Track #04:⏩ Forward To Smile
Thank You
You made my day ข้อความจากเบอร์ปริศนาในยามเช้าทำเอาเจตน์ตาสว่างตั้งแต่ยังไม่ยกหัวออกจากหมอน จะเป็นใครไปได้อีกถ้าไม่ใช่คู่กรณีเมื่อวาน ไปเอาเบอร์มาจากไหนกันเนี่ย?
เขาเกาหัวแกร่ก ๆ ก่อนจะโยนมือถือลงข้างหมอนตามเดิม ดวงตาปูดบวมขึ้นเล็กน้อย เพราะหลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดคืน ทำไมน่ะเหรอ....ก็เรื่องไอ้คลิปเจ้าปัญหานั่นไง
สุดท้ายก็ปลดล็อกจนได้.... เจตน์ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เพียงแต่เมื่อคืนภาพของพอสวนเวียนในหัวจนนอนไม่หลับจนต้องกลั้นใจเข้าไปสู่ดินแดนแห่งความอับอายอีกครั้ง หลังปลดล็อกเสร็จก็รีบปิดมือถือขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มจนเช้า
ชายหนุ่มลุกขึ้นมาจัดการอาบน้ำแปรงฟันให้เรียบร้อย วันนี้เจตน์หยิบเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์มาสวมแทนชุดสุภาพ หลังทำงานมาได้สักพักเขาก็เริ่ม ‘อยู่เป็น’ หากไม่มีประชุมหรือนัดลูกค้าทุกคนจะพากันแต่งตัวสบาย ๆ จนเด็กใหม่รู้สึกแปลกแยกไปเอง
เจตน์เดินลงบันไดทั้งที่ผมยังเปียกหมาด ข้อดีของการตัดผมสั้นคือไม่ต้องดูแลมากมาย ขับรถไปถึงที่ทำงานก็แห้งพอดี สมัยเป็นเทรนนี่ต้องเป่าต้องเซตกว่าจะออกห้องได้ แถมเปลี่ยนสีผมบ่อยจนหนังหัวระบมไปหมด ราคาที่ต้องจ่ายช่างเยอะเหลือเกิน
“ตื่นสายเหรอลูก” แม่ที่อยู่บนโซฟาถามด้วยเสียงติดตลก “แม่เกือบขึ้นไปปลุกแล้ว”
“นิดหน่อยครับ” อันที่จริงเลทไปครึ่งชั่วโมงไม่ถือว่าเล็กน้อย แต่ช่างเถอะ “ผมไปก่อนนะครับ วันนี้คงกินข้าวเช้าไม่ทัน”
“เดี๋ยวเจตน์”
“.......”
“แล้วข้าวกลางวันล่ะ”
รอบนี้ชายหนุ่มตอบอย่างมั่นใจ “ไม่เป็นไรครับ วันนี้ไปกินกับเพื่อน”
ก็คง....เพื่อนสักคนในนั้นแหละ..................................................
แต่ก ๆ ๆ เสียงเคาะแป้นพิมพ์รัวดั่งปืนกลสาดยิงไปทั่วห้อง เข็มยาวและสั้นใกล้จะรวบกันที่เลข 12 เต็มทีแล้ว ขืนเคลียร์งานไม่เรียบร้อยคงไม่แคล้วพลาดจังหวะแย่งชิงร้านอาหาร
เจตน์เคาะเอ็นเทอร์ส่งข้อความสุดท้ายได้ทันท่วงที เขากรอกน้ำลงคอก่อนจะรื้อหากระเป๋าสตางค์กับมือถือหย่อนใส่กางเกงไปอย่างรีบร้อน ทันทีที่ขยับเลื่อนเก้าอี้ออกเงาลึกลับก็พาดทับลงมาตรงแผงกั้น
“ไอ้เจตน์ กินข้าว” พี่เบสนั่นเอง “เดี๋ยวไม่มีที่นั่งพอดี”
“เอ่อ...” เด็กใหม่อ้าปากพะงาบ ๆ และก่อนจะทันได้พูดอะไรวิทย์ก็โผล่เข้ามาที่ข้างโต๊ะ
“ป๊ะ! อีกสามนาทีเที่ยง ถ้าไปตอนนี้น่าจะ---”
“คือผมมีนัดแล้วน่ะครับ”
หือ?? สองพี่เลี้ยงหันขวับมามองหน้ากันในบัดดล เพิ่งทำงานได้ไม่เท่าไหร่ไอ้รุ่นน้องริอาจมีนงมีนัดข้ามหน้าข้ามตากัน เรื่องอะไรจะยอมปล่อยไปง่าย ๆ เล่า!!!
“ใคร!”
“สาวที่ไหน?”
“ครีม!”
“พี่ชมพู่?”
“ไอ้หน่อยแน่ ๆ” คนสันนิษฐานลูบคาง “ชอบล่อลวงน้องใหม่”
“แต่กูว่าพี่กิ๊ฟนะ ฉายาอาม่าฟาดเด็กไม่ได้มาเพราะโชคช่วย”
“เอ่อ...”
เจตน์ยกมือห้ามทัพก่อนเรื่องจะใหญ่โตไปกว่านี้ น้องใหม่เสน่ห์แรงรีบเฉลย....
“พอสครับ”
ก้อนมวลความเงียบปกคลุมเหนือโต๊ะทำงานไปชั่วขณะ ก่อนวิทย์จะตั้งสติขึ้นมาได้ “อ้อ! เป็นเพื่อนกันนี่หว่า”
“เออจริงด้วย!” เบสทุบกำปั้นลงบนฝ่ามือ “แบบนี้แก๊งสามหนุ่มสามมุมก็วงแตกแล้วสิ”
“แก๊งอะไรนะครับ”
“พี่ข้าวตั้งชื่อให้พวกเราน่ะ” รุ่นพี่ยักไหล่ “ทั้งแผนกมีผู้ชายอยู่แค่สาม---แอ๊ก!!”
ไอ้เจตน์พุ่งตัวแทกเกิลพี่วิทย์ ก่อนจะวิ่งต่อไปราวกับหมายมั่นจะทำทัชดาวน์ให้ได้ มันหันมาตะโกนบอก “ขอโทษครับพี่!!”
ก็พอสออกห้องไปแล้วน่ะสิ!! แม้จะเห็นเพียงหางตาแว้บ ๆ แต่สีผมและเสื้อผ้าอันเป็นเอกลักษณ์นั่นจะเป็นใครไปได้อีก เจตน์วิ่งหน้าตั้งไปตามพรมน้ำเงินที่ทอดยาว เห็นแผ่นหลังคุ้นตาเลี้ยวออกตรงประตูพอดี เขายื่นมือออกไปสุดแขน...
หมับ! “เดี๋ยวก่อน!!” คนถูกจับสะดุ้งโหยง พสุหันกลับมามองด้วยความฉงน เหนือกว่านั้นคือด้านหลังแก๊งหนุ่มสาวฝ่ายขายก็ยืนมองกันตาปริบ ๆ “เอ่อ....จะมีเรื่องจะคุยด้วย”
“อ้อ” พอสอ้าปากพะงาบ ๆ แล้วหันไปบอกรุ่นพี่ “พี่ไปกินข้าวกันก่อนเลยครับ”
ขวับ! ดวงตากลมหันกลับมายังเจตน์ และก่อนที่จะทันได้เอ่ยปากพอสก็เป็นฝ่ายพลิกมาจับข้อมือเขาแล้วจูงนำไปเอง ทิศทางคือบันไดอีกฝั่งที่เหล่าพนักงานขี้เกียจเดินอ้อมกัน
วันนี้แฟชั่นของพอสจัดจ้านเหมือนเคย เสื้อยืดขาวสกรีนลายแมทช์กับกางเกงทรงฮาเร็มเป้ายานสีดำ เสริมความ ‘เยอะ’ ด้วยหมวกบีนนี่สีแดง เซตผมหน้าม้าที่เกินออกมาให้มีวอลลุ่มสวยงาม เจตน์ชักสงสัยแล้วว่าไอ้หมอนี่ตื่นมาแต่งตัวตั้งแต่กี่โมง
กึก! ร่างด้านหน้าเบรกกะทันหันเล่นเอาร่างปะทะกัน พอสเด้งเซไปเล็กน้อยแต่ศูนย์ถ่วงดีเลยพลิกกลับมาประจันหน้าได้อย่างสวยงาม คุณฝ่ายขายกอดอกถาม
“มีอะไรหรือเปล่า”
“ก็....เอ่อ...”
“ถ้าเรื่องเมื่อวานฉันขอโทษด้วยนะ” คนตัวผอมก้มหัวลงหลังงอ “ไม่น่าพูดจาเอาแต่ใจแบบนั้นเลย แต่ก็---”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก!!”
พอสเอียงคอ “งั้นเรื่องไหนอะ”
“อันที่จริงก็ไม่ได้มีเรื่อง แต่มันก็...เอ่อ...”
“...........”
“ไปกินข้าวร้านที่นายบอกไง”
พูดจาวกวนอย่างกับเด็กสามขวบ ไม่เท่เลยสักนิด ทว่าเจ้าถิ่นกับเบิกตาโตพยักหน้าจนหัวแทบหลุด
“ไปสิ!!”
.............................................................
ร้านเด็ดที่ลือที่เล่าอ้างคืออาหารตามสั่งในส่วนลึกสุดของซอย 5 ชื่อเสียงน่าจะมาจากเมนูที่ ‘ดูมีอะไร’ ไม่ซ้ำซากกับร้านอื่น ทั้งกะเพราเบคอน หมูย่างพริกเผา ไก่กรอบผัดผงกะหรี่
ที่พูดมาทั้งหมดนั้น...ไม่ได้กิน...
แกร๊บ! ถุงแซนด์วิชถูกขยำกรอบแกร่บไปมา พอสรื้อไก่ทอดออกมาจัดการต่อเป็นเมนูถัดไป ถุงร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่ที่วางบนโต๊ะอัดแน่นไปด้วยของกินทุกตารางนิ้ว
เพราะมัวแต่อ้ำอึ้งใส่กันจึงพลาดโอกาสทองในการแย่งชิงโต๊ะไป ผู้พ่ายแพ้จึงต้องเข้าลอว์สันและซื้ออาหารรถเข็นรายทางมานั่งกินตรงม้านั่ง ที่นี่คือสวนสาธารณะที่อยู่ระหว่างตึกอาคารพาณิชย์ แคบเสียจนมีแค่สามโต๊ะ ดีหน่อยที่ตึกช่วยให้ร่มเงาไม่ให้อากาศร้อนเกินไป
โต๊ะเหล็กดัดอีกสองตัวว่างเปล่าไร้คนจับจอง แน่ล่ะ....นี่เป็นตัวเลือกสุดท้ายสำหรับมื้ออาหารกลางวัน ขณะกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ พอสก็ยื่นไก่ทอดที่กัดแล้วมาให้
“กินไหม”
“ไม่เป็นไร” เจตน์ยัดข้าวเหนียวตามด้วยหมูปิ้งรูดครั้งเดียวหมดไม้ สไตล์การยัดห่าเป็นปอบลงทำให้พสุถึงกับขมวดคิ้ว
“นายจะกินอิ่มไหมเนี่ย”
“ไม่อิ่มค่อยไปซื้อเพิ่ม” ชายหนุ่มตอบทั้งที่ข้าวยังเต็มปาก แก้มกลม ๆ ขยับขึ้นลงเหมือนเด็กไม่มีผิด “นายนั่นแหละกินแค่นั้นจะอิ่มเหรอ”
“ฉันกินเท่าคนปกติ นายนั่นแหละผิดปกติ”
“แม่ฉันชอบทำอาหารก็เลยกินเยอะมาตั้งแต่เด็กแล้ว”
“อ๊ะ! คุณแม่ที่บีบซอสเป็นรูปดาวน่ะเหรอ”
“อย่าล้อ” เจตน์ดุใส่ ทีเรื่องแบบนี้ล่ะจำแม่นนัก
“ไม่ได้ล้อสักหน่อย น่าอิจฉาจะตาย!” พอสเสียบไม้อันว่างเปล่าลงในถุงขยะ “แม่ฉันไม่ชอบทำอาหารเลย กลับบ้านทีไรกินแต่แกงถุง”
“แม่ฉันก็ไม่ได้ทำอร่อยทุกอย่างหรอก”
“แต่ก็กินจนหมดใช่ไหมล่ะ”
“ก็นะ....”
พอสเท้าคางลงบนโต๊ะ จ้องอีกฝ่ายด้วยดวงตากลมใส “นายใจดีแบบนี้ตลอดเลยเหรอ?”
“หมายความว่าไง”
“ก็ยอมทำอะไรที่ตัวเองไม่ชอบ”
“..........”
“เช่นปลดล็อกคลิปเจย์เอดท์”ฉึก!!!ประโยคที่ไม่คาดคิดพุ่งเข้ามาปักกลางกบาล สมองระเบิดเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วสารทิศ หมูปิ้งคาอยู่ระหว่างหลอดอาหารเลือกไม่ได้ว่าจะเคี้ยวต่อหรือกลืนลงไปดี
“หน้าแดงแล้ว” ทั้งที่ใกล้จะขาดใจตายอยู่รอมร่อพสุก็มาขยี้ซ้ำ ฆาตกรยื่นขวดน้ำมาให้ “เดี๋ยวก็ติดคอตายหรอก”
หลังดูดน้ำเอาชีวิตรอดได้สำเร็จเจตน์ก็ปาดน้ำตาที่คลอเบ้าออก “ละ...เลิกพูดเรื่องนั้นเถอะ”
“ทำไมล่ะ” พอสก็ว่าตัวเองไม่ได้ลงรายละเอียดในคลิปเลยนะ จะเขินอะไรกันเล่า “ถึงจะทำให้นายเกลียดฉันมากขึ้นก็เถอะ”
“..........”
“แต่ฉันชอบนายจริง ๆ นะ”“..........”
“อ๊ะ! พูดแบบนั้นคงแปลก ๆ ใช่ไหม.....แต่ถ้าจะพูดว่าชอบแค่เสียงมันก็ไม่ใช่น่ะ ทั้งสีหน้า แววตาก็ชอบทั้งหมดเลย”
มาถึงตรงนี้คนสารภาพก็เริ่มร้อนขึ้นมาที่ใบหน้า ยิ่งพูดยิ่งอันตรายแฮะ ชายหนุ่มหลบตาวูบ เห็นแค่เพียงมือใหญ่ที่ประสานกันบนโต๊ะ ขณะที่กำลังลังเลว่าควรจะพูดอะไรต่อดีน้ำเสียงทุ้มต่ำที่เขาชอบก็ชิงเอ่ยออกมาก่อน....
“นายชอบเจย์เอดท์”
“อืม....”
‘แค่’ เจย์เอดท์....“เพราะอย่างนั้นฉันถึงอยากเป็นกำลังใจให้น่ะ ถึงจะทำให้นายรำคาญโคตร ๆ เลยก็เถอะ” พอสปัดผมหน้าม้าอย่างประหม่า ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนสายตาขึ้นไปมองใบหน้าอีกฝ่าย “แต่ถ้านายไม่อยากให้ใครฟังแล้วจะล็อกก็ได้นะ ขอโทษด้วยที่ทำให้อึดอัด”
“มัน.....”
พอสกลั้นหายใจเมื่อเจตน์ขยับปาก
“ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น” มาถึงตรงนี้พ่ออดีตเทรนนี่ก็เกาท้ายทอยแก้เขิน “ถะ...ถ้าให้พูดตามตรงมันก็รู้สึกดีแหละ....”
“อะไรนะ!!”
“อย่าเสียงดังสิ” คนตัวใหญ่ถูใบหน้ากับฝ่ามือแรง ๆ ถ้าแดงขึ้นมาจะได้มีข้ออ้าง “อันที่จริงก็เกลียดคลิปนั่น แต่ฉันเคยเป็นเทรนนี่มาก่อนใช่ไหมล่ะ ไม่ใช่เพราะแค่อยากร้องหรือรักเสียงเพลงอย่างเดียวหรอกนะ”
ถ้าแค่นั้นล่ะก็คงไม่ยอมทิ้งทุกอย่างไปคว้ามาหรอก ไม่ใช่ว่าไม่อยากมีชื่อเสียง แต่เมื่อมันเป็นไปไม่ได้แล้วก็ต้องยอมรับความจริง เพราะอย่างนั้นเจตน์ถึงได้วิ่งหนีอดีตอันน่าอาย ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากเห็นไอ้เศษซากความพยายามที่ล้มเหลว
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ.....
แต่การที่มีคนมาบอกว่าชอบตัวเขาในตอนนั้นมันก็.....เหมือนกับไอ้เศษซากนั่นมีความหมายขึ้นมานิด ๆ....
“พอนายบอกว่าชอบ....” เจตน์อ้าปากพะงาบ ๆ “เสียง”
“ทั้งหมด”
อย่าย้ำได้ไหมเล่า! “ลึก ๆ มันก็ดีใจอยู่น่ะ” เจตน์เมินคำขยายความอันตรายนั่น “ฉันโกรธตัวเองที่เป็นลูซเซอร์แล้วเอาไปลงกับนาย เพราะงั้นขอโทษด้วยที่วันนั้นพูดจาไม่ดีใส่”
“..มะ....ไม่เป็นไร.....”
“...........”
“แต่อย่าเพิ่งล็อกคลิปได้ไหม”
นะ....นี่มัน....สุดยอดแฟนคลับ.... “ขอฉันกลับไปดูอีกสักรอบ ไม่สิ! ขอโหลดเก็บลงเครื่องก่อน!” พอสชูสามนิ้วสาบาน “รับรองว่าจะไม่เผยแพร่ที่ไหน”
“ไม่ล็อกก็ได้” เฉพาะคลิปร้องเพลงน่ะนะ แต่คลิปเต้นเจตน์ว่ามันระยำจนต้องลบออกไปจากโลกเลยล่ะ.... “ยังไงนอกจากนายกับแม่ฉันก็ไม่มีใครดูแล้วล่ะ”
“.........”
อา....ฟังแล้วอดสูยิ่งนัก.... ฆ่าตัวเองเสร็จก็นั่งคอตกหมดอาลัยตายอยาก ลำบากคุณฝ่ายขายต้องมาตบบ่าปลอบ “ไม่เป็นไรนะ อีกนิดก็จะแตะพันวิวแล้ว ฉันจะช่วยปั่นให้”
“ช่างวิวมันเถอะ”
ระยะห่างที่ลดลงทำให้เจตน์เผลอมองผมหน้าม้าฟูฟ่องที่โผล่ออกมาจากหมวกบีนนี่ พอสโดดเด่นเสมอในสายตาเขา อา....แต่งตัวขนาดนี้ไม่เด่นก็คงแปลกแล้วมั้ง ไม่สิ! วันที่โดนบังคับให้ใส่โปโลบริษัทหรือเสื้อเชิ้ตก็ยังเตะตาอยู่ดี ช่างมีเสน่ห์แบบไอดอลเต็มเปี่ยม
เพราะแบบนั้นเจตน์ถึงได้เผลอใจเต้นแรงหรือเปล่านะ...
“แชมพูที่นายใช้หอมดีนะ” ตัวอันตรายยื่นใบหน้าเข้าสูดฟุดฟิดที่ข้างศีรษะ “ยี่ห้ออะไรน่ะ”
“จำไม่ได้ แม่ซื้อมาวางให้”
“อ๋า คุณแม่น่ารักจัง” พอสประสานมือไว้ที่อกชื่นชมออกนอกหน้า “วันนี้กลับไปถ่ายรูปขวดให้ดูหน่อยสิ”
“อืม”
“ส่งมาทางไลน์ก็ได้”
เอ๊ะ…. ปลายนิ้วเรียวเคาะลงบนโต๊ะดูยั่วยวนไม่ว่าเจ้าตัวจะตั้งใจหรือไม่ “เบอร์ที่ส่งข้อความไปเมื่อเช้าไง”
“อ่า....เบอร์นั้น” เจตน์โหลดข้อมูลอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเพิ่งสะดุ้ง “จริงสิ! นายไปเอาเบอร์ฉันมาจากไหน”
“แหม เป็นเพื่อนร่วมงานกันมีเบอร์ไว้ก็ไม่เห็นแปลกเลย”
แปลกสิวะ.....เพิ่งร่วมงานกันครั้งเดียว แถมเจตน์ยังไม่ได้พิมพ์นามบัตรเลยสักใบ ไอ้แบบนี้มันเรียกรุกล้ำความเป็นส่วนตะ----
“’งั้นเดี๋ยวฉันทักไลน์ไปนะ”
ถึงขั้นแอดมาก่อนด้วยว่ะ! นี่มัน....
ติ๊ง! มือถือในกระเป๋ากางเกงสั่นเรียกให้เจ้าของหยิบออกมาดู บนจอปรากฏข้อความเข้าใหม่พอกดเข้าไปดูก็พบกับประโยคสั้น ๆ
‘อย่าลืมแชมพูล่ะ;)’
อุก....ใจกระตุกเหมือนถูกไฟช็อต เจ้าของข้อความกระตุกยิ้มที่มุมปาก มวลมหาออร่าส่องแสงออกมาจากด้านหลังราวกับมีใครฉายสปอร์ทไลท์
ยอมรับก็ได้ว่าน่ารักเป็นบ้าเลย....
.................................................
นี่มันเดทไม่ใช่เหรอ....
PausePause* : ว่างไหม?
Jate : ถอนหญ้าหน้าบ้านให้แม่ตอนเช้า
PausePause* : แล้วบ่ายล่ะ
Jate : ว่าง
PausePause* : มีเรื่องให้ช่วยหน่อย ออกมาเจอกันได้เปล่า
Jate : ?
PausePause* : เจอกันxxxบ่ายตรงนะ
ไลน์เมื่อเช้าเด้งเป็นเจ้าเข้าอยู่หลายนาทีจนแม่ตะโกนเรียกเจตน์กินข้าวนั่นแหละถึงได้หยุด พอเดินลงมาเติมเสบียงก็ไม่วายถูกแม่บ่น ‘ช่วงนี้เล่นแต่มือถือนะ มีแฟนหรือไง’
เจตน์ข้าวติดคอเกือบตาย หลังเอาชีวิตรอดได้ก็รีบชี้แจง ‘เพื่อน!!’
แม่ทำหน้าไม่เชื่อ แต่ก็ยอมเปลี่ยนเรื่องแต่โดยดี มาตรงนี้ไอ้เจตน์ก็ชักร้อน ๆ หนาว ๆ เพราะคนอย่างแม่ถ้าสงสัยแล้วไม่มีคำว่ารามือ เริ่มตั้งแต่ออกบ้านพร้อมประโยคสุดฮิต ‘ไปไหน แต่งตัวหล่อเชียวนะ’ แม่ครับ....มันก็เสื้อยืดกางเกงยีนส์ไม่ได้พิเศษอะไรเลยสักนิด จับผิดไปก็ไม่มีประโยชน์....
....ก็เป็นเพื่อนกันจริง ๆ นี่....
แค่คุยไลน์กันทุกวันหลังเลิกงาน แล้วก็กินข้าวเที่ยงในบางวันที่พอสเข้าออฟฟิศ เพื่อนที่ไหนเขาก็ทำกันทั้งนั้นแหละ
เอี๊ยด! ชายหนุ่มจอดรถตรงหน้าอาคารที่พสุปักหมุดให้ มันเป็นโกดังที่ตั้งในเขตชุมชน ลานจอดรถด้านหน้าอัดแน่นไปด้วยยานพาหนะหลากสี ด้านในสุดคืออาคารชั้นเดียวสีขาวมุงด้วยหลังคาแดง พร้อมป้ายกระดาษแขวนรอบบริเวณ ‘SALE’ ‘ลดลืมตาย!!’ ‘ไม่หมดไม่กลับ!!’ ‘กลัวไม่เจ๊ง!’
ดูยังไงก็ไม่ใช่สถานที่เหมาะแก่การนัดเพื่อนออกมาเลยสักนิด....
ระหว่างที่กำลังยืนเคว้งเต้งล่องลอยอยู่นั่นเอง มือปริศนาก็โผล่เข้ามาฉกข้อมือ จะเป็นใครเสียอีกถ้าไม่ใช่...
“เจตน์!!” พอสปรากฎตัวในชุดเดินฮงแดอีกเช่นเคย เริ่มตั้งแต่หมวกทรงบัคเก็ตสไตล์ขอทานบนหัว เสื้อยืดสีเหลืองกล้วยกับกางเกงยีนส์ขาสั้นปลายรุ่งริ่ง พร้อมรองเท้าแตะรัดส้นสีดำ ยังไม่ทันสำรวจต่างหูก็ถูกลากแขนไปเรียบร้อย “อีกห้านาทีจะเริ่มแล้ว!”
“หา!?” คนถูกลากหันซ้ายขวา “เริ่มอะไร”
“ลดล้างโกดัง!!”
หืม?....เจตน์หูฝาดไปหรือเปล่า....ไม่ต้องออกปากถามต่อเมื่อพอสได้พาเขามาหยุดอยู่ตรงหลังแถมฝูงชนมหาศาลที่มีตั้งแต่ลุงป้าน้าอายันวัยรุ่น บ้างก็มาเดี่ยว บ้างก็เป็นหมู่คณะ แต่ทุกสายตาพุ่งตรงไปยังประตูม้วนเหล็กราวรอคอยบางอย่าง
อย่าบอกนะว่า.....
“อีกสามนาที!!” ตัวตั้งตัวตีเอ่ยรายงานก่อนจะยัดตะกร้าใส่มือเจตน์ “โทษทีที่พานายมาลำบาก แต่มันจำเป็นจริง ๆ”
“เอ่อ....นี่ซื้ออะไรกันเหรอ บัตรคอนเสิร์ต?”
“ป็อกกี้”
“.........”
เพราะสีหน้าซังกะตายของไอ้เจตน์ทำเอาคนนัดอธิบายจนลิ้นพันกัน “ไม่ใช่ป็อกกี้ธรรมดานะ!! มันเป็นแบบนำเข้าเชียวนะ บางรสกล่องเป็นร้อยก็มี แต่นี่ลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์!! ห้า-สิบ-เปอร์-เซ็นต์!!”
“ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”
อ๊ะ! จริงด้วย....เจตน์ก็หน้าแบบนั้นเป็นปกตินี่นาพอคิดแบบนั้นพอสก็สบายใจขึ้นมา ชายหนุ่มก้มหน้ากดมือถือก่อนจะยกให้อีกฝ่ายดู “เป้าหมายหลักคือรสสตอว์เบอร์รี่ รุ่น Chunky รูปหัวใจ เอาตัวที่เป็นลิมิเต็ดของฤดูหนาวนี้ อ๊ะ! นี่รูปกล่อง”
“ขะ...เข้าใจแล้ว”
“ส่วนอันนี้ตัวสำรอง” ปลายนิ้วปัดไปยังภาพถัดไป “เป็นรุ่นเบอร์รีช็อกโกแลต”
“เอ่อ....มีสำรองด้วยเหรอ”
“คนเราต้องมีแผนสองสิ! เหมือนกดบัตรคอนโซนที่อยากได้ไม่ทัน แต่ก็ยังได้โซนอื่นไง” อธิบายได้เห็นภาพจนเจตน์สิ้นคำจะเถียง “มีคำถามอื่นอีกไหม”
“แค่สงสัยว่าต้องชวนฉันออกมาเลยเหรอ”
“กะ....ก็...” คนตาโตกำหมัดแน่น งึมงำเสียงแผ่ว “อันที่จริงก็เกรงใจนายมาก ๆ แบบมาก ๆ โคตร ๆ เลยล่ะ แต่เพื่อนคนอื่นไม่ว่างวันนี้เลย คนที่ว่างก็บ่นว่าชวนเหี้ยไรเนี่ย”
“..........”
“แต่เขาจำกัดไม่เกินคนละสิบกล่องน่ะสิ!!” ปลายนิ้วชี้ไปยังด้านหน้า “เจ๊คนนั้นยังเอาลูกมาด้วย ขี้โกงชะมัด!!”
“อ่า......” เจตน์พอจะเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาหน่อย ๆ แล้ว มิน่าเล่าแก๊งข้างหน้าถึงแห่มากันเยอะนัก คงมีทั้งซื้อไปกักตุนไหนจะเอาไปขายต่ออีก ถึงกระนั้นก็ยังติดใจอยู่อีกอย่าง.... “ขออีกคำถาม”
“ว่ามา”
“นายแต่งตัวแบบนี้มาแย่งซื้อของเซลเนี่ยนะ”
พอสก้มมองเครื่องแต่งกายของตนเองแล้วตอบอย่างมั่นใจ “เพราะว่าวันนี้สีเสื้อมงคลคือสีเหลืองไง!!”
งั้นไม่ต้องเหลืองไปยันหมวกก็ได้มั้ง.....
เจ้าของแฟชั่นจัดจ้านดึงชายเสื้อโอ้อวด “เลขตกตรงช่องเดชอำนาจชัยชนะเชียวนะ!!”
“อ่า...เข้าใจละ” นี่คือจุดที่โหราศาสตร์กับแฟชั่นมาบรรจบกันสินะ เจตน์พยักหน้าหงึกหงัก “แล้ว----”
ครืดดดดดดดด.... บานประตูส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดแล้วค่อย ๆ ขยับเลื่อนขึ้น วินาทีนั้นทุกสรรพสิ่งหยุดเคลื่อนไหว พอสหันมาสบตากับเจตน์ขยับปากว่า ‘มาแล้ว’
ในมือกำตะกร้าแน่นราวกับจับอาวุธ เบื้องหลังประตูนั่นมีสมรภูมิรออยู่....
ครืดดดดดดดด.... ดวงตาทั้งสองจ้องเขม็งไปยังช่องว่างที่แสงส่องออกมา หัวใจระรัวดุจลั่นกลองรบ ส้นรองเท้าเปิดขึ้นพร้อมดีดตัวออกไป นับ....สาม สอง หนึ่ง...
ไป!!……………………………………………….
ตุบ! ถุงพลาสติกถูกโยนระเนระนาดบนเบาะ ก่อนจะตามมาด้วยร่างเปื่อยยุ่ยของชายทั้งสองที่ล้มเผละไม่เป็นท่า นอนทุเรศได้ไม่นานก็ต้องเด้งตัวขึ้นมา เพราะแก้วกาแฟที่สั่งไว้มาเสิร์ฟวางถึงโต๊ะแล้ว
“ลาเต้กับคาปูชิโน่ที่สั่งค่ะ”
“ขะ...ขอบคุณครับ” พอถูกเห็นสภาพน่าอายพอสจึงรีบจัดท่าให้เข้าที่เข้าทาง เขาเอ่ยกับคนฝั่งตรงข้าม “อยากกินอย่างอื่นก็สั่งเลยนะ ฉันเลี้ยงเอง”
ที่นี่คือร้านคาเฟ่รกร้างไร้ผู้คน หากถามถึงตำแหน่งก็อยู่ตรงข้ามกับโกดังอันเป็นสนามรบเมื่อครู่เลยล่ะ มองออกไปนอกหน้าต่างตอนนี้ยังเห็นฝูงชนหอบหิ้วถุงออกมาเต็มสองมือ
ภายในร้านตกแต่งด้วยสไตล์ industrial loft แบบมาตรฐาน มีทุกอย่างตามตำรา เฟอร์นิเจอร์ไม้ขาเหล็ก กระดานดำ ผนังตกแต่งลายอิฐสลับปูนเปลือย และโคมไฟเหล็กทรงสุ่ม ร้านกว้างขวางแบ่งออกเป็นสองโซนคือแบบนั่งโต๊ะและนั่งบนพื้นชานยก แน่นอนว่าพวกเขาเลือกแบบนั่งพื้นเพื่อให้เหยียดแข้งเหยียดขาและแอบนอนแผ่ได้
เจตน์เขย่าคอเสื้อที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ ทั้งที่เปิดแอร์เป่าหัวอยู่ก็ยังมิอาจบรรเทา แม้แต่พ่อคนแฟชั่นจัดยังต้องถอดหมวกขอทานมาพัดรัว ๆ
เมื่อครู่พวกเขาเพิ่งจะผ่านสมรภูมิเดือดซอมบี้คลั่งมาสด ๆ ร้อน ๆ เรียกได้ว่าแขนขาขาดด้วนเชื้อกินสมองเกือบเอาชีวิตรอดออกมาไม่ได้ พลังแห่งของเซลดึงสันดานดิบของมวลมนุษย์ออกมาได้ดียิ่งกว่าน้ำท่วมโลก ทั้งดึงผลักดันเบียดใครล้มก็กระทืบซ้ำ
ส่วนผลน่ะเหรอ....
“ได้รุ่นลิมิเต็ดมาแค่กล่องเดียวเอง” เจตน์งึมงำกับหลอดดูด อันที่จริงเกือบไม่ได้ด้วย เพราะมีป้าคลั่งพุ่งเข้ามาแย่งจากมือ แต่เจตน์ทำหน้าเหี้ยมใส่จนหล่อนล่าถอยไปเอง “ไม่คิดเลยว่าจะโหดขนาดนี้”
“อย่างน้อยก็ได้เบอร์รี่ช็อกโก้มาครบโควตานะ”
“ก็ใช่...” แต่มันน่าหงุดหงิด ถ้าวิ่งเร็วนี้สักหน่อยอาจจะพอคว้าได้อีกสักกล่องแท้ ๆ เจตน์ดูดลาเต้ลงคอไปอึกใหญ่ “รอบหน้าจะใส่รองเท้าแบบวิ่งมาด้วย”
“ถ้ามีรอบหน้านายจะมาอีกเหรอ” ดวงตากลมโตส่องประกายระยิบระยับทำเอาคนฝั่งตรงข้ามหน้าร้อนนิด ๆ เจตน์หลบตาวูบ
“ถ้าว่างก็มาช่วยก็ได้แหละ”
พอสเท้าคางมองคนเขินแล้วก็อดจะแซวไม่ได้ “นายนี่ใจดีจริง ๆ เลยน้า~”
“ฉันแค่ไม่ชอบแพ้น่ะ เหมือนเล่นเกมไม่ผ่านด่าน มันคาใจ”
“เพื่อนฉันน่ะนะ....” จู่ ๆ พสุก็เอ่ยเรื่องอื่นขึ้นมา “พอบอกว่าจะให้มาช่วยซื้อของเซลก็บอกว่า ‘เหี้ยไรเนี่ย’ ไม่ก็ ‘งั้นกูไม่ว่างแล้ว’ เพราะงั้นก็เลยไม่กล้าบอกนายแต่แรกว่าจะพามาปู้ยี้ปูยำ”
แม้จะฟังรุนแรงแต่ไอ้คำนั้นก็ใกล้เคียงความจริงจนเจตน์ไม่แย้งอะไร....
“พอเห็นนายไม่ว่าอะไรค่อยโล่งอกหน่อย” ชายหนุ่มใช้หลอดคนคาปูชิโน่ในแก้วตัวเองเล่น พอสเลียริมฝีปากลิ้มรสขมที่ติดบนนั้น “ดูงี่เง่าปะ”
“เรื่อง?”
“ชายวัยยี่สิบสามจริงจังกับการซื้อขนมลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์” พอสถอนหายใจ “ปัญญาอ่อนปะ”
“ก็ไม่นี่”
ซู้ดดดดดด... คนตัวใหญ่ดูดลาเต้อย่างสงบ “คนเราก็ต้องมีเรื่องที่ชอบมาก ๆ ทั้งนั้นแหละ”
“อืม....”
“ขนาดฉันไปเต้นแร้งเต้นกาทุเรศลูกตานายยังไม่ว่าอะไรเลย”
“........”
“แล้วความชอบของนายจะเป็นเรื่องงี่เง่าได้ไง”
อา....ไม่ไหวแล้ว....หัวใจเหมือนจะเรืองแสงแผดเผาร่างให้ตายมันเสียตรงนั้น รุนแรงเสียจนพอสทรุดตัวแนบใบหน้าลงกับโต๊ะความรู้สึกบางอย่างตีตื้นขึ้นมาเต็มอกราวกับผีเสื้อสยายปีก
ที่ผ่านมามีแต่คนค่อนขอดเรื่องรสนิยมของเขา จะเสื้อผ้าหน้าผม เจาะหู เป็นเกย์ หรือแม้แต่ฟังเพลงเกาหลี ตอนโดนล้อโดนแซวก็พอจะทำเป็นเรื่องตลกได้อยู่หรอก แต่ลึก ๆ ใครจะชอบโดนดูถูกกันล่ะ ทั้งที่เพื่อนตอบว่า ‘อะไรของมึงเนี่ย’ แต่เจตน์กลับคว้าตะกร้าแล้ววิ่งสู้ฟัดมาให้ได้ตั้งกล่องหนึ่ง คิดมาถึงตรงนี้ก้อนเนื้อตรงอกซ้ายก็เหลวเป๋วราวกับถูกลนไฟ บางทีพอสอาจจะตายโดยไม่ต้องให้พระเจ้าเรียกอุกกาบาตก็ได้
ไม่!! เขาจะมาตายตรงนี้ไม่ได้!!
“ต้องฉลอง!!”จู่ ๆ ไอ้คนซบโต๊ะก็โพล่งเสียงดังจนเจตน์สะดุ้งโหยง
“ฉลอง? ฉลองอะไร”
แทนคำตอบคุณฝ่ายขายหันกลับไปรื้อถุงขนาดใหญ่ข้างตัวอย่างบ้าคลั่ง ผู้ถูกเลือกมีสีขาวแซมด้วยชมพูต่างกับกล่องอื่น ๆ อย่างชัดเจน
“ดะ...เดี๋ยวสิ” เจตน์ห้ามไม่ทันแล้ว เพราะนายพสุใช้นิ้วโป้งทิ่มเข้าไปตรงช่องว่างพร้อมแงะฝากล่องออก “เฮ้! ฉันไม่กินก็ได้ นายเก็บไว้เถอะ”
“ก็บอกว่าจะฉลองกันไง” นอกจากไม่สนใจคำห้ามปรามแล้วพอสยังฉีกซอง ยื่นแท่งหนึ่งให้เจตน์เสร็จสรรพ “เอ้า!!”
ขนมสีหวานจ๋อยถูกยื่นเข้ามาแทบทิ่มหน้า ก็ไม่ได้ไม่ชอบของหวานหรอกนะ แต่...
“นายกินเถอะ” เจตน์พยายามดันออก แต่พอสขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม บางทีเขาอาจจะสูญเสียดวงตาจากเหตุการณ์นี้ได้ “อุตส่าห์ไปแย่งมาได้กล่องเดียวเลยนะ”
“เพราะแบบนั้นถึงต้องแบ่งกันไง” ปลายขนมจ่อเข้ามาใกล้ตาดำทุกที “นะ”
“กะ..ก็ได้...”
หมับ!เจตน์คว้าขนมแท่งจากมืออีกฝ่ายก่อนจะเสียอวัยวะไป จังหวะที่กำลังจะส่งมันเข้าปากพอสก็ยื่นอีกอันมาตรงหน้า
“เชียร์สสสสส”
อันที่จริงแล้วเจตน์ไม่ชอบทำอะไรน่ารัก ๆ อย่างการชนป็อกกี้แทนแก้วเบียร์สักเท่าไหร่หรอก สารร่างเขาแอ๊บแบ๊วไหวที่ไหนกันล่ะ แต่ว่าตอนนี้....ตอนที่พอสเฝ้ารอด้วยดวงตาวิบวับ....
เขาขยับขนมแท่งของตัวเองไปใกล้ ๆ เอ่ยตอบด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เชียร์ส”
แล้วก็ชนป็อกกี้เข้าหา...
ป๊อก!!“เชี่ย!!”สองเสียงประสานขึ้นพร้อมกันเมื่อขนมร่วมสาบานแหลกสะบั้นหักออกเป็นสี่ท่อนในพริบตา เศษซากกระเด็นกระดอนอัดข้างฝาบ้าง กลิ้งขลุก ๆ มาที่ปลายเท้าบ้าง แหลกแบบไม่ต้องเก็บมาแดกกันอีกต่อไป
ชายวัยยี่สิบสามทั้งสองสบตากันครู่ใหญ่แล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
เล่นอะไรปัญญาอ่อนชะมัด.....ใบหน้าที่เคยเฉยชาไร้อารมณ์บัดนี้กลับฉาบทับด้วยอารมณ์ขบขัน ดวงตาเรียวยิ้มจนกลายเป็นขีด ราวกับเจตน์ได้ใช้ทุกกล้ามเนื้อบนใบหน้าจนหมดสิ้น
เขากัดซากขนมที่เหลือเข้าปาก รสหวานของมันทำให้วันหยุดมีความหมายยิ่งกว่าเดิม และยิ่งเมื่อได้นั่งอยู่กับใครอีกคน......
อืม...ซื้อของเซลก็ไม่ได้แย่นักหรอก....TBC
เห้อมมมมม กลับมาเขียนรักสดใสของวัยรุ่นแล้วชุ่มชื่นหัวใจไปอีกแบบค่ะ ปกติมีแต่พวกคนเถื่อน//หรี่ตามองตัวละครที่ผ่านมา
ขอส่งความหวาน Merry Christmas ทุกคนล่วงหน้าเลยแล้วกันนะคะ ใส่ปากเคี้ยวกร้วม ๆ
และ ๆ ๆ อันนี้ต้องขออวดอย่างแรง น้อง ICHI วาดคาแรคเตอร์มาให้ ทับใจมากกก มันใช่เลยอะะะ ฮือออออออออ
(J.8ight คิระ ๆ พัลจัก ๆ มาก อปป้าค้าาาาาาาาาา)
ฝากติดตามน้องเจตน์น้องพอสด้วยนะคะ
จะพูดว่าใกล้จบแล้วก็กระดากปากอะ สั้นเท่านี้ 55555555555
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ//กอดรวบ
ป.ล.เรื่องนี้ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิตจ้า