ก้าวสุดท้าย
Happy Ending
โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน... “อย่าลืมนะค้า วันที่สิบห้านี้ ละครเวทีมหา’ลัย มาดูกันเยอะๆนะคะ”
ตอนเย็นเขามาช่วยโฟร์ประชาสัมพันธ์ละครเวทีมหา’ลัยที่เหลืออีกแค่สองวันก็จะมาถึงตรงประตูคณะศึกษาศาสตร์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประตูที่คนเดินผ่านไปมามากที่สุด เหตุเพราะมันนำไปสู่แหล่งของกินที่เรียกว่าโซนหลังมหา’ลัยนั่นเอง และเวลานี้ก็เป็นเวลาที่เหมาะที่สุดในการประชาสัมพันธ์ คละเคล้าไปกับการสันทนาการเรียกความสนใจจากผู้คนของเหล่านางฟ้า ที่ถือว่าประสบความสำเร็จทีเดียว เพราะคนเพิ่งเลิกเรียนและแห่กันออกที่ประตูนี้เพื่อไปซื้อของกินบรรเทาความหิว
“หนุ่มน้อยคนนั้น ที่ห้อยป้ายสีเหลือง อ๊ะๆ คณะวิทยาหรือเปล่า ได้บัตรเข้างานหรือยังคะ ถ้ายังใส่ชุดนักศึกษามาหาพี่ที่ห้องนะค้า ฮิ้วววววว”
ไม่มีอะไรจะตลกเท่าคณะสันทนาการผสมที่ฟอร์มทีมอย่างเร่งรีบ โดยมีมามี่และกรีนเป็นผู้ดำเนินรายการนี้อีกแล้ว ส่วนลูกทีมไม่ต้องพูดถึง แก๊งนางฟ้าและกะเทยฝั่งตะวันตกอีกส่วนหนึ่ง แค่นี้ก็ราวกับรวมคณะตลกทั้งประเทศเอาไว้ ณ มอแห่งนี้แล้ว
ไม่รู้ไปเข้าขากันได้ดีตอนไหน เจออีกทีก็ญาติดีกันได้ไปเสียแล้ว
นี่แหละน้าที่เขาว่า…
อันผู้ชาย ดีกันไว้แล้วจะได้กิน
อ้าว ไม่ใช่หรอกเหรอ
“น้องยังเด็ก คุณมามี่นี่ก็ เปลี่ยนเป็นเจ้าช็อปวิดวะที่กำลังยืนกินลูกชิ้นปิ้งอย่างเอร็ดอร่อยนั่นดีกว่าไหม”
คนที่ถูกคุณกรีนพาดพิงถึงไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเม่นเดือนวิศวะปีสองรุ่นราวคราวเดียวกันกับพวกเรานั่นเอง แถมทีเด็ดของคนนี้คือ เฟรนด์ลี่ เข้าหาง่ายสุดๆ รองจากสายป่านก็เม่นนี่แหละที่เป็นขวัญใจเหล่ากะเทยทั้งหลาย รวมทั้งหญิงสาวมากมายละลานตา
“สวัสดีครับ”
เม่นเดินเข้ามาทักทายพวกเราตามมารยาท
“มด ดังใหญ่แล้วนะเรา”
เขากับเม่นรู้จักกันตอนงานประกวดดาวเดือนที่เขาเข้าไปช่วยงานรุ่นพี่ เป็นสต๊าฟชั่วคราวหรือจะเรียกให้ถูกคือเป็นสต๊าฟฝึกหัด คอยหยิบจับโน่นนี่ให้รุ่นพี่ไปตามประสา
แต่ไอ้ที่ดังน่ะ ดังเรื่องอะไรอีก
“ดังไรอ่ะ” เขาถามเม่น
มันไม่ตอบ แต่เลือกเดินไปทักทายคนอื่นๆแทน แล้วปล่อยให้เขายืนงงเป็นไก่ตาแตกต่อไป สงสัยนี่คงเป็นนิสัยเสียของเม่นเพียงข้อเดียวคือ ชอบทำเมินแล้วเดินหนีไป
แม่ง เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ปีหนึ่ง จนเขานึกว่ามันโกรธเขาอยู่เลยเดินหนีไป ตอนเป็นสต๊าฟฝึกหัดที่ถูกรุ่นพี่วานให้ไปถามมันเรื่องแพ้อาหาร แต่มันไม่ตอบ แถมเดินหนีออกไปอีกทางเฉยเลย
แชะ แชะ
เขาเพิ่งสังเกตความผิดปกติบางอย่างได้ เมื่อกล้องของเหล่าแฟนคลับที่ควรจะรัวถ่ายไอ้เม่น พอมันเดินหนีไปก็ควรตามไปถ่ายมันถูกมั้ย แต่คนถือกล้องดันแพนมุมกล้องมาที่เขา แล้วกดถ่ายแชะ เฮ้ย มาถ่ายเขาทำไมกัน
“อะไรมด” วินดี้ถามเขา
“เมื่อกี้มีคนถ่ายรูปเราด้วย” มันเป็นครั้งแรกจริงๆนะ ที่มีคนมาถ่ายรูปเขาอ่ะ จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไง
“ไม่แปลกนี่ อ่ะ”
วินดี้ยื่นไอโฟนของเธอมาตรงหน้าเขา
“ให้เราทำไมวินดี้” เขาถามวินดี้งงๆ
“ไม่ได้ให้ ให้ดู” วินดี้ยกมือขึ้นบังแสงเพื่อให้เขาได้เห็นหน้าจอชัดเจนขึ้น
มันเป็นหน้าไทม์ไลน์ของไอ้สายป่านที่…
ตอนนี้กำลังขึ้นสเตตัสความเคลื่อนไหวที่มันเพิ่งเปลี่ยนเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว
สายป่าน 291 กำลังคบกับ Mod Kittikun
!!!
ไอ้สายป่านเป็นคนขี้แกล้งยังไง ก็ยังขี้แกล้งตลอดกาล
มึงต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ
ต้องแกล้งให้เขาได้อายคนทั้งมหา’ลัยแบบนี้จริงๆเหรอ
ใจร้ายยยยยยยย
แต่เขินชะมัด
ไอ้เหี้ยเอ๊ย
บ้าด้วย
“พูดถึงตัวต้นเหตุ ตัวต้นเหตุก็มา” วินดี้พูดขึ้นแล้วชี้ไม้ชี้มือไปหาตัวต้นเหตุที่ว่า
ไอ้สายป่านที่เดินถือกระเป๋าเป้ ทำท่าผิวปากชิลๆเหมือนไม่ได้ก่อเรื่องใหญ่โตอะไร กำลังเดินล้วงกระเป๋ากางเกงตรงมาทางนี้
“ไง” มันโบกมือทักทายเขา ก่อนจะเข้ามาลูบหัว ไม่พอขยี้อย่างเมามันจนพอใจก็หยุด
“ไอ้เหี้ย ดูสเตตัส” เขาว่า
“เรื่องจริง” มันยักไหล่ แล้วพูดไม่ออกเสียงแต่เขาอ่านปากมันได้ว่า “กูได้มึงแล้ว”
โหววววว ครั้งเดียวทำเป็นคุย
แต่ครั้งเดียวกูก็เขินจนจะตายแล้วอ่ะ ฮืออออออ เอาตามจริงถ้าไม่เจอหน้าได้จะดียิ่ง แต่คิดไปคิดมา ถ้าไม่เจอหน้ามันเขาคงขาดใจตาย ง่อววววว จุ๊ๆ รู้กันแค่ในนี้พอนะเรา
เฮ้อ ทำไมเขาต้องแพ้คนที่ชื่อสายป่านอยู่เรื่อยเลย
ไม่คุยด้วยแม่ง
พาลแล้วเงียบ เคยเห็นป่ะ
“มด”
“…”
“มดครับ”
“…”
“คุณมด”
“…”
“ไอ้เตี้ย”
“ไอ้เหี้ย”
มันหัวเราะเมื่อเขามีปฏิกิริยาตอบกลับข้อความสุดท้ายของมัน
“มีปากแล้วเหรอ”
“คนอย่างมึงน่ะ คุยด้วยดีๆได้ไม่นานหรอก”
เขาว่ามัน แล้วตีหน้าอกแน่นๆของมันไปหนึ่งที นี่แน่ะ ถึงแม้แรงของเขาจะไม่สั่นสะเทือนอวัยวะภายในร่างกายใดๆของมันเลยก็ตามที
แต่การกระทำของเขา กลับเป็นการชี้โพรงให้กระรอกไปได้ยังไงก็ไม่รู้
“มึงจับนมกูทำไม”
ชี้โพรงให้กระรอกอย่างไอ้สายป่านลากเข้าเรื่องลามกได้เฉยเลย
“กูตีมึง” เขาเถียงคอเป็นเอ็น ไอ้เหี้ย กูไม่ได้จับนมมึง
“มึงจับ”
“ไม่ได้จับ”
“จับ”
“ไม่”
หมับ!
“!!!”
“จับยัง”
ฮือออออ มัน มันเอามือเขาไปวางแปะไว้ที่หน้าอกมันอ่า ฮืออออออออ
เขาจะชักออก แต่มันกดไว้แน่น
แล้วตัดภาพไปที่แก๊งนางฟ้า เตรียมถ่ายรูปเก็บไว้เต็มที่ ม่ายยยยยยยยย
เรื่องแกล้งเขานี่เข้าขากันดีชะมัดนะทีมนี้
แชะ แชะ
“ปล่อย มีแต่คนถ่ายรูปเราเต็มไปหมด” เขาว่า
“แล้วไง”
“…”
“ถ้ากูแคร์คงไม่ประกาศบอกให้รู้ในเฟซขนาดนั้นหรอก”
“แต่กูเป็นผู้ชาย…”
“แล้วกูก็เป็นผู้ชาย กูชอบผู้ชาย กูเป็นเกย์ก็ได้ ถ้าได้ชอบผู้ชายชื่อมดอ่ะ”
มึงงงงงง
กูไปต่อไม่ถูกเลย
แอ่ก สลบตายคาอ้อมกอด ยอมมมมมมม
“คู่นั้นมันยังไงคะ ช่วยกันทำมาหากิน โปรโมทงานละครเวทีมหา’ลัยก่อนค่า แล้วจะไปจีบกันต่อที่ไหนก็เชิญ”
เขากับไอ้สายป่านมองตากันแล้วลอบยิ้มขำ
ไม่ได้จีบกันเสียหน่อย
เพราะจีบติดแล้วต่างหาก
อิอิ
“มด คืนนี้ประชุมครั้งสุดท้ายก่อนวันงานนะ พรุ่งนี้พักหนึ่งวัน แล้วมาเจอกันวันจริง”
ก่อนที่กองประชาสัมพันธ์บวกกองสันทนาการของละครเวทีจะแยกย้าย โฟร์หันมากำชับเขาอีกรอบถึงการนัดหมายคืนนี้ คือการประชุมใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนงานละครเวทีจะเริ่มในอีกสองวันข้างหน้า เป็นการเตรียมความพร้อมและช่วงฟีดแบคหรือการช่วยกันออกความเห็นในแต่ละจุดที่มีปัญหาเป็นครั้งสุดท้ายตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่การซ้อมได้เริ่มขึ้นมา
“มึงด้วย ไอ้พระเอก”
มันชี้หน้าไอ้สายป่าน ที่กอดคอเขาอยู่ข้างๆกัน
แล้วโฟร์และคณะก็จากไป
“ไปไหนต่อดี ก่อนจะถึงเวลานัด” มันถามเขา
“ไปร้านน้ำปั่นกรีนมั้ย” เขาออกความเห็น มันพยักหน้า
“ไปกัน”
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ที่แขนแกร่งที่คล้องคอเขาอยู่จะเลื่อนมือมันลงมาเกาะกุมมือเขาเอาไว้ แล้วเราก็เริ่มก้าวเดินไปยังจุดหมาย
โดยไม่สนว่าใครต่อใครจะจ้องมองมาอย่างสนใจ
แค่มือเขากับมันยังกอบกุมกันไว้
ก็พอ…
“หวัดดีคร้าบ พี่กรีน”
พอมาถึงร้านน้ำปั่นกรีน รีบเปลี่ยนเป็นหน้าหม้อเข้าไปหาเจ้าของร้านเลยนะ
“สวัสดีครับพี่กรีน” เขาเองก็ไม่ลืมยกมือไหว้ผู้ใหญ่เช่นกัน
“พี่ของเขาไม่อยู่อย่างนี้ แปลว่าเปิดโอกาสให้ผมจีบใช่ป่ะ” พี่กรีนหัวเราะคนช่างหม้อ แล้วหันมาหาเขา
“มีคนมองพี่ตาเขียวปั๊ดแล้ว” ได้ไง มาโยนขี้ให้เขาเฉย พี่กรีนนนนน
“หึงเหรอครับ เมียหลวง” เอากับมันสิ เขาตีไหล่มึงหนึ่งที ข้อหาหมั่นไส้คำพูดคำจา
พี่กรีนถึงกับหัวเราะอีกรอบ
“เรียนเชิญคุณสายป่านและภรรยาไปนั่งที่โต๊ะก่อนได้เลยครับ เดี๋ยวไปรับเมนู”
“พี่กรีนนนน”
“อิอิ เวลามดเขินนี่น่ารักจัง” พี่กรีนเล่นเขาแล้ว
“อย่านะ คนนี้หวง”
ไอ้สายป่านมึงพูดประโยคนี้ออกมาได้ไง๊ เขินตายไปเลยสิมด
“จ้าๆ ไปนั่งกันก่อนๆ”
เราเลือกนั่งโต๊ะข้างในมุมขวาสุดของร้าน เพราะมันติดหน้าต่าง มองออกไปเห็นสวนดอกไม้เล็กๆที่พี่กรีนจัดตกแต่งแบบน่ารักๆ สีดอกไม้ยังต้องเลือกเป็นสีพาสเทลแบบสีผนังร้านเลย เขามองว่ามันโคตรเข้ากันแบบสุดๆ
แถมมีติดชื่อเจ้าของสวนด้วย
กรีนของเขา
โอ๊ยยยย ทำไมอ่านแล้วเขิน เหมือนพี่ของเขากำลังจะบอกว่ากรีนเป็นของเขา งงกันมั้ย
เขินไว้ก่อนแล้วกัน งื้อ
“แดกไร”
หมดกัน ความโรแมนติกนี้ มึงหยาบคายไปแล้วนะ
“พูดว่า กินอะไรดีครับ ซิ”
เขาทวนให้มันพูดใหม่อีกรอบ
“จะแดกไม่แดกเตี้ย”
เออๆ กูแดก
เขาจิ้มๆบอกมันไป น้ำปั่นรสไหน สไตล์ไหนก็อร่อยหมดล่ะ เขาลองมาหมดแล้ว ฝีมือพี่กรีน โออิชิ!!!
“ทำไมทำหน้างอ”
ก็มึงพูดไม่เพราะ แต่เขาที่ไม่อยากดูงี่เง่าในสายตามันก็ปล่อยเลยตามเลย ด้วยการส่ายหัวบอกว่าไม่มีอะไร
คู่ผู้ชายอ่ะเนอะ มันก็ได้แค่นี้แหละ
อีกอย่าง การบอกให้อีกฝ่ายเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันคงจะดูอึดอัดเกินไประหว่างเราไม่น้อย
“เปล่า อย่าสนใจเลย” เขาบอกปัด
“ไม่ให้สนใจได้ไง แฟนทั้งคน”
ขยันทำให้เขินจริงๆ
เขาตีไหล่มันไปหนึ่งรอบ
“โอ๊ย เดี๋ยวนี้มึงแต๋วแตกนะ เอะอะก็ตีไหล่เหมือนผู้หญิง”
เขาเบิกตากว้าง
“มึง… ไม่ชอบเหรอ กูขอโทษนะ”
เขาก้มหน้างุด
หมับ!
สัมผัสแผ่วเบาของฝ่ามือใหญ่ที่วางลงตรงหัวเขา
“ถ้าเป็นมึง กูก็ชอบหมดนั่นล่ะ อย่าคิดมาก เจ้าเตี้ย”
จากนั้นมันก็ลากมือมาที่ข้างแก้มเขา แล้วขยำอย่างหมั่นเขี้ยว แต่ขอโทษทีครับ กูเจ็บจนน้ำตาเล็ดแล้ว
“ปล่อยเลยแม่ง แกล้งกู”
มันหัวเราะเพราะสุดท้ายเขาก็ทำอะไรมันไม่ได้อยู่ดี เอาเลย แกล้งให้พอ อย่าลืมมาง้อด้วย
“สายป่าน”
เราแกล้งกันไปมา จนเสียงหนึ่งเรียกให้หันไป
นินิว…
เธอยืนอยู่ข้างหลังสายป่าน
“นินิว”
เขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยจริงๆ มันทั้งอึดอัด แล้วก็กดดัน
“นินิวจะมาขอโทษ เรื่องคืนนั้น”
ในที่สุดเธอก็พูดออกมาแล้ว เห็นได้ชัดว่านินิวไม่กล้ามองหน้าสายป่านเลยด้วยซ้ำ และแน่นอนว่าคำขอโทษของเธอย่อมไม่มีความจริงใจแม้แต่น้อย
“อยากจะขอคุยกับสายป่าน ตามลำพัง”
เธอมองมาที่เขา ด้วยสายตากดดันอย่างเห็นได้ชัด
“งั้นเดี๋ยวกูไปคุยกับพี่กรีน”
“อยู่ด้วยกันนี่แหละ”
มันว่าเสียงจริงจัง จนเขาที่กำลังจะลุกขึ้นต้องย่อตัวลงนั่ง
“สายป่าน…” นินิวเรียกชื่อมัน
“เรากับมดเป็นแฟนกัน เราไม่สะดวกจะคุยกับนินิวสองต่อสอง เราไม่อยากให้มดคิดมาก”
มันกอบกุมมือเขาไว้แน่น และเขาก็บีบมือมันไว้แน่นเช่นเดียวกัน
“งั้นเหรอ”
“…”
“งั้นเราคงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว”
นินิวยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวตามความรู้สึกของเธอตอนนี้ เธอหมุนตัวหันหลังกลับ เตรียมจะเดินจากไป แต่สายป่านคว้าข้อมือเธอเอาไว้
นินิวหันกลับมาอีกครั้งด้วยใบหน้าที่มีความหวังอย่างปิดไม่มิด
“ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญมั้ย แต่เราอยากจะบอกนินิวเอาไว้…”
“…”
“ว่าเรื่องของเรามันคืออดีตไปแล้ว”
สายตาของไอ้สายป่านจริงจังมาก ถ้าหากเขาเป็นนินิว เขาก็คงจะทำเหมือนเธอตอนนี้ คือหลบให้พ้นสายตาคู่นี้ด้วยการก้มหน้างุด
“เราเข้าใจแล้ว”
“…”
“ที่ผ่านมาขอโทษด้วยนะ”
เธอบอกเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเดินจากไป
“เฮ้อ จบเรื่องซะที” มันปล่อยตัวเองให้ผ่อนคลาย แล้วเอนกายพิงเก้าอี้
“หยุดขมวดคิ้วได้แล้ว เครียดแทนกูทำไมนี่ย”
มันว่าแล้วเอานิ้วโป้งมาคลึงตรงหว่างคิ้วเขาให้คลายออก
“กูไม่เหลือใครแล้วนะ…”
“…”
“เพราะงั้นมึงต้องห้ามทิ้งกู”
“…”
“นะครับ คุณมดของสายป่าน”
จบประโยคมันก็เอามือมาบีบแก้มเขาให้แบะออก
ชอบจังเลย
คำว่าคุณมดเนี่ย
❤
“ฉากพร้อม นักแสดงพร้อม”
“พร้อม”
“แสงสีเสียงพร้อมนะ”
“พร้อม”
“โอเค เริ่ม!”
สิ้นประโยคคำสั่งของเขา ทุกอย่างก็ถูกเซ็ทลงบนเวทีอย่างเหมาะเจาะ ตามที่ซ้อมกันมา
เสียงฮือฮาตื่นตาตื่นใจของทุกคนเมื่อเปิดม่านออกมา ทำให้เขายิ่งเหลิงดีใจ
ทุกๆอย่างดูโอเคไปหมด
นี่แหละที่เขาเรียกว่าความเป็นเฟรชชี่ ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตมหา’ลัยต้องได้ลองทำ
รู้สึกเหมือนวันวาน ตอนที่เขายังอยู่ปีหนึ่ง
ไม่ว่าเมื่อไหร่ เขาก็ยังตื่นเต้นกับสิ่งมหัศจรรย์ตรงหน้านี้เสมอ
ตลอดระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมา การซ้อมไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
หลายครั้งมีกระทบกระทั่งผิดใจกันบ้าง
หลายครั้งเราอาจจะเหนื่อยและท้อจากคำติ หรือหลงดีใจกับคำชมมากมาย
และหลายครั้งที่คิดจะยอมแพ้…
แต่วันนี้…
ตอนนี้…
นาทีนี้…
วินาทีนี้…
เรากำลังทำมันอยู่
เรากำลังทำให้เห็นว่า…เราทำได้
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่น้ำตาเขารื้นขึ้นมา
แต่มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจ หากเป็นความตื้นตันใจต่างหาก
ขอบคุณทีมงานทุกคนที่อยู่เคียงข้างกัน ขอบคุณนักแสดงผู้เสียสละเวลาตอนเย็นอย่างมากมายมหาศาล ขอบคุณคนเขียนบท ที่รังสรรค์ละครเวทีเรื่องนี้ขึ้นมาให้เล่น และขอบคุณโฟร์ที่ชวนเขาให้มาเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ
หากจบงานนี้ไป คงคิดถึงทุกๆคนแน่ๆ
“มด เดี๋ยวไปเก็บของข้างบนเวทีมาให้หน่อยนะ กูออกไปดูของข้างนอกแป๊บ”
โฟร์เดินออกไปแล้วทิ้งเขาไว้กับโรงละครว่างเปล่า
จะว่าไปมันก็ดูวังเวงเหมือนกันนะนี่
เอาเถอะ รีบๆเก็บรีบๆกลับ ว่าแต่ไอ้สายป่านหายไปไหนแล้วเนี่ย
แกรก
เดี๋ยววววววว
ทำไมหน้าจอโปรเจกต์เตอร์มันเปิดขึ้นมาเองได้เนี่ย
ใจเย็นๆนะ อยู่มาปีสอง จะมาเจอดีตอนนี้ไม่ได้นะ ขอร้องเถอะ พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย
{สวัสดีครับ}
เขาชะงัก หน้าจอโปรเจคเตอร์ที่เป็นสีดำ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นฉายภาพใครบางคน ซึ่งนั่งอยู่บนเตียงนอน
{ผม สายป่าน 291}
{มีอะไรจะให้คุณมดรหัส 189 ดูครับ}
มันหยิบกล่องกำมะหยี่สีดำ ที่เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าวางอยู่บนเตียงข้างตัวมันมาไว้บนตัก แล้วหยิบอะไรบางอย่างในนั้นออกมา
มันคือรูปภาพ รูปภาพปึกหนา
มันหยิบรูปใบหนึ่งขึ้นมาโชว์
{ตอนผมเจอเขาวันแรกครับ เขาตัดผมทรงนักเรียนหัวเกรียนแบบมัธยมเดินเข้ามาห้องสัมภาษณ์ ตัวเตี้ย ขาสั้น หน้าตาขี้เหร่ แต่ทำไมผมยังจ้องมองเขาอยู่ไม่วางตาก็ไม่รู้}
นั่นเป็นรูปถ่ายรวมตอนที่เขาติดรอบโควตาแล้วเดินทางมาสัมภาษณ์กับทางมหา’ลัย ซึ่งเขายืนถ่ายรูปอยู่ข้างๆมัน
มันหยิบใบต่อไปขึ้นมา
{วันแรกของการรับน้องครับ มีคนงอแงจนเพื่อนใจเสียกันหมด แถมทำท่าจะเป็นลมด้วยครับ ผมเลยแอบใช้เสน่ห์ของตัวเองนิดหน่อยอ้อนรุ่นพี่ผู้หญิงแถวนั้นให้พาคุณมดออกไปที่โซนพยาบาล อ่อนแอจัง ทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย}
เขาจำได้ว่าเขาร้องไม่หยุด กลัวก็กลัว จนรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งมาพาออกไปที่โซนพยาบาล แล้วมันไปแอบถ่ายรูปเขาร้องไห้ตอนไหนเนี่ย เอาไว้แบลคเมล์เหรอ
ใบต่อมา…
{เลี้ยงสายครั้งแรกครับ โชคดีที่สายรหัสเราพาไปเลี้ยงร้านเดียวกัน ใครก็ไม่รู้ถูกรุ่นพี่มอมเหล้าจนเมาแอ๋ เดือดร้อนต้องให้ผมพาไปส่งที่หอ ตื่นเช้ามาแม่งจำไม่ได้ว่าใครแบกมาที่ห้องอีก เวรกำของกู ทำความดีแต่เขาไม่เห็นซะงั้น แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นก็ทำให้เสื้อตัวเก่งของผมต้องถูกทิ้งไปตลอดกาล}
ตอนนั้นเมทบอกเขาว่ามีคนมาส่ง คนคณะเดียวกันนี่ล่ะ เขาเลยติ๊ต่างไปเองว่าอาจจะเป็นรุ่นพี่คนใดคนหนึ่งที่ร่วมกันมอมเขาจนเมาหมดสภาพ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นมัน
ภาพของเขาที่หลับตาพริ้มพิงเบาะรถ มันก็ยังถ่ายเก็บไว้นะ
มันหยิบรูปขึ้นมาใบแล้วใบเล่า
{ลงพื้นที่ชุมชนครั้งแรก ถึงจะเปื้อนฝุ่นเขรอะไปหมดทั้งตัว แต่คุณมดก็ยังยิ้มได้ อ่า ใจเต้นแรงชะมัดเลย}
{พ่อครัวมด ตักอาหารให้ผมเยอะจัง สงสัยคงชอบเรามากแน่ๆเลย}
บ้าป่ะ เขาก็ตักอาหารให้ทุกคนเท่ากันหมดนั่นแหละ
{ตอนไปทริปทะเล แอบตามไปด้วยเพราะเป็นห่วง กลัวจะถูกน้ำทะเลพัดไป}
ตัวเขาไม่เบาขนาดนั้นเว้ย
{ปิดเทอมแล้ว โคตรเหงาเลย ไม่ได้เจอคุณมด}
เขาหัวเราะ เพราะภาพที่ถ่ายคือรูปของมันที่กำลังเบะปาก โอ๊ย คิดว่าน่ารักตายล่ะ เออ น่ารักโคตรๆ
{ถึงเวลารุกคุณมดแล้ว แต่หลับอยู่ ทำไงดี เพราะเป็นห่วงเลยต้องเฝ้าจนกว่าจะตื่น}
เป็นรูปเขาที่กำลังฟุบหลับกับม้าหินอ่อนใต้ตึกคณะ เป็นวันเดียวกับที่มันยึดบัตรนักศึกษาของเขาไป
{คุณมดน่ารักโคตรๆ}
แงงงงง ยังตามมาหลอกหลอนจนได้นะ เป็นภาพวันที่เขาไปสันทนาการตรงสนามกีฬากลาง วันเดียวกันกับที่ถูกเหล่านางฟ้าจับแต่งหญิงแมวเหมียว
{ตอนหลับน่ารักฉิบหาย}
ยังจำวันที่เขาเกือบจะเสียจูบแรกให้ไอ้สายป่านได้ใช่มั้ย นี่มันคนโกหกชัดๆ แกล้งเมานี่นา เพราะวันนั้นเขาที่นึกว่ามันหลับไปแล้วเลยล้มตัวลงนอนตามมันไปหลังจากอาบน้ำเสร็จ แต่มันดันมีภาพของเขาที่หลับปุ๋ยแบบนี้ มันหมายความว่ายังไง
แปลว่าวันนั้นมันไม่ได้เมาสินะ หึ
{ตอนโกรธก็น่ารัก}
{ตอนงอนก็น่ารัก}
{ตอนหึงก็น่ารัก}
มันยกรูปหลายๆใบขึ้นมาโชว์พร้อมกัน ซึ่งทั้งหมดเป็นรุปของเขาในอิริยาบถต่างๆ
นี่มัน… มีรูปเขามากมายขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
ในวิดิโอ สายป่านวางรูปกลับที่เดิม แล้วปิดกล่องกำมะหยี่สีดำ เอื้อมมือมาตรงหน้าจอ แล้วโปรเจกเตอร์ก็ดับลง
ตอนนี้เขาตกอยู่ในความมืดมิดของโรงละคร
“ขนาดตอนกลัวยังน่ารักเลย”
มีเสียงกระซิบที่ข้างหูเขา
พอหันไปมองก็…
“แฮร่”
โอ๊ย หัวใจจะวาย เพราะพอหันไปก็พบกับไอ้สายป่านที่เอาไฟฉายมาส่องหน้าตัวเอง
แต่พอมองดีๆ
ไฟที่ส่องอยู่ กลับส่องให้เห็นบางอย่างที่มันถือเอาไว้
ช่อกุหลาบช่อโต ถูกยื่นมาตรงหน้าเขา
“กุหลาบช่อนี้ไม่ได้ยืนยันว่าเส้นทางความรักของเราจะโรยด้วยกลีบของมัน”
“…”
“แต่ดอกกุหลาบ เป็นดอกไม้ที่กูชอบที่สุด”
“…”
“และกูอยากมอบมันให้กับคนที่กูชอบที่สุด”
“…”
“พร้อมจะก้าวเดินไปด้วยกันแล้วใช่มั้ย”
เขารับช่อกุหลาบมา รู้เลยว่าตอนนี้ขอบตากำลังร้อนผ่าว
“อื้อ ขอบคุณที่รักกันนะ” เขาตอบรับ
“ขอบคุณที่รักกันครับ”
และมันก็ตอบรับเช่นเดียวกัน
“เย้!!!”
ไฟในโรงละครเปิดพรึ่บ ตามมาด้วยเสียงเฮของเหล่าผู้สมรู้ร่วมคิดมากมาย
ไม่ว่าจะเป็น แก๊งนางฟ้า กรีน เวล หรือแม้กระทั่งโฟร์ที่หลอกให้เขามาเก็บของบนเวที
หึ แผนสูงกันจริงๆ
END
ความในใจ
…ก่อนจากกันไปเราเดินทางกันมาถึงตอนจบแล้วนะคะ สำหรับเรื่อง STEP by STEP ทีละก้าว ที่มีคู่พระนายอย่างมดและสายป่าน
ก่อนจะเริ่มเขียนนิยายเรื่องนี้ เรามีความฮึดสู้แบบ เราอยากเขียนแต่ละตอนให้ยาวๆค่ะ จึงค่อยๆบรรยายเนื้อหาค่อนข้างมาก
แต่แล้วเรากลับพบว่ากระแสตอบรับสำหรับเรื่องนี้ ไม่มากพอ เรามาค้นพบตอนช่วงกลางเรื่องค่ะ แต่กระนั้น เราก็ยังมีความหวังค่ะ ความหวังเล็กๆจากนักอ่านทุกท่านที่คอยติดตามเราเสมอมาค่ะ ทุกๆคอมเมนต์คือกำลังใจมากมายที่ทำให้เราสามารถปั่นนิยายเรื่องนี้จนจบได้
อยากจะบอกความจริงว่า นิยายเรื่องนี้จบนานแล้วค่ะ ตั้งแต่เดือนเมษายน แต่เราไม่มีเวลาว่างเลยที่จะลงต่อจนจบ ครั้นจะลงวันละตอนก็มีเรื่องนั้นเรื่องนี้มาแทรก
สุดท้ายนี้ ก็อยากจะขอบคุณทุกๆกำลังใจ และรอยเท้าของทุกคนที่เดินติดตามกันมา บ้างเราเจอกันตั้งแต่เรื่องแอบรัก บ้างก็เพิ่งมา ไม่สำคัญหรอกค่ะ สำคัญที่ว่า ทุกๆการก้าวเดินไปด้วยกัน เป็นกำลังใจมากมายของมิวเสมอ
ด้วยรัก
MewSN
*แง๊ แล้วเบลอไปใส่ว่ามี TBC 555 ขออภัยค่า