STEP by STEP ทีละก้าว - {END}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: STEP by STEP ทีละก้าว - {END}  (อ่าน 83233 ครั้ง)

ออฟไลน์ nnoii2538

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น้องมดต้องก้าวอีกกี่ก้าวจึงจะถึงใจสายป่านละเนี่ย

ออฟไลน์ MewSN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +234/-4
ก้าวที่เจ็ด
ความลับที่ฉันซ่อนไว้ ไม่เคยบอกใคร

โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  คุณกำลังแอบชอบใครอยู่ครับ
   
                  !!!
   
                  “ไม่มี”
   
                  เขาตอบเสียงราบเรียบ เดาว่าทุกคนคงคิดมาตั้งแต่ตอนก่อนหน้าว่ามันคงจะไม่เกิดอะไรอย่างการที่เขาจะเป็นบ้า โพล่งออกไปต่อหน้ามันว่ากูชอบมึงหรอกนะ นั่นเป็นเหตุการณ์ที่มันจะไม่เกิดขึ้นกับคนขี้ขลาดอย่างเขาแน่ๆ ไม่มีวัน ถ้าหวังจะให้เขาเผยความในใจ มันต้องไม่ใช่ในสถานการณ์แบบนี้ และคิดว่าถึงจะมีสถานการณ์ไหนๆเป็นตัวบีบคั้น เขาก็ไม่มีทางที่จะเอ่ยมันออกมาง่ายๆหรอก
                  ตราบใดที่เขา ยังเป็นได้แค่คนที่แอบชอบมันไปวันๆอยู่แบบนี้
                  …เท่านั้น
   
                  “จริง?” มันถามย้ำเสียงสูง
   
                  แต่เขาก็ยังยืนยันหนักแน่นว่า “จริง”
   
                  ด้วยความจริงจังของเราทั้งสองที่เขาทั้งคู่ก็ไม่รู้ตัวว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ทำให้ทั้งโต๊ะดูเหมือนจะตกอยู่ในบรรยากาศแสนอึดอัด ตึงเครียด และกำลังจะเรียกได้ว่ามาคุในอีกไม่ช้านี้
                  และเสียงระฆังก็ดังขึ้นช่วยชีวิตเขา
   
                  “เอ่อ แหม ถ้ามีมดมดก็ควงมาแล้วสิคะ อุ๊ย หรือว่ามีแต่กั๊กไว้”
   
                  ประโยคแรกเกือบดีแล้วเชียววินดี้ แต่ประโยคหลังนี่แว้งมากัดเขาซะงั้น พาลให้เรื่องชักจะไปกันใหญ่
   
                  “ก็ได้ แค่ถามเพราะเล่นตามกติกาหรอกนะ แต่คนไม่ซื้อสัตย์ย่อมรู้แก่ใจดี”
   
                  แต่คนตั้งคำถามกลับพอแค่นี้ และทิ้งคำพูดที่เป็นเหมือนระเบิดดังตู้มแบบโดนใส่ตัวเขาเต็มๆ จนเจ็บไปตามๆกัน เจ็บใจโคตรๆ แต่ก็ได้เพียงกัดฟันมองค้อนมันที่ยักไหล่ไม่ยี่หระ แล้วบรรยากาศตึงเครียดก็ค่อยๆจางหายไปกับความครึกครื้นเมื่อหัวขวดเริ่มหมุนไปต่อ อีกรอบ เรื่อยๆ และอีกรอบ
                  แต่ไม่รู้ทำไม เขารู้สึกไปเองหรือเปล่า ที่ว่าคนข้างๆดูเหมือนจะจับจ้องเขาไปตลอดการเล่นเกมส์
                  เปล่า เขาเดาเอาน่ะ เพราะไม่กล้าหันไปมองหรอก
                  ใครจะกล้าล่ะ คุณว่ามั้ย

   





                  “อ้วกกกกกกกก”
   
                  ท้ายที่สุดทุกงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา และทุกการจากลาย่อมต้องมีคนเตรียมเก็บศพ ไม่ใช่ศพใครที่ไหน แต่เป็นพวกขี้เมา พวกขี้เหล้า เมาแล้วเรื้อน ยกตัวอย่างเช่น ไอ้พี่ปืน ที่แม่งพอพยุงออกมาจากร้านได้ไม่กี่ก้าว ก็ตรงดิ่งไปข้างทาง แล้วก้มหน้าก้มตาปฎิบัติภารกิจโก่งคออ้วกเอาๆอยู่ตอนนี้
                  แหม ไม่ต้องพูดถึงเหล่านางฟ้านะ สภาพแต่ละคนตอนนี้ไม่ต่างจากพี่ปืนสักเท่าไหร่ ต้องใช้นักกีฬาหิ้วปีกแต่ละคน
                  พอจะมีคนที่สติยังดีๆอยู่บ้าง และอาจเรียกใครบางคนที่เขาเห็นว่ามันกระดกเหล้าเอาๆว่าคอแข็ง คอทองแดง หรืออะไรทำนองนั้นได้
                  ไอ้สายป่านแม่ง ดื่มไปเยอะ แต่ไม่ยักกลายเป็นศพอ่ะ
   
                  “น้องมดมดของพี่ปืนจ๊ะ” พี่มันพูดเสียงโหรงเหรง ไม่ชัดถ้อยชัดคำ แต่เขาพอจับใจความได้
   
                  นิยามเมาแล้วเรื้อนดูจะตรงกับไอ้พี่ปืนดีที่สุด หึ หมดภาพลักษณ์พี่ว้ากปีสาม ความน่าเคารพของพี่มันปลาสนาการหายไปทันใดเมื่อเหล้าเข้าปากสินะ เขาปาดเหงื่อกับคนตรงหน้า แล้วตรงเข้าไปลูบหลังช่วยให้พี่แกอ้วกสบายขึ้น
   
                  “น้องมดมดช่วยพี่ด้วยคร้าบ”
   
                  แต่ทันใดโดยที่ไม่ระวังตัว คนเมากลับตวัดแขนขึ้นมา แล้วเอื้อมลำแขนแข็งแกร่งคว้าเอวเขาไว้ กลายเป็นตอนนี้ตัวเองกำลังถูกกอดกลายๆ
                  แต่พี่มึง จะอ้วกหรือจะเล่นเอาให้ดี อย่ามาอ้วกโดนเสื้อเขาน้า
                  ฮือ… ได้โปรด
   
                  “มึงมานี่ กูดูเอง”
   
                  ตัวของพี่ปืนถูกดึงออกไปโดยง่าย จากคนที่มีแรงมากกว่า และตัวใหญ่กว่าอย่างไอ้สายป่าน
                  แต่ลากพี่ปืนไปเขวี้ยงไว้ในรถไม่พอ ยังลากเขามาตรงที่นั่งคนขับอีก
   
                  “เดี๋ยว มึงจะไปส่งกูที่ห้องด้วยใช่มั้ย”
   
                  พร้อมคิดในใจว่า ถึงมึงตอบว่าไม่ ยังไงเขาก็ถึงห้องตัวเองอยู่ดี เพราะคอนโดมันกับเขาคือที่เดียวกันยังไงล่ะ
   
                  “คืนนี้ไม่กลับห้องกู”
                  “อ้าว แล้ว…”
                  “ถามมากกูจะจับจูบแม่ง”
   
                  เงียบ……………………ฉี่
                  เอ่อ…
   
                  “มึงเมาป่ะเนี่ย” เขาลองหยั่งเชิงอีกรอบ
                  “อยากลองชิมมั้ย”
   
                  เขาคงไม่ต้องถามว่าชิมยังไงในเมื่อไม่มีเหล้าสักขวดที่นี่หรอกนะ
   
                  ปึง!
   
                  “คาดเข็มขัดด้วย ถ้าไม่อยากตาย”
   
                  เขาว่ามันกำลังอารมณ์ไม่ดี แต่เขาไม่รู้สาเหตุว่าอาจเป็นเพราะฤทธิ์สุรา หรืออะไรกันแน่

   





                  “ให้พวกเจ๊ๆนอนข้างในห้องนะเว้ย ส่วนพวกมึงกับผู้ชายมานอนที่ห้องนั่งเล่น”
   
                  หลังจบคำชี้แจงทุกคนก็แยกย้ายเอาคนเมาที่แต่ละคนรับเป็นภาระไว้ไปนอนที่ห้องตามที่ได้แบ่ง และตอนนี้เหลือเพียงเขาที่ไม่รู้จะไปไหนต่อดี กับไอ้สายป่านที่จ้องมองตรงมาทางนี้ ด้วยดวงตาที่เขาให้นิยามว่า ฆ่าคนให้ตายยังได้เลยล่ะ
                  คือ…เขาเกี่ยวอะไร ฮือ
                  แล้วทำไงดีล่ะทีนี้ ยืนเกร็งให้มันมองแบบไม่กล้าถามต่อไปเหรอ เพราะกลัวว่ามันจะทำอย่างที่ขู่ไว้แบบจริงจัง
   
                  “มึงมานี่ดิ๊”
   
                  มันกวักมือเรียก ส่วนเขาก็ทำหน้าที่เป็นหมา เอ๊ย เป็นเพื่อนที่ดี กระดิกหางเข้าไปหาทันใด
   
                  “นี่กุญแจห้องมึง อยู่ตรงโน้น เป็นห้องนอนเพื่อนกูเอง แต่คืนนี้มันไม่กลับ ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว พรุ่งนี้กูจะไปส่งกลับห้อง”
   
                  ใจอยากจะท้วงว่ากลับตอนนี้เลยไม่ได้เหรอ แต่พอเห็นสีหน้าจริงจังของมันแล้วก็ต้องสั่งสมองตัวเองให้หุบปากเอาไว้แน่น
                  น่ากลัว…
   
                  “น้องมดคร้าบ พี่อยากอ้วกแล้ว”
   
                  ท่ามกลางความเงียบชั่วอึดใจ เสียงไอ้พี่ปืนดังขึ้นมาใต้ฝ่าเท้าเขา เฮ้ย ลืมไปว่าเอาพี่แกนอนพื้นเย็นเฉียบอยู่
                  เขากำลังจะก้มตัวไปพยุงพี่ปืนขึ้นมานอนดีๆ แต่…
   
                  พรึ่บ!

                  !!!
   
                  “กูไม่ไหวแล้ว กูเมา…”
   
                  ไอ้สายป่านที่ยืนตรงแบบคนมีสติดีครบทุกอย่าง กลับเอนตัวมาหาเขาที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วทิ้งน้ำหนักมาแบบไม่บอกกล่าว
                  โคตรหนักเลยครับ
                  แต่หัวใจเขานี่สิ เต้นโครมครามจนจะทะลุออกมานอกเสื้ออยู่แล้ว โอ๊ย เย็นไว้เจ้าหัวใจบ้า
                  งื้อ ทำไมเขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆแบบกลิ่นตัวผู้ชายจากมันได้ล่ะ ไม่นะ เขาไม่ได้ตั้งใจจะดมกลิ่นมันนะ เขาไม่ใช่โรคจิตนะ ไม่นะ!!!
                  มด!!! สงบสติก่อน
                  ฮือ เอาไม่อยู่แล้ว ทั้งหน้าทั้งตัว ร้อนไปหมดแล้ว
   
                  “พากูไปนอนดิ๊”
   
                  ทำไม ทำไม ทำไม
                  แค่มันกระซิบข้างหู เขากลับได้ยินเป็นเสียงกระเส่าแบบออดอ้อนสุดขีดไปได้ ไม่นะมด ห้ามคิดอกุศล ไอ้บ้า เอาสติกลับมาก่อน
   
                  ม่ายยยยย

                  เอาล่ะ เขาขอสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะพยุงไอ้สายป่านเข้าไปยังห้องนอนของพื่อนที่มันบอกไว้แต่ต้น
                  ค่อยๆวาง ค่อยๆ บรรจง…
                  เฮ้อออออออออออออออออออออออออออ
                  โล่งอกได้เสียที
                  เขาเอามันนอนลงบนเตียงได้แล้ว มันไม่ได้อยู่ใกล้ๆแล้ว ไม่ได้ใกล้แบบมดก็ไต่ลอดไปไม่ได้แบบเมื่อกี้แล้ว ไม่นะ เขากำลังหน้าแดงอยู่ในความมืด
                  เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มันบอกว่าห้องนี้ให้เขานอนนี่
                  เฮ้ย สรุปเขาต้องไปนอนที่ห้องนั่งเล่นรวมกับคนเมาคนอื่นๆสินะ
                  ไป…ก็ได้วะ
   
                  หมับ!
   
                  “มานอนนี่”
                  “เฮ้ย”
   
                  !!!
   
                  เมื่อสิ้นเสียงตกใจของตัวเอง เขาก็พบว่าร่างทั้งร่างของตนได้มานอนเกยอยู่บนร่างของใครบางคน ที่นอนอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว ต้องเดาให้อีกมั้ยว่ามันคือ…
                  ไอ้ สาย ป่าน
                  ฮือออออออ
                  ไม่น้า หัวใจกำลังเต้นแรง ทำแบบนี้กับเขาไม่ได้นะ … คนเรา
   
                  “ตัวมึงหอมจัง ไม่มีกลิ่นเหล้าเหมือนกู”
   
                  เขาตัวแข็งทื่อ เมื่อได้ยินเสียงสูดลมหายใจของร่างเบื้องใต้ มันกำลังดมเขาอย่างที่พูดจริงๆ
   
                  “ผิวมึงก็โคตรนุ่ม”
   
                  มือหนาไม่ว่าเปล่า ยังลูบไล้ไปทั่วตัวเขาอย่างถือวิสาสะ ย่ามใจในชัยชนะของกำลัง
   
                  “อยากรู้จังว่าปากมึงจะนิ่มเหมือนกันมั้ย”
   
                  ตัวเขาที่แข็งอย่างกับท่อนไม้ในเวลานี้ ถูกมันจับจัดท่าไปมาอย่างไม่มีแรงต่อต้าน แล้วองศาก็เข้าตรงหน้ามันพอดีเป๊ะ
                  ในความมืด เขามองเห็นดวงตาปีศาจร้าย ที่จ้องจะเขมือบเหยื่อ
                  ไม่นะ…
                  หัวใจเขาเต้นไม่เป็นส่ำ
                  มัน…ที่เขาคอยแอบมอง
                  มัน…ที่เขาคิดว่าคงไม่มีวันได้ชิดใกล้
                  แต่ตอนนี้…
                  เขากำลังจะเผลอใจ ทั้งที่รู้ว่ามันเมา
                  อีกนิดเดียว เขาก็จะได้ครอบครองคนที่แอบชอบมาตลอดแล้ว
                  ทำไม… ถึงไม่รู้สึกดีใจเลยนะคนเรา
   
                  พลัก!
   
                  “มึงเมาแล้ว นอนพักผ่อนเถอะ”
   
                  เขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่มี ดันตัวเองให้ลุกขึ้น และปลดเปลื้องจากพันธนาการของมือหนา
                  ร่างบนเตียงนอนนิ่งไปแล้ว
                  พร้อมกับหัวใจของเขาที่กลับมาสงบนิ่งได้เสียที
                  เฮ้อ… เกือบไปแล้วนะมด

   





                  “อื้อ”
   
                  แสงแดดที่ส่องลอดผ้าม่านเข้ามาแยงตาเขา จนทนหลับต่อไปไม่ได้ จึงต้องค่อยๆบิดขี้เกียจแล้วลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างช่วยไม่ได้ ใจมันก็ไม่อยากตื่นหรอกนะ สังเกตจากตาที่ยังปิดสนิทแม้จะลุกขึ้นนั่งแล้วก็ตาม แต่ร่างกายนี่สิ มันทนไม่ไหว แถมเมื่อคืนเหมือนจะดื่มในขั้นพอที่จะทำให้ท้องไส้ยามเช้าปั่นป่วนไปหมดในตอนนี้เลยล่ะ
                  โทรศัพท์?
                  อยู่ที่ไหน
                  เขาควรหาเครื่องมือสื่อสารที่จะสามารถใช้บอกเวลาตอนนี้ได้ จำได้ว่าเมื่อคืนเขาทิ้งมันไว้ที่ไหนสักแห่ง ที่ไหนสักตารางวาบนเตียงหนานุ่มนี้
                  มือเขาควานหาไปทั่ว…
                  และสิ่งที่ทำให้เขาต้องลืมตาโพลงคือการสัมผัสเจออะไรบางอย่าง
                  อะไรบางอย่างที่เขาลืมไปได้ยังไง ว่าเมื่อคืนนอนร่วมเตียงเดียวกัน!!!
                  ภาพในตาเขาปรากฏใบหน้าของไอ้สายป่าน 291 ที่โผล่พ้นผ้าห่มมาหน่อยเดียว แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือการที่ใบหน้าของมัน อยู่ใกล้ตักเขาไม่ถึงคืบ คิดเอาเถอะคุณ ว่าข้างใต้เราจะสัมผัสอะไรต่อมิอะไรกันบ้าง และนั่นล่ะ ที่ทำให้เขายิ่งตกใจกว่า เมื่อความรู้สึกทั้งหมดมันบอกว่า ไอ้สายป่าน…
   
                  “ร้อนนนนน”
   
                  พรึ่บบบบบบ
   
                  ไม่ละเมอเปล่า มือหนาดึงผ้าห่มคลุมร่างตัวเองออก เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใต้แบบชัดๆเต็มสองตาเขา แบบฟูลเอชดี
                  สายป่าน 291 กับความขาวของแผงอก ที่มีกล้ามแบบคนหุ่นดี
                  อื้อหือ มันโคตรกระแทกสายตาเขาจังๆเลยล่ะ
                  และความหมิ่นเหม่ของผ้าห่มตรงวีเชฟบอกให้เขารู้ว่า แม่ง ข้างใต้สะดือลงไปมันก็ไม่ได้ใส่อะไรเลยนอกจากกางเกงใน
                  โอ้โห เห็นแล้วอยากนอนกับมันทุกคืน เอ๊ย ผิดดดดดดดด
   
                  “มองอะไรวะ”
   
                  อ้าว นี่เขาเผลอมองนานขนาดมันลืมตาตื่นเลยเหรอ
                  คีปลุคแป๊บบบบบบ
   
                  “คุณคนขี้โกง”
   
                  นี่มึงยังจำเรื่องคำถามเมื่อคืนได้อยู่เหรอเนี่ย มันผุดลุกขึ้นแบบไม่อายดินฟ้าอากาศ แต่ขอโทษเถอะช่วยอายคนที่นั่งโง่ๆอยู่ตรงนี้อย่างเขาสักคนได้มั้ย
                  นูนกระแทกหน้าเขาเลยครับ
                  จริงๆ
   
                  “กูรู้นะ ว่ามึงแอบชอบใครอยู่”
   
                  พอจะมีเวลาได้หายใจหายคอ พระเจ้า ไอ้เหี้ยสายป่านก็ปาระเบิดดังตู้มมาอีกรอบ
                  หรือว่าเมื่อคืน… มันจะรู้แล้ว
                  แต่พระเจ้าก็ไม่เคยได้ปล่อยให้เขาได้คิดนาน เมื่อคนที่หายเข้าไปในห้องน้ำ โผล่หัวออกมาทางประตู
   
                  “อาบน้ำด้วยกันป่ะ จะได้เสร็จเร็วๆ”
   
                  เขาไม่ใช่สาวน้อยแรกรุ่น ที่โดนมันแซวแล้วจะต้องเขินอายบิดตัวม้วนต้วน
                  แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธว่าฉากเดิมๆในหนัง เขาเองก็หยิบมาใช้
                  อย่างการ… ปาหมอนข้างใส่ไอ้คนขี้กวนตีน จนมันหัวเราะร่วน

   





                  ใจเขากำลังกระวนกระวาย คิดไปถึงคำพูดของใครบางคนเมื่อตอนเช้า
   
                  กูรู้นะ ว่ามึงแอบชอบใครอยู่
   
                  ยังไงกัน เขาแสดงออกมากไปเหรอ ทำไมมันถึงรู้ตัวได้ขนาดนั้น มันรู้แล้วจริงๆเหรอ หรือแค่แกล้งทำเป็นอยู่เหนือกว่า แบบผู้กุมความลับที่หลอกให้เราคลายออกมาเองด้วยการใช้วิธีการแบบจิตวิทยา คือหลอกว่ารู้แต่จริงๆไม่รู้อะไรทำนองนั้นน่ะ
                  ตอนนี้สถานะของพวกเราที่แฮงก์บ้าง ยังไม่หายเมาบ้าง หรือยังไม่ตื่นเต็มตาดีบ้าง มารวมตัวกันในห้องนั่งเล่น ที่เคยเป็นห้องนอนของพวกขี้เมาเมื่อคืน โดยมีเหล่านางฟ้าทำหน้าที่แม่ครัวได้อย่างดีเยี่ยม เขาไม่ได้เห็นภาพแบบนี้มานานม๊าก(ก ไก่ล้านตัว) หลังจากเราจบค่ายสานสัมพันธ์พี่น้องสถาปัตย์ ชื่อค่ายสวยหรู แต่ภายในนรกยิ่งกว่า เช้าว้ากเย็นว้าก อาหารต้องแบ่งเวรกันทำ ไหนจะทำความสะอาดห้องอีก บลาๆๆๆ เป็นค่ายที่ทรหดมาก ทุกอย่างต้องทำเองภายในรุ่น บางครั้งรุ่นพี่แกล้งขโมยนั่นนี่ไปซ่อน จนต้องออกตามหากันให้วุ่นวาย เป็นค่ายที่ได้อะไรมากจริงๆนะ โดยเฉพาะสูตรความสกปรกที่บรรลุได้อย่างแท้จริงจากค่ายนี้ เฮ้อ
                  คิดถึงแล้วก็อยากอ้วกในเวลาเดียวกันเลยครับ
   
                  “มึงมานั่งทำไรตรงนี้”
   
                  แม่ง ดูดิ โคตรกวนตีนแค่ไหนถามใจดู เดินเช็ดหัวมานั่งแปะข้างๆเขา แล้วเริ่มหาเรื่อง
   
                  “เขียนติดไว้เหรอว่าที่มึง”
   
                  เอาสิ ติดว่าเมื่อคืนมันเมาหรอกนะ ไอ้เขาก็ไม่อยากจะเถียงกับคนเมา เถียงไปแล้วกลัวเจ็บตัวเปล่า ที่จริงคือเจ็บปาก เอ๊ย ผิดดดดด
                  แต่ตอนนี้มันสติดีครบทุกอย่าง แถมคนอยู่กันเต็มเขาเลยกล้าเถียงมันขึ้นมาบ้าง…
                  นิดนึง
   
                  “มึงไม่ใช่แก๊งนางฟ้าสถาปัตย์หรอกเหรอ ได้ไงอ่ะ แต่งหญิงไม่เข้าแก๊งนางฟ้า”
   
                  มึ๊งงงงงงง
                  มันกำลังล้อเรา มันกำลังล้อเรา มันกำลังล้อกูอยู่ครับบบบบบ
                  ถ้าเป็นไปได้นะ ตอนนี้เขาอยากบรรยายเหลือเกินว่า อารมณ์ที่ดีๆอยู่มันปรี๊ดจนควันออกหูไปแล้ว
   
                  “ที่กูต้องทำก็เพราะใคร”
                  “กูบอกให้แต่งตามธีมสันทนาการ มึงแม่ง เสือกแต่งหญิงเอง”
   
                  ฮือ เถียงไม่ออก แต่ความจริงแก๊งนางฟ้าบังคับแต่งน้า ฮืออออออ ตราบาปติดตัวตลอดกาล
                  จริงสิ พูดเรื่องนี้ขึ้นมาพอดี
   
                  “กูทำตามมึงบอกแล้ว งี้มึงจะรับบทเป็นพระเอกละครเวทีมอใช่มั้ย”
   
                  ตอนนี้อยากให้ทุกคนรู้เหลือเกินว่า เขาต้องทำตาปริบๆแบบออดอ้อนมันแค่ไหนกัน แล้วจึงได้รับคำตอบที่ว่า…
   
                  “ไม่อ่ะ ขี้เกียจ”
   
                  เฮงซวยยยยยยยย
   
                  “ล้อเล่น กูบอกโฟร์ในไลน์ตอนกินเหล้าเมื่อวานแล้ว”
   
                  แล้วไป ว่าแต่ พวกมันไปแอดไลน์กันตอนไหน หึงหวงอย่างไร้สาเหตุ พ่นลม หึงหวงอย่างรุนแรง โมโห
   
                  “ขอบคุณนะ”

                  เขารู้สึกแบบนั้นกับมันจริงๆ คิดเอานะทุกคน ถ้าไม่ใช่พวกที่รักงานแบบนี้จริง ก็พวกที่มีน้ำใจมากๆ หรือพวกเกรงใจคนอื่นไปทั่วเท่านั้นล่ะที่ตัดสินใจรับงาน และเขาเดาว่าสายป่านคงเป็นประเภทท้ายสุดมากกว่า ถึงเขาไม่ลงทุนไปเต้นแร้งเต้นกา มันก็ยอมไปอยู่ดี
                  ก็นะ เอาตำแหน่งสุภาพบุรุษของพวกกะเทยไปเล้ยยยยยย ประชด
   
                  “มาทำซึ้งห่าไร จะอ้วก”
   
                  บางทีเขาก็สงสัยว่าเราไปสนิทกันถึงขั้นพูดห่าพูดเหวใส่กันได้แล้วตอนไหน
                  หรือมีแค่เขาเอง ที่คิดว่าเราไม่สนิทกันได้อย่างสนิทใจมาตลอด มันเลยพลอยคิดไปถึงเส้นขั้นต่างๆนานาที่ไม่มีอยู่แต่แรกแล้ว เพราะฟังคนอื่นเขาพูดคุยกัน ไอ้เหี้ยไอ้สัดก็เป็นปกติธรรมดาเสียมากกว่าสำหรับคนที่ผ่านอะไรมาด้วยกันมากมายด้วยคำว่ารุ่น
                  แต่เอาเถอะ ซึ้งได้ไม่นานไอ้สายป่านก็ชวนตีอย่างที่เห็นอีกรอบ
   
                  “คุณนางฟ้าสถาปัตย์มดมด ไปเอาข้าวมาให้แดกหน่อยครับ”
   
                  ทุกคนพอเดาได้ไหมครับ ว่าน้ำเสียงในประโยคนี้ต้องพูดยังไง แหม ถูกต้องแล้วครับ ต้องใช้คำว่า ดัดเสียงแบบล้อเลียนเขา กระแนะกระแหน และโคตรดีใจที่ได้แกล้งเขา รวมไว้ในประโยคนี้ทั้งหมดครับ จบรายการ
                  เขาลุกขึ้นยืน…
   
                  “หิวก็ไปตักแดกเอง ไอ้เหี้ย”
   
                  แต่อย่าหวังว่าจะลุกไปตักข้าวให้มันครับ!!!
                  นี่เป็นครั้งแรกเลย ที่เขามีความกล้าพอจะพูดคำว่าไอ้เหี้ย แบบไม่ติดขัดอะไรกับคนๆนี้
                  ทุกๆสิ่งตอนนี้ดูเปลี่ยนแปลงไป หลังจากเราเริ่มคุยกันแบบเพื่อน
                  แต่จะเปลี่ยนแปลงไปทางไหนต่อนั้น เขาแม่งไม่เคยได้รับรู้เลย…



                  



                  “อุว่ะ เพื่อนเรานี่มันยังไงวะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อย่างกับคนมีความรัก” ผู้เริ่มประเด็นคนแรกมาแล้ว
                  “ฮึ ไอ้เราน้า พลาดไม่ได้ไปงานคณะแค่วันสองวัน แต่เหมือนเพื่อนมดดูจะมีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นเนาะ” ผู้เริ่มประเด็นคนที่สองก็ตามมาติดๆ
                  “เฮ้อ ชีวิตนี้จะมีบ้างมั้ยน้อ หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ คนหนึ่งก็ปีสาม อีกคนก็รุ่นเดียวกันที่แอบชอบมานาน ส่งยิ้มให้จนใจละลายยยยยยย” ผู้เริ่มประเด็นคนสุดท้ายพูดได้ตรงจนเขาจุกไปเบาๆ
   
                  มายด์ จิ๊บ และฟ้า เรียงตามลำดับประโยคที่แต่ละคนพูดขึ้นมาเพื่อเล่นงานเขาได้เลย เหอะ เพื่อนสามคนนี้มีหรือจะพลาดสิ่งที่ตัวเองลงความเห็นว่า เป็นความสุขส่วนตัวที่ได้แกล้งมึง หรือก็คือแกล้งเขานั่นเอง
                  จะอะไรกันนักหนา แค่เมื่อเช้าตอนเดินผ่านกลุ่มสายป่าน มันก็แค่…
                  มันก็แค่ แค่…
                  ทักทายเขาด้วยการเรียกชื่อ ก็เท่านั้นเอง
                  ฮื่อออออ แล้วทำไมเขาต้องมาเขินด้วยวะ คนเรา ฮืออออออ
                  ก็เมื่อก่อนมันเคยมีซะที่ไหนล่ะ มาโบกไม้โบกมือทักทายกันแบบนี้ แถมปากก็ส่งยิ้มมา มองแล้วแม่งโคตรหล่อ เอ๊ย ผิดดดดดดด
                  แน่นอนว่าการพลิกฟ้าจากหลังมาหน้าแบบชนิดมองไม่เห็นก้นเหว เป็นไปไม่ได้เลยที่เพื่อนทั้งสามจะไม่สังเกตเห็น
                  แต่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถอธิบายทฤษฎีความสัมพันธ์แบบนี้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหนได้จริงๆ เพราะจู่ๆ จากคนที่ถูกทำเหมือนให้ไม่รู้จักกัน ก็มาสนิทกันได้แบบงง
                  ต้องย้อนกลับไปคืนนั้น แล้วพูดว่า เหล้านี่ทำให้คนสนิทกันเร็วจัง เหล้านี้ดีจริงๆ เฮ้ออออออ ประชดอยู่รู้ตัวมั้ย
                  ช่างเรื่องเหล้า…
   
                  “แต่แม้อะไรๆจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน แต่ไอ้มดของเราก็ยังเหมือนเดิมว่ะ”
   
                  มายด์พูดค้างไว้ ให้ควายถาม เอ๊ย ให้จิ๊บถาม
   
                  “เหมือนเดิมยังไงวะ”
                  “ก็ ยังเขินเขาไม่หายเหมือนเดิมไงวะ”
   
                  แล้วมันทั้งสามคนก็หัวเราะเฮฮา สนุกสนานที่ได้แกล้งเขาให้ทำหน้างอง้ำ เหอะ ไม่ถึงทีเขาบ้างก็ให้มันรู้ไป เพื่อนสาวทั้งหลาย
   
                  “นี่แหละน้าเขาเรียกว่า เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน มดไม่เปลี่ยน”
   
                  จ่ะ !!!
   
                  “อะไรคุณนักศึกษาคณะสถาปัตย์ คุณจะโดดคาบฉันอีกแล้วใช่ไหม”
   
                  เพราะมัวแต่ดีใจที่ได้แกล้งเขา เลยไม่ได้สังเกตเห็นว่าอาจารย์สมรศรี อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ ที่สอนวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะเซคพวกเราได้มายืนอยู่ข้างๆ
   
                  “แง้ว อาจารย์ ฮือ”
   
                  หึ ทีงี้มาทำหน้าหมาหงอย ไหน พวกคนขี้แกล้งมันไปไหนหมดแล้ว
   
                  “แต่ฉันเห็นด้วยกับพวกคุณนะ คุณมดนี่ขึ้นปีสองแล้ว ก็ยังเตี้ยเหมือนเดิม”
   
                  โธ่ อาจารย์ง่ะ ทำไมเหมือนเน้นคำว่าเตี้ยจังเลย
                  รู้สึกอยากร้องไห้เบาๆ

   





                  เคยมีคนบอกไว้ว่า เมื่อขึ้นปีสอง อะไรหลายๆอย่างมักเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเสมอ และเขาเชื่อว่ามันจะเป็นเช่นนั้นจนจบปีสี่
                  สิ่งดีๆอาจเริ่มจากเรื่องแรกที่เขารับไม่ได้สุดๆ อย่างการได้รับความเชื่อใจจากเหล่านางฟ้าสถาปัตย์ในการแต่งชุดคอสเพลย์นางแมวยั่วสวาท หรืออาจเรียกอีกชื่อหนึ่งแบบเต็มยศว่า แต่งหญิงแมวเหมียวสันทนาการ ขอกุมขมับกับชื่อที่ใครแม่งเป็นคนคิดขึ้นมาได้สักห้าวินะ
                  ถ้าถามว่าเมื่อก่อน เขารู้จักกับเพื่อนๆเพศที่สามนี้ดีแค่ไหน ขอตอบเลยว่าไม่ ยิ่งเป็นเขาที่ตอนนั้นเป็นเด็กปีหนึ่ง ไม่รู้เอาความกล้าที่พกมาเต็มร้อยก่อนเปิดเทอมไปไว้ไหนเสียสิ้น เขากลายเป็นคนที่เงียบ แต่ไม่ได้น่าแปลกกว่าใคร แต่ถ้าเทียบกับไอ้มดผมเกรียนสมัยมัธยม เพื่อนๆที่เรียนมอปลายมาด้วยกันคงต้องร้องอุทานแล้วบอกว่า แม่ง ใครเอาไอ้มดคนเดิมไปซ่อนไว้ที่ไหน
                  นั่นแหละ ที่กล่าวมาทั้งหมดก็แค่จะบอกว่า เพราะเขาค่อนข้างเป็นคนเงียบๆ เรียบร้อยๆ เหล่านางฟ้าสถาปัตย์ตอนปีหนึ่งเลยไม่ได้เข้ามาทักทาย เราไม่ได้รู้จัก สนิทสนมกันสักเท่าไหร่ มารู้จักกันจริงๆก็ตอนปีสอง ที่ต้องทำงานต่างๆร่วมกันมากมาย เราผ่านอะไรมาหลายๆอย่าง และคงจะเรียกได้ว่าเริ่มสนิทกันอย่างจริงจังก็ตอนไปเต้นสันทนาการให้นี่แหละ
                  แล้วผู้คนอีกมากมายก็ตามมาเป็นขบวน เขาเหมารวมไอ้สายป่านเป็นหนึ่งในนั้น เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเรากำลังก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ถึงแม้จะในฐานะเพื่อนก็ตามที
                  ได้แค่นี้ ก็ดีกว่าที่เคยเป็นแล้วไม่ใช่เหรอ
                  อดไม่ได้ที่จะขอบคุณความเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆนี้ แต่ดูมีพลังอย่างยิ่งใหญ่จริงๆ
   
                  ตึ๊ง
   
                  เสียงแจ้งเตือนกลุ่มแชทในเฟซบุ๊กทำให้เขาหลุดออกมาจากภวังค์
   
                  กองร้อยปล้นสวาท
                  ชื่อแชทกลุ่ม…
   
                  มามี่ แกร่นนนนนนนนน นางฟ้าทุกเบอร์อยู่ที่ไหนหมดคะ ไหนบอกสามโมงเจอกันตรงซุ้มจัดงานคะ
                  อุมาพร เว้ทอะมินิท รอก่อนๆ อย่าเพิ่งรีบวางหู
                  มามี่ มึงแหละตัวดี อิคนดีศรีเชียงใหม่ มึงอยู่ไหนคะอิดอก
                  วินดี้ แหม เร่งจัง เหยียบสุดแล้วเนี่ย
                  มามี่ ตอแหล ถ้ามึงเหยียบอยู่แล้วมึงมาตอบแชทกูได้ไง
                  วินดี้ ก็กูใช้เท้าเหยียบ
                  มามี่ แอดมิทโรงพยาบาลไหนบอกกูด้วยนะ
                  วินดี้ ทำไม เป็นห่วง จะมาดูแลงี้
                  มามี่ เปล่า จะตามไปกรวดน้ำ
   
                  ทำไมเขารู้สึกว่ากำลังอ่านการ์ตูนตลกแทนที่จะเป็นแชทจริงจังของมามี่นะ แอบขอโทษเธอในใจเบาๆ
                  งานที่ว่าน่าจะเป็นงานโปรโมทการจัดนิทรรศการงานศิลป์ที่พวกเราชาวเด็กสถาปัตย์ภูมิใจนำมาเสนอ ตั้งโชว์ ณ ลานกว้างหอศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ในวันเสาร์ที่สองของเดือนพฤษตุลาคมที่ใกล้เข้ามาเต็มที เขาท่องตามสคริปต์พูดของมามี่เป๊ะๆเลยนะ
                  ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาจะเลื่อนอ่านไปแบบผ่านๆ แต่…
   
                  Mod Kittikun มีใครไปบ้างอ่ะ
   
                  ตอนนี้เขาว่าง แล้วก็ไม่มีอะไรทำ บางที เขาอาจจะไปช่วย…ด้วยความเต็มใจ นี่เขากลายเป็นเด็กกิจกรรมไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ไม่สิ ไม่นับตอนปีหนึ่งที่เขาถูกหลอกเข้าไปทำละครเวทีมหา’ลัย และตอนนี้ก็ยังถูกหลอกเข้าไปเหมือนเดิมสิ
   
                  มามี่ วี๊ด มดมดลูกแม่จะมา พวกมึงไปไหนก็ไปเลยนะ มดมาก็กินไปแล้วครึ่งงาน พวกไร้ประโยชน์ไสหัวไป๊!!!
                  วินดี้ ได้ไงคะอิดอก มดมด อยากเจอเหลือเกิน แม้จะแยกกันตอนเช้าที่โรงอาหารแต่โคตรคิดถึงเป้าตุงๆของมดเหลือเกิน
                  ลิลลี่ ต่ำ โสโครก
                  มามี่ อ่ะ มึงโผล่มาตอบแชทได้สักทีอิลิลลี่ แหม ทำเป็นหายหัวอินี่
                  ลลิตา มดมดมา แม่ใส่เกียร์หมาตามไปด้วยคนค่า
   
                  ตึ๊ง
   
                  เสียงแจ้งเตือนแชทเฟซบุ๊กอีกกล่องดังขึ้น
   
                  สายป่าน 291…
   
                  เป็นวิดิโอช่วงสั้นๆ
                  ใครสักคนที่กำลังถ่ายสายป่านอยู่ “เป็นอะไรครับ นั่งเหม่อ เหม่อ เหม่อคิดถึงคนนี้หรือเปล่าว้า”
                  พอสายป่านรู้ตัวว่ากำลังโดนถ่าย มันก็ทำหน้าตกใจแล้วเข้ามาแย่งจนมือใครต่อใครไม่รู้มาบดบังกล้องไว้
                  แล้วก็จบ… แค่นี้
                  แต่ทำไม เขายังไม่จบ
                  มันกำลังคิดถึงใคร?
                  ดาวคณะที่ใครต่อใครกำลังพูดถึงว่าเป็นข่าวกับมันอยู่ตอนนี้ใช่มั้ย?
                  หรือยังมีคนอื่นอีก มึงจะเจ้าชู้เกินไปแล้วนะ
   
                  โทษที
                  เพื่อนแกล้งเว้ย

   
                  จากนั้นข้อความก็ขาดตอนไป แล้วพิมพ์กลับมาใหม่ว่า
   
                  คิดถึงจัง
                  แม่งแกล้งอยู่ได้ โทษๆ

   
                  เขาจะกล้าทำไหมนะ…
                  เขาจะกล้า…
   
                  มึงคิดถึงใครอยู่อ่ะ
   
                  ถามไหมนะ แต่เขาเพิ่งรู้ว่าเผลอกดพิมพ์ไปแล้ว มันหายไปชั่วอึดใจ ก่อนช่องแชทจะขึ้นว่ามันกำลังพิมพ์ตอบกลับ
   
                  ความลับ
   
                  สั้นๆ ได้ใจความ
                  ใช่แล้วล่ะ เขาควรโล่งใจได้แล้วว่าความลับที่เขาซ่อนเอาไว้ คงไม่มีวันจะถูกเปิดเผย เมื่อพบว่าสุดท้าย เราก็ยังเป็นได้แค่…
                  เพื่อนกัน




T B C

งื้อ มันอาจจะมีอะไรมากกว่าเพื่อนก็ได้นะมด
มดคิดลึกๆหน่อยดิ โห่ววววววว
ขอบคุณทุกความคิดเห็นเลยค่า คิดถึงทุกคนมั่กๆ

แล้วเจอกันพรุ่งนี้.
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-04-2019 20:27:43 โดย MewSN »

ออฟไลน์ lonesomeness

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
พึ่งเห็นว่สมาอัพแล้ว ตกใจนึกว่าตาฝาด 555555

พิมพ์เองก็บอก! เพื่อนแกล้งอะไรกัน

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
สายป่านทำไมทำตัวเป็นหมาหยอกไก่จังอะ  :hao4: ระวังอดนะจ๊ะ

ออฟไลน์ sarakio

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คิดถึงใครอยู่น้าส์ จะใช่มดมดหรือป่าว

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
"กองร้อยปล้นสวาท" ชื่อน่าเข้าร่วมกลุ่มด้วยจังเลย มีที่ว่างป่ะ  :hao3: :hao6:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ MewSN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +234/-4
ก้าวที่แปด
เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  คิดถึงนะ
                  คิดถึงมากๆ
                  คิดถึงโคตรๆ
                  โคตรคิดถึงเลยเว้ย
                  เฮ้ย มันแกล้งอีกแล้วว่ะ

   
                  ตอนนี้เฟซบุ๊กของเขากำลังถูกก่อกวนอย่างหนักจากช่องแชทที่เด้งขึ้นมารัวๆของ สายป่าน 291
                  จะมากไปแล้วนะ…
   
                  มึงคิดถึงใคร
                  ก็ไปบอกคนนั้นสิ
                  มาบอกกูทำไม
                  ไอ้เหี้ย ไอ้สัด ไอ้สันขวาน

   
                  และเขาจะไม่ทนอีกต่อไป พร้อมโต้กลับด้วยการระเบิดอารมณ์อย่างรุนแรงลงในประโยค และสลักความโกรธขั้นสูงสุดไว้ในทุกตัวอักษรที่พิมพ์ส่งไป หวังให้มันได้รับรู้ความรู้สึกที่อัดแน่นข้างในอย่างอึดอัดของเขา ที่ต้องมาทนอ่านข้อความสัปรังเคที่มันบ่นคิดถึงคนอื่นในแชทของตัวเขาเอง
                  เพียงแต่ว่า…
   
                  เอ่อ
                  มดมด
                  ผิดแชทหรือเปล่าลูก

   
                  !!!
   
                  ไม่ผิดหรอกที่คนตอบกลับมาจะไม่ใช่ไอ้สายป่านแต่เป็นเจ๊มามี่
                  เหอะ ให้ตายเถอะ
                  ไอ้สายป่านมันจะรับรู้หรือตอบกลับมาได้ยังไง ในเมื่อเขาส่งข้อความผิดแชท
                  โว้ยยยยยยยยย
                  โมโห

   





                  “มดมดลูกแม่ นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”
   
                  พอออกมาจากลานจอดรถ ก็เป็นลานกว้างที่ใช้จัดซุ้มของคณะสถาปัตย์พอดี เจ๊มามี่บอกว่าการที่มหา’ลัยจัดแสดงโชว์ของดีประจำจังหวัด จากกลุ่มนักศึกษาที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดต่างๆซึ่งมารวมกันกลายเป็นชมรม แล้วร่วมกันคิดร่วมกันสร้างสรรค์กิจกรรมให้มีขึ้น เป็นการดีต่อการโปรโมทอาร์ตโชว์ หรือนิทรรศการงานศิลป์ของคณะเราที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ตามนโยบายน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ที่คณะสถาปัตย์มักจะนำมาใช้กับคณะเพื่อนบ้านและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีกับทางมหา’ลัย ซึ่งจะเห็นได้จากการที่พวกเราลงทุนลงแรงตั้งซุ้มขึ้นมา แม้ว่าจะได้ประโยชน์ในการโปรโมท แต่เวลาที่เสียไปอย่างมากมายหากมองที่ผลลัพธ์อาจไม่คุ้มค่าเท่าที่ควร แต่หากมองผ่านเรื่องเหล่านี้ไป แล้วมองถึงอนาคตข้างหน้า เมื่อรุ่นน้องเราก้าวเข้ามาสืบต่อ เขาเชื่อว่า สิ่งที่รุ่นพี่ทุกๆคนทำในวันนี้ จะปูทางที่เรียบยาวให้กับพวกเด็กๆได้เดินไปอย่างมั่นคง
                  ในวันข้างหน้า หากเราต้องขอความช่วยเหลือจากส่วนกลาง เขาคงต้องคิดถึงวันที่พวกเราให้การตอบรับเป็นอย่างดี เขาเชิญเราก็มา ถือเป็นการเอามือแบบที่ภาษาชาวบ้านเขาเรียกกัน
                  ร่ายมาซะยาว เพื่อจะบอกว่า คณะนี้กิจกรรม เราทำหมด ฮา
                  เขาเดินเข้ามาที่ซุ้ม ก็พบกับเจ๊มามี่ และเจ๊ลลิตาที่รออยู่ก่อนแล้ว ส่วนนางฟ้าคนอื่นๆ คาดว่าน่าจะยังไม่มาแสตนด์บายด์กัน สังเกตจากสีหน้าความหงุดหงิดระดับร้อยล้านของเจ๊มามี่ก่อนที่แกจะปรับเป็นยิ้มแย้มแจ่มใสเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา
   
                  “ไม่มาได้ไง ต้องมาช่วยเจ๊ๆอยู่แล้วครับ”
   
                  เขาเริ่มที่จะอยู่เป็น ด้วยการใช้สรรพนามต่างๆเรียกอย่างไอ้สายป่านมันทำ
                  อีกอย่าง การให้เกียรติเพศที่สาม ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เขาทำอยู่แล้วด้วย เพราะงั้นมันไม่ได้หนักหนาอะไร หากเราจะถูกลวนลามนิดหน่อยจากพวกเธอ เอาจริงๆ นั่นก็แค่เป็นหนึ่งในวิธีการเข้าหาคนอื่นของพวกเธอเท่านั้น
   
                  “ปากหวาน ขอจูบทีได้ป่ะ”
   
                  เจ๊มามี่ทำท่าจะเอาจริง เขานี่แทบผงะ ถ้าเจ๊ลลิตาไม่เข้ามากันไว้
   
                  “ต่ำตมมากอิมามี่ นี่ลูกนะ”
                  “อย่าเรียกฉันว่าแม่ เพราะแม่กินลูกไม่ได้ มด มามี่ขอเปลี่ยนจากสถานะผู้ปกครองเป็นคนรู้ใจได้ป่ะ ทำไมหล่อขึ้นทุกวันวะ”
   
                  เอ่อ เขาไม่รู้จะตอบว่าไง เลยปล่อยให้เธอเพ้อไปคนเดียวอยู่แบบนั้น

   





                  “กรี๊ด นี่ใช่คนที่แต่งหญิงงานเปิดสนามวันนั้นมั้ยอ่ะ”
   
                  ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่เขาควรภาคภูมิใจเมื่อเฝ้าซุ้มอยู่ดีๆ ก็มีคนจำได้
                  จำได้…ในนามของนางฟ้าสถาปัตย์ จบแล้วชีวิตเขาในมหา’ลัยอันยิ่งใหญ่โสภา
   
                  “ครับ”
   
                  แล้วเขาก็ตอบกลับไปด้วยความภาคภูมิใจ ถุย!
   
                  “ดีจัง ขอถ่ายรูปเอาไปลงเพจได้มั้ยคะ เพจของมอ”
   
                  เขาเกาหัวแกรก เกิดมาไม่เคยได้มีเกียรติขนาดนี้ ยิ้มสิมดยิ้ม แชะ
   
                  “ขอบคุณนะคะ จะเป็นไรมั้ยถ้าเราจะใส่ชื่อเฟซในแคปชั่น”
                  “ตามสบายเลยครับ”
   
                  ที่เขาตอบไปแบบนั้น เพราะเขายังไร้เดียงสา และไม่รู้ว่าอะไรจะตามมาในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าน่ะสิ
   
                  “มึง สายป่านอัพสตอรี่ว่าอยู่ในงานว่ะ วี๊ด”
                  “ไหนๆ จริงๆด้วย อยู่ไหนวะ”
                  “สายป่านอยู่กรุงเทพฯนี่”
   
                  บทสนทนาบอกว่าสายป่านอยู่กรุงเทพฯอันนั้นเขารู้ที่อยู่มันดี แต่คาดว่าเจ้าตัวคงจะหมายถึง สายป่านอยู่ชมรมจังหวัดของกรุงเทพฯน่าจะถูกต้อง
                  เขาไม่ได้ตั้งใจเงี่ยหูฟังนะ แต่กางผึ่งเต็มที่เลยต่างหาก ช่วยไม่ได้ อะไรที่เป็นเรื่องของแม่ง เขาก็อยากรู้อยากเสือกไปหมดนั่นแหละ
                  มันอยู่ในงาน…
                  มันอัพสตอรี่ไอจี…
                  แล้วตัวมันล่ะ อยู่ที่ไหนวะ
                  ไหนบอกคิดถึงใครไง เขาก็นึกว่าคงจะแจ้นไปหาใครบางคนที่เป็นคนๆนั้นเสียอีก
                  หรือแค่อัพสตอรี่หลอกๆ?
                  หลอกให้คนอย่างเขาดีใจ…
   
                  “เด็กเตี้ยนี่ใครวะ เฮ้ย ปีหนึ่ง เฝ้าซุ้มทำหน้าให้มันดีๆหน่อย”
   
                  แต่ก็เสียใจเก้อไม่นาน เมื่อเสียงทุ้มนุ้มคุ้นเคยแต่ดัดให้ห้าวๆหน่อยพูดขึ้นข้างหลังเขา เฮ้ย แก้มเขาคงปิดรอยลักยิ้มเล็กๆของตัวเองไม่มิดแน่ๆ
   
                  “เป็นปีสองเว้ย ดูเข็มขัดก็รู้”
   
                  เขาหันกลับไปสวนกลับไอ้คนกล่าวหา สายป่านในชุดนักศึกษา ผูกไทด์เต็มยศยืนอยู่ตรงหน้า ไม่รู้ทำไม เขาถึงมองรอยยิ้มของมันว่าทำให้ใจเต้นแรงได้อยู่เรื่อยเลย
   
                  “ตัวสูงขึ้นบ้างป่ะ จะเป็นปีสองอ่ะ”
   
                  เขาอมลม แก้มตุ่ย หมดความจะเถียงกับคนเหี้ย
   
                  “ล้อเล่นหน่อยเดียว หน้าบูดไปได้”
                  “เหรอ”
                  “มึงกวนขึ้นวะ”
                  “กวนตีน?”
                  “กวนใจ”
   
                  อึก!
   
                  เกิดการสตั๊นไปห้าจุดศูนย์สามวินาที ก่อนที่เขาจะแกล้งชกไม้ชกมือแล้วเฉไฉไปเรื่อย
   
                  “มึงพูดเหี้ยไรเนี่ย”
                  “พูดความจริง”
                  “…”
                  “มึงอ่ะกำลังกวนใจกูฉิบหาย”
                  “…”
                  “มึงกำลังชอบใครอยู่วะแม่ง”
   
                  ตาสีดำสนิทของมันจ้องลึกเข้ามาเหมือนพยายามควานหาคำตอบของบางสิ่งในดวงตาเขา
   
                  “สายป่าน!!!”
   
                  เกือบไปแล้วมด เกือบลั่นดาลเปิดกลอนที่สลักไว้เสียเองแล้วไหมล่ะ
                  ดีนะที่เจ๊มามี่โผล่มาซะก่อน
   
                  “รีบเลยจ้า ไปแต่งหน้ามาเป็นมาสคอตให้ซุ้มได้แล้วววววว”
               
                  สายป่านยิ้ม
   
                  “แล้วใครแต่งหน้าให้ผมครับเจ๊”
   
                  เออ นั่นสิ พวกเจ๊ๆหายหัวไปไหนกันหมดแล้ว
   
                  “ไม่มีอะไรที่เด็กสถาปัตย์ทำไม่ได้ถ้าเป็นงานศิลปะค่ะ”
   
                  แปลว่าเจ๊มามี่จะแต่งหน้าใช่มั้ย เจ๊ของเขาเก่งมาก นี่สิผู้เข้าถึงศิลปะอย่างถ่องแท้ไม่ใช่แค่การวาดแปลนบ้านโง่ๆ หรือการลงสีในกระดาษสีขาว
   
                  “มด…”
   
                  !!!
   
                  “รับงานด้วยนะ เจ๊ฝาก”
   
                  ง่ะ…
                  เอาคำชมคืนมาเถอะอย่างนี้อ่ะ
                  เจ๊มามี่เดินหายไปแล้ว เหลือเขากับไอ้สายป่านสองคนเหมือนเดิม
   
                  “ไม่ยักรู้ มึงแต่งหน้าเป็นด้วย”
                  “ระดับไหน”
                  “หมายถึงส่วนสูงเหรอ กูร้อยแปดสิบเป๊ะ”
               
                  จ้า ไอ้เปรตเหี้ย!!!


                  
   

                  การเมคอัพลงบนใบหน้าของไอ้สายป่านเป็นไปด้วยดีอย่างราบลื่นและง่ายมากๆ นี่แหละหนา อิจฉาคนผิวดีหน้าดีชะมัด โบราณว่า
                  หน้าดี มีชั้ยไปกว่าครึ่ง…
                  ผิด ยังไงก็เถอะ อิจฉา อิจฉา อิจฉา
                  ผู้ชายอะไรวะ แก้มนิ่มเป็นบ้า งื้อ พูดเองก็เขินเองเลยเรา
                  ยิ่งตอนแต่งหน้าให้ แล้วมันจ้องเอาๆนะ ฮึ่ยยยยยยย
                  เขินนนนนนนนน
                  เป็นเอามากแล้วเขา…
   
                  “เจ๊ ชุดของมันล่ะครับ”
   
                  เขาจงใจเน้นคำว่ามันแรงๆด้วยความหมั่นไส้ให้ไอ้คนนอกสายที่ยืนชมความหล่อของตัวเองหน้ากระจกได้ยิน มันหันมาชูนิ้วกลางให้เขา แล้วกลับไปสนใจความงามบนกระจกต่อ
                  หยาบคาย สถุล เถื่อนมาก
   
                  “มึง เปลี่ยนชุด”
   
                  หลังจากวางสายเจ๊ เขาก็เข้ามาจัดการกับมันต่อ
                  อันที่จริงมันก็เป็นแค่เสื้อยืดธรรมดา แต่พิเศษตรงที่มันถูกป้ายสีสันลงบนเนื้อผ้าด้วยสีธรรมชาติที่เป็นโปรเจกต์เบสเลิร์นนิ่งวึ่งถูกสร้างขึ้นจากการเรียนวิชาตัวเมเจอร์โดยเฉพาะของเด็กสถาปัตย์กลุ่มหนึ่ง
                  เขาขุดคุ้ยหาชุดในตู้เสื้อผ้า
   
                  “มึงจะใส่ตัวไหน มันมีสองตัว”
   
                  เฮ้ยยยย
                  เขาหันไปหามันแต่พบว่าไอ้สายป่านแม่งทึ้งเสื้อตัวเองลงกองกับพื้นนานแล้ว
                  เหลือเพียงเรือนร่างที่เขาจำได้ว่าเคยแอบชมหุ่นตัวใดตัวหนึ่งของห้องลองเสื้อในคณะว่าโคตรจะสมบูรณ์แบบ
                  ไม่ต้องมองกระจกก็รู้ว่าเขากำลังหน้าแดงอยู่…
                  มด เป็นเอามากนะเรา
   
                  “ใส่หมด มึงก็ใส่อีกตัว”
                  “ดะ…ได้ไง กะ..กูไม่ได้ เป็น มาส คอต”
   
                  แล้วทำไมต้องพูดตะกุกตะกักด้วยเนี่ย
                  โอ๊ยให้ตาย มึงรีบเอาไปใส่เลยนะแม่ง
   
                  “ใส่เป็นเพื่อนกู…”
                  “…”
                  “นะ”
   
                  มึงไม่รู้หรือไง
                  กูแพ้ลูกอ้อนคนที่ชื่อสายป่านเว้ยยยยย

   





                  “นอกจากมึงจะเป็นช่างแต่งหน้าแล้ว มึงยังเป็นมาสคอตได้อีกนะ”
   
                  เขาจะถือว่าเป็นคำชมแล้วกัน
                  ตอนนี้พวกเรามายืนโชว์ตัวหน้าซุ้มให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาจ้องมองอย่างสนใจ
                  ไม่ใช่สนใจในตัวผลงานนะ…
   
                  “กรี๊ด น้องสายป่านพี่ขอถ่ายรูปหน่อยนะ”
                  “งื้อ พี่คณะกู หล่อมั้ยมึงงงงง”
                  “สายป่าน น่ารักจังเลย”
                  “แก๊ หนุ่มสถาปัตย์งานดีโคตร”
   
                  และอะไรต่อมิอะไรสารพัดจะเอามาชม เหอะ ไม่ต้องมีเขามายืนข้างๆให้รกลูกตาคนอื่นหรอกมั้ง ได้แต่ประชดไอ้สายป่านในใจเงียบๆ แต่สีหน้าก็ต้องยิ้มแย้ม ท่องไว้มันคืองาน…
   
                  “เอ่อ…”
                  “…”
                  “น้องมดกับน้องสายป่าน พี่ขอถ่ายรูปคู่ได้มั้ยคะ”
                  “ครับ?”
   
                  พวกเราหันไปยิ้มให้กล้องของเธอ แต่ว่า…
   
                  “ไม่เอาท่านี้สิคะ ขอชิดกว่านี้ได้มั้ย”
   
                  ยังไงอ่า…
      
                  ฟึ่บ!
   
                  “แบบนี้เหรอครับ”
            
                  เขาถูกจู่โจม เขากำลังโดนจู่โจมหัวใจครับทุกคน
   
                  ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
   
                  มึงแม่งไม่เคยให้กูได้ตั้งตัว
                  คิดจะดึงเข้าไปโอบ ก็ดึงไปเฉยไม่ถามความเห็นใครสักคำ ถามคนที่มันหน้าแดงตอนนี้ก่อนได้มั้ย ว่าใกล้ไปหรือเปล่า…
                  เขินนนนนน
   
                  “งื้อออออ เขิน”
   
                  อ้าว ไม่ใช่เสียงเขานะเว้ย
                  เป็นพี่ผู้หญิงที่ยืนถ่ายรูปพวกเราตรงหน้าต่างหาก
                  แถมท่าโอบไหล่ถ่ายรูปของพวกเรา ยังเรียกกล้องอีกนับสิบให้กดถ่ายรัวๆ
   
                  “เท่านี้ก็พอแล้วค่า ขอบคุณมากนะคะ”
   
                  เรายิ้มตอบเธอ นึกว่าจะได้พักแล้ว…
                  เมื่อยฉิบ
   
                  แต่!!!
   
                  “น้องคะ น้องสองคนโพสต์ท่าเมื่อกี้อีกรอบได้มั้ย งื้อเด็กสมัยนี้น่ารักจังเลย”
                  “คนนึงเตี้ย อีกคนก็ตัวสูง โอ๊ย ทำไมฉันเพิ่งมาคิดวะ”
   
                  เอ่อ เขาจะถือว่าเป็นคำชมแล้วกันนะ
   
                  “งื้อ เขินแทนเลยว่ะ”
   
                  ตอนนี้เขาเปลี่ยนจากเขินมาเมื่อยแล้วครับทุกคน
   
                  “ดูความมุ้งมิ้ง มันแบบ คือ กูควรดีใจกับอะไรแบบนี้เหรอ”
   
                  กว่าพวกเราจะได้พัก ก็ปาไปอีกครึ่งชั่วโมงกว่าๆ
                  เขาเดินออกมาหลบหลังซุ้ม ทว่า…
   
                  “มดมด ช่วยอะไรพวกเจ๊หน่อยสิ”
   
                  พวกเจ๊ๆที่หายเข้ากลีบเมฆโผล่มาอีกรอบด้วยเสื้อเปื้อนสี
   
                  “ได้ครับ” รู้เลยเสียงเขาโคตรอ่อนแรง
                  “เจ๊ทำป้ายบอร์ดพัง”
                  อิเจ๊!!!!!!!!!!!


                  


                  “สูงพอยังเจ๊ ให้ทาสีตรงไหนเพิ่มอีกมั้ย”
   
                  โถ ชีวิตไอ้มดนี่จะว่าไปมันก็น่าเศร้านะ แต่งชุดแต่งตัวพร้อมโชว์ แต่ดันต้องมาเป็นคนงานลูกมือเจ๊ๆ ปีนบันไดขึ้นไปซ่อมป้ายบอร์ดซุ้ม
                  แต่งหล่อพร้อม…
                  จากนายแบบกลายเป็นคนงานก่อสร้างเฉย
                  ทุกคนที่ผ่านไปมาอย่าได้สงสัย ว่าทำไมถึงมีคนหน้าตาดีปีนป่ายซุ้มของคณะสถาปัตย์แบบนี้ ถุย ขอซื้อความมั่นหน้าของตัวเองทิ้งได้มั้ย
                  ใครไม่นก มดนก
                  นกตัวเองไว้ก่อนเท่ากับรอด
   
                  “ขอเก็บรายละเอียดตรงขอบหน่อยจ้า ดีมากเลยมด อู้ อู้ มุมสูงของมดนี่เตะตาเจ๊เลย”
   
                  เจ๊!!!
                  เวลาแบบนี้ยังจะมาลามกจ้องน้องชายใต้ร่มผ้าของเขาเอาๆอีกนะ ให้ตายเถอะ
                  มดจะบ้า ถ้ามีชาสักแก้ว…
   
                  “วี๊ด สายป่าน”
   
                  ไอ้สายป่านโผล่หน้ามาพร้อมชานมแก้วใหญ่สองแก้วถือว้ายขวา
                  หรือว่า…
   
                  “ขอบใจมากนะจ๊ะ พ่อคุ๊ณณณณ ขอบคุณที่รับฝากนะจ๊ะ”
   
                  เจ๊มามี่ดับความหวังลมๆแล้งๆของเขาเสียสิ้น
                  เขามองตามชาแก้วใหญ่ที่ส่งต่อจากมือไอ้สายป่านถึงเจ๊มามี่โดยสวัสดิภาพหงอยๆ
                  หิวชา หิวน้ำ
   
                  “มองไรวะครับ”
   
                  พบคนกวนตีนหนึ่งอัตราเบื้องล่างครับ
                  เขาแกล้งทำหูทวนลมไม่ได้ยินเสียงมันพูด ก่อนจะแสร้งเอาแปรงป้ายสีนั่นสี่นี่ทาเล่น แต่ไม่เละนะครับ ระดับเด็กสถาปัตย์แล้ว กวาดลงที่ไหน ที่นั่นกลายเป็นศิลปะ
                  อวยคณะตัวเองก็เป็นว่ะคนเรา
   
                  “เฮ้อ ท่าทางชานมกูคงเป็นหมันแล้วล่ะ”
   
                  อะไรนะ
                  ตาเขาลุกวาวเก็บอาการไม่อยู่
                  คือ…
   
                  “ซื้อมาให้ กลัวมึงหิวน้ำ”
   
                  วี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
                  อะไรกันความพองโตที่อกข้างว้ายแบบนี้
                  คือมันซื้อชานมมาให้เขาเหรอ มันซื้อมาให้เขากิน เขาจะได้กินชานมแก้วใหญ่นั่นเหรอ
                  รีบไต่ลงแบบไม่คีปลุคห่าเหวอะไรทั้งนั้น
   
                  “มึงนี่”
   
                  มันหมดคำจะพูด แล้วยื่นแก้วชามให้เขา มือตัวเองกำลังจะฉกแก้ว แต่มันยื้อไว้ก่อน แก้วชานมยังอยู่ในมือของไอ้สายป่าน
                  เบื้องหน้าเขาเห็นรอยยิ้มขี้เล่นปรากฏตรงมุมปาก
   
                  “พอดีว่าไม่ค่อยชอบชานม…”
                  “…”
                  “แต่เห็นท่าทางมึงอยากกินขนาดนี้ ก็ขอชิมหน่อยแล้วกัน”
   
                  มันดูดชานมต่อหน้าต่อตาเขาเฉยเลย
                  จากนั้นก็ส่งมาให้เขา เขารับมาด้วยความงงงัน เอ้า อยากกินทำไมไม่กินเองแต่แรกวะ เอามาให้เขาทำไงงั้นอ่ะ
   
                  “ลองดู อร่อยมั้ย”

                  เขาไม่ได้คิดอะไร ดูดชานมอย่างสบายใจ ฮ้า ชื่นจายยยยย
   
                  “ท่าทางระริกระรี้ของมึงนี่…”
                  “…”
                  “คงจะดีใจมากสินะที่ได้จูบปากกู”
   
                  จูบ
                  ปาก
                  มึง
                  เขาแปลสมการในหัวด้วยความรวดเร็ว
                  มันชิม เขาดูดต่อ เขาจูบมันทางอ้อม
                  เรา จูบ กัน
                  ไม่ เราไม่ได้จูบกัน
                  เราจูบ
                  ไม่ เราไม่ได้…จูบ
                  ตอนแรกก็คิดแค่ว่าดูดชานมแล้วสดชื่นเลยดีใจไม่ได้คิดอะไรมากมาย
                  แต่มึงแม่ง ทำกูคิดไปไกล กูคิดไปแล้ว กูไม่ได้ยิ้มอยู่นะ
                  ไอ้คนบ้า!
   
                  “นอกจากจะเป็นช่างแต่งหน้า หุ่นโชว์หน้างานแล้ว ยังเป็นพนักงานทาสีได้อีกด้วย”
                  “…”
                  “มึงนี่ มีอะไรอีกมั้ยที่ยังไม่ได้เป็น”
   
                  มีสิ…
                  มีหลายอย่างเลยที่เขายังไม่ได้เป็น และยังไม่กล้าจะเป็นมัน
                  และที่มันไม่กล้า เหตุผลทั้งหมดก็เพราะมึง
                  ไอ้สายป่าน 291
                  มาทำให้ชอบอยู่แบบนี้ทำไม…


                  


                  ไม่ดึกเท่าไหร่งานก็เลิก พวกเราช่วยกันเก็บซุ้ม และไอ้สายป่านย้อนกลับมาอีกครั้ง ให้หัวใจได้เต้นรัว หลังจากมันหายออกไปเป็นชาติเศษ แต่การกลับมาของมัน ได้บอกว่าชานมแก้วเมื่อเช้า เขาไม่ได้เพ้อไปเองคนเดียว
   
                  “มานี่ กูแบกเอง มึงไปทำงานเบาๆเถอะ”
   
                  มันแย่งไม้กระดานขนาดใหญ่ในมือเขาไปแบกเอง แล้วบุ้ยใบ้ไปทางกองเสื้อผ้าที่ใช้จัดโชว์ในวันนี้ ประมาณว่าให้เขาไปจัดการตรงนั้นแทน
                  แล้วเขาก็เหมือนหมา ที่ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เมื่อเจ้านายโยนกิ่งไม้ออกไป
                  ถ้ามีหาง เขาว่าตอนนี้หางของเขาคงกำลังกระดิก
   
                  “ไม่ค่ะมดมด วันนี้เหนื่อยทั้งวันแล้ว กองนี้พวกเจ๊จัดการเอง หนูไปนั่งพักแถวนั้นเถอะ”
   
                  แต่หมาอย่างเขาก็โดนไล่อีกรอบ ให้ไปนั่งพักตรงม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากซุ้ม
                  ก่อนจะไปเขาลังเล แล้วมองรอบๆอีกที
                  โอเค…
                  น่าจะพักได้ล่ะมั้ง
                  เพราะที่เหลือคนอื่นๆก็ทยอยเก็บกันหมดแล้ว จะเหลือก็แค่ป้ายบอร์ด ที่น่าจะมาเก็บพรุ่งนี้เช้า เพราะรถขนของของพี่ปืนยังไม่ว่าง ครั้นจะช่วยกันแยกส่วนแบกกลับไปก็กระไรอยู่
                  และครั้นจะยืมรถของสายป่าน เขาก็ว่ามันไม่เห็นสมควร
                  สายป่านไม่ใช่สต๊าฟงาน แต่ถูกเชิญจากเจ้าของงานให้มาร่วม
                  ที่นี่ คนดังๆที่มีอิทธิพลมักจะถูกวางไว้ด้านบนสุดของยอดปิรามิดเสมอ จากมุมมองของฐานรากแล้ว มันทั้งไกล และเข้าถึงยากจริงๆ
                  แต่แล้ว หางของเขาก็กำลังกระดิกอีกครั้ง
                  เมื่อหางตาเขามองเห็นมันเดินตรงมาทางนี้…
                  แค่ไกลๆก็ทำให้ใจเต้นตึกตักแล้ว
                  ถ้ามาใกล้กว่านี้ เขาคงจะเป็นบ้า
                  มันค่อยๆใกล้เข้ามา…
                  เรื่อยๆ… และเรื่อยๆ
                  จนกระทั่งอยู่ในระยะที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าชัดเจน เขาควรทำตัวยังไงดี วันนี้มันทำให้เขาวุ่นวายใจในหลายๆเรื่อง
                  เช่น เรื่องชานมแก้วใหญ่นั่น
                  จะมีสักกี่คนที่บอกว่า คนอื่นกำลังจูบตัวเองทางอ้อมอยู่
                  มันทำให้เขาคิด…
                  คิดมาก คิดเข้าข้างตัวเอง และคิดจริงจัง… ไปไกลแสนไกล
                  แต่!!!
   
                  “พี่สายป่านครับ”
   
                  ไอ้สายป่านมาไม่ถึงตัวเขา…
                  มันถูกรั้งไว้ใกล้ๆโดยใครคนหนึ่ง
                  ใครคนนั้นที่…
   
                  “ผมชอบพี่ ชอบมานานแล้ว ชอบตั้งแต่เปิดเทอมวันแรก…”
                  “…”
                  “พอจะมีโอกาสให้ผมบ้างมั้ยครับ”
   
                  มีความกล้ามากกว่าเขาหลายเท่านัก
                  ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาอยากจะเป็นที่สุด กลับไกลห่างออกไปเรื่อยๆ
                  เขาเป็นได้ทุกอย่าง ยกเว้นคนที่มันชอบ…





T B C


มดกั๊กไม่บอกสักที โดนตัดหน้าแล่ววววว

เจอกันพรุ่งนี้ค่า ขอบคุณทุกๆกำลังใจ

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
 o22 o22 o22 โดนตัดหน้าไปอีกแล้วมดเอ้ย

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สายป่านนะสายป่าน ทำให้ใจมดมดสั่นไปหมดแล้ว  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ยังไงล่ะทีนี้  :sad11:

ออฟไลน์ lonesomeness

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
สายป่านขี้อ่อยมากกกกกกกก  มากแบบมากเบอร์แรง

ออฟไลน์ MewSN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +234/-4
ก้าวที่เก้า
ผิดที่ ผิดเวลา


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  “สวัสดีค่ะ วันนี้เราอยู่กับคุณมามี่ ผู้เชียวชาญด้านความรัก ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีกระทรวงหัวใจสีชมพู…”
                  “…”
                  “คุณมามี่คะ คุณคิดเห็นอย่างไรกับโลกโซเชียล สื่อออนไลน์ที่ขณะนี้ได้ประโคมข่าวผู้ตามจีบเดือนคณะสถาปัตย์ของเราอย่างหนุ่มสายป่าน คุณคิดว่าบุคคลคนนั้นจะมีหวังบ้างหรือไม่คะ กับการได้สายป่านไปเชยชม”
                  “ค่ะ สำหรับคำตอบของดิฉันนะคะ ดิฉันคิดว่า…”
                  “มึงเล่นกันไม่ดูหน้าคนป่วยทางใจเลยอิพวกเวง”
   
                  ลลิตาแหวใส่มามี่กับอุมาพร ก่อนจะพยักเพยิดมาทางเขา ที่ฟุบหน้ากับโต๊ะ แต่ก็พอรึความเป็นไป
   
                  “เปล่านะ เราไม่ได้เป็นอะไร”
   
                  เขาเถียง ในขณะที่หลักฐานมัดตัวแน่น พวกเจ๊ๆกรูกันเข้ามาตบไหล่ แล้วแสดงสีหน้าเห็นอกเห็นใจ
   
                  “โถ มดที่น่าสงสารของเจ๊ๆ ขนาดนี้แล้วปกปิดพวกเราไม่ได้หรอก”
   
                  วินดี้เข้ามากอดเขา ก่อนจะโดนมามี่จิกหัว
   
                  “หยุดลวนลามอิดอก สกปรก”
   
                  มามี่พูด แล้วก็เป็นเธอเสียเองที่มากอดเขาแทน เอ่อ… ไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว ปล่อยเลยตามเลยแล้วกัน
                  แล้วจากนั้น เขาก็ถูกกลวนลามโดยเหล่านางฟ้าทั้งห้า ที่แม่งรุมกันเข้ามากอดมาหอมแบบไม่มีช่องว่างให้หายใจ…
                  หลังจากเสร็จสมอุราของพวกหล่อนแล้ว เจ๊ๆก็มานั่งเท้าคางโดยมีเขาเป็นจุดศูนย์กลางของสายตาทุกคู่
                  การโดนจ้องอยู่แบบนี้มันน่าอึดอัดจังเลย
                  เฮ้ออออ
                  จนมีใครคนหนึ่งทำลายความเงียบ ซึ่งก็คือวินดี้ที่ปรบมือดังเปาะ
   
                  “เอางี้ไหมมด อย่าเพิ่งหูเบาเชื่อตามข่าวในเฟซบ๊กเลย”
                  “นั่นสิ แล้วมึงจะทำยังไง”
                  “ก็ไม่ทำไง คนก็ของคณะเรา เราก็ตามไปเฝ้าแม่งเลยดิคะ”
                  “ความคิดดี” เจ๊มามี่แปะมือกับวินดี้
                  “แหม ริจะไปเฝ้าเขานะคะ กล้ามาก มึงจะไปเฝ้าเขาในฐานะอะไรยะ”
   
                  อุมาพรพูดขึ้น
   
                  “อุ๊ย เจ๊ไม่ได้ตั้งใจนะมด”
                  “ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวน่าจะถึงเวลาเรียนเราแล้วล่ะ แยกกันตรงนี้นะ เราไปกับเพื่อนอีกกลุ่ม”
   
                  นั่นสิ อุมาพรพูดถูก เขาจะใช้สิทธิ์ไหนกัน ในตัวของไอ้สายป่าน…
                  หลังจากการได้ยินสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในงานนิทรรศการวันนั้น นี่ก็ผ่านมาอาทิตย์กว่าแล้ว เป็นเพราะว่าคณะเราไม่ได้มีงานใหญ่อีกเลย นั่นทำให้เขากับไอ้สายป่านแทบไม่ได้เจอกันอีก มีเพียงเขาที่เห็นมันเดินผ่านไปบ้าง แต่แทบทุกครั้งมักจะมีเด็กผู้ชายปีหนึ่งตัวเล็กน่ารักวิ่งตามต้อยๆเสมอ
                  เด็กคนนั้นชื่อว่านาคิน…
                  เรียนอยู่สถาปัตยกรรมศาสตร์ปีหนึ่ง เพิ่งเข้ามาใหม่ เขาจำได้ตอนช่วงรับน้อง น้องเคยเดินมาถามทางไปตึกสี่ของคณะครั้งหนึ่ง
                  และอีกครั้งที่เราเจอกัน มันกลับไม่ใช่ความทรงจำที่ดีเท่าไหร่
                  ผมชอบพี่ ชอบมานานแล้ว ชอบตั้งแต่เปิดเทอมวันแรก…
                  พอจะมีโอกาสให้ผมบ้างมั้ยครับ
                  เขาบอกตัวเองว่าไม่มีสิทธิอะไรจะไปโกรธเคืองเด็กคนนั้น แต่ก็ทำไม่ได้
                  จากความโกรธตอนนี้เขากลับรู้สึกอิจฉา เป็นความอิจฉาเล็กๆที่เด็กนั่นได้แสดงออกอย่างที่ใจต้องการ
                  ผิดกับตัวเขาเอง
                  ปอดแหก ขี้กลัว ไม่กล้า
                  ทั้งหมดคือมด มันคือเขาที่แอบหลงรักใครคนหนึ่งมาแสนนาน
                  บางทีเขาก็คิดว่ามันไม่ใช่ความบังเอิญที่ชื่อเล่นของเขาคือมด
                  เขาเป็นเพียงมดตัวเล็กๆที่ขี้ขลาด
                  ตอนนี้เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ
   
                  “เตี้ย!”
   
                  เขาสะดุ้งโหยง เพราะมัวแต่ปล่อยใจลอย
                  พอหันกลับไป ก็เจอไอ้สายป่าน…
                  กับนาคิน
   
                  “ไปเรียนอะไรวะ”
   
                  เขายืนนิ่ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังถูกมันถาม เพราะตาจ้องมองมือของนาคินที่เกาะเสื้อไอ้สายป่านแน่น
                  สนิทกันเร็วขนาดนี้เลยเหรอ…
   
                  “มด ไอ้มด”
                  “ว่า อะไรนะ”
                  “กูถามว่ามึงจะไปเรียนตัวอะไร”
                  “ไบโอร้อย”
                  “พอดีเลย งั้น…”
   
                  มันไม่ทันพูดจบประโยค เขาก็ตัดบทเสียก่อน
   
                  “กูรีบ เพื่อนมารอแล้ว ไปก่อนนะ”
   
                  เขาก้าวฉับๆเดินออกมาจากตรงนั้น รู้เลยว่าความร้อนผ่าวตรงขอบตามันหมายถึงอะไร
                  อายุเข้าเลขสองแล้วยังจะมาร้องไห้งอแงเหมือนเด็กสิบแปดอีกนะไอ้มด
                  นี่มึงดูอ่อนแอขนาดนี้เลยเหรอ กับเรื่องของมัน
   
                  ตึ๊ง
   
                  เสียงแจ้งเตือนไลน์ทำให้เขาต้องเปิดอ่าน มันคือไลน์กลุ่มของเพื่อนๆเขาเอง
   
                  ‘มึง กูกับจิ๊บต้องไปซื้อของทำงานกลุ่มวิชานอกคณะ มึงเข้าเรียนก่อนเลยนะ’
   
                  เป็นข้อความของฟ้าที่ส่งเข้ามา
                  นั่นแปลว่าเขาต้องเดินไปเรียนคนเดียวสินะ เพราะไมด์ไม่ได้ลงเรียนด้วยกันในเทอมนี้
                  โดนเพื่อนเท…
                  สรุปสั้นๆ
                  โอเค… บางครั้งเวลาของตัวเองก็ต้องมาถึงในไม่ช้า ขาดเพื่อนไม่ถึงตายเว้ย!
                  คนเรามันก็ต้องไปไหนคนเดียวบ้าง มึงจะให้รายล้อมไปด้วยเพื่อนหมดทุกเวลาก็โลกสวยเกินไปแล้ว…
                  คนเราต้องทำอะไรคนเดียว
                  ยืนด้วยตัวเอง
   
                  !!!
   
                  หมับ!
   
                  “มึงมานี่ดิ๊”
   
                  คนเรา…
                  เขาถูกไอ้สายป่านที่เดินตามมาตอนไหนไม่รู้ลากถูลู่ถูกังไปแบบ…ยินยอม
                  โอเค แค่มันจับมือถือแขนเขาก็อ่อนระทวยไปหมดแล้ว
                  ไม่สิ มันไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ มันตามเขามาทำไมกัน
   
                  “ปล่อย กูมีเรียน”
                  “แล้วจะไปเข้าเรียน นั่งเรียนคนเดียวเหรอ มึงทำได้เหรอ”
   
                  สะอึก
                  เขาไปต่อไม่ถูกเลย
                  แม้แต่ผู้ที่ต่ำต้อยที่สุดก็สามารถหยั่งรู้อนาคตได้
                  ฉะนั้นถึงแม้เขาจะแสร้งทำเป็นเหมือนไม่กระทบอะไรมากมาย แม้แต่ตัวเขาเองก็ต้องมีมุมที่น่าหงุดหงิดใจ
                  เขา ไป เรียน คน เดียว ไม่ได้จริงๆ เขาติดเพื่อน มันอาจจะดูเป็นมุมที่อ่อนแอ ไร้เหตุผล แต่นี่ล่ะคือตัวของเขา มุมอีกมุมที่ทุกคนอาจจะรับไม่ได้ แต่มันคือตัวเขาจริงๆ
                  ดูเหมือนประโยคสวยหรูข้างบนที่เขาลักจำมาจากเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์จะไม่ค่อยเกี่ยวกับประเด็นสักเท่าไหร่นะ
                  ช่างเถอะ นั่นมันสำคัญด้วยเหรอวะ
   
                  “กูเรียนได้”
                  “มึงเรียนไม่ได้”
                  “…”
                  “มึงติดเพื่อน กูรู้ดี”
      
                  แล้วทำไม มึงถึง…รู้ดี
   
                  “โดดกัน”
      
                  โดดเหรอ
   
                  “นะครับ”
   
                  ได้เลย…


                  
   

                  “น้ำปั่น?”
                  “อื้อ น้ำปั่นกรีน”
   
                  มันตอบสีหน้าเรียบเฉย

                  “ร้านนี้ดูไม่เหมาะกับผู้ชายเถื่อนๆแบบมึงเลย”
                  
                  เขาขอแขวะมันหน่อยเถอะ โดนลากโดนจูง จนตามใจมันเลยตามเลยมาถึงร้านน้ำปั่นกรีน ร้านดังหน้ามอที่นักศึกษาต้องแวะเข้ามานั่งชิลๆจิบแบบชาๆ เพราะมันคือชานมน้ำปั่นกรีน!!!
                  ท่องตามคลิปที่พี่ของเขาเจ้าของร้านมักไลฟ์ลงเฟซบุ๊กบ่อยๆ
                  ก็ไม่ได้เป็นแฟนคลับพี่แกเท่าไหร่อ่ะนะ กูคนมันปลื้มทำไงได้ล่ะ
                  แต่พี่แกมีแฟนแล้วเว้ย…
   
                  “รับอะไรดีครับ”
   
                  นี่ไงล่ะ แฟนตัวจริงไม่อิงข่าวลือ น่ารักแบบพี่กรีนนี่หาได้จากไหนอีกครับ
   
                  “รับพี่กรีนหนึ่งที่ ขอน่ารักๆ พูดเพราะๆ”
   
                  หน้าหม้อ!!!
                  ไอ้สายป่าน…
   
                  “ส้นตีนนี่”
   
                  ฮ่าๆ แฟนพี่เขาตีหน้าโหดเข้ามาแล้วนั่น สมน้ำหน้าจริงๆ แต่เห็นสีหน้าไม่หงอยแถมกวนตีนของมันแล้วไม่รู้เขาจะได้สมน้ำหน้าจริงๆหรือเปล่า
   
                  “สันตีนก็กินได้ครับ”
                  “เหรอ เดี๋ยวกูยัดให้”
   
                  พี่ของเขาตั้งท่าจะทำแบบนั้นจริง ตอนแรกเขาคิดว่าไอ้สายป่านจะแน่ แต่สุดท้ายก็ถอยร่นไปนั่งรอที่โต๊ะ พร้อมสั่งเครื่องดื่มก่อนไป
                  เดี๋ยวแล้วของเขาล่ะ…
   
                  “นมเขียว หวานน้อย”
   
                  มันเป็นของโปรดของเขาเลยล่ะ แต่กลับเป็นไอ้สายป่านที่สั่งให้แทน
   
                  “นั่งลงดิ ยืนจ้องกูเพื่อ”
                  “เปล่า”
   
                  เป็นคนกวนตีนยังไง ก็กวนตีนอย่างนั้นอยู่วันยังค่ำ เขาจะไม่ถอนหายใจกับเรื่องนี้เป็นครั้งที่ล้านๆหรอกนะ เฮ้อ
   
                  “เมื่อกี้ แม่งเดินหนีกูทำไมวะ”
                  “…”
                  “หล่อขนาดนี้ หมายังไม่เมินครับ”
   
                  นี่มุกหรือเปลือกหอย หรือว่าฝอยขัดหม้อ
                  สโลแกนกากๆ ถ้าถุยน้ำลายตรงนี้ทุกคนจะรับได้มั้ยอ่า คิดไปคิดมาไม่ทำดีกว่าแฮะ
   
                  “เงียบ เงียบทำไมครับ”
                  “ไม่รู้จะต่อยังไง”
   
                  เขาพูดตามจริง มันทำให้เขาไปไม่ถูกเลย แต่ละประโยคในบทสนทนาของมันเนี่ย
   
                  “นี่…”
   
                  เขาเงียบ
   
                  “อาทิตย์หน้าวันเกิดกูนะ”
                  “…”
                  “ไม่มีบัตรเชิญ ว่างก็มา”

                  แม้จะเป็นคำห้วนๆ สั้นๆ ประโยคง่ายๆ
                  แต่กลับทำให้หัวใจเขาเต้นแรง
   
                  ตึกตัก! ตึกตัก!
   
                  เขาตาโต ไม่ใช่เพราะพรุ่งนี้คือวันเกิดของมัน แน่นอน ข้อมูลง่ายๆแค่นี้เขาจำได้ไม่ลืม แต่ในความทรงจำของเขาเกี่ยวกับมัน เขาไม่เคยไปร่วมงานวันเกิด และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น เขาไม่เคยมีรูปถ่ายวันงานกับเจ้าของวันเกิดเลย
                  เพราะเขา…ไม่ได้สนิทกับมันถึงขนาดจะเอ่ยปากเชิญไปหรอก
                  แต่นั่น มันตอนปีหนึ่ง…
                  ตอนนี้มันกำลังเชิญเขาไปงานวันเกิด
                  มันนั่งอยู่ตรงหน้า ทำตัวสบายๆ พูดประโยคชิลๆ
                  แต่ทำให้เขาหัวใจเต้นแรง
                  มีเพียงคนสำคัญเท่านั้น ที่มันจะออกปากเชิญ
   
                  “แล้วถ้าไม่ว่างล่ะ”
   
                  ถามหยั่งเชิงไปงั้น ความจริงแล้วทำไมเขาจะไม่ว่างล่ะ ไม่ว่างก็จะว่างอ่ะ
   
                  “มึงเป็นคนเดียวที่ถ้าไม่มากูจะโกรธ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม”
   
                  มันพูดเสียงนิ่ง
                  จริงจัง?
                  เหรอ…
   
                  “พี่สายป่าน!!!”
   
                  แต่แล้วเหมือนโลกสีชมพูทั้งใบที่เขากำลังเพ้ออยู่ก็ค่อยๆพังลงมา เมื่อ…
                  คนที่เดินมาที่โต๊ะ คือนาคิน
                  เด็กปีหนึ่งคนเดียวกับที่สารภาพรักไอ้สายป่าน
   
                  “เฮ้ออออ”
   
                  สายป่านยกมือกุมขมับ ตอนที่ร่างเล็กถือวิสาสะดึงเก้าอี้จากอีกโต๊ะข้างๆมานั่งใกล้ๆมัน
                  เขามองทั้งคู่สลับกันไปมา
   
                  “ถอยไปห่างๆ”
                  “ก็อยากอยู่ใกล้อ่ะ ไม่ได้เหรอ ก็บอกชอบพี่”
   
                  เขาหูผึ่ง
                  แทบไม่เชื่อว่าตัวเองกำลังได้ยินอะไรแบบนี้
                  บอกรัก แบบไม่มีเคอะเขิน ดวงตามุ่งมั่นของน้องสะกิดต่อมบางอย่างในหัวใจของเขาให้กระตุก
                  ต่อมความขี้ขลาด…
   
                  “วันนี้ไม่เล่นนะ เหนื่อยจะไล่”
                  “ก็ไม่ได้มาให้ไล่ นี่!”
   
                  นาคินโชว์กระดาษสีขาวปึกหนาที่เขาเดาว่ามันคือชีทเรียนขึ้นมา
   
                  “ติวอิ๊งหนึ่งให้หน่อยนะ” นั่นไงล่ะ เขาไม่เคยเดาพลาด
                  “เฮ้อ คนอื่นก็มี”
                  “ก็จะเอาพี่…”
                  “…”
                  “ได้มั้ยล่ะ”
   
                  และครั้งนี้เขาก็หวัง
                  ขอให้การเดาของเขามันเกิดผิดพลาดบ้างเถอะ!


                  


                  “ทำไมโง่แบบนี้วะ”
                  “แง๊ว ละพี่จะซ้ำเติมทำไมวะ คนมันกากอ่ะ มีอย่างเดียวที่เก่ง”
                  “อะไร”
                  “เก่งแต่รักเธอ”
                  “ถุย!”
   
                  บางทีเขาก็อยากมี ในสิ่งที่นาคินมี
                  บางทีเขาก็อยากเป็น ในสิ่งที่นาคินเป็น
                  บางทีเขาก็อยากชัดเจน ในสิ่งที่นาคินเองก็กำลังชัดเจนอยู่
                  เป็นเวลาเกือบสามสิบนาที ที่เขานั่งฟังทั้งคู่ติวอิ๊งหนึ่งเงียบๆ แบบไม่มีส่วนร่วมในบทสนทนา
                  ก็… ไม่รู้จะแทรกตรงไหนดี
   
                  “ไอ้พี่ป่าน ทำไมงงจังวะ”
                  “ไม่งงดิ ดูนี่…”
   
                  เขาอยากทำตัวตามสบายเวลาอยู่กับมันอย่างที่นาคินกำลังทำอยู่
                  เขาอยากคุยกับมันให้ได้มากกว่านี้สักครึ่งของนาคินที่คุยจ้อไม่หยุดก็ยังดี
                  นี่เขา กำลังอยากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองอยู่จริงๆเหรอ
                  บ้าจริง ไอ้มด
                  เขาว่า เขาควรลุกไปจากตรงนี้ดีมั้ยนะ…
   
                  “สายป่าน”
                  “…”
                  “สายป่าน”
                  “…”
                  “สายป่าน!”
                  “ฮะ ว่าไงมด”
                  “กูไปเข้าห้องน้ำนะ”
   
                  หึ
                  ขนาดจะบอกว่าขอกลับยังทำไม่ได้เลยเรา ขี้ขลาดจริงๆ
   
                  ตึ๊ง
   
                  โฟร์ ผู้ฆ่าหมีด้วยมือเปล่า มด ดีลวันกับทีมนักแสดงแล้วนะ เย็นนี้ขอมาเจอกันก่อนได้มั้ย
                  เขาเปิดอ่านเงียบๆ
   
                  ได้สิ กี่โมง
                  โฟร์ ผู้ฆ่าหมีด้วยมือเปล่า ห้าโมง เคมั้ย ขอเอาสายป่านมาด้วยนะ
                  เขาชะงัก
                  
                  ไม่รู้สิ มันกำลังยุ่งอยู่มั้ง
                  โฟร์ ผู้ฆ่าหมีด้วยมือเปล่า งั้นไม่เป็นไร มึงมาได้ก็พอ
                  โอเค
   
                  เขากลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง พบว่ามันกลับว่างเปล่า
                  แต่กล่องดินสอ ชีทเรียน และกระเป๋าของนาคินยังอยู่
   
                  “เอ พี่กรีนครับ โต๊ะนี้…”
                  “อ้อ ไอ้สายป่านมันบอกไว้ว่าไปส่งน้องนาคินซื้อปากกาน่ะ ตรงมุมซ้ายฝั่งโน้นของถนนเอง”
   
                  พี่กรีนยิ้มอารมณ์ดี ตอบเจื้อยแจ้ว เขาเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะกลับมาที่โต๊ะเดิมอีกรอบ
                  ตัดสินใจเขียนบางสิ่งลงไป…
                  กูไปก่อนนะ ขอโทษที่อยู่ผิดที่ ผิดเวลา
                  เดี๋ยวนะ… นี่เขาเขียนอะไรลงไปตามอารมณ์กันเนี่ย
                  เขาขยำมันทิ้ง แล้วขว้างลงในถังขยะเล็กๆข้างโต๊ะ
                  แล้วเขียนใหม่ ด้วยประโยคสั้นๆ…
                  กลับก่อนนะ มีนัด
                  เหลือเวลาอยู่ อีกไม่นานแล้วใช่ไหม
                  เหลือเวลาอยู่ เคียงข้างกันสั้นลงทุกที
                  เฝ้าดูความรักเริ่มจางหาย สุดมือจะคว้าคืนมาอย่างเดิม
                  ไม่เห็นจะมีทางไหนจะได้หวัง เหลือเพียงไม่นาน
*
                  เสียงเพลงตอนเขาเดินออกจากร้านมันได้อารมณ์จริงๆ เฮ้อ แม้แต่บทเพลงก็ยังเป็นใจขนาดนี้เลยเหรอคนเรา

   
                  





                  “มามี่ ไม่เป็นไรนะมึง โอ๋ๆ”
   
                  ก่อนจะไปหาโฟร์เขากลับถูกแก๊งนางฟ้าเรียกตัวมาพบปะ เนื่องจากมามี่ร้องไห้ฟูมฟายและยืนยันว่าต้องกอดมดมดของเธอเท่านั้น
                  มา กอดดดดด
                  ลวนลามทู้กวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการจริงๆ
   
                  “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
   
                  เขาถามเพราะมามี่เอาแต่ร้องไห้ ร้องไห้ แล้วก็ร้องไห้ ไม่หยุด
   
                  “ก็อิมามี่น่ะสิ…”
                  “อย่า อย่าพูดน้า”
   
                  มามี่สะอึกสะอื้นห้ามลลิตาไม่ให้พูดออกมา เขาขมวดคิ้วเป็นปม
   
                  “ยังไงมึงก็ปิดบังมดไม่ได้”
                  “นั่นสิ บอกความจริงเถอะมามี่” วินดี้คะยั้นคะยอด้วยอีกคน
   
                  เดี๋ยว ความจริงอะไรกัน
                  เกิดเรื่องขึ้นกับเขาเหรอ
                  หรือว่าพวกเจ๊ๆหลุดปากบอกความลับเรื่องที่เขาแอบชอบไอ้สายป่านมานานออกไป
                  ไม่นะ…
   
                  !!!
   
                  หมับ!
   
                  “มด ฟังเจ๊นะ”
   
                  ไม่นะ
   
                  “ฮือออออออ”
   
                  เขาขอร้องกับมามี่ด้วยได้มั้ย ไม่เอานะ อย่าบอกว่าเป็นเรื่องจริง
   
                  “คือ…”
   
                  ไอ้สายป่านมันรู้แล้วใช่มั้ย
                  ไม่
                  ไม่
                  ม่ายยยยยย
   
                  “คือเจ๊สมัครกลุ่มไลน์คลิปผู้ชายโชว์ของ แล้วโดนหลอกอ่า”
   
                  !!!
   
                  “ฮือออออออ มันบอกเสียค่าสมัครครั้งเดียวตลอดชีพ อิเหี้ย มาลงแค่คลิปเดียว แถมไม่เห็นเหี้ยอะไรเลยนอกจากเปลือยอก แล้วบอก โทรศัพท์พังต้องตั้งกลุ่มใหม่ คือ ประเด็นคือ คนสมัครไม่ได้โง่นะ เข้ากลุ่มใหม่สมาชิกเดิมลดให้ ควาย พูดแล้วแค้น มึงหลอกกะเทยอย่างกูไม่ได้หรอก อิตอแหล”
      
                  เอ่อ…
                  เขาก็ไม่มีอะไรจะพูดเหมือนกัน
                  นอกจากค่อยๆแกะมือเจ๊มามี่ออก
                  อิเจ๊…
                  มึงน่ากลัวมากกกกกกกก
   
                  “มด”
   
                  ไอ้…
                  สายป่าน
                  มันตามเขามาที่โรงอาหารคณะ
                  ไม่รู้ทำไม เขาต้องเบือนหน้าหนีมันด้วย
   
                  “กูเอาของมาคืนมึง”
   
                  มันเดินเข้ามาใกล้แล้วยื่นกระเป๋าตังค์ที่คุ้นเคยเพราะมันคือของเขาเองมาตรงหน้า
   
                  “ขอบคุณ”
   
                  พูดได้แค่นี้จริงๆ
                  เหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ
   
                  “ขอถอยไปตั้งหลักก่อนนะ ไปพวกมึง มด เจ๊ๆไปแล้วน้า”
   
                  เฮ้ย เดี๋ยวสิเจ๊!
                  อย่าทิ้งเขาไว้กับมัน
                  แต่ไม่ทันแล้ว พวกเจ๊ๆจากไปตลอดกาล…
   
                  “มึงหลบหน้ากู…”
                  “…”
                  “ตั้งแต่วันงานนิทรรศการ มึงแม่ง เป็นอะไรวะมด”
   
                  เข้าเรื่องเลยเหรอ
                  เร็วไปไหมวะ
   
                  “กูไม่ได้หลบ”
                  “อย่าเถียง”
                  “…”
                  “ห้าวันที่แล้วมึงเลี่ยงเส้นทางไปตึกสี่ แต่ไปออกตึกสาม เพราะมึงไม่อยากเจอกู”
                  “…”
                  “สองวันที่แล้วมึงมีเรียนวิชาตัวร้อย แต่มึงไม่กินข้าวที่คณะ เพราะกลัวเจอกู”
                  “…”
                  “แล้ววันนี้ ตอนกูทักมึง มึงเดินหนี”
                  “…”
                  “แล้วเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน มึงปล่อยกูอยู่ร้านน้ำปั่นคนเดียว แล้วให้เหตุผลว่าขอกลับก่อน”
   
                  เขากำลังอึ้ง…
                  สีหน้าไอ้สายป่านดูจริงจัง ไม่มีเค้าโครงของคนขี้เล่น หรือพวกชอบกวนประสาทเหลืออยู่อีกแล้ว
                  นี่เขา มีอิทธิพลกับมันขนาดนี้เลยเหรอ
   
                  “แม่ง อย่าเงียบดิ กูใจเสียนะเว้ย”
                  “…”
                  “เป็นอะไรก็บอกมา”
                  “ขอโทษ”
                  “ฮะ”
                  “ขอโทษนะ จะไม่ทำอีกแล้ว”
   
                  ขอโทษนะ ที่เขาบอกได้แค่คำว่าขอโทษ
                  เขาไม่สามารถบอกเหตุผลที่แท้จริงได้หรอก
                  ก็เขาคือมด
                  มดตัวเล็กๆที่แสนขลาดกลัว
   
                  “ไม่ยกโทษให้”
                  “อะไรนะ”
                  “จนกว่าจะยอมถ่ายเซลฟี่กับกูหนึ่งรูปเป็นหลักฐานว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก”
   
                  เอางี้เลย แบบนี้ก็ได้เหรอวะ
                  แต่เขาก็ไม่ทันตั้งตัว และมันก็ไม่ได้ถ่ายเซลฟี่ตามปากบอก
                  มันเปิดกล้องแล้วถ่ายหน้าเหวอๆของเขาไปแล้ว
                  ไอ้เหี้ย…
                  ไอ้คนกวนตีนเอ๊ย
                  วันนั้นเขาอมยิ้มกับสเตตัสของใครบางคนบนไทม์ไลน์ของมัน…
   
                  ถ้าใครบางคนกำลังคิดว่า อยู่ผิดที่ ผิดเวลา งั้นลองพกนาฬิกาไว้ดู เปิดกูเกิ้ลแมพไว้เป็นตัวช่วย … แล้วกัน
   
                  เขาไม่ได้หมายถึงผิดแบบนั้นซะหน่อย
                  ไอ้บ้าเอ๊ย





T B C

ฮื่อออออ ทำไมสายป่านเป็นคนน่ารักแบบเน้
ขอมาจากมดได้มั้ยวะ

เจอกันพรุ่งนี้ค่า ขอบคุณทุกๆการสนับสนุน

*จุดเริ่มต้นของจุดจบ - ดา เอ็นโดรฟิน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2019 19:55:01 โดย MewSN »

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
สายป่านก็ชอบมดใช่ป่ะ  :hao7:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
มามี่ ฉันเริ่มงงกับชีวิตของเธอแล้วนะ  :hao4:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
สายป่านชัดจนไม่รู้จะชัดยังไงแล้วม้างงงงงงงงง
มดมดสู้เขาหน่อยลูกกกกกก
 :ling1:

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
เราเอาใจช่วยเธอนะมดมด  :hao3:

ออฟไลน์ MewSN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +234/-4
ก้าวที่สิบ
สมบัติมอตัวจริง


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  วันนี้งานมีตติ้งมีสายป่านเดือนปีสองผัวเราด้วยนะคะ ใครที่จะส่งของให้น้อง ฝากมาที่แอดมินเพจได้เลยค่ะ
   
                  ไอ้สายป่านเป็นคนดัง…
                  เขาไม่แปลกใจเลยที่จะมีเพจที่ชื่นชอบมันขนาดนี้ผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด
                  แต่มีเพียงเพจนี้เพจเดียว ที่คงต้องเรียกว่า ได้รับการยอมรับแบบ… ออฟฟิเชียลหรือเป็นทางการ
   
                  เพจ… ใครใครก็เป็นเมียสายป่านได้
   
                  !!!
   
                  แล้วเขาก็เป็นหนึ่งในคนกดไลค์เสียด้วยสิ
                  ยอมรับก็ได้ ว่าเพจในเฟซบุ๊กอีกยี่สิบเพจที่เขาติดตาม ทั้งหมดเป็นเพจที่เกี่ยวกับไอ้สายป่านทั้งนั้น ยังไม่รวมกลุ่มลับอีกนะ
                  ไงล่ะ แฟนคลับตัวยง โคตรแฟนคลับ โปรดอย่าเรียกเขาว่าติ่งเลย
   
                  แอดคะ แล้วของจะถึงมือพี่เค้ามั้ย
   
                  คอมเม้นแรกจงใจใช้ภาษาพูดแทนภาษาเขียนตามเทรนด์ฮิตในตอนนี้ ฮืออออออ ไอ้สายป่านคือพี่เค้าจริงๆนะ เดี๋ยวๆ นี่เขาสาวแตกไปแล้วเหรอเนี่ย ไม่นะ ความสายป่าน 291 นี้ ม่ายยยยยย
   
                  รับรอง เพราะเรามีคนส่งของเป็นคนในค่ะ ใครนั้น ไม่บอก เขาขอปิดเงียบไว้เด้อ
   
                  เขาขมวดคิ้ว ติดตามเพจนี้มาก็นาน เพิ่งรู้ว่าแอดมินเพจมีเส้นสายอยู่ในคณะเขา แถมถึงขั้นเรียกว่าคนวงใน ไม่ต้องการันตีความสนิทสนมกับไอ้สายป่านนะ บอกเลยว่า…มากกกกกกกกก
                  แต่ เป็นใครกันล่ะ
   
                  “อิมามี่ เย็นนี้ก่อนเข้างานมีตติ้งดาวเดือน แวะรับของที่อิแอดมินเพจเห็ดอลิซสะบี๋ส่งมาให้ด้วยนะคะ ของแฟนคลับสายป่านทั้งนั้น”
   
                  แหม คงไม่ต้องไปตามหาใครคนนั้นแล้วมั้ง เพราะเธอก็นั่งอยู่ตรงข้ามเขานี่เองที่โรงหารคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
                  นามนั้นคือ… เหล่านางฟ้าสถาปัตย์!!!
                  แต่ไม่ใช่แค่เพจนี้เพจเดียวเท่านั้นนะ ที่โพสต์สเตตัสเกี่ยวกับงานวันเกิดของสายป่าน ยังมีเพจต่างๆที่อาสาเป็นคนกลางหิ้วของ เรียกได้ว่า วันเกิดผู้ชาย สู้ตายทำงานอย่างเป็นระบบ ไม่เว้นวันหยุดราชการ
                  งานคณะ งานมหา’ลัย ถ้ามีความตั้งใจสักครึ่งแบบนี้ได้ก็ดีน่ะสิ!
                  อย่างเช่นเพจ…
   
                  เมียหลวงของสายป่าน
   
                  เป็นต้น…
      
                   รับฝากของค่า รับฝากของ ใครฝากของงานมีตติ้งให้น้องสายป่านในเพจเรา มีสิทธิ์ได้ลุ้นรูปของของตัวเองลงในสตอรี่ไอจีของน้องนะคะ รับรอง เก็บไปฟินยันจบมหา’ลัยค่ะ
   
                  เนี่ย ก็มันมีสิทธิพิเศษกันอย่างนี้ ล่อตาล่อใจเหลือเหล่าแม่ยกเหลือเกิน
   
                  ฮื่อออออออออ
                  กรี๊ดดดด จริงเหรอคะแอด อย่าโกหกเราน้า
                  วี๊ดๆๆๆ ในที่สุดเราก็มีโอกาสได้เข้าไปอยู่ในสตอรี่ของพี่เค้า แม้จะเป็นแค่ของที่ฝากไปให้ #เม้นกูไม่มีสติแล้ว555
                  รับฝากที่ไหนอ่ะคะ จะกลับหอแล่ววววว
                  หน้าคณะสถาปัตย์เลยจ้า ตรงม้าหินอ่อนใต้ตึกห้านะจ๊ะเด็กๆ
                  ไปให้ว่องค่ะ
                  รับทราบ
                  ปอลอ มาเวลานี้อาจได้เจออาหารตามากมาย

   
                  “อิดอก อิกะเทยชั้นต่ำฝั่งลูกคุณหนู มันมาเหยียบถิ่นเราว่ะแม่”
   
                  เขาสะดุ้งโหยงเมื่อเจ๊มามี่ทุบโต๊ะดังปั้ง แล้วพูดด้วยเสียงมีน้ำโห
   
                  “หือ อิแอดมินเพจเมียหลวงของสายป่านนั่นอ่ะนะ มโน อิดอก ผมสักเส้นก็ยังไม่เคยแตะเถอะ กูได้จับขนหมอยสายป่านแล้วยังไม่คุยเลย” วินดี้ยืดอกภูมิใจ
                  “กรี๊ดดดดดด” ลลิตากรีดร้อง
                  “กรี๊ดอีกแม่ กรี๊ดมัน” วินดี้บอก
                  “เปล่า กูกรี๊ดมึง รับไม่ได้ อับอายกะเทยสกปรก พูดออกมาได้ ขนอุยก็พอย่ะ”
                  “ย่ะ แม่คนสุภาพเรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้ แต่สมัครคลิปไลน์ผู้ชายแก้ผ้ายี่สิบกว่ากลุ่ม”
   
                  วินดี้แซะกลับ
   
                  “มึงเอาความจริงมาพูดทำไม อินี่”
   “พอที มึงมาหารือกับกูซิ ว่างานนี้จะเอายังไง” มามี่เรียกทุกคนมาสุมหัว รวมทั้งเขาด้วยที่เข้ามาแบบงงๆ
                  “เอายังไง คืออะไร”
   
                  เขาถามเพราะไม่รู้จริงๆครับ
   
                  “วินดี้ อธิบายซิ”
                  “คืองี้นะมด พูดแล้วมันอาจจะยาว…”
   
                  แต่เธอก็พูด - -
   
                  “เป็นเวลากว่าทศวรรษในมอนี้ที่ชาวเราเผ่ากะเทย ต้องสู้รบปรบมือกันเพื่อห้ำหั่นแบ่งแยกอาณาเขตการล่าผู้ชาย”
   
                  ว้าว แค่เริ่มก็น่าตื่นเต้นแล้ว แหม ตื่นเต้นตายล่ะครับ
   
                  “ฝั่งกะเทยลูกคุณหนู ก็คือสามคณะที่ครองดินแดนตะวันตก”
   
                  โอ้โห ภาษาได้มากวินดี้
   
                  “ส่วนเรา สิบเอ็ดคณะเรียกว่าฝั่งตะวันออก แต่ถึงแม้จะมีการแบ่งแยกอาณาเขตกันอย่างชัดเจนตามเส้นขนานของตึกสูงระฟ้าคณะเศรษฐศาสตร์ แต่ว่า…”
   
                  แต่ว่า…
   
                  “แต่ว่าในทุกๆอีเว้นท์ของดาวเดือน พวกเราจะโคจรมาเจอกัน อาทิ งานมีตติ้งดาวเดือนปีสิบเย็นนี้ ไม่ว่าพวกเราจะยึดตามเส้นขนาน แต่จะมีแค่วันนี้วันเดียว ที่พวกเราสามารถล่าผู้ชายในเขตคนอื่นได้”
   
                  มันดูยิ่งใหญ่มาก
   
                  “เพราะงั้น เราเลยมีการแข่งขันกันเล็กๆน้อยๆตามประสากะเทยที่ฟินแต่งหญิง”
   
                  อย่าบอกว่ามันก็คือ…
   
                  “มันก็คือ…”
                  “…”
                  “แข่งกันว่าเหล่าเดือนจะโหวตว่าฝั่งไหนแต่งหญิงสวยที่สุดไงล่ะ”
                  “…”
                  “เอ๊ะ เดี๋ยวนะ เหมือนมันมีเหตุการณ์คุ้นๆคล้ายๆว่าเคยเกิดขึ้นว่ะ”
   
                  วินดี้ครุ่นคิด
                  เขาจะทำตัวเงียบที่สุดนะทุกคน เอาเป็นว่านี่เป็นเรื่องของเหล่านางฟ้า มันไม่เกี่ยวกับเขา
   
                  “จริงสิ!”
                  “…”
   
                  ทุกคนอย่าหันมาทางนี้ ขอร้อง
   
                  “ลูกมดของแม่ๆ”
   
                  ม่ายยยยยยยยย
   
                  “ช่วยเจ๊ๆด้วยน้า”
   
                  เขาเกลียดอิเจ๊!!!

   





                  “หืมมมมม พอพูดถึงกะเทยตะวันตก กะเทยตะวันตกก็มา มันมาอ่อยผู้ถึงถิ่นเราเลยว่ะแม่”
   
                  มามี่และพรรคพวกที่กำลังเดินมุ่งหน้าจะกลับไปยังจัตุรัสตึกสี่ จำต้องชะงัก เมื่อสายตาดันปะทะเข้ากับกะเทยกลุ่มใหญ่ แต่ละคนไม่ถือกระเป๋าแบรนด์เนมก็กำลังก้มหน้าเล่นไอโฟน X นวัตกรรมจากแอปเปิ้ลรุ่นใหม่ล่าสุดที่กำลังเป็นที่กล่าวถึงในขณะนี้ แถมราคาก็เรียกได้ว่าแพงหูฉี่ตามสไตล์คนรวยจริงๆ
                  กลุ่มคนเหล่านี้นี่แหละ…
                  แก๊งกะเทยฝั่งตะวันตกจากสามคณะลูกคุณหนู
                  และเป็นที่แน่ชัดว่า ทั้งสองแก๊งไม่ถูกกันมานานเกือบทศวรรษ จะเห็นได้ว่ามีเรื่องกระทบกระทั่งกันประปราย และสาเหตุมันเนื่องมาจาก การชอบผู้ชายคนเดียวกัน
                  ไม่สิ!
                  การมโนชอบผู้ชายคนเดียวกันมากกว่าเถอะ!!!
                  ความสุขของกะเทยทุกคนคือการได้เรียกผู้ชายแปลกหน้าที่โคตรหล่อว่า…ผัว
                  หรือมันไม่จริงคะ อย่ามาเถียง
   
                  “มาเหยียบถึงถิ่น หึ คงคิดว่ารอบนี้ตัวเองจะชนะ ผู้โหวตล่ะสิ”
   ลลิตากอดอกพูด
                  “มั่น” วินดี้
                  “หมายถึงมัน” อุมาพรถาม
                  “หมายถึงเรา”
                  “อ้าว”
                  “จำไว้กะเทย ความมั่นหน้ากับเราเป็นของคู่กัน งานนี้เราชนะแน่ๆย่ะ”
   
                  วินดี้เชิดหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจ ก่อนทั้งกลุ่มจะเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับแก๊งกะเทยฝั่งตะวันตกแบบจังๆ
   
                  “ว้ายยยยย ดูซิใครมาคะแม่ใหญ่”
   
                  ใครคนหนึ่งในกลุ่มที่สังเกตเห็นแก๊งนางฟ้าก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สำหรับพวกของมามี่แล้วรู้สึกว่ามันฟังดูน่าหงุดหงิดชะมัด
                  ยียวน กวนประสาท
   
                  “อ้าวววววว”
                  “…”
                  “ก็นึกว่าใคร แก๊งนางฟ้าติดดินนั่นเอง”
   
                  แหม มีรับมีส่งกันเสียด้วย มามี่กอดอก เชิดหน้าอย่างไม่สนใจคำว่าติดดินที่ถูกเน้นหนัก
   
                  “จำได้ว่าปีที่แล้ว ใครมั่นแล้วพลาดวะทุกคน”
   
                  วินดี้เอ่ยขึ้นลอยๆ แล้วหันไปถามความคิดเห็นของเพื่อนแบบแกล้งๆ เรียกเสียงกรี๊ดแหลมๆจากบุคคลที่ถูกเรียกว่าแม่ใหญ่
   
                  “แม่ใหญ่ใจเย็นๆก่อนค่ะแม่”
   
                  โถ ลลิตาแสยะยิ้มมองภาพประจบสอพลอของลูกทีมตรงหน้า
                  นี่พวกเธอกำลังดูละครเรื่องอะไรกันอยู่หรือเปล่า เอารางวัลออสการ์สาขาตอแหลการแสดงไปเล้ย…
   
                  “มึงชูคอได้แค่ปีนี้เท่าแหละ ปีที่แล้วถ้าไม่ติดว่าเดือนเกษตรชอบของแปลกนะ พวกกูชนะไปแล้ว”
   
                  แม่ใหญ่ที่พกความมั่นใจมาเป็นล้านสวนกลับแบบเชิดๆ
   
                  “เหรอจ๊ะ อิกรีน ไม่สิ อิเขียว”
   
                  อุมาพรจีบปากจีบคอ ซึ่งมามี่มองว่าเป็นโหมดพิเศษเฉพาะสำหรับกวนตีนศัตรูให้ดูน่าเตะแบบโคตรน่าเตะ
   
                  “กรี๊ด ไม่มีใครกล้าเรียกชื่อนั้นของกูมานานแล้ว”
                  “แล้วจะทำไม”
   
                  คนที่ผ่านไปมาเริ่มอกสั่นขวัญหาย กลัวว่าจะเกิดการทะเลาะวิวาทรุนแรงขึ้นที่นี่
                  แต่คนพวกนั้นเป็นคนนอก สำหรับแก๊งทั้งสองแล้ว พวกเธอรู้ดีว่าจะไม่มีทางเกินเลยไปถึงเหตุการณ์ตบตีแน่นอน
                  เป็นกะเทยคนเขาก็ว่าพอแล้ว สู้ไม่ทำตัวแบบกะเทยที่คนนอกเห็นว่าเป็นดีกว่า
                  นั่นเป็นประโยคที่แก๊งนางฟ้าจำทอดๆและปฏิบัติสืบมารุ่นแล้วรุ่นเล่า
                  เป็นกะเทย ต้องไม่ใช้กำลัง แต่ใช้สมองค่ะ
   
                  “หึ ใครบางคนคิดว่าปีที่แล้วชนะ ปีนี้ก็จะชนะว่ะ”
   
                  แม่ใหญ่กรีนกอดอก เบื้องหน้าแสดงออกด้วยท่าทางใจเย็นสุขุม แปลกไปจากเมื่อกี้ที่ร้องกรี๊ดดั่งโดนไฟไหม้ก้น
                  นั่นทำให้เหล่านางฟ้าเริ่มเสียขวัญ
                  จิตวิทยานี่มันใช้ได้ดีจริงๆ
   
                  “ไว้รอเจอไม้ตายของพวกกูในงานก็แล้วกัน”
                  “แล้วจะรอดู”
   
                  แม้จะพูดไปแบบนั้น แต่ประโยคของแม่ใหญ่กรีน ก็ได้สร้างแรงกดดันต่อเหล่านางฟ้าสถาปัตย์ได้เป็นอย่างดี
   
                  “อ๊ะ นั่น สายป่านนนนนนน”
   
                  แต่ก่อนที่อะไรจะตึงเครียดไปมากกว่านี้ เดือนคณะสถาปัตย์ที่เหมือนเป็นใบกระดาษสัญญาสงบศึกชั่วคราวก็กำลังเดินมาทางนี้พอดี
                  พร้อมกับใครบางคน…
   
                  “ลูกปิ๊กของแม่”
   
                  เปล่า มันไม่ใช่เสียงของมามี่ ลลิตา วินดี้ อุมาพร หรือลิลลี่
                  แต่เป็นของฝั่งตรงข้ามต่างหากล่ะ!!!
   
                  “โอ๊ะโอ พบคนแปรพักตร์หนึ่งอัตรา” ประโยคนี้หมายถึงปิ๊ก เป็นคนของคณะสถาปัตย์แต่ดันไปเข้าพวกกับฝั่งตะวันตก งานนี้ไม่เกิด ก็ดับยับเพราะเหล่านางฟ้ารอซ้ำอยู่แน่ๆ
   
                  วินดี้กอดอกแล้วบุ้ยใบ้ไปทางเด็กปีหนึ่งที่เดินตามสายป่านมาติดๆ
   
                  “น่ารักเสียด้วยสิ” อุมาพรพูดขึ้น
                  “แถมยัง…เด็กกว่า” ลิลลี่เสริม
                  “งานนี้สนุกแน่ๆ”
   
                  แม้จะเห็นไม้ตายของคู่แข่งก่อนงานเริ่ม…
                  แต่นั่นก็อย่าหวัง ว่าจะทำลายความมุ่งมั่นแห่งศักดิ์ศรีของเหล่านางฟ้าสถาปัตย์ลงได้ย่ะ
                  และที่สำคัญ…
                  มดลูกแม่ มีคู่แข่งแล้ว


                  
   

                  “โฟร์น้า ช่วยเราหน่อย มึงก็ฟินไม่ใช่เหรองานแบบนี้ อาหารตามากมายน่ารับประทานเลยนะ”
                  {ใครสั่งใครสอนให้มึงพูดแบบนี้ฮะ อิเจ๊นางฟ้าพวกนั้นเหรอ กูจะบ้าตาย}
                  “ตกลงจะมาช่วยเราแน่นะ”
                  {ยังไม่รับปากสักหน่อย เฮ้ย มด เดี๋ยว…}
   
                  ตู๊ด
   
                  เขาชิงวางสายก่อนเพื่อนสาวประเภทสองคนนี้จะได้พูดปฏิเสธ
                  เขามั่นใจว่าโฟร์ต้องมาแน่ๆ
                  งานมีตติ้งดาวเดือนมอที่มีผู้ชายหน้าตาดีละลานตาแบบนี้ มันเคยพลาดซะที่ไหน ยิ่งมีสิ่งล่อใจอีกอย่างให้มันคร้านจะรีบบึ่งรถมาไม่ทันเถอะ
                  ที่แกล้งจะปฏิเสธเนี่ย คบกับมันมาหนึ่งปี เขาพูดได้เลยว่า…
                  เล่นตัวทั้งน้านนนน
   
                  “แม่ใหญ่คะ เวลว่าเรายกไม่ไหวหรอกค่ะ”
   
                  ประสาทหูของเขารับรู้เสียงที่ดังอยู่ไม่ไกล ก่อนจะพบ เอ่อ…
                  เรียกว่าพี่ๆผู้หญิงเทียมแล้วกันแม้จะดูห่างไกลไปมากโขก็เถอะ พวกเธอสองคนกำลังด้อมๆมองๆรถบิ๊กไบค์คันใหญ่ที่จอดแน่นิ่งอยู่ แล้วเขาก็ดันความจำดีว่ามันเป็นของพี่ปืนเสียด้วยสิ
                  พวกเธอคงไม่ได้คิดจะขโมยหรอกนะ แบบนั้นมันน่ากลัวจริงๆนะ
                  หมายถึงความคิดเขาเนี่ย…
                  ด้วยความเป็นพลเมืองดี เพราะดูจากท่าทางลุกลี้ลุกลนบวกกับสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีของทั้งสองแล้ว เขาก็เดินตรงเข้าไปหา
                  หรืออาจพูดได้ว่า ตรงเข้าไปเสือกนั่นเอง
                  โอเค นกตัวเองแล้วห้ามนกอีกนะ
   
                  “เอ่อ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า”
   
                  เนี่ย มดคนดีศรีสถาปัตย์มาแล้วครับทุกคน
   
                  “ว้าย แม่ใหญ่คะ พบผู้ชายหน้าตาดีหนึ่งอัตราค่ะแม่”
   
                  คนที่ถือประเป๋าถือใบใหญ่ที่เขาพอจะเดาได้ว่าเป็นแบรนด์ดังรีบสะกิดแม่ใหญ่ของเธอให้เงยหน้ามามองเขา
   
                  “เวล เราไม่มีเวลามาล่าผู้…”
                  “…”
                  “ชายที่หน้าตาดีโคตรๆแบบนี้หรอก”
   
                  ไม่รู้ทำไมเธอชะงักไปพักหนึ่ง ก่อนจะเติมต่อท้ายประโยคให้สมบูรณ์ด้วยน้ำเสียงเคลิ้มๆ
   
                  “มีอะไรให้ช่วยมั้ย พอดีเราเห็นพวกเธอเหมือนกำลังหาอะไรอยู่”
                  “กรี๊ดดดดดดดด”
   
                  ทันทีที่เขาพูดประโยคจบ คนที่ชื่อเวลก็กรี๊ดเป็นเจ้าเข้า ก่อนจะหันไปเขย่าแขนแม่ใหญ่สองหงึก
   
                  “แม่ เขาเรียกเราว่าเธอ งื้อ ผู้ชาย บ้า!”
   
                  เอ่อ เขาก็ตกใจนึกว่าพูดอะไรไม่เข้าหูเสียอีกเลยกรี๊ดใส่
   
                  “พ่อคุณ หล่อแล้วยังมีน้ำใจกับกะเทยอีก ความจริงแล้วเราไม่ได้กำลังหาของหรอกค่ะ เรากำลังพยายามเอาของออกมาต่างหาก”
   
                  เธอหลีกทางให้เขาเข้าไปดู…
   
                  “พอดีเราทำเอกสารสำคัญปลิวไปติดที่ล้อรถได้ยังไงไม่ทราบค่ะ แล้วรถนี่ก็หนักเลยเอาออกมาไม่ได้ ครั้นจะยกก็ เอ่อ…”
                  “…”
   
                  เธอกระซิบ
   
                  “มันไม่ใช่วิถีของกะเทย เราไม่ใช่กำลังกันค่ะ”
   
                  แต่ร่างกายพวกเธอช่างดูขัดกับประโยคข้างบนนัก เอาเถอะ เขาจะเก็บเงียบไว้ในใจไม่พูดออกไปเพราะยังห่วงสวัสดิภาพของตัวเองอยู่
   
                  “งั้นเดี๋ยวเราช่วยยกให้”
   
                  เขาเข้าไปจัดท่าตัวเอง ให้ยกล้อหลังของบิ๊กไบค์ที่มีกระดาษแผ่นนั้นติดอยู่ ให้ยกขึ้นง่ายๆ จัดองศาแล้วก็…
   
                  “อ๊ะ หลุดแล้ว วี๊ดดดด ชอบคุณนะคะ”
   
                  แม่ใหญ่กระโดดโลดเต้นดีใจ ก่อนจะเข้ามากอดเขาเป็นการขอบคุณ แต่…
   
                  “อิแม่ใหญ่คะ หยุดลวนลามผู้มีพระคุณด้วยค่ะ รับไม่ได้”
   
                  เวลยืนกอดอกจิกตามองอยู่ข้างๆ
                  พอแม่ใหญ่ขยับตัวออกไป
            
                  พรึ่บ
   
                  เหอะๆ
                  เขาก็ถูกเวลกอดอย่างไม่ทันตั้งตัว
                  ชีวิตนี้เขาผ่านมือกะเทยมาเป็นสิบคนแล้ว ขอบคุณมากๆครับ ประชดเว้ย
                  แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจอะไร บางที นี่อาจเป็นการแสดงความรักและคำขอบคุณจากพวกเธอจริงๆก็เป็นได้ ยกเว้น…
   
                  “อิเวล มืออย่าเลื่อนต่ำค่ะ”
                  “จ้าแม่”
                  “ว่าแต่ นายชื่ออะไรอ่ะ พวกเราจะได้จำชื่อไว้ นิสัยน่ารักแบบนี้หายากยิ่ง”
                  “เรามด แล้ว…”
                  “เราชื่อกรีนจ้า แล้วก็นี่อิวาฬ”
                  “เวลค่ะแม่ใหญ่ เดี๋ยวเถอะ”
                  “ค่ะ อิเวล ยังไงก็ขอบคุณมดมากๆน้า งื้อ งานดีแบบนี้ ถ้ามีโอกาสจะปั้นให้ดังเล้ย”
   
                  เธอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
   
                  “อ๊ะ สายแล้วสิ ต้องรีบไปแต่งหน้าให้ลูกรัก ไว้เจอกันนะคะมด”
                  “โอเค”
   
                  ใครบางคนเคยพูดกับเขาว่า…
                  กะเทยก็เหมือนพายุฤดูร้อนที่จะผ่านเข้ามา และพัดหายไป
                  เขาเคยพยายามทำความเข้าใจ แล้วก็พบว่า มันเป็นประโยคสวยหรูที่ผิดถนัดเลยล่ะ


                  
   

                  “บีหนึ่งเรียกบีสอง หายใจเข้าลึกๆนะมด อย่าตื่นเต้น”
   
                  จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไงกันล่ะโฟร์ ทั้งงานมีผู้คนมากมาย เรียกได้ว่าตอนนี้ห้องกว้างใหญ่บรรจุคนเกือบครึ่งมอที่ให้การต้อนรับงานมีตติ้งดาวเดือนปีสิบอย่างครึกครื้น งานนี้เป็นงานรื่นเริงทั่วไป มีการแสดงความสามารถและเปิดตัวผู้เข้าประกวดดาวเดือนปีหนึ่ง ก่อนที่จะจัดการแข่งขันในเดือนถัดไป
                  เขากับโฟร์กำลังเหยียบย่างเข้ามายังสถานที่ที่เจิดจรัสเกินไป
   
                  ‘แค่แต่งหน้าลูกมดของแม่ก็น่ารักขึ้นทันตา มามะ แม่จะละเลงใบหน้าให้สวยเช้งเลย’
   
                  นั่นเป็นคำพูดของวินดี้ก่อนที่อะไรต่อมิอะไรที่เรียกว่าเครื่องสำอางจะประโคมเข้ามาเต็มๆ
   
                  ‘เสร็จแล้ว อ๊ะ อย่าลืมหน้ากากปิดใบหน้านะคะ มามี่เตรียมไว้ให้แล้ว เพราะปีนี้เรามาในตีม เดอะมาสก์ค่ะ’
                  ‘เดอะแมสก์ย่ะ’
                  ‘ค่ะ แม่อเมริกันแอคเซ่น’
                  ‘ค่ะ แม่อังกฤษแอคเซ่น’
   
                  แล้วจากนั้นก็เป็นประโยคแขวะกันของเหล่านางฟ้าที่เขาไม่เอามาใส่ในความทรงจำจะดีกว่า
   
                  “โฟร์ กูดูดียัง กูไม่เคยมางานแบบนี้เลย”
                  “มึงเริ่ดแล้วเพื่อนกู”
   
                  นั่นเป็นคำปลอบโยนที่เขาไม่รู้สึกดีขึ้นสักนิดเดียว
   
                  “ดูนั่น ว่าแล้วว่างานนี้เหล่านางฟ้าสถาปัตย์คงไม่พลาดแน่ๆ จะมีการประชันความสวยของเพศที่สามในงานด้วยใช่มั้ย งื้อ อยากดูแล้ว อยากให้ถอดหน้ากากออกเร็วๆจัง”
                  “อย่าชะล่าใจไปค่ะ งานนี้เหมือนว่าทางฝั่งตะวันตกก็มีของดีมาโชว์นะคะ”
                  “อ๊ะ ตรงนั้นเหรอแก”
                  “ตัวเล็ก รูปร่างทรงผู้หญิงอย่างกูยังอายเว่อร์”
   
                  เอ๊ะ นั่นกรีนกับเวลนี่…
   
                  “โฟร์ๆ ชุดราตรีนั่นใครอ่ะ”
                  “ไหนๆ ว้ายยยย มึงไม่รู้จักอิเจ๊กรีนผู้นำสูงสุดของกะเทยฝั่งตะวันตกเหรอคะ”
   
                  อะไรนะ!
   
                  “ที่ยืนข้างๆนั่นก็อิเวล ส่วนนั่น ไม่แน่ใจ คนที่อิเจ๊กรีนส่งมาประชันมั้ง”
   
                  เพราะกรีนกับเวลไม่ได้สมหน้ากากตามตีม จึงตกเป็นจุดสังเกตได้ง่าย ส่วนอีกคนที่ยืนข้างๆแล้วสวมหน้ากากนั่น เขาไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ลางสังหรณ์บอกเขาว่า ความงามภายใต้หน้ากากนั่น มันคืออัญมณีล้ำค่า
   
                  “สู้เว้ย”
   
                  โฟร์พูดให้กำลังใจอีกรอบ
   
                  “สู้ๆ”
   
                  เขาเองก็จะสู้…
   
                  “มด สายป่านมา”
   
                  เจ๊มามี่เดินเข้ามาหาพวกเราพร้อมกับร่างสูงที่ตามหลังมา
                  ไอ้สายป่าน 291
                  วันนี้ในชุดสูท แม่งโคตรมีออร่าเดือนคณะที่แท้จริง
   
                  “มดพร้อมนะ”
   
                  เจ๊วินดี้เข้ามาถามอีกครั้ง แต่ตาเขาไม่ได้สนใจเธอแต่เป็นร่างสูงของมันที่จ้องมองมาอยู่เช่นกัน
   
                  “มึงแต่งสูทแล้วแปลกๆนะ”
   
                  อึ้ง
   
                  “เอ๋”
                  “อะไรนะ”
                  “เดี๋ยวนะคะสายป่าน มดแต่งหญิงนะวันนี้ คนซ้าย นี่เพื่อนมด ชื่อโฟร์”
   
                  เจ๊มามี่บอก
                  เขากับโฟร์ลอบมองหน้ากันผ่านหน้ากาก
   
                  “นั่นสิ กูมดเว้ย”
   
                  โฟร์ที่เจ๊ๆเข้าใจว่าคือเขาพูดแก้ต่าง
   
                  “มึงไม่ใช่มด มึงโฟร์ ที่ทักไลน์กู กูจำขนาดมึงไม่ได้ แต่กูจำขนาดไอ้เตี้ยนี่ได้ เตี้ยแบบนี้ มีคนเดียวในมอ”
                  “ไอ้เหี้ย!”
   
                  เฮ้ย สาบานว่าเขาเผลอตามอารมณ์จริงๆ
                  เขาโพล่งคำว่าไอ้เหี้ยออกไปแล้ว
   
                  “มด”
   
                  เหล่าเจ๊ๆปิดปากอุทานพร้อมกัน ฮืออออออ ขอโทษษษษษษ
                  ก็เขาไม่อยากแต่งหญิงนี่นา
   
                  “ถอดหน้ากากออกมาคุยเดี๋ยวนี้เลย”
   
                  วินดี้พูดเสียงจริงจัง จนเขาต้องยอมทำตาม ฮือ มดขอโทษ แม่ๆลูกมดของโทษ
                  ก็คนมันไม่อยากแต่งหญิงนี่ ถึงจะชอบไอ้สายป่าน แต่เขาก็ยังอยากมีความแมนในศักดิ์ศรีอยู่บ้างนะเว้ย
   
                  “มดขอโทษคร้าบ”
   
                  ง้อดูหน่อยแล้วกัน
   
                  “ถอด หน้า กาก ออก มา”
   
                  วินดี้ไม่เล่นด้วย แถมยังกอดอกใช้ท่าไม้ตายพิฆาตกับเขา ด้วยการจ้องมองมาแบบทิ่มแทงทะลุหน้ากาก
                  
                  อัก
   
                  เสียงกระอักเลือด
                  เขาจำเป็นต้องถอดหน้ากากออกมา พลางแอบหันไปมองค้อนไอ้คนที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พอใจที่ได้แกล้งเขาอย่างไอ้สายป่านคนเหี้ย
   
                  “โฟร์”
                  “จ้า จ้า ถอดแล้วจ้าแม่”
   
                  โฟร์เองก็ยอมถอด
   
                  “แล้วทีนี้จะทำยังไง อิโฟร์มันเคยประกวดเวทีอื่นแล้วตอนปีหนึ่ง กฎอีกข้อของเราก็คือ ไม่สามารถส่งคนซ้ำลงประกวดได้”
   
                  โฟร์ยักไหล่ พร้อมขมุบขมิบปากบอกเขาที่พออ่านได้ว่า
   
                  “กูบอกมึงแล้ว”
                  “เอาเถอะ งั้นเราคงต้องยอมรับความพ่ายแพ้”
   
                  มาถึงตอนนี้แล้วเขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทำให้เหล่านางฟ้าผิดหวังจริงๆ จากตอนแรกไม่ได้คิดอะไร ใช่สิ เขามันไม่คิดอะไร เอาแต่คิดว่าไม่อยากแต่งหญิง
                  งานนี้มันก็แค่ศักดิ์ศรีของเจ๊ๆไม่เกี่ยวกับเขา
                  เขาคิดตื้นไปจริงๆ
                  ความรู้สึกผิดเริ่มเกาะกุมจิตใจเขา แต่…
   
                  “นั่นมด มดนี่ มดดดดดดด”
   
                  หางตาเขามองเห็นไกลๆว่ากรีนกับเวลที่ยืนอยู่ฝั่งขวากำลังก้าวยาวๆมาทางนี้
                  เดี๋ยวนะ ทำไมเขารู้สึกสังหรณ์ใจว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่
   
                  “เดี๋ยว”
   
                  วินดี้เข้ามาขวางไว้ ก่อนที่สองสาว(?)จะเข้ามาประชิดตัวเขาได้
   
                  “จะทำอะไรมิทราบ นี่หล่อนคงรู้แล้วสินะว่า มดแต่งหญิงไม่ทัน และเรากำลังจะแพ้ หล่อนจะมาซ้ำเติมใช่มั้ย”
   
                  มามี่พูดเสียงเรียบ แต่กรีนกับเวลทำหน้างง
   
                  “อะไร ใครแต่งหญิง มดเป็นผู้เข้าประกวดเหรอ”
                  “ใช่ย่ะ แต่ก็อย่างที่เห็น ถึงจะไม่ได้แต่งหญิง แต่เราก็สู้ กูจะพามดขึ้นประกวด”
   
                  เอาจริงดิ!
   
                  “เดี๋ยว กูไม่ได้วิ่งมาหาเรื่องพวกมึง”
                  “…”
                  “กูวิ่งมาหามด”
   
                  เอาแล้ว ความวุ่นวายกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
   
                  “อะไรนะ แกจะมาขัดขวางมดเหรอ ขนาดนี้แล้วยังเล่นสกปรกมากันไม่ให้มดขึ้นเวทีอีกเหรอ” อุมาพรมีน้ำโห เข้ามายืนจังก้าท้าทายกรีนกับเวล
                  “บ้านแกสิ อิดอก นี่มึงดูละครมากไปหรือเป็นบ้ากันแน่วะ”
                  “แล้วมาทำอะไร”
                  “มาขอบคุณ”
   
                  !!!
   
                  “เมื่อเช้ามดช่วยพวกกูเอาเอกสารที่ต้องส่งกองประกวดออกจากล้อรถ ไม่งั้นพวกกูคงไม่ได้เข้างาน เพราะรายชื่อสมาชิกมาไม่ทันถึงมือผู้จัด”
                  “…”
                  “มดเข้าประกวดเหรอ”
                  “เอ่อ…”
                  “ดี งั้นพวกเรา…”
                  “…”
                  “ขอยอมแพ้ ปีนี้พวกเธอชนะ”
                  “…”
                  “แม้จะดูเล็กน้อยแต่…”
                  “…”
                  “คนน้ำใจงามๆแบบนี้หายากนะรู้มั้ย พวกเธอนี่โชคดีจริงๆ”
   
                  มีคนบอกว่ากะเทยเหมือนพายุฤดูร้อน ที่พัดเข้ามาแล้วพัดผ่านไป
                  กรีนกับเวลก็จะเป็นเช่นนั้น
                  แต่…
   
                  หมับ!
   
                  “มด มาคุยเล่นกับพวกเรามั้ย ตรงมุมโน้นแน่ะ กรีนอยากแนะนำให้เพื่อนๆรู้จัก”
   
                  มือหนาของกรีนคว้าข้อมือเขาไว้ แล้วเตรียมตัวลากพาไปยังที่ที่เธอบอก ทว่าวินดี้กลับคว้าหมับมืออีกข้างของเขาที่ยังว่างอยู่
   
                  “ไม่ได้ย่ะ มดมดของพวกเรา เป็นของกะเทยตะวันออกย่ะ”
   
                  เหล่านางฟ้าพยักหน้า
   
                  “จะเอาใช่มั้ย” กรีน
                  “แย่งได้ก็มาเอา” มามี่
   
                  เกิดความชุลมุนวุ่นวายอีกครั้ง เมื่อกรีนพยายามดึงเขาไปอีกข้าง และเหล่านางฟ้าก็พยามดึงไปอีกทางเช่นเดียวกัน
                  ยื้อกันไปยุดกันมา
                  อ๊าก
                  แขนเขาจะขาดแล้ววววว
   
                  จนเมื่อประโยคหนึ่งดังแทรกขึ้นมาราวกับสายฟ้าแลบ
   
                  “แย่งไปไม่ได้หรอก!”
                  “…”
                  “มดเป็นสมบัติของเรา”
   
                  !!!
   
                  มึงพล่ามอะไรออกมา
                  ไอ้สายป่าน 291…





T B C

ก็มดน่ารักอ่ะ ใครๆก็อยากได้มดติดตัว
รวมทั้งพระเอกของเราด้วยนะเออ อุ๊บ!

เจอกันพรุ่งนี้ค่า ขอบคุณทุกการสนับสนุน.

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
มดไปเป็นสมบัติของเธอตั้งแต่เมื่อไรสายป่าน  :hao4:  หมั่นไส้อะ  o18

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
มดมด เธอนี่ฮอตไม่เบาเลยนะ มีแต่คนรุมแย่ง
ดูสิ สายป่านยังออกตัวมาแย่งเธอเลย  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
มดมด บุคคลที่ล้ำค่าของม.  :laugh:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตกน้องมดกันหมดแล้ววววว  :katai2-1:
แต่นายสายป่านมดไปเป็นสมบัติของนายตอนไหน หื้อ   :hao3:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
5555 อยู่ดีๆ ก็ได้เป็นสมบัติของสมบัติคณะ ดีจริงเลยจ้า มดมด
มดรั่วมาก และน่าเอ็นดูมาก รู้ว่าเค้าแกล้ง ก็ยังของขึ้น

สายป่านก็แกล้งไปเหอะ มีความหลอกล่อด้วย เนียนนะ
แน่ใจหรอว่าเพื่อนแกล้งส่งแชทน่ะ ไม่ได้ส่งเองเนาะ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
แหมๆๆๆอยุ่ก็มาประกาศกันอย่างงี้ มดๆลูกหัวใจยังดีอยุ่ใช่มั้ย

ออฟไลน์ fahsida

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ใครๆ ก็อยากมีมดมดเป็นของตัวเอง มดน่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ pppp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 387
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ความฮอตนี้......
น้องมดมดอยู่ดีๆ ก็ป๊อปในหมู่มวลชายแท้และสาวเทียม
สายป่านช้าไม่ได้นะ

ออฟไลน์ MewSN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +234/-4
ก้าวที่สิบเอ็ด
มีพิรุธ


โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  “เอ๊ยยยยย”
   
                  ทุกคนอยู่ในกิริยาอาการนิ่งอึ้ง แม้แต่ฝ่ายมีเดียของมหา’ลัยที่ถูกขู่เข็ญให้มาช่วยถ่ายภาพบรรยากาศงานมีตติ้งดาวเดือนในวันนี้
                  แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะดวงตานับร้อยกำลังจบจ้องมาที่กลุ่มของพวกเรา อันประกอบด้วย เหล่านางฟ้า แก๊งตะวันตก(ขอเรียกแบบนี้แล้วกันไม่ชินปาก) และไอ้สายป่านผู้จุดประเด็น!
   
                  “พูดผิดๆ มดเป็นสมบัติของคณะเราต่างหาก ปากกูเนาะ วุ้ย”
   
                  นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ขำด้วย แถมยังใจหายใจคว่ำกับประโยคเมื่อครู่
                  ครั้งนี้มึงเล่นแรงไปแล้วนะไอ้บ้า…
                  เพราะใจกูอ่ะ คิดไปถึงไหนต่อไหนจนมันเต้นแรงไปแล้ว ดังโครมครามอยู่ที่อกข้างซ้ายเนี่ย ถ้าเกิดหัวใจมันวายใครจะรับผิดชอบวะ
   
                  “เอ่อ เข้าใจเล่นนะคะ แหะๆๆๆ”
   
                  เหล่านางฟ้าช่วยกับตบมุก รีบหัวเราะกลบเกลื่อน จนคนที่ให้ความสนใจค่อยๆหันไปทางอื่นทีละรายๆ แต่ก็ยังมีบางรายที่หูผึ่งพร้อมเสือกเต็มที่ นี่แหละ ชีวิตมหา’ลัย
                  ข่าวต้องไว ใจต้องหนา ใจบางมึงแพ้ครับ ฮ่าๆ
   
                  “มด ป่ะ ไปคุยกับกลุ่มเราตรงนู้นกัน”
   
                  กรีนกระซิบ ก่อนจะค่อยๆดึงเขาออกมา หวังไม่ให้เป็นที่สนใจของใครโดยเฉพาะเหล่านางฟ้า
   
                  หมับ!
   
                  แต่ความเคลื่อนไหวของเรากลับไม่พ้นจากสายตาคมของใครบางคน
                  ไอ้สายป่านคว้าแขนเขาไว้มั่น…
   
                  “โทษทีนะครับเจ๊ๆ มด เพื่อนมึงจะมาหาตอนทุ่มไม่ใช่เหรอ”
   
                  ประโยคแรกมันพูดกับกรีนและเวล ประโยคต่อมามันหันมาพูดกับเขา พร้อมกับขยิบตาส่งซิก
                  อะไรของมึ๊งงงงง
   
                  “ใช่เลย ลืมได้ไง”
   
                  เออ กูแพ้คนที่ชื่อว่าสายป่าน จบนะ
                  พวกเราหันตัวกลับ เพื่อออกทางประตูหน้า แต่เสียงเจ๊กรีนกลับเบรกไว้
   
                  “เพื่อนมด นี่เพื่อนสายป่านด้วยเหรอคะ ตามกันไปเลยนะ”
   
                  ขอเกลียดรอยยิ้มของเจ๊แกได้มั้ย มันดูรู้แปลกๆวะ
   
                  “เราคนกันเอง”
   
                  เป็นไอ้สายป่านที่ตอบคำถามเป็นคำตอบสองแง่สองง่ามให้กรีนกับเวลจับมือกันกรี๊ดกร๊าด
                  คนกันเองเหี้ยอะไรรรร
                  พูดเหมือนกูกำลังคบกับมึงอ่า นี่ไม่บอกหรอกนะว่า…
                  คิดไปไกลถึงมหานทีสีทันดรแล้วจ้า

   





                  “ถ้ามึงอึดอัดก็แค่บอกปฏิเสธไปดิ อย่ายอมไปหมด”
   
                  ตอนนี้เขากับมันออกมาเดินเล่นสูดบรรยากาศกลิ่นอายยามเย็นของมหา’ลัย หรือก็คือเราอยู่ข้างนอกงานแล้วนั่นเอง จุดหมายของเราไม่มีที่สิ้นสุด แล้วเขาก็ไม่คิดจะถามด้วยว่ามันจะสิ้นสุดตรงไหน แค่เดินไปด้วยกัน เขาก็โคตรอิ่มอกอิ่มใจแบบสุดๆ
                  น่าแปลก
                  ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาค่อนข้างประหม่า จนเขาอาจจะแสดงท่าทางชวนอึดอัดซึ่งอาจเป็นเหตุผลเดียวกับที่มันกับเขาไม่สามารถพูดคุยกันได้อย่างเพื่อนร่วมรุ่นทั่วไปในตอนปีหนึ่ง
                  นั่นเพราะ เขาชอบมัน เขาเลยทำให้มันอึดอัด แต่ตอนนี้เขาก็ยังชอบมันอยู่ เพียงว่าความอึดอัดระหว่างเราสองคนเหมือนอันตรธานหายไปโดยไม่รู้ว่าฝ่ายไหนกันแน่ที่ทำให้มันหายไป
                  หรืออาจจะเป็น…เราทั้งคู่
   
                  “แล้วมึงล่ะ…”
                  “ว่า”
                  “เรื่องละครเวที ถ้ามึงอึดอัด…”
                  “แล้วมึงล่ะ…”
   
                  เขากำลังถูกถามกลับ
   
                  “อึดอัดมั้ย”
                  “ถามกูได้ไง กูไม่เกี่ยว มึงแสดง”
                  “ก็ที่แสดงมีมึง”
                  “…”
                  “ไม่ใช่เหรอ”
                  “…”
                  “ถ้ามีกูอยู่ด้วย มึงจะอึดอัดรึเปล่าวะ มด”
   
                  เขาเงียบ

                  “ตอนปีหนึ่งมึงเอาแต่หลบหน้ากู มึงไม่ชอบกูขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
   
                  ผิดถนัดเลยไอ้เหี้ย กูโคตรชอบ กูชอบมึงจนตัวจะแตกแล้วเนี่ย เพียงแต่มึงไม่ได้ชอบกู กูเลยไม่กล้าบอก
   
                  “แล้วตอนนี้ล่ะ”
                  “…”
                  “ตอนนี้กูติ๊ต่างว่ามึงไม่อึดอัดเมื่ออยู่กับกู”
                  “…”
                  “แปลว่าตอนนี้ มึงเริ่มชอบกูแล้ว”
                  “…”
                  “ใช่มั้ย”
   
                  เขาไม่รู้ว่ามันหมายความว่าชอบแบบไหน เขาไม่กล้าคิดไกลไปเองคนเดียว เพียงแต่ดวงตาสีดำสนิทที่สื่อมาอย่างมีความหมายนั่น พอจะทำให้เขาคิดเข้าข้างตัวเองได้มั้ยนะ
   
                  “พี่สายป่าน!!!”
   
                  แต่กว่าเขาจะได้ตอบรับแบบไหน เสียงตะโกนเรียกชื่อร่างสูงก็ดังขึ้นมาก่อน
                  ปิ๊ก กับ…
   
                  “ชุดเหี้ยอะไรของมึง มึงเป็นกะเทยเหรอวะ”
   
                  ชุดราตรียาวลากพื้น
                  ไม่บอกก็รู้ว่าคนที่กรีนจะเอามาแข่งกับเหล่านางฟ้าคือใคร
                  เขาเสมองไปทางอื่น ปิ๊กเดินเข้ามาหา
   
                  “ป่ะ เข้าไปในงานกัน ไปดูน้องประกวด”
   
                  เขาพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะบอกว่าจะอยู่ที่นี่ต่อสักพัก ไอ้สายป่านทำท่าจะละออกไป แต่มันยึกๆยักๆ
   
                  ‘กูชื่อสายป่าน รหัส 291 มึงชอบเดินหนีกู กูไปต่อแถวข้างหลัง มึงก็ไปต่อแถวอื่น มึงโกรธอะไรกูเปล่าวะ’
   
                  ภาพความทรงจำตอนปีหนึ่งระหว่างเขากับมันไหลเข้ามาในหัว
                  เป็นเหตุการณ์ที่เขากำลังจะเดินหนีจากมันไปต่อแถวเพื่อนๆแถวอื่น แต่โดนมันขวางไว้ เพราะว่า เขาได้เดินหนีจากมันเป็นรอบที่สิบของวันแล้ว
                  เป็นใคร ใครก็คิดว่าเขากำลังโกรธคนๆนั้นอยู่
   
                  ‘เปล่า แถวนั้นมันยาวแล้ว เราจะไปต่อแถวอื่น’
   
                  เหตุผลข้างๆคูๆ ตอนแรกมันจะไม่เชื่อ กำลังจะเดินเข้ามาซักไซ้ต่อ แต่ว่าเพื่อนๆข้างหลังมันเรียกซะก่อน
   
                  ‘มีอะไรจะบอกกูมั้ย’
   
                  ทำไมต้องมีอะไรจะบอก ไม่มี…
                  กูชอบมึง
   
                  หมับ!
   
                  “เดี๋ยวค่อยเข้าไป ขออยู่ต่ออีกสิบนาที…”
                  “…”
                  “อยู่เป็นเพื่อนกูก่อน ได้มั้ย…”
   
                  บ้า เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เขาเนี่ยนะมีความกล้าไปจับมือมัน
                  มด แกน่ะบ้าไปแล้ว
                  แล้วมึง มึงจะยิ้มทำไมไอ้เหี้ยสายป่าน
   
                  “มึงเข้าไปก่อน กูจะอยู่กับเพื่อน”
                  “ได้ไง”
                  “โทษทีว่ะ นี่เพื่อนขอ”
   
                  ปิ๊กคิ้วขมวดมุ่นไม่พอใจ หันมาจ้องเขาเขม็ง
            
                  “แล้วถ้าน้องล่ะ น้องขอบ้าง”
                  “คงไม่ได้แล้วว่ะ เพราะกูรักเพื่อน”
   
                  อย่าได้คิดไปไกล
   
                  “มึงรักเพื่อนทุกคนเลยเหรอวะ งั้นถ้าเพื่อนขอให้ไปไหนมึงก็จะไป”
   
                  เขาถาม…
   
                  “ไม่อ่ะ เพื่อนแบบมึงมีคนเดียวในโลก”
   
                  คนเรา…
   

   





                  กลางดึกคืนนั้นเขานอนไม่หลับ เลยลุกขึ้นมาเปิดหน้าต่างรับลมเย็น คิดไปคิดมา เข้าเฟซบุ๊กไปส่องใครต่อใครเล่นฆ่าเวลาดีกว่า ว่าแล้วก็เปิดโน๊ตบุ๊คที่พับอยู่ ไอ้ไวน์ขยับตัวเบี่ยงหลบหนีแสงเล็กน้อย แต่ไม่ตื่น พอมันเปลี่ยนท่าให้สบายขึ้นมันก็กรนต่อตามประสา
   
                  ตึ๊ง ตึ๊ง ตึ๊ง
   
                  อะไรกันเนี่ย ข้อความมารัวๆเลย
   
                  ‘พน. อาจารย์ยกคลาสเช้านะ ไปเรียนอีกทีตอนเย็นวันพุธ’
   
                  พน. น่าจะหมายถึงพรุ่งนี้ ของถนัดเขา ย่อได้ย่อดีต้องฟ้าสายย่อ เอ๊ยยยยย
   
                  ‘มึงงงง อย่าลืมเลคเชอร์วิชาสังคมวิทยานะ กูจะเอาไปลอก’
   
                  มายด์ที่เพิ่งโทรมาย้ำตอนเย็น ย้ำเขาอีกทีในเฟซบุ๊ก
                  แล้วแชทอื่นๆก็เป็นแชทของเหล่านางฟ้าที่ไม่รู้มีเรื่องอะไรคุยกันนักหนา เด้งออกมาทุกๆสิบวินาทีเลย กดออกดีไหมนะ แต่คิดไปคิดมา ห่วงสวัสดิภาพตัวเองเพราะเคยโดนข่มขู่แกมลวนลามว่าถ้าออกแชท มีโดนคุกคามทางเพศ
                  เขาว่ามันน่ากลัวกว่าขู่ฆ่าเสียอีก เฮ้อ
                  เลื่อนๆไป มันก็แทบจะไม่มีข้อความสำคัญ จนเมื่อเป็นข้อความของ
                  
                  โฟร์ ผู้ฆ่าหมีด้วยมือเปล่า
   
                  ธีมละครคือเรื่องแอบชอบเพื่อนนะ
   
                  มันจะไม่มีอะไรเลยถ้า…
   
                  เอ๊ะ มีคนสะดุ้งว่ะ
   
                  มันไม่แซะเขากลับ ฮื่อออออออ
                  เขาต้องพิมพ์ตอบอะไรซักอย่างกลับไป อะไรดี อะไรดี แต่ความสนใจของเขาก็ถูกหันเหโดยแชทของใครบางคนที่อยู่ถัดมา
   
                  สายป่าน 291
   
                  คิดถึงเธอทู้กวัน ทุกๆสิบห้านาที ขาดเธอไปเหมือนมันจะตาย
   
                  คือ… ???
                  แบบนี้เพื่อนแกล้งอีกแน่ๆ เขาจะทำเป็นไม่สนใจแล้วกัน แต่…
                  ช่องข้อความของมัน กำลังขึ้นจุดจุดจุด แปลว่า มันกำลังพิมพ์ตอบกลับมา
   
                  ให้ตาย โทษทีว่ะ เพื่อนกูเอาโทสับไปเล่น
   
                  คำว่าโทรศัพท์ที่ดูเหมือนขี้เกียจพิมพ์นี่กระตุกต่อมความถูกต้องของเขาพิกลแฮะ
                  แต่เอาจริงๆมันก็แค่ข้ออ้างของคนที่ป๊อด แม้กระทั่งจะหาเรื่องตอบแชทมัน เขายังไม่มีเลย
                  ทำไงดี เขาจะตอบไปว่าไงดี
   
                  มด
   
                  มันกลับมาอีกครั้งพร้อมข้อความใหม่
   
                  มีเว็บโป๊แนะนำกูมั้ย
   
                  เหี้ยยยยยยยยยย
                  อารมณ์เปลี่ยวยามดึกเหรอวะ ไอ้เหี้ย ต้องเงี่*** แค่ไหนถามใจดูครับ เฮ้อ
   
                  ไม่มี ไอ้เหี้ย
   
                  เขาต้องกลั้นใจไม่พิมพ์ด่ามากกว่านี้นี่ดีแค่ไหนแล้ว
   
                  หึ
                  ตอบกลับกูได้แล้วเหรอ
                  ไอ้ใบ้

   
                  เขาไม่ได้ใบ้สักหน่อย แค่ไม่กล้า…ตอบ
   
                  โม้ดดดดดด ฝานดีน้า ฝานถึงราวด้วยยยยยย
   
                  เพื่อนแกล้งอีกเหรอ
                  
                  เขาคิดว่าภาษาแบบนี้ไม่ใช่ภาษามนุษย์ต่างดาวสายป่าน 291 แน่ๆ
                  มันเงียบหายไป
                  ก่อนจะตอบกลับมาอีกรอบ พร้อมแนบไฟล์เสียง…
                  เขากดฟัง
   
                  “ฝันดีครับ ฝันถึงกูด้วยนะ”
   
                  พร้อมๆกับข้อความในแชทที่ปรากฏแก่สายตาเขา
                  
                  เพื่อนแกล้งมั้ง
   
                  เพื่อนแกล้งอะไรล่ะ
                  นี่มันเสียงมึงชัดๆ
                  ไอ้เหี้ย
                  คืนนี้กูไม่นอนมันแล้ว…


                  


                  “อิมามี่ กินข้าวกันนนนน”
   
                  ลลิตาที่วิ่งมาหาพวกเรา ท่วงท่าของเธอช่างเหมือนราวกับวิ่งอยู่ในทุ่งดอกไม้ลาเวนเดอร์ ส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจุยจาย แต่ขอโทษที ที่มึงกำลังกวนให้กระจายอยู่มันไม่ใช่ความหอมฟุ้ง แต่เป็นฝุ่นของสนามหญ้าคณะสถาปัตย์ที่แห้งเหี่ยวครับ
   
                  “เป็นไรมากป๊ะ กินข้าวกับกูทุกวันเนี่ย เป็นแฟนกูเหรอ”
                  “อ้าว ก็ปกติก็กินด้วยกัน อินี่”
   
                  เออ นั่นสิ
   
                  “อ่ะ มึงไม่ชะงักไป แปลว่าไม่ได้คิดอะไรกับกู”
   
                  มามี่ชี้หน้าลลิตาแล้วยิ้ม
   
                  “เดี๋ยว ตรรกะอะไรของมึงคะอิมามี่”
                  “ตรรกะของคนแอบรักเว้ย กูเคยอ่านเจอในหนังสือ ข้อความหนึ่งมันบอกว่า ลองแกล้งพูดเล่นๆกับคนที่มักจะชวนเรากินข้าวบ่อยๆ ด้วยประโยคที่กูพูดกับมึง ถ้าเขาคิดอะไรกับเรา อาการชะงักจะเป็นอาการแรกที่เขาแสดงให้เห็นเว้ย แต่มึง ดีมาก เพื่อนรักไม่แอบรักเพื่อน”
   
                  มามี่เขย่ามือลลิตาที่เบะปากมองบน
   
                  “แหม ดูสารรูปมึงก่อนอิมามี่ กูเอากับมึงนี่คือวันนั้นชีวิตกูแม่งโคตรหลงผิด”
                  “แรงมาก แม่”
   
                  วินดี้อุทาน แล้วยกมือทาบอก
   
                  “แอ๊บ ที่จริงมึงก็อยากด่ากูอีกคนถูกมั้ย” มามี่รู้ทัน
                  “ใช่!”
   
                  ไม่มีการอ้อมค้อมใดๆจากวินดี้
   
                  “อ๊ะ นั่นสายป่านนี่” มามี่ชี้ชวนทุกคนดูไกลๆ
                  “เอ๊ะ กำลังเดินมาทางนี้” วินดี้
                  “โต๊ะเราชิมิ องศาดวงตามันบอกว่าใช่” ลลิตา
                  “มาหาใครน้า” ลิลลี่
                  “หืมมมม มีคนจะออกเรือนแล้วว่ะ ไปตัดชุดเจ้าสาวกัน” อุมาพร
   
                  แล้วดวงตาของทุกคนก็จ้องมองมาที่เขา
                  คือ อะไร
   
                  “มด”
   
                  เป็นเวลาเดียวกับที่ไอ้สายป่านเดินมาถึงพอดี
                  วันนี้มันใส่ชุดสบายๆ กับยีนส์ซีดๆ ที่มีรอยขาดตรงหัวเข่าตามแฟชั่น ตอนนี้มันแม่งดูเหมือนหนุ่มเซอร์ๆ แต่หน้าไม่เซอร์อ่ะ ออร่าความขาวแม่งประกายเจิดจ้ามาก ทำไมความอปป้ามันถึงรวมที่อยู่ในตัวของมันได้ขนาดนี้วะ เขาเผลอจ้องตาค้างด้วยมนต์สะกด
   
                  พรึบ!
   
                  จนมันโบกมือไปมาตรงหน้า
   
                  “อะ อะไร” เขาพูดตะกุกตะกัก ทุกการกระทำอยู่ในสายตาเหล่าแองเจิล
                  “มึงบอกกูเองว่าวันนี้โฟร์นัด?”
                  “อ้อ เอ้อ ใช่เลย”
   
                  โอ๊ย อยากตีปากเหลือเกิน กูเป็นอะไรเนี่ย สติจงกลับมานะไอ้มด
                  ต้องเป็นเพราะวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะวันนี้แน่ๆเลย ใช่ๆ…
                  แล้ววันนี้เหล่านางฟ้าเป็นอะไรเนี่ย คือเหมือนทุกคนพากันเอาปากไปนาเอาปากไปไร่กันหมดเลย ไม่มีแซวสายป่านใดๆนะ เหมือนให้เวลาเขากับไอ้สายป่านได้คุยกันอ่ะ โอ๊ย ก็สถานการณ์มันชวนให้คิดแบบนี้นี่ ดูดิ มีแต่ตาและหูที่บานแบบพร้อมเสือกเต็มสตรีมอ่ะ
                  เขาไม่ได้พูดเกินจริงเลยนะ…
   
                  “ก่อนไปตึกเศรษฐศาสตร์ แวะกินข้าวก่อนป่ะ โคตรหิวเลย”
   
                  มันชวนเขากินข้าว
                  มันชวนเขากินข้าว
                  มันชวนเขากินข้าว…ครับ
                  แล้วเขาควรตอบว่ายังไงดี
                  พลัน บทสนทนาระหว่างมามี่กับลลิตาก็ดังแทรกเข้ามาในห้วงความคิด
   
                  เป็นไรมากป๊ะ กินข้าวกับกูทุกวันเนี่ย เป็นแฟนกูเหรอ
   
                  คือ บ้า มด คิดอะไรของมึงวะนั่น
                  เขาเพิ่งกำลังชวนเรากินครั้งแรกกกกกก
                  
                  ตรรกะของคนแอบรักเว้ย กูเคยอ่านเจอในหนังสือ ข้อความหนึ่งมันบอกว่า ลองแกล้งพูดเล่นๆกับคนที่มักจะชวนเรากินข้าวบ่อยๆ ด้วยประโยคที่กูพูดกับมึง ถ้าเขาคิดอะไรกับเรา อาการชะงักจะเป็นอาการแรกที่เขาแสดงให้เห็นเว้ย แต่มึง ดีมาก เพื่อนรักไม่แอบรักเพื่อน
   
                  ฮือออออ ใครเอาเสียงบ้าๆของมามี่ออกไปที
   
                  “แหมมมม สายป่าน แอบขโมยเพื่อนเราไปกินข้าวด้วยเหรอออออ”
   
                  จู่ๆเหล่านางฟ้าที่ไม่มีบทมานานก็พูดขึ้นนำทีมโดยมามี่
   
                  “คิดอะไรกับเพื่อนเราป๊ะ ชวนกินข้าวเนี่ย”
   
                  ลลิตาผสมโรง
                  แต่ว่า…
   
                  “คิดสิครับ”
                  “เฮ้ยย่ะ” วินดี้
   
                  เขาเบิกตากว้าง แต่ประโยคถัดมาก็ต้องแฟบลง
   
                  “คิดแค่เพื่อนไงครับ”
                  “โหยยยยย”
   
                  นั่นสินะ ก็เราเป็นเพื่อนกัน
   
                  ตึ๊ง
   
                  แต่แล้วแชทเขาก็เด้งขึ้น ท่ามกลางบทสนทนาที่ยังดำเนินต่อไปของเหล่านางฟ้ากับสายป่านผู้ถูกรุม เหมือนจะเงียบได้ไม่นานจริงๆ เจ๊ๆพวกนี้เนี่ย สุดท้ายก็เต๊าะผู้ชายไปไหนไม่รอด
                  เป็นข้อความจากมามี่
                  เป็นภาพแคปชั่นข้อความข้อความหนึ่ง ที่เขาอ่านแล้วใจเต้นแรง
   
                  บางครั้ง การแสดงออกว่าเขินมากๆของใครบางคน ก็อาจถูกกลบเกลื่อนด้วยความชิลที่เจ้าตัวพยายามทำให้เหมือนค่ะ แต่มีวิธีสังเกตง่ายๆ แบบจับจุดได้อยู่หมัดเลยนั่นก็คืออาการที่ตามมาที่ต่อให้เจ้าตัวจะปกปิดยังไงก็ไม่พ้นสายตาเราหรอกค่ะ
                  1. ความเขินมักทำให้หน้าแดง ต่อให้พูดต่อหน้าชิลๆขนาดไหน ยังไงความแดงของอาการเลือดสูบฉีดมันก็ปิดไม่มิดหรอกค่ะ
                  2.ความเขินมักทำให้หูแดง อาการหูดงหูเนี่ยแหละค่ะคู๊ณณณ ปิดยังไงก็ปิดไม่มิด ชั้นคอนเฟิร์ม ชั้นนั่งยันนอนยันเลยค่ะ
                  3. ความเขินมักทำให้คอแดง อันนี้เป็นประสบการณ์โดยตรงจากเพื่อนดิฉันค่ะคุณ เขินทีไรคอแดงอย่างกับผื่นขึ้นตัวทุกที

   
                  “อะไร มึงดูอะไรอยู่วะ”
   
                  อยู่ๆไอ้สายป่านแม่งก็ก้มลงมาใกล้จนใบหน้าเราเกือบชนกัน
   
                  “พึ่งรู้นะคะว่าสายป่านสายตาสั้น” วินดี้บอก
   
                  เออ ก้มลงมาแม่งเกือบจูบหน้าจอไอโฟนเขาละ
   
                  ตึกตัก ตึกตัก
   
                  “ครับ วันนี้ไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์ด้วย”
   
                  มันตอบชิลๆ
                  แต่เขานี่สิ
                  เพราะใกล้กันมากๆ เลยทำให้ เขาหัวใจเต้นแรง มันเสียงดังจนกลัวว่าคนที่กำลังดูข้อความอยู่จะได้ยิน
   
                  พรึบ!
   
                  ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก
                  ภาพแรกเขาเบือนหน้าหนีไปทางอื่น มือเกือบทำไอโฟนลูกรักหล่นลงพื้น
                  ภาพที่สองไอ้สายป่านผุดลุกขึ้น แล้วเอี้ยวตัวเพื่อกันอะไรบางอย่างที่ไม่อยากให้เขาเห็น แต่แม่งมันเห็นไปแล้วไง
                  ก็หูแดงๆ กับคอแดงๆของมึงแม่ง…
                  สงสัยโคตรแพ้แดดอ่ะ
                  ผิดดดดดดดดด
   
                  “เอ้าๆ จะกินข้าวหรือจะกินน้ำตาลกันคะนั่น”
   
                  โคตรเหี้ยอ่ะ
                  เขาแอบด่ามามี่ที่ยิ้มร้ายเบาๆในใจ
   
   





                  ปกติเขามักจะเอาไอโฟนขึ้นมากดส่องนั่นส่องนี่เล่นๆระหว่างรอเมนูอาหาร
                  แต่พอมากับไอ้สายป่าน ไม่รู้สิ เขาคงไม่อยากให้การมากินข้าวด้วยกันครั้งแรกของเราเอาแต่ก้มหน้าใส่กันมั้ง
                  ง่ออออออ
                  พอเถอะ กูเขินเอง
   
                  “มึงว่างเหรอวันนี้” หาเรื่องคุยสิรออะไร ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงได้แต่เงียบ แต่ตอนนี้ไม่รู้อะไรก็แล้วแต่เถอะ ที่มันทำให้เขาถามออกไปแบบกล้าๆกลัวๆได้ แต่เขาก็จะถามมันอยู่ดี
                  “ว่างแค่คาบเดียว หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้า”
                  “อ่าฮะ”
   
                  จะต่อบทสนทนาไงล่ะทีนี้ แต่เป็นคนถูกถามที่ถามเขากลับ
   
                  “แล้วมึงล่ะ เรียนเหรอวันนี้”
   
                  โห ก๊อปประโยคเขานี่หว่า
   
                  “ทั้งวัน พึ่งเลิก”
                  “อ่อ”
                  “…”
                  “แล้วไม่มีนัดกับใครเหรอ ถึงมากินข้าวกับกูได้”
   
                  เดี๋ยวๆ ให้มดตอบว่าไง๊
   
                  “ไม่มี”
                  “…”
                  “ก็มึงชวนก่อน”
   
                  เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเรา แต่ดีหน่อยที่เสียงพนักงานดังขึ้น พร้อมอาหารมาเสิร์ฟพอดี โอ๊ย หลีกเลี่ยงสถานการณ์ไม่ดีต่อหัวใจไปได้หน่อย
   
                  “ไหนบอกว่าชอบเมนูที่มีไข่”
                  “ไหนบอกว่าชอบเมนูที่มีผักเยอะๆ”
   
                  เราสองคนเปรยขึ้นลอยๆ เมื่อเห็นอาหารของกันและกัน แบบไม่รู้ตัว ชั่วครู่เมื่อได้สติ ต่างคนเหมือนใบ้แดกไปตามกัน
   
                  “เอ่อ”
                  “เอ่อ”
   
                  โอยยยยย สถานการณ์หี้ยอะไรครับนี่
   
                  “กินกัน”
                  “อื้ม กินกัน”
   
                  แล้วกูก็พูดตามมันเนาะไอ้เวง
                  เหมือนแม่งอยู่ในรายการจับผิดมากตอนนี้
                  ถ้ามีคนกำลังดูอยู่ เขาคงจพูดกันว่า
                  คุณมด คุณสายป่าน
                  พวกคุณมีพิรุธอีกแล้วนะ!!!
                  เขาน่ะไม่เท่าไหร่ มันแปลกที่ไอ้คนตรงข้ามเองก็มีพิรุธด้วยนี่สิ
                  ให้มดว่าไง๊!!!
   
                  “กินข้าวสิ ดูกูแล้วจะอิ่มเหรอ”
                  “ไอ้…”
   
                  นี่มึงกำลังกลบเกลื่อนอะไรอยู่ใช่มั้ย
   
                  “หรือว่า…”
                  “…”
                  “มึงอยากกินสายป่าน”
   
                  !!!
   
                  “เอ๊ย…”
                  “…”
                  “ขนมสายไหม”
   
                  พอทีเหอะมุกพูดผิดพูดถูกเนี่ย
                  กูเนี่ย
                  เนี่ยยยยย
                  กูตายเพราะเขินแม่งตลอดอ่ะ
                  จะมุกเดิมมุกซ้ำมุกบ่อยๆแค่ไหน
                  พอมันทำหน้าทำตาเล่นลิ้นแล้วแบบ
                  ใจมันบางงงงงง
                  เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
                  คนที่มีพิรุธมาก เท่ากับ…
                  แพ้!!!





T B C

โอ๊ยยยย มันยังไงกันคะคุณสองคนนี้
ตกลงใครแอบชอบใครกันแน่เนี่ย หรือแอบชอบกันทั้งคู่
ไม่ไหวแล้ว ขอตัวไปเขินก่อนค่า

เจอกันพรุ่งนี้ค่า ขอบคุณทุกการสนับสนุนค่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2019 20:04:27 โดย MewSN »

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ lonesomeness

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
เอ็นดู มีแต่เอ็นดูเจ้ามด

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สายป่าน สายล่อมด  :hao3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด