พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒  (อ่าน 57238 ครั้ง)

ออฟไลน์ แก้มกลม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ข้าวผัด + โอเลี้ยงพร้อมส่งให้ผู้ใหญ่ลอแล้วจ๊ะ  :z1:

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2

                วันนี้ศตายุ จันทร์เจ้าขา  และแก้วเจ้าจอมมีความสุขนัก ศตายุเดินตามพ่อและแม่ด้วยหัวใจพองฟู วันนี้เด็กหนุ่มใส่เสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ขาดเข่าแบบที่วัยรุ่นชอบ จันทร์เจ้าขาใส่ชุดกระโปรงที่ลลิตภัทรซื้อมาฝากเมื่อครั้งกลับจากกรุงเทพ ส่วนแก้วเจ้าจอมใส่กางเกงขา 5 ส่วน รองเท้ารัดส้นดูเปิ๊ดสะก๊าดพร้อมกับเสื้อยืดสีเขียวลายเบนเท็น มีนาฬิกาเบนเท็นที่อาลอซื้อมาฝากเมื่ออาทิตย์ก่อนเข้ากั๊นเข้ากันกับเสื้อที่พ่อกำนันจ๋าซื้อให้อย่างที่สุด เจ้าจอมโปรดนักใส่แทบจะไม่ยอมถอด ไม่มีใครหล่อสู้จอมอีกแล้วจ้าพ่อจ๋า วันนี้จิ๊บแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ๊ตสีชมพูอ่อนและกางเกงสกินนี่ยีนส์สีเข้มรองเท้าผ้าใบสีขาวส่งให้จิ๊บดูเหมือนพี่สาวของเด็กๆมากกว่าเป็นแม่ส่วนแดนดินใส่เสื้อยืดทับด้วยเสื้อเชิ๊ตลายสก๊อตสีดำแดง ทั้งหมดเดินเข้าร้านบุฟเฟต์ตามคำร้องขอของลูกๆ

 

ดูจากสีหน้าแววตาและรอยยิ้มก็รู้ว่าเด็กๆมีความสุขมาก

 

                “เจ้าขาอยากกินอะไรสั่งมาเลยนะลูก”แดนดินที่นั่งใกล้ลูกสาวมากที่สุดเอี้ยวตัวดูเมนูเล่มเดียวกับลูก เด็กหญิงส่งรออยยิ้มหวานตอบผู้เป็นพ่อ

 

นานเหลือเกินแล้วที่พ่อไม่ได้มีเวลาพาพวกเรามาเที่ยวเล่น เด็กหญิงอ่านเมนูพลางเอ่ยสั่งของที่อยากกินหันไปถามความคิดเห็นพอแม่พี่น้องบ้างแล้วนั่งรอ เด็กหญิงวัยสิบสามปีเอากระดาษทิชชู่มาเช็ดภาชนะบนโต๊ะแล้วแจกจ่ายคนในครอบครัวจนครบ ส่วนเจ้าจอมน้องน้อยนั้นนั่งอยู่ข้างแม่ริมฝีปากยิ้มจนแทบจะฉีกแก้มแทบจะแตกตาเป็นขีดดูน่าเอ็นดู บรรยากาศมันดีไปเสียหมดดีมากๆจริงๆลูกเจี๊ยบนั่งหัวโต๊ะขนาบพ่อกับแม่ไว้อีกทีดวงตากลมตอนนี้มีประกายของความสุขล้นเคลือบไว้อย่างเห็นได้ชัด ได้ออกมากินข้าวนอกบ้านครบหน้าครอบครัวในแบบที่ไม่ได้มานานแล้ว เด็กน้อยดีใจจนต้องไลน์ไปอวดอาลอ รายนั้นนอกจากไม่งอแงที่วันนี้จะไม่ได้เจอกันแล้วยังอวยพรขอให้เขาเที่ยวอย่างสนุกอีกด้วย



ลลิตภัทรรู้ดีว่าเด็กๆต้องการพ่อ เพราะฉะนั้นเวลาอันมีค่านี้เขาจะไม่ฉกชิงมาเป็นของตนเองเด็ดขาด

 

                “เตรียมตัวไปอยู่กับหลวงตาหรือยังเจ้าจอม?”แดนดินหันมาหาลูกชายคนเล็กเจ้าจอมพยักหน้าเร็วเป็นคำตอบ

 

                “พร้อมแล้วจ้าพ่อจ๋า”แดนดินลูบหัวลูกชายคนเล็กอย่างรักใคร่

 

                “ไม่ใช่พอบวชแล้วไปนอนร้องไห้ขี้มูกโป่งนะ”เอ่ยเย้าลูกคนเล็กอย่างหยอกล้อ แก้วเจ้าจอมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้กอดอกฉับทำปากคว่ำใส่คนเป็นพ่อทันที

 

                “พ่อนี่พูดเหมือนหนูเป็นเด็กเล็กๆ หนูก็บวชมา 2 ปี แล้วมั้ยล่ะ”คนลูกส่งเสียงเถียงเจื้อยแจ้วราวกับตอนเกิดเลี้ยงด้วยนมนกแก้วนกขุนทองพลางส่งค้อนปะหลักปะเหลือกใส่คนเป็นพ่อที่พูดราวกับไม่เชื่อใจความเก่งกล้าสามารถของตน

 

                “จ้าไอ้คนเก่ง บวชปีแรกร้องแงๆจะกลับมานอนบ้านจนพ่อต้องไปนอนเป็นเพื่อน ปีที่แล้วร้องบอกกลัวผี”



กำนันหนุ่มยังไม่เลิกเย้าเจ้าลูกคนเล็กที่หลวงตาจวบให้บวชสามเณรภาคฤดูร้อนตั้งแต่เจ็ดขวบ จิ๊บเห็นดีเห็นงามด้วยที่จะให้เจ้าจอมไปบวชเพราะจะได้สำรวมขึ้น อีกอย่างการให้ลูกบวชก็เพื่อให้แก้วเจ้าจอมได้ใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนา จิ๊บอยากให้ลูกเป็นคนจิตใจดี แก้วเจ้าจอมเป็นเด็กใจร้อนเมื่อก่อนเวลาโดนขัดใจเด็กน้อยจะร้องกรี๊ดๆ จนกระทั่งหลวงตาจวบเอาไปบวชเมื่อลาสิกขาบทออกมาแก้วเจ้าจอมนิ่งขึ้น รู้จักอดทนและรอคอยไม่สำออยเวลาไม่ได้ของเล่นที่อยากได้ อีกอย่างเจ้าจอมกลายเป็นเด็กที่รู้จักแบ่งปันให้กับผู้อื่น

 

                “แล้วเจี๊ยบล่ะลูก ปิดเทอมอยากทำอะไรมั้ย?”แดนดินหันไปถามลูกชายคนโตที่นั่งแหย่น้องสาวให้ได้โดนฟาดแขนไปทีหนึ่งด้วยความหมั่นไส้

 

                “หนูอยากไปดูคอนเสิร์ตจ้าพ่อ”แดนดินเริ่มคีบอาหารใส่หม้อพลางขมวดคิ้ว

 

                “คอนอะไรเหรอ”แดนดินถามอย่างสนใจ ไม่ได้แปลกใจนักกับสิ่งที่ลูกบอกเพราะปกติเจะไปเป็นเพื่อนคอยรับคอยส่งลูกที่หน้าสถานที่จัดคอนเสิร์ตอยู่แล้วทุกครั้งที่ศตายุอยากไปแม้จะไม่ได้เข้าไปดูกับลูกก็ตามที เขาไม่คิดว่าการดูมหรสรรพต่างๆนั้นจะเป็นปัญหาอะไรเพราะลูกเรียนหนักมาทั้งปี การขอไปดูคอนเสิร์ตในแต่ละครั้งก็เหมือนการให้รางวัลให้ลูกได้ไปเติมพลังนั่นเอง

 

                “คอนบรูโน่ มาร์ จ้าพ่อ เพลงที่หนูชอบเปิดบ่อยๆ”แดนดินพยักหน้ารับรู้พลางถามวันที่มีคอนแต่พอลูกเจี๊ยบบอกวันเวลามาแดนดินก็ทำคิ้วขมวด

 

                “วันนั้นพ่อไม่ว่าง ต้องไปงานแต่งลูกลุงพันที่เชียงใหม่ไงลูกจำไม่ได้เหรอ ไปกันทั้งบ้าน”ศตายุหน้าจ๋อยลงไปในทันทีที่พ่อเอ่ยประโยคนั้นมา

 

                “น้องไปคนเดียวก็ได้พ่อ”ยังคงต่อรองแม้ความหวังจะริบหรี่ตั้งแต่ที่พ่อบอกว่าไม่ว่างแล้ว

 

                “จะไปคนเดียวได้ยังไงเจี๊ยบยังเด็ก”

 

                “โธ่ พ่อจ๋า น้องโตแล้ว 16 แล้ว น้องดูแลตัวเองได้นะจ๊ะ พ่อให้น้องไปเถอะ”เกาะแขนพ่อเขย่าอย่างเอาแต่ใจ แดนดินดึงแขนตัวเองหนีลูกเมื่อหมูในตะเกียบสะบัดจนหล่นลงบนโต๊ะ

 

                “ไม่งอแงสิเจี๊ยบ เพิ่งจะ 16  พ่อจะปล่อยให้ไปไหนมาไหนคนเดียวได้ยังไง ไม่ได้ๆ เลิกคุย บรูโน่จะมาไม่มาพ่อไม่สนพ่อไม่ให้น้องไป”แดนดินตัดบทพลางคีบอาหารให้เจ้าจอม

 

                “แม่จ๋า...”เมื่อขอพ่อไม่ได้ผลก็หันไปหาแม่ทันที เพราะอย่างไรเสียคำตัดสินจากแม่ถือเป็นที่สิ้นสุด

 

                “แม่เห็นด้วยกับพ่อ”จิ๊บพูดเรียบๆกับลูกคนโต หล่อนรักและเป็นห่วงลูกน้อยยิ่งกว่าผู้เป็นสามีเสียอีก เรื่องอะไรจะปล่อยลูกอายุเพิ่งจะ 16 ปี ไปเสี่ยงในกรุงเทพคนเดียว

 

จิ๊บดูข่าวคนกรุงเทพใจร้ายใจดำก็ตั้งมากปล้นฆ่าหลอกลวงกันไม่เว้นแต่ละวัน ไหนจะแท็กซี่ที่ชอบพาเหยื่อไปฆ่าชิงทรัพย์ จริงอยู่ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเจอเรื่องเลวร้ายอะไรแบบนั้นแต่หากมันเกิดขึ้นกับลูกของหล่อนหัวใจคนเป็นแม่คงแหลกสลายตามลูกไปแน่ๆ

 

                “โธ่...แม่อ่ะ”ศตายุร้องโอดหน้าหงิกหน้างอลงไปทันที

 

หมดกัน ความหวังที่จะได้ไปดูคอนเสิร์ตนักร้องขวัญใจที่ชอบมาหลายปี

 

อีกร้อยปีข้างหน้า พระอาทิตย์ก็ยังตกและขึ้นอยู่เหมือนเดิม แต่คอนบรูโน่ มาร์ มาปีนี้แล้วก็ไปแล้วไปลับจะมาอีกทีปีไหนก็ไม่รู้

 

คิดได้ดังนั้นหัวใจของลูกเจี๊ยบน้อยก็ห่อเหี่ยวนัก ห่อเหี่ยวถึงขนาดกินอะไรไม่ลงเลยทีเดียว จิ๊บเห็นแล้วก็ให้สงสารลูกนัก ร้อยวันพันปีลูกไม่เคยจะขออะไรหล่อนเลยนอกจากขอเงินซื้อหนังสือที่อยากได้ ปกติหล่อนจะอนุญาตถ้ามีพ่อไปด้วย

 

                “เจี๊ยบ ที่แม่ไม่ให้เพราะแม่เป็นห่วงจริงๆ จะปล่อยลูกไปคนเดียวห่างหูไกลตาแม่ๆก็ห่วง ถ้ามีผู้ใหญ่ไปด้วยขดูแลลูกได้แม่จะไม่ห้ามซักคำ แม่มีหนูคนเดียวนะถ้าหนูเป็นอะไรไปแม่จะไปหาลูกเจี๊ยบแบบน้องจากไหนได้อีก เข้าใจแม่นะลูก”

 

แล้วเจี๊ยบจะพูดอะไรได้ล่ะจ๊ะ นอกจากรับคำหงอยๆ

 

เจี๊ยบเข้าใจดีจ้าว่าพ่อกับแม่เป็นห่วงเจี๊ยบมากขนาดไหน จำได้ตั้งแต่ตอนน้องแอบไปดูหนังแล้ว

 

ไม่เป็นไร ไว้เจี๊ยบโตกว่านี้จนพ่อแม่วางใจว่าเจี๊ยบจะดูแลตัวเองได้เจี๊ยบค่อยไปก็ได้จ้า

 

แต่คำว่าไม่ได้ไปก็ไม่เป็นไรสำหรับติ่งคือเรื่องโกหก ลูกเจี๊ยบเก็บอาการนอยด์ไว้ไม่อยู่เลยด้วยซ้ำ ยิ่งใกล้วันจองบัตรคอนเสิร์ตลูกเจี๊ยบก็ยิ่งกระวนกระวายกินข้าวก็ไม่อร่อย

 

ทำไมนะทำไมลูกลุงพันจะต้องมาแต่งงานช่วงนั้นด้วยเลื่อนไปซักครึ่งเดือนไม่ได้เหรอจ๊ะ ดูสิเจี๊ยบอุตส่าห์เก็บหอมรอมริบค่าขนมมาตั้งนานรับจ้างทำรายงานให้เพื่อนจนนิ้วแทบจะล็อคเพื่อสะสมเงินไปซื้อบัตรคอนที่แพงที่สุด ดีที่สุดแล้วเจี๊ยบต้องมาอดไปเนี่ย เจี๊ยบจะโทษใครดี โทษลูกลุงพันที่จะมาออกเรือนช่วงนั้นหรือโทษบรูโน่ที่ปีหนึ่งมี 12 เดือน แต่ดันเลือกจะมาคอนเสิร์ตช่วงนี้กันนะ

 

สุดท้ายก็ได้แต่โทษตัวเองที่ดันเกิดมาช้าไป นี่ถ้าเกิดเร็วกว่านี้ซัก 4 ปี พ่อจ๋ากับแม่จิ๊บคงยอมให้ไป แต่พอมาคิดดูแล้วถ้าตอนนี้เจี๊ยบอายุ 20 ก็เท่ากับว่าแม่จิ๊บต้องท้องเจี๊ยบตอนอายุ 10 ขวบ

 

เอ่อ...คงไม่ดีเนอะ

 

                “เป็นอะไรไปคะ พักนี้หนูดูหงุดหงิด”ลลิตภัทรที่นั่งตกปลาอยู่ข้างหลานตัวน้อยที่เอาแต่เหม่อไม่สนใจทุ่นไม้ที่ขยับยุบยิบในน้ำเลยซักนิดก็ให้แปลกใจ 2-3 วันมานี้ลูกเจี๊ยบผีเข้าผีออก บางทีก็เอาแต่นั่งถอนหายใจ บางทีก็ดูหงุดหงิดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จะว่าเมนส์มาลูกเจี๊ยบก็ไม่มีรังไข่และมดลูก ถึงจะมีไข่ก้อนกลมๆน่ารักที่เคยฟัดแต่ก็คงทำให้เมนส์มาไม่ได้แน่ๆ แล้วใยเจ้าตัวน้อยถึงมีท่าทางแบบนี้กันเล่า

 

                “ไม่มีอะไรหรอกจ้า หนูแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย อาลออย่าสนใจเลย”

 

                “มันไม่ปกติค่ะ พักนี้หนูดูอารมณ์ไม่ดี มีอะไรบอกอาได้นะคะเผื่อจะได้ช่วยกันคิด”ลลิตภัทรเอื้อมมือไปสอดประสานกับนิ้วมือป้อมๆแสนน่ารักของหลานพลางกระชับราวกับจะปลอบใจ ความนุ่มนวลและอบอุ่นแล่นเข้าสู่หัวใจเด็กน้อย ศตายุยิ้มได้ในรอบหลายๆวัน แค่มีอาลออยู่ข้างๆความขุ่นมัวในใจก็เหมือนจะคลายลง นึกโมโหตัวเองที่ไม่รู้จักจัดการอารมณ์ของตัวเอง ดูเอาเถอะอยู่กับอาลอแท้ๆแต่กลับไม่ทำตัวให้มีความสุขจนอาลอเป็นห่วง

 

 

ยังเด็กอย่างที่พ่อแม่บอกจริงๆนั่นแหละศตายุเอ๋ย

 

                “ว่าไงคะ มีปัญหาอะไรเล่าให้อาฟังได้หรือยัง?”

 

ในที่สุดลูกเจี๊ยบก็เล่าปัญหาที่ค้างคาใจของตัวเองให้อาหนุ่มฟัง พระลอพยักหน้าพลางร้องอ๋ออย่างเข้าใจ

 

เขาเข้าใจทั้งแดนดินและจิ๊บที่เป็นห่วงลูก แม้ศตายุจะตัวโตแต่เอาเข้าจริงประสบการณ์ชีวิตก็ยังน้อยนัก ศตายุถ้ายังไม่เจอเขาศตายุก็คือแก้วเนื้อบริสุทธิ์ดีๆนี่แหละ หากเป็นลูกเขาๆก็ไม่ให้ไปเหมือนกัน

 

                “พ่อกับแม่เขาเป็นห่วงหนู ตอนนี้อาจจะเสียใจแต่พอโตไปหนูก็จะรู้ค่ะว่าเขารักเรามากจนไม่กล้าที่จะเอาความมั่นใจของหนูมาเสี่ยง”

 

                “หนูเข้าใจจ้า ตัดใจแล้ว ไม่เป็นไรดูคลิปในยูทูปก็ได้จ้า”เด็กน้อยตอบรับอย่างเข้าใจ พระลอลูบผมหลานอย่างเอ็นดู ศตายุเป็นเด็กพูดง่ายเสมอ ไม่งอแงดื้อรั้นที่จะเอาแต่ใจตัว ถ้าบอกว่าไม่ก็พร้อมจะเข้าใจ ถามว่าเสียใจมั้ย แน่นอน พระลอเคยเป็นเด็กมาก่อนรู้ดีว่าความรู้สึกผิดหวังยามไม่ได้ในสิ่งที่อยากได้น่ะมันรู้สึกแย่แค่ไหน

 

ดังนั้น

 

 

 

 

คืนนั้นหลังจากส่งลูกเจี๊ยบกลับบ้านเสร็จกินข้าวกินปลาอาบน้ำปะแป้งจนชื่นใจแล้วพระลอก็ต่อสายหาเอ็มเพื่อนสนิททันที

 

                “ฮัลโหล ไอ้เอ็ม กูมีเรื่องจะให้มึงทำให้หน่อยถ้ามึงทำได้กูให้ 5 พัน”

 

                “อะไรวะ เชิญบัญชามาได้เลยเพื่อน”

 

                “หาบัตรคอนบรูโน่ มาร์ให้กู 2 ใบ เอาบัตรแพงสุดที่นั่งดีๆ”

 

                “โอเคเพื่อน มึงเตรียมโอนเงินห้าพันให้กูได้เลย”เอ็มตอบกลับมาอย่างมั่นใจเพราะตนเองมีเส้นสายเยอะเรื่องแค่นี้หมูๆ ถึงหาบัตรจากพรรคพวกไม่ได้ แต่นี่ใคร เทพเจ้าเอ็ม บัตรคอนเกาหลีที่ว่ากดยากกดเย็นพี่ก็กดได้มาแล้ว ทีมงานคุณภาพเน้นๆ

 

เมื่อได้ยินคำรับรองจากเพื่อนลลิตภัทรก็ผิวปากอย่างสบายใจ

 

ต้องมีผู้ใหญ่ไปด้วยถึงจะวางใจใช่มั้ย

 

นี่ไง

 

นี่ใคร

 

ลลิตภัทร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 เชียวนะ

 

ผู้ใหญ่จริงๆเชื่อถือได้

 

ฮี่ๆ





 

 

 

                ลลิตภัทรนั่งเอนกายกับพนักพิงที่ศาลาริมน้ำ อากาศยามเย็นคลายความร้อนลงไปมาก สายลมพัดพลิ้วทำให้กอไผ่เสียดสีกันจนเกิดเสียงดังเอียดอาด แมงมุมน้ำวิ่งบนผิวน้ำจนเกิดแรงกระเพื่อมวงเล็กๆปลาตัวน้อยตัวใหญ่โผล่ขึ้นมาฮุบบนผิวน้ำตรงนู้นตรงนี้บ่งบอกว่าระบบนิเวศน์ของลำคลองสายนี้ยังอุดมสมบูรณ์ดีขนาดไหน ธรรมชาติที่หาแทบไม่ได้ในเมืองหลวง ลลิตภัทรสูดลมหายใจรับกลิ่นน้ำเข้าไปจนเต็มปอด มองไปยังท่าน้ำบ้านตรงข้ามไร้วี่แววของเด็กๆที่มักจะมานั่งเล่นกันเป็นประจำทุกเย็นเพราะวันนี้แก้วเจ้าจอมปลงผมเพื่อจะบวชสามเณรภาคฤดูร้อนในวันพรุ่งนี้ สมาชิกในบ้านคงไปอยู่วัดกันหมดนั่นแหละ  พรุ่งนี้เขาต้องตื่นไปช่วยที่วัดแต่เช้ามืดที่บ้านก็จะไปเปิดโรงทานเพื่อเลี้ยงชาวบ้านด้วย ตอนนี้ในครัวกำลังเตรียมวัตถุดิบที่จะทำอาหารพรุ่งนี้ให้ง่วนไปหมด เขาเองก็เพิ่งกลับมาจากเตรียมสถานที่ พ่อบอกว่าปีนี้มีเณรเยอะกว่าทุกปีคือ 100 กว่าคน ชายหนุ่มนั่งมองกอบัวที่หุบดอกยามเย็นด้วยใจที่สงบ เมื่อก่อนเขาไม่มีเวลาดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบนี้ เลิกงานตอนเย็นก็ไปกินเหล้ากับเพื่อนบ้างก็ไปขลุกอยู่ในฟิตเนส แม้ว่าลลิตภัทรจะไม่นิยมการมีกล้ามล่ำๆแต่ชายหนุ่มก็รักสุขภาพ ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบไม่รู้ตัวไปหลายอย่าง อย่างแรกคือเขารู้จักที่จะใจเย็นทั้งๆที่เมื่อก่อนเขาใจร้อนไม่ชอบรออะไรแต่ตั้งแต่กลับมาอยู่ที่บ้านเขารู้จักการใช้ชีวิตให้ช้าลง อีกอย่างคือตอนนี้เขาเลิกบุหรี่ได้เด็ดขาดแล้วตั้งแต่คบกับลูกเจี๊ยบเด็กน้อยบ่นเขาทุกครั้งที่เวลาจูบกันแล้วปากของเขามีกลิ่นบุหรี่ เขาเรียนรู้ที่จะรู้ว่าเงินทองและสิ่งของที่เราซื้อไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความสุขมากที่สุดหากแต่เป็นครอบครัวและผู้คนที่อยู่รอบๆกายและคนที่ทำให้เรารู้สึกเต็มอิ่มไปด้วยความรักนั่นคือสิ่งที่ทำให้ลลิตภัทรมีความสุขอย่างแท้จริง

 

                “นั่งเล่นเอ็มวีอยู่หรือไงวะไอ้ลอ”ลลิตภัทรสะดุ้งเมื่อมือหนักๆของพี่ชายคนกลางตบลงแรงๆบนไหล่ของตน พระลักษณ์ยื่นแก้วเหล้าให้น้องชายพลางจิบแก้วของตัวเองไปด้วย

 

                “ก็พอเข้าใจว่าผมหล่อ แต่ไม่คิดว่าพี่จะมองว่าผมหล่อระดับพระเอกเอ็มวีเลยว่ะ เซอร์ไพร์ทนะเนี่ย”

 

                “มีใครเคยบอกมึงมั้ยวะว่ามึงโคตรหลงตัวเองเลย”พระลักษณ์เอ่ยแขวะเมื่อน้องชายพูดจาเข้าข้างเบ้าหน้าของตัวเอง

 

                “เคยมีแต่คนชมนะพี่ ตอนแรกผมก็คิดว่าเขาอวยแต่พอกลับบ้านมาส่องกระจก โอ๊ะ หล่อจริงๆด้วย ผมเลยเชื่อว่าคนพวกนั้นเห็นว่าผมหล่อจริงๆ”

 

                “เอาจริงๆนะไอ้ลอ ถ้ามึงไม่ใช่น้องกู กูถีบลงไปให้ชะโดแดกมึงแล้ว คำพูดคำจามั่นหน้าเหลือเกิน”พระลักษณ์ไม่พูดเปล่าคนเป็นพี่เงื้อเท้าจะถีบน้องเอาตามที่พูดจริงๆจนพระลอต้องยกมือทำท่ายอมแพ้อย่างเสแสร้ง สองพี่น้องนั่งคุยกันเรื่องสัพเพเหระทั้งเรื่องกิจการที่บ้านรวมไปทั้งเรื่องปัญหาของลูกบ้านที่ต้องดูแล ไม่นานบรรดาหลานๆและพี่สะใภ้ก็มาสมทบเสียงพูดคุยหยอกล้อดังไปทั่วคุ้งน้ำบ่งบอกให้รู้ว่าครอบครัวนี้มีความสุขมากเพียงใด

 

เป็นครอบครัวในฝันของใครหลายๆคน คนทั้งสามรุ่นอยู่ด้วยกันด้วยความรักและห่วงใยไม่ทอดทิ้ง มื้อกับข้าวตอนเย็นแม้จะประกอบด้วยอาหารง่ายๆพวกน้ำพริกกะปิผักต้มผักสด ปลาทอดและแกงป่าหมูสับแต่กลับทำให้ลลิตภัทรเจริญอาหารอย่างไม่น่าเชื่อ หลังกินข้าวเสร็จก็นั่งดูทีวีกับพ่อแม่จนสองทุ่มพี่ๆและหลานๆก็แยกกลับไปบ้านตัวเองลลิตภัทรอยู่คุยกับพ่อแม่จนทั้งสองคนเข้านอนชายหนุ่มเดินตรวจตรารอบบ้านอีกครั้งจึงกลับเข้าห้องอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนโดยไม่ลืมหยิบโทรศัพท์มาเช็คไลน์ของลูกเจี๊ยบดูแล้วก็ไม่ผิดหวังเมื่อเจ้าลูกเจี๊ยบน้อยถ่ายรูปเซลฟี่ส่งมาให้เมื่อสิบนาทีก่อนแล้วบอกว่าจะนอนแล้ว ลลิตภัทรเปิดรูปของลูกเจี๊ยบดูก็อดจะอมยิ้มไม่ได้ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นใสกิ๊งไร้เครื่องสำอางรอยยิ้มน้อยๆปรากฏบนใบหน้าเลื่อนสายตาไปที่ลำคอระหงส์ที่เคยฝังจมูกสูดกลิ่นหอมอยู่หลายหนก็ได้แต่กลืนน้ำลายยิ่งไล้สายตาลงไปยังคอเสื้อที่แหวกลึกเป็นตัววีก็ยิ่งคอแห้ง

 

เด็กอะไรมาเป็นภาพนิ่งก็ยังน่ากินได้ขนาดนี้

 

ร้ายจริงๆ

 

ลลิตภัทรขยับกายพิงหัวเตียงก่อนจะหามุมเพื่อถ่ายรูปกลับไปให้ลูกเจี๊ยบบ้าง เมื่อได้มุมชายหนุ่มกดยิ้มมุมปากก่อนจะถ่ายส่งกลับไปหาลูกเจี๊ยบ ศตายุที่กำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงกระเด้งตัวขึ้นนั่งหยิบโทรศัพท์มาเปิดดู พลันใบหน้าก็ร้อนเห่อเมื่อรูปที่ส่งมาลลิตภัทรไม่ได้ใส่เสื้อ ข้อความที่ส่งมายามลูกเจี๊ยบเปิดอ่านคือ

 

                “คืนนี้อาจะนอนกับหนูนะคะ เจอกันในฝัน”

 

งื้อ...อาลอคนบ้า เสื้อผ้าเสื้อผ่อนไม่ใส่แล้วยังมาพิมพ์อะไรเสี่ยวๆอีก น้องจะขาดใจตายเพราะความเขินแล้วจ้าอาลอจ๋า

 

รุ่งเช้าพระลอและครอบครัวลุกขึ้นมาเตรียมงานตั้งแต่เช้ามืด รถกระบะลำเลียงวัตถุดิบที่จะทำโรงทานไปวัด เต็นท์ถูกกางรอตั้งแต่เมื่อวาน แดนดินและครอบครัวมาถึงวัดเกือบจะพร้อมกับบ้านพระลอ ศตายุช้อนตามองคนรักพลันก็ก้มหน้าหลบสายตาหวานเชื่อมที่มองมอง

 

                “จิ๊บ เดี๋ยวพี่ไปดูลูกก่อนนะ จิ๊บกับลูกอยู่ตรงนี้ก่อนได้ใช่มั้ย เสร็จแล้วพี่จะรีบกลับมา”แดนดินหิ้วเข่งขนมจีนที่สั่งมาร่วมร้อยกิโลมาวางในเต๊นท์ในขณะที่จิ๊บเริ่มจัดข้าวของ หญิงสาวพยักหน้ารับคำสามีพลางง่วนอยู่กับการเตรียมของโดยมีจัทร์เจ้าขาและศตายุเป็นลูกมือ มีลูกจ้างมาช่วยอีกสามคน

 

                “เดี๋ยวเจี๊ยบกับเจ้าขาเอาผักสดใส่ถาดเตรียมไว้นะลูก แม่จะจัดชุดที่จะถวายพระกับลูกเณรทั้งหลายก่อน”เจ้าขาและเจี๊ยบรับคำอย่างว่าง่าย ส่วนแม่และลูกมือเริ่มตั้งเตาทำน้ำยากะทิ น้ำยาป่า แกงเขียวหวานไก่ เด็กน้อยหั่นผักเคียงไปก็เหลือบตามองอาลอไป ชายหนุ่มอยู่ช่วยแม่ยกข้าวของลงจากรถเสร็จแล้วก็ตามแดนดินไปเพราะต้องคอยดูแลความสะดวกและไปช่วยดูแลพวกเด็กๆที่มีนับร้อยคน แก้วเจ้าจอมหัวเหม่งในชุดขาวกำลังนั่งเล่นกับเพื่อนๆ 2-3 คน เด็กน้อยรีบวิ่งมาหาผู้เป็นพ่อทันที

 

                “พ่อจ๋า เมื่อคืนจอมไม่ร้องไห้กลัวผีด้วยจอมเก่งมั้ยจ๊ะ”น้ำเสียงเล็กเสียงน้อยออดอ้อนน่ารักพูดยกยอตนเองอย่างอวดๆ แดนดินยิ้มกว้างจนตาหยีก่อนจะจุ๊บหัวเหม่งลูกชายอย่างแสนรัก

 

                “เก่งที่สุดเลยลูก เก่งสมกับเป็นลูกชายของพ่อ”

 

                “หนูหิวจังเลยจ้าพ่อ หลวงตาเรียกตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน”เด็กน้อยลูบพุงตัวเองเบาๆ แดนดินโยกหัวเหม่งๆของลูกด้วยความเอ็นดู

 

                “รออีกพักนะลูก วันนี้แม่เขาทำขนมจีนเลี้ยง มีน้ำพริกแบบที่หนูชอบด้วย หนูรอได้ใช่มั้ย เป็นลูกผู้ชายต้องอดทนนะ”

 

                “ได้จ้าพ่อจ๋า หนูทนได้”ลลิตภัทรพ่นลมออกทางปากด้วยความหมั่นไส้สองพ่อลูกที่จ๊ะจ๋าเข้าขากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ชายหนุ่มแยกไปช่วยดูเด็กๆคนอื่นๆจนกระทั่งถึงเวลาถวายภัตราหารเช้า บรรดาพ่อแม่ลูกเณรทั้งหลายต่างช่วยกันประเคนอาหารแด่พระสงฆ์และจัดสำรับสำหรับเด็กๆลลิตภัทรอาศัยช่วงชุลมุนไปยืนข้างๆลูกเจี๊ยบที่กำลังช่วยประเคนของถวายพระ

 

                “อาช่วยค่ะ”เอ่ยกระซิบเบาๆพลางช้อนฝ่ามือไปช่วยประคองถาด ลูกเจี๊ยบอมยิ้มน้อยๆ ใบหน้าร้อนผ่าวยามฝ่ามือของอาลอประทับลงฝ่ามือตนทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันทำเพียงช่วยกันถวายของให้พระจนเสร็จแล้วเดินไปช่วยแม่ๆที่เต๊นท์เพื่อเตรียมแจกของให้กับชาวบ้านผู้ร่วมงาน

 

                “เย็นๆไปหาอาที่บ้านนะคะ อามีอะไรจะให้”ลลิตภัทรเอ่ยกระซิบเบาๆข้างหูหลานก่อนจะแยกไปช่วยตักเส้นก๋วยจั๊บใส่ชามโฟมให้ชาวบ้านที่เริ่มมาต่อแถว

 

งานวันนี้ผ่านไปอย่างราบรื่นแก้วเจ้าจอมกลายเป็นสามเณรอย่างสมบูรณ์และได้ฉันท์เพลร่วมกับเณรองค์อื่นๆ ชาวบ้านช่วยกันเก็บข้าวของล้างคืนวัด แกงและอาหารรวมทั้งขนมนมเนยที่เหลือก็ถูกตักใส่ถุงแล้วแจกให้เอากลับไปกินที่บ้านกันจนถ้วนทั่ว

 

                “อยู่วัดเป็นเณรแล้วต้องสำรวมนะลูกเณร อย่าวิ่งเล่นซุกซนเข้าใจมั้ยคะ”จิ๊บเอ่ยสอนลูกในตอนที่เตรียมตัวจะกลับบ้าน

 

                “หนูรู้แล้วจ้าแม่ หนูไม่กล้าซนหรอก ถ้าซนหลวงตาจะฟาดด้วยก้านมะยมหนูก็เจ็บพอดีซี่แม่จ๋า”

 

                “ไม่ซนก็ดีแล้ว เดี๋ยวพ่อแม่แล้วก็พี่ๆกลับก่อนนะลูก”แก้วเจ้าจอมลงจากตักผู้เป็นพ่ออย่างว่าง่าย เณรน้อยโบกมือลาก่อนจะเดินกลับไปหาหลวงตาที่กุฎิไป

 

เมือกลับมาถึงบ้านเก็บของที่ขนกลับมาจากวัดเสร็จลูกเจี๊ยบก็ขออนุญาตแม่ข้ามไปหาลลิตภัทรโดยไม่ลืมหิ้วน้ำยากะทิ แกงเขียวหวานไก่ และน้ำพริกรวมทั้งเส้นขนมจีนที่จัดแบ่งไว้ไปให้ย่าโฉม นั่งคุยกับย่าโฉมพักหนึ่งก็ขอตัวไปหาลลิตภัทรบนห้อง ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศก็ปะทะร่างกายจนอดที่จะสูดลมหายใจเข้าไปอย่างชื่นอกชื่นใจไม่ได้ ชายหนุ่มเจ้าของห้องนั่งอยู่ทีโต๊ะทำงาน โน๊ตบุ๊คยังเปิดใช้งานอยู่ เมื่อเห็นศตายุชายหนุ่มก็ส่งยิ้มหวานให้หลานพลางหันเก้าอี้เข้าหาก่อนจะตบลงเบาๆที่ต้นขาของตัวเองลูกเจี๊ยบเดินไปนั่งลงบนต้นขานั้นพลางใช้มือคล้องคอลลิตภัทรอย่างรู้งาน

 

                “คิดถึงหนูจังเลยค่ะ”ไม่พูดเปล่าปลายจมูกโด่งก็กดลงบนแก้มนุ่มของหลานพลางเกลี่ยไปมาจนลูกเจี๊ยบหัวเราะคิกด้วยความจั๊กจี้

 

                “คิดถึงอะไรล่ะจ๊ะ ก็เจอกันทั้งวันอยู่แล้ว”

 

                “ได้เจอแต่ไม่ได้พูดกันไม่ได้หอมแก้มหนูอาใจจะขาดอยู่แล้วค่ะ”ลลิตภัทรฝังปลายจมูกลงบนต้นคอของหลานจนศตายุต้องหดคอหนี เอวบางถูกรั้งยามที่ฝ่ามือเลื้อยมาผลักอกลลิตภัทรออกเบาๆ

 

                “ฮื้อ อาลออย่าแกล้งหนูสิจ๊ะ ไหนอาลอว่ามีอะไรจะให้หนูไม่ใช่เหรอจ๊ะ”เด็กน้อยรีบเบี่ยงเบนความสนใจของลลิตภัทรเมื่อรู้สึกว่าฝ่ามือของชายหนุ่มเริ่มเลื้อยเข้าไปในเสื้อของตัวเองทีละนิดๆ ลลิตภัทรเมื่อได้ยินดังนั้นก็นึกได้ ชายหนุ่มเปิดลิ้นชักด้านข้างก่อนหยิบอะไรบางอย่างออกมา

 

                “วันนี้เพื่อนอาส่งจดหมายมาให้”ลลิตภัทรยื่นมันให้กับเด็กน้อย ศตายุรับมาถือไว้อย่าง งงๆ

 

                “แล้วอาลอเอามาให้หนูทำไมล่ะจ๊ะ อาลอเปิดอ่านเองเถอะจ้าหนูไม่ละลาบละล้วงของๆอาลอดีกว่า”เด็กน้อยยื่นซองจดหมายคืนให้ลลิตภัทร ชายหนุ่มยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วจุ๊บลงบนมือนุ่มนั้นไปทีหนึ่งจนคนเด็กก้มหน้างุด

 

                “อาลอนี่นะ ฉวยโอกาสกับหนูเรื่อยเลย”บ่นอุบแต่ก็ไม่ยอมเงยหน้ากลับขึ้นมามอง

 

                “เปิดเถอะค่ะ จดหมายน่ะของอา แต่ข้างในน่ะของหนู”ลลิตภัทรตอบกลับง่ายๆเอนกายพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะออกแรงยกตัวหลานให้นั่งคร่อมหันหน้ามาหาตนเพราะอยากเห็นปฏิกริยาหลังจากนี้ของคนเด็กกว่าให้เต็มตา

 

                “ก็ได้จ้า”ในที่สุดเด็กน้อยก็ยอมที่จะเปิดซอง ศตายุหยิบมีคัทเตอร์บนโต๊ะมากรีดตามความยาวของซองก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นบางๆสองแผ่นออกมา พลันดวงตากลมก็เบิกโพลง ริมฝีปากยิ้มกว้างอ้าค้างอย่างตกตะลึง ศตายุลืมลมหายใจและเสียงของตัวเองไปชั่วขณะก่อนจะสวมกอดลลิตภัทรไว้เต็มอ้อมแขน

 

                “อาลอจ๋า อาลอหามาให้หนูจริงๆเหรอจ๊ะ?”น้ำเสียงที่ปกปิดความปิติยินดีไว้ไม่มิดเอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ยืดกายคลายอ้อมแขนพลางเอากระดาษแผ่นนั้นมาดูอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ

 

และทุกอย่างก็ยังคงเดิม

 

บัตรคอนเสิร์ตของบรูโน่ มาร์ ที่อยากไปนักไปหนาแต่พ่อแม่ไม่อนุญาตตอนนี้มาอยู่ในมือของลูกเจี๊ยบแล้ว

 

                “ชอบมั้ยคะ?”น้ำเสียงนุ่มละมุนเอ่ยถามเบาๆ เด็กน้อยกดหน้าหงึกหงักแล้วสวมกอดลลิตภัทรอีกครั้งอย่างดีใจ

 

                “ชอบมากเลยจ้า ขอบคุณอาลอมากนะจ๊ะที่หามาให้หนู แต่ว่า...”เด็กน้อยมีท่าทีสลดลงเมื่อนึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่พ่อกับแม่เคยบอก

 

                “พ่อกับแม่บอกว่าไม่ให้หนูไปคนเดียวจ้า ต้องมีผู้ใหญ่ไปด้วย หนูเคยบอกอาลอแล้วนี่จ๊ะ”

 

อาลอนี่ แก่จนเป็นอัลไซเมอร์แล้วหรือไงจ๊ะ ทำไมถึงจำที่หนูบอกไปแล้วไม่ได้กันล่ะ

 

                “แล้วใครบอกว่าจะให้หนูไปคนเดียวล่ะคะ”

 

                “เอ๊ะ?”

 

                “อาจะไปด้วยค่ะ รับรองพ่อกับแม่ของหนูเถียงไม่ออกแน่ๆ เพราะอายุอาโตมากแล้วสามารถดูแลหนูได้ สองอาเป็นผู้ใหญ่ทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิค่ะ พ่อกับแม่ไม่น่าจะเถียงได้”เด็กน้อยอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำตอบของลลิตภัทร เมื่อคิดตามก็เห็นด้วยกับคำพูดของชายหนุ่ม

 

ถูกของอาลอนะจ๊ะ พ่อกับแม่ให้ไปกับผู้ใหญ่

 

นี่ไง อาลอไงจ๊ะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7

 


งื้อ...แฟนใครเนี่ย ทั้งหล่อทั้งฉลาดเลยจ้า





......................................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-12-2018 12:14:44 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
 :katai2-1: :katai2-1:  ลูกเจี๊ยบน่ารัก  ชอบเจ้าจอมด้วยกวนดี

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ไม่เป็นผู้ใหญ่บ้านแล้วเป็นเสี่ยลอสายเปย์ 5555  :z1:

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๒๔






        “ไม่ให้ไป!!”เสียงตวาดลั่นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ราวยักษ์ปักหลั่นของกำนันหนุ่มเต้นผางยามลูกชายพาลลิตภัทรมาหาถึงบ้าน

 

หนอย... ไอ้ลอ ไอ้เวรตะไล คนเขาชังน้ำหน้าเป็นนักหนาแล้วยังจะหน้าด้านบุกมาเหยียบถึงเรือน มาไม่พอยังมาขอให้เจี๊ยบไปดูคอนเสิร์ตกับมันอีก

 

ไม่ยอม

 

ไม่ให้ไป

 

            “โธ่ พ่อจ๋า พ่อให้น้องไปเถอะนะ”ลูกเจี๊ยบทำสีหน้าอ้อนวอนผู้เป็นพ่อ แม้ในใจออกจะหงุดหงิดเมื่อหนึ่งไม่ยอมสองไม่ให้อยู่นั่นแหละ จะไม่ให้ไปทำไมจ๊ะ ก็ตรงตามเงื่อนไขที่พ่อเคยบอกแล้วไง บัตรรึก็มีแล้ว ที่นั่งก็โคตรดีแถมมีผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ใหญ่ทั้งอายุและตำแหน่งไปด้วยแท้ๆ

 

            “พ่อไม่ให้น้องไปกับไอ้ลอ”

 

            “ทำไม ทำไมมึ..พี่ถึงไม่ให้หลานไปกับผม?”ลลิตภัทรเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อมาขอให้ดีๆแดนดินก็ไม่ยอมอยู่นั่นแหละจนรู้สึกโกรธแทนเจี๊ยบล่ะ

 

            “ไม่มีเหตุผลกูแค่ไม่อยากให้ลูกกูไปไหนมาไหนกับมึง”แดนดินตอบอย่างคนเอาแต่ใจ ลลิตภัทรมองหน้าลูกเจี๊ยบแล้วก็ให้สงสาร

 

            “อย่างี่เง่าสิพี่ เจี๊ยบอยากไปมากและผมก็ไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ให้หลานไป”

 

            “เพราะไปกับมึงนี่ไงกูถึงไม่อยากให้ลูกกูไปด้วย อยู่ๆมาซื้อบัตรให้หวังผลอะไรอยู่หรือเปล่า เจี๊ยบก็เหมือนกันไปขอของจากมันทำไมเดี๋ยวเถอะนะเดี๋ยวพ่อจะตีหนู”

 

            “โธ่ พ่อจ๋า...”

 

            “จิ๊บ ดูเอาเถอะ เธอไม่สงสารลูกเหรอ ไหนบอกว่าถ้ามีผู้ใหญ่ไปด้วยก็จะอนุญาตไง เจี๊ยบเป็นเด็กดีทำตัวดีมาตลอด ตั้งใจเรียนเราแค่อยากให้รางวัลหลาน อีกอย่างหลานไม่ได้ขออะไรเราเลย เราให้เอง”ในเมื่อขอพ่อแล้วไม่ได้เรื่องลลิตภัทรก็หันไปขอจิ๊บที่นั่งข้างๆสามีแทน

 

            “เด็กน่ะถ้าเขาทำดีเราก็ควรให้รางวัลเขาบ้างแล้วเจี๊ยบก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงที่เราจะช่วยดูแลให้ อีกอย่างตอนนี้มันปิดเทอมเธอควรให้ลูกได้ไปเปิดหูเปิดตาบ้าง เรากะว่าวันที่เหลือเราจะพาเจี๊ยบไปดูนิทรรศการไปดูสถานที่เรียนพิเศษในกรุงเทพว่ามันดีขนาดไหน นะจิ๊บถือซะว่าให้ลูกได้ไปเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆบ้าง อยู่แต่กับบ้านก็เห็นอยู่แค่นี้”

 

            “พี่ไม่ให้ไปนะจิ๊บ”แดนดินยังคงไม่ยอมแพ้เมื่อเห็นภรรยามีท่าทางคิดตามก็รีบขัดขึ้นมาทันที

 

            “มันจะรบกวนลอมากเกินไปหรือเปล่า?”หากแต่จิ๊บกลับไม่สนใจสามีที่ทำตัวงี่เง่างอแง

 

หล่อนสงสารลูก  หล่อนเข้าใจความรู้สึกของลูกดี ลูกเจี๊ยบไม่ใช่เด็กงอแงจะเอาอะไร เมื่อตอนบอกไม่อนุญาตพร้อมเหตุผลแม้ลูกจะซึมลงไปถนัดตาแต่ก็ไม่ได้มาเซ้าซี้ แต่ในเมื่อตอนนี้ลูกสามารถทำตามเงื่อนไขที่หล่อนบอกได้หมดแล้วทำไมหล่อนจะต้องใจร้ายกับลูก จริงอย่างที่พระลอบอก เจี๊ยบเป็นเด็กดีทำตัวดีมาตลอดอาจจะมีเป๋ไปบ้างตอนที่แอบไปดูหนังแต่นั่นก็เป็นแค่เพียงความผิดเดียวที่ลูกทำ ในเมื่อลูกประพฤติตนเป็นเด็กดีแล้วการที่หล่อนจะให้ในสิ่งที่ลูกร้องขอทำไมจะทำไม่ได้

 

ลลิตภัทรเองก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ไว้ใจได้ตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาลลิตภัทรดูแลเอาใจใส่ลูกๆของหล่อนอย่างสม่ำเสมอ ดีขนาดที่แก้วเจ้าจอมเชื่อฟังชายหนุ่มตรงหน้าได้อย่างรวดเร็วนั่นเถอะ

 

            “ไม่รบกวนเลยจิ๊บ เราจะไปดูอยู่แล้วพอเพื่อนหาบัตรมาให้เราเลยให้หามาสองใบ เราสัญญาว่าจะดูแลเจี๊ยบให้ดีไม่พาไปเถลไถลที่ไหนเด็ดขาด”

 

            “ถ้าลอรับปากเราอย่างนั้นเราก็จะให้ลูกไป”สิ้นคำพูดของจิ๊บแดนดินก็แทบจะลงไปนอนชักดิ้นชักงอที่ใต้ถุนเรือนส่วนลูกเจี๊ยบยิ้มกว้างโชว์ฟันซี่เล็กๆพลางก้มลงกราบตักแม่ด้วยความดีใจ

 

ยังไงแม่จ๋าก็มีเหตุมีผลเสมอ คิดถูกจริงๆที่มาขอตอนที่แม่อยู่ด้วย ลลิตภัทรมองภาพเด็กน้อยของเขาที่หันมาส่งยิ้มหวานให้ก็แสนจะมีความสุข นึกขอบคุณภาพลักษณ์ดีๆของตัวเองที่ทำให้จิ๊บวางใจพลางปรายตามองแดนดินที่ทำตัวเป็นหมีควายดีดดิ้นอย่างหมั่นไส้

 

มันน่าเตะให้ตกใต้ถุนเรือนนักไอ้คนขวางโลก รำคาญ!!!

 

หลังจากวันนั้นลูกเจี๊ยบน้อยก็อารมณ์ดีเป็นยิ่งนัก มองอะไรก็สดใสไปหมด ไปเยี่ยมน้องเณรก็อดไม่ได้ที่จะอวดว่าตนเองจะได้เข้ากรุงเทพจนเณรเจ้าจอมทำท่าจะงอแงตามจนจิ๊บต้องดุลูกชายคนโตที่จะมาทำให้น้องเณรตบะแตก

 

            “โอ๋ๆ ไม่งอแงนะเดี๋ยวโยมพี่ซื้อขนมกับของเล่นมาฝากน้องเณรนะครับ”ลูกเจี๊ยบปลอบน้องที่นั่งหันหลังให้พยายามทำท่าน่ารักง้องอนเจ้าตัวดีที่หัวเหม่งนั่งจุ้มปุ๊กเข้ากำแพงอย่างแสนงอน

 

            “พี่เจี๊ยบใจร้าย ไปเที่ยวตอนหนูบวช”คนน้องโอดครวญอย่างตัดพ้อน้ำเสียงรึแสนจะเศร้าสร้อยจนพี่ชายใจกระตุก

 

            “พ่อแม่กับพี่เจ้าขาก็จะไปเที่ยวเชียงใหม่...”คราวนี้คนเป็นพ่อกับแม่และพี่สาวถึงขั้นสะดุ้งต่อ แดนดินรีบเข้าไปโอ๋ลูกเณรน้อยทันที

 

            “ไม่ต้องเสียใจนะลูกเณร เดี๋ยวสึกแล้วพ่อจะพาไปเที่ยวทะเล”คราวนี้เณรน้อยหันขวับดวงตาเป็นประกายวิ้งๆขึ้นมาทันที

 

            “พ่อกำนันพูดจริงนะจ๊ะ ไม่หลอกเณรนะ หลอกเณรเป็นบาปนะจ๊ะ”เอานรกสวรรค์มาขู่ไว้ก่อนยังไงพ่อจ๋าก็ต้องกลัวตกนรกอยู่แล้วล่ะ

 

            “สัญญาสิลูก แต่ว่าพ่อแม่กับพี่ๆจะไม่อยู่อาทิตย์หนึ่งนะลูกเณรทนเหงาหน่อยนะครับ”

 

            “ได้จ้าพ่อจ๋า ถึงน้องจะเหงาบ้างอะไรบ้างแต่ความเหงาของหนูแก้ได้ด้วยของเล่นนะจ๊ะ”

 

            “ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะเณร”จันทร์เจ้าขออดไม่ได้ที่จะปรามน้อง เด็กสาวรู้ทันน้องชายจอมมารยาดี แก้วเจ้าจอมน่ะไม่ได้งอนจริงจังหรอก ทำมารยาสาไถเพื่อจะหลอกเอาของเล่นนั่นแหละ

 

            “แหม ก็ตัวได้ไปเที่ยวนิ หนูต้องอยู่วัดเดินจงกรมกับหลวงตาเหงาจะตาย”

 

 

            “เจี๊ยบเตรียมเสื้อผ้าไปพอหรือเปล่าลูก”จิ๊บเข้ามาหาลูกชายที่กำลังจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็กที่ลลิตภัทรนำมาให้เมื่อช่วงสาย เด็กน้อยหันมายิ้มให้คนเป็นแม่ในขณะที่จิ๊บมาช่วยจัดกระเป๋าด้วยอีกแรง

 

            “น้องว่าครบแล้วจ้าเอาไปแค่ 4-5 ชุดพอ”

 

            “ไปกับอาลอก็ทำตัวดีๆนะลูก อย่าดื้ออย่าซนรู้มั้ยไม่ได้ไปกับพ่อกับแม่ ชุดชั้นในน้องเอาใส่ถุงแยกต่างหากให้เป็นระเบียบดีกว่านะ”จิ๊บสอนลูกพลางเดินไปหยิบถุงมาใส่ชุดชั้นในแล้วใส่ลงไปก้นสุดของกระเป๋า

 

            “น้องไม่ซนหรอกแม่ นี่โตแล้วนะจ๊ะ 16 จะ 17 อยู่ไม่กี่วันนี้แล้ว”

 

            “แม่รู้ว่าน้องโตแล้ว แต่อาลอเขาเป็นผู้ใหญ่กว่ามากแม่กลัวว่าน้องจะไปเผลอเอาแต่ใจตัวเองเหมือนที่อยู่กับพ่อกับแม่”เจี๊ยบนั่งมองแม่ที่เอาเสื้อผ้าของตัวเองออกมาพับให้เรียบร้อยก่อนจะวางกลับเข้าไปใหม่ สองแม่ลูกนั่งคุยกันเรื่องสัพเพเหระจนกระทั่งลลิตภัทรขับรถยนต์มาจอดหน้าบ้าน แดนดินสะบัดหน้าพรืดเดินลัดคันนาทิ้งไปไม่อยากจะเห็นขี้หน้าของลลิตภัทร

 

            “ฝากลูกด้วยนะลอ”จิ๊บเดินมาส่งลูกที่รถ พระลอที่แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ๊ดสีน้ำเงินเข้มเซ็ตผมจนหล่อเฟี้ยวพยักหน้ารับก่อนจะรับกระเป๋าของศตายุไปใส่ท้ายรถ

 

            ไม่ต้องห่วงนะจิ๊บเดี๋ยวเราจะดูแลอย่างดีเลย”

 

            “เงินที่แม่ให้เก็บให้ดีๆนะเจี๊ยบ”จิ๊บหันไปสั่งลูกอีกครั้ง เอาเข้าจริงแม้ลูกจะโตและมีลลิตภัทรคอยดูแลหล่อนก็ยังอดห่วงไม่ได้เลยซักนิด ไม่ว่าจะตัวโตสูงใหญ่ขนาดไหนในสายตาของคนเป็นแม่ลูกเจี๊ยบก็ยังคงเป็นน้องน้อยของตนอยู่ดี เจี๊ยบรีบเดินมาสวมกอดแม่พลางหอมแก้มฟอดใหญ่รับคำทุกอย่างที่แม่สอน ในที่สุดท้ายรถของลลิตภัทรก็ลับโค้งถนนไป เป็นการเดินทางโดยไม่มีพ่อแม่ไปด้วยครั้งแรกของลูกเจี๊ยบ บรรยากาศในรถเป็นไปด้วยดี ลลิตภัทรผิวปากตามเสียงเพลงอย่างอารมณ์ดี ชายหนุ่มพาคนรักแวะกินข้าวที่นครปฐมก่อนจะตียาวเข้ากรุงเทพยามที่รถติดไฟแดงก็หันไปหยอกล้อกับเด็กน้อยอย่างมีความสุข เสียงเพลงสากลเปิดคลอทำให้ในรถไม่เงียบ สายฝนตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาเมื่อเข้าเขตกรุงเทพช่างเป็นอากาศที่แปรปรวน ลูกเจี๊ยบน้อยมองทิวทัศน์ข้างทางด้วยดวงตาเป็นประกาย

 

กรุงเทพตอนฝนตกก็สวยดีเหมือนกันนะจ๊ะ

 

ลูกเจี๊ยบยิ้มให้กับภาพของคู่รักที่เดินจับมือกันเคียงข้างในร่มคันเล็ก บ้างก็หลบฝนตาป้ายรถเมล์ที่ดูจะบังอะไรไม่ได้เลยซักนิด การจราจรติดแหงกเมื่อรถมาถึงย่านธุรกิจใจกลางเมืองที่ลลิตภัทรบอกว่าคอนโดของตนอยู่แถวนี้ อากาศชุ่มชื้นภายนอกและแอร์เย็นในรถทำให้เด็กน้อยห่อตัวด้วยความหนาว พลันฝ่ามือก็อบอุ่นอย่างน่าประหลาดยามที่ลลิตภัทรกอบกุมมือของตนเองไว้ เมื่อหันไปมองก็พบกับรอยยิ้มที่ลูกเจี๊ยบชอบเสียเหลือเกิน เด็กน้อยยิ้มตอบพลางกระชับนิ้วที่ถูกผสานไว้เบาๆ เพลงยังคงเล่นไปเรื่อยๆจนกระทั่งทำนองที่คุ้นหูดังขึ้น ลลิตภัทรหัวเราะเบาๆแล้วเริ่มร้องตามเบาๆ สายตาหวานเชื่อมกันหันมามองลูกเจี๊ยบน้อยอย่างสื่อความหมาย จนแก้มใสค่อยๆขึ้นสีมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงนุ่มทุ้มที่ได้ยินทำให้หัวใจพองฟูแม้จะไม่ได้เพราะราวนักร้องมืออาชีพ บางท่อนก็ร้องเพี้ยนหากแต่เมื่อใช้ใจฟังมันกลับเป็นเพลงที่เพราะที่สุในโลกเพราะยิ่งกว่าเสียงของต้นฉบับที่กำลังเล่นอยู่เสียอีก รถติดไม่น่าเบื่อเลยซักนิดเมื่อได้ฟังเพลงจากศิลปินที่ชอบผ่านน้ำเสียงของคนที่รักไม่มีอะไรจะมีความสุขมากไปกว่านี้อีกแล้ว

 

beautiful girls all over the world

i could be chasing but my time would be wasted

they got nothing on you baby

nothing on you baby

they might say hi and i might say hey

but you shouldn't worry about what they say

cos they got nothing on you baby

nothing on you baby

 

ใช่...เพราะสำหรับลลิตภัทร ไม่มีใครเทียบเท่าศตายุได้เลยจริงๆ...









 

            หลังจากติดแหงกอยู่บนถนนมานานเกือบครึ่งชั่วโมงในที่สุดลลิตภัทรก็พารถมาจอดในลานจอดรถของคอนโดได้ในที่สุด ชายหนุ่มรับอาสาเข็นกระเป๋าเดินทางของหลานและของตัวเขาเดินนำเข้ามาในลิฟท์ คนรู้จักรวมทั้งเพื่อนบ้านที่คุ้นหน้าเอ่ยทักทายชายหนุ่มยามเดินผ่านล็อบบี้ด้านล่างชายหนุ่มหยุดทักทายเพียงเล็กน้อยก่อนจะขอตัวเพราะคิดว่าลูกเจี๊ยบคงจะเพลียจากการเดินทางและรถที่ติด

 

เมื่อลิฟท์พาคนทั้งคู่ขึ้นมายังชั้นที่ 15 ลลิตภัทรก็เดินนำลูกเจี๊ยบมาที่ห้องของตนเอง ศตายุมองลลิตภัทรใช้คีย์การ์ดแตะที่หน้าห้องล็อกประตูก็ปลดออกอย่างตื่นเต้น เมื่อเข้ามาด้านในเด็กน้อยก็ร้องว้าวออกมาอย่างทึ่งๆ ตอนแรกลูกเจี๊ยบคิดว่าห้องของลลิตภัทรคงจะเป็นคอนโดห้องเล็กๆที่มีเพียงห้องนอนกับห้องนั่งเล่น แต่เมื่อเข้ามาความกว้างขวางนั้นใหญ่พอๆกับบ้านของลูกเจี๊ยบเลยด้วยซ้ำ ด้านหน้าเป็นเค้าท์เตอร์บาร์มีชั้นวางขวดเหล้าและไวน์ด้านข้างมีตู้เย็นหลังใหญ่ถัดไปเป็นครัวที่มีอุปกรณ์ครัวครบครันด้านหน้ามีโต๊ะกินข้าวตัวใหญ่ตั้งอยู่ กลางห้องเป็นห้องนั่งเล่นที่มีโซฟาหนังชุดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้าโฮมเธียร์เตอร์ใหญ่เท่าจอหนังกลางแปลงที่เจี๊ยบเคยดูตามงานวัด แผ่นหนังและซีดีเพลงเรียงบนชั้นอย่างเป็นระเบียบติดกำแพงด้านหลังมีตู้โชว์ที่มีพวกโมเดลการ์ตูน รวมทั้งรถบังคับ เรือและเครื่องบินบังคับเรียงอยู่จนเต็ม มองเลยเข้าไปในห้องเล็กด้านข้างน่าจะเป็นห้องทำงานลูกเจี๊ยบมองเห็นตู้ใส่หนังสือหลังใหญ่กับคอมพิมเตอร์ห้องของอาลอตกแต่งเป็นโทนสีขาวเทาไม่ได้ดูเรียบแต่ก็ไม่ดิบจนเกินไป

 

            “เหนื่อยมั้ยคะ หนูหิวหรือเปล่า จะออกไปทานข้างนอกหรือให้อาโทรสั่งขึ้นมาดีคะ”ศตายุละความสนใจจากส่วนต่างๆส่งยิ้มหวานให้คนเป็นอาที่เอากระเป๋าเข้าไปเก็บในห้องนอนแล้วเดินออกมา เด็กน้อยหลับตาพริ้มยามที่ร่างสูงเดินมาสวมกอดเอวคอดแล้วกดจูบลงบนหน้าผากเนียนเสียเต็มรัก

 

            “ออกไปรถก็ติดอีกแถมฝนตกด้วยหนูว่าโทรสั่งก็ได้จ้าง่ายดีนะจ๊ะอาลอจะได้พักด้วยขับรถมาตั้งไกล”

 

            “เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ดีเหมือนกัน อาก็เหนื่อยๆอยู่พอดี งั้นหนูไปอาบน้ำก่อนนะคะ ผ้าขนหนูอยู่ในตู้เสื้อผ้าหนูหยิบมาใช้ได้เลยถ้าไม่ได้พกของตัวเองมา สระผมด้วยนะคะถ้าจะเป่าผมมีไดร์เป่าผมอยู่บนตู้ตรงอ่างล้างหน้า เดี๋ยวอาสั่งข้าวไว้รอหนูอยากทานอะไรคะร้านข้างล่างมีทุกอย่างเลย”

 

            “หนูกินอะไรก็ได้จ้า อาลอสั่งมาได้เลย”เด็กน้อยตอบอย่างง่ายๆเพราะตัวเองเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ลลิตภัทรพยักหน้ารับก่อนจะปล่อยเอวน้อยๆนั้นให้เป็นอิสระเดินไปหยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาร้านข้าวด้านล่าง ศตายุเดินเข้ามาในห้องนอนที่อาลอชี้แล้วก็ได้แต่ทำตาโต ห้องของอาลอตกแต่งด้วยสีเทาอ่อนๆ เตียงนอนคิงส์ไซส์เด่นตระหง่าน ผู้ปูที่นอนหมอนผ้าห่มเป็นสีเทายกชุด ตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่สีขาวชิดผนังอยู่ใกล้กับประตูห้องน้ำ เมื่อเปิดดูก็พบกับเสื้อผ้าของเจ้าของห้องที่แยกเสื้อกางเกงและจัดสีกันอย่างชัดเจนอัดแน่นเต็มตู้ ผ้าขนหนูหลายผืนพับเป็นระเบียบอยู่มุมล่างของตู้ ลูกเจี๊ยบหยิบออกมาผืนหนึ่งตามที่ลลิตภัทรบอกก่อนจะเดินไปที่กระเป๋าเดินทางของตัวเองหยิบเอาเสื้อผ้าที่จะใส่นอนออกมาแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ

 

ศตายุเคยเห็นห้องน้ำแบบนี้ในละครที่บ้านพระเอกนางเอกที่รวยๆมาก็หลายเรื่อง แต่ของจริงนั้นเพิ่งเห็นที่ห้องอาลอเป็นครั้งแรก มุมหนึ่งมีอ่างจากุซซี่ตั้งชิดกับกระจกบานใหญ่ที่สามารถมองไปเห็นวิวทิวทัศน์ด้านนอกได้ รอบอ่างจัดไฟส่องจนเกิดแสงสวยงามโรแมนติก ลูกเจี๊ยบเคยฝันว่าอยากจะลองอาบน้ำในอ่างจากุซซี่ซักครั้งแต่ก็ต้องตัดใจไปเสียเพราะไม่กล้าละลาบละล้วงถือวิสาสะใช้ของๆอาลอ ถัดไปเป็นตู้อาบน้ำที่เป็นกระจกใสห้องน้ำของอาลอแยกส่วนเปียกส่วนแห้งออกจากกันอย่างชัดเจน

 

            “ทำไมอาลอดูรวยจังเลยนะ อาลอทำงานอะไร?”เกิดความสงสัยขึ้นมาแวบหนึ่งในสมอง แต่ก็สะบัดหน้าขับไล่ออกไปอย่างรวดเร็ว เด็กน้อยใช้เวลาอาบน้ำประมาณ 15 นาที สายน้ำอุ่นช่วยขับไล่ความเมื่อยล้าได้พอสมควร เมื่ออกมาด้านนอกก็เห็นลลิตภัทรนวดต้นคอตัวเองเบาๆอยู่ปลายเตียง ชายหนุ่มหันมามองเด็กน้อยที่ใส่เสื้อยืดสีเหลืองตัวย้วยและกางเกงขาสั้นตัวใหญ่อย่างเอ็นดู

 

            “อาลอไปอาบน้ำสิจ๊ะ จะได้สดชื่น”ศตายุเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบผ้าขนหนูมายื่นให้พระลอ ชายหนุ่มยื่นมือไปกุมมือน้อยๆแสนน่ารักนั้นไว้แล้วจรดริมฝีปากลงไปบนหลังมือคู่นั้นเบาๆ

 

            “หอมจังเลยค่ะ ใช้ครีมอาบน้ำของอาแท้ๆแต่ทำไมมันหอมกว่าทุกครั้ง”

 

            “อาลออย่ามาทำปากหวานเลยจ้า ไปอาบน้ำเถอะ หนู...หนูหิวแล้ว”เด็กน้อยชักมือกลับเมื่อริมฝีปากซุกซนเริ่มเลื้อยขึ้นมาเรื่อยๆ ลลิตภัทรยอมละไปอย่างว่าง่ายเพราะเขาเองก็หิวเช่นเดียวกัน

 

            “งั้นเดี๋ยวถ้าเขาเอาข้าวมาส่งหนูเอาเงินในกระเป๋าเงินอาไปจ่ายได้เลยนะคะ”

 

            “ไม่เป็นไรจ้าเดี๋ยวหนูเอาเงินหนูจ่ายให้ก็ได้ เมื่อกลางวันอาลอก็เลี้ยงข้าวหนูแล้ว”ลลิตภัทรที่กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำชะงักเท้าทันทีก่อนจะก้าวยาวๆกลับมาหาศตายุ ชายหนุ่มรั้งร่างบางเข้าหาตัวแล้วประกบจูบพลางกัดริมฝีปากล่างของเด็กน้อยจนศตายุรู้สึกเจ็บ

 

            “อย่าพูดแบบนี้อีกนะคะอาไม่ชอบเลย แฟนทั้งคนอาเลี้ยงได้ทั้งชีวิต”เด็กน้อยก้มหน้างุดซ่อนแก้มแดงให้พ้นสายตาของอาลอทันที ริมฝีปากที่เพิ่งจะถูกกัดทำโทษเมื่อครู่บัดนี้ถูกเจ้าของกัดเพื่อกลั้นยิ้มสุดความสามารถ

 

อาลอนี่นะ มาทำให้หนูเขินทำไมเนี่ย

 

คนบ้า

 

หลังจากกินข้าวเย็นกันตอนเกือบสองทุ่มศตายุก็จับจองพื้นที่บนโซฟาตัวใหญ่กลางห้องก่อนจะลงมือเลือกแผ่นหนังที่อยากดูทันที เมื่อได้เรื่องที่ต้องการแล้วก็ยื่นให้ลลิตภัทรที่รอรับอยู่ก่อนแล้ว เด็กน้อยวิ่งปรู๊ดไปหยิบอ่างใส่ขนมพวกป๊อปคอร์นและขนมถุงที่เทใส่รวมๆกันมานั่งขัดสมาธิอย่างตื่นเต้น ลลิตภัทรเดินกลับมานั่งข้างๆเด็กน้อย ไฟในห้องถูกปิดทำให้บรรยากาศคล้ายว่าทั้งสองคนกำลังนั่งดูหนังในโรงภาพยนต์ไม่มีผิด เมื่อหนังเล่นไปได้ครึ่งเรื่อง ขนมก็หมดชาม ศีรษะของเด็กน้อยก็มาพิงกับไหล่ของลลิตภัทรอย่างไม่รู้ตัว ฝ่ามือของคนทั้งคู่ประสานกัน ยังไม่ทันจบเรื่องดีเด็กน้อยของเขาก็โงกไปเสียแล้ว ลลิตภัทรจัดการปิดเครื่องเล่นวีซีดีและทีวีก่อนจะลุกขึ้นแล้วช้อนร่างของเจ้าน้องน้อยที่หลับจนแก้มยู่กับไหล่เขามาไว้ในอ้อมแขน พาหลานเข้ามานอนในห้องวางร่างบางลงอย่างแผ่วเบาขยับผ้าห่มจนคลุมถึงต้นคอลูกเจี๊ยบ ลลิตภัทรมองใบหน้าน่ารักที่หลับสนิทนั้นอย่างแสนรัก อดยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้ ตั้งแต่คบกันมาแม้จะเลยเถิดกันไปไกลกว่าการเริ่มต้นความสัมพันธ์แบบคู่อื่นๆ แต่นี่จะเป็นคืนแรกที่เขาได้มีลูกเจี๊ยบตัวน้อยๆนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาจนถึงรุ่งเช้า ลลิตภัทรเปิดไฟหัวเตียงแล้วเดินไปปิดไฟดวงใหญ่สอดตัวเข้าไปในผ้านวมผืนเดียวกับศตายุ ดึงร่างเด็กน้อยให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งที่ตัวเขามั่นใจว่าจะสามารถปกป้องเด็กคนนี้ได้ตลอดชีวิต ลลิตภัทรกระชับอ้อมกอดของตนเองให้แน่นขึ้น กายนุ่มนิ่มเต็มไม้เต็มมือนั้นซุกเข้าหาไออุ่นโดยอัตโนมัติลลิตภัทรกดจูบลงบนกลีบปากอิ่มนั้นแผ่วเบานุ่มนวล

 

            “ฝันดีนะคะ ลูกเจี๊ยบของอา”

 

ลลิตภัทรรู้สึกตัวตื่นในสายของอีกวันเมื่อรู้สึกว่าในอ้อมแขนมีร่างของใครบางคนขยับกระดุ๊กกระดิ๊กอยู่ เมื่อลืมตาก็เห็นใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มพริ้มเพรากับริมฝีปากอิ่มสีเหมือนเยลลี่ลอยอยู่ใกล้ๆ ไม่รู้ว่าเขาดึงหลานให้ขึ้นมานอนบนอกตอนไหน ถึงว่าตอนนอนรู้สึกหนักๆเหมือนผีอำ แต่ตอนนี้ปากงุ้ยๆที่ชอบพูดเจื้อยแจ้วทั้งวันนั้นกำลังล่อสายตาของเขาอยู่

 

            “อาลอจ๋า สิบโมงแล้วนะจ๊ะ น้องหิวข้าว”ลลิตภัทรนอกจากไม่ลุกไม่คลายอ้อมกอดแล้วยังใช้ความเร็วพลิกร่างของลูกเจี๊ยบตัวน้อยลงไปนอนใต้ร่างของตนเองแทน ปลายจมูกโด่งกดลงบนแก้มนุ่มนั้นพลางขยี้ไปมาเบาๆ ฟัดลามไปถึงซอกคอขาวยั่วตานั้นจนเด็กน้อยที่ดิ้นขลุกขลักใต้ร่างหัวเราะเสียงใสเพราะความจั๊กจี้

 

            “อาลอ ฮื้อ ไม่เอา น้องบอกน้องหิวข้าว”เสียงเล็กร้องท้วงเมื่อปลายนิ้วเริ่มไต่เข้ามาในเสื้อ อาลอนี่ช่างพูดไม่รู้ความเอาเสียเลยหนูบอกว่าหนูหิวข้าวแปลว่าให้พาหนูไปหาอะไรกินหน่อยนะจ๊ะ ไม่ได้หมาความว่าให้อาลอตื่นมากินหนูเสียหน่อย

 

แต่เด็กน้อยก็ต้องเลิกดิ้นเมื่อริมฝีปากอุ่นคลอเคลียลงมาบนปากของตน

 

ลูกเจี๊ยบชอบจูบของอาลอ

 

ลูกเจี๊ยบชอบความนุ่มนิ่มของริมฝีปากของอาลอ

 

ลูกเจี๊ยบชอบปลายลิ้นของอาลอที่ส่งเข้ามาทักทายกับเรียวลิ้นของตัวเอง

 

จูบแสนเนิบนาบเชื่องช้าค่อยๆดูดกลืนความรู้สึกของศตายุทีละนิด เด็กน้อยจูบตอบอย่างใสซื่อ มันไม่ใช่การจูบแบบตะกละตะกราม อาลอเหมือนกำลังค่อยๆละเมียดชิมความหอมหวานราวกับกำลังชิมวิปครีมบนไอศกรีมถ้วยโปรด

 

ทั้งหอมหวานและน่าหลงใหล

 

ทั้งมัวเมาทำให้เผลอเสพติดโดยไม่รู้ตัว นานเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ในที่สุดคนโตกว่าก็ยอมละริมฝีปากออก ความเงาวาวจากน้ำหวานสีใสที่เคลือบอยู่บนปากอิ่มของคนใต้ร่างอดไม่ได้ที่จะส่งยิ้มไปให้อย่างเอ็นดู ปลายนิ้วไล้ตามรูปปากเช็ดคราบใสมุมปากให้อย่างอ่อนโยน

 

            “แค่จูบหนูเมื่อกี๊อาก็อิ่มไปทั้งวันแล้วค่ะ อยากตื่นมาแล้วมีหนูอยู่ในอ้อมกอดแบบนี้ทุกเช้าไปจนตลอดชีวิตจัง”

 

            “ฮื้อ...ไม่ปากหวานตอนนี้สิจ๊ะ หนูหิวข้าวแล้วจริงๆ”เด็กน้อยซุกหน้าลงบนอกแกร่งของคนเป็นอาซ่อนความเขินอายและรอยยิ้มกว้างอย่างมีความสุขไว้จนมิด แสร้งยกประเด็นที่ทำให้ต้องปลุกลลิตภัทรขึ้นมาพูดอีกรอบ ลลิตภัทรหัวเราะอย่างรู้ทันแต่ก็ยอมขยับตัวลุกไปจัดการตัวเองในห้องน้ำเพราะสงสารเด็กอนามัยที่มาห้องเขาทั้งทีก็กินข้าวเช้าผิดเวลาไปเสียแล้ว ไม่นานชายหนุ่มและเด็กน้อยก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ห้างใหญ่ใจกลางกรุงที่อุดมไปด้วยร้านอาหารหลากหลาย สถาบันกวดวิชามากมาย ชายหนุ่มพาศตายุเข้าร้านอาหารเกาหลี อาหาร 3-4 อย่างถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมกับหมูย่างบนเตาที่สุกกำลังกิน ศตายุมองลลิตภัทรที่สาธิตวิธีการกินให้อย่างตั้งใจ ใช้เวลาชั่วโมงกว่าอาหารบนโต๊ะก็หมดเกลี้ยง ลลิตภัทรพาศตายุเดินเล่นเพื่อย่อยอาหารจากนั้นก็พาเด็กน้อยเข้าร้านบิงซูชื่อดัง ศตายุมีความสุขมาก สุขที่ได้ใช้เวลาดีๆแบบนี้กับลลิตภัทร กินเสร็จก็เดินดูนั่นนี่อีกนิดหน่อย ในที่สุดนาฬิกา จีช็อครุ่นไอร่อนแมนที่อยากได้มานานก็มาประดับอยู่บนข้อมือสวยของศตายุ ส่วนในถุงมีนาฬิกาเบนเทนสำหรับเจ้าจอม และนาฬิกาสายหนังสีน้ำตาลสำหรับจันทร์เจ้าขาเมื่อได้ของที่ต้องการทั้งคู่ก็พากันเอาของที่ซื้อมาเก็บที่ห้อง บ่ายสามก็เดินทางไปสถานที่จัดคอนเสิร์ต บรรดาแฟนเพลงที่มีบัตรเริ่มหลั่งไหลกันเข้ามา เด็กน้อยชี้ชวนคนเป็นอาให้ไปเดินดูนั่นนี่จนมีสายเรียกเข้าพระลอหยุดเพื่อรับโทรศัพท์ก่อนจะทำหน้าเจื่อนๆ

 

            “มีอะไรเหรอจ๊ะ?”ลูกเจี๊ยบเห็นอาลอวางสายพลางทำหน้าปู้เลี่ยนๆก็เอ่ยถามอย่างห่วงใย

 

            “คือ...”

 

            “จ๊ะ?”

 

            “คือบัตรที่เราได้มา เป็นบัตรที่อาแอนหามาให้...”

 

ศตายุแทบจะหมดอารมณ์ดูคอนเสิร์ตทันทีที่ได้ยินชื่อของบุคคลที่สาม แต่เมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของลลิตภัทรเด็กน้อยก็แสร้งยิ้มกว้างราวกับไม่ได้คิดอะไรมาก

 

            “ไม่เป็นไรหรอกจ้าหนูไม่ได้คิดอะไร”

 

            “จริงเหรอคะ แล้ว...จะเป็นอะไรมั้ยคะถ้าอาแอนจะมานั่งดูกับเราด้วย”

 

เป็นอะไรหรือเปล่าเจี๊ยบก็ไม่รู้หรอกจ้า

 

รู้แต่ว่าตอนนี้เจี๊ยบอยากกลับบ้านแล้ว

 

บรูโน่ไม่ได้มาคนเดียว ดันมีแอนมาด้วยอีกคน

 


ไม่อยากดูแล้วจ้า


ออฟไลน์ oiw08

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
เป็นนิยายที่สนุกมากเลยค่ะ
นานๆทีถึงเจอนิยายแนวบ้านทุ่ง ดูอบอุ่นดีค่ะ
น้องเจี๊ยบน่ารัก.
น้องจอมก็น่ารักกกก

ออฟไลน์ แก้มกลม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ถึงน้องจะอายุ16ใกล้จะ17แล้ว รออีกแค่ปีเดี๋ยว ฮึ้บไว้จ้ะผู้ใหญ่ลอ

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
           ศตายุนั่งนับเลขในใจยามเห็นอริตาเกาะแขนอาลอของตน ความไม่พอใจพุ่งพล่านในหัวใจราวกับมีคลื่นยักษ์ซัดสาด แม้ลลติภัทรจะพยายามแกะมือที่เหนียวปานตีนตุ๊กแกนั่นออกหากทว่าเพียงไม่นานก็กลับมาเกาะใหม่จนอ่อนใจ ครั้งแรกที่เจอหน้าหญิงสาวในชุดแซ็กสีแดงสดแต่งหน้าจัดดูสวยเฉี่ยวรีบทรงตัวบนส้นสูงแหลมปรี๊ดเข้ามาหาลลิตภัทรพลางฉวยโอกาสจูบแก้มของชายหนุ่มซ้ายขวาและจุ๊บปากอย่างรวดเร็วไม่สนสายตาใครทั้งนั้น ตอนนั้นลูกเจี๊ยบรู้สึกโกรธจนจะเป็นลม
 
เพิ่งเข้าใจความรู้สึกของการหึงจนหน้ามืดและหวงของๆตนเองก็วันนี้
 
แต่ลูกเจี๊ยบก็เก็บอาการ ใช่ว่าอาลอจะไม่ขัดขืนแต่ผู้หญิงเขาหน้าไม่อายจะให้ทำยังไงล่ะจ๊ะ แม้จะโมโหจนอยากจะจับอริตาทุ่มลงพื้นแต่ลูกเจี๊ยบก็พยายามสะกดอารมณ์ไว้
 
ลูกเจี๊ยบจะไม่ไร้สติหุนหันพลันแล่นโมโหโกรธาอาลอแบบที่แล้วๆมาอีกแล้ว
 
เด็กน้อยเรียนรู้ที่จะเชื่อใจและประคับประคองความสัมพันธ์แสนเปราะบางนี้ไว้ อาลอเคยบอกเสมอว่าขอให้ลูกเจี๊ยบเชื่อใจ ลูกเจี๊ยบก็จะเชื่อที่อาลอพูด
 
                “แอนนึกว่าลอจะมาดูกับเอ็ม ไม่คิดเลยว่าจะพาเด็กจากบ้านนอกมาดูด้วย ว่าไงคะน้อง ดูเป็นฟังรู้เรื่องเหรอคะ”
 
                “แอน..”ลลิตภัทรกดเสียงต่ำเรียกชื่อหญิงสาวเป็นเชิงปราม ไม่ชอบใจเลยซักนิดกับคำพูดคำจานั้น มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าอริตาจงใจจะใช้คำว่าบ้านนอกกดหัวศตายุ มองใบหน้าใสของหลานที่บัดนี้ขึ้นสีแดง ที่ไม่เหมือนแดงเพราะความเขินอายยามโดนเขาหยอกเอินแต่เป็นความโกรธที่เด็กน้อยเริ่มรู้สึกเหมือนบนหัวมีภูเขาไฟกำลังประทุใกล้ระเบิด ศตายุสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ มองสีหน้าอาลอแล้วให้เห็นใจนัก อาลอเองก็คงจะอึ้งอยู่เหมือนกัน เด็กน้อยระบายยิ้มอ่อนโยนให้คนเป็นอาก่อนจะตวัดสายตาไปมองเจ้าของคำถามพลางส่งยิ้มเย็นให้
 
                “เผื่ออาแอนยังไม่รู้นะจ๊ะ”เด็กน้อยเอ่ยปากราวกับกำลังคุยถึงเรื่องสภาพดินฟ้าอากาศ อริตามองหน้าเด็กน้อยที่ปรับสีหน้าให้กลายเป็นเด็กนุ่มนิ่มน่ารักอ่อนโยนได้ภายในพริบตา ศตายุส่งยิ้มอีกครั้ง
 
                “บ้านหนูถึงจะเป็นบ้านนอก แต่เรามีโรงเรียนจ้า”
 
                “แล้วไง?”อริตาถามอย่างไม่เข้าใจกับสิ่งที่เด็กน้อยกำลังต้องการจะสื่อ
 
                “ก็พอมีโรงเรียนแล้วใช่มั้ยจ๊ะ ก็จะมีคุณครู แล้วพอมีคุณครูก็จะมีวิชาความรู้แล้วโรงเรียนของหนูมีครูสอนภาษาอังกฤษจ้า แม้จะไม่คล่องเท่าเจ้าของภาษาหนูก็ฟังรู้แปลออกจ้าเพราะฉะนั้นอาแอนไม่ต้องห่วงนะจ๊ะว่าหนูจะฟังเพลงไม่รู้เรื่อง”เด็กน้อยเว้นจังหวะก่อนจะคว้าหมับเข้าต้นแขนอีกข้างของอาลอแล้วดึงชายหนุ่มให้มายืนชิดกับตัว รอยยิ้มอย่างผู้มีชัยผุดขึ้นมาที่มุมปากแวบหนึ่งก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมาด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ
 
“ และถึงจะฟังไม่รู้เรื่องหนูก็ยังมีอาลอคอยแปลให้อยู่ทั้งคน ขอบคุณในความห่วงใยนะจ๊ะ”
 
 
ศตายุดูคอนไม่ค่อยรู้เรื่องเลยซักนิดแม้ว่าศิลปินจะโชว์ดีแค่ไหนหรือเพลวงเพราะยังไงก็ตาม สายตาแทนที่จะโฟกัสการแสดงบนเวทีก็คอยแต่จะเหล่มาคนข้างๆที่ถูกเหาฉลามทั้งเกาะทั้งซบ ลลิตภัทรเองก็เหนื่อยที่จะดึงตัวออก น้ำเสียงฉอเลาะดังแว่วๆให้ได้ยินอยู่เป็นระยะๆ
“นึกถึงเมื่อก่อนตอนเราสองคนไปเที่ยวแล้วเค้าเปิดเพลงนี้นะคะ”
 
“เพลงนี้แอนชอบมากเลย จำได้ว่าลอก็ชอบใช่มั้ยคะ”
 
เรื่องสัพเพเหระถูกหยิบยกขึ้นมาพูด น่าแปลกทั้งๆที่เสียงในคอนเสิร์ตออกจะดังแต่อริตากลับไม่ละความพยายามที่จะพูดกับลลิตภัทร  ศตายุได้แต่นั่งนิ่งทำเป็นไม่ได้ยินทั้งที่ความจริงความอดทนของเด็กน้อยค่อยๆลดระดับลงทีละนิดๆจนกระทั่ง...
 
“จบคอน ลอจะไปต่อที่ไหนป่าวคะ แอนมีเพื่อนเปิดผับใหม่อยากพาลอไปด้วย”
 
“เอ่อ...คือผมพาลูกเจี๊ยบมาด้วย”เสียงอาลอยกเอาลูกเจี๊ยบไปเป็นข้ออ้าง
 
“ก็พาเด็กนั่นกลับไปนอนที่ห้องก่อน ว่าแต่นี่มากันสองคนเหรอคะ? ถ้างั้นแอนขอไปค้างห้องลอแบบเมื่อก่อนได้มั้ยคะ?”
 
“เอ่อ...”
 
“อาลอจ๊ะ”ก่อนที่ลลิตภัทรจะทันได้ตอบอะไรไปเด็กน้อยก็ยื่นหน้าไปกระซิบเรียกลลิตภัทร ชายหนุ่มละความสนใจในตัวอริตาลงทันที
 
“คะ? “
 
“หนูอยากเข้าห้องน้ำจ้า อาลอพาหนูไปเข้าห้องน้ำทีนะจ๊ะ”
 
“ได้ค่ะ”ลลิตภัทรหันไปบอกอริตาว่าตนเองกับศตายุจะไปเข้าห้องน้ำ หญิงสาวตวัดตามองเด็กน้อยด้วยสายตาไม่พอใจจำต้องปล่อยแขนของลลิตภัทรที่ตนเองนั่งซบนั่งเกาะมาตลอดการแสดงออกอย่างจำใจ ทั้งคู่เดินออกมาด้านนอกก่อนศตายุจะทำสีหน้าเพลียๆ
 
“อาลอจ๋า หนูรู้สึกไม่ค่อยสบาย ข้างในนั้นคนเยอะหนูอึดอัดหายใจไม่ค่อยออกเลยจ้า”ลลิตภัทรยกหลังมือขึ้นแตะหน้าผากศตายุทันทีด้วยความห่วงใย
 
“ไม่สบายหรือเปล่าคะ แต่ตัวก็ไม่ร้อนนี่คะ”
 
“ไม่รู้น่ะจ้า แต่หนูไม่อยากเข้าไปในนั้นแล้ว เรากลับห้องกันเลยได้มั้ยจ๊ะ หนูอยากนอนพักแล้ว”พระลอมองใบหน้าซีดเซียวของหลานก็ให้เป็นห่วง ห่วงจนลืมสิ้นทุกสิ่งอย่างรีบพยักหน้ารับพลางโอบประคองร่างของเด็กน้อยไปที่ลานจอดรถทันที
 
“ว่าแต่อาลอจ๊ะ”เด็กน้อยที่เข้ามานั่งบนรถร้องเรียกในขณะที่ลลิตภัทรกำลังขับรถมุ่งหน้ากลับคอนโด
 
“คะ”
 
“ไลน์ไปบอกอาแอนแกหน่อยไม่ดีเหรอจ๊ะว่าเรากลับก่อนเดี๋ยวแกจะรอ”
 
“หนูเอาโทรศัพท์ของอาพิมพ์ไปบอกเลยค่ะ อาขอขับรถก่อน”ลลิตภัทรบอกโดยที่ยังจดจ่อกับการขับรถ ศตายุลอบยิ้มก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของลลิตภัทรขึ้นมาเปิดไลน์ ไล่หาชื่อของอริตาอดเบ้ปากไม่ได้เพราะรูปดิสเป็นรูปของหญิงสาวอยู่ในชุดว่ายน้ำหน้าอกหน้าใจทะลักล้น ใช้ความไวในการกวาดตาอ่านข้อความเก่าที่ทั้งสองคนคุยกันก็แอบหัวใจพองฟูไม่ได้ อริตาท่าทางจะหนักขวาน่าดูเพราะข้อความที่เห็นมาจากฝ่ายหญิงเสียส่วนมาก อาลอตอบเพียงไม่กี่คำถามและเป็นคำถามทั่วๆไป ปลายนิ้วเรียวพรมลงบนแป้นพิมพ์บอกไปแต่เพียงว่าขอกลับก่อนเพราะมีธุระด่วน จากนั้นก็กดปิดเครื่องอย่างเนียนๆแล้วเอาโทรศัพท์วางไว้ตามเดิม
 
อาลอเป็นของหนูนะจ๊ะ ไม่ว่าจะเป็นแก้ม เป็นปาก เป็นไหล่ เป็นแขนหรือหัวใจ  อาลอก็เป็นของหนูคนเดียว หนูจะไม่ยอมให้ป้าแอนเอานมปลอมๆมาแย่งความสนใจอีกแล้ว
 
นมตู้มแล้วไง ป้าแอนมีนม หนูก็มีนมเหมือนกันนะ ฮึ่ย!!
 






 
 
ศตายุลืมตาตื่นขึ้นเมื่อมีแรงสะกิดที่ต้นแขนของตนเองเบาๆ ความอุ่นวาบแตะลงบนผิวแก้ม เด็กน้อยยิ้มบางๆกระชับฝ่ามือของตนเองลงบนมือใหญ่นั้นเบาๆ
 
“ถึงแล้วเหรอจ๊ะ หนูเผลอหลับไปตอนไหนเนี่ย ทิ้งให้อาลอต้องขับรถคนเดียวเลย”ศตายุปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วเดินตามลลิตภัทรที่จูงมือตนเข้ามาในตึก บรรยากาศยามดึกเสียบสงบต่างจากช่วงเย็นลลิตภัทรพาหลานขึ้นมาบนห้องโดนเปิดประตูให้เจ้าลูกเจี๊ยบน้อยเข้าไปก่อน กะว่าให้หลานได้อาบน้ำอาบท่าจะได้พักผ่อนให้หายเหนื่อยแต่ทว่าพอล็อกห้องเรียบร้อยแล้ว เมื่อหันกลับมา ศตายุที่ยืนรอท่าอยู่ก่อนแล้วก็เข้าจู่โจมเขาด้วยความเร็ว ริมฝีปากอิ่มประกบลงมาอย่าแก่นแก้ว
 
“เจี๊ยบคะ”ลลิตภัทรที่ยังไม่ทันตั้งตัวกับการจู่โจมนี้ดันร่างหลานออกห่างเพียงนิดพลางเรียกสติลูกเจี๊ยบที่ทำท่าจะกระโจนเข้ามาอีก
 
“ฮึก...”อยู่ๆเจ้าลูกเจี๊ยบก็สะอื้นฮักออกมาจนลลิตภัทรตกใจ ชายหนุ่มรีบเชยคางหลานขึ้นดูก็พบกับทำนบน้ำตาที่ไหลเป็นสาย ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักบัดนี้แดงก่ำดูน่าสงสารยิ่งนัก ใจของชายหนุ่มหล่นวูบลงไปอยู่ที่ปลายเท้า ความร้อนรนตีรื้นขึ้นมาอยู่ในอก
 
“เจี๊ยบ หนูร้องไห้ทำไมคะ อาทำอะไรให้หนูโกรธหรือเปล่า อาขอโทษนะคะคนดี”
 
“ไม่จ้า อาลอไม่ต้องขอโทษน้องเลย น้องต่างหากที่ต้องเป็นคนขอโทษ”ศตายุรีบส่ายหน้ายามที่ลลิตภัทรเอ่ยคำขอโทษทั้งๆที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่าทำอะไรผิด เด็กน้อยสวมกอดชายหนุ่มแน่น ความรู้สึกทั้งรักทั้งหวงแหนตีรื้นกลับเข้ามาในจิตใจวงแขนกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นซุกหน้ากับไหล่กว้าง
 
“หนูต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษอาลอ หนูทำตัวไม่น่ารัก โกหกอาลอ”เด็กน้อยส่งเสียงพูดอู้อี้จนลลิตภัทรอดที่จะหัวเราะขำด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ชายหนุ่มดันร่างหลานออกมายืนสบตากันอีกรอบ ใบหน้าหล่อประดับด้วยรอยยิ้มละมุนที่ไม่ได้มีให้ใครมั่วซั่ว ปลายนิ้วเรียวเช็ดน้ำตาให้เบาๆก่อนจะเลื่อนมาแนบแก้มอุ่นไว้อย่างแสนรัก ลูกเจี๊ยบประคองมือนั้นให้แนบกับแก้มตนมากขึ้นถูไถแก้มไปมาราวลูกแมวตัวน้อยที่กำลังอ้อนเจ้าของไม่มีผิดเพี้ยน
 
“หนูโกหกอะไรอาคะ?”ลลิตภัทรเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือความเอ็นดูสุดๆ บอกตามตรงถึงแม้ศตายุจะโกหกอะไรเขาก็จะไม่โกรธหรอก จะว่าชายหนุ่มเป็นคนไม่มีเหตุผลหรือลำเอียงอะไรก็ตามแต่ แต่เขาเชื่อว่าเด็กตรงหน้าไม่มีวันโกหกด้วยเรื่องร้ายแรงเด็ดขาด หรือถึงแม้เรื่องนั้นจะร้ายแรงพอประมาณเขาก็พร้อมจะให้อภัยลูกเจี๊ยบเสมอ ดวงตากลมช้อนมองใบหน้าของคนเป็นอาก่อนจะสูดน้ำมูกที่พาลจะทำให้หายใจไม่ออก
 
“หนูไม่ได้ไม่สบายหรอกจ้า”คำสารภาพถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากอิ่มเย้ายวนนั้นเบาๆ เสหลบตาอาลอก่อนจะตวัดขึ้นสบอีกครั้ง
 
“แต่หนูหึง หึงอาลอมากๆ หึงจนโมโห”น้ำเสียงแข็งขึ้นเมื่อคลื่นอารมณ์เมื่อชั่วโมงก่อนตีรื้นขึ้นมาอีกหน ลลิตภัทรเลิกคิ้วสูงก่อนจะยิ้มกริ่มในใจลิงโลดราวกับกระทิงหนุ่มที่เจอหญ้าอ่อนถูกใจ
 
ลูกเจี๊ยบหึงเขาจนต้องสร้างเล่ห์เพทุบายดึงเขาออกมาจากอริตาอย่างนั้นเหรอ
 
“หนูโกรธที่ป้าแอนมากอดอาลอ อ้อมกอดของอาลอควรเป็นของหนูคนเดียวหนูหวง”เด็กน้อยลูบต้นแขนข้างที่อริตากอดเกาะคนของตนอย่างรังเกียจ
 
“แล้วหนูก็โกรธที่เขามาหอมแก้มของอาลอ จำไว้เลยแก้มของอาลอหนูก็มีสิทธิ์หอมได้คนเดียวคนอื่นห้าม”พูดจบก็ฝังปลายจมูกของตัวเองบนแก้มของลลิตภัทรทั้งสองข้างดังฟอดใหญ่หวังจะลบรอยลบกลิ่นของอริตาออกให้เหลือเพียงรอยของตนเอง
 
“หนูโกรธที่ป้าแอนมาจุ๊บอาลอของหนู หนูโกรธจนอยากจะกระชากเขาออก โกรธมากๆปากของอาลอนอกจากหนูใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มาแตะทั้งนั้นรู้มั้ยจ๊ะ”พูดจบศตายุก็ประคองใบหน้าของลลิตภัทรที่ไม่ตอบโต้อะไรตนมาเลยดวงตาคมทำเพียงแต่มองจ้องใบหน้าใสที่บัดนี้แดงจัดของศตายุไว้
 
เขาได้เห็นอีกด้านของศตายุ ด้านหวงของและเอาแต่ใจ แต่ช่างเป็นการเอาแต่ใจที่น่ารักเสียเหลือเกินเมื่อหลานรั้งเขาเข้าไปจูบอย่างบดเบียดเนิ่นนาน เกิดเสียงจ๊วบยามที่ลูกเจี๊ยบละริมฝีปากของตนเองออกมา ดวงตากลมปริ่มน้ำอีกครั้ง
 
“ดูก็รู้ว่าเขาจงใจจะอวดว่าเขาเคยเป็นเจ้าของอาลอหมดแล้วทั้งตัว แต่หนู...ฮึก หนูก็แค่แฟนเด็กที่ยังทำอะไรไม่ได้เลย หนูโกรธที่หนูเกิดมาช้า  หนูเจ็บใจที่หนูสู้เขาไม่ได้ เป็นแฟนอาลอแท้ๆแต่ต้องนั่งนิ่งๆฟังเขารำลึกความหลังกับอาลอสองคน”เด็กน้อยพรั่งพรูความคับแค้นใจที่ทนมาตลอดหลายชั่วโมงให้คนเป็นอาฟัง ลลิตภัทรดึงร่างบางที่สะอื้นฮักมากอดอย่างปลอบประโลม
 
“ไม่ร้องนะคะ อายอมรับว่าอากับอาแอนเคยมีอะไรกันจริง แต่เราไม่ได้เป็นแฟนกัน ตอนนี้ในใจของอามีหนูแค่คนเดียวหนูอย่าคิดมากนะคะ”
 
“หนูเจ็บใจ หนูแพ้เค้า หนู...”เด็กน้อยเม้มปากแน่นใบหน้าครุ่นคิดกับสิ่งที่อยู่ในใจ
 
“อะไรคะ?”
 
“หนู...”ศตายุช้อนสายตาขึ้นจ้องหน้าลลิตภัทร ดวงหน้าหวานเชิดรั้นอย่างเด็กเอาแต่ใจ
 
“หนูอยากได้อาลอทั้งตัวและหัวใจ อยากครอบครองทุกอย่างที่เป็นของอาลอ จะได้มั้ยจ๊ะ”
 
“รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”ศตายุชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มเรียบนั้น ใจดวงน้อยแทบจะร่วงหล่นความรู้สึกใจกล้าเมื่อครู่กระเด็นหายไปในทันทีที่สบตาของลลิตภัทร อาลอในยามนี้ไม่มีความขี้เล่นหลงเหลืออยู่ รอยยิ้มจนแก้มบุ๋มแบบที่ชอบหายไป กลายเป็นอาลอที่ดูจริงจังอย่างไม่น่าเชื่อ
 
“หนูรู้...”ตอบรับอย่างเด็กที่มีสติดีพร้อมทุกประการ
 
รู้ว่าสิ่งที่ตนเองพูดออกไปน่ะหมายความว่ายังไง
 
“อาจำได้ว่าอาเคยบอกกับหนูไปแล้วใช่มั้ยคะว่าถ้าหากหนูอนุญาตอาอีกครั้ง อาจะไม่สนศีลธรรมหรือความถูกต้องใดใดทั้งสิ้นอีกต่อไป”
 
“หนูจำได้จ้า”
 
“หนูนี่มันหาเรื่องเจ็บตัวแท้ๆเลยนะคะ..”ลลิตภัทรรั้งร่างบางดึงให้เข้ามาแนบชิดกับตนทุกสัดส่วน สายตาคมมองปราดไปทั่วร่างราวกับเสือหนุ่มที่กำลังพิจารณาเหยื่อของตัวเอง รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นจนลูกเจี๊ยบใจเต้น ยิ่งประโยคถัดมาคนเด็กกว่าก็แทบจะหยุดหายใจในทันที

 
“.แล้วอย่ามาโทษอาทีหลังก็แล้วกันนะคะถ้าเจ็บจนลุกไม่ขึ้น”






ศตายุเพิ่งรู้ตัวว่าลลิตภัทรคนที่อบอุ่นอ่อนโยนนั้นแท้จริงเป็นดังกองเพลิงที่ซ่อนตัวสงบในกองขี้เถ้าและเด็กน้อยได้เขี่ยขี้เถ้าที่หยุดความร้อนแรงของเปลวเพลิงออกแล้วราดด้วยน้ำมัน ยามที่ร่างถูกดันและกักไว้ภายหลังกรอบประตูบานใหญ่หัวใจของเด็กน้อยก็เต้นรัว
 
ไม่มีแล้วอาลอที่เคยอ่อนโยน ริมฝีปากอุ่นประกบจูบราวอสรพิษร้ายที่เข้าจู่โจมเหยื่อตัวน้อย ลมหายใจถูกช่วงชิง
 
จูบครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆที่อาลอเคยมอบให้ลูกเจี๊ยบ มันมีหลากหลายความรู้สึก ทั้งต้องการ  เรียกร้อง ละโมบ และเร้าอารมณ์ให้คนอ่อนพรรษากว่าหลงทะยานตามแรงพายุอารมณ์ของอาหนุ่ม สองแขนถูกตรึงเหนือหัว ริมฝีปากถูกจูบจนรู้สึกเจ็บยามฟันคมกัดลงบนปากล่าง ไม่นานเสื้อยืดที่ใส่ก็ถูกดึงถอดผ่านหัวแล้วเหวี่ยงทิ้งแบบไร้ทิศไร้ทาง ศตายุเชิดคอขึ้นเปิดทางให้ลลิตภัทรได้ดอมดมความหอมกรุ่นของเด็กน้อย
 
ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาลลิตภัทรเฝ้าสะกดใจตนเองมาตลอดเพราะอยากถนอมดอกไม้งามดอกนี้ให้ได้แรกแย้มเบ่งบานไปตามวัย แม้จะหมั่นรดน้ำใส่ปุ๋ยอยู่บ่อยครั้งแต่ก็ไม่ได้หมายจะตัดเอามาปักแจกันเร็วนัก
 
อยากจะให้อยู่เบ่งบานอวดโฉมให้คนทั้งตำบลได้เห็นว่าไม้ดอกนี้แสนสวยและบริสุทธิ์ถึงเพียงไหน แต่ทว่าเด็กน้อยนั้นกลับเสนอตัวให้กับเขาเอง ทั้งๆที่เคยบอกไปหลายครั้งหลายคราเป็นการเตือนแล้วว่าอย่าได้เสนอตัวให้เขาเพราะลลิตภัทรเองก็เป็นผู้ชายที่ยังมีอารมณ์แบบมนุษย์ปุถุชนทั่วไป
 
วันนี้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีถูกทำลายลงไปแล้ว
 
จะต้องตกนรกหรือติดคุกหัวโตอย่างไรเสียวันนี้เขาก็จะไม่ปล่อยศตายุไป
 
รัก...ลลิตภัทรรักเด็กคนนี้เหลือเกิน รักแบบผูกพันลึกซึ้ง ความรู้สึกนี้มากยิ่งกว่าคราวที่เขาเคยรักจิ๊บเสียอีก
 
อยากครอบครองอยากปกป้องอยากดูแล อยากใช้ชีวิตร่วมกันจนถึงบั้นปลายของชีวิต

ลมหายใจร้อนขาดเป็นห้วงๆยามสูดดมกลิ่นหอมจากกายบาง แผ่นอกแบนราบกระเพื่อมตามแรงอารมณ์ยามที่ฝ่ามือร้อนราวเปลวไฟลากไล้ผ่านยอดอกไปสู่กางเกงยีนส์ที่ใส่อยู่ กระดุมโลหะและซิปถูกปลดลงอย่างช้าๆ ศตายุปลดกระดุมเสื้อของคนเป็นอาด้วยมือที่สั่นเทา

ทั้งตื่นเต้นและแอบหวั่นลึกๆในใจอยู่ไม่น้อย

สิ่งที่ทำนี้ถูกผิดคิดดีแล้วหรือ?

เจี๊ยบรักอาลอ รักมากจนรู้สึกว่าชาตินี้คงขาดอาลอไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

เมื่อคิดได้ดังนั้นความหวั่นเกรงกริ่งกลัวก็ถูกสลัดทิ้งอย่างไม่ใยดีเหมือนเสื้อเชิ้ตราคาแพงที่ถูกปล่อยร่วงลงกับพื้น

ศีลธรรมจรรยา ช่องว่างระหว่างวัย ความเหมาะสมใดใดที่เคยกังวลถูกเขี่ยทิ้งเหมือนขากางเกงที่ติดตรงข้อเท้า

ตอนนี้ในโลกของลลิตภัทรและศตายุมีเพียงเราสองคน สองร่างขยับเข้าหากัน บดเบียดรอยจูบด้วยความรุ่มร้อน ปลายลิ้นชื้นตอบรับสัมผัสกันอย่างโหยหา ราวแม่เหล็กที่ดึงเข้าหากัน สะโพกแน่นครัดแบบเด็กผู้ชายถูกขยำย่างหมั่นเขี้ยว เอวคอดถูกแตะรั้งให้กายเปลือยแนบชิดสัมผัสตัวตนของกันและกันมากยิ่งขึ้น ความร้อนของอุณหภูมิร่างกายคล้ายจะแผดเผาให้มอดไหม้

   “อาลอ...อื้อ”ร่างบางสะท้านยามลลิตภัทรขบเม้มผิวเนื้อเหนือเนินอกน้อยๆนั้นจนเกิดสี

สัญลักษณ์แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของครั้งแรกปรากฏเป็นรอยจางๆ อยากทำให้ชัดกว่านี้แต่ก็ต้องหักใจ ลลิตภัทรไม่ได้ตอบรับเสียงเรียกนั้น ช้อนร่างของหลานเข้ามาไว้ในอ้อมแขนในท่าเจ้าสาว

วันนี้เขาจะพาศตายุเข้าหอ แม้ตอนนี้จะยังไม่ได้แต่งงานกันให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่รอให้ลูกเจี๊ยบโตกว่านี้เขาจะทำทุกอย่างให้ถูกต้องด้วยตัวของเขาเอง


((ต่อด้านล่าง))

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2

   “อาบน้ำกันก่อนนะคะ หนูจะได้สบายตัว”ลลิตภัทรวางร่างบางของลูกเจี๊ยบไว้ก่อนจะจัดการผสมน้ำในอ่างจากุซซี่ ไฟในห้องน้ำเปิดเพียงสลัว ไฟข้างอ่างเล่นแสงสวยงามจับตา ลูกเจี๊ยบรู้สึกกายสั่นสะท้านยามที่ลลิตภัทรยื่นมือมาหาชักชวนให้ก้าวลงไปในน้ำที่ไหลวน หน้าต่าง กระจกใสมองเห็นทัศนียภาพภายนอกทำให้อดหวั่นใจไม่ได้

แต่ที่สุดเด็กน้อยก็ลงมาแช่ในน้ำโดยมีลลิตภัทรนั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง ฟองน้ำนุ่มค่อยๆถูเบาๆไปตามร่างกายของเด็กน้อย พรมจูบจนทั่วแผ่นหลังอย่างโหยหามิรู้เบื่อ ยามลมหายใจร้อนรดต้นคอก็คล้ายพายุที่พัดพาความซ่านสยิวให้มาแตะผิวกายจนร้อนไปทั่วทั้งสรรพางค์

   “อื้อ...”ศตายุร้องครางออกมาเบาๆยามฝ่ามืออุ่นที่เคยถูสบู่เปลี่ยนมากอบกุมแกนร้อนของตนเองพลางขยับข้อมือเบาๆ ใบหน้าหวานเชิดขึ้นริมฝีปากอิ่มร้องครางยามจังหวะที่เนิบช้าแปรเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้น พาอารมณ์พุ่งทะยานก็เหมือนโดนดึงให้ตกลงจากฟ้าลงมาที่หุบเหวลึก ลลิตภัทรปั่นป่วนคนเด็กจนนั่งไม่ติดพื้นอ่างมือข้างหนึ่งเกาะขอบอ่างไว้มั่น อีกข้างก็จิกลงบนต้นขาแกร่งของคนที่กำลังกลั่นแกล้ง ยามความเสียวพุ่งสูงร่างบางก็ยืดตัวขึ้นจนคล้ายจะลอย ยิ่งส่งเสียงครวญครางก็เหมือนลลิตภัทรจะสนุกมือรั้งรูดรัวเร็วจนเด็กน้อยครางระงมก้องห้องน้ำ แสงไฟจากตึกสูงนอกหน้าต่างบัดนี้พร่าเลือนจนมองไม่ออก ดวงตากลมหวานเชื่อม ริมฝีปากแดงอิ่มคล้ายลูกเชอร์รี่เชื่อม ศตายุหันกลับไปร้องขอจูบจากลลิตภัทรยามที่คลื่นอารมณ์ขึ้นสูงสุดความเสียวแล่นพล่านจากสมองสู่จุดกลางกาย ร่างบางกระตุกเกร็งก่อนจะปลดปล่อยออกมาเรี่ยวแรงที่เคยมีคล้ายถูกเวทย์มนต์เสกหายไปในพริบตา ลลิตภัทรดึงเด็กน้อยให้หาหน้ามาหาตนโดยที่ศตายุนั่งคร่อมเขาอยู่ในท่าทางแสนล่อแหลม บางสิ่งใต้น้ำขยายใหญ่พร้อมสำหรับการสำรวจสิ่งใหม่ๆ หากแต่เขายั้งสติของตัวเองไว้ไม่ให้บุ่มบ่ามใจร้อน ลูกเจี๊ยบน้อยของเขายังเด็กนักทั้งยังไม่เคยกับเรื่องอย่างว่าเขาจะทุนุถนอมให้ดอกไม้ดอกนี้ช้ำน้อยที่สุดชายหนุ่มในยามนี้เปรียบเหมือนแม่มดเจ้าเล่ห์ที่หยิบยื่นผลไม้พิษรสหวานให้กับสโนไวท์ผู้อ่อนต่อโลก บริสุทธิ์และไร้เดียงสา ลวงล่อได้โดยง่ายเพียงแค่ใช้จุมพิตหลอกล่อก็ตกลงมาในบ่วงของเขาอย่างง่ายดาย ลูกเจี๊ยบน้อยสะดุ้งเบาๆยามที่ปลายนิ้วซุกซนของลลิตภัทรแตะที่รอยจีบเบื้องล่าง ไล้วนเบาๆก่อนจะค่อยๆสอดแทรกเข้าไปด้านในทีละนิด

   “อื้อ...”ร่างบางสะดุ้งโหยงยามปลายนิ้วที่ควานไปทั่วโพรงอุ่นสัมผัสโดนบางจุดจนทำให้รู้สึกเหมือนมีประจุไฟฟ้าแล่นเข้ามาช๊อตเด็กน้อยเด้งตัวขึ้นละริมฝีปากที่ถูกจูบออกส่งเสียงครางหวานให้ได้ยิน ลลิตภัทรย้ำลงไปที่จุดนั้นอีกหลายหนจนมั่นใจว่าเขาเจอจุดที่จะทำให้ศตายุมีความสุขได้ชายหนุ่มใช้นิ้วเบิกช่องทางให้เด็กน้อยอย่างใจเย็น ปรนเปรอจูบหวานเบี่ยงเบนความสนใจจนในที่สุดก็เพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปทีละนิ้วจนครบทั้งสามนิ้ว

   “ไม่..ไม่เอานิ้วแล้วจะได้มั้ยจ๊ะ” เสียงกระท่อนกระแท่นร้องขอยามที่ละริมฝีปากออกจากเขา ลลิตภัทรลูบน้ำออกจากใบหน้าเด็กน้อยด้วยความเอ็นดูในความใจร้อนของศตายุ

   “อาอยากให้หนูพร้อมก่อนจะใส่ของอาเข้าไปจริงๆไงคะ ถ้าไม่เตรียมให้ดีหนูจะเจ็บ อีกอย่างอาต้องไปเอาถุงยางก่อน”ลลิตภัทรอธิบายอย่างใจเย็น ศตายุหลุบตาลงต่ำก่อนจะช้อนตาขึ้นมองคนตรงหน้าอีกครั้ง ริมฝีปากบวมเจ่อเอ่ยถ้อยคำน่ารักออกมาจนชายหนุ่มสติขาดในทันที ถุงเยิงถุงยางไว้คราวหลังก็แล้วกัน

   “หนูอยากเจ็บตัวแล้วนี่จ๊ะ”ขาดคำของลูกเจี๊ยบลลิตภัทรก็ถอนนิ้วออกก่อนจะแทนที่ด้วยแกนกายของตนเองที่มีขนาดใหญ่กว่านิ้วมากนัก มองหน้าเจ้าลูกเจี๊ยบที่จ้องตาไม่ละได้ละอย่างเชิญชวนชายหนุ่มก็ยกเอวบางขึ้นก่อนจะกดลงไปช้าๆ ลูกเจี๊ยบหน้าเปลี่ยนสีในทันที กายแดงราวกับกุ้งต้ม สองแขนผวาเฮือกกอดคอเขาแน่นฟันซี่เล็กกัดลงบนไหล่เขาเพื่อกลั้นความเจ็บ

   “อื้อ...จ...เจ็บ”

   “อาบอกหนูแล้วไงคะว่ามันจะเจ็บ คราวนี้หนูเชื่ออาแล้วหรือยัง?”ลลิตภัทรจงใจกดสะโพกเด็กน้อยลงไปอีกนิดโชคดีที่น้ำในอ่างช่วยให้มันเข้าไปไม่ยากนักแม้จะเป็นการส่งตัวตนของตัวเองเข้าไปทีละนิดก็ตามเถอะ ไม่ใช่ว่าศตายุเจ็บคนเดียวเสียหน่อย เด็กน้อยตอดรัดเขาจนปวดหน่วงไปหมดแล้ว หากแต่ศตายุแทนที่จะกลัวกลับทำตัวเป็นเด็กอวดเก่งเมื่อฟังคำถามอาหนุ่มจบร่างบางก็ทิ้งสะโพกกลืนกินตัวตนของลลิตภัทรไปจนสุดความยาว ปากเล็กอ้าเผยอระบายลมออกมาเพื่อระบายความเจ็บ

   “แฮ่ก...”ลมหายใจหอบสะท้านดังชิดริมหู คนโตกว่าอดไม่ได้ที่จะฟาดฝ่ามือลงบนแก้มก้นเนียนนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว

   “อื้อ..”เด็กน้อยที่ลองขยับสะโพกอย่างเก้ๆกังๆยู่หน้าเมื่อความคับแน่นทำให้รู้สึกแสบแต่ก็มีอีกความรู้สึกหนึ่งปะปนกันมาด้วย

   “ซนจริงๆเด็กคนนี้นี่ อยู่เฉยๆนะคะเดี๋ยวอาทำเอง อย่าใจร้อน”ลลิตภัทรจับเอวเด็กน้อยให้ค่อยๆขยับอย่างเชื่องช้าเสียงครางเบาๆสั้นๆชิดริมหูยามเด็กน้อยซบลงกับไหล่ของตนอย่างอ่อนแรง ชายหนุ่มดึงแกนกายออกจนเกือบสุดแล้วสอดใส่กลับไปใหม่ นุ่มนวลและเนิบช้าจนศตายุเริ่มจับจังหวะได้ เด็กน้อยรั้งศีรษะของลลิตภัทรเข้ามาจูบยามความรู้สึกเจ็บถูกแทนที่ด้วยความเสียวซ่าน สะโพกอิ่มเริ่มขยับตอบรับจนในที่สุดก็ผสานเป็นจังหวะเดียวกัน แม้จะช้าแต่ก็ลึกและรู้สึกราวกับจะขาดใจเมื่อสัมผัสโดนจุดที่ทำให้รู้สึกเหมือนไฟช๊อตนั้น ศตายุครางเสียงกระเส่าในขณะที่ลลิตภัทรก็แทบจะสำลักความสุข ปลายลิ้นตวัดผ่านยอดอกที่ขยับขึ้นลงไปมาจนกายบางที่ถูกปรนเปรอทั้งบนทั้งล่างบิดเร่า มือเล็กส่งลงไปรูดรั้งแกนกายของตนเองเป็นบางครั้งเมื่อความเสียวเข้าเล่นงาน เด็กน้อยอยากปลดปล่อยหากแต่พอร้องเสียงดังลลิตภัทรก็แกล้งหยุดแล้วก็ทำต่ออย่างนี้ไปเรื่อยๆราวกับจะท้าทายว่าใครจะอดทนได้มากไปกว่ากัน

เป็นของเขาแล้ว ทั้งตัวและหัวใจ เด็กที่กำลังโลดแล่นราวกับม้าหนุ่มที่เพิ่งถูกปลดปล่อยสู่ท่งหญ้าเขียวนี้คือของเขาอย่างสมบูรณ์

เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครแม้จะมีเซ็กส์กับคู่นอนมากหน้าหลายตา

ศตายุเป็นคนแรกที่เขาอยากจะถนอม

ศตายุเป็นคนแรกที่เขาไม่ใช้เครื่องป้องกัน

ศตายุเป็นคนแรกที่ทำให้เขาอยากสัมผัสไปทุกส่วนของร่างกาย ฝ่ามือที่วางลงบนไหล่ของเขาบ้างก็จิกเล็บลงบนผิวเนื้อ บ้างก็คลายพลางขยี้รอยเล็บเมื่อคิดคิดว่าเขาจะเจ็บนั้นช่างน่าเอ็นดู

   “อาลอ...อาลอจ๋า...”น้ำเสียงหวานร้องเรียกยามเด็กน้อยขยับสะโพกเข้าหาอย่างอ้อนวอน

   “คะ?”แกล้งส่งเสียงถามในขณะที่กำลังเลาะเล็มยอดอกชูชันนั้นราวกับเอร็ดอร่อยเสียเต็มประตา สะโพกสอบขยับเข้าออกอย่างเชื่องช้าจนไม่ทันใจเด็กน้อยที่ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกเจ็บแล้วมีแต่ความอยากรู้อยากลองเข้ามาแทนที่

มีแต่ความต้องการมากขึ้นทุกขณะ ศตายุก็ไม่ได้ใสจนกระทั่งไม่เคยอ่านนิยายรักๆใคร่ๆ ก็พอจะรู้มาบ้างว่าคนรักกันต้องทำยังไง และถ้ามีอะไรกันก็ไม่ควรอายที่จะบอกความต้องการให้อีกฝ่ายรับรู้

   “เร็ว...เร็วกว่านี้อีกได้มั้ยจ๊ะ”

   “เอาแต่ใจจังเลยค่ะ”แกล้งว่าก่อนจะจับเด็กหันหน้าไปอีกทางจนศตายุร้องออกมาด้วยความตกใจ

   “ทรงตัวดีๆแล้วก็จับขอบอ่างแน่นๆนะคะ อาจะเอาจริงแล้ว”

อะไรคืออาลอจะเอาจริงกันล่ะจ๊ะ แล้วที่ผ่านมานับสิบนาทีนั่นยังไม่เรียกว่าเอาอีกเหรอจ๊ะ แม้จะมีคำถามแต่ลูกเจี๊ยบก็ได้แต่คิดในใจพลางทำตามที่ลลิตภัทรบอกอย่างเชื่อฟัง ชายหนุ่มดึงสะโพกบางเข้ามาชิดแล้วสอดแกนกายกลับเข้าไปอีกครั้ง

และศตายุก็ได้รู้ว่าคำว่าเอาจริงของลลิตภัทรนั้นน่ากลัวขนาดไหน

หากบอกว่าจังหวะเนิบช้าเมื่อครู่ทำเอาเด็กน้อยนั่งไม่ติดขอบอ่างแล้วล่ะก็ จังหวะสาวสะโพกรัวเร็วเสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นห้องน้ำในตอนนี้ทำเอาศตายุร้องไม่เป็นภาษา หากความเสียวที่ข้างล่างส่งพลังมาที่ปลายนิ้วมือได้ป่านนี้ขอบอ่างคงถูกจิกจนแตกละเอียด ลลิตภัทรใส่ไม่ยั้งไม่ออมแรงเลยซักนิด ชายหนุ่มแค่อยากจะแกล้งเด็กน้อยที่ทำตัวแก่นแก้วให้รู้เสียบ้างว่าคนที่เป็นผู้นำเกมนี้คือเขา ใบหน้าหวานหลับตาปี๋ยามจุดไวต่อความรู้สึกถูกกระตุ้นราวกับมีลูกธนูนับร้อยดอกยิงเข้าใส่จนหายใจแทบไม่ทัน ลลิตภัทรดึงสะโพกหลานไม่ให้ถอยหนีชายหนุ่มสูดปากระบายลมหายใจกระชั้น บางช่วงก็ส่งเสียงครางประสานกับลูกเจี๊ยบที่เริ่มตาพร่าสติสตังเริ่มเบลอ เดี๋ยวร้องขอเดี๋ยวเรียกชื่อเขาบางจังหวะก็ส่งมือไปรูดรั้งตัวตนของตัวเองอย่างคนที่ทำอะไรไม่ถูก แรงขยับทำให้น้ำที่มีฟองสบู่กระเพื่อมจนล้น

   “อ๊ะ...อื้อ...อาลอ...อาลอจ๋า”เสียงหวานร้องเรียกยามหน้าท้องหดเกร็ง ความเสียวที่มากกว่าเดิมแล่นปราดจากหน้าท้องสู่แกนกายสะโพกขาวเด้งรับแรงกระแทกก่อนกายบางจะชะงักเกร็งและปลดปล่อย ลมหายใจสะดุดแข้งขาและแขนอ่อนแรงทันทีจนลลิตภัทรต้องประคองร่างอ่อนปวกเปียกนั้นไว้

   “อย่าเพิ่งหมดแรงสิคะ อายังไม่เสร็จ ชายหนุ่มไสร่างเข้าหาหนักหน่วงและลึกสุดจนเด็กน้อยสะดุ้ง จุดไวต่อความรู้สึกยังคงถูกยั่วยุอย่างต่อเนื่องอีกหลายนาทีจนกระทั่งความเร็วเพิ่มขึ้นในนาทีสุดท้ายร่างบางสั่นคลอนก่อนความรู้สึกอุ่นวาบจะพุ่งเข้าสู่ร่างกายของตนเองลลิตภัทรดึงร่างเด็กน้อยในมาแนบกับอกตัวเอง ขยับเอวออกช้าๆก่อนจะกระแทกเข้าไปสุดอีก 3-4 ครั้งแล้วกดแช่แกนกายของตนเองไว้ ลมหายใจกระเส่าค่อยๆผ่อนลงรวมทั้งจังหวะการเต้นของหัวใจที่เริ่มเป็นปกติ

“อารักหนูนะคะ...รักมากๆ...รักมากที่สุดในโลกเลย”ริมฝีปากอุ่นกดจูบลงบนแก้มเรื่อ ศตายุตาปรือพยักหน้ารับ น้ำตาไหลออกจากขอบตาทั้งสองข้าง

ไม่ใช่เสียใจที่เสียของสำคัญให้อาลอ

หากแต่ศตายุดีใจ ดีใจเหลือเกินที่ได้เป็นของอาลออย่างสมบูรณ์แบบ

ไม่เสียใจเลยซักนิดแม้การกระทำจะเหมือนเด็กใจง่าย

เหตุผลก็คงเป็นเหมือนอาลอนั่นแหละ

   “หนูก็รักอาลอจ้า รักที่สุดในโลกเหมือนกัน”

   “ได้อาแล้วก็อย่าทิ้งอย่าขว้างอานะคะ อาแก่แล้วถ้าหนูทิ้งอาคงไปเริ่มใหม่กับใครไม่ได้”
   
   “อย่ามาพูดดีเลยจ้า มีคนรอรับอาลออีกตั้งหลายคน อีกอย่างหนูเอาแต่ใจอาลอจะเบื่อหนูเสียก่อนจะแก่ไปมากกว่านี้น่ะสิจ๊ะ”

   “ไม่เป็นไรค่ะ หนูเอาแต่ใจ แต่อาจะเอาแต่หนู ต่อไปนี้ก็เตรียมร่างกายให้พร้อมแล้วกันนะคะ อาจะเอาจนหนูต้องอ้อนวอนขอชีวิตเลยล่ะ หึหึ”ลลิตภัทรแกล้งกระซิบประโยคท้ายเบาๆก่อนจะงับติ่งหูนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยว

   “เราล้างตัวกันดีกว่านะจ๊ะ หนูเหนื่อยแล้ว”ศตายุรีบร้องบอกยามเบื้องล่างรู้สึกถึงบางอย่างเริ่มขยายตัวจนจิ้มกับช่องทางที่เพิ่งจะถูกถอดถอนออกได้ไม่นานระหว่างที่คุยลลิตภัทรก็ใช้ปลายนิ้วคว้านเอาสั่งที่ปล่อยเข้าไปในกายเด็กน้อยออกไปด้วย แต่ยิ่งได้สัมผัสร่างนุ่มนิ่มในอ้อมกอดอะไรๆมันกลับดึ๋งดั่งปึ๋งปั๋งยิ่งกว่ากินดีหมี ลลิตภัทรขยับสะโพกให้ตัวตนของตนเองถูไถไปกับร่องก้นของศตายุ

   “ฮื้อ...อ...อาลอ หนูไม่เอาแล้วนะจ๊ะ”เด็กน้อยรีบลุกออกจากอ่างเพื่อเข้าไปล้างตัวในตู้อาบน้ำด้วยความเงอะงะ ลลิตภัทรยิ้มกริ่มก่อนจะลุกตามไป ร่างสูงรั้งเอวบางให้แผ่นหลังของลูกเจี๊ยบแนบชิดกับแผงอกของตนเอง น้ำอุ่นถูกเปิดเบาๆรินรดกายของทั้งคู่

   “อาเคยบอกแล้วใช่มั้ยคะว่าอาน่ะ...”เว้นวรรคให้คนฟังใจเต้นรัว


   “ไม่เคยหยุดที่รอบเดียว”




...................................


ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-12-2018 18:19:30 โดย ommanymontra »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ แก้มกลม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คุณตำรวจมาจับผู้ร้ายพรากผู้เยาว์ด้วยจ้ะ

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๒๖




         “เป็นอะไรพี่ดินนอนดิ้นอยู่ได้”จิ๊บเอ็ดสามีเมื่อแดนดินเอาแต่พลิกตัวไปมาบ้างก็ผุดลุกผุดนั่ง หญิงสาวกลัวว่าแรงดิ้นของแดนดินจะทำให้จันทร์เจ้าขาที่หลับไปตั้งแต่ยังไม่สี่ทุ่มด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางนานกว่าสิบชั่วโมงตื่น แดนดินถอนหายใจเฮือกใหญ่

 

            “ไม่รู้สิ ใจมันไม่ค่อยดีเลย เหมือนสังหรณ์ใจแปลกๆ”ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็ห้าทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว ปกติถ้าไม่ได้ทำกิจกรรมเข้าจังหวะกับเมียรักหัวถึงหมอนเขาก็หลับเป็นตายแล้ว

 

            “แปลกที่หรือเปล่าพี่ กินนมหรือกินน้ำมั้ยเดี๋ยวจิ๊บไปเทให้”จิ๊บทำท่าจะลุกไปเทนมในตู้เย็นให้สามีตามที่พูดจริงๆแต่แดนดินจับข้อมือไว้

 

            “ไม่ต้องหรอกจ้าพี่คงแปลกที่น่ะพี่แค่รู้สึกเป็นห่วงเจี๊ยบกับเจ้าจอมเฉยๆ เดี๋ยวโทรหาลูกซักหน่อยดีกว่า”แดนดินทำท่าจะกดโทรศัพท์หาลูกเจี๊ยบหากแต่จิ๊บห้ามไว้

 

“มันดึกแล้วน่าพี่ดิน เกรงใจลอเค้าอีกอย่างป่านนี้เจ้าเจี๊ยบคงหลับแล้วล่ะไว้พรุ่งนี้ค่อยโทรหาลูกก็ได้”

 

“ยังงั้นก็ได้ ถ้างั้น จิ๊บนอนเถอะเดี๋ยวพี่ออกไปสูดอากาศข้างนอกแป๊บหนึ่งเดี๋ยวก็คงง่วง”แดนดินตวัดผ้าห่มออกแล้วขยับคลุมลูกและภรรยาให้ดีก่อนจะเดินออกไปมองแสงสียามค่ำคืนของเชียงใหม่เพื่อให้ใจผ่อนคลายขึ้น ราวๆครึ่งชั่วโมงแดนดินถึงได้กลับเข้าไปนอน พรุ่งนี้เขาต้องพาลูกเมียไปร่วมงานแต่งงานลูกสาวของญาติแต่เช้าถ้าขอบตาคล้ำไปปะเดี๋ยวเขาจะคิดว่าซอมบี้บุกไปกินสมองบ่าวสาวเสียเปล่าๆ

 

 

ลลิตภัทรไล้ปลายนิ้วบนแก้มเนียนของศตายุอย่างเบามือ เด็กน้อยนอนหลับสนิทอยู่ในอ้อมกอดของเขา ริมฝีปากที่ชอบพูดเจื้อยแจ้วบวมเล็กน้อยแต่ยิ่งขับให้ดวงหน้าดูละมุนขึ้น ผิวสีน้ำผึ้งอ่อนๆนั้นก็ช่างเรียบเนียนลื่นมือ บทรักเร่าร้อนยังตรึงจิตตรึงใจ เสียงหวานหูยังดังแว่วอยู่ในหัว ทุกอากัปกริยาฝังลึกอยู่มิรู้คลาย ลลิตภัทรกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น

 

เมื่อก่อนเขาคิดว่าการมีเซ็กส์กับใครนั้นไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร เป็นการปลดปล่อยอารมณ์ใคร่ของวัยเจริญพันธุ์ เมื่อเสร็จกิจก็แยกย้ายกันไป ไร้ซึ่งความรู้สึกรักใคร่ผูกพันใดใดทั้งสิ้น หากแต่เมื่อใครคนนั้นคือศตายุ ความรู้สึกที่มีในใจกลับไม่เหมือนที่ผ่านเลยซักนิด

 

แน่นอนความรักที่มีต่อตัวเด็กคนนี้เขามีจนล้นใจแต่หลังจากได้ครอบครองเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอย่างเต็มตัวแล้ว ความหวงแหน ห่วงใย ใส่ใจและปรารถนาจะทำทุกอย่างให้ศตายุมีความสุขที่สุดก็ตีรื้นขึ้นมาอย่างเหลือเชื่อ

 

รักจนอยากจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีที่สุดให้

 

รักจนอยากจะมอบแต่ความสุขให้

 

หากมีใครมาตั้งคำถามกับลลิตภัทรในตอนนี้ว่าสำหรับเขาแล้วศตายุคืออะไร ลลิตภัทรก็มีคำตอบไว้ในใจแล้วว่า

 

เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา เป็นคนรัก เป็นเจ้าชีวิต เป็นเจ้าของหัวใจ เป็นคู่ชีวิตที่ถ้าเขาต้องพรากจากเด็กคนนี้เขาก็คงไม่เหลือใจไว้เพื่อรักใครอีกต่อไปแล้ว

 

 ไอร้อนจางๆผะผ่าวจากผิวกายน่าจะเป็นไข้จากกิจกรรมต่อเนื่องจากเมื่อคืน ลลิตภัทรจำใจต้องลุกจากที่นอนละจากกายนุ่มนิ่มนั้นเพื่อไปเตรียมอาหารเช้าให้หลานกินชายหนุ่มกดจูบลงบนแก้มนิ่มเบาๆก่อนจะผละไป เปิดตู้เย็นดูว่าของสดมีอะไรบ้างโชคดีที่แม่บ้านซื้อของสดติดตู้เย็นให้นิดหน่อยตามที่เขาโทรมาบอก ไม่นานข้าวต้มหมูร้อนๆก็เสร็จ ชายหนุ่มโรยต้นหอมคึ่นช่ายตบท้ายเป็นอันเสร็จ เดินกลับเข้าไปดูศตายุในห้องนอนก็พบว่าเด็กน้อยนอนคู้ตัวหน้ายู่คิ้วขมวดอยู่บนเตียง

 

            “เจ็บเหรอคะ?”ทรุดตัวลงนิ่งริมเตียง ศตายุขยับตัวมานอนหนุนตักเขาราวกับลูกแมวตัวฟูๆที่กำลังอ้อน

 

            “เจ็บจ้า อาลอ น้องเจ็บ ปวดเอวด้วย”น้ำเสียงออดอ้อนอู้อี้ดังขึ้นเมื่อเด็กน้อยซุกหน้ากับหน้าท้องของเขา อันที่จริงมันก็ไม่ได้เจ็บจนลุกไม่ขึ้นหรอก มันก็มีแปล๊บๆบ้างศตายุก็แค่อยากอ้อนอาลอเฉยๆ พระลอหัวเราะเบาๆให้กับความออดอ้อนนั้น พอจะไม่สบายทีไรสรรพนามแทนตัวจากหนูก็กลายเป็นน้องอีกแล้ว

 

            “ลุกขึ้นนั่งสิคะ เดี๋ยวอานวดหลังให้”ชายหนุ่มบอกกับหลานด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟัง ศตายุเองก็ไม่มีท่าทางแสนซนแบบเมื่อคืนอีกต่อไปลุกขึ้นนั่งอย่างว่าง่ายหันหลังให้คนเป็นอาก่อนจะร้องครางออกมาเบาๆอย่างพึงพอใจยามก้านนิ้วเรียวพรมลงบนบั้นเอวด้วยน้ำหนักพอดีไม่เบาและไม่หนักไป

 

            “เจ็บมากมั้ยคะ?”น้ำเสียงแสนเป็นห่วงเป็นใยพาให้ใจของเด็กน้อยชุ่มชื่นราวกับต้นไม้ที่ได้น้ำฝน เด็กน้อยส่ายหน้าพลางเอนกายพิงอกอุ่นของอาลอที่ยังคงนวดร่างกายตรงนู้นนิดตรงนี้หน่อยของตัวเองอยู่

 

            “มันไม่ได้เจ็บจนลุกไม่ขึ้นหรอกจ้า”

 

            “อาขอโทษนะคะที่ล่วงเกินหนู จริงๆอาน่าจะรอให้หนูโตก่อน”ลลิตภัทรกอดเอวหลานไว้หลวมๆพลางโยกกายไปมาราวกับปลอบขวัญเด็กน้อย ศตายุแหงนหน้าขึ้นไปส่งยิ้มหวานให้คนที่เป็นทั้งอาและเจ้าของตนเองอย่างสมบูรณ์ก่อนจะขยับขึ้นไปนั่งบนตักของอาลอ สองแขนคล้องคอไว้หลวมๆแล้วกดจูบลงบนแก้มของอาหนุ่มฟอดใหญ่

 

            “อาลอไม่ต้องคิดมากนะจ๊ะ หนูเต็มใจเป็นของอาลอเอง สติครบถ้วนทุกอย่าง หนูรักอาลอ เพราะฉะนั้นหนูไม่เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปเลยซักนิด เด็กกว่าแล้วไงเด็กกว่าก็ไม่ได้แปลว่าหนูจะรักอาลอน้อยไปกว่าใครซักหน่อยนี่จ๊ะ กลัวแต่ใจอาลอเท่านั้นแหละ ได้หนูแล้วซักวันก็คงเบื่อแล้วก็ทิ้งหนู”ปลายน้ำเสียงสลดลงเมื่อนึกตามคำพูดตัวเอง ลลิตภัทรเชยคางหลานขึ้นมาให้มองสบตากับตน

 

            “ไม่มีทางค่ะ อาจะไม่มีทางทิ้งหนู อารักหนูจริงๆนะคะ รักมากๆรักแบบที่ชาตินี้คงรักใครไม่ได้อีก รักจนอยากกลับไปขอหนูกับพ่อแม่หนูให้เราได้อยู่ด้วยกันอย่างถูกต้องเลย”

 

            “พ่อกำนันได้ฆ่าอาลอตายคาบ้านน่ะสิจ๊ะ อย่าเพิ่งบอกใครเลยเรื่องของเรา เราคบกันไปเรื่อยๆแบบนี้ไปก่อนดีกว่านะจ๊ะ เอาจริงๆหนูก็กลัวพ่อกับแม่ผิดหวังในตัวหนูอยู่เหมือนกัน แห่ะๆ”เด็กน้อยส่งยิ้มแห้ง ตอนทำก็ไม่รู้สึกกลัวอะไรพอทำเสร็จความผิดชอบชั่วดีก็ตีรวนกันให้ยุ่งในหัว ลลิตภัทรเห็นดังนั้นจึงไม่อยากเซ้าซี้หลาน

 

            “งั้นไปกินข้าวนะคะ อาทำข้าวต้มไว้ให้จะได้กิยาแล้วนอนพัก สายๆคงดีขึ้นเดี๋ยวอาพาไปซื้อของเตรียมไปเที่ยวทะเลพรุ่งนี้”

 

            “หือ? ไปทะเลเหรอจ๊ะ?”

 

            “ใช่ค่ะ อาอยากอยู่กับหนูลำพังสองคนแบบไม่มีใครมายุ่งกับเราเหลือเวลาอีกสองวันไปเที่ยวทะเลใกล้ๆกันดีกว่าเนอะ”

 

            “ก็ได้จ้า”เมื่อหลานตอบตกลงลลิตภัทรก็ฟัดแก้มหลานไปอีกหลายฟอดอิดออดแลกจูบกันอยู่หลายนาทีถึงได้พากันมากินข้าวจัดยาแก้ไข้ให้หลานกินแล้วก็นอนคลอเคลียกันบนเตียงจนกระทั่งเคลิ้มหลับกันไปทั้งคู่ในตอนเกือบเที่ยง

 

เป็นชีวิตที่ลลิตภัทรเคยวาดฝันไว้จริงๆ

 

จนกระทั่ง....

 

เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น...

 

ลลิตภัทรงัวเงียเดินไปที่ประตูโดยทิ้งให้ศตายุนอนหลับอยู่บนเตียงดังเดิมเพราะคิดว่าป้าแม่บ้านคงมาทำความสะอาดห้องเหมือนทุกครั้ง ลลิตภัทรเดินหัวหัวฟูเดินไปเปิดประตูด้วยความเคยชินแต่พอประตูปลดล็อกปุ๊บแรงโถมใส่อย่างมหาศาลก็ปะทะจนชายหนุ่มเซไปด้านหลังทันที ร่างนุ่นมนิ่มบอบบางแต่นมโตของอริตาบดเบียดกายของลลิตภัทรอย่างถือวิสาสะ

 

            “เซอร์ไพรส์!!”เสียงหวานตะโกนออกมาดังลั่นก่อนจะดันกายของชายหนุ่มจนถอยกรูดลงไปนอนแหมะอยู่บนโซฟากลางห้อง ลลิตภัทรพยายามดันใบหน้าของหญิงสาวออกทำปากขมุบขมิบร้องห้ามเพราะกลัวลูกเจี๊ยบน้อยจะตื่นขึ้นมาเห็นท่าทางล่อแหลมนี้

 

            “อื้อ  ลอคะ ลอจะดันหน้าแอนทำไมคะแอนเจ็บนะ”หญิงสาวร้องโอดแต่ก็ไม่ยอมละความพยายามที่จะปล้นจูบชายหนุ่ม ขยับกายคร่อมบนตัวของชายหนุ่มราวแม่เสือสาวที่พร้อมขย้ำเหยื่อ กระโปรงสั้นร่นจนเห็นกางเกงในจีสตริงที่ใส่มาเพื่อยั่วยวนโดยเฉพาะ เมื่อชายหนุ่มยังไม่ยอมหยุดที่จะผลักหล่อนออกหญิงสาวที่มากเล่ห์เพทุบายก็คว้าหมับเข้าที่แกนกายของลลิตภัทรพลางขยำจนชายหนุ่มสะดุ้งเฮือกรีบตะปบมือของอริตาทันทีเปิดช่องให้สาวสวยปล้ำจูบได้อย่างง่ายดายปิดบนกลายเป็นเปิดล่าง พอปิดล่างบนก็ถูกจู่โจม ชายหนุ่มล่ะปวดกบาลนัก เมื่อตั้งสติได้ก็ออกแรงพลิกร่างหญิงสาวลงเบื้องล่างเพื่อป้องกันตนเอง อริตารีบคล้องคอชายหนุ่มไว้ทันที

 

ไม่มีอะไรที่หล่อนอยากได้แล้วจะยอมปล่อยให้หลุดมือเด็ดขาด

 

ลลิตภัทรนั้นทั้งหล่อ ทั้งรวย การศึกษาดี แม้จะเป็นเศรษฐีบ้านนอกก็ตามทีเถอะ แต่ทรัพย์สมบัติที่ชายหนุ่มมีน่ะอยู่ได้สบายไปทั้งปีทั้งชาติ

 

            “ลอคะ แอนคิดถึงลอมากๆ มากๆๆๆๆ”หญิงสาวเอ่ยเอื้อนถ้อยคำฉอเลาะพยายามดึงหน้าชายหนุ่มมาจูบจนลิปสติกเประไปทั้งหน้าแดงเถือกไปหมด

 

            “แอน อย่าทำแบบนี้”ชายหนุ่มยื้อยุดกับอริตาจนเหนื่อยหอบ เมื่อคืนเขาเพิ่งออกแรงอย่างหนักหน่วงไปตอนนี้ยังต้องมาสู้รบปรบมือกับชะนีแรงกูปรีย์แบบอริตาอีก บอกตรงๆ ลอเหนื่อย ชายหนุ่มพยายามขืนตัวเองไว้ด้วยการยันแขนกับพื้นโซฟาไว้ แต่เพราะอริตาไม่ยอมผ่อนแรงที่จะดึงเขาเลยซักนิดในที่สุดชายหนุ่มก็พลาดมือลื่นจนทำให้ร่างทั้งร่างหล่นไปนอนทับหญิงสาวเต็มๆ

 

            “ทำอะไรกันน่ะ!!!”น้ำเสียงที่เคยใสเอ่ยคำหวานจ๊ะจ๋ารื่นหูบัดนี้แข็งยิ่งกว่าก้อนหินที่เขวี้ยงหัวหมาข้างทางเสียอีก เมื่อหันกลับไปมองก็พบศตายุยืนจับประตูห้องด้วยตาเขียวปั๊ดจ้องราวกับจะจิกให้ทะลุถึงกระดูก

 

ลลิตภัทรรู้สึกหนาวยะเยือกตั้งแต่หนังหัวยั้นหนังหุ้มไข่เลยทีเดียว



ชายหนุ่มกระเสือกกระสนออกจากอ้อมกอดที่เหนียวราวตีนตุ๊กแกจนกระทั่งหลุดออกมายืนกุมเป้าสำนึกผิดแม้ตัวเองจะไม่ได้ทำอะไรผิดเลยก็ตามทีเถอะ อริตาลุกขึ้นมานั่งจ้องหน้าเด็กน้อยที่ทำหน้าบึ้งตึงอย่างไม่สะทกสะท้าน หญิงสาวแสร้งจัดเสื้อผ้าที่ยับยู่หมิ่นเหม่เกือบอนาจารของหล่อนด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน



        "โทษทีนะจ๊ะน้อง พอดีอาแอนลืมไปว่าตอนนี้หนูมาอาศัยลอเค้าอยู่เลยทำอะไรๆด้วยความเคยชิน หนูคงไม่ถือใช่มั้ยจ๊ะ ปกติอาแอนมาหาลอก็ทำแบบนี้กันทุกรอบ"ลลิตภัทรตาเหลือกหันไปมองหญิงสาวที่เคลื่อนตัวด้วยความเร็วแสงมาเกาะแขนเขาอีกรอบ



          "เหรอจ๊ะ  ถ้างั้นจะต่อก็ได้นะ แต่ขอโทษด้วย ห้องนอนหนูไม่อนุญาตเพราะหนูนอนอยู่"เด็กน้อยพูดจบกระกระแทกประตูปิดด้วยเสียงอันดังจนบานกบแทบพัง ถ้าตึกไม่แข็งแรงลลิตภัทรมั่นใจเลยว่าป่านนี้ร้าวยั้นฐานรากแน่ๆ

 

ชิบหายแล้ว

 

 

ชิบหายแน่นอน พระลอคอนเฟิร์ม!!!



 

 

           ลลิตภัทรถึงกับถอนหายใจเฮือกกับสถานการณ์แสนฉุกเฉินนี้ อริตาทำตาจิกตามหลังประตูห้องที่ถูกปิดอย่างสนั่นหวั่นไหวนั้น

 

            “เด็กอาร๊าย มารยาททรามจริง”หล่อนกล่าวคำค่อนขอดออกมาทันที่ที่ประตูบานนั้นปิดสนิท พระลอหันขวับกลับมาจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง

 

อริตามีสิทธิ์อะไรมาว่าลูกเจี๊ยบของเขา

 

            “ไม่รู้พ่อแม่อบรมสั่งสอนมายังไงถึงมาทำกริยาแบบนี้กับผู้หลักผู้ใหญ่ แถมยังมาทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของคุณออกนอกหน้านอกตาแบบนี้อีก เป็นลูกเป็นหลานรึก็เปล่าเกี่ยวพันทางสายเลือดก็ไม่ใช่แอนไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงต้องตามใจเด็กนั่นนัก”อริตาพูดอย่างใส่อารมณ์โดยไม่ได้สังเกตเลยซักนิดว่าบัดนี้ลลิตภัทรหน้าแดงจนแทบจะกลายเป็นเขียวด้วยความโกรธเกรี้ยวเสียแล้ว

 

คิดว่าตัวเองเป็นใครอ่ะ?

 

ขนาดเขาที่รักลูกเจี๊ยบปานดวงใจยังไม่เค๊ยไม่เคยดุด่าหรือเอ็ดโดยไม่มีเหตุผลเลยซักครั้ง สองหมัดกำแน่นด้วยความกริ้ว

 

บังอาจว่าเมียสุดที่รักของเขาลลิตภัทรก็ไม่จำเป็นต้องสนหน้าอินทร์หน้าพรหมใดใดทั้งสิ้นแล้ว



ด่าเขาเขาทนได้ แต่มาด่าเมียสุดที่รักพระลอไม่ทนบอกไว้เลย  โดยปกติเขาก็ไม่ใช่คนที่มีความสุภาพอะไรนักหรอก เขาแค่อยู่เป็นและรู้จักกาละเทศะ จริงๆแล้วลลิตภัทรเป็นคนโมโหร้ายแถมปากคอเลาะร้ายอยู่พอประมาณ เขาแค่รู้ว่าคำพูดแบบไหนควรใช้กับใคร เวลาอยู่กับเพื่อนที่สนิทสัตว์สารพัดชนิดหรือแม้แต่ให้กล้วยเพื่อนเขาก็ด่าอยู่บ่อยๆ ที่ผ่านมาเขาสุภาพกับอริตามาโดยตลอดเพราะให้เกียรติว่าหญิงสาวนั้นเป็นผู้หญิง แต่มาวันนี้อริตากลับไร้มารยาทเอ่ยบริภาษคนรักของเขาลามไปว่าถึงบุพการีของศตายุที่ไม่ได้ออกมาตอบโต้หรือร่วมบทสนทนาไม่สามารถปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองได้เลยซักนิดมันทำให้เขาโกรธมาก

 

            “ลอคะ”

 

            “ออกไป”อริตาชะงักกึกกับน้ำเสียงกดต่ำของลลิตภัทรที่พูดแทรกขึ้นมาก่อนที่หล่อนจะทันได้พูดจนจบประโยค

 

            “ห๊ะ?”หญิงสาวทำน้ำเสียงอึกอักในลำคออย่างคนที่ทำตัวไม่ถูก ปกติลลิตภัทรเป็นคนสุภาพกับผู้หญิงมากๆไม่เคยมีซักครั้งที่จะทำให้ต้องระคายเคืองใจ นอกจากเซ็กส์ดุแล้วลลิตภัทรก็ไม่มีอะไรให้ดุอีกเลย แต่วันนี้ชายหนุ่มกลับไล่หล่อน

 

            “ลอล้อแอนเล่นหรือเปล่าคะ?”หญิงสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเก้อๆ

 

ลลิตภัทรไม่ได้ล้อเล่น หล่อนรู้ดี ใบหน้าที่ดำไปครึ่งหน้าราวกับถูกราหูอมนั้นยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้ลลิตภัทรกำลังโกรธ

 

            “ต่อไปอย่ามายุ่งกับผมอีก อย่ามาหาผมอีก แล้วอีกอย่างที่ผมอยากให้คุณรู้ไว้เลยว่าเจี๊ยบมีสิทธิ์หวงผม หวงทุกอย่างที่เป็นของผมในขณะที่คุณไม่มี”

 

            “ทำไมล่ะก็แค่เด็กข้างบ้านทำไมคุณจะต้องไปให้ความสำคัญกับมันด้วย เด็กนั่นสำคัญมากกว่าแอนที่เป็นแฟนคุณด้วยเหรอคะ?”หญิงสาวเชิดหน้าเถียงด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ลลิตภัทรทำเสียงเหอะในลำคอก่อนจะกอดอกและทิ้งสะโพกพิงเค้าท์เตอร์ตรงบาร์มองตรงมาที่อริตาด้วยสายตาเหมือนพ่อค้าที่กำลังประเมินราคาสินค้าตรงหน้า

 

            “ถ้าคุณเป็นแฟนผม งั้นคนอื่นๆที่เคยนอนกับผมก็เป็นแฟนผมหมดแหละครับแอน คุณไม่ได้ต่างกับคนพวกนั้นเลยผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เราต่างใช้เซ็กส์แลกกันก็เท่านั้นจบก้คือจบและตอนนี้ผมก็ไม่คิดต่อกับคุณแล้ว”

 

            “เอ๊ะ ลอคะ ทำไมต้องพูดแบบนี้กับแอนด้วยคะ ถ้าแอนไม่ต่างกับคนพวกนั้นคุณจะควงแอนไปไหนมาไหนด้วยเหรอคะ ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นว่าเราคบกัน”หญิงสาวเริ่มลุกขึ้นยืนเถียงเขาด้วยความโมโห ลลิตภัทรถอนหายใจเฮือกกับความเข้าใจอะไรยากของอริตาชายหนุ่มกรอกตามองบนโดยไม่สนมารยาทใดใดทั้งสิ้น ในเมื่ออริตาเลือกที่จะตื้อเขาก็คงต้องพูดตรงๆออกไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราวตัดความสันพันธ์กันไป

 

ถ้ามีคนถามว่าระหว่างคู่ขาเก่าอย่างอริตากับคนรักอย่างศตายุเขาจะเลือกใคร ลลิตภัทรก็จะถามกลับไปว่าทำไมต้องเลือกเพราะภายในใจของลลิตภัทรตอนนี้ทั้งสี่ห้องหัวใจวางไว้แทบเท้าเจ้าแก้วตาที่งอนตุ๊บป่องๆในห้องไปจนสิ้นแล้ว

 

            “ที่ผมไม่ตัดความสัมพันธ์กับคุณก็เพราะเห็นว่าเราเป็นเพื่อนร่วมงานกันมาก่อน อีกอย่างตอนนั้นผมไม่ได้มีใครเพราะฉะนั้นการถนอมน้ำใจกันไว้ก็เป็นเรื่องดีเรายังคบหากันได้โดยไม่ต้องมีเซ็กส์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่คุณกลับคิดมากไปกว่านั้น ผมจะบอกคุณให้ชัดๆอีกครั้งทั้งที่ตอนนั้นผมว่าผมเคยพูดไปแล้วว่าผมมีแฟนแล้ว”ลลิตภัทรหยุดพูดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงอันดังมากขึ้นกว่าเดิมราวกับจะให้คนที่อยู่ในห้องรับรู้ไปพร้อมกับอริตาด้วย

 

            “แล้วผมก็รักแฟนของผมมาก มากชนิดว่าชาตินี้ถ้าขาดเขาผมก็คงขาดใจตาย เพราะฉะนั้นกรุณาอย่ามาที่นี่อีก แล้วก็เลิกคิดไปเองได้แล้วว่าคุณกับผมคบกัน อีกอย่างคราวหลังอย่าเรียกน้องเจี๊ยบว่ามันและอย่าพูดว่าพ่อแม่เขาไม่อบรมสั่งสอนเจี๊ยบมีสิทธิ์ในตัวผมทุกอย่าง เพราะแฟนของผมก็คือเด็กคนนั้น”

 

            “อะ...อะไรนะคะลอ...คุณกับเด็กนั่น...”

 

ศตายุไม่รู้หรอกว่าภายนอกบรรยากาศจะคุกรุ่นเพียงใด แต่ว่าตอนนี้ใบหน้าของเด็กน้อยฉายชัดถึงความสุขกับคำพูดที่อาลอเอ่ยกับอริตาเสียเหลือเกิน รอยยิ้มกว้างชนิดที่ว่าพยายามกลั้นแล้วแต่ก็ไม่เป็นผลระบายเต็มดวงหน้า

 

เด็กน้อยได้ยินทุกคำที่คนทั้งคู่เอ่ยคุยกัน

 

อาลอไม่เคยแข็งกร้าวอย่างนั้นใส่ตนเลยแม้กระทั่งตอนที่ดุเขาอาลอก็ใช้น้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟังแต่กับอริตานั้นน้ำเสียงสะบัดและกระด้างจัดจนเด็กน้อยนึกกลัว

 

หลังจากประโยคนั้นของลลิตภัทรเกิดความเงียบจนศตายุต้องเอาหูแนบประตูเพื่อฟังว่าด้านนอกพูดอะไรกันอีกมั้ย

 

            “ทุเรศ...ลอคะ คุณอายุตั้งสามสิบกว่าแล้วนะคะ แล้วเด็กนั่นเพิ่งจะ 16-17 เองแท้ๆ คุณ...อี้ ทุเรศ”อริตาเบะปากอย่างขยะแขยง แม้ว่าหล่อนจะเคยได้ยินมาบ้างว่าลลิตภัทรเคยนอนกับผู้ชายแต่หล่อนก็หลอกตัวเองว่ามันไม่จริง

 

กล้าพูดมาได้ยังไงว่าเป็นแฟนกับเด็กบ้านนอกคอกนานั่น

 

เด็กที่ไม่มีอะไรสู้หล่อนได้ซักอย่าง หญิงสาวตวัดสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจใส่ลลิตภัทรก้มลงหยิบกระเป๋าสะพายแล้วเดินกระแทกออกไปเลยแบบไม่พูดไม่จาอะไรอีก

 

หล่อนไม่เคยรู้สึกเสียหน้าขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต ตั้งแต่โตเป็นสาวมาผู้ชายทุกคนที่เข้ามาหาหล่อนไม่เคยมีใครทิ้งหล่อนหรือเอ่ยปฏิเสธเลยซักคน

 

ลลิตภัทรกล้าดียังไงมาฉีกหน้าหล่อนด้วยการออกปากไล่แล้วคว้าเด็กกะโหลกกะลาแบบนั้นมาเดินควง

 

ทุเรศที่สุด

 

ลลิตภัทรกล้าฉีกหน้าหล่อนอย่างนี้ได้ยังไงกัน

 

            “คอยดูนะ ฉันไม่จบง่ายๆแน่พระลอ”หญิงสาวหันไปพูดกับบานประตูที่ถูกเจ้าของห้องดึงเข้าไปปิดอย่างอาฆาต

 

           

เมื่อจัดการกับอริตาได้แล้วลลิตภัทรก็แทบจะหมดแรง ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งออกพลางขยับเสื้อให้เข้าที่เข้าทาง

 

ป่านนี้เด็กน้อยของเขาคงงอนตุ๊บป่องรอให้เขาเข้าไปง้ออยู่แน่ๆ อริตานะอริตา จะมาสร้างความร้าวฉานให้สถาบันครอบครัวของเขาทำไมเพิ่งได้อิ๊อ๊ะกันไปเมื่อคืนแท้ๆสงสัยคราวนี้คงอดยาว รวบรวมความกล้าอยู่หลายนาทีก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องอย่างเกรงอกเกรงใจคนด้านใน

 

            “หนูขา...อาขอเข้าไปได้มั้ยคะ?”ลองหยั่งเชิงถามด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน หากแต่ในห้องกลับเงียบเสียเหลือเกิน

 

ไม่ด่ากลับไม่ร้องห้ามแปลว่าอนุญาตสินะคะ

 

            “งั้นอาเข้าไปแล้วนะคะ”ชายหนุ่มกลั้นใจบิดลูกบิดประตูเข้าไป เมื่อประตูเปิดก็รีบยกแขนขึ้นมาบังหน้าหลับตาปี๋เผื่อเด็กน้อยในห้องจะเขวี้ยงอะไรมาใส่หัว กลั้นอกกลั้นใจอยู่สามวินาทีก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ขยิบตาขึ้นมองศตายุนอนตะแคงหันหลังให้กับเขาโดยไม่หันมามองเลยซักนิด ลอบกลืนน้ำลายหน่อยๆเมื่อชายเสื้อของหลานเปิดจนเห็นเอวคอดๆที่เมื่อคืนเขาทั้งลูบทั้งคลำทั้งขยำไปเสียหลายต่อหลายหน

 

เมื่อหลานไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ซ้ำยังไม่หันมามองชายหนุ่มก็ทำใจดีสู้เสือค่อยๆก้าวทีละก้าวอย่างระมัดระวังแล้วไปนั่งที่ปลายเตียงด้วยความสงบเสงี่ยม

 

            “หนูจ๋า....”ใช้ปลายนิ้วสะกิดหน้าเท้าคนหลานเบาๆ ศตายุสะดุ้งโหยงชักเท้าจะหนีสัมผัสนั้นแต่ลลิตภัทรไวกว่าจับยึดไว้มั่นพลางก้มหน้าลงไปจรดปลายจมูกกับหลังเท้าเนียนนั้นอย่างแสนรัก

 

            “อย่าโกรธอาเลยนะคะ เขามาเองอาไม่ได้เชิญซักหน่อย”พูดจบก็กดจูบลงบนเท้าน้อยๆ((คือถ้าใจเราคิดว่ามันตะมุตะมิแม้จะเป็นเบอร์ 43 ลลิตภัทรก็จะมองว่าเป็นเท้าน้อยๆ))อย่างสเน่หา

 

            “แล้วยอมให้เขากอดยอมให้เขาหอมยอมให้เขาเอานมถูอกทำไมจ๊ะ ชอบเหรอ?”

 

            “โถ้........ใครชอบ ไม่มี๊ อาไม่ได้ชอบซักหน๊อยยยยยย”รีบปฏิเสธเสียงหลงเพราะกลัวว่าคนเด็กกว่าจะโกรธเอาอีกรอบ

 

            “อามีหนูทั้งคนถึงนมจะแบนไม่เด้งสู้มือแต่ก็สู้ปากแค่นี้อาก็พอใจแล้ว”

 

            “อย่ามาทะลึ่ง”เด็กน้อยชักเท้าหนีเมื่อลลิตภัทรส่งปลายลิ้นออกมาโลมเลียจนรู้สึกวูบๆที่ช่องท้อง

 

อาลอนี่นะ เผลอไม่ได้เลย ตอดนิดตอดหน่อยตลอด เด็กน้อยหลุดขำเมื่อเห็นสีหน้าจ๋อยๆเหมือนหมาหงอยของอาลอ ชายหนุ่มเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะก็นึกรู้ทันทีว่าตอนนี้ลูกเจี๊ยบหาได้โกรธขึ้งบึ้งตึงแบบตอนแรกแล้วความกระลิ้มกระเหลี่ยก็กลับมาในทันที

 

            “จะต้องทำยังไงคะหนูถึงจะหายโกรธหายงอนอาค่าเทอมพอมั้ยคะหนู ค่าขนมพอกินหรือเปล่าคะ อยากกินไอติมมั้ยเดี๋ยวอาเลี้ยงหนูเอง"

 

"ไม่เอา ไม่คุยกับคนแก่ พ่อบอกอาลอไม่น่าไว้ใจน้องเจี๊ยบต้องเชื่อพ่อ อย่ามาทำตัวป๋า อามีเงินเยอะนักหรือไง”แกล้งค่อนขอดคนที่ทำตัวรวยเสียเต็มประดาด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก ลลิตภัทรล้มตัวลงนอนกอดร่างนุ่มนิ่มนั้นไว้ก่อนจะหอมแก้มฟอดใหญ่เอ่ยตอบอย่างภูมิใจ

 

"มีเป็นล้าน เลี้ยงหนูได้ทั้งชาติ"

 

"หัว?เด็กน้อยแกล้งถามทำให้ได้ค้อนปะหลักปะเหลือกจากคนแก่กว่า

 

"เงินสิหนู โถ้ววววววววว”แกล้งทิ้งท้ายประโยคด้วยเสียงสูงปรี๊ดก่อนจะอาศัยจังหวะที่ศตายุนอนหัวเราะคิกคักพลิกขึ้นคร่อมร่างบางทันที ตรึงสองมือของหลานไว้เหนือหัวพลางส่งยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างหมายมั่นปั้นมือเต็มที่

 

“อ๊ะ...อาลอ จะทำอะไรจ๊ะ?”เอ่ยถามอย่างตกใจเมื่อลลิตภัทรเผลอแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากราวชายหื่นที่กำลังจะทำมิดีมิร้ายเด็กน้อย

 

“อาก็จะง้อเจี๊ยบไงคะ”

 

“ง้อแล้วทำไมต้องคร่อมด้วย หนูอึดอัด”

 

“หนูอึดอัดไม่นานหรอกค่ะ ซักพักเดี๋ยวจะรู้สึกดีแล้วก็รู้สึกโล่งจนตัวเบาเลย เชื่ออานะคะ ไม่สบายหายหรือยังคะ เดี๋ยวอาจะฉีดยาให้หนูดีมั้ยเอ่ย?”พูดจบก็โน้มหน้าเข้าหา ศตายุรีบดันหน้าอกอาลอไว้หลังจากดิ้นจนมือหลุดจากการกอบกุม



"ฉ...ฉีดยาอะไรกันล่ะจ๊ะ ไม่เอาหรอกน้องไม่ชอบเข็มฉีดยา"เด็กน้อยส่ายหน้าดิกปฏิเสธ ลลิตภัทรหัวเราะเบาๆกับท่าทางน่ารักน่าชังนั้น



"ไม่ต้องกลัวนะคะเข็มของอาลอใหญ่ก็จริงแต่หนูน่าจะชอบ เมื่อคืนก็โดนไปตั้งสองสามเข็ม รับรองอาจะตั้งใจฉีดจนหนูร้องระงมเลยล่ะ" ศตายุดีดดิ้นพอเป็นพิธีสุดท้ายก็โอนอ่อน



หลังจากนั้นอีกราวๆ 20 นาที ก็โล่งตามที่อาลอบอกจริงๆด้วย

 

ทั้งโล่งทั้งเหนื่อยเลยล่ะจ้า

 

อาลอไม่โกหกเลยจริงๆในเรื่องนี้

 

โล่งจนเพลียและหลับแทบจะทันทีที่ขึ้นรถเดินทางไปทะเลเลยล่ะจ้า

 

นี่เจี๊ยบเหนื่อยหรืออาลอวางยากันนะ

 

อืม..น่าจะวางยามากกว่าเหนื่อยเนอะ ก็อาลอเล่นฉีดยาเข็มใหญ่ให้เจี๊ยบไปตั้งหลายเข็ม สงสัยเจี๊ยบจะไม่ป่วยไปเลยตลอดปีแน่ๆ





...............................





ฉีดยา ฉีดยาจับเธอฉีดยา ไม่ต้องมาดิ้นนะ อย่าดินนะ จะฉีดยา แอร๊วววววววววววว



ถ้าเป็นป้าแอนนมปลอมคงแทบแทรกแผ่นดินหนี



คุณเขาหวงเมียปกป้องเมียนะคะ ด่าเขาๆทนได้แต่ห้ามมาแตะเมียที่เคารพรักเด็ดขาด



จรัม!!!

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๒๗







       แสงอาทิตย์สีส้มอมแดงฉาบไล้ผืนน้ำ เกลียวคลื่นสาดซัดกระทบเข้ามายังชายหาด ร่างของผู้ชายสองคนที่เดินกุมมือกันชี้ชวนชมนกชมคลื่นบ้างก็หยุดถ่ายรูปกันเป็นระยะจนกระทั่งแสงสุดท้ายสิ้นสุดลง ดวงอาทิตย์ลับผืนน้ำดวงจันทร์ส่องแสงทำหน้าที่ให้แสงสว่างอันน้อยนิดแทน

 

ลลิตภัทรไม่เคยคิดว่าการเปิดใจรักใครใหม่อีกซักครั้งจะทำให้หัวใจของเขาชุ่มชื่นขึ้นอีกครั้ง ศตายุเหมือนชิ้นส่วนจิ๊กซอร์ที่เขาทำหล่นหายไป เมื่อหาเจอภาพของเขาก็สมบูรณ์ เด็กน้อยไม่งอแงและมีเหตุผล ไม่เรียกร้องแต่เต็มใจให้ทุกอย่างที่เขาขอ มือเล็กนั้นไม่เคยปฎิเสธยามที่เขายื่นไปกอบกุมไว้ ศตายุไม่เคยดึงมืออกมีแต่กระชับฝ่ามือให้แน่นขึ้น แม้ลมทะเลจะเย็นแต่ความอบอุ่นที่เด็กน้อยมอบให้ก็ทำให้ดวงใจที่เคยแห้งแล้งอ่อนล้าของเขากลับมีชีวิตชีวามากขึ้น

 

          “อื้อ...อาลออ่ะ!! แกล้งหนูเหรอ?”ศตายุร้องเรียกเขาดังลั่นยามที่ลลิตภัทรแกล้งเตะก้นเบาๆแล้ววิ่งหนี เด็กน้อยวิ่งตามเพื่อเอาคืนพลางหัวเราะเสียงใส แม้จะมีอาการเจ็บขัดอยู่บ้างแต่เพราะเป็นเด็กร่างกายแข็งแรงรวมทั้งหลังจากการง้องอนที่คอนโดลลิตภัทรก็ไม่ได้ล่วงเกินลูกเจี๊ยบอีกเลยทั้งยังเฝ้าประคบประหงมหาข้าวหายารวมทั้งคอยทายาให้จึงฟื้นตัวจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกับอาหนุ่มได้ในเวลาอันรวดเร็วไม่มีอาการสำออยอ้อนให้อาหนุ่มต้องคอยประคบประหงมให้ต้องรำคาญใจ ทั้งสองคนวิ่งไล่เตะกันจนเหนื่อยหอบจึงได้หยุดแล้วเปลี่ยนเป็นมานั่งมองเกลียวคลื่นที่สาดซัดเข้าฝั่งแทน ทะเลยามนี้มืดมิด หากแต่ยังมีดวงไฟของเรือหาปลาลอยให้เห็นตรงนู้นนิดตรงนี้หน่อยไม่ต่างอะไรกับดาวบนฟ้าเลยซักนิด ลลิตภัทรกุมมือของศตายุไว้อีกครั้ง

 

            “อยากหยุดเวลาไว้แค่นี้จังเลยค่ะ”หลังจากปล่อยให้ความเงียบทำงานไปซักพักอยู่ๆชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นเบาๆ

 

            “ทำไมล่ะจ๊ะ”เด็กน้อยเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

 

            “เพราะมันมีแค่เราสองคนจริงๆน่ะสิคะ พรุ่งนี้เราก็ต้องกลับไปเจอโลกของความจริงแล้ว ไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับหนูสองต่อสองแล้ว”

 

            “โธ่เอ๋ย อาลอจ๋า ปกติเราก็อยู่ด้วยกันเกือบจะทุกวันอยู่แล้วนี่จ๊ะ”เด็กน้อยร้องออกมาด้วยความเอ็นดูอาหนุ่มที่ดูท่าแล้วจะมีนิสัยเด็กกว่าเขาเสียอีก ศตายุกระชับฝ่ามือที่กุมกันไว้ให้แน่นขึ้นราวกับจะสร้างความมั่นใจให้คนที่เริ่มจะงอแงได้มั่นใจว่าตนจะไม่ไปไหน ร่างบางขยับเข้ามานั่งชิดแล้วเอนศีรษะวางพิงบนไหล่หนาของคนรัก

 

            “อย่างอแงเลยนะจ๊ะ แค่นี้หนูก็รักอาลอจนจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว”

 

            “อาอยากอยู่กับหนู อยากเป็นคนดูแล อยากใช้ชีวิตร่วมกันแบบไม่ต้องหลบๆซ่อนๆใคร”ลลิตภัทรโอบไหล่เล็กของหลานไว้หลวมๆ

 

            “รอหนูโตกว่านี้อีกหน่อยนะจ๊ะ ให้หนูเรียนจบมีอาชีพการมีงานทำเลี้ยงตัวเองได้ แล้ววันนั้นหนูจะไปบอกพ่อกับม่เองว่าอาลอเป็นแฟนหนู ช่วยอดทนรอหนูอีกซักหน่อยได้มั้ยจ๊ะ ระหว่างนี้ถ้าหนูดื้ออาลอก็เอ็ดหนูดุหนูได้เลยนะจ๊ะ ถ้าหนูงอแงอาลอก็ช่วยปรามหนูหน่อย ถ้าหนูพูดไม่รู้ฟังจะตีหนูด้วยก็ได้ แต่อย่าเบื่อหนูอย่าทิ้งหนูก็พอ อาลอบอกว่าไม่ให้หนูทิ้งอาลอเพราะอาลอแก่แล้วคงไปเริ่มกับใครใหม่ไม่ได้อีก หนูก็อยากบอกอาลอว่าถ้าอาลอทิ้งหนู หนูก็คงอยู่ต่อไปไม่ไหวเหมือนกัน “

 

            “ไม่มีทาง อาไม่มีวันทิ้งหนูหรอกค่ะ อย่ากลัวไปเลย อาไม่มีทางเบื่อหนูหรอก”

 

            “ถึงหนูจะยังเด็กแต่หนูก็เข้าใจโลกอยู่นะจ๊ะ คนเรารักกันแรกๆย่อมหวานซึ้งใส่กันแต่พออยู่กันไปนานๆความรักจะกลายเป็นความเคยชิน ถึงเวลานั้นอะไรที่เคยพูดเคยทำให้กันก็จะถูกละเลย หนูขอแค่ว่าให้เวลานั้นของเราอย่าเพิ่งมาถึงเร็วนัก รออาลออายุซัก 80 ก่อนค่อยเบื่อหนูนะจ๊ะ”ลลิตภัทรหัวเราะให้กับคำพูดคำจาน่ารักนั้น ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เขารู้ว่าเด็กน้อยคิดมากเพราะความสัมพันธ์แบบนี้มันเปราะบางเกินกว่าคนนอกจะเข้าใจ ความรักมันไม่ใช่เรื่องของคนสองคนศตายุเองก็ยังเด็กเพราะฉะเจ้าตัวเล็กของเขาจะคิดนู่นคิดนี่ไปล่วงหน้านั้นก็คงไม่แปลก

 

สาเหตุหลักก็คือเด็กคนนี้ยังไม่มั่นใจในความรักของเขาเท่าไหร่นัก อาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมาเขาทำตัวเหมือนหมาหยอกไก่ทีเล่นทีจริงมาตลอด

 

            “อารักหนูจริงๆนะคะ รักมากๆรักแบบที่สามารถตายแทนหนูได้ อย่ากลัวว่าอาจะเลิกรักหรือเบื่อหนูนะคะ จริงอยู่ว่านานไปการแสดงความรักอาจจะน้อยลงแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าความรักของเราจะจืดจางนี่คะ ดูอย่างปู่ลิตรกับย่าโฉมพ่อแม่ของอาสิคะ ทุกวันนี้แกกอดแกหอมแกบอกรักกันมั้ยก็ไม่แต่เวลาแกมองกันอารับรู้ได้ถึงความรักที่ท่านทั้งสองมีต่อกัน คนเรายิ่งอยู่ด้วยกันนานๆความผูกพันก็จะเหนียวเหมือนเกลียวเชือกและอาก็จะไม่มีวันปล่อยหนูให้หลุดลอยไปเพราะหนูคือสิ่งที่ดีที่สุดมีค่าที่สุดเท่าที่อาเคยมี  อารักหนูนะคะ”ลลิตภัทรขยับกายให้นั่งหันหน้าหาคนหลานเชยคางมนขึ้นมาสบตาถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลสู่ริมฝีปากสีเชอร์รี่เม้มคลึงราวกับจะให้สลักลงไปในใจของศตายุว่า

 

ลลิตภัทรรักศตายุคนเดียว และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

 

ดวงตาของเด็กน้อยเปล่งประกายราวกับมีดาวนับล้านดวงเบ่งแสงอยู่ในนั้นหากแต่ที่สุดเปลือกตาสีอ่อนก็ปิดลงบดบังแสงสกาวนั้นไปเสียสิ้น

 

ว่ากันว่าคนเราไม่สามารถทนมองหน้าคนรักในระยะประชิดได้นาน

 

ไม่จริงเสมอไปซักหน่อย ที่ลูกเจี๊ยบต้องหลับตาลงเพราะอยากใช้หัวใจจำความสุขที่อาลอกำลังมอบให้ต่างหากล่ะ ลูกเจี๊ยบไม่อยากให้อาลอเห็นว่าตอนนี้ตนเองมีความสุขมากแค่ไหน

 

ลลิตภัทรละเลียดกลีบปากนุ่มอยู่เป็นนาทีสัมผัสแผ่วเบาอ่อนหวานไม่จาบจ้วงล่วงเกินและผละออกอย่างอ้อยอิ่ง คนทั้งคู่ส่งยิ้มให้กันท่ามกลางพระจันทร์ดวงใหญ่ที่ลอยเหนือน้ำ นั่งคุยเล่นกันอีกซักพักในที่สุดคนโตกว่าก็ชวนกลับรีสอร์ท ศตายุลูกขึ้นยืนตามแรงดึงของอาหนุ่มแต่แล้วก็ต้องทำหน้ายู่เมื่อความชาแล่นเข้าเล่นงานตั้งแต่ปลายเท้าถึงต้นขา

 

            “อูย...”

 

            “เป็นอะไรคะ?”ลลิตภัทรประคองหลานที่เซไปเล็กน้อยให้ยืนได้ถนัดขึ้น

 

            “สงสัยจะนั่งนานจ้า เหน็บกิน”กำปั้นน้อยทุบต้นขาตนเองเบาๆจนลลิตภัทรต้องรั้งมือนั้นไว้

 

            “อย่าทุบค่ะเดี๋ยวขาช้ำ ขึ้นหลังอามาสิคะเดี๋ยวอาแบกกลับห้องเอง”

 

            “หึ้ย...ไม่เอาหรอก หนูตัวหนักเดี๋ยวอาลอหลังหักกันพอดี”เด็กน้อยรีบปฏิเสธด้วยความเกรงใจ

 

            “มาเถอะค่ะ หนูไม่หนักซักหน่อย อาก็ลองอุ้มแล้วตอนทำในห้องน้ำไงคะ แค่นี้สบายมาก”คำตอบของลลิตภัทรทำเอาคนเด็กกว่าอยากจะเปลี่ยนกำปั้นที่ทุบขาตัวเองมาทุบปากคนลามกนัก ยกตัวอย่างได้สัปดนจริงๆคนเรา ลูกเจี๊ยบค้อนคนเป็นอาปะหลักปะเหลือกแต่ก็ยอมกอดคอขี่หลังลลิตภัทรไปดีๆ ชายหนุ่มแบกหลานตัวน้อยที่สูงร้อยแปดสิบเดินลัดเลาะริมหาดไปเรื่อยๆ ลมทะเลพัดไอความเค็มเข้ามาประทะจนเหนียวตัวหากแต่เขากลับไม่รู้สึกรำคาญเลยซักนิด เดินไปคุยกันไปฟังเสียงเจ้าตัวน้อยบ่นงุ๊งงิ้งพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็รื่นหูดีจนกระทั่งกลับถึงห้องพักก็เข้าไปอาบน้ำด้วยกันแล้วก็เข้านอนตอนเกือบห้าทุ่ม ตื่นเช้ามาพาลูกเจี๊ยบออกไปทานอาหารทะเลตบท้ายจากนั้นก็เก็บของเพื่อเดินทางกลับบ้าน เป็นอันจบทริปทดลองฮันนีมูนอย่างสมบูรณ์

 

ชายหนุ่มเหมือนได้พักร้อนและชาร์ตแบตเตอรี่เพิ่มพลังในร่างกายของตนเองจนเต็มเพื่อกลับมารับผิดชอบหน้าที่ของตนเองต่อไป

 

ชีวิตคนเรามันจะต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีกเหรอ มีงาน มีเงิน มีคนรักข้างกาย มีครอบครัวรออยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนอยู่ไม่ห่าง ชายหนุ่มไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว

 

ไม่ต้องการแล้วจริงๆ

 

เขาค้นพบความสุขในชีวิต

 

เขารู้แล้วว่าการกลับบ้านแล้วมีคนรอเขาอยู่มันมีความสุขมากแค่ไหน

 

เขารู้แล้วว่าการเดินทางโดยมีคนรักร่วมทางเคียงข้างมันมีความสุขมากเพียงใด

 

ความสุขกระจายรายล้อมโอบรัดกายเขาจนอบอุ่นไปทั้งหัวใจถึงเพียงนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะทิ้งมันไปตามความคิดที่เคยคิดไว้แต่แรกว่ารับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านครั้งนี้ครั้งเดียวเขาก็จะหาเรื่องกลับกรุงเทพ

 

ตอนนี้ความคิดเหล่านั้นถูกปัดหายไปแล้ว

 

เขาจะยึดเอาบ้านเกิดเป็นเรือนตายจะไม่หนีหายไปไหนอีกแล้วเพราะที่นี่คือศูนย์รวมความสุขของเขาหันไปมองเด็กน้อยที่ยื่นขนมเข้ามาใส่ปากของเขาก็ทำให้ชายหนุ่มยิ้มได้ทั้งวัน

 

ลลิตภัทรเลี้ยวรถเข้ามาทางซอยบ้านของลูกเจี๊ยบเพื่อส่งเด็กน้อยก่อน เขากลับมาถึงหมู่บ้านในตอนเย็นรถของแดนดินจอดอยู่ที่หน้าบ้านบ่งบอกว่าเจ้าของบ้านรวมทั้งจิ๊บและจันทร์เจ้าขาก็เดินทางกลับจากเชียงใหม่เรียบร้อยแล้ว เจ้าเจี๊ยบน้อยวิ่งขึ้นบ้านพลางส่งเสียงร้องเรียกพ่อแม่ด้วยน้ำเสียงใสเจื้อยแจ้วซักพักจิ๊บก็ออกมาพร้อมลูกลิงตัวใหญ่ที่กอดเอวแม่ไม่ยอมห่าง

 

            “ขึ้นบ้านก่อนลอมากินน้ำกินท่า เราซื้อของมาฝากด้วยนะ”ลลิตภัทรพยักหน้ารับก่อนจะเปิดท้ายรถจัดการเอากระเป๋าเดินทางของศตายุออกมารวมทั้งถุงของฝากหลายใบ ลูกเจี๊ยบรีบวิ่งมาช่วยถือโดยไม่ต้องร้องขอ ชายหนุ่มถอดรองเท้าแล้วขึ้นมานั่งบนเรือน จิ๊บเอาถุงของฝากเช่นแคปหมู ไส้อั่ว รวมทั้งพวกน้ำพริกเครื่องปรุง ของกินเล่นทางเหนือมายื่นให้อดีตคนรัก

 

            “ซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ย”หล่อนหยิบถุงใบใหญ่ที่ลลิตภัทรยื่นให้มาดู ด้านในเป็นอาหารทะเลแห้งเช่นกุ้งแห้ง หอยและหมึกแห้งรวมทั้งที่ศตายุไปเอามาจากท้ายรถเป็นลังโฟมที่บรรจุอาหารทะเลสด จิ๊บเปิดดูก็ยิ้มอย่างพอใจ

 

            “แหม ดีจริงมีปูด้วย พรุ่งนี้จะผัดไปถวายลูกเณรที่วัดป่านนี้งอแงแย่แล้ว ขอบใจลอมากนะที่ช่วยดูแลลูกให้เรา”

 

            “ไม่เป็นไร เราเต็มใจ ยังไงเดี๋ยวเรากลับบ้านก่อนนะเผื่อเอาของกลับไปทันแม่ทำกับข้าว”

 

            “อื้อ ขอบใจอีกครั้ง”

 

            “เจี๊ยบอาไปก่อนนะคะ อาบน้ำแล้วนอนเร็วๆนะ”หันไปบอกกับเด็กน้อยที่นั่งหน้าแป้นข้างแม่พลางยื่นมือไปยีผมเบาๆแล้วลากลับ พอถึงที่บ้านชายหนุ่มก็ให้คนงานที่นั่งเล่นอยู่โคนต้นไม้หน้าบ้านยกของลงจากท้ายรถตัวเองเดินเข้าไปกอดและหอมแก้มผู้เป็นแม่นั่งเล่นพูดคุยกับพี่ๆและหลานๆซักพักจึงขอตัวขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมมากินข้าวเย็นแบบพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัว

 

มื้ออาหารแสนอร่อยผ่านไปอย่างเรียบง่าย ลลิตภัทรมองครอบครัวของพี่ชายทั้งสองที่ดูแลซึ่งกันและกันก็อดคิดไม่ได้

 

ในอนาคตถ้าที่นั่งข้างกายของเขามีลูกเจี๊ยบเข้ามาร่วมเป็นหนึ่งในครอบครัวมันจะดีขนาดไหนกันนะ

 

เขาต้องรออีกกี่ปี ถ้าตามที่เจี๊ยบบอกไว้เขาต้องเก็บความลับนี้ไปอีกอย่างน้อย 7 ปีเลยนะ

 

พอถึงวันนั้นเขาก็จะมีอายุ 40 ปีพอดี เมื่อถึงตอนนั้นลูกเจี๊ยบก็จะบรรลุนิติภาวะแล้ว คงไม่มีใครมาขัดขวางความรักที่ผิดธรรมชาติของพวกเขาได้

 

ถ้าลลิตภัทรมีพรวิเศษเขาก็อยากจะขอให้เวลาเดินเร็วกว่านี้อีกหน่อย เขาจะได้เคียงคู่ครองรักกับลูกเจี๊ยบแบบเปิดเผยได้ซักที

หวังว่าพอถึงตอนนั้นจะยังคงเตะปี๊บดังอยู่นะ

 

เดี๋ยวว่างๆต้องไปตรวจสุขภาพเสียหน่อย เพราะลุงพรศักดิ์ ส่องแสงเคยบอกไว้ว่า

 

            “มีเมียเด็กต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย”

 

อิอิ...ไม่ใช่เมียเด็กธรรมดาๆด้วย

 

แต่เป็นเด็กมากกกกกกกกกกก กอไก่ล้านตัวขอบอก

 







 

 

 

          หลังจากกลับจากกรุงเทพลลิตภัทรก็กลับมาหัวหมุนกับงานในหมู่บ้านอีกครั้งเขาต้องวิ่งไปทั้งศูนย์ทำกล้วยและสบู่ถ่าน โชคดีหน่อยตรงที่แดนดินคอยดูแลส่วนของสบู่และผลิตภัณฑ์ถ่านอย่างสม่ำเสมอ ตอนนี้เรื่องกล้วยๆของลลิตภัทรนั้นทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำเริ่มมีตัวแทนมารับของเองถึงหมู่บ้านจากตอนแรกที่เริ่มทำชายหนุ่มต้องเอาไปเสนอตามตลาดใหญ่ๆ ลลิตภัทรออกแบบแพคเกจจิ้งให้ดูน่ารักและติดตาได้ง่าย เขาเอาแนวคิดนี้มาจากตอนไปเที่ยวญี่ปุ่นเวลาซื้อสินค้าบางครั้งก็หลวมตัวซื้อเพราะห่อสวยแม้ของด้านในไม่อร่อยแต่แพคเกจจิ้งดูดีน่าซื้อหา ลูกเจี๊ยบยังคงมาช่วยงานไม่ได้ขาด หนึ่งอาทิตย์หลังจากนั้นแก้วเจ้าจอมก็สึกจากเณรวิ่งหัวเหม่งมาเล่นกับเขาทุกวันติดสอยห้อยตามราวกับเป็นลูก น้ำเสียงเจื้อยแจ้วคอยเอ่ยถามนั่นถามนี่ น่าแปลกที่ชายหนุ่มไม่รู้สึกรำคาญแบบช่วงแรกๆที่กลับมาอยู่บ้านชายหนุ่มเต็มใจตอบคำถามแม้บางครั้งจะเป็นคำถามที่ไร้สาระ

 

            “อาลอรู้ป่าวจ๊ะ อีกสามวันพ่อกำนันจ๋าจะพาพวกหนูไปเที่ยวทะเลด้วยจ้า”เจ้าจอมเอ่ยอย่างอวดๆ พลางส่งสายตาราวกับสงสารลลิตภัทรเสียเต็มประดา

 

พุทโธเอ๋ย หน้าขาวๆอย่างอาลอเกิดมาคงยังไม่เคยไปเที่ยวทะเลใช่มั้ยจ๊ะ

 

รอหน่อยนะเดี๋ยวหนูโตมีเงินมีรถโก้ๆขับหนูจะพาอาลอไปเที่ยวบ้าง

 

เด็กน้อยคิดอย่างเวทนาคนเป็นอาจับใจแต่ลลิตภัทรกับลูกเจี๊ยบกลับมองตากันพลางอมยิ้มอย่างรู้ความหมาย

 

ช่วงบ่ายลูกเจี๊ยบมาขอพลาสติกที่เหลือจากการทำโรงเรือนคราวก่อนไปพับใหญ่ด้วยความกระตือรือร้นโดยมือแก้วเจ้าจอมเป็นลูกมือคอยช่วยหิ้วกระป๋องอุปกรณ์ที่มองคร่าวๆแล้วก็มีพวกตะปู ค้อน ลวดเส้นไม่ใหญ่นัก พอได้สิ่งที่ต้องการเด็กทั้งสองก็ทำท่าจะเดินลัดทุ่งจากไปจนลลิตภัทรต้องรีบวิ่งตามไป

 

            “เดี๋ยวค่ะ จะหอบของไปไหนกันคะ?”

 

            “ไปบ้านแต้วจ้า”แต้วคือเด็กหญิงที่ลลิตภัทรแบ่งเงินเดือนให้เพราะที่บ้านของเด็กหญิงยากจนมากมีเพียงตากับยายที่แก่ชรา เด็กหญิงอาศัยหานู่นหานี่ไปเดินขายตามบ้านหรือตลาดนัด

 

            “แล้วจะเอาของไปทำอะไรกันคะ?”

 

            “ไปทำหลุมดักแมลงให้แต้วจ้า”เด็กน้อยตอบเสียงใสตามไรผมมีเหงื่อซึมด้วยอากาศเดือนเมษายนช่างร้อนนัก

 

            “งั้นเดี๋ยวอาเอารถกระบะไปส่งดีกว่าค่ะ แดดแรงเดี๋ยวหนูกับน้องจะไม่สบายเอานะคะ”

 

            “ไม่เป็นไรจ้าอาลอหนูเดินลัดทุ่งไปแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว ทางเข้าบ้านแต้วแคบรถอาลอเข้าไม่ได้หรอกจ้า”

 

            “งั้นเจี๊ยบกับเจ้าจอมรออาแป๊บ ขออาไปสั่งงานแป๊บหนึ่งเดี๋ยวไปด้วย”ลลิตภัทรรีบวิ่งกลับไปที่ศูนย์แล้วสั่งงานอีกนิดหน่อย คนที่เป็นหัวหน้าจดงานที่ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มอย่างชัดเจนและละเอียดถี่ถ้วน บรรดาพี่ป้าน้าอาย่ายายที่เข้าร่วมโครงการต่างทำงานกันอย่างขะมักเขม้น เพราะยิ่งขยันกล้วยแปรรูปขายได้มากนั่นหมายถึงเงินปันผลก็จะได้มากตามไปด้วย ทุกคนไว้ใจเรื่องการเงินที่ลลิตภัทรเป็นคนดูแล เชื่อใจว่าผู้ใหญ่บ้านหนุ่มจะไม่กินนอกกินในกับพวกตนเด็ดขาด เมื่อจัดการงานทุกอย่างเรียบร้อยชายหนุ่มก็คว้าเอาพลาสติกหอบใหญ่มาถือไว้เองลูกเจี๊ยบเอ่ยขอบคุณในความช่วยเหลือนั้นเบาๆแล้วจึงแย่งเอากระป๋องของเจ้าจอมมาถือเจ้าน้องน้อยเดินเดินตัวปลิวนำไปก่อน เดินลัดทุ่งผ่านหนองน้ำที่เจอกันคราวก่อนไปอีกเกือบร้อยเมตรก็ถึงบ้านแต้วซึ่งเป็นกระต๊อบเล็กๆค่อนข้างทรุกโทรมฝาบ้านเป็นไม้ไผ่ขัดแตะกันอย่างง่ายๆ ในตัวบ้านไม่ได้เทปูนเป็นพื้นดินที่แข็งตัวมีแคร่ไว้สำหรับนอนและนั่งในชีวิตประจำวัน กองผ้าห่มและหมอนถูกวางไว้มุมในสุด ยังดีหน่อยที่ว่าบ้านนี้ยังมีไฟฟ้าใช้ ห่างจากตัวบ้านไปไม่กี่เมตรเป็นห้องน้ำที่ทำจากสังกะสีเก่าๆ  เด็กหญิงแต้วกำลังก่อไฟในเตาที่ใช้หินสามก้อนเรียงกันหรือที่เรียกว่าก้อนเส้า ควันกลิ่นฉุนคละคลุ้งเนื่องจากวัสดุสำหรับจุดไฟคือไม้แห้งและกาบมะพร้าวชวนให้แสบตาและสำลักแต่เหมือนคนที่อาศัยในบ้านจะชินเพราะยังนั่งบรรจุของที่หามาได้ใส่ถุงแยกเป็นกองๆ

 

            “แต้ว”เจี๊ยบร้องเรียกแต้วอยู่หน้าบ้านเด็กหญิงได้ยินก็รีบวิ่งออกไปหาทันที

 

            “มาแล้วเหรอพี่เจี๊ยบหนูคิดว่าลืมไปแล้ว อ๊ะ ผู้ใหญ่สวัสดีจ้า”เด็กหญิงรีบยกมือไหว้เมื่อเห็นอาผู้ใหญ่ที่ชาวบ้านต่างชมนักชมหนาในตลาดให้ได้ยินบ่อยๆ

 

แถมผู้ใหญ่ยังใจดีให้เงินแต้วทุกเดือนด้วย

 

            “ทำอะไรกินล่ะควันคลุ้งเชียว”ลลิตภัทรเอ่ยทักเด็กหญิงวัย 13 ขวบอย่างเป็นกันเองเพื่อที่เด็กจะได้ไม่เขินหรือประหม่าเวลาที่อยู่ใกล้ตน

 

            “กำลังจะหุงข้าวจ้า”เด็กหญิงแต้วตอบตามตรงก่อนจะยิ้มแหยให้เสียทีหนึ่ง อันที่จริงเด็กหญิงไม่คุ้นกับอาผู้ใหญ่มากนัก จะเห็นผู้ใหญ่บ้านก็ตามงานต่างๆที่แต้วไปขายของแต่ก็เห็นแค่แว้บๆ แม้จะเป็นเด็กแต่แต้วก็รู้ว่าผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 นั้นหล่อที่สุดแล้ว

 

ยายก็เคยชมอยู่บ่อยๆว่า

 

            “ผู้ใหญ่ลอนี่สวยนะ สวยเหมือนพระเอกลิเกสมัยยายสาวๆแม่ยกนี่ติดกันเต็มแลย รูปงามสมกับชื่อพระลอ”

 

            “งั้นแต้วรีบไปหุงข้าวนะพี่กับอาลอแล้วก็เจ้าจอมเอาของมาทำบ่อดักแมลงให้แล้ว”แต้วรับคำอย่างว่างง่าย ลูกเจี๊ยบและลลิตภัทรเข้าไปทักทายพูดคุยกับตายายแป๊บหนึ่งบอกจุดประสงค์ที่จะมาทำในวันนี้ก็แยกออกมาส่วนเจ้าจอมและลลิตภัทรก็เดินตามลูกเจี๊ยบไปหลังบ้านที่เป็นแปลงผักสวนครัวขนาดย่อมมีคูน้ำอยู่ใกล้ๆ ลูกเจี๊ยบเดินไปข้างบ้านหยิบจอบมาสองด้ามอย่างชำนาญราวกับว่านี่เป็นบ้านตน ด้ามหนึ่งก็ยื่นให้ลลิตภัทร

 

            “เดี๋ยวเราช่วยกันขุดนะจ๊ะ ทำซัก 5 หลุม ไม่ต้องลึกมากซัก60 เซ็นต์ก็พอ ส่วนความกว้างเอาเท่านี้”ลูกเจี๊ยบทำมือให้ดูว่าต้องการความกว้างขนาดไหน ซึ่งก็ไม่ใหญ่จนเกินไป หลังจากขุดกันซักพักพอให้ได้เหงื่อแต้วกับตาก็ตามมาสมทบ ตาของแต้วแม้จะอายุมากแล้วแต่เพราะตรากตรำทำงานหนักมาตั้งแต่สมัยรุ่นหนุ่มจึงยังคงแข็งแรงชายชราแย่งเอาจอบจากลูกเจี๊ยบแล้วไปขุดเสียเองลูกเจี๊ยบจึงชวนแต้วกับเจ้าจอมมาขึงพลาสติกกับไม้ที่ผูกกันเป็นสี่เหลี่ยม

 

            “ตาจ๋า หลอดไฟที่เจี๊ยบกับพ่อกำนันเอามาให้เมื่อวันก่อนอยู่ไหนจ๊ะ”

 

            “อยู่ในบ้านเดี๋ยวตาไปเอาให้”เมื่อขุดหลุมเสร็จลลิตภัทรก็หอบแฮ่กราวหมาหอบแดดได้แต่ทรุดนั่งลงกับพื้นดินแข็งๆอย่างไม่สนใจว่ากางเกงหรือเสื้อผ้าจะเปรอะเปื้อน

 

            “เหนื่อยเหรอจ๊ะ ขุดไปแค่สองหลุมเอง”ลลิตภัทรที่นั่งพักอยู่ถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินคำถามคล้ายจะเยาะของศตายุ ชายหนุ่มรีบเก๊กท่าทางให้ขึ้งขังทำราวกับว่าตนเองนั้นสบายๆยิ่งกว่าเพลงของพี่เบิร์ด

 

            “เหนื่อยอาร๊าย!! เหนื่อยที่หน๊าย!! อาสบายมากให้ขุดอีกซัก 10 หลุมยังได้”

 

จ้า ไม่เหนื่อยแต่เสียงสูงปรี๊ด แถมแก้มก็แดงปากก็แดง ไม่เหนื่อยเลยจ้า น่าเอ็นดูจริงๆอาลอนี่

 

ลูกเจี๊ยบได้แต่ค่อนขอดคนปากแข็งในใจ เมื่อพักจนหายเหนื่อยแล้วลลิตภัทรก็มาช่วยผูกหลอดไฟเป็นแนวนอนหลังจากตอกเสาลงกับพื้นดินจนแน่นหนาแล้วเอาพลาสติกคลุมหลุมที่ขุดจนครบเด็กๆก็ช่วยกันตักน้ำจากท้องร่องใกล้ๆมาใส่ครึ่งหลุม ลูกเจี๊ยบงัดเอาขวดน้ำมันพืชมาโรยๆใส่น้ำในหลุมจนครบ ตะวันโพล้เพล้พอดีไฟทั้ง 5 ดวงก็ถูกเสียบจนสว่างไปทั่วบริเวณ ผืนพลาสติกที่ถูกกางออกราวจอของหนังกลางแปลงจะเป็นตัวดักแมลงให้หล่นลงไปในน้ำ

 

            “เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าพี่จะมาดูผลงานนะ”ลูกเจี๊ยบบอกกับแต้วหลังเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นั่งคุยกับตายายอีกพักทั้งหมดก็เคลื่อนขบวนกลับไปที่ศูนย์โอท็อปเพื่อกลับไปเอารถกระบะที่จอดทิ้งไว้ ลลิตภัทรพาเด็กทั้งสองคนไปส่งที่บ้านเอ่ยทักทายจิ๊บกับเจ้าขาแล้วจึงลากลับ ลูกเจี๊ยบยืนแอบตรงมุมบ้านโบกมือบ๊ายบายให้พระลอด้วยใบหน้าทะเล้น เมื่อกลับถึงบ้านชายหนุ่มขอตัวขึ้นไปอาบน้ำเพื่อที่จะออกมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อแม่พี่ๆและหลานๆ ระหว่างที่เตรียมผ้าขนหนูเสียงแจ้งเตือนไลน์ก็ดังขึ้นชายหนุ่มเดินไปหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูเมื่ออ่านข้อความก็ถึงกับยิ้มขำ

 

            “หายาคลายกล้ามเนื้อกินด้วยนะจ๊ะ แก่แล้วเดี๋ยวเส้นยึด”ชายหนุ่มสายหัวกับสติ๊กเกอร์เจ้าเงาะป่าตด นิ้วเรียวพิมพ์ประโยคลงไปแล้วกดส่ง ลูกเจี๊ยบที่รอข้อความตอบกลับอยู่แล้วกดอ่านทันที พลันใบหน้าที่มีผิวสีน้ำผึ้งอ่อนๆนั้นก็แดงขึ้นราวมะเขือเทศสุก

 

            “ออกแรงแค่นี้สบายมากค่ะ หนูก็รู้นี่คะ ว่าอาน่ะ ทั้งแข็ง และแรง ขนาดไหน”

 


        “อาลอ คนบ้า คนผีทะเล สาธุขอให้เส้นยึดจะได้เลิกทะลึ่ง”







............................................



ให้อาเขาทำงานทำการเสียบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ทำงานทำกามใส่เด็กมัน เดี๋ยวจะเปลืองงบแผ่นดิน 55555555555



เหม็นกลิ่นคนขี้ขิงมั้ยคะ



เหม็นมากเลยค่ะ



เขาว่ากินเด็กเป็นอมตะ ไรท์คิดว่าอาลอคงไม่มีวันตายแล้วล่ะเพราะกินเด็กมากกกกกกกกกกกก



เด็กสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



ขอสายด่วน 191 หน่อยค่ะ หมั่นไส้ล้วนๆ

ออฟไลน์ แก้มกลม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คนแก่หลงเมีย(เด็กมว๊ากกก)

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เขินเวอร์ แง้ กรุบกริกกรุบกรอบ

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๒๙

((ตอนที่ 28 เราลืมอัพด้วยความมึนขออนุญาตลงในหน้าสุดท้ายนะคะกดอ่านในสารบัญ))
     













      วันนี้แดนดิน จิ๊บและลูกๆมาวัดตั้งแต่หลังกินข้าวเช้าอิ่ม ในมือแต่ละคนมีอุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดรวมทั้งกำจัดวัชพืช เมื่อมาถึงวัดทั้งห้าคนก็เดินตรงไปยังส่วนของป่าช้าที่รายล้อมไปด้วยเจดีย์เก็บอัฐิของบรรพบุรุษ เมื่อมาถึงก็ไม่รอช้าทุกคนต่างช่วยกันทำความสะอาดรอบๆท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวในเดือนเมษายน ทุกปีก่อนสงกรานต์ชาวบ้านจะมาวัดเพื่อทำความสะอาดสถูปหรือเจดีย์ที่เก็บกระดูกของญาติผู้ล่วงลับ รวมทั้งบ้านของลลิตภัทรด้วยที่ทำความสะอาดอยู่ไม่ไกล

 

            “เจ้าจอมอย่าเล่นซุกซนนะลูก สำรวมหน่อย”จิ๊บเอ่ยบอกกับลูกคนเล่นที่เหวี่ยงไม้กวาดสะปะสะปะบ้างก็แกล้งลูกเจี๊ยบบ้างก็แกล้งเจ้าขาให้พี่สาวเอ็ดแหวไปเสียหลายหน เด็กน้อยทำคอย่นทันทีเมื่อแม่ส่งสายตาดุมาให้ก่อนจะกระลิ้มกระเหลี่ยพ่อบ้างพี่บ้างสุดท้ายก็เดินไปหาลลิตภัทรที่ถางหญ้าหน้าที่เก็บกระดูกปู่ย่าตาทวดอยู่ไม่ไกล

 

            “อาลอร้อนมั้ยจ๊ะ”ส่งคำถามแรกไปลองหยั่งอารมณ์อาลอดู ดูเถอะแก้มก็แดงปานชมพู่มะเหมี่ยว สงสัยจะร้อนมาก เสื้อเชิ้ตสีชมพูชุ่มไปด้วยเหงื่อช่างน่าสงสารนัก

 

            “ร้อนสิครับ ไปยืนห่างๆอาเดี๋ยวด้ามจอบโดนหน้า”ลลิตภัทรดันเด็กน้อยที่ทำตัวเป็นเหาฉลามเดินตามติดเขาต้อยๆอย่างนึกห่วง แก้วเจ้าจอมที่หัวเริ่มจะหายเหม่งแล้วยอมถอยไปหลายก้าว

 

            “บ่ายนี้อาลอไปไหนมั้ยจ๊ะ”

 

            “ก็ว่าจะไปดูชาวบ้านขนทรายมาไว้ที่ลานวัดน่ะ ทำไมเหรอ? จะชวนอาไปไหนหรือเปล่า?”ลลิตภัทรถามกลับเจ้าเด็กเจ้าเล่ห์ มาถามว่าเขาว่างมั้ยนี่มีไม่กี่อย่างหรอกถ้าไม่ชวนไปเล่นซนอะไรก็คงชวนไปหาอะไรกิน

 

            “หนูอยากกินไอติมจ้า เห็นในทีวีมีไอติมข้าวเหนียวมะม่วงน่ากิ๊นน่ากิน”

 

นั่นปะไร ซื้อหวยไม่เคยถูก พระลอแอบค่อนขอดแก้วเจ้าจอมในใจ

 

            “ไปกันสองคนเองเหรอ?”แกล้งถามหยั่งเชิง จริงๆจะพาไปเลยก็ได้แต่เขาไม่มีทางพาไปแค่แก้วเจ้าจอมแน่ ตัวขาวๆที่เดินไปเดินมาเก็บเศษหญ้าตรงนู้นต่างหากล่ะที่น่าพาไปที่สุด

 

            “ชวนพ่อกับแม่ไปด้วยก็ได้จ้า”เด็กน้อยตอบประสาซื่อแต่จอบในมือของลลิตภัทรนี่สั่นไปหมดเลยจ้า จิ๊บน่ะเขาพาไปได้ แต่อย่างแดนดินน่ะไม่ควรกินหรอกเสวนเซิงเสวนเซ่น ไอติมรถเข็นก็หรูเกินไปแล้ว

 

อย่างแดนดินเหมาะแก่การทาแป้งหน้าขาวแล้วนอนอมเหรียญเสียมากกว่า

 

            “พ่อเราเขาไม่กินไอติมหรอก”เขาถนัดกินบนเรือนขี้รดบนหลังคามากกว่า ความคิดในใจของลลิตภัทรตอบโต้ไปอีกทาง อดไม่ได้ที่จะเหลือบตาไปมองร่างกายกำยำของแดนดินที่กำลังขนขยะไปทิ้งอย่างเอาเป็นเอาตาย

 

            “งั้นชวนพี่เจี๊ยบไปด้วยก็ได้”

 

            “โอเคบ่ายๆมาหาอาที่บ้านแล้วกันพอดีเลยต้องเข้าเมืองไปซื้อของเตรียมทำข้าวแช่ถวายพระพรุ่งนี้”ลลิตภัทรตอบรับหลานอย่างทันท่วงทีจนแก้วเจ้าจอมเบะปากใส่

 

หมั่นไส้ตำแหน่งหลานรักที่พี่เจี๊ยบได้จากอาลอนัก ตนเองชักแม่น้ำทั้งห้าจนปากเปียกปากแฉะไม่ตอบรับพอเอ่ยชื่อพี่เจี๊ยบปุ๊บอาลอตอบรับราวกับขึ้นทางด่วน



สองมาตราฐานชัดๆ นี่ถ้าเป็นเรือก็คงล่มล่ะจ้า ลำเอียงเสียขนาดนี้

 

หลังจากจัดการทำความสะอาดเจดีย์เสร็จในช่วงสายๆลลิตภัทรก็ไปดูชาวบ้านช่วยกันขนทรายมาไว้ที่ลานวัด ทรายจำนวนมหึมาถูกขนมาด้วยรถสิบล้อเพื่อเอาไว้ให้ชาวบ้านก่อเจดีย์ทรายในวันพรุ่งนี้กระดาษสีถูกนำมาตกแต่งประดับประดาจนบรรยากาศโดยรอบสดใสขึ้นผิดหูผิดตา ผู้ใหญ่ที่มีฝีมือหน่อยมาขึ้นรูปเจดีย์ทรายองค์ใหญ่เพื่อเป็นประธานลูกเจี๊ยบก็มานั่งดูอยู่ด้วย ร่างบางใส่กางเกงยาวแค่เข่าลลิตภัทรเหลือบไปเห็นหลานนั่งหลบแดดที่แคร่ใต้ต้นไทรก็เดินเข้าไปหา

 

            “ร้อนขามั้ยคะ?”ถอดเสื้อเชิ้ตที่ตัวเองใส่คลุมหน้าตักให้หลาน แม้จะเป็นเด็กผู้ชายแต่ก็เป็นเด็กผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียของเขา ลลิตภัทรหวงไม่อยากให้อีแดดที่โคฟเวอร์ไฟนรกมาแผดเผาโดนผิวเนื้อลอออ่อนของหลานให้ขาคล้ำ หากแต่ศตายุจ้องหน้าเขาตาแทบถลนพลางยัดเสื้อกลับใส่มืออาหนุ่ม

 

มันเรื่องอะไรกันเล่าอาลอถึงมาถอดเสื้อที่ใส่ให้ตน ดูเถอะเหลือแต่เสื้อกล้ามผิวอาลอขาวจัดราวกับจะสะท้อนแสงได้แบบนี้สาวน้อยสาวใหญ่มองกันให้เกรียว แล้วตรงไหปลาร้าน่ะยังมีรอยแดงจางๆจากฝีปากเขาหลงเหลืออยู่เลย

 

            "ใส่เสื้อกลับไปเดี๋ยวนี้นะจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบน้อยกดเสียงต่ำ

 

            “แต่ขาหนู...”

 

            “ขาหนูมันไม่เป็นอะไรแต่ตรงนี้ของอาลอมันจะโชว์คนอื่น!!”ลูกเจี๊ยบแตะๆให้ลลิตภัทรรู้ตัวว่ารอยที่เขาทำยังจางหายไปไม่หมด ลลิตภัทรจึงยอมใส่เสื้อกลับไปตามเดิม

 

            “บ่ายนี้อย่าลืมมาหาอาที่บ้านนะคะ บอกพ่อกับแม่ว่าย่าโฉมวานให้ไปช่วยซื้อของที่ตลาด”ลลิตภัทรบอกกับหลานก่อนจะเดินไปตามเสียงเรียกของชาวบ้านที่ให้ช่วยดูสถานที่ๆจะใช้สรงน้ำพระ ตอนเที่ยงลูกเจี๊ยบจึงกลับบ้านไปกินข้าวแล้วขออนุญาตแม่ตามที่ลลิตภัทรบอกโดยมีแก้วเจ้าจอมติดสอยห้อยตามมาด้วย  ชายหนุ่มพาหลานทั้งสองมาถึงห้างสรรพสินค้าใหญ่ในตัวเมือง แก้วเจ้าจอมเกาะลลิตภัทรแจราวกับกลัวชายหนุ่มหาย เด็กน้อยยึดแขนข้างหนึ่งของอาลอไว้ส่วนมืออีกข้างลลิตภัทรส่งไปจับมือน้อยๆของศตายุ พากันเดินตรงไปยังร้านไอศกรีมที่แก้วเจ้าจอมอยากมา ทั้งสามคนนั่งกินกันไปพลางคุยกันไปโดยส่วนมากจะเป็นเสียงเจื้อยแจ้วของแก้วเจ้าจอมที่คุยอวดทั้งเรื่องที่บวชและเรื่องที่ได้นั่งเครื่องบินไปเที่ยวครั้งแรก  ทุกสิ่งทุกอย่างบนเครื่องบินช่างน่าตื่นตาตื่นใจไปเสียหมด

 

            “ไว้หนูโตมีเงินเยอะๆหนูจะพาอาลอนั่งเครื่องบินไปเที่ยวทะเลมั่งนะจ๊ะ อาลออย่าเพิ่งเสียใจไป”พระลอชะงักกับน้ำคำแสนน่ารักของเด็กน้อยวัย 9 ขวบนั้น เขารับรู้ได้ถึงความจริงใจในคำพูดเด็กๆนั้น แก้วเจ้าจอมพูดกับเขาหลายรอบแล้วเรื่องที่จะพาเขาไปเที่ยวถ้าหากโตขึ้น นั่นหมายความว่าแก้วเจ้าจอมนั้นก็รักเขาเหมือนคนในครอบครัวด้วยใจจริง

 

            “ทำไมถึงอยากพาอาไปด้วยล่ะครับ?”ชายหนุ่มลองถามดูเพื่อความมั่นใจ แม้จะรู้ในคำตอบนั้นอยู่แล้วก็ตามที

 

            “ก็อาลอดีกับหนูนี่จ๊ะหนูรักอาลอ ตอนนี้หนูยังเด็กเงินในกระปุกยังมีไม่เยอะยังพาอาลอไปไม่ได้ แต่พอหนูโตหนูจะหาเงินให้ได้เยอะๆแบบอาลอเลยจ้าแล้วหนูจะพาอาลอไปเที่ยว ว่าแต่อาลอทำยังไงถึงได้มีตังค์เยอะล่ะจ๊ะ”

 

            “อาก็ทำงานไงครับ”

 

            “เป็นผู้ใหญ่บ้านได้เงินเดือนเยอะมากเลยเหรอจ๊ะ”เด็กน้อยถามประสาซื่อ ลลิตภัทรเหลือบขึ้นมาสบตากับลูกเจี๊ยบที่มองมายังเขาด้วยสายตาอยากรู้เช่นกัน

 

ถ้าเจ้าจอมไม่ถามขึ้นมาลูกเจี๊ยบก็ไม่รู้เหมือนกันว่าลลิตภัทรทำงานอะไรนอกจากกินเงินกงสีจากครอบครัว ลูกเจี๊ยบไม่เคยเอ่ยถามเลยซักครั้ง เหมือนเขาจะรู้จักอาลอดีแต่เอาเข้าจริงๆแล้วเขารู้จักลลิตภัทรน้อยมากจริงๆ

 

            “อามีบริษัทร่วมกับเพื่อนครับ แล้วอาก็เล่นหุ้นด้วย”

 

            “หือ...เล่นหุ้น เหมือนที่ป้ายุพินเล่นหวยมั้ยจ๊ะ แต่หนูไม่เห็นว่าเขาจะรวยซักหน่อย บ่นแต่ถูกกินทุกรอบ”เด็กน้อยว่าพลางทำหน้าครุ่นคิด พระลอหัวเราะกับน้ำคำใสซื่อนั้นไม่รู้สึกน่ารำคาญเลยซักนิด เขาเองก็อยากให้ลูกเจี๊ยบได้รับรู้ข้อมูลส่วนตัวของเขาบ้าง อย่างน้อยก็ในฐานะภรรยาของเขา

 

            “มันก็เหมือนเล่นหวยนั่นแหละ แต่ว่าหุ้นมันจะมีแนวโน้มให้รู้ว่าจับตัวไหนจะทำเงินได้ เราจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำบางครั้งอาก็ต้องเสี่ยงลงทุนซื้อหุ้นนอกสายตาที่มีแนวโน้มจะทำเงินได้ในอนาคต  อย่างล่าสุดที่อาได้มา อาลงทุนซื้อตัวละ 5 บาท วันดีคืนดีหุ้นตัวนี้ก็ขึ้นอาขายได้ตัวละ 36 บาท อาก็ได้กำไรไงครับ”ลลิตภัทรอธิบายด้วยความใจเย็น

 

            “ยังงี้อาลอก็ได้ตังค์เยอะนะสิ”

 

            “ก็เยอะครับ”

 

            “ได้กี่ร้อยจ๊ะ”

 

            “ยี่สิบ”พระลอตอบเรียบๆพลางตักไอติมเข้าปาก แก้วเจ้าจอมทำหน้ายู่ พุทโธ่เอ๋ย ได้แค่ยี่สิบบาทเจ้าจอมซื้อก๋วยเตี๋ยวกินยังไม่ได้เลยจ้า

 

            “แค่ยี่สิบบาทจะไปทำอะไรได้จ๊ะ เฮ้อ”

 

            “ใครบอกยี่สิบบาทล่ะครับ ยี่สิบล้านต่างหาก”

 

เคร๊ง!!!

 

เมื่อได้ยินจำนวนเงินที่ลลิตภัทรได้มาช้อนไอติมในมือของลูกเจี๊ยบก็หลุดมือทันที

 

อาลอรวยมาก...

 

อาลอรวยมาก....



และอาลอรวยม๊ากกกกกกก!!!!!

 

ลลิตภัทรหยิบช้อนที่เด็กน้อยทำหล่นในจานใส่มือเจ้าตัวดีที่ทำตาโตอย่างขำๆ แก้วเจ้าจอมยกนิ้วขึ้นมานับจำนวนหน่วยของเงินก่อนจะชูมา 8 นิ้ว

 

            “อาลอมีตังค์ 8 หลักเลยเหรอจ๊ะ”

 

            “ตอนนี้เหลือไม่ถึงแล้ว”ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบๆ แก้วเจ้าจอมยังทำหน้าที่เจ้าหนูจำไมได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

 

            “อ่าว ทำไมล่ะจ๊ะ?”

 

            “ก็ตอนได้เงินมาอาก็เอาไปโปะคอนโดจนหมดแล้วก็ซื้อรถไงครับก็เลยเหลือไม่ถึงสิบล้านแล้วอาก็เอาไปลงทุนกับหุ้นตัวอื่นๆด้วย”

 

            “ก็ดีนะจ๊ะคอนโดอาลอส๊วยสวยดูก็รู้ว่าแพงแล้วอยู่ใจกลางเมืองแบบนั้นด้วย”ลูกเจี๊ยบที่นั่งนิ่งมาตั้งแต่แรกออกความเห็น

 

            “แบบนี้อาลอได้กำไรตลอดเลยมั้ยจ๊ะ?”

 

            “ก็ไม่เสมอไปบางตัวซื้อตั้งนานก็ไม่ขึ้นซักทีก็เทขายไปเท่าทุนบ้างขาดทุนบ้างดีกว่าให้เงินมันไปนิ่งอยู่ตรงนั้น โชคดีที่อามีรายได้หลายทาง เงินเก็บก็เก็บส่วนหนึ่งเงินที่ใช้ก็ใช้ส่วนหนึ่งไม่ปนกันทำบัญชีชัดเจนอามีเป้าของอาว่าเดือนหนึ่งต้องเก็บเท่าไหร่”

 

            “ดีจังหนูไม่เคยเก็บเงินเลยจ้าแม่จ๋าให้ไปเท่าไหร่หนูก็ซื้อหนมกินหมด”เจ้าจอมสารภาพเสียงอ่อย

 

            “เจ้าจอมก็ลองแบ่งหยอดกระปุกดูสิครับปีหนึ่งก็เอาออกมาดูว่าเก็บได้เท่าไหร่แล้วเอาไปฝากธนาคารวันละ 5 บาท 10 บาทก็ได้”

 

            “หนูมีเงินฝากนะจ๊ะพ่อจ๋าเอาเข้าบัญชีให้ทุกเดือน พี่เจี๊ยบกับพี่เจ้าขาก็มี”เจ้าจอมเอ่ยอย่างอวดๆ

 

พ่อกำนันจ๋าของเขาน่ะเจ๋งที่สุดแล้วล่ะอย่างน้อยๆแดนดินก็เอาเงินใส่บัญชีให้ลูกๆเดือนละหนึ่งพันบาทไม่ได้ขาดตั้งแต่ลูกเกิดแล้ว

 

ลลิตภัทรนั่งมองเด็กสองคนกินไอศกรีมไปพูดเจื้อยแจ้วไปอย่างไม่รู้สึกเบื่อ ชายหนุ่มมองลูกเจี๊ยบที่คุยเล่นกับน้องชายด้วยสายตาลึกซึ้ง

 

เขาตั้งใจไว้แล้วว่าหลังจากนี้เขาเองก็จะเอาเงินฝากเข้าอีกบัญชีหนึ่งไว้ให้ลูกเจี๊ยบ เขารู้สึกว่าเมื่อได้ครอบครองเด็กน้อยคนนี้แล้วเขาก็อยากจะรับผิดชอบและเลี้ยงดูไม่ให้ลูกเจี๊ยบต้องลำบาก อยู่ๆความรู้สึกว่าเขากำลังเป็นหัวหน้าครอบครัวก็เกิดขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ อยากจะดูแลปกป้องและซัพพอร์ตทุกอย่างที่ลูกเจี๊ยบต้องการ ความรู้สึกของการได้มีใครให้ดูแลมันดีแบบนี้นี่เอง



อยากดูแลไปจนชั่วชีวิตจนกว่าแผ่นดินจะกลบหน้าเลยทีเดียว

อ่านต่อด้านล่าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2019 15:32:35 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
หลังจากกินไอติมกันเสร็จลลิตภัทรก็พาเด็กทั้งสองมาโซนซุปเปอร์มาร์เก็ต เขาเลือกจะซื้อของที่แม่สั่งใที่นี่โดยเลือกแต่ของดีๆมีคุณภาพมากกว่าไปเดินตามหาในตลาดที่ค่อนข้างสกปรก วัตถุดิบชั้นดีถูกเลือกใส่ในรถเข็นทีละอย่างด้วยความใจเย็น จริงๆซื้อตามที่แม่สั่งก็ใช้เวลาเพียงแป๊บเดียวแต่เขาอยากมีเวลาอยู่เพียงลำพังกับลูกเจี๊ยบมากกว่าแม้จะมีแก้วเจ้าจอมเป็นตัวแถมก็ตาม ลลิตภัทรให้เด็กๆเลือกของที่อยากได้ใส่รวมไปในรถโดยที่เขาจ่ายเงินให้ลูกเจี๊ยบจะไม่ยอมหยิบอะไรเพราะเกรงใจจนชายหนุ่มต้องกระซิบข้างหูให้เกิดริ้วแดงจางๆที่สองแก้มผ่อง

 

คำพูดคำจาของอาลอช่างหน้าด้านนัก พูดอะไรก็ไม่รู้น่าอายจะตายไป

 

 

 

            “จะเอาอะไรก็หยิบเถอะค่ะ เมียคนเดียวอาเลี้ยงได้”









 

          หลังกลับจากไปกินไอศรีมที่ในเมือง เด็กๆช่วยกันขนของที่ซื้อมาเข้าไปไว้ในครัว ย่าโฉมตรวจตราสิ่งของที่สั่งเมื่อครบตามความต้องการก็พยักหน้าอย่างพอใจ

 

          "ลอไปเก็บดอกมะลิที่หน้าคลองให้แม่หน่อย แม่จะแช่ทิ้งไว้เป้นน้ำลอยพรุ่งนี้"หญิงชราหันไปสั่งลูกชายคนเล็ก

 

          "เอาเยอะแค่ไหนครับ"ชายหนุ่มลุกขึ้นหยิบขันเงินมาถือไว้พลางถามปริมาณ

 

          "เยอะหน่อยก็ดีลูก เลี้ยงพระด้วยเลี้ยงคนมาทำบุญด้วย"

 

          "งั้นเดี๋ยวหนูไปช่วยอาลอเก็บเองจ้าจะได้เสร็จไวๆ"ลูกเจี๊ยบขันอาสาแล้วก็พากันเดินไปที่ศาลาริมคลองที่มีพุ่มมะลิลาออกดอกขาวไสวส่งกลิ่นหอมเย็นชื่นใจ สองอาหลานช่วยกันเก็บดอกมะลิเงียบๆ โดยไม่ได้พูดอะไรกัน บรรดาพี่ชายและพี่สะใภ้แวะมาช่วยแม่เตรียมของในครัวส่งเสียงคุยกันวุ่นวายเนื่องจากต้องทำเครื่องเคียงกินคู่กับข้าวแช่ในปริมาณเยอะ

 

          "หอมจังเลยนะคะ"ลลิตภัทรเด็ดดอกมะลิขึ้นมาจรดปลายจมูก สูดกลิ่นเข้าไปจนเต็มปอดสองตาจ้องหน้าลูกเจี๊ยบน้อยไม่ได้ละไปไหน

 

          "แต่หอมสู้แก้มหนูไม่ได้เลยซักนิด"ลลิตภัทรกดจูบลงบนกลีบสีขาวน้ำนมนั้นแผ่วเบาก่อนจะเอามะลิดอกน้อยไปทัดหูให้ลูกเจี๊ยบ สองแก้มฟูขึ้นสีปลั่งจนอยากดึงมาฟัดเสียให้หนำใจ ริมฝีปากอิ่มตึงจากการเม้มอย่างสุดกำลังของเจ้าของปาก ลูกเจี๊ยบกลั้นยิ้มจนจมูกบาน

 

ดูเอาเถิดนี่ขนาดมาเก็บดอกไม้ทำของถวายพระอาลอยังทำอกุศลใส่จนได้ มันน่าหยิกให้เนื้อเขียวนัก

 

ลูกเจี๊ยบได้แต่ยืนใจเต้นไม่เป็นส่ำ ริมฝีปากเม้มบ้างคลายบ้างเพราะกลั้นทั้งยิ้มกลั้นทั้งเขิน อยากจะเอ่ยปากด่าแต่ก็กลัวลุงๆป้าๆที่เดินเข้าเดินออกจะได้ยิน คงไม่ดีแน่ ดังนั้นที่ทำได้ก็มีเพียงเก็บดอกมะลิไปเรื่อยๆ แต่เหมือนลลิตภัทรจะไม่ให้ความร่วมมือกับศตายุนักเมื่อมือของหลานยื่นไปเก็บดอกไหนชายหนุ่มก็ตามไปหยิบดอกนั้น ทำทีเป็นบังเอิ๊ญบังเอิญจนหลอกจับมือหลานไปได้เสียหลานหน ร้อนให้เด็กมันส่งสายตาเขียวปั๊ดมาเป็นการเตือนคนแก่กว่าถึงยอมแพ้ เมื่อเก็บได้เยอะแล้วทั้งคู่ก็กลับเข้าไปในครัว แก้วเจ้าจอมที่ติดสอยห้อยตามมาตั้งแต่บ่ายกำลังนั่งกินแกงบวดฟักทองกับใบบัวและใบบุญกลมกลืนดุจญาติมิตร

 

ถึงว่าไม่ยักจะร้องตามไปเก็บดอกมะลิ มีของกินอุดปากอยู่นี่เอง

 

            “ได้มาเยอะเลย เจี๊ยบช่วยย่าเอาไปล้างแล้วเด็กด้านเขียวๆออกทีนะลูก”ย่าโฉมมอบหมายงานอันใหม่ให้ลูกเจี๊ยบ ใช้เวลาไม่นานเพราะคนเด็กนั้นทำงานคล่องแคล่วดอกมะลิก็พร้อมใช้งาน ย่าโฉมเอาน้ำฝนที่รองเก็บไว้ใช้จากโอ่งดินข้างครัวมาใส่ในหม้อใบใหญ่จากนั้นนำดอกมะลิกับกุหลาบมอญลงไปโรย จุดเทียบสำหรับอบควันเทียนจากนั้นใช้มือปัดจนไฟดับควันสีขาวคละคลุ้งหญิงชราจึงเอาฝาหม้อปิด

 

            “ทำไมต้องอบควันเทียนด้วยล่ะจ๊ะย่า”ลูกเจี๊ยบที่นั่งมองกรรมวิธีเอ่ยถามอย่างสงสัย

 

            “น้ำข้าวแช่จะได้หอมชื่นใจไงลูก”หญิงชราตอบกลับเจ้าเจี๊ยบ มือก็ไม่ได้หยุดนิ่ง นั่งช่วยลูกสะใภ้ปอกหอมแดงเพื่อเอาไว้ทำเครื่องเคียงอย่างหอมแดงยัดไส้ ลูกเจี๊ยบนั่งช่วยหญิงชราเตรียมวัตถุดิบจนเสร็จสิ้นยามตะวันโพล้เพล้จึงได้ลากลับ ลลิตภัทรอาสาจะไปส่งลูกเจี๊ยบกับเจ้าจอม

 

            “เดินไปมั้ยคะ?”เอ่ยถามเจ้าตัวเล็กที่เดินเคียงข้างแม้จะอยู่ด้วยกันมาครึ่งวันแล้วแต่ชายหนุ่มก็รู้สึกว่ามันไม่พอ ลูกเจี๊ยบพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ทั้งสามคนจึงเดินออกมาทางหน้าบ้านที่ผ่านทุ่งนาที่บัดนี้เหลือเพียงตอจากฟางข้าวที่ถูกเกี่ยวไปแล้ว แสงสีสม แดง ชมพู ม่วงบนท้องฟ้างามจับตาราวกับภาพนิรมิตรที่ถูกบรรจงตวัดปลายแปรงจนเป็นภาพที่แสนงดงาม ลมพัดมาจากชายเขาไม่ได้เย็นฉ่ำหากแต่พัดเอาไปร้อนมาด้วย ได้ยินเสียงร้องรำทำเพลงดังมาจากตรงนั้นทีตรงนี้ด้วยบรรดาผู้คนที่เดินทางไปทำงานยังต่างถิ่น ทั้งจากเมืองกรุงและต่างจังหวัดต่างกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ดั่งลูกนกที่บินกลับถิ่นฐานบ้านเกิดเมืองนอน แก้วเจ้าจอมเดินนำหน้าปร๋อทิ้งห่างผู้เป็นพี่และเป็นอาไปยังดงไมยราพก่อนใช้ปลายเท้าเตะลงไปบนก้านใบจนมันหุบใบเข้าหากัน

 

            “พรุ่งนี้อาลอไปวัดกี่โมงจ๊ะ?”ลูกเจี๊ยบหันไปถามคนเป็นอาที่แอบมากุมมือตัวเองเดินคู่กันไปอย่างเงียบๆ

 

            “น่าจะเช้าเลยค่ะ แม่จะไปสรงน้ำพระด้วย”

 

            “งั้นพรุ่งนี้เจอกันที่วัดนะจ๊ะ หนูอยากก่อเจดีย์ทรายกับอาลอ”

 

            “ไม่มาช่วยแม่ทำข้าวแช่เหรอคะ?”

 

            “คงไม่ได้ไปจ้า ย่าจะทำตั้งแต่ตี 4 แม่คงไม่ให้ข้ามมามันเช้าไป”

 

            “เสียดายจัง”คนเป็นอาทำเสียงอ่อย

 

            “เสียดายอะไรกันล่ะจ๊ะ?”

 

            “ถ้าหนูมาอาจะได้ตื่นมาเห็นหน้าหนูไงคะ เจอกันแป๊บๆก็ต้องกลับแล้ว อายังไม่หายคิดถึงเลย”ลลิตภัทรแสร้งทำเสียงอ้อน แต่คนเป้นหลานนั้นใจหล่นไปอยู่กับคันนาแล้ว

 

โถ่เอ๋ย อาลอช่างน่าสงสารนัก แม้ว่าเจี๊ยบจะอยากอยู่กับอาลออยากเป็นคู่ร่วมเรียงเคียงหมอนสักเพียงไหนแต่เพราะยังเยาว์นักจึงไม่อาจทำได้ดังใจหวัง อาลอคงเหงาและอ้างว้างมากถึงร่ำร้องอยากจะอยู่กับหนูตลอดเวลาสินะ กล่องความคิดของเด็กน้อยสะท้อนออกมาอย่างเร้าสร้อย แต่ทว่ากล่องความคิดของคนเป็นผู้ใหญ่นั้นอกุศลนัก

 

ทำไมลูกเจี๊ยบโตช้าจังคะ อาจับกินไม่ถนัดเลย เฮ้อออออออออ

 

            รุ่งเช้าเสียงเพลงเกี่ยวกับสงกรานต์ก็ดังไปทั่วหมู่บ้านด้วยเสียงตามสายจากบ้านของลลิตภัทรที่เปิดจนดังสนั่นลั่นทุ่งเป็นการเรียกชาวบ้านให้ได้ตื่นมาเตรียมตัวไปวัดหรือสรงน้ำผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้าน ย่าโฉมกับลูกสะใภ้และลูกจ้าง 2-3 คนตื่นมาทำข้าวแช่กันตั้งแต่ตีสาม กลิ่นหอมของเครื่องเคียงฟุ้งตลบไปทั่วบริเวณบ้าน เมื่อแล้วส่วนที่จะถวายเพลพระแล้วเสร็จในตอนเกือบ 8 โมง ย่าโฉมและคนอื่นๆจึงได้ไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปสรงน้ำพระที่วัด ปล่อยให้ลูกจ้างช่วยกันทำส่วนเลี้ยงญาติโยมลูกบ้านตามวิธีทำที่บอกซึ่งก็ไม่ได้เหลือขั้นตอนที่ยุ่งยากอะไรนัก ลลิตภัทรกวาดตามองหาเจ้าเจี๊ยบน้อยจนทั่วลานวัดที่คราค่ำไปด้วยชาวบ้านที่แต่งกายสวยสด บรรดาคนเฒ่าคนแก่ต่างงัดผ้านุ่งผ้าถุงที่ทอจากผ้าไหมลวดลายสวยงามใส่มาประชันกัน เสื้อลูกไม้หลากสีสร้างบรรยากาศสดใสให้กับวัดแม้อายุจะล่วงเลย 60 จนถึง 80 กว่าปี แต่บรรดาแม่ๆทั้งหลายก็เหมือนดรุณีน้อยที่มาคอยรดน้ำพระ แม้ฟันฟางจะร่วงกันเกือบหมดปาก บางคนเหลือซี่เดียวแต่ยามยิ้มแย้มลลิตภัทรก็เห็นว่าน่ารักดี พิธีกรรมทางศาสนาดำเนินไปเรื่อยๆจนกระทั่งได้เวลาสรงน้ำพระ พระสงฆ์ต่างออกมานั่งให้ประชาชนได้สรงน้ำเพื่อความเป็นสิริมงคล วัยรุ่นบางคนที่เป็นเพื่อนกับพระใหม่ต่างแอบแกล้งพระด้วยการสรงแล้วสรงอีกเพื่อให้หนาวสั่น สร้างเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานแม้จะเป็นกริยาที่ไม่สำรวมนักแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ก็แกล้งมองผ่านๆไปเพราะไม่ได้หนักหนาจนเกินรับได้

 

            “ลอ ลอเอ้ย”ย่าโฉมเรียกลูกชายที่ยังคงชะเง้อจนคอยาวแทบจะกินยอดไทรหน้าศาลาวัดได้แล้ว ลลิตภัทรหันมาให้ความสนใจผู้เป็นแม่

 

            “ครับ”

 

            “กลับไปเอาของที่จะถวายเพลมาได้แล้วลูก จะสิบโมงแล้ว เดี๋ยวจะจัดสำรับไม่ทัน ป่านนี้นิดากับแม่ขวัญเตรียมไว้รอท่าแล้ว”

 

            “ได้ครับ งั้นเดี๋ยวผมมานะครับพ่อกับแม่จะไปนั่งรอบนศาลาเลยมั้ยเดี๋ยวผมพาไป”

 

            “ยังๆ ขอดูเด็กๆเล่นน้ำกันซักแป๊บ น่าสนุก”เมื่อแม่ว่าดังนั้นลลิตภัทรก็ไม่ได้เซ้าซี้ แม้แดดในตอนเกือบสิบโมงเช้าจะเริ่มเจิดจ้าสมกับเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดในปี ชายหนุ่มกลับมาที่รถก่อนจะมุ่งหน้ากลับบ้านเพื่อขนหม้อข้าวแช่และเครื่องเคียง เมื่อมาถึงบ้านบรรดาเครื่องเคียงถูกจัดใส่ชามหุ้มพลาสติกวางบนถอดจัดเป็นชุดๆเรียบร้อยแล้ว พระลักษณ์กับพระรามช่วยกันขนส่วนของชาวบ้านขึ้นท้ายรถตัวเองคนละคัน จากนั้นสามพี่น้องก็มุ่งหน้ามาวัดพร้อมกัน บรรดาคนเฒ่าคนแก่ที่คุ้นเคยหน้าเอ่ยทักทายโดยเรียกพระรามว่าอาจารย์ เรียกพระลักษณ์ว่าเถ้าแก่และตัวพระลอชาวบ้านเรียกผู้ใหญ่ ดูเป็นเอกลักษณ์  เมื่อถึงเวลาเพลส่วนมากคนที่ขึ้นไปเลี้ยงพระจะเป็นคนเฒ่าคนแก่และคนที่คุ้นเคยกันเสียมากกว่า บรรดาวัยรุ่นต่างเล่นสาดน้ำปะแป้งกันอยู่ด้านล่าง ในที่สุดเขาก็ได้เจอเจ้าเจี๊ยบเสียที เด็กน้อยขึ้นมาบนศาลาพร้อมพ่อแม่และน้องๆ เสื้อดอกลายพร้อยสีสันสดใสเด่นชัดมาตั้งแต่หัวกระได เมื่อพระใกล้สวดจบลลิตภัทรก็เขยิบเข้าชิดเจ้าคนเด็กที่นั่งอยู่ใกล้คนเป็นพ่อ ทำทีเป็นยื่นหน้าเข้าไปกระซิบกันแดนดินเบาๆเพื่อให้ต้นแขนชนกับคนเด็กเล็กน้อย

 

นิดๆหน่อยๆก็เอาวะ ชื่นใจ

 

            “พี่เดี๋ยวเชิญไปประเคนข้าวให้พระ จี๊บด้วย”

 

            “เออ”แดนดินทำหน้านิ่งตอบรับคล้ายไม่ใส่ใจแต่ก็แอบรู้สึกดีนิดๆที่ลลิตภัทรมาเชิญด้วยตัวเอง เมื่อถึงเวลาประเคนข้าวให้พระแดนดินกับจิ๊บก็เขยิบไปนั่งด้านหน้าพระด้วยกัน

 

            “หนูคะ...”เมื่อปลอดพ่อแม่เด็กแล้วลลิตภัทรก็หันมากระซิบกับลูกเจี๊ยบที่นั่งอยู่

 

            “จ๊ะ?”

 

            “ไปถวายข้าวพระกับอามั้ยคะ ทดลองตักบาตรแต่งงาน”พระลอกระซิบเสียงเบาพอให้ได้ยินกันสองคนเรียกสีแดงขึ้นบนผิวกายเด็กได้อย่างทันท่วงที

 

อาลอนี่นะ ทะลึ่งไม่ดูเวล่ำเวลา ซ้อมตักบาตรแต่งเงินแต่งงานอะไรกันเล่า บ้าบอจริงเชียว

 

แต่ถามว่าไปมั้ย?

 

            “ก็ได้จ้า”

 

ก็ไปอีกแหละจ้า  ซ้อมไว้ก็ดีเหมือนกันเผื่อได้แต่งจริงจะได้ไม่เก้ๆกังๆ

 

หนูแค่มองการณ์ไกลนะจ๊ะอย่าดุหนู

 

หลังพระฉันท์เพลเสร็จบรรดาชาวบ้านก็เข้ามาล้อมวงสำรับกันพร้อมหน้าสำรับข้าวชาหน้าตาน่ารับประทาน เจี๊ยบและครอบครัวได้มานั่งร่วมวงกับครอบครัวของลลิตภัทร ชามข้าวแช่หอมฟุ้งไปด้วยน้ำลอยดอกมะลิ เครื่องเคียงหลายอย่างถูกจัดวางอย่างสวยงามมีทั้งลูกกะปิ หอมยัดไส้ พริกหยวกสอดไส้ ไชโป้วเค็มผัด หมูหวานหมูฝอย มีขมิ้นขาว มะม่วงและผักอื่นๆอีก 2-3 อย่างวางอยู่ด้วยกัน

 

          “เจ้าจอมลูก ตักเครื่องเคียงกินก่อนนะครับแล้วค่อยตักข้าวกินตาม อย่าเอากับลงไปใส่ในชามข้าวกลิ่นคาวมันจะกลบกลิ่นหอม”ย่าโฉมสอนเจ้าจอมที่ทำท่าจะวางลูกกะปิลงในชามข้าวที่ลอยน้ำแข็งอยู่ เป็นการสอนวิธีกินอย่างแนบเนียนให้กับเด็กๆคนอื่นด้วย

 

          “ลูกกะปิกินแนมกับมะม่วงสดจะอร่อยมาก”ลลิตภัทรบอกกับลูกเจี๊ยบพลางหยิบมะม่วงที่พี่สะใภ้อุตส่าห์หลังขดหลังแข็งนั่งแกะสลักเป็นรูปใบไม้อย่างสวยงามโดยให้เหตุผลว่า

 

         “จะได้เป็นทั้งอาหารตาอาหารปาก”

 

มื้ออาหารแสนชื่นใจที่เป็นอาหารสัญลักษณ์ของฤดูร้อนจบลงอย่างชื่นมื่น เด็กๆช่วยงานผู้ใหญ่ด้วยการไปนั่งล้างจานชามที่ลานด้านหลังศาลา แก้วเจ้าจอมคล้ายจะเป็นตัวป่วนเสียมากกว่าเด็กน้อยแกล้งใบบุญใบบัวสองพี่น้องจนเกือบจะตีกัน จนแดนดินต้องเรียกลูกมาดุแล้วให้เจ้าจอมขอโทษสองพี่น้อง โชคดีที่ยังเด็กกันทั้งสามคนจึงคืนดีกันได้ง่าย ลูกเจี๊ยบไปช่วยลลิตภัทรและพระรามพระลักษณ์ขนของขึ้นรถเพื่อกลับบ้าน  ช่วงบ่ายอาลอสัญญาว่าจะพาไปเล่นน้ำที่ในเมืองดังนั้นเด็กๆจึงรีบกลับมาเตรียมอุปกรณ์เพื่อทำสงครามน้ำถังฟ้าขนาดสองร้อยลิตรถูกขนขึ้นมาไว้บนรถกระบะคันที่มีคอกกั้นเพื่อป้องกันเด็กๆหล่นลงไป ลลิตภัทรไม่อนุญาตให้หลานๆใช้ปืนฉีดน้ำที่มันแรงดันมากเกินไปและให้หลานๆใส่แว่นเพื่อกันการโดนฉีดน้ำเข้าตา

 

          “เจี๊ยบดูแลน้องด้วยนะคะ”

 

          “จ้า”เด็กน้อยรับคำอย่างว่าง่ายโดดขึ้นท้ายกระบะด้วยความคล่องแคล่วแต่ยังไม่ทันที่ลลิตภัทรจะได้เข้าไปประจำที่คนขับเสียงใครบางคนก็ตะโกนเรียกลูกเจี๊ยบมาแต่ไกล

 

          “เจี๊ยบบบบบบบบบ เจี๊ยบโว้ยยยยยยยยย รอด้วยยยยยยยยย”ลลิตภัทรถึงขั้นคิ้วกระตุกเมื่อหันไปตามเสียงที่ได้ยิน

 

          ไอ้สองสามสี่ห้าหกเจ็ดแปด มันจะมาทำไมทุกเทศกาลเลยวะ!!!





...........................................



พี่สองคัมแบค 5555555555555555555555555555555



อาลอกลับมาแล้ววววววววววววววว



คราวนี้ก็รู้กันแล้วนะจ๊ะว่าอาลอทำไมมีตังค์เยอะ เรื่องการเล่นหุ้นนี่เราดูจากรายการๆหนึ่งนะคะเลยจำข้อมูลมาเขียน



เราเชื่อว่าคนที่มีความรักทุกคนมันจะมีความรู้สึกแบบอาลอคืออยากดูแลอยากซัพพอร์ตทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาอยากทำอยากได้ แล้วยิ่งอาลออายุมากกว่าเจี๊ยบความอยากดูแลมันย่อมมีมากกว่าความรู้สึกของพวกวัยรุ่นเป็นธรรมดาเนอะ



ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ก็คือน้องเจี้ยบเข้าเทศกาลสงกรานต์ก่อนเรื่องใดๆ ตอนนี้มันต้องคริสตร์มาส ผู้ใหญ่มาแกะของขวัญอะไรงี้สิ่ แต่บรรยากาศได้จริง อ่านแล้วรู้สึกอยากเล่นน้ำสงกรานต์แล้ววววว//ถึงไทยจะไม่เคยหลุดพ้นจากหน้าร้อนของสงกรานต์ไปได้ ละลายยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2










          “เจี๊ยบบบบบบบบบบบบบบบ  เจี๊ยบโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย รอด้วยยยยยยยยยยยยยย”ลลิตภัทรมองภาพของสุรศักดิ์ที่วิ่งลัดทุ่งพลางร้องเรียกเด็กของเขาด้วยหัวคิ้วที่กระตุกยิ่งกว่าจังหวะตะลุง

 

มาทำไมวะแม่ง แม้ว่าในใจจะหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยแต่พอเด็กหนุ่มพี่คนสนิทของเจ้าเจี๊ยบยกมือไหว้สวัสดีลลิตภัทรก็จำต้องเก็บอาการแล้วทักทายคนเด็กกว่าตอบ

 

            “กลับมาทำไม เอ้ย กลับมานานแล้วเหรอสอง”ลลิตภัทรรีบแก้ประโยคคำถามเมื่อศตายุบิดขาเขาหมับเข้าให้ สองที่ไม่ทันฟังแต่แรกก็ตอบอย่างคนที่ไม่รู้สึกอะไร

 

            “เพิ่งกลับมาครับ ถึงแล้วก็บึ่งมาหาไอ้เจี๊ยบมันเลยแต่น้าจิ๊บบอกว่าอยู่บ้านผู้ใหญ่ นี่กำลังจะไปเล่นน้ำในเมืองกันใช่มั้ยครับขอผมติดรถไปด้วยคนได้มั้ย?”

 

            “ได้สิพี่สองไปช่วยกันดูเด็กๆ ไปหลายๆคนสนุกดี”ศตายุรีบตอบลูกพี่อันดับหนึ่งโดยไม่ต้องถามความคิดเห็นของคนที่ยืนหน้าหงิกเป็นใบผักกูดเลยซักนิด

 

แล้วลลิตภัทรจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากเออออห่อหมกไปกับเจ้าคนเด็กที่ดูจะตื่นเต้นเสียเหลือเกินกับการคัมแบคเสตรจของสุรศักดิ์ในคราวนี้

 

หลังจากช่วยกันขนของขึ้นรถกระบะเรียบร้อยอาวุธครบมือลลิตภัทร์ก็ปิดท้ายตามด้วยเหล็กกั้นกันอันตรายระหว่างทางเข้าเมืองลลิตภัทรบอกให้เด็กๆนั่งให้เรียบร้อยเพราะมีแต่ป่าห่างไกลบ้านคนเขาสามารถเร่งความเร็วได้ ชายหนุ่มเหลือบมองกระจกหลังบ่อยๆก็เห็นว่าเจ้าลูกเจี๊ยบกำลังคุยกับสุรศักดิ์ปากงุ้ยๆพูดกันไม่หยุด เด็กๆอีกสามคนก็เอาแต่สนใจปืนฉีดน้ำในมือ เห็นเจ้าจอมแกล้งบัวบูชาแว๊บๆด้วยการฉีดน้ำใส่เด็กหญิงแล้วหัวเราะร่า นึกตำหนิในใจหากแต่ครู่เดียวก็เห็นบัวบูชาเอาปืนฉีดน้ำในมือตีหัวแก้วเจ้าจอมไปหนึ่งโป๊ก

 

เก่งมากหลานอาให้มันได้อย่างนี้สิ

 

ยิ่งเข้าเขตตัวเมืองรถกระบะที่มุ่งหน้ามาเล่นน้ำก็เยอะมากขึ้นเรื่อยๆ เด็กๆที่นั่งมาตลอดทางเริ่มลุกขึ้นยืน น้ำถูกใส่เข้าไปในกระบอก เสียงเพลงจากเครื่องเสียงดังกระหึ่มลอดเข้ามาในตัวรถ ลลิตภัทรตบไฟเข้าข้างทางก่อนจะลงไปกำชับเด็กๆอีกครั้ง

 

            “เล่นดีๆนะครับอย่ายิงอัดหน้าอัดตาใบบุญกับใบบัวแล้วก็เจ้าจอมใส่แว่นไว้ตลอดห้ามถอดเข้าใจมั้นครับ สองกับเจี๊ยบดูน้องด้วย อันนี้เงินเอาไว้ซื้อแป้งซื้อของกินเจี๊ยบถือไว้นะครับ”ลลิตภัทร์ส่งซองใสกันน้ำใส่เงินที่เต็มไปด้วยแบงค์ 20 และแบงค์ 50 ให้ลูกเจี๊ยบ ปริมาณที่หนาดูก็รู้ว่าคงจะถึงพันบาท จัดว่าลลิตภัทรรอบคอบตรงที่ไปแตกแบงค์ย่อยไว้ให้เด็กๆ เมื่อทุกคนรับคำแล้วลลิตภัทรก็ขึ้นรถแล้วเริ่มไหลตามคันอื่นๆเข้าไปในตัวเมือง บรรยากาศการเล่นน้ำในเมืองสร้างความสนุกสนานให้กับเด็กๆและผู้คนที่หลั่งไหลกันเข้ามาเล่นน้ำ เสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆดังมาเป็นระยะยามที่ศตายุและสุรศักดิ์ยิงปืนใส่

 

ก็แน่ล่ะ ลูกเจี๊ยบของเขา เวลาอยู่กันสองต่อสองน่ะนุ่มนิ่มยังกับข้าวเหนียวปั้นแต่พออยู่ภายนอกก็คือเด็กผู้ชายหล่อๆคนหนึ่งนั่นแหละ ยิ่งผิวสีน้ำผึ้งบวกกับส่วนสูง 180 นิดๆ ยิ่งส่งให่ดึงดูดสายตาคนอื่นได้ไม่ยาก

 

และแน่นอนพอหล่อในสายตาคนอื่นปุ๊บ สาวๆหนุ่มๆก็กรูกันมาปะแป้งจนเต็มหน้าไปหมด

 

            “ทำไมร้อนวะ”ลลิตภัทรเร่งแอร์ในรถให้แรงขึ้น ในหัวเริ่มเดือดปุดๆล่ะยามที่เห็นทั้งสาวน้อยหนุ่มน้อยและไม่น้อยมาปะแป้งลูกเจี๊ยบของเขา ยิ่งขับเข้าในเขตที่คนเล่นเยอะๆรถก็แทบจะไม่ขยับไปไหน ลูกเจี๊ยบกับสุรศักดิ์เริ่มลงไปซื้อของกินและน้ำมาให้น้องๆกิน ระหว่างยืนรอแน่นอนเพราะรูปร่างหน้าตาที่ดีก็มีสาวๆเข้ามาปะแป้งฉีดน้ำใส่ บางคนแก่นแก้วหน่อยก็มาเต้นท่าทางยั่วยวนใส่ทั้งสองหนุ่ม แม้ลูกเจี๊ยบน้อยของเขาจะไม่ได้เล่นด้วยมากนักแต่เขาก็อดโมโหไม่ได้อยู่ดี

 

ที่ร้อนเนี่ยไม่ใช่อากาศหรอก แต่เป็นหัวเขานี่แหละ

 

ทั้งสองคนลงไปเต้นวาดลวดลายอ้อนตีนเป็นพักๆ ท่าที่เสียงตีนสุดในสายตาลลิตภัทรคงเป็นท่ายกขาขึ้นแล้วเหวี่ยงไปมาอย่างพร้อมเพียง พอมีสาวๆมาขอปะแป้งก็ยื่นหน้าไปให้อย่างคนมนุษยสัมพันธ์ดี

 

ดีจนเกินเหตุ

 

ในที่สุดความอดทนของลลิตภัทรก็สิ้นสุดเมื่อสาวน้อยนางหนึ่งใส่เสื้อสายเดี่ยวสีแดงสด หน้าอกหน้าใจล้นทะลักเข้ามาโน้มคอลูกเจี๊ยบของเขาแล้วกดจูบลงบนแก้มที่ปกติมีเพียงเขาที่ครอบครองคนเดียว ลลิตภัทรไม่สนใดใดทั้งสิ้น ชายหนุ่มเปิดประตูรถเดินดุ่มๆไปคว้าแขนลูกเจี๊ยบมาไว้ข้างตัว ดึงกระเป๋าใส่เงินโยนให้สุรศักดิ์

 

            “สอง ฝากดูเด็กๆด้วย เจี๊ยบไปนั่งเป็นเพื่อนอาในรถ”ลลิตภัทรไม่รอให้ลูกเจี๊ยบที่ยังดูงงๆได้ปฎิเสธร่างสูงจับหลานยัดเข้าไปในรถ

 

            “เด็กๆ เย็นแล้ว เดี๋ยวหลุดโค้งนี้อาจะพากลับบ้านเลยนะครับ”ไม่รอฟังเสียงโหยหวนของแก้วเจ้าจอมลลิตภัทรเดินกลับมานั่งประจำที่คนขับทันทีเมื่อกดล็อกรถเรียบร้อยปแล้วก็โน้มใบหน้าของศตายุมากดจูบแรงๆทันทีโดยไม่ต้องกลัวว่าใครจะเห็นเพราะเป็นฟิล์มทึบ

 

            “อื้อ อาลอ ทำอะไรอ่ะคนเยอะแยะ”

 

            “อาหึงไงคะ หึงจนอกจะแตกตายอยู่แล้วเนี่ยคนที่มาปะแป้งหนูจ้องหนูตาเป็นมันอาไม่ลงไปต่อยให้หน้าแหกก็บุญเท่าไหร่แล้ว”

 

            “โธ่ อาลออ่ะคิดมาก วันนี้วันเล่นเขาก้เล่นกันไม่คิดอะไรหรอกจ้า”

 

            “ไม่คิดอะไรแล้วทำไมต้องเอานมมาถูแขนหนู จูบแก้มหนูด้วย”

 

            “คุณลลิตภัทรครับคุณจะต้องหึงไปทำไม ต่อให้เขามาแก้ผ้าตรงหน้าผมผมก็ไม่รู้สึกอะไรถ้าคนๆนั้นไม่ใช่คุณ”ศตายุพูดกลั้วเสียงหัวเราะ นึกเอ็นดูคนแก่ที่หึงจนหน้าดำหน้าเขียว ในใจลึกๆแอบดีใจไม่น้อยที่ลลิตภัทรหวงตน คนแก่กว่าพอได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกความขุ่นข้องเมื่อครู่ราวกับถูกพัดวิเศษพัดปลิวกระเด็นไป

 

            “แต่คุณลลิตภัทรครับ ตอนนี้ผมหนาวมากเลย แอร์เย็นมาก”ศตายุปากคอสั่น เพราะตัวเปียกอยู่แล้วพอเข้ามานั่งในรถที่ลลิตภัทรเร่งแอร์ดับความหัวร้อนก็หนาวจนสั่นไปหมด เจ้าของรถรีบหรี่แอร์แล้วเอื้อมไปหยิบเสื้อกันหนาวที่เบาะหลังมาคลุมให้คนเด็กกว่าทันที ไม่ทันได้พูดอะไรมากสองก็มาเคาะกระจกรถจนลลิตภัทรจำใจต้องลดกระจกลง

 

            “อ่ะเอาไป กาแฟกับน้ำเปล่าของอาลอนะครับ”สองยื่นของกินที่ไปยืนรอมาในถุงมีลูกชิ้นนับสิบไม้ไก่ย่างข้าวเหรียว ส่วนอีกถุงมีกาแฟกระป๋อง น้ำอัดลมและน้ำเปล่า

 

            “ซื้อให้เด็กๆครบยังสอง เดี๋ยวหลุดโค้งอาว่าจะกลับเลยนะ เย็นแล้วเดี๋ยวเด็กๆไม่สบาย”

 

            “ว่าไงว่าตามกันครับอา”สองตอบรับอย่างว่าง่ายก่อนจะปีนกลับขึ้นรถ ลูกเจี๊ยบเริ่มคุ้ยถุงก่อนจะรูดไม้ลูกชิ้นออก จิ้มลูกชิ้นหมูขึ้นมาเป่าๆก่อนยื่นมาจ่อปากอาหนุ่มที่อารมณ์เริ่มดีขึ้นมาบ้าง

 

            “อ้าม...”ส่งเสียงราวกับกำลังหลอกล่อเด็กเล็กๆให้กินกล้วยบด ลลิตภัทรอ้าปากรับอย่างว่าง่าย แตงกวาหั่นถูกป้อนตามก่อนจะเปิดกาแฟแล้วเสียบหลอดป้อนลลิตภัทร อารมณ์ชายหนุ่มดีขึ้นเรื่อยๆหลังจากเอาลูกเจี๊ยบมานั่งในรถกับตัวเองได้ อย่างน้อยก็ได้มีเวลาคุยกันแม้จะสงสารคนเด็กเวลามองคนด้านนอกเล่นน้ำกันสนุกสนาน

 

            “เสียดายมั้ยคะที่ต้องมานั่งแกร่วกับอาแทนที่จะได้ออกไปเล่นสนุกกับน้องๆ”

 

            “ก็นิดหนึ่งจ้า”ลูกเจี๊ยบตอบตามตรงโดยไม่ต้องแอ๊บใส่ลลิตภัทร

 

            “เดี๋ยวหนูก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้วโอกาสจะเล่นสนุกแบบนี้เหลือน้อยลงทุกที แต่ได้มาอยู่กับอาลอก็ดีไปอย่าง รถติดนานๆเราจะได้มีเวลาด้วยกันมากขึ้น อยู่บ้านหาเวลาอยู่ด้วยกันแทบไม่ได้เลย”น้ำเสียงหงอยๆของคนเด็กทำให้ลลิตภัทรอดที่จะเอื้อมมือไปลูบผมเบาๆไม่ได้

 

ต่อให้รักกันมากแค่ไหนต้องการกันมากเพียงใดแต่ก็ต้องเก็บกลั้นกันไว้ด้วยความอดทน

 

            “ไว้หนูโตกว่านี้เราก็ทำให้มันถูกต้องเถอะนะเจี๊ยบ อาก็อยากเข้าตามตรอกออกตามประตูแล้วเหมือนกัน”

 

            “อื้อ รอถึงวันนั้นอาลอจะทำอะไรหนูจะไม่ห้ามเลย”เด็กน้อยพยักหน้ารับก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง บรรยากาศในรถสดใสขึ้นในพริบตาต่างจากหลังรถลิบลับเมื่อสุรศักดิ์ต้องอยู่กับเด็กๆเพียงลำพัง

 

ไม่สนุกเลยซักนิด

 

 

            ในที่สุดช่วงเวลาของการปิดเทอมใหญ่ก็สิ้นสุดลง เช้านี้ศตายุรีบแต่งตัวก่อนจะถือถาดใส่ข้าวมารอหลวงตาที่ท่าน้ำ ลลิตภัทรโบกมือทักทายมาจากฝั่งบ้านตนเองศตายุส่งยิ้มหวานให้กับคนที่มาดักรอส่งตัวเองไปโรงเรียนแต่เช้า ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันทำเพียงนั่งมองและยิ้มให้กัน ยามเช้าอากาศไม่ร้อนนักมีลมเย็นโชยพัดมาเรื่อยๆ เสียงกอไผ่ลู่ลมดังเอียดอาด นกบินออกจากรังส่งเสียงเจื้อยแจ้ว บนผิวน้ำเกิดระลอกคลื่นหลายครั้งยามปลาโดดขึ้นมาฮุบแมลงไม่นานหลวงตาก็พายเรือโผล่พ้นคุ้งน้ำมา ลูกเจี๊ยบรีบยกมือไหว้นิมนต์หลวงตา สองตาหลานคุยกันเช่นทุกวัน

 

            “หลวงตาแก่แล้ว อีกหน่อยคงไม่มาแล้วนะเจี๊ยบเอ้ย”หลวงตาจวบบอกกับหลานชายถึงสุขภาพที่ทรุดโทรมลงตามกาลเวลา ลูกเจี๊ยบยู่หน้ายามที่ผู้เป็นตาพูดถึงเรื่องความเป็นความตาย

 

            “จะรีบพูดทำไมจ๊ะหลวงตา ยังไม่ตายซักหน่อยหลวงตามาไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยววันหยุดเจี๊ยบไปหาหลวงตาเอง ว่าไปหลวงตาก็อายุเยอะแล้ววันไหนพายเรือทวนน้ำมาหนูก็เป็นห่วง ยังไงเดี๋ยวแม่ก็เอาใส่ปิ่นโตไปถวายที่วัดได้ไม่ต้องกังวลไปนะจ๊ะ”

 

            “โตแล้วนะ ลูกเจี๊ยบน้อยของหลวงตา ถ้าเป็นเมื่อก่อนต้องงอแงให้ตามาแล้วจำได้มั้ย ร้องไห้เสียจนเกือบตกน้ำตกท่า ไปเถอะ หลวงตาจะกลับแล้ว รีบไปกินข้าวกินปลาไปโรงเรียนซะเดี๋ยวรถมาก็รีบตาหูเหลือกอีก” หลวงตาเอ่ยไล่หลานชายคนโตก่อนจะหันหัวเรือเพื่อไปรับบาตรที่ลลิตภัทรมารอใส่ด้วยอีกคน คุยกับชายหนุ่มอีก 2-3 คำก็พายเรือกลับวัดไป

 

ชายหนุ่มนึกถึงคำพูดต่างๆที่หลวงตาจงบพูด

 

คนเราทุกคนย่อมโตขึ้น

 

ทุกสิ่งล้วนเป็นสัจธรรม

 

อีกไม่กี่ปีลูกเจี๊ยบของเขาก็จะบรรลุนิติภาวะ ในขณะที่ร่างกายของเขาก็จะถดถอยลง อายุรังแต่จะเพิ่มขึ้น

 

ไม่ได้การณ์ล่ะ

 

ถ้าเขาแก่และอ่อนแอก็จะไม่มีแรงกินเด็ก เขาต้องเริ่มออกกำลังกายฟิตหุ่นอย่างจริงจังล่ะ

 

ตั้งใจไว้แล้วว่าจะเตะปี๊บดังไปยั้นอายุ 80 เลยคอยดู

 





                เงียบเหงา...

 

ชีวิตที่ไม่มีลูกเจี๊ยบน้อยมาคอยส่งเสียงเจื้อแจ้วเรียกอาลอจ๊ะอาลอจ๋ามันช่างเงียบเหงาเสียเหลือเกิน ลลิตภัทรเขี่ยข้าวในจานไปมาอย่างเบื่อหน่าย  เพิ่งรู้ว่าการไม่ได้เจอเด็กมันมาจ๊ะจ๋าข้างหูน่ะมันน่าเบื่อขนาดไหน

 

กับข้าวที่เคยชอบก็น่าเบื่อ

 

เพลงที่เคยชอบก็น่าเบื่อ

 

ใดใดในดลกล้วนน่าเบื่อไปหมด

 

ที่สุดก็เบื่อที่จะกินเลยรวบช้อนส้อมแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม

 

เนี่ย ขนาดน้ำเปล่าที่กินมาตั้งแต่แม่เริ่มป้อนกล้วยบดยังน่าเบื่อเลย ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ขยุกขยิกก่อนจะกดส่ง

 

                “เมื่อไหร่จะกลับคะ อาคิดถึงแล้วนะ”

 

 

ศตายุที่นั่งงีบหลับบนรถสะดุ้งเมื่อเสียงแจ้งเตือนของไลน์ดังขึ้น วุ้นที่นั่งข้างๆหันมามองยิ้มๆ เด็กน้อยส่งยิ้มแห้งๆให้กับอาจารย์ที่หันมามองก่อนกดดูแล้วก็หลุดขำออกมาเมื่อเห็นข้อความแสนงอแงของลลิตภัทร

 

                “โธ่ อาลอจ๋า หนูเพิ่งเดินทางยังไม่ถึงครึ่งทางเลยจ้า”ศตายุส่ายหน้ากับความเว่อร์วังของผู้ใหญ่บ้านหนุ่มที่งอแงตั้งแต่รู้ว่าลูกเจี๊ยบต้องไปเข้าค่ายวิชาการที่โรงเรียนจัดสามวัน

 

                “อาต้องคิดถึงหนูมากแน่ๆเลย”

 

                “หนูไปแค่สามวันเองนะจ๊ะ”

 

                “ตั้งสามวันต่างหาก!!”ผู้ใหญ่บ้านพิมพ์กลับมาทันที นี่ถ้าหากอยู่ติอหน้าคงเห็นคนแก่ส่งค้อนประหลักประเหลือกแน่ๆ  พุทโธ่เอ้ย อาลอหนออาลอ งอแงเสียเหลือเกิน ทำตัวปานเด็กน้อยเพิ่งหัดมีแฟนขนาดลูกเจี๊ยบเป็นเด็กแท้ๆเวลาอาลอต้องเข้ากรุงเทพไปทำธุระตั้งหลายวันลูกเจี๊ยบยังไม่งอแงเลยซักนิด

 

                “ไม่งอแงสิจ๊ะ เดี๋ยวกลับไปแล้วจะให้รางวัล”เด็กน้อยแก้มขึ้นสียามพิมพ์ประโยคแสนก๋ากั่นนั้นลงไป ลลิตภัทรส่งสติ๊กเกอร์คำว่าโอเคกลับมาแต่ยังคงงอแงอีกนิดหน่อยจนศตายุต้องบอกว่าตนนั่งรถไปพิมพ์ไปไม่สะดวกรู้สึกเวียนหัว

 

                “หนูแพ้ท้องลูกของเราเหรอจ๊ะ?”

 

                “ลูกของเราแท้งตั้งแต่หนูอึแล้วจ้า”ศตายุหัวเราะคิกคักก่อนจะเก็บโทรศัพท์

 

                “น่าอิจฉาจังน๊าคนมีความรักเนี่ย”วุ้นที่นั่งมองเพื่อนหัวเราะเบาๆพลางคุยกับคนทางนู้นอดที่จะแซวไม่ได้

 

                “อย่าแซวดิ่ เขินนะเนี่ย เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน ไว้ค่อยคุยกัน”

 

                ศตายุอ้าปากหาวหวอดในขณะที่นั่งเรียงแถวฟังการบรรยายที่ไม่มีทีท่าจะสิ้นสุดของอาจารย์ บรรดานักเรียนคนอื่นๆบ้างก็สัปหงก บ้างก็หันไปคุยกันเบาๆมีอาจารย์คอยตรวจแถว

 

กิจกรรมแสนน่าเบื่อดำเนินไปเรื่อยๆโดยมีเว้นช่วงให้กิจกรรมสันทนาการเป็นระยะพอให้เด็กๆคลายความเบื่อลงไปได้บ้างเช่นการเล่นเกมส์เล็กๆน้อยๆจนสามทุ่มถึงปล่อยให้นักเรียนเข้าที่พัก ซึ่งก็เป็นโรงแรมที่จองไว้ให้นักเรียนนอนรวมกันห้องละ 5 คน ลูกเจี๊ยบเป็นคนเข้าไปอาบน้ำก่อนคนอื่นๆ ตาปรือใกล้จะปิดอยู่รอมร่อตามด้วยวุ้นและต่อด้วยเพื่อนคนอื่นๆจนครบ เมื่อหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายด้วยความเพลียจากการเดินทางและกิจกรรมที่อัดเข้ามาไม่ยั้งโดยลืมไปซะสนิทว่าสัญญาจะโทรหาคนแก่งอแงที่มิสคอลมาเกือบร้อยสายในคืนนั้น

 

               

รอ...สองทุ่มผ่านไป

 

สามทุ่มผ่านไป

 

จนตอนนี้ลลิตภัทรจ้องตัวเลขที่หน้าจอด้วยหัวใจอันปวดร้าว

 

ลูกเจี๊ยบไม่อ่านไม่ตอบ  ชายหนุ่มยกผ้าห่มขึ้นมากัดกลั้นเสียงสะอื้น น้ำตาไหลหยดลงหมอนอย่างร้าวราน

 

ลูกเจียบทิ้งเขาอีกแล้ว

 

สูดขี้มูกดังปึ๊ดใหญ่ คอยดูนะ จะไม่สนใจแล้ว จะไม่ไลน์หาจะไม่โทรไป เจ้าเด็กใจร้ายชอบหลอกให้รอเก้อ

 

                “อ่ะฮึ่ก”สะอื้นเล็กน้อยพอเป็นพิธี ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกทีก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดปากกลั้นเสียงสะอื้น

 

ไม่รู้ทำไมพอคบเด็กมันแล้วหัวจิตหัวใจของเขาก็เปราะบางเสียเหลือเกิน

 

 

                รุ่งเช้าศตายุและนักเรียนคนอื่นๆถูกปลุกตั้งแต่ตีห้า อาจารย์ให้เวลาล้างหน้าแปรงฟันราวครึ่งชั่วโมงก็มาจัดแถวกายบริหารทั้งวิ่งและยืดเส้นยืดสายด้วยท่ากายบริหารท่าต่างๆรวมทั้งยืนระเบียบฟังที่อาจารย์พูดจนถึง 8 โมงเช้าจึงได้รับประทานอาหารเช้า

 

กิจกรรมต่างๆยุ่งเสียจนไม่ได้จับโทรศัพท์เลยซักครั้ง ทั้งเข้าฐาน ทั้งทำงานกลุ่มแล้วออกไปอภิปราย ทั้งเรียนวิชาที่ถูกจัดโปรแกรมมาจากรุ่นพี่มหาวิทยาลัยที่มาสอนการเก็งข้อสอบให้น้องๆพอสี่โมงเย็นจึงไปทำกิจกรรมเข้าฐานที่ริมทะเล เด็กๆค่อยรู้สึกผ่อนคลายสนุกสนานขึ้นมาได้บ้างจนถึงมื้อเย็นกินข้าวกันอย่างเร่งรีบแล้วก็เข้ากิจกรรมวนลูปเหมือนเมื่อวานไม่ผิดเพี้ยน

 

และเช่นเดิม...ศตายุลืมโทรศัพท์ไปเสียสิ้น

 

                “มึงเป็นอะไรของมึงวะไอ้ลอ ทำหน้าเหมือนขี้ไม่ออก”พระลักษณ์ที่นั่งกินข้าวใกล้น้องชายเอ่ยถามอย่างหงุดหงิดใจ เขาอยู่กับลลิตภัทรทุกวันเวลาอยู่ที่โรงสีพระลอก็หงุดหงิดฟึดฟัดอยู่คนเดียว ทำงานก็หัวเสียลูกจ้างเข้าหน้าไม่ติด แถมเวลาออกไปดูงานที่ทำร่วมกับลูกบ้านก็เผลอไปเอ็ดลูกน้องเสียใหญ่โตยกใหญ่ แล้วเย็นนี้มีลูกบ้านมาซื้อพันธุ์ข้าวและพวกปุ๋ยพวกยาเยอะจนทำให้แม่ต้องส่งปิ่นโตมาให้กินถึงที่โรงสี

 

                “ไม่ได้เป็นอะไร”หากแต่เจ้าน้องชายคนเล็กก็ปฏิเสธด้วยคำพูดเดิมๆ

 

                “กูถามจริงๆเลยนะไอ้ลอ”พระลักษณ์จ้องหน้าน้องชายนิ่งอย่างกดดันจนคนเป็นน้องรู้สึกขนหัวลุกแบบแปลกๆ

 

สมัยที่ยังเป็นทนายว่าความพี่ชายของเขานั้นก็ขึ้นชื่อว่าต้อนลูกความจนจนมุมมาหลายรายแล้ว ชายหนุ่มนั่งตัวตรงอย่างประหม่า

 

                “อะไร?...พี่จะถามอะไรผม?”

 

                “มึงมีแฟนใช่มั้ย?”นั่นไง สั้นๆตรงประเด็นโคตรๆ

 

อยากจะประกาศให้โลกรู้จะตายชักอยู่แล้วแต่ติดที่เจ้าลูกเจี๊ยบขอร้องไว้

 

ปากนี่คันยิบๆยังกะทาลิปสติกผสมหมามุ่ย

 

                “บ้า...ไม่มี๊”

 

                “อย่ามาตอแหล มึงลุกลี้ลุกลนขนาดนี้เดาว่ามึงติดต่อแฟนไม่ได้”

 

                “ใครลุกลี้ลุกลน พี่อ่ะคิดมาก”ลลิตภัทรทำหน้าทำตาที่พระลักษณ์ถึงกับเบ้ปากเป็นรูปตีน

 

                “กูเลี้ยงมึงมาตั้งแต่เด็กมึงเป็นยังไงทำไมกูจะไม่รู้ บอกกูมาได้มั้ยว่าใครลูกบ้านหรือเพื่อนที่กรุงเทพวะ?”

 

                “บอกไม่ได้ว่ะ”

 

อ่าว ชิบหาย ว่าจะไม่บอกเสือกหลุดปาก โธ่ ไอ้ลอ ไอ้คว๊ายยยยยย

 

                “แสดงว่ากูรู้จัก?”

 

                “พี่มึงอย่าถามเลย ยังบอกไม่ได้จริงๆ”

 

                “ลูกสาวบ้านไหนวะ มึงบอกกูได้นะสองหัวดีกว่าหัวเดียวเว้ยมีปัญหาอะไรจะได้ช่วยมึงคิดได้”ลลิตภัทรมีสีหน้าพิพักพิพ่วนขึ้นมาทันที แสร้งทำเป็นหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบหลบสายตาที่จ้องนิ่งจนในที่สุดพี่ชายก็เป็นฝ่ายยอมแพ้

 

                “ตามใจ ไม่อยากบอกกูก็จะไม่รบเร้าแต่ถ้าอยากเล่าก็บอกกูได้เสมอนะ”พี่ชายหันมาแกะปลาทูทอดโยนใส่จานข้าวของน้องชายให้ราวกับว่าตนเองนั้นจะไม่เซ้าซี้

 


แต่เขาสาบานเลยว่าจะต้องรู้ให้ได้!!!





...............................................

มีคนแก่งอนเด็กอีกแล้วจย้าาาา

ออฟไลน์ แก้มกลม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คิดถึงเมียเด็กมากขนาดนั้นเลยเหรอจ้ะผู้ใหญ่ลอ

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
จุดนี้ก็คือลุงลอล้อกแล้กแล้วววววว

ออฟไลน์ zenesty

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อ่านเรื่องนี้ทีไรรู้สึกไม่สบายทุกที เจ็บคอมากๆ ! คุก! คุก! คุก! คุก   :m29: :m29:

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๓๑






            “เป็นอะไรเหรอเจี๊ยบ”วุ้นเอ่ยปากถามยามเห็นลูกเจี๊ยบจ้องหน้าจอมือถือที่อาจารย์เพิ่งคืนให้แล้วกัดปากอย่างกำลังใช้ความคิด

 

            “อาลอน่ะสิตั้งแต่วันแรกโทรมาเป็นร้อยสายเลย แล้วเนี่ยวันที่สองเราก็ยุ่งตกเย็นอาจารย์สั่งริบโทรศัพท์ไปหมดทุกคนพอวันที่สามนี่ไม่โทรไม่ทักไลน์มาแล้ว น่าจะโกรธเราแล้วอ่ะ”ลูกเจี๊ยบยื่นหน้าจอให้กับเพื่อนสนิทดู

 

ใครอาจจะไม่รู้ว่าอาลอของเขาน่ะเจ้าแง่แสนงอนเป็นที่หนึ่ง ยิ่งพอลึกซึ้งกันแล้วคนแก่น่ะขี้ระแวงหนักกว่าเก่าอีก

 

            “ก็อากลัวหนูทิ้งอานี่คะ”เป็นประโยคที่ศตายุได้ยินคนแก่กว่าพูดอยู่บ่อยครั้ง

 

เหมือนความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอาลอสั่นคลอนเพราะช่วงวัยแม้ลูกเจี๊ยบจะพยายามเน้นย้ำทุกครั้งให้ลลิตภัทรมั่นใจว่าตนเองจะรักอาลอคนเดียวยังไงก็ตาม  การที่อาลอไม่โทรและไม่ส่งไลน์มาเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคนแก่กว่าเข้าสู่กระบวนการงอนอย่างเต็มรูปแบบ

 

            “เขาโกรธก็โทรไปง้อสิ”วุ้นเสนอทางออกอย่างง่ายๆหากแต่ลูกเจี๊ยบกลับส่ายหน้า

 

            “รายนั้นน่ะป่านนี้เขวี้ยงโทรศัพท์ไปไว้ไหนซักที่แล้วมั้ง โทรไปก็ไม่รับหรอก”ศตายุตอบอย่างคนที่รู้นิสัยของลลิตภัทรดี เด็กหนุ่มเก็บโทรศัพท์เมื่ออาจารย์เรียกรวมเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน ลูกเจี๊ยบน้อยเงียบขรึมมาตลอดทางผิดจากขามาลิบลับ วุ้นเองก็ไม่กล้ากวนจนทั้งสองแยกย้ายกันเมื่อแดนดินเป็นคนขับรถมารับลูกที่โรงเรียนแทนที่ลูกเจี๊ยบจะกลับรถประจำเนื่องจากเป็นเย็นวันอาทิตย์

 

            “เจ้าจอมๆ”แก้วเจ้าจอมที่นั่งวาดรูปอยู่ที่ชานเรือนหันไปตามเสียงเรียกของพี่ชาย ลูกเจี๊ยบกวักมือเรียกให้น้องเข้ามาหาที่ห้องเมื่อร่างเล็กของน้องเข้ามาลูกเจี๊ยบก็รีบปิดประตูห้องทันทีเพื่อไม่ให้แม่จิ๊บที่กำลังทำกับข้าวกับจันทร์เจ้าขาเห็น

 

            “อะไรพี่เจี๊ยบ?”

 

            “เจ้าจอมได้แวะไปบ้านฟากขะนู้นมั่งมั้ย?”

 

            “ก็ไปนะไปเล่นกับใบบุญ”เจ้าเด็กลูกเล็กของบ้านตอบโดยที่มือก็หยิบหุ่นยนต์ของพี่ชายมาดัดแขนดัดขาเล่น

 

            “แล้วเจออาลอมั้ย?”

 

            “เจอซี่”

 

            “อาลอถามหาพี่บ้างมั้ย?”ลูกเจี๊ยบหลอกถามอย่างตื่นเต้น แก้วเจ้าจอมกรอกตาไปมาอย่างใช้ความคิดพลางทำเสียงอืมในลำคอ

 

            “อืมมมมมมมมม”

 

            “ว่าไง ถามหาพี่มั่งมั้ย?”

 

            “วันแรกก็ถามหานะ วันที่สองก็บ่นๆว่าพี่เจี๊ยบไม่ยอมรับสาย ส่วนวันที่สามหนูชวนคุยอาลอบอกไม่คุยกับน้องของคนใจร้าย”ถ้อยคำที่ถูกถ่ายทอดจากปากน้องชายทำเอาศตายุร้อนอกร้อนใจเสียเหลือเกิน หากแต่ตอนนี้จะไปหาก็ไม่ได้เพราะใกล้จะกินข้าวแล้วถ้าไปตอนนี้แม่คงเอ็ดแถมพ่อกำนันก็อยู่ที่ใต้ถุนบ้าน

 

อยากไปหาอาลอใจจะขาดแล้ว

 

            “พี่เจี๊ยบๆ”ลูกเจี๊ยบหลุดจากภวังค์เมื่อเจ้าน้องชายตีที่แขนเบาๆ

 

            “หืม??”

 

            “ตัวนี้หนูขอนะ”ว่าพลางชูหุ่นยนต์ในมือให้พี่ชายดู ศตายุมองของเล่นในมือน้องอย่างเสียดายเพราะเป็นตัวโปรดหากแต่สมองอันชาญฉลาดก็ประมวลผลอย่างรวดเร็ว เสียหุ่นยนต์ 1 ตัว เพื่อการใช้งานในภายภาคหน้าอาจจะดีกว่า

 

            “เอาไปสิ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะ”

 

            “ข้อแลกเปลี่ยนอะไรอ่ะ”

 

          “ถ้าพี่ขอให้เจ้าจอมทำอะไรเจ้าจอมจะต้องทำตามที่พี่บอกเข้าใจมั้ย?”

 

            “โอ้ย เรื่องง่ายๆหนูก็ทำตามที่พี่เจี๊ยบบอกมาตลอดอยู่แล้วนี่นาขออะไรที่มันยากๆกว่านี้หน่อย”

 

          “เออน่า ทำตามที่พี่บอกก็พอ”

 

          “แล้วพี่เจี๊ยบจะให้หนูทำอะไรล่ะ”

 

            “ถ้าแม่เรียกให้ไปเอากับข้าวไปให้ย่าโฉมเจ้าจอมต้องบอกให้พี่ไปแทนหรือไม่ก็ไปด้วย โอเคป่าว”

 

            “ก็ด๊ะ”เจ้าจอมยักไหล่พลางเอาหุ่นยนต์ของพี่ชายออกจากห้องไปนั่งเล่นที่ชานเรือน ไม่นานจิ๊บก็ร้องเรียกลูกชายคนเล็กให้เข้าไปในครัว

 

            “เจ้าจอมเอ้ย มาหาแม่หน่อยลูก”

 

            “จ้าแม่”เด็กน้อยวางหุ่นยนต์ในมือลงก่อนจะเดินเข้าไปหาแม่ที่ในครัว

 

            “เอาสายบัวต้มกะทิไปให้บ้านย่าโฉมทีลูก ถือหม้ออวยดีๆอย่าเดินแกว่งมากนะเดี๋ยวมันจะหก”

 

            “อ้าว แล้วทำไมแม่ไม่ให้พี่เจี๊ยบไปล่ะจ๊ะ”เจ้าจอมร้องท้วงทันทีที่ถูกแม่ใช้ใบหน้าหงิกงอราวยอดผักกูด

 

            “ก็พี่เขาเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ”

 

            “โธ่แม่จ๋า ตัวหนูก็เล็กแค่นี้ มือหนูก็เล็กนิดเดียว หม้ออวยใบเบ้อเร่อหนูจะถือไหวได้ยังไงล่ะจ๊ะ ให้พี่เจี๊ยบเอาไปเถอะหนูหิ้วไม่ไหวหรอก”แก้วเจ้าจอมทำปากบึนใส่ผู้เป็นแม่ ชูมือชูไม้ให้ดูว่ามันเล็กๆอุ๋งๆขนาดไหน

 

            “เอ๊ะเจ้าจอมนี่ก็แม่บอกว่า...”

 

            “เดี๋ยวหนูเอาไปให้บ้านฟากขะนู้นเองจ้าแม่ หม้ออวยดูจะหนักจริงๆแหละจ้า”ลูกเจี๊ยบรีบขันอาสากับแม่ทันที จิ๊บจิ๊ปากส่ายหน้าใส่ลูกคนเล็กก่อนจะยื่นหม้ออวยที่ใส่สายบัวต้มกะทิไว้ครึ่งหม้อให้ลูกคนโต

 

            รีบไปรีบกลับล่ะอย่ามัวแต่เถลไถลพ่อเขารอกินข้าวอยู่”ลูกเจี๊ยบรับคำแม่ก่อนจะเดินออกจากครัว

 

อย่าเรียกว่าเดินเลยเพราะลูกเจี๊ยบไปเร็วราวกับเหาะ แดนดินจะทักยังไม่ทันเลยด้วยซ้ำ เมื่อลงเรือได้ก็จ้วงสุดแขนข้ามไปถึงบ้านของลลิตภัทรภายในเวลาครึ่งนาที

 

            “อะไรมันจะรีบขนาดนั้น”แดนดินอดที่จะบ่นลูกชายไม่ได้

 

            “สงสัยจะคิดถึงย่าโฉมมั้งจ๊ะ”จันทร์เจ้าขาที่อาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วบอกกับพ่อ

 

            “ติดย่าบ้านนู้นจริงๆทำยังกะเป็นลูกเป็นหลานเขา”

 

            “ก็ย่าโฉมแกเลี้ยงพี่เจี๊ยบมาตั้งแต่เกิดห่างไปหลายวันก็คงคิดถึงหนูว่าพ่อไปอาบน้ำอาบท่าเตรียมกินข้าวเถอะจ้าพี่เจี๊ยบกลับมาจะได้กินข้าวกัน”

 

 

            ศตายุขึ้นจากเรือคว้าหม้ออวยสีน้ำเงินเข้มที่บรรจุสายบัวต้มกะทิกับปลาทูเค็มได้ก็แทบจะวิ่งตรงไปที่เรือนใหญ่หากแต่ก็ต้องรักษากริยาไว้เลยต้องเดินด้วยระดับปกติเข้าไปในครัวที่อยู่ใต้ถุนบ้าน กลิ่นอาหารหอมฟุ้งควีนไฟลอยอ้อยอิ่งเหมือนเช่นทุกครั้งบ่งบอกว่าบ้านนี้ก็ทำกับข้าวเสร็จแล้วเช่นกัน ลูกเจี๊ยบวางหม้ออวยลงตรงหน้าของย่าโฉมที่อ้าแขนรับอ้อมกอดของหลานด้วยความดีใจซึ่งลูกเจี๊ยบเองก็สวมกอดแถมหอมอีกสองฟอดที่แก้มเหลวๆของย่าโฉมอย่าเอาอกเอาใจ

 

            คิดถึงย่าจังเลยจ้า”

 

            “ปากหวานเชียวเด็กคนนี้ กลับมาเมื่อไหร่”

 

            “เพิ่งกลับมาเมื่อเย็นจ้าพ่อขับรถไปรับมา ย่าทำกับข้าวเสร็จแล้วเหรอจ๊ะหอมเชียว”

 

            “เสร็จแล้ว วันนี้มีฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน เจี๊ยบอยู่กินข้าวด้วยกันกับย่ามั้ย”คนแก่กว่าเอ่ยชักชวนเหมือนเช่นทุกครั้ง

 

            “ไม่ได้หรอกจ้า หนูแวะเอาสายบัวต้มกะทิมาให้แล้วเดี๋ยวต้องกลับแล้วพ่อกำนันรอกินข้าวอยู่”

 

            “งั้นรอเดี๋ยว  เดี๋ยวย่าตักแบ่งให้”ย่าโฉมจัดแจงลุกเพื่อจะตักฉู่ฉฉี่ในกระทะให้

 

            “เอ่อ ย่าจ๋า อาลออยู่มั้ยจ๊ะ”เด็กน้อยชะเง้อมองไปตามคันนา ปกติเวลาเย็นลลิตภัทรจะชอบไปวิ่งออกกำลังกายแต่บัดนี้ว่างเปล่า

 

            “ไม่อยู่หรอก พ่อลอไปนอนที่โรงสีสองวันแล้ว”

 

พุทโธ่...อุตส่าห์มาหากลับไปนอนที่โรงสีเสียนี่ อาลอนะอาลอมันน่าจับบิดให้หูขาดแท้เชียว

 

ตั้งใจจะมาง้อแล้วแท้ๆเชียว

 

ลูกเจี๊ยบเดินคอตกกลับขึ้นบ้านมาพร้อมจานใส่ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อนที่ย่าโฉมแบ่งมาให้ สำรับข้าวถูกจัดเตรียมพร้อมแล้วลูกชายคนโตของบ้านเข้ามานั่งประจำที่ อาหารบ้านๆเรียบง่ายพ่อแม่ลูกพูดคุยกันถามไถ่ถึงเรื่องเรียนและเรื่องต่างๆ บางครั้งจิ๊บกับสามีก็คุยกันในเรื่องที่ลูกๆไม่เข้าใจ เจ้าจอมยังเป็นตัวป่วนของพี่ๆเช่นเดิม เมื่ออิ่มแล้วเจี๊ยบก็จัดแจงเก็บสำรับและเช็ดถูพื้นที่มีเศษอาหารหกอยู่อย่างเรียบร้อย เจ้าขารับหน้าที่ล้างถ้วยชามส่วนเจ้าจอมเอาขับทองเหลืองตักน้ำใส่ครึ่งขันนำไปแช่ช่องฟรีซเพื่อทำเป็นน้ำแข็งใช้ลอยน้ำกินในวันพรุ่งนี้ จิ๊บกับเจ้าขายังคงจับจองพื้นที่หน้าทีวีไม่ต่างจากทุกวัน มือก็ไม่ได้ว่างเอานู่นเอานี่มาทำไม่ได้ขาด เจ้าจอมเอาสมุดระบายสีมานอนระบายเล่นอยู่ตรงชานเรือน ลมเย็นโชยมาเบาๆหอบเอากลิ่นของต้นข้าวที่เพิ่งลงแปลงไม่นานมาให้ชื่นใจ แสงแปลบปลาบที่โค้งขอบฟ้าลิบๆทั้งน่าเกรงขามและดึงดูด เจี๊ยบมีท่าทีละล้าละลังก่อนจะค่อยๆกระเถิบมานั่งข้างๆแม่

 

            “แม่จ๋า...หนูไปร้านค้าแป๊บนะจ๊ะ”

 

            “ไปทำไม มันมืดแล้วนะ”

 

            “หนูจะไปเติมเงินโทรศัพท์น่ะจ้า เดี๋ยวต้องคอลไลน์กับวุ้นทำรายงาน นะแม่นะไปแป๊บเดียว”

 

            “รีบไปรีบกลับแล้วกัน ลมหอบไอฝนมาแล้ว”จิ๊บพยักหน้าบอกลูก ลูกเจี๊ยบเมื่อได้ยินคำอนุญาตก็วิ่งปร๋อลงจากเรือนคว้าจักรยานคนโปรดปั่นออกไปทันที ออกไปโดยไม่ได้พกเงินไปซักบาท และแทนที่จะไปร้านค้าตามที่บอกแม่หัวรถกลับเบนไปทางโรงสีของบ้านลลิตภัทรซะอย่างนั้น



ไม่ว่าพายุจะมาหรือฟ้าจะถล่มดินจะทลายวันนี้ยังไงซะลูกเจี๊ยบก็ต้องได้ง้ออาลอ!!





 

            เพราะใกล้ค่ำแล้ว บริเวณโรงสีจึงเงียบสงบคนงานกลับบ้านไปแล้วเหลือเพียงยามที่นั่งดูรายการประกวดร้องเพลงอยู่ที่ป้อม ลูกเจี๊ยบลงจากจักรยานจูงไปใกล้ๆ

           

            “อ้าวลูกเจี๊ยบมาทำอะไรมืดๆค่ำๆ”

 

            “หนูมาหาอาลอน่ะจ้า ย่าโฉมบอกอาลอมานอนนี่”

 

            “อ่อ ผู้ใหญ่อยู่ในห้องน่ะจะให้ไปเรียกให้มั้ย”

 

            “อ่ะ...ไม่ต้องจ้าเดี๋ยวหนูเข้าไปหาอาลอเองดีกว่า”ลูกเจี๊ยบรีบปฎิเสธความหวังดีของลุงยามก่อนจะฉีกยิ้มให้

 

            “งั้นก็เดินไปจนสุดทางเลี้ยวขวาจะเจอบ้านพักผู้ใหญ่อยู่ห้องทางขาวมือนะ”ลุงยามบอกพลางทำไม้ทำมือประกอบทาง ลูกเจี๊ยบรีบของคุณแล้วจูงจักรยานเข้ามาจอดด้านใน ขายาวก้าวไปตามทาง มือสองข้างถูกันไปมาอย่างประหม่า

 

ปกติงอนแค่ไหนก็ไม่เคยหนีมานอนโรงสีเลยซักครั้ง ลูกเจี๊ยบแนบหูฟังเสียงด้านในกับประตูห้อง มีเสียงก่อกแก่กดังมาแว่วๆแปลว่าอาลอยังไม่นอน มือเล็กเคาะบานประตูเบาๆ ในอดจะเต้นตึกตักไม่ได้ สายลมหอบเอาไอฝนพร้อมละอองหยดเล็กมาด้วย

 

ฝนจะตกแล้ว ลูกเจี๊ยบต้องรีบง้อแล้วรีบกลับ

 

ลูกเจี๊ยบแทบกลั้นหายใจเมื่อมีเสียงปลดกลอนจากในห้อง บานประตูเปิดออกแล้ว พระลอมองเด็กที่ยิ้มแต้อยู่หน้าห้องด้วยดวงตาเรียบนิ่ง

 

            “อา...”

 

            “มาทำไมกลับบ้านไป”ไม่รอให้คนเด็กได้เรียกด้วยซ้ำลลิตภัทรปิดประตูล็อคกลอนอีกรอบ ลูกเจี๊ยบรู้สึกหน้าม้านขึ้นมาทันที

 

อะไรจะโกรธกันจนไม่ยอมฟังอย่างนี้นะ

 

คนแก่งี่เง่าเอ้ย ถึงใจจะด่าแต่ก๋ยังส่งเสียงอ่อนหวานไปให้คนภายใน

 

            “อาลอจ๋า เรามาคุยกันดีๆเถอะนะจ๊ะ หนูอธิบายได้นะ”

 

            “กลับบ้านไปอาไม่อยากฟังอะไรตอนนี้”

 

            “แต่อาลอต้องฟังหนูนะจ๊ะไม่งั้นจะรู้เรื่องได้ยังไง”ในห้องเงียบเสียงไปแล้ว ลลิตภัทรไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ชายหนุ่มนั่งลงบนเตียงแคบ ให้พูดตามตรงเขายอมรับว่าแวบแรกที่เห็นหน้าของลูกเจี๊ยบเขาดีใจแทบบ้า แต่พอนึกถึงที่เจ้าเด็กไม่ยอมติดต่อกลับมาทั้งๆที่รู้ว่าเขานั้นทั้งรักทั้งห่วงทั้งหวงก็ยังเมินเฉย มันน่าจับมาพาดตะกแล้วตีให้ตูดลายเสียจริงๆ

 

            “อาลอจ๋า...ฝนตกแล้วเนี่ย ดูสิจ๊ะ จะไม่เปิดประตูให้หนูเข้าไปจริงๆเหรอจ๊ะ”น้ำเสียงออดอ้อนดังมาจากหน้าประตู ทั้งๆที่เขาปล่อยให้ยืนอยู่ข้างนอกนับสิบนาทีแล้วก็ยังไม่ไป แสงฟ้าพาดผ่านแนวเขาเสียงฝนกระทบสังกะสีดังซ่าหนักขึ้นเรื่อยๆ

 

            “เนี่ย หนูโกหกแม่ว่าจะมาเติมเงินโทรศัพท์ถ้าแม่รู้ว่าหนูแอบมาหาอาลอแม่อาจจะตีหนูก็ได้นะจ๊ะ แต่ถึงจะโดนตีก็ไม่เป็นไรถ้าอาลอยอมคุยกับหนู”เด็กน้อยยังส่งเสียงเจื้อยแจ้ว มือก็ลูบหน้าที่ละอองฝนเริ่มสาดเข้ามาใส่

 

            “อาลอจ๋า หนูรู้นะจ๊ะว่าอาลอโกรธที่หนูไม่รับสายไม่ตอบกลับ แต่หนูอธิบายได้จริงๆนะจ๊ะ ก็อาจารย์น่ะสิ ริบโทรศัพท์ของทุกคนไปหมดเลย หนูคิดถึงอาลอใจจะขาดแต่จะทำยังไงได้ในเมื่อโทรศัพท์ไม่อยู่กับหนู กิจกรรมก็เยอะมากๆเลย หนูวิ่งเข้าฐานจนน่องแทบปูด อาลออยากดูมั้ยจ๊ะเนี่ยก่อนกลับหนูล้มเข่าถลอกเป็นแผลเลย”ลูกเจี๊ยบส่งเสียงเจื้อยแจ้วไม่หยุดด้วยรู้ว่ายังไงเสียอาลอก็นั่งฟังตนเองอยู่ในห้องนั่นแหละ

 

            “อาลอจ๋า ฝนเปียกหนูแล้ว พรุ่งนี้หนูต้องไม่สบายแน่ๆเลยจ้า แค่กๆ”ลลิตภัทรเด้งตัวพรวดลุกจากที่นอนเมื่อได้ยินเสียงลูกเจี๊ยบไอ ชายหนุ่มก้าว 3 ก้าวก็ถึงประตูห้อง ดวงใจร้อนรนรีบเปิดก่อนจะผงะไปด้านหลังเมื่อร่างอวบๆเนื้อนุ่มๆพุ่งเข้ามาสวมกอดโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง

 

            “อาลอหายโกรธหนูนะจ๊ะ หนูไม่ได้ตั้งใจจะเมินอาลอจริงๆนะจ๊ะ เนี่ยพอได้โทรศัพท์คืนหนูก็รีบโทรหาอาลอทันทีเลย แต่หนูก็รู้ว่าอาลอคงโกรธจนเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งไปแล้ว”

 

            “อาคิดว่าหนูคงเจอเพื่อนรุ่นเดียวกัน คงคุยกันถูกคอ คุยกันเรื่องอนาคตว่าอยากเรียนอะไรอยากทำอะไร อนาคตตรงนั้นที่อาเข้าไปนั่งวางแผนด้วยไม่ได้”ลลิตภัทรกระชับอ้อมกอดของเขาให้แน่นขึ้นราวกับว่ากลัวลูกเจี๊ยบตัวน้อยของเขาจะหายไป

 

            “ไม่มีทางจ้า ไม่มีทางที่อนาคตของหนูจะไม่มีอาลอ ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะจ๊ะ หนูรักอาลอคนเดียวเมื่อไหร่อาลอจะเชื่อใจหนูซักทีล่ะจ๊ะ หนูก็ให้อาลอไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะร่างกายหรือจิตใจ ถ้าอาลอจะเอาชีวิตด้วยหนูก็ให้อาลอได้”ลลิตภัทรแตะปลายนิ้วลงบนกลีบปากอิ่มของคนหลาน ดวงตาหวานซึ้งตวัดขึ้นมองก่อนจะหลับพริ้มแนบหน้ากับอุ้งมือที่เลื่อนขึ้นมาประคองไว้

 

            “หนูรักอาลอ แค่อาลอคนเดียว ไม่ว่าอาลอจะงอนหนูอีกกี่รอบหนูก็จะตามมาง้อ แต่อย่าโกรธหนูบ่อยเลยนะจ๊ะ ถ้าหนูผิดจะตีจะด่าหนูก็ยอมแต่อย่าหนีกัน อาลอก็รู้ว่าหนูตามอาไปทุกที่ไม่ได้”ลูกเจี๊ยบปล่อยหยดน้ำตาให้รินไหล

 

แค่คิดว่าหากวันหนึ่งอาลอหนีไปไกลแล้วตัวเองไปตามหาไม่ได้ใจดวงน้อยก็เจ็บเจียนตายแล้ว ลลิตภัทรเชยปลายคางของศตายุให้เงยหน้าขึ้น สบตาที่ฉายชัดทั้งความรักความจริงใจที่มีให้อย่างไม่ซ่อนเร้น

 

            “อาขอโทษนะคะที่งี่เง่าใส่หนูทั้งๆที่ใจก็รู้อยู่แล้วว่าหนูยุ่งกับกิจกรรม”กดจูบลงบนหน้าผากมนแผ่วเบา

 

            “ทั้งๆที่บอกกับตัวเองอย่างนั้นแล้วแท้ๆแต่ก็ยังคิดบ้าคิดบอไปต่างๆนานา”กดจูบลงบนเปลือกตาบางอย่างทะนุถนอม

 

            “ขอโทษนะคะที่ทำให้หนูไม่สบายใจ ไม่ใช่ไม่เชื่อใจหนูแต่อาไม่เชื่อใจคนอื่น”เลื่อนมาใช้ลมหายใจเดียวกันแล้วกดจูบลงบนกลีบปากนุ่ม บดเบียดคลอเคลียเชื่องช้ากระชับเอวกลมให้แนบชิดดันแผ่นหลังบางให้นาบกับผนังห้อง

 

ความร้อนแรงค่อยๆไล่ระดับขึ้นเรื่อยๆ เรียวลิ้นตวัดพันกันอย่างไม่มีใครยอมใครก่อนจะผละจูบออกอย่างเสียดาย ริมฝีปากอิ่มเผยอระเรื่อน่ารังแก

 

            “เราดีกันแล้วใช่มั้ยจ๊ะ อาลอหนีหนูมาแบบนี้หนูไม่สบายใจเลยจ้า”

 

            “ดีรึเปล่านะ คิดก่อน ถ้ายอมดีด้วยจะมีอะไรมาแลก”ลลิตภัทรแกล้งหันหละงกอดอกให้คนเด็กกว่า ศตายุรีบเข้ามาสวมกอดจากด้านหลังอย่างออดอ้อนทันที

 

            “ดีกันแล้วสิจ๊ะ อย่างอนนานเลยจ้า เดี๋ยวหนูถอนผมหงอกไถ่โทษดีมั้ยจ๊ะ”

 

            “โธ่ หนูจ๋า ใครจะอยากให้มาถอนผมหงอกให้กันเล่า เด็กนี่”ลลิตภัทรหันมาทำเสียงออดใส่คนเด็ก ลูกเจี๊ยบหัวเราะคิกอย่างขบขันกับอาการฟึดฟัดของอาลอ

 

            “ก็อยากจะให้อะไรที่มันมากกว่าอยู่หรอกนะจ๊ะ แต่ขอติดไว้ก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวหนูต้องรีบกลับบ้านป่านนี้แม่รอแล้ว”

 

            “งั้นเดี่ยวอาเอาจักรยานขึ้นท้ายกระบะไปส่งดีกว่า ฝนตกอันตราย งูเงี้ยวเขี้ยวขอเยอะ”ลลิตภัทรเสนอ

 

            “จะมีงูตัวไหนน่ากลัวกว่างูบนหัวอาลออีกเหรอจ๊ะ”เมื่อบรรยากาศดีขึ้นลูกเจี๊ยบก็กล้าที่จะหยอกล้อคนรัก ลลิตภัทรกระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนจะคว้ามือของหลานให้มาแปะที่กลางเป้าของตัวเอง

 

            “งูตัวนี้สิคะน่ากลัวสุดเพราะเวลามันฉกแต่ละทีเล่นเอาจุกจนลุกไม่ขึ้นหนูก็น่าจะรู้ดี”ลูกเจี๊ยบชักมือออกทันทีราวกับจับของร้อน ใบหน้าแดงก่ำด้วยความขวยเขิน

 

            “อาลอบ้า ลามกที่สุด หนูไม่คุยด้วยแล้วจะกลับบ้าน”ลูกเจี๊ยบวิ่งปร๋อออกจากห้องนอนของลลิตภัทรลงไปรอด้านล่างจนชายหนุ่มต้องรีบตามออกมาเพราะกลัวหลานจะเปียกฝนจนป่วย ร่างสูงแบกจักรยานขึ้นนอนที่ท้ายกระบะก่อนจะขับพาลูกเจี๊ยบกลับมาบ้าน

 

            “อ้าวลอ ไปเจอลูกเจี๊ยบที่ไหนน่ะ พ่อเค้าขับรถออกไปตามไม่เจอ”จิ๊บกางร่มลงมารับลูกในขณะที่ลลิตภัทรวิ่งอ้อมไปด้านท้ายยกรถจักรยานลงมาให้

 

            “คือหนูปั่นกลับมาแล้วฝนตกเลยแวะไปหลบฝนที่โรงสีจ้า”ลูกเจี๊ยบรีบเอาร่มอีกคันที่แม่หยิบมาให้กางให้ลลิตภัทร

 

            “รบกวนลออีกแล้วขอบใจนะ”

 

            ไม่เป็นไร จิ๊บกับลูกรีบขึ้นบ้านเถอะ ฝนตกหนักแบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบาย”ลลิตภัทรรีบไล่ให้สองแม่ลูกกลับขึ้นเรือน เสียงฟ้าร้องดังครืนครั่นไปทั่ว

 

            “คืนนี้ท่าทางจะตกหนักลูกเจี๊ยบปิดหน้าต่างให้แน่นหนานะเดี๋ยวโดนละอองฝนจะไม่สบาย ก่อนนอนก็อาบน้ำเช็ดหัวให้แห้งเข้าใจมั้ยคะ”

 

            จ้า เข้าใจแล้วจ้า อาลอรีบกลับบ้านอาบน้ำนะจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบร้องบอกด้วยความเป็นห่วง ลลิตภัทรพยักหน้ารับพลางจ้องตาหลานราวกับจะบอกรักให้รู้กันสองคน มุมปากสวยยกขึ้นน้อยๆก่อนจะขึ้นรถถอยออกไป พระลอไม่ได้กลับไปนอนที่โรงสี วันนี้เขาอารมณ์ดีแล้วจึงกลับมาที่บ้าน บนเรือนปิดไฟกลางชานแล้วแต่ย่าโฉมที่ได้ยินเสียงรถเปิดประตูห้องออกมาดู

 

            “ลอเหรอลูก”

 

            “ครับแม่”ชายหนุ่มตอบรับ

 

            “กินข้าวหรือยังล่ะลูก”คนเป็นแม่ถามด้วยความห่วงใยทำท่าจะเดินออกมาจากห้อง

 

            “แม่ไม่ต้องออกมาครับเดี๋ยวโดนละอองฝน ผมกินแล้วครับจะอาบน้ำนอนแล้ว”

 

            “อ่อ งั้นแม่กลับไปนอนนะ ถ้าหิวในครัวมีข้าวโพดต้มแม่ขวัญเขาต้มทิ้งไว้เอามากินนะลูกนะ”ชายหนุ่มตอบรับผู้เป็นแม่ ย่าโฉมจึงเดินกลับเข้าห้องนอนไป ลลิตภัทรทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนุ่ม นึกถึงรสปากหวานๆของลูกเจี๊ยบที่โหยหามาหลายวันแล้วก็คว้าหมอนข้างมาฟัดอย่างมีความสุข

 


ถ้าเป็นเจ้าตัวนิ่มๆมาให้นอนกอดจริงๆคงจะดีกว่านี้เยอะเลย







.....................................................





งอนทีไรพ่อผู้ใหญ่ได้กำไรทู้กกกกกกกกกกกกกกกกกกก ที



โถ....พ่อผู้ใหญ่ค่าตัวแพงเนอะครึ่งนี้มาแค่ชื่อครึ่งหน้ามาทั้งตัวนะ เอ้วววววววววววววววววววววววววววววว




ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อาลอยังไม่แก่เลย ทำไมหัวล้านแล้ววว

ออฟไลน์ แก้มกลม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คนแก่อ้อนเมียเด็ก :hao6:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
มาจิ้ม มา +1 ค่ะ ยังไม่สามารถเข้ามาอ่านจริงๆ จังๆ ได้สักที

นุ้งเจี๊ยบรอพี่ก่อนนะ อย่าเพิ่งยอมผู้ใหญ่ลอมากเกินไปนะ

พี่ขอไปทำหาพวกก่อน แง้

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๓๒





     




            “พ่อไปแค่สองวันเดี๋ยวเสร็จธุระจะรีบกลับ”แดนดินกำลังปลอบใจเจ้าจอมลูกเล็กที่ซบหน้ากับไหล่หนาของพ่ออย่างออดอ้อน

 

            “พ่อกำนันไปตั้งสองวันแหนะแบบนี้หนูก็ต้องกำพร้าพ่อตั้งสองวัน”ไอ้เด็กมันทำปากยื่นปากยาวว่าพ่อ ด้วยคำที่ลูกใช้อดทำให้แดนดินยิ้มแห้งไม่ได้

 

คำตั้งมากมายไม่ใช้ดันมาใช้คำว่าลูกกำพร้ามันน่าหยิกให้เนื้อเขียวนัก

 

พ่อแค่ไปธุระไม่ได้ไปตาย ปัดโธ่เอ๋ยไอ้ลูกคนนี้นี่ปากมันเป็นมงคลเหมือนใครกันนะ

 

            “พอได้แล้วเจ้าจอม เสียเวลาพ่อเดินทาง”ลูกเจี๊ยบที่ทนความออเซาะของน้องไม่ไหวเอ่ยปรามเมื่อเจ้าน้องน้อยเอาแต่เกาะพ่อกำนันจ๋าปานลูกลิงลูกค่าง

 

กอลิล่ายักษ์อุ้มลิงแสมชัดๆ

 

ดูเถอะพ่อกำนันจ๋าตัวยังกับยักษ์ปักหลั่น แขนพ่อจ๋าข้างเดียวฟาดเบาๆก็อาจคอหักตายได้แต่กำลังประคองร่างจ่อยๆของเจ้าจอมช่างน่าขันนัก

 

            “เดี๋ยวก่อนกลับพ่อซื้อไอร่อนแมนตัวใหญ่มาให้”นั่นแหละไอ้ลูกคนเล็กถึงยอมลงจากบ่าพ่อมานั่งยิ้มอย่างประจบประแจงแป้นแล้นจนจิ๊บอดหมั่นไส้ไม่ได้

 

ไอ้รักพ่อนั่นน่ะก็รักจริงแหละแต่อาการอาลัยอาวรณ์ดูก็รู้ว่ามารยาสาไถแต่พ่อที่ทั้งรักทั้งหลงลูกน่ะหาดูออกไม่

 

ตกหลุมที่ลูกขุดอย่างตื้นๆเสียเต็มเปา  แดนดินลูบผมลูกน้อยเบาๆอย่างที่คนภายนอกอาจจะไม่คิดว่ากำนันหนุ่มที่รูปร่างสูงใหญ่ขนาดนี้จะอ่อนโยนกับเด็กได้ก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆภรรยาคนสวยที่นั่งพับเพียบพับกลีบดอกบัวเพื่อถวายพระอยู่กับจันทร์เจ้าขา

 

            “เจ้าขาล่ะลูกอยากได้ของฝากอะไรมั้ย”

 

            เจ้าขาไม่อยากได้อะไรหรอกจ้า”เด็กหญิงวัยสิบสี่ปีตอบพ่ออย่างอ่อนหวาน เป็นลูกสาวที่พูดน้อยและมักน้อยไม่เคยร่ำร้องอยากได้อะไรจากพ่อแม่เลยซักนิด

 

            “งั้นเดี๋ยวพ่อเห็นอะไรที่เหมาะกับเจ้าขาพ่อจะซื้อมาให้นะลูก”

 

            “เจ้าขาแล้วแต่พ่อจ้า”เด็กหญิงตอบรับโดยง่ายตามแบบฉบับของเจ้าหล่อน เด็กหญิงหันกลับไปจดจ่อกับดอกบัวในมือต่อ แดนดินจึงหันไปถามจิ๊บว่าอยากได้อะไรมั้ยซึ่งภรรยาคนสวยก็ยิ้มพลางส่ายหน้า

 

            “จิ๊บก็ไม่รู้ว่าจะอยากได้อะไร ที่มีก็พอแล้ว”

 

            “ไม่ต้องถามเจี๊ยบนะจ๊ะ เจี๊ยบก็ไม่อยากได้อะไรเหมือนกัน”ลูกคนโตเอ่ยขัดออกมาเมื่อคนเป็นพ่อหันหน้ามาเตรียมจะถาม ที่บ้านของศตายุไม่เคยขาดอะไรเลย ไม่ว่าลูกเอ่ยปากอยากได้อะไรไม่นานพ่อจะหามาให้อย่างลูกเจี๊ยบชอบอ่านหนังสือ เมื่อพ่อมีเวลาว่างพ่อก็จะพาลูกเมียเข้าไปเที่ยวห้างในเมืองแล้วจะให้เงินลูกเจี๊ยบไปซื้อหนังสือที่อยากได้แบบไม่จำกัด ยิ่งหลังๆมานี่ตั้งแต่ที่คบกับอาลอไม่ว่าหนังสือที่อยากได้จะหายากหรือเป็นหนังสือต่างประเทศอาลอก็จะเป็นคนจัดหามาให้

 

            “แค่พ่อเดินทางปลอดภัยก็พอแล้วจ้า”คนเป็นพ่อได้ยินคำพูดของลูกๆก็ให้ชื่นใจนัก แดนดินอยากจะรวบลูกมากอดทั้งสามคนเสียเหลือเกินแต่ก็ติดว่าลูกนั่งกันคนละมุมบ้านเลยถือโอกาสกอดร่างนุ่มนิ่มของเมียเสียเลย

 

            “แน๊...พี่ดิน มากอดจิ๊บทำไมเนี่ยอายลูกมันบ้าง”จิ๊บว่าพลางพยายามเอี้ยวตัวออกจากวงแขนล่ำของสามีแต่แดนดินก็กระชับมันให้แน่นขึ้น

 

            “ก็พี่มีความสุขนี่ ลูกเมียน่ารัก”ไม่พูดเปล่ายังใช้ปลายจมูกหอมแก้มเมียรักเสียฟอดใหญ่ เรียกสีแดงระเรื่อมาประดับพวงแก้มของจิรนันท์ได้อย่างทันที หญิงสาวมองสายตาแพรวพราวกับการอมยิ้มของลูกๆแล้วให้อายนักเลยแก้เขินด้วยการเอาดอกบัวในมือฟาดหัวสามีไปเสียทีหนึ่งแก้เขินจากนั้นจึงเดินเข้าครัวเพื่อไปเตรียมอาหารเย็นให้กับทุกคน เจ้าขารวบดอกบัวที่พับเสร็จใส่ถาดเอาไปไว้หลังตู้อย่างเรียบร้อยแล้วตามแม่กับลูกเจี๊ยบเข้าไปในครัว แดนดินเมื่อถูกทิ้งไว้กับเจ้าลูกคนเล็กก็ชวนกันไปดูข้าวในนาที่เพิ่งดำได้ไม่นานฆ่าเวลา

 

            หลังจากกินข้าวเย็นและนั่งเล่นรับลมกับที่ชานเรือนจนถึงเวลาลูกๆเข้านอน อาบน้ำอาบท่ากันเสร็จแดนดินที่นุ่งโสร่งตัวเดียวก็นั่งดูจิรนันท์จัดเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวเล็กๆน้อยๆใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็กเพื่อให้เขานำติดตัวไปประชุมที่กรุงเทพ ใช้เวลาไม่นานก็แล้วเสร็จ จิ๊บเป็นคนทำงานมีระบบทุกอย่างที่หยิบจับมาจากการคิดไว้แล้ว เป็นข้อดีอีกหนึ่งอย่าง

 

            พี่ไม่อยู่สองวันเดี๋ยวให้ละไมกับทิดอ่ำมานอนเฝ้า”

 

            “ไม่ต้องก็ได้พี่รบกวนเขา”จิ๊บเอ่ยปฏิเสธ เป็นปกติที่แดนดินจะเรียกลูกจ้างให้มานอนเป็นเพื่อนเป็นการรักษาความปลอดภัยให้ลูกกับเมียเหมือนที่ทำมาตลอด แต่จิ๊บเห็นว่าตอนนี้ลูกๆของหล่อนก็โตแล้วสามารถดูแลกันเองได้

 

            พี่จ้างมาแล้ว เอาตามที่ว่าแหละ อย่าให้พี่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง”แดนดินตัดบทก่อนจะดึงร่างบอบบางของเมียรักมานั่งลงบนตัก กดจูบลงบนต้นแขนเรียวเล็กของเมียรัก ตรงนั้นก็หอมตรงนี้ก็หอม

 

            “ขอพี่ชื่นใจก่อนไปหน่อยนะจิ๊บ”พูดขอไปอย่างนั้นแหละไม่เคยรอให้คนเป็นเมียเอ่ยปากอนุญาตซักครั้งร่างบางก็ถูกวางลงบนที่นอนเรียบร้อยแล้ว

 

โชคดีนักที่หลังคลอดเจ้าจอมแล้วจิ๊บก็ให้หมอทำหมันไม่อย่างนั้นป่านนี้คงมีลูกเป็นครอกเหมือนปลาช่อนแน่ๆ

 

 

            “แล้วอย่ากวนอาลอกันนะเด็กๆ”จิ๊บร้องบอกลูกๆที่ลลิตภัทรกำลังต้อนขึ้นรถเพื่อพาไปดูหนังในเมืองเด็กๆขานรับคำแม่อย่างพร้อมเพียงกัน ลูกเจี๊ยบนั่งเบาะหน้าคู่กับลลิตภัทรโดยมีเจ้าขาและเจ้าจอมนั่งที่เบาะหลัง ลลิตภัทรขับรถตามพี่ชายและพี่สะใภ้เข้าเมืองหลังจากตกลงกันตั้งแต่เมื่อ 2-3 วันก่อนว่าจะพาเด็กๆไปดูหนังแอนนิเมชั่นเรื่องใหม่ที่เพิ่งจะเข้าโรงและแน่นอนผู้ใหญ่บ้านหนุ่มไม่ลืมที่จะชวนลูกบ้านฟากขะนู้นให้ไปด้วยกัน

 

            “เดี๋ยวกินข้าวกันก่อนเนอะ”พระลอหันไปบอกเด็กๆหลังจากวนหาที่จอดรถได้แล้ว เด็กๆพร้อมใจกันตอบรับโดยไม่อิดออดเพราะใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว ลลิตภัทรโทรหาพี่ชายคนโตเพื่อสอบถามว่าจะให้ไปเจอกันที่ร้านไหน

 

            “เจอกันร้านสุกี้เลย ใบบุญกับใบบัวอยากกินสุกี้”

 

            “ครับ อีกแป๊บหนึ่งผมเพิ่งได้ที่จอดรถ”ลลิตภัทรตอบรับก่อนจะจูงมูลูกเจี๊ยบโดยที่พี่คนโตก็จูงน้องๆเพื่อข้ามเข้าไปในห้าง

 

            “อาลอจ๋า ปล่อยมือเถอะจ้าคนเยอะ”ลูกเจี๊ยบน้อยกระซิบบอกอาหนุ่มเบาๆ

 

            “ก็เพราะคนเยอะไงคะเลยต้องจับมือกันไว้ เดี๋ยวหนูหลงหายไปอาเสียใจแย่เลย”

 

บ้าจริงหนูมาจนหลับตาเดินได้แล้วจะไปหลงได้ยังไงกัน อาลอนี่นะน่าตีจริงเชียว  ลูกเจี๊ยบน้อยค้อนอาหนุ่มไปทีหนึ่งก่อนจะยอมเดินตามมาแต่โดยดี

 

 

            กรุงเทพมหานคร

 

            “ไว้เจอกันอาทิตย์หน้านะกำนัน”

 

            “ครับ ถึงแล้วโทรบอกเดี๋ยวผมขับรถไปรับ”แดนดินพูดคุยกับรุ่นพี่ที่เพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศแล้วนัดแนะว่าจะพาไปชมการเกษตรแบบผสมผสานที่ตำบลในอาทิตย์หน้าอีกพักจึงแยกย้ายกัน กำนันหนุ่มเดินดูของตามร้านต่างๆในห้างสายตาสอดส่ายร้านนู้นร้านนี้ก่อนจะเดินตรงดิ่งเข้าไปในร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนมร้านหนึ่ง ชายหนุ่มใช้เวลาในการเลือกเดรสสีขาวเรียบๆแต่ดูดีเพื่อเป็นของฝากภรรยาสาว เขาพลิกปพลิกมาดูดีเทลของชุด นึกถึงเครื่องประดับที่ภรรยามีว่าอันไหนจะเข้ากับชุดนี้ ปฏิเสธการช่วยเหลือของพนักงานที่จะเข้ามาให้คำแนะนำ

 

เขาเชี่ยวชาญในการเลือกซื้อเสื้อผ้าให้กับจิ๊บเพราะเสื้อผ้าออกงานของจิรนันท์ส่วนใหญ่นั้นเขามีส่วนออกความคิดเห็นและช่วยเลือกอยู่บ่อยครั้ง เมื่อดูจนพึงพอใจแล้วเขาจึงยื่นเดรสชุดนั้นให้กับพนักงาน เสร็จจากของเมียรักก็แวะเข้าไปซื้อชุดกระโปรงสำหรับจันทร์เจ้าขา เด็กหญิงที่เริ่มเข้าสู่วัยสาวนั้นชอบสีชมพูอ่อนแดนดินจึงเลือดชุดเสื้อกับกระโปรงสีขาว-ชมพู ให้กับลูกสาว และเข้าร้านของเล่นเพื่อซื้อหุ่นไอร่อนแมนตามที่รับปากกับแก้วเจ้าจอมไว้  เวลาเกือบสองชั่วโมงชายหนุ่มก็มีถุงพะรุงพะรังอยู่ในมือ แดนดินกะว่าจะฝากท้องมื้อเย็นกับร้านปิ้งย่างแต่ยังไม่ทันที่จะเดินไปยังร้านที่หมายตา เสียงแหลมเล็กของใครบางคนก็ฉุดรั้งให้เขาหันไปมอง

 

            “สวัสดีค่ะกำนันแดนดิน”แดนดินมองหญิงสาวในชุดเว้าลึกจนเห็นร่องอก ริมฝีปากที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสดคลี่ยิ้มอย่างเสแสร้ง ดวงตากลมมีแววเยาะหยันอย่างเห็นได้ชัด

 

            “จำฉันไม่ได้เหรอคะ?”อริตาแสร้งถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

 

            “ขอโทษนะครับ ผมคุ้นๆหน้าแต่จำไม่ได้”

 

            “ฉันอริตาแฟนของพระลอไงคะเราเคยเจอกันเมื่อปีที่แล้วตอนลอยกระทง”แดนดินถึงกับร้องอ๋อแล้วส่งยิ้มให้เจ้าหล่อนอย่างเป็นมิตร เขามองหล่อนอย่างไม่อยากจะเชื้อ

 

เท่าที่รู้จักกันมาลลิตภัทรนั้นชอบผู้หญิงน่ารักและค่อนข้างเรียบร้อย อริตานั้นห่างไกลจากสเป็คของพระลอไปมากโข แต่เพราะมาอยู่เมืองกรุงนานความชอบของพระลออาจจะเปลี่ยนไป

 

            “ลูกชายคนโตของกำนันสยบายดีมั้ยคะ”หล่อนถามถึงลูกเจี๊ยบด้วยความไหลรื่น ใบหน้าสวยระบายรอยยิ้มอยู่ตลอดจนแดนดินไม่ได้เอะใจอะไรเลยซักนิดว่าภายใต้ใบหน้าสวยเฉี่ยวที่ฉาบรอยยิ้มไว้นั้นภายในใจของอริตานั้นร้อนราวมีกองเพลิงเผาไหม้อยู่

 

หล่อนแค้นใจไม่เคยลืม หาทางที่จะแยกลลิตภัทรกับลูกเจี๊ยบมานานนับเดือน ไม่คิดเลยว่าอยู่ๆจะได้เจอแดนดินที่กรุงเทพ

 

            “ลูกเจี๊ยบเหรอครับ สบายดีครับ”

 

            “เห็นเขาสบายดีดิฉันก็ไม่แปลกใจหรอกค่ะ แล้วนี่ซื้ออะไรเยอะแยะเลยคะ”หล่อนปรายตามองถุงในมือของแดนดิน กำนันหนุ่มยกมือตัวเองเป็นคำถาม

 

            “นี่เหรอครับ ของฝากลูกกับเมียผมเองครับ”

 

            “กำนันนี่ดูรักลูกรักเมียดีนะคะ”

 

            “ก็ต้องรักสิครับ ผมเลี้ยงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกอีกอย่างนั่นก็ลูกๆผมทั้งนั้นไม่ซื้อให้ลูกจะซื้อให้ใครได้”แดนดินตอบกลับประสาซื่อ ออกจะแปลกๆกับคำพูดอริตาแต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไร หากแต่ใบหน้าที่ฉาบรอยยิ้มของหญิงสาวกลับเปลี่ยนไปในทันที

 

            “ถ้ารักลูกมากอย่างนั้นก็รบกวนอบรมสั่งสอนลูกของกำนันให้ดีๆหน่อยนะคะ อย่าให้เที่ยวไปทำตัวขี้ลักขี้ขโมยของๆคนอื่น กำนันบอกว่ากำนันเลี้ยงมาตั้งแต่เกิดฉันก็อยากถามหน่อยว่ากำนันเลี้ยงลูกยังไงคะให้เที่ยวมาฉกแฟนของคนอื่น”

 

            “คุณพูดถึงอะไร?”แดนดินที่ตอนนี้ใบหน้าไร้รอยยิ้มมีเพียงสีหน้าเรียบตึงเอ่ยถามเสียงห้วน อริตาเบะปากราวนางร้ายในละคร

 

            “ก็พระลอแฟนของฉัน ถูกลูกของคุณแย่งไปแล้วไงคะ ไม่ต้องแก้ตัวแทนลูกของกำนันด้วย ฉันไปเห็นสองคนเสื้อผ้าหลุดลุ่ยออกมาจากห้องนอนตอนที่ลอพาลูกคุณมาดูคอนเสิร์ต  สอนลูกดีนะคะให้เอาตัวเข้าแลก”อริตาไม่รอคำตอบของแดนดินหล่อนเหยียดยิ้มแล้วเดินจากมาอย่างสะใจ

 

บัญชีแค้นของหล่อนจะได้ถูกชำระในวันนี้แล้ว

 

ในเมื่อแยกสองคนนั้นออกจากกันไม่ได้ อย่างนั้นหล่อนก็จะยืมมือแดนดินนี่แหละสะบั้นความรักของลลิตภัทร

 

อย่าหวังว่าจะได้รักกันอย่างสมหวังเลย









 

            แดนดินไม่รู้ว่าหลังจากประโยคนั้นของอริตาตนเองขึ้นมาอยู่บนรถแล้วขับกลับบ้านด้วยความเร็วสูงได้ยังไง หนึ่งชั่วโมงครึ่งต่อมาเขาก็ขับเข้าเขตจังหวัด ใจของเขาร้อนรุ่มจนแทบจะเผารถราบนถนนที่กีดขวางเขาให้ราบเป็นหน้ากลอง

 

จริงอยู่ที่เขาควรกลับบ้านไปถามลูกก่อนแต่ในใจลึกๆเขาก็กลัว

 

กลัวคำตอบของลูกรักจะทำให้เขาผิดหวัง

 

แต่ที่เขาโกรธที่สุดก็คือลลิตภัทร ไอ้เวรตะไลนั่นกลับเข้ามาทำให้ชีวิตครอบครัวที่แสนสว่างสดใสของเขาต้องมัวหมอง

 

กี่ครั้งกี่หนแล้วที่ชื่อของมันเข้ามาเป็นชื่อแรกๆที่ลูกกับเมียของเขาพูดถึง กลายเป็นข้อเปรียบเทียบระหว่างมันกับเขา

 

เจ้าจอมเองก็เคยเปรยๆว่าลลิตภัทรเองก็มีงานยุ่งทั้งงานหลวงงานราษฎร์แต่ลลิตภัทรกลับมีเวลาพาเจ้าจอมและพี่กับแม่ไปเที่ยวได้จากจากแดนดินที่นานๆทีถึงจะมีเวลาให้ลูก

 

เขาไม่เคยคิดเลยว่าระยะห่างระหว่างเขากับลูกนั้นเกิดจากการแบ่งเวลาไม่เป็นของตัวเอง

 

แดนดินคิดแต่เพียงว่าตนต้องรักษาตำแหน่งของกำนันไว้ให้ได้นานที่สุด ต้องดูแลลูกบ้านให้ดี

 

แดนดินคิดแต่เพียงว่าเขาต้องหาเงินให้ได้เยอะๆเพื่อซัพพอร์ตลูกเมีย

 

เจ้าเจี๊ยบน้อยนั้นอยากเป็นหมอ ค่าเล่าเรียนก็คงหลักล้าน อนาคตลูกต้องเข้าเรียนที่กรุงเทพเขาต้องเก็บเงินกันไว้ในส่วนนี้เพื่อการศึกษาของลูก จันทร์เจ้าขาอยากเรียนพยาบาลไหนจะเจ้าจอมอีก เลี้ยงลูกสามคนใช้เงินทั้งนั้น

 

เขาอยากให้ลูกเมียอยู่ดีกินดีมีหน้ามีตาในหมู่บ้านอยากให้ใครที่มาเจอก็เอาไปโจษกันทั้งบางว่ากำนันแดนดินนั้นสร้างเนื้อสร้างตัวได้เก่งจริงๆ ทั้งๆที่จบแค่ ม.6

 

แล้วนี่คืออะไร??

 

อะไรคือการที่เขาถูกผู้หญิงคนหนึ่งมายืนชี้หน้าด่าว่าเขาสอนให้ลูกไปแย่งแฟนคนอื่น

 

แดนดินไม่รู้ว่าสิ่งที่อริตาพูดนั้นจริงหรือไม่จริงแต่ลูกที่เขาทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยเลี้ยงดูตั้งแต่ยังไม่คลอดต้องมาแปดเปื้อนมัวหมองเป็นสิ่งที่เขายอมรับไม่ได้

 

เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะไอ้ลอคนเดียว!!

 

แดนดินเหยียบรถจนในที่สุดก็ห้ามล้อที่ลานหน้าบ้าน แก้วเจ้าจอมที่กำลังทำการบ้านอยู่ชะเง้อมองอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นพ่อเจ้าลูกเล็กก็ลุกขึ้นวิ่งเข้าไปหาพ่อทันที จิ๊บ ลูกเจี๊ยบและเจ้าขาที่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัวชะเง้อมองอย่างตกใจ

 

ปกติแดนดินไม่ขับรถอันตรายขนาดนี้ ยังไม่ทันจะได้เดินออกไปถามไถ่ให้รู้ความจิ๊บก็เห็นแดนดินผลักเจ้าจอมที่จะกระโดดกอดออกจนลูกคนเล็กล้มตุ่บลงกับลานดิน เจ้าเด็กน้อยทำหน้ายู่คลำตูดป้อยๆแต่แดนดินเดินลงส้นจนพื้นเรือนดังตึงๆขึ้นมาบนเรือนก่อนจะไปคว้าปืนลูกซองที่แขวนไว้ทีข้างฝา จิ๊บถึงกับวิ่งถลาไปคว้าแขนสามีไว้ด้วยความตกใจ

 

ใบหน้าของแดนดินในยามนี้เหมือนคนถูกราหูกลืนกินไปแล้วทั้งหน้า

 

            “พี่ เป็นอะไรไปโกรธใครมา”จิ๊บยื้อสามีที่ดึงดันจะเดินไปหยิบกล่องกระสุนในห้องนอน ลูกเจี๊ยบรีบเข้ามาช่วยแม่จับพ่อไว้อีกคน เมื่อเห็นหน้าลูกแดนดินก็สะบัดลูกออกก่อนจะเดินไปหยิบไม้เรียวที่จิ๊บเหลาไว้ขู่เจ้าจอมตรงฝาบ้านเดินดุ่มเข้ามาหาลูกชายคนโตก่อนจะหวดลงบนเนื้อเนียนอย่างไม่ออมแรง

 

ลูกเจี๊ยบรวมทั้งจิ๊บและเจ้าขาเจ้าจอมร้องอย่างตกใจ

 

ผิวกายผ่องแสบปลาบยามเรียวไม้กระทบผิวเนื้อ น้ำตาไหลทะลักยามที่พ่อฟาดลงมาอีกครั้ง เด็กน้อยหมอบลงกับพื้นทั้งเจ็บทั้งแสบและเสียขวัญ แดนดินงื้อมือจะฟาดลูกอีกหนแต่คราวนี้จิ๊บกับเจ้าขาเข้ามายื้อมือของแดนดินไว้หากแต่แรงของผู้หญิงตัวเล็กๆสองคนหรือจะสู้แดนดินที่ตัวใหญ่ราวยักษ์ปักหลั่นได้ แค่สะบัดเบาๆทั้งจิ๊บและเจ้าขาก็ล้มไปคนละทาง กำนันหนุ่มงื้อมือแล้วฟาดลงมาอีกครั้งเสียงไม้กระทบผิวเนื้อดังควับใหญ่หากแต่คราวนี้คนที่ร้องไห้จ้ากลับกลายเป็นแก้วเจ้าจอมที่กระโดดมากอดร่างของพี่คนโตไว้ แดนดินตกใจทิ้งไม้ลงกับพื้น ลูกเจี๊ยบแม้จะเจ็บกายหากแต่พอไม้ที่สามไม่โดนตัวเองแต่กลายเป็นเจ้าน้องเล็กมารับแทนก็ตกใจแทบสิ้นสติ

 

ตั้งแต่น้องเกิดมาลูกเจี๊ยบไม่เคยตีน้องซักครั้งอย่างมากก็แค่หยิกเบาๆให้ได้ร้องโอดโดยแต่คราวนี้แก้วเจ้าจอมร้องไห้จ้าน้ำตาเม็ดใสร่วงพรูสองข้างแก้ม แดนดินรีบอุ้มลูกเล็กขึ้นมาปลอบอย่างตกใจ

 

            “พี่เป็นบ้าอะไรพี่ดิน”จิ๊บทุบลงบนแขนของสามีอย่างโกรธจัด เจ้าขาเข้าไปประคองพี่ชายคนโตที่คุกเข่าร้องไห้อยู่อย่างสงสาร

 

            “พี่น่ะเหรอเป็นบ้า จิ๊บ ทำไมพี่ถึงเป็นบ้ารู้มั้ย”แดนดินมองหน้าภรรยา ก่อนตวัดสายตามองลูกเจี๊ยบที่จ้องหน้าตนอยู่ด้วยสายตาไม่เข้าใจ

 

            “รู้มั้ยวันนี้พี่ไปเจอใครมา? พี่ไปเจอแฟนไอ้ลอ เขาเข้ามาทักพี่แล้วเขาพูดว่าอะไรรู้มั้ย”แดนดินวางเจ้าจอมลงกับพื้นแล้วสาวเท้าไปหยุดยืนที่หน้าลูกเจี๊ยบ

 

            “เขาพูดว่าลูกเราแย่งแฟนเขามาโดยการเอาตัวเข้าแลกกับบัตรคอนเสิร์ต ตั้งแต่เกิดมาพี่ไม่เคยรู้สึกผิดหวังขนาดนี้มาก่อนเลยจิ๊บ”แดนดินจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของลูก ลูกเจี๊ยบก้มหน้าหลบตาเขา

 

            “หลบตาพ่อทำไม น้องบอกพ่อมาสิว่าน้องไม่ได้ทำเหมือนที่เขาพูด”แดนดินคาดคั้นลูกน้อยที่กำลังสั่นกลัว

 

ลูกเจี๊ยบจิกเล็บตัวเองอย่างกดดัน อาการพะอืดพะอมคล้ายจะอาเจียนสร้างความทรมานให้กับเด็กน้อย

 

กลัว...ลูกเจี๊ยบกลัวพ่อกำนันในยามนี้เหลือเกิน หากโกหกพ่อคงจะโกรธและผิดหวังมาก แต่ถ้าบอกความจริงลูกเจี๊ยบก็กลัวว่าอาลอจะต้องลำบากเพราะตน เด็กน้อยไม่สามารถเลือกทางไหนได้เลย

 

            “เจี๊ยบ ลูกทำอย่างที่เขาว่าจริงหรือเปล่า?”จิ๊บเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามลูกเองกับปาก

 

หล่อนตกใจกับสิ่งที่ได้ฟังไม่น้อย

 

ลลิตภัทรกับลูกชายของหล่อนนะหรือที่จะมีสัมพันธ์เกินเลยอย่างที่ถูกกล่าวหาจริง

 

หากแต่ลูกเจี๊ยบยังคงเงียบ นั่นยิ่งทำให้คนเป็นพ่อเดือดดาลยิ่งขึ้น ส่วนจิ๊บที่เลี้ยงลูกมากับมือก็รู้ได้ในทันทีว่าลูกรักของหล่อนนั้นทำตัวออกนอกลู่นอกทางไปเสียแล้ว

 

            “ทำไมล่ะน้อง ทำไมไม่พูดอะไรออกมาเลย แก้ตัวกับพ่อซักนิดก็ยังดี น้องเงียบอย่างนี้มันคือการยอมรับว่าน้องทำอย่างที่ผู้หญิงคนนั้นเขาว่ามากับพ่อจริงๆ เขาพูดว่ายังไงน้องรู้มั้ย?”แดนดินมองหน้าลูกที่เผลอเงยหน้าขึ้นมอง น้ำตาของลูกเจี๊ยบไหลเป็นสายอย่างน่าสงสาร

 

            “เขาบอกว่าพ่อเลี้ยงลูกยังไงให้เที่ยวไปฉกแฟนชาวบ้าน พ่อเจ็บเหมือนถูกเขาเอาตีนมาเหยียบหน้า นี่เหรอการตอบแทนความไว้ใจที่พ่อมีให้กับน้อง น้องทำให้พ่อทั้งผิดหวังทั้งช้ำใจแบบนี้ได้ยังไง พ่อแม่เฝ้าทะนุถนอมเลี้ยงดูเจ้ามาให้อยู่ในร่องในรอย คำน้อยไม่เคยว่าให้ช้ำใจ จะตีซักครั้งยังไม่กล้าแล้วน้องเอาตัวเองไปถวายให้มันทำแบบนั้นไม่นึกถึงหน้าพ่อหน้าแม่เลยเหรอ”

 

            “ฮึก...พ่อจ๋าแม่จ๋า น้องขอโทษ...”ลูกเจี๊ยบน้อยสะอึกสะอื้นก่อนจะพนมมือก้มลงกราบแทบเท้าของพ่อและแม่ที่ทำให้ทั้งสองคนผิดหวัง แดนดินชาไปทั้งร่าง คำขอโทษแค่คำเดียวก็เท่ากับลูกยอมรับทุกอย่างแล้วจริงๆ ชายหนุ่มหมุนตัวผลุนผลันลงจากเรือนไป จิ๊บกับลูกๆทั้งสามรีบร้องเรียกและวิ่งตามสามีไปหากแต่ในยามนี้แดนดินเหมือนมีไฟเผาอยู่บนหัว ชายหนุ่มก้าวเร็วลัดคันนามุ่งตรงไปยังบ้านของลลิตภัทร เมื่อไปถึงก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงก้าวขึ้นเรือนตึงตังลลิตภัทรกำลังยืนรดน้ำกล้วยไม้ที่นอกระเบียงหันไปอย่างตกใจเมื่อแดนดินเข้ามาประชิดตัวแล้วฟาดหมัดเข้าเต็มซีกหน้าของผู้ใหญ่บ้านหนุ่ม

 

            “มึงตายเสียเถอะไอ้ลอ ไอ้ชาติหมา”

 

            “ว้าย!!! กำนัน นี่มันอะไรกัน!!”ย่าโฉมที่ออกมาจากครัวเดินมาดูตรงตีนบันไดร้องถามอย่างตกอกตกใจ แดนดินหน้ามืดเกินกว่าจะตอบกลับหญิงชรา ชายหนุ่มกระโจนเข้าหาลลิตภัทรง้างเท้าจะกระทืบลงบนตัวของหนุ่มรุ่นน้องหากแต่ลูกเจี๊ยบที่ตามมาทันถลาเอาตัวปกป้องอาลอของตนไว้ในขณะที่จิ๊บกับลูกอีกสองคนก็มาช่วยดึงร่างของแดนดิน ลูกเจี๊ยบประคองลลิตภัทรเด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นปานจะขาดใจยามเห็นเลือดไหลออกมาจากมุมปากของอาลอ พนมมือไหว้อย่างขอความเมตตาจากผู้เป็นพ่อ

 

            “พ่อจ๋า พ่อพอแล้ว อย่าทำอาลอเลยนะจ๊ะ ถ้าจะตีพ่อก็ตีน้องเถอะ น้องเป็นคนเสนอตัวให้อาลอเอง ความผิดทั้งหมดเป็นเพราะน้องใจง่ายเอง”

 

            “เจี๊ยบพูดอะไรคะ? ลลิตภัทรรีบรั้งร่างอันสั่นเทาของหลานเข้ามากอดปลอบ เขาพอเดาเหตุการณ์ได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้

 

แดนดินรู้เรื่องความสัมพันธ์ต้องห้ามของเขากับเจี๊ยบแล้วชายหนุ่มขยับออกมาบังร่างหลานไว้

 

            “พี่ อย่าทำอะไรเจี๊ยบเลย ความผิดทั้งหมดผมรับไว้เอง ผมอยากจะขอรับผิดชอบเจี๊ยบ”ลลิตภัทรแสดงเจตนารมณ์ของตัวเองหากแต่ยังพูดไม่ทันจะจบเท้าหนักๆของแดนดินก็ยันโครมเข้าที่อกของผู้ใหญ่บ้านหนุ่มจนหน้าหงายพร้อมกับคำพูดประกาศกร้าวจนเรือนสะเทือน

 

            “กูไม่ให้!!!”กำนันหนุ่มตั้งท่าจะกระทืบซ้ำหากแต่พระลักษณ์ที่ได้ยินเสียงเอะอะรีบวิ่งออกจากบ้านตัวเองมาขวางไว้ซะก่อนที่น้องชายจะได้กินตีนไปมากกว่านี้

 

            “หยุดเดี๋ยวนี้นะกำนัน จะทำอะไรถ้าไม่เห็นแก่หัวดำก็เห็นแก่หัวหงอกของแม่กูบ้าง มึงขึ้นมาทำร้ายร่างกายน้องกูถึงเรือนไม่เกรงใจแม่กูเลยเหรอ”พระลักษณ์จ้องตาของกำนันอย่างโกรธจัดเห็นสภาพน้องชายที่เลือดกลบปากไม่ยอมสู้กับแม่วัยชราที่ร้องห้ามเสียงหลงแทบเป็นลมเป็นแล้งก็นึกชังน้ำหน้ากำนันหนุ่มนัก

 

            “ทีน้องพี่ล่ะมันทำอะไรเห็นหัวผมบ้างมั้ย?”แดนดินเองก็สวนกลับไปอย่างแข็งกร้าวไม่ต่างกัน

 

            “ไอ้ลอมันไปทำอะไรให้มึง ที่ผ่านมามันก็ดีกับลูกกับเมียมึงมาตลอด”

 

            “พี่ก็ถามมันสิ ว่ามันทำอะไรลูกผม มันพาลูกผมไปนอนกกที่กรุงเทพทั้งๆที่ตัวมันก็มีแฟนอยู่แล้ว ลูกผมก็ยังเด็ก มันทำได้ยังไง”

 

            “ห๊ะ!!!”คราวนี้คนทั้งบ้านฟากขะนี้ร้องออกมาพร้อมกันจนเสียงหลง พระลักษณ์ถึงขั้นยกมือขึ้นกุมขมับ ส่วนย่าโฉมถึงขั้นลมจับเข่าอ่อนร้อนถึงลูกสะใภ้กลางต้องประคองไปปฐมพยาบาลที่แคร่ใต้เรือน

 

            “ผมยินดีรับผิดชอบเจี๊ยบนะพี่”พระลอยังคงยืนยันคำพูดของตัวเอง ชายหนุ่มกุมมือของหลานไว้ สายตาเหลือบไปเห็นที่ขาของหลานมีรอยแผลเป็นแนวยาวเลือดซิบก็ปวดใจ ยื่นมือไปหมายจะแตะปลอบหากแต่ร่างบางกลับถูกผู้เป็นพ่อกระชากอย่างแรงจนปลิวตามมือไปยืนอยู่ใต้อาณัติของผู้เป็นพ่อนิ่วหน้าด้วยความเจ็บจนลลิตภัทรสงสารจับใจ

 


            "มึงไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรลูกกู ต่อไปนี้ห้ามมึงมายุ่งวุ่นวายกับลูกกูอีก ถ้ามึงยังไม่ฟังกูจะแจ้งตำรวจจับมึงข้อหาพรากผู้เยาว์”แดนดินทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็ลากลูกคนโตที่ลลิตภัทรพยายามเอื้อมมือคว้ามือหลานที่ยื่นเข้ามาหา หากแต่เขาจับรั้งหลานไว้ไม่ได้เลยแม้แต่ปลายเล็บเพราะพระลักษณ์เข้ามาขวางเขาไว้ ลลิตภัทรได้แต่ฟังเสียงหลานที่ร้องเรียกพร้อมกับร่างที่ถูกลากหายลับไปด้วยความเจ็บร้าวในหัวใจ





..............................



น้องถูกตี!!!!



น้องต้องเจ็บมากแน่ๆ อุปสรรคชิ้นใหญ่มาแล้ววววว



น้องจะทำยังไงจะแก้ปัญหานี้ยังไงหรือว่าจะต้องเลิกกัน!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-01-2019 13:15:03 โดย thanatcha »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด