BOY IN LUV รักวุ่นวายสไตล์คนแมน[[คิน-เซ็ท]] yaoi// boy love ตอนที่ 47-58((จนจบ))
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: BOY IN LUV รักวุ่นวายสไตล์คนแมน[[คิน-เซ็ท]] yaoi// boy love ตอนที่ 47-58((จนจบ))  (อ่าน 32508 ครั้ง)

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ตอนแรกน้ำตาซึมตามคินเซ็ทนะแต่พอเจอประโยค "นั่งเครื่องบินไปหามันที่เชียงใหม่ได้เช่นกัน ไม่เป็นไร ผมร๊วยยยยย" เข้าไปปล่อยก๊ากเลย

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มันต้องแบบนี้...สำหรับพี่คิณแล้ว...กูร้วยยยยยย

ออฟไลน์ FanclubPong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เป็นแฟนเสี่ย เสี่ยเลยทุ่มทุกอย่าง

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ป๋าคินซะอย่างแค่เชียงใหม่ จิ้บๆๆๆๆ อยากให้เปิดตัวกับพ่อแม่ซักที

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ตอนที่ 40



                หลังจากปัจฉิมนิเทศเสร็จเรียบร้อยแล้ว เศรษฐพงศ์และเพื่อนๆก็ตกลงกันว่าจะไปเที่ยวพักผ่อนกันให้หายเหนื่อยหลังจากตรากตรำร่ำเรียนรวมทั้งทำกิจกรรมมากมายช่วยเหลือวิทยาลัยตามแต่อาจารย์จะสั่ง แพลนของเด็กๆคือจะขับรถไปเที่ยวที่สังขละบุรี ถือโอกาสทำบุญสงกรานต์ไปในตัว

 

เด็กหนุ่มกลับมาบ้านหลังจากขนของออกจากหอเรียบร้อยแล้ว ความอาลัยอาวรณ์ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ลดาดีใจมากกว่าใครเพื่อนเมื่อกลับบ้านมาก็พบเจอลูกชายรอกินข้าวพร้อมกัน

 

หล่อนคิดถึงลูก ยิ่งลูกจะไปเรียนในที่ห่างไกลไม่สามารถกลับมาเจอกันได้บ่อยๆหล่อนก็รู้สึกเศร้าในใจ แต่ลดาก็เข้าใจดี ลูกของหล่อนเติบโตเป็นหนุ่มไม่ใช่น้องเซ็ทที่ชอบอมข้าวแบบเมื่อก่อนแล้ว ลูกนกของหล่อนโตพอที่จะบินด้วยปีกของตัวเองโดยไม่ตกลงมาเจ็บตัวอีกต่อไปแล้ว คนเป็นแม่มีความสุขที่ได้เตรียมอาหารให้สามีและลูกชายกินในตอนเช้า

 

ชีวิตของหญิงหม้ายคนหนึ่งที่ต้องเสียสามีตั้งแต่ยังสาวเลี้ยงลูกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงงานของตัวเองด้วยตัวคนเดียว บัดนี้เธอมีครบทุกอย่างแล้ว ทั้งสามีและลูกที่ดี

 

เศรษฐพงศ์เดินลงมาจากบนห้องได้กลิ่นหอมของอาหารโชยมาก่อนอื่น ขายาวก้าวเร็วๆเข้าไปสวมกอดแล้วกดจูบลงบนผิวแก้มผ่องของแม่เบาๆ

 

                “ทำอะไรกินครับแม่”สายตาสอดส่ายสำรวจกับข้าวให้หม้อที่แม่ทำเสร็จแล้ว

 

                “ต้มจืดเต้าหู้อ่อน ดีเลยกำลังอยากกิน”

 

                “แม่กำลังจะทำผัดเปรี้ยวหวานกับทอดปลารากกล้วยเซ็ทอยากได้อะไรเผ็ดๆอีกซักอย่างมั้ยลูก”

 

                “ไม่เอาแล้วครับ แค่นี้แม่ก็ขุนเซ็ทจนอ้วนแล้วเนี่ย”

 

                “อ้วนที่ไหนล่ะลูก เซ็ทผอมจนจะปลิวอยู่แล้ว ขนาดอยู่ใกล้แม่ยังผอมแบบนี้ ถ้าไปอยู่ไกลๆจะผอมขนาดไหน”คนเป็นแม่ลูบแก้มลูกน้อยเบาๆอย่างทะนุถนอม ถึงแม้เศรษฐพงศ์จะโตแล้วแต่เมื่อลูกต้องห่างไปไกลจากอกแน่นอนว่าหล่อนก็อดห่วงไม่ได้

 

“แม่ไม่ต้องห่วงเซ็ทนะ เซ็ทไม่อยู่แม่ต้องดูแลตัวเองดีๆนะครับ ว่าแต่เซ็ทผอมแม่ก็ผอมเหมือนกันแหละ”เด็กหนุ่มสวมกอดแม่พลางกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น แม่ยังคงเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ กลิ่นกายเฉพาะตัวของแม่เป็นกลิ่นหอมอ่อนๆเวลาดมเข้าไปให้ความรู้สึกสบายอกสบายใจอยู่ทุกครั้ง

 

หลังจบมื้ออาหารเศรษฐพงศ์ก็ออกไปดูแลสวนพร้อมกับสอนให้ลูกจ้างดูว่าต้นไม้ชนิดไหนต้องดูแลยังไง เกือบเก้าโมงเช้ายงศกรก็ขับรถมารับเด็กหนุ่มที่หน้าบ้านบนรถมีสองแฝดนั่งอยู่ก่อนแล้ว ส่วนรถอีกคันที่โอบนิธิขับมียงวิสุทธิ์และวีรดนัย เด็กทั้ง 7 คน ออกเดินทางมุ่งตรงสู่อำเภอสังขละบุรี เพราะใกล้เทศกาลจำนวนรถจึงมากมาย ทั้งหมดแวะถ่ายรูปเล่นที่เมืองมัลลิกา เช่าชุดไทยใส่กันคนละชุดเดินเล่นกันเกือบบ่ายก็เดินทางต่อ เมื่อถึงเขตสังขละบุรี ทั้งยงศกรและโอบนิธิที่เป็นคนขับรถก็ต้องใช้ความระมัดระวังเป้นพิเศษพราะเส้นทางโค้งอันตรายหลายจุดรวมทั้งเป็นทางขึ้นเขา เสียงพูดคุยเริ่มเปลี่ยนเป็นการวิจารณ์ถนนหนทางที่ค่อนข้างน่ากลัวแทน

 

“มึงหลับตาไปเลยเซ็ทจะได้ไม่กลัว”ยงศกรบอกกับคนที่เริ่มจะจิกเบาะด้วยความเกร็ง  ทำยังไงไอ้โรคกลัวการนั่งรถที่ขับเร็วนี่ก็แก้ไม่หายซักทีสินะ เศรษฐพงศ์ได้ยินดังนั้นก็ปรับเบาะให้เอนไปด้านหลังอีกเล็กน้อยแล้วแกล้งตายทันที

 

ทนดูไม่ไหวหรอก โค้งน่ากลัวแล้วรถคันข้างหน้าก็เดี๋ยวเบรคๆ แล้วนั่น รถทัวร์หวานเย็นถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่างอยู่ด้านหน้าถ้ารถวืดหมดแรงไหลลงมาจะทำไง ขอตายแบบไม่รับรู้อะไรเลยก็แล้วกัน

 

“เซ็ทๆ”

 

เศรษฐพงศ์::

 

ผมลืมตาตื่นเมื่อถูกเขย่าที่ไหล่เบาๆ ตอนแรกก็กะว่าจะหลับเล่นๆทำไปทำมาหลับจริงจนตอนนี้ผมไม่รู้ว่าผมอยู่ส่วนไหนของสังขละบุรี เมื่อกวาดตามมองไปรอบๆก็พบว่าเป็นตลาดขนาดใหญ่ ดูไม่ทุรกันดานอะไร

 

“แวะซื้อของกินกันก่อน”

 

“ถึงไหนแล้ววะ?”ผมหันไปถามไอ้ยิมที่ปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวเรียบร้อยแล้ว

 

“ตลาดในตัวเมืองสังขละฯ ขับไปอีกหน่อยก็ถึงเกสเฮ้าส์แล้ว”

 

“อ้อ”ผมรับคำอย่างเข้าใจก่อนจะรีบลงจากรถเดินตามพวกเพื่อนๆไป เมื่อลงมาด้านนอกความร้อนก็แล่นเข้าปะทะจนอยากจะกลับเข้าไปใหม่ ส่วนไอ้สองแฝดเมื่อลงมารวมกับเพื่อนได้ก็ลากไอ้วีวิ่งข้ามถนนไปยืนจุ้มปุ๊กที่หน้ารถขายโรตีทันที ผมเดินจามพวกไอ้ยิมไอ้ย้งกับไอ้อิ้งค์เข้าไปในเซเว่น ด้านในคับคั่งไปด้วยลูกค้าที่ขาวเหมือนคนจีนบ้าง ผิวเข้มหน้าแขกเดินกันให้วุ่น เด็กกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาในร้านส่งเสียงดังและวิ่งไปตามชั้นวางของพลางหัวเราะกันอย่างสนุกสนานแหกปากพูดกันอย่างโนสนโนแคร์สี่แปดใดใดทั้งสิ้น และ ผมฟังไม่ออกเพราะเขาเล่นพูดภาษาถิ่น พวกเราถือตะกร้าคนละใบกวาดของกินที่ชอบทุกอย่างใส่ถุง ทั้งเบียร์และน้ำอัดลมอัดเต็มตะกร้าโดยไอ้ยิมเป็นคนเลือกและจ่ายเงิน โดยเงินนั้นพวกเรารวบรวมไว้ที่ไอ้ยิมเป็นกองกลางขาดเหลือค่อยมาหารกันทีหลังอีกที ส่วนไอ้สองแฝดกับไอ้วีก็ไม่ปล่อยให้การไปรอโรตีสูญเปล่าเพราะเมื่อกลับออกมาในมือของพวกมันก็เต็มไปด้วยกับแกล้มอีกทั้งของกินเล่นง่ายๆ

 

ทางที่ไปแถวสะพานมอญทำให้เราหลงกันนิดหน่อยเพราะเลี้ยวผิดแถมยังขับเลยไปจนถึงสะพานไม้ทำให้ต้องถอยกลับมาใหม่แล้วช่วยกันมองทาง ในที่สุดก็ถึงที่พักในตอนเกือบบ่ายสาม เจ้าของเกสเฮ้าส์เป็นคุณครูวัยเกษียณพวกเราตกลงกันว่าใครจะพักกับใคร สองแฝดและไอ้วีนอนด้วยกัน ไอ้ยิมกับไอ้ย้งนอนด้วยกันส่วนผมกับไอ้อิ้งค์นอนห้องเดียวกัน เราถ่ายรูปหน้าเกสเฮ้าส์ตามเสียงเรียกร้องของไอ้วี โต๊ะหินอ่อนหน้าห้องพักกลายเป็นโต๊ะกินข้าวของพวกเรา เหล้ายาถูกแช่ในถังน้ำแข็ง เราจะยังไม่กินกันตอนนี้โปรแกรมที่ตั้งกันไว้คือตอนเย็นเราจะเดินไปที่สะพานไม้แบบที่เห็นกันในรายการทีวีหรือรูปภาพบ่อยๆ เพราะเป็นช่วงเทศกาลนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศก็เยอะตามไปด้วยห้องพักทุกห้องเต็มตั้งแต่ปีที่แล้วที่เราได้สามห้องนี่ถือว่าบุญหนักเสียเหลือเกิน ผมทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มเสียงไอ้อิ้งค์เดินไปเปิดแอร์ความเย็นที่ค่อยๆทำงานทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น พวกเราตกลงว่าจะงีบเอาแรงซักหน่อยพอห้าหรือหกโมงเย็นค่อยไปเดินเล่นที่สะพาน โทรศัพท์ของผมสั่นเมื่อมีแจ้งเตือนไลน์เข้ามาและแน่นอนมันคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณคณิน ลิขิตสกุลกาญจน์ นั่นเอง

 

คำถามไม่ได้มีอะไรมากไอ้คินถามแค่ว่าผมอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ และผมก็ตอบตามจริงว่าผมมาเที่ยวกับเพื่อนๆ มันบ่นที่ผมไม่ชวนมันเลย

 

“ทำยังกับชวนแล้วจะมาได้งั้นแหละ”ผมยู่ปากใส่โทรศัพท์นอนคว่ำพิมพ์อบกลับมันอีก 2-3 ประโยคก็บอกมันว่าผมจะนอนแล้ว มันบ่นผมมาอีก 2-3 คำแล้วจึงเลิกคุยกัน

 

ทำตัวเหมือนพ่อผมเข้าไปทุกที  ใจผมค่อนขอดมันไปแต่อีปากไม่รักดีนี่ก็ยิ้มจังเลยวะ

 

ผมรู้สึกตัวตื่นตอนเกือบห้าโมงเย็นเพราะไอ้อิ้งค์มาปลุก แม้จะงัวเงียอยู่บ้างแต่ผมก็รีบไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น เช็คความเรียบร้อยแล้วต้องชมตัวเองในใจว่าหล่อจังว่ะ เนี่ย สงสัยเพราะอยู่กับไอ้คินมากเลยติดนิสัยหลงตัวเองของมันมาด้วย เอากระเป๋าสตางค์ใส่ลงในเป้ หยิบโทรศัพท์มาเช็คดูเผื่อไอ้คินจะส่งอะไรมาอีก แต่มันก็คงค้างประโยคเดิมเมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว เราออกเดินไปตามถนนที่เจ้าของเกสเฮ้าส์บอก ทางค่อยๆลดลงไปตามความลาดชันเรามั่นใจว่าเดินมาถูกแล้วเพราะจำนวนคนที่ไหลไปในทางเดียวกัน เก็บบรรยากาศผ่านเลนส์กล้องไอ้สองแฝดเถียงกันด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆ ไอ้วีกระโดดขึ้นขี่คอไอ้ย้ง ผมเก็บภาพพวกนั้นไว้ทั้งหมด

 

พวกเราเติบโตกันมากถึงขนาดนี้แล้วเหรอวะ?

 

จากวันแรกที่รู้จักกันยังเป็นเด็กผู้ชายอายุ 12-13 ปี ที่ยิ้มแห้งๆให้กันด้วยความเคอะเขินตอนเข้าเรียน ม.1 จนตอนนี้ เรากำลังจะก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย

 

วัยเด็กของเรากำลังถูกปล้นไปอย่างช้าๆ

 

เราเดินกันจนมาถึงตัวสะพานไม้ คนที่มองว่ามากตอนที่เดินมาเทียบไม่ได้กับตอนนี้เลยซักนิดหนึ่งมองลงไปเห็นแต่หัวคนเดินกันอย่างกับมด

 

                “เชร้ คนโคตรเยอะเลย”ไอ้จีนหลุดปากอุทานออกมาเบาๆ เราค่อยๆไหลตามฝูงชนไปเรื่อยๆ พักถ่ายรูปกันบ้างเป็นระยะๆ ด้านบนสะพานมีบรรดาเด็กๆชาวกะเหรี่ยงและที่มีเชื้อสายพม่าคอยเรียกให้เราแวะซื้อของที่ระลึกเล็กๆน้อย รวมทั้งที่บริการทาแป้งทานาคาให้เป็นดวงๆดอกๆผมถ่ายรูปน้องๆมาหลายรูป สาวพม่าอายุราวๆ 40 ปี รูปร่างสะโอดสะองเทินถาดขนมไว้บนหัวเดินผ่านเราไป ภาพบรรยากาศแบบนี้เราหาดูไม่ได้เลยซักนิดถ้าอยู่ในเมือง ลมแม่น้ำพัดโบกมาช่วยคลายความร้อน กลางสะพานมีคนมุงดูอะไรซักอย่างค่อนข้างเยอะไอ้จีนกับไอ้จินชวนให้เราไปดูด้วย เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังแหกปากร้องเรียกผู้ชมด้วยถ้อยคำขี้เล่น เป็นการแสดงกระโดดสะพานโชว์เมื่อพูดเยอะจนเห็นสมควรแก่เวลาร่างผอมๆนั่นก็โดดตูมลงไปในแม่น้ำ เสียงปรบมือดังไปทั่วหลายคนดูจบแล้วแยกย้าย หลายคนมอบรางวัลเป็นเงินเล็กน้อยแล้วจากไป  เราออกเดินกันไปตามความยาวนับกิโลเมตรก็พบว่าจริงๆแล้วมันมีสะพานสีแดงยาวต่อไปอีกตอนนี้หกโมงกว่าแล้วพระอาทิตย์กำลังลดตัวลงตามเหลี่ยมเขา แสงสีแดงอมส้มทาบทับผิวโลกสะท้อนลงในสายน้ำจนระยิบระยับ

 

แต่มีบางอย่างที่ระยิบระยับกว่านั้น...

 

ผมมองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ร่างสูงและขาวจัดของใครบางคนกำลังส่งยิ้มจนเห็นเหงือกแดงๆอยู่กลางสะพานนั้น ต่อให้อยู่ท่ามกลางผู้คนนับหมื่นนับพันผมก็จะมองเห็นมันเด่นชัดที่สุด

 

ระยะทางระหว่างเราสั้นลงเรื่อยๆ...

 

ใจของผมก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน

 

                “มึงมาได้ไงเนี่ย?”ผมเอ่ยถามหลังจากที่เราทั้งสองคนเดินมาจนหยุดตรงหน้ากัน ไอ้คินถอดหมวกที่หัวมันมาใส่หัวของผมแทน

 

                “กูก็ขับรถมาน่ะสิ”มันตอบราวกับว่าแม่ใช้มาซื้อน้ำปลาก็เลยขับรถมาขำๆ

 

                “คือ...กูงง ทำไมมึงมาอยู่ที่นี่ได้ ไม่ได้ทำงานอยู่มหาลัยเหรอ?”นี่แหละคือสิ่งที่ผมสงสัย คือเมื่อวานมันบอกว่ามันทำแบบชิ้นสุดท้ายอยู่ เมื่อตอนก่อนจะหลับมันก็ไม่ได้บอกซักนิดว่าจะตามผมมา แล้วดูตอนนี้สิมันดันเสนอหน้ามายิ้มเหงือกแดงอยู่ตรงหน้าผมได้ไงวะ

 

                “งานเสร็จตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วเลยขับรถกลับมาบ้าน ไม่เจอมึงถามเด็กมันบอกว่ามึงมาเที่ยวสังขละ ตอนที่กูถามมึงว่าอยู่ไหนน่ะกูก็ขับถึงไทรโยคแล้ว”มันตอบข้อสงสัยของผมในรอบเดียว ไอ้คินหันไปยกมือทักทายเพื่อนๆของผมผมจึงชวนมันเดินไปด้วยกัน

 

                “แล้วนี่มึงพักที่ไหนเนี่ย ได้ข่าวว่าห้องพักเต็มหมดแล้ว”ผมถามมันอย่างเป็นห่วง แต่ไอ้ตัวดีกลับยักไหล่อย่างไม่เป้นกังวลเลยซักนิด

 

                “นอนกับมึง”

 

                “เดี๋ยวๆ มึงจะมานอนกับกูได้ไงกูนอนกับไอ้อิ้งค์”ผมรีบท้วงคำตอบง่ายๆนั้นของมันทันที ไอ้คินยักไหล่อีกรอบก่อนหันไปหาไอ้อิ้งค์

 

                “อิ้งค์คืนนี้มึงไปนอนกับไอ้ยิมแทนได้ป่ะเดี๋ยวกูจ่ายค่าห้องให้”

 

                “โอเค ตามนั้น”ไอ้อิ้งค์ตอบรับอย่างง่ายดาย

 

ไอ้ชิบหายไม่ถามความเห็นของกูซักคำ ผมบ่นกระปอดกระแปดเบาๆพักหนึ่ง เสียงไอ้คินหัวเราะเบาๆอยู่ข้างๆ เราเดินเคียงคู่กันใกล้จนไหล่ชิดกันไม่นานมือของผมก็ถูกมันจับไว้หลวมๆ

 

ไม่ได้เป็นการจูงเพียงแต่จับให้รู้ว่าตอนนี้ข้างๆกายของผมมีมันอยู่เคียงข้าง

 

แสงสีส้มของวันค่อยๆลดลงจนในที่สุดก็มืดแต่ในใจของผมกลับสว่างเพราะผมมีพระอาทิตย์ส่วนตัวคอยให้แสงสว่างนำทางอยู่ตรงนี้

 

แสงสว่างที่มีให้ผมเพียงคนเดียว

 

แสงสว่างที่ชื่อว่าคณิน...ผมค่อยๆกระชับมือที่จับกับมันไว้แน่นกว่าเดิม ตอนนี้เองที่ผมรู้ว่าผมโคตรดีใจเลยที่มันมาหาผมที่นี่ ดีใจมากๆ เราเดินคุยกันเงียบๆราวกับตัดขาดโลกรอบตัวจนสุดปลายสะพานด้านหน้าเป็นเหมือนตลาดใหญ่ๆพวกเราตกลงว่าจะเดินลงไปใต้สะพานที่มีของที่ระลึกขายเยอะๆ ปลาข้าวสารตัวเล็กๆดูท่าจะเป็นของขึ้นชื่อรวมทั้งข้าวสารเม็ดยาวๆเหมือนข้าวอินเดีย เสื้อผ้าสกรีนรูปสะพานไม้ถูกให้ความสนใจ ผมเดินเลิกกระเป๋าย่ามโดยมีไอ้คินเดินตามและแน่นอนวันนี้ดูท่าผมจะสุขจังตังค์อยู่ครบเพราะเมื่อผมเลือกกระเป๋าได้สองใบไอ้คินก็ควักแบงค์พันจ่ายให้โดยไม่ลังเลซักนิด

 

                “รวยมาก?”ผมแกล้งแซวมัน ไอ้คินกระตุกยิ้มก่อนจะพูดจให้หมั่นไส้เล่น

 

                “ก็ไม่เท่าไหร่ แค่ถ้ามึงบอกอยากได้สะพานไม้ไปเดินเล่นที่บ้านกูก็จะซื้อให้”

 

ครับ...เหม็นกลิ่นคนรวยมั้ยครับ ตอนนี้ผมเหม็นมากๆ เหม็นสุดๆไปเลย







 

ทุ่มกว่าเราก็เดินกลับมาที่ห้องพัก เหล้ายาปลาปิ้งที่เตรียมไว้ตั้งแต่มาถูกลำเลียงออกมาวางเรียงเต็มโต๊ะโชคดีที่เจ้าของเกสเฮ้าส์ให้เรายืมครัวและพวกจานชามได้เลยไม่ลำบากมากนักในการกินข้าวเย็นครั้งนี้ เราแบ่งกับข้าวที่คินซื้อมาระหว่างทางให้เจ้าของบ้านก่อนจะมานั่งล้อมวงกินเหล้ากัน ไอ้คินรับแก้วเหล้าที่ไอ้ย้งทำหน้าที่ชงมันจิบแล้วขมวดคิ้วนิดหน่อย

 

“เข้มไปเหรอวะ?”ผมถามมัน

 

“อืม นิดหน่อย”มันตอบกลับมาตรงๆ ผมเลยลองยกแก้วมันมาจิบ

 

“ไอ้เหี้ยย้งชงเข้มขนาดนี้มึงไม่ยกขวดให้มันแดกเพียวๆไปเลยล่ะ?”ผมอยากจะยกตีนถีบไอ้ย้งเมื่อเหล้าที่มันชงให้ไอ้คินนั้นเข้มมาก

 

ดูก็รู้ว่าแม่งกะจะมอมไอ้คินชัดๆ

 

แล้วถ้ามันเมาแล้วอ้วกแตกถามหน่อยหมาตัวไหนมาช่วยผมเช็ดอ้วกเช็ดเนื้อเช็ดตัวมันล่ะถ้าไม่ใช่ผมคนนี้ ถึงแม้ผมจะไม่เคยเห็นมันเมาแล้วอ้วกนอกจากตอนที่มันเมาแล้วย่องเข้าไปจูบผมเมื่อเกือบสองปีที่แล้วนั่นอ่ะ

 

“แค่นี้ผัวมึงไม่เมาหรอก”มันตอบกลับยิ้มๆเรียกเสียงโห่ฮิ้วจากเพื่อนในกลุ่มได้พอสมควร ที่น่าโมโหคือไอ้คินถือโอกาสวาดแขนมาโอบไหล่ผม สีหน้ามันตอนนี้ยิ้มกริ่มดวงตาระยิบวิบวับม๊อบแม๊บจนอยากจะถีบให้หัวทิ่ม แต่พอเห็นสีหน้าเปี่ยมสุขของมันก็ทำไม่ลงปล่อยให้มันโอบไหล่จิบเหล้าไปเป็นระยะๆ แถมตอนนี้มันยังคุยกับเพื่อนๆของผมอย่างออกรสราวกับว่าเป็นเพื่อนกันมานานนม ผมยกแก้วเหล้าที่ไอ้ยิมชงผสมกับโค้กให้อย่างครึ้มอกครึ้มใจ หัวใจของผมพองฟูตั้งแต่เจอหน้ามันบนสะพาน เหมือนฉากในหนังเลยว่ะ เมื่อก่อนถึงแม้ว่าผมจะดูฉากแบบนี้ในหนังรักมานับไม่ถ้วน แต่พอมันเกิดขึ้นกับชีวิตจริงๆของผม ผมเพิ่งรู้ว่าการเห็นคนที่เรารักและเฝ้ารอหัวใจมันบานจนแทบจะระเบิด ถ้าไม่ติดว่ามีคนอยู่เยอะแยะมากมายผมว่าผมคงจะห้ามใจตัวเองให้กระโดดกอดมันไม่ได้แน่ๆ

 

เคยคิดว่าผมคงไม่ได้รักมันลึกซึ้งอะไรแต่จริงๆแล้วผมรักและรอคอยมันเสมอ ความรักที่ผมมีให้มันค่อยๆซึมลึกเข้าไปในใจ เมื่อก่อนมันร้ายกันผมมากเท่าไหร่ตอนนี้มันกลับดีกับผมรักและให้เกียรติผมมากขึ้นเท่านั้น

 

 

หลังจากนั่งกินเหล้ากันกันจนเกือบเที่ยงคืนในที่สุดผมก็ต้องพยุงไอ้คินเข้ามาในห้อง มันทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดมาที่ผม แล้วคือก็เมาๆกรึ่มๆกันทั้งคู่อ่ะแต่ผมกินน้อยกว่ามัน ทำไมผมจะไม่รู้ไอ้ย้งกับไอ้ยิมจงใจจะมอมเหล้าไอ้คิน ยิ่งดึกบรรยากาศยิ่งดีไอ้คินก็ยกเอาๆสุดท้ายก็แอ๋อย่างที่เห็น ผมเหวี่ยงมันลงบนเตียงแต่เพราะมันหนักแทนที่มันจะร่วงลงไปคนเดียวกลายเป็นผมร่วงตามไปด้วย

 

“โอ้ยไอ้เหี้ย ทำไมเมาแล้วตัวหนักยังงี้วะ มึงนอนเลย”ผมทุบหน้าอกมันไปทีหนึ่งอย่างหมั่นไส้

 

“เฮ้ยยยยยย.....ยังไม่น๊อนนนนนน”มันอ้อแอ้ทำท่าจะลุกออกไปกินเหล้ากับไอ้พวกนั้นอีก ผมที่เพิ่งจะแบกมันมันมาถึงกับตาเหลือกรีบดึงมันไว้ไอ้คินหงายกลับมานอนตามเดิมแล้วคว้าผมไปกอดไว้จนแน่น

 

“คิดถึง”คำพูดสั้นๆของมันเล่นเอาผมใจสั่นกว่าจะรู้ตัวดวงตาของผมก็ค่อยๆปิดลงเพื่อรับรสจูบที่มันมอบให้ คำบอกรักบอกคิดถึงถูกส่งมาให้ทุกครั้งยามเราละริมฝีปากออกจากกัน คล้ายว่าคำก่อนๆที่มันเคยพูดเคยบอกผมทุกวันนั้นจะไม่เพียงพอ ไอ้คินเป็นคนที่ชอบบอกรักและชอบที่จะฟังเพียงแต่ผมนั้นก็ปากหนักเกินไปที่จะพูดพร่ำเพรื่อ มันเองควรจะรู้อยู่แล้วว่าต่อให้เอาชแลงมาง้างปากถ้าผมไม่อยากพูดผมก็ไม่มีวันพูดออกมาเด็ดขาด

 

คำว่ารักของผมมันลึกซึ้ง

 

และผมได้มอบให้มันไปแล้ว

 

ผมกลับคิดว่าถ้าพูดบ่อยๆมันจะกลายเป็นคำพูดที่เหมือนเรากินข้าวคือกินแล้วอิ่มแล้วจบกันมื้อต่อไปค่อยคิดว่าจะกินอะไรดี

 

“คิดถึง...กูคิดถึงมึงมากนะเซ็ท”มันกดจูบลงบนมุมปากของผมอีกครั้ง แผ่วเบาแต่ทว่าฉ่ำหวานรสขมของเหล้าติดตรึงที่ปลายลิ้นมอมเมาเราทั้งคู่ให้พากันเดินเข้าสู่ห้วงอารมณ์ห้วงของความปรารถนาได้ไม่ยาก

 

“ขอได้มั้ย คินอยากรักเช็ท ได้มั้ย นะครับ”ไอ้คินมันจ้องตาผมแบบรอคำตอบ ในใจของผมเต้นรัวทั้งตื่นเต้นและตกใจ ไอ้ห่า ทำไมมึงดูสร่างเมาไวจัง เอาไอ้คินคนอ้อแอ้กลับมาเหมือนแบบตะกี๊ได้มั้ย แต่ไม่ว่าจะเป็นคินร่างไหนคืนนี้ดูท่าผมคงจะต้องเหนื่อยทั้งสองทาง ในหัวของผมตอนนี้คิดมากมายแต่เหมือนไอ้คินมันจะรู้ว่าตอนนี้ผมกำลังตัดสินใจเรื่องใหญ่ครั้งสำคัญในชีวิตมันเลยหลอกล่อผมด้วยจูบหวานๆและสัมผัสที่เอาอกเอาใจจนผมโอนอ่อนตามได้ไม่ยาก แต่ก่อนที่อะไรๆจะถูกจุดติดมากไปกว่านี้ผมก็บอกให้มันไปอาบน้ำก่อน เพราะวันทั้งวันมันคงเอาแต่ตะลอนๆ ไอ้คินยอมทำตามที่ผมบอกอย่างว่าง่ายราวๆ 10 นาทีมันก็เดินออกมาจากห้องน้ำนุ่งเพียงผ้าขนหนูผืนเดียว ตัวหอมฟุ้งยิ้มกริ่มราวกับเด็กน้อย

 

ผมชอบเวลาที่มันยิ้มกว้างๆแบบนี้ เหงือกแดงๆตาหยีๆเหมือนเด็กน้อยไร้พิษภัย ผมเดินสวนมันเข้ามาในห้องน้ำ

 

ผมรู้ซักวันเรื่องแบบนี้ระหว่างคนรักมันก็จะต้องเกิดขึ้น และวันนี้ผมก็พร้อมที่จะทำกับมัน เหมือนเป็นการให้รางวัลในความพยายามในความรัก ความเอาใจใส่ที่มันมีให้กับผม ผมค่อยๆบรรจงอาบน้ำ ครีมอาบน้ำถูกปั๊มใส่มือมากว่าเดิมลูบไล้ไปจนทั่วทุกส่วนของร่างกาย อาบวนไป 2-3 รอบ เพียงเพราะผมอยากให้ตัวของผมหอมๆกับถ่วงเวลาเพื่อทำใจ

 

มันจะต้องเจ็บมากแน่ๆ ผมเคยอ่านในเน็ต

 

แต่ไอ้คินมันจะอ่อนโยนกับผมใช่มั้ยนะ ผมรู้ดีว่าก่อนหน้านี้ถ้ามันจะดื้อดึงทำกับผมยังไงสุดท้ายผมก็ต้องยอมมันจนได้แม้ว่าอาจจะไม่เต็มใจนัก แต่มันก็อดทนรอมาโดยตลอดไม่เคยหงุดหงิดหรือปริปากบ่น ผมไม่ให้มันก็ไม่ทู่ซี้ นั่นเป็นเพราะมันรักผม

 

ผมเองก็รักมันเหมือนกัน

 

เมื่ออาบน้ำทำใจได้ผมก็ปิดน้ำเช็ดตัวลวกๆยกแขนขึ้นมาดมอีกที กลิ่นครีมอาบน้ำหอมอ่อนๆติดทั่วตัวผม ผมสูดหายใจลึกๆแล้วก้าวออกมาจากห้องน้ำ

 

สิ่งที่ผมเห็นคือ....

 

ไอ้เหี้ยคินนอนหลับกอดหมอนข้างอยู่จนหน้ายู่

 

“โธ่...ไอ้เหี้ย!!!”

 

ไอ้คิน ไอ้ควาย รอนิดรอหน่อยมึงจะตายเหรอ ไอ้หน้าหมา แล้วกูจะเตรียมตัวเตรียมใจไปเพื่ออะไร

 

ผมไม่ยอมอ่ะ วันนี้ยังไงผมต้องได้เสียตัว ผมปรี่ไปสะกิดมันยิกๆแต่มันไม่มีทีท่าที่จะตื่นขึ้นมาเลยซักนิดแถมส่งเสียงฮือๆราวกับรำคาญที่ผมมารบกวนการนอนอันแสนสุขของมัน ผมเขย่าตัวมันแรงๆ เรียกมัน ทำทุกวิถีทางที่จะให้มันตื่น แต่จนแล้วจนรอดมันก็ไม่ตื่น ผมโมโหจนเงื้อหมัดเตรียมจะต่อยมันให้หายโกรธซักหมัดก็พอดีกับที่มันควานสะเปะสะปะก่อนจะกอดเอวของผมไว้

 

                “คิดถึง คินคิดถึงเซ็ท”มันงึมงำคำเดิมแล้วเงียบไป มือที่ง้างค้างของผมเปลี่ยนจากจะต่อยกลายเป็นลูบกรอบหน้าของมันแทนผมเอนตัวลงนอนข้างมันจ้องใบหน้าที่หลับสนิทใช้มือสำรวจใบหน้าหล่อเหลาราวตุ๊กตาหยกเนื้อดีของมันอย่างแสนรัก

 

ไอ้คินซูบลงไปพอสมควร ถุงใต้ตาทั้งปูดทั้งคล้ำแปลว่ามันคงอดหลับอดนอนเพื่อเรื่องงานที่อาจารย์สั่ง ผมขยับตัวให้เข้าไปนอนเบียดชิดกับมันและเหมือนมันจะรู้มันกระชับอ้อมแขนที่กอดเอวผมให้แน่นกว่าเดิม ผมกดจูบลงบนหน้าผากของมันแผ่วเบา เลื่อนลงมาจูบเปลือกตาที่ปิดสนิทของมันทั้งสองข้าง หากในยามตื่นตาคู่นี้เอาแต่จ้องมองผมราวกับกลัวว่าผมจะสูญหายไปไหน ความรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาของผมบ่งบอกได้ดีว่าอีกนิดผมคงร้องไห้ ผมเลื่อนริมฝีปากของผมผ่านสันจมูกโด่งสวยที่แอบชื่นชมอยู่หน่อยๆจนมาถึงริมฝีปากของมัน ปลายจมูกของเราชนกัน รับรู้ลมหายใจซึ่งกันและกัน ที่สุดผมก็แนบกลีบปากของผมลงบนปากของมันกดน้ำหนักตามแรงอารมณ์ที่มีในหัวใจ มันท่วมท้นจนเก็บกักไว้ไม่อยู่ ปากของไอ้คินยังให้ความรู้สึกซาบซ่านได้เหมือนเช่นทุกครั้งแม้ว่ามันจะหลับสนิทจนไม่อาจตอบสนองกลับได้เหมือนเช่นเคยแต่ผมกลับรู้สึกพอใจตรงส่วนนี้

 

เพราะตอนนี้ผมอยากมอบความรักกลับให้มันบ้างให้สมกับที่มันพูดคำว่ารักกับผมได้ทุกเมื่อเชื่อวันโดยไม่แสดงความเบื่อหน่ายออกมาซักนิด ผมค่อยๆถอดจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่งจ้องมองใบหน้าหล่อที่หลับใหลนั้นแล้วเอื้อนเอ่ยคำรักออกมาให้มัน

 


                “กูก็ก็รักมึงนะ เซ็ทรักคินมากๆนะครับ รักมากกว่าใครเลย รู้ไว้ด้วย”





.....................................................







จริงๆไม่นกนะรอบนี้พี่แค่หลับก่อน 55555555555555555

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
โอ้ยยยย กว่าจะได้กันซักทียากเย็นแท้

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
รอบนี้เซ็ทเซ็ง555 อิพี่มันเล่นตัวหนีหลับก่อนซะงั้น :jul3:

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ตอนที่ 41



                ตีห้าเศรษฐพงศ์ก็ลืมตาตื่นเมื่อนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ส่งเสียงดังขึ้น เด็กหนุ่มที่นอนซุกกายในอ้อมกอดของคณินค่อยๆหย่อนเท้าพาร่างกายเปล่าเปลือยลงบนพื้นห้อง ดึงผ้าขนหนูที่ใช้พันตัวหลังอาบน้ำที่ถูกคณินนอนทับออกมาแล้วแล้วไปจัดการอาบน้ำอาบท่าแต่งเนื้อแต่งตัวเพื่อเตรียมเดินข้ามสะพานมอญไปใส่บาตรที่ฝั่งนู้น เมื่อออกมาจากห้องน้ำก็เห็นไอ้คนกากขี้เซานอนคว่ำสองแขนกอดหมอนหนุนใบใหญ่ เนื้อตัวเปล่าเปลือยเพราะผ้าขนหนูที่นุ่งก่อนนอนนั้นก็หลุดลุ่ยไม่ต่างกับเขาในตอนแรก บั้นท้ายที่กล้ามเนื้อครัดแน่นอวดล้อสายตาให้เศรษฐพงศ์น่าอายนัก โชคดีแล้วที่นอนคว่ำหากนอนหงายเห็นทีบุญที่จะทำคงโดนอะไรๆดีดจนกระจุยกระจายแน่ๆก้าวขึ้นเตียงด้วยความแผ่วเบาหลุดยิ้มน้อยๆยามเห็นใบหน้าของคนที่รักหลับพริ้ม เศรษฐพงศ์ค่อยๆก้มลงจนริมฝีปากจรดกับแก้มของคณิน กดจูบถ่ายทอดความคิดถึงที่ท่วมท้นในใจก่อนจะละออกมาใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเบาๆแล้วเลื่อนไปลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างเบามือ

 

                “คิน...คิน”เสียงเรียกใกล้หูทำให้คณินที่หลับสนิทค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น หยีตานิดหน่อยเมื่อในห้องสว่างจ้าด้วยแสงไฟดวงหน้าของเศรษฐพงศ์ปรากฏชัดเป็นอย่างแรกของเช้าวันใหม่พาให้ใจของชายหนุ่มยินดีเป็นยิ่งนัก

 

อยากตื่นมาแล้วเจอเศรษฐพงศ์ในทุกเช้าแบบนี้ตลอดไปจัง ในโลกนี้แก้วแหวนเงินทองเขามีมากมายหากวันหนึ่งต้องสูญไปเขาก็จะไม่นึกเสียดายเลยซักนิด แค่มีเศรษฐพงศ์ในชีวิตอย่างเดียวก็พอแล้ว ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกจนเต็มปอดบิดขยับตัวพลิกขึ้นมานอนหงายแล้วบิดขี้เกียจจนเศรษฐพงศ์ต้องเบือนหน้าหนีเมื่ออะไรๆพลันอร้าแอร่มอวดสายตา

 

                “ลุกไปอาบน้ำได้แล้ว มานอนเป็นชีเปลือยอยู่ได้ไอ้หน้าด้าน”เศรษฐพงศ์ว่าเข้าให้หลังจากบิดทีหลังๆนี่ไม่ใช่บิดขี้เกียจแล้วเมื่อคณินเห็นเศรษฐพงศ์พยายามเบี่ยงตาไปมองอย่างอื่นชายหนุ่มก็แกล้งบิดให้คินน้อยส่ายกระดุ๊กกระดิ๊กเรียกสีแดงจางๆบนผิวแก้มคนน้องได้อย่างไม่ยาก

 

แม้จะเคยมองเคยจับเคยครอบครองด้วยริมฝีปากมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วแต่ให้มานั่งมองแบบนี้มันก็น่าอาย

 

                “ไม่มอร์นิ่งคิสคินน้อยหน่อยเหรอ มันบอกว่าคิดถึงปากมึง”แกล้งพูดจาใส่หวังให้คนน้องเขินแต่กลับได้นิ้วกลางกลับมาเป็นรางวัล

 

                “คิสกับตีนกูนี่จะลุกดีๆหรือจะให้กูดีดจู๋มึง เร็วๆเดี๋ยวสายจะไม่ทันไปตักบาตรพระฝั่งนู้น”

 

                “โห่...มึงแม่งไม่โรแมนติกเลยว่ะ”คณินทำหน้ายู่ปากยื่นบ่นใส่คนน้อง และโดยไม่คาดคิดริมฝีปากอุ่นร้อนก็กดจูบลงบนคณินน้อยจนได้ยินเสียงดังจุ๊บแล้วผละออกอย่างรวดเร็ว

 

               " พอใจมึงยัง?”หันมาถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแต่ใบหน้าแดงยามไปยั้นใบหูและลำคอ คณินยิ้มกว้างจนตาปิด

 

                “พอใจแล้วครับ พอใจมากๆเลย”

 

สิบนาทีต่อมาคณินกับเศรษฐพงศ์ก็ออกมารวมกับเพื่อนๆ ย้งมือชงอันดับหนึ่งลอบมองร่างกายนอกร่มผ้าของเพื่อนอย่างสำรวจแล้วก็ได้แต่ทำหน้าผิดหวัง ไร้ร่องรอยใดใดทั้งสิ้น อุตส่าห์ช่วยให้เมาๆจะได้เคลิ้มๆกันแล้วแท้ๆ ไม่รู้ว่าไอ้คินมั่นโง่หรือไอ้เซ็ทมันตายด้านวะ เมื่อคืนเขาอุตส่าห์เงี่ยหูฟังห้องมันก็เงียบกริบ

 

หรือนี่มันสองคนถือศีล 227 ข้อ แบบพระวะ?

 

เด็กหนุ่มทั้งแปดคนออกเดินไปตามเส้นทางสายเดิมเหมือนเมื่อเย็นวานระหว่างทางมีร้านขายตะกร้าที่ใส่อาหาร น้ำ ขนม ดอกไม้เพื่อตักบาตรตอนเช้า ทุกคนซื้อติดมือหิ้วข้ามสะพานไปคนละตะกร้า อากาศยามเช้าเย็นสดชื่นกว่าในเมืองมากนัก เรือหางยาวหลายลำแล่นผ่านไปท่ามกลางความมืดยังไม่ทันหกโมงเช้าดีพระอาทิตย์ก็สาดแสงสีส้มก่อนจะค่อยๆอาบไล้แสงสว่างให้กับผืนโลก ผู้คนนับพันตั้งแถวรอขบวนพระสงฆ์ที่จะเดินแถวมารับบาตรในยามเช้าจากพุทธศาสนิกชนที่ส่วนมากจะเป็นนักท่องเที่ยว ด้วยความที่กว่าพระจะมายังอีกซักพักพวกเด็กๆจึงถ่ายรูปเล่น แวะกินโจ๊กซึ่งโต๊ะนั่งแออัดเว่อร์ กินกาแฟคนละแก้ว หมูปิ้งกับข้าวเหนียวร้อนๆอีกคนละสองไม้ เศรษฐพงศ์แวะร้านขายเครื่องประดับเลือกซื้อสร้อยนิลกับปิ่นเงินลายสวยเพื่อเอาไปฝากแม่ส่วนคณินนั้นซื้อเสื้อไปฝากพ่อจนกระทั่งเห็นชายจีวรอยู่ไกลลิบๆก็แทรกตัวไปยืนรอพระอยู่ด้านหน้า พระสงฆ์นับร้อยรูปเดินเรียงมารับบาตรโดยมีลูกศิษญ์ถือกระสอบมาคอยเก็บข้าวสารอาหารแห้ง น้ำ ผลไม้ รวมทั้งกับข้าวถุงลำเลียงออกไปคณินประคองมือเศรษฐพงศ์หยิบของใส่บาตร คนน้องแม้จะเก้อเขินกับอากัปกริยานั้นหากแต่ก็ไม่ได้ดึงมือออก ต่างช่วยกันใส่บาตรจนเสร็จโดยไม่รู้เลยซักนิดว่ายงศกรเก็บภาพนั้นไว้ได้หลายรูปทีเดียว

 

ช่วงค่ำทุกคนพากันไปเดินเล่นที่ถนนคนเดิน บรรดาร้านอาหารรวมทั้งของที่ระลึกละลานตา เศรษฐพงศ์นั่งยึดพื้นที่ที่ร้านขายโปสการ์ดเด็กหนุ่มเลือกออกมาหลายใบลงมือเขียนหาคนที่จะส่งให้คณินเองก็นึกสนุกเอาด้วยแต่เขาซื้อเพียงแค่ใบเดียวและไม่ได้เขียนอะไรทำเพียงเก็บใส่กระเป๋าและรอเศรษฐพงศ์เขียนข้อความในโปสการ์ดเงียบๆ บรรดาเพื่อนๆแยกไปตามแต่ความสนใจ และแน่นอนสองแฝดกับวีรดนัยปรี่ไปตามเส้นที่ขายอาหารเยอะๆ

 

                “เสร็จยัง ส่งหาใครเยอะแยะ?”

 

                “ไม่เสือกสิ”หันกลับมาตอบด้วยดวงตาใสๆแถมตีหน้าซื่อราวกับว่าไม่ได้เพิ่งทำตัวกวนตีนใส่คนพี่

 

                “ไม่ต้องมาพูดมากมานี่ช่วยกูประทับตราหน่อย”ผลักตัวตรายางเป็นสัญลักษณ์ของสังขละบุรีให้คนพี่ช่วยกันปั๊มลงไปในโปสการ์ดแล้วยื่นให้เจ้าของร้านแล้วลุกออกมาจากตรงจุดนั้น ทั้งสองเดินดูนั่นดูนี่จนมาถึงจุดที่มีขาหมูเสียบไม้เล็กๆยู่ในกะละมังใบใหญ่

 

                “มึงๆอยากกินอันนี้”เศรษฐพงศ์สะกิดแขนคนพี่ยิกๆ คณินเมื่อเห็นขาหมูก็หน้ายู่

 

รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่กินหมูมันๆ ไอ้ตัวดียังจะชวนกิน

 

                “นั่งรอเป็นเพื่อนหน่อยได้มั้ย มาสังขละไม่กินขาหมูเสียบไม้มันเหมือนมาไม่ถึงนะเว้ย”ไอ้ตัวดีหันมาทำตาใสใส่เขาแล้วคณินจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากพยักหน้าแล้วจำใจต้องนั่งลงข้างๆ

 

และเศรษฐพงศ์ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง เด็กหนุ่มซัดไปรวมทั้งสิ้น

 

                “170 ไม้...”คณินมองเศรษฐพงศ์ที่กำลังจ่ายเงินด้วยสีหน้าอึ้งๆ

 

                มึงไม่เลี่ยนเหรอวะ?”

 

                “เลี่ยนดิ่ แต่เนี่ย มันมีกระเทียมกับพริกแกล้มแก้เลี่ยน กระเทียมช่วยลดคอเลสเตอรอลด้วยไง ไปเหอะไปหาอะไรกินกัน”เศรษฐพงศ์คว้ามือของคณินพาจูงไปเดินหาอย่างอื่นกิน คณินมองมือของตัวเองที่ถูกเษรษพงศ์กุมไว้ก็อมยิ้มอย่างมีความสุข

 

ไม่บ่อยนักหรอกที่เศรษฐพงศ์จะแสดงออกอะไรให้ใครเห็นถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ เด็กหนุ่มเป็นคนคิดเยอะจนบางครั้งคณินก็รู้สึกว่าเศรษฐพงศ์นั้นคิดเยอะจนแบกทุกอย่างไว้เพียงลำพัง มือแกร่งบีบกระชับนิ้วหัวแม่มือของเศรษฐพงศ์ไว้อย่างอุ่นใจ ทั้งสองคนเดินท่ามกลางผู้คนแปลกหน้ามากมาย ต่างฝ่ายต่างอมยิ้มโดยที่ไม่ได้หันมามองหน้ากันเลยซักนิด

 

ทั้งๆที่อากาศในเดือนเมษายนนั้นแสนจะร้อนอบอ้าวมากแล้วแท้ๆ แต่คนสองคนกลับไม่ยอมปล่อยมือจากกันเลยแม้เพียงเสี้ยววินาที

 

คณินถือว่าคุ้มแล้วที่ขับรถสี่ร้อยกว่ากิโลเพื่อมาหาเศรษฐพงศ์ในครั้งนี้ แค่ได้เดินเคียงข้างกันไปอย่างเงียบๆอย่างนี้ก็พอแล้ว และหวังว่าจะได้เดินด้วยกันไปตลอดชีวิตอย่าได้มีอะไรมาแยกเขาทั้งคู่ออกไปจากกันเลย









 

 

 

 

 

                แต่นั่นแหล่ะ ความสุขมักอยู่กับเราไม่นาน หลังจากตะลอนเที่ยวจนทั่วสังขละที่สุดสองหนุ่มก็มานั่งปุ๊กท่ามกลางข้าวของเต็มห้องที่เศรษฐพงศ์เตรียมแพ็คกระเป๋าเพื่อย้ายไปเข้าหอในที่เชียงใหม่

 

                “ไม่ต้องใส่อะไรไปเยอะแยะหรอก ขาดเหลืออะไรค่อยไปซื้อเพิ่มที่นู่น”คณินบอกคนน้องที่ทำหน้าหนักใจ ไอ้นู้นก็อยากเอาไป ไอ้นี่ก็อยากเอาไป เศรษฐพงศ์หันมาทำหน้าหงิกใส่เมื่อคณินหยิบของออกจากกระเป๋าที่เขาแพ็คทีละอย่างสองอย่าง มีหรือว่าคนขี้เหนียวอย่างเศรษฐพงศ์จะยอม เด็กหนุ่มปรี่เข้าไปประทุษร้ายคนพี่ด้วยการตบหัวไปเสียทีหนึ่ง คณินรู้สึกเหมือนสมองซีกซ้ายจะย้ายมากองรวมกับสมองซีกขวายังไงยังงั้น

 

                “ของมันยังใช้ได้มึงจะต้องให้กูไปสิ้นเปลืองทำไมวะ”

 

                “มึงดูของแต่ละอย่างที่มึงจะเอาไป อย่าลืมพ่อเอารถกระบะขนไปให้มึงนะไม่ใช่สิบล้อ แล้วหอที่พักมึงอ่ะให้เดากูว่านอนสองคนไม่ก็ 4 คน มันไม่ได้กว้างพอจะใส่ของมึงคนเดียวหรอกนะ”

 

                “แต่ทิ้งไว้กูก็เสียดาย...”เศรษฐพงศ์บ่นออดแอดเมื่อคณินยังไม่เลิกเลือกเสื้อผ้าของใช้ของตนเองออกจากกระเป๋า

 

                “เนี่ย เสื้อเก่าขาดจนเป็นรูมึงจะเอาไปทำไม เอาไปทำผ้าขี้ริ้วได้แล้ว”ไม่พูดเปล่าคณินยังเหวี่ยงเสื้อยืดตัวย้วยที่เศรษฐพงศ์หวงนักหวงหนาตามด้วยตัวอื่นๆ ถ้าเป็นรายการทีวีคงมีซาวด์เอฟเฟ็คดังฟิ้วๆประกอบเป็นแน่

 

                “ไอ้เหี้ยคิน ตัวนี้ใส่ดีมาก”ตบเสร็จก็รีบเดินไปตามเก็บเสื้อที่คณินเหวี่ยงทิ้งไปตะกี๊พลางส่งค้อนตาเขียวปั๊ด คณินอ่อนอกอ่อนใจขึ้นมาทันที

 

เป็นคนขอให้เขามาช่วยจัดของเองแท้ๆ พอเอาอะไรออกก็โต้แย้งทุกอย่าง โรคขี้งกนี่ไม่เคยหายไปจากเศรษฐพงศ์ได้ซักที

 

                “ไม่ให้เอาไป”ชายหนุ่มจ้องกลับอย่างไม่กลัวเกรง เป็นไงเป็นกันวันนี้เขาจะต้องชนะ

 

                “จะเอา”หากแต่เศรษฐพงศ์ก็ดื้อดึงเสียงแข็ง

 

                “ถ้ามึงดื้อกูจะตีมึงนะไอ้เซ็ท”

 

                “กล้าดีก็เข้ามากูก็มีมือมีตีนเหมือนกัน”

 

คณิน::

 

ผมมองไอ้เซ็ทที่ยกมือตั้งการ์ดอย่างอ่อนอกอ่อนใจโรคขี้เหนียวของมันแก้ยังไงก็แก้ไม่หายซักที มองเสื้อในมือมันแล้วอดถอนหายใจไม่ได้ เสื้อสีดำที่บัดนี้ซีดจนเป็นสีดำๆเทาๆคอเสื้อผุย้วยไม่เป็นรูป บอกตามตรงเอาไปทำผ้าเช็ดตีนยังกลัวว่ามันจะขาดคาตีนแต่ไอ้เซ็มกลับกอดแนบอกราวกับทอด้วยไหมทองคำ

 

“เซ็ทครับ”ในเมื่อใช้ไม้แข็งไม่ได้ ผมก็เรียนรู้ว่าจะต้องใช้ไม้อ่อนกับมัน ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินไปหามัน มันเบี่ยงตัวหลบอย่างระวังภัย สายตาหวาดระแวงขั้นสุด สีหน้ามันเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินสรรพนามที่ผมเรียกมัน

 

งงล่ะสิไอ้สัด

 

“อย่าเอาไปเลย เก็บไว้บ้านนี่แหล่ะ เอาแต่ตัวที่สภาพดีๆไป ตอนนี้มึงอาจจะหงุดหงิดที่เอาไปไม่ได้ แต่มึงเชื่อเหอะพอถึงหอมึงจะขอบคุณกู หอในมันไม่ได้สะดวกสบายเหมือนหอนอกหรอกพื้นที่จำกัดจำเขี่ยจะตายไป ขาดเหลืออะไรค่อยไปซื้อเอา มันไม่ได้หนักหนาอะไรบ้านเราก็มีเงินมึงไม่ต้องกลัวแพงกูจะซื้อให้เอง”

 

“กูไม่ได้กลัวของแพงกูกลัวว่าพอกูไม่อยู่มึงจะมาเอาไปทิ้ง เสื้อตัวนี้แม่กูซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ถึงมันจะเก่าแต่กูใส่นอนได้”ผมมองมันที่บรรจงพับเสื้อตัวนั้นอย่างเรียบร้อยแล้วก็เกิดความรู้สึกผิด

 

เพราะแม่ผมตายตั้งแต่ผมอายุ 14 ผมจึงไม่มีโมเม้นท์ปลื้มกับของที่แม่ซื้อให้ ความผูกพันกับพ่อก็เป็นไปตามแบบฉบับพ่อกับลูกชาย พ่อปล่อยให้ผมดูแลตัวเองมาตั้งแต่แม่เสียไม่ได้เข้ามาวุ่นวายกับรสนิยมเสื้อผ้าข้าวของอะไร ที่สุดผมก็ยอมแพ้

 

“เอาตัวนั้นไปด้วยก็ได้ แต่ตัวอื่นเก็บไว้ที่บ้านโอเคมั้ย?”ผมยื่นข้อเสนอพบกันครึ่งทาง ในที่สุดมันก็ตกลง ผมออกอุบายให้มันลงไปทำข้าวกลางวันส่วนผมจะเป็นคนเก็บกระเป๋าให้มันเอง พอมันไม่อยู่ในห้องออะไรๆก็ง่ายขึ้น ผมจัดต่อของที่จำเป็นต้องใช้ใส่กระเป๋าให้มัน พวกเอกสารต่างๆแยกใส่อีกกระเป๋าหนึ่ง ในที่สุดจากเสื้อผ้าที่มันขนเหมือนจะย้ายบ้านก็เหลือเพียงกระเป๋าดินทางกระเป๋าเดียว ผมนั่งลิสต์รายการของที่จะไปซื้อเพิ่มเติมที่นู่น พวกของใช้ส่วนตัว ชุดนักศึกษา กระเป๋าต่างๆจนเกือบบ่ายมันก็ตะโกนเรียกให้ผมลงไปกินข้าว

 

ผมกับไอ้เซ็ทมีเวลาอยู่ด้วยกันในช่วงบ่ายเราขับรถไปวัดไอ้เซ็ทเอาพวงมาลัยกับธูปไปไหว้ที่เจดีย์บรรจุอัฐิของพ่อมัน มันยกมือไหว้หลับตาอยู่ซักพัก น่าจะกำลังบอกกล่าวกับพ่อมันว่ามันคงไม่อยู่ซักพัก นานเกือบสิบนาทีมันจึงปักธูปลงในกระถาง เราพากันเดินลงไปที่ตีนท่ามีศาลาที่ทางวัดทำไว้เพื่อให้คนที่มาไหว้พระหรือมานั่งรับลมได้ลงมาให้อาหารปลา

 

แม้จะเป็นกิจกรรมที่ผมเกลียดเพราะมันเลอะและเหม็นมือ แต่พอคิดว่าหลังจากนี้คงไม่มีโอกาสให้ทำนู่นทำนี่ร่วมกับมันบ่อยๆผมก็ไม่ลังเลและอิดออดที่จะช่วยมันโปรยอาหารลงไปในน้ำเลยซักนิด

 

อยากมีมนตร์วิเศษยืดเวลาที่ผมจะได้อยู่ร่วมกับมัน แต่สุดท้ายวันรุ่งขึ้นเราทั้งสี่คนก็ต้องออกเดินทางกันแต่เช้าตรู่ พ่อกับน้าลดาขับรถกระบะไปเพราะท้ายรถมีกระเป๋าสัมภาระของเพื่อนไอ้เซ็ทติดไปด้วย ส่วนเพื่อนๆมันตัดสินใจนั่งรถไฟไปกันเองตั้งแต่เมื่อวาน เราขับรถกันแบบไม่ได้รีบร้อนนัก แพลนของวันนี้คือขับไปให้ถึงลำปางแล้วพักที่บ้านเพื่อนพ่อ 2 คืน พรุ่งนี้เที่ยวรอบเมืองลำปางแล้วจึงเข้าเชียงใหม่ในวันถัดไป ช่วงสายเราแวะกินข้าวที่กำแพงเพชรแล้วตียาวจนถึงลำปางในช่วงเย็น ไอ้เซ็ทดูตื่นตาตื่นใจกับสภาพข้างทางรวมทั้งภูเขาสวยๆที่เหมือนอยู่ในหนังกำลังภายในของจีนแถวจังหวัดตาก อาการกลัวรถของมันมีไม่มากอาจจะด้วยความชินแล้วหรือเพราะไม่ใช่รถกะบะ มันที่ปกติมักจะหลับเพราะเวียนหัวก็มองซ้ายมองขวาอย่างตื่นตาตื่นใจเหมือนเด็กเล็กๆ บ่ายสามกว่าๆเราก็ถึงลำปาง

 

“ไม่เคยมาภาคเหนือเลยใช่มั้ย?”ผมถามมันเมื่อมันเปิดกระป๋องน้ำอัดลมที่แช่มาในกระติกน้ำแข็งยื่นให้ผม ผมไม่ได้รับมาดื่มทำเพียงงับหลอดที่ยื่นมาส่วนมันก็ถือกระป๋องรออย่างรู้งาน

 

“ไม่เคยอ่ะ กูไม่ได้ได้ไปไหนมึงก็รู้”เราช่วยกันขนของฝากลงจากรถ ป้าแต๋นกับลุงสมรเจ้าของบ้านออกมาต้อนรับพวกเราพลางเอ่ยทักทายน้าลดากับไอ้เซ็ทราวรู้จักกันมานานอย่างเป็นกันเอง ทำให้ไอ้เซ็ทที่ตอนแรกมีท่าทางเกร็งๆผ่อนคลายขึ้น เพราะมาถึงในตอนเย็นก็ได้เวลาหุงหาอาหารป้าแต๋นพาผมกับไอ้เซ็ทรวมทั้งน้าลดาไปซื้อกับข้าวที่กาดอะไรซักอย่างส่วนมากเป็นของพื้นเมืองและของสดของแห้งผลไม้ใส่ถุงก๊อบแก๊บขายในราคาถูก เมื่อซื้อของเสร็จป้าแต๋นก็พาเราไปที่ร้านขายผ้าผมกับไอ้เซ็ทได้แต่นั่งเบื่อเหมือนป้าแต๋นจะรู้ก็เลยบอกให้เราไปนั่งรถม้าเล่นชมเมือง ไอ้เซ็ทมีท่าทางตื่นเต้นทันที ดูก็รู้ว่ามันอยากไป เราเดินออกมาตรงจุดที่รถม้าจอดต่อแถวกันอยู่ เมื่อถามราคาเราก็ตกลงกันว่าจะนั่งแค่รอบเล็กพอเพราะก็เย็นพอสมควรแล้ว ไอ้เซ็ทช่างอยากรู้อยากเห็นพูดคุยกับคนขับรถม้าจ้อ

 

“ทไมต้องบังตาม้าไว้ล่ะครับพี่?”

 

“ม้ามันมองเห็นรอบครับบังตามันไว้มันจะได้ไม่เห็นรถหลังไม่เห็นอะไรรอบข้างมันจะได้ไม่ตกใจไม่ตื่นจนวิ่งเตลิด”ผมฟังไอ้คนมนุษย์สัมพันธ์ดีคุยจ้อกับคนขับรถม้าเพลินพอเสร็จก็เดินกลับไปหาป้าแต๋นกับน้าลดาที่ร้านผ้าไหมตามเดิมจากนั้นจึงพากันกลับบ้าน เมื่อถึงบ้านเราช่วยกันขนกับข้าวทั้งสดและแห้งเข้าไปวางไว้บนโต๊ะยาวในครัวป้าแต๋นกับน้าลดาจึงพากับเข้าครัวเพื่อเตรียมกับข้าวกับปลา ส่วนลุงสมรกับพ่อก็จัดการตั้งวงโดยที่เรียกผมกับไอ้เซ็ทไปนั่งร่วมดื่มด้วย เราสองคนไม่ได้ดื่มเยอะส่วนมากจะตอบคำถามเสียมากกว่า

 

“ไม่ได้เจอคินมากี่ปีแล้วนะ ตั้งแต่ยังตัวน้อยๆเผลอแป๊บเดียวเป็นหนุ่มแล้ว”เมื่อก่อนลุงสมรทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมไฟฟ้าอยู่ที่เขื่อนศรีแล้วจึงย้ายมาทำงานที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะทำให้ไม่ได้เจอกันอีกเลยเรานั่งกินกันไปเรื่อยๆแล้วไอ้เซ็ทก็ขอตัวแยกไปช่วยแม่มันทำกับข้าวในครัว มันคงเก้อเขินหรือไม่ก็อึดอัดเพราะไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวไม่นานโต๊ะอาหารก็คราคร่ำไปด้วยกับข้าวหน้าตาน่าทาน

 

“เห็นลดาบอกว่าคินไม่กินเผ็ดใช่มั้ย ป้าเลยทำน้ำพริกอ่องให้คินน่าจะกินได้”ป้าแต๋นวางจานข้าวให้ผม บนโต๊ะมีน้ำพริกอ่องกับผักสดหน้าตาน่ากิน มีหมูทอดซึ่งคิดว่าน้าลดาเป็นคนทำ ต้มจืด ลาบคั่ว เพราะความหิวและเหนื่อยจากการเดินทางทำให้เราฟาดอาหารบนโต๊ะโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงมาก ลุงสมรกับป้าแต๋นบอกโปรแกรมที่เราจะไปกันในวันพรุ่งนี้ทำให้พอจะรู้คร่าวๆว่าลุงจะไปพะเยาแวะไปหาลูกชายที่เรียนที่ ม.พะเยา แล้วไปไหว้พระที่วัดอนาลโยแล้วไปจบที่กว๊านพะเยา เมื่อจบมื้ออาหารผมก็เข้าไปช่วยไอ้เซ็ทล้างจาน จริงๆเป็นไอ้เซ็ทล้างคนเดียวผมแค่ช่วยรับจานที่มันล้างเสร็จแล้วมาเช็ดจนแห้งแล้วคว่ำแค่นั้นเอง ใช้เวลาไม่นาน เราก็ผลัดกันเข้าไปอาบน้ำ บ้านป้าแต๋นจัดว่าสะดวกสบายพอสมควรมีฝักบัว เครื่องทำน้ำอุ่นครบครันเมื่อออกมาจากห้องน้ำก็เห็นไอ้เซ็ทนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นมีซองหลากอัดไว้เต็มขันใบใหญ่

 

“พอดีที่บ้านเพิ่งเสร็จงานศพย่าน้องเดียวน่ะจ้า มาช่วยป้าเปิดซองหน่อย”ป้าแต๋นว่าก่อนจะหยิบขันมาวางอีก 2-3 ใบ

 

นี่เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกทึ่งราวพบสิ่งมหัศจรรย์

 

ปกติเวลาที่ผมกับพ่อไปงานเลี้ยงขั้นต่ำเงินที่ใส่ซองก็หลักพันแต่พอผมฉีกสองบางสิ่งบางอย่างก็ร่วงลงพื้น

 

แกร๊ง....และกลิ้งหล่นไม่ไกล

 

เหรียญสิบ?

 

ผมกับไอ้เซ็ทมองหน้ากันอย่างแปลกใจ เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นว่ามีคนใส่เหรียญสิบบาทใส่ซอง ป้าแต๋นดูเหมือนจะรู้แกมีสีหน้ายิ้มๆ

 

“คนแถวนี้มีแต่ชาวบ้านน่ะ 5 บาท 10 บาท มันคือน้ำใจของเขา บางทีเราอาจจะมองว่าเป็นเงินแค่นั้นแต่เขาหามาด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน”

 

“แถวบ้านผมถ้าระดับชาวบ้านอย่างต่ำก็สองร้อยแล้วครับ”ไอ้เซ็ทมันว่า

 

“แถวนี้ช่วยบุญกันจริงๆไม่ได้อยากให้มาช่วยแล้วต้องเดือดร้อนเพื่อนบ้าน”เราพยักหน้ารับรู้แล้วพากันนั่งแกะซองเรื่อยๆจนเสร็จ จากนั้นก็เข้าไปนอนในห้องเดียวกับน้าลดากับพ่อ ผมกับไอ้เซ็ทได้นอนฟูกที่ลุงสมรแบกเข้ามาให้ส่วนพ่อกับน้าลดานอนบนเตียง

 

“นอนได้มั้ยจ๊ะคิน?” น้าลดาถามผมอย่างเป็นห่วง

 

“ได้ครับ”ผมตอบกลับไปก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆไอ้เซ็ทที่เดินไปปิดไฟเรียบร้อย น้าลดาปิดโคมไฟหัวเตียงผมค่อยๆเลื่อนมือไปจับมือไอ้เซ็ทภายใต้ผ้าห่มผืนบาง เกลี่ยหลังมือมันเบาๆไอ้เซ็ททำตาเขียวผ่านความมืดแต่ผมก็ไม่ได้กลัว มันไม่ต่างจากลูกแมวที่เอาแต่พองขนขู่เลยซักนิด ผมนึกสนุกอยากแกล้งมันเพิ่มอีกซักหน่อยเลยดึงมือของมันมาลูบกับกลางกายของผมหน้าตาเฉย ไอ้เซ็ทชักมือออกราวกับถูกไฟช๊อต ผมหัวเราะหึๆเบาๆในลำคอแต่ก็ไม่ได้แกล้งอะไรมันอีก

 

ทำเป็นสะดีดสะดิ้ง เดี๋ยวจะไม่ได้จับอีกนานแล้วจะคิดถึงนะมึ๊ง

 

 


 





........................................





เหลือเวลาอีก 2 วัน ที่พี่คินจะได้อยู่กับน้องเซ็ทนะจ๊ะ จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้แจ๊ะ แอร๊ววววววววววววววว


ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ก่อนจากมันต้องมี...ฝากความเป็นคิณไว้กับเซ็ทบ้างล่ะน้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เหมือนได้เที่ยวไปกับคินเซ็ทเลย

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ตอนที่ 42



Faded Red Hand Blue Bow Heart
            คณิน::

 

ผมกำลังกลั้นหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดงเมื่อเห็นปฏิกริยาของไอ้เซ็ทที่บ่นเป็นหมีกินผึ้งอยู่ข้างๆ ในมือของมันมีสัปปะรดถุงใหญ่ที่เจ้าตัวกินไปบ่นไป

 

            “แม่ง เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเห็นปอกเปลือกจนเกือบถึงแกน เนื้อที่ถูกเฉือนออกไปนั่นรวมกันได้ตั้งหลายโล”

 

ครับ...ไอ้เซ็ทมันกำลังบ่นเจ้าของไร่สัปปะรดที่ลุงสมรกับป้าแจ๋วพาไปแวะซื้อตอนแรกก็ไม่มีปัญหาอะไรแต่พอตกลงซื้อเสร็จเจ้าของก็บริการปอกเปลือกสัปปะรดให้ พอคมมีดฝังลงบนเนื้อสัปปะรดไอ้เซ็ทก็เอามือมาจิกแขนผมจนเจ็บไปหมด สายตาที่มันมองบ่งบอกถึงความเสียดายอย่างสุดซึ้ง

 

คือต้องอธิบายซักนิดคนเมืองกาญจน์บ้านผมเวลาเราปอกสัปปะรดเราจะฝานเปลือกแข็งๆออกแต่ตายังอยู่เราก็จะใช้มีดบั้งตาออกจนเป็นลายตารางขวางๆใช่มั้ยครับ แต่ที่นี่ลุงเจ้าของไร่เล่นเฉือนออกจนตามันหายไปเลย แน่นอนมันย่อมเข้าเนื้อไปค่อนข้างหนา

 

ไอ้เซ็ทเกิดอาการหน้ามืดเหมือนจะล้มด้วยความเสียดายของ

 

            “ของมันก็ปอกไปแล้วมึงจะบ่นไปทำไม”ผมหันไปเอ็ดมันเบาๆเมื่อมันยังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทุกครั้งที่มันนึกถึง

 

            “ก็กูเสียดายนี่ โอ้ยไอ้เหี้ย อยากจะด่าแล้วแม่งหวานอร่อยด้วยยิ่งคิดยิ่งเสียดาย นี่ถ้ากูไม่กลัวแม่กับลุงอายกูจะหอบเปลือกมาแทะแดกบนรถด้วย”มันนั่งบ่นอย่างนี้ไปตลอดทางโชคดีที่ว่าแม่ของมันกับพ่อของผมนั่งไปกับรถของลุงสมรที่ขับนำเราอยู่ด้านหน้าไม่อย่างนั้นทั้งสองท่านคงหูชาแบบผมแน่ๆ

 

ถ้ามึงจะชอบขนาดนี้กูวกรถกลับไปซื้อไร่สัปปะรดให้มึงแดกคนเดียวแดกเปลือกมันเข้าไปด้วยเลยก็ได้นะ ปากกาพร้อมเช็คพร้อมกูพร้อมมาก

 

เกือบเที่ยงในที่สุดเราก็เข้ามาในบริเวณ ม.พะเยา ที่ลูกชายของลุงหมอนเรียนอยู่ บรรยากาศร่มรื่นและวิวที่สวยงามนั้นสะกดตาพวกเราได้อย่างเหลือเชื่อ มีต้นไม้และภูเขาเต็มไปหมดตรงส่วนนี้แตกต่างจากบ้านผมคือมันยังคงความเขียวชอุ่มสัมผัสได้ถึงความชื้นต่างจากเมืองกาญจน์ที่หน้าร้อนมีแต่ไอระอุของเปลวแดด บริเวณชายเขาหรือป่าข้างทางจะกลายเป็นสีน้ำตาลมีรอยเผาเป็นระยะๆจากไฟป่า ลุงสมรพาเราไปจอดหน้าหอประชุมหรืออะไรซักอย่างที่มีนักศึกษารวมตัวกันอยู่ทางด้านหนึ่งไม่นานนักผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ผิวคมเข้มแต่ไม่ได้คล้ำก็เดินตรงมาที่พวกเรา ไอ้เดียวเป็นเพื่อนเล่นของผมเมื่อตอนเล็กๆมันเดินมายกมือไหว้พ่อกับม่ของมันรวมทั้งพ่อของผมกับแม่ไอ้เซ็ท พ่อของผมดึงมันเข้ามากอดแล้วตบหลังไม่เบานัก

 

            “ไม่เจอนิดเดียวโตจนจะมีเมียแล้วนะเนี่ย”พ่อเอ่ยแซวไอ้เดียวมันพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกับพ่อแม่มันอีกหน่อยจากนั้นพวกผู้ใหญ่ก็พากันขึ้นรถโดยที่ไอ้เดียวสะพายกระเป๋าใบใหญ่เดินมาหาผมกับไอ้เซ็ท เรายกมือขึ้นมาแปะกันแรงๆ

 

            “ไงมึง ไม่เจอกันตั้งนานมีเมียยังวะ”ผมแกล้งแซวมันเหมือนที่พ่อแซวมันชูนิ้วกลางให้ผมเป็นคำตอบก่อนจะหันมามองไอ้เซ็ทด้วยสายตาตั้งคำถาม ผมโอบไหล่ไอ้เซ็ทแล้วแนะนำมันสองคนให้รู้จักกัน

 

            “แล้วนี่ยังไง ทำไมไม่ไปกับพ่อแม่มึง?”ผมถามไอ้ตัวที่ขึ้นมานั่งทำหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ที่เบาะหลังของผมอย่างหงุดหงิดนิดหน่อย

 

            “กูก็อยากคุยกับเพื่อนเก่าบ้าง แล้วนี่เซ็ทมาเรียนที่แม่โจ้กี่ปีอ่ะ”มันตอบผมเสร็จก็หันไปหาไอ้คนที่หยุดบ่นเรื่องสัปปะรดไปได้เพราะเกร็งเวลาเจอคนแปลกหน้า

 

            “2 ปี ผมจบ ปวส.มา”แหม แทนตัวว่าผมเพราะไอ้เดียวอายุเท่ากับผม ส่วนกับผัวเรียกว่ามึง เยี่ยมครับ น้องเซ็ทคนดจีย์ ออกเสียงแบบคุณพีชสตีเฟ่นโอปป้า!!

 

            “อือ ก็ดีนะ แม่โจ้เรายังอยากไปเรียนเลย”

 

            “แล้วมึงมา ม.พะเยาทำไม”ผมหมั่นไส้เลยอดขัดไม่ได้

 

            “ไม่เสือกสิครับคุณคณิน”ไอ้เดียวหันกลับมาแว้งกลับผมอีกรอบ ผมปล่อยให้มันชวนไอ้เซ็ทคุยไปเรื่อยๆเพื่อให้มันหายขัดเขินกันจนในที่สุดเราก็มาจอดรถบริเวนกว๊านพะเยา

 

            “ไอ้คินๆ แป๊บๆ”ผมหยุดเดินเมื่อไอ้เดียวร้องเรียก

 

            “อะไร?”

 

            “กระหรี่”ไอ้เซ็ทหันขวับเมื่อได้ยินคำตอบทำให้ผมพลอยหันตามไปด้วย ไอ้สันดานที่แหกปากคำว่ากะหรี่ดังลั่นกำลังกลั้นขำจนหน้าเขียว

 

            “ไอ้เหี้ย คราวหลังเรียกให้มันครบๆ กะหรี่ปั๊บมึงจะตัดคำตามอำเภอใจอย่างนั้นไม่ได้”ผมด่ามันที่หลุดหัวเราะก๊ากออกมา มันเดินไปสั่งกะหรี่ปั๊บจำนวนหนึ่งแล้วก็พากันเดินมาสมทบกับพ่อๆแม่ๆที่เริ่มสั่งอาหาร บริเวณที่เรานั่งสามารถชมวิวที่กว๊านพะเยาได้มันถูกทำเป็นซุ้มมุงด้วยจากแบบง่ายๆ เมื่ออาหารมาพวกเราก็ลงมือกินกันแบบไม่ต้องพิรี้พิไรมานั่งเกรงใจอะไรกันอีก ผมเน้นพวกไก่ย่าง ปลาเผา ไอ้เซ็ทสั่งส้มตำไทยไข่เค็มแบบไม่เผ็ดมาให้ ผมทานลาบแบบเหนือไม่ค่อยได้เพราะมันใส่สมุนไพรมีกลิ่นบางอย่างที่ผมไม่คุ้นลิ้น ไอ้เซ็ทคอยตักนู่นเติมนี่ให้ผมและคนรอบโต๊ะพวกเราใช้เวลากินข้าวกันราวหนึ่งชั่วโมงเราก็เดินทางไปที่วัดอนาลโยตามที่ตั้งใจไว้ ไอ้เซ็ทซื้อของฝากแถวทางขึ้นวัดที่มีขายเพื่อเอาไปฝากเพื่อนๆของทั้งมันและของผม

 

เนี่ย มีเมียดีก็เงี๊ยะ คิดแทนให้เราหมด ยืนชื่นชมไปควักกระเป๋าตังค์จ่ายไปอย่างเคยชิน

 

            “นี่พวกมึงใช้เงินกระเป๋าเดียวกันเหรอวะ?”ไอ้เดียวยื่นหน้ามาแทรกกลางระหว่างผมกับไอ้เซ็ท ไอ้เซ็ทมีสีหน้าเหวอๆ ส่วนผมก็ลืมนึกไปซะสนิทว่าไม่ได้เดินด้วยกันแค่สองคน

 

            “ทำยังกะผัวเมียกันเลยไอ้ห่านี่ นี่ถ้าไอ้เซ็ทเป็นผู้หญิงกูจะนึกว่ามึงแอบคบกันแล้วนะเนี่ย”มันพูดจบก็ตบไหล่ผมกับไอ้เซ็ทแปะๆแล้วเดินตามไปสมทบกับแม่มันที่กวักมือเรียกหยอยๆทิ้งให้ผมกับไอ้เซ็ทหันมามองหน้ากันด้วยสีหน้าที่อธิบายยาก

 

            “เดินห่างๆกูเลยมึง”มันว่าก่อนจะยัดถุงของฝากใส่มือของผมแล้วรีบเดินจ้ำอ้าวตามแม่มันไป ถ้าตาไม่ฝาดผมว่าผมเห้นหน้ามันแดงลามลงไปยั้นลำคอ

 

ไม่รู้ว่าร้อนหรือเขินกันแน่

 

โชคดีที่ไอ้ห่าเดียวไม่พูดแบบนี้ตอนอยู่ต่อหน้าพ่อแม่ของเราสองคน

 

ถึงแม้ใจของผมอยากเปิดตัวกับพ่อและแม่ของมันแค่ไหนแต่ไอ้เซ็ทบอกว่ายังไม่ถึงเวลา มันอยากให้พวกเราเรียนจบแล้วมีงานมีการทำกันเสียก่อน

 

ว่าไงก็ว่าตามกัน ไม่ว่าจะบอกตอนไหนผมก็พร้อมจะเป็นผัวมันเสมอนั่นแหละ









 

 

            ในที่สุดหลังจากพักที่ลำปางอีกคืนรุ่งเช้าครอบครัวของคณินก็มุ่งหน้าเข้าสู่เมืองเชียงใหม่รถกระบะของคณิตที่ขนสัมภาระมาถึงก่อนโดยมีเพื่อนๆของเศรษฐพงศ์ออกมารับพร้อมรุ่นพี่ที่มาช่วยน้องขนของขึ้นไปไว้ในหอ รุ่นพี่ที่มาช่วยเศรษฐพงศ์ขนของชื่อมิ่งกมลเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีผิวขาวพอๆกับคณินสูงไล่เลี่ยกับคณินเช่นกัน มิ่งกมลเป็นหนุ่มเหนือโดยแท้ภูมิลำเนาเดิมอยู่เชียงราย ยิ้มง่ายมีออร่าความจิตใจดี ชายหนุ่มยกมือไหว้สวัสดีทักทายพ่อและแม่ของเด็กทั้งสอง พูดจาไพเราะน่าฟังแถมเศรษฐพงศ์ยังทำท่าเหมือนจะสนิทกับรุ่นพี่ป้ายแดงได้อย่างง่ายๆ

 

ในหอพักที่สภาพไม่เลวนัก หอหนึ่งนอนกัน 4 คน แต่ละคนจะมีเตียง ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะหนังสือส่วนตัวของใครของมัน ส่วนห้องน้ำแยกรวมอยู่ด้านนอกใช้รวมกันทั้งชั้นรวมทั้งห้องอาบน้ำและห้องที่เอาไว้ซักผ้าด้วยเช่นกัน เมื่อเอาชองมาเก็บเจอรูมเมทที่ทางหอจัดให้แล้วเศรษฐพงศ์กับเพื่อนๆก็ต้องไปรายงานตัว ชำระค่าบำรุงต่างๆวิ่งวุ่นไปมาตรงนั้นทีตรงนี้ทีโดยให้คณิตกับลดานั่งรอใต้ร่มไม้แบบพ่อแม่คนอื่นๆ คณินทำท่าจะตามเศรษฐพงศ์ไปด้วยแต่ก็ต้องตามกลับไปนั่งกับพ่อเพราะเศรษฐพงศ์ด่าไม่ให้ตามไป เพราะถึงไปก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี  เศรษฐพงศ์และเพื่อนๆตามมิ่งกมลไปซื้อเสื้อลายสก๊อตเพื่อเตรียมสำหรับวันเฟรชชี่ไนท์ ชุดนักศึกษารวมทั้งพาไปตระเวนว่าร้านค้าหรืออะไรอยู่ตรงไหนก่อนจะพาไปดูคณะ หน้าคณะรกครึ้มไปด้วยพรรณไม้จนอดจะอ้าปากค้างไม่ได้ เมื่อมองตึกอีกฝั่งของอีกคณะเศรษฐพงศ์กับพวกเพื่อนๆได้แต่ขำ

 

            “ทำไมคณะเรามันแลเก่าๆวะ”โอบนิธิบ่นออกมาเบาๆ

 

            “มันเป็นสไตล์เว้ย น่าจะเพื่อความขลัง”หลังทัวร์รอบมหาวิทยาลัยจบลงเศรษฐพงศ์ก็เดินหน้าซีดกลับมาหาครอบครัว ใบเอกสารในมือยกขึ้นมาโบกพัดไล่ความร้อน

 

            “เสียดายเงินจังแม่ “คนเป็นลูกยื่นบิลค่าใช้จ่ายต่างๆให้แม่รับไปใส่แฟ้ม ลดาลูบผมลูกอย่างเอ็นดู

 

            “มันก็แบบนี้แหละลูก ยิ่งเรียนสูงค่าใช้จ่ายก็เยอะ แล้วนี่เพื่อนๆไปไหนกันหมดแล้วล่ะ?”

 

            “มันจะออกไปกินข้าวหน้ามอกับพวกรุ่นพี่น่ะครับ”

 

            “พูดถึงรุ่นพี่ ที่นี่เขาดีเนอะมีให้รุ่นพี่มาเทคแคร์น้องๆ ยิ่งคนที่มารับเราหน้าตาดีมารยาทดีแม่ชอบ”ลดาเอ่ยปากชมมิ่งกมลจนคณินอดทำปากคว่ำไม่ได้ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนพลางใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างไม่สบอารมณ์

 

            “มึงเสร็จแล้วใช่ป่ะ งั้นก็ออกไปหาอะไรกินกันเถอะหิวแล้ว”นั่นแหละทั้งหมดจึงยกขบวนกันไปหาข้าวกินโดยคณินเป็นคนขับรถพาไปทิ้งรถกระบะไว้ ระหว่างทางเศรษฐพงศ์เห็นมิ่งกมลเดินอยู่ริมทาง เด็กหนุ่มลดกระจกทำท่าจะทักรุ่นพี่หากแต่คณินก็ไวกว่า ชายหนุ่มแกล้งเหยียบคันเร่งกระชากรถจนพ่อแม่และเศรษฐพงศ์หัวสั่นหัวคลอน

 

            “ขับรถอะไรของมึงเนี่ย”

 

            “โทษที พอดีกูหิว”

 

คณินใช้เวลาในการเลือกร้านอาหารพอสมควรในที่สุดทั้งสี่คนก็ตกลงกันที่จะแวะร้านอาหารที่อยู่ในตัวเมืองนั่งกินอาหารกันไปคุยกันไปส่วนมากจะเป็นลดาที่สอนเรื่องนั้นเรื่องนี้กับเศรษฐพงศ์

 

คณินนั่งฟังสองแม่ลูกคุยกันโดยทีพ่อของเขาร่วมวงสนทนาด้วยก็ให้รู้สึกเต็มติ้นขึ้นในอก เขาไม่เคยทีแม่มานั่งสั่งสอนการใช้ชีวิต การคบเพื่อน การวางตัวกับผู้คนอย่างเศรษฐพงศ์เลยนึกโกรธตัวเองที่เมื่อก่อนเคยตั้งแง่เอากับลดาจนทำให้บรรยากาศในครอบครัวอึมครึมมาตลอด นึกโกรธตัวเองที่เคยกล่าวเหยียดหยามดูถูกลดาทั้งๆที่คนอาวุโสกว่าไม่เคยทำอะไรให้เคืองขุ่นเลยซักนิด

 

คณินมองเวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆเวลลาที่เขากับเศรษฐพงศ์จะได้ใช้ร่วมกันลดน้อยทีละวินาทีแม้ไม่อยากแยกจากแต่คนเราทุกคนต่างมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ในที่สุดเมื่ออาหารบนโต๊ะหมดลงคณินก็ลุกขึ้นยืน

 

            “เซ็ทไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนกูหน่อย” ไม่รอให้เศรษฐพงศ์เอ่ยปฏิเสธชายหนุ่มก็ดึงมือของคนน้องให้ลุกตามไปในทันที เมื่อเข้ามาในห้องน้ำที่ไร้คนคณินก็ถือวิสาสะดันตัวเศรษฐพงศ์เข้าไปในห้องริมสุดแล้วกดล็อคประตูในทันที เศรษฐพงศ์อ้าปาดจะด่าแต่กลับต้องเงียบเสียงไปเมื่อคณินยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะริมฝีปากของเขาอย่างแผ่วเบา ดวงตาที่เคยเฉยชากับทุกสิ่งบัดนี้กลับดูเศร้าจนน่าใจหาย

 

            “อยู่กับกูแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวเราก็ต้องแยกกันแล้ว”คำร้องขอแสนเว้าวอนนั้นทำให้เศรษฐพงศ์ยืนนิ่งปล่อยให้คณินดึงร่างเข้าไปกอด เกิดความเงียบไร้เสียงพูดจามีเพียงอ้อมแขนที่กระชับร่างของเขาแน่นขึ้น เสียงสูดน้ำมูกของคณินทำให้เศรษฐพงศ์รู้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มกำลังร้องไห้

 

คณินในตอนนี้น่ารักน่าใคร่เสียเหลือเกิน น่ารักจนอดที่จะยกมือขึ้นมาลูบหลังลูบไหล่อย่างปลอบใจไม่ได้

 

            “จะร้องไห้ทำไมวะ เดี๋ยวปิดเทอมก็ได้เจอกัน”

 

            “อีกตั้งหลายเดือน”คนพี่เอ่ยเถียงเสียงอู้อี้

 

            “ก็อดทนนิดหนึ่งไม่ได้เหรอ ใช่ว่ามึงต้องอดทนคนเดียวเมื่อไหร่กูก็ต้องอดทนเหมือนกัน”

 

            “แต่กูต้องคิดถึงมึงมากแน่ๆ”เอ่ยเถียงอีกครั้งจนเศรษฐพงศ์หลุดขำ

 

            “กูก็คิดถึงมึงเหมือนกัน อดทนได้มั้ย อีกแค่สองปี แล้วกูสัญญาว่ากูจะไม่หนีมึงไปไหนไกลๆอีก เรียนจบเมื่อไหร่กูจะเกาะมึงเป็นเห็บหมาต่อให้มึงสลัดกูก็ไม่ไปดีมั้ย?”ดันร่างของคณินออกพลางใช้ปลายนิ้วเกลี่ยหยาดน้ำตานั้นอย่างแผ่วเบา

 

โตแต่ตัวจริงๆไอ้คินเอ้ย แล้วแบบนี้จะทิ้งลงได้ยังไงกันวะ

 

ไม่ใช่มึงรักกูฝ่ายเดียวซักหน่อย กูก็รักมึงมากเหมือนกัน

 

            “อย่ามีใคร  อย่าไปชอบใครนอกจากกูนะ”น้ำเสียงกลับมาดื้อดึงเอาแต่ใจอีกหน เศรษฐพงศ์กรอกตามองบนกับนิสัยขี้หึงของคณิน

 

            “กูจะไปมีใครได้ วันๆนอกจากเรียนกูก็คุยแต่กับมึงจนเพื่อนๆจะเนรเทศออกจากกลุ่มแล้วเนี่ย มึงเถอะ กูไม่ตามเช็คไม่ใช่พาใครขึ้นคอนดดนะ กูรู้กูเอาตายเลย”

 

            “กูจะไปเอาใครได้ ขนาดมึงกูยังไม่เคยได้เลย”ตอบกลับเสียจนเศรษฐพงศ์อยากจะถีบหะลุออกนอกประตูนัก ทั้งสองคนหยุดบทสนทนาเมื่อมีเสียงคนเข้ามาในห้องน้ำ คณินถือโอกาสนี้รั้งลำคอของเศรษฐพงศ์เข้าหาตัวก่อนจะแนบริมฝีปากลงไปอย่างแผ่วเบาก่อนจะกดย้ำอย่างเชื่องช้า ความรักและทะถนอมถูกส่งผ่านความละเมียดละไมในรสจูบ ไม่มีการรุกล้ำ ทำเพียงกดย้ำซ้ำๆหากแต่แอบแฝงด้วยสัมผัสหวามจนเศรษฐพงศ์แนบริมฝีปากของตนหาคณินอย่างเรียกร้องมากขึ้น คณินแนบจูบนิ่งอยู่พักใหญ่ก่อนจะผละออก ดวงตาคมเอ่อล้มไปด้วยความรักท่วมท้น

 

รักจนไม่อยากจะแยก

 

แต่ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกมีเวลาของมัน

 

ในที่สุดแม้ไม่อยากจากลาก็ต้องจำใจดึงร่างบางเข้ามากอดอีกครั้งก่อนจะผลออกอย่างตัดใจ

 

ต่อให้ร้องไห้คร่ำควรญจนน้ำตาท่วมโลกหรือเอ่ยคำรั้งจนกระอักออกมาเป็นเลือดสุดท้ายก็ต้องแยกกันอยู่ดี เด็กหนุ่มพากันออกมาจากห้องน้ำ พ่อและแม่เช็คบิลเรียบร้อยแล้วเมื่อมาถึงที่โต๊ะก็พากันกลับมาที่มหาวิทยาลัยอีกครั้ง

 

            “ดูแลตัวเองดีๆนะลูก มีอะไรก็โทรหาแม่กับลุงนะ”ลดาเอ่ยลาลูกเป็นครั้งสุดท้ายดึงเศรษฐพงศ์ไปกอดและหอมแก้มลูกทั้งสองข้างในขณะที่เศรษฐพงศ์ก็ทำเช่นเดียวกันกับคนเป็นแม่ก่อนจะหันไปไหว้ลาคณิต พ่อและแม่จำใจต้องกลับขึ้นรถเหลือเพียงคณินที่ยังยืนอยู่

 

            “ขับรถดีๆนะไม่ต้องขับเร็ว ถึงกรุงเทพโทรหากูด้วย”สั่งคณินที่ยืนทำหน้านิ่งอย่างอ่อนใจ

 

บทจะงอแงแม้จะคุยกันรู้เรื่องแล้วแต่คณินก็ยังทำให้เขาหนักใจได้เสมอ

 

            “อย่าทำให้กูเป็นห่วงได้มั้ยคิน แค่นี้กูก็รักมึงจะแย่อยู่แล้ว กูเป็นห่วงมึงนะรู้มั้ย”

 

            “อืม...รู้แล้ว มึงก็ดูแลตัวเองดีๆนะ เดี๋ยวถึงแล้วกูโทรหามึงต้องรับสายกูนะไม่ว่าทำอะไรอยู่ก็ตาม”

 

            “เออๆ ไปได้แล้ว ลุงกับแม่รออยู่”คณินถอนหายใจกับความใจแข็งของเศรษฐพงศ์แล้วตัดสินใจหันหลังกลับขึ้นรถ เศรษฐพงศ์โบกมือลาทุกคนรถทั้งสองคันเคลื่อนตัวออกไปจากลานจอดรถช้าๆเด็กหนุ่มยืนรอจนรถทั้งสองคันลับตาก่อนจะหันหลังกลับขึ้นหอ ไม่มีใครเห็นว่าหยาดน้ำตาใสๆไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย เด็กหนุ่มเช็ดมันทิ้งอย่างรวดเร็ว

 

ชีวิตคนเราต้องดำเนินต่อไป

 

โตแล้วต้องไม่ร้องไห้

 

จากกันวันนี้เพื่อได้ใช้ชีวิตร่วมกันในวันข้างหน้า ต่อให้จะคิดถึงหรือเหงาขนาดไหนเขาก็จะอดทน

 

คณินมองเบาะข้างกายด้วยดวงตาที่อ่อนไหว ที่ว่างข้างกายยามไม่มีเศรษฐพงศ์นั่งมาเคียงข้างทำให้บรรยากาศรอบด้านดูหม่นไปหมด เพลงที่เคยชอบเปิดฟังกันเวลาเดินทางตอนนี้กลับไม่รู้สึกว่ามันจะเพราะเหมือนเวลาที่ฟังด้วยกันจนต้องกดปิด

 

อีกตั้งสองปี

 

นานชิบหายเลยแม่งเอ้ย อยากจะเลี้ยวรถกลับไปฉุดไอ้เซ็ทขึ้นรถแล้วพาไปอยู่ด้วยที่กรุงเทพซะจริงๆ

 

แต่สุดท้ายเขาก็เดินทางอย่างเดียวดายแยกกับพ่อและลดาเข้ากรุงเทพกลับไปทำหน้าที่ของตนเองต่อเพียงลำพัง


 





................................



รักนิสัยของพี่คินจังเลยค่ะ นิสัยรวย



ถ้าน้องเซ็ทบอกว่าชอบกว๊านพะเยาพี่คินก็พร้อมจะซื้อให้ค่ะ



พี่เดียวเป็นแขกรับเชิญจ้า ไม่ต้องคิดว่าเขาจะมาแย่งน้องเซ้ทเนอะ ของจริงมันอยู่ที่แม่โจ้ อุ๊บส์!!!

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เอาแล้วๆๆ...จะได้เห็นพี่คิณหัวร้อนอีกแล้วสิ...อยากให้มีฉากน้องเซ็ทหึงมั้งอ่ะคะ

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
อิพี่คินนี่มันน่ารัก

เซ็ทก็ทำตัวดีๆให้พี่คินรักพี่คินหลงยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้นนะ

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ตอนที่ 43




             คณินกวาดตามองโพสต์ในเฟสบุ๊คของเศรษฐพงศ์ บนไทม์ไลน์ของคนรักไม่มีอะไรอัพเดทมากนัก มีเพียงรูปเพื่อนใหม่ในคณะกับรูปรุ่นพี่ที่มาคอยดูแลน้องๆ คณินเลื่อนดูแบบผ่านๆ เศรษฐพงษ์ไม่ได้มีอะไรอัพเดทเป็นพิเศษตามแบบฉบับของเจ้าตัวแม้ว่าหลังๆจะมีพัฒนาการอัพรูปบ่อยขึ้นเฉลี่ยอาทิตย์ละครั้งเพราะคณินเคยขอร้องเอาไว้

 

                “กูก็อยากเห็นรูปมึงให้พอได้หายคิดถึง”เศรษฐพงศ์เคยด่าในความเว่อร์วังงอแงของเขาหลายหนแต่ในที่สุดจำนวนรูปที่อัพเดทก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละนิดทีละหน่อย บางครั้งก็ไม่ได้ถ่ายให้เห็นหน้าตัวเองหรอก ส่วนมากจะเป็นรูปเท้าหรือรองเท้าเปื่อยๆเน่าๆที่เจ้าตัวชอบใส่นั่นแหละ

 

แต่แค่นี้คณินก็ชื่นใจแล้ว แม้ว่าเศรษฐพงศ์จะยุ่งๆกับการรับน้องก็ยังไม่ลืมที่จะถ่ายรูปตัวเองส่งมาให้อย่างรูปล่าสุดเป็นรูปขี้แมงวันเม็ดเล็กๆมุมปากเพียงแค่เห็นคณินก็รู้สึกหัวใจพองโตแล้ว นิ้วเรียวเลื่อนดูเรื่อยๆจนกระทั่งหยุดกึกที่รูปหนึ่ง

 

                คณิน::

 

ผมชะงักนิ้วที่เลื่อนดูรูปของไอ้เซ็ทไปเรื่อยๆเมื่อเจอภาพล่าสุด คนของผมกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่คงเป็นโรงอาหารเซ็ทมันเงยหน้าขึ้นไปมองไอ้ผู้ชายตัวขาว มันขาวพอๆกับผม ตาขีดๆเฉียงๆ คนที่เห็นครั้งเดียวผมก็จำมันได้ ที่สำคัญมือของไอ้เวรนั่นวางอยู่บนไหล่คนของผม แถมไอ้ตัวดีก็เสือกยิ้มหวาน((อันที่จริงมันก็ยิ้มแบบนกกระจอกเทศของมันนั่นแหละ แต่ผมพาลผมจะมองว่ามันยิ้มหวาน))ให้ไอ้เจ๊กนั่น

 

                “ไอ้เหี้ยมิ่ง”ผมออกจากแอพที่ดูแล้วเปลี่ยนเป็นโทรออกหาไอ้เซ็ททันที รอบแรกรอจนสายตัดไปผมไม่ยอมแพ้กดโทรกลับไปใหม่จนสายเกือบตัดไอ้เซ็ทถึงได้มารับ

 

                “ฮัลโหลมึงมีอะไรด่วนป่าวกูต้องรีบไปรับน้อง”ได้ยินเสียงกระหืดกระหอบของมันไอ้ที่จะโทรด่าตะกี๊ผมก็ลืมไปเลย ความสงสารแล่นเข้ามาแทนที่ สุดที่รักของผมคงเหนื่อยมากแน่ๆแต่ก็ยังมารับสายผม

 

                “ไม่มีอะไร กูคิดถึงมึงเฉยๆ”ผมตอบกลับไปด้วยสกิลตอแหลนิดหน่อย เสียงมันถอนหายใจเฮือกใหญ่

 

                “กูก็นึกว่ามีอะไรด่วน”มันทำเสียงราวกับอ่อนอกอ่อนใจใส่ผม

 

                “กูก็คิดถึงมึงเหมือนกัน อย่างอแงล่ะ กูไปรับน้องก่อนนะ รักมึง”ไอ้เซ็ทพูดจบก็ตัดสายไปเลย แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ ทั้งที่ใจจริงอยากจะงอแงใส่มัน แต่พอได้ยินน้ำเสียงเหนื่อยๆของมันผมก็ต้องฮึ๊บไว้ มันเองก็เหนื่อยมากอยู่แล้วถ้าผมไปทำให้มันต้องเหนื่อยเพิ่มผมคงเป็นคนรักที่ไม่ได้เรื่องมากๆแน่ๆ ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะทิ้งความขุ่นมัวไปแล้วเลือกที่จะเติมกำลังใจให้กันในแต่ละวันมากกว่า

 

                “เป็นอะไรของมึงวะเสี่ย ยิ้มจนเหงือกบานแล้ว”เสียงไอ้ว่านเอ่ยทักหลังจากมันกลับมาจากออกไปซื้อข้าวพร้อมเพื่อนคนอื่นๆ

 

                “จะมีอาร๊าย ยิ้มแบบนี้แปลว่าไอ้เซ็ทบอกรักหรือชมอะไรมันซักอย่างอ่ะ”ไอ้แดนที่เดินมาทีหลังสุดแต่นั่งใกล้ผมมากที่สุดเอ่ยอยางรู้ทัน ผมไม่จำเป็นต้องตอบโต้อะไรไอ้พวกหากินรายทางไปวันๆแบบพวกมันหรอก คนไม่มีแฟนไม่เข้าใจหรอกเว้ยว่ามันมีความสุขมากแค่ไหน อิ่มอกอิ่มใจซักเพียงใด คำว่ารักมึงสองคำก็ทำให้ผมมีแรงที่จะสู้กับการเรียนในวันนี้แล้ว

 

ผมก็อยากให้มันสู้ๆเหมือนกัน

 

ช่วงเวลาเปิดเทอมสำหรับผมเป็นช่วงเวลาอันน่าเบื่อ ตอนเข้าปีหนึ่งผมเกลียดการรับน้องมากที่สุดเพราะมันเหมือนถูกบังคับโดยพวกรุ่นพี่บ้านอำนาจและการรับน้องนั้นกินเวลานานนับเดือน พอมาเป็นรุ่นพี่บ้างผมก็ยังเบื่อการรับน้องอยู่ดี เพราะแทนที่ผมจะเอาเวลาในการประชุมและสรุปในแต่ละวันไปใช้กับการโทรคุยกับไอ้เซ็ทผมกับเพื่อนๆต้องมาติดแหง่กอยู่กับหน้าที่ๆได้รับ วันในแต่ละวันจึงผ่านไปอย่างน่าเบื่อ กว่าจะเลิกกิจกรรมในแต่ละวันผมก็ลากสังขารอันอ่อนล้ากลับคอนโด รอจนกว่าไอ้เซ็ทจะทักมาถึงได้คุยกันซักที

 

อยากเรียนจบเร็วๆ

 

ผมเปิดไฟในห้องหลังจากกลับถึงคอนโด หยิบมือถือขึ้นมาดูสองทุ่มกว่าแล้วเดี๋ยวคงได้เวลาที่ไอ้ตัวดีของผมจะทักมาระหว่างนั้นผมจึงไปอาบน้ำจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยแล้วมานั่งตรวจแบบอพาร์ตเม้นท์ที่กำลังจะสร้าง ตอนนี้ป๊าจัดการเกลี่ยดินอะไรต่อมิอะไรให้ผมเรียบร้อยแล้ว ถือว่าผมโชคดีที่ป๊าคอยซัพพอร์ตให้อยู่เสมอ แม้งานจะยุ่งแสนยุ่งแต่ป๊ายังเจียดเวลามาช่วยคุมงานให้ผมอีกไม่นานกิจการแรกในชีวิตของผมก็จะสำเร็จเป็นรูปร่างที่เกิดจากสมองของผม อันที่จริงผมไปจ้างมืออาชีพวาดโดยแจ้งความต้องการของผมทั้งหมดลงไปนั่นแหละครับ ผมยังไม่โปรพอและยังไม่มีใบอนุญาตเพราะฉะนั้นทำให้มันถูกขั้นตอนจะดีกว่า มันเป็นกิจการที่ผมจะใช้ทำมาหากินไปอีกนาน ตรวจแบบเสร็จก็จัดการอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวเข้านอน วันนี้ขอพักโปรเจคก์ต่างๆไว้ก่อนร่างกายของผมเหนื่อยล้ามากพรุ่งนี้วันหยุดผมจะนอนให้เต็มปอดเพื่อที่ตื่นมาจะได้ลุยให้มันเสร็จๆไปซักที ยังมีรุ่นพี่ที่รอให้ไปช่วยงานแบบไฟลนทั้งตัวรออยู่ ผมไม่วายที่จะหยิบโทรศัพท์มาเลื่อนดูไทม์ไลน์ของไอ้เซ็ทอีกรอบ มันมีการอัพเดทเกิดขึ้นผมอดไม่ได้ที่จะขยับตัวขึ้นมานั่งอ่านด้วยหัวใจอันเต้นรัวเหมือนเช่นทุกครั้งที่เห็นมันอัพเดทอะไรซักอย่าง

 

                “อยากกินข้าวซอยไอ้พวกเพื่อนชั่วไม่มีใครอินกับรสชาติกับกูซักคน” ผมเลื่อนดูคอมเม้นท์ของบรรดาเพื่อนๆไอ้เซ็ทแล้วได้แต่ขมวดคิ้ว

 

                “แค่รับน้องกูก็เหนื่อยจนรากเลือดแล้ว สิ่งเดียวที่กูอยากกินในตอนนี้คือการนอน กูอยากนอนให้เต็มอิ่ม”

 

                “ข้าวในโรงอาหารก็พอมั้ยมึงจะกระเสือกกระสนไปกินข้างนอกทำไม”

 

                “เรื่องมาก”

 

ผมอยากจะโทรด่าไอ้แฝดนรกสองตัว ไอ้ยิม ไอ้ย้งมือชง ไอ้อิ้งค์รวมทั้งไอ้วีเพื่อนรักของไอ้เซ็ทที่ไม่มีใครเสนอตัวไปเป็นเพื่อนมันเลยซักนิด นี่ถ้าผมอยู่ใกล้ๆแบบกรุงเทพเมืองกาญจน์แบบเมื่อก่อนผมรับรองได้เลยว่าผมจะรีบบึ่งรถกลับไปรับมันกินของอร่อยที่มันอยากจะกินไม่ปล่อยให้มันต้องรู้สึกหงอยเหงาเศร้าซึมที่ไม่ได้กินของที่อยากกินแบบนี้

 

                “ไปกินกับพี่ก็ได้นะ พี่รู้จักร้านอร่อยอยู่ร้านหนึ่ง”ผมมองคอมเม้นท์สุดท้าย ไอ้หน้าเต้าหู้ยี้นี่อีกแล้ว มึงจะตามหลอกหลอนกูไปทุกโพสต์ของไอ้เซ็ทเลยเหรอวะ

 

เป็นไรกันอ่ะถึงมาเสนอตัวพาเขาไป  แฟนก็ไม่ใช่

 

                “เสือกนัก”ผมสบถใส่คอมเม้นท์ไอ้มิ่งไอ้เวนตะไลที่ทำตัวเป็นแมงหวี่คอยตอมหูตอมตาให้น่ารำคาญใจ จะตบก็ไม่โดนด่าไปคงไม่สำนึก อยากจะไปหาไอ้เซ็ทเสียเหลือเกินมันจะได้รู้ว่าผมน่ะของจริง แต่ระยะทางก็ไกลเกินกว่าจะขับรถไปหา

 

แต่เอ๊ะ...ขับรถไปไม่ได้แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะไปหามันไม่ได้นี่นา...

 

 

 

เศรษฐพงศ์::

 

ผมรู้สึกตัวตื่นตอนหกโมงกว่าๆ แดดภายนอกสาดแสงเข้ามาเพียงเล็กน้อย โทรศัพท์มือถือของผมสั่นจนต้องหยีตาดูว่าใครโทรมา เอาจริงๆผมก็ไม่ต้องเดาหรอกเพราะคนที่จะโทรหาผมมีแค่ 2 คนเท่านั้นคือแม่กับไอ้คิน

 

                “ฮัลโหล”ผมตอบรับเสียงงัวเงียหากแต่ปลายสายกลับมีน้ำเสียงกระตือรือร้นเสียเหลือเกิน

 

                “ที่ร๊ากกกกก......ตื่นหรือยัง”

 

                “ที่รักบ้านพ่อมึงสิ”ผมอดไม่ได้ที่จะสบถออกมาถ้าเป็นเมื่อก่อนไอ้คินคงตามมากระทืบผมแล้วแหละแต่ตอนนี้สิ่งที่ได้รับกลับมาคือเสียงหัวเราะใสๆของมัน มันไม่มีน้ำเสียงง่วงแบบทุกวันดูจะกระปรี้กระเปร่ามากเสียด้วยซ้ำ

 

                “เช้าๆต้องพูดแต่สิ่งดีๆสิวะ กูจำได้ว่าวันนี้มึงหยุด กูก็หยุดเหมือนกันเพราะฉะนั้นรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงมาหาพี่นะจ๊ะ พี่นั่งรอในรถสีขาวทะเบียน xxx จอดที่เดิมตอนมาส่งมึงอ่ะ”

 

                “หืม??”ผมส่งเสียงในลำคอหากแต่ไอ้คินกลับตัดสายทิ้ง ผมเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงเปิดประตูระเบียงแล้วชะโงกตัวมองไปที่ลานจอดรถหลังหอ

 

ภาพใครบางคนที่ชินตากำลังยืนจิบกาแฟด้วยมาดราวผู้รากมากดีด้วยอิริยาบถแสนจะชิลด์เสียเหลือเกิน ผมรีบโทรกลับไปหามันเพราะคิดว่าตาฝาด ไอ้คินรับแทบจะทันที

 

                “ว่าไงจ๊ะยาหยี”

 

                “อย่าบอกนะว่ามึงมาจริงๆ”

 

                “เออ กูมาหามึงจริงๆ ดีใจจนเสียงสั่นเลยเหรอจ๊ะ”มันยังไม่ยอมหยุดที่จะพูดจายอกย้อนกวนตีนผม

 

                “มึงรอกูแป๊บ กูขอล้างหน้าแป๊บหนึ่งเดี๋ยวมึงเจอกู”ผมเอ่ยบอกมันแค่นั้นก็วางสาย วิ่งผ่านน้ำด้วยความเร็วแสงแต่งตัวด้วยเสื้อและกางเกงบอลผมเดินไม่พูดไม่จากับใครก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในรถคันที่เห็นจากระเบียงกะว่าเข้ามาจะด่ามันให้สำนึกผิดไม่ทันเลยแต่พอปิดประตูแล้วหันมาปุ๊บไอ้คินก็ดึงต้นคอของผมเข้าไปหามันปั๊บจากนั้นโลกของผมก็หยุดหมุนลงชั่วขณะยามที่ไอ้คินประกบปากลงมาแนบนิ่ง

 

อยากจะผลักมันออกแต่หัวใจและร่างกายของผมมันทำงานสวนทางกับสมองเมื่อผมยอมโอนอ่อนตามมันไปได้ง่ายๆ ดวงตาของผมหลับลงเมื่อรู้สึกว่ามันไม่สามารถสู้สายตาที่มองผมอย่างลุ่มหลงปนความคิดถึงของไอ้คินได้

 

เสียงจูบของเราดังพอให้ได้ยินกันชั่วครู่ก่อนที่ไอ้คินจะผละออกอย่างอ้อยอิ่ง คำพูดที่ได้ฟังในไม่กี่วินาทีต่อมาทำเอาขอบตาของผมร้อนผ่าวด้วยความรู้สึกแบบเดียวกับไอ้คินตีรื้นขึ้นมาในหัวใจ

 

                “กูคิดถึงมึง”

 

                “อืม...กูก็คิดถึงมึงเหมือนกัน”

 

คิดถึงมากๆ คิดถึงเหลือเกิน...

 





 

เศรษฐพงศ์รู้สึกว่าการยอมให้คณินมาหาถึงเชียงใหม่ในครั้งนั้นโดยไม่ว่ากล่าวเพราะเห็นแก่ความมานะพยายามที่จะมาหาเขาด้วยความคิดถึงเป็นการตัดสินใจที่ผิดถนัด เศรษฐพงศ์ลืมคิดไปว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนั้นมีครั้งที่หนึ่งก้ย่อมมีครั้งที่สองตามมาเพราะหลังจากวันนั้นทุกครั้งที่มีวันหยุดตรงกันหรือถึงแม่คณินจะหยุดไม่ตรงกับเขารายนั้นก็จะหอบงานมาหาเขาแล้วเอางานมานั่งทำระหว่างรอเขาเรียนเสร็จ จากนั้นก็พากันไปกินข้าวข้างนอกบ้างในโรงอาหารคณะนั้นคณะนี้บ้างเรียกความสนอกสนใจต่อนักศึกษาคนอื่นๆได้พอสมควรเพราะคณินนั้นขาวราวจะเปล่งแสงออร่าผ้าขาวแบบผงซักฟอกในทีวีแถมหน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ จนบ่อยเข้าเพื่อนๆในคณะก็เริ่มเข้ามาถามว่าคณินเป็นใคร

 

“พี่ชาย”คำตอบง่ายๆถูกตอบออกไปอย่างปัดความรำคาญ พอถูกถามหลายครั้งเข้าเศรษฐพงศ์จึงเลือกที่จะเงียบไปซะ บ่อยครั้งก็เก็บไปหงุดหงิดใส่คนพี่ยามมีเพื่อนผู้หญิงมาขอเบอร์หรือช่องทางการติดต่อคณิน

 

วันนี้ก็เช่นกัน ระหว่างที่เศรษฐพงศ์นั่งกินข้าวกับเพื่อนๆ ปานรุ้งเพื่อนสาวไม่กี่คนในคณะก็เดินมาขอนั่งด้วย พวกเพื่อนๆต่างพากันขยับเพื่อให้หญิงสาวได้นั่งได้สะดวก ปกติกลุ่มของเขานอกจากเนยแล้วก็ไม่ค่อยมีผู้หญิงมานั่งร่วมโต๊ะด้วยเท่าไหร่ เพราะลำพังพวกเดียวกันเองก็เต็มโต๊ะแล้ว

 

“ไม่ค่อยได้คุยกันเลยเนอะ ตั้งแต่รับน้องเสร็จพวกเราก็ดูห่างๆกันไปเลย”

 

“เห๋ย รุ้งอย่าคิดมาก ก็ตามปกติแหละมาจากคนละวิทยาลัยต้องใช้เวลาในการทำความรู้จักกัน ตอนนี้ก็เป็นเพื่อนกันแล้วอ่ะเนอะ”จีรนันท์รีบพูดอย่างเอาใจแต่รุ้งกลับเมินเฉยประโยคนั้นเสีย

 

“เออ นี่เซ็ทเราถามอะไรหน่อยได้ป่าว?”ปานรุ้งหันกลับไปให้ความสนใจกับเศรษฐพงศ์อีกครั้งจนแฝดพี่และเพื่อนคนอื่นๆในกลุ่มสบตากันแล้วใช้โทรจิตคุยกัน

 

กูว่ามีอะไรแปลกๆ

 

กูก็ว่าใช่

 

กูว่ามันไม่ชอบมาพากลแล้วว่ะ

 

“มีอะไรเหรอถามมาสิ”เศรษฐพงศ์ผู้ยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่เอ่ยปากอนุญาต

 

“คือพี่ชายเซ็ทน่ะ เค้ามีแฟนหรือยัง?”

 

 

เศรษฐพงศ์::

 

ผมชักงักมือที่กำลังจะตักข้าวเข้าปาก รู้สึกอาหารวันนี้ชักจะไม่อร่อยเอาเสียแล้ว ความรู้สึกบางอย่างค่อยๆก่อตัวเข้ามาในหัวใจ

 

ผมไม่ชอบอารมณ์ตอนนี้ของตัวเองเลยซักนิด มองหน้าพวกเพื่อนๆมันก็จ้องมาทางผมอย่างเอาใจช่วย

 

ผมหงุดหงิด

 

“มีแล้ว” ตัดสินใจตอบออกไปเผื่อว่ารุ้งจะเลิกเซ้าซี้ถามนั่นถามนี่หรือว่าชวนผมคุยซักทีแต่มันไม่เป็นตามที่ผมคิด ปานรุ้งยิ่งขยับมาใกล้อย่าอยากรู้อยากใคร่ยิ่งกว่าเดิม

 

“เหรอ แล้วใครอ่ะ สวยมั้ย เสียดายจังเค้าคบกันนานยัง”

 

“จะสองปีแล้ว รักกันมาก ทำไมเหรอ?”ผมไม่รู้หรอกว่าเสียงของผมตึงขนาดไหนผมรู้แค่ว่าตอนนี้ผมไม่อยากกินข้าวแล้วผมลุกขึ้นยืนจะแต่รุ้งก็ไวทายาดหล่อนจับแขนของผมไว้ได้ทันก่อนที่ผมจะเดินจากไปจากตรงนั้น

 

“เดี๋ยวสิเซ็ท แล้วพี่ชายเซ็ทจะมาหาเซ็ทอีกเมื่อไหร่อ่ะ ไว้พาเราไปทำความรู้จักบ้างสิ”

 

“พี่ชายเราเค้าไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายน่ะขอโทษนะ”ผมตอบเสร็จก็ดึงแขนออกจากปานรุ้งเบาๆแล้วเดินหนีออกมาทันที กะว่าจะไปสงบจิตสงบใจที่ห้องสมุดไม่ก็จะกลับหอไปนอนเพราะยังไงเสียบ่ายนี้ผมก็ไม่มีวิชาเรียนอยู่แล้ว

 

ผมเป็นบ้าอะไร ความรู้สึกเหมือนตอนที่เจนมาหาไอ้คินกลับเข้ามารบกวนจิตใจจนผมหงุดหงิดไปซะทุกสิ่งอย่าง ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เพราะไประบายกับใครก็ไม่ได้ จากที่คิดว่าจะไปหาหนังสืออ่านแต่อารมณ์ผมไม่คงที่แบบนี้คงไม่เข้าหัวซักตัวแน่ๆเลยเปลี่ยนทิศทางการเดินให้เดินกลับไปที่หอ

 

“อ้าวเซ็ทจะไปไหนอ่ะ?”ผมหันไปตามเสียงเรียกก็เห็นพี่มิ่งวิ่งมาจากทางร้านสะดวกซื้อในมือมีถุงเซเว่นถุงเล็กๆมองเข้าไปก็เป็นพวกไส้กรอกเวฟแล้วแบบที่พี่แกชอบกิน

 

“ว่าจะกลับหอไปนอนอ่ะพี่เบื่อๆเซ็งๆ”

 

“หนังเรื่องที่เซ็ทเคยลงในเฟซว่าอยากดูมันเข้าโรงแล้วนะไปดูกันมั้ยพี่ว่างอยู่พอดี ไปคนเดียวก็เขินๆ”พี่มิ่งเกาคอแล้วยิ้มเก้อๆ ครับตั้งแต่เรียนที่นี่มาพี่มิ่งเป้นพี่ที่ผมสนิทที่สุดแล้ว แกคอยดูและพวกเราทุกคนเทอมแรกนี่แทบจะเป็นพ่อของพวกเราเลยครับรับเนิ้งรับน้องแกก็ดูแลเป็นอ่างดี ดังนั้นเมื่อพี่เขาชวนผมเลยไม่ปฏิเสธ ก็ดีเหมือนกันผมกลับหอก็ไม่รู้จะนอนหลับหรือเปล่า เราใช้เลาไม่นานก็มาถึงห้างในตัวเมือง พี่มิ่งยืมรถยนต์ของเพื่อนมาโชคดีที่แกขับไม่เร็วนักผมจึงเก็บอาการกลัวการนั่งรถยนต์ของผมไว้ได้อย่างมิดชิดเราเดินไปดูรอบหนังแล้วไปกดจองบัตรที่เคาน์เตอร์เหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมงพี่มิงจึงชวนผมไปหาอะไรกินแม้ว่าผมจะกินมาแล้วจากโรงอาหารแต่เพราะปานรุ้งมาทำให้ผมหมดอารมณ์ข้าวจานนั้นผมจึงกินไปได้นิดเดียวผมจึงไม่ปฏิเสธที่จะเดินตามพี่มิ่งเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นที่ขายเป็นเซ็ทอย่างง่ายๆ เรากินไปก็พูดคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ส่วนมากจะเป้นพวกปัญหาพิเศษที่อาจารย์มีมาให้เราทำกันทุกอาทิตย์ แลกเปลี่ยนความรู้กัน

 

“เออ เซ็ทรับเขียนแบบมั้ย พอดีมีรุ่นพี่ที่จบไปแกหาคนช่วยเผื่อจะเป็นรายได้เสริมหาค่าขนมแล้วก็ฝึกมือไปด้วย แกมาบอกให้ช่วยหาเด็กเขียนแบบเก่งๆให้แกหน่อย”ผมรีบเคี้ยวอาหารในปากกลืนอย่างรวดเร็ว

 

“รับพี่ รับ ผมอยากทำ”ผมรีบคว้าโอกาสนั้นไว้ทันทีอย่างน้อยผมจะได้มีรายได้เสริมและเป็นการฝึกมือตามที่พี่มิ่งบอกนั่นแหละ พี่มิ่งบอกรายละเอียดอีกเล็กน้อยระหว่างที่นั่งกินข้าวผมรับฟังอย่างตั้งใจยิ่งผมมีงานมากขึ้นเท่าไหร่ประสบการณ์ของผมก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เงินที่จะได้ผมก็จะเก็บใส่บัญชีที่เคยเปิดไว้เก็บเงินที่ไอ้คินมันให้ ได้ทั้งประสบการณ์ได้ทั้งเงินคือผมจะได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง

 

เมื่อใกล้ถึงเวลาที่หนังจะฉายผมกับพี่มิ่งก็เดินไปหาซื้อพวกป๊อปคอร์น ขนมขบเคี้ยวและน้ำที่หน้าโรงหนังผมปิดเสียงปิดสั่นโทรศัพท์ตามความเคยชินแล้วเข้าไปดูหนังในโรง เนื้อหาหนังดีสมการรอคอยเป็นหนังภาคต่อที่มีตัวเอกตายกันเป็นว่าเล่น เราออกจากโรงแล้วเดินดูของใช้ส่วนตัวกันอีกนิดหน่อยจึงเดินทางกลับหอ ระหว่างทางก็พูดคุยกันเรื่องเนื้อหาของหนังอย่างออกรส พี่มิ่งเป็นคนที่ดูหนังด้วยแล้วผมรู้สึกสนุกตามไปด้วยแกค่อนข้างรู้ลึกรู้จริงและวิจารณ์ฉากต่างๆได้อย่างละเอียดเราแยกย้ายกันเมื่อพี่มิ่งมาส่งผมถึงหอพักแล้ว

 

“พรุ่งนี้วันหยุดไว้เดี๋ยวพี่เอาตัวอย่างแปลนเก่าๆมาให้ดูนะ”

 

“ได้พี่ผมหยุดสองวันเดี่ยวจะลองดูแล้วลองวาดตามยังไงรบกวนพี่ด้วยนะ แล้วก็ขอบคุณสำหรับหนังนะครับ”

 

“อืมๆไม่เป็นไร น้องคนเดียวเลี้ยงได้สบาย พี่เอารถไปคืนไอ้พันมันก่อนนะ บายๆ”ผมยกมือบ๊ายบายพี่มิ่งที่ออกรถไปแล้วก่อนจะหมุนตัวเพื่อเดินกลับเข้าหอ แต่ก็ต้องชะงักเท้ากึกอยู่กับที่

 

“ไปไหนมา...กูมารอมึงหลายชั่วโมงแล้วนะเซ็ท”ผมรู้สึกเหมือนขนหัวลุกแปลกๆกับสายตานิ่งสนิทและสีหน้าบึ้งตึงขั้นสุดของมัน ไอ้คินยืนพิงประตูรถมือทั้งสองข้างกอดอกปากมันคว่ำบ่งบอกว่ามันกำลังโมโหสุดๆ ผมค่อยๆเดินเข้าไปหามันราวกับเด็กที่แอบไปเล่นซนแล้วโดนพ่อจับได้

 

“ไปดูหนังมา...”

 

“กูโทรหาทำไมมึงไม่รับกูมาหามึงตั้งแต่บ่ายแล้วนะเซ็ทมึงมัวทำอะไรอยู่หรืออยู่กับมันแล้วมีความสุขจนลืมกู”

 

“เฮ้ย มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคิน มึงก็รู้เวลากูดูหนังกูปิดเสียงปิดสั่น...”ผมหยุดพูดพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู

 

ชิบหาย มิสคอล ร้อยกว่าสาย...

 

“คินกูขอโทษ...”ผมเงยหน้าขึ้นมองมัน ไอ้คินไม่พูดอะไรกับผมอีกมันกัดกรามจนเห็นเป็นสันแล้วเปิดประตูรถทำท่าจะขับออกไปผมรีบวิ่งไปประตูข้างคนขับแล้วยัดตัวเองเข้าไปอย่างรวดเร็ว

 

ผมไม่อยากให้มันงอนผมโดยที่เราไม่พูดกันให้เข้าใจ ไอ้คินออกรถอย่างเร็วจนผมกลัวคนแถวนั้นด่าจะแย่มันไม่พูดอะไรกับผมเลยตลอดทาง ปกติถ้ามันจะมามันจะโทรบอกผมก่อน แล้วนี่มาไม่บอกไม่กล่าวแถมยังมาเห้นผมเพิ่งกลับจากข้างนอกกับพี่มิ่งที่มันเคยบอกผมหลายครั้งหลายหนว่า

 

“กูไม่ชอบขี้หน้ามัน ไม่ถูกชะตา”

 

“อยู่ห่างๆมันหน่อยจะได้มั้ย กูหวงมึงนะ”

 


ผมแย่แน่ๆ คาหนังคาเขาซะขนาดนั้น





.............................................



ตอนหน้า............



ตอนหน้าาาาาาาา........

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-02-2019 12:20:15 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
"ตอนหน้าาาาาาาา........" ????????

คืออย่างที่คิดใช่มั้ย? :hao6:

ตอนแรกก็หึงเขากับคนอื่นไปๆมาๆกลับต้องมาง้ออิพี่มันซะงั้นเซ็ทหน่อเซ็ท มีเคลียร์กันยาว

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ตอนที่ 44



          “คิน...คิน ฟังกันหน่อยสิวะ”เศรษฐพงศ์ก้าวเร็วๆมาคว้าแขนของคนที่ไม่พูดไม่จากับเขาเลยแม้แต่คำเดียว คณินไม่แม้แต่จะหันมามองคนน้องเลยด้วยซ้ำ ในใจของเขากรุ่นโกรธ
 
มีทั้งความโกรธ ความน้อยใจ ความหึงหวงตีรวนไปหมดจนสับสน
 
เขารึสู้อุตส่าห์มานะบากบั่นมาหาเศรษฐพงศ์หวังจะเจอหน้าออกไปหาของอร่อยๆกินพูดคุยกันให้หายเหนื่อยจากการเรียนที่สุมหัวเขาทุกวี่ทุกวัน ยอมเสียเงินเสียทองทั้งค่าเครื่องบินไปกลับ ค่าเช่ารถยนต์ ค่าโรงแรมเพื่อมาพบว่าเศรษฐพงศ์ออกไปดูหนังกับมิ่งกมลคนที่มองตาก็รู้ว่าคิดอะไรกับคนของเขา จะไม่ให้โกรธได้ยังไงทั้งๆที่เคยบอกไปหลายครั้งแล้วว่าเขาไม่ชอบให้เศรษฐพงศ์ไปอยู่ใกล้ข้องแวะกับรุ่นพี่คนนั้น
 
            “มึงก็เป็นแบบนี้อ่ะ”เมื่อเห็นว่าคนพี่ไม่ยอมฟังอะไรเลยเอาแต่จะเดินหนีเศรษฐพงศ์ก็เริ่มโมโหบ้างเด็กหนุ่มผลักหลังคณินอย่างแรง คณินหันไปมองก็เห็นเศรษฐพงศ์ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เขารู้ว่าตอนนี้เขากำลังอารมณ์ไม่ได้ขืนพูดอะไรกันตอนนี้ก็มีแต่จะทำให้ยิ่งย่เข้าไปใหญ่ เด็กหนุ่มพรูลมหายใจอย่างหนักหน่วง
 
            Wค่อยคุยกัน ขอกูนอนซyกงีบเถอะ กูไม่ได้นอนมาสองวันแล้ว” นี่อาจจะเป็นทางเดียวที่จะพอประคับประคองความรักของกันและกันได้
 
ในเมื่อเขาร้อนเขาก็ไม่ควรจะพูดอะไรมากกว่านี้ เศรษฐพงศ์พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
 
อย่างน้อยคณินยอมเปิดปากพูดด้วยก็ยังดี เด็กหนุ่มเดินตามคนพี่เข้าห้องพักย่างเงียบๆ คณินทำตามที่พูดจริงๆคือเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนุ่ม เป็นปกติเวลาคณินมาหาเขาที่เชียงใหม่ชายหนุ่มจะจองห้องพักที่เป็นเตียงเดี่ยวทั้งสองคนมักจะนั่งๆนอนๆคุยกันบ่อยครั้งที่แทบไม่ใช้คำพูดแต่ใช้ภาษากายแสดงความรักและความคิดถึงที่มีตาคราวนี้มันไม่เหมือนทุกครั้ง คณินหลับตาลงปล่อยให้เศรษฐพงศ์นั่งมองตนเองจากทางปลายเตียงเงียบๆ
 
เศรษฐพงศ์ดื้อรั้นนัก ทั้งที่เขาเคยเอ่ยปากขอมาหลายต่อหลายครั้งไม่ให้ไปสนิทสนมกับมิ่งกมลมากนักแต่เขาเห็นมิ่งกมลมักจะแท็กเศรษฐพงศ์ในเฟซบุ๊คอยู่บ่อยๆ
 
มันน่าโมโห อยากจะจับเศรษฐพงศ์มาพาดที่หน้าขาแล้วตีให้ตูดลายเป็นรอยนิ้ว ยิ่งคิดหัวคิ้วยิ่งขมวด
 
เขาหงุดหงิดจนไม่รู้จะอธิบายมาเป็นคำพูดแบบไหน ชายหนุ่มนอนฟังเสียงความเคลื่อนไหวในห้องเสียงของเศรษฐพงศ์ที่เดินไปมาในห้องเบาๆ เสียงเปิดตู้เสื้อผ้าตามด้วยเสียงประตูห้องน้ำที่ปิดลงไม่นานเสียงน้ำก็ตกกระทบพื้นแปลว่าเจ้าตัวเข้าไปอาบน้ำ คณินลืมตานอนมองจ้องไปที่ประตูห้องน้ำนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยราว 15 นาทีประตูห้องน้ำก็เปิดออก เศรษฐพงศ์ออกมาด้วยชุดคลุมที่โรงแรมมีให้ เด็กหนุ่มรู้สึกเก้อเล็กน้อยเมื่อเห็นคณินที่คิดว่าหลับนอนมองตนเองอยู่ คณินจ้องร่างของคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จอย่างไม่วางตา ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งห้อยขาลงมาที่ขอบเตียง เศรษฐพงศ์ก้าวเท้าเข้ามาหายื่นมือไปแตะแก้มตอบของคนพี่เบาๆ ความเย็นของฝ่ามือทำให้คณินแนบหน้าหาอย่างลืมตัว
 
            “ไปอาบน้ำสิจะได้สดชื่น แล้วเดี๋ยวค่อยมาคุยกัน”เศรษฐพงศ์ปรับน้ำเสียงให้นุ่มลงอย่างคนที่ยอมลงให้ก่อน เขาไม่อยากให้ปัญหาระหว่างตนกับคณินคาราคาซัง เวลาที่จะได้ใช้ด้วยกันนั้นไม่ได้มากนักการที่ต้องมาทะเลาะกันเพราะเรื่องเข้าใจผิดและเรื่องของคนอื่นนั้นมันเสียเวลาชีวิต คณินเองก็มีความคิดแบบเดียวกัน
 
เขารักเศรษฐพงศ์ รักมากจึงหวงมากเป็นธรรมดา ชายหนุ่มยอมลุกไปอาบน้ำตามที่คนน้องร้องขอ สายน้ำเย็นช่วยใหความหงุดหงิดลดลงไปได้มากเมื่อออกมาเศรษฐพงศ์ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เขาใส่เสื้อคลุมของโรงแรมแบบเดียวกัน เศรษฐพงศ์มองคณินก่อนจะตบลงบนพื้นที่ว่างข้างตัว
 
            “มานี่สิ จะเช็ดผมให้”
 
คณิน::
 
ผมเดินไปนั่งตามที่ไอ้เซ็ทบอก เรานั่งจ้องตากันก่อนที่มันจะดึงเอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่ใช้สำหรับเช็ดผมมาถือไว้ เพพราะเรานั่งระดับเดียวกันทำให้ไอ้เซ็ทต้องขยับตัวนั่งลงบนเข่าทั้งสองข้างเพื่อจะได้เช็ดผมของผมได้ถนัด กลิ่นสบู่โชยออกมาจากร่างกายของมัน สาบเสื้อคลุมที่มันรัดสายรัดไว้หลวมๆเผยอทุกครั้งที่มันขยับตัว จุดเล็กๆสีเนื้ออมส้มวับๆแวมๆให้ผมเห็น ความรู้สึกบางอย่างค่อยๆก่อตัวทีละนิด
 
ผมเงียบ
 
ละมันก็เงียบเช่นกัน ทุกครั้งที่มันขยับตัวสาบเสื้อก็จะค่อยๆเปิดกว้างมากขึ้น ชายเสื้อคลุมค่อยๆร่นออกจากกันทีละนิดเผยเรียวขาสีน้ำผึ้งเนียนตาสูงขึ้นเรื่อยๆ
 
ให้ตายสิ...ไอ้เซ็ทจะรู้มั้ยนะว่ามันในตอนนี้โคตรจะเซ็กซี่เลย ผมอดใจไม่ไหวใช้สองมือจับข้างลำตัวมันไว้ ไอ้เซ็ทหยุดเช็ดผมแล้วมองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ ผมไม่ได้พูดอะไรทำเพลงใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือค่อยๆขยี้ยอดอกสีสวยที่เคยลอยยั่วตาเบาๆ เค้นคลึงจนไอ้เซ็ทเริ่มหายใจหอบถี่ขึ้นเรื่อยๆ
 
            “อึ่ก...”ตัวมันสั่นยามที่ผมกดน้ำหนักลงสู่ปลายนิ้ว มันกัดปากจนขึ้นสีผมอยากจะทำมากกว่านั้นแต่สุดท้ายก็ละมือออก มันมองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ
 
            “เราต้องคุยกัน”ผมวกกลับมาเรื่องไอ้มิ่งอีกครั้ง
 
            “มันไม่มีอะไรเลยจริงๆคิน ไม่มีอะไรเลยซักนิด”ไอ้เซ็ทจ้องตาผมราวกับจะอ้อนวอนให้ผมเชื่อคำที่มันพูด
 
            “ไม่มีอะไรแต่มึงก็ออกไปกับมันสองต่อสองเหรอวะ กูห่วงมึงแทบบ้า ติดต่อมึงไม่ได้ กูทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากรอ ไอ้พวกนั้นก็ไม่รู้ว่ามึงไปไหน นึกถึงใจกูบ้างมั้ย ถ้ากูหายไปบ้างติดต่อไม่ได้มึงจะรู้สึกแบบเดียวกับกูมั้ย”
 
            “ที่กูไปกับเค้าก็เพราะมึงนั่นแหละ”ไอ้เซ็ทขึ้นเสียงสวนกลับมาที่ผม ผมมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจ กว่าจะรู้ตัวไอ้เซ็ทก็ทุบอั่กเข้ามาที่อกผมเสียแล้ว
 
            “กูหึงมึงจะตายอยู่แล้วไอ้โง่”มันตวัดสายตามองหน้าผมดวงตามันวาววับด้วยมีหยาดน้ำคลออยู่ที่หน่วยตา
 
            “มึงไม่รู้หรอกกูเจอกับอะไรมั่งตั้งแต่มึงมาหากูบ่อยๆน่ะ ผู้หญิงทั้งที่คณะ นอกคณะมาคุยกับกู มาถามกูว่ามึงเป็นใคร มีแฟนหรือยัง ขอไลน์ขอเบอร์โทรมึงให้ยุ่งไปหมด กูอยากจะตะโกนใส่หน้าแม่งเลยว่ามึงเป็นแฟนกู แต่กูก็ทำไม่ได้ไง วันนี้ก็เหมือนกัน มีคนมาอ่อยมึงผ่านกู กูโมโหหนีออกมาก็เลยเจอพี่มิ่ง กูแค่อยากไปไหนก็ได้ที่ไม่มีใครมายุ่งกับมึงก็แค่นั้น กูรักมึงจะตายอยู่แล้วจะให้กูไปมองใครอีกไอ้โง่”
 
            เศรษฐพงศ์ผลักคณินลงนอนราบไปกับเตียงกว้างแล้วขึ้นคร่อมร่างสูงทันทีเด็กหนุ่มกระชับฝ่ามือประสานเข้ากับมือของคณิน ดวงตามีแววลังเลหากแต่เจ้าตัวก็เลือกที่จะปัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป คณินจ้องมองเศรษฐพงศ์ที่มีท่าทางครุ่นคิดอะไรบางอย่างแต่เพียงไม่นานภาพของเศรษฐพงศ์ก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆเหมือนกับมองผ่านเลนส์ซูม ความนุ่มหยุ่นและอุ่นร้อนประกบลงบนริมฝีปากของเขาอย่างเอาแต่ใจ คณินกระชับฝ่ามือที่ประกบกันให้แน่นขึ้นยามปลายลิ้นร้อนถูกส่งเข้ามาสำรวจในโพรงปากของเขา
 
เศรษฐพงศ์จูบเก่งขึ้นเยอะกว่าเมื่อก่อนมาก คณินปล่อยให้เศรษฐพงศ์เป็นคนคุมเกมส์นี้ลิ้นเล็กกวาดต้อนหาความหวานอย่างเอาแต่ใจ ฟันซี่เล็กกัดลงบนริมฝีปากของเขาราวกับจะกล่าวโทษว่าที่ตนเองต้องวุ่นวายใจมาตลอดนั้นเป็นเพราะคณินนั่นแหละ เศรษฐพงศ์ปล่อยมือของคณินแล้วเลื่อนลงไปดึงปลายเชือกที่ผูกเอวของคณินออก สาบเสื้อคลุมถูกแหวกออกแล้วก็พบว่าคณินนั้นไม่ได้ใส่ชั้นในปกปิดไว้ ดวงตากลมมองเขาอย่างสื่อความหมายบางอย่างก่อนจะลูบไล้ตามร่องอกของเขาอย่างจงใจจะปั่นป่วนหัวใจของเขา
 
 
            “กูหึงมึง เหมือนที่มึงหึงกู กูอยากให้มึงเป็นของกูคนเดียว แล้วมึงล่ะอยากให้กูเป็นของมึงคนเดียวมั้นคิน?”
 
 
คณินมองเศรษฐพงศ์อย่างอึ้งๆ สมองของชายหนุ่มกำลังประมวลผลกับสิ่งที่ได้ยินก่อนจะทันคิดอะไรได้ชุดคลุมที่เศรษฐพงศ์ใส่อยู่ก็ถูกเจ้าตัวถอดออกแล้วเหวี่ยงไปมุมหนึ่งของห้องนอนอย่างไม่ใยดี
 
 
          “กูอยากเป็นของมึง...ของมึงคนเดียวนะคิน...แค่มึง”
 


   คณินไม่รู้ว่าตอนนี้เศรษฐพงศ์กำลังคิดอะไรอยู่ ชายหนุ่มมองใบหน้าของคนรักด้วยสายตาสับสน สำหรับเขาแล้วเศรษฐพงศ์เป็นเหมือนโจทย์คณิตที่เขาแก้ไม่ได้ซักที ความคิดและจิตใจของเศรษฐพงศ์นั้นเหมือนมหาสมุทรที่บางครั้งก็เงียบสงบบางครั้งกลับบ้าคลั่งจนเกิดคลื่นยักษ์ เช่นตอนนี้ที่คนน้องกำลังทำการเอาแต่ใจตัวเองด้วยการพรมจูบไปทั่วร่างกายของเขา เศรษฐพงศ์เป็นเหมือนไฟที่พร้อมจะแผดเผาเขาได้ตลอดเวลา ตอนนี้ร่างกายของคณินร้อนราวกับถูกความร้อนของเศรษฐพง์เผาไหม้ความรู้สึกจากการถูกปลุกปั่นทำให้ในที่สุดเขาก็หลงมัวเมาไปกับสัมผัสนั้น ชายหนุ่มสอดแขนขึ้นไปประคองใบหน้าของน้องไว้ก่อนจะยืดตัวขึ้นตามจูบริมฝีปากที่ละออกอย่างเอาแต่ใจจากนั้นร่างสูงก็เป็นฝ่ายพลิกให้เศรษฐพงศ์ลงมานอนใต้ร่างเพื่อที่เขาจะได้ตอบโต้ได้อย่างถนัดถนี่หากแต่ว่าวันนี้เจ้าคนน้องกลับดื้อดึงนักเมื่อถูกพลิกกลับมานอนด้านล่างเศรษฐพงศ์ก็ดันให้คณินกลับมานอนที่เดิมเด็กหนุ่มส่งลิ้นดุนดันเกี่ยวรัดปลายลิ้นของคณินอย่างเอาแต่ใจ สะโพกมนที่นั่งทับตัวตนของคณินแกล้งบดเบียดจนแกนกายคนพี่เริ่มแข็งตัว

เศรษฐพงศ์รู้ตัวดีทุกอย่างว่ากำลังทำอะไรอยู่ ถ้าคณินคือน้ำมันที่รอวันเผาไหม้เขาจะเป็นไฟให้เอง
   “เซ็ท...อึก”คณินเอ่ยเรียกชื่อของเศรษฐพงศ์ยามที่ริมฝีปากของน้องไล่เล็มไปทั่วร่างของเขาก่อนคำพูดจะถูกกลืนหายเมื่อเศรษฐพงศ์ครอบปากดูดกลืนแกนกายเขาเขาดวงตากลมช้อนขึ้นมองอย่างท้าทายปลายลิ้นซุกซนปัดป่ายจนขนอ่อนลุกซู่ เขาเดาใจอะไรเจ้าเด็กนั่นไม่ถูกเลยซักนิด คณินรู้แต่เพียงว่าบางทีนี่อาจจะเป็นการง้องอนและเอาอกเอาใจให้เขาหายโกรธหายเคืองกับเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น ไอ้ชอบมันก็ชอบแหละที่เศรษฐพงศ์เป็นฝ่ายเริ่มก่อนเขาก็รู้สึกแปลกๆ มันทั้งตื่นเต้นทั้งสับสนเพราะปกติแล้วคนน้องจะยังติดเอียงอายเวลาช่วยกันอยู่ทุกครั้ง คณินนอนมองภาพที่เศรษฐพงศ์ขยับปากเข้าออกกับตัวตนของเขาปากแดงๆนั้นดูน่าลิ้มลอง แกนกายของเขาที่ถูกครองครองขยายใหญ่จนเต็มตัวเศรษฐพงศ์ใช้มือช่วยในส่วนที่ปากไม่สามารถรับเข้าไปได้หมด มืออีกข้างก็รูดเร้าของตัวเองอย่างเป็นจังหวะ

   “เซ็ท..ซี้ด...จะเสร็จ”เมื่อถูกรุกเร้ามากเข้าความเสียวซ่านก็แล่นวาบเข้ามาจู่โจมจนต้องดึงผมน้องไว้ เศรษฐพงศ์ส่งค้อนตาเขียวปั้ดนอกจากจะไม่หยุดวุ่นวายกับแกนกายของเขาแล้วเจ้าตัวยังเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นจนกระทั่งร่างของทั้งคู่กระตุกเกร็งความอุ่นวาบฉีดเข้าเต็มโพรงปากจนคนน้องไอโขลกเพราะกลืนไม่ทัน คณินผ่อนลมหายใจของตัวเอองควบคุมให้สม่ำเสมอลุกขึ้นนั่งจะดึงเศรษฐพงศ์ที่ซบลงกับหน้าขาของเขาขึ้นมากอดหากแต่เด็กดื้อรั้นคนนั้นกลับผลักเขาลงนอนแล้วขยับขึ้นคร่อมอีกหน

   “วันนี้มึงเป็นอะไรเนี่ยเซ็ท”เอ่ยปากถามคนที่คว้ามือของเขาไปตรึงกับพื้นเตียงอีกรอบ สีหน้ามุ่งมั่นของเศรษฐพงศ์ทำเอาเขาลอบกลืนน้ำลายอย่างตื่นเต้น

ตั้งแต่คบกันมาอีกไม่ถึงเดือนก็จะครบ 2 ปีแล้ว วันนี้เศรษฐพงศ์ดูจริงจังกับการเล่นกันมากที่สุดมากจนคณินเองก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้

เขาจะดูว่าเด็กอวดเก่งมันจะเล่นกับร่างกายของเขาได้ซักกี่น้ำสุดท้ายพอปลดปล่อยก็แค่ล้มตัวลงนอนแบบทุกครั้งไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

หากแต่ครั้งนี้คณินคิดผิด...เศรษฐพงศ์รูดรั้งแกนกายของคณินจนตื่นตัวขึ้นอีกครั้งและโดยไม่คาดคิดเด็กหนุ่มจับส่วนแข็งขืนสู้มือนั้นไว้มั่นก่อนจะกดสะโพกลงไป

   “โอ้ย!!”

เศรษฐพงศ์ร้องลั่นออกมาทันทีที่พยายามกดส่วนหัวเข้ามาในช่องทางที่ไม่เคยมีอะไรรุกล้ำเข้าไป ใบหน้าเหยเกเมื่อรู้สึกเจ็บจนปนขัดใจแถมไอ้คนที่เป็นเจ้าของส่วนที่ทำให้เขาเจ็บดันนอนหัวเราะคิกคักจนตัวโยน เศรษฐพงศ์ทุบลงไปบนหน้าท้องของคณินจนคนด้านล่างตัวงอด้วยความจุก เศรษฐพงศ์ยังไม่ละความพยายามเด็กหนุ่มพยายามกดสะโพกลงไปแต่เพราะขนาดที่ใหญ่ก็ทำให้มันลื่นไปตรงนู้นทีตรงนี้ทีคณินยิ่งขำกับท่าทางฟึดฟัดนั้นเข้าไปใหญ่

   “มันใช่เวลามาหัวเราะมั้ยวะ?”คนที่พยายามเสียตัวเต็มที่เงยหน้ามาเอ็ดแหวก่อนจะจับแกนกายของคณินไว้มั่นจากนั้นก็ค่อยๆกดสะโพกลงไปอีกครั้งอย่างช้าๆ

   “อึ่ก...”ริมฝีปากอิ่มถูกฟันคมของตัวเองกัดไว้เพื่อกลั้นความเจ็บ กายบางสั่นระริกก่อนจะพรูลมหายใจออกมาหนักๆทางปากเพื่อระบายความเจ็บ ความปวดหนึบเต้นตุบจนช่องทางด้านหลังตอดรัดแกนกายของคณินอย่างแรงจนชายหนุ่มนิ่วหน้า อาการหัวเราะขำเมื่อครู่หายไปราวปลิดทิ้ง คณินเองที่ตัวตนส่วนปลายค่อยๆเข้าไปในตัวของเศรษฐพงศ์ถึงกับนอนอึ้ง

นี่เขากำลังฝันหรืออะไร?

จริงเหรอวะ? ตอนนี้คินน้อยของเขากำลังถูกกลืนกินทีละนิดจริงๆเหรอวะ ตอนแรกเขาคิดว่าเศรษฐพงศ์ทำลงไปเพราะความโมโหหึง ปกติเซ็ทเป็นคนกลัวความเจ็บจะตายไปหลายครั้งที่เกือบจะเกินเลยกันแต่ก็ต้องหยุดกลางทางเพราะเศรษฐพงศ์เจ็บ เขาไม่เคยเห็นแก่ตัวดื้อดึงที่จะทำไปเพื่อความสุขของตัวเองเลยแต่ครั้งนี้เศรษฐพงศ์กำลังทำมันลงไปด้วยตัวเอง

กดลงไปโดยไม่เบิกทางแบบนี้ก็เจ็บสิ

   “เซ็ท หยุด...หยุดก่อน อย่าทำแบบนั้นมึงจะเจ็บ”คณินรีบจับแขนของเศรษฐพงศ์ที่ค้ำไว้กับพื้นแต่คนเด็กกว่ากลับดื้อดึงกลั้นใจกดสะโพกลงไปจนสุดหลังจากเขาพูดจบ คนอ่อนประสบการณ์กว่าเจ็บจนเกร็งไปทั้งร่างทิ้งตัวลงนอนซบลงบนร่างของคณินอย่างหมดแรง คณินรู้สึกได้ถึงความสั่นของร่างกายเศรษฐพงศ์และความอุ่นชื้นที่หยดลงบนแผงอกของเขา

เศรษฐพงศ์เจ็บจนร้องไห้ คณินขยับจะลุกด้วยความตกใจหากแต่คนน้องกลับร้องออกมาเสียก่อน

   “โอ้ย...เจ็บ...คิน...อย่าขยับ เซ็ทเจ็บ”สรรพนามแทนตัวแสนน่ารักที่นานๆจะได้ยินซักทีทำให้คณินต้องนอนลงอีกครั้ง ทั้งสองร่างเชื่อมต่อกันด้วยแกนกายที่ถูกบีบรัดจนปวดไปหมดแต่ชายหนุ่มก็อดทนเพราะคนบนร่างนั้นน่าจะเจ็บมากกว่า เสียงสูดน้ำมูกดังขึ้นอย่างน่าเอ็นดูจนเขาอดไม่ได้ที่จะจับหน้าของเศรษฐพงศ์ให้เงยขึ้นมามองเขา ดวงตาคู่สวยที่มักทำเป็นเฉยบัดนี้ชุ่มไปด้วยน้ำตา

   “มึงทำไมน่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้วะเซ็ท”

   “กูเจ็บ...”คนน้องร้องโอดยังคงแช่ตัวอยู่อย่างนั้นไม่ได้ขยับ

“กูรู้...คินรู้ครับ”ส่งยิ้มอ่อนโยนที่มีเพียงเศรษฐพงศ์เท่านั้นที่ได้รับมัน จริงอยู่ว่าคณินนั้นเคยมีเซ็กส์กับใครมาหลายคนแต่เขาทำไปเพื่อระบายอารมณ์ใคร่ตามแบบเด็กผู้ชายเมื่อเสร็จแล้วก็จบกันไป ไม่มีความอ่อนโยนหรือผูกพัน

แต่เศรษฐพงศ์ไม่ใช่แบบคนพวกนั้น ชายหนุ่มดึงร่างของคนรักในขยับขึ้นมาอีกหน่อยเพื่อให้เขาสามารถจูบเศรษฐพงศ์ได้มากเท่าที่ต้องการ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาอยากดึงความสนใจของน้องให้เลิกโฟกัสความเจ็บที่เล่นงานมาหลายนาทีแล้ว แช่กายค้างไว้แล้วหลอกล่อด้วยจูบหวานปนหยอกเย้า แกล้งกัดจมูกคนที่ร้องไห้งอแงเหมือนเด็กยามที่ทำตัวเองเจ็บตัว ฝ่ามือหนาลูบแก้มของเศรษฐพงศ์อย่างแสนรัก กดท้ายทอยเพื่อให้หน้าผากของเขาทั้งคู่ชนกัน ปลายลิ้นหยอกล้อกันบดเบียดริมฝีปากจนแม้แต่อากาศก็เข้ามาแทรกไม่ได้ คณินใช้มือลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของเศรษฐพงศ์ก่อนจะเลื่อนไปขยำแก้มก้นของคนน้องเบาๆ เศรษฐพงศ์มีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อเห็นอาการน้องดีขึ้นคณินจึงลองขยับกายออกช้าๆและดันกลับเข้าไปใหม่เศรษฐพงศ์เกร็งตัวขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรู้สึกตัวว่าคนใต้ร่างเริ่มขยับเอวพลางซุกไซร้ที่หน้าอกบางของคนน้อง ยอดอกถูกครอบครองและสร้างความปั่นป่วนด้วยปลายลิ้นร้ายกาจที่ทำให้ร่างของเศรษฐพงศ์ยืดขึ้นจากความเสียวซ่านที่ได้รับ เด็กหนุ่มสูดปากยามที่คณินดูดดึงหัวนมเล็กสลับข้างไปมาจนหน้าอกเปรอะไปด้วยคราบน้ำลาย เศรษฐพงศ์ค่อยๆขยับช่วงล่างที่ค้างคากันอยู่อย่างช้าๆยามเมื่อห้วงอารมณ์บางอย่างเริ่มเข้ามาทำบทบาทของมันตามการชักพาของคณิน

   “อื้อ...”เสียงครางเบาๆในลำคอทำให้คณินรู้ว่าเศรษฐพงศ์พร้อมแล้วสำหรับบทเรียนของคนรักกันบทใหม่ชายหนุ่มประคองเอวบางไว้ เอ่ยสอนอย่างใจเย็นให้กับนักเรียนจอมดื้อที่จะเอาเกรดเอแต่ความรู้ติดศูนย์

   “ใจเย็นๆ ค่อยๆยกตัวขึ้นช้าๆแล้วทิ้งสะโพกลงไปเบาๆ ใช้ขาพยุงตัวไว้คินจะช่วย”เศรษฐพงศ์ยืดตัวขึ้นนั่งหลังตรงแช่กายไว้อีกพักโดยที่คณินก็รออย่างใจเย็นเช่นกัน ฝ่ามือนุ่มวางลงบนหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อแข็งๆของคณินแล้วค่อยๆขยับตามที่คนพี่บอก ดวงตากลมปิดสนิทหัวคิ้วขมวดจนแทบจะผูกเป็นโบว์ จังหวะเก้กังดำเนินไปอย่างช้าๆโดยที่คณินส่งมือไปช่วยเร้าแกนกายของคนบนร่าง เศรษฐพงศ์รู้สึกเหมือนปวดฉี่ขึ้นมาดื้อๆยามที่ขยับก้นให้แนบสนิทกับหน้าขาของคณิน ความรู้สึกเสียวแปล๊บแล่นเข้าจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวจนขนลุกไปทั่วร่าง คณินเห็นดังนั้นจึงแกล้งสวนเอวใส่เข้าไปอีกครั้งจนสุดเป็นผลให้เศรษฐพงศ์ร้องออกมาเสียงดังเนื้อตัวอ่อนปวกเปียกไหลลงมากอดไหล่ของเขาไว้พลางจิกเล็บลงไปอย่างลืมตัว

   “เสียวใช่มั้ยครับ ตรงนี้เซ็ทเสียวใช่มั้ยครับ”กระซิบถามคนที่ลมหายใจสะดุดพลางงับลงบนไหล่ของเขาราวกับลูกแมวที่ฟันเพิ่งขึ้น ถอนแกนกายออกมาจนสุดแล้วสวนกลับเข้าไปใหม่อีกครั้ง ผลลัพท์เป็นเช่นเดิมคือเศรษฐพงศ์หลับตาปี๋พลางส่งเสียงร้องออกมาอย่างดัง

   “อื้อ...เสียว...”คำตอบรับที่ทำให้คณินยิ้มออกมาได้ ชายหนุ่มจัดการพลิกร่างขึ้นมาเป็นคนคุมเกมเมื่อดูท่าแล้วเศรษฐพงศ์คงไม่ไหวที่จะทำต่อแล้วแน่ๆ สองแขนสอดเข้าใต้ข้อพับเข่ายกขึ้นจนสะโพกลอยแล้วเริ่มขยับเอวเข้าออกเร็วขึ้นเรื่อยๆเศรษฐพงศ์ใช้มือช่วยเร้าแกนกายที่มีน้ำใสปริ่มออกมา ร่างบางบิดเร่าตัวแดงราวกุ้งสุกดูน่าเอ็นดูระคนน่ารังแกเสียเหลือเกิน เสียงครางกระเส่าเร้าอารมณ์คนที่พลิกมาคุมเกมคณิรส่ายเอวเล็กน้อยจนแกนกายควานไปทั่วโพรงร้อนนั้น สูดปากด้วยความเสียวซ่าน ยิ่งมองหน้าเศรษฐพงศ์ที่พยายามหันไปครางใส่หมอนเพื่อปิดบังเสียงร้องของตัวเองก็ให้เอ็นดูนัก

ความรู้สึกรักใคร่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นเมื่อตอนนี้ตนเองได้ครอบครองทั้งตัวและหัวใจของเศรษฐพงศ์ เม็ดเหงื่อเริ่มซึมตามไรผมก่อนจะร่วงหล่นลงบนร่างที่บิดเร่ายามแกนกายของเขากระตุ้นเร้าตรงจุดที่ทำให้รู้สึกทั้งดีและทรมาน

ร้อนไปหมด ร้อนราวกำลังถูกเปลวไฟแผดเผา ทั้งสุขทั้งทรมาน ในหัวมีแต่เสียงหวีดหวิว ริมฝีปากไม่อาจกลั้นเสียงน่าอายได้เลยซักนิด คณินคร่อมร่างที่ตอบสนองเขาได้ดีโดยไม่มีการติดขัดอีกแล้วอย่างแสนรัก

เมื่อรักก็อยากครอบครอง เมื่อได้ครอบครองก็อยากดูแลไปจนชั่วชีวิต อยากเป็นคนรักษาทั้งกายและหัวใจนี้ไว้ในจุดที่ดีที่สุด ทะนุถนอมที่สุด เรียวขาสีน้ำผึ้งอ้ากว้างเพื่อรับตัวตนที่เริ่มขยับเร็วจนเสียงหน้าขาที่กระทบกันดังขึ้นเรื่อยๆ คณินพรมจูบไปทั่วทั้งใบหน้าของคนรัก ตั้งหน้าผาก ดวงตา ริมฝีปาก แก้มนวลขึ้นสี ต้นคอถูกขบเม้มเบาๆแต่ไม่ทิ้งรอยไว้ด้วยเข้าใจว่าเศรษฐพงศ์ยังต้องไปเรียนต้องเจอคนรอบข้างที่ไม่รู้ว่าเศรษฐพงศ์มีคนรักแล้ว เศรษฐพงศ์ลืมตาขึ้นมองคนที่จ้องหน้าตนมาศซักพักแล้ว เด็กหนุ่มยิ้มให้คณินด้วยรอยยิ้มที่สวยที่สุดเท่าที่คณินเคยเห็นมา รอยยิ้มที่อยู่ภายใต้ดวงตาที่ฉายชัดเพียงแค่เขา ดวงตาที่ซื่อสัตย์ต่อเขาเสมอมา เงาในนั้นสะท้อนเพียงใบหน้าของคณินเท่านั้น

   “คินรักเซ็ทนะครับ รักมากๆ แล้วก็หวงมากๆด้วย หวงจนไม่อยากให้ใครมายุ่งกับเซ็ทเลย เซ็ทเข้าใจใช่มั้ยครับ?”

“รู้...กูรู้...อ๊ะ”เศรษฐพงศ์ร้องลั่นเมื่อคณินแกล้งกระแทกบั้นเอวเข้ามาแรงๆยามสรรพนามไม่น่ารักเอ่ยออกมาจากปาก

   “พูดเพราะๆ”

   “อื้อ...จะให้กู...อ๊ะ”ร่างบางสะดุ้งยามที่คณินไสกายเข้ามาทำโทษเขาอีกครั้งจนจุก เศรษฐพงศ์ส่งค้อนให้คณินเด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆยามคณินเร่งจังหวะเร็วและแรงขึ้นราวกำลังทำโทษเขาอยู่

   “เซ็ท...อื้อ...เซ็ทรู้...รักเหมือนกัน”คณินยิ้มอย่างพอใจกับคำพูดนั้น ชายหนุ่มมีความสุขจนตอนนี้แทบจะล้นปรี่ออกมาจากอกขยับร่างเข้าใกล้กันให้มากขึ้น มอบความรักผ่านภาษากายประสานฝ่ามือเข้าด้วยกันอีกครั้งกดตรึงกระชับแล้วเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นยามประจุความสุขแล่นพล่านทั่วสรรพางค์กาย เศรษฐพงศ์ตอดรับรัวเร็วก่อนจะหดเกร็งหน้าท้องยามความรู้สึกเหมือนถูกกองทัพผีเสื้อบินว่อนในท้องน้อยก่อนจะบินประทุกรูออกมาเป็นหยาดธารสีน้ำนมจนเปรอะหน้าท้องตนเองและคณิน คนที่ขยับกายบนร่างรวบร่างของเศรษฐพงศ์ไปกอดไว้แนบอกเอวสอบขยับเร็วขึ้นเรื่อยๆเสียงครางทุ้มดังขึ้นข้างหูชวนให้หัวใจปั่นป่วนก่อนที่ความรู้สึกอุ่นวาบจะเติมเต็มเข้ามาในช่องทางที่ตอดรัดถี่รัว คณินกอดกายของเศรษฐพงศ์แน่นปลดปล่อยทุกหยาดหยดของความรักเข้าไปในร่างกายของเศรษฐพงศ์แล้วแช่ค้างไว้แน่น ลมหายใจหอบถี่ประสานกันก่อนจะกดจูบลงบนริมฝีปากอิ่มนั้นอย่างแสนรัก

สมบูรณ์แล้ว

เป็นของกันและกันจนสมบูรณ์แล้ว

คุ้มค่าเหลือเกินที่รอคอยมา ชายหนุ่มปลดปล่อยหยาดน้ำตาของความสุขออกมาอย่างไม่อาย

นอกจากตอนที่แม่ตายและตอนที่ถูกเศรษฐพงศ์ปฏิเสธความรักคณินก็ไม่เคยต้องเสียน้ำตาให้ใครอีกเลย เศรษฐพงศ์เช็ดน้ำตาให้คนรักด้วยริมฝีปากของตัวเองอย่างแผ่วเบา

   “ร้องไห้ทำไม หืม?”น้ำเสียงนุ่มเอ่ยถามคนพี่ที่ยังคงร้องไห้ไม่หยุด

   “คินดีใจ...ดีใจที่เซ็ทให้เกียรติคินได้ครอบครองเซ็ท”

   “เซ็ทก็ดีใจที่ได้เป็นของคินนะ เซ็ทรักคินจริงๆ รักมากๆเลยรู้มั้ย อย่าผลักเซ็ทไปให้ใครอีก รักจนจะบ้าตายอยู่แล้วรู้มั้ย”เศรษฐพงศ์ลูบศีรษะคณินเบาๆราวกับกำลังกล่อมเด็ก

   “คินก็รักเซ็ทนะ รักมากเลยหวงมากอย่าว่าคินงี่เง่าเลยนะ นอกจากป๊ากับครอบครัวแล้วคินก็มีแค่เซ็ท อย่าทิ้งคิน อย่าเบื่อคินได้มั้ยครับ ช่วยทนกับนิสัยเอาแต่ใจของคินหน่อยจะได้มั้ย?”

   “ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยตามหวงกูไปตลอดชีวิตได้มั้ย?”

   “พูดไม่เพราะอีกแล้วนะ”คณินแกล้งว่าด้วยเสียงเย็นก่อนที่จะขยับแกนกายที่ยังคงแช่อยู่ในร่างของเศรษฐพงศ์อีกครั้ง

“อื้อ กูขอโทษ โอ้ย...ขอโทษแล้วไง เซ็ทขอโทษจะไม่พูดกูมึงอีกแล้ว”เศรษฐพงศ์ร้องลั่นเมื่อคณินดึงร่างของตนในลุกขึ้นมานั่งกลายเป็นตอนนี้เขานั่งคร่อมอยู่บนร่างของคณิน

   “ขอโทษตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วล่ะ มันตื่นอีกแล้ว เนี่ย ยิ่งดิ้นยิ่งตื่น ขออีกรอบนะ นะครับ”

   “อ่ะ...อื้อ...”เศรษฐพงศ์ร้องลั่นยามที่คณินเด้งเอวขึ้นสวนโดยไม่ทันตั้งตัว คนเจ้าเล่ห์ยิ้มกริ่ม

   “อื้อนี่คืออนุญาตใช่ป่าว ดีจังตอนนี้ไม่ฝืดแล้วคินขอทำแรงๆกว่ารอบแรกนะ”

เศรษฐพงศ์อยากจะอ้าปากด่าคณินนักยามที่เอวสอบเด้งสวนเข้ามาในร่างของเขาจนจุกหากแต่เสียงที่เปล่งออกมามีเพียงเสียงครางกระเส่าราวกินของเผ็ด


((ต่อด้านล่าง))

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2




            “เซ็ท ถ่ายรูปกัน”หลังจากเสร็จกิจไปตอนค่ำคณินก็พาเศรษฐพงศ์ออกมากินข้าวจากนั้นจึงกลับเข้าห้องพักในตอนดึก คนเด็กที่เดินไม่ปกตินักเพราะความแสบขัดยิ้มรับอย่างว่าง่าย
    
เขาอยากเอาใจคณินที่อุตส่าห์เดินทางมาหาเขา เด็กหนุ่มขยับตัวนั่งเพื่อให้คณินถ่ายรูปได้ถนัดหากแต่เศรษฐพงศ์กลับถูกดึงให้ลุกจากเก้าอี้แล้วคณินเป็นฝ่ายมานั่งแทน เอวบางถูกรั้งให้มานั่งบนตักของเขาโทรศัพท์เครื่องแพงของคณินถูกยัดใส่เข้ามาในมือของเศรษฐพงศ์
 
            “อ...อะไร?”เอ่ยปากถามด้วยความประหม่าเมื่อลมหายใจอุ่นวนเวียนอยู่แถวซอกคนของตนเอง หัวใจเต้นดังจนได้ยินออกมานอกอกผสานกับเสียงหัวใจของคณินที่เต้นดังไม่แพ้กัน
 
            “ถ่ายให้หน่อย”เสียงทุ่มเอ่ยชิดริมหูของคนน้อง
 
            ทำไมไม่ถ่ายเองล่ะ”
 
            “ก็อีกมือกอดเอวมึงอยู่จะถ่ายได้ไงล่ะ”พูดจบก็คล้องแขนกอดไหล่น้องพลางชูสองนิ้วจนเศรษฐพงศ์ที่กำลังงงๆพลอยชูสองนิ้วตามไปด้วย ริมฝีปากบางหลุดยิ้มออกมาอย่างมีความสุขยามที่คณิกดจูบลงบนแก้มของตนเองอย่างแสนรัก คณินกอดเอวน้องไว้หลวมๆพลางวางคางไว้บนไหล่ของเศรษฐพงศ์ ดวงตาคมมองกล่องริมฝีปากเหยียดตึงคล้ายจะบึ้งแต่ความจริงแล้วเขากลั้นยิ้มจนเมื่อยแก้ม เศรษฐพงศ์กดถ่ายรูปแล้วยื่นโทรศัพท์คืนให้ คณินเลื่อนไปเลื่อนมาวุ่นวายกับโทรศัพท์ซักพักก็วางลงบนโต๊ะอย่างไม่สนใจมันอีก เพราะมีคนที่น่าสนใจนั่งเล่นอยู่ใกล้ๆ
 
            มิ่งกมลอาบน้ำอาบท่าเสร็จก็เปิดไฟที่โต๊ะอ่านหนังสือกะว่าจะทบทวนวิชาเรียนซักสองชั่วโมง ชายหนุ่มเดินไปหยิบนมจืดในตู้เย็นออกมาเจาะเสียบหลอดดื่ม หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเข้าเฟสบุ๊คด้วยความเคยชินปกติก่อนนอนเขาจะทักไปคุยกับเศรษฐพงศ์ทุกคืน พยายามสรรหาเรื่องไปชวนรุ่นน้องที่ต้องตาต้องใจเขาตั้งแต่แรกเห็นเรื่อยๆ
 
มิ่งกมลชอบเศรษฐพงศ์ เด็กคนนั้นมีเสน่ห์บางอย่างดึงดูดทั้งคนเพศเดียวกันและเพื่อนต่างเพศ เศรษฐพงศ์เป็นคนนิสัยดี สุภาพและเอาการเอางาน ชายหนุ่มเลื่อนดูโพสต์หน้าฟีตไปเรื่อยๆจนกระทั่งชะงักกับภาพๆหนึ่งที่เพิ่งมีคนแท็กเศรษฐพงศ์มาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน มีเพื่อนๆของเศรษฐพงศ์มากดไลค์กันครบรวมทั้งชื่อของคนที่ไม่คุ้นตาอีกเกือบสิบคน
 
มิ่งกมลปล่อยโทรศัพท์ให้หล่นลงบนโต๊ะราวกับคนอ่อนแรง
 
ภาพของเศรษฐพงศ์ที่มีใครบางคนส่งสายตาแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอย่างเต็มตัว
 
คนที่เศรษฐพงศ์บอกใครต่อใครมาตลอดว่านั่นคือพี่ชาย
 
พี่ชายน้องชายเขานั่งตักเกยคางถ่ายรูปกันแบบนี้ด้วยเหรอ?  หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้ง แคปชั่นในรูปทำให้ชายหนุ่มวางโทรศัพท์ลงอย่างอ่อนแรง

 
            “he is mine”

 
เขาแพ้แล้ว แพ้อย่างสิ้นเชิง...แพ้ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มเลยด้วยซ้ำ
 


............................................




จุดพลุๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


พญานกไม่นกอีกต่อไปแล้วววววววววววววววววววว




ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เออสักที! อ่านตอนนี้คือคนอ่านไฟไหม้หมดแล้วจ้าร้อนแรงเหลือเกิน  :mc4: :mc4:
วงวารมิ่งหันมาหาเจ้ก็ได้นะลูก  :hao7: :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-02-2019 12:00:02 โดย ashbyipcet »

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เซ็ทหึงได้ร้องแรงมาก :m25: สงสัยว่าคินคงไม่ขยันทำให้น้องมันหึงนะ เอ้าจุดพุ :mc3: :mc3: :mc2: :mc2:
แล้วถ้าเกิดพ่อกับแม่รู้เรื่องจะเป็นยังไงจะมีมาม่ามั้ย?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ชัยชนะของอิพี่คิน

ที่นกมาตลอด

ตอนนี้ไม่นกแล้วจ้า


ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ตอนที่ 45

  คณินลืมตาท่ามกลางแสงสลัวจากไฟหัวเตียง ดวงตาคมมองใบหน้าของคนที่นอนหลับข้างๆอย่างแสนรัก เกลี่ยปลายนิ้วไล้กรอบหน้าที่ขึ้นสันกรามชัดด้วยเพราะเศรษฐพงศ์แก้มตอบลง

 

เป็นของกันและกันอย่างสมบูรณ์แล้ว ไม่ใช่ความฝันหรือการช่วยตัวเองแล้วจินตนาการว่ามีอะไรลึกซึ้งกันแบบเมื่อก่อน คณินรั้งร่างของเศรษฐพงศ์มาไว้ในอ้อมกอด กระชับอ้อมแขนกดศีรษะของคนน้องมาแนบอกอย่างแสนรักใคร่

 

ตั้งแต่แม่ตายคณินก็ไม่เชื่อถือเรื่องความรักซักเท่าไหร่นัก เขาไม่เชื่อว่าคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวและกลุ่มเพื่อนสนิทจะมีใครมารักเขาจริงแบบที่ไม่หวังตักตวงทรัพย์สินที่เขามี เด็กหนุ่มสร้างกำแพงขึ้นมาห้อมล้อมตัวเองอย่างหนาแน่น แม้แต่กับเศรษฐพงศ์เองก็ตามที เขาคิดเพียงว่าสองแม่ลูกก็ไม่ต่างกับคนอื่นที่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับผู้เป็นพ่อ

 

คนเหล่านั้นแสร้งทำดีกับเขาเพียงเพื่อจะแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกับพ่อของเขาเพื่อหวังเพียงทรัพย์สมบัติ ผู้หญิงพวกนั้นหวังแค่ว่าหากแต่งงานกับพ่อของเขาถ้าไปกันไม่รอดหล่อนเหล่านั้นก็จะได้สินสมรสติดกระเป๋าไปบ้างไม่มากก็น้อย โชคดีเหลือเกินที่พ่อของเขาเป็นคนรอบคอบ พ่อเก่งทั้งเรื่องธุรกิจและการดูคน เขายอมรับในตัวลดาแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นรักพ่อของเขาจริงและความรักความใจดีของเธอยังเผื่อแผ่มายังตัวเขาด้วย

 

คณินกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นราวกับหวงแหนของสำคัญหากเขากอดหลวมไปเศรษฐพงศ์อาจจะปลิวหายไปได้ทุกเวลา แต่ก็ไม่กล้ากอดแน่นเกินไปด้วยกลัวว่าคนน้องจะอึดอัด

 

คณินเรียนรู้ที่จะประคับประคองความรักครั้งนี้ไว้เขาไม่อยากเสียเษศรษฐพงศ์ไปและไม่อยากให้เศรษฐพงศ์ต้องมาอึดอัดเมื่อคบหากับเขา

 

พยายามจะไม่เป็นคนงี่เง่าแต่หลายครั้งที่เขากับงอแงใส่คนน้อง

 

ตั้งแต่แม่ตายเขาไม่เคยต้องร้องไห้ให้ใครเลยซักครั้ง

 

เศรษฐพงศ์คือคนแรกที่ได้เห็นมุมอ่อนแอของเขาและเด็กคนนี้เช็ดน้ำตาให้เขาอย่างอ่อนโยน แม้จะเป็นคนแข็งๆไปบ้างตามแบบฉบับเด็กผู้ชายแต่ความรักและความห่วงใยที่เศรษฐพงศ์มีให้เขานั้นมันอ่อนโยนมากกว่าคำพูดเพราะๆหวานหูที่เคยได้ยินจากคนอื่นมากนัก

 

กว่าจะได้คบกันก็ผ่านเรื่องราวมาอย่างมากมาย วันนี้เมื่อลึกซึ้งผูกพันก้าวข้ามคำว่าแฟนเป็นคนรักเป็นของกันและกันแล้วเขาก็ยิ่งหวงแหน อยากจะคบกันไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่จนกว่าความตายจะมาพรากจากกัน

 

คณินกดจูบลงบนหน้าผากของเศรษฐพงศ์อย่างแสนรัก ร่างโปร่งในอ้อมกอดขยับยุกยิกก่อนจะซุกศีรษะกับอกของเขา วงแขนที่นิ่งสนิทมาตลอดโอบกอดเอวสอบของเขาตอบคณินยิ้มจนลักยิ้มข้างแก้มบุ๋มยามที่คำพูดแสนเบาดังออกมาจากริมฝีปากอิ่มที่บวมช้ำ

 

            “กูรักมึงนะ”

 

 

สายของวันรุ่งขึ้นคณินตื่นขึ้นมาเพราะไอร้อนจากคนในอ้อมกอดคณินใช้หลังมืออังหน้าผากของคนที่นอนหลับไม่ยอมตื่นก่อนจะจำใจยอมลุกขึ้นคว้ากระเป๋าเงินและกุญแจรถกุญแจห้องออกไปหาซื้อยาและอาหารสำหรับเขาสองคนชายหนุ่มหายออกมาราวหนึ่งชั่วโมงก็กลับมาถึงห้อง คนป่วยตื่นแล้วแต่ยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติงส่งมาเพียงดวงตาเขียวปั๊ดจนรู้สึกตึงๆที่หนังหัว

 

            “จะนอนจ้องกูอีกนานมั้ยนั่น ลุกมากินข้าวกินยาเถอะมึงตัวร้อน”คณินจัดการไปหยิบชามที่ห้องพักมีให้มาเทโจ๊กร้อนๆใส่ตามด้วยปาท่องโก๋ที่เศรษฐพงศ์ชอบกิน ปกติเพียงแค่ได้กลิ่นเศรษฐพงศ์ก็จะรีบเด้งตัวลุกขึ้นมาจัดการโดยไม่ต้องคะยั้ยคะยอแล้วหากแต่วันนี้คนน้องกลับนอนนิ่วหน้าไม่ไหวไม่ติงราวกับจะเก็บพลังงานไว้ใช้ในชาติหน้า

 

            “มาดิ่ หรือจะต้องให้ยกไปป้อนถึงปาก”

 

เศรษฐพงศ์ ::

 

ผมนอนมองหน้าไอ้คนที่หายหัวออกไปเป็นชั่วโมงแล้วก็กลับมาพร้อมถุงของกินด้วยสายตาเคืองๆ

 

อันที่จริงผมจะไปโกรธไปเคืองอะไรมันก็ไม่ถูกนักหรอก เพราะไอ้อาการร้าวตั้งแต่บั้นเอวลงมาถึงบั้นท้ายน่ะเป็นเพราะผมทำตัวเอง แต่ถ้าไอ้ตรงนั้นของมันไม่ใหญ่ผมคงไม่เจ็บขนาดนี้ เจ็บขนาดที่ว่าไม่อยากจะขยับตัวเลยด้วยซ้ำ เพราะแค่ขยับเบาๆความรู้สึกร้าวราวถูกสาปก็เข้าเล่นงานจนต้องซี๊ดปากไปเสียหลายหน

 

มันโง่หรือมันโง่หรือมันโง่มากๆผมก็ไม่แน่ใจ มันไม่รู้เลยเหรอว่าครั้งแรกของผมนอกจากตอนถูกแทงแล้ว บริการหลังการแทงนั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน แม้ว่าเมื่อวานผมจะกลั้นอกกลั้นใจออกไปกินข้าวเย็นกับมันได้ก็ตามทีเถอะ แต่พอกลับมาก่อนจะหลับตานอนมองหน้ากันไปมองหน้ากันมาจูบกันนิดจับกันหน่อยวัยฮอร์โมนพลุ่งพล่านอย่างพวกผมพอเคยกันครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 แล้ว ครั้งที่สามก็ตามมาได้อย่างง่ายๆ ตอนนี้ผมจึงต้องมานอนร่างร้าวรับกรรมโดยมีไอ้คนร่วมเหตุการณ์เดินสบายปร๋อไปทั่วห้องเอ่ยปากถามอย่างกวนส้นตีนนั่นพูดจากระทบกระเทียบเร่งเร้าไม่ขาดปาก

 

            “ไงครับคุณชาย ให้ป้อนมั้ยครับ”ไอ้คินผู้ไม่รู้ชะตากรรมว่ากำลังจะไม่มีเงาหัวภายใน 10 วินาทีต่อไปนี่ยื่นหน้ามาถามผมด้วยสีหน้าระรื่น

 

10...9...8...7...6...5...4...3...2...1...0

 

เพี๊ยะ!!!!

 

ผมตบเปรี้ยงไปบนแก้มใสของมันเต็มแรงจนไอ้คินถึงกับหน้าหัน มันทำหน้าเหวอกุมแก้มหันมามองผมราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งที่โดนไปจนหน้าขึ้นรอยนิ้วนั้นเป้นความจริง

 

            “มึงตบกูทำไมเนี่ย”มันร้องถามผมเสียงหลง

 

            “ไม่ถีบเอาก็บุญแล้วไอ้หน้าส้นตีน สั่งให้กูลุกอยู่ได้รำคาญ!!”ผมว่าให้มันอย่างหงุดหงิด

 

หงุดหงิดร่างกายตัวเองนี่แหละ ขยับไม่ได้อย่างใจนึกแถมยังมาเป้นไข้อีก ความหงุดหงิดยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณ ไอ้คินก็ดูเหมือนจะโกรธๆผมอยู่เหมือนกันที่ผมไปงี่เง่าใส่มัน มันเริ่มหน้าแดงลามไปยั้นใบหูเท้าสะเอวมองผมด้วยสายตาเคืองๆ

 

            “ก็กูให้มึงลุกมากินข้าวเนี่ย ตัวมึงร้อนมึงมีไข้จะได้กินยากูน่ารำคาญตรงไหน”

 

            “ตรงที่มึงเซ้าซี้ให้กูลุกนี่แหละ กูจะลุกยังไงไหวล่ะ กูเจ็บตูด ไม่รู้หรือไงไอ้โง่ ที่ตอนใส่ๆไม่ยั้งพอเสร็จแล้วตัวปลิวเลยนะไอ้สัดปล่อยให้กูร่างร้าวอยู่คนเดียว”ผมด่ามันยาวเหยียด อีน้ำตาเหี้ยนี่ก็ทำท่าจะไหล

 

ไม่รู้แหละตอนนี้ผมพาลไปทุกสิ่งอย่างหงุดหงิดไปซะหมด ไอ้คนพอมันฟังผมด่าไปยาวเหยียดเสร็จมันก็ยืนนิ่งไป ไอ้ปากดีๆที่ตั้งท่าจะเถียงก็หุบลงในทันทีแล้วมันก็เดินตรงเข้ามาหาผม

 

            “ทำไม จะตีกูเหรอ เออตีมาเลย ตอนนี้กูสู้อะไรมึงไม่ได้หรอก จะทำอะไรไรก็ทำเลย ฮึ่ก...”อยู่ๆน้ำตาผมก็ไหลแถมอีก้อนสะอื้นที่พยายามกลืนลงคอเสือกพุ่งพรวดออกมาจนเกิดเสียง

 

ผมเกลียดเวลาที่ตัวผมไม่สบายมันจะส่งผลให้สภาพจิตใจของผมแย่ไปด้วย พอได้สะอื้นแล้วทำนบน้ำตาของผมก็พัง

 

ไอ้คินไม่ได้ตีผมอย่างที่ผมคิด มันทำเพียงวางฝ่ามือลงบนแก้มของผมพลางเกลี่ยเบาๆ

 

            “เจ็บมากมั้ย คินขอโทษนะ ลุกไม่ไหวก็ไม่ต้องลุกนะเดี๋ยวคินป้อนเอง ขยับนั่งพิงหัวเตียงไหวมั้ยเดี๋ยวสำลักข้าว”มันพยายามประคองผมที่พยักหน้ารับให้นั่งพิงหัวเตียงก่อนจะไปหยิบชามโจ๊กและจานปาท่องโก๋มาป้อนผม ผมรับอาหารเข้าปากคำแล้วคำเล่าจนอารมณ์ค่อยดีขึ้นเรื่อยๆ มันเป่าไปป้อนไปจนหมดชามก็จัดน้ำและยามาให้กิน จากนั้นผมก็หลับไปอีกหนตื่นขึ้นมาอีกทีก็บ่ายแล้ว ความรู้สึกมีอะไรมาวุ่นวายกับหลังและสะโพกปลุกให้ผมตื่นขึ้นพลางบิดตัวอย่างเกียจคร้าน

 

            “ดีขึ้นมั้ย?”น้ำเสียงทุ้มของคนที่วุ่นวายกับร่างกายของผมเอ่ยถาม ผมเอี้ยวหลังไปมองไอ้คินนั่งนวดหลังจนถึงสะโพกให้ผมอยู่ ความรู้สึกเมื่อยล้าเกียจคร้านทุเลาลงไปอย่างมาก กลับผ่อนคลายและสบายตัวขึ้นมากกว่าตอนหลับ อาการไข้เหมือนจะลดลงไปมากจนเกือบปกติ ข้างเตียงมีกะละมังน้ำมีผ้าขนหนูแช่ทิ้งไว้

 

            “มึงนวดกูนานยัง?”ผมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงติดจะแห้ง อาการเจ็บขัดปวดเมื่อยดีขึ้นมากจนผมขยับตัวเคลื่อนไหวได้ถนัดขึ้น

 

            “ก็ตั้งแต่มึงหลับกูก็นั่งนวดให้มันสลับกับเช็ดตัวตลอด”มันตอบมือมันก็ยังไม่เลิกนวดจนผมต้องหันไปรั้งมือมันไว้แทน

 

            “พอแล้ว หายแล้ว ขอบใจนะ”ผมมองหน้ามันด้วยความรู้สึกผิด รอยนิ้วแดงยังคงติดอยู่บนใบหน้าของมัน

 

            “ไม่เป็นไร กูเป็นคนทำมึงเจ็บกูก็ต้องดูแลมึง นั่นมันถูกแล้ว คราวหลังกูจะได้ยั้งแรงไว้บ้าง”มันว่าหน้าตาเฉยแต่ผมนี่สิถึงกับตาเหลือกไอ้อารมณ์ซาบซึ้งถูกดีดออกไปจนกระเด็น

 

            “คราวหน้าอะไร กูไม่ให้มึงแล้วไอ้ลามก”ผมแหวใส่มันพลางกระเถิบหนี หากแต่ไอ้คินกลับเลื่อยมานอนกอดตักล็อคขาของผมไว้ พลางเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแสนจะตอแหลใส่ผมให้ขนหัวลุกเล่น

 

            “แหม เธอก้ออออออ....”

 

ก้อพ่อก้อแม่มึงสิ ออกไปให้ไกลๆกูไอ้คนหื่นกาม กูจะกลับห๊ออออออออ

 









 

 

            คณิน::

 

ผมกับไอ้เซ็ทใช้เวลาช่วงวันหยุดอันแสนสั้นด้วยกันอย่างเรียบง่าย เราสองคนนอนคุยกัน กินข้าว ดูทีวีง่ายๆในห้องพัก ช่วงสายๆก็ขับรถไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ เราแวะซื้อเสื้อคู่มาใส่ด้วยกันโดยความคิดของผมเอง แม้ตอนแรกไอ้เซ็ทจะไม่ยินยอมทั้งเดินหนีทั้งด่าแต่สุดท้ายเสื้อคู่น้นก็มาประดับอยู่บนตัวของเราจนได้ จากนั้นผมก็พาเซ็ทไปซื้อของใช้ที่มันขาดในห้างเป็นเหมือนกิจวัตรที่ต้องทำทุกครั้งที่มาหามัน ผมหยิบทุกอย่างคูณสองเพราะคงอีกนานกว่าจะได้มาหามันใหม่ ช่วงนี้พวกผมเริ่มหาที่ฝึกงานกันแล้ว ไอ้เซ็ทเองก็มีปัญหาพิเศษให้ทำเรื่อยๆ ระยะเวลาที่เราจะห่างกันยืดออกไปนานขึ้นเรื่อยๆจนผมใจหาย

 

แม้จะอยากยืดเวลาให้นานกว่านี้แค่ไหนสุดท้ายผมก็ต้องขับรถมาส่งมันที่หออยู่ดี ผมกับมันนั่งเงียบๆอยู่ในรถ ยังพอมีเวลาให้เราได้อยู่ด้วยกันอีกราวๆหนึ่งชั่วโมง

 

            ไม่งอแงสิวะ โตแล้ว” เป็นอีกครั้งที่มันบอกกับผมด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจนักเมื่อผมชักสีหน้าใส่มันตอนที่มันบอกว่าต่อไปนี้ไม่ต้องบินมาหามันอีก

 

            “ทำไมวะ กูแค่อยากมาหามึง มึงไม่ต้องว่างไปกับกูก็ได้ เลิกเรียนค่อยมาเจอกันกูแค่อยากเห็นหน้ามึงอยากกอดมึงให้พอหายเหนื่อย”

 

            “ก็เพราะมึงเหนื่อยนั่นแหละกูไม่อยากให้มึงต้องขับรถไป-มา ไม่อยากให้มึงต้องเหนื่อยกับการเดินทาง ไหนยังต้องมารอกูอีกแทนที่มึงจะได้นอนกลับกลายเป็นว่ามึงต้องมาคอยกูรอกู กูห่วงมึงมากมึงรู้มั้ยวะคิน มึงส่องกระจกมั่งหรือเปล่า”

 

            “ก็ส่องนะ ก็หล่อเป็นปกติ”

 

            “ถ้าขาไม่ติดรถกูจะถีบให้ไอ้เหี้ยนี่”มันทำท่ายกขาจะถีบมาทางผม หน้าเน่อไปหมดว่าหงุดหงิดที่ผมกวนตีนใส่มัน ผมทำเพียงฉีกยิ้มอย่างประจบประแจงไม่อยากให้มันโกรธ จับมือของมันมากุมพลางเขี่ยหลังมือมันเบาๆเพื่อให้มันใจเย็นลง

 

            “หน้ามึงโทรมมากคิน มึงเหนื่อย ตามึงล้าสุดๆ กูไม่อยากให้มึงฝืนร่างกายตัวเองเพียงเพื่อจะมาหากู อีกอย่างกูอยากให้มึงวางแผนการใช้เงินให้มันดีๆ อย่าใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย เงินค่าเครื่องบินค่าเช่ารถแต่ละครั้งมันก็หลายตังค์ เก็บส่วนนี้ไว้ดีกว่า อนาคตคนเรามันไม่แน่ไม่นอนวันนี้มึงมีเงินแต่มึงใช้แบบไม่คิดไม่ได้หาเพิ่มวันหนึ่งมันก็หมดได้”ผมนิ่งฟังสิ่งที่ไอ้เซ็ทพูดโดยไม่ได้เอ่ยขัดเพราะผมรู้ดีว่าสิ่งที่มันพร่ำพูดพร่ำบอกมานั้นเป็นเพราะมันรักและหวังดีกับผมจริงๆ

 

แต่ผมก็คิดถึงมันจริงๆเหมือนกัน

 

            “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิวะ เดี๋ยวก็ปิดเทอมแล้วยังไงก็ต้องได้เจอกันยาวๆเป็นเดือนกูจะอยู่ให้มึงเอาใจจนเบื่อไปเลย”มันเขย่าแขนผมไปมาอย่างง้องอนเมื่อผมคงจะทำหน้านิ่งตามประสาเวลาที่ผมรู้สึกหงุดหงิดหรือไม่พอใจอะไร ผมไม่พูดอะไรต่อจากนั้นทำเพียงนั่งเงียบๆปล่อยให้เสียงแอร์ในรถทำงานไปอย่างเชื่องช้า แต่แล้วผมก็ต้องตกใจเมื่อไอ้เด็กที่นั่งเบาะข้างๆปีนข้ามมานั่งคร่อใมตักของผมจนผมต้องเกร็งหน้าขาไว้ มันไม่ง่ายเลยซักนิดที่ผู้ชายตัวโตอย่างเราสองคนจะมานั่งบดเบียดกันในที่แคบๆอย่างนี้ ผมเลื่อนเบาะให้ถอยหลังเพื่อให้เราไม่อึดอัดมากนัก สองแขนของมันคล้องคอผมไว้ก่อนจะจรดหน้าผากของมันมาแตะกับหน้าผากของผมเบาๆ ดวงตาของเราสองคนสบกันไม่มีหลีกหนีหลบเร้นไปไหน ปลายจมูกของเราคลอเคลียสัมผัสลมหายใจอุ่นร้อนผะผ่าวให้รู้สึกวูบวาบ ผมจ้องริมฝีปากอิ่มที่มีขี้แมลงวันเม็ดเล็กประดับก่อนจะส่งลิ้นออกมาเลียริมฝีปากที่แห้งผากอย่างกระทันหันไม่ได้ ไอ้เซ็ทคลี่ยิ้มบางๆก่อนจะกดจูบลงมาบนปากของผม ย้ำๆแผ่วเบา กลายเป็นผมเองเป็นฝ่ายเลื่อนมือที่จับเอวมันไว้ขึ้นมาประคองใบหน้าของมัน ก่อนจะเสยเข้าไปในเส้นผมของมันเบาๆจนถึงท้ายทอย

 

ความรู้สึกแผ่วเบาเชื่องช้านั้นไม่ทันใจผมเอาเสียเลย

 

เมื่อได้ ก็อยากได้มากกว่าเดิม ริมฝีปากของเราสองคนประกบกันแนบสนิทเมื่อผมกดน้ำหนักมือ ตอนนี้กลายเป็นผมที่เป็นฝ่ายนำจังหวะจากเชื่องช้าเป็นดุดันขึ้น ผมเป็นคนละโมบผมขบเม้มริมฝีปากของมันแล้วส่งลิ้นเข้าไปช่วงชิงพื้นที่ควานหาความหอมหวานราวคนหลงทางกลางทะเลทรายที่เจอแอ่งน้ำ สำรวจจนทั่วแล้วดูดกินอย่างเอาแต่ใจ ที่สุดหลังจากแลกจูบกันซักระยะเราสองคนก็แยกริมฝีปากออกจากกันอย่างจำใจไอ้เซ็ทใช้ปลายนิ้วเช็ดริมฝีปากให้กับผมพลางส่งรอยยิ้มละมุนยิ่งกว่าน้ำยาปรับผ้านุ่มมาให้จนผมตาพร่า

 

ไม่บ่อยนักหรอกที่มันจะนุ่มนวลกับผม นุ่มนวลจนใจผมกระตุกเหมือนตอนที่รู้ตัวว่าตกหลุมรักมันแรกๆไม่ผิดเพี้ยน

 

            “คินต้องเชื่อเซ็ทนะ ตั้งใจเรียน วันหยุดให้นอนพัก เซ็ทเป็นห่วงคินนะครับ อยากให้คินมีสุขภาพแข็งแรงอยู่ด้วยกันไปนานๆ อย่าป่วยอย่าด่วนตายจากกันไป ไม่อยากอยู่คนเดียวไปอีกครึ่งชีวิตว่ะ”

 

            “มึงแม่ง...แล้วกูจะปฏิเสธยังไงวะ”ผมจิกเล็บลงบนเอวของมันไม่แรงนักอย่างลงโทษ ทั้งอ้อนทั้งยั่วแบบนี้ผมจะตายเอาจริงๆ  ไม่คิดเลยว่าในชีวิตนี้จะได้เห็นไอ้เซ็ทในมุมนี้ เป็นบุญตา ซาบซึ้งจนอยากจะร้องไห้อีกหน

 

            “ไปได้แล้ว กลับดีๆ ถึงแล้วโทรบอกด้วยกูจะรอรับโทรศัพท์นะ”มันลูบผมของผมเบาๆก่อนจะยีเหมือนมันเขี้ยวอะไรซักอย่าง เสียงหัวเราะทุ้มใสของมันทำเอาผมอดยิ้มตามไม่ได้ ไอ้ตัวดีขยับยุกยิกทำท่าจะกลับไปนั่งที่เบาะข้างตามเดิมแต่ผมก็เรียกมันไว้ซะก่อน

 

            “เซ็ท...”

 

            “หืม?”

 

            “จูบอีกทีได้มั้ย เมื่อกี๊มันไม่พอ”ผมร้องขออย่างเอาแต่ใจ ไอ้เซ็ทยิ้มให้ผมอีกครั้ง

 

            “ได้สิ อีกหลายๆทีก็ได้”

 

อาม่าครับ ผมไม่เอาปริญญาแล้วได้มั้ย จะอยู่กับเมียที่เชียงใหม่ อาม่าได้โปรดเห็นใจ เพราะเมียของผมน่ารักจริงๆ

 

ช่วยด้วย

 

ผมรู้สึกเหมือนความรักมันจุกอก แน่นไปหมดแล้ว

 

แต่คิดไปคิดมา สงสัยจะไม่ใช่ความรักแล้วล่ะที่ทำให้ผมหายใจแทบไม่ออก เราผละริมฝีปากออกจากกันอย่างเชื่องช้า

 

            “เซ็ท”

 

            “หืม?”

 

            “มึงอ้วนขึ้นป่ะวะ เนี่ย ตูดใหญ่ขึ้นนะเนี่ย”ผมลูบบั้นท้ายไอ้เซ็ทพลางตบลงไปเบาๆ หากแต่ปฏิกิริยาโต้กลับของไอ้เซ็ทคือ

 

ผลั่วะ!!!

 

            “กลับกรุงเทพไปเลยไอ้เหี้ย พูดมาก รำคาญ!!!” แล้วมันก็ปีนลงจากรถไปเลย

 


กูทำอะไรผิดอีกล่ะเนี่ย!!!















KIN KANIN LAI. อยู่กับ เศรษฐพงศ์ วงศ์บริสุทธิ์

1 ชม.

Hey...My Boy


.................

แหมเธอก้อออออ ล่อซะเอวยอกเลยน้าาาาาาาาาาาาา

#คนแมนคินเซ็ท

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
น่ารัก...............

อ่านจบแล้วมีประโยคเดียวที่โผล่ขึ้นมาในหัว โอ้ย!อยากได้คู่นี้ :hao7: จะเอา จะเอา :ling1:

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
โอ้ยยย กลายเป็นคนน้องรุกแรงเว่อร์ ฟินสมใจอีพี่คินมันเลยอะดิ

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ตอนที่ 46



“เซ็ท กูงอแงได้มั้ย?”เศรษฐพงศ์อยากจะหัวเราะขำกับไอ้เด็กโข่งที่บ่นหงุงหงิงตั้งแต่โทรมา

 

          “มึงโตเป็นควายโตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วนะคินจะมางอแงอะไรอีก”

 

            “กูเหนื่อยสายตัวแทบขาด งานเหี้ยอะไรเยอะแยะวะแม่ง ยิ่งใกล้ฝึกงานไฟไม่ได้ลนตูดกุนะ ลนกูแม่งทั้งตัวแล้ว ไอ้ว่านกับไอ้อ้นถอดวิญญาณทิ้งกูไปแล้วแม่ง”

 

          “มันก็เรื่องปกติมั้ยมึง ตอนเรียนมึงก็จะบ่นว่ามึงเรียนหนัก เดี๋ยวพอทำงานมึงก็จะบ่นว่าเจ้านายให้งานมึงเยอะ”

           

            “บางทีมึงอาจจะลืม ตอนนี้กูลงทุนทำหอพักอยู่ พอมันเสร้จเปิดให้คนเช่ากูก็รับเงินทุกเดือนสบายๆโดยไม่ต้องไปเป็นลูกจ้างใคร ถ้าอยากทำงานก็ก็เป็นฟรีแลนซ์รับเป็นงานๆไปสบายๆ”เศรษฐพงศ์อยากจะเบ้ปากเป็นรูปส้นตีนเซเลอร์มูนถ้าไม่ติดว่ามีพวกเพื่อนๆนั่งมองเขาตาแป๋วกันหลายตัว หนักกว่าใครเพื่อนคงไม่พ้นไอ้สองแฝดที่ทำสีหน้าสีตาล้อเลียนโดยไม่ออกเสียง เศรษฐพงศ์ถีบไปที่สีข้างไอ้แฝดพี่เบาๆเมื่อรายนั้นทำท่าทางบิดไปบิดมาราวสาวน้อยกำลังเอียงอาย

 

            “กูล่ะหมั่นไส้ความรวยของมึงนัก”

 

            “ขอโทษด้วยที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นนะจ๊ะเมียจ๋า แต่จงทำใจให้ชินเพราะมันคือเรื่องจริง”

 

            “กูเกลียดมึง”เศรษฐพงศ์กระแทกเสียงใส่คณิน ซึ่งรายนั้นไม่ได้สะทกสะท้านกับทำว่าเกลียดเลยซักนิดกลับส่งเสียงหัวเราะมาตามสายจนเศรษฐพงศ์ที่หัวหูร้อนเพราะคำว่าเมียที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมาอดไม่ได้ที่จะขำตาม

 

            “คิน เดี๋ยวกูต้องไปเข้าเรียนแล้ว”

 

            “โอเค งั้นกูไปปั่นงานต่อ มึงกินข้าวเยอะๆนะ”

 

            “ไม่เอาเดี๋ยวมึงว่ากูอ้วน”

 

            “โถ่...มึงยังคิดมากเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ อ้วนเป็นโอ่งมังกรกูก็รัก”

 

            “ระวังกูจะทับให้ขี้แตกเลย”

 

            “เวลามึงทับกูว่าไม่ใช่ขี้นะที่แตก อย่างอื่นมากกว่าที่แตก”

 

            “จังไรจัด แค่นี้นะ เกลียดมึงไอ้เหี้ย”เศรษฐพงศ์กดตัดสายคณินก่อนจะทำท่าราวกับคนสะบัดร้อนสะบัดหนาวยามคิดถึงความหมายของคำว่า “แตก” ที่คณินสื่อ

 

            “ดูมีความสุขเนอะ”แผดพี่เอ่ยแค่นแคะทันทีที่มีช่องว่าง

 

            “มีความยิ้มน้อยยิ้มใหญ่”แฝดน้องผสมโรงราวคอหอยกับลูกกระเดือก

 

            “มีความคำว่ารักที่ไม่พูดว่ารัก”โอบนิธิเอ่ยเย้าด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม

 

            “มีความหลงผ่....”ย้งหัวสะบัดทันทีที่เอ่ยคำที่ประกอบด้วย ผ.ผึ้ง เศรษฐพงศ์กระตุกยิ้มอย่างสะใจที่เห็นเพื่อนรักเกาหัวอย่างมึนๆ

 

            “สมน้ำหน้า”วีรดนัยหัวเราะก๊ากอย่างขบขัน เศรษฐพงศ์ชวนเพื่อนๆกลับไปที่คณะเพราะใกล้เวลาเริ่มคลาสเต็มที เด็กหนุ่มชะงักเมื่อมีสายเข้าอีกครั้ง ตอนแรกคิดว่าคณินโทรกลับมาใหม่หากแต่เบอร์ที่โชว์บนหน้าจอหลับไม่คุ้ยเลยซักนิด เศรษฐพงศ์กดรับเพราะอาจจะเป็นลูกค้าหรือคนที่บริษัทที่มิ่งกมลรับงานพิเศษให้กับเขา

 

          “สวัสดีครับ”

 

หากแต่เมื่อรับสาย เสียงที่พูดกับเขาทำให้เศรษฐพงศ์ชะงักค้าง

 

            “ฮัลโหล เซ็ทใช่มั้ย? นี่เอิร์นเองนะ ดีใจจังที่เซ็ทยังใช้เบอร์เดิม”อารดาส่งเสียงทักทายด้วยน้ำเสียงใสกังวานไม่ต่างจากเมื่อเกือบสามปีก่อนเลยซักนิด เศรษฐพงศ์สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ บรรดาเพื่อนๆหยุดมองอย่างสงสัยหากแต่เด็กหนุ่มไม่ได้ตอบข้อส่งสัยที่แสดงผ่านแววตาของเพื่อนๆแต่ละคน

 

            “เอิร์นมีอะไรเหรอ? “

 

            “คือ...เอิร์นเลิกกับพี่ปุ้มแล้วนะ”

 

            “อ่อ...เหรอ...เสียใจด้วยนะ”เศรษฐพงศ์ตอบกลับแสดงความเสียใจให้กับความสัมพันธ์ที่พังลงของอารดาและแฟนสาวของเธอ

 

            “ไม่ได้คุยกันนานเลยเนอะ เอิร์นเรียนจบแล้วนะ กำลังจะได้ทำงานที่กรุงเทพ แล้วเซ็ทล่ะเป็นไงบ้าง”

 

            “เราสบายดี คือ...เอิร์น เราต้องไปเข้าเรียนแล้ว”

 

            “อ่า...งั้นตั้งใจเรียนนะ แล้วว่างๆเอิร์นโทรไปคุยเล่นด้วยได้มั้ยอ่ะ คิดถึงสมัยก่อนที่เคยคุยกันทุกวันจังเลย”

 

            “ขอโทษนะเอิร์น แต่เราคงไม่สะดวก เพราะเวลาว่างเราต้องโทรปคุยกับแฟนเรา ถ้าไม่โทรไปเดี๋ยวเค้าจะงอน”เศรษฐพงศ์ตอบตามจริง รอยยิ้มเอ็นดูคนที่ชอบงอนเวลาที่เขาลืมโทรหาผุดขึ้นมาที่มุมปาก หากแต่คราวนี้อารดากลับเป็นฝ่ายอึกอัก

 

            “อ่า...มีแฟนแล้วสินะ งั้นไม่เป็นไร เอิร์นไม่กวนเซ็ทแล้ว ตั้งใจเรียนนะ”

 

            “อืม...งั้นเราวางนะ”เศรษฐพงศ์ไม่รอให้อาราดาตอบรับ เด็กหนุ่มตัดสายทิ้งก่อนจะกดบล็อกเบอร์ของอาราดาทันที

 

เขาไม่ชอบให้ความหวังใคร

 

และในตอนนี้เขามีคนที่รักเป็นตัวเป็นตนแล้วเขาจะไม่ทำอย่างที่อารดาเคยทำเด็ดขาด หัวใจของเด็กหนุ่มท่วมท้นอย่างเหลือเชื่อเมื่อประจักษ์ว่าตนเองรักคณินมากเพียงใด

 

รักจนไม่เหลือเผื่อใจให้ใครแล้ว

 

เศรษฐพงศ์หย่อนโทรศัพท์เข้าในกระเป๋ากางเกงก่อนจะวิ่งตามเพื่อนๆที่กวักมือเรียกเพื่อไปเข้าเรียนในภาคบ่าย

 

ชีวิตที่มีคณินน่ะดีที่สุดแล้ว

 

            “จะปิดเทอมแล้วมึงจะกลับบ้านป่าวเซ็ท”

 

            “กลับดิ่ ป่านนี้แม่คิดถึงแย่แล้ว มึงกลับบ้านไปคราวก่อนแม่เป็นไงมั่งวะ หลังๆมานี่บ่นปวดท้องบ่อยๆ”เศรษฐพงศ์คุยโทรศัพท์ไปเขียนแบบไป เอ่ยถามถึงลดาที่พักนี้มักจะบ่นปวดท้องให้ได้ยินบ่อยๆด้วยความเป้นห่วง

 

            “ก็ปกตินะ ยังขยันทำกับข้าวเยอะแยะเหมือนเดิม เอาเป็นว่ามึงนั่งเครื่องมาลงดอนเมืองเดี๋ยวกูขับรถไปรับจะได้กลับมาพร้อมกัน”

 

            “เฮ้ยกูนั่งรถไฟกลับก็ได้”เศรษฐพงศ์รีบปฏิเสธทันที นั่งรถไฟเสียเงินไม่กี่ร้อย นี่พ่อเจ้าประคุณเดาะจะให้นั่งเรือเหาะ

 

แพง

 

ไม่เอา

 

            “มึงอย่างกไอ้เซ็ท นั่งเครื่องชั่วโมงเดียวถึง นั่งรถไฟนานจนจู๋งอกราก เดี๋ยวกูจองตั๋วเครื่องบินให้ เดี๋ยวนี้บินในประเทศช่วงโปรถูกยังกะขี้ เออ กูได้ที่ฝึกงานแล้วนะ”

 

            “ที่ไหนอ่ะ?”

 

            “เชียงใหม่”

 

แกร่ก...ปากกาเขียนแบบในมือหล่นทันที

 

            “ที่ไหนนะ อีกทีชัดๆดิ๊”

 

            “กูขอไปฝึกงานที่เชียงใหม่อ่ะ ดีใจล่ะสิ จะได้อยู่กับกู เดี๋ยวเทอมหน้ามึงก็ย้ายมาอยู่หอนอกพอดีเลย จะได้อยู่ด้วยกันสองคน”

 

            “มึงนี่น๊า ทำอะไรไม่ปรึกษากูก่อนเลย แล้วนี่ถ้าเกิดกูขอไปฝึกงานที่เมืองกาญจน์มึงทำไง?”เศรษฐพงศ์เอ็ดไอ้คนพี่ที่ตัดสินใจโดยพละการไม่บอกกล่าว โชคดีเท่าไหร่ที่ว่าเขายังมีเวลายื่นรายชื่อสถานที่ที่จะไปฝึกงาน ใจจริงเศรษฐพงศ์ตั้งใจไว้ว่าจะขอไปฝึกงานที่กรุงเทพไม่ก็โคราชแต่ในเมื่อเจ้าตัวเขาเสนอหน้าจะมาอยู่ด้วยก็อดยิ้มไม่ได้

 

จะไม่บอกหรอกว่าดีใจแค่ไหนที่จะได้อยู่ด้วยกัน และจะไม่แอบยิ้มด้วยจริงๆ

 

แต่ทำไมกูเมื่อยปากจังวะ

 

ไม่ได้ยิ้มนะเว้ย  ปากมันฉีกไปเอง









            “กูไม่เอาหอแพง”เศรษฐพงศ์ตะโกนใส่โทรศัพท์อย่างลืมตัวเมื่อคนปลายสายยืนยันจะให้หาหอพักที่สามารถอำนวยความสะดวกได้อย่างหนูหรา ไม่มีทางเสียหรอกที่คนอย่างเศรษฐพงศ์จะไปอยู่ที่แพงๆอย่างที่คณิณต้องการ เอาเงินที่จะเสียเดือนละหลายพันจนถึงหมื่นไปทำอย่างอื่นดีกว่า เขาไม่เห็นประโยชน์ในการเช่าคอนโดแพงๆไว้เพียงแค่ซุกหัวนอนหลังเลิกงานเลยซักนิด

 

            “โธ่ เซ็ท มึงก้อ”

 

            “กูไม่ก้อกับมึงนะคิน มึงมาอยู่แค่สามเดือนแต่กูน่ะต้องอยู่ทั้งปีหาหอแล้วกูก็ต้องหาที่ๆกูกับแม่จ่ายไหวม่ต้องลำบากลำบนย้ายของไปมา อีกอย่างกูอยากอยู่ใกล้ๆเพื่อนกูด้วยเวลาทำงานกลุ่มจะได้ไม่ต้องเดินไกล”

 

            “กูก็แค่อยากให้มึงอยู่ที่ดีๆ”เสียงคณิณที่ขึงขังในตอนแรกที่ทะเลาะกันเรื่องหาหอพักอ่อยลงอย่างเห็นได้ชัด

 

            “ที่ไหนมีมึงที่นั่นก็ดีหมดแหละ”

 

 

คณิณ::

            “ที่ไหนที่มีมึงที่นั่นก็ดีหมดแหละ”

 

ไอ้เหี้ย!!!

 

ไอ้เด็กเหี้ย พูดอะไรออกมาวะแม่ง ผมไม่ทันตั้งตัว มือผมสั่นมากตอนนี้ ผมอยากประกาศให้โลกรู้ว่าไอ้เซ็ทมันพูดกับผมแบบนี้

 

แม่ง ไม่คิดว่าจะพูดอะไรดีๆไม่งั้นกูจะกดอัดเสียงไว้เปิดฟังวนๆซ้ๆก่อนนอนแม่งเลย

 

            “คิน ทำไมเงียบ โกรธกูเหรอ?”ไอ้เซ็ทร้องเรียกผม น้ำเสียงดื้อดึงเมื่อครู่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่อผมเงียบไปนอนบิดอยู่บนเตียง

 

            “กูขอโทษที่ดุมึง แต่กูไม่อยากให้เราเอาเงินไปใช้สิ้นเปลืองอย่าลืมเรายังเรียนอยู่ยังต้องใช้เงินพ่อแม่ และถึงมันจะเป็นเงินของมึงกูก็ยิ่งไม่อยากให้มึงใช้เงินมือเติบเหมือนกัน กูเบื่อจะสอนมึงเรื่องนี้แล้วนะคิน กูรู้ว่านั่นมันเงินมึงแต่กูก็อยากให้มึงใช้มันให้เป็นประโยชน์ที่สุด”

 

            “เซ็ท ใจเย็น อย่าเพิ่งเทศน์กู กูไม่ได้โกรธ กูแค่เอาผ้าห่มมากัดกลั้นเสียงกรี๊ดเฉยๆ กูเขิน”

 

            “อ๊าว ไอ้เหี้ย แล้วก็ไม่บอกปล่อยให้กูบ่นได้ตั้งนาน”ผมหัวเราะก๊ากให้กับไอ้เซ็ทที่ด่าแก้เขิน เราคุยกันเรื่องสรรเพเหระอีกเกือบครึ่งชั่วโมงถึงได้แยกย้าย อีกสองอาทิตย์ผมก็จะย้ายไปฝึกงานที่เชียงใหม่แล้ว วันนี้จึงจะกลับบ้านที่กาญจน์ พ่อของผมบ่นว่าจะจำหน้าของผมไม่ได้แล้ว ผมต้องกลับไปดูการก่อสร้างหอพักที่โยนภาระให้พ่อเป็นคนดูแลการก่อสร้างและควบคุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด ใช้เวลาเกือบสี่ชั่วโมงถึงได้กลับมาถึงบ้านเมื่อเกือบสองทุ่ม น้าลดาทำกับข้าวไว้รอผมเพราะรู้ว่าผมจะกลับวันนี้

 

            “พี่เรียมไปเอาของท้ายรถลงมาด้วยนะ”ผมหันไปสั่งแม่บ้านแล้วจึงเดินเข้าไปสวัสดีพ่อกับน้าลดา น้าลดาดูจะดีใจที่ผมกลับบ้านมากกว่าพ่อของผมซะอีก แกรีบจัดแจงให้ผมไปอาบน้ำอาบท่าแล้วเข้าครัวไปอุ่นกับข้าวรอ ผมหิวกระเป๋าขึ้นมาเก็บบนห้อง พอใจกับความสะอาดเรียบร้อยในแบบที่มันควรจะเป็นของในห้องเคยอยู่ยังไงตอนนี้ก็ยังอยู่อย่างนั้น ผมจัดการอาบน้ำล้างคราบสกปรกพอให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นก็ใส่กางเกงนอนกับเสื้อกล้ามลงมากินข้าวพร้อมพ่อกับน้าลดา

 

            “คินจะเอาอะไรไปมั่งจ๊ะ”น่าลดาถามผมในตอนที่ผมกำลังซดบัวลอยน้ำขิงตบท้ายมื้ออาหาร

 

            “คงไม่เอาอะไรไปเยอะครับ เอาเสื้อผ้าเอารถไปก็พอ”

 

            “แล้วมอเตอร์ไซค์ของเซ็ทล่ะ ไม่ได้อยู่หอในแล้วน้องน่าจะอยากได้รถไปขับ”

 

            “ค่อยเอาไปให้เทอมหน้าก็ได้ครับยังไงเทอมที่จะถึงนี้ผมก็ขับไปส่งมันได้”ผมบอกอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญนัก ถ้าอยู่ด้วยกันผมไม่มีทางยอมให้มันแว๊นไปแว๊นมาแน่ๆ

 

เป็นเมียผมน่ะนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้ผมเป็นสารถีก็พอแล้ว

 

หลังจากอยู่บ้านได้สองวันผมก็กลับมาเคลียร์งานที่มหาวิทยาลัยจนกระทั่งเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกในที่สุดผมก็โบกมือลาไอ้พวกเพื่อนๆแล้วเดินทางขึ้นเชียงใหม่ด้วยบีเอ็มคู่ใจ มีกระเป๋าเสื้อผ้าและกล่องของกินที่น้าลดากับพ่อเอามาให้ที่คอนโดเมื่อวานอัดแน่นเต็มท้ายรถและเบาะหลัง ไอ้เซ็ทสั่งผมว่าไม่ให้ขับรถเร็วนักและถ้าง่วงตอนไหนอย่าฝืนขับแวะงีบตามปั๊มเอาก็ได้ แต่ใจผมน่ะอยากจะไปให้ถึงมันเร็วๆ

 

ก็ผมน่ะคิดถึงมันจะแย่

 

ผมเข้าเขตเมืองเชียงใหม่ในเวลาพลบค่ำการจราจรของที่นี่ไม่ต่างจากกรุงเทพเลยซักนิดด้วยเป็นเมืองใหญ่และเป็นเมืองท่องเที่ยว รถทัวร์รถท่องเที่ยวเยอะแยะมองโหงวเฮ้งแล้วบ่งบอกว่าเป็นทัวร์จีนแน่ๆ ผมใช้เวลาอีกเป็นชั่วโมงกว่าจะขับมาถึงหน้ามหาวิทยาลัยของไอ้เซ็ท เพราะว่าเรานัดเจอกันแถวนี้เพื่อจะได้เข้าหอพร้อมกัน เซ็ทมันย้ายเข้าไปพักก่อนได้หลายวันแล้ว ผมกวาดตามองหาในที่สุดก็เจอเมียของผมนั่งคุยกับไอ้ยิมและไอ้อิ้งค์เพื่อนสนิทของมันผมหยุดรถแล้วบีบแตรเรียกมัน มันรีบเดินมาหาผมพร้อมกับเพื่อนของมันเราทักทายกันสองสามคำก่อนที่ไอ้เซ็ทจะเข้ามานั่งคู่กับผมในรถ

 

            “กูล่วงหน้าไปที่ร้านก่อนนะมึงรีบตามไปล่ะป่านนี้ไอ้จีนหิวเป็นหมูบ้าแล้วมั้ง”ไอ้ยิมก้มหน้ามาเกาะกระจกบอกกับไอ้เซ็ท

 

            “เออๆ อย่าลืมสั่งกับข้าวไม่เผ็ดให้ไอ้คินด้วยนะเดี๋ยวกูพามันเอาของไปเก็บแล้วจะตามไป”ไอ้ยิมพยักหน้ารับก่อนที่มันไปโบกมือลาผมกับไอ้เซ็ท   ผมขับรถตามคำบอกทางของไอ้เซ็ทเมื่อมาถึงผมก็รู้สึกพอใจกับสภาพหอพัก สภาพหอพักเพิ่งสร้างใหม่ได้ไม่นานมีระบบรักษาความปลอดภัยดีพอใช้การเข้าออกใช้คีย์การ์ดที่สำคัญคือมีลิฟท์ ค่าเช่าต่อเดือนไม่ถึงสี่พันแต่มีเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกดีพอใช้

 

ผมรู้ว่าไอ้เซ็ทมันพยายามเดินทางสายกลางเอาที่มันและผมพอใจทั้งสองฝ่าย เซ็ทช่วยผมยกของขึ้นไปยังชั้นสามเราใช้เวลาไม่นานพอวางของไว้ที่มุมห้องเสร็จผมก็คว้าตัวมันเข้ามาจูบด้วยความคิดถึงทันที ไอ้เซ็ทผลักผมในตอนแรกเพราะตกใจก่อนจะนิ่งลงและจูบตอบผม เราแลกจูบจากความคิดถึงให้กันและกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ผมดันมันจนหลังติดกำแพงประคองใบหน้าของมันไว้แล้วดูดดึงกลีบปากบนล่างของมันสลับกันไป ปลายลิ้นสอดเข้าหาช่วงชิงแอ่งน้ำหวานสีใสอย่างโหยหาก่อนที่จะผละออกกจากกัน

 

            “กูคิดถึงมึง”

 

            “อือ...รู้แล้ว”มันตอบรับเบาๆ

 

            “บอกคิดถึงให้กูเห็นต่อหน้ามั่งสิ”

 

            “ไม่เอา”มันเบนสายตาไปทางอื่นแก้มขึ้นสีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนผมต้องประคองให้มันหันกลับมาหาตามเดิม

 

            “ทำไมล่ะทีในโทรศัพท์มึงยังบอกคิดถึงกูอยู่เลย กูอยากฟังแบบเห็นหน้ามึงอ่ะ”

 

            “ไม่เอา ของดีใครเขาพูดกันบ่อยๆ”มันยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง ผมแกล้งยู่ปากทำสีหน้างอนๆใส่ เลิกตอแยแล้วหันหลังให้มันแล้วเดินมาที่ประตูทันที

 

            “งอนอีกแล้วเหรอวะ?”ผมทำเป็นไม่หันคว้าลูกบิดประตูเตรียมจะออกไปด้านนอกหากแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเอวของผมถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง ไอ้เซ็ทเกยคางกับหัวไหล่ของผม ลมหายใจอุ่นๆรดต้นคอจนทำให้ผมรู้สึกร้อนไปหมด

 

            “งอนเก่งขนาดนี้มาเป็นเมียกูดีกว่ามั้ย กูคิดถึงมึงตลอดแหละทำไมต้องให้พูดพร่ำเพรื่อวะ กูก็เขินเป็น”ผมหันกลับไปหามันอีกครั้ง วางมือลงบนหัวของมันพลางจับโยกไปมาอย่างเอ็นดูกับไอ้คนที่กว่าจะพูดคำว่าคิดถึงได้แต่ละทีช่างยากเย็นแสนเข็ญเสียเหลือเกิน

 

            “ไม่แดกข้าวแล้วได้มั้ย อยากกินมึงแทน”

 

สิ่งที่ได้รับกลับมาคือนิ้วกลางเด่ๆ

 

ครับ

 

เมียผมบอกไอเลิฟยูได้น่าเอ็นดูดีมั้ยครับ







.....................................................



เขาบอกไอเลิฟยูกันได้น่าเอ็นดูดีนะคะ

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ติดเรื่องนี้โครตงอมแงม อยากให้เปิดตัวกับพ่อแม่ซักที และที่สำคัญอย่าให้แม่เซ็ทเป็นอะไรเลยนะ

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
...อิคินปากเสียมากท้วงน้องว่าอ้วนขึ้น  :beat:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
มาแล้ว เข้ามาวันละหลายๆรอบคิดถึงคินเซ็ท :mew1:

เซ็ทบอกไอเลิฟยูได้น่าเอ็นดูมากเลยนะคินบอกซะไม่รู้จะเขินยังไงเลย :laugh:
 :c5: Happy Valentine's Day ย้อนหลังจ้า

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ตอนที่ 47
#คนแมนคินเซ็ท


 เศรษฐพงศ์ :

 

ผมจิกเล็บลงบนแผ่นหลังเปลือยของไอ้คินยามที่มันขยับกายฝังตัวตนของมันเข้ามาในร่างกายของผม

 

เป็นจังหวะ

 

เข้าและออก

 

ย้ำๆไม่เว้นว่าง

 

บางครั้งนุ่มนวลราวกับเดินอยู่บนก้อนเมฆนุ่มและเย็น

 

บางครั้งร้อนแรงดุจเหล็กร้อนที่เผาไฟจนกลายเป็นสีแดง

 

ปลายเท้าของผมเกี่ยวกันล้อมรอบเอวสอบที่ขยับเขยื้อนไม่หยุดพัก

 

เหงื่อของเราไหลหยดจนชุ่มที่นอน ผิวกายร้อนผ่าวราวกับถูกแผดเผาจากดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน แม้แอร์จะเย็นแต่ก็สู้อารมณ์ที่คุกรุ่นของเราทั้งสองคนไม่ได้เลย

 

ยามที่มันจ้องตาผม

 

ผมก็แทบจะละลาย

 

ผมกัดปากกลั้นเสียงร้องน่าอาย หากแต่มันกลับประกบจูบพลางดูดดึงกลีบปากของผมอย่างเอาแต่ใจ



เอาแต่ใจไปหมดทุกสิ่งอย่าง เอาแต่ใจจนผมแทบขาดใจ

 

            “คิน...แฮ่ก...”ผมเรียกชื่อมันอย่างเหนื่อยหอบ ลมหายใจของผมร้อนราวไอน้ำที่ละเหยจากน้ำที่ต้มจนเดือดจัด เชิดคอยามริมฝีปากนุ่มของมันวนเวียนอยู่แถวซอกคอและไหปลาร้า

 

            “อย่า...อย่าทำรอย”ผมร้องบอกยามความเจ็บเล็กๆเสียดเสียวที่ผิวเนื้อ มันคลายแรงลงก่อนจะเปลี่ยนเป็นกัดเบาๆที่ไหล่ของผม

 

          “เบา..อื้อ...เบาหน่อย กูจะไม่ไหวแล้ว”ผมทุบหลังมันยามที่มันเริ่มขยับเอวแรงและเร็วจนร่างของผมขยับขึ้นลงไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าของมันเห่อแดงบางจังหวะคิ้วมันขมวดจนแทบจะผูกเป็นโบว์ จ้องหน้าผมนิ่งไม่ละสายตาไปทางไหนเลยซักวินาที

 

            “อีกนิด จะเสร็จแล้ว”มันว่าก่อนจะกดจูบลงบนขมับของผม เราปล่อยให้ท่วงทำนองดำเนินไปอย่างท้าทายและบ้าบิ่น บางครั้งหนักบางครั้งเบาราวจังหวะกลองจนในที่สุดทุกอย่างก็จบสิ้นลงพร้อมถุงยางอนามัยชิ้นสุดท้ายในกล่องถูกถอดออกแล้งทิ้งลงในถังขยะข้างเตียง

 

ผมเหนื่อยหอบจนควบคุมจังหวะลมหายใจไม่ได้ ไอ้คินจัดการเอากระดาษทิชชู่เช็ดคราบของผมให้จนเกลี้ยงแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆก่อนจะคว้าเอาตัวผมดึงเข้าไปกอด

 

            “ร้อน”ผมผลักมันเบาๆแต่มีหรือไอ้คนดื้อด้านจะสนใจ นอกจากไม่ปล่อยแล้วยังเสือกกอดแน่นกว่าเดิม มันพยายามคลอเคลียจูบตรงนั้นตรงนี้ มือของมันลูบต้นแขนผมเบาๆจนผมต้องถองไปซะทีหนึ่ง

 

            “พอเลย กูไม่ไหวแล้ว ตั้งแต่มึงมา มึงเหมือนคนตายอดตายอยาก กูจะเดินไม่ไหวแล้วนะ” ผมว่ามัน ก็ตั้งแต่มันมาเมื่อ 3 วันก่อนผมก็แทบจะไม่ได้ออกไปเห็นเดือนเห็นตะวันเลย นอกจากตอนที่ผมร้องหิวข้าวนั่นแหละ พวกไอ้อิ้งค์กับไอ้แฝดระรัวไลน์มากวนส้นตีนผมตั้งแต่วันแรกว่าผมจะถูกข้าศึกทะลวงฟัน

 

ฟันโดยไม่ใช้มีดแต่ใช้กระบองทองที่ติดตัวมาราวหอยของพระสังข์

 

ทะลึ่งชิบหาย

 

            “ก็กูคิดถึงมึงนี่”

 

            “เผื่อมึงจะไม่รู้ ความคิดถึงสามารถแสดงออกได้หลายอย่างเช่นบอกกันตรงๆ กอดกัน จูบกัน พูดคุยกัน ความคิดถึงไม่ต้องแสดงออกด้วยการเอากันนะเว้ย”ผมเริ่มเทศนามันอย่างที่ทำอยู่บ่อยๆ

 

            “แต่มึงก็ดูชอบนี่ ทำกี่ทีก็ร้องแรงอีกๆ”มันตอบกลับอย่างหน้าด้าน นี่ถ้าไม่ติดว่าเจ็บตูดผมจะถีบให้ตกเตียง

 

            “โอ๋ๆ อย่าทำหน้าบูดสิ คินขอโทษนะครับที่พูดไม่น่าฟัง ก็กูรักมึงไม่เอามึงจะให้กูไปเอาใครที่ไหน ออกไปซื้อกินดีมั้ย”มันกระชับอ้อมกอดพลางทำเสียงอ่อนเสียงหวานในตอนแรกก่อนจะจบประโยคที่ทำให้ส้นตีนผมกระตุกยึกๆ

 

            “ถ้ามึงอยากให้จู๋มึงใช้งานไม่ได้ตลอดชีวิตมึงก็ออกไปซื้อกินดูสิ กูสัญญาด้วยเกียรติของลูกเสือสามัญเลยว่ากูจะทุบให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศตอลดชีวิต”

 

            “วางใจเถอะ เดี๋ยวนี้ถ้าไม่ใช่มึง มันก็ไม่แข็งแล้วล่ะ”มันว่าพลางจับมือของผมไม่ลูบกับน้องน้อยของมันที่เหมือนกับลูกหมา จากที่อ่อนนิ่มไปแล้วพอมือของผมแตะลงไปปุ๊บก็ทำปฏิกิริยาเริงร่าขึ้นมาทันที ผมรีบชักมือกลับพลางใช้ตีนตวัดผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง

 

            “ไม่เอาแล้ว กูไม่ไหวแล้วโว้ยยยยยย”

 

เสียงไอ้คินที่กำลังใช้ความพยายามในการดึงผ้าห่มออกจากผมร้องหงิงๆเหมือนลูกหมา

 

แต่ให้มึงร้องจนคอแตกกูก็ไม่ใจอ่อนหรอก เพราะถ้าใจอ่อนคราวนี้ต้องใส่สดเพราะถุงยางหมดกล่องแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นผมแค่ยังไม่อยากหูรูดพังก็แค่นั้นเอง ไม่อยากขี้โดยไม่ต้องเบ่งอ่ะ

 

 

            คณิน :

 

          “น้องคินจ๊ะ เที่ยงแล้วไปกินข้าวกันเถอะ ถ้าไม่รู้จะไปกินที่ไหนก็ไปกินกับพี่ได้นะ”พี่แอ๋วสาวเหนือผิวขาวเหลือง ดวงตาเรียวตี่ไม่มีเหล่าเต๊งโน้มตัวมาที่โต๊ะของผม ผมอยากจะเบ้ปากเป็นรูปส้นตีนไอ้เซ็ทหากแต่ก็ต้องสำรวมกริยาไว้ ผมเอียนกับคำพูดคำจาสองแง่สองง่ามนั่นเต็มทน ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่เมื่อพี่ๆคนอื่นส่งเสียงหัวเราะกันกิ๊กกั๊กราวกับนกกระจิบที่ส่งเสียงร้องเซ็งแซ่ในยามเย็นเวลากลับมาเกาะบนสายไฟเรียงกัน

 

ผมเป็นแค่เด็กฝึกงาน  ไอ้เซ็ทมันสอนผมอยู่ทุกวันให้ผมลดอีโก้ ข่มความเอาแต่ใจลงแล้วทำตัวมีสัมมาคาราวะ ความไม่พอใจอะไรให้เก็บไว้ในใจแล้วไประบายกับมันหลังเลิกงาน

 

ตอนนี้ความไม่สบายใจของผมคือการที่พี่แอ๋วมาวุ่นวายกับผมมากเกินไป บางครั้งก็ด้วยคำพูด บางครั้งก็ทำตัวรุ่มร่ามถือวิสาสะมาถึงเนื้อถึงตัวของผม

 

            “พี่ๆไปทานกันเถอะครับ พอดีผมห่อข้าวมากินเอง”ผมเอ่ยปฏิเสธพลางมองไปยังปิ่นโตเถาเล็กๆที่มีสามชั้น ผมยิ้มจางๆเมื่อนึกถึงภาพที่ไอ้เซ็ทตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อลุกขึ้นมาหุงข้าวแล้วทำกับข้าวง่ายๆที่กระทะไฟฟ้าจะทำได้

 

ไม่ใช่อาหารหรูหราอะไรมีเพียงไข่เจียวกับผัดผักที่มันใส่ถุงพลาสติกมัดหนังยางราวแม่ค้ามืออาชีพในตลาดกับข้าวหอมมะลิที่หุงสุกกำลังดี

 

            “โอ๊ยตายแล้ว สมัยนี้ยังมีคนห่อข้าวมากินเองอีกเหรอจ๊ะ ยังกับเด็กอนุบาลเลย ใครทำให้จ๊ะสั่งร้านทำให้หรือแม่ทำให้เอ่ย?”พี่แอ๋วพูดเสียงกลั้วหัวเราะ ดวงตาที่ฉาบเครื่องสำอางนั้นวิบวับราวกับสิ่งที่ได้ยินได้เห็นนั้นตลกเสียเต็มประดา

 

ผมสูดหายใจลึกๆดึงความไม่พอใจกลับลงไปในอกก่อนจะตอบกลับเรียบๆว่า

 

            “แฟนผมทำให้ครับ”

 

จบนะ...

 









 

            ผมนั่งมองไอ้เซ็ทแยกผ้าขาว ผ้าสี เสื้อ กางเกง รวมทั้งชั้นในของเราสองคนอย่างเงียบๆ มันเป็นเด็กผู้ชายที่ทำงานบ้านได้คล่องแคล่วพอสมควรในขณะที่ผมทำอะไรไม่เป็นซักอย่าง  ห้องหับสะอาดสะอ้านจนแทบหาฝุ่นไม่เจอ จานชามที่กินเสร็จมันก็เก็บล้างทันทีไม่เคยค้างไว้ในอ่างล้านจานเลยซักครั้ง ต่างจากผมที่เมื่อก่อนผมก็แค่กินเสร็จแล้วก็เอาไปวางไว้ เดี๋ยวแม่บ้านที่จ้างไว้ก็เข้ามาเก็บล้างให้เอง  แค่มีเงินบ้านช่องห้องหับก็สะอาดได้ราวเนรมิต

 

แต่อำนาจเงินหรือจะสู้อำนาจเมีย ทันทีที่ผมบอกว่าจะจ้างแม่บ้านมาทำให้มันก็ค้านหัวชนฝาทันที

 

            “มึงจะบ้าเหรอจะเสียเงินจ้างคนอื่นมาทำๆไม ห้องก็แค่นี้ทำกันเองแป๊บเดียวก็เสร็จ”

 

            “ก็กูอยากให้มึงสบาย อย่างน้อยก็ช่วงที่อยู่กับกูก็ยังดี”

 

            “แต่กูอยากให้มึงประหยัด อย่างน้อยก็ช่วงที่อยู่กับกู ลองใช้เงินน้อยๆใช้แรงทำดูเองมันไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงเลย ทำแป๊บๆก็เสร็จแล้ว มึงคิดดูถ้ากูสบายตอนอยู่กับมึงแล้วกูเสือกติดสบายพอมึงกลับไปกูก็ต้องมาทำเองกูนี่แหละจะลำบาก เพราะพอขี้เกียจก็ไม่อยากจะทำอะไรแล้ว”มันบ่นเหตุผลยาวเหยียดยังกะเส้นทางรถไฟจากกาญจน์มาเชียงใหม่

 

สุดท้าย ผมจึงต้องยอมแพ้

 

ตั้งแต่คบกันผมก็ไม่เคยจะชนะอะไรมันอยู่แล้วนี่นอกจากชนะใจมัน

 

ฮิ้วววววว คิดแล้วจั๊กจี้ใจ

 

หลังเอาผ้าลงเครื่องปั่นไอ้เซ็ทก็เดินไปนั่งจุ้มปุ๊กที่โต๊ะเขียนแบบ วันนี้วันหยุดเราเลยไม่รีบร้อนอะไร งานของมันเห็นว่ารุ่นพี่ที่บริษัทเร่งมาจนเวลาเกือบเก้าโมงเช้าผมจึงวางโทรศัพท์ที่เพิ่งจะลงแรงค์ตีป้อมกับพวกไอ้แดนไอ้แพทไอ้แพรไอ้อ้นเสร็จทิ้งลงบนเตียงแล้วเดินเข้าไปในครัว ผมหยิบหม้อหุงข้าวขึ้นมา หันซ้ายแลขวาก็เห็นปี๊บใส่ข้าวสารใบเล็กๆวางอยู่มุมในสุดของเค้าท์เตอร์ในครัว ผมตวงข้าว 2 แก้วอย่างที่เคยเห็นไอ้เซ็ททำแล้วเปิดน้ำใส่เอามือลงไปแกว่งๆพอเป็นพิธี

 

            “ทำไร?”ผมสะดุ้งเมื่อไอ้เซ็ทมาพูดอยู่ข้างหลัง

 

ไอ้ห่ามาตอนไหนตกใจหมด

 

            “หุงข้าว”ผมตอบพลางเปิดน้ำใส่ลงไปอีกหน

 

            “ต้องซาวหลายๆครั้งสิ เดี๋ยวสกปรก”

 

            “แต่กูเคยเรียนมาเขาให้ซาว 2 หน ซาวหลายครั้งไม่ได้ธาตุอาหารจะหายหมด”

 

            “ช่างแม่งธาตุอาหาร ไม่รู้โดนขี้ตีนใครเหยียบมามั่งซาวหลายๆรอบมันจะได้เกลี้ยงๆ มานี่กูทำเอง หิวทำไมไม่บอก”มันว่าพลางฉวยเอาหม้อข้าวไปจากมือของผม แต่ครั้งนี้ผมแย่งคืนมา

 

            “กูไม่ได้หิว กูแค่อยากช่วยมึงทำงานบ้านบ้าง ตั้งแต่มาอยู่นี่มึงทำอยู่ฝ่ายเดียว”ผมแอบเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของมันวูบหนึ่งแต่มันก็กลืนหายไปแทบจะทันทีที่ไอ้เซ็ทเอาตูดพิงกับเค้าท์เตอร์ไว้ มันกอดอกหลวมๆแถมปรายตามองราวกับจะเยาะเย้ย ไหนจะน้ำเสียงที่ท้ายประโยคปัดขึ้นสูงแสนกวนส้นตีนนั่นอีก

 

          “จะกินได้เร้ออออ??”น่าตีปากเหลือเกิ๊นนนนนนนนน

 

            “อ่ะๆ ใส่น้ำขนาดนั้นมึงจะหุงข้าวต้มเหรอ”มันว่าเมื่อปริมาณน้ำในหม้อสูงจนเกือบครึ่งหม้อ

 

            “กูแค่จะซาวอีกรอบ”ผมแก้เขินด้วยการอ้างว่าจะซาวข้าวอีกรอบก่อนจะใส่น้ำเข้าไปใหม่

 

            “น้ำน้อยขนาดนั้นข้าวดิบกินเข้าไปได้นอนตดทั้งคืนแน่ๆ”ผมถอนหายใจจนเกิดเสียงดัง ไอ้เซ็ทหัวเราะก๊ากออกมาทันทีก่อนจะขยับตัวมายืนเบียดกับผมจนไหล่และแขนของเราสองคนชนกัน

 

            “มานี่กูจะสอน”มันว่าพลางจับมือของผมขึ้นมาไว้ระดับสายตา

 

            “เวลาหุงข้าวมึงเอานิ้วชี้วางไว้บนผิวของข้าวแบบนี้”มันว่าพลางจับมือของผมจัดท่าทางให้เหลือเพียงนิ้วชี้นิ้วเดียวก่อนจะจิ้มลงไปบนผิวข้าวสาร

 

            “พอมึงจิ้มลงไปแบบนี้มึงก็ใส่น้ำให้เสมอข้อนิ้วข้อแรก”มันเปิดน้ำจนถึงระดับข้อนิ้วของผม

 

            “แค่นี้แล้วมึงก็เช็ดหม้อให้แห้งเสร็จเอาไปใส่แล้วเสียบปลั๊กกดหุงได้เลย”  ผมทำตามที่มันสอนอย่างว่าง่ายเราะยังไงเสียเชื่อฟังคนที่มีประสบการณ์มากกว่าก็น่าจะเวิร์คกว่า

 

            “งั้นก้ทำกับข้าวเลยก็แล้วกันจะได้เสร็จทันข้าวสุก มันขยับตัวเดินไปเปิดตู้เย็น ยืนเกาคางมองวุตถุดิบในตู้เย็นที่เราเพิ่งแวะซื้อกันที่ตลาดเมื่อเย็นวาน

 

มันกำลังประมวลผลว่าจะทำอะไรดี

 

            “ไข่เจียวใส่มะเขือเทศมั้ย?”

 

            “ไม่เอามะเขือเทศแม่งเปรี้ยว”ผมส่ายหน้าคัดค้านเมนูแรกของมันทันที

 

            “แล้วมึงอยากกินอะไร?”เช่นเดิมมันยังถามความต้องการของผมก่อนเสมอ

 

            “ไข่น้ำก็แล้วกัน”ผมบอกเมนูที่ทำง่ายๆไป  ผมจำได้ว่าสองวันก่อนมันบ่นอยากกินไข่น้ำแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ทำซักที

 

            “ไหนเมื่อวานมึงบอกอยากกินแกงจืดเต้าหู้หมูสับ”ผมหันมาเถียงผมจนขี้แมลงวันข้างแก้มขยับตามปาก

 

            “วันอื่นค่อยทำวันนี้เอาไข่น้ำก่อน”

 

            “เออๆ ไข่น้ำก็ไข่น้ำ ดีเหมือนกันกูก็อยากกินอยู่พอดี”มันจัดแจงหยิบไข่ไก่ออกมาจากตู้เย็น 3-4 ฟอง

 

            “มึงจะกินน้ำพริกอ่องเลยป่าว”ผมถามมัน เมื่อวานมันซื้อน้ำพริกอ่องมาถุงหนึ่งไอ้เซ็ทพยักหน้าผมเลยเดินไปหยิบผักออกมาเพื่อช่วยล้างให้

 

            “ผักกาดขาวนี่ล้างยังไง”

 

            “หั่นตูดมันออกแล้วล้างทีละกลีบเบาๆ”ผมหยิบมีดมาหั่นอย่างเงอะงะ

 

ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยเข้ามาทำกับข้าวเลยซักครั้ง

 

เคยทำอยู่บ้างตอนวิชางานบ้านช่วงเรียนชั้นประถมหก เวลาไปเข้าค่ายผมรับหน้าที่จุดไฟอะไรไปตามเรื่องตามราวยังไงเดี๋ยวไอ้แดนมันก็ทำให้หมด

 

            “ล้างเสร็จแล้วใส่กะละมังไว้นะแล้วก็ช่วยหั่นต้นหอมคื่นช่ายให้หน่อย”ไอ้เซ็ทจัดการตีไข่ปรุงรสด้วยน้ำปลาตั้งกระทะจนร้อนใส่น้ำมันพืชลงไปพอประมาณผมเห็นมันเอาส้อมที่มีไข่ติดปลายช้อนหยดลงไปในน้ำมันพอไข่แตกตัวฟูดีมันก็เทพรวดลงไปทั้งชามไข่ก็ฟูฟ่องขึ้นรูปสวยหอมฟุ้งไปทั้งห้อง ผมเริ่มจัดการหั่นผักให้มันตามที่บอกแต่ครั้งนี้ไม่ง่ายเลยเมื่อผมดันโง่ทำมีดบาดนิ้วตัวเองจนสะดุ้งเฮือกไอ้เซ็ทที่ตักไข่ใส่จานเสร็จพอดีหันมามองผมก่อนจะรีบผิดแก๊สแล้วคว้ามือของผมไปดู

 

เลือดสีแดงไหลซึม

 

            “โอ๊ยไอ้คิน ทำไงของมึงให้มีดบาดเนี่ย”มันทำเสียงดุจิ๊จ๊ะใส่ผมก่อนจะลากมือของผมไปที่ซิ้งค์ล้างจานแล้วเปิดน้ำใส่ล้างแผลให้ผม

 

            “มึงนี่นะโตเป็นควายแล้วแต่ทำอะไรไม่รู้จักระวัง มานี่”มันด่าผมเสร็จก็ลากผมไปนั่งที่โซฟาเดินหายเข้าไปในห้องแล้วหยิบกล่องพลาสติกติดมือมาด้วยมันทำแผลให้ผมอย่างคล่องแคล่วปิดท้ายด้วยพลาสเตอร์ลายการ์ตูนแบบที่ผมไม่คิดว่าคนอย่างมันจะใช้

 

            “นั่งนี่แหละไม่ต้องช่วยอะไรแล้ว เดี๋ยวกูทำเสร็จจะยกมาถวาย”ผมไม่ได้ดื้อดึงที่จะเข้าไปช่วยอีกเพราะดูแล้วเหลือแค่มันเอาไข่ใส่น้ำแล้วปรุงก็เสร็จแล้ว กลิ่นข้าวหอมโชยมาเรียกให้น้ำย่อยในท้องเริ่มทำงาน ไอ้เซ็ทใช้เวลาอีกราวสิบนาทีทุกอย่างก็พร้อม กับข้าวง่ายๆมีแค่ไข่น้ำและน้ำพริกอ่องกับกะละมังผักที่เยอะจนเหมือนจะเลี้ยงคนได้ทั้งประเทศถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะตามด้วยข้าวสวยหอมๆร้อนๆ

 

            “เอาผัดผักเพิ่มอีกจานมั้ย มึงไม่กินเผ็ดนี่”มันถามเมื่อเห็นกับข้าวบนโต๊ะน่าจะน้อยไปแล้วน้ำพริกอ่องน่าจะเผ็ดเกินกว่าที่ผมจะกินได้ แต่ผมห้ามมันไว้

 

            “แค่นี้ก็พอแล้ว”เราเริ่มลงมือกินข้าวเช้ากัน ไข่น้ำของไอ้เซ็ทไม่จืดและไม่เค็มจนเกินไป ซดน้ำซุปร้อนๆโคตรอร่อยผมวิดน้ำจนข้าวในจานแทบจะกลายเป็นข้าวต้มส่วนไอ้เซ็ทดูจะเอร่ดอร่อยกับน้ำพริกของมัน

 

            “ไว้กูจะทำให้มึงกินเองเอาแบบไม่เผ็ดมึงน่าจะกินได้ มันเหมือนหมูสับผัดกับมะเขือเทศแต่ไม่ได้เปรี้ยวอ่ะ”

 

            “ไว้มึงว่างค่อยทำ”เรานั่งกินข้าวจนอิ่มแปล้ผมก็ลุกขึ้นฉวยจานจากมือมันมาไว้กับตัวผมเอง

 

            “กูล้างให้”

 

อีกครั้งที่ไอ้เซ็ทแอบยิ้มแต่คราวนี้เหมือนมันจะหุบยิ้มไม่ทันเรามองหน้ากันก่อนจะหัวเราะใส่กันเบาๆ ผมเดินมาล้างจานส่วนมันเดินตามมาเปิดตู้เย็นหยิบองุ่นไข่ปลาที่ล้างใส่กล่องแช่ไว้ตั้งแต่เมื่องานออกมาหยิบใส่ปากเคี้ยวกร้วมๆ

 

            “กินป่ะ?”มันถามผมพลางชูองุ่นให้ดู

 

            “กิน”ผมตอบในขณะที่มือก็ยังลูบฟองน้ำกับจานไม่ได้หยุด ไอ้เซ็ทยื่นองุ่นลูกเล็กมาจ่อปาก

 

            “ปอกให้ด้วย”

 

            “องุ่นไข่ปลาบ้านพ่อมึงสิกินต้องปอกอ่ะไอ้ห่า”มันโวยใส่ผมจนผมหัวเราะก๊าก

 

            “กูล้อเล่น”ผมอ้าปากรับองุ่นเข้าปากเคี้ยวตามมัน ถ้าให้มันปอกให้สงสัยมันจะเอาองุ่นยีหัวผมแน่ๆ ถึงแม้ปกติผมกินองุ่นต้องปอกเปลือกแต่อีพันธุ์นี้ละไว้ในฐานที่เข้าใจก็แล้วกัน

 

หวานอมเปรี้ยว

 


เหมือนไอ้เซ็ทไม่มีผิด



.....................................



ไม่จบให้น้องเซ็ทมาตบนะชะนี!!!



รักเมียต้องช่วยเมียอย่าให้เมียต้องลำบาก


ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ตอนที่ 48









          “น้องคินจ๊ะ เย็นนี้งานวันเกิดหัวหน้า เบี้ยวไม่ได้นะจ๊ะ”อรอุมาหรือพี่แอ๋วเดินมาถือวิสาสะแตะต้นแขนของคณินที่นั่งเขียนแบบอย่างขะมักเขม้นอยู่หน้าคอม ชายหนุ่มขมวดคิ้วฉับอย่างไม่ชอบใจ

 

อดทน คำๆนี้ลอยเข้ามาในหัวเหมือนภาพหลอนวันละร้อยครั้ง เขารำคาญเพื่อนร่วมงานคนนี้จนแทบบ้าถ้าเป็นเมื่อก่อนอรอุมาคงถูกด่าแรงๆไปแล้ว

 

            “มึงต้องอดทนเวลาไม่พอใจใครหรือไม่พอใจอะไร สังคมการทำงานมันต่างจากสังคมตอนที่เราเรียนทุกอย่างมีผลกับอนาคตมึงหมด”

 

เขาอดทนอดกลั้นตามที่เศรษฐพงศ์บอก ชายหนุ่มกลั้นหายใจก่อนจะค่อยๆแกะมือหญิงสาวออกอย่างสุภาพ

 

            “ทราบแล้วครับ”

 

            “ถ้างั้นเย็นนี้พี่ขอติดรถน้องเซ็ทไปด้วยได้มั้ยจ๊ะ”หญิงสาวถือโอกาสขอติดรถไปด้วย รถของคณินน่ะหรูจะตายถ้าได้นั่งไปคู่กันมันจะกระพือข่าวได้เลยว่าหล่อนกับเด็กฝึกงานเป็นคนพิเศษกันแต่ฝันของอรอุมาก็สลายภายใน 1 วินาที

 

            “คงไม่ได้หรอกครับ ผมต้องไปรับแฟนกลับบ้านก่อนแล้วค่อยตามไปที่ร้านทีหลัง”อรอุมาหน้าตึงขั้นมาทันทีก่อนจะปรับให้กลับมาเป็นหญิงสาวพูดจาอ่อนกวานอีกครั้ง

 

            “โอเคจ้างั้นเดี๋ยวพี่ติดรถคนอื่นไปก็ได้จ้า ไว้เจอกันตอนเย็นนะจ๊ะ”อรอุมาเดินกลับไปทำงานที่โต๊ะของตัวเองตามเดิม คณินหยิบทิชชู่เปียกบนโต๊ะมาเช็ดแขนเช็ดมือแล้วโยนทิ้งลงถังขยะใบเล็กใต้โต๊ะอย่างไม่ใยดีโดยที่อรอุมาไม่เห็นหากแต่นิดาที่นั่งเยื้องไปมองเห็นทุกการกระทำ หญิงสาวหันไปมองอรอุมาที่นั่งท้าวคางมองเด็กหนุ่มอย่างอิดหนาระอาใจ

 

เด็กมันขยะแขยงตัวเองขนาดนี้ยังไม่รู้สึกอีก ในฐานะที่หล่อนเป็นเพื่อนนิดาจึงหาโอกาสเพื่อที่จะเตือนอรอุมา ดังนั้นในตอนเย็นหลังเลิกงานเมื่ออรอุมาเดินไปแต่งหน้าเพิ่มในห้องน้ำหล่อนจึงตามเข้าไปด้วย อรอุมาหยิบแป้งขึ้นมาเติมในขณะที่นิดาแสร้งทำเป็นล้างมือ

 

            “แอ๋ว ฮาว่าคิงยั้งเต้อะ บ่ต้องไปยุ่งกับน้องคินเขาแล้ว มึงผ่อหน้าน้องเขาเหียก่อน สีท่าจะรำคาญมึงขนาดเวลามึงไปหยุบเนื้อหยุบตัวเขาอ่ะ”

((ฉันว่าแกเลิกไปเกาะแกะกับน้องคินเค้าได้แล้วมั้งแอ๋ว ดูน้องจะรำคาญแกนะ สีหน้านี่ออกเลยว่าไม่ชอบเวลาที่แกไปโดนตัวเขาน่ะ))

 

          “ไม่เลิก”

 

          “แต่น้องเขามีแฟนแล้วหนา”

            ((“แต่น้องมันมีแฟนแล้วนะ”))

 

          “มีแฟนแล้วจะใด บ่มีแฟนแล้วจะใด มีได้กะเลิกได้ว่ะยังบ่ได้เป๋นผัวเป๋นเมียเตื้อ”

            (("มีแฟนแล้วยังไง ไม่มีแฟนแล้วยังไง มีได้ก็เลิกได้ยังไม่ได้เป็นผัวเมียกันซักหน่อย" ))

 

          “ฮาตึงบ่อยากหื้อคิงกึ๊ดจะอี้เลยแอ๋ว มันบ่ได้เป๋นมือตี้สามมันบ่ม่วน ผ่อกะฮู้ว่าน้องเขาฮักแฟนเขาจะต๋าย ข้าวกะกิ๋นตี้แฟนยะหื้อ มึงยั้งเต้อะ กูอายน้องเขา ไปตื้อเขาอยู่ได้”

(("ฉันไม่อยากให้แกคิดแบบนี้เลยแอ๋ว มันไม่ได้เป็นมือที่สามอ่ะไม่สนุกหรอก แล้วดูก็รู้ว่าน้องมันรักแฟนยังกับอะไรดี ข้าวก็กินที่แฟนทำให้ แกพอเถอะ ฉันอายน้องมันไปตามตื้ออยู่ได้"))

 

          “มึงนี่หัวโบราณง่าว บ่หันตวยกะอยู่เฉยๆ กูตึงบ่ยั้ง”

            (("แกนี่หัวโบราณจริ๊ง ไม่เห็นด้วยก็อยู่เฉยๆไป ฉันไม่ล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆแน่"))

 

          “โดนมันหลกหงอกหมดหัวกะบ่ต้องมายืมปี๊บกูไปเด้อ”

            (("โดยน้องมันถอนหงอกขึ้นมาก็อย่ามายืมปี๊บไปคลุมหัวก็แล้วกัน"))

 

            “มันตึงบ่มีวันนั้น”

            ((“มันจะไม่มีวันนั้น”))

 

อรอุมาปิดฝาลิปสติกด้วยความไม่พอใจใส่กระเป๋า หล่อนปรายตามองนิดาก่อนจะเดินชนไหล่เพื่อนออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย

 

คณินปิดคอมพลางเก็บของ ชายหนุ่มเหลือบมองนาฬิกาวันนั้นเขาทำงานเลทไปเกือบครึ่งชั่วโมงป่านนี้ไม่รู้เศรษฐพงศ์จะเบื่อที่ต้องรอให้เขาไปรับแล้วหรือยัง ล่ำลาพี่ๆที่ทำงานตามมารยาทตอกบัตรเสร็จก็แทบจะพุ่งไปที่ลานจอดรถ ใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่ทำงานของเศรษฐพงศ์ ชายหนุ่มยกโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาคนรักทันที

 

            “เซ็ทก็มาถึงแล้วนะ”

 

            “เออๆเดี๋ยวลงไปรอแป๊บ”ราวๆ 5 นาทีเศรษฐพงศ์ก็เดินลงมาหาคณินที่รถ ชายหนุ่มคิ้วกระตุกเมื่อเห็นคนที่เดินลงมากับเศรษฐพงศ์คือไอ้รุ่นพี่หน้าขาวที่เขาเกลียดขี้หน้านักหนา  มิ่งกมลคุยอะไรซักอย่างกับเศรษฐพงศ์ทั้งสองคนหัวเราะให้กันก่อนจะแยกย้าย คณินเก็บความขุ่นมัวไว้ในใจก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ รถุยนต์คันหรูขับผ่านมิ่งกมลที่เดินไปเอามอเตอร์ไซค์ของตัวเองราวกับอยากจะให้มิ่งกมลรู้ว่าสำหรับเศรษฐพงศ์น่ะเหมาะกับการได้นั่งบนรถที่สบายๆแบบนี้ต่างหากล่ะ หากแต่เศรษฐพงศ์กลับเปิดหน้าต่างรถแล้วตะโกนคุยกับมิ่งกมลซะนี่

 

            “ขับดีๆนะพี่มิ่งอย่าไปแวะข้างทางซะล่ะ”

 

มันน่าตีให้จมเตียงจริงๆไอ้เด็กนี่!!!

 

            “เดี๋ยวแวะห้างก่อนนะ วันนี้กูต้องไปกินเลี้ยงวันเกิดหัวหน้าว่าจะซื้อของขวัญให้เขาซักหน่อยมึงช่วยกูเลือกที”คณินขับรถมาจนถึงห้างสรรพสินค้า ทั้งสองเดินเลือกของขวัญให้กับหัวหน้างานจนในที่สุดก็ได้ปากกาหนึ่งด้ามพาเศรษฐพงศ์แวะซื้อหาหารเข้าที่พักแล้วจึงกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้อง

 

            “มึงจะกลับดึกมั้ย?”เศรษฐพงศ์ก้มลงเก็บกองเสื้อผ้าที่คณินถอดกองไว้บนพื้นไปใส่ตะกร้าในขณะที่เจ้าตัวเดินโทงๆเปลือยกายออกมาจากห้องน้ำเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดตัวแล้วเลือกชุดที่จะใส่

 

            “คงไม่ดึกมากอยู่พอเป็นพิธีแล้วจะกลับเลย ไม่อยากอยู่นานรำคาญคน”

 

            “ถ้าไม่ดึกมากแวะซื้อน้ำเต้าหู้มาด้วยนะ อยากกิน”

 

            “เออได้ ผัวไม่อยู่ก็อย่าแอบไปกิ๊กกั๊กกับใครนะจ๊ะถ้าเฮียรู้เฮียเอาตายจริงๆด้วย”คณินแกล้งโยกหัวคนน้องไปมาแต่ผลที่ได้คือเศรษฐพงศ์ต่อยอั่กเข้าที่หน้าท้องแม้จะไม่หนักแต่ก็ไม่เบาพอเล่นเอาจุกๆไปได้เหมือนกัน

 

            “เห็นแก่ที่มึงต้องใช้หน้าหล่อๆไปกินเลี้ยงนะไม่งั้นกูต่อยปากแตกไปแล้ว ไปได้แล้วไอ้เหี้ยเป็นเด็กเป็นเล็กไปร่วมงานสายไม่ดีแล้วคราวหลังอย่าเดินแก้ผ้าตัวเปียกออกมาอีกนะกูขี้เกียจมาไล่เช็ดตามหลังเนี่ยไอ้สันดาน”คนน้องบ่นอุบพลางนั่งเช็ดรอยน้ำที่หยดเป็นทาง คณิณย่อตัวลงแล้วฝังปลายจมูกกับแก้มของเศรษฐพงศ์อย่างฉวยโอกาสก่อนจะโดนต่อยหน้าแน่ๆในคราวนี้ชายหนุ่มก็หลบฉากออกมาอย่างว่องไว

 

            “ไปแล้วๆ”ยกมือยอมแพ้เมื่อเศรษฐพงศ์ที่ท่าจะปาผ้าขี้ริ้วในมือใส่ ชายหนุ่มมาถึงร้านอาหารเกือบสองทุ่มเดินตามเข้าไปด้านในก็เห็นโต๊ะตัวยาวมีพนักงานในบริษัทนั่งกันครบมีเก้าอี้เหรอว่างไว้ติดกับอรอุมา แอบเบะปากเล็กน้อยแต่ก็ต้องรีบไปสวัสดีพี่เจ้าของงาน  บรรยากาศงานเลี้ยงเป็นไปด้วยความเป็นกันเอง รุ่นพี่ที่ไม่ค่อยได้คุยกันก็เริ่มทำความรู้จักเขามากขึ้น มีบ้างที่ถามเรื่องส่วนตัวเขาก็ตอบแบบกว้างๆ อรอุมาผสมเหล้าให้เขาหลายแก้วจนในที่สุดคณินที่เริ่มมึนๆก็ร้องห้าม

 

            “พอแล้วครับพี่แอ๋วผมต้องขับรถ”

 

            “แค่นี้เองน้องคินไม่เมาหรอก”หญิงสาวคะยั้นคะยอเกาะแขนจงใจใช้หน้าอกเสียดสีกับแขนของคณินเด็กหนุ่มพยายามจะป้อนเหล้าให้กับชายหนุ่มรุ่นน้องจนคณินเผลอเกาะมือหล่อนแล้วผลักออกจากตัว เหล้ากระฉอกหกใส่อรอุมาและคณินเกือบหมดแก้ว

 

            “ว้ายตายแล้ว”หญิงสาวรีบหยิบทิชชู่มาซับเหล้าที่เปื้อนใบหน้า คณินพ่นลมหายใจออกจากริมฝีปากอย่างโมโห

 

เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นใครหน้าด้านหน้าทนขนาดนี้เลย

 

ให้ตายสิ

 

            “พี่ยศผมว่าผมกลับก่อนดีกว่าครับ”คณินยกมือไหว้พี่ๆทุกคนบนโต๊ะยกเว้นอรอุมาชายหนุ่มเดินดุ่มมาที่รถแต่แล้วต้นแขนก็ถูกรั้งไว้ เมื่อเห็นว่าเป็นใครต่อความอดทนของคณินก็ใกล้แตกเต็มที

 

            “น้องคิน มาคุยกับพี่แอ๋วก่อน”

 

            “ผมไม่มีอะไรจะคุยกับพี่”คณินเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ อรอุมาใช้จังหวะนั้นเข้าไปนั่งลงบนตักเด็กหนุ่ม หล่อนคล้องแขนกับลำคอของคณินในขณะที่เด็กหนุ่มนั่งนิ่งยามก้นของหญิงสาวบดเบียดอยู่กับส่วนกลางกายของตน

 

            “พี่แอ๋วชอบน้องคินจริงๆนะคะ”

 

            “แต่ผมมีแฟนแล้ว”

 

            “เราแอบคบกันก็ได้นี่”หล่อนคลอเคลียอยู่กับซอกคอของคณินแสร้งพ่นลมหายใจรดต้นคออย่างยั่วยวน

 

            “นั่นเท่ากับพี่ชวนผมเล่นชู้เลยนะครับ”

 

            “มาลองดูก่อนมั้ยเผื่อน้องคินจะติดใจพี่ ถึงวันนั้นเราค่อยมาคบกันสองคนก็ได้”

 

            “พี่แอ๋วครับ”คณินเอ่ยเรียกหญิงสาวเสียงเรียบ

 

            “หืม?”อรอุมาจ้องตาคณินรอยยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาที่หล่อนหลงใหล คณินจับมือที่กำลังเลื้อยเข้าไปในขอบกางเกงของเขาไว้ก่อนจะบังคับให้มันแตะลงไปตรงๆ

 

            “ถ้าไม่ใช่แฟนผม ต่อให้พี่แก้ผ้าต่อหน้ามันก็ไม่แข็งหรอกครับ แล้วก็ลงไป!!”ไม่พูดพร่ำทำเพลงคณินก็เหวี่ยงอรอุมาออกจากตักลงไปนั่งกลิ้งอยู่ที่พื้น ปิดประตูแล้วออกรถไปทันทีโดยไม่สนใจหญิงสาวที่นั่งจุกอยู่ที่พื้นเลยซักนิด ใช้เวลาไม่นานก็กลับมาถึงหอพัก เดินเซเล็กน้อยเพราะความมึน ถ้าจะให้เดาอรอุมาคงกะที่จะมอมเหล้าเขาแน่ๆ เคาะห้องสองสามครั้งเศรษฐพงศ์ก็มาเปิด คณินโผเข้ากอดคนน้องทันทีจนเศรษฐพงศ์แทบจะเซไปข้างหลังดีที่ว่าคณินกอดเอวของเขาไว้แน่น

 

            “เมาเหรอ?”

 

            “อืม...เมา”

 

            “เข้าห้องมาก่อนเดี๋ยวกูพาไปนอน”เศรษฐพงศ์ประคองคณินให้มาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงถอดรองเท้าและถุงเท้าให้

 

            “รอแป๊บนะเดี๋ยวกูเช็ดหน้าเช็ดตัวให้จะได้สบายตัว”เศรษฐพงศ์หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กเข้าไปชุบน้ำในห้องน้ำก่อนจะมานั่งลงบนเตียงใกล้ๆกับคณินที่นอนมองหน้าเขานิ่ง เช็ดใบหน้าให้อย่างแผ่วเบาปลดกระดุมเสื้อเพื่อจะเช็ดตัวให้ พลันสายตาก็ไปสะดุดกับอะไรบางอย่าง

 

            “ไอ้คิน”

 

            “หืม?”

 

            “รอยลิปสติกใครที่ปกเสื้อของมึงอ่ะไอ้เหี้ย!!”



 

            คณิน:

 

 

“รอยลิปสติกที่ปกเสื้อมึงของใครอ่ะไอ้เหี้ย!!”

 

อ๊าว ชิบหาย!! ผมรีบก้มมองปกเสื้อตัวเองพลางสลับมามองหน้าไอ้เซ็ท

 

อีพี่แอ๋ว มึงนะมึง สลัดออกไปได้ยังอุตส่าห์ทิ้งเชื้อไฟไว้ให้กูอีกอีสันดาน แล้วดูไอ้เซ็ทสิครับ ตาเขียวปั๊ดกำคอเสื้อผมแน่นแถมดึงจนตัวผมลุกจากเตียงไปอยู่ใกล้ๆกับหน้ามัน ไอ้เซ็ทก้มลงดมตามตัวผมทำจมูกฟุดฟิดเหมือนหมาตำรวจ บรรยากาศในห้องเหมือนมีพายุกำลังก่อตัว มันเย็นแบบที่แอร์ก็สร้างความเย็นแบบนี้ไม่ได้

 

ไอ้เซ็ทน่ะ เวลาหึงน่ากลัวขนาดไหนไม่มีใครรู้หรอก มันอาจจะไม่ค่อยแสดงออกในเรื่องของความรัก แต่เรื่องของความหึงน่ะยิ่งกว่าลมบ้าหมูซะอีก

 

            “กลิ่นน้ำหอมใคร!!”

 

            “ซ...เซ็ท มึงฟังกูก๊อน!!”ผมรีบร้องเสียงหลงเมื่อไอ้เซ็ทเงื้อมือขึ้นมา

 

            ผลั่วะ!!

 

แต่คำอ้อนวอนของผมคงช้าไปเมื่อฝ่ามืออรหันต์ของมันซัดผลัวะเข้าที่กกหูของผมเต็มๆจนหน้าของผมชาไปทั้งแถบ

 

เมียจ๋าหันหลังฟังผัวซักนิ๊ดดดดดด!!!

 

            “มันไม่ใช่อย่างที่มึงคิดเว้ยเซ็ท”ผมรีบจับมือของมันที่จะซํดลงมาอีกรอบไว้พลางรีบแก้ตัวเป็นพัลวัล

 

โธ่ ทูนหัวจ๋า ตั้งแต่มีมึงก็ก็ไม่เคยชายตาแลใครเลยซักนิด ข้อนี้มึงก็น่าจะรู้ดี

 

            “แล้วรอยเหี้ยนี่มาติดปกเสื้อมึงได้ยังไง อย่าบอกนะว่าเหมือนละครอ่ะ อุ๊ยบังเอิญเดินชนกัน ชนได้แม่นนะ ชนมาแถวซอกคอเนี่ย”

 

            “มันไม่ใช่ความบังเอิญ มึงสงบก่อนแล้วฟังกุ”คณินใช้แรงทั้งหมดที่มีรวบร่างน้องไว้แล้วใช้สีหน้าจริงจัง ซีกแก้มยังคงชาๆยิบๆ แต่ถ้าไม่อธิบายกันในตอนนี้เศรษฐพงศ์ก็อาจจะงอนเขาข้ามวันข้ามคืนบรรยากาศที่อยู่ด้วยกันก็จะแย่ไปด้วย

 

            “อ่ะ มึงพูดมา กูจะฟัง”เมื่อเศรษฐพงศ์อนุญาตคณินก็ฉวยโอกาสหอมฟอดที่แก้มยุ้ยๆของเศรษฐพงศ์ทันที

 

            “เอ๊ะไอ้เหี้ยนี่กูให้มึงพูดไม่ได้ให้มาหอมแก้มกู มึงจะรีบพูดดีๆก่อนที่กูจะเอาเลือดหัวมึงออกมั้ยไอ้คิน”

 

            “พูดๆๆ พูดแล้วๆๆ คือที่ทำงานกูอ่ะมันมีป้าคนหนึ่งชอบมาเกาะแกะกูเค้าชื่อพี่แอ๋ว เวลามาพูดกับกูที่โต๊ะก็ชอบมาแตะเนื้อต้องตัว ชอบชวนกูไปกินข้าวกลางวัน ชอบทักไลน์มาแต่กูก็ไม่เคยตอบป้าแกเลยนะเว้ย ข้าวกลางวันกูก็ไม่ไปกินด้วยกูบอกเค้าว่ากูจะกินข้าวที่แฟนห่อมาให้ แต่วันนี้อ่ะ กูเลี่ยงป้าแกไม่ได้จริงๆแกเล่นตามมาประชิดถึงรถพอได้จังหวะกูก็ผลักแกออกจากรถแล้วกลับมาหามึงนี่ไง กูอยากเตะป้าแกหลายรอบแล้วแต่กูก็นึกถึงที่มึงคอยสอนกูว่าให้อดทน กูไม่รู้ว่าที่ทำไปมันจะมีผลกับการประเมินการฝึกงานหรือเปล่า แต่เซ็ท ตั้งแต่กูรู้ตัวว่าชอบมึงกูก็ไม่เคยมองใครเลยนะเว้ย กูรักมึงคนเดียว”

 

            “มันจับมึงตรงไหนบ้าง มันกอดมันหอมมึงตรงไหนบ้าง กูจะเป็นหมากูจะสร้างสัญลักษณ์ทับที่มันเอง”ผมมองไอ้เซ็ทที่ตาลุกวาวพลางลอบกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ ไอ้เซ็ทไม่พูดพร่ำทำเพลงผลักลงลงกับที่นอน

 

            “มันยุ่งกับต้นคอมึงใช่มั้ย พรุ่งนี้เอาคอไปให้มันดู ว่ามึงมีเจ้าของแล้วห้ามมายุ่ง!!”ความรู้สึกเจ็บจี๊ดประทับลงบนต้นคอของผม ผมเชิดหน้าหลีกทางให้ไอ้เซ็ททำรอยแสดงความเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น

 

เป็นความเจ็บที่รู้สึกดีมากเหลือเกิน

 

ไม่บ่อยนักที่ไอ้เซ็ทจะเป็นคนเริ่มก่อน มันถอนริมฝีปากออกแล้วเปลี่ยนเป็นโน้มตัวมาประกบจูบกับผม ช่วงล่างเราบดเบียดซองกันและกันอย่างเว้าวอน ไอ้เซ็ทสอดลิ้นเข้ามากวาดต้อนกับลิ้นของผมราวเด็กเอาแต่ใจ สองมือของมันไล่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของผม ผมยกตัวขึ้นโดยที่ปากของเราไม่ได้ละออกจากกันซักวินาที เหวี่ยงเสื้อให้หลุดจากแขนจากนั้นผมจึงดึงปลายเสื้อยืดของมันออกคราวนี้จำต้องยอมปล่อยให้ปากของมันเป็นอิสระ ดวงตาของมันเปลี่ยนไปไม่ได้ดุดันเกรี้ยวกราดอีกต่อไปหากแต่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาเมื่อเสื้อของมันโดนโยนลงข้างเตียงมันก็ใช้สองมือของมันสางเข้าไปในกลุ่มผมของผมคล้ายจะบังคับให้อยู่นิ่งๆ รสจูบเร่าร้อนราวกับกินเหล้าดีกรีแรงผ่านริมฝีปากราวกับไม่ใช่ไอ้เซ็ทที่มักจะเขินอายยามเรามีเซ็กส์กัน ผมบีบยอดอกมันพลางคลึงเบาๆหากแต่ไอ้เซ็ทกลับตัวสั่นโดยอัตโนมัติ

 

ผมรู้ดีว่าต้องจับหรือเล้าโลมมันตรงส่วนไหนไอ้เซ็ทถึงจะรู้สึกดีและโอนอ่อนได้ง่าย

 

ใบหู  ต้นคอ หน้าอก ฝ่าเท้า ต้นขา ผมพลิกร่างที่อ่อนปวกเปียกของมันยามที่ผมเลื่อนมือขึ้นมาลูบต้นคอของมันไล่จูบเลาะเล็มไปที่ติ่งหูแล้วดูดดึงจนมึนเผลอร้องออกมา

 

            “อะ...อา...”

 

            “ดีมั้ย?”

 

            “อืม...ดี”



ถ้าจะเปรียบเปรยว่าไอ้เซ็ทเหมือนอะไร ผมคงต้องเปรียบมันเป็นน้ำมัน เพราะเพียงแค่มีประกายไฟเพียงเล็กน้อยมันก็พร้อมจะลุกไหม้ได้ในทันที







อ่านคัทที่ห้องแห่งความลับจย้า





“ชอบมั้ย?”กระซิบถามเสียงพร่า

 

            “อืม...ชอบ”

 

            “แค่ชอบเองเหรอ...แย่จัง มึงแค่ชอบ แต่กูรักมึงชิบหายเลยว่ะเซ็ท รักมากๆ รักมากขึ้นทุกวันเลย”เศรษฐพงศ์พยายามกลั้นยิ้มกับคำพูดหวานหูนั้น แต่เหมือนร่างกายจะไม่ยอมทำตามใจเจ้าของเลยซักครั้ง สุดท้ายก็หลุดยิ้มกว้างออกมาอยู่ดี

 

            “มึงนี่นะ...กูก็รักมึง เพราะรักถึงหวงรู้ใช่มั้ย?”

 

            “รู้ครับ”

 

            “อย่าให้ป้าคนนั้นแตะเนื้อต้องตัวมึงอีก เข้าใจมั้ย?”

 

            “เข้าใจครับ แต่คิดว่าคงไม่กล้าแล้วมั้ง ป่านนี้ก้นกบพังไปแล้วมั้ง กูเหวี่ยงเขาลงไปอย่างแรง”

 

            “น่าสงสารเค้าเหมือนกันเนอะ”

 

            “สงสารตัวเองเถอะจ้ะ คืนนี้สะโพกไม่ครากพี่ไม่ให้นอนนะจ๊ะ”คณินแกล้งดูดติ่งหูของคนน้องอย่างเร้าอารมณ์หากแต่เศรษฐพงศ์กลับพลิกตัวขึ้นมาใช้สองมือดันหน้าไอ้พี่ชายจอมหื่นที่พยายามจะตะโบมจูบ

 

           "สะโพกครากเหี้ยอะไร พอแล้วไอ้เหี้ย พรุ่งนี้ทำงาน"

 

            “น่านะ ขออีกรอบ เนี่ยน้องตื่นอีกแล้ว นะจ๊ะเมียจ๋า”

 


            “ม่ายยยยยยยย....อื้อ....อ๊ะ อย่ากัดหัวนมกู ไอ้คิน ไอ้ชิบหาย อ๊ะ...”สุดท้ายลูกแกะน้อยอย่างเศรษฐพงศ์ก็ถูกหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์อย่างคณินจับกินทั้งตัวอยู่ดี









..............................................................



 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด