STEP by STEP ทีละก้าว - {END}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: STEP by STEP ทีละก้าว - {END}  (อ่าน 83227 ครั้ง)

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
อ้างถึง
  “หัวใจของกู…”
                  “…”
                  “ให้มึง”
                  “…”
   
                  แล้วมึงจะเว้นวรรคนานทำไม ในเมื่อ…
   
                  “เอาไปตัด” 

เริ่มรำคาญสายป่านละหยอดอยู่นั่นแหละ  :m16: 

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
หลุดปากพูดไป จบเลยมดเอ้ย

ออฟไลน์ CHOIGYK_

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไม่ใช่มดมดแต่เขินมาก

ออฟไลน์ singalone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
สายป่านกับมดเรียนที่เดียวกับเราแน่ๆ เลยยยยยยยยยย ทุกอย่างมันคุ้นมาก เรารุ่นเดียวกันกับเมรีด้วย 5555555555555555555

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เพราะรักจึงเรียก "เหี้ย"  :laugh:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตกหลุมสายป่านแล้ว 55555555555

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
จ๊ะ สายป่าน พ่อคนช่างหยอด แล้วชอบหักมุมเอง
นี่ถ้ามดไม่รักไม่ชอบนะ จะบอกให้มดวิ่งหนี
เล่นตัวเหลือเกินนะคะพ่อ แล้วแกล้งเค้ามาก เค้างอนเลย
แต่สายป่านคงดีใจ เพราะมดมดบอกว่าตั้งใจทำให้คนเดียว

มดเอ้ย หลุดปากเพราะความเคืองเป็นเหตุ 5555
เอ็นดูมด กำลังปลิวขึ้นสูง ก็หล่นตุบตกฟ้าตลอด
มดต้องเอาคืนบ้างนะ ให้สายป่านดิ้นบ้าง

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
 เขิล​ รุนแรงมาก
 
ประโยคสุดท้ายฟาดหน้าสายป่าน​
 
ตอนนี้คงเงิบไปแล้ว​ 555555

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
มดๆจะรับผิดชอบความเขินยังไงละนี่ สายป่านจะจีบก็ให้มันจริงจังหน่อยดิแมนๆ

ออฟไลน์ Orange151987

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
จ้าาาาา

ออฟไลน์ MewSN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +234/-4
ก้าวที่สิบสี่
ก้าวถอยหลัง


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  หมับ!
   
                  “เดี๋ยว เดินหนีทำไม”
   
                  นึกว่าจะพ้นมันแล้ว แต่ไหงกลับวิ่งตามเขามาซะงั้น สรุปแล้วพวกเราก็ทิ้งพี่ทีมสัมภาษณ์ XX ทูเดย์ไว้กับกระดาษ หมึกปากกา และความว่างเปล่า ซึ่งถ้ามีโอกาสเขาจะบอกขอโทษพี่แก สัญญาเลย
                  แต่ตอนนี้ เขาต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน เบี่ยงหน้าแดงๆ หนีไปอีกทางไม่ให้ไอ้สายป่านที่วิ่งตามมาได้เห็น
   
                  “กูมีงาน ปล่อยเลย”
                  “เดี๋ยวนะคุณมดครับ เราพึ่งออกมาจากห้องนักแสดงด้วยกัน”
   
                  รู้ทันอีก…
   
                  “ก็… งานแถวๆนั้นแหละ”
   
                  เป็นประโยคที่สิ้นคิดที่สุด ตั้งแต่พยายามหาทางหนีไอ้สายป่านมา ก็คนมันตันคิดอะไรออกมาก็พูดออกไปก่อน
   
                  “แล้วอากาศร้อนเหรอคุณ หน้าแดงเชียว”
   
                  โอ๊ยยยยย
                  เขาอุตส่าห์เบี่ยงหลบไปอีกทางแล้วนะ ยังจะตามมายืนจังก้าแล้วจ้องหน้าคนอื่นแบบเสียมารยาทไปอีก
                  อะไร มีคนเถียงว่าเวลาพูดกันไม่ให้จ้องหน้าได้ไงเหรอ
                  ก็ใช่ แต่อย่ามาจ้องเวลาเขินได้มั้ย โดยเฉพาะคนที่จ้องอยู่ตอนนี้แม่งเป็นคนที่ทำให้เขินด้วยอ่ะ
                  ฮือออออ
                  ขอเป็นลมตอนนี้ทันมั้ย
   
                  “มาคุยกันให้รู้เรื่อง”
                  “คุยอะไร ไม่มีอะไรจะคุย”
   
                  เขาดิ้นไปมา เพราะมันกำลังคว้าไม้คว้ามือเขามาพันธนาการไว้ด้วยมือของมัน คนที่ผ่านไปมาแถวนี้บ้างก็หันมามองอย่างให้ความสนใจ
                  จะไม่ให้สนใจได้ไงล่ะ
                  ผู้ชายสองคน เล่นจับมือกัน แม้ว่าโลกนี้จะเปิดกว้างแต่มันก็ยังเป็นสิ่งแปลกใหม่อยู่ดี
                  อีกอย่าง ลืมไปแล้วเหรอว่าไอ้สายป่านมันเป็นคนดัง
   
                  “ก็ที่พูดเมื่อกี้ไง”
                  “อะไร ไม่ได้พูดอะไร”
                  “แล้วหน้าแดงทำไม”
                  “…”
                  “ไม่ใช่เขินที่พูดออกมาเหรอ”
   
                  !!!
   
                  ให้มดว่าไง๊!!!
                  ตายอย่างสงบสิ คนเรา…
   
                  “ที่พูด…”
                  “…”
                  “จริงๆเหรอ”
   
                  เขาจะแกล้งไม่ได้ยิน
                  เขาจะแกล้งไม่ได้ยิน
                  เขาจะแกล้ง…
   
                  “มึงจะตั้งใจทำมันให้กู จริงๆเหรอ”
   
                  เขาได้ยิน
                  ได้ยินทุกอย่าง
   
                  “อืม”
   
                  แล้วจะให้ตอบว่ายังไงล่ะ
                  ในเมื่อหัวใจ…
                  มันพ่ายแพ้ต่อมึงคนเดียว
                  สายป่าน 291…

   





                  “งื้ออออ วันนี้ขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะ กลับกันดีๆน้า”
   
                  โฟร์โค้งคำนับพร้อมพูดขอบคุณไม่หยุด ลาทุกคนด้วยรอยยิ้มสดใส แม้ว่าวันนี้งานจะไม่ค่อยเดินเท่าไหร่ แถมประกอบกับพวกเรายังใหม่กันทุกคน ถึงจะติดขัด เก้ๆกังๆในหลายๆเรื่องจนทำให้หงุดหงิดใจไปบ้าง แต่ทุกคนก็อยู่ซ้อมอย่างตั้งใจ และไม่มีใครบ่นจะกลับก่อนเลย นั่นคงเป็นเหตุผลที่แม่งานอย่างโฟร์ปลื้มปริ่มสุดๆไปเลย
                  ยอมรับว่าตอนแรกเขามองทุกคนเหมือนพวกถอดใจง่าย แต่พอร่วมงานกันจริงๆพวกนี้น่ะ โคตรอึด ถึก และทนทาน คำด่าโฟร์ฆ่าทุกคนไม่ตายเลยทีเดียว
   
                  “เจ๊ๆไปแล้วน้า มดกลับยังไง”
   
                  แก๊งนางฟ้าเดินเข้ามาถามเขาที่ยืนเช็คไฟ เช็คจอคอมอยู่
   
                  “อ่อ มดเอารถมาเจ๊”
                  “โอเค เจอกันคาบแม่ศรีสมรค่ะ” มามี่บอก พร้อมโบกมือลา เขายิ้มล้อ
                  “ตื่นให้ได้ก่อนมั้ย”
                  “ปากคอเราะร้าย ติดใครมาวะลูกทรพี มาให้แม่หอมแก้มลวนลามเดี๋ยวนี้”
   
                  มามี่ที่ตั้งท่าจะทำจริงๆ ถ้าไม่ถูกลลิตายื้อไว้ก่อน
   
                  “สงสารมด อิดอก” เธอว่าพร้อมหิ้วเพื่อนสนิทไปที่รถ ตามไปด้วยเหล่านางฟ้าคนอื่นๆที่มาลาเขาแล้วจากไป
                  “มด กลับไง กูจะกลับแล้วนะ”
   
                  โฟร์ที่ส่งทุกๆคนกลับเดินมาหาเขา แล้วเก็บของใช้ของมันบนโต๊ะใส่กระเป๋าผ้าของตัวเอง
   
                  “รถจอดที่คณะสถาปัตย์ เดี๋ยวเดินไปเอา”
                  “ไกลไปมั้ย”
   
                  ความจริงมันก็ไกลมากกกกกกก
                  แต่ที่เขาบอกปฏิเสธทุกคนก่อนหน้าคือเขาไม่อยากรบกวนจริงๆ สีหน้าทุกคนมันบอกว่าอิดโรยขั้นสุดแล้วจริงๆ
   
                  “มึงกลับไปพักเถอะ”
   
                  และเขารู้ว่าโฟร์อยู่หอในซึ่งใกล้ๆนี้เอง มันไม่มีรถไปส่งเขาที่คณะสถาปัตย์หรอก
   
                  “โทรมาละกันถ้าถึงหอแล้ว”
                  “จ้า”
   
                  เพื่อนเขาก็เป็นแบบนี้ ปีหนึ่งเป็นยังไง ปีสองก็เป็นแบบนั้น
                  ห่วงใยกันที่หนึ่ง
                  ทุกคนออกจากห้องไปหมดแล้ว เขาเช็กไฟ เช็กอะไรอีกรอบให้มั่นใจว่าเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ทำการปิดห้อง ล็อคไว้ด้วยกุญแจ ที่ต้องเดินไปส่งคืนให้ยามตรงป้อมหน้าประตูคณะศึกษาศาสตร์
   
                  “อ้าว”
   
                  ไอ้สายป่านครับ มันยังอยู่ นั่งเล่นไอโฟนอยู่ที่ขั้นบันได
   
                  “รอใครอ่ะ”
                  “มีใครให้รออีก ถ้าไม่ใช่มึง”
   
                  เออ นั่นสิ เขาก็ถามโง่ๆ
                  แต่พอกลับมาทบทวนประโยคอีกรอบ สิ่งที่ได้กลับมาคือใบหน้าที่ร้อนผ่าวขึ้นแทบจะทันทีที่ประมวลผลเสร็จสิ้น
                  ดีนะที่มันมืด ไอ้สายป่านเลยไม่เห็น เพราะงั้นเขาคงต้องโดนแกล้งเหมือนเมื่อเย็นอีกรอบ
   
                  “รอกูทำไม”
                  “รถมึงจอดอยู่คณะไม่ใช่เหรอ”
   
                  ก็ใช่ แต่มันรู้ได้ไง
   
                  “รถเราจอดข้างกัน”
   
                  !!!
   
                  “เดินไปคณะกันเถอะ เพื่อนร่วมชะตากรรม”
   
                  นี่สินะ
                  เหตุผลที่รอกู
                  โอ๊ยยยยยยยยยยย
                  ไอ้ฉากพระเอกรอนางเอกนี่สลายไปทันทีเลยครับ
                  แม่ง อย่าถามหาความโรแมนติกจากคนที่ชื่อสายป่าน

   





                  “จำได้มั้ยวะ ตอนที่รับน้องวันแรก รุ่นพี่แม่งพาเราเดินรอบมอ”
                  “อือฮึ แล้ว?”
   
                  เขาชอบเวลานี้จัง เพราะเขาสำนึกได้ว่า มันช่างดูแตกต่างกว่าตอนที่เราเจอกันที่คณะสถาปัตย์สัยอีก เขายังจำได้ว่าตอนนั้นทั้งเกร็ง ทั้งทำอะไรไม่ถูก ชวนพูดคุยก็ไม่ได้เรื่อง ในหัวเอาแต่คิดเรื่องจะวางตัวยังไงให้เหมือนเพื่อนกัน แต่ตอนนี้เขากลับผ่อนคลาย โล่งสบาย ทำตัวยังไงก็ได้
                  ไม่รู้สิ ความลับของเขาก็ยังเป็นความลับอยู่นะ
                  แต่อยู่ที่ว่า…
                  ตอนนั้นเขาตั้งใจจะปิดให้มิด เขาเลยค่อนข้างอึดอัด
                  แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่ามีความคิดบางอย่างแทรกเข้ามาในหัว
                  ว่าถ้าโดนจับได้ ก็จะเปิด
                  ต่อให้ไม่เป็นเหมือนคาด เขาก็พร้อมจะเสียใจ
                  เขาคงต้องโทษท่าทีของไอ้สายป่านที่เขาคิดเข้าข้างไปเองว่าเหมือนให้ความหวังนี้ ว่าเป็นความมั่นใจเล็กๆว่าเขาจะไม่มีวันต้องเสียใจ
                  บางทีเขาคงอ่อนเรื่องประสบการณ์ความรัก เพราะได้แต่แอบรักมาตลอด
                  บางทีมันอาจไม่ได้ให้ความหวัง แต่ถูกติ๊ต่างโดยเขาเองผสมกับความหวังเล็กๆของตัวเอง เลยกลายเป็นว่าถ้าเสียใจเขาคงจะต้องโทษมันแน่ๆ
   
                  “ก็ตรงนี้ไง ที่มึงทักว่ากูชื่ออะไรอ่ะ”
                  “…”
                  “แล้วแม่งก็บิดหน้าหนีเฉยเลย ตอนนั้นกูคิดแบบ ไอ้เหี้ยนี่เป็นเหี้ยไรวะ”
   
                  คำก็เหี้ย สองคำก็เหี้ย
                  ใช่แล้วเขาจำได้…
                  วันนั้นเป็นวันรับน้องวันแรก เขารู้อยู่แล้วแหละว่ามีไอ้สายป่านอยาในขบวนด้วย และตอนนั้นความรู้สึกแม่งก็โคตรชัดเจนว่าชอบมัน เลยหาทางเลี่ยงๆมันไว้
                  แต่โชคร้ายดันเข้าข้างเขามากกว่า เมื่อตัวเองหลงผิดนึกว่าไอ้ที่หันหลังให้นั่นไม่ใช่สายป่าน แต่เป็นเพื่อนคนใดคนหนึ่งร่วมขบวน
                  นาทีนั้นเขาที่เป็นเด็กตัวคนเดียวรีบพุ่งไปสะกิดไหล่ อยากทำความรู้จัก แต่พอหันมาแทบผงะ
                  ไอ้สายป่าน 291…
                  ยิ้มโชว์ฟันให้กูแล้วบอกกูชื่อสายป่านครับเฉยเลย
                  ไม่ต้องแนะนำตัวคนก็รู้จักมึงตั้งแต่ยังไม่เปิดเทอมแล้ว รวมทั้งตัวเขาด้วย
                  กลายเป็นว่ามิชชั่นทำความรู้จักเพื่อนใหม่ล้มเหลว แล้วได้ความเขินอายจนต้องบิดหน้าหนีตามที่ไอ้สายป่านเล่าอย่างปัจจุบัน
                  ไม่นึกว่ามันยังจำเด็กมดเฟรชชี่ปีหนึ่งในวันวานได้
                  เหมือนกับที่เขายังจำมันได้ดีเลยล่ะ
   
                  “ตอนนั้นกูก็คิดแหละว่า คนเหี้ยอะไรโคตรไม่หล่อ เลยหันหน้าหนีแม่ง”
   
                  เราเดินมาถึงรั้วเหล็กที่กันพวกเราออกห่างจากพื้นหญ้าสีเขียวขจี ณ สนามกีฬากลาง เขามองไปไกลจนเห็นสแตนอีกฟากฝั่ง แต่ที่สำคัญกว่านั้นเพราะลมเย็นเลยทำให้ต้องยื่นหน้าไปรับลม
                  จนเมื่อคนข้างๆที่เงียบไป พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า…
   
                  “แล้วตอนนี้ กูหล่อพอหรือยัง”
   
                  เป็นเสียงทุ้มนุ่ม ที่ทำให้เขาต้องหันไปมอง
   
                  !!!
   
                  เขาเบิกตากว้าง ในขณะที่อีกคนเผยรอยยิ้มน้อยๆ
                  มันเกิดขึ้นรวดเร็วเหลือเกิน แต่ก็ยังรู้สึก…
                  เพราะเขาหันหน้าเร็วเกินไป และองศาที่ใบหน้าเราหันมาพบกัน ทำให้ช่องว่างระหว่างริมฝีปากของเราทั้งคู่ลดลงจนเป็นศูนย์
                  ก่อนที่เขาจะกระเด้งตัวออกมา แล้วเบิกตากว้างตกใจอยู่ตอนนี้…
   
                  “ปากมึงนิ่มเหมือนที่กูคิดไว้จริงๆด้วย”
   
                  ถ้อยคำที่ทำให้ใบหน้าเขาร้อนผ่าวถูกพ่นออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้ม
                  ปากเขานิ่ม… เหมือนที่มันคิดไว้ จริงๆเหรอ
                  แล้วมันไปคิดไว้ตอนไหนกัน
   


                  

   

                  “วางไว้ตรงนี้เลย โอเค แล้วก็ อะไรอีกวะ”
   
                  มามี่ที่คุมคนทำงานเท้าสะเอวชี้สั่งนั่นสั่งนี่ แต่ไม่เคยมีใครจะกังขาในข้อหาที่ว่า เธอทำได้แค่สั่งคนเลย ใช่ ถึงคนนอกไม่เห็นแต่พวกเราน่ะ เห็นมาเยอะแล้ว การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของเหล่านางฟ้า ทั้งงานรุ่นงานมหา’ลัย บอกเลยว่าไร้ที่ติ บางครั้ง การทำงานต้องมีทั้งผู้นำ และคนตาม แต่คนๆเดียวจะเป็นทั้งสองอย่างไม่ได้ มีรุ่นพี่คนหนึ่งเคยพูดไว้ว่า คนที่ผู้นำ ไม่ได้ทำงานเป็นทุกคน แต่เขาใช้คนเป็น ในขณะที่บางครั้งหากเราเลือกผู้นำจากคนที่ทำงานเป็น เราก็อาจจะไม่ได้ผู้นำอย่างที่เราคาดหวังไว้ เพราะเขาเพียงแต่ทำงานเป็น ใช้ตัวเองเป็น แต่เขาใช้คนอื่นไม่เป็น
                  แต่มามี่เป็นเพียงคนเดียวที่เขารู้จักว่าเธอเป็นได้ทั้งสองอย่างในร่างเดียวกัน
   
                  “ลลิตาไปเอาช่อดอกไม้ที่เราจัดมาตกแต่งเพิ่มนะคะ” มามี่บอก ลลิตาพยักหน้าก่อนจะเอ่ยท้วงว่า
                  “แต่มันจะดูรกไปหรือเปล่าวะ”
   
                  มามี่ไม่ใช่คนเผด็จการ เธอรับฟังความคิดเห็นเพื่อนๆเสมอ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เธอมักได้รับมอบหมายตำแหน่งสำคัญ
   
                  “เออว่ะ แป๊บ ใช้สมอง ว่าไงดีทุกคน”
   
                  เธอถามความเห็นจากทุกคนเสมอ และบางครั้ง
   
                  “เอางี้ ไปเอามาใส่ๆไปก่อน แล้วเดี๋ยวดูภาพรวมอีกที”
   
                  เธอก็จำเป็นต้องเด็ดขาดให้สมกับเป็นผู้นำ เพื่อให้งานเดินต่อไปได้ ในขณะที่พวกเราได้แต่อ้ำอึ้ง ว่าจะทำยังไงดี
                  มามี่เป็นคนเก่งคนหนึ่งที่เขายอมรับ ไม่สิ ที่เพื่อนทั้งรุ่นยอมรับต่างหาก
                  แม้ภายนอกจะดูบ้าบอ และบ้าผู้ชายก็ตาม
   
                  “มด ตามสายป่านให้หน่อยนะเย็นนี้”
   
                  เหมือนเธอจะรู้ว่าเขากำลังนินทาเธอในใจ เธอเลยส่งมอบคำสั่งร้ายกาจมาให้เขาเสียเลย
                  ไม่นะ…
                  เขายังไม่กล้าคุยกับมัน
                  ใช่สิ ตั้งแต่เรื่องวันนั้น จนถึงตอนนี้ ตั้งแต่ที่เขาบอกลามันที่หน้าห้อง ตั้งแต่ที่เราปิดประตูห้องพร้อมกัน และมันก็ไปกรุงเทพฯ จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่กล้าคุยอะไรกับมันเลย
                  แม้ว่ามันจะคอยกดไลค์สเตตัสของเขาตลอดหนึ่งอาทิตย์เต็มที่มันบอกว่า ไปออกงานที่กรุงเทพฯ
                  ไม่รู้สิ เขาทราบคร่าวๆว่าเป็นการแลกเปลี่ยนดาวเดือนกันมั้ง ไม่ได้ติดตามเท่าไหร่
                  แต่ติดตามมันคนเดียว
                  เห็นนะว่าอัพรูปกับดาวสวยๆมหา’ลัยอื่นมากมาย
                  แต่มันไม่ได้เป็นคนลง ส่วนใหญ่ดาวๆพวกนั้นจะแท็กมันเอง
                  ร่ายมาตั้งยาวเหยียด
                  สำหรับไอ้สายป่านแล้วมันก็คงเป็นอุบัติเหตุ แต่สำหรับเขา มันไม่ใช่แบบนั้น
                  สำหรับมด ปากชนปาก เขาเรียกมันว่าจูบ เขานี่ช่างไร้เดียงสากับเรื่องความรักจนคิดถึงทีไรก็เขินทุกที
                  แล้วแบบนี้ จะให้เขาไปตามมันได้อย่างไร
   
                  “นั่นสิ สายป่านกลับมาแล้วนี่ ใช่มั้ยมด” วินดี้ถามเขา
   
                  แล้วทำไมทุกคนต้องถามเรื่องสายป่านจากเขา เขาไม่ใช่… แฟนมันนะ
   
                  “ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้คุยกันมาสักพักแล้ว”
   
                  นี่เขาเรียกว่าเป็นการตอบทำร้ายตัวเองหรือเปล่าเนี่ย เท่ากับว่าก่อนหน้านั้นเขาคุยกับมันบ่อยงั้นเหรอ โอ๊ย สับสนคำพูดตัวเอง
   
                  “ยังไม่ลงเครื่องมั้ง พอลงเดี๋ยวก็ทักมา…”
   
                  ตึ๊ง
   
                  ยังไม่ทันจบคำพูดอุมาพร เฟซบุ๊กเขาก็แจ้งเตือนเข้ามา
                  อะไร นึกว่าเป็นสายป่านเหรอ ใช่เขาก็หวังอยู่ แต่ขอโทษที เป็นข้อความจากฟ้าเรื่องงานกลุ่มต่างหาก
                  เฮ้อ
                  อย่าคาดหวังลมๆแล้งๆเลยเรา เราเป็นอะไรกับมัน
                  เป็นบ้าเหรอมด
      
                  ครืด ครืด
   
                  “โทรศัพท์ใครดังอ่ะ”
   
                  มามี่ถาม
                  ไอโฟนเขาเองที่สั่นครืดคราด ไม่กี่วินาทีตอนที่เขาเอามันกลับไปใส่ในกระเป๋ากางเกง
                  ให้เดาก็คงเป็นฟ้าที่โทรมาย้ำ เพราะเขาไม่ตอบแชทมัน
   
                  !!!
                  สายป่าน 291…
   
                  เขามีเบอร์เพื่อนร่วมรุ่นทุกเบอร์ เพราะรุ่นพี่บังคับให้เมมไว้ เป็นชื่อเล่นตามด้วยรหัสนักศึกษาสามตัวท้าย
                  แต่ก็เมมไว้บังหน้า เพื่อไม่ให้โดนว้าก เพื่อไม่ให้มีข้ออ้างโดนด่าว่าไม่สนใจเพื่อนเหรอคุณ
                  บางเบอร์ไม่เคยโทรเข้ามาหาด้วยซ้ำ นั่นสิ จะโทรมาเพื่ออะไร
                  และเบอร์ที่โชว์อยู่นี่ ก็เป็นครั้งแรกที่เจ้าของมันโทรเข้ามา…
   
                  “ใครโทรมามด เอาแต่จ้องเดี๋ยวเขาก็วางสาย”
   
                  มามี่ว่าแล้วทำท่าจะชะโงกหน้าเข้ามาดู เขารีบก้าวถอยหนีเธอแล้วเอามือปิดหน้าจอไอโฟนทันทีจนมีพิรุธ และมีหรือเหล่านางฟ้าจะไม่รู้และจับได้ว่าใครโทรมา
   
                  “ไปๆ พวกมึง ทำงานๆ แฟนเขาจะคุยกัน” วินดี้โบกไม้โบกมือให้เพื่อนๆออกไป รวมถึงตัวเธอด้วย
   
                  โอ๊ยยยย
                  แฟนอะไรล่ะ เพื่อนกันมั้ย
   
                  “สะ…สวัสดี”
   
                  เขาไม่รู้จะพูดอะไร เลยได้แต่เอ่ยประโยคทักทายตามมารยาทออกไป หลังจากกดรับสายด้วยมือสั่นเทา
   
                  {พูดอีกทีได้มั้ย}
   
                  เขาขมวดคิ้วมุ่นกับคำพูดของคนในสาย แต่เสียงมัน… เสียงที่เขาไม่ได้ยินมาเกือบอาทิตย์
                  ทำไมโคตรรู้สึกคิดถึงเลยนะ
   
                  “พะ…พูดอะไร”
   
                  จบแล้ว สรุปกูติดอ่างใช่มั้ย จะพูดตะกุกตะกักทำไมเนี่ย
   
                  {เสียงมึงน่ะ}
                  “…”
                  {กูโคตรคิดถึงเลย}
   
                  ตู้มมมมมมมมมม
   
                  ตึกตัก ตึกตัก
   
                  มันพูดอะไรออกมา
                  มันบอกว่าคิดถึง
                  ไม่ มันบอกว่าโคตรคิดถึงเลย
                  ฮืออออออ ใจเราบางไปหมดแล้ว ใจมันอ่อนแอแพ้สายป่าน
   
                  {ที่เงียบไปนี่ เพราะกำลังเขินอยู่ใช่ป่ะ}
                  “บ้าสิ ใครจะเขินมึง”
                  {ก็มึงไง ตอนนี้กำลังหน้าแดงอยู่}
                  “รู้ได้ไง”
   
                  แล้วเขาก็เผลอปล่อยไต๋จนได้ คนปลายสายหัวเราะเสียงนุ่ม
   
                  {ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้ไม่มีรถกลับมอครับ}
                  “…”
                  {มารับหน่อยได้มั้ย}
   
                  !!!
                  มันให้เขาไปรับที่สนามบิน
   
                  “จริงจังมั้ยเนี่ย”
                  {ถ้าเป็นเรื่องของมึง กูก็จริงจังทั้งหมดนั่นแหละ}
   
                  เดี๋ยวๆ เขาหมายถึงเรื่องให้ไปรับที่สนามบินเนี่ย มันหมายถึงเรื่องไหนก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ กูเขินไว้ก่อนแล้วครับ
   
                  “ตกลงจะให้ไปรับมั้ย”
                  {มาดิ ไม่มีรถกลับจริงๆเนี่ย นั่งรอเหงือกแห้งแล้ว}
                  “ถึงนานแล้วเหรอ”
                  {สามสิบวิ}
   
                  แล้วรอเหงือกแห้งคือ?
   
                  “เดี๋ยวไป รออยู่ตรงนั้นนะ”
                  {คร้าบบบบบ แม่ทูนหัว}
   
                  ไอ้สัด กูเป็นผู้ชายครับ
   
   





                  “มดใจเย็นๆ เจ๊ซิ่งสุดๆแล้วเนี่ย”
   
                  หลังจากวางสายไอ้สายป่าน เขาก็ลืมไปว่าวันนี้เขาไม่ได้เอารถมา มันถูกจอดสนิทเพราะน้ำมันหมดอยู่ใต้หอพัก ตอนแรกก็เกรงใจที่จะไปขอความช่วยเหลือจากพวกเจ๊ๆ แต่สุดท้ายก็บากหน้าไปขอจนได้
                  มด สายป่านน่ะตัวเอกของงานพรุ่งนี้ วันนี้ต้องเอามาบรีฟ ทำไมไม่รีบบอกเจ๊เนี่ย
                  จากนั้นพวกเราทั้งหมด อัประกอบด้วย เขา มามี่ วินดี้ ลลิตา อุมาพร และลิลลี่ ก็ได้ร่วมลงเรือลำเดียวกันหลังจากขโมยกุญแจรถของไอ้พี่ปืนมา โดยมามี่ให้เหตุผลว่าช่วยไม่ได้นี่ ก็เจ้าตัวอยากวางเรี่ยราดไว้แถวนี้เอง
                  แต่แถวนี้ที่ว่ามันคือในกระเป๋าพี่แกเลยนะ คิดเอาเถอะ ใครถูกใครผิด
   
                  “ถึงแล้ว”

                  มามี่จอดรถ
   
                  “มดล่วงหน้าไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวพวกเจ๊ๆจะไปหาที่จอดรถ”
   
                  เขาพยักหน้า ไม่ลืมเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะตรงไปยังสถานที่นัดหมายที่นัดกับไอ้สายป่านเอาไว้
                  ไกลออกไปเขาเห็นใครบางคนที่คุ้นตา นั่งเล่นโทรศัพท์ในมือ
                  หัวใจของเขาเต้นแรงมาก เขารับรู้ได้เลย
                  น่าแปลกที่เราห่างกันแค่เพียงหนึ่งอาทิตย์ แต่กลับทำให้เขาโหยหามันมากขนาดนี้ นั่นแสดงถึงอิทธิพลของมันต่อตัวเขาที่มากขึ้นเรื่อยๆ
                  และเขายินยอมอยู่ภายใต้อิทธิพลของหัวใจตัวเองอย่างไม่มีเงื่อนไข
                  ปากของเขายิ้มกว้างตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
                  ขาก็ค่อยๆก้าวเดินไปหามัน
   
                  “สายป่าน”
   
                  สายป่าน…
                  แต่เสียงของเขาไม่มีวันไปถึงมัน
                  ขาที่ก้าวไปหยุดชะงัก
                  ตัวของเขาแข็งทื่อ
   
                  “นิว”
                  “ไม่เจอกันนานเลย”
   
                  เขาค่อยๆก้าวถอยหลัง ค่อยๆก้าวห่างออกไป เรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ
                  เขาเคยคิดว่าเรากำลังก้าวเข้าหากันเรื่อยๆ
                  ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของเขากับมันกำลังเริ่มพัฒนา
                  แต่เขาคงลืมไปว่า นั่นเป็นความคิดของตัวเองฝ่ายเดียว ความคิดที่โคตรจะเข้าข้างตัวเองของคนที่แอบชอบมันโคตรๆแบบเขา
                  เขาลืมไปได้ไงว่า
                  คนแอบรัก กับคนถูกรัก มันต่างกันยังไง
                  แต่วันนี้…
                  ความทรงจำที่เลือนหายไปมันกลับค่อยๆคืนมา
   
                  “นิวตามไอจีสายป่านตลอดเลย นึกว่าจะไม่ทันแลนดิ้งพร้อมกันซะแล้ว”
                  “คือยังไง”
                  “นิวจะกลับมาเรียนที่นี่เหมือนเดิมไง”
   
                  เมื่อคนที่ถูกมันรัก กำลังจะกลับมา
   
                  กึก!
   
                  “มด เป็นอะไร ทำไมไม่เข้า…”
   
                  เขาถอยหลังมาชนกับมามี่
   
                  “ฉิบหายล่ะอิวินดี้” มามี่เปรยขึ้นเบาๆ วินดี้ที่เดินตามมางงงัน
                  “อะไรของมึง”
                  “มึงดู”
   
                  มามี่ชี้ให้วินดี้ดูสายป่านกับนิว
   
                  “อินินิวเหรอ ว้าย จะกลับมารีเทิร์น อุ๊บ”
   
                  มามี่ตะครุบปิดปากวินดี้ แล้วพยักเพยิดให้มองมาที่เขา มันยากอยู่นะ แต่เขาก็แกล้งฝืนยิ้มให้
   
                  “ขอโทษน้ามด”
   
                  วินดี้ขอโทษขอโพย
                  เขาไม่รู้จะพูดอะไร เลยได้แต่ส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร ทั้งที่ในใจเจ็บหน่วงๆ
   
                  “กลับกันเถอะเจ๊ๆ”
   
                  มันคงหาทางกลับมอได้แล้ว…
                  ตั้งแต่วินาทีนี้ไป เท้าของเขาค่อยๆก้าวถอยหลัง และในไม่ช้า มันจะกลับไปยืนอยู่ยังจุดเริ่มต้นดังเดิม
   
                  “มด แป๊บนะ มีคนโทรหาเจ๊”
   
                  มามี่รับโทรศัพท์
   
                  “สวัสดีครับพ่อ”
   
                  เขาจำได้ว่ามามี่เคยบอกว่าทางบ้านยังไม่ค่อยยอมรับเรื่องเพศที่สามเท่าไหร่ ทุกครั้งที่ทางบ้านโทรมาทุกคนก็จะได้เห็นโหมดความแมนของมามี่ที่มันไม่เคยหายไป
   
                  “อะไรนะ พ่อพูดอีกทีซิ”
                  “เป็นอะไรมึง มามี่”
   
                  วินดี้เดินเข้าไปถาม
   
                  “แมนบอกว่าให้พ่อพูดอีกทีซิ”
                  “มึงใจเย็นๆ”
   
                  วินดี้ลูบหลังมามี่ เพื่อนๆรู้ดีว่ามามี่ไม่ค่อยถูกกับคุณพ่อ ทุกครั้งที่โทรมาก็จะมีปากเสียงกันบ่อยๆ
   
                  “อิวินดี้”
                  “มามี่ มึงเป็นอะไร”
                  “ฮือออออออ”
                  “มามี่ อิมามี่ มึงร้องไห้ทำไม”
   
                  ลลิตาเดินเข้ามากอดมามี่
   
                  “มึง ฮือออออออ”
                  “…”
                  “แม่ … พ่อ แม่กู ฮือ”
                  “มึงตั้งสติก่อน พูดดีๆ”
   
                  ทุกคนเข้าไปรุมมามี่ด้วยความตกใจเพราะจู่ๆเธอก็ร้องไห้ออกมาเป็นวรรคเป็นเวร ซึ่งน้อยครั้งนักที่เราจะได้เห็น รวมทั้งเพื่อนสนิทอย่างแก๊งนางฟ้าที่อกสั่นขวัญหายไปตามๆกัน
   
                  “แม่ พ่อบอกว่า แม่ ฮึก แม่กู”
                  “…”
                  “ตายแล้ว”
                  “…”
                  “พ่อเล่าว่า ฮึก แม่ กู ขับรถเข้าไปในเมือง ตอน ฮึก ตอนเช้า แล้วก็ เกิด อุบัติเหตุ”
                  “…”
                  “มึง ฮือออออออออออ แม่กู ไม่จริงใช่มั้ย มึง”
   
                  ไม่มีเสียงตอบรับจากพวกเรา
                  เพราะน้ำตาของมามี่ ตอกย้ำว่ามันคือเรื่องจริง





*TBC...............................................

โอ๊ยยยย มันยังไงกันคะคุณผู้อ่านนนนนนนนน
แล้วเจอกันค่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2019 19:40:36 โดย MewSN »

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ CHOIGYK_

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แงงงงง สงสารมดมด

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
เศร้าเลย 2เรื่องในเวลาเดียวกัน

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
งะ โอ้ยยยย

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
วันแห่งการสูญเสีย  :hao5:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เอ้า พอจะดีๆ มีคนมาพาเสียเรื่องอีกละ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
หลายอารมณ์มาก  :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ก้าวเดินหน้า 1 ถอยหลัง 2 อ่ะตอนนี้  :mew2: :mew2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MewSN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +234/-4
ก้าวที่สิบห้า
ทะเลสีเทา


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  “ขอกูเกาะหน่อยนะ กูไม่มีแรง”
   
                  มามี่เดินเข้ามาหาพวกเราที่ยืนรอเธออยู่หน้าหอพัก เขาเข้าใจดีเลยล่ะว่ามันกะทันหันเกินไปที่คนๆหนึ่งจะรับไหว ตอนที่เขาเสียคุณตา ตอนนั้นเขาเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น ช่วงพักเที่ยง โรงเรียนประกาศเสียงตามสาย ว่าผู้ปกครองกำลังตามหาตัวเขาอยู่ ในความคิดเด็กๆ เขาไม่ได้คาดคิดสักนิดเลยว่าจะได้รับข่าวร้าย เขาเพียงแต่กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ และรีบตรงไปหาพ่อกับแม่ที่นั่งรออยู่ในห้องปกครองด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย
   
                  “มึงไหวนะมามี่ ไม่เป็นไรนะมึง”
   
                  วินดี้ทำได้เพียงแค่กอดปลอบ และระวังให้มากกับการพูดประโยค เดี๋ยวมันจะผ่านไป ทุกคนในที่นี้รู้ดีว่า มามี่จะผ่านไปได้ เพียงแต่นั่นไม่ใช่ตอนนี้เท่านั้นเอง
   
                  “กูอยากตอบว่าไหว แต่ขอโทษที กูไม่ไหวจริงๆ”
                  “โถ อิมามี่เพื่อนกู”
   
                  ลลิตาเข้าไปกอดปลอบอีกคน แล้วร้องไห้ไปด้วยกัน
                  เขาเหม่อมองไปบนท้องฟ้า ที่เวลานี้ช่างไม่ต่างอะไรกับทะเลสีเทา มันคงหม่นหมองลงเพราะความเศร้าใจของมามี่แน่ๆ เขาคิดว่าเป็นอย่างนั้น
   
                  “ขึ้นรถเถอะทุกคน เดี๋ยวเราจะไปสายนะ” เขาว่า
                  “ไปกันเถอะมึง” อุมาพรตบไหล่มามี่
                  “ขอบคุณมากนะมด แต่ไปกับพวกเราแบบนี้จะดีเหรอ”
   
                  มามี่คงหมายถึงเรื่องเรียน เพราะพรุ่งนี้เป็นวันธรรมดา และแน่นอนว่าทุกคนมีเรียน ซึ่งเธอคงรู้สึกเกรงใจมากแน่ๆที่ต้องลากเขาไปด้วย
   
                  “มดไม่ใช่เพื่อนมามี่เหรอ” เขาย้อนถาม
                  “ใช่สิ ใช่…”
                  “งั้นก็ไม่ต้องถามแบบนั้นอีก” เขาส่งยิ้มให้
   
                  มามี่น้ำตาไหลอีกรอบ แล้วพุ่งเข้ามากอดเขา
   
                  “ไม่เป็นไรนะมามี่ มามี่เป็นคนเข้มแข็ง ต้องรีบกลับมาลวนลามมดเหมือนเดิมนะ”
   
                  เขาพยายามพูดติดตลก แม้จะไม่ใช่เวลาพูด แต่ทุกคนก็ยิ้มออกมาได้
   
                  “ได้เลย”
   
                  แม้มามี่จะไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ แต่เธอก็ได้รับปากมด ซึ่งนับแต่นี้คือเพื่อนสนิทของเธอไปแล้ว
   
                  “เอาล่ะทุกคน กลับไปหาแม่อิมามี่ที่ลำปางกัน”
   
                  มามี่ปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
                  ใช่แล้ว…
                  หนูกำลังจะกลับไปกอดแม่แล้วนะคะ

   





                  ระหว่างทางมามี่เล่าว่าบ้านของเธอเป็นบ้านแบบครอบครัวขยาย คือไม่ได้มีแค่พ่อแม่ลูกเหมือนอย่างครอบครัวในเมืองใหญ่สมัยนี้ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าอยู่ในเขตชนบทที่สภาพแวดล้อมเป็นแบบนี้ และอีกส่วนหนึ่งก็คือความรักใคร่กลมเกลียวกันของคนในครอบครัว ที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร เลยไม่ต้องแยกย้ายกันไปอยู่บ้านนั้นบ้านนี้ จากที่เขาฟังเธอเล่า บ้านของมามี่โคตรน่าอยู่และดูอบอุ่นมากๆ
   
                  “ถึงแล้วทุกคน บ้านของกู”
   
                  มามี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เธอค่อยๆยืดอกขึ้นเพื่อรวบรวมความเข้มแข็ง แล้วปาดน้ำตาที่เปรอะข้างแก้มออกไป
   
                  “มึงมาหาแม่แล้ว มึงอย่าร้องให้ท่านเห็นนะ”
   
                  วินดี้ย้ำกับมามี่ แล้วบีบมือเพื่อนให้กำลังใจ
                  เรามาถึงประมาณห้าโมงเย็น เพราะระยะทางจากเชียงใหม่มาลำปางไม่ไกลมากนัก
   
                  “พ่อ สวัสดีครับ”
   
                  มามี่สวมบทบาทความแมนทันทีที่เจอชายวัยกลางคน ที่ยืนรอพวกเราอยู่หน้ารั้วประตูก่อนแล้ว ใบหน้าที่มีแววเคร่งครัดกวดขัน บัดนี้มันกลับถูกเด่นชัดด้วยความเศร้าสร้อยหม่นหมอง
   
                  “เข้าบ้านกันลูกๆ”
   
                  คุณพ่อผายมือเชื้อเชิญพวกเราเข้าบ้าน โดยพูดเป็นสำเนียงภาษาเหนือ
                  พวกเรายกมือไหว้แล้วเดินตามผู้ปกครองของบ้านไป
   
                  “สงสารพ่อทองจังมึง สงสารอิมามี่ด้วย”
   
                  ลลิตากระซิบให้ได้ยินแค่พวกเรา
   
                  “ชู่วววว มึงอย่าไปพูดให้คนที่กำลังพยายามเข้มแข็งได้ยินเชียวนะ”
   
                  วินดี้ปรามเบาๆ
   
                  เขาไม่สนใจเสียงซุบซิบในวง แล้วเมียงมองชมบรรยากาศรอบบ้าน เป็นบ้านที่ใหญ่จริงๆอย่างที่มามี่บอก ระหว่างทางมีเรือนหลังเล็กหลังน้อยมากมาย แถมที่น่าอยู่สุดๆเลยคือบริเวณบ้านแทบจะไม่มีแสงแดดส่องถึง เพราะมีเงาของไม้ใหญ่นานาพรรณคอยกำบังเอาไว้ ให้ความร่มรื่นและเย็นสบาย ข้างทางก็ปลูกดอกไม้เล็กๆอย่างดอกคุณนายตื่นสายที่เหี่ยวเฉาไปตามเวลา และจะกลับมาบานอีกในตอนเช้าสายๆ เมื่อยามที่แสงแดดทอลงมา
                  ตอนนี้เขาก็ได้เพียงแต่หวังว่า คนบ้านนี้จะเป็นเช่นดอกคุณนายตื่นสาย
                  เข้มแข็งได้ เมื่อถึงเวลา
                  ไม่สิ
                  เขาเองก็เช่นกัน เขาจะเข้มแข็งได้มั้ยนะ ถ้าเวลานั้นมาถึง…
                  เขายอมรับว่าการมาลำปางไม่ใช่เพียงมาร่วมงานหม่นหมองนี้เพียงอย่างเดียว เขายอมรับตรงๆเลยว่าเขาเองก็ทำเพื่อตัวเองเช่นเดียวกัน
                  ขอเวลาพักหัวใจที่เหนื่อยล้าสักพัก
                  แล้วเขาจะเป็นได้อย่างดอกคุณนายตื่นสายมั้ยนะ
                  เขาปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดไปตั้งแต่บ่ายสองโมง ทั้งที่ไม่รู้ว่ามันจะโทรตามเขาเพื่ออะไร แต่เขาก็คิดเข้าข้างตัวเองไปล่วงหน้าแล้ว
                  เอาเป็นว่า หากมันโทรมาถามว่าทำไมไม่มารับ เขาจะได้ไม่ต้องชักแม่น้ำทั้งห้ามาอ้างเหตุผลที่ไม่มีอยู่จริง
                  พอเป็นแบบนี้แล้วเขาต้องมานั่งคิดนะว่า ทำไมเมื่อก่อนตอนมันอยู่กับนินิว เขาไม่ยักจะอยากหนี ก็แค่มองผ่านๆไป ให้ใจเจ็บเล่นๆ แล้วก็มานั่งทบทวนกับตัวเองว่าสถานะของเขาคืออะไร สำหรับคนที่แอบชอบ แค่ได้แอบมองมันก็มากพอแล้ว
                  ก็แค่ในภาพมีแฟนมันอย่าวนินิวมาร่วมเฟรมด้วยก็เท่านั้นเอง
                  แล้วตอนนี้ล่ะ เขาเป็นอะไรของเขากัน
                  เป็นคนไม่มีเหตุผล
                  เป็นคนชอบหนีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
                  หรือตั้งแต่ที่เขามีความคิดโง่ๆอยู่ในหัวแล้วว่า
                  มันเองก็อาจจะชอบเขา ขึ้นมาบ้าง
                  ที่จริงเขาน่าจะหาสมการมาลบล้างทฤษฎีนี้ทิ้งไปตั้งนานแล้ว ปล่อยให้มันมาทำร้ายตัวเองจนได้
   
                  “มด ปิดเครื่องแบบนี้จะดีเหรอ”
   
                  วินดี้ที่คงรู้สึกได้จับไหล่เขา แล้วเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
   
                  “แบตจะหมดต่างหาก เราไม่ได้ปิดหนีใคร”
   
                  เขาบอกยิ้มๆ
   
                  “ฟังความคิดตัวเองน่ะได้ แต่อย่าให้ความคิดมันกลายเป็นความมโนนะมด”
   
                  วินดี้พูดเสียงจริงจัง
   
                  “เพราะเราอาจจะพลาดโอกาสที่จะฟังคำอธิบายของใครบางคน”
   
                  เพียงแต่ใครบางคน อาจไม่มีคำอธิบาย
                  เรื่องของเรามันคลุมเครือมาแต่แรกแล้ว
   
   





                  “บ้านอาจครึ้มๆหน่อยนะลูก ตามประสาคนชอบปลูกต้นไม้”
   
                  แม้ว่าพ่อทอง พ่อของมามี่จะหม่นหมองเพียงใด แต่ก็ฝืนยิ้มให้พวกเรา ท่านผายมือเชิญให้พวกเราเข้าไปในตัวบ้าน
   
                  “งานจะจัดบ้านโน้นนะลูก”
   
                  พ่อทองชี้มือไปยังบ้านเรือนไทยหลังใหญ่สุด ซึ่งห่างจากบ้านหลังนี้ไปไม่ไกล
   
                  “ขอบคุณคุณพ่อมากเลยนะคะที่ให้ที่พักที่อาศัย”
   
                  วินดี้กระพุ่มมือไหว้
   
                  “พ่อต้องขอบคุณพวกลูกต่างหาก ที่อุตส่าห์หยุดเรียนมาร่วมงาน ขอบคุณจากใจเลยนะหนูๆ”
   
                  พ่อทองมองพวกเราอย่างเอ็นดู แล้วมาหยุดอยู่ที่เขา
   
                  “เอ๊ เรานี่ก็เหมือนพวกหนูๆเหรอเนี่ย พ่อดูไม่ออกเลย”
                  “พ่อ!!!”
                  “…”
                  “นั่นมด เป็นผู้ชาย เสียมารยาท”
   
                  มามี่ท้วงพ่อตัวเอง เขานี่แทบผงะ นี่เขาตุ้งติ้งขนาดนั้นเลยเหรอ
   
                  “บ๊ะ ก็กูไม่รู้นี่ งั้นเอ็งก็นอนกับมดแล้วกัน เป็นผู้ชายนอนคุยกันจะได้หายเศร้า”
   
                  มามี่ตาโต
   
                  “เป็นอะไรของเอ็งวะ”
                  “พ่อ ผมนอนกับพวกนี้ก็ได้”
   
                  มามี่ชี้มือไปที่แก๊งนางฟ้า
   
                  “เอ็งจะไปนอนกับแม่หนูๆพวกนี้ได้ไง มันไม่งาม หนูๆเขาเป็นผู้หญิง”
                  “…”
                  “แล้วเอ็งเป็นผู้ชาย”
   
                  มามี่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะบอกยังไงก็บอกไม่ได้ ในเมื่อตนปกปิดความลับสุดยอดเอาไว้
                  เลยต้องจำใจตอบตกลง
   
                  “งั้นตามสบายเลยนะ พ่อไปดูบ้านโน้นก่อน ป่านนี้ญาติๆคนอื่นคงทยอยมาแล้ว”
   
                  พวกเราทั้งหมดยกมือไหว้ก่อนพ่อทองจะจากไป
   
                  “อิมามี่ มึงจะไปโป๊ะเถียงกับพ่อทองเขาทำไมวะ ยังไงพ่อทองเขาก็ไม่ได้มาส่องดูห้องหับมึงเสียหน่อย”
   
                  วินดี้เอ่ยบอกเพื่อนที่เกือบหลุดเผยตัวตน
   
                  “เออๆ กูลืมๆ”
                  “…”
                  “พวกมึง กูเศร้าอีกแล้วว่ะ”
                  “…”
                  “พวกมึงรำคาญมั้ยวะ ที่ต้องคอยปลอบกู”
   
                  ดวงตาสดใสเมื่อครู่ของมามี่เริ่มหม่นหมองลงอีกครั้ง
   
                  “รำคาญสิ” วินดี้บอก
                  “รำคาญมาก” ลลิตา
                  “รำคาญที่สุด” อุมาพร
                  “รำคาญโคตรๆ” ลิลลี่
                  “รำคาญที่มึงถามแบบเกรงใจ อย่างกับไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทอย่างพวกกูรู้สึกยังไง”
                  “…”
                  “ถ้ามึงเศร้า พวกกูก็เศร้า”
                  “…”
                  “แล้วพวกกูจะไม่ปลอบมึงได้ยังไงล่ะ”
   
                  วินดี้พูดเสียงเรียบ แล้วกอดอกเชิดหน้าขึ้น
   
                  “ฮือออออ กะเทยยยยยยย กูรักพวกมึง”
   
                  มามี่โผเข้ากอด…
   
                  “เดี๋ยว”
                  “…”
                  “พวกกูอยู่ทางนี้ มึงทำเนียนลวนลามมดอีกแล้วนะอิดอก”
                  “อ้าวเหรอ”
   
                  และพวกเราก็รับรู้ว่า เป็นอีกครั้งที่มามี่พยายามสร้างเสียงหัวเราะ แม้ภายในใจของเธอจะเต็มไปด้วยความเศร้าอยู่ก็ตาม
   
   





                  “ไม่เป็นไร ค่อยตามมาวันเผาก็ได้ พวกมึงอยู่เรียนก่อน”
   
                  เขาที่อาบน้ำพึ่งเสร็จเดินเช็ดหัวออกมาจากห้องน้ำ ด้วยบ๊อกเซอร์เพียงหนึ่งผืนปล่อยให้ข้างบนเปลือยเปล่าเผยผิวขาวต่อสายตาเหล่านางฟ้า
   
                  “มดดดดดด เจ๊หัวใจจะวาย ไปใส่เสื้อเดี๋ยวนี้เลยค่ะ ด่วนนนน”
   
                  ลลิตายกมือทาบอก
   
                  “แกล้งเล่นหน่อยเดียวเอง” เขาพูดยิ้มๆ
                  “บ้า แกมีหนึ่งพวกฉันห้า โดนจับปล้ำแล้วจะขำไม่ออก”
   
                  ลิลลี่ขู่ เขานี่รีบไปใส่เสื้อผ้าในห้องน้ำเลยครับ
                  ออกมาอีกที ทุกคนก็ยังอยู่ในห้องเขา
                  สี่คนตั้งวงไพ่ อีกคนนั่งเหม่อลอย
                  จนเมื่อมามี่เห็นเขา เธอจึงย้ายจากมุมว้ายติดหน้าต่างมานั่งรวมกับเพื่อนๆ
   
                  “พวกมึง เพื่อนร่วมรุ่นจะมาพรุ่งนี้เช้านะ” มามี่แถลงไข
                  “หมดเลยหรือเปล่า” วินดี้ถาม แต่จ้องมาทางเขา เหมือนรู้ว่าสิ่งที่เขาอยากรู้ตอนนี้คืออะไร
                  “ทั้งหมด ทั้งรุ่น” มามี่ตอบ
                  “ป๊าด มึงแล้วจะอยู่กันยังไงคะ บ้านมึงใหญ่ แต่ไม่ใช่จะจุคนได้เป็นร้อยนะคะ” ลลิตาโวยวาย
                  “พักโรงแรมสิอิดอก” มามี่ว่า แล้วหันมามองเขา
                  “แต่บางคนก็จะพักที่นี่”
   
                  เขาคงไม่ต้องเดาสินะ ว่าบางคนที่ว่าคือใคร ในเมื่อจ้องเขากันขนาดนี้แล้ว
   
                  “มีคนวิดิโอคอลมาหากูว่ะมึง”
   
                  มามี่หยิบไอโฟนของตัวเองที่สั่นครืดคราดออกมาเปิดดู
   
                  “ไอ้แบงค์นี่ บอกว่าเพื่อนร่วมรุ่นมีอะไรจะบอก”
   
                  พวกเราล้อมวงกันเข้าไปใกล้มามี่ แล้วเธอก็เปิดกล้องวิดิโอคอล
   
                  {มามี่ เป็นไงบ้างมึง ไม่ต้องห่วงทางนี้นะงานวาเลนไทน์ผ่านไปด้วยดี นายกสโมฯชมมึงรัวๆเลย}
                  {เข้มแข็งไว้นะมึง}
                  {อินี่ หน้าโทรมแปลว่าร้องไห้มา นี่ กูแนะนำครีมกู ใช้ดีบอกต่อ}
                  {มามี่ อย่าร้องไห้บ่อยนะครับพี่ปืนเป็นห่วง}
                  {เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะยกอ้อมอกไอ้บอยให้กอดเลย}
                  {เวร โยนขี้ไห้กู ไอ้สัด}
                  
                  มามี่น้ำตารื้นอีกครั้ง
   
                  “ขอบคุณพวกมึงมากๆเลยนะ ขอบคุณจริงๆ”
                  {เฮ้ย ไอ้เหี้ยป่าน มานี่เร็ว กูติดต่อมามี่ได้แล้ว}
   
                  แทบจะทันทีที่ได้ยินชื่อของใครบางคนเขารีบเบนตัวออกมาจากกล้องไอโฟนของมามี่ แต่เขาก็ทันเห็นไอ้สายป่านเดินมาเข้ากล้อง เขาไม่รู้ว่ามันจะทันเห็นเขามั้ย แต่ที่แน่ๆ เขายังไม่พร้อมจะเจอมันในเวลานี้ อย่างน้อยขอเวลาเคลียร์ตัวเองก่อนพรุ่งนี้จะมาถึงแล้วกัน
                  แค่ได้ยินเสียงของมัน ใจเขาก็เต้นไม่เป็นส่ำ
   
                  {สู้ๆนะครับมามี่ เราเป็นกำลังใจให้ อย่าร้องไห้คนเดียว ถ้าจะร้องต้องแน่ใจว่ามีคนปลอบด้วยนะครับ}
                  “ฮืออออ ทำไมน่ารักอย่างนี้พ่อทูนหัวของมามี่”
   
                  มามี่ถูกไอ้สายป่านตกเข้าให้แล้ว
   
                  {มามี่ ก่อนไปเรามีอะไรจะบอก}
                  “ฮึก ว่ามาเลยค่ะ สายป่านที่น่ารักของมามี่”
                  {เราฝากถึงคนปลอบมามี่หน่อยว่า…}
                  “…”
                  {พรุ่งนี้คงมีคำอธิบายที่หายตัวไปเฉยๆแบบนี้}
   
                  เขามั่นใจได้เลยว่าคนปลอบมามี่ที่มันหมายถึงคงไม่ใช่ ลลิตา อุมาพร วินดี้ หรือลิลลี่แน่นอน
   
   





                  เขาจ้องมองไอโฟนมาได้สักพักใหญ่แล้ว กำลังตัดสินใจว่าจะเปิดเครื่องดีหรือเปล่า เพราะป่านนี้คนอื่นๆคงเป็นห่วงที่ติดต่อเขาไม่ได้
                  คิดแล้วก็น่าขำ นี่เขาดูเป็นคนไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
                  ณ จุดๆหนึ่งที่อารมณ์อยู่เหนือการควบคุม เหตุการณ์แบบนี้ย่อมเกิดขึ้นเป็นปกติวิสัย เขาไม่ปฏิเสธว่าตัวเองงี่เง่าแค่ไหน กับการปิดมือถือเพื่อหนีใครบางคน แต่ถ้ามันแลกมาด้วยความสบายใจล่ะ ใครกันจะไม่ทำแบบเขา
                  มีหนังสือเล่มหนึ่งที่เขาเคยอ่านบอกไว้ว่า เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งความเป็นเด็กในตัวคุณจะฉายออกมา
                  สำหรับเขามันอาจจะเป็นช่วงเวลานี้ก็ได้
                  คนส่วนใหญ่ชอบมองความเป็นเด็กคือตัวแทนของความเอาแต่ใจ แต่หากมองอีกด้าน เด็กจะแสดงเจตนารมณ์ที่ตรงกับหัวใจของเขาอย่างชัดเจน
                  เขาเองก็กำลังเป็นเหมือนเด็ก
                  เขาแอบชอบมันมานานมากเกินไปแล้ว บางทีที่เขาทำอยู่อาจจะไม่ใช่การหนี มันอาจจะเป็นการทำอะไรสักอย่างให้ไอ้สายป่านมันมองเห็นบ้าง ที่เรียกว่าการเรียกร้องความสนใจแบบเด็กๆก็เป็นได้
                  ที่โง่น่ะไม่ใช่ทำตัวงี่เง่านะ แต่เป็นโง่ที่เชื่อว่าเขาจะสะกิดคนอย่างไอ้สายป่านให้หันมามองได้บ้าง
                  เขาสำคัญตัวเองผิดหรือไง
                  มึงเป็นใคร มด
                  เพื่อน…
                  เพื่อนร่วมรุ่น…
                  คำก็เพื่อนสองคำก็เพื่อน แค่นี้ก็พอจะบอกให้รู้ว่าเขาไปต่อไม่ได้แล้ว
                  จุดหมายของก้าวย่าง สุดท้ายแล้วมันคือทางตัน
                  มันเป็นทางตันมาตั้งแต่ต้นแล้ว
   
                  “มด ยังไม่นอนเหรอ”
   
                  เขารีบเก็บไอโฟนใส่กระเป๋ากางเกง มามี่เดินเข้ามาเท้าแขนกับขอบรั้วไม้ข้างๆเขา
   
                  “นอนไม่หลับน่ะ เลยออกมาสูดอากาศข้างนอก”
                  “เหมือนกันเลย เจ๊ก็นอนไม่หลับ”
                  “…”
                  “คิดถึงวันพรุ่งนี้ ที่กำลังใกล้เข้ามา”
                  “…”
                  “รู้มั้ย บางทีเจ๊ก็นึกว่ามันเป็นแค่ชั่วหลับฝันตื่น พอลืมตาขึ้นมาบนเตียง เราก็จะพบว่ามันเป็นเพียงฝันร้ายชั่วข้ามคืน”
                  “…”
                  “รู้มั้ยว่าเจ๊กำลังจะสารภาพว่าตัวเองเป็นกะเทย เจ๊วางแผนมานานแล้ว เตรียมทุกอย่างมาตั้งแต่ปิดเทอม”
                  “…”
                  “เจ๊ตั้งใจว่าจะบอก แต่พอเอาเข้าจริง เจ๊ก็เริ่มผลัดวันไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ เพราะความกลัว แม้ในใจลึกๆจะรู้ว่ายังไงเขาก็พ่อแม่เรา แต่เอาเข้าจริงๆเจ๊ก็ป๊อด ไม่กล้าบอกสักที”
                  “…”
                  “แล้วเป็นไงล่ะ โอกาสทั้งหมดที่มีของเจ๊ มันคงไม่ได้ใช้อีกต่อไปแล้ว”
                  “…”
                  “มด เจ๊รู้ว่าพื้นฐานคนเราไม่เหมือนกัน มดอาจไม่ต้องทำเหมือนเจ๊ คิดเหมือนเจ๊ แต่เจ๊ไม่อยากให้คำว่า เริ่มต้นเมื่อสายไปแล้ว มันเกิดขึ้นกับเพื่อนคนสำคัญของเจ๊”
                  “…”
                  “ใครจะรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น”
                  “…”
                  “แต่วันนี้เขายังอยู่กับเรานะมด”
                  “…”
                  “เข้าใจที่เจ๊พูดใช่มั้ย”
   
                  มามี่ตบไหล่เขาให้กำลังใจ แล้วหันหลังเดินเข้าไปในบ้าน
   
   





                  ‘มด มึงมองหน้ากูหน่อยได้มั้ย’
   
                  เขาไม่มอง เขาไม่อยากมองหน้ามัน เพราะมันจะทำให้เขาใจอ่อน
                  แล้วใจอ่อนเรื่องอะไรล่ะ?
   
                  ‘ถ้ามึงไม่อยากมองหน้ากูขนาดนี้’
                  ‘…’
                  ‘กูก็จะไป’

                  มันจะเดินหนีเขาไปอีกแล้วเหรอ
   
                  ‘เดี๋ยว’
                  ‘…’
                  ‘มึง… อย่าไปได้มั้ย’
   
                  เขารวบรวมความกล้าคว้าข้อมือของมันไว้ก่อนมันจะหายเข้าไปในหมอกควันหนาทึบ
                  เหมือนทะเล
                  ทะเลที่เป็นสีเทา มันให้ความรู้สึกเวิ้งว้าง อ้างว้าง ขุ่นมัว และเศร้าหมอง
   
                  ‘ทำไมมึงถึงให้กูอยู่ ทำไมมึงถึงไม่ให้กูไปล่ะ’
                  ‘กู…’
                  ‘ทำไม’
   
                  เขาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ แล้วตัดสินใจพูดประโยคที่ต้องรวบรวมความกล้ามหาศาล
   
                  ‘กูชอบมึง’
                  ‘…’
                  ‘เพราะกูชอบมึงมากๆ’
                  ‘…’
                  ‘กูชอบมึง มึงได้ยินมั้ย’
   


                  “มด”
                  “มดตื่น”
                  “มดตื่นเร็ว!”
   
                  เขาสะดุ้งตื่นขึ้น ก่อนจะยันกายลุกขึ้นจากที่นอนด้วยความมึนงง เป็นมามี่ที่ปลุกเขาให้ตื่น
                  ทุกคนมากันหมดเลย แล้วมาห้องเขาทำไมตอนดึกกัน?
   
                  “มด ตั้งใจฟังและตั้งสติให้ดีนะ”
                  “…”
                  “เมื่อกี้มีโทรศัพท์จากโรงพยาบาลในตัวเมืองโทรมาแจ้งว่า…”
                  “…”
                  “รถยนต์ที่สายป่านขับตามเพื่อนๆมาประสบอุบัติเหตุ”
   
                  !!!
   
                  ไหนในฝันมึงบอกว่าจะอยู่กับกูไง
                  ถ้ากูบอกเหตุผล
                  แล้วทำไม…กูบอกไปแล้ว มึงถึงไป…   





*TBC.....................................................

โอ่ยยยยยย ตอนนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกันค่าทุกคน
เอาใจช่วยมดกับสายป่านด้วยน้า

เจอกันพรุ่งนี้ค่า

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อย่าบอกนะว่าวันแห่งการสูญเสียจะมาเยือนกันทั้งกลุ่ม  :ling3:

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
สายป่านต้องปลอดภัย

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ม๊ายยยยยน๊าาาาาาาาาาา

คิดว่าตอนหน้ามดสารภาพรักแน่ๆ :z1:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
 :z3: :z3: :z3:
อย่าทำแบบนี้กับมดดดดดดดด

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
อ่าวเฮ้ยยยยยย

ขอให้ปลอดภัย สายป่านต้องถึก รอมดมันสารภาพก่อนน

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ใจหล่นวูบเลยอ่ะ
ขอให้สายป่านปลอดภัย อย่าเป็นอะไรมากเลยนะ

ออฟไลน์ MewSN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +234/-4
ก้าวที่สิบหก
ซื่อตรง


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  ไหนมึงถามหาเหตุผลที่กูรั้งมึงไว้ไง
                  สายป่าน
                  สายป่าน 291…
                  อย่าเป็นอะไรนะ

   





                  “มด มดใจเย็นๆ”
   
                  ทันทีที่ลงมาจากรถ เขาก็วิ่งไม่ลืมหูลืมตา ไม่รู้ระหว่างทางชนใครไปบ้าง แต่นาทีนี้ใครสนล่ะ ความคิดของเขาทั้งหมดมันมุ่งตรงไปที่เรื่องเดียวเท่านั้น
                  ขออย่าเป็นอะไรมากเลยนะ สายป่าน
                  เขาน่าจะเชื่อคำมามี่ตั้งแต่แรก เขาไม่น่ามีทิฐิ ไม่สิ เขาไม่น่าป๊อดขนาดทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ได้เลย
                  เขาไม่น่าหนีหัวใจตัวเองมาเลยจริงๆ
   
                  กึก!
   
                  เขาหยุดชะงักเมื่อเห็นเพื่อนร่วมรุ่นที่คุ้นเคย ทุกคนกำลังวิ่งตามบุรุษพยาบาลที่เขารับรู้ได้ในทันทีว่ากำลังเข็นเตียงของผู้ประสบอุบัติเหตุไปห้องฉุกเฉิน
                  สายป่าน
                  ไอ้สายป่าน
   
                  “สายป่าน!”
   
                  เขาตะโกนสุดเสียง ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่ที่น้ำตามันรื้นขึ้นที่ขอบตา รู้ตัวอีกทีแก้มเขาก็เปื้อนไปด้วยน้ำใสๆหมดแล้ว
                  เขากำลังวิ่งตามมัน
                  เขากำลังวิ่งตามมันไป
                  มึงอย่าเป็นอะไรไปเลยนะ
   
                  “สายป่าน!”
   
                  บ้าสิ้นดี ที่ปากยังร้องเรียกเพราะคิดว่าใครอีกคนที่นอนอยู่จะตื่นขึ้นมาตอบรับกัน
                  แต่เวลานี้มีเพียงความเงียบงัน
   
                  “สายป่าน”
   
                  แต่เขาก็ยังเรียก แม้เสียงจะเริ่มไร้เรี่ยวแรงลงเรื่อยๆ
                  ขอแค่มันตอบกลับมา
                  ตอบกลับเขาที…
                  ได้โปรด
   
                  “สายป่าน”
   
                  เสียงเรียกของเขากำลังจะหายไป และมันก็ค่อยๆไกลห่างออกไป จนในที่สุดเตียงถูกเข็นไปจนลับตา เขาตามไม่ทัน…
   
                  “มด”
   
                  เสียงที่แสนคุ้นเคยดังขึ้นข้างหลังเขา
                  ไม่นะ มันคงไม่ใช่ความฝันใช่มั้ย
                  เขาปาดน้ำตาลวกๆแล้วค่อยๆหันไปมอง
   
                  “มด มึงร้องไห้ทำไม”
   
                  พรึบ!
   
                  มันรวดเร็ว รวดเร็วมากๆ รวดเร็วเกินกว่าที่ใครจะตั้งตัวได้ทัน เขาโผเข้ากอดไอ้สายป่านที่ยืนอยู่ตรงหน้า
                  แล้วปล่อยโฮอย่างไม่อายใคร
                  มันตัวจริง มันที่สัมผัสได้จริงๆ
   
                  “นี่มึง แล้วนั่นใคร”
   
                  ที่จริงจะใครก็ช่าง ขอแค่ตอนนี้เป็นมันที่ไม่เป็นอะไรอย่างที่เขาหวังไว้ก็ดีแค่ไหนแล้ว
   
                  “ไอ้แบงค์ ซี่โครงหัก แต่ไม่น่าเป็นห่วง”
   
                  เขาคงเห็นแก่ตัวมากไปใช่มั้ย ที่ดีใจเมื่อคนบนเตียงเมื่อครู่ไม่ใช่มัน
                  แต่ขอแค่มันปลอดภัย
                  แค่นี้ ก็ดีแล้วจริงๆ…
   
                  “มึงเลย ไอ้เหี้ย ไอ้บ้า ไอ้…”
   
                  เขาด่ามันจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าอีกแล้ว เมื่อด่าจนพอใจเขาก็หยุดหอบ
                  โดยที่เขายังกอดมันแน่นอยู่ ใบหน้าเขาซบกับแผ่นอกหนาของมัน
   
                  “อย่าทำให้เป็นห่วงได้มั้ย”
   
                  เขาไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว ต่อไปนี้เขาจะพูดในสิ่งที่เขารู้สึก เขาจะซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเอง
                  ความรู้สึกก่อนหน้านี้ที่ทั้งเสียใจ เสียดาย และโกรธในสิ่งที่ตัวเองจะไม่ได้บอกกับมันจะไม่มีอีกต่อไป
                  เขาจะบอก เขาจะกล้าขึ้น
   
                  “สายป่าน นิวติดต่อทางพยาบาล อ๊ะ”
   
                  เขาจะกล้าขึ้นได้จริงๆเหรอ
                  เมื่อนินิวคนที่เคยเป็นแฟนเก่าของสายป่านยืนอยู่ตรงนี้
   
                  “อ๊ะ ขอโทษที มึงเจ็บแผลอยู่นี่”

                  เขาพยายามเบนความสนใจไปเรื่องแผลของมัน จากนั้นก็ใช้จังหวะนี้ขืนตัวออกจากอ้อมกอด แต่ว่า…
                  มันกลับรัดแน่นยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่านัก
   
                  “อยู่แบบนี้ก่อนได้มั้ย อยู่ให้หายคิดถึงก่อน”
   
                  แค่ได้ยินเสียงทุ้มนุ้มเอ่ยบอก เขาก็ไม่มีแรงขัดขืนเสียแล้ว
                  เพียงแต่ทุกการกระทำ มีแฟนเก่าของมันมองอยู่
   
                  “นั่นสิ สายป่าน เจ็บแผลไม่ใช่เหรอ” นินิวย้ำในสิ่งที่เขาพูดไปก่อนหน้า
                  “มึง ปล่อยก่อน ไหนขอดูแผลหน่อย” เขาย้ำซ้ำเข้าไปอีกรอบเป็นสาม จนมันยอมปล่อยตัวเขาให้เป็นอิสระ
                  “งั้น เดี๋ยวมึงรอตรงนี้ กูไปดูคนอื่นๆ”
   
                  แต่ความกล้าของเขามันเกิดขึ้นเพียงชั่ววูบ แล้วพอได้สติมันก็กลับกลายเป็นความป๊อดเหมือนเดิม เลยพยายามเลี่ยงตัวเองออกจากสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้
   
                  หมับ!
   
                  “คนอื่นสำคัญกับมึงขนาดนั้นเลยเหรอมด”
                  “…”
                  “แล้วกูล่ะ สำคัญกับมึงบ้างมั้ย”
   
                  มันมองเขาด้วยสายตาเว้าวอน โดยไม่สนใจนินิวอดีตแฟนเก่าที่ยืนอยู่ตรงนี้เลย
                  แล้วเขา จะยอมพ่ายแพ้ต่อความขี้ขลาดของตัวเองได้ยังไงกัน
   
                  “ขอโทษนะ”
   
                  เขาแกะมือของสายป่านออก
   
                  “ไปนั่งตรงโน้นกัน เดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อน”
   
                  มันยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่กว้างที่สุดที่เขาเคยเห็นมา
   
                  “ขอบคุณครับ”
   
   





                  “แบงค์ปลอดภัยแล้วนะทุกคน”
   
                  มีนเพื่อนในรุ่นที่เดินไปคุยกับหมอเดินกลับมาที่กลุ่มซึ่งยืนรออยู่กับเขาและสายป่านที่โซนรอคิวด้านนอกห้องฉุกเฉิน ทุกคนมีสีหน้าโล่งอกและหายใจหายคอทั่วท้องได้เสียที ในขณะที่เหล่านางฟ้าเองก็เดินมาสมทบหลังจากผู้เป็นเจ้าบ้านอย่างมามี่ต้องเดินวุ่นไปจัดการดำเนินเรื่องต่างๆกับทางโรงพยาบาลและตำรวจมา
   
                  “โล่งอกไปทีอิดอก ตกลงมันยังไงกันคะสายป่าน”
   
                  วินดี้เท้าสะเอวถามที่มาที่ไปของอุบัติเหตุในครั้งนี้จากคนในเหตุการณ์
                  สรุปแล้วไอ้สายป่านก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก แต่ก็ถือว่าเยอะอยู่เหมือนกันในส่วนของแผลที่มุมขวาของหน้าผากซึ่งมันบอกว่ากระแทกตอนเบรก และแผลฟกช้ำอีกจำนวนหนึ่งตามลำตัว
                  สายป่านเล่าว่าตนก็ขับรถตามหลังรถตู้ที่เพื่อนๆเช่ามาเพื่อเดินทางไปร่วมงานศพแม่ของมามี่ที่ลำปาง แต่ระหว่างทางพอเข้าในตัวเมือง จะด้วยความระมาทของคู่กรณีหรือมือลั่นพุ่งตัดหน้าพยายามจะแซงรถของสายป่านแต่แซงไม่พ้นรถตู้ที่เป็นขบวนนำหน้า กลายเป็นว่าถ้าสายป่านไม่มีสติแล้วเบรกไว้ทัน หวิดจะหนักกว่านี้เพราะท้ายรถเก๋งคันดังกล่าวอยู่เกือบชิดติดหน้ารถของสายป่าน
                  ถือเป็นการมาลำปางที่จะเป็นหนึ่งในความทรงจำที่ติดในใจไม่ลืม ไม่ใช่ตราตรึงใจนะ แต่เต็มไปด้วยความระทึกต่างหาก
                  ทั้งคนที่เป็นห่วง แล้วก็คนที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมทั้งผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายรายซึ่งติดรถมากับสายป่าน
   
                  “เรื่องรถ มามี่เรียกช่างซ่อมไปดูให้แล้วไม่ต้องห่วงนะ ส่วนก้องมีนบอกจะเฝ้าเอง ยังไงคืนนี้ทุกคนก็ไปพักที่บ้านนี่ก่อนนะ”
   
                  จบเรื่องวุ่นวายนี่ได้เสียทีนะ แต่กลับไปคงไม่ได้หลับ เพราะเวลาตอนนี้ก็ล่วงเลยมาเกือบตีห้าแล้ว

   





                  ตึ๊งๆๆๆๆๆๆ
   
                  พอเปิดเครื่องมือสื่อสารหนึ่งเดียวของตัวเองอย่างไอโฟนลูกรัก เสียงแจ้งเตือนทั้งเฟซบุ๊ก ทั้งไลน์ไอดี และไอจีก็ดังขึ้นรัวๆไม่หยุด
   
                  “ไม่ต้องอ่านข้อความของกูนะ กูมันไม่สำคัญ”
   
                  คนนี้ก็ยังเล่นไม่เลิกนะครับ
                  งอนตั้งแต่โรงพยาบาลยันห้องนอน
                  เอ่อ พูดแล้วก็เขินอยู่นะ ที่มามี่สรุปให้สายป่านนอนห้องเดียวกับเขา แล้วคืนนี้ตัวเองจะหลับตาลงได้ยังไง แต่เอาเถอะ เขาคิดว่าไม่ได้หลับแน่ๆ เพราะข้างนอกไก่เริ่มขันแล้ว
                  เขาแจกค้อนวงใหญ่ให้คนที่นอนเจ็บบนเตียง และบัดนี้เตียงของเขาก็ได้ถูกยึดครองโดยคนเจ็บเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
            
                  สายป่าน 291
   
                  อยู่ไหน ทำไมยังไม่มา
                  มึงจะมามั้ยเนี่ย
                  รอจนเหงือกแห้งแล้วนะ

   
                  เขาขอแบ่งสรุปเป็นรอบๆไปนะ รอบแรกที่มันพูดก็คือตอนที่เขารับปากมันว่าจะไปรับ พอสังเกตวันที่และเวลาของข้อความแล้วทำเขารู้สึกผิดจับใจ
                  มันไม่ได้กลับกับนินิว
                  มันยังรอเขาอยู่ที่สนามบิน
                  ยังรอเขาอีกเกือบสองชั่วโมง ก่อนมันจะยอมแพ้
   
                  มด มึงปิดเครื่องเหรอวะ
                  มึงโกรธอะไรกูหรือเปล่า
                  กูขอโทษที่ขอให้ไปรับ
                  กูคงรบกวนมึงมากไปสินะ
                  ตอบกูหน่อยดิ
                  อย่าหาย

   
                  รอบที่สองเป็นช่วงเย็นๆเกือบหกโมง มันทักเขามาอีกรอบ ยิ่งอ่านเขาก็ยิ่งไม่อยากให้อภัยความงี่เง่าของตัวเอง คิดไปเองเป็นตุเป็นตุอย่างกับในนิยายน้ำเน่า
                  ทั้งที่มันกลัวเขาโกรธมากมายขนาดนี้
                  และรอบสุดท้ายคือ
   
                  อย่าให้เจอนะมึง
                  เตรียมตัวโดนลงโทษ

   
                  โถ พระเอกของกู
                  ทำดีมาตั้งแต่ต้น ดันมาเล่นบทโหดเอาตอนท้าย
                  เขาอ่านไปแล้วเผลอยิ้มขำ
                  ในใจก็คิดว่ามันจะเอาอะไรมาลงโทษเขา
   
                  “เรามาเริ่มบทลงโทษกันดีกว่า”
   
                  เดี๋ยวๆ มันมาอยู่หลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
   
                  “ไอ้เหี้ย ไม่เล่น”
                  “ไม่ได้เล่น”
   
                  ทำไมรอยยิ้มมันดูเจ้าเล่ห์ชอบกลจนเขาเสียวสันหลังวาบ ต้องค่อยๆถอยหนีในท่านั่ง
                  ถอยอีก ถอย… ปึก
                  ไม่มีทางหนีแล้ว โถ อยากโทษตัวเองที่มานั่งอ่านแชทใกล้ขอบหน้าต่าง แผ่นหลังเขาติดฝาไม้กระดานเสียแล้ว
                  เมื่อมันเห็นว่าเขาหมดทางหนีก็ยกยิ้มแบบผู้เหนือกว่า แขนแข็งแรงทั้งสองเท้าลงมาเชื่อมกับขอบหน้าต่าง ปิดทางหนีทีไล่ กันเขาเอาไว้ในอ้อมแขนของมัน
   
                  “ทำไมไม่มารับกู”
                  “…”
                  “กูรอมึงตั้งสามชั่วโมง”
   
                  เขาอ้าปากจะตอบแต่
   
                  “ขอโทษนะ…”
                  “…”
                  “ที่ให้ไปรับโดยที่ไม่ได้ถามความเห็นว่ามึงอยากมาหรือเปล่า”
                  “…”
                  “มึงอย่าโกรธกูเลยนะ”
                  “…”
                  “คุณมด”
   
                  มันโทษตัวเองว่ามันผิด
                  ยิ่งทำให้เขาอยากเอาหัวตัวเองโขกกับขอบหน้าต่าง
                  มึงจะทำกูรู้สึกผิดไปถึงไหนกัน
   
                  “กูขอโทษ”
   
                  แต่ครั้งนี้เขาจะไม่ปล่อยผ่าน เขาจะไม่ยอมให้มันเข้าใจผิดๆอีกแล้ว
   
                  “กูนึกว่ามึงมีคนมารับแล้ว กูเห็นนินิว”
   
                  เขายอมพูด กล้าพูด ในสิ่งที่ตัวเองรู้สึก
                  แต่ต้องเข้าใจว่า การจะให้บอกความรู้สึกที่เก็บมานาน เขายังคงต้องใช้เวลา
                  เร็วๆนี้แหละ ที่กูจะบอกมึง กูจะบอกมึงแน่ๆ
                  ไม่รู้ว่าการพูดประโยคข้างบน จะทำให้มันรู้ตัวหรือเปล่า แต่เขาก็โล่งใจที่ได้พูดได้บอกออกมา อย่างน้อยๆ สายป่านก็จะไม่คิดอีกต่อไปว่าเป็นความผิดของมัน
                  ก็เขา มันงี่เง่าจริงๆนี่นา
            
                  ป๊อก!
   
                  “โอ๊ย”
   
                  จู่ๆมันก็ดีดหน้าผากเขา
   
                  “แปลว่าถ้ากูไม่กลับกับนินิว กูก็จะต้องอยู่รอมึงจนปิดสนามบินเลยเหรอ”
   
                  เขาขมวดคิ้วมุ่น รู้ว่าไม่สมควรอยู่ในอารมณ์โกรธแต่…
   
                  “แปลว่ามึงกลับกับนินิวเหรอ”

                  มันไม่ตอบ กลับยิ้มร้าย แถมยิ้มแบบมีเลศนัยให้เขาอยากรู้เล่นไปอีก
                  ไอ้สายป่านคนกวนตีนคนเดิมกลับมาแล้วครับทุกคน…
   
                  “คะ… ความจริงมึงจะกลับกับนินิวมันก็ไม่ได้มีอะไร กะ กูก็ไม่มีอะไรซะหน่อย แค่อยากรู้ว่ามึงกลับกับใคร แล้วกูจะได้เลิกรู้สึกผิด”
                  “รู้สึกผิดเหรอ…”
                  “อืม”
   
                  มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ เรื่อยๆ
                  เดี๋ยวๆ มันใกล้ไปแล้ว ถ้าเกิดมันได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่เต้นตึกตักอยู่ตอนนี้จะทำยังไง
   
                  “รู้สึกผิด ที่ทิ้งให้กูกลับกับไอ้แบงค์น่ะเหรอ”
   
                  !!!
   
                  “ช็อคขนาดนั้นเลยที่กูไม่ได้กลับกับนินิว”
                  “…”
                  “หรือว่า…”
                  “…”
                  “กำลังดีใจอยู่กันแน่วะ”
   
                  ประโยคนี้มันกระซิบที่ข้างหูเขา แล้วแกล้งเป่าลมฟู่ จนเขาสะดุ้งโหยง
                  ไอ้เหี้ย เล่นแรงเกินไปแล้วนะ กับหัวใจของเขา
   
                  “ไอ้บ้า!”
   
                  มันไม่ไหวจนต้องชกไหล่มันไปหนึ่งทีเลยล่ะ
   
                  “โอ๊ย เจ็บๆ”
   
                  เฮ้ย ลืมไปว่ามันบาดเจ็บอยู่นี่
   
                  “เป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บตรงไหนมั้ย”
   
                  เขาถาม มือก็สำรวจไหล่ของมันไปด้วย
   
                  หมับ!
                  
                  มันจับข้อมือเขาไว้แน่น แล้วจ้องหน้าเขาจริงจัง
   
                  “คราวหลังอย่าหายไปแบบนี้อีกนะ”
                  “…”
                  “กูเป็นห่วง”
   
                  มันจ้องลึกเช้ามาในดวงตาเขา ถ้ามันรู้ความหมายสักนิดว่าทำไมนัยน์ตาคู่นี้ของเขาถึงสะท้อนแต่ภาพของมัน
                  ก็คงจะดี…
   
                  “ขอโทษนะ”
   
                  เขาเอ่ยขึ้นเบาๆ
                  สายป่านไม่ตอบอะไร หน้าของมันค่อยๆเคลื่อนเข้ามาใกล้ใบหน้าเขาเรื่อย มือของตัวเองที่ถูกมันจับ มันบังคับให้เอาไขว้ไว้กับคอของมัน
                  ท่าที่ล่อแหลมนี่มันอะไรกัน
                  เรากำลังจะจูบกันใช่มั้ย
   
                  “มด”
                  “อืม”
                  “จูบได้ป่ะ”
   
                  !!!
   
                  “ขอจูบได้มั้ย”
                  “…”
                  “นะ”
   
                  แล้วเขาจะปฏิสธได้อย่างไรกัน
                  มันประคองใบหน้าเขานุ่มนวล อีกนิดเดียวริมฝีปากของเราทั้งคู่ก็จะแนบเข้าหากันสนิท
                  ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาปล่อยตัวปล่อยใจขนาดนี้ รู้ตัวอีกทีเขาก็คล้องมือกับคอมันด้วยตัวเองเสียแล้ว
   
                  “กูอยากรู้มานานแล้ว…”
                  “…”
                  “ว่าปากของมึงจะนุ่มมั้ย”
   
                  พูดบ้าอะไรวะ กูก็เขินเป็นนะเว้ย
                  เขาหลับตาปี๋ เตรียมรอรับการจูบจากอีกฝ่าย
   
                  แต่!!!
   
                  ปัง!
   
                  “มด สายป่าน ตื่นได้แล้วค่า ว้ายยยยยยยย”

                  วินดี้ที่พรวดพราดเข้ามาทำให้เขารีบผลักสายป่านออก ยังงงอยู่ว่าตัวเองเอาแรงจากที่ไหนมาก็ไม่รู้
                  แต่นั่นไม่เป็นผลครับ เพราะวินดี้เห็นไปแล้ว!!!
   
                  “เอ่อ”
                  “เอ่อ”
   
                  แล้วมึงจะอ้ำอึ้งตามกูทำไม ไอ้ตัวต้นเรื่องเกาต้นคอ แล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ในขณะที่เขารู้เลยว่าตัวเองกำลังโคตรหน้าแดงอยู่แน่ๆ
   
                  “คือว่ามัน”
                  “คือว่ามัน”
   
                  โอ๊ยยยยย พูดตามกันไปอีก
   
                  “แบบว่า…”
                  “คือมันไม่ใช่อย่างที่คิดนะ”
   
                  จนเขาตั้งสติเลยพูดเต็มประโยคได้เสียที
   
                  “ไม่ใช่อย่างที่คิดเหรอ” วินดี้ทวนคำเขา
                  “ใช่เลย เราแค่กำลัง กำลัง เอ่อ มด มดเข้าตาไอ้สายป่านน่ะ ใช่มั้ย”
                  “ใช่ๆ” แหม มึงไม่ช่วยกูคิดข้ออ้างเลยนะ
                  “โอเค ไม่ใช่อย่างที่คิด”
   
                  ชั่วครู่เขาคิดว่าสะกดจิตวินดี้ได้แล้ว
                  แต่ว่า…
   
                  “ไม่ใช่อย่างที่คิด”
   
                  เธอพึมพำกับตัวเอง
   
                  “ไม่ใช่อย่างที่คิด”
                  “…”
                  “แปลว่ามดกับสายป่านกำลังจะจูบกันใช่มั้ยคะ”
                  “ใช่”
   
                  เดี๋ยวนะ มันมีความผิดปกติบางอย่างในประโยคคำถามของมามี่
                  แต่ไม่ทันแล้วครับ เพราะเธอ…
   
                  “ฮั่นแน่” ไปแล้ว TT
   
                  จบกัน สามบ้านแปดบ้านก็รู้หมดอ่ะอย่างนี้
   
   





                  “เหนื่อยกันมั้ย ข้าวมาแล้วจ้า”
   
                  แก๊งนางฟ้าที่นำทีมมาโดยมามี่เจ้าของบ้าน ยกถาดข้าว ถาดน้ำมาให้พวกเราที่แยกออกมานั่งพักหลังสวนหลังจากเข้าไปช่วยงานที่บ้านใหญ่จนไม่มีอะไรให้ทำแล้ว เหตุเพราะว่าชาวบ้านที่มาช่วยงานก็เยอะอยู่แล้ว ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเข้าไปแล้วกลายเป็นวุ่นวายแทนที่จะเข้าไปช่วย พวกเราเลยตัดสินใจออกมานั่งอยู่ตรงนี้ รอที่งานอยากได้คนเพิ่มก็ค่อยเข้าไปดีกว่า
   
                  “เหนื่อยมากเลยจ้า น้องมามี่คนดีของพี่แกลบ มามะ มาให้พี่กอดพี่หอมแทนคำขอบคุณที”
   
                  แกลบหนึ่งในเพื่อนร่วมรุ่น เจ้าคารม เอ่ยแซวมามี่ จนได้ค้อนตอกกลับมา
   
                  “กอดกับผีมึงสิ ไอ้แกลบไม่ต้องกินข้าว”
                  “อะไรว้า เรามันไม่หล่อบ้างก็ให้มันรู้ไป”
   
                  ทุกคนต่างรู้ดีว่าแกลบน่ะไม่ได้ไม่หล่อ ออกจะหน้าตาดีทีเดียว เพราะเหตุผลหนึ่งเดียวที่มามี่เกลียดไอ้แกลบคือความเจ้าชู้
                  แต่ก็แค่แกล้งเล่น เกลียดกันเล่นๆน่ะ และมันไม่มีทางพัฒนาไปจนถึงขั้นเกลียดกันจริงๆหรอกเขากล้ารับประกันได้เลย
   
                  “หล่อให้ได้เท่าสายป่านก่อนเถอะย่ะ ค่อยมาว่า”
                  “เออ!”
   
                  อ้าว จบแล้วเหรอ นึกว่าจะมีมวยต่ออีก กำลังอยากดูพอดี เอ๊ย ผิดดดดดด
   
                  “ไป ไป ไปนั่งกินกันเร็ว มาเลยค่ะ ขอบคุณมากๆเลยนะคะทุกคน”
   
                  มามี่จัดแจงสำรับไว้บนโต๊ะที่มีตั้งอยู่แล้วในสวน
   
                  “มึง อิมามี่ยิ้มได้แบบนี้กูค่อยโล่งใจหน่อย” วินดี้มาแอบยืนคุยเบาๆกับเหล่านางฟ้าข้างๆเขา
                  “นั่นสิ ตอนแรกนึกว่าจะแย่ซะแล้ว” อุมาพรเองก็โล่งใจตามไปด้วย
                  “พวกมึง ยืนทำอะไรกันตรงนั้นคะ มาแดกข้าว”
   
                  มามี่ตะโกนมายังกลุ่มพวกเราที่ยังยืนนินทาเธออยู่ ทำเอาสะดุ้งไปตามๆกัน
   
                  “จ้า จ้า ไปแล้วจ้าแม่”
   
                  ภาพในวันนี้ที่ทุกคนมารวมตัวกัน เหมือนกับภาพในวันเก่าๆตอนปีหนึ่ง
                  ต่างกันตรงที่ ปีหนึ่งเราถูกบังคับให้มารวมกันเพราะกลัวพวกรุ่นพี่ แต่ตอนนี้ เรามารวมตัวกันด้วยหัวใจที่ห่วงใยกันและกันอย่างแท้จริง
   
                  ตึ๊ง
   
                  แชทสายป่านเด้งตอนที่เรากำลังล้อมวงกินข้าวอยู่ เขาที่ไม่ได้ตั้งใจจะดูดันเห็นไปแล้วเพราะองศาที่เขานั่งมันดันเห็นชัดแจ๋วเลยน่ะสิ
                  เป็นข้อความจากนินิว
   
                  “นินิวน่ะ บอกว่าขอตัวกลับไปเคลียร์เรื่องต่างๆกับทางมหา’ลัย”
   
                  มันหันมาบอกเขา
                  จนทุกคนเงยหน้าขึ้นมามองกันหมด
                  เดี๋ยวนะ คนที่มึงต้องบอกคือมามี่เจ้าของงาน ไม่ใช่กูกกกกกกกก
   
                  “คือ…”
                  “…”
                  “มันไม่มีอะไร”
   
                  โอ๊ยยยยยย
                  มึงจะพูดแก้ตัวอีกทำไม เงียบไปมันก็ดีอยู่แล้ว
                  พอไอ้สายป่านเกาคอแก้เขินแล้วพูดเท่านั้นล่ะ
   
                  “ฮั่นแน่!!!”
   
                  คราวนี้ไม่ใช่แค่วินดี้ แต่เป็นทุกคนเลย
                  ไอ้สัด
                  โป๊ะมั้ยล่ะมึง





*TBC...........................................................

ผ่านเรื่องร้ายๆมา กว่าเค้าจะขอกันจูบได้นะคะคุณ
ยินดีกับทุกความรักค่ะ

แล้วเจอกันเน้อ


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด