พิมพ์หน้านี้ - STEP by STEP ทีละก้าว - {END}

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: MewSN ที่ 09-11-2018 20:45:39

หัวข้อ: STEP by STEP ทีละก้าว - {END}
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 09-11-2018 20:45:39
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม






***********************************************






[- ทีละก้าว -]

- M E W S N -


- C O N T E N T S -

00 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3909510#msg3909510)
01 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3909925#msg3909925)
02 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3912632#msg3912632)
03 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3913240#msg3913240)
04 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3920560#msg3920560)
05 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3932331#msg3932331)
06 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3963552#msg3963552)
07 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3963810#msg3963810)
08 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3964103#msg3964103)
09 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3964381#msg3964381)
10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3964677#msg3964677)
11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3964915#msg3964915)
12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3973323#msg3973323)
13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3974981#msg3974981)
14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3977250#msg3977250)
15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3977510#msg3977510)
16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3977740#msg3977740)
17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3978309#msg3978309)
18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3979800#msg3979800)
19 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3980028#msg3980028)
20 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3982551#msg3982551)
21{END} (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3983353#msg3983353)

หากเริ่มนับไปทีละก้าว เขาไม่รู้ว่าเท้าขวาหรือซ้ายของตัวเองที่จะไปถึงจุดหมายก่อน
แต่นั่นสำคัญด้วยเหรอ ?
หากว่าก้าวสุดท้ายของเขาจะไม่ได้ยืนอยู่เบื้องหน้ามัน




▂▂ ▃ ▄▅ ▆ ▇ █ งานเขียนชิ้นเก่า █ ▇ ▆ ▅▄ ▃ ▂ ▂


เรื่องยาว

แอบรัก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49105.0) {END}
เคียงเดือน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53668.msg3376469#msg3376469) {END}
วัน ไนท์ สแตนด์ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70615.0) {LOADING...}

เรื่องสั้น

Found it! (กู)หา(มึง)เจอแล้ว (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52603.msg3337594#msg3337594)
#HappyAprilfool'sday - สุขสันต์วันเมษาหน้าโง่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52846.msg3348099#msg3348099)
#จีบตอนเด็กแถมฟรีตอนโต (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53552.msg3372232#msg3372232)
บันทึกพิเศษวันสงกรานต์ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53185.msg3358437#msg3358437)
HAPPY OR BAD (มินิแต่มีหลายตอน) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56531.msg3513476#msg3513476) {LOADING...}
ทฤษฎีข้างขวา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67178.msg3831244#msg3831244)
คืนส่งท้ายปีเก่า ช่างเงียบเหงาเหลือเกิน  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69293.msg3929344#msg3929344)


ช่องทางติดต่อ MewSN ค่า
>>> จิ้มมมม (https://www.facebook.com/mewsnauthor/) <<<


***********************************************
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - บทนำ 09-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 09-11-2018 20:47:27
รอติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - บทนำ 09-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 09-11-2018 20:52:13
บทนำ


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  เขากระชับกระเป๋าผ้าสีขาวใบเก่งข้างกายแน่น หวังให้การขย้ำแรงๆมันช่วยลดความประหม่านี้ลงได้
                  เท้าซ้ายของเขาเคลื่อนไปข้างหน้า มีใครบางคนที่เขารู้จักเคยบอกว่า ก้าวแรกมักน่ากลัวเสมอ แต่ทำไมตอนนี้เขาถึงรู้สึกว่าก้าวที่สองกลับน่ากลัวยิ่งกว่า
                  ไม่สิ ยิ่งก้าวต่อไปเรื่อยๆ ยิ่งน่ากลัวทุกขณะ ยิ่งใจหาย หายใจไม่คล่อง มันหน้ามืด มันตาลาย มันคล้ายจะเป็นลม
                  ใจเขาเต้นแรงตึกตักบอกให้รู้ว่าเลือดเริ่มสูบฉีดเพราะความตื่นเต้นอย่างหนัก
                  ทั้งตื่นเต้น ทั้งหวาดกลัว ทั้งประหม่า ทั้งอะไรก็ไม่รู้ในความคิดเต็มไปหมด
                  อะไรกัน
                  นี่มันก็แค่ทำตามคำสั่งของรุ่นพี่ ชีวิตปีหนึ่งก็เท่านี้ ต้องอยู่ในกฎระเบียบ เคารพรุ่น นอบน้อมถ่อมตนเห็นว่าตัวเองเป็นผู้น้อยเสมอ แล้วอะไรอีกก็ช่างแม่งไปก่อนเถอะ ตอนนี้ในหัวที่ยุ่งเหยิงด้วยระบบความคิดมีเพียงคำสั่งเดียวที่ชัดเจน
                  นั่นเพราะมันไม่ใช่คำสั่ง แต่มันคือความรู้สึก สิ่งที่ถูกจดจำด้วยความรู้สึก มันชัดเจนเสมอ
                  มันก็เป็นแค่คำสั่งง่ายๆ ธรรมดาๆ ซ้ำๆเหมือนกับของใครๆ แต่ไม่ว่าผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย ก็ทำให้ผู้รับคำสั่งต้องเป็นบ้าเป็นหลังแบบเขาตอนนี้ทุกที
   
                  บอกรักเดือนคณะ
   
                  บอกรักเดือนคณะ?
   
                  โอเคมันอาจจะเป็นคำสั่งที่ผสมความอยากแกล้งรุ่นน้องของรุ่นพี่ หรือความฟินของรุ่นพี่หลายคนที่ยืมมือน้องรหัสตัวเองเป็นสะพานเชื่อมสายสัมพันธ์
                  แต่ขอโทษเถอะ จะไม่คิดหน่อยเหรอว่า เขาเองจะไม่ได้แอบชอบเดือนคณะอยู่จริงๆ
                  เฮ้อออออออออออออออออออ
                  ขอถอนหายใจยาวๆกับประโยคข้างบน เพราะว่า…
                  โอเค เขายกมือยอมแพ้ในเรื่องที่ว่า มัน เป็นบุคคลที่เขาแอบชอบอยู่เงียบๆ มาตั้งแต่ทำกิจกรรมรับน้องของคณะแล้ว
                  ทั้งที่ละอายใจเรื่องที่แอบชอบเพื่อนร่วมรุ่นที่เป็นผู้ชายที่ถูกวางตำแหน่งให้เป็นเดือนมาตั้งแต่วันแรกยังไม่พอ มัน ที่ว่ายังมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วอีกด้วย
                  แฟนตัวจริง ที่เป็นผู้หญิง ที่ทั้งสวย รวย และเก่ง ครบเครื่องฉบับเขาเทียบไม่ได้แถมเทียบแล้วไม่ติดฝุ่นเลยล่ะ
                  
                  อย่าลืมกฎธรรมชาติที่ว่า…
                  ผู้ชายยังไงก็ชอบผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ แล้วถ้าถามเขาล่ะ ว่าเขาไปชอบมันตอนไหน
   
                  ไม่รู้สิ แต่ที่เขารู้ อย่างน้อย เขาก็ไม่เคยมองใครอีกเลยนอกจากมัน แม้เราจะเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ทำงานสาขาด้วยกัน โดนว้ากมาด้วยกัน อยู่ด้วยกันมาเป็นเดือน แต่เป็นเขาเองที่ไม่กล้าคุยกับมัน ทฤษฎีการกดดันของพวกรุ่นพี่อาจใช้ได้ผลกับเพื่อนร่วมรุ่นทุกคน เราสนิทกันค่อนข้างเร็วและไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่ไม่ใช่กับมัน
   
                  มันเท่านั้น ที่เขาประหม่าทุกครั้งที่เจอ
                  มันเท่านั้นที่เขาหลีกหนี และไม่ยอมขอความช่วยเหลือใดๆ
                  แล้วมันผิดอะไร ทำไมเขาต้องทำเป็นเมิน เดินหนี มองไม่เห็น หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้มันเองก็ไม่กล้าทักเขาอีกเลย
                  เปล่า มันไม่ผิด แต่เป็นเขานั่นเองที่โคตรผิดมหันต์
         
                  มีกฎข้อหนึ่งที่รุ่นพี่เคยบอกเล่นๆว่า…
                  ห้ามแอบชอบเพื่อนร่วมรุ่น
                  ตอนนี้เขารู้ซึ้งเลยล่ะว่ากฎเกณฑ์ที่เหมือนเรื่องเล่นๆ พอเจอเข้ากับตัวกลับนึกขำไม่ออก
                  มันให้ความรู้สึกแบบนี้เองสินะ สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนและเขาไม่อยากยอมรับ คือเขาแทบมองหน้ามันไม่ติด มันไม่สนิทใจที่จะเป็นเพื่อนในเมื่อเราก็รู้อยู่แก่ใจตัวเอง
   
                  ยิ่งกว่านั้น เขายังมีของแถม
   
                  แอบชอบเพื่อนร่วมรุ่นที่เป็นผู้ชายยังไม่พอ ของแถมก็คือเพิ่งรู้เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนว่ามันยังมีแฟนที่เป็นผู้หญิงอยู่แล้วด้วย
                  ดังนั้นคงไม่ต้องเดาให้เสียเวลาว่าความฝันเขาได้ดับลงตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
                  แค่คิดจะเปิดเผย ใจเขาเองยังไม่กล้าเลย
   
                  แต่วันนี้ ตอนนี้ นาทีนี้ เขาค่อยๆก้าวเท้าช้าๆ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ถึงแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายก็คงคิดว่าเป็นแค่เกมล้อเลียนของรุ่นพี่ แต่สำคัญที่สุดมันอยู่ที่ใจเราต่างหาก ที่ไม่คิดแบบนั้น
                  จะให้คิดว่าแกล้งชอบ ทั้งๆที่แอบชอบจริงๆไปแล้วมันทำไม่ได้นะเว้ย
                  สายตาเขาทอดยาวไปยังม้านั่งใต้คณะ ที่มีแต่เด็กสถาปัตย์นั่งเรียงราย หนึ่งในหลายสิบคนคือรุ่นของเขาเอง มีทั้งรู้จักชื่อ และคุ้นหน้า
                  ครั้งนี้พี่รหัสผู้อยู่ในเงามืดและยังเป็นปริศนาให้เด็กปีหนึ่งตามหาต่อไปของเขาทำเขาแสบจริงๆ
   
                  ฮึ่ย
                  ถ้าพี่แกชอบเดือนปีหนึ่งคณะเราก็มาบอกมันเองดิ
                  ใช้น้องรหัสเป็นเครื่องมือแบบนี้
                  มันไม่ดีเลยจริงๆ
                  ไม่ดีต่อหัวใจมากๆเลย
   

                  “มดเหรอวะ”
   

                  พอเท้าเหยียบเข้าไปใกล้อาณาเขตที่สายตาของผองเพื่อนชาวสถาปัตย์จะมองเห็น ชื่อของเขาก็ถูกพ่นออกมาจากเพื่อนร่วมรุ่นที่จำได้ หรือมันสายตาดีอ่านจากป้ายที่ห้อยคอเขาไว้ก็ไม่แน่ใจ
                  ปกติเขาไม่ค่อยสุงสิงกับใคร และกับใครที่ว่าส่วนใหญ่ได้เหมารวมผู้ชายทั้งหมดของคณะไว้
                  ตั้งแต่จำความได้ เพื่อนของเขาก็มีแต่ผู้หญิงทั้งหมดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว นี่คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่เพื่อนๆชอบล้อว่าเขาเป็นเกย์
                  จะเรียกว่าเกย์ก็ได้นะ และถ้าเป็นเกย์แล้วชอบแค่มัน เขาคงต้องยอมเป็นเกย์
                  และตอนนี้มันที่ว่าก็หันมามองทางเขาเช่นเดียวกัน
                  ถอยกลับตอนนี้ยังทันมั้ยนะ
                  พี่รหัสบ้าๆ กับคำสั่งบ้าๆ ถ้าเขาไม่ทำจะไม่นับเป็นน้องเหรอ ไม่เป็นก็ได้เว้ย
   

                  ได้ที่ไหนกันล่ะ
   

                  “เอ่อ…”
   

                  อยากตบปากให้หายตะกุกตะกัก
   

                  “ขอคุยกับนายหน่อยดิ”
   

                  โอ๊ย ถ้าเขาบอกไม่รู้ว่าควรใช้สรรพนามไหนทักผู้ชายดีใครพอจะช่วยได้ไหม
                  มันเป็นจริงๆนะ การไม่มีเพื่อนผู้ชาย ก็เท่ากับว่าคำพูดคำจาแบบผู้ชายเขาก็ไม่เคยฟัง ดูมาจากในหนัง อ่านจากนิยาย ก็มีแต่ เรากับนายนี่ล่ะ กับเพื่อนผู้หญิงยิ่งแล้วใหญ่ แทนตัวเองด้วยชื่อน่ารักกิ๊บเก๋ไปอีก ซึ่งบอกเลยว่าไม่เหมาะกับหน้าเขาอย่างยิ่ง
   

                  “กับใครวะ”
   

                  ทั้งรุ่นมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แต่ทันทีที่มืออันสั่นเทาของเขาชี้ไปที่มัน เท่านั้นล่ะ…
                  ฮิ้วววววววววววววว
                  แล้วจะโห่แซวทำหอกอะไรวะ


                  “โอ๊ย มดคนดีทำใจเราเจ็บ คนนี้เล็งมานาน เสร็จไอ้ป่านจนได้”
                  “ใจพี่เจ็บ เมื่อน้องมดเลือกแล้ว”
                  “น้องมดคนงามของพี่”
   

                  ถุยยยยยย
                  คำพูดไม่มีมูล ไร้สาระ แค่จะแกล้งให้เขาอาย เสียใจด้วยนะ แบบนั้นมันใช้ได้กับเพื่อนผู้หญิงกลุ่มเขาเท่านั้นล่ะ
                  ยกเว้นคำพูดของใครบางคน
   

                  “อยากคุยกับกูเหรอ”
   

                  ที่แค่พูดก็ทำให้หัวใจเขาเต้นรุนแรง
                  มันลุกขึ้นยืน ป้ายชื่อที่พลิกกลับถูกมือหนาจัดเข้าระเบียบ จึงเผยนามของคนห้อยออกมา
   

                  ‘ป่าน 291’
   

                   “คุยตรงนี้สิ”
   

                  เสียงมันราบเรียบแต่ไม่ได้เย็นชาจนคนฟังใจห่อเหี่ยวเท่าไหร่ อย่างน้อยก็เป็นน้ำเสียงปกติที่เพื่อนร่วมรุ่นจะมีให้กันได้
                  ผิด เพื่อนร่วมรุ่น ที่ไม่เคยคุยกันเลยสักคำ จนกระทั่งตอนนี้ เขาก็ไม่รู้จะไปต่อยังไง
                  เอาไงดี
                  ใจหนึ่งก็อยากแยกมันออกไปจากกลุ่มเพื่อน ใจหนึ่งก็ไม่กล้ายืนคุยกับมันสองต่อสองเพราะเขินอายเกินกว่าที่จะจ้องดวงตาคมกริบสีดำนั่นตรงๆ สำหรับมันแล้ว ภูมิต้านทานของเขาพร้อมที่จะต่ำลงได้ทุกเมื่อ
                  แต่…
                  เอาไงเอากันวะ
                  ถ้าหากฟ้าจะถล่มวันนี้ ก็ขอให้พังลงมาตอนนี้ด้วยเถอะ
                  แต่เขาจะคาดหวังอุปสรรคแบบนั้นให้มาขัดขวางการทำตามคำสั่งของพี่รหัสได้อย่างไรในเมื่อท้องฟ้ากลับไม่มีเมฆหมอก แถมปลอดโปร่งตลอดวัน พ่วงท้ายด้วยการยืนยันจากพยากรณ์อากาศในข่าวเช้าที่เขาเพิ่งฟังก่อนออกจากหอมา
                  โถ ช่างเป็นใจเหลือเกินเนอะเบื้องบน
                  เขาเดินไปหามัน สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทำอย่างที่เตี๊ยมมากับเพื่อนสาวทั้งสี่
   
                  ‘แค่เดินไปกระซิบว่าเราทำตามคำสั่งของพี่รหัส นายอย่าคิดมากนะ’
                  ก็จบแล้ว
   
                  เขาทวนคำพูดของจิ๊บในใจอีกรอบ ก่อนจะพูดเสียงแผ่วเบาจนกลายเป็นกระซิบให้ได้ยินแค่เราสองคน
   

                  “เราทำตามคำสั่งพี่รหัสนะ…” ประโยคที่เตี๊ยมมาถูกเขาสื่อออกไป แต่เตี๊ยมก็คือเตี๊ยม เพราะของจริงมันคนละอย่างแบบบอกไม่ถูกเลยล่ะ จำใจกล้า…
   

                  ยื่นกระดาษโพสต์อิทแผ่นเล็กสีเขียวอ่อนที่เขียนตามคำบอกกึ่งบังคับของพี่รหัสลงไปว่า…
   


                  เรา รัก นาย
   


                  และเขาหวังอย่างยิ่งว่ามันจะเป็นไปตามแผนเป๊ะๆ ที่เขาเตรียมไว้ ถึงกับอดหลับอดนอนทำใจเลยทีเดียว กว่าทุกอย่างจะออกมาเป็นแบบวันนี้นะ
                  แค่มันอ่านกระดาษอย่างเงียบๆ นั่นแปลว่าเขาได้ทำตามคำสั่งของพี่รหัสสำเร็จแล้ว พี่แกก็จะรับเป็นน้องรหัส ทุกคนเบิกบาน แถมเขายังไม่ต้องอายพ่นคำว่ารักออกมาจากปากให้คนอื่นได้ยินจนต้องอายม้วนหนักกว่าเดิมหลายเท่า หรือแม้กระทั่งพูดให้มันได้ยินเพียงสองคนเขายังไม่กล้า
                  ทุกอย่างแฮปปี้
                  ชีวิตดี๊ดี
   
                  ถ้าเพียงแต่…
                  ถ้าเพียงแต่ว่า…
   

                  มันจะไม่อ่านลายมือเรียบสวยของเขาเสียงดังฟังชัดว่า…
   

                  “มึงแอบชอบกูมานานเท่าไหร่แล้ว”
                  ป้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
                  เสียงปืนดังระงม และคนที่ถูกยิงคือเขาเอง
                  พัง พังหมดทั้งแผนทั้งหนังหน้า
                  เขาถลึงตามองมัน
                  ไอ้สายป่าน รหัส291 ไอ้คนกวนตีนที่สุดในโลก
   

                  “จริงเหรอวะ”
   

                  เพื่อนๆต่างแย่งกระดาษจากมือมันเอาไปดู
   

                  “เปล่านะ เราทำตามคำสั่งของรุ่นพี่”
   

                  เขารีบแก้ต่างให้ตัวเองก่อนภัยจะมาถึงตัว
   

                  “เมื่อกี้มึงไม่ได้บอกแบบนี้”
   

                  แต่มารผจญกลับเข้มแข็งกว่า ยักคิ้วหลิ่วตา ดีใจที่ได้แกล้งคนไม่มีทางสู้อย่างเขาที่ตอนนี้สติอะไรไปหมดแล้ว
                  คำพูดของมันสองแง่สองง่าม จนพาลให้คนฟังคิดแตกประเด็นเป็นตุเป็นตะ
                  แต่ก่อนที่อะไรจะเลยเถิด และมันดูจะโคตรสมใจที่ได้แกล้งให้เขาได้อายไปมากกว่านี้นั้น ตัวละครที่ใครหลายคนต้องอิจฉาแม้กระทั่งตัวเขาเองก็ปรากฏตัวขึ้น
   


                  “ป่าน รีบหน่อยสิ นิวหิวแล้วนะ”
   


                  น้ำเสียงหงุดหงิดระดับสิบแต่ก็ยังหวานจับใจสำหรับคนฟังเรียกให้สายป่านรีบถลาเข้าไปหาแฟนตัวเองทันที
                  นั่นไง ตัวจริงของเขามา และตัวประกอบอย่างเขาก็ต้องถอยหลบฉากไปแบบเงียบๆสินะ
                  สายป่านหันมามองเขาแวบหนึ่ง
   

                  “เฮ้ยมึง กูไปก่อนนะ แล้วเจอกันเว้ย”
   

                  บอกประโยคข้างบนเสร็จ แล้วมันก็จากไป แบบ ง่ายๆ?
   

                  “ทำใจนะมด ตัวจริงมาว่ะ”
                  “ตัดใจเถอะมึง คนนี้มันรักจริงว่ะ”
                  “น้องมดเลิกสนใจไอ้ป่านแล้วซบอกพี่ก็ได้นะ”
   

                  ทิ้งเขาไว้ให้เพื่อนๆปลอบโยน ทั้งๆที่เขาก็รู้ว่าทุกคนเห็นเป็นเรื่องเล่นๆ จะมีสักกี่คนที่ไม่รู้ล่ะ ว่าคำสั่งใจกล้าบ้าบิ่นแบบนี้ล้วนมาจากพวกรุ่นพี่ทั้งนั้น ที่โห่แซว จิ้นกันไปต่างๆนานาก็เพื่อความสนุกปากของพวกมัน
                  เขาก็รู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองสถาปัตย์อยู่แล้ว
                  เพียงแต่เป็นเขาเอง ที่เก็บคำปลอบโยนเหล่านั้นมาคิดจริงๆ จนอยากร้องไห้
                  ตัดใจมึง
                  เขามีแฟนแล้ว…





- T B C . -




H E L L O มิวเอสเอ็นเองค่า
ฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - บทนำ 09-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 09-11-2018 22:05:58
ยังรออ่านเรื่องของพัดลมกับปลาสเตอร์อยู่เน้อ  ยังไงก็อยากให้ปั่นให้จบ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - บทนำ 09-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 10-11-2018 07:52:19
เหมือนจะดราม่า แต่คงไม่
สายป่านแลดูร้ายกาจนะคะ
มดน้อยถึงกับเซเลย

อย่ามาหลงเค้าทีหลังล่ะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - บทนำ 09-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-11-2018 08:05:24
อ้าว ไงพี่รหัสทำร้ายจิตใจน้องแบบนี้ล่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่หนึ่ง 10-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 10-11-2018 19:04:03
ก้าวที่หนึ่ง
ความบังเอิญที่ไม่มีจริง


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  ในทุกๆความบังเอิญ อาจเป็นความตั้งใจของโชคชะตา
   
                  เขาว่าเขาเคยเจอประโยคแสนคุ้นทำนองนี้ในหน้าหนังสือของนิยายเล่มไหนสักเล่ม แต่เขาลืมไปแล้ว ช่วงนั้นเป็นช่วงวัยใส ติดนิยายแจ่มมืด(นามสมมุติ)งอมแงมแทบไม่หลับไม่นอน แต่ช่วงเวลาแบบนั้นมันก็ผ่านมานานมาก เวลาเปลี่ยน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง ยกเว้นความมั่นคงในหัวใจที่ยังมอบให้มันคนเดิม
   
                  เรื่องราวความรักของใครบางคนที่แอบเก็บงำไว้คนเดียวได้ผ่านมาเกือบปีแล้ว และชีวิตของเขาเองช่างเหมือนนิยายน้ำเน่า แอบรักเขาข้างเดียวไปวันๆ มีชีวิตอยู่ก็แค่มีความสุขกับการได้แอบมองเขาสวีทหวานกับแฟน ส่วนตัวเราก็เก็บภาพเหล่านั้นไปเศร้าคนเดียวในห้องบ้าง ระบายออกกับเพื่อนสนิทบ้าง หรือบางครั้งถ้าจำเป็นก็ต้องนั่งระบายกับน้องหมาข้างห้อง ดูสิ มีพล็อตนิยายน้ำเน่าที่ชีวิตตัวเอกอย่างเขาต้องเหงาจับใจขนาดนี้มั้ยล่ะ
   
                  หนึ่งปีกับการที่ต้องทนเห็นมันกับแฟนตัวติดกันตลอดเวลา แต่อาจเป็นความโชคดีในความโชคร้าย หรืออาจจะพูดกลับกันว่าเป็นเรื่องร้ายในความโชคดีก็ได้ที่ว่า…
   
                  ถึงแม้เราจะเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์เหมือนกัน แต่เขากับมันอยู่คนละภาควิชา ทำให้ในช่วงชีวิตปีสองที่กำลังจะเปิดเทอมเร็วๆนี้ของเขา อาจไม่ต้องเจอมันอีกเลย
   
                  เป็นเรื่องโชคดีที่ไม่ต้องทนเห็นมันหวานกับแฟน แต่ช่างโชคร้ายที่แค่คิดก็ใจหายว่าเขาจะไม่ได้แอบมองมันแบบตอนปีหนึ่งอีกต่อไปกลับทำให้ใจมันโหวงๆ
   
                  ไอ้คำที่ว่าทฤษฎีโลกกลมน่ะ อย่าได้บังอาจเอามาใช้กับพวกเขาเลย เพราะตลอดหนึ่งปีการศึกษาที่พวกเราอยู่ในสถานะเฟรชชี่วัยใส แม้ว่าเราจะลงเรียนวิชาจำพวกพื้นฐานของนักศึกษาปีหนึ่งที่เป็นตัวบังคับต้องลงเรียนทั้งมหา’ลัย แต่พระเจ้าก็ไม่เคยดลบันดาลให้เราได้เดินสวนกันสักครั้ง มิหนำซ้ำเรายังไม่เคยเรียนเซคเดียวกันด้วยซ้ำ เพียงแค่รหัสเขาห่างจากมันไปแค่สองตัว
   
                  มีเพียงรุ่นพี่ปีว้ากเท่านั้นที่ทำให้เขาได้สมหวังจะด้วยความขมขื่นก็ดีหรือความลำบากก็ดี อย่างน้อยถึงเราทั้งรุ่นจะโดนเรียกมาด่าในวันตรวจงาน แต่มันก็ทำให้เขาได้รู้ความเป็นไปของมันอย่างเงียบๆ
   
                  เฮ้ออออออออออออออ
   
                  มาถึงตรงนี้แล้วก็ขอถอนหายใจยาวๆกับวาสนาของตัวเองแบบไม่อายเลยแล้วกัน
   
                  นี่สินะโบราณท่านว่าแข่งอะไรก็แข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งกันไม่ได้
   
                  ไอ้เขาก็เป็นคนที่เชื่อคำท่านสอนอยู่เสมอ มาเจอแบบนี้ยิ่งเชื่อจนงมงายแล้ว ใจมันก็รั้นอยากจะแข่งอยู่หรอกนะ อยากจะไฟท์กับความรักครั้งนี้ของเขาเหลือเกิน แต่อย่าลืมว่าเพศสภาพเขาเป็นผู้ชาย แข่งยังไงก็ไม่ชนะผู้หญิงหรอก แถมมองๆแล้วไอ้สายป่านก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะชอบผู้ชาย หรือเป็นไบเลยสักนิด นั่นยิ่งทำให้คะแนนเขาติดลบไปหลายตัวเลข ทำให้คู่แข่งชนะไปอย่างขาดลอยเห็นๆ
   
                  ไม่สิ ที่จริงเขาน่ะแพ้มาตั้งนานแล้ว เขาควรจะยอมรับตั้งแต่วันที่เดินเอากระดาษโพสต์อิทแผ่นเล็กที่เขียนคำบอกรักมันเพราะโดนพี่รหัสสั่งให้ทำแต่ลึกๆแล้วใครจะรู้ ว่าคำตอบในใจเขาก็คือประโยคที่ถูกเขียนลงบนกระดาษแผ่นนั้น เหตุผลเพียงข้อเดียวที่ตอกหน้าเขาหงายชนิดยังไม่ได้ลงแข่งก็แพ้ตั้งแต่เริ่มนั่นก็คือ เขาชอบมัน แต่มันไม่ได้ชอบเขา ก็เท่านั้นเอง
   
                  เป็นข้อเท็จจริงที่ยากจะยอมรับจริงๆ


                  ❤

   




                  {เสร็จหรือยังจ๊ะ พี่เขามารอเราแล้วนะ}
   
                  เวลาเช้าที่สดใสของเขาในวันจันทร์ถูกปลุกจากเสียงสั่นครืดๆของไอโฟนลูกรักที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียง เป็นสายเข้าจากจิ๊บหนึ่งในเพื่อนสนิทที่คบกันมาจากตอนปีหนึ่ง เพราะเมื่อคืนมันถูกเขาใช้งานจนดึกดื่น เพียงเพราะประโยคสามคำจากในกลุ่มแชทของเพื่อนที่ส่งมาว่า…
   
                  เล่น เกม กัน
   
                  จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงถูกทิ้งให้นอนอยู่บนเตียง เพราะเขาเล่นเกมจนหลับคาหมอนต้องติดแค่ไหนถามใจดูอ่ะ แถมเมื่อคืนเขานอนดิ้นจนเผลอทับมันไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ พอตอนเช้าจะตื่นมาเช็กดูก็ไม่ทัน เพราะสายเรียกเข้าจากคุณจิ๊บราวกับหมายศาลเรียกตัวไปคณะ ตอนนี้ทั้งตัวเขายังถูกสวมด้วยชุดนอนลายลูกหมีอยู่เลย เหล่ดูเวลาบนขวาสุดของหน้าจอ
   
                  7.25 น.
   
                  ยังทันอยู่
   
                  ขออาบน้ำสักสิบห้านาที เป็น 7.40 นาฬิกา แล้วมาลงแร้งค์(ลงแร้งค์ = การเล่นเกมที่มีการจัดอันดับ ถ้าชนะก็จะได้เลื่อนไปขั้นต่อไป)อีกสักตาเพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเองวันนี้แล้วกัน เพราะต้องไปคอยดูแลน้องๆปีหนึ่งทั้งวันมันก็จะเหนื่อยๆหน่อย น้องไม่ได้พัก เราคนเป็นพี่ก็จะไม่พักเอาเปรียบน้องเหมือนกัน
   
                  เมื่อก่อนตอนเขาอยู่ปีหนึ่งยังไม่เข้าใจหัวอกปีสองดีพอ แต่เดี๋ยวนี้พอก้าวเข้ามาเป็นพี่เต็มตัว ความรับผิดชอบอะไรหลายๆอย่างมันก็มาตกอยู่กับเรา โดยเฉพาะงานแรกอย่างกิจกรรมรับน้องของคณะสถาปัตย์ซึ่งเป็นงานใหญ่ชิ้นแรกที่ปีสองได้รับผิดชอบที่อาจเรียกได้ว่าพวกเราปีสองแทบอดหลับอดนอนเตรียมงานกันมาทั้งเดือนก่อนน้องเข้ามอ
   
                  ถือคติ เบื้องหน้างานคุณภาพ เบื้องหลังจะอะไรก็ช่างแม่ง
   
                  แม้ว่าพวกพี่ๆจะตายเพราะงานเกือบไม่ทัน บางคนตื่นเช้ามาสภาพโทรมแทบรับไม่ได้เพราะไม่ได้นอน แต่ต้องลุกขึ้นมาแต่งหน้าสวมบทบาทเป็นเอ็มซีต่อ นับถือจริงๆกับคนที่หลอกให้ตัวเองดูเฟรชแม้ว่าร่างกายข้างในแทบพัง
   
                  อย่างเช่นคนปลายสายอย่างจิ๊บ เป็นต้น
   

                  {ได้ยินที่กูพูดมั้ยเนี่ย กูเป็นพิธีกรงานเช้านะคะ น้องต้องได้เห็นกูถือไมค์ตะโกนแหกปากปาวๆก่อนแปดโมงครึ่ง}
   

                  ชาตินี้เขาคงจะไม่ได้ยินคำว่าเรากับเธอออกมาจากปากจิ๊บอีกแล้ว บวกด้วยคนอื่นๆในกลุ่มด้วย ลาก่อนความสุภาพของพวกเราตอนปีหนึ่ง จะด้วยสภาพแวดล้อมหรือยังเกรงๆกันอยู่ก็ตาม แต่วันเวลาก็ได้พิสูจน์แล้วว่า…
   
                  ไม่มีมารยาทที่ยั่งยืนในหมู่เราชาวสถาปัตย์
   

                  “เพิ่งตื่นอ่ะ เจอกันแปดโมงสิบห้านะ”
   

                  เขาพูดเสียงเนือยๆ ขยี้ตาสองสามทีพอเป็นพิธี แล้วบิดขี้เกียจซ้ายขวา
   

                  {หยุดพูดเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวแล้วรีบมาคณะ พี่ตามแล้ว ถ้าคนไม่ครบตามจำนวนพี่เขาจะไม่เปิดประชุม นั่นไม่เท่าไหร่ คะแนนกิจกรรมห้าคะแนนมึงจะยอมเสียเหรอ คนมาช้าเท่ากับหมดสิทธิ์นะคะ}
                  “พักเหนื่อยก่อนมั้ย”
   

                  เขาแหย่มันเล่นอีกประโยค จนเสียงกรีดร้องแสบแก้วหูดังวี๊ดๆมาตามสาย รีบยกไอโฟนออกห่างหูแทบไม่ทัน
   
                  ตื่นเลยเรา
   

                  {รีบบบบบบ เจอกันอีกสิบห้านาที}
   

                  และคำประกาศิตสุดท้ายถือเป็นการจบบทสนทนาก่อนปลายสายจะวางไปอย่างไม่ไยดี เรียกให้เขารีบเด้งตัวขึ้นจากเตียงนอน
   
                  สิบห้านาที แค่อาบน้ำก็กินเวลาไปหมดแล้ววววววววว
                  เขากดเข้าเฟซบุ๊ก แล้วแชทไปขอต่อรองเวลาเป็นแปดโมงตรง
                  ข้อความขึ้นว่าอีกฝ่ายกำลังพิมพ์
                  เขารออย่างใจจดจ่อ ก่อนเสียงแจ้งเตือนจะดังขึ้น และถ้าเป็นไปได้ เขาว่าเขาจะไม่อ่านมัน…
                  


                  สายหนึ่งนาที กูไล่บอกคนที่มึงชอบกับเพื่อนหนึ่งคน
                  สายสิบนาที สิบคน
                  สิบห้านาที สิบห้าคน
                  ยิ่งสาย คนยิ่งรู้เยอะ
                  ตกลงมั้ยงับ

   


                  งับพ่อง
                  เพื่อนสนิทนี่รู้มากจริงๆ
   
   
                  ❤

   




                  “โห นึกว่าตายคาเตียงแล้วเสียอีก พ่อคู๊ณณณณณณณณ”
   
               
                  เสียงแรกที่ทักทายเขาแบบเจ็บแสบคือจิ๊บคนดีคนเดิม คนที่โทรมาปลุกเขาตอนเช้านั่นเอง
   
                  และตามมาด้วยเสียงอื่นๆ ของเพื่อนที่ขึ้นชื่อว่าโคตรจะสนิทกันที่สุดแล้ว แม้ว่าเราจะเพิ่งมาเริ่มคบกันตอนปีหนึ่ง แต่เพราะเราผ่านอะไรมามากมายด้วยกันอีกนั่นล่ะ จึงเป็นสาเหตุให้พวกเราคบกันยืดยาว จะเลิกก็ไม่ได้ เพราะไม่มีใครคบแล้วนอกจากคบกันเอง อิอิ มุกเดิมประโยคเดิม แต่เป็นแบบนั้นจริงๆ
   

                  “ยังมีชีวิตอยู่อีกเหรอ พอได้เวลาพักก่อนรับน้องสองอาทิตย์ แหม รีบหายหัวกลับบ้านนอกกลัวเพื่อนจะติดสอยห้อยตามไปด้วย”
                  “มายด์ก็ เราก็มาแล้วนี่ไง”
                  “อย่ามาแอ๊บใส่กู คบกันจนรู้สันดานหมดแล้ว”
   

                  ทั้งกลุ่มหัวเราะคำพูดมายด์ เพื่อนสาวที่มักสร้างสีสันให้กลุ่มได้เป็นอย่างดี และมันชอบแกล้งเขาเป็นที่สุด
   

                  “อ๊ะๆ หรือว่าตัดใจจากหนุ่มเมืองกรุงเสียแล้ว ว้า อย่างนี้ก็มีคนต้องเศร้าอ่ะดิ”
                  “ฟ้า!”
   

                  เขาร้องท้วงแทบไม่ทัน
   

                  “อะไรสายๆน้า อ้ออออออออ…”
   

                  ปากมายด์ขยับเป็นคำว่าสาย…ป่าน เขาถลึงตามองรีบบล็อกเพื่อนไม่ให้หลุดพูดคำนั้นออกมา
   

                  “อ้อ มาสายนี่เอง เอาไงดีพวกมึง คนมาสายก็ต้องเลี้ยงน้ำปั่นหรือเปล่าวะ”
   

                  ฟ้าและจิ๊บพยักหน้าเห็นดีเห็นงามตามมายด์ ส่วนเขาจะท้วงอะไรได้ล่ะ นอกจากอุทานว่า เออ เอาไงเอากัน ตังค์ในกระเป๋าไม่หมดวันนี้ก็ให้มันรู้ไป
   

                  “คือ เลี้ยงแก้วสิบบาทได้มั้ยง่า”
   

                  แต่อย่างน้อยก่อนเงินจะหาย ขอต่อรองสักหน่อยก็ยังดี
   

                  “กล้า!!!”
   

                  พวกมันประสานเสียงพูดพร้อมกัน
                  ฮืออออออ ทำไมเหมือนเห็นเงินในกระเป๋าปลิวออกไปลับสายตา
   
   





                  “น้องๆที่ยังไม่ได้เซ็นชื่อเชิญทางนี้นะคะ อย่าเพิ่งแอบเข้าไปในห้องน้า แค่ลงชื่อไว้ก็มีสิทธิ์ลุ้นของรางวัล โดยเราจะสุ่มรายชื่อผู้โชคดีเป็นระยะๆในห้องประชุม ไม่แน่ผู้โชคดีอาจเป็นคุณนะคะ มาค่ามา”
   

                  การลงทะเบียนต้อนรับน้องๆคณะสถาปัตย์หรือเรียกว่าการปฐมนิเทศปีหนึ่งเป็นไปอย่างครึกครื้นในช่วงเช้าเวลาเก้าโมง ปีนี้คณะของเขาเปิดสาขาใหม่จึงมีนักศึกษาเพิ่มขึ้นกว่าเดิมและเนื่องจากนโยบายของแต่ละสาขาที่ประสงค์จะรับเพิ่มอยู่แล้ว จึงทำให้ปีสองดูเหมือนบางตาไปเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับน้องๆหน้าใหม่ที่เริ่มแจกความสดใสพูดคุยทักทายกันแล้ว
   
                  เขาก็เคยรู้สึกแบบนี้ สิ่งแปลกใหม่ ความตื่นเต้นในต่างที่ และเพื่อนใหม่ที่เข้ามาทักทาย
   
                  ทุกๆอย่างดูแปลกใหม่ไปหมด ราวกับว่าตัวเขาอยู่ผิดที่ แล้วความรู้สึกเช่นนี้จะหมดไปจนกลายเป็นความเคยชินเมื่อเราขึ้นปีสอง เพราะฉะนั้นจึงมีคำกล่าวที่ว่า ชีวิตเฟรชชี่มีครั้งเดียว ใช้ให้คุ้ม เพราะถึงแม้ลาออกแล้วซิ่วมาใหม่ ประสบการณ์ ความรู้สึก และสิ่งใหม่ๆ จะเป็นภาพคุ้นเคยในความทรงจำ
   
                  จิ๊บ มายด์ และฟ้าต่างแยกย้ายไปทำงานตามหน้าที่ของตน เขาเองก็มีหน้าที่นะ เขาเป็นฝ่ายประสานงาน ที่คอยวิ่งวุ่นทำตัววุ่นวาย บางครั้งก็มียกวิทยุสื่อสารที่ถืออยู่ในมือขึ้นมาพูดกรอกสารที่ได้รับมาลงไปที่มัน เพื่อกระจายต่อให้ฝ่ายอื่นๆรับทราบ พูดแบบไม่อวยว่าหน้าที่ของเขาสำคัญที่สุดแล้ว และขาดไปไม่ได้เลย ดังจะเห็นความสำคัญได้จากตัวอย่างต่อไปนี้…
   

                  {จากฝ่ายประชาสัมพันธ์ มีน้องจำนวนหนึ่งหลงทางอยู่ที่ประตูศึกษา แจ้งให้ฝ่ายสถานที่ดูแลด้วยค่ะ}
   

                  สารของฝ่ายอื่นๆจะถูกส่งมาที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ซึ่งมีวิทยุสื่อสารเป็นตัวกลางคอยรับไว้ แล้วกระจายต่อไป…
   

                  {ฝ่ายสถานที่ มีน้องหลงทางหน้าประตูศึกษา จัดคนไปรับด้วยนะครับ}
   

                  และเมื่อหมดหน้าที่ เขาก็จะมายืนอยู่ข้างแถวน้องๆเพื่อมาให้กำลังใจปีหนึ่ง ที่นั่งฟังอาจารย์บรรยายความรู้ทั่วไปและข้อควรรู้แถมด้วยกฎเกณฑ์ต่างๆเกี่ยวกับมหา’ลัย และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
   
                  เป็นงานง่ายๆแต่ก็เรียกเหงื่อได้หลายหยดเลยทีเดียว
   

                  “มด นี่น้ำจ้า”
   

                  เพื่อนที่เป็นสวัสดิการเอาน้ำมาให้เขา คิ้วเขาขมวดมุ่น ไม่แขวนป้ายแล้วจำชื่อเพื่อนไม่ได้เลยแฮะ แต่ก็คุ้นๆหน้าอยู่ เลยเลี่ยงที่จะพูดชื่อเพราะกลัวจำผิดพูดตอบเป็นคำขอบคุณเฉยๆแทน ให้คนที่เอาน้ำมาเสิร์ฟยิ้มแก้มปริพึงพอใจในผลงานของตน
   

                  “สวัสดีค่า ยินดีต้อนรับเข้าสู่ช่วงสันทนาการนะคะน้องๆ หลายคนนั่งฟังอาจารย์จนง่วงเหงาหาวนอน อย่ามาเถียงเจ้าพวกเด็กขี้โม้ พี่แอบเห็นว่ามีคนหลับน้ำลายยืดนะคะ”
   

                  เมื่อพิธีกรพูดจบบางส่วนก็เริ่มชี้กันไปมา ว่าใครกันที่หลับน้ำลายยืดอย่างพี่เขาว่า เป็นภาพที่ชวนให้เขายิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
   
                  นี่สินะ สีสันของเฟรชชี่ ปีหนึ่งเจ้าเด็กหัวอ่อนเอ๊ย เป็นความน่ารักในแบบที่ปีอื่นๆเลียนแบบไม่ได้จริงๆ ใครพูดอะไรเชื่อไปหมดทุกอย่าง และเขาก็เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
   

                  “อ่ะๆ ไม่ต้องชี้กันไปมาค่ะ พี่พูดเล่นพอให้คนที่หลับสะดุ้งตื่นตกใจ”   
                  .”…”
                  “วันนี้น้องๆได้พบปะกับอาจารย์หลายท่านของคณะเราและได้รับความรู้มากมาย แม้ว่าจะกึ่งหลับกึ่งตื่นฟังก็ตามที ไม่ต้องหัวเราะ พี่พูดจริงมั้ยล่ะ”
                  “…”
                  “และช่วงนี้ เราก็อยากจะให้น้องๆได้พบป่ะกับบุคคลสำคัญอีกสองคนที่ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาให้กับคณะเรามาตลอด และที่สำคัญ ไม่ได้มีดีแค่หน้าตาค่า ความสามารถยังเลอเลิศแบบดิฉันเทียบไม่ติด…”
                  “…”
                  “ขอเชิญพบกับตัวแทนทูตกิจกรรมของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ได้เลยค่า!!!”



- มี ต่อ นะ . -
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่หนึ่ง 10-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 10-11-2018 19:07:20
- ต่อ ตรง นี้ . -




                  สิ้นเสียงพิธีกรทั้งห้องปรบมือเกรียวกราว ไม่รู้ดีใจที่จะได้เจอดาวเดือนของคณะเรา หรือปรบมือให้กับความเล่นใหญ่ของพิธีกรจนหอบแฮ่กๆกันแน่
   
                  ไฟในห้องถูกปิด ก่อนไฟฟอลโล่ว์สีขาวจะเคลื่อนไปรวมกันที่กลางเวที มีคนสองคนเคลื่อนออกมาจากหลังม่านสีดำ แล้วไฟในห้องก็เปิดสว่างจ้า
   
                  และบุคคลที่ทั้งห้องรอคอยก็ปรากฏตัวขึ้น ท่ามกลางเสียงโห่…
   

                  “โห่หหหหหหหหหหหหหหหหหหหหห”
   

                  เป็นเสียงโห่จริงๆครับ
                  เพราะว่าอะไรน่ะเหรอ…
   

                  “ต้องขอโทษที่ดาวเดือนของเราติดภารกิจใหญ่หลวง พี่เลยต้องใช้สแตนอินช่วยนิดหน่อย”
                  
                  สแตนอิน?
                  สแตนอินบ้าอะไร นี่มันก็แค่ยืมตัวใครสักคนมา แล้วปริ๊นหน้าดาวเดือนของคณะเราแปะเอาไว้
                  เขาไม่น่าบ้าจี้เชื่อคำพิธีกรของสันทนาการเล้ยยยยยยยยยยย
                  หลอกคนทั้งห้องให้เป็นควายได้ถือว่านางแน่มาก
                  แต่ยังไงก็แล้วแต่…
                  ชั่ววินาทีที่ไฟเปิดเขาเชื่อจริงๆนะว่ากำลังจะได้เจอมัน
   
                  เขาไม่มีวันลืมวันสุดท้ายของการเป็นนักศึกษาปีหนึ่งคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เพราะนั่นหมายความถึงวันสุดท้ายที่เขาเองจะได้เจอมัน
   
                  ช่วงปิดเทอมเขาคิดไปต่างๆนานา กลัวมันซิ่วบ้าง กลัวมันย้ายคณะบ้าง แต่ข่าวดีที่ได้รับรู้ก็ทำให้รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
   
                  ถึงมันจะไม่รับรู้ว่าเขามีตัวตน แต่เพียงแค่เขารู้ว่าจากนี้อีกสามปีจะมีมันวนเวียนอยู่ในคณะ แค่รู้เพียงเท่านี้ เขาก็รู้สึกดีใจมากพอแล้วล่ะ
   
                  แม้วันนี้… เขาจะยังไม่ได้เจอมันก็ตาม   
   
                   แค่ที่ประชุมเรียกชื่อมันและบอกว่าไม่มา แค่รายชื่อมันยังมีอยู่ในคณะแห่งนี้ ในกระดาษรายชื่อรุ่น เขาก็โคตรจะดีใจมากๆแล้วล่ะ
                  ไม่ว่าตอนนี้มันจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
                  ยังไงเราก็จะได้เจอกันเร็วๆนี้อยู่ดี มั้ง
               

                  ครืด ครืด
   

                  เสียงวิทยุสื่อสารดังขึ้น
   

                  {มีใครพอจะว่างมั้ย ฝ่ายอะไรก็มาเหอะ มาช่วยถอดมาสคอตออกที}
                  “ที่ไหนครับ”
                  {หน้าตึกสี่}
   

                  ตึกสี่คณะสถาปัตย์เป็นที่รวมพลของเหล่าปีสองที่ว่างงานแล้ว และอยู่คอยช่วยฝ่ายสวัสดิการที่นั่น
   
                  ตัวมาสคอตเป็นอีกหนึ่งสีสันแปลกใหม่ที่ปีนี้รุ่นพี่บอกว่าอยากให้มีคนใส่มันมายืนต้อนรับน้องๆ เมื่อเช้าเห็นมีหลายตัวมากแถวๆทางเข้าหน้าคณะ ยืนทักทายแจกใบปลิวแนะนำคณะสถาปัตย์ให้เด็กปีหนึ่งที่ผ่านไปมา เขาก็ลืมคิดไปเลยว่าคนที่ใส่พวกนี้อยู่ฝ่ายพิเศษและขาดคนดูแล
   

                  “มีแค่คนเดียวใช่มั้ยครับ ที่ให้ไปช่วยถอด”
                  {ครับๆ มาเหอะครับเพื่อน}
   
   





                  “มด ตรงโน้นเรียบร้อยแล้วเหรอ”
   
                  
                  ฟ้าเดินเข้ามาหาเขาที่กำลังมองหาคนแจ้งเข้ามาในวิทยุสื่อสารเมื่อครู่ เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายจะต้องสวมชุดมาสคอตธีมสัตว์อะไรสักตัว แต่ตอนนี้เขาไม่มั่นใจว่าอยู่ตรงไหน เพราะสารที่ได้รับรู้มาบอกแค่ว่าอยู่หน้าตึกสี่ แต่ส่วนไหนของตึกสี่ นั่นเป็นสิ่งที่เขายังต้องควานหาอีกที
   

                  “อื้อ ไม่มีอะไรแล้ว ฟ้าเห็น…”
   

                  เขาเอ่ยตอบฟ้า และกำลังจะถามเพื่อนสนิทว่าเห็นมาสคอตเดินเพ่นพ่านอยู่แถวนี้บ้างมั้ย พอดีกับสายตาเหลือบไปเห็นมาสคอตหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่นั่งพิงฝาผนังตึกตรงบันไดทางขึ้นชั้นสอง ท่าทางเงอะๆงะๆกำลังพยายามถอดส่วนหัวออกมา แต่เหมือนจะเกิดอุปสรรค
   

                  “ว่าไงมด”
                  “ไม่มีอะไรแล้ว เดี๋ยวเราไปช่วยงานฝั่งโน้นนะ”
   

                  เขาแยกกับฟ้าตรงไปทางมาสคอตตัวนั้น
   

                  “เอ่อ คือ เรามาจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ ที่นายต้องการคนช่วย ใช่มั้ย”
   

                  เขาต้องถามก่อน เพราะตัวเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าใช่มาสคอตตัวเดียวกับที่ส่งสารหาเขามั้ย
   
                  หัวหมีที่ถูกอุ้งตีนนุ่มพยายามดึงออกหยุดการกระทำ แล้วเงยหน้าขึ้นมามองเขา เดี๋ยวนะ ทำไมน่ารักขนาดนี้วะ โอ๊ยยยยยยยยยย น้ำเสียงกับรูปลักษณ์มันคนละเรื่องกันเลย ถึงแม้จะรู้ก็เถอะว่ามันเป็นเพราะมาสคอตที่เจ้าตัวสวมอยู่
   

                  “ยืนนิ่งทำไมครับ ช่วยกูหน่อย”
                  “โอเคๆ”
   

                  เขารีบเข้าไปช่วยดึงส่วนหัวของมันให้หลุดออก
   

                  “แรงมึงมีแค่นี้เหรอวะ”
   

                  มันช่วยไม่ได้นี่ที่แรงเขาจะมีเท่านี้
   

                  “ร้อนจะตายอยู่แล้ว”
   

                  ก็อยากจะรีบถอดให้หรอกนะ แต่มันไม่ออกจะให้ทำยังไง
                  ผลุบ!
                  อ๊ะ ออกแล้ววววววววว
   

                  “ออกแล้ว…”
   

                  ทันทีที่เขาหันเหความสนใจจากหัวมาสคอตหมีสีน้ำตาลที่หลุดติดมือก้มลงมองคนที่เมื่อครู่สวมใส่มันอยู่…
   

                  “นะ”
   

                  พูดได้แค่นะ แล้วไปต่อไม่ถูกจริงๆ
                  มันกะทันหันเกินไป
                  มันมาถึงเร็วเกินไป
                  และมัน…บังเอิญเกินไปแล้ว
   
                  ตอนนี้ในหัวของเขากำลังตีกันระหว่างรูปลักษณ์สุดเท่ห์ ใส่ชุดสูทเดินบนเวที ในวันประกวดดาวเดือนมันห้อยสายสะพายมากมายจากรางวัลต่างๆที่การันตีความสามารถของเจ้าตัว กับวันนี้ในชุดมาสคอตหมีสีน้ำตาล
   

                  สายป่าน 291
   

                  เป็นได้มากกว่าเดือนจริงๆ
                  แต่เหนื่อสิ่งอื่นใดในความสับสนของระบบความคิดในหัว
                  ความรู้สึกบางอย่างกลับชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ…
                  ดวงตาคมกริบที่จ้องมองมาทำให้เขาไม่กล้าสบตาตรงๆ
                  ใบหน้าหล่อเหลาที่มองเมื่อไหร่ก็ใจเต้นตึกตัก
                  และเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้คนมองต้องหลงใหล
                  ทั้งหมดนี้คือตัวมัน เป็นตัวมันที่เขาคุ้นเคยมาตลอดระยะเวลาหนึ่งปี
                  และเป็นตัวมันนั่นล่ะ…ที่เขาโคตรจะคิดถึงเลยจริงๆ


                  ❤

   




                  “แก เดาซิฉันเจออะไร”
                  “อะไรยะ คนมีงานมีการทำ รีบๆเล่ามา เดี๋ยวจะไปดูน้องตั้งแถว”
                  “แหม แอ๊บทำงานเก่งจริงๆ แปลว่าไม่อยากรู้”
                  “เล่า!!!”
                  “เมื่อกี้ฉันไปห้องน้ำมา แล้วเจอคนรู้ดัง เดาซิเป็นใคร”
                  “สายป่านเหรอ”
                  “วี๊ด รู้ได้ไง”
                  “ก็โน่นไง ยืนอยู่หน้าแถวปีหนึ่ง โดนอิเจ๊ลากไปข่มขืนให้น้องดู”
                  “กรี๊ดดดดด สายป่านของฉันนนนนน”
   

                   เป็นจริงตามที่บทสนทนาข้างต้นกล่าวไว้ หลังจากที่ไอ้สายป่านถอดมาสคอตออก เหล่านางฟ้าซึ่งเป็นคำที่พวกเราชาวสถาปัตย์ใช้เรียกเพื่อนๆพี่ๆสาวประเภทสองที่คอยสร้างสีสันให้คณะเราในทุกๆงาน ถือเป็นคำเรียกที่ยกย่องและไม่ได้มีเจตนาแบ่งแยกหรือเหยียด
   
                  คำว่านางฟ้าที่เราใช้เรียก ยกย่องตามความหมายแบบนั้นจริงๆ เพราะหากไม่มีพวกเธอ งานและกิจกรรมดีๆแบบนี้คงไร้ซึ่งเสียงหัวเราะและคงกร่อยไปเลยล่ะ
      
                  ซึ่งถ้าอยากจะให้พวกเธอเต็มที่และกระชุ่มกระชวยกับงาน ก็ต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยน อย่างเช่น เดือนคณะที่ตกถูกพวกเธอลวนลามให้หายเหนื่อย ฮ่าๆ
   
                  เป็นภาพที่สร้างสีสันและเสียงหัวเราะให้ทุกคนจริงๆนะ
   

                  “ไง มายืนพิงผนังทำไมคนเดียว”
                  “…”
                  “หรือว่ากำลังแอบมองใครบางคนน้า”
   

                  เขายังไม่ทันได้ตอบ มายด์ที่ตั้งใจจะเดินมาแซวอยู่แล้วก็ชงเองตอบเองเฉย
   

                  “บ้าเปล่า กูก็มองทุกคน”
                  “เหรอ”
   

                  ลากยาวเลยนะ เปิดช่องโหว่หน่อยไม่ได้เลย รัวกระหน่ำแซวให้เขาไปไม่เป็นเนี่ยชอบนักนะ
   

                  “ไม่ลองจีบหน่อยเหรอ รุกบ้าง มองมานานแล้วนะ”
   

                  เขาหันไปมองเพื่อนรัก มันยักไหล่
   

                  “ก็…บังเอิญว่าคนที่ชอบเขามีแฟนแล้ว”
                  “ก็…บังเอิญรู้มาว่าเขาเลิกกันแล้ว”
   

                  เขาขมวดคิ้วมุ่น มายด์หันมายิ้มให้กำลังใจเขา
                  มันยกมือขึ้นมาตบไหล่เขาเบาๆ
   

                  “ไม่ลองดูหน่อยเหรอ ค่อยๆก้าวทีละก้าวก็ได้”
   

                  เพื่อนสนิทเดินจากไปแล้ว ทิ้งเข้าไว้ให้จมจ่อมอยู่กับความคิดของตัวเอง และการลอบมองใครบางคนอยู่ห่างๆ
                  หรือว่าควรจะถึงเวลา ที่ต้องก้าวออกมาจากมุมมืด
                  แล้วเหรอ?

   





                  “วันนี้ขอบคุณเพื่อนๆปีสองทุกคนมากนะครับที่มาช่วยงานกันจนผ่านพ้นไปด้วยดี คืนนี้ใครอยากเมา เมา ไม่เมาเราไม่คบนะคร้าบบบบบบ”
   

                  สิ้นคำกล่าวของประธานรุ่นปีสอง เสียงเฮก็ดังตามมา ก่อนงานเลี้ยงเล็กๆจะเริ่มขึ้น เป็นปาร์ตี้ส่งท้ายที่พวกเราทำงานหนักกันมาตลอดช่วงเวลาทั้งก่อนเริ่มต้นกิจกรรมรับน้อง มาจนถึงวันนี้ที่มันลุล่วงผ่านพ้นไปด้วยดี แม้ว่าจะมีปัญหาติดขัด แต่ทั้งรุ่นก็ช่วยกันแก้ไขจนกลายเป็นเรื่องเล็กน้อย และงานนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งความไว้วางใจที่เราจะได้รับจากรุ่นพี่ให้ทำงานชิ้นใหญ่ของรุ่นต่อไปและถือว่าเรามีวุฒิภาวะมากพอที่จะดูแลน้องรุ่นต่อๆไปได้
      
                  เขาเองก็ดีใจ ที่มันจบลงด้วยน้ำตาแห่งความยินดีของทุกคน
   
                  แม้ว่าที่ผ่านมาพวกเราอาจจะมีผิดใจกันบ้างในช่วงทำงาน เหวี่ยงวีนใส่กันบ้างตามอารมณ์กดดัน แต่วันนี้เขาก็ดีใจที่ได้เห็นทั้งรุ่นยิ้มให้กันด้วยความยินดี
   

                  “มึง โน่นนนนน”
   

                  ฟ้ากระแซะไหล่เขาให้มองดูสายป่านที่ถือแก้วเหล้าขึ้นดื่ม พิงเสาเต็นท์อยู่คนเดียวที่มุมหนึ่ง
   

                  “อะไร”
                  “ไปชนแก้วสิ รออะไรคะ”
                  “ไม่อ่ะ”
   

                  แค่ได้มองตรงนี้ก็พอแล้ว
   

                  “เหวยๆ มีคนมาชนแก้วกับเขาว่ะ”
   

                  มีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้าไปชวนมันคุย
   

                  “ก็น้า เขาเลิกกับแฟนแล้วนี่ ต่อไปนี้ใครจะจีบก็ได้ ถ้าคนแถวนี้ไม่รีบ ก็รอเขามีใหม่อีกสักคนดีไหมน้า”
   

                  เขาหูตึง แม้จะรู้ว่ามายด์กำลังปั่นให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้
   

                  “เฮ้ยๆ เขาเดินออกไปด้วยกันว่ะมึง”
   

                  เขาหันไปมองอีกทีก็เห็นเพียงแผ่นหลังมันที่แวบหายไปกับฝูงชน
   

                  “อย่าเครียดมึง พวกกูแค่ปั่นเล่น”
                  “โอ๋ๆ อย่าทำหน้าหมาหงอยแบบนั้นสิงับ”
   


                  ❤

   





                  งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา แต่ใจคนเราทำไมยังดื้อด้านเช่นเดิม แม้จะรู้ว่ายังไงก็ไม่สมหวัง แต่เขาก็ยังหวัง
                  เขานั่งจ้องรูปถ่ายรวมรุ่นตอนปีหนึ่งมาได้สักพักแล้วล่ะ เขารู้สึกชอบรูปใบนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง
   
                  วันนั้นทั้งรุ่นตัดสินใจกันว่าจะเข้าแถวหน้ากระดานเรียงตามรหัส แต่ด้วยความที่เขาตื่นสาย โชคยังเข้าข้างที่เขามาทันถ่ายภาพเซตสุดท้าย และมันกลายเป็นภาพเซตที่ดีที่สุดในความทรงจำของปีหนึ่ง
   
                  รหัสของเขาคือ 289 แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะได้ยืนยิ้มถ่ายรูปข้างๆมัน อย่างน้อยๆก็ต้องมีคนขั้นกลางระหว่างเราอีกสามคน
                  แต่มันก็เป็นไปแล้ว จนอยากขอบคุณหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง ที่ทำให้มีรูปใบนี้
   

                  ขอบคุณ….ที่วันนั้นเพื่อนรหัส 292 ซึ่งเป็นรหัสต่อจากสายป่านที่รหัส 291 ป่วยไม่สบาย ทำให้มันกลายเป็นคนสุดท้ายของแถว
                  ขอบคุณ… ช่างกล้องที่บอกให้เขาไปต่อแถวคนสุดท้าย โดยพี่เขาให้เหตุผลว่าถ้ามีการแทรกแถวอาจทำให้คิวถ่ายล่าช้า
                  ขอบคุณ… ช่วงเวลาที่เดินเป็นปกติของมัน แต่ทำให้เขาตื่นสายในวันนั้น
                  ขอบคุณในทุกๆความบังเอิญ ที่เขาเชื่อว่าไม่มีอยู่จริง
   
                  
                  เพียงแต่วันนั้น อาจเป็นความตั้งใจของพี่ช่างกล้อง ความตั้งใจของเพื่อนรหัส 292 หรือความตั้งใจของเวลา ที่ทำให้เขากับมันได้ยืนถ่ายรูปข้างๆกันแบบนั้น
   

                  ก๊อกๆ
   

                  เขาละความสนใจจากรูป เพราะเสียงเคาะประตูหน้าห้อง
   

                  “รบกวนหน่อยครับ”
   

                  ก๊อกๆ
   

                  “มีคนอยู่ในห้องมั้ยครับ”
   

                  เขาลุกเดินไปเปิดประตู
   

                  “สายป่าน 291”
                  “มึง”
   

                  แล้วตอนนี้ล่ะ เป็นความตั้งใจของใครกัน





- T B C . -


เรื่อยๆ แบบเต่าคลานนะคะ งื้อ ความรักแบบก้าวกระโดด
ขอพักเก็บไว้ให้แค่หมอคนเดียวพอนะคะ 555

แจ้งนิดนึงนะคะ มิวได้แก้คำผิดบางส่วนแล้วแต่ถ้าคนอ่านพบเห็น
และทำให้การอ่านไม่สมูท แจ้งมิวเลยนะคะ ด้วยรัก
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่หนึ่ง 10-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-11-2018 19:24:50
ความใกล้ชิดมีน้อยมาก ไหวไหมมด  :hao5:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่หนึ่ง 10-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 11-11-2018 07:36:26
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่หนึ่ง 10-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 11-11-2018 09:37:38
มดสู้ๆ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่หนึ่ง 10-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 13-11-2018 17:47:34
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สอง 17-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 17-11-2018 19:28:30
ก้าวที่สอง
ความยากของการเป็นแค่เพื่อน


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  “สายป่าน 291”
                  “มึง”
   

                  แล้วตอนนี้ล่ะ เป็นความตั้งใจของใครกัน
   

                  “มึงอยู่ห้องนี้เหรอวะ เฮ้ย ตกใจเหมือนกันนะ มึงบอกในกลุ่มแชทว่าจะย้ายห้อง แม่ง เสือกมาอยู่ห้องใกล้กูซะงั้น”
   

                  เขาแง้มประตูเล็กน้อย มองผ่านรอยแยกออกไป ทำทุกอย่างให้เงียบที่สุด เพื่อที่จะเฝ้าดูคนสองคนคุยกันนอกห้อง
                  หนึ่งคือสายป่าน รหัสสองเก้าหนึ่ง เพื่อนร่วมรุ่นของเขา กับใครอีกคนที่เขาคุ้นหน้าแต่จำชื่อไม่ได้ คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอกันไม่บ่อยครั้ง แต่คงจะเป็นรุ่นเดียวกับเขานี่แหละ
   

                  “กูเข้าห้องไม่ได้ ลืมกุญแจว่ะ ขอปีนระเบียงห้องมึงดิ๊ มันติดกัน”
   

                  แบบนี้ก็ได้เหรอ มึงลงไปถามที่เคาน์เตอร์ชั้นล่างไม่ง่ายกว่าเหรอวะ
                  เพื่อนอีกคนเกาหัวแกรกๆ แต่ก็ไม่เอ่ยคำคัดค้าน หนำซ้ำยัง “เออ มึงมานอนห้องกูก่อนก็ได้ ไม่ต้องลำบากปีน”
   

                  “เอางั้นเหรอวะ อือ พรุ่งนี้ออกเช้า งั้น ขอรบกวนด้วยนะ”
   

                  มันแปลว่าข้อตกลงบรรลุเป้าหมายแล้วใช่มั้ย
   

                  ปัง
   

                  เสียงประตูห้องข้างๆปิดลง พร้อมกับเขาที่ค่อยๆปิดประตูห้องตัวเองให้สนิท
                  เหม่อมองนาฬิกาที่มุมห้องตรงผนังฝั่งซ้ายสุด ติดกับตู้ปลา บ่งบอกเวลาที่เข็มนาฬิกาเพิ่งจะเลยเลขเก้ามานิดๆ
                  อืม คืนนี้ยังอีกยาวไกล
                  แต่เขามั่นใจว่าจะฝันดี เพราะอะไรรู้มั้ย…
                  เขาไม่ใช่สตอร์คเกอร์ฝึกหัด หรือมืออาชีพ และเขาจะไม่มีวันเป็นด้วย
                  ก็แค่ดีใจ ที่ตรงข้ามห้องถัดไปจากเขา มันคือห้องของสายป่าน 291 ก็เท่านั้นเอง




   

                  เขาไม่ใช่สตอร์คเกอร์
                  เขาไม่ใช่
                  จริงๆนะ…
   

                  “สายป่าน 291 พักอยู่คอนโดเดียวกับมึง แถมอยู่ตรงข้ามห้องถัดไปจากห้องมึง”
                  “…”
                  “แล้วยังไง มีอะไรน่าตื่นเต้นวะ”
   

                  มายด์ยักไหล่สองทีแล้วนั่งลงเท้าคางจ้องมองเขาจริงจัง
   

                  “มันจะไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลยถ้ามึงก็ยังเป็นแบบเมื่อก่อน”
   

                  เมื่อก่อน… ตอนที่เขาอยู่หอใน
                  ไม่ใช่เพียงแค่เราอยู่หอเดียวกัน หากแต่ห้องยังติดกันชนิดที่เวลารุ่นพี่เรียกไปคณะเปิดประตูห้องมานี่เจอกันทุกรอบ
   
                  แต่เขา ก็ไม่เคยทักทายมันทุกครั้งเช่นเดียวกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ช่วยไม่ได้ ถ้ามันจะคิดว่าเขาไม่อยากคุยกับมัน และโคตรหยิ่ง
   
                  แต่ในความเป็นจริงถ้ามันมองมุมกลับ เขาเป็นแค่เพื่อนร่วมรุ่นที่ไร้ตัวตน แต่มันมีคนรู้จักมากมาย หลายคนอาจเถียงว่านั่นไม่ใช่ปัญหา เพียงแต่ในความคิดของเขา มันโคตรจะเป็นอุปสรรคที่ใหญ่พอๆกับมีเทือกเขาหิมาลัยมากั้นกลางระหว่างเราสองคน
   
                  หรือคุณไม่เคยรู้สึกล่ะ คนที่มีใครเข้าหามากมายขนาดนั้น เขาจะยอมลดตัวลงมาคุยหรือทักทายเราทุกครั้งที่เจอ หรือบังเอิญสวนทางกันหรือเปล่า นั่นเป็นคำถามที่เขาเฝ้าถามมันในใจมาตลอดหนึ่งปี และยังไม่ได้คำตอบ
   
                  หรือคำตอบนั้น เขาจะไม่มีทางค้นเจอ
                  หรือจนกว่า…
   

                  “กล้าๆหน่อยเพื่อนรัก อาศัยความเป็นเพื่อนร่วมรุ่นหน้าด้านเข้าไปคุยกับมันเลย มันเฟรนด์ลี่จะตายไป จากที่ได้ยินมาอ่ะนะ”
   

                  ฟ้าเสริมทัพ ด้วยคำแนะนำแกมล่อลวงกับคำเชิญชวนที่น่าลอง
   
                  ใครๆก็บอกว่ามันเป็นมิตร คุยเก่ง ยิ้มง่าย และที่สำคัญมีเสน่ห์ เขาก็คิดแบบนั้น เพียงแต่เหตุผลเท่านี้ ไม่พอให้เขารวบรวมความกล้า บวกความบ้าบิ่นเหมือนตอนปีหนึ่งที่บุกทะลวงเข้าไปสารภาพรักเจ้าตัวหรอกนะ แม้มันจะเป็นคำสั่งของรุ่นพี่ แต่นั่นเขาถือว่าได้บอกความในใจกับมันไปแล้ว
                  และมัน… ไม่ตอบรับ แถมทิ้งไปกับแฟนอย่างไม่ไยดี
                  ความรู้สึกแบบนั้น เขาไม่อยากรับรู้มันอีกแล้ว
   

                  “แถมคอนเฟิร์ม ความสด เอ๊ย ความโสดร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้ไม่สดแล้วก็ตาม”
   

                  มายด์พูดติดตลก ทำทั้งกลุ่มหลุดยิ้มตาม นี่ถ้าเจ้าตัวมาได้ยินจะมีเขกหัวพวกเราคนละทีแก้แค้นมั้ยเนี่ย เผาเพื่อนร่วมรุ่นเก่งพอๆกับทำงานเก่งก็กลุ่มของพวกเรานี่แหละนะ
   

                  “แต่กูกลัวนี่” เขาท้วงหน้างอง้ำ
                  “มันจะอะไรนักหนา มึงเดินเข้าไป พูดทักทายคำสองคำ”
                  “แต่กูไม่เคยพูดกับมันเลยนะ อยู่ๆจะให้เข้าไปหาแล้วบอก สวัสดีครับ เหรอ”
                  “แหม แล้วที่เดินไปบอกรักเขาตอนปีหนึ่งนั่นอะไร ไม่รู้ล่ะ ถือว่าเคยคุยกันแล้ว”
   

                  ไม่มีอะไรจะถียงกลับ นอกจากขมวดคิ้วมุ่น
   

                  “เอาน่า ยังไงก็ถือว่าได้ลอง ไม่ลองไม่รู้ มันไม่คุยด้วยก็ค่อยช่างแม่ง”
                  เป็นจิ๊บก็พูดง่ายสิ เป็นเขานี่ถ้ามันไม่คุยด้วยมีน้ำตาซึมอ่ะ ก็นะ ไม่เคยเป็นกันเหรอ คนแอบชอบไม่คุยด้วยเนี่ย มันจะช่างแม่งได้ไง ในเมื่อเราชอบเขามากๆอ่ะ
                  ถ้ามันตัดใจง่ายๆแบบนั้นก็ดีน่ะสิ ไม่คุยไม่สน แต่เขาทำไม่ได้ไง
   

                  “มึงอย่าคิดไปก่อน เป็นกระต่ายตื่นตูมมันไม่น่ารักหรอกนะ”
   

                  ฟ้าปลอบเขา เพื่อนทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
                  เขาที่ถูกหว่านล้อมเต็มที่เริ่มมีความหวัง… เอาวะ
                  เอาไงเอากัน
                  เอาก็เอา
   

                  “แล้วกูต้องเริ่มด้วยการแนะนำตัวใหม่มั้ย”
                  “ฮ่วย!!!”
   

                  หือ
                  แปลว่าไม่ควรสินะ






                  “นี่คือขั้นแรกเหรอ”
   

                  เขาจ้องมองหน้าจอไอโฟนที่เพื่อนมายด์ยกขึ้นมาตรงหน้า ในจอแสดงภาพฟีดข่าวที่คุ้นเคย ใช่ มันคือหน้าฟีดของแอพสีฟ้ารูปตัวเอฟที่มีชื่อเต็มๆว่าเฟซบุ๊กของคุณมาร์คนั่นเอง แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจว่า คำว่าขั้นแรกที่เพื่อนๆหมายถึง มันคือยังไงกันแน่
   

                  “มึงอ้างนักหนาว่าสนใจเค้า แอบชอบเค้า หลงรักเค้า”
                  “อือฮึ”
   

                  เป็นลูกรับส่งกันดีเหลือเกิน คนนี้พูดประโยคหนึ่ง อีกคนก็รับอีกประโยคหนึ่ง มายด์ส่งจิ๊บรับ หรือ มายด์รับจิ๊บส่ง ฟ้าชง โอ้โห ครบเครื่อง
   

                  “มึงจะให้กูแอดมันเหรอ ไม่อาวววววว”
   

                  เขารู้แล้วล่ะว่าเพื่อนยกเฟซบุ๊กขึ้นมาเป็นประเด็นทำไม ไม่ ยังไงก็ไม่ ขอค้านหัวชนฝาว่าไม่ทำ และจะไม่มีวันแอดด้วย แหม ถ้าแอดไปเขาก็รู้หมดสิ ว่าบนไทม์ไลน์เฟซของตัวเองเนี่ย เพ้อพกมโนถึงใคร
                  ถึงจะโพสต์ลอยๆแบบไม่เจาะจงใครบางคนก็เถอะ แต่มันเสี่ยงเกินไป
   

                  “ไม่จร่ะ เพื่อนรัก แบบนั้นมันเป็นมุกที่เชยและนายเอกสมัยนี้เขาไม่ทำกันแล้ว เราจะไม่มานั่งแอดผู้ชายให้ราคาตกต่ำ เราแค่จะทำแบบนี้…”
   

                  ว่าแล้วมันก็เลื่อนมือไปกดจึ๊กที่ปุ่มติดตาม ซึ่งกลายเป็นว่าตอนนี้เขาเป็นหนึ่งในล้านคนที่กำลังติดตามสายป่านอยู่
   

                  “เราจะทำให้ตัวเองดูไฮ และไม่รุกอีกฝ่ายจนเกินไป ด้วยการไม่แอดเฟรนด์ให้เขาเห็นโต้งๆ เพราะเสี่ยงที่อีกฝ่ายจะไม่รับ แถมเสียความรู้สึกเราอีก”
   

                  เขาพยักหน้าเออออ ทั้งทียังงงและไม่เข้าใจว่ามันจะให้ทำอะไรกันแน่ แค่กดติดตามแน่เหรอ
   

                  “เพราะฉะนั้น มึงต้องให้เขามาเห็นเราเอง โดยการกดไลค์ทุกสเตตัสของอีกฝ่าย ตามทฤษฎีกฎของมายด์ เชื่อว่าจะเกิดคลื่นใต้น้ำ หรือปฏิกิริยารีแอคด้วยตัวมันเอง กล่าวคือ พอมึงไลค์รัวๆจนมันขึ้นแจ้งเตือนบนเฟซอิสายป่าน เดี๋ยวอิสายป่านก็จะหันมาสนใจมึง จบสวย เพื่อนกูหล่อ แต่กำลังจะมีผัวค่ะ”
   
                  พอฟังมันพูดจบ เขาต้องถามตัวเองไหมว่าต้องยกมือขึ้นก่ายหน้าผากดีมั้ย หรือควรชินได้แล้วกับการเอาดีทางด้านเรื่องไร้สาระของเพื่อนตัวเองดี
                  มายด์ ผู้ไปไกลเกินกว่าโลกจะจินตนาการถึง ขอไว้อาลัยสิบแปดวินาทีให้กับเธอ
   

                  “ไหนลองกดไลค์สักโพสต์ซิ”
                  “เฮ้ยยยยย”
   

                  ไม่ทันแล้วครับ ระหว่างที่เขากำลังปลงใจกับความคิดแบบเป็นไปไม่ได้ของมายด์ เพื่อนฟ้าก็ได้จิ้มนิ้วไปจรดที่หน้าจอไอโฟน และจึ๊ก กดไลค์โพสต์ของสายป่านด้วยการกด รักเลย แบบใช้โพสต์เขาที่ล็อกอินอยู่ก่อนแล้ว
                  และสักโพสต์ของไอ้สายป่านที่ว่าก็คือ…
                  


                  สุ่มแอดเพื่อนครับ ใครมีใจกดหัวใจมาน้อง
                  


                  หืมมมมมมม
                  แล้วตอนนี้เขา ไม่สิ เพื่อนฟ้าไปกดหัวใจที่แสดงความรู้สึกว่ารักเลยให้มันไป
                  จะสุ่มได้เขามั้ยนะ เอ๊ย ไม่ช่ายยยยยย
                  แต่ก็นะ…คนกดไลค์โพสต์นี้ 1.2K โอกาสที่มันจะสุ่มแอดเพื่อนเขานี่ควรคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ดีล่ะ
   
                  ไม่แน่ว่ามันอาจจะติดลบอยู่ก็เป็นได้ ก็คิดดูนะ เป็นเพื่อนร่วมรุ่น ทำงานมาด้วยกัน แต่ไม่เคยคุยกัน มองหน้ากันก็ไม่ติดเพราะเขามันคิดไปไกล แม้แต่เพื่อนในเฟซยังไม่ได้เป็นเลย เหตุผลส่วนหนึ่งคือเขาไม่กล้าแอด และอีกส่วนคือกลัวแอดไปแล้วมันไม่รับจะเสียใจกว่ามากๆ
   
                  TSHIRT ใครแกล้งแม่งวะ 555 เล่นแรง
                     สายป่าน 291 แหลไร๊หนิ
                     มาร์ค สายปั่น ไอ้สัดครับ แหล่งใต้เก่ง ใครทำออกมารับผิดชอบครับ สงสารเพื่อนกู
                     สายป่าน 291 มึงครับตัวดีเพื่อน เอาเฟซกูไปโพสต์เล่น
                     Why Viransinee กดหัวใจให้แล้วนะคะ เมื่อไหร่จะแอดมา
                     สายป่าน 291 Why Viransinee ผัวโหดขอผ่านครับคนนี้
                     Why Viransinee โห ไอ้สัด 555
   
                  งื้อๆ พี่สายป่านสุ่มแอดเฟรนด์ วันนี้ที่รอคอย 555 #แม้จะรู้ว่าเพื่อนแกล้ง
                  ใครจะเป็นผู้โชคดีว้า มาว่ะ พี่สายป่านเหนือเดือน
                  ทำไมลูกแม่มาเนื้อหอมตอนปีสองวะ พลาดตำแหน่งเดือนมอได้ไง ยั่วเยขนาดนี้
                  โอ๊ย ถ้ามึงหล่อเหมือนตอนนี้ปีหนึ่งมึงได้เป็นเดือนมอไปแล้ว
                  กดรักเลยแล้วจะได้เป็นผัวป่ะ
                     เอ่อ เม้นนี้ #ขอฮาได้มั้ย
                  ใครไม่รัก เรารัก กดรักเลยรัวๆค่ะ พลาดเดือนมอได้ไง น่าเด้าเป้าเริ่ดขนาดนี้
                  มึ๊ง เขาโพสต์แค่ข้อความ ไม่มีรูป 555 ทำไมกูขำ
                  ไม่มีรูปก็เสียวได้
                  ขออนุญาตเม้นบนควบคุมสติ 555
                  ไป รอพี่เค้าขึ้นปกนิตยสาร 18+ สักเล่ม อยากเห็นกล้ามขาวๆเป็นบุญตา
   

                  ตึ๊ง
   

                  แจ้งเตือนเฟซบุ๊กเขาเด้งขึ้นมา
   


                  กดว้าว ระวังหัวใจร้าวนะครับ
   


                  สดๆร้อนๆ เมื่อสิบสามวินาทีก่อนหน้านี้ คราวนี้มาพร้อมรูปภาพมันกับผองเพื่อนที่ร้านกาแฟของคณะรัฐศาสตร์ ที่เขาจำโลเคชั่นได้ดีเพราะเป็นหนึ่งในไม่กี่ร้านโปรดที่เขาไปกินบ่อยที่สุด
                  ไม่ได้ค่าโฆษณาหรอกนะ แต่ของเขาอร่อยจริง ต้องไปลอง
   

                  “รออะไรล่ะคะ ไลค์โลด”
   

                  ฟ้าดึงมือเขาไปจิ้ม กดหัวใจให้โพสต์ล่าสุดบนไทม์ไลน์ของสายป่าน
                  เฮ้ยยยยยย เขารีบแย่งไอโฟนของตัวเองมาจากมือเพื่อน
                  แต่หลังจากนั้นไม่นาน
                  ปรากฏการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
   

                  ตึ๊ง
                  ตึ๊ง
                  ตึ๊ง
   

                  และอีกกี่ตึ๊งไม่รู้ที่เฟซบุ๊กแจ้งเตือนเขา
                  ช่องแชทของเขาเด้งขึ้นมา ด้วยชื่อของคนทักทายที่รู้จักเป็นอย่างดี
   


                  สายป่าน 291…
   


                  ชื่อไรครับ
                  รูปโปรน่ารักจัง
                  กดหัวใจเหรอ
                  ชอบเราป่ะ
                  มีแฟนยัง
                  จะขอจีบ
                  ได้ป๊ะ

                  เฮ้ย เพื่อนแกล้งๆ
                  น้องน่ามน คนน่าเอา
                  โทษๆ เพื่อนแกล้ง
                  ชื่อมดใช่ป่ะ
                  เห็นแล้วโคตรชอบ
                  ตกลงมั้ยเราจะจีบ
                  ยังไงดี

                  


                  และข้อความสุดท้ายที่คนพิมพ์หายไปประมาณสามสิบวินาที
   


                  ขอโทษนะ เพื่อนแกล้ง
   


                  “ใครส่งอะไรมาวะมึง ดังถี่ยิบตลอดทุกวินาที”
   

                  มายด์ถามด้วยความสงสัย นั่นทำให้เขารีบเอาหน้าจอไอโฟนแนบอกทันที พร้อมส่ายหัวบอกปฏิเสธว่าไม่มีอะไร แต่ท่าทางนี่เต็มไปด้วยพิรุธจนดูรู้
   

                  “เปล่า เพื่อนกลุ่มคอนเซอเวชั่นส่งงานเข้ามา”
                  “เออๆ ไหนเอาโทรศัพท์มาไว้ตรงกลางสิ ถึงไหนแล้วเนี่ย มึงกดไลค์สเตตัสสายป่านครบยังวะ”
   

                  เขารีบยกโทรศัพท์หนีมือมายด์ที่จะเอื้อมมาเอาไป
   

                  “ไว้วันหลังค่อยมาทำต่อแล้วกัน สงสัยเพื่อนกลุ่มจะตามงาน แชทเข้ารัวๆแล้วเนี่ย”
   

                  เขารีบเก็บข้าวของที่วางเกลื่อนกลาดบนโต๊ะ ลงกระเป๋าผ้าสีขาวใบเก่งของตัวเอง แล้วลุกขึ้น
   

                  “กูไปก่อนนะ เดี๋ยวเย็นทักไปกินข้าว”
   

                  พอเดินออกมาไกลพอที่คิดว่าเพื่อนๆจะไม่เห็นแล้วเขาก็หยุด หยิบไอโฟนขึ้นมาเปิดอ่านแชทเดิมซ้ำอีกรอบ
                  แล้วยิ้มกับหน้าจอเหมือนคนบ้า กับข้อความบ้าๆที่ไม่น่าจะทำให้ยิ้มได้
                  ขอโทษนะ เพื่อนแกล้ง
                  ถึงจะรู้แบบนั้น แต่มันก็หุบยิ้มไม่ได้จริงๆ
   





                  ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือผิด ที่ตอนนี้ชีวิตเหมือนหนีเสือปะจระเข้
                  หลังจากที่เขาต้องย้ายก้นตัวเองออกมาจากกลุ่มเพื่อนสนิท และไม่มีที่ไป เลยกะมานั่งอ่านหนังสือชิลๆที่คณะศึกษาศาสตร์ ซึ่งมีร้านกาแฟแต่เปิดให้มานั่งอ่านหนังสือได้
                  แต่เขาไม่ได้คิดเลยสักนิด ว่าจะบังเอิญมาเจอมันที่นี่
   
                  สายป่าน 291…
                  ทำไมขึ้นปีสองแล้วเราเจอกันบ่อยเหลือเกิน ใช่สิ แค่สองครั้งก็ถือว่าบ่อยแล้ว
   

                  “ไอ้เหี้ยป่าน มึงโกรธกูเหรอวะ”
   

                  เขาไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังหรอกนะ แต่โต๊ะเราอยู่ใกล้กันแบบนี้มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะแว่วเข้าหูอ่ะนะ
                  ความจริงคือเข้าหูมาเต็มๆ แบบชัดทุกน้ำเสียงเลยล่ะ
                  คงมีไม่บ่อยนัก ที่พวกสถาปัตย์จะเร่ร่อนระหกระเหินมาถึงที่นี่ ประกอบกับความหน้าตาดีเกินไปของทั้งกลุ่ม จึงเป็นที่จับตามองของฝูงชนได้โดยง่าย
                  และไม่เว้นเขา
                  จากที่เขาเหล่ๆดู เพื่อนกลุ่มนี้ของสายป่านน่าจะมาจากคนละคณะ เพราะเขาไม่คุ้นหน้าเลยสักคน
                  สายป่านเป็นคนมีเพื่อนเยอะ จึงไม่น่าแปลกใจหากจะพบมันอยู่อีกกลุ่มในเวลาอื่น
                  มีเพื่อนเยอะไม่ได้ดีเสมอไป เพียงแต่ใครจะโชคดีเท่ามันที่ถึงแม้เพื่อนจะมากมายเท่าไหร่ ก็มีแต่คนจริงใจที่เข้ามาหาทั้งนั้น
   

                  “ไม่เลิกแกล้งกูงอนอ่ะ” สายป่านกอดอก หน้างอง้ำ แล้วมันกงการอะไรที่เขาต้องละจากหนังสือหันไปแอบมองมันด้วยเนี่ย
   

                  เอาเถอะนะ ห้ามอะไรก็ห้ามได้ แต่ห้ามให้มองมันคงทำไม่ได้
                  ยิ่งอยู่ใกล้กันแค่โต๊ะถัดไปเท่านั้น จะให้เขาทำเป็นมองไม่เห็นมัน และทำสมาธินั่งอ่านหนังสือต่อไปคงเป็นไปไม่ได้
   

                  “แม่งใจตุ๊ดวะ” เพื่อนอีกคนแกล้งบ้าง
                  “ลองมั้ยล่ะนาย” เฮ้ย แบบนี้ก็ได้เหรอ
                  “มึงอย่าเอาโทรศัพท์กูไปเล่นดิ๊ เอาคืนมาไอ้สัด”
   

                  ดูเหมือนว่าตอนนี้สายป่านก็ยังไม่ได้ไอโฟนของมันคืนมาจากเพื่อนคนใดคนหนึ่งในกลุ่ม
   

                  ตึ๊ง
   

                  “เฮ้ยมึง ทำเหี้ยไรวะ”
   

                  พร้อมๆกับเสียงห้าวๆของมัน เสียงเฟซบุ๊กของเขาเองก็แจ้งเตือนขึ้น
   


                  สายป่าน 291 ได้ส่งคำขอเป็นเพื่อนถึงคุณ
                  …
   


                  “แอดเหี้ยอะไรชื่อนี้วะ”
                  “ทำไม”
                  “เพื่อนคณะกู ไอ้เหี้ย”
   

                  เขาต้องมีภูมิต้านทานแค่ไหน ถึงจะไม่ให้สะดุ้งกับคำว่าเพื่อนคณะกู โอ้โห ประเด็นคือ เพื่อนคณะมึง ดันอยู่โต๊ะใกล้ๆมึง แต่มันโง่ไม่รู้ว่ามีเขาอยู่ไง
                  หรืออีกนัยคือมันไม่ได้ให้ความสนใจเลยไม่สังเกตเห็นเขาก็เท่านั้นเอง
   

                  “เพื่อนคณะจริงเหรอ แม่ง… อุ๊บส์ ไอ้เหี้ย อากอึงเอ็มสัด(ปากมึงเค็มสัด)”
                  “เชี่ยไร ไม่ต้องพูดถึง ก็แค่เพื่อนคณะ”
   

                  ก็แค่เพื่อนคณะ แม้แต่คำว่าเพื่อนเฉยๆ มันยังไม่รู้สึกห่างเหินเท่าเพื่อนคณะเลยโว้ย
                  คนแอบฟังมันช้ำใจนะเว้ย ไม่รู้รึไง
                  แบบนี้แล้วเขาไม่แน่ใจว่าควรจะรับแอดมันดีมั้ย หากจะมีเฟซบุ๊กของมันไว้เพื่อทำร้ายหัวใจตัวเอง
                  แต่ความคิดกับการกระทำ มักสวนทางกันเสมอ
   

                  “คืนไอโฟนลูกรักกูมาได้ยัง ช้ำหมดละ มือพวกมึงยิ่งหยาบๆ”
                  “หยาบคายมาก”
   

                  ตึ๊ง
   

                  นั่นไม่ใช่เสียงแจ้งเตือนเฟซบุ๊กของเขา
   

                  “มึ๊งงงงงงง เพื่อนร่วมคณะมึงรับแอดด้วยว่ะ”
                  “แหม เพื่อนจริงป่ะวะ ยิ้มกริ่มดีใจอย่างกับมองสาว”
   

                  เขาแอบเหล่ตามอง มันกำลังยิ้มอยู่จริงๆด้วย
   

                  “ยิ้มไม่ได้เหรอวะ ก็สาวมองอยู่”
   

                  และเป็นอีกครั้งที่มันพูดถูก เมื่อสาวกำลังมองมันอยู่จริงๆด้วย
   

                  “โห คนรับแอดมึงไม่เสียใจแย่วะ”
   

                  เกี่ยวอะไรกับเขา แต่เขาก็กำลังโคตรน้อยใจอยู่จริงๆ จะใช้คำว่าเสียใจก็กระดากปาก เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย
                  อย่างน้อยถ้าคนอื่นถาม ก็ยังตอบได้ว่าน้อยใจที่เห็นสาวดีกว่าเพื่อน…
                  ร่วมคณะ
   

                  “มึงมันเหี้ย เพื่อนก็คือเพื่อนครับไอ้สัด”
   

                  ถูกต้องแล้ว
                  เพื่อนร่วมรุ่นก็เป็นได้แค่เพื่อนร่วมรุ่น
                  มันไม่มีทางเป็นอย่างอื่น
                  ไม่มีวัน…
   





                  เขานั่งอ่านเพลินจนเกินไป…
                  นี่มันเย็นย่ำแล้ว เพราะร่างกายสัมผัสถึงลมหนาว เขาที่ย้ายจากร้านกาแฟคณะศึกษาศาสตร์ ย้ายเอาใจพังๆ กลับมานั่งพักอ่านหนังสือชิลๆที่ใต้ตึกของคณะตัวเอง
                  แต่นั่งอ่านเพลินไปหน่อยเท่านั้นเอง จนเงยหน้าขึ้นมาอีกที คนที่นั่งอยู่โต๊ะรอบๆหายไปหมดแล้ว
                  ก็แค่เหลือคนเดียว ที่ใต้ตึกคณะสถาปัตย์เท่านั้นเอง
   
                  ไม่รอช้า รีบโกยของทั้งหมดบนโต๊ะหินอ่อนลงในกระเป๋าผ้าสีขาว เพราะหากมืดกว่านี้ เขาคงต้องขอนอนที่คณะสักคืน เคยได้ยินตำนานเรื่องผีของคณะสถาปัตย์มอนี้มั้ยล่ะ นักศึกษาที่นี่รู้จักดีกันทุกคน ช่วงทำงานคนมันเยอะไง แต่ช่วงนี้เป็นช่วงร้างช่วงหนึ่งของคณะ เพราะฉะนั้นแนะนำ ควรออกจากตึกนี้ก่อนเวลาสามทุ่มเป็นต้นไป เหตุผลคือมันจะยังมีคนเดินสวนทางเรามา แบบคนที่เป็นคน หากดึกกว่านั้น…
                  เกรงว่ามันจะไม่ใช่คน!!!
                  ตำนานทางเดินแคบมอนี้ ติดอันดับความน่ากลัวลำดับที่ต้นๆในเว็บบอร์ดเลยนะ
   

                  กึก!
   

                  เอาแล้วไง
                  มีเสียงดังกุกกักจากโต๊ะข้างหลัง เขาไม่กล้าหันไปมอง
                  อยู่มาหนึ่งปี จะมาเจอดีปีสองไม่ได้นะ
   

                  “ฮื่อออออออออ”
   

                  เสียงครางเย็นเยือกดังขึ้นเบื้องหลัง ฮือ อย่ามาหากันเลย อย่าทำลูกช้างตัวน้อยๆคนนี้เลยนะ แล้วจะทำบุญกรวดน้ำไปให้
                  ฮือออออออออออ
   

                  “แม่ง เผลองีบแป๊บเดียว เพื่อนกูหนีหมด”
   

                  ระหว่างที่เขากำลังท่องมนต์ในใจ เสียงทุ้มคุ้นหูก็ดังขึ้น
   

                  “เฮ้ยมึง มีบัตรนักศึกษาใช่มั้ย กูออกไปด้วยดิ”
   

                  จะผ่านประตูทางเข้าของที่นี่ ต้องใช้บัตรนักศึกษาที่แสดงตัวตนว่าเป็นคนของมหา’ลัยนี้ ตอนออกก็เช่นเดียวกัน
   

                  “ไอ้มด รหัส 289 ใช่มั้ย”
                  “อะ อืม”
   

                  บางทีความยากของการเป็นแค่เพื่อนอาจจะอยู่ที่ตรงนี้
                  ตรงที่เขา…ไม่รู้จะทำตัวยังไง ให้เหมือนเป็นเพื่อนกับมันมากที่สุด
                  เพราะว่าตอนนี้ หัวใจเจ้ากรรม เต้นเสียงดังโครมครามเหลือเกิน




- T B C . -


เมื่อไหร่น้อ จากเพื่อนจะขยับไปเป็นอย่างอื่น

เจอกันใหม่ตอนหน้าค่า พรุ่งนี้.
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สอง 17-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 17-11-2018 21:23:13
นี่แหละน้า สถานะคนแอบรัก เจ็บคนเดียวอึดอัดคนเดียว เฮ้อออ พุดแล้วก็นึกถึงตัวเอง  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สอง 17-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 17-11-2018 21:27:45
อืมม เพื่อนร่วมคณะที่หัวใจต่างเต้นโครมครามๆ

สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สอง 17-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: CHOIGYK_ ที่ 17-11-2018 21:37:24
แงงงง น้องมด สู้ๆนะลูกกก
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สอง 17-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 17-11-2018 23:24:54
น้องมด สู้ๆ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สอง 17-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-11-2018 23:41:11
ยังไม่เห็นแววเลย ซักกะติ้ด  :ling1:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สอง 17-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 18-11-2018 00:13:17
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สอง 17-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 18-11-2018 01:43:49
น้องมด  :hao5:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สาม 18-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 18-11-2018 23:19:48
ก้าวที่สาม
จุดอ่อน


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  ความมืดยามค่ำคืนของคณะสถาปัตย์เป็นที่เลื่องลือแต่ยามนี้กลับน่ากลัวน้อยกว่าคนข้างๆ
                  …ที่ทำให้เขาประหม่าได้มากพอๆกับเพิ่งรู้ว่าจะต้องสอบในรายวิชาที่ไม่ถนัด
                  เฉกเช่นเดียวกัน การสอบมีคำตอบเป็นตัวเลือก และเวลานี้เขามีเพียงสองตัวเลือกที่จะต้องทำคือ…
                  ชวนคุย หรือเงียบต่อไปดี
                  แต่ถ้าหากสถานะตอนนี้กำลังเอ่ยเตือนว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของมันอยู่ล่ะก็ เขาคงจะต้องหาเรื่องมาคุยกับมันอย่างช่วยไม่ได้
                  แล้วควรคุย…
                  เรื่องอะไร?
   

                  “เอ่อ…”
                  “หนาวเนอะ”
   

                  ความกล้าที่รวบรวมมาเกือบสิบวินาทีถูกร่างสูงเบรคดังเอี๊ยด เมื่อสายป่านเป็นคนทำลายความเงียบด้วยการเริ่มบทสนทนาก่อน
   

                  “เอาผ้าคลุมเรามั้ย”
   

                  พูดออกไปด้วยความเป็นห่วง แต่ประเด็นมันอยู่ตรงที่ว่าเขาไม่ได้พกผ้าคลุมไหล่มาเสียหน่อย มันยังคงถูกตากไว้หลังห้องตรงระเบียงตอนนี้และคงรับลมหนาวจนเย็นเยือกถ้าหากมันมีความรู้สึก
   

                  “ไม่เป็นไรๆ”
   

                  โชคยังดีที่มันปฏิเสธ
                  เฮ้อ เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก ถ้าเกิดร่างสูงบ้าจี้ขอยืมขึ้นมาจริงๆ เขาก็ไม่รู้จะไปเอามาจากที่ไหน
   

                  “อีกอย่างนะ”
                  “ฮะ ว่าไง…ครับ”
   

                  คำว่าครับถูกเปล่งออกมาด้วยความลังเล นั่นเป็นเพราะเขาไม่แน่ใจว่าควรจะใส่มันไว้ท้ายประโยคดีหรือไม่
                  เขารู้ว่าปกติเพื่อนร่วมรุ่นต้องคุยกันแบบไหน แต่เขาไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมรุ่นที่ไม่เคยคุยกันจริงจังเลยแบบมัน ต้องคุยแบบไหนต่างหาก
   

                  “เวลาพูดกับกู พูดปกติเหมือนพูดกับเพื่อนมึงเถอะ เรารุ่นเดียวกัน”
   

                  ปกติแบบที่เขาพูดคุยกับเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆสินะ อืม
   

                  “โอเค เราจะพูดปกตินะ”
   

                  แต่สายตาที่จ้องเขม็งมาแม่งบอกว่าคงไม่โอเค
   

                  “เพื่อนสนิทมึงดิ” มันว่า
                  “อ๋อ ไม่ต้องสุภาพแล้ว”
   

                  เป๊าะ มันดีดนิ้วตรงหน้าเขา พร้อมขยิบตาหนึ่งข้างโชว์เท่ห์
   

                  “เอ่อ มีอะไรติดหน้ากูป่ะ”
   

                  เขาไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ เมื่อเห็นร่างสูงจ้องเขานิ่งอยู่นานเกือบสามสิบวินาที จนเขาต้องร้องท้วง
   

                  “เปล่า เอาจริงๆกูรู้จักชื่อมึงนะ แต่แม่งไม่รู้สึกคุ้นหน้ามึงเลยว่ะ”
   

                  เขาไม่แปลกใจหรอกที่มันจะพูดแบบนั้น และไม่เสียใจด้วย ไม่ๆ ไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆนะ เปล่าสักหน่อย หัวใจแฟบๆนี้มันไม่ได้เฉาลงเพราะคำพูดของมันเมื่อครู่หรอกนะ
   

                  “กูก็ไม่คุ้นหน้ามึงเหมือนกันล่ะ”
   

                  เขาว่าเสียงห้วนด้วยอารมณ์ผสมปนเป ทั้งโกรธ น้อยใจ และตื่นเต้น พร้อมแอบเอานิ้วไขว้กันข้างหลัง โกหกจะตกนรกมั้ยเนี่ย
                  ถ้าเขาไม่คุ้นหน้ามัน ก็ไม่มีใครให้เขาคุ้นเคยอีกแล้วล่ะในคณะนี้ ยกเว้นกลุ่มเพื่อนสนิทที่จำชนิดไฝติดบนหน้าก็จำได้
   

                  “ที่กูจำข้อมูลมึงได้ เพราะแม่งโดนบังคับให้ท่อง”
   

                  พอมันพูดประโยคนี้มา ความทรงจำเก่าๆก็กลับมาทักทายในหัวเลย ตอนนั้นเป็นช่วงรับน้อง อยู่ในกระบวนการที่เรียกว่าการขัดเกลาสู่สังคมใหม่ อันนี้รุ่นพี่เรียกให้สวยหรูเท่านั้น แต่จริงๆแล้วมันก็คือการว้ากซึ่งเป็นระบบควบคุมคนให้มาทำงานก็เท่านั้นเอง พวกเราทั้งรุ่นถูกสั่งให้ไปจำข้อมูลเพื่อนในรุ่น ซึ่งมีทั้งหมดสามร้อยยี่สิบแปดคน ที่ข้อมูลเป๊ะขนาดนี้เพราะพวกเราใช้ใจจำ มันถึงจำได้ทุกคน เอาจริงๆมั้ย โห โดนว้ากไม่รู้กี่รอบเพราะจำข้อมูลไม่ได้ ทั้งลงโทษ ทั้งสั่งให้ไปทำภารกิจตามคำสั่ง เพื่อแลกกับการขอโอกาสจำใหม่ บลาๆ
   
                  จนสุดท้าย ก็ผ่านกันมาได้ ความสำเร็จก็คือช็อปสีน้ำตาลที่เรียกกันว่าผ้าคลุมไหล่เด็กสถาปัตย์ เป็นทั้งสัญลักษณ์แสดงถึงความอดทน รักเพื่อน และเสียสละ และความรับผิดชอบที่จะต้องแบกไว้กับรุ่นในปีที่ขึ้นเป็นปีว้าก
                  ทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่าง แม้เขาจะได้มันมา แต่ก็ไม่ทั้งหมดที่เขาเห็นด้วย หรืออาจไม่ยอมรับไปเลยก็ได้
                  แต่เขาเชื่อว่า ระบบทุกอย่างมันจะค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นรูปแบบใหม่และพัฒนาจากรุ่นสู่รุ่นให้เหมาะสมตามยุคสมัย เขาก็แค่อยากรอดูการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก็เท่านั้นเอง
   

                  “แม่ง มึงชวนคุยหน่อยดิ อย่าเงียบเหมือนกูพูดอยู่คนเดียวได้มั้ยวะ บรรยากาศน่าขนลุกชะมัดคณะเรา”
   

                  เขาเห็นด้วยกับสายป่านที่ว่าคณะเราโคตรน่ากลัว นี่ขนาดยังไม่ถึงสี่ทุ่มนะ ยังวังเวงได้ขนาดนี้ เงาต้นไม้ใหญ่พาดทับลงมาที่หลังคาเหมือนปีศาจร้าย แล้วพอลมพัดมาทีก็ปลิวไสวแบบไม่กลัวพวกเราสองคนจะหัวใจวายตายเลย
   

                  “งั้น ระหว่างเดินลงบันได ลองมาทวนข้อมูลเก่าๆของเราสองคนดูดีมั้ย”
   

                  บันไดทางลงคณะเป็นบันไดยาวสุดลูกหูลูกตา และระหว่างสองข้างทาง ถ้าคิดว่าทางเดินอื่นๆน่ากลัวแล้ว ต้องลองมาเดินชมธรรมชาติยามเย็นย่ำค่ำคืนที่บันไดทางลงนี้ดู ทางที่ดีที่สุดที่จะไม่ต้องมองมันคือหันเหความสนใจไปคุยกับคนที่มาด้วย และเพราะเป็นสายป่านที่เขาโคตรไม่สนิทและไม่รู้จะคุยอะไร เลยหยิบเรื่องข้อมูลเพื่อนขึ้นมาเล่นแล้วกัน
                  เขามั่นใจว่าตัวเองจำของมันได้ทั้งหมด และจำเป็นอย่างดีด้วย เหมือนเขาเพิ่งเปิดอ่านข้อมูลทั้งหมดเมื่อวันวานยังไงยังงั้นเลยล่ะ
   

                  “เล่นเฉยๆแม่งน่าเบื่อ ใครแพ้เลี้ยงข้าวนะ ตกลงป่ะ”
                  “…”
                  “เริ่มจากรหัสนะ มึง รหัส 289”
   

                  เฮ้ย เขายังไม่ทันตอบตกลงข้อกติกาเลย
                  แต่ไม่ว่าใครจะแพ้ ถ้อยคำก็ได้สัญญากับเราแล้วว่า ในเร็วๆนี้เขากับสายป่านจะได้เจอกันอีกครั้ง
                  ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่เขาโคตรดีใจ
   

                  “สายป่าน 291”
                  “สายหน้าตาดี”
   

                  พอได้คุยจริงๆแล้ว เขาขอถอนคำพูดที่เคยบริภาษมันไว้ตอนปีหนึ่งว่ามันกวนตีน
                  เป็นว่ามันโคตรหลงตัวเองแทน
                  และเขา โคตรหลงมันเลยในเวลานี้
                  รอยยิ้มเล็กๆที่ปรากฏตรงมุมปากเวลามันเผยยิ้มชวนให้ต้องจ้องมองอย่างไม่อาจหันหนีไปไหนได้
   

                  “อืม”
   

                  จนเผลอตอบรับเบาๆในลำคอตามคำมันว่า โชคดีที่เสียงมันแผ่วเบาจนไม่มีใครได้ยิน
   

                  “เอาโรงเรียนเดิมที่จบมาบ้าง”
   

                  แน่นอนว่าพวกเราทั้งคู่ตอบมันได้ แต่ไม่มีใครสงสัยในตัวของกันและกันเลยว่า ทำไมพวกเราถึงยังจดจำสิ่งที่ผ่านมานานเกือบหนึ่งปีเหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันก่อนได้แบบชัดเจนขนาดนี้
                  หรือเพียงเพราะว่า เรานำข้ออ้างที่ไม่มีอยู่ตั้งแต่ต้นมาให้เหตุผลไปแล้ว
                  ความจริงแล้วเขาคนหนึ่งล่ะที่ไม่เชื่อว่าเพราะคำสั่งรุ่นพี่เขาถึงยังจดจำมันได้ เพราะเขาหลงลืมข้อมูลรายชื่อเพื่อนคนอื่นๆในรุ่นไปหมดสิ้นแล้ว บางคนที่ยังพอจำได้ก็ช่างเลือนรางเหลือเกิน
                  แม้ปากเขาจะพูดว่าเห็นด้วยกับสายป่านที่ว่าเราท่องจำมันมาเกือบร้อยรอบจนจำได้ และผ่านการทดสอบจากรุ่นพี่
                  แต่ลึกๆแล้ว เป็นเพราะเขาอยากจำต่างหาก ถึงได้จำได้ และจำจนขึ้นใจ
                  เหตุผลข้อนี้เขารู้ดีที่สุด
   

                  กึก!
   

                  เท้าของเราสองคนหยุดลง และเบื้องหน้าคือประตูทางออก ที่ๆเขาทั้งสองจะต้องแยกจากกันตรงนี้
                  และคำถามสุดท้ายจะตัดสินผู้แพ้ชนะของเกมส์
   

                  “ข้อสุดท้ายแล้ว ข้อมูลหอพัก”
   

                  โจทย์ที่ใช้ตัดสินมาจากปากของสายป่าน โดยไม่ต้องคิด เขาตอบอย่างมั่นใจ
   

                  “หอหกชาย ชั้นสอง ห้อง 219”
   

                  พร้อมกับร่างสูงที่สวนกลับมาทันที
   

                  “ผิด”
                  “…”
                  “ผิดแล้วล่ะ”
   

                  มือหนาถือวิสาสะจับมือเขาขึ้นมาแบตรงหน้ามัน แล้วยัดกระดาษสีขาวใบเล็กใส่มา
   

                  “นี่ที่อยู่ปัจจุบันกู”
                  “…”
                  “เผื่อมึงอยากเลี้ยงข้าวเมื่อไหร่ ก็นัดมาละกัน”
   

                  เดี๋ยวนะ สรุปว่าเขาแพ้เหรอ
                  นี่มันไม่แฟร์นี่ มันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าถามที่อยู่ปัจจุบัน เขาเลยตอบที่อยู่ตอนปีหนึ่งออกไป


                  พรึบ!
   

                  โดยไม่รู้ตัว บัตรนักศึกษาของเขาที่หยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงก็ถูกมันฉวยเอาไปไว้ในมือ พร้อมกับโชว์ขึ้นมาโบกไปมาตรงหน้า
   

                  “บัตรนักศึกษา เป็นค่าประกัน”
                  “เฮ้ย เดี๋ยว”
   

                  ไม่ทันแล้ว มันหนีไปพร้อมกับบัตรนักศึกษาที่สำคัญที่สุดและมีเพียงใบเดียวของเขา
                  ทิ้งเขาไว้กับความเงียบสงัด ความหนาวเย็นของลมที่พัดมา และประตูทางเข้าที่กำลังจะปิดลง
                  เดี๋ยวนะ นี่เขา ต้องรีบวิ่งออกไปใช่มั้ย
                  ก็เขาไม่มีบัตรให้สแกนออกไปแล้วนี่ เฮ้ยยยยยยยยยยย
   


                  



                  ตอนดึกคืนนั้นเขากลับมานั่งคิดย้อนถึงเหตุการณ์ทั้งหมดในวันนี้
                  เหมือนกับคำถามที่เขาเฝ้าถามตัวเองมาตลอดชีวิตปีหนึ่งว่าเมื่อไหร่ และจะมีสักครั้งมั้ยที่เขากับมันจะได้คุยกันสักหนึ่งประโยค
                  มาวันนี้คำถามนั้นได้รับคำตอบแล้ว
                  คำตอบไม่ได้ช่วยให้เขาหายสงสัย ดังเช่นคำตอบทั่วไปในคำถามทั่วไป
                  กลับกัน มันยิ่งทำให้เขาอยากถามมากขึ้นเรื่อยๆ
                  จากเมื่อก่อนเขาเฝ้าถามว่าจะมีสักประโยคมั้ยที่เราจะได้คุยกัน
                  ตอนนี้กลับยิ่งละโมบ และกลายเป็นคำถามใหม่ว่า เราจะได้คุยกันแบบนี้ไปอีกเรื่อยๆมั้ย
                   คงมีสิ่งเดียวมั้งที่เขายังไม่โลภมากขนาดที่ว่าอยากคุยกันไปเรื่อยๆแบบ…คนรู้ใจ
                  เขาก็กล้าจะคิดเนอะ
                  ขอก้าวออกมาจากโลกในมโนทัศน์แล้วมามองความวุ่นวายของโลกแห่งความเป็นจริงก่อนนะ ที่ตอนนี้เดือดได้ที่แล้ว จากการเปิดประเด็นของมายด์ในแชทกลุ่ม
   

                  My Mine มันยังไงอ่ะ เด็กนี่คือต้องการอะไรจากสังคมวะ
                  และคนที่มาปั่นต่อคือฟ้า…
                  NAMEPHA นี่มึงยังไม่รู้อีกเหรอว่ามันหวังอะไร
                  ตามมาด้วยจิ๊บ…
                  จิ๊บ. หวังอะไรก็หวังได้ แต่อย่ามาหวังได้แฟนเพื่อนกูไปแดก
   

                  จากที่คบกันมา ไม่ต้องตื่นตกใจ พอรู้สันดานกันแล้วต้องบอกได้เลยว่า มองหน้าแล้วไม่ใช่คนดีสักคน
                  แม้เราจะเคยพูดแทนชื่อเล่นกับกลุ่มและคนนอกฟังแล้วดูน่ารัก
                  แม้ยุคหนึ่งเราจะเคยพูดแทนสรรพนาม เรากับเธอ จนอาจกระดากปากบ้างในบางที
                  และแม้บางครั้งในสายตาเพื่อนร่วมรุ่นเราอาจจะเคยดูเป็นกลุ่มคนที่สุภาพที่สุด
                  แต่อย่าได้ถามหาความสุภาพตลอดไป เพราะพอขึ้นปีสอง แต่ละคนก็เหมือนลืมมันไว้ที่บ้านกันหมด
                  ไม่เว้นแม้แต่ตัวเขาเอง
   

                  My Mine คือไม่ใช่อยากมีเรื่องเว้ยมึง แต่มาเม้นใต้โพสต์กูทุกโพสต์ มาเม้นแซะ คืออะไรวะ ออกตัวแรงไปมั้ย
      

                  เขารีบกดเข้าไปดูกลัวตามเพื่อนไม่ทัน ไม่ใช่อะไร เรียกว่าเสือกนั่นเอง
                  และโพสต์ล่าสุดของมายด์ก็ตอบโจทย์ความเผือกของเขาได้เป็นอย่างดี
                  มันเป็นภาพบรรยากาศในมอ ที่มีต้นไม้ และท้องฟ้าสีคราม พร้อมแคปชั่นธรรมดาๆของเพื่อนเขาว่า…
   

                  ต้นไม้ ท้องฟ้า แสงแดด
   

                  คนกดไลค์ก็ปกติธรรมดา และมันจะไม่มีอะไรเลยถ้าหากว่าไม่มีเม้นหนึ่งที่อ่านแล้วค่อนไปทางลบแบบสุดๆ
                  

                  บางอย่างก็เหมือนกับ ต้นไม้ที่ขึ้นทั่วไปนะคะ ที่แม้จะเอาชื่อไปเขียนติดไว้ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ใช่ของใครอยู่ดี
                  

                  พบคนเชื่อมโยงเก่งแบบผิดๆหนึ่งอัตรา
   

                  ตึ๊ง
   

                  และในขณะที่เขากำลังจะเข้ากลุ่มแชทไปปั่นไฟให้โหมกระหน่ำเป็นประเด็นต่อความยาวสาวความยืด ร่วมด้วยช่วยกันกระพือลมให้ไฟลุกท่วมกลุ่ม ก็มีบางสิ่งบางอย่างดึงความสนใจไป
                  ไม่ใช่ใครที่ไหน
                  ไม่มีอะไรน่าสนใจพอให้เขาออกมาจากแชทกลุ่มได้ ยกเว้น…
                  สายป่าน 291 ที่ขึ้นแจ้งเตือนว่ากำลังไลฟ์ในเฟซบุ๊กอยู่
   

                  “ไอ้เหี้ยป่าน แม่ง เมาแล้วเรื้อนค้นกระเป๋าตัวเองว่ะ”
   

                  เป็นภาพที่ต้องขึ้นแจ้งเตือนว่าเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ควรได้รับคำแนะนำ ปกติคนกินเหล้ามันไม่มีใครเข้ามาดูหรอก เว้นเสียแต่ว่ามันจะเป็นไอ้สายป่านที่หน้าตาดีโคตรๆ เพราะแม้ลึกๆจะรู้ว่าเป็นเรื่องเหลวไหลแต่เราก็ปฏิเสธตรรกะที่ว่าคนหล่อทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดไม่ได้อยู่ดี
                  ก็คนหล่อ เมาแล้วโคตรน่ารัก
   

                  “เฮ้ยๆ มึงจะควักเงินออกมาเปย์สาวเหรอวะ”
   

                  เพื่อนแทบห้ามไม่ทันเมื่อสายป่านทำท่าจะหยิบเงินในกระเป๋าสตางค์ออกมาโปรยเล่น
                  โชคยังดีที่เพื่อนของมันเก็บไปไว้ได้ก่อน ไม่งั้นเสียป่านก็เสี่ยป่านเถอะ ตื่นมาขนหน้าแข้งร่วงแน่ๆ ไม่รู้เงินทั้งกระเป๋าหายไปไหน
                  ใครจะหาว่ามันอวดรวยแกล้งเมาโชว์เงินในไลฟ์ยังไง แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราทั้งรุ่นต่างรู้ดีถึงกิตติศัพท์ของฉายาเสี่ยป่าน ที่เพื่อนร่วมรุ่นทุกคนต่างมอบมงและเรียกขานด้วยความภาคภูมิใจที่มีคนแบบนี้ในรุ่นเพราะเท่ากับว่าหากเราหาสปอนเซอร์ที่ไหนไม่ได้ สปอนเซอร์วงในก็พร้อมซัพพอร์ตตลอดเวลา นั่นคือเสียป่าน เสี่ยที่แท้ทรู คนรวยสองพันสิบแปดที่แท้จริงของเราชาวสถาปัตย์นั่นเอง
   

                  “เดี๋ยวๆ แม่งจับมือมันไว้ดิ๊ เลื้อยไปนั่นมานี่”
   

                  ในเมื่อผองเพื่อนไม่ยอมให้มันค้นกระเป๋าตัวเอง มันเลยหันไปหยิบกระเป๋าผ้าสีเทาที่ข้างๆเก้าอี้นั่งขึ้นมา
                  และเริ่มเอาของแต่ละชิ้นในกระเป๋า ออกมาตั้งโชว์ในวงเหล้า
                  อาจเป็นของที่ดูธรรมดาเช่น กระเป๋าดินสอ ปากกา แต่รวมๆแล้วราคาเหยียบหมื่น
   

                  “ได้ มึงจะทำอะไรก็ทำเลย กูยอมแพ้”
                  “นี่ของกู”
   

                  สายป่านเริ่มหยิบของในกระเป๋าดินสอออกมาแล้วชูขึ้นหากล้อง
                  อันแรกเป็นยางลบ
   

                  “นี่ของกู”
   

                  ต่อมาคือบัตรนักศึกษาของมัน
                  และตามมาด้วยบัตรประชาชนที่แม่งคิดได้ไงเอาทั้งสองไปไว้ในกระเป๋าดินสอวะ
                  ไหน เขาจะรอดูว่ามันจะเอาอะไรพีคๆไปยัดไว้ในกระเป๋าดินสอได้อีก
                  อาจจะเป็น แว่นตาแฟชั่นมั้ย หรือประติมากรรมนูนสูงรูปปั้นเทพีเสรีภาพขนาดเล็กมั้ย หรือจะเป็น…
   

                  “นี่ก็ของกู”
   

                  บัตรนักศึกษาของเขาที่มันยึดไปได้เมื่อตอนค่ำ
                  งั้นเหรอ
                  !!!
   

                  “เดี๋ยวนะ นี่มึงไปฉกบัตรใครมาวะ”
      

                  สายป่านไม่ตอบ แต่กลับหันมาหากล้อง แล้วย้ำประโยคเมื่อครู่ที่ออกมาจากปากมันอีกรอบว่า…
   

                  “นี่ของกู”
   

                  แล้วใช้มืออีกข้างที่ว่างชี้นิ้วเป็นการบอกว่าหมายถึงบัตรนักศึกษาของเขาที่มันถือโชว์อยู่
   

                  “เดี๋ยวๆ ไอ้ฉิบหาย”
                  “แม่งไปเอาบัตรใครมาวะ”
                  “ของกูๆๆๆๆๆๆๆ”
   

                  ภาพในจอสั่น เหตุเพราะสายป่านกำลังยื้อแย่งกล้องไอโฟนของมันจากคนที่ถืออยู่
                  แล้วภาพก็ดำสนิท กับข้อความสีขาวที่ปรากฏขึ้น…
                  สิ้นสุดการไลฟ์
                  มันไปแล้ว…
                  แต่หัวใจที่ยังเต้นแรงไม่เป็นส่ำบอกกับเขาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่แค่ชั่วฝันตื่น
                  ชั่ววูบหนึ่งเขาหลงดีใจกับคำว่าของกู ที่อีกฝ่ายพูด
                  เพราะเขามั่นใจมานานแล้วว่าหัวใจดวงนี้เป็นของสายป่าน
                  และตัวเขาเองก็เป็นของสายป่าน
                  เป็นของสายป่านคนเดียว
                  ใช่แล้วล่ะ มันไม่ใช่ความฝันก็จริง แต่มันก็ไม่อาจเป็นความจริงได้เช่นเดียวกัน
                  บางครั้งคนเมาก็พูดสิ่งที่อยู่ในจิตใต้สำนึก
                  แต่บางครั้ง คนเมาก็ไม่ได้พูดความจริง
   

                  My Mine สรุปจะเอายังไงพูด
                  แชทกลุ่มเด้งขึ้นมา เขาเกือบลืมไปเลยว่าเพื่อนกำลังมีประเด็น
                  Mod Kittikun ยังไม่จบเรื่องแย่งแฟนอีกเหรอ
                  My Mine มึงน่ะสิแย่งแฟน ใครแย่งใคร เขาเคลียร์กันจบไปตั้งแต่ข้อความไหนแล้ว
                  Mod Kittikun อ้าว
                  จิ๊บ. งดเรื่องไร้สาระก่อน ตอนนี้วิชา 205 เซคของอาจารย์ประภาภรจะเอาไงอ่ะ ย้ายมั้ย หรือจะไม่ลงตัวเมเจอร์แล้ว เวลามันชนกัน
                  อ๋อ เปิดประเด็นใหม่แล้วว่างั้น
                  Mod Kittikun กูว่าลงตัวเดิมแหละ กลัวย้ายแล้วไม่ติดอีกแย่เลยนะ
   

                  ระบบมอนี้จะแปลกๆหน่อย ตรงที่ประมวลผลเป็นแบบสุ่ม คือไม่ว่าใครจะลงก่อนหรือลงหลัง ก็มีสิทธิ์ลงเรียนติดในกระบวนวิชานั้นๆเท่าๆกัน
                  และเขายังไม่พร้อมจะเสี่ยงโชคในเทอมนี้
   

                  NAMEPHA ช้าไปแล้ว กูไปเม้นชื่อเราในกลุ่มรุ่นแล้ว
                  ฟ้ากลับมาพร้อมรูปที่แคปเอาไว้
   

                  มีใครจะลงตัวเมเจอร์มั้ยครับ อาจารย์ขอรายชื่อเพื่อเปิดเซคให้เราเรียน
   

                  เขาเห็นตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ แต่เลื่อนผ่านๆไป พอวันนี้มาดูชัดๆอีกที มันเป็นโพสต์ที่โพสต์โดยสายป่าน
                  และเม้นตอบล่าสุดคือคอมเม้นของฟ้าที่ไปเม้นตอบชื่อของพวกเรา
                  เท่านั้นล่ะ แชทกลุ่มก็เต็มไปด้วยความวุ่นวายจากการแย่งกันพิมพ์แซวใครบางคนที่อ่านดูก็รู้ว่ามันคนนั้นคือเขาเอง
   

                  My Mine ฮั่นนนนนน มีคนเงียบไปว่ะ มันเกิดอะไรกับหัวจายยยยยยยย
                  NAMEPHA เฮ้ยไม่ต้องเขิน จะได้เรียนเซคเดียวกันแล้ว
                  จิ๊บ. วี๊ดดดด กูเขินแทนได้มั้ย ต้องจองที่นั่งล่วงหน้าไว้มั้ย แต่มีคนคิดจะจองที่นั่งคู่กันว่ะ
                  Mod Kittikun พวกมึงคิดกันไปเอง
   

                  นั่งแชทกันอยู่คนละที่นะ แต่ไหงกลับตอบมาพร้อมกันได้ว่า
   

                  เหรออออออออออออออออออออ !!!



                  

   

                  ตอนเช้าเขามีเรียนสองวิชา แต่เป็นสองวิชาที่แม่งทำไมต้องมีสามชั่วโมงเป็นกึ่งกลางขั้นไว้ด้วย จะกลับไปหลับที่ห้องก็ยังไงอยู่ ขี้เหนียวด้วยแหละเปลืองน้ำมัน แต่ความขี้เกียจขี่รถกลับมันมีมากกว่า ไม่อยากคิดเลยว่าท้องถนนเวลาเร่งรีบแบบนี้คงเต็มไปด้วยรถราที่เบียดกันแน่น ถ้าขับรถกลับหอ พอไปถึงคงจวนจะหมดเวลาพักแล้วล่ะ
                  เลยตัดสินใจมานั่งที่ใต้ตึกคณะ กินลมชมวิว เจอคนรู้จักผ่านมาก็ทักทายกันตามประสา
                  แล้วก็พบว่าตัวเองคิดผิดจริงๆที่ไม่กลับหอ
   

                  “มดดดดดดดดดดด”
   

                  เพราะงานวุ่นๆกับเรื่องหนักใจได้ตามมาหลอกหลอนถึงที่นี่แล้ว
   

                  “ฮาโหลววววววว ทำหน้าเหนื่อยหน่ายแบบนั้นทักทายเพื่อนเหรอคะมึง”
   

                  พร้อมๆกับการปรากฏตัวของเพื่อนสาวประเภทสอง ที่เขาไม่อยากเจอที่สุดในรั้วมหา’ลัย
   

                  “ดูว่างๆเนอะปีสอง มีเรียนกี่ตัวอ่ะ”
   

                  มาถึงมันไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบถามตารางเรียนเขาก่อนเลย และเขารู้ว่ามันหมายถึงอะไร
   

                  “สองตัว แค่วันนี้ วันอื่นๆตารางแน่นเอี๊ยด รีบเก็บหน่วยกิต กลัวไม่จบ”
                  “แหม แต่วันพุธ เสาร์ และอาทิตย์ก็ว่างเหมือนเดิมใช่มั้ยล่ะ”
   

                  มันเบียดกระแซะเขาเข้ามา พร้อมทำเสียงอ้อนี่เขาฟังแล้วลงความเห็นว่าอ้อนตีนที่สุดในโลก
   

                  “ไม่เอา ไม่ทำอีกแล้ว เหนื่อย”
                  “เฮ้ยย่ะ อย่าตัดรอนกันแบบนี้สิพ่อ”
   

                  มันเอานิ้วชี้จิ้มจึ๊กๆที่แขนเขา ขนาดกระเถิบหนีมันยังตามมาจนเขาจะตกม้านั่งอยู่แล้ว
   

                  “ให้ปีหนึ่งทำ งานของปีหนึ่ง”
   

                  เขาเหนื่อยจริงๆนะ และไม่อยากทำงานนั้นอีกแล้ว มันไม่มีเวลาว่างทำเหี้ยอะไรเลย ตกเย็นซ้อม ซ้อมจนดึก เช้าก็เข้าเรียนตามปกติ เพราะไม่อยากโดดกลัวเสียการเรียน ชีวิตวนเวียนแบบนี้ จนไม่มีเวลาไหนที่เรียกว่าเฟรชชี่จริงๆเลย
                  ชีวิตเด็กกิจกรรมในรั้วมหา’ลัยมันแตกต่างจากตอนมัธยมแบบสุดขั้ว ทั้งกดดันจากรุ่นพี่ กดดันจากผลงานว่าจะทำออกมาได้ดีมั้ย รองรับอารมณ์คนมากมาย
                  และสุดท้ายออกมาร้องไห้คนเดียวที่หน้าตึก
                  เขายังจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ดีเลยล่ะ
                  มันโคตรท้อ เหนื่อย แล้วก็ย้ำถามตัวเองหลายๆรอบว่าเขามาที่นี่เพื่อมาทำอะไร มานั่งร้องไห้แบบนี้เหรอ สภาพดูไม่ได้ เหมือนศพ โทรมก็โทรม
                  แถมยังมาโดนด่าถ้างานออกมาไม่ดีพออีก
   

                  “แต่ละครเวทีจะขาดผู้ช่วยผู้กำกับไม่ได้นะ”
   

                  ใช่ ใช่แล้วล่ะ
                  งานที่เขาหลวมตัวไปทำตอนปีหนึ่งคืองานละครเวทีที่จัดประกวดในนามของคณะกรรมการหอพักนักศึกษา หรือก็คือหอพักอาศัยที่จัดไว้ให้นักศึกษาที่เราเรียกว่าหอใน เป็นผู้ส่งเสริมโครงการ และรณรงค์ให้เด็กๆกล้าคิด กล้าทำ ด้วยการแสดงต่อหน้าสื่อผ่านละครเวทีที่จะสามารถแสดงศักยภาพของนักศึกษาออกมาผ่านทุกบทบาท เรื่องราว และความคิดที่ใส่ไว้ในละครเวที
                  ฟังดูสนุกมากๆนะ แต่คนทำเบื้องหลังมันทั้งเหนื่อย แล้วก็โคตรท้อใจ แต่พอเห็นว่ากระแสตอบรับ และฟีดแบคที่ส่งกลับมาดีจนถึงดีมากๆ แค่นี้ก็พอทำให้เขาลืมว่าตลอดวันเวลากว่าจะมาเป็นละครเวทีเรื่องๆหนึ่งที่แสดงออกมาให้คนดูได้ชื่นชม มันต้องผ่านอะไรมาบ้าง
                  รอยยิ้ม หยาดเหงื่อ หยดน้ำตา
                  ที่พูดมาไม่มีอะไรเกินจริงเลย
                  ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาได้เพื่อนได้พี่ก็เพราะงานนี้นั่นแหละ
                  รวมทั้งเพื่อนที่แสนดีต่างคณะ และตลกโปกฮาแม้จะมีช่วงเวลาที่ทำให้เขารำคาญไปบ้างอย่างโฟร์ ศึกษา ด้วย
   

                  “งั้นก็ช่วยไม่ได้สินะ ในเมื่อมึงยืนกรานหนักแน่นขนาดนี้”
   

                  มันปล่อยแขนเขาให้เป็นอิสระ แล้วก้มลงกดไอโฟนจึ๊กๆ ปากก็พึมพำเบาๆ แต่ดังพอให้เขาได้ยินว่า…
   

                  “ทำยังไงดีว้า แล้วจะเข้าทางเดือนคณะสถาปัตย์ยังไงดี”
                  “อะ อะไรนะ”
   

                  หูผึ่งทันที เมื่อได้ยินคำว่าเดือนคณะสถาปัตย์
   

                  “ก็ปีนี้ ว่าจะชวนสายป่านมาเป็นเกสต์ของเราน่ะสิ กะว่าถ้าชวนมึงมาทำละครด้วยกันได้ ก็ให้มึงไปโน้มน้าวสายป่านมา”
         

                  มันจีบปากจีบคอพูด นึกว่าเขาไม่รู้กลลวงของมันเหรอ
   

                  “ตกลงจะเอาสายป่านเป็นเกสต์ปีนี้จริงๆใช่มั้ย”
   

                  แม้จะรู้ว่าเขากำลังตกหลุมพราง แต่มันก็ช่วยไม่ได้ถ้าเป็นเรื่องของสายป่าน
   

                  “อือ ว่าไงจ๊ะ เปลี่ยนใจมาเป็นผู้ช่วยผู้กำกับให้พวกเราหรือยัง”
   

                  เอาสายป่านมาล่อเขาให้ตอบตกลง
                  เพื่อนโฟร์ มึงร้ายกาจจริงๆ
   

                  “ขอสวัสดิการดีๆก็แล้วกัน”
   

                  แล้วเขาจะไปไหนรอด
                  นอกจากก้าวลงหลุมที่มันขุดไว้ด้วยความจำยอม
                  ยิ่งมีคนรู้จุดอ่อนของเรามากเท่าไหร่ มันยิ่งไม่ใช่เรื่องดีเลยจริงๆ





- T B C . -

พอโดนล่อด้วยสายป่านนี่ใครจูงไปไหนไปหมดเลยนะมด 555

พบกันอาทิตย์หน้าหน้า นะคะ เพราะมิวติดสอบ แง้ววววววว
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สาม 18-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-11-2018 23:31:22
อะไร ๆ ก็ของ "กู" จริงหรอ ป่าน  :hao3:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สาม 18-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 18-11-2018 23:35:23
มดสู้ๆ พิชิตใจสายป่านให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สาม 18-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 18-11-2018 23:38:50
ฮือยังไงเนี่ย ป่านชอบด้วยหรอ รอตอนต่อไป :z2:

สอบสู้นะคะ o13 FIGHTING !!
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สาม 18-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 18-11-2018 23:40:14
ฮือยังไงเนี่ย ป่านชอบด้วยหรอ รอตอนต่อไป :z2:

สอบสู้นะคะ o13 FIGHTING !!
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สาม 18-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 18-11-2018 23:55:56
หล่อนมีพิรุธอีกแล้วนะ //เสียงเจ้แต๋วหอแต๋วแตก ฝากบอก สายป่าน  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สาม 18-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 19-11-2018 09:12:33
สู้ๆ ❤️
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สาม 18-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-11-2018 11:23:54
พอมีป่านให้ทำอะไรก็ทำเลยลูกกก 555555555555
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สาม 18-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 19-11-2018 11:26:32
น้องมดสู้ ๆ 
สายป่านคิดยังไงกับมดกันนะ
อยากอ่านพาทป่านแล้วซิ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สาม 18-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 20-11-2018 11:15:20
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สาม 18-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 20-11-2018 14:26:12
น่ารักอ่ะ สายป่านหลุดพูดหรือยังไง. งือ. รอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สาม 18-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 20-11-2018 20:35:50
สายป่านบ้าบอมากน่ะ คือเมาแล้วรั่วหรอ
แล้วอะไรคือของกู เป็นของกูไปทุกอย่างเลย
เหมามดงี้หรอ 5555

เอ็นดูมด โดนเพื่อนรุม และก็ล่อลวงง่ายเหลือเกิน
แค่มีชื่อสายป่านเข้าไปด้วย คือเรียกมดได้

ส่ยป่านแอบชอบมดอยู่หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สี่ 07-12-2018
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 07-12-2018 19:22:33
ก้าวที่สี่
ของฟรีไม่มีในโลก


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  “ตกลงตามนี้ ยินดีต้อนรับ ผู้ช่วยผู้กำกับเข้าสู่ชมรมการแสดง!!!”
                  “เวอร์ไป แต่กูคงไม่ได้เข้าไปทุกวันอย่างตอนปีหนึ่งแล้วนะ เวลาว่างปีสองนี่แทบนับชั่วโมงได้เลย”
   
                  ตอนปีหนึ่งเขาได้รับเลือกจากรุ่นพี่ให้เป็นนักแสดง
   
                  “โอเค แล้ว…” โฟร์ลากเสียงยาว จงใจเว้นไว้ในฐานที่เข้าใจ
                  “ถ้าชวนมาได้ก็ได้เจอเองล่ะ”
                  “แหม ทำเป็นพูดแบบไม่สนอะไรใดๆ ที่จริงมึงอ่ะ อยากได้เขามาแสดงด้วยใจจะขาดอยู่แล้วเถอะ แกล้งแอ๊บไม่สนใจ ที่แท้ข้างในสั่นระริก”
   
                  สั่นระริกอะไรของมึง
                   อย่างที่เขาเคยบอก มีเพื่อนรู้ทันนี่มันเป็นภัยต่อตัวเองจริงๆ
   
                  “แน่ะ ไม่ต้องมากลบเกลื่อนทำโกรธ เนี่ย ก็เชียร์เพื่อนอยู่ แต่ไม่รุกสักทีเมื่อไหร่จะได้กินวะ ของเกรดเอแบบนี้ไม่ใช่อยู่ๆจะตกมาใส่มือ มึงต้องใช้เงินซื้อมา เอ๊ย ใช้ใจเข้าแลกเว้ย ใจมึงอ่ะเต็มร้อย ติดอย่างเดียว ความกล้าติดลบ”
                  “กูพยายามอยู่”
                  “แล้วเมื่อไหร่ล่ะ”
   
                  นั่นสิ แล้วเมื่อไหร่กันนะ เป็นคำถามที่ตัวเขาเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้
   

   





                  “วันนี้มันเป็นอะไรหรือเปล่าวะ ดูเหม่อๆตั้งแต่พักละ”
                  “นั่นสิมึง จะว่าอกหักจากใครคนนั้นก็ไม่ใช่อีก เพราะมันก็โดนหักอกแบบนี้เป็นประจำจนชินชา”
   
                  เขาจะทำเป็นไม่ได้ยินเพื่อนมายด์กับเพื่อนฟ้าที่นินทาตัวเองในระยะเผาขนอยู่ตอนนี้แล้วกัน
                  เมื่อก่อนอาการอกหักของเขามันตลกนักหรือไง
   
                  “เมนไม่มามั้ง”
                  “พ่องงง”
   
                  เขาสวนกลับจิ๊บทันที
   
                  “เออ ออกมาจากโรคเหม่อลิซึมได้สักทีนะมึง” มายด์ว่า
                  “ไม่ได้เหม่อเว้ย แค่คิดเรื่อยเปื่อยไปตามประสาคนมีความรู้”
   
                  เขาสวนกลับเพื่อนแบบจุกๆ จนได้รับมะเหงกกลับมาสามทีจากคนสามคนที่เป็นเพื่อนสนิทแบบจุกๆเช่นเดียวกัน
   
                  “เอาจริงๆดิ๊ ตกลงมึงเหม่ออะไร พวกกูเป็นห่วงนะ” ฟ้ากอดอกพูดเค้น
                  “ไม่ๆมึง ความจริงหน้ามึงตอนเหม่อแม่งโคตรตลก คนผ่านไปผ่านมายังต้องแอบหัวเราะอ่ะ” มายด์พูดพร้อมๆกับกลั้นขำไปด้วย
                  “เออ แม่ง หน้ากูตลก”
   
   
                  เอาเถอะ ไม่รู้จะตอบว่ายังไงดีแล้ว
   
                  “ตกลงเป็นอะไร”
                  “มีเรื่องหนักใจ”
                  “เล่า!!!”
   
                  เกิดวงเม้ามอยขนาดเล็กขึ้นที่ม้าหินอ่อนหน้าคณะเศรษฐศาสตร์ ประกอบไปด้วย มด ฟ้า จิ๊บ และมายด์ พวกเราคือเดอะแก๊งสี่แสบแสนซนแห่งคณะสถาปัตย์ กิตติศัพท์เลื่องลือถึงความเผือกที่กินกันไม่ลงจริงๆ
                  ขนาดเวลาเรียน แม่งยังเจียดมาเผือกได้ แล้วไม่ต้องถามถึงสถานที่ พวกเราถือคติว่าความเผือกดำรงอยู่ทุกสถานที่
                  ถุย
                  คนขี้เผือกจงเจริญ
                  เกรดเอรัวๆ
   
                  “ท้าทายมาก” จิ๊บเงยหน้าขึ้นมาจากวงเผือกเป็นคนแรก
                  “เรื่องราวใหญ่โต” มายด์เห็นด้วย
                  “ตรงๆเลยมั้ยพวกมึง” ฟ้าเงยหน้าขึ้นมาเป็นคนสุดท้าย
   
                  แล้วหลังจากนั้นก็เป็นการรุมทำร้ายเขาด้วยคำพูดที่ร้ายกาจจากทั้งกลุ่มว่า
   
                  “ขี้ป๊อด!!!”
                  “เปล่าสักหน่อย แค่กำลังรอจังหวะ”
                  “จังหวะเหี้ยไรคะ กะอีแค่ชวนสายป่านมาเล่นละครเวที เป็นกูทักเฟซถามเจ้าตัวไปแล้ว”
   
                  ถ้าเขามีความกล้าแบบมายด์ก็ดีน่ะสิ แต่เขาไม่ใช่มายด์นี่
   
                  “รอจังหวะอะไรของมึงคงไม่มีวันได้ชวนจนละครเวทีเสร็จอ่ะ”
   
                  จิ๊บร่วมซ้ำเติมด้วยอีกคน ฮืออออออออ เขาจะร้องแล้วนะ
   
                  “ไม่ต้องรงต้องรออะไรทั้งนั้น โน่น เจ้าตัวเดินลิ่วมาโน่นละ ไป มด มึงต้องกล้า”
   
                  ฟ้าดุนหลังเขาให้เผชิญหน้ากับสายป่านซึ่งอยู่ไกลเกือบร้อยเมตร และกำลังเดินตรงมาทางนี้
                  เฮ้ย
                  มันเร็วเกินไป…
                  เขายังไม่พร้อมจริงๆ
   
                  “ไม่เอ๊า กูกลัว”
                  “กลัวอะไรล่ะ เข้าไปคุยกับมันเลย ในฐานะเพื่อนก็ได้”
   
                  เวลาแบบนี้ยังจะขุดวลีเด็ดในทวิตเตอร์มาเล่นอีกนะเพื่อนกู
   
                  “ไม่อาววววว พวกมึงอย่าแกล้งกูดิ”
   
                  เขาดิ้นรนให้หลุดจากมือปลาหมึกของฟ้า ที่จับไหล่เขาให้หันหน้าเข้าหาทางที่สายป่านจะเดินตรงมา โอ๊ย ดิ้นเท่าไหร่ก็ดิ้นไม่หลุดหรอก แรงควายขนาดนี้
                  ฮือ สายป่านกำลังใกล้เข้ามาแล้ว
   
                  “ถ้าปล่อยจะเลี้ยงข้าวหนึ่งมื้อ”
                  “ทุกคน”
                  “ไม่ หนึ่งจานสามคน กินด้วยกัน เคป๊ะ”
   
                  งกไม่เข้าเรื่องอีกแล้วเขา มือปลาหมึกของฟ้ายิ่งรัดแน่นกว่าเดิมหลายเท่า
   
                  “อย่าเอาของกินมาล่อพวกกูเลย พวกกูไม่ได้เห็นแก่กิน”
   
                  แหม กล้าพูดอย่างมั่นใจว่าไม่ได้เห็นแก่กิน นี่ถ้าเขาบอกว่าจะเลี้ยงข้าวคนละจาน พวกมันปล่อยกูไปแล้ว
                  ความงกเป็นเหตุจริงๆ
   
                  “มึง ปล่อย ไม่เล่นนนนน”
   
                  เขาดิ้นสุดแรงเกิดอีกรอบ แต่ก็ไร้ผล ตกลงใครเป็นผู้หญิงใครเป็นผู้ชายกันแน่วะ ชักไม่แน่ใจในเรี่ยวแรงที่มีแล้ว
                  ฮือ
                  กะจากสายตาอีกสิบก้าวมันกำลังจะมาถึงตัวเขาแล้ว
                  ก้าวที่หนึ่ง
   
                  “เลี้ยงข้าวคนละจานเลยเอ้า”
                  “มึงบอกช้าไป กูไม่ปล่อย”
   
                  อ้าว ซะงั้น เฮ้ยยยยยย

                  ก้าวที่สอง “มิสเตอโดนัท”
   
                  ก้าวที่สาม “ไก่ทอด”
   
                  ก้าวที่สี่ “เคเอฟซี”
   
                  ก้าวที่ห้า “น้ำปั่นกรีน”
   
                  เขาไล่รายชื่อของชอบของทั้งกลุ่มมาเท่าที่จำได้ ตอนนี้เขายอมแล้ว อะไรก็ได้ที่ทำให้พวกมันปล่อยเขาให้เป็นอิสระโดยไม่ต้องเผชิญหน้ากับสายป่าน
                  แม่ง กับอีแค่ทักทายเขาจำเป็นต้องกลัวใจขนาดนี้เลยเหรอ เป็นเอามากนะคนเราเนี่ย
                  ก้าวที่เจ็ด ก้าวที่แปด ก้าวที่เก้า…
                  และอีกก้าวเดียว มันกำลังเก็บหูฟังใส่กระเป๋าแล้วจะเงยหน้าขึ้น
   
                  “สายป่านนนนนนนนนน”
   
                  ตึกตัก
                  ใจเขาเต้นแรงราวกับเฉียดความเป็นความตายมายังไงยังงั้น
                  โชคยังดีที่สวรรค์เมตตา ประทานนางฟ้าลงมาช่วยชีวิตเขาไว้ได้ทัน
                  เป็นนางฟ้าจริงๆครับ
                  แก๊งนางฟ้าคณะสถาปัตย์ผู้เลื่องลือนามนั่นเอง
                  กับภาพที่เห็นตรงหน้าคือ สายป่านกำลังโดนพวกนางรุมทึ้ง ไม่เคยได้ยินคำว่าโดนรุมข่มขืนกลางแจ้งก็ดูเอาไว้ซะ โดยแบ่งเป็นสองคนประกบซ้ายขวา อีกสองคนประกบหน้าหลัง
                  โอ้โห เดือนคณะเขาหนีไม่รอด
   
                  “สายป่านง่า ส้มส้มคิดถึงสายป่านจังเลย ไม่เจอกันน้านนาน”
   
                  นางฟ้าผมสีดำม่วงที่ย้อมติดบ้างไม่ติดบ้างหรือจะเรียกว่าม่วงแซมดำก็ไม่ผิดแผกไปสักนิดกระแซะสีข้างสายป่าน แล้วพูดอ้อนเสียงเข้ม
                  เอ๊ย เสียงหวาน มันได้ ถ้าฟังให้มันหวานมันก็จะหวาน ได้! ถ้าใจเราหวานแล้ว เสียงก็หวานตาม ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น
   
                  “ไอ้เจ้าความรัก ไอ้บ้าสายป่าน ไอ้เจ้าอุ๋งๆ ทำไมหล่อขึ้นว้า”
   
                  นางฟ้าอีกคนที่มีเอกลักษณ์คือไว้ผมบ๊อบเอานิ้วจิ้มๆแผ่นอกสายป่านอย่างถือวิสาสะ
                  ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นเธอคงโดนเตะปลิวไปแล้ว แต่นี่คือไอ้สายป่าน ฉายาความทะเล้น ขี้เล่น เฟรนด์ลี่ ที่ถูกพูดถึงตอนปีหนึ่งเป็นยังไง ปีสองก็ยังเป็นเหมือนเดิม
                  เช่นกัน มันให้ความเคารพเพศที่สามยังไง ตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น สายป่านคงเป็นผู้ชายคนเดียวในมอที่ยอมให้พวกนางฟ้าแต๊ะอั๋งได้แบบไม่คิดมากอะไร
   
                  “งื้อ ไปเพิ่มกล้ามขึ้นอีกป่ะ ทำไมตัวใหญ่ขึ้น ไหน ถอด”
   
                  แต่สายป่านก็สายป่านเถอะ จะให้ถอดเสื้อกลางแจ้งก็พักก่อนเนอะ ร่างสูงถอยกรูดหนีเหล่านางฟ้าทันที เรียกเสียงหัวเราะจากคนรอบข้างที่แอบฟังอยู่เช่นกัน
   
                  “ไปเรียนครับ มีเรียนๆ”
   
                  การลงท้ายอย่างสุภาพเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่แสดงถึงการให้ความเคารพต่อเพศที่สามของร่างสูง
                  ถ้าเขาจะรู้สึกอิจฉาพวกนางฟ้าบ้าง…
   
                  “เย็นนี้มาจอยใต้คณะหนึ่ง เคาะมั้ย”
   
                  หนึ่งข้างหลังเป็นคำสร้อยติดปากพวกเธอประมาณว่า ถ้าตอบตกลงอาจจะตอบเป็นคำว่า หนึ่ง แทนประมาณนั้น
                  เช่นตอนนี้…
   
                  “เคาะหนึ่ง”
   
                  แปลว่าสายป่านตอบตกลง
                  ภาษาเหล่านางฟ้า ที่มีเพียงคนของคณะเขาเท่านั้นที่จะเข้าใจ
   
                  “เง้อ ไอ้บ้า ไอ้คนฉีดยาเก่ง ไอ้คนหน้าหม้อ”
   
                  ฉีดยาเก่ง แปลประมาณว่าคล้ายๆกับ เอาใจเก่ง ประจบประแจงเก่ง ประมาณนี้ครับ แต่ในด้านบวกนะ
   
                  “แล้วรักป่ะครับ”
                  “ฮื่อออออออออออออ”
   
                  เหล่านางฟ้าต่างครางฮือฮา เพราะความฟินจากคำถามของสายป่าน
                  และอีกส่วนเพราะมันทำหน้าเจ้าชู้ใส่ด้วยแหละ เหล่านางฟ้าจึงเขินตัวบิดไปตามๆกัน
                  เนี่ย เขาเลยเรียกว่า ฉีดยาเก่ง = หม้อเก่ง
   
                  “ไอ้บ้า พวกเค้าไปเรียนแล้ว น่ารักมึง ทำไมโคตรน่ารักขนาดนี้”
   
                  ประโยคแรกหันมาพูดกับสายป่าน ก่อนจะหันหลังเดินจากไปพร้อมกับคุยกันถึงความน่ารักของสายป่านไปลับสายตา
                  เหล่านางฟ้าไปแล้ว
                  เขาก็ต้องไปแล้วเหมือนกัน
                  ไม่ใช่อะไรหรอก นี่มันเลยเวลาเรียนมาเกือบสิบนาทีแล้ว
                  บอกให้รู้ว่า คนที่หยุดมองไอ้สายป่านกับเหล่านางฟ้าเล่นหัวกันก็มีชะตากรรมเช่นเดียวกัน นั่นคือ เอ๋ วิ่งสิเอ๋ เอ๋วิ่ง
                  โอ๊ย ชีวิตรันทด ต้องใส่เกียร์หมาเข้าให้ทันเช็คชื่อ
                  แต่ในขณะที่เขาเตรียมโกยอ้าวแบบฝีเท้าติดเทอร์โบอยู่นั่นเอง
                  หมับ!
                  ข้อมือเล็กก็ถูกใครบางคนคว้าไว้เสียก่อน
   
                  “เดี๋ยว ไปด้วยกันสิ กูไม่รู้ตึกเรียน”
   
                  ใครบางคนที่เขาเห็นไกลๆ ตอนนี้กลับอยู่ห่างแค่ไม่กี่เซนติเมตร และกำลังจับมือเขาไว้แน่น
                  สายป่าน 291 มาประชิดถึงตัวเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
   
                  “กูไปกับเพื่อนกู”
   
                  อ้าว แล้วเพื่อนเขาล่ะ
                  หายไปไหน
                  เพื่อนทั้งสามคนของเขาอันตรธานหายไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ไปพร้อมกับผู้คนที่คลาคล่ำมากมายที่เมื่อครู่เรายังเดินไปทางไหนก็ต้องสวนกันแบบกระทบไหล่เพราะทางเดินตรงนี้ค่อนข้างแคบ แต่บัดนี้ทางเดินยาวกลับร้างราผู้คน เท่ากับว่าตอนนี้เหลือเขากับมันสองคนยืนอยู่
                  และเรากำลังจะเข้าเรียนสาย
                  ชั่วแวบหนึ่งเขาคิดแผนขึ้นมาได้
                  เอาแบบนี้แล้วกัน ไหนๆก็สายแล้ว เปิดเรียนวันแรก สายนิดสายหน่อยคงไม่เป็นไร
   
                  “มึงไม่รู้ตึกเรียนเหรอ”
                  “อือ”
   
                  เขาแอบยิ้มเยาะในใจ
                  เข้าแผนเป๊ะ
                  เขาจะเริ่มเข้าเรื่องแล้วนะ
   
                  “เคยได้ยินวลีเด็ดทุกยุคทุกสมัยป่ะ” เปิดมาแบบประโยคสวยๆ
                  “อะไรวะ แม่งไปเรียนสายนะเว้ย” แต่แม่งไม่สนใจเว้ย
                  “ของฟรีไม่มีในโลก กูบอกทางไปตึกเรียน มึงช่วยกูเรื่องหนึ่ง โอเคมั้ย”
   
                  เขาพูดแล้วกอดอกยักไหล่แบบชิลๆ ทีนึงให้มันดูคูลๆ
                  แต่โคตรยากเลยนะ กว่าจะทำหน้าชิลๆ กว่าจะประคองสติตัวเอง แถมยังต้องมาควบคุมส่วนที่ยากที่สุดในร่างกายซึ่งตามทฤษฎีแล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่จะควบคุมหัวใจให้หยุดเต้นแรงได้ เพราะมันทำงานอยู่นอกเหนือจิตใจก็ตามที เอาเป็นว่า กว่าเขาจะควบคุมเสียงพูดไม่ให้สั่น บุคลิกท่าทางต่างๆเมื่ออยู่ต่อหน้ามันได้ขนาดนี้ มันโคตรเกร็งเลยล่ะ
                  แม้ภายนอกจะดูเหมือนเพื่อนร่วมรุ่นทั่วๆไปพูดคุยกันก็เถอะนะ
   
                  “หึ”
   
                  มันหัวเราะหึ ก่อนจะกอดอกตามเขา
   
                  “ช่วยอะไรดีน้า”
   
                  เข้าทางเล้ยยยย “ก็ช่วย…”
                  เขากำลังจะเปิดประเด็นเรื่องละครเวทีขึ้นมา แต่มันกลับชูบางสิ่งขึ้นตรงหน้าเสียก่อน หลังจากมันล้วงไปเอาในกระเป๋ากางเกงมา
                  มันเป็นกระดาษแข็งสี่เหลี่ยม
                  และมันไม่ใช่กระดาษแข็งธรรมดา
                  เพราะมันคือ…
                  บัตรนักศึกษาของเขาเอง
   
                  “แบบนี้ก็แล้วกัน มึงบอกทางไปตึกเรียนมา กูคืนบัตรมึง แฟร์ๆ เคป๊ะ”
   
                  นี่มันคงใช้คำว่า ดีลง่ายเหมือนปลอกกล้วยไม่ได้แล้วล่ะ
                  พลาดจริงๆ เขาพลาดจนได้สินะ
                  ริจะใช้ข้อต่อรองกับผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า เขานี่ไม่เจียมตัวจริงๆ
   
                  “ว่าไงครับ คุณมด ตึกเรียนวิชาตัวเมเจอร์ไปทางไหนครับ”
   
                  โอ๊ย
                  มึงแม่งโคตรกวนตีนเลย ไอ้เหี้ยสายป่าน 291
   


   
   


                  แน่นอนว่าเขากับสายป่าน เราทั้งคู่เข้าเรียนสายไปครึ่งชั่วโมง แต่เพราะการเรียนในมหา’ลัย ไม่มีหรอกอาจารย์จะมาจ้ำจี้จ้ำไช ถามว่าทำไมถึงเข้าสาย ไปไหนกันมา บลาๆ
                  ไม่มี๊ แค่ถูกแซะว่าไปดรอปดีกว่ามั้ยตอนเดินผ่านหน้าแกไปเพื่อไปหาโต๊ะเลคเชอร์นั่งเท่านั้นเอง
                  แค่นั้นเอ๊ง
                  คาบนั้นทั้งคาบเขาเลยเหมือนไม่ได้เรียนรู้อะไรเท่าไหร่ เพราะเข้าสายจนตามเนื้อหาไม่ทันส่วนหนึ่ง และอีกส่วนคือจิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เอาแต่คิดถึงเรื่องละครเวทีมหา’ลัยจนหมดคาบสอน
                  ยังไงก็แล้วแต่ เรื่องโชคดีหนึ่งอย่างท่ามกลางความวุ่นวายคือ เขาได้บัตรนักศึกษาคืนมาแล้ว
   
                  “เอาง่ายๆนะมึง แค่ทักเฟซไปถาม จบ”
                  “เห็นด้วยกับฟ้า”
                  “เห็นด้วยกับฟ้าและมายด์”
   
                  เขาควรจะเห็นด้วยกับฟ้า มายด์ และจิ๊บ ถูกมั้ย
   
                  “อ่ะ ทำ”
   
                  มายด์ยื่นไอโฟนของมันมาตรงหน้า เขาบอกปัดไป แล้วหยิบไอโฟนของตัวเองขึ้นมากดเข้าแอพเฟซบุ๊ก
                  สายป่าน 291…
                  แชทของเขากับมันยังคงว่าง ตั้งแต่วันที่เพื่อนมันแกล้งแอดเขามา
                  น่าแปลก เขานึกว่ามันจะกลับไปกดอันเฟรนด์แล้วเสียอีก แต่ตอนนี้เขากับมันก็ยังคงเป็นเพื่อนกันในเฟซอยู่
                  เขาลอบมองหน้าเพื่อนในกลุ่ม ทุกคนทำหน้าจริงจัง จนเขากดดัน
   
                  “กล้าหาญ” มายด์
                  “ความกล้าคือพลัง” จิ๊บ
                  “ความกล้าชนะทุกอย่าง” ฟ้า
   
                  นี่พวกมึงกำลังคิดบทพูดของนิยายสักเรื่องอยู่ใช่มั้ยตอบ
                  ความกล้าหาญเหรอ…
                  เป็นไงเป็นกัน กล้าๆเข้าไว้ไอ้มด
                  เขาลงมือพิมพ์ข้อความ…
   
                  ตึ๊ง
   
                  เขายังไม่ทันได้กดส่งเข้าไปในช่องแชท แต่ทว่าช่องแชทที่น่าจะมีเพียงพื้นหลังสีขาวของเขากับมัน กลับมีประโยคหนึ่งปรากฏขึ้น เมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา
                  สายป่าน 291 ส่งข้อความหาเขาในช่องแชทเฟซบุ๊ก
   
                  จะให้ช่วยอะไร
   
                  ช่องแชทขึ้นว่ามันกำลังพิมพ์อยู่ เขาเลยยังไม่กดส่งข้อความของตัวเองเข้าไป
   
                  ว่าง
                  เบื่อๆ

   
                  แปลว่ามันกำลังเปิดทางให้เขาชวนไปแสดงละครเวทีของมหา’ลัยใช่มั้ย
   
                  แต่มีข้อแลกเปลี่ยน
                  ไม่ช่วยฟรี

                  
                  ข้อแลกเปลี่ยนอะไรอีก
                  
                  มีคนเคยบอกกูว่าของฟรีไม่มีในโลก
   
                  อืม เขาเอง
               
                  ไปเชียร์กูแข่งวันนี้ นัดเปิดสนาม หกโมงที่สนามมอ   
   
                  อยากจะตอบกลับไปเหลือเกินว่าถึงมันไม่บังคับเขาก็ไปดูอยู่แล้ว ก็ตอนปีหนึ่งไม่เคยมีสักครั้งเลยที่เขาพลาดไปดูมันแข่งฟุตบอล
                  บางทีเขาอาจกำลังเสพหนังในทางที่ผิดอยู่ก็เป็นได้ เพราะเขามีความคิดว่า…
                  กีฬาฟุตบอลเป็นเหมือนหนังที่เขาดูได้อย่างไม่มีวันเบื่อ ไม่ใช่เพราะเนื้อเรื่อง แต่เป็นเพราะคนแสดง
                  และไม่ว่าสายป่านจะเล่นบทอะไร สำหรับเขา มันคือพระเอกตลอดกาล
                  แต่ประโยคแชทต่อมา ทำให้เขาอยากเปลี่ยนบทมันเป็นตัวร้ายทันที
   
                  เชียร์แบบสันทนาการคณะ
                  ไม่จัดเต็ม ไม่ช่วย
                  แฟร์ๆ

   
                  ที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ทุกคนคือสันทนาการ และขึ้นชื่อว่าสันทนาการ
                  ตั้งแต่หัวจรดเท้า…
                  ต้องจัดเต็ม!!!
                  
                  ธีมเชียร์คือธีมสัตว์
                  จะรอดูนะจ๊ะ

                  
                  ฮือ
                  ไอ้คนร้ายกาจ
                  ไอ้เหี้ยสายป่าน






                  เย็นนี้ก่อนไปเชียร์ฟุตบอล อย่าลืมมาช่วยกันทำป้ายคณะที่ใต้ตึกสามนะครับ
                  เป็นโพสต์ของประธานรุ่น ในกลุ่มเฟซบุ๊ก สถาปัตย์ปีสอง เชิญชวนเพื่อนๆทุกคนให้มาช่วยกันทำป้ายคณะ เป็นป้ายขนาดใหญ่ที่แสดงถึงความเป็นคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ซึ่งเราจะใช้ในงานโอเพ่นเฮาส์ของคณะที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนนี้ และเลยต่อเอาไปใช้ในงาน กีฬาสถาปัตย์ – วิศวะ สี่สวนสัมพันธ์ อันประกอบไปด้วย สถาปัตย์ วิจิตรศิลป์ สังคมศาสตร์ และนิติศาสตร์ เพื่อนบ้านเรา และอีกบลาๆ ที่ปีสองจะต้องรับผิดชอบเป็นประเพณีทุกปี
                  ถ้าถามว่าทำไมเราถึงต้องรีบทำตั้งแต่แรกๆ นั่นเพราะว่าเปิดเทอมช่วงแรกทุกคนจะยังไม่มีงานของตัวเองที่ต้องทำ อาทิเช่น การบ้านในรายวิชาเรียน งานดูแลกิจกรรมอื่นๆนอกคณะ หรือการลงพื้นที่แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมต่างๆ จึงมั่นใจได้ว่าถ้านัดช่วงนี้ น่าจะมีคนมาช่วยงานเยอะ
                  แต่เขาก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ ว่าวันนี้จะมีคนไปมากพอกับที่ประธานรุ่นต้องการ
                  เพราะหลังจากถามความเห็นของกลุ่มแล้วพบว่า…
   
                  “หืม จะนัดวันนี้ไม่บอกก่อนล่วงหน้า กูนัดน้องรหัสไปเลี้ยงสาย” ฟ้า
                  “ที่บ้านขึ้นมาหาว่ะ น่าจะต้องออกไปกินข้าวเย็นกับทางโน้น” มายด์
                  “มีพาร์ทไทม์” จิ๊บ
                  เท !!!

   





                  “มด ขอบคุณที่มานะ”
   
                  จอย เฮดฉากวิ่งเข้ามาเขย่าแขนเขา ใบหน้าเธออ่อนแรงแต่มียิ้มอ่อนๆ ราวกับเห็นแสงสว่างที่ทอลงมาเพื่อปลดเปลื้องเธอจากความมืด
                  และแบ่งเบาภาระงานของเธอไป นั่นคือ…
   
                  “ไป มึงไปเลย ไปวาดฉาก”
   
                  โยนงานให้เขาเฉย อยากจะด่าว่าเหี้ย แต่มันก็ยังไม่แรงพอ ฮ่าๆ
   เขาเดินหนีจอยมานั่งจุมปุ๊กที่มุมหนึ่ง ตรงกลุ่มที่กำลังร่างฉาก คณะนี้ดีอยู่อย่าง ตอนเดินสวนกันข้างนอก ไม่ว่าจะไปเรียน กินข้าว เที่ยว บลาๆ แทบไม่ทักกัน แต่พอมาทำงานปุ๊บ เหมือนรู้จักกันมาชาติเศษได้ ไล่ทักชื่อกันเป็นว่าเล่น บางคนนี่เติมอินำหน้าแบบไม่เกรงใจกันก็มี
                  แต่เขาก็ไม่ได้มองว่าเสียมารยาทหรือไม่สุภาพ มันเป็นการล้อกันเล่นๆ สร้างสีสันและความคุ้นเคยที่จะทำให้เราทำงานด้วยกันได้มากกว่า
                  และที่สำคัญ…
                  อย่าได้ถามว่าพอมาถึงแล้วจะให้ทำอะไร จะมีงานให้ทำมั้ย หรือจะมานั่งเฝ้าเพื่อนทำเฉยๆเสียเวลา
                  โน!
                  พอนั่งได้สักพัก งานกองเต็มตักเขาเฉยเลย
                  คนนั้นเอามาให้ที คนนี้โยนมาให้ที
                  ร้องไห้ เขาอยากร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด
   
                  “เพื่อนเพื้อนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน”
   
                  เสียงที่ดังขึ้นหน้าทางเข้า พร้อมกับการปรากฏตัวของขบวนการเรนเจอร์ห้าสี ทำให้ทุกคนต้องละจากงานหันไปให้ความสนใจอย่างช่วยไม่ได้
   
                  “เย็นนี้…” นางฟ้าวิกสีแดงพูดขึ้น
                  “เราจะมี…” นางฟ้าวิกสีเหลืองพูดต่อ
                   “อะไรเอ่ย” และนางฟ้าวิกสีเขียวจบประโยคด้วยคำถาม
   
                  และนั่น พวกเธอกำลังเดินแปรแถวมายืนเรียงหนึ่งทั้งห้าคนแล้ว พร้อมนางฟ้าวิกสีชมพูและสีขาวชูป้ายที่เขียนว่า…
   
                  ฟุตบอลร่วมเชียร์ เราชาวเมียสายป่าน
   
                  และติดแท็ก
                  #สันฯสถาปัตย์
   
                  “เชิญชวนเพื่อนๆพี่ๆและน้องๆ มาร่วมเชียร์ทีมฟุตบอลของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์นัดเปิดสนามเย็นนี้นะคะ มาเป็นกำลังใจทีมฟุตบอลร่วมกับสนทนาการของคณะกันเถอะค่ะ”
   
                  เมื่อนางฟ้าวิกสีชมพูดพูดจบ
                  แล้วทั้งกลุ่มก็สลายตัวแล้วแยกย้ายไปนั่งตามมุมห้อง นั่งทำป้ายคณะต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
                  ด้วยเหตุผลที่ว่า “เดี๋ยวประธานรุ่นจะสาปนะคะ”
                  ทำเอาหัวเราะกันหมด
                  นางฟ้าวิกสีเขียว(ถอดแล้ว) หย่อนก้นนั่งข้างๆเขา
   
                  “กิตติ” เขาเรียกเธอ
                  “วี๊ดดดดดดดด วินดี้ค่ะวินดี้ ไม่เอากิตตินะคะมด”
                  “อ่อ โอเค วินดี้”
                  “แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย” เธอถือวิสาสะเอามือมาจับแก้มทั้งสองข้างของเขาแล้วบิดส่ายไปมา
                  “อื้อ”
   
                  เมื่อเห็นว่าเขาเริ่มเจ็บวินดี้ก็หยุดทำ
   
                  “คือ เรามีเรื่องให้ช่วยหน่อย”
   
                  เขากำลังจะขอให้วินดี้ช่วยแต่งหน้าให้ อาจจะเป็น หน้าแมว หน้าหมา หรือหน้าสัตว์อะไรสักตัว ตามธีมเชียร์ของสันทนาการเย็นนี้ ที่เขาต้องลำบากขนาดนี้เป็นปีแรก
                  เพราะตัวเหี้ยอย่างไอ้สายป่าน 291
   
                  “แต่งหน้าให้ใช่มั้ย”
                  “…”
                  “เป็นอะไรกับสายป่านของเรา”
   
                  เขาทำหน้างง
   
                  “สายป่านทักเรามาให้ช่วยแต่งหน้าให้มดหน่อย”
   
                  นี่มันอยากแกล้งเขาขนาดนี้เลยเหรอ
   
                  “ไม่ใช่แบบนั้นนะ คือเรามีข้อตกลงกันน่ะ”
   
                  วินดี้หรี่ตามองเขาอย่างจับผิด แล้วจู่ๆเธอก็คว้าหมับที่ข้อมือเขาแล้วจับไว้แน่น
   
                  “ของฟรีไม่มีในโลกหรอกนะ”
   
                  ประโยคนี้อีกแล้วเหรอ เขาเอียนประโยคนี้จะแย่อยู่แล้ว
   
                  “ถ้าอยากให้ช่วยก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”
   
                  ข้อแลกเปลี่ยนอะไรอีก ฮือออออออ





- T B C . -




กลับมาแล้วน้า สอบเสร็จแย้ว ต่อจากนี้ก็เจอกันทุกๆวันหยุดสุดสัปดาห์จนกว่านิยายจะจบ

อย่าเพิ่งเบื่อหน้ามิวเอสเอ็นน้า

มารอดูว่าเจ้ามดจะแต่งตัวเป็นสัตว์อะไรไปเชียร์ฟุตบอล

เจอกันอีกตอนพรุ่งนี้ค่ะ.
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สี่ 07-12-2018
เริ่มหัวข้อโดย: PAtxxkMxxn ที่ 07-12-2018 21:11:06
 :hao7:ฃ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สี่ 07-12-2018
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 07-12-2018 23:30:22
 :laugh: :laugh: :laugh:  ประโยคที่จะทำให้มด กลัวไปอีกานแสนนาน
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สี่ 07-12-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-12-2018 01:27:40
ข้อแลกเปลี่ยนนี่ มันน่ากลัวมากไหม  :ling3:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สี่ 07-12-2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 08-12-2018 02:07:49
แลกเปลี่ยนกันวนไปจ้าา 55555555555555
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สี่ 07-12-2018
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 08-12-2018 03:30:05
ข้อแลกเปลี่ยน เปลี่ยนกันไปเปลี่ยนกันมา
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สี่ 07-12-2018
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 08-12-2018 15:37:51
5555 จะโดนแกล้งอะไรไหม
หรือจะให้ไปจีบแทน เอ็นดูมด
แพ้ทุกทางเลยนะ

แล้วสายป่านนี่ยังไง อย่าบอกนะว่าชอบมด
แต่ทำเนียนว่าไม่รู้สึกอะไร
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สี่ 07-12-2018
เริ่มหัวข้อโดย: CHOIGYK_ ที่ 08-12-2018 20:58:20
 :katai5:รอเจ้า
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สี่ 07-12-2018
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 09-12-2018 02:22:51
ไม่เบื่อหน้าคุณมิวค่า รอทุกวันเลย มาแล้วววว จะรออ่านอีกพรุ่งนี้ เย้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สี่ 07-12-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 10-12-2018 09:44:02
มารอน้องมดดดดดด
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สี่ 07-12-2018
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 10-12-2018 16:24:09
ต่างคนต่างแอบชอบกันปะเนี่ย
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่ห้า 10-01-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 10-01-2019 00:49:01
ก้าวที่ห้า
นางฟ้า สถาปัตย์



โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  นางฟ้าเบอร์หนึ่ง ใครเอ่ย ใคร ใครแต่งหญิงไม่ครอบวิกคะ
                  นางฟ้าเบอร์สอง อิกิตติ อุ๊ย ลืมไปชื่อวินดี้ 555
                  นางฟ้าเบอร์หนึ่ง ใครค้า ใครแต่งหญิงไม่สมประกอบ แต่งหญิงไม่ครบสามสิบสองคะอิดอก 555
                  นางฟ้าเบอร์สี่ มึงไง อิลิลลี่ แต่งหญิงค้าประเวณี 555
                  นางฟ้าเบอร์สาม จร่ะ แหม แล้วใครแต่งหญิงสกปรก
                  นางฟ้าเบอร์ห้า กูเอง ห้ามนกกู กูนกตัวเองแล้ว
                  นางฟ้าเบอร์สี่ อิดอก ไม่ตบมุกเว่อร์
                  นางฟ้าเบอร์หนึ่ง แหม ยังมีใครในกลุ่มเราบ้างมั้ย ที่แต่งหญิงสะอาด แต่งหญิงสวยงาม
                  นางฟ้าทุกเบอร์ มี!!!
                  นางฟ้าเบอร์หนึ่ง ใคร!!!
   
                  นางฟ้าเบอร์สอง ไม่บอก อยากรู้ก็มาเจอกับพวกเราเย็นนี้นะคะ ณ ลานกว้างสนามกีฬากลาง ขอเชิญชวนเพื่อนร่วมรุ่นมากันเยอะๆนะคะ มาร่วมเป็นกำลังใจทีมฟุตบอลสถาปัตย์ด้วยกันน้า
   
                  เป็นวิดิโอหน้างานที่เร่งรีบที่สุด ตัดต่อแบบสายฟ้าแลบที่สุด และด้วยทีมตัดต่อคุณภาพที่สุด ที่ถือคติว่า เสียงไม่ชัด ซับไม่ใส่ ฮา
   
                  แหม จะให้ไปหาเวลาว่างที่ไหนมาทำกันล่ะ ทุกวันนี้งานทำป้ายคณะก็ต้องทำ งานสันทนาการเย็นนี้ก็ต้องเตรียมการ เหล่านางฟ้าตัวน้อยทั้งห้าเลยขนแล็บท็อป ขนกล้อง และอุปกรณ์ที่จำเป็น มานั่งตัดต่อกันที่ทำงานเลยนี่ล่ะ
   
                  และก่อนเริ่มงานครึ่งชั่วโมง วิดิโอก็ถูกเผยแพร่ในเฟซบุ๊กอย่างที่เห็น พร้อมกับคำขอร้องแบบนางฟ้าว่า…
   

                  “พวกมึงงงงง ช่วยกันปั่นยอดวิวด่วนจ้า”
   

                  เป็นคำขอร้องเชิงคำสั่ง และต้องทำตามเท่านั้น
                  แล้วถ้าถามว่าตอนนี้เขาอยู่ไหน ทำไมถึงได้รู้ความเป็นไปของพวกเธอทั้งห้าได้
                  หึหึ
   
                  “มันปั๊วมึง มันได้มาก มันหวาน” กิตติหรือวินดี้ นางฟ้าวิกสีเขียวพูดพร้อมปัดเส้นผมที่หล่นลงมาบังหน้าเขาออก แล้วยืนเพ่งมอง ชื่นชมกับผลงานของตัวเองด้วยความอิ่มเอมใจ
   
                  “วี๊ด มด มันมาว่ะ มง(กุฏ)ลงหัวแน่ๆเย็นนี้” อุมาพร หรือเจ๊จุก(นางฟ้าวิกสีแดง) ถึงกับออกไม้ออกมือเล่นใหญ่ประกอบการชมเขา
   
                  “งานนี้ฆ่าได้ฆ่า กองเชียร์วิศวกรรมศาสตร์ต้องตาย” ชื่อในวงการลิลลี่(นางฟ้าวิกสีชมพู) ชื่อจริงๆคือสมชาย ปรบมือชื่นชมพร้อมความมั่นใจเต็มร้อย
   
                  “ถ้ารู้ว่าจะออกมาเลิศขนาดนี้ ปีหนึ่งดิชั้นบังคับมดมาทำตั้งนานแล้ว” มามี่ นางฟ้าวิกสีขาว
   
                  “ได้ ปีนี้จับมดออกทุกงาน” ลลิตา(นางฟ้าวิกสีเหลือง) มั่นหมายไว้
   

                  ทุกคนบอกว่ามดปัง ทุกคนบอกว่ามดแต่งออกมาแล้วมันโคตรเลิศ ทุกคนบอกว่ามดดูดี ชมจากใจจริง
                  แต่ทุกคนเคยถามมดมั้ยว่า…
                  มดอยากแต่งแบบนี้หรือเปล่า!!!
   
                  เขาอยากแต่งเป็นธีมสัตว์น่ะใช่ พูดจริงๆคือ เขาโดนบังคับมาอีกทีจากสายป่าน ผู้กุมอำนาจเหนือกว่าเบื้องบนด้วยข้อตกลงระหว่างเรา
   
                  เขาอยากแต่งธีมแมวเพราะแมวเป็นสัตว์น่ารักน่ะใช่ ความจริงคือวินดี้ฟินจัดอยากแต่งให้เขามีหูแบบแมวเหมียวกลายเป็นเลยตามเลยแบบนี้
   
                  ใช่สิ แต่สิ่งที่เขาไม่ได้ร้องขอ และคิดว่าชาตินี้คงจะไม่ทำ แต่เพราะคำขู่ว่าจะโดนปู้ยี่ปู้ยำจากเหล่านางฟ้าเขาเลยต้องทำ
   

                  “ฮือ ไม่ออกไปข้างนอกแล้วได้มั้ย”
   

                  เขาขอร้องด้วยเสียงจะร้องไห้
                  เหล่านางฟ้าพร้อมใจกันส่ายหน้าไปมา แล้วกลับหลังเขาให้หันไปเผชิญหน้ากับกระจก
                  ฮือ ม่ายยยยยย
                  ชาตินี้จะทำอะไรก็ได้ แต่เขาจะทำแบบนี้ไม่ได้…
                  เขาจะมาแต่งหญิงเชียร์สันทนาการไม่ได้!!!
                  ฮืออออออออออออออออออออออออออออออ
                  อยากร้องไห้ให้น้ำตาท่วมโลก
                  เขามีหูแมว
                  เขาแต่งหน้าแบบแมว
                  และเขา แต่งหญิงแมวเหมียว ฮือออออออออ
                  ไม่อาววววววววว
   

                  “ทำไมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ไม่เอาค่ะลูก อย่าเพิ่งซาบซึ้งในความสวยเดี๋ยวเครื่องสำอางบนใบหน้าหลุดลอกหมด ไปค่ะ ไปเชียร์สันทนาการก่อน” วินดี้ตบไหล่เขาเบาๆ ถามจริง นี่เธอไม่รู้เหรอว่าเขาร้องไห้เพราะอะไร ทำลายศักดิ์ศรีลูกผู้ชายเขาจนป่นปี้ ฮึก
   
                  “ผู้เห็นผู้ต้องโหวตค่ะ โหวตมดค่ะโหวตมด แม่จะดันลูกไปเวทีดาวเทียมมอ”
   

                  ยังจะมีมาให้แต่งอีกเหรอ ไม่เอาแล้ว เขาไม่เอาอีกแล้วนะแบบนี้
   

                  “มดคือลูกของพวกแม่ๆ แม่ภูมิใจที่ได้มีมดเป็นลูก”
   

                  วินดี้โอบกอดเขาด้วยความรัก แต่ทำไมถึงได้ยินเสียงเธอสูดลมหายใจที่ซอกคอเขาด้วยความหื่นกระหาย พร้อมคำกระซิบที่ชวนให้ขนลุกว่า “ตัวลูกมดมดหอมมากๆ”
   

                  “จริงสิ มันยังไม่เสร็จสิ้น” ลลิตาโชว์บางสิ่งที่หยิบมาจากข้างหลังขึ้นมา
   

                  มันคือชุด แต่ไม่ใช่ชุดธรรมดา…
   

                  “อย่าลืมเปลี่ยนชุดเป็นชุดสีดำแบบนางแมวยั่วสวาทด้วยยยยยย”
   

                  ม่ายยยยยยยยย
                  ยังไงก็ไม่ เขาไม่มีทางใส่ไอ้ชุดบ้าๆนี่แน่ๆ
                  ถ้าทุกคนยังไม่เก็ท ลองเสิร์ชคำว่า ชุดนางแมวยั่วสวาท ในกูเกิ้ลรูปภาพดูเอาเองเถอะ
   

                  “อ๊ะๆ อย่างมดนี่ต้องให้พวกเราสอนวิธีเก็บของยังไงไม่ให้โผล่ด้วยหรือเปล้าจ๊ะ”
   

                  มือเขายกขึ้นกุมเป้าโดยอัตโนมัติ เพราะรู้ว่าของที่ว่าคืออะไร
   

                  “อยากเห็นมดใส่ชุดนางแมวยั่วสวาทจะแย่แล้ว”
   

                  วินดี้สั่นไปทั้งตัวด้วยความฟิน
                  เหล่านางฟ้าคณะสถาปัตย์ ช่างน่ากลัวจริงๆ



                  ❤

   

                  “ไม่ต้องตื่นเต้นนะมด ทำตัวตามสบาย หายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆหายใจออกเบาๆ”
   

                  อุมาพรลูบไหล่ที่เปลือยเปล่าของเขาเพื่อให้กำลังใจ นางฟ้าคนอื่นๆก็ทำเช่นเดียวกัน
                  ข้างนอกลานกว้างมีเสียงเซ็งแซ่ของผู้คนมากมายแทรกเข้ามา บอกให้รู้ว่าไม่กี่อึดใจคงจะถึงช่วงเวลาที่รอคอย นั่นคือ ช่วงเชียร์ของสันทนาการทั้งสองคณะ ที่มีศักดิ์ศรีค้ำคอไม่แพ้การกีฬาเช่นเดียวกัน
   

                  “เพลงสันฯปกติของคณะเองมด เต้นได้น่า”
   

                  เขาเต้นเพลงสันทนาการทั้งเซตปกติและเซตพิเศษได้หมด
                  แต่ประเด็นคือ เขาจะแต่งหญิงเต้นสันทนาการไม่ได้ แถมท่ามกลางผู้คนมากมายที่มารอเป็นสักขีพยานของการจบชีวิตลูกผู้ชายของเขาในมหา’ลัยนี้ไปตลอดการ
   

                  “ไปเปลี่ยนชุดได้มั้ย”
   

                  ขอต่อรองเป็นครั้งสุดท้าย แต่นางฟ้าทั้งหลายกลับทำเมินไม่ได้ยิน
   

                  “และช่วงเวลาแห่งศักดิ์ศรีของการแข่งขันอีกอย่างกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วครับ แอบได้ยินมาว่าธีมเชียร์ของสันทนาการปีนี้คือธีมสัตว์ ใช่มั้ยครับคุณอรุณา”
   
                  “เหรอคะคุณศุตรุษณ์ ดิฉันทนรอไม่ไหวแล้วล่ะค่ะ ต่อไปขอเชิญพบกับ ทีมเชียร์สันทนาการทั้งสองคณะ ได้เลยค่า!!!”
   

                  เสียงปรบมือดังเกรียวกราวแทรกด้วยเสียงกรี๊ดทำให้หัวใจเขาเต้นแรง
                  ตื่นเต้น มันตื่นเต้น
                  มันโคตรตื่นเต้นเลยเว้ย
                  ชุดนางแมวนี่ก็รัดติ้วเหลือเกิน
   

                  “ออกมาแล้วครับ ขอเสียงปรบมือให้กับ ทีมสันทนากรของคณะวิศวะด้วยครับ!!!”
   

                  วิศวะออกไปก่อน และเรียกเสียงปรบมือดังเกรียวกราวยิ่งกว่าเก่า
                  ที่เป็นแบบนี้เพราะ…
   

                  “กรี๊ดคุณศุตรุษณ์คะ ดิฉันหัวใจจะวาย” พิธีกรสาวประเภทสองกรี๊ดลั่น
                  “เพราะอะไรครับ” พิธีกรชายชงต่อบทให้
                  “มนุษย์หมาป่ากล้ามใหญ่เหลือเกินค่ะ ฮืออออออ”
   

                  ใช่แล้ว วิศวกรรมศาสตร์มาในธีม Werewolves มนุษย์หมาป่าเปลือยท่อนบนแบบกระชากใจสาวๆ
                  ตัดมาที่เขา
                  นางแมวยั่วสวาท สถาปัตย์ยังมีดีให้โชว์อีกมั้ย ถามใจดู
   

                  “แล้วคณะคู่แข่งอีกหนึ่งจะเอาอะไรมาสู้กันคะคุณ ขอเชิญพบกับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ที่ครองแชมป์สันทนาการอันดับหนึ่งมาตลอดทุกปีค่า!!!”
   

                  กรี๊ดดดดดดดดดด
   

                  เสียงปรบมือที่ดังเกรียวกราวไม่แพ้กัน ไม่ได้ทำให้ใจเขาฮึดสู้ขึ้นมาเลย
                  และนั่น…
                  กลุ่มนักกีฬาที่ไปพักผ่อนหลังจากแข่งครึ่งแรกผ่านไป เริ่มมาออตรงลูกกรงเพื่อดูสันทนาการสองคณะแล้ว
                  นั่น ไอ้สายป่านอยู่ตรงนั้น
                  ฮือ
                  ต้องออกไปสภาพนี้จริงๆใช่มั้ย
   

                  “ไปค่ะมด เขาเรียกเราแล้ว”
   

                  คำตอบคือ ใช่
   

                  “เนี่ย คุณศุตรุษณ์ ดิฉันเป็นเพื่อนกับเหล่านางฟ้าสถาปัตย์มานาน ปีก่อนรุ่น59 ชีควักไม้เด็ดมาประชัน แล้วปีนี้ชีจะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์เรา ต้องรอดูนะคะคุณ”
                  “ปีที่แล้วที่เล่นดอกไม้ไฟแล้วไฟไหม้ชุดหรือเปล่าครับ”
   

                  เกิดเสียงหัวเราะดังระงม
   

                  “อ่ะ ปีนี้มาดูว่านางจะมาสายไหน สายบ้า สายฮา หรือสายสวย”
   

                  เขาสูดลมหายใจเข้าลึกที่สุด
                  แล้วก้าวเท้าเดินออกมา
   

                  “ยังไงคะคุณ ทำไมมีชะนีมายืนถือป้ายคณะ เหล่านางฟ้าหายไปไหน เกิดอะไรขึ้นกับพวกนาง หรือถึงยุคของชะนียิ่งใหญ่แล้ว”
   

                  พิธีกรสาวประเภทสองแม่งดูโคตรอินกับบทบาทมากๆ
   

                  “อ๊ะ เหล่านางฟ้าเดินตามมาข้างหลังค่ะทุกท่าน อะไรนะคะ ขอไมค์เหรอคะ”
   

                  ไมค์ถูกส่งจากมือพิธีกรชายจากเวทีแล้วให้สต๊าฟคนหนึ่งวิ่งนำมาส่งถึงมือเหล่านางฟ้า
   

                  “สวัสดีค่า พวกเรา เหล่านางฟ้าสถาปัตย์ค่า”
   

                  ทั้งหมดพูดขึ้นพร้อมกัน หนึ่งในนั้นรวมเขาไปด้วย
   

                  “ต๊ายยยยยย คุณคะ เขาไม่ใช่ชะนีค่า เขาเป็นกะเทยยยยยยยยยย”
   

                  เปล่านะ เขาไม่ใช่กะเทยสักหน่อย ฮืออออออออ
   

                  “โคตรน่ารักไอ้เหี้ย”
                  “วี๊ด นางฟ้าสถาปัตย์สวยสมคำร่ำลือจริงๆ”
                  “เหมาะกับฉายานางฟ้าโคตรๆ”
                  “นึกว่าผู้หญิงจริงๆอ่ะ”
                  “ผู้ชายเหรอวะ เสียดายแม่ง”
                  “ถ้าอยากรู้จักเขามากขนาดนี้ เราขอฟังเสียงคุณ คุณนางฟ้าปริศนาค่ะ”
   

                  ไมค์ถูกยื่นให้เขาจากเหล่านางฟ้าทั้งห้า
                  พวกเธอพยักหน้า
                  ฮือ ต้องพูดสิ่งที่เตี๊ยมมาจริงๆอ่ะ
   

                  “สวัสดีครับ เอ๊ย ค่ะ เราชื่อมดนะ ชอบวิศวะ เมี้ยว เมี้ยว เมี้ยว เมี้ยววววววววว”
   

                  พร้อมกับทำท่าเมี๊ยวๆไปเล้ยยยยยยย
                  กรี๊ดดดดดดดดดด
                  ทั้งลานกว้างเต็มไปด้วยเสียงกรี๊ด เสียงปรบมือดังระงม
                  ตอนนี้เขาอยากหารูแล้วแทรกแผ่นดินหนีไปเสียจากตรงนี้ อายก็อาย เขินก็เขิน แต่พอเหลือบไปมองไอ้สายป่าน
                  แม่ง…
                  ชูนิ้วโป้งให้กูเฉย
                  งื้อ ทำไมดีใจเพราะเรื่องแค่นี้กันนะเรา



                  ❤

   

                  “นกกระยางเดินขาถ่างอยู่กลางทุ่งนา นกกระยางเดินขาถ่างอยู่กลางทุ่งนา มองเห็นกุ้ง หอย ปู ปลา มองเห็นกุ้ง หอย ปู ปลา แล้วก็ป้าบ ป้าบ ป้าบ แล้วก็ป้าบ ป้าบ ป้าบ”
   

                  เสียงเชียร์ของสันทนาการยังดังไม่หยุดหย่อน ในขณะที่การแข่งขันก็เป็นไปอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ผู้คนทั้งงานต่างส่งเสียงเชียร์เสียงลุ้นกันยกใหญ่ เขาที่ตอนแรกมีเกร็งๆบัดนี้ปล่อยตัวเต้นไปตามจังหวะกลองและเสียงเพลงของสันทนาการแบบเขวี้ยงความหน้าบางทิ้งไว้ที่ห้องกันเลยทีเดียว แหม มาขนาดนี้จะมัวเขินอายอยู่ใย บางคนนี่ถึงกับลุกขึ้นมายืนเต้นกับทีมสันทนาการข้างล่างก็มี บอกเลย ใครไม่มางานนี้พลาด พลาดมาก พลาดที่สุด
                  แต่เพื่อนในกลุ่มของเขาอ่ะ ไม่มาน่ะดีที่สุดแล้ว เป็นโชคดีของเขาที่พวกมันแต่ละคนติดธุระนู่นนี่นั่น เลยมาไม่ได้
                  พนันได้เลยว่าหากพวกมันมาเห็นเขาในสภาพแต่งหญิงแมวเหมียว มีหวังโดนแซวยันลูกบวชแน่ๆ
                  แต่ถึงพวกมันไม่มา ก็มีคนรอต่อแถวแซวเขาไม่หยุดหย่อนอยู่แล้ว โดยเฉพาะ…
                  เฮดสันทนาการของคณะวิศวะ พร้อมเพื่อนฝูง
   

                  “ขอเต้นด้วยได้มั้ย ในฐานะคนรู้ใจก็ได้ ฮิ้วววววววววววว”
   

                  เออ มึงเล่นเองตบมุกเองกันเข้าไป
   

                  “พี่มีเสื้อช็อป พี่มีทั้งเกียร์ แต่เมียพี่ยังไม่มีนะครับ วู้วววววววว”
   

                  อ๋อ วิศวะเขาชอบผู้หญิงมีแท่งกันเหรอ หือ พิมพ์นิยม
                  ไม่ต้องถามหาความช่วยเหลือใดๆจากเหล่านางฟ้าทั้งห้า นู่น ไปเต้นยั่วพวกมนุษย์หมาป่าวิศวะโน่น ทิ้งเขาให้ยืนเต้นคนเดียวท่ามกลางความจีบความแซวแบบเล่นๆของคณะวิศวะ
                  แหม ก็สีสันงานเถอะ จงถือคติว่า อย่าได้หาความจริงใจจากปากของพวกสันทนาการ
                  มันพูดแซวเราได้ มันก็พูดแซวคนอื่นได้เหมือนกัน
                  เช่น…
   

                  “สาวมนุษย์ ถ้าไม่อยากเข่าทรุด อย่าเซมาหาพี่”
   

                  ที่มาของคำว่า ความมั่นใจให้ห้า ความมั่นหน้าให้เต็มร้อย
                  ปี๊ดดดดดดดด
                  กรรมการเป่านกหวีด เป็นสัญญาณห้ามใช้เสียงทั้งสนาม
   

                  “จบไปแล้วนะคะ กับช่วงสันทนาการ ช่วงเล่นใหญ่ เล่นเลอะเทอะ ช่วงแต่งหญิงตลกนะคะ คุณศุตรุษณ์ ขอสามคำให้กับพวกเขาหน่อยค่ะคุณ เพื่อเป็นคำขอบคุณและการนำไปปรับใช้ หรือพัฒนาต่อไปของทีมสันทนาการค่ะ”
   

                  พิธีกรชายคุณศุตรุษณ์นี่หันมามองหน้าพี่เมรีที่สวมบทบาทเป็นคุณอรุณาด้วยวิกผมสไตล์ละครที่เธอทำในเรื่องเมีย 2018 ด้วยคติที่ว่า ใครๆก็เป็นอรุณาได้ แบบ บทนี้ไม่มีในสคริปต์
   

                  “ก็ ขอบคุณทีมสันทนาการของทั้งสองคณะนะครับ ที่มาช่วยสร้างเสียงหัวเราะ แล้วก็ความสนุกสนานให้กับพวกเราในวันนี้ คาดว่านักกีฬาทั้งสองคณะคงจะได้กำลังใจจากทีมเชียร์เต็มที่แล้วนะครับ สุดท้ายนี้ ไม่ว่าฝ่ายไหนจะชนะ น้ำใจนักกีฬาก็ถือเป็นสิ่งสำคัญนะครับ”
   

                  ปรบมือสิรออะไร
   

                  “ค่ะ ขอบคุณ คุณศุตรุษณ์นะคะ สำหรับตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะส่งต่อเวทีนี้ให้กับทีมพากย์สนามแล้วนะคะ ดิฉัน เมรี จากคณะการสื่อสารมวลชน และคุณศุตรุษณ์จากคณะศึกษาศาสตร์ ขอลาไปก่อนค่ะ แล้วพบกันใหม่เร็วๆนี้”
   

                  พิธีกรทั้งสองเดินลงจากเวที
                  จบแล้วสินะ ช่วงสันทนาการของนัดเปิดสนามรอบแรกวันนี้
                  เขาต้องไปติดแฮชแท็กในโซเชียลมั้ยว่า…
                  #สันทนาการปีสองสองปีซ้อน
                  #ครั้งหนึ่งกูเคยแต่งหญิงสันทนาการ
   
   





                  แม้ว่าทีมเชียร์จะย้ายกันออกจากลานกว้างหน้าสนามมอแล้ว แต่การแข่งขันยังดำเนินต่อไป ตอนแรกเขาว่าจะอยู่เชียร์สายป่านให้จบ แต่ด้วยสังขารที่บอกว่าไม่ไหว เลยขอติดรถทีมสันทนาการกลับมาที่คณะ แล้วมานั่งพักหายใจพะงาบๆใต้ตึกอยู่ตอนนี้ และไม่ใช่แค่เขาคนเดียวนะที่มานั่งทำอะไรแบบนี้ สนทนาการคนอื่นๆก็มีสภาพไม่ต่างกัน
                  ไม่เว้นแม่แต่ เหล่านางฟ้าขาแดนซ์
   

                  “ปีนี้ร้อนมากมึง ไม่มีบริการน้ำใดๆ คือขอติสวัสดิการสโมฯกลางรัวๆ”
   

                  วินดี้ดูดน้ำในแก้วไปบ่นไป
   

                  “ผู้ชายวิศวะปีนี้ไม่เท่าไหร่เลยค่ะ เทียบกับบริหารแล้วคืองอกง่อยไปเลย กระจอกมาก”
   

                  คนอื่นเขาบ่นร้อน แต่ไม่ใช่กับลลิตาที่บ่นเรื่องผู้ชายตั้งแต่เดินเข้ามาหน้าตึกแล้ว
   

                  “ว่าก็ว่าเถอะ ปีนี้อะไรๆก็ไม่เป๊ะเหมือนปีก่อน ที่นั่งก็ไม่มีให้คนดู ไม่ต้องถามถึงสันทนาการนะจ๊ะ แทบจะนั่งกับดินนอนกินหญ้าละ”
   

                  อุมาพรขอเม้าท์บ้าง
   

                  “ช่างมันเถอะมึง ผ่านมาแล้ว จบแล้ว ปีหน้าถ้ายังเป็นแบบนี้ คณะเราคงต้องขอถอนตัวจากสันทนาการกลางอ่ะ ไม่เห็นหัวสันทนาการ ก็ไม่ต้องมาเรียกใช้เราค่ะ เทๆๆ”
   

                  ลิลลี่บ่นหน้าเครียด
                  พอดีกับที่กลุ่มมือกลองเดินเข้ามา
   

                  “วี๊ด พี่ปืนวันนี้ขอบคุณมากที่มาช่วยตีกลองให้นะคะ”
   พี่ปืนเดือนสถาปัตย์ปีสามที่รับหน้าที่เป็นทั้งเดือนปีสาม เป็นทั้งหัวหน้ามือกลองและรุ่นสันทนาการปีสามยิ้มรับ
   

                  แต่วินดี้ไม่ได้ทำแค่ขอบคุณอย่างเดียวน่ะสิ ไวมาก เข้าไปซบพี่เขาตอนไหนนั่น ไม่ต้องพูดถึงเหล่านางฟ้าที่เหลือนะ พี่ปืนกำลังจะโดนข่มขืนแล้ว
                  ตอนเขาอยู่ปีหนึ่ง ก่อนจะได้รุ่นสันทนาการนี่เขาโคตรกลัวพี่แกอ่ะ สันทนาการก็มีรุ่นนะเออ ว้ากกันอ้วกแตกอ่ะ ไม่ใช่คำด่านะ แต่สั่งให้เต้นใหม่วนไปรัวๆอ่ะ ท่าไหนเต้นผิดไปคนเดียว รื้อใหม่หมด จนกว่าจะเต้นถูกทุกคนอ่ะ เขานี่กว่าจะผ่านมาได้หืดขึ้นคอกันเลยทีเดียว แถมพี่แกยังเป็นเฮดว้ากสันทนาการ เห็นยิ้มๆใจดี หน้าหล่อโคตรพ่อโคตรแม่แบบนี้ พอได้ว้ากทีนี่โคตรโหด ขึ้นชื่อว่าพี่ปืน ทำอะไรมีแต่คำว่าโคตรๆนำหน้าเสมอ
   

                  “มด ไหวป่ะ”
   

                  ถามเขาแล้วหัวเราะคืออะไรวะ เป็นห่วงจริงจังปะเนี่ย
   

                  “ไหวพี่ นั่งพักอีกนิดก็หายเหนื่อยละ”
                  “ไม่ใช่ พี่หมายถึงแต่งหญิงวันนี้อ่ะ ปีหน้าเอาอีกมั้ย”
                  “ไอ้พี่เหี้ย”
   

                  เพราะเป็นพี่ปืนที่เขารู้ว่าเล่นหัวได้ และพี่มันแค่หัวเราะร่วน
   

                  “วินดี้เก็บรูปไว้แล้วนะคะมดมด”
                  “ลลิตาพร้อมอัพสตอรี่แล้ว มดมดมาปั๊ว”
   

                  เอาเลย รุมเขาเข้าไป
   

                  “เห็นพี่ปีแก่โพสต์ในกลุ่มป่ะ เย็นนี้ไปมั้ย” พี่ปืนถามพวกเรา
                  “ยังเลยพี่ โพสต์อะไรอ่ะ” เขาถามกลับ
                  “หมูจุ่มๆ โคกับพวกนักกีฬา”
                  “วี๊ด ใครจะพลาดคะ วินดี้บวกหนึ่ง” แปลว่าเธอจะไป
                  “ออกเองกูก็จะไป หิว” ลลิตา
                  “อาหารไม่สำคัญเท่าผู้ชาย เงินก็เช่นกัน แม้จะเหลือในกระเป๋าสองร้อย แต่กูก็จะถลุงเงินนี้เพื่อผู้ชาย” อุมาพร
                  “จะเจอไอ้เจ้าความรักป๊ะ” ลิลลี่
                  “ขออนุญาตเลิกคบนะคะ มีเพื่อนสกปรกคิดแต่เรื่องผู้ชายแบบนี้”
   

                  มามี่เหยียดทุกคน
                  แต่…
   

                  “แล้วไปมั้ยอิมามี่ พูด”
                  “ไป!!!”
   

                  มามี่ตอบด้วยใบหน้าหื่นกระหาย



                  ❤

   

                  เขากับแก๊งนางฟ้ามาถึงร้าน พอดีกับที่พวกนักกีฬาเองก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน
   

                   “กรี๊ด สายป่านที่รักของวินดี้”
   

                  วินดี้มือไวใจเร็ว เห็นอีกที โน่น ไปยืนข้างๆคว้าแขนล่ำๆของไอ้สายป่านมากอดเรียบร้อย
   

                  “อิวินดี้!!!” เหล่านางฟ้าร่วมกันประสานเสียงด่า
                  “สกปรก” ลลิตา
                  “ต่ำมาก” อุมาพร
                  “จอยชั้นต่ำ” ลิลลี่
                  “รออะไรกะเทย จอยผู้ค่า!!!”
   

                  สิ้นเสียงของมามี่ เหล่านางฟ้าก็กรูกันเข้าหานักกีฬา ประหนึ่งอดอยากมาแสนนาน ไม่ใช่อาหารนะ…ผู้ชาย
   

                  “กล้าเหมือนกันนี่เรา”
   

                  กว่าไอ้สายป่านจะฝ่าวงล้อมของพวกนางฟ้าทั้งห้าออกมาได้ มันก็มายืนทำหน้าทำตากวนตีนข้างๆเขาแล้ว
   

                  “ชิลๆ” เขายักไหล่ประกอบคำพูด สร้างความหมั่นไส้ให้กับใครบางคน
                  “ขอจับนมหน่อย”
   

                  มันพูดหน้านิ่ง แต่หน้าเขานี่สิแดงลามจนถึงใบหู กว่าจะทำเป็นลืมภาพลักษณ์แต่งหญิงแมวเหมียวได้มันยากนะเว้ย ภาพจำเมี๊ยวๆยังติดตาติดหูไม่รู้จะหายไปจากความทรงจำของทุกคนได้เมื่อไหร่
                  แต่เขามั่นใจว่ากว่ามันจะหายไป เขาได้ถูกแซวจนพรุนไปทั้งตัวแน่ๆ
   

                  “ลืมมันไปซะ” เขาว่า อยากจะตีแขนมันนะ แต่ไม่สนิทเดี๋ยวมันไม่ติดตลกว่ะ
                  “เมี๊ยวววววววว”
   

                  ไอ้เหี้ย มันแกล้งเขา มันกำลังกวนประสาทเขา ไอ้คนกวนตีนทำท่าเมี๊ยวๆเลียนแบบเขาเมื่อเช้า แต่ทำได้น่าเกลียดกว่าหลายเท่าตัวนัก
                  มดอะไรอวยตัวเองก็เป็นด้วย มดสถาปัตย์ไง โป้ง แฮ่ ไม่เล่นละ
                  โอเค สารภาพก็ได้ว่ามันทำแล้วน่ารัก ทำใจเขากระตุกวูบ หน้าร้อนวาบไปหมดแล้วจนต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น และพบว่าตัวเองตัดสินใจผิดมากเพราะเขาหันหน้าไปหาเหล่านางฟ้า
   

                  “โอ๋ มดมดของวินดี้ ไปเต้นแร้งเต้นกาออกแดดจ้าจนไม่สบาย หน้าแดงไปหมดแล้ว มีไข้หรือเปล่าเนี่ย”
   

                  วินดี้ทำท่าจะเข้ามาหาเขา แต่อุมาพรชิงพูดขึ้นก่อนโดยไม่คิดอะไรว่า
   

                  “บ้าป่ะมึง อาการแบบนี้เขาเรียกว่าเขิน”
   

                  อุมาพรพูดแทงใจดำเขาเข้าจังงัง
   

                  “มันจะเป็นไปได้ไงคะ มดมดจะเขินใครได้วะ” วินดี้ขมวดคิ้วมุ่น ในใจเขาเต้นแรง ภาวนาไม่ให้เธอรับรู้
                  “ตั้งแต่เข้าร้านมานี่ก็ยังไม่เห็นใครเลยนะคะ นอกจาก…”
   

                  ลิลลี่หยุดชะงัก ก่อนจะมองเขาที แล้วเลยไปมองคนข้างหลังที่กำลังหันไปคุยกับเพื่อนของมันที
   

                  “อะไรมดมด เรายังไม่ทันเอ่ยชื่อเขา ไหงตามองไปที่เขาก่อนแล้วอ่า”
   

                  เธอเน้นคำว่าเขาแบบหนักๆ
                  ลิลลี่เล่นเขาแล้ว แถมยังเรียกเหล่านางฟ้าที่กระจัดกระจายอยู่ให้ล้อมวงเข้ามากดดันอีก ฮือ ไม่นะ ความลับของเขาไม่มีวันแตก แต่ความลับไม่มีในโลก เขารู้ดีที่สุด
                  แต่มันจะแตกวันนี้ไม่ได้ เขารวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย ดึงทึ้งเหล่านางฟ้าทั้งห้าออกมาที่มุมหนึ่งของร้าน
   

                  “ฮั่น มดมดไม่บอกเราอ่ะว่าแอบชอบสาย…อุ๊บ”
   

                  เขาเอามือปิดปากลลิตา ก่อนที่เธอจะโพล่งชื่อของใครบางคนออกมาจากปาก ใครบางคนที่ตอนนี้กำลังคุยกับผู้หญิงที่ไหนไม่รู้อยู่หน้าร้าน
   

                  “มดมดอ่า เห็นพวกเราเป็นคนอื่นคนไกลไปได้” วินดี้ตีแขนเขาเขิน เขินตัวบิด และเขาไม่รู้ว่าเธอกำลังเขินอะไรอยู่
                  “งื้อ ทำไมกูฟินวะ ทั้งๆที่ผัวสาธารณะกำลังจะโดนมดมดแย่งไป”
   

                  ลิลลี่สมทบร่วมรุมเขาอีกคน
   

                  “แย่งอะไร เราไม่ได้…”
                  “หยุด!!! อย่ามาปฏิเสธให้ยาก เซ้นส์แม่มันแรงลูกมดมด”
   

                  เขากลายเป็นลูกของวินดี้ไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่?
   

                  “ตอบแม่มา ไปรักเขาตอนไหน”
   

                  วินดี้และเหล่านางฟ้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ แล้วยิ้มกรุ่มกริ่ม
   

                  “อะไร ใครรักใครครับ”
                  “เฮ้ยยยยยย”
   

                  วงแตกทันที เมื่อคนที่ถูกนินทาดันเดินเข้ามาหาพวกเรา
                  เหล่านางฟ้านี่ไม่เท่าไหร่ แกล้งเฉไฉ มองนั่นมองนี่ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้
                  แต่เขานี่สิ…
   

                  “ว่าไง ใครรักกัน”
   

                  กำลังโดนไล่ต้อนอย่างหนัก อย่ามายุ่งกับกู ฮือออออออ
   

                  “ไม่มีใครรักใครทั้งนั้นแหละ” นอกจากกูที่โคตรรักมึง ประโยคนี้คงได้แค่คิดในใจต่อไปไม่สามารถพูดออกไปได้สินะ
   

                  ทว่า…
                  คำบางคำ ประโยคบางประโยค กลับถูกถ่ายทอดออกจากปากของใครบางคน…
   

                  “แต่มึงบอกรักกูไม่ใช่เหรอ ตอนปีหนึ่ง
                  อะไรนะ!
   

                  “วี๊ด”
                  “กรี๊ด”
                  “งี๊ด”
   

                  ไม่ต้องสนใจเสียงเล็ดลอดของเหล่านางฟ้า
                  โปรดสนใจหน้าเขาที่ตกใจยิ่งกว่าเพิ่งได้รู้ว่าโลกจะถล่มวันนี้เสียอีก
                  มันพูดอะไรออกมา
   

                  “มึง…”
                  “อ่ะ ล้อเล่ง ล้อเล่ง”
   

                  ไปตายซะ
                  ไอ้เหี้ยสายป่าน





- T B C . -



แฮร่ มาช้าแต่ก็มานะ(มั้ง)
เชื่อว่าความทรงจำครั้งนี้คงฝังใจมดไปอีกนานเลย
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่ห้า 10-01-2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-01-2019 01:15:59
นี่จำติดตาเลย หนูมดดดดดด  :hao3:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่ห้า 10-01-2019
เริ่มหัวข้อโดย: tweetpuen ที่ 10-01-2019 01:21:15
มาแล้ววว
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่ห้า 10-01-2019
เริ่มหัวข้อโดย: CHOIGYK_ ที่ 10-01-2019 02:07:17
โอ๊ยยยยยย สายป่าน เขินแทนมดเลยอะะะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่ห้า 10-01-2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 10-01-2019 16:13:39
มดยังไหวอยู่มั้ย  :o8:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่ห้า 10-01-2019
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 10-01-2019 20:32:08
 :ling3:น
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่ห้า 10-01-2019
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 11-01-2019 03:33:21
มดมดของพี่ :z13:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่ห้า 10-01-2019
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 13-01-2019 22:25:05
สายป่านก็ชอบมดใช่มะ ทำซึนๆไปงั้นๆ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่หก 10-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 10-04-2019 20:25:00
ก้าวที่หก
บางคำถามก็ไม่น่าตอบ


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  “อิมามี่ มึงยังไงคะ เข้าสิคะเข้า เพื่อนบวกกันแล้วมึงใยมัวแต่ยืนกอดป้อมอยู่เล่าคะ อิควาย”
   
                  วินดี้พูดอย่างมีน้ำโห มือก็กดจึ๊กๆบนหน้าจอไอโฟนไม่เว้นช่วง บอกให้รู้ว่าเธอกำลังปฏิบัติภารกิจพิชิตโลก อย่างการเล่นเกมส์ ROV เกมส์ดี ของคนดี…ที่ไหน ฮ่าๆ
   
                  “มึงอย่าด่ากูแรง กูรอจังหวะเข้า” มามี่แก้ต่างให้ตัวเอง
                  “รอจังหวะบ้าอะไร ยืนห่างไปไกลแปดร้อยหลา อิบ้า มึงจะเข้าทันช่วยเพื่อนมั้ยคะ” ลิลลี่ร่วมเสริมทัพด่ามามี่ยับ
   
                  และในขณะที่เกมส์กำลังเป็นไปอย่างเมามัน แบบลลิตาถึงกับใช้ให้อุมาพรป้อนเหล้าเข้าปาก เสียงอีกเสียงก็ดังข้ามโต๊ะมาจากมุมหนึ่ง
   
                  “ไงจ๊ะสาวๆ ยอมแพ้ได้แล้วมั้ง ป้อมก็ไปหมดแล้ว” โต๊ะนักกีฬานั่นเองที่เอ่ยเยาะเย้ยพวกเรา
   
                  นี่เขาพลาดอะไรไปนะ อ้อ ลืมเล่าเหตุการณ์ก่อนหน้าสินะ คือพวกแก๊งนางฟ้ากับนักกีฬาเขาท้าดวล ROV กัน ฟอร์มทีมแบบลวกๆ จับใครเล่นได้ก็ใส่เข้าไป แต่หนึ่งในนั้นรวมไอ้สายป่านไปด้วย ใครแพ้ก็แค่…
                  เหล้าหนึ่งลังที่อยู่ตรงมุมขวาของร้านอ่ะ ทีมแพ้ต้องช่วยกันกินให้หมด
                  ก็เท่านั้นเอง
                  เท่านั้นเอ๊งงงงง
                  จริงๆนะ
                  คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกช้างด้วยเถิด ขอให้ทีมนางฟ้าชนะที เพราะเขาน่ะ กับเรื่องเหล้าๆแม่งโคตรคออ่อนเลยครับให้ตาย
                  จำได้ลางๆตอนเลี้ยงสายครั้งแรกพี่รหัสเอาให้กิน หลังจากตื่นขึ้นมาจากความเมา เธอก็สาบานว่าสายเราจะไม่มีการเอาเหล้าใดๆมาให้กินอีกเลย
                  โถ แค่ทำงานพังไม่เท่าไหร่เอง
                  อะไรนะ ค่าปรับเหรอ จิ๊บๆ สามพันบาทถ้วน พร้อมร่วมกันหารทั้งสาย ฮ่าๆ
   
                  “ปากเหรอคะคุณพี่ คอยดูถ้าชนะแม่จะจับบ้วบๆให้หมดทุกนายเลย”
                  วินดี้กัดฟันพูด ตาก็จ้องมองจอไอโฟนอย่างเอาเป็นเอาตาย งานนี้เธอบอกไว้ว่าเสียอะไรก็เสียได้ แต่เสียศักดิ์ศรี มันเสียยากเว้ย
                  ส่วนความเป็นไปของงานเลี้ยงเหรอ คนอื่นๆก็นั่งตามโต๊ะที่ร้านจัดไว้ให้ตามจำนวนที่พวกเราบอกไว้ แต่แค่งานกีฬานัดเปิดสนามยังปิดร้านเลี้ยงขนาดนี้ ถ้าได้เป็นแชมป์นี่ไม่บินไปฉลองต่างประเทศเลยวุ้ย อันนี้ก็เว่อร์ไปป่ะ อิอิ
                  เราชาวสถาปัตย์ ชีวิตไม่ได้รันทด นอนกลางดิน กินกลางทราย มีกระดาษวาดรูปแผ่นใหญ่เป็นที่นอนอย่างใครเขาว่ากันหรอกนะ
                  ความจริงแล้ว… เรารวย !!!
                  โอเค ขอทำตัวให้ดูแพงสักวันใครเขาคงจะไม่หมั่นไส้กันหรอกนะ
                  มดเองไง ใสๆใครก็ชอบ ไม่เล่นก็ได้วุ้ย
   
                  “วี๊ด เกมส์พลิกค่ะเกมส์พลิก มันยังไงคะ ตายยกทีม ขึ้นป้อมสิคะมึง” ลลิตารีบสวมรอยเป็นแม่ทัพ พูดปลุกกำลังพลให้ฮึกเหิม พร้อมเติมไฟบุกบ้านข้าศึก ตีโต้กลับแบบเริดๆฉบับนางฟ้าสถาปัตย์
   
                  นี่ขนาดเขาไม่ได้เล่นนะ เขายังรู้เรื่องไปด้วยเลย
                  เล่นเกมส์แบบนางฟ้าสถาปัตย์ เล่นยังไงให้คนอื่นได้เล่นไปด้วย
   
                  “เล่นอะไรกันอยู่สาวๆ”
   
                  พี่ปืนนั่นเองที่เข้ามาทักทายเพียงแต่ผิดจังหวะไปเล็กน้อย เลยได้รับแค่ความเงียบตอบกลับมา กลายเป็นเขาที่ต้องตอบแทนอย่างช่วยไม่ได้ ทำให้พี่ปืนเปลี่ยนจุดหมายมาคุยกับเขา
                  พี่แกทรุดนั่งลงข้างเขา ตาเยิ้มเหมือนกรึ่มๆได้ที่ แล้วพาดแขนมาที่โซฟาเบื้องหลังเขา
   
                  “ดูสนุกกันจังเลยครับ” ทำไมต้องพูดเสียงกระเส่าชวนขนลุกแบบนี้ด้วยวะพี่
   
                  เขาค่อยๆกระเถิบตัวไปติดกับวินดี้ที่นั่งอีกฟากฝั่งของโซฟาตามสัญชาตญาณอะไรบางอย่าง ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ปลอดภัยไว้ก่อนพ่อสอนไว้
                  แล้วพี่แกจะขยับมาอีกทำไมวะ
                  เมาแล้วป่ะนี่ลุง
   
                  “มดว่าพี่หล่อป่ะ” มาถามอะไรแบบนี้ในเวลานี้
                  “โคตรฮอตอย่างพี่ก็ต้องหล่อมากๆดิ”
      
                  ตอบเอาใจแกซะหน่อย เผื่อจะเลิกแผ่ออร่าคุกคามทางเพศแปลกๆมาให้เขา มือนี่สะกิดข้อศอกวินดี้ยิกๆว่าให้มาช่วยเขาที แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือการปัดรำคาญจากเธอ เพราะกำลังติดพันกับการแข่งขันระดับโลกที่มีศักดิ์ศรีเป็นเดิมพันอยู่
                  ไม่ต้องพูดถึงนางฟ้าคนอื่นๆนะ เพราะก็ทำเหมือนๆกัน คือ… ไม่สนใจเขา
                  ฮืออออออ
                  เป็นใครใครก็กลัวอ่ะ ไม่ว่าชายจริงหญิงแท้ มาดูสายตาเยิ้มๆของพี่แกตอนนี้สิ บ่งบอกว่าสติสตังของไอ้พี่ปืนไปหมดแล้ว
   
                  “พี่ปืนดื่มเยอะไปแล้วนะ”
   
                  เขารีบท้วงเพราะพี่ปืนทำท่าจะยกแก้วเหล้าเข้าปากอีกรอบ
   
                  “เป็นเมียพี่เหรอ สั่งจังอ่ะ อ้ะ หรืออยากเป็นป่ะ”
   
                  เขาก็ว่าเขามีเจตนาดีนะ แล้วไหงมันวกเข้าเรื่องนี้ได้วะ
   
                  “มึง อิทูเลน(ฮีโร่ในเกมส์)มันคึกอะไรวะ เหมือนแม่งเก่งขึ้นเป็นสิบเท่าอ่ะ”

                  เสียงของมามี่ไม่อาจดึงความสนใจของพี่ปืนได้ ตาพี่แกยังจ้องเขาแบบแผ่ออร่าคุกคามทางเพศอย่างต่อเนื่องอยู่เลย
   
                  “ตลกละอิดอก มึงไปแจกเขาเอง เล่นดีๆซิ จะแพ้ละแดกเหล้าเป็นลัง หรือจะชนะ แล้วได้อมของอีกฝ่ายจนจุกคอหอยคะ”

                  วินดี้พูดกระเส่า มีแลบลิ้นออกมาด้วย
                  นี่สินะจุดประสงค์ที่แท้จริงของการแข่งขัน จ้า
   
                  “ถ้าทีมแพ้เพราะมึงนะ เตรียมเลยค่ะ ไปขุดหลุมฝังตัวเอง” ลลิตาพูดทับถม
                  “ฮือ กูผิดอะไร”
   
                  มามี่ร้องไห้คร่ำครวญ แต่ก็ยังฝืนเล่นต่อไป แล้วเรื่องนั้นมันสำคัญยังไง กับที่ตอนนี้เขากำลังอยู่ในสถานการณ์อิหลักอิเหลื่อ กลืนไม่เข้าคายก็ไม่ออกแบบนี้
                  ใครก็ได้ช่วยเขาที คนเมานี่น่ากลัวจริงๆ
   
                  “อ้ะ อิมามี่ มึงตีมันก่อนสิ มันตีฟรีนะคะ” วินดี้
                  “ถอย! ถอยก่อนค่ะ อพยพกลับบ้านด่วน อย่าบวก” ลิลลี่สั่งให้ถอย
                  “ไม่ทันแล้ว อ่ะ กูตาย” ลลิตา
                  “วี๊ดดดด กูกำลัง กูกำลังจะ กูตาย จบบบบบบ” อุมาพร
                  “วู้วววววววว”
   
                  และจบลงที่เสียงโห่ร้องอย่างยินดีของทีมนักกีฬาในชัยชนะเกมส์นี้
   
                  “ไงจ๊ะ แม่นางฟ้าตัวน้อยๆของพวกพี่”
   
                  เหล่านักกีฬาต่างยิ้ม เป็นยิ้มเยาะเย้ยที่ส่งมาแกล้งเล่นเหล่านางฟ้าสถาปัตย์
                  แต่มีเพียงคนเดียวที่คิ้วขมวดมุ่น จ้องมาทางกลุ่มเขาด้วยใบหน้าถมึงทึง ไม่รู้ไปกินผึ้งที่ไหนมา พอมันเห็นเขาจ้องอยู่ ไอ้สายป่านก็ลุกหนีไป
                  ลุกหนี…ไปยกเหล้าหนึ่งลังมาวางกลางโต๊ะของพวกเรา
                  ไอ้เหี้ย
                  มันสบตาเขาอีกรอบ แล้วยิ้มเยาะแบบเน้นๆ ย้ำว่าเน้นๆแบบเอชดี ใกล้ระดับนี้ เอาตีนเหยียบหน้าพี่เหอะน้อง
   
                  “กินให้หมดนะจ๊ะ น้องมดมด”
   
                  มึ๊งงงงงงงงงง
                  ฟอหอกอดอเอกอาสอวอ
                  ใครจะว่าสายตามันทรงเสน่ห์อะไรก็ช่าง แต่เวลานี้สายตายียวนนั่นโคตรกวนตีนมากๆเลยครับ



                  



                  “พวกมึงไม่รู้อะไร ที่จริงกูไม่ได้อยากเป็นกะเทยสักหน่อย”
   
                  มามี่ที่หัวหมุนได้ที่(จากการดื่มเหล้าไปสามแก้วใหญ่)เริ่มเปิดประเด็นขึ้นมากลางวงเหล้าที่ตอนแรกมันเป็นโต๊ะอาหาร
   
                  “เอ๊า อินี่ ละมึงมาแต่งหญิงทำไมคะ”

                  วินดี้ที่ดื่มไปปลายแก้วก็มีอาการไม่แพ้กัน แต่ยังต่อบทสนทนากันได้อยู่นะเออ ไม่รู้คุยกันรู้เรื่องได้ยังไง
   
                  “แล้วมึงอยากเป็นอะไรคะ”
                  “อ้าว ถามกูกลับซะงั้น แต่กูอยากเป็นตุ๊ดเหมือนเดิม”
   
                  วินดี้ยิ้มกริ่ม แล้วยกแก้วเหล้าขึ้นซดต่ออึกใหญ่ “อ่าส์ เหล้าที่รัก” แล้วเธอก็หันไปกอดขวดเหล้าไม่พูดจากับใครอีกเลย
                  เขาว่าตอนแรกพวกเราไม่ได้เต็มใจจะดื่มสักเท่าไหร่ แต่พอยกซดไป เทให้กันมา กลายเป็นว่าพวกเราถูกมันล่อลวงให้ดื่มหนักเข้าๆซะงั้น นี่สินะ ฤทธิ์ร้ายกาจของสุรา ทำให้คนปกติกลายเป็นคนบ้า และทำให้คนบ้า ยิ่งบ้าเข้าไปอีก
                  ยกตัวอย่างเช่น…
                  เหล่านักกีฬาชายแท้เมื่อเช้าที่นั่งเล่นเกมส์กับเหล่านางฟ้าและเป็นผู้ชนะ ซึ่งกำลังถูกเหล้าครอบงำอยู่ตอนนี้
   
                  “พี่ชาย กอดแน่นไปแล้ว อ๊าวววววว”
                  “ไอ้พวกบ้า ปล่อยเค้าน้า”
                  “อย่าดื้อกับพี่สิจ๊ะน้องๆ”
                  “มามะ มาให้พี่กอดซะดีๆ” ประโยคยอดนิยมแห่งยุคก็มา
   
                  พวกนี้ที่ตอนปกติกลัวเหล่านางฟ้าจนไม่กล้าเข้าใกล้ พอเหล้าเข้าปากเหมือนเห็นก้อนกรวดเป็นทองคำ วิ่งไล่ปล้ำนางฟ้าสถาปัตย์แบบเอาเป็นเอาตายซะงั้น ท่ามกลางการวิ่งหนีแบบนางเอกหนังอินเดียของเหล่านางฟ้า(ผู้ร่วงโรย)
   
                  “เบื่อๆโว้ย แม่อารมณ์เสีย”
   
                  วินดี้ที่กอดขวดเหล้าอยู่เริ่มโวยวาย
   
                  “น้องวินดี้ ไม่เอาอย่าโมโห มาเล่นจ้ำจี้กับพี่ดีกว่าครับ”
   
                  เขาจำชื่อนักกีฬาคนนี้ได้ พี่แกอยู่ปีสามชื่อพี่แทนพูดกับวินดี้ตาเยิ้ม ปกติพี่แกเงียบขรึม และชีวิตประจำวันคือคอยหลบให้รอดพ้นเงื้อมมือวินดี้ เพราะมักจะถูกเธอล่อลวงไปข่มขืนทางสายตาบ่อยๆ พอเมากลายเป็นว่าทั้งคู่สลับบทบาทกันแบบหน้าผากับหุบเหวสุดๆ เป็นวินดี้ที่ไม่ยี่หระ และมีพี่แทนตามตื้อ
                  เหล้าหนอเหล้า ทำคนดีๆไปหมดแล้ว
   
                  “พี่แทนเลิกยุ่งกับวินดี้ได้ป่ะ รำคาญ”

                  เราจะปล่อยให้เขาทั้งคู่ต่อบทพระนายกันไปแล้วกันนะครับ ตอนนี้เรื่องคนอื่นๆช่างหัวมันไปก่อน เอาเรื่องตัวเองให้รอด เขาจะทำยังไงกับขวดเหล้าทั้งหมดที่เหลืออยู่ ราวๆห้าหกขวดพวกนี้ เพราะดูจากสภาพแล้วไม่น่ากินกันหมดได้ แหม สี่ห้าขวดสังขารแต่ละนายก็ไปแล้ว นี่ขนาดว่ามีพวกนักกีฬาที่เป็นฝ่ายชนะมาช่วยแจมบ้างนะ
                  ตอนแรกเขาก็กะจะแอบเอาไปเททิ้ง แต่นึกไปนึกมาแม่งโคตรเสียของ นี่เหล้านะ ในหมู่นักศึกษาวัยคึกคะนอง โดยเฉพาะคณะเรายิ่งแล้วใหญ่ เคยได้ยินวลีเด็ดจากปากเด็กสถาปัตย์มั้ยล่ะว่า เหล้าเปรียบดั่งทอง
                  แต่…คงจะเป็นความโชคดีในความโชคร้ายอยู่อย่างที่ไอ้พี่ปืนแม่งหายลับเข้ากลีบเมฆไปแล้ว จะมาก็มา จะไปก็ไปเฉยเลย แต่เขาบอกตรงๆว่าโคตรโล่งใจ รู้สึกหายใจได้ทั่วท้องอีกครั้ง และสาบานกับตัวเองว่าจะไม่มีทางไปกินเหล้ากับพี่ปืนอีกเป็นครั้งที่สอง คนอะไร เมาแล้วออร่าคุกคามทางเพศโคตรรุนแรง
   
                  “เถิบไปดิ๊”
   
                  หึ เสียงยียวนกวนตีนและขอกันดีๆไม่เป็นแบบนี้ไม่ต้องเดาให้ยากว่ามันก็คือ…ไอ้สายป่าน 291 
                  แม่ง ถือแก้วเหล้าแล้วโคตรเท่ เอ๊ะ นี่เขาเมาสุราจนเป็นบ้าไปอีกรายแล้วเหรอ
                  พรึบ!
   
                  “สติครับ แม่งมองกูตาเยิ้มเลย พี่ไม่ให้ปล้ำนะไอ้น้อง”
   
                  มันยักคิ้วหลิ่วตา เห็นแล้วอยากพุ่งเข้าไปจูบ เอ๊ย เตะให้หายหมั่นไส้ต่างหากเล่า
                  เขาส่ายหัวไปมา ประมาณว่าไล่ความเมา(หรือความหื่น)ของตัวเองออกไป หน้าร้อนจังแฮะ สงสัยดื่มหนักไปหน่อย รู้สึกพื้นมันเอียงๆ ไหวไหมเนี่ยเรา
   
                  โป๊ก
   
                  “โอ๊ย มามี่มึงอย่าเอาขวดเหล้ามาเคาะหัวกูซิ อิเวง”
   
                  เสียงบ่นจากคนรอบข้างดังเข้ามาเป็นระยะๆ แต่ไม่ได้ทำให้เขาละความสนใจไปจากมันเลย ทำไมกันนะ ใช่ ต้องเป็นเพราะเหล้าที่กินเข้าไปครึ่งขวดแน่ๆ ที่ทำให้วันนี้เขาแม่งยิ่งคิดว่าหน้าหล่อๆของมันโคตรมีเสน่ห์กว่าที่เคย เวลาที่มันค่อยๆยกแก้วเหล้าที่ใส่น้ำแข็งขึ้นจิบแบบละเลียดละไม ทำไมเขาต้องกลืนน้ำลายเพราะคิดไปไกลกับริมฝีปากแดงระเรื่อของคนที่นั่งข้างๆด้วยนะ
                  ไม่นะมด ควบคุมสติหน่อย
   
                  “เป็นอะไร แมลงเข้าตาเหรอ” มันชะโงกหน้าเข้ามาใกล้เขา ฮึ่ยยยยยยย
   
                  ความหล่อมึงน่ะสิเข้าตากู เอ๊ย สติ!!! เกือบหลุดตอบไปอย่างใจคิดแล้วสิเรา
   
                  “ห้ามแกล้งมดนะยะ ถึงจะเป็นผัวเรา เราก็ไม่ยอมให้รังแกมดน้า”
   
                  วินดี้ที่คลานมาจากไหนไม่รู้เอื้อมมือมาผลักอกสายป่านให้ถอยออกห่างจากเขา ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่น แต่ไม่ว่าอะไร แถมค่อยๆจับมือของเธอออกอย่างนิ่มนวล ความสุภาพบุรุษเนี่ยที่หนึ่ง ไม่เคยหายไปจากสัญชาตญาณ
                  ใจดีกับทุกคน แล้วมากวนตีนกับเขาคนเดียว เยี่ยม
   
                  “เล่นเกมส์กันเถอะค่ะ กูเหงาอิดอก วงเหล้ามันต้องมีเกมส์”
   
                  ประโยคเมื่อครู่ของลลิตาเหมือนจุดประเด็นร้อนขึ้นมาในกลุ่ม
   
                  “เอาเบสิคๆ แบบนอมอล ธรรมด๊าธรรมดา หมุนขวดเหล้าเล่าความจริง”
   
                  แม้หลายคนในที่นี้จะเคยเล่นเกมส์แบบนี้ แนวนี้ หรืออะไรประมาณนี้มาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ เมื่อไหร่ที่มีปาร์ตี้เป็นต้องหยิบมาเล่นเสมอ แต่สิ่งที่การันตีความสนุกของมัน คือสีหน้าของทุกคนตอนนี้ที่ทำให้เขารู้ว่า แม้จะเล่นมาแล้วกี่รอบต่อกี่รอบ เกมส์ๆนี้ก็ยังคงฮิตตลอดกาล
   
                  “หัวขวดชี้ที่ใคร ถามได้หนึ่งคำถาม ยกมือก่อนได้สิทธิ์ถาม เคป่ะ”
   
                  วินดี้แจกแจงกติกา
                  ความสนุกจะเริ่มขึ้นต่อจากนี้สินะ
                  เราจัดแจงที่นั่งให้เป็นระเบียบ โดยการเคลียร์ของกินเหล้ายาปลาปิ้งทั้งหลายที่เกลื่อนกลาดออก ให้บนโต๊ะมีเพียงขวดเหล้าเปล่าที่ตอนนี้นอนแอ้งแม้งรอคนหมุนเรียบร้อยแล้ว เห็นหัวขวดกำลังชี้มาทางเขาแล้วพามวนท้องปั่นป่วนแบบรู้สึกทะแม่งๆยังไงชอบกลแฮะ ไม่เอาน่า วันนี้มันคงไม่มีอะไรจะเลวร้ายกว่าไอ้พี่ปืนอีกแล้ว หรือเขาจะคิดผิดกันนะ
   
                  “จะเริ่มแล้วน้า”

                  มามี่ให้สัญญาณเป็นคำพูด ก่อนมือของเธอจะจับหมับที่ขวดเหล้าบนโต๊ะ แล้ววางท่าเต็มที่เตรียมหมุนขวด
   
                  “หัวขวดหยุดอยู่ที่ใคร ต้องทำตามกติกานะจ๊ะ นอกจากนี้ ขอให้โชคดี ขวดหมุนแล้ว!”
   
                  พรึบ!
   
                  ขวดเหล้าบนโต๊ะหมุนติ้ว ทุกคนมองตามทิศทางของหัวขวดดั่งหัวลูกศรนำทาง ไม่รู้ว่ามันจะหยุดที่ไหน แต่รู้เพียงว่าหากมันหยุดอยู่ที่ใคร
                  บอกได้ว่า…คืนนี้คนนั้นซวยแน่นอน!!!
   
                  “ขวดเหล้าใบเปล่าๆ ขวดมันยาว หัวขวดมันยาว ว้าว ว้าว ว้าว จะหยุดที่ใคร”
   
                  เป็นเนื้อร้องแบบกากๆของเด็กสถาปัตย์เพื่อเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมส์นี้ให้ครึกครื้น และพาขวัญเสียไปอีกสองเท่า
   
                  “แม่ง ทำไมใจสั่นเหมือนจะหยุดที่… กู!!! ม่ายยยยยยย อิพวกเวง”
   
                  ลลิตายังไม่ทันพูดจบ และเป็นอย่างที่ลางสังหรณ์เธอบอกไว้ หัวขวดหยุดตรงที่เธอพอดี
   
                  “ใครอยากถาม ยกมือออออออออ ขึ้น!!!”
   
                  พรึ่บบบบบบบบบ
   
                  “อุมาพรยกก่อน ได้สิทธิ์ถามค่า”
   
                  ยกช้าไปนิดเดียวเอ๊ง
   
                  “อิอิ ลลิตาเพื่อนรักของกู” อุมาพรเผยรอยยิ้มร้ายกาจ
                  “หยุด กูรู้มึงจะถามอะไร” ลลิตาเบรกไว้เพื่อเซฟตัวเอง
                  “มึงรู้เหรอ ว่ากูจะถาม อุ๊บส์”

                  ก่อนที่เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดจะทันได้พูดอะไรต่อจากนั้น อุมาพรก็ถูกลลิตาชิงเอามือปิดปากไว้เสียก่อน
   
                  “ผิดกติกา ผิดกติกาค่ะคุณ ดิชั้นจะถามไม่ได้ถาม เอามือมันออกซิ อุ๊บ อี๊ด อ้ายยยยย เค็มมมมม”
   
                  เกิดสงครามเอามือปิดปากและงัดมือมัน(ลลิตา)ออกจากปากขนาดย่อมขึ้นตรงมุมขวาของโต๊ะ จนนางฟ้าคนอื่นๆต้องไปช่วยกันแงะมือลลิตาออก
   
                  “แฮ่กๆ ขอถามคุณลลิตาค่ะ วันที่ม่อนเดือนคณะเกษตรเมาตอนเราอยู่ปีหนึ่ง คุณได้กระทำการอนาจารกับม่อนจนเป็นผลให้ม่อนหลบหน้าคุณมาจนถึงทุกวันนี้ใช่หรือไม่”
   
                  แค่คำถามแรกทุกคนก็กลืนน้ำลายเอื๊อกแล้ว ดีนะที่ลลิตาเป็นผู้รับชะตากรรมคนที่หนึ่งน่ะ ไม่อยากคิดเลยว่าคนที่เหลือจะโดนคำถามแบบไหนในครั้งต่อไปที่หายนะของหัวขวดหมุนไปหา
                  และสำหรับตัวเอง ที่เขากลัวมีเพียงคำถามเดียวเท่านั้น
   
                  “ไม่ใช่” ลลิตายืนยันคำตอบ
                  “ให้โอกาสแก้ตัว เล่าความจริงมา”
   
                  นั่นถือเป็นกฎของเกมส์ สำหรับใครที่ตอบว่าไม่ใช่ ก็ต้องมีข้อแก้ตัว หรืออาจจะเล่าความจริงที่เป็นข้อเท็จจริงจริงๆออกมา
   
                  “วันนั้นที่งานเลี้ยงหลังประกวดดาวเดือนเสร็จที่พวกมึงบอกว่าอิเจ๊มันจะพาพวกเราที่เป็นสต๊าฟคอยช่วยงาน และเหล่าเด็กๆของมันซึ่งก็คือดาวเดือนลูกรักไปเลี้ยงใช่ป่ะ มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบพวกกะเทยแก่ที่เห็นเราเป็นทาสและเห็นผู้ชายเป็นยิ่งกว่าทอง ก็คือคนขุดทองให้มัน อิดอก ฮ่าๆ”
   
                  เอ่อ พี่แกพูดเองเส้นตื้นไปเองนะ เขาไม่เกี่ยว
   
                  “แล้วยังไงต่อวะ”



มี ต่อ นะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่หก 10-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 10-04-2019 20:28:12
ต่อ ตรง นี้ จ้า


                  มามี่เริ่มอยากรู้หนักเข้าไปอีก บุคคลที่สามที่พวกนางฟ้าพูดถึงน่าจะหมายถึงเจ๊นางฟ้ายุคแรกๆ ที่ตอนนี้ค่อยๆเกษียณ(หรือพูดให้ถูกคือจบออกไป)หายไปทีละคนๆแล้ว ว่ากันว่าเมื่อก่อนระบบนางฟ้าเป็นระบบแบบเคารพรุ่นน้องรุ่นพี่ ประมาณว่ารุ่นน้องต้องทำตามคำสั่งรุ่นพี่กะเทย ถ้ารุ่นไหนได้รุ่นพี่ดีก็ดีไป รุ่นไหนได้รุ่นพี่ร้ายๆเอาแต่ใจหน่อย อย่างรุ่นนางฟ้า 60 ปีนี้ ก็ซวยไปถือว่าฟาดเคราะห์ และจะนำไปปรับปรุงไม่ใช้กับรุ่นต่อๆไปอย่างแน่นอน สังเกตจากความมีเหตุผลของพวกเธอทั้งห้า ที่เอาจริงๆถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมีก็ตาม
   
                  “คือ กูต้องเล่าให้หมดถูกมั้ย” ลลิตาถามย้ำกับทุกคนบนโต๊ะ แต่เป็นวินดี้ที่ยืนยันคำตอบของเธอว่า “อืม”
   
                  แล้วทุกคนก็พยักหน้ายืนยันอีกที ต้อนแรกมีแค่เหล่านางฟ้านะที่อยากรู้ ไหงกลายเป็นว่าทั้งโต๊ะแม่งตั้งใจเงียบฟังแบบถ้าให้พูดตรงๆก็คือ ช่างเสือก…ดีจริงๆ
   
                  “คืองี้ พวกมึงไม่รู้อะไร อิเจ๊แก่ๆอ่ะ มันก็เอาเหล้ามามอมผู้ชาย แล้วหนึ่งในนั้นก็ไม่พ้นอิม่อน กูสงสารไง เห็นมันดูแบบใสๆ ตี๋ๆ ล่ำๆ น่าจับกิน เอ๊ะ เผลอพูดความในใจไปสินะ”
   
                  เดี๋ยวนะ ประโยคสุดท้ายนี่ไม่ใช่แล้ว
   
                  “กูก็เลยลากไป…” ลลิตาบอก
                  “มึงก็เลยลากไปแล้วเอาม่อนไปมอมเอง” วินดี้เสริม
                  “ใช่ กูก็เลยลากไปแล้วยัดเหล้าให้อิม่อน รอมันเมา เพื่อกูจะได้จับข่มขืน ถุยยยยยย อิวินดี้อิกะเทยควาย อยากรู้มั้ยคะ”
                  “โอ่ๆ กูล้อมึงเล่นเองเพื่อนรัก”
                  “จากนั้นยังไงต่อ” อุมาพรพาทุกคนกลับเข้าเรื่อง
                  “ตอนที่กูลากน้องออกมา ม่อนมันก็เมาแล้ว ละทีนี้ มันก็ร้องไห้ฟูมฟายออกมา แบบ กูทำอะไรไม่ถูกเลยค่ะ ชีวิตนี้กูยังไม่เคยเห็นคนหล่อร้องไห้มึงเข้าใจใช่มั้ย กูเลยจำวิธีที่ใช้ปลอบมึงมาใช้กับน้อง” ลลิตาหันไปหามามี่
   
                  พวกเธอสองคนจ้องหน้ากันอย่างมีเยื่อใย แล้วมามี่ก็พูดขึ้นว่า
   
                  “มึงหอมแก้มม่อนเหรอ”
                  
                  !!!
   
                  “ฮะ มึงปลอบกันแบบนี้เหรอ อิมามี่มึงเบี้ยนกันป่ะเนี่ย” วินดี้คือตัวแทนความในใจของทุกคน
                  “พ่อมึงตาย อิมามี่ กูบอกแล้วไงตอนนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ” ลลิตาพยายามแก้ต่าง และล้างมลทินของเธอ
                  “แต่มึงกอดกูด้วยความอบอุ่น” มามี่พูดด้วยเสียงที่ฟินโคตร หยึย
                  “พอที สรุปมึงกอดน้องถูกป่ะ” เป็นอุมาพรที่พาทุกคนที่ออกทะเลไปไกล กลับเข้ามาอีกครั้ง
                  “บ้าสิ กูก็ลูบหลังมันธรรมดา แต่กูคงลูบผิดเวลา เพราะแม่ง อิเหี้ย อิม่อนมันอ้วกใส่กระโปรงชุดโปรด ที่กูเอาไว้ใช้แต่งหญิงสวยงามแบบไม่สกปรกเหมือนพวกมึงในทุกงาน พระเจ้า ถ้าไม่หล่อนะ แม่จะถอดส้นสูงขึ้นมาฟาดหน้า เมาก็เมาเถอะค่ะ”
                  “…”
                  “จากนั้น มันก็หยุดร้อง แล้วเริ่มสาธยายว่าเพิ่งเลิกกับแฟนมา เคยไปรับมันไปนั่นนี่ ไปส่งมันไปนี่นั่น กินข้าวด้วยกันชื่นอุรา บลาๆๆๆๆๆๆๆ แบบกะเทยแทบทนฟังไม่ได้ แล้วจบที่ตรงไหนรู้มั้ย”
   
                  ทุกคนเหมือนถูกริมฝีปากของลลิตาสะกด ตั้งใจฟังยิ่งกว่าการเรียนในเซคของอาจารย์สมรศรีที่โหดโคตร ตำนานที่ยังมีลมหายใจ โดยถูกจารึกชื่อเอาไว้ เมื่อพูดถึงคุณก็รู้ว่าใครเด็กสถาปัตย์รู้ดี
                  แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ไคลแมกซ์มันต่อจากนี้ต่างหาก
   
                  “ม่อนมันหลุดปากบอกสาเหตุที่แฟนมันขอเลิกเว้ยแก” ลลิตาทุบโต๊ะดังปั้ง ทุกคนตกใจ
                  “ที่แฟนมันขอเลิกมันก็คือ…”
   
                  พวกเรายิ่งเบิกตากว้างขึ้น อยากรู้เต็มแก่แล้วจะลากยาวทำไม
   
                  “ไอ้ม่อนมันหลั่งเร็ว”
   
                  !!!
   
                  ช็อคซีนีม่า
                  โอ้ มายด์ ก็อด
   
                  “แป๊บนะ แล้วมันเกี่ยวกับที่ม่อนเมินมึงตรงไหน ตรงไหนคือคำตอบของคำถามกู” อุมาพรที่เป็นผู้เดียวในโต๊ะที่จริงจังกับทุกเรื่องตั้งข้อสงสัย
                  “ก็พอมันตื่นมา แล้วจำเหตุการณ์ได้ มันก็เสียเซลฟ์ไปเลยอ่ะ แหม กูก็เข้าใจนะว่าเป็นใครก็รู้สึก แต่อย่าเมินกูได้ม้ายยยยยย ขอร้อง...เพลง"
   
                  วินดี้ยื่นไมค์ให้ลลิตา
   
                  “เจ็บที่ยังรู้สึก เจ็บที่ยังเสียใจ เจ็บที่ยังรัก ยังมีแต่เธอ”
   
                  ลลิตาผู้สามารถร้องท่อนฮุกได้โดยไม่มีเสียงดนตรี
   
                  “อยากดูแลแต่เธอเรื่อยไป เจ็บที่นานสักเท่าไร จากมั่นใจว่าเคยแข็งแรง แต่สุดท้ายพบเธอถึงได้เข้าใจ ว่าฉันไม่เคยหยุดรักเธอ* ฮือออออออออออออออออออออออ ม่อนนนนนนน”
   
                  ไว้อาลัย แด่ลลิตาผู้เสียสติไปแล้ว
   
                  “เอาล่ะๆ รอบต่อไป ขวดเริ่มหมุนแล้วจ้า”
   
                  ลลิตาที่คลุ้มคลั่งไปสามวินาทีกลับมาควบคุมสติได้ภายในหนึ่งวินาที แล้วขวดก็เริ่มหมุนเมื่อเธอออกแรง
                  ณ มุมมองความคิด เขามองว่าหัวขวดที่แสนน่าเกลียดกำลังแสยะยิ้มร้าย และมันกำลังเล็งจะหยุดที่เขา
                  แต่…
                  มันหยุดที่ไอ้สายป่านเว้ย ฮู้ โล่งงงงงง
   
                  “สายป่าน มึงไม่รอดดดดดดด” พวกนักกีฬาโห่แซว
                  “จะปกปิดความลับอะไรกันน้า” วินดี้ผู้แย่งบทพูดทุกงาน
                  “วี๊ด ท็อปซีเคร็ทของหนุ่มหล่อ” มามี่กรี๊ดกร๊าด
                  “ถ้าพร้อม ยกมือ!!!”
   
                  พรึบ พรึบ พรึบ
   
                  ถ้าเขาเป็นสายป่านเขาปาดเหงื่อไปแล้ว ทำไมทั้งโต๊ะต้องอยากถามมันขนาดนี้ด้วย โอ้ ชิท โชคดีนะมึง
                  มีเพียงเขาที่ไม่ยกมือ และมันกำลังมองมาด้วยคิ้วขมวดมุ่น
                  อะ…อะไรวะ อย่าจ้องกันด้วยสายตาคมกริบแบบนั้นสิ มัน…เขินนะ
   
                  “มึงไม่อยากรู้เรื่องกูเหรอ”
                  “เปล่า ยกไม่ทันๆ”
                  มันยักไหล่ “อะแฮ่มๆ” วินดี้กระแอมไอเบาๆ “คือ วินดี้ยกก่อนนะคะ”
                  “วินดี้ถามเลยครับ”
   
                  แหม พอเป็นคนอื่นล่ะยิ้มหล่อเลยนะ
                  เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อสายตาชวนพาให้ร่างร้อนวูบวาบเบนไปทางอื่นแทน
   
                  “เนื่องจากสามีของเรามีคนอยากรู้เต็มโต๊ะขนาดนี้ ขอเปลี่ยนกติกาเป็นถามได้สามคน ใครเห็นด้วยบ้าง”
   
                  วินดี้ใช้ช่องทางโกงแบบที่ใครก็ปฏิเสธไม่ได้ แหม ใครล่ะจะคัดค้าน ในเมื่อตนเองก็ได้ประโยชน์ เท่ากับว่ายังมีโอกาสอีกสองครั้ง ที่จะยกมือก่อน แล้วได้ถามสายป่าน คือ เขาต้องร่วมด้วยมั้ยเนี่ย
   
                  ชิ้ง
   
                  จากสายตาคมกริบ บอกว่าครั้งนี้เขาต้องยกมือเพื่อไม่ให้เหยี่ยวตัวใหญ่ข้างๆสงสัยเอา
                  ก็…เรื่องของมันเท่าที่เขาอยากรู้ ก็ไม่มีแล้วมั้ง
   
                  “นับ หนึ่ง สอง และยกมือค่า!”
   
                  พรึบ!
   
                  “ลลิตา กับ มดๆ ของเราได้สิทธิ์ถามหนึ่งคำถามนะคะ”
   
                  ไหงยกมือได้เฉยเลย งื้อ เขาไม่มีคำถามจะถามมันหรอกนะ
   
                  “คนแรกใครดี อ๊ะๆ เราเอง”
   
                  คือ ถามเพื่ออะไรวินดี้
   
                  “ขอถามคุณสายป่านค่ะว่า เร็วๆนี้ที่มีข่าวกุ๊กกิ๊กกับดาวทันตะ หลังเลิกกับดาวคณะเราไปแล้ว จริงหรือเท็จยังไงคะ”
   
                  มีเสน่ห์เหลือเกิน เขาแอบเบะปากมองบน
   
                  “ต้องตอบใช่มั้ยครับ”

                  ไงล่ะ เจอคำถามแฉเข้าไป ยิ้มแห้งเลยล่ะสิ เขาจะไม่บอกหรอกนะว่าตอนนี้โคตรรู้สึกหมั่นไส้คนข้างๆอีกหลายเท่าตัว อะไรนะ เขาไม่ได้หึงหรือน้อยใจ หรืออะไรทำนองนั้นแน่ เพราะเขาจะเอาสิทธิอะไรไปทำแบบนั้นกัน
   
                  “คบกันครับ…”
                  “นั่นไง!”
   
                  เขาพยายามคิดว่าตัวเองหูฝาด หรือได้ยินอะไรทำนองว่าไม่ แต่ฟังยังไง มันก็ไม่มีคำไหนในประโยคที่เป็นปฏิเสธเลย
   
                  “คบแล้ว เลิกไปแล้วครับ”
      
                  !!!
   
                  “ได้ยังไง ไหนข่าวบอกเพิ่งคบไม่กี่วัน” ลลิตาเถียงคอเป็นเอ็น
                  “ครับ เลิกแล้วครับ”
                  “ทำไมคะ” วินดี้ถามขึ้น แต่… “อันนี้ข้อสองแล้วนะครับ วินดี้มีสิทธิเดียว ผมเข้าใจถูกมั้ย” ร่างสูงค้านเสียก่อน
   
                  โธ่ จากตอนแรกที่ไม่อยากรู้ แต่ไหงตอนนี้มาเสียใจที่จะไม่ได้รู้เสียได้
   
                  “แต่ลลิตาถามได้ถูกมั้ยคะ”
   
                  ลลิตามองสายป่านด้วยดวงตาชั่วร้ายของปีศาจ รอยยิ้มของเธอราวกับกำลังแสยะดีใจเมื่อได้เห็นเหยื่ออย่างสายป่านที่หลุดเก๊ก
   
                  “ขอถามต่อจากวินดี้ค่ะ คุณสายป่าน คุณเลิกกับดาวทันตะเพราะอะไรคะ”
   
                  เกิดการหูผึ่งอีกรอบของทุกคน ณ ที่นี้ แหม ไม่ค่อยมีใครอยากรู้เรื่องนี้เลยจริงๆนะ จริง จริ๊งงงงงง
                  สายป่านอึกอัก ท่าทางแบบนั้นทำให้เขาอยากรู้เข้าไปอีก และคงจะเผลอแสดงออกมากไป มันเลยหันสายตามาทางเขาที่นั่งอยู่ข้างๆ
                  เอ่อ แกล้งยกน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มแป๊บ
   
                  “เร็วสิคะ กฎก็คือกฎนะคะ”
   
                  แต่กฎที่ว่า แม่งโคตรไม่ยุติธรรมกับมันเล้ยยยยย
                  แล้วเขาไปเดือดร้อนแทนทำไม เพราะจริงๆแล้วเขาก็โคตรอยากรู้มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
   
                  “ชอบคนใหม่แล้วครับ”
   
                  อะไรนะ มันพูดเบาไป ขนาดเขาที่นั่งข้างๆยังไม่ได้ยิน
   
                  “ดังกว่านี้ได้มั้ยคะ”
                  “ชอบคนใหม่แล้วครับ!”
   
                  และเพราะเขาอยู่ใกล้มันที่สุด ถ้าไม่นับฝั่งขวาที่เป็นพี่ปืนนะ เสียงมันกระแทกรูหูเขาเต็มๆ ดังเกิ๊น
   
                  “ใครคะ!!!” ลลิตากระตือรือร้นรีบถามออกไป แต่คงลืมไปว่า
                  “หมดสิทธิแล้วครับ”
   
                  เหลือแค่เขา ที่จะไขข้อข้องใจของทุกคนได้ และเขา…
   
                  “แล้วตอนนี้เป็นแฟนกันอยู่?”
   
                  ไม่เลือกที่จะอยากรู้ว่าเป็นใครให้มันมาทำร้ายหัวใจของตัวเอง แต่เลือกที่จะถามคำถามที่ทำลายหัวใจให้เป็นชิ้นๆไปเลยต่างหากล่ะ
                  แค่ตอบว่าใช่ เขาก็หมดหวัง ก็แค่นั้นเอง
                  แค่นั้นเองที่ว่า ก็แค่เจ็บมากๆแค่นั้นเอง
   
                  “เปล่า ยังไม่ได้เริ่มจีบ”
                  “แล้วจะจีบมั้ย” เขาถาม
                  “หมดสิทธิแล้ว”
   
                  นั่นไง นึกว่าจะหลงกลตอบ เสือกมีสติดีอีกนะ
   
                  “ต่อไปผมหมุนถูกมั้ยครับ” มันหันไปถามวินดี้ เมื่อเธอพยักหน้ามันจึงเริ่มหมุนขวด
   
                  และคราวนี้ โชคไม่ได้เข้าข้างเขาอีกต่อไป ในเมื่อหัวขวดมาสะดุดหยุดกึกตรงหน้าเขาพอดี แบบเป๊ะๆ พร้อมกับรอยยิ้มเย็นยะเยือกของคนที่นั่งข้างๆ จนพาใจเขาหวั่น
                  ไอ้สายป่าน มันต้องหาเรื่องแกล้งเขาแน่ๆเลย
   
                  “ใครจะถาม ยกมือขึ้น!!!”
   
                  พรึ่บ!!!
                  
                  แหม แม้จะไม่ได้ยกครบทุกคนแบบไอ้สายป่าน แต่เขาควรดีใจมั้ย ที่คนที่ยกมือไวที่สุดคือไอ้สายป่าน
   
                  “ห้ามเปลี่ยนกติกานะ”
   
                  ครั้งนี้เขาต้องปกป้องสิทธิของตัวเองด้วยการเบรควินดี้ไว้ก่อนที่เธอจะทันได้ตั้งกฎใหม่ขึ้นมาอีก
   
                  “บ๊าย แค่สายป่านได้ถามมดมด ก็รู้สึกสะใจเบาๆแล้ว”
   
                  วินดี้ยักไหล่ไม่ยี่หระ แล้วยิ้มร้ายส่งมาให้เขาลับๆ
   
                  “ขอถามคุณมดมด…” แม่ง มันยังกวนตีนไม่เลิกโดยเรียกชื่อเขาตามเหล่านางฟ้า
                  “คุณกำลังแอบชอบใครอยู่ครับ”
   
                  !!!
   
                  บางคำถามก็ไม่น่าตอบ และบางคำถามก็ไม่น่าถามขึ้นมาเลยจริงๆ
                  …แล้วเขา จะแก้ตัวว่ายังไงดี




T B C


มดมดของทุกท่านกลับมาแล้วจ้า
งื้ออออออออ ฝากแก้คำผิดด้วยน้า 555
 
เจอกันพรุ่งนี้จ้า.
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่หก 10-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 10-04-2019 20:57:07
หมั่นไส้สายป่านเบาๆไม่รู้ทำไม  อาจจะหล่อเกินไป 555 ตัดได้ทำร้ายใจมาก อยากรู้ตอนต่อไปแล้วว
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่หก 10-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: tweetpuen ที่ 10-04-2019 21:06:40
วี๊ดดดด
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่หก 10-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 10-04-2019 23:06:32
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่หก 10-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: องศาวาย ที่ 10-04-2019 23:44:52
ดว่าจะก้าวได้นานมากกกกกก ชอบใครตอบมาค่ะคุณมดมด :katai2-1:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่หก 10-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-04-2019 23:50:33
ขอคำตอบด้วยจ้า  :m28:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่หก 10-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 11-04-2019 00:23:30
จะตอบได้มั้ยน้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่หก 10-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 11-04-2019 05:53:17
 o18 o18 o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่หก 10-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: nnoii2538 ที่ 11-04-2019 14:55:40
น้องมดต้องก้าวอีกกี่ก้าวจึงจะถึงใจสายป่านละเนี่ย
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่เจ็ด 11-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 11-04-2019 20:07:25
ก้าวที่เจ็ด
ความลับที่ฉันซ่อนไว้ ไม่เคยบอกใคร

โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  คุณกำลังแอบชอบใครอยู่ครับ
   
                  !!!
   
                  “ไม่มี”
   
                  เขาตอบเสียงราบเรียบ เดาว่าทุกคนคงคิดมาตั้งแต่ตอนก่อนหน้าว่ามันคงจะไม่เกิดอะไรอย่างการที่เขาจะเป็นบ้า โพล่งออกไปต่อหน้ามันว่ากูชอบมึงหรอกนะ นั่นเป็นเหตุการณ์ที่มันจะไม่เกิดขึ้นกับคนขี้ขลาดอย่างเขาแน่ๆ ไม่มีวัน ถ้าหวังจะให้เขาเผยความในใจ มันต้องไม่ใช่ในสถานการณ์แบบนี้ และคิดว่าถึงจะมีสถานการณ์ไหนๆเป็นตัวบีบคั้น เขาก็ไม่มีทางที่จะเอ่ยมันออกมาง่ายๆหรอก
                  ตราบใดที่เขา ยังเป็นได้แค่คนที่แอบชอบมันไปวันๆอยู่แบบนี้
                  …เท่านั้น
   
                  “จริง?” มันถามย้ำเสียงสูง
   
                  แต่เขาก็ยังยืนยันหนักแน่นว่า “จริง”
   
                  ด้วยความจริงจังของเราทั้งสองที่เขาทั้งคู่ก็ไม่รู้ตัวว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ทำให้ทั้งโต๊ะดูเหมือนจะตกอยู่ในบรรยากาศแสนอึดอัด ตึงเครียด และกำลังจะเรียกได้ว่ามาคุในอีกไม่ช้านี้
                  และเสียงระฆังก็ดังขึ้นช่วยชีวิตเขา
   
                  “เอ่อ แหม ถ้ามีมดมดก็ควงมาแล้วสิคะ อุ๊ย หรือว่ามีแต่กั๊กไว้”
   
                  ประโยคแรกเกือบดีแล้วเชียววินดี้ แต่ประโยคหลังนี่แว้งมากัดเขาซะงั้น พาลให้เรื่องชักจะไปกันใหญ่
   
                  “ก็ได้ แค่ถามเพราะเล่นตามกติกาหรอกนะ แต่คนไม่ซื้อสัตย์ย่อมรู้แก่ใจดี”
   
                  แต่คนตั้งคำถามกลับพอแค่นี้ และทิ้งคำพูดที่เป็นเหมือนระเบิดดังตู้มแบบโดนใส่ตัวเขาเต็มๆ จนเจ็บไปตามๆกัน เจ็บใจโคตรๆ แต่ก็ได้เพียงกัดฟันมองค้อนมันที่ยักไหล่ไม่ยี่หระ แล้วบรรยากาศตึงเครียดก็ค่อยๆจางหายไปกับความครึกครื้นเมื่อหัวขวดเริ่มหมุนไปต่อ อีกรอบ เรื่อยๆ และอีกรอบ
                  แต่ไม่รู้ทำไม เขารู้สึกไปเองหรือเปล่า ที่ว่าคนข้างๆดูเหมือนจะจับจ้องเขาไปตลอดการเล่นเกมส์
                  เปล่า เขาเดาเอาน่ะ เพราะไม่กล้าหันไปมองหรอก
                  ใครจะกล้าล่ะ คุณว่ามั้ย

   





                  “อ้วกกกกกกกก”
   
                  ท้ายที่สุดทุกงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา และทุกการจากลาย่อมต้องมีคนเตรียมเก็บศพ ไม่ใช่ศพใครที่ไหน แต่เป็นพวกขี้เมา พวกขี้เหล้า เมาแล้วเรื้อน ยกตัวอย่างเช่น ไอ้พี่ปืน ที่แม่งพอพยุงออกมาจากร้านได้ไม่กี่ก้าว ก็ตรงดิ่งไปข้างทาง แล้วก้มหน้าก้มตาปฎิบัติภารกิจโก่งคออ้วกเอาๆอยู่ตอนนี้
                  แหม ไม่ต้องพูดถึงเหล่านางฟ้านะ สภาพแต่ละคนตอนนี้ไม่ต่างจากพี่ปืนสักเท่าไหร่ ต้องใช้นักกีฬาหิ้วปีกแต่ละคน
                  พอจะมีคนที่สติยังดีๆอยู่บ้าง และอาจเรียกใครบางคนที่เขาเห็นว่ามันกระดกเหล้าเอาๆว่าคอแข็ง คอทองแดง หรืออะไรทำนองนั้นได้
                  ไอ้สายป่านแม่ง ดื่มไปเยอะ แต่ไม่ยักกลายเป็นศพอ่ะ
   
                  “น้องมดมดของพี่ปืนจ๊ะ” พี่มันพูดเสียงโหรงเหรง ไม่ชัดถ้อยชัดคำ แต่เขาพอจับใจความได้
   
                  นิยามเมาแล้วเรื้อนดูจะตรงกับไอ้พี่ปืนดีที่สุด หึ หมดภาพลักษณ์พี่ว้ากปีสาม ความน่าเคารพของพี่มันปลาสนาการหายไปทันใดเมื่อเหล้าเข้าปากสินะ เขาปาดเหงื่อกับคนตรงหน้า แล้วตรงเข้าไปลูบหลังช่วยให้พี่แกอ้วกสบายขึ้น
   
                  “น้องมดมดช่วยพี่ด้วยคร้าบ”
   
                  แต่ทันใดโดยที่ไม่ระวังตัว คนเมากลับตวัดแขนขึ้นมา แล้วเอื้อมลำแขนแข็งแกร่งคว้าเอวเขาไว้ กลายเป็นตอนนี้ตัวเองกำลังถูกกอดกลายๆ
                  แต่พี่มึง จะอ้วกหรือจะเล่นเอาให้ดี อย่ามาอ้วกโดนเสื้อเขาน้า
                  ฮือ… ได้โปรด
   
                  “มึงมานี่ กูดูเอง”
   
                  ตัวของพี่ปืนถูกดึงออกไปโดยง่าย จากคนที่มีแรงมากกว่า และตัวใหญ่กว่าอย่างไอ้สายป่าน
                  แต่ลากพี่ปืนไปเขวี้ยงไว้ในรถไม่พอ ยังลากเขามาตรงที่นั่งคนขับอีก
   
                  “เดี๋ยว มึงจะไปส่งกูที่ห้องด้วยใช่มั้ย”
   
                  พร้อมคิดในใจว่า ถึงมึงตอบว่าไม่ ยังไงเขาก็ถึงห้องตัวเองอยู่ดี เพราะคอนโดมันกับเขาคือที่เดียวกันยังไงล่ะ
   
                  “คืนนี้ไม่กลับห้องกู”
                  “อ้าว แล้ว…”
                  “ถามมากกูจะจับจูบแม่ง”
   
                  เงียบ……………………ฉี่
                  เอ่อ…
   
                  “มึงเมาป่ะเนี่ย” เขาลองหยั่งเชิงอีกรอบ
                  “อยากลองชิมมั้ย”
   
                  เขาคงไม่ต้องถามว่าชิมยังไงในเมื่อไม่มีเหล้าสักขวดที่นี่หรอกนะ
   
                  ปึง!
   
                  “คาดเข็มขัดด้วย ถ้าไม่อยากตาย”
   
                  เขาว่ามันกำลังอารมณ์ไม่ดี แต่เขาไม่รู้สาเหตุว่าอาจเป็นเพราะฤทธิ์สุรา หรืออะไรกันแน่

   





                  “ให้พวกเจ๊ๆนอนข้างในห้องนะเว้ย ส่วนพวกมึงกับผู้ชายมานอนที่ห้องนั่งเล่น”
   
                  หลังจบคำชี้แจงทุกคนก็แยกย้ายเอาคนเมาที่แต่ละคนรับเป็นภาระไว้ไปนอนที่ห้องตามที่ได้แบ่ง และตอนนี้เหลือเพียงเขาที่ไม่รู้จะไปไหนต่อดี กับไอ้สายป่านที่จ้องมองตรงมาทางนี้ ด้วยดวงตาที่เขาให้นิยามว่า ฆ่าคนให้ตายยังได้เลยล่ะ
                  คือ…เขาเกี่ยวอะไร ฮือ
                  แล้วทำไงดีล่ะทีนี้ ยืนเกร็งให้มันมองแบบไม่กล้าถามต่อไปเหรอ เพราะกลัวว่ามันจะทำอย่างที่ขู่ไว้แบบจริงจัง
   
                  “มึงมานี่ดิ๊”
   
                  มันกวักมือเรียก ส่วนเขาก็ทำหน้าที่เป็นหมา เอ๊ย เป็นเพื่อนที่ดี กระดิกหางเข้าไปหาทันใด
   
                  “นี่กุญแจห้องมึง อยู่ตรงโน้น เป็นห้องนอนเพื่อนกูเอง แต่คืนนี้มันไม่กลับ ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว พรุ่งนี้กูจะไปส่งกลับห้อง”
   
                  ใจอยากจะท้วงว่ากลับตอนนี้เลยไม่ได้เหรอ แต่พอเห็นสีหน้าจริงจังของมันแล้วก็ต้องสั่งสมองตัวเองให้หุบปากเอาไว้แน่น
                  น่ากลัว…
   
                  “น้องมดคร้าบ พี่อยากอ้วกแล้ว”
   
                  ท่ามกลางความเงียบชั่วอึดใจ เสียงไอ้พี่ปืนดังขึ้นมาใต้ฝ่าเท้าเขา เฮ้ย ลืมไปว่าเอาพี่แกนอนพื้นเย็นเฉียบอยู่
                  เขากำลังจะก้มตัวไปพยุงพี่ปืนขึ้นมานอนดีๆ แต่…
   
                  พรึ่บ!

                  !!!
   
                  “กูไม่ไหวแล้ว กูเมา…”
   
                  ไอ้สายป่านที่ยืนตรงแบบคนมีสติดีครบทุกอย่าง กลับเอนตัวมาหาเขาที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วทิ้งน้ำหนักมาแบบไม่บอกกล่าว
                  โคตรหนักเลยครับ
                  แต่หัวใจเขานี่สิ เต้นโครมครามจนจะทะลุออกมานอกเสื้ออยู่แล้ว โอ๊ย เย็นไว้เจ้าหัวใจบ้า
                  งื้อ ทำไมเขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆแบบกลิ่นตัวผู้ชายจากมันได้ล่ะ ไม่นะ เขาไม่ได้ตั้งใจจะดมกลิ่นมันนะ เขาไม่ใช่โรคจิตนะ ไม่นะ!!!
                  มด!!! สงบสติก่อน
                  ฮือ เอาไม่อยู่แล้ว ทั้งหน้าทั้งตัว ร้อนไปหมดแล้ว
   
                  “พากูไปนอนดิ๊”
   
                  ทำไม ทำไม ทำไม
                  แค่มันกระซิบข้างหู เขากลับได้ยินเป็นเสียงกระเส่าแบบออดอ้อนสุดขีดไปได้ ไม่นะมด ห้ามคิดอกุศล ไอ้บ้า เอาสติกลับมาก่อน
   
                  ม่ายยยยย

                  เอาล่ะ เขาขอสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะพยุงไอ้สายป่านเข้าไปยังห้องนอนของพื่อนที่มันบอกไว้แต่ต้น
                  ค่อยๆวาง ค่อยๆ บรรจง…
                  เฮ้อออออออออออออออออออออออออออ
                  โล่งอกได้เสียที
                  เขาเอามันนอนลงบนเตียงได้แล้ว มันไม่ได้อยู่ใกล้ๆแล้ว ไม่ได้ใกล้แบบมดก็ไต่ลอดไปไม่ได้แบบเมื่อกี้แล้ว ไม่นะ เขากำลังหน้าแดงอยู่ในความมืด
                  เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มันบอกว่าห้องนี้ให้เขานอนนี่
                  เฮ้ย สรุปเขาต้องไปนอนที่ห้องนั่งเล่นรวมกับคนเมาคนอื่นๆสินะ
                  ไป…ก็ได้วะ
   
                  หมับ!
   
                  “มานอนนี่”
                  “เฮ้ย”
   
                  !!!
   
                  เมื่อสิ้นเสียงตกใจของตัวเอง เขาก็พบว่าร่างทั้งร่างของตนได้มานอนเกยอยู่บนร่างของใครบางคน ที่นอนอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว ต้องเดาให้อีกมั้ยว่ามันคือ…
                  ไอ้ สาย ป่าน
                  ฮือออออออ
                  ไม่น้า หัวใจกำลังเต้นแรง ทำแบบนี้กับเขาไม่ได้นะ … คนเรา
   
                  “ตัวมึงหอมจัง ไม่มีกลิ่นเหล้าเหมือนกู”
   
                  เขาตัวแข็งทื่อ เมื่อได้ยินเสียงสูดลมหายใจของร่างเบื้องใต้ มันกำลังดมเขาอย่างที่พูดจริงๆ
   
                  “ผิวมึงก็โคตรนุ่ม”
   
                  มือหนาไม่ว่าเปล่า ยังลูบไล้ไปทั่วตัวเขาอย่างถือวิสาสะ ย่ามใจในชัยชนะของกำลัง
   
                  “อยากรู้จังว่าปากมึงจะนิ่มเหมือนกันมั้ย”
   
                  ตัวเขาที่แข็งอย่างกับท่อนไม้ในเวลานี้ ถูกมันจับจัดท่าไปมาอย่างไม่มีแรงต่อต้าน แล้วองศาก็เข้าตรงหน้ามันพอดีเป๊ะ
                  ในความมืด เขามองเห็นดวงตาปีศาจร้าย ที่จ้องจะเขมือบเหยื่อ
                  ไม่นะ…
                  หัวใจเขาเต้นไม่เป็นส่ำ
                  มัน…ที่เขาคอยแอบมอง
                  มัน…ที่เขาคิดว่าคงไม่มีวันได้ชิดใกล้
                  แต่ตอนนี้…
                  เขากำลังจะเผลอใจ ทั้งที่รู้ว่ามันเมา
                  อีกนิดเดียว เขาก็จะได้ครอบครองคนที่แอบชอบมาตลอดแล้ว
                  ทำไม… ถึงไม่รู้สึกดีใจเลยนะคนเรา
   
                  พลัก!
   
                  “มึงเมาแล้ว นอนพักผ่อนเถอะ”
   
                  เขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่มี ดันตัวเองให้ลุกขึ้น และปลดเปลื้องจากพันธนาการของมือหนา
                  ร่างบนเตียงนอนนิ่งไปแล้ว
                  พร้อมกับหัวใจของเขาที่กลับมาสงบนิ่งได้เสียที
                  เฮ้อ… เกือบไปแล้วนะมด

   





                  “อื้อ”
   
                  แสงแดดที่ส่องลอดผ้าม่านเข้ามาแยงตาเขา จนทนหลับต่อไปไม่ได้ จึงต้องค่อยๆบิดขี้เกียจแล้วลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างช่วยไม่ได้ ใจมันก็ไม่อยากตื่นหรอกนะ สังเกตจากตาที่ยังปิดสนิทแม้จะลุกขึ้นนั่งแล้วก็ตาม แต่ร่างกายนี่สิ มันทนไม่ไหว แถมเมื่อคืนเหมือนจะดื่มในขั้นพอที่จะทำให้ท้องไส้ยามเช้าปั่นป่วนไปหมดในตอนนี้เลยล่ะ
                  โทรศัพท์?
                  อยู่ที่ไหน
                  เขาควรหาเครื่องมือสื่อสารที่จะสามารถใช้บอกเวลาตอนนี้ได้ จำได้ว่าเมื่อคืนเขาทิ้งมันไว้ที่ไหนสักแห่ง ที่ไหนสักตารางวาบนเตียงหนานุ่มนี้
                  มือเขาควานหาไปทั่ว…
                  และสิ่งที่ทำให้เขาต้องลืมตาโพลงคือการสัมผัสเจออะไรบางอย่าง
                  อะไรบางอย่างที่เขาลืมไปได้ยังไง ว่าเมื่อคืนนอนร่วมเตียงเดียวกัน!!!
                  ภาพในตาเขาปรากฏใบหน้าของไอ้สายป่าน 291 ที่โผล่พ้นผ้าห่มมาหน่อยเดียว แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือการที่ใบหน้าของมัน อยู่ใกล้ตักเขาไม่ถึงคืบ คิดเอาเถอะคุณ ว่าข้างใต้เราจะสัมผัสอะไรต่อมิอะไรกันบ้าง และนั่นล่ะ ที่ทำให้เขายิ่งตกใจกว่า เมื่อความรู้สึกทั้งหมดมันบอกว่า ไอ้สายป่าน…
   
                  “ร้อนนนนน”
   
                  พรึ่บบบบบบ
   
                  ไม่ละเมอเปล่า มือหนาดึงผ้าห่มคลุมร่างตัวเองออก เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใต้แบบชัดๆเต็มสองตาเขา แบบฟูลเอชดี
                  สายป่าน 291 กับความขาวของแผงอก ที่มีกล้ามแบบคนหุ่นดี
                  อื้อหือ มันโคตรกระแทกสายตาเขาจังๆเลยล่ะ
                  และความหมิ่นเหม่ของผ้าห่มตรงวีเชฟบอกให้เขารู้ว่า แม่ง ข้างใต้สะดือลงไปมันก็ไม่ได้ใส่อะไรเลยนอกจากกางเกงใน
                  โอ้โห เห็นแล้วอยากนอนกับมันทุกคืน เอ๊ย ผิดดดดดดดด
   
                  “มองอะไรวะ”
   
                  อ้าว นี่เขาเผลอมองนานขนาดมันลืมตาตื่นเลยเหรอ
                  คีปลุคแป๊บบบบบบ
   
                  “คุณคนขี้โกง”
   
                  นี่มึงยังจำเรื่องคำถามเมื่อคืนได้อยู่เหรอเนี่ย มันผุดลุกขึ้นแบบไม่อายดินฟ้าอากาศ แต่ขอโทษเถอะช่วยอายคนที่นั่งโง่ๆอยู่ตรงนี้อย่างเขาสักคนได้มั้ย
                  นูนกระแทกหน้าเขาเลยครับ
                  จริงๆ
   
                  “กูรู้นะ ว่ามึงแอบชอบใครอยู่”
   
                  พอจะมีเวลาได้หายใจหายคอ พระเจ้า ไอ้เหี้ยสายป่านก็ปาระเบิดดังตู้มมาอีกรอบ
                  หรือว่าเมื่อคืน… มันจะรู้แล้ว
                  แต่พระเจ้าก็ไม่เคยได้ปล่อยให้เขาได้คิดนาน เมื่อคนที่หายเข้าไปในห้องน้ำ โผล่หัวออกมาทางประตู
   
                  “อาบน้ำด้วยกันป่ะ จะได้เสร็จเร็วๆ”
   
                  เขาไม่ใช่สาวน้อยแรกรุ่น ที่โดนมันแซวแล้วจะต้องเขินอายบิดตัวม้วนต้วน
                  แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธว่าฉากเดิมๆในหนัง เขาเองก็หยิบมาใช้
                  อย่างการ… ปาหมอนข้างใส่ไอ้คนขี้กวนตีน จนมันหัวเราะร่วน

   





                  ใจเขากำลังกระวนกระวาย คิดไปถึงคำพูดของใครบางคนเมื่อตอนเช้า
   
                  กูรู้นะ ว่ามึงแอบชอบใครอยู่
   
                  ยังไงกัน เขาแสดงออกมากไปเหรอ ทำไมมันถึงรู้ตัวได้ขนาดนั้น มันรู้แล้วจริงๆเหรอ หรือแค่แกล้งทำเป็นอยู่เหนือกว่า แบบผู้กุมความลับที่หลอกให้เราคลายออกมาเองด้วยการใช้วิธีการแบบจิตวิทยา คือหลอกว่ารู้แต่จริงๆไม่รู้อะไรทำนองนั้นน่ะ
                  ตอนนี้สถานะของพวกเราที่แฮงก์บ้าง ยังไม่หายเมาบ้าง หรือยังไม่ตื่นเต็มตาดีบ้าง มารวมตัวกันในห้องนั่งเล่น ที่เคยเป็นห้องนอนของพวกขี้เมาเมื่อคืน โดยมีเหล่านางฟ้าทำหน้าที่แม่ครัวได้อย่างดีเยี่ยม เขาไม่ได้เห็นภาพแบบนี้มานานม๊าก(ก ไก่ล้านตัว) หลังจากเราจบค่ายสานสัมพันธ์พี่น้องสถาปัตย์ ชื่อค่ายสวยหรู แต่ภายในนรกยิ่งกว่า เช้าว้ากเย็นว้าก อาหารต้องแบ่งเวรกันทำ ไหนจะทำความสะอาดห้องอีก บลาๆๆๆ เป็นค่ายที่ทรหดมาก ทุกอย่างต้องทำเองภายในรุ่น บางครั้งรุ่นพี่แกล้งขโมยนั่นนี่ไปซ่อน จนต้องออกตามหากันให้วุ่นวาย เป็นค่ายที่ได้อะไรมากจริงๆนะ โดยเฉพาะสูตรความสกปรกที่บรรลุได้อย่างแท้จริงจากค่ายนี้ เฮ้อ
                  คิดถึงแล้วก็อยากอ้วกในเวลาเดียวกันเลยครับ
   
                  “มึงมานั่งทำไรตรงนี้”
   
                  แม่ง ดูดิ โคตรกวนตีนแค่ไหนถามใจดู เดินเช็ดหัวมานั่งแปะข้างๆเขา แล้วเริ่มหาเรื่อง
   
                  “เขียนติดไว้เหรอว่าที่มึง”
   
                  เอาสิ ติดว่าเมื่อคืนมันเมาหรอกนะ ไอ้เขาก็ไม่อยากจะเถียงกับคนเมา เถียงไปแล้วกลัวเจ็บตัวเปล่า ที่จริงคือเจ็บปาก เอ๊ย ผิดดดดด
                  แต่ตอนนี้มันสติดีครบทุกอย่าง แถมคนอยู่กันเต็มเขาเลยกล้าเถียงมันขึ้นมาบ้าง…
                  นิดนึง
   
                  “มึงไม่ใช่แก๊งนางฟ้าสถาปัตย์หรอกเหรอ ได้ไงอ่ะ แต่งหญิงไม่เข้าแก๊งนางฟ้า”
   
                  มึ๊งงงงงงง
                  มันกำลังล้อเรา มันกำลังล้อเรา มันกำลังล้อกูอยู่ครับบบบบบ
                  ถ้าเป็นไปได้นะ ตอนนี้เขาอยากบรรยายเหลือเกินว่า อารมณ์ที่ดีๆอยู่มันปรี๊ดจนควันออกหูไปแล้ว
   
                  “ที่กูต้องทำก็เพราะใคร”
                  “กูบอกให้แต่งตามธีมสันทนาการ มึงแม่ง เสือกแต่งหญิงเอง”
   
                  ฮือ เถียงไม่ออก แต่ความจริงแก๊งนางฟ้าบังคับแต่งน้า ฮืออออออ ตราบาปติดตัวตลอดกาล
                  จริงสิ พูดเรื่องนี้ขึ้นมาพอดี
   
                  “กูทำตามมึงบอกแล้ว งี้มึงจะรับบทเป็นพระเอกละครเวทีมอใช่มั้ย”
   
                  ตอนนี้อยากให้ทุกคนรู้เหลือเกินว่า เขาต้องทำตาปริบๆแบบออดอ้อนมันแค่ไหนกัน แล้วจึงได้รับคำตอบที่ว่า…
   
                  “ไม่อ่ะ ขี้เกียจ”
   
                  เฮงซวยยยยยยยย
   
                  “ล้อเล่น กูบอกโฟร์ในไลน์ตอนกินเหล้าเมื่อวานแล้ว”
   
                  แล้วไป ว่าแต่ พวกมันไปแอดไลน์กันตอนไหน หึงหวงอย่างไร้สาเหตุ พ่นลม หึงหวงอย่างรุนแรง โมโห
   
                  “ขอบคุณนะ”

                  เขารู้สึกแบบนั้นกับมันจริงๆ คิดเอานะทุกคน ถ้าไม่ใช่พวกที่รักงานแบบนี้จริง ก็พวกที่มีน้ำใจมากๆ หรือพวกเกรงใจคนอื่นไปทั่วเท่านั้นล่ะที่ตัดสินใจรับงาน และเขาเดาว่าสายป่านคงเป็นประเภทท้ายสุดมากกว่า ถึงเขาไม่ลงทุนไปเต้นแร้งเต้นกา มันก็ยอมไปอยู่ดี
                  ก็นะ เอาตำแหน่งสุภาพบุรุษของพวกกะเทยไปเล้ยยยยยย ประชด
   
                  “มาทำซึ้งห่าไร จะอ้วก”
   
                  บางทีเขาก็สงสัยว่าเราไปสนิทกันถึงขั้นพูดห่าพูดเหวใส่กันได้แล้วตอนไหน
                  หรือมีแค่เขาเอง ที่คิดว่าเราไม่สนิทกันได้อย่างสนิทใจมาตลอด มันเลยพลอยคิดไปถึงเส้นขั้นต่างๆนานาที่ไม่มีอยู่แต่แรกแล้ว เพราะฟังคนอื่นเขาพูดคุยกัน ไอ้เหี้ยไอ้สัดก็เป็นปกติธรรมดาเสียมากกว่าสำหรับคนที่ผ่านอะไรมาด้วยกันมากมายด้วยคำว่ารุ่น
                  แต่เอาเถอะ ซึ้งได้ไม่นานไอ้สายป่านก็ชวนตีอย่างที่เห็นอีกรอบ
   
                  “คุณนางฟ้าสถาปัตย์มดมด ไปเอาข้าวมาให้แดกหน่อยครับ”
   
                  ทุกคนพอเดาได้ไหมครับ ว่าน้ำเสียงในประโยคนี้ต้องพูดยังไง แหม ถูกต้องแล้วครับ ต้องใช้คำว่า ดัดเสียงแบบล้อเลียนเขา กระแนะกระแหน และโคตรดีใจที่ได้แกล้งเขา รวมไว้ในประโยคนี้ทั้งหมดครับ จบรายการ
                  เขาลุกขึ้นยืน…
   
                  “หิวก็ไปตักแดกเอง ไอ้เหี้ย”
   
                  แต่อย่าหวังว่าจะลุกไปตักข้าวให้มันครับ!!!
                  นี่เป็นครั้งแรกเลย ที่เขามีความกล้าพอจะพูดคำว่าไอ้เหี้ย แบบไม่ติดขัดอะไรกับคนๆนี้
                  ทุกๆสิ่งตอนนี้ดูเปลี่ยนแปลงไป หลังจากเราเริ่มคุยกันแบบเพื่อน
                  แต่จะเปลี่ยนแปลงไปทางไหนต่อนั้น เขาแม่งไม่เคยได้รับรู้เลย…



                  



                  “อุว่ะ เพื่อนเรานี่มันยังไงวะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อย่างกับคนมีความรัก” ผู้เริ่มประเด็นคนแรกมาแล้ว
                  “ฮึ ไอ้เราน้า พลาดไม่ได้ไปงานคณะแค่วันสองวัน แต่เหมือนเพื่อนมดดูจะมีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นเนาะ” ผู้เริ่มประเด็นคนที่สองก็ตามมาติดๆ
                  “เฮ้อ ชีวิตนี้จะมีบ้างมั้ยน้อ หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ คนหนึ่งก็ปีสาม อีกคนก็รุ่นเดียวกันที่แอบชอบมานาน ส่งยิ้มให้จนใจละลายยยยยยย” ผู้เริ่มประเด็นคนสุดท้ายพูดได้ตรงจนเขาจุกไปเบาๆ
   
                  มายด์ จิ๊บ และฟ้า เรียงตามลำดับประโยคที่แต่ละคนพูดขึ้นมาเพื่อเล่นงานเขาได้เลย เหอะ เพื่อนสามคนนี้มีหรือจะพลาดสิ่งที่ตัวเองลงความเห็นว่า เป็นความสุขส่วนตัวที่ได้แกล้งมึง หรือก็คือแกล้งเขานั่นเอง
                  จะอะไรกันนักหนา แค่เมื่อเช้าตอนเดินผ่านกลุ่มสายป่าน มันก็แค่…
                  มันก็แค่ แค่…
                  ทักทายเขาด้วยการเรียกชื่อ ก็เท่านั้นเอง
                  ฮื่อออออ แล้วทำไมเขาต้องมาเขินด้วยวะ คนเรา ฮืออออออ
                  ก็เมื่อก่อนมันเคยมีซะที่ไหนล่ะ มาโบกไม้โบกมือทักทายกันแบบนี้ แถมปากก็ส่งยิ้มมา มองแล้วแม่งโคตรหล่อ เอ๊ย ผิดดดดดดด
                  แน่นอนว่าการพลิกฟ้าจากหลังมาหน้าแบบชนิดมองไม่เห็นก้นเหว เป็นไปไม่ได้เลยที่เพื่อนทั้งสามจะไม่สังเกตเห็น
                  แต่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถอธิบายทฤษฎีความสัมพันธ์แบบนี้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหนได้จริงๆ เพราะจู่ๆ จากคนที่ถูกทำเหมือนให้ไม่รู้จักกัน ก็มาสนิทกันได้แบบงง
                  ต้องย้อนกลับไปคืนนั้น แล้วพูดว่า เหล้านี่ทำให้คนสนิทกันเร็วจัง เหล้านี้ดีจริงๆ เฮ้ออออออ ประชดอยู่รู้ตัวมั้ย
                  ช่างเรื่องเหล้า…
   
                  “แต่แม้อะไรๆจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน แต่ไอ้มดของเราก็ยังเหมือนเดิมว่ะ”
   
                  มายด์พูดค้างไว้ ให้ควายถาม เอ๊ย ให้จิ๊บถาม
   
                  “เหมือนเดิมยังไงวะ”
                  “ก็ ยังเขินเขาไม่หายเหมือนเดิมไงวะ”
   
                  แล้วมันทั้งสามคนก็หัวเราะเฮฮา สนุกสนานที่ได้แกล้งเขาให้ทำหน้างอง้ำ เหอะ ไม่ถึงทีเขาบ้างก็ให้มันรู้ไป เพื่อนสาวทั้งหลาย
   
                  “นี่แหละน้าเขาเรียกว่า เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน มดไม่เปลี่ยน”
   
                  จ่ะ !!!
   
                  “อะไรคุณนักศึกษาคณะสถาปัตย์ คุณจะโดดคาบฉันอีกแล้วใช่ไหม”
   
                  เพราะมัวแต่ดีใจที่ได้แกล้งเขา เลยไม่ได้สังเกตเห็นว่าอาจารย์สมรศรี อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ ที่สอนวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะเซคพวกเราได้มายืนอยู่ข้างๆ
   
                  “แง้ว อาจารย์ ฮือ”
   
                  หึ ทีงี้มาทำหน้าหมาหงอย ไหน พวกคนขี้แกล้งมันไปไหนหมดแล้ว
   
                  “แต่ฉันเห็นด้วยกับพวกคุณนะ คุณมดนี่ขึ้นปีสองแล้ว ก็ยังเตี้ยเหมือนเดิม”
   
                  โธ่ อาจารย์ง่ะ ทำไมเหมือนเน้นคำว่าเตี้ยจังเลย
                  รู้สึกอยากร้องไห้เบาๆ

   





                  เคยมีคนบอกไว้ว่า เมื่อขึ้นปีสอง อะไรหลายๆอย่างมักเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเสมอ และเขาเชื่อว่ามันจะเป็นเช่นนั้นจนจบปีสี่
                  สิ่งดีๆอาจเริ่มจากเรื่องแรกที่เขารับไม่ได้สุดๆ อย่างการได้รับความเชื่อใจจากเหล่านางฟ้าสถาปัตย์ในการแต่งชุดคอสเพลย์นางแมวยั่วสวาท หรืออาจเรียกอีกชื่อหนึ่งแบบเต็มยศว่า แต่งหญิงแมวเหมียวสันทนาการ ขอกุมขมับกับชื่อที่ใครแม่งเป็นคนคิดขึ้นมาได้สักห้าวินะ
                  ถ้าถามว่าเมื่อก่อน เขารู้จักกับเพื่อนๆเพศที่สามนี้ดีแค่ไหน ขอตอบเลยว่าไม่ ยิ่งเป็นเขาที่ตอนนั้นเป็นเด็กปีหนึ่ง ไม่รู้เอาความกล้าที่พกมาเต็มร้อยก่อนเปิดเทอมไปไว้ไหนเสียสิ้น เขากลายเป็นคนที่เงียบ แต่ไม่ได้น่าแปลกกว่าใคร แต่ถ้าเทียบกับไอ้มดผมเกรียนสมัยมัธยม เพื่อนๆที่เรียนมอปลายมาด้วยกันคงต้องร้องอุทานแล้วบอกว่า แม่ง ใครเอาไอ้มดคนเดิมไปซ่อนไว้ที่ไหน
                  นั่นแหละ ที่กล่าวมาทั้งหมดก็แค่จะบอกว่า เพราะเขาค่อนข้างเป็นคนเงียบๆ เรียบร้อยๆ เหล่านางฟ้าสถาปัตย์ตอนปีหนึ่งเลยไม่ได้เข้ามาทักทาย เราไม่ได้รู้จัก สนิทสนมกันสักเท่าไหร่ มารู้จักกันจริงๆก็ตอนปีสอง ที่ต้องทำงานต่างๆร่วมกันมากมาย เราผ่านอะไรมาหลายๆอย่าง และคงจะเรียกได้ว่าเริ่มสนิทกันอย่างจริงจังก็ตอนไปเต้นสันทนาการให้นี่แหละ
                  แล้วผู้คนอีกมากมายก็ตามมาเป็นขบวน เขาเหมารวมไอ้สายป่านเป็นหนึ่งในนั้น เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเรากำลังก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ถึงแม้จะในฐานะเพื่อนก็ตามที
                  ได้แค่นี้ ก็ดีกว่าที่เคยเป็นแล้วไม่ใช่เหรอ
                  อดไม่ได้ที่จะขอบคุณความเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆนี้ แต่ดูมีพลังอย่างยิ่งใหญ่จริงๆ
   
                  ตึ๊ง
   
                  เสียงแจ้งเตือนกลุ่มแชทในเฟซบุ๊กทำให้เขาหลุดออกมาจากภวังค์
   
                  กองร้อยปล้นสวาท
                  ชื่อแชทกลุ่ม…
   
                  มามี่ แกร่นนนนนนนนน นางฟ้าทุกเบอร์อยู่ที่ไหนหมดคะ ไหนบอกสามโมงเจอกันตรงซุ้มจัดงานคะ
                  อุมาพร เว้ทอะมินิท รอก่อนๆ อย่าเพิ่งรีบวางหู
                  มามี่ มึงแหละตัวดี อิคนดีศรีเชียงใหม่ มึงอยู่ไหนคะอิดอก
                  วินดี้ แหม เร่งจัง เหยียบสุดแล้วเนี่ย
                  มามี่ ตอแหล ถ้ามึงเหยียบอยู่แล้วมึงมาตอบแชทกูได้ไง
                  วินดี้ ก็กูใช้เท้าเหยียบ
                  มามี่ แอดมิทโรงพยาบาลไหนบอกกูด้วยนะ
                  วินดี้ ทำไม เป็นห่วง จะมาดูแลงี้
                  มามี่ เปล่า จะตามไปกรวดน้ำ
   
                  ทำไมเขารู้สึกว่ากำลังอ่านการ์ตูนตลกแทนที่จะเป็นแชทจริงจังของมามี่นะ แอบขอโทษเธอในใจเบาๆ
                  งานที่ว่าน่าจะเป็นงานโปรโมทการจัดนิทรรศการงานศิลป์ที่พวกเราชาวเด็กสถาปัตย์ภูมิใจนำมาเสนอ ตั้งโชว์ ณ ลานกว้างหอศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ในวันเสาร์ที่สองของเดือนพฤษตุลาคมที่ใกล้เข้ามาเต็มที เขาท่องตามสคริปต์พูดของมามี่เป๊ะๆเลยนะ
                  ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาจะเลื่อนอ่านไปแบบผ่านๆ แต่…
   
                  Mod Kittikun มีใครไปบ้างอ่ะ
   
                  ตอนนี้เขาว่าง แล้วก็ไม่มีอะไรทำ บางที เขาอาจจะไปช่วย…ด้วยความเต็มใจ นี่เขากลายเป็นเด็กกิจกรรมไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ไม่สิ ไม่นับตอนปีหนึ่งที่เขาถูกหลอกเข้าไปทำละครเวทีมหา’ลัย และตอนนี้ก็ยังถูกหลอกเข้าไปเหมือนเดิมสิ
   
                  มามี่ วี๊ด มดมดลูกแม่จะมา พวกมึงไปไหนก็ไปเลยนะ มดมาก็กินไปแล้วครึ่งงาน พวกไร้ประโยชน์ไสหัวไป๊!!!
                  วินดี้ ได้ไงคะอิดอก มดมด อยากเจอเหลือเกิน แม้จะแยกกันตอนเช้าที่โรงอาหารแต่โคตรคิดถึงเป้าตุงๆของมดเหลือเกิน
                  ลิลลี่ ต่ำ โสโครก
                  มามี่ อ่ะ มึงโผล่มาตอบแชทได้สักทีอิลิลลี่ แหม ทำเป็นหายหัวอินี่
                  ลลิตา มดมดมา แม่ใส่เกียร์หมาตามไปด้วยคนค่า
   
                  ตึ๊ง
   
                  เสียงแจ้งเตือนแชทเฟซบุ๊กอีกกล่องดังขึ้น
   
                  สายป่าน 291…
   
                  เป็นวิดิโอช่วงสั้นๆ
                  ใครสักคนที่กำลังถ่ายสายป่านอยู่ “เป็นอะไรครับ นั่งเหม่อ เหม่อ เหม่อคิดถึงคนนี้หรือเปล่าว้า”
                  พอสายป่านรู้ตัวว่ากำลังโดนถ่าย มันก็ทำหน้าตกใจแล้วเข้ามาแย่งจนมือใครต่อใครไม่รู้มาบดบังกล้องไว้
                  แล้วก็จบ… แค่นี้
                  แต่ทำไม เขายังไม่จบ
                  มันกำลังคิดถึงใคร?
                  ดาวคณะที่ใครต่อใครกำลังพูดถึงว่าเป็นข่าวกับมันอยู่ตอนนี้ใช่มั้ย?
                  หรือยังมีคนอื่นอีก มึงจะเจ้าชู้เกินไปแล้วนะ
   
                  โทษที
                  เพื่อนแกล้งเว้ย

   
                  จากนั้นข้อความก็ขาดตอนไป แล้วพิมพ์กลับมาใหม่ว่า
   
                  คิดถึงจัง
                  แม่งแกล้งอยู่ได้ โทษๆ

   
                  เขาจะกล้าทำไหมนะ…
                  เขาจะกล้า…
   
                  มึงคิดถึงใครอยู่อ่ะ
   
                  ถามไหมนะ แต่เขาเพิ่งรู้ว่าเผลอกดพิมพ์ไปแล้ว มันหายไปชั่วอึดใจ ก่อนช่องแชทจะขึ้นว่ามันกำลังพิมพ์ตอบกลับ
   
                  ความลับ
   
                  สั้นๆ ได้ใจความ
                  ใช่แล้วล่ะ เขาควรโล่งใจได้แล้วว่าความลับที่เขาซ่อนเอาไว้ คงไม่มีวันจะถูกเปิดเผย เมื่อพบว่าสุดท้าย เราก็ยังเป็นได้แค่…
                  เพื่อนกัน




T B C

งื้อ มันอาจจะมีอะไรมากกว่าเพื่อนก็ได้นะมด
มดคิดลึกๆหน่อยดิ โห่ววววววว
ขอบคุณทุกความคิดเห็นเลยค่า คิดถึงทุกคนมั่กๆ

แล้วเจอกันพรุ่งนี้.
 
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่เจ็ด 11-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: lonesomeness ที่ 11-04-2019 20:57:10
พึ่งเห็นว่สมาอัพแล้ว ตกใจนึกว่าตาฝาด 555555

พิมพ์เองก็บอก! เพื่อนแกล้งอะไรกัน
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่เจ็ด 11-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 11-04-2019 21:17:16
สายป่านทำไมทำตัวเป็นหมาหยอกไก่จังอะ  :hao4: ระวังอดนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่เจ็ด 11-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: sarakio ที่ 11-04-2019 21:49:06
คิดถึงใครอยู่น้าส์ จะใช่มดมดหรือป่าว
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่เจ็ด 11-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-04-2019 22:58:11
"กองร้อยปล้นสวาท" ชื่อน่าเข้าร่วมกลุ่มด้วยจังเลย มีที่ว่างป่ะ  :hao3: :hao6:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่เจ็ด 11-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-04-2019 10:15:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่แปด 12-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 12-04-2019 19:57:39
ก้าวที่แปด
เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  คิดถึงนะ
                  คิดถึงมากๆ
                  คิดถึงโคตรๆ
                  โคตรคิดถึงเลยเว้ย
                  เฮ้ย มันแกล้งอีกแล้วว่ะ

   
                  ตอนนี้เฟซบุ๊กของเขากำลังถูกก่อกวนอย่างหนักจากช่องแชทที่เด้งขึ้นมารัวๆของ สายป่าน 291
                  จะมากไปแล้วนะ…
   
                  มึงคิดถึงใคร
                  ก็ไปบอกคนนั้นสิ
                  มาบอกกูทำไม
                  ไอ้เหี้ย ไอ้สัด ไอ้สันขวาน

   
                  และเขาจะไม่ทนอีกต่อไป พร้อมโต้กลับด้วยการระเบิดอารมณ์อย่างรุนแรงลงในประโยค และสลักความโกรธขั้นสูงสุดไว้ในทุกตัวอักษรที่พิมพ์ส่งไป หวังให้มันได้รับรู้ความรู้สึกที่อัดแน่นข้างในอย่างอึดอัดของเขา ที่ต้องมาทนอ่านข้อความสัปรังเคที่มันบ่นคิดถึงคนอื่นในแชทของตัวเขาเอง
                  เพียงแต่ว่า…
   
                  เอ่อ
                  มดมด
                  ผิดแชทหรือเปล่าลูก

   
                  !!!
   
                  ไม่ผิดหรอกที่คนตอบกลับมาจะไม่ใช่ไอ้สายป่านแต่เป็นเจ๊มามี่
                  เหอะ ให้ตายเถอะ
                  ไอ้สายป่านมันจะรับรู้หรือตอบกลับมาได้ยังไง ในเมื่อเขาส่งข้อความผิดแชท
                  โว้ยยยยยยยยย
                  โมโห

   





                  “มดมดลูกแม่ นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”
   
                  พอออกมาจากลานจอดรถ ก็เป็นลานกว้างที่ใช้จัดซุ้มของคณะสถาปัตย์พอดี เจ๊มามี่บอกว่าการที่มหา’ลัยจัดแสดงโชว์ของดีประจำจังหวัด จากกลุ่มนักศึกษาที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดต่างๆซึ่งมารวมกันกลายเป็นชมรม แล้วร่วมกันคิดร่วมกันสร้างสรรค์กิจกรรมให้มีขึ้น เป็นการดีต่อการโปรโมทอาร์ตโชว์ หรือนิทรรศการงานศิลป์ของคณะเราที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ตามนโยบายน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ที่คณะสถาปัตย์มักจะนำมาใช้กับคณะเพื่อนบ้านและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีกับทางมหา’ลัย ซึ่งจะเห็นได้จากการที่พวกเราลงทุนลงแรงตั้งซุ้มขึ้นมา แม้ว่าจะได้ประโยชน์ในการโปรโมท แต่เวลาที่เสียไปอย่างมากมายหากมองที่ผลลัพธ์อาจไม่คุ้มค่าเท่าที่ควร แต่หากมองผ่านเรื่องเหล่านี้ไป แล้วมองถึงอนาคตข้างหน้า เมื่อรุ่นน้องเราก้าวเข้ามาสืบต่อ เขาเชื่อว่า สิ่งที่รุ่นพี่ทุกๆคนทำในวันนี้ จะปูทางที่เรียบยาวให้กับพวกเด็กๆได้เดินไปอย่างมั่นคง
                  ในวันข้างหน้า หากเราต้องขอความช่วยเหลือจากส่วนกลาง เขาคงต้องคิดถึงวันที่พวกเราให้การตอบรับเป็นอย่างดี เขาเชิญเราก็มา ถือเป็นการเอามือแบบที่ภาษาชาวบ้านเขาเรียกกัน
                  ร่ายมาซะยาว เพื่อจะบอกว่า คณะนี้กิจกรรม เราทำหมด ฮา
                  เขาเดินเข้ามาที่ซุ้ม ก็พบกับเจ๊มามี่ และเจ๊ลลิตาที่รออยู่ก่อนแล้ว ส่วนนางฟ้าคนอื่นๆ คาดว่าน่าจะยังไม่มาแสตนด์บายด์กัน สังเกตจากสีหน้าความหงุดหงิดระดับร้อยล้านของเจ๊มามี่ก่อนที่แกจะปรับเป็นยิ้มแย้มแจ่มใสเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา
   
                  “ไม่มาได้ไง ต้องมาช่วยเจ๊ๆอยู่แล้วครับ”
   
                  เขาเริ่มที่จะอยู่เป็น ด้วยการใช้สรรพนามต่างๆเรียกอย่างไอ้สายป่านมันทำ
                  อีกอย่าง การให้เกียรติเพศที่สาม ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เขาทำอยู่แล้วด้วย เพราะงั้นมันไม่ได้หนักหนาอะไร หากเราจะถูกลวนลามนิดหน่อยจากพวกเธอ เอาจริงๆ นั่นก็แค่เป็นหนึ่งในวิธีการเข้าหาคนอื่นของพวกเธอเท่านั้น
   
                  “ปากหวาน ขอจูบทีได้ป่ะ”
   
                  เจ๊มามี่ทำท่าจะเอาจริง เขานี่แทบผงะ ถ้าเจ๊ลลิตาไม่เข้ามากันไว้
   
                  “ต่ำตมมากอิมามี่ นี่ลูกนะ”
                  “อย่าเรียกฉันว่าแม่ เพราะแม่กินลูกไม่ได้ มด มามี่ขอเปลี่ยนจากสถานะผู้ปกครองเป็นคนรู้ใจได้ป่ะ ทำไมหล่อขึ้นทุกวันวะ”
   
                  เอ่อ เขาไม่รู้จะตอบว่าไง เลยปล่อยให้เธอเพ้อไปคนเดียวอยู่แบบนั้น

   





                  “กรี๊ด นี่ใช่คนที่แต่งหญิงงานเปิดสนามวันนั้นมั้ยอ่ะ”
   
                  ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่เขาควรภาคภูมิใจเมื่อเฝ้าซุ้มอยู่ดีๆ ก็มีคนจำได้
                  จำได้…ในนามของนางฟ้าสถาปัตย์ จบแล้วชีวิตเขาในมหา’ลัยอันยิ่งใหญ่โสภา
   
                  “ครับ”
   
                  แล้วเขาก็ตอบกลับไปด้วยความภาคภูมิใจ ถุย!
   
                  “ดีจัง ขอถ่ายรูปเอาไปลงเพจได้มั้ยคะ เพจของมอ”
   
                  เขาเกาหัวแกรก เกิดมาไม่เคยได้มีเกียรติขนาดนี้ ยิ้มสิมดยิ้ม แชะ
   
                  “ขอบคุณนะคะ จะเป็นไรมั้ยถ้าเราจะใส่ชื่อเฟซในแคปชั่น”
                  “ตามสบายเลยครับ”
   
                  ที่เขาตอบไปแบบนั้น เพราะเขายังไร้เดียงสา และไม่รู้ว่าอะไรจะตามมาในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าน่ะสิ
   
                  “มึง สายป่านอัพสตอรี่ว่าอยู่ในงานว่ะ วี๊ด”
                  “ไหนๆ จริงๆด้วย อยู่ไหนวะ”
                  “สายป่านอยู่กรุงเทพฯนี่”
   
                  บทสนทนาบอกว่าสายป่านอยู่กรุงเทพฯอันนั้นเขารู้ที่อยู่มันดี แต่คาดว่าเจ้าตัวคงจะหมายถึง สายป่านอยู่ชมรมจังหวัดของกรุงเทพฯน่าจะถูกต้อง
                  เขาไม่ได้ตั้งใจเงี่ยหูฟังนะ แต่กางผึ่งเต็มที่เลยต่างหาก ช่วยไม่ได้ อะไรที่เป็นเรื่องของแม่ง เขาก็อยากรู้อยากเสือกไปหมดนั่นแหละ
                  มันอยู่ในงาน…
                  มันอัพสตอรี่ไอจี…
                  แล้วตัวมันล่ะ อยู่ที่ไหนวะ
                  ไหนบอกคิดถึงใครไง เขาก็นึกว่าคงจะแจ้นไปหาใครบางคนที่เป็นคนๆนั้นเสียอีก
                  หรือแค่อัพสตอรี่หลอกๆ?
                  หลอกให้คนอย่างเขาดีใจ…
   
                  “เด็กเตี้ยนี่ใครวะ เฮ้ย ปีหนึ่ง เฝ้าซุ้มทำหน้าให้มันดีๆหน่อย”
   
                  แต่ก็เสียใจเก้อไม่นาน เมื่อเสียงทุ้มนุ้มคุ้นเคยแต่ดัดให้ห้าวๆหน่อยพูดขึ้นข้างหลังเขา เฮ้ย แก้มเขาคงปิดรอยลักยิ้มเล็กๆของตัวเองไม่มิดแน่ๆ
   
                  “เป็นปีสองเว้ย ดูเข็มขัดก็รู้”
   
                  เขาหันกลับไปสวนกลับไอ้คนกล่าวหา สายป่านในชุดนักศึกษา ผูกไทด์เต็มยศยืนอยู่ตรงหน้า ไม่รู้ทำไม เขาถึงมองรอยยิ้มของมันว่าทำให้ใจเต้นแรงได้อยู่เรื่อยเลย
   
                  “ตัวสูงขึ้นบ้างป่ะ จะเป็นปีสองอ่ะ”
   
                  เขาอมลม แก้มตุ่ย หมดความจะเถียงกับคนเหี้ย
   
                  “ล้อเล่นหน่อยเดียว หน้าบูดไปได้”
                  “เหรอ”
                  “มึงกวนขึ้นวะ”
                  “กวนตีน?”
                  “กวนใจ”
   
                  อึก!
   
                  เกิดการสตั๊นไปห้าจุดศูนย์สามวินาที ก่อนที่เขาจะแกล้งชกไม้ชกมือแล้วเฉไฉไปเรื่อย
   
                  “มึงพูดเหี้ยไรเนี่ย”
                  “พูดความจริง”
                  “…”
                  “มึงอ่ะกำลังกวนใจกูฉิบหาย”
                  “…”
                  “มึงกำลังชอบใครอยู่วะแม่ง”
   
                  ตาสีดำสนิทของมันจ้องลึกเข้ามาเหมือนพยายามควานหาคำตอบของบางสิ่งในดวงตาเขา
   
                  “สายป่าน!!!”
   
                  เกือบไปแล้วมด เกือบลั่นดาลเปิดกลอนที่สลักไว้เสียเองแล้วไหมล่ะ
                  ดีนะที่เจ๊มามี่โผล่มาซะก่อน
   
                  “รีบเลยจ้า ไปแต่งหน้ามาเป็นมาสคอตให้ซุ้มได้แล้วววววว”
               
                  สายป่านยิ้ม
   
                  “แล้วใครแต่งหน้าให้ผมครับเจ๊”
   
                  เออ นั่นสิ พวกเจ๊ๆหายหัวไปไหนกันหมดแล้ว
   
                  “ไม่มีอะไรที่เด็กสถาปัตย์ทำไม่ได้ถ้าเป็นงานศิลปะค่ะ”
   
                  แปลว่าเจ๊มามี่จะแต่งหน้าใช่มั้ย เจ๊ของเขาเก่งมาก นี่สิผู้เข้าถึงศิลปะอย่างถ่องแท้ไม่ใช่แค่การวาดแปลนบ้านโง่ๆ หรือการลงสีในกระดาษสีขาว
   
                  “มด…”
   
                  !!!
   
                  “รับงานด้วยนะ เจ๊ฝาก”
   
                  ง่ะ…
                  เอาคำชมคืนมาเถอะอย่างนี้อ่ะ
                  เจ๊มามี่เดินหายไปแล้ว เหลือเขากับไอ้สายป่านสองคนเหมือนเดิม
   
                  “ไม่ยักรู้ มึงแต่งหน้าเป็นด้วย”
                  “ระดับไหน”
                  “หมายถึงส่วนสูงเหรอ กูร้อยแปดสิบเป๊ะ”
               
                  จ้า ไอ้เปรตเหี้ย!!!


                  
   

                  การเมคอัพลงบนใบหน้าของไอ้สายป่านเป็นไปด้วยดีอย่างราบลื่นและง่ายมากๆ นี่แหละหนา อิจฉาคนผิวดีหน้าดีชะมัด โบราณว่า
                  หน้าดี มีชั้ยไปกว่าครึ่ง…
                  ผิด ยังไงก็เถอะ อิจฉา อิจฉา อิจฉา
                  ผู้ชายอะไรวะ แก้มนิ่มเป็นบ้า งื้อ พูดเองก็เขินเองเลยเรา
                  ยิ่งตอนแต่งหน้าให้ แล้วมันจ้องเอาๆนะ ฮึ่ยยยยยยย
                  เขินนนนนนนนน
                  เป็นเอามากแล้วเขา…
   
                  “เจ๊ ชุดของมันล่ะครับ”
   
                  เขาจงใจเน้นคำว่ามันแรงๆด้วยความหมั่นไส้ให้ไอ้คนนอกสายที่ยืนชมความหล่อของตัวเองหน้ากระจกได้ยิน มันหันมาชูนิ้วกลางให้เขา แล้วกลับไปสนใจความงามบนกระจกต่อ
                  หยาบคาย สถุล เถื่อนมาก
   
                  “มึง เปลี่ยนชุด”
   
                  หลังจากวางสายเจ๊ เขาก็เข้ามาจัดการกับมันต่อ
                  อันที่จริงมันก็เป็นแค่เสื้อยืดธรรมดา แต่พิเศษตรงที่มันถูกป้ายสีสันลงบนเนื้อผ้าด้วยสีธรรมชาติที่เป็นโปรเจกต์เบสเลิร์นนิ่งวึ่งถูกสร้างขึ้นจากการเรียนวิชาตัวเมเจอร์โดยเฉพาะของเด็กสถาปัตย์กลุ่มหนึ่ง
                  เขาขุดคุ้ยหาชุดในตู้เสื้อผ้า
   
                  “มึงจะใส่ตัวไหน มันมีสองตัว”
   
                  เฮ้ยยยย
                  เขาหันไปหามันแต่พบว่าไอ้สายป่านแม่งทึ้งเสื้อตัวเองลงกองกับพื้นนานแล้ว
                  เหลือเพียงเรือนร่างที่เขาจำได้ว่าเคยแอบชมหุ่นตัวใดตัวหนึ่งของห้องลองเสื้อในคณะว่าโคตรจะสมบูรณ์แบบ
                  ไม่ต้องมองกระจกก็รู้ว่าเขากำลังหน้าแดงอยู่…
                  มด เป็นเอามากนะเรา
   
                  “ใส่หมด มึงก็ใส่อีกตัว”
                  “ดะ…ได้ไง กะ..กูไม่ได้ เป็น มาส คอต”
   
                  แล้วทำไมต้องพูดตะกุกตะกักด้วยเนี่ย
                  โอ๊ยให้ตาย มึงรีบเอาไปใส่เลยนะแม่ง
   
                  “ใส่เป็นเพื่อนกู…”
                  “…”
                  “นะ”
   
                  มึงไม่รู้หรือไง
                  กูแพ้ลูกอ้อนคนที่ชื่อสายป่านเว้ยยยยย

   





                  “นอกจากมึงจะเป็นช่างแต่งหน้าแล้ว มึงยังเป็นมาสคอตได้อีกนะ”
   
                  เขาจะถือว่าเป็นคำชมแล้วกัน
                  ตอนนี้พวกเรามายืนโชว์ตัวหน้าซุ้มให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาจ้องมองอย่างสนใจ
                  ไม่ใช่สนใจในตัวผลงานนะ…
   
                  “กรี๊ด น้องสายป่านพี่ขอถ่ายรูปหน่อยนะ”
                  “งื้อ พี่คณะกู หล่อมั้ยมึงงงงง”
                  “สายป่าน น่ารักจังเลย”
                  “แก๊ หนุ่มสถาปัตย์งานดีโคตร”
   
                  และอะไรต่อมิอะไรสารพัดจะเอามาชม เหอะ ไม่ต้องมีเขามายืนข้างๆให้รกลูกตาคนอื่นหรอกมั้ง ได้แต่ประชดไอ้สายป่านในใจเงียบๆ แต่สีหน้าก็ต้องยิ้มแย้ม ท่องไว้มันคืองาน…
   
                  “เอ่อ…”
                  “…”
                  “น้องมดกับน้องสายป่าน พี่ขอถ่ายรูปคู่ได้มั้ยคะ”
                  “ครับ?”
   
                  พวกเราหันไปยิ้มให้กล้องของเธอ แต่ว่า…
   
                  “ไม่เอาท่านี้สิคะ ขอชิดกว่านี้ได้มั้ย”
   
                  ยังไงอ่า…
      
                  ฟึ่บ!
   
                  “แบบนี้เหรอครับ”
            
                  เขาถูกจู่โจม เขากำลังโดนจู่โจมหัวใจครับทุกคน
   
                  ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
   
                  มึงแม่งไม่เคยให้กูได้ตั้งตัว
                  คิดจะดึงเข้าไปโอบ ก็ดึงไปเฉยไม่ถามความเห็นใครสักคำ ถามคนที่มันหน้าแดงตอนนี้ก่อนได้มั้ย ว่าใกล้ไปหรือเปล่า…
                  เขินนนนนน
   
                  “งื้อออออ เขิน”
   
                  อ้าว ไม่ใช่เสียงเขานะเว้ย
                  เป็นพี่ผู้หญิงที่ยืนถ่ายรูปพวกเราตรงหน้าต่างหาก
                  แถมท่าโอบไหล่ถ่ายรูปของพวกเรา ยังเรียกกล้องอีกนับสิบให้กดถ่ายรัวๆ
   
                  “เท่านี้ก็พอแล้วค่า ขอบคุณมากนะคะ”
   
                  เรายิ้มตอบเธอ นึกว่าจะได้พักแล้ว…
                  เมื่อยฉิบ
   
                  แต่!!!
   
                  “น้องคะ น้องสองคนโพสต์ท่าเมื่อกี้อีกรอบได้มั้ย งื้อเด็กสมัยนี้น่ารักจังเลย”
                  “คนนึงเตี้ย อีกคนก็ตัวสูง โอ๊ย ทำไมฉันเพิ่งมาคิดวะ”
   
                  เอ่อ เขาจะถือว่าเป็นคำชมแล้วกันนะ
   
                  “งื้อ เขินแทนเลยว่ะ”
   
                  ตอนนี้เขาเปลี่ยนจากเขินมาเมื่อยแล้วครับทุกคน
   
                  “ดูความมุ้งมิ้ง มันแบบ คือ กูควรดีใจกับอะไรแบบนี้เหรอ”
   
                  กว่าพวกเราจะได้พัก ก็ปาไปอีกครึ่งชั่วโมงกว่าๆ
                  เขาเดินออกมาหลบหลังซุ้ม ทว่า…
   
                  “มดมด ช่วยอะไรพวกเจ๊หน่อยสิ”
   
                  พวกเจ๊ๆที่หายเข้ากลีบเมฆโผล่มาอีกรอบด้วยเสื้อเปื้อนสี
   
                  “ได้ครับ” รู้เลยเสียงเขาโคตรอ่อนแรง
                  “เจ๊ทำป้ายบอร์ดพัง”
                  อิเจ๊!!!!!!!!!!!


                  


                  “สูงพอยังเจ๊ ให้ทาสีตรงไหนเพิ่มอีกมั้ย”
   
                  โถ ชีวิตไอ้มดนี่จะว่าไปมันก็น่าเศร้านะ แต่งชุดแต่งตัวพร้อมโชว์ แต่ดันต้องมาเป็นคนงานลูกมือเจ๊ๆ ปีนบันไดขึ้นไปซ่อมป้ายบอร์ดซุ้ม
                  แต่งหล่อพร้อม…
                  จากนายแบบกลายเป็นคนงานก่อสร้างเฉย
                  ทุกคนที่ผ่านไปมาอย่าได้สงสัย ว่าทำไมถึงมีคนหน้าตาดีปีนป่ายซุ้มของคณะสถาปัตย์แบบนี้ ถุย ขอซื้อความมั่นหน้าของตัวเองทิ้งได้มั้ย
                  ใครไม่นก มดนก
                  นกตัวเองไว้ก่อนเท่ากับรอด
   
                  “ขอเก็บรายละเอียดตรงขอบหน่อยจ้า ดีมากเลยมด อู้ อู้ มุมสูงของมดนี่เตะตาเจ๊เลย”
   
                  เจ๊!!!
                  เวลาแบบนี้ยังจะมาลามกจ้องน้องชายใต้ร่มผ้าของเขาเอาๆอีกนะ ให้ตายเถอะ
                  มดจะบ้า ถ้ามีชาสักแก้ว…
   
                  “วี๊ด สายป่าน”
   
                  ไอ้สายป่านโผล่หน้ามาพร้อมชานมแก้วใหญ่สองแก้วถือว้ายขวา
                  หรือว่า…
   
                  “ขอบใจมากนะจ๊ะ พ่อคุ๊ณณณณ ขอบคุณที่รับฝากนะจ๊ะ”
   
                  เจ๊มามี่ดับความหวังลมๆแล้งๆของเขาเสียสิ้น
                  เขามองตามชาแก้วใหญ่ที่ส่งต่อจากมือไอ้สายป่านถึงเจ๊มามี่โดยสวัสดิภาพหงอยๆ
                  หิวชา หิวน้ำ
   
                  “มองไรวะครับ”
   
                  พบคนกวนตีนหนึ่งอัตราเบื้องล่างครับ
                  เขาแกล้งทำหูทวนลมไม่ได้ยินเสียงมันพูด ก่อนจะแสร้งเอาแปรงป้ายสีนั่นสี่นี่ทาเล่น แต่ไม่เละนะครับ ระดับเด็กสถาปัตย์แล้ว กวาดลงที่ไหน ที่นั่นกลายเป็นศิลปะ
                  อวยคณะตัวเองก็เป็นว่ะคนเรา
   
                  “เฮ้อ ท่าทางชานมกูคงเป็นหมันแล้วล่ะ”
   
                  อะไรนะ
                  ตาเขาลุกวาวเก็บอาการไม่อยู่
                  คือ…
   
                  “ซื้อมาให้ กลัวมึงหิวน้ำ”
   
                  วี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
                  อะไรกันความพองโตที่อกข้างว้ายแบบนี้
                  คือมันซื้อชานมมาให้เขาเหรอ มันซื้อมาให้เขากิน เขาจะได้กินชานมแก้วใหญ่นั่นเหรอ
                  รีบไต่ลงแบบไม่คีปลุคห่าเหวอะไรทั้งนั้น
   
                  “มึงนี่”
   
                  มันหมดคำจะพูด แล้วยื่นแก้วชามให้เขา มือตัวเองกำลังจะฉกแก้ว แต่มันยื้อไว้ก่อน แก้วชานมยังอยู่ในมือของไอ้สายป่าน
                  เบื้องหน้าเขาเห็นรอยยิ้มขี้เล่นปรากฏตรงมุมปาก
   
                  “พอดีว่าไม่ค่อยชอบชานม…”
                  “…”
                  “แต่เห็นท่าทางมึงอยากกินขนาดนี้ ก็ขอชิมหน่อยแล้วกัน”
   
                  มันดูดชานมต่อหน้าต่อตาเขาเฉยเลย
                  จากนั้นก็ส่งมาให้เขา เขารับมาด้วยความงงงัน เอ้า อยากกินทำไมไม่กินเองแต่แรกวะ เอามาให้เขาทำไงงั้นอ่ะ
   
                  “ลองดู อร่อยมั้ย”

                  เขาไม่ได้คิดอะไร ดูดชานมอย่างสบายใจ ฮ้า ชื่นจายยยยย
   
                  “ท่าทางระริกระรี้ของมึงนี่…”
                  “…”
                  “คงจะดีใจมากสินะที่ได้จูบปากกู”
   
                  จูบ
                  ปาก
                  มึง
                  เขาแปลสมการในหัวด้วยความรวดเร็ว
                  มันชิม เขาดูดต่อ เขาจูบมันทางอ้อม
                  เรา จูบ กัน
                  ไม่ เราไม่ได้จูบกัน
                  เราจูบ
                  ไม่ เราไม่ได้…จูบ
                  ตอนแรกก็คิดแค่ว่าดูดชานมแล้วสดชื่นเลยดีใจไม่ได้คิดอะไรมากมาย
                  แต่มึงแม่ง ทำกูคิดไปไกล กูคิดไปแล้ว กูไม่ได้ยิ้มอยู่นะ
                  ไอ้คนบ้า!
   
                  “นอกจากจะเป็นช่างแต่งหน้า หุ่นโชว์หน้างานแล้ว ยังเป็นพนักงานทาสีได้อีกด้วย”
                  “…”
                  “มึงนี่ มีอะไรอีกมั้ยที่ยังไม่ได้เป็น”
   
                  มีสิ…
                  มีหลายอย่างเลยที่เขายังไม่ได้เป็น และยังไม่กล้าจะเป็นมัน
                  และที่มันไม่กล้า เหตุผลทั้งหมดก็เพราะมึง
                  ไอ้สายป่าน 291
                  มาทำให้ชอบอยู่แบบนี้ทำไม…


                  


                  ไม่ดึกเท่าไหร่งานก็เลิก พวกเราช่วยกันเก็บซุ้ม และไอ้สายป่านย้อนกลับมาอีกครั้ง ให้หัวใจได้เต้นรัว หลังจากมันหายออกไปเป็นชาติเศษ แต่การกลับมาของมัน ได้บอกว่าชานมแก้วเมื่อเช้า เขาไม่ได้เพ้อไปเองคนเดียว
   
                  “มานี่ กูแบกเอง มึงไปทำงานเบาๆเถอะ”
   
                  มันแย่งไม้กระดานขนาดใหญ่ในมือเขาไปแบกเอง แล้วบุ้ยใบ้ไปทางกองเสื้อผ้าที่ใช้จัดโชว์ในวันนี้ ประมาณว่าให้เขาไปจัดการตรงนั้นแทน
                  แล้วเขาก็เหมือนหมา ที่ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เมื่อเจ้านายโยนกิ่งไม้ออกไป
                  ถ้ามีหาง เขาว่าตอนนี้หางของเขาคงกำลังกระดิก
   
                  “ไม่ค่ะมดมด วันนี้เหนื่อยทั้งวันแล้ว กองนี้พวกเจ๊จัดการเอง หนูไปนั่งพักแถวนั้นเถอะ”
   
                  แต่หมาอย่างเขาก็โดนไล่อีกรอบ ให้ไปนั่งพักตรงม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากซุ้ม
                  ก่อนจะไปเขาลังเล แล้วมองรอบๆอีกที
                  โอเค…
                  น่าจะพักได้ล่ะมั้ง
                  เพราะที่เหลือคนอื่นๆก็ทยอยเก็บกันหมดแล้ว จะเหลือก็แค่ป้ายบอร์ด ที่น่าจะมาเก็บพรุ่งนี้เช้า เพราะรถขนของของพี่ปืนยังไม่ว่าง ครั้นจะช่วยกันแยกส่วนแบกกลับไปก็กระไรอยู่
                  และครั้นจะยืมรถของสายป่าน เขาก็ว่ามันไม่เห็นสมควร
                  สายป่านไม่ใช่สต๊าฟงาน แต่ถูกเชิญจากเจ้าของงานให้มาร่วม
                  ที่นี่ คนดังๆที่มีอิทธิพลมักจะถูกวางไว้ด้านบนสุดของยอดปิรามิดเสมอ จากมุมมองของฐานรากแล้ว มันทั้งไกล และเข้าถึงยากจริงๆ
                  แต่แล้ว หางของเขาก็กำลังกระดิกอีกครั้ง
                  เมื่อหางตาเขามองเห็นมันเดินตรงมาทางนี้…
                  แค่ไกลๆก็ทำให้ใจเต้นตึกตักแล้ว
                  ถ้ามาใกล้กว่านี้ เขาคงจะเป็นบ้า
                  มันค่อยๆใกล้เข้ามา…
                  เรื่อยๆ… และเรื่อยๆ
                  จนกระทั่งอยู่ในระยะที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าชัดเจน เขาควรทำตัวยังไงดี วันนี้มันทำให้เขาวุ่นวายใจในหลายๆเรื่อง
                  เช่น เรื่องชานมแก้วใหญ่นั่น
                  จะมีสักกี่คนที่บอกว่า คนอื่นกำลังจูบตัวเองทางอ้อมอยู่
                  มันทำให้เขาคิด…
                  คิดมาก คิดเข้าข้างตัวเอง และคิดจริงจัง… ไปไกลแสนไกล
                  แต่!!!
   
                  “พี่สายป่านครับ”
   
                  ไอ้สายป่านมาไม่ถึงตัวเขา…
                  มันถูกรั้งไว้ใกล้ๆโดยใครคนหนึ่ง
                  ใครคนนั้นที่…
   
                  “ผมชอบพี่ ชอบมานานแล้ว ชอบตั้งแต่เปิดเทอมวันแรก…”
                  “…”
                  “พอจะมีโอกาสให้ผมบ้างมั้ยครับ”
   
                  มีความกล้ามากกว่าเขาหลายเท่านัก
                  ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาอยากจะเป็นที่สุด กลับไกลห่างออกไปเรื่อยๆ
                  เขาเป็นได้ทุกอย่าง ยกเว้นคนที่มันชอบ…





T B C


มดกั๊กไม่บอกสักที โดนตัดหน้าแล่ววววว

เจอกันพรุ่งนี้ค่า ขอบคุณทุกๆกำลังใจ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่แปด 12-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 12-04-2019 22:02:09
 o22 o22 o22 โดนตัดหน้าไปอีกแล้วมดเอ้ย
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่แปด 12-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-04-2019 22:09:14
สายป่านนะสายป่าน ทำให้ใจมดมดสั่นไปหมดแล้ว  :hao3:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่แปด 12-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 13-04-2019 00:57:20
ยังไงล่ะทีนี้  :sad11:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่แปด 12-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: lonesomeness ที่ 13-04-2019 11:50:59
สายป่านขี้อ่อยมากกกกกกกก  มากแบบมากเบอร์แรง
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่เก้า 13-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 13-04-2019 19:45:30
ก้าวที่เก้า
ผิดที่ ผิดเวลา


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  “สวัสดีค่ะ วันนี้เราอยู่กับคุณมามี่ ผู้เชียวชาญด้านความรัก ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีกระทรวงหัวใจสีชมพู…”
                  “…”
                  “คุณมามี่คะ คุณคิดเห็นอย่างไรกับโลกโซเชียล สื่อออนไลน์ที่ขณะนี้ได้ประโคมข่าวผู้ตามจีบเดือนคณะสถาปัตย์ของเราอย่างหนุ่มสายป่าน คุณคิดว่าบุคคลคนนั้นจะมีหวังบ้างหรือไม่คะ กับการได้สายป่านไปเชยชม”
                  “ค่ะ สำหรับคำตอบของดิฉันนะคะ ดิฉันคิดว่า…”
                  “มึงเล่นกันไม่ดูหน้าคนป่วยทางใจเลยอิพวกเวง”
   
                  ลลิตาแหวใส่มามี่กับอุมาพร ก่อนจะพยักเพยิดมาทางเขา ที่ฟุบหน้ากับโต๊ะ แต่ก็พอรึความเป็นไป
   
                  “เปล่านะ เราไม่ได้เป็นอะไร”
   
                  เขาเถียง ในขณะที่หลักฐานมัดตัวแน่น พวกเจ๊ๆกรูกันเข้ามาตบไหล่ แล้วแสดงสีหน้าเห็นอกเห็นใจ
   
                  “โถ มดที่น่าสงสารของเจ๊ๆ ขนาดนี้แล้วปกปิดพวกเราไม่ได้หรอก”
   
                  วินดี้เข้ามากอดเขา ก่อนจะโดนมามี่จิกหัว
   
                  “หยุดลวนลามอิดอก สกปรก”
   
                  มามี่พูด แล้วก็เป็นเธอเสียเองที่มากอดเขาแทน เอ่อ… ไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว ปล่อยเลยตามเลยแล้วกัน
                  แล้วจากนั้น เขาก็ถูกกลวนลามโดยเหล่านางฟ้าทั้งห้า ที่แม่งรุมกันเข้ามากอดมาหอมแบบไม่มีช่องว่างให้หายใจ…
                  หลังจากเสร็จสมอุราของพวกหล่อนแล้ว เจ๊ๆก็มานั่งเท้าคางโดยมีเขาเป็นจุดศูนย์กลางของสายตาทุกคู่
                  การโดนจ้องอยู่แบบนี้มันน่าอึดอัดจังเลย
                  เฮ้ออออ
                  จนมีใครคนหนึ่งทำลายความเงียบ ซึ่งก็คือวินดี้ที่ปรบมือดังเปาะ
   
                  “เอางี้ไหมมด อย่าเพิ่งหูเบาเชื่อตามข่าวในเฟซบ๊กเลย”
                  “นั่นสิ แล้วมึงจะทำยังไง”
                  “ก็ไม่ทำไง คนก็ของคณะเรา เราก็ตามไปเฝ้าแม่งเลยดิคะ”
                  “ความคิดดี” เจ๊มามี่แปะมือกับวินดี้
                  “แหม ริจะไปเฝ้าเขานะคะ กล้ามาก มึงจะไปเฝ้าเขาในฐานะอะไรยะ”
   
                  อุมาพรพูดขึ้น
   
                  “อุ๊ย เจ๊ไม่ได้ตั้งใจนะมด”
                  “ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวน่าจะถึงเวลาเรียนเราแล้วล่ะ แยกกันตรงนี้นะ เราไปกับเพื่อนอีกกลุ่ม”
   
                  นั่นสิ อุมาพรพูดถูก เขาจะใช้สิทธิ์ไหนกัน ในตัวของไอ้สายป่าน…
                  หลังจากการได้ยินสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในงานนิทรรศการวันนั้น นี่ก็ผ่านมาอาทิตย์กว่าแล้ว เป็นเพราะว่าคณะเราไม่ได้มีงานใหญ่อีกเลย นั่นทำให้เขากับไอ้สายป่านแทบไม่ได้เจอกันอีก มีเพียงเขาที่เห็นมันเดินผ่านไปบ้าง แต่แทบทุกครั้งมักจะมีเด็กผู้ชายปีหนึ่งตัวเล็กน่ารักวิ่งตามต้อยๆเสมอ
                  เด็กคนนั้นชื่อว่านาคิน…
                  เรียนอยู่สถาปัตยกรรมศาสตร์ปีหนึ่ง เพิ่งเข้ามาใหม่ เขาจำได้ตอนช่วงรับน้อง น้องเคยเดินมาถามทางไปตึกสี่ของคณะครั้งหนึ่ง
                  และอีกครั้งที่เราเจอกัน มันกลับไม่ใช่ความทรงจำที่ดีเท่าไหร่
                  ผมชอบพี่ ชอบมานานแล้ว ชอบตั้งแต่เปิดเทอมวันแรก…
                  พอจะมีโอกาสให้ผมบ้างมั้ยครับ
                  เขาบอกตัวเองว่าไม่มีสิทธิอะไรจะไปโกรธเคืองเด็กคนนั้น แต่ก็ทำไม่ได้
                  จากความโกรธตอนนี้เขากลับรู้สึกอิจฉา เป็นความอิจฉาเล็กๆที่เด็กนั่นได้แสดงออกอย่างที่ใจต้องการ
                  ผิดกับตัวเขาเอง
                  ปอดแหก ขี้กลัว ไม่กล้า
                  ทั้งหมดคือมด มันคือเขาที่แอบหลงรักใครคนหนึ่งมาแสนนาน
                  บางทีเขาก็คิดว่ามันไม่ใช่ความบังเอิญที่ชื่อเล่นของเขาคือมด
                  เขาเป็นเพียงมดตัวเล็กๆที่ขี้ขลาด
                  ตอนนี้เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ
   
                  “เตี้ย!”
   
                  เขาสะดุ้งโหยง เพราะมัวแต่ปล่อยใจลอย
                  พอหันกลับไป ก็เจอไอ้สายป่าน…
                  กับนาคิน
   
                  “ไปเรียนอะไรวะ”
   
                  เขายืนนิ่ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังถูกมันถาม เพราะตาจ้องมองมือของนาคินที่เกาะเสื้อไอ้สายป่านแน่น
                  สนิทกันเร็วขนาดนี้เลยเหรอ…
   
                  “มด ไอ้มด”
                  “ว่า อะไรนะ”
                  “กูถามว่ามึงจะไปเรียนตัวอะไร”
                  “ไบโอร้อย”
                  “พอดีเลย งั้น…”
   
                  มันไม่ทันพูดจบประโยค เขาก็ตัดบทเสียก่อน
   
                  “กูรีบ เพื่อนมารอแล้ว ไปก่อนนะ”
   
                  เขาก้าวฉับๆเดินออกมาจากตรงนั้น รู้เลยว่าความร้อนผ่าวตรงขอบตามันหมายถึงอะไร
                  อายุเข้าเลขสองแล้วยังจะมาร้องไห้งอแงเหมือนเด็กสิบแปดอีกนะไอ้มด
                  นี่มึงดูอ่อนแอขนาดนี้เลยเหรอ กับเรื่องของมัน
   
                  ตึ๊ง
   
                  เสียงแจ้งเตือนไลน์ทำให้เขาต้องเปิดอ่าน มันคือไลน์กลุ่มของเพื่อนๆเขาเอง
   
                  ‘มึง กูกับจิ๊บต้องไปซื้อของทำงานกลุ่มวิชานอกคณะ มึงเข้าเรียนก่อนเลยนะ’
   
                  เป็นข้อความของฟ้าที่ส่งเข้ามา
                  นั่นแปลว่าเขาต้องเดินไปเรียนคนเดียวสินะ เพราะไมด์ไม่ได้ลงเรียนด้วยกันในเทอมนี้
                  โดนเพื่อนเท…
                  สรุปสั้นๆ
                  โอเค… บางครั้งเวลาของตัวเองก็ต้องมาถึงในไม่ช้า ขาดเพื่อนไม่ถึงตายเว้ย!
                  คนเรามันก็ต้องไปไหนคนเดียวบ้าง มึงจะให้รายล้อมไปด้วยเพื่อนหมดทุกเวลาก็โลกสวยเกินไปแล้ว…
                  คนเราต้องทำอะไรคนเดียว
                  ยืนด้วยตัวเอง
   
                  !!!
   
                  หมับ!
   
                  “มึงมานี่ดิ๊”
   
                  คนเรา…
                  เขาถูกไอ้สายป่านที่เดินตามมาตอนไหนไม่รู้ลากถูลู่ถูกังไปแบบ…ยินยอม
                  โอเค แค่มันจับมือถือแขนเขาก็อ่อนระทวยไปหมดแล้ว
                  ไม่สิ มันไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ มันตามเขามาทำไมกัน
   
                  “ปล่อย กูมีเรียน”
                  “แล้วจะไปเข้าเรียน นั่งเรียนคนเดียวเหรอ มึงทำได้เหรอ”
   
                  สะอึก
                  เขาไปต่อไม่ถูกเลย
                  แม้แต่ผู้ที่ต่ำต้อยที่สุดก็สามารถหยั่งรู้อนาคตได้
                  ฉะนั้นถึงแม้เขาจะแสร้งทำเป็นเหมือนไม่กระทบอะไรมากมาย แม้แต่ตัวเขาเองก็ต้องมีมุมที่น่าหงุดหงิดใจ
                  เขา ไป เรียน คน เดียว ไม่ได้จริงๆ เขาติดเพื่อน มันอาจจะดูเป็นมุมที่อ่อนแอ ไร้เหตุผล แต่นี่ล่ะคือตัวของเขา มุมอีกมุมที่ทุกคนอาจจะรับไม่ได้ แต่มันคือตัวเขาจริงๆ
                  ดูเหมือนประโยคสวยหรูข้างบนที่เขาลักจำมาจากเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์จะไม่ค่อยเกี่ยวกับประเด็นสักเท่าไหร่นะ
                  ช่างเถอะ นั่นมันสำคัญด้วยเหรอวะ
   
                  “กูเรียนได้”
                  “มึงเรียนไม่ได้”
                  “…”
                  “มึงติดเพื่อน กูรู้ดี”
      
                  แล้วทำไม มึงถึง…รู้ดี
   
                  “โดดกัน”
      
                  โดดเหรอ
   
                  “นะครับ”
   
                  ได้เลย…


                  
   

                  “น้ำปั่น?”
                  “อื้อ น้ำปั่นกรีน”
   
                  มันตอบสีหน้าเรียบเฉย

                  “ร้านนี้ดูไม่เหมาะกับผู้ชายเถื่อนๆแบบมึงเลย”
                  
                  เขาขอแขวะมันหน่อยเถอะ โดนลากโดนจูง จนตามใจมันเลยตามเลยมาถึงร้านน้ำปั่นกรีน ร้านดังหน้ามอที่นักศึกษาต้องแวะเข้ามานั่งชิลๆจิบแบบชาๆ เพราะมันคือชานมน้ำปั่นกรีน!!!
                  ท่องตามคลิปที่พี่ของเขาเจ้าของร้านมักไลฟ์ลงเฟซบุ๊กบ่อยๆ
                  ก็ไม่ได้เป็นแฟนคลับพี่แกเท่าไหร่อ่ะนะ กูคนมันปลื้มทำไงได้ล่ะ
                  แต่พี่แกมีแฟนแล้วเว้ย…
   
                  “รับอะไรดีครับ”
   
                  นี่ไงล่ะ แฟนตัวจริงไม่อิงข่าวลือ น่ารักแบบพี่กรีนนี่หาได้จากไหนอีกครับ
   
                  “รับพี่กรีนหนึ่งที่ ขอน่ารักๆ พูดเพราะๆ”
   
                  หน้าหม้อ!!!
                  ไอ้สายป่าน…
   
                  “ส้นตีนนี่”
   
                  ฮ่าๆ แฟนพี่เขาตีหน้าโหดเข้ามาแล้วนั่น สมน้ำหน้าจริงๆ แต่เห็นสีหน้าไม่หงอยแถมกวนตีนของมันแล้วไม่รู้เขาจะได้สมน้ำหน้าจริงๆหรือเปล่า
   
                  “สันตีนก็กินได้ครับ”
                  “เหรอ เดี๋ยวกูยัดให้”
   
                  พี่ของเขาตั้งท่าจะทำแบบนั้นจริง ตอนแรกเขาคิดว่าไอ้สายป่านจะแน่ แต่สุดท้ายก็ถอยร่นไปนั่งรอที่โต๊ะ พร้อมสั่งเครื่องดื่มก่อนไป
                  เดี๋ยวแล้วของเขาล่ะ…
   
                  “นมเขียว หวานน้อย”
   
                  มันเป็นของโปรดของเขาเลยล่ะ แต่กลับเป็นไอ้สายป่านที่สั่งให้แทน
   
                  “นั่งลงดิ ยืนจ้องกูเพื่อ”
                  “เปล่า”
   
                  เป็นคนกวนตีนยังไง ก็กวนตีนอย่างนั้นอยู่วันยังค่ำ เขาจะไม่ถอนหายใจกับเรื่องนี้เป็นครั้งที่ล้านๆหรอกนะ เฮ้อ
   
                  “เมื่อกี้ แม่งเดินหนีกูทำไมวะ”
                  “…”
                  “หล่อขนาดนี้ หมายังไม่เมินครับ”
   
                  นี่มุกหรือเปลือกหอย หรือว่าฝอยขัดหม้อ
                  สโลแกนกากๆ ถ้าถุยน้ำลายตรงนี้ทุกคนจะรับได้มั้ยอ่า คิดไปคิดมาไม่ทำดีกว่าแฮะ
   
                  “เงียบ เงียบทำไมครับ”
                  “ไม่รู้จะต่อยังไง”
   
                  เขาพูดตามจริง มันทำให้เขาไปไม่ถูกเลย แต่ละประโยคในบทสนทนาของมันเนี่ย
   
                  “นี่…”
   
                  เขาเงียบ
   
                  “อาทิตย์หน้าวันเกิดกูนะ”
                  “…”
                  “ไม่มีบัตรเชิญ ว่างก็มา”

                  แม้จะเป็นคำห้วนๆ สั้นๆ ประโยคง่ายๆ
                  แต่กลับทำให้หัวใจเขาเต้นแรง
   
                  ตึกตัก! ตึกตัก!
   
                  เขาตาโต ไม่ใช่เพราะพรุ่งนี้คือวันเกิดของมัน แน่นอน ข้อมูลง่ายๆแค่นี้เขาจำได้ไม่ลืม แต่ในความทรงจำของเขาเกี่ยวกับมัน เขาไม่เคยไปร่วมงานวันเกิด และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น เขาไม่เคยมีรูปถ่ายวันงานกับเจ้าของวันเกิดเลย
                  เพราะเขา…ไม่ได้สนิทกับมันถึงขนาดจะเอ่ยปากเชิญไปหรอก
                  แต่นั่น มันตอนปีหนึ่ง…
                  ตอนนี้มันกำลังเชิญเขาไปงานวันเกิด
                  มันนั่งอยู่ตรงหน้า ทำตัวสบายๆ พูดประโยคชิลๆ
                  แต่ทำให้เขาหัวใจเต้นแรง
                  มีเพียงคนสำคัญเท่านั้น ที่มันจะออกปากเชิญ
   
                  “แล้วถ้าไม่ว่างล่ะ”
   
                  ถามหยั่งเชิงไปงั้น ความจริงแล้วทำไมเขาจะไม่ว่างล่ะ ไม่ว่างก็จะว่างอ่ะ
   
                  “มึงเป็นคนเดียวที่ถ้าไม่มากูจะโกรธ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม”
   
                  มันพูดเสียงนิ่ง
                  จริงจัง?
                  เหรอ…
   
                  “พี่สายป่าน!!!”
   
                  แต่แล้วเหมือนโลกสีชมพูทั้งใบที่เขากำลังเพ้ออยู่ก็ค่อยๆพังลงมา เมื่อ…
                  คนที่เดินมาที่โต๊ะ คือนาคิน
                  เด็กปีหนึ่งคนเดียวกับที่สารภาพรักไอ้สายป่าน
   
                  “เฮ้ออออ”
   
                  สายป่านยกมือกุมขมับ ตอนที่ร่างเล็กถือวิสาสะดึงเก้าอี้จากอีกโต๊ะข้างๆมานั่งใกล้ๆมัน
                  เขามองทั้งคู่สลับกันไปมา
   
                  “ถอยไปห่างๆ”
                  “ก็อยากอยู่ใกล้อ่ะ ไม่ได้เหรอ ก็บอกชอบพี่”
   
                  เขาหูผึ่ง
                  แทบไม่เชื่อว่าตัวเองกำลังได้ยินอะไรแบบนี้
                  บอกรัก แบบไม่มีเคอะเขิน ดวงตามุ่งมั่นของน้องสะกิดต่อมบางอย่างในหัวใจของเขาให้กระตุก
                  ต่อมความขี้ขลาด…
   
                  “วันนี้ไม่เล่นนะ เหนื่อยจะไล่”
                  “ก็ไม่ได้มาให้ไล่ นี่!”
   
                  นาคินโชว์กระดาษสีขาวปึกหนาที่เขาเดาว่ามันคือชีทเรียนขึ้นมา
   
                  “ติวอิ๊งหนึ่งให้หน่อยนะ” นั่นไงล่ะ เขาไม่เคยเดาพลาด
                  “เฮ้อ คนอื่นก็มี”
                  “ก็จะเอาพี่…”
                  “…”
                  “ได้มั้ยล่ะ”
   
                  และครั้งนี้เขาก็หวัง
                  ขอให้การเดาของเขามันเกิดผิดพลาดบ้างเถอะ!


                  


                  “ทำไมโง่แบบนี้วะ”
                  “แง๊ว ละพี่จะซ้ำเติมทำไมวะ คนมันกากอ่ะ มีอย่างเดียวที่เก่ง”
                  “อะไร”
                  “เก่งแต่รักเธอ”
                  “ถุย!”
   
                  บางทีเขาก็อยากมี ในสิ่งที่นาคินมี
                  บางทีเขาก็อยากเป็น ในสิ่งที่นาคินเป็น
                  บางทีเขาก็อยากชัดเจน ในสิ่งที่นาคินเองก็กำลังชัดเจนอยู่
                  เป็นเวลาเกือบสามสิบนาที ที่เขานั่งฟังทั้งคู่ติวอิ๊งหนึ่งเงียบๆ แบบไม่มีส่วนร่วมในบทสนทนา
                  ก็… ไม่รู้จะแทรกตรงไหนดี
   
                  “ไอ้พี่ป่าน ทำไมงงจังวะ”
                  “ไม่งงดิ ดูนี่…”
   
                  เขาอยากทำตัวตามสบายเวลาอยู่กับมันอย่างที่นาคินกำลังทำอยู่
                  เขาอยากคุยกับมันให้ได้มากกว่านี้สักครึ่งของนาคินที่คุยจ้อไม่หยุดก็ยังดี
                  นี่เขา กำลังอยากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองอยู่จริงๆเหรอ
                  บ้าจริง ไอ้มด
                  เขาว่า เขาควรลุกไปจากตรงนี้ดีมั้ยนะ…
   
                  “สายป่าน”
                  “…”
                  “สายป่าน”
                  “…”
                  “สายป่าน!”
                  “ฮะ ว่าไงมด”
                  “กูไปเข้าห้องน้ำนะ”
   
                  หึ
                  ขนาดจะบอกว่าขอกลับยังทำไม่ได้เลยเรา ขี้ขลาดจริงๆ
   
                  ตึ๊ง
   
                  โฟร์ ผู้ฆ่าหมีด้วยมือเปล่า มด ดีลวันกับทีมนักแสดงแล้วนะ เย็นนี้ขอมาเจอกันก่อนได้มั้ย
                  เขาเปิดอ่านเงียบๆ
   
                  ได้สิ กี่โมง
                  โฟร์ ผู้ฆ่าหมีด้วยมือเปล่า ห้าโมง เคมั้ย ขอเอาสายป่านมาด้วยนะ
                  เขาชะงัก
                  
                  ไม่รู้สิ มันกำลังยุ่งอยู่มั้ง
                  โฟร์ ผู้ฆ่าหมีด้วยมือเปล่า งั้นไม่เป็นไร มึงมาได้ก็พอ
                  โอเค
   
                  เขากลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง พบว่ามันกลับว่างเปล่า
                  แต่กล่องดินสอ ชีทเรียน และกระเป๋าของนาคินยังอยู่
   
                  “เอ พี่กรีนครับ โต๊ะนี้…”
                  “อ้อ ไอ้สายป่านมันบอกไว้ว่าไปส่งน้องนาคินซื้อปากกาน่ะ ตรงมุมซ้ายฝั่งโน้นของถนนเอง”
   
                  พี่กรีนยิ้มอารมณ์ดี ตอบเจื้อยแจ้ว เขาเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะกลับมาที่โต๊ะเดิมอีกรอบ
                  ตัดสินใจเขียนบางสิ่งลงไป…
                  กูไปก่อนนะ ขอโทษที่อยู่ผิดที่ ผิดเวลา
                  เดี๋ยวนะ… นี่เขาเขียนอะไรลงไปตามอารมณ์กันเนี่ย
                  เขาขยำมันทิ้ง แล้วขว้างลงในถังขยะเล็กๆข้างโต๊ะ
                  แล้วเขียนใหม่ ด้วยประโยคสั้นๆ…
                  กลับก่อนนะ มีนัด
                  เหลือเวลาอยู่ อีกไม่นานแล้วใช่ไหม
                  เหลือเวลาอยู่ เคียงข้างกันสั้นลงทุกที
                  เฝ้าดูความรักเริ่มจางหาย สุดมือจะคว้าคืนมาอย่างเดิม
                  ไม่เห็นจะมีทางไหนจะได้หวัง เหลือเพียงไม่นาน
*
                  เสียงเพลงตอนเขาเดินออกจากร้านมันได้อารมณ์จริงๆ เฮ้อ แม้แต่บทเพลงก็ยังเป็นใจขนาดนี้เลยเหรอคนเรา

   
                  





                  “มามี่ ไม่เป็นไรนะมึง โอ๋ๆ”
   
                  ก่อนจะไปหาโฟร์เขากลับถูกแก๊งนางฟ้าเรียกตัวมาพบปะ เนื่องจากมามี่ร้องไห้ฟูมฟายและยืนยันว่าต้องกอดมดมดของเธอเท่านั้น
                  มา กอดดดดด
                  ลวนลามทู้กวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการจริงๆ
   
                  “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
   
                  เขาถามเพราะมามี่เอาแต่ร้องไห้ ร้องไห้ แล้วก็ร้องไห้ ไม่หยุด
   
                  “ก็อิมามี่น่ะสิ…”
                  “อย่า อย่าพูดน้า”
   
                  มามี่สะอึกสะอื้นห้ามลลิตาไม่ให้พูดออกมา เขาขมวดคิ้วเป็นปม
   
                  “ยังไงมึงก็ปิดบังมดไม่ได้”
                  “นั่นสิ บอกความจริงเถอะมามี่” วินดี้คะยั้นคะยอด้วยอีกคน
   
                  เดี๋ยว ความจริงอะไรกัน
                  เกิดเรื่องขึ้นกับเขาเหรอ
                  หรือว่าพวกเจ๊ๆหลุดปากบอกความลับเรื่องที่เขาแอบชอบไอ้สายป่านมานานออกไป
                  ไม่นะ…
   
                  !!!
   
                  หมับ!
   
                  “มด ฟังเจ๊นะ”
   
                  ไม่นะ
   
                  “ฮือออออออ”
   
                  เขาขอร้องกับมามี่ด้วยได้มั้ย ไม่เอานะ อย่าบอกว่าเป็นเรื่องจริง
   
                  “คือ…”
   
                  ไอ้สายป่านมันรู้แล้วใช่มั้ย
                  ไม่
                  ไม่
                  ม่ายยยยยย
   
                  “คือเจ๊สมัครกลุ่มไลน์คลิปผู้ชายโชว์ของ แล้วโดนหลอกอ่า”
   
                  !!!
   
                  “ฮือออออออ มันบอกเสียค่าสมัครครั้งเดียวตลอดชีพ อิเหี้ย มาลงแค่คลิปเดียว แถมไม่เห็นเหี้ยอะไรเลยนอกจากเปลือยอก แล้วบอก โทรศัพท์พังต้องตั้งกลุ่มใหม่ คือ ประเด็นคือ คนสมัครไม่ได้โง่นะ เข้ากลุ่มใหม่สมาชิกเดิมลดให้ ควาย พูดแล้วแค้น มึงหลอกกะเทยอย่างกูไม่ได้หรอก อิตอแหล”
      
                  เอ่อ…
                  เขาก็ไม่มีอะไรจะพูดเหมือนกัน
                  นอกจากค่อยๆแกะมือเจ๊มามี่ออก
                  อิเจ๊…
                  มึงน่ากลัวมากกกกกกกก
   
                  “มด”
   
                  ไอ้…
                  สายป่าน
                  มันตามเขามาที่โรงอาหารคณะ
                  ไม่รู้ทำไม เขาต้องเบือนหน้าหนีมันด้วย
   
                  “กูเอาของมาคืนมึง”
   
                  มันเดินเข้ามาใกล้แล้วยื่นกระเป๋าตังค์ที่คุ้นเคยเพราะมันคือของเขาเองมาตรงหน้า
   
                  “ขอบคุณ”
   
                  พูดได้แค่นี้จริงๆ
                  เหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ
   
                  “ขอถอยไปตั้งหลักก่อนนะ ไปพวกมึง มด เจ๊ๆไปแล้วน้า”
   
                  เฮ้ย เดี๋ยวสิเจ๊!
                  อย่าทิ้งเขาไว้กับมัน
                  แต่ไม่ทันแล้ว พวกเจ๊ๆจากไปตลอดกาล…
   
                  “มึงหลบหน้ากู…”
                  “…”
                  “ตั้งแต่วันงานนิทรรศการ มึงแม่ง เป็นอะไรวะมด”
   
                  เข้าเรื่องเลยเหรอ
                  เร็วไปไหมวะ
   
                  “กูไม่ได้หลบ”
                  “อย่าเถียง”
                  “…”
                  “ห้าวันที่แล้วมึงเลี่ยงเส้นทางไปตึกสี่ แต่ไปออกตึกสาม เพราะมึงไม่อยากเจอกู”
                  “…”
                  “สองวันที่แล้วมึงมีเรียนวิชาตัวร้อย แต่มึงไม่กินข้าวที่คณะ เพราะกลัวเจอกู”
                  “…”
                  “แล้ววันนี้ ตอนกูทักมึง มึงเดินหนี”
                  “…”
                  “แล้วเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน มึงปล่อยกูอยู่ร้านน้ำปั่นคนเดียว แล้วให้เหตุผลว่าขอกลับก่อน”
   
                  เขากำลังอึ้ง…
                  สีหน้าไอ้สายป่านดูจริงจัง ไม่มีเค้าโครงของคนขี้เล่น หรือพวกชอบกวนประสาทเหลืออยู่อีกแล้ว
                  นี่เขา มีอิทธิพลกับมันขนาดนี้เลยเหรอ
   
                  “แม่ง อย่าเงียบดิ กูใจเสียนะเว้ย”
                  “…”
                  “เป็นอะไรก็บอกมา”
                  “ขอโทษ”
                  “ฮะ”
                  “ขอโทษนะ จะไม่ทำอีกแล้ว”
   
                  ขอโทษนะ ที่เขาบอกได้แค่คำว่าขอโทษ
                  เขาไม่สามารถบอกเหตุผลที่แท้จริงได้หรอก
                  ก็เขาคือมด
                  มดตัวเล็กๆที่แสนขลาดกลัว
   
                  “ไม่ยกโทษให้”
                  “อะไรนะ”
                  “จนกว่าจะยอมถ่ายเซลฟี่กับกูหนึ่งรูปเป็นหลักฐานว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก”
   
                  เอางี้เลย แบบนี้ก็ได้เหรอวะ
                  แต่เขาก็ไม่ทันตั้งตัว และมันก็ไม่ได้ถ่ายเซลฟี่ตามปากบอก
                  มันเปิดกล้องแล้วถ่ายหน้าเหวอๆของเขาไปแล้ว
                  ไอ้เหี้ย…
                  ไอ้คนกวนตีนเอ๊ย
                  วันนั้นเขาอมยิ้มกับสเตตัสของใครบางคนบนไทม์ไลน์ของมัน…
   
                  ถ้าใครบางคนกำลังคิดว่า อยู่ผิดที่ ผิดเวลา งั้นลองพกนาฬิกาไว้ดู เปิดกูเกิ้ลแมพไว้เป็นตัวช่วย … แล้วกัน
   
                  เขาไม่ได้หมายถึงผิดแบบนั้นซะหน่อย
                  ไอ้บ้าเอ๊ย





T B C

ฮื่อออออ ทำไมสายป่านเป็นคนน่ารักแบบเน้
ขอมาจากมดได้มั้ยวะ

เจอกันพรุ่งนี้ค่า ขอบคุณทุกๆการสนับสนุน

*จุดเริ่มต้นของจุดจบ - ดา เอ็นโดรฟิน
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่เก้า P.3 13-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 13-04-2019 19:54:28
สายป่านก็ชอบมดใช่ป่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่เก้า P.3 13-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-04-2019 22:39:37
มามี่ ฉันเริ่มงงกับชีวิตของเธอแล้วนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่เก้า P.3 13-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 14-04-2019 02:07:02
สายป่านชัดจนไม่รู้จะชัดยังไงแล้วม้างงงงงงงงง
มดมดสู้เขาหน่อยลูกกกกกก
 :ling1:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่เก้า P.3 13-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 14-04-2019 18:54:16
เราเอาใจช่วยเธอนะมดมด  :hao3:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบ P.3 14-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 14-04-2019 20:47:57
ก้าวที่สิบ
สมบัติมอตัวจริง


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  วันนี้งานมีตติ้งมีสายป่านเดือนปีสองผัวเราด้วยนะคะ ใครที่จะส่งของให้น้อง ฝากมาที่แอดมินเพจได้เลยค่ะ
   
                  ไอ้สายป่านเป็นคนดัง…
                  เขาไม่แปลกใจเลยที่จะมีเพจที่ชื่นชอบมันขนาดนี้ผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด
                  แต่มีเพียงเพจนี้เพจเดียว ที่คงต้องเรียกว่า ได้รับการยอมรับแบบ… ออฟฟิเชียลหรือเป็นทางการ
   
                  เพจ… ใครใครก็เป็นเมียสายป่านได้
   
                  !!!
   
                  แล้วเขาก็เป็นหนึ่งในคนกดไลค์เสียด้วยสิ
                  ยอมรับก็ได้ ว่าเพจในเฟซบุ๊กอีกยี่สิบเพจที่เขาติดตาม ทั้งหมดเป็นเพจที่เกี่ยวกับไอ้สายป่านทั้งนั้น ยังไม่รวมกลุ่มลับอีกนะ
                  ไงล่ะ แฟนคลับตัวยง โคตรแฟนคลับ โปรดอย่าเรียกเขาว่าติ่งเลย
   
                  แอดคะ แล้วของจะถึงมือพี่เค้ามั้ย
   
                  คอมเม้นแรกจงใจใช้ภาษาพูดแทนภาษาเขียนตามเทรนด์ฮิตในตอนนี้ ฮืออออออ ไอ้สายป่านคือพี่เค้าจริงๆนะ เดี๋ยวๆ นี่เขาสาวแตกไปแล้วเหรอเนี่ย ไม่นะ ความสายป่าน 291 นี้ ม่ายยยยยย
   
                  รับรอง เพราะเรามีคนส่งของเป็นคนในค่ะ ใครนั้น ไม่บอก เขาขอปิดเงียบไว้เด้อ
   
                  เขาขมวดคิ้ว ติดตามเพจนี้มาก็นาน เพิ่งรู้ว่าแอดมินเพจมีเส้นสายอยู่ในคณะเขา แถมถึงขั้นเรียกว่าคนวงใน ไม่ต้องการันตีความสนิทสนมกับไอ้สายป่านนะ บอกเลยว่า…มากกกกกกกกก
                  แต่ เป็นใครกันล่ะ
   
                  “อิมามี่ เย็นนี้ก่อนเข้างานมีตติ้งดาวเดือน แวะรับของที่อิแอดมินเพจเห็ดอลิซสะบี๋ส่งมาให้ด้วยนะคะ ของแฟนคลับสายป่านทั้งนั้น”
   
                  แหม คงไม่ต้องไปตามหาใครคนนั้นแล้วมั้ง เพราะเธอก็นั่งอยู่ตรงข้ามเขานี่เองที่โรงหารคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
                  นามนั้นคือ… เหล่านางฟ้าสถาปัตย์!!!
                  แต่ไม่ใช่แค่เพจนี้เพจเดียวเท่านั้นนะ ที่โพสต์สเตตัสเกี่ยวกับงานวันเกิดของสายป่าน ยังมีเพจต่างๆที่อาสาเป็นคนกลางหิ้วของ เรียกได้ว่า วันเกิดผู้ชาย สู้ตายทำงานอย่างเป็นระบบ ไม่เว้นวันหยุดราชการ
                  งานคณะ งานมหา’ลัย ถ้ามีความตั้งใจสักครึ่งแบบนี้ได้ก็ดีน่ะสิ!
                  อย่างเช่นเพจ…
   
                  เมียหลวงของสายป่าน
   
                  เป็นต้น…
      
                   รับฝากของค่า รับฝากของ ใครฝากของงานมีตติ้งให้น้องสายป่านในเพจเรา มีสิทธิ์ได้ลุ้นรูปของของตัวเองลงในสตอรี่ไอจีของน้องนะคะ รับรอง เก็บไปฟินยันจบมหา’ลัยค่ะ
   
                  เนี่ย ก็มันมีสิทธิพิเศษกันอย่างนี้ ล่อตาล่อใจเหลือเหล่าแม่ยกเหลือเกิน
   
                  ฮื่อออออออออ
                  กรี๊ดดดด จริงเหรอคะแอด อย่าโกหกเราน้า
                  วี๊ดๆๆๆ ในที่สุดเราก็มีโอกาสได้เข้าไปอยู่ในสตอรี่ของพี่เค้า แม้จะเป็นแค่ของที่ฝากไปให้ #เม้นกูไม่มีสติแล้ว555
                  รับฝากที่ไหนอ่ะคะ จะกลับหอแล่ววววว
                  หน้าคณะสถาปัตย์เลยจ้า ตรงม้าหินอ่อนใต้ตึกห้านะจ๊ะเด็กๆ
                  ไปให้ว่องค่ะ
                  รับทราบ
                  ปอลอ มาเวลานี้อาจได้เจออาหารตามากมาย

   
                  “อิดอก อิกะเทยชั้นต่ำฝั่งลูกคุณหนู มันมาเหยียบถิ่นเราว่ะแม่”
   
                  เขาสะดุ้งโหยงเมื่อเจ๊มามี่ทุบโต๊ะดังปั้ง แล้วพูดด้วยเสียงมีน้ำโห
   
                  “หือ อิแอดมินเพจเมียหลวงของสายป่านนั่นอ่ะนะ มโน อิดอก ผมสักเส้นก็ยังไม่เคยแตะเถอะ กูได้จับขนหมอยสายป่านแล้วยังไม่คุยเลย” วินดี้ยืดอกภูมิใจ
                  “กรี๊ดดดดดด” ลลิตากรีดร้อง
                  “กรี๊ดอีกแม่ กรี๊ดมัน” วินดี้บอก
                  “เปล่า กูกรี๊ดมึง รับไม่ได้ อับอายกะเทยสกปรก พูดออกมาได้ ขนอุยก็พอย่ะ”
                  “ย่ะ แม่คนสุภาพเรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้ แต่สมัครคลิปไลน์ผู้ชายแก้ผ้ายี่สิบกว่ากลุ่ม”
   
                  วินดี้แซะกลับ
   
                  “มึงเอาความจริงมาพูดทำไม อินี่”
   “พอที มึงมาหารือกับกูซิ ว่างานนี้จะเอายังไง” มามี่เรียกทุกคนมาสุมหัว รวมทั้งเขาด้วยที่เข้ามาแบบงงๆ
                  “เอายังไง คืออะไร”
   
                  เขาถามเพราะไม่รู้จริงๆครับ
   
                  “วินดี้ อธิบายซิ”
                  “คืองี้นะมด พูดแล้วมันอาจจะยาว…”
   
                  แต่เธอก็พูด - -
   
                  “เป็นเวลากว่าทศวรรษในมอนี้ที่ชาวเราเผ่ากะเทย ต้องสู้รบปรบมือกันเพื่อห้ำหั่นแบ่งแยกอาณาเขตการล่าผู้ชาย”
   
                  ว้าว แค่เริ่มก็น่าตื่นเต้นแล้ว แหม ตื่นเต้นตายล่ะครับ
   
                  “ฝั่งกะเทยลูกคุณหนู ก็คือสามคณะที่ครองดินแดนตะวันตก”
   
                  โอ้โห ภาษาได้มากวินดี้
   
                  “ส่วนเรา สิบเอ็ดคณะเรียกว่าฝั่งตะวันออก แต่ถึงแม้จะมีการแบ่งแยกอาณาเขตกันอย่างชัดเจนตามเส้นขนานของตึกสูงระฟ้าคณะเศรษฐศาสตร์ แต่ว่า…”
   
                  แต่ว่า…
   
                  “แต่ว่าในทุกๆอีเว้นท์ของดาวเดือน พวกเราจะโคจรมาเจอกัน อาทิ งานมีตติ้งดาวเดือนปีสิบเย็นนี้ ไม่ว่าพวกเราจะยึดตามเส้นขนาน แต่จะมีแค่วันนี้วันเดียว ที่พวกเราสามารถล่าผู้ชายในเขตคนอื่นได้”
   
                  มันดูยิ่งใหญ่มาก
   
                  “เพราะงั้น เราเลยมีการแข่งขันกันเล็กๆน้อยๆตามประสากะเทยที่ฟินแต่งหญิง”
   
                  อย่าบอกว่ามันก็คือ…
   
                  “มันก็คือ…”
                  “…”
                  “แข่งกันว่าเหล่าเดือนจะโหวตว่าฝั่งไหนแต่งหญิงสวยที่สุดไงล่ะ”
                  “…”
                  “เอ๊ะ เดี๋ยวนะ เหมือนมันมีเหตุการณ์คุ้นๆคล้ายๆว่าเคยเกิดขึ้นว่ะ”
   
                  วินดี้ครุ่นคิด
                  เขาจะทำตัวเงียบที่สุดนะทุกคน เอาเป็นว่านี่เป็นเรื่องของเหล่านางฟ้า มันไม่เกี่ยวกับเขา
   
                  “จริงสิ!”
                  “…”
   
                  ทุกคนอย่าหันมาทางนี้ ขอร้อง
   
                  “ลูกมดของแม่ๆ”
   
                  ม่ายยยยยยยยย
   
                  “ช่วยเจ๊ๆด้วยน้า”
   
                  เขาเกลียดอิเจ๊!!!

   





                  “หืมมมมม พอพูดถึงกะเทยตะวันตก กะเทยตะวันตกก็มา มันมาอ่อยผู้ถึงถิ่นเราเลยว่ะแม่”
   
                  มามี่และพรรคพวกที่กำลังเดินมุ่งหน้าจะกลับไปยังจัตุรัสตึกสี่ จำต้องชะงัก เมื่อสายตาดันปะทะเข้ากับกะเทยกลุ่มใหญ่ แต่ละคนไม่ถือกระเป๋าแบรนด์เนมก็กำลังก้มหน้าเล่นไอโฟน X นวัตกรรมจากแอปเปิ้ลรุ่นใหม่ล่าสุดที่กำลังเป็นที่กล่าวถึงในขณะนี้ แถมราคาก็เรียกได้ว่าแพงหูฉี่ตามสไตล์คนรวยจริงๆ
                  กลุ่มคนเหล่านี้นี่แหละ…
                  แก๊งกะเทยฝั่งตะวันตกจากสามคณะลูกคุณหนู
                  และเป็นที่แน่ชัดว่า ทั้งสองแก๊งไม่ถูกกันมานานเกือบทศวรรษ จะเห็นได้ว่ามีเรื่องกระทบกระทั่งกันประปราย และสาเหตุมันเนื่องมาจาก การชอบผู้ชายคนเดียวกัน
                  ไม่สิ!
                  การมโนชอบผู้ชายคนเดียวกันมากกว่าเถอะ!!!
                  ความสุขของกะเทยทุกคนคือการได้เรียกผู้ชายแปลกหน้าที่โคตรหล่อว่า…ผัว
                  หรือมันไม่จริงคะ อย่ามาเถียง
   
                  “มาเหยียบถึงถิ่น หึ คงคิดว่ารอบนี้ตัวเองจะชนะ ผู้โหวตล่ะสิ”
   ลลิตากอดอกพูด
                  “มั่น” วินดี้
                  “หมายถึงมัน” อุมาพรถาม
                  “หมายถึงเรา”
                  “อ้าว”
                  “จำไว้กะเทย ความมั่นหน้ากับเราเป็นของคู่กัน งานนี้เราชนะแน่ๆย่ะ”
   
                  วินดี้เชิดหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจ ก่อนทั้งกลุ่มจะเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับแก๊งกะเทยฝั่งตะวันตกแบบจังๆ
   
                  “ว้ายยยยย ดูซิใครมาคะแม่ใหญ่”
   
                  ใครคนหนึ่งในกลุ่มที่สังเกตเห็นแก๊งนางฟ้าก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สำหรับพวกของมามี่แล้วรู้สึกว่ามันฟังดูน่าหงุดหงิดชะมัด
                  ยียวน กวนประสาท
   
                  “อ้าวววววว”
                  “…”
                  “ก็นึกว่าใคร แก๊งนางฟ้าติดดินนั่นเอง”
   
                  แหม มีรับมีส่งกันเสียด้วย มามี่กอดอก เชิดหน้าอย่างไม่สนใจคำว่าติดดินที่ถูกเน้นหนัก
   
                  “จำได้ว่าปีที่แล้ว ใครมั่นแล้วพลาดวะทุกคน”
   
                  วินดี้เอ่ยขึ้นลอยๆ แล้วหันไปถามความคิดเห็นของเพื่อนแบบแกล้งๆ เรียกเสียงกรี๊ดแหลมๆจากบุคคลที่ถูกเรียกว่าแม่ใหญ่
   
                  “แม่ใหญ่ใจเย็นๆก่อนค่ะแม่”
   
                  โถ ลลิตาแสยะยิ้มมองภาพประจบสอพลอของลูกทีมตรงหน้า
                  นี่พวกเธอกำลังดูละครเรื่องอะไรกันอยู่หรือเปล่า เอารางวัลออสการ์สาขาตอแหลการแสดงไปเล้ย…
   
                  “มึงชูคอได้แค่ปีนี้เท่าแหละ ปีที่แล้วถ้าไม่ติดว่าเดือนเกษตรชอบของแปลกนะ พวกกูชนะไปแล้ว”
   
                  แม่ใหญ่ที่พกความมั่นใจมาเป็นล้านสวนกลับแบบเชิดๆ
   
                  “เหรอจ๊ะ อิกรีน ไม่สิ อิเขียว”
   
                  อุมาพรจีบปากจีบคอ ซึ่งมามี่มองว่าเป็นโหมดพิเศษเฉพาะสำหรับกวนตีนศัตรูให้ดูน่าเตะแบบโคตรน่าเตะ
   
                  “กรี๊ด ไม่มีใครกล้าเรียกชื่อนั้นของกูมานานแล้ว”
                  “แล้วจะทำไม”
   
                  คนที่ผ่านไปมาเริ่มอกสั่นขวัญหาย กลัวว่าจะเกิดการทะเลาะวิวาทรุนแรงขึ้นที่นี่
                  แต่คนพวกนั้นเป็นคนนอก สำหรับแก๊งทั้งสองแล้ว พวกเธอรู้ดีว่าจะไม่มีทางเกินเลยไปถึงเหตุการณ์ตบตีแน่นอน
                  เป็นกะเทยคนเขาก็ว่าพอแล้ว สู้ไม่ทำตัวแบบกะเทยที่คนนอกเห็นว่าเป็นดีกว่า
                  นั่นเป็นประโยคที่แก๊งนางฟ้าจำทอดๆและปฏิบัติสืบมารุ่นแล้วรุ่นเล่า
                  เป็นกะเทย ต้องไม่ใช้กำลัง แต่ใช้สมองค่ะ
   
                  “หึ ใครบางคนคิดว่าปีที่แล้วชนะ ปีนี้ก็จะชนะว่ะ”
   
                  แม่ใหญ่กรีนกอดอก เบื้องหน้าแสดงออกด้วยท่าทางใจเย็นสุขุม แปลกไปจากเมื่อกี้ที่ร้องกรี๊ดดั่งโดนไฟไหม้ก้น
                  นั่นทำให้เหล่านางฟ้าเริ่มเสียขวัญ
                  จิตวิทยานี่มันใช้ได้ดีจริงๆ
   
                  “ไว้รอเจอไม้ตายของพวกกูในงานก็แล้วกัน”
                  “แล้วจะรอดู”
   
                  แม้จะพูดไปแบบนั้น แต่ประโยคของแม่ใหญ่กรีน ก็ได้สร้างแรงกดดันต่อเหล่านางฟ้าสถาปัตย์ได้เป็นอย่างดี
   
                  “อ๊ะ นั่น สายป่านนนนนนน”
   
                  แต่ก่อนที่อะไรจะตึงเครียดไปมากกว่านี้ เดือนคณะสถาปัตย์ที่เหมือนเป็นใบกระดาษสัญญาสงบศึกชั่วคราวก็กำลังเดินมาทางนี้พอดี
                  พร้อมกับใครบางคน…
   
                  “ลูกปิ๊กของแม่”
   
                  เปล่า มันไม่ใช่เสียงของมามี่ ลลิตา วินดี้ อุมาพร หรือลิลลี่
                  แต่เป็นของฝั่งตรงข้ามต่างหากล่ะ!!!
   
                  “โอ๊ะโอ พบคนแปรพักตร์หนึ่งอัตรา” ประโยคนี้หมายถึงปิ๊ก เป็นคนของคณะสถาปัตย์แต่ดันไปเข้าพวกกับฝั่งตะวันตก งานนี้ไม่เกิด ก็ดับยับเพราะเหล่านางฟ้ารอซ้ำอยู่แน่ๆ
   
                  วินดี้กอดอกแล้วบุ้ยใบ้ไปทางเด็กปีหนึ่งที่เดินตามสายป่านมาติดๆ
   
                  “น่ารักเสียด้วยสิ” อุมาพรพูดขึ้น
                  “แถมยัง…เด็กกว่า” ลิลลี่เสริม
                  “งานนี้สนุกแน่ๆ”
   
                  แม้จะเห็นไม้ตายของคู่แข่งก่อนงานเริ่ม…
                  แต่นั่นก็อย่าหวัง ว่าจะทำลายความมุ่งมั่นแห่งศักดิ์ศรีของเหล่านางฟ้าสถาปัตย์ลงได้ย่ะ
                  และที่สำคัญ…
                  มดลูกแม่ มีคู่แข่งแล้ว


                  
   

                  “โฟร์น้า ช่วยเราหน่อย มึงก็ฟินไม่ใช่เหรองานแบบนี้ อาหารตามากมายน่ารับประทานเลยนะ”
                  {ใครสั่งใครสอนให้มึงพูดแบบนี้ฮะ อิเจ๊นางฟ้าพวกนั้นเหรอ กูจะบ้าตาย}
                  “ตกลงจะมาช่วยเราแน่นะ”
                  {ยังไม่รับปากสักหน่อย เฮ้ย มด เดี๋ยว…}
   
                  ตู๊ด
   
                  เขาชิงวางสายก่อนเพื่อนสาวประเภทสองคนนี้จะได้พูดปฏิเสธ
                  เขามั่นใจว่าโฟร์ต้องมาแน่ๆ
                  งานมีตติ้งดาวเดือนมอที่มีผู้ชายหน้าตาดีละลานตาแบบนี้ มันเคยพลาดซะที่ไหน ยิ่งมีสิ่งล่อใจอีกอย่างให้มันคร้านจะรีบบึ่งรถมาไม่ทันเถอะ
                  ที่แกล้งจะปฏิเสธเนี่ย คบกับมันมาหนึ่งปี เขาพูดได้เลยว่า…
                  เล่นตัวทั้งน้านนนน
   
                  “แม่ใหญ่คะ เวลว่าเรายกไม่ไหวหรอกค่ะ”
   
                  ประสาทหูของเขารับรู้เสียงที่ดังอยู่ไม่ไกล ก่อนจะพบ เอ่อ…
                  เรียกว่าพี่ๆผู้หญิงเทียมแล้วกันแม้จะดูห่างไกลไปมากโขก็เถอะ พวกเธอสองคนกำลังด้อมๆมองๆรถบิ๊กไบค์คันใหญ่ที่จอดแน่นิ่งอยู่ แล้วเขาก็ดันความจำดีว่ามันเป็นของพี่ปืนเสียด้วยสิ
                  พวกเธอคงไม่ได้คิดจะขโมยหรอกนะ แบบนั้นมันน่ากลัวจริงๆนะ
                  หมายถึงความคิดเขาเนี่ย…
                  ด้วยความเป็นพลเมืองดี เพราะดูจากท่าทางลุกลี้ลุกลนบวกกับสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีของทั้งสองแล้ว เขาก็เดินตรงเข้าไปหา
                  หรืออาจพูดได้ว่า ตรงเข้าไปเสือกนั่นเอง
                  โอเค นกตัวเองแล้วห้ามนกอีกนะ
   
                  “เอ่อ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า”
   
                  เนี่ย มดคนดีศรีสถาปัตย์มาแล้วครับทุกคน
   
                  “ว้าย แม่ใหญ่คะ พบผู้ชายหน้าตาดีหนึ่งอัตราค่ะแม่”
   
                  คนที่ถือประเป๋าถือใบใหญ่ที่เขาพอจะเดาได้ว่าเป็นแบรนด์ดังรีบสะกิดแม่ใหญ่ของเธอให้เงยหน้ามามองเขา
   
                  “เวล เราไม่มีเวลามาล่าผู้…”
                  “…”
                  “ชายที่หน้าตาดีโคตรๆแบบนี้หรอก”
   
                  ไม่รู้ทำไมเธอชะงักไปพักหนึ่ง ก่อนจะเติมต่อท้ายประโยคให้สมบูรณ์ด้วยน้ำเสียงเคลิ้มๆ
   
                  “มีอะไรให้ช่วยมั้ย พอดีเราเห็นพวกเธอเหมือนกำลังหาอะไรอยู่”
                  “กรี๊ดดดดดดดด”
   
                  ทันทีที่เขาพูดประโยคจบ คนที่ชื่อเวลก็กรี๊ดเป็นเจ้าเข้า ก่อนจะหันไปเขย่าแขนแม่ใหญ่สองหงึก
   
                  “แม่ เขาเรียกเราว่าเธอ งื้อ ผู้ชาย บ้า!”
   
                  เอ่อ เขาก็ตกใจนึกว่าพูดอะไรไม่เข้าหูเสียอีกเลยกรี๊ดใส่
   
                  “พ่อคุณ หล่อแล้วยังมีน้ำใจกับกะเทยอีก ความจริงแล้วเราไม่ได้กำลังหาของหรอกค่ะ เรากำลังพยายามเอาของออกมาต่างหาก”
   
                  เธอหลีกทางให้เขาเข้าไปดู…
   
                  “พอดีเราทำเอกสารสำคัญปลิวไปติดที่ล้อรถได้ยังไงไม่ทราบค่ะ แล้วรถนี่ก็หนักเลยเอาออกมาไม่ได้ ครั้นจะยกก็ เอ่อ…”
                  “…”
   
                  เธอกระซิบ
   
                  “มันไม่ใช่วิถีของกะเทย เราไม่ใช่กำลังกันค่ะ”
   
                  แต่ร่างกายพวกเธอช่างดูขัดกับประโยคข้างบนนัก เอาเถอะ เขาจะเก็บเงียบไว้ในใจไม่พูดออกไปเพราะยังห่วงสวัสดิภาพของตัวเองอยู่
   
                  “งั้นเดี๋ยวเราช่วยยกให้”
   
                  เขาเข้าไปจัดท่าตัวเอง ให้ยกล้อหลังของบิ๊กไบค์ที่มีกระดาษแผ่นนั้นติดอยู่ ให้ยกขึ้นง่ายๆ จัดองศาแล้วก็…
   
                  “อ๊ะ หลุดแล้ว วี๊ดดดด ชอบคุณนะคะ”
   
                  แม่ใหญ่กระโดดโลดเต้นดีใจ ก่อนจะเข้ามากอดเขาเป็นการขอบคุณ แต่…
   
                  “อิแม่ใหญ่คะ หยุดลวนลามผู้มีพระคุณด้วยค่ะ รับไม่ได้”
   
                  เวลยืนกอดอกจิกตามองอยู่ข้างๆ
                  พอแม่ใหญ่ขยับตัวออกไป
            
                  พรึ่บ
   
                  เหอะๆ
                  เขาก็ถูกเวลกอดอย่างไม่ทันตั้งตัว
                  ชีวิตนี้เขาผ่านมือกะเทยมาเป็นสิบคนแล้ว ขอบคุณมากๆครับ ประชดเว้ย
                  แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจอะไร บางที นี่อาจเป็นการแสดงความรักและคำขอบคุณจากพวกเธอจริงๆก็เป็นได้ ยกเว้น…
   
                  “อิเวล มืออย่าเลื่อนต่ำค่ะ”
                  “จ้าแม่”
                  “ว่าแต่ นายชื่ออะไรอ่ะ พวกเราจะได้จำชื่อไว้ นิสัยน่ารักแบบนี้หายากยิ่ง”
                  “เรามด แล้ว…”
                  “เราชื่อกรีนจ้า แล้วก็นี่อิวาฬ”
                  “เวลค่ะแม่ใหญ่ เดี๋ยวเถอะ”
                  “ค่ะ อิเวล ยังไงก็ขอบคุณมดมากๆน้า งื้อ งานดีแบบนี้ ถ้ามีโอกาสจะปั้นให้ดังเล้ย”
   
                  เธอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
   
                  “อ๊ะ สายแล้วสิ ต้องรีบไปแต่งหน้าให้ลูกรัก ไว้เจอกันนะคะมด”
                  “โอเค”
   
                  ใครบางคนเคยพูดกับเขาว่า…
                  กะเทยก็เหมือนพายุฤดูร้อนที่จะผ่านเข้ามา และพัดหายไป
                  เขาเคยพยายามทำความเข้าใจ แล้วก็พบว่า มันเป็นประโยคสวยหรูที่ผิดถนัดเลยล่ะ


                  
   

                  “บีหนึ่งเรียกบีสอง หายใจเข้าลึกๆนะมด อย่าตื่นเต้น”
   
                  จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไงกันล่ะโฟร์ ทั้งงานมีผู้คนมากมาย เรียกได้ว่าตอนนี้ห้องกว้างใหญ่บรรจุคนเกือบครึ่งมอที่ให้การต้อนรับงานมีตติ้งดาวเดือนปีสิบอย่างครึกครื้น งานนี้เป็นงานรื่นเริงทั่วไป มีการแสดงความสามารถและเปิดตัวผู้เข้าประกวดดาวเดือนปีหนึ่ง ก่อนที่จะจัดการแข่งขันในเดือนถัดไป
                  เขากับโฟร์กำลังเหยียบย่างเข้ามายังสถานที่ที่เจิดจรัสเกินไป
   
                  ‘แค่แต่งหน้าลูกมดของแม่ก็น่ารักขึ้นทันตา มามะ แม่จะละเลงใบหน้าให้สวยเช้งเลย’
   
                  นั่นเป็นคำพูดของวินดี้ก่อนที่อะไรต่อมิอะไรที่เรียกว่าเครื่องสำอางจะประโคมเข้ามาเต็มๆ
   
                  ‘เสร็จแล้ว อ๊ะ อย่าลืมหน้ากากปิดใบหน้านะคะ มามี่เตรียมไว้ให้แล้ว เพราะปีนี้เรามาในตีม เดอะมาสก์ค่ะ’
                  ‘เดอะแมสก์ย่ะ’
                  ‘ค่ะ แม่อเมริกันแอคเซ่น’
                  ‘ค่ะ แม่อังกฤษแอคเซ่น’
   
                  แล้วจากนั้นก็เป็นประโยคแขวะกันของเหล่านางฟ้าที่เขาไม่เอามาใส่ในความทรงจำจะดีกว่า
   
                  “โฟร์ กูดูดียัง กูไม่เคยมางานแบบนี้เลย”
                  “มึงเริ่ดแล้วเพื่อนกู”
   
                  นั่นเป็นคำปลอบโยนที่เขาไม่รู้สึกดีขึ้นสักนิดเดียว
   
                  “ดูนั่น ว่าแล้วว่างานนี้เหล่านางฟ้าสถาปัตย์คงไม่พลาดแน่ๆ จะมีการประชันความสวยของเพศที่สามในงานด้วยใช่มั้ย งื้อ อยากดูแล้ว อยากให้ถอดหน้ากากออกเร็วๆจัง”
                  “อย่าชะล่าใจไปค่ะ งานนี้เหมือนว่าทางฝั่งตะวันตกก็มีของดีมาโชว์นะคะ”
                  “อ๊ะ ตรงนั้นเหรอแก”
                  “ตัวเล็ก รูปร่างทรงผู้หญิงอย่างกูยังอายเว่อร์”
   
                  เอ๊ะ นั่นกรีนกับเวลนี่…
   
                  “โฟร์ๆ ชุดราตรีนั่นใครอ่ะ”
                  “ไหนๆ ว้ายยยย มึงไม่รู้จักอิเจ๊กรีนผู้นำสูงสุดของกะเทยฝั่งตะวันตกเหรอคะ”
   
                  อะไรนะ!
   
                  “ที่ยืนข้างๆนั่นก็อิเวล ส่วนนั่น ไม่แน่ใจ คนที่อิเจ๊กรีนส่งมาประชันมั้ง”
   
                  เพราะกรีนกับเวลไม่ได้สมหน้ากากตามตีม จึงตกเป็นจุดสังเกตได้ง่าย ส่วนอีกคนที่ยืนข้างๆแล้วสวมหน้ากากนั่น เขาไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ลางสังหรณ์บอกเขาว่า ความงามภายใต้หน้ากากนั่น มันคืออัญมณีล้ำค่า
   
                  “สู้เว้ย”
   
                  โฟร์พูดให้กำลังใจอีกรอบ
   
                  “สู้ๆ”
   
                  เขาเองก็จะสู้…
   
                  “มด สายป่านมา”
   
                  เจ๊มามี่เดินเข้ามาหาพวกเราพร้อมกับร่างสูงที่ตามหลังมา
                  ไอ้สายป่าน 291
                  วันนี้ในชุดสูท แม่งโคตรมีออร่าเดือนคณะที่แท้จริง
   
                  “มดพร้อมนะ”
   
                  เจ๊วินดี้เข้ามาถามอีกครั้ง แต่ตาเขาไม่ได้สนใจเธอแต่เป็นร่างสูงของมันที่จ้องมองมาอยู่เช่นกัน
   
                  “มึงแต่งสูทแล้วแปลกๆนะ”
   
                  อึ้ง
   
                  “เอ๋”
                  “อะไรนะ”
                  “เดี๋ยวนะคะสายป่าน มดแต่งหญิงนะวันนี้ คนซ้าย นี่เพื่อนมด ชื่อโฟร์”
   
                  เจ๊มามี่บอก
                  เขากับโฟร์ลอบมองหน้ากันผ่านหน้ากาก
   
                  “นั่นสิ กูมดเว้ย”
   
                  โฟร์ที่เจ๊ๆเข้าใจว่าคือเขาพูดแก้ต่าง
   
                  “มึงไม่ใช่มด มึงโฟร์ ที่ทักไลน์กู กูจำขนาดมึงไม่ได้ แต่กูจำขนาดไอ้เตี้ยนี่ได้ เตี้ยแบบนี้ มีคนเดียวในมอ”
                  “ไอ้เหี้ย!”
   
                  เฮ้ย สาบานว่าเขาเผลอตามอารมณ์จริงๆ
                  เขาโพล่งคำว่าไอ้เหี้ยออกไปแล้ว
   
                  “มด”
   
                  เหล่าเจ๊ๆปิดปากอุทานพร้อมกัน ฮืออออออ ขอโทษษษษษษ
                  ก็เขาไม่อยากแต่งหญิงนี่นา
   
                  “ถอดหน้ากากออกมาคุยเดี๋ยวนี้เลย”
   
                  วินดี้พูดเสียงจริงจัง จนเขาต้องยอมทำตาม ฮือ มดขอโทษ แม่ๆลูกมดของโทษ
                  ก็คนมันไม่อยากแต่งหญิงนี่ ถึงจะชอบไอ้สายป่าน แต่เขาก็ยังอยากมีความแมนในศักดิ์ศรีอยู่บ้างนะเว้ย
   
                  “มดขอโทษคร้าบ”
   
                  ง้อดูหน่อยแล้วกัน
   
                  “ถอด หน้า กาก ออก มา”
   
                  วินดี้ไม่เล่นด้วย แถมยังกอดอกใช้ท่าไม้ตายพิฆาตกับเขา ด้วยการจ้องมองมาแบบทิ่มแทงทะลุหน้ากาก
                  
                  อัก
   
                  เสียงกระอักเลือด
                  เขาจำเป็นต้องถอดหน้ากากออกมา พลางแอบหันไปมองค้อนไอ้คนที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พอใจที่ได้แกล้งเขาอย่างไอ้สายป่านคนเหี้ย
   
                  “โฟร์”
                  “จ้า จ้า ถอดแล้วจ้าแม่”
   
                  โฟร์เองก็ยอมถอด
   
                  “แล้วทีนี้จะทำยังไง อิโฟร์มันเคยประกวดเวทีอื่นแล้วตอนปีหนึ่ง กฎอีกข้อของเราก็คือ ไม่สามารถส่งคนซ้ำลงประกวดได้”
   
                  โฟร์ยักไหล่ พร้อมขมุบขมิบปากบอกเขาที่พออ่านได้ว่า
   
                  “กูบอกมึงแล้ว”
                  “เอาเถอะ งั้นเราคงต้องยอมรับความพ่ายแพ้”
   
                  มาถึงตอนนี้แล้วเขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทำให้เหล่านางฟ้าผิดหวังจริงๆ จากตอนแรกไม่ได้คิดอะไร ใช่สิ เขามันไม่คิดอะไร เอาแต่คิดว่าไม่อยากแต่งหญิง
                  งานนี้มันก็แค่ศักดิ์ศรีของเจ๊ๆไม่เกี่ยวกับเขา
                  เขาคิดตื้นไปจริงๆ
                  ความรู้สึกผิดเริ่มเกาะกุมจิตใจเขา แต่…
   
                  “นั่นมด มดนี่ มดดดดดดด”
   
                  หางตาเขามองเห็นไกลๆว่ากรีนกับเวลที่ยืนอยู่ฝั่งขวากำลังก้าวยาวๆมาทางนี้
                  เดี๋ยวนะ ทำไมเขารู้สึกสังหรณ์ใจว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่
   
                  “เดี๋ยว”
   
                  วินดี้เข้ามาขวางไว้ ก่อนที่สองสาว(?)จะเข้ามาประชิดตัวเขาได้
   
                  “จะทำอะไรมิทราบ นี่หล่อนคงรู้แล้วสินะว่า มดแต่งหญิงไม่ทัน และเรากำลังจะแพ้ หล่อนจะมาซ้ำเติมใช่มั้ย”
   
                  มามี่พูดเสียงเรียบ แต่กรีนกับเวลทำหน้างง
   
                  “อะไร ใครแต่งหญิง มดเป็นผู้เข้าประกวดเหรอ”
                  “ใช่ย่ะ แต่ก็อย่างที่เห็น ถึงจะไม่ได้แต่งหญิง แต่เราก็สู้ กูจะพามดขึ้นประกวด”
   
                  เอาจริงดิ!
   
                  “เดี๋ยว กูไม่ได้วิ่งมาหาเรื่องพวกมึง”
                  “…”
                  “กูวิ่งมาหามด”
   
                  เอาแล้ว ความวุ่นวายกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
   
                  “อะไรนะ แกจะมาขัดขวางมดเหรอ ขนาดนี้แล้วยังเล่นสกปรกมากันไม่ให้มดขึ้นเวทีอีกเหรอ” อุมาพรมีน้ำโห เข้ามายืนจังก้าท้าทายกรีนกับเวล
                  “บ้านแกสิ อิดอก นี่มึงดูละครมากไปหรือเป็นบ้ากันแน่วะ”
                  “แล้วมาทำอะไร”
                  “มาขอบคุณ”
   
                  !!!
   
                  “เมื่อเช้ามดช่วยพวกกูเอาเอกสารที่ต้องส่งกองประกวดออกจากล้อรถ ไม่งั้นพวกกูคงไม่ได้เข้างาน เพราะรายชื่อสมาชิกมาไม่ทันถึงมือผู้จัด”
                  “…”
                  “มดเข้าประกวดเหรอ”
                  “เอ่อ…”
                  “ดี งั้นพวกเรา…”
                  “…”
                  “ขอยอมแพ้ ปีนี้พวกเธอชนะ”
                  “…”
                  “แม้จะดูเล็กน้อยแต่…”
                  “…”
                  “คนน้ำใจงามๆแบบนี้หายากนะรู้มั้ย พวกเธอนี่โชคดีจริงๆ”
   
                  มีคนบอกว่ากะเทยเหมือนพายุฤดูร้อน ที่พัดเข้ามาแล้วพัดผ่านไป
                  กรีนกับเวลก็จะเป็นเช่นนั้น
                  แต่…
   
                  หมับ!
   
                  “มด มาคุยเล่นกับพวกเรามั้ย ตรงมุมโน้นแน่ะ กรีนอยากแนะนำให้เพื่อนๆรู้จัก”
   
                  มือหนาของกรีนคว้าข้อมือเขาไว้ แล้วเตรียมตัวลากพาไปยังที่ที่เธอบอก ทว่าวินดี้กลับคว้าหมับมืออีกข้างของเขาที่ยังว่างอยู่
   
                  “ไม่ได้ย่ะ มดมดของพวกเรา เป็นของกะเทยตะวันออกย่ะ”
   
                  เหล่านางฟ้าพยักหน้า
   
                  “จะเอาใช่มั้ย” กรีน
                  “แย่งได้ก็มาเอา” มามี่
   
                  เกิดความชุลมุนวุ่นวายอีกครั้ง เมื่อกรีนพยายามดึงเขาไปอีกข้าง และเหล่านางฟ้าก็พยามดึงไปอีกทางเช่นเดียวกัน
                  ยื้อกันไปยุดกันมา
                  อ๊าก
                  แขนเขาจะขาดแล้ววววว
   
                  จนเมื่อประโยคหนึ่งดังแทรกขึ้นมาราวกับสายฟ้าแลบ
   
                  “แย่งไปไม่ได้หรอก!”
                  “…”
                  “มดเป็นสมบัติของเรา”
   
                  !!!
   
                  มึงพล่ามอะไรออกมา
                  ไอ้สายป่าน 291…





T B C

ก็มดน่ารักอ่ะ ใครๆก็อยากได้มดติดตัว
รวมทั้งพระเอกของเราด้วยนะเออ อุ๊บ!

เจอกันพรุ่งนี้ค่า ขอบคุณทุกการสนับสนุน.
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบ P.3 14-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 14-04-2019 21:36:34
มดไปเป็นสมบัติของเธอตั้งแต่เมื่อไรสายป่าน  :hao4:  หมั่นไส้อะ  o18
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบ P.3 14-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 14-04-2019 21:51:22
มดมด เธอนี่ฮอตไม่เบาเลยนะ มีแต่คนรุมแย่ง
ดูสิ สายป่านยังออกตัวมาแย่งเธอเลย  :hao3:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบ P.3 14-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-04-2019 22:41:55
มดมด บุคคลที่ล้ำค่าของม.  :laugh:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบ P.3 14-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 15-04-2019 01:22:11
ตกน้องมดกันหมดแล้ววววว  :katai2-1:
แต่นายสายป่านมดไปเป็นสมบัติของนายตอนไหน หื้อ   :hao3:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบ P.3 14-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-04-2019 06:10:19
5555 อยู่ดีๆ ก็ได้เป็นสมบัติของสมบัติคณะ ดีจริงเลยจ้า มดมด
มดรั่วมาก และน่าเอ็นดูมาก รู้ว่าเค้าแกล้ง ก็ยังของขึ้น

สายป่านก็แกล้งไปเหอะ มีความหลอกล่อด้วย เนียนนะ
แน่ใจหรอว่าเพื่อนแกล้งส่งแชทน่ะ ไม่ได้ส่งเองเนาะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบ P.3 14-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 15-04-2019 13:19:43
แหมๆๆๆอยุ่ก็มาประกาศกันอย่างงี้ มดๆลูกหัวใจยังดีอยุ่ใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบ P.3 14-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 15-04-2019 13:48:44
ใครๆ ก็อยากมีมดมดเป็นของตัวเอง มดน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบ P.3 14-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: pppp ที่ 15-04-2019 17:37:50
ความฮอตนี้......
น้องมดมดอยู่ดีๆ ก็ป๊อปในหมู่มวลชายแท้และสาวเทียม
สายป่านช้าไม่ได้นะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเอ็ด P.3 15-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 15-04-2019 19:58:01
ก้าวที่สิบเอ็ด
มีพิรุธ


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  “เอ๊ยยยยย”
   
                  ทุกคนอยู่ในกิริยาอาการนิ่งอึ้ง แม้แต่ฝ่ายมีเดียของมหา’ลัยที่ถูกขู่เข็ญให้มาช่วยถ่ายภาพบรรยากาศงานมีตติ้งดาวเดือนในวันนี้
                  แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะดวงตานับร้อยกำลังจบจ้องมาที่กลุ่มของพวกเรา อันประกอบด้วย เหล่านางฟ้า แก๊งตะวันตก(ขอเรียกแบบนี้แล้วกันไม่ชินปาก) และไอ้สายป่านผู้จุดประเด็น!
   
                  “พูดผิดๆ มดเป็นสมบัติของคณะเราต่างหาก ปากกูเนาะ วุ้ย”
   
                  นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ขำด้วย แถมยังใจหายใจคว่ำกับประโยคเมื่อครู่
                  ครั้งนี้มึงเล่นแรงไปแล้วนะไอ้บ้า…
                  เพราะใจกูอ่ะ คิดไปถึงไหนต่อไหนจนมันเต้นแรงไปแล้ว ดังโครมครามอยู่ที่อกข้างซ้ายเนี่ย ถ้าเกิดหัวใจมันวายใครจะรับผิดชอบวะ
   
                  “เอ่อ เข้าใจเล่นนะคะ แหะๆๆๆ”
   
                  เหล่านางฟ้าช่วยกับตบมุก รีบหัวเราะกลบเกลื่อน จนคนที่ให้ความสนใจค่อยๆหันไปทางอื่นทีละรายๆ แต่ก็ยังมีบางรายที่หูผึ่งพร้อมเสือกเต็มที่ นี่แหละ ชีวิตมหา’ลัย
                  ข่าวต้องไว ใจต้องหนา ใจบางมึงแพ้ครับ ฮ่าๆ
   
                  “มด ป่ะ ไปคุยกับกลุ่มเราตรงนู้นกัน”
   
                  กรีนกระซิบ ก่อนจะค่อยๆดึงเขาออกมา หวังไม่ให้เป็นที่สนใจของใครโดยเฉพาะเหล่านางฟ้า
   
                  หมับ!
   
                  แต่ความเคลื่อนไหวของเรากลับไม่พ้นจากสายตาคมของใครบางคน
                  ไอ้สายป่านคว้าแขนเขาไว้มั่น…
   
                  “โทษทีนะครับเจ๊ๆ มด เพื่อนมึงจะมาหาตอนทุ่มไม่ใช่เหรอ”
   
                  ประโยคแรกมันพูดกับกรีนและเวล ประโยคต่อมามันหันมาพูดกับเขา พร้อมกับขยิบตาส่งซิก
                  อะไรของมึ๊งงงงง
   
                  “ใช่เลย ลืมได้ไง”
   
                  เออ กูแพ้คนที่ชื่อว่าสายป่าน จบนะ
                  พวกเราหันตัวกลับ เพื่อออกทางประตูหน้า แต่เสียงเจ๊กรีนกลับเบรกไว้
   
                  “เพื่อนมด นี่เพื่อนสายป่านด้วยเหรอคะ ตามกันไปเลยนะ”
   
                  ขอเกลียดรอยยิ้มของเจ๊แกได้มั้ย มันดูรู้แปลกๆวะ
   
                  “เราคนกันเอง”
   
                  เป็นไอ้สายป่านที่ตอบคำถามเป็นคำตอบสองแง่สองง่ามให้กรีนกับเวลจับมือกันกรี๊ดกร๊าด
                  คนกันเองเหี้ยอะไรรรร
                  พูดเหมือนกูกำลังคบกับมึงอ่า นี่ไม่บอกหรอกนะว่า…
                  คิดไปไกลถึงมหานทีสีทันดรแล้วจ้า

   





                  “ถ้ามึงอึดอัดก็แค่บอกปฏิเสธไปดิ อย่ายอมไปหมด”
   
                  ตอนนี้เขากับมันออกมาเดินเล่นสูดบรรยากาศกลิ่นอายยามเย็นของมหา’ลัย หรือก็คือเราอยู่ข้างนอกงานแล้วนั่นเอง จุดหมายของเราไม่มีที่สิ้นสุด แล้วเขาก็ไม่คิดจะถามด้วยว่ามันจะสิ้นสุดตรงไหน แค่เดินไปด้วยกัน เขาก็โคตรอิ่มอกอิ่มใจแบบสุดๆ
                  น่าแปลก
                  ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาค่อนข้างประหม่า จนเขาอาจจะแสดงท่าทางชวนอึดอัดซึ่งอาจเป็นเหตุผลเดียวกับที่มันกับเขาไม่สามารถพูดคุยกันได้อย่างเพื่อนร่วมรุ่นทั่วไปในตอนปีหนึ่ง
                  นั่นเพราะ เขาชอบมัน เขาเลยทำให้มันอึดอัด แต่ตอนนี้เขาก็ยังชอบมันอยู่ เพียงว่าความอึดอัดระหว่างเราสองคนเหมือนอันตรธานหายไปโดยไม่รู้ว่าฝ่ายไหนกันแน่ที่ทำให้มันหายไป
                  หรืออาจจะเป็น…เราทั้งคู่
   
                  “แล้วมึงล่ะ…”
                  “ว่า”
                  “เรื่องละครเวที ถ้ามึงอึดอัด…”
                  “แล้วมึงล่ะ…”
   
                  เขากำลังถูกถามกลับ
   
                  “อึดอัดมั้ย”
                  “ถามกูได้ไง กูไม่เกี่ยว มึงแสดง”
                  “ก็ที่แสดงมีมึง”
                  “…”
                  “ไม่ใช่เหรอ”
                  “…”
                  “ถ้ามีกูอยู่ด้วย มึงจะอึดอัดรึเปล่าวะ มด”
   
                  เขาเงียบ

                  “ตอนปีหนึ่งมึงเอาแต่หลบหน้ากู มึงไม่ชอบกูขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
   
                  ผิดถนัดเลยไอ้เหี้ย กูโคตรชอบ กูชอบมึงจนตัวจะแตกแล้วเนี่ย เพียงแต่มึงไม่ได้ชอบกู กูเลยไม่กล้าบอก
   
                  “แล้วตอนนี้ล่ะ”
                  “…”
                  “ตอนนี้กูติ๊ต่างว่ามึงไม่อึดอัดเมื่ออยู่กับกู”
                  “…”
                  “แปลว่าตอนนี้ มึงเริ่มชอบกูแล้ว”
                  “…”
                  “ใช่มั้ย”
   
                  เขาไม่รู้ว่ามันหมายความว่าชอบแบบไหน เขาไม่กล้าคิดไกลไปเองคนเดียว เพียงแต่ดวงตาสีดำสนิทที่สื่อมาอย่างมีความหมายนั่น พอจะทำให้เขาคิดเข้าข้างตัวเองได้มั้ยนะ
   
                  “พี่สายป่าน!!!”
   
                  แต่กว่าเขาจะได้ตอบรับแบบไหน เสียงตะโกนเรียกชื่อร่างสูงก็ดังขึ้นมาก่อน
                  ปิ๊ก กับ…
   
                  “ชุดเหี้ยอะไรของมึง มึงเป็นกะเทยเหรอวะ”
   
                  ชุดราตรียาวลากพื้น
                  ไม่บอกก็รู้ว่าคนที่กรีนจะเอามาแข่งกับเหล่านางฟ้าคือใคร
                  เขาเสมองไปทางอื่น ปิ๊กเดินเข้ามาหา
   
                  “ป่ะ เข้าไปในงานกัน ไปดูน้องประกวด”
   
                  เขาพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะบอกว่าจะอยู่ที่นี่ต่อสักพัก ไอ้สายป่านทำท่าจะละออกไป แต่มันยึกๆยักๆ
   
                  ‘กูชื่อสายป่าน รหัส 291 มึงชอบเดินหนีกู กูไปต่อแถวข้างหลัง มึงก็ไปต่อแถวอื่น มึงโกรธอะไรกูเปล่าวะ’
   
                  ภาพความทรงจำตอนปีหนึ่งระหว่างเขากับมันไหลเข้ามาในหัว
                  เป็นเหตุการณ์ที่เขากำลังจะเดินหนีจากมันไปต่อแถวเพื่อนๆแถวอื่น แต่โดนมันขวางไว้ เพราะว่า เขาได้เดินหนีจากมันเป็นรอบที่สิบของวันแล้ว
                  เป็นใคร ใครก็คิดว่าเขากำลังโกรธคนๆนั้นอยู่
   
                  ‘เปล่า แถวนั้นมันยาวแล้ว เราจะไปต่อแถวอื่น’
   
                  เหตุผลข้างๆคูๆ ตอนแรกมันจะไม่เชื่อ กำลังจะเดินเข้ามาซักไซ้ต่อ แต่ว่าเพื่อนๆข้างหลังมันเรียกซะก่อน
   
                  ‘มีอะไรจะบอกกูมั้ย’
   
                  ทำไมต้องมีอะไรจะบอก ไม่มี…
                  กูชอบมึง
   
                  หมับ!
   
                  “เดี๋ยวค่อยเข้าไป ขออยู่ต่ออีกสิบนาที…”
                  “…”
                  “อยู่เป็นเพื่อนกูก่อน ได้มั้ย…”
   
                  บ้า เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เขาเนี่ยนะมีความกล้าไปจับมือมัน
                  มด แกน่ะบ้าไปแล้ว
                  แล้วมึง มึงจะยิ้มทำไมไอ้เหี้ยสายป่าน
   
                  “มึงเข้าไปก่อน กูจะอยู่กับเพื่อน”
                  “ได้ไง”
                  “โทษทีว่ะ นี่เพื่อนขอ”
   
                  ปิ๊กคิ้วขมวดมุ่นไม่พอใจ หันมาจ้องเขาเขม็ง
            
                  “แล้วถ้าน้องล่ะ น้องขอบ้าง”
                  “คงไม่ได้แล้วว่ะ เพราะกูรักเพื่อน”
   
                  อย่าได้คิดไปไกล
   
                  “มึงรักเพื่อนทุกคนเลยเหรอวะ งั้นถ้าเพื่อนขอให้ไปไหนมึงก็จะไป”
   
                  เขาถาม…
   
                  “ไม่อ่ะ เพื่อนแบบมึงมีคนเดียวในโลก”
   
                  คนเรา…
   

   





                  กลางดึกคืนนั้นเขานอนไม่หลับ เลยลุกขึ้นมาเปิดหน้าต่างรับลมเย็น คิดไปคิดมา เข้าเฟซบุ๊กไปส่องใครต่อใครเล่นฆ่าเวลาดีกว่า ว่าแล้วก็เปิดโน๊ตบุ๊คที่พับอยู่ ไอ้ไวน์ขยับตัวเบี่ยงหลบหนีแสงเล็กน้อย แต่ไม่ตื่น พอมันเปลี่ยนท่าให้สบายขึ้นมันก็กรนต่อตามประสา
   
                  ตึ๊ง ตึ๊ง ตึ๊ง
   
                  อะไรกันเนี่ย ข้อความมารัวๆเลย
   
                  ‘พน. อาจารย์ยกคลาสเช้านะ ไปเรียนอีกทีตอนเย็นวันพุธ’
   
                  พน. น่าจะหมายถึงพรุ่งนี้ ของถนัดเขา ย่อได้ย่อดีต้องฟ้าสายย่อ เอ๊ยยยยย
   
                  ‘มึงงงง อย่าลืมเลคเชอร์วิชาสังคมวิทยานะ กูจะเอาไปลอก’
   
                  มายด์ที่เพิ่งโทรมาย้ำตอนเย็น ย้ำเขาอีกทีในเฟซบุ๊ก
                  แล้วแชทอื่นๆก็เป็นแชทของเหล่านางฟ้าที่ไม่รู้มีเรื่องอะไรคุยกันนักหนา เด้งออกมาทุกๆสิบวินาทีเลย กดออกดีไหมนะ แต่คิดไปคิดมา ห่วงสวัสดิภาพตัวเองเพราะเคยโดนข่มขู่แกมลวนลามว่าถ้าออกแชท มีโดนคุกคามทางเพศ
                  เขาว่ามันน่ากลัวกว่าขู่ฆ่าเสียอีก เฮ้อ
                  เลื่อนๆไป มันก็แทบจะไม่มีข้อความสำคัญ จนเมื่อเป็นข้อความของ
                  
                  โฟร์ ผู้ฆ่าหมีด้วยมือเปล่า
   
                  ธีมละครคือเรื่องแอบชอบเพื่อนนะ
   
                  มันจะไม่มีอะไรเลยถ้า…
   
                  เอ๊ะ มีคนสะดุ้งว่ะ
   
                  มันไม่แซะเขากลับ ฮื่อออออออ
                  เขาต้องพิมพ์ตอบอะไรซักอย่างกลับไป อะไรดี อะไรดี แต่ความสนใจของเขาก็ถูกหันเหโดยแชทของใครบางคนที่อยู่ถัดมา
   
                  สายป่าน 291
   
                  คิดถึงเธอทู้กวัน ทุกๆสิบห้านาที ขาดเธอไปเหมือนมันจะตาย
   
                  คือ… ???
                  แบบนี้เพื่อนแกล้งอีกแน่ๆ เขาจะทำเป็นไม่สนใจแล้วกัน แต่…
                  ช่องข้อความของมัน กำลังขึ้นจุดจุดจุด แปลว่า มันกำลังพิมพ์ตอบกลับมา
   
                  ให้ตาย โทษทีว่ะ เพื่อนกูเอาโทสับไปเล่น
   
                  คำว่าโทรศัพท์ที่ดูเหมือนขี้เกียจพิมพ์นี่กระตุกต่อมความถูกต้องของเขาพิกลแฮะ
                  แต่เอาจริงๆมันก็แค่ข้ออ้างของคนที่ป๊อด แม้กระทั่งจะหาเรื่องตอบแชทมัน เขายังไม่มีเลย
                  ทำไงดี เขาจะตอบไปว่าไงดี
   
                  มด
   
                  มันกลับมาอีกครั้งพร้อมข้อความใหม่
   
                  มีเว็บโป๊แนะนำกูมั้ย
   
                  เหี้ยยยยยยยยยย
                  อารมณ์เปลี่ยวยามดึกเหรอวะ ไอ้เหี้ย ต้องเงี่*** แค่ไหนถามใจดูครับ เฮ้อ
   
                  ไม่มี ไอ้เหี้ย
   
                  เขาต้องกลั้นใจไม่พิมพ์ด่ามากกว่านี้นี่ดีแค่ไหนแล้ว
   
                  หึ
                  ตอบกลับกูได้แล้วเหรอ
                  ไอ้ใบ้

   
                  เขาไม่ได้ใบ้สักหน่อย แค่ไม่กล้า…ตอบ
   
                  โม้ดดดดดด ฝานดีน้า ฝานถึงราวด้วยยยยยย
   
                  เพื่อนแกล้งอีกเหรอ
                  
                  เขาคิดว่าภาษาแบบนี้ไม่ใช่ภาษามนุษย์ต่างดาวสายป่าน 291 แน่ๆ
                  มันเงียบหายไป
                  ก่อนจะตอบกลับมาอีกรอบ พร้อมแนบไฟล์เสียง…
                  เขากดฟัง
   
                  “ฝันดีครับ ฝันถึงกูด้วยนะ”
   
                  พร้อมๆกับข้อความในแชทที่ปรากฏแก่สายตาเขา
                  
                  เพื่อนแกล้งมั้ง
   
                  เพื่อนแกล้งอะไรล่ะ
                  นี่มันเสียงมึงชัดๆ
                  ไอ้เหี้ย
                  คืนนี้กูไม่นอนมันแล้ว…


                  


                  “อิมามี่ กินข้าวกันนนนน”
   
                  ลลิตาที่วิ่งมาหาพวกเรา ท่วงท่าของเธอช่างเหมือนราวกับวิ่งอยู่ในทุ่งดอกไม้ลาเวนเดอร์ ส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจุยจาย แต่ขอโทษที ที่มึงกำลังกวนให้กระจายอยู่มันไม่ใช่ความหอมฟุ้ง แต่เป็นฝุ่นของสนามหญ้าคณะสถาปัตย์ที่แห้งเหี่ยวครับ
   
                  “เป็นไรมากป๊ะ กินข้าวกับกูทุกวันเนี่ย เป็นแฟนกูเหรอ”
                  “อ้าว ก็ปกติก็กินด้วยกัน อินี่”
   
                  เออ นั่นสิ
   
                  “อ่ะ มึงไม่ชะงักไป แปลว่าไม่ได้คิดอะไรกับกู”
   
                  มามี่ชี้หน้าลลิตาแล้วยิ้ม
   
                  “เดี๋ยว ตรรกะอะไรของมึงคะอิมามี่”
                  “ตรรกะของคนแอบรักเว้ย กูเคยอ่านเจอในหนังสือ ข้อความหนึ่งมันบอกว่า ลองแกล้งพูดเล่นๆกับคนที่มักจะชวนเรากินข้าวบ่อยๆ ด้วยประโยคที่กูพูดกับมึง ถ้าเขาคิดอะไรกับเรา อาการชะงักจะเป็นอาการแรกที่เขาแสดงให้เห็นเว้ย แต่มึง ดีมาก เพื่อนรักไม่แอบรักเพื่อน”
   
                  มามี่เขย่ามือลลิตาที่เบะปากมองบน
   
                  “แหม ดูสารรูปมึงก่อนอิมามี่ กูเอากับมึงนี่คือวันนั้นชีวิตกูแม่งโคตรหลงผิด”
                  “แรงมาก แม่”
   
                  วินดี้อุทาน แล้วยกมือทาบอก
   
                  “แอ๊บ ที่จริงมึงก็อยากด่ากูอีกคนถูกมั้ย” มามี่รู้ทัน
                  “ใช่!”
   
                  ไม่มีการอ้อมค้อมใดๆจากวินดี้
   
                  “อ๊ะ นั่นสายป่านนี่” มามี่ชี้ชวนทุกคนดูไกลๆ
                  “เอ๊ะ กำลังเดินมาทางนี้” วินดี้
                  “โต๊ะเราชิมิ องศาดวงตามันบอกว่าใช่” ลลิตา
                  “มาหาใครน้า” ลิลลี่
                  “หืมมมม มีคนจะออกเรือนแล้วว่ะ ไปตัดชุดเจ้าสาวกัน” อุมาพร
   
                  แล้วดวงตาของทุกคนก็จ้องมองมาที่เขา
                  คือ อะไร
   
                  “มด”
   
                  เป็นเวลาเดียวกับที่ไอ้สายป่านเดินมาถึงพอดี
                  วันนี้มันใส่ชุดสบายๆ กับยีนส์ซีดๆ ที่มีรอยขาดตรงหัวเข่าตามแฟชั่น ตอนนี้มันแม่งดูเหมือนหนุ่มเซอร์ๆ แต่หน้าไม่เซอร์อ่ะ ออร่าความขาวแม่งประกายเจิดจ้ามาก ทำไมความอปป้ามันถึงรวมที่อยู่ในตัวของมันได้ขนาดนี้วะ เขาเผลอจ้องตาค้างด้วยมนต์สะกด
   
                  พรึบ!
   
                  จนมันโบกมือไปมาตรงหน้า
   
                  “อะ อะไร” เขาพูดตะกุกตะกัก ทุกการกระทำอยู่ในสายตาเหล่าแองเจิล
                  “มึงบอกกูเองว่าวันนี้โฟร์นัด?”
                  “อ้อ เอ้อ ใช่เลย”
   
                  โอ๊ย อยากตีปากเหลือเกิน กูเป็นอะไรเนี่ย สติจงกลับมานะไอ้มด
                  ต้องเป็นเพราะวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะวันนี้แน่ๆเลย ใช่ๆ…
                  แล้ววันนี้เหล่านางฟ้าเป็นอะไรเนี่ย คือเหมือนทุกคนพากันเอาปากไปนาเอาปากไปไร่กันหมดเลย ไม่มีแซวสายป่านใดๆนะ เหมือนให้เวลาเขากับไอ้สายป่านได้คุยกันอ่ะ โอ๊ย ก็สถานการณ์มันชวนให้คิดแบบนี้นี่ ดูดิ มีแต่ตาและหูที่บานแบบพร้อมเสือกเต็มสตรีมอ่ะ
                  เขาไม่ได้พูดเกินจริงเลยนะ…
   
                  “ก่อนไปตึกเศรษฐศาสตร์ แวะกินข้าวก่อนป่ะ โคตรหิวเลย”
   
                  มันชวนเขากินข้าว
                  มันชวนเขากินข้าว
                  มันชวนเขากินข้าว…ครับ
                  แล้วเขาควรตอบว่ายังไงดี
                  พลัน บทสนทนาระหว่างมามี่กับลลิตาก็ดังแทรกเข้ามาในห้วงความคิด
   
                  เป็นไรมากป๊ะ กินข้าวกับกูทุกวันเนี่ย เป็นแฟนกูเหรอ
   
                  คือ บ้า มด คิดอะไรของมึงวะนั่น
                  เขาเพิ่งกำลังชวนเรากินครั้งแรกกกกกก
                  
                  ตรรกะของคนแอบรักเว้ย กูเคยอ่านเจอในหนังสือ ข้อความหนึ่งมันบอกว่า ลองแกล้งพูดเล่นๆกับคนที่มักจะชวนเรากินข้าวบ่อยๆ ด้วยประโยคที่กูพูดกับมึง ถ้าเขาคิดอะไรกับเรา อาการชะงักจะเป็นอาการแรกที่เขาแสดงให้เห็นเว้ย แต่มึง ดีมาก เพื่อนรักไม่แอบรักเพื่อน
   
                  ฮือออออ ใครเอาเสียงบ้าๆของมามี่ออกไปที
   
                  “แหมมมม สายป่าน แอบขโมยเพื่อนเราไปกินข้าวด้วยเหรอออออ”
   
                  จู่ๆเหล่านางฟ้าที่ไม่มีบทมานานก็พูดขึ้นนำทีมโดยมามี่
   
                  “คิดอะไรกับเพื่อนเราป๊ะ ชวนกินข้าวเนี่ย”
   
                  ลลิตาผสมโรง
                  แต่ว่า…
   
                  “คิดสิครับ”
                  “เฮ้ยย่ะ” วินดี้
   
                  เขาเบิกตากว้าง แต่ประโยคถัดมาก็ต้องแฟบลง
   
                  “คิดแค่เพื่อนไงครับ”
                  “โหยยยยย”
   
                  นั่นสินะ ก็เราเป็นเพื่อนกัน
   
                  ตึ๊ง
   
                  แต่แล้วแชทเขาก็เด้งขึ้น ท่ามกลางบทสนทนาที่ยังดำเนินต่อไปของเหล่านางฟ้ากับสายป่านผู้ถูกรุม เหมือนจะเงียบได้ไม่นานจริงๆ เจ๊ๆพวกนี้เนี่ย สุดท้ายก็เต๊าะผู้ชายไปไหนไม่รอด
                  เป็นข้อความจากมามี่
                  เป็นภาพแคปชั่นข้อความข้อความหนึ่ง ที่เขาอ่านแล้วใจเต้นแรง
   
                  บางครั้ง การแสดงออกว่าเขินมากๆของใครบางคน ก็อาจถูกกลบเกลื่อนด้วยความชิลที่เจ้าตัวพยายามทำให้เหมือนค่ะ แต่มีวิธีสังเกตง่ายๆ แบบจับจุดได้อยู่หมัดเลยนั่นก็คืออาการที่ตามมาที่ต่อให้เจ้าตัวจะปกปิดยังไงก็ไม่พ้นสายตาเราหรอกค่ะ
                  1. ความเขินมักทำให้หน้าแดง ต่อให้พูดต่อหน้าชิลๆขนาดไหน ยังไงความแดงของอาการเลือดสูบฉีดมันก็ปิดไม่มิดหรอกค่ะ
                  2.ความเขินมักทำให้หูแดง อาการหูดงหูเนี่ยแหละค่ะคู๊ณณณ ปิดยังไงก็ปิดไม่มิด ชั้นคอนเฟิร์ม ชั้นนั่งยันนอนยันเลยค่ะ
                  3. ความเขินมักทำให้คอแดง อันนี้เป็นประสบการณ์โดยตรงจากเพื่อนดิฉันค่ะคุณ เขินทีไรคอแดงอย่างกับผื่นขึ้นตัวทุกที

   
                  “อะไร มึงดูอะไรอยู่วะ”
   
                  อยู่ๆไอ้สายป่านแม่งก็ก้มลงมาใกล้จนใบหน้าเราเกือบชนกัน
   
                  “พึ่งรู้นะคะว่าสายป่านสายตาสั้น” วินดี้บอก
   
                  เออ ก้มลงมาแม่งเกือบจูบหน้าจอไอโฟนเขาละ
   
                  ตึกตัก ตึกตัก
   
                  “ครับ วันนี้ไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์ด้วย”
   
                  มันตอบชิลๆ
                  แต่เขานี่สิ
                  เพราะใกล้กันมากๆ เลยทำให้ เขาหัวใจเต้นแรง มันเสียงดังจนกลัวว่าคนที่กำลังดูข้อความอยู่จะได้ยิน
   
                  พรึบ!
   
                  ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก
                  ภาพแรกเขาเบือนหน้าหนีไปทางอื่น มือเกือบทำไอโฟนลูกรักหล่นลงพื้น
                  ภาพที่สองไอ้สายป่านผุดลุกขึ้น แล้วเอี้ยวตัวเพื่อกันอะไรบางอย่างที่ไม่อยากให้เขาเห็น แต่แม่งมันเห็นไปแล้วไง
                  ก็หูแดงๆ กับคอแดงๆของมึงแม่ง…
                  สงสัยโคตรแพ้แดดอ่ะ
                  ผิดดดดดดดดด
   
                  “เอ้าๆ จะกินข้าวหรือจะกินน้ำตาลกันคะนั่น”
   
                  โคตรเหี้ยอ่ะ
                  เขาแอบด่ามามี่ที่ยิ้มร้ายเบาๆในใจ
   
   





                  ปกติเขามักจะเอาไอโฟนขึ้นมากดส่องนั่นส่องนี่เล่นๆระหว่างรอเมนูอาหาร
                  แต่พอมากับไอ้สายป่าน ไม่รู้สิ เขาคงไม่อยากให้การมากินข้าวด้วยกันครั้งแรกของเราเอาแต่ก้มหน้าใส่กันมั้ง
                  ง่ออออออ
                  พอเถอะ กูเขินเอง
   
                  “มึงว่างเหรอวันนี้” หาเรื่องคุยสิรออะไร ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงได้แต่เงียบ แต่ตอนนี้ไม่รู้อะไรก็แล้วแต่เถอะ ที่มันทำให้เขาถามออกไปแบบกล้าๆกลัวๆได้ แต่เขาก็จะถามมันอยู่ดี
                  “ว่างแค่คาบเดียว หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้า”
                  “อ่าฮะ”
   
                  จะต่อบทสนทนาไงล่ะทีนี้ แต่เป็นคนถูกถามที่ถามเขากลับ
   
                  “แล้วมึงล่ะ เรียนเหรอวันนี้”
   
                  โห ก๊อปประโยคเขานี่หว่า
   
                  “ทั้งวัน พึ่งเลิก”
                  “อ่อ”
                  “…”
                  “แล้วไม่มีนัดกับใครเหรอ ถึงมากินข้าวกับกูได้”
   
                  เดี๋ยวๆ ให้มดตอบว่าไง๊
   
                  “ไม่มี”
                  “…”
                  “ก็มึงชวนก่อน”
   
                  เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเรา แต่ดีหน่อยที่เสียงพนักงานดังขึ้น พร้อมอาหารมาเสิร์ฟพอดี โอ๊ย หลีกเลี่ยงสถานการณ์ไม่ดีต่อหัวใจไปได้หน่อย
   
                  “ไหนบอกว่าชอบเมนูที่มีไข่”
                  “ไหนบอกว่าชอบเมนูที่มีผักเยอะๆ”
   
                  เราสองคนเปรยขึ้นลอยๆ เมื่อเห็นอาหารของกันและกัน แบบไม่รู้ตัว ชั่วครู่เมื่อได้สติ ต่างคนเหมือนใบ้แดกไปตามกัน
   
                  “เอ่อ”
                  “เอ่อ”
   
                  โอยยยยย สถานการณ์หี้ยอะไรครับนี่
   
                  “กินกัน”
                  “อื้ม กินกัน”
   
                  แล้วกูก็พูดตามมันเนาะไอ้เวง
                  เหมือนแม่งอยู่ในรายการจับผิดมากตอนนี้
                  ถ้ามีคนกำลังดูอยู่ เขาคงจพูดกันว่า
                  คุณมด คุณสายป่าน
                  พวกคุณมีพิรุธอีกแล้วนะ!!!
                  เขาน่ะไม่เท่าไหร่ มันแปลกที่ไอ้คนตรงข้ามเองก็มีพิรุธด้วยนี่สิ
                  ให้มดว่าไง๊!!!
   
                  “กินข้าวสิ ดูกูแล้วจะอิ่มเหรอ”
                  “ไอ้…”
   
                  นี่มึงกำลังกลบเกลื่อนอะไรอยู่ใช่มั้ย
   
                  “หรือว่า…”
                  “…”
                  “มึงอยากกินสายป่าน”
   
                  !!!
   
                  “เอ๊ย…”
                  “…”
                  “ขนมสายไหม”
   
                  พอทีเหอะมุกพูดผิดพูดถูกเนี่ย
                  กูเนี่ย
                  เนี่ยยยยย
                  กูตายเพราะเขินแม่งตลอดอ่ะ
                  จะมุกเดิมมุกซ้ำมุกบ่อยๆแค่ไหน
                  พอมันทำหน้าทำตาเล่นลิ้นแล้วแบบ
                  ใจมันบางงงงงง
                  เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
                  คนที่มีพิรุธมาก เท่ากับ…
                  แพ้!!!





T B C

โอ๊ยยยย มันยังไงกันคะคุณสองคนนี้
ตกลงใครแอบชอบใครกันแน่เนี่ย หรือแอบชอบกันทั้งคู่
ไม่ไหวแล้ว ขอตัวไปเขินก่อนค่า

เจอกันพรุ่งนี้ค่า ขอบคุณทุกการสนับสนุนค่า
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเอ็ด P.3 15-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 15-04-2019 21:24:01
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเอ็ด P.3 15-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: lonesomeness ที่ 15-04-2019 22:17:47
เอ็นดู มีแต่เอ็นดูเจ้ามด
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเอ็ด P.3 15-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-04-2019 22:35:49
สายป่าน สายล่อมด  :hao3:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเอ็ด P.3 15-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: tweetpuen ที่ 15-04-2019 23:56:39
 :mew3:เขิน
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเอ็ด P.3 15-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 16-04-2019 01:14:51
ต่างคน ต่างแอบชอบกัน  :laugh:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเอ็ด P.3 15-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 16-04-2019 02:00:03
คุณทั้งสองคนมีพิรุธมากเลยค่ะ!!!  :o8:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเอ็ด P.3 15-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 16-04-2019 11:02:39
คุณสายป่านคุณก็จีบมดมดได้แล้ว
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเอ็ด P.3 15-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: lonesomeness ที่ 16-04-2019 20:01:04
มุกเพื่อนแกล้งมันเอ้าท์แล้วค่ะคูณณณณณณณณ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเอ็ด P.3 15-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 25-04-2019 07:28:05
สายป่านทำเนียนนะ อยากคุยอยากทัก ก็บอกกัน
ไม่ใช่ตามห่วง ตามหวง บอกคิดถึง แล้วมาทำว่า เพื่อนแกล้ง

มดน่ารัก คิดเอง เขินเอง ไปต่อไม่เป็นเลยเจอมุกกินสายป่านไป
แต่ตอนนี้ มดเริ่มคิดได้แล้วนะ ว่าสายป่านเนียนเองไหม 5555

หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเอ็ด P.3 15-04-2019
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 30-04-2019 23:21:57
น่ารักอ่ะ​
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสอง P.4 12-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 12-05-2019 21:45:14
ก้าวที่สิบสอง
นางเอกของสายป่าน


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




วันนี้ขอนัดนักแสดงมาเจอกันที่ห้อง 4210 คณะศึกษาศาสตร์นะ
มึงลากสายป่านมาด้วย สำคัญมาก จะแนะนำตัวต่างๆ สร้างบรรยากาศ
โอเค
แหมมมมม ทำตัวเหมือนเมียเค้าเว่อ
โอ๊ย อิจฉาตาร้อน
   
                  
                  เขาถอนหายใจ…
                  ไม่รู้ทำไมต้องถูกแซวเรื่องนี้อยู่เรื่อยเลย คราวหลังเขาจะเก็บความลับของตัวเองไว้ให้เงียบที่สุด เหยียบไว้ด้วยเท้าตัวเองนี่แหละ เชื่อใจได้ที่สุดแล้ว


แล้วเป็นไง โต๊ะตึกตึกกันหรือยัง
โฟร์ มันกับกูเป็นแค่เพื่อนกัน
แต่มึงไม่คิดแค่เพื่อน
หรือมันเองก็คิดกับมึงเกินเพื่อน
   

                  ไม่รู้ว่าโฟร์เอาที่ไหนมาพูด อาจจะเป็นจากปากของเหล่านางฟ้า ที่ใส่สีตีไข่เขากับไอ้สายป่านซะเละเทะ
                  เขาน่ะคิดเกินเพื่อนอยู่แล้ว
                  แต่อีกคนน่ะ เขาไม่รู้เลย
                  ดีแล้วที่ไม่รู้ กลัวเจ็บน่ะ


ไม่พูดกับมึงละ ไปเรียนแล้ว
จ้า ตามบายเลยจ้า
ขอให้โดนทะลวงประตูในเร็ววัน
   

                  เฮ้ออออออ
                  จะว่าไปแล้วมันก็แค่ข้ออ้างตัดจบบทสนทนาในไลน์แชทแหละ เพราะคาบนี้อาจารย์งดเซค แต่ดันบอกเกือบบ่ายโมง คือช่วงเช้าเขามีเรียนถึงแค่สิบเอ็ด ประเด็นคือนึกว่าวิชานี้เรียน แต่ที่ไหนได้ล่ะ อาจารย์ไม่สอน แถมนั่งรอเก้อ ตอนนี้ก็เลยมาเดินล่องลอยคนเดียวตามประสาคนลงวิชาไม่ตรงกับเพื่อนๆ
   
                  “วี๊ดวิ้ว น้องสาว”
   
                  เสียงแมลงเม่าที่ไหนดังตอนกลางวันแสกๆวะ
                  อ่อ ไม่ใช่
                  กล้าดียังไงมาเรียกเขาว่าน้องสาว เดี๋ยวพ่อจะตบ…
                  ไอ้สายป่าน… เหรอ
                  เดินหนีแม่งเลย เพราะมันนั่งอยู่กับเพื่อนที่คอฟฟี่ช็อป
   
                  “เฮ้ย แม่งคนอะไรเสียมารยาทขนาดนี้วะ”
   
                  มันตะโกนไล่หลังมา เออ กูเดินไปหาแม่งก็ได้วะ
   
                  “หน้างอง้ำหรรมตุงมาเลยว่ะ ฮ่าๆ”
   
                  ฟวยยยยยยยย
                  อย่าลืมว่า สายป่าน 291 คือบุคคลที่กวนตีนที่สุดในโลกครับ
   “อ้าวมด ไม่มีเรียนเหรอ”
                  พีทักทายเขา แหม คณะเดียวกัน เพื่อนมันก็เพื่อนเขานี่แหละเอาไรมาก
   
                  “อาจารย์งดเซคอ่ะ เลยว่าง”
                  “…”
   
                  เขาเหล่ตามองไอ้สายป่าน จนอะไรไม่รู้ดลใจให้พูดออกมา หรือจะด้วยความหมั่นไส้ในอารมณ์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองสาวๆที่นั่งจิบนั่งชิลกินน้ำปั่นแถวนี้ก็ไม่แน่
   
                  “ไม่เหมือนคนบางคน ทำตัวให้ว่าง”
   
                  ได้ผลแฮะ มันหันขวับมามองเขาเลยอ่ะ 555
   
                  “กูก็งดคร้าบ”
                  “จ้า”
   
                  สกิลกวนตีนเขาก็มีพัฒนาบ้างอะไรบ้าง อยู่ในสังคมแบบนี้ ก็ต้องปรับตัวตามอะเนอะ
   
                  “เฮ้ย ครั้งแรกเลยนะ ได้ยินมดกัดกับไอ้หมานี่”
   
                  เดี๋ยวนะ ใช้คำว่ากัดก็แปลว่าเขาก็หมาด้วยน่ะสิ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสินะ
   
                  “ใช่ ปกตินี่แม่งไม่ใช่จะพูดกัน” กันที่นั่งข้างๆเสริมทัพ
   
                  เออ จริงด้วยสิ
                  นี่เขากลายเป็นคนขี้กวนตีนไปแล้วเหรอเนี่ย ใช่ประเด็นใช่มั้ยทุกคนนนน
   
                  “มึงไปง้างปากมันได้ไงวะ” พีหันไปถามเพื่อนมัน หรือก็คือไอ้สายป่านเผื่อมีคนงง เพราะทุกคนเป็นเพื่อนกัน หรือเขางงตัวเองพอเถอะอธิบายแล้วงงๆ
                  “ธรรมดา”
                  “…”
                  “ปากก็ต้องง้างด้วยปากดิครับเพื่อน”
   
                  ส้นตีนนนนนน
                  แต่ทำไมกูเขิน ไอ้เหี้ย ไอ้บ้า ไอ้เวง
                  เล่นไม่ดูเวลา
   
                  “ปากแบบนี้กูไปแล้วนะ” ต่อไปนี้เขาจะไม่ยอมให้มันแกล้งให้เขินฝ่ายเดียวแล้วเว้ย
   
                  ไม่ใช่จะสู้กลับนะ เขาจะเดินหนี
                  ป๊อดมั้ยล่ะมึง
   
                  “เดี๋ยวสิ เย็นนี้ก่อนไปห้องนักแสดงมาหาที่สนามบาสนะ ไปด้วยกัน”
                  “ไม่อ่ะ”
   
                  เอาดิ มึงไปเองเลยไป
   
                  “งั้นกูก็ไม่ไปอ่ะ”
   
                  มันยักคิ้วกวนๆ
   
                  “โฟร์ด่ามึงแน่ๆ”
                  “ก็มาดิคร้าบ”
   
                  แต่พอเอากลับมาคิด
                  เขาว่าเป็นตัวเองมากกว่าที่จะโดนจวกยับหากลากมันไปด้วยไม่ได้
                  โอ๊ยยยย บอกก็ได้ เขาเต็มใจไปดูมันเล่นบาสเว้ย
                  ฮื่ออออ เขิน ชวนขนาดนี้…
                  กูไม่ไปก็โง่แล้วครับ

   





                  “มึงงงงง เย็นนี้ไปดูสายป่านแข่งบาสกัน” มามี่เดินเข้ามาที่โต๊ะพร้อมกับน้ำปั่นที่ไม่บอกก็รู้ว่าซื้อจากที่ไหน แหม ก็โลโก้น้ำปั่นกรีนติดขนาดนี้ แต่บอกเลยว่าเป็นร้านดังสุดในย่านนี้แล้วนะเว้ย ขอค่าพื้นที่โฆษณาในนิยายของมิวเอสเอ็นด้วยนะพี่กรีน
   
                  ช่วงนี้เหมือนชีวิตเขาผูกติดกับแก๊งนางฟ้า อาจจะเพราะว่าจิ๊บกับฟ้าเริ่มหางานทำแล้ว และมันกำลังอยู่ในช่วงทดลองงาน ส่วนมายด์ก็ติดแฟนหนึบยิ่งกว่าอะไรดี อย่าถามถึงเวลาที่มีให้มดของทุกคน มันช่างเจียดมาไม่ได้เลยสักนิดเดียว โหย เสียใจตายเลย
   
                  “หืม ยังไง” ลลิตาขมวดคิ้วมุ่น
                  “เห็นว่าเป็นนัดเล่นๆ แบบแข่งกันระหว่างเพื่อน แต่คนไปเยอะอยู่ เพราะมันรวมผู้หน้าตาดี”
   
                  อ่อ เหตุผลนี้เองสินะที่อยากไปอ่ะ ไม่ได้อยากดูเขาเล่นบาสนะ อยากดู…
   
                  “เวลาผู้ชายใส่กางเกงบอลเล่นบาสแล้วมัน โอ๊ย ใจแม่บ่ดี”
   
                  นั่นไง ลากเข้าเรื่องใต้สะดือทุกทีเลยวินดี้
   
                  “เอ๊ แต่ทำไมสายป่านถึงไม่บอกไม่ชวนคนแถวนี้น้า”
   
                  อะไร มองมาที่เขาทำไมกัน
   
                  “ก็แค่เพื่อนอ่ะเนอะ”
   
                  โอ๊ย คำนี้มันเจ็บจี๊ด
                  จนเขาเผลอ
   
                  “ชวนแล้วตอนกลางวัน อุ๊บ”
   
                  เอ้ยยยยยยย นี่เขาพูดบ้าอะไรออกไปเนี่ย
                  ต้องเป็นเพราะน้ำเสียงยียวนกวนประสาทของวินดี้แน่ๆที่ทำให้เขาอยากเอาชนะ โดยการโพล่งออกไปว่าเขารู้มาก่อนแล้ว จุดประสงค์เขามีแค่นั้นจริงๆนะ แต่เขาลืมนึกไปเลยว่า…
   
                  “หืมมมม มีคนขี้อวดว่ะ” มามี่
                  “เป็นแฟนกันก่อนค่อยมาอวดนะหนู” ลลิตา
                  “อิจฉาตาร้อน” ลิลลี่
                  “มันยังไงคะ” อุมาพร
                  และปิดท้ายด้วย “ออกตัวแรงงงง” วินดี้
   
                  เขาไม่ได้มีความหมายอะไรแฝงเลยนะ แค่อยากเอาชนะวินดี้ด้วยการบอกว่ารู้ก่อนเมื่อตอนกลางวันเท่านั้นเอง ไหงเป็นแบบนี้ไปได้ โอ๊ย ความอยากเอาชนะทำร้ายตัวเองเลย
   
                  “เอ๊ะ มึงๆ แอดมินเพจใครๆก็เป็นเมียสายป่านได้พึ่งส่งเสื้อที่สั่งมาพอดี” วินดี้โพล่งขึ้นมา
                  “อ่อ เสื้อจากเพจอิอลิซสะบี๋น่ะเหรอ” มามี่ทวนตาม
                  “ก็นี่ไงพวกมึง กูหาคนใส่เป็นแบบได้แล้วเว้ย”
   
                  เดี๋ยวนะ ทำไมหลังจบประโยคทุกคนถึงหันมามองที่เขาเป็นตาเดียว แหม พร้อมเหลือเกินนะ พร้อมทำลายน้องเล็กในกลุ่มได้ลงคอจริงๆ
   
                  “ไม่!” เขาปฏิเสธเสียงแข็ง
                  “น้า มด น้า”
   
                  เหล่านางฟ้าออดอ้อน เขาทนได้ไม่นานหรอก สุดท้ายความใจอ่อนก็ทำให้ยอมตกลง
   
                  “นี่เลย”
   
                  วินดี้หยิบเสื้อขึ้นมา เป็นเสื้อสีขาว ที่มีตัวหนังสือสีดำเขียนด้วยฟ้อนน่ารักๆว่า…
                  ไม่เพลีย ไม่ใช่เมียสายป่าน
                  พร้อมแฮชแท็กว่า…
                  #เมียสายป่าน
   
                  “ถ่ายเลยมั้ย”
   
                  ยังไงก็ไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้แล้ว เขาจะได้ไปใส่เสื้อแล้วก็ถ่ายให้เสร็จๆ
   
                  “โนๆ จ่ะ หนูมด” วินดี้โบกนิ้วชี้ไปมาน่าหมั่นไส้
                  “เรื่องมีอยู่ว่า…”
                  “…”
                  “เราจะไปถ่ายกันในสนามบาสวันนี้ พร้อมกับเชียร์สายป่าน”
   
                  ไม่… เอา
                  เขากำลังจะอ้าปากยกเลิกแต่มามี่ยกนิ้วขึ้นมาจุ๊ปาก แล้วว่า…
   
                  “คุณหมดสิทธิข้ามคำสั่งแล้ว”
   
                  แบบนี้ก็ได้เหรอ…

   





                  “คนเยอะเหมือนกันนะเนี่ย ไม่นึกว่าจะมาเยอะขนาดนี้อ่ะ นี่แข่งบาสชิลๆหรือกีฬามหา’ลัยวะ”
   
                  มามี่บ่นไป ก็พาเราเดินหาช่องว่างเข้าแทรกเกาะลูกกรง ดูเอาเถอะ ขนาดแขกวีไอพีที่วินดี้ภูมิใจนักหนาว่าตัวเองเป็นอยู่ ซึ่งก้ได้รับการเบะปากจากเหล่านางฟ้าอีกสี่คน วีไอพีตำแหน่งหมาหัวเน่าล่ะสิ ไหนบอกว่าไอ้สายป่านแม่งจะจัดที่ให้ไง
                  ดูสภาพ เกาะลูกกรงอยู่ข้างนอกสนุกจัง
   
                  “รู้งี้ทาครีมกันแดดมาก็ดี เย็นแล้วยังมีแสงอยู่เลยอิดอก”
   
                  ลลิตาที่เอามือป้องแดดหันมาบ่นกับมามี่
                  เขามองรอบๆ คนโคตรเยอะจริงๆนะ มองจากในสนามแล้วพวกเขาคงเป็นจุดๆหนึ่งในผู้คนมากมายอ่ะ แต่ก็นั่นแหละ อย่างไอ้สายป่านเหรอจะมาสนใจมองเขา คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปแล้ว
                  กรี๊ดดดดดดดดดดด
                  ไม่ทันได้ตั้งตัวเสียงกรี๊ดก็ดังระงม
                  สาเหตุอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ก็คนในสนามนี่แหละ
                  หึ ขยันอ่อยแฟนคลับจริงๆ แม่ง ไอ้สายป่าน 291 ถอดเสื้อออกพาดบ่าหลังจากชูทลูกบาสลงห่วงเป็นคะแนนแรกของการแข่งขันครั้งนี้
                  มันหมุนตัวไปรอบๆเหมือนกำลังมองหาใครสักคน
                  ไม่รู้สิ แต่คงเป็นใครสักคนที่ไม่ใช่เขาอ่ะ
   
                  “สายป่านนนนนน ทางนี้”
   
                  นั่นไง เขาเรียกกันแล้ว
                  ก็บ้าแล้วครับ เป็นอิเจ๊มามี่ที่ส่งเสียงตะโกนสิบแปดล้านเดซิเบลแล้วโบกไม้โบกมือหยอยๆเรียกสายป่านอยู่ต่างหาก
                  มันเดินมาทางนี้แล้ว…
                  เขาเบี่ยงตัวเองไปยืนหลบมุมอยู่ข้างหลังวินดี้ ไม่รู้ทำไมตอนใส่เดินมาสนามยังไม่อายเท่าตอนนี้มันกำลังจะเห็นเสื้อที่เขาใส่อ่ะ
                  คนอื่นเห็นกับไอ้สายป่านเห็น มันความรู้สึกคนละเรื่องกันเลยนะ
   
                  “มด นี่ไงนายแบบที่เราจะถ่ายด้วย”
                  “…”
                  “ถ่ายคู่กับสายป่าน โปรโมตเสื้อลงในเพจใครๆก็เป็นเมียส่ายป่านได้อ่ะ”
   
                  วินดี้บอก
                  ไม่เอาแล้วได้มั้ย
                  ตอนนี้ทำยังไงก็ได้ให้มันไม่เห็นเขาจะดีที่สุด ทำตัวลีบเหลือสองนิ้วดีมั้ย
   
                  “ขอบคุณที่มาเชียร์นะครับ”
                  “ไม่เป็นไรจ้า เต็มใจเสมอ ไม่ชวนก็มาเชียร์จ้า” มามี่ยิ้มแก้มปริ
                  “อิแอดอลิซสะบี๋ฝากความคิดถึง บอกว่าวันนี้พลาดนางมีเมคอัพวิชาการเมืองการปกครอง เลยไม่ได้มาตามเก็บรูปสายป่านลงเพจ”
                  “พลาดแล้วพลาดเลยครับ อิอิ”
                  “งื้อ ห้ามยิ้มแบบนี้ใจละลาย” ลลิตาจะเป็นลม
                  “แหม ที่มึงใจละลายเพราะมึงเอาแต่ก้มมองหน้าท้องสายป่านล่ะสิ อิดอก” วินดี้
                  “มึงรู้ได้ไง” ลลิตาสงสัย
                  “รู้สิ เพราะกูก็กำลังใจละลาย”
   
                  ไอ้สายป่านเกาหัวแก้เขิน เขาขำในใจกับท่าทางจะเอาเสื้อลงมาปิดก็ไม่ทันแล้วของมัน ไงล่ะ เจอคนกล้าแซวคนชอบโชว์ยังต้องยอมแพ้อ่ะ
   
                  “แล้วคุณคนนั้นจะยืนหลบข้างหลังอีกนานมั้ยครับ”
   
                  มันเล่นเขาแล้ว ไม่น่าไปแอบขำมันในใจเลยเรา
   
                  “อะ อะไรวะ”
   
                  พรึบ!
   
                  มันโยนเสื้อที่ถอดข้ามกรงเหล็ก มาตกแหมะที่หัวเขาพอดี
                  เหม็นเหงื่อ!
                  ก็บ้าแล้ว… เขาไม่ได้โรคจิตนะ แต่กลิ่นมันแม่ง ขนาดผสมเหงื่อยังหอมอ่ะ โอ๊ย ไม่เอาไม่ดมแล้ว
   
                  “มาช้า”
   
                  อ้าว มึงรอกูอยู่เหรอ
   
                  “ขอโทษ”
   
                  แล้วเขาพูดอะไรออกไป เขาจะหงอยทำไมงงตัวเอง เจอกลิ่นไอ้สายป่านนี่ถึงกับเบลอไปเลยเหรอมด ตั้งสติเว้ย
   
                  “แล้ว แล้ว เอาเสื้อมาให้ทำไม”
   
                  โอ๊ย อยากตบปากตัวเองหยุดพูดตะกุกตะกักได้แล้ว
   
                  “เป็นเมียก็ฝากดูของหน่อย”
   
                  อะ อะ อะ
                  โอ้ บะบะ
                  กูพูดไม่เป็นภาษาแล้วครับ
                  มึงพูดอะไรออกมา ไอ้ ไอ้ ไอ้ โว้ยยยยย
                  ตึกตัก ตึกตัก
                  โอ๊ย ใจเขาบางหมดแล้ว งื้อ
                  เขาใส่เสื้อเมียสายป่าน
                  เขาเป็นเมียสายป่าน
                  ไม่เพลีย ไม่ใช่เมียสายป่าน
                  ทำไมเขารู้สึกอ่อนเพลีย
                  หรือเขาจะอยากเป็นเมียมันจริงๆ
                  ผิด
                  ที่จริงเขาโคตรอยากเป็นเมียมันจริงๆต่างหาก
   
                  “ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เขาเดินไปสนามแล้วจ้า” ลิลลี่
                  “ใส่เสื้อเมียยังไงให้ได้เป็นเมีย” มามี่
                  “มีคนอยากอ่อนเพลียว่ะ” วินดี้
                  “มีคนใจบางด้วย” ลลิตา
                  “ผิด มีคนอยากเป็นเมีย” อุมาพร
   
                  เฮ้ย
                  ตรงไปเว้ย…

   





                  การแข่งขันจบลง แน่นอนว่ามันก็ไม่ได้อะไรกับคะแนนมากมาย เป็นการแข่งชิลๆเล่นชิลๆตามประสาเพื่อน ที่มีคนมาดูเยอะที่สุดแล้วในอีเว้นท์มหา’ลัยแห่งนี้ คือถามว่าช่วงกีฬาเฟรชชี่ที่แยกแข่งตามประเภทของกีฬาอ่ะ แต่ละสนามคนมันก็กระจัดกระจายกันไป มันเยอะมั้ย ก็เยอะนะ แต่การเล่นบาสของไอ้สายป่านแค่บาสอ่ะสามารถดึงดูดคนได้มากมายขนาดนี้ คิดดูว่าความหล่อของมัน(รวทั้งเพื่อนๆมัน)ทรงอิทธิพลแค่ไหน
                  ไม่ใช่สายป่าน 291 คนไม่มาดูหรอกนะ…
                  พูดจริงๆ
   
                  “ขอเสื้อคืน”
   
                  มันเดินมาหาเขาที่ยืนรอตรงขอบสนาม ที่พวกเราได้ย้ายที่มาข้างในจากอยู่นอกกรงเพราะมามี่เดินไปอ่อยผู้ชายเลยนะ เธอได้กล่าวความภาคภูมิใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า
                  พอกูขออะไร ผู้ชายก็ยอมทำตาม เพราะกูสวย
                  ซึ่งถามว่าพวกเราเชื่อไม่
                  ไม่!!!
   
                  “โอ๊ย แผ่นอกสายป่าน เห็นทีไร ตัวงอทุกที” ลลิตาเอ่ยชื่นชมเดือนคณะที่พวกเธอปั้นมากับมือ
                  “ย่ะ น่าเกลียด” มามี่ปราม
   
                  เขาคืนเสื้อให้มันเอาไปใส่ เพราะไม่งั้นคงโดนเหล่านางฟ้าแทะโลมจนพรุนไปหมด
   
                  “หิวน้ำ”
   
                  เขาขมวดคิ้ว
   
                  “ก็ไปกินสิ”
                  “ไม่มี เอาของมึงมาดิ๊”
   
                  เขามองขวดน้ำเพียวไลฟ์ในมือ ขวดนี้เหรอ แต่เขากินไปครึ่งขวดแล้วนะ ไม่เป็นไรหรอกมั้ง มันคงไม่ใช้หลอดใช่มั้ย
                  ตัดสินใจยื่นไปให้
                  ผิดคาด!
                  มันกินน้ำของเขาด้วยหลอดดูดที่เสียบคาไว้ก่อนหน้า และเขาก็เคยดูดหลอดนั้นเสียด้วยสิ
   
                  “อากาศร้อนเหรอ ทำไมหน้าแดง”
   
                  เขารู้ว่ามันไม่ได้เป็นห่วงเป็นใยเรื่องสภาพอากาศที่ส่งผลต่อร่างกายเขาจริงๆหรอก สังเกตจากมุมปากที่ยกยิ้มขึ้นมาปิดไม่มิดนั่น มันโคตรดีใจที่แกล้งให้เขาเขินได้สำเร็จต่างหากล่ะ
   
                  “เอาน้ำกูคืนมา”
                  “น้ำมึงไม่อร่อยเท่าไหร่”
                  “…”
                  “ลองกินน้ำกูดูมั้ย”
   
                  คือ เขาจะทนไม่ไหวกับคำพูดสองแง่สองง่ามของคนตรงหน้าแล้วนะ
                  เหี้ยอ่ะ
   
                  “คิดไปถึงไหนวะ”
                  “…”
                  “เอาไป”
   
                  มันโดยเนสเลย์ขวดใหม่มาให้ อ้าว มึงมีแต่แรกทำไมมาถามเอาของคนอื่นไปกินวะ
                  แล้วมันก็ยึดของเขาไปทั้งแบบนั้น
                  คือ มึงไม่อยากดื่มขวดใหม่เหรอ งงใจไอ้สายป่าน
   
                  “โอ๊ย ลมมรสุมพลอดรักมันแรงจังค่ะแถวนี้คุณมามี่” ลลิตายกมือขึ้นโบกพัด แกล้งหงายหลังให้วินดี้รับ
                  “นั่นสินะคะ อากาศก็ดูร้อนระอุขึ้นนะคะ สงสัยพายุรักเร่าร้อนรุนแรง” มามี่ก็รับมุกที่ส่งให้เป็นอย่างดี
   
                  เอาเถอะ จะว่าอะไรก็ว่ากันมาเลยจ้า
                  เพราะ…เขินจนเปื่อยแล้ว
   
                  “รีบเลย สายแล้วเนี่ยมึง” เขาเร่งให้ไอ้สายป่านรีบเก็บของส่วนตัวลงกระเป๋า สงสารมันเหมือนกันนะ อาบน้ำหลังเล่นบาสเสร็จก็ต้องมาเหงื่อออกเพราะความรีบร้อนนี่แหละ
                  “มานี่”
   
                  มันคว้าหมับที่ข้อมือของเขาแล้วลาก
   
                  “ไปก่อนนะครับเจ๊ๆ”
   
                  ไม่ลืมโปรยเสน่ห์ก่อนจะไปจริงๆ
   
                  “เราจะเดินไปเหรอ”
   
                  และเขาก็พบว่าเป็นคำถามที่ไม่น่าถามออกมาเลย เพราะคณะศึกษาศาสตร์กับสนามบาสอยู่ไกลกันราวขั้วโลกเหนือกับใต้
   
                  “รถกูดิ วันนี้เป็นตุ๊กตาหน้ารถให้หนึ่งวันนะครับ”
                  “…”
                  “คุณมดมด”
   
                  ไม่กวน แม่งไม่ใช่มึงจริงๆ
   
   





                  “มดดดดด มาแล้วเหรอ กรี๊ด สายป่านตัวจริง”
   
                  โฟร์ทักเขาแต่โผเข้าไปหมายจะกอดสายป่านที่อยู่ข้างๆ แต่สิ่งที่ทำให้เขาอึ้งคือ ไอ้บ้านี่ที่ไม่เคยหยาบคายกับเพศที่สามกลับผลักโฟร์ออกไปจนหน้าหงาย
   
                  “อะไรวะ ขอกอดหน่อยไม่ได้ ดังแล้วหวงตัวเหรอวะ”
                  “ตลกครับ ระวังผัวมึงให้ดีก่อนเถอะ เดี๋ยวมาชกกูอีก”
   
                  อะไร ใครผัวใคร ใครจะชกใคร เรื่องมันเป็นยังไงกันเนี่ย
                  แล้วมัน พูดกูมึงกับโฟร์ที่เป็นเพศที่สามเหรอ มันทำให้เขาอึ้งอีกรอบนะเนี่ย   
                  แต่ที่อึ้งกว่าเหมือนเขาจะโดนใครบางคนต้มเสียจนเปื่อย เรื่องที่ให้ช่วยดึงไอ้สายป่านมาเล่นละครเวทีให้ ไม่สิ เขาโดนต้มจากคนสองคนจนเปื่อยไปหมดเลยต่างหาก
                  ไม่น่า มันถึงบอกเขาว่าคุยกับโฟร์ในไลน์และตกลงกันไปแล้ว
                  เฮอะ แล้วที่เขาไปเต้นแร้งเต้นกาสัทนาการ แต่งหญิงให้อับอายความแมนนั่นมันคืออะไรเนี่ย
                  เจ็บใจที่โดนไอ้สายป่านหลอกจนได้
                  แล้วยิ่งเจ็บใจกว่าเมื่อพบว่าเพื่อนรักอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แบบร้อยเปอร์เซ็นต์
                  ไอ้เหี้ยโฟร์
   
                  “พึ่งรู้นะเนี่ย ว่าสนิทกันขนาดนี้ ตอนวันงานมีตติ้งยังไม่เห็นพูดคุยกันสักคำ” เขาพูดเสียงเย็น
                  “เอ่อ ก็ นิดนึง รู้จักกันตอนทำละครไง” โฟร์ยิ้มแห้ง
                  “ตอนที่จะทำ หรือ ตั้งแต่ก่อนทำละครแล้วครับ ไอ้ตอแหลโฟร์”
   
                  เขาอยากจะเข้าไปเตะก้านคอมันสักป๊าบ แต่คิดไปคิดมา กลัวมันตาย
   
                  “ขำอะไรวะ”
                  “ขำคนแต่งหญิงสันทนาการ”
   
                  จุกครับนาทีนี้ ศักดิ์ศรีความแมนของเขามันป่นปี้ไปหมดแล้ว
   
                  “กูไม่ได้อยากแกล้งมึงนะ ไอ้โฟร์โน่น”
   
                  สายป่านยกมือขึ้นสองข้าง หลังจากถูกเขามองค้อน
   
                  “ขี้หอยยยยย มึงวางข้อเสนอให้มันเอง”
                  “กูที่ไหน ก็ถ้ามึงไม่โกหกมดว่ามึงไม่รู้จักกู แล้วให้มันมาตามตื๊อกูไปแสดงละครเวที ข้อเสนอนี้ก็ไม่เกิดว่ะ”
   
                  สรุปพวกมึงสองคนสารภาพออกมาเองแล้วสินะ ว่าทั้งหมดคือแผนของพวกมึงน่ะ
   
                  “มึงเจียมกะลาหัวตัวเองเอาไว้ กูนี่ ช่วยให้มึงได้รู้จักไอ้มดมากขึ้น อุ๊บ…”
   
                  ประโยคท้ายเสียงของโฟร์ดังอู้อี้เนื่องจากถูกสายป่านปิดปากเอาไว้ เขาเลยได้ยินไม่ชัดว่ามันพูดอะไรออกมา
                  อะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับ การทำความรู้จัก
   
                  “เอาเถอะๆ มดอย่าโกรธกูเลยนะมึง ไปๆ ไปรู้จักนักแสดงคนอื่นๆกัน”
   
                  โฟร์ลากเขาให้เดินตามมันไป โดยมีไอ้สายป่านปิดท้ายมา
   
                  “ขอบอกว่า เซ็ทนี้เซ็ทคุณภาพแบบจุกๆ”
   
                  มันเดินไปก็ร่ายสรรพคุณนักแสดงที่มันหามาได้ไป
   
                  “หล่อคือหล่อ สวยคือสวย”
                  “…”
                  “และแปลกคือแปลกจริงๆ”
   
                  พลั่ก
   
                  “มดดดดดด”
                  “มดดดดดด”
   
                  พอประตูเปิดคนหลายคนก็ถลามาหาเขาพร้อมกัน
   
                  “มึงนี่มีเสน่ห์กับพวกเจ๊ๆเนอะ”
   
                  ไอ้สายป่านเปรยขึ้นแล้วเดินผ่านเขาที่กำลังถูกรุมไป ไอ้บ้า กลับมาช่วยเขาก่อนสิเว้ย
                  ใช่แล้วล่ะ กลุ่มคนที่ถลาเข้ามารุมกอดเขาอยู่ตอนนี้ได้แก่ สมาชิกแก๊งนางฟ้าสถาปัตย์ และบวกด้วยเจ๊กรีน กับเวลนั่นเอง
                  หายใจไม่ออกเว้ย…
                  เวลานี้พวกเราอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาแบบล้อมวงมีไอ้โฟร์อยู่ตรงกลาง สมาชิกรายรอบคร่าวๆเพราะบางคนเขาก็ไม่รู้จักก็จะมี แก๊งนางฟ้า กรีน เวล เดือนคณะรัฐศาสตร์ปีเดียวกันกับเขาที่ชื่อวิน มีดาวมุษยศาสตร์ปีเดียวกันชื่อมีน ผู้หญิงอีกสองที่เขาไม่รู้จักรู้แต่ว่าสวยมาก และผู้ชายอีกสามคน ไม่รู้จักเช่นกัน ที่เหลือก็คือเขากับไอ้สายป่าน แล้วก็คนตรงกลางคือโฟร์
   
                  “โอเค เรามาเริ่มแนะนำตัวกันเนอะ แล้วจะได้เลือกนางเองคู่กับสายป่าน อย่าเถียงกู มึงไม่มีสิทธิใดๆในการปฏิเสธ”
   
                  โฟร์ชี้หน้าสายป่านก่อนที่มันจะพูดว่าไม่
                  เผด็จการมากๆ
   
                  “เอางี้ เนื่องจากไม่มีเวลา แนะนำตัว แล้วก็เสนอชื่อนางเอกเลย เพราะงั้นมีน แล้วก็พี่ๆแนะนำตัวก่อนเลยจ้า”
   
                  โฟร์จัดการให้ผู้หญิงทั้งหมดแนะนำตัว
   
                  “มีนค่ะ คณะมนุษยศาสตร์ปีหนึ่ง เลือกตัวเองค่ะ”
   
                  ออกตัวแรงมาก
   
                  “ฝ้ายจ้า อยู่ปีห้าแล้ว คณะศึกษาศาสตร์ เลือกน้องมีนจ้า”
   
                  พี่ฝ้ายดูเป็นคนน่ารักๆ เหมาะกับคระที่เรียนมากเลย นักเรียนคนไหนได้เรียนกับครูฝ้ายนะ เขาติ๊ต่างว่าโคตรโชคดีเลย ทั้งสวย แถมยิ้มเป็นมิตรสุดๆ
   
                  “มิ้นค่ะ คณะเศรษฐศาสตร์ เลือกฝ้ายค่ะ”
                  “เชิญผู้ชายแนะนำตัวเลยจ้า ไอจีด้วยก็จะดีนะคะ เปิดวาร์ปซะหน่อย”
                  “ร่านไม่เลิกจริงๆ อิโฟร์” มามี่แซะ
                  “แหม แล้วเจ๊เอามั้ย”
                  “เตรียมจดเลยค่ะ”
   
                  จ้า ทั้งเจ๊ทั้งเพื่อนเนาะ ตามสบายเลยจ้า
   
                  “ม่อนครับ คณะเกษตรศาสตร์ ปีสอง ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
   
                  เดือนเกษตรนั่งลงโดยที่ยังไม่ได้เลือกนางเอก
   
                  “เอ่อ ม่อนลืมเลือกนางเอก” โฟร์เตือน
                  “อ้อ”
   
                  เกาหัวแก้เขินไปดิครับ
   
                  “เลือกพี่ฝ้ายครับ”
   
                  นั่นไง มันจะมีอะไรในก่อไผ่หรือเปล่าครับทุกคน สายตาน้องม่อนคือแพรวพราวมากตอนพูดชื่อพี่ฝ้ายอ่ะ
                  แล้วทำไมเขาจะต้องมานั่งจับผิดคนอื่นด้วยเนี่ย วิถีคนว่างไง หรือวิถีคนเสือกวะ 555
   
                  “สวัสดีครับ น้ำไนน์จากคณะบริหารธุรกิจครับ อยู่ปีหนึ่ง”
                  “วี๊ด น้องน้ำไนน์” มามี่หลุดกรี๊ดคนแรก
                  “เลือกพี่ฝ้ายครับ”
   
                  วินดี้แอบกระซิบกับเขาด้วยความหมั่นไส้พี่ฝ้ายว่า “ดูเหมือนนางจะเป็นที่ต้องการของตลาดผู้ชาย”
   
                  “กันครับ จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ เลือกพี่มิ้นครับ”
                  “อิมีนคือหน้าจ๋อยเว่อร์ งี้แหละออกตัวแรงแต่แซงไม่ได้” เขากระทุ้งสีข้างลลิตาเป็นการปรามเธอ
   
                  ทุกคนผลัดกันแนะนำตัว จนมาถึงไอ้สายป่าน…
   
                  “สายป่าน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ครับ”
   
                  เขาตั้งใจฟังว่ามันจะเลือกใคร
   
                  “ระหว่างมีนกับพี่มิ้นนี่เลือกยากเหมือนกันนะ”
   
                  มึงจะควบสองล่ะสิ สันดาน
                  มันหันมาจ้องหน้าเขา เหมือนรู้ว่ากำลังถูกนินทาก่อนจะยกยิ้มมุมปาก
   
                  “คนที่ชื่อเล่นขึ้นต้นด้วยมอม้าเนี่ย”
                  “…”
                  “น่ารักทุกคนเลย”
   
                  หน้าหม้ออออออ
                  แต่ทำไม
                  เขากลับไม่รู้สึกเลยว่ามันกำลังพูดถึงพี่มิ้นหรือว่ามีนอยู่
                  เพราะภาพฉายที่ปรากฏนัยน์ตาของมันไม่ใช่คนทั้งสอง แต่เป็น…
                  เขาเอง





TBC...............................................

ห่างหายไปนานเพราะสอบรัดตัวค่ะ วันนี้ปลดปล่อยแล้ว
โนสน โนแคร์ กับเอฟที่ลอยมาค่า 555
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสอง P.4 12-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 12-05-2019 22:11:17
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสอง P.4 12-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 12-05-2019 23:18:57
หยอดเก่งเหลือเกินนะสายป่าน  :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสอง P.4 12-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-05-2019 23:47:45
จะดีเลิศมาก ถ้าสายป่านเอยอีกนิดว่า "ลงท้ายด้วยดอเด็ก"  o18
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสอง P.4 12-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 13-05-2019 00:23:49
เต๊าะวันละนิดจิตแจ่มใสสินะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสอง P.4 12-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 13-05-2019 00:35:57
แผนเยอะจริงนายคนนี้  :hao3:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสอง P.4 12-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 13-05-2019 00:37:03
แผนเยอะจริงนายคนนี้
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสอง P.4 12-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 13-05-2019 00:46:57
หยอดเก่งนะพ่อคุ๊ณณณณณณณ :-[
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสอง P.4 12-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-05-2019 00:52:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสอง P.4 12-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 13-05-2019 10:47:06
โอ้ยยย ต้องตาม สายป่านคือกวนตีนเว่อ 5555
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสอง P.4 12-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-05-2019 14:33:16
ยังงงๆว่าสายป่านสรุปแล้วชอบมดเหรอ
ชอบได้ไง
ชอบตอนไหน
ทำไมมาชอบอ่ะ


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสอง P.4 12-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: pppp ที่ 13-05-2019 20:29:19
โอ้ยเขิน หยอดไปสิ้ หยอดหน้ามึนๆ นะพ่อคนฮอต

#Get A สิจ๊ะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสอง P.4 12-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 13-05-2019 21:35:34
แอบชอบเค้าละสิสายป่านวางแผนสารพัดเลยมั้งนี้ แต่มาเต๊าะมาหยอดอย่างนี้น้องมดจะรู้ตัวตอนไหนน้า
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสอง P.4 12-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 13-05-2019 23:51:39
 :-[
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสอง P.4 12-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 15-05-2019 10:26:45
มอม้าก็มดๆ ไง งือ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสอง P.4 12-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 15-05-2019 21:53:54
หยอดเก่ง หยอดตลอดสายป่านเนี่ย
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสอง P.4 12-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kanni ที่ 16-05-2019 11:20:55
เขินอ่าาา
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสอง P.4 12-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 16-05-2019 17:47:10
ทีละก้าวที่แท้ทรุ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสอง P.4 12-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 17-05-2019 06:26:31
ในที่สุดความจริงก็เปิดเผย

สายป่านชอบมดเหมือนกัน และเข้าหามดแบบเนียนมาก
แต่มดไม่เคยจะรู้ตัว และไม่เข้าใจว่ามาหยอด หรือแกล้ง

จ้าาา สายป่านจัดเต็มมากตลอดเวลา เพื่อนรู้หมดว่าคิดไม่ซื่อ
มดไม่แห้วแน่นอนแล้วนะ ต่อไปลุยเลยจ้า สายป่านมีระทวยแน่นอน

หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสอง P.4 12-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: Fuckruda ที่ 17-05-2019 09:01:04
 :z3: ตายไปเลยจ้าาาาาา
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสาม P.4 18-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 18-05-2019 21:15:02
ก้าวที่สิบสาม
เหตุเกิดเพราะช็อคโกแลตวาเลนไทน์


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  เขายังจำได้ดีตอนที่ตัวเองตัดสินใจสอบเข้ามหา’ลัยนี้
                  เมื่อก่อนเขาก็เป็นแค่เด็กชายหัวเกรียน ที่ไม่กล้าทำอะไรสักอย่าง พอจะจากบ้านก็กลัวไปหมด มองแต่ปัญหาที่รุมเร้าเข้ามา เขามันก็แค่มด ตามชื่อที่แม่ตั้งให้ เขารู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กเหลือเกินในรั้วอุดมศึกษาแห่งนี้
                  จนวันหนึ่ง เขาก็ได้พบกับมัน…
                  มัน ที่ตอกย้ำว่าเขาก็ยังเป็นได้แค่มดตัวเล็กๆเหมือนเดิม
                  เขาที่แสนขี้ขลาด แอบหลงรักเพื่อนร่วมรุ่นที่เจอกันครั้งแรกเข้าเต็มๆ
                  แต่เท่านี้ฟ้าคงยังแกล้งเขาไม่พอ เมื่อเพื่อนร่วมรุ่นที่ว่าดันมีแฟนอยู่แล้ว แถมความรักครั้งนี้มันก็คงไม่มีทางได้เกิดขึ้นแน่ๆ ในเมื่อ…
                  สายป่านน่ะเป็นผู้ชาย
                  เขาพยายามแล้ว
                  เขาพยายามห้ามใจตัวเองแล้ว
                  แต่กฎที่ว่า…
                  ห้ามแอบชอบเพื่อนร่วมรุ่น
                  มันคงบังคับเขาไม่ได้จริงๆ

   





                  “เตี้ย!”
   
                  เขาหันขวับไปมองค้อนคนพูด ใครที่ไหนจะกล้าแซวได้รุนแรงเช่นนี้ถ้าไม่ใช่ไอ้สายป่าน 291
   
                  “ยืมยางลบหน่อยดิ๊”
                  “ไม่ กูไม่ได้ชื่อเตี้ย”
                  “ใช่ มึงไม่ได้ชื่อเตี้ย แต่มึงตัวเตี้ย”
   
                  โอ๊ย
   
                  “เอาไป”
   
                  สุดท้ายเขาก็เถียงกับมันได้ไม่นานหรอก ยางลบในมือก็ถูกส่งไปให้มัน แต่ตอนที่นิ้วเราได้สัมผัสกันโดยไม่ตั้งใจ กลับมีกระแสไฟแปลบปลาบ แล่นวาบเข้ามาที่ตัวเขา
                  เขานี่ท่าจะชอบมันเอาจริงๆแบบกู่ไม่กลับแล้วสินะ
                  จะเลิกก็ไม่ได้ ตัดใจก็ไม่ลง
   
                  “เที่ยงนี้ไปกินข้าวด้วยกันเปล่า”
   
                  เขาชะงัก
   
                  “โรงอาหารคณะมนุษย์”
                  “…”
                  “จะไปแอบส่องสาวมนุษย์แจ่มๆ”
   
                  ไอ้เหี้ย
   
                  “ไปคนเดียวเลยแม่ง”
   
                  เขาเพิ่งจะรู้ตัวเองว่าเผลอไปขึ้นเสียงใส่มันก็ตอนที่เห็นดวงตาสายป่านเบิกโพลงด้วยความตกใจ
                  อยากจะตบปากจริงๆเลยไอ้มดเอ๊ย
                  มิสิทธิ์อะไรไปตะคอกเขาด้วยอารมณ์โมโหหึงกันวะเรา
   
                  “ขอโทษ”
   
                  เขาพูดเสียงหงอย บางทีเขาน่าจะระวังคำพูดตัวเองให้มากกว่านี้
                  มันคงโกรธเขา และคงไม่อยากคุยด้วยแล้ว
   
                  หมับ!
   
                  “อะ อะไร”
   
                  แต่สิ่งที่มันทำกลับทำให้เขาตกตะลึง
                  เมื่อนิ้วโป้งทั้งสองของไอ้สายป่าน มาแปะโป้งอยู่ที่หว่างคิ้วของเขา เท่ากับว่าตอนนี้ เขากับมันกำลังหันมามองหน้ากันอยู่แบบตรงๆ
   
                  “คิ้วผูกเป็นปมหมดแล้ว”
   
                  มันว่าเสียงอ่อนโยน แล้วกดนิ้วโป้งลงคลึงระหว่างคิ้ว จนเขาเริ่มผ่อนคลาย
   
                  “เครียดอะไรนักหนาวะ”
                  “เปล่า”
                  “หรือเพราะกลัวกูโกรธที่มึงตะคอกใส่กู”
   
                  เขาพยักหน้ายอมรับ
   
                  ป๊อก
   
                  “โอ๊ยยยยย”
                  “คิดอะไรเด็กๆวะ”
   
                  เขาคลำหน้าผากตัวเองป้อยๆหลังจากถูกมันดีดเสียแรง
   
                  “ขอโทษนะ”
                  “เปลี่ยนเป็นเลี้ยงข้าวดีไหม”
   
                  เขากำลังจะพยักหน้าตอบตกลง แต่!!!
   
                  “ไม่เอาดีกว่า เนื่องจากมึงทำให้กูตกใจ ของปลอบขวัญมันต้องมากกว่านี้”
         
                  เขาเริ่มเห็นเค้าลางไม่ดีแล้ว คนอย่างไอ้สายป่าน ถ้าไม่ใช่จะหาเรื่องแกล้งก็หาเรื่องยากๆมาให้เขาทำอ่ะ
   
                  “อืม”
   
                  แต่ครั้งนี้เขายินดีจะทำให้มัน ไม่สิ จะครั้งไหนๆ ถ้ามันขอ เขาก็ยอมตามใจหมดนั่นแหละ
                  แม้จะแกล้งขัดขืน
                  แม้จะแกล้งไม่ยอม
                  แต่ใจลึกๆแล้วเขารู้ตัวดีว่า ดีใจที่ได้ทำให้ตามที่มันขอ
   
                  “ใกล้วันวาเลนไทน์แล้ว…”
                  “…”
                  “ถ้าอยากให้ยกโทษให้ ก็ทำช็อกโกแลตหัวใจมาขอขมาแล้วกัน”
   
                  พูดไม่ผิด…
                  สิ่งที่มันขอ ก็คือสิ่งที่เขาพยายามหาข้ออ้างจะทำให้มาตลอด
                  ช็อกโกแลตวาเลนไทน์กับคนที่ชอบ มันเป็นของคู่กัน

   





                  “มด มาพอดี”
   
                  เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นเย็นๆของห้องกิจกรรมคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ซึ่งนอกจากจะเป็นห้องไว้ใช้ในงานกิจกรรมต่างๆแล้ว ยังเป็นห้องสิงสถิตของเด็กสถาปัตย์ทุกคน
                  ย้ำว่าทุกคน เพราะแอร์ห้องนี้เย็นมาก
   
                  “ทำอะไรกันเนี่ย” เขาถามมามี่
   
                  เห็นว่าทุกคนกำลังเขียนอะไรก็ไม่รู้ยุกๆยิกๆลงกระดาษเอสี่
   
                  “อ่อ กำลังคิดแผนงานวาเลนไทน์อ่ะ ปีนี้ทางสโมขอให้เราจัดงานนะมด รู้ยัง เราต้องเข้าร่วมบูธใหญ่ของมหา’ลัย เพราะเหมือนว่านายกสโมคณะจะมีผลประโยชน์กับนายกพรรคของมอ”
   
                  เขาพยักหน้า ที่จริงก็ไม่ได้เข้าใจอะไรกับเจ๊แกหรอก แต่ต่อให้ฟังไปก็ไม่เข้าใจอยู่ดี สู้เออออห่อหมกให้มันผ่านไปแล้วกัน
   
                  “ปีนี้ดูยังไงพรรคนี้ก็ชนะขาดลอย นายกเรานี่ตัดสินใจเลือกฝ่ายได้ดี” ลลิตาเงยหน้าขึ้นมาเม้าบ้าง
                  “นั่นน่ะสิ แต่เห็นนโยบายแล้วเกรงว่ากิจกรรมจะลดลงน่ะสิ” วินดี้หนักใจ
                  “ที่คนเลือกก็เพราะไม่อยากทำกิจกรรมนั่นแหละ ส่วนใหญ่เห็นว่ามันไร้สาระ เปลืองเวลาเรียนโดยใช่เหตุ” อุมาพรเสริม
   
                  เขาเป็นคนหนึ่งที่ตอนปีหนึ่งเมื่อเข้ามาใหม่ เขาตัดสินกิจกรรมรับน้องของพวกรุ่นพี่ด้วยความอคติ
                  เขาเลยต้องมานึกเสียใจภายหลังเสียเอง
                  การทำกิจกรรมน่ะ เราอาจต้องเสียเวลาไปบ้าง แต่จำไว้ว่าผลลัพธ์ที่ได้ย่อมคุ้มค่าเท่ากัน
                  นั่นเป็นข้อความเดียวที่พี่รหัสของเขาเขียนได้ดีมีสาระมากที่สุดแล้วในสมุดเล่มเล็กๆที่เรียกว่าอาร์คบุ๊ค คำว่าอาร์คย่อมาจาก architecture ซึ่งหมายถึงคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์นั่นเอง เป็นสมุดที่พวกรุ่นพี่สั่งให้พวกเราทั้งรุ่นทำขึ้น เพื่อตระเวนขอมิชชั่น
                  สิ่งที่แฝงอยู่ในกิจกรรมนี้ก็คือ การที่เขาได้รู้จักรุ่นพี่มากมาย มันเป็นความรู้สึกของเด็กที่ไม่กล้าพูดคนหนึ่ง ที่วันหนึ่งกลับมีผู้คนรู้จักมากมาย
                  คณะนี้เหมือนบ้านหลังที่สองของเขา
                  มีทั้งผู้คนคอยซัพพอร์ต และคอยขยับก้าวตามเรามาอย่างเพื่อนร่วมรุ่น
                  ไม่ว่าทั้งสุขหรือทุกข์ ยามช่วงรับน้องที่แสนสาหัส เพียงแค่ทุกคนยังยิ้มให้กันอยู่ มันก็อบอุ่นหัวใจแล้ว
   
                  “แม่ง ทิ้งกูมานี่เฉยเลย”
   
                  ไอ้สายป่านทรุดนั่งลงข้างๆ มือหนาผลักหัวเขาทีหนึ่งเป็นการแก้แค้นที่เจ้าตัวบอกว่าเขาทิ้ง อะไรกันล่ะ ก็มึงบอกจะไปต่อแถวซื้อน้ำปั่นเอง เขาร้อน เขามาหลบร้อนเขาผิดอะไรล่ะ
                  ความจริงเขาแค่หลบออกมาพักให้หัวใจได้เต้นอย่างถูกจังหวะบ้างเท่านั้นเอง
                  ก็… มันชอบแกล้งให้เขาเขินอยู่เรื่อยเลยน่ะสิ
                  พูดเองเขินเอง เอาดิมดเอ๊ย
   
                  “ผลักหัวกูทำไม ค่ารังแกห้าบาท”
                  “ตลกละครับ”
   
                  เขาแบมือตรงหน้ามันก่อนจะมันจะยิ้มขำแล้วปัดมือเขาออกไปห่างๆ
                  อะไรวะ ปัดความรับผิดชอบชะมัด
   
                  “ทั้งสองคนดูสนิทกันขึ้นเนอะ”
   
                  เรามัวแต่เล่นกันและจมอยู่กับอาณาเขตของตัวเองจนไม่ได้สนใจดวงตาห้าคู่ที่กำลังมองมาทางนี้อย่างมีเลศนัย
   
                  “ก็ปกตินี่เจ๊” เขาไหวตัวทันไม่ยอมเป็นเหยื่ออิเจ๊อีกแน่ๆ
                  “ใช่มั้ย มึง”
   
                  เขากระทุ้งสีข้างไอ้สายป่านให้มันตอบ
   
                  “แล้วแต่เจ๊จะคิดแล้วกัน”
   
                  แต่ไอ้เหี้ยนี่แม่งยิ้มโชว์ฟันขาว แล้วพูดสองแง่สองง่ามเฉย
   
                  “งั้นเจ๊คิดตามเจ๊เห็นนะ” มามี่
                  “แล้วเจ๊เห็นว่าอะไรล่ะ” สายป่าน
                  “พอแล้ว เอากระดาษไปตัดรูปหัวใจเลย” เขาโยนกระดาษที่วาดรูปหัวใจไว้ จำได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของงานนิทรรศการที่กำลังจะถึงนี้ ใครสักคนเอามาทิ้งไว้แล้วไม่มีคนตัด เพราะกรรไกรเพิ่งซื้อมาวันนี้
   
                  โดยมดมดเอง แม่งไม่ซื้อก็ไม่มีใครซื้อมา
   
                  “มีคนกลบเกลื่อนว่ะ”
   
                  มามี่พูดขึ้นลอยๆแต่คนร้อนตัวแบบเขาก็พยายามหาเรื่องแก้ตัว                
                  “งานจะไม่เสร็จ”
                  “นิทรรศการอีกสองเดือน”
   
                  เหรออออออ
                  ลืมไปเลยแฮะ โอ๊ยยยยย โอเค พลาดเองแหละ
                  หลังจากแยกย้ายกันทำงาน ไอ้สายป่านมันก็สะกิดเขาอีกครั้งที่หัวไหล่
                  เขาหันไปมอง
   
                  “หัวใจของกู…”
                  “…”
                  “ให้มึง”
                  “…”
   
                  แล้วมึงจะเว้นวรรคนานทำไม ในเมื่อ…
   
                  “เอาไปตัด”
   
                  มันก็แค่หัวใจกระดาษ ที่เขาคิดเป็นตุเป็นตะไปเองว่าเป็นหัวใจของมันจริงๆ

   





                  เป็นเพราะช่วงนี้เขายุ่งๆอยู่กับการจัดงานวันวาเลนไทน์ที่ถูกมอบหมายโดยสโมสรนักศึกษาคณะ ทำให้กว่าจะมีเวลาว่างนักรวมกลุ่มเพื่อนๆอย่าง มายด์ จิ๊บ และฟ้า ก็ปาเข้าไปวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่มันก็ประจวบเหมาะพอดีกับที่เพื่อนๆว่างตรงหัน
                  พักหลังมานี้ เขาแทบไม่ได้เจอทั้งสามคนเลย ไม่ติดแฟน อีกคนก็ติดงาน รวมทั้งตัวเองด้วย
                  จะหาเวลาว่างเจอกันทีนี่แทบจะต้องนัดกันล่วงหน้าสักหนึ่งอาทิตย์ เพราะบางทีตารางงานก็แน่นยาวตลอดสัปดาห์
                  แหม พูดอย่างกับทำงานกันแล้วแบบสายอาชีพแต่ละสาขาวิชา แต่ขอโทษเถอะ นี่มันแค่งานพาร์ทไทม์ธรรมดาๆ เป็นแค่งานพาร์ทไทม์ธรรมดาๆก็แทบไม่มีเวลา แล้วถ้าลงทำงานกันจริงๆ คงไม่มีโอกาสได้เจอกัน ใครจะหาว่าเขาพูดเป็นลางไว้ก่อนก็ช่าง เขาเห็นมานักต่อนักแล้วพวกรุ่นพี่ที่จบไปเขาแทบไม่ได้เจออีกเลย
                  คณะและสาขา รวมทั้งผองเพื่อน จะเหนี่ยวรั้งเราไว้ได้แค่ช่วงสั้นๆ
                  จากนั้นชีวิตเราก็ต้องพึ่งตัวเอง
                  เขาพาดราม่าอีกแล้ว เปลี่ยนเรื่องด่วน
                  หางตาเขาเห็นมายด์กำลังเดินตรงมายังสถานที่นัดเจอซึ่งมีตัวเองรอคอยท่าก่อนแล้ว เพราะตื่นเต้นที่จะได้เจอ วันนี้เขาเลยมาเร็วกว่าเวลานัด
                  แต่เขาคงลืมไปว่า ถ้าจะนัดบ่าย ต้องบอกว่านัดเที่ยง!
   
                  “เฮลโหลววววว สบายดีมั้ยคะ”
   
                  มายด์ยกมือทักทาย แล้วเดินเข้ามาตบไหล่เขา
   
                  “ไม่ดีอ่ะ เหงา มีเพื่อนติดผัว”
                  “ปากคอเราะร้าย มึงก็ใช่ย่อยที่ไหน ผัวติดเอาๆ ถึงนี่จะไม่ได้อยู่ติดตัวเหมือนเมื่อก่อน ก็พอรับรู้ข่าวบ้าง”
   
                  มันกระทุ้งสีข้างเขาหนักๆ
   
                  “ไงล่ะ สายป่านติดมึงมากๆเลยไม่ใช่เหรอ เอาคำแนะนำของกูไปปรับใช้ล่ะสิ”
                  “บ้า”
                  “…”
                  “ยังเป็นแค่เพื่อนกัน”
                  “เหรอๆ คงไม่ต้องทีละก้าวแล้วมั้ง มึงมันก้าวกระโดดแล้ว”
   
                  เขาค้อนมายด์
                  ไม่คุยด้วยแล้ว
                  จนฟ้าเดินมาถึงพอดี
   
                  “คุยอะไรกันสาวๆ”
                  “…”
                  “แหม ทำมาค้อนใส่กู ที่มึงไปแต่งหญิงเต้นสันทนาการนี่ไม่คิดจะบอกเพื่อนบอกฝูงชะ”
   
                  มันรู้…ได้ไง
   
                  “กูก็มีแหล่งข่าวของกูนะจ๊ะ”
   
                  เหมือนฟ้าอ่านใจคนได้ มันรีบป้องปากหัวเราะตอบแบบถือไพ่เหนือกว่า เหนือกว่าเรื่องอะไร มันรู้อะไรอีก
   
                  “พวกนี้ คนมองกันหมดแล้ว ทำตัวเด่นสะดุดตา”
   
                  แล้วคนสุดท้ายก็มาถึง
                  หืมมมมมมม
                  ทำตัวเด่นสะดุดตานี่มันจิ๊บชัดๆ อะไรกันเนี่ย แอบไปย้อมผมสีแดงแปร้ดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
   
                  “ก็ไม่ได้อยู่ในช่วงรับน้องแล้ว จำเป็นต้องทำเป็นตัวอย่างว่าอยู่ในกฎระเบียบอีกป๊ะ เชิ่ดค่ะ”
   
                  จ้า ดีแค่ช่วงโปรโมชั่นจริงๆ
                  แต่ว่า…
   
                  “จิ๊บ มึงผิดตีมแล้วจร่ะ วันนี้เรามาตีม แม่ครัวเพราะเราจะไปซื้อของทำช็อกโกแลตวาเลนไทน์”
   
                  มายด์ชี้แจงแถลงไข
   
                  “กรี๊ด ใครหลอกกู”
                  “กูเอง ไม่นึกว่ามึงจะเล่นใหญ่” ฟ้าป้องปากเป็นครั้งที่สอง และครั้งนี้หัวเราะเยาะจิ๊บ
   
                  เขาจำได้แล้ว…
                  
                  พรุ่งนี้ตีมแซ๊บนะจ๊ะ ใครไม่แซ๊บ ฟ้าจะแซ๊บค่า
            
                  แล้วก็แน่นอนว่าคนที่อ่านแค่ข้อความล่าสุด ย่อมเป็นบุคคล
                  ไม่อ่านไลน์กลุ่ม อิดอก!!!
                  เสียงและซาวด์มาเลยทีเดียว 555
   
   





                  “สวัสดีค่า ขอบคุณสำหรับเก้าร้อยคนที่เข้ามาดูนะคะ”
   
                  จิ๊บทักทายตัวเองกับกล้อง ที่พึ่งเปิดไลฟ์ในเฟซบีกของเธอเอง และตอนนี้มุมกล้องก็ได้กวาดถ่ายเอาทุกคนมาไว้ในหน้าจอทั้งหมดแล้ว
                  และความจริงเก้าร้อยคนที่ว่า คือคนดูที่เข้ามาแค่เก้าคน
   
                  “วันนี้เรามาทำอะไรกันคะ”
                  “อินี่ ไม่เล่นๆ” มายด์ไม่เอาด้วย เดินหนีออกจากกล้อง เขาก็เช่นกัน แต่จะหนี ก็ถูกคว้าไว้ไม่รอด
                  “ซื้อของครับ”
                  “ไปทำอะไรอ่ะคะ”
   
                  มึงยังจะมาถามอีกนะ
   
                  “ทำช็อกโกแลตวาเลนไทน์”
                  “ว้ายยยยย ให้ใครเนี่ยยยย”
   
                  เขายังไม่ทันตอบ คอมเม้นต์ก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน
   
                  ปืน ให้พี่ๆ
                  “วี๊ด ให้พี่ปืนเองหรอกเหรอ”
   
                  มามี่ โป๊ะโกะ แก่นนนนนน ทำให้ชั้นด้วย ชั้นขอเบิ้ลสองงงงงงง
                  อุมาพร โป๊ะโกะ งื้อ น่ารักแล้วยังมีเมตตา นี่ลงชื่อขอช็อกโกแลตวาเลนไทน์หนึ่งงงงงง
   
                  มันแปลว่าไม่ได้ขอแค่หนึ่งชิ้น แต่แปลว่าอุมาพรเป็นอีกหนึ่งคนที่อยากได้ช็อกโกแลตวาเลนไทน์จากเขา
   
                  “มีแต่คนอยากได้ช็อกโกแลตของอิมด ให้มดว่าไง๊”
   
                  อ้าว โยนขี้มาให้เขาเฉยเลยจิ๊บ
   
                  “ไม่มีปัญหา”
   
                  แล้วจะให้มดว่าไงล่ะ ก็ใจอ่อนตอบตกลงจนได้
   
                  วินดี้ โป๊ะโกะ มอบตำแหน่งนางฟ้า มงลงงงงงง
                  ลิลลี่ โป๊ะโกะ พรีออเดอร์ช็อกโกแลตวาเลนไทน์ค่า
                  ลลิตา โป๊ะโกะ มดแม่งป๋า เจ๊เอาอีกหนึ่ง
   
                  โอ้โห คนโน้นก็จะเอาคนนี้ก็จะเอา เขาต้องทำกี่ชิ้นละเนี่ย
   
                  “อิมด!!!”
   
                  จิ๊บร้องลั่น ก่อนจะยื่นมือถือให้เขาอ่านคอมเมนต์
   
                  สายป่าน 291
                  มึงให้คนอื่นหมด
                  แล้วของกูล่ะ
                  ไหนบอกจะทำให้กู
                  ไหนว่าสัญญาแล้วไง
                  น้อยใจนะเว้ย
                  ของที่ให้กูแม่งไม่มีความพิเศษเลย

   
                  เหี้ย
                  มาเป็นชุดเลยครับ
                  แต่ขอโทษที มึงจะสร้างประเด็นทำไม
                  เพราะจากคนดูเก้าคน กลายเป็นเก้าร้อยคนในพริบตาเดียว
                  
                  ของที่ให้กูแม่งไม่มีความพิเศษเลย(ภาพแคป) เดี๋ยวๆ ทำไมต้องพิเศษ สายป่านนนนนน
                  ตามมาจากมีคนแชร์หน้าวอล ไอ้สัด อะไรยังไงเนี่ย
                  คนพิซงพิเศษอะไรวะ ม่ายยยยยย

                  กรีน อินเดอะเวสต์ มดมดลูกแม่จะออกเรือนแล้ว อิเวล@เวล อินเดอะเวสต์ เตรียมตัดชุดเพื่อนเจ้าสาวให้กู
                  มามี่ โป๊ะโกะ อิกรีน อิเขียว กูต่างหากเพื่อนเจ้าสาว
                  ลลิตา โป๊ะโกะ มึงออกไป อิกะเทยตะวันตก
                  ยังไงคะ เหล่านางฟ้ายืนยันเองแบบนี้ สองคนนี้คบกันเหรอ คนพิเศษอะไรเนี่ย
                  ป้างง ขอขยายความโดยด่วน

                  และบลาๆๆๆๆๆๆ
   
                  “เอ่อ”
   
                  จิ๊บถึงกับพูดไม่ออก เขาเลยคว้าไอโฟนมันมาแล้วปิดไลฟ์ทันที
   
                  “มึงอย่าอัพโหลดไลฟ์ลงละกัน”
   
                  เขาคิดว่ามันคงไม่มีอะไร แต่เขาคงคิดตื้นไปเพราะว่า
   
                  ตึ๊งๆๆๆๆๆๆๆ
   
                  เฟซบุ๊กเขาแจ้งเตือนรัวๆเลยครับ ฮืออออออออ
   
                  น้องคะ น้องเป็นอะไรกับสายป่าน เพื่อนสนิท แฟน พี่มีให้เลือกสองอย่าง ขอโทษที่เสียมารยาท พี่อยากฟิน
                  สายป่านเป็นอะไรกับตัวเหรอ
                  ใครรุกใครรับ
                  เพิ่งรู้สายป่านเป็นเกย์ สายป่านรุกใช่มั้ย

                  และอีกมากมายก่ายกองจะส่งกันเข้ามา แถมถามไม่พอยังแอดเฟรนด์กันมาด้วย
   
                  “มด กูขอโทษ”
   
                  ไม่ให้อภัย
                  ไม่ใช่ฟ้านะ
                  แต่เป็นมึงไอ้สายป่าน
                  ชีวิตกูป่นปี้เพราะช็อกโกแลตวาเลนไทน์ของมึง!!!

   





                  “เอาล่ะค่ะ วันนี้เราจะมาเริ่มจากการโปรเจคเสียงกันนะคะ การโปรเจคเสียงจะทำให้เรามีพลังเสียงที่มากพอในการเปล่งคำๆหนึ่งออกมานะคะ ลองดูนะคะ ทุกคนหายใจเข้าลึกๆแล้ว เห้ยยยยยย พร้อมกันค่ะ”
                  
                  คือตกใจมากตอนโฟร์ตะโกนว่าเฮ้ยเสียงดังอ่ะ เพราะเขาไม่มีสมาธิมัวแต่คิดกังวลเรื่องที่ไลฟ์เมื่อเช้า
   
                  “เอ่อ ขอโทษนะคะน้องโฟร์”
                  “คะ”
   
                  โฟร์หันไปมองงงๆ มีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหา
   
                  “พอดีพี่มาจากรีวิวXXทูเดย์ พี่อยากจะรบกวนเวลาของนักแสดงของน้องโฟร์หน่อยค่ะ”
                  “ได้เลยค่า พระเอกกับนางเอกใช่มั้ย เป็นธรรมดา ปกติXXทูเดย์ก็มักจะมาสัมภาษณ์เพื่อโปรโมท”
   
                  โฟร์ตอบรับ ประโยคท้ายหันมาให้ความกระจ่างกับนักแสดงทุกคน
   
                  “อ่อ เปล่าค่ะน้องโฟร์ คือสัมภาษณ์งานละครเวทีจะตามมาทีหลัง แต่วันนี้พี่มาสัมภาษณ์ประเด็นทอร์คออฟเดอะทาวน์วันนี้ค่ะ”
   
                  ประเด็นอะไรนะ
                  ทำไมเขารู้สึกเสียวสันหลังวาบแปลกๆ
   
                  “ประเด็นอะไรคะพี่”
   
                  โฟร์ถามงงๆ
   
                  “ก็น้องสายป่านแล้วก็น้องมดที่ไลฟ์ในเฟซบุ๊กวันนี้น่ะสิ”
   
                  นั่นนนนนนน
                  ซื้อหวยให้มันถูกอย่างนี้บ้างนะไอ้สัด
   
                  “มด จะไปไหน”
   
                  เขาชะงักขาที่จะแอบก้าวย่องหนีออกไปเงียบๆ
   
                  “เข้าห้องน้ำ”
   
                  แหม กูกำลังจะหนีสิรออะไรอยู่ล่ะ
   
                  หมับ!
   
                  “เขามาสัมภาษณ์เรา เราก็ควรให้ความร่วมมือ ถูกป่ะ คุณผู้ช่วยผู้กำกับ”
   
                  เขาแอบค้อนมันในใจ
                  มึงนั่นแหละ ไอ้ตัวดี
   
   





                  “น้องสองคนคบกันอยู่… ใช่มั้ยคะ”
   
                  บทสัมภาษณ์เริ่มแล้ว และพี่แกก็ถามได้ตรงประเด็นแบบสุดๆ
   
                  “ครับ กำลังคบกันอยู่”
                  “กรี๊ด”
                  “คบกันแบบเพื่อนครับ”
   
                  มึงทำกูหัวใจวาย ไอ้เหี้ยสายป่าน มันแม่งยิ้มดีใจที่ได้แกล้งให้เขาตกใจเล่น
   
                  “มีโอกาสจะพัฒนามั้ยคะ”
                  “เอ่อ พี่ครับ ผมว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว”
   
                  เขาคัดค้าน แล้วหันไปหาไอ้สายป่านแบบขอความช่วยเหลือ
   
                  “ว้ายยยย น้องมดกั๊กอย่างนี้ คือมีโอกาสพัฒนาชิมิเคอะ”
   
                  ชิบหายแล้ว การพยายามปฏิเสธของกูคือการทำให้พี่แกคิดแบบนี้ คนเรา…
   
                  “แล้วอะไรพิเศษๆนะคะ วันวาเลนไทน์ปีนี้ ที่น้องสายป่านตัดพ้อ น้อยใจ อิจฉา บลาๆๆๆๆ”
   
                  อะไรของพี่แกวะ พูดไปก็บิดเอวแบบเขินแทนเขาไปอ่ะ
   
                  “ช็อกโกแลตครับ มดบอกจะทำให้ผม แต่เขาก็ทำให้คนอื่นเหมือนกัน”
                  “เดี๋ยวนะ ไหนบอกไม่ได้คบกัน มีให้ช็อกโกแลตกันนี่ให้ยายว่าไงคะ”
   
                  พี่แกเปลี่ยนเป็นยายแล้วครับ
   
                  “คือเป็นของไถ่โทษที่ผมขึ้นเสียงใส่มันในเซควิชาตัวร้อยจนมันตกใจครับ มันไม่มีอะไรเลย”
   
                  เขาพยายามแก้ตัว
   
                  “วี๊ด คือเพื่อนกันจำเป็นต้องง้อขนาดนี้เลยเหรอคะ โอ๊ย นี่มันเกินเพื่อนแล้วหนู”
   
                  จิ๊บ มายด์ ฟ้า เขายังต้องคุกเข่าง้อเลย ต่างกันตรงไหน
   
                  “คำถามสุดท้ายนะคะ สรุปสายป่านจะได้ช็อกโกแลตวาเลนไทน์มั้ยคะ”
   
                  เขากำลังจะตอบ แต่…
   
                  “ถ้ามันไม่พิเศษ ผมก็ไม่เอาแล้ว”
   


                  “แล้วถ้ากูบอกว่าตั้งใจจะทำให้มึงคนเดียวแต่แรกเลยล่ะ มันพิเศษพอมั้ยวะ ไอ้เหี้ย
   
                  แม้จะเป็นการเสียมารยาท แต่กูลุกหนีแม่งเลย
                  ไม่ใช่อะไร…กูเขินนนนนนน
                  นี่เขาพูดอะไรออกไปเนี่ยยยยยยยยยยย
                  เพราะช็อกโกแลตนำความฉิบหายจริงๆ




TBC.............................................

กลับมาแล้วค้าบ และจะไปอีกแล้วค้าบ
ไปเข้าค่ายครูสังคมนะคะ เจอกันอีกทีวันที่ 25 นะคะ
จุฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสาม P.4 18-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 18-05-2019 21:31:15
มดมด หลงตัวเองมากๆก็ได้นะคะ
สายป่านหยอดจนหืดขึ้นตาแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสาม P.4 18-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 18-05-2019 21:32:09
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสาม P.4 18-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 18-05-2019 21:59:09
อ้างถึง
  “หัวใจของกู…”
                  “…”
                  “ให้มึง”
                  “…”
   
                  แล้วมึงจะเว้นวรรคนานทำไม ในเมื่อ…
   
                  “เอาไปตัด” 

เริ่มรำคาญสายป่านละหยอดอยู่นั่นแหละ  :m16: 
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสาม P.4 18-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 18-05-2019 22:01:23
หลุดปากพูดไป จบเลยมดเอ้ย
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสาม P.4 18-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: CHOIGYK_ ที่ 18-05-2019 22:01:58
ไม่ใช่มดมดแต่เขินมาก
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสาม P.4 18-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 18-05-2019 22:18:59
สายป่านกับมดเรียนที่เดียวกับเราแน่ๆ เลยยยยยยยยยย ทุกอย่างมันคุ้นมาก เรารุ่นเดียวกันกับเมรีด้วย 5555555555555555555
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสาม P.4 18-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-05-2019 22:29:17
เพราะรักจึงเรียก "เหี้ย"  :laugh:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสาม P.4 18-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-05-2019 02:09:12
ตกหลุมสายป่านแล้ว 55555555555
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสาม P.4 18-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-05-2019 06:16:01
จ๊ะ สายป่าน พ่อคนช่างหยอด แล้วชอบหักมุมเอง
นี่ถ้ามดไม่รักไม่ชอบนะ จะบอกให้มดวิ่งหนี
เล่นตัวเหลือเกินนะคะพ่อ แล้วแกล้งเค้ามาก เค้างอนเลย
แต่สายป่านคงดีใจ เพราะมดมดบอกว่าตั้งใจทำให้คนเดียว

มดเอ้ย หลุดปากเพราะความเคืองเป็นเหตุ 5555
เอ็นดูมด กำลังปลิวขึ้นสูง ก็หล่นตุบตกฟ้าตลอด
มดต้องเอาคืนบ้างนะ ให้สายป่านดิ้นบ้าง
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสาม P.4 18-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 19-05-2019 07:41:23
 เขิล​ รุนแรงมาก
 
ประโยคสุดท้ายฟาดหน้าสายป่าน​
 
ตอนนี้คงเงิบไปแล้ว​ 555555
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสาม P.4 18-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 19-05-2019 13:05:31
มดๆจะรับผิดชอบความเขินยังไงละนี่ สายป่านจะจีบก็ให้มันจริงจังหน่อยดิแมนๆ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสาม P.4 18-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: Orange151987 ที่ 19-05-2019 22:21:23
 :hao6:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสาม P.4 18-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 20-05-2019 01:19:52
จ้าาาาา
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสี่ P.5 26-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 26-05-2019 19:33:06
ก้าวที่สิบสี่
ก้าวถอยหลัง


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  หมับ!
   
                  “เดี๋ยว เดินหนีทำไม”
   
                  นึกว่าจะพ้นมันแล้ว แต่ไหงกลับวิ่งตามเขามาซะงั้น สรุปแล้วพวกเราก็ทิ้งพี่ทีมสัมภาษณ์ XX ทูเดย์ไว้กับกระดาษ หมึกปากกา และความว่างเปล่า ซึ่งถ้ามีโอกาสเขาจะบอกขอโทษพี่แก สัญญาเลย
                  แต่ตอนนี้ เขาต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน เบี่ยงหน้าแดงๆ หนีไปอีกทางไม่ให้ไอ้สายป่านที่วิ่งตามมาได้เห็น
   
                  “กูมีงาน ปล่อยเลย”
                  “เดี๋ยวนะคุณมดครับ เราพึ่งออกมาจากห้องนักแสดงด้วยกัน”
   
                  รู้ทันอีก…
   
                  “ก็… งานแถวๆนั้นแหละ”
   
                  เป็นประโยคที่สิ้นคิดที่สุด ตั้งแต่พยายามหาทางหนีไอ้สายป่านมา ก็คนมันตันคิดอะไรออกมาก็พูดออกไปก่อน
   
                  “แล้วอากาศร้อนเหรอคุณ หน้าแดงเชียว”
   
                  โอ๊ยยยยย
                  เขาอุตส่าห์เบี่ยงหลบไปอีกทางแล้วนะ ยังจะตามมายืนจังก้าแล้วจ้องหน้าคนอื่นแบบเสียมารยาทไปอีก
                  อะไร มีคนเถียงว่าเวลาพูดกันไม่ให้จ้องหน้าได้ไงเหรอ
                  ก็ใช่ แต่อย่ามาจ้องเวลาเขินได้มั้ย โดยเฉพาะคนที่จ้องอยู่ตอนนี้แม่งเป็นคนที่ทำให้เขินด้วยอ่ะ
                  ฮือออออ
                  ขอเป็นลมตอนนี้ทันมั้ย
   
                  “มาคุยกันให้รู้เรื่อง”
                  “คุยอะไร ไม่มีอะไรจะคุย”
   
                  เขาดิ้นไปมา เพราะมันกำลังคว้าไม้คว้ามือเขามาพันธนาการไว้ด้วยมือของมัน คนที่ผ่านไปมาแถวนี้บ้างก็หันมามองอย่างให้ความสนใจ
                  จะไม่ให้สนใจได้ไงล่ะ
                  ผู้ชายสองคน เล่นจับมือกัน แม้ว่าโลกนี้จะเปิดกว้างแต่มันก็ยังเป็นสิ่งแปลกใหม่อยู่ดี
                  อีกอย่าง ลืมไปแล้วเหรอว่าไอ้สายป่านมันเป็นคนดัง
   
                  “ก็ที่พูดเมื่อกี้ไง”
                  “อะไร ไม่ได้พูดอะไร”
                  “แล้วหน้าแดงทำไม”
                  “…”
                  “ไม่ใช่เขินที่พูดออกมาเหรอ”
   
                  !!!
   
                  ให้มดว่าไง๊!!!
                  ตายอย่างสงบสิ คนเรา…
   
                  “ที่พูด…”
                  “…”
                  “จริงๆเหรอ”
   
                  เขาจะแกล้งไม่ได้ยิน
                  เขาจะแกล้งไม่ได้ยิน
                  เขาจะแกล้ง…
   
                  “มึงจะตั้งใจทำมันให้กู จริงๆเหรอ”
   
                  เขาได้ยิน
                  ได้ยินทุกอย่าง
   
                  “อืม”
   
                  แล้วจะให้ตอบว่ายังไงล่ะ
                  ในเมื่อหัวใจ…
                  มันพ่ายแพ้ต่อมึงคนเดียว
                  สายป่าน 291…

   





                  “งื้ออออ วันนี้ขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะ กลับกันดีๆน้า”
   
                  โฟร์โค้งคำนับพร้อมพูดขอบคุณไม่หยุด ลาทุกคนด้วยรอยยิ้มสดใส แม้ว่าวันนี้งานจะไม่ค่อยเดินเท่าไหร่ แถมประกอบกับพวกเรายังใหม่กันทุกคน ถึงจะติดขัด เก้ๆกังๆในหลายๆเรื่องจนทำให้หงุดหงิดใจไปบ้าง แต่ทุกคนก็อยู่ซ้อมอย่างตั้งใจ และไม่มีใครบ่นจะกลับก่อนเลย นั่นคงเป็นเหตุผลที่แม่งานอย่างโฟร์ปลื้มปริ่มสุดๆไปเลย
                  ยอมรับว่าตอนแรกเขามองทุกคนเหมือนพวกถอดใจง่าย แต่พอร่วมงานกันจริงๆพวกนี้น่ะ โคตรอึด ถึก และทนทาน คำด่าโฟร์ฆ่าทุกคนไม่ตายเลยทีเดียว
   
                  “เจ๊ๆไปแล้วน้า มดกลับยังไง”
   
                  แก๊งนางฟ้าเดินเข้ามาถามเขาที่ยืนเช็คไฟ เช็คจอคอมอยู่
   
                  “อ่อ มดเอารถมาเจ๊”
                  “โอเค เจอกันคาบแม่ศรีสมรค่ะ” มามี่บอก พร้อมโบกมือลา เขายิ้มล้อ
                  “ตื่นให้ได้ก่อนมั้ย”
                  “ปากคอเราะร้าย ติดใครมาวะลูกทรพี มาให้แม่หอมแก้มลวนลามเดี๋ยวนี้”
   
                  มามี่ที่ตั้งท่าจะทำจริงๆ ถ้าไม่ถูกลลิตายื้อไว้ก่อน
   
                  “สงสารมด อิดอก” เธอว่าพร้อมหิ้วเพื่อนสนิทไปที่รถ ตามไปด้วยเหล่านางฟ้าคนอื่นๆที่มาลาเขาแล้วจากไป
                  “มด กลับไง กูจะกลับแล้วนะ”
   
                  โฟร์ที่ส่งทุกๆคนกลับเดินมาหาเขา แล้วเก็บของใช้ของมันบนโต๊ะใส่กระเป๋าผ้าของตัวเอง
   
                  “รถจอดที่คณะสถาปัตย์ เดี๋ยวเดินไปเอา”
                  “ไกลไปมั้ย”
   
                  ความจริงมันก็ไกลมากกกกกกก
                  แต่ที่เขาบอกปฏิเสธทุกคนก่อนหน้าคือเขาไม่อยากรบกวนจริงๆ สีหน้าทุกคนมันบอกว่าอิดโรยขั้นสุดแล้วจริงๆ
   
                  “มึงกลับไปพักเถอะ”
   
                  และเขารู้ว่าโฟร์อยู่หอในซึ่งใกล้ๆนี้เอง มันไม่มีรถไปส่งเขาที่คณะสถาปัตย์หรอก
   
                  “โทรมาละกันถ้าถึงหอแล้ว”
                  “จ้า”
   
                  เพื่อนเขาก็เป็นแบบนี้ ปีหนึ่งเป็นยังไง ปีสองก็เป็นแบบนั้น
                  ห่วงใยกันที่หนึ่ง
                  ทุกคนออกจากห้องไปหมดแล้ว เขาเช็กไฟ เช็กอะไรอีกรอบให้มั่นใจว่าเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ทำการปิดห้อง ล็อคไว้ด้วยกุญแจ ที่ต้องเดินไปส่งคืนให้ยามตรงป้อมหน้าประตูคณะศึกษาศาสตร์
   
                  “อ้าว”
   
                  ไอ้สายป่านครับ มันยังอยู่ นั่งเล่นไอโฟนอยู่ที่ขั้นบันได
   
                  “รอใครอ่ะ”
                  “มีใครให้รออีก ถ้าไม่ใช่มึง”
   
                  เออ นั่นสิ เขาก็ถามโง่ๆ
                  แต่พอกลับมาทบทวนประโยคอีกรอบ สิ่งที่ได้กลับมาคือใบหน้าที่ร้อนผ่าวขึ้นแทบจะทันทีที่ประมวลผลเสร็จสิ้น
                  ดีนะที่มันมืด ไอ้สายป่านเลยไม่เห็น เพราะงั้นเขาคงต้องโดนแกล้งเหมือนเมื่อเย็นอีกรอบ
   
                  “รอกูทำไม”
                  “รถมึงจอดอยู่คณะไม่ใช่เหรอ”
   
                  ก็ใช่ แต่มันรู้ได้ไง
   
                  “รถเราจอดข้างกัน”
   
                  !!!
   
                  “เดินไปคณะกันเถอะ เพื่อนร่วมชะตากรรม”
   
                  นี่สินะ
                  เหตุผลที่รอกู
                  โอ๊ยยยยยยยยยยย
                  ไอ้ฉากพระเอกรอนางเอกนี่สลายไปทันทีเลยครับ
                  แม่ง อย่าถามหาความโรแมนติกจากคนที่ชื่อสายป่าน

   





                  “จำได้มั้ยวะ ตอนที่รับน้องวันแรก รุ่นพี่แม่งพาเราเดินรอบมอ”
                  “อือฮึ แล้ว?”
   
                  เขาชอบเวลานี้จัง เพราะเขาสำนึกได้ว่า มันช่างดูแตกต่างกว่าตอนที่เราเจอกันที่คณะสถาปัตย์สัยอีก เขายังจำได้ว่าตอนนั้นทั้งเกร็ง ทั้งทำอะไรไม่ถูก ชวนพูดคุยก็ไม่ได้เรื่อง ในหัวเอาแต่คิดเรื่องจะวางตัวยังไงให้เหมือนเพื่อนกัน แต่ตอนนี้เขากลับผ่อนคลาย โล่งสบาย ทำตัวยังไงก็ได้
                  ไม่รู้สิ ความลับของเขาก็ยังเป็นความลับอยู่นะ
                  แต่อยู่ที่ว่า…
                  ตอนนั้นเขาตั้งใจจะปิดให้มิด เขาเลยค่อนข้างอึดอัด
                  แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่ามีความคิดบางอย่างแทรกเข้ามาในหัว
                  ว่าถ้าโดนจับได้ ก็จะเปิด
                  ต่อให้ไม่เป็นเหมือนคาด เขาก็พร้อมจะเสียใจ
                  เขาคงต้องโทษท่าทีของไอ้สายป่านที่เขาคิดเข้าข้างไปเองว่าเหมือนให้ความหวังนี้ ว่าเป็นความมั่นใจเล็กๆว่าเขาจะไม่มีวันต้องเสียใจ
                  บางทีเขาคงอ่อนเรื่องประสบการณ์ความรัก เพราะได้แต่แอบรักมาตลอด
                  บางทีมันอาจไม่ได้ให้ความหวัง แต่ถูกติ๊ต่างโดยเขาเองผสมกับความหวังเล็กๆของตัวเอง เลยกลายเป็นว่าถ้าเสียใจเขาคงจะต้องโทษมันแน่ๆ
   
                  “ก็ตรงนี้ไง ที่มึงทักว่ากูชื่ออะไรอ่ะ”
                  “…”
                  “แล้วแม่งก็บิดหน้าหนีเฉยเลย ตอนนั้นกูคิดแบบ ไอ้เหี้ยนี่เป็นเหี้ยไรวะ”
   
                  คำก็เหี้ย สองคำก็เหี้ย
                  ใช่แล้วเขาจำได้…
                  วันนั้นเป็นวันรับน้องวันแรก เขารู้อยู่แล้วแหละว่ามีไอ้สายป่านอยาในขบวนด้วย และตอนนั้นความรู้สึกแม่งก็โคตรชัดเจนว่าชอบมัน เลยหาทางเลี่ยงๆมันไว้
                  แต่โชคร้ายดันเข้าข้างเขามากกว่า เมื่อตัวเองหลงผิดนึกว่าไอ้ที่หันหลังให้นั่นไม่ใช่สายป่าน แต่เป็นเพื่อนคนใดคนหนึ่งร่วมขบวน
                  นาทีนั้นเขาที่เป็นเด็กตัวคนเดียวรีบพุ่งไปสะกิดไหล่ อยากทำความรู้จัก แต่พอหันมาแทบผงะ
                  ไอ้สายป่าน 291…
                  ยิ้มโชว์ฟันให้กูแล้วบอกกูชื่อสายป่านครับเฉยเลย
                  ไม่ต้องแนะนำตัวคนก็รู้จักมึงตั้งแต่ยังไม่เปิดเทอมแล้ว รวมทั้งตัวเขาด้วย
                  กลายเป็นว่ามิชชั่นทำความรู้จักเพื่อนใหม่ล้มเหลว แล้วได้ความเขินอายจนต้องบิดหน้าหนีตามที่ไอ้สายป่านเล่าอย่างปัจจุบัน
                  ไม่นึกว่ามันยังจำเด็กมดเฟรชชี่ปีหนึ่งในวันวานได้
                  เหมือนกับที่เขายังจำมันได้ดีเลยล่ะ
   
                  “ตอนนั้นกูก็คิดแหละว่า คนเหี้ยอะไรโคตรไม่หล่อ เลยหันหน้าหนีแม่ง”
   
                  เราเดินมาถึงรั้วเหล็กที่กันพวกเราออกห่างจากพื้นหญ้าสีเขียวขจี ณ สนามกีฬากลาง เขามองไปไกลจนเห็นสแตนอีกฟากฝั่ง แต่ที่สำคัญกว่านั้นเพราะลมเย็นเลยทำให้ต้องยื่นหน้าไปรับลม
                  จนเมื่อคนข้างๆที่เงียบไป พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า…
   
                  “แล้วตอนนี้ กูหล่อพอหรือยัง”
   
                  เป็นเสียงทุ้มนุ่ม ที่ทำให้เขาต้องหันไปมอง
   
                  !!!
   
                  เขาเบิกตากว้าง ในขณะที่อีกคนเผยรอยยิ้มน้อยๆ
                  มันเกิดขึ้นรวดเร็วเหลือเกิน แต่ก็ยังรู้สึก…
                  เพราะเขาหันหน้าเร็วเกินไป และองศาที่ใบหน้าเราหันมาพบกัน ทำให้ช่องว่างระหว่างริมฝีปากของเราทั้งคู่ลดลงจนเป็นศูนย์
                  ก่อนที่เขาจะกระเด้งตัวออกมา แล้วเบิกตากว้างตกใจอยู่ตอนนี้…
   
                  “ปากมึงนิ่มเหมือนที่กูคิดไว้จริงๆด้วย”
   
                  ถ้อยคำที่ทำให้ใบหน้าเขาร้อนผ่าวถูกพ่นออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้ม
                  ปากเขานิ่ม… เหมือนที่มันคิดไว้ จริงๆเหรอ
                  แล้วมันไปคิดไว้ตอนไหนกัน
   


                  

   

                  “วางไว้ตรงนี้เลย โอเค แล้วก็ อะไรอีกวะ”
   
                  มามี่ที่คุมคนทำงานเท้าสะเอวชี้สั่งนั่นสั่งนี่ แต่ไม่เคยมีใครจะกังขาในข้อหาที่ว่า เธอทำได้แค่สั่งคนเลย ใช่ ถึงคนนอกไม่เห็นแต่พวกเราน่ะ เห็นมาเยอะแล้ว การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของเหล่านางฟ้า ทั้งงานรุ่นงานมหา’ลัย บอกเลยว่าไร้ที่ติ บางครั้ง การทำงานต้องมีทั้งผู้นำ และคนตาม แต่คนๆเดียวจะเป็นทั้งสองอย่างไม่ได้ มีรุ่นพี่คนหนึ่งเคยพูดไว้ว่า คนที่ผู้นำ ไม่ได้ทำงานเป็นทุกคน แต่เขาใช้คนเป็น ในขณะที่บางครั้งหากเราเลือกผู้นำจากคนที่ทำงานเป็น เราก็อาจจะไม่ได้ผู้นำอย่างที่เราคาดหวังไว้ เพราะเขาเพียงแต่ทำงานเป็น ใช้ตัวเองเป็น แต่เขาใช้คนอื่นไม่เป็น
                  แต่มามี่เป็นเพียงคนเดียวที่เขารู้จักว่าเธอเป็นได้ทั้งสองอย่างในร่างเดียวกัน
   
                  “ลลิตาไปเอาช่อดอกไม้ที่เราจัดมาตกแต่งเพิ่มนะคะ” มามี่บอก ลลิตาพยักหน้าก่อนจะเอ่ยท้วงว่า
                  “แต่มันจะดูรกไปหรือเปล่าวะ”
   
                  มามี่ไม่ใช่คนเผด็จการ เธอรับฟังความคิดเห็นเพื่อนๆเสมอ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เธอมักได้รับมอบหมายตำแหน่งสำคัญ
   
                  “เออว่ะ แป๊บ ใช้สมอง ว่าไงดีทุกคน”
   
                  เธอถามความเห็นจากทุกคนเสมอ และบางครั้ง
   
                  “เอางี้ ไปเอามาใส่ๆไปก่อน แล้วเดี๋ยวดูภาพรวมอีกที”
   
                  เธอก็จำเป็นต้องเด็ดขาดให้สมกับเป็นผู้นำ เพื่อให้งานเดินต่อไปได้ ในขณะที่พวกเราได้แต่อ้ำอึ้ง ว่าจะทำยังไงดี
                  มามี่เป็นคนเก่งคนหนึ่งที่เขายอมรับ ไม่สิ ที่เพื่อนทั้งรุ่นยอมรับต่างหาก
                  แม้ภายนอกจะดูบ้าบอ และบ้าผู้ชายก็ตาม
   
                  “มด ตามสายป่านให้หน่อยนะเย็นนี้”
   
                  เหมือนเธอจะรู้ว่าเขากำลังนินทาเธอในใจ เธอเลยส่งมอบคำสั่งร้ายกาจมาให้เขาเสียเลย
                  ไม่นะ…
                  เขายังไม่กล้าคุยกับมัน
                  ใช่สิ ตั้งแต่เรื่องวันนั้น จนถึงตอนนี้ ตั้งแต่ที่เขาบอกลามันที่หน้าห้อง ตั้งแต่ที่เราปิดประตูห้องพร้อมกัน และมันก็ไปกรุงเทพฯ จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่กล้าคุยอะไรกับมันเลย
                  แม้ว่ามันจะคอยกดไลค์สเตตัสของเขาตลอดหนึ่งอาทิตย์เต็มที่มันบอกว่า ไปออกงานที่กรุงเทพฯ
                  ไม่รู้สิ เขาทราบคร่าวๆว่าเป็นการแลกเปลี่ยนดาวเดือนกันมั้ง ไม่ได้ติดตามเท่าไหร่
                  แต่ติดตามมันคนเดียว
                  เห็นนะว่าอัพรูปกับดาวสวยๆมหา’ลัยอื่นมากมาย
                  แต่มันไม่ได้เป็นคนลง ส่วนใหญ่ดาวๆพวกนั้นจะแท็กมันเอง
                  ร่ายมาตั้งยาวเหยียด
                  สำหรับไอ้สายป่านแล้วมันก็คงเป็นอุบัติเหตุ แต่สำหรับเขา มันไม่ใช่แบบนั้น
                  สำหรับมด ปากชนปาก เขาเรียกมันว่าจูบ เขานี่ช่างไร้เดียงสากับเรื่องความรักจนคิดถึงทีไรก็เขินทุกที
                  แล้วแบบนี้ จะให้เขาไปตามมันได้อย่างไร
   
                  “นั่นสิ สายป่านกลับมาแล้วนี่ ใช่มั้ยมด” วินดี้ถามเขา
   
                  แล้วทำไมทุกคนต้องถามเรื่องสายป่านจากเขา เขาไม่ใช่… แฟนมันนะ
   
                  “ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้คุยกันมาสักพักแล้ว”
   
                  นี่เขาเรียกว่าเป็นการตอบทำร้ายตัวเองหรือเปล่าเนี่ย เท่ากับว่าก่อนหน้านั้นเขาคุยกับมันบ่อยงั้นเหรอ โอ๊ย สับสนคำพูดตัวเอง
   
                  “ยังไม่ลงเครื่องมั้ง พอลงเดี๋ยวก็ทักมา…”
   
                  ตึ๊ง
   
                  ยังไม่ทันจบคำพูดอุมาพร เฟซบุ๊กเขาก็แจ้งเตือนเข้ามา
                  อะไร นึกว่าเป็นสายป่านเหรอ ใช่เขาก็หวังอยู่ แต่ขอโทษที เป็นข้อความจากฟ้าเรื่องงานกลุ่มต่างหาก
                  เฮ้อ
                  อย่าคาดหวังลมๆแล้งๆเลยเรา เราเป็นอะไรกับมัน
                  เป็นบ้าเหรอมด
      
                  ครืด ครืด
   
                  “โทรศัพท์ใครดังอ่ะ”
   
                  มามี่ถาม
                  ไอโฟนเขาเองที่สั่นครืดคราด ไม่กี่วินาทีตอนที่เขาเอามันกลับไปใส่ในกระเป๋ากางเกง
                  ให้เดาก็คงเป็นฟ้าที่โทรมาย้ำ เพราะเขาไม่ตอบแชทมัน
   
                  !!!
                  สายป่าน 291…
   
                  เขามีเบอร์เพื่อนร่วมรุ่นทุกเบอร์ เพราะรุ่นพี่บังคับให้เมมไว้ เป็นชื่อเล่นตามด้วยรหัสนักศึกษาสามตัวท้าย
                  แต่ก็เมมไว้บังหน้า เพื่อไม่ให้โดนว้าก เพื่อไม่ให้มีข้ออ้างโดนด่าว่าไม่สนใจเพื่อนเหรอคุณ
                  บางเบอร์ไม่เคยโทรเข้ามาหาด้วยซ้ำ นั่นสิ จะโทรมาเพื่ออะไร
                  และเบอร์ที่โชว์อยู่นี่ ก็เป็นครั้งแรกที่เจ้าของมันโทรเข้ามา…
   
                  “ใครโทรมามด เอาแต่จ้องเดี๋ยวเขาก็วางสาย”
   
                  มามี่ว่าแล้วทำท่าจะชะโงกหน้าเข้ามาดู เขารีบก้าวถอยหนีเธอแล้วเอามือปิดหน้าจอไอโฟนทันทีจนมีพิรุธ และมีหรือเหล่านางฟ้าจะไม่รู้และจับได้ว่าใครโทรมา
   
                  “ไปๆ พวกมึง ทำงานๆ แฟนเขาจะคุยกัน” วินดี้โบกไม้โบกมือให้เพื่อนๆออกไป รวมถึงตัวเธอด้วย
   
                  โอ๊ยยยย
                  แฟนอะไรล่ะ เพื่อนกันมั้ย
   
                  “สะ…สวัสดี”
   
                  เขาไม่รู้จะพูดอะไร เลยได้แต่เอ่ยประโยคทักทายตามมารยาทออกไป หลังจากกดรับสายด้วยมือสั่นเทา
   
                  {พูดอีกทีได้มั้ย}
   
                  เขาขมวดคิ้วมุ่นกับคำพูดของคนในสาย แต่เสียงมัน… เสียงที่เขาไม่ได้ยินมาเกือบอาทิตย์
                  ทำไมโคตรรู้สึกคิดถึงเลยนะ
   
                  “พะ…พูดอะไร”
   
                  จบแล้ว สรุปกูติดอ่างใช่มั้ย จะพูดตะกุกตะกักทำไมเนี่ย
   
                  {เสียงมึงน่ะ}
                  “…”
                  {กูโคตรคิดถึงเลย}
   
                  ตู้มมมมมมมมมม
   
                  ตึกตัก ตึกตัก
   
                  มันพูดอะไรออกมา
                  มันบอกว่าคิดถึง
                  ไม่ มันบอกว่าโคตรคิดถึงเลย
                  ฮืออออออ ใจเราบางไปหมดแล้ว ใจมันอ่อนแอแพ้สายป่าน
   
                  {ที่เงียบไปนี่ เพราะกำลังเขินอยู่ใช่ป่ะ}
                  “บ้าสิ ใครจะเขินมึง”
                  {ก็มึงไง ตอนนี้กำลังหน้าแดงอยู่}
                  “รู้ได้ไง”
   
                  แล้วเขาก็เผลอปล่อยไต๋จนได้ คนปลายสายหัวเราะเสียงนุ่ม
   
                  {ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้ไม่มีรถกลับมอครับ}
                  “…”
                  {มารับหน่อยได้มั้ย}
   
                  !!!
                  มันให้เขาไปรับที่สนามบิน
   
                  “จริงจังมั้ยเนี่ย”
                  {ถ้าเป็นเรื่องของมึง กูก็จริงจังทั้งหมดนั่นแหละ}
   
                  เดี๋ยวๆ เขาหมายถึงเรื่องให้ไปรับที่สนามบินเนี่ย มันหมายถึงเรื่องไหนก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ กูเขินไว้ก่อนแล้วครับ
   
                  “ตกลงจะให้ไปรับมั้ย”
                  {มาดิ ไม่มีรถกลับจริงๆเนี่ย นั่งรอเหงือกแห้งแล้ว}
                  “ถึงนานแล้วเหรอ”
                  {สามสิบวิ}
   
                  แล้วรอเหงือกแห้งคือ?
   
                  “เดี๋ยวไป รออยู่ตรงนั้นนะ”
                  {คร้าบบบบบ แม่ทูนหัว}
   
                  ไอ้สัด กูเป็นผู้ชายครับ
   
   





                  “มดใจเย็นๆ เจ๊ซิ่งสุดๆแล้วเนี่ย”
   
                  หลังจากวางสายไอ้สายป่าน เขาก็ลืมไปว่าวันนี้เขาไม่ได้เอารถมา มันถูกจอดสนิทเพราะน้ำมันหมดอยู่ใต้หอพัก ตอนแรกก็เกรงใจที่จะไปขอความช่วยเหลือจากพวกเจ๊ๆ แต่สุดท้ายก็บากหน้าไปขอจนได้
                  มด สายป่านน่ะตัวเอกของงานพรุ่งนี้ วันนี้ต้องเอามาบรีฟ ทำไมไม่รีบบอกเจ๊เนี่ย
                  จากนั้นพวกเราทั้งหมด อัประกอบด้วย เขา มามี่ วินดี้ ลลิตา อุมาพร และลิลลี่ ก็ได้ร่วมลงเรือลำเดียวกันหลังจากขโมยกุญแจรถของไอ้พี่ปืนมา โดยมามี่ให้เหตุผลว่าช่วยไม่ได้นี่ ก็เจ้าตัวอยากวางเรี่ยราดไว้แถวนี้เอง
                  แต่แถวนี้ที่ว่ามันคือในกระเป๋าพี่แกเลยนะ คิดเอาเถอะ ใครถูกใครผิด
   
                  “ถึงแล้ว”

                  มามี่จอดรถ
   
                  “มดล่วงหน้าไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวพวกเจ๊ๆจะไปหาที่จอดรถ”
   
                  เขาพยักหน้า ไม่ลืมเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะตรงไปยังสถานที่นัดหมายที่นัดกับไอ้สายป่านเอาไว้
                  ไกลออกไปเขาเห็นใครบางคนที่คุ้นตา นั่งเล่นโทรศัพท์ในมือ
                  หัวใจของเขาเต้นแรงมาก เขารับรู้ได้เลย
                  น่าแปลกที่เราห่างกันแค่เพียงหนึ่งอาทิตย์ แต่กลับทำให้เขาโหยหามันมากขนาดนี้ นั่นแสดงถึงอิทธิพลของมันต่อตัวเขาที่มากขึ้นเรื่อยๆ
                  และเขายินยอมอยู่ภายใต้อิทธิพลของหัวใจตัวเองอย่างไม่มีเงื่อนไข
                  ปากของเขายิ้มกว้างตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
                  ขาก็ค่อยๆก้าวเดินไปหามัน
   
                  “สายป่าน”
   
                  สายป่าน…
                  แต่เสียงของเขาไม่มีวันไปถึงมัน
                  ขาที่ก้าวไปหยุดชะงัก
                  ตัวของเขาแข็งทื่อ
   
                  “นิว”
                  “ไม่เจอกันนานเลย”
   
                  เขาค่อยๆก้าวถอยหลัง ค่อยๆก้าวห่างออกไป เรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ
                  เขาเคยคิดว่าเรากำลังก้าวเข้าหากันเรื่อยๆ
                  ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของเขากับมันกำลังเริ่มพัฒนา
                  แต่เขาคงลืมไปว่า นั่นเป็นความคิดของตัวเองฝ่ายเดียว ความคิดที่โคตรจะเข้าข้างตัวเองของคนที่แอบชอบมันโคตรๆแบบเขา
                  เขาลืมไปได้ไงว่า
                  คนแอบรัก กับคนถูกรัก มันต่างกันยังไง
                  แต่วันนี้…
                  ความทรงจำที่เลือนหายไปมันกลับค่อยๆคืนมา
   
                  “นิวตามไอจีสายป่านตลอดเลย นึกว่าจะไม่ทันแลนดิ้งพร้อมกันซะแล้ว”
                  “คือยังไง”
                  “นิวจะกลับมาเรียนที่นี่เหมือนเดิมไง”
   
                  เมื่อคนที่ถูกมันรัก กำลังจะกลับมา
   
                  กึก!
   
                  “มด เป็นอะไร ทำไมไม่เข้า…”
   
                  เขาถอยหลังมาชนกับมามี่
   
                  “ฉิบหายล่ะอิวินดี้” มามี่เปรยขึ้นเบาๆ วินดี้ที่เดินตามมางงงัน
                  “อะไรของมึง”
                  “มึงดู”
   
                  มามี่ชี้ให้วินดี้ดูสายป่านกับนิว
   
                  “อินินิวเหรอ ว้าย จะกลับมารีเทิร์น อุ๊บ”
   
                  มามี่ตะครุบปิดปากวินดี้ แล้วพยักเพยิดให้มองมาที่เขา มันยากอยู่นะ แต่เขาก็แกล้งฝืนยิ้มให้
   
                  “ขอโทษน้ามด”
   
                  วินดี้ขอโทษขอโพย
                  เขาไม่รู้จะพูดอะไร เลยได้แต่ส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร ทั้งที่ในใจเจ็บหน่วงๆ
   
                  “กลับกันเถอะเจ๊ๆ”
   
                  มันคงหาทางกลับมอได้แล้ว…
                  ตั้งแต่วินาทีนี้ไป เท้าของเขาค่อยๆก้าวถอยหลัง และในไม่ช้า มันจะกลับไปยืนอยู่ยังจุดเริ่มต้นดังเดิม
   
                  “มด แป๊บนะ มีคนโทรหาเจ๊”
   
                  มามี่รับโทรศัพท์
   
                  “สวัสดีครับพ่อ”
   
                  เขาจำได้ว่ามามี่เคยบอกว่าทางบ้านยังไม่ค่อยยอมรับเรื่องเพศที่สามเท่าไหร่ ทุกครั้งที่ทางบ้านโทรมาทุกคนก็จะได้เห็นโหมดความแมนของมามี่ที่มันไม่เคยหายไป
   
                  “อะไรนะ พ่อพูดอีกทีซิ”
                  “เป็นอะไรมึง มามี่”
   
                  วินดี้เดินเข้าไปถาม
   
                  “แมนบอกว่าให้พ่อพูดอีกทีซิ”
                  “มึงใจเย็นๆ”
   
                  วินดี้ลูบหลังมามี่ เพื่อนๆรู้ดีว่ามามี่ไม่ค่อยถูกกับคุณพ่อ ทุกครั้งที่โทรมาก็จะมีปากเสียงกันบ่อยๆ
   
                  “อิวินดี้”
                  “มามี่ มึงเป็นอะไร”
                  “ฮือออออออ”
                  “มามี่ อิมามี่ มึงร้องไห้ทำไม”
   
                  ลลิตาเดินเข้ามากอดมามี่
   
                  “มึง ฮือออออออ”
                  “…”
                  “แม่ … พ่อ แม่กู ฮือ”
                  “มึงตั้งสติก่อน พูดดีๆ”
   
                  ทุกคนเข้าไปรุมมามี่ด้วยความตกใจเพราะจู่ๆเธอก็ร้องไห้ออกมาเป็นวรรคเป็นเวร ซึ่งน้อยครั้งนักที่เราจะได้เห็น รวมทั้งเพื่อนสนิทอย่างแก๊งนางฟ้าที่อกสั่นขวัญหายไปตามๆกัน
   
                  “แม่ พ่อบอกว่า แม่ ฮึก แม่กู”
                  “…”
                  “ตายแล้ว”
                  “…”
                  “พ่อเล่าว่า ฮึก แม่ กู ขับรถเข้าไปในเมือง ตอน ฮึก ตอนเช้า แล้วก็ เกิด อุบัติเหตุ”
                  “…”
                  “มึง ฮือออออออออออ แม่กู ไม่จริงใช่มั้ย มึง”
   
                  ไม่มีเสียงตอบรับจากพวกเรา
                  เพราะน้ำตาของมามี่ ตอกย้ำว่ามันคือเรื่องจริง





*TBC...............................................

โอ๊ยยยย มันยังไงกันคะคุณผู้อ่านนนนนนนนน
แล้วเจอกันค่า
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสี่ P.5 26-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 26-05-2019 19:51:04
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสี่ P.5 26-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: CHOIGYK_ ที่ 26-05-2019 20:15:31
แงงงงง สงสารมดมด
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสี่ P.5 26-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 26-05-2019 20:17:37
เศร้าเลย 2เรื่องในเวลาเดียวกัน
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสี่ P.5 26-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 26-05-2019 20:25:01
งะ โอ้ยยยย
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสี่ P.5 26-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-05-2019 22:14:15
วันแห่งการสูญเสีย  :hao5:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสี่ P.5 26-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 26-05-2019 23:14:04
เอ้า พอจะดีๆ มีคนมาพาเสียเรื่องอีกละ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสี่ P.5 26-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 27-05-2019 00:28:31
หลายอารมณ์มาก  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบสี่ P.5 26-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-05-2019 09:14:32
ก้าวเดินหน้า 1 ถอยหลัง 2 อ่ะตอนนี้  :mew2: :mew2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบห้า P.5 27-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 27-05-2019 22:19:20
ก้าวที่สิบห้า
ทะเลสีเทา


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  “ขอกูเกาะหน่อยนะ กูไม่มีแรง”
   
                  มามี่เดินเข้ามาหาพวกเราที่ยืนรอเธออยู่หน้าหอพัก เขาเข้าใจดีเลยล่ะว่ามันกะทันหันเกินไปที่คนๆหนึ่งจะรับไหว ตอนที่เขาเสียคุณตา ตอนนั้นเขาเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น ช่วงพักเที่ยง โรงเรียนประกาศเสียงตามสาย ว่าผู้ปกครองกำลังตามหาตัวเขาอยู่ ในความคิดเด็กๆ เขาไม่ได้คาดคิดสักนิดเลยว่าจะได้รับข่าวร้าย เขาเพียงแต่กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ และรีบตรงไปหาพ่อกับแม่ที่นั่งรออยู่ในห้องปกครองด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย
   
                  “มึงไหวนะมามี่ ไม่เป็นไรนะมึง”
   
                  วินดี้ทำได้เพียงแค่กอดปลอบ และระวังให้มากกับการพูดประโยค เดี๋ยวมันจะผ่านไป ทุกคนในที่นี้รู้ดีว่า มามี่จะผ่านไปได้ เพียงแต่นั่นไม่ใช่ตอนนี้เท่านั้นเอง
   
                  “กูอยากตอบว่าไหว แต่ขอโทษที กูไม่ไหวจริงๆ”
                  “โถ อิมามี่เพื่อนกู”
   
                  ลลิตาเข้าไปกอดปลอบอีกคน แล้วร้องไห้ไปด้วยกัน
                  เขาเหม่อมองไปบนท้องฟ้า ที่เวลานี้ช่างไม่ต่างอะไรกับทะเลสีเทา มันคงหม่นหมองลงเพราะความเศร้าใจของมามี่แน่ๆ เขาคิดว่าเป็นอย่างนั้น
   
                  “ขึ้นรถเถอะทุกคน เดี๋ยวเราจะไปสายนะ” เขาว่า
                  “ไปกันเถอะมึง” อุมาพรตบไหล่มามี่
                  “ขอบคุณมากนะมด แต่ไปกับพวกเราแบบนี้จะดีเหรอ”
   
                  มามี่คงหมายถึงเรื่องเรียน เพราะพรุ่งนี้เป็นวันธรรมดา และแน่นอนว่าทุกคนมีเรียน ซึ่งเธอคงรู้สึกเกรงใจมากแน่ๆที่ต้องลากเขาไปด้วย
   
                  “มดไม่ใช่เพื่อนมามี่เหรอ” เขาย้อนถาม
                  “ใช่สิ ใช่…”
                  “งั้นก็ไม่ต้องถามแบบนั้นอีก” เขาส่งยิ้มให้
   
                  มามี่น้ำตาไหลอีกรอบ แล้วพุ่งเข้ามากอดเขา
   
                  “ไม่เป็นไรนะมามี่ มามี่เป็นคนเข้มแข็ง ต้องรีบกลับมาลวนลามมดเหมือนเดิมนะ”
   
                  เขาพยายามพูดติดตลก แม้จะไม่ใช่เวลาพูด แต่ทุกคนก็ยิ้มออกมาได้
   
                  “ได้เลย”
   
                  แม้มามี่จะไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ แต่เธอก็ได้รับปากมด ซึ่งนับแต่นี้คือเพื่อนสนิทของเธอไปแล้ว
   
                  “เอาล่ะทุกคน กลับไปหาแม่อิมามี่ที่ลำปางกัน”
   
                  มามี่ปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
                  ใช่แล้ว…
                  หนูกำลังจะกลับไปกอดแม่แล้วนะคะ

   





                  ระหว่างทางมามี่เล่าว่าบ้านของเธอเป็นบ้านแบบครอบครัวขยาย คือไม่ได้มีแค่พ่อแม่ลูกเหมือนอย่างครอบครัวในเมืองใหญ่สมัยนี้ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าอยู่ในเขตชนบทที่สภาพแวดล้อมเป็นแบบนี้ และอีกส่วนหนึ่งก็คือความรักใคร่กลมเกลียวกันของคนในครอบครัว ที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร เลยไม่ต้องแยกย้ายกันไปอยู่บ้านนั้นบ้านนี้ จากที่เขาฟังเธอเล่า บ้านของมามี่โคตรน่าอยู่และดูอบอุ่นมากๆ
   
                  “ถึงแล้วทุกคน บ้านของกู”
   
                  มามี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เธอค่อยๆยืดอกขึ้นเพื่อรวบรวมความเข้มแข็ง แล้วปาดน้ำตาที่เปรอะข้างแก้มออกไป
   
                  “มึงมาหาแม่แล้ว มึงอย่าร้องให้ท่านเห็นนะ”
   
                  วินดี้ย้ำกับมามี่ แล้วบีบมือเพื่อนให้กำลังใจ
                  เรามาถึงประมาณห้าโมงเย็น เพราะระยะทางจากเชียงใหม่มาลำปางไม่ไกลมากนัก
   
                  “พ่อ สวัสดีครับ”
   
                  มามี่สวมบทบาทความแมนทันทีที่เจอชายวัยกลางคน ที่ยืนรอพวกเราอยู่หน้ารั้วประตูก่อนแล้ว ใบหน้าที่มีแววเคร่งครัดกวดขัน บัดนี้มันกลับถูกเด่นชัดด้วยความเศร้าสร้อยหม่นหมอง
   
                  “เข้าบ้านกันลูกๆ”
   
                  คุณพ่อผายมือเชื้อเชิญพวกเราเข้าบ้าน โดยพูดเป็นสำเนียงภาษาเหนือ
                  พวกเรายกมือไหว้แล้วเดินตามผู้ปกครองของบ้านไป
   
                  “สงสารพ่อทองจังมึง สงสารอิมามี่ด้วย”
   
                  ลลิตากระซิบให้ได้ยินแค่พวกเรา
   
                  “ชู่วววว มึงอย่าไปพูดให้คนที่กำลังพยายามเข้มแข็งได้ยินเชียวนะ”
   
                  วินดี้ปรามเบาๆ
   
                  เขาไม่สนใจเสียงซุบซิบในวง แล้วเมียงมองชมบรรยากาศรอบบ้าน เป็นบ้านที่ใหญ่จริงๆอย่างที่มามี่บอก ระหว่างทางมีเรือนหลังเล็กหลังน้อยมากมาย แถมที่น่าอยู่สุดๆเลยคือบริเวณบ้านแทบจะไม่มีแสงแดดส่องถึง เพราะมีเงาของไม้ใหญ่นานาพรรณคอยกำบังเอาไว้ ให้ความร่มรื่นและเย็นสบาย ข้างทางก็ปลูกดอกไม้เล็กๆอย่างดอกคุณนายตื่นสายที่เหี่ยวเฉาไปตามเวลา และจะกลับมาบานอีกในตอนเช้าสายๆ เมื่อยามที่แสงแดดทอลงมา
                  ตอนนี้เขาก็ได้เพียงแต่หวังว่า คนบ้านนี้จะเป็นเช่นดอกคุณนายตื่นสาย
                  เข้มแข็งได้ เมื่อถึงเวลา
                  ไม่สิ
                  เขาเองก็เช่นกัน เขาจะเข้มแข็งได้มั้ยนะ ถ้าเวลานั้นมาถึง…
                  เขายอมรับว่าการมาลำปางไม่ใช่เพียงมาร่วมงานหม่นหมองนี้เพียงอย่างเดียว เขายอมรับตรงๆเลยว่าเขาเองก็ทำเพื่อตัวเองเช่นเดียวกัน
                  ขอเวลาพักหัวใจที่เหนื่อยล้าสักพัก
                  แล้วเขาจะเป็นได้อย่างดอกคุณนายตื่นสายมั้ยนะ
                  เขาปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดไปตั้งแต่บ่ายสองโมง ทั้งที่ไม่รู้ว่ามันจะโทรตามเขาเพื่ออะไร แต่เขาก็คิดเข้าข้างตัวเองไปล่วงหน้าแล้ว
                  เอาเป็นว่า หากมันโทรมาถามว่าทำไมไม่มารับ เขาจะได้ไม่ต้องชักแม่น้ำทั้งห้ามาอ้างเหตุผลที่ไม่มีอยู่จริง
                  พอเป็นแบบนี้แล้วเขาต้องมานั่งคิดนะว่า ทำไมเมื่อก่อนตอนมันอยู่กับนินิว เขาไม่ยักจะอยากหนี ก็แค่มองผ่านๆไป ให้ใจเจ็บเล่นๆ แล้วก็มานั่งทบทวนกับตัวเองว่าสถานะของเขาคืออะไร สำหรับคนที่แอบชอบ แค่ได้แอบมองมันก็มากพอแล้ว
                  ก็แค่ในภาพมีแฟนมันอย่าวนินิวมาร่วมเฟรมด้วยก็เท่านั้นเอง
                  แล้วตอนนี้ล่ะ เขาเป็นอะไรของเขากัน
                  เป็นคนไม่มีเหตุผล
                  เป็นคนชอบหนีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
                  หรือตั้งแต่ที่เขามีความคิดโง่ๆอยู่ในหัวแล้วว่า
                  มันเองก็อาจจะชอบเขา ขึ้นมาบ้าง
                  ที่จริงเขาน่าจะหาสมการมาลบล้างทฤษฎีนี้ทิ้งไปตั้งนานแล้ว ปล่อยให้มันมาทำร้ายตัวเองจนได้
   
                  “มด ปิดเครื่องแบบนี้จะดีเหรอ”
   
                  วินดี้ที่คงรู้สึกได้จับไหล่เขา แล้วเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
   
                  “แบตจะหมดต่างหาก เราไม่ได้ปิดหนีใคร”
   
                  เขาบอกยิ้มๆ
   
                  “ฟังความคิดตัวเองน่ะได้ แต่อย่าให้ความคิดมันกลายเป็นความมโนนะมด”
   
                  วินดี้พูดเสียงจริงจัง
   
                  “เพราะเราอาจจะพลาดโอกาสที่จะฟังคำอธิบายของใครบางคน”
   
                  เพียงแต่ใครบางคน อาจไม่มีคำอธิบาย
                  เรื่องของเรามันคลุมเครือมาแต่แรกแล้ว
   
   





                  “บ้านอาจครึ้มๆหน่อยนะลูก ตามประสาคนชอบปลูกต้นไม้”
   
                  แม้ว่าพ่อทอง พ่อของมามี่จะหม่นหมองเพียงใด แต่ก็ฝืนยิ้มให้พวกเรา ท่านผายมือเชิญให้พวกเราเข้าไปในตัวบ้าน
   
                  “งานจะจัดบ้านโน้นนะลูก”
   
                  พ่อทองชี้มือไปยังบ้านเรือนไทยหลังใหญ่สุด ซึ่งห่างจากบ้านหลังนี้ไปไม่ไกล
   
                  “ขอบคุณคุณพ่อมากเลยนะคะที่ให้ที่พักที่อาศัย”
   
                  วินดี้กระพุ่มมือไหว้
   
                  “พ่อต้องขอบคุณพวกลูกต่างหาก ที่อุตส่าห์หยุดเรียนมาร่วมงาน ขอบคุณจากใจเลยนะหนูๆ”
   
                  พ่อทองมองพวกเราอย่างเอ็นดู แล้วมาหยุดอยู่ที่เขา
   
                  “เอ๊ เรานี่ก็เหมือนพวกหนูๆเหรอเนี่ย พ่อดูไม่ออกเลย”
                  “พ่อ!!!”
                  “…”
                  “นั่นมด เป็นผู้ชาย เสียมารยาท”
   
                  มามี่ท้วงพ่อตัวเอง เขานี่แทบผงะ นี่เขาตุ้งติ้งขนาดนั้นเลยเหรอ
   
                  “บ๊ะ ก็กูไม่รู้นี่ งั้นเอ็งก็นอนกับมดแล้วกัน เป็นผู้ชายนอนคุยกันจะได้หายเศร้า”
   
                  มามี่ตาโต
   
                  “เป็นอะไรของเอ็งวะ”
                  “พ่อ ผมนอนกับพวกนี้ก็ได้”
   
                  มามี่ชี้มือไปที่แก๊งนางฟ้า
   
                  “เอ็งจะไปนอนกับแม่หนูๆพวกนี้ได้ไง มันไม่งาม หนูๆเขาเป็นผู้หญิง”
                  “…”
                  “แล้วเอ็งเป็นผู้ชาย”
   
                  มามี่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะบอกยังไงก็บอกไม่ได้ ในเมื่อตนปกปิดความลับสุดยอดเอาไว้
                  เลยต้องจำใจตอบตกลง
   
                  “งั้นตามสบายเลยนะ พ่อไปดูบ้านโน้นก่อน ป่านนี้ญาติๆคนอื่นคงทยอยมาแล้ว”
   
                  พวกเราทั้งหมดยกมือไหว้ก่อนพ่อทองจะจากไป
   
                  “อิมามี่ มึงจะไปโป๊ะเถียงกับพ่อทองเขาทำไมวะ ยังไงพ่อทองเขาก็ไม่ได้มาส่องดูห้องหับมึงเสียหน่อย”
   
                  วินดี้เอ่ยบอกเพื่อนที่เกือบหลุดเผยตัวตน
   
                  “เออๆ กูลืมๆ”
                  “…”
                  “พวกมึง กูเศร้าอีกแล้วว่ะ”
                  “…”
                  “พวกมึงรำคาญมั้ยวะ ที่ต้องคอยปลอบกู”
   
                  ดวงตาสดใสเมื่อครู่ของมามี่เริ่มหม่นหมองลงอีกครั้ง
   
                  “รำคาญสิ” วินดี้บอก
                  “รำคาญมาก” ลลิตา
                  “รำคาญที่สุด” อุมาพร
                  “รำคาญโคตรๆ” ลิลลี่
                  “รำคาญที่มึงถามแบบเกรงใจ อย่างกับไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทอย่างพวกกูรู้สึกยังไง”
                  “…”
                  “ถ้ามึงเศร้า พวกกูก็เศร้า”
                  “…”
                  “แล้วพวกกูจะไม่ปลอบมึงได้ยังไงล่ะ”
   
                  วินดี้พูดเสียงเรียบ แล้วกอดอกเชิดหน้าขึ้น
   
                  “ฮือออออ กะเทยยยยยยย กูรักพวกมึง”
   
                  มามี่โผเข้ากอด…
   
                  “เดี๋ยว”
                  “…”
                  “พวกกูอยู่ทางนี้ มึงทำเนียนลวนลามมดอีกแล้วนะอิดอก”
                  “อ้าวเหรอ”
   
                  และพวกเราก็รับรู้ว่า เป็นอีกครั้งที่มามี่พยายามสร้างเสียงหัวเราะ แม้ภายในใจของเธอจะเต็มไปด้วยความเศร้าอยู่ก็ตาม
   
   





                  “ไม่เป็นไร ค่อยตามมาวันเผาก็ได้ พวกมึงอยู่เรียนก่อน”
   
                  เขาที่อาบน้ำพึ่งเสร็จเดินเช็ดหัวออกมาจากห้องน้ำ ด้วยบ๊อกเซอร์เพียงหนึ่งผืนปล่อยให้ข้างบนเปลือยเปล่าเผยผิวขาวต่อสายตาเหล่านางฟ้า
   
                  “มดดดดดด เจ๊หัวใจจะวาย ไปใส่เสื้อเดี๋ยวนี้เลยค่ะ ด่วนนนน”
   
                  ลลิตายกมือทาบอก
   
                  “แกล้งเล่นหน่อยเดียวเอง” เขาพูดยิ้มๆ
                  “บ้า แกมีหนึ่งพวกฉันห้า โดนจับปล้ำแล้วจะขำไม่ออก”
   
                  ลิลลี่ขู่ เขานี่รีบไปใส่เสื้อผ้าในห้องน้ำเลยครับ
                  ออกมาอีกที ทุกคนก็ยังอยู่ในห้องเขา
                  สี่คนตั้งวงไพ่ อีกคนนั่งเหม่อลอย
                  จนเมื่อมามี่เห็นเขา เธอจึงย้ายจากมุมว้ายติดหน้าต่างมานั่งรวมกับเพื่อนๆ
   
                  “พวกมึง เพื่อนร่วมรุ่นจะมาพรุ่งนี้เช้านะ” มามี่แถลงไข
                  “หมดเลยหรือเปล่า” วินดี้ถาม แต่จ้องมาทางเขา เหมือนรู้ว่าสิ่งที่เขาอยากรู้ตอนนี้คืออะไร
                  “ทั้งหมด ทั้งรุ่น” มามี่ตอบ
                  “ป๊าด มึงแล้วจะอยู่กันยังไงคะ บ้านมึงใหญ่ แต่ไม่ใช่จะจุคนได้เป็นร้อยนะคะ” ลลิตาโวยวาย
                  “พักโรงแรมสิอิดอก” มามี่ว่า แล้วหันมามองเขา
                  “แต่บางคนก็จะพักที่นี่”
   
                  เขาคงไม่ต้องเดาสินะ ว่าบางคนที่ว่าคือใคร ในเมื่อจ้องเขากันขนาดนี้แล้ว
   
                  “มีคนวิดิโอคอลมาหากูว่ะมึง”
   
                  มามี่หยิบไอโฟนของตัวเองที่สั่นครืดคราดออกมาเปิดดู
   
                  “ไอ้แบงค์นี่ บอกว่าเพื่อนร่วมรุ่นมีอะไรจะบอก”
   
                  พวกเราล้อมวงกันเข้าไปใกล้มามี่ แล้วเธอก็เปิดกล้องวิดิโอคอล
   
                  {มามี่ เป็นไงบ้างมึง ไม่ต้องห่วงทางนี้นะงานวาเลนไทน์ผ่านไปด้วยดี นายกสโมฯชมมึงรัวๆเลย}
                  {เข้มแข็งไว้นะมึง}
                  {อินี่ หน้าโทรมแปลว่าร้องไห้มา นี่ กูแนะนำครีมกู ใช้ดีบอกต่อ}
                  {มามี่ อย่าร้องไห้บ่อยนะครับพี่ปืนเป็นห่วง}
                  {เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะยกอ้อมอกไอ้บอยให้กอดเลย}
                  {เวร โยนขี้ไห้กู ไอ้สัด}
                  
                  มามี่น้ำตารื้นอีกครั้ง
   
                  “ขอบคุณพวกมึงมากๆเลยนะ ขอบคุณจริงๆ”
                  {เฮ้ย ไอ้เหี้ยป่าน มานี่เร็ว กูติดต่อมามี่ได้แล้ว}
   
                  แทบจะทันทีที่ได้ยินชื่อของใครบางคนเขารีบเบนตัวออกมาจากกล้องไอโฟนของมามี่ แต่เขาก็ทันเห็นไอ้สายป่านเดินมาเข้ากล้อง เขาไม่รู้ว่ามันจะทันเห็นเขามั้ย แต่ที่แน่ๆ เขายังไม่พร้อมจะเจอมันในเวลานี้ อย่างน้อยขอเวลาเคลียร์ตัวเองก่อนพรุ่งนี้จะมาถึงแล้วกัน
                  แค่ได้ยินเสียงของมัน ใจเขาก็เต้นไม่เป็นส่ำ
   
                  {สู้ๆนะครับมามี่ เราเป็นกำลังใจให้ อย่าร้องไห้คนเดียว ถ้าจะร้องต้องแน่ใจว่ามีคนปลอบด้วยนะครับ}
                  “ฮืออออ ทำไมน่ารักอย่างนี้พ่อทูนหัวของมามี่”
   
                  มามี่ถูกไอ้สายป่านตกเข้าให้แล้ว
   
                  {มามี่ ก่อนไปเรามีอะไรจะบอก}
                  “ฮึก ว่ามาเลยค่ะ สายป่านที่น่ารักของมามี่”
                  {เราฝากถึงคนปลอบมามี่หน่อยว่า…}
                  “…”
                  {พรุ่งนี้คงมีคำอธิบายที่หายตัวไปเฉยๆแบบนี้}
   
                  เขามั่นใจได้เลยว่าคนปลอบมามี่ที่มันหมายถึงคงไม่ใช่ ลลิตา อุมาพร วินดี้ หรือลิลลี่แน่นอน
   
   





                  เขาจ้องมองไอโฟนมาได้สักพักใหญ่แล้ว กำลังตัดสินใจว่าจะเปิดเครื่องดีหรือเปล่า เพราะป่านนี้คนอื่นๆคงเป็นห่วงที่ติดต่อเขาไม่ได้
                  คิดแล้วก็น่าขำ นี่เขาดูเป็นคนไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
                  ณ จุดๆหนึ่งที่อารมณ์อยู่เหนือการควบคุม เหตุการณ์แบบนี้ย่อมเกิดขึ้นเป็นปกติวิสัย เขาไม่ปฏิเสธว่าตัวเองงี่เง่าแค่ไหน กับการปิดมือถือเพื่อหนีใครบางคน แต่ถ้ามันแลกมาด้วยความสบายใจล่ะ ใครกันจะไม่ทำแบบเขา
                  มีหนังสือเล่มหนึ่งที่เขาเคยอ่านบอกไว้ว่า เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งความเป็นเด็กในตัวคุณจะฉายออกมา
                  สำหรับเขามันอาจจะเป็นช่วงเวลานี้ก็ได้
                  คนส่วนใหญ่ชอบมองความเป็นเด็กคือตัวแทนของความเอาแต่ใจ แต่หากมองอีกด้าน เด็กจะแสดงเจตนารมณ์ที่ตรงกับหัวใจของเขาอย่างชัดเจน
                  เขาเองก็กำลังเป็นเหมือนเด็ก
                  เขาแอบชอบมันมานานมากเกินไปแล้ว บางทีที่เขาทำอยู่อาจจะไม่ใช่การหนี มันอาจจะเป็นการทำอะไรสักอย่างให้ไอ้สายป่านมันมองเห็นบ้าง ที่เรียกว่าการเรียกร้องความสนใจแบบเด็กๆก็เป็นได้
                  ที่โง่น่ะไม่ใช่ทำตัวงี่เง่านะ แต่เป็นโง่ที่เชื่อว่าเขาจะสะกิดคนอย่างไอ้สายป่านให้หันมามองได้บ้าง
                  เขาสำคัญตัวเองผิดหรือไง
                  มึงเป็นใคร มด
                  เพื่อน…
                  เพื่อนร่วมรุ่น…
                  คำก็เพื่อนสองคำก็เพื่อน แค่นี้ก็พอจะบอกให้รู้ว่าเขาไปต่อไม่ได้แล้ว
                  จุดหมายของก้าวย่าง สุดท้ายแล้วมันคือทางตัน
                  มันเป็นทางตันมาตั้งแต่ต้นแล้ว
   
                  “มด ยังไม่นอนเหรอ”
   
                  เขารีบเก็บไอโฟนใส่กระเป๋ากางเกง มามี่เดินเข้ามาเท้าแขนกับขอบรั้วไม้ข้างๆเขา
   
                  “นอนไม่หลับน่ะ เลยออกมาสูดอากาศข้างนอก”
                  “เหมือนกันเลย เจ๊ก็นอนไม่หลับ”
                  “…”
                  “คิดถึงวันพรุ่งนี้ ที่กำลังใกล้เข้ามา”
                  “…”
                  “รู้มั้ย บางทีเจ๊ก็นึกว่ามันเป็นแค่ชั่วหลับฝันตื่น พอลืมตาขึ้นมาบนเตียง เราก็จะพบว่ามันเป็นเพียงฝันร้ายชั่วข้ามคืน”
                  “…”
                  “รู้มั้ยว่าเจ๊กำลังจะสารภาพว่าตัวเองเป็นกะเทย เจ๊วางแผนมานานแล้ว เตรียมทุกอย่างมาตั้งแต่ปิดเทอม”
                  “…”
                  “เจ๊ตั้งใจว่าจะบอก แต่พอเอาเข้าจริง เจ๊ก็เริ่มผลัดวันไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ เพราะความกลัว แม้ในใจลึกๆจะรู้ว่ายังไงเขาก็พ่อแม่เรา แต่เอาเข้าจริงๆเจ๊ก็ป๊อด ไม่กล้าบอกสักที”
                  “…”
                  “แล้วเป็นไงล่ะ โอกาสทั้งหมดที่มีของเจ๊ มันคงไม่ได้ใช้อีกต่อไปแล้ว”
                  “…”
                  “มด เจ๊รู้ว่าพื้นฐานคนเราไม่เหมือนกัน มดอาจไม่ต้องทำเหมือนเจ๊ คิดเหมือนเจ๊ แต่เจ๊ไม่อยากให้คำว่า เริ่มต้นเมื่อสายไปแล้ว มันเกิดขึ้นกับเพื่อนคนสำคัญของเจ๊”
                  “…”
                  “ใครจะรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น”
                  “…”
                  “แต่วันนี้เขายังอยู่กับเรานะมด”
                  “…”
                  “เข้าใจที่เจ๊พูดใช่มั้ย”
   
                  มามี่ตบไหล่เขาให้กำลังใจ แล้วหันหลังเดินเข้าไปในบ้าน
   
   





                  ‘มด มึงมองหน้ากูหน่อยได้มั้ย’
   
                  เขาไม่มอง เขาไม่อยากมองหน้ามัน เพราะมันจะทำให้เขาใจอ่อน
                  แล้วใจอ่อนเรื่องอะไรล่ะ?
   
                  ‘ถ้ามึงไม่อยากมองหน้ากูขนาดนี้’
                  ‘…’
                  ‘กูก็จะไป’

                  มันจะเดินหนีเขาไปอีกแล้วเหรอ
   
                  ‘เดี๋ยว’
                  ‘…’
                  ‘มึง… อย่าไปได้มั้ย’
   
                  เขารวบรวมความกล้าคว้าข้อมือของมันไว้ก่อนมันจะหายเข้าไปในหมอกควันหนาทึบ
                  เหมือนทะเล
                  ทะเลที่เป็นสีเทา มันให้ความรู้สึกเวิ้งว้าง อ้างว้าง ขุ่นมัว และเศร้าหมอง
   
                  ‘ทำไมมึงถึงให้กูอยู่ ทำไมมึงถึงไม่ให้กูไปล่ะ’
                  ‘กู…’
                  ‘ทำไม’
   
                  เขาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ แล้วตัดสินใจพูดประโยคที่ต้องรวบรวมความกล้ามหาศาล
   
                  ‘กูชอบมึง’
                  ‘…’
                  ‘เพราะกูชอบมึงมากๆ’
                  ‘…’
                  ‘กูชอบมึง มึงได้ยินมั้ย’
   


                  “มด”
                  “มดตื่น”
                  “มดตื่นเร็ว!”
   
                  เขาสะดุ้งตื่นขึ้น ก่อนจะยันกายลุกขึ้นจากที่นอนด้วยความมึนงง เป็นมามี่ที่ปลุกเขาให้ตื่น
                  ทุกคนมากันหมดเลย แล้วมาห้องเขาทำไมตอนดึกกัน?
   
                  “มด ตั้งใจฟังและตั้งสติให้ดีนะ”
                  “…”
                  “เมื่อกี้มีโทรศัพท์จากโรงพยาบาลในตัวเมืองโทรมาแจ้งว่า…”
                  “…”
                  “รถยนต์ที่สายป่านขับตามเพื่อนๆมาประสบอุบัติเหตุ”
   
                  !!!
   
                  ไหนในฝันมึงบอกว่าจะอยู่กับกูไง
                  ถ้ากูบอกเหตุผล
                  แล้วทำไม…กูบอกไปแล้ว มึงถึงไป…   





*TBC.....................................................

โอ่ยยยยยย ตอนนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกันค่าทุกคน
เอาใจช่วยมดกับสายป่านด้วยน้า

เจอกันพรุ่งนี้ค่า
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบห้า P.5 27-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-05-2019 22:49:49
อย่าบอกนะว่าวันแห่งการสูญเสียจะมาเยือนกันทั้งกลุ่ม  :ling3:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบห้า P.5 27-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 27-05-2019 22:57:25
สายป่านต้องปลอดภัย
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบห้า P.5 27-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 27-05-2019 22:58:45
ม๊ายยยยยน๊าาาาาาาาาาา

คิดว่าตอนหน้ามดสารภาพรักแน่ๆ :z1:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบห้า P.5 27-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 27-05-2019 23:41:09
 :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบห้า P.5 27-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 28-05-2019 00:06:21
 :z3: :z3: :z3:
อย่าทำแบบนี้กับมดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบห้า P.5 27-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 28-05-2019 09:01:48
อ่าวเฮ้ยยยยยย

ขอให้ปลอดภัย สายป่านต้องถึก รอมดมันสารภาพก่อนน
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบห้า P.5 27-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-05-2019 09:33:24
 :z3: :z3: :z3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบห้า P.5 27-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-05-2019 18:45:25
ใจหล่นวูบเลยอ่ะ
ขอให้สายป่านปลอดภัย อย่าเป็นอะไรมากเลยนะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบหก P.5 28-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 28-05-2019 20:28:05
ก้าวที่สิบหก
ซื่อตรง


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  ไหนมึงถามหาเหตุผลที่กูรั้งมึงไว้ไง
                  สายป่าน
                  สายป่าน 291…
                  อย่าเป็นอะไรนะ

   





                  “มด มดใจเย็นๆ”
   
                  ทันทีที่ลงมาจากรถ เขาก็วิ่งไม่ลืมหูลืมตา ไม่รู้ระหว่างทางชนใครไปบ้าง แต่นาทีนี้ใครสนล่ะ ความคิดของเขาทั้งหมดมันมุ่งตรงไปที่เรื่องเดียวเท่านั้น
                  ขออย่าเป็นอะไรมากเลยนะ สายป่าน
                  เขาน่าจะเชื่อคำมามี่ตั้งแต่แรก เขาไม่น่ามีทิฐิ ไม่สิ เขาไม่น่าป๊อดขนาดทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ได้เลย
                  เขาไม่น่าหนีหัวใจตัวเองมาเลยจริงๆ
   
                  กึก!
   
                  เขาหยุดชะงักเมื่อเห็นเพื่อนร่วมรุ่นที่คุ้นเคย ทุกคนกำลังวิ่งตามบุรุษพยาบาลที่เขารับรู้ได้ในทันทีว่ากำลังเข็นเตียงของผู้ประสบอุบัติเหตุไปห้องฉุกเฉิน
                  สายป่าน
                  ไอ้สายป่าน
   
                  “สายป่าน!”
   
                  เขาตะโกนสุดเสียง ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่ที่น้ำตามันรื้นขึ้นที่ขอบตา รู้ตัวอีกทีแก้มเขาก็เปื้อนไปด้วยน้ำใสๆหมดแล้ว
                  เขากำลังวิ่งตามมัน
                  เขากำลังวิ่งตามมันไป
                  มึงอย่าเป็นอะไรไปเลยนะ
   
                  “สายป่าน!”
   
                  บ้าสิ้นดี ที่ปากยังร้องเรียกเพราะคิดว่าใครอีกคนที่นอนอยู่จะตื่นขึ้นมาตอบรับกัน
                  แต่เวลานี้มีเพียงความเงียบงัน
   
                  “สายป่าน”
   
                  แต่เขาก็ยังเรียก แม้เสียงจะเริ่มไร้เรี่ยวแรงลงเรื่อยๆ
                  ขอแค่มันตอบกลับมา
                  ตอบกลับเขาที…
                  ได้โปรด
   
                  “สายป่าน”
   
                  เสียงเรียกของเขากำลังจะหายไป และมันก็ค่อยๆไกลห่างออกไป จนในที่สุดเตียงถูกเข็นไปจนลับตา เขาตามไม่ทัน…
   
                  “มด”
   
                  เสียงที่แสนคุ้นเคยดังขึ้นข้างหลังเขา
                  ไม่นะ มันคงไม่ใช่ความฝันใช่มั้ย
                  เขาปาดน้ำตาลวกๆแล้วค่อยๆหันไปมอง
   
                  “มด มึงร้องไห้ทำไม”
   
                  พรึบ!
   
                  มันรวดเร็ว รวดเร็วมากๆ รวดเร็วเกินกว่าที่ใครจะตั้งตัวได้ทัน เขาโผเข้ากอดไอ้สายป่านที่ยืนอยู่ตรงหน้า
                  แล้วปล่อยโฮอย่างไม่อายใคร
                  มันตัวจริง มันที่สัมผัสได้จริงๆ
   
                  “นี่มึง แล้วนั่นใคร”
   
                  ที่จริงจะใครก็ช่าง ขอแค่ตอนนี้เป็นมันที่ไม่เป็นอะไรอย่างที่เขาหวังไว้ก็ดีแค่ไหนแล้ว
   
                  “ไอ้แบงค์ ซี่โครงหัก แต่ไม่น่าเป็นห่วง”
   
                  เขาคงเห็นแก่ตัวมากไปใช่มั้ย ที่ดีใจเมื่อคนบนเตียงเมื่อครู่ไม่ใช่มัน
                  แต่ขอแค่มันปลอดภัย
                  แค่นี้ ก็ดีแล้วจริงๆ…
   
                  “มึงเลย ไอ้เหี้ย ไอ้บ้า ไอ้…”
   
                  เขาด่ามันจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าอีกแล้ว เมื่อด่าจนพอใจเขาก็หยุดหอบ
                  โดยที่เขายังกอดมันแน่นอยู่ ใบหน้าเขาซบกับแผ่นอกหนาของมัน
   
                  “อย่าทำให้เป็นห่วงได้มั้ย”
   
                  เขาไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว ต่อไปนี้เขาจะพูดในสิ่งที่เขารู้สึก เขาจะซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเอง
                  ความรู้สึกก่อนหน้านี้ที่ทั้งเสียใจ เสียดาย และโกรธในสิ่งที่ตัวเองจะไม่ได้บอกกับมันจะไม่มีอีกต่อไป
                  เขาจะบอก เขาจะกล้าขึ้น
   
                  “สายป่าน นิวติดต่อทางพยาบาล อ๊ะ”
   
                  เขาจะกล้าขึ้นได้จริงๆเหรอ
                  เมื่อนินิวคนที่เคยเป็นแฟนเก่าของสายป่านยืนอยู่ตรงนี้
   
                  “อ๊ะ ขอโทษที มึงเจ็บแผลอยู่นี่”

                  เขาพยายามเบนความสนใจไปเรื่องแผลของมัน จากนั้นก็ใช้จังหวะนี้ขืนตัวออกจากอ้อมกอด แต่ว่า…
                  มันกลับรัดแน่นยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่านัก
   
                  “อยู่แบบนี้ก่อนได้มั้ย อยู่ให้หายคิดถึงก่อน”
   
                  แค่ได้ยินเสียงทุ้มนุ้มเอ่ยบอก เขาก็ไม่มีแรงขัดขืนเสียแล้ว
                  เพียงแต่ทุกการกระทำ มีแฟนเก่าของมันมองอยู่
   
                  “นั่นสิ สายป่าน เจ็บแผลไม่ใช่เหรอ” นินิวย้ำในสิ่งที่เขาพูดไปก่อนหน้า
                  “มึง ปล่อยก่อน ไหนขอดูแผลหน่อย” เขาย้ำซ้ำเข้าไปอีกรอบเป็นสาม จนมันยอมปล่อยตัวเขาให้เป็นอิสระ
                  “งั้น เดี๋ยวมึงรอตรงนี้ กูไปดูคนอื่นๆ”
   
                  แต่ความกล้าของเขามันเกิดขึ้นเพียงชั่ววูบ แล้วพอได้สติมันก็กลับกลายเป็นความป๊อดเหมือนเดิม เลยพยายามเลี่ยงตัวเองออกจากสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้
   
                  หมับ!
   
                  “คนอื่นสำคัญกับมึงขนาดนั้นเลยเหรอมด”
                  “…”
                  “แล้วกูล่ะ สำคัญกับมึงบ้างมั้ย”
   
                  มันมองเขาด้วยสายตาเว้าวอน โดยไม่สนใจนินิวอดีตแฟนเก่าที่ยืนอยู่ตรงนี้เลย
                  แล้วเขา จะยอมพ่ายแพ้ต่อความขี้ขลาดของตัวเองได้ยังไงกัน
   
                  “ขอโทษนะ”
   
                  เขาแกะมือของสายป่านออก
   
                  “ไปนั่งตรงโน้นกัน เดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อน”
   
                  มันยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่กว้างที่สุดที่เขาเคยเห็นมา
   
                  “ขอบคุณครับ”
   
   





                  “แบงค์ปลอดภัยแล้วนะทุกคน”
   
                  มีนเพื่อนในรุ่นที่เดินไปคุยกับหมอเดินกลับมาที่กลุ่มซึ่งยืนรออยู่กับเขาและสายป่านที่โซนรอคิวด้านนอกห้องฉุกเฉิน ทุกคนมีสีหน้าโล่งอกและหายใจหายคอทั่วท้องได้เสียที ในขณะที่เหล่านางฟ้าเองก็เดินมาสมทบหลังจากผู้เป็นเจ้าบ้านอย่างมามี่ต้องเดินวุ่นไปจัดการดำเนินเรื่องต่างๆกับทางโรงพยาบาลและตำรวจมา
   
                  “โล่งอกไปทีอิดอก ตกลงมันยังไงกันคะสายป่าน”
   
                  วินดี้เท้าสะเอวถามที่มาที่ไปของอุบัติเหตุในครั้งนี้จากคนในเหตุการณ์
                  สรุปแล้วไอ้สายป่านก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก แต่ก็ถือว่าเยอะอยู่เหมือนกันในส่วนของแผลที่มุมขวาของหน้าผากซึ่งมันบอกว่ากระแทกตอนเบรก และแผลฟกช้ำอีกจำนวนหนึ่งตามลำตัว
                  สายป่านเล่าว่าตนก็ขับรถตามหลังรถตู้ที่เพื่อนๆเช่ามาเพื่อเดินทางไปร่วมงานศพแม่ของมามี่ที่ลำปาง แต่ระหว่างทางพอเข้าในตัวเมือง จะด้วยความระมาทของคู่กรณีหรือมือลั่นพุ่งตัดหน้าพยายามจะแซงรถของสายป่านแต่แซงไม่พ้นรถตู้ที่เป็นขบวนนำหน้า กลายเป็นว่าถ้าสายป่านไม่มีสติแล้วเบรกไว้ทัน หวิดจะหนักกว่านี้เพราะท้ายรถเก๋งคันดังกล่าวอยู่เกือบชิดติดหน้ารถของสายป่าน
                  ถือเป็นการมาลำปางที่จะเป็นหนึ่งในความทรงจำที่ติดในใจไม่ลืม ไม่ใช่ตราตรึงใจนะ แต่เต็มไปด้วยความระทึกต่างหาก
                  ทั้งคนที่เป็นห่วง แล้วก็คนที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมทั้งผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายรายซึ่งติดรถมากับสายป่าน
   
                  “เรื่องรถ มามี่เรียกช่างซ่อมไปดูให้แล้วไม่ต้องห่วงนะ ส่วนก้องมีนบอกจะเฝ้าเอง ยังไงคืนนี้ทุกคนก็ไปพักที่บ้านนี่ก่อนนะ”
   
                  จบเรื่องวุ่นวายนี่ได้เสียทีนะ แต่กลับไปคงไม่ได้หลับ เพราะเวลาตอนนี้ก็ล่วงเลยมาเกือบตีห้าแล้ว

   





                  ตึ๊งๆๆๆๆๆๆ
   
                  พอเปิดเครื่องมือสื่อสารหนึ่งเดียวของตัวเองอย่างไอโฟนลูกรัก เสียงแจ้งเตือนทั้งเฟซบุ๊ก ทั้งไลน์ไอดี และไอจีก็ดังขึ้นรัวๆไม่หยุด
   
                  “ไม่ต้องอ่านข้อความของกูนะ กูมันไม่สำคัญ”
   
                  คนนี้ก็ยังเล่นไม่เลิกนะครับ
                  งอนตั้งแต่โรงพยาบาลยันห้องนอน
                  เอ่อ พูดแล้วก็เขินอยู่นะ ที่มามี่สรุปให้สายป่านนอนห้องเดียวกับเขา แล้วคืนนี้ตัวเองจะหลับตาลงได้ยังไง แต่เอาเถอะ เขาคิดว่าไม่ได้หลับแน่ๆ เพราะข้างนอกไก่เริ่มขันแล้ว
                  เขาแจกค้อนวงใหญ่ให้คนที่นอนเจ็บบนเตียง และบัดนี้เตียงของเขาก็ได้ถูกยึดครองโดยคนเจ็บเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
            
                  สายป่าน 291
   
                  อยู่ไหน ทำไมยังไม่มา
                  มึงจะมามั้ยเนี่ย
                  รอจนเหงือกแห้งแล้วนะ

   
                  เขาขอแบ่งสรุปเป็นรอบๆไปนะ รอบแรกที่มันพูดก็คือตอนที่เขารับปากมันว่าจะไปรับ พอสังเกตวันที่และเวลาของข้อความแล้วทำเขารู้สึกผิดจับใจ
                  มันไม่ได้กลับกับนินิว
                  มันยังรอเขาอยู่ที่สนามบิน
                  ยังรอเขาอีกเกือบสองชั่วโมง ก่อนมันจะยอมแพ้
   
                  มด มึงปิดเครื่องเหรอวะ
                  มึงโกรธอะไรกูหรือเปล่า
                  กูขอโทษที่ขอให้ไปรับ
                  กูคงรบกวนมึงมากไปสินะ
                  ตอบกูหน่อยดิ
                  อย่าหาย

   
                  รอบที่สองเป็นช่วงเย็นๆเกือบหกโมง มันทักเขามาอีกรอบ ยิ่งอ่านเขาก็ยิ่งไม่อยากให้อภัยความงี่เง่าของตัวเอง คิดไปเองเป็นตุเป็นตุอย่างกับในนิยายน้ำเน่า
                  ทั้งที่มันกลัวเขาโกรธมากมายขนาดนี้
                  และรอบสุดท้ายคือ
   
                  อย่าให้เจอนะมึง
                  เตรียมตัวโดนลงโทษ

   
                  โถ พระเอกของกู
                  ทำดีมาตั้งแต่ต้น ดันมาเล่นบทโหดเอาตอนท้าย
                  เขาอ่านไปแล้วเผลอยิ้มขำ
                  ในใจก็คิดว่ามันจะเอาอะไรมาลงโทษเขา
   
                  “เรามาเริ่มบทลงโทษกันดีกว่า”
   
                  เดี๋ยวๆ มันมาอยู่หลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
   
                  “ไอ้เหี้ย ไม่เล่น”
                  “ไม่ได้เล่น”
   
                  ทำไมรอยยิ้มมันดูเจ้าเล่ห์ชอบกลจนเขาเสียวสันหลังวาบ ต้องค่อยๆถอยหนีในท่านั่ง
                  ถอยอีก ถอย… ปึก
                  ไม่มีทางหนีแล้ว โถ อยากโทษตัวเองที่มานั่งอ่านแชทใกล้ขอบหน้าต่าง แผ่นหลังเขาติดฝาไม้กระดานเสียแล้ว
                  เมื่อมันเห็นว่าเขาหมดทางหนีก็ยกยิ้มแบบผู้เหนือกว่า แขนแข็งแรงทั้งสองเท้าลงมาเชื่อมกับขอบหน้าต่าง ปิดทางหนีทีไล่ กันเขาเอาไว้ในอ้อมแขนของมัน
   
                  “ทำไมไม่มารับกู”
                  “…”
                  “กูรอมึงตั้งสามชั่วโมง”
   
                  เขาอ้าปากจะตอบแต่
   
                  “ขอโทษนะ…”
                  “…”
                  “ที่ให้ไปรับโดยที่ไม่ได้ถามความเห็นว่ามึงอยากมาหรือเปล่า”
                  “…”
                  “มึงอย่าโกรธกูเลยนะ”
                  “…”
                  “คุณมด”
   
                  มันโทษตัวเองว่ามันผิด
                  ยิ่งทำให้เขาอยากเอาหัวตัวเองโขกกับขอบหน้าต่าง
                  มึงจะทำกูรู้สึกผิดไปถึงไหนกัน
   
                  “กูขอโทษ”
   
                  แต่ครั้งนี้เขาจะไม่ปล่อยผ่าน เขาจะไม่ยอมให้มันเข้าใจผิดๆอีกแล้ว
   
                  “กูนึกว่ามึงมีคนมารับแล้ว กูเห็นนินิว”
   
                  เขายอมพูด กล้าพูด ในสิ่งที่ตัวเองรู้สึก
                  แต่ต้องเข้าใจว่า การจะให้บอกความรู้สึกที่เก็บมานาน เขายังคงต้องใช้เวลา
                  เร็วๆนี้แหละ ที่กูจะบอกมึง กูจะบอกมึงแน่ๆ
                  ไม่รู้ว่าการพูดประโยคข้างบน จะทำให้มันรู้ตัวหรือเปล่า แต่เขาก็โล่งใจที่ได้พูดได้บอกออกมา อย่างน้อยๆ สายป่านก็จะไม่คิดอีกต่อไปว่าเป็นความผิดของมัน
                  ก็เขา มันงี่เง่าจริงๆนี่นา
            
                  ป๊อก!
   
                  “โอ๊ย”
   
                  จู่ๆมันก็ดีดหน้าผากเขา
   
                  “แปลว่าถ้ากูไม่กลับกับนินิว กูก็จะต้องอยู่รอมึงจนปิดสนามบินเลยเหรอ”
   
                  เขาขมวดคิ้วมุ่น รู้ว่าไม่สมควรอยู่ในอารมณ์โกรธแต่…
   
                  “แปลว่ามึงกลับกับนินิวเหรอ”

                  มันไม่ตอบ กลับยิ้มร้าย แถมยิ้มแบบมีเลศนัยให้เขาอยากรู้เล่นไปอีก
                  ไอ้สายป่านคนกวนตีนคนเดิมกลับมาแล้วครับทุกคน…
   
                  “คะ… ความจริงมึงจะกลับกับนินิวมันก็ไม่ได้มีอะไร กะ กูก็ไม่มีอะไรซะหน่อย แค่อยากรู้ว่ามึงกลับกับใคร แล้วกูจะได้เลิกรู้สึกผิด”
                  “รู้สึกผิดเหรอ…”
                  “อืม”
   
                  มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ เรื่อยๆ
                  เดี๋ยวๆ มันใกล้ไปแล้ว ถ้าเกิดมันได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่เต้นตึกตักอยู่ตอนนี้จะทำยังไง
   
                  “รู้สึกผิด ที่ทิ้งให้กูกลับกับไอ้แบงค์น่ะเหรอ”
   
                  !!!
   
                  “ช็อคขนาดนั้นเลยที่กูไม่ได้กลับกับนินิว”
                  “…”
                  “หรือว่า…”
                  “…”
                  “กำลังดีใจอยู่กันแน่วะ”
   
                  ประโยคนี้มันกระซิบที่ข้างหูเขา แล้วแกล้งเป่าลมฟู่ จนเขาสะดุ้งโหยง
                  ไอ้เหี้ย เล่นแรงเกินไปแล้วนะ กับหัวใจของเขา
   
                  “ไอ้บ้า!”
   
                  มันไม่ไหวจนต้องชกไหล่มันไปหนึ่งทีเลยล่ะ
   
                  “โอ๊ย เจ็บๆ”
   
                  เฮ้ย ลืมไปว่ามันบาดเจ็บอยู่นี่
   
                  “เป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บตรงไหนมั้ย”
   
                  เขาถาม มือก็สำรวจไหล่ของมันไปด้วย
   
                  หมับ!
                  
                  มันจับข้อมือเขาไว้แน่น แล้วจ้องหน้าเขาจริงจัง
   
                  “คราวหลังอย่าหายไปแบบนี้อีกนะ”
                  “…”
                  “กูเป็นห่วง”
   
                  มันจ้องลึกเช้ามาในดวงตาเขา ถ้ามันรู้ความหมายสักนิดว่าทำไมนัยน์ตาคู่นี้ของเขาถึงสะท้อนแต่ภาพของมัน
                  ก็คงจะดี…
   
                  “ขอโทษนะ”
   
                  เขาเอ่ยขึ้นเบาๆ
                  สายป่านไม่ตอบอะไร หน้าของมันค่อยๆเคลื่อนเข้ามาใกล้ใบหน้าเขาเรื่อย มือของตัวเองที่ถูกมันจับ มันบังคับให้เอาไขว้ไว้กับคอของมัน
                  ท่าที่ล่อแหลมนี่มันอะไรกัน
                  เรากำลังจะจูบกันใช่มั้ย
   
                  “มด”
                  “อืม”
                  “จูบได้ป่ะ”
   
                  !!!
   
                  “ขอจูบได้มั้ย”
                  “…”
                  “นะ”
   
                  แล้วเขาจะปฏิสธได้อย่างไรกัน
                  มันประคองใบหน้าเขานุ่มนวล อีกนิดเดียวริมฝีปากของเราทั้งคู่ก็จะแนบเข้าหากันสนิท
                  ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาปล่อยตัวปล่อยใจขนาดนี้ รู้ตัวอีกทีเขาก็คล้องมือกับคอมันด้วยตัวเองเสียแล้ว
   
                  “กูอยากรู้มานานแล้ว…”
                  “…”
                  “ว่าปากของมึงจะนุ่มมั้ย”
   
                  พูดบ้าอะไรวะ กูก็เขินเป็นนะเว้ย
                  เขาหลับตาปี๋ เตรียมรอรับการจูบจากอีกฝ่าย
   
                  แต่!!!
   
                  ปัง!
   
                  “มด สายป่าน ตื่นได้แล้วค่า ว้ายยยยยยยย”

                  วินดี้ที่พรวดพราดเข้ามาทำให้เขารีบผลักสายป่านออก ยังงงอยู่ว่าตัวเองเอาแรงจากที่ไหนมาก็ไม่รู้
                  แต่นั่นไม่เป็นผลครับ เพราะวินดี้เห็นไปแล้ว!!!
   
                  “เอ่อ”
                  “เอ่อ”
   
                  แล้วมึงจะอ้ำอึ้งตามกูทำไม ไอ้ตัวต้นเรื่องเกาต้นคอ แล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ในขณะที่เขารู้เลยว่าตัวเองกำลังโคตรหน้าแดงอยู่แน่ๆ
   
                  “คือว่ามัน”
                  “คือว่ามัน”
   
                  โอ๊ยยยยย พูดตามกันไปอีก
   
                  “แบบว่า…”
                  “คือมันไม่ใช่อย่างที่คิดนะ”
   
                  จนเขาตั้งสติเลยพูดเต็มประโยคได้เสียที
   
                  “ไม่ใช่อย่างที่คิดเหรอ” วินดี้ทวนคำเขา
                  “ใช่เลย เราแค่กำลัง กำลัง เอ่อ มด มดเข้าตาไอ้สายป่านน่ะ ใช่มั้ย”
                  “ใช่ๆ” แหม มึงไม่ช่วยกูคิดข้ออ้างเลยนะ
                  “โอเค ไม่ใช่อย่างที่คิด”
   
                  ชั่วครู่เขาคิดว่าสะกดจิตวินดี้ได้แล้ว
                  แต่ว่า…
   
                  “ไม่ใช่อย่างที่คิด”
   
                  เธอพึมพำกับตัวเอง
   
                  “ไม่ใช่อย่างที่คิด”
                  “…”
                  “แปลว่ามดกับสายป่านกำลังจะจูบกันใช่มั้ยคะ”
                  “ใช่”
   
                  เดี๋ยวนะ มันมีความผิดปกติบางอย่างในประโยคคำถามของมามี่
                  แต่ไม่ทันแล้วครับ เพราะเธอ…
   
                  “ฮั่นแน่” ไปแล้ว TT
   
                  จบกัน สามบ้านแปดบ้านก็รู้หมดอ่ะอย่างนี้
   
   





                  “เหนื่อยกันมั้ย ข้าวมาแล้วจ้า”
   
                  แก๊งนางฟ้าที่นำทีมมาโดยมามี่เจ้าของบ้าน ยกถาดข้าว ถาดน้ำมาให้พวกเราที่แยกออกมานั่งพักหลังสวนหลังจากเข้าไปช่วยงานที่บ้านใหญ่จนไม่มีอะไรให้ทำแล้ว เหตุเพราะว่าชาวบ้านที่มาช่วยงานก็เยอะอยู่แล้ว ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเข้าไปแล้วกลายเป็นวุ่นวายแทนที่จะเข้าไปช่วย พวกเราเลยตัดสินใจออกมานั่งอยู่ตรงนี้ รอที่งานอยากได้คนเพิ่มก็ค่อยเข้าไปดีกว่า
   
                  “เหนื่อยมากเลยจ้า น้องมามี่คนดีของพี่แกลบ มามะ มาให้พี่กอดพี่หอมแทนคำขอบคุณที”
   
                  แกลบหนึ่งในเพื่อนร่วมรุ่น เจ้าคารม เอ่ยแซวมามี่ จนได้ค้อนตอกกลับมา
   
                  “กอดกับผีมึงสิ ไอ้แกลบไม่ต้องกินข้าว”
                  “อะไรว้า เรามันไม่หล่อบ้างก็ให้มันรู้ไป”
   
                  ทุกคนต่างรู้ดีว่าแกลบน่ะไม่ได้ไม่หล่อ ออกจะหน้าตาดีทีเดียว เพราะเหตุผลหนึ่งเดียวที่มามี่เกลียดไอ้แกลบคือความเจ้าชู้
                  แต่ก็แค่แกล้งเล่น เกลียดกันเล่นๆน่ะ และมันไม่มีทางพัฒนาไปจนถึงขั้นเกลียดกันจริงๆหรอกเขากล้ารับประกันได้เลย
   
                  “หล่อให้ได้เท่าสายป่านก่อนเถอะย่ะ ค่อยมาว่า”
                  “เออ!”
   
                  อ้าว จบแล้วเหรอ นึกว่าจะมีมวยต่ออีก กำลังอยากดูพอดี เอ๊ย ผิดดดดดด
   
                  “ไป ไป ไปนั่งกินกันเร็ว มาเลยค่ะ ขอบคุณมากๆเลยนะคะทุกคน”
   
                  มามี่จัดแจงสำรับไว้บนโต๊ะที่มีตั้งอยู่แล้วในสวน
   
                  “มึง อิมามี่ยิ้มได้แบบนี้กูค่อยโล่งใจหน่อย” วินดี้มาแอบยืนคุยเบาๆกับเหล่านางฟ้าข้างๆเขา
                  “นั่นสิ ตอนแรกนึกว่าจะแย่ซะแล้ว” อุมาพรเองก็โล่งใจตามไปด้วย
                  “พวกมึง ยืนทำอะไรกันตรงนั้นคะ มาแดกข้าว”
   
                  มามี่ตะโกนมายังกลุ่มพวกเราที่ยังยืนนินทาเธออยู่ ทำเอาสะดุ้งไปตามๆกัน
   
                  “จ้า จ้า ไปแล้วจ้าแม่”
   
                  ภาพในวันนี้ที่ทุกคนมารวมตัวกัน เหมือนกับภาพในวันเก่าๆตอนปีหนึ่ง
                  ต่างกันตรงที่ ปีหนึ่งเราถูกบังคับให้มารวมกันเพราะกลัวพวกรุ่นพี่ แต่ตอนนี้ เรามารวมตัวกันด้วยหัวใจที่ห่วงใยกันและกันอย่างแท้จริง
   
                  ตึ๊ง
   
                  แชทสายป่านเด้งตอนที่เรากำลังล้อมวงกินข้าวอยู่ เขาที่ไม่ได้ตั้งใจจะดูดันเห็นไปแล้วเพราะองศาที่เขานั่งมันดันเห็นชัดแจ๋วเลยน่ะสิ
                  เป็นข้อความจากนินิว
   
                  “นินิวน่ะ บอกว่าขอตัวกลับไปเคลียร์เรื่องต่างๆกับทางมหา’ลัย”
   
                  มันหันมาบอกเขา
                  จนทุกคนเงยหน้าขึ้นมามองกันหมด
                  เดี๋ยวนะ คนที่มึงต้องบอกคือมามี่เจ้าของงาน ไม่ใช่กูกกกกกกกก
   
                  “คือ…”
                  “…”
                  “มันไม่มีอะไร”
   
                  โอ๊ยยยยยย
                  มึงจะพูดแก้ตัวอีกทำไม เงียบไปมันก็ดีอยู่แล้ว
                  พอไอ้สายป่านเกาคอแก้เขินแล้วพูดเท่านั้นล่ะ
   
                  “ฮั่นแน่!!!”
   
                  คราวนี้ไม่ใช่แค่วินดี้ แต่เป็นทุกคนเลย
                  ไอ้สัด
                  โป๊ะมั้ยล่ะมึง





*TBC...........................................................

ผ่านเรื่องร้ายๆมา กว่าเค้าจะขอกันจูบได้นะคะคุณ
ยินดีกับทุกความรักค่ะ

แล้วเจอกันเน้อ

หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบหก P.5 28-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 28-05-2019 20:48:42
เราก็ลุ้นกันเหงือกแห้งแล้วเนี่ย  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบห้า P.5 27-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 28-05-2019 22:29:34
โอ้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบหก P.5 28-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-05-2019 23:26:57
 :m7: ไม่เชื่อ ๆ ตามไปดูให้เห็นกับตาตัวเองก่อน ถึงจะเชื่อ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบหก P.5 28-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 29-05-2019 00:15:29
เขาจูบกันแย๊วววววววววววว :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบหก P.5 28-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 29-05-2019 07:52:23
เกือบจะได้จูบกันแล้ว
สายป่านแก้ตัวใหม่เลยนะคืนนี้น่ะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบหก P.5 28-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 29-05-2019 09:34:12
เลิ่กลั่กกันทั้งคู่ 55555555
ปลอดภัยก้ดีแล้ว ใจหายหม้ด  :hao5:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบหก P.5 28-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 29-05-2019 22:06:14
ค่อยชัดเจนขึ้นมาหน่อยนึง โทษสายป่านแหล่ะจะจีบทั้งทีก็ลีลาเยอะ โดนเข้าใจผิดไปก็สมควรยุ่
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบหก P.5 28-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 30-05-2019 08:57:48
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบหก P.5 28-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 30-05-2019 19:21:58
อยากอ่านพาร์ทป่านนนน
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเจ็ด P.6 30-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 30-05-2019 19:45:10
ก้าวที่สิบเจ็ด
ศัตรูที่ไม่ยอมจำนน


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  ตั้งแต่งานศพแม่ของมามี่เสร็จสิ้น ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้ว…
                  แม้ช่วงแรกๆมามี่จะดูเศร้าไปบ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็ทำให้เธอเข้มแข็งขึ้น โดยเธอบอกกับพวกเราว่า เวลาไม่ได้ช่วยให้ลืมเรื่องของใครบางคนไปหรอก และเธอไม่มีวันจะลืมเรื่องของแม่อย่างแน่นอน เพียงแต่เวลามีมากพอให้เราได้คิดทบทวนกับตัวเอง และเมื่อเราติดสินใจได้ เราก็จะก้าวไปต่อข้างหน้าได้อย่างมั่นใจ
                  ซึ่งเธอก็ได้พิสูจน์ให้พวกเราเห็นแล้วตามคำพูดของเธอ
   
                  “มึ๊งงงงง ผู้ชายอีค่อนกลุ่มนั้นมองมาทางเราว่ะ” มามี่พยักเพยิดหน้าไปทางโต๊ะมุมขวาสุดที่ติดกับประตูทางออกของโรงอาหารคณะมนุษยศาสตร์ ซึ่งมีน้องๆปีหนึ่งคณะเศรษฐศาสตร์กลุ่มใหญ่กำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ ที่เขาพอจะเดาได้ว่าเป็นปีหนึ่ง เพราะทั้งหมดห้อยป้ายชื่อของตัวเองไว้ที่คอ
   
                  น่าแปลกที่ในมหา’ลัยเขา ระบบรับน้องอย่างการห้อยป้ายยังคงถูกรักษาไว้และปฏิบัติกันสืบต่อมา
                  ซึ่งมันก็เป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง…
   
                  “น้องชื่อมีน งื้อ ไอ้เจ้าบ้า ไอ้เจ้ามีน ไอ้เจ้าความรัก”
   
                  เพราะมันทำให้แก๊งนางฟ้าหาวาร์ปน้องเขาได้ง่ายขึ้นไงล่ะ
   
                  เฮ้อออออ
   
                  เอาเถอะ จะไปว่าเหล่านางฟ้าที่กำลังตื่นเต้นกับผู้ชายหน้าตาดีช่วงนี้ไม่ได้หรอก เพราะงานใหญ่ที่สุดของมหา’ลัยใกล้เข้ามาแล้ว นั่นก็คือ การจัดเวทีประกวดดาวเดือน ซึ่งปีนี้พรรคนักศึกษาที่ครองเสียงข้างมาก และสามารถตั้งสภาขึ้นมาได้ประกาศนโยบายใหม่เกี่ยวกับเรื่องการเฟ้นหาดาวเดือนที่แต่เดิมเป็นการหาคนสวยคนหล่อ เปลี่ยนเป็นนโยบายสายฟ้าแลบอย่างการเปลี่ยนคำเรียกจากดาวเดือนสู่ตัวแทนทูตกิจกรรม และแน่นอนว่ามันไม่ได้เพียงเปลี่ยนคำเรียกไปแค่นั้นอย่างแน่นอน โดยหน้าที่ของทูตกิจกรรมคือการเป็นแบบอย่าง ตัวแทนของทางมหา’ลัย ในทุกๆงานที่สร้างคุณประโยชน์และชื่อเสียงของมหา’ลัยจะมีทูตกิจกรรมเป็นผู้นำ
   
                  สรุปง่ายๆก็คือ ดาวและเดือนที่ได้ตำแหน่งไป จะต้องเป็นทูตกิจกรรมที่มีงานมากมายก่ายกองรออยู่ตรงหน้า
                  เรื่องนี้ไม่รู้ใครโชคร้ายใครโชคดีกันเลยทีเดียวเชียว
   
                  “เย็นนี้มีคัดตัวดาวเดือนของคณะนะจ๊ะ เจอกันห้าโมงครึ่ง อย่าลืมกันนะคะ”
   
                  มามี่เก็บของ แล้วยกจานข้าวเปล่าเตรียมจะเอาไปเก็บ เราทั้งหมดต้องแยกย้ายกันตรงนี้เพราะว่าจากนี้ไปทุกคนลงเรียนกันคนละตัว
                  ส่วนการคัดเลือกดาวเดือนคณะที่พูดถึงจะจัดขึ้นเย็นนี้ โดยให้แต่ละสาขาในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ส่งน้องปีหนึ่งเข้ามา และสโมสรนักศึกษาของคณะซึ่งก็คือฝ่ายการแสดงได้แก่เหล่านางฟ้ากับทีมงานอีกส่วนหนึ่งจะเป็นคนเลือกนั่นเอง
                  ส่วนเขาที่เป็นฝ่ายประสานงานก็ต้องเข้าไปดูแลด้วยเช่นกัน
   
                  ตึ๊ง
   
                  เสียงแชทแจ้งเตือนทำให้เขาต้องยกไอโฟนขึ้นมาเปิดดู
   
                  สายป่าน 291
                  เย็นนี้ไปมั้ย คัดเลือกดาวเดือนคณะ
                  
                  จริงสิ ไอ้สายป่านที่เป็นเดือนปีสองเองก็ต้องไปดูน้องด้วยเหมือนกัน
   
                  ไป ห้าโมงครึ่งนะ
   
                  สายป่าน 291
                  เค เจอกันคณะนะ อย่าพึ่งกินข้าวเย็น ไปกินด้วยกัน
   
                  ได้เลย

   
                  แล้วมันก็เงียบไป สงสัยคงเริ่มเรียนแล้วมั้ง เห็นมันบอกอาจารย์เซคนั้นโหด ห้ามใช้เครื่องมือสื่อสารทุกชนิดในขณะที่แกสอน
   
                  “ฮั่นแน่ โอ๊ย มามี่ กูอยากมีแฟนบ้างจังเลย”
   
                  ลลิตาหันไปซบไหล่มามี่ หลังจากที่แซวเขาไปหนึ่งดอก
   
                  “ไม่ใช่แฟนสักหน่อย เพื่อนกัน” เขาตอบเขินๆ
                  “เหรอออออออออ แชทกันเช้าถึงเย็นถึง นี่ยังไม่รวมไปรับไปส่งหอ ให้ยายว่าไง๊”
   
                  วินดี้เท้าสะเอวชี้หน้าเขา
   
                  “ตกลงเป็นอะไรกันคะ พูดให้มันชัดเจนตรงนี้เลยได้มั้ย”
   
                  อุมาพรคาดคั้นเอาคำตอบ
   
                  “ไม่รู้แล้ว”
   
                  ก็มันจริงนี่
                  ก็เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เราเป็นอะไรกัน รู้เพียงว่า…
                  คุยแชทกันทุกวันเช้าเย็น จะเรียกว่าบ่อยก็ได้ แต่คุยทีไม่กี่นาที
                  ไปรับไปส่งทุกเย็น เพราะทางเดียวกันนี่ มันช่วยไม่ได้ มันชวนทีไร ใจอ่อนยอมขึ้นรถไปกับมันทุกที
                  ถ้าไม่นับตอนเที่ยงที่วิชาเรียนไม่ตรงกัน ก็กินข้าวเช้าข้าวเย็นด้วยกัน
                  รู้แค่นี้แหละ
                  ใครรู้ช่วยตอบที ว่าเราเป็นอะไรกัน !!!

   




                  หลังจากโดนแซวจนเขินไปหลายรอบ เขาก็ได้โอกาสแยกตัวออกมาจากแก๊งนางฟ้า เพื่อรักษาความเห่อแดงของใบหน้า ที่ถูกกลั่นแกล้งจนทำให้เขินไปก็หลายรอบจากเหล่านางฟ้าเจ้าเล่ห์
                  คาบบ่ายเขาอาจารย์งดเซค ช่วงนี้งดเซคบ่อยเพราะอาจารย์เซคเขาต้องไปรับปริญญาเอกที่มหา’ลัยต่างจังหวัด จึงทำให้คลาสว่างไปเต็มๆหนึ่งอาทิตย์ แต่ประเด็นคือ กลังจากวิชานี้เขามีตัวเรียนต่อ เลยจะกลับหอไปนอนหลับมันก็ยังไงอยู่ เพราะกลัวลับเพลินไม่ตื่นมาเรียนอีกตัวนี่สิ ปัญหาใหญ่เลยนะ เพราะมีเช็คชื่อทุกคาบเลย
                  เอาเป็นว่าสุดท้ายก็ต้องลงเอยที่หอสมุดอย่างช่วยไม่ได้จริงๆ
                  เขาไม่ได้เป็นหนอนหนังสือ แต่จุดประสงค์ที่มาที่นี่เพราะแอร์มันเย็นมาก เข้าใจกันนะทุกคน
                  เขาเดินไล่หาห้องว่างไปเรื่อยๆ ตาก็กวาดมองนั่นนี่ไปตามประสา จนไปสะดุดเข้ากับใครบางคนที่นั่งอยู่โต๊ะมุมขวาสุดของชั้นสอง
   
                  นินิว…
   
                  เขากำลังจะเบือนหนีไปทางอื่น โดยภาวนาให้เธอไม่เห็นเขา แต่คงสายไปเสียแล้วกระมัง
   
                  “มด มดใช่มั้ย”
   
                  เธอเรียกเขาเอาไว้ กลายเป็นว่าเขาต้องเดินเข้าไปทักทายเธออย่างช่วยไม่ได้สินะ ตามมารยาทที่มี
   
                  “สวัสดี” เขาไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆนะ
                  “มาอ่านหนังสือเหรอ” เธอยิ้มให้เขา แต่ไม่รู้ทำไม เขาไม่สามารถมองหน้าเธอเต็มๆได้จริง คงเพราะความรู้สึกบางอย่างที่เธอเองก็แผ่ออกมาเช่นกัน หลังจากวันที่เขาโผเข้าไปกอดไอ้สายป่านที่โรงพยาบาล
                  “นั่งคุยกันก่อนสิ”
                  “อ่า”
   
                  เป็นอีกครั้งที่เขาจำเป็นต้องนั่งลงอย่างช่วยไม่ได้
   
                  “ช่วงนี้คงกำลังยุ่งๆสินะ”
                  “ประมาณนั้น”
   
                  ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว เขาไม่ได้มีความสนิทสนมหรือรู้จักกับนินิวเป็นการส่วนตัว เรารู้จักกันก็แค่ความสัมพันธ์ระหว่างทีมงานกับผู้เข้าประกวดดาวมหา’ลัยเท่านั้น น้อยครั้งจนนับได้ที่เขาเคยคุยกับเธอ แม้ว่าเธอจะเป็นแฟนไอ้สายป่าน แต่อย่าลืมว่า ปีหนึ่งเขาไม่ได้สนิทอะไรกับไอ้สายป่านขนาดนั้น
   
                  “แค่ก แค่ก”
   
                  โอ๊ย แต่อาการไอของเขามันไม่น่าจะมาเวลานี้เลย เมื่อเช้ากินยาแก้ไอกันไว้แล้วนะ หึ เขาคงจะบ้ามากที่คิดว่ากินยาแล้วมันจะไม่ไอ
                  และเขาคิดว่าเขากำลังจะไม่สบาย…
   
                  “สายป่านเองก็คงยุ่งเหมือนกันเนอะ”
   
                  ประโยคของเธอทำให้เขาชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงปรับท่าทีได้
   
                  “เอ่อ ไม่รู้สิ”
   
                  เธอต้องการอะไรกันแน่ การถามแบบนี้นั่นแปลว่าเธอกำลังจะบอกเป็นนัยว่าช่วงนี้เขากับสายป่านตัวติดกัน
                  และเขาน่าจะรู้ทุกเรื่องของไอ้สายป่านเป็นอย่างดี!
   
                  “น่าแปลกจัง ที่มดไม่รู้”
   
                  มาแบบนี้ แล้วจะให้เขาตอบว่าไงดีครับทุกคน ความเงียบเท่านั้นที่ครองโลกแล้วกัน
                  นินิววางหนังสือเล่มบางที่เธอถืออยู่ก่อนหน้าลงบนโต๊ะ นัยน์ตาของเขาสะท้อนภาพปกของหนังสือ…
   
                  RIVAL
                  …ที่แปลว่าศัตรู
   
                  “เป็นหนังสือที่ดีนะ อ่านจบหลายรอบแล้วเพราะเล่มมันบางน่ะ”
   
                  เธอเอาข้อศอกตั้งบนพื้นโต๊ะแล้วประสานมือไว้ประมาณคาง เผยอยิ้มน้อยๆ แต่เป็นรอยยิ้มที่ทำให้เขารู้สึกเสียวสันหลังวาบ
   
                  “ตอนแรกก็นึกว่า ถ้ากลับมาแล้วจะเจอกับคู่แข่งที่น่ากลัวกว่านี้”
                  “…”
                  “บอกตรงๆเลยนะ ว่านินิวไม่คิดเลยว่าสายป่านจะชอบ เอ่อ แบบนี้”
                  “…”
                  “นินิวฝากสายป่านเอาไว้ให้คนอื่นนานเกินไปแล้ว”
                  “…”
                  “ถึงเวลาขอคืนได้แล้วล่ะ”
   
                  เธอยิ้ม…
                  ไม่ใช่รอยยิ้มที่ทำให้เสียวสันหลังอีกต่อไป
                  แต่เป็นรอยยิ้มที่สวยงามหากแต่บิดเบี้ยวและเป็นรอยยิ้มที่แสนร้ายกาจในความคิดของเขา
   
                  “มดล่ะ จะว่ายังไง”
   
                  เขาจ้องตาเธอตรงๆ มือที่ประสานไว้ตักประสานกันแน่นยิ่งกว่าเดิม

   





                  ‘มึง สายป่านโดนหักอก’
   
                  ฟ้าเปิดประเด็นกลางวงกลุ่มโปรเจกต์เบสเลิร์นนิ่งของอาจารย์ประจำเมเจอร์ ซึ่งก็มีแค่มายด์ จิ๊บ และเขาที่อยู่กลุ่มเดียวกัน
                  ในขณะที่งานต้องส่งวันพรุ่งนี้แล้ว แต่ทุกคนก็พร้อมใจกันวางทุกอย่างลง แล้วล้อมวงเข้ามาฟังฟ้าเล่า
                  ให้มันได้อย่างนี้สิกลุ่มเขา มองเห็นอนาคตกับคะแนนที่หายไปริบหรี่แล้ว
                  แต่ถ้าเป็นเรื่องของมัน เขาก็อยากรู้ไปทุกอย่างนั่นแหละ
   
                  ‘นินิวจะไปเรียนต่อ เลยบอกเลิกสายป่านสายฟ้าแลบ มึงงงงงง คือแบบ คนสวยอ่ะเนอะ ทำไมกูไม่สวยขนาดบอกเลิกผู้ชายเลเวลอย่างสายป่านได้บ้างวะ’
   
                  ฟ้าเล่าไปบ่นไป อิจฉาและตัดพ้อตัวเองต่อโลกใบนี้ที่มันไม่ยุติธรรม แต่เขาไม่ได้สนใจในเรื่องนั้น
                  ป่านนี้มันจะร้องไห้อยู่หรือเปล่านะ
                  ผู้ชายก็ผู้ชายเถอะ…
   
                  ‘เดี๋ยวเรามานะทุกคน’
   
                  ขอโทษด้วยนะทุกคน ที่เราเห็นผู้ชายอย่างไอ้สายป่าน มันสำคัญกว่างานตรงหน้า
                  ขอโทษจริงๆ…
                  เขาเหมือนสตอร์กเกอร์ เวลานี้เขาช่างดูเหมือนสตอร์กเกอร์ฝึกหัดที่สุดแล้ว
                  เขาแอบตามมันมาเซเว่น !!!
                  เพราะคิดว่าจะต้องตามหามันให้เจอ เขาเลยย้อนกลับไปที่คณะสถาปัตย์ แต่ระยะทางกลับสั้นกว่านั้นเมื่อเขาดันเจอมันได้ง่ายๆที่เซเว่นหลังคณะ
                  มันกำลังยืนพิจารณานมเปรี้ยวขวดใหญ่ระหว่างรสผลไม้รวม กับรสส้ม
                  จากที่เขามองบริบทบวกด้วยเดาเอาส่วนหนึ่ง
                  แล้วโทรศัพท์ของมันก็ดังขึ้น
   
                  ‘เลิกโทรมาซักทีไอ้เวร กูไม่เป็นอะไรแล้วเว้ย นี่เป็นแม่หรือเป็นเพื่อนครับ’
                  ‘เออๆ พรุ่งนี้ข่าวหน้าหนึ่งแน่นอน สายป่านโดดน้ำตาย’
                  ‘ครับๆ ไม่คิดสั้นเว้ย กูใครครับ ไม่มีแล้วก็หาใหม่ได้’
                  ‘กูหล่อ พอใจยัง’
                  ‘Kครับ’
   
                  แล้วมันก็วางสายไป
                  โดยที่คนปลายสายน่ะ ไม่มีวันได้รับรู้หรอก ว่าสีหน้าตอนแกล้งพูดชิลๆ เล่นๆ ขำๆ ของมันจะเศร้าสร้อยได้ขนาดนี้
                  คนเพิ่งเลิกกับแฟน จะเชื่อคำพูดว่าเขายังโอเคได้ยังไงกัน
                  มันตัดสินใจเลือกรสผลไม้รวม แล้วทิ้งรสส้มเอาไว้
                  เขาเบี่ยงตัวหลบไปอีกล็อคหนึ่งตอนมันเดินไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์
                  อ่า…
                  ต้องโทษความจำของตัวเองที่มันโคตรจะจำเรื่องของสายป่านได้เป็นอย่างดี
   
                  ชื่อเล่น สายป่าน
                  รหัสนักศึกษา 600710291
                  อาหารที่ชอบ นมเปรี้ยวรสส้ม
               
                  เดี๋ยวนะ นี่มันเครื่องดื่มไอ้เวร
                  ยังไงก็แล้วแต่ เขาจ่ายเงินค่านมเปรี้ยวรสส้มขวดใหญ่ไปเสียแล้ว

   




                  เวลานั้นมีแค่ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเขาแอบชอบมันอยู่ นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมฟ้าจึงต้องถูกเขาลากไปส่งที่คณะสถาปัตย์ตอนเกือบสี่ทุ่มเช่นนี้
                  ขอโทษนะฟ้า เขาไม่กล้าไปคนเดียวจริงๆนี่
   
                  ‘นั่นไง กลุ่มสายป่าน’
   
                  ฟ้ากระซิบบอกแล้วชี้มือไปยังโต๊ะฝั่งขวา เวลานี้เป็นช่วงท้ายเทอมที่นักศึกษาปีหนึ่ง ไม่สิ ที่นักศึกษาทุกชั้นปีของคณะสถาปัตย์จะมารวมตัวกันปั่นงานที่ใต้ตึกสี่ของคณะ ซึ่งถือเป็นแหล่งรวมตัวที่มีความสะดวกสบายเพราะมีอุปกรณ์ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ปลั๊กไฟ โต๊ะนั่ง หรือแม้แต่ของกินอย่างร้านขนมเค้กในคณะที่เปิดจนถึงเที่ยงคืน
   
                  ‘ไม่มีสายป่าน’ เขากวาดตาหามันแล้วจริงๆนะ
                  ‘เอาไงดี’ ฟ้าถามเขา
   
                  ดีเสียอีกฟ้า
                  นี่ยิ่งกว่าคำว่าดี
                  เพราะพอเขาก้าวเท้ามาถึงตึกสี่ ความป๊อดมันก็กลับมาเหนือกว่าความกล้าอีกครั้ง
                  อยู่ๆจะเดินเข้าไปหามันแล้วบอกว่าเอานมเปรี้ยวมาให้งั้นเหรอ
                  คนอย่างมดไม่มีจะเคยทำ
                  ฝากเพื่อนมันไว้นี่แหละดีที่สุดแล้ว…
                  หวังว่าข้อความที่เขาเขียนติดแปะไว้กับโพสต์อิสเล็กๆข้างขวดนมเปรี้ยวจะพอช่วยทำให้มันคลายเศร้าได้บ้าง
   
   
                  อย่าพยายามเปลี่ยนความเป็นตัวมึง เพียงเพราะอยากจะลืมใครบางคน
                  มึงกับนมเปรี้ยวรสส้ม…
                  มันโคตรคูลเลย

   
                  “เราไม่มีสิทธิ์จะไปว่าใคร หรือหวงใครได้หรอกนินิว”
                  “…”
                  “เพราะเรากับสายป่าน ไม่ได้เป็นอะไรกัน”
                  “…”
         
                  เขาลุกขึ้นยืน เพราะคงไม่มีเหตุผลให้นั่งอยู่อีกต่อไปแล้ว
                  และไม่มั่นใจว่า ถ้าขืนอยู่นานกว่านี้ เขาคงได้ชกผู้หญิงเป็นครั้งแรกแน่ๆ
   
                  “แต่เราโคตรมั่นใจเลยว่า…”
                  “…”
                  “ยังไงมันก็ไม่กลับไปหานินิวแล้ว”
   
                  ขอโทษที่ต้องบอกว่า…
                  ผู้หญิงอย่างนินิว ช่างน่าสมเพชเหลือเกิน
   



   

                  “มาจ้าน้องๆ มาลงชื่อเป็นผัวพี่มามี่ได้ตลอดเวลา ชื่อละสองพัน ได้ค่ากินขนมอีกหลายเดือน”
   
                  เวลานี้คงจะเป็นเวลาที่เหล่านางฟ้าจะสนุกสนานที่สุด ดีใจที่สุด และแรดที่สุดแล้ว เพราะมันคือ ช่วงเวลาแห่งการคัดเลือกดาวเดือนของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เพื่อค้นหาผู้ที่เหมาะสมกับคำว่าตัวแทนทูตกิจกรรมที่จะไปคว้าตำแหน่งดาวเดือนของมหา’ลัย ซึ่งปีนี้คึกคักเป็นพิเศษเพราะเหล่านางฟ้าการันตีว่า
                  เด็กๆปีนี้ แซ่บลืม!!!
                  สังเกตได้จาก…
   
                  “งื้อ ไอ้บ้า ไอ้คนพกกระบอกข้าวหลาม”
   
                  วาจาเอ่ยแซวอย่างฉะฉานของวินดี้ จนทำให้น้องๆเดือนแต่ละสาขาที่มาลงชื่อต้องยกมือกุมเป้าด้วยความขยาดไปตามๆกัน
                  ว่าไปนั่น น้องๆเขาก็แค่หัวเราะแล้วก็จอยนั่นจอยนี่กับแก๊งนางฟ้าไปตามประสา ที่เรียกว่าเด็กสมัยนี้น่ะ…
                  มันอยู่เป็นเว้ย
                  ไม่ต้องถามหาแบบอย่างจากใครที่ไหน ก็เดือนปีสองคณะเราทำให้เห็นเป็นแบบอย่างไปแล้ว
   
                  “สวัสดีครับเจ๊ๆ สวยวันสวยคืนเลยนะครับ”
   
                  หึ ไม่รู้ว่าคำหวานๆของไอ้สายป่านมันเชื่อได้กี่เปอร์เซ็นต์
   
                  “พ่อปากหวาน พ่อบุญทุ่มของเหล่าเจ๊ๆ”
   
                  แล้วที่สำคัญ วันนี้ไม่ได้มีแค่แก๊นางฟ้าเพียงเท่านั้น เจ๊ๆปีแก่ต่างให้การต้อนรับกับเทศกาลคัดเลือกดาวเดือนของคณะเป็นอย่างดีโดยการสละงานและเวลามาร่วมแซว เอ๊ย เฟ้นหาตัวแทนทูตกิจกรรมในวันนี้ และไม่ใช่แค่เจ๊ๆปีในมอที่มากันเยอะแยะมันรวมถึงเจ๊ๆปีแก่ๆที่จบไปแล้วด้วย งานนี้เท่ากับน้องผู้ชายเตรียมเก็บเป้า เอ๊ย เก็บคะแนนให้ดีๆล่ะ ใครเข้าตา เจอแม่ๆดันแน่นอน
                  ตัวอย่างบุคคลที่ถูกดันโดยเหล่าแม่ๆแก๊งนางฟ้าก็คือไอ้สายป่านที่ไปไกลเกินกว่าคำว่าเดือนคณะ
                  ทุกวันนี้คนรู้จักมันมากก็เพราะด้วยบารมีของนางฟ้าหลายๆรุ่น และด้วยตัวมันเองที่มีความนอบน้อมถ่อมตน อะไรยอมได้ก็ยอม แต่ก็ไม่ใช่ปล่อยจนเลยเถิด
                  จำได้เมื่อปีที่แล้ว มันเคยมีเรื่องกับเจ๊นางฟ้าปีแก่สักคนนี่แหละ คือไปกินเหล้าด้วยกันแล้วเจ๊แกจ้องจะลวนลามมันอย่างเดียวเลย เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต แต่มันก็ไม่ได้ดับนะ เพราะมันไม่ผิด เจ๊แกผิดจริง ความจริงเขาโคตรชอบการแก้ไขปัญหาของมันมากๆเลย มันสามารถควบคุมอารมณ์ได้โดยไม่ได้ใช้กำลังปกป้องตัวเองอย่างที่ผู้ชายมักทำกับกะเทยทั่วไป
                  เรื่องนี้เลยจบลงที่เจ๊ๆหลายชั้นปีต้องมาขอขมามัน แต่เหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้ทำให้ความน่ารักของมันลดลงเลย กลับกันยิ่งทำให้เหล่าเจ๊ๆอยากจะสนับสนุนมันมากขึ้น
                  เขาไม่รู้เลยว่า นอกจากไอ้สายป่านแล้ว จะมีใครที่สามารถเข้ากันได้ดีกับแก๊งนางฟ้าสถาปัตย์อีกมั้ย
                  คือระบบนี้มันเหมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า แก๊งนางฟ้าดูแลการจัดกิจกรรมดาวเดือนของคณะมานานแล้วตั้งแต่จำความได้ กิจกรรมพวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแก๊งนางฟ้าทำทั้งสิ้น พูดกันตรงๆว่ากะเทยกับแฟชั่นมันเป็นของคู่กัน ไม่ใช่แฟชั่นแบบไฮแฟชั่นนะ แต่เป็นความแปลกใหม่ ไอเดียที่สร้างสรรค์ ซึ่งเขาก็ยังไม่เห็นเลยว่าจะมีใครทำหน้าที่นี้ได้ดีไปกว่าพวกนางฟ้าเลย
                  ที่ว่าเหมือนการพึ่งพากันก็คือ กะเทยหลายคนในแก๊งนางฟ้าที่จบไป พวกเจ๊ๆเหล่านั้นมักจะไปเปิดร้านเสื้อฟ้าเป็นของตัวเอง ซึ่งแน่นอนเลยว่า งบประมาณในส่วนของฝ่ายคอสตูมเองก็จะหมดไปเช่นเดียวกัน
                  กะเทยอยู่รอดได้เพราะผู้ชายฉันท์ใด ผู้ชายก็อยู่รอดได้ด้วยกะเทยฉันท์นั้น
                  เป็นคำกล่าวของเจ๊ปีแก่คนหนึ่งในแก๊งนางฟ้าที่มามี่เคยยืดอกพูดบอกอย่างภาคภูมิใจ
   
                  “ไง”
                  “ไม่ไง”
   
                  ไม่ได้กวนตีนเขา ก็ไม่ใช่ไอ้สายป่านแล้ว นี่ก็เห็นว่าเป็นมารยาทหรอกนะ เลยทักทายมึงอ่ะ ไอ้เหี้ย
   
                  “มาเช็ดเหงื่อกูดิ๊”
                  “เรื่องอะไร”
                  “กูตำแหน่งใหญ่นะครับ ถ้าเดือนปีสองเป็นลมไปใครจะรับผิดชอบ”
   
                  เขาต้องยอมมันใช่มั้ย
                  คำตอบคือใช่ เพราะขืนฝาฝืนคำสั่งของมามี่ที่ว่า…
                  ท่องไว้ผู้ชายสำคัญกว่าเสมอ
                  เขาคงโดนแก๊งนางฟ้าเชือดแน่ๆวันนี้ ขอโทษที เขาก็ผู้ชายเถอะ ทำไมรู้สึกความสำคัญมันต่างกันราวไส้เดือนกับพญานาคแบบนี้วะ
                  ลำเอียงงงงงงง
   
                  “ครับบบบบ คุณชาย”
   
                  เขาหยิบทิชชูในกระเป๋าออกมายื่นให้มัน
   
                  “ซับให้ด้วยดิ”
                  “เดี๋ยวๆ เกินไปครับ มีมือมีเท้า”
   
                  เขาประท้วง เพราะตัวเองยังไม่หมดหน้าที่ ยังต้องถือเครื่องมือวิทยุสื่อสานประสานงานฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ไปทั่วอยู่
   
                  “น้ำใจน่ะมีมั้ย คนเรา”
   
                  เอ้า คนเรา…
   
                  “ถ้าเขาไม่เต็มใจ เดี๋ยวนินิวเช็ดให้ก็ได้นะสายป่าน”
   
                  เขาชะงัก รีบยัดทิชชูใส่มือไอ้สายป่าน
   
                  “นินิว”
                  “…”
                  “มาได้ไง”
                  “สายป่านนี่ถามแปลกๆ นินิวก็เป็นตัวแทนจากสโมฯกลางมาดูบรรยากาศการคัดเลือกดาวเดือนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ไงคะ”
   
                  นินิวน่ะเหรอเป็นทีมงานสโมฯกลาง เท่ากับว่าการเตรียมงานต่อจากนี้ของเขาจะต้องพบเจอกับเธอบ่อยๆน่ะสิ
                  โอเค แค่คิดก็เห็นนรกอยู่เบื้องหน้าแล้ว
   
                  “กูไปทำงานแล้ว เดี๋ยวเจ๊ๆด่าเอา”
   
                  เขาบอกมัน ก่อนจะเดินหนีออกมา
   
                  ปึก!
   
                  “ว้าย มด เป็นอะไรมั้ยเนี่ย”
   
                  เขาเดินไปชนเข้ากับวินดี้ที่กำลังยืนเช็ครายชื่อจากป้ายประกาศ ชนน่ะไม่แรง แต่ด้วยสภาพร่างกายเขาตั้งแต่เมื่อเช้าที่เหมือนจะเริ่มมีไข้ทำให้ทรงตัวไม่อยู่ กระเด็นไปไกลจนวินดี้ตกใจ
                  อ่า ปวดหัวตัวร้อน นี่มันอาการไข้รุมๆแล้วสินะ
                  ก็กินยากันไว้แล้วนี่นา
   
                  “มดๆ ฝ่ายทีมงานสโมฯกลางอยากพบน่ะ”
   
                  โอเค เขาพยักหน้าตอบรับแล้วเดินตามเพื่อนที่มาเรียกไป
                  นินิว เดินหนีออกมายังไม่ถึงสิบนาที ต้องกลับมาเจออีกแล้ว
   
                  “คือทีมงานอยากได้เก้าอี้สามตัว สำหรับนั่งสังเกตการณ์บรรยากาศรอบคัดเลือกของคณะ แล้วก็อาหารว่างสามที่ ช่วยหน่อยนะมด เพราะเราต้องทำให้เขาประทับใจ ไม่งั้นบนเวทีน้องๆอยู่ลำบากแน่ๆ”
            
                  เพื่อนอีกคนเมื่อเห็นว่าเขาเดินเข้ามาแล้วก็ตรงมากระซิบบอกจุดประสงค์ทันที
                  เขาพยักหน้าเข้าใจ
                  พลางเช็คใบบัญชีรายชื่อฝ่ายประสานงาน แต่ทุกคนกลับมีหน้าที่อยู่แล้ว คงต้องเป็นเขาสินะที่ต้องไปซื้อของว่าง เพราะทางสโมฯกลางไม่ได้แจ้งมาว่าจะส่งทีมงานมาสังเกตการณ์ และเป็นความสะเพร่าของเขาด้วยแหละที่ไม่สำรองอาหารว่างไว้ เลยจำต้องออกไปซื้อมาเพิ่ม
                  อ่า แถมกุญแจรถก็เอาให้คนในฝ่ายไปแล้ว
                  เท่ากับว่าเขาต้องเดินไปเซเว่นหลังมอสินะ
                  เอาไงเอากัน
                  พอเดินออกมาหน้าประตูคณะ ไอโฟนก็สั่นครืดคราดอยู่ในกระเป๋ากางเกง
   
                  “ว่าไง โอเค ได้ ได้”
   
                  เป็นทีมประสานงานที่โทรมาสั่งของกินเพิ่ม
                  เขาไล่อ่านบัญชีลิสต์รายชื่ออาหารที่จดไว้ในกระดาษโน้ต
                  อ่า ทำไมแสงแดดยามเย็นมันถึงดูแรงกล้าได้ขนาดนี้นะ
                  แล้วเขาเป็นอะไรเนี่ย เหมือนตัวเองเดินเซไปมาเลย
                  หรือพื้นมันเอียง
                  เกิดแผ่นดินไหวเหรอ
   
                  “มดดดดดดด”
   
                  เสียงใครบางคนตะโกนลั่น ก่อนที่สติของเขาจะดับวูบลง



*TBC.....................................................

ฮืออออออ ผ่านเรื่องร้ายก็มาเจอเรื่องร้ายอีก
แบบนี้เขาเรียก พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกนะมด

เอาใจช่วยมดได้ในตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเจ็ด P.6 30-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 30-05-2019 21:24:36
อ่อยอีนู๋มด
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเจ็ด P.6 30-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 30-05-2019 21:27:29
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเจ็ด P.6 30-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 30-05-2019 21:42:49
เอ้านินิวนี่กลับมาทำไม สถานะยังไม่ชัดเจนเลย น่าจะชัดเจนเพราะได้นินิวมากระตุ้นซะละม้าง เป็นแฟนกันไปเหอะ มดรอมานานอล้ว
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเจ็ด P.6 30-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 30-05-2019 22:11:30
เหมือนจะก้าวหน้า แต่ทำไมเหมือนจะถอยหลัง
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเจ็ด P.6 30-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 30-05-2019 23:23:34
มีใครสนใจร่วมทริปไปตบนินิวด้วยไหม :katai1: :katai1:

สายป่านไปดูแลมดมดเร็วววววววว
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเจ็ด P.6 30-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-05-2019 00:49:19
นี่สำหรับนังนิ่ว ให้แบบเต็ม ๆ  :z6:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเจ็ด P.6 30-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 31-05-2019 08:03:14
นินัว ดังคนไม่ดร นังคนใจร้าย
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเจ็ด P.6 30-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 31-05-2019 12:03:31
การกระทำน่ะชัดแล้ว แต่ยังไม่กล้าพูด สถานะมันไม่ชัดเลย

ร้องไห้แปบบบบบ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเจ็ด P.6 30-05-2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 01-06-2019 03:23:55
ป่วยเลยลูก
แต่นินิวนี่แบบนะ  :m16:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบแปด P.6 04-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 04-06-2019 18:46:37
ก้าวที่สิบแปด
ระยะทาง


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  การเป็นคนป่วยนี่มันไม่ดีเอาเสียเลย…
                  เพราะมันทำให้คนอื่นเป็นห่วง เขาไม่ชอบเลยจริงๆ สีหน้าเป็นห่วงเป็นใย กลัวว่าเราจะเป็นอะไรไปของอีกฝ่าย ทั้งอยากจะด่าเรา ทั้งอยากจะว่าเรา แต่ที่ทำได้ก็แค่กุมมือเขาไว้แน่นแล้วตัวเองก็ผล็อยหลับไป
                  สายป่านคงเหนื่อยมากๆ ถึงขนาดฟุบหลับกับเตียงเขาไปเลย…
   
                  “อ๊ะ มด ตื่นแล้วเหรอ กินน้ำมั้ย”
   
                  มามี่ที่สังเกตเห็นเขาลืมตาก่อนใครเพื่อนรีบกุลีกุจอยกแก้วน้ำที่วางบนโต๊ะมาจ่อปากเขา
                  เขาดื่มมันอึกใหญ่เพราะกระหายน้ำจริงๆ
   
                  “สายป่านๆ”
                  “ชู่วววว”
   
                  วินดี้ตั้งใจจะปลุกร่างสูงที่นอนฟุบกับเตียงคนป่วยให้ตื่น แต่เขาปรามไว้เสียก่อน
   
                  “ให้หลับต่อเถอะ แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น”
   
                  นั่นสิ เขามานอนบนเตียงในโรงพยาบาลได้ยังไง แล้วสายระโยงระยางของน้ำเกลือนี่มันอะไรกัน นี่เขาเป็นหนักถึงขนาดต้องให้น้ำเกลือเลยเหรอ จำได้ว่าก่อนหน้านี้เขายังถือลิสต์รายชื่อของว่างที่ต้องไปซื้อมารับรองทีมสโมฯกลางอยู่เลย
   
                  “ก็มดน่ะสิ อยู่ๆก็ล้มลงหน้าประตูคณะ นี่ดีนะที่วินดี้มันกำลังจะออกคณะไปซื้ออุปกรณ์พอดี”
   
                  เขาเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้ว แสดงว่าเสียงตะโกนเรียกชื่อเขาที่ได้ยินเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะวูบก็คือเสียงของวินดี้สินะ
   
                  “แล้วสายป่านมาอยู่ที่นี่ได้ไง” เป็นคำถามของเขาที่ถามทุกคน
                  “ตอนที่มดหุนหันออกจากห้องคัดเลือกไปอ่ะ สายป่านก็เดินตามไปด้วย”
   
                  ก็คือตอนที่เขาต้องรีบออกไปซื้อของว่างมาเพิ่มนั่นเอง
   
                  “แปลว่าวินดี้พาเรามาโรงพยาบาลเหรอ”
   
                  วินดี้ส่ายหัวพรืด
   
                  “ไม่ใช่ นี่กำลังจะออกไปซื้ออุปกรณ์ แต่สายป่านอุ้มมดที่หมดสติมาพอดี เลยรีบพากันออกรถไปส่งมดที่โรงพยาบาล”
   
                  งั้นเสียงที่เขาได้ยินก็ไม่ใช่เสียงของวินดี้ แต่เป็นเสียงของไอ้สายป่านที่ตามเขามา
                  มึงนี่มัน…
                  ตัวเองเหนื่อยแล้วยังจะมาช่วยคนอื่นได้ทันอีกนะ
                  จะทำให้หลงรักไปถึงไหน จะให้คนแอบรักอย่างเขา รักมันอีกไปเรื่อยๆจนไม่สามารถละจากมันได้เลยเหรอ แบบนี้มันไม่ยุติธรรมนี่
   
                  “อื้อ”
   
                  คนที่ถูกนินทาเริ่มขยับตัว ขยี้ตาสองสามที แล้วสักพักมันก็ลืมตาตื่นขึ้นมาจนได้ เหมือนมันรู้ว่ากำลังโดนเผาเลยต้องรีบตื่นมาเพื่อปกป้องตัวเอง
   
                  “มึง”
   
                  มันลุกขึ้นชี้หน้าเขา เป็นใครก็เหวอสิครับ ตื่นแล้วเด้งตัวลุกขึ้นมาชี้หน้างี้
   
                  “อะ อะไร วะ”
   
                  เขาถามมันตะกุกตะกัก ในขณะที่มือมันยังชี้หน้าเขาอยู่ เฮ้ย นี่มันเหมือนฉากในหนังอาฆาตแค้นยังไงๆอยู่นะ
                  หรือมันโกรธเขาที่ต้องให้อุ้มมาส่งโรงพยาบาล ตัวเขาเล็ก มันก็น่าจะไม่หนักนี่
                  มือมันเลื่อนเข้าใกล้อย่างรวดเร็ว
                  เดี๋ยวนะ นี่มันยุคไหนแล้ว เอะอะจะต่อยระบายอารมณ์เหรอ แต่ถามก่อนว่าอารมณ์ไหนวะ
   
                  หมับ!
   
                  อึ้ง
                  อึ้งไปตามๆกัน
                  เมื่อมือหนาวางแบะลงมาที่หัวเขาอย่างนุ่มนวล
   
                  “อย่าทำให้เป็นห่วงอีกจะได้มั้ย”
   
                  มันว่าเสียงทุ้ม แผ่วเบา หากแต่อ่อนโยน
                  ส่วนมือที่วางบนหัวก็ขยับลูบผมเขาอย่างนุ่มนวล แต่พวกเราทั้งคู่คงจะลืมไปแล้วว่า
   
                  “อะแฮ่ม ดิฉันนั่งหัวหงอกหัวขาวอยู่ตรงนี้เคยจะเห็นบ้างมั้ยคะ”
   
                  มามี่เอ่ยทีเล่นทีจริง จนโดนวินดี้ตบไหล่ไปหนึ่งที
   
                  “มึงอายุเท่าพวกมันอิดอก”
                  “อ้าวเหรอ แต่เดี๋ยวนะ มึงกำลังจะหาว่ากูหน้าแก่ใช่มั้ย อิเวง บัดซบอิวินดี้ เพื่อนเลว”
   
                  เกิดมวยขนาดย่อมขึ้นในห้องระหว่างมามี่ฝ่ายแดง และวินดี้ฝ่ายน้ำเงิน ที่ใครจะชนะนั้นไม่สำคัญ หากแต่มันเรียกเสียงหัวเราะครื้นเครงให้กับคนทั้งห้องเป็นอย่างดี
                  เขากับไอ้สายป่านลอบมองหน้ากัน
                  ขอบคุณนะ… สายป่าน 291
                  ที่ทำให้ระยะทางไกลแสนไกลดูหดสั้นลงภายในไม่กี่เดือน

   


                  คืนนั้น ไอ้สายป่านอัพสเตตัสเฟซบุ๊กเป็นครั้งแรกในรอบเดือน…
                  และเขาโคตรดีใจที่มันอัพเกี่ยวกับเขาเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกัน
               
                  คนนี้ให้ป่วยไม่ได้ครับ คนมีหน้าที่ ’สำคัญ’
   
                  ถึงแม้มันจะไม่มีหลักฐานใดบ่งบอกว่าสเตตัสของมันพูดถึงตัวเขา แต่เขาก็เชื่อมั่นตามแบบฉบับของคนชอบเข้าข้างตัวเองไปเสียแล้ว



                  

   

                  “ค่ะ ตอนนี้นะคะเป็นเวลาสิบแปดนาฬิกาโดยประมาณ เราอยู่ที่ไหนกันคะคุณมามี่”
   
                  กล้องในมือเขาแพลนไปหามามี่ที่ถูกวินดี้โยนคำถามให้ตอบอย่างไม่ทันตั้งตัว เพราะเธอกำลังเติมแป้งบนใบหน้าอีกชั้นอยู่
   
                  “สวัสดีค่า ท่านผู้ชมที่รับชมอยู่ทางหอ ขณะนี้เราอยู่ในงานเฟรชเมนไนท์ 2019 นะคะ หรือก็คือการประกวดดาวเดือนอย่างที่ทุกท่านทราบ”
   
                  มามี่ไม่ละทิ้งความเป็นมืออาชีพ เพราะทันทีที่กล้องของเขาแพลนไปหา เธอก็สวมบทพิธีกรสาวมากด้วยความสามารถ และพกพาความมั่นใจมาเต็มร้อย
                  แม้ว่าแป้งจะยังคงเป็นหย่อมๆบนใบหน้าของเธอก็ตามที…
   
                  “ในงานค่ำคืนนี้ทุกท่านจะได้พบกับเหล่าเฟรชเมนปีหนึ่งนะคะ ที่เรียกว่าเฟรชสมชื่อเลยทีเดียว แต่ละคนนี่นะคะ อื้อหือ…”
                  “เดี๋ยวนะคะคุณมามี่ อื้อหือนี่ยังไงคะ” วินดี้รับมุกอย่างรู้งาน
   
                  วันนี้เหล่านางฟ้าทุกคนจัดหนักจัดเต็ม ด้วยการครอบวิกและแต่งหญิงสวยงามด้วยชุดราตรีที่มีสปอนเซอร์อย่างเจ๊ๆปีแก่ที่จบไปให้ยืม งานนี้เรียกได้ว่ายกระดับเหล่านางฟ้าเดินดินให้ติดปีกได้บินอีกครั้งกันเลย
                  และเขา ขอแนะนำตัว มด ผู้ไม่ยอมแต่งหญิงเด็ดขาดแม้จะถูกบังคับขืนใจ จนในที่สุดเหล่านางฟ้าต้องยอมจำนน และมอบหน้าที่ช่างกล้องกิตติมศักดิ์ให้เขาอย่างจำใจ
   
                  “ใหญ่”
                  “ว้ายยยย อะไรใหญ่คะ”
                  “เล่นใหญ่ไงคะคุณ แหม คิดลึกคิดมาก ไม่บอกก็รู้ว่าคุณก็คิดเหมือนดิฉัน”
   
                  เข้าเรื่องใต้สะดือจนได้
                  ถ้างานมันจะสื่อไปทางลามก ก็คงต้องโทษสภากลางของมหา’ลัยที่มอบหมายหน้าที่สำคัญอย่างพิธีกรไลฟ์งานดาวเดือนในปีนี้ให้กับมามี่และวินดี้
   
                  “รอช้าอยู่ทำไม เราเข้าไปที่งานกันเลยมั้ยคะ ดิฉันอยากจะเจอน้องๆเฟรชเมนแล้วล่ะค่ะคุณ”
   
                  นั่นสินะ เพราะมัวแต่มาเวิ่นเว้อแต่งตัวกันหน้างาน เลยทำให้ล่าช้า อีกอย่างเขาลืมไปเสียสนิทว่ากำหนดการณ์มันจะเริ่มตอนหกโมงครึ่ง
   
                  “ตามมาเลยค่า เราจะพาทุกท่านไปเปิดโลกอันแสนสวยงามของเวทีเฟรชเมนปีนี้ที่มาในธีมอวกาศค่า”
   
                  เป็นการเปิดตัวเวทีดาวเดือนได้สวยงามมาก ก่อนที่เขาจะแพลนกล้องตามเหล่านางฟ้าเข้าไปในงาน
                  งานดาวเดือนในปีนี้จัดในธีมอวกาศ เป็นธีมที่ค่อนข้างเกิดการถกเถียงกันหนักหน่วงมาก ระหว่างพรรคฝ่ายค้านที่บอกว่ามันดูจำเจและล้าสมัย ในขณะที่สโมกลางกลับเห็นว่าทางมหา’ลัยยังไม่เคยจัดงานในธีมนี้มาก่อน สุดท้ายแน่นอนว่าพรรคที่ครองเสียงข้างมากจึงชนะไป
                  นี่แหละประชาธิปไตยในแบบที่เรารู้จักกันทุกวันนี้
   
                  “ว้ายยยย กะเทยยยย”
   
                  มามี่ตะโกนเรียกกรีนในชุดราตรียาวลากพื้น ไม่รู้ว่าสองคนนี้ไปญาติดีกันตอนไหน แต่ที่แน่ๆ ลงสตอรี่ไอจีอัพรูปไปกินน้ำปั่นกรีนด้วยกันจ้า
                  วันนี้กรีนได้รับเกียรติถูกเชิญให้มาเป็นพิธีกรบนเวทีประกวดดาวเดือนคู่กับเวลที่แน่นอนว่าย่อมต้องติดสอยห้อยตามมาเป็นปกติอยู่แล้ว
   
                  “มดดดดด” แต่กรีนกลับมาทักทายตากล้องอย่างเขาเสียนี่
                  “อ่ะ ยังไงคะคุณกรีน” มามี่เท้าสะเอวแล้ว จะให้พูดว่า ยังไงคะ อิดอก มันก็จะดูไม่สุภาพไปเพราะกำลังไลฟ์อยู่
                  “แหม ดิฉันก็แกล้งทักคนอื่นไปงั้นแหละค่ะ สวัสดีนะคะคุณมามี่ วันนี้ชุดดูสวยแรงและแพงมากค่า”
                  “หืมมม คิดว่าเอาผู้หญิงมาเป็นพิธีกรถูกป่ะ” มามี่รับมุกแล้วถามต่อ
                  “แน่นอนสิคะ วันนี้เราสวยยิ่งกว่าดาวเสียอีก อุ๊ย ว่าไปนั่น”
   
                  ในไลฟ์เฟซบุ๊กเพจสโมกลางเกิดปรากฏการณ์รัวไอค่อนหัวเราะขึ้นมาเต็มหน้าจอเลย
   
                  “วี๊ด พวกดิฉันไม่ได้มาแสดงตลกนะคะ พวกบ้า” มามี่กรีดร้อง
   
                  พวกบ้าเป็นคำด่าที่น่ารักมาก เมื่อมันออกมาจากปากแก๊งนางฟ้าที่ทุกคนติดภาพลักษณ์สนุกสนานและไม่คิดอะไรมากมาย กลับกันยิ่งรัวไอค่อนหัวเราะมามากมาย
   
                  “ตั้งสติก่อนค่ะคุณมามี่”
   
                  วินดี้ลูบไหล่เปลือยเปล่าที่โผล่พ้นชุดราตรีสีฟ้าของมามี่เพื่อปลอบโยน
   
                  “เรากลับมากันที่ในงานก่อนนะคะ แหม พาออกทะเลไปซะไกลเลย” เป็นวินดี้ที่ดึงทุกคนกลับเข้ามาในหัวข้อเรื่องเฟรชเมนไนท์อีกครั้ง
                  “ใช่เลยค่ะ อ๊ะ มีคอมเม้นต์นี้บอกว่า อยากให้เราไปดึงดาวเดือนสักคนมาร่วมสัมภาษณ์จัง ว้ายยยย คุณเปิดช่องทางให้ดิฉันได้เต๊าะผู้ชายเหรอคะ ได้เลยค่ะ ขอบคุณคุณศศิพรนะคะ ที่คอมเมนต์ชี้โพรงให้กระรอก”
   
                  มามี่หูตาแพรวพราวขึ้นมาทันที
   
                  “ใครดีคะคุณวินดี้ คุณกรีน”
                  “พบเป้าหมายแล้วค่ะคุณ” วินดี้พยักเพยิดหน้าไปทางเป้าหมาย ให้ทุกคนหันไปดู
   
                  ลลิตาที่กำลังพาขบวนดาวเดือนปีหนึ่งเข้ามาในงาน
   
                  “คุณลลิตา!!!”
   
                  มามี่ตรงดิ่งเข้าไปหาลลิตาทันที
                  ที่จริงจะพูดให้ถูกคือ ตรงดิ่งเข้าไปหากลุ่มผู้ชายทันที
   
                  “จะพาน้องไปห้องรับรองแล้ว”
   
                  ลลิตากระซิบบอก แต่ทว่าไม่อาจหยุดพิธีกรไลฟ์และพิธีกรบนเวทีทั้งสี่คนที่อยู่ในช่วงตกมันได้ อุมาพรที่เดินตามมาข้างหลังจึงทำได้เพียงกุมขมับ ส่วนลิลลี่ที่มาสมทบเป็นคนสุดท้ายก็ยกมือยอมแพ้ปล่อยเลยตามเลย
                  งานนี้กำหนดการณ์เลื่อนคงต้องโทษพิธีกร
   
                  “เราขอสัมภาษณ์น้องๆแป๊บนึงได้มั้ยคะคุณลลิตา”
   
                  มามี่กัดฟันพูดเป็นการบังคับลลิตาที่ทำอะไรไม่ได้จนต้องถอยหลบฉากมายืนหลังเขา แล้วยกมือขึ้นสองข้างเพื่อบอกเป็นนัยว่ายอมแพ้ ปากก็ขมุบขมิบสาปแช่งวินดี้ไป
   
                  “สวัสดีค่า น้องๆดาวเดือนที่น่ารัก เห็นมมั้ยคะคุณ ว่าเขาเฟรชสมชื่อจริงๆอย่างดิฉันว่า”
   
                  โดยมีเพียงแก๊งคุณพิธีกรที่ฟอร์มทีมกันขึ้นมาหน้างานอย่างลวกๆเมื่อกี้เท่านั้น ที่รู้ความหมายจริงๆของคำว่า ‘เฟรช’ ที่มามี่หมายถึง
   
                  “กรี๊ดดดด นี่เด็กคณะดิฉันค่ะคุณ น้องปิงปอง”
   
                  มามี่ดึงปิงปองออกมานอกแถว แล้วขยิบตาให้น้องหนึ่งที น้องก็รู้งานยิ้มทักทายกล้อง เท่ากับว่าแม่อย่างเธอสอนมาดี ตลอดหลายวันที่ผ่านมาแก๊งนางฟ้าเข้าไปเทรนด์ปิงปองอย่างเข้มงวด เพื่อที่ปีนี้พวกเธอจะได้เห็นรางวัลอันทรงเกียรตินั่นคือการที่น้องๆ ไม่ว่าจะเป็นเดือนอย่างปิปอง หรือดาวอย่างม่าเหมี่ยวที่ได้ไปจนสุดเส้นทางแห่งทูตกิจกรรม มันคือเส้นทางที่หลายๆคนใฝ่ฝัน และการได้มาเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย
                  แต่ถ้ามีแม่ดัน ก็ว่าไปอย่าง ไม่ใช่ดันแบบโกงๆนะ แต่มันต้องใช้เส้นสายของตัวเองให้เป็นประโยชน์หน่อย
                  อย่างเช่นตอนนี้ที่ดึงน้องออกมาพบปะผู้คนในเฟซบุ๊ก ไม่ใช่แค่คนที่อยู่ที่หอเท่านั้นที่กำลังดูไลฟ์อยู่ แต่คนในงานที่นั่งแกร่วรองานเริ่มก็กำลังดูอยู่เช่นกัน
                  มันเป็นกลยุทธ์ที่คณะอื่นคาดไม่ถึงเลยล่ะ ยกตัวอย่างเช่นกรีนที่หลงน้องปิงปองจนหน้ามืดตามัว ลืมน้องเดือนบริหารคณะตัวเองไปเสียสิ้น
   
                  “น้องน่ารักเนอะคุณมามี่” คำชมของเวล
                  “แน่นอนค่ะคุณ ดิฉันภูมิใจนำเสนอของดีสถาปัตย์ค่า” วินดี้เติมไฟไม่ให้แผ่ว
                  “ให้น้องแนะนำตัวกับกล้องก่อนดีกว่า” มามี่ว่า
                  “สวัสดีครับพี่มด”
   
                  แต่ก่อนน้องจะแนะนำตัว น้องแสดงถึงความนอบน้อมด้วยการไม่ลืมจะทักทายเขาที่เป็นตากล้อง เพราะพิธีกรทั้งสี่ รวมทั้งลลิตา อุมาพร และลิลลี่น้องทักทายไปแล้ว
                  เอ้อ มารยาทดี อยู่เป็น มันเหมือนใครน้า
   
                  “สวัสดีครับ ชื่อปิงปองครับ เป็นผู้เข้าประกวดดาวเดือนปี 2019 ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคร้าบ”
   
                  เท่านั้นล่ะ ปรากฏการณ์รัวหัวใจก็มาจ้า
                  เหตุการณ์แบบนี้มันคุ้นๆชะมัด เหมือนเคยเกิดขึ้นเมื่อตอนเขาอยู่ปีหนึ่ง ไอ้หูตาแพรวพราวเล่นกล้อง รู้งานอย่างกับอะไรดีของปิงปองเนี่ย
                  ใครสักคนก็เคยทำเอาไว้ และทำมาตรฐานไว้สูงเสียด้วยซ้ำไป
   
                  “สวัสดีครับพี่ๆ สวัสดีครับเจ๊ๆ”
   
                  นั่นไง พูดถึงในใจไม่ทันไรมันก็มาให้เห็นหน้าเลยอ่ะ
                  แต่วันนี้มันโคตรดูดีกว่าทุกวัน เหตุเพราะคงโดนเจ๊ๆจับเมคอัพมาอย่างดี ยัดเสื้อสูท แต่งทรงผม ผลที่ออกมาก็คือคนหันมองมันทั้งงาน แย่งซีนดาวเดือนสุดๆ แต่ที่ไม่น่าอภัยให้คือแย่งซีนดาวเดือนมหา’ลัยไปด้วยนี่สิ
                  ตอนนี้ทั้งงานมีแต่เสียงกระซิบกระซาบคำว่าสายป่านเต็มไปหมด จนมันจะไม่ใช่เสียงกระซิบแล้วเพราะได้ยินมาถึงหูพวกเราที่ยืนอยู่กับไอ้สายป่านเลยนะ
                  คนอยู่เป็นยังไง มันก้อยู่เป็นวันยังค่ำเนาะ มันเลือกเดินเข้ามาทักทายพิธีกรทั้งสี่ที่กำลังทำหน้าที่จอยผู้ชาย(?)อยู่อย่างคนเคารพนอบน้อม
                  แล้วไม่ลืมยักคิ้วกวนตีนให้เขาที่ถือกล้องถ่ายอยู่
                  หึ พ่อจะแพลนกล้องไปหาเลยดีมั้ย เอาให้คนทั้งมอได้รู้
                  อยากให้คนทั้งมอเห็นความกวนตีนนี้ ใครก็ได้ช่วยลืมตาตื่นขึ้นมาทีเถอะ อย่าหลงในภาพลักษณ์ชุดสูทสีขาวที่มันสวมใส่แล้วดูเหมือนเทวดานั่น เพราะมันคือเทวดาในร่างของซาตานขี้กวนตีนครับ
                  แต่เอาจริงๆ กลัวคนจะยิ่งหลงเสน่ห์ความกวนตีนของมันเข้าไปอีกน่ะสิ เฮ้อออออออ
   
                  “วี๊ดดดด พ่อสายป่าน ไหว้พระเถอะพ่อ” มามี่ก็เล่นกับมันไปตามน้ำ มีผู้ชายหล่อๆมาหาทั้งที ค้านจะไม่เล่นด้วยก็ไม่ใช่มามี่ละ
                  “น่ารักแบบนี้ มีคู่หรือยังจ๊ะพ่อ” กรีนเข้าร่วมวงแซว
                  “ไม่ได้ คนนี้ติดจองจ้า” วินดี้รีบออกตัว
   
                  เดี๋ยววววว แล้วทุกคนจะพร้อมใจกันหันมาหาตากล้องทำไม เขาไม่เกี่ยวนะ ฮือออออออ
                  ประเด็นคือไอ้เหี้ยสายป่านก็หันมาด้วยนี่สิ
                  จนคนดูในไลฟ์ต่างเม้นถามว่า ใครๆ แพลนกล้องไปหาหน่อยได้มั้ย เขายืนอยู่ข้างๆใช่มั้ย บลาๆๆๆ
   
                  “ก็ว่าไปนั่น คุณณณ ที่บอกว่ามีคู่น่ะ หมายถึงดาวคณะดิฉันต่างหากที่เป็นคู่ควงเดินบนเวทีวันนี้ แหม คนดูก็คิดไปไกลนะคะ”
   
                  โล่งอกที่มามี่แก้ให้จนควบคุมสถานการณ์ร้อนระอุในแชทได้
                  แต่เขาคงวางใจเร็วเกินไปหน่อย…
                  ว่ากันว่า พลังแห่งโลกโซเชียล ไร้เทียมทาน




   

                  “ยืนเอ๋ออยู่ได้ครับคุณ มาช่วยใส่เสื้อทางนี้หน่อย”
   
                  ไอ้สายป่านโผล่หัวออกมาจากราวผ้าม่าน ที่กั้นร่างเปลือยเปล่าของมันไว้สู่สายตาประชาชนภายในห้องแต่งตัวรวม ที่ขณะนี้ทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับการแปลงโฉมเด็กคณะของตัวเองอยู่ เพราะในอีกไม่ช้า เวทีแห่งการประกวดดาวเดือนก็จะเริ่มขึ้น หลังจากเขาอ่านลำดับการมาคร่าวๆแล้ว พอสรุปได้ว่าไอ้สายป่านมีคิวขึ้นไปบนเวทีรอบแรกสุด แล้วก็ปิดท้ายตอนถ่ายรูปรวม
                  แต่ใครบางคนก็ได้สวมชุดอลังแบบเว่อร์ไปหน่อยนะเขาว่า ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าไอ้สายป่านน่ะมันถูกจับตามองมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว ดังนั้นเจ๊ๆเลยลงความเห็นว่า อะไรที่เป็นการโปรโมทคณะ ซึ่งในทีนี้รวมถึงไอ้สายป่านที่ถูกติ๊ต่างว่าเป็นสัญลักษณ์ของคณะไปแล้ว เมื่อพูดถึงคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผู้คนก็ต้องนึกถึงสายป่าน
                  ที่แม่งโคตรดูดีกว่าเดือนมหา’ลัยปีไหนๆ
                  เขาว่ามาอย่างนั้น
                  เฮ้ย เขาไม่ได้อวยจริงๆนะ คิดถึงสมัยปีหนึ่งตอนนั้น เรียกได้ว่ามันคือยุคของสายป่านอ่ะ ไปทางไหนก็มีแต่คนมาขอถ่ายรูป ตระเวนไปงานนั่นงานนี่ อีเว้นท์เยอะจนไม่ได้พักผ่อน จนป่วยอยู่ช่วงหนึ่ง เจ๊ๆในคณะเลยไปพูดคุยกับสโมกลางว่าขอวันว่างให้น้องพักบ้าง แต่ก็ไม่ได้ผลอะไร จนมีครั้งสุดท้ายคือการโต้เถียงกันใหญ่โตมากเรื่องที่ไอ้สายป่านป่วยจนซมไปอาทิตย์หนึ่ง จากนั้นเจ๊ๆเลยบอกว่าขอเอาน้องของพวกเธอมาดูแลเอง
                  เป็นอะไรที่ซึ้งใจมาก ยังไงความห่วงใยของรุ่นพี่ก็ย่อมมาก่อนงานเสมออ่ะ ถึงแม้ว่าเจ๊ๆจะอยากให้คณะมีหน้ามีตามากมาย แต่มันไม่คุ้นกันหรอกเมื่อความใจดีของไอ้สายป่านมันถูกแลกมาด้วยการเสียสุขภาพ
                  แล้วหลังจากนั้นผู้ที่รับช่วงต่อดูแลดาวเดือนก็เป็นเหล่าแก๊งนางฟ้ารุ่นของเขา อันได้แก่ มามี่ วินดี้ ลลิตา อุมาพรและลิลลี่ ซึ่งพวกนี้ให้เหตุผลที่ไม่เคยเอาไอ้สายป่านมาใช้เลยว่า เป็นผู้ควรแก่การเคารพบูชา เป็นสามีแห่งคณะไปแล้ว
                  จ้า…
                  และตอนนี้สามีแห่งคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ก็กำลังกวักมือเรียกเขาหยอยๆ
                  วุ้ย เข้าไปช่วยก็ได้วะ เห็นแล้วสงสาร
   
                  “ไหนมาดูดิ๊ อ๊ากกกกก ไอ้บ้า”
   
                  ถ้าไม่ติดว่าในห้องไม่ได้มีแค่เขาสองคนนี่เขาตะโกนลั่นไปแล้ว ดีที่ดึงสติไว้ได้ทันนะ
                  ไอ้เหี้ยนี่ สวมแค่บอกเซอร์ตัวเดียวได้ไง
                  ถึงเขาจะเป็นผู้ชาย แต่เขาก็ชอบมันอยู่นะ
                  แต่มันไม่รู้นี่…
                  พูดเองสะอึกเองจ้า
   
                  “เป็นไร ทำมาอาย”
   
                  อายสิ ไอ้ควาย
   
                  “ถอยไปๆ แม่ง ขอให้มีคนแอบถ่ายไปขายในทวิตเตอร์”
                  “พูดแบบนี้มึงเคยทำใช่ป่ะ”
                  “พ่อง”
   
                  คุยกับมันแล้วประสาทจะเสียครับ
   
                  “ไหน อะไร มันจะใส่ยากแค่ไหนเชียว”
                  “นี่อ่ะ”
   
                  เขามองกางเกงที่มันถือขึ้นมาแกว่งไปมาตรงหน้า
   
                  “มันรัดเป้าอ่ะ ตัวมันเล็กไป”
   
                  ฮ่วยยยยยยยยยย
                  แล้วให้กูทำไง๊
   
                  “สายป่าน อยู่ข้างในมั้ย”
   
                  เสียงของนินิวตะโกนถามเข้ามา ไอ้สายป่านเลยชะโงกหน้าไปตอบ
   
                  “กำลังแต่งตัวอยู่ มีไรอ่ะ”
                  “งานจะเริ่มแล้วนะ ให้นินิวแต่งให้มั้ย”
   
                  เดี๋ยววววววว ผู้หญิงจะแต่งตัวให้ผู้ชาย แต่คิดไปคิดมา สองคนนี้เคยเป็นแฟนกัน คงรู้กันไปถึงไส้ถึงพุงแล้วมั้ง
                  เปล่า ไม่ได้หึงเว้ย
                  แค่หวงงงงงงง
   
                  “อ๊ะ”
   
                  เขาจงใจแกล้งดึงผ้าม่านออกอีกนิดให้นินิวเห็น เป็นไปตามคาด ตาของเธอเบิกกว้างแทบถลนออกมา
   
                  “มด เข้าไปในนั้นได้ไง”
                  “เราให้มดมาช่วยแต่งตัวเองแหละ”
   
                  ทำไมเขาดูเหมือนตัวร้ายจังวะ แต่ก็สะใจที่ได้เห็นนินิวดิ้นทุรนทุราย ความจริงเขายังจำเรื่องที่เธอแกล้งสั่งของว่างเพิ่ม แล้วให้เขาไปซื้อจนวูบไปได้อยู่นะ และเขาก็ไม่ใช่นายเอกใสๆฉบับนิยายวายทั่วไปเสียด้วยสิ
                  หรือนิยายวายเดี๋ยวนี้มันก็ไม่ใสแล้ววะ
                  เอาเถอะ มีช่องทางทำให้ใครบางคนคลั่งตายได้นิดหน่อยเขาก็ไม่เลือกวิธีหรอก
                  จริงๆแล้วเขาก็พูดไปงั้น ความจริงก็คือความจริง และความจริงที่ว่าเขายังเป็นมดขี้ป๊อดคนเดิมมันก็ยังอยู่
   
                  “งานจะเริ่มแล้วไม่ใช่เหรอ งั้นเรารีบแต่งตัวก่อนนะ”
   
                  สายป่านตัดจบบทสทนาด้วยการดึงม่านมาปิดคั่น
   
                  “หึ ทำดี” มันเปรยขึ้น
                  “อะ อะไร ม่านมันเลื่อนเอง” เขาที่รู้สึกเหมือนมีชนักติดหลังเอ่ยแก้ตัวตะกุกตะกัก
   
                  อะไรเล่า เมื่อกี้ไม่ได้ตั้งใจให้นินิวเห็นเสียหน่อย อย่างที่บอก เขาก็แกล้งพูดบอกว่าเขาจะแก้แค้นไปงั้น ความจริงเรื่องจริงก็คือม่านมันเลื่อนของมันเอง
                  ไอ้ที่ว่าจงใจแกล้งดึงผ้าม่านน่ะ เขาโกหกคนอ่านทั้งหมดแหละ
                  เฮ้อ ใครจะกล้าขนาดนั้นล่ะ
                  แค่ยืนนิ่งๆแบบไม่ให้สั่นตอนเผชิญหน้ากับสายตาจิกกัดของนินิวก็เกือบหัวใจวายตายแล้วครับ
   
                  “แต่งตัวได้ยัง” มันอ้าแขนออกกว้าง
                  “…”
                  “แต่งตัวอย่างเดียวนะ”
                  “…”
                  “ห้ามแอบลวนลาม”
   
                  แล้วมึง มากระซิบข้างหูให้กูเขินทำไม

   
                  “มึง นิ่งๆก่อนนะ”
   
                  เขาเอื้อมมือไปผูกเนคไทของมันให้แน่นขึ้น สงสัยคงรีบไปจัดส่วนอื่นเลยไม่ได้เช็คความเรียบร้อยของเนคไท เอาล่ะ เข้าที่เข้าทางแล้ว
   
                  “อ๊ะ”
   

มี ต่อ นะคะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบแปด P.6 04-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 04-06-2019 18:47:22
ต่อ ตรง นี้ จ้า


                  มือหนาที่ไม่เคยอยู่นิ่งเลื่อนลงไปโอบเอวเขาไว้ และแทนที่เขาจะได้ขืนตัวออกมาหลังผูกไทเสร็จ กลับต้องถูกรั้งเข้าไปใกล้และติดอยู่ในพันธนาการของมันเสียอย่างนั้น
                  มึงทำบ้าอะไรเนี่ย
                  นี่มันไม่ดีต่อหัวใจเขาเลยจริงๆ
                  เพราะเราอยู่ใกล้กันเกินไป ใกล้เกินไปและกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเสียงดังโครมครามนี้
                  เสียงเต้นของหัวใจที่อกข้างซ้าย…
   
                  ตึกตัก ตึกตัก
   
                  “ปล่อย”
   
                  เวลานี้เขามีแรงพอจะเปล่งออกมาได้เพียงคำเดียวเท่านั้นล่ะ
                  แต่คนขี้แกล้งกลับยกยิ้มร้าย แล้วกระชับวงแขนของมันให้เล็กลง เท่ากับว่ามันโอบรัดเขาแน่นขึ้นเรื่อยๆ แล้วเราก็อยู่ติดกันมากขึ้นเรื่อยๆ
                  ให้ตายสิ แบบนี้มันไม่ดี ไม่ดีเลยจริงๆ
                  สถานการณ์ล่อแหลมนี้มันอะไรกัน
                  ถ้าจะแกล้งกัน อย่าเล่นแบบนี้ได้มั้ย เพราะหัวใจมันไม่มีภูมิต้านทานจริงๆ
   
                  “มึงอยากให้กูปล่อย จริงๆเหรอ”
   
                  มันจ้องลึกเข้ามาในดวงตาเขา ทั้งขี้เล่นและออดอ้อนจนเขาอ่อนระทวย
                  เขาจะต่อต้านมันได้ยังไง
                  เขาไม่มีทางผลักไสมันออกไปได้เลย
                  ยิ่งมองกลับยิ่งถูกดึงดูดให้เข้าหา เสน่ห์ของมึงมันร้ายจริงๆ
                  เขาเริ่มหายใจติดขัด ถ้าขืนมันยังโอบเขาไว้แบบนี้เกรงว่าตัวเองจะเป็นลมตายคาอกไอ้สายป่าน โอ๊ย ทำไมเขาดูสาวแตกขนาดนี้วะ กอดกับผู้ชายหน่อยทำเป็นเข่าอ่อน ไอ้มด ไอ้กาก
   
                  “แต่ปล่อยก่อนก็ได้”
   
                  เอ้า ง่ายๆงี้เลยเหรอ
                  แต่ก่อนมันจะปล่อย มันยื่นปากมาใกล้หูของเขาแล้วกระซิบว่า
   
                  “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน”
   
                  เดี๋ยววววววววว
                  กินหวาน กินอะไรของมึงงงงงงง
   
                  “ไอ้…”
                  “ดูกูจากตรงนี้ด้วยนะ”
                  “…”
                  “มองกูบนเวทีด้วยนะ”
                  “…”
                  “เพราะกูก็จะมองมาหามึงเหมือนกัน”
   
                  เขาที่อ้าปากจะพ่นคำด่าต้องอ้าปากค้างในสิ่งที่ได้ยิน จนเมื่อได้สติตัวต้นเหตุที่ทำให้อกข้างซ้ายมันเต้นรัวแรงก็ไปจากตรงนี้แล้ว
                  เขายกมือขึ้นกุมหัวใจตัวเอง
                  วันนี้มันทำงานหนักจริงๆ

   





                  “ลำดับต่อไป ขอเชิญทุกท่านพบกับเหล่าดาวเดือนปีที่แล้วที่จะมากล่าวอำลาตำแหน่งของตัวเอง และส่งมอบตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ ให้กับน้องๆรุ่นต่อไปค่ะ”
   
                  เสียงปรบมือดังเกรียวกราว
                  มันเริ่มจากเดือนมหา’ลัยปีของเขา ที่ขึ้นมากล่าวขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาที่ทำให้ได้เพิ่มประสบการณ์ชีวิต กิจกรรมมากมายหล่อหลอมความเป็นตัวตนจากนักเรียนมัธยมปลายสู่รั้วมหา’ลัยอันกว้างใหญ่ โอกาสมากมายรอคอยเราอยู่ แล้วเดือนยังบอกอีกว่า จงอย่าหยุด จงชาเล้นจ์กับตัวเองเสมอ ซึ่งเรียกเสียงกรี๊ด เสียงปรบมือมากมาย ต่อจากนั้นก็เป็นดาวมหา’ลัย และผู้เข้าประกวดดาวเดือนมหา’ลัยทั้งหมดในปีของเขา
                  เวลามันผ่านไปเร็วนะ จากเมื่อวันวานเขายังเป็นปึหนึ่ง ยังยืนอยู่เบื้องล่างเวที เฝ้ามองดวงดาวจากที่มืดๆตรงนี้ และวันนี้เขากลับมาอีกครั้ง
                  กลับมาเฝ้ามองดวงดาวของเขาที่ส่องประกายยิ่งกว่าดาวดวงใดบนเวที
                  เมื่อสายป่านก้าวออกมา ทุกเสียงก็เงียบลง
   
                  “สวัสดีครับ สวัสดีทุกๆคน”
                  “…”
                  “ผม นายสิทธิกร พิเชษสงคราม ผู้เข้าประกวดดาวเดือนปี 2018”
                  “…”
                  “ความรู้สึกของผมตอนนี้เหมือนคำว่าปีหนึ่งมันเพิ่งเกิดขึ้นกับเราได้ไม่นาน เหมือนผมเพิ่งมายืนตรงนี้เป็นครั้งแรก ผมยอมรับเลยครับว่ากำลังสั่น แต่ไม่ใช่สั่นเพราะความไม่กล้า แต่เป็นอาการตื่นเต้น”
                  “…”
                  “ผมเป็นตัวแทนทูตกิจกรรมของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผมมีคนรู้จักมากมาย ผมเคยชินกับการถูกจ้องมองจากผู้คนรอบข้าง ทั้งเสียงชื่นชม และเสียงนินทา”
                  “…”
                  “บ่อยครั้งผมรู้สึกท้อ บ่อยครั้งผมมีความกล้า ทุกๆอย่างมันมักปะปนกันไปไม่มีใครสมบูรณ์แบบในโลกกว้างใหญ่”
                  “…”
                  “แต่ไม่ว่าจะเป็นการเสริมแรงแบบไหน ไม่ว่าบวกหรือลบ ผมก็ยังยืนยันคำเดิมเหมือนที่เคยพูดไว้เมื่อปีที่แล้ว”
                  “…”
                  “ผมเต็มใจที่จะทำมัน และจะทำมันออกมาให้ดีที่สุดครับ”
                  “…”
                  “ขอบคุณทุกประสบการณ์มากมายที่ทำให้ผมเป็นสายป่านอย่างที่เป็นในวันนี้”
                  “…”
                  “ขอบคุณจริงๆครับ”
   
                  เมื่อจบคำพูด เสียงปรบมือก็ดังกระหึ่มทั่วฮอล
                  และมันไม่ได้แค่ยืนยันคำสัญญาเดิมที่ว่า มันจะทำให้เต็มที่ที่สุดเพียงเท่านั้น
                  แต่มันยังยืนยันคำสัญญาที่ให้ไว้กับเขาก่อนขึ้นไปบนเวที
                  เพราะกูก็จะมองมาหามึงเหมือนกัน
                  ขอบคุณนะสายป่าน ขอบคุณจริงๆ
                  ทำไมถึงรู้สึกว่าคนดูเหมือนกลายเป็นมดตัวเล็กๆที่กั้นระหว่างเขากับไอ้สายป่าน
                  และแน่นอนว่าระยะทางที่มดลอดผ่านได้ มันต้องแคบมากๆถูกมั้ยล่ะ…





*TBC...................................................

เราเดินทางกันมายาวนาน และทีละก้าวเหลืออีกสามตอนก็จะจบแล้วนะคะ
ขอบคุณทุกๆคนที่ร่วมเดินทางกับนิยายเรื่องนี้กับมิวอีกครั้งนะคะ
รักและเคารพ
MewSN
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบแปด P.6 04-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: CHOIGYK_ ที่ 04-06-2019 19:42:27
แงงงงงงงงงงง เขินแทนน่ารักไปหม๊ดดดดด
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบแปด P.6 04-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 04-06-2019 20:04:00
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบแปด P.6 04-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 04-06-2019 21:04:04
เริ่มชัดขึ้นแล้วนะ

แต่อยากรู้ว่าสายป่านเริ่มปิ๊งมดตอนไหน
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบแปด P.6 04-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 05-06-2019 01:29:01
หยอดเก่งมากนายสายป่าน
เนียนตล๊อด
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบแปด P.6 04-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-06-2019 01:57:30
แล้วนังนิ่วในไต จะหายไปตอนไหนหว่า ตอนหน้าได้ป่ะ  :m5:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบแปด P.6 04-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 05-06-2019 08:20:02
ก้าวไปเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบแปด P.6 04-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-06-2019 08:54:15
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเก้า P.6 05-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 05-06-2019 18:50:16
ก้าวที่สิบเก้า
คำสารภาพ


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  โฟร์แองจี้
                  งานดาวเดือนมอเสร็จแล้วก็กรุณาให้ความสำคัญกับงานละครเวทีมอด้วยนะค้า ทั้งมึงทั้งสายป่าน อิสัด!!!
                  เช้าวันหนึ่งขณะเดินมาเรียนตัวคณะเขาได้รับข้อความที่ส่งมาทางไลน์ซึ่งไม่ใช่ของใครที่ไหน เจ้าตำแหน่งเพื่อนรักตลอดกาลของเขา โฟร์ ศึกษาศาสตร์นั่นเองที่ตามจิกตามกัดให้เขากับสายป่านที่อู้มาเกือบสองวันแล้วหลังงานประกวดดาวเดือนจบสิ้นลงให้ไปซ้อมละครเสียที เพราะก่อนหน้านี้โฟร์ได้มีเมตตาให้เขากับสายป่านหยุดพักเพื่อไปทำหน้าที่ตามภาระของตนในงานประกวดดาวเดือนมอที่พึ่งจบลงไปสองวันที่แล้ว
                  แต่จนแล้วจนรอดเขากับสายป่านก็ยังไม่โผล่หัวไปซ้อมละครเลยจนมันต้องแชทจิกมาตามไลน์
                  
                  จ้า จ้า
                  จ้า จ้าแล้วไม่มาสักทีนะคะ กูจะตามไปทุบหลัง ตามผัวมึงมาด้วย

                  
                  เดี๋ยวๆ เพื่อนกันครับ
                  ทำไมทุกคน(ในกลุ่มเขา)ต้องคิดว่าเขากับสายป่านไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว
                  ทั้งๆที่เราก็ยังเป็นแค่…เพื่อนกันอยู่ดี
                  เขาอาจจะมีเขินๆบ้างกับคำแซว แต่จริงๆแล้วตัวเขาเองรู้ดีในใจเสมอ ว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นแบบไหน
                  เพียงแต่วันนี้ ก้าวของเขาที่จะก้าวไปหามันไม่ได้เริ่มจากเลขศูนย์แล้ว
                  มันค่อยๆขยับทีละนิด ทีละนิด
                  เขาค่อยๆก้าวไปหามัน ทีละก้าว ทีละก้าว
                  แต่อย่าตั้งคำถามว่าเขาจะไปถึงจุดหมายหรือไม่…
                  เพราะหากเริ่มนับไปทีละก้าว เขาไม่รู้ว่าเท้าขวาหรือซ้ายของตัวเองที่จะไปถึงจุดหมายก่อน
                  แต่นั่นสำคัญด้วยเหรอ ?
                  หากว่าก้าวสุดท้ายของเขาจะไม่ได้ยืนอยู่เบื้องหน้ามัน

                  ยิ่งเราใกล้ชิดกันมากขึ้น ความกลัวก็ยิ่งคุกคามเข้ามาเป็นเงาตามตัว
                  กลัวว่าใจเราจะไม่ตรงกัน…
                  กลัวว่าจะเป็นเขาที่คิดไปเอง…
                  กลัวมันไปทั้งหมดนั่นแหละ กับเรื่องของไอ้สายป่าน เขามันโคตรขี้ขลาดจริงๆ
   
                  “มด”
   
                  เขาละจากหน้าจอโทรศัพท์ เงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่เรียกชื่อเขา มายด์นั่นเอง เรานัดเจอกันตรงใต้ตึกสี่เพราะว่าวิชาอีกตัวที่เขาเรียนเทอมนี้เขาลงตัวเดียวกับมายด์
   
                  “มานานยัง” มายด์ถาม
                  “สักพัก มึงกินข้าวยัง” เขาถามมายด์กลับ เธอส่ายหัวบอกว่ายังไม่ได้กิน
                  “ไม่กินแล้วมึง”
                  “ข้าวเช้าสำคัญนะ” เขาท้วง
                  “จ้า พ่อคนรักสุขภาพ”
                  “…”
                  “อีกครึ่งชั่วโมงเลย นั่งรอขึ้นห้องละกัน”
   
                  มายด์ทรุดตัวลงนั่งข้างๆเขา
   
                  “ช่วงนี้เป็นไงบ้าง ไม่เจอมึงนานเลย เหมือนไม่ได้อยู่มอเดียวกัน”
   
                  นั่นสิ เขาเห็นด้วยกับคำพูดมายด์ที่ว่า เราเหมือนอยู่กันคนละมอ เพราะอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ เขาแทบไม่ได้เจอเพื่อนคนอื่นๆเลย ไม่ว่าจะเป็น ฟ้าหรือจิ๊บ พูดให้ถูกคือ ตั้งแต่งานศพแม่ของมามี่จบลง เขาก็ยังไม่ได้เจอพวกมันเลย
   
                  “ก็สบายดี แล้วมึงล่ะ”
   
                  ก่อนจะพบว่าคำถามของเขาไม่น่าถามออกไปเลยจริงๆ เพราะใบหน้าที่ฝืนแกล้งสดใสมาตลอดของมายด์อับเฉาลงทันที
                  เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของเขากัน
   
                  “ไม่สบายเลยว่ะมด”
                  “…”
                  “กูพึ่งเลิกกับแฟนมา”
   
                  !!!
   
                  “มายด์…”
   
                  เขาลูบไหล่ของเธอแผ่วเบา
   
                  “อยากกอดกูมั้ย”
                  “ฮือออออออออออ”
   
                  มายด์ปล่อยโฮออกมาแล้วโผเข้ากอดเขาแน่น ซบหน้ากับอกเขาแล้วร้องไห้อย่างไม่อายฟ้าดิน ร่างของเธอสั่นสะท้านตามการสะอื้นไห้ เขาทำได้เพียงลูบหลังเพื่อนรักเพื่อปลอบประโลม แต่เขารู้ดีว่ามันไม่สามารถช่วยคลายความเศร้าได้
   
                  “กู ฮึก จับได้ว่ามันมีแฟนใหม่ มันคบซ้อน อึก กับกูมาสองอาทิตย์แล้ว”
                  “…”
                  “กูเสียใจมาก ฮึก”
                  “ไม่เป็นไรนะมายด์ มายด์ยังมีเรา”
   
                  ไม่รู้ว่าน้ำเสียงอ่อนโยนของเขาจะส่งไปถึงมายด์หรือเปล่า เพราะเวลาที่คนเราเศร้า ความเสียใจมันเกาะกุมหัวใจหมดสิ้น
   
                  “กู ผิด ใช่ มั้ย ฮึก ที่ รัก มัน มาก ไป”
   
                  ไม่ผิดหรอกมายด์ มันไม่มีใครผิด
                  ความรักต่างหากที่ผิด
                  ผิดที่ทำให้เรารักใครบางคนจนหมดใจ และไม่เผื่อไว้เวลาจากลา
                  เขากอดปลอบมายด์แล้วเหม่อมองไปไกล…
                  หรือมันควรจะถึงเวลา ที่เขาจะดึงความกล้าออกมาเสียที
                  สุดท้ายยังไงก็ตาม…
                  ไม่เสียใจก็สมหวัง
                  ผลลัพธ์มีเพียงสองข้อเท่านั้น
                  เขาไม่อยากปล่อยให้มันคาราคาซังอีกต่อไปแล้ว
   
                  “ไม่เป็นไรนะมายด์ เวลาจะช่วยรักษาเราเอง”
   
                  ในขณะที่ปลอบมายด์ เขาก็ปลอบตัวเองให้เผื่อใจไว้
                  เพราะเขาก็ยังไม่แน่ใจเลยว่า เวลาจะเยียวยาทุกสิ่งได้จริงๆ
   
                  





                  “มดดดดดดด วันนี้มีเลี้ยงนะจ๊ะ งานควันหลงจ้า”
   
                  มามี่เปิดบทสนทนาทันทีที่เธอเขวี้ยงกระเป๋าลงบนพื้นห้องกิจกรรมคณะอย่างไม่ไยดี
   
                  “ควันหลงงานไร” ลลิตาเงยหน้าจากจอโทรศัพท์ขึ้นมาถาม
                  “เลี้ยงดาวเดือนมึง งานนี้ไปจอยผู้กันค่า”
                  “กูบวกหนึ่งค่ะ ออกรถ”
   
                  ออกรถของวินดี้ก็คือประมาณว่าเตรียมตัวออกรถไปงานได้เลย แปลว่าเธอจะไปงานแน่นอนนั่นเอง
   
                  “งานนี้ไม่พลาดจ้า” ลิลลี่
                  “บวกบวกบวก” อุมาพร
   
                  สรุปว่าทุกคนไป แล้วเขาล่ะ…
   
                  “มดว่าไงดี” ลิลลี่ถามเขา
                  “ไม่ๆ มึง อย่างลูกมดๆของเราต้องแบบนี้…” วินดี้หันไปแท็กทีมกับลลิตาแล้วเริ่มแสดงบทบาทสมมติ
                  “สายป่าน วันนี้มีนัดกินเลี้ยงควันหลงงานดาวเดือน มดไปได้มั้ยครับ” วินดี้ที่เล่นเป็นตัวเขาจีบปากจีบคอพูด
                  “ไม่ได้ครับ กูหวง” ลลิตาต่อบทเป็นสายป่านได้อย่างดีเยี่ยม
   
                  เหอะ ดีกับผีน่ะสิ
                  เขากับไอ้สายป่านไม่มีวันพูดอะไรแบบนี้แน่ๆอ่ะ
   
                  “มดอยากไป นะครับ นะครับ” วินดี้ยังเล่นต่ออีกนะ ฮึ่ยยยยย
                  “ถ้าอยากไปก็ต้องมีของมาแลก”
                  “…”
                  “คืนนี้จุดจุดจุดกันทั้งคืนนะครับ”
                  “พ่องงงงงง”
   
                  เขาตะโกนด่าพวกแม่งสุดเสียง เล่นอะไรทำเขาเขินหน้าแดงหมดแล้ว ถึงแม้มันจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ตาม
   
                  “อะไร มีคนเขินเพราะจินตนาการว่ะมึง” วินดี้ว่า
                  “เขิน เท่ากับ เคยทำ”
   
                  ตรรกะอะไรของมามี่วะ ไม่คุยกับพวกนี้แล้ว
   
                  “สรุปเราไปนะ”
   
                  เขาบอกทุกคน
   
                  “ต้องขอพ่อ…ทูนหัวก่อนมั้ย”
   
                  ยังไม่เลิกเล่นอีก
   
                  “ไม่ต้องขอแล้วค่ะ พ่อมาโน่นแล้ว”
   
                  มามี่ชี้ให้ทุกคนดู ไอ้สายป่านเดินหน้ายุ่งตั้งแต่หน้าประตูเข้ามาหาพวกเรา
   
                  “เป็นไรคะ สามีแห่งชาติ” วินดี้ถาม
                  “หงุดหงิดนิดหน่อย” มันตอบแบบขอไปที ก่อนจะเขวี้ยงกระเป๋าท่าเดียวกับมามี่ และไม่ไยดีมันอีกต่อไป
                  “เรื่องอะไร” เขาถามเพราะตัวเองก็อยากรู้เหมือนกัน
   
                  ทีนี้ล่ะ เรียกเสียงแซว เสียงโห่มาเต็ม โอ๊ยยยย แค่ถามคำถามทั่วไปเอง
   
                  “จารย์แม่งปล่อยเลท แล้วยังมาด่าปิดท้ายอีก”
                  “เพราะพวกมึงไม่ฟังแก”
   
                  ฉึก
         
                  เรียกสายตาจิกกัดจากไอ้สายป่านมาเลยทีเดียว แง๊ แค่จะแกล้งเล่นๆเอง สงสัยอารมณ์ไม่ดีจริงๆครับ
   
                  “ไปซื้อน้ำกัน”
   
                  เฮ้ยยยยย
                  จู่ๆมันก็ผุดลุกขึ้น แล้วดึงคอเสื้อเขาให้ลุกตาม ไอ้เราจะไม่ลุกก็ยังไงอยู่ กลายเป็นว่าตอนนี้ถูกมันเอามือพาดคอไปแล้ว มีทางเดียวคือต้องไปส่งมันซื้อน้ำสินะ
   
                  “ยืมตัวแป๊บนะคร้าบ”
   
                  มึ๊งงงงง ทีงี้มาอารมณ์ดีเชียวนะ แกล้งเขานี่มันสนุกนักใช่มั้ยยยยยย
   
                  “เอาไปเลยจ้า ให้ยืมกี่วันก็ได้เลยจ้า ไม่ต้องเอามาคืนยิ่งดีจ้า”
   
                  แก๊งนางฟ้า พูดแบบนี้ได้ไง เขาก็เสียใจเป็นนะเว้ย แต่เขินมากกว่า อิอิ
   
                  “คอเสื้อกูย้วยหมดแล้ว”
   
                  เขาบอกมัน ที่จริงถ้ามึงยังทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ใบหน้าเขาเองก็จะยิ่งเห่อแดงเรื่อยๆเช่นกัน
                  ใกล้เกินไปแล้ว ไอ้บ้า!
   
                  “สายป่าน คืนนี้ไปงานเลี้ยงมั้ยคะ” มามี่ถามสายป่าน พร้อมขยิบตาให้เขาหนึ่งที เดี๋ยว เธอจะเล่นอะไรของเธอ
                  “ไม่ครับ มีงาน”
                  “แต่คนแถวนี้ไปนะคะ” คนแถวนี้ที่มามี่พูดถึง มันก็รู้ว่าหมายถึงเขาเองเพราะหันมาจ้องหน้าทันทีเลย
   
                  มึงอย่านะ อย่าเชียว…
   
                  “งั้นไปก็ได้ครับ”
                  “เย้!!!”
   
                  ท่ามกลางเสียงเฮฮาของเหล่านางฟ้า มันคือความหายนะของเขาชัดๆ
   
                  “มดครับ…”
                  “…”
                  “งั้นคืนนี้ติดรถสายป่านไปนะครับ”
   
                  ไอ้เหี้ยยยยยย
                  อย่าเล่นแบบนี้ได้มั้ย
   
                  “ฮ่าๆๆๆๆๆ”
   
                  เอาสิ มีความสุขบนความเขินของคนอื่น จะขี้แกล้งให้หัวใจวายตายไปถึงไหนวะ
                  แต่เหนือสิ่งอื่นใด…
   
                  “กรี๊ดดดดด สายป่านไปงานแล้วโว้ย”
   
                  ท่ามกลางความดีใจของเหล่านางฟ้า
                  ท่ามกลางเสียงหัวเราะ และความยินดี
                  มีบางอย่างก่อเกิดขึ้น…
                  มันเป็นสิ่งที่ทุกคนเรียกว่า ลางสังหรณ์
                  ไม่รู้ทำไม ตาขวาของเขาถึงประตุกถี่รัวแบบนี้
   
                  “แต่ตอนนี้ กูหิวน้ำครับมด มดจะไปส่งพี่สายป่านมั้ยครับ”
   
                  มันว่าก่อนจะหิ้วคอเขาขึ้น เรียกว่าหิ้วคอจริงๆนะ
   
                  “แล้วกูมีทางเลือกมั้ย”
                  “ไม่มีครับ ตั้งแต่คุณคือคุณมด คุณก็หมดทางเลือกไปโดยปริยายแล้วครับ”
   
                  ฟวยยยยยยย




   

                  เขาติดรถมากับมันจนได้…
   
                  “แหม ว่าแล้วววววว มาด้วยกันชัวร์”
   
                  เลยถูกเหล่านางฟ้าที่รออยู่หน้าร้านเอ่ยแซวไปหนึ่งดอก และยังไม่รู้เลยว่าตลอดทั้งงานเขาจะถูกแซวอะไรไปอีก เพราะวันนี้เขากับไอ้สายป่านดันใจตรงกันใส่เสื้อเฟรชชี่มหา’ลัยมาเหมือนกันอีก
   
                  “เอ๊ะ เสื้อคู่เปล้าว้า” มามี่ที่สังเกตเห็นเป้นคนแรกเริ่มโจมตี ที่จริงเขาได้มีการใส่เสื้อแขนยาวแฟชั่นปกปิดทับอีกตัวหนึ่ง แต่เธอก็ดันตาดีเห็นเสื้อข้างในเข้าจนได้
                  “บังเอิญน่ะ” เขาแก้ประโยคเข้าใจผิด แต่กลายเป็นว่าทุกคนมองด้วยสายตาล้อๆซะงั้น
   
                  ไม่คุยด้วยแล้ว พวกขี้แกล้งเอ๊ย
   
                  “เข้าข้างในกันค่า ไปกินไปดื่มให้ฉ่ำปอด บวกจอยผู้แบบยั่วๆ”
   
                  นี่สินะ จุดประสงค์ของการมางานนี้เพราะประโยคหลังที่ลลิตาบอกนี่เอง
                  วันนี้ทางสโมสรนักศึกษากลางปิดร้านหมูจุ่มชื่อดังแถวหลังมอฉลองงานควันหลงวันประกวดดาวเดือนที่ผ่านมา เป็นการเลี้ยงฉลองขอบคุณทุกฝ่ายที่เข้ามาช่วยงานสโมสรกลางอย่างเต็มใจ และถือเป็นการพบปะสังสรรค์และอำลากันของทีมงานชุดนี้ด้วย ซึ่งในปีถัดไปอาจจะเปลี่ยนหรืออยู่ดังเดิม เป็นเรื่องไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับผลเลือกตั้งของนักศึกษาที่จะเลือกพวกเขาหรือไม่
                  พูดแล้วก็ใจหาย ตอนนี้ระยะเวลาปีสองก็ได้เดินทางมาเกือบครึ่งเทอมแล้ว
   
                  “โอ๊ย ผู้ชายเต็มไปหมด พวกมึง วันนี้แยกโต๊ะกันนะคะ กูจะแอ๊บไปนั่งกับผู้ชาย”
   
                  วินดี้บอกจุดประสงค์แล้วเดินนวยนาดอย่างนางพญาเข้าไปในร้าน
                  พวกเราทั้งหมดตามเธอเข้าไป
   
                  “สายป่าน มาด้วยเหรอ”
   
                  มาแล้วจ้า
                  นินิว ทีมสโมกลางก็มาจ้า
   
                  “อ่า มดชวนมาน่ะ”
   
                  หืมมมม
                  ไอ้สายป่านทำไมโยนขี้มาทางนี้ได้วะ เรียกสายตาจิกกัดอย่างรุนแรงจากนินิวมาทางเขา
   
                  “งั้นเหรอ…”
                  “…”
                  “ไปนั่งโต๊ะนู้นกัน”
   
                  เธอถือวิสาสาะเบียดเข้ามายืนข้างสายป่าน แล้วควงแขนของมันจะพาลากไป แต่ไอ้สายป่านขืนตัวไว้
   
                  “มด กินโต๊ะไหน”
                  “ฮะ”
                  “ถามว่านั่งไหน”
   
                  นี่แปลว่ามันปฏิเสธนินิวทางอ้อมหรือเปล่านะ การที่ถามเขาว่านั่งโต๊ะไหนเนี่ย
   
                  “โต๊ะนั้นมั้ย ว่างอยู่”
   
                  ซึ่งเขาก็รีบชี้ไปทางโต๊ะมุมขวาของร้านทันที
   
                  “แต่มันไกลอาหารนะคะสายป่าน”
   
                  นินิวเอ่ยท้วง
   
                  “หล่อน สายป่านเขาจะนั่งไหนก็เรื่องของเขาสิยะ” จนวินดี้ต้องพูดขึ้น
                  “เอ๊ะ แล้วคุณพี่กะเทยยุ่งอะไรด้วยเหรอคะ” นินิวจีบปากจีบคอพูดขึ้น
                  “นิว!”
   
                  สายป่านปรามนินิว เพราะเธอใช้คำว่ากะเทยซึ่งอาจเป็นคำธรรมดาที่ไม่คิดอะไรหากแต่เป็นนินิวพูด เธอจึงจงใจใช้คำนี้เพื่อเหยียดวินดี้ในน้ำเสียง และไม่ใช่แค่สายป่าน คนอื่นๆยังรู้สึกได้เลย
   
                  “มด ไปนั่งโต๊ะที่มึงว่ากัน”
   
                  เขาพยักหน้า สายป่านแกะมือของนินิวออก แล้วเดินตามมา
   
                  “ขอโทษแทนนินิวด้วยนะวินดี้ เธอคงไม่ได้ตั้งใจ”
                  “แล้วมันกงการอะไรของสายป่านที่จะต้องมาขอโทษแทนด้วยเนี่ย แต่ไม่เป็นไร เจ๊ไม่ถือค่า”
   
                  สักพักวินดี้ก็เล่นตลกคลายเครียดไป เลยทำให้ประเด็นเหยียดเมื่อกี้เป็นเรื่องขำขันเสีย
                  แต่ทุกคนก็รู้ดีว่า จะไม่มีทางลืมมันลง
   
                  “อย่ากินเหล้าเยอะนะ”
   
                  เขากระซิบบอกไอ้สายป่าน ที่เอียงหูลงมาฟังเพราะทางร้านเริ่มเปิดเพลงคลอแล้ว
   
                  “เป็นห่วงเหรอ”
                  “ปะ เปล่าซะหน่อย กะ กูแค่กลัวไม่มีคนขับรถ”
   
                  อันที่จริงเขาเป็นห่วงมันน่ะถูกแล้ว มึงนี่แสนรู้จริงๆเลย
   
                  “ยากอะไร ก็นอนข้างถนนด้วยกันเลย”
   
                  ชีวิตกูต้องมาลำบากอะไรแบบนี้กับมึงด้วยเหรอ สงสารตัวเองจัง แต่ก็คิดไว้ว่าถ้ามันเมาแล้วนอนข้างถนนจริงๆ ยังไงเขาก็ทิ้งมันให้นอนคนเดียวไม่ลงหรอก
   
                  “ฝันไปเหอะ”
                  “หึ”
   
                  มันครางแล้วจ้องมองตาเขา
   
                  “ถ้าตื่นมาแล้วเจอมึงนอนข้างๆล่ะน่าดู”
   
                  เหมือนมันรู้… ว่ายังไงเขาก็ต้องนอนข้างถนนกับมันอยู่ดี
   
                  “เออ อย่าดื่มเยอะแล้วกัน”
                  “ก็ดูกันไป”
   
                  เหอะ
                  ก็ดูกันไป…
                  ดูกันไปสักพัก
   
                  “สายป่าน ชนนนน” วินดี้มาชนแก้วกับมันเป็นคนแรก ทั้งที่อาหารยังไม่ตกถึงท้อง ล่อเบียร์กันแล้วเหรอ เขาแทบยกมือกุมขมับ
                  “ชนนนนน” มามี่มาเป็นรายที่สอง
                  “ชนจ้า” ลลิตาเป็นคนที่สาม
                  “ชนนนนนน” วินดี้เวียนกลับมาชนกับมันอีกครั้งหลังจากไปเติมมาใหม่ โอ๊ย เหนื่อยใจ
                  “ชนนนน” ลิลลี่
                  “ชนค่า” อุมาพร
   
                  เอาเป็นว่าตอนนี้ไอ้สายป่านไม่รู้กินไปกี่แก้วแล้ว เอาเถอะ แค่มึงยังคอแข็งอยู่ตอนนี้ก็พอ
                  สงสัยเขาคงจะได้ขับรถของมันพามันกลับห้องแน่ๆคืนนี้
                  เพราะดูแล้วไม่น่ารอด…

   





                  “สายป่าน เมายัง”
   
                  เขากระซิบถามมันข้างหู มันหันหน้ามามองเขาแล้วสะบัดหัวไปมาก่อนจะตอบว่า “ไม่มาวววว”
   
                  “เมาแล้วเนี่ย ยังบอกไม่เมาอีก เฮ้อ”
   
                  ช่วยไม่ได้ จนเขาต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ สรุปแล้วคืนนี้เขาได้ขับรถแน่ๆไม่ต้องถามหาสติคนเมาอย่างไอ้สายป่าน เพราะตอนนี้แทบไม่เหลือ
                  แค่ตอบคำถาม ฟังรู้เรื่องก็ดีแค่ไหนแล้ว
   
                  “พอแล้วมั้ง”
   
                  เขาบอกมัน แต่ร่างสูงกลับสายหัวพรืด ก่อนจะผุดลุกขึ้นแล้วบอกว่า “ เข้าห้องน้ำแป๊บ”
                  แล้วมันก็เดินโงนเงนไปทางห้องน้ำ เขาช่างใจว่าจะตามมันไปดีมั้ย แต่คิดไปคิดมาตัวเองก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม
   
                  “มด เมื่อไหร่จะรุกสักทีค้า”
   
                  นี่ก็อีกราย เมาแล้วเรื้อนไม่หยุด วินดี้ปัดป่ายมือไปมาจนเขาต้องจับไว้ เพราะไม่งั้นปัดโดนขวดเหล้าบนโต๊ะหล่นลงแตกแน่ๆ
   
                  “ช่ายยยย ไม่รุกสักทีระวังหมาคาบไปแดกนะจ๊ะ” มามี่ก็กรึ่มๆไม่แพ้กัน
   
                  ไม่ใช่แค่มามี่ หรือวินดี้ เหล่านางฟ้าทั้งก๊กนั่นแหละ เมากันหมดแล้ววววว
                  ระหว่างที่เขาจับไม้จับมือเหล่านางฟ้าไม่ให้ดิ้นไปมา แล้วทำของตก นินิวก็ถือแก้วเหล้าเดินผ่านโต๊ะเขาไปอย่างเร่งรีบ
   
                  “มดดดดดด รุกเลยคืนนี้ เผด็จศึกสายป่านโลดดดดด”
   
                  วินดี้จะตะโกนให้คนอื่นได้ยินหมดหรือไง แต่โชคดีที่มีเสียงเพลงของร้านดังกลบเอาไว้
                  แต่ก่อนที่เขาจะได้เอามือปิดปากเธอ เสียงกรี๊ดที่ดังจากในห้องน้ำก็เรียกความสนใจของทุกคนให้หันไป รวมถึงตัวเขาด้วย
                  เพลงถูกปิดลง ตามด้วยการเคลื่อนที่ของฝูงชนไปที่ห้องน้ำ
                  เขาตามไปติดๆ
                  ค่อยๆแหวกไทยมุงทั้งหลายเข้าไปดูสถานการณ์
   


                  !!!
   


                  “สายป่าน อย่านะคะ จะทำอะไรนินิว”
   
                  ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เขาก้าวขาไม่ออกอีกต่อไป
                  ภาพที่ไอ้สายป่านกำลังกอดจูบนินิวอยู่ ทำให้หัวใจเขาแตกออกเป็นเสี่ยงๆได้อย่างง่ายดาย
   
                  “สงสัยคงเมาน่ะค่ะ เดี๋ยวนินิวคงต้องพาไปเคลียร์อีกที”
   
                  เธอพยายามเบี่ยงคอหลบใบหน้าของสายป่านที่พุ่งจู่โจมซุกไซร้ซอกคอขาวอย่างเมามัน
                  นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย
                  หรือเพราะถ่านไฟเก่ามันปะทุ
   
                  “ไปๆ ทุกคนแยกย้าย”
   
                  เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน และมันไม่ผิดอะไรเพราะนินิวกับสายป่านเคยเป็นแฟนกันมาก่อน การที่ไอ้สายป่านจะเกิดอารมณ์กับนินิวตอนเมามายเช่นนี้
                  คงไม่น่าแปลกอะไร
                  เขารู้สึกร้อนที่ขอบตา ก่อนที่น้ำตาจะไหล เขาต้องพาหัวใจอันเปราะบางของตัวเองออกไปจากจุดนี้ก่อน
                  เพราะเขาทนเห็นภาพบาดตาบาดใจแบบนี้ไม่ได้หรอก
                  ก้าวไปสักทีสิ ไอ้ขาบ้าๆนี่
   
                  กึก!
                  มีแก้วเปล่ากลิ้งมาชนที่เท้าของเขา
   
                  เขาก้มลงหยิบมันขึ้นมาอย่างยากลำบาก เนื่องจากคนอื่นๆกำลังทยอยเดินออกจากห้อง เลยไม่มีใครสังเกตเห็นแก้วใบนี้ที่กลิ้งไปตรงพื้นห้องน้ำ
                  เขาจำได้ว่านินิวถือมันอยู่ตอนที่เดินผ่านโต๊ะเขาไป
                  และสิ่งที่เฉลยข้อข้องใจทั้งหมดของเขา ก็ดังขึ้นมาเป็นประโยคคำพูดของใครบางคน
                  ที่อ่อนแรงเต็มที
   
                  “มด กูไม่ไหวแล้ว”
   


                  !!!
   


                  มันเรียกชื่อเขา
                  ไอ้สายป่านเรียกชื่อเขาในขณะที่ตัวเองกำลังซุกไซร้ซอกคอคนอื่นอยู่
                  แล้วมันใช่เวลาที่เขาควรดีใจใช่มั้ย เพราะเท่ากับว่ามันกำลังคิดว่ามันกอดเขาอยู่
                  ฝูงชนที่จะทยอยออกไปหยุดชะงัก
                  นินิวเริ่มหน้าเสีย
   
                  “เธอ…”
   
                  เขาเดินเข้าไปหานินิว และเผชิญหน้าอย่างมาดมั่น
   
                  “วางยาสายป่าน”
   
                  ฮือฮา
   
                  “แกเอาอะไรมาพูด แกใส่ร้ายฉัน มันใส่ร้ายนินิวค่ะทุกคน”
   
                  เขาไม่โต้ตอบ แต่ออกแรงดึงร่างสูงที่กอดนินิวอยู่ให้เซมาทางเขา
   
                  “มด อึก…”
                  “เราจะพาสายป่านกลับห้อง ไว้ค่อยเคลียร์เรื่องนี้กันวันพรุ่งนี้”
   
                  เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงอีกต่อไป รีบพยุงไอ้สายป่านออกมาจากห้องน้ำ
   
                  “เกิดอะไรขึ้นมด”
   
                  วินดี้ที่สร่างเมาผุดลุกขึ้นมาจากโต๊ะ
   
                  “ไว้บอกทีหลัง เรากลับก่อนนะ ฝากนางฟ้าคนอื่นๆด้วย”
   
                  วินดี้แม้จะยังงงๆแต่ก็พยักหน้าตอบตกลง
   
   





                  ซ่า ซ่า
                  ทันทีที่มาถึงห้อง เขาพาไอ้สายป่านเข้าห้องน้ำ เปิดฝักบัว เอาน้ำรดตัวมันให้สดชื่น ให้สร่างเมา และคลายความร้อนรุ่มลง แต่ไม่ว่าจะทำยังไง มันก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย
                  ถึงจะน่าอาย แต่ไอ้ตรงเป้ากางเกงที่ดึงดันขึ้นมาก็บอกเขาได้เป็นอย่างดีว่า อารมณ์ของมันยังค้างอยู่ และที่สำคัญ จะไม่ให้เขาเขินหน้าแดงได้ยังไง ในเมื่อมันครางชื่อเขาตลอดเวลาอยู่แบบนี้
                  ตกลงแล้ว มึงคิดกับกูยังไงกันแน่ ไอ้สายป่าน
   
                  “มด อึก กูไม่ไหวแล้ว มด มด”
   
                  โอ๊ยยยยยย เขาจะทนฟังได้อีกนานแค่ไหนกัน
   
                  “มด ยอมกูเถอะนะ”
   

                  พรึ่บบบบ
   

                  “เฮ้ยยยย”
   
                  เขาที่ไม่ทันตั้งตัวเพราะถือฝักบัวรดน้ำมันอยู่ เลยถูกดึงให้ลงไปที่อ่างน้ำกับมัน
                  กลายเป็นว่าตอนนี้เขากำลังนั่งตักมันอยู่
                  และแน่นอนว่า เขารู้สึกได้อย่างดีเลยล่ะ อะไรแข็งๆที่ทิ่มอยู่ตรงก้น
                  โอ๊ยยยย กระดากปากชะมัดเลย
   
                  “ไอ้สายป่าน อย่า!”
   
                  มันจู่โจมให้เขาอ่อนระทวยด้วยการซุกไซร้ใบหน้าหล่อเหลากับวอกคอขาวของเขาลากลิ้นร้อนไปมาอยู่ตรงหัวไหล่ให้เขาสะดุ้งเป็นพักๆ
                  ไอ้บ้า กับเรื่องแบบนี้มึงจะเก่งเกินไปแล้วนะ
   
                  “เป็นของกูเถอะ…”
                  “…”
                  “กูทนไม่ไหวแล้ว”
   
                  น้ำเสียงนั้นนุ่ม เสียงมันทุ้มจนพาเขาเคลิ้ม
                  และสิ่งที่ทำให้เขาไม่สามารถต้านทานมันได้อีกต่อไปคือประโยคสุดท้ายที่มันพูด ก่อนเขาจะปล่อยให้อารมณ์ทั้งหมดนำพาไป
   
                  “กูรักมึงนะ





*TBC.......................................................

งื้อออออ อีกสองตอนแล้วนะคะ กับนิยายเรื่องนี้
รักและผูกพันธืกับตัวละครหลัก ไม่ว่าจะเป็นพระนาย หรือแก๊งนางฟ้า
และกลุ่มเพื่อนสนิทมดๆที่โผล่มาทักทายบ้างเป็นบางครั้ง
และขอบคุณคนอ่านทุกๆคนมากนะคะ

หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเก้า P.6 05-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 05-06-2019 19:48:45
กรี๊ดดดดด ตอนหน้าจะมีไหมน้า :haun4:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเก้า P.6 05-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 05-06-2019 20:52:48
มดจ๋า ลากสายป่านมาทำบนเตียง
ครั้งแรกอย่าทำในอ่างเลย 55555
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเก้า P.6 05-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 05-06-2019 21:42:37
ยังไม่ทันได้จีบอย่างจริงจังสายป่านจะกินมดซะแล้วเฮ่อ  :เฮ้อ: แล้วมาบอกรักตอนเมานี่สร่างเมาแล้วจะจำได้หรือเปล่าว่าพูดอะไรไปสายป่าน  :hao4:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเก้า P.6 05-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 05-06-2019 23:03:09
ค้างอ๊าาาาาาา :ling1: :hao7: :katai1:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเก้า P.6 05-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-06-2019 23:39:57
แตกหักได้ยังสายป่าน เรื่องนังนิ่วในไตนะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบแปด P.6 04-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-06-2019 13:46:55
อ่อยยยย
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเก้า P.6 05-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 06-06-2019 16:54:49
 :katai4: :katai4:

มาจ้าาาาา ตอนหน้าต้องมาาา
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเก้า P.6 05-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 06-06-2019 21:10:22
มดสู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเก้า P.6 05-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 07-06-2019 11:45:38
เดี๋ยวววววววววววววววว  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเก้า P.6 05-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 09-06-2019 21:01:42
คืออะไร ทั้งหมดคืออะไร มดอย่ายอม
อย่ายอมแพ้นะ บอกรักกลับตอนรู้ตัวเลย

โอ๊ยยย เต๊าะมานาน ไม่ทำไรชัดเจนสักทีนะสายป่าน
มาชัดเจนเอาตอนโดนวางยา ใช่เรื่องน่าดีใจไหม
แต่มดก็ยินยอมพร้อมใจไปแล้ว

สงสารมามี่ อุบัติเหตุ เกิดขึ้นได้เสมอ เสียใจด้วยนะคะ

ผู้หญิงคนนั้นคือยังไงคะ ไปหาคนอื่นเหอะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเก้า P.6 05-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 10-06-2019 21:49:30
มารอ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่สิบเก้า P.6 05-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 11-06-2019 12:07:54
 :fire:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่ยี่สิบ P.7 14-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 14-06-2019 17:26:21
ก้าวที่ยี่สิบ
จุดมุ่งหมายของปลายทาง


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  ให้ตายเถอะมึง ไอ้สายป่าน
                  เมื่อคืนมึงทำเหี้ยๆอะไรลงไป…
                  เข้าใจถูกแล้วครับ ไม่ใช่ว่าเขาเมาแล้วจะไม่รู้เรื่องไม่ได้สติ เมื่อคืนเขาโดนยา ยาที่นินิวใส่ลงในแก้วเหล้าแล้วหลอกให้เขาดื่ม
                  เขาจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด
                  และจำได้ด้วยว่า ตัวเองทำอะไรเอาไว้กับคนที่เขาครางชื่อด้วยอารมณ์พาไป
                  มันก็เหมือนคนธรรมดาทั่วๆไป ไม่ได้น่ามอง ไม่ชวนให้หลงใหล แต่ทำไมก็ไม่รู้ ที่เมื่อไหร่ก็ตามเขาก็มักจะหันมองมันเสมอ
                  มันชื่อมด มดที่ขี้ขลาด และเก็บความรู้สึกไม่เก่ง
                  แสดงออกมาว่าชอบเขามากขนาดนั้น เป็นใคร ใครก็ต้องรู้ นอกจากว่าคุณจะไม่มีหัวใจเอาไว้รับรู้เรื่องแบบนี้เลย ซึ่งมันไม่ใช่เขาแน่นอนอยู่แล้ว
                  แรกๆเขาไม่ได้สนใจอะไรมากมาย รู้เพียงแต่ว่ามันชอบแอบมองเขา หนีหน้าเขาตลอดเวลา
                  แล้วจะให้เขาทำไงล่ะ อยากจะปฏิบัติกับมันเหมือนเพื่อนร่วมรุ่นทั่วไปแทบตาย แต่แม่งโคตรไม่ให้ความร่วมมือเลยครับ อยู่ใกล้แล้วชวนอึดอัด
                  เขาเลยตัดปัญหา ไม่คุยกับแม่งไปเลย
                  แล้วไง
                  เอาไปเพ้อในเฟซบุ๊ก เพ้อเก่ง เพ้อทุกวัน เพ้อเหมือนกูจะไม่รู้
                  กูนี่ ระดับไหน อยากจะส่องเฟซใคร ต้องได้ส่อง
                  แล้วทำไมเขาต้องไปส่องมันด้วยล่ะ
                  นั่นสิ
                  แต่กว่าจะรู้ตัว…
                  เขาก็ติดเฟซมันมอมแมมไปแล้ว ยิ่งกว่าเหล้าเสียอีกครับ
                  มึงเพ้ออะไรได้ทุกวี่วันวะ
                  ไม่มีวิชาเรียนหรือไง
                  หลากหลายคำถามที่เขาอยากเข้าไปถามมันตรงๆ แต่ก้ไม่รู้ว่าจะไปถามหาคำตอบเพื่ออะไร
                  แถมยังไม่สามารถฝ่ากำแพงความอึดอัดที่มันสร้างขึ้นมาไว้ไปได้
                  แต่สิ่งที่ทำให้เขาเสียใจ และตัดสินใจผิดพลาดอย่างร้ายแรงมหันต์ คือการตอบตกลงเป็นแฟนกับนินิว
   

                  ‘สายป่านคบกับนินิวแล้วเหรอ เหมาะสมกันดีจัง’
                  ‘นินิวกับสายป่าน โอ๊ย ยอมค่ะยอมคู่นี้’
   

                  และแน่นอนว่าไม่นานเรื่องก็ไปถึงหูของไอ้มด
                  วันนั้นทั้งวัน เขาที่มองมันตลอดเวลารับรู้ได้เลยว่ามันกำลังเข้าโหมดเศร้า
                  มึงคงชอบกูมากจริงๆสินะ
                  ทำไมแม่งรู้สึกผิดจังเลยที่คบกับนินิว
                  ทั้งที่สิทธิ์ก็เป็นของตัวเขาเอง
                  แต่พอเห็นมันเป็นแบบนี้ ทำไมเขาถึงอยู่ไม่เป็นสุขเลย
                  คอยแต่จะห่วง ห่วงว่ามันจะรู้สึกยังไง
                  อย่างเช่นตอนนี้
   

                  ‘เอ่อ…’
                  ‘…’
                  ‘ขอคุยกับนายหน่อยดิ’
   

                  จู่ๆวันหนึ่งมันก็เดินตรงมาหาเขาที่นั่งอยู่โต๊ะม้าหินอ่อนกับเพื่อนๆที่ใต้ตึกสี่
                  มันชี้มือมาที่เขา
                  แล้วเขาก็ชี้ที่ตัวเอง ตอนนั้นเกิดคำถามขึ้นมากมายในหัว แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือความดีใจ ที่มันเข้ามาทักเขา
   
                  ‘กับใครวะ’
   
                  เพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆมึนงง เพราะที่ตรงนี้มีพวกมันนั่งเต็มไปหมด แต่เขามันคนเข้าข้างตัวเองไง เหอะ ยังไงมันก็มาคุยกับเขา เขามั่นใจ
   
                  ‘อยากคุยกับกูเหรอ’
   
                  เลยพูดถามออกไป
   
                  ‘คุยตรงนี้สิ’
   
                  ทำไมต้องรู้สึกใจเต้นขึ้นมาตอนมันพยักหน้าด้วย นี่มึงมาหากูจริงๆเหรอ ทั้งๆที่ตลอดเวลามันแทบหลบหน้าหนีหายตลอดนี่นะ
                  เขาพยายามควบคุมน้ำเสียงให้ราบเรียบที่สุด ทั้งที่ภายในมันปั่นป่วนไปหมด
                  เกิดมาอายุสิบเก้า เพิ่งจะรู้สึกใจเต้นก็กับมันคนแรกนี่แหละ
                  เขามองมัน สีหน้าดูอึดอัดใจ แต่มันก็เดินเข้ามาหา แล้วว่า
   
                  ‘เราทำตามคำสั่งพี่รหัสนะ…’
   
                  มันยื่นโพสต์อิทสีเหลืองใบเล็กที่เขียนด้วยตัวหนังสือน่ารักมาให้อ่าน
   
               

                  เรา รัก นาย
   


                  ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
   
                  ให้ตายสิ ใจเขาเต้นแรงชะมัดเลย
                  ขอแกล้งคืนหน่อยได้ไหมล่ะครับ
                  ให้คนแอบรักได้ร้อนตัวนิดหนึ่ง
   
                  ‘มึงแอบชอบกูมานานเท่าไหร่แล้ว’
   
                  การได้เห็นอาการเหวอแดกของไอ้มด เป็นอะไรที่ทำให้เขาอารมณ์ดีชะมัด
                  เพราะว่า มันทำให้เขาได้รู้ว่า สุดท้ายแล้วมันก็ยังคงเป็นคนที่เก็บความรู้สึกไม่เก่งเหมือนเดิม จะว่าเขาเข้าข้างตัวเองก็เอา แต่ตอนนี้มันกำลังเขินเขาอยู่ชัดๆ
   
                  ‘จริงเหรอวะ’
   
                  เพื่อนคนอื่นๆเริ่มกระซิบกระซาบ เขากำลังรอดูว่ามันจะทำยังไงต่อไป ขอโทษนะมึง แต่กูสนุกจังเลย
   
                  ‘เปล่านะ เราทำตามคำสั่งรุ่นพี่’
   
                  หึ
   
                  ‘เมื่อกี้มึงไม่ได้บอกแบบนี้’
   
                  ดูใบหน้าที่มองค้อนมานั่นดิ แม่ง โคตรน่ารักเลยเว้ย
                  แต่แล้วใบหน้านั้นก็อับเฉาลงทันทีที่เสียงๆหนึ่งตะโกนขึ้นมา
   
                  ‘ป่าน รีบหน่อยสินิวหิวแล้ว’
   
                  ไม่อยากเห็น ไม่อยากเห็นใบหน้าเศร้าๆนี้ของมันเลย
                  ไม่อยากเห็นจนต้องรีบไปให้พ้นๆ
   
                  ‘เฮ้ยมึง กูไปก่อนนะ แล้วเจอกันเว้ย’
   
                  เขามองหน้ามันชัดๆอีกรอบ แล้วเดินหนีออกมา
                  ทำไมเห็นมันเศร้า แล้วเขารู้สึกแปลกๆที่อกข้างซ้ายกันนะ
   
   




                  เขาเลิกกับนินิวแล้ว…
                  แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขาเศร้าเสียใจเลย กลับกัน เขารู้สึกเฉยๆเสียมากกว่า เหมือนสิ่งผูกพัน ภาระต่างๆได้เลือนหายไป
                  แต่ที่เขาเศร้า เพราะวันนี้เป็นวันครบรอบที่คุณตาจากพวกเราไป ตอนเด็กๆคุณตาคือเพื่อนเล่นของเขา ท่านสอนในสิ่งที่ทำให้เขาเติบโตมาอย่างเข้มแข็ง แม้ในความทรงจำในวันวานคุณตาไม่เคยหายไปไหน แต่พอวันนี้มาถึงทีไร มันก็อดเศร้าใจไม่ได้ทุกที
                  แต่เพื่อนร่วมรุ่นรวมถึงใครบางคนกลับคิดว่าเขาถูกหักอกซะงั้น
                  เฮ้ออออออ
                  เพราะเขาต้องรับสายมากมายจากบุคคลผู้หวังดี
                  
                  ท่านแรก ยอดชายนายแบงค์ เพื่อนซี้ตลอดกาล
                  ‘ไหวนะมึง อดทน ความรักไม่ทำให้ตาย’ น้ำเน่ามากสัด นี่กูเพิ่งรู้ว่ามึงเป็นคนแบบนี้
                  ‘เลิกโทรมาซักทีไอ้เวร กูไม่เป็นอะไรแล้วเว้ย นี่เป็นแม่หรือเป็นเพื่อนครับ’ เขาตอบกลับแบงค์
   
                  ท่านที่สอง กานต์ เพื่อนสนิทอีกคน
                  ‘ห้ามคิดสั้นนะเว้ย กูขอ ผู้หญิงใจร้ายคนเดียว แม่งหาใหม่ได้’
                  ‘เออๆ พรุ่งนี้ข่าวหน้าหนึ่งแน่นอน สายป่านโดดน้ำตาย’
                  เขาเลยพูดเล่นๆตอบกลับมันไป จนได้ยินเสียงหัวเราะหึตามฉบับของมันแล้ววางสายไป
   
                  ท่านที่สาม บีมครับ ทอมเพื่อนสนิทที่เจอกันตอนทำงานสโม อย่าลืมว่าเขาเป็นตัวแทนทูตกิจกรรมของคณะสถาปัตย์นะเออ หล่อแบบมีประโยชน์อ่ะครับ เข้าใจป่ะครับ
                  ‘ถ้าคิดสั้นกูจะแฉความลับมึง’ อูยยยย กลัวแล้วครับ เลยต้องรีบตอบกลับทันทีว่า…
                  ‘ครับๆ ไม่คิดสั้นเว้ย กูใครครับ ไม่มีแล้วก็หาใหม่ได้’
   
                  ท่านที่สี่ คุณโฟร์ครับ เพื่อนสนิทนิสัยเหี้ยจากโรงเรียนเก่า เป็นเพศที่สามคนเดียวที่เขาจะไม่เคารพ และก้มหัวให้ไม่ลง เพราะจอยสกปรกมาก
                  ‘ห้ามตาย ห้ามคิดสั้น ห้ามชักว่าวโชว์เพราะสิ้นคิด ไม่งั้นกูจะเอาไปขายในทวิตเตอร์’
                  ‘กูหล่อ พอใจยัง’
                  ครับบบบบ
   
                  และท่านสุดท้าย ไอ้เหี้ยกุ้ง โคตรกวนตีน
                  ‘มึงมันเล็ก’ เขาเลยทิ้งกูสินะ
                  ‘Kครับ’
   
                  แล้วใครบางคน นี่ก็เข้าใจผิด แบบผิดมากๆว่าเขาโคตรเสียใจกับเรื่องถูกหักอกในครั้งนี้
         


                  อย่าพยายามเปลี่ยนความเป็นตัวมึง เพียงเพราะอยากจะลืมใครบางคน
                  มึงกับนมเปรี้ยวรสส้ม…
                  มันโคตรคูลเลย
   


                  เอ่อ มึงครับ สติหน่อย
                  แม่ง แต่ทำไมเขาดูดนมเปรี้ยวไป ยิ้มไปวะ เขานี่ท่าจะเป็นบ้า
                  





                  และตั้งแต่วันนั้น
                  เขาก็ปล่อยเวลาผ่านไปเกือบสี่เดือน จนเปิดเทอมและเขาขึ้นปีสอง ถึงได้ตั้งใจว่าจะรุกมัน…
   
                  ‘เฮ้ยมึง มีบัตรนักศึกษาใช่มั้ย กูออกไปด้วยดิ’
   
                  ความจริงบัตรนักศึกษาของเขาอยู่ในกระเป๋ากางเกงครับ การได้เห็นหน้าเหวอๆของมันนี่สนุกชะมัด
                  และ…
                  มันเข้ามาดูเขาไลฟ์เฟซบุ๊กด้วย
                  เอาไงดีครับ แกล้งให้เขินกับหน้าจอมือถือดีมั้ยเนี่ย
   
                  ‘นี่ของกู’
   
                  เขาควักบัตรนักศึกษาที่ยึดจากมันมาได้ เพราะใช้กลโกงเล่นเกมส์จนมันตอบผิด ถือโอกาสนี้เอามาเป็นข้ออ้างยึดบัตรไป เพื่อจะได้เจอกันอีกครั้ง ตอนมันมาเอาคืน แล้วเขาคิดไปไกลเลยนะ ว่าจะแกล้งมันตอนมาเอาบัตรคืนยังไง หึหึหึ เป็นเอามากนะมึง ไอ้สายป่าน
                  ชอบแกล้งคนที่ชอบเนี่ย เป็นกันทุกคนในครอบครัวครับ
                  แก้ไม่หายหรอก
                  เขารู้สึกเคยชินกับทุกวันที่ได้แกล้งให้มันเขิน
                  




                  จนวันหนึ่งมันหายไป
                  เขาเหมือนขาดอะไร หัวใจมันโหวงๆ
                  เขาตามหามัน
                  ติดต่อมัน
                  มันไม่รับสาย
                  ไม่แม้แต่จะโทรกลับ
                  มันไปไหน
                  จนได้รู้ ว่ามันไปกับมามี่ เนื่องจากแม่ของมามี่เสียแล้ว มันเลยตามไปร่วมงานที่จังหวัดลำปาง
                  เย็นวันนั้นเขาบงการให้ไอ้แบงค์ไลฟ์เฟซบุ๊ก
                  เขาอยากเห็นหน้ามัน
                  อยากแกล้งมัน
                  แต่มันกลับไม่อยากให้แกล้งอีกต่อไปแล้ว มันตั้งใจหลบมุมกล้อง
   
                  ‘เราฝากถึงคนปลอบมามี่หน่อยว่า…’
                  ‘…’
                  ‘พรุ่งนี้คงมีคำอธิบายที่หายตัวไปเฉยๆแบบนี้’
   
                  อย่างน้อย เขาก็ยังได้แกล้งมันอีกรอบ
                  อย่างน้อย มันก็ไม่หนีหายออกไป แค่ได้เห็นแขนมันก็ยังดี
   





                  เกิดอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง ไอ้แบงค์ได้รับบาดเจ็บหนัก พวกเราทั้งหมดมาที่โรงพยาบาล
                  และเขาก็ได้พบกับมัน ที่กำลังเรียกชื่อเขาอยู่
   
                  ‘สายป่าน’
                  ‘…’
                  ‘สายป่าน’
                  ‘มด’
   
                  เขาเองก็ตะโกนชื่อมันออกไปเหมือนกัน
                  และเป็นอีกครั้งที่มันทำให้เขาเหมือนเด็กอายุสิบสี่…
   
                  ‘อย่าทำให้เป็นห่วงได้มั้ย’
                  ใจเข้ามันเต้นโคตรแรงเลยครับ
   
   





                  ‘สายป่าน จะทำอะไรนินิวคะ’
   
                  มด ช่วยกูด้วย ร่างกายกูมันขยับไปตามความต้องการ
                  กูไม่ไหวแล้ว
                  อย่า อย่าทิ้งกันไป
   
                  ‘มด กูไม่ไหวแล้ว’
   
                  เขาตัดสินใจออกแรงเอ่ยประโยคเฮือกสุดท้าย
                  ได้ผลมั้ย
                  !!!
   
                  ‘เธอ วางยาสายป่าน’
   
                  มันกลับมา มันกลับมาหาเขาแล้ว ขอบคุณ ขอบคุณที่มึงไม่เข้าใจผิด ขอบคุณที่มึงไม่เดินหนีไป
                  ขอบคุณ
                  และคืนนั้น เขาก็ได้ทำเรื่องเลวร้ายที่สุดลงไป
                  เขาปล่อยให้อารมณ์มืดครอบงำ จนครอบครองมันอย่างไม่เหลือพื้นที่ใดอีก
                  เพราะเขาไม่รู้จักยับยั้งช่างใจ
                  ตอนเช้า คนที่นอนข้างกันเมื่อคืน จึงปลาสนาการหายไป
                  มด มึงจะโกรธกูมั้ย
                  ถึงมึงโกรธกู กูก็จะพยายาม กูจะตามง้อ ตามขอโทษมึง จนกว่ามึงจะหายโกรธ
                  เพราะงั้น อย่าใจร้ายกับคนที่รักมึงเลยนะ
   
   





                  “มด ไหวมั้ยเนี่ย ตกลงเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”
   
                  เขาจะเล่าได้ยังไงล่ะว่าตัวเองเสียจิ้นให้คนที่แอบชอบไปแล้ว มันน่าอาย แล้วก็เขินด้วยนะ
                  งื้อ แค่คิดถึงความเร่าร้อน ใบหน้าหื่นกามของไอ้สายป่านก็ลอยมาเลย
                  นั่นเป็นเหตุผลที่ตอนเช้าเขาไม่กล้าแม่แต่จะอยู่รอมันตื่นขึ้นมา เพราะกลัวความเขินอายมากมายมันจะทะลักออกมานี่สิ
                  โอ๊ย เขินจนตัวจะแตกแล้ว
                  อยู่มายี่สิบปี เพิ่งจะเคยเจอของใหญ่ เอ๊ย สิ่งแปลกใหม่อะไรแบบนี้
                  มดกับเรื่องเซ็กส์ เท่ากับศูนย์
   
                  “หรือว่า…” วินดี้ชี้นิ้วมา
                  “ไม่นะ เรากับสายป่านไม่ได้มีอะไรกันนะ อุ๊บ”
   
                  ให้ตายเถอะ เพราะความลนลานของตัวเองแท้ๆ
   
                  “นั่นไง ว่าแล้ววววววววว โดนจนได้” มามี่ตบตักฉาดใหญ่
                  “จริงๆก็นึกขอบคุณนังนินิวนะ ที่เหมือนเอาสูตรลัดให้มดไปเสียอย่างนั้น”
   
                  สูตรลัดที่ว่าคือการวางยาเหรอ แบบนี้ก็ได้เหรอ อึ๊ย แต่ไม่เอาแล้วนะ ทั้งอึด ทั้งทน จนเขาไม่ได้นอน โอ๊ยยยยย นี่เขาบอกอะไรทุกคนออกไปเนี่ยยยยย ลืมไปมันไปเลยนะทุกคน ห้ามบอกเหล่านางฟ้าด้วย
   
                  “ไม่เป็นไรค่ะมด ถึงอย่างไรเราก็เสียตัวไปแล้ว” วินดี้กุมมือเขาไว้
   
                  แล้วกระซิบบอก
   
                  “ต่อไปนี้…”
                  “…”
                  “จงเริ่มใช้เสน่ห์มัดใจผัวได้เลยค่ะ”
   
                  !!!
                  เสน่ห์บ้าอะไร
                  แล้วพูดเรื่องแบบนี้ออกมาหน้าตาเฉยได้ยังไงกัน
   
                  “พอเลย ไม่ต้องมาคุยด้วยเลย”
   
                  โอ๊ยยยย ทำไมมันดูเหมือนเขามุ้งมิ้งเหลือเกินวุ้ย
   
                  “ไม่คุยไม่ได้แล้ว เรื่องนี้ต้องเม้าท์” วินดี้ยังคะนั้นคะยอไม่เลิก
                  “ของสายป่านใหญ่ป่ะ” นี่สินะจุดประสงค์จริงๆอ่ะ เรื่องผู้ชายนี่ไม่เว้นแม้แต่ผัวเพื่อนเลยเนาะ เฮ้ยยยยย ผิดดดดดด
   
                  ตบปาก ตบปาก ไปเอาคำบ้าๆอย่างนี้มาจากไหนนะเรา
                  ใช่แล้ว ต้องติดจากเหล่านางฟ้ามาแน่ๆ
   
                  “พูดบ้าอะไร เราไม่รู้ด้วยแล้ว”



มีต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่ยี่สิบ P.7 14-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 14-06-2019 17:28:08
ต่อตรงนี้ค่า


                  เขาตัดบทโดยการเบือนหน้าหนีมาอีกทาง แต่วินดี้ก็ตามมาอีกจนได้
   
                  “ตอนไหนเจ็บที่สุด”
   
                  เกลียด เกลียดพวกอยากรู้อยากเห็น แต่ที่เกลียดที่สุดคือ เขาดันตอบได้ในใจเสียด้วยสิ ว่าตอนไหนมันเจ็บสุดๆน่ะ
                  โอ๊ยยยย
                  เกลียดความลามกของตัวเอง ไปคิดถึงเรื่องนี้ทำไม
   
                  “ไม่ตอนไหนทั้งนั้น ไม่พูดถึงแล้ว”
   
                  เขาปัดป่ายมือไปมาแก้เขิน
   
                  “มึงงงงงงง”
   
                  เสียงดังนำหน้ามา ก่อนที่เจ้าของจะปรากฏตัว ลลิตาที่วิ่งมาหยุดตรงหน้าพวกเราหายใจเสียงดังเพราะเหนื่อยหอบ
   
                  “เป็นอะไรของมึง ตะโกนเสียงดังลั่น”
   
                  มามี่ถามเอาความ
                  ลลิตายกมือขึ้นเบรกทุกคน เพราะเธอยังเหนื่อยไม่หาย สังเกตจากอาการหอบหายใจจนได้ยินเสียง
                  เมื่อดีขึ้นแล้วเธอจึงเงยหน้าขึ้นมาหาพวกเรา
   
                  “ยังไง ว่ามาซิ”
   
                  มามี่เค้นต่อ
   
                  “สายป่าน…”
                  “…”
                  “สายป่าน 291”
                  “…”
                  “กำลัง แฮ่กๆ”
                  “กำลังอะไรคะ ว่ามาสิ” มามี่ที่อยากรู้เต็มแก่อดไม่ได้ที่จะเร่งลลิตาให้รีบบอก
                  “สายป่าน 291 กำลังคุกเข่าขอโทษมดอยู่ข้างนอกอาคารกิจกรรม”
   
                  !!!
   
                  “มด หายโกรธสายป่านเถอะนะ เจ๊สงสาร แดดก็ร้อน ยังจะไปคุกเข่าหน้าอาคารกิจกรรมอีก”
   
                  ว่าไงนะ
                  มันทำอะไรนะ
                  คุกเข่าขอโทษ ขอโทษเรื่องอะไร
   
                  “สายป่านบอกว่ามดโกรธจนไม่รับโทรศัพท์ โทรไปตั้งเป็นร้อยสาย เจ๊ว่ามีอะไรก็ไปคุยกันดีมั้ย”
   
                  ตายห่าล่ะ
                  เขาลืมโทรศัพท์เอาไว้ที่ห้องของตัวเอง
   
                  “เจ๊ขอร้องอีกคนนะคะ ให้เจ๊คุกเข่าตรงนี้ก็ยังได้ เจ๊สงสารผู้ชาย”
   
                  ลลิตาทำท่าจะทิ้งเข่าลงพื้นจริงๆ
   
                  “เดี๋ยวๆ เราไม่ได้โกรธสายป่านนะ เราจะโกรธสายป่านเรื่องอะไรกัน”
                  “เอ๋ ก็สายป่านบอกว่ามดโกรธจนหนีออกมาจากห้องตอนเช้าแบบไม่พูดไม่จาเลยนี่คะ มันยังไงกันคะเนี่ย”
   
                  จะให้พูดจากันได้ไงล่ะ ในเมื่อตอนเขาออกจากห้องมันมา มันยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ หลับปุ๋ยบนเตียงสบายใจเฉิบ
                  และอีกอย่าง ที่เขาหนีออกมาไม่ได้โกรธเว้ย
                  กูเขินนนนนนน
   
                  “มดจะไปไหนคะ”
                  “ไปคุยกับคนโง่”
   
                  





                  โอ๊ยยยย
                  กับเรื่องแค่นี้ยังต้องให้อธิบายอีกนะ
                  แล้วเขาจะอธิบายยังไงไม่ให้กระดากปากที่สุดดีล่ะเนี่ย
                  พอก้าวฉับๆไปในระยะที่มองเห็นไอ้สายป่าน ในใจที่กะว่าถ้าเจอหน้าพ่อจะด่ากราดใส่ไม่ยั้งจำต้องเลือนหายไป ถูกแทนที่ด้วยความเขินอายกับเรื่องเมื่อคืนแทน
                  ยังไงเขาก็ทำไม่ได้จริงๆ
                  จะให้เขาไปเผชิญหน้ากับมัน ทั้งที่เราเพิ่งผ่านเรื่องอย่างว่ากันมาเมื่อคืน
                  หน้าเขาไม่หนาพอจริงๆ…
   
                  “มด!!!”
   
                  และในตอนที่เขาตัดสินใจจะหันหลังหนีแบบคนขี้ป๊อด ไอ้ตัวดีที่คุกเข่าอยู่ก็ดันเห็นเข้าจนได้ แถมยังตะโกนเรียกชื่อเขาดังลั่น
                  เป็นนาทีเดียวกันกับที่เหล่านางฟ้าตามมาสมทบพอดี
   
                  “มด”
   
                  มันทำท่าจะลุกขึ้นเดินมาหาเขา
   
                  “ยะ อย่าเข้ามานะไอ้บ้า”
   
                  แต่เพราะความเขินอายกลับทำให้เขาร้องห้ามเอาไว้ แต่อีกคนกลับเข้าใจไปอีกอย่าง รวมถึงคนนอกที่เฝ้าดูเหตุการณ์ด้วยใจจดจ่อ
                  วิชาลงวิชาเรียนอะไรฉันไม่สน พร้อมเผือกเต็มสตรีมมมม
                  เขาปาดเหงื่อ…
   
                  “มึงโกรธกูมากจนไม่อยากให้เข้าใกล้เลยเหรอ หรือมึงรังเกียจกู”
   
                  ไอ้บ้า มึงหยุดคิดเองเออเองสักทีเหอะ แต่เรื่องแบบนี้จะให้เขาพูดออกไปว่าที่กูหนีมาเพราะเขินงี้ มันก็ไม่ได้เปล่าว้า
                  มันไม่ไหวนะเว้ย คิดถึงสถานการณ์ที่ตอนนี้คนอยู่เต็มไปหมดแบบนี้
                  การจะมาบอกเล่าเรื่องของคนสองคนให้คนอื่นฟัง เขาคิดว่ามันไม่ใช่กงการ
                  แต่ไอ้คนที่กลัวเขาโกรธจนไม่กลัวอะไรอย่างไอ้สายป่านที่คุกเข่าอยู่ตอนนี้แล้วนั้น มันคงไม่คิดถึงตรงนี้แล้วล่ะ ไม่งั้นมันคงไม่มานั่งคุกเข่าตั้งแต่แรกหรอก
                  จะโกรธเขามั้ยถ้าเขาขอด่าว่าพระเอกเรื่องนี้แม่งโคตรไร้สมองเลย
                  แต่ไอ้สายป่านมันมีดีที่ตรงนี้…
   
                  “กูไม่รู้ว่าจะขอโทษเรื่องเมื่อคืนยังไง”
                  “…”
                  “กูไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้มึงหายโกรธ”
                  “…”
                  “แต่สิ่งที่กูรู้คือ ความรู้สึกของกูทั้งหมดเมื่อคืนที่มอบให้มึง มันเป็นของจริง”
   
                  ตรงที่มันแสดงถึงความจริงใจมากมายออกมาในตอนนี้
   
                  พรึบ!
   
                  จนสามารถเข้าประชิดตัวเขาได้
   
                  “มึงจะพากูไปไหน”
                  “ไปในที่ที่มีแค่เราสองคน”
                  และนำพาเขาก้าวเท้าไปตามที่มันต้องการอย่างง่ายดาย

   





                  “มด”
                  “อื้อ”
   
                  เขาเบือนหน้าหนีมันที่พยายามเอาหน้าตัวเองเข้ามาหาตรงๆ ใครจะอยากจ้องตามันตอนนี้กัน เดี๋ยวโดนมนต์เสน่ห์จนเขินหน้าแดงโดนมันล้ออีก
   
                  “มด”
                  “อื้อ”
   
                  มันยังไม่เลิกความพยายาม จนสุดท้ายเขาก็ยอมแพ้ ปล่อยให้มันค่อยๆเลื่อนใบหน้าเข้ามาตรงหน้าเขา ตาของเราสองคนจ้องมองกัน และลมหายใจอุ่นๆเป่ารดใบหน้าเขา บอกให้รู้ว่าใบหน้าของเราอยู่ห่างกันไม่กี่มิลลิเมตร
                  ตอนนี้เราทั้งคู่อยู่ในห้องเดิมเมื่อวาน
                  ใช่แล้วล่ะ…
                  มันพาเขามาที่ห้องนอนของมัน!!!
                  แต่อย่าคิดไปไกลนะ เราก็แค่นั่งคุยกัน
                  นั่งคุยกันจริงๆ
                  แค่คุยกันแบบใกล้ชิดไปหน่อยเท่านั้นเอง
   
                  “ตอบหน่อย โกรธกูเหรอ”
   
                  เขาไม่ตอบครับ จะให้ตอบได้ไงล่ะ เพราะเขาไม่ได้โกรธมันนี่
   
                  “มด ตอบหน่อย”
                  “…”
                  “เงียบแบบนี้ กูใจคอไม่ดีเลย”
   
                  มันดึงมือเขาไปแล้วเอาไปวางไว้ที่อกซ้ายของมัน
                  หัวใจของมันเต้นแรงมากๆ
   
                  “กูไม่ได้โกรธ”
                  “…”
                  “ไม่ได้เกลียด”
                  “…”
                  “แล้วก็ไม่ได้รังเกียจมึง”
   
                  หัวใจของมันเต้นแรงขึ้นกว่าเดิมอีก
   
                  “กูแค่…”
   
                  จุ๊บ
                  มันเอานิ้วชี้มาทาบริมฝีปากเข้าไว้ไม่ให้พูด
   
                  “ขอบคุณ ขอบคุณนะมด”
                  “…”
                  “ขอบคุณมากจริงๆ”
                  “สายป่าน”
                  “…”
                  “กูมีอะไรจะบอกมึง”
   
                  เขาคิดว่าเขาคงรอต่อไปไม่ไหวแล้ว ไหนๆตัวเองก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว หากความรักครั้งนี้ของตัวเองจะไม่สมหวัง สุดท้ายแล้วมันก็คงต้องเสียใจไปเท่านั้นเอง
                  แค่คนที่เจ็บมากกว่า ไม่ถึงตาย…
   
                  “ให้กูบอกก่อนได้มั้ย”
                  “…”
                  “แล้วถ้าใจเราตรงกัน มึงก็แค่พูดซ้ำเท่านั้นเอง”
         
                  เขาเงยหน้าขึ้นสบตามัน
   
                  “กูเคยรู้สึกคิดถึงใครบางคนมากๆ มากจนกระทั่งเก็บเอาเขาไปนั่งเพ้อหาได้ทั้งวันทั้งคืน ไม่รู้เบื่อ”
                  “…”
                  “กูที่ทั้งมหา’ลัยยกความเพอร์เฟกต์ให้ กลับต้องไม่มั่นใจทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้ามัน”
                  “…”
                  “กูที่มีแต่คนเหลียวมอง กลับต้องหันหลังกลับไปมองมันที่เป็นแค่ไอ้เตี้ย ตัวเล็ก ขาสั้น”
                  “…”
                  “ขามันสั้น ตัวมันเล็ก จุดเด่นก็ไม่มี แต่ทำไมทุกครั้งเวลามองหา กลับเจอมันอยู่ในสายตาตลอด”
                  “…”
                  “มันเป็นคนแบบไหนกันวะ มันทำให้กูเอาแต่มองหามันไม่หยุด มองอยู่นั่น มองไม่มีเบื่อ”
                  “…”
                  “ทั้งที่แม่งก็ไม่ได้มีดีอะไร หน้าตาก็ขี้เหร่”
                  “…”
                  “แต่โคตรน่ารักสำหรับกูเลย”
                  “…”
                  “กูเอาแต่มอง เอาแต่จ้องมัน ถ้าตามเฝ้าได้แม่งทำไปแล้ว…”
                  “…”
                  “แต่ตอนนี้กูเหนื่อยแล้วว่ะมด”
                  “…”
                  “กูเหนื่อยที่จะต้องคอยมองหา เหนื่อยที่จะต้องคอยตาม และเหนื่อยที่จะต้องคอยเฝ้าแล้ว”
                  “…”
   
                  เขาเผลอกำเสื้อมันแน่น
                  แค่นี้มึงก็เหนื่อยแล้วเหรอ
                  แค่นี้เองเหรอ
                  จบแบบนี้เหรอ…
   
                  “คอยมอง คอยตาม คอยเฝ้าแบบไม่ให้รู้เนี่ย มันเหนื่อยจริงๆนะเว้ย”
                  “…”
                  “เพราะงั้นกูก็อยากจะจบความสัมพันธ์แบบนี้แล้วว่ะ”
   
                  ไม่นะ…
                  จบง่ายๆเลยเหรอ…
   
                  “อย่าเพิ่งเบือนหน้าหนีสิครับ”
   
                  มันประคองใบหน้าเขาให้หันมามองหน้ามันตรงๆ
   
                  “ที่อยากจะจบน่ะ มันคือความสัมพันธ์แบบลับๆล่อๆนี้ต่างหาก”
                  “!!!”
                  “เพราะต่อแต่นี้ไป”
                  “…”
                  “คุณสายป่านรหัส 291 ขออนุญาต ตามมอง ตามเฝ้า ตามหวง คุณมดรหัส 289 ให้เห็นกันโต้งๆไปเลย…”
                  “…”
                  “ได้มั้ยครับ”
   
                  แก้มของเขาแดงระเรื่อขึ้นมาทันที
   
                  “ไม่ตอบแปลว่าตกลง”
                  “…”
                  “งั้นอีกข้อได้มั้ย เป็นแฟนกันได้ยัง”
                  “…”
                  “ไม่ตอบแปลว่าตกลง…”
                  “เผด็จการ”
                  “…”
                  “แต่ก็ อืม ตกลงครับ”
   
                  สิ้นคำพูดของเขา ระยะห่างระหว่างสองเราก็ไม่มีอีกต่อไป
                  เมื่อสายป่านโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ปิดเสียงของเขาไว้ด้วยริมฝีปากของมัน
                  เราถอนจูบจากกัน…
   
                  “มึงจะบอกอะไรกูนะ”
   
                  เขายิ้ม แล้วเป็นฝ่ายโน้มคอมันลงมากระซิบบอกเสียงเบา
   
                  “ก็แค่จะพูดซ้ำประโยคที่มึงพูดเท่านั้นเอง”





*TBC.......................................................

พบกับบทสุดท้ายได้พรุ่งนี้ค่า
ขอบคุณที่ติดตามตลอดมานะคะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่ยี่สิบ P.7 14-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 14-06-2019 20:01:42
เซอร์ไพรมาก ต่างฝ่ายต่างแอบชอบกันมาตั้งนานแล้ว
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่ยี่สิบ P.7 14-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 14-06-2019 20:29:10
อ่อยยยยย ไหวมั้ยละ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่ยี่สิบ P.7 14-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-06-2019 21:39:10
ตามเลย ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :hao6:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่ยี่สิบ P.7 14-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 14-06-2019 22:00:37
สายป่าน เอ่อ คือแบบไม่คิดว่าจะไปนั่งคุกเข่า โอ๊ย ความคูลอยุ่ที่ไหน

แต่ไม่เป็นไร เป็นแฟนกันแล้ว  :mc4:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่ยี่สิบ P.7 14-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 14-06-2019 22:48:34
 :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่ยี่สิบ P.7 14-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 15-06-2019 00:57:41
ฮาสายป่านเบา ๆ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่ยี่สิบ P.7 14-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 15-06-2019 03:02:01
เขินแทน  :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่ยี่สิบ P.7 14-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-06-2019 18:36:33
ตลกมด ที่หนีไปก่อน ไม่โกรธ ไม่ได้โทษเธอ
แต่ที่มดทำไป แค่เพราะว่าเขินอายจนไม่กล้ารอเจอ
เอ็นดูความมดมากค่ะ ไม่เสียใจใดๆ คุ้มมากด้วยเนาะ 5555

สายป่านบ้าบอมากน่ะ คิดไปโน่น แต่ก็น่าคิดเนาะ
ตื่นมาไม่เจอ หนีหายไปไม่บอก โทรหาไม่รับ
แล้วบ้าหนักตรงที่ไปนั่งคุกเข่าขอโทษ
คือตอนนี้ชาวโลกคิดไปไกลเกินแล้ว
ขอเป็นแฟนกะบตกลงเป็นแฟน ยังตามไปไม่ทัน

เย้ ดีใจยิ่งกว่าได้ทอง สายป่านได้เป็นแฟนมดแล้ว
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่ยี่สิบ P.7 14-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 15-06-2019 21:32:58
 :o8:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวที่ยี่สิบ P.7 14-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 16-06-2019 18:15:12
โอ๊ยยย ถึงจะข้ามขั้นได้กันไปก่อน แต่ก็ดลับมาบอกรักและขอเป็นแฟนกันอี๊กกก ละมุนนน~~
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวสุดท้าย P.7 17-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 17-06-2019 18:34:44
ก้าวสุดท้าย
Happy Ending


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  “อย่าลืมนะค้า วันที่สิบห้านี้ ละครเวทีมหา’ลัย มาดูกันเยอะๆนะคะ”
   
                  ตอนเย็นเขามาช่วยโฟร์ประชาสัมพันธ์ละครเวทีมหา’ลัยที่เหลืออีกแค่สองวันก็จะมาถึงตรงประตูคณะศึกษาศาสตร์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประตูที่คนเดินผ่านไปมามากที่สุด เหตุเพราะมันนำไปสู่แหล่งของกินที่เรียกว่าโซนหลังมหา’ลัยนั่นเอง และเวลานี้ก็เป็นเวลาที่เหมาะที่สุดในการประชาสัมพันธ์ คละเคล้าไปกับการสันทนาการเรียกความสนใจจากผู้คนของเหล่านางฟ้า ที่ถือว่าประสบความสำเร็จทีเดียว เพราะคนเพิ่งเลิกเรียนและแห่กันออกที่ประตูนี้เพื่อไปซื้อของกินบรรเทาความหิว
   
                  “หนุ่มน้อยคนนั้น ที่ห้อยป้ายสีเหลือง อ๊ะๆ คณะวิทยาหรือเปล่า ได้บัตรเข้างานหรือยังคะ ถ้ายังใส่ชุดนักศึกษามาหาพี่ที่ห้องนะค้า ฮิ้วววววว”
   
                  ไม่มีอะไรจะตลกเท่าคณะสันทนาการผสมที่ฟอร์มทีมอย่างเร่งรีบ โดยมีมามี่และกรีนเป็นผู้ดำเนินรายการนี้อีกแล้ว ส่วนลูกทีมไม่ต้องพูดถึง แก๊งนางฟ้าและกะเทยฝั่งตะวันตกอีกส่วนหนึ่ง แค่นี้ก็ราวกับรวมคณะตลกทั้งประเทศเอาไว้ ณ มอแห่งนี้แล้ว
                  ไม่รู้ไปเข้าขากันได้ดีตอนไหน เจออีกทีก็ญาติดีกันได้ไปเสียแล้ว
                  นี่แหละน้าที่เขาว่า…
                  อันผู้ชาย ดีกันไว้แล้วจะได้กิน
                  อ้าว ไม่ใช่หรอกเหรอ
   
                  “น้องยังเด็ก คุณมามี่นี่ก็ เปลี่ยนเป็นเจ้าช็อปวิดวะที่กำลังยืนกินลูกชิ้นปิ้งอย่างเอร็ดอร่อยนั่นดีกว่าไหม”
   
                  คนที่ถูกคุณกรีนพาดพิงถึงไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเม่นเดือนวิศวะปีสองรุ่นราวคราวเดียวกันกับพวกเรานั่นเอง แถมทีเด็ดของคนนี้คือ เฟรนด์ลี่ เข้าหาง่ายสุดๆ รองจากสายป่านก็เม่นนี่แหละที่เป็นขวัญใจเหล่ากะเทยทั้งหลาย รวมทั้งหญิงสาวมากมายละลานตา
   
                  “สวัสดีครับ”
   
                  เม่นเดินเข้ามาทักทายพวกเราตามมารยาท
   
                  “มด ดังใหญ่แล้วนะเรา”
   
                  เขากับเม่นรู้จักกันตอนงานประกวดดาวเดือนที่เขาเข้าไปช่วยงานรุ่นพี่ เป็นสต๊าฟชั่วคราวหรือจะเรียกให้ถูกคือเป็นสต๊าฟฝึกหัด คอยหยิบจับโน่นนี่ให้รุ่นพี่ไปตามประสา
                  แต่ไอ้ที่ดังน่ะ ดังเรื่องอะไรอีก
   
                  “ดังไรอ่ะ” เขาถามเม่น
   
                  มันไม่ตอบ แต่เลือกเดินไปทักทายคนอื่นๆแทน แล้วปล่อยให้เขายืนงงเป็นไก่ตาแตกต่อไป สงสัยนี่คงเป็นนิสัยเสียของเม่นเพียงข้อเดียวคือ ชอบทำเมินแล้วเดินหนีไป
                  แม่ง เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ปีหนึ่ง จนเขานึกว่ามันโกรธเขาอยู่เลยเดินหนีไป ตอนเป็นสต๊าฟฝึกหัดที่ถูกรุ่นพี่วานให้ไปถามมันเรื่องแพ้อาหาร แต่มันไม่ตอบ แถมเดินหนีออกไปอีกทางเฉยเลย
            
                  แชะ แชะ
   
                  เขาเพิ่งสังเกตความผิดปกติบางอย่างได้ เมื่อกล้องของเหล่าแฟนคลับที่ควรจะรัวถ่ายไอ้เม่น พอมันเดินหนีไปก็ควรตามไปถ่ายมันถูกมั้ย แต่คนถือกล้องดันแพนมุมกล้องมาที่เขา แล้วกดถ่ายแชะ เฮ้ย มาถ่ายเขาทำไมกัน
   
                  “อะไรมด” วินดี้ถามเขา
                  “เมื่อกี้มีคนถ่ายรูปเราด้วย” มันเป็นครั้งแรกจริงๆนะ ที่มีคนมาถ่ายรูปเขาอ่ะ จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไง
                  “ไม่แปลกนี่ อ่ะ”
   
                  วินดี้ยื่นไอโฟนของเธอมาตรงหน้าเขา
   
                  “ให้เราทำไมวินดี้” เขาถามวินดี้งงๆ
                  “ไม่ได้ให้ ให้ดู” วินดี้ยกมือขึ้นบังแสงเพื่อให้เขาได้เห็นหน้าจอชัดเจนขึ้น
   
                  มันเป็นหน้าไทม์ไลน์ของไอ้สายป่านที่…
                  ตอนนี้กำลังขึ้นสเตตัสความเคลื่อนไหวที่มันเพิ่งเปลี่ยนเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว
   


                  สายป่าน 291 กำลังคบกับ Mod Kittikun
   


                  !!!
   
                  ไอ้สายป่านเป็นคนขี้แกล้งยังไง ก็ยังขี้แกล้งตลอดกาล
                  มึงต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ
                  ต้องแกล้งให้เขาได้อายคนทั้งมหา’ลัยแบบนี้จริงๆเหรอ
                  ใจร้ายยยยยยยย
                  แต่เขินชะมัด
                  ไอ้เหี้ยเอ๊ย
                  บ้าด้วย
   
                  “พูดถึงตัวต้นเหตุ ตัวต้นเหตุก็มา” วินดี้พูดขึ้นแล้วชี้ไม้ชี้มือไปหาตัวต้นเหตุที่ว่า
   
                  ไอ้สายป่านที่เดินถือกระเป๋าเป้ ทำท่าผิวปากชิลๆเหมือนไม่ได้ก่อเรื่องใหญ่โตอะไร กำลังเดินล้วงกระเป๋ากางเกงตรงมาทางนี้
   
                  “ไง” มันโบกมือทักทายเขา ก่อนจะเข้ามาลูบหัว ไม่พอขยี้อย่างเมามันจนพอใจก็หยุด
                  “ไอ้เหี้ย ดูสเตตัส” เขาว่า
                  “เรื่องจริง” มันยักไหล่ แล้วพูดไม่ออกเสียงแต่เขาอ่านปากมันได้ว่า “กูได้มึงแล้ว”
   
                  โหววววว ครั้งเดียวทำเป็นคุย
                  แต่ครั้งเดียวกูก็เขินจนจะตายแล้วอ่ะ ฮืออออออ เอาตามจริงถ้าไม่เจอหน้าได้จะดียิ่ง แต่คิดไปคิดมา ถ้าไม่เจอหน้ามันเขาคงขาดใจตาย ง่อววววว จุ๊ๆ รู้กันแค่ในนี้พอนะเรา
                  เฮ้อ ทำไมเขาต้องแพ้คนที่ชื่อสายป่านอยู่เรื่อยเลย
                  ไม่คุยด้วยแม่ง
                  พาลแล้วเงียบ เคยเห็นป่ะ
   
                  “มด”
                  “…”
                  “มดครับ”
                  “…”
                  “คุณมด”
                  “…”
                  “ไอ้เตี้ย”
                  “ไอ้เหี้ย”
   
                  มันหัวเราะเมื่อเขามีปฏิกิริยาตอบกลับข้อความสุดท้ายของมัน
   
                  “มีปากแล้วเหรอ”
                  “คนอย่างมึงน่ะ คุยด้วยดีๆได้ไม่นานหรอก”
   
                  เขาว่ามัน แล้วตีหน้าอกแน่นๆของมันไปหนึ่งที นี่แน่ะ ถึงแม้แรงของเขาจะไม่สั่นสะเทือนอวัยวะภายในร่างกายใดๆของมันเลยก็ตามที
                  แต่การกระทำของเขา กลับเป็นการชี้โพรงให้กระรอกไปได้ยังไงก็ไม่รู้
   
                  “มึงจับนมกูทำไม”
   
                  ชี้โพรงให้กระรอกอย่างไอ้สายป่านลากเข้าเรื่องลามกได้เฉยเลย
   
                  “กูตีมึง” เขาเถียงคอเป็นเอ็น ไอ้เหี้ย กูไม่ได้จับนมมึง
                  “มึงจับ”
                  “ไม่ได้จับ”
                  “จับ”
                  “ไม่”
   
                  หมับ!
   
                  “!!!”
                  “จับยัง”
   
                  ฮือออออ มัน มันเอามือเขาไปวางแปะไว้ที่หน้าอกมันอ่า ฮืออออออออ
                  เขาจะชักออก แต่มันกดไว้แน่น
                  แล้วตัดภาพไปที่แก๊งนางฟ้า เตรียมถ่ายรูปเก็บไว้เต็มที่ ม่ายยยยยยยยย
                  เรื่องแกล้งเขานี่เข้าขากันดีชะมัดนะทีมนี้
   
                  แชะ แชะ
   
                  “ปล่อย มีแต่คนถ่ายรูปเราเต็มไปหมด” เขาว่า
                  “แล้วไง”
                  “…”
                  “ถ้ากูแคร์คงไม่ประกาศบอกให้รู้ในเฟซขนาดนั้นหรอก”
                  “แต่กูเป็นผู้ชาย…”
                  “แล้วกูก็เป็นผู้ชาย กูชอบผู้ชาย กูเป็นเกย์ก็ได้ ถ้าได้ชอบผู้ชายชื่อมดอ่ะ”
   
                  มึงงงงงง
                  กูไปต่อไม่ถูกเลย
                  แอ่ก สลบตายคาอ้อมกอด ยอมมมมมมม
   
                  “คู่นั้นมันยังไงคะ ช่วยกันทำมาหากิน โปรโมทงานละครเวทีมหา’ลัยก่อนค่า แล้วจะไปจีบกันต่อที่ไหนก็เชิญ”
   
                  เขากับไอ้สายป่านมองตากันแล้วลอบยิ้มขำ
                  ไม่ได้จีบกันเสียหน่อย
                  เพราะจีบติดแล้วต่างหาก
                  อิอิ

   





                  “มด คืนนี้ประชุมครั้งสุดท้ายก่อนวันงานนะ พรุ่งนี้พักหนึ่งวัน แล้วมาเจอกันวันจริง”
   
                  ก่อนที่กองประชาสัมพันธ์บวกกองสันทนาการของละครเวทีจะแยกย้าย โฟร์หันมากำชับเขาอีกรอบถึงการนัดหมายคืนนี้ คือการประชุมใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนงานละครเวทีจะเริ่มในอีกสองวันข้างหน้า เป็นการเตรียมความพร้อมและช่วงฟีดแบคหรือการช่วยกันออกความเห็นในแต่ละจุดที่มีปัญหาเป็นครั้งสุดท้ายตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่การซ้อมได้เริ่มขึ้นมา
   
                  “มึงด้วย ไอ้พระเอก”
   
                  มันชี้หน้าไอ้สายป่าน ที่กอดคอเขาอยู่ข้างๆกัน
                  แล้วโฟร์และคณะก็จากไป
   
                  “ไปไหนต่อดี ก่อนจะถึงเวลานัด” มันถามเขา
                  “ไปร้านน้ำปั่นกรีนมั้ย” เขาออกความเห็น มันพยักหน้า
                  “ไปกัน”
   
                  ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ที่แขนแกร่งที่คล้องคอเขาอยู่จะเลื่อนมือมันลงมาเกาะกุมมือเขาเอาไว้ แล้วเราก็เริ่มก้าวเดินไปยังจุดหมาย
                  โดยไม่สนว่าใครต่อใครจะจ้องมองมาอย่างสนใจ
                  แค่มือเขากับมันยังกอบกุมกันไว้
                  ก็พอ…
   





                  “หวัดดีคร้าบ พี่กรีน”
   
                  พอมาถึงร้านน้ำปั่นกรีน รีบเปลี่ยนเป็นหน้าหม้อเข้าไปหาเจ้าของร้านเลยนะ
   
                  “สวัสดีครับพี่กรีน” เขาเองก็ไม่ลืมยกมือไหว้ผู้ใหญ่เช่นกัน
                  “พี่ของเขาไม่อยู่อย่างนี้ แปลว่าเปิดโอกาสให้ผมจีบใช่ป่ะ” พี่กรีนหัวเราะคนช่างหม้อ แล้วหันมาหาเขา
                  “มีคนมองพี่ตาเขียวปั๊ดแล้ว” ได้ไง มาโยนขี้ให้เขาเฉย พี่กรีนนนนน
                  “หึงเหรอครับ เมียหลวง” เอากับมันสิ เขาตีไหล่มึงหนึ่งที ข้อหาหมั่นไส้คำพูดคำจา
   
                  พี่กรีนถึงกับหัวเราะอีกรอบ
   
                  “เรียนเชิญคุณสายป่านและภรรยาไปนั่งที่โต๊ะก่อนได้เลยครับ เดี๋ยวไปรับเมนู”
                  “พี่กรีนนนน”
                  “อิอิ เวลามดเขินนี่น่ารักจัง” พี่กรีนเล่นเขาแล้ว
                  “อย่านะ คนนี้หวง”
   
                  ไอ้สายป่านมึงพูดประโยคนี้ออกมาได้ไง๊ เขินตายไปเลยสิมด
   
                  “จ้าๆ ไปนั่งกันก่อนๆ”
   
                  เราเลือกนั่งโต๊ะข้างในมุมขวาสุดของร้าน เพราะมันติดหน้าต่าง มองออกไปเห็นสวนดอกไม้เล็กๆที่พี่กรีนจัดตกแต่งแบบน่ารักๆ สีดอกไม้ยังต้องเลือกเป็นสีพาสเทลแบบสีผนังร้านเลย เขามองว่ามันโคตรเข้ากันแบบสุดๆ
                  แถมมีติดชื่อเจ้าของสวนด้วย
   
                  กรีนของเขา
   
                  โอ๊ยยยย ทำไมอ่านแล้วเขิน เหมือนพี่ของเขากำลังจะบอกว่ากรีนเป็นของเขา งงกันมั้ย
                  เขินไว้ก่อนแล้วกัน งื้อ
   
                  “แดกไร”
   
                  หมดกัน ความโรแมนติกนี้ มึงหยาบคายไปแล้วนะ
   
                  “พูดว่า กินอะไรดีครับ ซิ”
   
                  เขาทวนให้มันพูดใหม่อีกรอบ
   
                  “จะแดกไม่แดกเตี้ย”
   
                  เออๆ กูแดก
                  เขาจิ้มๆบอกมันไป น้ำปั่นรสไหน สไตล์ไหนก็อร่อยหมดล่ะ เขาลองมาหมดแล้ว ฝีมือพี่กรีน โออิชิ!!!
   
                  “ทำไมทำหน้างอ”
   
                  ก็มึงพูดไม่เพราะ แต่เขาที่ไม่อยากดูงี่เง่าในสายตามันก็ปล่อยเลยตามเลย ด้วยการส่ายหัวบอกว่าไม่มีอะไร
                  คู่ผู้ชายอ่ะเนอะ มันก็ได้แค่นี้แหละ
                  อีกอย่าง การบอกให้อีกฝ่ายเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันคงจะดูอึดอัดเกินไประหว่างเราไม่น้อย
   
                  “เปล่า อย่าสนใจเลย” เขาบอกปัด
                  “ไม่ให้สนใจได้ไง แฟนทั้งคน”
   
                  ขยันทำให้เขินจริงๆ
                  เขาตีไหล่มันไปหนึ่งรอบ
   
                  “โอ๊ย เดี๋ยวนี้มึงแต๋วแตกนะ เอะอะก็ตีไหล่เหมือนผู้หญิง”
   
                  เขาเบิกตากว้าง
   
                  “มึง… ไม่ชอบเหรอ กูขอโทษนะ”
   
                  เขาก้มหน้างุด
   
                  หมับ!
   
                  สัมผัสแผ่วเบาของฝ่ามือใหญ่ที่วางลงตรงหัวเขา
   
                  “ถ้าเป็นมึง กูก็ชอบหมดนั่นล่ะ อย่าคิดมาก เจ้าเตี้ย”
   
                  จากนั้นมันก็ลากมือมาที่ข้างแก้มเขา แล้วขยำอย่างหมั่นเขี้ยว แต่ขอโทษทีครับ กูเจ็บจนน้ำตาเล็ดแล้ว
   
                  “ปล่อยเลยแม่ง แกล้งกู”
   
                  มันหัวเราะเพราะสุดท้ายเขาก็ทำอะไรมันไม่ได้อยู่ดี เอาเลย แกล้งให้พอ อย่าลืมมาง้อด้วย
   
                  “สายป่าน”
   
                  เราแกล้งกันไปมา จนเสียงหนึ่งเรียกให้หันไป
                  นินิว…
                  เธอยืนอยู่ข้างหลังสายป่าน
   
                  “นินิว”
   
                  เขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยจริงๆ มันทั้งอึดอัด แล้วก็กดดัน
   
                  “นินิวจะมาขอโทษ เรื่องคืนนั้น”
   
                  ในที่สุดเธอก็พูดออกมาแล้ว เห็นได้ชัดว่านินิวไม่กล้ามองหน้าสายป่านเลยด้วยซ้ำ และแน่นอนว่าคำขอโทษของเธอย่อมไม่มีความจริงใจแม้แต่น้อย
   
                  “อยากจะขอคุยกับสายป่าน ตามลำพัง”
   
                  เธอมองมาที่เขา ด้วยสายตากดดันอย่างเห็นได้ชัด
   
                  “งั้นเดี๋ยวกูไปคุยกับพี่กรีน”
                  “อยู่ด้วยกันนี่แหละ”
   
                  มันว่าเสียงจริงจัง จนเขาที่กำลังจะลุกขึ้นต้องย่อตัวลงนั่ง
   
                  “สายป่าน…” นินิวเรียกชื่อมัน
                  “เรากับมดเป็นแฟนกัน เราไม่สะดวกจะคุยกับนินิวสองต่อสอง เราไม่อยากให้มดคิดมาก”
   
                  มันกอบกุมมือเขาไว้แน่น และเขาก็บีบมือมันไว้แน่นเช่นเดียวกัน
   
                  “งั้นเหรอ”
                  “…”
                  “งั้นเราคงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว”
   
                  นินิวยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวตามความรู้สึกของเธอตอนนี้ เธอหมุนตัวหันหลังกลับ เตรียมจะเดินจากไป แต่สายป่านคว้าข้อมือเธอเอาไว้
                  นินิวหันกลับมาอีกครั้งด้วยใบหน้าที่มีความหวังอย่างปิดไม่มิด
   
                  “ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญมั้ย แต่เราอยากจะบอกนินิวเอาไว้…”
                  “…”
                  “ว่าเรื่องของเรามันคืออดีตไปแล้ว”
   
                  สายตาของไอ้สายป่านจริงจังมาก ถ้าหากเขาเป็นนินิว เขาก็คงจะทำเหมือนเธอตอนนี้ คือหลบให้พ้นสายตาคู่นี้ด้วยการก้มหน้างุด
   
                  “เราเข้าใจแล้ว”
                  “…”
                  “ที่ผ่านมาขอโทษด้วยนะ”
   
                  เธอบอกเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเดินจากไป
   
                  “เฮ้อ จบเรื่องซะที” มันปล่อยตัวเองให้ผ่อนคลาย แล้วเอนกายพิงเก้าอี้
                  “หยุดขมวดคิ้วได้แล้ว เครียดแทนกูทำไมนี่ย”
   
                  มันว่าแล้วเอานิ้วโป้งมาคลึงตรงหว่างคิ้วเขาให้คลายออก
   
                  “กูไม่เหลือใครแล้วนะ…”
                  “…”
                  “เพราะงั้นมึงต้องห้ามทิ้งกู”
                  “…”
                  “นะครับ คุณมดของสายป่าน”
   
                  จบประโยคมันก็เอามือมาบีบแก้มเขาให้แบะออก
                  ชอบจังเลย
                  คำว่าคุณมดเนี่ย
   



   

                  “ฉากพร้อม นักแสดงพร้อม”
                  “พร้อม”
                  “แสงสีเสียงพร้อมนะ”
                  “พร้อม”
                  “โอเค เริ่ม!”
   
                  สิ้นประโยคคำสั่งของเขา ทุกอย่างก็ถูกเซ็ทลงบนเวทีอย่างเหมาะเจาะ ตามที่ซ้อมกันมา
                  เสียงฮือฮาตื่นตาตื่นใจของทุกคนเมื่อเปิดม่านออกมา ทำให้เขายิ่งเหลิงดีใจ
                  ทุกๆอย่างดูโอเคไปหมด
                  นี่แหละที่เขาเรียกว่าความเป็นเฟรชชี่ ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตมหา’ลัยต้องได้ลองทำ
                  รู้สึกเหมือนวันวาน ตอนที่เขายังอยู่ปีหนึ่ง
                  ไม่ว่าเมื่อไหร่ เขาก็ยังตื่นเต้นกับสิ่งมหัศจรรย์ตรงหน้านี้เสมอ
                  ตลอดระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมา การซ้อมไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
                  หลายครั้งมีกระทบกระทั่งผิดใจกันบ้าง
                  หลายครั้งเราอาจจะเหนื่อยและท้อจากคำติ หรือหลงดีใจกับคำชมมากมาย
                  และหลายครั้งที่คิดจะยอมแพ้…
                  แต่วันนี้…
                  ตอนนี้…
                  นาทีนี้…
                  วินาทีนี้…
                  เรากำลังทำมันอยู่
                  เรากำลังทำให้เห็นว่า…เราทำได้
                  ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่น้ำตาเขารื้นขึ้นมา
                  แต่มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจ หากเป็นความตื้นตันใจต่างหาก
                  ขอบคุณทีมงานทุกคนที่อยู่เคียงข้างกัน ขอบคุณนักแสดงผู้เสียสละเวลาตอนเย็นอย่างมากมายมหาศาล ขอบคุณคนเขียนบท ที่รังสรรค์ละครเวทีเรื่องนี้ขึ้นมาให้เล่น และขอบคุณโฟร์ที่ชวนเขาให้มาเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ
                  หากจบงานนี้ไป คงคิดถึงทุกๆคนแน่ๆ
   
   





                  “มด เดี๋ยวไปเก็บของข้างบนเวทีมาให้หน่อยนะ กูออกไปดูของข้างนอกแป๊บ”
   
                  โฟร์เดินออกไปแล้วทิ้งเขาไว้กับโรงละครว่างเปล่า
                  จะว่าไปมันก็ดูวังเวงเหมือนกันนะนี่
                  เอาเถอะ รีบๆเก็บรีบๆกลับ ว่าแต่ไอ้สายป่านหายไปไหนแล้วเนี่ย
            
                  แกรก
   
                  เดี๋ยววววววว
                  ทำไมหน้าจอโปรเจกต์เตอร์มันเปิดขึ้นมาเองได้เนี่ย
                  ใจเย็นๆนะ อยู่มาปีสอง จะมาเจอดีตอนนี้ไม่ได้นะ ขอร้องเถอะ พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย
   

                  {สวัสดีครับ}
   

                  เขาชะงัก หน้าจอโปรเจคเตอร์ที่เป็นสีดำ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นฉายภาพใครบางคน ซึ่งนั่งอยู่บนเตียงนอน
   

                  {ผม สายป่าน 291}
                  {มีอะไรจะให้คุณมดรหัส 189 ดูครับ}
   

                  มันหยิบกล่องกำมะหยี่สีดำ ที่เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าวางอยู่บนเตียงข้างตัวมันมาไว้บนตัก แล้วหยิบอะไรบางอย่างในนั้นออกมา
                  มันคือรูปภาพ รูปภาพปึกหนา
                  มันหยิบรูปใบหนึ่งขึ้นมาโชว์
   

                  {ตอนผมเจอเขาวันแรกครับ เขาตัดผมทรงนักเรียนหัวเกรียนแบบมัธยมเดินเข้ามาห้องสัมภาษณ์ ตัวเตี้ย ขาสั้น หน้าตาขี้เหร่ แต่ทำไมผมยังจ้องมองเขาอยู่ไม่วางตาก็ไม่รู้}
   

                  นั่นเป็นรูปถ่ายรวมตอนที่เขาติดรอบโควตาแล้วเดินทางมาสัมภาษณ์กับทางมหา’ลัย ซึ่งเขายืนถ่ายรูปอยู่ข้างๆมัน
                  มันหยิบใบต่อไปขึ้นมา
   

                  {วันแรกของการรับน้องครับ มีคนงอแงจนเพื่อนใจเสียกันหมด แถมทำท่าจะเป็นลมด้วยครับ ผมเลยแอบใช้เสน่ห์ของตัวเองนิดหน่อยอ้อนรุ่นพี่ผู้หญิงแถวนั้นให้พาคุณมดออกไปที่โซนพยาบาล อ่อนแอจัง ทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย}
   

                  เขาจำได้ว่าเขาร้องไม่หยุด กลัวก็กลัว จนรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งมาพาออกไปที่โซนพยาบาล แล้วมันไปแอบถ่ายรูปเขาร้องไห้ตอนไหนเนี่ย เอาไว้แบลคเมล์เหรอ
                  ใบต่อมา…
   

                  {เลี้ยงสายครั้งแรกครับ โชคดีที่สายรหัสเราพาไปเลี้ยงร้านเดียวกัน ใครก็ไม่รู้ถูกรุ่นพี่มอมเหล้าจนเมาแอ๋ เดือดร้อนต้องให้ผมพาไปส่งที่หอ ตื่นเช้ามาแม่งจำไม่ได้ว่าใครแบกมาที่ห้องอีก เวรกำของกู ทำความดีแต่เขาไม่เห็นซะงั้น แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นก็ทำให้เสื้อตัวเก่งของผมต้องถูกทิ้งไปตลอดกาล}
   

                  ตอนนั้นเมทบอกเขาว่ามีคนมาส่ง คนคณะเดียวกันนี่ล่ะ เขาเลยติ๊ต่างไปเองว่าอาจจะเป็นรุ่นพี่คนใดคนหนึ่งที่ร่วมกันมอมเขาจนเมาหมดสภาพ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นมัน
                  ภาพของเขาที่หลับตาพริ้มพิงเบาะรถ มันก็ยังถ่ายเก็บไว้นะ
                  มันหยิบรูปขึ้นมาใบแล้วใบเล่า
   

                  {ลงพื้นที่ชุมชนครั้งแรก ถึงจะเปื้อนฝุ่นเขรอะไปหมดทั้งตัว แต่คุณมดก็ยังยิ้มได้ อ่า ใจเต้นแรงชะมัดเลย}
                  {พ่อครัวมด ตักอาหารให้ผมเยอะจัง สงสัยคงชอบเรามากแน่ๆเลย}
   

                  บ้าป่ะ เขาก็ตักอาหารให้ทุกคนเท่ากันหมดนั่นแหละ
   

                  {ตอนไปทริปทะเล แอบตามไปด้วยเพราะเป็นห่วง กลัวจะถูกน้ำทะเลพัดไป}
   

                  ตัวเขาไม่เบาขนาดนั้นเว้ย
   

                  {ปิดเทอมแล้ว โคตรเหงาเลย ไม่ได้เจอคุณมด}
   

                  เขาหัวเราะ เพราะภาพที่ถ่ายคือรูปของมันที่กำลังเบะปาก โอ๊ย คิดว่าน่ารักตายล่ะ เออ น่ารักโคตรๆ
   

                  {ถึงเวลารุกคุณมดแล้ว แต่หลับอยู่ ทำไงดี เพราะเป็นห่วงเลยต้องเฝ้าจนกว่าจะตื่น}
   

                  เป็นรูปเขาที่กำลังฟุบหลับกับม้าหินอ่อนใต้ตึกคณะ เป็นวันเดียวกับที่มันยึดบัตรนักศึกษาของเขาไป
   

                  {คุณมดน่ารักโคตรๆ}
   

                  แงงงงง ยังตามมาหลอกหลอนจนได้นะ เป็นภาพวันที่เขาไปสันทนาการตรงสนามกีฬากลาง วันเดียวกันกับที่ถูกเหล่านางฟ้าจับแต่งหญิงแมวเหมียว
   

                  {ตอนหลับน่ารักฉิบหาย}
   

                  ยังจำวันที่เขาเกือบจะเสียจูบแรกให้ไอ้สายป่านได้ใช่มั้ย นี่มันคนโกหกชัดๆ แกล้งเมานี่นา เพราะวันนั้นเขาที่นึกว่ามันหลับไปแล้วเลยล้มตัวลงนอนตามมันไปหลังจากอาบน้ำเสร็จ แต่มันดันมีภาพของเขาที่หลับปุ๋ยแบบนี้ มันหมายความว่ายังไง
                  แปลว่าวันนั้นมันไม่ได้เมาสินะ หึ
   

                  {ตอนโกรธก็น่ารัก}
                  {ตอนงอนก็น่ารัก}
                  {ตอนหึงก็น่ารัก}
   

                  มันยกรูปหลายๆใบขึ้นมาโชว์พร้อมกัน ซึ่งทั้งหมดเป็นรุปของเขาในอิริยาบถต่างๆ
                  นี่มัน… มีรูปเขามากมายขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
                  ในวิดิโอ สายป่านวางรูปกลับที่เดิม แล้วปิดกล่องกำมะหยี่สีดำ เอื้อมมือมาตรงหน้าจอ แล้วโปรเจกเตอร์ก็ดับลง
                  ตอนนี้เขาตกอยู่ในความมืดมิดของโรงละคร
   

                  “ขนาดตอนกลัวยังน่ารักเลย”
   

                  มีเสียงกระซิบที่ข้างหูเขา
                  พอหันไปมองก็…
   
                  “แฮร่”
   
                  โอ๊ย หัวใจจะวาย เพราะพอหันไปก็พบกับไอ้สายป่านที่เอาไฟฉายมาส่องหน้าตัวเอง
                  แต่พอมองดีๆ
                  ไฟที่ส่องอยู่ กลับส่องให้เห็นบางอย่างที่มันถือเอาไว้
                  ช่อกุหลาบช่อโต ถูกยื่นมาตรงหน้าเขา
   
                  “กุหลาบช่อนี้ไม่ได้ยืนยันว่าเส้นทางความรักของเราจะโรยด้วยกลีบของมัน”
                  “…”
                  “แต่ดอกกุหลาบ เป็นดอกไม้ที่กูชอบที่สุด”
                  “…”
                  “และกูอยากมอบมันให้กับคนที่กูชอบที่สุด”
                  “…”
                  “พร้อมจะก้าวเดินไปด้วยกันแล้วใช่มั้ย”
   
                  เขารับช่อกุหลาบมา รู้เลยว่าตอนนี้ขอบตากำลังร้อนผ่าว
   
                  “อื้อ ขอบคุณที่รักกันนะ” เขาตอบรับ
                  “ขอบคุณที่รักกันครับ”
   
                  และมันก็ตอบรับเช่นเดียวกัน
   
                  “เย้!!!”
   
                  ไฟในโรงละครเปิดพรึ่บ ตามมาด้วยเสียงเฮของเหล่าผู้สมรู้ร่วมคิดมากมาย
                  ไม่ว่าจะเป็น แก๊งนางฟ้า กรีน เวล หรือแม้กระทั่งโฟร์ที่หลอกให้เขามาเก็บของบนเวที
                  หึ แผนสูงกันจริงๆ



END

ความในใจ
…ก่อนจากกันไป


เราเดินทางกันมาถึงตอนจบแล้วนะคะ สำหรับเรื่อง STEP by STEP ทีละก้าว ที่มีคู่พระนายอย่างมดและสายป่าน
ก่อนจะเริ่มเขียนนิยายเรื่องนี้ เรามีความฮึดสู้แบบ เราอยากเขียนแต่ละตอนให้ยาวๆค่ะ จึงค่อยๆบรรยายเนื้อหาค่อนข้างมาก
แต่แล้วเรากลับพบว่ากระแสตอบรับสำหรับเรื่องนี้ ไม่มากพอ เรามาค้นพบตอนช่วงกลางเรื่องค่ะ แต่กระนั้น เราก็ยังมีความหวังค่ะ ความหวังเล็กๆจากนักอ่านทุกท่านที่คอยติดตามเราเสมอมาค่ะ ทุกๆคอมเมนต์คือกำลังใจมากมายที่ทำให้เราสามารถปั่นนิยายเรื่องนี้จนจบได้
อยากจะบอกความจริงว่า นิยายเรื่องนี้จบนานแล้วค่ะ ตั้งแต่เดือนเมษายน แต่เราไม่มีเวลาว่างเลยที่จะลงต่อจนจบ ครั้นจะลงวันละตอนก็มีเรื่องนั้นเรื่องนี้มาแทรก
สุดท้ายนี้ ก็อยากจะขอบคุณทุกๆกำลังใจ และรอยเท้าของทุกคนที่เดินติดตามกันมา บ้างเราเจอกันตั้งแต่เรื่องแอบรัก บ้างก็เพิ่งมา ไม่สำคัญหรอกค่ะ สำคัญที่ว่า ทุกๆการก้าวเดินไปด้วยกัน เป็นกำลังใจมากมายของมิวเสมอ
ด้วยรัก
MewSN



*แง๊ แล้วเบลอไปใส่ว่ามี TBC 555 ขออภัยค่า
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวสุดท้าย P.7 17-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 17-06-2019 19:37:02
ก้าวไปพร้อมกันได้สักทีนะ
สายป่าน&มด

ขอบคุณคุณมิวนะคะ สำหรับนิยายน่ารักๆ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวสุดท้าย P.7 17-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 17-06-2019 20:05:38
 :o8: จบด้วยดีแฮปปี้
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวสุดท้าย P.7 17-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 17-06-2019 20:45:56
หูยยย ตอนนี้คุณสายป่านสุดยอดไปเลย อะไรจะเก็บรูปไว้เยอะขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวสุดท้าย P.7 17-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-06-2019 21:57:29
จบแล้วจริง ๆ หรอ  :m28:
แล้วนี่คืออะไร ---->  *TBC.......................................................
หรือจะมีตอนพิเศษเพิ่มลูกชิ้น มีมะ มีมะ   :m11:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวสุดท้าย P.7 17-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 17-06-2019 22:52:26
สายป่านโรแมนติกมาก มดหลงจนไม่รุ้จะหลวยังไงแล้วม้างงง
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวสุดท้าย P.7 17-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: listengu ที่ 17-06-2019 23:30:16
สนุกมากๆครับ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวสุดท้าย P.7 17-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 18-06-2019 00:23:13
 ฝขอบคุณมากค่า นิยายน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวสุดท้าย P.7 17-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 18-06-2019 01:31:16
ยินดีด้วยจ้า  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวสุดท้าย P.7 17-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-06-2019 08:55:28
 :-[ :-[ :-[ :-[

 :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวสุดท้าย P.7 17-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 18-06-2019 23:11:41
น่ารักมากๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวสุดท้าย P.7 17-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 20-06-2019 12:10:50
งุ้ยยยย! น่ารักสุดๆ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวสุดท้าย P.7 17-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 23-06-2019 00:34:01
หมั่นไส้สายป่านตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเสียดายไม่มีตอนมดประชดเอาคืนให้เจ็บใจเล่นๆแบบไม่แคร์ไปเต๊าะผู้ใหม่แม่มมมม ลีลามากพ่อคุณสมชื่อเรื่องทีละก้าว ก้าวละมิลมาก 555555
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวสุดท้าย P.7 17-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: Fasai25448 ที่ 23-06-2019 09:43:48
งื้อออ ไอ้เจ้านิยายน่ารัก ไอ้เจ้านิยายสนุก ชอบมากเลยค่ะอ่านแล้วเขินตามอมยิ้มตามหน้ายับเลย555555 ขอบคุณคุณมิวนะคะสำหรับนิยายที่น่ารักกๆสุดๆ จะคอยติดตามเรื่องต่อไปนะคะ ปาหัวใจ♡เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวสุดท้าย P.7 17-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 24-06-2019 20:50:50
สายป่านขี้แกล้งตั้งแต่ต้นจนจบเลย ผู้ชายแกล้งแปลว่าผู้ชายรักเนอะมด ขอบคุณค่า  :pig4:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - ก้าวสุดท้าย P.7 17-06-2019
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 26-06-2019 15:34:16
เป็นนิยายที่น่ารัก และสนุกค่ะ ขอบคุณที่มาแต่งให้อ่านจ้า  :pig4:  :mew1:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - END
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 28-06-2019 13:02:02
สนุกมากเลยค่ะ มดน่ารักไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีคนแอบชอบตัวเองเหมือนกัน สายป่านขี้แกล้ง ขอบคุณค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - END
เริ่มหัวข้อโดย: Pthassa ที่ 10-07-2019 00:09:32
ชอบมากเลยค่า ที่จริงชอบทุกเรื่องเลยนะ แบอ่านกี่ทีก็ไม่เบื่อ กอดนักเขียนแน่นๆ ปาใจใส่รัวๆ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - END
เริ่มหัวข้อโดย: Kaamnutt ที่ 10-07-2019 13:16:20
ติดตามค่ะ ตามอ่านเพราะชื่อคนแต่ง
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - END
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 12-07-2019 03:19:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - END
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 13-07-2019 19:02:25
ตอนแรก ๆ นี่หมั่นไส้สายป่าน..ทำเหมือนหมาหยอกไก่กับมด :fire: โมโห ๆ แทนมดมาก

หลัง ๆ เริ่มรู้ละว่านังสายป่านมันร้าย :hao3: แอบตีเนียนเด้อ 

ซึ่งหลาย ๆ เรื่องนางก็เริ่มชัดเจนดี..ยิ่งมีพาร์ทตอนนางแอบชอบมดเหมือนกันนี่ o13

น่ารักน่ามันเขี้ยวดีสำหรับคู่นี้  :-[ ชอบ ๆ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - END
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 16-07-2019 23:35:16
สนุกค่ะ  มดมดน่ารักน่าเอ็นดู  :กอด1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - END
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 21-07-2019 20:45:18
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - END
เริ่มหัวข้อโดย: jumingko ที่ 04-08-2019 14:19:58
น่ารักมากๆ เลยค่า อ่านรวดเดียวจบ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - END
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 04-08-2019 21:43:53
 :pig4: :pig4: :pig4:
ขอบคุณค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - END
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 07-08-2019 19:24:00
น่ารักกกกกกกก :impress2:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - END
เริ่มหัวข้อโดย: Monnee ที่ 08-08-2019 12:24:14
 :-[ :-[เนื่อเรื่องน่ารักมากๆ.. ถึงจะดูเนิบๆตามชื่อเรท่อง.. แต่ค่อยๆเผยความมั่นคงของกันละกันออกมา.. ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆทีาเอามาแบ่งปันกันนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - END
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 08-08-2019 14:08:30
เนื้อเรื่องน่ารักดีค่ะ ใสๆ สนุกค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - END
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 13-08-2019 22:59:21
 :3123:สนุกมากกกกติดตามๆ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - END
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 17-08-2019 15:27:25
จะมีตอนพิเศษมั้ยน้าาา
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - เปิดพรีหนังสือแล้วค่า {รายละเอียด P.8}
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 21-08-2019 02:02:02
สวัสดีค่ะ หายไปนานเลยสำหรับเรื่องนี้ ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ไม่มีตอนพิเศษลง แต่มิวเอาไปใส่ไว้ในเล่ม ขออภัยรัวๆสำหรับเรื่องนี้นะคะ

วันนี้มิวมาแจ้งข่าวสาร เปิดพรีออเดอร์หนังสือนิยายเรื่องนี้ค่ะ

โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ - 10 กันยายน 2562 ตามรายละเอียดนะคะ

โดยเรื่องนี้ได้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์น้องใหม่ พันแสง ค่ะ ตีพิมพ์กับเรื่องมัจฉาเหนือธารา

เปิดพรี ตั้งแต่วันนี้ - 10 กันยายน 2562
(จัดส่งสินค้าภายในสิ้นเดือนกันยายน)

สามารถดสั่งจองได้ที่นี่ : คลิกเลยค่ะ (http://punsaengpublishing.lnwshop.com/?fbclid=IwAR3YzT-T18lT8f-QG7H-O5NqZ3sj0B5qSHvcywJSwTh2hTSds5AO1yEOUT0)

โปรโมชั่น และของแถมภายในเล่ม : คลิกดูได้เลยค่ะ (https://www.facebook.com/mewsnauthor/photos/a.1320324011325665/2884079514950099/?type=3&theater)
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - เปิดพรีหนังสือแล้วค่า {รายละเอียด P.8}
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 21-08-2019 21:31:24
น่าร้ากกกกกกกก :-[ :o8: :-[ :กอด1:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - เปิดพรีหนังสือแล้วค่า {รายละเอียด P.8}
เริ่มหัวข้อโดย: MaidenQueen ที่ 01-09-2019 17:20:40
เป็นเรื่องที่ก้าวที่ละก้าวจริงๆ ในที่สุดก็เป็นแฟนกัน ขอบคุณคุณมิวที่แต่งนิยายน่ารักๆมานะคะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - เปิดพรีหนังสือแล้วค่า {รายละเอียด P.8}
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 02-09-2019 07:02:22
 :pig4: 
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว {MewSN} - เปิดพรีหนังสือแล้วค่า {รายละเอียด P.8}
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวยุ่ง ที่ 09-09-2019 18:47:04
สนุกมาก ชอบแก๊งเพือนนางฟ้ามากๆเลย แอบอยากอ่านเรื่องกรีนของเขาต่อจังเลยค่ะ มีแพลนจะแต่งต่อมั้ยคะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว - {END}
เริ่มหัวข้อโดย: Queen of Angel ที่ 27-10-2019 19:31:24
 :mew1:เนื้อเรื่องน่ารักมากค่ะฟินเบาๆชอบๆๆๆๆ เหมาะกับชื่อเรื่องเลย o13
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว - {END}
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 10-11-2019 20:39:17
 o13
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว - {END}
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 11-11-2019 09:13:02
อ่านรวดเดียวจบ
น่ารักมากค่ะ ทั้งสายป่านและมด รวมถึงเพื่อน ๆ
จังหวะดราม่าก็ไม่นาน และพอดี ๆ
เหมาะจะอ่านฟิน ๆ

ขอบคุณค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว - {END}
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 13-11-2019 15:04:56
น่ารักมากเลยครับ ^^
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว - {END}
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 19-11-2019 00:19:22
น่ารักมากค่า ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว - {END}
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 08-12-2019 22:05:08
ชอบมิตรภาพของตัวละครในเรื่อง แก๊งนางฟ้าน่ารักมากๆ
ขอบคุณมากๆค่า  :pig4:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว - {END}
เริ่มหัวข้อโดย: TonyPat ที่ 14-12-2019 10:44:54
ขอบคคุณ คับ น่ารักมากมายย :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว - {END}
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 19-12-2019 13:01:59
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว - {END}
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 21:07:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว - {END}
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 22-09-2022 22:13:19
น่ารักดีค่ะ
หัวข้อ: Re: STEP by STEP ทีละก้าว - {END}
เริ่มหัวข้อโดย: sakura_sung ที่ 30-09-2022 20:07:06
ใสๆ น่ารักดีอะ o13