร้อมพี่น้ำที่โรงพยาบาลน่ะ”

“ได้ค่ะ  คุณฟ้า  เดี๋ยวแอนจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย
แล้วจะวิ่งเอามาให้นะคะ” แอนพูดแล้ววิ่งออกไปในทันที



“พ่อภูขา  หนูรินขอซื้อของเล่นไปเล่นกับวินวินได้ไหมคะ”

“ได้สิลูก  เดี๋ยวพ่อแวะร้านขายของเล่นข้างหน้าให้แล้วกัน  นะครับ”
ภูดิศปล่อยให้หนูรินเลือกของเล่นตามใจชอบ  หนูน้อยหยิบมาสองชิ้นแล้วเดินมาหาพ่อ

“พ่อภูขาอันนี้หนูรินจะเอาไปเล่นกับวินวิน  แต่อันนี้ก็น่าเล่นมากเลยค่ะ
ขอเอาไปฝากวินวินด้วยได้ไหมคะ” หนูน้อยยิ้ม  มองของเล่นในมือ
 ดูก็รู้ว่ารักพี่เสียดายน้องอยากจะได้ทั้งสองชิ้นนั่นแหละ

“เอาสิ  งั้นไปจ่ายตังค์กันครับ  ป่านนี้อาฟ้ากับวินวินรอพวกเราแล้วนะ”
ชายหนุ่มบอกลูก  และเป็นการกระตุ้นให้ลูกไม่โอ้เอ้ด้วย



“วินวิน  หนูรินมาเยี่ยม  มีของเล่นมาฝากด้วยนะ
มาเล่นกันเถอะ  อาฟ้าขา  ขอขึ้นไปบนเตียงนะคะ”
อาฟ้าจึงอุ้มหนูรินไปไว้บนเตียงเพื่อน
แล้วหนูน้อยทั้งสองก็เล่นกันคุยกันไปเสียงดังหงุงหงิงไม่หยุด


เด็กชายมีอาการดีขึ้นจากเมื่อวาน  แต่ยังมีไข้  ทานได้แต่อาหารอ่อนๆ
คนเฝ้าไข้และคนมาเยี่ยมต้องใส่หน้ากากอนามัยป้องกันการติดเชื้อ


วันนี้ขอบฟ้าสวมเสื้อยืดโปโลลายขาวดำกับกางเกงขาสั้นสีเขียวเข้มพอดีเข่า
กับรองเท้าผ้าใบสีพื้น  รวบผม  ดูทะมัดทะแมงเอามากๆ แต่ก็ดูน่ารักสมวัยไปอีก
จนภูดิศอดไม่ได้พูดขึ้น

“น้องฟ้าครับ  ถ้าจะแต่งตัวน่ารักขนาดนี้นะ  พี่ว่ากลับไปอยู่บ้านเลยดีกว่านะครับ
 พี่เลี้ยงได้  บอกไม่เคยฟัง  ว่าหวง”
ขอบฟ้าอ้าปากค้าง  หน้าง้ำกับคนขี้หวงตรงหน้า

“พี่ภูครับ  ฟ้ามาเฝ้าหลานไม่ได้มาโชว์ตัวให้ใครดูเสียหน่อย
อีกอย่างมีแต่คนเค้าชอบอวดแฟน  พี่ภูนี่ท่าจะชอบซุกแฟนนะครับ”
ภูดิศเดินเข้ามาขยี้หัวแล้วลากตัวไปกอดหอม 
ไม่สนใจว่าจะมีใครเข้ามาเห็นหรือเปล่า  จนคนตัวเล็กอายหน้าแดง


นั่งคุยกันไปสองคนตรงโซฟานั่นเองรอคุณพ่อกับคุณแม่ที่บอกจะเข้ามา
พอตกค่ำคุณปู่คุณย่าก็พากันมาเยี่ยมหลานชาย

“คุณพ่อคุณแม่ครับ  ฟ้าขอพาพี่ภูกับหนูรินไปทานมื้อเย็นแถวนี้ก่อนนะ
แล้วเดี๋ยวฟ้าจะดูมาฝากครับ”

“ไม่ต้องนะฟ้า  พ่อกับแม่จะกลับไปทานที่บ้าน  ไม่ได้บอกงดมื้อเย็นที่บ้าน
เดี๋ยวแม่วาดกับนมอุ่นกินกันตายพอดี”
คุณพ่อพูด  ก่อนจะเดินไปยืนข้างๆ เตียงหลานชาย
คุณแม่มองพี่ภูและหนูรินยิ้มๆ ตอนที่พ่อลูกไหว้ทักทายท่าน



ทั้งสามเลือกร้านฟาสต์ฟู้ดข้างๆ โรงพยาบาลนั่นเอง  หนูรินชวนคุยไม่หยุดปาก
ขอบฟ้าหันไปเห็นชายหนุ่มผมหยักศกสีน้ำตาล  หน้าหล่อ  เดินเข้ามาในร้าน
เป็นผู้ชายตัวขาวผอมบางแต่รวมๆ แล้วดูดีมากอย่างกับเดินออกมาจากปกนิตยสารก็ไม่ผิด

ขอบฟ้าเลิกสนใจหันมาที่พี่ภูที่คุยโทรศัพท์กับลุงหมอสีหน้าเครียด
พอวางสายก็ถอนหายใจยาว  แล้วนั่งทานอาหารไปเงียบๆ ไม่พูดไม่จา
ลูกถามอะไรก็ตอบไปผิดๆ ถูกๆ แบบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวชอบกล
ขอบฟ้าก็ไม่ได้พูดหรือถามอะไรให้พี่ภูต้องลำบากใจ

`เดี๋ยวถ้าอยากจะบอกก็คงบอกเองนั่นแหละ`



เมื่อทานกันเสร็จก็พากันเดินกลับทางเดิม ระหว่างทางกลับขอบฟ้ารู้สึกเหมือนมีคนเดินตาม
จึงตั้งท่าจะหันไปแต่ไม่ทันแล้วพี่ภูไวกว่า  เขาจึงหยุดเท้าแล้วค่อยหันไปมอง

“มีอะไร ตามมาทำไม”
พี่ภูถามออกไปสีหน้าเอาเรื่อง นั่นหนุ่มหล่อในร้านเมื่อตะกี้นี่นา

“ทักทายพี่ชายให้มันดีๆ หน่อยน้องชาย  ไม่เจอกันซะนาน
ได้ข่าวว่ามีลูกมีเต้า โอ๊ะ! โอ!  โตขนาดนี้แล้วด้วย  แล้วนี่ใคร?
จะไม่แนะนำหลานให้รู้จักกับลุงหน่อยเหรอ  แล้วก็ว่าที่น้องสะใภ้รึเปล่านะ
เห็นคุณปู่พูดๆอยู่”
ผู้ชายตรงหน้าพูดไม่หยุด  ทั้งยังมองหน้าเราทั้งสามสลับกันไปมา
น้ำเสียงยียวนกวนอารมณ์จนขอบฟ้าเองยังสัมผัสได้

“ไม่จำเป็นต้องรู้จัก  อย่าเกี่ยวข้องกันดีที่สุด”
พี่ภูพูดแล้วหมุนตัวจะก้าวเดิน  หนูรินเกาะแขนอาฟ้าไม่ปล่อย
ที่เห็นพ่อของเธอหน้าบึ้งคุยกับคนที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน
แต่ก็อดถามออกไปตามประสาเด็กไม่ได้

“พ่อภูขา  ลุงคนนี้เป็นใครคะ  เพื่อนหรือคะ”

“ไม่ใช่ค่ะลูก  พ่อไม่รู้จัก  คำว่าเพื่อนมันยังมากไปด้วยซ้ำ ไปกันเถอะลูก”
ภูดิศตอบลูกพร้อมส่งสายตาเหยียดหยันไปให้คนที่ลูกถามถึง

“ภูดิศ!!!  มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอ  เด็กไม่ได้รู้เรื่องไม่เป็นเรื่องนี้เสียหน่อย
อย่าบอกอะไรลูกไปผิดๆสิ”

“พูดเหมือนเป็นคนดีนะ  หนักมั๊ยหน้ากากที่สวมอยู่น่ะ  สวมไว้กี่ชั้นล่ะ
ทางที่ดีไปหลอกพวกหน้าโง่คนอื่น  ผมไม่หลงผิดมองว่าคุณดีอีกแล้ว
อย่ามาเข้าใกล้พวกเราจะดีกว่า” ภูดิศพูดอย่างเดือดดาล

“ภู  เราจะคุยกันดีๆ ไม่ได้เลยหรือไง”
คนหน้าหล่อ  หน้าสลดลง  น้ำเสียงก็ดูอ่อนลงไปด้วย

“ผมเคยมีนะพี่ชายน่ะ  แต่ซาตานร้ายเอาเขาไป  ได้ยินมั๊ย!!!
เขาตายไปตั้งแต่ตอนนั้น  ผมไม่มีพี่แล้ว!!!”
พี่ภูตะโกนเสียงดังใส่หน้าผู้ชายคนนั้น  หน้าเครียดตัวสั่นหอบหายใจหนัก
ขอบฟ้าเห็นไม่ดีจึงเข้าไปขวาง

“ไว้ค่อยคุยกันเถอะครับ  รอให้ใจเย็นลงกว่านี้  นะครับ”
ขอบฟ้าหันไปบอกกับคนหน้าหล่อ  แววตาขอร้องอยู่ในที
คนหน้าหล่อพยักหน้าให้แล้วหมุนตัวกลับ  เดินกลับไปทางเดิม
ขอบฟ้ารีบดันให้พี่ภูออกเดินอย่างเร็วโดยมีหนูรินเกาะชายเสื้ออาฟ้าไม่ปล่อย

“พี่ภูครับ  หายใจลึกๆ นั่งตรงนี้ก่อนครับ  ฟ้ากับหนูรินอยู่นี่นะครับ  ไม่เครียดนะ”
ขอบฟ้าดึงให้ภูดิศนั่งลงที่ม้าหินอ่อนข้างตึก  ชายหนุ่มพยายามดึงอารมณ์
ของพี่ภูให้กลับมาเป็นปกติ

`เรื่องบาดหมางในอดีตมันเป็นเรื่องที่อภัยกันไม่ได้
จนกระทั่งพี่น้องต้องตัดขาดกันเลยหรือไงนะ` ขอบฟ้าขบคิด
พี่ภูนั่งตามที่เขาบอก


ไม่นานก็มีสายโทรเข้า  เห็นพี่ภูอึ้งไปที่มองหน้าจอแล้วก็กดรับ

“ครับลุงหมอ  อืม…เจอกันแล้วครับ  ไม่นะครับ
ไม่ให้ผมมีเวลาทำใจกันเลยหรือไงนะคุณปู่น่ะ
ผมปฏิเสธท่านได้เหรอครับ  งั้นไว้ผมว่างก่อนแล้วกัน  นะครับ”
พี่ภูวางสายแล้วลุกขึ้นพากันเดินไปเงียบๆ จนถึงห้องเฝ้าไข้

“ฟ้า  พ่อกับแม่จะกลับแล้วนะ  ดูหลานดีๆ มีอะไรก็โทรไปบอกพ่อนะ
แม่เราบ่นหิวแล้ว  ไปกันเถอะคุณ”
เมื่อท่านไปก็เหลือเราอยู่กันตามลำพังที่โซฟา  หนูรินเล่นของเล่นต่อจากที่เล่นค้างไว้

“เขาชื่อภูเมศ  เป็นลูกของพ่อกับอาปรุง  คุณพ่อมาแต่งงานกับคุณแม่พี่
ตอนพี่ 3หรือ 4 ขวบ พี่ก็จำไม่ได้แล้ว  แล้วพ่อก็พาเขามาอยู่ในบ้าน
บอกว่าเขาเป็นพี่ชาย  เขาแกล้งทำดีกับพี่จนพี่ตายใจและเชื่อใจเขา”
พี่ภูเล่ามาถึงตรงนี้ก็เกิดอาการเครียดเส้นเลือดข้างขมับเขม็งเกร็ง
ขอบฟ้าจึงกุมมือพี่ภูแล้วตบหลังมือเขาเบาๆ

“พี่ภู  ไม่ต้องเล่าแล้วครับ  รู้สึกไม่ดีก็ไม่ต้องเล่านะ”
ขอบฟ้าบอกออกไปเมื่อเห็นพี่ภูดูไม่ดี  ไอ้อยากรู้น่ะใช่
แต่ไม่อยากเห็นพี่ภูเป็นแบบนี้  พี่ภูกลับส่ายหน้าแล้วเล่าต่อ

“คืนนั้นที่บ้านมีงานเลี้ยง  แขกของคุณปู่มากมายเดินกันให้ขวักไขว่ในบ้าน
พี่ลืมของเล่นชิ้นโปรดทิ้งไว้ที่ห้องใต้หลังคา  เป็นห้องที่พี่ชอบไปนอนเล่น
ในตอนกลางวันกับเขา  พี่จึงขึ้นไปจะเอามันกลับลงมา  แต่…”
พี่ภูกำมือแน่น  แววตาหวาดหวั่นเผยออกมาให้เห็นแวบนึง
ก่อนที่เขาจะหลับตานิ่งรวบรวมความกล้า  เล่าต่อ

“พี่เดินกลับไปที่ประตูจังหวะที่เอื้อมไปจะเปิด  ไฟในห้องก็ดับพรึบ
ห้องเล็กแคบจะไปมีแสงลอดเข้ามาได้ไง  น้องฟ้าลองนึกตามนะ
ห้องนั้นถูกล็อคจากด้านนอก  พี่ได้ยินเสียงวิ่งห่างออกไปจากประตู
พี่ร้องเรียกให้คนข้างนอกช่วย  แต่กลับเงียบไร้ซึ่งเสียงใดๆ
พี่เรียกอยู่นาน  จนเสียงแหบแห้ง  ห้องมืดๆ เงียบๆ และแคบๆ นั้น
พี่หายใจไม่ออก  พี่เจ็บแน่นที่หน้าอก  พี่กลัว!!! กลัวที่สุดในชีวิต
อยากที่จะให้ใครก็ได้ผ่านมาได้ยินแล้วพาพี่ออกไป…ไม่มีเลยสักคน
ที่จะได้ยิน  ไม่มีเลยสักคนที่จะออกตามหา  พี่ต้องติดอยู่ในห้องมืดๆ
แคบๆ นั้นเพียงลำพังทั้งคืนจนกระทั่งสายของอีกวันจึงมีคนมาพาพี่ออกไป”

ชายหนุ่มเหงื่อออกมาก  เนื้อตัวสั่นเกร็ง  อาการพี่ภูเหมือนตอนอยู่ในลิฟท์ไม่มีผิด
`นี่สินะ  สาเหตุของความกลัวทั้งหมด ที่พี่ภูฝังมันในจิตใต้สำนึก`
ขอบฟ้ารีบวิ่งไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดให้ตามใบหน้าและลำคอให้ไม่ได้หยุด

“น้องฟ้ารู้มั๊ย  มีพี่ชายคนไหนบ้างที่มองน้องชายตัวเองด้วยความสะใจ
สมใจ  ยิ้มหยัน  เขาดูมีความสุขเสียมากมายที่เห็นพี่อยู่ในสภาพนั้น
เขาสมควรจะได้รับความไว้ใจความเชื่อใจอีกงั้นเหรอ”
พี่ภูเค้นเสียงพูดออกมา  มันเป็นความเจ็บปวดภายในที่ฝังลึกขอบฟ้ารับรู้

`ทำไมนะ ผู้ชายคนนี้ถึงเจอแต่เรื่องที่มันบีบเค้นขนาดนี้  เขาผ่านมันมาได้ยังไงกัน`

“โธ่  พี่ภู  คนดี  ฟ้าอยู่กับพี่ตรงนี้แล้วน ะ ต่อไปจะไม่มีอะไรมาทำอะไรพี่ได้อีก
พี่ภูเก่งมากนะครับ  ที่ผ่านมันมาได้  ถ้าเป็นฟ้าเจอเรื่องแย่ๆ มากมายอย่างพี่
ก็คงไม่ได้อยู่เป็นปกติมาถึงวันนี้  อย่างที่พี่เป็น”


ขอบฟ้าเข้าไปกอดชายหนุ่มลูบหลังให้อย่างแผ่วเบา
แล้วเปลี่ยนมาประคองใบหน้าพี่ภูไว้เอาหน้าผากของตนไปแนบชิด
จนปลายจมูกของเขาสองคนแตะสัมผัสกัน  นิ่งอยู่ในท่านี้เป็นนาน
ส่งผ่านความรู้สึกดีๆไปให้คนตัวโต  เขาทั้งสองตกอยู่ในภวังค์ด้วยกันทั้งคู่
จนมาสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกหนูรินเรียก

“อาฟ้าขา  พี่พยาบาลถามว่าวินวินฉี่กี่ครั้งแล้วคะ  วันนี้”
หนูรินหันมาถาม  เพราะเธอไม่รู้คำตอบ


ขอบฟ้ารีบปล่อยมือจากแก้มพี่ภูแล้วรีบผละไปที่พยาบาลสาว
แล้วพูดคุยบอกรายละเอียดตามที่เธอถามมา  เมื่อได้คำตอบเธอก็จดลงบันทึกการเยี่ยม
ขอบฟ้าไม่ค่อยกล้าสบตากับพยาบาลนางนั้นสักเท่าไหร่  เธอก็ดูจะเขินๆ
เช่นกันที่โผล่มาเห็นฉากหวานซึ้งของสองหนุ่มเข้าพอดี



หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 17 การเผชิญหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 10-12-2018 19:26:49
รอตอนต่อไปน่ะค่ะ

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 18 งานกาล่าดินเนอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 11-12-2018 12:55:25
ตอนที่ 18 งานกาล่าดินเนอร์

น่านน้ำไปรับน้องวินวินออกจากโรงพยาบาลกลับมาบ้าน 
เด็กชายดูมีความสุขอ้อนพ่อน้ำไม่ยอมห่าง
เพราะพ่อลูกไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันบ่อยนัก  เนื่องด้วยงานที่เขาต้องรับดูแล
แทนคุณพ่อเกือบจะเต็มตัว  ขณะนี้อยู่ในช่วงขยายตลาดออกต่างประเทศ
ทำให้ต้องเดินทางไกลบ่อยๆ แต่อีกไม่กี่เดือนก็จะเข้าที่เข้าทางแล้ว
เขาถึงจะมีเวลาให้ลูกมากขึ้น

“พี่น้ำ  งานกาล่าดินเนอร์ที่จะถึงในวันศุกร์นี้  พี่น้ำไปนะ
เดี๋ยวฟ้าจะดูน้องวินวินให้เอง”
จนป่านนี้เขาก็ยังอ้อนทั้งแม่และพี่ไม่สำเร็จ

“พี่ติดคุยงานกับลูกค้ากว่าจะกลับมาก็เหนื่อยแล้ว  ขอพี่อยู่กับลูกแล้วกัน
ฟ้าไปทีเถอะนะ  พี่เบื่อต้องไปปั้นหน้าในงานอีกตั้งครึ่งค่อนคืน”
สีหน้าพี่น้ำเหนื่อยๆ อย่างที่พูดจริงๆ  ก็ทั้งงานประจำทั้งต้องเฝ้าไข้ลูกอีก

“ก็ได้ๆ  เห็นว่าพี่น้ำเพลียๆ นะ ไปให้ก็ได้  แต่ถ้าคุณแม่จับคู่ให้ฟ้ามากๆ เข้านะ
ฟ้าจะหนีกลับเลยคอยดูเถอะ” ขอบฟ้าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพูด

“หึหึ  พี่จะคอยดูนะ  ว่าเราจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า  งานนี้พวกเซเล็บเพียบนะฟ้า
อย่าไปทำอะไรให้คนจับจ้องล่ะ  ข่าวมันโหมแรงกว่าแร้งลงเสียอีก
ยิ่งเป็นลูกชายคนเล็กของกิจตระการกุล  ผู้ค้าเพชรรายใหญ่ด้วยแล้ว
ดังเป็นพลุแตกเพียงข้ามคืนเลยด้วย”
พี่น้ำเตือนเพราะถือว่าเขาอาบน้ำร้อนมาก่อนน้อง

“รู้น่ะพี่น้ำ  ฟ้าถึงไม่อยากไปไงล่ะ  กลัวเป็นคนดังเพียงข้ามคืนเสียจริง คริคริ”
น้องตัวเล็กกระเซ้าพี่หน้าระรื่น

“ทำเป็นทะเล้นไปเถอะ  พี่เตือนแล้วนะ  ระวังๆ ไว้บ้างอย่ามัวแต่ทำเป็นเล่นไปซะหมด
เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ จะหัวเราะไม่ออกสิไม่ว่า”

“ค๊าบบบ  พี่ชายยยย” ขอบฟ้าลากเสียงยาวล้อเลียน

“พี่ภูก็คงจะไม่พลาดงานนี้ด้วยสินะ  เขาเป็นถึงนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงใครก็จับตามอง
แถมเนื้อหอมอีกต่างหาก  สาวแก่แม่หม้าย  ไม่เว้นแม้กระทั่งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่
หมายตาเขาเสียด้วย”
น่านน้ำจุดชนวน  คนตัวเล็กตาวาวแล้วคิดตาม  ก็ลองดิพี่ภู
แล้วจะรู้ว่าฟ้าก็หวงของเป็นเหมือนกัน

“เห็นพี่ภูพูดอยู่เหมือนกันว่าจะไปงานนี้  พรุ่งนี้ฟ้าชวนไปช่วยเลือกชุดดีกว่า”

“หึหึ  นี่คนไม่อยากไปนะเนี่ย ”พี่ชายย้อนรอยน้อง

“พี่น้ำก็  ถ้าไม่หล่อก็จะเป็นข่าวสิ  ลูกชายคนเล็กของกิจตระการกุล
เชยระเบิด  น้องขนาดนี้พี่ไม่แย่กว่ารึไงถึงไม่มาออกงาน
แล้วจะเสียมาถึงพี่น้ำเห็นไหมล่ะ  ฟ้าห่วงจะทำพี่เสียชื่อจริงๆนะ”
ขอบฟ้าลอยหน้าพูด  คนพี่ได้แต่ส่ายหน้าในความเป็น
`เจ้าตัวแสบ`ของบ้าน



ภูดิศมารับขอบฟ้าไปลองชุดที่จะใส่ไปงานในตอนบ่าย
เด็กๆ ในร้านมองหนุ่มตัวโตที่มาพาเจ้านายหนุ่มตัวเล็กของพวกเขา
ออกไปจากร้าน  ถึงจะเห็นบ่อยจนชินตากันแล้ว  แต่ก็อดที่จะเม้ามอยลับหลังไม่ได้

“พี่ฟ้ากับพี่ภูนี่เหมาะกันดีเนอะว่ามั๊ย  แต่คุณหญิงแม่จะทำยังไงถ้ารู้เข้า
พี่ละกลัวใจจริงๆ” พี่อิงพูดขึ้น

“รักแท้มีอยู่จริง  เชื่อเกล้าเถอะ  พี่ๆ เขาต้องฟันฝ่ากันได้หรอกน่ะ” เกล้าพูดขึ้น

“รักแท้แพ้แม่ยาย  ก็มีจริงนะเชื่อผม”
นินจาพูดจบวงเม้าแตกกระจายไปทำงานกันต่อ
จะมีก็แต่ข้าวตังทำหน้าไม่รู้ไม่เข้าใจที่พี่ๆ พูดกัน
`รักแท้มีอยู่จริง แล้วจะแพ้แม่ยายทำไม`



งานกาล่าดินเนอร์เริ่มขึ้นแล้วในค่ำคืนนี้  หรูเริ่ดตั้งแต่ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้างานด้วยซ้ำ
ขอบฟ้ามาในชุดสูทสีดำ  เรียบหรูแต่เท่ได้ใจ  ควงแขนมากับคุณหญิงแม่ที่สวมเดรสยาวสีดำ
ดีไซน์สวยสมวัยท่าน  เพิ่มลูกเล่นต่างหูยาว  และสร้อยข้อมือเพชรส่องประกาย
ดูดีดูแพงก็ผู้ค้าเพชรมาเอง  แต่สำหรับขอบฟ้ามีเพียงแค่แหวนเพชรเรียบๆ หนึ่งวง
กับนาฬิกาฝังเพชรเท่านั้น  ตลอดทางเดินเข้ามีแต่คนเข้ามาทักทายคุณแม่อย่างไม่ขาดสาย

ชายหนุ่มพาคุณหญิงแม่ไปนั่งโต๊ะที่จัดไว้ในโถงด้านใน  เวทีจัดอย่างตระการตาด้วยไฟน้อยใหญ่
วูบวาบแพรวพราว  รอให้ประธานมาเปิดงานเท่านั้น  งานคืนนี้ก็จะเริ่มอย่างเป็นทางการแล้ว


ขอบฟ้าสอดส่ายสายตาหาภูดิศ  พลันเห็นควงคู่มากับสาวสวยชุดเดรสยาวดำเปลือยไหล่
พี่ภูใส่สูทดำเสริมให้ยิ่งหล่อและทรงเสน่ห์  มีหมอคีรีซึ่งสวมสูทน้ำเงินกระจ่างตาดูหล่อเนี้ยบ
ไปอีกแบบเดินตามมาไม่ห่าง  และไม่ห่างจากนั้นเป็นพี่ชายพี่ภูในชุดสูทสีอ่อนดูหล่อลุ่มลึกไปอีก
จากจุดที่ขอบฟ้านั่งทำให้เห็นแทบทุกคนที่เดินเข้ามา  แล้วนั่น  ญาดาที่มาในชุดผ่าหน้าผ่าหลัง
ดูวาบหวามเสียจริง  ขอบฟ้าโบกมือขึ้นไหวๆ ให้พี่ภูที่หันมาเห็นพอดี พี่ภูยกยิ้มมุมปากมาให้
ผู้หญิงคนนั้นไม่ปล่อยพี่ภูไปไหนเลยจริงๆ ขอบฟ้ามองตามหงอยๆ อ้าว!  นั่น!  น้ำหวาน
มาในชุดเดรสสั้นสีอ่อนไม่สวมแว่น  แม่ของเธอกำลังพาเดินมาทางนี้ ขอบฟ้ารีบทำทีไปเข้าห้องน้ำ
เพื่อหลบไปทำใจก่อนต้องมาปั้นหน้าให้กับสองแม่ลูก


“มาอยู่นี่เอง  พี่มองอีกทีเห็นแต่หลังไวๆ จึงรีบตามมา  คนนั้นน่ะ  เอวา
เพื่อนเรียนเมืองนอกด้วยกันตอนพี่มัธยมครับหมอคีรีก็รู้จัก”
พี่ภูรีบอธิบายกลัวน้องเข้าใจผิด แ ต่ขอบฟ้าจินตนาการกว้างไกลไปก่อนแล้ว

“ฟ้าไม่ได้อยากรู้เสียหน่อยครับ  พี่ภู”
ทำแก้มป่องพองลม  จึงถูกจับดึงแก้มไปที

“ตะกี้ใครหน้างอ  พี่เห็นนะครับ” พี่ลูบหัวน้องดึงมาหอมหนึ่งที

“เปล่าเสียหน่อย  อ้อ!  ฟ้าเห็นญาดาทีนี่ด้วยนะ  พี่ภู”
ปากบางช่างเจรจาพาที

“อืม  เขาไม่กล้าแล้วละ  พี่ไม่ได้จะหมั้นกับเขาแล้วนี่
คุณปู่ก็รับรู้แล้วด้วย  อย่ากังวลไปเลยนะครับ”

“ให้มันจริงเถอะ  คราวนี้ฟ้าบอกก่อนนะครับ  ไม่ไว้หน้าแน่
ถ้ายังมารังควานกันอีก” ตัวแสบเริ่มออกฤทธิ์ออกเดชนิดๆ

“พี่ชายพี่ภูก็มานะครับ  ฟ้าเห็นเข้ามาหลังๆพี่น่ะ”
บอกไปก็มองสีหน้าที่เรียบๆไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ

“อืม  ช่างเหอะ  เขาก็มีสิทธิ์ที่จะไปไหนมาไหนของเขา”
พี่ภูพูดน้ำเสียงออกจะเนือยๆ แต่จังหวะออกจากห้องน้ำนั้นก็สวนกันจนได้

“ไงครับ  น้องชาย  พามาเปิดตัวเหรอ  ชื่ออะไร
ป่านนี้ยังไม่รู้จักชื่อกันเลยครับ”
ภูเมศโผล่มาทักพอดิบพอดีสีหน้าเรียบๆ
ไม่มีแววกวนให้เห็นเหมือนวันก่อนหน้าที่พบกัน

“ขอบฟ้าครับ” คนตัวเล็กบอกออกไป
ส่วนคนตัวโตข้างๆ นี่หน้าตึงขึ้นมาทันทีทันใด

“น้องฟ้าเราออกไปกันเถอ ะ อึดอัด  หายใจไม่ออก”

“อะไรกันครับ  เจอปุ๊บก็จะหนีกันปั๊บเลยเหรอ” พี่ชายพี่ภูพูดดักไว้

“ถ้าอยากจะคุย  ไว้ไปคุยกันที่บ้านคุณปู่”
พี่ภูพูดเสียงแข็งๆ ขอบฟ้ารีบชวนพูดเรื่องอื่น
แล้วดึงพี่ภูให้เดินออกมา

“พี่ภูพาฟ้าไปหาพี่หมอหน่อย  อยากเจอครับ”
คนตัวเล็กร้องขอให้พาไป

“ตามมา แต่จะอยากเจอมันทำไม  หืม?” คนตัวโตสงสัยไว้ก่อน

“เห็นแล้วก็ต้องไปทักสิครับ  คนรู้จักกัน  นะครับ”
พี่หมอยืนคุยอยู่กับพี่ผู้หญิงที่พี่ภูบอกว่าเป็นเพื่อน
พอเดินเข้าไปใกล้เธอก็หันมามองทันที

“สวัสดีครับ  พี่หมอ  หล่อนะครับคืนนี้”
หมอคีรีรับไหว้ยกยิ้มให้  คนข้างๆพี่หมอก็มองมาไม่วางตา

“สวัสดีน้องฟ้า  เราก็น่ารักไม่เบานะครับ”
พี่หมอพูดยิ้มๆ ทำตาวาวๆ ใส่  ขอบฟ้ายิ้มเขิน
ถ้าจะให้ดีชมว่าหล่อจะดีกว่านะพี่หมอ ขอบฟ้าคิด

“เอวา  นี่ขอบฟ้า  แฟนภูเองครับ”
เธอทำตาโตขึ้นทันทีเมื่อได้ยิน  อ้าปากกว้างแล้วก็เอามือปิดปากพรึบ
จนเห็นเล็บยาวๆ ที่ทาสีสวยๆ นั้นแวววาว

“สวัสดีครับ  พี่เอวา”
ขอบฟ้ายกมือไหว้  เธอรีบรับไหว้เกือบไม่ทันเพราะยังตะลึงอยู่

“อะไรภู  ไม่บอกไม่กล่าวกันก่อน  เซอร์ไพรส์สุดๆ เลยนะ
ตัวจริงละซีคนนี้น่ะ  ตาถึงไม่เบานะ  น่ารักซะด้วย  ขอยืมควงคืนนึงนะภู”
เธอพูดมาเป็นชุดแล้วก็เข้ามาคล้องแขนขอบฟ้าทันที  พี่ภูถลึงตาใส่เธอทันทีทันใดเหมือนกัน

“ของเพื่อน  ให้ยืมไม่ได้  หวง”
สั้นๆ ได้ใจความทำเอาคนตัวเล็กหน้าแดง

“โห  ไรกัน  แค่ยืมเอง  ขี้หวงว่ะ”
เธอพูดพร้อมสะบัดหน้าใส่พี่ภูอย่างงอนๆ แล้วก็ปล่อยแขนขอบฟ้า

“มันหวงมากนะเว่ย คนนี้  โดนมาแล้วเหมือนกัน  หึหึ”
พี่หมอขยี้ซ้ำอีก  ทำเอาขอบฟ้าวางหน้าไม่ถูก

“กล้ามากที่มางานใหญ่แบบนี้  อยากเปิดตัวให้โลกรู้รึไง   พวกวิปริต
ชั้นต่ำ  ชอบแย่งของคนอื่น  คงไปฝึกปรือมาเยอะสิท่า  ถึงได้หน้าด้าน
หน้าทนกันได้ขนาดนี้  ไร้ยางอายที่สุด  แต่คนประเภทนี้คงไม่มีอะไรจะ
ต้องอายแล้วล่ะนะ”
นั่นไงมารร้ายชัดๆ ขอบฟ้าหน้าชากับแม่ผู้หญิงที่ไล่จับไม่เลิกคนนี้

“อะไรของเธออีกล่ะเป็นชะนีหรือไง ไล่จับผู้ชายไปทุกทีที่เจอกันสิน่า
ไม่ได้รู้จักมักจี่กันเสียหน่อย  พ่อแม่รู้จะไม่ว่าหรือไงมีลูกสาวแบบนี้
ยางอายหล่อนก็คงไม่รู้จักสินะ  แล้วไอ้ที่ทำวางท่าวางทางว่าตัวเอง
สูงส่งเลอค่าซะมากมายน่ะ  ใครให้ค่าให้ราคาหล่อนกัน  มองคนอื่น
ต่ำต้อยไปหมดแบบนี้ก็อย่าลดตัวย่างกรายเข้ามาใกล้เราสิ
แล้วไอ้น้ำลายเน่าๆ ที่พ่นๆ ออกมามีเชื้อบ้าหรือเปล่า ฉีดยามารึยัง
พี่ภูครับ  แม่นี่น่ะ  พี่รู้จักหรือเปล่าไล่จับไปทั่วงานจนตอนนี้จะจับพี่
อีกคนแล้วเนี่ย”


ขอบฟ้าออกโรงปกป้องตนเอง ก็เขาบอกไปแล้วว่าอย่ามารังควานกันก่อน
แล้วก็โยนเรื่องให้พี่ภูสานต่อเอาเอง  ภูดิศสะดุ้งเห็นฤทธิ์คนตัวเล็กก็วันนี้

“แม่นี่เหรอ  ไม่เคยรู้จักนะครับ  แต่เท่าที่เล่าลือกันในหมู่ผู้ชายที่พี่ได้ยินมา
ว่าเป็นไฮโซที่กวาดหนุ่มน้อยใหญ่ไปค่อนเมืองเผลอๆ ที่เดินกันอยู่ในงาน
ก็ผ่านเธอมาแล้ว  และคนพวกนั้นเราอาจจะรู้จักเป็นอย่างดีด้วยซ้ำ
น้องฟ้ารอแป๊บ  เดี๋ยวพี่ไปถามก่อนนะ  ว่าใครเป็นผู้ชายของหล่อน
แต่ไม่ใช่พี่แน่”
ภูดิศพูดจบ  ญาดาเต้นเร่าๆ อย่างกับถูกน้ำร้อนลวก

“หยุดนะ!  ไอ้พวกสกปรก!  ไอ้วิปริต!  ไอ้ทุเรศ!  คอยดูนะ 
มันจะไม่จบแค่นี้แน่  ไอ้พวกบ้า!  บ้าเอ๊ย!”
แล้วหล่อนก็กระทืบเท้าปึงปังออกไป  พวกเราต่างมองตามแผ่น
หลังเปลือยที่ก้าวเฉิบๆ หนีไปอย่างรวดเร็ว อย่างสมเพช

“แรงได้อีกน้องฟ้า  ไอ้ภูก็ไม่เบานะ  เห็นมันแบบนี้
ขยาดเหมือนกันนะเอวา  อย่าไปยุ่งกับของรักของหวงมันนะเว่ย!
เตือนไว้ก่อน”
แล้วก็พลอยหัวเราะผสมโรงกันไปทั้งแก๊ง 
ขอบฟ้านึกขำแล้วก็ต้องขอตัวกลับไปหาคุณหญิงแม่ที่โต๊ะ




หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 18 งานกาล่าดินเนอร์ ตอนใหม่!!!!!!!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 11-12-2018 19:56:48
 :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 19 คุณหญิงแม่ 13/12/2018 ตอนใหม่!!!
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 13-12-2018 11:00:54
ตอนที่ 19 คุณหญิงแม่

“ไปไหนมาฟ้า  น้องมารอตั้งนาน”
คุณแม่พูดแล้วโบ้ยไปทางน้องน้ำหวาน

“ห้องน้ำครับ  พอดีเจอคนรู้จักคุยนานไปหน่อย”

“งานเริ่มแล้ว  ไม่ต้องไปไหนแล้วนะฟ้า"
คุณแม่หันมากำชับแล้วส่งสายตาจิกๆ มาอีก
งานยัดเยียดลูกชายของสุดยอดคุณแม่ก็เริ่มขึ้นนับจากนาทีนั้น

“ฟ้า  ช่วยตักอาหารให้น้องน้ำหวานด้วยลูก”

“ฟ้า  พาน้องไปเลือกเครื่องดื่มด้วยนะ”
“นี่ขอบฟ้า ลูกชายคนเล็กค่ะ  นี่ยัยหนูน้ำหวานลูกสาวคุณหญิงแม้นวาด
 อ้อ! เด็กสองคนนี้เค้าคุยๆ กันอยู่น่ะค่ะ”

สารพัดวิธีที่คุณแม่จะสรรหามาใช้  จนกระทั่งมีผู้ชายตัวโตมาขอยืมตัวเขา
ออกไปจากตรงหน้าท่าน  ต้องใช้คำว่าลากออกไปจะถูกเสียกว่า
เพราะคุณแม่ยังไม่ทันตั้งรับเสียด้วยซ้ำ
“คุณป้าครับ  ผมขอตัวน้องฟ้าหน่อยครับจะหารือเรื่องจัดสวนที่คุยกันค้างไว้น่ะครับ”
พี่ภูเอ่ยปาก  คุณแม่อ้าปากยังไม่ได้ตกปากรับคำ

 คนตัวเล็กก็ถูกดึงหลุนๆ ออกห่างผู้คนมาพอควร
“พี่ภู  หยุดก่อนครับ  จะพาฟ้าไปไหนเนี่ย  เดินไม่ทันแล้วขาจะขวิดแล้วด้วย”
ขอบฟ้าโอดครวญ  ทำเสียงได้น่าสงสาร
“พี่ไม่ให้น้องฟ้าไปบริการใคร  ไม่ชอบให้ถูกแนะนำคู่กับเด็กคนนั้น
 น้องฟ้าเป็นแฟนพี่นะ  ไม่ใช่แฟนเด็กนั่น  ถ้าพี่ไม่พาออกมา  พี่นี่แหละจะทนไม่ได้
แล้วจะเดินไปบอกคุณแม่ให้เลิกจับคู่ให้ฟ้าเสียเดี๋ยวนี้”
พี่ภูพูดหน้าตึง อย่าบอกนะว่าหึงกันน่ะ

“ใจเย็นสิครับ  แฟนฟ้าก็อยู่ตรงนี้แล้วนะครับ  จะไปเป็นแฟนคนอื่นอีกได้ไง
ชอบอยู่คนเดียวเนี่ย  หายโมโหนะครับพี่ภู  คนดี  ไม่โกรธฟ้านะ”
ขอบฟ้าเข้าไปเกาะแขนคนตัวโตประจบ

“พูดอีกที  ชอบใครครับ  หืม” พี่ภูคาดคั้น

“ก็คนนี้ไง  ชอบแฟนครับ  ดีกันแล้วนะ”
พูดพร้อมกับใช้นิ้วชี้จิ้มๆ ที่อกคนตัวโต

“พี่ขี้หวงก็รู้  อย่าทำอีก  ไม่งั้นเจอดีแน่”
พี่ภูพูดเสียงเอาจริงเอาจังมากขึ้น

“ครับ  ไม่ทำแล้วครับ  แฟนขี้หวงครับ  กลัว”
แล้วคนตัวเล็กก็ทำหน้าทะเล้นใส่  จึงถูกรวบตัวมากอด

“น้องฟ้า  ศุกร์หน้าตอนบ่ายเราไปเที่ยวสวนผึ้งกันนะ  พี่จองที่พักแล้วพาน้องวินวินไปด้วย”

“งานฟ้าเร่งครับ  ต้องไปเลือกของให้ลูกค้า  ไว้โอกาสหน้านะครับพี่ภู”
ขอบฟ้าพูดทำหน้าเสียดายไปด้วย

“พี่ให้น้องฟ้ายืมตัวพี่เสาร์อาทิตย์นี้  บัญชามาได้เต็มที่เลย
ให้พี่ไปช่วยงานนะ  เราจะได้ไปเที่ยวด้วยกันได้  นะๆ”

“มันร้อนเอามากๆ แล้วก็เดินเยอะมากด้วย  พี่ภูอย่าลำบากไปช่วยเลยนะ”

“พี่แข็งแรงกว่าเรานะ  พรุ่งนี้สายๆ พี่จะเข้าไปรับ  ห้ามปฏิเสธครับ”
พี่ภูพูดเองเออเอง  แล้วก็พาเดินกลับเข้าไปในงาน  หน้าระรื่นผิดกับตอนลากเขาออกมาลิบลับ

“ฟ้ากลับบ้านกัน  แม่ปวดหัว”
คุณแม่พูดทันทีที่เขากลับมาถึงโต๊ะ  สีหน้าท่านไม่สู้ดีนัก
ขอบฟ้ารีบเข้าไปพยุงท่านลุกขึ้นพาไปที่รถที่น้าเต้ยจอดรออยู่
ระหว่างทางท่านไม่ปริปากพูดอะไรเลยสักคำ


 
เช้าวันต่อมาที่โต๊ะอาหาร  ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้ายกเว้นน้องวินวินที่ได้ตื่นสาย
เพราะเป็นวันหยุด  ขอบฟ้าสังเกตสีหน้าของทุกคนดูเคร่งเครียด  คุณแม่นั่งนวดขมับ
ตัวเองไปมา  คุณพ่อก็หน้านิ่งกว่าที่เคย  ส่วนพี่น้ำก็มองมาที่เขาแล้วส่ายหน้า
บรรยากาศดูมัวๆ หม่นๆ ชอบกล  ขอบฟ้าอดรนทนไม่ไหวจึงเปิดปากถามออกไป

“มีอะไรกันหรือครับเช้านี้  ทำไมทุกคนดูเครียดๆ กันจัง
คุณแม่ยังปวดหัวเหรอครับ  หาหมอไหมครับ  ฟ้าพาไป?”
ขอบฟ้าถามออกไปคราวนี้ทุกคนพุ่งสายตามาที่เขาคนเดียวแล้ว

“ดูนี่แล้วกัน  พี่เตือนเราแล้ว  ระวังจะดัง  คราวนี้ได้ดังจริงๆ”
พี่น้ำพูดแล้วก็ส่งโทรศัพท์มาให้ตรงหน้า  พอรับมาก็เห็นเป็นคลิปวีดีโอ
ความยาวไม่เกิน5นาที พอกดเล่น

`ใจเย็นสิครับ  แฟนฟ้าก็อยู่ตรงนี้แล้วนะครับ  จะไปเป็นแฟนคนอื่นอีกได้ไง
 ชอบอยู่คนเดียวเนี่ย  หายโมโหนะครับพี่ภู  คนดี  ไม่โกรธฟ้านะ`
`พูดอีกที  ชอบใครครับ  หืม`
`ก็คนนี้ไง  ชอบแฟนครับ  ดีกันแล้วนะ`
`พี่ขี้หวงก็รู้  อย่าทำอีก  ไม่งั้นเจอดีแน่`
`ครับ  ไม่ทำแล้วครับ  แฟนขี้หวงครับ  กลัว`

พอดูคลิปจบก็ตัวเย็นวาบ  ยิ่งเห็นยอดไลค์ยอดแชร์ที่สูงมาก
ได้ดังจริงๆ แล้ว  โต๊ะอาหารเงียบ  ได้ยินแต่เสียงถอนหายใจของคุณแม่ที่หนักหน่วงสุดๆ
แล้วก็ลมหายใจของตัวเองที่ดังแผ่วๆ

"มีคำอธิบายไหมขอบฟ้า  จะทำให้แม่ต้องใช้ปี๊บคลุมหัวตอนออกจากบ้านหรือไง
ทำอะไรไม่คิดถึงหน้าตาของคนในวงศ์ตระกูลอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
แม่เลี้ยงเราให้เป็นคนแบบนี้เหรอตอบแม่มา”
คุณแม่พูดด้วยน้ำสียงดุดันที่ไม่เคยใช้มาก่อน

“แม่ครับ  ฟ้าขอโทษ”
ขอบฟ้าปากคอสั่น  ลุกขึ้นไปจะกอดแต่คุณแม่ขืนตัวผลักไสเขาออกห่าง
ฟ้าทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นน้ำตานองหน้า

“ดี!! ที่ยังรู้ตัวว่าที่ทำน่ะมันผิด  เลิกยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น
ที่ฟ้าหลงผิดไปเพราะถูกชักนำ  ฟ้าไม่ได้วิปริตผิดเพศฟ้าไม่ใช่เกย์
รับปากแม่มาว่าจะเลิกติดต่อกับเขา  แล้วแม่จะยกโทษให้”

คุณแม่พูดคาดคั้นลูกชายคนเล็กแววตาโกรธขึ้งระคนผิดหวัง

“ฟ้าขอโทษ  ฟ้าทำไม่ได้  ฟ้าเลิกกับพี่ภูไม่ได้  คุณแม่! ได้โปรดให้ฟ้า
ได้รักกับพี่ภูนะครับ  ฟ้าขอร้อง”
ขอบฟ้าสะอึกสะอื้นส่ายหน้าไปมาอย่างเสียขวัญ

“ฟ้าที่เคยว่านอนสอนง่ายของแม่ไปไหน  ลูกที่ไม่เคยทำให้แม่ผิดหวัง
ไม่เคยทำให้แม่เสียน้ำตา  ลูกคนนั้นของแม่หายไปไหน  บอกแม่มาฟ้า”
คุณหญิงศศิน้ำตาไหล  มองหน้าขอบฟ้าอย่างผิดหวัง  น้อยใจและเสียใจ

“แม่ครับ  ฟ้ารักแม่ไม่เคยเปลี่ยน   แต่ว่าเรื่องนี้แม่อย่าบังคับฟ้าจะได้ไหม
ฟ้ารักพี่ภู  รักมาก  และรักมานานมากแล้ว 15 ปี เลยนะครับที่ฟ้าเฝ้ารอ
เมื่อฟ้าเจอพี่ตัวโตของฟ้าแล้ว  แม่จะให้ฟ้าลืมเขา  ให้ฟ้าเลิกติดต่อกับเขา
ฟ้าทำไม่ได้  ฟ้าขอโทษครับแม่”
ขอบฟ้ายังสะอื้นไห้มือกำที่อกเสื้อด้านซ้ายตรงตำแหน่งหัวใจแน่น  แล้วสะอื้นจนตัวโยน

“คุณแม่ครับ ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันนะครับ”
น่านน้ำพูดขึ้นเป็นการดึงสติของแม่  เขาสงสารทั้งแม่และน้องพอๆ กัน

“ตาน้ำ!!  แกดูน้องแกมันทำกับแม่  แม่สู้อุตส่าห์เลี้ยงดูทะนุถนอม
แค่เจอผู้ชายคนนั้นมันกลับกลายเป็นเด็กที่ใจร้ายใจดำกับแม่
เหมือนแม่ไม่เคยรู้จักเด็กคนนี้มาก่อน  ทำไมกัน  จิตใจมันเป็นไปได้ถึงเพียงนี้
มันทำลงไปได้ยังไง  แกดูมัน  แกดูน้องแกสิ  ตาน้ำ”
คุณหญิงศศิพูดไปร้องไห้ฟูมฟายไปด้วย

“ฟ้าออกไปก่อนไป  ให้แม่แกหายโมโหแล้วค่อยกลับเข้ามา  ค่อยมาคุยกันใหม่”
คุณพ่อเอ่ยปากห้ามทัพจากที่นั่งหน้าเรียบมานาน 

น่านน้ำลุกไปพยุงน้องขึ้นและพยักหน้าให้ทำตามที่คุณพ่อบอก


ขอบฟ้าจึงเดินออกมาจากบ้านหลังใหญ่จะกลับไปที่บ้าน`ตัวเล็ก`
จังหวะนั้นรถของภูดิศก็เลี้ยวเข้ามาจอด  ขอบฟ้าจึงหยุดเดินและยืนก้มหน้านิ่ง
ชายหนุ่มเห็นรีบจอดรถและวิ่งลงไปดักหน้า  เชยคางคนตรงหน้าให้เงยขึ้น
พอเห็นมีน้ำตาเปียกที่ขนตา

“น้องฟ้าร้องไห้ทำไม  ใครทำอะไร  บอกพี่สิครับ”
ขอบฟ้าส่ายหน้าเป็นคำตอบ  ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น

“มีอะไร  เสียใจอะไร  ถ้ายังไม่อยากพูดตอนนี้  งั้นเราไปหาที่คุยกันก่อนนะ”
ภูดิศจูงคนตัวเล็กให้ไปที่รถ  ขอบฟ้าขืนตัวไม่ยอ ม ส่ายหน้ารัว

“ฟ้าไม่ไปครับพี่ภู  ฟ้าเล ว ฟ้าทำให้คุณแม่เสียใจ”
คนตัวเล็กพูดทั้งน้ำตา

“น้องฟ้า  เราต้องคุยกัน  นะครับ  ไปกับพี่นะ”
ภูดิศเปิดประตูดันคนตัวเล็กให้ขึ้นนั่งจนได้  แล้วขับรถพาคนตัวเล็กออกมาทันที
ขอบฟ้ามองออกไปนอกรถหน้านิ่วคิ้วขมวดครุ่นคิดหาวิธีที่จะให้แม่หายโกรธ
และอภัยให้เขาขนตาก็ยังฉ่ำน้ำ

`เหลืออีกแค่ทางเลือกเดียวเท่านั้น  ทางเดียวที่เราไม่อยากจะเลือก`
นั่งไปเงียบๆ ปล่อยความคิดให้ล่องลอยไป  รถก็แล่นไปเรื่อยๆ



ภูดิศพามาหยุดที่บึงบัวขนาดใหญ่ที่ออกดอกชูช่อขาวโพนไปทั่วท้องน้ำ
รอบๆ มีเก้าอี้พักผ่อนที่มีคนจับจองนั่งอ่านหนังสือบ้าง  ให้อาหารปลากันบ้าง
ปั่นจักรยานหรือแม้แต่วิ่งจ๊อกกิ้งรอบบึงก็ทำกัน  มีแนวต้นไม้น้อยใหญ่แผ่กิ่งก้าน
ออกให้ร่มเงา  บรรยากาศยามสายที่แดดไม่แรงนัก  ทำให้รู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย


ภูดับเครื่องยนต์และลดกระจกเพื่อเปิดรับลมธรรมชาติเข้ามา
“ดีขึ้นหรือยังครับ…หืม?”
ภูดิศดึงมือบางไปกุมไว้  อยู่ในท่านี้ไปพักใหญ่ๆ

“พี่ภูครับ  ปล่อยมือฟ้าแป๊บนึง  มีอะไรจะให้ดู”
คนตัวเล็กดึงมือ  แล้วล้วงโทรศัพท์หาเพจนั้นที่พี่น้ำให้ดูเมื่อเช้า
แล้วยื่นให้พี่ภู  ชายหนุ่มรับไปดูด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์เมื่อดูจบลง

“ที่บ้านเห็นคลิปนี้  ฟ้าโดนคุณแม่เกลียดแล้ว  คุณแม่จะยกโทษให้ถ้าฟ้า
 เอ่อ…เลิก…” ขอบฟ้าไม่กล้าพูดคำนั้นออกมา
ส่ายหน้าและเม้มปากแน่น  น้ำตาไหลลงมาอีกแล้ว

“พี่พอจะรู้ว่าท่านต้องการอะไร  แต่ฟ้าล่ะครับตัดสินใจยังไง
จะเดินจูงมือไปด้วยกัน  หรือว่าจะหันหลังจากไป… หืม”
ขอบฟ้าส่ายหน้าอย่างจนหนทาง  ปากคอสั่น
ภูดิศเห็นอย่างนั้นก็คว้าตัวเข้ามากอดแนบอกพลางลูบหลังไหล่ปลอบโยน

“พี่จะเข้าไปคุยกับท่าน  ขอแค่เรายังจับมือกันไม่หนีหายแค่นี้ก็พอ  ฟ้าเชื่อใจพี่ไหมครับ”
คนที่อยู่ในอ้อมแขนยังคงสะอื้นไม่หยุด ภูดิศกอดกระชับแน่นขึ้น




หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 19 คุณหญิงแม่ ตอนใหม่ค๊า!!!
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 13-12-2018 18:14:16
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 19 คุณหญิงแม่ ตอนใหม่ค๊า!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 14-12-2018 07:21:32
 :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 20 พี่ไม่เคยลืม
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 14-12-2018 10:21:25
ตอนที่ 20 พี่ไม่เคยลืม

“นมพร้อมครับ  ผมขอข้าวต้มร้อนๆ ให้น้องฟ้าถ้วยนึงสิครับ
น้องไม่ค่อยสบาย  รบกวนหน่อยนะครับนม”

“อุ๊ย!!  ได้สิคะ  ดูแลหนูฟ้าดีๆ ล่ะคุณหนู  เดี๋ยวนมให้เด็กยกไปให้ค่ะ”
นมพร้อมกุลีกุจอจัดหาให้


ขอบฟ้าทานไปนิดเดียวก็วางช้อนบอกว่าอิ่มแล้ว  ภูดิศจึงพาขึ้นไปบนห้องของเขา
ขอบฟ้าเดินตามหลังมาเงียบๆ

“พี่ภูครับ  อย่าเพิ่งไปคุยกับคุณแม่ตอนนี้เลยนะ  ถ้าเห็นหน้าเราคุณแม่คงจะโกรธมากขึ้นแน่ๆ”
ขอบฟ้านั่งลงที่ปลายเตียง  ภูดิศก็นั่งลงข้างๆ กัน

“พี่ไม่อยากหลบหน้า  เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว  ให้พี่ได้แสดงความจริงใจและรับผิดชอบบ้าง
พี่ไม่อยากให้น้องฟ้าต้องทุกข์อยู่ฝ่ายเดียว  พี่มีส่วนผิดที่เข้าไปในชีวิตของเรา
หากให้ย้อนกลับไปตรงจุดนั้นที่เราพบกัน  พี่ก็ยังจะชอบน้องฟ้าอยู่ดี
พี่ไม่ขอโทษนะที่ทำให้ฟ้ามีวันนี้”
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม  จากที่ก่อนหน้านี้เขาเงียบฟังมานาน

“ฟ้าแค่อยากให้เรารอไประยะหนึ่งก่อน  ให้ท่านใจเย็นลงกว่านี้  น่ะครับ” คนตัวเล็กพูดเสียงเบา

“พี่อยากปกป้อง  ดูแลน้องฟ้าให้มีความสุข  มันอาจจะดูเร็วเกินไปที่พี่จะพูดว่า
พี่...รัก...น้องฟ้านะครับ …อาจจะรักตั้งแต่วันแรกที่พบหน้าด้วยซ้ำ  เชื่อใจพี่นะ”
พี่ภูยืนยันหนักแน่นว่ารัก   ขอบฟ้านิ่งงันอยู่กับที่  วันนี้ที่รอคอยมาถึงแล้วจริงๆ สินะ
เขาไม่ต้องแอบรักข้างเดียวอีกต่อไป

“พี่ตัวโต... ตัวเล็ก... ก็รักพี่ตัวโต  นะครับ” ขอบฟ้าโผเข้าไปกอดพี่ภูแน่น
ภูดิศได้ยินถึงกลับตกตะลึง  ประหลาดใจ  ระคนกับไม่แน่ใจ  แต่ก็อุ่นซ่านไปทั้งหัวใจ
เขาได้ยินน้องฟ้าเรียกเขาว่า`พี่ตัวโต`

“ตัวเล็ก!!  น้องฟ้า...คือ `ตัวเล็ก ของพี่ตัวโต`  จริงๆ เหรอ!
ตัวเล็กของ `พี่ตัวโต`  จริงๆ ใช่มั๊ย  พี่ฟังไม่ผิดใช่มั๊ยครับ”
พี่ภูพูดกระท่อนกระแท่นและดันคนตัวเล็กออกห่าง  เพื่อมองให้ชัดว่าเขาไม่ได้ฝันไป
คนที่เขาเฝ้ารอ  มาอยู่ตรงหน้านี่แล้ว  น้องยังไม่ลืมเขา  ขอบฟ้าเม้มปากแน่นหลับตาปี๋
พร้อมกับพยักหน้าหงึกหงัก  สักพักก็รู้สึกว่าตัวลอยจากพื้น  จึงลืมตาพี่ภูกอดรัดเขาแล้วพาหมุนไปรอบๆ

“ดีใจมากเลยครับ  พี่รักเด็กคนนั้นมา 15 ปี  พาไปซื้อไอศกรีม  เอาขนมไปฝาก
พาออกไปเดินเล่น  เฝ้ารอมาตลอด  ยังโกรธตัวเองจนทุกวันนี้ที่ไม่เคยถามชื่อ
ไม่เคยดูชื่อหน้าห้องตอนไปเยี่ยม  ไม่เคยเลย  พี่ตัวโตกว่าซะเปล่าๆ
พี่รักตัวเล็กนะ  ทำไมไม่บอกพี่  รู้ได้ไง  รู้มานานหรือยังครับ  หืม”
พี่ภูพูดความในใจออกมาทั้งหมด  คนได้ฟังหัวใจพองโตที่พี่ตัวโต
จำได้ทุกอย่าง`ไม่เคยลืม`

“ก็รูปที่ฟ้าทำหล่นแตกตอนนั้นไงครับ  ที่พี่บอกว่าเป็นรูปพี่ตอนเด็กไง
ฟ้าใส่กรอบให้แล้วนะ  แต่ว่ายังไม่ได้เอามาคืนให้เลยเนี่ย” ตัวเล็กอ้อมแอ้มตอบพี่

“พี่ไม่รับคืนแล้วล่ะ  เก็บไว้ให้ด้วยเลยตัวเล็ก  พี่สะดุดใจตั้งแต่วันแรกที่เห็นชื่อบ้านแล้ว
แต่พี่มองเป็นแค่ความบังเอิญเท่านั้น  ตัวเล็กของพี่  ที่วันนั้นร้องงอแงตั้งมากมายเพราะ
รู้ว่าเป็นพี่นี่เอง  ทำไมไม่บอกกันบ้างเลย  ใจร้ายชะมัด”
ภูดิศปล่อยน้องลงพอเท้าถึงพื้นก็เซจะล้ม  จนคนตัวโตคว้าไว้ทำให้พากันล้มไปบนเตียง
โดยที่ขอบฟ้านอนทับพี่ภูทั้งตัว  ลมหายใจรินรดกัน  เราต่างก็อึ้งกันอยู่ในท่านั้น
ขอบฟ้ารู้สึกตัวก็รีบดีดตัวออกเมื่อนึกได้ว่าเป็นท่าที่ล่อแหลมจนเกินไป
ภูดิศหัวเราะหึหึในลำคอ  จนคนตัวเล็กหน้าแดง

“พี่ภู  พาฟ้าไปหานมพร้อม  ป้าแก้ว  แล้วก็ลูกหน่อยครับ”
พี่ภูยิ้มแก้มปริที่ได้ยินคนตัวเล็กเรียกหนูรินว่าลูก

“ได้ครับ  ไปหา...ลูก...กันนะ” ขอบฟ้าทำตาโตที่คนตัวโตย้ำคำว่าลูก



“อาฟ้าขา  สวัสดีค่ะ  พ่อภูบอกว่าอาฟ้าไม่สบายเหรอคะ
ไม่ให้หนูรินขึ้นไปกวนด้วย” หนูน้อยทักถามเมื่อเห็นหน้าอาฟ้าของเธอ

“ค่ะ  หายแล้วล่ะ” ขอบฟ้ายิ้มอายๆ หนูริน  เขาป่วยเสียที่ไหนกันเล่า

“เป็นยังไงบ้างล่ะหนูฟ้า  ดีขึ้นแล้วเหรอ  นมว่าจะให้เด็กไปถามว่าอยากจะทานอะไร
เป็นพิเศษหรือเปล่า มื้อเที่ยงน่ะค่ะ  ดูสิคะ  ตายังบวมๆ อยู่เลย”
นมพร้อมถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย

“ดีขึ้นมากแล้วครับนม  ทำอะไรมาให้  ฟ้าก็ทานได้หมดครับ”
ขอบฟ้าอายม้วนกว่าเดิมอีก ที่นมยังทักว่าตาบวม

`พี่ภูนะพี่ภู  รู้กันทั้งบ้านแล้วเนี้ย`
 แล้วโทรศัพท์ของขอบฟ้าก็ดังขึ้น  เป็นซีเกมส์ที่โทรเข้ามา

“ฟ้า!!  อยู่ไหน? เห็นคลิปแล้ว  เป็นไงบ้าง?
อย่าคิดมากนะเดี๋ยวเข้าไปหาตอนนี้เลย”
ซีเกมส์ถามแบบไม่รอคำตอบเลยสักคำถามเดียว

“อยู่บ้านพี่ภู  เดี๋ยวถามพี่ภูก่อนนะว่าจะไปส่งหาซีไหม  แป๊บนึงนะ”
แล้วขอบฟ้าก็หันไปจะถาม ภูดิศส่ายหน้า ทำท่าทางบอกว่าให้เพื่อนเข้ามาทานมื้อกลางวันด้วยกันเลย

“ซี  พี่ภูไม่ไปส่งน่ะ  บอกให้ซีเข้ามาทานกลางวันด้วยกัน”

“เออๆ เดี๋ยวเข้าไป  ชวนพีทก่อน” แล้วซีเกมส์ก็วางสายไป


ไม่นานนัก  พีทและซีเกมส์ก็มา  เพื่อนสามคนกอดกันกลมไปแล้ว
จนไม่มีใครได้มองว่าคนตัวโตยืนมองตาขุ่นอยู่

“น้องฟ้า  ไม่กอดกันครับ  พี่หวง”
พี่ภูทำหน้าตึงใส่เพื่อนๆ ของคนตัวเล็ก  ทำให้ต่างฝ่ายรีบผละออกฉับพลันทันใด

“พี่ภูอ่ะ  ก็เพื่อนกอดให้กำลังใจ  นิดหน่อยเอง” ขอบฟ้าพูดเสียงอ่อยๆ
ภูดิศส่ายหน้า  แล้วก็ผละไปหาลูกที่ห้องนั่งเล่นแทน  ปล่อยให้เพื่อนๆ ได้คุยกัน

“ฟ้าตาบวมมากเลยนะ  คุณหญิงแม่ท่านรักฟ้าจะตายไป  หายโกรธก็ดีเองแหละน่า
แม่ลูกตัดกันไม่ขาดหรอก  หรือไม่ฟ้าก็ทิ้งพี่ภูซะ  ง่ายนิดเดียว  จะอะไรนักหนา”
พีทแกล้งแหย่เพื่อนทำให้โดนซีเกมส์ฟาดกลางหลังป้าบ

“อะไรเล่าซี  ฟ้ามันจะกล้าทิ้งผัวมันเหรอ  ตัวติดกันอย่างกับอะไร  ดูสิ
มีอะไรนิดหน่อยก็ร้องไห้โฮมาอยู่บ้านเขาเนี้ย” พีทยังว่าพูดต่ออีก

“ไอ้พีท!!!  ผัวอะไรกันเล่า” ขอบฟ้าเรียกพีทเสียงดัง
พีทแกล้งทำหน้าสำนึกผิดเมื่อพี่ภูชะเง้อมองมา

“เออ!!  ไม่เป็นวันนี้ก็สักวันแหละน่า  อืมๆ ไม่เล่นแล้วก็ได้
แล้วจะร้องไห้อะไรมากมายวะ  ก็แค่คุณหญิงแม่บอกให้เลิกกัน
ทำเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต  ยังไม่ทันจะรักกันด้วยซ้ำ  เลิกกันจะเป็นไรไปล่ะ
แค่เพิ่งเริ่มคบเป็นแฟนเอง  ไม่เข้าใจแกเลยนะฟ้า”
พีทยังพูดง่ายๆ ตามความคิดของตัวเอง

“ก็เพราะว่ารักไง  ถึงเลิกไม่ได้น่ะ” ขอบฟ้าสารภาพออกมาตามตรง

“ห๊ะ!!!  ว่าไง  รักเหรอ!  ตอนไหนวะฟ้า  ใจง่ายไปหรือเปล่า
เพิ่งเจอกันเองไม่ใช่เหรอ?” ซีเกมส์รัวคำถามเป็นชุด

“พี่ภูเป็น...รักแรกของฟ้า  คนที่เคยเล่าให้ฟังจำได้ใช่มั๊ย 
พี่เขาเป็น...คนนั้นของฟ้าในตอนเด็กน่ะ  เพิ่งรู้ตอนไปปาร์ตี้ริมสระคราวก่อน
ฟ้าไปเจอรูปถ่ายตอนพี่ภูเด็กๆ” เพื่อนสองคนตาโตยังกับนกฮูกไปแล้ว
ซีเกมส์อ้าปากกว้างจนแมลงวันแทบบินไปวางไข่ได้

“ได้ไงกัน?  ใช่จริงอ่ะ!  ไม่มั๊ง!  อะไรมันจะประจวบเหมาะขนาดนี้” พีทพูดอย่างเหลือเชื่อ

“พรหมลิขิต  ชัดๆ” ซีเกมส์พูดย้ำ

“เออๆ รู้กันแล้วก็อย่ามาบังคับฟ้าให้เลิกกับพี่ภูเหมือนแม่เลยนะ
ฟ้าทำไม่ได้หรอก  รักมาตั้งนาน”
ขอบฟ้าหน้าหงอยๆ เหมือนหมาโดนเจ้าของทิ้ง
เพื่อนซี้เข้ามากอดลูบหัวลูบหลังปลอบใจกันอีกพักหนึ่ง



“อ้าว!!  เห้ย!  มาไม่บอกว่ะหมอ  ไปๆ กินกลางวันกัน
วันนี้มีเพื่อนน้องฟ้ามาทานด้วย  ไปครับตัวเล็กอย่ากอดกันนานครับ”
คนขี้หวงหันไปต้อนให้ทุกคนไปรวมกันที่โต๊ะอาหาร

“พี่หมอคีรี  นี่ซีเกมส์และพีท  เพื่อนของฟ้าเองครับ”
พี่หมอพยักหน้าให้  สองหนุ่มยกมือไหว้


เมนูกลางวันเป็นแนวอาหารอิสาน  ส้มตำ  ยำ  ลาบ  แต่ก็มีอาหารจานโปรดจานใหญ่
ของหนูรินและเผื่อสำหรับผู้ใหญ่ด้วย  หนูรินขอส้มตำไม่ใส่พริกตามแบบผู้ใหญ่บ้าง
เธอจะทานกับไก่คั่วเกลือที่เห็น  กำลังจะลงมือรับประทาน  ภูเมศก็มา 
ขอบฟ้าหันมองภูดิศทันที  แต่ภูดิศก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรมากไปกว่าการตีหน้าเรียบเฉย

“คุณเมศขา  ไม่พบกันนานมากเลยนะคะ  เป็นหนุ่มใหญ่  หล่อขึ้นกว่าเดิมอีกนะคะเนี้ย
มาทานกลางวันกันก่อนค่ะ  เชิญๆ นั่งก่อนค่ะ” นมพร้อมรีบเข้าไปต้อนรับขับสู้

“อ้าว! คุณลุงคนนั้นนี่คะ  หนูรินจำได้” หนูรินพูดขึ้น  นมพร้อมรีบแนะนำทันที

“คุณลุงเมศค่ะ  หนูริน  สวัสดีด้วยค่ะ” นมพร้อมหันไปบอก
หนูรินจึงหันไปส่งยิ้มแล้วไหว้อย่างอ่อนน้อม

“นี่พี่เมศ  เอ่อภูเมศ  จบสถาปัตย์  เป็นสถาปนิก  ทำงานเป็นที่ปรึกษา
ในทีมวิศวกรบริษัทต่างชาติ  เพิ่งถูกคุณปู่เรียกตัวให้มาช่วยงานพี่ที่บริษัทน่ะ”
พี่ภูแนะนำให้ทุกคนรู้จักโดยสีหน้าไม่ได้ยินดียินร้าย

ขอบฟ้ามองว่าก็ดีแล้วที่เก็บอาการได้ดีทั้งพี่ทั้งน้องแบบนี้  บรรยากาศบนโต๊ะอาหารจะได้ไม่ชวนอึดอัด
“เอ่อ!  ผมขอบฟ้า  นี่พีทและซีเกมส์เพื่อนสนิทผมครับ”
ขอบฟ้าแนะนำตัวเองครั้งรวมทั้งเพื่อนๆ ให้ภูเมศรู้จักอย่างเป็นทางการ
พี่เมศพยักหน้าให้แล้วส่งยิ้มอ่อน  ส่วนหมอคีรีรู้จักกันอยู่ก่อนแล้ว

“สวัสดีครับ  พี่เมศไม่เจอกันนานเหมือนกันนะฮะ” หมอคีรีทักบ้าง ภูเมศก็ยิ้มๆ

“ยินดีที่รู้จักทุกคน  เรียกผมว่าพี่เมศก็ได้ครับ  คนกันเองทั้งนั้น”
พูดจบหันไปทางภูดิศ  ซึ่งพี่ภูทำหน้าเฉยๆ เพียงแค่นั้นเองที่ขอบฟ้าเห็น

“วันพุธพี่ค่อยเข้าไปรายงานตัวที่บริษัทแล้วกัน  ช่วงนี้ขอพักทำตัวให้ชิน
กับสภาพแวดล้อมถนนหนทางเสียก่อน  ไม่ได้อยู่ไทยเสียนาน
คงไม่ว่ากันนะครับท่านประธาน” พี่เมศออกตัวก่อน

“พร้อมก็เข้าไปแล้วกัน  รีบหน่อยก็ดี  คุณปู่โทรถามผมเกือบทุกวัน
ไหนจะลุงหมออีก” พี่ภูเอ่ยน้ำเสียงเนือยๆ

“เอ่อ  คุณเมศ  เดี๋ยวนมไปทำอาหารจืดๆ มาเพิ่มให้อีกอย่างนะคะ
ผัดซีอิ๊วทะเลแล้วกันนะ”
นมพร้อมรีบเข้าแทรกอย่างมีชั้นเชิงก่อนที่พี่น้องจะลับฝีปากกันไปมากกว่านี้

“ไม่ต้องแล้วละครับนม  ข้าวผัดนี่ก็จานใหญ่มากๆ ผมทานได้ครับ ทานไม่จุครับ”
พี่เมศออกปาก  คงจะจริงเพราะตัวก็ออกจะผอมบางไปเสียด้วยขอบฟ้ามอง

“นมไปหาอะไรง่ายๆ ทำให้จะดีกว่า  ไม่ลำบากอะไร
ทานกันไปพลางๆ ก่อนนะคะทุกคน” นมพร้อมเอ่ยแล้วเลี่ยงออกไปเตรียมเมนูเพิ่ม


พีทเก็บความสงสัยในท่าทีที่พี่ภูเป็นตลอดมื้ออาหาร  แล้วจึงลากขอบฟ้าไปถาม
ทันทีที่มื้อเที่ยงจบลง  ขอบฟ้าจึงต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้พีทฟัง
พีทเริ่มไม่ชอบหน้าคนขี้เก๊กที่ขี้อิจฉาคนนี้ขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว

ท้ายที่สุดเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรของผู้ใหญ่ก็พูดคุยเข้ากันได้ดีกับลุงเมศไปเสียแล้ว
ภูเมศดูมีสีหน้าผ่อนคลายลง  แม้ยังเข้าหน้ากันระหว่างพี่น้องไม่สนิทใจก็ตาม


หมอคีรีพูดคุยกับทุกคนอย่างสนุกสนานตามแบบจิตแพทย์หนุ่มอารมณ์ดี
คิดบวกแต่ไม่ได้โลกสวย  เขาแจกนามบัตรไปทั่วเผื่อใครมีปัญหาญาติป่วยจิต
เขายินดีให้คำปรึกษา  แม้แต่ขอบฟ้ายังได้รับแจกไปด้วย

“อกหักหรือรักไม่เป็น  ไม่รับปรึกษา  นะครับผม”
หมอหนุ่มยิงมุก  พร้อมหัวเราะในลำคอ


นั่งคุยกันสักพักใหญ่ๆ ทุกคนก็พร้อมใจกันว่าจะกลับ
แล้วหันไปขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีและเจ้าของบ้านที่ให้การต้อนรับพวกเขา
หมอคีรีกับภูเมศออกไปก่อนในชุดแรก  และตามด้วยซีเกมส์และพีท
ส่วนขอบฟ้าถูกรั้งไว้ไม่ให้ตามเพื่อนไป  โดยภูดิศบอกว่าเย็นๆ จะพาไปส่งบ้าน





หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 20 พี่ไม่เคยลืม ใหม่!!!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 14-12-2018 21:49:56
รอตอนต่อไปค่ะ

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 20 พี่ไม่เคยลืม ใหม่!!!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 15-12-2018 06:32:10
ติดตามจ้า  สนุกค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 20 พี่ไม่เคยลืม ใหม่!!!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 15-12-2018 17:26:29
รออออออ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 21 พี่เมศแพ้แอลกอฮอล์
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 15-12-2018 19:20:47
ตอนที่ 21 พี่เมศแพ้แอลกอฮอล์

พีทกับซีเกมส์นัดเพื่อนอีกสองคนไปเจอกันที่ผับประจำของพวกเขา
ขอบฟ้าไม่อยากเป็นจุดสนใจอีกในช่วงนี้จึงปฏิเสธนัด  ซีเกมส์สนุกหลุดโลก
ไปกับเพื่อนร่างยักษ์ที่มาสมทบเพราะเจ้าตัวชอบเสียงเพลงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ยิ่งมาเจอจังหวะที่เร้าใจยิ่งห้ามเท้าไม่อยู่  พีทได้แต่นั่งดื่มไปเงียบๆ
หนุ่มๆ ดื่มกันพลางออกไปโยกย้ายกันไป  ยิ่งดึกยิ่งเมามันเพราะแอลกอฮอล์
ในเลือดที่พลุ่งพล่าน  พีทแค่กรึ่มๆ เท่านั้น  พลันสายตาก็สะดุดที่หนุ่มหล่อ
ตัวขาวที่หน้าแดงตัวแดงเดินแบบรีบๆ เร่งๆ จนชนคนนั้นคนนี้ไปตลอดทาง
พีทจำได้ว่าเป็นภูเมศ  แม้จะรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าแต่พีทก็ไม่รู้ว่าตัวเองถลาเข้า
ไปถึงตัวภูเมศได้ยังไง

“อะไรของคุณเนี่ย  ผมจะเข้าห้องน้ำ” ภูเมศผลักเด็กหนุ่มออก

“พี่เมศ  ผมไปส่ง  อย่าดื้อ!” พีทถลึงตาใส่คนตัวแดงเถือกที่ไม่ยอมง่ายๆ

“เอ๊ะ!!  ปล่อยดิวะ!  จับอยู่ได้  ไม่รู้จักกันนะเว่ย!!”
พี่เมศพยายามผละตัวออก  และโวยวายเสียงดัง

"ไม่รู้จักก็ไม่รู้จัก  เดินไปครับ  เสร็จแล้วก็รีบออกมา  อย่าหลับในนั้นก็แล้วกัน”
พีทดันคนผอมบางให้เข้าไปพร้อมปิดประตูให้ด้วย  เพื่อปิดฉากทะเลาะ
แล้วยืนเฝ้าไม่ห่าง  นานพอที่น่าจะเสร็จธุระ  แต่ทำไมไม่ออกมา  จึงดันประตูเปิด
ชะโงกหน้าเข้าไปมองภายใน

“พี่เมศ  ทำไมนานล่ะ  เห่ย!!  เป็นอะไร  คันเหรอ  เห่ย!  รู้ตัวมั๊ยว่าเนี่ยอาการแพ้แอลกอฮอล์
ดื่มไปเยอะรึเปล่า  ทำไมดื้อ!!”
พีทบ่นพร้อมเข้าไปลูบหลังและตามแขนที่เจ้าตัวพยายามเกาจนแทบถลอก
เสื้อหลุดรุ่ยไปแล้วเพราะพยายามจะถอดมันออกให้เกาได้สะดวกขึ้น

“คันน่ะ  พีทช่วยพี่ทีสิ”
นั่นไงพีทรู้แล้วว่าเจ้าตัวแค่แกล้งทำเป็นไม่รู้จัก  และก็ไม่ได้เมาด้วย

“พี่เมศ  หายใจออกมั๊ยแน่นหน้าอกหรือเปล่า  อย่าเกาเลยถลอกหมดแล้ว
หาหมอนะ ผมพาไป  ใส่เสื้อดีๆ ก่อนมาผมช่วย  อืม…เสร็จแล้ว  ออกไปกันก่อนเถอะ”
พีทพูดเป็นชุดอย่างร้อนรน  แล้วจับสำรวจเสื้อผ้าดูว่าเรียบร้อยแล้วจึงพยุงพี่เมศพาเดินออกมาเรื่อยๆ

“ดื่มไปนิดเดียวเอง  ไม่หาหมอนะ  พี่ไหว  ช่วยไปส่งที่คอนโดหน่อยแล้วกัน
มียาประจำกินอยู่” พี่เมศพูดยาวสุดก็ตอนไม่อยากหาหมอ รึเปล่านะ พีทคิด

“งั้นไป  ขอผมบอกเพื่อนก่อน  เอารถมาใช่ไหมครับ”

“อืม  เอามา  ไปสิ  พี่คันมาก  ออกไปเคลียร์บิลก่อนด้วย”

“ไม่เป็นไรคิดรวมโต๊ะผม  ไว้พี่ค่อยเลี้ยงผมคืน” ภูเมศพยักหน้ารับ

“ซี  พี่เมศเขาแพ้แอลกอฮอล์  พีทขับรถไปส่งก่อนนะ
ไม่กลับเข้ามาแล้วนะ  ช่วยคิดเงินรวมของโต๊ะพี่เมศด้วยบอกเด็กไว้แล้ว
ค่อยเคลียร์กันนะซี  ฝากบอกไอ้สองคนนั้นด้วย”
พีทพูดแล้วรีบๆ ร้อนๆ ออกไป  ซีเกมส์จับใจความได้แค่พี่เมศแพ้แอลกอฮอล์

`เออ!  แล้วมันไปสนิทกับเขาตอนไหนวะ`  คนตัวเล็กแทบจะหายเมา



ภูเมศบอกทางไปคอนโดให้พีทแล้วก็นั่งหลับตามาตลอดทาง
จนรถเข้าจอดเรียบร้อย  พีทจึงปลุก
“พี่เมศถึงคอนโดพี่แล้ว  เป็นไงบ้าง  ผมไปส่งที่ห้องนะ”
พีทมาเปิดประตูให้  แล้วพาพี่เมศไปที่ลิฟต์  พี่เมศกดเลือกชั้นแล้วก็กุมขมับ
หน้านิ่วคิ้วขมวด  ถึงหน้าห้องรีบรูดคีย์การ์ด  แล้วถลาไปที่ห้องๆ หนึ่งคาดว่า
คงเป็นห้องนอน  สักพักก็ออกมาพร้อมกับยาในมือเดินไปเปิดตู้เย็น
เทน้ำมา 1 แก้วแล้วกรอกยาลงคอดื่มน้ำตามอึกใหญ่

“ขอบคุณนะพีท  เอารถพี่กลับไปก่อน  ค่อยเอามาคืนพี่ยังไม่รีบใช้
 ขอนอนก่อนปวดหัวมาก” พี่เมศพูดรวบรัดหน้านิ่วๆ
พีทจึงปราดเข้าไปเอาหลังมืออังตามหน้าผากและลำคอ

“อ้าว!  มีไข้นี่พี่  ไปนอนพักก่อน  เช็ดตัวสักหน่อยแล้วกันนะครับ”
พีทพูดแล้วพาคนป่วยเข้าไปห้องนอนจับให้นอนบนหมอน
ถอดถุงเท้าให้  รีบไปเปิดตู้เสื้อผ้ารื้อได้ผ้าขนหนูผืนเหมาะมือ
จึงเอาไปชุบน้ำในห้องน้ำ   แล้วรีบกลับมาเช็ดตามใบหน้า  ลำคอ
แขน จะเช็ดที่ขาแต่ติดที่กางเกงเป็นขายาว

“พี่เมศ  ทานยาแก้ปวดไปด้วยหรือเปล่าเมื่อตะกี้”
คนป่วยพยักหน้างึมงำว่ากินแล้ว

“ถอดเสื้อหน่อยนะ  กางเกงเปลี่ยนเป็นขาสั้นนะพี่  ผมจะเช็ดตัวให้
 … ไข้จะได้ลดและจะได้นอนสบายตัวขึ้น”
คนป่วยไม่ตอบ  พีทรีบจัดการให้อย่างรวดเร็วโดยหาเสื้อผ้าแบบใส่สบาย
มาไว้ข้างๆ ตัว  แล้วจึงจับพี่เมศถอดเสื้อกางเกงเหลือแต่ชั้นในสีขาวตัวจิ๋ว
ชะงักไปที่เห็นว่าพี่เมศตัวผอมบางมากแล้วก็แดงเถือกไปทั้งตัว


พีทเช็ดตัวให้อย่างเบามือ  อ่อนโยน  และอย่างไม่เคยทำให้ใครมาก่อน
พี่เมศห่อตัวห่อไหล่หนีผ้าที่ตามเช็ด  คงหนาวและรำคาญ
พีทเอาผ้าไปขยำน้ำแล้วบีบพอไม่ให้มีน้ำหยดเช็ดให้อีกรอบ
เสร็จแล้วจึงใส่เสื้อผ้าให้คนป่วย  แล้วดึงผ้าห่มมาห่มให้

“ขอบคุณนะฮะ…แม่” พี่เมศงึมงำมาอีก
คงนึกว่าเขาเป็นคุณแม่ไปแล้ว  พีทปิดไฟกลาง  แล้วจึงเปิดโคมไฟที่ข้างเตียงให้แทน
หยิบกุญแจรถเหลือบมองนาฬิกาอีก 15 นาที จะตี 3
จึงเดินไปที่ประตูห้องกำลังจะเปิดออกไป

“แม่ฮะ…เมศหนาว…แม่อย่าทิ้งเมศไป…เมศเหงา”
พีทหันไปมองคนป่วยที่ละเมอ  ยกมือไขว่คว้าในอากาศ
จึงเดินไปยืนข้างเตียง  นั่งลงจับมือที่ไขว่คว้าในอากาศมากุมไว้
คนป่วยจึงสงบลง  ผ่อนลมหายใจยาว  พีทยังงงกับตัวเองไม่หาย
ที่เอาตัวเข้าไปพัวพันและดูแลทำอะไรต่างๆนานาให้กับคนที่รู้สึก
ไม่ถูกชะตาในครั้งแรก  นี่ก็ใกล้สว่างแล้วจึงตัดสินใจขึ้นไปนอนข้างๆ ด้วยเลย

`คงจะไม่ว่ากันนะ  พักสักเดี๋ยวค่อยกลับบ้านแล้วกัน`
 พีททำอย่างที่คิด  ปิดเปลือกตาและหลับตามไปในที่สุด
มาสะดุ้งเพราะเสียงละเมอร้องไห้ดังขึ้นมาทำลายความเงียบไปเสียหมด

“เลือด  อย่าทิ้งเมศ  แม่ฮะ  อย่าตาย!  อย่าทิ้งเมศ  รักเมศก็อย่าทิ้งเมศ”
พี่เมศละเมอพูดซ้ำๆ ร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็กเล็กๆ ที่เสียขวัญอย่างหนัก
 ทจึงดึงตัวเข้ามากอดไว้แนบอก  พลางลูบหลังให้เบาๆ ไปมา
เสียงสะอื้นค่อยๆ เบาลงแต่ยังมีน้ำตาไหลจนเขารู้สึกชื้นที่อกเสื้อ

“เจอเรื่องเลวร้ายขนาดไหนนะ  ถึงเป็นได้ขนาดนี้” พีทพึมพำ
นึกเห็นใจ  ลูบหลังให้พี่เมศจนหลับไปด้วยกันอีกครั้ง


พีทรู้สึกตัวตื่นเอาตอนที่มีแสงสว่างลอดชายผ้าม่านเข้ามาเพียงรำไร
พีทลืมตาพบคนตัวบางตรงหน้าวาดแขนโอบรัดลำตัวเขาไม่ยอมปล่อย
แถมปลายจมูกยังมาซุกซบบนไหล่เขา  กลิ่นหอมอ่อนจากผิวกาย
และเรือนผมที่อยู่ใกล้โชยเข้าจมูกทำให้เผลอมอง  ใจสั่นไหว
ใช่เขาใจสั่นเพราะความแนบชิดนี้  พีทหลับตาภาวนาให้พี่เมศรู้สึกตัวตื่นเสียที
เขาจะทนไม่ไหวจับปล้ำตามสัญชาตญาณดิบ…ของผู้ชายที่ตื่นตัวในตอนเช้า
เพราะกลิ่นกายนี่อีก  มันปลุกเร้าเขา  พีทเหงื่อแตก  ประสบการณ์ทางเพศกับผู้ชาย
พีทก็เคยลองมาบ้างแล้ว  ไม่แปลกถ้าเขาจะรู้สึกกับคนข้างๆ นี้

“พี่เมศครับ…ตื่นเถอะครับ”
พี่เมศกลับซุกไซ้จมูกมาที่ซอกคอของเขาหนักขึ้น

“อืม…จะนอน  อย่ากวนครับ”
คนตัวขาวหลับหูหลับตาพูดเสียงอู้อี้  แต่ปากบางก็ยังเคล้าเคลียที่ซอกคอเขา

“พี่เมศครับ…ถ้าไม่ตื่น  ผมจะไม่ปล่อยพี่แล้วนะ”
พีทพูดเสียงสั่นคลอนไปตามอารมณ์  วูบวาบไปหมดทั้งหน้าท้อง
จนพี่เมศป่ายมือมาโดนเจ้ามังกรที่มันไม่รักดีอยากอวดโฉม
แล้วคนตัวหอมก็ผวาเฮือกแล้วผุดลุก  เสียจังหวะไปเกือบหงายหลังตกเตียง
แต่พีทคว้าไว้ได้จนพี่เมศต้องนั่งแหมะลงกับเตียงอีก

“เฮ่ย!  พีท  เมื่อคืนไม่ได้กลับไปเหรอ  ก็ให้ยืมรถไปแล้วนี่”
ขมวดคิ้วสงสัยอย่างหนัก  แล้วตะกี้เขาก็เหมือนกับลอยๆ อยู่ในฝันยังไงยังงั้น

“นี่จำอะไรไม่ได้เลยหรือไง  คุณภูเมศ  ก็คุณน่ะทั้งตัวร้อนทั้งละเมอ  ร้องไห้
งอแงอย่างกับเด็ก  แล้วเช้านี้ก็ยังจะมาลวนลามผมอีก  ถามจริง
คิดว่าไอ้ผมน่ะเป็นแบบขาวๆ นมตู้มๆ รึไง  กอดรัดลูบไล้เอาซะผมเคลิ้มไปด้วยเลย
บอกให้หยุดก็ไม่หยุด   ถามจริงคิดอะไรกับผมป่ะ?
พีทพูดเป็นต่อยหอย  ไม่เปิดโอกาสให้คนตัวขาวได้พูด  เจ้าตัวก็ได้แต่ชี้ไม้ชี้มือให้พีทหยุดพูด

“โว๊ะ!  ไอ้เด็กเปรต  ใครเขาจะทำอย่างนั้นกัน  อย่ามาพูดจามั่วๆ นะ
ตื่นแล้วก็กลับไปเลย  เดี๋ยวโทรเรียกแท็กซี่ให้”
พี่เมศเถียงสู้ไม่ได้ก็เลยไล่ส่งเสียอย่างงั้น

“ทำคุณบูชาโทษ  โปรดสัตว์ได้บาปจริงๆ เลย  ไอ้พีท
รู้หยั่งงี้จับปล้ำซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราว  รึไม่ก็ปล่อยให้ร้องไห้
คร่ำครวญหาแม่ไปทั้งคืนนั่นแหละ”
พีทพูดจบก็ลุกจะไปเข้าห้องน้ำ  เตรียมตัวกลับบ้านก็เจ้าของห้องไล่แล้ว
แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างที่คิด

“เห้ย!  พี่เมศ  ผมขอโทษ  ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดอะไรให้พี่เสียใจขนาดนี้”
พีทเห็นคนตัวขาวร้องไห้น้ำตานองหน้า  กลั้นสะอื้นกลั้นเสียงซะตัวสั่นเทิ้ม
ทำอะไรไม่ถูกจึงดึงเข้ามากอดปลอบ  เห็นสะอึกสะอื้นแล้วพาให้ใจสั่นไหว
อดสงสารเสียไม่ได้

`ไม่น่าเลยปากนะปาก  ต้องไปหาหมอผ่าหมาออกจากปากเสียแล้วไอ้พีทนะไอ้พีท`
พีทได้แต่พร่ำก่นด่าตัวเองอยู่เพียงในใจ

“ฮือฮือฮือ  ไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลังเลย”
พี่เมศพูดไปถอนสะอื้นไปบนลาดไหล่เขา  น้ำตาไหลเสียจนช่วงบ่าเขาชื้นไปหมด
พีทลูบแผ่นหลังของคนงอแงเบาๆ สักพักก็ดันตัวพี่เมศออก

“พี่เมศครับ  พีทขอโทษนะ  ไม่ได้จะใจร้ายขนาดนั้น  เลิกร้องนะครับ
ดูสิ!  ตาบวมช้ำจากเมื่อคืนยังไม่หายเลยเอ้า!  จะทุบจะตีก็ได้
ถ้าพี่เมศจะหายโกรธ  นะครับ  ไม่ร้องแล้วนะ  ไปล้างหน้าล้างตา
เดี่ยวหามื้อเช้าทานกันนะครับ”
พีทเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้คนตัวขาว  แล้วก็จับจูงไปห้องน้ำ
อ่อนโยนก็เป็นเขางงกับตัวเองเป็นไบโพล่าร์เสียละมั้งทั้งสองคน

“เอ่อ  พี่จัดการตัวเองก่อน  แล้วจะออกมาสั่งมื้อเช้าให้  เอาขึ้นมาทานกันบนนี้แล้วกัน
ไม่อยากออกไปข้างนอกในสภาพแบบนี้” พี่เมศพูดแล้วหลบตา เลี่ยงเข้าห้องน้ำไป



เมื่อพี่เมศหายเข้าไปในห้องน้ำแล้ว  พีทก็ทรุดตัวนั่งลงที่ปลายเตียง
ทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้
มีอะไรมากมายที่มันรบกวนจิตใจ  เขาเห็นน้ำตาคนมาก็มาก
แต่กับพี่เมศทำไมถึงทำให้เขาไปไม่เป็น  ทำอะไรไม่ถูกอย่างนี้
บอกตามตรงหากแลกกับการที่เขาจะต้องโดนวีน  โดนไล่
แล้วพี่เมศจะไม่ต้องร้องไห้เขาก็ยอม

`เป็นอะไรไปวะกู…เจอน้ำตาผู้หญิงมาก็เยอะ  แต่ดันมาแพ้น้ำตาของผู้ชาย
แถมยังรู้สึกดีที่ได้กอดเขาอีก  แล้วก็กลิ่นหอมๆ จากผิวกายนั่นด้วย  โว๊ย!! 
ไอ้พีท  มึงเป็นอะไรไปวะ` พีทรำพึงรำพันอยู่คนเดียวอย่างกับคนบ้า
แล้วประตูห้องน้ำก็เปิดออก

“พีท  ช่วยหยิบผ้าเช็ดตัวให้ทีในตู้บานทางขวาสุดนะ  พี่ลืมเอาเข้ามา”
พี่เมศร้องขอผ้าเช็ดตัว  แล้วก็แง้มๆ บานประตูไว้  ยื่นมือออกมาเมื่อพีทเดินมาทำทีจะส่งให้

“พีทไม่เล่นนะ  สุดเอื้อมแล้วเนี้ย  เร็วๆ พี่หนาว”
พีทแกล้งส่งผ้าให้พี่เมศหยิบไม่ถึง  เห็นตัวขาวๆ แวบนึง
พาลให้อยากจะเห็นให้มากกว่านี้  ก็เมื่อคืนเห็นแต่ตัวแดงๆ แค่นั้น

“เอ้าๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้  ผมจะอาบต่อนะ  ขอยืมเสื้อผ้าใส่สักชุดนะครับ  ไม่ได้อาบตั้งแต่เมื่อคืน”

“อืม…หาเอาละกัน  น่าจะพอใส่ได้บ้าง”
เจ้าของห้องออกปากอนุญาตมาจากในห้องน้ำ

*******************************
TBC.
 ขอบคุณ ที่ติดตามกันนะคะ :)





หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 21 พี่เมศแพ้แอลกอฮอล์ NEW!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 15-12-2018 19:36:06
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 21 พี่เมศแพ้แอลกอฮอล์ NEW!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 15-12-2018 19:40:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 21 พี่เมศแพ้แอลกอฮอล์ NEW!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 15-12-2018 20:20:09
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 21 พี่เมศแพ้แอลกอฮอล์ NEW!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 15-12-2018 23:17:15
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 22 ขอผมดูแลพี่เอง
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 16-12-2018 08:59:04
ตอนที่ 22 ขอผมดูแลพี่เอง

“อยากไปไหนไหมครับ  พีทพาไปได้นะวันนี้  แต่พรุ่งนี้มีเรียนเช้าครับ”
พีทบอกเจ้าของห้องที่นั่งทานข้าวต้มหมูไปเงียบๆ  พี่เมศสั่งอาหารขึ้นมาสำหรับเขาด้วย

“ว่าจะไปซื้อของใช้น่ะ  แล้วนี่เรายังเรียนอยู่เหรอ”

“เรียนโทอยู่ฮะ” พีทพูดไปตักข้าวกะเพราทะเลไข่ดาวใส่ปากไปด้วย

“จะให้ไปเดินเป็นเพื่อนด้วยไหมครับ  ซื้อของน่ะ” พี่เมศส่ายหน้า

“งั้นเดี๋ยวผมกลับก่อนนะครับ  มีอะไรโทรหาได้  ผมเมมเบอร์ไว้ให้แล้ว
แล้วก็ไม่ออกไปดื่มคนเดียวแล้วนะครับ  ถ้าอยากดื่มผมจะมาอยู่เป็นเพื่อน
ไม่ดื้อนะครับ” พีทเข้าไปกุมมือคนหน้าหล่อตัวขาว  คิ้วสวยได้รูปเลิกขึ้นสูงมองคนขันอาสา

“แจกเบอร์ทำไม  ไม่ได้อยากได้  แล้วพี่ก็ไม่ใช่เด็ก  จะมาว่าดื้ออะไรกันล่ะ
พูดไปเรื่อยเปื่อย” กลับมาแล้วคุณชายภูเมศ  ไว้ตัวไว้ท่าเสียดูเยอะ

“ก็เผื่อพี่จะเหงา  อยากมีเพื่อนไปไหนมาไหนด้วย  ผมก็มาให้ได้ 
เอาไปเถอะน่า ถนนหนทางก็ยังไม่คุ้นชิน  พาไปได้ทั่วน่ะแหละแค่โทรกริ๊งเดียว”
เจ้าชายหน้านิ่งไม่พูดอะไรต่ออีก  แต่พีททันเห็นแววตาไหววูบขึ้นมาเล็กน้อย
แล้วก็เบือนหน้าไปตักข้าวเข้าปากเคี้ยว

“พี่เมศ  พีทกลับจริงๆ แล้วนะครับ  เหงาก็โทรหาได้นะ
ถ้าอยากไปไหนก็บอก  ยินดีรับใช้…ไปก่อนนะฮะ  อย่าแอบร้องไห้…คิดถึงผมล่ะ บาย”
พีททำหน้าทะเล้นยั่วคนตัวขาวให้โกรธเล่น  แล้วก็ผลุบตัวหนีออกประตูไป
ไม่วายชะโงกหน้าเข้ามาอีกครั้งก่อนจะงับประตูปิดไปจริงๆ


ไปแล้วสินะผู้ชายแปลกหน้า  ที่ได้แนบชิดซุกซบให้ไออุ่น  กลิ่นกายของพีทยังติดตรึง
อยู่ในโสตประสาท  อ้อมกอดอุ่นที่กำซ่านไปถึงหัวใจ  ทำไมเขาจะไม่รู้ตัว
แค่นาทีนั้นเขารู้สึกอ้างว้าง  เหงา  อยากมีใครให้ได้กกกอด  ให้กายไม่อ้างว้าง
ที่ตกใจแทบจะตกเตียงก็เพราะไปถูกเจ้ามังกรยักษ์เข้า
เขาไม่เคยมีประสบการณ์ทางเพศกับผู้ชายมาก่อนก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา
และไม่คิดว่าพีทจะไวต่อสัมผัสขนาดนั้นด้วย

`เป็นนายก็ได้นะพีทที่จะให้ไออุ่นที่ถวิลหา`
สัมผัสในตอนที่สติครึ่งๆ กลางๆ มันอบอุ่น  ปลอดภัย  และไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยว

`เป็นนายทีเถอะนะ  คนที่รอคอยและไขว่คว้ามาครึ่งชีวิต…ที่จะไม่ทิ้งขว้าง
…ปล่อยให้ต้องเดียวดาย  ไม่ทิ้งให้เผชิญชีวิตในโลกกว้างโดยลำพัง…แบบนี้`
 ภูเมศซบใบหน้ากับหลังมือปล่อยให้น้ำใสๆ ไหลรินลงบนหลังมือ สะอื้นไห้จนตัวโยน

`เหงาเสียมากมายอะไรอย่างนี้กันนะ  ก็อยู่ตัวคนเดียวมาได้ตลอดนี่นา`


เสียงออดดังขึ้น  ภูเมศผุดลุกขึ้นฉับพลัน  แล้วส่องมองที่ช่องตาแมวเห็นคนแปลกหน้า
ที่เพิ่งออกไปเมื่อสักครู่  ใจสั่งให้มือรีบเปิดล็อคประตูออกไปในทันที

“ขอโทษค๊าบบบ...ผมลืมของ เอ่อ! เป็นอะไรไปครับ พี่เมศ”
พีทเห็นคนที่มาเปิดประตูให้ขนตายังเปียกและมีคราบน้ำตาที่ยังไม่แห้งดีจึงดึงเข้ามากอดเชยคางมน

`น้ำตาคลออีกแล้ว  เห็นอย่างนี้แล้วใครจะทิ้งไปได้ลงคอ`
 พีทจึงจับประคองแก้มใช้นิ้วเกลี่ยๆ เช็ดน้ำตาให้อย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล

“ไม่ร้องนะครับ  เหงาเหรอ  พีทมาอยู่เป็นเพื่อนแล้วนะ  บังเอิญว่าลืมกระเป๋าสตางค์
จึงกลับขึ้นมา  แล้วก็เห็นใครบางคนกำลังขี้แย  ดูสิ!  ตาช้ำขึ้นมาอีกแล้ว”
พีทยิ่งปลอบคนตรงหน้ายิ่งร้องมากขึ้น แจึงลูบหลังแล้วโยกตัวไปมา
พาไปนั่งลงที่โซฟาในห้องนั่งเล่นแล้วดึงให้มานั่งข้างๆ กัน

“ถ้าพี่เมศ  เอ่อ…ไม่ได้มีใคร  พีท…จะขอดูแลพี่เองนะ………… แนะนำตัวหน่อยแล้วกัน
พีรพัฒน์  กุลดิษฐ์สกุล  อายุ  24  ปี  เรียนยังไม่จบ  บ้านเปิดธุรกิจร้านทองหลายสาขา
ไม่เสเพลมากเท่าไหร่  รักจริงนะ  เอ่อ…พี่เมศรับไว้พิจารณาหน่อยไหมครับ
เค้าว่ากันว่ากินเด็กจะเป็นอมตะนะครับ  เชื่อพีทเถอะ”
พอพีทพูดจบ  พี่เมศก็ซัดเพียะที่แขนกับการบรรยายสรรพคุณตัวเองจนดูจะเกินจริงไปหน่อยด้วยซ้ำ

“พี่เป็นผู้ชายนะพีท  ลืมไปหรือเปล่า  แล้วก็นิสัยไม่ดีเอาเสียเลย  งี่เง่า…ขี้โมโห…เอาแต่ใจ
…ขี้อิจฉา…แล้วก็หวงของ  สรุปไม่มีอะไรดีเลยล่ะคนแบบนี้  ยังจะอยากได้อีกไหม
 เออ!  ไม่ศรัทธาในความรักด้วย  เพราะพ่อที่แม่รักมากยังทิ้งไปแต่งงานกับแม่ของภู
พี่กับแม่ต้องอยู่ในมุมที่ห้ามเปิดเผยให้สังคมรู้…อยู่อย่างไม่มีตัวตน 
แม่ที่บอกรักพี่…สุดท้าย…ยังฆ่าตัวตายทิ้งพี่ไว้คนเดียว  แบบนี้พี่ยังจะกล้าไปแสวงหา
ความรักจากใครได้อีก  พี่ยังจะน่าคบด้วยอีกเหรอพีท”
พูดจบสีหน้าก็หม่นหมองลง นัยน์ตาไหวระริก

`คนอะไรทั้งเนื้อทั้งตัว….บอกมาได้ว่าไม่มีอะไรดีเลย` พีทคิดตาม

“พีทจะเป็นคนตัดสินเองว่าพี่เมศมีดีหรือเปล่า  เป็นคนไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ…ด้วยสิครับ
ชอบพิสูจน์ด้วยตัวเองมากกว่า  เรามาคบกัน….ดูนะ  หากไม่คลิกกันก็ค่อยว่ากันอีกที
ส่วนเรื่องจะต้องเป็นชายคู่กับหญิงเท่านั้น  อันนี้ส่วนตัวว่าไม่ใช่ปัจจัยสำคัญอะไร
ชายคู่หญิงอยู่กันไม่รอดก็มีให้เห็นเยอะแยะไป  อย่าไปสนเลยครับ
ดังนั้นมาคบกับพีทแล้วพี่เมศจะรู้ว่าที่พี่เป็นคนขี้อิจฉา  พี่เองที่จะถูกคนอื่นอิจฉาเอานะ
และที่ว่าไม่ศรัทธาในรักก็ลองมาเป็นคนถูกรักดูบ้าง…..ดีมั๊ย”
พีทพูดแบบทีเล่นทีจริง แต่สีหน้าจริงจังเสียกว่าคำพูดที่บอกออกไป

“ถ้ากล้าพอ…..ก็มาคบ  พี่ถือว่าเตือนแล้ว…..อย่าหาว่าพี่ไม่บอกทีหลังไม่ได้แล้วนะ”
พี่เมศพูด แววตาท้าทาย

“ตกลงแล้วนะครับ  เราเป็นแฟนกันแล้ว  ต่อไปไม่ต้องเหงาคนเดียวอีก
มีคนมาแชร์ทั้งทุกข์  สุข  เศร้า  เหงา ไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วนะ”
พีทคว้ามือคนข้างๆ มากุมไว้  ภูเมศมองหน้าคนพูดน้ำตาก็รื้นขึ้นมาอีก

 “ไม่ร้องแล้วนะครับ  พีทอยู่กับพี่ตรงนี้แล้ว  เราค่อยมาทำความรู้จักกัน
เรียนรู้กัน…ไม่ยากนะ  พีทจะทำให้ใครอีกหลายๆ คนอิจฉาพี่เลยคอยดู”
พีทปลอบคนตัวบางจนหยุดสะอื้น  ภูเมศมองพีทนิ่งคิด

`คงไม่มีอะไรยากไปกว่านี้อีกแล้ว ลองเปิดใจดูหน่อยแล้วกัน…..ดีกว่าอยู่โดยไม่มีใคร`



หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 22 ขอผมดูแลพี่เอง
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 16-12-2018 21:55:24
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 23 พี่น้ำเป็นห่วงลูก
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 17-12-2018 11:30:42
ตอนที่ 23 พี่น้ำเป็นห่วงลูก

“ฟ้า ช่วงนี้พี่อยากให้ฟ้าช่วยระวังน้องวินวินจะได้ไหม  ตอนนี้พี่รู้สึกเหมือนถูกคนสะกดรอย
มาสักพักแล้ว  พี่เป็นห่วงวินวิน  อย่าให้ใครเข้าใกล้หลาน นะฟ้า…พี่…พี่กลัว!”
พี่น้ำพูดด้วยสีหน้าหวาดหวั่นแบบปิดไม่มิด  น้ำเสียงก็สั่นเครือ  ขอบฟ้าตกใจ
เพราะพี่น้ำที่เคยสุขุมเยือกเย็น ดูไม่ค่อยจะมีสติสักเท่าไรนักในตอนนี้

“พี่น้ำใจเย็นๆ ก่อนครับ  อย่าบอกนะว่าพี่มีความลับที่ไม่ได้ให้พวกเรารู้
ถ้าเป็นอย่างนั้นฟ้าว่าเราต้องคุยกันแล้ว  หากพี่ไม่พูด  ไม่บอกอะไร
เราจะช่วยพี่น้ำได้ยังไง  แล้วอะไรที่พี่กำลังกลัวอยู่ตอนนี้ก็ไม่รู้
แล้วต้องให้ระวังกันแบบไหน?” ขอบฟ้าถามออกไปตรงๆ สีหน้าก็กังวลตามไปด้วย

“หากฟ้ารักพี่…รักหลาน  ฟ้าต้องไม่ให้ใครเข้าใกล้วินวิน  แค่นี้…ที่พี่ต้องการให้ฟ้าช่วย
อย่าบีบบังคับให้พี่พูดอะไรเลย” พี่น้ำพูดพร้อมกับดวงตาที่แดงก่ำ
ไหวระริกอย่างพยายามข่มอารมณ์  ขอบฟ้าเข้าไปโอบไหล่พี่ชายที่นั่งหน้าเครียด
หัวคิ้วขมวดจนแทนจะชนกัน

“ไม่พร้อมเล่าก็ไม่ต้องเล่า  หากพี่ต้องการใครสักคน…ขอให้เป็นฟ้า
นะครับพี่น้ำ  ฟ้ารอฟังอยู่นะ” น่านน้ำพยักหน้าให้น้อง

“พ่อน้ำครับ…อาฟ้า…คุยไรกัน  วินวินหิวแล้วฮะ” เจ้าเด็กตัวอ้วนกลมวิ่งมาขอขนมกิน

“อาฟ้าเอาเค้กมาจากร้านด้วยนะ  นั่งรอแป๊บ  เดี๋ยวอาไปจัดมาให้นะครับ”

“วินวิน  มานั่งใกล้ๆ พ่อสิครับ  เดี๋ยวพ่อป้อนเองลูก” น่านน้ำตบโซฟาเรียกลูกให้ไปนั่งข้างๆ

“วินวินรักพ่อน้ำ” น่านน้ำได้ฟังจึงดึงลูกเข้ามากอดหอม

ขอบฟ้าถือจานเค้กแล้ววางลงใกล้ๆ มือน่านน้ำ  แล้วนั่งลงตรงข้ามกันมอง
สองพ่อลูกกอดกันกลม  แล้วก็ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง  อะไรนะที่พี่น้ำกลัว
และยังเป็นความลับที่เก็บเงียบไม่บอกใครอีก

“พี่น้ำครับ  ฟ้าจะไปสวนผึ้งกับครอบครัวพี่ภูวันศุกร์นี้  ขอเอาหลานไปด้วยได้ไหมครับ”
น่านน้ำลังเล  แต่แล้วก็พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต

“ดูแลหลานให้ดีก็แล้วกัน  อย่าให้คลาดสายตาล่ะฟ้า”
น่านน้ำกำชับน้อง  สีหน้ายังไม่คลายความกังวลอยู่ดี

“พี่น้ำอย่าห่วงเลย  ฟ้าไม่ทิ้งหลานอยู่แล้วล่ะ  ฟ้าก็รักวินวินนะครับ
เลี้ยงจนจะเป็นพ่อลูกกันอยู่แล้วเนี่ย พี่น้ำเลิกเครียดได้แล้ว”
ขอบฟ้ารับปากอย่างแข็งขัน

“เออ  เรื่องของเรากับพี่ภูไปถึงไหนแล้ว  ได้คุยกับคุณแม่บ้างหรือยัง”
น่านน้ำถามถึงความบาดหมางของแม่และน้อง  พร้อมกับตักเค้กเป็นคำเล็กๆ
ป้อนลูกชายไปด้วย

“ยังไม่เจอคุณแม่เลยครับ  ท่านเกลียดฟ้าไปแล้วนี่ครับ  ก็ฟ้าดื้อ  ทำท่านผิดหวัง”
ขอบฟ้าตาแดงๆ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไรก็อดสะเทือนใจอีกไม่ได้

“จะให้คุณแม่ยอมรับเรื่องฟ้ากับพี่ภูแบบปุ๊บปั๊บมันก็ไม่ใช่ท่านสิฟ้า
 ยิ่งท่านคาดหวังกับฟ้าไว้เยอะท่านยิ่งต้องใช้เวลามากเท่านั้น
 ฟ้าต้องอดทนรอนะ” พี่น้ำพูดปลอบใจเพราะรู้ใจคุณแม่เป็นอย่างดี

“ฟ้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้นเหมือนกันครับพี่น้ำ  ฟ้าไปจัดกระเป๋าก่อนดีกว่า”
แล้วคนตัวเล็กก็ปลีกตัวออกไป

`ไม่มีอะไรที่จะได้มาง่ายๆหรอกน้องรัก  บางครั้งเราต้องยอมเสียอะไรไปบ้าง
เพื่อแลกกับบางสิ่งกลับมา` น่านน้ำมองย้อนกลับมาที่ตัวเองกับเรื่องบางเรื่อง
ที่เขาหวาดระแวงอยู่ในขณะนี้


“ไม่เจอกันนาน  เลยนะครับ  คุณ…น่านน้ำ  ยังจำกันได้ไหม” น่านน้ำสะดุ้งตื่น
เหงื่อกาฬแตก  นี่เขาฝันไปหรือ  แล้วก็หน้าเผือดซีดลง  เขายังคงอยู่กับฝันที่
ตามมาหลอกหลอนหลายวันแล้ว  แค่เพียงได้เจอกับคนเพียงคนเดียวเท่านั้น
ทำชีวิตที่สุขสงบมาหลายปีต้องสั่นคลอนและมีเค้าลางความยุ่งยากจะมาเยือน
ชายหนุ่มถอนหายใจ  แล้วรีบอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน  ก่อนไปทำงานคงต้อง
แวะดูความพร้อมให้ลูกชายอีกทีก็วันนี้ลูกจะไปเที่ยวกับอาฟ้าแล้ว

“ฟ้า  วันนี้เดินทางแล้วนี่  ของหลานเตรียมไปครบหรือยังล่ะ”
ขอบฟ้าเดินเข้าไปหาน้อง

“ครบแล้วครับพี่น้ำ  ฟ้าเตรียมไปเกินความจำเป็นเสียด้วยซ้ำ
ถึงที่พักแล้วฟ้าจะโทรบอกนะครับ”

“เออ!  ดูหลานดีๆ ด้วยล่ะ” น่านน้ำย้ำเตือนอีกรอบ

“สบายใจ  หายห่วงได้เลยครับ  มดไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม
จะหนีบไว้กับเอวเลย” ขอบฟ้าทำหน้าทะเล้นใส่พี่ชาย

พี่น้ำก็ยังมีสีหน้ากังวลไม่หายอยู่ดี  เขาก็ไม่รู้จะทำอะไรได้มากไปกว่านี้แล้ว
เพราะเรื่องลึกตื้นหนาบางอะไรเขาก็ไม่รู้เอาเสียเลย
หากพี่น้ำไม่เปิดปากพูดออกมาแล้วละก็  เขาจะช่วยอะไรได้  สักพักคุณพ่อ
และคุณแม่ก็ลงมาที่โต๊ะอาหาร  คุณหญิงศศิก็ยังมีสีหน้าเรียบตึงใส่ลูกชายคนเล็กไม่หาย

“คุณพ่อคุณแม่ครับ  วันนี้น้องวินวินจะไปเที่ยวสวนผึ้งกับฟ้านะครับ
กลับวันอาทิตย์ตอนค่ำครับ” ขอบฟ้ารายงานให้ท่านทั้งสองทราบว่าหลานจะไม่อยู่

“ไปยังไงล่ะฟ้า  วันนี้หลานไม่ไปเรียนเหรอไง” คุณพ่อถาม

“วันนี้ให้เรียนครึ่งวัน  เดี๋ยวตอนบ่ายๆ ฟ้าจะไปรับกลับ
เอ่อ…ไปกับครอบครัวพี่ภูครับ คุณพ่อ” ขอบฟ้าพูดไม่ค่อยเต็มเสียงนัก
เพราะเหลือบไปเห็นคุณแม่หน้าตึงคอตั้งมากกว่าเดิมเมื่อพูดออกไป

“อย่าไปก่อเรื่องงามหน้ากันมาอีกล่ะ  ลดๆ ลงบ้างไอ้ความกล้าบ้าบิ่นเกินงามน่ะ!!!”
คุณแม่กระแทกเสียงพูดออกมาเปรยๆ อย่างไม่เจาะจงว่าพูดกับเขาเสียอย่างนั้น

“ครับคุณแม่  ฟ้าจะระวัง” ขอบฟ้าอ้อมแอ้มตอบออกไป

“ย่ะ  จะคอยดู” แล้วท่านก็สะบัดทั้งหน้าและเสียงใส่

“ทานข้าวกันเถอะคุณหญิง  เดี๋ยวผมส่งคุณที่สมาคมแล้วจะรีบไปพบลูกค้าต่อ”
คุณพ่อรีบห้ามทัพ  ขอบฟ้าหน้าสลดหันมอง  พี่น้ำก็ส่ายหน้าเป็นเชิงไม่ให้ต่อปากต่อคำกับคุณแม่

“วินวิน  จะคิดถึงคุณพ่อ  คุณปู่  คุณย่า  ด้วยครับ  เดี๋ยววินวินจะเอาอัลปาก้ามาฝากนะครับ”

“เอามาไม่ได้ครับลูก  เขามีไว้ให้เด็กๆ ดู ถ้าเอามาเพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็จะไม่ได้ดู
นะครับลูก” พี่น้ำบอกลูกขำๆ กับความคิดอย่างเด็กๆ

“แล้วคุณพ่อก็ไม่ได้ดูน่ะสิ  เสียดายจัง” หนูน้อยอยากให้คุณพ่อได้ดูด้วย

“วินวินก็ให้อาฟ้าถ่ายรูปอัลปาก้ามาเยอะๆ เลยสิครับ  คุณพ่อก็จะได้เห็นไงล่ะ  ดีมั๊ยเอ่ย?”

“เย้ๆ อาฟ้าถ่ายรูปมาเยอะๆ เลยนะครับ”
เด็กน้อยดีใจชูไม้ชูมือ  น่านน้ำก็ลูบหัวลูกป้อยๆ อย่างเอ็นดู


ขอบฟ้าส่งวินวินเรียบร้อยแล้วก็เข้าไปดูร้านกาแฟต่ออีก
ส่วนงานจัดแต่งสวนพี่ดอนดูแลให้อยู่แล้ว  ข้าวของที่จำเป็นต้องใช้ภูดิศได้ส่งคน
จากไซน์งานของเขา 2-3 คน มาช่วยตลอดทั้งวันในวันก่อน  เพื่อให้งานของขอบฟ้า
ไม่สะดุดจนเกิดความเสียหายเมื่อเจ้าตัวไม่อยู่

“พี่ฟ้า  ไม่มาหลายวันเลยค่ะ  อิงทำบัญชีไว้ให้แล้วนะ  พี่ฟ้าตรวจดูได้เลยค่ะ”
สาวตุ้ยนุ้ยหน้าสวยเข้ามารับหน้า

“เอ่อ...ก็ยุ่งๆ ช่วงนี้  เตรียมซื้อของให้พี่ดอนใช้ในงาน  แล้วทางนี้ล่ะ
 สินค้ามาส่งตรงตามที่นัดหรือเปล่า  รายไหนงอแงรีบบอกนะอิง”

“ทางนี้เรียบร้อยดีค่ะพี่ฟ้า  มีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น  แล้วก็ถามหาเจ้าของร้านกันตลอดเลย
ด้วยค่ะ  ก็พี่ฟ้าดังใหญ่แล้วนี่คะ  ใครๆ ก็อยากเห็นตัวจริง  อุ๊บ!  แหะแหะ”
อิงพูดๆ จนเบรกไม่อยู่หลุดพูดเรื่องที่ขอบฟ้ากำลังติดอยู่ในกระแสโซเชียลตอนนี้

“อืม…คุณแม่ก็ยังโกรธพี่ไม่หาย  เข้าหน้าไม่ติดอยู่เลยตอนนี้”
ขอบฟ้าบอกแววตายังเศร้า ๆที่ถูกถามถึงเรื่องนี้

“พวกเราเป็นห่วงพี่ฟ้ากันนะคะ  เพราะทราบว่าคุณหญิงแม่ท่านต้องแรงมากแน่ๆ”

“ขอบคุณที่เข้าใจพี่นะ  อิง”
ขอบฟ้ายิ้มให้อิง  อย่างน้อยเด็กๆ ในปกครองก็ยังเข้าใจในสิ่งที่เขาเป็น

“ขอดูบัญชีร้านก่อน  บ่ายๆ พี่ต้องไปรับน้องวินวิน  จะไปพักผ่อนกันน่ะ
มีอะไรอิงโทรหาพี่ได้ตลอดเลยนะ”
อิงยิ้มรีบกุลีกุจอไปหยิบงานมาให้ขอบฟ้าตรวจ  ในระหว่างที่เขาไล่ดูบัญชี
ที่ตลอดสัปดาห์ไม่ได้เข้ามานั้น  ก็มีสองหนุ่มมาเมียงๆ มองๆ ไม่ห่างนัก

“อ้าว!  นินจา  เกล้า  เป็นไงครับ  มีอะไรกับพี่  เข้ามาก่อนสิ”
ขอบฟ้ากวักมือเรียกให้ทั้งสองเข้ามา

“เป็นห่วงพี่ฟ้ากับพี่ภูครับ  ข่าวมันดัง  เสียขนาดนั้น  เนอะเกล้า”
นินจาพูดพยักพเยิดให้เกล้า

“อ่อ…ครับ  ก็รักแท้กลัวจะแพ้แม่ยาย  จริงๆ น่ะพี่”
เกล้าพูด  ขอบฟ้าตาโตที่ได้ฟังคารม  แล้วก็ขำๆ เสียมากกว่า

“ก็ต้องให้เวลา  คุณหญิงแม่น่ะนะ  ปุบปับจะยอมรับง่ายๆ ได้ไงกัน”
ขอบฟ้าบอกน้องๆ ไปตามที่ได้ฟังพี่น้ำบอกมาเมื่อเช้า

“พี่ฟ้ากับพี่ภูก็ต้องหนักแน่นนะครับ  สู้ๆ  พวกผมเป็นกำลังใจให้”
นินจาเป็นกองสนับสนุน

“ขอบคุณนะ  ไปรับลูกค้าเลย  เข้ามากันแล้วนั่น”
แล้วสองหนุ่มก็ผละออกไปรับลูกค้าที่กำลังเดินเข้ามากลุ่มใหญ่
ขอบฟ้าก็ก้มหน้าก้มตาตรวจเอกสารต่อไปเงียบๆ


ภูดิศเคลียร์งานเสร็จ  เขารีบไปหาขอบฟ้าที่บ้านเพราะขอบฟ้ารับเด็กๆ มาจากโรงเรียน
รออยู่ก่อนแล้ว  เก่งรีบช่วยยกกระเป๋าเดินทางและของเล่นที่เด็กๆ เลือกจะเอาไปเล่นด้วยกัน
ไปใส่รถของภูดิศ  น้องวินวินอยู่ในชุดหล่อพร้อมเดินทาง  ส่วนหนูรินต้องไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด
ที่บ้านเพราะภูดิศต้องเปลี่ยนรถเป็นอีกคัน  เพราะไหนจะต้องรับนัทกับส้มไปช่วยเลี้ยงน้อง
แล้วยังข้าวของที่รออยู่อีกเพียบ

“เป็นไงครับ  เด็กๆ ตื่นเต้นกันใหญ่เลย  อาฟ้าเสร็จรึยัง  เหนื่อยไหมครับ  ตัวเล็ก?”
พี่ภูเข้ามารับเด็กๆ ให้ขึ้นรถแล้วกับดึงคนตัวเล็กมาหอมหัวอย่างที่ชอบทำ

“ไม่เท่าไหร่ครับ  พี่ภูสิครับต้องทำงาน  รีบๆ ร้อนๆ มารับอีก  ฟ้าขับกลับไปให้ที่บ้านดีกว่า
พี่ภูจะได้นั่งพักไปด้วย  นะครับ…นะ” พี่ภูพยักหน้าส่งกุญแจให้คนตัวเล็ก
แล้วสลับหน้าที่กันขับ  ภูดิศขึ้นรถได้ก็นั่งหลับตาพักสายตา
สักครู่ก็ลืมตามองคนขับ  ยิ้มอย่างมีความสุข

“พี่ภู  มองหน้าฟ้าทำไม  หลับตาไปเลยครับ” ขอบฟ้าหันมาดุ

“พี่มีความสุขนี่ครับ  ที่เราจะได้ไปพักผ่อนด้วยกันอย่างนี้"
ภูดิศพูดพร้อมกับส่งสายตารักใคร่มาให้

“ครับ  ฟ้าก็มีความสุขเหมือนกัน” คนตัวเล็กส่งยิ้มให้คนตัวโต
เด็กๆ เล่นของเล่นที่เอาติดมือมาด้วยที่เบาะหลังและคุยกันไปตลอดทาง

“ถึงแล้วครับ  พี่ภูไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะจะได้สดชื่น
เดี๋ยวฟ้าดูของใส่รถเองครับ  นั่นส้มมารับหนูรินไปอาบน้ำเตรียมตัวแล้ว
ไปเลยครับพี่ภู” ฟ้าดุนหลังพี่ภูให้ขึ้นบ้านไป

“ฝากหน่อยนะตัวเล็ก  เดี๋ยวให้นัทเอากุญแจรถอีกคันมาให้”
คนตัวโตเดินเข้าบ้านไป

“น้องวินวินเข้าไปเล่นของเล่นรอหนูรินก่อน  มาพี่นัทพาไปครับ
คุณฟ้าครับ  เดี๋ยวผมมานะจะเข้าไปเอากระเป๋าคุณภูกับหนูริน
นี่กุญแจรถครับ” นัทส่งกุญแจรถอีกคันให้แล้วมารับน้องวินวิน
ไปที่ห้องนั่งเล่น  ขอบฟ้าไปถอยรถอีกคันมาจอด


นมพร้อมเดินมาจะช่วยหยิบจับย้ายกระเป๋าให้  ขอบฟ้าห้ามไว้
“นมครับ  ฟ้าทำเองไม่หนักครับ  แค่นี้เอง”
ขอบฟ้าย้ายกระเป๋าไปใส่รถอีกคันบ้างแล้ว  แล้วนัทก็วิ่งมาทันช่วยย้ายที่เหลือไปให้
แล้วก็เอาใบอื่นๆ มาจัดเรียงให้ด้วยเลย  ทุกคนมารวมกันพร้อมจะออกเดินทางกันแล้ว

“นัทกับส้มอย่ามัวแต่เที่ยวเล่นกันเพลินนะ  ช่วยดูแลคุณๆ และคุณหนูอย่าได้ห่างล่ะ
ถ้ากลับมารู้ทีหลังว่าเหลวไหลจะฟาดให้”
นมพร้อมยังอดห่วงไม่ได้กำชับสองคนอีกรอบ  ทั้งนัทและส้มต่างพยักหน้ากันหงึกหงัก
หัวแทบหลุด  และพากันเข้าไปประจบบีบนวดให้นมพร้อม

“ไม่ต้องห่วงนะครับนม  ผมไม่อยู่ก็อย่าไปยกอะไรหนักๆ หรือแอบทำ
อะไรไม่บอกนะครับ พักผ่อนด้วยนะครับ”
ภูดิศเข้าไปกอดนมพร้อม  ทุกคนไหว้ลานมพร้อมกับป้าแก้ว
แล้วพากันขึ้นรถขับออกไปมุ่งหน้าสู่จังหวัดราชบุรี
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 24 เที่ยวสวนผึ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 17-12-2018 11:58:58
ตอนที่ 24 เที่ยวสวนผึ้ง

ภูดิศพาทุกคนเข้าที่พักก็ค่ำมากแล้วเพราะมัวพาเด็กๆ  แวะทานอาหารกันและซื้อขนมขบเคี้ยว
ของทานเล่นไปสำรองให้ในที่พักด้วย  บ้านที่ณนนท์ติดต่อให้เป็นบ้านเดี่ยวกว้างขวาง
มีห้องนอน 3 ห้อง  ห้องนั่งเล่น ห้องครัวพร้อมอุปกรณ์  แล้วยังมีสระว่ายน้ำส่วนตัว 
เตาปิ้งย่างก็มีให้พร้อมสามารถสั่งเข้ามาทำได้เลย  มีห้องคาราโอเกะอีกด้วย
เด็กๆ อยากลงว่ายน้ำ  ภูดิศบอกว่าค่ำเกินไปแล้ววันนี้  เด็กๆ จึงรื้อของเล่นมานั่งเล่นกัน
ผู้ใหญ่ก็เปิดทีวีดูไปพลางๆ รอส่งเด็กน้อยเข้านอน เด็กๆ ขอนอนด้วยกันที่ห้องนอนใหญ่
ที่มีเตียงนอนของทั้งเด็กหญิงชายรวมอยู่ด้วย  ซึ่งกลายเป็นภูดิศต้องนอนกับขอบฟ้า
ไปโดยปริยายเพราะวินวินไม่ยอมให้อาฟ้าแยกไปอีกห้อง  ส่วนส้มที่ต้องนอนกับนัท
ก็เลยได้ห้องนอนของขอบฟ้าไปแทน  เด็กๆ ถูกพี่เลี้ยงจับแยกไปอาบน้ำ
ขอบฟ้ากับภูดิศจึงเตรียมจะอาบบ้าง

“พี่ภูอาบก่อนเลย  ฟ้าจะต้องสระผมไม่สบายหัวเลยครับตอนนี้”

“มาอาบพร้อมพี่  เดี๋ยวพี่จะช่วยสระให้”
ภูดิศชวนอาบน้ำด้วยกัน คนตัวเล็กหน้าแดงไปก่อนแล้ว

“ไม่ดีกว่าครับ  พี่ภูไปก่อนเลย”
ส่งผ้าขนหนูให้รีบดันคนตัวโตเข้าห้องน้ำไป  มีเสียงหัวเราะตามมาให้ได้ยิน
ขอบฟ้าค้อนตามหลังไป


ครู่ใหญ่ๆ ผ่านไปเด็กน้อยในชุดนอนลายการ์ตูนก็วิ่งแข่งกันดุกดิกเข้ามา
กลิ่นแป้งเด็กหอมฟุ้งมาแต่ไกล  แล้วก็วิ่งมาโถมตัวใส่อาฟ้า
พาให้ต่างล้มกลิ้งบนเตียงนอนกว้าง
“โอ๊ยๆ  เด็กๆ  ระวังครับ  อาฟ้ายังไม่ได้อาบน้ำ  ยังตัวเหม็นอยู่เลย
ขอไปอาบน้ำก่อนนะ  นู้น!  พ่อภูมาแล้ว ไปจัดการเลยไปๆ”
ขอบฟ้าบุ้ยหน้าไปทางพี่ภูที่มีผ้าขนหนูห่อมาแต่ช่วงล่าง
`คนชอบโชว์`  ทำหน้าตื่นๆ ที่บรรดาลูกหมูเตรียมจู่โจมตามที่อาฟ้าบอก
ขอบฟ้าใช้จังหวะนี้ผลุบหายเข้าห้องน้ำไป

“อ้าวๆ อาฟ้าหนีไปแล้ว  พ่อภูจะโป๊อยู่แล้วครับ  ขอใส่เสื้อผ้าก่อน
ไปขึ้นเตียงตัวเองรอเลย  เดี๋ยวเล่านิทานก่อนนอนให้ฟังครับ”
ตัวกลมๆ พอได้ยินว่าจะได้ฟังนิทานก็พากันปีนป่ายไปรอที่เตียงกันแล้ว
โดยหนูรินไม่ลืมหยิบหนังสือนิทานออกมากองตรงหน้า

“น้องฟ้ามานั่งนี่ครับ  พี่ช่วยเช็ดผมให้นะ  ไม่เป่าไดร์ล่ะ”
ภูดิศถาม  ขอบฟ้าส่ายหน้า
“ไม่ครับ  ผมจะกรอบเสียเปล่าๆ ใช้บ่อยๆ”
พูดแล้วก็ส่งผ้าให้พี่ภูช่วยเช็ด  แล้วก็นั่งลงเปิดๆ ดูหนังสือนิทานที่หนูริน
เอามาด้วย 4 – 5 เล่ม จากการคาดคะเน  หนูรินกับวินวินก็สุมหัวกันโดยเจ้าของ
หนังสือก็ชี้บอกเล่าตามที่ตนพอรู้มาบ้างให้วินวินฟังในระหว่างรอผู้ใหญ่สองคน

“ผมนุ่มแล้วก็หอมจัง  ครับ”
พี่ภูพูดแล้วก็จรดจมูกกับผมของเขา  ขอบฟ้าก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ไปเสียอย่างนั้น

“แล้วตัวจะหอมด้วยหรือเปล่านะ  อาบน้ำแล้วนี่  ต้องพิสูจน์ดูแล้วละครับ”
พี่ภูโน้มตัวมากระซิบ  ขอบฟ้าอยู่เฉยไม่ได้แล้ว  หันขวับแล้วก็ขึงตาใส่พี่ภูเป็นการปราม

“ผมฟ้าแห้งแล้ว   พี่ภูไปอ่านนิทานให้เด็กๆฟังเลย” ผลักคนตัวโตออกไปเบาๆ

“ก็ได้ๆ  ผลัดกันนะ  พี่เริ่มก่อนแล้วกัน”
ขอบฟ้ายิ้มๆ ไม่ต้องถึงเขาหรอก  ดูก็รู้นิทานไม่ทันจบก็จะพากันหลับเสียก่อน
ตาปรอยๆกันแล้ว  เดินทางกันมาตั้งหลายชั่วโมงขนาดนั้น  วินวินก็หาวแล้วหาวอีก
ขอบฟ้านอนฟังพี่ภูอ่านจนเผลอหลับไปด้วย  มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนถูกอุ้มไปที่เตียงนอน
ส่วนเด็กๆก็ห่มผ้ากันเรียบร้อยไปแล้วด้วย
“หูย...น่าอายชะมัด  ฟ้าแค่พักสายตาเองนะครับ”
คนตัวเล็กพูดจบพร้อมปิดปากหาว  พี่ภูไปปิดไฟดวงใหญ่เปิดแต่ไฟดวงเล็กที่ข้างเตียง
นอนเด็กๆ แล้วกลับมาหย่อนตัวลงนั่งทำเอาที่นอนยวบ

“หลับแล้วเหรอครับตัวเล็ก  มาให้พี่ส่งเข้านอนก่อนนะ”
ในความมืดพี่ภูโน้มใบหน้าลงมาใช้ริมฝีปากพรมจูบที่หน้าผากและลงมาที่จมูก
ไต่ลงที่แก้มทั้งสองข้างแล้วเริ่มซุกซบปลายจมูกปากที่ซอกคอขาว 
หอมกรุ่นกลิ่นแป้งเด็ก  แล้วประกบปากทาบทับกับริมฝีปากบาง
ขอบฟ้าเปิดปากจะประท้วงก็ถูกริมฝีปากหนาแทะเล็มขบกัดริมฝีปากล่าง
แล้วแทรกปลายลิ้นเข้าไปสำรวจในโพรงปากอุ่น  ไล้ปลายลิ้นไปตามแนวฟัน
ที่เรียงสวยแล้วเกี่ยวกระหวัดรัดรึงเรียวลิ้น  ขอบฟ้าเผลอตัวจูบตอบแลกลิ้น
กับพี่ภูเสียงดังจ๊วบจ๊าบ  พี่ภูเริ่มเลื้อยมือเข้าไปสัมผัสตุ่มไตบีบเค้นคลึงสลับไป
มาสองข้าง  ขอบฟ้าหายใจหอบกระชั้นขนอ่อนลุกชันไปทั่วตัวพยายามไล่คว้ามือ
พี่ภูให้หยุด  พี่ภูลูบไล้ต่ำลงมาที่หน้าท้องแบนราบ  เนื้อนุ่ม ๆที่ได้สัมผัสแตะต้อง
ทำเอาภูดิศอารมณ์หวามไหวจนกระเจิดกระเจิง ภูดิศปล่อยกลีบปากบางให้เป็นอิสระ  หายใจแรง

“หอมไปทั้งตัวเลยครับ  ตัวเล็กของพี่” พี่ภูเสียงกระเส่าอยู่ข้างๆ ใบหู
อย่างอดใจไม่ไหวงับใบหูเล็กและชอนไชสำรวจภายใน  ขอบฟ้าเสียวซ่านเกร็งตัว
เบี่ยงหนีแต่จมูกปากพี่ภูยังตามมาแล้วลิ้นร้อนนั่นอีกยังลากมายังแอ่งชีพจร
ลมหายใจอุ่นเป่ารดซอกคอพาให้วูบวาบ  เอื้อมมือไปโอบรอบลำคอพี่ภู
อย่างเผลอไผล  พี่ภูปลดกระดุมเสื้อนอนแล้วก็พรมจูบไปทั่วแผ่นอกลิ้นสาก
ก็ลากสัมผัสที่ตุ่มไตที่ชูชัน  ขอบฟ้าแอ่นอกอย่างเสียวซ่าน หลุดคราง
“อือ  อืม  พี่ภู พอเถอะ  นะๆ  ฟ้าจะขาดใจ” คนตัวเล็กบิดกายเร่า
ร้องขอให้หยุดความวาบหวามนี้เสียที

“อีกนิดนะครับ  คนดี  พี่รักฟ้านะ” พี่ภูไม่ยอมง่ายๆ ยังคงลากเลียต่ำลงมา
ที่หน้าท้องแล้วขบกัดหนักเบาสลับกันไป  หยุดที่ร่องสะดือและลงลิ้นสำราจ
ขอบฟ้าขยุ้มผมพี่ภูอย่างลืมตัว
“ไม่ครับ  พอเถอะ” ขอบฟ้าพยายามบิดตัวหนี  บีบหัวไหล่ประท้วง 
คนตัวโตต้องกลับไปจูบปากบางปลอบประโลม  จนคนตัวเล็กคลายอาการเขม็งเกร็งลงแล้ว

“ไม่แล้วครับ  พี่ไม่ทำแล้วก็ได้  ไม่กลัวนะ  เอาไว้ให้ฟ้าพร้อม  พี่รอได้ครับ”
พี่ภูพูดแล้วลูบหลังไหล่ไปมาปลอบโยนให้คนตัวเล็กผ่อนคลายและสุดท้าย
ความง่วงก็พาให้หลับไป  ภูดิศจึงลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการเจ้าน้องชายที่
มันซุกซนไม่ยอมนอน กว่าจะกล่อมให้สงบลงได้เล่นเอาเพลีย
ภูดิศกลับมาล้มตัวลงนอนแล้วคว้าคนตัวเล็กมากอดไว้แนบอกแล้วไม่นานก็หลับตามไปอีกคน


ภูดิศพาเด็กๆออกจากที่พักในตอนสายหลังจากทานมื้อเช้ากันแล้ว
กิจกรรมวันนี้ก็มีพาเด็กๆ ไปที่ฟาร์มแกะ ให้ได้สัมผัสทุ่งหญ้าและเนินเขา
แถมยังได้ใกล้ชิดกับแกะนับร้อยๆ ตัว

“อาฟ้า  วินวินจะป้อนนมน้องแกะ  หนูรินมาๆ  ป้อนนมกัน”
เด็กๆ ป้อนนมให้แกะเป็นภาพที่น่ารักมาก

“หนูริน  วินวิน  อุ้มน้อยแกะ  ถ่ายรูปได้นะ  ไม่กัดครับ  มาอาฟ้าช่วย”
แล้วขอบฟ้าก็ได้ภาพน่ารักที่เด็กๆ อุ้มแกะน้อยแบบกล้าๆ กลัวๆกัน


ภูดิศพานั่งขบวนรถไฟเล็กที่แสนจะเพลิดเพลิน  ขอบฟ้าถ่ายรูปเด็กๆ
ไว้มากมายตามแต่มุมสวยๆ ที่พบเจอเพื่อเก็บไปเป็นไอเดียในงานด้วย
แล้วยังได้นั่งชิลด์ดื่มด่ำกับรสชาติกาแฟกับขนมปังโฮมเมดเบเกอรี่แสนอร่อย
ทริปนี้สนุกสนานเพลิดเพลินไปด้วยกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่


ก่อนบ่ายภูดิศพาไปตลาดน้ำที่มีศูนย์การค้าอลังการหรูหรา  โรแมนติก
มีลานน้ำพุ  ก่อนที่จะจับจ่ายซื้อหาสินค้าและผลิตภัณฑ์  ขอบฟ้าขอให้พา
เด็กๆ ทานกลางวันกันก่อนค่อยหาดูของฝาก  มื้อกลางวันผ่านไป
เด็กๆ ได้ของเล่นติดไม้ติดมือกันไปคนละหลายชิ้น  ได้ของกันไปตามสมควร
ขอบฟ้าชวนภูดิศกลับเพราะอยากให้เด็กๆ ได้นอนกลางวัน
และช่วงเย็นตั้งใจจะพาลงเล่นน้ำที่สระตามที่เด็กๆ ขอไว้เมื่อวาน
ภูดิศตามใจเพราะเห็นเด็กๆ เริ่มล้ากันแล้วด้วย


ขอบฟ้าโทรรายงานน่านน้ำตลอดว่าลูกทำอะไร  อยู่ที่ไหน  อย่างไร
แม้ตอนนอนกลางวันก็ถ่ายรูปส่งให้ดู เพราะสงสารพี่ชายที่ไม่เป็นอันทำงาน
ตื่นนอนก็พากันเล่นน้ำจนค่ำ  มีอาหารเย็นมาส่งถึงที่พัก  ชีวิตแสนจะมีความสุข
ผ่อนคลายจากการงาน  จวบจนพากันเข้านอน  ทั้งสองนอนกอดกันจนเช้า
เป็นชีวิตที่ขอบฟ้าและภูดิศใฝ่หา
 

“นัท  ส้มเก็บของน้องไปหมดแน่นะ  ไม่ย้อนกลับมาแล้วนะ  เราจะยิงยาว
เที่ยวไปเรื่อยๆ แล้วกลับบ้านกันเลย เอ้า!  ไม่ลืมอะไร  ก็เดินทางกันครับ”
พี่ภูออกจากที่พักแต่เช้า  ไปหาอาหารเช้ากันข้างหน้า  เสร็จจากมื้อเช้าก็เป็นทริปที่เด็กๆเฝ้ารอคอย

“ฟาร์มอัลปาก้า  ถึงแล้วครับเด็กๆ  ตามอาฟ้ามาเลยครับ”

“หูย  น่ารัก  อาฟ้าถ่ายรูปเยอะๆ ให้พ่อวิน ดูๆ” น้องวินวินตื่นเต้น

“หนูรินมาป้อนแครอทกันลูก  วินวินมาครับ”
 พี่ภูเรียกเด็กๆให้ไปป้อนอาหารอัลปาก้า  เด็กๆ ได้ป้อนอาหารได้สัมผัสตัว
ซึ่งตอนแรกก็กล้าๆ กลัวๆ กันไป  สักพักก็คุ้นเคย 

“มันต้องนอนห้องแอร์ด้วยนะ  ดีนะที่พวกเราไม่ได้มาหน้าร้อนไม่งั้นไม่ได้เห็น
ขนที่ฟูสวยๆ นี่หรอก  จะถูกตัดสั้นเหลือไว้ตรงใบหน้าและหัวเท่านั้น
นี่ฟ้าถามเค้ามานะ พี่ภู”  ขอบฟ้าเล่าให้คนตัวโตฟังจึงถูกจับโยกหัวไปมา

“ไปดูสัตว์อื่นกันมีเป็นสิบๆ อย่าง  จับได้  สัมผัสได้  เค้ามีแต่สัตว์ที่เป็นมิตรกับคนนะ
ที่นี่น่ะ  ข้อมูลฟ้าแน่นเชื่อเถอะ  ทำการบ้านมาก่อนแล้ว”
พี่ภูยกยิ้มให้กับความน่ารักข้างๆ

“ไปๆ เด็กๆตามอาฟ้าไปกัน  อาฟ้าเก่งที่หนึ่ง  ใครอยากรู้อะไรถามอาฟ้าได้เลย”
ภูดิศยกความดีความชอบให้คนตัวเล็กทันที

ใช้เวลากันไปพอสมควร  ที่ช้าเพราะคนทำการบ้านมาดีพาทุกคนไปหลงวน
กันอยู่ที่เขาวงกตเสียพักใหญ่  และก็จบลงสำหรับทริปท่องเที่ยว
ภูดิศส่งทุกคนกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ  เด็กๆ ติดใจขอให้อาฟ้าพาไปเที่ยวอีก
ภูดิศจึงบอกว่าถ้าว่างจะชวนอาฟ้าไปเป็นไกด์นำเที่ยวอีกแน่นอน





หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 25 พี่น้องเคลียร์กัน
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 17-12-2018 12:25:25
ตอนที่ 25 พี่น้องเคลียร์กัน

“พี่ภูครับ  สัปดาห์หน้า  ฟ้าจะให้ทีมของน้าดอนเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านสวนพี่ภูแล้วนะครับ
 งานลูกค้าเหลืออีกนิดหน่อยจะส่งมอบกันแล้วครับ” ขอบฟ้าพูดขึ้น  เมื่อเจอหน้ากัน

“ได้สิ  ต้องการอะไรเพิ่มเติมน้องฟ้าจัดการไปได้เลย  บ้านของเราในอนาคตนะครับตัวเล็ก”
พี่ภูรวบรัดเป็นเรื่องเดียวกันจนได้สิน่า  คนตัวเล็กทำปากยื่นใส่

“ไม่ตรงตามแบบห้ามโวยแล้วกัน  ถ้าฟ้าจะทำตามใจตัวเองน่ะ”

“จัดไปครับ  ที่รัก” ภูดิศหยอก แล้วส่งคนตัวเล็กที่ร้านกาแฟเหมือนเช่นทุกเช้า
แล้วจึงขอตัวไปทำงาน  วันนี้มีงานด่วนจึงไม่ได้อยู่ดื่มกาแฟเหมือนเช่นทุกครั้ง

ขอบฟ้าก้าวเท้าเข้าไปในร้าน  หยุดชะงักไปนิดหน่อย  เมื่อพบใครบางคนมาเป็นลูกค้าในร้าน

“อ้าว!  พีท  มาไง?  เอ่อ!  พี่เมศก็…มาด้วย  สวัสดีครับ”

“อือ  ผ่านมาแถวนี้พอดีจึงพาพี่เมศมารู้จักร้านของฟ้าด้วยเลย
พี่เค้ายังไม่ค่อยจะคุ้นถนนหนทางที่นี่สักเท่าไหร่น่ะ”
พีทร่ายให้ฟังด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม

“อ่อ  งั้นตามสบายเลยพีท  พี่เมศด้วยครับ  มีอะไรก็เรียกแล้วกัน”
ขอบฟ้าสงสัยเสียเหลือเกินที่เพื่อนสนิทไปเป็นสารถีให้พี่เมศ
สองคนนี้ไปรู้จักกันเป็นการส่วนตัวตั้งแต่เมื่อไหร่  ถ้าสบโอกาสจะซักฟอก
ให้หมดเปลือกเลยคอยดูเถอะ  ริอ่านมีลับลมคมใน

“พี่เมศครับ  รับขนมหน่อยไหม  หรือเป็นอาหารจานเดียว
จานด่วน  ร้านนี้เขาก็มีนะครับ  เอารองท้องไว้หน่อยก็ดี
มื้อเช้าสำคัญนะ  ไม่ดื้อกับพีท  สิครับ”
นั่นไงขอบฟ้าว่าแล้วว่าต้องมีอะไร  ได้ยินเต็มสองหูเลย
แค่มาหยิบของที่ชั้นใกล้ๆ นี่เอง  ไม่ได้จะแอบฟังเลยด้วย

“พีท  พี่ไม่หิวจริงๆ ครับ  มันยังเช้าอยู่มากๆ  ทานไม่ลงหรอก
ขอแค่กาแฟถ้วยเดียวก่อนนะ” พี่เมศตอบเสียงอ่อน

“เช้านี้พีทมีเรียน ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี  เนี้ยเดี๋ยวพีทดูที่ไม่เผ็ดให้นะครับ
ถ้าไม่ดื้อทานเสร็จจะส่งกลับไปนอนเลย   เสร็จงานที่ร้านป๊ากับม๊าตอนค่ำๆ
จะไปนอนเป็นเพื่อนเลยเอ้า!”
แล้วของที่อยู่ในอุ้งมือบางก็ลื่นหลุด ตกแตก เพล้ง!
ขอบฟ้ากลายเป็นจุดสนใจของคนในร้านไปทันที
เจ้าตัวรีบเดินขาขวิดกลับไปนั่งรื้อหาบัญชีที่ตรวจแล้วมาตรวจซ้ำ
อีกรอบอย่างเงอะงะ  พีทนะพีทไปสอยเจ้าชายลงจากหอคอยงาช้างจนได้สิน่า
ท้ายสุดขอบฟ้าก็แอบเห็นเพื่อนรักสั่งอาหารให้พี่เมศไปถ้วยหนึ่งคงเป็นซุปผักโขม
แล้วคนหล่อตัวขาวก็ก้มหน้าก้มตาทานโดยมีหนุ่มร่างหนาผิวเข้มนั่งมองไม่วางตา
แถมมุมปากยังคลี่ยิ้มไม่หุบ

“ไม่ต้องทำหน้าหมางงเลยฟ้า  พีทรู้ว่าฟ้าได้ยิน  ก็อย่างที่เห็น
ไม่รู้จะต้องเริ่มเล่าจากตรงไหนก่อน  เอาเป็นว่าคนนี้แฟนครับเพื่อนรัก
เห่ย!  ฟ้า!  อ้าปากค้างไปเลย  ไว้ว่างๆ กินเหล้ากันจะบอกให้หมดเลย
ไม่มีหมกเม็ด  ไอ้ฟ้า!  กลับก่อนนะ”  พีทตบไหล่เพื่อนที่นั่งตัวแข็งค้าง
อ้าปาก  พอขอบฟ้าหายจากอาการอึ้งสติกลับมาครบ  พีทก็เดินออกประตูไปกับพี่เมศแล้ว 


ก่อนเลิกงานคุณปู่โทรหาภูดิศให้เข้าไปที่บ้านใหญ่  เขาจึงฝากให้ขอบฟ้ารับหนูริน
กลับบ้านไปด้วย  หากคุยธุระเรียบร้อยแล้วจะเข้าไปรับลูก  เมื่อจอดรถหน้าคฤหาสน์
ก็เห็นรถคันหรูสีขาวจอดอยู่ก่อนแล้ว  นี่ปู่ตั้งใจนัดเขาสองคนให้มาเจอกันสินะ
เลี่ยงไม่ได้แล้วด้วย  เป็นไงเป็นกันแล้วงานนี้  แล้วร่างสูงก็เดินไปยังทางเดินที่ทอดยาว
ไปยังห้องรับแขกของบ้าน  ได้ยินเสียงคุณปู่ที่แผดดังออกมาจากห้อง  หยุดเท้าอย่างอัตโนมัติ

“ภูเมศ  แกจะรื้นฟื้นขึ้นมาอีกทำไมกัน  เรื่องมันก็นานเน  ที่แกโตมาเป็นผู้เป็นคนได้
จนป่านนี้ไม่ใช่เพราะตาแก่อย่างฉันที่เก็บแกมาเลี้ยงหรือไง  ถ้าแม่แกดีจริง
รักแกจริงอย่างที่ปากพูดนักพูดหนาก็คงไม่ยิงตัวตายหนีแกไปอย่างนั้น
แกไม่ต้องมาโทษว่าเป็นเพราะฉันบีบเค้นให้แม่แกต้องตาย  ให้พ่อแก
ต้องแต่งกับแม่เจ้าภู  แกจะให้ฉันผิดให้ได้เลยใช่ไหม  แล้วแกล่ะที่บอกว่ารักน้อง
ลับหลังแกทำอะไรมัน  ทำไมฉันจะไม่รู้  เหอะ!  แก  แม่แก  แล้วก็ตาแก่อย่างฉันนี่
มันก็ไม่ต่างกันนักหรอก”
ภูดิศได้ยินชัดทุกถ้อยคำที่หลุดมาจากปากของคุณปู่

“ผมต้องอยู่กับฝันร้ายที่แม่ทิ้งไว้  แม่มาตายต่อหน้าต่อตาผม  แม่ที่บอกรักผมยังทิ้งผมไป
แล้วปู่จะให้ผมเชื่อใจใครได้อีก  ปู่จะไม่ให้ผมผิดหวัง  แค้นเคืองเจ้าน้องชาย
ที่มันเกิดมาได้ทุกอย่าง  มีทุกอย่าง  แล้วก็ไม่ต้องใช้ชีวิตที่ปิดบังซ่อนเร้น
เหมือนอย่างกับผมและแม่  ผมกับแม่ต้องอยู่ในเงามืดที่เปิดเผยตัวตนไม่ได้
ไม่อาจบอกใครว่าผมเป็นลูกพ่อ  เป็นหลานของปู่ เ ราสองคนแม่ลูกต้องรอเศษเงิน
ที่พ่อหยิบยื่นให้  ผมต้องทนฟังเสียงร้องไห้คร่ำครวญอย่างเจ็บช้ำของแม่ไปกี่คืนกี่วัน
ปู่เคยรู้บ้างไหม  มีใครเคยรู้บ้าง  ผมเนี่ย!  ใจผม!  มันก็เจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าแม่เลย
ปู่ไม่มีส่วนผิดเลยอย่างนั้นใช่ไหม  แล้วที่พ่อบอกกับแม่ว่าปู่บังคับ  พ่อก็คงหลอกผมอีก
อย่างงั้นเหรอ  ถ้างั้นคนที่เลวที่สุด มันก็คือผม  ที่ทำเลวกับน้องชายเพียงคนเดียว
ปู่คิดว่าผมไม่มีหัวใจ  ไม่เสียใจเลยหรือไง  ผมต้องอยู่กับความรู้สึกผิดที่มันเกาะกิน
จนกระทั่งเดี๋ยวนี้  ตอนนี้!  ผมที่ไม่ได้ต้องการกลับมาที่นี่  แล้วปู่อีกไม่ใช่เหรอที่เรียก
ให้ผมกลับมา จะให้กลับมาทำไม?  ให้ผมต้องมารู้เห็นสายตาเกลียดชัง  หวาดระแวง
ที่น้องมีให้กับผมทุกครั้งที่เข้าใกล้มัน  ผมมันเป็นตัวอะไรไปแล้วปู่บอกผมได้ไหม
บอกไว้ก่อนเลยตรงนี้ผมจะไม่ยอมทำอะไรตามใจปู่เด็ดขาด!  ไม่ต้องหาผู้หญิงมาให้ผม
อย่าให้ผมต้องเป็นอย่างพ่อหรือใครอีกเลย  เก็บความหวังดีของปู่ไว้เถอะ
ตอนนี้ผมชอบผู้ชายไปแล้ว  ปู่จะเกลียดชังผมเพิ่มอีกคนผมก็ไม่ว่าเพราะชีวิตที่เหลือ
มันเป็นของผมเพียงคนเดียวเท่านั้น  และผมได้เลือกทางเดินไว้แล้ว”
เสียงพี่เมศที่ดังไม่ต่างกับปู่เช่นกัน  น้ำเสียงที่ภูดิศฟังยังรู้ว่าแฝงไปด้วยความเจ็บปวด
ระคนกัน  เป็นมานานแค่ไหนกัน  ซึ่งเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยสักเรื่อง
ไม่ว่าจะเรื่องพ่อที่ต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับแม่ของเขา
หรือเรื่องของแม่พี่เมศเองที่ยิงตัวตาย  แล้วยังความเจ็บช้ำที่เคยทำไว้กับเขาอีก
ได้ฟังพลันรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งหัวใจและขาที่จะก้าวเดินก็อ่อนล้าไปด้วย

“เออ!  ให้มันได้อย่างนี้   ให้มันหมดสิ้นตระกูลไปที่พวกแก!  เป็นกันไปให้หมดจะเกย์จะตุ๊ด
พวกแกนี่มันไม่ต่างกันเลยไม่ว่าจะพี่หรือน้อง  แกออกไป!!!  อย่าอยู่ให้ฉันทุเรศลูกตาไปมากกว่านี้
ถ้าเจอไอ้ภู  บอกมันให้กลับไป!  ไม่ต้องเข้ามาให้ชั้นเห็นหน้า  ไอ้พวกผิดเพศ  ไอ้หลานไม่รักดี”
ปู่ไล่ตะเพิดภูเมศและพาลมาถึงภูดิศ  ที่ยืนนิ่งโดยไม่ได้ขยับเขยื้อนตัวไปไหน
แล้วก็มีเสียงฝีเท้าเดินออกประตูมา

“อ้าว!  เออ!!  ภู  มาแล้วเหรอ  ได้ยินแล้วสินะ  จะเข้าไปหรือกลับก็เลือกเอาแล้วกัน”
ภูเมศก้าวออกมาเจอเข้ากับน้องชายที่ยืนอยู่  คงมาถึงนานแล้วและคงได้ยินหมดแล้ว
เหมือนกันจากสีหน้าที่ดูไม่ค่อยดีนัก  เขาจึงบอกออกไปตามที่ปู่ว่าประชดออกมา

“อืม  ปู่กำลังเดือดขนาดนี้  ผมกลับเลยก็ดี  ไม่อยากต้องมาโดนอีกซ้ำสอง
เราไปคุยกันหน่อยไหม? พี่เมศ!”
ภูดิศหันไปชวนภูเมศที่ตายังแดงก่ำจากเหตุปะทะอารมณ์เมื่อครู่

“เอาสิ  ถ้ามันไม่ฝืนใจแกจนเกินไป  ก็นำไป”
ภูเมศบอกออกไปแล้วรอให้ภูดิศนำไปที่รถ  แล้วก็ขับตามกันไปเรื่อยๆ
จนมาหยุดที่ร้านอาหารไม่ห่างจากบ้านปู่มากนัก


ภูดิศเลือกโต๊ะที่อยู่มุมในสุด  เพราะยังหัวค่ำอยู่มากคนจึงยังไม่พลุกพล่าน

“สั่งอาหารมาทานกันก่อน  เอาเครื่องดื่มอะไรไหม” ภูดิศเอ่ยถามพี่ชาย

“ภูสั่งเถอะ  ขอแค่อาหารไม่เผ็ดนักให้พี่สักสองอย่าง
 แล้วก็น้ำเปล่าละกัน ”คนพี่พูดเสียงเนือยๆ ล้าๆ


เมื่ออาหารมาเสิร์ฟสองหนุ่มก็ลงมือทานกันไปอย่างเงียบๆ
เหมือนกับเป็นการประเมินภาวะทางอารณ์ของกันและกันไปในตัว

“ขอโทษนะพี่เมศ  ผมไม่เคยรู้เรื่องของพ่อพวกเรา  และแม่พี่มาก่อนเลย”
ภูดิศกล่าวขอโทษอย่างรู้สึกผิด

“จะมาขอโทษทำไม  แกไม่ได้ทำอะไรผิด  อีกอย่างมันก็ไม่แปลกที่จะไม่มีใครรู้
ก็คุณปู่สั่งห้ามเด็ดขาดขนาดนั้น  ใครเผลอพูดหรือเล่าออกมาก็ตกงาน
แล้วใครมันจะพูดล่ะ  จริงไหม” ภูเมศพูดอย่างเอือมระอาใจสุดๆ
แล้วก็มีสายโทรเข้า  พี่เมศยกมือเป็นเชิงขอคุยโทรศัพท์ก่อน
และดูเหมือนคนในสายจะมาที่นี่เพราะพี่เมศบอกร้านที่เรานั่งทานกันอยู่
ให้อีกฝ่ายตามมาสมทบ  ภูดิศเห็นดังนั้นจึงพูดขึ้นเมื่อพี่เมศวางสายแล้ว

“ถ้าไม่สะดวกคุย  ไว้วันอื่นก็ได้ค่อยนัดกันใหม่” พี่เมศส่ายหน้าให้เขา

“อ่อ  ไม่เป็นไร  ไม่มีอะไรเป็นความลับ  คุยได้”

“เรื่องในอดีตระหว่างเรา  ก็ให้มันจบๆ ไปแล้วกัน
ผมไม่อยากจะเก็บมาเคียดแค้นอีก  ยังไงเราก็ต้องทำงานร่วมกัน”
ภูดิศเอ่ยปากออกมาก่อน  เขายอมสงบศึกระหว่างสายเลือด

“อืม  พี่ก็ขอโทษที่ทำไม่ดีไว้กับแก  แต่บอกตามตรงนะภู
พี่ไม่เคยเกลียดแก  ถึงพ่อแม่พวกเราจะเคยทำอะไรยังไงกันไว้
แต่ไหนๆ ท่านก็จากเราไปกันหมดแล้ว  อยู่กับปัจจุบันก็น่าจะพอแล้วล่ะ
ว่าไหม” พี่เมศพูดอย่างปลงๆ สีหน้าดูผ่อนคลายไปมากกว่าเดิม

“ครับ  งั้นเราทานข้าวกันต่อเถอะ” ภูดิศมีสีหน้าราบเรียบไม่บึ้งตึงอย่างแต่ก่อน
ซึ่งภูเมศถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีระหว่างเขาทั้งสอง  สักพักพีทก็ตามมาถึงร้าน
แล้วเดินมาที่โต๊ะที่สองหนุ่มนั่งกันอยู่ก่อน

“อ้าว!  พีท  มาๆ กินข้าวกัน  สั่งอาหารเพิ่มหน่อยครับน้อง”
ภูดิศเรียกให้พีทนั่ง  ถึงจะสงสัยที่เพื่อนสนิทของคนรักจะตามมากินข้าวกับพี่ชายก็เถอะ
แล้วก็เรียกพนักงานให้พีทสั่งอาหารเพิ่ม

“รบกวนทานด้วยคนครับพี่ภู  พี่เมศมันเผ็ดนะจานนั้นน่ะ  ผมสั่งไม่เผ็ดมาเพิ่มให้แล้ว”
ภูดิศชะงักช้อนที่กำลังจะส่งอาหารเข้าปากขมวดคิ้วมุ่น
รู้ใจกันเสียด้วยไม่ธรรมดาแล้วละ  กลับไปต้องถามน้องฟ้าว่ารู้ไหม
เพื่อนพัฒนาความสัมพันธ์กับพี่เมศไปขนาดไหนแล้ว

“ผมมาขัดจังหวะการคุยหรือเปล่าครับพี่ภู” พีทหันไปถามภูดิศ

“ไม่หรอก  คุยกันจบแล้วละ” พี่ภูตอบหน้านิ่งๆ

“วันนี้มีเรียนทั้งวัน  ข้าวก็กินแบบรีบๆ ร้อนๆ ต้องไปช่วยงานป๊าอีกกว่าจะได้ออกมา
จะไปรับพี่เมศออกมาทานข้าวเย็นด้วยกัน  พอรู้ว่าอยู่นี่ก็เลยตามมา  หิวชะมัดเลย”
พีทเล่าไปเรื่อยถึงเหตุผลที่มาถึงนี่  รูปประโยคก็เหมือนจะธรรมดา
ถ้าไม่สะดุดที่ต้องออกจากบ้านเพื่อมารับอีกคนทานข้าว
พีทเป็นคนนั้นของพี่เมศหรือเปล่านะที่บอกกับปู่ว่าได้เลือกแล้วที่จะมีชีวิตในแบบนี้
น่าแปลกที่เขาสองคนพี่น้องชีวิตดันมาเป็นเหมือนๆ กัน
เขาก็เป็นชายแท้มาตลอดถ้าไม่เพราะรักก็คงไม่เปลี่ยนตัวเองไปเป็นแบบทุกวันนี้
แล้วพี่เมศล่ะเปลี่ยนไปเพราะอะไรกัน  ภูดิศทานอาหารไปเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจสองคน
ตรงหน้าที่ออกอาการใส่ใจกันพอเกินควรอีกเลย

“เอ่อ!  อิ่มแล้วล่ะ  ไปก่อนนะพี่เมศ  พีท  ค่าอาหารผมเคลียร์เองต้องรีบไปรับหนูริน
ที่บ้านน้องฟ้าน่ะ  ฝากไว้ตั้งแต่เลิกเรียนแล้ว  ป่านนี้จะเป็นไงกันบ้างก็ไม่รู้”
ภูดิศขอตัวไปรับลูก  ปล่อยให้พี่เมศกับพีทนั่งทานกันต่อไปสองคน
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 23,24,25 update 3 ตอนรวด ตามมาให้ทันนะคะ :)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-12-2018 15:03:46
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 23,24,25 update 3 ตอนรวด ตามมาให้ทันนะคะ :)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 17-12-2018 17:25:18
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 23,24,25 update 3 ตอนรวด ตามมาให้ทันนะคะ :)
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 17-12-2018 20:38:24
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 26 พี่น้ำเครียด ใครกัน?
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 18-12-2018 13:12:41
ตอนที่ 26 พี่น้ำเครียด ใครกัน?

“ตาน้ำ  บ้านเรากลายเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กไปแล้วหรือไง”
คุณหญิงศศิพูดเหน็บแนมที่เห็นหนูรินนั่งทานมื้อเย็นร่วมด้วยโดยมีขอบฟ้าดูแลอยู่ไม่ห่าง

“คุณแม่ครับ  ทานอาหารเถอะนะครับ  เด็กไม่มีความผิดอะไรอย่าไปรังเกียจรังงอนเลย”
น่านน้ำรู้ว่าที่ท่านพูดก็แค่ยังโกรธน้องชายไม่หายก็เท่านั้น
ดูเจ้าน้องชายก็ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมสบตาคุณแม่เลย

“พี่น้ำครับ  เสียงรถเหมือนพี่ภูจะมารับลูกแล้ว  เดี๋ยวฟ้าไปบอกให้พี่ภูรอก่อน
 หนูรินยังทานไม่อิ่มเลยครับ”

“เดี๋ยวพี่ดูหนูรินให้เอง  ไปเถอะ”
น่านน้ำออกปากจะดูแลให้เด็กน้อยทานอาหารให้เสร็จ

“ตาน้ำนี่ก็ไม่ได้อย่างใจแม่เลยจริงๆ”
คุณหญิงแม่ค้อนขวับๆ ใส่ทั้งลูกชายคนเล็กที่รีบรี่ไปรับหน้าภูดิศ
กับลูกชายคนโตที่เห็นดีเห็นงามไปกับน้อง

“เอาน่าคุณหญิง  เลิกงอนลูกมันทีเถอะ  ฟ้ามันรอดจากความตายเมื่อตอนเด็กมาได้
ชีวิตที่เหลือของมันก็ให้มันใช้ของมันไป   บ้านเราจะได้กลับมาสงบสุขอย่างเดิมเสียที
ผมขอละ” คุณพ่อพูดอย่างสมเหตุสมผลมาก 
จากที่ท่านเป็นผู้ฟังมาตลอดสำหรับเรื่องของน้องกับพี่ภู
ทำให้คุณแม่เงียบและฟังคงจะฉุกคิดได้บ้าง  ตอนน้องยังเด็กป่วยเข้าออกโรงพยาบาล
เป็นว่าเล่น  ท่านเป็นเดือดเป็นร้อนมากมายขนาดไหน  ทำไมเขาจะไม่รู้ถึงตอนนั้นเขา
จะยังเป็นเด็กมากก็เถอะ

“อดขวางหูขวางตาไม่ได้น่ะคุณ  คาดหวังเอาไว้มากก็ผิดหวังมาก”
 น่านน้ำสังเกตท่าทีคุณแม่ดูอ่อนลง

“คุณย่าไม่รักอาฟ้าเหรอ  หน้าบึ้งใส่อาฟ้า”
หนูน้อยเห็นคุณย่าไม่ยิ้ม  ไม่คุยกับอาฟ้าเลย

“ย่ารักอาฟ้าเหมือนเดิม  แต่ตอนนี้อาฟ้าดื้อไง  ย่าก็เลยต้องลงโทษ
 วินวินก็อย่าดื้อเหมือนอาฟ้านะลูก”  คุณย่าบอกกับหลานชาย

“อ๋อ  อาฟ้าดื้อนี่เอง  คุณย่าถึงไม่รัก” หนูรินพูดขึ้นบ้าง

“วินวินจะบอกอาฟ้าไม่ให้ดื้อ  คุณย่าจะได้รักๆ ไง เนาะหนูริน”
วินวินหันไปพยักพะเยิดกับเพื่อน

“หนูรินก็จะช่วยพูด  คุณย่าจะได้ยิ้มๆ ใจดี”
คุณหญิงส่ายหน้า  พลาดไปแล้วที่โกรธขอบฟ้า  หลานๆ ยอมเสียที่ไหน
ติดอาฟ้าอย่างกับอะไรดี  น่านน้ำรอบยิ้มกับกามเทพตัวน้อยทั้งสอง
ที่จะเป็นสื่อกลางให้แม่ลูกคืนดีกันละมั้ง



ขอบฟ้าพาภูดิศและหนูรินเข้าไปที่บ้านของเขา  หลังหนูน้อยทานมื้อเย็นเรียบร้อย
วินวินวิ่งตามมาเล่นด้วย  ตอนนี้หนูรินกับถ้วยฟูเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันแล้ว
เจ้าถ้วยฟูยอมให้อุ้มแล้วก็เคล้าเคลียกันไม่ห่าง  มีอยู่ครั้งหนึ่งหนูรินวิ่งหน้าตาตื่น
มาหาขอบฟ้า  บอกว่าถ้วยฟูแย่แล้วให้รีบไปช่วย  พอไปถึงพบว่าเจ้าแมวตัวดื้อ
เข้าไปแอบอยู่ในซอกตู้แล้วติดแหง็กออกมาไม่ได้ดิ้นรนร้องไม่หยุด
จนขอบฟ้าต้องหาคนมาช่วยขยับตู้ออก  เพื่อช่วยเจ้าตัวแสบออกมา

“พ่อภูขา  หนูรินอยากให้อาฟ้าไปนอนบ้านเราคืนนี้  ได้ไหมคะ”
หนูน้อยอ้อนพ่อแต่มองอาฟ้าตาละห้อยเลย  คนพ่อได้ยินลูกพูดหูผึ่งทันที

“อาฟ้าไปไม่ได้หรอกครับ  ไว้หนูรินเอาเสื้อผ้ามาค้างบ้านอาฟ้าจะดีกว่านะ”

“ให้คุณพ่อมาค้างด้วยได้ไหมคะ  ลูกไม่อยู่พ่อก็ต้องคิดถึงลูกมากแน่ๆ นะคะอาฟ้า”
 แล้วอาฟ้าก็งานเข้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก  จนภูดิศต้องยื่นมือเข้าช่วย

“เตียงอาฟ้านอน 3 คนไม่ได้นะลูก  เดี่ยวพ่อพาอาฟ้าไปนอนบ้านเรา
แล้วก็ขังให้อยู่กับเราที่บ้านเลย  ดีไหมลูก”
หน้าพี่ภูเจ้าเล่ห์มาก  คนลูกก็พยักหน้าหงึกหงักยิ้มแก้มแทบแตก

“พ่อกับลูก  อย่ามาเจ้าแผนการครับ  กลับบ้านกันได้แล้ว  พรุ่งนี้ต้องไปเรียนแต่เช้า
 วินวินไปกันอาฟ้าครับจะส่งหาพ่อน้ำ  จะได้ให้พี่เก่งพาอาบน้ำเตรียมเข้านอน”

“วินวินก็จะไปอยู่บ้านอาภูด้วยนะ  ตามอาฟ้าไป” หนูน้อยขอตามไปด้วย

“ได้สิครับ  พรุ่งนี้ตอนเย็นนะ  ไปค้างบ้านอาภูกันเนาะ”
พี่ภูสรุป  ทำเอาขอบฟ้าอ้าปากจะปฏิเสธก็ถูกดุนหลังให้เดินนำออกมาข้างนอกเสียก่อน

“พรุ่งนี้พี่มารับตอนเช้า  เย็นไปทานข้าวบ้านพี่นอนนู้นเลยนะ  พี่คิดถึง”
 พี่ภูกระซิบข้างหูในตอนท้ายให้ได้ยินกันสองคน

“พี่ภู  คุณแม่คงไม่ชอบใจ  ยิ่งเกลียดๆฟ้าอยู่นะครับ”  หน้าเศร้าอีกแล้วตัวเล็กของเขา

“คุณย่าบอกว่ารักอาฟ้านะคะ  แต่อาฟ้าดื้อ  จึงถูกคุณย่าลงโทษ  อาฟ้าก็อย่าดื้อสิคะ”
หนูรินบอกอย่างที่ได้ยินมา  ขอบฟ้าอายที่ถูกมองว่าดื้อไปเสียแล้ว

“ก็คุณพ่อหนูริน  ชวนอาฟ้าดื้อกับคุณย่าไงล่ะ”
 ขอบฟ้าโยนให้คนตัวโตที่มีส่วนผิดอยู่ด้วยเหมือนกัน

“คุณย่าไม่โกรธอาฟ้านานหรอกครับ  เดี๋ยวพ่อจะช่วยพูดกับคุณย่าไม่ให้ลงโทษอาฟ้านะ”
ภูดิศบอกทำให้หนูน้อยยิ้มดีใจ  ส่วนขอบฟ้ามองหน้าคนตัวโตแล้วส่ายหน้าทำอะไรคิดอะไร
ดูช่างง่ายดายไปเสียหมด  หากมันง่ายขนาดนั้นเรื่องจะคาราคาซังจนถึงตอนนี้หรือไง
คนตัวเล็กคิด

“พรุ่งนี้เจอกันครับ  ไม่เครียดนะ  วินวินจะหลับคาบ่าแล้วครับ  พี่ไปก่อนนะตัวเล็ก”
แล้วพี่ภูก็ขยี้ผมเขาก่อนไปขึ้นรถแล้วขับออกไป


ขอบฟ้าอุ้มวินวินมาจะส่งให้พี่น้ำ  เท้าก้าวพ้นทางเดินจนจะถึงหน้าห้องพี่น้ำแล้ว
แต่เสียงพี่น้ำที่ดังรอดมาให้ได้ยินทำให้เท้าสะดุดหยุดเพียงแค่นั้น

“อย่ามายุ่งกับผมอีก  ในเมื่อคุณเลือกที่จะทิ้งผมไปแล้ว  จะกลับมาอีกทำไม
ผมอยู่ได้มาตั้งนานโดยไม่มีคุณ  อย่ากลับมาอีกเลย  เบน!!! ผมบอกให้หยุดพูดไง
อย่ามายุ่งหรือแตะต้องลูกเด็ดขาด  ใช่เขาเป็นลูกผม  คุณไม่มีสิทธิ์  เขาเป็นลูกผม
เบน!  ไอ้คลิปบ้าบอนั่นไม่ต้องเอามาขู่ผม  โธ่เว๊ย!!”
เสียงพี่น้ำที่ไต่มาถึงขีดสุด  ทำให้ขอบฟ้าต้องถอยหลังออกมาจากตรงนั้น
ตัวชาวูบ  พี่น้ำกำลังเจอกับเรื่องอะไร?  คนที่ชื่อเบนคือใคร?
แล้วเกี่ยวอะไรกับวินวิน  ทำไมเรื่องมันดูซับซ้อนชอบกล
ทางที่ดีคืนนี้ให้วินวินนอนที่บ้านเขาจะดีกว่า  ดูอารมณ์พี่น้ำตอนนี้
ต้องปล่อยให้อยู่กับตัวเองไปก่อน  แล้วขอบฟ้าก็อุ้มหลานเดินกลับไปที่ห้องในทันที

“นอนกับอาฟ้านะครับ  อาฟ้าเปลี่ยนใจแล้ว  ไปอาบน้ำก่อนนะครับ”

จับหลานอาบน้ำเสร็จหาชุดนอนยังพอมีเหลืออีกหนึ่งชุด  แล้วมือเรียวก็ลูบหลังให้
น้องวินวินไปมาสักพักหลานรักก็หลับปุ๋ยไปแล้ว  เจ้าตัวจึงไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน
เหมือนกัน  แต่ข่มตาหลับเท่าไหร่ก็หลับไม่ลง  ครุ่นคิดแต่เรื่องที่ได้ยินมา
จนกว่าจะหลับเล่นเอาเวลาผ่านไปเข้าวันใหม่แล้ว


เก่งมาพาน้องวินวินไปอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน  ขอบฟ้านั่งรอทานมื้อเช้าพร้อมคนอื่นๆ
คุณพ่อคุณแม่ก็มากันพร้อมแล้วอาหารขึ้นโต๊ะเรียบร้อย  แต่ยังขาดพี่น้ำที่ไม่เห็นจะลงมา
จนทานกันเสร็จพี่น้ำก็เดินงัวเงียลงมาสีหน้าดูย่ำแย่  ใต้ขอบตามีรอยค้ำอดนอนมากี่คืนแล้วนะ
น้องชายรอบมองพี่ชายที่หย่อนกายลงนั่ง

“แนน  ฉันขอเป็นกาแฟเข้มๆสักถ้วยแล้วกัน”  พี่น้ำพูดกับเด็กรับใช้

“พี่น้ำไม่ทานอะไรรองท้องไปหน่อยเหรอครับ  สายๆ งานเยอะเดี๋ยวก็พลาดมื้อเช้าจนได้
ทานหน่อยนะ  เดี๋ยวฟ้าตักข้าวต้มให้  สัก 2 - 3 คำก็ยังดี”
ขอบฟ้าเป็นห่วงพี่ชายที่หน้าตาอิดโรยเต็มที  พี่น้ำพยักหน้าแบบฝืนๆ
ขอบฟ้าส่งถ้วยข้าวต้มให้  น่านน้ำรับไปคนอยู่นานอย่างใจลอย
จนมาสะดุ้งต้องตักเข้าปากเมื่อลูกเรียก

คุณพ่อไม่สบาย หายแล้วเหรอครับ  เมื่อคืนวินวินก็เลยนอนกับอาฟ้า”
น่านน้ำมองหน้าน้องชายแล้วยิ้มเนือยๆ ให้ลูกชาย

“ดีขึ้นแล้วครับ  ทานข้าวเสร็จแล้วเหรอลูก”  น่านน้ำสังเกตถ้วยข้าวของลูกที่ว่างเปล่า

“ครับ  วินวินทานหมด  เก่งๆ คุณพ่อทานให้หมดนะ”  ใครทานหมดจะเก่งอาฟ้าบอกไว้
 ทำเอาน่านน้ำต้องตักข้าวใส่ปากไปอีกคำที่เห็นลูกน้อยนั่งจ้อง

“ตาน้ำ  ไม่สบายก็พักๆ บ้าง  งานขยายตลาดก็เริ่มจะลงตัวแล้ว  มีอะไรด่วนๆ
 ก็ส่งๆ มาพ่อช่วยเอง” คุณพ่อบอกเพราะเห็นหน้าลูกชายคนโตดูไม่ค่อยดี

“นั่นสิคุณ  หมู่นี้ดูหน้าตาเราไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นะ  ไม่ไหวก็พักบ้างเงินทองมากมาย
ใช้กันไม่หมดแล้ว  ห่วงสุขภาพเถอะ” คุณแม่สนับสนุนอีกเสียงหนึ่ง

“ไม่เป็นไรครับคุณพ่อคุณแม่พ้นช่วงนี้ไปแล้วก็จะมีเวลามากขึ้น  ผมยังไหวครับ”
แล้วก็มองๆ มาที่ขอบฟ้าเหมือนมีอะไรจะพูดแล้วก็นิ่งเงียบไป







หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 27 พ่อตัวจริง
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 18-12-2018 13:34:06
ตอนที่ 27 พ่อตัวจริง

“ตั้งใจเรียนนะครับลูก  เป็นเด็กดีนะ” น่านน้ำเดินมาส่งวินวินขึ้นรถ

“พี่น้ำ  เย็นนี้ฟ้ากับหลานไปค้างบ้านพี่ภูนะครับ  พี่น้ำมีเรื่องไม่สบายใจ
อะไรก็รีบๆ เคลียร์นะครับ  อยากเห็นพี่น้ำกลับมาสดใสเหมือนที่เป็น
ฟ้าเป็นห่วงพี่น้ำนะ” ขอบฟ้าส่งยิ้มให้พี่ชาย

“ขอบใจมากนะฟ้า  ดูแลหลานดีๆด้วยแล้วกัน" น่านน้ำโบกมือให้น้องกับลูกชาย
จนรถเคลื่อนพ้นประตูบ้านไป  แล้วจึงเข้าไปหยิบกระเป๋าทำงาน  แล้วกลับมาขึ้นรถขับออกมา


เมื่อคืนเขาแทบไม่ได้นอนเอาเลยหลังจากวางสายจาก  ผู้ชายเลวที่คุกคามชีวิตเขาอยู่ในตอนนี้
เขารู้ว่าโดนติดตามโดยคนชุดดำแทบทุกที่จนเหมือนเงาตามตัว  ตอนนี้ก็มีรถสีดำติดฟิล์มมืด
ขับตามมาติดๆ น่านน้ำรู้ว่าจะต้องเผชิญกันเสียทีให้มันจบๆ ไปโดยเร็วอย่างที่น้องชายบอกไว้
จึงจอดรถเข้าข้างทางแล้วลงไปยืนที่ข้างรถ  แล้วรถคันหลังก็จอดต่อท้าย  ชายชุดดำหน้าเข้ม
แต่งกายสะอาดสะอ้านดูดีลงมาและเดินมาตรงที่เขายืน

“สวัสดีครับคุณน่านน้ำ  นายให้เชิญคุณไปที่รถครับ” ชายชุดดำพูดเสียงสุภาพ
“นำไปสิ  อ่อ!  ขับรถนี่ตามมาด้วยล่ะ” แล้วน่านน้ำก็ส่งกุญแจให้ชายชุดดำไป
แล้วก้าวยาวๆ ไปที่รถที่เปิดประตูรออยู่เขาขึ้นไปนั่งเบาะหลังที่มีชายหนุ่มผิวสองสี
หน้าตาคมคายบอกเชื้อสายไปทางคนฝั่งทะเลทางใต้

“มีอะไรก็ว่ามา  ต้องไปทำมาหากิน” น่านน้ำเปิดปากพูดขึ้นก่อน

“น่านน้ำ  ไม่พบกันนานทักเพื่อนเก่าแบบนี้เหรอครับ  เราไปหาที่สงบๆ
เป็นส่วนตัวคุยกันหน่อย  ผมรับรองสวัสดิภาพครับ  ผมคนจริง  น้ำก็รู้”
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่แต่งกายดูดีหน้าตาคมคาย  คิ้วเข้ม  จมูกโด่ง
ตาโตคมอย่างกับตาเหยี่ยว  ผิวคล้ำแต่ดูละเอียดเนียน  พูดพร้อมกับยกยิ้มมุมปาก
รอยยิ้มที่น่านน้ำเคยหลงใหลเมื่อนานมาแล้ว

“คุยมันตรงนี้แหละ  ผมไม่ไปกับคุณ” น่านน้ำชักสีหน้าตึง  ตาดุขึ้นมาทันที
 แต่คนตรงหน้าก็ยังมองว่าเจ้าตัวดูน่ารัก  น่ามองอย่างกับแมวที่พองขนขู่

“น้ำครับ  เรื่องของเรา  เอ่อ! เรื่องที่จะคุยมันต้องใช้เวลาพอสมควร
ผมไม่รังแกคุณหรอกน่า  นอกเสียจากว่าคุณจะ…”
หนุ่มหน้าคมเลิกคิ้วมองมาอย่างยั่วยุอารมณ์

“อย่าพูดจาพล่อยๆ เสียเวลา  จะไปคุยที่ไหนก็พาไป” น่านน้ำเสียงเขียวใส่คนตรงหน้า
ที่ยังยิ้มยั่ว  น่านน้ำรู้ว่าถูกยั่วยุเพราะไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหนเขาก็เป็นรองคนผิวเข้มนี่อยู่ดี
คนขับถูกสั่งให้ออกรถไปยังที่แห่งหนึ่งทันที  รถแล่นอย่างเร็วออกนอกเมือง
ไม่นานก็หยุดรถที่บ้านพักตากอากาศหลังใหญ่  ที่แวดล้อมไปด้วยสวนสวยที่จัดแต่งอย่าง
ประณีตบรรจงมีลานน้ำพุ  และบ่อปลาคราฟสีส้มบ้าง สีขาวบ้างที่พากันแหวกว่ายอย่างอิสระเสรี
น่านน้ำมองเพลิน  มาสะดุ้งเมื่อเดินเข้ามาด้านในตัวบ้าน  เหล่าผู้ติดตามไม่มีมาให้เห็นอีกเมื่อเสิร์ฟน้ำทิ้งไว้ให้

“ดื่มน้ำส้มสักหน่อยนะ  เปรี้ยวหน่อยๆ แบบที่น้ำชอบ”
พูดเอาใจคนตัวขาวที่หน้างอง้ำมึนตึงอย่างไม่สบอารมณ์
เจ้าตัวปรายตามอง  และไม่คิดจะแตะต้องเลยสักนิด

“น้ำครับ  เรื่องมันก็ผ่านมานานมากแล้ว  ไม่คิดจะยกโทษให้ผมสักครั้งเลยเหรอ
ถ้าย้อนกลับไปได้ผมจะไม่ทำให้คุณเสียใจ…และจะไม่ทิ้งคุณไป
อภัยให้ผมเถอะนะครับ”
ตาคมสั่นไหว พูดเสียงออกจะสั่นไปตามอารมณ์ที่เหมือนถูกบีบเค้น

“สิ่งที่คุณทำมันอภัยให้กันได้ง่ายๆ งั้นหรือ  กับเรื่องเลวๆ ที่คุณทำไว้กับทรายและลูก
คุณยังกล้าขอให้ผมอภัยงั้นเหรอ  เบนซิน” น่านน้ำขึ้นเสียงอย่างเหลืออดเช่นกัน

“น้ำเชื่อผมเถอะ  เรื่องคืนนั้นเป็นเพราะผมเมา  ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเกิด
ผมมองเห็นทรายเป็นคุณ  เธอวางยาผม  เธอตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้น
มันเป็นแผนของเธอ  เธอต้องการที่จะจับผม  ทำให้คุณเข้าใจผมผิด
เธอแอบรักผม  ผมผิดมากหรือไง  ผมรักคุณนะน้ำ  ทรายเองเธอก็รู้ทั้งรู้ เธอยัง…”
ชายหนุ่มคิ้วเข้ม  ย้อนรำลึกถึงเรื่องในอดีตที่มันเกาะกินทั้งเขาและคนที่เขารัก
มานานเขาไม่คิดจะกักเก็บมันไว้อีกต่อไป  ต้องให้คนตรงหน้ารับรู้ให้สิ้น

“หยุดพูดเดี๋ยวนี้!!  ผมบอกให้หยุดพูดจาว่าร้ายทรายเสียที 
ถึงยังไงเธอก็ตายไปแล้ว แล้วก็เป็นแม่ของลูกผม”
คนตัวขาวสีหน้าร้อนรนและระทมทุกข์กับถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังจากปากคนเคยรัก

“น้ำ  วินวินไม่มีทางที่จะใช่ลูกของคุณ  ถึงผมจะไม่เคยรู้
หรือไม่เคยดูดำดูดีเขามาก่อน  แต่วินวินก็เป็นลูกผม  ผมตรวจสอบแล้ว
ผลตรวจดีเอ็นเอผมก็มี  ผมแค่ต้องการรับผิดชอบทั้งลูกและคุณ
ผมขอโอกาส  ให้โอกาสพ่อเลวๆ คนนี้สักครั้ง  และผมที่เคยทิ้งคุณไป
ถ้าไม่เพราะคุณบีบบังคับผมให้ต้องรับผิดชอบทราย  ผมคงไม่คิดโง่ๆ
ที่หนีไปแบบนั้น  ผมมันขี้ขลาดเกินไป  ถ้าผมลุกขึ้นมาปกป้องตัวเอง
ผมคงไม่เสียคุณไป  ได้โปรดยกโทษให้ผม”

“เบน  หยุด!!!  พอที   คุณกลับมาอีกทำไม  ออกจากชีวิตเราพ่อลูกไปเสียเถอะ
ผมขอเป็นครั้งสุดท้าย  ให้ชีวิตที่เหลือของผมได้ใช้กับลูกเถอะ  วินวินเป็นชีวิตของผม
ไปแล้ว  อย่าพรากเขาไปจากผม  คุณทำลายมันไปหมดแล้วทั้งความรัก
ความเชื่อใจ  ผมขอร้องละ” น่านน้ำร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนักปานจะขาดใจ
กำแพงหนาที่เขาก่อมันปิดกั้นตัวเองมานานเหลือเกิน
ความเจ็บปวดที่มันฝังลึกสู่ตรงกลางจิตใจที่เขาไม่เคยให้ใครได้ล่วงรู้
เขาเจ็บปวดทรมานที่สุดแล้วตอนนี้  กำแพงมันเริ่มกร่อนเพราะคนตรงหน้า
เพราะผู้ชายที่เขารักมากจนไม่คิดรักใครอีกคนนี้กลับมา

“น้ำ  ความผิดที่ผมได้เคยทำผิด  ผมขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียวแล้วกัน
จะไม่ให้ผมพูดก็ได้ว่าเพราะใครทำ  อย่าได้ทรมานผมอีกเลยน้ำ
ผมรักคุณนะ  ที่มาไม่ได้จะพรากลูกไปจากคุณ  ลูกเป็นของคุณ
แต่คุณเป็นของผม  เด็กชายธนดลเขาคือลูกของนายธนกฤต
น้ำก็รู้ว่ามันเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
เรามาช่วยกันเลี้ยงเขาให้เติบโตและเป็นคนดีด้วยกันเถอะนะ ผมขอร้อง”

“พอเถอะ  เบนซินกับน้ำ  ไม่มีวันที่จะเข้ากันได้  ไม่มีวัน  คุณได้ยินไหม”
น่านน้ำพูดเสียงแหบโหย

“ทางเดียวที่เราจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ก็ลูกไงครับน้ำ
ลูกทำให้เราแยกกันไม่ได้  น้ำรักลูก  ผมไม่ได้เลี้ยงเค้าแต่เค้าก็เลือดเนื้อของผม
ครึ่งหนึ่งผมรักเค้าได้อาจจะไม่มากเท่าที่คุณรัก  แค่คุณให้โอกาสผม”
พูดจบเบนซินก็ทรุดตัวลงไปคุกเข่าต่อหน้าน่านน้ำแล้วรวบเอวของน่านน้ำไว้แน่น
อ้อมกอดที่โหยหามาแสนนาน  กอดที่รอให้คนตรงหน้าอภัย
น่านน้ำยืนตัวแข็งอยู่กับที่  ผู้ชายคนนี้ไม่เคยต้องคุกเข่าให้ใคร  เขารู้

“ลุกขึ้นเถอะ  อย่าบีบคั้นผมตอนนี้เลย”
น่านน้ำพูดทั้งน้ำตาที่อาบแก้ม เสียงสั่นๆ

“น้ำ  รับปากผมสิครับ  ว่าจะยกโทษให้ผม  อภัยให้ผม
เราจะช่วยกันเลี้ยงลูกนะครับ คนดี” น้ำตาลูกผู้ชายเอ่อท้น
เบนซินผู้ชายที่ไม่เคยเสียน้ำตาให้กับใครมาก่อน  แต่เขาต้องมาหลั่งน้ำตา
ให้กับคนตรงหน้า  เขาแพ้แล้วทุกทางแพ้ให้กับคนตัวเล็กคนนี้

“เบน  อย่าทำแบบนี้  ศักดิ์ศรีของคุณไปไหนหมด
จะมาเสียน้ำตาและคุกเข่าให้ใครแบบนี้ง่ายๆ ได้ยังไง  ลุกขึ้นเถอะ”
น่านน้ำประคองเบนซินให้ลุกขึ้นแล้วเผลอเช็ดน้ำตาให้  ตัวเองก็น้ำตานองหน้าเช่นกัน

“ผมยอมแล้ว  ยอมคุณทุกอย่าง  แค่อย่าผลักไสผมไปจากคุณ
อย่าดูหมิ่นค่าความรักที่ผมมี  ผมอาจจะเคยทำผิดซึ่งมันจะด้วยเหตุใดก็ตาม
ขอให้รู้ไว้นั่นไม่ใช่ว่าผมไม่ได้รักคุณ”
เบนซินลุกขึ้นแล้วรวบกอดน่านน้ำไว้กับอก  กอดให้แน่นพอ  ให้รู้สึกว่ารัก
แต่เขาจะไม่กอดแน่นจนคนถูกกอดต้องเจ็บอีกเป็นแน่
น่านน้ำกอดตอบ  กำแพงน้ำแข็งมันได้ถูกความร้อนจากเบนซินหลอมละลายแล้วในตอนนี้
เขาหมดสิ้นแล้วทิฐิ  เขายอมแพ้แล้วจริงๆ

“เรามาเริ่มกันใหม่นะครับ  ครั้งนี้ผมจะไม่ยอมให้อะไรมาพรากความรักของเราได้อีก”
เบนซินพูดพร้อมกับแนบริมฝีปากประทับจูบแผ่วเบาที่หน้าผาก  เปลือกตาทั้งสองข้าง
แล้วก็แนบลงที่ริมฝีปากบางเฉียบนุ่มตรงหน้าที่เคยคุ้นและรู้ว่าหวานมากแค่ไหน
จูบที่ดูดดื่มเรียกร้องไม่มีทีท่าจะจบลง  จนคนตัวขาวขืนตัวแล้วนั่นแหละเบนซินจึงหยุด

“เบน  พอเถอะ  น้ำต้องไปทำงานแล้ว”

“ผมไปส่งนะ  รถก็จอดไว้ที่นี่  เลิกงานผมไปรับนะครับ  แล้วเราไปดินเนอร์กัน
ผมรู้ว่าลูกไม่อยู่ไปค้างบ้านแฟนของน้องฟ้า  น้ำไม่รีบกลับหรอก  จริงไหมครับ”
หน้าตาคนพูดมีประกายความหวังเรืองรอง  ต่างจากสักครู่ที่มันสิ้นหวังเสียเหลือเกิน

“พวกสโตกเกอร์  ตามติดชีวิตคนอื่นยิ่งกว่าเงาตามตัว
น้ำไม่แจ้งตำรวจก็ดีขนาดไหนแล้ว  รู้ไปเสียทุกสิ่งทุกอย่าง”
น่านน้ำพูดเหน็บแนม  ปากบางๆ ที่บวมเจ่อจากโดนรุกดูน่าทำให้ช้ำเสียอีกที
เบนซินมองกลีบปากนี้ไม่วางตา

“น้ำเป็นของผม  ตามดูแลต่างหากล่ะ  ลูกน้องผมรู้กันทุกคน
ว่ามีหน้าที่อารักขาอย่างเดียว  ห้ามทำให้เกิดรอย
นอกเสียจากรอยนั้นเกิดขึ้นจากผม  จริงๆ นะไอ้คลิปอะไรนั่นไม่มีจริงหรอก
ใครจะถ่ายไว้ล่ะ  ถ้าหลุดไปคนก็เห็นน้ำของผมทั้งเมืองสิครับ
หวงครับ ไว้ดูแค่คนเดียว”
น่านน้ำขึงตาใส่  ก็ไม่ใช่เอาคลิปมาขู่เหรอ  เขาถึงได้ไม่เป็นอันกินอันนอนแบบนี้
ต้องร้อนรนจนต้องมาตกเป็นเบี้ยล่างให้กับคนคนนี้อีกครั้งแล้ว

“ไปส่งน้ำเถอะเบน  สายมากแล้ว  เดี๋ยวคุณพ่อไม่เจอจะเป็นห่วง
แล้วก็ขอให้เรื่องของเราค่อยเป็นค่อยไปก่อนนะ
คุณแม่ยังเครียดเรื่องฟ้ากับพี่ภูไม่หายเลย  อย่าเพิ่มเรื่องของเราให้ท่านตอนนี้เลยนะ”

“ผมไม่รับปากจะดีกว่า  แต่คุณหญิงแม่ท่านก็มีหลานแล้วท่านไม่เครียด
กับน้ำมากหรอก  เชื่อผมเถอะ”

“น้ำก็ต้องกลัวไว้ก่อนสิ”
ท่านจะอกแตกไหมนะลูกชายสองคนไม่มีใครหาสะใภ้เข้าบ้านให้ท่านได้เลย น่านน้ำนึกหวั่นใจ





หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 26 - 27 มาแล้ว!!!!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 18-12-2018 20:04:33
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 26 - 27 มาแล้ว!!!!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 18-12-2018 22:06:09
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 28 ค้างบ้านพี่ภู
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 19-12-2018 19:36:08
ตอนที่ 28 ค้างบ้านพี่ภู

เย็นนี้บ้านของภูดิศเป็นที่ครึกครื้นเพราะมีเพื่อนของขอบฟ้ามารวมตัวกันที่นี่
หมอคีรีและพี่เมศก็มา  นมพร้อมกับป้าแก้วยิ้มแก้มปริที่เห็นพี่น้องพูดคุยกันมากขึ้น
เด็กๆ ก็พลอยวิ่งเล่นกันเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวสนุกสนานไปด้วย  ทั้งนี้ทั้งนั้นนมพร้อม
มองว่าเป็นพราะหนูฟ้าที่ทำให้คุณหนูตัวโตที่นางเลี้ยงมาเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้


ขอบฟ้าเข้าไปช่วยงานในครัวเหมือนเคยโดยมีคนตัวโตแวะเวียนไปช่วยหยิบ
โน่นส่งนี่ให้ไม่หยุด  นมพร้อมเห็นแล้วก็อดที่จะเอื้อเอ็นดูทั้งสองเสียไม่ได้
คนนี้สินะที่นางเฝ้าคอยอยากจะเห็น  ให้มายืนเคียงข้างคุณหนูตัวโตของนาง
เป็นหนูฟ้าก็เหมาะสมกันดีแล้ว  มองไปที่คุณภูเมศเห็นมีหนุ่มน้อยหน้าตาคมเข้ม
คอยดูแลเอาอกเอาใจไม่ห่าง  คุณท่านบ้านใหญ่ระแคะระคายบ้างหรือยังก็ไม่รู้
น่ากลัวจะเป็นเรื่องอีกแน่ๆ

“ตาเนียนวิ่งทะเล่อทะล่ามาทำไม  มีอะไร  ทำยังกับโดนไฟรนก้นมาอย่างนั้นแหละ”
ป้าแก้วร้องทักลุงเนียนที่มาอยู่แนวรั้วหน้าบ้านแทนการทำสวน  เพราะวันนี้มีแขกมากันหนาตา

“นมพร้อม  เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ  คุณท่าน…คุณท่านบ้านใหญ่มาครับ”
ลุงเนียนกระหืดกระหอบเข้ามา  เล่าไปหอบหายใจจนตัวโยนไปด้วย

“อ้าว! แม่แก้วมาดูเตานี่  เฝ้าฟืนไฟไว้ดีๆ ทำๆ ไปก่อนเลยนะไม่ต้องรอ
เดี๋ยวฉันไปรับหน้าท่านก่อน  คุณหนูขา  คุณเมศขา  คุณปู่ท่านมาค่ะ
ไปอยู่ไหนกันหมด  ใครไปตามคุณหนูให้ฉันที”
นมพร้อมตะลีตะลานออกไป  เป็นที่โกลาหลไปตามๆ  กันที่คุณท่านบ้านใหญ่
มาเยือนร้อยวันพันปีท่านไม่เคยเยี่ยมกรายเข้ามา

“แม่พร้อมที่นี่มีงานอะไรกัน  รถจอดเต็มไปหมด  เสียงเด็กก็เล่นกันเจี๊ยวจ๊าวซะจริงๆ”
 คุณท่านเสียงมาก่อนตัว  นมพร้อมรีบไปรับหน้า

“สวัสดีค่ะคุณท่าน  พอดีวันนี้เพื่อนคุณภูกับคุณเมศมาทานข้าวกันน่ะค่ะ
ก็เลยคึกคักไปสักหน่อย” นมพร้อมตอบไม่เต็มเสียงนัก

“อ้าว ! เหรอ!  ไอ้สองคนก็อยู่กันด้วยเหรอ  เออ!  แปลกจริงๆ”
คุณท่านพูด  พร้อมสอดส่ายสายตามองหาเจ้าหลานชายตัวแสบสองคน

“สวัสดีครับ  คุณปู่  สบายดีแล้วนี่ครับ  แขนถอดเฝือกแล้วด้วย”
ขอบฟ้าเห็นคุณปู่จึงรีบออกมาต้อนรับอีกแรง

“หนูฟ้า  ปู่หายดีแล้ว  เดินเหินไปไหนมาไหนคล่องตัว  เลยออกจากบ้านมาดูความเป็นไป
ของพวกตัวโตๆ มันสักหน่อยน่ะ”  คุณท่านพูด สีหน้าดูผ่อนคลาย
เหมือนๆ จะสบายอารมณ์ด้วยซ้ำถ้านมพร้อมดูไม่ผิด  และออกจะเอ็นดูหนูฟ้าอีกคนด้วยสิ

“คุณทวด  สวัสดีค่ะ  หนูรินคิดถึงจัง”  เด็กหญิงวิ่งมาเกาะแขนท่าน
คุณปู่ก็ลูบหัวท่าทีดูอ่อนลงไปมากกว่าคราวแรกที่ขอบฟ้าพาไปเจอท่านมา
หรือว่าวันนี้จะมีแต่เรื่องดีๆ ขอบฟ้าคิดหวังในใจ

“คิดถึงก็ให้เจ้าภู มันพาไปหาสิ”  คุณปู่พูดเป็นเชิงอนุญาต

“ค่ะ  อยากเห็นปลาคราฟด้วย  เดี๋ยวให้พ่อภูพาไป” หนูรินยิ้มยิงฟันขาว

“คุณปู่อยู่ทานมื้อเย็นก่อนค่อยกลับนะครับ  เดี๋ยวฟ้าไปดูในครัวช่วยป้าแก้วสักครู่นะ
แล้วจะตามไปคุยด้วย” ขอบฟ้าปลีกตัวไปช่วยงานในครัวต่อ

“คุณท่านไปที่ห้องรับแขกก่อนสิคะ  เดี๋ยวอิฉันจะนำไปเอง”
นมพร้อมรีบพาท่านไปหาที่นั่ง  พอดีภูดิศกับภูเมศตามมาสมทบ
หมอคีรีก็มาช่วยดึงความสนใจอีกคน  ต่างชวนคุณปู่พูดคุยไม่หยุดปาก
ท่านพลอยได้หัวเราะกับมุกขำๆที่หมอคีรีนำมาแบ่งปัน
ส่วนพีทและซีเกมส์ก็ช่วยกันจัดโต๊ะอาหารและดูแลเด็กๆ ไปด้วย

“อาหารพร้อมแล้วค่ะ  ไปที่ห้องรับประทานอาหารกันเถอะค่ะ”
 นมพร้อมเชื้อเชิญให้ไปรวมกันที่โต๊ะ

“มาทานพร้อมๆ กันเลยสิแม่พร้อม” คุณปู่ชวนนมพร้อม
แต่ก็ยากอยู่สักหน่อย  เพราะแกมักจะอ้างว่าต้องดูแลจัดการในครัวอีกตามเคย

“คุณท่านทานกันไปเถอะค่ะ  อิฉันต้องไปดูเด็กๆ ในครัวว่าเก็บงำอะไรกันดีมั๊ย
แล้วก็ยังไม่หิวด้วยค่ะ” พูดจบ นมพร้อมก็เดินลิ่วๆ เข้าครัวไปตามเคย
 

ขอบฟ้านั่งใกล้คุณปู่กับน้องวินวิน  คุณปู่สีหน้าดูมีความสุขมากขึ้น
ทานอาหารไปได้เรื่อยๆ เด็กๆ ตักทานกันเอง ลุงเมศกับพ่อภูผลัดกัน
ดูแลหนูรินด้วย  พีทก็มีแอบบริการพี่เมศบ้างตอนคุณปู่เผลอ
เพราะพีทกลัวพี่เมศจะถูกเพ่งเล็งเพราะขอบฟ้าเคยเล่าให้ฟังถึงกิตติศัพท์ท่าน
แต่สายตาคนอาบน้ำร้อนมาก่อนก็ไม่เคยพลาด  เมื่อดูท่าทีหลานชายคนโต
ที่ยอมให้เด็กหนุ่มเข้าใกล้ตัวมากในบางจังหวะ  คนนี้สินะเจ้าเมศคนของแก
ท่านทำไม่รู้ไม่เห็นไปตามเกม

“คุณทวดขา  ทานปลาไหมค่ะ  หนูรินแบ่งให้”
เด็กหญิงพยายามส่งปลาในจานที่พ่อภูแกะให้จะเอาให้คุณทวด

“กินเถอะ  ทวดมีแล้ว  อาฟ้าแกะมาให้เยอะแยะ  เอาอีกไหมล่ะ เอาของทวดไป”
เด็กหญิงตาวาวพยักหน้า  คุณปู่ก็ตักมาให้ 1 ชิ้นใหญ่ๆ ภูดิศกับขอบฟ้ามองหน้ากันพลางยิ้ม
นี่ก็เป็นอีกช่วงเวลาดีๆ ที่น่าจดจำ  ความน่ารักใสซื่อของเด็กๆ มักจะกร่อนใจที่ว่าหินๆ
ได้เหมือนกันละนะ  ทั้งสองคิดเหมือนๆ กัน


พอมื้ออาหารผ่านไปคุณปู่ก็นั่งพักสักครู่ก็ขอตัวกลับคนแรก
ทุกคนพากันมาส่งคุณปู่ที่รถที่มีคนขับมาจอดเทียบรอท่าไว้แล้ว
ภูดิศพยุงท่านไป  ภูเมศก็ปราดไปเปิดประตูให้นั่ง  แล้วรถก็เคลื่อนออกไป
สองพี่น้องถอนใจออกมาเฮือกใหญ่


ทุกคนพากันนั่งล้อมวงคุยกันที่ห้องนั่งเล่น  หมอคีรีก็ยังเป็นจุดขายที่ดี
ชวนคุยไม่หยุดปาก  จนต้องร้องขอน้ำดื่มมาบรรเทาอาการคอแห้งอยู่บ่อยครั้ง
พีทดูจะแย่งซีนไปจากคู่ของภูดิศ  เพราะคอยเอาอกเอาใจภูเมศไม่ห่าง
จนภูเมศเสียอีกที่มีอาการขัดเขินให้ได้เห็นที่เป็นจุดเด่น

“พีท  อย่ารุ่มร่ามใส่พี่เมศมากนัก  พี่เขารำคาญแล้ว  พี่เมศให้ซีช่วยตบกระโหลกให้ไหมครับ
ซีจัดให้ได้นะ” ซีเกมส์อดหมั่นไส้พีทไม่ได้ที่ทำออกหน้าออกตา

“ซี  อย่าอิจฉาเพื่อนสิครับ  พี่หมอยังว่างอยู่อีกคนนะ  ซีก็ไปจีบพี่หมอเลยไป”
พีทว่าเพื่อน  แต่ดันโยนไปให้พี่หมอซึ่งไร้คู่เหมือนกัน  ซีเกมส์ทำตาโตน่ารัก
ยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้พี่หมอ

“พี่หมอโสดจริงป่ะ  งั้นพรุ่งนี้เราไปเดทกันนะครับ”
ซีเกมส์ส่งสายตาปิ๊งๆ ให้พี่หมอ  หมอหนุ่มยิ้มเก้อเป็นครั้งแรกที่ถูกแซว

“พี่หมอจะจิตๆ หน่อยนะครับ  น้องซีจะกล้าไปด้วยเหรอครับ”
 แล้ววงสนทนาก็เฮรับกันไปกับคำพูดพี่หมอที่แก้ลำกลับมา

“อ้าวกลับกันเด็กๆ จะได้นอน ไปฟ้า ทางผ่านบ้านเดี๋ยวไปส่งให้”
ซีเกมส์ชวนเพื่อนกลับ  ขอบฟ้ายิ้มอายก็วันนี้เขาไม่กลับ  จะใจดีเกินไปไหมเพื่อนรัก

“ไม่เป็นไรซี  เดี๋ยวพี่ภูไปส่ง”
ขอบฟ้าตอบเพื่อนรักออกไปไม่เต้มเสียงนัก

“ไม่เป็นไรเลยฟ้า  ห่างจากบ้านพี่ภูตั้งหลายกิโล  พี่ภูยังต้องส่งหนูรินเข้านอน
มาน่าซีไปส่งเอง  ไม่ต้องเกรงใจไป”  ซีเกมส์ยังไม่เลิกตื้อจะไปส่งให้ได้

“ซี  วันนี้ฟ้าไม่กลับครับ  ค้างกับพี่ที่นี่”  พี่ภูพูดยิ้มๆ คนตัวเล็กอายสายตาหลายๆ คู่
ที่มองมาอย่างล้อๆ และหน้าเจ้เล่ห์สุดก็ซีเกมส์นั่นแหละ  จึงรีบไปยืนหลบหลังคนตัวโต 

“ก็เพราะว่ารู้ไงล่ะ  ถึงได้อยากไปส่ง  น้องวินวินบอกตั้งแต่ก่อนค่ำแล้ว  ฮ่าฮ่า”
 ขอบฟ้าหลงกลเพื่อนจนได้

“ไอ้ซี มันแกล้งฟ้า  พี่ภูดูมัน”  ขอบฟ้าโผล่แค่ลูกตาให้เพื่อนเห็น
 เรียกเสียงหัวเราะกันครืน  แล้วต่างก็แยกย้ายกันกลับไปจนหมด


ทั้งสองพาเด็กๆ อาบน้ำจะพาเข้านอน  เด็กๆ นอนห้องเดียวกัน
ภูดิศทำหน้าที่อ่านนิทานเหมือนเคยจนจบ  เรื่องต่อไปสองหนูน้อยขอให้
อาฟ้าอ่านบ้าง  ขอบฟ้าอ่านไปได้ครึ่งเรื่องเด็กๆ ก็พากันหลับปุ๋ยไปเสียแล้ว
ขอบฟ้าจึงต่อโทรศัพท์หาพี่ชายในทันที  อย่างนึกเป็นห่วงจากสีหน้าที่เห็น
เมื่อเช้าซึ่งไม่ดีเอาเสียเลย

“พี่น้ำ  ทานข้าวบ้างนะครับ  วินวินหลับแล้ว  ไม่ต้องเป็นห่วงนะ
 เอ่อ! ครับ  พี่น้ำอยู่ไหนครับเนี้ย  นั่นเสียงใคร  เป็นอะไรหรือเปล่า
ไม่เป็นไรแน่นะครับ  พี่น้ำปลอดภัยจริงๆ ใช่ไหม  อืม...แล้วเจอกัน”
ในระหว่างที่คุยโทรศัพท์มีเสียงพูดแทรกเข้ามา
`น้ำครับ  อาบน้ำกัน  ผสมน้ำอุ่นให้แล้ว  อ้าว! คุยโทรศัพท์เหรอ`
แล้วพี่น้ำก็บอกว่าไม่มีอะไร  ไม่ต้องห่ว ง ใครกันนะชวนพี่น้ำของเขาอาบน้ำ
ความลับเยอะจริงพี่ชาย  ขอบฟ้าหน้านิ่วคิ้วขมวดจนภูดิศเดินมารวบตัว
พาไปที่ห้องนอน  จับให้นั่งลงที่เตียง

“เป็นอะไรครับหน้าเครียด  คุยกับน้ำมาเหรอ”
ภูดิศถาม  ขอบฟ้าก็พยักหน้า  แล้วเล่าเรื่องของพี่น้ำเท่าที่รู้ให้ภูดิศฟังทั้งหมด
คนตัวโตมีสีหน้ายุ่งยากใจแต่ก็กลบเกลื่อนทันควัน  ลูบหัวคนตัวเล็กให้คลายกังวล

“อย่าเครียดเลย  กลับบ้านคราวนี้  น้ำอาจจะยอมเล่าอะไรๆ
ให้น้องฟ้าฟังทั้งหมดก็ได้นะครับ” พี่ภูดึงเข้ามากอด
พรมจูบที่หน้าผาก  ใช้ริมฝีปากขบเม้มที่ปลายจมูกและไล้ลงมาแผ่วๆบางเบาที่ปาก
ไล่งับริมฝีปากเมื่อขอบฟ้าหลบเลี่ยง  ปลายจมูกและปากจึงฝังลงมาที่ซอกคอตรง
แอ่งชีพจร  ลมหายใจอุ่นที่รินรดมาทำให้ขนลุก

“พี่ภูขี้แกล้ง  ไปอาบน้ำเลยครับ  เหม็นเหงื่อ  ไปเลยไป”
ขอบฟ้าดันพี่ภูออก  แล้วแกล้งใช้มือบีบที่จมูกทำเป็นว่าทนกลิ่นกันไม่ได้
ทำเอาพี่ภูขาดความมั่นใจไปหน่อยหนึ่ง

“ไปก็ได้  พี่กลับมา  เราน่ะโดนแน่  ว่าพี่ดีนัก”
แล้วพี่ภูก็คว้าผ้าเช็ดตัว  ก่อนไปยังชี้นิ้วมาคาดโทษกันอีก
คนตัวโตหายไปพักนึงก็กลับมา  ขอบฟ้ารีบแทรกตัวเข้าไปอาบต่อในทันที

“เห่ย  น้องฟ้า  รีบอะไรกันเนี่ย  เดี๋ยวเหอะ  หึหึ” พี่ภูดันประตูห้องน้ำ
แต่ว่าล็อคจึงหัวเราะไล่หันให้ได้ยิน  ขอบฟ้ารีบอาบน้ำเพราะรู้สึกเพลียๆ
ง่วงๆ  ชอบกล  แต่งตัวเสร็จก็แทรกตัวเข้าไปที่ผ้าห่มที่พี่ภูห่มอยู่ก่อนแล้ว

“ฟ้าง่วงแล้ว  มากอดๆกัน  ฝันดีนะครับ  พี่ตัวโต” แล้วก็กดจูบที่หน้าผากพี่ภู

“มาๆ พี่กล่อมนอน”  แล้วคนตัวโตก็กล่อมคนตัวเล็ก
ก่อนจะห้ามใจไม่ไหว พี่ภูก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปเสียก่อน
`พี่ภูรอหน่อยนะ  อย่าโกรธฟ้าเลย  ก็ที่ดูมามันน่ากลัวนี่นา  ไว้ให้ฟ้าพร้อมก่อนนะ`
นึกเห็นใจคนตัวโต  รู้ว่าถึงจะเลี่ยง  จะบ่ายเบี่ยงยังไง  สุดท้ายเขาก็ต้องยอมพี่ภูอยู่ดี
แต่ขอเวลาทำใจอีกสักหน่อย  นอนรอคนตัวโตที่ไม่มีทีท่าว่าจะออกจากห้องน้ำ
 จนเขาเผลอหลับไปก่อน
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 28 ค้างบ้านพี่ภู
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-12-2018 20:45:47
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 28 ค้างบ้านพี่ภู
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 19-12-2018 21:04:10
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 29 บ้านนี้มีลูกเขย
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 20-12-2018 12:41:47
ตอนที่ 29 บ้านนี้มีลูกเขย

ภาพข่าวซุบซิบในวงสังคมไฮโซ มีการพาดพิงถึงสองพี่น้องตระกูลดัง
ที่ว่าคนน้องคบหากับนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงทายาทตระกูลเก่าแก่
คนพี่ของทั้งสองตระกูลก็แอบคบกับหนุ่มนิรนาม
ข่าวนี้ทำเอาเช้าที่สดใสกลายเป็นเช้าที่ออกจะร้อนแรงขึ้นมาทันทีทันใด

“อะไรของพวกแกพี่น้องนักหนา  จะให้สงบอกสงบใจเป็นไม่มี
มีแต่เรื่องให้คนขุดคุ้ย  จิกกัดกันไปวันๆ ฉันอยากจะบ้าตายวันละสามสี่เวลา
ปวดหัวจริงๆ” คุณหญิงศศิกุมขมับแต่เช้า  ไม่ทันไรแนนก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามา

“มีแขกมาขอพบคุณท่านทั้งสองค่ะ  แจ้งชื่อว่าคุณธนกฤต  ทำธุรกิจเรือสำราญค่ะ”
แนนรายการจบ  น่านน้ำลุกพรวดไปหน้าบ้านก่อนใครเพื่อน

“อ้าว!  พี่น้ำเดี๋ยว!  อะไรของเขากันนะ”  ขอบฟ้างึมงำไม่หยุด
รีบเดินออกไปที่หน้าบ้าน  มีรถหรูสีดำเงาจอดอยู่  แล้วก็เห็นพี่น้ำเข้าไปดันผู้ชาย
ที่อยู่ในชุดแต่งกายเรียบร้อยดูดี  เห็นหน้าไม่ค่อยชัดเพราะอยู่ห่างพอควร
จึงเดินเข้าไปใกล้มากขึ้น  พอเห็นหน้าชัดๆ หล่อไม่ใช่เล่น  ผิวเข้มกว่าพี่ภูแต่หน้าคมคายสุดๆ

“เบน!  มาทำไม  น้ำบอกแล้วไงไม่ให้รีบร้อนกับเรื่องของเรา  ไม่ให้วู่วาม!
เบนก็รับปากน้ำแล้วทำไมยังมาอีก  คุณแม่ท่านเครียดๆ เรื่องของฟ้า
แล้วยังมีข่าวซุบซิบของเช้านี้อีก  จะให้น้ำทำยังไง กลับไปก่อนเถอะนะ”
เสียงพี่น้ำที่พูดทั้งร้อนรนและวิตกกังวลพอๆ กัน  คนนี้หรือที่ชื่อ  เบน
ที่ว่าเคยทิ้งพี่น้ำไป  พี่น้ำคบกับผู้ชายแล้วพี่ทรายล่ะ  ยังไงกันนะ

“น้ำครับ  ผมจริงใจกับคุณ  อย่าห่วงกังวลไปเลย  ความจริงก็คือความจริง
ผมรักน้ำนะครับ  คนดี  อย่ากลัวไปนักเลย” 
พี่คนหน้าเข้ม  ตาคม  พูดอย่างตัดสินใจมาเด็ดขาดแล้ว
ดูมุ่งมั่นดี  ขอบฟ้าจึงเดินเข้าไปหาทั้งสองคน

“เอ่อ!...พี่น้ำ…พาแฟนพี่เข้าไปคุยข้างในก่อนเถอะครับ
มีอะไรก็ค่อยๆ พูดกัน  เห่ย! …แล้วนั่น!!! พี่ภูมายังไง
เราไม่ได้นัดกันนะครับ”
ขอบฟ้างงกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญทั้งสองเป็นอย่างมาก

“พี่มีเรื่องจะคุยกับคุณหญิงแม่  ให้พี่คุยเถอะนะครับ  พี่แค่จะมาแสดงความจริงใจ
ไม่ชอบที่มีข่าวซุบซิบให้ปวดหัว  เปิดเผยกันไปเสียให้สิ้นเรื่อง
ไปกันครับ อ้าว! ตามมาสิคุณ”
พี่ภูหันไปชวนแขกอีกคนพากันเดินเข้าไปด้านในเสียดื้อๆ
ทำให้เราพี่น้องได้แต่เดินตามหลังไปติดๆ

“สวัสดีครับ  คุณลุง…คุณป้า ผมธนกฤต  ดิลกทองนุกูลครับ
ที่มาวันนี้อยากมาทำความรู้จักกันครับ  ผมเป็นคนรักของน่านน้ำ
เราสองคน…รักกัน  อยากจะมาแสดงความจริงใจด้วย
ว่าเราไม่ได้ลักลอบคบหากัน”
ผู้ชายคนนี้พูดจาฉะฉานตรงไปตรงมาดี  ขอบฟ้าประเมินดูคนรักของพี่ชาย

“ผมก็รักน้องฟ้าครับ  คุณพ่อ  คุณแม่  อย่ากีดกันพวกเราเลยนะครับ
จะให้เปิดเผยอย่างไรผมก็ยอม  จะให้หมั้นให้แต่งกัน  ผมก็ทำให้ได้นะครับ”
พี่ภูวอนขอ  และแสดงสปิริตว่าจริงใจเช่นกัน  ทำเอาเราพี่น้องต่างมองหน้ากัน
กับผู้ชายตัวใหญ่สองคนที่ดูเอาจริงเอาจังเสียเหลือเกิน

“นี่พวกคุณ  จะอะไรกับไอ้สองคนพี่น้องนี้กันนักกันหนา
มันมีอะไรที่ทำให้พวกคุณพากันมองข้ามของสวยๆ  งามๆ
มาชอบมันกัน  งงไปหมดแล้วฉัน  บทจะหาเขยก็หากันมาถึงสอง
 เอ้า!  ว่ามาตาน้ำ!  แม่จะเป็นลมแล้วเนี่ย”
คุณหญิงหน้านิ่วคิ้วขมวดสองมือบีบนวดขมับไปมา  โคลงศีรษะไปด้วย

“เบนซินกับน้ำ  เราคบกันตั้งแต่สมัยเรียน  เพิ่งจะห่างๆ  กันไปเมื่อ 4 ปีกว่าๆ
ได้ครับ  น้ำ…รักเบนครับแม่”  พี่น้ำพูดเสียงหนักแน่นจริงจังไม่แพ้แฟนหนุ่ม
ตรงหน้าที่หน้าชื่นขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน

“พวกแกสองพี่น้องอยากจะเป็นขี้ปากชาวบ้าน  อยากจะทำอะไรก็ทำกันไป
ฉันมันตัวคนเดียว  หัวเดียวหรือจะสู้พวกแกได้!  ที่รวมหัวกัน 
ถ้าแกคิดว่าแกจะทนกระแสวิพากษ์วิจารณ์  เสียงดูถูก!  ดูแคลน!
ทั้งสายตาของพวกเหยียดหยาม!  เหยียดเพศ!  แกรับกันได้ไหมล่ะ
ถ้าพวกแกรับได้ไม่แคร์ไม่ใส่ใจ  แกก็คบกันไป”
เช้านี้คุณแม่ดูเนือยๆ ไม่ยินดียินร้ายสักเท่าไหร่  ทั้งที่ก่อนหน้านี้เรื่องของฟ้า
ท่านต่อต้านจนน้องชายต้องร้องไห้ตาบวมไปหลายวัน
น่านน้ำลอบมองสภาวะทางอารมณ์ของคุณหญิงแม่ไปพลางๆ
แอบพอใจไม่น้อยที่ไม่ถูกต่อต้านอย่างคู่น้องชาย

“ชีวิตเป็นของพวกแก  น้ำ…ฟ้า  ถ้าว่าเลือกแล้ว  ก็ต้องพากันเดินไปข้างหน้า
ดูแลกันให้ดีไม่ใช่นิดหน่อยก็ลงไม้ลงมือกัน  หึง  หวง  ฆ่าแกงกัน
จะเป็นอะไรก็เป็น  ขอแค่อย่าทำใครเดือดร้อนก็พอ”
คุณพ่อพูดเสียงเรียบๆ ในแบบของท่าน  สองพี่น้องกราบขอบคุณที่อย่างน้อย
พอวันนี้มาถึงจริงๆ ท่านทั้งสองก็ไม่พยายามที่จะต่อต้านทั้งสองอีกแล้ว
สองหนุ่มที่อาจหาญเข้าถ้ำเสือก็หน้าชื่นกันไปตามๆ กัน  ที่ไม่ถูกท่านทั้งสอง
ไล่ตะเพิดออกจากบ้านตั้งแต่เห็นหน้าพวกเขา


คุณหญิงศศิคิดว่า  อย่างน้อยๆ สองหนุ่มที่กล้าเข้ามาต่อกรก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่
ทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ  เรียกได้ว่าเงินต่อเงิน
ท่านไม่ต้องถูกสูบเลือดสูบเนื้อก็เป็นอันพอแล้ว

“ดีนะที่ตาน้ำมีทายาทให้ไว้คนนึงแล้ว  ไม่งั้นก็สูญสิ้นกันพอดีวงศ์ตระกูล
จริงไหมคุณ?” คุณแม่พูดขึ้นแล้วพยักพเยิดให้คุณพ่อเป็นลูกคู่
น่านน้ำสะดุ้งแบบมีชนักติดหลัง  รวมถึงขอบฟ้าด้วยที่ทำท่าน
ไม่ได้หลาน  เจ้าตัวหน้าสลดไปเล็กน้อย

“แล้วก็ไม่ต้องพากันสร้างข่าว  สร้างกระแส  ทำจ๊ะจ๋าออกสื่อกันนักล่ะ!
ฉันไม่อยากดังไปกับพวกแกสักเท่าไหร่หรอกนะ
ที่ได้ลูกเขยแทนลูกสะใภ้น่ะ”  คุณแม่สำทับมาอีกรอบ
ทำเอาลูกชายสองคนสะดุ้งอีก  ท่านรู้ได้ไงว่าสองคนนั้นมาเป็นเขย
ตายๆ กันชีวิตคนหล่อพังหมด  ขอบฟ้าคนหล่อหน้าเหรอหรา

“ผมจะรักและดูแลน่านน้ำและลูกให้ดีครับคุณแม่  คุณพ่อ”
ว่าที่เขยคนโตพูดขึ้น  คุณหญิงหันขวับมาค้อน  แต่คุณพ่อแค่พยักหน้ารับ

“ส่วนน้องฟ้า  คือชีวิต… คือรักแรก… รักเดียว  ที่ผมตามหามาสิบกว่าปี
ผมจะดูแลให้ดีที่สุดเช่นกันครับ”
พี่ภูพูดขึ้นทำเอาขอบฟ้าซึ้งใจสุดๆ ตามไปด้วย  คุณหญิงแม่ก็ยังหน้าตึงๆ
ใส่ภูดิศไม่หายอยู่ดี  ท่ามากอย่างเคยภูดิศคิด

“บ้านช่องก็มีอยู่ที่นี่  อย่าลืมกันเสียล่ะ  ถ้าทิ้งบ้านทิ้งช่องกันบ่อยๆ
ฉันจะบอกขายมันทอดตลาด”  แล้วคุณแม่ก็จิกมาอีก
ขอบฟ้าที่เพิ่งไปค้างบ้านพี่ภูมาก็สะดุ้ง  พี่น้ำเอื้อมมือจับมือน้องมาบีบ
พี่น้ำก็ไม่ได้นอนบ้านเหมือนกัน

“ไปๆ จะไปไหนทำอะไรก็ไปกันไป” คุณพ่อออกปากให้แยกย้าย
วันนี้เป็นเช้าวันหยุดอีกวันซึ่งไม่ต้องไปทำงาน


“ฟ้า วันนี้วินวินจะอยู่กับพี่ทั้งวัน  เราจะพาลูกไปข้างนอกกันน่ะ”
 ขอบฟ้าพยักหน้า  รับรู้ว่าวันนี้ฟรีสไตล์สำหรับเขาอีกวันแล้ว

“น้องฟ้าไปช่วยพี่เลือกของจัดสวนต่อไหมครับ
 หรือว่าวันนี้จะพักครับ” พี่ภูถาม ขอบฟ้าคิดก่อน แล้วจึงพูด

“ไปเลือกของครึ่งวัน  ไปดูร้านกาแฟต่ออีกครึ่งวันน่าจะดี”
คนตัวโตหน้ามุ่ยเขาอยากอยู่ด้วยกันกับขอบฟ้าทั้งวันนั่นแหละ
แต่เจ้าตัวทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสียได้

“คืนนี้ไปค้างกับพี่นะครับ  คิดถึง  อยากนอนกอดมากๆ เลย”
 พี่ภูอ้อนอีกแล้ว  ตาวาวๆนี่  ไว้ใจไม่ค่อยได้

“คืนก่อนเพิ่งไปมา  คุณแม่ก็เพิ่งจิกๆ มาเนี้ยพี่ภู  คิดถึงอะไรกันบ่อยๆ ครับ”
ขอบฟ้าติงคนตัวโตไป
“ก็เรายังไม่ได้เข้าหอกันเลยนะครับ  เดี๋ยวพี่จะแพ้คู่พี่เมศกับคู่น้ำเขานะ
มีลูกไม่ทันใช้กันพอดี”
“พี่ภูบ้า  พูดจาน่าเกลียด  ใครจะไปยอมพี่กันล่ะ”
ขอบฟ้าอ้อมแอ้มพูดไม่เต็มเสียงนัก


สุดท้ายวันนี้ทั้งวันคนตัวโตก็ตามเหมือนเป็นเงาตามตัว
ไปทางไหนหันมาก็เจอ  ร้านก็ไม่ได้เข้าไปดู
แถมยังต้องไปขลุกอยู่ด้วยกันทั้งวัน  พอเย็นก็ไม่ปล่อยกลับอ้างไปสารพัดสารพัน

“อาฟ้าขา มาอยู่กับหนูรินกับพ่อภูเถอะนะคะ”
เด็กน้อยอ้อนไม่รู้ว่าถูกคุณพ่อยัดสินบนหรือเปล่า
อาจจะเมนูอร่อยหรือของเล่นที่อยากได้  เจ้าแผนการอยู่แล้วรายนั้น

“มาได้เป็นบางวันนะคะ  คุณปู่  คุณย่า  บ้านนู้นไม่มีเพื่อน
 ถ้าอาฟ้ามาอยู่นี่  ท่านต้องคิดถึงลูกมากๆ แน่เลย”
ขอบฟ้าใช้คำที่หนูรินเคยใช้ เด็กน้อยตาโต

“จริงด้วยค่ะ  ต้องไปบอกพ่อภูว่ามาได้เป็นบางวัน”
 นั่นไงตัวพ่อนี่เองวางแผน  ขอบฟ้าตาลุก

“แล้วต้องบอกพ่อภูด้วยว่าถ้าพ่อภูดื้อ  อาฟ้าจะไม่มาค้าง
1 เดือน ดีไหมคะ” หนูน้อยทำหน้าสงสัย

“นานมากแน่เลยใช่ไหม 1 เดือน” เด็กหญิงพึมพำงึมงำ

“ไปอาบน้ำ  แล้วอาฟ้าจะอ่านนิทานให้ฟังนะคะ”
หนูน้อยรีบวิ่งตุบตับไปหาพี่เลี้ยง

“พี่ภูไม่ต้องแอบเลย  รู้นะ  ฟังอยู่  ดื้อจริงๆ เลย”
พี่ภูเดินมาแล้วคว้าตัวคนตัวบางล้มไปบนเตียงด้วยกัน
จับฟัดแก้มซ้ายขวาก็ปล่อยตัว

“เก่งจริงๆ เลยคนนี้  มาๆ ให้รางวัลอีกสองฟอด”
แล้วก็จับไปฟัดแก้มอีก  ตอดเล็กตอดน้อยก็เอาคนเจ้าเล่ห์

“พี่ภู  ฟ้าจะถามหลายวันแล้ว  ก็ลืมๆทุกที  อยากรู้ว่าเข้าลิฟต์ยังมีอาการ
อึดอัดแน่นหน้าอกหายใจไม่ออกอีกไหมครับ” พี่ภูขมวดคิ้วพลางคิดตาม แล้วจึงเอ่ย

“ไม่แล้วนะครับ  คงเป็นเพราะพี่คิดว่าเดี๋ยวก็จะได้ออกมา 
อีกอย่างรู้ว่าน้องฟ้าเป็นห่วงพี่  ถ้าเลี่ยงได้พี่ก็เลี่ยงน่ะครับ”

“เก่งขึ้นเยอะเลยครับ  มาฟ้าให้รางวัล”
ขอบฟ้าจูบหน้าผากพี่ภูไปทีนึง

ภูดิศได้ยินฝีเท้าเดินใกล้เข้ามาจึงหันไปมอง
เห็นเป็นหนูรินเยี่ยมหน้าเข้ามามองเขาสองคน
ชายหนุ่มจึงดีดตัวลุกขึ้น  แล้วจับจูงคนตัวเล็กพากันเดินเข้าไปหาลูกสาว
ทำหน้าที่คุณพ่อที่ดีก่อนแล้วกัน  ส่งลูกเข้านอนเหมือนทุกที
ลูกหลับเมื่อไหร่นั่นแหละถึงจะเป็นคิวส่งคนรักเข้านอนบ้าง
แม้จะรู้ว่าต้องผ่านช่วงเวลายากลำบากเหมือนทุกครั้งที่ต้องอดทนอดกลั้น
ไม่ให้จับคนรักปล้ำไปเสียก่อน  แต่ก็เป็นความสุขที่ภูดิศใฝ่ฝันที่จะได้เข้านอนพร้อมกัน
และตื่นนอนมาในตอนเช้าโดยมีคนตัวเล็กนี้อยู่ข้างกายกันไปอย่างนี้
แค่เพียงนึกรอยยิ้มละไมก็ผุดขึ้นบนใบหน้าคุณพ่อลูกหนึ่งแล้ว




หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 30 ครอบครัวน่านน้ำ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 20-12-2018 13:03:25
ตอนที่ 30 ครอบครัวน่านน้ำ

เบนซินพาน่านน้ำกับวินวินมาที่บ้านพักตากอากาศที่เขาซื้อไว้เกือบปีแล้ว
เพราะการที่ต้องวนเวียนเฝ้าติดตามใครบางคนที่อยู่กันคนละซีกของประเทศ
เขาอยู่ใต้  อีกคนอยู่กรุงเทพฯ  จึงต้องซื้อไว้เป็นกรรมสิทธิ์
และตั้งใจว่าจะโอนให้ลูกในอนาคตอันใกล้นี้

“บ้านพ่อเบนมีปลาคราฟตัวใหญ่มากๆ มาดูๆ เยอะแยะ!
 เต็มไปหมดเลย!” หนูน้อยตื่นเต้นดีใจตามประสา

“แล้ววินวินชอบที่นี่หรือเปล่า ครับลูก”
เบนซินถามออกไป เด็กน้อยทำตาโตพยักหน้ารัวๆ

“ชอบมากๆ เลยครับ  พ่อน้ำก็ชอบปลาคราฟเหมือนวินวินเลยนะ”
หนูน้อยรู้เพราะพ่อน้ำมักจะชวนไปให้อาหารปลาออกบ่อยที่พ่อว่าง

“พ่อน้ำเค้าชอบมาตั้งนานแล้วล่ะ  ตั้งแต่พ่อน้ำเพิ่งรู้จักกับพ่อเบน
นู้น! พ่อเบนถึงเลี้ยงไว้ให้ไงครับ”

“พ่อเบนใจดี  เลี้ยงปลาไว้ให้พ่อน้ำด้วย” หนูน้อยยิ้ม  มองหน้าคนใจดี
 เบนซินจึงยีหัวลูกที่เป็นลอนฟูไปกว่าเดิมอีก  แล้วน่านน้ำก็เดินออกมาจากในครัว

“สองพ่อลูกหิวกันหรือยัง  สปาเก็ตตี้ทะเลเสร็จแล้วนะครับ  ทานเลยไหมกำลังร้อน”

“ไปทานกันครับลูก  พ่อน้ำทำอร่อยที่หนึ่งเลยนะ”
เบนซินชมคนตัวขาวที่นานมาแล้วเคยทำให้เขากิน

“หากมีเวลาก็พอทำให้ทานกันได้  ไปกันเถอะอย่าช้า”
แล้วสามคนพ่อลูกก็นั่งทานอาหารค่ำด้วยกัน
ตบท้ายด้วยเค้กที่เอามาจากร้านของขอบฟ้า

“หร่อยสุดๆ ไปแล้ว  พ่อน้ำทำให้กินอีกนะฮะ”
 หนูน้อยชม  และร้องอยากทานอีก

“ได้สิ! ไว้พ่อน้ำว่างจะทำให้ทานอีกนะครับ”  เด็กน้อยยิ้ม ปากยังเปื้อนเค้กอยู่
 เบนซินจึงคว้าทิชชูมาเช็ดปากให้ลูก

หลังจากนั้นก็ย้ายไปนั่งกันที่ห้องนั่งเล่น  ซึ่งมีชุดโซฟาอย่างนุ่มและทีวีจอใหญ่
เบนซินเปิดแผ่นการ์ตูนที่เพิ่งไปเลือกซื้อกับน่านน้ำให้ลูกดู
หนูน้อยสนอกสนใจเป็นพิเศษเพราะเป็นการ์ตูนเรื่องยาวที่เจ้าตัวโปรดปราน
เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  ดูไปไม่ทันจบเรื่องก็คอพับคออ่อน
“เบนลูกจะหลับแล้ว  ไปส่งน้ำกับลูกที่บ้านก่อนเถอะ”  เบนซินส่ายหน้า

“พรุ่งนี้วันหยุด  ลูกไม่ต้องไปเรียน  ค้างที่นี่เถอะนะ  เบนเตรียมห้องนอนให้ลูกแล้ว
 ข้าวของก็ให้ลูกน้องไปซื้อหามาไว้  ครบทุกอย่าง  ขาดแค่คนที่จะมาอยู่แค่นั้นเอง
 ค้างเถอะนะ…เบนคิดถึงทั้งน้ำและลูก…นะครับ  พรุ่งนี้น้ำก็หยุดงานด้วย”
คนหน้าคมอ้อนคนตัวบางตรงหน้า

“เบน  คุณแม่จะขายบ้านทอดตลาดเอานะ  ทั้งลูกและหลานพากันไปค้าง
ที่อื่นกันหมดแบบนี้” น่านน้ำบอกเหตุผลที่ต้องกลับไปนอนบ้านให้คนรักฟัง

“น้ำครับ  บ้านเราก็มี  ถ้าคุณแม่ขายบ้านก็ดีสิ…เข้าทางเลยละ
 เราก็จะได้อยู่ด้วยกันบ้านนี้เลยไง  ลูกก็ชอบมากด้วย”
 เบนซินพูดหน้าระรื่นจนน่านน้ำอยากจะบิดให้เนื้อเขียว

“ก็ได้ๆ ห้ามทำอะไรรุ่มร่ามให้ลูกเห็นด้วยนะ  บอกไว้ก่อน
เบนอุ้มลูกไปที่ห้องสิ  เดี๋ยวน้ำเช็ดตัวให้ลูกก่อน  จะได้นอนสบายขึ้น
ซักแห้งไปก่อนแล้วกันนะ  หลับสบายแบบนี้  ปลุกไปอาบน้ำมีงอแงแน่ๆ”
แล้วเบนซินก็จัดการลูกตามที่น่านน้ำบอก  และพาไปนอนลงบนเตียงเด็กที่เพิ่งสั่งซื้อเข้ามา

“น้ำนอนห้องโน้นนะครับ  มีประตูเชื่อมเปิดถึงกัน  เราก็ไม่ต้องปิดหรอก
รอให้ลูกคุ้นชินก่อนค่อยปิดละกัน” เบนซินบอกคนตัวเล็กให้รู้

“เบนไปอาบน้ำก่อนเลย  เดี๋ยวน้ำเช็ดตัวให้ลูกก่อน”
เบนซินจึงเลี่ยงไปอย่างว่าง่า ย น่านน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างของคนตัวสูง
ที่เคยหันหลังให้กันในวันวาน  และไม่คิดว่าจะมีวันนี้อีกครั้งที่ได้มาอยู่ด้วยกัน
ไม่ว่าเวลาเปลี่ยนไปนานแค่ไหน  ใจเขาไม่เคยหมดรักผู้ชายคนนี้เลยสักที
แม้จะเคยทำให้เจ็บช้ำมากมายจนสุดจะทน ก็ยังรักไม่เปลี่ยน

“น้ำครับ  ไปอาบน้ำได้แล้ว  มาแอบหลับกับลูกนี่เอง  มาเบนอุ้มนะ”
แล้วเบนซินก็อุ้มน่านน้ำลอยวืดขึ้นจากเตียงลูก ก็เบนซินตัวก็ทั้งหนาและใหญ่
ส่วนเขาจึงดูตัวเล็กไปถนัดตา กลัวตกจึงโอบแขนไปที่คอคนอุ้ม  กลิ่นกายที่คุ้นเคย
คางแหลมๆ ที่มีไรหนวดขึ้นเขียว
มองเพลินจนถูกวางลงบนเตียงนอนกว้างที่ขาวสะอาดน่านอนนี้
แล้วก็ถูกปากจมูกซุกซนซอกซอนตามลำคอไล่ลงมาที่อก
เสื้อเชิ้ตถูกเลิกขึ้นและหลุดร่วงไปกองที่ไหล่แล้ว

“อ่ะ! เบน  ไหนบอกจะไม่รังแกน้ำไง  แล้วก็บอกจะให้น้ำพร้อมก่อนไงล่ะ”
น่านน้ำร้องประท้วงที่ถูกปากกับจมูกรุกราน
“นิดนึงนะครับ…ตัวหอม อย่าต่อต้านเบนเลยนะ…คนดี”
แล้วเสื้อก็หลุดออกไปจากตัว  น่านน้ำถูกตะโบมจูบหนักเบาสลับกันไปทั้งเนื้อทั้งตัว
จนอ่อนปวกเปียกในอ้อมอก แล้วเบนซินก็หยุดตัวเองลง

“ไปอาบน้ำได้แล้วครับ  หรือจะให้เบนต่อให้จบดีนะ”  เบนซินพูดจบ น่านน้ำผวาเฮือก
ดีดตัวลงจากเตียงคว้าผ้าขนหนูที่วางไว้ให้ หนีเข้าห้องน้ำไป

“หึหึ  อย่าช้านักนะ” เบนซินหัวเราะไล่หลังไป  น่านน้ำปิดประตูได้ก็ยืนหอบ
เอนหลังพิงบานประตู  มองไปที่กระจกเห็นคนตัวแดงหน้าแดง ยืนมองอยู่
รีบก้าวเท้าไปใต้ฝักบัว  เปิดน้ำรดหัว  ให้หัวเย็นลง  และให้ความร้อนรุ่มบรรเทาลง
เขารู้ว่าเรื่องแบบนี้หนีกันไม่พ้นยิ่งของมันเคยๆ กันมาก่อน  แต่มันติดที่เขาร้างรามานาน
แล้วนี่สิ  เอาน่ะ! ใจเย็นๆ แล้วก็อาบน้ำสระผมไปจนเสร็จ  เดินเช็ดผมออกไปจากห้องน้ำ
โดยสวมเสื้อคลุมอาบน้ำและ  รัดสายผูกเอวเสียคอดกิ่ว

“มาเบนเช็ดผมให้นะ  จะได้นอนกัน  มีไดร์เป่านะ  รอแป๊บ”
แล้วเบนซินก็ต่อปลั๊ก  น่านน้ำนั่งให้คนตัวสูงเป่าผมให้จนแห้ง
แล้วเบนก็เก็บอุปกรณ์  เดินไปปิดไฟดวงกลาง  เปิดโคมเล็กแทน
แล้วกลับมาดันให้คนตัวเล็กนอนลง

“เบน  น้ำไปใส่ชุดนอนก่อน  เดี๋ยวมา”
น่านน้ำขยับจะลุกไปแต่โดนดันตัวให้ลงกับที่นอน

“ใส่ทำไมครับ  เดี๋ยวก็ต้องถอดแล้ว  น้ำอย่าใจร้ายนักเลยนะ  เบนคิดถึง”
แล้วน่านน้ำก็โดนจู่โจมทั้งด้านบนด้านล่างเมื่อเสื้อคลุมหลุดออกจากตัว
น่านน้ำหลังแทบไม่ติดที่นอน  เพราะความเสียวซ่าน  และอุ่นซ่านจากลิ้นร้อน
ที่ครอบครองขบเม้มไม่มีพื้นที่ว่างตรงไหนที่เบนซินจะไม่สำรวจตรวจตรา

“หอม…หวานไปทั้งตัวเลยครับ…ที่รัก เป็นของเบนนะครับ…คนดี”
แล้วชั้นเชิงของเสือร้ายก็ตะปบเหยื่อกินไม่เหลือซาก

“อ่ะ…อ่า… เบน  น้ำเสียว อ่ะ… ตรงนั้น  แรงอีก อ่าห์”
คนตัวโตกระแทกกระทั้น  หนักบ้างเบาบ้าง  ตามแต่คนใต้ร่างจะร้องขอ
น้ำของเขาร้อนแรงไม่เคยเปลี่ยน  เบนซินจูบปิดปากบาง
ดูดดุนเล้าโลมเรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันไม่มีใครยอมใคร

“น้ำ  อ่าห์ อืมมม… ช่างดีอะไรอย่างนี้ น่ารักมากเลยนะ…คนดี”
 แล้วคนด้านบนก็เร่งจังหวะเมื่อแผ่นหลังถูกคนตัวเล็กลากเล็บขูดเป็นแนวยาว
และฝังรอยไว้จนแสบ  ยิ่งสร้างความเสียวซ่านให้เขามากขึ้นไปอีกทวีคูณ

“เบน…แรงอีก  อ่ะ  น้ำไม่ไหว เบน อาห์”
ทั้งสองร่างกระตุกเกร็งในเวลาไล่เลี่ยกัน  เบนจูบซับเหงื่อที่ผุดขึ้นข้างขมับให้คนใต้ร่าง
ประกบจูบอ้อยอิ่งและแสนหวาน  ก่อนจะทอดตัวนอนลง  โดยไม่ลืมที่จะดึงคนตัวเล็ก
ให้มานอนซบที่อกทั้งที่ร่างกายเปล่าเปลือยด้วยกันทั้งคู่

“รักน้ำ…นะครับ  ขอบคุณที่ให้ความสุข  และยอมเป็นของกันและกัน…อีกครั้ง”
เสียงของเบนที่กระซิบพูดอยู่ที่เหนือศีรษะนุ่มทุ้มจนคนฟังใจจะละลาย

“รักเบน…เหมือนกัน  อย่าทิ้งน้ำอีกนะ”
น่านน้ำพูดขึ้น  อย่างคนที่มีปม ที่เคยถูกทิ้งมาก่อน

“น้ำกับลูก…คือชีวิตของเบนครับ”
แล้วก็ตระกองกอดกันและหลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน



“เบนซิน! อยู่ไหน  งานการไม่กลับไปทำ  มัวมาทำอะไรอยู่ที่นี่  โทรศัพท์ก็ไม่รับ
 อาท! นายแกไปไหน ไปตามมา  ฉันเรียกเสียงดังขนาดนี้  มันยังไม่โผล่หัวมาอีก”
อาทมือขวาของเบนซิน  ตะลีตะลานออกมารับหน้านายใหญ่แทบไม่ทัน

“นายใหญ่!!! นั่งรอที่ห้องนั่งเล่นสักครู่นะครับ  เดี๋ยวผมไปตามนายเบนก่อน
คงนอนอยู่ด้านบน” แล้วอาทก็วิ่งขึ้นไปเคาะห้องนาย
สักพักเบนซินก็เดินหัวยุ่งมาเปิดประตู  เสื้อก็ไม่สวม  ตามตัวมีแต่รอยข่วน
`โธ่นายไปขืนใจคุณน้ำเสียได้`

“มีอะไร  อาท  ยังเช้ามืดอยู่เลย  มาเรียกทำไม  นี่ถ้าทำลูกฉันตื่น
แกตายแน่!!!”  เบนซินชี้หน้าลูกน้องคนสนิท
`ถ้านายไม่ตื่นสิ! ไม่นายก็ไอ้อาทนี่แหละที่จะตาย! เสียงนายใหญ่ดังอย่างกับฟ้าผ่าขนาดนั้น`

“นายใหญ่มาครับ  อยู่ที่ห้องนั่งเล่น” ชายหนุ่มเบิ่งตาโต
แล้วก็รีบผละลงไปข้างล่างในทันที  ไม่หันมามองไอ้อาทเสียหน่อยเลย
`อูยยย  หลังหรือนั่น  รอยเล็บลากยาว  คงแสบน่า ดู ถ้าไม่ได้ข่มเหงคุณน้ำ
 ก็คงเจอความร้อนแรงมาแน่ๆ` อาทมองแผ่นหลังและคิดตามภาพที่เห็น

“ยังไง  ไอ้ตัวดี  มากบดานอยู่นี่เอง  งานการไม่กลับไปทำ
งานหมั้นจัดไว้ให้ก็หนี  แกจะเอายังไง  จะฉีกหน้าฉันไปถึงไหน
 งานแล้วที่แกทำพังและล้มไม่เป็นท่า  แล้วเมื่อไหร่ฉันจะมีหลานอุ้มกับเขาสักที
แกนี่มันไม่ได้เรื่อง  ให้หาเองก็ไม่หา  หาให้ก็ไม่เอา  แกว่ามาเลย  จะเอายังไงห๊ะ!!
 ไอ้เบน!!!”  พ่อโมโห ด่าลูกชายปาวๆ
ไม่มีลดระดับเสียง ยิ่งลูกชายไม่พูดเขายิ่งเดือด

“พ่อครับ…เบาเสียงหน่อยครับ  ยังไม่สว่างเลย  ทำเสียงดังไปได้
ผมก็ลงมาหาแล้ว…นี่ไงครับ” เบนซินเสียงอ่อน

“ทำไม!  ทำไมฉันต้องฟังแกด้วยห๊ะ!  ไอ้เบน!”
พ่อเสียงดังกว่าเดิมอีก จนเบนซินต้องพูดออกมา

“พ่อ  ผมบอกว่าอย่าเสียงดังไงล่ะ  เดี๋ยวลูกผมตื่นกันพอดี…โธ่ๆ”

“ห๊ะ!!! ไอ้เบน! ไหนๆ หลานฉัน  แกอย่ามาพูดจาพล่อยๆ ฉันไม่เชื่อแก!”
พ่อยังไม่มีทีท่าจะเบาเสียงลงเลย

“พ่อเบน… ทำไมเสียงดัง… วินวิน…นอน ไม่ หลับ”
แล้วหนูน้อยก็เดินสะลึมสะลือลงบันไดมา  เบนซินเห็นอย่างนั้นวิ่งพรวดเดียว
ไปถึงตัวลูก  ก่อนที่เจ้าตัวจะง่วงขี้ตาก้าวพลาดตกบันไดมาเสียก่อน
แล้วก็อุ้มหนูน้อยขึ้นมาซบที่บ่า  ลูบหลังให้เบาๆ พาเดินลงบันไดมา
หนูน้อยก็หลับคาบ่าไปอีกรอบ

“นี่  แกๆ มีลูกโตขนาดนี้แล้วจริงๆ  เหรอ  ไอ้ๆ  เบน
ไม่ใช่ไปอุปโลกน์เอาลูกใครมานะ”
ชายสูงอายุพูดละล่ำละลักพูดแถมตะกุกตะกักด้วยเสียงเบาแทบกระซิบ
กลัวเด็กที่เจ้าลูกตัวดีอุ้มอยู่จะตื่นขึ้นมาอีก

“อะไรเล่าพ่อ  ก็ใช่ไงนี่น่ะลูกผม  แล้วนี่พ่อก็เพิ่งทำน้องวินวินตื่นด้วย
ถ้ายังไม่เบาเสียงนะ  มีหวังเมียผมได้ตื่นอีกคน” เบนซินบ่นอุบอิบ

“นี่ๆ แกๆ พูดเรื่องจริงเหรอ  ที่แกบ่ายเบี่ยงหนีการดูตัว
หนีการหมั้นหมายเพราะมีลูกมีเมียแอบซ่อนอย่างงั้นเหรอวะ”
พ่อกระซิบกระซาบถาม  ดูตลกทั้งนายใหญ่ทั้งลูกชาย
อาทได้แต่แอบสังเกตการณ์ห่างๆ

“ผมไม่ได้แอบ…ไม่ได้ซ่อน  แต่ตามง้อเขา  กว่าจะได้คืนดีกัน
เลือดตาแทบกระเด็นพ่อรู้บ้างไหม”

“เออๆ  เอาหลานฉันนอนลงดีๆ เลย  ขอดูหน้าสักหน่อยสิ”
คนจะได้เป็นปู่เก็บอาการไม่อยู่

“พ่อ  ดูเฉยๆนะ  ห้ามทำตื่นอีกล่ะ” เบนซินกำชับพ่ออีกที

“โอยๆ นี่ๆ ฉันมีหลานโตขนาดนี้แล้วเหรอวะ เบน
หน้าตาไม่ผิดไปจากแกเลยจริงๆ ดูๆ ผมนี่มันของเอ็งเลยนะไอ้เบน
ช่างน่ารักจริงๆ แต่ขาวมากๆ ไม่เหมือนแกเลยว่ะ…หลานปู่”
ปู่นั่งลูบคลำหลานไม่ห่าง  หน้าตาเปี่ยมไปด้วยความสุขเป็นล้นพ้น

“ถ้าง้องอนกันสำเร็จแล้ว  ก็พากันกลับบ้านกลับช่องเราสิวะ”

“มันไม่ง่ายอย่างงั้นสิพ่อ” 
แล้วเบนซินก็เล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบให้ผู้เป็นพ่อฟัง
สีหน้าของท่านมีหลากหลายอารมณ์เอามากๆทั้งแดงสลับมาขาวซีดไปเรื่อย
จนสุดท้ายก็นั่งเงียบไป  คนเป็นพ่อไม่รู้มาก่อนเลยว่าไอ้การทีมองว่าลูกชาย
ไม่เอาไหน  เรื่องที่ท่านหาคู่ให้เพราะว่ามันมีคนรักอยู่ก่อนแล้ว  และที่สำคัญมันไม่ได้ชอบผู้หญิง

“พ่อ… อย่าบังคับผมเลย…นะครับ  ถ้าไม่เพราะน้ำที่ผมรัก
ผมจะตามหาจนได้น้ำคืนมา  แล้วได้ลูกด้วยอีกคนเหรอครับ…นะพ่อนะ
ไหนๆ ก็มีหลานสมใจพ่อแล้ว  ก็อย่าห้ามผมเลย
นี่แม่ยายผมก็รังเกียจผมไปแล้วคนนึง  พ่อยังจะเป็นอีกคนหรือไงกัน”
เบนซินใช้ไม้ตายลูกอ้อน ให้พ่อเห็นใจ

“เออๆ ตามแต่แกแล้วกัน  ฉันไม่ห้ามก็ได้  แต่ก็ให้ฉันได้ทำใจกันก่อนสิวะ
 แกน่ะเล่นหาสะใภ้เป็นชายให้ฉัน  แล้วนี่เมื่อไหร่หลานฉันจะตื่นสักทีวะ”
ปู่นั่งมองหลานไม่วางตา
“ก็สายๆหน่อยสิพ่อ  วันนี้วันหยุด  ลูกไม่ต้องรีบตื่นไปโรงเรียน”
แล้วปู่ก็พยักหน้านั่งมองหน้าหลานชายที่มีอย่างไม่ทันคาดคิดมาก่อนแบบนี้
เบนซินค่อยเบาใจที่พ่อไม่กดดันเขาอีก  ความสุขของเขาที่ห่างหายไป
คงได้คืนกลับมาเสียทีก็คราวนี้แล้ว







หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 31 เรื่องดีๆ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 20-12-2018 13:36:48
ตอนที่ 31 เรื่องดีๆ

น่านน้ำตื่นมารู้สึกไม่ค่อยสบายตัวสักเท่าไหร่  ก็ผลจากการรับศึกหนักเมื่อคืนน่ะเอง
กลางดึกกลางดื่นก็ไม่เว้น  ไอ้คนบ้ากามนั่น  เล่นเอาปวดเนื้อปวดตัวไปหมด
ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็ลงมาด้านล่างได้ยินเสียงเล่นของลูก

“ตื่นแล้วเหรอน้ำ  มารู้จักพ่อของเบนก่อนสิ”
เบนซินเข้ามาจูงน่านน้ำให้เดินเข้าไปยืนตรงหน้าชายสูงวัย
ผิวเข้ม  แต่งตัวดูดี  หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับเบนซินเอามากๆ

“นี่ครับพ่อ  น่านน้ำคนรักของผม  ที่เล่าให้พ่อฟังน่ะ”

“สวัสดีครับ  คุณพ่อ  มานานแล้วเหรอครับ”

“มาก่อนรุ่งสางน่ะ  หน้าตาน่าเอ็นดู  นึกยังไงมาชอบไอ้เถื่อนนี่ได้ล่ะ”

“พ่อครับ  ถามอะไรแบบนั้นล่ะ  ผมนี่แหละที่ไปตามจีบตามตื้อเขาตั้งแต่สมัยเรียน
 กว่าเขาจะใจอ่อนยอมคบกับผมได้  ผมกับน้ำต้องฝ่าฟันอุปสรรคกันมามากมายซะเหลือเกิน”

“พ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร  แค่ถามไปงั้นเอง  ไปๆ หาข้าวกินกัน
ไปร้านใกล้ๆ นี่ก็ได้  ขืนช้าละก็หลานฉันหิวตายพอดี”

“คุณปู่ครับ  ไม่เล่นกับวินวินแล้วเหรอ”  เด็กน้อยวิ่งมาเขย่าแขนปู่

“เราไปหาข้าวเช้าทานกันก่อน  นะครับ  ค่อยมาเล่นนะ  เบนไปแต่งตัว
หาเสื้อใส่สิ  จะไปแบบนี้หรือไง  น่าเกลียด” 
น่านน้ำพูดกับลูกแล้วก็หันไปทำตาเขียวใส่เบนซิน
ก็เพราะตามเนื้อตัวมีแต่รอยเล็บที่เขาจิกลากเป็นทางยาว
ยังจะกล้าออกมาโชว์  จะให้เขาขายหน้าหรือไง  เบนซินก้มมองตัวเองแล้วก็รีบวิ่งขึ้นห้องไป
พ่อมองตามลูกชายที่ดูว่านอนสอนง่ายเสียเหลือเกิน  เสือสิ้นลายแล้วละมั้ง


คุณปู่ดูจะติดหลานแจ  คอยตักนู้นนี่ให้วินวินไม่หยุด  หนูน้อยก็กินไปเล่นของเล่น
ที่คว้าติดมือไปด้วยบนโต๊ะอาหาร  น่านน้ำมองอย่างไม่ค่อยถูกใจนัก
นึกอยากจะดุลูกแต่เบนซินมองออกจึงขอไว้ก่อน

“เล็กๆ น้อยๆ น่ะครับน้ำ  ค่อยๆ สอนกันนะ  ดูแกกับคุณพ่อสิ
เข้ากันได้ดีขนาดนี้ผมก็พลอยมีความสุขไปด้วย”
น่านน้ำพยักหน้าอย่างจำยอม

“แล้วเบนจะพาคุณพ่อไปที่บ้านน้ำจริงๆ เหรอ
ถ้าท่านคุยกันไม่เข้าใจจะทำยังไงกัน  แม่ของน้ำก็ออกจะแรงๆ อยู่นะ”

“พาไปให้รู้จักกัน  พ่อบอกอยากคุยด้วย  แล้วก็จะพูดเรื่องหลาน
ท่านไม่ได้จะมาแยกออกไป  แต่ท่านอยากจะได้ใกล้ชิดดูแลบ้างตามสมควร
ในตอนที่ท่านลงมาที่นี่น่ะ น้ำเข้าใจท่านนะครับ  อย่าขัดความสุขคนแก่เลยเนาะ”
“ก็ลองดูแล้วกัน  ถ้าเบนคิดว่าไม่น่าห่วงอะไร  ก็ตามนั้น” เบนซินยิ้มดีใจที่คนรักเข้าใจ

“อะไรกันคุณ  อยู่ๆ เดินเข้ามาบอกว่าวินวินเป็นหลานของคุณ
มันจะไม่มั่ว ไม่มักง่ายไปหน่อยหรือไง  นี่เจ้าวินวินน่ะมันหลานฉัน
ลูกตาน้ำกับยัยทราย  ถึงสองคนยังไม่ทันได้ตบแต่งกันก็คลอดลูกมาซะก่อน
เราก็ตั้งใจจะแต่งให้  นี่อะไรมาบอกว่าเป็นลูกนายเบนนั่น
น้ำๆ มาพูดให้แม่เข้าใจทีมันยังไงกัน” 

คุณหญิงศศินั่งไม่ติดแล้วลุกขึ้นเดินวนไปวนมา  ต่างกับคุณสรภพสามีที่นั่งฟังนิ่งๆ
และขอบฟ้าก็มองจ้องพี่ชายตาเขม็งเลย  น่านน้ำขยับตัวอย่างอึดอัด
เบนซินก็คว้ามือมาบีบให้กำลังใจ

“ก็ตามที่คุณพ่อของเบนบอกน่ะครับ  คือเรื่องจริง  น้องวินวินเป็นลูกของเบนกับทราย
เบนเค้าสืบรู้มาพักหนึ่งแล้ว  และมีผลตรวจดีเอ็นเอด้วย  น้ำเอ่อ!
ขอโทษที่ปกปิดความจริงในเรื่องนี้  น้ำรักลูกครับ
จนตอนนี้ก็ยังคิดว่าวินวินเป็นลูกของน้ำ  คุณพ่อคุณแม่อภัยให้น้ำด้วยเถอะ
ที่ทำอะไรโดยไม่ได้บอกให้ทราบ  คุณพ่อของเบนท่านแค่เพียงต้องการใกล้ชิด
ดูแลวินวินบ้าง  ในตอนที่ท่านลงมาหาที่กรุงเทพฯ ก็เท่านั้นเอง”

“พี่น้ำ  ฟ้ายังไงก็รักหลานไม่เปลี่ยน  ดีเสียอีกที่น้องวินวินจะมีคนมารักแกเพิ่ม
 นะครับ  คุณพ่อ  คุณแม่  ถือว่าเป็นเรื่องดีอีกเรื่องนึง  อย่าโกรธพี่น้ำเลยนะ”

“พ่อไม่ได้โกรธอะไรแกนะน้ำ  ถ้าจะโกรธก็ตรงที่ทำอะไรไม่บอกผู้ใหญ่เลยก็แค่นั้น
ยังไงวินวินก็เป็นหลานพ่ออยู่ดี  ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมอยู่แล้ว
จริงไหมคุณหญิง  ก็เห็นกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกแล้วนี่”

“เออ! ต่อไปนะแกสองคนพี่น้อง  แอบไปทำอะไรลับหลังแล้วให้ฉันกับพ่อแกมารู้ที่หลัง
จะไม่มีการอภัยให้อีกเด็ดขาด! คอยดู!”

“โธ่  แม่ครับ  น้ำกับฟ้าไม่กล้าแล้วละครับ  ต่อไปเราจะบอกคุณแม่ให้ทราบ
ทุกเรื่องเลยเอ้า! นะฟ้า”

“ครับคุณแม่  ฟ้าไม่กล้าแล้ว  เดี๋ยวฟ้าไปบอกนมอุ่นกับป้าวาดเตรียมตั้งโต๊ะ
 ทานมื้อเที่ยงกันดีกว่า  ถือว่าทานข้าวร่วมกันสักมื้อ  เป็นการกระชับมิตรนะครับคุณพ่อพี่เบน”

“อ้าว  เอ่อ  ได้ๆ ถ้าไม่เป็นการรบกวนทางคุณสรภพและคุณหญิงจนเกินไป”

“ก็ดีเหมือนกัน  กินกันไปคุยกันไปแล้วกันนะคุณสมมาตร”
คุณพ่อบอกกับพ่อพี่เบนแล้วยิ้มให้กัน  อย่างที่ขอบฟ้าบอกว่านี่แหละเรื่องดีๆ
อีกเรื่อง  แล้วคนตัวเล็กก็เดินออกไปดูแลเรื่องมื้อเที่ยง


ในระหว่างที่รับประทานอาหารกลางวันกันอยู่นั้น  แอนก็เดินเข้ามากระซิบกับน่านน้ำ
เจ้าตัวนั่งหน้าซีดเผือด  แล้วลุกขึ้นพรวด  จนเบนซินที่นั่งติดกันพลอยตกใจไปด้วย
จากสีหน้าของน้ำที่แสดงออกมาทำให้คุณพ่อถามน่านน้ำขึ้นก่อนคนอื่นๆ จะทันอ้าปากเสียอีก

“มีอะไรน้ำ  เป็นอะไร  ทำไมต้องกระซิบกระซาบกันด้วย  ว่าไงแอน  พูดมาสิ”

“เอ่อ  คือว่า  มีผู้หญิงคนหนึ่งมาขอพบคุณน้ำ  เธอบอกว่าเป็นแม่ของคุณทรายน่ะค่ะ
แต่แอนยังไม่ได้ให้เธอเข้ามาน ะ รออยู่ด้านนอก  นู้นค่ะ”

“อะไรกันอีก วันนี้  จะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์ฉันอีก  แอนไปเชิญเธอเข้ามาไป
ให้รอที่ห้องรับแขกนะ  เดี๋ยวพวกเราทานกลางวันเสร็จจะออกไป
หาน้ำหาท่าให้เขาด้วย  แล้วมากันกี่คนล่ะแอน”
“เอ่อ  เธอมากับลูกสาวน่ะค่ะ  เห็นบอกแบบนั้น”
 คุณหญิงพยักหน้า แล้วโบกมือให้แอนออกไป

“คุณพ่อคุณแม่ครับ  ทรายเคยเล่าให้ฟัง  ว่าแม่ของเธอแต่งงานใหม่แล้วก็มีลูกอีกคน
แล้วทิ้งเธอไป  เธอโตมากับป้าที่เลี้ยงมาน่ะครับ  แล้วก็ไม่เคยได้ติดต่อกันอีกเลย
จนทรายบอกว่าจำหน้าแม่ไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ  น้ำกลัวว่าแม่ของเธอมาในครั้งนี้จะนำ
ความยุ่งยากมาให้เราครับ”

“ดี  รู้ข้อมูลแบบนี้  จะได้จัดการง่ายขึ้น  ไม่ต้องกลัวตาน้ำ
ใครที่เข้ามาหาเราแบบไม่ปกติ  เราก็ให้กลับไปแบบเดิมนั่นแหละ
ดูท่าทีไปก่อน  แล้วก็ทำใจสงบกันไว้  กินข้าวกันไป  เดี๋ยวเรื่องนี้แม่จัดการเอง”
คุณหญิงศศิสีหน้าหมายมาด  นี่ไงคุณหญิงแม่ตัวจริง  ขอบฟ้านั่งทานอาหารอย่างใจ
ตุ๊มๆ ต่อมๆ  เกรงจะได้เห็นฉากปะทะในอีกไม่กี่นาทีนี้
 

“สวัสดีค่ะ  คุณปู่คุณย่าของน้องวินวิน  ดิฉันอมรรัตน์แม่ยัยทราย
จะมาเยี่ยมหลานชายเสียหน่อย  นั่นสินะคะหลานวินวิน
หน้าตาน่ารักน่าชังดีแท้ มาหายายค่ะลูก”  หญิงร่างท้วม  แต่งกายเรียบๆ
แต่แต่งหน้าจัด  ลุกขึ้นแนะนำตัวเสร็จก็อ้าแขนให้วินวิน
เด็กชายรีบวิ่งไปแอบด้านหลังของพ่อน้ำทันที

“ใจเย็นๆ ก่อนค่ะคุณ  เด็กๆ น่ะเขาไม่คุ้นเคยกับใครง่ายๆ หรอกนะ
คุณน่าจะรู้  นั่งคุยกันก่อนสิ เชิญนั่งทุกคนนั่นแหละ ที่นี่ไม่มีความลับอะไรต่อกัน”
พูดเสร็จคุณหญิงแม่ก็นั่งลง  ทำให้ทุกคนทำตามอย่างว่าง่าย

“ที่ดิฉันมาก็พาน้าดาว  มาให้รู้จักกับหลานด้วย  แกพูดอะไรบ้างสิ ยัยดาว”

“ค่ะ  เนตรดาวค่ะ  เป็นน้าของน้องวินวิน”  น้าสาวแนะนำตัวเอง

“ที่มากันวันนี้ก็อยากมาทำความคุ้นเคย  หลานได้อยู่สุขสบายดี
ก็ดีใจค่ะ  จะขอไปมาหาสู่หลานจะได้ไหมคะ จะอนุญาตไหม”
มนุษย์ยายจีบปากจีบคอพูด

“จะมาก็มาได้นะ  ไม่ห้ามกันค่ะ” คุณหญิงแม่บอก

“โอ๊ะ! ดีเลย วันนี้เพิ่งมาจากทางเหนือยังไม่มีที่พัก
 ขอเราสองคนพักด้วยจะได้มั๊ยคะ”
ร่างท้วมพูดขึ้น คุณหญิงแม่ สีหน้าตึง เริ่มเหยียดยิ้ม

“คงอนุญาตไม่ได้จริงๆ ที่นี่ไม่มีห้องพักแขก  ถ้าจะพักจริงก็ต้องขอยืมห้องคนใช้
แล้วไล่เจ้าของห้องไปนอนกองกัน  เอายังไงดี  พ่อเบนช่วยแม่คิดหน่อยสิ”
คุณหญิงแม่หันมาขอความคิดเห็นกับเบนซินเพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกของเขา
โดยตรง ชายหนุ่มสะดุ้ง

“คุณแม่  ทำอย่างนั้นได้ยังไงล่ะครับ  ผมเป็นเขยยังไม่มีสิทธิ์เข้าออกบ้านนี้
อย่างอำเภอใจเลยนะครับ  ต้องไปหาห้องที่อื่นนอน  แล้วเห็นน้ำเล่าให้ฟังว่าวันดีคืนดี
ไม่ตุ๊กแกก็งูมาขอนอนด้วยนี่ครับที่เนี่ย คุณแม่จัดการช่องที่พวกมันชอบเข้าได้แล้วเหรอ”
เบนซินใช้สมองอันชาญฉลาดพูดออกไป

“นั่นสิ  เจ้าแอนก็ไม่เตือน  ดูสิคืนนี้ต้องมาคอยระวังทั้งงูทั้งตะขาบอีกแล้วสิ”
คุณหญิงแม่รับสานงานต่อ
“คุณแม่  ฟ้าตามช่างแล้วเขาบอกว่าต้องหาทางแก้กันไปก่อน
อีกเดือนน่ะถึงจะว่างเข้ามาดูให้”  ขอบฟ้าช่วยพูดอีกแรง

“คุณหญิงแล้วค่าน้ำ  ค่าไฟ  ค่าแรงคนใช้  เดือนที่แล้วมีจ่ายให้เขากันหรือยัง
ผมไม่มีนะเดือนนี้  เศรษฐกิจก็แย่ลงทุกวันของก็ขายไม่ได้  นี่คุณสมมาตรก็จะมายึดบ้านเรา
แล้วเนี่ย  โอยๆ  ผมชักจะปวดหัวหมู่นี้มีแต่เรื่อง  คุณหญิงจัดการไปก่อนนะ  ผมขึ้นไปสวดมนต์ก่อน”
พ่อทิ้งงานยักษ์ไว้ให้  แล้วรีบผละออกไปก่อนเพื่อน

“คุณค่ะ  อย่าเพิ่งไป  อยู่ก่อน  น้ำแกจัดการไปก่อนได้มั๊ย  ถ้าไม่มีที่พักจริงๆ
ก็ให้นอนกับเจ้าแอนไปก่อน  คุณสมมาตรเราขออยู่อีกสักสองอาทิตย์เถอะนะ
ยังหาบ้านเช่าไม่ได้เลย  รถนั่นที่จอดๆ อยู่เขาก็จะมายึดคืนหมดแล้ว
เห็นใจกันหน่อยเถอะนะ  เดี๋ยวดิฉันไปหาหยิบยืมเพื่อนฝูงเก่าๆ ก่อน
เผื่อจะเอามาพอประทั่งชีวิตกันไป  เครื่องเพชรที่ใส่กันอยู่นี่ก็ปลอมๆ
ทั้งนั้น  ยกให้ใครจะเอา  เห็นใจเถอะนะคุณ”  คุณหญิงแม่โยนให้พ่อพี่เบนช่วย

“ผมเป็นพ่อค้าจะให้มาเห็นใจลูกหนี้เสียทุกคน  ก็ไม่ไหวนะคุณหญิง”
 พ่อพี่เบนพูดทำสีหน้าขึงขัง

“เอ่อ  คุณหญิงจัดการธุระกันไปเถอะนะ  ดิฉันขอกลับก่อนล่ะ
ยัยดาวเร็วแม่มีเรื่องด่วนต้องไปทำ”

“เดี๋ยวสิคุณยาย  ถ้าหาที่พักได้เป็นหลักเป็นแหล่งแล้ว
ก็ช่วยรับหลานไปเลี้ยงแทนหน่อยก็ดีนะ  จะถือเป็นพระคุณอย่างมากเลย
ตาน้ำขอเบอร์แม่ยายแกไว้สิ  เผื่อต้องพึ่งพากัน”  คุณหญิงแม่รีบจัดการขึ้นสุด

“โอ๊ะๆ  ไม่มีหรอกค่ะ  ถูกมือดีมันล้วงไปพร้อมกับกระเป๋าเงิน
นี่ของยัยดาวก็เอาไปขายเพื่อเอาเงินมาหมุนน่ะค่ะ” คุณยายออกตัว

“ไปก่อนนะคะ  รีบๆ ยัยดาว” 
`ขืนอยู่นะแก ไ ม่แคล้วถูกหยิบยืมเงิน คิดว่าจะได้พึ่งพากันเสียหน่อย บ้านช่องออกจะหลังโหญ่โต`
 หันมาบอกลา  แล้วลากลูกสาวออกไป  แล้วบ่นกับลูกสาวไปตลอด  แต่ขอบฟ้าก็ทันได้ยิน 

“แม่ครับ  ทนายโทรมา  เขาว่าถ้าแม่ยังบ่ายเบี่ยง  เขาจะฟ้องล้มละลายแล้วนะครับ”
 ขอบฟ้าแกล้งตะโกนเรียกแม่เสียงดัง  ทำเอาสองแม่ลูกชะงักเท้าอีก
แล้วรีบเปิดแน่บอย่างเร็ว  พอแขกสองคนออกไป  คุณพ่อก็เดินเข้ามา 
ทุกคนพากันนั่งลงอย่างอ่อนแรง

“สุดยอดเลยนะ  ละครฉากใหญ่  เล่นเอาสูบพลังไปเกือบหมด
 หิวขึ้นมาทันที  แอนๆ ไปหาของว่างมาเสิร์ฟทีเร็วๆ” แล้วคุณแม่ก็นวดขมับ

“ขอบคุณในไหวพริบเอาตัวรอดของทุกคน  แต่คุณคะ  ไม่ห่วงเชื่อเสียงกันเลยนะคะ”
 คุณหญิงแม่พูดขึ้นแล้วก็หันไปค้อนคุณพ่อ

“ฟ้าบอกแล้วว่า  นี่แหละเรื่องดีๆ ของครอบครัวเรา  ครอบครัวใหญ่และแข็งแกร่ง คริคริ”
ขอบฟ้าหัวเราะชอบใจ  คุณหญิงแม่หันขวับมาค้อนอีกคน
แต่ก็แย้มยิ้มมุมปา ก นั่นสิเรื่องดีๆ อย่างที่ลูกพูด
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 29,30,... รับกี่ตอนดีคะ ตามทันกันไหม?
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 20-12-2018 18:38:38
คุณหญิงแม่สุดยอด o13

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 32 ถูกลักพาตัว
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 20-12-2018 19:27:30
ตอนที่ 32 ถูกลักพาตัว

ขอบฟ้าเข้ามาดูร้านวันนี้  เพราะภูดิศมีนัดกับลูกค้าทั้งวัน
ทำให้เสาร์นี้เขาได้ทำงานเต็มที่โดยไม่มีคนมาป้วนเปี้ยนพาออกนอกลู่นอกทาง
วันนี้ลูกค้าในร้านมากพอควร  ลูกสมุนต่างเดินกันขาแทบขวิด
 

“พี่ฟ้าเข้าร้าน  ดูสิครับเนี่ย  ลูกค้าก็เลยแน่นร้าน  จนผมขาจะเป็นตะคริวแล้วเนี้ย”
นินจาบ่น  เกล้าเดินมาได้ยินจึงตบหัวไปที

“นี่แน่ะ!  บ่นดีนัก  พี่ฟ้าก็ช่วยแล้วไง  มีลูกค้าเยอะๆ สิดี…
โบนัสครึ่งปีก็ดีตามไปด้วย” เกล้าพูดยิ้มๆ

“พูดได้ดี  เกล้า  เดี๋ยวพี่ชงนมให้ดื่ม” พี่อิงพูด เกล้ายิ้มหน้าบาน

“ขอบคุณครับพี่อิงคนสวย  แถมใจดีอีกต่างหาก”

“เออๆ ของมันแน่อยู่แล้วน้อง” อิงพูด แล้วยิ้มหน้าบาน

“พี่ฟ้า  อิงมีเรื่องจะบอกค่ะ  พี่เข้ามาใกล้ๆ หน่อย  ขยับมาอีกค่ะ
ทำตามที่อิงบอกนะอย่าทำให้มีพิรุธ  ฟังจบก่อนแล้วค่อยหันไปมองนะคะ
คือเรื่องมีอยู่ว่า  มีผู้ชายสองคนท่าทางไม่น่าไว้ใจ  เขาจะมานั่งอยู่ที่โต๊ะตรงมุม
ในสุดด้านขวาทุกวัน  สั่งกาแฟมาดื่มแล้วก็เอาแต่จ้องๆ ไปตรงทางเข้าร้าน
เหมือนมองหาใครน่ะค่ะ  ตอนนี้ก็ยังนั่งอยู่  อิงเห็นเขาจ้องพี่ฟ้าทุกก้าวที่พี่ฟ้าเดิน
ลองหันไปดูว่าพี่ฟ้ารู้จักหรือเปล่า  อิงว่ามันแปลกๆ นะคะ”
อิงพูดจนจบ ขอบฟ้าเอ่ยขอบคุณแล้วทำทีเป็นว่าคุยกับอิงเสร็จแล้ว
แล้วจึงหันไปช่วยน้องๆ เก็บโต๊ะ  มองผ่านๆ ไม่ทำให้สองคนนั้นสงสัย
แล้วก็เป็นจริงอย่างที่อิงบอก  มีชายร่างยักษ์สองคน  คนนึงมีหนวด
อีกคนหัวเถิกไปกว่าครึ่งหัว  สวมเสื้อยืดสีดำมีแจ็คเก็ตยีนส์สวมทับทั้งสองคน

“อิง หยิบกล้องที่โต๊ะให้พี่ที  พี่จะจัดร้านใหม่  ออกแบบใหม่หมด
ให้เป็นของกำนัลลูกค้าเสียหน่อย”

“ได้เลยค่ะ  รอแป๊บ” แล้วอิงก็รีบถลาไปหยิบกล้อง

“ได้แล้วค่ะ  พี่ฟ้า  ให้อิงถ่ายเก็บไว้ให้มั๊ยคะ  อิงถ่ายรับรองเด็ด  สวยทุกภาพ”

“ได้สิ  อย่าพลาดแม้แต่ชอตเดียวนะ  พี่จะได้วางเค้าโครงได้”
 แล้วอิงก็จัดการถ่ายตามที่พี่ฟ้าบอก  ติดรูปลูกค้าไปเสียทุกโต๊ะ
โดยเฉพาะโต๊ะในสุดมีหลายรูป  แบบรัวๆ เลยทีเดียว  ขอบฟ้ายิ้มเหยียด
 เล่นกับใครไม่เล่น  แล้วเจ้าตัวก็ส่งรูปของผู้ต้องสงสัยไปให้พี่เขยที่บอกว่าช่วยได้ทุกเรื่อง

“พี่เบน  น้องที่ร้านบอกว่ามาทุกวันฮะ  ที่สงสัยเพราะท่าทางแบบนั้น
 จะเป็นคอกาแฟไปได้ยังไง  ดื่มไม่หมดแก้วด้วยครับ  ขอด่วนหน่อยนะฮะ
 ขอบคุณครับพี่เบน” ขอบฟ้าวางสาย  หันมองไปที่โต๊ะ  สองคนนั้นไม่อยู่แล้ว

“พี่ฟ้า …นินจาบอกว่า  ถ้วยกาแฟที่ไปเก็บรอบนี้  ไม่ดื่มเลยค่ะ” อิงเดินเข้ามารายงาน

“รอพี่เบน  อีกไม่นานก็น่าจะรู้  ว่าเป็นใคร  ต้องการอะไรกันแน่”
ขอบฟ้าบอกอิงไป สีหน้าเป็นกังวลขึ้นเรื่อยๆ

“พี่ฟ้าไปไหนมาไหนช่วงนี้ก็ระวังๆ หน่อยนะคะ 
รอพี่ภูมารับจะเป็นการดีกว่านะคะ” อิงเตือนด้วยความเป็นห่วง

“พี่ภูติดคุยงานทั้งวันน่ะ  วันนี้พี่ว่าคงยังไม่มีอะไรหรอกมั้ง”
 แล้วโทรศัพท์ของขอบฟ้าก็ดังขึ้น  เป็นน่านน้ำที่โทรเข้ามา
“ฟ้าอย่าเพิ่งออกมาจากร้านนะ  ให้ผ่านไปสักครึ่งชั่วโมงก่อน
 เบนส่งลูกน้องไปหาแล้ว  อาทน่ะ  รู้จักไหม”

“อ่อ…ครับ  เคยเห็นที่มาส่งวินวินวันก่อน ได้ๆ ครับ
 เดี๋ยวฟ้าจะรออาท” ขอบฟ้ารับคำพี่ชาย



สามสิบนาทีผ่านไป  อาทก็เข้ามาในร้าน  สั่งกาแฟแล้วก็ไปนั่งรอ
เขียนอะไรยุกยิกฝากข้าวตังให้ถือมาให้เขา  แล้วเจ้าตัวก็นั่งดื่มกาแฟ
อย่างใจเย็น  ขอบฟ้าเปิดอ่านข้อความด้านใน

`คุณฟ้า  ทำเป็นไม่เห็น  ไม่รู้จักผมนะ นายบอกว่าถ้าคุณฟ้าออกจากร้าน
แล้วให้ขับรถไปนอกเมืองเลย  อย่าเพิ่งกลับเข้าบ้าน  ผมจะตามไปห่างๆ
ไม่ต้องกลัว  ไว้ใจพวกผมได้` ขอบฟ้าลุกขึ้นหิ้วกระเป๋า เดินไปที่รถ
ขับออกไปนอกเมืองตามที่อาทบอก



ขอบฟ้ามองกระจกหลังตลอด  เขาเริ่มรู้สึกว่าถูกตาม
แต่เขาแน่ใจว่าไม่ใช่รถของอาทอย่างแน่นอน
ขอบฟ้าใช้ความเร็วรถอย่างสม่ำเสมอทั้งที่ใจร้อนเป็นไฟ
กลัวจนมือเท้าเย็น  แต่ต้องทำเป็นว่าไม่เป็นไร  แล้วรถคันหลังก็เร่งความเร็ว
ขนาบขึ้นมาตีคู่  พวกมันลดกระจกลง  เล็งปืนมาที่เขาบังคับให้จอดเข้าข้างทาง
เขาภาวนาให้มีคนตามมาช่วยทันทีเถอะก่อนที่เขาจะเสียท่าพวกมัน


เมื่อจอดรถประตูข้างคนขับก็ถูกกระชากออกอย่างแรง
และเขาก็ถูกชายร่างยักษ์หน้าหนวดคว้าเข้าที่ข้อมือกระชากให้ลงจากลง
เขาแทบปลิวตามแรงของมัน

“ไปกับเราแต่โดยดี  จะได้ไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ เร็ว!”
ไอ้หน้าหนวดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขู่ตะคอก

“จะพาไปไหน  ไม่ไป  ปล่อยดิวะ” ขอบฟ้าดิ้น ทั้งเตะและถีบ
แต่ก็ถูกปลายกระบอกปืนกดเข้าที่เอว  จนต้องหยุดดิ้น  ทำให้เขาถูกจับยัด
ใส่ในรถกระบะสีขาวโดยง่ายโดยมีเจ้าคนหัวเหม่งนั่นเป็นคนขับ มันเอาผ้าปิดตา
อุดปาก  มัดมือและเท้า ขอบฟ้าดิ้นรนอีกไม่ได้หมดสิ้นอิสรภาพ

รถแล่นไปด้วยความเร็วสูง  มันสองคนไม่พูดอะไรกันเลยตลอดทาง
จนรถหยุดนิ่งเขาถูกจับพาดบ่า  หัวห้อยลง  มันเดินแทบเป็นวิ่งอย่างร้อนรน  แล้วก็มีเสียงพูดขึ้น

“เห่ย! เร็วหน่อยดิวะ  คุณเขารออยู่”
แล้วมันก็โยนเขาลงบนฟูก  ขอบฟ้าตะเกียกตะกายจะลุกแต่มือถูกมัดไพล่หลัง
จึงได้แค่นอนงออย่างกับกุ้ง  มีเสียงรองเท้าส้นสูงเดินเข้ามาในห้อง  ใกล้มากๆ
เพราะเขาได้กลิ่นน้ำหอมฉุนแบบผู้หญิงที่ใช้กัน

“ปลดผ้าที่ตากับปากมันออกสิ”
เสียงนี้ไม่ผิดแน่  ขอบฟ้าจำได้  เมื่อผ้าที่ตาหลุดไป  และปากเป็นอิสระ

“ญาดา!! เธอทำอย่างนี้ทำไม  ต้องการอะไร?”
ขอบฟ้าถามออกไป  พยายามรวบรวมความกล้า  ทำเป็นไม่สะทกสะท้าน

“แกถามว่าต้องการอะไรอย่างนั้นเหรอ  น้องฟ้าของพี่ภู  เฮอะ!
ไม่เพราะแกทำตัวร่าน  ยั่วยวนจนภูดิศหลงใหลหรือไง  แกจึงต้องมาเจอชั้น
อยากรู้นักว่าภูจะยังต้องการแกอีกมั๊ย  เกย์ที่มั่วไม่เลือกอย่างแก  จัดการมัน!!!
ไม่ต้องถึงกับตายนะ  แล้วฉันจะกลับมาดูผลงาน  ตั้งกล้องหรือยัง
เอาให้เห็นทุกซอกทุกมุม  จนรูขุมขนได้ยิ่งดี  ฮ่าฮ่าฮ่า”
แล้วหล่อนก็เดินแสยะยิ้มออกไป  อย่างสะใจ  และสีหน้าก็เปี่ยมสุขเสียเต็มประดา

“ญาดา!!  กลับมา!  อย่านะ!!!  อย่าทำแบบนี้  พี่ภูไม่มีทางยอมแกแน่ๆ
ยัยแม่มด!  ปล่อยดิวะ!!!  ไม่!!!!” ขอบฟ้าตะโกนจนเสียงแหบเสียงแห้ง
ยัยผู้หญิงเลวนั่น!  ก็ไม่คิดจะหันกลับมามอง  ความหวาดกลัวและความหนาวเหน็บ
เกาะกินจนถึงขั้วหัวใจแล้ว  เขาคงหมดหนทางที่จะรอดพ้นจากเงื้อมมือพวกเลวนี้เป็นแน่
ได้แต่น้ำตาไหลนองหน้าและมองไปรอบๆ คาดว่าที่นี่น่าจะเป็นบ้านร้างที่ไหนสักแห่ง
เพราะสภาพที่ทรุดโทรม  แทบไม่ได้ถูกใช้งาน  ไอ้ผู้ชายร่างสูงใหญ่ท่าทางกักขฬะ
มองมาที่เขาตาเป็นประกายและย่างสามขุมเข้ามา...แล้วกดร่างของเขาตึงไว้กับที่นอน
ในมือข้างหนึ่งของมันมีเข็มฉีดยามาด้วย  แล้วมันก็กดเข็มลงมาที่ต้นแขนของเขา

กลัวสุดขีดมันเป็นอย่างนี้เอง  ปากคอสั่นตาเหลือกลาน
เขาจะแย่แล้วยังไม่มีใครเข้ามาช่วยเขาอีก ไหนอาทบอกช่วยได้ไง
ให้เชื่อใจแล้วดูสิ พวกมันฉีดยาอะไรเข้าร่างเขากัน

“ไอ้เลว!  ไอ้ชั่ว!  แกฉีดยาอะไรให้ชั้น  ปล่อยนะโว๊ย!!!”  ขอบฟ้าตะโกนด่า

“เรียกผัวในอนาคตให้มันไพเราะหูหน่อย  แค่จะเล่นอะไรๆ สนุกๆ
กันนิดหน่อย…ก็แค่นั้นเอง  รอแป๊บนะทูนหัว  แม่งขาวว่ะ!
กูไม่อยากจะรอแล้ว  ลงมือได้เลยมั๊ยวะ?”
ไอ้หนวดหันไปถามเพื่อนมันที่ยืนไม่ห่างออกไป

“มันจะสนุกอะไรกันล่ะตอนนี้  มึงใจเย็นแล้วรออีกไม่เกิน 15 นาที
มึงกับกูได้สนุกกันแน่ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า เอิ๊ก”
เสียงหัวเราะที่ได้ยินมันบาดหูจนรู้สึกสะอิดสะเอียนเสียนัก
ขอบฟ้ารู้สึกว่าร่างกายเริ่มเกิดปฏิกิริยาแล้ว  เพราะไอ้ยานรกนั่น
เขารู้สึกร้อนวูบวาบตามเนื้อตัวโดยเฉพาะส่วนกลางลำตัว

“ไอ้ทุเรศ!  ไอ้เลว!  ปล่อยกู  ช่วยด้วย!!!  ใครก็ได้ช่วยที”
 ขอบฟ้าตะโกนลั่นให้คนช่วย  เขาหายใจหอบถี่กระชั้น
 ใช่เขาต้องการ  แต่ต้องไม่ใช่กับไอ้พวกนรกนี่  เขายอมตายเสียดีกว่า

“อื้อออ… ไอ้เลว  ปล่อยกู  อ่ะ  ปล่อยสิวะ!!!”
ขอบฟ้าข่มอารมณ์ที่ร้อนรุ่ม  ยิ่งฝืนเขายิ่งทรมาน  ไอ้เลวมันย่างก้าวเข้ามา
ปลดผ้าที่มัดมือเขาออก  และที่ข้อเท้าด้วย  เขาเป็นอิสระแต่…เขาไม่สามารถ
ที่จะขยับเขยื้อนหนีมันไปได้  ร่างกายถูกมันตรึงไว้กับฟูกที่มีแต่กลิ่นสาป
มันเริ่มปลดกระดุมเสื้อเขาออกอย่างช้าๆ ขอบฟ้าน้ำตาไหล
รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้
แล้วเสื้อเชิ้ตที่เขาสวมอยู่ก็ถูกถอดออก  ตามด้วยกางเกง

“ไม่!  อย่านะ !โว๊ย!  พี่ภูฮือ…ช่วยฟ้าด้วย  ช่วยด้วย!  ฟ้ากลัว  พี่ภู…ฮือฮือฮือ”
ขอบฟ้าส่ายหน้าหลับตาปี๋  ทั้งกลัว  สะอิดสะเอียน  จมูกปากลิ้นของมันไล่เลีย
ลงมาที่ซอกคอ  เนินอก  มันทั้งจูบ  ดูด  ทำรอยไว้เต็มไปหมด  มันลากลิ้นและปาก
ไล่ขบต่ำลงที่ท้อง  ขอบฟ้าขยะแขยงแทบจะอ้วก  แต่ร่างกาย…กับต้องการ
เขาอยากผลักไสแต่มือก็ไม่มีแรงที่จะยกขึ้น ได้แต่นอนแน่นิ่ง…ปล่อยให้น้ำตาไหล
เขาคงหมดหนทางที่จะรอดแล้วคราวนี้  มันก้มต่ำลงเรื่อยๆ แล้ว
แต่เหมือนมันจะถูกกระชากออกอย่างแรง  ขอบฟ้าลืมตาขึ้นมอง
ยิ่งเห็นคนที่มาช่วยน้ำตายิ่งไหลสุดจะกลั้นแล้ว


“พี่ภู!  ช่วยฟ้าด้วย!  ช่วยที!  พี่ภู!  ฮือฮือฮือ”
ขอบฟ้าเห็นพี่ภูกับอาทพุ่งตัวมาที่ไอ้สองคนทั้งเตะต่อยซ้ำๆ ที่ใบหน้า
อย่างไม่ยั้งและอาทก็ใช้สันปืนฟาดไปที่ท้ายทอยไอ้หนวด  จนมันร่วง
ลงไปกองกับพื้น  พี่ภูก็ตามเข้าไปทั้งเตะและกระทืบมันซ้ำๆ อีกหลายที
อีกคนก็หมอบแล้วเหมือนกันเพราะโดนทั้งมือเท้าของอาท

“ตัวใหญ่ซะเปล่า  ปลายแถวจริงๆ คุณภูไปดูคุณฟ้าเถอะ
ที่เหลือเดี๋ยวผมกับลูกน้องเก็บกวาดเองครับ”
แล้วพี่ภูก็กระทืบมันซ้ำอีกสองที  แล้วรีบผละมารวบตัวเขาไว้
ในอ้อมกอด  ดวงตาพี่ภูคลอไปด้วยน้ำตาเช่นกัน


“น้องฟ้าครับ  คนดี…พี่มาช่วยแล้วนะ  ไม่เป็นไรแล้วครับ…
มาพี่พากลับบ้านเรากันนะ” พี่ภูพูดแล้วก็จูบไปทั่วดวงหน้าของเขา
เช็ดน้ำตาให้  แล้วพี่ภูก็ดึงกางเกงขึ้นให้พร้อมทั้งสวมเสื้อให้ด้วย
ติดกระดุมให้มือไม้สั่นไปหมด  กัดฟันจนกรามขึ้นเป็นสัน  แล้วก็อุ้มเขาขึ้น
ขอบฟ้าป่ายมือไปลูบไล้ที่แผงอกพี่ภู  ได้กลิ่นกายที่คุ้นเคย
และเพราะยาที่ถูกฉีดเข้าร่างกาย  ทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้
พี่ภูรีบพาเดินออกมาที่รถซึ่งจอดอยู่ด้านหน้า

“พี่ภูครับ  ฟ้าไม่ไหวแล้วครับ  ฟ้าต้องการ…มันฉีดยาให้ฟ้า
 พี่ภู…ช่วยฟ้าที…แต่ฟ้าสกปรกไปแล้ว…ฮือฮือ สกปรก”
ขอบฟ้ากัดปากข่มความกระสันที่ก่อตัวขึ้นและร้องไห้ออกมาอีก
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เพิ่งถูกกระทำไป

“ไม่ร้องไห้นะครับ  ฟ้าของพี่ไม่สกปรกนะ…พี่อยากฆ่าพวกมันนัก
ที่มันกล้ามาแตะต้องน้องฟ้าของพี่  ไม่เป็นไรนะครับ”
พี่ภูพูดไปเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไป  จนถูกวางบนเบาะคาดเข้มขัดให้
ขอบฟ้านั่งกอดอกแน่น  กัดปากตัวเองแน่นจนปากสั่น

“น้องฟ้า  อดทนหน่อยนะครับ  พี่จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ”
แล้วพี่ภูก็แล่นรถออกไปด้วยความเร็วสูง  ได้ยินเสียงพี่ภูสบถไม่หยุดตลอดทาง


แล้วก็เลี้ยวรถเข้าโรงแรมที่พักข้างทาง  พี่ภูขอเปิดห้อง
ได้กุญแจมาก็รีบมาอุ้มเขาลงจากรถ  เปิดห้องเข้าไปวางเขาลงบนเตียง
แล้วก็ผละเข้าห้องน้ำได้ยินเสียงเปิดน้ำทิ้งไว้

พี่ภูกลับมาถอดเสื้อผ้าเขาออกจนหมด
อุ้มไปยืนในอ่างแล้วพี่ภูก็ถอดเสื้อผ้าตามลงมานั่งซ้อนหลังเขาและกอดเขาไว้
ได้แช่น้ำความเร่าร้อนบรรเทาลงนิดหน่อย  แต่ขอบฟ้ารู้ว่าไม่มีทางที่มันจะหายได้
จึงเบี่ยงหน้าไปหาพี่ภูจูบปิดปากพี่ภู  และแทรกลิ้นเข้าไปในโพรงปาก
สำรวจจนทั่วแล้วถอนปากออก

“พี่ภู  ช่วยฟ้าหน่อย  ช่วยลบรอยที่ไอ้เลวนั่นมันทำไว้ที
 ฟ้าขยะแขยง  ฟ้าเกลียดตัวเอง  ฮือฮือฮือ”
 แล้วขอบฟ้าก็ร้องไห้น้ำตานองหน้า  เขาไม่สะอาดสำหรับพี่ภูอีกแล้ว
 เขาไม่คู่ควรอีกต่อไป คิดแบบนั้นก็ร้องไห้หนักกว่าเดิม





หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 33 ลบรอย
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 20-12-2018 19:56:42
ตอนที่ 33 ลบรอย

ภูดิศสงสารขอบฟ้าเป็นที่สุด  เขาอยากฆ่าไอ้นรกนั่นที่มันบังอาจมาแตะต้อง
ของรักของหวงของเขา  เขาซึ่งเฝ้าทะนุถนอมน้องฟ้าของเขามาเป็นอย่างดี
มันมีสิทธิ์อะไรมาแตะแม้ปลายเล็บ  ภูดิศเห็นน้ำตายิ่งรวดร้าวในอก
กอดตระกองคนตัวเล็กที่ผอมบางแนบไว้กับอก  พรมจูบไปทั่วดวงหน้าซอกคอ

เขาไม่อยากที่จะฉวยโอกาสที่น้องฟ้าของเขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่เป็นปกตินัก
จึงเอื้อมมือไปกอบกุมส่วนกลางกายของน้อ ง เพื่อปลดปล่อยความทรมานให้น้อง
ภายใต้สายน้ำเขาปรนเปรอจู่โจมทั้งด้านบนด้านล่าง  จนน้องฟ้าตัวอ่อนระทวย
และเกร็งเขม็งในบางจังหวะแล้วก็ปลดปล่อยออกมา  แต่ไม่นานก็กลับมามีอาการดังเดิมอีก

“พี่ภูเราขึ้นจากน้ำเถอะนะ…ฟ้าหนาว”
ภูดิศจึงต้องอุ้มขึ้นจากน้ำคว้าผ้าเช็ดตัวมาเช็ดตัวให้แบบลวกๆ
รวมทั้งเขาเองด้วย  แล้วพาไปที่เตียง  เห็นผิวที่ถูกทำรอยไว้แล้วอารมณ์กรุ่นโกรธ
ก็กลับมา  ป่านนี้อาทจะจัดการแม่ญาดาให้เขาเรียบร้อยดีไหมนะ  อยากเห็นผลงานจริงๆ
ผู้หญิงเลวที่กล้ามาล้วงคองูเห่าแบบเขา  บังเอิญที่เขานัดพบลูกค้าในที่เดียวกันกับหล่อน
และไปได้ยินหล่อนสั่งงานลูกน้อง  ชื่อเหยื่อที่หลุดออกมาจากปากของหล่อนทำให้เขาต้อง
บึ่งรถตามไปจนช่วยน้องฟ้าออกมาได้ทันท่วงที

“พี่ภู  ไม่รักฟ้าแล้วเหรอครับ  ฟ้าสกปรกไปแล้ว  ฟ้าไม่คู่ควรกับพี่แล้วใช่ไหมฮะ
ที่พี่ไม่แตะต้องฟ้าเพราะพี่รังเกียจไอ้รอยพวกนี้ใช่ไหม”
พูดแล้วขอบฟ้าก็ลากเล็บบนผิวเนื้อตัวเองจนเลือดซิบ
ภูดิศตกใจคว้ามือไว้แล้วดึงเข้ามากอดจูบซุกไซ้ขบกัดไปตามรอยนั้น
 พื่อลบรอย  อย่างที่คนตรงหน้าต้องการ

“น้องฟ้าของพี่  ไม่สกปรกสักนิด  ยังหอมหวานเหมือนเดิม
พี่แค่ไม่อยากเอาเปรียบ  หรือฉวยโอกาสตอนนี้  หากเพราะพี่คิดเยอะไป
ห่วงมากเกินไป  ทำให้เราต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้  งั้นพี่จะลบรอยให้เองนะครับ
หลังจากนี้  อะไรจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว  น้องฟ้าต้องยอมรับผลของมัน
พี่รักฟ้านะครับ  คนดี...เป็นของพี่นะ”

พี่ภูก็ตะโบมจูบแทะเล็ม  ทั้งกัดและดูด  ทิ้งรอยไว้บนผิวขาวๆ  ไม่มีตรงไหน
ที่จะรอดพ้นริมฝีปากหนาและลิ้นร้อนๆ นั้นไปได้  ขอบฟ้าเหมือนล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ
ครั้งแล้วครั้งเล่า  ขอบฟ้าสะโพกและแผ่นหลังไม่ได้แตะสัมผัสที่นอนเลยด้วยซ้ำ
พี่ภูพาไปรู้จักกับความสุข  เสียวซ่านที่ไม่เคยพานพบมาก่อน  ความเร่าร้อน 
ร้อนแรงของพี่ภูแทบทำเขาขาดใจ  ในความเจ็บปวดมันมีความสุขซ่านปะปนอยู่

“น้องฟ้าเป็นของพี่แล้วนะ  คนดี  ภูรักฟ้า...นะครับ”
แล้วพี่ภูก็ซบบนซอกคอเขา  อยู่นิ่งๆ ในท่านี้ทั้งที่ยังไม่ถอดถอนกายออกจากกัน

“พี่ภู  ฟ้า  เอ่อ  อึดอัด  ครับ”  ขอบฟ้าตอบอายๆ กับท่านอนนี้

“อยู่นิ่งๆ อีกแป๊บนะ…คนดี  ถ้าน้องฟ้าขยับนะ  พี่ไม่รับรองว่า…เอ่อ…จะได้นอนนะครับ…คืนนี้”

“พี่ภูบ้า  ก็อยู่ในท่านี้  มันน่าอาย  นี่ครับ”
 ขอบฟ้าพูดพร้อมกับหลบตา  มองไปทางอื่ น พี่ภูจูบที่ซอกคอ  แล้วค่อยๆ ถอนตัวออก
 ความวูบโหวงเข้ามาแทนแล้วความอุ่นร้อนก็หายไป  พี่ภูลุกเดินโทงเทง 
เห็นก้นเปลือยบิดไปมา  เข้าห้องน้ำไปหน้าตาเฉย  คนบ้าชอบโชว์
ขอบฟ้าหลับตาลง  ทุกอย่างต่อจากนี้  มันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้วจริงๆ
`ภูรักฟ้า` คำสั้นๆ แต่มันฝังแน่นลงกลางหว่างใจไปเสียแล้ว  ขอบฟ้าเผลอตัวอมยิ้ม
ถอนหายใจยาวความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียทำให้หลับไปในที่สุด


ภูดิศออกมาจากห้องน้ำเอาผ้ามาเช็ดเนื้อตัวให้และทำความสะอาดเฉพาะที่ให้
เพราะกลัวคนตัวเล็กจะไม่สบายตัว  จับพลิกคว่ำพลิกหงายไม่มีรู้สึกตัว  หลับลึกเสียจริง

“ฮัลโหล  น้ำ  พี่ภูเองนะ  น้องฟ้าปลอดภัยแล้ว  ไม่ต้องห่วงนะ  แต่ก็แย่หน่อยโดนพวกมัน
จับฉีดยาปลุกไปน่ะ  อืม… ตอนนี้หลับไปแล้ว  เดี๋ยวให้ตื่นก่อนนะ  จะให้โทรกลับไปหา
พี่พาไปนอนบ้านพี่เลยแล้วกันคืนนี้  แค่นี้นะน้ำ”
ภูดิศใช้โทรศัพท์ของขอบฟ้าโทรไปบอกข่าวกับน่านน้ำ  เสร็จแล้วจึงโทรไปหานมพร้อม
บอกกว่ามีเรื่องนิดหน่อยอาจจะกลับดึกมากๆ ยังไงก็ให้ส้มพาหนูรินเข้านอนก่อนเลย


ภูดิศล้มตัวลงนอนกอดคนตัวเล็กแนบอก  แล้วหลับตามกันไปในไม่ช้า
มาตื่นเอาตอนห้าทุ่ม  เพราะคนที่นอนข้างๆ กันตัวร้อนมีไข้  จึงไปเอาผ้ามาชุบน้ำเช็ดตัวให้
เช็ดอยู่หลายรอบจนไข้ลด  แล้วจึงไปบอกคืนห้อง  พาคนตัวเล็กกลับไปที่บ้านของเขา
เพราะที่นี่ไม่มียาลดไข้  เดี๋ยวไข้กลับมาอีกจะยุ่งเสียเปล่าๆ เมื่อถึงบ้าน  เขาก็อุ้มคนตัวเล็ก
ขึ้นไปบนห้องนอน  ตัวยังรุมๆ จึงเช็ดตัวให้อีกรอบ

“พี่ภู! ตื่นหน่อยครับ  พาไปห้องน้ำหน่อยครับ พี่ภู!”
ภูดิศได้ยินเสียงเรียกดังมาจากคนข้างๆ สะดุ้งลุกขึ้นมานั่ง
โน้มตัวเอาหน้าผากไปแนบกับหน้าผากของคนตัวเล็กเพื่อวัดไข้

“อืม… ไข้ไม่มีแล้วนี่ครับ”
พูดเสร็จก็ทำท่าจะล้มตัวลงนอนต่อ แต่ขอบฟ้าก็คว้าแขนไว้ก่อน

“พี่ภู  ฟ้าปวดฉี่  พาไปหน่อย  เดินไม่ไหว”
 ภูดิศหายง่วงเพราะเสียงเขียวๆ ที่ไม่ค่อยสบอารมณ์ดังขึ้น

“อ้าว! เหรอครับ  ไม่มีไข้แล้วนี่  ทำไมเดินไม่ไหวล่ะ”
ภูดิศถามออกไปอย่างสงสัย

“พี่ภู  ต้องให้ฟ้าบอกมั๊ย  ว่าทำไม ก็ตัวเองน่ะ ทำเค้า วุ๊ย!”
อารมณ์ขุ่นเสียแล้ว  ภูดิศนึกขึ้นได้  ตายๆ โดนงอนเลย
คนมันง่วงขี้ตานี่ก็เลยลืมตัว

“โอ๋ๆ คนดี  ไม่งอนนะ  พี่พาไป  มาอุ้มๆ ฮึ๊บ  ตัวเบาอย่างกับนุ่นเลย…น๊า”
ภูดิศทำเสียงเล็กเสียงน้อย  จนขอบฟ้าหมั่นไส้  ทุบอกไปดังอึ้ก!

“เขินแรงนะครับ  ตัวแค่เนี้ย  อ่ะ  ถึงแล้ว  เสร็จแล้วบอกนะ”
 แล้วพี่ภูก็ส่งเขาให้นั่งที่ชักโครก

“พี่ภู  หันไปก่อนสิ  ฟ้าฉี่ไม่ออก  ยืนมองอยู่ได้”
 พี่ภูยกมือเกาต้นคอแบบเขินๆ เก้อๆ

“อ่อ  ครับ อายอะไรเล่า  พี่เห็นมาหมดแล้วล่ะครับ”  ภูดิศต่อปากต่อคำ

“โว๊ะ! พี่ภู  ขืนพูดอีก  จะโดนดี  หันไปเลยนะ”
แล้วภูดิศก็ต้องยืนหันหลังให้  เสื้อก็ไม่ใส่ ขอบฟ้ามองแผ่นหลังที่ลายพร้อย
เพราะโดนแมวอย่างเขาลับเล็บมานั่นเอง  แถมเห็นที่บ่ามีรอยฟันกัดจนออกม่วงหน่อยๆ
แล้วเจ้าตัวคนทำก็อายหน้าแดง  ไม่คิดว่าตัวเองจะร้อนแรงขนาดนั้น
ทิ้งรอยไว้บนตัวคนตัวใหญ่เสียมากมายไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่เลยด้วยสิ

“อาท  จัดการญาดายังไง  ผมอยากเห็นผลงานครับ”
ภูดิศถามเบนซินเมื่อเจอหน้ากันในตอนสายเพราะน่านน้ำจะมาเยี่ยมน้อง
ที่บ้านพี่ภู เพราะรู้ว่าน้องมีไข้

“ก็ไม่อะไรมากแค่เบาะๆ  ทำมายังไงก็ทำกลับแบบนั้น  อ๊ะๆ
ไม่ใช่อาทนะที่ลงสนามเป็นคู่ซ้อมให้หล่อน  ลูกน้องอาทมันน่ะ
ก็สามสี่คนได้  ก็เจ้าอาทบอกว่า  ไปเจอเข็มฉีดยาอีกอันมียาอยู่ด้วยเต็มหลอด
คงเตรียมจะเพิ่มยาอีกล่ะมั้ง  ญาดาก็เลยต้องถูกจับฉีดเสียเอง  พอยาออกฤทธิ์
เจ้าหล่อนก็ร้องขอเอง  ยานั่นอาทบอกตัวแรงเลยล่ะ  เจ้าอาทมันก็ไม่ได้อยู่รอผล
แล้วลูกน้องมันก็ส่งเป็นคลิปกลับมาให้  แม่นั่นคงเข็ดไปจนตายไม่กล้ามายุ่งกับพี่ภูแล้วก็ฟ้าอีกแน่ๆ”

เบนซินเล่าให้ภูดิศฟังถึงเรื่องราวทั้งหมด  ชายหนุ่มเหยียดยิ้มหยัน
ก็สมควรแล้วที่สะเออะมายุ่งกับของรักของหวงของเขา

“แล้วไปไหนเสียล่ะ  ฟ้าน่ะ  ยังไม่เจอหน้ากันเลย  พี่ภูเล่นหนักไปหรือเปล่าครับ
ไข้ขึ้นเลยน่ะ  ครั้งแรกหรือเปล่าเนี้ย  ฮ่าฮ่าฮ่า” เบนซินถามออกไปตรงๆ

“จุ๊  จุ๊  เบาสิเบน! ไม่เท่าไหร่หรอก  ก็พี่ไม่รู้วิธีก็เลยจับไปแช่ในอ่างอาบเสียนาน
จนตัวเกือบเปื่อย  ถ้าไม่ร้องว่าหนาว  คงจะให้แช่ทั้งคืนแล้วล่ะ”
ภูดิศเล่าให้เบนฟังเป็นฉากๆ

“โว๊ะ!  พี่ภู  ทำไมไม่ถามล่ะ  ทำอย่างนั้นไม่ใช่ว่าจะช่วยได้เสมอไป
 ไม่หายง่ายๆ หรอก  โธ่ๆ ไปบวชดีมั๊ยพี่ภู  ผมไปส่งที่วัดให้”
 เบนซินพูดสบประมาท  หยามเชิงชายกันชัดๆ

“พี่ยังเล่าไม่จบ  พอแช่น้ำไม่ได้ผล  ก็เลยต้องจัดให้ไปหลายยก  ถึงไข้ขึ้นไง
 เก็ตมั๊ยเบน ฮะฮ่าฮ่าฮ่า” หัวเราะทีหลังดังกว่าเป็นอย่างนี้เอง  เบนซินเข้าใจแล้ว

“แล้วก็ไม่พูดให้หมด  ผมว่าพี่น้องคู่นั้นป่านนี้คงจะคุยกันบ้างล่ะน่า
เรื่องแบบนี้น้ำเค้ามีประสบการณ์มาก่อน  หึหึ”
เบนซินยังไม่วายคุยข่ม  ภูดิศนึกหมั่นไส้ก็คราวนี้

“ครับ พ่อคลาสโนว่า  พี่ไม่เทียบชั้นด้วยแล้ว”
 แล้วภูดิศก็โคลงศีรษะไปมา


“เป็นยังไงบ้างฟ้า  ปวดหัว  ตัวร้อน  ดีขึ้นหรือยัง  ตัวยังรุมๆ นะ
มาพี่เช็ดตัวให้” พูดจบพี่น้ำก็คว้าผ้าขนหนูที่วางอยู่ข้างๆ
ไปชุบน้ำมาเช็ดตัวให้น้อง  เวลาน้องป่วยเขาก็ทำให้ทุกที
หรือเวลาเขาไม่สบายก็ได้ฟ้านี่แหละดูแลทำให้ไม่ห่าง
แล้วก็ปลดกระดุมเสื้อออก ตาเบิ่งกว้าง

“ฟ้า  ทำไมรอยมันมากมายขนาดนี้  ไอ้เลวนั่นเหรอ  ระยำจริงๆ
น่าจะให้มันกินลูกปืนนะพี่ว่า  ไม่น่าปล่อยให้มันรอดออกมาสร้างความเดือดร้อน
ให้ใครต่อใครได้อีก  ไอ้ชั่วเอ๊ย!!!  เบนๆ มานี่หน่อย”
พี่น้ำโมโหหน้าดำหน้าแดงที่มีคนมาทำน้องชายสุดที่รักของเขาได้
ขอบฟ้าหน้าเจื่อน  แล้วจึงต้องยอมเปิดปากพูดกับพี่ชาย

“เอ่อ  พี่น้ำเบาหน่อยครับ  คือว่า…รอยนี่  พี่ภู  เอ่อ  เป็นคนลบรอยให้ฟ้าน่ะ
ฟ้าขอร้องให้พี่ภูทำเอง  คือ…แบบว่า  ถ้าพี่ภูไม่ทำ  ฟ้าก็อดขยะแขยงตัวเองไม่ได้
แล้วก็ใช้เล็บตัวเองขูดรอยนั่นออก  ลากซะเป็นทางยาว  ไม่ต้องบอกพี่เบนนะ
ฟ้าอายน่ะ…ครับ”  ขอบฟ้าพูดแล้วก็เหนียมอายเสียงเบาในตอนท้าย
บิดมือบิดไม้แทบจะเป็นเลขแปด

“พี่ไม่รู้นี่ โถๆ หลงด่าพี่ภูไปเสียเยอะแยะ โหๆ ฮอตไม่เบานะแฟนฟ้า 
ไม่ต่างจากไอ้หื่นของพี่เลย  อุ๊บ! เออๆ นั่นแหละ  ทำเอาน้องพี่ลายเป็น
ตุ๊กแกอย่างนี้  ยัยญาดาเนี่ยมันช่างร้ายกาจนะ  มาทำให้น้องของพี่เสียซิงให้พี่ภูจนได้”
พี่น้ำเผลอหลุดเรื่องของตัวเองออกมาขณะที่เล่า

“พี่เบนก็ฮอต  อย่างนั้นเหรอ  คริคริ”  ขอบฟ้าแกล้งพี่คืนบ้าง  จนโดนหยิกเนื้อไปที

“ตัวแสบ!  ใครเขาเอาเรื่องแบบนี้มาพูดกัน  เดี๋ยวจะโดน!
แล้วเราน่ะข่วนพี่ภูลายไปทั้งหลังรึเปล่าล่ะ”

“พี่น้ำ  ฟ้าไม่คุยด้วยแล้ว  ใครจะเป็นเหมือนพี่กัน  หึ้ย!”
น่านน้ำยกมือขึ้นยีหัวน้อง  ก็เรามันเป็นพี่น้องกัน ไม่ต่างกันหรอกน่ะ  น่านน้ำคิด


ตอนบ่ายพีทกับซีเกมส์เข้ามาหาเพื่อน  เพราะไม่ได้เจอกันนานพอควร
และก็เป็นไปตามคาดที่พีทต้องลากพี่เมศมาด้วย  ขอบฟ้าแนะนำเบนซินให้เพื่อนๆ
รู้จักว่าเป็นพี่เขย  ทำเอาน่านน้ำยิ้มเขิน  แล้วเพื่อนๆ
ก็ต้องมารับรู้อีกจนได้ว่าขอบฟ้าไปเจอเรื่องอะไรมา

“ไอ้ฟ้า  ถ้าซีกับพีทไม่มาจะได้รู้มั๊ย  ว่าตัวน่ะไปโดนอะไรมา
โกรธจริงๆ นะเว่ย  เป็นอะไรไม่เคยบอก  ต้องให้มารู้เอง  โกรธมากๆ ด้วย
โกรธๆ” ซีเกมส์บ่นเพื่อนเป็นชุด

“เรื่องมันเพิ่งเกิด  แล้วฟ้าก็ไม่สบายด้วย  จะไปบอกอะไรใครได้
นี่พ่อกับแม่ก็ไม่ได้ให้ท่านรู้นะ  กลัวจะพากันเป็นห่วง  อย่าโกรธเลยนะ
เพื่อนรัก! ถ้าฟ้าหายจะพาไปหาของอร่อยๆ กินนะ”
ขอบฟ้าเอาของกินมาล่อเพื่อนให้หายงอน

“ฟ้า  ซีไม่ได้จะเห็นแก่กินนะ  แต่เมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน
จะได้ล้างท้องรอ  คริคริ” พูดเรื่องของกินหายโกรธเลย
นี่ไงถึงเป็นเพื่อนรักกันได้  น่านน้ำมองน้องกับเพื่อนอย่างนึกขำ

“ฟ้าแล้วทำไมตัวลายขนาดนี้  อย่าบอกนะว่าหนีไม่ทันพวกมัน
โดนมันโทรมมา  แล้วพี่ภูล่ะ  ไม่ฆ่ามันทิ้งรึไง  ไอ้คนทำน่ะ
แค่พวกเรากอดนิดกอดหน่อยยังหวงขนาดนั้น”
พีทถามเมื่อเห็นเพื่อนตัวลายอย่างกับตุ๊กแก

“เอ่อ…พี่ภูไปช่วยมาได้ทัน  จบเถอะ  ฟ้าไม่อยากพูดถึง”
ขอบฟ้าพยายามตัดบท

“ได้ไงกันฟ้า  ไอ้เลวนั่น  มันทำถึงขนาดนี้เลยนะ  น้องฟ้าของพี่ภู
ไม่เหลือดีแล้วเหรอ”  ขอบฟ้าทำหน้าปุเลี่ยนๆ
เมื่อได้ยินเพื่อนรักด่าคนทำรอย  จะให้พูดได้ยังไงกันล่ะ

“พีท  พอเถอะ  ฟ้าคงไม่อยากให้พูดถึงน่ะ  คงยังรู้สึกแย่กับเหตุการณ์
ที่เพิ่งผ่านมาสดๆ ร้อนๆ” พี่เมศปรามพีทไม่ให้ถามถึงอีก

“พีท   อย่าไปด่าคนทำนักเลย  เดี๋ยวเขาจะปวดท้องเอา  ที่ถูกด่าทั้งๆ
ที่ยืนอยู่แถวๆ นี้ด้วยน่ะ” พี่น้ำพูดยิ้มๆ

“ห๋า! พี่น้ำ  มันกล้ามายืนแถวนี้เลยเหรอครับ  พีทจะกระทืบมันซะเดี๋ยวนี้เลย
แก้แค้นให้เพื่อน  ไหนครับ มันอยู่ไหน” พีทหันรีหันขวาง  มองไปรอบๆ
ก็ไม่เห็นคนแปลกหน้าสักคน
“พีทครับ  รอยนั่น  พี่ทำเองน่ะ  พี่แค่ลบรอยให้ฟ้า  จบนะครับน้องๆ
ไม่สงสัยกันแล้วนะ”
แล้วขอบฟ้าก็ต้องเอาหน้ามุดหมอนหนีอายสายตาของคนทั้งห้อง




หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 34 วันเกิดคุณปู่
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 20-12-2018 20:10:11
 ตอนที่ 34  วันเกิดคุณปู่

ลุงหมอเรียกภูเมศกับภูดิศเข้ามาคุยเรื่องจะจัดงานครบรอบวันเกิดอายุครบ 72 ปีให้คุณปู่
อยากให้ช่วยกันจัดให้ท่านสักครั้ง  ทั้งนี้ภูดิศเสนอให้มีการทำบุญเลี้ยงพระในช่วงเช้า
ส่วนช่วงเย็นให้เป็นงานเลี้ยงในหมู่ลูกหลานและแขกคนสนิทซึ่งตามแต่คุณลุงจะเชิญ
ลุงหมอเห็นดีด้วย  ให้ภูดิศดำเนินการเรื่องนิมนต์พระ  ส่วนเรื่องอาหารให้เป็นนมพร้อมนำทีม
ส่วนภูเมศดูแลในเรื่องตกแต่งสถานที่  ซึ่งจะจัดกันที่ลานกว้างหน้าคฤหาสน์ของคุณปู่

“น้องฟ้า  เชิญคุณพ่อ  คุณแม่  แล้วก็น้ำกับเบนให้พี่ด้วยนะ  สองบ้านจะได้ทำความคุ้นเคยกัน”

“พี่ภูเชิญเองไม่ดีเหรอครับคุณแม่กับคุณพ่อน่ะ  ฟ้ายังหวั่นๆ อยู่”
 ยิ้มโชว์ฟันสวย ให้พี่ภูออกหน้าไป

“ก็ได้ๆ พี่จะบอกท่านวันมะรืนนี้แล้วกัน”
 แล้วพี่ภูก็โน้มหน้ามาจูบเรือนผม  ดีนะที่เขาสระผมเมื่อเช้าแล้ว

“ซี  ขอไปด้วยนะพี่ภู  พีทมันเป็นแฟนพี่เมศแล้ว  มันก็เลยลอยหน้าลอยตาเข้าไปในงานได้”
ซีเกมส์พูดแบบงอนๆ

“ไปได้ดิซีน่ะ  พี่หมอเค้าก็ต้องชวนซีไปอยู่แล้ว  แฟนกันไม่ใช่?”
ซีเกมส์ถลึงตาใส่เพื่อน

“บ้าแล้ว  พี่หมอไม่เห็นไปเดทเลย  วันก่อนน่ะ”
 ซีเกมส์พูดขำๆ ก็เขาไม่ได้ชอบพี่หมอเสียหน่อย

“ต้องได้ไปอยู่แล้วครับ  ซีน่ะเพื่อนรักแฟนพี่นี่”  พี่ภูสรุป  ซีเกมส์ยิ้มแป้น

“น้องฟ้าไปดูคุณปู่ที  พระจะมาแล้วครับ”
พี่ภูวิ่งวุ่นแต่เช้ามืดทั้งหาคนไปจ่ายตลาด  ช่วยงานครัว  หารถไปรับพระ
ขอบฟ้าก็มาช่วยตั้งแต่เช้ามืดเหมือนกัน  เด็กๆ ให้นัทรับไปดูแล  งานครัวนมพร้อมนำทีม
มีป้าแก้ว  ป้าจันทร์  ป้าอร  ส่วนลูกมือได้ส้มกับแอนมาช่วย

“พี่ภู  พระมาแล้ว  คุณปู่ก็พร้อมแล้วครับ”
ขอบฟ้าบอกพี่ภู  จึงมีลุงหมอ  พี่เมศและผองเพื่อนมาช่วยรับพระกันครบทีม
คุณพ่อคุณแม่ของขอบฟ้าก็มาทันพระด้วยเหมือนกัน  ท่านทั้งสองสีหน้ามีความสุขมาก
ขึ้นที่ได้มาทำความรู้จักกัน  ได้ทำบุญร่วมกัน
 

หลังจากพิธีสงฆ์เสร็จสิ้น  ส่งพระกลับวัดเป็นที่เรียบร้อยก็ร่วมรับประทานอาหารกันโต๊ะใหญ่
ซึ่งคุณปู่เองก็มีสีหน้ายิ้มแย้มที่ได้รู้จักคุณป๊ากับคุณม๊าของพีทเพิ่มอีกสองคน
ซึ่งท่านมาทันได้ร่วมรับประทานอาหารพอดี  สุดท้ายผู้ใหญ่ก็พูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติต่อกัน
ได้รู้ว่าลูกหลานคบหากัน  จะในรูปแบบไหนก็แล้วแต่ ขอให้พวกเขามีความสุขก็พอ

“ฉันน่ะหาผู้หญิงให้พวกมัน  จนฉันเส้นเลือดในสมองจะแตกตาย  ถึงมาคิดได้
วัยนี้กันแล้วพรุ่งนี้จะได้ตื่นลืมตาหรือเปล่ายังไม่รู้  สู้ได้เห็นพวกมันมีความสุขในวันนี้ที่ยังเห็นๆ
กันก็พอแล้วล่ะนะ” คุณปู่เล่าให้ทุกคนฟังต่างก็พยักพเยิดเห็นด้วย

“ดิฉันสิคะ  เจ้าตัวแสบคนน้องคาดหวังกับมันเยอะ  ก็ปวดใจไปหลายวันเหมือนกัน
พอจะเริ่มทำใจได้  ไอ้ตัวพี่ก็พาแฟนผู้ชายโผล่มาอีก  แทนที่บ้านดิฉันจะได้สะใภ้กับได้ลูกเขยแทน
สมองแทบแตกเหมือนกัน  ดีนะฉุกคิดได้ว่าชีวิตที่มันผ่านความเป็นความตายเหลือมาจนป่านนี้
ก็ให้มันใช้ๆ ของมันกันไป” คุณหญิงศศิเล่าเสียยืดยาว 

“นี่เจ้าพีทก็บอกว่ามาชอบพอกับหลานชายคนโตท่าน  เราก็เลี้ยงมันได้แต่ตัวจริงๆ
ล่ะนะเด็กสมัยนี้  ก็ต้องทำใจยอมรับกันไป” คุณป๊าของพีทเล่าบ้าง

“พ่อเบนครับ  วินวินจะเอาไก่ทอดอีกครับ”
วินวินอ้อนพ่อเบน  หนูน้อยรู้แต่ว่าพ่อเบนรักพ่อน้ำแล้วก็รักวินวินด้วย  เราเป็นครอบครัวเดียวกัน

“นี่ครับน้องวินวิน  เคี้ยวให้ละเอียดก่อนแล้วค่อยกลืนนะ  จะได้ไม่ปวดท้อง”  เด็กน้อยผงกหัวหงึกๆ

“พี่เมศ  จานนี้ไม่เผ็ดมากเท่าไหร่ลองทานดูครับ”  พีทดูแลพี่เมศไม่ห่างเช่นกัน

“น้องฟ้าเอายำเพิ่มมั๊ยครับ”  ขอบฟ้าส่ายหน้ายิ้มๆ
มองไปรอบๆ ทุกคนล้วนสีหน้ามีความสุข  เขาก็พลอยอิ่มใจไปด้วย
ไม่เว้นแม้แต่ซีเกมส์ที่ตอนนี้ได้พี่หมอเทคแคร์ไม่ห่าง
หากเพื่อนรักตัวเล็กจะมีใครมาดูแลเขาก็ยินดีด้วย

“ตัวเล็ก ไม่สบายหรือเปล่าทำไมทานน้อยจัง  หรือว่าเหนื่อยครับ”
 พี่ภูใช้หลังมือมาอังที่หน้าผาก ตัวก็ไม่ได้ร้อน เจ้าตัวส่ายหน้า

“ฟ้าไม่ค่อยหิวน่ะครับ  แอบฉกของว่างไปหลายชิ้นก็เลยตื้อๆ ครับ”  คนตัวเล็กสารภาพ

“งั้นเดี๋ยวหลังมื้อเที่ยงเราไปพักผ่อนกันก่อนก็ดีนะ  ตื่นกันเสียเช้ามืดเลยนี่”

“ก็ดีฮะ  พักสักชั่วโมงก็ได้  ที่นี่มีห้องพักแขกหรือเปล่าครับ”

“มีสิ ป้าจันทร์จัดไว้หลายห้องเลย  ให้เพื่อนๆ ไปพักได้สบายๆ ครับ เดี๋ยวพี่พาไปนะ”
ขอบฟ้ายิ้มตาหยี  หนังท้องก็ตึงๆ หนังตาก็เริ่มหย่อนๆ แล้ว


พอทานกันอิ่ม  นั่งคุยเล่นกันสักพักผู้ใหญ่ก็กลับไปจนหมด
พี่น้ำ  พี่เบนและน้องวินวินจะไปที่อื่นต่อ  พีทกับพี่เมศไปห้องพักแขกแล้ว
คุณปู่ขอเข้าไปเอนหลัง  ที่เหลือจึงย้ายกันไปที่ห้องนั่งเล่น  ขอบฟ้าย่องไป
จะช่วยนมพร้อมเก็บล้างในครัว  โดนดุนดันออกมาไม่ให้เข้าไปใกล้เสียนี่
จึงต้องไปนั่งเป็นเพื่อนพี่ภูเล่นกับลูกแทน  พี่หมอก็หามุกมาคุยไม่ได้หยุด
สักพักหนูรินหาวนอนพี่ภูจึงชวนให้พาลูกไปนอน  เหลือพี่หมอกับซีเกมส์ที่
คุยเล่นกันสองคนไม่ยอมเข้าห้องที่ยังมีเหลือ

“พี่ภู  บ้านใหญ่โตโอ่อ่า  ห้องหับก็เยอะแยะ  ทำไมถึงสะอาดสะอ้านได้ขนาดนี้เลยล่ะ”

“คุณปู่น่ะ  ท่านใส่ใจ  เจ้าระเบียบแต่ไหนแต่ไร  คนเก่าแก่ที่นี่จึงรู้ใจ
 พากันทำให้ท่านด้วยใจทั้งนั้น”

“ดีจัง เตียงนี่ก็สะอาดน่านอนด้วย”

พูดเสร็จตัวเล็กก็ล้มตัวลงนอน  พ่อลูกจึงนอนกอดกันหลับไปก่อนแล้ว
ไม่นึกฝันว่าจะมีวันนี้ที่ได้มานอนมองหน้าคนตัวโตแบบนี้
พี่ภูที่มีแต่คนหมายปองอยากได้เป็นคู่ชีวิต  พี่ภูที่คนอื่นๆ ต่างพูดว่าเป็นผู้ชายที่เข้าถึงยาก
พี่ภูคนจิตใจดีที่ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ยังเป็นพี่ตัวโตที่อยู่ในหัวใจคนตัวเล็กเสมอ

“ตัวเล็ก รัก พี่ตัวโตนะครับ” ขอบฟ้าเอื้อมมือไปกอดสองพ่อลูกแล้วหลับตามกันไป


มื้อค่ำวันนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความรั ก มิตรภาพ  ความเข้าอกเข้าใจกัน
คุณปู่จอมเผด็จการ  เจ้ายศเจ้าอย่าง  หน้าตาเรียบตึงไม่มีอีกแล้ว  เหลือแต่คนแก่ใจดี
มีเมตตา  หน้าตายิ้มแย้ม  คุณทวดที่หนูรินคุยด้วยมากที่สุดในตอนนี้และคุณปู่ที่หลานๆ
ให้ความเอาใจใส่ดูแล


หลังมื้ออาหารหมอคีรีหายไปสักพักก็กลับมาพร้อมกับเค้กวันเกิดก้อนโต
เขาสั่งทางร้านให้นำมาส่ง  หนูรินกระโดดดีใจที่จะได้ทานเค้กยักษ์
ทุกคนร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้คุณปู่  ท่านถึงกับมีน้ำตาซึมตื้นตันใจที่หลานๆใส่ใจ
เมื่อท่านเป่าเค้กก็ตัดแจกให้รับประทานกันอย่างถ้วนหน้า

ลุงหมอมาทันได้อวยพรคุณปู่ด้วย  แล้วก็มีของขวัญวันเกิดมามอบให้ท่าน
พอท่านเปิดออกดูคนอื่นๆ ก็พาเฮโลกันทั้งงานมันคือแพ็คเกจท่องเที่ยว
ต่างประเทศยกแก๊งที่ลุงหมอตั้งใจให้เป็นทริปท่องเที่ยวกับครอบครัวจริงๆ

“ทุกคนครับ  กลับไปก็รีบเคลียร์งานให้พร้อมนะครับ
งานเที่ยวฟรีกินฟรีแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยนะ  อย่าเล่นตัวกันนะครับ
หรือต้องแถมเงินติดกระเป๋าให้ก็บอก” 
พี่ภูกล่าวยิ้มๆ คนฟังพากันส่ายหน้าแล้วโห่ไล่  เป็นที่ครื้นเครง

“ปู่ขอบใจทุกๆ คนเลยที่มาวันนี้  เหนื่อยกันมาทั้งวันจะพักที่นี่คืนนี้ก็ได้นะ
ห้องหับมีออกถมถืดไป  หรือใครจะกลับก็เดินทางกันดีๆ ล่ะ”

สรุปทุกคนก็พร้อมใจกันกลับ  ทีมแม่ครัวคุณปู่จะให้รถที่บ้านไปส่งให้

“พี่เอาลูกนอนก่อน  น้องฟ้าไปอาบน้ำไป  จะได้นอนยาวๆ เลย”
ขอบฟ้าสะลึมสะลือเดินตุปัดตุเป๋ตามคนตัวสูงขึ้นห้องไป
รื้อตู้เสื้อผ้าหาชุดนอนมาเตรียมไว้ทั้งของตนและของพี่ภู
แล้วก็อาบน้ำแทบเป็นวิ่งผ่านน้ำกันเลย  เหนื่อยมาทั้งวันขอนอนก่อนนะ
แล้วไม่นานก็หลับไป  ภูดิศกลับมาจากส่งลูกเข้านอนก็รีบอาบน้ำ
ก่อนหลับก็ลากคนตัวเล็กมากอดแนบอก

ฟ้าเริ่มสางมีแสงรำไร  ภูดิศตื่นลืมตาเป็นอีกเช้าที่ได้ตื่นแล้วมีคนตัวเล็กซุกซบอยู่แนบอกอย่างนี้
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วจริงๆ ชีวิต  เขาก้มลงหอมหัวคนในอ้อมกอดอีกแล้ว  เขาเสพติดกลิ่นคนตัวเล็ก
นี่ไปแล้ว  แค่ได้ดมก็มีความสุขผ่อนคลายแล้ว  มีเสียงงึมงำของคนหลับดังมาให้ได้ยิน

“ตัวเล็ก... รักพี่ตัวโตนะ”

“พี่ตัวโต... ก็รัก...ตัวเล็กครับ”




หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 32 ถูกลักพาตัว New!!!!!!!!!! ตามมาค่ะ ยังมีอีกนะ
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 20-12-2018 21:07:14
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 35 คืนข้ามปี
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 22-12-2018 21:08:36
ตอนที่ 35 คืนข้ามปี

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของปี  ภูดิศกับขอบฟ้าไปรับคุณปู่ที่บ้าน
พาไปทำบุญส่งท้ายปีกันที่วัด  ซึ่งไม่ไกลจากบ้านท่านนัก
นมพร้อมเตรียมอาหารใส่ปิ่นโต  ทั้งคาวหวาน  ดอกไม้ธูปเทียนพร้อมสรรพ
คุณปู่มีสีหน้ายิ้มแย้มดีใจที่หลานชายตั้งแต่ประกาศว่าคบหากับขอบฟ้า
ก็ยังคงให้ความใส่ใจดูแลท่านเรื่อยมาไม่ปล่อยให้เหงา

“คุณทวดขา  หนูรินช่วยจูงค่ะ  คนเยอะเดี๋ยวหลง”  หนูน้อยมีน้ำใจช่วยดูแล

“เราเองน่ะแหละยัยหนู  อย่าเดินไปไหนให้พ่อภูจูงดีกว่านะ”
 คุณทวดพูด ขอบฟ้าจึงมาคอยอยู่ข้างๆ ท่านแทน

“คุณปู่ครับ มาถวายข้าวพระพุทธกันก่อนครับ”
ขอบฟ้านำสำรับมาตั้ง แล้วจุดธูปเทียนส่งให้ท่าน

“ยัยหนูมาใกล้ๆ พ่อค่ะ ไหว้พระกัน”

ภูดิศพาลูกกราบพระ หลังจากเสร็จจากทำบุญที่วัด  ก็พาคุณปู่ไปทานมื้อเช้าที่ร้าน
ไม่ห่างจากวัดมากนัก  ทุกคนพลอยมีสีหน้าอิ่มบุญไปตามๆ กัน


“อ้าวพีท  พี่เมศ  มารอคุณปู่เหรอ  พาท่านไปทำบุญที่วัดมาน่ะ”  ขอบฟ้าเอ่ยทัก

“อ่อ  ตะกี้ป้าจันทร์บอกแล้ว  จึงคิดว่าไม่น่าจะนานเดี๋ยวก็คงกลับมา” พี่เมศตอบ

“สวัสดีครับคุณปู่  พอดีคุณป๊ากับคุณม๊าให้ผมนำของมาสวัสดีปีใหม่คุณปู่ น่ะครับ”

“อืม  ฝากขอบใจพ่อแม่นายด้วยนะ  พีท”
 คุณปู่จำชื่อพีทได้แล้ว รู้ว่าที่บ้านทำธุรกิจร้านทอง

“อยู่ทานมื้อเที่ยงด้วยกันก่อนนะทุกคนเลย” คุณปู่ชวน

“ได้ครับ  งั้นฟ้าเข้าไปช่วยในครัวดีกว่า” ขอบฟ้าแยกตัวออกไป

“พ่อภู  พาหนูรินไปดูปลาคราฟหน่อยสิคะ” แล้วพ่อลูกก็จูงมือกันไป

“พี่เมศมาช่วยพีทเลือกหน่อยสิครับว่าคืนนี้เราจะไปเคาน์ดาวน์ที่ไหนกันดี
เดี๋ยวจะได้ชวนคู่พี่ภูและพี่น้ำด้วย ไปที่ไม่ไกลมากนักเนอะ”
พีททำตาอ้อนใส่พี่เมศ  ตั้งแต่คบกันเป็นแฟนมาก็หลายเดือน
 พี่เมศยังไม่เคยทำอะไรให้พีทรู้สึกว่าพี่เมศจะรักเขาเลย
 มีแต่เขาที่รักพี่เมศมากขึ้นทุกวัน

“คืนแบบนี้  คู่รักเขาก็อยากอยู่กันเป็นส่วนตัวทั้งนั้น  จะมีใครเขาไปกับเรากันล่ะ
 เคาน์ดาวน์ที่ห้องเราก็ได้นะพีท ไม่ต้องไปเบียดผู้คนด้วย” พี่เมศออกความเห็น

“จริงด้วยสิ  งั้นพีทไปห้องพี่นะ  ขอซื้อเครื่องดื่มเข้าไปด้วย
 เมาก็นอนนั่นเลย ไม่ลำบากใครด้วย เยี่ยม! ไปเลย”
พีทสรุปดวงตามีประกายวิบวับ ซึ่งภูเมศไม่ทันได้เห็น

“พี่ภูกับฟ้า ไปเคาน์ดาวน์ที่ไหนกันล่ะคืนนี้” พีทเอ่ยถามเพื่อน

“คงที่บ้านน่ะพีท ไม่อยากไปเบียดคน อึดอัด” ขอบฟ้าตอบ

“บ้านพี่ภู  สินะฟ้าเพื่อนรัก  ฮิ้ววว” พีทโห่แซว

“แสนรู้เนาะ  แกคงห้องพี่เมศล่ะสิ” ขอบฟ้ายักคิ้วใส่เพื่อน

แน่นอนครับ  ก็ต้องห้องคนรักสิครับ  จูบกันดูดดื่มข้ามปีไปเลย  แกลองดูนะ
รับรองพี่ภูรัก  พี่ภูหลงยันปีหน้าเลย  ถ้าพี่เมศให้จูบพีทแบบที่ใฝ่ฝันนะฟ้าเอ๊ย!
โงหัวไม่ขึ้นแน่  แค่นี้ก็ทั้งรักทั้งหลงไม่รู้จะทำไงแล้ว”
พีทเพ้อตาลอย โดยไม่รู้ว่าคนหล่อของเขามายืนฟังอยู่ตั้งนานแล้ว

“ทานข้างเที่ยงกันค่ะ  อาหารพร้อมแล้ว” ป้าจันทร์เดินมาตาม

“คุณทวดขา  หนูรินเห็นลูกปลาคราฟด้วยค่ะ”

“เอ้า! จริงเหรอ  เดี๋ยวทวดต้องหาคนไปแยกออกไว้ต่างหาก
 เดี๋ยวโดนป่าใหญ่กินเสียหมด”

“ปลาใหญ่กินปลาเล็กหรือคะ” หนูรินถาม

“ใช่ๆ กินเกลี้ยงไม่มีเหลือ”

“น่าสงสารจังค่ะ” หนูรินทำหน้าเศร้า

“ไม่เป็นไร ยัยหนู แยกออกจากกัน จะได้ไม่ถูกกินไง”
คุณทวดอธิบายให้หนูน้อยฟัง  แล้วทุกคนก็ลงมือทานมื้อเที่ยงกันไป
คุยกันไป ส่วนใหญ่เป็นคุณทวดกับหนูรินที่คุยกัน จนอิ่มจึงแยกไปนั่งคุยกัน
ต่อที่ห้องนั่งเล่น จนยัยหนูเริ่มง่วงเพราะหนังท้องตึง ภูดิศจึงขอกลับก่อน
พี่เมศและพีทจึงลากลับบ้าง


ค่ำคืนอันยาวนานกว่าจะข้ามปี  ช่างยาวนานในความคิดของภูเมศเพราะหลังจาก
ที่พีทพาเขามาส่งที่ห้อง จนตอนนี้ 5 ทุ่มครึ่งไปแล้ว  ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของพีท
คงเบื่อกับคนที่ไม่มีความโรแมนติก ไม่เคยบอกรัก ทั้งที่พีทพูดออกบ่อย
ไม่มีความคาดหวังอะไรให้  คบกับเขาก็เหมือนคบกับก้อนหิน
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้น้ำตาก็ไหลลงมาเป็นทาง  เขาถูกเบื่อแล้ว
ตอนนี้ก็ถูกทิ้งแล้วด้วย แล้วภูเมศก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนหมอนเปียกปอน
ไปด้วยน้ำตา  มันคงสายเกินไปแล้วที่เพิ่งรู้ใจตัวเองว่าเขารักพีท
อบอุ่นเสมอเมื่อได้อยู่ใกล้  และชอบที่ถูกตอแย  พอรู้สึกว่าต่อไปจะไม่มีอีกแล้ว
หัวใจมันเจ็บ  มันปวด  กลับมาอยู่ด้วยกันตรงนี้จะได้ไหม…ได้โปรด



พีทกระวนกระวายตั้งแต่หัวค่ำ  เขาไปที่ร้านป๊า  สั่งทำของที่ระลึกไว้ให้พี่เมศ
เพื่อให้เป็นสิ่งแทนใจในปีแรกที่เขาทั้งสองจะได้ข้ามปีไปด้วยกัน  แต่จนแล้วจนรอด
ของที่สั่งก็หาคนที่เก็บไม่เจอ  โยนกันไปมา  จนสุดท้ายกว่าจะหาข้อสรุปได้ว่าใคร
เอาไปและอยู่ที่ไหน  เขาก็แทบระเบิดอารมณ์ใส่หลายๆ คน คุณม๊านั่นเองเอาไป
เพราะเพื่อนขอยืมไปทำแบบ  กว่าจะไปตามหาเพื่อนคุณม๊าเจอ  กว่าจะได้มายืนอยู่
หน้าห้องพี่เมศ  ป่านนี้คงหลับไปแล้ว

พีทรูดคีย์การ์ดเข้าไป  ด้านในเปิดไฟสว่าง  อีกสิบนาทีจะเข้าวันใหม่
 พีทรีบเดินเข้าไปในห้องนอน ไฟดวงเล็กเปิดไว้บนเตียงมีร่างที่คุ้นเคย
นอนตะแคงหันหลังให้ ได้ยินเสียงสะอื้น  เสียงสูดหายใจที่ติดๆ ขัดๆ
 ร้องไห้จนหายใจไม่ออกอีกแล้ว  ร่างสูงเข้าไปคว้าตัวมากอดไว้แน่น
 กดปลายจมูกที่เรือนผม  ดึงให้หันหน้ามา

“ไม่รักพี่แล้วใช่ไหมพีท  หมดรักแล้ว  เบื่อกันแล้ว  ใช่หรือเปล่า”
พี่เมศถามออกมาเสียงแหบโหย

“พีทรักพี่เมศนะ  รักมากครับ  คนดีของพีท ไม่ร้องแล้วนะ
 ดูสิหายใจไม่ออกอีกแล้ว  เรามานับถอยหลังกัน  จะเข้าวันใหม่แล้ว  เริ่มนะครับ”
พอพีทพูดจบกำลังจะนับ  พี่เมศก็พุ่งตัวประกบจูบที่ริมฝีปากของเขา
 ขบกัดตั้งแต่ริมฝีปากล่าง  แทรกลิ้นอุ่นในโพรงปากดูดดึงความหวาน
 ลิ้นพัวพันกันไม่หยุด  จนพลุสว่างเต็มท้องฟ้าจากบานหน้าต่าง  พี่เมศดื่มด่ำ
จมอยู่ในรสจูบที่ยาวนานแล้วก็ถอนปากออก  ไล่ขบกัดซอกคอของเขามือไม้
ซุกซนล้วงเข้าไปคลึงแผ่นอกของเขาขยำหน้าท้องของเขา  แล้วป่ายมือลงล่าง
ล้วงมือเข้าไปทักทายเจ้าน้องชายสุดรักของเขา  ที่ผงกหัวทักทาย  พีทกำข้อมือพี่เมศให้หยุด

“พี่เมศครับ แฮปปี้นิวเยียร์นะครับ พีทรักพี่เมศนะ”

“แฮปปี้นิวเยียร์พีท  พี่ก็รักพีทนะครับ” แล้วพี่เมศก็ผลักเขาลงบนเตียง
 แล้วก็ทั้งปาก จมูก ลิ้นของพี่เมศก็ปรนเปรอจนพีทเบลอ  ล่องลอย
 เสียวซ่าน  พีเมศไม่เคยเป็นแบบนี้  แค่ได้กอดหอมเท่านั้น จูบก็นานๆ ครั้งถึงจะยอม
 ทำเอาเขาแทบขาดใจเลยตอนนี้  ทั้งตื่นเต้น  ตื่นตัวกับสัมผัสที่จู่โจมนี้

“พี่รักพีท  ให้พี่เป็นของพีทนะ” จบคำที่พี่เมศพูด พีทเคลื่อนตัวไปทาบทับ
สองร่างที่เปล่าเปลือยแนบชิดไม่มีช่องว่างระหว่างกันและไม่มีส่วนไหนของ
พี่เมศที่ไม่ถูกพีทสัมผัส  จนพี่เมศหลังไม่ได้ติดพื้นเลยด้วยซ้ำ  แล้วทั้งสองก็
รวมร่างเป็นหนึ่งเดียวกัน

พีทบอกรักพี่เมศด้วยบทรักที่เร่าร้อน  รุนแรง  บทแล้ว
บทเล่าจนพี่เมศหลับไปกับอกของเขาในบทรักสุดท้ายนั่นแหละ  พีทจึงได้เริ่ม
ปิดเปลือกตาลงอย่างอิ่มเอม  และหลับตามกันไปพร้อมรอยยิ้มจางๆ ที่เคลือบบนใบหน้าหล่อคม

“รักน้องฟ้านะครับ” กว่าพี่ภูจะยอมปล่อยให้คนตัวเล็กได้นอนก็ปาเข้าไปตีสาม
ทั้งสองข้ามปีมาด้วยกันเพราะจูบที่พีทบอกนั่นแหละ  ทำเอาพี่ภูบอกรักจนขอบฟ้า
แทบขาดใจ  พี่ภูอ้างว่าปีนี้เรายังรักกันไม่กี่ครั้งเลย ดูพูดเข้า
“ฟ้าก็รักพี่ภูนะครับ” แล้วทั้งสองก็หลับตามกันไปอีกคู่


“น้ำครับ  เช็ดตัวหน่อยนะ  จะได้นอนสบายขึ้น  อยู่นิ่งๆ นะ”
เบนซินเช็ดตัวและควานนิ้วเข้าไปเอาสิ่งที่คั่งค้างออกให้
“อ่ะ  อา  เบน  น้ำง่วงแล้วนะ” คนง่วงประท้วง
“รู้ครับ  นอนนะครับ” เบนซินจูบที่หน้าผาก  แล้วก็กกกอดกัน
พากันหลับใหลไปในค่ำคืนของปีใหม่อีกปี
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 35 คืนข้ามปี
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 22-12-2018 22:44:33
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 36 รักแท้มีจริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 27-12-2018 13:22:03
ตอนที่ 36 รักแท้มีจริงหรือ?

ช่วงนี้งานออกแบบจัดสวนของขอบฟ้ามีเข้ามามาก  จากการบอกกันปากต่อปากของเพื่อนสู่เพื่อน
จนขอบฟ้ารับแทบไม่หวาดไม่ไหว  ต้องออกต่างจังหวัดไปดูหน้างานลูกค้าที่ว่าจ้าง  ทำให้เขากับพี่ภู
แทบจะไม่ได้เจอหน้ากันด้วยซ้ำ  เวลาเขาโทรไปพี่ภูก็ติดคุยงานกับลูกค้า  เวลาพี่ภูโทรกลับมาก็เป็น
เขาที่ไม่ว่างเช่นกัน  กับน้องวินวินเองขอบฟ้าแทบไม่เจอหน้ามาจะเป็นเดือนแล้วเหมือนกัน
และวันนี้เป็นวันแรกที่เขาว่างเนื่องจากลูกค้ายกเลิกนัด  เพราะมีเหตุฉุกเฉิน เขาจึงคิดจะไป
ทำเซอร์ไพรส์พี่ภูที่บ้าน  ไปให้หายคิดถึงเสียหน่อยแล้วกัน


เท้าที่ก้าวไปยังห้องนั่งเล่นมีอันต้องชะงักอยู่กับที่  เมื่อจู่ๆ ก็มีเจ้าก้อนขน
สีขาวปุกปุยวิ่งผ่านหน้าไป
`เอ๊ะ! ที่นี่ ไม่เลี้ยงสุนัขนี่  ก็พี่ภูแพ้ขนสัตว์`
หนูรินให้เขาช่วยพูดกับพี่ภูเรื่องอยากมีสัตว์เลี้ยงแต่ก็ไม่สำเร็จ
แล้วสิ่งมีชีวิตที่มีขนยาวนั่นของใครกัน
\
“ไอเทม  มาหาแม่ค่ะลูก  ไปซนที่ไหนมา  ไม่สนใจแม่เลยนะ
กระโดดหาหนูรินแล้ว  ภูขา  ดูสิ  ลูกไม่สนใจแพทเลย  ไม่ยอมนะคะ”

“อาแพทขา  ไอเทมรักหนูรินมากกว่าอาแพทแล้ว  คริคริ”
 เสียงหนูรินพูดโต้ตอบกับคนชื่อแพท

”แพทครับ  นั่งห่างผมหน่อยก็ได้  กอดอะไรกันนักหนาล่ะ  อึดอัดนะ  ผมจะตรวจงาน
เดี๋ยวไม่เสร็จกันพอดี  ไม่อยากจะนอนดึกอีกแล้ว  ดึกมาหลายคืนแล้วด้วย”
เสียงพี่ภู  ทำเอาคนฟังยืนตัวแข็ง

“อย่าเล่นตัวนักเลยภู  ยิ่งกว่ากอดก็ทำมาแล้ว”  ยิ่งฟัง ขอบฟ้ายิ่งรู้สึกแย่

“แพท  ผมจะทำงาน”  เสียงพี่ภูแข็งขึ้น  แล้วเสียงในห้องก็เงียบลง
แต่ที่ดังขึ้นยิ่งกว่าเสียงอะไรในตอนนี้มันคือเสียงหัวใจของขอบฟ้าเอง
ขาก้าวไม่ออก  เหงื่อผุดซึมลงมาจนชื้นที่ตีนผม  มือเท้าก็ชื้นเหงื่อไปหมด
ไม่รู้ว่าจะเดินเข้าไปหรือถอยออกมาจากตรงนั้นดี  แล้วเสียงที่ได้ยินก็ทำให้ตัดสินใจได้ในทันที

“แพทครับ  ง่วงก็ไปนอนได้แล้วไป  ผมไม่อุ้มนะวันนี้”
 จบประโยคที่พี่ภูพูด  ขอบฟ้าก้าวถอยหลังสองก้าว  แล้ววิ่งออกไปทันที

“อ้าว  คุณฟ้าครับ จะกลับแล้วเหรอฮะ”
เสียงนัทเรียกจากด้านหลัง  ขอบฟ้าไม่หยุดทักด้วยซ้ำวิ่งไปถึงรถกระชากประตู
รถแล้วขับออกไปทันที  โดยไม่หันกลับมามองข้างหลังอีกเลย  สองมือกำพวงมาลัยแน่น
น้ำตานองหน้า  เขากลายเป็นส่วนเกินของคนบ้านนี้ไปแล้ว  แค่ช่วงไม่ถึงเดือนที่ห่างกัน
ลืมกันไปแล้วหรือไง  ไหนบอกว่ารักกันแล้วที่ได้ยินมันคืออะไร  สะอื้นจนตัวโยน
แล้วม่านน้ำตาก็มาบดบังทำให้เขามองเส้นทางข้างหน้าไม่ชัด  คงต้องจอดรถก่อน
ขืนไปทั้งสภาพแบบนี้คงไม่ดีแน่  แต่จังหวะที่จะเลี้ยวจอดเข้าข้างทางก็ไม่ทันแล้ว
เมื่อเห็นแสงจ้าที่ตรงหน้า  มีแรงเหวี่ยงมหาศาล  แล้วสติรับรู้ทั้งหมดก็ดับวูบลง

“พ่อครับ  แม่ครับ  ใจเย็นๆ ครับ  รอหมอก่อน  น้องไม่เป็นอะไร 
อย่าเพิ่งตีโพยตีพายขวัญเสียไปก่อนเลย  ถ้าฟ้าออกมาเจอว่าทุกคนอยู่ในสภาพนี้กัน
จะไม่แย่กันไปกว่านี้เหรอครับ”  น่านน้ำพูดปลอบใจพ่อกับแม่

“น้องฟ้าไปหาผมที่บ้าน  แต่ผมยังไม่ได้เจอหน้าเลย  นัทบอกว่าเห็นวิ่งออกไป
แล้วก็ขับรถออกไปเร็วมาก   จุดที่เกิดเหตุก็ห่างจากบ้านผมไม่ไกล
ทางคู่กรณีบอกว่าเห็นรถของฟ้าส่ายไปมา   เขาบีบแตรเตือนแต่น้องฟ้าก็หักรถเข้าหาเขา
จนเกิดการชนประสานงาผมขับตามออกมาก็ไม่ทันแล้วครับ  มันเกิดอะไรขึ้น
ผมไม่รู้เลยจริงๆ ครับ” ภูดิศเล่าไปทั้งน้ำตา  เขาไม่รู้จริงๆ ว่ามันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง
ในเมื่อไม่เจอหน้ากันเกือบเดือน  มาหายังไม่ทันได้เจอหน้าก็ผลุนผลันออกไปอย่างนี้
พอนัทวิ่งมาบอก  เขาจึงรีบขับตามออกไป  แล้วพบว่าข้างหน้าจราจรติดขัดเพราะเกิด
อุบัติเหตุ  นานเกินยี่สิบนาที  จึงเดินลงไปดู  ระยะห่างรถสิบกว่าคันข้างหน้าไม่ใช่อุปสรรค
เขาไปถึงสิ่งที่เห็นกลับทำให้ตัวเย็นวาบ  รถน้องฟ้าส่วนหน้าพังยับ  คนเจ็บถูกช่วยออกมา
ร่างโชกไปด้วยเลือด  เขาจึงวิ่งเข้าไปพยายามจะเข้าไปกอดเรียกร่างไร้สติตรงหน้า

“ผมเป็นญาติกับคนเจ็บ  ขอผมดูน้องหน่อย  น้องฟ้าฟื้นสิ  อย่าเป็นอะไรนะ”

“คุณครับ  ช่วยหลีกทางด้วย  เราต้องส่งคนเจ็บไปโรงพยาบาลโดยด่วน
อย่าขวางการทำงานครับ” ภูดิศเข่าอ่อนลงตรงนั้น

“ผมขอติดรถไปด้วยคนครับ” แล้วภูดิศก็กระโดดขึ้นรถของหน่วยกู้ชีพที่พยายาม
ใช้เครื่องช่วยหายใจ  เขาได้แต่มองคนรัก  ไม่สามารถทำอะไรได้เลย  จนเมื่อถึงโรงพยาบาล
เขาจึงได้โทรหานมพร้อมให้คนใช้กุญแจสำรองไปเอารถกลับ  และโทรหาน่านน้ำแจ้งเหตุที่เกิด
แล้วนั่งรอด้วยใจที่แทบแตกสลาย  การรอคอยครั้งนี้เป็นการรอคอยที่ทรมานอย่างแสนสาหัส
เลยในชีวิตของเขา  หวังแค่ให้ร่างที่ไร้สตินั้นฟื้นคืนมา  และเจ็บปวดให้น้อยที่สุด
เขาหวังให้น้องฟ้าของเขาปลอดภัยกลับออกมา  หากแลกกันได้เขาขอเป็นคนที่นอนอยู่ในนั้นแทน


“พี่ภูครับ  เข้มแข็งนะครับ  ฟ้าจะต้องไม่เป็นอะไร  ฟ้าจะต้องกลับมา
เรามาช่วยกันภาวนาให้ฟ้าปลอดภัยกันเถอะครับ”
น่านน้ำดูจะเข้มแข็งกว่าใครเพื่อน  ในสถานการณ์เช่นนี้  ภูดิศใช้หลังมือซับน้ำตา
แล้วหลับตาลงขอให้ปาฏิหาริย์มีจริง  ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยให้คนรักของเขารอดปลอดภัย

“น้ำ  น้องเป็นยังไงบ้าง  ยังไม่ออกมาเลยเหรอ” 
เบนซินมาถึง  น่านน้ำที่เห็นว่าเข้มแข็งแต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย  เขาโผเข้ากอดคนรักแน่น
ร้องไห้สะอึกสะอื้นน้ำตาที่เก็บกักมานานไหลบ่าลงมาอย่างหนัก  เบนซินกอดปลอบลูบหลังไหล่
พาไปนั่งไม่ห่างจากที่ภูดิศอยู่นัก

“ไม่ร้องครับ  คนเก่ง  อดทนมาได้ตั้งนาน  เห็นหน้าเบน  งอแงเป็นเด็กไปเลย
 เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่จะพลอยเป็นไปด้วยนะ  เข้มแข็งไว้ครับ  ฟ้าต้องปลอดภัยแน่นอน”
 เบนซินปลอบคนรัก

“เอ๊ะ!  นั่นหมอ!  ออกมาแล้ว  ไปดูกัน  พี่ภูไปครับ”
น่านน้ำหันมาฉุดแขนภูดิศให้ตามไปด้วย

“คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ  แต่ยังไม่ฟื้นคงสักสองหรือสามวัน
เพราะสมองได้รับการกระทบกระเทือนมีเลือดคลั่ง  อาจารย์หมอเก่งๆทั้งนั้น
วางใจได้ครับ” ทุกคนได้ฟัง  สีหน้าโล่งอกกันไปเปราะหนึ่ง
แต่ต้องมาลุ้นในตอนฟื้นอีกทีว่าจะมีอะไรผิดปกติหรือไม่



ขอบฟ้าลืมตา  เห็นเพดานสีขาว  ม่านหน้าต่าง  เตียงคนไข้
เขาเป็นอะไรทำไมถึงมานอนอยู่ที่นี่ขยับมือ
เท้าได้ปกติ  กลอกตา  ยกมือสัมผัสหน้า  ผมไม่มี

“พ่อครับ  แม่ครับ  พี่น้ำ  ขอน้ำดื่มหน่อยครับ”

“น้องฟ้า  ฟื้นแล้วเหรอครับ  คนดี  แป๊บนึงนะ  พี่เรียกหมอก่อนนะ”
ขอบฟ้ามองหน้าผู้ชายหน้าตาดีที่รีบกดเรียกหมอ  แล้วรู้จักเขาได้ยังไง
ทำไมเรียกเขาว่า`น้องฟ้า`

“ขอน้ำสักหน่อยครับ” ขอฟ้าเอ่ยปากขอน้ำดื่มอีก

“รอหมอก่อนนะครับ  ไม่รู้ว่าหมอจะให้ดื่มได้หรือยัง”

“แล้วพ่อ  แม่  พี่น้ำ  ไปไหนกันหมดครับ  แล้วผมเป็นอะไร  ทำไมมาอยู่ที่นี่
แล้วคุณเป็นใครครับ?” ขอบฟ้าพูดจบก็หันมองคนที่กุมมือของเขาไว้แน่น

“น้องฟ้า  เอ่อ!  ไม่ได้ล้อเล่นใช่มั๊ย  พี่ภู  น้องฟ้าจำไม่ได้เหรอครับ  พี่ภูไงล่ะ”
ภูดิศถามออกไปปากคอสั่น  ทำไม  เกิดเรื่องตลกอะไรกันนี่  แล้วทั้งพยาบาลและแพทย์
ก็เข้ามาด้านใน  เขาต้องถอยออกมาอยู่นอกห้อ ง แล้วน่านน้ำก็มาถึง

“พี่ภูทำไม  เป็นอะไร  ทำไมหน้าซีดๆ ฟ้าเป็นอะไรครับ”
 น่านน้ำถาม หน้าตาตื่นไปด้วย

“น้องฟ้าฟื้นแล้ว  หมอตรวจอยู่  แต่น้องฟ้าจำพี่ไม่ได้” ภูดิศพูด น้ำเสียงเศร้าๆ

“คุณหมอก็บอกไว้แล้วนี่ครับ  ว่าจะเป็นประมาณนี้  พวกเราก็ทราบนี่ครับพี่ภู
ดีเลยที่ฟื้น  เดี๋ยวน้ำขอโทรบอกพ่อกับแม่ก่อนนะครับ”
แล้วน่านน้ำก็ต่อสายแจ้งข่าวดีนี้ให้ทุกคนที่รอฟังทราบเรื่อง  แล้วหมอก็เรียกให้ญาติเข้าไปพบ

“ความทรงจำหายไปช่วงสามหรือสี่ปีที่แล้ว  คนไข้จะลืมไปหมด
ซึ่งต้องใช้เวลาฟื้นความจำกันสักระยะหนึ่ง  นะครับ”
คุณหมอบอกให้ญาติฟัง  ภูดิศเข่าแทบทรุด  รีบเอ่ยถามออกไปทันที

“แล้วจะกลับมาจำได้ทั้งหมดเหมือนเดิมหรือเปล่าครับ  แล้วต้องรอนานแค่ไหนครับ
 คุณหมอ” ภูดิศใจหายเมื่อได้ฟัง  ถามกลับเสียงเบาหวิว

“ก็อยู่ที่สมองของคนไข้ด้วย  อาจจะไม่กี่เดือนก็จำได้  หรือเป็นปีหรือไม่ก็จำไม่ได้เลยน่ะครับ”
เมื่อคุณหมอพูดจบ  พี่ภูหน้าเจื่อนลงไปอีก  จนน่านน้ำต้องจับมือพี่ภูมาบีบให้กำลังใจ
น้องจำเขาได้  จำได้หมด  และฟ้ายังคิดว่าตัวเองเรียนอยู่เลยด้วยซ้ำไป

“ค่อยๆ ช่วยกันฟื้นความจำนะครับ  พี่ภู  ฟ้ารักพี่ภูมาก  ไม่ยากที่ฟ้าจะกลับไปจำอะไรได้
หรือไม่พี่ภูก็สร้างความทรงจำใหม่ให้ฟ้าได้นี่ครับ  อย่ากังวลไปเลย  กว่าพี่ภูกับฟ้าจะมีวันนี้
ร่วมกันไม่ใช่ง่ายๆ อย่ายอมแพ้สิครับ”
น่านน้ำพูดให้กำลังใจคนตัวโตที่ไหล่ลู่ลงอย่างท้อแท้สิ้นหวังเสียเหลือเกิน
ความรักของเขาที่มีให้  มันจะต้องไม่สูญเปล่าแบบนี้

“ขอบคุณนะน้ำ  พี่จะไม่ยอมแพ้  พี่จะไม่ยอมปล่อยมือจากน้องฟ้าเด็ดขาด
เขาเป็นของพี่ เรารักกัน” พี่ภูพูดแววตากลับมามีประกายมุ่งมั่นอย่างเดิมแล้ว

“พี่น้ำครับ  ฟ้าอยากเข้าห้องน้ำ  อยากดื่มน้ำด้วย  หมอบอกว่าดื่มได้แต่ให้ค่อยๆ
 จิบเอา” ขอบฟ้าหันมาหาพี่ชาย

“พี่พาไปนะ  มาครับ  ไปห้องน้ำกัน”
 แล้วภูดิศก็อุ้มคนตัวเล็กขึ้น เจ้าตัวสะดุ้งทำหน้าดุใส่คนตัวโต

“พี่น้ำ  ฟ้าไม่ให้คนนี้พาไป” ขอบฟ้าหันไปหาพี่ชายจะให้ช่วย

“ไม่ดื้อสิครับ  เรียกพี่ว่าพี่ภูนะ  แล้วก็ไม่ดื้อนะคนดี”
น้ำเสียงที่ผู้ชายคนนี้ใช้กับเขาทำไมฟังดูนุ่มนวล  อบอุ่นจัง  พี่ภูเหรอ  แล้วเป็นใครกันนะ

“อ่ะ  นั่งลงครับ  เสร็จแล้วพี่จะพาออกไปนะ” คนตัวโตพามานั่งที่ชักโครก

“หันไปสิ  จะมองทำไมกันเล่า”
คนตัวเล็กแหวเข้าให้  ภูดิศจึงหันหลังให้  เขาเห็นมาจนถึงไหนต่อไหนแล้วยังจะมาหวงไม่ให้มองอีก

`ท่าทางขู่อย่างกับแมวเวลาพองขน  ก็น่ารักดีเหมือนกัน  ไม่เป็นไรเริ่มจีบใหม่ก็ได้
แล้วเราก็จะกลับมารักกันเหมือนเดิมอยู่ดี` ภูดิศคิด
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 37 เพราะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 27-12-2018 16:44:18
ตอนที่ 37 เพราะรัก

“พี่น้ำเล่าเหตุการณ์สำคัญๆ ที่ฟ้าลืมให้หน่อยสิครับ  ฟ้าอยากจำได้
แล้วผู้ชายคนนั้นด้วย  เอ่อ!...ฟ้ากับเขา…รักกันจริงเหรอ  เราเป็นผู้ชายนะครับ
แล้วคุณแม่ไม่อกแตกเหรอครับ  แล้วนี่ทุกคนรู้กันหมดเลยเหรอ   แล้วฟ้าชอบ
เขาจริงๆ เหรอเปล่า  ฟ้าไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ”
ขอบฟ้าถามพี่ชายออกไปจนคนฟังได้แต่ส่ายหน้า
จะให้เขาเล่าหมดภายในวันเดียวได้ยังไงกัน  เรื่องตั้งเยอะตั้งแยะ
ไม่เป็นไร  เขาเรียกตัวช่วยมาแล้วเจ้าเพื่อนซี้สองคนที่พอรู้ข่าว
แทบจะบินกันมาเดี๋ยวนั้นเลย

“ใจเย็นๆ ค่อยๆ ถาม  อย่ารีบ  เรื่องมันเยอะเดี๋ยวจำกันไม่หมดต้องมาเล่าซ้ำไปซ้ำมาอีก”
พี่น้ำพูด  แล้วประตูห้องก็เปิด ไอ้เพื่อนตัวแสบสองคนก็เข้ามา

“วันนี้ไม่ไปเรียนเหรอ  โดดเรียนมาอีกแล้วหรือไง” ขอบฟ้าเอ่ยทักเพื่อนก่อน

“เรียนอะไรกันอีกล่ะ  ทำงานแล้ว  ไอ้พีทสิ เรียนโทอยู่  จบปีนี้แหละ”
ซีเกมส์ตอบเพื่อนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้

“คุยกันไปนะ  พี่ขอตัวไปทำงานก่อน  ฝากฟ้าด้วยนะซี
พีท  เดี๋ยวเย็นๆ พี่ไปรับเด็กๆจากโรงเรียน  แล้วจะมาเปลี่ยนให้
พี่ภูก็คงจะมาเอาตอนเย็นละมั้ง  แล้วเจอกันนะ” พี่น้ำแยกตัวออกไปทำงาน

“พี่น้ำไปแล้ว  เอ้า!  เล่ามาให้หมด  ขอเรื่องคนชื่อภูก่อนนะ  ด่วน!!”
แล้วก็เป็นพีทที่เล่าเรื่องราวตั้งแต่ว่าเจอกันได้ยังไง  คบกันเมื่อไหร่
ไม่เว้นทั้งวีรกรรมใหญ่ๆ ที่พากันฝ่าด่านทั้งคุณปู่ของพี่ภู  คุณหญิงแม่
แล้วยังเรื่องยัยผู้หญิงที่ชื่อญาดา  ขอบฟ้าฟังไปขอดมยาไปด้วย
เรื่องมากมายขนาดนี้  ทั้งเรื่องลึกๆ คนที่แวดล้อมตัวพี่ภู `พี่ภูเป็นพี่ตัวโต`
แล้วเราก็รักกันมาก  เมื่อฟังจบสมองก็ยังคงว่างเปล่าเหมือนเดิม

“ซี  พีท  ฟ้ารักพี่ภูจริงๆ เหรอ  แล้วพี่ภูล่ะรักฟ้ามั๊ย  เราเป็นผู้ชายกันนะ
แล้วพี่น้ำก็มีแฟนเป็นผู้ชายด้วยเหรอ  พีทก็อีกคนแถมรักกับพี่ชายพี่ภูด้วย
งงไปหมดแล้วเนี่ย” ขอบฟ้าย้อนถามเพื่อน  สีหน้ากังวลสงสัยเอามากๆ

“ค่อยเรียนรู้ไปทีละเรื่องดีกว่านะฟ้า  แล้วทุกอย่างมันจะกลับมาเป็นเหมือน
ที่มันเคยเป็น  แค่เปิดใจของตัวเอง  อย่าปิดกั้นตัวเอง  พี่ภูน่ะเขาน่าสงสาร
มากเลยนะฟ้า  เหมือนพี่เขาต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่กับฟ้าทั้งหมด
ก็ฟ้าไม่หลงเหลือความทรงจำไว้ให้เลย  ลืมคนทั้งคนที่รักตัวเองแล้วฟ้าเอง
ก็รักเขามากๆ ได้จนหมดแบบนี้  เห้อ! สงสาร”
พีทพูดพร้อมกับตบที่หลังมือของเพื่อนเบาๆ และถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“แต่ฟ้าก็รักพี่ตัวโตของฟ้าอยู่นะ  ถ้าพี่ภูเป็นพี่ตัวโตฟ้าก็คงต้องใช้เวลา
มันคงไม่ยากที่ฟ้าจะรักพี่ภูได้อีกครั้ง” ขอบฟ้ามองเพดานขาวๆ แล้วเงียบไป

“พี่น้ำเล่าว่า  พี่ภูถึงกับร้องไห้แทบเป็นแทบตายตอนที่นั่งรอฟ้าหน้าห้องฉุกเฉิน
กว่าหมอจะออกมา  พี่ภูเหมือนคนหัวใจสลายเลยนะฟ้า”
ซีเกมส์เล่าเหมือนกับว่าอยู่ในเหตุการณ์เสียเอง

“ขนาดนั้นเลยเหรอซี  พูดเป็นเล่นไป  ทำไมฟ้าถึงจำอะไรเกี่ยวกับเขาไม่ได้เลยล่ะ
ถ้ารักกันมันต้องมีหลงเหลือให้รู้สึกบ้างสิ  นี่ว่างเปล่าเอามากๆ เลยนะ
หรือว่าฟ้าจะไม่เคยรักพี่ภู  เป็นไปได้ไหมซี”
ขอบฟ้าหน้านิ่วคิ้วขมวด  แล้วก็ปวดหัวขึ้นมาอีกแล้ว  จึงยกมือขึ้นกุมขมับ

“ฟ้า  ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งนึก  อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยตอนนี้  ยิ่งไปเร่งมัน
อาการเราจะยิ่งแย่นะ  ทำใจให้สบายๆ แล้วทุกอย่างก็จะดีเอง”  พีทบอกเพื่อน

“ใช่ๆ ตอนนี้สิ่งที่ฟ้าต้องทำคือ  ทำใจให้สบาย  เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในทุกๆ วัน
อะไรที่ยังนึกไม่ออกก็ปล่อยไปก่อน  ฟ้าต้องทำร่างกายให้แข็งแรงขึ้นมาก่อน
จะได้กลับไปอยู่บ้านได้ไวๆ ไงล่ะ  บ้านตัวเล็กของฟ้าไง  แล้วก็เจ้าถ้วยฟู
แมวตัวโปรดของฟ้าน่ะมันรอเจ้านายมันกลับอยู่นะ”
เกมส์ปลอบโดยเข้าไปจับมือขอบฟ้าบีบเบาๆ

“ขอบคุณมากที่มานะ  และยังเล่าอะไรต่างๆ ให้ฟังเยอะแยะ  ฟ้าขอพักสายตา
และสมองสักพักนะ  อย่าเพิ่งกลับกันล่ะ  อยู่ด้วยกันก่อน”
ซีเกมส์กับพีทพากันพยักหน้า  แล้วเดินไปนั่งที่โซฟามองเพื่อนรัก
ที่นอนหลับตาไปแล้ว  คงจะหลับไปจริงๆ แล้วนั่นแหละ


พอตอนกลางวันพีทและซีเกมส์ตั้งใจว่าจะพากันออกไปหาอาหารกินกัน
แล้วค่อยมาอยู่เป็นเพื่อนขอบฟ้า  แต่จังหวะที่จะเปิดประตูออกไป
ก็มีหนุ่มหน้าตี๋สวนเข้ามาที่ห้องก่อน  ถือเสบียงมามากมายในมือ

“สวัสดีครับ  คุณซีกับคุณพีทหรือเปล่าครับ  พอดีผมเป็นเลขาของคุณภูดิศครับ
บอสให้ผมเอาเสบียงมาส่งครับ  แล้วเย็นๆ จะเข้ามาเยี่ยมคุณฟ้า
ขอผมวางของก่อนนะ” แล้วหนุ่มตี๋ก็เดินไปที่โต๊ะและวางของทั้งหมดที่ถือมาลงบนโต๊ะ

“ครับสวัสดี  เอ่อ!  พี่ภูรู้ได้ยังไงว่าเราสองคนมาล่ะ”
พีทและซีเกมส์หันมาถามกันเอง

“เห็นบอสบอกว่าคุยกับพี่ชายคุณฟ้าน่ะครับ  แล้วนี่คุณฟ้ายังหลับเหรอครับ
จะได้กลับไปรายงานบอสถูก”

“ครับ  หลับไปนานเลย  เดี๋ยวคงตื่นจะได้ให้ทานกลางวันเลยด้วย
ฝากขอบคุณพี่ภูด้วยนะครับ  แล้วก็คุณเลขาด้วยที่อุตส่าห์เป็นธุระ
หาอาหารกลางวันมาให้” ซีเกมส์พูด  แล้วส่งยิ้มให้

“ไม่เป็นไรครับ  ยินดีทำให้ครับ” แล้วณนนท์ก็ยิ้มจนตาจะปิดเช่นกัน

“ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อนนะ  ฝากบอกคุณฟ้าด้วยว่าผมณนนท์มาเยี่ยมครับ
และขอให้หายไวๆ กลับมาจำทุกคนได้เร็วๆ ยิ่งดี  โดยเฉพาะคนหล่อมากอย่างผม”
ณนนท์พูดสีหน้าทะเล้นแบบฉบับหนุ่มอารมณ์ดี

“ได้เลยครับ  เดี๋ยวผมจะบอกฟ้าให้”
พีทรับคำฝาก แล้วณนนท์ก็เดินกลับออกไป

“อ้าว!  ฟ้าตื่นแล้วเหรอ  นอนยิ้มอยู่ได้คงได้ยินที่หนุ่มตี๋เลขาพี่ภูพูดละซี
ท่าทางเขาจะเป็นคนอารมณ์ดีตลอดเลยนะนั่น”
ซีเกมส์ทักขึ้นเมื่อเห็นขอบฟ้าตื่นมานอนยิ้ม

“อืม… ขำๆ น่ะ  คนอะไรช่างหลงตัวเองดี  แต่ฟ้าไม่รู้จักเขานี่จะลืมตามาทักได้ไงล่ะ”
ขอบฟ้าบอกเพื่อนรักทั้งสอง

“มาๆ เดี๋ยวซี  จัดอาหารใส่จานให้นะ  ไหนดูสิพี่ภูซื้ออะไรมาบ้าง  โอ้โห!
นี่มันของโปรดแกทั้งนั้นเลยนะเว่ยฟ้า  ทั้งยำรวมมิตรทะเล  ปลาทับทิมลุยสวน
แล้วก็ต้มยำอีก  โหๆ กะจะขุนให้อ้วนเป็นหมูหรือไงกัน  อิจฉาคนมีผัวที่ตามใจสุด
จังเลยว่ะ” ซีเกมส์แกะอาหารไปพูดสาธยายเมนูอาหารไปด้วย
แต่ประโยคท้ายๆนี่แขวะเพื่อนไปเต็มๆ

“ซี  ฟ้าไม่เห็นจะจำได้ว่าไปเป็นเมียพี่ภูตอนไหน  พูดจาเลอะเทอะแล้วแกน่ะ”
ขอบฟ้าหน้าบูดหันมาค้อนเพื่อน

“หรือแกจะเปลี่ยนตำแหน่งไปเป็นผัวพี่ภูล่ะฟ้า  ฮ่าฮ่า”
พีทแซวเพื่อน ทำเอาขอบฟ้าอายหน้าแดงกับวาจาของพีท

“ตกลงแกสองคนจะให้กินไหมข้าวน่ะ  หิวแล้วนะเว่ย”
ขอบฟ้าแกล้งทำเป็นโมโหหิว

“ฟ้าเพื่อนรัก  เปลี่ยนเรื่องจนได้สินะ  ซีเร่งมือหน่อยฟ้ามันหิว  เดี๋ยวมันจะกินหัวพวกเราเอา”
พีทพูดแล้วยักคิ้วล้อเลียน  แล้วทั้งสามหนุ่มก็พากันกินข้าวกลางวันไปด้วยคุยเล่นกันไปด้วยไม่หยุดปาก

“อาหารเขาอร่อยดีเนอะ  รสชาติเหมือนเคยได้กินมาก่อนยังไงไม่รู้”
ขอบฟ้ารู้สึกคุ้นๆ ลิ้น

“พี่ภูคงให้เลขาเขาไปซื้อมาจากร้านประจำของแกสองคนก็เป็นได้นะฟ้า  เนาะซี”
พีทคาดเดาตามรูปการณ์

“อืม…น่าจะใช่แหละ” ซีเกมส์สรุป


ตลอดทั้งช่วงบ่ายทั้งสามก็มีเรื่องเม้าได้ไม่หยุดเหมือนกัน  คนไข้ก็ไม่ยอมนอนอีกเลย
บอกแต่ว่าไม่ง่วงๆ แล้วก็มองแต่ประตู  เหมือนรอคอยใครอยู่อย่างนั้นแหละ

“ฟ้าแกจะชะเง้อมองทำไมนักประตูน่ะ  รอใครวะ  พี่ภูหรือเปล่า”
พีทถามออกไปตรงๆ ขอบฟ้าส่ายหน้า

“ไม่รู้สิ  เหมือนจะรอ…แต่ไม่รู้ว่ารอใคร…บอกไม่ถูกว่ะพีท”
ขอบฟ้างึมงำตอบเพื่อนไป

“อ้าว!  พี่ภู  มาแล้วนั่นน่ะ  หืม…พี่เมศก็มาด้วย  มาพร้อมกันเลยเหรอฮะ
ไม่เห็นบอกพีทเลยว่าจะมา”
แล้วพีทก็เดินเร็วรี่ไปหาพี่คนหล่อตัวขาวๆ ที่มาพร้อมกับพี่ภู
ขอบฟ้ารู้สึกเป็นสุขอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นหน้าพี่ภู 
นี่สินะที่รอมาตลอดบ่าย เป็นพี่ภูนี่เอง

“เป็นยังไงบ้างครับ  น้องฟ้า  ยังปวดหัวอีกมั๊ย  มีไข้หรือเปล่า
ไหนพี่ดูหน่อยสิครับ” แล้วพี่ภูก็โน้มหน้าผากของเรามาชนกันเบาๆ
ปลายจมูกแตะสัมผัสกันพอดิบพอดี  ขอบฟ้ารู้สึกอุ่นวาบไปถึงหัวใจ
ทำไมการกระทำของผู้ชายคนนี้ถึงได้อ่อนโยนและทำให้เต็มตื้นในอกอย่างนี้

“ไม่มีไข้แล้วครับ  อ้าว!  ร้องไห้ทำไมกันครับ”
พี่ภูเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้  ขอบฟ้าก็ตอบไม่ได้ว่าทำไมถึงน้ำตาไหล

“เอ่อ…ฟ้าไม่เป็นไร…ไม่รู้สิ…น้ำตามันไหลเองครับ”
ขอบฟ้าตอบพี่ภูไป
“ตัวเล็ก  เป็นอะไรต้องรีบบอกพี่นะครับ  เจ็บหรือว่าปวดหัวก็บอกนะ  พี่จะได้เรียกหมอ”

“ครับ  ไม่ได้เจ็บอะไรจริงๆ ครับ  พี่ภูพาฟ้าไปห้องน้ำหน่อยสิครับ”
ขอบฟ้าบอกคนตัวโต

“พี่อุ้มนะ ฮึ๊บ…” แล้วพี่ภูก็ช้อนมือเข้าใต้ขาอุ้มเขาขึ้นทำอย่างกับว่าเขาตัวเบา
อย่างนั้นแหละ  แล้วก็ให้เขานั่งลงที่ชักโครก  แล้วพี่ภูก็ยืนหันหลังให้
แผ่นหลังและบ่ากว้าง
`ผู้ชายคนนี้คือพี่ตัวโต  พี่ตัวโตของตัวเล็ก  คนที่อยู่ในความทรงจำ
คนที่เฝ้ารอมานานแสนนาน  มาอยู่ตรงหน้าแล้ว  คนเดียวที่อยู่ในหัวใจเสมอมา`
ขอบฟ้าจ้องมองแล้วน้ำตาก็ไหลลงมาเป็นทางที่ร่องแก้ม  สะอื้นออกมา
จนพี่ภูหันขวับกลับมามอง

“เป็นอะไรไปครับ  งอแงอีกแล้ว  ไหนเสร็จหรือยังครับ” ขอบฟ้าพยักหน้า
พี่ภูจึงกดชักโครกแล้วพาเขาออกมาจากห้องน้ำแล้ววางลงที่เตียงอย่างเดิม

“อ้าว! ภู  ไปดุอะไรน้องเนี่ย  ร้องไห้ใหญ่เลย  เป็นอะไรครับ”
ภูเมศเดินเข้าไปหาคนตัวเล็ก

“เอ่อ…ผมไม่ได้ทำอะไรน้อง  ฮอร์โมนคงเปลี่ยนมั้งครับ
ไม่มีอะไรหรอก  เนาะ” แล้วพี่ภูก็ยกมือมาลูบแขนและตบที่หลังมือเบาๆ
อ่อนโยนได้อีกคนอะไร  จะทำอะไรก็ดูเป็นธรรมชาติไปเสียหมด

“ถ้าเจ้าภูมันรังแกบอกพี่นะ  พี่จะจัดการให้ครับ” พี่ตัวขาวที่มากับพี่ภูพูดขึ้น

“พี่เมศครับ  ให้เขาสองคนเคลียร์กันเองเลยครับ  พี่เมศน่ะมาเคลียร์กับพีทก่อน
ตกลงว่าไงครับ  จะเดินทางคืนนี้จริงเหรอ  รอพีทอีกวันไม่ได้เหรอฮะ
ค่อยไปพร้อมกันนะครับ” แล้วพี่เมศก็โดนพีทลากไปคุยอีกมุม
ซีเกมส์ก็นั่งกินผลไม้เยี่ยมไข้  เคี้ยวตุ้ยๆ อีกมือก็กดแชทโทรศัพท์ไม่หยุด
พี่ภูนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง  ฉวยมือของเขาไปกุมไว้แล้วก็ก้มลงมาจูบที่หลังมือเขาอีก
ช่างดูละมุนละไมเหลือเกิน
`พี่ภู…พี่ตัวโต คนที่ฟ้ารักเหรอ  ใช่จริงๆ สินะ`
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 37 เพราะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 27-12-2018 20:09:36
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 38 รักเป็นเหตุ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 28-12-2018 12:41:04
ตอนที่ 38 เพราะรักเป็นเหตุ
ตกเย็นน่านน้ำติดธุระด่วนจึงให้เบนซินไปรับเด็กๆ แล้วจึงโทรบอกภูดิศว่าหนูรินก็อยู่ที่บ้านใหญ่
กับวินวินด้วยโดยให้แอนกับเก่งช่วยกันเลี้ยงน้อง  เขากับเบนซินขอไปเคลียร์ธุระก่อน

`พี่ภูช่วยเฝ้าฟ้าไปก่อน  น้ำทำธุระเสร็จจะไปเปลี่ยนให้นะครับ`

`น้ำกับเบน  ไม่ต้องรีบก็ได้พี่อยู่เป็นเพื่อนน้องฟ้าได้  เนี่ยซีเกมส์กับพีทก็ยังอยู่
 อืม…แล้วเจอกันนะน้ำ` ภูดิศวางสายลง

“พี่น้ำโทรมาว่าไงเหรอฮะ  ไหนบอกว่าจะพาหลานมาหาฟ้าไงล่ะ”
ขอบฟ้าหน้างอ  เมื่อไม่ได้ดั่งใจ  เขาคิดว่ายังไงเย็นนี้จะต้องได้เจอน้องวินวิน
อยากจะเห็นว่าหลานโตขนาดไหนได้ยินคุณพ่อกับคุณแม่บอกว่าเรียนอนุบาลแล้วด้วย

“วันนี้น้ำติดธุระ  ก็เลยพาลูกไปส่งบ้านแล้วล่ะ  พรุ่งนี้ค่อยเจอกันนะกับหลานน่ะ”
พี่ภูพูดยิ้มๆ มองคนเอาแต่ใจ

“ฟ้าก็ตั้งหน้าตั้งตารอไปเถอะ  ดูสิ!  รอเก้อเลย”
พูดจบก็หน้าง้ำ  จมูกเชิดรั้นขึ้นไปอีก  ภูดิศมองแล้วก็กลั้นขำ

“พรุ่งนี้ได้เจอแน่ๆ ขี้คร้านจะเบื่อไปเลยสิไม่ว่า”
ภูดิศแกล้งกระเซ้าคนแสนงอน

“พูดพิลึกไปได้พี่ภู  ฟ้าจะเบื่อได้ไงหลานตัวเองแถมเลี้ยงมาเองกับมือ
ด้วยนะจะบอกให้  พี่ภูน่ะไม่รู้อะไร” ขอบฟ้าคุยอวดคนตัวโตที่มองมายิ้มๆ

“พี่ภูครับพวกเราขอกลับกันก่อนนะ  พรุ่งนี้จะมาอยู่เป็นเพื่อนอีกวันนะฟ้า
พักผ่อนเยอะๆ นะแก  หายเร็วๆ นะเว่ย!  สงสารใครบางคนจะเฉาตาย
เสียก่อน  คริคริ” ซีเกมส์พูด  แล้วก็หันไปแซวพี่ภูในตอนท้ายประโยค

“อะไรกันครับ  รุ่นนี้แล้วไม่มีเฉาแค่ปราบเด็กดื้อง่ายนิดเดียวเอง
ลองดื้อสิ! โดนดีแน่!”
พี่ภูพูดแล้วก็ยักคิ้วให้ซีเกมส์และพีทแล้วยังหันหน้าไปทำท่าหมั่นเขี้ยวใส่คนบนเตียงอีก

“แค่เบาะๆ พอนะครับพี่ภู  อย่าหนักมือนักล่ะเดี๋ยวเพื่อนผมจะช้ำ  ฮ่าฮ่า”
พีทแซวกลับไปอีกคน  แล้วฉวยมือพี่เมศจูงกันออกไปนอกห้องเพราะ
เห็นเพื่อนมองมาตาเขียวปั๊ดแล้ว

“อาหารเย็นมาแล้วครับ  ทานเลยเนอะจะได้ทานยา” ขอบฟ้าพยักหน้า

“จะทานเองหรือให้พี่ป้อนครับ  ข้าวต้มกุ้งด้วยนะเนี่ย” พี่ภูยกชามมาตรงหน้า

“ฟ้าทานเองได้  พี่ภูล่ะทานด้วยกันไหมครับ” ขอบฟ้าหันมาชวนคนตัวโต

“ไม่ครับ  ตัวเล็กทานเถอะ  เยอะๆ เลยนะ  จะได้อ้วนๆ ดูสิผอมลงไปเยอะมาก”
ขอบฟ้ามองหน้าคนพูด  รู้สึกตื้อขึ้นมาอีกแล้ว  ทำไมชอบแต่จะน้ำตาไหลกันนะช่วงนี้

“ปวดหัวเหรอครับ  พี่ไปบอกหมอให้ไหม”
พี่ภูถามอย่างร้อนใจ  เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าดูจะเงียบงัน
ไม่ค่อยมีปฏิกิริยาอะไรตอบสนองเท่าที่ควร

“เปล่าครับพี่ภู  ฟ้าไม่ได้ปวดหัวครับ”
ขอบฟ้าตอบเสียงอ่อน  เมื่อเห็นความร้อนใจของอีกคนเข้า

“แล้วทำไมขี้แยจังล่ะครับ  มีอะไรต้องบอกพี่นะรู้ไหม
อย่าเก็บไว้คนเดียว” พี่ภูพูดอย่างเอื้ออาทรแล้วเช็ดน้ำตาให้
ขอบฟ้าจึงพยักหน้ารับคำและลงมือทานข้าวไปจนเกือบหมดนั่นแหละ

“ฟ้าอิ่มแล้วครับพี่ภู” ส่งชามคืนให้และดื่มน้ำไปหน่อยนึง

“เก่งจังครับน้องฟ้า  ทานได้ตั้งเยอะ  อีกสักพักค่อยทานยานะ”
พี่ภูเก็บชามไปวางที่โต๊ะให้  คนป่วยนั่งดูทีวีไป  แอบชำเลืองมองคนตัวสูง
ที่นั่งไม่ห่างกัน  แล้วสักพักก็ทานยา  ดูทีวีไปรู้สึกหนังตาหนักๆแต่ฝืนไว้ไม่ให้หลับ

“พี่เช็ดตัวให้นะตัวเล็กตาปรอยแล้ว  จะได้นอนสบายขึ้น  รอพี่แป๊บนึงนะครับ”
แล้วพี่ภูก็หาผ้าชุบน้ำมาเช็ดให้ตั้งแต่หน้าลงมาตามแขนขา  แล้วก็จับเปลี่ยนชุดใหม่
ตอนนี้ขอบฟ้าง่วงจัดแล้วจนตาแทบจะลืมไม่ขึ้น

“นอนเลยครับ  พี่จะนั่งเป็นเพื่อน  ถ้าน้ำมาพี่ค่อยกลับครับ
หลับตานะครับ  เด็กดี”  แล้วขอบฟ้าก็ปิดเปลือกตาลง และหลับไปในที่สุด
ภูดิศนั่งเฝ้าจนกระทั่งน่านน้ำมาเปลี่ยนเขาจึงกลับไปรับหนูรินที่บ้านใหญ่ของน่านน้ำ


ตอนสายของวันนี้แก๊งเพื่อนรักก็มาอยู่เป็นเพื่อนจริงๆ อย่างที่บอกไว้เมื่อวาน
คุยกันไปประมาณชั่วโมงได้ขอบฟ้าก็ขอตัวนอน  เพราะง่วงมากแล้ว
จึงปิดเปลือกตาลง  แต่หูยังได้ยินบทสนทนาของสองหนุ่มเพื่อนเกลอ

“พีท  พี่ภูน่าสงสารมากๆ เลยนะเว่ย  จากที่พี่น้ำเล่าให้ฟัง
พี่ภูบอกกับพี่น้ำว่าต่อให้พี่เขาต้องจีบฟ้าไปอย่างนี้อีกสักกี่สิบปีเขาก็จะทำ
ก็ได้แต่หวังว่าอย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย  ว่าไหมพีท”
เสียงของซีเกมส์ที่พูดคุยกับพีท  เขาได้ยินอย่างชัดเจน

“ฟ้ามันก็น่าสงสารแหละ  มันไม่มีทางเลิกรักพี่ภู  มันเคยบอกไว้
จำได้ไหมที่มันร้องไห้จะเป็นจะตายครั้งที่คุณหญิงแม่ให้มันเลิกกับพี่ภูน่ะ
เพราะท่านอายผู้คนจะติฉินนินทา  อายถ้าหากใครจะว่าท่านมีลูกเป็นเกย์
แล้วฟ้ามันยอมไหม…ก็เปล่า” เสียงพีทพูดขึ้นมาอีก

“อืม…พี่ภูกับฟ้าต้องพิสูจน์กันเอาเองแล้วละว่ารักแท้มีอยู่จริงหรือเปล่า…เฮ้อ”
ซีเกมส์พูดไปทอดถอนใจไปด้วยถ้อยคำของเพื่อนที่จบลงทำให้ขอบฟ้าน้ำตาไหลริน

`พี่ภูรักฟ้า จริงๆ อย่างนั้นเหรอ แล้วทำไมพี่ภูนอกใจฟ้า พี่ภูมีผู้หญิงคนอื่น`
ขอบฟ้าตื่นนอนขึ้นมาเช้านี้ความทรงจำเก่าๆ ที่เขาสองคนเคยมีร่วมกัน
ทั้งทุกข์และสุข  มากมายอย่างที่เพื่อนเล่าให้ฟัง  และเหตุการณ์สุดท้ายที่เขายังจำไม่ลืม

`จะต้องรักไปเจ็บไปอย่างนั้นหรือไงกัน  ฟ้ารักพี่ภู…แล้วพี่ภูล่ะ…ยังรักฟ้าอยู่ไหม?`
ก้อนสะอื้นวิ่งขึ้นมาจนรู้สึกจุกอยู่ที่อก  อยู่ๆ ขอบฟ้าก็รู้สึกว่ามีฝ่ามืออุ่นมาลูบไล้แผ่วเบา
แถมเช็ดน้ำตาให้ด้วย  ลมหายใจอุ่นที่รินรดใบหน้า  และริมฝีปากอุ่นที่แตะแต้มบางเบา
ที่หน้าผาก  กลิ่นกายแบบนี้  สัมผัสแบบนี้…ฟ้าจะลืมไปได้ยังไงกัน  ยิ่งรู้สึกยิ่งห้ามน้ำตา
ไว้ไม่ได้  ขอบฟ้าถูกรวบกอดจากอ้อมแขนอุ่นที่โหยหา  อ้อมกอดพี่ภู…

`อยากหยุดเวลานี้เอาไว้…หยุดไว้ตรงนี้…ตรงที่มีเพียงเรา…แค่สองคน
…ไม่มีมือที่สาม…ไม่มีใครมาคั่นกลางความรัก…ระหว่างเราสองคน`

“คนดีของพี่  ร้องไห้ทำไมครับ  พี่อยู่ตรงนี้แล้วไม่ต้องกลัวนะ”
ริมฝีปากของเขาถูกริมฝีปากอุ่นๆ สัมผัสแผ่วเบานุ่มนวลและแสนจะอ่อนโยน
นักหนาในความรู้สึก  ไม่อยากลืมตาเพื่อที่จะเจอว่าตนกำลังฝันไป

“ฝันร้ายเหรอที่รัก  ลืมตาเถอะนะ”
ขอบฟ้าเปิดเปลือกตาขึ้นมองผู้ชายที่รักที่สุดตรงหน้าถึงจะพร่าเลือนไปด้วยม่านน้ำตา
ที่บดบังอยู่ก็ตาม  ยังได้เห็นคนที่รัก

“เอ่อ…พี่ภู มานานแล้วเหรอครับ  แล้วเพื่อนๆ ฟ้าไปไหนกันหมด”
ยกหลังมือปาดน้ำตา  แล้วเสไปมองหาเพื่อนๆ

“พี่เพิ่งมาครับ  มาอยู่เป็นเพื่อนไงไม่ดีเหรอ  พี่ให้ซีกับพีทกลับไปก่อนแล้วล่ะ”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย

“เดี๋ยวหนูรินกับน้องวินวินก็จะมาเยี่ยมอาฟ้ากันแล้วนะ
จำหนูรินลูกเราได้ไหมครับ” พี่ภูโมเมอีกแล้ว  ลูกตัวเองคนเดียวเหอะ

“เอ่อ…ฟ้ามีลูกด้วยเหรอครับ”
 ถามออกไปอย่างนั้นเอง  จะดูสิว่าพี่ภูจะมาไม้ไหนอีก

“ใช่ๆ หนูรินลูกของเราไงล่ะ  หึหึ”
 น้ำเสียงเจ้าเล่ห์มากเลย  แล้วตลอดบ่ายนั้นขอบฟ้าก็นอนหลับ
โดยมีพี่ภูมานั่งกุมมืออยู่ข้างเตียง  ตกเย็นประตูห้องก็เปิดออก
แล้วเด็กๆ ก็เดินรี่เข้ามาหา  หนูรินยิ้มแป้น  น้องวินวินกลับหน้าเศร้าๆ

“อาฟ้า  หายหรือยังครับ  วินวินไม่เจออาฟ้าตั้งน้านนานเลย
อาฟ้ามาอยู่ที่นี่เองเหรอ” น้องวินวินถามขึ้นเมื่อเดินมาถึงเตียงอาฟ้า

“อาฟ้า  ไม่สบายก็ต้องมานอนให้คุณหมอรักษาไงครับ
คนเก่ง  อีกแป๊บก็จะหายแล้วละ” ขอบฟ้าบอกกันหลานชายตัวจ้อย

“สวัสดีค่ะอาฟ้า  ผมอาฟ้าสั้นจังเลยไม่เหมือนอาฟ้าตอนผมยาวๆ
สวยๆ เลยนะคะ” หนูรินทักขึ้นบ้างเมื่อเห้นอาฟ้าของเธอเปลี่ยนไป

“เดี๋ยวอาฟ้าหายป่วยค่อยไว้ผมยาวอีก  ไม่เป็นไรหรอกค่ะ
ผมเก่าของอาฟ้าก็เก็บไปบริจาคให้ผู้ป่วยมะเร็งได้นะลูก”
พ่อภูตอบแทนอาฟ้า

“ว้าว!  ดีจังเลย  เดี๋ยวหนูรินจะไว้ยาวๆ แล้วทำแบบอาฟ้าบ้าง
ย่าพร้อมเคยบอกว่า  คนอื่นจะได้มีผมสวยๆ เหมือนเรา” หนูรินพูดเจื้อยแจ้ว

“เมื่อไหร่อาฟ้าจะได้กลับบ้านล่ะครับ  วินวินคิดถึง”
 หนูน้อยถามอาฟ้าเสียงเหงาๆ

“อีกสองสามวันครับลูก  คุณหมอบอกไว้อย่างนั้น”
 พี่น้ำเดินมาพอดีจึงตอบคำถามลูกชาย

“คุณพ่อบอกว่าถ้าอาฟ้าหายจะรับไปอยู่ด้วยกันที่บ้านหนูรินค่ะ”
ขอบฟ้าทำตาโต  หันมองหน้าพี่ชายอย่างขอคำอธิบาย

“ใช่แล้วครับ  อาฟ้าต้องมีคนดูแล  บ้านหนูรินมีนมพร้อมกับป้าแก้ว
ที่ทำอาหารอร่อย  แล้วยังมีส้มกับนัทช่วยดูแลอาฟ้าได้ด้วย  ถ้าอาฟ้า
กลับไปอยู่ที่บ้านตัวเองก็จะมีแค่พี่แอนคนเดียว  เดี๋ยวอาฟ้าจะเหงา
นอนร้องไห้ไม่มีคนเห็นนะ  วินวินอยากให้อาฟ้างอแงเหรอครับ
ตอนที่วินวินไปเรียนน่ะลูก”
พี่น้ำตอบทีเดียวให้ทั้งคนโตและเด็กเข้าใจ  พี่ภูยืนยิ้มแฉ่งอยูไม่ห่างจากเตียงนัก

“อู้  อู้…ไม่นะฮะ  วินวินให้อาฟ้าไปอยู่ที่บ้านอาภูก็ได้ 
แล้วพ่อน้ำก็ต้องพาวินวินไปหาอาฟ้า  แล้ววินวินก็จะได้เล่นกับหนูรินด้วย
ก็ดีนะฮะ” หนูน้อยสมองไวพูดออกมาเป็นฉากๆ
ขอบฟ้ามองหน้าทุกคนที่ดูจะเห็นดีเห็นงามไปในทิศทางเดียวกันหมด
แล้วเขาแค่เพียงเสียงเดียวจะทำอะไรได้


สุดท้ายขอบฟ้าก็ต้องถูกระเห็จออกมาอยู่บ้านพี่ภูจนได้
เมื่อรถจอดเขายังไม่ทันเปิดประตูรถเสียด้วยซ้ำ  ก็มีคนวิ่งมาเปิดให้เสียก่อน
เจ้านัทน่ะเองยิ้มแป้นโชว์ฟันขาว

“นั่งรอก่อนครับคุณฟ้า  อย่าเพิ่งลงนะฮ ะ รอคุณภูแป๊บนึงนะฮะ”
นัทร้องห้ามทันทีที่เห็นเขาทำท่าจะลงจากรถก่อนที่พี่ภูจะเดินมาถึงตัว

“มาครับ  ฮึ๊บ…ตัวเบาจังเลย  ไม่เจอกันแค่เดือนเดียวเอง
พี่ไม่ยอมให้น้องฟ้าไปทำงานแบบนั้นอีกแล้วนะ  ไม่คิดห่วงสุขภาพ
ตัวเองบ้างเลย  ดูสิ!  ได้กินบ้างหรือเปล่าเนี่ย  มีแต่กระดูกแล้ว”
อุ้มไปบ่นไปไม่หยุดปากแล้วพาเดินดุ่มๆ เข้าไปในบ้านและตรงไปที่ห้องนั่งเล่น
วางคนในอ้อมแขนลงบนโซฟานุ่ม

“พี่ภู  ฟ้าเดินเองได้  อุ้มทำไมกันนักเล่า”
ขอบฟ้าบ่นอุบอิบ  พลันเหลือบไปเห็นผู้หญิงต่างชาติผอมบาง
ผมสีบรอนซ์  เข็นวีลแชร์เข้ามาหา  ทิ้งระยะห่างพอควร

“ภูขา  นี่เหรอค่ะ  แฟนภูน่ะ  น่าตาน่ารักจังเลย…เอ่อ…แพทริเซียค่ะ
เรียกแพทก็ได้นะ  เป็นเพื่อนรักกับภู  พวกเราสองคนโตมาด้วยกันที่
เมืองนอกน่ะค่ะ”
เธอพูดไทยได้ดี  สำเนียงก็ไม่ผิดเพี้ยนเลยสักนิด  ใบหน้าแย้มยิ้มอย่างเป็นมิตร

“สวัสดีครับ…ผมฟ้าครับ”  ขอบฟ้าทักตอบเธอไปแบบสั้นๆ

“แพทน่ะ  จะอยู่ที่นี่อีกสักอาทิตย์ก็คงกลับแล้ว  พอดีว่าสามีของเธอมาดูงานที่นี่
แล้วก็เอาแพทมาฝากไว้ครับ  เธอยังเดินไม่ค่อยได้  เจออุบัติเหตุมาเหมือนกัน”
ขอบฟ้ามองอึ้งๆ เดินไม่ได้ก็เลยต้องอุ้มงั้นเหรอ  แล้วไอ้ที่เขาได้ยินมาล่ะ
และยังเก็บไปคิดเองต่างๆ นานาอีก

“อ้าว!  นั่นไมเคิล  มาพอดีเลย  แพท!  สามีเธอกลับมาแล้วไม่ต้องเล่นใหญ่มากนักนะ
มันยิ่งขี้หึง  เดี๋ยวมันเล่นงานผมตายกันพอดี  แฟนผมจะเป็นหม้ายเอานะ
คราวก่อนที่แกล้งมากอดแล้วส่งคลิปไปให้มันดู  เป็นไงล่ะ  เสียงานเสียการ
รีบถ่อมาเฝ้าเมีย  ผมไม่ถูกมันฆ่าตายก็บุญเหลือเกินแล้วล่ะ”
พี่ภูปรามๆ เพื่อนไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะเล่นใหญ่อีก

`คราวที่แล้วแกล้งกัน  แค่เล่นๆกันเท่านั้นเหรอ  หึ้ยยย`
 แล้วชายชาวต่างชาติก็เดินเข้ามาที่ภรรยาของเขา
 แล้วก็กอดจูบกันเอาดื้อๆ ตรงนั้นเลย

`เอ้าจริงดิ!  ลูกเด็กเล็กแดงก็มีนะ  เราก็นั่งหัวโด่อยู่นี่ทั้งคน`
 แล้วสามีก็เป็นฝ่ายผละออกหันมาค้อมศีรษะให้
 เมื่อภรรยากระซิบบอกอะไรสักอย่างกับเขา

“แฟนภู…น่ารัก”
เขาพูดไทยสำเนียงฝรั่ง  แต่ก็พอจะฟังรู้ว่าพูดอะไร
ทำเอาขอบฟ้าหน้าแดง  เพิ่งจะรู้ว่าทำตัวเองก็วันนี้เอง
`โมโห…หึง…ไม่ดูตาม้าตาเรือเอาเสียเลย  สามีเขาก็ยืนหัวโด่อยู่นี่ทั้งคน
 ฟ้านะฟ้า  เกือบได้ตายฟรี`

“คุณๆคะ  อาหารเย็นพร้อมแล้วค่ะ”
ป้าแก้วมาตามให้ไปทานมื้อค่ำด้วยกัน


อาหารรสชาติถูกปากอีกตามเคย  พี่ภูเอาอกเอาใจไม่ห่าง
หนูรินเคี้ยวตุ้ยๆ และคุยจ้อไม่หยุดเช่นเคย  มีเรื่องมาเล่ามากมาย
จากที่เขาไม่ได้มาบ้านนี้เกือบเดือน  หนูน้อยเล่าถึงเจ้าสุนัขพันธุ์ขน
ที่สองสามีภรรยาต่างชาติเป็นเจ้าของนั้นไม่ได้หยุด

จนมื้อค่ำผ่านไป  ต่างพากันไปนั่งดูทีวีและคุยเล่นกันที่ห้องนั่งเล่นอีกพักใหญ่ๆ
ต่อจากนั้นคู่รักต่างชาติก็ขอตัวไปพัก  โดยคุณแพทถูกสามีของเธออุ้มพาไปที่
ห้องนอนแขก  แล้วพี่ภูก็ตรงเข้ามาอุ้มเขาพาขึ้นข้างบนบ้างอีกคู่หนึ่ง

“พี่ภู  ฟ้าเดินเองได้ไม่ต้องอุ้มแล้วครับ  ถ้าขืนอุ้มกันตลอดแบบนี้ฟ้าอาจจะ
เดินเองไม่ได้เอานะ”  ขอบฟ้าทุบอกพี่ภูรัวๆ คนตัวสูงสนใจเสียเมื่อไหร่กัน

“พ่อภูขา  พี่ส้มพาหนูรินเข้านอนได้ค่ะวันนี้  อาฟ้ายังป่วยอยู่ 
พ่อภูดูแลอาฟ้าดีๆ นะคะ” หนูน้อยหันมาโบกมือแล้วขอบฟ้าก็ทุบอกพี่ภูไปอีกที

“เห็นไหมล่ะพี่ภู  หนูรินยังคิดว่าฟ้าป่วยไม่หายอยู่เลยเนี่ย”
ขอบฟ้าหน้าหงิกใส่อกคนอุ้ม

“หึหึ  ก็ยังป่วยนี่ครับ  รึว่าไม่จริง  น้องฟ้าจำพี่ได้แล้วเหรอ
แล้วรักพี่หรือยังครับ  หืม?”
ขอบฟ้าซุกหน้ากับอกกว้าง  ไม่ตอบคำถามที่คนตัวสูงก้มลงมาถาม
จะบอกไปได้ยังไงว่าจำได้หมดทุกอย่างทุกเรื่องแล้ว  ไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่เข้าใจผิด
และกล่าวหาพี่ภูไปแล้วด้วย  ขืนบอกไปก็ต้องถูกจับลงโทษสิ  ใครจะพูดล่ะ
แล้วก็ถูกจับอาบน้ำให้เสร็จสรรพในเวลาต่อมา  ชีวิตช่างดีอะไรอย่างนี้นะ
สิ่งเดียวที่ได้สิทธิ์ทำด้วยตัวเองคือการหายใจ พี่ภูทำจนเขาจะกลายเป็นคนพิการไปแล้วจริงๆ
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 39 แค่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 28-12-2018 13:02:03
ตอนที่ 39 แค่รัก

“ตอนนี้พี่เป็นคนแปลกหน้าสำหรับน้องฟ้าไปแล้ว  หากต่อไปยังไม่รู้สึกอะไรกับพี่
ทำยังไงก็ยังไม่รัก  อยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุข  ต้องฝืน…ต้องทน บอกพี่นะครับ
…พี่จะคืนอิสระให้  แล้วปล่อยน้องฟ้าไปตามทางที่ต้องการ  แต่ให้น้องฟ้ารู้ไว้อย่าง
หนึ่งว่า  เมื่อก่อนรักยังไง  ตอนนี้พี่ก็จะยังคงรักไม่เปลี่ยน  ฝันดีนะ  ตัวเล็กของพี่”
พี่ภูพูดจบก็กดจูบที่หน้าผาก  เลื่อนลงที่เปลือกตาทั้งสองข้าง  ใช้ฟันงับเบาๆ ที่ปลายจมูก
และเอาริมฝีปากมาแตะเพียงเบาๆ ที่ริมฝีปากของเขา  แล้วรีบผละห่างออกไป
คลี่ผ้ามาห่มให้จนถึงคอ  หันไปเปิดโคมไฟดวงเล็กให้พร้อมกับลุกไปกดปิดไฟกลางห้อง
จากนั้นกลับมาล้มตัวลงนอนข้างๆกัน

`นี่พี่ภูหันหลังให้…กล้าหันหลังให้กันอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนอย่างนั้นเหรอ`

“พี่ภูครับ…กอดหน่อย…ฟ้าจะนอนแล้ว”
เป็นคำพูดสุดท้ายที่ชอบพูดอ้อนทุกครั้งที่มาค้างบ้านนี้
ภูดิศหันมาคว้าคนตัวเล็กไปกอดไว้แนบอก  แล้วลูบหลังให้
ทำซ้ำๆอยู่อย่างนั้น จนรู้สึกว่าคนในอ้อมอกหลับไปแล้วจึงปิดเปลือกตาลง
แล้วจึงข่มตาหลับตามไปด้วยอีกคน


ขอบฟ้ามาอยู่บ้านพี่ภูได้ครบเดือนแล้ว  เขาแข็งแรงขึ้นมาก  ทานอาหารได้มากพอควร
วันๆ ที่พ่อกับลูกไม่อยู่บ้านเขาก็หาหนังสือมาอ่านบ้าง  ช่วยงานนมพร้อมและป้าแก้วบ้าง
ต้องอ้างว่าเหงานมพร้อมจึงใจอ่อนยอมให้ช่วยงานในครัวได้บ้างนิดหน่อย
บ่ายนี้เขาจึงว่างอีกแล้ว

“เห่ย!  ซี  นาวากับนทีก็มา  หูย…คิดถึงๆ ไม่เจอกันนานมาก
งานเป็นยังไงบ้าง  แล้วพีทล่ะไม่มาเหรอ?”

“ทีละคำถามเถอะเพื่อน  พีทมันมีเรียน  ส่วนไอ้สองคนนี้มันขึ้นมาสัมมนา
เสร็จงานก็พากันมาเยี่ยมแก  เป็นไงดูดีขึ้นมากเลยนะ  แล้วความจำแกล่ะจำได้ยัง?”
ซีเกมส์ถามเพื่อน  ขอบฟ้าอ้ำอึ้ง  ยังคิดไม่ตกว่าจะบอกหรือไม่บอกเพื่อนดี

“ซี  อย่าไปเซ้าซี้มันเลย  เดี๋ยวก็ดีขึ้นเองแหละน่า  แล้วตกลงที่มีผัวเนี่ยจะไม่บอก
เราสองคนเลยหรือไงวะฟ้า  ตั้งนานไม่คิดจะบอกต้องให้เรามารู้เอาเองสินะ”
นาวาหนุ่มน้อยแต่ร่างกำยำซึ่งก็ไม่ต่างจากนทีสักเท่าไหร่  ยิ่งไปทำงานทางใต้
ด้วยแล้วทั้งดำทั้งตัวใหญ่  ดูทะมึนเหมือนมีภูเขาลูกใหญ่มาบดบังเมื่อสองคนมายืนคู่กัน

“วา  อย่าไปต่อว่ามันเลย  ฟ้ามันมีผัว…แล้วมันน่าเอามาอวดตรงไหนกันล่ะ
 มีเมียสิค่อยน่าอวดซะกว่า  เนาะ”
นทีพูดขึ้นอีกคนโดยหันไปพยักพะเยิดให้ซีเกมส์เป็นลูกคู่ให้

“นี่  เงียบไปเลยทั้งสองคน  ฟ้ามันลืมผัวมันไปแล้วด้วยซ้ำ
จำได้เสียที่ไหนกันล่ะตอนนี้  ที่คบๆ กันมาฟันฝ่ามาตั้งเท่าไหร่
ต่อเท่าไหร่…มันจำไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว  ดีไม่ดีนะพรุ่งนี้มัน
อาจจะลุกขึ้นมาหาเมีย  ใครๆ ก็ว่ามันไม่ได้  แล้วคนที่รู้ว่ามันมีผัวก็จะลืมๆ
กันไปเอง…จริงมั๊ยฟ้า  อย่าไปเครียดเลย  อ้าว!  เห๊ย!  พูดอะไรผิดไปวะ!
ร้องไห้ทำไม  นี่มึงสองตัวใครไปทำอะไรมันหรือเปล่า  บอกมาไอ้วา ไอ้ที”
ซีเกมส์เอาแต่พูดไม่หยุด  จนไม่ได้มองดูว่าคำพูดของตนไปจี้โดนใจคนฟัง
อย่างจัง  จนสะเทือนไปทั้งหัวใจ

“เปล่านะ/กูเปล่า”
สองหนุ่มร่างยักษ์  ตอบออกมาพร้อมๆ กัน  ซีเกมส์รวบตัวเพื่อนตัวเล็กมากอด

“เป็นไรไป  พี่ภูไม่รักไม่สนใจ  หรือบังคับข่มเหงอะไรก็บอกพวกเรา
จะได้หาทางช่วยไง  หรือไม่อยากอยู่ที่นี่ก็บอก  ไปไหมล่ะเดี๋ยวซีจะพากลับบ้าน
ไปๆ พวกแกไปช่วยขนของให้ฟ้ามันหน่อย  มันคงไม่มีจิตใจจะเก็บอะไรแล้ว
ห้องอยู่ไหนบอกมา  เดี๋ยวขึ้นไปเก็บของให้”
ยิ่งซีเกมส์พูดเป็นตุเป็นตะอย่างนั้น  ขอบฟ้าก็ยิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้นเข้าไปใหญ่
จนซีเกมส์สรุปว่าที่เขาพูดๆ มาทั้งหมดมันตรงใจเพื่อน  รู้ใจกันจนตื้นตันขนาดนี้

“ซี  วา  ที  ฟ้าไม่ไปไหนทั้งนั้น…ฟ้าจะอยู่ที่นี่…ฮือฮือฮือออออออ”
 แล้วเพื่อนตัวเล็กก็ร้องไห้โฮจนพอใจนั่นแหละ  จึงได้เปิดปากเล่าให้แก๊งเพื่อนรัก
ฟังทั้งหมด   ตั้งแต่เรื่องที่เข้าใจพี่ภูผิดไปมากมาย  ทำเอาสามสหายอ้าปากผะงาบๆ
พูดไม่ออกบอกไม่ถูกกันไปตามๆกัน  แล้วซีเกมส์ก็ตบหน้าขาตัวเองเสียงดังฉาดใหญ่

“ทำฤทธิ์ทำเดชไว้ซะมากมายเลยนะฟ้า  จะง้อผัว…จะบอกผัวก็ไม่กล้า…ไอ้ผัวก็ไม่รู้ว่า
เมียน่ะหายแล้ว  แล้วยังไม่ยอมแตะเนื้อต้องตัวกันอีก  ปล่อยให้เมียนอนเฉามาเป็นเดือนๆ
พี่ภูนะพี่ภู เหอะๆ”
ซีเกมส์สรุปออกมาเสร็จสรรพทำเอาเพื่อนตัวเล็กอายหน้าแดง

“ซี…ฟ้าไม่ได้คิดถึงแต่เรื่องอย่างว่าซะหน่อย…บ้าไปแล้ว”
ขอบฟ้างึมงำออกมาไม่เต็มเสียงนัก

“เอาดีๆ เลยนะฟ้า  ในเมื่อไม่กล้าบอก  ก็เอางี้แล้วกัน
คืนนี้แกจัดให้พี่ภูไปสักเซตนึง  พรุ่งนี้รับรองทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ซีเอาหัวเป็นประกันเลย…เชื่อดิ!!!”
ซีเกมส์แนะนำอย่างกับเป็นผู้ชำนาญการซะอย่างนั้น

“ซี!  ฟ้าบอกว่าไม่ใช่เรื่องนั้นไงเล่า”
 ขอบฟ้าหันไปแหวใส่เพื่อนที่แนะนำเสียน่าอาย  ใครจะกล้าทำกันล่ะ

“ฟ้า  มันเป็นวิธีเดียวที่ลูกผู้ชายด้วยกันเท่านั้น  ถึงจะเข้าใจดี…ทำเถอะนะเชื่อเรา”
นาวาพูด  ซีเกมส์กับนทีก็พากันพยักหน้าหงึกหงักจนหัวสั่นหัวคลอน
กว่าเพื่อนๆ จะกลับกันก็นานพอดู  จนทานอาหารว่างกันแล้วนั่นแหละจึงกลับไปกันได้


ภูดิศส่งลูกเข้านอนเรียบร้อยก็มาส่งคนตัวเล็กเข้านอนบ้าง
หลายคืนมานี้เขาต้องฝืนอดทนไม่ล่วงเกินคนรักทั้งที่เขานั้นทั้งรักและคิดถึงมากมาย
กลิ่นกายที่ได้แนบชิดกันทั้งคืนยันสว่างอีก  เขากลัวจะห้ามใจตัวเองไม่ไหว
คืนนี้จึงตั้งใจจะไปนอนห้องลูกสาว  เขาจึงรื้อหาผ้าห่มสำรองจากตู้ออกมาวางไว้บนที่นอนก่อน

“จะไปไหนครับ  พี่ภู”
ขอบฟ้าถาม และบุ้ยใบ้ไปทางกองผ้าห่มสำรอง

“พี่จะไป  เอ่อ…นอนห้องลูกครับ…พี่กลัวน้องฟ้าจะอึดอัดที่ต้องนอนร่วมเตียง
กับคนแปลกหน้าทุกคืน…อย่างนี้”
ภูดิศตอบคำถามคนรักด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นคงนัก

“ฟ้าไม่อึดอัดอะไรนี่ครับพี่ภู  มานอนเถอะ  อีกอย่างลูกก็หลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
แล้วขอบฟ้าก็ตบลงบนที่นอนข้างๆ ตัว  ซึ่งเป็นที่ประจำของคนตัวโต  ภูดิศทำท่าลังเล

“พี่ภูครับมานอน  ไม่งั้นฟ้าโกรธ…แล้วพรุ่งนี้ฟ้าก็จะกลับไปนอนบ้านนู้น”
พูดไปแค่นั้นพี่ภูแทบกระโดดขึ้นมานอนบนเตียง  แล้วยังจะเอาผ้าห่มสำรอง
มาห่มอีก  แถมยังจะนอนหันหลังให้กันด้วย

“พี่ภู  ฟ้าจะนอนแล้วนะ  มากอดหน่อยครับ”
ไม่ยอมกล่อมนอนด้วยเหอะ  ชักจะไม่ชอบใจแล้วสิ  ขอบฟ้านึกเคือง

“พี่กลัวเราจะอึดอัด  นอนไปแบบนั้นแหละครับ  ฝันดีนะ…ตัวเล็ก”
 พี่ภูพูดทั้งๆ ที่ยังหันหลังให้กันอยู่

“พี่ภูทุกทีทำแบบไหน  ทำไมวันนี้ไม่ทำครับ”
ขอบฟ้าทำเสียงเขียวใส่คนตัวโตแล้วอย่างเริ่มระงับไม่อยู่

“ก็  เอ่อ!  พี่กลัวจะห้ามใจไม่ไหว  รังแกน้องฟ้า  พี่ต้องข่มใจทั้งกลิ่นกาย
…ทั้งสัมผัสที่แนบชิด  เอ่อ…คือ…พี่ก็ผู้ชายธรรมดาคนนึง
คือว่า…พี่จะคลั่งให้ได้เลย…รู้ไหม?” พี่ภูหันกลับมาพูดจนหมดเปลือก
เป็นเอามากขนาดนั้นเลยหรือไงกันนะ ขอบฟ้าขมวดคิ้วมุ่น

“ไม่ได้ห้ามพี่ภูไม่ให้แตะต้องฟ้า…นี่ครับ”
ขอบฟ้าพูดจบ  ก็ถูกพี่ภูรวมตัวไปกอดจูบ  ลูบคลำ  เบาบ้างหนักบ้างตามแต่
อารมณ์คนตัวโตจะพาไป  จนขอบฟ้าเตลิดไปตามอารมณ์ที่คนตัวโตชักนำมาให้
ทั้งสุขและเสียว  คละเคล้ากันไป  พี่ภูพาไปท่องโลกกว้างที่เวิ้งว้างเหมือนจะหา
ฝั่งไม่เจอ  เขาต้องเกาะเกี่ยวโอบรัดคนตัวโตเป็นที่ยึดเหนี่ยวจนสุดท้ายสะท้าน
เยือกถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวของกันและกันอย่างที่คุ้นเคย  ครั้งแล้วครั้งเล่าที่พี่ภู
ตักตวงจากเขาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย  ไม่รู้ไปเอาพลังมาจากไหนนัก

“พี่ภูครับ…ฟ้าจะตายแล้วเนี่ย  ง่วงมากๆ แล้วด้วยนะ”  คนตัวเล็กโอดครวญ

“คนดี…สุดท้ายแล้วจริงๆ นะครับ  อีกนิดนึงนะ…รักนะ” พี่ภูเสียงพร่าอยู่ข้างๆหู

“ตัวเล็กก็รักพี่ตัวโตนะ” พูดเสียงอู้อี้
แค่นี้ที่ภูดิศต้องการ  เขาได้ยินคำรักแล้ว  น้องฟ้ารักเขาแล้ว  เขาไม่ได้หูฝาด
น้องฟ้าคนเดิมของเขากลับมาแล้ว  เพราะทุกครั้งที่บทรักจบลง  น้องฟ้าจะพูดคำนี้กับเขาเสมอ

“คนดีของพี่…หายแล้วสินะ…จำพี่ได้แล้วใช่ไหมครับ
งั้นเรามาทบทวนบทรักกันอีกสักบทมั๊ย”
แล้วพี่ภูก็โดนคนตัวเล็กฟาดไปบนแผ่นอกเปลือยเสียงดังเพียะ

“ไม่แล้วครับ  ฟ้าง่วงมากๆ” คนตัวเล็กย้ำ

“มีความสุขที่สุดเลยครับ  อย่าเป็นอะไรไปอีกนะ  คนดี  `ภูรักฟ้า`…นะครับ”


รักแท้รอเราอยู่  มันมีอยู่จริง  เขาทั้งสองได้พิสูจน์มันแล้ว
ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร  แค่เขายังจับมือเดินไปด้วยกัน
ไม่ปล่อยใครไว้ระหว่างทาง  พากันไปจนถึงปลายทาง  อ้อมกอดที่มีให้แก่กัน
นั้นจะอุ่นไอในกันและกันเสมอ  กอดแค่พอให้รู้สึกว่ารัก  แต่อย่ากอดเบาไปจนไม่รู้สึกอะไร
หรือกอดแน่นไปจนต่างฝ่ายต่างอึดอัด 
แต่ถ้ากอดด้วยรักแล้ว…อานุภาพของรักจะพาเราไป…just love


**********************************
มีตอนพิเศษให้ 2 ตอนนะคะ ขอบคุณที่ติดตาม








หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนพิเศษ 1
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 02-01-2019 18:20:41
Special 1 Valentine’s day

ช่วงสัปดาห์นี้พี่เมศงานยุ่งและเดินทางไปดูไซต์งานที่ต่างจังหวัดตลอด
และพีทเองก็ติดสอบ  ทำให้เขาและพี่เมศพูดคุยกันน้อยลงในระหว่างวัน
แต่ก่อนจะเข้านอนจะเป็นพีทที่โทรถามไถ่พี่เมศทุกครั้งว่าเสร็จงานหรือยัง
จะกลับไปนอนตอนไหน  มีหงุดหงิดที่คนรักยังคงอยู่หน้างานไม่ได้เข้าที่พัก
แต่เพราะติดสอบทำให้ตามไปดูแลไม่ได้  พีทตั้งใจจะเดินทางไปหาทันที
ที่สอบเสร็จ…แค่พรุ่งนี้เท่านั้น


“ฮัลโหล…พีท  พรุ่งนี้เย็นว่างไหม  ฟ้าจะไปที่ร้านคุณป๊า”

“วันอื่นได้ไหม  พรุ่งนี้บ่ายๆ พีทจะไปหาพี่เมศที่ภูเก็ต”

“ได้ไงล่ะ  วันอื่นก็ไม่ทันน่ะสิ  พีทลืมอะไรไปรึป่าว  มะรืนวันอะไร?”

“ฉิบหาย! แล้วฟ้า  ดีนะ! ที่แกโทรมาหา  ตายๆ มัวแต่ยุ่งเรื่องสอบ  ลืมไปได้ยังไง”

“ชวนไอ้ซีไปเป็นเพื่อนเลย  มันก็คงอยากดูอะไรไปให้พี่หมอละมั้ง”

“เออๆ แล้วก็อย่าเซอร์ไพรส์พี่เมศจนช็อคล่ะ  แค่พอดีก็พอนะ”

“แค่พอดี...หรือจะดีพอ  สำหรับพี่เมศ  หึหึ”

“พูดไรวะ  ไม่เห็นจะเข้าใจเลยพีท”

“น้องฟ้าไม่รู้หรอกครับ  ต้องผู้ชายอย่างเราๆ ผมและพี่ภูเท่านั้น  ฮ่ะฮ่าฮ่า”
พูดจบพีทก็รีบตัดสายเพื่อนรักไป  ดีนะที่ฟ้าโทรมาไม่อย่างนั้น  เขาต้องพลาด
โอกาสดีๆ ของเขากับพี่เมศเป็นแน่  แล้วก็ลอบยิ้มร้าย


พีทไปรอพี่เมศที่โรงแรมตามที่นัดหมายกันไว้  พี่เมศฝากคีย์การ์ดไว้ให้เขาแล้ว
พีทมาถึงก่อนที่พี่เมศจะเลิกงานเขาจึงล้มตัวลงนอนที่เตียงนุ่มเพราะเพลียจากการ
เดินทางและการสอบจึงเผลอหลับไป  สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงคนเอะอะที่หน้าห้อง
นี่ก็ค่ำมากแล้วใครกันมาเสียงดังแถวนี้  ตั้งใจฟังก็จำได้ว่าเป็นเสียงพี่เมศ
จึงวิ่งพรวดลงจากเตียงไปที่ประตูแล้วเปิดออก  ภาพที่เห็นทำเอาเลือดขึ้นหน้า
มีไอ้ฝรั่งตัวโตมันกำลังฉุดกระชากพี่เมศของเขาอยู่

“ปล่อย!!! คนรักของผมเดี๋ยวนี้!!!”
พีทตะคอกไปเสียงดัง  พี่เมศสะบัดแขนหลุดแล้ววิ่งมาหลบอยู่ที่หลังของเขา
เนื้อตัวสั่นเทา  ผู้ชายคนนั้นมองมาที่พีทอย่างไม่พอใจ  แล้วก็จ้ำอ้าวๆจากไป

“พี่เมศ  ทำไมไม่เรียกพีท  แล้วเป็นยังไงถึงโดนไอ้โรคจิตนั่นตามมาล่ะครับ”
พีทรวบตัวคนรักมากอดแล้วลูบหลังปลอบขวัญ

“มันอยู่ในลิฟต์  แล้วก็พยายามจะลากพี่ให้ไปกับมัน  พี่กลัวน่ะพีท”
พี่เมศละล่ำละลักตอบ  สีหน้ายังไม่สู้ดีนัก

“ถ้าผมเจอมันอีก  ผมไม่ไว้มันแน่  นึกจะฉุดจะลากใครไปไหนก็ทำตามอำเภอใจ
 พี่เมศไปกับผม  เราไปแจ้งทางโรงแรมกัน  ปล่อยให้มีคนแบบนี้มาพักได้ยังไง
 แล้วความปลอดภัยของแขกล่ะ  อยู่ที่ไหนกัน”
พีทพูดอย่างกรุ่นโกรธหน้าแดงไปหมด

“อย่าเลยพีท  พี่ไม่เป็นไรแล้วครับ  ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต”
ภูเมศพยายามดึงอารมณ์คนรักให้กลับมาเป็นปกติ

“แต่เราก็ต้องปกป้องเสรีภาพของตัวเรานะครับพี่  ไปแจ้งทางโรงแรม
หน่อยเถอะ…นะครับ” พีทน้ำเสียงอ่อนลง  แล้วก็พยามยามชักชวนให้พี่เมศไปกับเขา

“ก็ได้ๆ จริงๆ พี่ก็ไม่ได้เป็นไรแล้วนะเนี่ย”
พี่เมศบ่นอุบอิบ แต่สุดท้ายก็เดินตามพีท


ผู้จัดการโรงแรมเข้ามาขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
เมื่อเปิดกล้องตรวจสอบไปพร้อมๆกัน  ทำให้พีทได้เห็นตอนที่มันเอามือมาจับก้น
พี่เมศและพยายามดึงตัวพี่เมศของเขาไปกอดแต่พี่เมศดิ้นขัดขืนอยู่ภายในลิฟต์
และเมื่อลิฟต์เปิดออกพี่เมศก็พุ่งตัวออกมาทันที  พีทดูแล้วยิ่งเดือดดาลกว่าเดิม
เข้าไปอีก  ภูเมศก็ปลอบให้พีทคลายความหัวร้อนลง

“พีทครับ…ใจเย็นๆนะ พี่ไม่เป็นไรแล้ว…อย่าโมโหไปเลย…นะครับ”
พี่เมศพูดเสียงแทบเป็นกระซิบ  ทำเอาพีทเย็นลงไปมากเพราะเจอลูกอ้อนของคนตัวขาว


ทางโรงแรมตรวจสอบจนทราบว่าลูกค้ารายนี้คือใคร  จึงรีบดำเนินการให้
ออกไปจากโรงแรมในทันทีเพื่อความปลอดภัยของคนอื่นๆ ด้วย
ภูเมศขอไม่ให้เรื่องถึงตำรวจ

“พี่เมศครับ  ทำไมไม่เล่นงานมันหนักๆ ไปเลยล่ะ
มันเลวมากนะที่มาลวนลามพี่เมศของผม”
พีทพูดไปหน้างอไปด้วย
`คนหวงของอีกคนแล้วสิ`
 ภูเมศจึงดึงมากอดและหอม  ลูบหลังจนพีทคลายความหงุดหงิดลง

“ที่รัก…ไปอาบน้ำกันครับ  แล้วเราก็ไป…ดินเนอร์กันนะ”
พีทพูดแล้วก็รวบตัวพี่เมศพาเดินไปเข้าห้องน้ำ
กว่าจะอาบน้ำเสร็จผ่านไปเป็นชั่วโมง  กว่าภูเมศจะได้ออกจากห้องน้ำ
พีทก็ทำให้เขาเนื้อตัวแดงเถือกไปหมด

“พี่หนาว…จะไปใส่เสื้อผ้าครับ  จะหื่นไปไหนเนี่ยพีท…หืม”

“ก็เราไม่เจอกันตั้งนาน  พีทคิดถึง  นี่ก็ยังไม่หายเลย…นะครับ”
พีทพูดทำตาอ้อนใส่อีก

“พอเลย! จะกินไหมมื้อค่ำน่ะ” พี่เมศทำเสียงดุ
“กินสิครับ…แต่…ตอนนี้ขอกินพี่เมศอีก…สักรอบได้มั้ย”
พี่เมศถลึงตาใส่  แล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า  พีทก็ยังตามมากอดมานัวเนียอีกรอบ

“พีท…เอ่อ…พี่หิวข้าวครับ ไม่ได้กินมื้อกลางวันครับ…วันนี้”
แค่นั้นพีทก็รีบหยิบชุดส่งให้  ดูแล้วไม่ทันใจก็จับพี่เมศมาใส่ให้เองเลย
ติดตะขอกางเกงให้ด้วยแล้วตัวเองก็หันไปรื้อกระเป๋าหยิบเอาเสื้อผ้ามา
แต่งแบบง่ายๆ หวีผมเป็นอันเสร็จ

“ไปกัน…ทำไมพี่เมศถึงดื้อล่ะครับ  ทานบ้างไม่ทานบ้างแบบนี้ไปลาออกเลยไป
ไม่ต้องทำแล้วงาน ดูสิเนี่ย! ผอมจนจะเดินไม่ไหวแล้ว”
พีทเดินนำไปแล้วเปิดประตูยังหันมาบ่นคนที่เดินตามหลังอีก

“ก็แค่วันนี้วันเดียวเองน่า…วันอื่นๆพี่ก็กินไง  อย่าบ่นพี่นักเลย”
พีทจึงยอมเงียบแล้วจูงมือพากันเดินไปที่ส่วนของภัตตาคารในโรงแรม


พีทสั่งอาหารที่ไม่เผ็ดหลายเมนูให้คนรักทาน  พอทานเสร็จก็มีเมนูของหวาน
ที่ขึ้นชื่อมาเสิร์ฟ  พีทกับพี่เมศมองหน้ากัน  จนพนักงานต้องบอกว่าเป็นของ
ทางโรงแรมจัดให้…ถือเป็นคำขอโทษจากทางโรงแรม  แล้วสองหนุ่มก็อิ่ม
จนแทบเดินกลับกันไม่ไหว

“พี่เมศครับ  เราออกไปเดินเล่นรับลมที่ชายหาดกันหน่อยไหม”
ภูเมศพยักหน้า  คิดว่าเดินย่อยหน่อยก็คงดี  ทั้งสองเดินเคียงคู่กันไป
ลมทะเลพัดมาต้องผิวกายพร้อมกับหอมกลิ่นไอทะเลทำเอาภูเมศรู้สึกผ่อนคลาย

“พี่เมศครับ  งานพี่หมดหรือยัง  เราจะกลับกรุงเทพฯ เมื่อไหร่กันดี”
 พีทถามคนรักที่เดินอยู่ข้างๆ พี่เมศน่ารักขึ้นทุกวัน  กล้าที่จะเปิดเผย
มากขึ้น  เวลาเดินด้วยกันหากพีทจะจับมือหรือโอบเอว  เจ้าตัวก็ไม่เคยห้าม
เหมือนตอนนี้ที่เอนศีรษะมาซบที่ไหล่ของเขาพี่เมศก็ยังทำอย่างกลมกลืน

“ทำพรุ่งนี้อีกครึ่งวันก็กลับได้แล้วละ  พีทอยากกลับแล้วเหรอ”
พี่เมศหยุดเดินหันมามองหน้า  ความสว่างจากแสงไฟพอให้มองเห็นใบหน้า
คนถาม  ตาปรอยๆ คงง่วงและเพลียจากงาน

“ไม่ครับ…พีทอยากอยู่กับพี่เมศ  อยากให้พี่ได้พักบ้าง  เห็นเหนื่อยมาทั้งอาทิตย์แล้ว
กลับที่พักกันเลยนะ  ตาปรอยแล้วรู้ตัวไหม…หืม”
พีทกุมมือพาคนตัวบางเดินกลับที่พัก  พอไปถึงห้องได้พี่เมศทำท่าจะล้ม
ตัวลงนอนตั้งแต่เดินผ่านโซฟาแล้ว

“พี่เมศครับ  เข้าไปนอนในห้องดีกว่า  มาครับ…คนดี  พีทหาชุดให้นะ
แต่ไม่ล้างตัวหน่อยเหรอ  ลมทะเลไม่เหนียวตัวรึไงครับ”
พี่เมศส่ายหน้า  เดินขาปัดเข้าห้องไปก่อนแล้ว  พีทมองตามร่างโปร่งไปยิ้มๆ
ใครว่าคุณชายจะเรื่องมากกัน  ถ้าลองได้เหนื่อยขนาดนี้  พีทจึงหาผ้าขนหนู
ผืนเล็กไปชุบน้ำแล้วตามไปเช็ดตัวเปลี่ยนชุดให้  เจ้าตัวป่ายมือไม่ยอมในตอนแรก
แต่สุดท้ายก็ให้ความร่วมมืออยู่ดี

“พี่เมศ  ไม่แปรงฟัน  ระวังฟันผุนะครับ” พีทกระซิบบอก

“ขอนอนแป๊บนึง  ตอนดึกลุกไปห้องน้ำแล้วจะแปรงนะ”
แล้วพี่เมศก็ดึงพีทให้ลงไปนอนข้างๆ ด้วยกัน  แล้วพี่เมศก็เข้ามากอด
เอาหน้าขึ้นมาซบที่อกอย่างกับลูกแมวขี้อ้อนเสียจริง

“ฝันดีนะครับ…คนดีพีท”  พีทกดจูบที่เรือนผมนุ่ม
แล้วจึงหลับตาตั้งใจว่าค่อยตื่นอีกทีกลางดึกแล้วกัน  ต่างพากันหลับใหล
จนกระทั่งสว่างไม่มีใครได้ตื่นเลยสักคนในตอนดึกอย่างที่คาดไว้


สองหนุ่มพากันลงไปหามื้อเช้าทานในแบบเบาๆ ภูเมศออกไปทำงานในตอนสาย
ก่อนไปยังบอกกับพีทว่าจะกลับมาก่อนมื้อเที่ยง  พีทจึงมีเวลาว่างหลายชั่วโมง
เขาโทรสั่งดอกไม้ที่จะให้พี่เมศคืนวาเลนไทน์นี้  นัดแนะเวลาที่จะให้ทางร้านมา
ส่ง…เหลือแค่รอเวลาให้พี่เมศกลับมาเท่านั้น  พีทนอนดูทีวีจนเผลอหลับยาวจน
ภูเมศกลับเข้ามา  ภูเมศซื้ออาหารกลางวันกลับเข้ามาด้วย   พีทจึงไปจัดใส่จาน
แล้วนั่งทานกันที่โต๊ะกลมซึ่งถูกแยกออกอย่างเป็นสัดส่วนอีกมุมหนึ่งของห้องพัก

“พี่เมศครับ…เราพักที่นี่อีกสักคืนเนอะ  พรุ่งนี้ค่อยกลับนะ”
พีทชวนพี่เมศค้างต่ออีกคืนอย่างคาดหวัง

“อือ…ก็ได้นะ  ถ้าพีทไม่มีธุระที่ไหนต่ออีก”
ภูเมศเห็นดีไปกับพีทด้วย  เพราะถือเป็นการพักผ่อนไปด้วยในตัว

“ไม่มีครับ…ธุระของพีทก็คือพี่ไง  พี่อยู่ไหน…พีทก็อยู่นั่นแหละ”
พีทพูดพร้อมกับส่งสายตาหวานเชื่อมไปให้คนตรงหน้าที่ชะงักมือ
ที่กำลังส่งอาหารเข้าปาก  แก้มขึ้นสีระเรื่อจนพีทมองเพลิน

“อื้อหือ…มีปากหวานด้วยนะเรา  จะให้หลงไปถึงไหนกัน”
 พี่เมศพูดยิ้มๆ แต่หน้าออกจะขัดเขินเมื่อพูดออกมา

“ฮ่ะฮ่ะฮ่า” พีทหัวเราะชอบใจ  ที่เห็นคนตรงหน้าพูดเองแล้วก็เขินเสียเอง

“บ่ายนี้อยากไปไหนมั้ยครับ” พี่เมศส่ายหน้า

“งั้นเย็นนี้  เราไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนกันเนอะ  เลือกร้านหรูๆหน่อย”
พี่เมศก็ยังส่ายหน้าอีก

“ถ้างั้นสั่งขึ้นมาทานบนนี้แล้วกัน”
พีทหมดทางเลือกจึงเสนอเป็นทางออกสุดท้าย  พี่เมศกลับพยักหน้ารับ
แล้วหลังมื้อเที่ยงทั้งสองก็พากันนอนดูทีวี  พีทมองคนข้างๆ เห็นหลับไปอีกแล้ว
พีทจึงดึงตัวพี่เมศมากอดแล้วพากันหลับจนถึงมื้อค่ำ 


พีทโทรลงไปสั่งอาหารอิตาเลี่ยนขึ้นมารับประทาน  เขาอยากสั่งไวน์มาดื่ม
เนื่องในโอกาสดีๆ ในคืนพิเศษอย่างนี้  แต่ติดที่พี่เมศแพ้แอลกอฮอล์จึงต้อง
ตัดออกไป   หลังอาหารค่ำพี่เมศก็นั่งดูทีวีเฉย  เจ้าตัวทำงานจนลืมไปหรือ
ไงกันนะว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของคู่รัก  แต่จากที่ดูทีท่าตั้งแต่บ่ายมาแล้ว
เหมือนพี่เมศไม่น่าจะจำได้ด้วยซ้ำ  น่าน้อยใจอยู่เหมือนกัน  แต่พีทยังจำคำที่
พี่เมศเคยพูดไว้ว่าไม่ศรัทธาในรัก

`แล้วที่บอกว่ารักกันล่ะ…พี่เมศจะยังจำได้ไหม`
 จากวันนั้นเขาก็ไม่เคยได้ยินพี่เมศพูดอีกเลย 

“พี่เมศครับ  ไปอาบน้ำเถอะ  จะหลับอีกแล้วนะ  เดี๋ยวพีทเตรียมเสื้อผ้าไว้
ให้หรือจะให้อาบให้ดีล่ะ…เอ…แต่ต้องมีรางวัลให้พีทด้วยนะ”
พี่เมศตาโตขึ้นมาทันที  แล้วก็กระเด้งตัวรีบคว้าผ้าเช็ดตัวที่ปลายเตียง
ผลุบหายเข้าห้องน้ำไป  พีทหัวเราะและตะโกนไล่หลัง

“พีทไปช่วยถูไหมครับจะได้สะอาดทั้งนอกและใน ฮ่าฮ่า”
หัวเราะขำในความขี้อายของพี่เมศ  ไม่นานก็มีข้อความจากโทรศัพท์เข้ามา
ว่าของที่สั่งมาถึงแล้ว  พีทมองไปที่ห้องน้ำคิดว่าพี่เมศคงยังไม่ออกมาตอนนี้
จึงไปเปิดประตูรับของ  จ่ายเงินเสร็จแล้วก็รีบเอาไปซ่อนไว้ที่ด้านนอกของระเบียง
พี่เมศออกมาจากห้องน้ำพีทก็เข้าไปอาบต่อ  ไม่นานเขาก็เดินเช็ดผมออกมา
แล้วนั่งลงปลายเตียง

“ไดร์ในห้องน้ำก็มีทำไมไม่เป่าผมก่อนล่ะ”
พูดแล้วก็เดินมาฉวยผ้าจากมืออีกคนไปเช็ดให้จนแห้ง  ตัวหอมๆ
มายืนใกล้ๆแบบนี้  พีทจึงรวบตัวพี่เมศให้นั่งลงบนตัก  แล้วก็ฝังปลายจมูก
ซุกไซ้หน้าอกและซอกคอคนตัวหอม  ทั้งที่ตัวเองมีแค่ผ้าขนหนูพันช่วงล่างมาเท่านั้น

“หอมจังครับ  มานอนกัน”
พีทจับคนบนตักนอนลง  มือก็ลูบไล้สัมผัสเค้นคลึง  ปากและจมูกก็ไม่อยู่เฉย
จนคนโดนจู่โจมตัวอ่อน  ปากแนบปากกระชับชิดไร้ช่องว่าง  พีทแทรกปลายลิ้น
เข้าไปทักทาย  ชิมความหอมหวานตรงหน้าอย่างหลงใหล  แล้วถอนปากออก
อย่างนึกเสียดาย  แต่ความสนุกน่าหฤหรรษ์ยังรอเขาอยู่  แล้วโดยไม่รอช้า
พีทเริ่มปลดกระดุมเสื้อนอนคนตัวขาวทีละเม็ดโดยที่ปากก็ไล่ตามแนวกระดุมลงมา
พี่เมศสยิวกายห่อไหล่แล้วเป็นคนดึงให้เขาขึ้นมาหนุนหมอน
จมูกและปากร้อนๆ ของพี่เมศเริ่มโลมเลียซุกไซ้แอ่งชีพจรลำคอของเขา
ต่ำลงเรื่อยๆ นิ้วเรียวก็ลูบไล้ไปทั่วสรรพางค์กาย  ตลัดปลายลิ้นเย้าหยอก
กับยอดอกของเขา  แล้วดูดกลืนขบเม้มจนพีทเผลอหลุดเสียงคราง

“อื้ม…อือออ พี่…เมศ” ลมหายใจสะดุดเมื่อพี่เมศขบกัดเบาๆ ด้วยฟัน
ดูดดุนสลับกันไปมาจนพีทเสียววาบทั่วทั้งช่องท้อง  พี่เมศยังลากจูบต่ำ
ลงตามลอนกล้ามเรื่อยลงมาที่หน้าท้องแบนราบ  ปลายลิ้นก็ไล้เลียที่
ร่องบุ๋มของสะดือ  ผ้าขนหนูของพีทหลุดไปตอนไหนเขาไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ
มารู้ตัวอีกทีเมื่อความเป็นชายของเขามันดันดีดตัวตั้งตรงอวดพลัง
พี่เมศส่งมือไปลูบไล้ทักทาย  และบีบเบาๆ ช้อนสายตาขึ้นมามองหน้า
ตอนนี้เองพีททำเพียงกลั้นหายใจ…คาดหวังและรอคอย
แล้วริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อนั่นก็แตะลงบนส่วนยอด
ทำเอาพีทสะดุ้งลมหายใจติดขัดไปหนึ่งจังหวะ  รู้สึกอุ่นร้อนวาบ
เสียวแปลบไปตามกระดูกสันหลัง  สะโพกกระตุก  เมื่อพี่เมศกลืนกิน
ส่วนปลายเข้าไปในโพรงปากที่ร้อนผะผ่าวภายใน  พีทเสียวแทบกลั้นไม่อยู่

“อืออ…พี่เมศ…อ่ะ อ่าห์” หลุดครางแผ่ว
ส่วนที่แข็งขืนยังคงถูกดูดกลืนลึกเข้าไป  และครูดโดนฟันบ้าง
จากการอ่อนประสบการณ์ของพี่เมศ  แต่ก็สร้างความตื่นเต้นให้พีท
ได้มากเลยทีเดียว  เขาสั่นสะท้าน  เสียวซ่าน  มัวเมาจนเกินจะทน
กล้ามท้องเกร็งเป็นระรอกเมื่อขีดสุดความอดทนจะกลั้นไหวมาถึง
พี่เมศกลืนกินเขาทุกหยาดหยด  แล้วพีทก็ลุกขึ้นมาให้รางวัลกับคนเก่ง
จนพี่เมศเสียวซ่านถึงขีดสุดใช้ฟันขบกัดที่ลาดไหล่เขาแล้วยังจิกเล็บที่
แผ่นหลังเขาอีก  ยิ่งกระตุ้นให้พีทฮึกเหิมและตักตวงจากเรือนกายพี่เมศ
อย่างบ้าคลั่ง  จนเราถึงสวรรค์พร้อมๆ กัน

“รักพีทนะครับ…คนดี” พี่เมศพูดเสียงอ่อน

“รักพี่เมศเหมือนกัน  Happy valentine’s day นะครับ”
พีทกดจูบที่ริมฝีปากบาง  แล้วซบอยู่อย่างนั้น  ก่อนจะถอดถอนตัวตนออก
ลุกไปที่ระเบียง  หยิบช่อกุหลาบสีแดงเข้มช่อใหญ่อุ้มไว้ในอ้อมแขนทั้งที่
เปลือยเปล่าอย่างนั้น  ส่งช่อกุหลาบให้พี่เมศที่มองมาตาหวานฉ่ำ
ยิ้มแก้มแทบปริ  ลุกมารับช่อกุหลาบพร้อมกับชะโงกมาหอมแก้มคนให้

“ขอบคุณครับ…ที่รัก”
นี่สินะ วิธีให้ของขวัญวาเลนไทน์ที่คู่รักที่เป็นผู้ใหญ่กว่าให้กัน
แค่นึกถึงเรื่องเมื่อครู่ที่พี่เมศทำให้เขาอย่างไม่เคยทำมาก่อน
พีทก็ซู่ซ่าขึ้นมาอีก  จึงเข้าไปนัวเนียกอดหอม  พี่เมศก็ช่างน่ารัก
ตามใจเสียจริง  แล้วบทรักวาเลนไทน์ก็ดำเนินต่อไปเป็นที่น่าจดจำไปอีกปีสำหรับเขาสองคน
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนพิเศษ 2
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 02-01-2019 18:50:10
Special 2 Anniversary

เมื่อคืนกว่าขอบฟ้าจะหลับลงได้ก็เล่นเอาครึ่งค่อนคืนผ่านไปแล้ว
เมื่อเขาต้องกลับมานอนบ้านของตัวเอง  เพราะพี่ภูและลูกไปทานข้าวบ้านคุณปู่
โดยไม่พาเขาไปด้วย  แล้วก็ไม่ให้เหตุผลอะไรกับเขาเลยด้วยซ้ำ  และยังบอกอีก
ว่าให้เขากลับไปนอนบ้านตัวเองได้  โดยพี่ภูและลูกจะค้างบ้านคุณปู่
เขาขับรถกลับบ้านด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ  ทำไมถึงได้รู้สึกว่าตัวเอง
เป็นส่วนเกินของสองพ่อลูกนั่นไปแล้ว  ยิ่งเมื่อกลับมาถึงบ้านก็ไม่พบ
ใครอีก  คุณพ่อกับคุณแม่ไปงานเลี้ยง  ส่วนพี่น้ำพาน้องวินวินไปค้างกับพี่เบน
กลายเป็นว่าเขาต้องอยู่กับเจ้าถ้วยฟูที่มาคลอเคลียไม่ห่าง
นี่ละมั้งสัตว์เลี้ยงถ้าได้ลองรักเจ้าของแล้วก็จะไม่ไปไหน  ขอบฟ้าพรูลมหายใจ
ออกมา  เขาก็ไม่ได้จะเปรียบตัวเองกับเจ้าถ้วยฟูเสียหน่อย  แต่อารมณ์น้อยใจ
ก็พาลให้คิดฟุ้งซ่านไปหมด

“คุณฟ้าขา  เป็นอะไรไปคะ  หน้าตาดูไม่ค่อยดีเลยค่ะ
อยากได้อะไรหรือเปล่าคะ?”
แอนมาทำความสะอาดบ้านให้แต่เช้า  ถามขึ้นเมื่อเจอหน้ากัน

“ไม่ได้เป็นอะไร  แค่นอนน้อยไปหน่อยน่ะ  แอนมีอะไรก็ไปทำเถอะ
ไม่ต้องห่วง  ถ้าต้องการอะไร  จะเรียกนะ”
แอนพยักหน้าแล้วไปจัดการงานของตนต่อ  แต่ก็มีแอบมองเจ้านาย
อย่างห่วงใยอยู่ไม่น้อย  ขอบฟ้าทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา  สายป่านนี้แล้ว
พี่ภูก็ไม่มีทีท่าว่าจะโทรมาถามไถ่กันสักนิด

ยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจแล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น  ทำเอาดวงตาไหววูบอย่างมีความหวังแต่พอ
ดูชื่อคนโทรเข้ามาแล้วก็หน้าเศร้าลงไปอีก

“ว่าไงซี  มีอะไร  โทรมาแต่เช้า  อย่าชวนไปไหนเลยนะวันนี้
ไม่อยากไป  ขออยู่บ้านนิ่งๆ สักวัน”
ขอบฟ้าพูดดักคอเพื่อนไปก่อน  น้ำเสียงเนือยๆ อย่างที่คนฟังปลายสายต้องรู้สึกบ้างละ

“ได้ไงกันล่ะฟ้า  มีเรื่องน่ะสิ  อาป้อมที่ดูแลคุณย่าน่ะ  โทรมาบอกว่าคุณย่าไม่สบาย
แถมอาป้อมก็ติดธุระสำคัญมากๆ ด้วยที่ต้องไปจัดการเลยโทรมาขอร้องให้ซีไปอยู่
เป็นเพื่อนคุณย่าคืนนี้น่ะ  ซีรบกวนฟ้าหน่อยเถอะนะ  ไปเป็นเพื่อนกันหน่อย
อ้พีทมันก็ติดพี่เมศอย่างกับอะไรดี  ห่างกายหน่อยไม่ได้เลย  นี่เห็นฟ้าคนเดียว
นะที่พอจะช่วยซีได้ นะๆ เพื่อนรัก ไปเป็นเพื่อนกันหน่อย”
ซีเกมส์พูดเสียยืดยาวชักแม่น้ำมาก็ทำโดยไม่เหลือจังหวะให้ขอบฟ้าปฏิเสธได้เลย

“ก็ได้ๆ อยู่บ้านเหงาๆ ไม่มีอะไรทำด้วยสิ  แต่คืนเดียวแน่นะ  ฟ้าจะได้เตรียมชุดไปแค่นั้น”

“ใช่ๆ คืนนี้คืนเดียวนั่นแหละฟ้า  ขอบคุณฟ้ามากๆเลยนะ นางฟ้าชัดๆ”
ซีเกมส์เยินยอเพื่อนจนเกินจริง

“น้อยๆหน่อยซี  แล้วเราจะไปกันตอนกี่โมงล่ะ”
ขอบฟ้าถามเวลาที่จะออกเดินทางกัน

“จัดกระเป๋าเสร็จก็จะไปรับเลยแหละ  เตรียมตัวไว้แล้วกันนะฟ้า”
 พอวางสายแล้วขอบฟ้าก็รีบไปจัดเตรียมเสื้อผ้าลงกระเป๋า


ซีเกมส์มารับขอบฟ้าราวๆหนึ่งชั่วโมงผ่านไป  แล้วทั้งสองก็พากันออกเดินทาง
ไปบ้านคุณย่าที่อยู่แถบทะเลภาคตะวันออก   สองหนุ่มคุยกันมาตลอดทาง
ขอบฟ้าหายเศร้าไปได้เยอะที่มีเพื่อนคุยเล่น  ไม่อย่างนั้นเขาคงฟุ้งซ่านเป็นแน่
นี่ขนาดว่าตนออกมาจากกรุงเทพฯ แล้วก็ยังไม่มีเสียงโทรศัพท์ดังสักสายเลย

`ไม่สนใจ  ไม่ห่วงกันเลยหรือไง  เบื่อกันแล้วใช่ไหม`
แล้วขอบฟ้าก็เผลอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูบ่อยๆ ซีเกมส์สังเกตเห็นแต่ไม่ได้ถาม
อะไรออกไป  เพราะรู้ว่าถ้าเพื่อนไม่อยากบอก  ต่อให้ง้างปากก็ไม่พูดอยู่ดี


เมื่อรถแล่นเข้าไปจอดในบริเวณบ้าน  รอบบ้านมีต้นไม้น้อยใหญ่ให้ความร่มรื่น
ด้านหลังบ้านเป็นชายหาดขาวสะอาด  สามารถลงเล่นน้ำได้  ขอบฟ้าเคยมากับ
แก๊งเพื่อนซี้ก็หลายครั้งจนจำได้  เขาเคยพูดกับซีเกมส์ว่าหากมีเวลาอยากจะมาอีกบ่อยๆด้วยซ้ำไป

“บ้านเงียบจังเลยนะซี  คุณย่าไปไหนแล้วล่ะ”
ขอบฟ้าหันมาถามเพื่อน เมื่อสังเกตเห็นบ้านเงียบๆ

“เดี๋ยวไปดูก่อนนะ  ฟ้ารอตรงนี้แป๊บนึงนะ”
แล้วซีเกมส์ก็วิ่งเข้าไปในห้องด้านใน  สักพักก็เดินกลับออกมา

“อาป้อมไม่รอแล้วล่ะ  ซีโทรถามเมื่อกี้นี้บอกว่าคุณย่าดีขึ้นมาก
ก็เลยพาไปด้วยแล้ว  มาเก้อเลยพวกเรา  งั้นคืนนี้ค้างที่นี่สักคืน
แล้วกันนะฟ้า  เพราะไหนๆเราก็มาถึงแล้วน่ะ”
ขอบฟ้าพยักหน้าเห็นด้วยเพราะรู้สึกเพลียๆ

“ก็ดีเหมือนกันคิดว่ามาพักผ่อนไปด้วยเลยในตัว  ซีจะทำอะไรก่อนไหม
ฟ้าขอนอนสักงีบนะ  เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ  เดี๋ยวเที่ยงๆ ค่อยตื่น
แล้วไปหาอาหารอร่อยกินกันนะ”

“อื้ม…ตามสบายเลยฟ้า  นอนพักสักหน่อยก็ดีนะ  หน้าตาอิดโรยนะฟ้าน่ะ”
ซีเกมส์พูดจบ  ขอบฟ้าจึงเดินเข้าไปที่ห้องพักแขก

ขอบฟ้าก้าวพ้นประตูเข้าไปเท่านั้น  เขาก็ตกตะลึงหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
น้ำตาเอ่อท้น  ไหลรินออกมาอย่างกับทำนบพังก็ไม่ปาน

“สุขสันต์วันครบรอบของเรานะครับ…คนดี
ขอบคุณ…ที่เกิดมาเพื่อกันและกัน  รักตัวเล็กนะ”
พี่ภูคุกเข่าลง ยื่นแหวนในมือให้


ขอบฟ้ามองผู้ชายคนนี้ที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานกี่ปี  เมื่อเราได้พบกันและรักกัน
มากอย่างนี้  ไม่มีสักครั้งที่จะนึกเสียใจที่เลือกพี่ภู  จึงส่งมือให้พี่ภูทั้งน้ำตา
พี่ภูบรรจงสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายให้อย่างพอเหมาะพอดีแล้วจรดริมฝีปาก
อย่างนุ่มนวลบนนิ้วเรียวยาว  อย่างแสดงความเป็นเจ้าของทั้งตัวและหัวใจ
แล้วคนตัวโตก็ยื่นอีกวงมาให้พร้อมส่งมือตัวเองให้น้อง  ขอบฟ้ารับแหวนคู่ดีไซน์เก๋
วงที่พี่ภูสวมให้เขานั้นมีเพชรเรียงกันในแนวขวาง 3 เม็ดแต่ของพี่ภูไม่มีเพชรสักเม็ด
เรียบแต่ดูหรูไม่เบาเหมือนกัน  ขอบฟ้าสวมให้คนตัวโตเสร็จก้มลงจรดริมฝีปากที่
หน้าผากพี่ภูที่แหงนมองอยู่พอดี  แล้วพี่ภูก็ลุกขึ้นแนบปากลงบนริมฝีปากของเขา
ในทันทีทันใด  อย่างเรียกร้องทวงสิทธิ์  ขอบฟ้าจูบตอบเป็นการจูบกันที่มาราธอนมาก
พอจะหายใจไม่ทันพี่ภูก็ปล่อยให้ได้โกยอากาศก่อน  แล้วก็ทำซ้ำๆ จนเขาคิดว่าปากคง
จะบวมเจ่อไปหมดแล้วตอนนี้

“เย็นนี้มีงานเลี้ยงที่โรงแรมไม่ไกลจากที่นี่  แต่เราขอจัดตรงริมหาดหน้าโรงแรม
นะตัวเล็ก  ที่พี่ต้องบอกเพราะไม่อยากเก็บเซอร์ไพรส์ไว้อีก  จนมีคนบางคนนอน
ไม่หลับ  แล้วก็ร้องไห้หาว่าพี่ไม่รัก”
พูดจบก็รวบตัวคนตัวเล็กเข้ามากอดมาหอมจนพอใจ

“ดีกันแล้วนะ  ไปนอนพักก่อนไป  เห็นบอกกับซีว่าจะมานอนนี่ครับ”
 พี่ภูพูดแล้วโยกหัวคนรักไปมา

“ฟ้าไม่ง่วงแล้ว  พี่ภูใจร้ายมากเลยรู้ตัวไหม  ทำฟ้าน้อยใจ
แล้วก็เสียใจมากๆ มาทั้งคืน”  พูดแล้วน้ำตาก็คลอๆที่หน่วยตาอีก

“พี่มาเตรียมงานทางนี้ให้ไงครับ  ไม่เสียใจแล้วสิ
ไม่ง่วงก็ไปที่โรงแรมกันนะ  ทุกคนมารออยู่แล้ว
จะได้ไปแต่งตัวด้วยครับ  มีแต่ญาติๆ ของเราทั้งนั้นแหละงานนี้”
ขอบฟ้าถูกพี่ภูจูงมือออกมา  ซีเกมส์นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
ขอบฟ้าเห็นหน้าเพื่อนก็อดไม่ได้ที่จะต่อว่าทันที

“ซี  ทำไมใจร้ายนักไปแช่งคุณย่าว่าป่วยได้ไง  แล้วก็ยังช่วยพี่ภูวางแผน
ปิดบังฟ้าอีก หึ้ยยย” เจ้าตัวทำหน้าง้ำใส่เพื่อนอย่างงอนๆ

“ก็พี่ภูสิขอร้อง  ซีน่ะจำใจทำเลยนะฟ้า  แล้วก็คุณย่าน่ะป่วยจริงๆ
อาป้อมพาไปที่บ้านนู้นแล้ว  ถ้าหายดีถึงจะพากลับมาอยู่ที่บ้านนี้
อีกอย่างซีเห็นนะว่าฟ้านั่งเฝ้าโทรศัพท์มาตลอดทาง  แล้วก็ทำหน้า
เหมือนหมาโดนทิ้งอีก  อดสงสารไม่ได้  ตอนแวะปั๊มซีจึงแอบโทรหา
พี่ภูให้ไงล่ะ  พี่เขาถึงมาดักรอที่บ้านนี่  ผัวมาง้อหน่อยทำหน้าบานไปไหม
แต่ปากน่ะออกจะเจ่อๆไป รึเปล่าฟ้า  โดนอะไรกระแทกมาล่ะ คริคริ”
ซีเกมส์แซวเพื่อน  และหัวเราะชอบใจที่เพื่อนรักหมดหนทางจะโต้กลับ
เห็นทำได้เพียงยกมือแตะที่ปากตัวเองเท่านั้น

“วันนี้ครบรอบหนึ่งปีที่เราคบกัน  ก็เลยถือเป็นวันดีๆ สังสรรค์กันในหมู่ญาติ
และเพื่อนสนิท  เพื่อเก็บเป็นความทรงจำดีๆ อีกเรื่องในชีวิตเรานะครับ
อย่าโกรธซีเลยเนอะ…เด็กดี”  แล้วพี่ภูก็หอมแก้มเขาโชว์ซีเกมส์อีกจนได้

“อะแฮ่มๆ ซียังอยู่นะพี่ภู  อดใจไว้คืนนี้เถอะ  ฟ้ามันจะถวายตัวให้แบบสุดๆ
ไม่มีเกี่ยงงอน  เชื่อซีสิ”  พูดจบซีเกมส์ก็รีบหนีเพราะขอบฟ้าวิ่งไล่ตีไปจนถึง
หน้าบ้านที่มีรถของซีเกมส์จอดอยู่

“ไปรถซีนะ  เพราะพี่ให้อาทมาส่งน่ะ ไปกันครับตัวเล็ก”
 แล้วทั้งสามก็พากันขึ้นรถ โดยซีเกมส์เป็นคนขับ


เมื่อไปถึงที่โรงแรม  เป็นอย่างที่พี่ภูบอกไว้  ทุกคนมารอกันที่นี่จริงๆ
ทั้งคุณพ่อคุณแม่  ครอบครัวพี่น้ำ  ทั้งพีทและพี่เมศ  คุณปู่ก็มารวมทั้ง
นมอุ่นและนมพร้อม  สรุปมากันครบทุกคนสำหรับคนสำคัญในชีวิตของ
เราสองคน  เพื่อนตัวแสบอย่างนาวากับนทียังไม่มีพลาดเลยด้วย
แล้วยังริสากับณนนท์เลขาพี่ภูจะไม่มาได้ยังไงกัน  อาหารมื้อนี้ผ่านไปด้วย
เสียงหัวเราะ  แล้วพี่หมอก็ตามมาสมทบอีกคน  และที่น่าแปลกใจเด็กๆ
ที่ร้านกาแฟก็มากันครบทีมเลยเช่นกัน

“พี่ฟ้าอย่ามาทำหน้าดุใส่พวกเราสิคะ  ที่ปิดร้านมากันน่ะ
นู้นเลยพี่ภูค่ะ  พี่เค้าสั่ง  แฟนเจ้านายสั่งเราก็ต้องเชื่อฟังกันนิดๆ
หน่อยๆ จริงไหมเกล้า! นินจา  ข้าวตัง”
ทั้งสามคนต่างพากันพยักหน้ารับเป็นลูกคู่ให้อิง

“พี่ไม่ได้โกรธที่ปิดร้านมากัน  แต่โกรธที่ไม่มีใครเปิดปากบอก
เลยสักคน  ปิดกันเสียเงียบเชียบเชียว”  ขอบฟ้าหน้ามุ่ย
อิงรีบจะเข้ามาบีบนวดประจบ  ถูกพี่ภูใช้มือกั้นไว้
คนขี้หวงก็เป็นเสียอย่างนี้แหละ  ขอบฟ้าขำท่าทางพี่ภูจึงลืมงอนน้องๆ


งานเลี้ยงฉลองของทั้งคู่ก็เริ่มขึ้น  บริเวณหน้าหาดนั่นเอง
เป็นไปด้วยความสนุกสนาน  ความรักของคนในครอบครัว
และมิตรภาพของผองเพื่อน  และมันจะเป็นที่จดจำของทั้งคู่
ไปอีกนานแสนนาน  ตราบที่ทั้งคู่ยังหายใจ  รักที่ไม่มีเส้นแบ่งกั้น
ไม่มีชาย  ไม่มีหญิง  มีแต่ใจที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว…เพียงแค่รักกัน

**************************************************
ขอบคุณจากใจ...ที่ติดตามและอยู่ด้วยกัน...จนถึงวันนี้
รักคนอ่านทุกคน ... เส้นขอบฟ้า :)
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนพิเศษ 2 >>> จบ
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 02-01-2019 22:44:31
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า Special 3 กลับมาได้ไหม...กลับมาหากัน (แทนความคิดถึง)
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 14-02-2019 15:35:06
Special 3.1 กลับมาได้ไหม

เดือนนี้ทั้งเดือนขอบฟ้าคุยกับพี่ภูนับคำได้  ไม่ใช่ว่าตัวเขายุ่งหรืออะไร
แต่เป็นพี่ภูที่เดินทางออกต่างจังหวัดเป็นว่าเล่น  ขนาดว่ามีคนขับรถให้
เองส่วนตัวแล้ว  ยังเอางานไปนั่งทำบนรถถ้าไม่เพราะพี่สมพงษ์คนขับรถ
ส่วนตัวพี่ภูเล่าให้ฟังก็ไม่รู้เลย  รู้ทั้งรู้ก็ไม่วายกดโทรหาอยู่ดี 
รอปลายสายตั้งนานก็ไม่มีวี่แววจะรับสาย

`พี่ภู  รับสายหน่อยเถอะ  ฟ้าเป็นห่วง  อยากได้ยินเสียง`
ขอบฟ้านั่งเศร้าเมื่อการติดต่อแค่ช่องเดียวนี้ไม่เป็นผลสำเร็จ

 “พี่ฟ้าเป็นอะไรไปค ะ หน้าเครียดเลย”
อิงเดินเข้ามาหาที่โต๊ะทำงาน

“พี่ภูน่ะสิ  ไม่รับสาย  รู้ว่างานยุ่งแต่เฮ้อ!...”
ขอบฟ้าถอนหายใจ  พูดทิ้งค้างไว้แค่นั้น
อิงมองเจ้านายรูปหล่อที่นั่งหน้ามุ่ยแล้วจึงพูดปลอบ

“พี่ภูคงกำลังเคลียร์งานให้เสร็จเร็วๆ จะได้มีเวลาให้พี่ฟ้าไงล่ะคะ
อย่าน้อยใจไปเลย  พี่ฟ้าเหงาก็ชวนเพื่อนๆ ไปหาของอร่อยทานกันสิคะ”
อิงพูดจบ  ขอบฟ้าก็ได้แต่ส่ายหน้า

“ซีเกมส์ก็ยุ่งเรื่องโรงงานแปรรูปเหล็กของพ่อมันจากที่เคยว่างเที่ยวเล่น
ถูกเรียกไปทำงานแล้วล่ะ   ส่วนพีทยิ่งแล้วใหญ่ตามเฝ้าพี่เมศไม่ห่าง
พี่น้ำกับพี่เบนล่องเรือออกอ่าวไทยไปแล้วมั้งป่านนี้”
พี่ฟ้าพูดแล้วทำหน้าเหงายิ่งกว่าเดิมอีก  อิงมองแล้วก็นึกเห็นใจ

เสียงเพลงรอสายจังหวะสนุกๆ ของพี่ฟ้าก็ดังขึ้น  เจ้าของเครื่องกระเด้งตัว
คว้าหมับเหมือนกลัวใครจะแย่งหรือกลัวสายจะตัดไปก่อนอย่างนั้น

“ฮัลโหลครับ  ภูดิศใช่ครับ  เป็นคนรักของผมเอง  ว่าไงนะครับ
ที่ไหน  แล้วพี่เค้าเป็นยังไงบ้าง  ห๊ะ!”
พี่ฟ้าหน้าซีดเผือดปล่อยมือถือล่วงจากมือ
อาการที่นิ่งงันทำเอาอิงรีบเข้าไปจับประคองตัวกลัวว่าจะตกจากเก้าอี้

“พี่ฟ้าใจเย็นๆนะคะ  ทำใจดีๆ  เกล้าๆ เข้ามานี่สิ!  พี่ฟ้าเป็นลม
ไปหายาดมยาหม่องหรือผ้าชุบน้ำเย็นมาเร็วๆ เข้า

”อิงตกใจตะโกนเรียกเกล้าเสียงหลง  พลางคลายหัวเข็มขัดและตะขอกางเกงให้
เพื่อให้ขอบฟ้าได้หายใจสะดวกขึ้น  นินจาได้ยินเสียงโหวกเหวกจึงวิ่งเข้ามาดู
เห็นอย่างนั้นจึงคว้าพัดที่อยู่ใกล้มือมาโบกให้อีกแรง

“พี่อิงครับ  พี่ฟ้าเป็นลมได้ยังไง  เมื่อตะกี้ยังดีๆ อยู่เลย
และออกจะแข็งแรงกว่าข้าวตังมันอีก”
นินจาละล่ำละลักถาม  และมองดูใบหน้าที่ซีดเซียวขาวซีดอย่างกับกระดาษของพี่ฟ้า

“ไม่รู้สิ  เห็นคุยโทรศัพท์อยู่ดีๆ ก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ

”อิงรับยาหม่องจากเกล้ามาให้พี่ฟ้าสูดดม  และรับผ้าขนหนูผืนเล็กที่ชุบน้ำมาแล้ว
จากเกล้าที่ยื่นมาตรงหน้าพร้อมกับเช็ดไปที่ใบหน้าและลำคอ  ทำวนไปหลายต่อหลายครั้ง
จนพี่ฟ้าเริ่มรู้สึกตัว  และโบกมือให้น้องๆ ไปทำงานกันต่อ

“พี่ดีขึ้นแล้ว” ขอบฟ้าพูดแต่สีหน้ายังไม่ดีอย่างที่ปากพูดเลย
อิงสังเกตเห็นว่ายังคงมีอาการมือไม้สั่น  เสียงที่พูดก็สั่นเครือ

“มีอะไรเหรอคะพี่ฟ้า  ดีขึ้นจริงเหรอ  ให้อิงอยู่เป็นเพื่อนดีกว่านะคะ”
อิงอาสา  เมื่อเห็นว่าขอบฟ้ายังอยู่ในอาการที่ไม่สู้ดีนัก

“พี่…ภู…รถชน โทรหา…อาท….ให้ที”
พี่ฟ้าพูดน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น  อิงพยายามที่จะจับใจความ
จึงรีบหยิบโทรศัพท์ของพี่ฟ้าที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้นมาและต่อสายหาคนชื่ออาท
ทันทีตามที่พี่ฟ้าบอก  มือไม้พลอยสั่นไปด้วยกับข่าวร้ายที่ได้ยิน

(ครับคุณฟ้า) คนปลายสายรับ

“นี่อิงนะคะ  พี่ฟ้าให้โทรมา  คุณอาทมาพบพี่ฟ้าที่ร้านด่วนเลยได้มั้ยคะ”
อิงกรอกเสียงลงไปอย่างร้อนรนปลายสายรับคำและกดตัดสายไป

“พี่ฟ้ารอสักครู่นะคะ  คุณอาทกำลังมา”
พี่ฟ้าพยักหน้า  น้ำตาคลอ  อิงมองด้วยความสงสาร
ขณะนั้นมีลูกค้าเดินเข้าร้านกลุ่มใหญ่  อิงจึงขอตัวไปดูแลลูกค้าก่อน


ขอบฟ้านั่งรออย่างกระวนกระวายใจ  รู้สึกวิงเวียนขึ้นมาอีก
ใจสั่นและเหงื่อออกที่มือและเท้าจนชื้นไปหมด  ข่าวร้ายที่ได้ยิน
ทำเอาสมองตื้อร่างกายอย่างกับเป็นอัมพาต  หัวใจบีบรัดจนรู้สึก
จุกแน่นเหมือนจะหายใจไม่ออก  ไม่นานอาทก็เดินเข้ามาหาอย่างรีบเร่ง
ขอบฟ้าจึงเล่าเรื่องราวให้อาทฟังและเขาทั้งสองรีบรุดออกไปจากร้าน
อิงมองตามจนร่างของสองหนุ่มลับตาไป  เธอได้แต่หวังว่าพี่ภูจะปลอดภัย


“คุณฟ้าไหวมั้ยครับ  ทำใจดีๆ ไว้นะครับ  ไม่นานเราก็จะถึงแล้ว
คุณภูถึงมือหมอแล้วด้วย  อย่าเพิ่งวิตกไปเลย”
อาทได้แต่พูดปลอบใจคนตัวเล็กที่เอาแต่นั่งเหม่อลอย
น้ำตาคลอๆ มาตลอดทาง  ไม่มีการตอบรับใดๆ จนกระทั่งถึงโรงพยาบาล
อาทหาที่จอดรถแล้วรีบพาคุณฟ้าไปที่ห้องฉุกเฉินในทันที
สอบถามกับเจ้าหน้าที่แล้วคนเจ็บยังคงไม่ออกมา
คุณฟ้ายังนั่งนิ่งอย่างกับหุ่นยนต์ที่ไร้ซึ่งชีวิต  อาทเห็นอย่างนั้นนึกเป็นห่วง
จึงต่อสายหาเจ้านายของเขาทันที

“ฮัลโหล  นายเบนมีเรื่องด่วนครับ  รถคุณภูเกิดอุบัติเหตุตอนนี้ยังไม่ทราบอาการเลยครับ
ยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน  คุณฟ้าอาการดูแย่เอามากๆ นายเบนช่วยบอกคุณน้ำให้ทีหรือจะหา
ใครมาอยู่เป็นเพื่อนก็ดีนะครับ  คุณฟ้าเอาแต่นั่งนิ่ง ไม่พูดไม่จาอะไรกับใครเลย
ไม่ร้องไห้  ไม่โวยวาย  มันผิดปกติไปนะครับ”

(เออๆ  แกก็อย่าไปไหนแล้วกัน  อยู่ที่นั่นก่อน  เดี๋ยวให้น้ำโทรหาใครไปอยู่เป็นเพื่อนแล้วกัน
นายรอก่อนนะ  มีอะไรรีบโทรมา)  นายเบนกำชับไม่ให้ไปไหน

“ครับนายเบน  ด่วนหน่อยแล้วกันครับ  ถ้าคุณฟ้าร้องไห้ยังจะดีกว่านั่งนิ่ง
เป็นหุ่นแบบนี้  ผมใจไม่ดีเลย”

(เออๆ  จะรีบเดี๋ยวนี้แหละ  อย่าไปไหนล่ะ)  แล้วปลายสายก็ตัดไป
อาทมองไปที่หุ่นยนต์หน้าเหมือนคุณฟ้าแล้วเครียด  จนอยากจะออกไป
อัดบุหรี่สักสามสี่มวนให้สมองมันเบลอๆ ไปเลย  เครียดแทนแล้วตอนนี้
อาทได้แต่สังเกตการณ์อยู่ไม่ห่าง  อยากที่จะให้ใครก็ได้เข้ามาก่อนที่หมอจะออกมาแจ้งผล


เวลาผ่านไปนานแต่ก็ยังไม่มีวี่แววของหมอหรือใครที่พอจะให้ข้อมูล
เกี่ยวกับอุบัติเหตุในครั้งนี้ได้เลยสักคน  แล้วก็มีสายโทรเข้าที่เครื่องของคุณฟ้า
เจ้าตัวไม่สนใจที่จะรับ  จนสายตัดไปก็หลายครั้ง  อาทคิดว่าคงเป็นพี่ชายหรือไม่
ก็เพื่อนๆ ที่โทรเข้ามา  จนกระทั่งมีหนุ่มตัวเล็กวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาคุณฟ้า

“ฟ้าเป็นไง  อย่าเครียดนักเลย  ถ้าพี่ภูมาเห็นฟ้าเป็นแบบนี้คงไม่ดีแน่ๆ
อย่านิ่งแบบนี้สิ!  พูดกับซีก็ได้  ฟ้าฟังอยู่มั้ย”
ซีเกมส์เข้าไปกอดคนที่นั่งเฉย  แววตาเหม่อลอย  เห็นว่าเพื่อนไม่รับรู้จึงเขย่าตัวแรงๆ
และเรียกเสียงดังจนขอบฟ้าสะดุ้งหันมองเพื่อน  น้ำตาที่คลออยู่ก่อนแล้วไหลลงมา
เป็นทางและสะอึกสะอื้นจนตัวโยน  ร้องจนพอใจและดวงตาคู่สวยบวมช้ำ

“ฟ้าเข้มแข็งนะ  พี่ภูจะต้องไม่เป็นไร  พี่ภูจะต้องอยู่กับฟ้าไปอีกนานจนแก่น่ะแหละ
แกอย่าเพิ่งมางอแงมากนักจะได้มั้ย  นี่ถ้าพี่ภูออกมา  ซีจะโดนบ่นเอานะที่ไม่ดูแลฟ้าให้เค้า
ปล่อยให้ร้องไห้โยเยจนตาบวมเป่งแบบนี้  ขี้แงว่ะ  เดี๋ยวไอ้พีทมันมาแกจะโดนมันโบกหัวเอาด้วย
เห่ยขี้มูกไหลว่ะ  อย่ามาเช็ดเสื้อชั้นนะ”
ซีเกมส์แกล้งว่าเพื่อน  และทำเป็นโวยวายไปอย่างนั้น  เขาก็ห่วงพี่ภูไม่แพ้เพื่อนเหมือนกัน
ป่านนี้แล้วยังไม่ออกมาเลย  คงอาการหนักไม่ใช่เล่น  แต่ก็ต้องพูดปลอบใจเพื่อนไปก่อน


ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกและมีหมอเดินออกมาท่านหนึ่ง
ขอบฟ้าถลาเข้าไปจนถึงตัวหมอก่อนใครเพื่อน
“คนไข้ชื่อคุณสมพงษ์  ปลอดภัยแล้วนะครับ  แต่อีกคนได้รับบาดเจ็บสาหัส
คุณหมอกำลังเร่งทำการผ่าตัดอยู่ครับ”
เมื่อคุณหมอพูดจบ  ขอบฟ้าเข่าอ่อนลงทันทีแต่ได้อาทที่ยืนติดกันคว้าตัว
ไว้ได้ทันก่อนที่จะทรุดลงไปกองกับพื้น

“คุณฟ้าใจเย็นๆ นะครับ  หมอเก่งคุณภูต้องปลอดภัย  ไปนั่งรอตรงนั้นก่อนเถอะ”
อาทประคองขอบฟ้าไปนั่งรอที่เดิม  โดยมีซีเกมส์หนีบแขนไว้ไม่ปล่อยเหมือนกัน

“ซี  พี่ภูเจ็บหนัก  ฟ้ากลัว…ฮึกฮือ  ถ้าพี่ภูเป็นอะไรไปฟ้าจะอยู่ยังไง  ฮือฮือ”
ขอบฟ้าพูดไปสะอื้นไห้ไม่หยุด  จนซีเกมส์ไม่รู้จะปลอบเพื่อนยังไงแล้ว
ได้แต่มองหน้ากันกับอาท  และกอดเพื่อนไว้ลูบหัวและลูบหลังไปมา
ไม่นานพีทกับพี่เมศก็มาถึง

“ซี  พี่ภูเป็นไงบ้างวะ  หมอออกมารึยัง  พี่เมศก็ร้องไห้มาตลอดทางเหมือนกันเนี่ย
ขับแทบจะเหยียบคนตายอยู่แล้วด้วย  แล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์เลย หื้ม…”
พีทมาถึงก็พูดไม่หยุด  จนซีเกมส์ต้องชี้มือลงที่คนในอ้อมแขนที่ร้องไห้
จนตาจะปิดแล้ว  พีทมองเพื่อนแล้วก็เงียบเสียงลง

“หมอผ่าตัดช่วยชีวิตอยู่  คนขับน่ะเพิ่งจะปลอดภัย  เหลือแต่พี่ภูที่รอผลอยู่”
ซีเกมส์ตอ บ และมองพี่เมศที่ยืนน้ำตาคลอไม่ห่างจากพีท  เขาก็เห็นใจทั้งเพื่อน
และพี่เมศเพราะคนสำคัญในครอบครัวนี่นะที่เจ็บปางตาย  แล้วต้องมานั่งรอลุ้นผล
กันแบบนี้  ซีเกมส์มองข้ามไหล่พีทและพี่เมศเห็นลุงหมอเดินหน้าเครียดเข้ามาอีกคน
จึงกระซิบบอกเพื่อนให้รู้  ขอบฟ้าหันมองลุงหมอแล้วลุกขึ้นยืน
พลอยทำให้คนอื่นๆหันมองตามและไหว้ทักทายท่าน

“หนูฟ้าใจเย็นไว้นะ  ลุงถามเพื่อนแล้ว  เคสนี้ยากหน่อยแต่มันจะผ่านไปได้
 นี่ก็ใกล้เวลาจะออกมากันแล้วล่ะ”
ลุงหมอพูดเหมือนเป็นเรื่องที่ปกติที่พบเห็นบ่อยจนชินไปแล้ว

“ลุงหมอ  ภูมันเป็นอะไรมากเลยเหรอครับ” พี่เมศถามผู้เป็นลุง

“มีม้ามแตกกับตับแตก  แล้วก็ซี่โครงทิ่มปอดด้วย  ที่หนักๆ ก็ประมาณนี้แหละ”
ลุงหมอพูดเหมือนกับเป็นการเล่าเรื่องของลมฟ้าอากาศซะอย่างนั้น
แต่เด็กหนุ่มทั้งหลายที่ได้ฟังพากันหน้าซีดเผือด  อ้าปากไปตามๆ กัน

“แล้วเจ้าภูจะปลอดภัยใช่มั้ยครับ”
พี่เมศถามคำถามที่ขอบฟ้าเองก็ต้องการรู้มากที่สุดด้วย

“อืม…” ลุงหมอพยักหน้า
แค่นั้นทุกคนก็พรูลมหายใจอย่างโล่งอก  แต่ขอบฟ้าก็ยังไม่ปักใจเชื่ออย่างที่ได้ยิน
นอกจากว่าเขาได้เห็นพี่ภูกับตาเสียกก่อน  เป็นมากขนาดนั้นจะทนความเจ็บปวด
ได้จริงๆ นะหรือ  เคสหนักมากจนผ่านไปไม่ต่ำกว่าสี่ชั่วโมงแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะจบ
ขอบฟ้ารู้สึกปวดหนึบในอก

`พี่ภูอย่าเป็นไรไปนะ  กลับมาหาฟ้า  อย่าให้ฟ้ารอนานกว่านี้เลย
…มันเจ็บรู้บ้างไหม…พี่ภูกลับมาหาฟ้าเถอะ`
ขอบฟ้ายังคงนั่งนิ่ง…เฝ้ารอ อย่างมีความหวังต่อไป



Special 3.2 กลับมาหากัน

เมื่อประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกอีกครั้ง  ทีมแพทย์เดินออกมาด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า
ลุงหมอเดินไปหาเพื่อนหมอด้วยกันที่มีคนหนึ่งยกมือตบที่ไหล่ของลุงหมอสองครั้งและพูดว่า

“ยินดีด้วย  คนไข้ปลอดภัยพ้นขีดอันตรายแล้ว”
แค่นั้นเองที่ทุกคนรอคอย  ขอบฟ้ายิ้มทั้งน้ำตาคว้าตัวซีเกมส์มากอดไว้แน่น
การรอคอยใครสักคนให้ผ่านเส้นความเป็นความตายนั้นมันช่างทรมานจนเหมือน
หัวใจที่ถูกบีบอัดแน่นจนแทบแหลกสลายลงได้ทุกเสี้ยววินาทีเลยก็ว่าได้…มันได้สิ้นสุดลงแล้ว

“พี่ภูปลอดภัย  กลับมาหาฟ้าแล้วนะซี”
ซีเกมส์พยักหน้าและตบหลังเพื่อนไปเบาๆ

“อืม…ดีใจกับแกที่สุดเลยนะเว่ยฟ้า”
ขอบฟ้าเช็ดน้ำตากับไหล่ของเพื่อนรัก

“เห่ย!  ฟ้า  อย่าเอาขี้มูกไปถูกับไหล่ซีมันเยอะแยะขนาดนั้น
เดี๋ยวมันต้องไปหาพี่หมอของมันอีกนะเว่ย”
พีทแซวเพื่อนเมื่อบรรยากาศเครียดๆ เริ่มคลายลง  และคนที่พูดถึงก็เดินเข้ามาพอดี

“ซี  ภูมันปลอดภัยแล้วใช่มั้ย”
หมอคีรีถามซีเกมส์ทันทีที่เดินเข้ามาถึง  คนตั้งมากมายเจาะจงถามอยู่กับคนที่ยืนกอดกันอยู่
จนพีทต้องเหลือบตามองบนอย่างหมั่นไส้

“ครับพี่หมอ  ลุ้นจนปวดหัวไปหมดแล้ว  พี่หมอต้องพาไปหาของอร่อยทานแล้วล่ะ”
ซีเกมส์หาข้ออ้างจะกินขึ้นมาทันที

“เอาสิ  เขายังไม่ให้เยี่ยมหรอกวันนี้  ไปหาอะไรกินกันหมดนี่แหละ
แล้วค่อยมาใหม่พรุ่งนี้” หมอคีรีเอ่ยชวนทุกคนพร้อมกับดูเวลาที่ข้อมือ

“ไปสิ  ยังไม่มีใครได้กินอะไรกันเลย”
พี่เมศพูดและพากันไหว้ลาลุงหมอ  อาทขอตัวกลับ
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์คลี่คลายแล้ว  และดูคุณฟ้าจะหายกังวลไปได้เปราะหนึ่งแล้ว
อีกอย่างก็มีเพื่อนๆมาคอยเป็นกำลังใจให้แล้วด้วย
“ขอบคุณมากนะอาท  ที่พามาแล้วก็อยู่เป็นเพื่อน”
ขอบฟ้าบอกกับอาทที่ผงกหัวและยิ้มรับ  เขาลาทุกคน  แล้วผละออกไปก่อน
และบรรดาหนุ่มๆทั้งหมดก็พากันเดินออกจากจุดนั้นไปหาของอร่อยกินแก้เครียด


ขอบฟ้าที่เปลี่ยนชุดปลอดเชื้อ  นั่งรอเวลา  แอบไปเดินเมียงๆ มองๆ แม้จะรู้ว่ายังไงก็
ไม่ได้เห็นพี่ภูอยู่ดีก็อดที่จะชะเง้อหาไม่ได้  พยาบาลเดินผ่านมาเห็นเธอจึงอมยิ้ม
ขอบฟ้าแก้เก้อโดยการแจกยิ้มกลับไปให้และเกาท้ายทอย


เมื่อถึงเวลาให้เข้าเยี่ยม  ขอบฟ้ารีบถลาไปที่ประตูจ้ำอ้าวๆ เข้าไป
ภายในห้องภาพคนป่วยที่นอนนิ่งบนเตียง  มีมอนิเตอร์วัดสัญญาณชีพ
เครื่องช่วยหายใจ  ทั้งสายไฟระโยงระยาง  สายยาง  ท่อต่างๆ
ที่ต่อเข้าเส้นเลือดใหญ่  ทั้งท่อระบายของเสีย  สายน้ำเกลือ

เห็นดังนั้นขอบฟ้าก็น้ำตาไหลอย่างกลั้นไม่อยู่
เมื่อได้มาเห็นคนที่แข็งแรงดีทุกอย่างต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
ความสงสารท่วมท้นมาจับขั้วหัวใจ  ขอบฟ้าเลื่อนมือไปสัมผัสลูบไล้
ใบหน้าของคนรักแนบแก้มและจูบที่หน้าผาก

“พี่ภูครับ  เจ็บมากใช่มั้ย  ฟ้าอยู่ตรงนี้แล้ว  พี่ภูต้องเข้มแข็งและอดทน
สู้กับความเจ็บปวดนี้ให้ได้  แล้วกลับมาหาฟ้านะครับ  ฟ้าไม่ให้พี่ภูไปไหน
พี่ภูต้องอยู่กับฟ้าอยู่กับลูก  ห้ามอ่อนแอ  ห้ามยอมแพ้เด็ดขาดนะครับ
ห้ามทิ้งฟ้ากับลูก  พี่ภูบอกว่ารักฟ้า…เรารักกัน  ฟ้าขอเห็นแก่ตัวที่จะไม่มีวัน
ปล่อยพี่ภูไปไหน  พี่ต้องอยู่กับฟ้าอยู่ด้วยกันจนแก่  ห้ามเบื่อและทิ้งฟ้าไปก่อน
ฟ้าจะรอพี่ภูอยู่ตรงนี้นะครับ  รอพี่ภูกลับมา…กลับมาบอกให้ฟังอีกครั้ง
…ว่าพี่ภูรักฟ้า…กลับมานะพี่ภูคนดี  อย่าทิ้งฟ้าให้เหงา  ไหนพี่ภูบอกจะไม่ทำ
ให้ฟ้าต้องร้องไห้ไง”

ขอบฟ้าฟุบหน้ากับฝ่ามือตัวเองและกุมมือพี่ภูไว้น้ำตาของตนก็ไหล
ลงเปียกปอนที่หลังมือพี่ภู  สะอื้นไห้อย่างสุดแสนที่จะหักห้ามได้
จนมีมือมาตบๆที่ไหล่  จึงเงยหน้ามอง  เป็นซีเกมส์ที่มายืนอยู่ใกล้ๆ

“ฟ้าเข้มแข็งนะ  พี่ภูจะหายและกลับมาหาฟ้าในเร็ววัน”
ซีเกมส์ปลอบและกดจมูกที่เรือนผมของเพื่อน

“ซีแกดูสิ  พี่ภูเจ็บมากแน่ๆ  ฟ้าสงสารพี่ภู  ฟ้าก็เจ็บ…เจ็บไม่ต่างจากพี่ภู
อยากแบ่งความเจ็บมาไว้สักครึ่งนึง  ให้เราเจ็บเท่าๆกันหรือให้ฟ้าทั้งหมดก็ได้
ดีกว่าพี่ภูต้องมาเป็นคนเดียวแบบนี้  ฮึกฮือ”

ขอบฟ้าพูดไปร้องไห้ไปเหมือนเด็กที่กำลังเสียขวัญ  ซีเกมส์น้ำตาไหล
เมื่อไม่รู้จะพูดปลอบเพื่อนยังไงแล้ว  จนพยาบาลมาเตือนบอกหมดเวลา
เยี่ยมซึ่งเป็นช่วงไม่กี่นาทีเท่านั้นที่เขาได้เห็นหน้าพี่ภู

“พี่ภูหายเร็วๆ นะ ฟ้ารออยู่  ฟ้ารักพี่ภูนะครับ”
ขอบฟ้าจูบลาพี่ภูไปทั่วใบหน้าและริมฝีปากที่แห้งระคายนั้น  แล้วก็ถูกซีเกมส์พาออกไปหน้าห้อง

“ฟ้าแกจะกลับเลยมั้ย  ไปหาอะไรกินกันก่อน” ขอบฟ้าส่ายหน้าให้เพื่อน

“ฟ้ากินไม่ลง  แล้วฟ้าก็ไม่กลับด้วย  ฟ้าจะรอเข้าเยี่ยมพี่ภูในรอบบ่ายอีกที”

“ฟ้าต้องดูแลตัวเอง  ทำตัวให้แข็งแรง  ถ้าแกจิตตกแบบนี้  แกจะทำให้พี่ภูหายช้านะ
พี่ภูต้องรับรู้แน่ๆตอนที่แกเข้าไปหาน่ะ  พี่ภูต้องรู้สึกแย่ที่แกเป็นแบบนี้นะเว่ย
แกต้องพูดให้กำลังใจพี่ภู  และให้กำลังใจตัวเองด้วย  อย่าอ่อนแอ…เข้มแข็งนะฟ้า”
ซีเกมส์เตือนสติเพื่อน

“อื้ม…ขอบใจนะซี  ฟ้าจะเข้มแข็ง  พี่ภูจะได้หาย…กลับมาหาฟ้า
ไปหาข้าวแถวนี้กินก็ได้นะ  เดี๋ยวฟ้าค่อยมาใหม่” ขอบฟ้ารวบรวมแรงฮึดขึ้นมา

“ดีมากฟ้า  ตอนบ่ายพี่หมอก็จะมาเยี่ยมพี่ภูเหมือนกัน
งั้นซีอยู่เป็นเพื่อนฟ้าเลยก็ได้”
ขอบฟ้าพยักหน้า  แล้วทั้งสองก็พากันเดินไปร้านค้าที่อยู่ข้างๆ โรงพยาบาล



ภูดิศรู้สึกตัว  อาการเจ็บปวดและแน่นที่หน้าอกมันคืออะไร
หนังตาก็หนักอึ้ง  เหมือนว่าเขาได้หลับแล้วฝันไป…ได้ยินเสียงน้องฟ้า…

`น้องฟ้ากำลังเศร้า  เจ็บปวด  โหยหา  ต่อว่าต่อขานว่าเขาปล่อยให้รอ
พูดเหมือนเขาจะทิ้งไปอย่างนั้น  พี่ตัวโตรักตัวเล็ก  รักมากที่สุดจะเลิกรัก
แล้วปล่อยให้รอทำไมกัน  จะทิ้งไปไหนได้…ก็รักมากขนาดนี้`

`ในฝันน้องฟ้ายังร้องไห้งอแงอีกด้วย  ทำไมกัน  พี่เนี่ยนะที่จะไม่รักน้องฟ้า`

 ภูดิศขยับตัวแต่มันหนักอึ้งเหมือนมีใครเอาหินมาถ่วงร่างไว้

`เจ็บ…ปวดเหลือเกิน  ใครก็ได้ช่วยที  ทำไมมืด  เราเป็นอะไรไป`
 ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินอยู่ในห้อง  มือที่ลูบไล้ใบหน้า

`ใครกันนะสัมผัสได้อ่อนโยน  น้องฟ้าใช่มั้ย  น้องฟ้ามาหาพี่เหรอ
 ฝ่ามืออุ่นๆ ที่จับกันไว้นี่อีก  น้องฟ้าของพี่ใช่มั้ย`

“พี่ภูฟ้ามาหาพี่แล้วนะ  พี่ภูตื่นเถอะนอนนานเกินไปแล้วนะครับ
พี่หมอกับซีก็มาด้วยนะ  พี่ภูอยากตื่นรึยัง  อย่าขี้เซานักเลย ตื่นเถอะพี่ภู”
ภูดิศได้ยินเสียงอ่อนทุ้มที่มักจะอ้อนเวลาอยากให้เขาทำอะไรให้

`น้องฟ้าจริงๆ ด้วย  มาหาพี่แล้วสินะ  พี่อยากตื่น  อยากมองหน้า
 แต่พี่ลืมตาไม่ขึ้น  ใครแกล้งพี่รึป่าว  ใครพาพี่มาซ่อนในห้องมืดนี่กัน
พี่อยากออกไปหานะครับคนดี…อย่าเพิ่งไปไหนนะ…รอพี่นะน้องฟ้า`

“ภูแกจะขี้เซาไปถึงไหนวะ  ไม่ตื่นมาดูแลของรักของหวงแกรึไง
เดี๋ยวก็โดนหมาคาบไปนะเว่ย  ถ้าไม่รีบตื่น”
เสียงไอ้หมอบ้า  มันมากวนประสาทอะไรกันแถวนี้  หมาที่ไหนจะกล้ามาคาบวะ
ถ้าเห็นจะเตะให้กระจายเลย  ภูดิศนึกมันเขี้ยว  นึกหวงของขึ้นมาทันที

“พี่ภู  ฟ้ามันขี้แย  บอกอะไรก็ไม่ฟัง  มันดื้อเอามากๆ  พี่ภูรีบตื่นมาจัดการเด็กดื้อ
ของพี่ภูเลย  ก่อนที่ซีจะตีมันตายซะก่อน”

`ฟ้าไม่ดื้อ  อย่าตีกันนะ  พี่จะตื่นไปดูเดี๋ยวนี้แหละ`
ภูดิศรวบรวมแรงที่มีฝืนลืมตา  ขยับแขนขา  แม้จะต้องเจ็บร้าวมากก็ตาม


“พี่ภูคนดี  อย่าไปเชื่อซีมันนะ  ฟ้าไม่ดื้อพี่ภูก็รู้เนอะ
พอพี่ภูนอนนานๆ แบบนี้ก็มีแต่คนหาว่าฟ้าดื้อกันทั้งนั้น
งั้นพี่ภูก็ต้องรีบตื่นแล้วล่ะ  ตื่นมาให้ฟ้าดื้อกับพี่…แค่คนเดียว…
แล้วฟ้าจะไม่ดื้อกับใครอีก…นะครับ  รีบตื่นแล้วกลับมาหาฟ้า  ฟ้ารออยู่”
จูบอีกแล้ว  นี่ตัวเล็กจะอ่อยพี่ใช่มั้ ย พี่ตื่นก็ได้ครับ

“อ๊ะ!  พี่หมอ  ซี  พี่ภูขยับนิ้ว  เนี่ยฟ้ารู้สึกได้”
ขอบฟ้าตื่นเต้น  ยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อฝ่ามืออุ่นที่กุมกันขยับตอบรับสัมผัส
แล้วพยาบาลก็เข้ามาเช็กสัญญาณชีพให้  พอเห็นหมอคีรียืนอยู่ด้วยก็ค้อมศีรษะให้
และทำหน้าที่ของเธอต่อไป  ทั้งสามถอยออกมาเมื่อแพทย์เข้าไปที่เตียง
และพูดคุยกับหมอคีรี  สักพักหมอคีรีก็เดินออกไป


“ไม่ตายแล้วละ  น้องฟ้ามีเวลาดื้อกับมันไปอีกหลายสิบปีเลยแหละ  หึหึ”
พี่หมอบอกยิ้มๆ แล้วยังหัวเราะในลำคออีกด้วย

“ขี้หวงไม่ใช่เล่นเลยพี่ภู  พอพี่หมอบอกว่าหมาจะมาคาบฟ้า
แล้วซีฟ้องว่าฟ้าดื้อ  พี่ภูรีบตื่นเลย  ร้ายจริงๆเลยพี่ภูเนี่ย”
ซีเกมส์คิดเหมือนกับที่พี่หมอคิด

“บ้าน่าซี  พี่ภูแค่เบื่อจะนอน…แค่นั้นเอง”
ขอบฟ้าพูดเสียงอ่อน  แล้วก็เขินพี่หมอที่ยิ้มล้อๆ มาให้

“ฟ้าต้องเฝ้าไข้แล้วละ  เดี๋ยวถ้าไม่มีอะไรน่าห่วงเขาจะย้ายไปห้องพักฟื้น
ทีนี้ก็มีเรื่องให้ฟ้าต้องดูแลเจ้าภูมันเยอะเลย  เราจะทำไหวเหรอ
ให้ใครมาช่วยน่าจะดีนะ  น้ำต้องงดก่อนจนกว่าหมอจะอนุญาต
เดี๋ยวมีพยาบาลมาให้คำแนะนำอีกทีคอยฟังแล้วกัน”

“ฟ้าทำได้พี่หมอ  อาจจะต้องให้เด็กที่บ้านมาอยู่ช่วยอีกคนตอนที่ฟ้าพักนะ  สลับกัน”

“ช่วงนี้ต้องให้นอนศีรษะสูงหน่อย  พลิกตะแคงตัวระวังลิ้นไปอุดกั้นทางเดินหายใจ
ฝึกให้ภูมันหายใจเข้าออกลึกๆ ยาวๆ  ถ้าไอต้องใช้หมอนกดที่หน้าท้องเบาๆ
จะช่วยลดแรงสะเทือน  เพราะจะทำให้ปวดแผล  ระวังอย่าให้พวกสายพวกนี้
พับงอหรือเลื่อนหลุดนะฟ้า  นี่พี่หมอบอกคร่าวๆ ไว้ก่อน
อ้อ…อีกเป็นวันแหน่ะที่จะให้ลุกนั่งได้นะ  ไหวเหรอเรานี่แค่พื้นๆ นะ
ถ้ากลับไปบ้านยังมีอะไรอีกเยอะที่เป็นข้อห้ามน่ะ  ฟ้าต้องดูแลเจ้าภูจนเบื่อหน้า
ไปเลยสองสามเดือนนู้นแหละมันถึงจะกลับมาเป็นปกติดี  นี่พี่หมอไม่ได้ขู่นะ”
หมอคีรีแจกแจงรายละเอียดที่ต้องเฝ้าไข้คนป่วยให้ฟัง  ขอบฟ้ารับฟังอย่างตั้งใจ

“พี่หมอไม่รู้อะไร  ฟ้าน่ะต่อให้ต้องเฝ้าไปตลอดชีวิตมันก็ทำได้
เห็นตัวเล็กๆ เนี่ย  มันกลัวซะที่ไหน”
 ซีเกมส์พูดเพราะรู้จักเพื่อนตัวเองดี  ลองได้รักแล้ว  มันรักยันรูขุมขนและกระดูกนู้นแหละ

“ฟ้าทำได้ครับ”
ขอบฟ้ายิ้มรับ  และไปนั่งที่หน้าห้องรอการเคลื่อนย้ายพี่ภูไปอีกห้องหนึ่ง



ภูดิศลืมตาเห็นเพดานสีขาว  ได้กลิ่นยา  เสาน้ำเกลือและอาการเจ็บที่หน้าอก
ลงมาช่วงท้อง  ขยับตัวมากไม่ได้ปวดแปล๊บ  ศีรษะทุยที่ฟุบอยู่ข้างๆ กัน
มือที่ถูกกุมไว้มีลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดเบาๆ  เขานอนอยู่ที่โรงพยาบาล
และนี่คือเตียงคนไข้  น้องฟ้าที่ฟุบหลับอยู่ข้างๆ 

วันก่อนเขาไปดูการก่อสร้างรีสอร์ตแห่งใหม่ที่วังน้ำเขียว  ตลอดเดือนที่ผ่านมา
เขาโหมงานจนระบบร่างกายรวน  แทบไม่ได้กิน  ไม่ได้นอน  ทำให้ฝืนร่างกาย
ไม่ไหวหลับไปตลอดทาง   แล้วเกิดอะไรขึ้น  น้องฟ้าขยับตัวแล้วนั่งตัวตรงชูมือ
ขึ้นบิดตัวไล่ความเมื่อยขบ  ผมที่ยาวจนประบ่าก็กระจายไม่เป็นทรงนัก

`นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้เห็นความเป็นธรรมชาติแบบนี้
 นานแค่ไหนที่ไม่ได้เข้านอนแล้วตื่นมาพบหน้ากัน
นานแค่ไหนที่ไออุ่นจางหายไป`

เขาหลับตาลงเมื่อคนตัวเล็กลุกจากเก้าอี้ข้างเตียง
แล้วมือนุ่มๆ ก็มาสัมผัสที่แก้มสองข้าง  ลมหายใจรินรด
ที่ใบหน้าของเขา  และหน้าผากที่แตะกัน

“ขี้เซา  เมื่อไหร่จะตื่น  ฟ้ารอนานแล้วนะ  หนูรินคิดถึงพ่อภูมากๆ
แล้วด้วย  ถ้าตื่นมาเร็วๆ จะได้กลับบ้านกันไง  บอกว่ารักฟ้าไม่ใช่เหรอ
ฟ้าจะไม่เชื่อแล้ว  ถ้าพี่ภูไม่ตื่นมาบอกให้ได้ยินอีก…ฟ้าจะไม่เชื่อ”
น้องฟ้าพูดไปก็ยังไม่ละใบหน้าออกไปจากกัน
ภูดิศจึงงับปากที่ช่างว่าไปที  แล้วลืมตา


“ภูรักฟ้า  รักมาก  ไม่เคยเปลี่ยน”
เสียงแหบแห้งที่เอ่ยออกไป  ทำเอาคนตัวเล็กผละตัวออกไป
มองมาอย่างไม่เชื่อ  สายตา  แล้วก็มีน้ำตาไหลลงมาที่ร่องแก้ม
ก่อนที่เจ้าตัวจะโน้มใบหน้าลงมาจูบที่หน้าผากและที่ริมฝีปากของเขา
ความเนียนนุ่มที่สัมผัสไออุ่นที่ได้รับและน้ำตาจากความดีใจ  ทำเอาเต็มตื้นในอก

“พี่ภู  กลับมาหาฟ้าแล้ว  อย่าเป็นอะไรอี ก ฟ้าอยู่ไม่ได้…หากไม่มีพี่”
พูดไปก็เกลือกกลิ้งใบหน้ากับแก้มของเขา  ภูดิศอยากดึงเข้ามากอด
และปลอบขวัญแต่ทำได้เพียงยกมืออีกข้างขึ้นมาลูบหลังให้เท่านั้น

“ขอโทษนะตัวเล็ก  ที่พี่ปล่อยให้เหงาและทำให้เราเป็นห่วงตลอด
พี่จะไม่ทำแบบนั้นอีก  ขอโทษนะครับ…คนดี”
ภูดิศพร่ำขอโทษคนตัวเล็ก  ที่ผละออกและจับมือเขาไปกุมไว้แนบอก

“ไม่มีโทษใดที่จะยกให้  เพราะฟ้าไม่เคยโกรธพี่สักครั้ง
แค่ได้รักและดูแลไปอย่างนี้  อย่าหนีหาย  อย่าจากไป
หากมีบ้างในบางครั้งที่เราห่างกัน  แต่สุดท้ายพี่ตัวโตก็ยังใจดี
ไม่ทิ้งให้น้องต้องรอนาน   ตัวเล็กรักพี่ตัวโตนะ…ขอบคุณ…ที่กลับมาหากัน”

************************************
Happy valentine’s day

พาความรักของพี่ภูและน้องฟ้า มาส่งให้

สำหรับทุกดวงใจที่มีรัก  <3
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า Special 3 กลับมาได้ไหม...กลับมาหากัน(แทนความคิดถึง)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 19-02-2019 14:27:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า Special 3 กลับมาได้ไหม...กลับมาหากัน(แทนความคิดถึง)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 30-04-2019 23:41:11
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า Special 3 กลับมาได้ไหม...กลับมาหากัน(แทนความคิดถึง)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 13:13:42
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า ตอนที่ 11 ถูกกล่าวหาว่าแย่งของเขา
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 06-11-2020 21:18:54

“ยากหน่อยนะคุณภูดิศ  ที่จะปฏิเสธคนอย่างญาดาได้ง่ายๆ ไอ้ที่หลบๆ เลี่ยงๆ
บ่ายเบี่ยงไม่ไปพบหน้ากันมาตลอด  มันเพราะแบบนี้นี่เอง   มานั่งพลอดรัก ออดอ้อนกัน
จะไม่วิปริตผิดเพศไปหน่อยรึไง  ช่างน่าไม่อายทั้งสองคน  โดยเฉพาะแก!!
กล้ามาแย่งคนที่เขามีคู่อยู่แล้ว!  ฉันจะฟ้องคุณปู่ให้เล่นงานแก!  คอยดูเถอะ!!!”
หญิงสาวที่ภูดิศพบในผับคืนที่เจอขอบฟ้านั่นเอง ภูดิศจำความเปรี้ยวจี๊ดของการแต่งกาย
และท่าท่างเธอได้  นี่เหรอญาดาผู้หญิงที่คุณปู่หาไว้ให้เขา  ปากคอช่างเราะร้ายเหลือเกิน
หันไปมองคนตัวเล็กที่นั่งหน้าซีดก็ทำให้อารมณ์พลุ่งพล่าน

“เธอเป็นใคร  เราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ  ไม่หน้าด้านไร้ยางอายเสียกว่ารึไงที่มายืนป่าวประกาศ
แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผม  และไอ้การด่าทอคนอื่นเสียๆ หายๆ แบบนี้ช่างไร้สกุลเสียกว่า
แล้วคิดว่าตัวเองมีดียังไงผมถึงจะเลือกคุณ  ไม่ทราบ  ไม่ดูตัวเองเอาซะเลย  ทุเรศที่สุด”
ภูดิศลุกขึ้นตอบโต้หล่อนอย่างดุเดือดกลับไป  และใช้สายตามองผู้หญิงตรงหน้าอย่างเหยียดหยาม
เขาพอจะรู้ว่าหล่อนเป็นใครก็ตอนที่มาประกาศปาวๆ นี่แหละ  นี่นะเหรอว่าที่ภรรยาเขา
เขารู้สึกรังเกียจ และขยะแขยงเจ้าหล่อนเป็นที่สุด

“คุณภู!!!  อย่ามาหยาบคายกับญาดานะ  เห็นไอ้เกย์หน้าอ่อนนี่ดีกว่างั้นเหรอ
อย่าคิดว่าแกจะชนะฉันได้นะ  ไม่มีทาง!  แล้วเราจะได้เห็นดีกัน  คุณด้วยภูดิศ”
ญาดายังพาลชี้หน้าด่าขอบฟ้าที่นั่งหน้าซีดอยู่กับที่  แล้วเจ้าหล่อนก็กระทืบเท้าเดินตึงตังออกไป
ไม่สนใจว่าใครจะมองเธอยังไง

 
แล้วแกล่ะนังญาดา หมดปัญหาผัวแล้วเหรอถึงมาจับผู้ชายที่รักผู้ชาย ชั้นกล้าพูดว่าแกอยากได้เงินเค้าใช่ป่ะอีชะนี
หัวข้อ: Re: ภูรักฟ้า Special 3 กลับมาได้ไหม...กลับมาหากัน(แทนความคิดถึง)
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 23-01-2021 21:01:22
 :pig4: :mew1: :katai2-1: