[ต่อจากด้านบนค่ะ]
v
v
ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก เสียงเหมือนนาฬิกาเดินแต่ทำไมมันดังกว่าปกติ เอ๋ ผมงีบไปนี่หว่า ตอนนี้กี่โมงแล้ววะ ทำไมไม่มีใครปลุกสักคน หรือผมจะเพิ่งหลับ? คำถามมากมายกำลังเกิดขึ้น แม้ตอนนี้ผมจะฟุบหน้ากับโต๊ะอยู่ก็ตาม พอขยับเปลือกตา เงยหน้าขึ้น กลับพบแค่ห้องมืดๆ ที่ปิดไฟหมดทุกดวง หรือทุกคนจะทิ้งผมวะ
ก่อนจะลุกยืน เสียงชู่วก็ดังขึ้นพร้อมมีแสงสว่างวาบที่หน้าเวที พอหันไปมองก็เห็นจอผ้าขนาดใหญ่มีภาพเคลื่อนไหวอยู่ ซึ่งมันจะไม่น่าสนใจเลย หากคนในวีดีโอนั้น ไม่ใช่คนที่ผมคิดถึงอยู่ทุกเวลา แถมยังส่งยิ้มหวานจนผมเผลอยิ้มตามออกมา
‘จะพาไปดูเด็กนอนน้ำลายยืด’ เสียงจากคลิปทำให้ผมน้ำตารื้นด้วยความคิดถึง ในคลิปพี่โชหมุนกล้องตัวที่ใช้ถ่ายไปหาไอ้เด็กนอนอ้าปากกรนอยู่บนเตียง พลางส่งเสียงหัวเราะคลอเคล้าเสียงกรน
‘นอนยังไงให้ตลกวะ’ ประโยคที่ดังแทรกเข้ามา ก่อนคนถือจะเอากล้องไปวางบนหมอน ทำให้ภาพบนนั้นเห็นทั้งคนนอนและคนตื่น สายตาอ่อนโยนกำลังจ้องมองคนนอนไม่รู้เรื่องราว
‘แต่แม่งโคตรน่ารักเลย’ พูดจบก็ก้มฟัดแก้มกลมๆ ไปหลายรอบ จนคนนอนขยับ
‘ฉิบหาย’ แล้วภาพก็ตัดไป
ผมต้องรู้สึกยังไงดีก่อนในตอนนี้ แล้วจู่ๆ ก็มีแสงวาบขึ้นมาหน้าจออีก
‘มีเด็กโข่งกำลังงอนว่ะ’ แม้จะพูดแบบนั้น แต่เจ้าตัวก็ยังยิ้มขำ
‘แค่ไม่พาไปกินบุฟเฟ่เองนะเว้ย ตลกสัด เมียกูเนี่ย’ แล้วกล้องก็ค่อยๆ หันไปทางคนงอนที่กำลังนั่งหน้าง้ำกอดตุ๊กตาควายอยู่บนโซฟา
‘ปากเป็ดได้อีก’ พี่โชขำ แต่ผมไม่ขำเว้ย
‘เดี๋ยวจะทำให้หายงอนให้ดู’ พูดจบก็วางกล้องไว้แล้วเดินไปสะกิดคนงอน บอกจะพาไปกินปิ้งย่างแทนชาบู แค่นั้นไอ้คนอ้วนก็หายงอน
ทำไมผมแม่งเห็นแก่กินจังวะ
แม้ภายในห้องสูทของโรงแรมนี้จะมืด แต่แสงที่ลอดผ่านใต้ประตูก็ทำให้พอรู้เส้นทางและการเคลื่อนไหว ซึ่งตอนนี้ผมว่าผมกำลังนั่งอยู่ในห้องเพียงลำพังอย่างแน่นอน ว่าแต่ ใครเป็นคนเปิดคลิปนี้...หรือพี่โช?? แค่คิดน้ำตาก็พาลจะไหลออกมาอีกรอบ จนความสนใจถูกดึงไปอยู่ที่หน้าจอบนเวทีอีกรอบ เมื่อมีคลิปวีดีโอถูกเปิดอีก
ก็แล้วทำไมไม่เปิดรวดเดียวให้จบฟะ ดึงอารมณ์กันอยู่ได้
‘มีเด็กงอแงอีกแล้ว’ เสียงนุ่มทุ้มกระซิบเบาๆ ก่อนเจ้าตัวจะวางกล้องไว้ในมุมที่สามารถมองเห็นทั้งผมและคนถ่าย หากจำไม่ผิด ผมว่าคลิปนี้มันไม่ดีต่อผมแน่นอน
‘ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย’ ‘พี่โชไปตั้งเป็นปีนี่นา กลับมาลืมหน้ากลอยแล้วมั้ง’ นั่นไง ผมยังจำได้ทุกคำที่พูด
‘ใครจะไปลืมได้ลง หน้าแบบนี้มีอยู่คนเดียวในโลก’ ‘หล่อใช่ป่ะ’ ‘หน้าด้านต่างหาก’ คนด่าผมหัวเราะร่วน ก่อนจะดึงหน้าผมเข้าไปฟัดแก้มซ้ายที ขวาที
‘ด้านไหนก็นุ่ม ด้านไหนก็น่าหอมไปหมด’ ‘มุกนี้ผ่าน’ แล้วเสียงก็หายไปเหลือเพียงแค่ภาพเคลื่อนไหวตอนผมออดอ้อน จำได้ว่าเหตุการณ์นี้น่าจะเป็นช่วงก่อนพี่โชกลับไปเรียน ใช่ครับ คลิปพวกนี้ผมถูกแอบถ่ายตอนพี่โชกลับมาวันผมเรียนจบ แต่ที่สงสัยคือ ทำไมผมถึงไม่รู้ตัวสักนิด อาจจะเห็นแต่ไม่ได้สนใจ คิดว่าพี่โชแค่สนใจกล้อง เช็ด ทำความสะอาดอย่างทุกที ที่ไหนได้ แอบถ่ายกันนี่เอง (ที่จริงหลังจากออดอ้อนมันมีอะไรมากกว่านั้น แต่คงถูกตัดออกไปโดยฝีมือคนถ่าย แหงล่ะ เปิดได้ก็บ้าแล้ว ยิ่งกว่าสามสิบบวกๆๆๆ อีก)
จากคลิปออเซาะหวานแหววผ่านไป วีดีโอตรงหน้าก็กลายเป็นภาพสถานที่ท่องเที่ยวพร้อมวันที่เดินทางในต่างช่วงเวลา ก่อนตัดกลับมาที่โต๊ะไม้สีน้ำตาล บนโต๊ะมีสมุดบันทึกวางอยู่ แล้วหน้ากระดาษก็ถูกมือขาวพลิกทีละหน้า แม้จะเห็นแค่ผ่านๆ แต่ก็รู้ว่าเป็นเรื่องราวที่เขียนถึงผม บางหน้ามีรูปวาดประกอบคำบรรยายด้วย และพอถึงหน้าสุดท้าย มือขาวๆ นั่นก็หยิบปากกาขึ้นมาเขียน
‘คิดถึง’ เสียงพูดของเจ้าของลายมือดังก้องห้องจัดงาน ผมลุกพรวดพลางหรี่ตามองรอบห้องที่แสนมืดมิด จนเห็นเงาลางๆ กำลังเคลื่อนไหวบนเวที เพียงแค่นั้นก็ทำใจเต้นแรงยิ่งกว่าลุ้นหวยรางวัลที่หนึ่งเสียอีก
“พี่...จอม” ทันทีที่มีไฟสปอร์ตไลค์สาดไป ผมถึงกับยืนนิ่ง พี่จอมมองตรงมาพลางหัวเราะยามที่เห็นผมทำหน้าตาผิดหวัง
“ดูทำหน้าเข้า กูไม่ใช่ขี้นะเว้ย” พี่จอมขำ แต่ผมไม่ขำด้วยหรอก “ผิดหวังล่ะสิ ที่เป็นกูมายืนตรงนี้แทน”
“ไม่เลย” ตอบเสียงสูงไปหน่อย แต่มันก็เป็นเสียงปกติของผมอยู่แล้ว (เหรอวะ)
“เพื่อนรักกูฝากมาให้” ผมมองสมุดเล่มที่เห็นในวีดีโอเมื่อกี้อยู่ในมือของพี่จอม “แล้วก็ มันมีอะไรมาบอก” พูดจบ พี่จอมก็ขยับไปยืนด้านข้าง ก่อนหน้าจอจะปรากฏวีดีโอที่มีพี่โชนั่งปลายเตียง ใบหน้ายิ้มแย้มจนผมต้องเผลอยิ้มตามอีก
‘สวัสดีน้องกลอย’ คนพูดดูขัดเขินจนผมเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ แต่ในใจก็คิดถึงแหละ คิดถึงมากด้วย
‘ตอนนี้กำลังเขินอยู่ใช่ไหม พี่ก็เขินว่ะ รู้สึกเหมือนกลับไปจีบใหม่ๆ เลย’ เอ้า ผมเพิ่งรู้ว่าตอนจีบผมใหม่ๆ พี่โชแม่งเขิน เห็นพี่แกโหดและชอบบังคับอย่างเดียว
‘พี่ขอโทษนะ ที่ไม่ได้โทรหา พี่ยุ่งเรื่องเรียนจริงๆ แต่กลอยรู้ใช่ไหม ว่าพี่คิดถึงกลอยทุกวัน’ ผมพยักหน้ารัวๆ พลางยกมือปาดน้ำตาที่จู่ๆ ก็ไหลออกมาซะอย่างนั้น
‘กลอยคิดถึงพี่ไหม’ “คิดถึง” แม้รู้ว่าพี่โชไม่ได้ยิน แต่ผมก็พูดออกมา
“อะไรนะ” เสียงถามซ้ำระหว่างที่ปาดน้ำตา
“บอกว่าคิดถึง!” ตะโกนตอบไป แล้วก็นึกแปลกใจ วีดีโอมันถามกลับได้ด้วยเหรอวะ? หรืออัดทิ้งไว้เพราะรู้ล่วงหน้า แต่จะบ้าหรือเปล่า ไม่ใช่หรอกมั้ง
“ดีใจจัง”
แล้วความขัดแย้งภายในสมองก็ค่อยๆ คลี่คลาย เมื่อมีเสียงคล้ายกระซิบแต่ดังชัดเจนที่ข้างหู ผมหมุนตัวกลับหลังหันไป คนที่นั่งยิ้มอยู่ในวีดีโอเมื่อครู่ กำลังมายืนตรงหน้า ใบหน้า ทรงผม หรือแม้แต่เสื้อผ้ายังเหมือนกันเป๊ะ
“พี่โชออกมาจากวีดีโอเหมือนหนังทวิภพเหรอ” คงเพราะสมองตื้อๆ เลยหลุดถามแบบโง่ๆ พี่โชหัวเราะร่วน แต่สายตาอบอุ่นยังคงจ้องมองผม
“ดูละครมากไปนะเราเนี่ย” ถูกเคาะหน้าผากไปที แต่ก็ทำให้รู้ว่า คนที่ยืนตรงหน้า ไม่ได้ออกมาจากความฝันหรือในวีดีโอแต่อย่างใด
“ไหนพี่บอกจะกลับมาเดือนหน้าไง” ถามตามความสงสัย ข้อความที่ได้เมื่อต้นเดือนเป็นแบบนั้น
“ก็คิดถึง รอเดือนหน้าไม่ไหว”
“เลี่ยนว่ะ”
“แล้วไม่ชอบ?”
“ชอบ ชอบมาก ชอบที่สุด โคตรชอบเลย”
ถึงเวลานี้ มันไม่มีคำอื่นใดในสมองที่คิดได้ ผมกระโดดเกาะตัวพี่โชเอาไว้ ใช้ขาเกี่ยวเอวเหมือนเด็กชอบทำ คนอุ้มตกใจในคราแรก ก่อนจะกระชับกอดตัวผมไว้ไม่ให้ตกพื้น ตอนนี้น้ำตาลูกผู้ชายกำลังไหลอาบบ่าของพี่โชจนเสื้อเปียกเป็นวงกว้าง
“นั่นมันลิงหรือปลิงวะ” เสียงพูดคุยดังจากหน้าประตูทางเข้า เรียกสายตาผมให้มองไป เพิ่งสังเกตว่าตอนนี้ไฟในห้องถูกเปิดแล้ว และมีคนนับสิบยืนอออยู่ที่ประตูทุกด้าน
“ตัวประกอบอย่างพวกเราเข้าไปได้หรือยังวะ” พี่แทมแน่นอน เสียงแบบนี้
“นั่นสิ กูยืนจนน่องปูดแล้วเนี่ย” พี่ตินรีบเสริม
“น่องมึงมันปูดอยู่แล้ว” แต่ดันถูกพี่เบขัด
“กูเปรียบเทียบไอ้สัด” จนต้องรีบซัดกลับแบบรวดเร็ว
ผมรูดตัวลงจากตัวพี่โชมายืนอยู่ข้างๆ ตอนนี้ทุกคนเดินเข้ามายืนล้อมตัวผมกับพี่โช ก่อนทุกคนจะดึงพลุกระดาษเสียงดังสนั่นห้องจนผมกระโดดตัวลอยด้วยความตกใจ แม้ใบหน้าทุกคนจะดูเอือมๆ กับความรักของคู่ผมก็ตาม สงสัยจะถูกพี่โชบังคับมาแน่นอน
“ทำไมกูต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย” พี่จอมบ่นออกมาคนแรก
“เพื่อความรักของเพื่อน ทำให้ไม่ได้เหรอ” ผมแกล้งแหย่ เลยโดนฝ่าตีนเข้าเต็มก้นจนตัวเซ ดีที่พี่โชรับไว้ทันก่อนก้นผมจะจูบพื้น “พวกพี่ทุกคนรู้เรื่องนี้หมดเลยเหรอ พวกมึงด้วยเหรอไอ้ทู” พอโดนถีบ สมองถึงได้แล่น ผมปรายตาไล่มองทุกคนที่ยืนล้อมอยู่ “พี่โชจ้างบริษัทผมจัดงานนี้เหรอ” สุดท้ายก็จ้องไปยังคนน่าจะเป็นต้นเรื่อง คนถูกจ้องเลยพยักหน้าอย่างจำนน “จ้างทำไม เปลืองเงิน”
“ผัวมึงรวย จำไม่ได้เหรอ แค่นี้ขน...หน้าแข้งไม่ร่วงหรอก” แทบกลั้นหายใจรอฟังประโยคเต็มของพี่แทม
“ไม่เจอนาน พี่ยังพูดจา...เหมือนเดิมเลยนะครับ”
“มึงด่ากูว่าเหี้ยเลยเถอะไอ้ม่าน พูดมาขนาดนั้นแล้ว”
ผมนี่ปรบมือให้กับเพื่อนสนิทเลยครับ ไอ้ม่านรีบยกมือไหว้ขอโทษ แต่หน้ามันก็ยิ้ม ส่วนคนอื่นๆ ไม่เหลือ...หัวเราะไม่เหลือ ว่าแต่ พวกพี่ๆ ทีมงานหายไปไหนวะ
“มองหาใคร” เสียงนิ่งๆ ของพี่โชทำให้ผมรีบยิ้มประจบ
“ก็พี่ที่บริษัทกลอยไง หายไปไหนหมดไม่รู้”
“อยู่ข้างนอก” เสียงเย็นได้อีกครับพี่ “เห็นนะ ไอ้หนวดนั่นนั่งมองกลอยตอนหลับ”
“ไอ้หนวดไหน พี่โชมั่ว เดี๋ยวสิ พี่โชแอบดูอยู่นานแล้วเหรอ”
“ก็ตั้งแต่แรก”
“กลับมาไม่บอกเลยนะ”
“ก็อยากเซอไพรส์ไง ไม่ชอบเหรอ”
“ชอบ แต่เปลือง เอาเงินไปซื้อ...”
“ชาบู หมูกระทะ ปิ้งย่างกินจะดีกว่า!!”
ยังพูดไม่ทันจบประโยค ทุกคนก็พูดต่อท้ายให้เฉย
“ทำไมทุกคนรู้ทัน” ว่าอย่างเขินๆ จนพี่โชดึงไปหอมแก้มหลายฟอด “ว่าแต่ งานนี้ไม่เห็นมีอะไรเลยอะ มีแค่ดอกไม้”
“งานจริงมีพรุ่งนี้ต่างหาก” พี่โชพูดจบไม่นาน พวกพี่ๆ ที่บริษัทก็เดินเข้ามา มีพนักงานของโรงแรมเริ่มจัดโต๊ะ เก้าอี้ ปูผ้าเหมือนห้องจัดเลี้ยงทั่วๆ ไป “พรุ่งนี้วันเกิดแม่พี่ พ่อเลยจะจัดงานให้ พี่เลยบอกให้จ้างบริษัทที่กลอยทำมาถ่ายวีดีโองานพรุ่งนี้”
“พี่โชเลยใช้โอกาสนี้จัดเซอร์ไพรส์กลอยโดยไม่ต้องออกเงินว่างั้น?” เกือบซึ้งละ ไอ้กลอยเกือบตื้นตันแล้ว พี่โชยิ้มอ่อนพยักหน้าออกมาอย่างเสียมิได้ “คนเรานี่นะ...”
“รู้เรื่องแล้วใช่ไหม งั้นแยกย้ายได้ยัง กูอยากไปร้องคาราโอเกะแล้วเนี่ย” พี่แทมโวยวายทำเอาผมหันไปมอง “งานฟรี กินไม่อั้นแบบนี้กูชอบ ยิ่งมีให้กูโชว์ลูกคอด้วยยิ่งชอบ”
“ผมขอไม่ฟังพี่ร้องได้ป่ะ” ไอ้อัธรีบออกตัวจนโดนพี่แทมล็อคคอออกจากห้องไปปรับทัศนคติ
“เชี่ยเอ้ย กูอยากกินยำปูม้า ร้านจะมีไหมวะ” ก่อนพี่จอมจะเดินหน้านิ่วคิดหาเมนูที่อยากกิน มีพี่ซันส่ายหน้าอย่างเอือมๆ ตามหลัง รวมทั้งคนอื่นๆ ก็ทยอยเดินตามออกไป
“นี่เราจะจบกันแบบนี้เหรอ” ผมถาม ท่ามกลางพนักงานของโรงแรมที่กำลังจัดห้องอย่างขมักเขม่น รวมทั้งพี่ๆ ที่บริษัทผมกำลังเตรียมงานสำหรับพรุ่งนี้ “ว่าไงพี่โช”
“ก็ตามใจกลอย อยากจบแบบไหน พี่ตามใจหมดแหละ”
“งั้น...ยังไม่จบดีกว่า ไม่อยากจบอะ ได้ไหม” กระโดดขึ้นหลังพี่โช ความอุ่นแบบนี้ ความหอมที่ชอบ นานแล้วที่ไม่ได้สัมผัส “กลอยรักพี่โชนะ” กระซิบข้างๆ หู ไม่เห็นว่าพี่โชทำหน้ายังไง แต่เห็นแก้มขยับคงจะยิ้มอยู่แน่นอน
“บอกบ่อยๆ พี่ชอบ” เสียงนุ่มตอบกลับยิ่งทำให้ผมยิ้มกว้าง “ต้องขุนให้อ้วนแบบเดิม แบบนี้ผอมไป จับไม่เต็มมือเลย” ไม่เต็มมือที่ว่าคงจะเป็นก้นผมละมั้ง เนี่ย ไม่เจอกันนานยังหื่นเหมือนเดิม
“พี่โชจะไม่กลับไปแล้วจริงๆ ใช่ไหม ไม่ได้กลับมาแปบๆ แล้วกลับไปใช่ไหม”
“พี่จะอยู่กับกลอยทุกวัน ทุกคืนเลย จะไม่ไปไหนอีก”
“ขี้โม้ป่ะเนี่ย”
“พี่เคยขี้โม้เหรอ”
“บ่อยไป”
“ใส่ร้ายว่ะ”
“ใส่รักต่างหาก”
“พูดดี น่าให้รางวัล”
“ขอแพงๆ ได้ไหม”
“หัวใจพี่ แพงพอไหม”
“ทำไมเลี่ยนจัง ไปอยู่นู้นกินเนย กินชีสเยอะใช่ไหม”
“คิดถึงกับข้าวอร่อยๆ ฝีมือกลอยมาก อยากกินไข่เจียวหมูสับหอมๆ ผัดผักบุ้งไฟแดงสูตรเกรียน ยำทะเลรวมเปรี้ยวๆ”
“กลอยจะทำให้พี่โชกินทุกอย่างที่พี่อยากกินเลย น่ารักป่ะ”
“มาก”
“พูดดี น่าให้รางวัล”
“เลียนแบบพี่นี่นา”
“ไม่ได้เหรอ”
“สำหรับกลอย ได้ทุกเรื่อง”
ผมยื่นหน้าไปหอมแก้มพี่โชเป็นรางวัล โดยคนที่อุ้มหัวเราะร่าเพราะหอมคืนไม่ได้
“พวกมึงจะอ้อล้อจีบกันอีกนานไหม พวกกูหิวแล้ว”
สวีทหวานกันจนลืมว่ามีคนรอ พี่โชยกเท้าขึ้นใส่ แต่ทุกคนไม่สนใจ ยังทำหน้าทำตาเหม็นเบื่อใส่พวกผมอีก พวกขี้อิจฉาก็งี้แหละ
“มึงไม่มีตีนเดินเหรอ เกาะเพื่อนกูจัง”
“ผมเกาะพี่โช ไม่ได้เกาะพี่จอมสักหน่อย เดือดร้อนทำไม เนอะ”
“กูว่า กูคงได้ฆ่าไอ้เกรียนก็วันนี้แหละ”
“พี่โช เพื่อนพี่จะทำร้ายกลอย”
“นี่พวกมึงอายุกี่ขวบวะเนี่ย โวยวายหนวกหู”
“แต่ผมว่า พี่วอร์มเสียงหนวกหูกว่านะ อูย”
“ไอ้ม่าน มึงวอนโดนตีนกูตั้งแต่เมื่อกี้ละ มานี่เลย ผัวมึงก็ช่วยไม่ได้ มานี่”
ผมเกาะหลังพี่โชหัวเราะเพื่อนสนิทที่ถูกพี่แทมวิ่งไล่ แม้มันพยายามใช้ตัวแฟนเด็กเป็นเกาะกำบัง แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ในเมื่อไอ้เม่นเอาแต่ขำ ก็นะ เห็นไปกินเหล้ากับแก๊งพี่แทมเกือบทุกวัน สนิทกันถึงขั้นนั้นไปแล้ว
“กลอยว่า เรากลับไปทำข้าวไข่เจียวที่ห้องดีกว่าไหม” กระซิบข้างหูพี่โชในช่วงที่ทุกคนโวยวาย พี่โชพยักหน้าเห็นด้วยพลางพาผมย่องหนีออกไปจากความวุ่นวาย
“กะเพราทะเลด้วยนะ พี่อยากกิน”
“จะทำทุกอย่างที่พี่โชอยากกินเลย”
“ท้องร้องแล้ว”
“รีบเดินเลย ไปเร็ว โกๆ”
หลายคนเคยบอกว่า ความรักมักจะสวยงามแค่ตอนเริ่มต้น ผมว่ามันก็จริง แต่ช่วงสำคัญที่ควรใส่ใจน่าเป็นตอนกลางของเรื่อง นั่นคือความเข้าใจ เมื่อใดที่ความรักค่อยๆ ลดลง ความเข้าใจและความอดทนนั้นจะพาเราประคับประคองความรักให้ไปต่อได้ ซึ่งแน่นอนไม่มีใครรู้จุดสิ้นสุดว่าอยู่ตรงไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากลางทางเราจะเจอพายุ เจอเรื่องร้ายแรงอะไรบ้างที่ทำให้หวั่นไหว แต่ที่แน่ๆ ตอนกลางเรื่องผมกับพี่โช เรายังจับมือกันอยู่ และเราเริ่มเรียนรู้ที่จะผ่อนแรงบ้างในบางเวลาที่เมื่อย เพื่อไม่ให้มืออีกคู่อึดอัด ส่วนปลายทางความรักนั้นให้มันเป็นเรื่องของอนาคต อาจจะสั้นหรือยาวก็ตาม เพียงแค่วันนี้มือเรายังจับมือกัน เรายังเดินข้างกัน เพียงแค่เท่านั้นก็พอ...
……
บทส่งท้าย
“อร่อยไหม” ถามด้วยความตื่นเต้น เพราะตั้งแต่ทำงานก็ไม่มีเวลาทำอาหารเลย ส่วนใหญ่จะซื้อแบบสำเร็จรูปมากินมากกว่า “พี่โชอย่าทำนิ่งสิ อร่อยไหม”
“อร่อย...แต่น้อยกว่าตัวกลอยนะ”
“เวลากินข้าว อย่าหื่นครับปีศาจ”
ผมถลึงตาใส่พี่โชที่ไม่รู้ไปเก็บกดมาจากไหน สามวันมาแล้วกับการที่ผมกินๆ นอนๆ ไม่ได้ออกไปข้างนอก แต่เดี๋ยวนะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ผมไม่ได้ถูกจับกินตับทั้งวัน ทั้งคืนแบบที่ทุกคนเข้าใจ ที่บอกไม่ได้ออกไปไหนก็เพราะความขี้เกียจนั่นเอง อีกทั้งความเหนื่อยสะสม ทำให้คืนแรกที่พี่โชกลับมา แล้วเราอยู่ในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มกับท่าล่อแหลมบนเตียง โดนปลุกปั่นในเตลิดอยู่ๆ ดี สติผมชัตดาวน์โดยไม่รู้ตัว อาจเพราะไม่ได้นอนติดๆ กันนานเลยสติหลุดง่าย และพอตื่นเช้ามาก็โดนทบดอกไปแบบเถียงไม่ได้ (อยากเถียงแต่ปากไม่ว่างเลยนี่สิครับ)
ส่วนเรื่องงานที่เป็นกังวลนั้น เพิ่งมารู้วันที่สอง ว่าพี่โชแอบไปคุยกับพี่รหัสผม ว่าถ้าเขากลับมา ผมจะออกทันที ไม่รู้ว่าเอาเวลาไหนไปตกลงกัน ที่แน่ๆ โดนผมงอนไปหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ที่ทำอะไรไม่ปรึกษา แต่ก็ต้องยอมรับในเมื่อผมเคยรับปากเรื่องงานไปแบบนั้นจริงๆ ว่าหากพี่โชกลับมาก็จะออก แม้จะรู้สึกผิดมากแต่ก็ต้องรับผิดชอบคำพูด ส่วนงานที่ค้างไว้ผมจะขอทำให้เสร็จก่อน ไม่อยากโดนตราหน้าว่าทิ้งงานและไม่มีความรับผิดชอบ
“มองอะไร” ถลึงตาใส่อีกรอบ หลังจากหันไปมอง พี่โชไม่ตอบ แต่ยื่นมือมาจับก้นผมแทน “กินข้าวสิ ไหนบ่นว่าอยากกินกะเพราไง”
“ทำไมดุจัง อ่อนโยนกับพี่เหมือนเมื่อคืนหน่อยสิครับ” ทำเสียงเล็กเสียงน้อย คิดเหรอว่าไอ้กลอยจะหลงกล
“ไม่ต้องพูดมาก เดี๋ยวตีนะ ห้ามอมข้าวด้วย” ชี้นิ้วสั่ง แต่พี่โชกลับหัวเราะออกมา
“ไม่อมข้าว แต่อมอย่างอื่นแทนได้ป่ะ”
“ตีนเหรอ เชี่ย” กวนมากไปเลยถูกช้อนเคาะหน้าผากไปที
“กวนตีนเก่งขึ้นนะ พี่ไม่อยู่แปบเดียวเนี่ย”
“คนเราน่ะนะ เวลาเปลี่ยน มันก็ต้องมีอะไรเปลี่ยนกันบ้าง”
“แต่ทำไมพี่ยังรักกลอยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนล่ะ”
หันไปโก่งคออ้วกเพราะเลี่ยนกับประโยคนั่น พี่โชหลุดขำออกมาสงสัยจะทนสิ่งที่ตัวเองพูดไม่ไหวเหมือนกัน
“กินข้าวให้หมดนะ กลอยตั้งใจทำให้พี่โดยเฉพาะ ใส่หมูเยอะมากด้วย”
“พี่ก็อยากกินแบบตั้งใจเหมือนกัน แต่กลอยทำให้พี่กินช้า”
“กลอยไม่ได้ทำอะไรเลยนะ พี่แหละ กินช้าเอง”
“ทำสิ”
“ทำอะไร”
“ก็กลอยเล่นแต่งตัวแบบนี้ พี่จะกินข้าวลงได้ยังไง”
หลังพี่โชพูดจบ ผมก็ก้มมองตัวเอง ก็แค่ทั้งตัวสวมแต่เสื้อเชิ้ตสีขาวยาวคลุมกางเกงใน มันก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติสักนิด ก็ใครล่ะ บ่นหิวๆ จนผมรีบไม่มีเวลาใส่กางเกง
“ไม่เห็นมีอะไรเลย”
“มีสิ ยิ่งมาก้มๆ เงยๆ โชว์อก โชว์ก้นแบบนี้ ใครจะไปกินข้าวลงวะ”
“ทีพี่โชเดินโทงๆ ไม่ใส่อะไรมานั่งกินข้าวเนี่ย กลอยยังไม่บ่นเลยนะ” เริ่มถอยครับ คนบ่นลุกขึ้นยืนโชว์อกล่ำๆ ท้องเป็นลอนกับ...ขายาวๆ ที่ก้าวเดินเข้ามาหาผมอีก “ถ้าไม่กิน พรุ่งนี้ไม่ทำไข่เจียวโคตรปูให้กินนะ”
“ไม่เป็นไร เพราะพี่กินไข่เมียแทนได้”
แล้วตัวผมก็ถูกปีศาจหน้าเหี้ยมตะครุบลากเข้าห้อง ทั้งที่เพิ่งออกจากห้องมาทำอาหารไม่ถึงชั่วโมงดีด้วยซ้ำ แต่นั่นก็ทำให้รู้ว่า เราคิดถึงกันมาก ทั้งผมและพี่โชต่างก็โหยหาอ้อมกอดของกันและกัน การห่างกันเป็นปีๆ มันทำให้รู้ว่า เรารักกันมาก แม้ช่วงแรกจะต้องใช้ความเข้าใจ ความไว้ใจ ก้าวข้ามความระแวงมากสักหน่อย แต่พอผ่านมาได้ก็ถือว่าคุ้ม
เพราะอ้อมกอดของพี่โช...เป็นของผม
และอ้อมกอดของผม...ก็เป็นของพี่โชเพียงคนเดียว
...รักพี่โช (วงเล็บใส่หัวใจดวงโตๆ) ... จากกลอยประเกรียนสุดหล่อแม่นเว่อร์
...... THE END .......
รู้สึกใจหายจริงๆ ที่เห็นคำว่า The End จากปี 59 จนมาถึง 62 กลอยประเกรียนกับพี่โชเดินทางมาไกลมากจริงๆ ค่ะ
แน่ๆ เลย เรื่องนี้จะเดินทางมาถึงภาค 2 ไม่ได้ หากขาดทุกคน ขอบคุณมากๆ เลยนะคะที่อยู่ข้างๆ กัน เป็นกำลังใจให้กัน
ทุกคนเป็นคนผลักดันให้นักเขียนตัวอ้วนๆ มีแรงฮึดในยามที่รู้สึกท้อใจ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ แม้บางครั้งจะมาๆ หายๆ ไปบ้าง
แต่ทุกคนก็ยังรอ ยังคอยแวะเวียนมาพูดคุย ขอบคุณจริงๆ ค่ะ รักทุกคน เราจะพยายามพัฒนาตัวเอง
พัฒนางานเขียนในดีมากกว่านี้ หากมีตรงไหนผิดพลาดหรือไม่เป็นดังหวัง ต้องขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยค่า จะเดินต่อให้แข็งแกร่ง
เพื่อให้ไม่ทุกคนผิดหวัง .... ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตลอดค่า ขอบคุณที่รักกลอยประเกรียนสุดหล่อแม่นเว่อร์ ขอบคุณที่รักพี่โช
ขอบคุณที่รักเดอะแก๊ง หวังว่าเรื่องนี้จะทำให้ทุกคนยิ้มได้ในเวลาที่รู้สึกเครียด
...รักกกกกก...
...aiaea...