ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
***********************************************
[- ทีละก้าว -]
- M E W S N -
- C O N T E N T S -
00 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3909510#msg3909510)
01 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3909925#msg3909925)
02 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3912632#msg3912632)
03 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3913240#msg3913240)
04 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3920560#msg3920560)
05 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3932331#msg3932331)
06 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3963552#msg3963552)
07 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3963810#msg3963810)
08 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3964103#msg3964103)
09 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3964381#msg3964381)
10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3964677#msg3964677)
11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3964915#msg3964915)
12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3973323#msg3973323)
13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3974981#msg3974981)
14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3977250#msg3977250)
15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3977510#msg3977510)
16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3977740#msg3977740)
17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3978309#msg3978309)
18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3979800#msg3979800)
19 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3980028#msg3980028)
20 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3982551#msg3982551)
21{END} (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68900.msg3983353#msg3983353)
หากเริ่มนับไปทีละก้าว เขาไม่รู้ว่าเท้าขวาหรือซ้ายของตัวเองที่จะไปถึงจุดหมายก่อน
แต่นั่นสำคัญด้วยเหรอ ?
หากว่าก้าวสุดท้ายของเขาจะไม่ได้ยืนอยู่เบื้องหน้ามัน
▂▂ ▃ ▄▅ ▆ ▇ █ งานเขียนชิ้นเก่า █ ▇ ▆ ▅▄ ▃ ▂ ▂เรื่องยาวแอบรัก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49105.0) {
END}
เคียงเดือน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53668.msg3376469#msg3376469) {
END}
วัน ไนท์ สแตนด์ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70615.0) {
LOADING...}
เรื่องสั้นFound it! (กู)หา(มึง)เจอแล้ว (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52603.msg3337594#msg3337594)
#HappyAprilfool'sday - สุขสันต์วันเมษาหน้าโง่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52846.msg3348099#msg3348099)
#จีบตอนเด็กแถมฟรีตอนโต (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53552.msg3372232#msg3372232)
บันทึกพิเศษวันสงกรานต์ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53185.msg3358437#msg3358437)
HAPPY OR BAD (มินิแต่มีหลายตอน) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56531.msg3513476#msg3513476) {
LOADING...}
ทฤษฎีข้างขวา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67178.msg3831244#msg3831244)
คืนส่งท้ายปีเก่า ช่างเงียบเหงาเหลือเกิน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69293.msg3929344#msg3929344)
ช่องทางติดต่อ MewSN ค่า >>>
จิ้มมมม (https://www.facebook.com/mewsnauthor/) <<<
***********************************************
ก้าวที่หนึ่ง
ความบังเอิญที่ไม่มีจริง
โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...
ในทุกๆความบังเอิญ อาจเป็นความตั้งใจของโชคชะตา
เขาว่าเขาเคยเจอประโยคแสนคุ้นทำนองนี้ในหน้าหนังสือของนิยายเล่มไหนสักเล่ม แต่เขาลืมไปแล้ว ช่วงนั้นเป็นช่วงวัยใส ติดนิยายแจ่มมืด(นามสมมุติ)งอมแงมแทบไม่หลับไม่นอน แต่ช่วงเวลาแบบนั้นมันก็ผ่านมานานมาก เวลาเปลี่ยน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง ยกเว้นความมั่นคงในหัวใจที่ยังมอบให้มันคนเดิม
เรื่องราวความรักของใครบางคนที่แอบเก็บงำไว้คนเดียวได้ผ่านมาเกือบปีแล้ว และชีวิตของเขาเองช่างเหมือนนิยายน้ำเน่า แอบรักเขาข้างเดียวไปวันๆ มีชีวิตอยู่ก็แค่มีความสุขกับการได้แอบมองเขาสวีทหวานกับแฟน ส่วนตัวเราก็เก็บภาพเหล่านั้นไปเศร้าคนเดียวในห้องบ้าง ระบายออกกับเพื่อนสนิทบ้าง หรือบางครั้งถ้าจำเป็นก็ต้องนั่งระบายกับน้องหมาข้างห้อง ดูสิ มีพล็อตนิยายน้ำเน่าที่ชีวิตตัวเอกอย่างเขาต้องเหงาจับใจขนาดนี้มั้ยล่ะ
หนึ่งปีกับการที่ต้องทนเห็นมันกับแฟนตัวติดกันตลอดเวลา แต่อาจเป็นความโชคดีในความโชคร้าย หรืออาจจะพูดกลับกันว่าเป็นเรื่องร้ายในความโชคดีก็ได้ที่ว่า…
ถึงแม้เราจะเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์เหมือนกัน แต่เขากับมันอยู่คนละภาควิชา ทำให้ในช่วงชีวิตปีสองที่กำลังจะเปิดเทอมเร็วๆนี้ของเขา อาจไม่ต้องเจอมันอีกเลย
เป็นเรื่องโชคดีที่ไม่ต้องทนเห็นมันหวานกับแฟน แต่ช่างโชคร้ายที่แค่คิดก็ใจหายว่าเขาจะไม่ได้แอบมองมันแบบตอนปีหนึ่งอีกต่อไปกลับทำให้ใจมันโหวงๆ
ไอ้คำที่ว่าทฤษฎีโลกกลมน่ะ อย่าได้บังอาจเอามาใช้กับพวกเขาเลย เพราะตลอดหนึ่งปีการศึกษาที่พวกเราอยู่ในสถานะเฟรชชี่วัยใส แม้ว่าเราจะลงเรียนวิชาจำพวกพื้นฐานของนักศึกษาปีหนึ่งที่เป็นตัวบังคับต้องลงเรียนทั้งมหา’ลัย แต่พระเจ้าก็ไม่เคยดลบันดาลให้เราได้เดินสวนกันสักครั้ง มิหนำซ้ำเรายังไม่เคยเรียนเซคเดียวกันด้วยซ้ำ เพียงแค่รหัสเขาห่างจากมันไปแค่สองตัว
มีเพียงรุ่นพี่ปีว้ากเท่านั้นที่ทำให้เขาได้สมหวังจะด้วยความขมขื่นก็ดีหรือความลำบากก็ดี อย่างน้อยถึงเราทั้งรุ่นจะโดนเรียกมาด่าในวันตรวจงาน แต่มันก็ทำให้เขาได้รู้ความเป็นไปของมันอย่างเงียบๆ
เฮ้ออออออออออออออ
มาถึงตรงนี้แล้วก็ขอถอนหายใจยาวๆกับวาสนาของตัวเองแบบไม่อายเลยแล้วกัน
นี่สินะโบราณท่านว่าแข่งอะไรก็แข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งกันไม่ได้
ไอ้เขาก็เป็นคนที่เชื่อคำท่านสอนอยู่เสมอ มาเจอแบบนี้ยิ่งเชื่อจนงมงายแล้ว ใจมันก็รั้นอยากจะแข่งอยู่หรอกนะ อยากจะไฟท์กับความรักครั้งนี้ของเขาเหลือเกิน แต่อย่าลืมว่าเพศสภาพเขาเป็นผู้ชาย แข่งยังไงก็ไม่ชนะผู้หญิงหรอก แถมมองๆแล้วไอ้สายป่านก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะชอบผู้ชาย หรือเป็นไบเลยสักนิด นั่นยิ่งทำให้คะแนนเขาติดลบไปหลายตัวเลข ทำให้คู่แข่งชนะไปอย่างขาดลอยเห็นๆ
ไม่สิ ที่จริงเขาน่ะแพ้มาตั้งนานแล้ว เขาควรจะยอมรับตั้งแต่วันที่เดินเอากระดาษโพสต์อิทแผ่นเล็กที่เขียนคำบอกรักมันเพราะโดนพี่รหัสสั่งให้ทำแต่ลึกๆแล้วใครจะรู้ ว่าคำตอบในใจเขาก็คือประโยคที่ถูกเขียนลงบนกระดาษแผ่นนั้น เหตุผลเพียงข้อเดียวที่ตอกหน้าเขาหงายชนิดยังไม่ได้ลงแข่งก็แพ้ตั้งแต่เริ่มนั่นก็คือ เขาชอบมัน แต่มันไม่ได้ชอบเขา ก็เท่านั้นเอง
เป็นข้อเท็จจริงที่ยากจะยอมรับจริงๆ
❤
{เสร็จหรือยังจ๊ะ พี่เขามารอเราแล้วนะ}
เวลาเช้าที่สดใสของเขาในวันจันทร์ถูกปลุกจากเสียงสั่นครืดๆของไอโฟนลูกรักที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียง เป็นสายเข้าจากจิ๊บหนึ่งในเพื่อนสนิทที่คบกันมาจากตอนปีหนึ่ง เพราะเมื่อคืนมันถูกเขาใช้งานจนดึกดื่น เพียงเพราะประโยคสามคำจากในกลุ่มแชทของเพื่อนที่ส่งมาว่า…
เล่น เกม กัน
จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงถูกทิ้งให้นอนอยู่บนเตียง เพราะเขาเล่นเกมจนหลับคาหมอนต้องติดแค่ไหนถามใจดูอ่ะ แถมเมื่อคืนเขานอนดิ้นจนเผลอทับมันไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ พอตอนเช้าจะตื่นมาเช็กดูก็ไม่ทัน เพราะสายเรียกเข้าจากคุณจิ๊บราวกับหมายศาลเรียกตัวไปคณะ ตอนนี้ทั้งตัวเขายังถูกสวมด้วยชุดนอนลายลูกหมีอยู่เลย เหล่ดูเวลาบนขวาสุดของหน้าจอ
7.25 น.
ยังทันอยู่
ขออาบน้ำสักสิบห้านาที เป็น 7.40 นาฬิกา แล้วมาลงแร้งค์(ลงแร้งค์ = การเล่นเกมที่มีการจัดอันดับ ถ้าชนะก็จะได้เลื่อนไปขั้นต่อไป)อีกสักตาเพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเองวันนี้แล้วกัน เพราะต้องไปคอยดูแลน้องๆปีหนึ่งทั้งวันมันก็จะเหนื่อยๆหน่อย น้องไม่ได้พัก เราคนเป็นพี่ก็จะไม่พักเอาเปรียบน้องเหมือนกัน
เมื่อก่อนตอนเขาอยู่ปีหนึ่งยังไม่เข้าใจหัวอกปีสองดีพอ แต่เดี๋ยวนี้พอก้าวเข้ามาเป็นพี่เต็มตัว ความรับผิดชอบอะไรหลายๆอย่างมันก็มาตกอยู่กับเรา โดยเฉพาะงานแรกอย่างกิจกรรมรับน้องของคณะสถาปัตย์ซึ่งเป็นงานใหญ่ชิ้นแรกที่ปีสองได้รับผิดชอบที่อาจเรียกได้ว่าพวกเราปีสองแทบอดหลับอดนอนเตรียมงานกันมาทั้งเดือนก่อนน้องเข้ามอ
ถือคติ เบื้องหน้างานคุณภาพ เบื้องหลังจะอะไรก็ช่างแม่ง
แม้ว่าพวกพี่ๆจะตายเพราะงานเกือบไม่ทัน บางคนตื่นเช้ามาสภาพโทรมแทบรับไม่ได้เพราะไม่ได้นอน แต่ต้องลุกขึ้นมาแต่งหน้าสวมบทบาทเป็นเอ็มซีต่อ นับถือจริงๆกับคนที่หลอกให้ตัวเองดูเฟรชแม้ว่าร่างกายข้างในแทบพัง
อย่างเช่นคนปลายสายอย่างจิ๊บ เป็นต้น
{ได้ยินที่กูพูดมั้ยเนี่ย กูเป็นพิธีกรงานเช้านะคะ น้องต้องได้เห็นกูถือไมค์ตะโกนแหกปากปาวๆก่อนแปดโมงครึ่ง}
ชาตินี้เขาคงจะไม่ได้ยินคำว่าเรากับเธอออกมาจากปากจิ๊บอีกแล้ว บวกด้วยคนอื่นๆในกลุ่มด้วย ลาก่อนความสุภาพของพวกเราตอนปีหนึ่ง จะด้วยสภาพแวดล้อมหรือยังเกรงๆกันอยู่ก็ตาม แต่วันเวลาก็ได้พิสูจน์แล้วว่า…
ไม่มีมารยาทที่ยั่งยืนในหมู่เราชาวสถาปัตย์
“เพิ่งตื่นอ่ะ เจอกันแปดโมงสิบห้านะ”
เขาพูดเสียงเนือยๆ ขยี้ตาสองสามทีพอเป็นพิธี แล้วบิดขี้เกียจซ้ายขวา
{หยุดพูดเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวแล้วรีบมาคณะ พี่ตามแล้ว ถ้าคนไม่ครบตามจำนวนพี่เขาจะไม่เปิดประชุม นั่นไม่เท่าไหร่ คะแนนกิจกรรมห้าคะแนนมึงจะยอมเสียเหรอ คนมาช้าเท่ากับหมดสิทธิ์นะคะ}
“พักเหนื่อยก่อนมั้ย”
เขาแหย่มันเล่นอีกประโยค จนเสียงกรีดร้องแสบแก้วหูดังวี๊ดๆมาตามสาย รีบยกไอโฟนออกห่างหูแทบไม่ทัน
ตื่นเลยเรา
{รีบบบบบบ เจอกันอีกสิบห้านาที}
และคำประกาศิตสุดท้ายถือเป็นการจบบทสนทนาก่อนปลายสายจะวางไปอย่างไม่ไยดี เรียกให้เขารีบเด้งตัวขึ้นจากเตียงนอน
สิบห้านาที แค่อาบน้ำก็กินเวลาไปหมดแล้ววววววววว
เขากดเข้าเฟซบุ๊ก แล้วแชทไปขอต่อรองเวลาเป็นแปดโมงตรง
ข้อความขึ้นว่าอีกฝ่ายกำลังพิมพ์
เขารออย่างใจจดจ่อ ก่อนเสียงแจ้งเตือนจะดังขึ้น และถ้าเป็นไปได้ เขาว่าเขาจะไม่อ่านมัน…
สายหนึ่งนาที กูไล่บอกคนที่มึงชอบกับเพื่อนหนึ่งคน
สายสิบนาที สิบคน
สิบห้านาที สิบห้าคน
ยิ่งสาย คนยิ่งรู้เยอะ
ตกลงมั้ยงับ
งับพ่อง
เพื่อนสนิทนี่รู้มากจริงๆ
❤
“โห นึกว่าตายคาเตียงแล้วเสียอีก พ่อคู๊ณณณณณณณณ”
เสียงแรกที่ทักทายเขาแบบเจ็บแสบคือจิ๊บคนดีคนเดิม คนที่โทรมาปลุกเขาตอนเช้านั่นเอง
และตามมาด้วยเสียงอื่นๆ ของเพื่อนที่ขึ้นชื่อว่าโคตรจะสนิทกันที่สุดแล้ว แม้ว่าเราจะเพิ่งมาเริ่มคบกันตอนปีหนึ่ง แต่เพราะเราผ่านอะไรมามากมายด้วยกันอีกนั่นล่ะ จึงเป็นสาเหตุให้พวกเราคบกันยืดยาว จะเลิกก็ไม่ได้ เพราะไม่มีใครคบแล้วนอกจากคบกันเอง อิอิ มุกเดิมประโยคเดิม แต่เป็นแบบนั้นจริงๆ
“ยังมีชีวิตอยู่อีกเหรอ พอได้เวลาพักก่อนรับน้องสองอาทิตย์ แหม รีบหายหัวกลับบ้านนอกกลัวเพื่อนจะติดสอยห้อยตามไปด้วย”
“มายด์ก็ เราก็มาแล้วนี่ไง”
“อย่ามาแอ๊บใส่กู คบกันจนรู้สันดานหมดแล้ว”
ทั้งกลุ่มหัวเราะคำพูดมายด์ เพื่อนสาวที่มักสร้างสีสันให้กลุ่มได้เป็นอย่างดี และมันชอบแกล้งเขาเป็นที่สุด
“อ๊ะๆ หรือว่าตัดใจจากหนุ่มเมืองกรุงเสียแล้ว ว้า อย่างนี้ก็มีคนต้องเศร้าอ่ะดิ”
“ฟ้า!”
เขาร้องท้วงแทบไม่ทัน
“อะไรสายๆน้า อ้ออออออออ…”
ปากมายด์ขยับเป็นคำว่าสาย…ป่าน เขาถลึงตามองรีบบล็อกเพื่อนไม่ให้หลุดพูดคำนั้นออกมา
“อ้อ มาสายนี่เอง เอาไงดีพวกมึง คนมาสายก็ต้องเลี้ยงน้ำปั่นหรือเปล่าวะ”
ฟ้าและจิ๊บพยักหน้าเห็นดีเห็นงามตามมายด์ ส่วนเขาจะท้วงอะไรได้ล่ะ นอกจากอุทานว่า เออ เอาไงเอากัน ตังค์ในกระเป๋าไม่หมดวันนี้ก็ให้มันรู้ไป
“คือ เลี้ยงแก้วสิบบาทได้มั้ยง่า”
แต่อย่างน้อยก่อนเงินจะหาย ขอต่อรองสักหน่อยก็ยังดี
“กล้า!!!”
พวกมันประสานเสียงพูดพร้อมกัน
ฮืออออออ ทำไมเหมือนเห็นเงินในกระเป๋าปลิวออกไปลับสายตา
“น้องๆที่ยังไม่ได้เซ็นชื่อเชิญทางนี้นะคะ อย่าเพิ่งแอบเข้าไปในห้องน้า แค่ลงชื่อไว้ก็มีสิทธิ์ลุ้นของรางวัล โดยเราจะสุ่มรายชื่อผู้โชคดีเป็นระยะๆในห้องประชุม ไม่แน่ผู้โชคดีอาจเป็นคุณนะคะ มาค่ามา”
การลงทะเบียนต้อนรับน้องๆคณะสถาปัตย์หรือเรียกว่าการปฐมนิเทศปีหนึ่งเป็นไปอย่างครึกครื้นในช่วงเช้าเวลาเก้าโมง ปีนี้คณะของเขาเปิดสาขาใหม่จึงมีนักศึกษาเพิ่มขึ้นกว่าเดิมและเนื่องจากนโยบายของแต่ละสาขาที่ประสงค์จะรับเพิ่มอยู่แล้ว จึงทำให้ปีสองดูเหมือนบางตาไปเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับน้องๆหน้าใหม่ที่เริ่มแจกความสดใสพูดคุยทักทายกันแล้ว
เขาก็เคยรู้สึกแบบนี้ สิ่งแปลกใหม่ ความตื่นเต้นในต่างที่ และเพื่อนใหม่ที่เข้ามาทักทาย
ทุกๆอย่างดูแปลกใหม่ไปหมด ราวกับว่าตัวเขาอยู่ผิดที่ แล้วความรู้สึกเช่นนี้จะหมดไปจนกลายเป็นความเคยชินเมื่อเราขึ้นปีสอง เพราะฉะนั้นจึงมีคำกล่าวที่ว่า ชีวิตเฟรชชี่มีครั้งเดียว ใช้ให้คุ้ม เพราะถึงแม้ลาออกแล้วซิ่วมาใหม่ ประสบการณ์ ความรู้สึก และสิ่งใหม่ๆ จะเป็นภาพคุ้นเคยในความทรงจำ
จิ๊บ มายด์ และฟ้าต่างแยกย้ายไปทำงานตามหน้าที่ของตน เขาเองก็มีหน้าที่นะ เขาเป็นฝ่ายประสานงาน ที่คอยวิ่งวุ่นทำตัววุ่นวาย บางครั้งก็มียกวิทยุสื่อสารที่ถืออยู่ในมือขึ้นมาพูดกรอกสารที่ได้รับมาลงไปที่มัน เพื่อกระจายต่อให้ฝ่ายอื่นๆรับทราบ พูดแบบไม่อวยว่าหน้าที่ของเขาสำคัญที่สุดแล้ว และขาดไปไม่ได้เลย ดังจะเห็นความสำคัญได้จากตัวอย่างต่อไปนี้…
{จากฝ่ายประชาสัมพันธ์ มีน้องจำนวนหนึ่งหลงทางอยู่ที่ประตูศึกษา แจ้งให้ฝ่ายสถานที่ดูแลด้วยค่ะ}
สารของฝ่ายอื่นๆจะถูกส่งมาที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ซึ่งมีวิทยุสื่อสารเป็นตัวกลางคอยรับไว้ แล้วกระจายต่อไป…
{ฝ่ายสถานที่ มีน้องหลงทางหน้าประตูศึกษา จัดคนไปรับด้วยนะครับ}
และเมื่อหมดหน้าที่ เขาก็จะมายืนอยู่ข้างแถวน้องๆเพื่อมาให้กำลังใจปีหนึ่ง ที่นั่งฟังอาจารย์บรรยายความรู้ทั่วไปและข้อควรรู้แถมด้วยกฎเกณฑ์ต่างๆเกี่ยวกับมหา’ลัย และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
เป็นงานง่ายๆแต่ก็เรียกเหงื่อได้หลายหยดเลยทีเดียว
“มด นี่น้ำจ้า”
เพื่อนที่เป็นสวัสดิการเอาน้ำมาให้เขา คิ้วเขาขมวดมุ่น ไม่แขวนป้ายแล้วจำชื่อเพื่อนไม่ได้เลยแฮะ แต่ก็คุ้นๆหน้าอยู่ เลยเลี่ยงที่จะพูดชื่อเพราะกลัวจำผิดพูดตอบเป็นคำขอบคุณเฉยๆแทน ให้คนที่เอาน้ำมาเสิร์ฟยิ้มแก้มปริพึงพอใจในผลงานของตน
“สวัสดีค่า ยินดีต้อนรับเข้าสู่ช่วงสันทนาการนะคะน้องๆ หลายคนนั่งฟังอาจารย์จนง่วงเหงาหาวนอน อย่ามาเถียงเจ้าพวกเด็กขี้โม้ พี่แอบเห็นว่ามีคนหลับน้ำลายยืดนะคะ”
เมื่อพิธีกรพูดจบบางส่วนก็เริ่มชี้กันไปมา ว่าใครกันที่หลับน้ำลายยืดอย่างพี่เขาว่า เป็นภาพที่ชวนให้เขายิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
นี่สินะ สีสันของเฟรชชี่ ปีหนึ่งเจ้าเด็กหัวอ่อนเอ๊ย เป็นความน่ารักในแบบที่ปีอื่นๆเลียนแบบไม่ได้จริงๆ ใครพูดอะไรเชื่อไปหมดทุกอย่าง และเขาก็เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
“อ่ะๆ ไม่ต้องชี้กันไปมาค่ะ พี่พูดเล่นพอให้คนที่หลับสะดุ้งตื่นตกใจ”
.”…”
“วันนี้น้องๆได้พบปะกับอาจารย์หลายท่านของคณะเราและได้รับความรู้มากมาย แม้ว่าจะกึ่งหลับกึ่งตื่นฟังก็ตามที ไม่ต้องหัวเราะ พี่พูดจริงมั้ยล่ะ”
“…”
“และช่วงนี้ เราก็อยากจะให้น้องๆได้พบป่ะกับบุคคลสำคัญอีกสองคนที่ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาให้กับคณะเรามาตลอด และที่สำคัญ ไม่ได้มีดีแค่หน้าตาค่า ความสามารถยังเลอเลิศแบบดิฉันเทียบไม่ติด…”
“…”
“ขอเชิญพบกับตัวแทนทูตกิจกรรมของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ได้เลยค่า!!!”
- มี ต่อ นะ . -
ก้าวที่สอง
ความยากของการเป็นแค่เพื่อน
โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...
“สายป่าน 291”
“มึง”
แล้วตอนนี้ล่ะ เป็นความตั้งใจของใครกัน
“มึงอยู่ห้องนี้เหรอวะ เฮ้ย ตกใจเหมือนกันนะ มึงบอกในกลุ่มแชทว่าจะย้ายห้อง แม่ง เสือกมาอยู่ห้องใกล้กูซะงั้น”
เขาแง้มประตูเล็กน้อย มองผ่านรอยแยกออกไป ทำทุกอย่างให้เงียบที่สุด เพื่อที่จะเฝ้าดูคนสองคนคุยกันนอกห้อง
หนึ่งคือสายป่าน รหัสสองเก้าหนึ่ง เพื่อนร่วมรุ่นของเขา กับใครอีกคนที่เขาคุ้นหน้าแต่จำชื่อไม่ได้ คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอกันไม่บ่อยครั้ง แต่คงจะเป็นรุ่นเดียวกับเขานี่แหละ
“กูเข้าห้องไม่ได้ ลืมกุญแจว่ะ ขอปีนระเบียงห้องมึงดิ๊ มันติดกัน”
แบบนี้ก็ได้เหรอ มึงลงไปถามที่เคาน์เตอร์ชั้นล่างไม่ง่ายกว่าเหรอวะ
เพื่อนอีกคนเกาหัวแกรกๆ แต่ก็ไม่เอ่ยคำคัดค้าน หนำซ้ำยัง “เออ มึงมานอนห้องกูก่อนก็ได้ ไม่ต้องลำบากปีน”
“เอางั้นเหรอวะ อือ พรุ่งนี้ออกเช้า งั้น ขอรบกวนด้วยนะ”
มันแปลว่าข้อตกลงบรรลุเป้าหมายแล้วใช่มั้ย
ปัง
เสียงประตูห้องข้างๆปิดลง พร้อมกับเขาที่ค่อยๆปิดประตูห้องตัวเองให้สนิท
เหม่อมองนาฬิกาที่มุมห้องตรงผนังฝั่งซ้ายสุด ติดกับตู้ปลา บ่งบอกเวลาที่เข็มนาฬิกาเพิ่งจะเลยเลขเก้ามานิดๆ
อืม คืนนี้ยังอีกยาวไกล
แต่เขามั่นใจว่าจะฝันดี เพราะอะไรรู้มั้ย…
เขาไม่ใช่สตอร์คเกอร์ฝึกหัด หรือมืออาชีพ และเขาจะไม่มีวันเป็นด้วย
ก็แค่ดีใจ ที่ตรงข้ามห้องถัดไปจากเขา มันคือห้องของสายป่าน 291 ก็เท่านั้นเอง
❤
เขาไม่ใช่สตอร์คเกอร์
เขาไม่ใช่
จริงๆนะ…
“สายป่าน 291 พักอยู่คอนโดเดียวกับมึง แถมอยู่ตรงข้ามห้องถัดไปจากห้องมึง”
“…”
“แล้วยังไง มีอะไรน่าตื่นเต้นวะ”
มายด์ยักไหล่สองทีแล้วนั่งลงเท้าคางจ้องมองเขาจริงจัง
“มันจะไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลยถ้ามึงก็ยังเป็นแบบเมื่อก่อน”
เมื่อก่อน… ตอนที่เขาอยู่หอใน
ไม่ใช่เพียงแค่เราอยู่หอเดียวกัน หากแต่ห้องยังติดกันชนิดที่เวลารุ่นพี่เรียกไปคณะเปิดประตูห้องมานี่เจอกันทุกรอบ
แต่เขา ก็ไม่เคยทักทายมันทุกครั้งเช่นเดียวกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ช่วยไม่ได้ ถ้ามันจะคิดว่าเขาไม่อยากคุยกับมัน และโคตรหยิ่ง
แต่ในความเป็นจริงถ้ามันมองมุมกลับ เขาเป็นแค่เพื่อนร่วมรุ่นที่ไร้ตัวตน แต่มันมีคนรู้จักมากมาย หลายคนอาจเถียงว่านั่นไม่ใช่ปัญหา เพียงแต่ในความคิดของเขา มันโคตรจะเป็นอุปสรรคที่ใหญ่พอๆกับมีเทือกเขาหิมาลัยมากั้นกลางระหว่างเราสองคน
หรือคุณไม่เคยรู้สึกล่ะ คนที่มีใครเข้าหามากมายขนาดนั้น เขาจะยอมลดตัวลงมาคุยหรือทักทายเราทุกครั้งที่เจอ หรือบังเอิญสวนทางกันหรือเปล่า นั่นเป็นคำถามที่เขาเฝ้าถามมันในใจมาตลอดหนึ่งปี และยังไม่ได้คำตอบ
หรือคำตอบนั้น เขาจะไม่มีทางค้นเจอ
หรือจนกว่า…
“กล้าๆหน่อยเพื่อนรัก อาศัยความเป็นเพื่อนร่วมรุ่นหน้าด้านเข้าไปคุยกับมันเลย มันเฟรนด์ลี่จะตายไป จากที่ได้ยินมาอ่ะนะ”
ฟ้าเสริมทัพ ด้วยคำแนะนำแกมล่อลวงกับคำเชิญชวนที่น่าลอง
ใครๆก็บอกว่ามันเป็นมิตร คุยเก่ง ยิ้มง่าย และที่สำคัญมีเสน่ห์ เขาก็คิดแบบนั้น เพียงแต่เหตุผลเท่านี้ ไม่พอให้เขารวบรวมความกล้า บวกความบ้าบิ่นเหมือนตอนปีหนึ่งที่บุกทะลวงเข้าไปสารภาพรักเจ้าตัวหรอกนะ แม้มันจะเป็นคำสั่งของรุ่นพี่ แต่นั่นเขาถือว่าได้บอกความในใจกับมันไปแล้ว
และมัน… ไม่ตอบรับ แถมทิ้งไปกับแฟนอย่างไม่ไยดี
ความรู้สึกแบบนั้น เขาไม่อยากรับรู้มันอีกแล้ว
“แถมคอนเฟิร์ม ความสด เอ๊ย ความโสดร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้ไม่สดแล้วก็ตาม”
มายด์พูดติดตลก ทำทั้งกลุ่มหลุดยิ้มตาม นี่ถ้าเจ้าตัวมาได้ยินจะมีเขกหัวพวกเราคนละทีแก้แค้นมั้ยเนี่ย เผาเพื่อนร่วมรุ่นเก่งพอๆกับทำงานเก่งก็กลุ่มของพวกเรานี่แหละนะ
“แต่กูกลัวนี่” เขาท้วงหน้างอง้ำ
“มันจะอะไรนักหนา มึงเดินเข้าไป พูดทักทายคำสองคำ”
“แต่กูไม่เคยพูดกับมันเลยนะ อยู่ๆจะให้เข้าไปหาแล้วบอก สวัสดีครับ เหรอ”
“แหม แล้วที่เดินไปบอกรักเขาตอนปีหนึ่งนั่นอะไร ไม่รู้ล่ะ ถือว่าเคยคุยกันแล้ว”
ไม่มีอะไรจะถียงกลับ นอกจากขมวดคิ้วมุ่น
“เอาน่า ยังไงก็ถือว่าได้ลอง ไม่ลองไม่รู้ มันไม่คุยด้วยก็ค่อยช่างแม่ง”
เป็นจิ๊บก็พูดง่ายสิ เป็นเขานี่ถ้ามันไม่คุยด้วยมีน้ำตาซึมอ่ะ ก็นะ ไม่เคยเป็นกันเหรอ คนแอบชอบไม่คุยด้วยเนี่ย มันจะช่างแม่งได้ไง ในเมื่อเราชอบเขามากๆอ่ะ
ถ้ามันตัดใจง่ายๆแบบนั้นก็ดีน่ะสิ ไม่คุยไม่สน แต่เขาทำไม่ได้ไง
“มึงอย่าคิดไปก่อน เป็นกระต่ายตื่นตูมมันไม่น่ารักหรอกนะ”
ฟ้าปลอบเขา เพื่อนทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
เขาที่ถูกหว่านล้อมเต็มที่เริ่มมีความหวัง… เอาวะ
เอาไงเอากัน
เอาก็เอา
“แล้วกูต้องเริ่มด้วยการแนะนำตัวใหม่มั้ย”
“ฮ่วย!!!”
หือ
แปลว่าไม่ควรสินะ
❤
“นี่คือขั้นแรกเหรอ”
เขาจ้องมองหน้าจอไอโฟนที่เพื่อนมายด์ยกขึ้นมาตรงหน้า ในจอแสดงภาพฟีดข่าวที่คุ้นเคย ใช่ มันคือหน้าฟีดของแอพสีฟ้ารูปตัวเอฟที่มีชื่อเต็มๆว่าเฟซบุ๊กของคุณมาร์คนั่นเอง แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจว่า คำว่าขั้นแรกที่เพื่อนๆหมายถึง มันคือยังไงกันแน่
“มึงอ้างนักหนาว่าสนใจเค้า แอบชอบเค้า หลงรักเค้า”
“อือฮึ”
เป็นลูกรับส่งกันดีเหลือเกิน คนนี้พูดประโยคหนึ่ง อีกคนก็รับอีกประโยคหนึ่ง มายด์ส่งจิ๊บรับ หรือ มายด์รับจิ๊บส่ง ฟ้าชง โอ้โห ครบเครื่อง
“มึงจะให้กูแอดมันเหรอ ไม่อาวววววว”
เขารู้แล้วล่ะว่าเพื่อนยกเฟซบุ๊กขึ้นมาเป็นประเด็นทำไม ไม่ ยังไงก็ไม่ ขอค้านหัวชนฝาว่าไม่ทำ และจะไม่มีวันแอดด้วย แหม ถ้าแอดไปเขาก็รู้หมดสิ ว่าบนไทม์ไลน์เฟซของตัวเองเนี่ย เพ้อพกมโนถึงใคร
ถึงจะโพสต์ลอยๆแบบไม่เจาะจงใครบางคนก็เถอะ แต่มันเสี่ยงเกินไป
“ไม่จร่ะ เพื่อนรัก แบบนั้นมันเป็นมุกที่เชยและนายเอกสมัยนี้เขาไม่ทำกันแล้ว เราจะไม่มานั่งแอดผู้ชายให้ราคาตกต่ำ เราแค่จะทำแบบนี้…”
ว่าแล้วมันก็เลื่อนมือไปกดจึ๊กที่ปุ่มติดตาม ซึ่งกลายเป็นว่าตอนนี้เขาเป็นหนึ่งในล้านคนที่กำลังติดตามสายป่านอยู่
“เราจะทำให้ตัวเองดูไฮ และไม่รุกอีกฝ่ายจนเกินไป ด้วยการไม่แอดเฟรนด์ให้เขาเห็นโต้งๆ เพราะเสี่ยงที่อีกฝ่ายจะไม่รับ แถมเสียความรู้สึกเราอีก”
เขาพยักหน้าเออออ ทั้งทียังงงและไม่เข้าใจว่ามันจะให้ทำอะไรกันแน่ แค่กดติดตามแน่เหรอ
“เพราะฉะนั้น มึงต้องให้เขามาเห็นเราเอง โดยการกดไลค์ทุกสเตตัสของอีกฝ่าย ตามทฤษฎีกฎของมายด์ เชื่อว่าจะเกิดคลื่นใต้น้ำ หรือปฏิกิริยารีแอคด้วยตัวมันเอง กล่าวคือ พอมึงไลค์รัวๆจนมันขึ้นแจ้งเตือนบนเฟซอิสายป่าน เดี๋ยวอิสายป่านก็จะหันมาสนใจมึง จบสวย เพื่อนกูหล่อ แต่กำลังจะมีผัวค่ะ”
พอฟังมันพูดจบ เขาต้องถามตัวเองไหมว่าต้องยกมือขึ้นก่ายหน้าผากดีมั้ย หรือควรชินได้แล้วกับการเอาดีทางด้านเรื่องไร้สาระของเพื่อนตัวเองดี
มายด์ ผู้ไปไกลเกินกว่าโลกจะจินตนาการถึง ขอไว้อาลัยสิบแปดวินาทีให้กับเธอ
“ไหนลองกดไลค์สักโพสต์ซิ”
“เฮ้ยยยยย”
ไม่ทันแล้วครับ ระหว่างที่เขากำลังปลงใจกับความคิดแบบเป็นไปไม่ได้ของมายด์ เพื่อนฟ้าก็ได้จิ้มนิ้วไปจรดที่หน้าจอไอโฟน และจึ๊ก กดไลค์โพสต์ของสายป่านด้วยการกด รักเลย แบบใช้โพสต์เขาที่ล็อกอินอยู่ก่อนแล้ว
และสักโพสต์ของไอ้สายป่านที่ว่าก็คือ…
สุ่มแอดเพื่อนครับ ใครมีใจกดหัวใจมาน้อง
หืมมมมมมม
แล้วตอนนี้เขา ไม่สิ เพื่อนฟ้าไปกดหัวใจที่แสดงความรู้สึกว่ารักเลยให้มันไป
จะสุ่มได้เขามั้ยนะ เอ๊ย ไม่ช่ายยยยยย
แต่ก็นะ…คนกดไลค์โพสต์นี้ 1.2K โอกาสที่มันจะสุ่มแอดเพื่อนเขานี่ควรคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ดีล่ะ
ไม่แน่ว่ามันอาจจะติดลบอยู่ก็เป็นได้ ก็คิดดูนะ เป็นเพื่อนร่วมรุ่น ทำงานมาด้วยกัน แต่ไม่เคยคุยกัน มองหน้ากันก็ไม่ติดเพราะเขามันคิดไปไกล แม้แต่เพื่อนในเฟซยังไม่ได้เป็นเลย เหตุผลส่วนหนึ่งคือเขาไม่กล้าแอด และอีกส่วนคือกลัวแอดไปแล้วมันไม่รับจะเสียใจกว่ามากๆ
TSHIRT ใครแกล้งแม่งวะ 555 เล่นแรง
สายป่าน 291 แหลไร๊หนิ
มาร์ค สายปั่น ไอ้สัดครับ แหล่งใต้เก่ง ใครทำออกมารับผิดชอบครับ สงสารเพื่อนกู
สายป่าน 291 มึงครับตัวดีเพื่อน เอาเฟซกูไปโพสต์เล่น
Why Viransinee กดหัวใจให้แล้วนะคะ เมื่อไหร่จะแอดมา
สายป่าน 291 Why Viransinee ผัวโหดขอผ่านครับคนนี้
Why Viransinee โห ไอ้สัด 555
งื้อๆ พี่สายป่านสุ่มแอดเฟรนด์ วันนี้ที่รอคอย 555 #แม้จะรู้ว่าเพื่อนแกล้ง
ใครจะเป็นผู้โชคดีว้า มาว่ะ พี่สายป่านเหนือเดือน
ทำไมลูกแม่มาเนื้อหอมตอนปีสองวะ พลาดตำแหน่งเดือนมอได้ไง ยั่วเยขนาดนี้
โอ๊ย ถ้ามึงหล่อเหมือนตอนนี้ปีหนึ่งมึงได้เป็นเดือนมอไปแล้ว
กดรักเลยแล้วจะได้เป็นผัวป่ะ
เอ่อ เม้นนี้ #ขอฮาได้มั้ย
ใครไม่รัก เรารัก กดรักเลยรัวๆค่ะ พลาดเดือนมอได้ไง น่าเด้าเป้าเริ่ดขนาดนี้
มึ๊ง เขาโพสต์แค่ข้อความ ไม่มีรูป 555 ทำไมกูขำ
ไม่มีรูปก็เสียวได้
ขออนุญาตเม้นบนควบคุมสติ 555
ไป รอพี่เค้าขึ้นปกนิตยสาร 18+ สักเล่ม อยากเห็นกล้ามขาวๆเป็นบุญตา
ตึ๊ง
แจ้งเตือนเฟซบุ๊กเขาเด้งขึ้นมา
กดว้าว ระวังหัวใจร้าวนะครับ
สดๆร้อนๆ เมื่อสิบสามวินาทีก่อนหน้านี้ คราวนี้มาพร้อมรูปภาพมันกับผองเพื่อนที่ร้านกาแฟของคณะรัฐศาสตร์ ที่เขาจำโลเคชั่นได้ดีเพราะเป็นหนึ่งในไม่กี่ร้านโปรดที่เขาไปกินบ่อยที่สุด
ไม่ได้ค่าโฆษณาหรอกนะ แต่ของเขาอร่อยจริง ต้องไปลอง
“รออะไรล่ะคะ ไลค์โลด”
ฟ้าดึงมือเขาไปจิ้ม กดหัวใจให้โพสต์ล่าสุดบนไทม์ไลน์ของสายป่าน
เฮ้ยยยยยย เขารีบแย่งไอโฟนของตัวเองมาจากมือเพื่อน
แต่หลังจากนั้นไม่นาน
ปรากฏการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
ตึ๊ง
ตึ๊ง
ตึ๊ง
และอีกกี่ตึ๊งไม่รู้ที่เฟซบุ๊กแจ้งเตือนเขา
ช่องแชทของเขาเด้งขึ้นมา ด้วยชื่อของคนทักทายที่รู้จักเป็นอย่างดี
สายป่าน 291…
ชื่อไรครับ
รูปโปรน่ารักจัง
กดหัวใจเหรอ
ชอบเราป่ะ
มีแฟนยัง
จะขอจีบ
ได้ป๊ะ
เฮ้ย เพื่อนแกล้งๆ
น้องน่ามน คนน่าเอา
โทษๆ เพื่อนแกล้ง
ชื่อมดใช่ป่ะ
เห็นแล้วโคตรชอบ
ตกลงมั้ยเราจะจีบ
ยังไงดี
และข้อความสุดท้ายที่คนพิมพ์หายไปประมาณสามสิบวินาที
ขอโทษนะ เพื่อนแกล้ง
“ใครส่งอะไรมาวะมึง ดังถี่ยิบตลอดทุกวินาที”
มายด์ถามด้วยความสงสัย นั่นทำให้เขารีบเอาหน้าจอไอโฟนแนบอกทันที พร้อมส่ายหัวบอกปฏิเสธว่าไม่มีอะไร แต่ท่าทางนี่เต็มไปด้วยพิรุธจนดูรู้
“เปล่า เพื่อนกลุ่มคอนเซอเวชั่นส่งงานเข้ามา”
“เออๆ ไหนเอาโทรศัพท์มาไว้ตรงกลางสิ ถึงไหนแล้วเนี่ย มึงกดไลค์สเตตัสสายป่านครบยังวะ”
เขารีบยกโทรศัพท์หนีมือมายด์ที่จะเอื้อมมาเอาไป
“ไว้วันหลังค่อยมาทำต่อแล้วกัน สงสัยเพื่อนกลุ่มจะตามงาน แชทเข้ารัวๆแล้วเนี่ย”
เขารีบเก็บข้าวของที่วางเกลื่อนกลาดบนโต๊ะ ลงกระเป๋าผ้าสีขาวใบเก่งของตัวเอง แล้วลุกขึ้น
“กูไปก่อนนะ เดี๋ยวเย็นทักไปกินข้าว”
พอเดินออกมาไกลพอที่คิดว่าเพื่อนๆจะไม่เห็นแล้วเขาก็หยุด หยิบไอโฟนขึ้นมาเปิดอ่านแชทเดิมซ้ำอีกรอบ
แล้วยิ้มกับหน้าจอเหมือนคนบ้า กับข้อความบ้าๆที่ไม่น่าจะทำให้ยิ้มได้
ขอโทษนะ เพื่อนแกล้ง
ถึงจะรู้แบบนั้น แต่มันก็หุบยิ้มไม่ได้จริงๆ
❤
ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือผิด ที่ตอนนี้ชีวิตเหมือนหนีเสือปะจระเข้
หลังจากที่เขาต้องย้ายก้นตัวเองออกมาจากกลุ่มเพื่อนสนิท และไม่มีที่ไป เลยกะมานั่งอ่านหนังสือชิลๆที่คณะศึกษาศาสตร์ ซึ่งมีร้านกาแฟแต่เปิดให้มานั่งอ่านหนังสือได้
แต่เขาไม่ได้คิดเลยสักนิด ว่าจะบังเอิญมาเจอมันที่นี่
สายป่าน 291…
ทำไมขึ้นปีสองแล้วเราเจอกันบ่อยเหลือเกิน ใช่สิ แค่สองครั้งก็ถือว่าบ่อยแล้ว
“ไอ้เหี้ยป่าน มึงโกรธกูเหรอวะ”
เขาไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังหรอกนะ แต่โต๊ะเราอยู่ใกล้กันแบบนี้มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะแว่วเข้าหูอ่ะนะ
ความจริงคือเข้าหูมาเต็มๆ แบบชัดทุกน้ำเสียงเลยล่ะ
คงมีไม่บ่อยนัก ที่พวกสถาปัตย์จะเร่ร่อนระหกระเหินมาถึงที่นี่ ประกอบกับความหน้าตาดีเกินไปของทั้งกลุ่ม จึงเป็นที่จับตามองของฝูงชนได้โดยง่าย
และไม่เว้นเขา
จากที่เขาเหล่ๆดู เพื่อนกลุ่มนี้ของสายป่านน่าจะมาจากคนละคณะ เพราะเขาไม่คุ้นหน้าเลยสักคน
สายป่านเป็นคนมีเพื่อนเยอะ จึงไม่น่าแปลกใจหากจะพบมันอยู่อีกกลุ่มในเวลาอื่น
มีเพื่อนเยอะไม่ได้ดีเสมอไป เพียงแต่ใครจะโชคดีเท่ามันที่ถึงแม้เพื่อนจะมากมายเท่าไหร่ ก็มีแต่คนจริงใจที่เข้ามาหาทั้งนั้น
“ไม่เลิกแกล้งกูงอนอ่ะ” สายป่านกอดอก หน้างอง้ำ แล้วมันกงการอะไรที่เขาต้องละจากหนังสือหันไปแอบมองมันด้วยเนี่ย
เอาเถอะนะ ห้ามอะไรก็ห้ามได้ แต่ห้ามให้มองมันคงทำไม่ได้
ยิ่งอยู่ใกล้กันแค่โต๊ะถัดไปเท่านั้น จะให้เขาทำเป็นมองไม่เห็นมัน และทำสมาธินั่งอ่านหนังสือต่อไปคงเป็นไปไม่ได้
“แม่งใจตุ๊ดวะ” เพื่อนอีกคนแกล้งบ้าง
“ลองมั้ยล่ะนาย” เฮ้ย แบบนี้ก็ได้เหรอ
“มึงอย่าเอาโทรศัพท์กูไปเล่นดิ๊ เอาคืนมาไอ้สัด”
ดูเหมือนว่าตอนนี้สายป่านก็ยังไม่ได้ไอโฟนของมันคืนมาจากเพื่อนคนใดคนหนึ่งในกลุ่ม
ตึ๊ง
“เฮ้ยมึง ทำเหี้ยไรวะ”
พร้อมๆกับเสียงห้าวๆของมัน เสียงเฟซบุ๊กของเขาเองก็แจ้งเตือนขึ้น
สายป่าน 291 ได้ส่งคำขอเป็นเพื่อนถึงคุณ
…
“แอดเหี้ยอะไรชื่อนี้วะ”
“ทำไม”
“เพื่อนคณะกู ไอ้เหี้ย”
เขาต้องมีภูมิต้านทานแค่ไหน ถึงจะไม่ให้สะดุ้งกับคำว่าเพื่อนคณะกู โอ้โห ประเด็นคือ เพื่อนคณะมึง ดันอยู่โต๊ะใกล้ๆมึง แต่มันโง่ไม่รู้ว่ามีเขาอยู่ไง
หรืออีกนัยคือมันไม่ได้ให้ความสนใจเลยไม่สังเกตเห็นเขาก็เท่านั้นเอง
“เพื่อนคณะจริงเหรอ แม่ง… อุ๊บส์ ไอ้เหี้ย อากอึงเอ็มสัด(ปากมึงเค็มสัด)”
“เชี่ยไร ไม่ต้องพูดถึง ก็แค่เพื่อนคณะ”
ก็แค่เพื่อนคณะ แม้แต่คำว่าเพื่อนเฉยๆ มันยังไม่รู้สึกห่างเหินเท่าเพื่อนคณะเลยโว้ย
คนแอบฟังมันช้ำใจนะเว้ย ไม่รู้รึไง
แบบนี้แล้วเขาไม่แน่ใจว่าควรจะรับแอดมันดีมั้ย หากจะมีเฟซบุ๊กของมันไว้เพื่อทำร้ายหัวใจตัวเอง
แต่ความคิดกับการกระทำ มักสวนทางกันเสมอ
“คืนไอโฟนลูกรักกูมาได้ยัง ช้ำหมดละ มือพวกมึงยิ่งหยาบๆ”
“หยาบคายมาก”
ตึ๊ง
นั่นไม่ใช่เสียงแจ้งเตือนเฟซบุ๊กของเขา
“มึ๊งงงงงงง เพื่อนร่วมคณะมึงรับแอดด้วยว่ะ”
“แหม เพื่อนจริงป่ะวะ ยิ้มกริ่มดีใจอย่างกับมองสาว”
เขาแอบเหล่ตามอง มันกำลังยิ้มอยู่จริงๆด้วย
“ยิ้มไม่ได้เหรอวะ ก็สาวมองอยู่”
และเป็นอีกครั้งที่มันพูดถูก เมื่อสาวกำลังมองมันอยู่จริงๆด้วย
“โห คนรับแอดมึงไม่เสียใจแย่วะ”
เกี่ยวอะไรกับเขา แต่เขาก็กำลังโคตรน้อยใจอยู่จริงๆ จะใช้คำว่าเสียใจก็กระดากปาก เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย
อย่างน้อยถ้าคนอื่นถาม ก็ยังตอบได้ว่าน้อยใจที่เห็นสาวดีกว่าเพื่อน…
ร่วมคณะ
“มึงมันเหี้ย เพื่อนก็คือเพื่อนครับไอ้สัด”
ถูกต้องแล้ว
เพื่อนร่วมรุ่นก็เป็นได้แค่เพื่อนร่วมรุ่น
มันไม่มีทางเป็นอย่างอื่น
ไม่มีวัน…
❤
เขานั่งอ่านเพลินจนเกินไป…
นี่มันเย็นย่ำแล้ว เพราะร่างกายสัมผัสถึงลมหนาว เขาที่ย้ายจากร้านกาแฟคณะศึกษาศาสตร์ ย้ายเอาใจพังๆ กลับมานั่งพักอ่านหนังสือชิลๆที่ใต้ตึกของคณะตัวเอง
แต่นั่งอ่านเพลินไปหน่อยเท่านั้นเอง จนเงยหน้าขึ้นมาอีกที คนที่นั่งอยู่โต๊ะรอบๆหายไปหมดแล้ว
ก็แค่เหลือคนเดียว ที่ใต้ตึกคณะสถาปัตย์เท่านั้นเอง
ไม่รอช้า รีบโกยของทั้งหมดบนโต๊ะหินอ่อนลงในกระเป๋าผ้าสีขาว เพราะหากมืดกว่านี้ เขาคงต้องขอนอนที่คณะสักคืน เคยได้ยินตำนานเรื่องผีของคณะสถาปัตย์มอนี้มั้ยล่ะ นักศึกษาที่นี่รู้จักดีกันทุกคน ช่วงทำงานคนมันเยอะไง แต่ช่วงนี้เป็นช่วงร้างช่วงหนึ่งของคณะ เพราะฉะนั้นแนะนำ ควรออกจากตึกนี้ก่อนเวลาสามทุ่มเป็นต้นไป เหตุผลคือมันจะยังมีคนเดินสวนทางเรามา แบบคนที่เป็นคน หากดึกกว่านั้น…
เกรงว่ามันจะไม่ใช่คน!!!
ตำนานทางเดินแคบมอนี้ ติดอันดับความน่ากลัวลำดับที่ต้นๆในเว็บบอร์ดเลยนะ
กึก!
เอาแล้วไง
มีเสียงดังกุกกักจากโต๊ะข้างหลัง เขาไม่กล้าหันไปมอง
อยู่มาหนึ่งปี จะมาเจอดีปีสองไม่ได้นะ
“ฮื่อออออออออ”
เสียงครางเย็นเยือกดังขึ้นเบื้องหลัง ฮือ อย่ามาหากันเลย อย่าทำลูกช้างตัวน้อยๆคนนี้เลยนะ แล้วจะทำบุญกรวดน้ำไปให้
ฮือออออออออออ
“แม่ง เผลองีบแป๊บเดียว เพื่อนกูหนีหมด”
ระหว่างที่เขากำลังท่องมนต์ในใจ เสียงทุ้มคุ้นหูก็ดังขึ้น
“เฮ้ยมึง มีบัตรนักศึกษาใช่มั้ย กูออกไปด้วยดิ”
จะผ่านประตูทางเข้าของที่นี่ ต้องใช้บัตรนักศึกษาที่แสดงตัวตนว่าเป็นคนของมหา’ลัยนี้ ตอนออกก็เช่นเดียวกัน
“ไอ้มด รหัส 289 ใช่มั้ย”
“อะ อืม”
บางทีความยากของการเป็นแค่เพื่อนอาจจะอยู่ที่ตรงนี้
ตรงที่เขา…ไม่รู้จะทำตัวยังไง ให้เหมือนเป็นเพื่อนกับมันมากที่สุด
เพราะว่าตอนนี้ หัวใจเจ้ากรรม เต้นเสียงดังโครมครามเหลือเกิน
- T B C . -
เมื่อไหร่น้อ จากเพื่อนจะขยับไปเป็นอย่างอื่น
เจอกันใหม่ตอนหน้าค่า พรุ่งนี้.
ก้าวที่ห้า
นางฟ้า สถาปัตย์
โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...
นางฟ้าเบอร์หนึ่ง ใครเอ่ย ใคร ใครแต่งหญิงไม่ครอบวิกคะ
นางฟ้าเบอร์สอง อิกิตติ อุ๊ย ลืมไปชื่อวินดี้ 555
นางฟ้าเบอร์หนึ่ง ใครค้า ใครแต่งหญิงไม่สมประกอบ แต่งหญิงไม่ครบสามสิบสองคะอิดอก 555
นางฟ้าเบอร์สี่ มึงไง อิลิลลี่ แต่งหญิงค้าประเวณี 555
นางฟ้าเบอร์สาม จร่ะ แหม แล้วใครแต่งหญิงสกปรก
นางฟ้าเบอร์ห้า กูเอง ห้ามนกกู กูนกตัวเองแล้ว
นางฟ้าเบอร์สี่ อิดอก ไม่ตบมุกเว่อร์
นางฟ้าเบอร์หนึ่ง แหม ยังมีใครในกลุ่มเราบ้างมั้ย ที่แต่งหญิงสะอาด แต่งหญิงสวยงาม
นางฟ้าทุกเบอร์ มี!!!
นางฟ้าเบอร์หนึ่ง ใคร!!!
นางฟ้าเบอร์สอง ไม่บอก อยากรู้ก็มาเจอกับพวกเราเย็นนี้นะคะ ณ ลานกว้างสนามกีฬากลาง ขอเชิญชวนเพื่อนร่วมรุ่นมากันเยอะๆนะคะ มาร่วมเป็นกำลังใจทีมฟุตบอลสถาปัตย์ด้วยกันน้า
เป็นวิดิโอหน้างานที่เร่งรีบที่สุด ตัดต่อแบบสายฟ้าแลบที่สุด และด้วยทีมตัดต่อคุณภาพที่สุด ที่ถือคติว่า เสียงไม่ชัด ซับไม่ใส่ ฮา
แหม จะให้ไปหาเวลาว่างที่ไหนมาทำกันล่ะ ทุกวันนี้งานทำป้ายคณะก็ต้องทำ งานสันทนาการเย็นนี้ก็ต้องเตรียมการ เหล่านางฟ้าตัวน้อยทั้งห้าเลยขนแล็บท็อป ขนกล้อง และอุปกรณ์ที่จำเป็น มานั่งตัดต่อกันที่ทำงานเลยนี่ล่ะ
และก่อนเริ่มงานครึ่งชั่วโมง วิดิโอก็ถูกเผยแพร่ในเฟซบุ๊กอย่างที่เห็น พร้อมกับคำขอร้องแบบนางฟ้าว่า…
“พวกมึงงงงง ช่วยกันปั่นยอดวิวด่วนจ้า”
เป็นคำขอร้องเชิงคำสั่ง และต้องทำตามเท่านั้น
แล้วถ้าถามว่าตอนนี้เขาอยู่ไหน ทำไมถึงได้รู้ความเป็นไปของพวกเธอทั้งห้าได้
หึหึ
“มันปั๊วมึง มันได้มาก มันหวาน” กิตติหรือวินดี้ นางฟ้าวิกสีเขียวพูดพร้อมปัดเส้นผมที่หล่นลงมาบังหน้าเขาออก แล้วยืนเพ่งมอง ชื่นชมกับผลงานของตัวเองด้วยความอิ่มเอมใจ
“วี๊ด มด มันมาว่ะ มง(กุฏ)ลงหัวแน่ๆเย็นนี้” อุมาพร หรือเจ๊จุก(นางฟ้าวิกสีแดง) ถึงกับออกไม้ออกมือเล่นใหญ่ประกอบการชมเขา
“งานนี้ฆ่าได้ฆ่า กองเชียร์วิศวกรรมศาสตร์ต้องตาย” ชื่อในวงการลิลลี่(นางฟ้าวิกสีชมพู) ชื่อจริงๆคือสมชาย ปรบมือชื่นชมพร้อมความมั่นใจเต็มร้อย
“ถ้ารู้ว่าจะออกมาเลิศขนาดนี้ ปีหนึ่งดิชั้นบังคับมดมาทำตั้งนานแล้ว” มามี่ นางฟ้าวิกสีขาว
“ได้ ปีนี้จับมดออกทุกงาน” ลลิตา(นางฟ้าวิกสีเหลือง) มั่นหมายไว้
ทุกคนบอกว่ามดปัง ทุกคนบอกว่ามดแต่งออกมาแล้วมันโคตรเลิศ ทุกคนบอกว่ามดดูดี ชมจากใจจริง
แต่ทุกคนเคยถามมดมั้ยว่า…
มดอยากแต่งแบบนี้หรือเปล่า!!!
เขาอยากแต่งเป็นธีมสัตว์น่ะใช่ พูดจริงๆคือ เขาโดนบังคับมาอีกทีจากสายป่าน ผู้กุมอำนาจเหนือกว่าเบื้องบนด้วยข้อตกลงระหว่างเรา
เขาอยากแต่งธีมแมวเพราะแมวเป็นสัตว์น่ารักน่ะใช่ ความจริงคือวินดี้ฟินจัดอยากแต่งให้เขามีหูแบบแมวเหมียวกลายเป็นเลยตามเลยแบบนี้
ใช่สิ แต่สิ่งที่เขาไม่ได้ร้องขอ และคิดว่าชาตินี้คงจะไม่ทำ แต่เพราะคำขู่ว่าจะโดนปู้ยี่ปู้ยำจากเหล่านางฟ้าเขาเลยต้องทำ
“ฮือ ไม่ออกไปข้างนอกแล้วได้มั้ย”
เขาขอร้องด้วยเสียงจะร้องไห้
เหล่านางฟ้าพร้อมใจกันส่ายหน้าไปมา แล้วกลับหลังเขาให้หันไปเผชิญหน้ากับกระจก
ฮือ ม่ายยยยยย
ชาตินี้จะทำอะไรก็ได้ แต่เขาจะทำแบบนี้ไม่ได้…
เขาจะมาแต่งหญิงเชียร์สันทนาการไม่ได้!!!
ฮืออออออออออออออออออออออออออออออ
อยากร้องไห้ให้น้ำตาท่วมโลก
เขามีหูแมว
เขาแต่งหน้าแบบแมว
และเขา แต่งหญิงแมวเหมียว ฮือออออออออ
ไม่อาววววววววว
“ทำไมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ไม่เอาค่ะลูก อย่าเพิ่งซาบซึ้งในความสวยเดี๋ยวเครื่องสำอางบนใบหน้าหลุดลอกหมด ไปค่ะ ไปเชียร์สันทนาการก่อน” วินดี้ตบไหล่เขาเบาๆ ถามจริง นี่เธอไม่รู้เหรอว่าเขาร้องไห้เพราะอะไร ทำลายศักดิ์ศรีลูกผู้ชายเขาจนป่นปี้ ฮึก
“ผู้เห็นผู้ต้องโหวตค่ะ โหวตมดค่ะโหวตมด แม่จะดันลูกไปเวทีดาวเทียมมอ”
ยังจะมีมาให้แต่งอีกเหรอ ไม่เอาแล้ว เขาไม่เอาอีกแล้วนะแบบนี้
“มดคือลูกของพวกแม่ๆ แม่ภูมิใจที่ได้มีมดเป็นลูก”
วินดี้โอบกอดเขาด้วยความรัก แต่ทำไมถึงได้ยินเสียงเธอสูดลมหายใจที่ซอกคอเขาด้วยความหื่นกระหาย พร้อมคำกระซิบที่ชวนให้ขนลุกว่า “ตัวลูกมดมดหอมมากๆ”
“จริงสิ มันยังไม่เสร็จสิ้น” ลลิตาโชว์บางสิ่งที่หยิบมาจากข้างหลังขึ้นมา
มันคือชุด แต่ไม่ใช่ชุดธรรมดา…
“อย่าลืมเปลี่ยนชุดเป็นชุดสีดำแบบนางแมวยั่วสวาทด้วยยยยยย”
ม่ายยยยยยยยย
ยังไงก็ไม่ เขาไม่มีทางใส่ไอ้ชุดบ้าๆนี่แน่ๆ
ถ้าทุกคนยังไม่เก็ท ลองเสิร์ชคำว่า ชุดนางแมวยั่วสวาท ในกูเกิ้ลรูปภาพดูเอาเองเถอะ
“อ๊ะๆ อย่างมดนี่ต้องให้พวกเราสอนวิธีเก็บของยังไงไม่ให้โผล่ด้วยหรือเปล้าจ๊ะ”
มือเขายกขึ้นกุมเป้าโดยอัตโนมัติ เพราะรู้ว่าของที่ว่าคืออะไร
“อยากเห็นมดใส่ชุดนางแมวยั่วสวาทจะแย่แล้ว”
วินดี้สั่นไปทั้งตัวด้วยความฟิน
เหล่านางฟ้าคณะสถาปัตย์ ช่างน่ากลัวจริงๆ
❤
“ไม่ต้องตื่นเต้นนะมด ทำตัวตามสบาย หายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆหายใจออกเบาๆ”
อุมาพรลูบไหล่ที่เปลือยเปล่าของเขาเพื่อให้กำลังใจ นางฟ้าคนอื่นๆก็ทำเช่นเดียวกัน
ข้างนอกลานกว้างมีเสียงเซ็งแซ่ของผู้คนมากมายแทรกเข้ามา บอกให้รู้ว่าไม่กี่อึดใจคงจะถึงช่วงเวลาที่รอคอย นั่นคือ ช่วงเชียร์ของสันทนาการทั้งสองคณะ ที่มีศักดิ์ศรีค้ำคอไม่แพ้การกีฬาเช่นเดียวกัน
“เพลงสันฯปกติของคณะเองมด เต้นได้น่า”
เขาเต้นเพลงสันทนาการทั้งเซตปกติและเซตพิเศษได้หมด
แต่ประเด็นคือ เขาจะแต่งหญิงเต้นสันทนาการไม่ได้ แถมท่ามกลางผู้คนมากมายที่มารอเป็นสักขีพยานของการจบชีวิตลูกผู้ชายของเขาในมหา’ลัยนี้ไปตลอดการ
“ไปเปลี่ยนชุดได้มั้ย”
ขอต่อรองเป็นครั้งสุดท้าย แต่นางฟ้าทั้งหลายกลับทำเมินไม่ได้ยิน
“และช่วงเวลาแห่งศักดิ์ศรีของการแข่งขันอีกอย่างกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วครับ แอบได้ยินมาว่าธีมเชียร์ของสันทนาการปีนี้คือธีมสัตว์ ใช่มั้ยครับคุณอรุณา”
“เหรอคะคุณศุตรุษณ์ ดิฉันทนรอไม่ไหวแล้วล่ะค่ะ ต่อไปขอเชิญพบกับ ทีมเชียร์สันทนาการทั้งสองคณะ ได้เลยค่า!!!”
เสียงปรบมือดังเกรียวกราวแทรกด้วยเสียงกรี๊ดทำให้หัวใจเขาเต้นแรง
ตื่นเต้น มันตื่นเต้น
มันโคตรตื่นเต้นเลยเว้ย
ชุดนางแมวนี่ก็รัดติ้วเหลือเกิน
“ออกมาแล้วครับ ขอเสียงปรบมือให้กับ ทีมสันทนากรของคณะวิศวะด้วยครับ!!!”
วิศวะออกไปก่อน และเรียกเสียงปรบมือดังเกรียวกราวยิ่งกว่าเก่า
ที่เป็นแบบนี้เพราะ…
“กรี๊ดคุณศุตรุษณ์คะ ดิฉันหัวใจจะวาย” พิธีกรสาวประเภทสองกรี๊ดลั่น
“เพราะอะไรครับ” พิธีกรชายชงต่อบทให้
“มนุษย์หมาป่ากล้ามใหญ่เหลือเกินค่ะ ฮืออออออ”
ใช่แล้ว วิศวกรรมศาสตร์มาในธีม Werewolves มนุษย์หมาป่าเปลือยท่อนบนแบบกระชากใจสาวๆ
ตัดมาที่เขา
นางแมวยั่วสวาท สถาปัตย์ยังมีดีให้โชว์อีกมั้ย ถามใจดู
“แล้วคณะคู่แข่งอีกหนึ่งจะเอาอะไรมาสู้กันคะคุณ ขอเชิญพบกับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ที่ครองแชมป์สันทนาการอันดับหนึ่งมาตลอดทุกปีค่า!!!”
กรี๊ดดดดดดดดดด
เสียงปรบมือที่ดังเกรียวกราวไม่แพ้กัน ไม่ได้ทำให้ใจเขาฮึดสู้ขึ้นมาเลย
และนั่น…
กลุ่มนักกีฬาที่ไปพักผ่อนหลังจากแข่งครึ่งแรกผ่านไป เริ่มมาออตรงลูกกรงเพื่อดูสันทนาการสองคณะแล้ว
นั่น ไอ้สายป่านอยู่ตรงนั้น
ฮือ
ต้องออกไปสภาพนี้จริงๆใช่มั้ย
“ไปค่ะมด เขาเรียกเราแล้ว”
คำตอบคือ ใช่
“เนี่ย คุณศุตรุษณ์ ดิฉันเป็นเพื่อนกับเหล่านางฟ้าสถาปัตย์มานาน ปีก่อนรุ่น59 ชีควักไม้เด็ดมาประชัน แล้วปีนี้ชีจะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์เรา ต้องรอดูนะคะคุณ”
“ปีที่แล้วที่เล่นดอกไม้ไฟแล้วไฟไหม้ชุดหรือเปล่าครับ”
เกิดเสียงหัวเราะดังระงม
“อ่ะ ปีนี้มาดูว่านางจะมาสายไหน สายบ้า สายฮา หรือสายสวย”
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกที่สุด
แล้วก้าวเท้าเดินออกมา
“ยังไงคะคุณ ทำไมมีชะนีมายืนถือป้ายคณะ เหล่านางฟ้าหายไปไหน เกิดอะไรขึ้นกับพวกนาง หรือถึงยุคของชะนียิ่งใหญ่แล้ว”
พิธีกรสาวประเภทสองแม่งดูโคตรอินกับบทบาทมากๆ
“อ๊ะ เหล่านางฟ้าเดินตามมาข้างหลังค่ะทุกท่าน อะไรนะคะ ขอไมค์เหรอคะ”
ไมค์ถูกส่งจากมือพิธีกรชายจากเวทีแล้วให้สต๊าฟคนหนึ่งวิ่งนำมาส่งถึงมือเหล่านางฟ้า
“สวัสดีค่า พวกเรา เหล่านางฟ้าสถาปัตย์ค่า”
ทั้งหมดพูดขึ้นพร้อมกัน หนึ่งในนั้นรวมเขาไปด้วย
“ต๊ายยยยยย คุณคะ เขาไม่ใช่ชะนีค่า เขาเป็นกะเทยยยยยยยยยย”
เปล่านะ เขาไม่ใช่กะเทยสักหน่อย ฮืออออออออ
“โคตรน่ารักไอ้เหี้ย”
“วี๊ด นางฟ้าสถาปัตย์สวยสมคำร่ำลือจริงๆ”
“เหมาะกับฉายานางฟ้าโคตรๆ”
“นึกว่าผู้หญิงจริงๆอ่ะ”
“ผู้ชายเหรอวะ เสียดายแม่ง”
“ถ้าอยากรู้จักเขามากขนาดนี้ เราขอฟังเสียงคุณ คุณนางฟ้าปริศนาค่ะ”
ไมค์ถูกยื่นให้เขาจากเหล่านางฟ้าทั้งห้า
พวกเธอพยักหน้า
ฮือ ต้องพูดสิ่งที่เตี๊ยมมาจริงๆอ่ะ
“สวัสดีครับ เอ๊ย ค่ะ เราชื่อมดนะ ชอบวิศวะ เมี้ยว เมี้ยว เมี้ยว เมี้ยววววววววว”
พร้อมกับทำท่าเมี๊ยวๆไปเล้ยยยยยยย
กรี๊ดดดดดดดดดด
ทั้งลานกว้างเต็มไปด้วยเสียงกรี๊ด เสียงปรบมือดังระงม
ตอนนี้เขาอยากหารูแล้วแทรกแผ่นดินหนีไปเสียจากตรงนี้ อายก็อาย เขินก็เขิน แต่พอเหลือบไปมองไอ้สายป่าน
แม่ง…
ชูนิ้วโป้งให้กูเฉย
งื้อ ทำไมดีใจเพราะเรื่องแค่นี้กันนะเรา
❤
“นกกระยางเดินขาถ่างอยู่กลางทุ่งนา นกกระยางเดินขาถ่างอยู่กลางทุ่งนา มองเห็นกุ้ง หอย ปู ปลา มองเห็นกุ้ง หอย ปู ปลา แล้วก็ป้าบ ป้าบ ป้าบ แล้วก็ป้าบ ป้าบ ป้าบ”
เสียงเชียร์ของสันทนาการยังดังไม่หยุดหย่อน ในขณะที่การแข่งขันก็เป็นไปอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ผู้คนทั้งงานต่างส่งเสียงเชียร์เสียงลุ้นกันยกใหญ่ เขาที่ตอนแรกมีเกร็งๆบัดนี้ปล่อยตัวเต้นไปตามจังหวะกลองและเสียงเพลงของสันทนาการแบบเขวี้ยงความหน้าบางทิ้งไว้ที่ห้องกันเลยทีเดียว แหม มาขนาดนี้จะมัวเขินอายอยู่ใย บางคนนี่ถึงกับลุกขึ้นมายืนเต้นกับทีมสันทนาการข้างล่างก็มี บอกเลย ใครไม่มางานนี้พลาด พลาดมาก พลาดที่สุด
แต่เพื่อนในกลุ่มของเขาอ่ะ ไม่มาน่ะดีที่สุดแล้ว เป็นโชคดีของเขาที่พวกมันแต่ละคนติดธุระนู่นนี่นั่น เลยมาไม่ได้
พนันได้เลยว่าหากพวกมันมาเห็นเขาในสภาพแต่งหญิงแมวเหมียว มีหวังโดนแซวยันลูกบวชแน่ๆ
แต่ถึงพวกมันไม่มา ก็มีคนรอต่อแถวแซวเขาไม่หยุดหย่อนอยู่แล้ว โดยเฉพาะ…
เฮดสันทนาการของคณะวิศวะ พร้อมเพื่อนฝูง
“ขอเต้นด้วยได้มั้ย ในฐานะคนรู้ใจก็ได้ ฮิ้วววววววววววว”
เออ มึงเล่นเองตบมุกเองกันเข้าไป
“พี่มีเสื้อช็อป พี่มีทั้งเกียร์ แต่เมียพี่ยังไม่มีนะครับ วู้วววววววว”
อ๋อ วิศวะเขาชอบผู้หญิงมีแท่งกันเหรอ หือ พิมพ์นิยม
ไม่ต้องถามหาความช่วยเหลือใดๆจากเหล่านางฟ้าทั้งห้า นู่น ไปเต้นยั่วพวกมนุษย์หมาป่าวิศวะโน่น ทิ้งเขาให้ยืนเต้นคนเดียวท่ามกลางความจีบความแซวแบบเล่นๆของคณะวิศวะ
แหม ก็สีสันงานเถอะ จงถือคติว่า อย่าได้หาความจริงใจจากปากของพวกสันทนาการ
มันพูดแซวเราได้ มันก็พูดแซวคนอื่นได้เหมือนกัน
เช่น…
“สาวมนุษย์ ถ้าไม่อยากเข่าทรุด อย่าเซมาหาพี่”
ที่มาของคำว่า ความมั่นใจให้ห้า ความมั่นหน้าให้เต็มร้อย
ปี๊ดดดดดดดด
กรรมการเป่านกหวีด เป็นสัญญาณห้ามใช้เสียงทั้งสนาม
“จบไปแล้วนะคะ กับช่วงสันทนาการ ช่วงเล่นใหญ่ เล่นเลอะเทอะ ช่วงแต่งหญิงตลกนะคะ คุณศุตรุษณ์ ขอสามคำให้กับพวกเขาหน่อยค่ะคุณ เพื่อเป็นคำขอบคุณและการนำไปปรับใช้ หรือพัฒนาต่อไปของทีมสันทนาการค่ะ”
พิธีกรชายคุณศุตรุษณ์นี่หันมามองหน้าพี่เมรีที่สวมบทบาทเป็นคุณอรุณาด้วยวิกผมสไตล์ละครที่เธอทำในเรื่องเมีย 2018 ด้วยคติที่ว่า ใครๆก็เป็นอรุณาได้ แบบ บทนี้ไม่มีในสคริปต์
“ก็ ขอบคุณทีมสันทนาการของทั้งสองคณะนะครับ ที่มาช่วยสร้างเสียงหัวเราะ แล้วก็ความสนุกสนานให้กับพวกเราในวันนี้ คาดว่านักกีฬาทั้งสองคณะคงจะได้กำลังใจจากทีมเชียร์เต็มที่แล้วนะครับ สุดท้ายนี้ ไม่ว่าฝ่ายไหนจะชนะ น้ำใจนักกีฬาก็ถือเป็นสิ่งสำคัญนะครับ”
ปรบมือสิรออะไร
“ค่ะ ขอบคุณ คุณศุตรุษณ์นะคะ สำหรับตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะส่งต่อเวทีนี้ให้กับทีมพากย์สนามแล้วนะคะ ดิฉัน เมรี จากคณะการสื่อสารมวลชน และคุณศุตรุษณ์จากคณะศึกษาศาสตร์ ขอลาไปก่อนค่ะ แล้วพบกันใหม่เร็วๆนี้”
พิธีกรทั้งสองเดินลงจากเวที
จบแล้วสินะ ช่วงสันทนาการของนัดเปิดสนามรอบแรกวันนี้
เขาต้องไปติดแฮชแท็กในโซเชียลมั้ยว่า…
#สันทนาการปีสองสองปีซ้อน
#ครั้งหนึ่งกูเคยแต่งหญิงสันทนาการ
แม้ว่าทีมเชียร์จะย้ายกันออกจากลานกว้างหน้าสนามมอแล้ว แต่การแข่งขันยังดำเนินต่อไป ตอนแรกเขาว่าจะอยู่เชียร์สายป่านให้จบ แต่ด้วยสังขารที่บอกว่าไม่ไหว เลยขอติดรถทีมสันทนาการกลับมาที่คณะ แล้วมานั่งพักหายใจพะงาบๆใต้ตึกอยู่ตอนนี้ และไม่ใช่แค่เขาคนเดียวนะที่มานั่งทำอะไรแบบนี้ สนทนาการคนอื่นๆก็มีสภาพไม่ต่างกัน
ไม่เว้นแม่แต่ เหล่านางฟ้าขาแดนซ์
“ปีนี้ร้อนมากมึง ไม่มีบริการน้ำใดๆ คือขอติสวัสดิการสโมฯกลางรัวๆ”
วินดี้ดูดน้ำในแก้วไปบ่นไป
“ผู้ชายวิศวะปีนี้ไม่เท่าไหร่เลยค่ะ เทียบกับบริหารแล้วคืองอกง่อยไปเลย กระจอกมาก”
คนอื่นเขาบ่นร้อน แต่ไม่ใช่กับลลิตาที่บ่นเรื่องผู้ชายตั้งแต่เดินเข้ามาหน้าตึกแล้ว
“ว่าก็ว่าเถอะ ปีนี้อะไรๆก็ไม่เป๊ะเหมือนปีก่อน ที่นั่งก็ไม่มีให้คนดู ไม่ต้องถามถึงสันทนาการนะจ๊ะ แทบจะนั่งกับดินนอนกินหญ้าละ”
อุมาพรขอเม้าท์บ้าง
“ช่างมันเถอะมึง ผ่านมาแล้ว จบแล้ว ปีหน้าถ้ายังเป็นแบบนี้ คณะเราคงต้องขอถอนตัวจากสันทนาการกลางอ่ะ ไม่เห็นหัวสันทนาการ ก็ไม่ต้องมาเรียกใช้เราค่ะ เทๆๆ”
ลิลลี่บ่นหน้าเครียด
พอดีกับที่กลุ่มมือกลองเดินเข้ามา
“วี๊ด พี่ปืนวันนี้ขอบคุณมากที่มาช่วยตีกลองให้นะคะ”
พี่ปืนเดือนสถาปัตย์ปีสามที่รับหน้าที่เป็นทั้งเดือนปีสาม เป็นทั้งหัวหน้ามือกลองและรุ่นสันทนาการปีสามยิ้มรับ
แต่วินดี้ไม่ได้ทำแค่ขอบคุณอย่างเดียวน่ะสิ ไวมาก เข้าไปซบพี่เขาตอนไหนนั่น ไม่ต้องพูดถึงเหล่านางฟ้าที่เหลือนะ พี่ปืนกำลังจะโดนข่มขืนแล้ว
ตอนเขาอยู่ปีหนึ่ง ก่อนจะได้รุ่นสันทนาการนี่เขาโคตรกลัวพี่แกอ่ะ สันทนาการก็มีรุ่นนะเออ ว้ากกันอ้วกแตกอ่ะ ไม่ใช่คำด่านะ แต่สั่งให้เต้นใหม่วนไปรัวๆอ่ะ ท่าไหนเต้นผิดไปคนเดียว รื้อใหม่หมด จนกว่าจะเต้นถูกทุกคนอ่ะ เขานี่กว่าจะผ่านมาได้หืดขึ้นคอกันเลยทีเดียว แถมพี่แกยังเป็นเฮดว้ากสันทนาการ เห็นยิ้มๆใจดี หน้าหล่อโคตรพ่อโคตรแม่แบบนี้ พอได้ว้ากทีนี่โคตรโหด ขึ้นชื่อว่าพี่ปืน ทำอะไรมีแต่คำว่าโคตรๆนำหน้าเสมอ
“มด ไหวป่ะ”
ถามเขาแล้วหัวเราะคืออะไรวะ เป็นห่วงจริงจังปะเนี่ย
“ไหวพี่ นั่งพักอีกนิดก็หายเหนื่อยละ”
“ไม่ใช่ พี่หมายถึงแต่งหญิงวันนี้อ่ะ ปีหน้าเอาอีกมั้ย”
“ไอ้พี่เหี้ย”
เพราะเป็นพี่ปืนที่เขารู้ว่าเล่นหัวได้ และพี่มันแค่หัวเราะร่วน
“วินดี้เก็บรูปไว้แล้วนะคะมดมด”
“ลลิตาพร้อมอัพสตอรี่แล้ว มดมดมาปั๊ว”
เอาเลย รุมเขาเข้าไป
“เห็นพี่ปีแก่โพสต์ในกลุ่มป่ะ เย็นนี้ไปมั้ย” พี่ปืนถามพวกเรา
“ยังเลยพี่ โพสต์อะไรอ่ะ” เขาถามกลับ
“หมูจุ่มๆ โคกับพวกนักกีฬา”
“วี๊ด ใครจะพลาดคะ วินดี้บวกหนึ่ง” แปลว่าเธอจะไป
“ออกเองกูก็จะไป หิว” ลลิตา
“อาหารไม่สำคัญเท่าผู้ชาย เงินก็เช่นกัน แม้จะเหลือในกระเป๋าสองร้อย แต่กูก็จะถลุงเงินนี้เพื่อผู้ชาย” อุมาพร
“จะเจอไอ้เจ้าความรักป๊ะ” ลิลลี่
“ขออนุญาตเลิกคบนะคะ มีเพื่อนสกปรกคิดแต่เรื่องผู้ชายแบบนี้”
มามี่เหยียดทุกคน
แต่…
“แล้วไปมั้ยอิมามี่ พูด”
“ไป!!!”
มามี่ตอบด้วยใบหน้าหื่นกระหาย
❤
เขากับแก๊งนางฟ้ามาถึงร้าน พอดีกับที่พวกนักกีฬาเองก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน
“กรี๊ด สายป่านที่รักของวินดี้”
วินดี้มือไวใจเร็ว เห็นอีกที โน่น ไปยืนข้างๆคว้าแขนล่ำๆของไอ้สายป่านมากอดเรียบร้อย
“อิวินดี้!!!” เหล่านางฟ้าร่วมกันประสานเสียงด่า
“สกปรก” ลลิตา
“ต่ำมาก” อุมาพร
“จอยชั้นต่ำ” ลิลลี่
“รออะไรกะเทย จอยผู้ค่า!!!”
สิ้นเสียงของมามี่ เหล่านางฟ้าก็กรูกันเข้าหานักกีฬา ประหนึ่งอดอยากมาแสนนาน ไม่ใช่อาหารนะ…ผู้ชาย
“กล้าเหมือนกันนี่เรา”
กว่าไอ้สายป่านจะฝ่าวงล้อมของพวกนางฟ้าทั้งห้าออกมาได้ มันก็มายืนทำหน้าทำตากวนตีนข้างๆเขาแล้ว
“ชิลๆ” เขายักไหล่ประกอบคำพูด สร้างความหมั่นไส้ให้กับใครบางคน
“ขอจับนมหน่อย”
มันพูดหน้านิ่ง แต่หน้าเขานี่สิแดงลามจนถึงใบหู กว่าจะทำเป็นลืมภาพลักษณ์แต่งหญิงแมวเหมียวได้มันยากนะเว้ย ภาพจำเมี๊ยวๆยังติดตาติดหูไม่รู้จะหายไปจากความทรงจำของทุกคนได้เมื่อไหร่
แต่เขามั่นใจว่ากว่ามันจะหายไป เขาได้ถูกแซวจนพรุนไปทั้งตัวแน่ๆ
“ลืมมันไปซะ” เขาว่า อยากจะตีแขนมันนะ แต่ไม่สนิทเดี๋ยวมันไม่ติดตลกว่ะ
“เมี๊ยวววววววว”
ไอ้เหี้ย มันแกล้งเขา มันกำลังกวนประสาทเขา ไอ้คนกวนตีนทำท่าเมี๊ยวๆเลียนแบบเขาเมื่อเช้า แต่ทำได้น่าเกลียดกว่าหลายเท่าตัวนัก
มดอะไรอวยตัวเองก็เป็นด้วย มดสถาปัตย์ไง โป้ง แฮ่ ไม่เล่นละ
โอเค สารภาพก็ได้ว่ามันทำแล้วน่ารัก ทำใจเขากระตุกวูบ หน้าร้อนวาบไปหมดแล้วจนต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น และพบว่าตัวเองตัดสินใจผิดมากเพราะเขาหันหน้าไปหาเหล่านางฟ้า
“โอ๋ มดมดของวินดี้ ไปเต้นแร้งเต้นกาออกแดดจ้าจนไม่สบาย หน้าแดงไปหมดแล้ว มีไข้หรือเปล่าเนี่ย”
วินดี้ทำท่าจะเข้ามาหาเขา แต่อุมาพรชิงพูดขึ้นก่อนโดยไม่คิดอะไรว่า
“บ้าป่ะมึง อาการแบบนี้เขาเรียกว่าเขิน”
อุมาพรพูดแทงใจดำเขาเข้าจังงัง
“มันจะเป็นไปได้ไงคะ มดมดจะเขินใครได้วะ” วินดี้ขมวดคิ้วมุ่น ในใจเขาเต้นแรง ภาวนาไม่ให้เธอรับรู้
“ตั้งแต่เข้าร้านมานี่ก็ยังไม่เห็นใครเลยนะคะ นอกจาก…”
ลิลลี่หยุดชะงัก ก่อนจะมองเขาที แล้วเลยไปมองคนข้างหลังที่กำลังหันไปคุยกับเพื่อนของมันที
“อะไรมดมด เรายังไม่ทันเอ่ยชื่อเขา ไหงตามองไปที่เขาก่อนแล้วอ่า”
เธอเน้นคำว่าเขาแบบหนักๆ
ลิลลี่เล่นเขาแล้ว แถมยังเรียกเหล่านางฟ้าที่กระจัดกระจายอยู่ให้ล้อมวงเข้ามากดดันอีก ฮือ ไม่นะ ความลับของเขาไม่มีวันแตก แต่ความลับไม่มีในโลก เขารู้ดีที่สุด
แต่มันจะแตกวันนี้ไม่ได้ เขารวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย ดึงทึ้งเหล่านางฟ้าทั้งห้าออกมาที่มุมหนึ่งของร้าน
“ฮั่น มดมดไม่บอกเราอ่ะว่าแอบชอบสาย…อุ๊บ”
เขาเอามือปิดปากลลิตา ก่อนที่เธอจะโพล่งชื่อของใครบางคนออกมาจากปาก ใครบางคนที่ตอนนี้กำลังคุยกับผู้หญิงที่ไหนไม่รู้อยู่หน้าร้าน
“มดมดอ่า เห็นพวกเราเป็นคนอื่นคนไกลไปได้” วินดี้ตีแขนเขาเขิน เขินตัวบิด และเขาไม่รู้ว่าเธอกำลังเขินอะไรอยู่
“งื้อ ทำไมกูฟินวะ ทั้งๆที่ผัวสาธารณะกำลังจะโดนมดมดแย่งไป”
ลิลลี่สมทบร่วมรุมเขาอีกคน
“แย่งอะไร เราไม่ได้…”
“หยุด!!! อย่ามาปฏิเสธให้ยาก เซ้นส์แม่มันแรงลูกมดมด”
เขากลายเป็นลูกของวินดี้ไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่?
“ตอบแม่มา ไปรักเขาตอนไหน”
วินดี้และเหล่านางฟ้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ แล้วยิ้มกรุ่มกริ่ม
“อะไร ใครรักใครครับ”
“เฮ้ยยยยยย”
วงแตกทันที เมื่อคนที่ถูกนินทาดันเดินเข้ามาหาพวกเรา
เหล่านางฟ้านี่ไม่เท่าไหร่ แกล้งเฉไฉ มองนั่นมองนี่ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้
แต่เขานี่สิ…
“ว่าไง ใครรักกัน”
กำลังโดนไล่ต้อนอย่างหนัก อย่ามายุ่งกับกู ฮือออออออ
“ไม่มีใครรักใครทั้งนั้นแหละ” นอกจากกูที่โคตรรักมึง ประโยคนี้คงได้แค่คิดในใจต่อไปไม่สามารถพูดออกไปได้สินะ
ทว่า…
คำบางคำ ประโยคบางประโยค กลับถูกถ่ายทอดออกจากปากของใครบางคน…
“แต่มึงบอกรักกูไม่ใช่เหรอ ตอนปีหนึ่ง”
อะไรนะ!
“วี๊ด”
“กรี๊ด”
“งี๊ด”
ไม่ต้องสนใจเสียงเล็ดลอดของเหล่านางฟ้า
โปรดสนใจหน้าเขาที่ตกใจยิ่งกว่าเพิ่งได้รู้ว่าโลกจะถล่มวันนี้เสียอีก
มันพูดอะไรออกมา
“มึง…”
“อ่ะ ล้อเล่ง ล้อเล่ง”
ไปตายซะ
ไอ้เหี้ยสายป่าน
- T B C . -
แฮร่ มาช้าแต่ก็มานะ(มั้ง)
เชื่อว่าความทรงจำครั้งนี้คงฝังใจมดไปอีกนานเลย
ก้าวที่เจ็ด
ความลับที่ฉันซ่อนไว้ ไม่เคยบอกใคร
โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...
คุณกำลังแอบชอบใครอยู่ครับ
!!!
“ไม่มี”
เขาตอบเสียงราบเรียบ เดาว่าทุกคนคงคิดมาตั้งแต่ตอนก่อนหน้าว่ามันคงจะไม่เกิดอะไรอย่างการที่เขาจะเป็นบ้า โพล่งออกไปต่อหน้ามันว่ากูชอบมึงหรอกนะ นั่นเป็นเหตุการณ์ที่มันจะไม่เกิดขึ้นกับคนขี้ขลาดอย่างเขาแน่ๆ ไม่มีวัน ถ้าหวังจะให้เขาเผยความในใจ มันต้องไม่ใช่ในสถานการณ์แบบนี้ และคิดว่าถึงจะมีสถานการณ์ไหนๆเป็นตัวบีบคั้น เขาก็ไม่มีทางที่จะเอ่ยมันออกมาง่ายๆหรอก
ตราบใดที่เขา ยังเป็นได้แค่คนที่แอบชอบมันไปวันๆอยู่แบบนี้
…เท่านั้น
“จริง?” มันถามย้ำเสียงสูง
แต่เขาก็ยังยืนยันหนักแน่นว่า “จริง”
ด้วยความจริงจังของเราทั้งสองที่เขาทั้งคู่ก็ไม่รู้ตัวว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ทำให้ทั้งโต๊ะดูเหมือนจะตกอยู่ในบรรยากาศแสนอึดอัด ตึงเครียด และกำลังจะเรียกได้ว่ามาคุในอีกไม่ช้านี้
และเสียงระฆังก็ดังขึ้นช่วยชีวิตเขา
“เอ่อ แหม ถ้ามีมดมดก็ควงมาแล้วสิคะ อุ๊ย หรือว่ามีแต่กั๊กไว้”
ประโยคแรกเกือบดีแล้วเชียววินดี้ แต่ประโยคหลังนี่แว้งมากัดเขาซะงั้น พาลให้เรื่องชักจะไปกันใหญ่
“ก็ได้ แค่ถามเพราะเล่นตามกติกาหรอกนะ แต่คนไม่ซื้อสัตย์ย่อมรู้แก่ใจดี”
แต่คนตั้งคำถามกลับพอแค่นี้ และทิ้งคำพูดที่เป็นเหมือนระเบิดดังตู้มแบบโดนใส่ตัวเขาเต็มๆ จนเจ็บไปตามๆกัน เจ็บใจโคตรๆ แต่ก็ได้เพียงกัดฟันมองค้อนมันที่ยักไหล่ไม่ยี่หระ แล้วบรรยากาศตึงเครียดก็ค่อยๆจางหายไปกับความครึกครื้นเมื่อหัวขวดเริ่มหมุนไปต่อ อีกรอบ เรื่อยๆ และอีกรอบ
แต่ไม่รู้ทำไม เขารู้สึกไปเองหรือเปล่า ที่ว่าคนข้างๆดูเหมือนจะจับจ้องเขาไปตลอดการเล่นเกมส์
เปล่า เขาเดาเอาน่ะ เพราะไม่กล้าหันไปมองหรอก
ใครจะกล้าล่ะ คุณว่ามั้ย
“อ้วกกกกกกกก”
ท้ายที่สุดทุกงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา และทุกการจากลาย่อมต้องมีคนเตรียมเก็บศพ ไม่ใช่ศพใครที่ไหน แต่เป็นพวกขี้เมา พวกขี้เหล้า เมาแล้วเรื้อน ยกตัวอย่างเช่น ไอ้พี่ปืน ที่แม่งพอพยุงออกมาจากร้านได้ไม่กี่ก้าว ก็ตรงดิ่งไปข้างทาง แล้วก้มหน้าก้มตาปฎิบัติภารกิจโก่งคออ้วกเอาๆอยู่ตอนนี้
แหม ไม่ต้องพูดถึงเหล่านางฟ้านะ สภาพแต่ละคนตอนนี้ไม่ต่างจากพี่ปืนสักเท่าไหร่ ต้องใช้นักกีฬาหิ้วปีกแต่ละคน
พอจะมีคนที่สติยังดีๆอยู่บ้าง และอาจเรียกใครบางคนที่เขาเห็นว่ามันกระดกเหล้าเอาๆว่าคอแข็ง คอทองแดง หรืออะไรทำนองนั้นได้
ไอ้สายป่านแม่ง ดื่มไปเยอะ แต่ไม่ยักกลายเป็นศพอ่ะ
“น้องมดมดของพี่ปืนจ๊ะ” พี่มันพูดเสียงโหรงเหรง ไม่ชัดถ้อยชัดคำ แต่เขาพอจับใจความได้
นิยามเมาแล้วเรื้อนดูจะตรงกับไอ้พี่ปืนดีที่สุด หึ หมดภาพลักษณ์พี่ว้ากปีสาม ความน่าเคารพของพี่มันปลาสนาการหายไปทันใดเมื่อเหล้าเข้าปากสินะ เขาปาดเหงื่อกับคนตรงหน้า แล้วตรงเข้าไปลูบหลังช่วยให้พี่แกอ้วกสบายขึ้น
“น้องมดมดช่วยพี่ด้วยคร้าบ”
แต่ทันใดโดยที่ไม่ระวังตัว คนเมากลับตวัดแขนขึ้นมา แล้วเอื้อมลำแขนแข็งแกร่งคว้าเอวเขาไว้ กลายเป็นตอนนี้ตัวเองกำลังถูกกอดกลายๆ
แต่พี่มึง จะอ้วกหรือจะเล่นเอาให้ดี อย่ามาอ้วกโดนเสื้อเขาน้า
ฮือ… ได้โปรด
“มึงมานี่ กูดูเอง”
ตัวของพี่ปืนถูกดึงออกไปโดยง่าย จากคนที่มีแรงมากกว่า และตัวใหญ่กว่าอย่างไอ้สายป่าน
แต่ลากพี่ปืนไปเขวี้ยงไว้ในรถไม่พอ ยังลากเขามาตรงที่นั่งคนขับอีก
“เดี๋ยว มึงจะไปส่งกูที่ห้องด้วยใช่มั้ย”
พร้อมคิดในใจว่า ถึงมึงตอบว่าไม่ ยังไงเขาก็ถึงห้องตัวเองอยู่ดี เพราะคอนโดมันกับเขาคือที่เดียวกันยังไงล่ะ
“คืนนี้ไม่กลับห้องกู”
“อ้าว แล้ว…”
“ถามมากกูจะจับจูบแม่ง”
เงียบ……………………ฉี่
เอ่อ…
“มึงเมาป่ะเนี่ย” เขาลองหยั่งเชิงอีกรอบ
“อยากลองชิมมั้ย”
เขาคงไม่ต้องถามว่าชิมยังไงในเมื่อไม่มีเหล้าสักขวดที่นี่หรอกนะ
ปึง!
“คาดเข็มขัดด้วย ถ้าไม่อยากตาย”
เขาว่ามันกำลังอารมณ์ไม่ดี แต่เขาไม่รู้สาเหตุว่าอาจเป็นเพราะฤทธิ์สุรา หรืออะไรกันแน่
“ให้พวกเจ๊ๆนอนข้างในห้องนะเว้ย ส่วนพวกมึงกับผู้ชายมานอนที่ห้องนั่งเล่น”
หลังจบคำชี้แจงทุกคนก็แยกย้ายเอาคนเมาที่แต่ละคนรับเป็นภาระไว้ไปนอนที่ห้องตามที่ได้แบ่ง และตอนนี้เหลือเพียงเขาที่ไม่รู้จะไปไหนต่อดี กับไอ้สายป่านที่จ้องมองตรงมาทางนี้ ด้วยดวงตาที่เขาให้นิยามว่า ฆ่าคนให้ตายยังได้เลยล่ะ
คือ…เขาเกี่ยวอะไร ฮือ
แล้วทำไงดีล่ะทีนี้ ยืนเกร็งให้มันมองแบบไม่กล้าถามต่อไปเหรอ เพราะกลัวว่ามันจะทำอย่างที่ขู่ไว้แบบจริงจัง
“มึงมานี่ดิ๊”
มันกวักมือเรียก ส่วนเขาก็ทำหน้าที่เป็นหมา เอ๊ย เป็นเพื่อนที่ดี กระดิกหางเข้าไปหาทันใด
“นี่กุญแจห้องมึง อยู่ตรงโน้น เป็นห้องนอนเพื่อนกูเอง แต่คืนนี้มันไม่กลับ ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว พรุ่งนี้กูจะไปส่งกลับห้อง”
ใจอยากจะท้วงว่ากลับตอนนี้เลยไม่ได้เหรอ แต่พอเห็นสีหน้าจริงจังของมันแล้วก็ต้องสั่งสมองตัวเองให้หุบปากเอาไว้แน่น
น่ากลัว…
“น้องมดคร้าบ พี่อยากอ้วกแล้ว”
ท่ามกลางความเงียบชั่วอึดใจ เสียงไอ้พี่ปืนดังขึ้นมาใต้ฝ่าเท้าเขา เฮ้ย ลืมไปว่าเอาพี่แกนอนพื้นเย็นเฉียบอยู่
เขากำลังจะก้มตัวไปพยุงพี่ปืนขึ้นมานอนดีๆ แต่…
พรึ่บ!
!!!
“กูไม่ไหวแล้ว กูเมา…”
ไอ้สายป่านที่ยืนตรงแบบคนมีสติดีครบทุกอย่าง กลับเอนตัวมาหาเขาที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วทิ้งน้ำหนักมาแบบไม่บอกกล่าว
โคตรหนักเลยครับ
แต่หัวใจเขานี่สิ เต้นโครมครามจนจะทะลุออกมานอกเสื้ออยู่แล้ว โอ๊ย เย็นไว้เจ้าหัวใจบ้า
งื้อ ทำไมเขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆแบบกลิ่นตัวผู้ชายจากมันได้ล่ะ ไม่นะ เขาไม่ได้ตั้งใจจะดมกลิ่นมันนะ เขาไม่ใช่โรคจิตนะ ไม่นะ!!!
มด!!! สงบสติก่อน
ฮือ เอาไม่อยู่แล้ว ทั้งหน้าทั้งตัว ร้อนไปหมดแล้ว
“พากูไปนอนดิ๊”
ทำไม ทำไม ทำไม
แค่มันกระซิบข้างหู เขากลับได้ยินเป็นเสียงกระเส่าแบบออดอ้อนสุดขีดไปได้ ไม่นะมด ห้ามคิดอกุศล ไอ้บ้า เอาสติกลับมาก่อน
ม่ายยยยย
เอาล่ะ เขาขอสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะพยุงไอ้สายป่านเข้าไปยังห้องนอนของพื่อนที่มันบอกไว้แต่ต้น
ค่อยๆวาง ค่อยๆ บรรจง…
เฮ้อออออออออออออออออออออออออออ
โล่งอกได้เสียที
เขาเอามันนอนลงบนเตียงได้แล้ว มันไม่ได้อยู่ใกล้ๆแล้ว ไม่ได้ใกล้แบบมดก็ไต่ลอดไปไม่ได้แบบเมื่อกี้แล้ว ไม่นะ เขากำลังหน้าแดงอยู่ในความมืด
เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มันบอกว่าห้องนี้ให้เขานอนนี่
เฮ้ย สรุปเขาต้องไปนอนที่ห้องนั่งเล่นรวมกับคนเมาคนอื่นๆสินะ
ไป…ก็ได้วะ
หมับ!
“มานอนนี่”
“เฮ้ย”
!!!
เมื่อสิ้นเสียงตกใจของตัวเอง เขาก็พบว่าร่างทั้งร่างของตนได้มานอนเกยอยู่บนร่างของใครบางคน ที่นอนอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว ต้องเดาให้อีกมั้ยว่ามันคือ…
ไอ้ สาย ป่าน
ฮือออออออ
ไม่น้า หัวใจกำลังเต้นแรง ทำแบบนี้กับเขาไม่ได้นะ … คนเรา
“ตัวมึงหอมจัง ไม่มีกลิ่นเหล้าเหมือนกู”
เขาตัวแข็งทื่อ เมื่อได้ยินเสียงสูดลมหายใจของร่างเบื้องใต้ มันกำลังดมเขาอย่างที่พูดจริงๆ
“ผิวมึงก็โคตรนุ่ม”
มือหนาไม่ว่าเปล่า ยังลูบไล้ไปทั่วตัวเขาอย่างถือวิสาสะ ย่ามใจในชัยชนะของกำลัง
“อยากรู้จังว่าปากมึงจะนิ่มเหมือนกันมั้ย”
ตัวเขาที่แข็งอย่างกับท่อนไม้ในเวลานี้ ถูกมันจับจัดท่าไปมาอย่างไม่มีแรงต่อต้าน แล้วองศาก็เข้าตรงหน้ามันพอดีเป๊ะ
ในความมืด เขามองเห็นดวงตาปีศาจร้าย ที่จ้องจะเขมือบเหยื่อ
ไม่นะ…
หัวใจเขาเต้นไม่เป็นส่ำ
มัน…ที่เขาคอยแอบมอง
มัน…ที่เขาคิดว่าคงไม่มีวันได้ชิดใกล้
แต่ตอนนี้…
เขากำลังจะเผลอใจ ทั้งที่รู้ว่ามันเมา
อีกนิดเดียว เขาก็จะได้ครอบครองคนที่แอบชอบมาตลอดแล้ว
ทำไม… ถึงไม่รู้สึกดีใจเลยนะคนเรา
พลัก!
“มึงเมาแล้ว นอนพักผ่อนเถอะ”
เขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่มี ดันตัวเองให้ลุกขึ้น และปลดเปลื้องจากพันธนาการของมือหนา
ร่างบนเตียงนอนนิ่งไปแล้ว
พร้อมกับหัวใจของเขาที่กลับมาสงบนิ่งได้เสียที
เฮ้อ… เกือบไปแล้วนะมด
“อื้อ”
แสงแดดที่ส่องลอดผ้าม่านเข้ามาแยงตาเขา จนทนหลับต่อไปไม่ได้ จึงต้องค่อยๆบิดขี้เกียจแล้วลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างช่วยไม่ได้ ใจมันก็ไม่อยากตื่นหรอกนะ สังเกตจากตาที่ยังปิดสนิทแม้จะลุกขึ้นนั่งแล้วก็ตาม แต่ร่างกายนี่สิ มันทนไม่ไหว แถมเมื่อคืนเหมือนจะดื่มในขั้นพอที่จะทำให้ท้องไส้ยามเช้าปั่นป่วนไปหมดในตอนนี้เลยล่ะ
โทรศัพท์?
อยู่ที่ไหน
เขาควรหาเครื่องมือสื่อสารที่จะสามารถใช้บอกเวลาตอนนี้ได้ จำได้ว่าเมื่อคืนเขาทิ้งมันไว้ที่ไหนสักแห่ง ที่ไหนสักตารางวาบนเตียงหนานุ่มนี้
มือเขาควานหาไปทั่ว…
และสิ่งที่ทำให้เขาต้องลืมตาโพลงคือการสัมผัสเจออะไรบางอย่าง
อะไรบางอย่างที่เขาลืมไปได้ยังไง ว่าเมื่อคืนนอนร่วมเตียงเดียวกัน!!!
ภาพในตาเขาปรากฏใบหน้าของไอ้สายป่าน 291 ที่โผล่พ้นผ้าห่มมาหน่อยเดียว แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือการที่ใบหน้าของมัน อยู่ใกล้ตักเขาไม่ถึงคืบ คิดเอาเถอะคุณ ว่าข้างใต้เราจะสัมผัสอะไรต่อมิอะไรกันบ้าง และนั่นล่ะ ที่ทำให้เขายิ่งตกใจกว่า เมื่อความรู้สึกทั้งหมดมันบอกว่า ไอ้สายป่าน…
“ร้อนนนนน”
พรึ่บบบบบบ
ไม่ละเมอเปล่า มือหนาดึงผ้าห่มคลุมร่างตัวเองออก เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใต้แบบชัดๆเต็มสองตาเขา แบบฟูลเอชดี
สายป่าน 291 กับความขาวของแผงอก ที่มีกล้ามแบบคนหุ่นดี
อื้อหือ มันโคตรกระแทกสายตาเขาจังๆเลยล่ะ
และความหมิ่นเหม่ของผ้าห่มตรงวีเชฟบอกให้เขารู้ว่า แม่ง ข้างใต้สะดือลงไปมันก็ไม่ได้ใส่อะไรเลยนอกจากกางเกงใน
โอ้โห เห็นแล้วอยากนอนกับมันทุกคืน เอ๊ย ผิดดดดดดดด
“มองอะไรวะ”
อ้าว นี่เขาเผลอมองนานขนาดมันลืมตาตื่นเลยเหรอ
คีปลุคแป๊บบบบบบ
“คุณคนขี้โกง”
นี่มึงยังจำเรื่องคำถามเมื่อคืนได้อยู่เหรอเนี่ย มันผุดลุกขึ้นแบบไม่อายดินฟ้าอากาศ แต่ขอโทษเถอะช่วยอายคนที่นั่งโง่ๆอยู่ตรงนี้อย่างเขาสักคนได้มั้ย
นูนกระแทกหน้าเขาเลยครับ
จริงๆ
“กูรู้นะ ว่ามึงแอบชอบใครอยู่”
พอจะมีเวลาได้หายใจหายคอ พระเจ้า ไอ้เหี้ยสายป่านก็ปาระเบิดดังตู้มมาอีกรอบ
หรือว่าเมื่อคืน… มันจะรู้แล้ว
แต่พระเจ้าก็ไม่เคยได้ปล่อยให้เขาได้คิดนาน เมื่อคนที่หายเข้าไปในห้องน้ำ โผล่หัวออกมาทางประตู
“อาบน้ำด้วยกันป่ะ จะได้เสร็จเร็วๆ”
เขาไม่ใช่สาวน้อยแรกรุ่น ที่โดนมันแซวแล้วจะต้องเขินอายบิดตัวม้วนต้วน
แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธว่าฉากเดิมๆในหนัง เขาเองก็หยิบมาใช้
อย่างการ… ปาหมอนข้างใส่ไอ้คนขี้กวนตีน จนมันหัวเราะร่วน
ใจเขากำลังกระวนกระวาย คิดไปถึงคำพูดของใครบางคนเมื่อตอนเช้า
กูรู้นะ ว่ามึงแอบชอบใครอยู่
ยังไงกัน เขาแสดงออกมากไปเหรอ ทำไมมันถึงรู้ตัวได้ขนาดนั้น มันรู้แล้วจริงๆเหรอ หรือแค่แกล้งทำเป็นอยู่เหนือกว่า แบบผู้กุมความลับที่หลอกให้เราคลายออกมาเองด้วยการใช้วิธีการแบบจิตวิทยา คือหลอกว่ารู้แต่จริงๆไม่รู้อะไรทำนองนั้นน่ะ
ตอนนี้สถานะของพวกเราที่แฮงก์บ้าง ยังไม่หายเมาบ้าง หรือยังไม่ตื่นเต็มตาดีบ้าง มารวมตัวกันในห้องนั่งเล่น ที่เคยเป็นห้องนอนของพวกขี้เมาเมื่อคืน โดยมีเหล่านางฟ้าทำหน้าที่แม่ครัวได้อย่างดีเยี่ยม เขาไม่ได้เห็นภาพแบบนี้มานานม๊าก(ก ไก่ล้านตัว) หลังจากเราจบค่ายสานสัมพันธ์พี่น้องสถาปัตย์ ชื่อค่ายสวยหรู แต่ภายในนรกยิ่งกว่า เช้าว้ากเย็นว้าก อาหารต้องแบ่งเวรกันทำ ไหนจะทำความสะอาดห้องอีก บลาๆๆๆ เป็นค่ายที่ทรหดมาก ทุกอย่างต้องทำเองภายในรุ่น บางครั้งรุ่นพี่แกล้งขโมยนั่นนี่ไปซ่อน จนต้องออกตามหากันให้วุ่นวาย เป็นค่ายที่ได้อะไรมากจริงๆนะ โดยเฉพาะสูตรความสกปรกที่บรรลุได้อย่างแท้จริงจากค่ายนี้ เฮ้อ
คิดถึงแล้วก็อยากอ้วกในเวลาเดียวกันเลยครับ
“มึงมานั่งทำไรตรงนี้”
แม่ง ดูดิ โคตรกวนตีนแค่ไหนถามใจดู เดินเช็ดหัวมานั่งแปะข้างๆเขา แล้วเริ่มหาเรื่อง
“เขียนติดไว้เหรอว่าที่มึง”
เอาสิ ติดว่าเมื่อคืนมันเมาหรอกนะ ไอ้เขาก็ไม่อยากจะเถียงกับคนเมา เถียงไปแล้วกลัวเจ็บตัวเปล่า ที่จริงคือเจ็บปาก เอ๊ย ผิดดดดด
แต่ตอนนี้มันสติดีครบทุกอย่าง แถมคนอยู่กันเต็มเขาเลยกล้าเถียงมันขึ้นมาบ้าง…
นิดนึง
“มึงไม่ใช่แก๊งนางฟ้าสถาปัตย์หรอกเหรอ ได้ไงอ่ะ แต่งหญิงไม่เข้าแก๊งนางฟ้า”
มึ๊งงงงงงง
มันกำลังล้อเรา มันกำลังล้อเรา มันกำลังล้อกูอยู่ครับบบบบบ
ถ้าเป็นไปได้นะ ตอนนี้เขาอยากบรรยายเหลือเกินว่า อารมณ์ที่ดีๆอยู่มันปรี๊ดจนควันออกหูไปแล้ว
“ที่กูต้องทำก็เพราะใคร”
“กูบอกให้แต่งตามธีมสันทนาการ มึงแม่ง เสือกแต่งหญิงเอง”
ฮือ เถียงไม่ออก แต่ความจริงแก๊งนางฟ้าบังคับแต่งน้า ฮืออออออ ตราบาปติดตัวตลอดกาล
จริงสิ พูดเรื่องนี้ขึ้นมาพอดี
“กูทำตามมึงบอกแล้ว งี้มึงจะรับบทเป็นพระเอกละครเวทีมอใช่มั้ย”
ตอนนี้อยากให้ทุกคนรู้เหลือเกินว่า เขาต้องทำตาปริบๆแบบออดอ้อนมันแค่ไหนกัน แล้วจึงได้รับคำตอบที่ว่า…
“ไม่อ่ะ ขี้เกียจ”
เฮงซวยยยยยยยย
“ล้อเล่น กูบอกโฟร์ในไลน์ตอนกินเหล้าเมื่อวานแล้ว”
แล้วไป ว่าแต่ พวกมันไปแอดไลน์กันตอนไหน หึงหวงอย่างไร้สาเหตุ พ่นลม หึงหวงอย่างรุนแรง โมโห
“ขอบคุณนะ”
เขารู้สึกแบบนั้นกับมันจริงๆ คิดเอานะทุกคน ถ้าไม่ใช่พวกที่รักงานแบบนี้จริง ก็พวกที่มีน้ำใจมากๆ หรือพวกเกรงใจคนอื่นไปทั่วเท่านั้นล่ะที่ตัดสินใจรับงาน และเขาเดาว่าสายป่านคงเป็นประเภทท้ายสุดมากกว่า ถึงเขาไม่ลงทุนไปเต้นแร้งเต้นกา มันก็ยอมไปอยู่ดี
ก็นะ เอาตำแหน่งสุภาพบุรุษของพวกกะเทยไปเล้ยยยยยย ประชด
“มาทำซึ้งห่าไร จะอ้วก”
บางทีเขาก็สงสัยว่าเราไปสนิทกันถึงขั้นพูดห่าพูดเหวใส่กันได้แล้วตอนไหน
หรือมีแค่เขาเอง ที่คิดว่าเราไม่สนิทกันได้อย่างสนิทใจมาตลอด มันเลยพลอยคิดไปถึงเส้นขั้นต่างๆนานาที่ไม่มีอยู่แต่แรกแล้ว เพราะฟังคนอื่นเขาพูดคุยกัน ไอ้เหี้ยไอ้สัดก็เป็นปกติธรรมดาเสียมากกว่าสำหรับคนที่ผ่านอะไรมาด้วยกันมากมายด้วยคำว่ารุ่น
แต่เอาเถอะ ซึ้งได้ไม่นานไอ้สายป่านก็ชวนตีอย่างที่เห็นอีกรอบ
“คุณนางฟ้าสถาปัตย์มดมด ไปเอาข้าวมาให้แดกหน่อยครับ”
ทุกคนพอเดาได้ไหมครับ ว่าน้ำเสียงในประโยคนี้ต้องพูดยังไง แหม ถูกต้องแล้วครับ ต้องใช้คำว่า ดัดเสียงแบบล้อเลียนเขา กระแนะกระแหน และโคตรดีใจที่ได้แกล้งเขา รวมไว้ในประโยคนี้ทั้งหมดครับ จบรายการ
เขาลุกขึ้นยืน…
“หิวก็ไปตักแดกเอง ไอ้เหี้ย”
แต่อย่าหวังว่าจะลุกไปตักข้าวให้มันครับ!!!
นี่เป็นครั้งแรกเลย ที่เขามีความกล้าพอจะพูดคำว่าไอ้เหี้ย แบบไม่ติดขัดอะไรกับคนๆนี้
ทุกๆสิ่งตอนนี้ดูเปลี่ยนแปลงไป หลังจากเราเริ่มคุยกันแบบเพื่อน
แต่จะเปลี่ยนแปลงไปทางไหนต่อนั้น เขาแม่งไม่เคยได้รับรู้เลย…
❤
“อุว่ะ เพื่อนเรานี่มันยังไงวะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อย่างกับคนมีความรัก” ผู้เริ่มประเด็นคนแรกมาแล้ว
“ฮึ ไอ้เราน้า พลาดไม่ได้ไปงานคณะแค่วันสองวัน แต่เหมือนเพื่อนมดดูจะมีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นเนาะ” ผู้เริ่มประเด็นคนที่สองก็ตามมาติดๆ
“เฮ้อ ชีวิตนี้จะมีบ้างมั้ยน้อ หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ คนหนึ่งก็ปีสาม อีกคนก็รุ่นเดียวกันที่แอบชอบมานาน ส่งยิ้มให้จนใจละลายยยยยยย” ผู้เริ่มประเด็นคนสุดท้ายพูดได้ตรงจนเขาจุกไปเบาๆ
มายด์ จิ๊บ และฟ้า เรียงตามลำดับประโยคที่แต่ละคนพูดขึ้นมาเพื่อเล่นงานเขาได้เลย เหอะ เพื่อนสามคนนี้มีหรือจะพลาดสิ่งที่ตัวเองลงความเห็นว่า เป็นความสุขส่วนตัวที่ได้แกล้งมึง หรือก็คือแกล้งเขานั่นเอง
จะอะไรกันนักหนา แค่เมื่อเช้าตอนเดินผ่านกลุ่มสายป่าน มันก็แค่…
มันก็แค่ แค่…
ทักทายเขาด้วยการเรียกชื่อ ก็เท่านั้นเอง
ฮื่อออออ แล้วทำไมเขาต้องมาเขินด้วยวะ คนเรา ฮืออออออ
ก็เมื่อก่อนมันเคยมีซะที่ไหนล่ะ มาโบกไม้โบกมือทักทายกันแบบนี้ แถมปากก็ส่งยิ้มมา มองแล้วแม่งโคตรหล่อ เอ๊ย ผิดดดดดดด
แน่นอนว่าการพลิกฟ้าจากหลังมาหน้าแบบชนิดมองไม่เห็นก้นเหว เป็นไปไม่ได้เลยที่เพื่อนทั้งสามจะไม่สังเกตเห็น
แต่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถอธิบายทฤษฎีความสัมพันธ์แบบนี้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหนได้จริงๆ เพราะจู่ๆ จากคนที่ถูกทำเหมือนให้ไม่รู้จักกัน ก็มาสนิทกันได้แบบงง
ต้องย้อนกลับไปคืนนั้น แล้วพูดว่า เหล้านี่ทำให้คนสนิทกันเร็วจัง เหล้านี้ดีจริงๆ เฮ้ออออออ ประชดอยู่รู้ตัวมั้ย
ช่างเรื่องเหล้า…
“แต่แม้อะไรๆจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน แต่ไอ้มดของเราก็ยังเหมือนเดิมว่ะ”
มายด์พูดค้างไว้ ให้ควายถาม เอ๊ย ให้จิ๊บถาม
“เหมือนเดิมยังไงวะ”
“ก็ ยังเขินเขาไม่หายเหมือนเดิมไงวะ”
แล้วมันทั้งสามคนก็หัวเราะเฮฮา สนุกสนานที่ได้แกล้งเขาให้ทำหน้างอง้ำ เหอะ ไม่ถึงทีเขาบ้างก็ให้มันรู้ไป เพื่อนสาวทั้งหลาย
“นี่แหละน้าเขาเรียกว่า เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน มดไม่เปลี่ยน”
จ่ะ !!!
“อะไรคุณนักศึกษาคณะสถาปัตย์ คุณจะโดดคาบฉันอีกแล้วใช่ไหม”
เพราะมัวแต่ดีใจที่ได้แกล้งเขา เลยไม่ได้สังเกตเห็นว่าอาจารย์สมรศรี อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ ที่สอนวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะเซคพวกเราได้มายืนอยู่ข้างๆ
“แง้ว อาจารย์ ฮือ”
หึ ทีงี้มาทำหน้าหมาหงอย ไหน พวกคนขี้แกล้งมันไปไหนหมดแล้ว
“แต่ฉันเห็นด้วยกับพวกคุณนะ คุณมดนี่ขึ้นปีสองแล้ว ก็ยังเตี้ยเหมือนเดิม”
โธ่ อาจารย์ง่ะ ทำไมเหมือนเน้นคำว่าเตี้ยจังเลย
รู้สึกอยากร้องไห้เบาๆ
เคยมีคนบอกไว้ว่า เมื่อขึ้นปีสอง อะไรหลายๆอย่างมักเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเสมอ และเขาเชื่อว่ามันจะเป็นเช่นนั้นจนจบปีสี่
สิ่งดีๆอาจเริ่มจากเรื่องแรกที่เขารับไม่ได้สุดๆ อย่างการได้รับความเชื่อใจจากเหล่านางฟ้าสถาปัตย์ในการแต่งชุดคอสเพลย์นางแมวยั่วสวาท หรืออาจเรียกอีกชื่อหนึ่งแบบเต็มยศว่า แต่งหญิงแมวเหมียวสันทนาการ ขอกุมขมับกับชื่อที่ใครแม่งเป็นคนคิดขึ้นมาได้สักห้าวินะ
ถ้าถามว่าเมื่อก่อน เขารู้จักกับเพื่อนๆเพศที่สามนี้ดีแค่ไหน ขอตอบเลยว่าไม่ ยิ่งเป็นเขาที่ตอนนั้นเป็นเด็กปีหนึ่ง ไม่รู้เอาความกล้าที่พกมาเต็มร้อยก่อนเปิดเทอมไปไว้ไหนเสียสิ้น เขากลายเป็นคนที่เงียบ แต่ไม่ได้น่าแปลกกว่าใคร แต่ถ้าเทียบกับไอ้มดผมเกรียนสมัยมัธยม เพื่อนๆที่เรียนมอปลายมาด้วยกันคงต้องร้องอุทานแล้วบอกว่า แม่ง ใครเอาไอ้มดคนเดิมไปซ่อนไว้ที่ไหน
นั่นแหละ ที่กล่าวมาทั้งหมดก็แค่จะบอกว่า เพราะเขาค่อนข้างเป็นคนเงียบๆ เรียบร้อยๆ เหล่านางฟ้าสถาปัตย์ตอนปีหนึ่งเลยไม่ได้เข้ามาทักทาย เราไม่ได้รู้จัก สนิทสนมกันสักเท่าไหร่ มารู้จักกันจริงๆก็ตอนปีสอง ที่ต้องทำงานต่างๆร่วมกันมากมาย เราผ่านอะไรมาหลายๆอย่าง และคงจะเรียกได้ว่าเริ่มสนิทกันอย่างจริงจังก็ตอนไปเต้นสันทนาการให้นี่แหละ
แล้วผู้คนอีกมากมายก็ตามมาเป็นขบวน เขาเหมารวมไอ้สายป่านเป็นหนึ่งในนั้น เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเรากำลังก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ถึงแม้จะในฐานะเพื่อนก็ตามที
ได้แค่นี้ ก็ดีกว่าที่เคยเป็นแล้วไม่ใช่เหรอ
อดไม่ได้ที่จะขอบคุณความเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆนี้ แต่ดูมีพลังอย่างยิ่งใหญ่จริงๆ
ตึ๊ง
เสียงแจ้งเตือนกลุ่มแชทในเฟซบุ๊กทำให้เขาหลุดออกมาจากภวังค์
กองร้อยปล้นสวาท
ชื่อแชทกลุ่ม…
มามี่ แกร่นนนนนนนนน นางฟ้าทุกเบอร์อยู่ที่ไหนหมดคะ ไหนบอกสามโมงเจอกันตรงซุ้มจัดงานคะ
อุมาพร เว้ทอะมินิท รอก่อนๆ อย่าเพิ่งรีบวางหู
มามี่ มึงแหละตัวดี อิคนดีศรีเชียงใหม่ มึงอยู่ไหนคะอิดอก
วินดี้ แหม เร่งจัง เหยียบสุดแล้วเนี่ย
มามี่ ตอแหล ถ้ามึงเหยียบอยู่แล้วมึงมาตอบแชทกูได้ไง
วินดี้ ก็กูใช้เท้าเหยียบ
มามี่ แอดมิทโรงพยาบาลไหนบอกกูด้วยนะ
วินดี้ ทำไม เป็นห่วง จะมาดูแลงี้
มามี่ เปล่า จะตามไปกรวดน้ำ
ทำไมเขารู้สึกว่ากำลังอ่านการ์ตูนตลกแทนที่จะเป็นแชทจริงจังของมามี่นะ แอบขอโทษเธอในใจเบาๆ
งานที่ว่าน่าจะเป็นงานโปรโมทการจัดนิทรรศการงานศิลป์ที่พวกเราชาวเด็กสถาปัตย์ภูมิใจนำมาเสนอ ตั้งโชว์ ณ ลานกว้างหอศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ในวันเสาร์ที่สองของเดือนพฤษตุลาคมที่ใกล้เข้ามาเต็มที เขาท่องตามสคริปต์พูดของมามี่เป๊ะๆเลยนะ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาจะเลื่อนอ่านไปแบบผ่านๆ แต่…
Mod Kittikun มีใครไปบ้างอ่ะ
ตอนนี้เขาว่าง แล้วก็ไม่มีอะไรทำ บางที เขาอาจจะไปช่วย…ด้วยความเต็มใจ นี่เขากลายเป็นเด็กกิจกรรมไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ไม่สิ ไม่นับตอนปีหนึ่งที่เขาถูกหลอกเข้าไปทำละครเวทีมหา’ลัย และตอนนี้ก็ยังถูกหลอกเข้าไปเหมือนเดิมสิ
มามี่ วี๊ด มดมดลูกแม่จะมา พวกมึงไปไหนก็ไปเลยนะ มดมาก็กินไปแล้วครึ่งงาน พวกไร้ประโยชน์ไสหัวไป๊!!!
วินดี้ ได้ไงคะอิดอก มดมด อยากเจอเหลือเกิน แม้จะแยกกันตอนเช้าที่โรงอาหารแต่โคตรคิดถึงเป้าตุงๆของมดเหลือเกิน
ลิลลี่ ต่ำ โสโครก
มามี่ อ่ะ มึงโผล่มาตอบแชทได้สักทีอิลิลลี่ แหม ทำเป็นหายหัวอินี่
ลลิตา มดมดมา แม่ใส่เกียร์หมาตามไปด้วยคนค่า
ตึ๊ง
เสียงแจ้งเตือนแชทเฟซบุ๊กอีกกล่องดังขึ้น
สายป่าน 291…
เป็นวิดิโอช่วงสั้นๆ
ใครสักคนที่กำลังถ่ายสายป่านอยู่ “เป็นอะไรครับ นั่งเหม่อ เหม่อ เหม่อคิดถึงคนนี้หรือเปล่าว้า”
พอสายป่านรู้ตัวว่ากำลังโดนถ่าย มันก็ทำหน้าตกใจแล้วเข้ามาแย่งจนมือใครต่อใครไม่รู้มาบดบังกล้องไว้
แล้วก็จบ… แค่นี้
แต่ทำไม เขายังไม่จบ
มันกำลังคิดถึงใคร?
ดาวคณะที่ใครต่อใครกำลังพูดถึงว่าเป็นข่าวกับมันอยู่ตอนนี้ใช่มั้ย?
หรือยังมีคนอื่นอีก มึงจะเจ้าชู้เกินไปแล้วนะ
โทษที
เพื่อนแกล้งเว้ย
จากนั้นข้อความก็ขาดตอนไป แล้วพิมพ์กลับมาใหม่ว่า
คิดถึงจัง
แม่งแกล้งอยู่ได้ โทษๆ
เขาจะกล้าทำไหมนะ…
เขาจะกล้า…
มึงคิดถึงใครอยู่อ่ะ
ถามไหมนะ แต่เขาเพิ่งรู้ว่าเผลอกดพิมพ์ไปแล้ว มันหายไปชั่วอึดใจ ก่อนช่องแชทจะขึ้นว่ามันกำลังพิมพ์ตอบกลับ
ความลับ
สั้นๆ ได้ใจความ
ใช่แล้วล่ะ เขาควรโล่งใจได้แล้วว่าความลับที่เขาซ่อนเอาไว้ คงไม่มีวันจะถูกเปิดเผย เมื่อพบว่าสุดท้าย เราก็ยังเป็นได้แค่…
เพื่อนกัน
T B C
งื้อ มันอาจจะมีอะไรมากกว่าเพื่อนก็ได้นะมด
มดคิดลึกๆหน่อยดิ โห่ววววววว
ขอบคุณทุกความคิดเห็นเลยค่า คิดถึงทุกคนมั่กๆ
แล้วเจอกันพรุ่งนี้.
ก้าวที่แปด
เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว
โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...
คิดถึงนะ
คิดถึงมากๆ
คิดถึงโคตรๆ
โคตรคิดถึงเลยเว้ย
เฮ้ย มันแกล้งอีกแล้วว่ะ
ตอนนี้เฟซบุ๊กของเขากำลังถูกก่อกวนอย่างหนักจากช่องแชทที่เด้งขึ้นมารัวๆของ สายป่าน 291
จะมากไปแล้วนะ…
มึงคิดถึงใคร
ก็ไปบอกคนนั้นสิ
มาบอกกูทำไม
ไอ้เหี้ย ไอ้สัด ไอ้สันขวาน
และเขาจะไม่ทนอีกต่อไป พร้อมโต้กลับด้วยการระเบิดอารมณ์อย่างรุนแรงลงในประโยค และสลักความโกรธขั้นสูงสุดไว้ในทุกตัวอักษรที่พิมพ์ส่งไป หวังให้มันได้รับรู้ความรู้สึกที่อัดแน่นข้างในอย่างอึดอัดของเขา ที่ต้องมาทนอ่านข้อความสัปรังเคที่มันบ่นคิดถึงคนอื่นในแชทของตัวเขาเอง
เพียงแต่ว่า…
เอ่อ
มดมด
ผิดแชทหรือเปล่าลูก
!!!
ไม่ผิดหรอกที่คนตอบกลับมาจะไม่ใช่ไอ้สายป่านแต่เป็นเจ๊มามี่
เหอะ ให้ตายเถอะ
ไอ้สายป่านมันจะรับรู้หรือตอบกลับมาได้ยังไง ในเมื่อเขาส่งข้อความผิดแชท
โว้ยยยยยยยยย
โมโห
“มดมดลูกแม่ นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”
พอออกมาจากลานจอดรถ ก็เป็นลานกว้างที่ใช้จัดซุ้มของคณะสถาปัตย์พอดี เจ๊มามี่บอกว่าการที่มหา’ลัยจัดแสดงโชว์ของดีประจำจังหวัด จากกลุ่มนักศึกษาที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดต่างๆซึ่งมารวมกันกลายเป็นชมรม แล้วร่วมกันคิดร่วมกันสร้างสรรค์กิจกรรมให้มีขึ้น เป็นการดีต่อการโปรโมทอาร์ตโชว์ หรือนิทรรศการงานศิลป์ของคณะเราที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ตามนโยบายน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ที่คณะสถาปัตย์มักจะนำมาใช้กับคณะเพื่อนบ้านและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีกับทางมหา’ลัย ซึ่งจะเห็นได้จากการที่พวกเราลงทุนลงแรงตั้งซุ้มขึ้นมา แม้ว่าจะได้ประโยชน์ในการโปรโมท แต่เวลาที่เสียไปอย่างมากมายหากมองที่ผลลัพธ์อาจไม่คุ้มค่าเท่าที่ควร แต่หากมองผ่านเรื่องเหล่านี้ไป แล้วมองถึงอนาคตข้างหน้า เมื่อรุ่นน้องเราก้าวเข้ามาสืบต่อ เขาเชื่อว่า สิ่งที่รุ่นพี่ทุกๆคนทำในวันนี้ จะปูทางที่เรียบยาวให้กับพวกเด็กๆได้เดินไปอย่างมั่นคง
ในวันข้างหน้า หากเราต้องขอความช่วยเหลือจากส่วนกลาง เขาคงต้องคิดถึงวันที่พวกเราให้การตอบรับเป็นอย่างดี เขาเชิญเราก็มา ถือเป็นการเอามือแบบที่ภาษาชาวบ้านเขาเรียกกัน
ร่ายมาซะยาว เพื่อจะบอกว่า คณะนี้กิจกรรม เราทำหมด ฮา
เขาเดินเข้ามาที่ซุ้ม ก็พบกับเจ๊มามี่ และเจ๊ลลิตาที่รออยู่ก่อนแล้ว ส่วนนางฟ้าคนอื่นๆ คาดว่าน่าจะยังไม่มาแสตนด์บายด์กัน สังเกตจากสีหน้าความหงุดหงิดระดับร้อยล้านของเจ๊มามี่ก่อนที่แกจะปรับเป็นยิ้มแย้มแจ่มใสเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา
“ไม่มาได้ไง ต้องมาช่วยเจ๊ๆอยู่แล้วครับ”
เขาเริ่มที่จะอยู่เป็น ด้วยการใช้สรรพนามต่างๆเรียกอย่างไอ้สายป่านมันทำ
อีกอย่าง การให้เกียรติเพศที่สาม ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เขาทำอยู่แล้วด้วย เพราะงั้นมันไม่ได้หนักหนาอะไร หากเราจะถูกลวนลามนิดหน่อยจากพวกเธอ เอาจริงๆ นั่นก็แค่เป็นหนึ่งในวิธีการเข้าหาคนอื่นของพวกเธอเท่านั้น
“ปากหวาน ขอจูบทีได้ป่ะ”
เจ๊มามี่ทำท่าจะเอาจริง เขานี่แทบผงะ ถ้าเจ๊ลลิตาไม่เข้ามากันไว้
“ต่ำตมมากอิมามี่ นี่ลูกนะ”
“อย่าเรียกฉันว่าแม่ เพราะแม่กินลูกไม่ได้ มด มามี่ขอเปลี่ยนจากสถานะผู้ปกครองเป็นคนรู้ใจได้ป่ะ ทำไมหล่อขึ้นทุกวันวะ”
เอ่อ เขาไม่รู้จะตอบว่าไง เลยปล่อยให้เธอเพ้อไปคนเดียวอยู่แบบนั้น
“กรี๊ด นี่ใช่คนที่แต่งหญิงงานเปิดสนามวันนั้นมั้ยอ่ะ”
ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่เขาควรภาคภูมิใจเมื่อเฝ้าซุ้มอยู่ดีๆ ก็มีคนจำได้
จำได้…ในนามของนางฟ้าสถาปัตย์ จบแล้วชีวิตเขาในมหา’ลัยอันยิ่งใหญ่โสภา
“ครับ”
แล้วเขาก็ตอบกลับไปด้วยความภาคภูมิใจ ถุย!
“ดีจัง ขอถ่ายรูปเอาไปลงเพจได้มั้ยคะ เพจของมอ”
เขาเกาหัวแกรก เกิดมาไม่เคยได้มีเกียรติขนาดนี้ ยิ้มสิมดยิ้ม แชะ
“ขอบคุณนะคะ จะเป็นไรมั้ยถ้าเราจะใส่ชื่อเฟซในแคปชั่น”
“ตามสบายเลยครับ”
ที่เขาตอบไปแบบนั้น เพราะเขายังไร้เดียงสา และไม่รู้ว่าอะไรจะตามมาในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าน่ะสิ
“มึง สายป่านอัพสตอรี่ว่าอยู่ในงานว่ะ วี๊ด”
“ไหนๆ จริงๆด้วย อยู่ไหนวะ”
“สายป่านอยู่กรุงเทพฯนี่”
บทสนทนาบอกว่าสายป่านอยู่กรุงเทพฯอันนั้นเขารู้ที่อยู่มันดี แต่คาดว่าเจ้าตัวคงจะหมายถึง สายป่านอยู่ชมรมจังหวัดของกรุงเทพฯน่าจะถูกต้อง
เขาไม่ได้ตั้งใจเงี่ยหูฟังนะ แต่กางผึ่งเต็มที่เลยต่างหาก ช่วยไม่ได้ อะไรที่เป็นเรื่องของแม่ง เขาก็อยากรู้อยากเสือกไปหมดนั่นแหละ
มันอยู่ในงาน…
มันอัพสตอรี่ไอจี…
แล้วตัวมันล่ะ อยู่ที่ไหนวะ
ไหนบอกคิดถึงใครไง เขาก็นึกว่าคงจะแจ้นไปหาใครบางคนที่เป็นคนๆนั้นเสียอีก
หรือแค่อัพสตอรี่หลอกๆ?
หลอกให้คนอย่างเขาดีใจ…
“เด็กเตี้ยนี่ใครวะ เฮ้ย ปีหนึ่ง เฝ้าซุ้มทำหน้าให้มันดีๆหน่อย”
แต่ก็เสียใจเก้อไม่นาน เมื่อเสียงทุ้มนุ้มคุ้นเคยแต่ดัดให้ห้าวๆหน่อยพูดขึ้นข้างหลังเขา เฮ้ย แก้มเขาคงปิดรอยลักยิ้มเล็กๆของตัวเองไม่มิดแน่ๆ
“เป็นปีสองเว้ย ดูเข็มขัดก็รู้”
เขาหันกลับไปสวนกลับไอ้คนกล่าวหา สายป่านในชุดนักศึกษา ผูกไทด์เต็มยศยืนอยู่ตรงหน้า ไม่รู้ทำไม เขาถึงมองรอยยิ้มของมันว่าทำให้ใจเต้นแรงได้อยู่เรื่อยเลย
“ตัวสูงขึ้นบ้างป่ะ จะเป็นปีสองอ่ะ”
เขาอมลม แก้มตุ่ย หมดความจะเถียงกับคนเหี้ย
“ล้อเล่นหน่อยเดียว หน้าบูดไปได้”
“เหรอ”
“มึงกวนขึ้นวะ”
“กวนตีน?”
“กวนใจ”
อึก!
เกิดการสตั๊นไปห้าจุดศูนย์สามวินาที ก่อนที่เขาจะแกล้งชกไม้ชกมือแล้วเฉไฉไปเรื่อย
“มึงพูดเหี้ยไรเนี่ย”
“พูดความจริง”
“…”
“มึงอ่ะกำลังกวนใจกูฉิบหาย”
“…”
“มึงกำลังชอบใครอยู่วะแม่ง”
ตาสีดำสนิทของมันจ้องลึกเข้ามาเหมือนพยายามควานหาคำตอบของบางสิ่งในดวงตาเขา
“สายป่าน!!!”
เกือบไปแล้วมด เกือบลั่นดาลเปิดกลอนที่สลักไว้เสียเองแล้วไหมล่ะ
ดีนะที่เจ๊มามี่โผล่มาซะก่อน
“รีบเลยจ้า ไปแต่งหน้ามาเป็นมาสคอตให้ซุ้มได้แล้วววววว”
สายป่านยิ้ม
“แล้วใครแต่งหน้าให้ผมครับเจ๊”
เออ นั่นสิ พวกเจ๊ๆหายหัวไปไหนกันหมดแล้ว
“ไม่มีอะไรที่เด็กสถาปัตย์ทำไม่ได้ถ้าเป็นงานศิลปะค่ะ”
แปลว่าเจ๊มามี่จะแต่งหน้าใช่มั้ย เจ๊ของเขาเก่งมาก นี่สิผู้เข้าถึงศิลปะอย่างถ่องแท้ไม่ใช่แค่การวาดแปลนบ้านโง่ๆ หรือการลงสีในกระดาษสีขาว
“มด…”
!!!
“รับงานด้วยนะ เจ๊ฝาก”
ง่ะ…
เอาคำชมคืนมาเถอะอย่างนี้อ่ะ
เจ๊มามี่เดินหายไปแล้ว เหลือเขากับไอ้สายป่านสองคนเหมือนเดิม
“ไม่ยักรู้ มึงแต่งหน้าเป็นด้วย”
“ระดับไหน”
“หมายถึงส่วนสูงเหรอ กูร้อยแปดสิบเป๊ะ”
จ้า ไอ้เปรตเหี้ย!!!
❤
การเมคอัพลงบนใบหน้าของไอ้สายป่านเป็นไปด้วยดีอย่างราบลื่นและง่ายมากๆ นี่แหละหนา อิจฉาคนผิวดีหน้าดีชะมัด โบราณว่า
หน้าดี มีชั้ยไปกว่าครึ่ง…
ผิด ยังไงก็เถอะ อิจฉา อิจฉา อิจฉา
ผู้ชายอะไรวะ แก้มนิ่มเป็นบ้า งื้อ พูดเองก็เขินเองเลยเรา
ยิ่งตอนแต่งหน้าให้ แล้วมันจ้องเอาๆนะ ฮึ่ยยยยยยย
เขินนนนนนนนน
เป็นเอามากแล้วเขา…
“เจ๊ ชุดของมันล่ะครับ”
เขาจงใจเน้นคำว่ามันแรงๆด้วยความหมั่นไส้ให้ไอ้คนนอกสายที่ยืนชมความหล่อของตัวเองหน้ากระจกได้ยิน มันหันมาชูนิ้วกลางให้เขา แล้วกลับไปสนใจความงามบนกระจกต่อ
หยาบคาย สถุล เถื่อนมาก
“มึง เปลี่ยนชุด”
หลังจากวางสายเจ๊ เขาก็เข้ามาจัดการกับมันต่อ
อันที่จริงมันก็เป็นแค่เสื้อยืดธรรมดา แต่พิเศษตรงที่มันถูกป้ายสีสันลงบนเนื้อผ้าด้วยสีธรรมชาติที่เป็นโปรเจกต์เบสเลิร์นนิ่งวึ่งถูกสร้างขึ้นจากการเรียนวิชาตัวเมเจอร์โดยเฉพาะของเด็กสถาปัตย์กลุ่มหนึ่ง
เขาขุดคุ้ยหาชุดในตู้เสื้อผ้า
“มึงจะใส่ตัวไหน มันมีสองตัว”
เฮ้ยยยย
เขาหันไปหามันแต่พบว่าไอ้สายป่านแม่งทึ้งเสื้อตัวเองลงกองกับพื้นนานแล้ว
เหลือเพียงเรือนร่างที่เขาจำได้ว่าเคยแอบชมหุ่นตัวใดตัวหนึ่งของห้องลองเสื้อในคณะว่าโคตรจะสมบูรณ์แบบ
ไม่ต้องมองกระจกก็รู้ว่าเขากำลังหน้าแดงอยู่…
มด เป็นเอามากนะเรา
“ใส่หมด มึงก็ใส่อีกตัว”
“ดะ…ได้ไง กะ..กูไม่ได้ เป็น มาส คอต”
แล้วทำไมต้องพูดตะกุกตะกักด้วยเนี่ย
โอ๊ยให้ตาย มึงรีบเอาไปใส่เลยนะแม่ง
“ใส่เป็นเพื่อนกู…”
“…”
“นะ”
มึงไม่รู้หรือไง
กูแพ้ลูกอ้อนคนที่ชื่อสายป่านเว้ยยยยย
“นอกจากมึงจะเป็นช่างแต่งหน้าแล้ว มึงยังเป็นมาสคอตได้อีกนะ”
เขาจะถือว่าเป็นคำชมแล้วกัน
ตอนนี้พวกเรามายืนโชว์ตัวหน้าซุ้มให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาจ้องมองอย่างสนใจ
ไม่ใช่สนใจในตัวผลงานนะ…
“กรี๊ด น้องสายป่านพี่ขอถ่ายรูปหน่อยนะ”
“งื้อ พี่คณะกู หล่อมั้ยมึงงงงง”
“สายป่าน น่ารักจังเลย”
“แก๊ หนุ่มสถาปัตย์งานดีโคตร”
และอะไรต่อมิอะไรสารพัดจะเอามาชม เหอะ ไม่ต้องมีเขามายืนข้างๆให้รกลูกตาคนอื่นหรอกมั้ง ได้แต่ประชดไอ้สายป่านในใจเงียบๆ แต่สีหน้าก็ต้องยิ้มแย้ม ท่องไว้มันคืองาน…
“เอ่อ…”
“…”
“น้องมดกับน้องสายป่าน พี่ขอถ่ายรูปคู่ได้มั้ยคะ”
“ครับ?”
พวกเราหันไปยิ้มให้กล้องของเธอ แต่ว่า…
“ไม่เอาท่านี้สิคะ ขอชิดกว่านี้ได้มั้ย”
ยังไงอ่า…
ฟึ่บ!
“แบบนี้เหรอครับ”
เขาถูกจู่โจม เขากำลังโดนจู่โจมหัวใจครับทุกคน
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
มึงแม่งไม่เคยให้กูได้ตั้งตัว
คิดจะดึงเข้าไปโอบ ก็ดึงไปเฉยไม่ถามความเห็นใครสักคำ ถามคนที่มันหน้าแดงตอนนี้ก่อนได้มั้ย ว่าใกล้ไปหรือเปล่า…
เขินนนนนน
“งื้อออออ เขิน”
อ้าว ไม่ใช่เสียงเขานะเว้ย
เป็นพี่ผู้หญิงที่ยืนถ่ายรูปพวกเราตรงหน้าต่างหาก
แถมท่าโอบไหล่ถ่ายรูปของพวกเรา ยังเรียกกล้องอีกนับสิบให้กดถ่ายรัวๆ
“เท่านี้ก็พอแล้วค่า ขอบคุณมากนะคะ”
เรายิ้มตอบเธอ นึกว่าจะได้พักแล้ว…
เมื่อยฉิบ
แต่!!!
“น้องคะ น้องสองคนโพสต์ท่าเมื่อกี้อีกรอบได้มั้ย งื้อเด็กสมัยนี้น่ารักจังเลย”
“คนนึงเตี้ย อีกคนก็ตัวสูง โอ๊ย ทำไมฉันเพิ่งมาคิดวะ”
เอ่อ เขาจะถือว่าเป็นคำชมแล้วกันนะ
“งื้อ เขินแทนเลยว่ะ”
ตอนนี้เขาเปลี่ยนจากเขินมาเมื่อยแล้วครับทุกคน
“ดูความมุ้งมิ้ง มันแบบ คือ กูควรดีใจกับอะไรแบบนี้เหรอ”
กว่าพวกเราจะได้พัก ก็ปาไปอีกครึ่งชั่วโมงกว่าๆ
เขาเดินออกมาหลบหลังซุ้ม ทว่า…
“มดมด ช่วยอะไรพวกเจ๊หน่อยสิ”
พวกเจ๊ๆที่หายเข้ากลีบเมฆโผล่มาอีกรอบด้วยเสื้อเปื้อนสี
“ได้ครับ” รู้เลยเสียงเขาโคตรอ่อนแรง
“เจ๊ทำป้ายบอร์ดพัง”
อิเจ๊!!!!!!!!!!!
❤
“สูงพอยังเจ๊ ให้ทาสีตรงไหนเพิ่มอีกมั้ย”
โถ ชีวิตไอ้มดนี่จะว่าไปมันก็น่าเศร้านะ แต่งชุดแต่งตัวพร้อมโชว์ แต่ดันต้องมาเป็นคนงานลูกมือเจ๊ๆ ปีนบันไดขึ้นไปซ่อมป้ายบอร์ดซุ้ม
แต่งหล่อพร้อม…
จากนายแบบกลายเป็นคนงานก่อสร้างเฉย
ทุกคนที่ผ่านไปมาอย่าได้สงสัย ว่าทำไมถึงมีคนหน้าตาดีปีนป่ายซุ้มของคณะสถาปัตย์แบบนี้ ถุย ขอซื้อความมั่นหน้าของตัวเองทิ้งได้มั้ย
ใครไม่นก มดนก
นกตัวเองไว้ก่อนเท่ากับรอด
“ขอเก็บรายละเอียดตรงขอบหน่อยจ้า ดีมากเลยมด อู้ อู้ มุมสูงของมดนี่เตะตาเจ๊เลย”
เจ๊!!!
เวลาแบบนี้ยังจะมาลามกจ้องน้องชายใต้ร่มผ้าของเขาเอาๆอีกนะ ให้ตายเถอะ
มดจะบ้า ถ้ามีชาสักแก้ว…
“วี๊ด สายป่าน”
ไอ้สายป่านโผล่หน้ามาพร้อมชานมแก้วใหญ่สองแก้วถือว้ายขวา
หรือว่า…
“ขอบใจมากนะจ๊ะ พ่อคุ๊ณณณณ ขอบคุณที่รับฝากนะจ๊ะ”
เจ๊มามี่ดับความหวังลมๆแล้งๆของเขาเสียสิ้น
เขามองตามชาแก้วใหญ่ที่ส่งต่อจากมือไอ้สายป่านถึงเจ๊มามี่โดยสวัสดิภาพหงอยๆ
หิวชา หิวน้ำ
“มองไรวะครับ”
พบคนกวนตีนหนึ่งอัตราเบื้องล่างครับ
เขาแกล้งทำหูทวนลมไม่ได้ยินเสียงมันพูด ก่อนจะแสร้งเอาแปรงป้ายสีนั่นสี่นี่ทาเล่น แต่ไม่เละนะครับ ระดับเด็กสถาปัตย์แล้ว กวาดลงที่ไหน ที่นั่นกลายเป็นศิลปะ
อวยคณะตัวเองก็เป็นว่ะคนเรา
“เฮ้อ ท่าทางชานมกูคงเป็นหมันแล้วล่ะ”
อะไรนะ
ตาเขาลุกวาวเก็บอาการไม่อยู่
คือ…
“ซื้อมาให้ กลัวมึงหิวน้ำ”
วี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
อะไรกันความพองโตที่อกข้างว้ายแบบนี้
คือมันซื้อชานมมาให้เขาเหรอ มันซื้อมาให้เขากิน เขาจะได้กินชานมแก้วใหญ่นั่นเหรอ
รีบไต่ลงแบบไม่คีปลุคห่าเหวอะไรทั้งนั้น
“มึงนี่”
มันหมดคำจะพูด แล้วยื่นแก้วชามให้เขา มือตัวเองกำลังจะฉกแก้ว แต่มันยื้อไว้ก่อน แก้วชานมยังอยู่ในมือของไอ้สายป่าน
เบื้องหน้าเขาเห็นรอยยิ้มขี้เล่นปรากฏตรงมุมปาก
“พอดีว่าไม่ค่อยชอบชานม…”
“…”
“แต่เห็นท่าทางมึงอยากกินขนาดนี้ ก็ขอชิมหน่อยแล้วกัน”
มันดูดชานมต่อหน้าต่อตาเขาเฉยเลย
จากนั้นก็ส่งมาให้เขา เขารับมาด้วยความงงงัน เอ้า อยากกินทำไมไม่กินเองแต่แรกวะ เอามาให้เขาทำไงงั้นอ่ะ
“ลองดู อร่อยมั้ย”
เขาไม่ได้คิดอะไร ดูดชานมอย่างสบายใจ ฮ้า ชื่นจายยยยย
“ท่าทางระริกระรี้ของมึงนี่…”
“…”
“คงจะดีใจมากสินะที่ได้จูบปากกู”
จูบ
ปาก
มึง
เขาแปลสมการในหัวด้วยความรวดเร็ว
มันชิม เขาดูดต่อ เขาจูบมันทางอ้อม
เรา จูบ กัน
ไม่ เราไม่ได้จูบกัน
เราจูบ
ไม่ เราไม่ได้…จูบ
ตอนแรกก็คิดแค่ว่าดูดชานมแล้วสดชื่นเลยดีใจไม่ได้คิดอะไรมากมาย
แต่มึงแม่ง ทำกูคิดไปไกล กูคิดไปแล้ว กูไม่ได้ยิ้มอยู่นะ
ไอ้คนบ้า!
“นอกจากจะเป็นช่างแต่งหน้า หุ่นโชว์หน้างานแล้ว ยังเป็นพนักงานทาสีได้อีกด้วย”
“…”
“มึงนี่ มีอะไรอีกมั้ยที่ยังไม่ได้เป็น”
มีสิ…
มีหลายอย่างเลยที่เขายังไม่ได้เป็น และยังไม่กล้าจะเป็นมัน
และที่มันไม่กล้า เหตุผลทั้งหมดก็เพราะมึง
ไอ้สายป่าน 291
มาทำให้ชอบอยู่แบบนี้ทำไม…
❤
ไม่ดึกเท่าไหร่งานก็เลิก พวกเราช่วยกันเก็บซุ้ม และไอ้สายป่านย้อนกลับมาอีกครั้ง ให้หัวใจได้เต้นรัว หลังจากมันหายออกไปเป็นชาติเศษ แต่การกลับมาของมัน ได้บอกว่าชานมแก้วเมื่อเช้า เขาไม่ได้เพ้อไปเองคนเดียว
“มานี่ กูแบกเอง มึงไปทำงานเบาๆเถอะ”
มันแย่งไม้กระดานขนาดใหญ่ในมือเขาไปแบกเอง แล้วบุ้ยใบ้ไปทางกองเสื้อผ้าที่ใช้จัดโชว์ในวันนี้ ประมาณว่าให้เขาไปจัดการตรงนั้นแทน
แล้วเขาก็เหมือนหมา ที่ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เมื่อเจ้านายโยนกิ่งไม้ออกไป
ถ้ามีหาง เขาว่าตอนนี้หางของเขาคงกำลังกระดิก
“ไม่ค่ะมดมด วันนี้เหนื่อยทั้งวันแล้ว กองนี้พวกเจ๊จัดการเอง หนูไปนั่งพักแถวนั้นเถอะ”
แต่หมาอย่างเขาก็โดนไล่อีกรอบ ให้ไปนั่งพักตรงม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากซุ้ม
ก่อนจะไปเขาลังเล แล้วมองรอบๆอีกที
โอเค…
น่าจะพักได้ล่ะมั้ง
เพราะที่เหลือคนอื่นๆก็ทยอยเก็บกันหมดแล้ว จะเหลือก็แค่ป้ายบอร์ด ที่น่าจะมาเก็บพรุ่งนี้เช้า เพราะรถขนของของพี่ปืนยังไม่ว่าง ครั้นจะช่วยกันแยกส่วนแบกกลับไปก็กระไรอยู่
และครั้นจะยืมรถของสายป่าน เขาก็ว่ามันไม่เห็นสมควร
สายป่านไม่ใช่สต๊าฟงาน แต่ถูกเชิญจากเจ้าของงานให้มาร่วม
ที่นี่ คนดังๆที่มีอิทธิพลมักจะถูกวางไว้ด้านบนสุดของยอดปิรามิดเสมอ จากมุมมองของฐานรากแล้ว มันทั้งไกล และเข้าถึงยากจริงๆ
แต่แล้ว หางของเขาก็กำลังกระดิกอีกครั้ง
เมื่อหางตาเขามองเห็นมันเดินตรงมาทางนี้…
แค่ไกลๆก็ทำให้ใจเต้นตึกตักแล้ว
ถ้ามาใกล้กว่านี้ เขาคงจะเป็นบ้า
มันค่อยๆใกล้เข้ามา…
เรื่อยๆ… และเรื่อยๆ
จนกระทั่งอยู่ในระยะที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าชัดเจน เขาควรทำตัวยังไงดี วันนี้มันทำให้เขาวุ่นวายใจในหลายๆเรื่อง
เช่น เรื่องชานมแก้วใหญ่นั่น
จะมีสักกี่คนที่บอกว่า คนอื่นกำลังจูบตัวเองทางอ้อมอยู่
มันทำให้เขาคิด…
คิดมาก คิดเข้าข้างตัวเอง และคิดจริงจัง… ไปไกลแสนไกล
แต่!!!
“พี่สายป่านครับ”
ไอ้สายป่านมาไม่ถึงตัวเขา…
มันถูกรั้งไว้ใกล้ๆโดยใครคนหนึ่ง
ใครคนนั้นที่…
“ผมชอบพี่ ชอบมานานแล้ว ชอบตั้งแต่เปิดเทอมวันแรก…”
“…”
“พอจะมีโอกาสให้ผมบ้างมั้ยครับ”
มีความกล้ามากกว่าเขาหลายเท่านัก
ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาอยากจะเป็นที่สุด กลับไกลห่างออกไปเรื่อยๆ
เขาเป็นได้ทุกอย่าง ยกเว้นคนที่มันชอบ…
T B C
มดกั๊กไม่บอกสักที โดนตัดหน้าแล่ววววว
เจอกันพรุ่งนี้ค่า ขอบคุณทุกๆกำลังใจ
ก้าวที่เก้า
ผิดที่ ผิดเวลา
โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...
“สวัสดีค่ะ วันนี้เราอยู่กับคุณมามี่ ผู้เชียวชาญด้านความรัก ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีกระทรวงหัวใจสีชมพู…”
“…”
“คุณมามี่คะ คุณคิดเห็นอย่างไรกับโลกโซเชียล สื่อออนไลน์ที่ขณะนี้ได้ประโคมข่าวผู้ตามจีบเดือนคณะสถาปัตย์ของเราอย่างหนุ่มสายป่าน คุณคิดว่าบุคคลคนนั้นจะมีหวังบ้างหรือไม่คะ กับการได้สายป่านไปเชยชม”
“ค่ะ สำหรับคำตอบของดิฉันนะคะ ดิฉันคิดว่า…”
“มึงเล่นกันไม่ดูหน้าคนป่วยทางใจเลยอิพวกเวง”
ลลิตาแหวใส่มามี่กับอุมาพร ก่อนจะพยักเพยิดมาทางเขา ที่ฟุบหน้ากับโต๊ะ แต่ก็พอรึความเป็นไป
“เปล่านะ เราไม่ได้เป็นอะไร”
เขาเถียง ในขณะที่หลักฐานมัดตัวแน่น พวกเจ๊ๆกรูกันเข้ามาตบไหล่ แล้วแสดงสีหน้าเห็นอกเห็นใจ
“โถ มดที่น่าสงสารของเจ๊ๆ ขนาดนี้แล้วปกปิดพวกเราไม่ได้หรอก”
วินดี้เข้ามากอดเขา ก่อนจะโดนมามี่จิกหัว
“หยุดลวนลามอิดอก สกปรก”
มามี่พูด แล้วก็เป็นเธอเสียเองที่มากอดเขาแทน เอ่อ… ไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว ปล่อยเลยตามเลยแล้วกัน
แล้วจากนั้น เขาก็ถูกกลวนลามโดยเหล่านางฟ้าทั้งห้า ที่แม่งรุมกันเข้ามากอดมาหอมแบบไม่มีช่องว่างให้หายใจ…
หลังจากเสร็จสมอุราของพวกหล่อนแล้ว เจ๊ๆก็มานั่งเท้าคางโดยมีเขาเป็นจุดศูนย์กลางของสายตาทุกคู่
การโดนจ้องอยู่แบบนี้มันน่าอึดอัดจังเลย
เฮ้ออออ
จนมีใครคนหนึ่งทำลายความเงียบ ซึ่งก็คือวินดี้ที่ปรบมือดังเปาะ
“เอางี้ไหมมด อย่าเพิ่งหูเบาเชื่อตามข่าวในเฟซบ๊กเลย”
“นั่นสิ แล้วมึงจะทำยังไง”
“ก็ไม่ทำไง คนก็ของคณะเรา เราก็ตามไปเฝ้าแม่งเลยดิคะ”
“ความคิดดี” เจ๊มามี่แปะมือกับวินดี้
“แหม ริจะไปเฝ้าเขานะคะ กล้ามาก มึงจะไปเฝ้าเขาในฐานะอะไรยะ”
อุมาพรพูดขึ้น
“อุ๊ย เจ๊ไม่ได้ตั้งใจนะมด”
“ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวน่าจะถึงเวลาเรียนเราแล้วล่ะ แยกกันตรงนี้นะ เราไปกับเพื่อนอีกกลุ่ม”
นั่นสิ อุมาพรพูดถูก เขาจะใช้สิทธิ์ไหนกัน ในตัวของไอ้สายป่าน…
หลังจากการได้ยินสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในงานนิทรรศการวันนั้น นี่ก็ผ่านมาอาทิตย์กว่าแล้ว เป็นเพราะว่าคณะเราไม่ได้มีงานใหญ่อีกเลย นั่นทำให้เขากับไอ้สายป่านแทบไม่ได้เจอกันอีก มีเพียงเขาที่เห็นมันเดินผ่านไปบ้าง แต่แทบทุกครั้งมักจะมีเด็กผู้ชายปีหนึ่งตัวเล็กน่ารักวิ่งตามต้อยๆเสมอ
เด็กคนนั้นชื่อว่านาคิน…
เรียนอยู่สถาปัตยกรรมศาสตร์ปีหนึ่ง เพิ่งเข้ามาใหม่ เขาจำได้ตอนช่วงรับน้อง น้องเคยเดินมาถามทางไปตึกสี่ของคณะครั้งหนึ่ง
และอีกครั้งที่เราเจอกัน มันกลับไม่ใช่ความทรงจำที่ดีเท่าไหร่
ผมชอบพี่ ชอบมานานแล้ว ชอบตั้งแต่เปิดเทอมวันแรก…
พอจะมีโอกาสให้ผมบ้างมั้ยครับ
เขาบอกตัวเองว่าไม่มีสิทธิอะไรจะไปโกรธเคืองเด็กคนนั้น แต่ก็ทำไม่ได้
จากความโกรธตอนนี้เขากลับรู้สึกอิจฉา เป็นความอิจฉาเล็กๆที่เด็กนั่นได้แสดงออกอย่างที่ใจต้องการ
ผิดกับตัวเขาเอง
ปอดแหก ขี้กลัว ไม่กล้า
ทั้งหมดคือมด มันคือเขาที่แอบหลงรักใครคนหนึ่งมาแสนนาน
บางทีเขาก็คิดว่ามันไม่ใช่ความบังเอิญที่ชื่อเล่นของเขาคือมด
เขาเป็นเพียงมดตัวเล็กๆที่ขี้ขลาด
ตอนนี้เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ
“เตี้ย!”
เขาสะดุ้งโหยง เพราะมัวแต่ปล่อยใจลอย
พอหันกลับไป ก็เจอไอ้สายป่าน…
กับนาคิน
“ไปเรียนอะไรวะ”
เขายืนนิ่ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังถูกมันถาม เพราะตาจ้องมองมือของนาคินที่เกาะเสื้อไอ้สายป่านแน่น
สนิทกันเร็วขนาดนี้เลยเหรอ…
“มด ไอ้มด”
“ว่า อะไรนะ”
“กูถามว่ามึงจะไปเรียนตัวอะไร”
“ไบโอร้อย”
“พอดีเลย งั้น…”
มันไม่ทันพูดจบประโยค เขาก็ตัดบทเสียก่อน
“กูรีบ เพื่อนมารอแล้ว ไปก่อนนะ”
เขาก้าวฉับๆเดินออกมาจากตรงนั้น รู้เลยว่าความร้อนผ่าวตรงขอบตามันหมายถึงอะไร
อายุเข้าเลขสองแล้วยังจะมาร้องไห้งอแงเหมือนเด็กสิบแปดอีกนะไอ้มด
นี่มึงดูอ่อนแอขนาดนี้เลยเหรอ กับเรื่องของมัน
ตึ๊ง
เสียงแจ้งเตือนไลน์ทำให้เขาต้องเปิดอ่าน มันคือไลน์กลุ่มของเพื่อนๆเขาเอง
‘มึง กูกับจิ๊บต้องไปซื้อของทำงานกลุ่มวิชานอกคณะ มึงเข้าเรียนก่อนเลยนะ’
เป็นข้อความของฟ้าที่ส่งเข้ามา
นั่นแปลว่าเขาต้องเดินไปเรียนคนเดียวสินะ เพราะไมด์ไม่ได้ลงเรียนด้วยกันในเทอมนี้
โดนเพื่อนเท…
สรุปสั้นๆ
โอเค… บางครั้งเวลาของตัวเองก็ต้องมาถึงในไม่ช้า ขาดเพื่อนไม่ถึงตายเว้ย!
คนเรามันก็ต้องไปไหนคนเดียวบ้าง มึงจะให้รายล้อมไปด้วยเพื่อนหมดทุกเวลาก็โลกสวยเกินไปแล้ว…
คนเราต้องทำอะไรคนเดียว
ยืนด้วยตัวเอง
!!!
หมับ!
“มึงมานี่ดิ๊”
คนเรา…
เขาถูกไอ้สายป่านที่เดินตามมาตอนไหนไม่รู้ลากถูลู่ถูกังไปแบบ…ยินยอม
โอเค แค่มันจับมือถือแขนเขาก็อ่อนระทวยไปหมดแล้ว
ไม่สิ มันไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ มันตามเขามาทำไมกัน
“ปล่อย กูมีเรียน”
“แล้วจะไปเข้าเรียน นั่งเรียนคนเดียวเหรอ มึงทำได้เหรอ”
สะอึก
เขาไปต่อไม่ถูกเลย
แม้แต่ผู้ที่ต่ำต้อยที่สุดก็สามารถหยั่งรู้อนาคตได้
ฉะนั้นถึงแม้เขาจะแสร้งทำเป็นเหมือนไม่กระทบอะไรมากมาย แม้แต่ตัวเขาเองก็ต้องมีมุมที่น่าหงุดหงิดใจ
เขา ไป เรียน คน เดียว ไม่ได้จริงๆ เขาติดเพื่อน มันอาจจะดูเป็นมุมที่อ่อนแอ ไร้เหตุผล แต่นี่ล่ะคือตัวของเขา มุมอีกมุมที่ทุกคนอาจจะรับไม่ได้ แต่มันคือตัวเขาจริงๆ
ดูเหมือนประโยคสวยหรูข้างบนที่เขาลักจำมาจากเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์จะไม่ค่อยเกี่ยวกับประเด็นสักเท่าไหร่นะ
ช่างเถอะ นั่นมันสำคัญด้วยเหรอวะ
“กูเรียนได้”
“มึงเรียนไม่ได้”
“…”
“มึงติดเพื่อน กูรู้ดี”
แล้วทำไม มึงถึง…รู้ดี
“โดดกัน”
โดดเหรอ
“นะครับ”
ได้เลย…
❤
“น้ำปั่น?”
“อื้อ น้ำปั่นกรีน”
มันตอบสีหน้าเรียบเฉย
“ร้านนี้ดูไม่เหมาะกับผู้ชายเถื่อนๆแบบมึงเลย”
เขาขอแขวะมันหน่อยเถอะ โดนลากโดนจูง จนตามใจมันเลยตามเลยมาถึงร้านน้ำปั่นกรีน ร้านดังหน้ามอที่นักศึกษาต้องแวะเข้ามานั่งชิลๆจิบแบบชาๆ เพราะมันคือชานมน้ำปั่นกรีน!!!
ท่องตามคลิปที่พี่ของเขาเจ้าของร้านมักไลฟ์ลงเฟซบุ๊กบ่อยๆ
ก็ไม่ได้เป็นแฟนคลับพี่แกเท่าไหร่อ่ะนะ กูคนมันปลื้มทำไงได้ล่ะ
แต่พี่แกมีแฟนแล้วเว้ย…
“รับอะไรดีครับ”
นี่ไงล่ะ แฟนตัวจริงไม่อิงข่าวลือ น่ารักแบบพี่กรีนนี่หาได้จากไหนอีกครับ
“รับพี่กรีนหนึ่งที่ ขอน่ารักๆ พูดเพราะๆ”
หน้าหม้อ!!!
ไอ้สายป่าน…
“ส้นตีนนี่”
ฮ่าๆ แฟนพี่เขาตีหน้าโหดเข้ามาแล้วนั่น สมน้ำหน้าจริงๆ แต่เห็นสีหน้าไม่หงอยแถมกวนตีนของมันแล้วไม่รู้เขาจะได้สมน้ำหน้าจริงๆหรือเปล่า
“สันตีนก็กินได้ครับ”
“เหรอ เดี๋ยวกูยัดให้”
พี่ของเขาตั้งท่าจะทำแบบนั้นจริง ตอนแรกเขาคิดว่าไอ้สายป่านจะแน่ แต่สุดท้ายก็ถอยร่นไปนั่งรอที่โต๊ะ พร้อมสั่งเครื่องดื่มก่อนไป
เดี๋ยวแล้วของเขาล่ะ…
“นมเขียว หวานน้อย”
มันเป็นของโปรดของเขาเลยล่ะ แต่กลับเป็นไอ้สายป่านที่สั่งให้แทน
“นั่งลงดิ ยืนจ้องกูเพื่อ”
“เปล่า”
เป็นคนกวนตีนยังไง ก็กวนตีนอย่างนั้นอยู่วันยังค่ำ เขาจะไม่ถอนหายใจกับเรื่องนี้เป็นครั้งที่ล้านๆหรอกนะ เฮ้อ
“เมื่อกี้ แม่งเดินหนีกูทำไมวะ”
“…”
“หล่อขนาดนี้ หมายังไม่เมินครับ”
นี่มุกหรือเปลือกหอย หรือว่าฝอยขัดหม้อ
สโลแกนกากๆ ถ้าถุยน้ำลายตรงนี้ทุกคนจะรับได้มั้ยอ่า คิดไปคิดมาไม่ทำดีกว่าแฮะ
“เงียบ เงียบทำไมครับ”
“ไม่รู้จะต่อยังไง”
เขาพูดตามจริง มันทำให้เขาไปไม่ถูกเลย แต่ละประโยคในบทสนทนาของมันเนี่ย
“นี่…”
เขาเงียบ
“อาทิตย์หน้าวันเกิดกูนะ”
“…”
“ไม่มีบัตรเชิญ ว่างก็มา”
แม้จะเป็นคำห้วนๆ สั้นๆ ประโยคง่ายๆ
แต่กลับทำให้หัวใจเขาเต้นแรง
ตึกตัก! ตึกตัก!
เขาตาโต ไม่ใช่เพราะพรุ่งนี้คือวันเกิดของมัน แน่นอน ข้อมูลง่ายๆแค่นี้เขาจำได้ไม่ลืม แต่ในความทรงจำของเขาเกี่ยวกับมัน เขาไม่เคยไปร่วมงานวันเกิด และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น เขาไม่เคยมีรูปถ่ายวันงานกับเจ้าของวันเกิดเลย
เพราะเขา…ไม่ได้สนิทกับมันถึงขนาดจะเอ่ยปากเชิญไปหรอก
แต่นั่น มันตอนปีหนึ่ง…
ตอนนี้มันกำลังเชิญเขาไปงานวันเกิด
มันนั่งอยู่ตรงหน้า ทำตัวสบายๆ พูดประโยคชิลๆ
แต่ทำให้เขาหัวใจเต้นแรง
มีเพียงคนสำคัญเท่านั้น ที่มันจะออกปากเชิญ
“แล้วถ้าไม่ว่างล่ะ”
ถามหยั่งเชิงไปงั้น ความจริงแล้วทำไมเขาจะไม่ว่างล่ะ ไม่ว่างก็จะว่างอ่ะ
“มึงเป็นคนเดียวที่ถ้าไม่มากูจะโกรธ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม”
มันพูดเสียงนิ่ง
จริงจัง?
เหรอ…
“พี่สายป่าน!!!”
แต่แล้วเหมือนโลกสีชมพูทั้งใบที่เขากำลังเพ้ออยู่ก็ค่อยๆพังลงมา เมื่อ…
คนที่เดินมาที่โต๊ะ คือนาคิน
เด็กปีหนึ่งคนเดียวกับที่สารภาพรักไอ้สายป่าน
“เฮ้ออออ”
สายป่านยกมือกุมขมับ ตอนที่ร่างเล็กถือวิสาสะดึงเก้าอี้จากอีกโต๊ะข้างๆมานั่งใกล้ๆมัน
เขามองทั้งคู่สลับกันไปมา
“ถอยไปห่างๆ”
“ก็อยากอยู่ใกล้อ่ะ ไม่ได้เหรอ ก็บอกชอบพี่”
เขาหูผึ่ง
แทบไม่เชื่อว่าตัวเองกำลังได้ยินอะไรแบบนี้
บอกรัก แบบไม่มีเคอะเขิน ดวงตามุ่งมั่นของน้องสะกิดต่อมบางอย่างในหัวใจของเขาให้กระตุก
ต่อมความขี้ขลาด…
“วันนี้ไม่เล่นนะ เหนื่อยจะไล่”
“ก็ไม่ได้มาให้ไล่ นี่!”
นาคินโชว์กระดาษสีขาวปึกหนาที่เขาเดาว่ามันคือชีทเรียนขึ้นมา
“ติวอิ๊งหนึ่งให้หน่อยนะ” นั่นไงล่ะ เขาไม่เคยเดาพลาด
“เฮ้อ คนอื่นก็มี”
“ก็จะเอาพี่…”
“…”
“ได้มั้ยล่ะ”
และครั้งนี้เขาก็หวัง
ขอให้การเดาของเขามันเกิดผิดพลาดบ้างเถอะ!
❤
“ทำไมโง่แบบนี้วะ”
“แง๊ว ละพี่จะซ้ำเติมทำไมวะ คนมันกากอ่ะ มีอย่างเดียวที่เก่ง”
“อะไร”
“เก่งแต่รักเธอ”
“ถุย!”
บางทีเขาก็อยากมี ในสิ่งที่นาคินมี
บางทีเขาก็อยากเป็น ในสิ่งที่นาคินเป็น
บางทีเขาก็อยากชัดเจน ในสิ่งที่นาคินเองก็กำลังชัดเจนอยู่
เป็นเวลาเกือบสามสิบนาที ที่เขานั่งฟังทั้งคู่ติวอิ๊งหนึ่งเงียบๆ แบบไม่มีส่วนร่วมในบทสนทนา
ก็… ไม่รู้จะแทรกตรงไหนดี
“ไอ้พี่ป่าน ทำไมงงจังวะ”
“ไม่งงดิ ดูนี่…”
เขาอยากทำตัวตามสบายเวลาอยู่กับมันอย่างที่นาคินกำลังทำอยู่
เขาอยากคุยกับมันให้ได้มากกว่านี้สักครึ่งของนาคินที่คุยจ้อไม่หยุดก็ยังดี
นี่เขา กำลังอยากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองอยู่จริงๆเหรอ
บ้าจริง ไอ้มด
เขาว่า เขาควรลุกไปจากตรงนี้ดีมั้ยนะ…
“สายป่าน”
“…”
“สายป่าน”
“…”
“สายป่าน!”
“ฮะ ว่าไงมด”
“กูไปเข้าห้องน้ำนะ”
หึ
ขนาดจะบอกว่าขอกลับยังทำไม่ได้เลยเรา ขี้ขลาดจริงๆ
ตึ๊ง
โฟร์ ผู้ฆ่าหมีด้วยมือเปล่า มด ดีลวันกับทีมนักแสดงแล้วนะ เย็นนี้ขอมาเจอกันก่อนได้มั้ย
เขาเปิดอ่านเงียบๆ
ได้สิ กี่โมง
โฟร์ ผู้ฆ่าหมีด้วยมือเปล่า ห้าโมง เคมั้ย ขอเอาสายป่านมาด้วยนะ
เขาชะงัก
ไม่รู้สิ มันกำลังยุ่งอยู่มั้ง
โฟร์ ผู้ฆ่าหมีด้วยมือเปล่า งั้นไม่เป็นไร มึงมาได้ก็พอ
โอเค
เขากลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง พบว่ามันกลับว่างเปล่า
แต่กล่องดินสอ ชีทเรียน และกระเป๋าของนาคินยังอยู่
“เอ พี่กรีนครับ โต๊ะนี้…”
“อ้อ ไอ้สายป่านมันบอกไว้ว่าไปส่งน้องนาคินซื้อปากกาน่ะ ตรงมุมซ้ายฝั่งโน้นของถนนเอง”
พี่กรีนยิ้มอารมณ์ดี ตอบเจื้อยแจ้ว เขาเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะกลับมาที่โต๊ะเดิมอีกรอบ
ตัดสินใจเขียนบางสิ่งลงไป…
กูไปก่อนนะ ขอโทษที่อยู่ผิดที่ ผิดเวลา
เดี๋ยวนะ… นี่เขาเขียนอะไรลงไปตามอารมณ์กันเนี่ย
เขาขยำมันทิ้ง แล้วขว้างลงในถังขยะเล็กๆข้างโต๊ะ
แล้วเขียนใหม่ ด้วยประโยคสั้นๆ…
กลับก่อนนะ มีนัด
เหลือเวลาอยู่ อีกไม่นานแล้วใช่ไหม
เหลือเวลาอยู่ เคียงข้างกันสั้นลงทุกที
เฝ้าดูความรักเริ่มจางหาย สุดมือจะคว้าคืนมาอย่างเดิม
ไม่เห็นจะมีทางไหนจะได้หวัง เหลือเพียงไม่นาน*
เสียงเพลงตอนเขาเดินออกจากร้านมันได้อารมณ์จริงๆ เฮ้อ แม้แต่บทเพลงก็ยังเป็นใจขนาดนี้เลยเหรอคนเรา
“มามี่ ไม่เป็นไรนะมึง โอ๋ๆ”
ก่อนจะไปหาโฟร์เขากลับถูกแก๊งนางฟ้าเรียกตัวมาพบปะ เนื่องจากมามี่ร้องไห้ฟูมฟายและยืนยันว่าต้องกอดมดมดของเธอเท่านั้น
มา กอดดดดด
ลวนลามทู้กวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการจริงๆ
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
เขาถามเพราะมามี่เอาแต่ร้องไห้ ร้องไห้ แล้วก็ร้องไห้ ไม่หยุด
“ก็อิมามี่น่ะสิ…”
“อย่า อย่าพูดน้า”
มามี่สะอึกสะอื้นห้ามลลิตาไม่ให้พูดออกมา เขาขมวดคิ้วเป็นปม
“ยังไงมึงก็ปิดบังมดไม่ได้”
“นั่นสิ บอกความจริงเถอะมามี่” วินดี้คะยั้นคะยอด้วยอีกคน
เดี๋ยว ความจริงอะไรกัน
เกิดเรื่องขึ้นกับเขาเหรอ
หรือว่าพวกเจ๊ๆหลุดปากบอกความลับเรื่องที่เขาแอบชอบไอ้สายป่านมานานออกไป
ไม่นะ…
!!!
หมับ!
“มด ฟังเจ๊นะ”
ไม่นะ
“ฮือออออออ”
เขาขอร้องกับมามี่ด้วยได้มั้ย ไม่เอานะ อย่าบอกว่าเป็นเรื่องจริง
“คือ…”
ไอ้สายป่านมันรู้แล้วใช่มั้ย
ไม่
ไม่
ม่ายยยยยย
“คือเจ๊สมัครกลุ่มไลน์คลิปผู้ชายโชว์ของ แล้วโดนหลอกอ่า”
!!!
“ฮือออออออ มันบอกเสียค่าสมัครครั้งเดียวตลอดชีพ อิเหี้ย มาลงแค่คลิปเดียว แถมไม่เห็นเหี้ยอะไรเลยนอกจากเปลือยอก แล้วบอก โทรศัพท์พังต้องตั้งกลุ่มใหม่ คือ ประเด็นคือ คนสมัครไม่ได้โง่นะ เข้ากลุ่มใหม่สมาชิกเดิมลดให้ ควาย พูดแล้วแค้น มึงหลอกกะเทยอย่างกูไม่ได้หรอก อิตอแหล”
เอ่อ…
เขาก็ไม่มีอะไรจะพูดเหมือนกัน
นอกจากค่อยๆแกะมือเจ๊มามี่ออก
อิเจ๊…
มึงน่ากลัวมากกกกกกกก
“มด”
ไอ้…
สายป่าน
มันตามเขามาที่โรงอาหารคณะ
ไม่รู้ทำไม เขาต้องเบือนหน้าหนีมันด้วย
“กูเอาของมาคืนมึง”
มันเดินเข้ามาใกล้แล้วยื่นกระเป๋าตังค์ที่คุ้นเคยเพราะมันคือของเขาเองมาตรงหน้า
“ขอบคุณ”
พูดได้แค่นี้จริงๆ
เหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ
“ขอถอยไปตั้งหลักก่อนนะ ไปพวกมึง มด เจ๊ๆไปแล้วน้า”
เฮ้ย เดี๋ยวสิเจ๊!
อย่าทิ้งเขาไว้กับมัน
แต่ไม่ทันแล้ว พวกเจ๊ๆจากไปตลอดกาล…
“มึงหลบหน้ากู…”
“…”
“ตั้งแต่วันงานนิทรรศการ มึงแม่ง เป็นอะไรวะมด”
เข้าเรื่องเลยเหรอ
เร็วไปไหมวะ
“กูไม่ได้หลบ”
“อย่าเถียง”
“…”
“ห้าวันที่แล้วมึงเลี่ยงเส้นทางไปตึกสี่ แต่ไปออกตึกสาม เพราะมึงไม่อยากเจอกู”
“…”
“สองวันที่แล้วมึงมีเรียนวิชาตัวร้อย แต่มึงไม่กินข้าวที่คณะ เพราะกลัวเจอกู”
“…”
“แล้ววันนี้ ตอนกูทักมึง มึงเดินหนี”
“…”
“แล้วเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน มึงปล่อยกูอยู่ร้านน้ำปั่นคนเดียว แล้วให้เหตุผลว่าขอกลับก่อน”
เขากำลังอึ้ง…
สีหน้าไอ้สายป่านดูจริงจัง ไม่มีเค้าโครงของคนขี้เล่น หรือพวกชอบกวนประสาทเหลืออยู่อีกแล้ว
นี่เขา มีอิทธิพลกับมันขนาดนี้เลยเหรอ
“แม่ง อย่าเงียบดิ กูใจเสียนะเว้ย”
“…”
“เป็นอะไรก็บอกมา”
“ขอโทษ”
“ฮะ”
“ขอโทษนะ จะไม่ทำอีกแล้ว”
ขอโทษนะ ที่เขาบอกได้แค่คำว่าขอโทษ
เขาไม่สามารถบอกเหตุผลที่แท้จริงได้หรอก
ก็เขาคือมด
มดตัวเล็กๆที่แสนขลาดกลัว
“ไม่ยกโทษให้”
“อะไรนะ”
“จนกว่าจะยอมถ่ายเซลฟี่กับกูหนึ่งรูปเป็นหลักฐานว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก”
เอางี้เลย แบบนี้ก็ได้เหรอวะ
แต่เขาก็ไม่ทันตั้งตัว และมันก็ไม่ได้ถ่ายเซลฟี่ตามปากบอก
มันเปิดกล้องแล้วถ่ายหน้าเหวอๆของเขาไปแล้ว
ไอ้เหี้ย…
ไอ้คนกวนตีนเอ๊ย
วันนั้นเขาอมยิ้มกับสเตตัสของใครบางคนบนไทม์ไลน์ของมัน…
ถ้าใครบางคนกำลังคิดว่า อยู่ผิดที่ ผิดเวลา งั้นลองพกนาฬิกาไว้ดู เปิดกูเกิ้ลแมพไว้เป็นตัวช่วย … แล้วกัน
เขาไม่ได้หมายถึงผิดแบบนั้นซะหน่อย
ไอ้บ้าเอ๊ย
T B C
ฮื่อออออ ทำไมสายป่านเป็นคนน่ารักแบบเน้
ขอมาจากมดได้มั้ยวะ
เจอกันพรุ่งนี้ค่า ขอบคุณทุกๆการสนับสนุน
*จุดเริ่มต้นของจุดจบ - ดา เอ็นโดรฟิน
ก้าวที่สิบ
สมบัติมอตัวจริง
โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...
วันนี้งานมีตติ้งมีสายป่านเดือนปีสองผัวเราด้วยนะคะ ใครที่จะส่งของให้น้อง ฝากมาที่แอดมินเพจได้เลยค่ะ
ไอ้สายป่านเป็นคนดัง…
เขาไม่แปลกใจเลยที่จะมีเพจที่ชื่นชอบมันขนาดนี้ผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด
แต่มีเพียงเพจนี้เพจเดียว ที่คงต้องเรียกว่า ได้รับการยอมรับแบบ… ออฟฟิเชียลหรือเป็นทางการ
เพจ… ใครใครก็เป็นเมียสายป่านได้
!!!
แล้วเขาก็เป็นหนึ่งในคนกดไลค์เสียด้วยสิ
ยอมรับก็ได้ ว่าเพจในเฟซบุ๊กอีกยี่สิบเพจที่เขาติดตาม ทั้งหมดเป็นเพจที่เกี่ยวกับไอ้สายป่านทั้งนั้น ยังไม่รวมกลุ่มลับอีกนะ
ไงล่ะ แฟนคลับตัวยง โคตรแฟนคลับ โปรดอย่าเรียกเขาว่าติ่งเลย
แอดคะ แล้วของจะถึงมือพี่เค้ามั้ย
คอมเม้นแรกจงใจใช้ภาษาพูดแทนภาษาเขียนตามเทรนด์ฮิตในตอนนี้ ฮืออออออ ไอ้สายป่านคือพี่เค้าจริงๆนะ เดี๋ยวๆ นี่เขาสาวแตกไปแล้วเหรอเนี่ย ไม่นะ ความสายป่าน 291 นี้ ม่ายยยยยย
รับรอง เพราะเรามีคนส่งของเป็นคนในค่ะ ใครนั้น ไม่บอก เขาขอปิดเงียบไว้เด้อ
เขาขมวดคิ้ว ติดตามเพจนี้มาก็นาน เพิ่งรู้ว่าแอดมินเพจมีเส้นสายอยู่ในคณะเขา แถมถึงขั้นเรียกว่าคนวงใน ไม่ต้องการันตีความสนิทสนมกับไอ้สายป่านนะ บอกเลยว่า…มากกกกกกกกก
แต่ เป็นใครกันล่ะ
“อิมามี่ เย็นนี้ก่อนเข้างานมีตติ้งดาวเดือน แวะรับของที่อิแอดมินเพจเห็ดอลิซสะบี๋ส่งมาให้ด้วยนะคะ ของแฟนคลับสายป่านทั้งนั้น”
แหม คงไม่ต้องไปตามหาใครคนนั้นแล้วมั้ง เพราะเธอก็นั่งอยู่ตรงข้ามเขานี่เองที่โรงหารคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
นามนั้นคือ… เหล่านางฟ้าสถาปัตย์!!!
แต่ไม่ใช่แค่เพจนี้เพจเดียวเท่านั้นนะ ที่โพสต์สเตตัสเกี่ยวกับงานวันเกิดของสายป่าน ยังมีเพจต่างๆที่อาสาเป็นคนกลางหิ้วของ เรียกได้ว่า วันเกิดผู้ชาย สู้ตายทำงานอย่างเป็นระบบ ไม่เว้นวันหยุดราชการ
งานคณะ งานมหา’ลัย ถ้ามีความตั้งใจสักครึ่งแบบนี้ได้ก็ดีน่ะสิ!
อย่างเช่นเพจ…
เมียหลวงของสายป่าน
เป็นต้น…
รับฝากของค่า รับฝากของ ใครฝากของงานมีตติ้งให้น้องสายป่านในเพจเรา มีสิทธิ์ได้ลุ้นรูปของของตัวเองลงในสตอรี่ไอจีของน้องนะคะ รับรอง เก็บไปฟินยันจบมหา’ลัยค่ะ
เนี่ย ก็มันมีสิทธิพิเศษกันอย่างนี้ ล่อตาล่อใจเหลือเหล่าแม่ยกเหลือเกิน
ฮื่อออออออออ
กรี๊ดดดด จริงเหรอคะแอด อย่าโกหกเราน้า
วี๊ดๆๆๆ ในที่สุดเราก็มีโอกาสได้เข้าไปอยู่ในสตอรี่ของพี่เค้า แม้จะเป็นแค่ของที่ฝากไปให้ #เม้นกูไม่มีสติแล้ว555
รับฝากที่ไหนอ่ะคะ จะกลับหอแล่ววววว
หน้าคณะสถาปัตย์เลยจ้า ตรงม้าหินอ่อนใต้ตึกห้านะจ๊ะเด็กๆ
ไปให้ว่องค่ะ
รับทราบ
ปอลอ มาเวลานี้อาจได้เจออาหารตามากมาย
“อิดอก อิกะเทยชั้นต่ำฝั่งลูกคุณหนู มันมาเหยียบถิ่นเราว่ะแม่”
เขาสะดุ้งโหยงเมื่อเจ๊มามี่ทุบโต๊ะดังปั้ง แล้วพูดด้วยเสียงมีน้ำโห
“หือ อิแอดมินเพจเมียหลวงของสายป่านนั่นอ่ะนะ มโน อิดอก ผมสักเส้นก็ยังไม่เคยแตะเถอะ กูได้จับขนหมอยสายป่านแล้วยังไม่คุยเลย” วินดี้ยืดอกภูมิใจ
“กรี๊ดดดดดด” ลลิตากรีดร้อง
“กรี๊ดอีกแม่ กรี๊ดมัน” วินดี้บอก
“เปล่า กูกรี๊ดมึง รับไม่ได้ อับอายกะเทยสกปรก พูดออกมาได้ ขนอุยก็พอย่ะ”
“ย่ะ แม่คนสุภาพเรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้ แต่สมัครคลิปไลน์ผู้ชายแก้ผ้ายี่สิบกว่ากลุ่ม”
วินดี้แซะกลับ
“มึงเอาความจริงมาพูดทำไม อินี่”
“พอที มึงมาหารือกับกูซิ ว่างานนี้จะเอายังไง” มามี่เรียกทุกคนมาสุมหัว รวมทั้งเขาด้วยที่เข้ามาแบบงงๆ
“เอายังไง คืออะไร”
เขาถามเพราะไม่รู้จริงๆครับ
“วินดี้ อธิบายซิ”
“คืองี้นะมด พูดแล้วมันอาจจะยาว…”
แต่เธอก็พูด - -
“เป็นเวลากว่าทศวรรษในมอนี้ที่ชาวเราเผ่ากะเทย ต้องสู้รบปรบมือกันเพื่อห้ำหั่นแบ่งแยกอาณาเขตการล่าผู้ชาย”
ว้าว แค่เริ่มก็น่าตื่นเต้นแล้ว แหม ตื่นเต้นตายล่ะครับ
“ฝั่งกะเทยลูกคุณหนู ก็คือสามคณะที่ครองดินแดนตะวันตก”
โอ้โห ภาษาได้มากวินดี้
“ส่วนเรา สิบเอ็ดคณะเรียกว่าฝั่งตะวันออก แต่ถึงแม้จะมีการแบ่งแยกอาณาเขตกันอย่างชัดเจนตามเส้นขนานของตึกสูงระฟ้าคณะเศรษฐศาสตร์ แต่ว่า…”
แต่ว่า…
“แต่ว่าในทุกๆอีเว้นท์ของดาวเดือน พวกเราจะโคจรมาเจอกัน อาทิ งานมีตติ้งดาวเดือนปีสิบเย็นนี้ ไม่ว่าพวกเราจะยึดตามเส้นขนาน แต่จะมีแค่วันนี้วันเดียว ที่พวกเราสามารถล่าผู้ชายในเขตคนอื่นได้”
มันดูยิ่งใหญ่มาก
“เพราะงั้น เราเลยมีการแข่งขันกันเล็กๆน้อยๆตามประสากะเทยที่ฟินแต่งหญิง”
อย่าบอกว่ามันก็คือ…
“มันก็คือ…”
“…”
“แข่งกันว่าเหล่าเดือนจะโหวตว่าฝั่งไหนแต่งหญิงสวยที่สุดไงล่ะ”
“…”
“เอ๊ะ เดี๋ยวนะ เหมือนมันมีเหตุการณ์คุ้นๆคล้ายๆว่าเคยเกิดขึ้นว่ะ”
วินดี้ครุ่นคิด
เขาจะทำตัวเงียบที่สุดนะทุกคน เอาเป็นว่านี่เป็นเรื่องของเหล่านางฟ้า มันไม่เกี่ยวกับเขา
“จริงสิ!”
“…”
ทุกคนอย่าหันมาทางนี้ ขอร้อง
“ลูกมดของแม่ๆ”
ม่ายยยยยยยยย
“ช่วยเจ๊ๆด้วยน้า”
เขาเกลียดอิเจ๊!!!
“หืมมมมม พอพูดถึงกะเทยตะวันตก กะเทยตะวันตกก็มา มันมาอ่อยผู้ถึงถิ่นเราเลยว่ะแม่”
มามี่และพรรคพวกที่กำลังเดินมุ่งหน้าจะกลับไปยังจัตุรัสตึกสี่ จำต้องชะงัก เมื่อสายตาดันปะทะเข้ากับกะเทยกลุ่มใหญ่ แต่ละคนไม่ถือกระเป๋าแบรนด์เนมก็กำลังก้มหน้าเล่นไอโฟน X นวัตกรรมจากแอปเปิ้ลรุ่นใหม่ล่าสุดที่กำลังเป็นที่กล่าวถึงในขณะนี้ แถมราคาก็เรียกได้ว่าแพงหูฉี่ตามสไตล์คนรวยจริงๆ
กลุ่มคนเหล่านี้นี่แหละ…
แก๊งกะเทยฝั่งตะวันตกจากสามคณะลูกคุณหนู
และเป็นที่แน่ชัดว่า ทั้งสองแก๊งไม่ถูกกันมานานเกือบทศวรรษ จะเห็นได้ว่ามีเรื่องกระทบกระทั่งกันประปราย และสาเหตุมันเนื่องมาจาก การชอบผู้ชายคนเดียวกัน
ไม่สิ!
การมโนชอบผู้ชายคนเดียวกันมากกว่าเถอะ!!!
ความสุขของกะเทยทุกคนคือการได้เรียกผู้ชายแปลกหน้าที่โคตรหล่อว่า…ผัว
หรือมันไม่จริงคะ อย่ามาเถียง
“มาเหยียบถึงถิ่น หึ คงคิดว่ารอบนี้ตัวเองจะชนะ ผู้โหวตล่ะสิ”
ลลิตากอดอกพูด
“มั่น” วินดี้
“หมายถึงมัน” อุมาพรถาม
“หมายถึงเรา”
“อ้าว”
“จำไว้กะเทย ความมั่นหน้ากับเราเป็นของคู่กัน งานนี้เราชนะแน่ๆย่ะ”
วินดี้เชิดหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจ ก่อนทั้งกลุ่มจะเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับแก๊งกะเทยฝั่งตะวันตกแบบจังๆ
“ว้ายยยยย ดูซิใครมาคะแม่ใหญ่”
ใครคนหนึ่งในกลุ่มที่สังเกตเห็นแก๊งนางฟ้าก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สำหรับพวกของมามี่แล้วรู้สึกว่ามันฟังดูน่าหงุดหงิดชะมัด
ยียวน กวนประสาท
“อ้าวววววว”
“…”
“ก็นึกว่าใคร แก๊งนางฟ้าติดดินนั่นเอง”
แหม มีรับมีส่งกันเสียด้วย มามี่กอดอก เชิดหน้าอย่างไม่สนใจคำว่าติดดินที่ถูกเน้นหนัก
“จำได้ว่าปีที่แล้ว ใครมั่นแล้วพลาดวะทุกคน”
วินดี้เอ่ยขึ้นลอยๆ แล้วหันไปถามความคิดเห็นของเพื่อนแบบแกล้งๆ เรียกเสียงกรี๊ดแหลมๆจากบุคคลที่ถูกเรียกว่าแม่ใหญ่
“แม่ใหญ่ใจเย็นๆก่อนค่ะแม่”
โถ ลลิตาแสยะยิ้มมองภาพประจบสอพลอของลูกทีมตรงหน้า
นี่พวกเธอกำลังดูละครเรื่องอะไรกันอยู่หรือเปล่า เอารางวัลออสการ์สาขาตอแหลการแสดงไปเล้ย…
“มึงชูคอได้แค่ปีนี้เท่าแหละ ปีที่แล้วถ้าไม่ติดว่าเดือนเกษตรชอบของแปลกนะ พวกกูชนะไปแล้ว”
แม่ใหญ่ที่พกความมั่นใจมาเป็นล้านสวนกลับแบบเชิดๆ
“เหรอจ๊ะ อิกรีน ไม่สิ อิเขียว”
อุมาพรจีบปากจีบคอ ซึ่งมามี่มองว่าเป็นโหมดพิเศษเฉพาะสำหรับกวนตีนศัตรูให้ดูน่าเตะแบบโคตรน่าเตะ
“กรี๊ด ไม่มีใครกล้าเรียกชื่อนั้นของกูมานานแล้ว”
“แล้วจะทำไม”
คนที่ผ่านไปมาเริ่มอกสั่นขวัญหาย กลัวว่าจะเกิดการทะเลาะวิวาทรุนแรงขึ้นที่นี่
แต่คนพวกนั้นเป็นคนนอก สำหรับแก๊งทั้งสองแล้ว พวกเธอรู้ดีว่าจะไม่มีทางเกินเลยไปถึงเหตุการณ์ตบตีแน่นอน
เป็นกะเทยคนเขาก็ว่าพอแล้ว สู้ไม่ทำตัวแบบกะเทยที่คนนอกเห็นว่าเป็นดีกว่า
นั่นเป็นประโยคที่แก๊งนางฟ้าจำทอดๆและปฏิบัติสืบมารุ่นแล้วรุ่นเล่า
เป็นกะเทย ต้องไม่ใช้กำลัง แต่ใช้สมองค่ะ
“หึ ใครบางคนคิดว่าปีที่แล้วชนะ ปีนี้ก็จะชนะว่ะ”
แม่ใหญ่กรีนกอดอก เบื้องหน้าแสดงออกด้วยท่าทางใจเย็นสุขุม แปลกไปจากเมื่อกี้ที่ร้องกรี๊ดดั่งโดนไฟไหม้ก้น
นั่นทำให้เหล่านางฟ้าเริ่มเสียขวัญ
จิตวิทยานี่มันใช้ได้ดีจริงๆ
“ไว้รอเจอไม้ตายของพวกกูในงานก็แล้วกัน”
“แล้วจะรอดู”
แม้จะพูดไปแบบนั้น แต่ประโยคของแม่ใหญ่กรีน ก็ได้สร้างแรงกดดันต่อเหล่านางฟ้าสถาปัตย์ได้เป็นอย่างดี
“อ๊ะ นั่น สายป่านนนนนนน”
แต่ก่อนที่อะไรจะตึงเครียดไปมากกว่านี้ เดือนคณะสถาปัตย์ที่เหมือนเป็นใบกระดาษสัญญาสงบศึกชั่วคราวก็กำลังเดินมาทางนี้พอดี
พร้อมกับใครบางคน…
“ลูกปิ๊กของแม่”
เปล่า มันไม่ใช่เสียงของมามี่ ลลิตา วินดี้ อุมาพร หรือลิลลี่
แต่เป็นของฝั่งตรงข้ามต่างหากล่ะ!!!
“โอ๊ะโอ พบคนแปรพักตร์หนึ่งอัตรา” ประโยคนี้หมายถึงปิ๊ก เป็นคนของคณะสถาปัตย์แต่ดันไปเข้าพวกกับฝั่งตะวันตก งานนี้ไม่เกิด ก็ดับยับเพราะเหล่านางฟ้ารอซ้ำอยู่แน่ๆ
วินดี้กอดอกแล้วบุ้ยใบ้ไปทางเด็กปีหนึ่งที่เดินตามสายป่านมาติดๆ
“น่ารักเสียด้วยสิ” อุมาพรพูดขึ้น
“แถมยัง…เด็กกว่า” ลิลลี่เสริม
“งานนี้สนุกแน่ๆ”
แม้จะเห็นไม้ตายของคู่แข่งก่อนงานเริ่ม…
แต่นั่นก็อย่าหวัง ว่าจะทำลายความมุ่งมั่นแห่งศักดิ์ศรีของเหล่านางฟ้าสถาปัตย์ลงได้ย่ะ
และที่สำคัญ…
มดลูกแม่ มีคู่แข่งแล้ว
❤
“โฟร์น้า ช่วยเราหน่อย มึงก็ฟินไม่ใช่เหรองานแบบนี้ อาหารตามากมายน่ารับประทานเลยนะ”
{ใครสั่งใครสอนให้มึงพูดแบบนี้ฮะ อิเจ๊นางฟ้าพวกนั้นเหรอ กูจะบ้าตาย}
“ตกลงจะมาช่วยเราแน่นะ”
{ยังไม่รับปากสักหน่อย เฮ้ย มด เดี๋ยว…}
ตู๊ด
เขาชิงวางสายก่อนเพื่อนสาวประเภทสองคนนี้จะได้พูดปฏิเสธ
เขามั่นใจว่าโฟร์ต้องมาแน่ๆ
งานมีตติ้งดาวเดือนมอที่มีผู้ชายหน้าตาดีละลานตาแบบนี้ มันเคยพลาดซะที่ไหน ยิ่งมีสิ่งล่อใจอีกอย่างให้มันคร้านจะรีบบึ่งรถมาไม่ทันเถอะ
ที่แกล้งจะปฏิเสธเนี่ย คบกับมันมาหนึ่งปี เขาพูดได้เลยว่า…
เล่นตัวทั้งน้านนนน
“แม่ใหญ่คะ เวลว่าเรายกไม่ไหวหรอกค่ะ”
ประสาทหูของเขารับรู้เสียงที่ดังอยู่ไม่ไกล ก่อนจะพบ เอ่อ…
เรียกว่าพี่ๆผู้หญิงเทียมแล้วกันแม้จะดูห่างไกลไปมากโขก็เถอะ พวกเธอสองคนกำลังด้อมๆมองๆรถบิ๊กไบค์คันใหญ่ที่จอดแน่นิ่งอยู่ แล้วเขาก็ดันความจำดีว่ามันเป็นของพี่ปืนเสียด้วยสิ
พวกเธอคงไม่ได้คิดจะขโมยหรอกนะ แบบนั้นมันน่ากลัวจริงๆนะ
หมายถึงความคิดเขาเนี่ย…
ด้วยความเป็นพลเมืองดี เพราะดูจากท่าทางลุกลี้ลุกลนบวกกับสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีของทั้งสองแล้ว เขาก็เดินตรงเข้าไปหา
หรืออาจพูดได้ว่า ตรงเข้าไปเสือกนั่นเอง
โอเค นกตัวเองแล้วห้ามนกอีกนะ
“เอ่อ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า”
เนี่ย มดคนดีศรีสถาปัตย์มาแล้วครับทุกคน
“ว้าย แม่ใหญ่คะ พบผู้ชายหน้าตาดีหนึ่งอัตราค่ะแม่”
คนที่ถือประเป๋าถือใบใหญ่ที่เขาพอจะเดาได้ว่าเป็นแบรนด์ดังรีบสะกิดแม่ใหญ่ของเธอให้เงยหน้ามามองเขา
“เวล เราไม่มีเวลามาล่าผู้…”
“…”
“ชายที่หน้าตาดีโคตรๆแบบนี้หรอก”
ไม่รู้ทำไมเธอชะงักไปพักหนึ่ง ก่อนจะเติมต่อท้ายประโยคให้สมบูรณ์ด้วยน้ำเสียงเคลิ้มๆ
“มีอะไรให้ช่วยมั้ย พอดีเราเห็นพวกเธอเหมือนกำลังหาอะไรอยู่”
“กรี๊ดดดดดดดด”
ทันทีที่เขาพูดประโยคจบ คนที่ชื่อเวลก็กรี๊ดเป็นเจ้าเข้า ก่อนจะหันไปเขย่าแขนแม่ใหญ่สองหงึก
“แม่ เขาเรียกเราว่าเธอ งื้อ ผู้ชาย บ้า!”
เอ่อ เขาก็ตกใจนึกว่าพูดอะไรไม่เข้าหูเสียอีกเลยกรี๊ดใส่
“พ่อคุณ หล่อแล้วยังมีน้ำใจกับกะเทยอีก ความจริงแล้วเราไม่ได้กำลังหาของหรอกค่ะ เรากำลังพยายามเอาของออกมาต่างหาก”
เธอหลีกทางให้เขาเข้าไปดู…
“พอดีเราทำเอกสารสำคัญปลิวไปติดที่ล้อรถได้ยังไงไม่ทราบค่ะ แล้วรถนี่ก็หนักเลยเอาออกมาไม่ได้ ครั้นจะยกก็ เอ่อ…”
“…”
เธอกระซิบ
“มันไม่ใช่วิถีของกะเทย เราไม่ใช่กำลังกันค่ะ”
แต่ร่างกายพวกเธอช่างดูขัดกับประโยคข้างบนนัก เอาเถอะ เขาจะเก็บเงียบไว้ในใจไม่พูดออกไปเพราะยังห่วงสวัสดิภาพของตัวเองอยู่
“งั้นเดี๋ยวเราช่วยยกให้”
เขาเข้าไปจัดท่าตัวเอง ให้ยกล้อหลังของบิ๊กไบค์ที่มีกระดาษแผ่นนั้นติดอยู่ ให้ยกขึ้นง่ายๆ จัดองศาแล้วก็…
“อ๊ะ หลุดแล้ว วี๊ดดดด ชอบคุณนะคะ”
แม่ใหญ่กระโดดโลดเต้นดีใจ ก่อนจะเข้ามากอดเขาเป็นการขอบคุณ แต่…
“อิแม่ใหญ่คะ หยุดลวนลามผู้มีพระคุณด้วยค่ะ รับไม่ได้”
เวลยืนกอดอกจิกตามองอยู่ข้างๆ
พอแม่ใหญ่ขยับตัวออกไป
พรึ่บ
เหอะๆ
เขาก็ถูกเวลกอดอย่างไม่ทันตั้งตัว
ชีวิตนี้เขาผ่านมือกะเทยมาเป็นสิบคนแล้ว ขอบคุณมากๆครับ ประชดเว้ย
แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจอะไร บางที นี่อาจเป็นการแสดงความรักและคำขอบคุณจากพวกเธอจริงๆก็เป็นได้ ยกเว้น…
“อิเวล มืออย่าเลื่อนต่ำค่ะ”
“จ้าแม่”
“ว่าแต่ นายชื่ออะไรอ่ะ พวกเราจะได้จำชื่อไว้ นิสัยน่ารักแบบนี้หายากยิ่ง”
“เรามด แล้ว…”
“เราชื่อกรีนจ้า แล้วก็นี่อิวาฬ”
“เวลค่ะแม่ใหญ่ เดี๋ยวเถอะ”
“ค่ะ อิเวล ยังไงก็ขอบคุณมดมากๆน้า งื้อ งานดีแบบนี้ ถ้ามีโอกาสจะปั้นให้ดังเล้ย”
เธอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
“อ๊ะ สายแล้วสิ ต้องรีบไปแต่งหน้าให้ลูกรัก ไว้เจอกันนะคะมด”
“โอเค”
ใครบางคนเคยพูดกับเขาว่า…
กะเทยก็เหมือนพายุฤดูร้อนที่จะผ่านเข้ามา และพัดหายไป
เขาเคยพยายามทำความเข้าใจ แล้วก็พบว่า มันเป็นประโยคสวยหรูที่ผิดถนัดเลยล่ะ
❤
“บีหนึ่งเรียกบีสอง หายใจเข้าลึกๆนะมด อย่าตื่นเต้น”
จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไงกันล่ะโฟร์ ทั้งงานมีผู้คนมากมาย เรียกได้ว่าตอนนี้ห้องกว้างใหญ่บรรจุคนเกือบครึ่งมอที่ให้การต้อนรับงานมีตติ้งดาวเดือนปีสิบอย่างครึกครื้น งานนี้เป็นงานรื่นเริงทั่วไป มีการแสดงความสามารถและเปิดตัวผู้เข้าประกวดดาวเดือนปีหนึ่ง ก่อนที่จะจัดการแข่งขันในเดือนถัดไป
เขากับโฟร์กำลังเหยียบย่างเข้ามายังสถานที่ที่เจิดจรัสเกินไป
‘แค่แต่งหน้าลูกมดของแม่ก็น่ารักขึ้นทันตา มามะ แม่จะละเลงใบหน้าให้สวยเช้งเลย’
นั่นเป็นคำพูดของวินดี้ก่อนที่อะไรต่อมิอะไรที่เรียกว่าเครื่องสำอางจะประโคมเข้ามาเต็มๆ
‘เสร็จแล้ว อ๊ะ อย่าลืมหน้ากากปิดใบหน้านะคะ มามี่เตรียมไว้ให้แล้ว เพราะปีนี้เรามาในตีม เดอะมาสก์ค่ะ’
‘เดอะแมสก์ย่ะ’
‘ค่ะ แม่อเมริกันแอคเซ่น’
‘ค่ะ แม่อังกฤษแอคเซ่น’
แล้วจากนั้นก็เป็นประโยคแขวะกันของเหล่านางฟ้าที่เขาไม่เอามาใส่ในความทรงจำจะดีกว่า
“โฟร์ กูดูดียัง กูไม่เคยมางานแบบนี้เลย”
“มึงเริ่ดแล้วเพื่อนกู”
นั่นเป็นคำปลอบโยนที่เขาไม่รู้สึกดีขึ้นสักนิดเดียว
“ดูนั่น ว่าแล้วว่างานนี้เหล่านางฟ้าสถาปัตย์คงไม่พลาดแน่ๆ จะมีการประชันความสวยของเพศที่สามในงานด้วยใช่มั้ย งื้อ อยากดูแล้ว อยากให้ถอดหน้ากากออกเร็วๆจัง”
“อย่าชะล่าใจไปค่ะ งานนี้เหมือนว่าทางฝั่งตะวันตกก็มีของดีมาโชว์นะคะ”
“อ๊ะ ตรงนั้นเหรอแก”
“ตัวเล็ก รูปร่างทรงผู้หญิงอย่างกูยังอายเว่อร์”
เอ๊ะ นั่นกรีนกับเวลนี่…
“โฟร์ๆ ชุดราตรีนั่นใครอ่ะ”
“ไหนๆ ว้ายยยย มึงไม่รู้จักอิเจ๊กรีนผู้นำสูงสุดของกะเทยฝั่งตะวันตกเหรอคะ”
อะไรนะ!
“ที่ยืนข้างๆนั่นก็อิเวล ส่วนนั่น ไม่แน่ใจ คนที่อิเจ๊กรีนส่งมาประชันมั้ง”
เพราะกรีนกับเวลไม่ได้สมหน้ากากตามตีม จึงตกเป็นจุดสังเกตได้ง่าย ส่วนอีกคนที่ยืนข้างๆแล้วสวมหน้ากากนั่น เขาไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ลางสังหรณ์บอกเขาว่า ความงามภายใต้หน้ากากนั่น มันคืออัญมณีล้ำค่า
“สู้เว้ย”
โฟร์พูดให้กำลังใจอีกรอบ
“สู้ๆ”
เขาเองก็จะสู้…
“มด สายป่านมา”
เจ๊มามี่เดินเข้ามาหาพวกเราพร้อมกับร่างสูงที่ตามหลังมา
ไอ้สายป่าน 291
วันนี้ในชุดสูท แม่งโคตรมีออร่าเดือนคณะที่แท้จริง
“มดพร้อมนะ”
เจ๊วินดี้เข้ามาถามอีกครั้ง แต่ตาเขาไม่ได้สนใจเธอแต่เป็นร่างสูงของมันที่จ้องมองมาอยู่เช่นกัน
“มึงแต่งสูทแล้วแปลกๆนะ”
อึ้ง
“เอ๋”
“อะไรนะ”
“เดี๋ยวนะคะสายป่าน มดแต่งหญิงนะวันนี้ คนซ้าย นี่เพื่อนมด ชื่อโฟร์”
เจ๊มามี่บอก
เขากับโฟร์ลอบมองหน้ากันผ่านหน้ากาก
“นั่นสิ กูมดเว้ย”
โฟร์ที่เจ๊ๆเข้าใจว่าคือเขาพูดแก้ต่าง
“มึงไม่ใช่มด มึงโฟร์ ที่ทักไลน์กู กูจำขนาดมึงไม่ได้ แต่กูจำขนาดไอ้เตี้ยนี่ได้ เตี้ยแบบนี้ มีคนเดียวในมอ”
“ไอ้เหี้ย!”
เฮ้ย สาบานว่าเขาเผลอตามอารมณ์จริงๆ
เขาโพล่งคำว่าไอ้เหี้ยออกไปแล้ว
“มด”
เหล่าเจ๊ๆปิดปากอุทานพร้อมกัน ฮืออออออ ขอโทษษษษษษ
ก็เขาไม่อยากแต่งหญิงนี่นา
“ถอดหน้ากากออกมาคุยเดี๋ยวนี้เลย”
วินดี้พูดเสียงจริงจัง จนเขาต้องยอมทำตาม ฮือ มดขอโทษ แม่ๆลูกมดของโทษ
ก็คนมันไม่อยากแต่งหญิงนี่ ถึงจะชอบไอ้สายป่าน แต่เขาก็ยังอยากมีความแมนในศักดิ์ศรีอยู่บ้างนะเว้ย
“มดขอโทษคร้าบ”
ง้อดูหน่อยแล้วกัน
“ถอด หน้า กาก ออก มา”
วินดี้ไม่เล่นด้วย แถมยังกอดอกใช้ท่าไม้ตายพิฆาตกับเขา ด้วยการจ้องมองมาแบบทิ่มแทงทะลุหน้ากาก
อัก
เสียงกระอักเลือด
เขาจำเป็นต้องถอดหน้ากากออกมา พลางแอบหันไปมองค้อนไอ้คนที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พอใจที่ได้แกล้งเขาอย่างไอ้สายป่านคนเหี้ย
“โฟร์”
“จ้า จ้า ถอดแล้วจ้าแม่”
โฟร์เองก็ยอมถอด
“แล้วทีนี้จะทำยังไง อิโฟร์มันเคยประกวดเวทีอื่นแล้วตอนปีหนึ่ง กฎอีกข้อของเราก็คือ ไม่สามารถส่งคนซ้ำลงประกวดได้”
โฟร์ยักไหล่ พร้อมขมุบขมิบปากบอกเขาที่พออ่านได้ว่า
“กูบอกมึงแล้ว”
“เอาเถอะ งั้นเราคงต้องยอมรับความพ่ายแพ้”
มาถึงตอนนี้แล้วเขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทำให้เหล่านางฟ้าผิดหวังจริงๆ จากตอนแรกไม่ได้คิดอะไร ใช่สิ เขามันไม่คิดอะไร เอาแต่คิดว่าไม่อยากแต่งหญิง
งานนี้มันก็แค่ศักดิ์ศรีของเจ๊ๆไม่เกี่ยวกับเขา
เขาคิดตื้นไปจริงๆ
ความรู้สึกผิดเริ่มเกาะกุมจิตใจเขา แต่…
“นั่นมด มดนี่ มดดดดดดด”
หางตาเขามองเห็นไกลๆว่ากรีนกับเวลที่ยืนอยู่ฝั่งขวากำลังก้าวยาวๆมาทางนี้
เดี๋ยวนะ ทำไมเขารู้สึกสังหรณ์ใจว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่
“เดี๋ยว”
วินดี้เข้ามาขวางไว้ ก่อนที่สองสาว(?)จะเข้ามาประชิดตัวเขาได้
“จะทำอะไรมิทราบ นี่หล่อนคงรู้แล้วสินะว่า มดแต่งหญิงไม่ทัน และเรากำลังจะแพ้ หล่อนจะมาซ้ำเติมใช่มั้ย”
มามี่พูดเสียงเรียบ แต่กรีนกับเวลทำหน้างง
“อะไร ใครแต่งหญิง มดเป็นผู้เข้าประกวดเหรอ”
“ใช่ย่ะ แต่ก็อย่างที่เห็น ถึงจะไม่ได้แต่งหญิง แต่เราก็สู้ กูจะพามดขึ้นประกวด”
เอาจริงดิ!
“เดี๋ยว กูไม่ได้วิ่งมาหาเรื่องพวกมึง”
“…”
“กูวิ่งมาหามด”
เอาแล้ว ความวุ่นวายกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
“อะไรนะ แกจะมาขัดขวางมดเหรอ ขนาดนี้แล้วยังเล่นสกปรกมากันไม่ให้มดขึ้นเวทีอีกเหรอ” อุมาพรมีน้ำโห เข้ามายืนจังก้าท้าทายกรีนกับเวล
“บ้านแกสิ อิดอก นี่มึงดูละครมากไปหรือเป็นบ้ากันแน่วะ”
“แล้วมาทำอะไร”
“มาขอบคุณ”
!!!
“เมื่อเช้ามดช่วยพวกกูเอาเอกสารที่ต้องส่งกองประกวดออกจากล้อรถ ไม่งั้นพวกกูคงไม่ได้เข้างาน เพราะรายชื่อสมาชิกมาไม่ทันถึงมือผู้จัด”
“…”
“มดเข้าประกวดเหรอ”
“เอ่อ…”
“ดี งั้นพวกเรา…”
“…”
“ขอยอมแพ้ ปีนี้พวกเธอชนะ”
“…”
“แม้จะดูเล็กน้อยแต่…”
“…”
“คนน้ำใจงามๆแบบนี้หายากนะรู้มั้ย พวกเธอนี่โชคดีจริงๆ”
มีคนบอกว่ากะเทยเหมือนพายุฤดูร้อน ที่พัดเข้ามาแล้วพัดผ่านไป
กรีนกับเวลก็จะเป็นเช่นนั้น
แต่…
หมับ!
“มด มาคุยเล่นกับพวกเรามั้ย ตรงมุมโน้นแน่ะ กรีนอยากแนะนำให้เพื่อนๆรู้จัก”
มือหนาของกรีนคว้าข้อมือเขาไว้ แล้วเตรียมตัวลากพาไปยังที่ที่เธอบอก ทว่าวินดี้กลับคว้าหมับมืออีกข้างของเขาที่ยังว่างอยู่
“ไม่ได้ย่ะ มดมดของพวกเรา เป็นของกะเทยตะวันออกย่ะ”
เหล่านางฟ้าพยักหน้า
“จะเอาใช่มั้ย” กรีน
“แย่งได้ก็มาเอา” มามี่
เกิดความชุลมุนวุ่นวายอีกครั้ง เมื่อกรีนพยายามดึงเขาไปอีกข้าง และเหล่านางฟ้าก็พยามดึงไปอีกทางเช่นเดียวกัน
ยื้อกันไปยุดกันมา
อ๊าก
แขนเขาจะขาดแล้ววววว
จนเมื่อประโยคหนึ่งดังแทรกขึ้นมาราวกับสายฟ้าแลบ
“แย่งไปไม่ได้หรอก!”
“…”
“มดเป็นสมบัติของเรา”
!!!
มึงพล่ามอะไรออกมา
ไอ้สายป่าน 291…
T B C
ก็มดน่ารักอ่ะ ใครๆก็อยากได้มดติดตัว
รวมทั้งพระเอกของเราด้วยนะเออ อุ๊บ!
เจอกันพรุ่งนี้ค่า ขอบคุณทุกการสนับสนุน.
ก้าวที่สิบสอง
นางเอกของสายป่าน
โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...
วันนี้ขอนัดนักแสดงมาเจอกันที่ห้อง 4210 คณะศึกษาศาสตร์นะ
มึงลากสายป่านมาด้วย สำคัญมาก จะแนะนำตัวต่างๆ สร้างบรรยากาศ
โอเค
แหมมมมม ทำตัวเหมือนเมียเค้าเว่อ
โอ๊ย อิจฉาตาร้อน
เขาถอนหายใจ…
ไม่รู้ทำไมต้องถูกแซวเรื่องนี้อยู่เรื่อยเลย คราวหลังเขาจะเก็บความลับของตัวเองไว้ให้เงียบที่สุด เหยียบไว้ด้วยเท้าตัวเองนี่แหละ เชื่อใจได้ที่สุดแล้ว
แล้วเป็นไง โต๊ะตึกตึกกันหรือยัง
โฟร์ มันกับกูเป็นแค่เพื่อนกัน
แต่มึงไม่คิดแค่เพื่อน
หรือมันเองก็คิดกับมึงเกินเพื่อน
ไม่รู้ว่าโฟร์เอาที่ไหนมาพูด อาจจะเป็นจากปากของเหล่านางฟ้า ที่ใส่สีตีไข่เขากับไอ้สายป่านซะเละเทะ
เขาน่ะคิดเกินเพื่อนอยู่แล้ว
แต่อีกคนน่ะ เขาไม่รู้เลย
ดีแล้วที่ไม่รู้ กลัวเจ็บน่ะ
ไม่พูดกับมึงละ ไปเรียนแล้ว
จ้า ตามบายเลยจ้า
ขอให้โดนทะลวงประตูในเร็ววัน
เฮ้ออออออ
จะว่าไปแล้วมันก็แค่ข้ออ้างตัดจบบทสนทนาในไลน์แชทแหละ เพราะคาบนี้อาจารย์งดเซค แต่ดันบอกเกือบบ่ายโมง คือช่วงเช้าเขามีเรียนถึงแค่สิบเอ็ด ประเด็นคือนึกว่าวิชานี้เรียน แต่ที่ไหนได้ล่ะ อาจารย์ไม่สอน แถมนั่งรอเก้อ ตอนนี้ก็เลยมาเดินล่องลอยคนเดียวตามประสาคนลงวิชาไม่ตรงกับเพื่อนๆ
“วี๊ดวิ้ว น้องสาว”
เสียงแมลงเม่าที่ไหนดังตอนกลางวันแสกๆวะ
อ่อ ไม่ใช่
กล้าดียังไงมาเรียกเขาว่าน้องสาว เดี๋ยวพ่อจะตบ…
ไอ้สายป่าน… เหรอ
เดินหนีแม่งเลย เพราะมันนั่งอยู่กับเพื่อนที่คอฟฟี่ช็อป
“เฮ้ย แม่งคนอะไรเสียมารยาทขนาดนี้วะ”
มันตะโกนไล่หลังมา เออ กูเดินไปหาแม่งก็ได้วะ
“หน้างอง้ำหรรมตุงมาเลยว่ะ ฮ่าๆ”
ฟวยยยยยยยย
อย่าลืมว่า สายป่าน 291 คือบุคคลที่กวนตีนที่สุดในโลกครับ
“อ้าวมด ไม่มีเรียนเหรอ”
พีทักทายเขา แหม คณะเดียวกัน เพื่อนมันก็เพื่อนเขานี่แหละเอาไรมาก
“อาจารย์งดเซคอ่ะ เลยว่าง”
“…”
เขาเหล่ตามองไอ้สายป่าน จนอะไรไม่รู้ดลใจให้พูดออกมา หรือจะด้วยความหมั่นไส้ในอารมณ์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองสาวๆที่นั่งจิบนั่งชิลกินน้ำปั่นแถวนี้ก็ไม่แน่
“ไม่เหมือนคนบางคน ทำตัวให้ว่าง”
ได้ผลแฮะ มันหันขวับมามองเขาเลยอ่ะ 555
“กูก็งดคร้าบ”
“จ้า”
สกิลกวนตีนเขาก็มีพัฒนาบ้างอะไรบ้าง อยู่ในสังคมแบบนี้ ก็ต้องปรับตัวตามอะเนอะ
“เฮ้ย ครั้งแรกเลยนะ ได้ยินมดกัดกับไอ้หมานี่”
เดี๋ยวนะ ใช้คำว่ากัดก็แปลว่าเขาก็หมาด้วยน่ะสิ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสินะ
“ใช่ ปกตินี่แม่งไม่ใช่จะพูดกัน” กันที่นั่งข้างๆเสริมทัพ
เออ จริงด้วยสิ
นี่เขากลายเป็นคนขี้กวนตีนไปแล้วเหรอเนี่ย ใช่ประเด็นใช่มั้ยทุกคนนนน
“มึงไปง้างปากมันได้ไงวะ” พีหันไปถามเพื่อนมัน หรือก็คือไอ้สายป่านเผื่อมีคนงง เพราะทุกคนเป็นเพื่อนกัน หรือเขางงตัวเองพอเถอะอธิบายแล้วงงๆ
“ธรรมดา”
“…”
“ปากก็ต้องง้างด้วยปากดิครับเพื่อน”
ส้นตีนนนนนน
แต่ทำไมกูเขิน ไอ้เหี้ย ไอ้บ้า ไอ้เวง
เล่นไม่ดูเวลา
“ปากแบบนี้กูไปแล้วนะ” ต่อไปนี้เขาจะไม่ยอมให้มันแกล้งให้เขินฝ่ายเดียวแล้วเว้ย
ไม่ใช่จะสู้กลับนะ เขาจะเดินหนี
ป๊อดมั้ยล่ะมึง
“เดี๋ยวสิ เย็นนี้ก่อนไปห้องนักแสดงมาหาที่สนามบาสนะ ไปด้วยกัน”
“ไม่อ่ะ”
เอาดิ มึงไปเองเลยไป
“งั้นกูก็ไม่ไปอ่ะ”
มันยักคิ้วกวนๆ
“โฟร์ด่ามึงแน่ๆ”
“ก็มาดิคร้าบ”
แต่พอเอากลับมาคิด
เขาว่าเป็นตัวเองมากกว่าที่จะโดนจวกยับหากลากมันไปด้วยไม่ได้
โอ๊ยยยย บอกก็ได้ เขาเต็มใจไปดูมันเล่นบาสเว้ย
ฮื่ออออ เขิน ชวนขนาดนี้…
กูไม่ไปก็โง่แล้วครับ
“มึงงงงง เย็นนี้ไปดูสายป่านแข่งบาสกัน” มามี่เดินเข้ามาที่โต๊ะพร้อมกับน้ำปั่นที่ไม่บอกก็รู้ว่าซื้อจากที่ไหน แหม ก็โลโก้น้ำปั่นกรีนติดขนาดนี้ แต่บอกเลยว่าเป็นร้านดังสุดในย่านนี้แล้วนะเว้ย ขอค่าพื้นที่โฆษณาในนิยายของมิวเอสเอ็นด้วยนะพี่กรีน
ช่วงนี้เหมือนชีวิตเขาผูกติดกับแก๊งนางฟ้า อาจจะเพราะว่าจิ๊บกับฟ้าเริ่มหางานทำแล้ว และมันกำลังอยู่ในช่วงทดลองงาน ส่วนมายด์ก็ติดแฟนหนึบยิ่งกว่าอะไรดี อย่าถามถึงเวลาที่มีให้มดของทุกคน มันช่างเจียดมาไม่ได้เลยสักนิดเดียว โหย เสียใจตายเลย
“หืม ยังไง” ลลิตาขมวดคิ้วมุ่น
“เห็นว่าเป็นนัดเล่นๆ แบบแข่งกันระหว่างเพื่อน แต่คนไปเยอะอยู่ เพราะมันรวมผู้หน้าตาดี”
อ่อ เหตุผลนี้เองสินะที่อยากไปอ่ะ ไม่ได้อยากดูเขาเล่นบาสนะ อยากดู…
“เวลาผู้ชายใส่กางเกงบอลเล่นบาสแล้วมัน โอ๊ย ใจแม่บ่ดี”
นั่นไง ลากเข้าเรื่องใต้สะดือทุกทีเลยวินดี้
“เอ๊ แต่ทำไมสายป่านถึงไม่บอกไม่ชวนคนแถวนี้น้า”
อะไร มองมาที่เขาทำไมกัน
“ก็แค่เพื่อนอ่ะเนอะ”
โอ๊ย คำนี้มันเจ็บจี๊ด
จนเขาเผลอ
“ชวนแล้วตอนกลางวัน อุ๊บ”
เอ้ยยยยยยย นี่เขาพูดบ้าอะไรออกไปเนี่ย
ต้องเป็นเพราะน้ำเสียงยียวนกวนประสาทของวินดี้แน่ๆที่ทำให้เขาอยากเอาชนะ โดยการโพล่งออกไปว่าเขารู้มาก่อนแล้ว จุดประสงค์เขามีแค่นั้นจริงๆนะ แต่เขาลืมนึกไปเลยว่า…
“หืมมมม มีคนขี้อวดว่ะ” มามี่
“เป็นแฟนกันก่อนค่อยมาอวดนะหนู” ลลิตา
“อิจฉาตาร้อน” ลิลลี่
“มันยังไงคะ” อุมาพร
และปิดท้ายด้วย “ออกตัวแรงงงง” วินดี้
เขาไม่ได้มีความหมายอะไรแฝงเลยนะ แค่อยากเอาชนะวินดี้ด้วยการบอกว่ารู้ก่อนเมื่อตอนกลางวันเท่านั้นเอง ไหงเป็นแบบนี้ไปได้ โอ๊ย ความอยากเอาชนะทำร้ายตัวเองเลย
“เอ๊ะ มึงๆ แอดมินเพจใครๆก็เป็นเมียสายป่านได้พึ่งส่งเสื้อที่สั่งมาพอดี” วินดี้โพล่งขึ้นมา
“อ่อ เสื้อจากเพจอิอลิซสะบี๋น่ะเหรอ” มามี่ทวนตาม
“ก็นี่ไงพวกมึง กูหาคนใส่เป็นแบบได้แล้วเว้ย”
เดี๋ยวนะ ทำไมหลังจบประโยคทุกคนถึงหันมามองที่เขาเป็นตาเดียว แหม พร้อมเหลือเกินนะ พร้อมทำลายน้องเล็กในกลุ่มได้ลงคอจริงๆ
“ไม่!” เขาปฏิเสธเสียงแข็ง
“น้า มด น้า”
เหล่านางฟ้าออดอ้อน เขาทนได้ไม่นานหรอก สุดท้ายความใจอ่อนก็ทำให้ยอมตกลง
“นี่เลย”
วินดี้หยิบเสื้อขึ้นมา เป็นเสื้อสีขาว ที่มีตัวหนังสือสีดำเขียนด้วยฟ้อนน่ารักๆว่า…
ไม่เพลีย ไม่ใช่เมียสายป่าน
พร้อมแฮชแท็กว่า…
#เมียสายป่าน
“ถ่ายเลยมั้ย”
ยังไงก็ไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้แล้ว เขาจะได้ไปใส่เสื้อแล้วก็ถ่ายให้เสร็จๆ
“โนๆ จ่ะ หนูมด” วินดี้โบกนิ้วชี้ไปมาน่าหมั่นไส้
“เรื่องมีอยู่ว่า…”
“…”
“เราจะไปถ่ายกันในสนามบาสวันนี้ พร้อมกับเชียร์สายป่าน”
ไม่… เอา
เขากำลังจะอ้าปากยกเลิกแต่มามี่ยกนิ้วขึ้นมาจุ๊ปาก แล้วว่า…
“คุณหมดสิทธิข้ามคำสั่งแล้ว”
แบบนี้ก็ได้เหรอ…
“คนเยอะเหมือนกันนะเนี่ย ไม่นึกว่าจะมาเยอะขนาดนี้อ่ะ นี่แข่งบาสชิลๆหรือกีฬามหา’ลัยวะ”
มามี่บ่นไป ก็พาเราเดินหาช่องว่างเข้าแทรกเกาะลูกกรง ดูเอาเถอะ ขนาดแขกวีไอพีที่วินดี้ภูมิใจนักหนาว่าตัวเองเป็นอยู่ ซึ่งก้ได้รับการเบะปากจากเหล่านางฟ้าอีกสี่คน วีไอพีตำแหน่งหมาหัวเน่าล่ะสิ ไหนบอกว่าไอ้สายป่านแม่งจะจัดที่ให้ไง
ดูสภาพ เกาะลูกกรงอยู่ข้างนอกสนุกจัง
“รู้งี้ทาครีมกันแดดมาก็ดี เย็นแล้วยังมีแสงอยู่เลยอิดอก”
ลลิตาที่เอามือป้องแดดหันมาบ่นกับมามี่
เขามองรอบๆ คนโคตรเยอะจริงๆนะ มองจากในสนามแล้วพวกเขาคงเป็นจุดๆหนึ่งในผู้คนมากมายอ่ะ แต่ก็นั่นแหละ อย่างไอ้สายป่านเหรอจะมาสนใจมองเขา คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปแล้ว
กรี๊ดดดดดดดดดดด
ไม่ทันได้ตั้งตัวเสียงกรี๊ดก็ดังระงม
สาเหตุอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ก็คนในสนามนี่แหละ
หึ ขยันอ่อยแฟนคลับจริงๆ แม่ง ไอ้สายป่าน 291 ถอดเสื้อออกพาดบ่าหลังจากชูทลูกบาสลงห่วงเป็นคะแนนแรกของการแข่งขันครั้งนี้
มันหมุนตัวไปรอบๆเหมือนกำลังมองหาใครสักคน
ไม่รู้สิ แต่คงเป็นใครสักคนที่ไม่ใช่เขาอ่ะ
“สายป่านนนนนน ทางนี้”
นั่นไง เขาเรียกกันแล้ว
ก็บ้าแล้วครับ เป็นอิเจ๊มามี่ที่ส่งเสียงตะโกนสิบแปดล้านเดซิเบลแล้วโบกไม้โบกมือหยอยๆเรียกสายป่านอยู่ต่างหาก
มันเดินมาทางนี้แล้ว…
เขาเบี่ยงตัวเองไปยืนหลบมุมอยู่ข้างหลังวินดี้ ไม่รู้ทำไมตอนใส่เดินมาสนามยังไม่อายเท่าตอนนี้มันกำลังจะเห็นเสื้อที่เขาใส่อ่ะ
คนอื่นเห็นกับไอ้สายป่านเห็น มันความรู้สึกคนละเรื่องกันเลยนะ
“มด นี่ไงนายแบบที่เราจะถ่ายด้วย”
“…”
“ถ่ายคู่กับสายป่าน โปรโมตเสื้อลงในเพจใครๆก็เป็นเมียส่ายป่านได้อ่ะ”
วินดี้บอก
ไม่เอาแล้วได้มั้ย
ตอนนี้ทำยังไงก็ได้ให้มันไม่เห็นเขาจะดีที่สุด ทำตัวลีบเหลือสองนิ้วดีมั้ย
“ขอบคุณที่มาเชียร์นะครับ”
“ไม่เป็นไรจ้า เต็มใจเสมอ ไม่ชวนก็มาเชียร์จ้า” มามี่ยิ้มแก้มปริ
“อิแอดอลิซสะบี๋ฝากความคิดถึง บอกว่าวันนี้พลาดนางมีเมคอัพวิชาการเมืองการปกครอง เลยไม่ได้มาตามเก็บรูปสายป่านลงเพจ”
“พลาดแล้วพลาดเลยครับ อิอิ”
“งื้อ ห้ามยิ้มแบบนี้ใจละลาย” ลลิตาจะเป็นลม
“แหม ที่มึงใจละลายเพราะมึงเอาแต่ก้มมองหน้าท้องสายป่านล่ะสิ อิดอก” วินดี้
“มึงรู้ได้ไง” ลลิตาสงสัย
“รู้สิ เพราะกูก็กำลังใจละลาย”
ไอ้สายป่านเกาหัวแก้เขิน เขาขำในใจกับท่าทางจะเอาเสื้อลงมาปิดก็ไม่ทันแล้วของมัน ไงล่ะ เจอคนกล้าแซวคนชอบโชว์ยังต้องยอมแพ้อ่ะ
“แล้วคุณคนนั้นจะยืนหลบข้างหลังอีกนานมั้ยครับ”
มันเล่นเขาแล้ว ไม่น่าไปแอบขำมันในใจเลยเรา
“อะ อะไรวะ”
พรึบ!
มันโยนเสื้อที่ถอดข้ามกรงเหล็ก มาตกแหมะที่หัวเขาพอดี
เหม็นเหงื่อ!
ก็บ้าแล้ว… เขาไม่ได้โรคจิตนะ แต่กลิ่นมันแม่ง ขนาดผสมเหงื่อยังหอมอ่ะ โอ๊ย ไม่เอาไม่ดมแล้ว
“มาช้า”
อ้าว มึงรอกูอยู่เหรอ
“ขอโทษ”
แล้วเขาพูดอะไรออกไป เขาจะหงอยทำไมงงตัวเอง เจอกลิ่นไอ้สายป่านนี่ถึงกับเบลอไปเลยเหรอมด ตั้งสติเว้ย
“แล้ว แล้ว เอาเสื้อมาให้ทำไม”
โอ๊ย อยากตบปากตัวเองหยุดพูดตะกุกตะกักได้แล้ว
“เป็นเมียก็ฝากดูของหน่อย”
อะ อะ อะ
โอ้ บะบะ
กูพูดไม่เป็นภาษาแล้วครับ
มึงพูดอะไรออกมา ไอ้ ไอ้ ไอ้ โว้ยยยยย
ตึกตัก ตึกตัก
โอ๊ย ใจเขาบางหมดแล้ว งื้อ
เขาใส่เสื้อเมียสายป่าน
เขาเป็นเมียสายป่าน
ไม่เพลีย ไม่ใช่เมียสายป่าน
ทำไมเขารู้สึกอ่อนเพลีย
หรือเขาจะอยากเป็นเมียมันจริงๆ
ผิด
ที่จริงเขาโคตรอยากเป็นเมียมันจริงๆต่างหาก
“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เขาเดินไปสนามแล้วจ้า” ลิลลี่
“ใส่เสื้อเมียยังไงให้ได้เป็นเมีย” มามี่
“มีคนอยากอ่อนเพลียว่ะ” วินดี้
“มีคนใจบางด้วย” ลลิตา
“ผิด มีคนอยากเป็นเมีย” อุมาพร
เฮ้ย
ตรงไปเว้ย…
การแข่งขันจบลง แน่นอนว่ามันก็ไม่ได้อะไรกับคะแนนมากมาย เป็นการแข่งชิลๆเล่นชิลๆตามประสาเพื่อน ที่มีคนมาดูเยอะที่สุดแล้วในอีเว้นท์มหา’ลัยแห่งนี้ คือถามว่าช่วงกีฬาเฟรชชี่ที่แยกแข่งตามประเภทของกีฬาอ่ะ แต่ละสนามคนมันก็กระจัดกระจายกันไป มันเยอะมั้ย ก็เยอะนะ แต่การเล่นบาสของไอ้สายป่านแค่บาสอ่ะสามารถดึงดูดคนได้มากมายขนาดนี้ คิดดูว่าความหล่อของมัน(รวทั้งเพื่อนๆมัน)ทรงอิทธิพลแค่ไหน
ไม่ใช่สายป่าน 291 คนไม่มาดูหรอกนะ…
พูดจริงๆ
“ขอเสื้อคืน”
มันเดินมาหาเขาที่ยืนรอตรงขอบสนาม ที่พวกเราได้ย้ายที่มาข้างในจากอยู่นอกกรงเพราะมามี่เดินไปอ่อยผู้ชายเลยนะ เธอได้กล่าวความภาคภูมิใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า
พอกูขออะไร ผู้ชายก็ยอมทำตาม เพราะกูสวย
ซึ่งถามว่าพวกเราเชื่อไม่
ไม่!!!
“โอ๊ย แผ่นอกสายป่าน เห็นทีไร ตัวงอทุกที” ลลิตาเอ่ยชื่นชมเดือนคณะที่พวกเธอปั้นมากับมือ
“ย่ะ น่าเกลียด” มามี่ปราม
เขาคืนเสื้อให้มันเอาไปใส่ เพราะไม่งั้นคงโดนเหล่านางฟ้าแทะโลมจนพรุนไปหมด
“หิวน้ำ”
เขาขมวดคิ้ว
“ก็ไปกินสิ”
“ไม่มี เอาของมึงมาดิ๊”
เขามองขวดน้ำเพียวไลฟ์ในมือ ขวดนี้เหรอ แต่เขากินไปครึ่งขวดแล้วนะ ไม่เป็นไรหรอกมั้ง มันคงไม่ใช้หลอดใช่มั้ย
ตัดสินใจยื่นไปให้
ผิดคาด!
มันกินน้ำของเขาด้วยหลอดดูดที่เสียบคาไว้ก่อนหน้า และเขาก็เคยดูดหลอดนั้นเสียด้วยสิ
“อากาศร้อนเหรอ ทำไมหน้าแดง”
เขารู้ว่ามันไม่ได้เป็นห่วงเป็นใยเรื่องสภาพอากาศที่ส่งผลต่อร่างกายเขาจริงๆหรอก สังเกตจากมุมปากที่ยกยิ้มขึ้นมาปิดไม่มิดนั่น มันโคตรดีใจที่แกล้งให้เขาเขินได้สำเร็จต่างหากล่ะ
“เอาน้ำกูคืนมา”
“น้ำมึงไม่อร่อยเท่าไหร่”
“…”
“ลองกินน้ำกูดูมั้ย”
คือ เขาจะทนไม่ไหวกับคำพูดสองแง่สองง่ามของคนตรงหน้าแล้วนะ
เหี้ยอ่ะ
“คิดไปถึงไหนวะ”
“…”
“เอาไป”
มันโดยเนสเลย์ขวดใหม่มาให้ อ้าว มึงมีแต่แรกทำไมมาถามเอาของคนอื่นไปกินวะ
แล้วมันก็ยึดของเขาไปทั้งแบบนั้น
คือ มึงไม่อยากดื่มขวดใหม่เหรอ งงใจไอ้สายป่าน
“โอ๊ย ลมมรสุมพลอดรักมันแรงจังค่ะแถวนี้คุณมามี่” ลลิตายกมือขึ้นโบกพัด แกล้งหงายหลังให้วินดี้รับ
“นั่นสินะคะ อากาศก็ดูร้อนระอุขึ้นนะคะ สงสัยพายุรักเร่าร้อนรุนแรง” มามี่ก็รับมุกที่ส่งให้เป็นอย่างดี
เอาเถอะ จะว่าอะไรก็ว่ากันมาเลยจ้า
เพราะ…เขินจนเปื่อยแล้ว
“รีบเลย สายแล้วเนี่ยมึง” เขาเร่งให้ไอ้สายป่านรีบเก็บของส่วนตัวลงกระเป๋า สงสารมันเหมือนกันนะ อาบน้ำหลังเล่นบาสเสร็จก็ต้องมาเหงื่อออกเพราะความรีบร้อนนี่แหละ
“มานี่”
มันคว้าหมับที่ข้อมือของเขาแล้วลาก
“ไปก่อนนะครับเจ๊ๆ”
ไม่ลืมโปรยเสน่ห์ก่อนจะไปจริงๆ
“เราจะเดินไปเหรอ”
และเขาก็พบว่าเป็นคำถามที่ไม่น่าถามออกมาเลย เพราะคณะศึกษาศาสตร์กับสนามบาสอยู่ไกลกันราวขั้วโลกเหนือกับใต้
“รถกูดิ วันนี้เป็นตุ๊กตาหน้ารถให้หนึ่งวันนะครับ”
“…”
“คุณมดมด”
ไม่กวน แม่งไม่ใช่มึงจริงๆ
“มดดดดด มาแล้วเหรอ กรี๊ด สายป่านตัวจริง”
โฟร์ทักเขาแต่โผเข้าไปหมายจะกอดสายป่านที่อยู่ข้างๆ แต่สิ่งที่ทำให้เขาอึ้งคือ ไอ้บ้านี่ที่ไม่เคยหยาบคายกับเพศที่สามกลับผลักโฟร์ออกไปจนหน้าหงาย
“อะไรวะ ขอกอดหน่อยไม่ได้ ดังแล้วหวงตัวเหรอวะ”
“ตลกครับ ระวังผัวมึงให้ดีก่อนเถอะ เดี๋ยวมาชกกูอีก”
อะไร ใครผัวใคร ใครจะชกใคร เรื่องมันเป็นยังไงกันเนี่ย
แล้วมัน พูดกูมึงกับโฟร์ที่เป็นเพศที่สามเหรอ มันทำให้เขาอึ้งอีกรอบนะเนี่ย
แต่ที่อึ้งกว่าเหมือนเขาจะโดนใครบางคนต้มเสียจนเปื่อย เรื่องที่ให้ช่วยดึงไอ้สายป่านมาเล่นละครเวทีให้ ไม่สิ เขาโดนต้มจากคนสองคนจนเปื่อยไปหมดเลยต่างหาก
ไม่น่า มันถึงบอกเขาว่าคุยกับโฟร์ในไลน์และตกลงกันไปแล้ว
เฮอะ แล้วที่เขาไปเต้นแร้งเต้นกาสัทนาการ แต่งหญิงให้อับอายความแมนนั่นมันคืออะไรเนี่ย
เจ็บใจที่โดนไอ้สายป่านหลอกจนได้
แล้วยิ่งเจ็บใจกว่าเมื่อพบว่าเพื่อนรักอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แบบร้อยเปอร์เซ็นต์
ไอ้เหี้ยโฟร์
“พึ่งรู้นะเนี่ย ว่าสนิทกันขนาดนี้ ตอนวันงานมีตติ้งยังไม่เห็นพูดคุยกันสักคำ” เขาพูดเสียงเย็น
“เอ่อ ก็ นิดนึง รู้จักกันตอนทำละครไง” โฟร์ยิ้มแห้ง
“ตอนที่จะทำ หรือ ตั้งแต่ก่อนทำละครแล้วครับ ไอ้ตอแหลโฟร์”
เขาอยากจะเข้าไปเตะก้านคอมันสักป๊าบ แต่คิดไปคิดมา กลัวมันตาย
“ขำอะไรวะ”
“ขำคนแต่งหญิงสันทนาการ”
จุกครับนาทีนี้ ศักดิ์ศรีความแมนของเขามันป่นปี้ไปหมดแล้ว
“กูไม่ได้อยากแกล้งมึงนะ ไอ้โฟร์โน่น”
สายป่านยกมือขึ้นสองข้าง หลังจากถูกเขามองค้อน
“ขี้หอยยยยย มึงวางข้อเสนอให้มันเอง”
“กูที่ไหน ก็ถ้ามึงไม่โกหกมดว่ามึงไม่รู้จักกู แล้วให้มันมาตามตื๊อกูไปแสดงละครเวที ข้อเสนอนี้ก็ไม่เกิดว่ะ”
สรุปพวกมึงสองคนสารภาพออกมาเองแล้วสินะ ว่าทั้งหมดคือแผนของพวกมึงน่ะ
“มึงเจียมกะลาหัวตัวเองเอาไว้ กูนี่ ช่วยให้มึงได้รู้จักไอ้มดมากขึ้น อุ๊บ…”
ประโยคท้ายเสียงของโฟร์ดังอู้อี้เนื่องจากถูกสายป่านปิดปากเอาไว้ เขาเลยได้ยินไม่ชัดว่ามันพูดอะไรออกมา
อะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับ การทำความรู้จัก
“เอาเถอะๆ มดอย่าโกรธกูเลยนะมึง ไปๆ ไปรู้จักนักแสดงคนอื่นๆกัน”
โฟร์ลากเขาให้เดินตามมันไป โดยมีไอ้สายป่านปิดท้ายมา
“ขอบอกว่า เซ็ทนี้เซ็ทคุณภาพแบบจุกๆ”
มันเดินไปก็ร่ายสรรพคุณนักแสดงที่มันหามาได้ไป
“หล่อคือหล่อ สวยคือสวย”
“…”
“และแปลกคือแปลกจริงๆ”
พลั่ก
“มดดดดดด”
“มดดดดดด”
พอประตูเปิดคนหลายคนก็ถลามาหาเขาพร้อมกัน
“มึงนี่มีเสน่ห์กับพวกเจ๊ๆเนอะ”
ไอ้สายป่านเปรยขึ้นแล้วเดินผ่านเขาที่กำลังถูกรุมไป ไอ้บ้า กลับมาช่วยเขาก่อนสิเว้ย
ใช่แล้วล่ะ กลุ่มคนที่ถลาเข้ามารุมกอดเขาอยู่ตอนนี้ได้แก่ สมาชิกแก๊งนางฟ้าสถาปัตย์ และบวกด้วยเจ๊กรีน กับเวลนั่นเอง
หายใจไม่ออกเว้ย…
เวลานี้พวกเราอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาแบบล้อมวงมีไอ้โฟร์อยู่ตรงกลาง สมาชิกรายรอบคร่าวๆเพราะบางคนเขาก็ไม่รู้จักก็จะมี แก๊งนางฟ้า กรีน เวล เดือนคณะรัฐศาสตร์ปีเดียวกันกับเขาที่ชื่อวิน มีดาวมุษยศาสตร์ปีเดียวกันชื่อมีน ผู้หญิงอีกสองที่เขาไม่รู้จักรู้แต่ว่าสวยมาก และผู้ชายอีกสามคน ไม่รู้จักเช่นกัน ที่เหลือก็คือเขากับไอ้สายป่าน แล้วก็คนตรงกลางคือโฟร์
“โอเค เรามาเริ่มแนะนำตัวกันเนอะ แล้วจะได้เลือกนางเองคู่กับสายป่าน อย่าเถียงกู มึงไม่มีสิทธิใดๆในการปฏิเสธ”
โฟร์ชี้หน้าสายป่านก่อนที่มันจะพูดว่าไม่
เผด็จการมากๆ
“เอางี้ เนื่องจากไม่มีเวลา แนะนำตัว แล้วก็เสนอชื่อนางเอกเลย เพราะงั้นมีน แล้วก็พี่ๆแนะนำตัวก่อนเลยจ้า”
โฟร์จัดการให้ผู้หญิงทั้งหมดแนะนำตัว
“มีนค่ะ คณะมนุษยศาสตร์ปีหนึ่ง เลือกตัวเองค่ะ”
ออกตัวแรงมาก
“ฝ้ายจ้า อยู่ปีห้าแล้ว คณะศึกษาศาสตร์ เลือกน้องมีนจ้า”
พี่ฝ้ายดูเป็นคนน่ารักๆ เหมาะกับคระที่เรียนมากเลย นักเรียนคนไหนได้เรียนกับครูฝ้ายนะ เขาติ๊ต่างว่าโคตรโชคดีเลย ทั้งสวย แถมยิ้มเป็นมิตรสุดๆ
“มิ้นค่ะ คณะเศรษฐศาสตร์ เลือกฝ้ายค่ะ”
“เชิญผู้ชายแนะนำตัวเลยจ้า ไอจีด้วยก็จะดีนะคะ เปิดวาร์ปซะหน่อย”
“ร่านไม่เลิกจริงๆ อิโฟร์” มามี่แซะ
“แหม แล้วเจ๊เอามั้ย”
“เตรียมจดเลยค่ะ”
จ้า ทั้งเจ๊ทั้งเพื่อนเนาะ ตามสบายเลยจ้า
“ม่อนครับ คณะเกษตรศาสตร์ ปีสอง ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
เดือนเกษตรนั่งลงโดยที่ยังไม่ได้เลือกนางเอก
“เอ่อ ม่อนลืมเลือกนางเอก” โฟร์เตือน
“อ้อ”
เกาหัวแก้เขินไปดิครับ
“เลือกพี่ฝ้ายครับ”
นั่นไง มันจะมีอะไรในก่อไผ่หรือเปล่าครับทุกคน สายตาน้องม่อนคือแพรวพราวมากตอนพูดชื่อพี่ฝ้ายอ่ะ
แล้วทำไมเขาจะต้องมานั่งจับผิดคนอื่นด้วยเนี่ย วิถีคนว่างไง หรือวิถีคนเสือกวะ 555
“สวัสดีครับ น้ำไนน์จากคณะบริหารธุรกิจครับ อยู่ปีหนึ่ง”
“วี๊ด น้องน้ำไนน์” มามี่หลุดกรี๊ดคนแรก
“เลือกพี่ฝ้ายครับ”
วินดี้แอบกระซิบกับเขาด้วยความหมั่นไส้พี่ฝ้ายว่า “ดูเหมือนนางจะเป็นที่ต้องการของตลาดผู้ชาย”
“กันครับ จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ เลือกพี่มิ้นครับ”
“อิมีนคือหน้าจ๋อยเว่อร์ งี้แหละออกตัวแรงแต่แซงไม่ได้” เขากระทุ้งสีข้างลลิตาเป็นการปรามเธอ
ทุกคนผลัดกันแนะนำตัว จนมาถึงไอ้สายป่าน…
“สายป่าน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ครับ”
เขาตั้งใจฟังว่ามันจะเลือกใคร
“ระหว่างมีนกับพี่มิ้นนี่เลือกยากเหมือนกันนะ”
มึงจะควบสองล่ะสิ สันดาน
มันหันมาจ้องหน้าเขา เหมือนรู้ว่ากำลังถูกนินทาก่อนจะยกยิ้มมุมปาก
“คนที่ชื่อเล่นขึ้นต้นด้วยมอม้าเนี่ย”
“…”
“น่ารักทุกคนเลย”
หน้าหม้ออออออ
แต่ทำไม
เขากลับไม่รู้สึกเลยว่ามันกำลังพูดถึงพี่มิ้นหรือว่ามีนอยู่
เพราะภาพฉายที่ปรากฏนัยน์ตาของมันไม่ใช่คนทั้งสอง แต่เป็น…
เขาเอง
TBC...............................................
ห่างหายไปนานเพราะสอบรัดตัวค่ะ วันนี้ปลดปล่อยแล้ว
โนสน โนแคร์ กับเอฟที่ลอยมาค่า 555
ก้าวที่สิบสาม
เหตุเกิดเพราะช็อคโกแลตวาเลนไทน์
โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...
เขายังจำได้ดีตอนที่ตัวเองตัดสินใจสอบเข้ามหา’ลัยนี้
เมื่อก่อนเขาก็เป็นแค่เด็กชายหัวเกรียน ที่ไม่กล้าทำอะไรสักอย่าง พอจะจากบ้านก็กลัวไปหมด มองแต่ปัญหาที่รุมเร้าเข้ามา เขามันก็แค่มด ตามชื่อที่แม่ตั้งให้ เขารู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กเหลือเกินในรั้วอุดมศึกษาแห่งนี้
จนวันหนึ่ง เขาก็ได้พบกับมัน…
มัน ที่ตอกย้ำว่าเขาก็ยังเป็นได้แค่มดตัวเล็กๆเหมือนเดิม
เขาที่แสนขี้ขลาด แอบหลงรักเพื่อนร่วมรุ่นที่เจอกันครั้งแรกเข้าเต็มๆ
แต่เท่านี้ฟ้าคงยังแกล้งเขาไม่พอ เมื่อเพื่อนร่วมรุ่นที่ว่าดันมีแฟนอยู่แล้ว แถมความรักครั้งนี้มันก็คงไม่มีทางได้เกิดขึ้นแน่ๆ ในเมื่อ…
สายป่านน่ะเป็นผู้ชาย
เขาพยายามแล้ว
เขาพยายามห้ามใจตัวเองแล้ว
แต่กฎที่ว่า…
ห้ามแอบชอบเพื่อนร่วมรุ่น
มันคงบังคับเขาไม่ได้จริงๆ
“เตี้ย!”
เขาหันขวับไปมองค้อนคนพูด ใครที่ไหนจะกล้าแซวได้รุนแรงเช่นนี้ถ้าไม่ใช่ไอ้สายป่าน 291
“ยืมยางลบหน่อยดิ๊”
“ไม่ กูไม่ได้ชื่อเตี้ย”
“ใช่ มึงไม่ได้ชื่อเตี้ย แต่มึงตัวเตี้ย”
โอ๊ย
“เอาไป”
สุดท้ายเขาก็เถียงกับมันได้ไม่นานหรอก ยางลบในมือก็ถูกส่งไปให้มัน แต่ตอนที่นิ้วเราได้สัมผัสกันโดยไม่ตั้งใจ กลับมีกระแสไฟแปลบปลาบ แล่นวาบเข้ามาที่ตัวเขา
เขานี่ท่าจะชอบมันเอาจริงๆแบบกู่ไม่กลับแล้วสินะ
จะเลิกก็ไม่ได้ ตัดใจก็ไม่ลง
“เที่ยงนี้ไปกินข้าวด้วยกันเปล่า”
เขาชะงัก
“โรงอาหารคณะมนุษย์”
“…”
“จะไปแอบส่องสาวมนุษย์แจ่มๆ”
ไอ้เหี้ย
“ไปคนเดียวเลยแม่ง”
เขาเพิ่งจะรู้ตัวเองว่าเผลอไปขึ้นเสียงใส่มันก็ตอนที่เห็นดวงตาสายป่านเบิกโพลงด้วยความตกใจ
อยากจะตบปากจริงๆเลยไอ้มดเอ๊ย
มิสิทธิ์อะไรไปตะคอกเขาด้วยอารมณ์โมโหหึงกันวะเรา
“ขอโทษ”
เขาพูดเสียงหงอย บางทีเขาน่าจะระวังคำพูดตัวเองให้มากกว่านี้
มันคงโกรธเขา และคงไม่อยากคุยด้วยแล้ว
หมับ!
“อะ อะไร”
แต่สิ่งที่มันทำกลับทำให้เขาตกตะลึง
เมื่อนิ้วโป้งทั้งสองของไอ้สายป่าน มาแปะโป้งอยู่ที่หว่างคิ้วของเขา เท่ากับว่าตอนนี้ เขากับมันกำลังหันมามองหน้ากันอยู่แบบตรงๆ
“คิ้วผูกเป็นปมหมดแล้ว”
มันว่าเสียงอ่อนโยน แล้วกดนิ้วโป้งลงคลึงระหว่างคิ้ว จนเขาเริ่มผ่อนคลาย
“เครียดอะไรนักหนาวะ”
“เปล่า”
“หรือเพราะกลัวกูโกรธที่มึงตะคอกใส่กู”
เขาพยักหน้ายอมรับ
ป๊อก
“โอ๊ยยยยย”
“คิดอะไรเด็กๆวะ”
เขาคลำหน้าผากตัวเองป้อยๆหลังจากถูกมันดีดเสียแรง
“ขอโทษนะ”
“เปลี่ยนเป็นเลี้ยงข้าวดีไหม”
เขากำลังจะพยักหน้าตอบตกลง แต่!!!
“ไม่เอาดีกว่า เนื่องจากมึงทำให้กูตกใจ ของปลอบขวัญมันต้องมากกว่านี้”
เขาเริ่มเห็นเค้าลางไม่ดีแล้ว คนอย่างไอ้สายป่าน ถ้าไม่ใช่จะหาเรื่องแกล้งก็หาเรื่องยากๆมาให้เขาทำอ่ะ
“อืม”
แต่ครั้งนี้เขายินดีจะทำให้มัน ไม่สิ จะครั้งไหนๆ ถ้ามันขอ เขาก็ยอมตามใจหมดนั่นแหละ
แม้จะแกล้งขัดขืน
แม้จะแกล้งไม่ยอม
แต่ใจลึกๆแล้วเขารู้ตัวดีว่า ดีใจที่ได้ทำให้ตามที่มันขอ
“ใกล้วันวาเลนไทน์แล้ว…”
“…”
“ถ้าอยากให้ยกโทษให้ ก็ทำช็อกโกแลตหัวใจมาขอขมาแล้วกัน”
พูดไม่ผิด…
สิ่งที่มันขอ ก็คือสิ่งที่เขาพยายามหาข้ออ้างจะทำให้มาตลอด
ช็อกโกแลตวาเลนไทน์กับคนที่ชอบ มันเป็นของคู่กัน
“มด มาพอดี”
เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นเย็นๆของห้องกิจกรรมคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ซึ่งนอกจากจะเป็นห้องไว้ใช้ในงานกิจกรรมต่างๆแล้ว ยังเป็นห้องสิงสถิตของเด็กสถาปัตย์ทุกคน
ย้ำว่าทุกคน เพราะแอร์ห้องนี้เย็นมาก
“ทำอะไรกันเนี่ย” เขาถามมามี่
เห็นว่าทุกคนกำลังเขียนอะไรก็ไม่รู้ยุกๆยิกๆลงกระดาษเอสี่
“อ่อ กำลังคิดแผนงานวาเลนไทน์อ่ะ ปีนี้ทางสโมขอให้เราจัดงานนะมด รู้ยัง เราต้องเข้าร่วมบูธใหญ่ของมหา’ลัย เพราะเหมือนว่านายกสโมคณะจะมีผลประโยชน์กับนายกพรรคของมอ”
เขาพยักหน้า ที่จริงก็ไม่ได้เข้าใจอะไรกับเจ๊แกหรอก แต่ต่อให้ฟังไปก็ไม่เข้าใจอยู่ดี สู้เออออห่อหมกให้มันผ่านไปแล้วกัน
“ปีนี้ดูยังไงพรรคนี้ก็ชนะขาดลอย นายกเรานี่ตัดสินใจเลือกฝ่ายได้ดี” ลลิตาเงยหน้าขึ้นมาเม้าบ้าง
“นั่นน่ะสิ แต่เห็นนโยบายแล้วเกรงว่ากิจกรรมจะลดลงน่ะสิ” วินดี้หนักใจ
“ที่คนเลือกก็เพราะไม่อยากทำกิจกรรมนั่นแหละ ส่วนใหญ่เห็นว่ามันไร้สาระ เปลืองเวลาเรียนโดยใช่เหตุ” อุมาพรเสริม
เขาเป็นคนหนึ่งที่ตอนปีหนึ่งเมื่อเข้ามาใหม่ เขาตัดสินกิจกรรมรับน้องของพวกรุ่นพี่ด้วยความอคติ
เขาเลยต้องมานึกเสียใจภายหลังเสียเอง
การทำกิจกรรมน่ะ เราอาจต้องเสียเวลาไปบ้าง แต่จำไว้ว่าผลลัพธ์ที่ได้ย่อมคุ้มค่าเท่ากัน
นั่นเป็นข้อความเดียวที่พี่รหัสของเขาเขียนได้ดีมีสาระมากที่สุดแล้วในสมุดเล่มเล็กๆที่เรียกว่าอาร์คบุ๊ค คำว่าอาร์คย่อมาจาก architecture ซึ่งหมายถึงคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์นั่นเอง เป็นสมุดที่พวกรุ่นพี่สั่งให้พวกเราทั้งรุ่นทำขึ้น เพื่อตระเวนขอมิชชั่น
สิ่งที่แฝงอยู่ในกิจกรรมนี้ก็คือ การที่เขาได้รู้จักรุ่นพี่มากมาย มันเป็นความรู้สึกของเด็กที่ไม่กล้าพูดคนหนึ่ง ที่วันหนึ่งกลับมีผู้คนรู้จักมากมาย
คณะนี้เหมือนบ้านหลังที่สองของเขา
มีทั้งผู้คนคอยซัพพอร์ต และคอยขยับก้าวตามเรามาอย่างเพื่อนร่วมรุ่น
ไม่ว่าทั้งสุขหรือทุกข์ ยามช่วงรับน้องที่แสนสาหัส เพียงแค่ทุกคนยังยิ้มให้กันอยู่ มันก็อบอุ่นหัวใจแล้ว
“แม่ง ทิ้งกูมานี่เฉยเลย”
ไอ้สายป่านทรุดนั่งลงข้างๆ มือหนาผลักหัวเขาทีหนึ่งเป็นการแก้แค้นที่เจ้าตัวบอกว่าเขาทิ้ง อะไรกันล่ะ ก็มึงบอกจะไปต่อแถวซื้อน้ำปั่นเอง เขาร้อน เขามาหลบร้อนเขาผิดอะไรล่ะ
ความจริงเขาแค่หลบออกมาพักให้หัวใจได้เต้นอย่างถูกจังหวะบ้างเท่านั้นเอง
ก็… มันชอบแกล้งให้เขาเขินอยู่เรื่อยเลยน่ะสิ
พูดเองเขินเอง เอาดิมดเอ๊ย
“ผลักหัวกูทำไม ค่ารังแกห้าบาท”
“ตลกละครับ”
เขาแบมือตรงหน้ามันก่อนจะมันจะยิ้มขำแล้วปัดมือเขาออกไปห่างๆ
อะไรวะ ปัดความรับผิดชอบชะมัด
“ทั้งสองคนดูสนิทกันขึ้นเนอะ”
เรามัวแต่เล่นกันและจมอยู่กับอาณาเขตของตัวเองจนไม่ได้สนใจดวงตาห้าคู่ที่กำลังมองมาทางนี้อย่างมีเลศนัย
“ก็ปกตินี่เจ๊” เขาไหวตัวทันไม่ยอมเป็นเหยื่ออิเจ๊อีกแน่ๆ
“ใช่มั้ย มึง”
เขากระทุ้งสีข้างไอ้สายป่านให้มันตอบ
“แล้วแต่เจ๊จะคิดแล้วกัน”
แต่ไอ้เหี้ยนี่แม่งยิ้มโชว์ฟันขาว แล้วพูดสองแง่สองง่ามเฉย
“งั้นเจ๊คิดตามเจ๊เห็นนะ” มามี่
“แล้วเจ๊เห็นว่าอะไรล่ะ” สายป่าน
“พอแล้ว เอากระดาษไปตัดรูปหัวใจเลย” เขาโยนกระดาษที่วาดรูปหัวใจไว้ จำได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของงานนิทรรศการที่กำลังจะถึงนี้ ใครสักคนเอามาทิ้งไว้แล้วไม่มีคนตัด เพราะกรรไกรเพิ่งซื้อมาวันนี้
โดยมดมดเอง แม่งไม่ซื้อก็ไม่มีใครซื้อมา
“มีคนกลบเกลื่อนว่ะ”
มามี่พูดขึ้นลอยๆแต่คนร้อนตัวแบบเขาก็พยายามหาเรื่องแก้ตัว
“งานจะไม่เสร็จ”
“นิทรรศการอีกสองเดือน”
เหรออออออ
ลืมไปเลยแฮะ โอ๊ยยยยย โอเค พลาดเองแหละ
หลังจากแยกย้ายกันทำงาน ไอ้สายป่านมันก็สะกิดเขาอีกครั้งที่หัวไหล่
เขาหันไปมอง
“หัวใจของกู…”
“…”
“ให้มึง”
“…”
แล้วมึงจะเว้นวรรคนานทำไม ในเมื่อ…
“เอาไปตัด”
มันก็แค่หัวใจกระดาษ ที่เขาคิดเป็นตุเป็นตะไปเองว่าเป็นหัวใจของมันจริงๆ
เป็นเพราะช่วงนี้เขายุ่งๆอยู่กับการจัดงานวันวาเลนไทน์ที่ถูกมอบหมายโดยสโมสรนักศึกษาคณะ ทำให้กว่าจะมีเวลาว่างนักรวมกลุ่มเพื่อนๆอย่าง มายด์ จิ๊บ และฟ้า ก็ปาเข้าไปวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่มันก็ประจวบเหมาะพอดีกับที่เพื่อนๆว่างตรงหัน
พักหลังมานี้ เขาแทบไม่ได้เจอทั้งสามคนเลย ไม่ติดแฟน อีกคนก็ติดงาน รวมทั้งตัวเองด้วย
จะหาเวลาว่างเจอกันทีนี่แทบจะต้องนัดกันล่วงหน้าสักหนึ่งอาทิตย์ เพราะบางทีตารางงานก็แน่นยาวตลอดสัปดาห์
แหม พูดอย่างกับทำงานกันแล้วแบบสายอาชีพแต่ละสาขาวิชา แต่ขอโทษเถอะ นี่มันแค่งานพาร์ทไทม์ธรรมดาๆ เป็นแค่งานพาร์ทไทม์ธรรมดาๆก็แทบไม่มีเวลา แล้วถ้าลงทำงานกันจริงๆ คงไม่มีโอกาสได้เจอกัน ใครจะหาว่าเขาพูดเป็นลางไว้ก่อนก็ช่าง เขาเห็นมานักต่อนักแล้วพวกรุ่นพี่ที่จบไปเขาแทบไม่ได้เจออีกเลย
คณะและสาขา รวมทั้งผองเพื่อน จะเหนี่ยวรั้งเราไว้ได้แค่ช่วงสั้นๆ
จากนั้นชีวิตเราก็ต้องพึ่งตัวเอง
เขาพาดราม่าอีกแล้ว เปลี่ยนเรื่องด่วน
หางตาเขาเห็นมายด์กำลังเดินตรงมายังสถานที่นัดเจอซึ่งมีตัวเองรอคอยท่าก่อนแล้ว เพราะตื่นเต้นที่จะได้เจอ วันนี้เขาเลยมาเร็วกว่าเวลานัด
แต่เขาคงลืมไปว่า ถ้าจะนัดบ่าย ต้องบอกว่านัดเที่ยง!
“เฮลโหลววววว สบายดีมั้ยคะ”
มายด์ยกมือทักทาย แล้วเดินเข้ามาตบไหล่เขา
“ไม่ดีอ่ะ เหงา มีเพื่อนติดผัว”
“ปากคอเราะร้าย มึงก็ใช่ย่อยที่ไหน ผัวติดเอาๆ ถึงนี่จะไม่ได้อยู่ติดตัวเหมือนเมื่อก่อน ก็พอรับรู้ข่าวบ้าง”
มันกระทุ้งสีข้างเขาหนักๆ
“ไงล่ะ สายป่านติดมึงมากๆเลยไม่ใช่เหรอ เอาคำแนะนำของกูไปปรับใช้ล่ะสิ”
“บ้า”
“…”
“ยังเป็นแค่เพื่อนกัน”
“เหรอๆ คงไม่ต้องทีละก้าวแล้วมั้ง มึงมันก้าวกระโดดแล้ว”
เขาค้อนมายด์
ไม่คุยด้วยแล้ว
จนฟ้าเดินมาถึงพอดี
“คุยอะไรกันสาวๆ”
“…”
“แหม ทำมาค้อนใส่กู ที่มึงไปแต่งหญิงเต้นสันทนาการนี่ไม่คิดจะบอกเพื่อนบอกฝูงชะ”
มันรู้…ได้ไง
“กูก็มีแหล่งข่าวของกูนะจ๊ะ”
เหมือนฟ้าอ่านใจคนได้ มันรีบป้องปากหัวเราะตอบแบบถือไพ่เหนือกว่า เหนือกว่าเรื่องอะไร มันรู้อะไรอีก
“พวกนี้ คนมองกันหมดแล้ว ทำตัวเด่นสะดุดตา”
แล้วคนสุดท้ายก็มาถึง
หืมมมมมมม
ทำตัวเด่นสะดุดตานี่มันจิ๊บชัดๆ อะไรกันเนี่ย แอบไปย้อมผมสีแดงแปร้ดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“ก็ไม่ได้อยู่ในช่วงรับน้องแล้ว จำเป็นต้องทำเป็นตัวอย่างว่าอยู่ในกฎระเบียบอีกป๊ะ เชิ่ดค่ะ”
จ้า ดีแค่ช่วงโปรโมชั่นจริงๆ
แต่ว่า…
“จิ๊บ มึงผิดตีมแล้วจร่ะ วันนี้เรามาตีม แม่ครัวเพราะเราจะไปซื้อของทำช็อกโกแลตวาเลนไทน์”
มายด์ชี้แจงแถลงไข
“กรี๊ด ใครหลอกกู”
“กูเอง ไม่นึกว่ามึงจะเล่นใหญ่” ฟ้าป้องปากเป็นครั้งที่สอง และครั้งนี้หัวเราะเยาะจิ๊บ
เขาจำได้แล้ว…
พรุ่งนี้ตีมแซ๊บนะจ๊ะ ใครไม่แซ๊บ ฟ้าจะแซ๊บค่า
แล้วก็แน่นอนว่าคนที่อ่านแค่ข้อความล่าสุด ย่อมเป็นบุคคล
ไม่อ่านไลน์กลุ่ม อิดอก!!!
เสียงและซาวด์มาเลยทีเดียว 555
“สวัสดีค่า ขอบคุณสำหรับเก้าร้อยคนที่เข้ามาดูนะคะ”
จิ๊บทักทายตัวเองกับกล้อง ที่พึ่งเปิดไลฟ์ในเฟซบีกของเธอเอง และตอนนี้มุมกล้องก็ได้กวาดถ่ายเอาทุกคนมาไว้ในหน้าจอทั้งหมดแล้ว
และความจริงเก้าร้อยคนที่ว่า คือคนดูที่เข้ามาแค่เก้าคน
“วันนี้เรามาทำอะไรกันคะ”
“อินี่ ไม่เล่นๆ” มายด์ไม่เอาด้วย เดินหนีออกจากกล้อง เขาก็เช่นกัน แต่จะหนี ก็ถูกคว้าไว้ไม่รอด
“ซื้อของครับ”
“ไปทำอะไรอ่ะคะ”
มึงยังจะมาถามอีกนะ
“ทำช็อกโกแลตวาเลนไทน์”
“ว้ายยยยย ให้ใครเนี่ยยยย”
เขายังไม่ทันตอบ คอมเม้นต์ก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน
ปืน ให้พี่ๆ
“วี๊ด ให้พี่ปืนเองหรอกเหรอ”
มามี่ โป๊ะโกะ แก่นนนนนน ทำให้ชั้นด้วย ชั้นขอเบิ้ลสองงงงงงง
อุมาพร โป๊ะโกะ งื้อ น่ารักแล้วยังมีเมตตา นี่ลงชื่อขอช็อกโกแลตวาเลนไทน์หนึ่งงงงงง
มันแปลว่าไม่ได้ขอแค่หนึ่งชิ้น แต่แปลว่าอุมาพรเป็นอีกหนึ่งคนที่อยากได้ช็อกโกแลตวาเลนไทน์จากเขา
“มีแต่คนอยากได้ช็อกโกแลตของอิมด ให้มดว่าไง๊”
อ้าว โยนขี้มาให้เขาเฉยเลยจิ๊บ
“ไม่มีปัญหา”
แล้วจะให้มดว่าไงล่ะ ก็ใจอ่อนตอบตกลงจนได้
วินดี้ โป๊ะโกะ มอบตำแหน่งนางฟ้า มงลงงงงงง
ลิลลี่ โป๊ะโกะ พรีออเดอร์ช็อกโกแลตวาเลนไทน์ค่า
ลลิตา โป๊ะโกะ มดแม่งป๋า เจ๊เอาอีกหนึ่ง
โอ้โห คนโน้นก็จะเอาคนนี้ก็จะเอา เขาต้องทำกี่ชิ้นละเนี่ย
“อิมด!!!”
จิ๊บร้องลั่น ก่อนจะยื่นมือถือให้เขาอ่านคอมเมนต์
สายป่าน 291…
มึงให้คนอื่นหมด
แล้วของกูล่ะ
ไหนบอกจะทำให้กู
ไหนว่าสัญญาแล้วไง
น้อยใจนะเว้ย
ของที่ให้กูแม่งไม่มีความพิเศษเลย
เหี้ย
มาเป็นชุดเลยครับ
แต่ขอโทษที มึงจะสร้างประเด็นทำไม
เพราะจากคนดูเก้าคน กลายเป็นเก้าร้อยคนในพริบตาเดียว
ของที่ให้กูแม่งไม่มีความพิเศษเลย(ภาพแคป) เดี๋ยวๆ ทำไมต้องพิเศษ สายป่านนนนนน
ตามมาจากมีคนแชร์หน้าวอล ไอ้สัด อะไรยังไงเนี่ย
คนพิซงพิเศษอะไรวะ ม่ายยยยยย
กรีน อินเดอะเวสต์ มดมดลูกแม่จะออกเรือนแล้ว อิเวล@เวล อินเดอะเวสต์ เตรียมตัดชุดเพื่อนเจ้าสาวให้กู
มามี่ โป๊ะโกะ อิกรีน อิเขียว กูต่างหากเพื่อนเจ้าสาว
ลลิตา โป๊ะโกะ มึงออกไป อิกะเทยตะวันตก
ยังไงคะ เหล่านางฟ้ายืนยันเองแบบนี้ สองคนนี้คบกันเหรอ คนพิเศษอะไรเนี่ย
ป้างง ขอขยายความโดยด่วน
และบลาๆๆๆๆๆๆ
“เอ่อ”
จิ๊บถึงกับพูดไม่ออก เขาเลยคว้าไอโฟนมันมาแล้วปิดไลฟ์ทันที
“มึงอย่าอัพโหลดไลฟ์ลงละกัน”
เขาคิดว่ามันคงไม่มีอะไร แต่เขาคงคิดตื้นไปเพราะว่า
ตึ๊งๆๆๆๆๆๆๆ
เฟซบุ๊กเขาแจ้งเตือนรัวๆเลยครับ ฮืออออออออ
น้องคะ น้องเป็นอะไรกับสายป่าน เพื่อนสนิท แฟน พี่มีให้เลือกสองอย่าง ขอโทษที่เสียมารยาท พี่อยากฟิน
สายป่านเป็นอะไรกับตัวเหรอ
ใครรุกใครรับ
เพิ่งรู้สายป่านเป็นเกย์ สายป่านรุกใช่มั้ย
และอีกมากมายก่ายกองจะส่งกันเข้ามา แถมถามไม่พอยังแอดเฟรนด์กันมาด้วย
“มด กูขอโทษ”
ไม่ให้อภัย
ไม่ใช่ฟ้านะ
แต่เป็นมึงไอ้สายป่าน
ชีวิตกูป่นปี้เพราะช็อกโกแลตวาเลนไทน์ของมึง!!!
“เอาล่ะค่ะ วันนี้เราจะมาเริ่มจากการโปรเจคเสียงกันนะคะ การโปรเจคเสียงจะทำให้เรามีพลังเสียงที่มากพอในการเปล่งคำๆหนึ่งออกมานะคะ ลองดูนะคะ ทุกคนหายใจเข้าลึกๆแล้ว เห้ยยยยยย พร้อมกันค่ะ”
คือตกใจมากตอนโฟร์ตะโกนว่าเฮ้ยเสียงดังอ่ะ เพราะเขาไม่มีสมาธิมัวแต่คิดกังวลเรื่องที่ไลฟ์เมื่อเช้า
“เอ่อ ขอโทษนะคะน้องโฟร์”
“คะ”
โฟร์หันไปมองงงๆ มีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหา
“พอดีพี่มาจากรีวิวXXทูเดย์ พี่อยากจะรบกวนเวลาของนักแสดงของน้องโฟร์หน่อยค่ะ”
“ได้เลยค่า พระเอกกับนางเอกใช่มั้ย เป็นธรรมดา ปกติXXทูเดย์ก็มักจะมาสัมภาษณ์เพื่อโปรโมท”
โฟร์ตอบรับ ประโยคท้ายหันมาให้ความกระจ่างกับนักแสดงทุกคน
“อ่อ เปล่าค่ะน้องโฟร์ คือสัมภาษณ์งานละครเวทีจะตามมาทีหลัง แต่วันนี้พี่มาสัมภาษณ์ประเด็นทอร์คออฟเดอะทาวน์วันนี้ค่ะ”
ประเด็นอะไรนะ
ทำไมเขารู้สึกเสียวสันหลังวาบแปลกๆ
“ประเด็นอะไรคะพี่”
โฟร์ถามงงๆ
“ก็น้องสายป่านแล้วก็น้องมดที่ไลฟ์ในเฟซบุ๊กวันนี้น่ะสิ”
นั่นนนนนนน
ซื้อหวยให้มันถูกอย่างนี้บ้างนะไอ้สัด
“มด จะไปไหน”
เขาชะงักขาที่จะแอบก้าวย่องหนีออกไปเงียบๆ
“เข้าห้องน้ำ”
แหม กูกำลังจะหนีสิรออะไรอยู่ล่ะ
หมับ!
“เขามาสัมภาษณ์เรา เราก็ควรให้ความร่วมมือ ถูกป่ะ คุณผู้ช่วยผู้กำกับ”
เขาแอบค้อนมันในใจ
มึงนั่นแหละ ไอ้ตัวดี
“น้องสองคนคบกันอยู่… ใช่มั้ยคะ”
บทสัมภาษณ์เริ่มแล้ว และพี่แกก็ถามได้ตรงประเด็นแบบสุดๆ
“ครับ กำลังคบกันอยู่”
“กรี๊ด”
“คบกันแบบเพื่อนครับ”
มึงทำกูหัวใจวาย ไอ้เหี้ยสายป่าน มันแม่งยิ้มดีใจที่ได้แกล้งให้เขาตกใจเล่น
“มีโอกาสจะพัฒนามั้ยคะ”
“เอ่อ พี่ครับ ผมว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว”
เขาคัดค้าน แล้วหันไปหาไอ้สายป่านแบบขอความช่วยเหลือ
“ว้ายยยย น้องมดกั๊กอย่างนี้ คือมีโอกาสพัฒนาชิมิเคอะ”
ชิบหายแล้ว การพยายามปฏิเสธของกูคือการทำให้พี่แกคิดแบบนี้ คนเรา…
“แล้วอะไรพิเศษๆนะคะ วันวาเลนไทน์ปีนี้ ที่น้องสายป่านตัดพ้อ น้อยใจ อิจฉา บลาๆๆๆๆ”
อะไรของพี่แกวะ พูดไปก็บิดเอวแบบเขินแทนเขาไปอ่ะ
“ช็อกโกแลตครับ มดบอกจะทำให้ผม แต่เขาก็ทำให้คนอื่นเหมือนกัน”
“เดี๋ยวนะ ไหนบอกไม่ได้คบกัน มีให้ช็อกโกแลตกันนี่ให้ยายว่าไงคะ”
พี่แกเปลี่ยนเป็นยายแล้วครับ
“คือเป็นของไถ่โทษที่ผมขึ้นเสียงใส่มันในเซควิชาตัวร้อยจนมันตกใจครับ มันไม่มีอะไรเลย”
เขาพยายามแก้ตัว
“วี๊ด คือเพื่อนกันจำเป็นต้องง้อขนาดนี้เลยเหรอคะ โอ๊ย นี่มันเกินเพื่อนแล้วหนู”
จิ๊บ มายด์ ฟ้า เขายังต้องคุกเข่าง้อเลย ต่างกันตรงไหน
“คำถามสุดท้ายนะคะ สรุปสายป่านจะได้ช็อกโกแลตวาเลนไทน์มั้ยคะ”
เขากำลังจะตอบ แต่…
“ถ้ามันไม่พิเศษ ผมก็ไม่เอาแล้ว”
“แล้วถ้ากูบอกว่าตั้งใจจะทำให้มึงคนเดียวแต่แรกเลยล่ะ มันพิเศษพอมั้ยวะ ไอ้เหี้ย”
แม้จะเป็นการเสียมารยาท แต่กูลุกหนีแม่งเลย
ไม่ใช่อะไร…กูเขินนนนนนน
นี่เขาพูดอะไรออกไปเนี่ยยยยยยยยยยย
เพราะช็อกโกแลตนำความฉิบหายจริงๆ
TBC.............................................
กลับมาแล้วค้าบ และจะไปอีกแล้วค้าบ
ไปเข้าค่ายครูสังคมนะคะ เจอกันอีกทีวันที่ 25 นะคะ
จุฟฟฟฟฟ
ก้าวที่สิบเจ็ด
ศัตรูที่ไม่ยอมจำนน
โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...
ตั้งแต่งานศพแม่ของมามี่เสร็จสิ้น ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้ว…
แม้ช่วงแรกๆมามี่จะดูเศร้าไปบ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็ทำให้เธอเข้มแข็งขึ้น โดยเธอบอกกับพวกเราว่า เวลาไม่ได้ช่วยให้ลืมเรื่องของใครบางคนไปหรอก และเธอไม่มีวันจะลืมเรื่องของแม่อย่างแน่นอน เพียงแต่เวลามีมากพอให้เราได้คิดทบทวนกับตัวเอง และเมื่อเราติดสินใจได้ เราก็จะก้าวไปต่อข้างหน้าได้อย่างมั่นใจ
ซึ่งเธอก็ได้พิสูจน์ให้พวกเราเห็นแล้วตามคำพูดของเธอ
“มึ๊งงงงง ผู้ชายอีค่อนกลุ่มนั้นมองมาทางเราว่ะ” มามี่พยักเพยิดหน้าไปทางโต๊ะมุมขวาสุดที่ติดกับประตูทางออกของโรงอาหารคณะมนุษยศาสตร์ ซึ่งมีน้องๆปีหนึ่งคณะเศรษฐศาสตร์กลุ่มใหญ่กำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ ที่เขาพอจะเดาได้ว่าเป็นปีหนึ่ง เพราะทั้งหมดห้อยป้ายชื่อของตัวเองไว้ที่คอ
น่าแปลกที่ในมหา’ลัยเขา ระบบรับน้องอย่างการห้อยป้ายยังคงถูกรักษาไว้และปฏิบัติกันสืบต่อมา
ซึ่งมันก็เป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง…
“น้องชื่อมีน งื้อ ไอ้เจ้าบ้า ไอ้เจ้ามีน ไอ้เจ้าความรัก”
เพราะมันทำให้แก๊งนางฟ้าหาวาร์ปน้องเขาได้ง่ายขึ้นไงล่ะ
เฮ้อออออ
เอาเถอะ จะไปว่าเหล่านางฟ้าที่กำลังตื่นเต้นกับผู้ชายหน้าตาดีช่วงนี้ไม่ได้หรอก เพราะงานใหญ่ที่สุดของมหา’ลัยใกล้เข้ามาแล้ว นั่นก็คือ การจัดเวทีประกวดดาวเดือน ซึ่งปีนี้พรรคนักศึกษาที่ครองเสียงข้างมาก และสามารถตั้งสภาขึ้นมาได้ประกาศนโยบายใหม่เกี่ยวกับเรื่องการเฟ้นหาดาวเดือนที่แต่เดิมเป็นการหาคนสวยคนหล่อ เปลี่ยนเป็นนโยบายสายฟ้าแลบอย่างการเปลี่ยนคำเรียกจากดาวเดือนสู่ตัวแทนทูตกิจกรรม และแน่นอนว่ามันไม่ได้เพียงเปลี่ยนคำเรียกไปแค่นั้นอย่างแน่นอน โดยหน้าที่ของทูตกิจกรรมคือการเป็นแบบอย่าง ตัวแทนของทางมหา’ลัย ในทุกๆงานที่สร้างคุณประโยชน์และชื่อเสียงของมหา’ลัยจะมีทูตกิจกรรมเป็นผู้นำ
สรุปง่ายๆก็คือ ดาวและเดือนที่ได้ตำแหน่งไป จะต้องเป็นทูตกิจกรรมที่มีงานมากมายก่ายกองรออยู่ตรงหน้า
เรื่องนี้ไม่รู้ใครโชคร้ายใครโชคดีกันเลยทีเดียวเชียว
“เย็นนี้มีคัดตัวดาวเดือนของคณะนะจ๊ะ เจอกันห้าโมงครึ่ง อย่าลืมกันนะคะ”
มามี่เก็บของ แล้วยกจานข้าวเปล่าเตรียมจะเอาไปเก็บ เราทั้งหมดต้องแยกย้ายกันตรงนี้เพราะว่าจากนี้ไปทุกคนลงเรียนกันคนละตัว
ส่วนการคัดเลือกดาวเดือนคณะที่พูดถึงจะจัดขึ้นเย็นนี้ โดยให้แต่ละสาขาในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ส่งน้องปีหนึ่งเข้ามา และสโมสรนักศึกษาของคณะซึ่งก็คือฝ่ายการแสดงได้แก่เหล่านางฟ้ากับทีมงานอีกส่วนหนึ่งจะเป็นคนเลือกนั่นเอง
ส่วนเขาที่เป็นฝ่ายประสานงานก็ต้องเข้าไปดูแลด้วยเช่นกัน
ตึ๊ง
เสียงแชทแจ้งเตือนทำให้เขาต้องยกไอโฟนขึ้นมาเปิดดู
สายป่าน 291…
เย็นนี้ไปมั้ย คัดเลือกดาวเดือนคณะ
จริงสิ ไอ้สายป่านที่เป็นเดือนปีสองเองก็ต้องไปดูน้องด้วยเหมือนกัน
ไป ห้าโมงครึ่งนะ
สายป่าน 291…
เค เจอกันคณะนะ อย่าพึ่งกินข้าวเย็น ไปกินด้วยกัน
ได้เลย
แล้วมันก็เงียบไป สงสัยคงเริ่มเรียนแล้วมั้ง เห็นมันบอกอาจารย์เซคนั้นโหด ห้ามใช้เครื่องมือสื่อสารทุกชนิดในขณะที่แกสอน
“ฮั่นแน่ โอ๊ย มามี่ กูอยากมีแฟนบ้างจังเลย”
ลลิตาหันไปซบไหล่มามี่ หลังจากที่แซวเขาไปหนึ่งดอก
“ไม่ใช่แฟนสักหน่อย เพื่อนกัน” เขาตอบเขินๆ
“เหรอออออออออ แชทกันเช้าถึงเย็นถึง นี่ยังไม่รวมไปรับไปส่งหอ ให้ยายว่าไง๊”
วินดี้เท้าสะเอวชี้หน้าเขา
“ตกลงเป็นอะไรกันคะ พูดให้มันชัดเจนตรงนี้เลยได้มั้ย”
อุมาพรคาดคั้นเอาคำตอบ
“ไม่รู้แล้ว”
ก็มันจริงนี่
ก็เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เราเป็นอะไรกัน รู้เพียงว่า…
คุยแชทกันทุกวันเช้าเย็น จะเรียกว่าบ่อยก็ได้ แต่คุยทีไม่กี่นาที
ไปรับไปส่งทุกเย็น เพราะทางเดียวกันนี่ มันช่วยไม่ได้ มันชวนทีไร ใจอ่อนยอมขึ้นรถไปกับมันทุกที
ถ้าไม่นับตอนเที่ยงที่วิชาเรียนไม่ตรงกัน ก็กินข้าวเช้าข้าวเย็นด้วยกัน
รู้แค่นี้แหละ
ใครรู้ช่วยตอบที ว่าเราเป็นอะไรกัน !!!
หลังจากโดนแซวจนเขินไปหลายรอบ เขาก็ได้โอกาสแยกตัวออกมาจากแก๊งนางฟ้า เพื่อรักษาความเห่อแดงของใบหน้า ที่ถูกกลั่นแกล้งจนทำให้เขินไปก็หลายรอบจากเหล่านางฟ้าเจ้าเล่ห์
คาบบ่ายเขาอาจารย์งดเซค ช่วงนี้งดเซคบ่อยเพราะอาจารย์เซคเขาต้องไปรับปริญญาเอกที่มหา’ลัยต่างจังหวัด จึงทำให้คลาสว่างไปเต็มๆหนึ่งอาทิตย์ แต่ประเด็นคือ กลังจากวิชานี้เขามีตัวเรียนต่อ เลยจะกลับหอไปนอนหลับมันก็ยังไงอยู่ เพราะกลัวลับเพลินไม่ตื่นมาเรียนอีกตัวนี่สิ ปัญหาใหญ่เลยนะ เพราะมีเช็คชื่อทุกคาบเลย
เอาเป็นว่าสุดท้ายก็ต้องลงเอยที่หอสมุดอย่างช่วยไม่ได้จริงๆ
เขาไม่ได้เป็นหนอนหนังสือ แต่จุดประสงค์ที่มาที่นี่เพราะแอร์มันเย็นมาก เข้าใจกันนะทุกคน
เขาเดินไล่หาห้องว่างไปเรื่อยๆ ตาก็กวาดมองนั่นนี่ไปตามประสา จนไปสะดุดเข้ากับใครบางคนที่นั่งอยู่โต๊ะมุมขวาสุดของชั้นสอง
นินิว…
เขากำลังจะเบือนหนีไปทางอื่น โดยภาวนาให้เธอไม่เห็นเขา แต่คงสายไปเสียแล้วกระมัง
“มด มดใช่มั้ย”
เธอเรียกเขาเอาไว้ กลายเป็นว่าเขาต้องเดินเข้าไปทักทายเธออย่างช่วยไม่ได้สินะ ตามมารยาทที่มี
“สวัสดี” เขาไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆนะ
“มาอ่านหนังสือเหรอ” เธอยิ้มให้เขา แต่ไม่รู้ทำไม เขาไม่สามารถมองหน้าเธอเต็มๆได้จริง คงเพราะความรู้สึกบางอย่างที่เธอเองก็แผ่ออกมาเช่นกัน หลังจากวันที่เขาโผเข้าไปกอดไอ้สายป่านที่โรงพยาบาล
“นั่งคุยกันก่อนสิ”
“อ่า”
เป็นอีกครั้งที่เขาจำเป็นต้องนั่งลงอย่างช่วยไม่ได้
“ช่วงนี้คงกำลังยุ่งๆสินะ”
“ประมาณนั้น”
ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว เขาไม่ได้มีความสนิทสนมหรือรู้จักกับนินิวเป็นการส่วนตัว เรารู้จักกันก็แค่ความสัมพันธ์ระหว่างทีมงานกับผู้เข้าประกวดดาวมหา’ลัยเท่านั้น น้อยครั้งจนนับได้ที่เขาเคยคุยกับเธอ แม้ว่าเธอจะเป็นแฟนไอ้สายป่าน แต่อย่าลืมว่า ปีหนึ่งเขาไม่ได้สนิทอะไรกับไอ้สายป่านขนาดนั้น
“แค่ก แค่ก”
โอ๊ย แต่อาการไอของเขามันไม่น่าจะมาเวลานี้เลย เมื่อเช้ากินยาแก้ไอกันไว้แล้วนะ หึ เขาคงจะบ้ามากที่คิดว่ากินยาแล้วมันจะไม่ไอ
และเขาคิดว่าเขากำลังจะไม่สบาย…
“สายป่านเองก็คงยุ่งเหมือนกันเนอะ”
ประโยคของเธอทำให้เขาชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงปรับท่าทีได้
“เอ่อ ไม่รู้สิ”
เธอต้องการอะไรกันแน่ การถามแบบนี้นั่นแปลว่าเธอกำลังจะบอกเป็นนัยว่าช่วงนี้เขากับสายป่านตัวติดกัน
และเขาน่าจะรู้ทุกเรื่องของไอ้สายป่านเป็นอย่างดี!
“น่าแปลกจัง ที่มดไม่รู้”
มาแบบนี้ แล้วจะให้เขาตอบว่าไงดีครับทุกคน ความเงียบเท่านั้นที่ครองโลกแล้วกัน
นินิววางหนังสือเล่มบางที่เธอถืออยู่ก่อนหน้าลงบนโต๊ะ นัยน์ตาของเขาสะท้อนภาพปกของหนังสือ…
RIVAL
…ที่แปลว่าศัตรู
“เป็นหนังสือที่ดีนะ อ่านจบหลายรอบแล้วเพราะเล่มมันบางน่ะ”
เธอเอาข้อศอกตั้งบนพื้นโต๊ะแล้วประสานมือไว้ประมาณคาง เผยอยิ้มน้อยๆ แต่เป็นรอยยิ้มที่ทำให้เขารู้สึกเสียวสันหลังวาบ
“ตอนแรกก็นึกว่า ถ้ากลับมาแล้วจะเจอกับคู่แข่งที่น่ากลัวกว่านี้”
“…”
“บอกตรงๆเลยนะ ว่านินิวไม่คิดเลยว่าสายป่านจะชอบ เอ่อ แบบนี้”
“…”
“นินิวฝากสายป่านเอาไว้ให้คนอื่นนานเกินไปแล้ว”
“…”
“ถึงเวลาขอคืนได้แล้วล่ะ”
เธอยิ้ม…
ไม่ใช่รอยยิ้มที่ทำให้เสียวสันหลังอีกต่อไป
แต่เป็นรอยยิ้มที่สวยงามหากแต่บิดเบี้ยวและเป็นรอยยิ้มที่แสนร้ายกาจในความคิดของเขา
“มดล่ะ จะว่ายังไง”
เขาจ้องตาเธอตรงๆ มือที่ประสานไว้ตักประสานกันแน่นยิ่งกว่าเดิม
‘มึง สายป่านโดนหักอก’
ฟ้าเปิดประเด็นกลางวงกลุ่มโปรเจกต์เบสเลิร์นนิ่งของอาจารย์ประจำเมเจอร์ ซึ่งก็มีแค่มายด์ จิ๊บ และเขาที่อยู่กลุ่มเดียวกัน
ในขณะที่งานต้องส่งวันพรุ่งนี้แล้ว แต่ทุกคนก็พร้อมใจกันวางทุกอย่างลง แล้วล้อมวงเข้ามาฟังฟ้าเล่า
ให้มันได้อย่างนี้สิกลุ่มเขา มองเห็นอนาคตกับคะแนนที่หายไปริบหรี่แล้ว
แต่ถ้าเป็นเรื่องของมัน เขาก็อยากรู้ไปทุกอย่างนั่นแหละ
‘นินิวจะไปเรียนต่อ เลยบอกเลิกสายป่านสายฟ้าแลบ มึงงงงงง คือแบบ คนสวยอ่ะเนอะ ทำไมกูไม่สวยขนาดบอกเลิกผู้ชายเลเวลอย่างสายป่านได้บ้างวะ’
ฟ้าเล่าไปบ่นไป อิจฉาและตัดพ้อตัวเองต่อโลกใบนี้ที่มันไม่ยุติธรรม แต่เขาไม่ได้สนใจในเรื่องนั้น
ป่านนี้มันจะร้องไห้อยู่หรือเปล่านะ
ผู้ชายก็ผู้ชายเถอะ…
‘เดี๋ยวเรามานะทุกคน’
ขอโทษด้วยนะทุกคน ที่เราเห็นผู้ชายอย่างไอ้สายป่าน มันสำคัญกว่างานตรงหน้า
ขอโทษจริงๆ…
เขาเหมือนสตอร์กเกอร์ เวลานี้เขาช่างดูเหมือนสตอร์กเกอร์ฝึกหัดที่สุดแล้ว
เขาแอบตามมันมาเซเว่น !!!
เพราะคิดว่าจะต้องตามหามันให้เจอ เขาเลยย้อนกลับไปที่คณะสถาปัตย์ แต่ระยะทางกลับสั้นกว่านั้นเมื่อเขาดันเจอมันได้ง่ายๆที่เซเว่นหลังคณะ
มันกำลังยืนพิจารณานมเปรี้ยวขวดใหญ่ระหว่างรสผลไม้รวม กับรสส้ม
จากที่เขามองบริบทบวกด้วยเดาเอาส่วนหนึ่ง
แล้วโทรศัพท์ของมันก็ดังขึ้น
‘เลิกโทรมาซักทีไอ้เวร กูไม่เป็นอะไรแล้วเว้ย นี่เป็นแม่หรือเป็นเพื่อนครับ’
‘เออๆ พรุ่งนี้ข่าวหน้าหนึ่งแน่นอน สายป่านโดดน้ำตาย’
‘ครับๆ ไม่คิดสั้นเว้ย กูใครครับ ไม่มีแล้วก็หาใหม่ได้’
‘กูหล่อ พอใจยัง’
‘Kครับ’
แล้วมันก็วางสายไป
โดยที่คนปลายสายน่ะ ไม่มีวันได้รับรู้หรอก ว่าสีหน้าตอนแกล้งพูดชิลๆ เล่นๆ ขำๆ ของมันจะเศร้าสร้อยได้ขนาดนี้
คนเพิ่งเลิกกับแฟน จะเชื่อคำพูดว่าเขายังโอเคได้ยังไงกัน
มันตัดสินใจเลือกรสผลไม้รวม แล้วทิ้งรสส้มเอาไว้
เขาเบี่ยงตัวหลบไปอีกล็อคหนึ่งตอนมันเดินไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์
อ่า…
ต้องโทษความจำของตัวเองที่มันโคตรจะจำเรื่องของสายป่านได้เป็นอย่างดี
ชื่อเล่น สายป่าน
รหัสนักศึกษา 600710291
อาหารที่ชอบ นมเปรี้ยวรสส้ม
เดี๋ยวนะ นี่มันเครื่องดื่มไอ้เวร
ยังไงก็แล้วแต่ เขาจ่ายเงินค่านมเปรี้ยวรสส้มขวดใหญ่ไปเสียแล้ว
เวลานั้นมีแค่ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเขาแอบชอบมันอยู่ นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมฟ้าจึงต้องถูกเขาลากไปส่งที่คณะสถาปัตย์ตอนเกือบสี่ทุ่มเช่นนี้
ขอโทษนะฟ้า เขาไม่กล้าไปคนเดียวจริงๆนี่
‘นั่นไง กลุ่มสายป่าน’
ฟ้ากระซิบบอกแล้วชี้มือไปยังโต๊ะฝั่งขวา เวลานี้เป็นช่วงท้ายเทอมที่นักศึกษาปีหนึ่ง ไม่สิ ที่นักศึกษาทุกชั้นปีของคณะสถาปัตย์จะมารวมตัวกันปั่นงานที่ใต้ตึกสี่ของคณะ ซึ่งถือเป็นแหล่งรวมตัวที่มีความสะดวกสบายเพราะมีอุปกรณ์ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ปลั๊กไฟ โต๊ะนั่ง หรือแม้แต่ของกินอย่างร้านขนมเค้กในคณะที่เปิดจนถึงเที่ยงคืน
‘ไม่มีสายป่าน’ เขากวาดตาหามันแล้วจริงๆนะ
‘เอาไงดี’ ฟ้าถามเขา
ดีเสียอีกฟ้า
นี่ยิ่งกว่าคำว่าดี
เพราะพอเขาก้าวเท้ามาถึงตึกสี่ ความป๊อดมันก็กลับมาเหนือกว่าความกล้าอีกครั้ง
อยู่ๆจะเดินเข้าไปหามันแล้วบอกว่าเอานมเปรี้ยวมาให้งั้นเหรอ
คนอย่างมดไม่มีจะเคยทำ
ฝากเพื่อนมันไว้นี่แหละดีที่สุดแล้ว…
หวังว่าข้อความที่เขาเขียนติดแปะไว้กับโพสต์อิสเล็กๆข้างขวดนมเปรี้ยวจะพอช่วยทำให้มันคลายเศร้าได้บ้าง
อย่าพยายามเปลี่ยนความเป็นตัวมึง เพียงเพราะอยากจะลืมใครบางคน
มึงกับนมเปรี้ยวรสส้ม…
มันโคตรคูลเลย
“เราไม่มีสิทธิ์จะไปว่าใคร หรือหวงใครได้หรอกนินิว”
“…”
“เพราะเรากับสายป่าน ไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“…”
เขาลุกขึ้นยืน เพราะคงไม่มีเหตุผลให้นั่งอยู่อีกต่อไปแล้ว
และไม่มั่นใจว่า ถ้าขืนอยู่นานกว่านี้ เขาคงได้ชกผู้หญิงเป็นครั้งแรกแน่ๆ
“แต่เราโคตรมั่นใจเลยว่า…”
“…”
“ยังไงมันก็ไม่กลับไปหานินิวแล้ว”
ขอโทษที่ต้องบอกว่า…
ผู้หญิงอย่างนินิว ช่างน่าสมเพชเหลือเกิน
❤
“มาจ้าน้องๆ มาลงชื่อเป็นผัวพี่มามี่ได้ตลอดเวลา ชื่อละสองพัน ได้ค่ากินขนมอีกหลายเดือน”
เวลานี้คงจะเป็นเวลาที่เหล่านางฟ้าจะสนุกสนานที่สุด ดีใจที่สุด และแรดที่สุดแล้ว เพราะมันคือ ช่วงเวลาแห่งการคัดเลือกดาวเดือนของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เพื่อค้นหาผู้ที่เหมาะสมกับคำว่าตัวแทนทูตกิจกรรมที่จะไปคว้าตำแหน่งดาวเดือนของมหา’ลัย ซึ่งปีนี้คึกคักเป็นพิเศษเพราะเหล่านางฟ้าการันตีว่า
เด็กๆปีนี้ แซ่บลืม!!!
สังเกตได้จาก…
“งื้อ ไอ้บ้า ไอ้คนพกกระบอกข้าวหลาม”
วาจาเอ่ยแซวอย่างฉะฉานของวินดี้ จนทำให้น้องๆเดือนแต่ละสาขาที่มาลงชื่อต้องยกมือกุมเป้าด้วยความขยาดไปตามๆกัน
ว่าไปนั่น น้องๆเขาก็แค่หัวเราะแล้วก็จอยนั่นจอยนี่กับแก๊งนางฟ้าไปตามประสา ที่เรียกว่าเด็กสมัยนี้น่ะ…
มันอยู่เป็นเว้ย
ไม่ต้องถามหาแบบอย่างจากใครที่ไหน ก็เดือนปีสองคณะเราทำให้เห็นเป็นแบบอย่างไปแล้ว
“สวัสดีครับเจ๊ๆ สวยวันสวยคืนเลยนะครับ”
หึ ไม่รู้ว่าคำหวานๆของไอ้สายป่านมันเชื่อได้กี่เปอร์เซ็นต์
“พ่อปากหวาน พ่อบุญทุ่มของเหล่าเจ๊ๆ”
แล้วที่สำคัญ วันนี้ไม่ได้มีแค่แก๊นางฟ้าเพียงเท่านั้น เจ๊ๆปีแก่ต่างให้การต้อนรับกับเทศกาลคัดเลือกดาวเดือนของคณะเป็นอย่างดีโดยการสละงานและเวลามาร่วมแซว เอ๊ย เฟ้นหาตัวแทนทูตกิจกรรมในวันนี้ และไม่ใช่แค่เจ๊ๆปีในมอที่มากันเยอะแยะมันรวมถึงเจ๊ๆปีแก่ๆที่จบไปแล้วด้วย งานนี้เท่ากับน้องผู้ชายเตรียมเก็บเป้า เอ๊ย เก็บคะแนนให้ดีๆล่ะ ใครเข้าตา เจอแม่ๆดันแน่นอน
ตัวอย่างบุคคลที่ถูกดันโดยเหล่าแม่ๆแก๊งนางฟ้าก็คือไอ้สายป่านที่ไปไกลเกินกว่าคำว่าเดือนคณะ
ทุกวันนี้คนรู้จักมันมากก็เพราะด้วยบารมีของนางฟ้าหลายๆรุ่น และด้วยตัวมันเองที่มีความนอบน้อมถ่อมตน อะไรยอมได้ก็ยอม แต่ก็ไม่ใช่ปล่อยจนเลยเถิด
จำได้เมื่อปีที่แล้ว มันเคยมีเรื่องกับเจ๊นางฟ้าปีแก่สักคนนี่แหละ คือไปกินเหล้าด้วยกันแล้วเจ๊แกจ้องจะลวนลามมันอย่างเดียวเลย เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต แต่มันก็ไม่ได้ดับนะ เพราะมันไม่ผิด เจ๊แกผิดจริง ความจริงเขาโคตรชอบการแก้ไขปัญหาของมันมากๆเลย มันสามารถควบคุมอารมณ์ได้โดยไม่ได้ใช้กำลังปกป้องตัวเองอย่างที่ผู้ชายมักทำกับกะเทยทั่วไป
เรื่องนี้เลยจบลงที่เจ๊ๆหลายชั้นปีต้องมาขอขมามัน แต่เหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้ทำให้ความน่ารักของมันลดลงเลย กลับกันยิ่งทำให้เหล่าเจ๊ๆอยากจะสนับสนุนมันมากขึ้น
เขาไม่รู้เลยว่า นอกจากไอ้สายป่านแล้ว จะมีใครที่สามารถเข้ากันได้ดีกับแก๊งนางฟ้าสถาปัตย์อีกมั้ย
คือระบบนี้มันเหมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า แก๊งนางฟ้าดูแลการจัดกิจกรรมดาวเดือนของคณะมานานแล้วตั้งแต่จำความได้ กิจกรรมพวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแก๊งนางฟ้าทำทั้งสิ้น พูดกันตรงๆว่ากะเทยกับแฟชั่นมันเป็นของคู่กัน ไม่ใช่แฟชั่นแบบไฮแฟชั่นนะ แต่เป็นความแปลกใหม่ ไอเดียที่สร้างสรรค์ ซึ่งเขาก็ยังไม่เห็นเลยว่าจะมีใครทำหน้าที่นี้ได้ดีไปกว่าพวกนางฟ้าเลย
ที่ว่าเหมือนการพึ่งพากันก็คือ กะเทยหลายคนในแก๊งนางฟ้าที่จบไป พวกเจ๊ๆเหล่านั้นมักจะไปเปิดร้านเสื้อฟ้าเป็นของตัวเอง ซึ่งแน่นอนเลยว่า งบประมาณในส่วนของฝ่ายคอสตูมเองก็จะหมดไปเช่นเดียวกัน
กะเทยอยู่รอดได้เพราะผู้ชายฉันท์ใด ผู้ชายก็อยู่รอดได้ด้วยกะเทยฉันท์นั้น
เป็นคำกล่าวของเจ๊ปีแก่คนหนึ่งในแก๊งนางฟ้าที่มามี่เคยยืดอกพูดบอกอย่างภาคภูมิใจ
“ไง”
“ไม่ไง”
ไม่ได้กวนตีนเขา ก็ไม่ใช่ไอ้สายป่านแล้ว นี่ก็เห็นว่าเป็นมารยาทหรอกนะ เลยทักทายมึงอ่ะ ไอ้เหี้ย
“มาเช็ดเหงื่อกูดิ๊”
“เรื่องอะไร”
“กูตำแหน่งใหญ่นะครับ ถ้าเดือนปีสองเป็นลมไปใครจะรับผิดชอบ”
เขาต้องยอมมันใช่มั้ย
คำตอบคือใช่ เพราะขืนฝาฝืนคำสั่งของมามี่ที่ว่า…
ท่องไว้ผู้ชายสำคัญกว่าเสมอ
เขาคงโดนแก๊งนางฟ้าเชือดแน่ๆวันนี้ ขอโทษที เขาก็ผู้ชายเถอะ ทำไมรู้สึกความสำคัญมันต่างกันราวไส้เดือนกับพญานาคแบบนี้วะ
ลำเอียงงงงงงง
“ครับบบบบ คุณชาย”
เขาหยิบทิชชูในกระเป๋าออกมายื่นให้มัน
“ซับให้ด้วยดิ”
“เดี๋ยวๆ เกินไปครับ มีมือมีเท้า”
เขาประท้วง เพราะตัวเองยังไม่หมดหน้าที่ ยังต้องถือเครื่องมือวิทยุสื่อสานประสานงานฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ไปทั่วอยู่
“น้ำใจน่ะมีมั้ย คนเรา”
เอ้า คนเรา…
“ถ้าเขาไม่เต็มใจ เดี๋ยวนินิวเช็ดให้ก็ได้นะสายป่าน”
เขาชะงัก รีบยัดทิชชูใส่มือไอ้สายป่าน
“นินิว”
“…”
“มาได้ไง”
“สายป่านนี่ถามแปลกๆ นินิวก็เป็นตัวแทนจากสโมฯกลางมาดูบรรยากาศการคัดเลือกดาวเดือนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ไงคะ”
นินิวน่ะเหรอเป็นทีมงานสโมฯกลาง เท่ากับว่าการเตรียมงานต่อจากนี้ของเขาจะต้องพบเจอกับเธอบ่อยๆน่ะสิ
โอเค แค่คิดก็เห็นนรกอยู่เบื้องหน้าแล้ว
“กูไปทำงานแล้ว เดี๋ยวเจ๊ๆด่าเอา”
เขาบอกมัน ก่อนจะเดินหนีออกมา
ปึก!
“ว้าย มด เป็นอะไรมั้ยเนี่ย”
เขาเดินไปชนเข้ากับวินดี้ที่กำลังยืนเช็ครายชื่อจากป้ายประกาศ ชนน่ะไม่แรง แต่ด้วยสภาพร่างกายเขาตั้งแต่เมื่อเช้าที่เหมือนจะเริ่มมีไข้ทำให้ทรงตัวไม่อยู่ กระเด็นไปไกลจนวินดี้ตกใจ
อ่า ปวดหัวตัวร้อน นี่มันอาการไข้รุมๆแล้วสินะ
ก็กินยากันไว้แล้วนี่นา
“มดๆ ฝ่ายทีมงานสโมฯกลางอยากพบน่ะ”
โอเค เขาพยักหน้าตอบรับแล้วเดินตามเพื่อนที่มาเรียกไป
นินิว เดินหนีออกมายังไม่ถึงสิบนาที ต้องกลับมาเจออีกแล้ว
“คือทีมงานอยากได้เก้าอี้สามตัว สำหรับนั่งสังเกตการณ์บรรยากาศรอบคัดเลือกของคณะ แล้วก็อาหารว่างสามที่ ช่วยหน่อยนะมด เพราะเราต้องทำให้เขาประทับใจ ไม่งั้นบนเวทีน้องๆอยู่ลำบากแน่ๆ”
เพื่อนอีกคนเมื่อเห็นว่าเขาเดินเข้ามาแล้วก็ตรงมากระซิบบอกจุดประสงค์ทันที
เขาพยักหน้าเข้าใจ
พลางเช็คใบบัญชีรายชื่อฝ่ายประสานงาน แต่ทุกคนกลับมีหน้าที่อยู่แล้ว คงต้องเป็นเขาสินะที่ต้องไปซื้อของว่าง เพราะทางสโมฯกลางไม่ได้แจ้งมาว่าจะส่งทีมงานมาสังเกตการณ์ และเป็นความสะเพร่าของเขาด้วยแหละที่ไม่สำรองอาหารว่างไว้ เลยจำต้องออกไปซื้อมาเพิ่ม
อ่า แถมกุญแจรถก็เอาให้คนในฝ่ายไปแล้ว
เท่ากับว่าเขาต้องเดินไปเซเว่นหลังมอสินะ
เอาไงเอากัน
พอเดินออกมาหน้าประตูคณะ ไอโฟนก็สั่นครืดคราดอยู่ในกระเป๋ากางเกง
“ว่าไง โอเค ได้ ได้”
เป็นทีมประสานงานที่โทรมาสั่งของกินเพิ่ม
เขาไล่อ่านบัญชีลิสต์รายชื่ออาหารที่จดไว้ในกระดาษโน้ต
อ่า ทำไมแสงแดดยามเย็นมันถึงดูแรงกล้าได้ขนาดนี้นะ
แล้วเขาเป็นอะไรเนี่ย เหมือนตัวเองเดินเซไปมาเลย
หรือพื้นมันเอียง
เกิดแผ่นดินไหวเหรอ
“มดดดดดดด”
เสียงใครบางคนตะโกนลั่น ก่อนที่สติของเขาจะดับวูบลง
*TBC.....................................................
ฮืออออออ ผ่านเรื่องร้ายก็มาเจอเรื่องร้ายอีก
แบบนี้เขาเรียก พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกนะมด
เอาใจช่วยมดได้ในตอนต่อไปจ้า
ก้าวที่ยี่สิบ
จุดมุ่งหมายของปลายทาง
โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...
ให้ตายเถอะมึง ไอ้สายป่าน
เมื่อคืนมึงทำเหี้ยๆอะไรลงไป…
เข้าใจถูกแล้วครับ ไม่ใช่ว่าเขาเมาแล้วจะไม่รู้เรื่องไม่ได้สติ เมื่อคืนเขาโดนยา ยาที่นินิวใส่ลงในแก้วเหล้าแล้วหลอกให้เขาดื่ม
เขาจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด
และจำได้ด้วยว่า ตัวเองทำอะไรเอาไว้กับคนที่เขาครางชื่อด้วยอารมณ์พาไป
มันก็เหมือนคนธรรมดาทั่วๆไป ไม่ได้น่ามอง ไม่ชวนให้หลงใหล แต่ทำไมก็ไม่รู้ ที่เมื่อไหร่ก็ตามเขาก็มักจะหันมองมันเสมอ
มันชื่อมด มดที่ขี้ขลาด และเก็บความรู้สึกไม่เก่ง
แสดงออกมาว่าชอบเขามากขนาดนั้น เป็นใคร ใครก็ต้องรู้ นอกจากว่าคุณจะไม่มีหัวใจเอาไว้รับรู้เรื่องแบบนี้เลย ซึ่งมันไม่ใช่เขาแน่นอนอยู่แล้ว
แรกๆเขาไม่ได้สนใจอะไรมากมาย รู้เพียงแต่ว่ามันชอบแอบมองเขา หนีหน้าเขาตลอดเวลา
แล้วจะให้เขาทำไงล่ะ อยากจะปฏิบัติกับมันเหมือนเพื่อนร่วมรุ่นทั่วไปแทบตาย แต่แม่งโคตรไม่ให้ความร่วมมือเลยครับ อยู่ใกล้แล้วชวนอึดอัด
เขาเลยตัดปัญหา ไม่คุยกับแม่งไปเลย
แล้วไง
เอาไปเพ้อในเฟซบุ๊ก เพ้อเก่ง เพ้อทุกวัน เพ้อเหมือนกูจะไม่รู้
กูนี่ ระดับไหน อยากจะส่องเฟซใคร ต้องได้ส่อง
แล้วทำไมเขาต้องไปส่องมันด้วยล่ะ
นั่นสิ
แต่กว่าจะรู้ตัว…
เขาก็ติดเฟซมันมอมแมมไปแล้ว ยิ่งกว่าเหล้าเสียอีกครับ
มึงเพ้ออะไรได้ทุกวี่วันวะ
ไม่มีวิชาเรียนหรือไง
หลากหลายคำถามที่เขาอยากเข้าไปถามมันตรงๆ แต่ก้ไม่รู้ว่าจะไปถามหาคำตอบเพื่ออะไร
แถมยังไม่สามารถฝ่ากำแพงความอึดอัดที่มันสร้างขึ้นมาไว้ไปได้
แต่สิ่งที่ทำให้เขาเสียใจ และตัดสินใจผิดพลาดอย่างร้ายแรงมหันต์ คือการตอบตกลงเป็นแฟนกับนินิว
‘สายป่านคบกับนินิวแล้วเหรอ เหมาะสมกันดีจัง’
‘นินิวกับสายป่าน โอ๊ย ยอมค่ะยอมคู่นี้’
และแน่นอนว่าไม่นานเรื่องก็ไปถึงหูของไอ้มด
วันนั้นทั้งวัน เขาที่มองมันตลอดเวลารับรู้ได้เลยว่ามันกำลังเข้าโหมดเศร้า
มึงคงชอบกูมากจริงๆสินะ
ทำไมแม่งรู้สึกผิดจังเลยที่คบกับนินิว
ทั้งที่สิทธิ์ก็เป็นของตัวเขาเอง
แต่พอเห็นมันเป็นแบบนี้ ทำไมเขาถึงอยู่ไม่เป็นสุขเลย
คอยแต่จะห่วง ห่วงว่ามันจะรู้สึกยังไง
อย่างเช่นตอนนี้
‘เอ่อ…’
‘…’
‘ขอคุยกับนายหน่อยดิ’
จู่ๆวันหนึ่งมันก็เดินตรงมาหาเขาที่นั่งอยู่โต๊ะม้าหินอ่อนกับเพื่อนๆที่ใต้ตึกสี่
มันชี้มือมาที่เขา
แล้วเขาก็ชี้ที่ตัวเอง ตอนนั้นเกิดคำถามขึ้นมากมายในหัว แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือความดีใจ ที่มันเข้ามาทักเขา
‘กับใครวะ’
เพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆมึนงง เพราะที่ตรงนี้มีพวกมันนั่งเต็มไปหมด แต่เขามันคนเข้าข้างตัวเองไง เหอะ ยังไงมันก็มาคุยกับเขา เขามั่นใจ
‘อยากคุยกับกูเหรอ’
เลยพูดถามออกไป
‘คุยตรงนี้สิ’
ทำไมต้องรู้สึกใจเต้นขึ้นมาตอนมันพยักหน้าด้วย นี่มึงมาหากูจริงๆเหรอ ทั้งๆที่ตลอดเวลามันแทบหลบหน้าหนีหายตลอดนี่นะ
เขาพยายามควบคุมน้ำเสียงให้ราบเรียบที่สุด ทั้งที่ภายในมันปั่นป่วนไปหมด
เกิดมาอายุสิบเก้า เพิ่งจะรู้สึกใจเต้นก็กับมันคนแรกนี่แหละ
เขามองมัน สีหน้าดูอึดอัดใจ แต่มันก็เดินเข้ามาหา แล้วว่า
‘เราทำตามคำสั่งพี่รหัสนะ…’
มันยื่นโพสต์อิทสีเหลืองใบเล็กที่เขียนด้วยตัวหนังสือน่ารักมาให้อ่าน
เรา รัก นาย
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
ให้ตายสิ ใจเขาเต้นแรงชะมัดเลย
ขอแกล้งคืนหน่อยได้ไหมล่ะครับ
ให้คนแอบรักได้ร้อนตัวนิดหนึ่ง
‘มึงแอบชอบกูมานานเท่าไหร่แล้ว’
การได้เห็นอาการเหวอแดกของไอ้มด เป็นอะไรที่ทำให้เขาอารมณ์ดีชะมัด
เพราะว่า มันทำให้เขาได้รู้ว่า สุดท้ายแล้วมันก็ยังคงเป็นคนที่เก็บความรู้สึกไม่เก่งเหมือนเดิม จะว่าเขาเข้าข้างตัวเองก็เอา แต่ตอนนี้มันกำลังเขินเขาอยู่ชัดๆ
‘จริงเหรอวะ’
เพื่อนคนอื่นๆเริ่มกระซิบกระซาบ เขากำลังรอดูว่ามันจะทำยังไงต่อไป ขอโทษนะมึง แต่กูสนุกจังเลย
‘เปล่านะ เราทำตามคำสั่งรุ่นพี่’
หึ
‘เมื่อกี้มึงไม่ได้บอกแบบนี้’
ดูใบหน้าที่มองค้อนมานั่นดิ แม่ง โคตรน่ารักเลยเว้ย
แต่แล้วใบหน้านั้นก็อับเฉาลงทันทีที่เสียงๆหนึ่งตะโกนขึ้นมา
‘ป่าน รีบหน่อยสินิวหิวแล้ว’
ไม่อยากเห็น ไม่อยากเห็นใบหน้าเศร้าๆนี้ของมันเลย
ไม่อยากเห็นจนต้องรีบไปให้พ้นๆ
‘เฮ้ยมึง กูไปก่อนนะ แล้วเจอกันเว้ย’
เขามองหน้ามันชัดๆอีกรอบ แล้วเดินหนีออกมา
ทำไมเห็นมันเศร้า แล้วเขารู้สึกแปลกๆที่อกข้างซ้ายกันนะ
เขาเลิกกับนินิวแล้ว…
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขาเศร้าเสียใจเลย กลับกัน เขารู้สึกเฉยๆเสียมากกว่า เหมือนสิ่งผูกพัน ภาระต่างๆได้เลือนหายไป
แต่ที่เขาเศร้า เพราะวันนี้เป็นวันครบรอบที่คุณตาจากพวกเราไป ตอนเด็กๆคุณตาคือเพื่อนเล่นของเขา ท่านสอนในสิ่งที่ทำให้เขาเติบโตมาอย่างเข้มแข็ง แม้ในความทรงจำในวันวานคุณตาไม่เคยหายไปไหน แต่พอวันนี้มาถึงทีไร มันก็อดเศร้าใจไม่ได้ทุกที
แต่เพื่อนร่วมรุ่นรวมถึงใครบางคนกลับคิดว่าเขาถูกหักอกซะงั้น
เฮ้ออออออ
เพราะเขาต้องรับสายมากมายจากบุคคลผู้หวังดี
ท่านแรก ยอดชายนายแบงค์ เพื่อนซี้ตลอดกาล
‘ไหวนะมึง อดทน ความรักไม่ทำให้ตาย’ น้ำเน่ามากสัด นี่กูเพิ่งรู้ว่ามึงเป็นคนแบบนี้
‘เลิกโทรมาซักทีไอ้เวร กูไม่เป็นอะไรแล้วเว้ย นี่เป็นแม่หรือเป็นเพื่อนครับ’ เขาตอบกลับแบงค์
ท่านที่สอง กานต์ เพื่อนสนิทอีกคน
‘ห้ามคิดสั้นนะเว้ย กูขอ ผู้หญิงใจร้ายคนเดียว แม่งหาใหม่ได้’
‘เออๆ พรุ่งนี้ข่าวหน้าหนึ่งแน่นอน สายป่านโดดน้ำตาย’
เขาเลยพูดเล่นๆตอบกลับมันไป จนได้ยินเสียงหัวเราะหึตามฉบับของมันแล้ววางสายไป
ท่านที่สาม บีมครับ ทอมเพื่อนสนิทที่เจอกันตอนทำงานสโม อย่าลืมว่าเขาเป็นตัวแทนทูตกิจกรรมของคณะสถาปัตย์นะเออ หล่อแบบมีประโยชน์อ่ะครับ เข้าใจป่ะครับ
‘ถ้าคิดสั้นกูจะแฉความลับมึง’ อูยยยย กลัวแล้วครับ เลยต้องรีบตอบกลับทันทีว่า…
‘ครับๆ ไม่คิดสั้นเว้ย กูใครครับ ไม่มีแล้วก็หาใหม่ได้’
ท่านที่สี่ คุณโฟร์ครับ เพื่อนสนิทนิสัยเหี้ยจากโรงเรียนเก่า เป็นเพศที่สามคนเดียวที่เขาจะไม่เคารพ และก้มหัวให้ไม่ลง เพราะจอยสกปรกมาก
‘ห้ามตาย ห้ามคิดสั้น ห้ามชักว่าวโชว์เพราะสิ้นคิด ไม่งั้นกูจะเอาไปขายในทวิตเตอร์’
‘กูหล่อ พอใจยัง’
ครับบบบบ
และท่านสุดท้าย ไอ้เหี้ยกุ้ง โคตรกวนตีน
‘มึงมันเล็ก’ เขาเลยทิ้งกูสินะ
‘Kครับ’
แล้วใครบางคน นี่ก็เข้าใจผิด แบบผิดมากๆว่าเขาโคตรเสียใจกับเรื่องถูกหักอกในครั้งนี้
อย่าพยายามเปลี่ยนความเป็นตัวมึง เพียงเพราะอยากจะลืมใครบางคน
มึงกับนมเปรี้ยวรสส้ม…
มันโคตรคูลเลย
เอ่อ มึงครับ สติหน่อย
แม่ง แต่ทำไมเขาดูดนมเปรี้ยวไป ยิ้มไปวะ เขานี่ท่าจะเป็นบ้า
และตั้งแต่วันนั้น
เขาก็ปล่อยเวลาผ่านไปเกือบสี่เดือน จนเปิดเทอมและเขาขึ้นปีสอง ถึงได้ตั้งใจว่าจะรุกมัน…
‘เฮ้ยมึง มีบัตรนักศึกษาใช่มั้ย กูออกไปด้วยดิ’
ความจริงบัตรนักศึกษาของเขาอยู่ในกระเป๋ากางเกงครับ การได้เห็นหน้าเหวอๆของมันนี่สนุกชะมัด
และ…
มันเข้ามาดูเขาไลฟ์เฟซบุ๊กด้วย
เอาไงดีครับ แกล้งให้เขินกับหน้าจอมือถือดีมั้ยเนี่ย
‘นี่ของกู’
เขาควักบัตรนักศึกษาที่ยึดจากมันมาได้ เพราะใช้กลโกงเล่นเกมส์จนมันตอบผิด ถือโอกาสนี้เอามาเป็นข้ออ้างยึดบัตรไป เพื่อจะได้เจอกันอีกครั้ง ตอนมันมาเอาคืน แล้วเขาคิดไปไกลเลยนะ ว่าจะแกล้งมันตอนมาเอาบัตรคืนยังไง หึหึหึ เป็นเอามากนะมึง ไอ้สายป่าน
ชอบแกล้งคนที่ชอบเนี่ย เป็นกันทุกคนในครอบครัวครับ
แก้ไม่หายหรอก
เขารู้สึกเคยชินกับทุกวันที่ได้แกล้งให้มันเขิน
จนวันหนึ่งมันหายไป
เขาเหมือนขาดอะไร หัวใจมันโหวงๆ
เขาตามหามัน
ติดต่อมัน
มันไม่รับสาย
ไม่แม้แต่จะโทรกลับ
มันไปไหน
จนได้รู้ ว่ามันไปกับมามี่ เนื่องจากแม่ของมามี่เสียแล้ว มันเลยตามไปร่วมงานที่จังหวัดลำปาง
เย็นวันนั้นเขาบงการให้ไอ้แบงค์ไลฟ์เฟซบุ๊ก
เขาอยากเห็นหน้ามัน
อยากแกล้งมัน
แต่มันกลับไม่อยากให้แกล้งอีกต่อไปแล้ว มันตั้งใจหลบมุมกล้อง
‘เราฝากถึงคนปลอบมามี่หน่อยว่า…’
‘…’
‘พรุ่งนี้คงมีคำอธิบายที่หายตัวไปเฉยๆแบบนี้’
อย่างน้อย เขาก็ยังได้แกล้งมันอีกรอบ
อย่างน้อย มันก็ไม่หนีหายออกไป แค่ได้เห็นแขนมันก็ยังดี
เกิดอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง ไอ้แบงค์ได้รับบาดเจ็บหนัก พวกเราทั้งหมดมาที่โรงพยาบาล
และเขาก็ได้พบกับมัน ที่กำลังเรียกชื่อเขาอยู่
‘สายป่าน’
‘…’
‘สายป่าน’
‘มด’
เขาเองก็ตะโกนชื่อมันออกไปเหมือนกัน
และเป็นอีกครั้งที่มันทำให้เขาเหมือนเด็กอายุสิบสี่…
‘อย่าทำให้เป็นห่วงได้มั้ย’
ใจเข้ามันเต้นโคตรแรงเลยครับ
‘สายป่าน จะทำอะไรนินิวคะ’
มด ช่วยกูด้วย ร่างกายกูมันขยับไปตามความต้องการ
กูไม่ไหวแล้ว
อย่า อย่าทิ้งกันไป
‘มด กูไม่ไหวแล้ว’
เขาตัดสินใจออกแรงเอ่ยประโยคเฮือกสุดท้าย
ได้ผลมั้ย
!!!
‘เธอ วางยาสายป่าน’
มันกลับมา มันกลับมาหาเขาแล้ว ขอบคุณ ขอบคุณที่มึงไม่เข้าใจผิด ขอบคุณที่มึงไม่เดินหนีไป
ขอบคุณ
และคืนนั้น เขาก็ได้ทำเรื่องเลวร้ายที่สุดลงไป
เขาปล่อยให้อารมณ์มืดครอบงำ จนครอบครองมันอย่างไม่เหลือพื้นที่ใดอีก
เพราะเขาไม่รู้จักยับยั้งช่างใจ
ตอนเช้า คนที่นอนข้างกันเมื่อคืน จึงปลาสนาการหายไป
มด มึงจะโกรธกูมั้ย
ถึงมึงโกรธกู กูก็จะพยายาม กูจะตามง้อ ตามขอโทษมึง จนกว่ามึงจะหายโกรธ
เพราะงั้น อย่าใจร้ายกับคนที่รักมึงเลยนะ
“มด ไหวมั้ยเนี่ย ตกลงเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”
เขาจะเล่าได้ยังไงล่ะว่าตัวเองเสียจิ้นให้คนที่แอบชอบไปแล้ว มันน่าอาย แล้วก็เขินด้วยนะ
งื้อ แค่คิดถึงความเร่าร้อน ใบหน้าหื่นกามของไอ้สายป่านก็ลอยมาเลย
นั่นเป็นเหตุผลที่ตอนเช้าเขาไม่กล้าแม่แต่จะอยู่รอมันตื่นขึ้นมา เพราะกลัวความเขินอายมากมายมันจะทะลักออกมานี่สิ
โอ๊ย เขินจนตัวจะแตกแล้ว
อยู่มายี่สิบปี เพิ่งจะเคยเจอของใหญ่ เอ๊ย สิ่งแปลกใหม่อะไรแบบนี้
มดกับเรื่องเซ็กส์ เท่ากับศูนย์
“หรือว่า…” วินดี้ชี้นิ้วมา
“ไม่นะ เรากับสายป่านไม่ได้มีอะไรกันนะ อุ๊บ”
ให้ตายเถอะ เพราะความลนลานของตัวเองแท้ๆ
“นั่นไง ว่าแล้ววววววววว โดนจนได้” มามี่ตบตักฉาดใหญ่
“จริงๆก็นึกขอบคุณนังนินิวนะ ที่เหมือนเอาสูตรลัดให้มดไปเสียอย่างนั้น”
สูตรลัดที่ว่าคือการวางยาเหรอ แบบนี้ก็ได้เหรอ อึ๊ย แต่ไม่เอาแล้วนะ ทั้งอึด ทั้งทน จนเขาไม่ได้นอน โอ๊ยยยยย นี่เขาบอกอะไรทุกคนออกไปเนี่ยยยยย ลืมไปมันไปเลยนะทุกคน ห้ามบอกเหล่านางฟ้าด้วย
“ไม่เป็นไรค่ะมด ถึงอย่างไรเราก็เสียตัวไปแล้ว” วินดี้กุมมือเขาไว้
แล้วกระซิบบอก
“ต่อไปนี้…”
“…”
“จงเริ่มใช้เสน่ห์มัดใจผัวได้เลยค่ะ”
!!!
เสน่ห์บ้าอะไร
แล้วพูดเรื่องแบบนี้ออกมาหน้าตาเฉยได้ยังไงกัน
“พอเลย ไม่ต้องมาคุยด้วยเลย”
โอ๊ยยยย ทำไมมันดูเหมือนเขามุ้งมิ้งเหลือเกินวุ้ย
“ไม่คุยไม่ได้แล้ว เรื่องนี้ต้องเม้าท์” วินดี้ยังคะนั้นคะยอไม่เลิก
“ของสายป่านใหญ่ป่ะ” นี่สินะจุดประสงค์จริงๆอ่ะ เรื่องผู้ชายนี่ไม่เว้นแม้แต่ผัวเพื่อนเลยเนาะ เฮ้ยยยยย ผิดดดดดด
ตบปาก ตบปาก ไปเอาคำบ้าๆอย่างนี้มาจากไหนนะเรา
ใช่แล้ว ต้องติดจากเหล่านางฟ้ามาแน่ๆ
“พูดบ้าอะไร เราไม่รู้ด้วยแล้ว”
มีต่อนะคะ