[เรื่องสั้น]▐▐ Pause & Play ► เพราะพักพาพบ [UP! 22/01/62] page.2 [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น]▐▐ Pause & Play ► เพราะพักพาพบ [UP! 22/01/62] page.2 [END]  (อ่าน 18891 ครั้ง)

ออฟไลน์ Indigo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1030/-7
Track #05: ✖ Mute Heart


‘ปีนี้ธีมสัตว์โลกน่ารักนะ’
‘ครับ?’
‘งานเลี้ยงปีใหม่ไง’


บทสนทนากับพี่ข้าวข้างต้นทำเอาเจตน์กุมขมับมาเป็นสัปดาห์  คิดไม่ตกจนเผลอเอาไปปรึกษาแม่ และนั่นทำให้เหตุการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม
“ลูกสาวเพื่อนแม่เปิดร้านเช่าชุดแฟนซีอยู่”
“หือ?” ช้อนที่กำลังจะเข้าปากชะงักไป  ขณะนี้เวลาเก้าโมงเช้า ณ บ้านจงรักษ์  โต๊ะอาหารอัดแน่นไปด้วยกับข้าวนานาชนิดรอต้อนรับพ่อที่กลับจากสิงคโปร์เที่ยงนี้ “แม่หมายถึง?”
“ไปอุดหนุนเขาหน่อยสิ” มารดาพูดจบก็หันหน้าจอมือถือที่เปิดหน้าเพจหนึ่งค้างไว้ให้ดู “เนี่ย  ชื่อร้านเรนโบว์ยูนิคอร์น”
“แค่ชื่อร้านก็ไม่น่าเข้าแล้ว”
“เอ๊ะ! ลูกคนนี้นี่” หล่อนตีเพี๊ยะสั่งสอนเด็กปากเสีย “ยังหาชุดไม่ได้ใช่ไหมล่ะ  ยังไงก็ลองดูร้านพี่เขาก่อนสิ”
“แม่ดูตื่นเต้นกว่าผมอีกนะ”
“แหม” คนเป็นแม่ทาบมือลงที่ข้างแก้ม “แม่ยังไม่เคยเห็นน้องเจตน์แต่งแฟนซีเลยนี่นา  ความรู้สึกเหมือนสมัยเต้นเพลงผึ้งน้อยตอนอนุบาลสองเลย”
“แม่อย่าพูดถึงมันเลย”
“เนี่ย  ว่าแล้วก็เสียดายที่วีดีโอมันพังไปหมดแล้ว”
พัง ๆ ไปได้ซะก็ดี....
เจตน์ตักผัดผักเข้าปากคำใหญ่  เคี้ยวหยับ ๆ ไม่สนใจหัวข้อนั้นอีกต่อไป  แม่ก็เป็นเสียอย่างนี้  คิดว่าลูกตัวเองน่ารักที่สุดในโลก  ก็นะ....นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่เจตน์เกิดฝันบ้า ๆ อย่างการอยากเป็นไอดอลขึ้นมาก็ได้  ที่จริงก็แอบหลงตัวเองนี่หว่า....
“ไฟลท์พ่อมาถึงเที่ยงใช่ไหมครับ”
“เห็นว่าเที่ยงยี่สิบนะ” ลูกชายจะไปความจำดีสู้แม่ได้อย่างไร “กินเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำไป๊ลูก”
“ครับ ๆ”
หลังล้างจานเรียบร้อยเจตน์ก็ไต่บันไดกลับขึ้นห้องไป  ทันทีที่เปิดประตูมือถือบนโต๊ะก็สั่นเรียก  ดูเหมือนจะเป็นข้อความไลน์เข้าล่ะมั้ง  จะเป็นใครไปได้อีกล่ะ....

PausePause* : นายว่าอันไหนดีกว่า?
บรรทัดบนสุดว่าอย่างนั้นก่อนจะตามมาด้วยรูปภาพอีกสอง
PausePause* :  แดง หรือ เหลือง?
มันคือรองเท้าผ้าใบแบรนด์ไทยที่ช่วงนี้ฮิตกัน  เจตน์เห็นเพื่อนลงรูปในไอจีแว้บ ๆ อยู่เหมือนกัน  เขากดขยายดูรูปเลื่อนไปมาแล้วพิมพ์ตอบ
Jate : ถามเป็นการเมืองเลยนะ
PausePause* :  5555555555
PausePause* :  เร็ว  เจ้าของร้านจะกินหัวแล้ว
Jate : สีไหนก็ได้
PausePause* :  ห้ามตอบงั้นดิ
พอสเสริมด้วยสติ๊กเกอร์หัวร้อน
PausePause* :  นายชอบสีไหน
Jate : ดำ
PausePause* :  เอาที่มันมีสิ!!
เจตน์หลุดขำกับเมจเสจโวยวาย  ตัวเองก็เซนส์แฟชั่นรุนแรงแท้ ๆ ยังจะมาปรึกษากันอีก
Jate : นายมีสีเหลืองเยอะแล้ว  เอาแดงแล้วกัน
PausePause* :  ว้าว  จำได้ด้วยอะ
คุณฝ่ายขายส่งสติ๊กเกอร์ปรบมือเกรียวกราวมาให้  ตอนนั้นเองที่ไอ้ซื่อบื้อรู้สึกพลาดมหันต์  เจตน์รีบรัวแป้นกลับ
Jate : แค้เหนบ่อน
Jate : *แค่
Jate : *บ่อย
   PausePause* : นิ้วเบียดเชียว 55555
   บทสนทนาถูกตัดลงตรงนั้นเมื่อเจตน์ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป  ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนเตียงโอ้เอ้ไม่ยอมไปอาบน้ำตามที่แม่สั่ง
   จู่ ๆ ก็คิดถึงความสัมพันธ์คลุมเครือระหว่างตัวเองกับพอส  เรื่องนี้วนเวียนในหัวเจตน์มาหลายสัปดาห์จนแล้วจนรอดก็ยังหาคำตอบไม่ได้  ไม่ได้คาดหวังคำตอบจากทางนั้น  เอาที่ตัวเองก่อนเนี่ยแหละ....
   เขาคิดยังไงกับพอสกันแน่นะ....
   เรื่องของตัวเองแท้ ๆ ยังไม่มีปัญญาหาคำตอบ  ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด  เขาพลิกตัวไปมาดวงตาจับจ้องไปยังมือถือที่หน้าจอดำมืด  ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาหยิบมันขึ้นมาพิมพ์ข้อความลงไป....
Jate : งานเลี้ยงออฟฟิศนายจะแต่งเป็นอะไร
เจตน์มองข้อความที่ส่งออกไป แต่ไม่มีใครอ่าน  นึกเกลียดตัวเองเหมือนกันที่ถามอะไรโง่ ๆ แบบนั้นเพียงเพื่ออยากต่อบทสนทนาออกไปอีกสักนิด  ป่านนี้พอสคงไปจ่ายเงินเดินช็อปปิ้งต่อแล้วมั้ง....
ครืด...
แรงสั่นของมือถือทำเอาเจตน์สะดุ้งเฮือก  ข้อความเข้าใหม่ฉายวาบอยู่บนนั้น....

PausePause* : ความลับ

อ่า...อย่างพอสก็คงเล่นใหญ่เล่นโตตามเคยนั่นแหละ
แม้จะยังไม่รู้ว่าชุดอะไรก็พอจะจินตนาการถึงความอลังการได้  คนอย่างพสุไม่มีคำว่า ‘แต่งเบา’ ในพจนานุกรมอยู่แล้วนี่  สารภาพว่าแอบอยากเห็นอยู่เหมือนกัน...
“เจตน์!” ไม่รู้ว่าเอาแต่เหม่อนานแค่ไหน  เจตน์รู้ตัวอีกทีแม่ก็มายืนเท้าสะเอวที่ปลายเตียง “ยังไม่อาบน้ำอีก”
“ครับ  ไปแล้ว!”
ไอ้ตัวขี้เกียจหาช่องว่างมุดออกไปได้ก่อนจะถูกแม่บ่นต่อ  คนตัวโตคว้าผ้าขนหนูขึ้นพาดบ่ายังไม่ทันจะปิดประตูห้องน้ำดีแม่ก็ตะโกนถามเรื่องเดิม ๆ
“เรื่องชุดสรุปเอาไง”
มือที่จับลูกบิดชะงักไป “ยังไม่ได้ดูเลยครับ”
“ตายจริง! อาทิตย์หน้าแล้วนะ”
ด้วยความหงุดหงิดเล็ก ๆ เจตน์จึงบอกปัดให้จบเรื่อง “งั้นแล้วแต่แม่เลย”
“.........”
“แม่ไปจองชุดให้ผมหน่อยครับ”

จะชุดซาฟารี  หมีควาย  ลายเสือดาวอะไรก็เอามาเถอะ....


……………………………………………………..


ถึงจะบอกว่าชุดอะไรก็ได้ก็เถอะ
แต่นี่มัน....

ชะ....ชุดทีเร็กซ์.....

“ไอ้เจตน์! ยังไม่เปลี่ยนชุดอีก”
พรึ่บ!
เจ้าของชื่อโยนถุงกระดาษไว้ที่เบาะหลังรถก่อนหันไปเผชิญหน้ากับรุ่นพี่ “แป๊บครับพี่วิทย์”
“อย่าบอกว่าไม่เอาชุดมานะ  ไม่ให้เข้างานแถมปรับด้วยนะโว้ย” คนอาบน้ำร้อนมาก่อนขู่ติดตลก “ไปรอข้างบนแล้วนะ”
“คะ....ครับ...”
พี่วิทย์หนุ่มเชื้อสายแขกสะบัดหางแขวนซีดีของตนขึ้นบันไดไป  งวงเหี่ยว ๆ ถูกจับพาดไว้บนบ่า ส่วนงานั้นไซร้ใส่ไว้ใต้รักแร้รอวินาทีพรีเซนท์ชิงรางวัล  ‘ใส่ไว้ก็แดกเหล้ายากสิวะ’ วิทย์กล่าวทิ้งท้าย
ช่างหัวคนอื่นมันเถอะ  ตอนนี้ไอ้เจตน์ต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน....
ขวับ!
เจตน์หันไปมองถุงใส่ชุดที่หลังรถด้วยแววตาว่างเปล่า  ช่วงชีวิตนี้มีเรื่องน่าอายเกิดขึ้นมากมายคล้ายต้องการจะทำลายสถิติท่า J.8ight ให้ได้  เวรเอ๊ย!  อยากจะประชดชีวิตด้วยการวิ่งไปโพสท่าบนเวทีมันเสียเลย
แม่นะแม่!!  เลือกมากะให้เจตน์ขายขี้หน้าหรือไง  ไม่สิ! แม่ยิ่งรสนิยมแปลกอยู่ด้วยเขานั่นแหละผิดเองที่ให้แม่จองชุดให้  ธีมสัตว์โลกแท้ ๆ แม่ยังอุตส่าห์ไปเอาสัตว์เมื่อหลายล้านปีที่แล้วมาให้  คิดแล้วปวดไปถึงก้านสมอง
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติ  สองมือตบป้าบเข้าที่แก้ม  เย็นไว้เจตน์......เย็นไว้  แม้ใจในจะอยากหนีแค่ไหน แต่เด็กใหม่ยังไม่ผ่านโปรควรจะโผล่ไปให้รุ่นพี่เห็นหน้าสักหน่อย  ถ้าแค่สักแป๊บน่าจะพอไหว
อึก....
หมาจนตรอกกลืนน้ำลายเอื๊อกขณะเอื้อมมือไปยังถุงกระดาษ  ตายเป็นตายวะ.....จะขับรถกลับบ้านหรือหาชุดใหม่ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว  สู้ใส่ไปนั่งให้มันจบ ๆ แล้วแกล้งขอตัวกลับก่อนดีกว่า  คิดได้ดังนั้นก็คว้าหูหิ้วแล้วปิดล็อกรถ  มุ่งตรงไปยังห้องน้ำฝั่งหน้าตึกที่ร้างผู้คน
ชุดผ้าร่มสีน้ำตาลถูกยัดเท้าเข้าไปทีละข้าง  เจตน์เหน็บกล่องรางถ่านเอาไว้ที่ข้างเอวตามคู่มือที่แนบมา เพราะพื้นที่ในห้องน้ำมีจำกัดการสวมชุดจึงเป็นไปอย่างทุลักทุเล  คนตัวสูงค่อย ๆ ย่อลงไปหยิบซิปบนพื้น
ฟืด...
ภาพไดโนเสาร์เหี่ยวย่นปรากฏขึ้นบนกระจก  เจตน์คลำหาสวิทช์เป่าลมได้สำเร็จ และเมื่อพัดลมด้านในทำงานหัวฟีบแบนก็ค่อย ๆ ขึ้นรูป  ในที่สุดก็ได้เจ้าทีเร็กซ์อันสมบูรณ์แบบ  แท้~แดน

แท้แดนบ้าอะไรล่ะ!!!  ใครมันจะไปกล้าใส่ชุดนี้โว้ย!!!
สารร่างน่าหัวร่อแบบนี้ขืนเดินเข้าไปได้กลายเป็นจุดเด่นในงานแน่  เจตน์กุมขมับหวังจะบีบสมองตัวเองให้ระเบิด  มองผ่านตาข่ายตรงบริเวณหน้าออกไปก็เห็นตัวเองในกระจกเงาชัดเจน  เขาเหยียดแขนเท้าลงบนอ่างล้างหน้าเล่นเอ็มวีดราม่าน้ำตานอง
“ขอโทษนะครับขอใช้ห้อง----”

ผ่าง!!


   ทันทีที่หันขวับไปยังประตูเจตน์ก็ต้องอ้าปากค้าง เพราะตรงนั้นมีภาพสะท้อนทั้งที่ไม่ได้ใช้กระจก  นะ....นั่นมัน...

   ...ทีเร็กซ์ตัวที่สอง....

   สถานการณ์ประหลาดนี่มันอะไรกัน  ไดโนเสาร์สองตัวประจันหน้ากันในห้องน้ำ  ทุกสรรพสิ่งหยุดเคลื่อนไหวมีเพียงเสียงเครื่องเป่าลมทำงานเท่านั้น  น้องใหม่อ้าปากพะงาบ ๆ ลังเลว่าควรจะทักทายว่า ‘กรรรรร’ หรือ ‘สวัสดีครับ’ ตามปกติดี เพราะยังเลือกไม่ได้สักทีทีเร็กซ์ปริศนาก็ชิงยกมือสั้นกุดขึ้นมาชี้หน้า...
   “เจตน์”
   “...........”
   “เจตน์ใช่ไหม”

   เดี๋ยวนะ....เสียงนี่มัน....
   “พอส?”
   ทีเร็กซ์หน้าประตูผงกหัวลง “ไหนบอกว่าจะแต่งเบา ๆ ไง  ชนกันแบบนี้ฉันลำบากนะ”
   ใครกันแน่ที่ลำบาก!!
   เจตน์ยกมือสั้นกุดจะกุมขมับ และพบว่าทำไม่ได้ “ฉันจะถอดชุด”
   “เฮ้ย! ล้อเล่นน่า  ชนก็ไม่เห็นเป็นไรเลย”
   เป็นสิ!!  หากใช้พอสเป็นหลอดวัดความแรงของคอสตูมแล้ว  นี่จัดได้ว่าเขาแต่งระดับเดียวกับตัวท็อปของบริษัท  แบบนี้ไม่โดนเพ่งเล็งตายเหรอ  แถมยังหาโอกาสหนีกลับบ้านได้ยากยิ่ง...
   ผลุบ!
   พอสมุดตัวเข้ามาในห้องน้ำ  หัวทีเร็กซ์บดบี้เข้ากับวงกบประตูเล็กน้อย  คุณฝ่ายขายเดินอุ้ยอ้ายเข้ามาใกล้จนเจตน์เห็นใบหน้าหลังตาข่ายขัดเจนขึ้น
   “ว้าว~ เจตน์จริง ๆ ด้วย”
   “บอกไว้ก่อนเลยนะว่าแม่จองไอ้ชุดนี่ให้” ทีเร็กซ์หนึ่งถอนหายใจ “ฉันไม่ได้เลือกเอง”
   “แม่นายกับฉันนี่น่าจะไปด้วยกันได้นะ” ทีเร็กซ์สองดึงถุงมือผ้าร่มออกก่อนจะเปิดก๊อกน้ำ  ที่แท้ก็มาเพื่อล้างมือนี่เอง “ฉันอุตส่าห์คิดหัวแทบแตกว่าแต่งเป็นสัตว์อะไรไม่ให้ซ้ำ  นี่ชนโครมตั้งแต่ยังไม่เข้างานเลยแฮะ”
   “เงียบนะ”
   พอสเช็ดมือกับชุดแล้วเอื้อมไปหยิบถุงมือมาใส่ดังเดิม “แล้วยังไม่เข้าไปอีกเหรอ”
   “ยังทำใจไม่ได้”
   “ฮ่า ๆ ๆ ๆ” สีหน้าบ้าคลั่งของหัวทีเร็กซ์ช่างเข้ากันได้ดีกับเสียงหัวเราะไร้สติของพอส “ไม่เห็นเป็นไร  ใครเขาก็แต่งแฟนซีกัน”
   “แต่ไม่มีใครบ้าจี้จัดเต็มขนาดนี้ไง!” อ๊ะ! เถียงไปก็เพิ่งนึกได้ “ฉันไม่ได้ว่านายนะ”
   “โดนเข้าเต็ม ๆ เลยไม่ใช่เรอะ” แม้แขนจะสั้นกุดทีเร็กซ์สองก็ยังอุตส่าห์สับสันมือเข้ามาที่กลางอกไอ้เจตน์ได้ “โธ่ พ่อคนขี้อายเอ๊ย”
   “ใครจะไปเหมือนนายกัน”
   “เอาแบบนี้สิ” ตุบ! พอสตบลงบนเคาน์เตอร์ล้างหน้า “เราก็เข้าไปพร้อมกันไง  ทำเหมือนนัดกันใส่มา”
   “มันช่วยแก้ปัญหาได้ตรงไหนกัน”
   “ไปด้วยกันจะได้ไม่ต้องเขินไง”
   “........”
   “เนอะ”

   พูดจบก็ยื่นมือสองกลีบเล็บมาให้  เจตน์ก้มมองมันอย่างชั่งใจ  พูดตามตรงว่าไม่อยากเข้าไปในงานเลยสักนิด แต่พอมีมือของพอสยื่นมาตรงหน้ากลับอุ่นใจอย่างประหลาด...
   หมับ
   มือทีเร็กซ์กอบกุมกันอย่างแนบแน่น  แม้แขนจะสั้นทำให้การเดินลำบาก แต่พอสก็ไม่ยอมปล่อยมือจากอีกฝ่าย  ไดโนเสาร์น้อยทั้งสองพากันจูงมือออกจากห้องน้ำ---

กึก!!
   หัวทีเร็กซ์หนึ่งติดคาอยู่ตรงวงกบประตูคล้ายภาพในหนังจูราสสิค พาร์ค  ไอ้เจตน์ต่อสู้ด้วยการดันตัวไปด้านหน้าทว่าชุดพองลมก็ดีดกลับเข้าไปอยู่ดี  ภาพที่เห็นคงโง่บรมจนพสุทนกลั้นหัวเราะไม่ไหว
   “ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
   “อย่ามัวแต่ขำสิ!”
   “ลืมบอกเลยว่าให้ระวังหัวด้วย” พอสพลิกตัวอย่างยากลำบากแล้วดึงแขนสั้นกุดของอีกฝ่ายลง “ค่อย ๆ ย่อลงนะ”
   เจตน์ทำตามที่ฝ่ายนั้นบอก  แม้ท่าทางจะทุลักทุเลไปบ้างเพราะส่วนสูง แต่ก็สามารถงัดหัวดีดผึงออกมาพ้นประตูได้อย่างสวยงาม และกรรมวิธีทั้งหมดกระทำโดยยังเกาะกุมมือกันอยู่เหมือนเด็กอนุบาล
   เด็กใหม่คิดว่ามันน่าอายนิดหน่อย แต่ก็รู้สึกดีจนไม่อยากปล่อยมือ  แถวนี้ยังไม่มีคนคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง  คิดได้ดังนั้นก็ปล่อยให้ทีเร็กซ์อุ้ยอ้ายทั้งสองเดินจูงมือไปตามทาง
   “ว่าไป....วันนี้จะได้เห็นเจย์เอดท์ไหมน้า~”
   “กะ...เกี่ยวอะไรกับเจย์เอดท์ล่ะ”
   “งานเลี้ยงก็ต้องมีร้องเพลงสิ” พอสแกว่งมือเล่นเหมือนแกล้งคนตัวสูง “แค่คิดว่าจะได้ยินเสียงเจย์เอดท์อีกก็ตื่นเต้นไม่ไหวแล้ว”
   “ไม่รู้สิ....”
   “ทุ้มแบบติดแหบนิด ๆ ทะลุเข้ามากลางใจ” แค่พูดคุณพสุก็ใจเต้นแรงแล้ว “แล้วก็ออร่าวิบวับรอบตัวที่เหมือนจะเรืองแสงได้”
   “ไม่ใช่เจย์เอดท์”
   เจ้าของสเตจเนมสุดแพรวพราวงึมงำอยู่หลังผืนตาข่าย

“เจตน์ต่างหาก....”

“อ้าว! ไดโนเสาร์ที่ไหนเนี่ย”
หุ่นสูบลมทั้งสองสะดุ้งโหยงผละออกจากกันในบัดดล  เจตน์หันกลับไปมองยังต้นเสียงก็พบว่าผู้มาเยือนนั่นคือ....
“พี่ติณ?”
ทางนั้นขมวดคิ้วก่อนจะเบิกตาอ้าปากค้าง “เจตน์เหรอ?”
“คะ....ครับ”
“โห....เปิดตัวแรงนะเรา”
เออ  ก็พอรู้ตัวอยู่....
“พี่ติณเองก็.....” น้องใหม่มองรุ่นพี่หัวจรดเท้า “ตัวอะไรน่ะครับ”
ชุดหนังแวววาวรัดรูปสีเงินส่องประกายระยิบระยับ  ติณยกหมวกฮู้ดขึ้นมาสวมเฉลยให้รุ่นน้องดู  บนนั้นมีลูกตาพร้อมลิ้นสองแฉกตรงกลาง “ตัวเงินตัวทองไง”
“อ้อ....”
ยังจะมีหน้ามาว่าคนอื่นแต่งแรงอีกเรอะ.......
“ตัวนี้เจตน์  แล้วอีกตัวคือ....” ติณเพ่งเข้าไปในตาข่ายก่อนจะผงะเมื่อพบว่าเป็นรุ่นน้องในแผนกตัวเอง “ไอ้พอสเหรอ”
“ครับพี่”
“โอ้~” คนอายุมากกว่าลูบคาง “แต่งเป็นคู่เลยเนอะ”
“............”
“เออ!! ลืมเลย  พี่ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะเว้ย”
ทิ้งระเบิดลงหัวตู้มใหญ่เสร็จไอ้ตัวต้นเหตุก็วิ่งแท่ด ๆ จากไป  เจตน์นึกขอบคุณที่ชุดบ้านี่มีตาข่ายบังไว้ชั้นหนึ่ง เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองมีสีหน้าแบบไหนอยู่....
“เราก็....” พสุหันมาพูดกับเจตน์ “เข้างานกันปะ”
“อืม”
ครั้งนี้ไม่มีมือที่เกาะเกี่ยวกันอีกแล้ว เพราะไอ้พี่ติณดันพูดแบบนั้นขึ้นมาเขาเลยสงบจิตใจไม่ได้เลย
ถึงจะไม่ได้ตั้งใจใส่มาคู่กันก็จริง แต่พอคนนอกทักก็อดรู้สึกแปลก ๆ ไม่ได้  แม้พอสจะไม่ได้คิดอะไรแต่คนด้านหลังนั้นว้าวุ่นเมื่อนึกถึงคำถามที่ยังค้างคาใจ
และตอนนี้คนโง่อย่างเจตน์ก็ทำได้แค่เพียงจ้องหางที่ปัดป่ายไปมาเท่านั้น

.............................................................

ออฟไลน์ Indigo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1030/-7

สถานที่จัดงานยิ่งใหญ่สมคำร่ำลือ  ร้านอาหารกึ่งลานเบียร์ถูกเนรมิตเป็นสวนสัตว์  มีหญ้าปลอมเขียวชอุ่มมัดเป็นกำเสียบไว้ตามกระถาง  ไม่เว้นแม้แต่หน้าเวทีที่มีหญ้าเทียมคลุมโดยรอบ  บนนั้นมีวงดนตรีกำลังเล่นเพลงยอดนิยมของร้านเหล้าอยู่  เสียงดีเลยทีเดียว
ทางเข้างานมีซุ้มแบ็กดร็อปเป็นรูปกรงขัง  สำหรับคนชอบผาดโผนก็สามารถใช้แข้งขาเกี่ยวพันแล้วจิกตาด้วยจิตวิญญาณ The Pussycat Dolls ได้  เอาแบบปานกลางก็เกาะกรงคำราม หรือขี้อายหน่อยก็ยืนถ่ายบัตรประชาชนไปเลย
“เอ้า! คำรามครับ!” ตากล้องตะโกนสั่ง
“กรรรรรรรรรร!!”

เจตน์ได้ยินเสียงตะโกนดังมาไม่ขาดสาย  พนักงานที่นี่อินเนอร์รุนแรงกันทุกคนเชียว แต่จะไปว่าคนอื่นก็ไม่ได้  ชายหนุ่มก้มมองรูปถ่ายโพลารอยด์ในมือตนเอง  ทีเร็กซ์สองตัวทำหน้าบ้าคลั่งรื่นเริงอยู่หน้ากรงขัง  แม้จะไม่เห็นใบหน้าคนใส่ แต่เสียงคำราม ‘กรรรรรรร!!’ ของพอสยังติดอยู่ในหู  คนอะไรบ้าพลังชะมัด
“รูปสวยกว่าของพี่อีกว่ะ” พี่เบสที่นั่งอยู่ด้านข้างโผล่หน้ามาวิจารณ์ก่อนจะล้วงของตัวเองขึ้นมาบ้าง “แม่งถ่ายตอนหลับตา  พอบอกว่าจะเอาใหม่ก็ไม่ยอม”
“เขาคงเอาฟิลม์มาน้อยมั้งครับ”
“ไม่เห็นหน้าแบบแกก็ดีนะ” รุ่นพี่ว่าพลางถลกผ้าขาวม้าที่ร่วงบนพื้นขึ้นพันเอวใหม่ “วะ!! หลุดอยู่ได้รำคาญ”
   พี่เบสแต่งตัวเป็นควาญช้าง  สวมม่อฮ่อมพันผ้าขาวม้าสีแดงไว้ที่เอวพร้อมงอบบนหัว  เล่นง่าย เน้นการจูงช้างอย่างพี่วิทย์สร้างความสนใจ  ในแง่ไอเดียเอาไปเก้าเต็มสิบ  ในแง่ขี้เกียจเอาไปร้อยเต็มสิบ
   บนโต๊ะแผนกประสานงานคลาคล่ำไปด้วยสาว ๆ กลุ่มใหญ่  พี่ข้าวในชุดนางพญางูขาวนั่งอยู่ฝั่งติดเวที  ถัดมาก็บันนี่  แมวกวักจากญี่ปุ่น แล้วก็แก๊งที่พรีออเดอร์ชุดนอนสัตว์จากเว็บเกาหลีมาใส่ทั้งกลุ่ม  มีทั้งเสือ  ยีราฟ  เพนกวิน ลามไปถึงยูนิคอร์น  รู้ได้ยังไงน่ะเหรอ.....ไอ้คนกดเว็บให้ก็นั่งหัวโด่อยู่นี่ไง
   เจตน์รูดซิปลงมาถึงใต้อกเพื่อโผล่หัวออกมากินอาหาร  หัวทีเร็กซ์เหี่ยว ๆ จึงกองอยู่ด้านหลังเป็นที่รำคาญนัก  ดีที่ชุดผ้าร่มนี่มีพัดลมข้างในเลยพอบรรเทาความหงุดหงิดไปได้บ้าง
   อาหารบุฟเฟต์จัดเต็มไม่มีหวงมีกั๊กอย่างพวกรุ่นพี่กล่าวอ้าง  มีตั้งแต่บาร์บีคิวยาวไปถึงอาหารทะเล เสียแต่ต้องรอคิวย่างนานจนต้องยอมตักอาหารอย่างอื่นมากินไปพลางก่อน  ตรงหน้าเจตน์ตอนนี้มีปลากะพงทอดน้ำปลาและต้มยำกุ้ง  ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่พอยาไส้เพราะพี่คนอื่นจะตักมาเผื่อแบบไม่ต้องลุยเอง
   เหล่าพนักงานร่วมร้อยชีวิตจับกลุ่มนั่งกันตามแผนก  เด็กใหม่อย่างเจตน์คุ้นหน้าคุ้นตาคนนอกไม่ถึงสามสิบคนด้วยซ้ำไป  กระนั้นก็ยังมีคนแอบมาด้อม ๆ มอง ๆ ไอ้ชุดไดโนเสาร์นี่ไม่ขาดสาย  ขอร้องล่ะ....อย่ายุ่งกับเจตน์เลย  มองทีเร็กซ์สองดีกว่า.....
   พอสนั่งถัดจากเขาไปสามโต๊ะ  สภาพปลดซิปโซ้ยอาหารไม่ต่างกัน เพียงแต่ทางนั้นกระดกเบียร์ไม่หยุดสมแล้วที่เคลมว่าคอทองแดง  กระแทกแก้วเสร็จก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากกับพี่สาวข้าง ๆ
   อา....น่าระ----

   พรึ่บ!
ไฟดวงเล็กรอบ ๆ ลานดับวูบกะทันหันทำเอาเจตน์หลุดจากภวังค์  เกิดอะไรขึ้นวะ!  ขณะลังเลว่าควรจะวิ่งหรือหลบใต้โต๊ะดีพี่ ๆ รอบข้างก็ปรบมือเกรียวกราวราวกับรอเวลานี้มานาน  เจตน์หันกลับไปยังเวทีก็พบว่าวงดนตรีเมื่อครู่ได้หายไปแล้ว แต่กลับมีพี่สาวแผนกประชาสัมพันธ์ในชุดซาฟารีขึ้นไปแทน
“สวัสดีค่า!” เจตน์ทึ่งนิด ๆ ที่หล่อนมีน้ำเสียงแบบพริตตี้ตามมาตรฐานเด๊ะ “ปีนี้พบกันอีกแล้วกับแซนดี้นะคะ”
“วู้ววววววว!!”
“แน่นอนว่าช่วงเวลาที่พวกเรารอคอยก็มาถึง” หล่อนเงี่ยหูฟัง “อะไรนะคะ  แจกรถ?  บอสคะพี่กล้วยพูดนะคะแซนไม่เกี่ยว”
คนด้านล่างหัวเราะชอบใจกันใหญ่  สาวสวยจึงก้มหัวรับคำขอบคุณ “ช่วงแจกของเอาไว้เป็นหลังสี่ทุ่มนะคะ แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาเล่นเกมที่ทุกคนรอคอยกันอยู่ค่ะ  ติ๊กต่อก ๆ อะไรน้า?”
“ร้องเพลง!!” คนด้านล่างตะโกนเรียกให้สาวสวยปรบมือ
“ถูกต้องค่ะ!” หล่อนดีดนิ้ว “และนี่....คือช่วงเวลาของ....คาราโอเกะเวิลด์ไวดดดดด์”
   เย้!~~~
   คนรอบตัวเฮกันลั่นจนไอ้เจตน์ต้องหันไปมองเลิ่กลั่ก  กับแค่ร้องเพลงมันจะต้องอะไรขนาดนั้น
   “กติกาของเราก็เหมือนเช่นทุกปีนะคะ  แซนดี้จะสุ่มผู้โชคดีรายแรกขึ้นมาก่อน  หลังร้องจบต้องเลือกเพลงให้คนถัดไปมาร้องต่อ แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นคนละแผนกกันเท่านั้นนะคะ  อยากฟังเสียงใครเตรียมตัวกันไว้ให้พร้อม”
   อ้อ....ที่แท้ก็กิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ในองค์กรนี่เอง  เจตน์คิดกับตัวเองในใจขณะยกแก้วเป๊บซี่ขึ้นดื่ม เพราะพนักงานมีจำนวนมากรู้จักกันไม่ทั่วถึง  คงต้องการกระตุ้นให้รู้จักคนใหม่ ๆ  อย่างน้อยก็จำได้ว่า ‘อ๋อ ไอ้นี่ไงที่ร้องเพลงนั้นตอนงานปีใหม่’
   “มาเริ่มที่คนแรกกันดีกว่า  อันนี้แซนดี้ไม่ได้กลั่นแกล้งนะคะ แต่ว่าบอสแอบกระซิบรีเควสมาเมื่อกี้” หล่อนผายมือลงไปด้านล่าง “เชิญพี่กล้วยการตลาดเลยค่า!!”
   ชาวประชาเวิลด์ไวด์เซลหัวเราะชอบใจตบโต๊ะกันใหญ่เมื่อไอ้คนปากดีขอรถบอสโดนเรียกขึ้นไปเป็นคนแรก  ชายชื่อกล้วยในชุดเครื่องหัวไบซันเกาเขาแกร่ก ๆ แก้เขิน
   “บอสคร้าบ~  เมื่อกี้ผมพูดเล่นนะครับ”
   “ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
   เพราะถูกเรียกออกมาเป็นคนแรกแซนดี้เลยเป็นฝ่ายเลือกเพลง  แน่นอนว่าพี่เบิร์ดต้องเปิดฟลอร์ให้กับทุกคน Loving you too much so much very much กันไปเลย
   หลังจากนั้นไมค์ก็เวียนโยนไปมาตามแผนกต่าง ๆ  พี่ครีมฝ่ายประสานงาน  กล้าหาญคลังสินค้า  ฟ้าใสบัญชี  ปีใหม่ประชาสัมพันธ์  แล้ววนกลับมาที่พี่ชมพู่โต๊ะเดียวกับเจตน์อีกครั้ง
   เด็กใหม่ไม่ได้สนใจเกมบนเวทีอีกต่อไป เพราะอาหารทะเลกับบาร์บีคิวที่สั่งไว้มาเสิร์ฟถึงโต๊ะพอดี  เจตน์จ้วงทุกอย่างใส่ปากอย่างหิวโหย  เมนูก่อนหน้านี้ไม่พอยาไส้เลยสักนิด
   เขาตัดขาดจากโลกภายนอกในวินาทีนั้น  ทั้งที่โต๊ะอยู่ใกล้เวทีแท้ ๆ แต่โสตประสาทไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าเปิดเพลงอะไร  เกมดำเนินอยู่นานจนกระทั่งมาถึงเพลง Taki Taki ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าดำน้ำขนาดไหน  เพื่อนที่เลือกเพลงให้ช่างใจทมิฬหินชาติ
   “เพลงต่อไปอะไรดีคะน้องบัว”
   “ตะวันยังมีให้เห็นค่ะ” หล่อนอยู่ฝ่ายการตลาด  เป็นคนที่เจตน์เคยดีลงานด้วยบ่อย ๆ “บัวส่งเพลงให้......”
   “ใครดีคะ”
“พอสฝ่ายขายค่ะ”

   กึก

   ส้อมในมือหยุดชะงักกลางอากาศ  เจตน์อ้าปากค้างขณะหันไปมองโต๊ะถัดไป  พสุลุกขึ้นยืนทั้งที่ชุดเหี่ยวย่นพร้อมกับสบถ “ไอ้บัวมึงเล่นกูเหรอ!”
“ฮ่า ๆ ๆ”
“เชิญน้องพอสขึ้นมาเลยค่า!”
คนที่โต๊ะปรบมือชอบใจกันใหญ่จนคนถูกเลือกออกอาการเขิน  พอสบ่นงึมงำว่า ‘พอเลยพี่’
เจตน์มองตามร่างทีเร็กซ์ที่เดินสะบัดไปมา  พอยืนขึ้นแล้วชุดค่อยขึ้นรูปสวยงามหน่อย  พอสรับไมค์ต่อจากเพื่อนบนเวที  แอบเห็นว่าแยกเขี้ยวขู่ด้วย เล่นกันเป็นเด็กเลยแฮะ....
“มาค่ะน้องพอส  ยืนตรงกลางเลย” แซนดี้จัดตำแหน่งให้รุ่นน้อง “เพลงต่อไปตะวันยังมีให้เห็นจากน้องพอสฝ่ายขายค่า!”
ดนตรีบรรเลงอินโทรขึ้นมา  จังหวะช้าเนิบนาบชวนเหงาใจราวกับบรรยากาศของดวงอาทิตย์ตกดิน  พอสยืนอยู่กลางแสงไฟ  ยกไมค์ขึ้นมาตรงริมฝีปาก  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเปล่งเสียงร้องท่อนแรกของเพลง....

ภายในใจวนเวียนเฝ้าคิดถึงเพียงเธอ  หลับตายังคงเจอเธอ เหมือนเดิมเสมอทุกวัน….


นี่มัน...

เสียง...เหี้ย...มาก.....

แต่วันนี้ ฉันรั้งตัวเธอต่อไปไม่หวายยยยยย  เมื่อเธอกับฉันต้องเดินแยกทางกันปายยยยย  ไม่มี...เธอแล้วจะอยู่อย่างร้ายยยยยย~~~

“ใครก็ได้หยุดไอ้พอสที!!”
“บัว  มึงกำลังฆ่าทุกคน!!”
“หนูขอโทษค่ะพี่”

รู้เพียง ตะวันยังมีให้เห็นนนนนนนนนนนนนนน  ไกลลลไกลลลลลลลล~~~~

อย่าว่าแต่เสียงที่หลบ  ทุกคนก็อยากจะหลบด้วย  โหยหวนลำโพงแตกระดับจ่าขี้เมาตามร้านเหล้ายังต้องมาดูงานที่นี่  เจตน์เหมือนถูกคลื่นโซนาร์ทะลวงรูหูไปกลับซ้ายขวาตลอดเวลา  ไอ้เพลงนี่ก็ขยันขึ้นเสียงสูงจริงวะ!

ทุกอย่าง....นั้นยังมีแปรเปลี่ยนไป แต่ฉันจะมีแค่เธอในใจ มีแต่เธอในใจ เหมือนดวงตะวานนน

ในที่สุดท่อนจบที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง  เหล่าผู้รอดชีวิตพากันสรรเสริญปรบมือให้ทั้งพอสและตนเอง  เหล่ามนุษย์ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าเหตุใดนางยักษ์ถึงตายได้ด้วยเสียงปี่ของพระอภัยมณี
“เอ่อ...” แซนดี้ที่อยู่ใกล้ลำโพงเหมือนจะโดนโจมตีหนักกว่าชาวบ้านจนถึงกับเบลอไปชั่วขณะ “สะ...สุดยอดเลยค่ะ  ขอเสียงปรบมือให้น้องพอสด้วยนะคะ”
พสุโค้งรับเสียงบอกรักจากมิตรรักแฟนเพลงทั่วสารทิศ  ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ปีหน้ามันต้องถูกหมายหัวไม่ให้จับไมค์อย่างแน่นอน  ไอ้หนุ่มเสียงหลงเก้าทายทอยแกร่ก ๆ แก้เขิน  สะบัดหางไปมา “ขอบคุณครับ”
“น้องพอสเลือกเพลงต่อไปเลยจ้ะ”
“เอ่อ....” ทีเร็กซ์หนุ่มขมวดคิ้ว “เอาเป็นเพลงจะทำยังไงของบอยโกฯ แล้วกันครับ”
เจตน์ใจกระตุก  นั่นมันเพลงที่เขาเคยร้องลงยูทูบนี่นา....
“ส่งต่อให้ใครดีคะ”

น่าแปลกที่ครั้งนี้เจตน์ยืดแผ่นหลังตั้งตรงราวกับรอคอยบางอย่าง....
ความเจ็บปวดในอดีตทั้งหมดถูกปัดออกจากหัว  อาจเพราะเวลาที่ผ่านมาพอสคอยบอกเสมอว่าเสียงของเจตน์ยอดเยี่ยมที่สุด  ต้นไม้ตายซากที่เรียกว่าความมั่นใจพลันแตกหน่อเล็ก ๆ ออกมา
ถ้าเป็นตอนนี้ล่ะก็เขาคิดว่าสามารถร้องได้  ไม่สิ! ‘ต้อง’ ร้องได้
อยากจะเปล่งเสียงที่พอสชอบให้ฟัง....

“ส่งให้ฝ่ายประสานงาน”

ดวงตาทั้งสองสบประสานกัน  ประกายบางอย่างแล่นวาบเข้ามาในอกเจตน์  พอสนิ่งค้างไปชั่วขณะก่อนจะหลบตาวูบ....

   “พี่ข้าวแล้วกันครับ”

   เอ๊ะ....
   ขณะที่สับสนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามก็ถูกเลื่อนออก “พอส! คอยดูนะ!”
   “หัวหน้าลุยเลยครับ!”
   “พี่ข้าวเป็นความหวังของแผนกนะคะ”
   คนบนโต๊ะหัวเราะปรบมือชอบใจ ทว่าเสียงเหล่านั้นไม่ได้เข้าหูเจตน์เลยสักนิด  ดวงตายังคงมองค้างไปยังเวที  พอสยืนอยู่ตรงนั้นขี้เล่นซุกซนเหมือนอย่างเคย
   แต่ไม่ได้มองมาที่เจตน์อีกแล้ว....

   อกซ้ายปวดวาบขึ้นมา  ตอนนั้นเองที่เจตน์ได้พบคำตอบที่ค้นหาอยู่...
   อยากเห็นหน้า
   อยากสัมผัส
   อยากได้ยินเสียง
อยากเห็นรอยยิ้ม

จะเป็นความรู้สึกอื่นไปได้ยังไงเล่า....
ดวงตาเรียวเหลือบมองไปยังโต๊ะฝ่ายขาย  พอสยังคงยิ้มยังคงหัวเราะกับทุกคนเหมือนเคย แต่ความรู้สึกของเจตน์ไม่อาจกลับเป็นเหมือนเดิมได้แล้ว....

ฉันจะมองหน้าเธอยังไง ให้ใจข้างในปิดไว้ไม่ต้องเปิดเผยอะไร ๆ ที่มีให้เธอรู้
ฉันจะพูดคุยยังไง ที่จะไม่ทำให้ใจของเธอนั้นพบว่าฉันแอบรักอยู่


บทเพลงที่บรรเลงทิ่มแทงลงมาในใจ....

กลัวจะทำให้เธอลำบากถ้าหากว่าเธอได้รู้
และฉันนั้นควรจะทำยังไง ถ้าหัวใจของฉันมันหยุดไม่อยู่


ในวินาทีที่รู้ว่าตกหลุมรักก็อกหักไปเสียแล้ว....
   การที่ ‘เจตน์’ ไม่ได้ถูกเลือกให้ร้องเพลง  พอคิดย้อนไปแล้วมันไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลย  ก็ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน...

‘เจย์เอดท์จริง ๆ ด้วย!!’
‘   ‘ลูกค้าน่ะไม่เอาด้วยหรอก แต่ถ้าเป็นเจย์เอดท์ล่ะก็ไม่แน่’
‘ก็บอกแล้วว่าชอบเจย์เอดท์’
‘ยังรอคลิปใหม่อยู่นะเจย์เอดท์’


สาเหตุที่พอสจะเป็นจะตายเพียงเพราะคลิปถูกล็อกนั่นน่ะ....

   ‘ว่าไป....วันนี้จะได้เห็นเจย์เอดท์ไหมน้า~’

   เพราะว่าคนนั้นคือ ‘เจย์เอดท์’ ไม่ใช่ ‘เจตน์’ ยังไงล่ะ...
   ต่อให้ฝ่ายนั้นดีกับเขามากแค่ไหนก็เป็นความรู้สึกคนละแบบที่มีให้เจย์เอดท์อยู่ดี  แม้จะเป็นเสียงเดียวกัน  แม้จะหน้าตาเหมือนกัน แต่ภายใต้เปลือกนั้นเขาไม่มีอะไรที่พอสชอบเลยสักอย่าง
   ทั้งจืดชืด  น่าเบื่อ  แบกซากปรักหักพังของชีวิตที่ล้มเหลวไว้บนหลัง  คนไร้เสน่ห์แบบนั้นน่ะ...

จะเอาชนะได้ยังไง
ก็เขาไม่ใช่เจย์เอดท์นี่นา


TBC

จู่ ๆ ก็ดราม่าเลยนะคะ  ว้ายยยยยยยย
มาแบบกรุบ ๆ วัยรุ่นร้อนแรงค่ะ
หรือตอนหน้าน้องเจตน์อาจจะแก้ปัญหาด้วยการแยกเงาพันร่างไปเลย 55555555
ต้องรอติดตามค่ะ!!!

ป.ล.สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังด้วยนะคะทุกคน  ขอฝากตัวกันไปอีกปีจ้ะ  รักกกกกกกส์ //กอดๆๆ
ป.ล.อัพตอนพิเศษอาแสงเมื่อวันคริสต์มาสไปนะคะ  ใครยังไม่ได้อ่านไปตำกันได้จ้า  ส่วนนังหลงเขียนไม่ทันปีใหม่  ขอยาดยกยอดเป็นเทศกาลต่อไปนะคะ //กราบคุณอโณ

ออฟไลน์ jomyingg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เจตน์กับเจเอดท์ก็คนเดียวกันน้า ไม่เศร้านะ อุแงงง  :กอด1:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
กรึ๊บเหล้าซัก 2 แก้วละไปแย่งไมค์มาร้องเพลงเองเลยเจตน์  :z2:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
งูย...ผิดหวังเลยเจตน์  :hao5:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ขี้อายจนไม่น่าเชื่อว่าเคยสู้ไปเป็นเทรนนี่เลย

ออฟไลน์ brapair

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ครึ่งแรกที่มีไดโนเสาร์สองตัวคุยกันนี่คือเราฮาขรี้แตกเลยนะคะ คือแบบ ขำก๊ากออกมาเลย
แต่พอมาพาร์ทหลังน้องเจตน์ของหม่ะม้าดึงดราม่าเฉยเลยรูกกกกก
นี่เดาว่านุ้งพอสไม่อยากให้เจตน์รู้สึกอึดอัดด้วยการไปร้องต่อหน้าหลายๆคนเลยไม่เรียก
ปล.หรือไม่น้องก็แค่หวง 5555555

ออฟไลน์ Indigo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1030/-7
Track #06: ⏩ Forward Sentiments


JAN 01
PausePause* : Happy New Year :D
Jate : สวัสดีปีใหม่
PausePause* : หวา
PausePause* : ฟังดูแก่จัง 5555555
PausePause* : มีความสุขมาก ๆ นะ
Jate : เช่นกัน

JAN 02
PausePause* : วันนี้ไปเที่ยวไหนนนนน
Jate : กับครอบครัว
PausePause* : เที่ยวให้สนุกนะ :)
PausePause* : แล้วพรุ่งนี้อะ
PausePause* : ว่างไหม
Jate : ไม่แน่ใจ
PausePause* : ถ้าว่างไปสยามกันไหม

JAN 03
PausePause* : ว่างป่าววววววว
PausePause* : ไปเที่ยวกันนนนน!!
Jate : ไม่ว่างอะ  พี่ชายมา
PausePause* : TT TT
PausePause* : ไว้เสาร์-อาทิตย์หน้าก็ได้เนอะ
PausePause* : อยากไปลองเข้าไอ้ที่หนี ๆ เอาตัวรอดอะ
PausePause* : จะรอดไหมวะ 5555555

“เจตน์” แม่ตะโกนเรียกจากโซฟาหน้าบ้าน “ยังไม่ออกมาส่งพี่จักรอีก”
“ครับ  ไปเดี๋ยวนี้แหละ”
เจ้าของชื่อโยนมือถือลงบนโต๊ะโดยไม่ได้พิมพ์ข้อความตอบกลับ  เจตน์เดินโซเซไปยังหน้าบ้านตรงนั้นมีรถสีดำเงาวับเปิดกระจกรออยู่  ใช่แล้ว....เขาโกหก พี่ชายไม่ได้มา แต่กำลังจะกลับต่างหาก
“เจตน์ดูแลแม่ดี ๆ นะ”
“ไม่ต้องฝากก็ได้ปะ”
“ไอ้เวร” จักรตบพวงมาลัย  พอหันไปเจอแม่เตรียมดุเรื่องพูดหยาบเลยชิงพูดเปลี่ยนหัวข้อก่อน “ไว้คราวหน้าไปทะเลกัน  ปีใหม่คนเยอะอยู่บ้านดีแล้ว”
ถูกต้อง....เจตน์โกหกอีกแล้ว  เขาไม่ได้ไปไหนเลย....
แม่ยื่นกล่องใส่อาหารให้จักรก่อนจะเปิดประเด็นโยนหินถามเข้าไปกลางวง “น้องเจตน์จะอยากไปกับเราเหรอ”
“โห แม่” พี่ชายบุ้ยปาก “อย่างไอ้เจตน์น่ะว่างตลอดแหละ”
“จักรไม่รู้อะไร  เดี๋ยวนี้น้องมันแอบเล่นมือถือ  คุยกับใครไม่รู้หัวเราะคิกคัก”
“แม่อย่าแต่งเรื่องได้ไหม”
“แม่พูดจริง” หล่อนยกมือสาบาน “พอจักรมาเลยทำเป็นไม่จับมือถือนี่ไง”
“ว้าว” คนในรถตาโต “ไอ้นี่มันร้าย”
“พอเลย!” เจตน์แทบล้วงมือเข้าไปกดปิดกระจกให้ “ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ”
คนเป็นแม่เอามือป้องปาก  ขยับงุบงิบให้ลูกชายคนโตฟังว่า ‘ปากแข็ง’
จะพูดยังไงก็เชิญเถอะ...
เจตน์เหนื่อยจะเถียงแม่ลูกคู่นี้แล้ว  พอกอดอกทำหน้านิ่งทางนั้นคงรู้ตัวว่าไม่เล่นด้วยถึงได้เฉไฉไปเรื่องอื่น  แม่คุยเล่นกับพี่จักรต่อราวห้านาทีก่อนฝ่ายนั้นจะออกรถไปรับภรรยาที่สนามบิน  ปีใหม่ใครก็กลับบ้านกันทั้งนั้นแหละ
น้องคนเล็กของบ้านไต่บันไดกลับขึ้นห้องไป  ขณะนี้เวลาเที่ยงตรงแล้วเจตน์ก็ยังไม่มีแพลนออกไปที่ไหนแถมยังไม่ได้อาบน้ำเสียด้วย  เขาทิ้งตัวนอนบนเตียงอีกครั้ง  ทั้งที่อยากจะพักผ่อน แต่หัวใจยังทำงานหนักไม่หยุด
   ข้อความหนักซ้ายในไลน์ถูกปัดขึ้นลงไปมา  เจตน์รู้ว่าตัวเองเสียมารยาทที่ถามคำตอบคำ  ทว่าตอนนี้เขาไม่สามารถเจอหน้าพอสได้จริง ๆ  แค่คิดว่าจะต้องเห็นใบหน้าพร้อมรอยยิ้มสดใสก็ทนไม่ไหวแล้ว
   ‘เพื่อน’ ไม่ควรเป็นแบบนั้น  จิตใจสกปรกของตนเองจะให้พอสรู้ไม่ได้เด็ดขาด....
   ถึงจะชอบผู้ชายเหมือนกัน แต่ไอ้การคิดเข้าข้างตัวเองว่าใจตรงกันมันทุเรศเกินไป  อีกอย่างพอสไม่เคยแสดงออกว่าชอบเขาในแง่นั้นเลยสักนิด  แค่นี้ยังชัดเจนไม่พอหรือไง....

   เจตน์ฟุบหน้าลงกับหมอน
   อา....ไม่อยากไปทำงานพรุ่งนี้เลย....

...........................................................

   “พี่เบส  พี่วิทย์กินข้าวครับ!!”
เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นเหนือหัวเรียกให้เจ้าของชื่อทั้งสองขมวดคิ้ว “ทำไมมาเร่งวะ”
“เดี๋ยวไม่มีโต๊ะครับ”
“แล้วแกไม่ไปกินกับ---”
“ไปเถอะครับ”
ชายทั้งสองหันมาสบตากันก่อนจะยอมลุกจากที่นั่งแต่โดยดี  ความจริงก็ไม่ได้อยากนั่งโต๊ะทำงานนานอยู่แล้วแหละ แค่แปลกใจที่คนอย่างเจตน์มาตามถึงที่  ปกติเคยสนใจใครที่ไหน....
คนตัวสูงก้าวขาเร็ว ๆ เพื่อให้พ้นประตูก่อนที่ฝั่งฝ่ายขายจะออกมา  เจตน์มองตรงไปด้านหน้าทั้งที่ในใจยังนั่งรอใครอีกคนอยู่ที่โต๊ะ
เพราะรีบออกมาก่อนจึงได้โต๊ะในร้านเด็ดที่ใครคนหนึ่งเคยแนะนำ  พี่วิทย์เลือกที่นั่งริมหน้าต่างเปิดเมนูไปมาก่อนจะสั่งอาหารอย่างรวดเร็ว  ขืนชักช้าต้องไปต่อคิวออเดอร์โต๊ะอื่นอีก
เพราะเพิ่งทำงานวันแรกบทสนทนาจึงวนเวียนแต่เรื่องวันหยุด
“ไปญี่ปุ่นมาเป็นไงล่ะ”
“คนเยอะฉิบหาย” คนแก้มตอบส่ายหัว “เยอะจนกินลำบาก  เที่ยวลำบาก”
“สรุปมันดีไม่ดีวะ”
“ก็สวยดีแหละ”
“กูไปกระบี่มา”
เจตน์ไม่แน่ใจรายละเอียดต่อจากนั้นนัก เพราะมัวแต่เหม่อออกไปนอกหน้าต่าง  ดวงตาเลื่อนลอยเหมือนอดหลับอดนอนทั้งที่เพิ่งผ่านวันหยุดยาวไป  กรอบสายตานิ่งค้างอยู่ที่มุมถนนมองเหล่าพนักงานหลากบริษัทเดินผ่านกันไปมา
“ทะเลก็โอเคอยู่นะเว้ย”
“กูได้ยินมาว่ามันแพงมากเลยนะ”
กลุ่มคนคุ้นตาปรากฏขึ้นที่หัวมุมถนน  จะใครเสียอีกถ้าไม่ใช่พี่ติณและคณะเดินแผ่กันเต็มฟุตปาธ  แก๊งฝ่ายขายกลุ่มใหญ่เดินหายเข้าไปในร้านก๋วยเตี๋ยวฝั่งตรงข้าม  จังหวะที่กำลังจะถอนหายใจนั่นเอง  คณะฝ่ายขายอีกชุดก็เข้ามาสมทบ  หนึ่งในนั้นทำเอาเจตน์เผลอใจกระตุก
ผมดัดถูกเซตมาเป็นอย่างดี  วันนี้พอสสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงลายสก็อต และรองเท้าผ้าใบสีแดงที่เจตน์เป็นคนเลือกสีให้
“เจตน์”
อา...เข้ากันดีจังเลย....
“ไอ้เจตน์!”
“คะ...ครับพี่!”
รุ่นน้องสะดุ้งโหยงแล้วหันขวับไปยังโต๊ะ
“ข้าวมาแล้ว” พี่วิทย์ยื่นช้อนจากในกล่องให้ “เอ้า!”
“ขอบคุณครับ”
   รุ่นพี่ทั้งสองสบตากัน  ส่งสัญญาณเกี่ยงไปมาจนสุดท้ายเบสก็ยอมเป็นตัวแทนออกปากถาม “ทะเลาะกับไอ้พอสเหรอ”
“เปล่าครับ” เจตน์ไม่ได้พูดปดแม้แต่นิดเดียว “ไม่มีอะไรนี่ครับ”
“ไม่มีก็ดีแล้ว  เห็นพี่ข้าวว่าจะให้ไปรับลูกค้าอาทิตย์หน้าด้วยกัน”
“อะไรนะครับ”
“เดี๋ยวประชุมพรุ่งนี้ก็คงได้ตารางมามั้ง”
“ครับ”
เจตน์ก้มหน้ามองกะเพราเบคอนในจานก่อนจะเริ่มลงมือกิน  ทั้งที่เคยคิดว่าอร่อยดีแท้ ๆ แต่วันนี้กลับจืดชืดไม่รู้รส  รับลูกค้าด้วยกันงั้นเหรอ.....เอาเถอะ ถึงเวลานั้นก็คงทำงานได้ตามปกตินั่นแหละ
ขอเวลาสักหน่อย....
เขายังไม่พร้อมจะคุยกับพอสตอนนี้  จะห้ามใจยังไงไม่ให้ถลำลึกในหลุมรักไร้ก้นเช่นนี้ล่ะ  ในเมื่อแค่เห็นหน้าก็หวั่นไหวจนแทบบ้าแล้ว....

……………………………………………….

   นี่มันแย่กว่าเดิมเสียอีก....
   เริ่มจากไลน์หนักซ้าย  ถามคำตอบคำ  หลบหน้าตอนพักกลางวัน และล่าสุด.....วิ่งหนี

   ตุบ ๆ ๆ
   เจตน์กระแทกพื้นรองเท้าผ้าใบไปบนพรมสีน้ำเงิน  เวรเอ๊ย! เมื่อกี้โผล่หน้าไปจ๊ะเอ๋กับพอสที่ประตูพอดี  หักหลบมาอีกทิศแทบไม่ทัน
   ขณะนี้เวลาเที่ยงตรง  วันพุธที่พี่แก๊งสามหนุ่มสามมุมออกไปทำงานข้างนอก และเจตน์ไร้คนให้เกาะบังหน้าสำหรับมื้อกลางวัน  ทั้งที่พุ่งตัวออกห้องก่อนเวลา แต่ดันพลาดท่าเจอพอสออกนำมาก่อนเสียได้  เล่นเอาวิ่งย้อนกลับไปอีกทางแทบไม่ทัน
   “แฮ่ก ๆ” ชายหนุ่มสิ้นสภาพ  เท้าแขนกับกำแพงแล้วหอบเป็นหมาจนมุม  ยืนอยู่ตรงนั้นพักใหญ่จนปรับลมหายใจเข้าสู่สภาพปกติได้  เจตน์เหยียดหลังตรงขึ้นอีกครั้ง ก้าวเท้าลงไปยังบันไดฝั่งตรงข้ามแทน
   หวังว่าเมื่อกี้พอสจะไม่ทันสังเกต  ไม่สิ....ประจันหน้ากันขนาดนั้นไม่เห็นก็บ้าแล้ว เพราะตกใจจนอะดรีนาลีนหลั่งมากเกินไปเลยเผลอวิ่งหนี  แก้ปัญหาได้ทุเรศสิ้นดี
   รองเท้าผ้าใบกระทบขั้นบันไดเป็นจังหวะสม่ำเสมอกัน  บันไดฝั่งนี้ร้างผู้คนเพราะต้องเดินอ้อมออกหลังตึก  พอไม่มีเสียงจอแจแล้วก็ชวนให้เหงานิดหน่อย
   จู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องสมัยเป็นเด็กฝึกขึ้นมา  ตอนนั้นเจตน์กินข้าวคนเดียวเป็นเรื่องปกติ  ชีวิตในต่างแดนแห้งแล้งอย่างกับต้นไม้ตายซาก  ความกดดันกระหน่ำเข้ามารอบด้านจนคิดว่าจะทนไม่ไหวเข้าสักวัน  น่าขำที่สุดท้ายแล้วสาเหตุที่เลิกไม่ใช่เพราะหมดความอดทน แต่ไร้ทางไปต่อต่างหาก
   พอคิดถึงมื้อกลางวันอันเรียบง่ายกับบทสนทนาเรื่อยเปื่อยกับพอสแล้วก็ชวนวูบโหวงในใจ  เมื่อกี้สวมเสื้อยืดสีขาวหรือเปล่านะ  เหมือนจะไนกี้?  ไม่สิ...อาดิดาส  ส่วนรองเท้ารู้สึกจะสีขาว...

   ตุบ

   จังหวะก้าวขั้นสุดท้ายชะงักไปเมื่อคำเฉลยมายืนอยู่ตรงหน้า

ผิดแล้ว....สีดำต่างหาก...

   เจตน์อ้าปากค้างเมื่อสิ่งที่วิ่งหนีปรากฏกายขึ้น “นายไม่....เอ่อ....  กินข้าวกับพี่ ๆ”
   “เดี๋ยวค่อยไปก็ได้” พสุกอดอก  ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มกลับเคร่งเครียด “ยังไงก็มีเรื่องที่ต้องถามให้ได้”
   “เอ่อ.....คือฉันรีบ---”
   “นายโกรธอะไรฉันเหรอ”
   หมัดแรกฮุคเข้ามากลางเป้าทำเอาคนฟังหน้าซีดเผือด  เจตน์หลบตาวูบ “เปล่านี่”
   “ฉันไม่ได้โง่นะ!” เพราะอดทนไม่ไหวพอสจึงเผลอขึ้นเสียงใส่ “ถ้าฉันไปทำอะไรให้นายโกรธก็บอกกันตรง ๆ สิ”
   
   ไม่ได้โกหกสักหน่อย
   จะโกรธได้ยังไง.....ในเมื่อทั้งหมดมันเป็นความผิดของเจตน์...

   คนตัวสูงเอาแต่เงียบจนอีกฝ่ายกำมือแน่น  พอสสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับอารมณ์ก่อนจะก้าวเข้าไปหาทำทุกวิถีทางที่จะได้สบตากับเจตน์
   “นายอาจจะรำคาญฉันแล้ว”

   ไม่...ตรงกันข้ามเลยต่างหาก....

   “แต่ฉันน่ะ...”
   “.........”
“อยู่กับนายแล้วสนุกมากเลยนะ”

เพราะแบบนั้นไงเจตน์ถึงอยู่ด้วยไม่ได้
   ต้องทนเห็นใบหน้านี้ทุกวันโดยไม่ให้คิดเกินเลยน่ะ...ทำไม่ได้หรอก

พอเถอะ....ไม่อยากจะชอบพอสมากไปกว่านี้แล้ว…

   “มัน....ไม่มีอะไรจริง ๆ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นเกาท้ายทอย “นายไม่ต้องคิดมากหรอก”
   “แต่นาย...”
“ที่วิ่งเมื่อกี้ก็....” เจตน์คลี่รอยยิ้มที่ฝืนเต็มที “ฉันแค่ลืมกระเป๋าตังค์ไว้ที่โต๊ะน่ะ”
“งั้นเหรอ”
“อืม” คนตัวสูงเป็นฝ่ายออกก้าวหนีอีกครั้ง  มือวางตบปุ ๆ บนบ่าพอส “เดี๋ยวมีธุระต้องไปทำก่อน  นายก็ไปกินข้าวกับพวกพี่ ๆ เขานะ”
เจตน์เดินออกจากตรงนั้นโดยไม่กล้าหันไปมอง  เขามันขี้ขลาดเกินกว่าจะกลับไปทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร  ขอเวลาอีกนิด.....อีกแค่นิดเดียว
ถึงตอนนั้นคงกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้

ออฟไลน์ Indigo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1030/-7

…………………………………………….

“วันนี้เจตน์ต้องอยู่ทำโอนะ”
“ครับพี่ข้าว”
“ลำบากหน่อยนะ แต่น่าจะไม่เกินสองทุ่มหรอก” หัวหน้าสาวถอนหายใจ “มีคนอยู่เป็นเพื่อนเยอะแยะ ไม่เหงาเนอะ”
“ครับ”
แว่นตาสะท้อนภาพตัวหนังสือยึกยือเต็มพรืดไปหมด  เจตน์คลึงหัวตาอย่างเมื่อยล้า เพราะจ้องตารางนี้มาหลายชั่วโมงแล้ว
ช่วงนี้งานกระหน่ำเข้าเวิร์ลไวด์เซลระลอกใหญ่  พี่ข้าวบอกว่าหลังปีใหม่บรรดาร้านค้าเคลียร์ของเก่าในสต็อกหมดแล้วจึงต้องรีบหาสินค้าใหม่มาเติมเลยกลายเป็นว่าออเดอร์เข้าพร้อมกันเหมือนระเบิดลง  ฝ่ายนำเข้าก็ต้องรีบสั่ง  ฝ่ายขายก็ต้องรีบกระจายของ  ห้องทำงานของพวกเขาจึงโกลาหลไปหมด
ในความเลวร้ายก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง เพราะทำงานแบบไม่ได้โงหัวจึงแทบไม่ได้เห็นหน้าพอสเลย  ฝ่ายขายผลัดกันออกไปเกือบทุกวัน หรือต่อให้เข้าออฟฟิศก็คงไม่มีเวลาให้คุยกัน เพราะเจตน์ต้องกินข้าวหน้าคอมติดกันมาสามวันแล้ว
ตุบ...
ปึกกระดาษวางลงที่ข้างโต๊ะ  พี่เบสที่ผอมอยู่แล้วดูอิดโรยไปกันใหญ่  แม้แต่น้ำเสียงก็ยังแหบแห้ง
“ฝากส่งรายการสั่งของพาร์ทเนอร์เยอรมันหน่อยนะไอ้น้อง  เห็นพี่ข้าวว่าแกจะไปห้องนั้นพอดี”
“ได้ครับ”
เจตน์พยักหน้าตอบนิ่ง ๆ ตามประสาแล้วเคาะแป้นพิมพ์ต่อ  ทว่าเบสยังคงยืนนิ่งตรงนั้น  ขบกัดริมฝีปากราวกับชั่งใจอะไรสักอย่าง  เห็นแบบนั้นเจ้าของโต๊ะเลยต้องออกปากถาม
   “มีอะไรหรือเปล่าครับพี่”
“เจตน์แก...เอ่อ...”
“ครับพี่?”
คนตัวผอมหลบตา “เปล่า  ไปทำงานต่อละ”
อะไรของเขาวะ....
เด็กใหม่ขมวดคิ้วสงสัยได้เพียงครู่เดียวโทรศัพท์ประจำโต๊ะก็แผดเสียงลั่น  พาร์ทเนอร์จากเกาหลีโทรมาคอนเฟิร์มเรื่องยอดสั่งลิปสติกคอลเลคชั่นใหม่ เพราะมัวแต่ง่วนกับตัวเลขเลยลืมเรื่องนั้นไปเสียสนิท
แสงอาทิตย์ด้านนอกค่อย ๆ หรี่ลงจนดับสนิท  เจตน์กินมื้อค่ำหน้าคอมอีกตามเคย  พอเหลือบมองไปด้านนอกก็พบว่าไฟทางเดินถูกเปิดไว้ห่าง ๆ กันให้แสงสลัวตามนโยบายประหยัดพลังงานของพวก HR  หันไปทางขวาก็เจอแต่โต๊ะว่างเปล่าของฝ่ายขาย  ส่วนแผนกของเจตน์เหลือประมาณห้าชีวิตได้
ชายหนุ่มยืดแขนขึ้นบิดขี้เกียจ  เมื่อครู่เจตน์เพิ่งจะสั่งปริ้นท์เอกสารชุดสุดท้ายไปคงใกล้ได้เวลากลับบ้านแล้ว  เขาถอดแว่นวางไว้บนโต๊ะก่อนจะรวบแก้วกาแฟข้าง ๆ เดินตรงไปยังแพนทรี่เพื่อล้างให้เรียบร้อย
ทางเดินพรมน้ำเงินเงียบสงัดต่างจากกลางวันลิบลับ  ห้องแพนทรี่นั้นอยู่ที่มุมสุดของอาคาร ทั้งที่ไม่น่าจะมีใครอยู่  แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้กลับได้ยินเสียงอันคุ้นเคย
“เออใช่ ๆ  ของเก่ายังไม่หมดแท้ ๆ ไม่รู้มันคิดไรอยู่”
“ใช่ปะ  พอเหลือแม่งก็มาโบ้ยว่ากูสั่งเยอะไป  เนียนเลยนะมึง”
“เชี่ยนี่แม่ง----”
“พี่วิทย์ พี่เบสยังไม่กลับเหรอครับ”

กึก...

ชายทั้งสองชะงักไป  พอหันมาเจอรุ่นน้องก็พยักหน้าหงึกหงัก “เดี๋ยวจะกลับแล้วแหละ  แวะมาล้างแก้วก่อน”
“เหมือนกันเลยครับ” เด็กตัวสูงยืนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น เพราะห้องเล็กมากจนไม่สามารถเบียดอีกชีวิตเข้าไปได้ “เอ่อ...ถ้าล้างเสร็จแล้วขอผมใช้ต่อนะ”
“อ๊ะ!  มาเลย ๆ”
รุ่นพี่เดินหลบไปยืนอยู่ด้านหลังแทน  เจตน์วางแก้วกาแฟลงในอ่างก่อนจะหยิบฟองน้ำขึ้นมา “พี่ ๆ กลับกันเลยก็ได้ครับ ไม่ต้องรอผมหรอก”
ตุบ...
เสียงเดินย่ำพรมดังอยู่ไกล ๆ เป็นสัญญาณบอกว่าคนในห้องน่าจะทยอยกันกลับบ้านแล้ว  พวกเขาไม่ใช่เด็กมัธยมที่ต้องไปไหนเป็นกลุ่มเสียหน่อย  ใครเสร็จงานก่อนก็กลับเป็นเรื่องธรรมดา  ทั้งที่ควรเป็นอย่างนั้น แต่เขายังเห็นเงารุ่นพี่ทั้งสองทอดยาวอยู่บนผนัง  ตอนนั้นเองที่เรื่องเมื่อกลางวันวาบขึ้นมาในหัวเจตน์
“พี่....เอ่อ....มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”
เพราะเสียงจากก๊อกน้ำทำให้ไม่ได้ยินบทสนทนาซุบซิบด้านหลัง แต่เห็นจากเงาได้ว่ากำลังถองสีข้างเกี่ยงกันไปมา  เจตน์คว่ำแก้วลงกับที่พักแล้วหันไปเผชิญหน้า “มีอะไรเหรอครับ”
“คืองี้เจตน์” วิทย์เป็นคนยอมเปิดปากพูด “พอดีเมื่อวันก่อนพี่ไปเจอคลิปในยูทูป”
“.........”

“แต่ก่อนแกเคยไปเป็นไอดอลที่เกาหลีเหรอวะ”

ประโยคนั้นเหมือนน้ำเย็นสาดเข้ามาใส่หน้า  เจตน์รู้สึกชาไปถึงปลายนิ้ว  หัวสมองว่างเปล่าจนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำหน้าแบบไหนอยู่
“พอดีวันนั้นฟังพี่ข้าวร้องเพลง ‘จะทำยังไง’ เลยไปเสริชฟังแล้วก็เจอเข้าอะ” ทางนั้นอธิบายเพิ่ม “ตกลงใช่แกเปล่าวะ”
“เอ่อ...คะ...ครับ”
“นั่นไง! กูบอกแล้วว่าไอ้เจตน์จริง ๆ” วิทย์ตบเข่าฉาดก่อนหันไปบอกเพื่อน “หน้าเหมือนเด๊ะ”
“โห...สมัยนั้นอย่างดีดเลยนะเนี่ยเอ็ง” เบสเอ่ยแซว “มีท่าด้วยนี่  ท่าอะไรนะ”
“เจย์เอ็ดอะไรสักอย่าง” คนผิวเข้มพยายามทำมือมั่ว ๆ “ถูกเปล่าวะ  เฮ้ย! ไหนลองทำให้ดูหน่อยซิ”
เสียงพูดกลั้วหัวเราะทำเอาเจตน์แน่นิ่ง  ความทรงจำเก่า ๆ ประดังเข้ามาราวกับจุกคอร์กที่อุดไว้ถูกกระชากออก  ร้องเพลง  เต้นโง่ ๆ แล้วก็ถูกสายตาคนรอบข้างมองเหมือนตัวตลก...
“ผม....จำไม่ได้แล้วครับ”
“ฮ่า ๆ ๆ”
“งี้เปล่าวะ  กูทำถูกปะไอ้วิทย์”
“มึงต้องตะโกนด้วยเว้ย” คนพูดยกท่าค้างไว้ “แอม-เจย์-เอ็ด!!”
“ฮ่า ๆ ๆ โคตรจี้อะ”

ทั้งที่พยายามแทบตาย แต่ผลที่ออกมามันน่าหัวเราะขนาดนั้นเชียวเหรอ....

“จะว่าไปหน้าแกเปลี่ยนด้วยปะ”
“เออ ไปเกาหลีก็ต้องทำหน้า” คนตัวผอมชะโงกเข้ามาใกล้  ลูบปลายคางพินิจ “จมูกปะ หรือตา?”
“เฮ้ย!  ถ้าทำมาลูกหน้าไม่เหมือนพ่อนะเว้ย”
“ผม.....”


“จะทำอะไรมันก็เรื่องของเจตน์หรือเปล่าครับ”

เสียงจากใครอีกคนดังมาจากด้านหลัง  คุ้นเคยเสียจนเจตน์ใจกระตุก หรือว่าเสียงรองเท้าที่ได้ยินเมื่อครู่ไม่ใช่คนกลับออกไป แต่เดินเข้ามา....
“อ้าว! ไอ้พอส” เบสหันกลับไปทักทายรุ่นน้อง “ดึกแล้วยังไม่กลับอีกเหรอ”
“มาเอาของครับ” ฝ่ายขายเพียงหนึ่งเดียวเดินเข้ามากลางวง “เรื่องผมน่ะช่างเถอะ แต่ช่วยเลิกพูดแบบนั้นกับเจตน์ได้ไหมครับ”
“เฮ้ย! พี่ไม่ได้ว่าอะไรน่า” วิทย์ปัดมือไปมา “ล้อเล่น ๆ”
“นั่นดิ  ไปเป็นดาราเลย  เท่จะตาย”
“เออ  เดี๋ยวขอลายเซ็นหน่อยซิ ฮ่า ๆ ๆ”
   “พอเถอะครับ!” ดวงตาของพอสฉายแววเกรี้ยวกราด “เลิกล้อเล่นซะที”
   “ไม่เห็นต้องออกตัวเลย  ขนาดไอ้เจตน์มันยังไม่ว่าอะไรเลย” เบสถองศอกใส่รุ่นน้องอย่างสนิทสนม “จริงเปล่าเจตน์”
   “ผม...”
   “..............”
   “ไม่ชอบครับ”
   สีหน้าเรียบเฉยไม่รู้ว่าภายในคิดอะไรอยู่ทำเอารุ่นพี่ทั้งสองหุบปากลง  วิทย์พยายามยิ้มแห้ง ๆ แล้วว่าติดตลก “พูดเล่นเฉย ๆ น่า  อย่าโกรธกันสิวะ”
“พี่อาจจะคิดว่าพูดตลก ๆ แต่คนฟังไม่ขำด้วยนะครับ” พอสกำมือจนสั่นระริก “ถ้าเป็นพี่โดนล้อแบบนี้ยังจะหัวเราะออกอีกเหรอ”
“พี่ไม่คิดมากเรื่องหยุมหยิมหรอกน่า”
“ไม่ใช่เรื่องของตัวเองก็พูดได้นี่!”
“พอส  พอเถอะ” และก่อนที่อารมณ์จะเดือดไปมากกว่านี้มือใหญ่ก็วางลงบนบ่าคนตัวเล็กกว่า  ส่งสายตาห้ามปราม “พี่วิทย์พี่เบสครับ  ในคลิปนั่นผมเองแหละ แต่ช่วยอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครได้ไหมครับ”
“........”
“ผมไม่อยากพูดถึงมัน”
“อ่า....ถ้าแกไม่ชอบพี่ไม่พูดก็ได้” พี่เบสหัวเราะแหะ ๆ “อย่าคิดมากดิวะ”
“ครับ”
“เออ  ขำ ๆ เว้ยไอ้เจตน์”
“ครับ” เจตน์พยักหน้า “ถ้างั้นผมกลับก่อนนะครับพี่”
“แต่เจตน์ไม่-----”

หมับ!

ไม่รอให้พอสดึงดันพูดอะไรต่อ  เจตน์คว้ามืออีกฝ่ายลากออกมาจากจุดเกิดเหตุตรงดิ่งไปยังโต๊ะทำงาน  หยิบกระเป๋าสะพายขึ้นพาดบ่า  พอหันนมาเจอพอสทำท่าเหมือนอยากจะเถียงก็ชิงเอ่ยตัดบทเสียก่อน
“ไว้ไปคุยกันข้างนอก”
พอสไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ทว่าไม่อาจต้านแรงดึงของอีกฝ่ายได้  เขาถูกลากออกไปตามทางพรมน้ำเงินจนไปถึงบันได
“ฉันเดินลงเองได้”
ในที่สุดเจตน์ก็ยอมปล่อยมือออกแล้วเดินนำลงบันไดไป  พสุถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วก้าวตามอย่างเสียมิได้
ฝ่ามือที่เจตน์จับเมื่อครู่ยังร้อนผ่าวติดตรึงอยู่  พอสเงยหน้าขึ้นจากพื้น  เบื้องหน้าของเขาคือแผ่นหลังกว้างเหมือนกำแพงหนาทึบมองไม่เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างใน  เขาเกลียดความรู้สึกนี้ชะมัด  มันร้อนรุ่มในอกจนอยากจะตะโกนออกไป
บันไดที่ทอดยาวสิ้นสุดลงด้านหน้า  รวมไปถึงความเงียบอันน่าอึดอัดนี่ด้วย  พอสอยากจะออกไปจากที่นี่เต็มแก่แล้ว  เขาหันปลายรองเท้าไปอีกทาง  ทว่าก้าวขาไปได้นิดเดียวก็ถูกดึงรั้งไว้อีกครั้ง
“ฉันไปส่งเอง”
“ไม่ต้อง”
“ดึกขนาดนี้แล้วนะ”
“รถไฟฟ้ายังวิ่งอยู่”
“นาย”
“........”
“โกรธฉันเหรอ”
“ยังจะต้องถามอีกเหรอไง!!” มาถึงตรงนี้สิ่งที่พอสกักเก็บไว้ก็ประทุออก “นายเป็นบ้าอะไรอะ!  ปล่อยให้เขามาดูถูกอยู่ได้”
   เจตน์ถอนหายใจ “เบาเสียงลงหน่อย”
   “ไอ้พี่พวกนั้นก็เป็นห่าอะไร  คิดว่าตลกนักเหรอ” เพราะกลัวว่าใครจะมาได้ยินเข้าเจตน์จึงรีบลากพสุไปตามทาง  รถยนต์สีเทาจอดอยู่ตรงหน้าแล้ว “เดี๋ยว! ฉันยังพูดไม่---”
“ขึ้นรถก่อนแล้วค่อยพูด”
ปัง!
สิ้นเสียงปิดประตูพอสก็ระเบิดมันออกมาอีกระลอก “ฉันเกลียดคนประเภทนี้ฉิบหายเลย  คิดว่าตัวเองเท่นักเหรอวะ”
“แต่ว่า----”
“นายเองก็ด้วย!!”
มาถึงตรงนี้คนถูกโกรธก็พลันขมวดคิ้ว “ฉันทำอะไรผิด”
“ปล่อยให้เขาด่าอยู่ได้  ทำไมไม่เถียงไปซะเลย  นายไม่ได้---”
“มันไม่มีประโยชน์อะไรนี่....”
“..........”
“อธิบายไปเขาก็ไม่เข้าใจหรอก” พสุหันขวับ  สบประสานสายตาเข้ากับอีกฝ่าย  น่าเศร้าที่เจตน์ยอมรับการดูถูกได้อย่างง่ายดาย “บางเรื่องมันเหนื่อยเปล่าน่ะ  ถ้าโวยวายแล้วเขาเอาเรื่องฉันไปเล่าต่ออีกจะทำยังไง”
มาถึงตรงนี้พอสก็เหมือนได้สติกลับมา แต่อดจะเถียงไม่ได้ “ถ้าไม่พูดอะไรเลยมันก็....”
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว...”

 ไม่สิ...มันไม่ควร ‘ไม่เป็นไร’ ไม่ใช่หรือไง

พอเจตน์เห็นสีหน้าแคลงแคลงใจก็พยายามคลี่ยิ้มที่ตนไม่ถนัด  สารภาพว่าดีใจไม่น้อยที่มีคนโกรธแทนตัวเอง “ขืนเถียงต่อนายจะมองหน้าเขาไม่ติดเอานะ  ยังไงก็ต้องทำงานด้วยกันต่อ”
“ก็จริง” พอสคอตก “แต่ว่ามัน...มัน...”
“...........”

“มาดูถูกเจย์เอดท์ได้ยังไง”

อา....จริงด้วยสินะ.....
เจตน์เอ่ยกับตนเอง  เขารู้ความจริงข้อนี้อยู่แล้ว แต่พอมาได้ยินซ้ำ ๆ กลับวูบโหวงในอกอย่างบอกไม่ถูก  พอคิดว่าปฏิกิริยาทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาจากการล้อเลียนเจย์เอดท์แล้วก็พบว่าทุกอย่างมันไม่ใช่ของเขาเลย

“ฉันขอโทษด้วยที่ทำให้นายเกือบซวยไปกันใหญ่”

จะแววตานี้….

“แต่ก็นะ  พี่พวกนั้นไม่รู้เหรอว่าเพลงนั้นมันดีแค่ไหน”

คำที่บอกว่า ‘ชอบ’

“เจย์เอดท์น่ะเจ๋งที่สุดแล้ว”

ไม่มีอะไรเป็นของ ‘เจตน์’ เลยสักอย่าง....

   “พอแล้ว!”
   ไม่ไหวแล้วล่ะ....  บางสิ่งในอกซ้ายปริแตกทะลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่...
“นายรู้ไหม...ฉันเกลียดเจย์เอดท์มาตลอด”
“อะไรนะ....”
“ต้องฝึกกระทั่งท่ายิ้ม  องศาถ่ายรูป  วิธีดึงความสนใจ หรือแม้แต่เรื่องเต้นที่ไม่ถนัด  ทั้งที่ทำทุกอย่างเพื่อจะเป็นไอ้หมอนั่นแล้วแต่ทุกอย่างก็พังไม่เป็นท่า”
“............”
“มันคือความอับอายของฉัน  ไม่อยากได้ยินชื่อ  ไม่อยากได้ยินเสียง  ไม่อยากเห็นภาพ”
มือที่อยู่บนตักขยำลงบนขากางเกง

“ทั้งที่เป็นอย่างนั้น แต่ว่าตอนนี้....ฉันอิจฉามันที่สุดเลย”
“..........”


“ต้องทำยังไงนายถึงจะชอบฉันแบบนั้นบ้าง...”

สิ้นคำสารภาพห้องโดยสารก็ตกอยู่ในความเงียบ  เจตน์ไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว  เขาระเบิดทุกสิ่งภายในใจออกมาจนหมดสิ้น  ไร้ความคิด  ขาดสติ  ไม่สนแม้แต่พรุ่งนี้จะมองหน้ากันติดไหม
รู้เพียงแค่ว่าต้องพูดออกไป....
แต่ว่านี่มันเงียบเกินไปแล้วนะ  น่าจะเกือบสองนาทีได้แล้วความเดือดดาลเมื่อครู่ก็ค่อย ๆ ลดระดับลงจนสติกลับคืนมา  จากหัวกลวงเปล่ากลับกลายเป็นความคิดมากมายถาโถมพุ่งเข้าชนแทน
เขา....ไม่ควรพูดออกไปหรือเปล่านะ  แบบนี้แม้แต่เพื่อนก็ยังเป็นไม่ได้เลยมั้ง
“ฉะ....ฉัน...”
ขณะสมองใกล้จะระเบิดพอสที่เงียบไปนานก็เอ่ยคำแรกขึ้น  เจตน์ผละฝ่ามือออกจากหน้า  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรอฟัง...
“ฉันไม่เข้าใจว่านายหมายความว่ายังไง”
ทันทีที่เผลอมองภาพตรงหน้าก็พลันใจกระตุก  พอส พสุชายผู้เกรี้ยวกราดฉะฉานเมื่อครู่กลับเป็นฝ่าซุกใบหน้าลงกับฝ่ามือเสียเอง  สีแดงบนนั้นพาดผ่านลามไปถึงใบหูตัดกับสีเครื่องประดับ
“อย่าหาว่าโง่เลยนะ...แต่ฉัน...”
หมับ!
เจตน์คว้าเข้าที่มืออีกฝ่าย  ปลายนิ้วแกะเกราะกำบังออกเพื่อให้เห็นดวงตาที่ซ่อนไว้  แล้วเอ่ยถ้อยคำที่ซื่อตรงที่สุด...

“หมายความว่าฉันชอบนายยังไงล่ะ!”
ทั้งที่เดิมพันหมดหน้าตักแล้วแท้ ๆ แต่พอสกลับสวนเข้ามาฉับพลัน “ไม่มีทาง!”
“ฉันพูดเรื่องจริง”
“โกหก!!”
“นายไม่ใช่ฉันนี่  รู้ได้ไงว่าโกหก”
“นายแกล้งฉันแน่ ๆ!”
เขารวบรวมความกล้าขนาดนั้นยังโดนหาว่าพูดปดอีก  เจตน์บีบมืออีกฝ่ายไว้แน่นทั้งที่ใบหน้าตัวเองแดงก่ำไม่แพ้กัน  ความมั่นใจเริ่มหดหายเข้าไปทุกที
“ถะ...ถ้าไม่ชอบก็คงไม่รู้สึกเจ็บตอนที่นายชอบเจย์เอดท์มากกว่าหรอก”
“หา!?”
“ไม่อยากชอบนายไปมากกว่านี้แล้ว” มาถึงตรงนี้พ่อคนใจกล้าก็หลุบสายตาลงมองตักตัวเอง “ก็เลยไม่อยากคุยด้วย”
“นี่เงียบใส่ฉันเพราะเรื่องนี้เหรอ!” พสุขึ้นเสียงสูง “นายไปเอาความคิดนี้มาจากไหน”
“นายเลือกพี่ข้าวไปร้องเพลงแทนฉัน”
“ตัวเองทำหน้าซังกะตายอย่างนั้นใครจะไปกล้าเลือกล่ะ!!”
มะ....มันก็จริงอยู่....
สีหน้าช็อกกับความจริงข้อนี้ทำเอาพอสปวดหัวไปหมด  ตามตรรกะคนปกติก็น่าจะคิดได้ไม่ใช่หรือไง
“นายแสดงออกตลอดว่าไม่อยากร้อง  แล้วฉันจะกล้าทำร้ายจิตใจเหรอ....”

“ในเมื่อฉันชอบนาย!”
พอสคำรามประโยคนั้นราวกับทนฟังไอ้เวรนี่พล่ามไม่ไหวแล้ว  คราวนี้สถานการณ์เลยกลับพลิกผัน....
“โกหก!”
“เห็นไหม! ทีฉันพูดบ้างนายก็หาว่าโกหก”
อุก! ชายหนุ่มสะอึกเมื่อถูกยิงแสกหน้า  จากที่เคยเป็นฝ่ายรุกไล่ได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ เหมือนลูกเจี๊ยบกินหนอน
“แต่นายบอกว่าชอบเจย์เอดท์!”
“ก็ชอบไง  ชอบทั้งคู่นั่นแหละ!”
“จะเป็นไปได้ยังไง”
คราวนี้พสุบีบมืออีกฝ่ายคืนบ้าง “ทุกวันนี้ฉันคุยกับใคร  อยู่กับใคร  ทะเลาะกับใคร  เจย์เอดท์เหรอ?”
“นายชอบเจย์เอดท์อยู่แล้ว  อาจจะเข้าใจผิดว่าชอบฉันด้วย”
“อย่างกับนายเหมือนเจย์เอดท์นักนี่!  นอกจากหล่อตรงสเปคแล้วที่เหลือก็คนละโลกเลย” มาถึงตรงนี้แฟนคลับอันดับหนึ่งก็ระเบิดอารมณ์ออกมาบ้าง “ทั้งทึ่ม  ไม่พูดไม่จา  ทำหน้าตายไม่เป็นมิตร  ยังจะกล้ามาเทียบกับเจย์เอดท์ที่เปล่งประกายไอดอล  หัวเราะเสียงสดใส  หัวใจเบิกบานอีกเหรอ!”
เอ่อ....สาบานว่าเจตน์ไมได้โดนด่าอยู่...
“แล้วที่ฉันต้องเป็นบ้าคิดมากนอนไม่หลับเพราะความงี่เง่าของนายล่ะ  มันใช่ฝีมือเจย์เอดท์ผู้สูงส่งงั้นเหรอ!!” พูดจบกระดูกมือเจตน์ก็แทบแหลกละเอียดเพราะแรงบีบ “อย่าเอามาเทียบกันโว้ย!”
“เอ่อ....”
“เจย์เอดท์น่ะไม่เคยทำให้ฉันเจ็บปวด มีแต่ยิ้มให้กำลังใจตลอด  ไม่เหมือนกับนายหรอกเจตน์” พอสพ่นลมหายใจออกมา “มาทำให้ฉันวุ่นวายใจ  มาบอกรักแล้วก็หาว่าฉันโกหกบ้างล่ะ”
พอสปล่อยมือแดงช้ำของอีกฝ่าย
“ถึงอย่างนั้นนายก็ใจดี  ไม่เคยดูถูกความชอบฉัน  แถมยังทำเรื่องที่คนอื่นบอกว่างี่เง่าเพื่อฉัน” ใบหน้าคนพูดขึ้นสีเรื่อไปถึงใบหู “สำหรับฉันแล้วนายน่ารักจะตาย”
“หา!?”
“นายอาจจะเกลียดเจย์เอดท์เพราะเป็นความล้มเหลว แต่ฉันกลับอิจฉาที่นายมุ่งตรงไปหาความฝันแบบเป็นบ้าเป็นหลัง” พอสเล่นจับปลายนิ้วตัวเองไปมา “ฉันน่ะไม่มีความฝันอะไรทั้งนั้น  ที่มาเป็นเซลก็เพราะมันเปิดรับสมัครพอดี  ต้องมาตอแหลปั้นหน้าแถมโดนหัวหน้าค่อนขอดเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
“..........”
“เพราะงั้นก็เลยคิดว่านายเท่มาก ๆ เลย”

อา....ใจคนฟังแทบหลอมละลายแล้ว...
“ไม่หรอก  ฉันเองก็คิดว่านายเท่เหมือนกัน” คนขับเกาท้ายทอยแก้เขิน “เพิ่งทำงานแค่ปีเดียวก็ขึ้น Top 3 แล้ว  ขนาดเป็นงานที่ไม่ชอบก็ยังทำได้ดี  เก่งจะตายไป”
“ขะ...ขอบใจนะ” พอสงึมงำ “อ๋า....เราจะชมกันไปมาทำไมเนี่ย”
“นั่นสิ”
“แล้วเชื่อหรือยังว่าฉันชอบนายจริง ๆ”
“นายต่างหากเชื่อหรือยัง”

ดวงตาทั้งสองสบประสานเข้าหากัน  ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
สถานการณ์ทุเรศนี่มันอะไรกันนะ...  สารภาพรักแล้วก็เถียงกันไปมาอย่างกับคนบ้าเลย
พอสมองคนหน้าตายที่บัดนี้ฉีกยิ้มจนตาปิด  ความเจิดจ้านั้นไม่ต่างกับใครอีกคนเลย....
“เจตน์”
“อะไร”
“อย่าเกลียดเจย์เอดท์เลยนะ  มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนาย  ตอนนี้อาจจะยังไม่อยากพูดถึง แต่อีกสักสิบปีนายจะต้องภูมิใจในตัวเองแน่ ๆ”
ประโยคนั้นเหมือนน้ำชโลมลงบนต้นไม้ตายซาก  บาดแผลอาจไม่หายวันนี้พรุ่งนี้ แต่เพียงพอสพูดว่ามันจะดีขึ้นในสักวัน  เท่านั้นเจตน์ก็อุ่นวาบขึ้นมาในใจ  บางทีเขาอาจจะรอฟังคำนี้จากปากใครสักคน....
“ที่สำคัญ”
“...........”
“เขาหล่อมาก!”
อะไรนะ?....
“นายไม่ควรเกลียดผู้ชายที่เจ๋งขนาดนั้น”
“ก็หน้าเหมือนฉันนั่นแหละ”
“ไม่อะ! เจย์เอดท์หล่อกว่า” นี่คือเรื่องเดียวที่พอสไม่ยอมแพ้ “ฉันน่ะนะโดนไอ้พี่พวกนั้นนินทาเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมก็ทนได้ แต่มาแตะเจย์เอดท์น่ะไปตายซะเถอะ!”
“พอสใจเย็นก่อนนะ”
“นายก็เหมือนกันปล่อยให้เขาด่าอยู่ได้  อย่าให้คนมาดูถูกตัวเองแบบนั้นสิ!!”
“สรุปนายปกป้องฉันหรือเจย์เอดท์กันแน่เนี่ย”
“ฮ่า ๆ ๆ”
“เอาเถอะ” เจตน์ทิ้งตัวเอนราบไปกับพนักพิง “นายเล่นโกรธแทนฉันไปหมดแล้ว  ตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรแล้วล่ะ”
“..........”
“นอกจากชอบนาย”
อุก!  บทจะยิงไอ้คนทึ่มก็ยิงเข้ามาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงเล่นเอาคุณฝ่ายขายที่ไม่ได้ป้องกันตัวเซไถลไปอีกฝั่ง  พอสยันตัวเองกับคอนโซลไว้ไม่ให้ความร้อนภายในเผาร่างจนแหลกเหลว
อกซ้ายเต้นตุบ ๆ จนปวดไปหมด  อาการแย่เสียจนอยากให้เจตน์แวะโรงพยาบาลมากกว่ากลับบ้าน  ทว่าพอเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าไอ้คนขับมีสภาพไม่ต่างกันเลย
ดวงตาสองคู่สบประสานกันนิ่งค้างอยู่อย่างนั้นราวกับเล่นเกมใครขยับก่อนแพ้ และเจตน์ได้ยกธงขาวในชั่วอึดใจต่อมา  ชายหนุ่มยื่นใบหน้าเข้าไปตรงกลางระหว่างเบาะ  ทำจมูกฟุดฟิด
“กลิ่นแชมพูนายหอม”
พอสขยับเข้ามาใกล้...

“ก็กลิ่นเดียวกันนี่”
สิ้นคำพูดนั้นพอสก็แนบริมฝีปากเข้ามา  เจตน์เบิกตาโพลงราวกับมีประจุไฟฟ้าแล่นไปทั่วร่าง  เริ่มแรกเป็นเพียงจุมพิตเหมือนเด็กน้อยที่แค่แตะปากกันเท่านั้น  สันจมูกคลอเคลียกันชวนให้วาบหวามในอก
พอสงับเบา ๆ ที่กลีบปากอีกฝ่ายด้วยความมันเขี้ยว  ทว่าเจตน์กลับตอบโต้ด้วยการเลียเข้าที่มุมปาก  จากนั้นสัมผัสที่เคยอ่อนโยนก็พลันเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนในทันที  ผลัดกันกวาดต้อนในโพรงปากของอีกฝ่าย  แสดงความปรารถนาลึก ๆ ภายในใจ
เสียงเฉอะแฉะน่าอายดังอยู่ข้างหู  เคล้าด้วยกลิ่นแชมพูชวนให้อารมณ์เตลิดไปไกล  พอสเอียงใบหน้ารับกับฝ่ามือของอีกฝ่าย  ขยับเพื่อจูบนั้นสะดวกขึ้น  อดจะยิ้มขำไม่ได้เมื่อค้นพบว่าไอ้หนุ่มทึ่มมันไม่ได้ซื่อไปเสียทุกอย่าง
   ฉากจูบจบลงโดยที่ต่างฝ่ายต่างปากสะบักสะบอมพอกัน  พวกเขาทิ้งตัวลงบนเบาะหลังอย่างหมดสภาพ  แข่งกันแย่งอากาศในรถอย่างบ้าคลั่ง
   เจตน์รีบสตาร์ทรถเมื่อเห็นรปภ.สาดแสงไฟฉายอยู่ที่บันไดอาคาร  เวรแล้ว! นี่พวกเขาทำอะไรลงไปเนี่ย  มาแอบนัวเนียกันในรถอย่างกับหนังเอวี  แค่คิดก็หน้าร้อนผ่าวจนต้องเร่งแอร์
   “ฉะ...ฉันจะไปส่งนะ”
   “อืม” พอสลูบริมฝีปากที่เปียกชุ่มเหมือนยังตกอยู่ในภวังค์
   “แถวxxใช่ไหม”
   “อืม” ตุ๊กตาหน้ารถผงกหัว “เจตน์...แล้วนาย....”
   “..........”
   “จะขึ้นห้องด้วยปะ”
   
   ปึก!! รถตกลงหลุมถนนที่อุตส่าห์เอียงหลบ  เจตน์เร่งเครื่องจนเท้าแทบทะลุออกรถ
   “พูดอะไรของนายเนี่ย!!”
   “ถามเผื่อไว้ไง!!” พอสแหวใส่ “จะได้เตรียมให้พร้อม”
   “ตะ...เตรียมอะไร….”
   “กาแฟ  ของว่างอะไรพวกนั้น”
   อ้าวเหรอ....
   พอได้ฟังคำตอบเจตน์ก็พบว่าตัวเองชั่วช้าสามานย์เพียงใด  ไอ้คนลามกอ้อมแอ้มตอบ “มะ...ไม่ขึ้นหรอก  แม่โทรตามแล้ว”
   “อ๋า  น้องเจตน์ต้องรีบกลับสินะ”
   “อย่าล้อน่า”
   “วันนี้ฉันดีใจมากเลย”

   จุ๊บ
   คุณฝ่ายขายโฉบเข้ามาชิงจูบที่ข้างแก้มโดยไม่สนว่าจะทำให้เจตน์ขับชนเสาไฟฟ้าตายตกไปตามกันหรือไม่  ผู้เสียหายยกมือขึ้นปิดแก้มราวกับสาวน้อยถูกแต๊ะอั๋ง  ขณะที่อีกฝ่ายยกยิ้มดวงตาเป็นประกายวิบวับ
   นี่พอสชอบเขาขนาด----

   “ต้องเขียนลงไดอารี่กว่าได้จูบกับเจย์เอดท์แล้ว”

   เจตน์กัดฟัน...

   ไอ้เจย์เอดท์มึงงงงงงง!!!


TBC

กรี๊ดดดดดดดดดดดดด  ในที่สุดดดดดดดดด!!!
ตอนหน้าก็จะจบแล้วนะคะ  โปรดอย่าตกใจเพราะนี่คือเรื่องสั้น 5555555555555555555
บอกแล้วว่าดราม่าใส ๆ วัยรุ่นชอบนะคะ  เกิดจากความขี้น้อยใจของน้องเจตน์ล้วน ๆ อะ
ดูเป็นคู่รักงี่เง่าอะเนอะคะ  เด็กน้อยยยยยย  จับหอมหัวให้หมด  ฟืดดดดดด
ฝากติดตามตอนหน้าด้วยนะคะ  จะจบแล้ววววว อิ_______อิ

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
 :ling1: กรี๊ดดดดดดดด เขาจูบกันแล้วแม่จ๋าาา
รักใสๆ หัวใจฟรุ้งฟริ้ง
เรื่องจูบน้องเจตน์ไม่ทึ่มอย่างที่คิดน๊าาา  :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 822
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
มีคนแพนิคจนสารภาพออกมาเองเลยยย ดีละ 5555555

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เรื่องน่ารักมาก

ออฟไลน์ jomyingg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พอสน่ารักกกกก อุแง้  :hao5:
ชอบการเกลียดเจเอดท์55555555

ออฟไลน์ TrebleBass

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
แหม่… บอกชอบปุ๊บ จุ๊บปั๊บ   

บอกรักในรถไปอีก  ไอดอลมากกก :hao5: 5555

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ต่างฝ่ายต่างเป็นพลังบวกให้กัน น่ารักมาก

ออฟไลน์ brapair

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
โอ้ยยย เอ็นดูคู่รักงี่เง่านี่จังเลยอะ5555
เถียงกันอยู่ได้เรื่องชอบกัน ยัยลูกกกก
เราประทับใจที่ตาคนทึ่มก็จูบเก่งนะ 555555
เขินนนนนน

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1349
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1349
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4

ออฟไลน์ Indigo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1030/-7

Track #07: ► Play Our Beats


“เจตน์”
เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะ และพบว่ามีกระดาษปึกใหญ่เคาะอยู่ตรงฉากกั้น
“จะไปห้องการตลาดใช่ปะ”
“อีกสิบนาทีครับ”
“เออ งั้นพี่ฝากไปส่งด้วย” โพสอิทสีบานเย็นถูกแปะทับลงไปด้านบน “ให้คนชื่อกล้วยนะ”
“ครับ”
วิทย์เดินกลับไปยังที่นั่ง  หยิบไม้บรรทัดขึ้นมาวางไล่เช็กตารางอย่างสงบ  ตั้งแต่โป๊ะแตกเรื่องเจย์เอดท์ไปทั้งที่เตรียมใจว่าข่าวคงแพร่ไปทั้งออฟฟิศแล้ว แต่ดูเหมือนแก๊งหนุ่มขี้เม้าท์จะพอมีคุณธรรมอยู่บ้าง หรือไม่ก็แค่ขี้เกียจมีประเด็นกับเพื่อนร่วมงาน
   จะเรียกว่าโล่งอกก็คงไม่ถูกนัก แต่เจตน์คิดว่าถ้าวันไหนเรื่องแดงขึ้นมาเขาคงมีสติรับมือกับมันได้ดีขึ้น  ตอนนี้ก็ไปกินข้าวคุยงานด้วยกันตามปกติ  พวกพี่เขาก็ไม่แย่นักหรอก  ถ้าไม่นับเรื่องขี้เม้าท์ก็คอยดูแลเจตน์เป็นอย่างดี
   เด็กใหม่รวบเอกสารที่รับฝากรวมกับของตัวเองขึ้นแนบอกแล้วเลื่อนเก้าอี้ออก  หลังส่งรายการสั่งของเดือนกุมภาพันธ์เรียบร้อยงานก็คงเบาลงเยอะ เพราะมีเทศกาลวาเลนไทน์พวกสินค้าน่ารัก ๆ จากเกาหลีญี่ปุ่นเลยขายดีเป็นพิเศษ  ไหนจะเครื่องสำอางสารพัดแบรนด์หลากรุ่นหลากสีที่ทำไอ้เจตน์หัวแทบระเบิด
   รองเท้าผ้าใบกระทบกับผืนพรมเกิดเป็นเสียงไปตามทาง  ห้องการตลาดอยู่ติดกับประตูทางเข้าใกล้ที่สแกนนิ้วที่สุด  เจตน์หักเลี้ยวเข้าไปด้านใน และพบว่าทุกโต๊ะกำลังวุ่นวายได้ที่
   หลังส่งเอกสารให้พี่วิทย์เสร็จเจตน์ก็ตรงเข้าไปยังโต๊ะด้านในสุด  ฝ่ายการตลาดที่อนุมัติสั่งของให้เขาชื่อบัว  สาวน้อยที่ถูกเรียกขึ้นไปร้องคาราโอเกะเมื่อตอนปีใหม่นั่นเอง  อายุรุ่นราวคราวเดียวกันทำให้คุยได้ไม่อึดอัดนัก  ขณะที่สาวเท้าเข้าไปใกล้โต๊ะหญิงสาวก็ต้องชะงักเพราะมีใครอีกคนยืนอยู่ตรงนั้น
   “ใช่ไหมพอส  ฉันว่าน้องเขาน่าจะได้เดฯ สักทีแล้วล่ะ  นานกว่านี้ก็ดองแล้วปะ”
   “มันดองมาสามปีแล้ว  ใครจะรู้”
   “อย่าแช่งสิวะ! เนี่ยถ้าน้องเขาเดฯเมื่อไหร่ฉันเตรียม----  อ้าว! เจตน์!”
   เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงเมื่อใครอีกคนหันขวับมาทางนี้  พอสยืนพิงอยู่ตรงฉากกั้นเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ  ลืมไปเลยว่ารายนั้นก็สนิทกับบัวเหมือนกัน  เจตน์ยกกระดาษในมือขึ้นโชว์
   “มาส่งรายการสั่งของน่ะ”
   “อ๊ะ! จริงด้วย” หล่อนกวักมือเรียก “เอามาเลย ๆ เดี๋ยวฉันเซ็นแล้วส่งต่อให้เอง  พอส! หลบไป เพราะแกมัวแต่ชวนฉันคุยนั่นแหละ”
   “โห  โทษคนอื่นหน้าตาเฉยเลยนะมึง”
   “ไม่รู้ล่ะ  ก็แกคุยตอบอะ” หล่อนปัดมือให้พอสขยับออกไปก่อนจะรับเอกสารของเจตน์มาวางบนโต๊ะ  พอเห็นตัวอักษรที่หัวกระดาษเลยนึกบางอย่างได้ “เออจริงด้วย! เจตน์รู้จักน้องxxปะ”
   “หา!?”
   “เจตน์จะไปรู้จักได้ไง”
   “เอ้า! ก็เห็นเรียนภาษาเกาหลี  เคยไปอยู่ที่นู่นด้วยนี่” มาถึงตรงนี้บัวก็ตาเป็นประกาย  ได้เหยื่อชวนคุยคนใหม่แล้ว “น้องxxคนไทยที่เป็นเด็กฝึกค่ายxxอะ!”
   “อ้อ  รู้จัก....” เพราะหัวช้าเจตน์เลยเผลอตกหลุมพรางไปเสียได้  แอบเห็นจากหางตาว่าพอสคิ้วกระตุกนิดหน่อย  คงด่าว่า ‘ไอ้ทึ่ม’ ในใจเป็นแน่แท้
   “เห็นไหมแก  น้องเขาดังจะตาย!” หญิงสาวหันไปแสยะยิ้มใส่เพื่อนรัก “แสดงว่าเจตน์ก็สนใจวงการเคป๊อบเหมือนกันนะเนี่ย”
   “กะ...ก็พอรู้จักบ้างน่ะ”
   “เนี่ย! เรากำลังวิเคราะห์กับไอ้พอสว่าปีนี้น้องxxจะได้เดฯหรือยัง” บัวตบโต๊ะป้าบ ๆ “ล่าสุดเห็นรูปเข้าตึกแล้วด้วยนะ”
   “เหรอ” เจตน์ตอบทื่อ ๆ “ก็คงได้เดฯแล้วมั้ง”
   “ใช่ไหม ๆ  คลิปที่น้องเขาเต้นที่ฮงแดวิวเป็นหมื่นเลยนะ  มันต้องมาแล้วสิ” ว่าแล้วบัวก็คลิกเม้าส์เปิดบางอย่างขึ้นมาแทนงาน “ทวิตนี้เขาลงลิสต์เด็กไทยที่ฝึกอยู่นู่นด้วย  เดฯไปตั้งหลายคนแล้วนะ”
   “มีลิสต์ด้วยเหรอ!!” คนตัวสูงตาเบิกโพลง  สัญชาตญาณบางอย่างส่งเสียงว่าหนีไปเจตน์  หนีไป!!
   “ใช่ ๆ เดี๋ยวอ่านให้ฟัง”
   “ไม่ต้อ----”
   “น้องa ค่ายb  คนนี้น่าจะเดปลายปี  น้องcค่ายdเมนร้องค่ายเล็กอะฉันยังไม่รู้จักเลย” หล่อนเลื่อนสายตาลง “น้องeค่ายf  คนนี้เต้นเก่งมาก แต่ยังไม่รู้จะได้เดไหม  เคยไปออกรายการด้วยนะ”
   “ไอ้บัวมึงไม่ต้องอ่านแล้ว  ไม่มีใครเขาสนใจ”
   “ฉันชวนเจตน์คุย  แกไม่ต้องยุ่ง” บัวหันไปแหวใส่เพื่อน “แล้วก็มีgค่ายh  คนนี้ไม่ค่อยป๊อบแฮะ  เห็นข่าวลือว่ากลับมาไทยแล้วด้วย  ส่วนน้องiค่ายj  รายนี้เบ้าพรีเมี่ยมสุด  แล้วก็คนสุดท้าย----”

   เจตน์จิกเกร็งกับขากางเกง...ไม่นะ!!

“อ๊ะ!”

ระ...หรือว่า...ความลับของเขา....


“หมดแล้วนี่หว่า”
ป๊อก!
เศษหินร่วงกราวลงบนหัวเจตน์   นี่มัน...
แม้แต่ชื่อในเว็บ....ก็ไม่มีว่ะ....
เวรเอ๊ย!  ช่างเป็นความยินดีที่น่าสลด  สมแล้วกับวิวหลักร้อยในยูทูป!  ถามหาหมาที่ฮงแดยังเจอง่ายกว่าเจย์เอดท์อีกเหรอวะเนี่ย!!
“อุบ!” เจตน์หูแว่วได้ยินเสียงจากอีกคน  พอหันขวับไปก็พบว่าคุณแฟนคลับอันดับหนึ่งกำลังเม้มปากกลั้นขำจนตัวสั่น  หน็อย....สนุกใหญ่เลยนะ
“ทำงานไป๊ไอ้บัว  มัวแต่ชวนคนอื่นคุยเดี๋ยวก็โดนหัวหน้าด่าพอดี”
“เออ จริงของแก” หญิงสาวรีบพับหน้าจอทวิตเตอร์ลงด้วยความเร็วเหนือแสง  สมกับที่ฝึกปรือฝีมือมานาน “เจตน์ไปเถอะ  เดี๋ยวเราเซ็นแล้วเอาไปส่งต่อให้เอง”
“ขอบใจนะ” หนุ่มฝ่ายประสานงานก้มหัวเล็กน้อยแล้วรีบเดินผละออกมาจากโต๊ะ  กระนั้นก็ยังได้ยินเสียงอันคุ้ยเคยไล่ตามหลัง
“ฉันก็ไปล่ะ”
เจตน์กลั้นหายใจเมื่อเสียงฝีเท้านั้นไล่ตามหลังมา  เขาหักเลี้ยงตรงหัวมุมก้าวไปตามทางเดินยาวเบื้องหน้า  เร็วแค่ไหนคุณฝ่ายขายก็ตามมาขนาบด้านข้างได้ทันอยู่ดี
คนตัวสูงพึมพำ “นิสัยไม่ดี”
“อะไรเล่า”
“เห็นนะว่าหัวเราะ”
“ฮ่า ๆ ๆ” นอกจากไม่สะทกสะท้านแล้วยังโชว์ให้ดูอีก  ร้ายกาจจริง ๆ “ก็นายทำหน้าตลกอะ  เลิ่กลั่กใหญ่เลย”
“ตกใจหมดเลยนึกว่าโดนจับได้....”
“...........”
“แต่ดันไม่มีชื่อ...”
ทำไมยิ่งพูดยิ่งดราม่าเข้าไปทุกที  แม้แต่เจตน์เองยังสับสนว่าควรดีใจหรือเสียใจดี  ท่าทางหางลู่หูตกนั่นทำเอาพอสต้องตบบ่าแปะ ๆ ปลอบโยน
“โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรนะ”
“ไม่ได้อะไรนี่”
“เห็นอยู่ว่าน้อยใจ” พอสเลื่อนมือขึ้นไปขยี้เส้นผมสั้นเกรียน “ดีแล้วไง  จะได้ไม่มีใครมาแย่งฉัน”
ฉึก!  ศรเสียบเข้ากลางอกเจตน์อย่างจัง  อา....ไม่ไหวแล้วคนอย่างพอสนี่มันยังไงกันนะ  แม้แต่เรื่องบัดซบก็ยังพลิกมาหยอดกันได้  อันตรายชะมัดทำเขาหน้าร้อนวูบวาบเลย
ผู้ร้ายฉีกยิ้มกว้างไม่รู้สึกรู้สาว่าเล่นกับใจคนอยู่ “เดี๋ยวฉันต้องออกไปหาลูกค้านะ”
“เหรอ”
“ไม่ต้องเหงาน้า~” พอสถองสีข้างล้อเลียน “อาทิตย์นี้ไปเที่ยวกัน”
“หา!? เที่ยว? ที่ไหน”
“อ๋า! สายแล้วเดี๋ยวรถติด” นอกจากไม่แถลงไขแล้วไอ้ตัวแสบยังกลับหลังหันแล้วออกวิ่งไปยังทิศทางตรงข้าม  เขาโบกมือลา “ไว้เจอกันนะ!”
แล้วจะให้เจตน์ว่ายังไงล่ะ....
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  ตั้งแต่จูบกันเมื่อวันนั้นคุณพสุก็ขยันน่ารักให้หัวใจทำงานหนักขึ้นทุกที  ชอบมาหยอดเขาถึงโต๊ะบ้างล่ะ  ลากไปกินข้าวกลางวันบ้างล่ะ
คนตัวสูงสาวเท้ากลับไปยังห้อง  ทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้เผลอเหม่อลอยจนถูกพี่ข้าวดุนิดหน่อย  เจตน์คลึงหัวตาใต้กรอบแว่นพลางคิดขึ้นมาว่าอยากให้ถึงวันอาทิตย์เร็ว ๆ จัง

...............................................................

   “แฮ่ก ๆ ๆ”
   “โอ๊ย! นึกว่าจะตายแล้ว”
   “นายนั่นแหละ” เจตน์หยุดหายใจ  กลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอเอื๊อกใหญ่ “เลือกห้องอะไรก็ไม่รู้”
   “ใครจะไปรู้ว่ามันน่ากลัวขนาดนั้นเล่า!” ตัวตั้งตัวตีของเดทนี้กระพือชายเสื้อระบายความร้อน “ตอนมีมือมาข่วนหน้าต่างฉันนึกว่าจะตายคาห้องแล้ว  สงสัยจะโง่ไม่เหมาะกับเกมใช้สมอง”
   “แต่ก็ออกมาได้นี่”
   “ใช้ตัวช่วยจนหมดถ้ายังติดแหง็กข้างในก็เกินไปแล้ว” พอสหมุนเปิดขวดน้ำแล้วกระดกเข้าไปอึกใหญ่ “เฮ้อ~  แค้นว่ะ!  รอบหน้ามาใหม่”
   “เลือกห้องที่มันง่ายกว่านี้สิ” เจตน์พลิกใบรายละเอียดเกมไปมา “อันนี้ห้องซอมบี้”
   “ไม่เอา!! แหยะอะ!”
   “แล้วนี่ล่ะ  โรงพยาบาลร้าง  ระดับต่ำสุดเลยนะ”
   “แหยะหนักกว่าซอมบี้อีกไม่ใช่เหรอ!”
   ระหว่างถกเถียงกันเรื่องเกมต่อไปพนักงานสาวก็มายืนด้อม ๆ มอง ๆ ข้างโซฟาก่อนจะเอ่ยอย่างสุภาพ “เอ่อ....ขอรบกวนคุณลูกค้าถ่ายรูปทางนี้หน่อยได้ไหมคะ”
   ชายหนุ่มทั้งสองรีบลุกตามให้ความร่วมมือโดยพลัน  พวกเขาอยู่ที่ร้าน Escape Game เล่นหลบหนีออกจากห้องด้วยการไขปริศนาในธีมต่าง ๆ  เมื่อครู่เพิ่งจะออกจากห้อง ‘คุณฆ่าเธอ?’
เนื้อเรื่องคือตัวเอกตื่นขึ้นมาในห้องปิดตายพร้อมศพผู้หญิงถูกแขวนคอ  เขาต้องหาความจริงและหนีออกไปจากห้องนี้ให้ได้ภายในเวลาที่กำหนดโดยสามารถขอใช้ตัวช่วยได้ 5 ครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าหน้าใหม่สมองทึบใช้เสียเต็มโควตา
   กว่าจะออกมาได้ก็เล่นเอาหลอนไปหมดทั้งศพขยับ  มือปริศนาข่วนหน้าต่างป้ายเลือด  สารพัดจะขุดมาเร่งเร้า เสียเหงื่อจนน้ำทั้งขวดไม่อาจเยียวยาร่างกายได้ด้วยซ้ำ
   “ขอบคุณมากนะคะ”
   ภาพถ่ายใบหนึ่งถูกติดไว้ในบอร์ดร้าน อีกสองใบให้กลับเป็นที่ระลึก  เจตน์มองรูปในมือไม่วางตา  วันนี้คุณฝ่ายขายสวมเสื้อมีฮู้ดสีดำสกรีนลายคาดเส้นเหลือง ‘KEEP OUT’ พร้อมกางเกงยีนส์ดำบากเป็นบั้ง ๆ แบบปลาหมึก  บนสันจมูกมีแว่นไร้กรอบทรงกลมเหมือนคนขายยาดม  ส่วนรองเท้าเป็นแตะสีดำแบบรัดส้น  ทั้งหมดทั้งมวลนี้สามารถดูดีมีสไตล์ได้เมื่ออยู่บนไม้แขวนถูกอัน
   เทียบกับตัวเขาที่เสื้อยืดขาวแปะโลโก้กับกางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบ  ความต่างนี้เล่นเอาเจตน์เวทนาเซนท์แฟชั่นตัวเอง เสียแรงที่เคยไปเทรนด์เรื่องการวางตัวถึงเกาหลี  นี่ก็ว่าชุดเก่งแล้วเชียวนะ....
   “นายน่าจะยิ้มสักหน่อยนะ” พอสเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้วขณะยกรูปถ่ายขึ้นมองใกล้ ๆ
   “เขานับเร็วไป  ฉันกะจังหวะไม่ทัน” คนหน้าตายแก้ตัว  ในรูปถ่ายพอสทำท่าขยับแว่นลงยักคิ้วหลิ่วตาทะเล้นใส่กล้อง  สมแล้วที่มีจิตวิญญาณของไอดอลเต็มเปี่ยม “รอบหน้าไว้มากันใหม่นะ”
   “แต่ไม่เอาห้องซอมบี้นะ  ฉันชอบไม่ชอบเลือด”
   “หือ?”
   “เลยเลือกห้องผูกคอตายนี่ไง  อย่างน้อยก็ไม่ค่อยเห็น” ชายหนุ่มล้วงมือลงในกระเป๋าเสื้อขณะก้าวไปตรงบันไดทางลง “แต่ดันเจอเลือดป้ายหน้าต่างเฉยอะ  แม่งเกือบหลุดกรี๊ดแล้ว”
   “ฮ่า ๆ ๆ”
   “อ๊ะ! หัวเราะแล้ว” พอสแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์  ตอนนั้นเองที่เจตน์พบว่าตัวเองเผลอหลุดยิ้มจนหน้าเบี้ยวไปหมด  ชายหนุ่มบีบปลายคางตัวเองให้กลับมาบึ้งตึงดังเดิม “เวลาถ่ายรูปนายก็แกล้งทำเป็นหัวเราะแบบเฟค ๆ ก็ได้  ดูเป็นธรรมดาชาติดีออก”
   “นายพูดว่าเฟคกับธรรมชาติปนกันนะ”
   “มันก็เหมือนกันแหละน่าแค่รูปออกมาสวยก็พอแล้ว” พูดจบคุณครูก็พลิกตัวกลับมา  สองมือเอื้อมจับใบหน้าคนตัวสูง  ใช้นิ้วโป้งยกตรงมุมปากขึ้น “ไหนยิ้มให้ดูหน่อยสุดหล่อ----แว้กกกกก!!”

พรืดดดดดด!!

   เพราะหันหลังเลยก้าวพลาดไถลลงไปสามขั้นบันได

   หมับ!
   เจตน์คว้าฮู้ดเสื้อไว้ได้ทันก่อนเท้าไปแตะขั้นที่สี่  ท่วงท่าตอนนี้ราวกับหนังฮอลลีวู้ดฉากตกตึกก็ไม่ปาน  พ่อพระเอกยืนหิ้วคอเสื้อนางเอก  ขณะที่อีกฝ่ายเหยียดขาตรงยั้งการหล่นร่วงไว้  ท่อนขาแข็งแกร่งสั่นระริก  ทว่าเรื่องบัดซบยังไม่จบเพียงเท่านี้.....
แคว่กกกก!!
กางเกงบั้งปลาหมึกด้ายระเบิดจนหัวเข่าทะลุออกมา
“อุบ…” คนหน้าตายเม้มปากก่อนจะทนไม่ไหวระเบิดเสียงหัวเราะสะเทือนปฐพี “ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ”
จัดให้ดังสนั่นสมใจไอ้พอสเสียไม่มี “หยุดเลยนะ  ช่วยฉันก่อนสิ!”
“ขอโทษนะแต่มัน....ฮึก” ผู้ช่วยชีวิตกลั้นขำจนมือสั่นหงัก ๆ
“จะร่วงแล้ว ๆ ๆ ๆ”
เอ้า...ฮึบ!  เจตน์ใช้แรงเฮือกสุดท้ายดึงร่างนั้นขึ้นมายังบันไดขั้นบนสุดได้สำเร็จ  เหยื่อผู้โชคร้ายงอตัวใช้แขนยันเข่าไว้พร้อมหอบแฮ่ก ๆ ราวกับเพิ่งผ่านเหตุการณ์เสี่ยงตายมา
“กางเกงฉัน!!” พอสกรีดร้องราวกับถูกผีสิงสู่  สองนิ้วแหวกดูความเสียหายตรงหัวเข่า “เพิ่งใส่ได้สองครั้งเองโว้ย!!”
“อย่าไปแหกมันสิ  เดี๋ยวก็----”
แคว่ก!!
รอยแยกลามตามตะเข็บขึ้นไปถึงต้นขาด้านใน  ท่ามกลางความตื่นตะลึงของเจตน์ที่ลูกตาแทบหลุดเหมือนหมาปั๊กได้ยินเสียงฟ้าผ่า  มือใหญ่รีบตะปบปิดลงไปบนต้นขาขาว ๆ  มองซ้ายขวาเลิ่กลั่ก  จังหวะนั่นเองที่มีเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง
“เอ่อ....เป็นอะไรหรือปะ-----”
ผ่าง!  ภาพที่เห็นคือชายคนหนึ่งกำลังทิ่มมือเข้าไปในต้นขาอีกคน  ท่วงท่าฉาวโฉ่ระดับลงข่าวหน้าหนึ่งได้สามฉบับติด  ลุงผู้อารีผายมือไปทางซ้าย “ตามสบายนะไอ้หนุ่ม  ห้องน้ำอยู่ทางนู้น”
“มะ...ไม่ใช่นะครับ!!”
“ถ้าชั้น 4 จะเงียบกว่านะ”
“ลุ้งงงงงงงงงงง!!”
เสียงกรีดร้องไปอาจไปถึงเมื่อลุงเดินดุ่ม ๆ จากไปทิ้งไว้เพียงบรรยากาศชวนวาบหวิวประหนึ่งถ่ายปกปลุกใจเสือป่า  พ่อสุภาพบุรุษยกมือออก แต่พอเห็นขาก็ปิดลงมาใหม่  ทำวนไปมาอย่างนั้นเหมือนไม่มีสมองคิดอย่างอื่นแล้ว
“เอ่อ...เจตน์”
ทันใดนั้นเองเจ้าทึ่มก็หันไปเห็นบางอย่างตรงหัวเข่า “เลือด!!”
“หา!?” พอสก้มมองแล้วพลันหน้าซีดเผือด  แผลถลอกมีเลือดไหลซึมออกมาเป็นจุด ๆ “แหยะ!!”
“ถ้ากลัวก็อย่าดูสิ!” เจตน์ผลักหัวชายหนุ่มไปอีกทาง “ต้องล้างแผลแล้ว  ไปโรงพยาบาลไม่ก็คลินิกไหม”
“เวอร์ไปแล้ว”
“ยืนไหวไหม”
“ใจเย็นพวก! ขาฉันยังไม่ขาด  อ้อ! ห้ามเล่นมุกวงไพ่”
“ใครมันจะเล่น”
“ฮะ ๆ ๆ” พอสส่ายหัว  ไม่ไหวเลย  เจตน์นี่จืดชืดชะมัด แต่ไอ้สีหน้ากังวลว่าเขาจะเสียเลือดจนตายจากแผลเล็กเท่าเหรียญบาทนั่นก็น่ารักดี “แผลแค่นี้เอง”
“แต่นายกลัวเลือดนี่”
“ถ้าไม่เยอะก็ไม่เป็นไรหรอก” คนเจ็บบุ้ยปาก “ห่วงกางเกงฉันดีกว่าไหม”
“โป๊เลยเนอะ----”
“มันแพง”
“...........”
“พรีมาตัวละตั้งหลายบาทดันมาขาดง่าย ๆ แบบนี้พอกันทีไอ้ร้านลวงโลก!” พูดจบพอสก็ยืดตัวขึ้นยืนจนเศษผ้าที่ขาดห้อยต่องแต่งไปมาดูอนาจารนัก “เซ็งว่ะ! ไปหาขนมกินกัน”
“นายจะบ้าเรอะ!  สภาพนี้ยังจะเที่ยวต่อได้อีกเหรอ” ทั้งที่เสื้อผ้าอยู่ครบดี แต่เจตน์กลับเป็นฝ่ายลนลานเสียเอง  เรียกว่าอายเผื่อพอสหมดแล้ว “ต้องหากางเกงมาเปลี่ยน”
“ถ้าอย่างนั้นก็....”
“............”
“ไปห้องฉันไหมล่ะ”

   เจตน์มั่นใจว่านั่นไม่ใช่ประโยคคำถามอย่างแน่นอน.....

…………………………………………..

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Indigo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1030/-7

คอนโดของพอสอยู่ติดรถไฟฟ้าถัดไปสองสถานีเท่านั้น จึงเหมาะสมแก่การเปลี่ยนกางเกงที่สุด  เจตน์จูงอีกฝ่ายเดินหนีบลับ ๆ ล่อ ๆ ไปที่รถก่อนจะทะยานออกไปราวม้าศึก
   บรรยากาศในห้องโดยสารตึงเครียดเป็นอย่างมาก  เพราะจู่ ๆ ก็ถูกลากไปห้องของคู่เดตแบบไม่ทันตั้งตัวเลยออกจะชวนขวยเขินอยู่ไม่น้อย  กว่าบทสนทนาแรกจะเริ่มขึ้นอีกครั้งก็ตอนที่มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องแล้ว
   แอ๊ด....
   เจตน์แอบชะเง้อมองเข้าไปด้านใน  สมแล้วที่เป็นคอนโดแบรนด์ดัง เพราะหมดงบไปกับการโปรโมทห้องเลยเล็กเท่าแมวดิ้นตาย  ยืนมองจากหน้าห้องก็เห็นแทบทุกอย่างแล้ว
   เจ้าบ้านก้มถอดรองเท้าด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ เพราะแผลเริ่มหายชาและผิวตึง  เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะก้มไปดึงสายรัดส้นที่ข้อเท้าลงให้
   “ขอบใจ”
   “อืม” พอก้มลงมาระดับนี้บั้นท้ายอีกฝ่ายก็ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า  เจตน์พยายามสงบจิตใจท่องพุทโธ ธัมโม สังโฆวนเวียนอยู่หลายจบจนเจ้าของกางเกงบาปหนานั่นเดินไปถึงกลางห้อง  พอสเอี้ยวตัวมาทางเขาขมวดคิ้วเป็นเชิงบอกว่า ‘จะยืนตรงนั้นอีกนานไหม’
   ผู้มาเยือนก้าวตามไป เพราะมีพื้นที่จำกัดโซฟาจึงถูกวางไว้แทบจะติดประตู  อีกฝั่งมีทีวีแขวนอยู่  ดวงตาเรียวมองสำรวจไปโดยรอบ  จะว่ายังไงดีล่ะ....ห้องสมกับเป็นพอสสุด ๆ ไปเลย  ทั้งการตกแต่งโทนขาวเกลี้ยงที่ยกอีเกียมาทั้งดุ้นแถมยังเพิ่มงาน DIY เหมือนบอร์ดแพลนเนอร์ที่โต๊ะทำงาน  ธงสามเหลี่ยมตรงผนัง  กรอบรูปงานคอลลาจ  แม้แต่ผนังหลังโซฟาก็เป็นงานเพ้นท์ตัวหนังสือยึกยือ  ความสวยไม่มาก แต่ความพยายามเกินร้อย
   กลางห้องมีเคาน์เตอร์กินอาหารสองที่นั่ง  ครัวเตาไฟฟ้าขนาดเล็ก  ถัดออกไปไกลสุดคือระเบียง  ส่วนห้องนอนนั้นแยกสัดส่วนไปทางขวามีฉากกั้นนิดหน่อย แต่มองจากตรงนี้ก็เห็นอยู่ดี
   “นั่งก่อนสิ” พอสอาจจะไม่รู้ว่าเจตน์ไม่ได้มารยาทงาม แค่กำลังสาระแนความเป็นอยู่ของชาวบ้าน  ชายหนุ่มถอดแว่นแฟชั่นไร้กรอบวางลงบนเคาน์เตอร์พลางหันมาถามอย่างเจ้าบ้านที่ดี “จะเอาน้ำไหม”
   “ไม่ต้องหรอก”
   “น้ำอัดลม?”
   “ฉันต่างหากต้องถามนาย” เจตน์มองเลือดไหลซิบตรงหัวเข่าพสุ “มีอะไรให้ช่วยไหม”
“งั้นถอดกางเกงให้หน่อยสิ”
“พูดอะไรของนาย!!” น้องเจตน์ตะโกนด้วยใบหน้าแดงเรื่อ  ขณะที่คนเจ็บเลิกคิ้วขึ้น
“ถ้าไม่มีคนช่วยจับให้มันก็โดนแผลสิ”

อ้อ....อย่างนี้นี่เอง
คนตัวสูงลอบถอนหายใจ  ที่พอสพูดมาก็สมเหตุสมผลอยู่  เจตน์ปัดความคิดสกปรกออกจากหัวพลางย่างสามขุมเข้าไปยืนข้าง ๆ  พอสสบตาเขาแว้บหนึ่งก่อนจะคว้าหมับเข้าที่ซิบกางเกง
ฟืดดดดดด….
“ดะ...เดี๋ยวหยุดก่อน  ฉันว่านาย---”
ผลุบ!  เจ้าบ้านยังปลดกระดุมออกอย่างเฉยชา
“พอส! นายเปลี่ยนเองในห้องน้ำดีกว่---”
พึ่บ!  ขอบกางเกงลงมากองที่กลางสะโพก  เผยให้เห็นปราการชั้นสุดท้าย
“โทษที  ไม่รู้ว่านายจะมาไม่งั้นจะใส่กางเกงในตัวเก่งเลย”
โอ๊ย....ไอ้เจตน์อยากตาย....
เหมือนจะมีแค่เขาที่ลนลาน เพราะคุณฝ่ายขายทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้กระดิกเท้าน้อย ๆ พลางเอ่ยขอ “ช่วยดึงออกให้หน่อยสิ”
เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้เขินอายเจตน์ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองลามกนรกส่งมาเกิด  ดังนั้นต้องรีบแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการคุกเข่าลงบนพื้น  ถอดกางเกงให้แบบจริงใจแมน ๆ
เฮ้ย! ไม่เห็นมีอะไรเลยว่ะ  ช่วยเพื่อนเฉย ๆ
“ถ้าเจ็บก็บอกนะ” พูดจบก็อยากตบปากตัวเอง  ไม่มีประโยคที่มันส่อน้อยกว่านี้แล้วเหรอวะไอ้เจตน์! แต่ช่างมันก่อนตอนนี้ต้องช่วยคุณฝ่ายขายลอกคราบทำแผลให้เรียบร้อย  คิดได้ดังนั้นขอบกางเกงก็ร่นลงมาตรงต้นขา
จู่ ๆ ในห้องก็เงียบสงบมีเพียงเสียงลมหายใจเท่านั้น  เจตน์ใช้ปลายนิ้วเกี่ยวดึงรูขาดให้ลอยขึ้นจากผิว  ส่วนมืออีกข้างก็ค่อย ๆ ปลดผืนผ้าลง  รอจนทั้งหมดมากองเหนือบาดแผลจึงเปลี่ยนไปถอดที่ข้อเท้าต่อ
ผิวกายแตะต้องกันเล็กน้อยชวนให้วูบโหวงในช่องท้อง เพราะกางเกงเข้ารูปจึงต้องใช้เวลาพอสมควร  ในที่สุดเขาก็สามารถลอกคราบพอสได้สำเร็จ  ขาขาวเปลือยเปล่ากระดิกไปมาชวนสติเตลิดอีกครั้ง  โชคดีหน่อยที่เจ้าตัวสวมชั้นในแบบกางเกงเลยพอลดความอนาจารไปได้บ้าง
“กล่องยาอยู่ไหนล่ะ”
“ไม่ต้องหรอก  เดี๋ยวฉันทำเอง” พูดจบพอสก็ชักขาขวาขึ้นมาชันบนเก้าอี้  ท่วงท่าแบบนั้นเผยให้เห็นส่วนใต้ร่มผ้าชัดขึ้นจนเจตน์ต้องเบือนใบหน้าชมนกชมไม้แทน  เหมือนจะหูแว่วได้ยินเสียงกลั้นหัวเราะเสียด้วย
แกร๊ก!
กล่องปฐมพยาบาลที่เตรียมไว้ถูกเปิดออก  ชายผู้กลัวเลือดเปิดซองสำลีแล้วลงมือเช็ดรอบบาดแผล  ความแสบแล่นพล่านไปถึงสมองจนอดจะครางอือไม่ได้
“ไม่น่าโง่ร่วงลงมาเลย”
“เจ็บเหรอ”
“ก็นะ...” คนบนเก้าอี้ไหวไหล่  ทาบสำลีลงไปอีกครั้งก่อนจะเปิดประเด็นใหม่ “นี่ ฉันมีเรื่องคาใจอยู่อย่างน่ะ”
“หือ?”
“ทำไมต้องเจย์เอดท์ด้วย แปดนิ้วเหรอ”
“ไม่ใช่!!!”
“ง่ะ”
“ปะ....เป็นลัคกี้นัมเบอร์!!”
“อ่า รู้แล้ว ๆ ไม่เห็นต้องโวยวายเลยนี่นา” ตัวเองเล่นมุกใต้สะดือแท้ ๆ ยังมีหน้ามาบ่นผู้เสียหายอีก  เจตน์ล่ะยอมใจ “สงสัยเฉย ๆ เอง”
“สันนิษฐานอะไรของนาย”
“ฮ่า ๆ ๆ”
ไอ้ตัวแสบหัวเราะไปแต้มยาทาแผลสดไป  ไม่มีความสลดใด ๆ ทั้งสิ้น  ทิ้งให้เจตน์กุมขมับกับสถานการณ์อันตรายที่คืบคลานเข้ามาใกล้ทุกที  พยายามมองนู่นมองนี่ไม่ให้เผลอไปโฟกัสจุดยุทธศาสตร์ก็แล้ว  เจ้าตัวยังลากเขากลับมาหมกมุ่นต่อได้หน้าตาเฉย  เจตน์หันหน้าออกไปยังผนัง  ตรงนั้นเองที่มีกระดานแปะรูปเต็มไปหมด  หนึ่งใบในนั้นช่างคุ้นตาเหลือเกิน
“รูปนั้น....”
“อ๊ะ! น่ารักเนอะ” คนบนเก้าอี้สั่นขา “ถึงจะไม่เห็นหน้าแต่ก็เป็นรูปคู่ใบแรกเชียวนะ”
ทีเร็กซ์ฝาแฝดสองตัวคลั่งอยู่หน้ากรงขังคือรูปที่พอสกล่าวถึง  ทั้งทุเรศปนตลกทว่าตอนนี้พอย้อนกลับมาดูอีกครั้งก็พบว่ามันเป็นความทรงจำที่ดีไม่น้อย
คนบนพื้นพึมพำบอก “ไว้มาเพิ่มรูปกันอีกนะ”
“งั้นต้องเทรนด์ให้คนแถวนี้ฝึกยิ้มหน่อยแล้วแฮะ” พูดจบพอสก็แปะเทปปิดแผลเป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจ  เขาเอี้ยวตัวเท้าคางลงบนเคาน์เตอร์ “แต่ตอนนี้ฉันมีอีกคำถาม”
“หือ?”
“ไอ้นั่นน่ะ”
ปลายนิ้วชี้ลงมาบนกางเกงเจตน์

“มัน...ชี้หน้าฉันอยู่หรือเปล่านะ?”

ผ่าง!! ทุกสายตาจับจ้องมายังจุดยุทธศาสตร์กลางลำตัวของน้องเจตน์  จากที่เคยเจี๋ยมเจี้ยมเรียบร้อยกลับมีบางอย่างตื่นขึ้นมาทักทาย  คนลามกเบิกตากว้าง  ตัดสินใจไม่ได้ว่าควรยกมือขึ้นมาปิดดีหรือไม่
พอสผิวปากหวือ “ไม่แปดนิ้วจริงดิ”
“เพราะนายนั่นแหละ!!” ในที่สุดเจ้าคนทึ่มก็มาถึงจุดแตกหักระเบิดอารมณ์ออกมา “ใช้ถอดกางเกงบ้างล่ะ!  ชันขาขึ้นบ้างล่ะ!  เห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว!!”
“ไม่ขอโทษหรอกนะ”
“...........”
“เพราะตั้งใจ”
ไอ้ตัวแสบแสยะยิ้มมุมปากก่อนจะทิ้งขาข้างที่ชันลงเผยให้เห็นบางอย่างที่นูนจากใต้ชั้นในไม่ต่างกัน  เห็นอย่างนั้นเหยื่อก็โอดครวญ
“นิสัยเสีย”
“ฮะ ๆ ๆ” ชายด้านบนวางปลายเท้าลงตรงที่ว่างระหว่างขาอีกฝ่าย “รู้งี้ใส่ชั้นในตัวใหม่ก็ดี”
พอสทิ้งตัวลงบนพื้น  ก้มหน้ามอบจูบดูดดื่มที่เปี่ยมด้วยความต้องการ  เจตน์แทรกปลายลิ้นร้อนผ่าวเข้ามาในทันที กวาดต้อนเขาเหมือนใจจะขาด  พอสส่ายหัวนิด ๆ  น้องเจตน์เอ๊ย  ถ้าอยากขนาดนี้จะเก็บอาการทำไมตั้งนาน
สองมือประคองใบหน้าพ่อไอดอลขึ้นให้รับจูบได้ถนัด  พอสอยู่ในตำแหน่งสูงกว่าเพราะยกสะโพกขึ้นจากพื้น  เขาถูกคนด้านล่างรวบเอวเข้ามาใกล้  ส่วนกลางลำตัวขยายขึ้นจนทรมาน
เรียวลิ้นร้อนผ่าวเกี่ยวกระหวัดกันจนเกิดเสียง  พอสไล้นิ้วโป้งลงกับสันกรามอีกฝ่ายจังหวะนั้นเองที่ถูกกดร่างลงให้นั่งคร่อมบนหน้าตักเจตน์แทน  ส่วนใต้ชั้นในเสียดสีกันไปมา
“อื้อ” เจตน์กระดกตัวขึ้นเมื่อพบว่ากระดุมกางเกงถูกปลดออก  รอบนี้เขากลายเป็นฝ่ายโดนลอกคราบเสียเอง  เสียงรูดซิปดังตามมาในทันที “อ๊า...พอส...”
กลีบปากบนถูกงับแล้วดูดดึงจนชายหนุ่มลืมถ้อยคำที่ต้องการเอ่ยไปหมดสิ้น  รู้ตัวอีกทีปราการด่านสุดท้ายก็ถูกนิ้วเรียวยาวเกี่ยวลง  ไม่รอให้เจตน์ได้พักหายใจเมื่อไอ้ตัวแสบใช้มือข้างหนึ่งเข้ากอบกุมทันที
“อ๊า!” ขาที่ถูกทับกระตุกวูบ  ริมฝีปากที่คลอเคลียผละออกจากกัน “นายนี่มัน....”
“นายก็ทำให้ฉันด้วยสิ”
พอสกระซิบข้างใบหู
“นะเจตน์....”

แพ้แล้วล่ะ.....  ทุกครั้งที่พอสเรียกชื่อเจตน์เหมือนจะคลั่งเสียให้ได้  ราวกับเป็นเครื่องยืนยันว่าผู้ชายคนนี้ชอบเขาที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน  กอดเขา  จูบที่ตัวตนของเขา.....
เจ้าของชื่อใช้สองนิ้วโป้งเกี่ยวขอบชั้นในสีขาวลง  ด้านในเปียกชุ่มจนคิดว่าเสร็จไปแล้วสักรอบ  ฝ่ามือกร้านลูบมันอย่างอ่อนโยนจนร่างด้านบนสั่นสะท้าน
“อ๊ะ!” พอสงับลงที่ใบหูเขาเป็นการลงโทษ “ทำสิ”
ต่างฝ่ายต่างซบใบหน้าลงบนบ่าขณะที่มือขยับปรนเปรอให้กันและกัน  ได้ยินเสียงครางของอีกฝ่ายใกล้ ๆ ยิ่งทำให้อารมณ์พุ่งทะยานขึ้น
พอสขยับสะโพกเบียดเข้าหาจนส่วนปลายแนบชิดกัน  ตอนนั้นเองที่เจตน์รวบมือเขาไว้  ช่วยกันขยับจนเป็นจังหวะเดียวกัน
“อ๊า” พอสผละใบหน้าออกจากบ่า “เจตน์...อื้อ...”
ปากเจื้อยแจ้วถูกฟันขาวงับหยอก  เจตน์ประกบริมฝีปากเข้ามาอีกครั้ง  มอบจูบที่ดูดดื่มยิ่งกว่าเดิม  เสียงเฉอะแฉะดังแข่งกันทั้งท่อนบนและล่าง
“อื้อ  พอส...พอส.....”
พระเจ้า....แค่ได้ยินเสียงที่หลงใหลครางชื่อออกมาพสุก็แทบถึงจุดสุดยอด  เขาเร่งจังหวะมือให้เร็วขึ้นหวังให้อีกฝ่ายเสียวซ่านไม่ต่างกัน  ท่อนเนื้อทั้งสองร้อนผ่าวจนแทบคลั่ง  ถูกรูดรั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนใกล้แตะปลายทาง
รสจูบทำให้ดวงตาพร่าเลือน  ทว่าโสตประสาทกลับชัดเจนเสียจนน่ากลัว  พวกเขาเดินทางมาถึงจุดสุดยอดกระตุกสะโพกขึ้นปลดปล่อยของเหลวสีขาวเลอะเต็มหน้าท้องและสองมือ  และเมื่อม่านหมอกแห่งความต้องการเริ่มคลายลง  สติสัมปชัญญะกลับมาเจตน์ก็พบว่าพวกเขาเดินทางมาไกลจนน่ากลัว
“ทำแบบนี้เราเหมือน....” เขาพึมพำเสียงทุ้ม “เซ็กส์เฟรนด์?”
“จะบ้าเหรอ!!”
พอสฟาดเข้าที่สีข้าง  ท่าทางเกรี้ยวกราดชวนให้คิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาสำคัญกับอีกฝ่ายมากกว่าเซ็----
“ยังไม่ได้มีเซ็กส์กันซะหน่อย!!”
 “งะ...งั้นแฮนด์จ๊อบเฟรนด์?” เจตน์เดาต่อ
“ขั้นต่อไปเลื่อนเป็นโบลว์จ๊อบเฟรนด์ดีไหมล่ะ----จะบ้าเรอะ!!” เพราะยังทึ่มไม่เลิกเลยโดนหยิกเข้าที่เอว  พอสเช็ดมือเข้ากับชายเสื้อ  สกปรกสิ้นดี “ตั้งแต่วันที่จูบกันแล้ว  นายคิดว่าหลังจากนั้นเราอยู่ในสถานะไหนกันงั้นเหรอ”
“ฉัน....ไม่ค่อยแน่ใจ”
“นายบอกว่าชอบฉันไม่ใช่เหรอ  แล้วฉันก็ชอบนายแค่นั้นมันก็ชัดเจนแล้ว!!”
“นายจะบอกว่าตอนนี้เรา....”
“..............”
“คบกันแล้วใช่ไหม”
“แล้วมันยังมีอย่างอื่นอีกเหรอ!!” พอสคำรามอย่างอดรนทนไม่ไหว  อยากจะผ่าไอ้สมองน้อย ๆ นั่นดูนักว่ามันไม่เหลือพื้นที่ให้ตรรกะความรักบ้างหรือไง “เวรเอ๊ย!  นี่ฉันหลงคิดว่ามีแฟนมากี่สัปดาห์แล้ววะ”
“โทษทีนะ”
“แทนที่จะขอโทษช่วยทำให้ฉันไม่เก้อได้ไหมเล่า”
ให้ตายเถอะ! เจย์เอดท์สุดหล่อแพรวพราวสุกสกาวแสงเดือนมันหายไปไหนหมดแล้วเนี่ย  ไอ้หนุ่มทึ่มพยายามแก้ตัวด้วยการขยับเข้ามาใกล้ด้วยใบหน้าแดงซ่าน
“งั้น....คบกับฉันนะ”

จุ๊บ...
ริมฝีปากบางจรดลงที่ข้างขมับคนผมยุ่ง  พอสเบิกตาโต ๆ ให้กว้างขึ้นไปอีก  สัมผัสชวนจั๊กจี้ในใจนั่นเล่นเอาคนอวดเก่งไปไม่เป็น  เจ้าพ่อแฟชั่นหลบตาวูบ
“เตรียมใจไว้เลยนะ  ถ้านายดังขึ้นมาเมื่อไหร่ฉันจะแฉลงพันทิปว่าเคยกินเจย์เอดท์มาแล้ว” พอสพึมพำ “ตอนนี้ยัง  เดี๋ยวอนาคตค่อยว่ากัน”
“ฮ่า ๆ ๆ”
เจ้าของใบหน้าที่พอสชอบหัวเราะจนบิดเบี้ยว  กระนั้นนายพสุก็ใจเต้นแรงราวกับเห็นเจย์เอดท์โบกมือให้ผ่านทางจอสี่เหลี่ยม
ไม่เหมือนในคลิปเลยสักนิด แต่ก็ยังทำให้ตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำอีก  ไอ้ทึ่มนี่วิเศษมาจากไหนกันเชียว  คิดแล้วก็เจ็บใจจนต้องทุบขาตัวเอง
“อ๊า....ไม่ไหวแล้ว!!” พอสซบใบหน้าลงบนบ่าอีกฝ่าย “จะร่างเจตน์หรือเจย์เอดท์ก็โดนตกอีกจนได้”
“อีกหน่อยฉันต้องแยกร่างให้ด้วยไหมเนี่ย”
“ฮะ ๆ ๆ”

ปลายนิ้วเรียวเขี่ยเส้นผมสั้น ๆ ตรงท้ายทอย

“คนไหนก็นายทั้งนั้นนี่"

   จะไอ้ทึ่มหรือหนุ่มฮอตก็ผู้ชายคนนี้.....คนที่จรดจูบที่ข้างแก้มเขาอย่างอ่อนโยน  กระซิบถ้อยคำซื่อตรงไร้ความโรแมนติก “ฝากตัวด้วยนะ”
   พอสหัวเราะ “นายสมัครเข้าทำงานหรือไง”
   “งั้นเอาใหม่”

ริมฝีปากเลื่อนขึ้นสัมผัสตรงหน้าผากแทน

   “ชอบนายที่สุดเลย”



TBC

ออฟไลน์ Indigo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1030/-7
Final Track :⥁ Loop the Happiness


“เฮ้อ~  นึกว่าจะเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่ออฟฟิศแล้ว”
“พอส! ถอดรองเท้าก่อนสิ”

เจ้าของห้องหันกลับมาขมวดคิ้วใส่  สรุปนี่มันห้องใครกันแน่เนี่ย  กระนั้นก็ยอมเดินกลับไปปลดรองเท้าที่ทางเข้าแต่โดยดี  ชายหนุ่มเดินโงนเงนไปล้มตัวนั่งลงบนโซฟา
“วันนี้ไม่อาบน้ำแล้ว”
“สกปรกน่า” เจตน์จุ้นจ้านใส่  มือข้างหนึ่งพยายามดึงอีกฝ่ายขึ้น “อาบก่อน  จะได้นอนสบาย ๆ”
“ไม่อาววววว” เด็กโข่งงอแง “โดนด่ามาไม่มีอารมณ์อาบ”
“มันเกี่ยวกันที่ไหนล่ะนั่น”
“ไม่อยากทำไรแล้วอะ”
พลังชีวิตหดจนเหลือขีดสุดท้ายกะพริบไฟสีแดงปริบ ๆ เตือนว่าซากบนโซฟาใกล้จะสิ้นชีพเต็มทนแล้ว  สาเหตุน่ะเหรอ?  คำตอบอย่างพนักงานกินเงินเดือนก็คือ ‘ประชุม’ นั่นแหละ
เจตน์ผู้ผ่านโปรฯแล้วได้ลิ้มรสถึงการถูกคาดหวังในผลงานอย่างลึกซึ้ง  ไม่ใช่แค่ทำงานให้ผ่านไปวัน ๆ แต่ต้องทำให้มากขึ้นราวกับไม่มีเพดานแห่งความสำเร็จ  พร้อมด้วยวลีฮิตอย่างตัวเลขไม่เคยโกหกใคร
ฝ่ายอื่นให้ข้อเสนออุบาทว์ ๆ มาก็ต้องบากหน้าเอาไปเจรจา  โดนด่ากลับมาก็รับเข้าไปเต็มตีน  ตัวเขาน่ะไม่เท่าไหร่ แต่คุณฝ่ายขายนี่สิ.....
“รอบนี้ฉันร่วงลงมาเป็นอันดับห้าเชียวนะ” ซากศพชูนิ้วขึ้น “ที่ห้า!!!”
“จากสี่สิบคนก็ไม่แย่นี่”
“แต่ฉันเคยอยู่ที่สามนะ!!” ชายตกอับซบใบหน้าลงกับมือ “ร่วงนิดหน่อยไอ้พี่กุ้งก็กัดจนเนื้อหลุดแล้ว”
“อ๊ะ!!” เจตน์ทุบฝ่ามือราวกับนึกอะไรขึ้นได้ “ถ้างั้นฉันจะแชร์เรื่องแย่ ๆ ของวันนี้ให้นายฟังบ้าง”
“หือ?”
“พี่เบสเผลอจ้องจมูกฉันนานมาก เหมือนจะจับผิดว่าทำมาเยอะขนาดไหน” ปลายนิ้วชี้ไปที่กลางใบหน้าของตัวเอง “แล้วก็พึมพำแนว ๆ ว่า ‘ลูกจะหน้ายังไง’ ด้วย”
“อะไรล่ะนั่น  ไร้มารยาท!!!”
“เห็นไหมล่ะ  มัน----”
“นายเป็นแฟนฉันไม่เห็นต้องสนเรื่องหน้าลูกเลย!!”

เอ่อ....เป็นเรื่องนั้นหรอกเหรอ....
ไอ้เจตน์เกาหัวแกร่ก ๆ ไอ้ที่หวังว่าพอฟังเรื่องบัดซบของเขาแล้วพอสจะรู้สึกว่าตัวเองไม่เดียวดายกลับกลายเป็นอีกอย่างไปเสียได้  แถมเขายังคิดวิธีปลอบที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว  ช่างเป็นคนรักที่บ้องตื้น-----
“ขอบใจนะ  นายเองก็ลำบากแย่เลย”
“เอ่อ ไม่ใช่จะข่มว่าฉันลำบากกว่านายหรอกนะ อย่าเข้าใจผิด” ชายหนุ่มกุมมืออีกฝ่ายไว้ “แค่จะบอกว่า...อ่า...เอ่อ....อย่าเครียดเลยเนอะ  เรื่องอันดับเดือนหน้าค่อยเอาใหม่ แต่จมูกฉันมันแก้ไม่ได้แล้ว”
   “ฮ่า ๆ ๆ” ได้ผลหรือเปล่าไม่รู้ แต่เห็นพอสระเบิดเสียงหัวเราะออกมาได้เจตน์ก็สบายใจ “ไม่ต้องแก้หรอก  แบบนี้หล่อที่สุดแล้ว”
   “อย่าปลอบคืนสิ  ฉันไม่ได้คิดมากเรื่องนั้นสักหน่อย”
   ตุบ!
คนตัวเล็กกว่าเอียงหัวซบลงบนบ่า  ไถเส้นผมเข้าหาเล็กน้อย “คบกันมาตั้งนานแล้วยังปลอบแย่เหมือนเดิมเลยน้า ~”
“ถ้าดีขึ้นแล้วก็ไปอาบน้ำสิ”
“เนี่ย! ปลอบห่วยชะมัด”
“ไม่นอนกับคนไม่อาบน้ำหรอกนะ”
“นายก็ไม่ต้องอาบสิ  เจ๊ากัน!” คนเจ้าเล่ห์ต่อรอง “แล้วนี่น้องเจตน์โทรบอกคุณแม่ยังคร้าบ~  มานอนค้างบ้านเพื่อนชายเนี่ย”
“โทรตั้งแต่กลางวันแล้ว” ไอ้ลูกแหง่งึมงำ “มาบ่อยจนแม่ไม่เชื่อว่าเป็นเพื่อนแล้ว”
“เซนส์ของความเป็นแม่สินะ”
“อ๊ะ! นายชวนฉันเปลี่ยนเรื่องนี่นา” เกือบเสียรู้ไอ้ตัวแสบแล้วไหมล่ะ!! คิดได้ดังนั้นเจตน์ก็ลุกขึ้นยืน  กระตุกแขนไร้กระดูกของร่างบนโซฟา “ไปเถอะ  เปลี่ยนเสื้อผ้าก็ยังดี”
สุดท้ายไอ้คนขี้เกียจก็แพ้ลูกตื๊อเจตน์จนได้  ถูกหิ้วปีกยัดผ้าขนหนูใส่มือผลักเข้าห้องน้ำมาแบบงง ๆ ไหนว่าแค่เปลี่ยนชุดก็พอไงวะ แต่ก็เอาเถอะอาบน้ำให้ตัวเบาขึ้นสักหน่อยก็ดี
ชีวิตรักในออฟฟิศหวานชื่นรื่นรมย์จนเริ่มมีคนสงสัยความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่การ์ด ‘เพื่อนมัธยม’ ก็ใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม  จะปีพ.ศ.ไหนก็เถอะ แต่การตกเป็นขี้ปากเพื่อนร่วมงานไม่ใช่เรื่องสนุกเลย
“ใช้ห้องน้ำเสร็จแล้วนะ” เจ้าของห้องชะโงกหน้าออกมา  ทว่ากลับไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก  พอสก้าวขาหันซ้ายขวาหาเป้าหมาย  ก่อนจะพบว่าหลังฉากกั้นห้องนอนมีปลายถุงเท้าสีน้ำตาลยื่นออกมา  ชายหนุ่มแสยะยิ้มก่อนจะสาวเท้าเข้าไปหา “พุ่งตรงมาห้องนอนแบบนี้หวังอะไรหรือเปล่า”
“พอส” ทว่าเจตน์กลับตอบเสียงเข้ม
“หือ?”
“นี่ของใคร”
จากรูปประโยคแล้ววัตถุต้องสงสัยนั่นต้องร้ายแรงระดับทำรักร้าวฉาน  แนว ๆ ถุงยาง  กางเกงในใช้แล้ว ของเล่นผู้ใหญ่  ทว่าเมื่อพอเข้าไปถึงจุดเกิดเหตุกลับต้องรีบคลายหัวคิ้วโดยพลัน
“ของเพื่อนอะ”
“เพื่อนเล่นกีตาร์ด้วยเหรอ”
“ไม่รู้มัน” เขาเดินไปนั่งลงบนเตียง  มองเจตน์ที่ลูบ ๆ คลำ ๆ เครื่องดนตรีบนพื้นไม่วาง “มาทำธุระแถวนี้แล้วก็มาฝากไว้”
“เพื่อนเยอะเนอะ”
“อะไรกัน” พสุใช้เท้าเขี่ย ๆ ตรงขาอีกฝ่าย “หึงด้วยเหรอเนี่ย”
“เปล่า” โกหกหน้าตายชัด ๆ แต่เอ๊ะ....ปกติก็หน้าแบบนี้ หรือไม่ได้โกหกกันนะ “ฉันจะไปอาบน้ำแล้ว”
“อืม”
พูดจบพอสก็ทิ้งตัวนอนแผ่ลงไปบนเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรง  ดูท่าพลังชีวิตจะหมดหลอดอย่างเจ้าตัวว่าจริง ๆ ถึงได้เลิกแซวเจตน์อย่างง่ายดาย  คนตัวสูงนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้ออกไปอาบน้ำอย่างที่บอกเอาไว้
ใบหน้าของพอสเด่นชัดอยู่ตรงหน้า  ถึงจะพยายามร่างเริงอย่างไรเจตน์รู้ดีว่าในใจยังคงหมกมุ่นกับเรื่องอันดับไม่เลิก  มันเขียนอยู่บนใบหน้าอย่างชัดเจนทั้งความเครียดและผิดหวัง  ตัวเขาเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรให้เจ้าตัวรู้สึกดีขึ้น
คนบนเตียงพลิกตัวตะแคงเงี่ยหูรอฟังเสียงจากห้องน้ำทว่ากลับไม่มี  พอสขยับซุกใบหน้าลงกับหมอนอย่างเกียจคร้าน  ไม่ทันจะเปิดเปลือกตาขึ้นก็ได้ยินเสียงกรีดสายกีตาร์  พร้อมน้ำเสียงทุ้มต่ำที่เขาหลงใหล

https://www.youtube.com/watch?v=17mfBbRvM90&ab_channel=cokefreshfx

“หากเธอเหนื่อยล้าผิดหวัง ชีวิตไม่เป็นเหมือนที่ตั้งใจ”

ดวงตากลมเบิกโพลงขึ้นทันที  นี่มัน.....

“ทุก ๆ สิ่ง และทุก ๆ อย่าง....นั้นไม่เป็นเหมือนเคยฝันไว้”

เจตน์นั่งอยู่บนพื้น  โอบกีตาร์ไว้ในอ้อมแขน  พระเจ้า....พอสแทบตาบอดเพราะประกายไอดอลที่เปล่งออกมา  นี่มันเจย์เอทด์ในลุคแฟนหนุ่มออฟฟิศ!!  สวมเสื้อเชิ้ตพับแขนถึงข้อศอก  เส้นผมถูกเสยขึ้นไปลวก ๆ

“หากปล่อยชีวิตที่ผิดหวัง ให้นั่งอยู่ตรงนั้นตลอดไป  วันที่เธอเฝ้ารอคอยด้วยหัวใจ นั้นคงจะไม่มาสักที....”

   หัวใจแห้งเหี่ยวของซากศพพลันเต้นแรง  ความอบอุ่นแผ่ซ่านเมื่อดวงตาทั้งสองสบประสานเข้าหากัน

“อยู่ที่เธอนั้นจะกล้าเปิด เปิดตาและเปิดหูและเปิดใจ” เจตน์มองตรงเข้ามาถึงกลางใจ  พูดกับเขาอย่างอ่อนโยน “มองโลกด้วยมุมมองด้านใหม่ ไม่ว่าจะร้ายหรือจะดี”
   อา....ไม่ไหวแล้ว  ต่อให้คนทั้งโลกไม่เห็น แต่สำหรับพอสยังไงเจย์เอดท์ก็สว่างไสวที่สุด
   ทันทีที่มือละออกจากสายกีตาร์ร่างบนเตียงก็โผเข้ากอดจนกระแทกเข้ากับเครื่องดนตรี
แอ่ก!!
   “เดี๋ยวใจเย็นสิ!” เจตน์รีบปรามก่อนจะโยนกีตาร์ไปข้าง ๆ ตัว  พอไม่มีอะไรขวางกั้นก็ถูกโจมตีด้วยอ้อมกอดหนุบหนับเข้าเต็มรัก  ใบหน้าหมองหม่นราหูอมเมื่อครู่พลันเปลี่ยนเป็นสดใสดั่งดอกไม้บาน  ดวงตาปิดจนเป็นขีด  แก้มยกสูงแทบปริแตก  ส่วนปากก็ยิ้มเห็นฟันแทบทุกซี่  น่ารักเสียจนเจตน์อดจะลูบหัวไม่ได้
   “อ๊า!  รักเจย์เอดท์ที่สุดในโลกเลย!!”
   “อ้าว แล้วเจตน์ล่ะ”
   “มันก็คนเดียวกันนั่นแหละ  แค่มีหลายปาง”
   “นี่คนหรือพระหือ?”
   “อ๊ะ! จริงสิ  วันนี้มัวแต่เครียดเรื่องประชุม  ลืมเรื่องสำคัญที่สุดไปเลย” พูดจบพอสก็ผละออกวิ่งไปคว้ามือถือบนโต๊ะ  พอกลับเข้ามาก็ทิ้งตัวนั่งลงบนตักอีกฝ่ายหน้าตาเฉย แนบแผ่นหลังเข้ากับอกไอ้เจตน์แบบไม่ปรึกษาท่อนล่างเขาสักคำ  ปลายนิ้วกดลงบนหน้าจออุปกรณ์อย่างคล่องแคล่ว “รับรองว่านายจะต้องเซอร์ไพรส์”
   “หือ??”
   “เท่แดน~”
   ขมวดคิ้วไม่ทันคลายคำเฉลยก็มาสาดแสงใส่หน้า

   “ยินดีด้วยกับพันวิวนะน้องเจตน์!”
   “เอ๊ะ...”
   เจ้าของคลิปช็อกจนแน่นิ่ง  ลำบากพอสต้องชี้ตัวเลขที่มุมขวาล่างของคลิปให้ดู  เขาชะโงกหน้าเข้าไปใกล้จนลูกตาแทบทิ่มเข้าจอ
   พระเจ้า  ถึงพันแล้วจริง ๆ ด้วย...
แม้จะเป็นแม่ไปแล้วห้าร้อย  พอสอีกห้าร้อยก็ตาม แต่มันถึงพันแล้วจริง ๆ....
   “ดีใจด้วยนะ!!  บอกแล้วว่าเสียงนายเยี่ยมที่สุดเลย”
   “หึ” เจตน์หัวเราะขึ้นจมูก  ไอ้ตัวแสบเอ๊ย....เป็นวิวตัวเองเกินครึ่งแล้วมั้ง
   “จะว่าไปนายไม่สนใจอัพคลิปใหม่ลงบ้างเหรอ  แฟนคลับเขารออยู่นะ” คนฟังเลิกคิ้วใส่ไอ้ ‘แฟนคลับ’ ที่ว่า  ดูเอาเถอะคนเรา  กล้าเนียนขอกันโต้ง ๆ แบบนี้เลย
   “ไม่ลงแล้ว”
   “ว้า~”
   “ไว้ร้องให้คนแถวนี้ฟังก็พอ”
   อุก!  ประโยคหวานทิ่มทะลุกลางใจจนพอสกระอักเลือดน็อคเอาท์คาที่  ไร้เรี่ยวแรงจนต้องไหลตัวพิงแนบแผ่นอกด้านหลัง ซบหัวลงกับคออีกฝ่าย  ตายอย่างไรให้ได้ซีนพอสรู้ดีที่สุด  เขายกมือขึ้นลูบปลายคางพ่อไอดอลตกอับ
   “ไม่เป็นไรเนอะ  นายก็เป็นหนุ่มออฟฟิศที่ร้องเพลงเพราะที่สุดเป็นไง!!”

   เศษซากความฝันอันน่าอายนั้นไม่น่ามองเลยสักนิด แต่ครั้งนี้เจตน์กลับมองหน้าจอแล้วยิ้มออกมา  อาจยังไม่ได้ชอบตัวเองในตอนนั้น แต่ก็ภูมิใจที่ผ่านมันมาได้  ก็ทุกคนบนโลกไม่ได้เกิดมาเพื่อประสบความสำเร็จนี่นา....
   เขาหยิบมือถืออีกฝ่ายขึ้นมาเปิดดูคลิปนั้นอีกครั้งในรอบปี  อ๋า....แอบเสียงไม่ถึงด้วยนี่หว่าไอ้เจย์เอดท์  ต้องฝึกอีกสักหน่อยแล้ว  ตอนนั้นเองที่ดวงตาเหลือบไปเห็นความคิดเห็นด้านล่าง
คอมเม้นหลักสิบ  เป็นแม่ไปแล้วสอง  เพื่อนอีกห้า  ทว่ากลับมีข้อความหนึ่งที่เขาไม่เคยได้ใส่ใจอ่านซ้ำ...

PausePause  1 ปีที่ผ่านมา
ขอบคุณที่ร้องเพลงนะ  ได้รับกำลังใจจากเจย์เอดท์เต็มหลอดพลังไปเลย!

ไม่เคยสังเกตเห็นเลยแฮะ....
   เจตน์แค่นยิ้มกับตัวเอง  อา....เขายอมชอบเจย์เอดท์ขึ้นมานิดนึงก็ได้
   คนบนตักหันมาถามด้วยดวงตาเป็นประกาย “คราวหน้ารีเควสเพลงอะไรดีนะ?”
   “เลือกมาสิ...”

ไม่มีรางวัลสำหรับผู้แพ้หรอก
แต่เมื่อไปไม่ถึงฝัน แค่ได้รอยยิ้มของพอสก็ถือเป็นรางวัลแล้ว


   “แล้วจะร้องให้ฟังจนเบื่อไปข้างเลย”




END


ในที่สุดก็มาถึงตอนจบแล้วนะคะ  จัดเป็นเรื่องสั้นขนาดยาวแล้วกันเนอะคะ
ขอพูดถึงเรื่องนี้หน่อยดีกว่า  ตอนนี้เรากำลังพยายามเขียนเรื่องยาวเรื่องหนึ่งที่ไม่ใช่แนวที่เคยทำ  เขียนมาเป็นปีได้แค่ 6 ตอนอยู่เลยยังไม่กล้าโพสต์ลงเว็บ  ทีนี้ก็รู้สึกว่าตัวเองเครียดมากจนอยากหาอะไรเบาสมองเขียนสักหน่อย และก็คลอดออกมาเป็น Pause&Play ด้วยประการฉะนี้ค่ะ 55555
อยากมีพระเอกสายไอดอลบ้าง แต่ไหงออกมาเป็นสายน้องก็ไม่รู้  เขียนไปก็นว้องงงงในใจ  ฮือออออออ
ในขณะที่พอสก็ซื่อตรงจนน่ากลัว  ดราม่าทั้งหมดก็มาจากเจตน์ล้วน ๆ แหละค่ะ  คิดเยอะไปไยไอ้หนุ่มมมม!!

หวังว่าจะเอ็นดูน้องเจตน์น้องพอสบ้าง  ไม่มากก็น้อยนะคะ
เป็นกำลังใจให้คนทิ้งฝันและคนไร้ฝันทุกคนค่ะ

กลับมาเจอกันอีกครั้งเรื่องหน้านะคะ  น่าจะภายในปีนี้แหละค่ะ
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่ติดตามกันมาตลอด  ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ  รักสสสสสส์
//รวบกอดปอดแหลก  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-01-2019 21:49:29 โดย Indigo »

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ขอบคุณค่ะ เป็นเรื่องที่น่ารักมาก ชอบพอสคนอะไรพลังงานเหลือล้น

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวน่ารักๆ ของพอสกับเจตน์นะคะ

อ่านไปละยิ้มไป :mew1:


ออฟไลน์ jomyingg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักกกกก พอสเป็นความสดใสของโลกใบเน้  :man1:

ออฟไลน์ mida

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พระเอกของ Indigo ไม่สมประกอบเลยซ๊ากกกคน ตั้งแต่ภคินกินผู้ชาย จนมาถึงเจย์เอด 5555555555

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
 ขอบคุณมาก..น่ารักที่สุด  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
 :pig4: สนุกมากเนื้อหาน่ารักมากๆชอบค่า

ออฟไลน์ brapair

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อุแงงงงงงง น่ารักมากกก /น้ำตาไหลพราก
ทำไมยัยพอสกะต่ะเจตน์น่ารักขนาดนี้!!! ฮึ้ยยย ชอบความเรียบง่ายลงตัวของคู่รักออฟฟิศจังเลยย

ปล.เป็นกำลังใจให้คุณindigoนะคะ เราตามอ่านนิยายของคุณมาตั้งแต่dndชอบทุกเรื่องเลยยย
เปลี่ยนแนวเขียนใหม่เราก็จะยังตามค่ะ555555 อย่าเครียดจนกดดันตัวเองนะคะ สู้ๆค่าาา

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
สนุกมากกก เป็นเรื่องสั้นที่ยังไม่อยากให้จบ น้องเจตน์หุ่นหมี ที่ใจนว้องมากกกก สีสันความสดใสของพอส ตรงจัดชัดจริง เป็นคู่ลงตัวที่สุด น่ารักมากกกจนอยากให้เป็นเรื่องยาว อ่านไปยิ้มไป นั่งขำกับคู่นี้ ชอบมากกกก  ขอบคุณนะคะ จะคอยติดตามเรื่องต่อๆไปเป็นกำลังใจให้ค่ะ :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด