ตอนที่ 50
คณินเหลือบมองนาฬิกาเป็นรอบที่ 7 เกือบจะหกโมงเย็นแล้วงานก็ไม่มีทีท่าจะเสร็จ ไลน์ไปบอกเศรษฐพงศ์แล้วว่าโดนหัวหน้าใช้ให้แก้แบบจนป่านนี้ก็ยังไม่เสร็จซักที ฝนครึ้มมาตั้งแต่เมื่อตอนบ่ายจนตอนนี้เริ่มลงเม็ดหนาขึ้นทุกที
เศรษฐพงศ์ไม่มีรถและเขาไม่ยอมให้เด็กนั่นซ้อนท้ายมิ่งกมลกลับหอเด็กขาด เขาขอร้องให้คนเด็กกว่ารอเขา
จนในที่สุดหกโมงครึ่งงานที่ต้องแก้ก็เสร็จ คณินไม่มองหน้าใครเลยยกมือไหว้ลาเสร็จก็จ้ำอ้าวออกมาที่รถ ฝนลงเม็ดหน้าจนเจ็บหน้าแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ใช้เวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมงก็มาถึงบริษัทที่เศรษฐพงศ์ฝึกงาน คณินหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์ของคนน้อง
ไม่ติด...
คณินกดโทรหาเศรษฐพงศ์อีกรอบก็ยังไม่ติด ชายหนุ่มขมวดคิ้วจนใบหน้าหล่อบูดบึ้งไปหมด ตัดสินใจดับเครื่องยนต์รถคว้าร่มที่เจ้าตัวโยนทิ้งไว้เบาะหลังตั้งแต่เมื่อเช้าที่เศรษฐพงศ์ยื่นให้เพราะเห็นว่าฟ้าครึ้มมาตั้งแต่เช้า เดินเข้าไปในสำนักงานเล็กๆของเศรษฐพงศ์ ในนั้นไม่มีใครอยู่เลยซักคน
“อ้าว คุณ มาหาใครคะ”แม่บ้านที่กำลังถูพื้นร้องถามเมื่อเห็นชายหนุ่มที่ไม่คุ้นหน้า
“ผมมารับน้องชายกลับบ้านครับแต่โทรหาไม่ติดเลยจะเข้ามาตาม”
“น้องชื่ออะไรคะ?”
“เซ็ทครับ”
“อ้อ น้องเซ็ทเหรอจ้าว นู่นแหละ หลังตึกพวกหนุ่มๆไปช่วยบอนต้นไม้อยู่นู่นแหละน้องเซ็ทก็อยู่ด้วย”แม่บ้านวัยกลางคนชี้ไปทางด้างหลังตึก คิ้วของคณินยิ่งขมวดหนักยิ่งกว่าเดอม
บอนต้นไม้กลางฝนงี้เนี่ยนะ ชายหนุ่มหมุนตัวเดินออกจากสำนักงานของเศรษฐพงศ์ทันที เมื่อเดินเลาะตัวตึกมาด้านหลังที่ถูกจัดให้เป็นสวนปลูกไม้ประดับก็เห็นคนงานกำลังช่วยกันประคองต้นปาล์มขนาดใหญ่ที่ถูกเครนดึงขึ้นจนลอยจากพื้นให้ค่อยๆนอนลงบนตัวรถได้อย่างปลอดภัย บริเวณรากถูกห่อหุ้มด้วยถุงปุ๋ยขนาดใหญ่ที่เย็บติดกับและพันด้วยเชือกฟางจนแน่นหนา
คณิน :
ผมเพ่งตามองผ่านม่านน้ำฝนที่ตกหนักไปยังกลุ่มคนนับสิบคนนั่น ได้ยินเสียงโล้งเล้งตามช่วยกันมัดต้นไม้ก็เห็นไอ้ตัวดียืนอยู่ที่ท้ายรถใกล้กันมีเหาฉลามที่ตามติดยิ่งกว่าเจ้ากรรมนายเวรของไอ้เซ็ทอยู่หนึ่งตัว
ไอ้มิ่งกมล
กูถามจริง นี่มึงเป็นคนหรือแม่ซื้อกันครับไอ้เหี้ย มีไอ้เซ็ทที่ไหนมีไอ้มิ่งที่นั่น ผมเดินดุ่มๆเข้าไปหาไอ้เซ็ท มันทำท่างงๆเมื่อฝนตรงที่มันยืนอยู่หายไปก่อนจะหันมามองที่ผม
“อ้าว มาเมื่อไหร่”
“กูมาซักพักแล้ว แล้วนี่ทำไมมึงออกมาตากฝน?”ไอ้เซ็ทไม่ได้ตอบคำถามผมแต่กลับหันไปแนะนำผมกับเพื่อนร่วมงานของมันแทนตามมารยาท
“พี่ๆครับ นี่คินพี่ชายผมครับ”ผมจำต้องทักทายพี่ที่ทำงานของมันอย่างเลี่ยงไม่ได้ อ็เซ็ทเอ่ยลากับพี่ๆที่ทำงานของมันอีกพักพวกนั้นแยกย้ายกันไปเหลือเพียงไอ้มิ่งที่ยังคงยืนไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างๆไอ้เซ็ท ผมขยับร่มออกให้พ้นหัวมันอย่างแนบเนียน
เสือกนัก สาระแนมาพึ่งใบบุญร่มกู กูกางให้เมียกูไม่ได้กางให้มึงไอ้โง่
“แล้วนี่มึงตามมาตรงนี้ทำไมเนี่ย กระหม่อมยิ่งบางๆอยู่โดนละอองฝนหน่อยเดี๋ยวก็ป่วยกันพอดี”ไอ้เซ็ทดึงความสนใจของผมออกจากไอ้มิ่งด้วยการใช้มือของมันเช็ดละอองฝนที่หน้าของผมให้
“ก็กูโทรหามึงไม่ติดกูเป็นห่วงเข้าไปถามข้างในเขาบอกว่ามึงอยู่นี่”
“พอดีจะเอาต้นไม้ไปลงที่รีสอร์ทแล้วคนไม่พอ ฝนก็เสือกตกหนักพวกกูเลยมาช่วยกันบอนต้นไม้ให้มันเสร็จ”
“นี่ก็เสร็จแล้วกลับเลยสิรอไร”
“คือ...รถพี่มิ่งเสีย”มันพูดอย่างลังเล ผมกรอกตาอย่างไม่ออมมารยาท
“แล้ว?”ไอ้เซ็ททำหน้ากระอักกระอ่วน
มันรู้ดีว่าผมโคตรไม่ชอบไอ้มิ่ง
และมันรู้ดีว่าผมหึงมันกับไอ้มิ่งมากขนาดไหน แค่มันยอมตามไอ้มิ่งมาทำงานที่นี่แล้วผมไม่อาละวาดผมก็ว่าผมอดทนมากเกินพอแล้วนะ
“ให้พี่มิ่งกลับๆเราด้วยได้มั้ยวะ”
“เซ็ท ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่กลับเอง”ไอ้มิ่งรีบทำทีเป็นบอกปฏิเสธไอ้เซ็ทแทบจะทันที ดูก็รู้ว่าแม่งตอแหล ถ้ามึงจะเดินกลับเองมึงไปตั้งนานแล้วไม่ยืนหัวโด่อยู่อย่างนี้หรอก ผมมองตาไอ้เซ็ท ซึ่งแน่นอนมันไม่ยอมหลบตาผม รู้ทั้งรู้ว่าผมหึงจะตายอยู่แล้วแต่มันยังคงยืนยันเจตนาเดิม
แม่ง
ผมหันหลังจะเดินออกมาแต่ไอ้เซ็ทกลับจับต้นแขนของผมไว้แน่น
“จะไปไหน?”
“ก็ไปรอมึงกับเพื่อนมึงที่รถไง เร็วๆก็เหนียวตัวจะแย่แล้ว”ผมยัดร่มใส่มือของมันแล้วเดินกลับมาที่รถอย่างหงุดหงิดไม่นานไอ้เซ็ทก็ตามมาที่รถโดยมีไอ้มิ่งทำสีหน้าไม่สบายใจมาด้วย
“ไม่ต้องคิดมากหรอกพี่ คินมันก็เป็นคนหน้าบึ้งอย่างนี้แหละ พี่จะเดินกลับยังไงตั้งเกือบสิบกิโลมาด้วยกันนี่แหละ”มันผลักไอ้มิ่งเข้ามาที่เบาะหลังผมตวัดสายตามองมันผ่านกระจกหลัง
เราสบตากันคล้ายมีกระแสไฟฟ้าแล่นแปลบปลาบระหว่างสายตาของเรา
“รบกวนด้วยนะคิน”อยากจะตอบว่าไม่เต็มใจก็พอดีกับที่ไอ้เซ็ทเข้ามานั่งคู่ด้านหน้าพอดี มันหุบร่มพลางสะบัดให้สะเด็ดน้ำ
“ฝนตกแรงมากเลยนะเนี่ย”ผมถอนหายใจให้กับการไม่รู้ร้อนรู้หนาวของมันก่อนจะเอื้อมไปหยิบกระเป๋าที่เบาะหลังแล้วหยิบผ้าขนหนูเช็ดหัวผืนเล็กโยนโปะให้มัน ตลอดทางเรานั่งกันเงียบๆไม่ได้พูดคุยอะไรกันมีเพียงไอ้เซ็ทหันไปคุยกับไอ้มิ่ง ส่วนมากจะเป็นเรื่องงานของพวกมัน หอของไอ้มิ่งถึงก่อนหอของผมกับไอ้เซ็ทแต่ว่าอยู่ห่างจากถนนใหญ่เข้าซอยไปอีกหนึ่งกิโลเมตรกว่าๆ ตัวตึกค่อนข้างเก่า น่าจะเป็นหอพักราคาถูก ผู้พลุกพล่านมากกว่าหอที่ผมกับไอ้เซ็ทเช่าอยู่ ทันทีที่รถของผมจอดหน้าตึกหมาแก่ๆ 2-3 ตัวก็เดินออกมาส่งเสียงเห่า
“เออ พี่มิ่ง แล้วพรุ่งนี้ไปทำงานยังไงอ่ะ”
“ยังไม่รู้เลยอาจจะยืมรถเพื่อนไป”
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมแวะมารับ”
“เฮ้ย ไม่เป็นไร เกรงใจคิน”ไอ้มิ่งรีบปฏิเสธทันทีที่เห็นคิวผมกระตุกอีกรอบ
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ทางผ่านอยู่แล้วเนอะคินเนอะ”
เนอะแนะเหี้ยไร ไม่ต้องหันมาทำตาใสแจ๋วใส่กูไอ้เหี้ย
“เออ พรุ่งนี้เจ็ดโมงครึ่งออกมารอก็แล้วกัน”ผมจำใจต้องหันไปพูดกับมันอย่างเสียไม่ได้เมื่อไอ้เซ็ทกุมหลังมือของผมไว้แล้วบีบเบาๆ
เรากลับถึงหอในเวลาอีก 10 นาทีต่อมา ไอ้เซ็ทเดินโหย่งปลายเท้าเข้ามาในห้องนอนตามหลังด้วยผมเองมันเปิดตู้เสื้อผ้าเตรียมตัวอาบน้ำ ผมก้าวยาวๆตามมันเข้าไปทันที ไอ้เซ็ทตกใจเมื่อผมเอามือดันประตูห้องน้ำไว้
“ไม่เล่นโว้ย จะอาบน้ำ หนาวจะแย่แล้ว”ผมก็ไม่ได้เล่นซักหน่อย ผมใช้แรงดันประตูห้องน้ำจนแทรกตัวเข้าไปได้แล้วเหวี่ยงไอ้เซ็ทเข้าไปจนชนกับผนังห้องน้ำ มันหน้าเบ้เพราะความเจ็บ
ผมรู้ ว่ามันเจ็บ ผมรู้ดี แต่ตอนนี้ผมขอทำโทษไอ้เด็กที่ขัดคำสั่งทุกอย่างของผม
“กูเคยบอกมึงแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้มึงอยู่ใกล้ไอ้เหี้ยมิ่ง จะต้องให้กูบอกอีกซักกี่ครั้งว่ากูหึงมึงกับมัน หึงจนแทบจะแดกหัวมึงสองคนได้อยู่แล้ว”
“ปล่อยกู”เศรษฐพงศ์ทำเสียงดุใส่คณินที่หน้าบึ้งหน้าตึงถึงขีดสุด เขารู้ดีว่าคณินไม่พอใจที่เขาชวนมิ่งกมลกลับมาด้วย แต่นั่นมันเป้นเรื่องของน้ำใจและความมีมนุษยธรรม ฝนตกหนักขนาดนี้แถมไอ้มอเตอร์ไซค์เจ้ากรรมของรุ่นพี่ก็ดันมาตายสนิทสตาร์ทเท่าไหร่ก็สตาร์ทไม่ติด จะให้เขาใจจืดใจดำปล่อยมิ่งกมลไว้ลำพังก็ไม่ใช่ที่ มหาวิทยาลัยสอนให้พี่น้องรักกัน และเขาก็มองว่ามิ่งกมลเป็นพี่ชายที่สนิทด้วย แต่คณินไม่ได้คิดอย่างนั้น เสื้อยืดตัวบางถูกรวบก่อนจะดึงออกจากตัวแม้เศรษฐพงศ์จะพยายามสู้แต่เพราะความโมโหที่ยังคงค้างคาในใจของคณินยังคงคุกรุ่นอยู่
เอากันตามตรง เมื่อก่อนเวลามีเรื่องต่อยตีกัน ถ้าคณินโกรธถึงขีดสุดเศรษฐพงศ์จะเสียเปรียบอยู่นิดหน่อย ครั้งนี้ก็เช่นกัน ริมฝีปากร้ายกาจที่เคยพ่นคำด่าเมื่อหลายปีที่แล้วกำลังตะโบมปล้นจูบเขาอยู่ มือหนาก็ไม่ยอมเว้นว่างให้เปล่าประโยชน์ไล่ปลดเข็มขัดก่อนจะล้วงเข้าในภายใต้กางเกงยีนส์สีเข้มของเศรษฐพงศ์อย่างถือสิทธิ์ แผ่นหลังบางเสียดสีกับผนังที่ปูกระเบื้องเย็นเฉียบแม้จะปฏิเสธอย่างไรก็ตาม
แต่ผู้ชายน่ะ เวลาถูกปลุกเร้าตรงส่วนอ่อนไหวสุดท้ายก็โอนอ่อนอยู่ดี จากที่ปฏิเสธจูบแสนจาบจ้วงก็กลายเป็นจูบตอบจนเกิดเสียงกางเกงถูกร่นลงไปกองที่เข่าชั้นในก็ถูกปลดเปลื้องออกไปเช่นกัน แท่งเนื้อที่อ่อนนุ่มกลับค่อยๆแข็งตัวขึ้นยามที่ข้อมือแกร่งขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ
“กูหึงมึงจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว แต่ทำไมกูถึงไม่อาละวาดรู้มั้ย เพราะกูน่ะเชื่อใจมึง แต่กูก็ห้ามไม่ให้ตัวกูโมโหไม่ได้ เพราะว่ากูไม่เชื่อใจมัน”คณินงับฟันคมลงบนไหล่ของเศรษฐพงศ์อย่างทำโทษ ความเจ็บแล่นปลาบสู่ผิวเนื้อจนเศรษฐพงศ์สูดปากแล้วกลั้นเสียงร้องที่สับสนปนเปว่าตนเองจะร้องเพราะความเจ็บที่ไหล่หรือความเสียวที่ถูกปลุกเร้าตรงจุดนั้นดี
“จะให้กูทำยังไงกับมึงดีวะเซ็ท ทำไมมึงทำเป็นทองไม่รู้ร้อนแบบนี้ กูอยากจะทุบมึงให้เหมือนสมัยก่อนนักไอ้เด็กเหี้ย”
“แล้ว...อ่า...ทำไมไม่ทุบกูล่ะ...อื้อ...”เศรษฐพงศ์เอ่ยถามเป็นเป็นคำ เบ้หน้าด้วยความเจ็บเมื่อคณินจับตนเองให้หันหลังนาบกับกำแพงห้องน้ำ ได้ยินเสียงเนื้อผ้าเสียดสีตามด้วยร่างกายอุ่นๆของคณินที่ไร้เสื้อผ้าเรียบร้อยตามมาทาบทับซ้อนอยู่ด้านหลัง
“มึงก็รู้ทำไมกูถึงไม่ทุบมึง แล้วมึงก็ฉลาดเหลือเกินไอ้เซ็ท ฉลาดพอที่จะรู้ว่าเพราะกูรักมึงกูถึงไม่กล้าทำ แต่วันนี้มึงดื้อกับกูเกินไป กูไม่อยากฉีกหน้ามึงแต่มึงก็ไม่ไว้หน้ากูเหมือนกัน มึงมันดื้อ ดื้อเหลือเกินเซ็ท”คณิซ้อนแขนเกี่ยวรั้งข้อพับขาข้างขวาของเศรษฐพงศ์ให้ลอยสูงขึ้นกดจูบลงบนซอกคออุ่นก่อนที่เศรษฐพงศ์จะส่งเสียงร้องเมื่อคณินพยายามสอดตัวตนของตนเองเข้ามาโดยไม่เบิกทางเลยซักนิด
“อ๊า....เจ็บ...คิน กูเจ็บ”
“เจ็บซะบ้างจะได้รู้ว่าคราวหลังอย่าดื้อกับกู”คณินสวนเอวเข้าไปจนมิดความยาว ช่องทางอุ่นตอดรัดรัวแรงอย่างต่อต้านหากแต่มืออีกข้างก็ทำหน้าที่ปลุกเร้าส่วนหน้าของคนน้องอย่างดีเยี่ยม เมื่อร่างกายของเศรษฐพงศ์ปรับตัวกับขนาดของคณินได้ชายหนุ่มก็ขยับตัวได้คล่องขึ้น เศรษฐพงศ์กำมือกับกำแพงเย็นเฉียบยามช่องทางด้านหลังถูกรุกรานอย่างเอาแต่ใจ
รู้ว่าคณินน่ะขี้หึงแต่เศรษฐพงศ์ไม่คิดว่าเขาจะโดนทำโทษเพราะความมีน้ำใจ คณินอาจจะโกรธที่เขาออกหน้าแทนมิ่งกมลทุกอย่าง แต่ก็แค่รุ่นพี่รุ่นน้อง เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากกลั้นเสียงน่าอายที่เกือบหลุดออกมายามตัวตนของคณินสัมผัสถูกจุดที่ทำให้ชาไปทั้งร่าง
คณินรู้จักร่างกายของเขามากกว่าตัวของเศรษฐพงศ์ซะอีก
รู้ว่าต้องเล้าโลมตรงไหนคนน้องถึงจะโอนอ่อน
รู้ว่าต้องสัมผัสตรงจุดไหนความพยศทั้งหลายของเศรษฐพงศ์จะหายไป
รู้ว่าต้องย้ำที่ตรงไหนถึงจะปราบคนน้องให้ราบคาบได้
และตอนนี้ก็เช่นกัน เรียวขาถูกวางให้เจ้าตัวได้ยืนได้เต็มสองเท้า เพราะท่าทางที่กำลังทำกันอยู่นี้ทั้งแน่นและลึก ความเจ็บจางลงไปมากแล้วแต่ใช่ว่าไม่รู้สึก ไม่บ่อยนักที่คณินจะทรมานตนด้วยท่านี้แข้งขาที่เคยแข็งแกร่งพลันอ่อนยวบยามลิ้นร้อนแลบเลียลงมาที่ใบหูก่อนจะขบเม้มเบาๆจนขนอ่อนบนกายลูกซู่ เอวบางถูกรวบประคองไว้ไม่ให้ล้ม คณินเปิดน้ำอุ่นรินรดตัวเขาทั้งคู่ กลางกายขยับสอดประสานกันจนเป็นจังหวะที่รับส่งกันอย่างพร้อมเพียง ที่สุดเสียงร้องที่พยายามกลั้นไว้ก็ถูกปลดปล่อยยามคณินเน้นกายย้ำๆเข้าจุดเดิมความรู้สึกพุ่งขึ้นถึงขีดสุดราวรถไฟเหาะที่ทะยานสู่ช่วงที่สูงที่สุดก่อนใบหน้าจะเชิดขึ้นเมื่อห้วงอารมณืทั้งหลายถูกปลดปล่อยจนพุ่งปะทะกำแพงเย็นเฉียบแล้วไหลไปตามน้ำ คณินขยับตัวเข้าออกอีกราวๆหนึ่งนาทีก่อนจะปลดปล่อยธารอุ่นเข้าไปจนเต็มและล้นออกมาจากช่องทางที่ยังคงตอดรับตัวตนเอขาเป็นระยะ ยามที่ถอนแกนกายออกเศรษฐพงศ์ก็แทบจะร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น ลมหายใจของทั้งคู่ร้อนผ่าวราวน้ำที่กำลังจะเดือด เสียงหอบสะท้านดังคลอเคลียกันยามที่คณินโถมตัวมากอดร่างบางของน้องไว้ ปลายคางวางลงบนลาดไหล่ของน้องที่ยังคงปรากฏรอยฟันของคนพี่อยู่ คณินกระซิบที่ข้างหูของน้องด้วยน้ำเสียงเรียบตึง
“กูรักมึง รักมึงมากๆนะเซ็ท อย่าทำให้กูหึงบ่อย ความอดทนกูไม่ได้มีมากขนาดนั้น”
“กูรู้แล้วน่า หายบ้าได้ยัง ถ้าหายแล้วก็ปล่อย กูจะเอาลูกมึงออกจากตัวเนี่ย ไอ้สัด ถุงยางก็ไม่ใส่”
“มากูช่วย”ทำท่าจะใช้นิ้วควานเข้าไปด้านในของน้องหากต่เศรษฐพงศ์หันกายกลับมาแล้วผลักอกคนพี่ออก
“รีบอาบน้ำของมึงแล้วรีบออกไปเลยไอ้สันดาน กูทำเองได้”คณินทำท่ายอมแพ้เมื่อเห็นคนน้องทำตาเขียวปั๊ดใส่ ชายหนุ่มอาบน้ำชะระร่างกายตัวเองพลางมองคนน้องที่จัดการเอาส่วนที่คั่งค้างของตัวเองออกอย่างเงียบๆ
“เซ็ท”
“อะไร?”เศรษฐพงศ์ถามโดยไม่ได้มองหน้าคณินที่กำลังกระตุกยิ้มอย่างชอบใจอยู่เลยซักนิด
“เอาสดก็ดีเหมือนกันนะ กูชอบ”
“อาบเสร็จก็ออกไปเลยไอ้เหี้ย รำค๊าน!!!”
คณิน::
ผมสะดุ้งตื่นเมื่อเสียงนาฬิกาปลุกที่ไอ้เซ็ทตั้งไว้ตอนตีห้ากรีดเสียงร้องผ่านความเงียบ ไอ้เซ็ทยังยังซูกตัวอยู่ในผ้าห่มไม่ได้กุลีกุจอลุกขึ้นเหมือนทุกวันกลับกลายเป็นผมที่ตื่นขึ้นอย่างง่ายๆ ผมเอื้อมมือไปแตะแขนมันที่โผลพ้นเนื้อผ้าแล้วสะดุ้งโหยง
ตัวของมันร้อนยังกับไฟ ผมตื่นเต็มตา รีบใช้หลังมืออังหน้าผากของมันอย่างร้อนใจ
“เซ็ท มึงไม่สบายเหรอ เป็นไงมั่ง”
“กุหนาว”มันตอบกลับมาแบบเพ้อๆ ผมไม่รู้ว่ามันมีสติสัมปัชชัญญะครบถ้วนหรือเปล่าด้วยซ้ำ
“มึงไม่สบาย เดี๋ยวกูเช็ดตัวให้นะไข้จะได้ลด”ปกติไอ้เซ็ทเป็นคนร่างกายแข็งแรง การที่มันจะเจ็บไข้ได้ป่วยซักครั้งนั่นจึงเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับผม ผมจัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้มันจนเสร็จ ไอ้เซ็ทบ่นหนาวเป็นพักๆ ปรือตามองผมราวกับคนที่กำลังมึนๆ
“วันนี้ลางานเดี๋ยวสายๆกูจะพามึงไปหาหมอ”ผมจัดการตบลงบนอกมันเบาๆหลังจากจับมันทาแป้งแต่งตัวเสร็จ
“มึง...”
“หืม?”ผมตอบรับคำเรียกด้วยน้ำเสียงแหบพร่าของมัน
“อยากกินโจ๊กหมู ใส่ขิงซอยเยอะๆ”ผมหลุดขำออกมาพรืดใหญ่เมื่อไอ้คนป่วยยังห่วงปากท้องของตัวเองก่อนจะหุบยิ้มทันทีเหมือนต้นไมยราพที่ถูกเขี่ยด้วยปลายตีนเมื่อมันพูดประโยคถัดมา
“แล้วอย่าลืมแวะไปรับพี่มิ่งด้วยนะ”
“เออ รู้แล้ว ห่วงมันจริงนะ”ผมกระแทกกะละมังน้ำกับผ้าขนหนูลงบนอ่างล้างหน้า
“มานี่...”ไอ้คนป่วยที่หน้าซีดหน้าเซียวกวักมือเรียกผม ผมพยายามที่จะไม่กระแทกกระทั้นแล้วนะ แต่เสียงเท้าที่ลงกับพื้นห้องก็ดังตึงๆอยู่ดี
“เราคุยเรื่องนี้กันเข้าใจแล้วไม่ใช่เหรอวะ คุยกันจนกูป่วยเนี่ย”
อ่าว โยนความผิดมาให้ผมหน้าด้านๆซะอย่างนั้นแหละคนเรา แต่ก็มีส่วนถูกนิดหนึ่ง
“คนเราอ่ะ รับปากเขาไว้แล้ว ถ้าไม่ทำตามที่พูดนี่หมาเลยนะ มึงยอมเหรอ”
“มึงมันเก่ง เซ็ท เรื่องเล่นกับใจคนนี่ล่ะเก่งนัก กูจะเอาอะไรมาเถียงมึงได้ล่ะ นอนเถอะเดี๋ยวกูกลับมา”ผมกดจูบลงบนปากซีดนั้นหนักๆก่อนจะคว้ากุญแจรถที่หัวเตียง ผมขับรถมารับไอ้มิ่งที่หน้าหอพักของมัน ไอ้มิ่งเปิดประตูหลัง
“มานั่งเบาะหน้า กูไม่ใช่คนขับรถของมึงว่ะพี่”ไอ้มิ่งสตั๊นท์ไปแพ๊บนึงแล้วมันถึงได้ปิดประตูหลังเปิดมานั่งเบาะหน้าข้างผม
“เซ็ทไม่มาเหรอ”
“มันป่วย วานลางานให้มันด้วย”
มิ่งกมลฟังเสียงเครื่องยนต์รถที่ดังเบาๆ คณินไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีกทำเพียงตั้งหน้าตั้งตาขับรถไปตามทางที่คุ้นเคยเรื่อยๆ ชายหนุ่มสังเกตว่าเช้านี้คณินขับรถเร็วกว่าเมื่อวานพอสมควร ความเงียบที่โอบรัดทำให้บรรยากาศในรถค่อนข้างอึดอัดจนมิ่งกมลต้องกระแอมไอเบาๆ
“ฝึกงานเป็นยังไงบ้าง ดีมั้ย”สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ต้องเอ่ยปากชวนคุย หากแต่คณินก็ยังเฉยราวกับจะไม่ได้ยิน
“อาหารการกินๆได้หรือเปล่า เห็นเซ็ทบอกว่าคินกินเผ็ดไม่ได้”
“พูดถึงไอ้เซ็ทขึ้นมาก็ดี ไหนๆก็ได้อยู่กันลำพังโดยไม่มีไอ้เซ็ทแล้ว พี่รู้ใช่มั้ยว่าผมกับไอ้เซ็ทไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ”คณินหันไปมองหน้ามิ่งกมล คนแก่กว่าพยักหน้าหงึกๆ
“รู้ แล้วก็รู้ด้วยว่าคินกับเซ็ทคบกัน”คณินกระตุกยิ้มอย่างพอใจในคำตอบ
“เซ็ทมันบอกเหรอ”
“เปล่า พี่รู้ได้เอง รู้ตั้งแต่คินแท็กเซ็ทในเฟสบุ๊คแล้ว”
“รู้ แต่พี่ก็ยังจะเข้ามาเกาะแกะเมียผมเนี่ยนะ?”
“เกาะแกะ? พี่ไปเกาะแกะอะไรเซ็ทเหรอ?”
“อย่ามาทำยอกย้อนไปหน่อยเลย ผมรู้ว่าพี่คิดยังไงกับไอ้เซ็ท”คณินทำเสียงขึ้นจมูกราวกับกำลังเยาะเย้ยมิ่งกมลในที ชายหนุ่มสูงวัยกว่าส่ายหน้าเบาๆ
ก็พอรู้มาอยู่บ้างว่าคณินเป็นคำเอาแต่ใจและหวงเศรษฐพงศ์มากๆ
แต่ก็ไม่คิดว่าจะเด็กขนาดนี้
“ถ้าการที่พี่กับเซ็ทอยู่ใกล้ชิดกันทุกวันนั่นเรียกว่าการเกาะแกะก็คงเป็นอย่างนั้น แต่พี่กับเซ็ทไม่มีอะไรกันจริงๆ”
“จะปฏิเสธว่างั้นทั้งๆที่สายตาที่พี่มองมันน่ะแสดงออกว่าอยากได้มากขนาดไหนน่ะนะ”
“พี่ยอมรับว่าพี่ชอบเซ็ท”คณินเบรกรถทันทีจนหัวทิ่ม หันไปมองหน้ามิ่งกมลพลางตะครุบคอเสื้อของชายหนุ่มรุ่นพี่อย่างเอาเรื่อง
“แต่พี่ก็รู้ผิดชอบชั่วดีพอที่จะไม่หน้าด้านแย่งของๆใคร ยิ่งกับเซ็ทแล้วด้วยรายนั้นน่ะไม่เคยมองใครด้วยสายตาแบบที่มองคินเลยนะ เขามองแค่นายไม่รู้เลยเหรอ เลิกหวงเลิกหึงเถอะยังไงเซ็ทก็ไม่มีทางมาชอบพี่หรอก”
“งั้นพี่ก็ควรเลิกชอบแฟนผมซักที ผมหึงจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว”
แล้วจะหึงไปทำไมล่ะ ให้พี่เลิกชอบเซ็ทมันก็คงเลิกไม่ได้ง่ายๆ แต่พี่รับรอง พี่ไม่มีวันแย่งแฟนใคร ทุกวันนี้พี่เอ็นดูเซ็ทในฐานะรุ่นน้องที่ทำงานเก่ง นิสัยดี ความชอบของคนเรามันมีหลายแบบนะคิน เลิกคิดมากเรื่องพี่กับเซ็ทซักที มันจะไม่มีวันนั้นพี่จะไม่แย่งของๆใคร”
“ให้มันได้อย่างที่ปากพูดเถอะ”คณินปล่อยคอเสื้อของมิ่งกมลออกหลังจากจ้องตากันมาพักใหญ่
เขาอาจจะยังไม่เชื่อเต็มร้อยว่ามิ่งกมลจะทำได้อย่างที่ปากพูดแต่ดวงตาแน่วแน่ที่มิ่งกมลมองตอบมันมีความจริงใจเกินกว่าที่เขาจะทำตัวงี่เง่า
“แล้วนี่ฝึกงานเสร็จเดือนหน้าใช่มั้ย?”
“อืม”
“ฝึกเสร็จก็ต้องกลับไปกรุงเทพไม่ห่วงเซ็ทแย่เหรอ”
“ห่วงสิทำไมจะไม่ห่วง ไอ้เซ้ทน่ะไม่ค่อยดูแลตัวเองจะบินมาหามันบ่อยๆก็ไม่ได้ แม่งขี้งกบอกเปลืองค่าเครื่อง”
“จะคอยดูให้ก็แล้วกัน”
ไหวังดีหรือมีเจตนาอื่นแอบแฝง?”
“หวังดีจริงๆ มีอะไรจะได้ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ แต่ในมอคงต้องให้เพื่อนๆช่วยดูนะพี่จบมาทำงานแล้ว”
“เรื่องเมื่อกี๊ขอโทษด้วยแล้วกัน”
“เฮ้ย มันไม่เป็นไรเลย คนเรามันเข้าใจผิดกันได้ พี่ดีใจนะที่คินมาเคลียร์กันตรงๆกับพี่ แล้วคราวหลังก็ไม่ต้องประชดด้วยการขับรถเฉียวรถพี่อีกล่ะ นี่คงซ่อมอีกหลายวัน”คณินเงียบไปก่อนที่ทั้งคู่จะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ บรรยากาศบนรถไม่ได้อึดอัดแบบตอนแรกแล้ว มิ่งกมลบอกให้คณินจอดส่งตัวเองที่ถนนด้านนอกจะได้ไม่ต้องถอยไปถอยมาให้วุ่นวาย ชายหนุ่มออกรถมุ่งตรงไปยังตลาดที่มีโจ๊กเจ้าประจำของเศรษฐพงศ์
หนึ่งชั่วโมงต่อมาชายหนุ่มก็กลับมาถึงห้อง คนป่วยยังคงนอนซมไม่รู้เรื่องอยู่ในห้อง คณินแกะโจ๊กใส่ชามเทผักและขิงอย่างที่เศรษฐพงศ์ชอบใส่ถ้วย แกะยาที่ซื้อมาและน้ำเปล่าจนพร้อมจึงยกไปที่เตียง
“เซ็ท มึงลุกมากินข้าวไหวมั้ย?”
“กูปวดหัวไม่มีแรง”
งั้นมึงพิงหัวเตียงนะ เดี๋ยวกูป้อน นอนกินเดี๋ยวสำลัก”คณินประคองคนป่วยให้นั่งหนุนหมอนที่หัวเตียง โจ๊กอุ่นๆถูกป้อนให้คนน้องอย่างไม่เร่งรีบ เศรษฐพงศ์ทำท่าเหมือนจะอ้วกออกมาตลอดเวลาจนกินได้ครึ่งชามก็ฝืนไม่ไหว
“พอ ไม่เอาแล้ว อยากนอน”ไม่พูดเปล่าเศรษฐพงศ์ก็ไหลตัวเองลงนอนกับเตียงทันที
“กินยาก่อน”
ไม่เอา ไม่อยากกิน อยากนอน”
“อย่าดื้อสิวะไม่กินยาจะหายป่วยได้ยังไง ไอ้เซ็ท ยังอีก ลุกขึ้นมากินยาก่อน หรือจะต้องให้ป้อน”คณินพยายามพลิกร่างอ่อนปวกเปียกของเศรษฐพงศ์ให้หันกลับมาหากแต่คนป่วยกลับดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหูปิดหน้าซะอย่างนั้น
“โอเค ไม่กินก็ไม่กิน”คนพี่ทำท่ายอมแพ้จนเศรษพงศืยอมเอาผ้าออกจากใบหน้า แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาร่างบางก็ถูกพลิกกลับไปนอนหงายก่อนที่ริมฝีปากอุ่นของคณินจะทาบทับลงมา คณินใช้มือบีบกรามของเศรษฐพงศ์จนคนน้องเปิดปากของเหลวถูกส่งเข้ามาพร้อมยาสองเม็ดที่เริ่มละลาย ปลายลิ้นดุนดันจนเกือบสำลักจำต้องกลืนยาลงคอ
“แค่กๆ”เศรษฐพงศ์ผลักหน้าของคณินออกก่อนจะไอโขลก สีหน้าของคนที่เพิ่งจะป้อนยาทางปากให้กับคนป่วยเหยเกก่อนจะตะเบ็งเสียงใส่กันโดยไม่ได้นัดกหมาย
“ขมชิบหายเลยไอ้เหี้ย!!”
ทำไมไม่โรแมนติกอย่างในละครเลยวะ!!!!
........................................................
เรื่องจริงมันไม่หอมหวานแบบในละครหรอกพี่มึ้งงงงงงงงง
อิ๊อิ๊าง
มาเอาเสิงเอาสดอะไรล่ะพี่คิน คนบว้าาาาา
เม้นท์ด้วย
ไม่เม้นท์งอน