(เรื่องสั้น) ✎ #เขียนถึงคุณอา —☆ | DAY 10 : อนุสาวรีย์ (26/01/19)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น) ✎ #เขียนถึงคุณอา —☆ | DAY 10 : อนุสาวรีย์ (26/01/19)  (อ่าน 2513 ครั้ง)

ออฟไลน์ ROMARKTIC

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
    • Twitter
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
#เขียนถึงคุณอา


Note
#เขียนถึงคุณอา เป็นเรื่องสั้นวายที่เราแต่งส่ง #Novelber2018 ในทวิตเตอร์ค่ะ
#Novelber2018 คือการแต่งเรื่องอะไรก็ได้ตามหัวข้อที่ทาง Novelber_TH กำหนดให้
โดยจะแต่งทุกหัวข้อ เลือกหัวข้อ แต่งเชื่อมเป็นเรื่องเดียวกัน หรือคนละเรื่องก็ได้ค่ะ
ซึ่ง #เขียนถึงคุณอา เราแต่งเชื่อมให้เป็นเรื่องเดียวกัน
ขนาดความยาวของแต่ละตอนจะไม่เท่ากัน ส่วนใหญ่จะสั้นๆ กระชับ ไม่ยืดเยื้อ
ถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่าทำไมสั้นจัง ต้องขออภัยด้วยค่ะ เราตั้งใจให้เป็นแบบนี้เอง
ยังไงฝากเรื่องสั้น #เขียนถึงคุณอา ไว้ด้วยนะคะ

 :a1::a1::a1:



งานเขียนทั้งหมด
• คนหวงเมีย • (ภูผา x ณัชชนม์) (On Air)
นรพยัคฆ์ .:* (Coming Soon)
(เรื่องสั้น) *... ก็เด็กมันไม่รู้ ...* (จบในตอน)
(เรื่องสั้น) 7 วัน • กะทันหัน (จบในตอน)
(เรื่องสั้น) #เขียนถึงคุณอา —☆ (On Air)

ช่องทางการติดต่อ Twitter @THEROMARKTIC
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-04-2019 20:16:29 โดย ROMARKTIC »

ออฟไลน์ ROMARKTIC

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
    • Twitter
DAY 1
แจ๊ส



พ่อกับอาไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ


เพราะฉะนั้นผมกับอาจึงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด


พ่อของผมทำงานเป็นกัปตันให้สายการบินแห่งหนึ่ง ทำให้ท่านไม่ค่อยมีเวลาว่างอยู่กับผมสักเท่าไหร่ บางทีก็หายหน้าหายตาไปเลยเป็นอาทิตย์ ผมก็ได้อามาคอยอยู่เป็นเพื่อนเนี่ยแหละ พวกเราก็เลยสนิทกันมาตั้งแต่ผมยังเด็ก


เมื่อก่อนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อชอบทิ้งผมให้อยู่บ้านคนเดียวบ่อยๆ


แต่พอผมโตขึ้น


เข้าใจโลกมากขึ้น


ถึงได้รู้ว่าที่พ่อทำไปทั้งหมดก็เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูผม


ซึ่งถ้าให้พูดกันตามตรงผมว่าการเป็นพ่อหม้ายลูกติดนี่มันไม่ง่ายเลยนะ


และก็ไม่ต้องถามถึงแม่ผู้ให้กำเนิดผมหรอก รายนั้นได้ทิ้งเราสองคนพ่อลูกให้อยู่กันตามลำพังตั้งแต่วันที่ผมลืมตาดูโลกแล้ว


จนกระทั่งผมขึ้นมัธยม อยู่ๆ อาก็มาหาพ่อเพื่อบอกลา โดยให้เหตุผลว่าจะไปทำงานต่างประเทศ และไม่มีกำหนดกลับ


ผมจำความรู้สึกตอนนั้นที่อาบอกได้ดี


เคว้งคว้าง


ไม่รู้ทิศรู้ทาง


เหมือนโลกทั้งใบของผมค่อยๆ ดับแสงลงเมื่อเราสองคนต้องห่างกัน เพราะนอกจากพ่อแล้ว ทั้งชีวิตผมก็มีแค่อา


ผมคิดถึงอา แต่ไม่รู้ว่าอาจะคิดถึงผมบ้างหรือเปล่า


ช่วงปีแรกผมเฝ้าคอยการกลับมาของอาอย่างใจจดใจจ่อ เพราะคำว่าไม่มีกำหนดกลับ ไม่ได้แปลว่าอาจะอยู่ที่นั่นตลอดชีวิต แต่พอวันเวลาผ่านไปความหวังที่เคยมีก็ช่างริบหรี่เหลือเกิน


ทุกอย่างดูเลื่อนลอย


ไร้จุดหมาย


ตอนนั้นผมจึงเริ่มมีความคิดที่จะปรับตัว อยู่ให้ได้ด้วยตัวเองโดยที่ไม่มีอา ผมใช้เวลาเกือบครึ่งปีในการพยายามมีชีวิตใหม่ มีสังคมใหม่ที่แตกต่างออกไป


ผมมีเพื่อนสนิท เป็นที่รู้จักของรุ่นพี่รุ่นน้องในโรงเรียน แถมตอนนี้ผมก็ยังมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วด้วย


ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยคิดที่จะคบใครเลย เพราะผมเคยให้สัญญากับอาไว้ว่าถ้าอาไม่ได้รักใครหรือแต่งงานกับใคร ผมก็จะอยู่กับอา ดูแลอาไปจนแก่ แต่ในเมื่อตอนนี้อาไม่อยู่ให้ผมได้ทำแบบนั้นแล้ว คำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ก็เลยต้องถูกยกเลิกไปโดยปริยาย


แต่แล้ววันหนึ่ง ตอนที่ผมอายุย่างเข้า 18 ใช้ชีวิตตามปกติอย่างเด็กวัยรุ่นธรรมดาทั่วไป จู่ๆ อาก็กลับมา


อาบอกว่ามาหาพ่อ แต่พ่อดันไม่อยู่บ้าน และก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ด้วย ครั้นจะให้ไล่อากลับไปก็ทำไม่ได้อีก เพราะถ้าพ่อรู้ว่าผมทำแบบนั้นมีหวังได้โดนบ่นยาว


ถามว่าโกรธไหมที่อานึกจะไปก็ไป นึกจะมาก็มา เอาจริงๆ มันคงเลยจุดที่เรียกว่าโกรธไปไกลแล้ว เพราะนี่มันก็ตั้งกี่ปีมาแล้วล่ะที่เราไม่ได้เจอหน้ากัน และก็ไม่ได้คุยกันเลย


เขาทำเหมือนผมไม่มีตัวตน


ทำเหมือนเราสองคนไม่เคยรู้จักกัน


ฉะนั้นเมื่ออากลับมา ผมจะแกล้งทำทีเป็นว่าไม่รู้จักอีกฝ่ายบ้าง แล้วมันจะผิดอะไร


ผมเงียบ . . .


อาเงียบ . . .


เราสองคนต่างเงียบใส่กัน มีเพียงเสียงกดแป้นพิมพ์โทรศัพท์ที่ผมตอบแชทไลน์เพื่อนๆ ดังระรัวเป็นตัวคั่นกลาง


ทั้งที่รู้ว่าผมจงใจไม่พูดด้วย แต่อาก็ไม่ได้รบเร้าให้ผมคุยกับเขา คงจะรู้ว่าตัวเองมีความผิดติดตัวอยู่เลยไม่กล้าเร้าหรือ


จนกระทั่งอาลุกขึ้นจากโซฟาไปยังเครื่องเล่นเพลงเก่าๆ


ผมชำเลืองหางตาไปมองอย่างไม่ใส่ใจ เพราะเมื่อก่อนอาก็เข้าออกบ้านหลังนี้บ่อยจนแทบจะเป็นบ้านของตัวเอง


แต่ทันทีที่บทเพลงเริ่มบรรเลง หัวคิ้วของผมก็ขมวดมุ่นด้วยความสงสัย


นี่มันเพลงแจ๊ส . . .


แปลกใจ เพราะตลอดช่วงอายุที่รู้จักกัน อาชอบฟังเพลงคลาสิกมาก นั่งฟังกับพ่อบ่อย แถมยังชอบเปิดเผื่อแผ่ให้ผมฟังด้วย


หรือว่าการที่อาไปอยู่ต่างแดน จะทำให้ความชอบของอาเปลี่ยนไป


แคลงใจ


ใคร่รู้


เลยโพล่งถามออกไปตรงๆ ลืมไปเสียสนิทเลยว่าตอนนี้ตัวเองกำลังสวมบทเป็นคนใบ้อยู่


“คุณอาชอบฟังเพลงแจ๊สแล้วเหรอครับ”


“. . .” เขาส่ายหน้า และนั่นยิ่งทำให้ผมขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นขึ้นกว่าเดิม


“แล้วทำไมถึงเปิดเพลงแจ๊สล่ะครับ ทั้งที่คุณอาชอบฟังเพลงคลาสิกมากกว่า”


“หึ จำได้ด้วยเหรอว่าอาชอบหรือไม่ชอบอะไร” อายกยิ้มมุมปาก สายตาที่ใช้มองมาทำเอาผมหลอมละลาย


“จะ . . . จำได้รางๆ ครับ” ผมโกหก เพราะจริงๆ จำได้แม่นเลยล่ะ เรื่องอะไรที่เกี่ยวอา ผมจำได้หมดทุกอย่างนั่นแหละ แต่ไม่มีทางพูดออกไปให้อารู้เด็ดขาด “แล้วตกลงอาจะบอกผมได้หรือยังว่าทำไมอาถึงเปิดเพลงแจ๊ส”


“. . . ที่อาเปิดเพลงแจ๊สก็เพราะถ้าอาเปิดเพลงคลาสิก เราจะยอมคุยกับอาอย่างที่พูดถามอยู่ตอนนี้ไหม”


“นะ . . . นี่คุณอาตั้งใจหลอกผมให้พูดเหรอครับ”


“โตเป็นหนุ่มแล้วน่ารักขึ้นเยอะ แต่นิสัยยังขี้งอนเหมือนสมัยเด็กๆ เลยนะพลัฎฐ์” พูดจบอาก็หัวเราะชอบใจใหญ่ที่จัดการผมได้อยู่หมัด




TBC.


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-11-2018 16:13:17 โดย ROMARKTIC »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
น่าสนใจ..รอตอนต่อไปจ้า  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ROMARKTIC

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
    • Twitter
DAY 2
ภูมิแพ้



“ฮัดชิ่ว!”


“ถ้าไม่สบายจะมาทำไม”


ผมบ่นอุบ เมื่อเห็นอาเดินจามไม่หยุดตั้งแต่เดินลงมาจากรถ


ไม่รู้จะมาทำไมแต่เช้า ก็บอกไปแล้วว่าพ่อยังไม่กลับ สงสัยกลัวผมเหงาเหมือนสมัยเด็กๆ เลยต้องมาอยู่เป็นเพื่อน


“อาไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกน่า แต่เรานั่นแหละ ถามอาแบบนี้เป็นห่วงหรือไง”


“คะ . . . ใครบอกครับว่าเป็นห่วง ผมกลัวติดโรคจากคุณอาต่างหาก” ผมโกหกคำโต ขึ้นเสียงดังกลบเกลื่อนความจริง ตั้งแต่วันที่อาก้าวกลับเข้ามาในชีวิตผมอีกครั้ง ผมก็รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเด็กโป้ปดบ่อยขึ้น “ว่าแต่ภูมิแพ้คุณอากำเริบอีกแล้วเหรอครับ”


“หึ ใส่ใจ?”


“ใส่ใจอะไร”


“จำได้สินะว่าอามีโรคประจำตัว”


“จะ . . . จำ . . .”


“จำได้รางๆ จะบอกแบบนี้ใช่ไหม นี่ขนาดจำได้รางๆ นะเนี่ย ยังรู้เยอะขนาดนี้ ถ้าจำได้แม่นๆ จะรู้เยอะขนาดไหน ไม่รู้ถึงสีกางเกงในของอาเลยหรือไง”


“ตะ . . . ตลกแล้วครับ! ” ผมตาโตอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าอาจะมามุขนี้ “ระ . . . เรื่องแบบนั้นผมจะไปรู้ได้ยังไง?! คุณอาไม่ต้องมาพูดมากเลย แล้วนี่ได้ยาเอามาหรือเปล่าครับ”


“เอามา”


“และจะไปหาหมอด้วยไหม”


“ไม่ต้องๆ”


“ทำไมล่ะครับ”


“ภูมิแพ้อาไม่ได้กำเริบหรอก”


“อ้าวว”


“ถ้าจะกำเริบก็คงมีแต่ภูมิแพ้เราที่อาเป็นแล้วรักษาไม่หายมากกว่า”


ฉ่า!




TBC.


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-11-2018 09:25:04 โดย ROMARKTIC »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
แล้วขุ่นอาหายไปไหนมา???  :hao4:

ออฟไลน์ ROMARKTIC

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
    • Twitter
DAY 3
Sweet



เมื่อคืนอาไม่ได้กลับบ้าน ให้เหตุผลว่ากลัวผมเหงา เพราะเห็นพ่อไม่อยู่บ้านมาหลายวันแล้ว


แต่ลืมไปหรือเปล่าว่าช่วงที่อาไม่อยู่ ทิ้งผมและปล่อยให้อยู่คนเดียวนานถึง 5 ปี ตอนนั้นผมเหงากว่านี้ตั้งเยอะ อาเพิ่งจะมาคิดได้หรือไง


“ตื่นเช้าจัง” อยู่ๆ อาก็พูดขึ้นมาลอยๆ ตอนที่ผมกำลังจะเดินผ่านห้องครัวไปยังห้องนั่งเล่น


ผมหยุดชะงักปลายเท้า หันไปถามอาด้วยใบหน้านิ่งๆ ไร้ปฏิสัมพันธ์ “คุณอาชมตัวเองทำไม”


“ใครบอกอาชมตัวเอง อาชมเราต่างหาก” ริมฝีปากหยักของอายกยิ้มกริ่ม


“อ้าวเหรอครับ เห็นอยู่ดีๆ ก็พูดออกมาคนเดียวอย่างกับคนบ้า”


“หึ นอกจากจะโตเป็นหนุ่มจนผิดหูผิดตาแล้ว ยังพูดจากวนตีนอีกด้วยนะเนี่ย”


“ผมไม่ได้กวนตีน ที่พูดไปก็ความจริงทั้งนั้น ว่าแต่คุณอากำลังหาอะไรอยู่ครับ” เพราะเห็นอีกคนก้มๆ เงยๆ เหมือนหาอะไรสักอย่างมาสักพักแล้ว ผมก็เลยถามออกไปด้วยความสงสัย


“น้ำตาล อาจะชงกาแฟ เราไม่ได้เก็บไว้ในชั้นนี้แล้วเหรอ” อาถามพลางชะโงกหน้าดูตามชั้นที่อยู่แถวนั้น


มันตั้งกี่ปีมาแล้ว อะไรก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา น้ำตาลก็คงเบื่อที่จะอยู่ตำแหน่งเดิมเหมือนกัน


ผมคิดในใจ


ไม่ได้พูดออกไปให้อาฟัง


ก่อนจะเดินไปหยิบโหลน้ำตาลจากในตู้ซึ่งอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องครัวออกมาให้อา “อยู่นี่ครับ”


ผมวางมันลงบนเคาน์เตอร์ จากนั้นก็เดินผละออกไปที่โซฟาหน้าโทรทัศน์ หวังจะเปิดดูรายการอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่แรงสัมผัสที่หัวไหล่ก็ทำให้ผมต้องหันกลับไปมองที่ด้านหลังอีกครั้งอย่างงงๆ


ผมเบิกตากว้าง


เห็นอางับหัวไหล่ผมอยู่


นัยน์ตาของเราสบกันในระยะห่างเพียงคืบ


ผมจ้องอา…


อาจ้องผม…


ไม่นานอาก็ปล่อยร่างกายผมให้เป็นอิสระ


ผมเอ่ยถามเสียงตะกุกตะกัก ไม่เข้าใจการกระทำของเขาเลยจริงๆ


“คะ…คุณอาจะทำอะไร?!”


“ก็เราบอกน้ำตาลอยู่นี่ แล้วไม่ใช่เราเหรอที่เป็นน้ำตาล”


“จะ…จะบ้าหรือไง ใช่ที่ไหนเล่า”


“ทำไมล่ะ เราก็หวานนะ อาว่าหวานกว่าน้ำตาลอีก ใช้แทนกันได้”


“คุณอาาา! ไปกันใหญ่แล้วครับ”




TBC.


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-11-2018 09:25:40 โดย ROMARKTIC »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ขุ่นอา..เล่นแบบนี้เลยอ่ะ   :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
โหยยยยย ขุ่นอาาาา  :hao5:

ออฟไลน์ ROMARKTIC

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
    • Twitter
DAY 4
แกงเผ็ดเป็ดย่าง



เมื่อ 20 นาทีที่แล้วแฟนผมโทรมาบอกว่าเย็นนี้จะแวะเอาของฝากมาให้


เธอเพิ่งกลับมาจากไปเที่ยวสิงคโปร์ ระหว่างคุยโทรศัพท์กันก็บ่นให้ผมฟังไม่หยุดว่าหิวข้าว เพราะทันทีที่เครื่องลง เธอก็นั่งรถแท็กซี่จากสุวรรณภูมิตรงดิ่งมาหาผมเลย ไม่ได้แวะไหน ผมสงสารก็เลยอาสาจะไปหาซื้ออะไรมาให้เธอทานตอนที่มาถึงบ้านผม


แต่ด้วยความที่มันเป็นชั่วโมงเร่งด่วน ให้เข้าเมืองไปห้างตอนนี้ก็คงไม่ไหว ผมก็เลยเลือกที่จะไปตลาดแถวบ้านแทน โชคดีที่ได้ของโปรดเธอติดมือกลับมา


ระหว่างทางที่เดินกลับก็มีเสียงบีบแตรรถไล่หลังมาติดๆ เรียกให้ผมหันไปมองยังต้นเสียง


ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆ


ไม่ต้องบอกก็เดาได้ว่าใครอยู่ในรถ


จำทะเบียนได้ขึ้นใจเพราะมาให้เห็นบ่อยเหลือเกินช่วงนี้


คนในรถลดกระจกลงมาจนแทบสุด ก่อนจะพูดถามผมเสียงดังฟังชัด “จะไปไหน”


ผมก้มตัวลงไปเพื่อให้ใบหน้าเราอยู่ในระดับเดียวกัน แล้วเอ่ยตอบเขาที่นั่งอยู่บนเบาะฝั่งคนขับด้วยเสียงติดจะเนือย “กลับบ้านครับ”


“ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นมา อาจะไปบ้านเราพอดี”


จริงๆ ไม่ต้องบอกก็ได้ ขับรถมาแถวนี้คงไม่ใช่กำลังกลับคอนโดฯ ตัวเองหรอก ในเมื่อมันอยู่คนละทางกัน


และผมก็ขี้เกียจจะยืนเถียงให้มากความ เลยขึ้นรถไปตามที่อาบอกอย่างว่าง่าย


อาขับรถไปเรื่อยๆ ส่วนผมก็เอาแต่นั่งหันหน้ามองข้างทาง ไม่ได้สนใจอีกหนึ่งชีวิตที่อยู่ในรถด้วย เนิ่นนานหลายนาทีที่เราสองคนไม่ได้คุยอะไรกัน จนกระทั่งรถติดไฟแดง จู่ๆ อาก็ถามขึ้นมาว่า


“แล้วมาทำอะไรแถวนี้”


ผมไม่มีอะไรต้องปกปิด เลยตอบไปตามตรง “ซื้อกับข้าวครับ”


“ทำไมไม่โทรหาอา อยากกินอะไรจะได้ซื้อเข้าไปให้ ไม่ต้องมาเดินตากแดดให้ร้อนอย่างนี้”


“ก็ไม่รู้ว่าอาจะมา”


“ถึงอาไม่มา แต่ถ้าเราอยากได้อะไร อาก็ขับรถมาให้ได้อยู่แล้ว”


กล้าพูดเนอะ…


ทีเมื่อ 5 ปีก่อนผมอยากเจออาแทบตาย แล้วอาหายไปไหน ไม่เห็นโผล่หน้ามาให้ผมเจอสักครั้งเลย และตอนนี้จะมาเรียกร้องอะไร


“และนี่ซื้ออะไรมา”


“แกงครับ”


“แกงอะไร” อาขมวดคิ้วถาม คงแปลกใจในคำตอบ


“แกงเผ็ดเป็ดย่าง”


“เราเนี่ยนะกินแกง เดี๋ยวนี้กินเผ็ดได้แล้วเหรอ”


“เปล่าครับ ผมไม่ได้ซื้อมากินเอง”


“ถ้าเราไม่ได้ซื้อมากินเอง แล้วซื้อไปให้ใคร”


“แฟน”



TBC.



ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
มองเห็นความยุ่งยากรำไร   :mew5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ROMARKTIC

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
    • Twitter
DAY 5
Attach



ตลอดช่วงเวลาที่แฟนมาหาผมที่บ้าน อาก็นั่งเงียบไม่พูดไม่จา ทำหน้าไม่สบอารมณ์เหมือนใครไปเหยียบหาง จนผมต้องโกหกแฟนตัวเองไปว่าอาคงเครียดจากงาน ทั้งที่ความจริงผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอาเป็นอะไร


เพราะตั้งแต่ที่ผมพูดเรื่อง ‘แฟน’ บรรยากาศในรถที่ควรจะเป็นก็เปลี่ยนไป


และหลังจากที่แฟนผมกลับไปแล้ว ผมก็ขออาปลีกตัว จ้ำอ้าวขึ้นมาบนห้องนอน จังหวะที่กำลังจะเอื้อมมือจับลูกบิด แรงมหาศาลจากทางด้านหลังก็โถมเข้าใส่ตัวผมโดยไม่มีการผ่อนกำลังใดๆ


“เฮ้ยย! คะ…คุณอาจะทำอะไรครับเนี่ย?!”


ผมร้องถามเสียงหลง สะดุ้งตกใจเมื่อถูกพันธนาการไว้ด้วยท่อนแขน


พยายามดิ้นหนีอยู่หลายรอบแต่ก็ไม่เป็นผล


เหนื่อยจนต้องเป็นฝ่ายล้มเลิกที่จะขัดขืนไปเอง


รู้สึกเหมือนโดนจองจำ


ไปไหนไม่รอด


รอการพิพากษาจากอาเพียงอย่างเดียวว่าจะปล่อยหรือไม่ปล่อย


กอด” อาตอบด้วยถ้อยคำสั้นๆ ไม่ได้สะทกสะท้านกับการกระทำของตัวเองเลยสักนิด


“ผมรู้ครับว่ากอด แต่คุณอาจะมากอดผมไว้ทำไม”


“ถ้าไม่กอดไว้ เราจะยอมยืนอยู่เฉยๆ ให้อาได้ถามเหรอ”


“แล้วคุณอาจะถามอะไรครับ” ผมเข้าประเด็น ตอบคำถามเสร็จจะได้แยกย้าย มายืนกอดกันแบบนี้ผมว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่


ทั้งที่เมื่อก่อนเราสองคนก็กอดกันออกจะบ่อย แต่ทำไมพอโตขึ้น ร่างกายของผมถึงได้เหมือนมีประจุไฟฟ้าวิ่งวนไปตามตัวเวลาที่อาสัมผัสก็ไม่รู้


“เรามีแฟนแล้วเหรอ” นั่นคือคำถามแรกในรอบหลายชั่วโมงที่หลุดออกมาจากปากอา


นี่อย่าบอกนะว่าที่เหยียบคันเร่งเกือบจม นั่งทำหน้าไม่รับแขกตั้งนานสองนาน เพราะแค่เรื่องที่ผมมีแฟน


อิจฉาเหรอ


แล้วอิจฉาในกรณีไหน


อิจฉาที่ผมมีแฟน


หรืออิจฉาที่แฟนผมไม่ใช่อา


ผมอ่านความคิดอาไม่ออกเลยจริงๆ


“…ครับ มีแล้ว”


“ตั้งแต่เมื่อไหร่”


“ก็ตั้งแต่ที่คุณอาทิ้งผมไปนั่นแหละ”


“อย่าเพิ่งมาประชดได้ไหม อาต้องการความจริงจากปากเรา”


“แล้วมันไม่ใช่ความจริงตรงไหนครับ ผมคบกับเธอมาจะเดือนแล้ว แต่คุณอาเพิ่งกลับมาได้ยังไม่ถึงอาทิตย์” ผมเริ่มมีน้ำโห เมื่ออาหาว่าผมไปประชดประชันเขา


“โอเคๆ” อาจึงลดระดับอารมณ์ลงมาให้เป็นปกติ คงรู้ว่าแรงไปผมจะแรงกลับ เลยคิดที่จะใช้ความใจเย็นเข้าสู้ ก่อนจะเอ่ยถามผมต่อ “และก่อนหน้านี้เคยคบกับคนอื่นด้วยหรือเปล่า”


“คุณอาจะมายุ่งอะไร ขนาดพ่อยังไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของผมเลย”


“ตอบอามาพลัฎฐ์” เรียกชื่อผมเต็มยศ ฟังจากน้ำเสียงของอาก็พอรู้แล้วว่าไม่ค่อยพอใจ


“ก็เคยครับ”


“กี่คนแล้ว”


“หลาย ผมจำไม่ได้หรอก ก็คบไปเรื่อยอ่ะ”


“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าคนนี้ไม่ได้จริงจัง”


“ไม่รู้ครับ คงต้องดูไปก่อน”


“และเราชอบเธอหรือเปล่า”


ผมกัดริมฝีปากล่างพลางขบคิด จะให้ตอบยังไงดี แค่คำว่าชอบยังดูมากไปเลย “…ก็น่ารักดีครับ”


“แล้วคบกันได้ยังไง เราไปจีบเธอก่อนเหรอ”


“คุณอาชักจะถามเยอะไปแล้วนะครับ”


“ตอบ อย่ามาบ่ายเบี่ยง” ออกคำสั่งเสียงดุเพื่อคาดคั้นให้ผมตอบคำถามเขาโดยที่ไม่มีสิทธิ์เลี่ยง


“เปล่าครับ ผมไม่ได้จีบ แต่เธอมาขอผมคบ”


“เราก็เลยคบกับเธออย่างนั้นเหรอ”


“ครับ มันไม่ได้เสียหายอยู่แล้ว ในเมื่อเธอเสนอตัวจะมาเป็นแฟนผมเอง ว่าแต่คุณอาถามทำไม เอาจริงๆ ผมจะชอบใคร จะคบใคร ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณอาสักหน่อย หมดคำถามหรือยังครับ ถ้าหมดแล้วก็ปล่อย ผมจะได้เข้าห้อง”


“งั้นถ้าอาขอคบด้วยล่ะ เราก็จะตกลงใช่ไหม เพราะยังไงก็ไม่ได้เสียหายอะไรอยู่แล้ว”


“นะ…นี่คุณอาพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า ผะ…ผมไม่ตลกด้วยนะ”


“อาก็ไม่ได้บอกนี่ว่าตลก ในเมื่อเราคบกับผู้หญิงคนนั้นโดยที่ไม่ได้รักได้ และทำไมจะคบกับอาไม่ได้”


“ยังไงก็ไม่ได้ครับ” ผมย้ำเสียงหนักแน่น แววตาจริงจังไม่มีความลังเลในสิ่งที่พูด “ผมมีแฟนแล้ว และผมก็ถือคติจะไม่คบซ้อนด้วย ถ้ายังไม่ได้เลิกกับคนปัจจุบัน”


“ถ้าอย่างนั้นก็โทรไปเลิกกับเธอตอนนี้เลยเป็นไง”


“คุณอาครับ… มันใช่เรื่องไหมเนี่ย”


“ก็ได้ ไม่คบก็ไม่คบ แต่เราต้องอนุญาตให้อาจีบได้นะ และเดี๋ยวอาจะทำให้เราตอบตกลงคบกับอาเอง”




TBC.


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-11-2018 09:27:55 โดย ROMARKTIC »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เอาแต่ใจไปไหมขุ่นอา.. :z3:

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่นงี้เลยหรอคุณอา นึกจะไปก็ไปอยู่ๆก็กลับมาแถมยังรุกหนักอีก หายไปนี่จะรอให้หลานโตก่ินหรอคะ อิ๊ :katai3: :pig4:

ออฟไลน์ ROMARKTIC

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
    • Twitter
DAY 6
ตุ๊กตากระดาษ



เช้าวันหยุดที่ผมควรจะนอนหลับยาวๆ กลับกลายเป็นว่ามีมารมาขัดขวาง กดกริ่งหน้าบ้านปลุกให้ผมตื่นจากการหลับใหล


ผมลากสังขารโงนเงนของตัวเองไปที่หน้าประตู เห็นบุรุษไปรษณีย์มายืนแจกรอยยิ้มเป็นมิตรให้อยู่อีกฝากหนึ่งของรั้ว


และพอผมเดินไปถึงตัวเขา ซองเอกสารสีน้ำตาลขนาดครึ่ง A4 ก็ถูกยื่นมาตรงหน้า ผมเอียงคอมองอย่างงงๆ ก่อนจะรับมันมาถือไว้แล้วเดินกลับเข้าไปในบ้านโดยไม่ลืมพูดขอบคุณผู้ที่ทำหน้าที่เป็นเสมือนนกพิราบในร่างคน


เท่าที่จำได้ผมไม่ได้สั่งซื้ออะไรจากในเน็ตเลยนะ หรือว่าเขาจะส่งผิด


ลองพลิกดูที่หน้าซองถึงได้รู้ว่าใครเป็นคนส่งมา


ผมทอดถอนใจ ค่อยๆ แกะซองสีน้ำตาลออกอย่างใจเย็น นึกยังไงถึงส่งไปรษณีย์มา นี่จะจีบกันด้วยการเขียนจดหมายหรือไง สมกับเป็นผู้สูงวัยจริงๆ


และทันทีที่ผมเห็นของที่อยู่ด้านในก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นหนักกว่าเดิมหลายเท่าเมื่อผิดคาดไปจากที่คิดไว้


ตุ๊กตากระดาษเนี่ยนะ


ผมเพ่งพินิจดูอยู่สักพัก มือก็ลูบไปตามเนื้อกระดาษที่ซีดจางตามกาลเวลา ทั้งที่มันก็นานเป็นสิบปีแล้ว แต่กระดาษกลับไม่มีแม้ละอองฝุ่นกระจายตัวเกาะทับให้รู้สึกระคายผิว บ่งบอกว่าคนเก็บคงรักษาไว้เป็นอย่างดี


ใช้เวลาไม่นานเหตุการณ์ในอดีตก็ไหลกลับเข้ามาในหัวผมอีกครั้ง…



‘คุณอาครับ’ ผมในวัยเด็กที่นั่งอยู่บนตักอาเรียกคนอายุมากกว่าด้วยน้ำเสียงสดใส เนื่องจากกำลังสนุกกับการเลือกชุดตุ๊กตากระดาษเท่ๆ เป็นสิบตรงหน้า


อาชะโงกมาจากทางด้านหลัง ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดแก้ม บางจังหวะปลายจมูกของอาก็เฉียดแก้มผมไปมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ‘คุณอาอยากสวมชุดอะไรครับ เดี๋ยวผมใส่ให้’


ถ้าไม่ใช่เพราะว่าวิชาศิลปะคุณครูสั่งให้ประดิษฐ์ของเล่นมาคนละหนึ่งชิ้น ตุ๊กตากระดาษฝีมือผมกับอาก็คงไม่ได้มาลอยหน้าลอยตาอยู่ตรงนี้


‘อาอยากได้ชุดสูท’


‘ชุดสูทแบบไหนเหรอครับ’


‘ชุดเจ้าบ่าวนั่นไง’ คนถูกถามพยักพเยิดหน้าไปยังชุดสูทสีดำที่ผมนั่งวาดนั่งระบายสีกับเขามาตั้งแต่เมื่อวานเย็น


‘ถ้าคุณอาจะใส่ชุดนี้ แล้วใครจะมาแต่งเป็นเจ้าสาวล่ะครับ มันต้องใส่คู่กันไม่ใช่เหรอ หรือว่าเราต้องวาดตัวผู้หญิงเพิ่มอีกคน’


ผมทำหน้าจ๋อย พูดถามอาไม่เต็มเสียง เพราะตอนนี้ตุ๊กตากระดาษมีแค่ตัวผมกับตัวของอาเท่านั้น


ขี้เกียจวาดต่อแล้ว


เมื่อยมือ


อยากนั่งเล่น นั่งชื่นชมผลงานของตัวเองอย่างเดียวมากกว่า


‘ไม่ต้องๆ เราเป็นเจ้าสาวให้อาก็ได้’


‘เอ๋ ผมเหรอครับ’


‘ใช่ เรานั่นแหละ’


‘แต่ตัวของผมเป็นผู้ชายนะครับ คงเป็นเจ้าสาวไม่ได้หรอก’


‘ได้สิ อาอนุญาตซะอย่าง’


‘และถ้าผมเป็นเจ้าสาวให้คุณอา… ผมจำเป็นต้องใส่กระโปรงด้วยไหมครับ’


‘อยากใส่ไหมล่ะ’ มุมปากของอากระตุกยิ้มราวกับหมาป่าเจ้าเล่ห์ในนิทานอีสปที่ผมเคยอ่านไม่มีผิด


‘ไม่เลยครับ ไม่อยาก’ ผมส่ายหัว


‘ที่ไม่อยากเพราะว่าขี้เกียจตัดกระดาษใหม่หรือเปล่า’


‘…ก็ด้วยครับส่วนหนึ่ง’


‘หึ ถ้าไม่อยากก็ไม่ต้อง อาไม่บังคับหรอก จริงๆ เราใส่ชุดอะไรก็เป็นเจ้าสาวของอาได้หมดแหละ ขนาดไม่ใส่อะไรเลย มาแต่ตัวเปล่าก็ยังเป็นได้นะ’


‘จะ…จริงเหรอครับ’


‘อื้ม เคยเห็นอาโกหกหรือไง’



พอเรื่องราวในอดีตถูกฉายซ้ำเหมือนกดปุ่มรีเพลย์ ผมก็เริ่มรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าวจนแทบไหม้


ตอนนั้นที่อาพูดก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะยังเด็กเกินกว่าจะตีความ แต่พอโตขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น ค่าความคิดความอ่านที่มีต่อคำพูดกำกวมนั้นก็ทำให้ผมถอดความได้อย่างถูกต้องครบถ้วน


นี่อาจงใจส่งของแบบนี้มาเพื่อปั่นอารมณ์ผมใช่ไหม


ทั้งที่รู้ว่าอากลั่นแกล้ง…


และผมจะไปเขินตามเกมของอาทำซากอะไร




TBC.



ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
แอบชอบน้องมาตั้องแต่เด็กเลยนี่นา โชตะ โชตะ   :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ ROMARKTIC

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
    • Twitter
DAY 7
ExBoyfriend



วันนี้ผมมีประชุมแนะแนวเรื่องเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่โรงเรียนจนถึงเย็น


เมื่อเช้านัดแนะกับพ่อไว้แล้ว รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่ามารับผมที่โรงเรียนได้แน่ แต่พอถึงเวลาพ่อกลับส่งข้อความมาบอกว่าอาจจะไปเลทเป็นชั่วโมง เพราะเครื่องดีเลย์ ไหนจะฝ่าการจราจรติดขัดของกรุงเทพมหานครอีก


ผมก็เลยบอกเขาว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวนั่งรถประจำทางกลับเอง ไปเจอกันที่บ้านเลย


ทั้งที่มันควรจะเป็นแบบนั้น…


แล้วทำไมตอนนี้ผมถึงนั่งอยู่บนเบาะฝั่งข้างคนขับในรถของอาได้


“หิวไหม”


อาถาม สายตายังคงจับจ้องที่พื้นถนนเบื้องหน้า ประคับประคองความเร็วรถให้เคลื่อนตัวไปตามทางในระดับสม่ำเสมอ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยตอบ ท้องเจ้ากรรมก็ดันส่งเสียงระงมออกมาก่อน


โครกคราก


“หึ ไม่ต้องตอบละ ร้องดังขนาดนี้กินช้างได้ทั้งตัวแล้วมั้ง”


“คุณอา!” ผมโวย


“ทำไม หรืออยากกินอาด้วย”


“ตอนนี้ไม่ครับ แต่ถ้าคุณอายังไม่หยุดก็ไม่แน่” ผมเอ่ยขู่ หวังให้อีกคนสงบปาก แต่ก็ดูจะไร้ประโยชน์


“เอาสิ กินเลย ถ้าเป็นเรา อายอมนะ”


พูดอย่างเดียวไม่พอ ยังยื่นแขนซ้ายมาตรงหน้าผม ไม่วายยักคิ้วท้าทายส่งมาให้อีกต่างหาก เห็นแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ เลยอ้าปากงับท่อนแขนอาไปเต็มแรงจนมันขึ้นเป็นรอยแนวฟัน


อาไม่ได้ส่งเสียงประท้วงความปวด หรือต่อว่าผมที่ทำให้เขาเจ็บตัว แต่กลับฉีกยิ้มชอบใจที่ผมไม่ได้ทำตัวห่างเหินกับเขาเหมือนอย่างสองสามวันแรกที่เราเจอกัน


ก่อนที่ผมจะหันหน้าออกนอกรถ ย้ายจุดโฟกัสไปที่ข้างทาง ปล่อยให้ภาพตึกรามบ้านช่องไหลผ่านเข้ามาในสายตา มีบทสนทนาระหว่างเราบ้างประปราย โดยส่วนใหญ่อาจะเป็นคนตั้งคำถามให้ผมตอบมากกว่า


ไม่นานรถสปอร์ตหรูสีดำขลับก็เคลื่อนตัวเข้าไปจอดในอาคารห้างแห่งหนึ่ง ไม่ใกล้ไม่ไกลจากหมู่บ้านที่ผมอาศัยอยู่ เพราะตอนที่อยู่บนรถ อาถามว่าอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า แต่ผมคิดไม่ออก และอาก็คงอยากตามใจ เขาก็เลยพาผมมาที่นี่ อย่างน้อยๆ ต้องมีถูกใจผมบ้างสักร้านแหละ


“เราอยากกินร้านไหนก็เดินนำไปเลยนะ”


“เข้าร้านที่แพงที่สุดก็ได้ใช่ไหม”


“ได้สิ แค่เราคนเดียวอาเลี้ยงไหวน่า”


ประโยคแสนธรรมดาที่เหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษกลับพิเศษขึ้นมาในความรู้สึก


เลี้ยงได้เหรอ แล้วจะเลี้ยงไปตลอดชีวิตไหม


ถ้าอาบอกว่าตลอดชีวิต… ผมจะเชื่อได้จริงๆ หรือเปล่า


วันดีคืนดีเกิดมาบอกว่าจะไปทำงานต่างประเทศโดยไม่มีกำหนดกลับอีกจะว่ายังไง


ผมไม่ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่… ทำใจให้ได้เมื่อไม่มีอาอยู่เหรอ


และทันทีที่ผมก้าวเท้าเข้าไปในห้าง ความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศก็ปะทะเข้ามาที่ผิว ผิดกับสภาพอากาศด้านนอกโดยสิ้นเชิง พลันสายตาของผมก็เห็นร้านอาหารญี่ปุ่นขึ้นชื่อ แต่ราคาไม่ได้แรงมาก ตั้งอยู่ตรงหน้าพอดิบพอดี


ผมเดินตรงไปยังร้านนั้น อาที่เห็นว่าผมแทบจะไม่ได้เดินเลือกร้านเลยด้วยซ้ำจึงโพล่งถามออกมา


“ไหนบอกจะกินอะไรแพงๆ”


“ก็อยากอยู่ แต่ขี้เกียจเรื่องมาก ตอนนี้อยากรีบกินรีบกลับมากกว่า”


ผมบอกเหตุผล ซึ่งอาก็ไม่ได้ขัดใจ คงดูจากสีหน้าผมออกว่าตอนนี้พร้อมนอนมากแค่ไหน “โอเค ร้านนี้ก็ได้ ไม่มีปัญหา”


พอเข้าไปในร้าน ได้ที่นั่งมุมเหมาะๆ เรียบร้อย ผมก็เปิดเมนู ไล่สายตาไปตามรายการอาหาร และชี้บอกพนักงานให้จดออเดอร์
คอยไม่ถึง 15 นาที สิ่งที่สั่งไปก็ค่อยๆ ทยอยมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ผมลงมือจัดการอาหารตรงหน้าโดยไม่พูดไม่จาเพราะความหิว แต่ในขณะที่กำลังกินอย่างมีความสุข แขกไม่ได้รับเชิญที่ทำให้อาหารบนโต๊ะไม่อร่อยขึ้นมาดื้อๆ ก็ปรากฏตัว


“พลัฎฐ์?!”


“กรณ์?!”


“เออ กูเอง ไม่เจอตั้งนาน สบายดีป่ะ”


“อืม สบายดี” แต่จะไม่สบายก็ตอนมึงโผล่มาเนี่ยแหละ “แล้วมึงอ่ะ” ถามกลับไปตามมารยาท เพราะไม่อยากหักหน้าอีกฝ่าย


“ก็ดี และนี่ใครวะ คู่ขาใหม่มึงเหรอ”


“พ่องมึง! อากูเอง” ผมรีบพูดแก้เป็นพัลวัน เหลือบหางตาไปมองอา เห็นเขาตีหน้ายุ่งไม่พอใจส่งมา


“อ้าวเหรอ” กรณ์ดูตกใจที่ผมบอกแบบนั้น ก่อนจะหันไปพูดกับคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผมด้วยท่าทางนอบน้อมกว่าเดิม “สวัสดีครับคุณอา”


“อืม” อารับคำในลำคอ ไร้ซึ่งความเป็นมิตร หลับตาฟังเสียงยังรู้เลยว่าไม่โอเคกับการปรากฎตัวของกรณ์ และก็อาจจะไม่ชอบใจที่โดนหาว่าเป็นคู่ขากับผมด้วย


“งั้นกูไปก่อนนะ พอดีมีนัด”


“เออ” ทักทายกันเสร็จสรรพตามประสาคนเคยสนิทกรณ์ก็ขอตัวผละออกไป


และพอที่ตรงนี้ไม่มีใคร เหลือแค่เราสองคน ผมก็รับรู้ได้ถึงสายตาคุกรุ่นของอาที่ส่งมาให้ จนผมเริ่มรู้สึกว่ามันหนาวๆ ร้อนๆ ที่หลังยังไงชอบกล


“ใคร” ว่าแล้วว่าอาต้องถาม อยากจะโกหกว่าเป็นเพื่อนอยู่เหมือนกัน ถ้าไม่ติดว่ามันพูดคำว่าคู่ขาขึ้นมาก่อน


“แฟนเก่า เคยคบกัน”


“เราคบกับผู้ชายด้วยเหรอ”


“ครับ ผมไม่ได้สนว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้ามีอะไรที่ทำให้ชอบในตัวอีกฝ่ายได้ ผมก็โอเคหมดแหละ”


“แล้วคู่ขาที่เด็กคนนั้นพูดคือยังไง”


“คุณอาไม่ต้องมาแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจเลยครับ ผมรู้ว่าคุณอารู้”


“เราทำตัวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”


“ตั้งแต่ที่คุณอาไม่อยู่”


“อีกละ ทำไมชอบยกช่วงเวลาที่อาไม่อยู่กับเราขึ้นมาพูดบ่อยจัง”


“ก็ตอนที่คุณอาไม่อยู่ มันมีอะไรเปลี่ยนแปลงตั้งหลายอย่าง”


“และทำไปเพื่ออะไร ประชดอาเหรอ”


“เปล่า” ผมปฎิเสธ พูดได้ไม่เต็มปากหรอกว่าโกหก เพราะสิ่งที่อาถามเรียกว่าผมไม่อยากยอมรับมากกว่า “คุณอาหยุดถามเถอะครับ ผมหิว จะกินข้าวต่อ”


“เลิกได้ไหม”


“ครับ?”


“เลิกทำแบบนี้”


“ทะ…ทำไมล่ะครับ”


“เราทำตอนที่อาไม่อยู่ด้วยเหตุผลอะไรอาไม่รู้ แต่ในเมื่ออากลับมาแล้วก็เลิกสักที”




TBC.



ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เป็นเพราะอานั้นแหละ  :m16: :m16: :m16:

ออฟไลน์ ROMARKTIC

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
    • Twitter
DAY 8
ลอนดอน



หลังกลับจากห้าง อาก็ขับรถมาส่งผมที่บ้าน ขนาดแวะกินข้าวกับอาเป็นชั่วโมง ป่านนี้พ่อยังไม่ถึงบ้านเลย นี่ถ้าผมยืนยันจะปักหลักรอเขาอยู่ที่โรงเรียน มีหวังได้กลายเป็นเพื่อนกับผีเฝ้าตึกไปแล้ว


ทันทีที่เปิดประตูแล้วก้าวขาเข้าไปในตัวบ้าน ผมก็เอื้อมมือไปเปิดสวิตซ์ไฟที่อยู่แถวนั้น ความสว่างไล่กัดกินความมืดจนหมดสิ้น ก่อนที่ผมจะขอตัวไปอาบน้ำ เนื่องจากเหนียวเหนอะหนะมาทั้งวันแล้ว


น่าแปลกที่วันนี้อาไม่ได้รั้งผมไว้เหมือนทุกที และพออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็นอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงไปพักหนึ่ง ไม่นานหนังตาก็เริ่มหนัก ผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อย


จนกระทั่งเวลาทุ่มกว่าๆ ผมก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงเปิดรั้ว ตามมาด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่ขับเข้ามาจอดในโรงรถ


คิดว่าพ่อคงกลับมาแล้ว เลยว่าจะลงไปดูสักหน่อย เดินไปถึงแค่กลางบันไดก็ต้องหยุดชะงักปลายเท้า เมื่อได้ยินเสียงพ่อกับอาคุยกัน


อายังไม่กลับอีกเหรอ หรือว่าวันนี้จะนอนค้างที่นี่ แต่ปกติถ้าพ่อกลับบ้าน อาจะกลับคอนโดฯ ไม่ใช่หรือไง


“สวัสดีครับพี่พล”


อากล่าวทักทายพ่อด้วยท่าทางนบนอบเพราะอีกฝ่ายโตเป็นผู้ใหญ่กว่า และถึงอาจะอายุปาไป 40 แล้ว แต่ก็ยังดูหนุ่มอยู่เลย คงเป็นเพราะออกกำลังกายที่โรงยิมเป็นประจำ


“อ้าวว! มึงเองเหรอไอ้สิงห์ ไปยังไงมายังไงล่ะเนี่ย อย่าบอกนะว่าไปรับเจ้าพลัฎฐ์ที่โรงเรียนมา”


‘สิงห์’ คือชื่อเล่นของอา


ส่วนชื่อเต็มๆ ก็คือ ‘สิงหราช’


“ประมาณนั้นครับ”


พ่อไม่ได้ว่าอะไร พยักหน้ารับตามคำบอกเล่าของอาราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่อาจะขับรถไปรับส่งผมที่โรงเรียน ก่อนที่พ่อจะว่าต่อด้วยน้ำเสียงสบายๆ พลางเอนหลังพิงพนักโซฟา “นานแล้วเนอะที่ไม่ได้นั่งคุยกับมึง ก็คงตั้งแต่วันที่มึงไปทำงานอยู่ที่โน่นแหละ”


“ครับ”


“ไปอยู่ลอนดอนเป็นไงบ้างล่ะ” พ่อพูดพร้อมกับคลายสายเนคไทออกจากคอ ตามด้วยปลดสายนาฬิกาที่ข้อมือ


“ก็ดีครับ”


“ก็ดีของมึงนี่คือยังไง งานดีหรือสาวเยอะดี”


“งานดีสิครับพี่พล”


“แล้วนี่มีแฟนหรือยัง คงได้แหม่มมาควงไม่ซ้ำหน้าเลยสิท่า”


“ตรงข้ามครับ ไม่มีเลยต่างหาก”


“หึ รักเดียวใจเดียวไม่เปลี่ยนเลยนะ”


“แน่นอนอยู่ครับ”


“ขอบใจที่มึงทำตามสัญญาว่าจะรอให้ลูกกูโตก่อน”


รอให้ผมโตก่อนเหรอ


หมายความว่าไง


“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ”


“หลังจากนี้ก็เป็นเรื่องของพลัฎฐ์แล้วว่าจะเลือกเส้นทางชีวิตให้ตัวเองยังไง มันโตพอที่จะคิดอะไรได้เอง ไม่เหมือนกับตอนเด็กที่ใครบอกให้ทำอะไรมันก็ทำ บอกให้เดินไปทางไหนมันก็เดิน เพราะตอนนี้ใครจะไปบอกให้มันรู้สึกตามก็คงไม่ได้ ถ้ามันไม่ได้รู้สึก”


“ครับ”


“แต่จะทำอะไรก็ช่วยเกรงใจกันบ้าง ให้มันพอดีๆ”


“ครับพี่พล”


“เท่านี้แหละที่กูอยากคุยกับมึง งั้นกูขอตัวไปอาบน้ำก่อน วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”


“ได้ครับ”


แต่ยังไม่ทันที่พ่อจะได้ขยับตัวลุกยืนเลยด้วยซ้ำ พ่อก็พูดถามอาขึ้นมาอีกว่า “และวันนี้มึงนอนไหน บ้านกูหรือกลับคอนโดฯ”


“น่าจะกลับคอนโดฯ ครับ พรุ่งนี้ผมต้องไปเคลียร์งานที่บริษัทแต่เช้า”


“เออ ถ้าอย่างนั้นก็ขับรถดีๆ”


“ครับ”




TBC.



ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
พอจะเข้าใจแล้ว...เรื่องมันเป็นเช่นนั้น  :hao3:

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
อารอมานานมากเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
คุณพ่อมีความหวงลูก แต่ก็ยังให้โอกาสคุณอา น่ารักกกก
คุณอาคิดจะเลี้ยงต้อย ตั้งแต่น้องอายุเท่าไหร่คะเนี่ย

 :pig4:

ออฟไลน์ ROMARKTIC

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
    • Twitter
DAY 9
Soft Cream



ตั้งแต่วันที่ผมได้ยินพ่อกับอาคุยกัน การตอบสนองเวลาผมเจออาก็เปลี่ยนไป…


หัวใจของผมทำงานหนักเสมอ เต้นรัวเร็วเสียยิ่งกว่ากลองชุด บางทียังนึกกลัวว่าถ้าอาเข้ามาใกล้ผมมากๆ แล้วเกิดได้ยินเสียงจากข้างในอกผมขึ้นมา คิดภาพตัวเองตอนนั้นไม่ออกเลยว่าจะแสดงสีหน้าออกไปยังไง


อับอาย


ขายหน้า


อาต้องแซวผมไม่เลิกแน่ๆ


และมันไม่ใช่แค่นั้น เมื่อผมดันเก็บไปคิดฟุ้งซ่านแม้กระทั่งตอนที่อยู่คนเดียว ผมก็เลยต้องหาอะไรทำเพื่อไม่ให้หัวสมองว่าง ไม่อย่างนั้นก็คงได้คิดเรื่องนี้ไปทั้งวัน


ซึ่งวันนี้ก็เช่นกัน ผมวางแผนไว้ตั้งแต่เมื่อคืนว่าเช้านี้จะเข้าครัวทำซอฟท์ครีม


ที่บ้านผมมีอุปกรณ์ครบครัน เพราะสมัยที่แม่ยังคบกับพ่อ แม่เคยคิดที่จะเปิดร้านทำขนมเล็กๆ พ่อเล่าว่าตอนนั้นเขาตามใจแม่ทุกอย่าง ทำงานเก็บเงินซื้อเตาอบ ซื้อเครื่องทำไอศกรีมให้ ลงทุนไปตั้งเท่าไหร่ แต่สุดท้ายความฝันของแม่ก็ไม่เป็นจริงเมื่อพวกเขาเลิกกันตอนที่ผมเกิดมา


ผมใช้เวลาทำซอฟท์ครีมไม่นาน เพราะมีเครื่องทุ่นแรง ทำให้อะไรๆ ง่ายขึ้น และในระหว่างที่ผมกำลังกดเนื้อไอศกรีมออกมาจากเครื่อง บุคคลมาใหม่ที่เข้าออกบ้านหลังนี้เป็นประจำนอกจากผมกับพ่อก็ปรากฎตัว


“พลัฎฐ์…”


“…ครับ”


อาเดินมาซ้อนที่หลัง ใช้ท่อนแขนแกร่งรวบเอวผมเข้าไปกอดไว้ จนแผ่นหลังจมหายไปกับแผงอกของอา เนื่องจากขนาดตัวเราทั้งคู่ค่อนข้างต่างกันพอสมควร ก่อนที่อาขยับหน้าเข้ามาใกล้เพื่อกระซิบถามด้วยเสียงนุ่มข้างๆ กกหู


“ทำอะไรแต่เช้า”


“อื้อ” ผมพึมพำ เบี่ยงหน้าหนีอย่างรำคาญ เมื่ออาทำอะไรถึงเนื้อถึงตัวมากเกินไป


คิดว่าพ่ออนุญาตแล้วจะมาทำรุ่มร่ามกับผมยังไงก็ได้เหรอ


“ให้อาช่วยไหม” เขาไม่ฟังคำค้าน ทำเมินเสียงประท้วงในลำคอผมไปเลย


“ช่วยไปไกลๆ น่าจะดีกว่านะครับ คุณอามากอดผมไว้แบบนี้จะไปทำอะไรสะดวกได้ไง”


“ทำไมพูดจาใจร้ายกับอาจังเลยล่ะพลัฎฐ์” คนอายุมากกว่าแสร้งทำเสียงตัดพ้อ อยากจะสงสารอยู่หรอก ถ้าแววตาของอาไม่ได้ดูเจ้าเล่ห์ หลุกหลิกแบบนี้


“ปล่อยเถอะครับ เดี๋ยวพ่อมาเห็น”


“ไม่เห็นหรอกน่า พี่พลไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว มีบินไปญี่ปุ่น อีก 5 วันถึงจะกลับ”


ดูสิ!


รู้ดีกว่าผมที่เป็นลูกชายแท้ๆ เสียอีก


ผมยังไม่รู้เลยว่าคราวนี้พ่อบินไปไหน


และเพราะรู้ว่าเอ่ยห้ามปรามไปยังไงอาก็ไม่ทำตาม ผมจึงปล่อยเลยตามเลย พูดบ่นไปก็มีแค่ผมที่เหนื่อย เดี๋ยวอาเบื่อก็คงปล่อยแขนออกไปเอง


แล้วเมื่อไหร่ล่ะที่อาจะเบื่อ


ผมเป็นฝ่ายเลิกโฟกัสเรื่องนี้ไปเองน่าจะง่ายกว่า


พอตั้งสติจดจ่อกับสิ่งที่ทำตรงหน้าได้ ผมก็เอื้อมมือไปหยิบขวดวิปครีมที่เอาออกมาเตรียมไว้ฉีดลงไปที่ตัวไอศกรีมที่ผมเพิ่งจัดการกดออกมาจากเครื่องให้เป็นทรงเกลียวๆ แต่เพราะอาหยุกหยิกตรงเอวไม่หยุด แถมยังหนักขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผมไม่มีสมาธิ แทนที่หน้าไอศกรีมจะถูกตกแต่งอย่างสวยงาม กลับเปื้อนเลอะเทอะไปที่นิ้วมือผมเต็มๆ


“คุณอาา! มันเลอะหมดแล้วนะครับ” ผมดุ แล้วแทนที่อาจะสำนึก กลับยิ้มชอบใจที่สามารถแกล้งผมได้


“เลอะก็เช็ด ไม่เห็นยากเลย”


“แล้วจะยืนดีๆ ไม่เกาะแกะผมสักแป๊บไม่ได้หรือไงครับ จะได้เสร็จไวๆ”


“อาว่าเราหยุดบ่นแล้วเช็ดมือก่อนไหม”


เพราะผมเอาแต่พูดบ่น วิปครีมที่มือก็เลยหยดไปที่พื้นเคาน์เตอร์เป็นดวงๆ ผมก้มไปมองพลางถอนหายใจ ก่อนจะขยับตัวไปหยิบผ้าผืนเล็กๆ ที่วางอยู่ข้างๆ มาเช็ดมือแล้วค่อยไปไล่เช็ดที่พื้นต่อ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้หยิบผ้าขึ้นมาด้วยซ้ำ อาที่มือไวกว่าก็จับข้อมือผมขึ้นมาแล้วอมนิ้วที่เปื้อนวิปครีมเข้าปากตัวเองหน้าตาเฉย


“เฮ้ยย! คะ…คุณอาทำอะไรครับเนี่ย?!” ผมร้องโวยวายเมื่อนิ้วชี้กับนิ้วกลางหายเข้าไปในปากอา


“ก็อาเห็นเราจะใช้ผ้าเช็ด ถ้าทำแบบนั้นเสียดายวิปครีมที่นิ้วเราแย่ อาอุตส่าห์เลียให้ ไม่คิดจะขอบคุณกันบ้างหรือไง”


“มะ…มันใช่เรื่องที่ต้องมาขอบคุณเหรอครับ?! สก…สกปรกจะตาย!”


“ใครบอกว่าสกปรก อยู่บนตัวเราไม่สกปรกเลยสักนิด แถมยังอร่อยกว่าเอาไปแต่งบนหน้าไอศกรีมเป็นไหนๆ” อาพูดยิ้มๆ ก่อนจะเอามือไปป้ายวิปครีมที่ผมหยดลงบนไอศกรีมมาแปะแก้มผม “อาชักไม่อยากกินไอศกรีมแล้วสิ”


“ละ…แล้วคุณอาอยากกินอะไร”


“กิน…” อาลากเสียง ผมได้แต่ลอบกลืนน้ำลาย แต่พอเขาขานชื่อออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้มพราย ผมก็ต้องเบิกตาโต อ้าปากค้างทันที “…พลัฎฐ์ อาอยากกินพลัฎฐ์ ได้ไหมครับคนเก่ง”


“!!!”


ไม่ให้ผมได้ทันตั้งตัว พอพูดเสร็จอาก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้ในระดับเดียวกับผมอีกครั้ง ผมอยากจะขืนตัวหนี แต่ท่อนแขนของอาที่ตอนแรกปล่อยออกไปแล้วก็รวบกอดผมไว้แน่น ไม่ต่างอะไรจากกรงขังดีๆ


ตอนนี้ผมรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดแก้มจนขนอ่อนๆ ที่คอลุกชันขึ้นมา ก่อนที่เรียวปากอวบอิ่มของอาจะเริ่มไล่ซับบริเวณผิวแก้มของผมตรงที่มีวิปครีมและเนื้อไอศกรีมเปื้อนอยู่เล็กน้อยอย่างใจเย็น


อาค่อยๆ ละเลียดเลียของหวานสีขาวข้นด้วยความถนอม ในขณะที่ผมยืนตัวแข็งทื่อ รู้สึกหน้าร้อนวูบวาบจนแทบไหม้ ตอนนี้แม้ใจอยากจะเอ่ยห้ามแทบตาย แต่กายกลับไม่ยอมทำตามคำสั่ง ได้แต่เม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นสนิท พยายามกลั้นเสียงน่าอายไว้ไม่ให้หลุดออกไปต่อหน้าอาโดยเด็ดขาด


“พลัฎฐ์…”


“…”


“พลัฎฐ์”


“…”


“พลัฎฐ์!”


“คะ…ครับ!”


“อาเรียกตั้งนานแล้วทำไมไม่ตอบ แล้วนี่ตกใจอะไร”


“คะ…คุณอา”


“ก็อาอ่ะสิ คิดว่าเป็นใคร”


“…คุณอามาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”


“เมื่อกี้ แล้วเราเป็นอะไร ทำไมยืนนิ่งเชียว”


“ปะ…เปล่าครับ ไม่มีอะไร”


“แน่ใจนะ หน้าแดงมากเลย ไม่สบายหรือเปล่า” อาเอื้อมมือมาหมายจะแตะหน้าผากผม แต่คำสั่งสมองบอกให้ผมเอี้ยวหน้าหลบทันทีโดยอัตโนมัติ


ไม่ได้รังเกียจ


แต่กำลังเหวออยู่


“มะ…ไม่ครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร สงสัยอากาศร้อน” ผมปฎิเสธ มือไม้หยิบจับอุปกรณ์ทำขนมสะเปะสะปะไปหมด


“ถ้าอย่างนั้นไปนั่งพักที่โซฟาก่อนไหม แล้วเดี๋ยวตรงนี้อาจัดการต่อเอง”


อาเสนอตัวที่จะทำแทนให้ ซึ่งผมก็ไม่ได้ขัดศรัทธา ที่ไม่ขัดเพราะยังมึนๆ งงๆ กับภาพที่สร้างขึ้นมาในหัวตัวเองอยู่ และพอได้นั่งพักสงบสติอารมณ์กับตัวเองสักพัก ผมก็พรูลมหายใจออกมาจนโล่งปอด


เป็นบ้าอะไรวะเนี่ย เผลอคิดเพ้อเจ้อกับอาแบบนั้นไปได้ไงวะ


หรือว่าจิตใต้สำนึกเราอยากให้มันเกิด


ไม่ๆ


ไม่ใช่แน่ๆ


ไม่มีทาง… เป็นไปไม่ได้!




TBC.



ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
อ้าว..วววว ไอ้เราก้อตกใจ ที่แท้น้องคิดไปเอง   :ruready :ruready :ruready

ออฟไลน์ lostinthelight

  • 엑소엘
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คุณอาเค้าแอบไปจองตัวน้องกับคุณพ่อมานานขนาดนี้เลยหรอ :katai2-1: :o8:


ออฟไลน์ ROMARKTIC

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
    • Twitter
DAY 10
อนุสาวรีย์



อีกไม่กี่เดือนผมก็จะเป็นเด็กมหาวิทยาลัยแล้ว ช่วงนี้เด็ก ม.6 ก็เลยขะมักเขม้นกับการอ่านหนังสือสอบ แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ยังเลือกไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยากจะเข้าคณะไหน โชคดีที่ผมมีคณะในใจก็เลยไม่ต้องวุ่นวายค้นหาตัวเองให้ปวดหัว แถมพ่อก็ไม่เคยบังคับผมเรื่องเรียนอยู่แล้วด้วย ตอนนี้ผมก็แค่ทุ่มเทและโฟกัสไปที่คณะที่จะเข้าเท่านั้น


และเผอิญว่าเมื่ออาทิตย์ก่อน อาจารย์แนะแนวแนะนำโครงการประกวดภาพถ่ายของคณะนิเทศศาตร์ มหาวิทยาลัยที่ผมอยากเข้ามาให้พอดี ซึ่งผมเห็นว่ามันเป็นโอกาสที่จะได้ลองพิสูจน์ฝีมือตัวเอง อีกอย่างถ้าเกิดฟลุ๊กได้รางวัลขึ้นมาก็จะได้นำไปใส่ในแฟ้มสะสมผลงานได้ คิดๆ ดูแล้วมันก็มีแต่ข้อดี ผมก็เลยว่าจะลงสมัครดู


ซึ่งหัวข้อที่ทางนั้นกำหนดก็คือ… อนุสาวรีย์


.


.


.


“อนุสาวรีย์เหรอ”


ถ้าพูดถึงคำนี้ ภาพในหัวผมที่ปรากฎคงไม่พ้นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อระลึกถึงบุคคลสำคัญ หรือไม่ก็เหตุการณ์สำคัญๆ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต โดยให้ตัวอนุสาวรีย์เป็นโครงสีดำทึบ มองไม่เห็นดีเทลอะไรเลย ส่วนฉากหลังก็จะเป็นท้องฟ้า มีแสงอาทิตย์สวยๆ ทำให้ตัวแบบตัดกับสีพื้นหลัง แลดูโดดเด่นขึ้นมา เรียกการถ่ายภาพแบบนี้ว่าซิลูเอท ซึ่งเป็นการถ่ายภาพในแบบที่ผมชอบมาก แต่ประเด็นคือใครๆ ก็คิดได้


ผมเลยอยากได้อะไรที่มันแตกต่างไปจากเดิม


ไม่ซ้ำใคร


แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก


เย็นวันนั้นหลังจากเลิกเรียนผมก็ตรงไปยังห้องสมุด ค้นคว้าหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ศึกษาภาพอนุสาวรีย์ที่มีทั้งตากล้องมืออาชีพและมือสมัครเล่นถ่ายลงบล็อกต่างๆ เพื่อเก็บมาเป็นไอเดียในชิ้นงานของตัวเอง


อย่างที่เขาว่ากันว่ายิ่งเราเสพอะไรมากๆ เดี๋ยวไอเดียดีๆ ก็จะโผล่มา แต่ถึงจะบอกแบบนั้นนี่ก็ร่วมชั่วโมงกว่าแล้วที่ผมนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เปิดดูเว็บนั้นเว็บนี้ไปเรื่อย สุดท้ายก็ยังไม่ได้ไอเดียเจ๋งๆ สักที


จนกระทั่งได้เวลาที่อาจะมารับ ตอนแรกก็ว่าจะไม่กลับกับอาหรอก ตั้งใจไว้แล้วว่าจะขึ้นเมล์กลับเอง แต่เพราะอยากใช้เวลาหาข้อมูลที่ห้องสมุดนานๆ ก็เลยต้องตอบรับคำชวนของอาไปอย่างช่วยไม่ได้


ขี้เกียจไปยืนเบียดเสียดบนรถเมล์ช่วงที่คนกำลังเลิกงานกลับบ้านกันด้วย


พอเข็มสั้นของนาฬิกาชี้ที่เลข 6 เข็มยาวชี้ที่ 12 อาก็ส่งข้อความมาบอกว่าถึงแล้ว


ถึงอาจะไม่ได้โทรมาเร่ง แต่ผมก็รู้สึกไม่ดีถ้าต้องให้เขามาคอย ผมบังคับเม้าส์ไปทางมุมขวาบนเพื่อกดปิดหน้าต่างเว็บที่เปิดค้างไว้หลายสิบ จากนั้นก็ชัตดาวน์ ปิดหน้าจอคอม แล้วหยิบกระเป๋านักเรียนสีดำที่เด็กวัยรุ่นชอบใช้ขึ้นมาถือ ก่อนจะหยิบกล้องตัวโปรดแขวนคอ ช่วงนี้ผมพกกล้องติดตัวตลอด เผื่อเย็นวันไหนเกิดนึกคึกอยากจะไปถ่ายรูปที่อนุสาวรีย์ก็จะได้ไปได้เลย ไม่ต้องย้อนไปย้อนมาที่บ้านเพื่อเอากล้อง ป่านนั้นแสงสวยๆ ได้หมดพอดี และพอตรวจเช็กความเรียบร้อยว่าไม่ได้ลืมอะไรผมก็เดินออกไปจากห้องสมุดอย่างไม่เร่งรีบ


ผมเดินมาถึงหน้าประตูโรงเรียนก็เห็นรถคันคุ้นตาจอดรออยู่ก่อนแล้ว อายืนอยู่ข้างๆ รถ ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยฆ่าเวลาระหว่างยืนรอผม โดยมีฉากหลังเป็นพระอาทิตย์กำลังตกดิน


ราวกับผมโดนภาพตรงหน้าดูดกลืน ไม่ว่าจะเป็นองค์ประกอบแสง แม้กระทั่งตำแหน่งที่อายืนอยู่ ทุกอย่างดูลงตัวมาก ภาพชวนหลงใหลและน่าค้นหาไปหมด แล้วเหตุการณ์สมัยเด็กก็ค่อยๆ ไหลทะลักกลับเข้ามาในความคิดเหมือนต้องการพาผมย้อนเวลาไปช่วงที่ผมกับอามีโมเมนต์ดีๆ ก่อนที่ผมจะยกกล้องตัวโปรดขึ้นมาบันทึกภาพของอาเอาไว้


นี่สินะที่เขาว่าไอเดียมักมาตอนที่ไม่ได้คิดอะไร


ไม่ต้องไปตระเวนหาอนุสาวรีย์ที่ไหนไกลเลยเมื่อมันอยู่ตรงหน้า


.


.


.


อนุสาวรีย์แห่งความทรงจำ




TBC.



ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
คุณอาดูเท่ขึ้นมาแบบไม่ต้องมีบทพูดเลย

 :pig4:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
หายไปนานเลย..คิดตึ๋ง....งงงงงงงงง    :man1: :man1: :man1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด