…มีคนบอกว่าแอลกอฮอล์ทำให้เลือดในร่างกายสูบฉีดมากกว่าปกติ เลยไปกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศโดยไม่รู้ตัว…
ซึ่งไม่ใช่กับทุกคนที่จะมีอาการเช่นนี้ เพราะบางคนอาจจะเมาแล้วเงียบ บางคนอาจจะเมาแล้วพูดมาก บ้างโวยวายพูดจาไม่รู้ความก็มี บางทีก็พาลหาเรื่องชกต่อยชาวบ้านชาวช่องเขาไปทั่ว จนเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทใหญ่โต หรืออย่างในกรณีที่เมาแล้วร้องไห้ ประหนึ่งว่าตัวเองอายุไม่กี่ขวบ ทั้งที่ความจริงเลยเลขสามไปไกลแล้วก็ยังมีให้เห็น
แต่สำหรับเขา ‘รพีร์ หรือ พีร์’ เวลาเมามักจะเกิดอารมณ์ทางเพศสูงมาก
.
.
.
“ไหวไหมเนี่ย”
โชคถามเพื่อนไปอย่างนั้นเอง เพราะถ้าดูจากสภาพล่อแล่ของคนที่ยืนคอพับคออ่อนอยู่ในอ้อมแขนแล้วก็ตอบได้ทันทีเลยว่าตอนนี้เมามายไม่ต่างจากหมาสักเท่าไหร่
“กูไหวว…ว เมาที่ไหนเล่าาาาา ดูสิเนี่ยย…ย ยืนตรงแด่วเลย” แล้วแทนที่รพีร์จะหัดเจียมเนื้อเจียมตัว รู้สังขารตัวเอง กลับพูดจาอวดเก่งไปเรื่อย
“ตรงในแนวราบล่ะสิไม่ว่า ยืนเป๋ไปเป๋มาขนาดนี้ ถ้ากูไม่จับไว้มีหวังได้หน้าทิ่มจูบดินไปนานแล้ว” โย่งที่ช่วยโชคหิ้วร่างรพีร์มาอีกข้างเพื่อพาไปส่งถึงคอนโดฯ ก็พูดบ่นเพื่อนที่ไม่ได้สติยาวเหยียด
รู้ทั้งรู้ว่าลิมิตตัวเองมีแค่ไหนก็ยังจะฟาดเหล้าเบียร์ไปเกินกำลังกว่าที่ร่างกายจะรับไหว เห็นแบบนี้ก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยอ่อนใจ
โชคดีที่เขากับโชคยังพอมีสติรู้เรื่องรู้ราวอยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นวันนี้ทั้งสามคนก็คงได้นอนเรี่ยราดตามพื้นถนนข้างทางแถวร้านที่ไปดื่มกันนั่นแหละ
จริงๆ รพีร์ไม่ใช่คนที่ชอบดื่มหนักหรอก แต่เพราะเกมพระราชาที่เล่นกี่รอบต่อกี่รอบก็พ่ายแพ้ให้กับเพื่อนสนิทจนต้องกระดกน้ำเมาหมดแก้วแทบทุกตา พอรู้ตัวอีกทีขวดเหล้าเบียร์ก็ล้มกระจัดกระจายอยู่ข้างตัวเต็มไปหมด สภาพก็เลยออกมาเป็นอย่างที่เห็น
และหลังจากที่ทั้งสองคนลากสารร่างของรพีร์มาถึงที่หน้าประตูห้องคอนโดฯ มือหนาของโย่งก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหลังของคนที่ไม่ได้สติ หยิบกระเป๋าสตางค์ที่รพีร์ยัดกุญแจดอกเดียวไว้ในช่องเศษเหรียญขึ้นมา แต่ยังไม่ทันได้ใช้ไขเลยด้วยซ้ำ เสียงฝีเท้าเล็กๆ ของใครบางคนจากข้างในห้องก็วิ่งออกมาเปิดประตูต้อนรับอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าดักรอพวกเขามาตั้งนานแล้ว
พลั่ก!
“เฮ้ย!” โย่งร้องลั่น ก้มลงมองต่ำไปที่ต้นตอ “ยังไม่นอนอีกเหรอวะเนี่ย” ก่อนจะเปล่งเสียงถามต่อเมื่อเห็นซันมายืนตาแป๋วอยู่ตรงหน้า เพราะนี่มันก็เกือบเที่ยงคืนครึ่งเข้าไปแล้ว เด็กอายุเท่านี้น่าจะนอนหลับน้ำลายไหลอยู่บนเตียงมากกว่า
“ยังฮะ”
เจ้าของเสียงเจื้อยแจ้วที่ขนาดความสูงแค่เอวของพวกพี่ๆ ตอบเพียงถ้อยคำสั้นๆ ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบไปทางด้านข้างเพื่อให้โย่งกับโชคที่กำลังหิ้วปีกคนที่เขารอคอยการกลับมาเกือบค่อนคืนพาไปส่งถึงที่เตียงนอนดีๆ
“เมาอย่างกับหมา คิดว่าตัวเองหนักแค่ 10 โลหรือไง ภาระกูชัดๆ”
โย่งบ่นแทบจะทันทีตอนที่ทิ้งร่างของรพีร์ให้นอนแผ่หราอยู่บนเตียง และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดรายงานให้คนตัวเล็กซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่มาอยู่อาศัยกับรพีร์ฟังว่าไปทำอะไรกันมา แต่เด็กฉลาดๆ อย่างซันก็คงเดาได้จากสภาพของพี่ชายตัวเองในตอนนี้
“กูไม่ได้เมาโว้ยยยยยยยย!” นี่ขนาดไม่ได้สติ ร่างสูงโปร่งที่นอนเมาหลับก็ลุกฮือขึ้นมาเพื่อค้านเสียงแข็ง
“ฝากดูหน่อยละกัน เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้มันสดชื่นก็พอ นอกนั้นก็รอให้มันสร่างเมาเอง ทำได้ไหมเนี่ย”
พูดสั่งเด็กชายไปลวกๆ ในใจก็แอบคิดว่าอีกฝ่ายจะทำได้อย่างที่บอกหรือเปล่า เพราะคนตัวเล็กเอาแต่เงยหน้ามองเขาและโชคด้วยสายตาซื่อๆ คงจะไม่เข้าใจในสิ่งที่บอกเท่าไหร่ แต่สุดท้ายซันก็พยักหน้าตอบรับออกมาในที่สุด
“ฮะ ผมทำได้”
“ทำได้แน่นะ” โย่งถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“ฮะ”
“ถ้ายืนยันแบบนั้น พวกกูสองคนจะได้กลับก่อน ง่วงนอนจะแย่อยู่แล้วเนี่ย ยังไงถ้าจัดการให้มันเสร็จก็รีบไปนอนซะล่ะ เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ควรนอนดึกรู้เปล่า เดี๋ยวไม่โตนะเว่ย”
“เข้าใจแล้วฮะ”
“โอเค งั้นฝากที่เหลือด้วย”
“ฮะ!”
ขานรับเสียงแข็งขันก็เดินไปส่งเพื่อนของรพีร์ที่หน้าประตูห้อง โดยไม่ลืมที่จะเขย่งปลายเท้าปิดไฟตามโถงทางเดินให้เรียบร้อยหลังจากที่แขกสองคนนั้นกลับไปแล้ว ก่อนจะรีบตรงไปหาคนที่นอนสิ้นเรี่ยวสิ้นแรงอยู่บนเตียงกว้าง
กลิ่นแอลกอฮอล์ทำให้ซันเริ่มมึนหัวตาม เด็กชายส่ายหน้ารัวๆ เพราะความฉุนที่ตีขึ้นจมูก แต่ก็ต้องฝืนทน พยายามจับหัวของอีกคนให้นอนหนุนหมอนดีๆ และกว่าจะขยับได้ดั่งใจก็เล่นเอาเหนื่อยหอบ เนื่องจากขนาดตัวที่ต่างกันมาก
“อะไรวะเนี่ยยย!? ร้อนนนนนนนน”
รพีร์โวยวายเสียงดัง มือไม้ปัดป่ายอากาศไปมั่ว ซันที่ได้ยินเสียงคำรามจึงรีบวิ่งแจ้นไปเตรียมผ้าขนหนูและกะละมังใบเล็กๆ สำหรับใส่น้ำ
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเคยเห็นแม่ทำให้ตอนที่ตัวเองป่วย เขาก็คงไม่รู้หรอกว่าการเช็ดหน้าเช็ดตามันต้องทำยังไง
เด็กชายเปิดน้ำใส่กะละมังในปริมาณที่คิดว่าตัวเองน่าจะยกไปข้างเตียงคนเดียวไหว ใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีทุกอย่างก็เตรียมพร้อม มือเล็กบิดผ้าให้หมาดก่อนจะกระโดดขึ้นเตียงเพื่อไปเช็ดหน้าให้คนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว
จังหวะที่เนื้อผ้าสัมผัสลงไปตรงพวงแก้มร้อนผ่าว รพีร์ก็ถอยร่นร่างหนี คงจะรำคาญที่มีอะไรไปรบกวนการนอนของเขา แต่พอน้ำเย็นๆ เริ่มแทรกซึมเข้าสู่ผิวมากขึ้น กลับกลายเป็นว่าคนอายุมากกว่าหันหน้ามารองรับความชุ่มชื้นแทน
ใบหน้าที่เคยย้อมด้วยสีแดงอ่อนๆ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็ค่อยๆ ดูผ่อนคลายขึ้น ซันจึงไล่ซับไปตามหน้าผาก ขยับไปที่ขมับ ร่องจมูก สองข้างแก้ม จนมาถึงปลายคาง แต่ยังไม่ทันได้เช็ดเสร็จดี จู่ๆ รพีร์ก็พูดโพล่งออกมาทั้งที่ยังหลับตาอยู่ เหมือนกับว่าเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่นั้นทำให้เจ้าตัวอึดอัดจนหายใจไม่ออก
“ถอดดดดดดดด”
“…”
“เอามันออกไปสิวะ”
“…”
“รั้งคออยู่ได้”
ร่างสูงฮึดฮัดกับเสื้อเชิ้ตนักศึกษาขนาดพอดีตัวจนอยู่ไม่สูข ยิ่งซันเห็นรพีร์ทำท่าทางทรมาน เด็กชายก็ยิ่งรู้สึกแย่ตามไปด้วย
“อึดอัดเหรอฮะพี่พีร์” เสียงเล็กถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
“อืม…” คนเมารับคำในลำคอไปส่งเดช ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับใครเขาหรอก แต่เพราะได้ยินคำว่าอึดอัดก็เลยพยักหน้ารับไปเรื่อยเฉื่อย
“งั้นเดี๋ยวผมช่วยถอดเสื้อให้นะ แล้วจะได้เช็ดตัวให้พี่พีร์ด้วยเลย”
ความยากลำบากในการถอดเสื้อแน่นอนว่ามีอยู่แล้ว เมื่อรพีร์ตัวสูงใหญ่กว่าซันที่อายุเพียง 5 ขวบ ค่อนข้างมาก ทุกอย่างเลยดูทุลักทุเลไปหมด กว่าจะถอดเสื้อได้สมใจชายหนุ่ม คนตัวเล็กก็เหงื่อกาฬแตกทั่วใบหน้า ก่อนที่เขาจะเริ่มใช้ผ้าขนหนูเช็ดตามลำตัวและผิวกายของรพีร์อีกครั้งอย่างแผ่วเบา
ไล่ตามซอกคอลงมาที่แผงอกขาวเนียน แล้วลูบวนไปตามหน้าท้องแกร่งที่ผ่านการออกกำลังกายเป็นประจำจนเห็นซิกแพคจางๆ จากนั้นก็ไล่ผ่านสีข้าง ผ่านช่วงสะดือ ยามใดที่ผ้าลากไปยังส่วนที่ไวต่อประสาทสัมผัส ร่างของรพีร์ก็จะยกตัวสูงขึ้นไม่ติดเตียงเพราะความเสียวปนจั๊กจี้ที่ได้รับ
ตอนนี้ไอความร้อนเริ่มลดลงไปบ้างแล้วเมื่อได้น้ำเย็นๆ มาประโลมผิว กระทั่งผ้าลากต่ำลงเรื่อยๆ จนถึงขอบกางเกง สายตากลมโตที่ใครต่อใครต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าน่าเอ็นดูดันสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างตรงระหว่างขาของรพีร์เข้า
ความคับนูนที่ดุนดันกางเกงให้โป่งพองจนน่าประหลาดใจก่อให้เกิดคำถามในหัวของเด็กชาย…
“พี่พีร์ไม่สบายหรือเปล่า”
ด้วยความเป็นเด็ก คิดเพียงแต่ว่าอยากช่วยคนตรงหน้าให้หายป่วย โดยที่ไม่ได้รู้หรอกว่าอาการแบบนี้มันคืออะไร จึงรีบปลดซิปกางเกงลงมา หวังที่จะช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น
และทันทีที่ถดกางเกงชั้นในออก ส่วนแข็งขืนนั้นก็เด้งสะท้อนเข้ามาในดวงตา ซันผวาไปเล็กน้อย เพราะถ้าเทียบกับขนาดไซส์ของตัวเองมันก็แตกต่างกันมากพอสมควร
“ไม่สบาย…” ซันพึมพำ “พี่พีร์ไม่สบายแน่ๆ”
คิดได้ดังนั้นคนตัวเล็กก็จุ่มผ้าลงไปในกะละมังใบเดิม ก่อนจะบิดให้หมาด หลังจากนั้นก็กอบโกยท่อนเนื้อร้อนของรพีร์ไว้ด้วยสองฝ่ามือ
หากแต่คนถูกกระทำกลับสะดุ้งเฮือก เมื่อความเย็นสัมผัสโดนส่วนอ่อนไหว เผลอทำให้ซันรีบชักมือกลับออกไปอย่างไว เพราะตกใจเสียงแตกตื่นของรพีร์
“เฮ้ยยยยย!” คนอายุมากกว่าร้องลั่น ตอนเห็นซันใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดลูกชายตัวเอง วินาทีนั้นรพีร์ถึงกับสร่างเมา
“พี่พีร์! ตื่นแล้วเหรอฮะ”
“มะ…มึงกำลังจะทำอะไร” รพีร์ถามเสียงสั่น พยายามขยับตัวหนีตามคำสั่งสมองแต่ก็ไม่เป็นผล
“ทำไมของพี่พีร์โตแบบนี้ล่ะฮะ ไม่สบายหรือเปล่า” ซันเลือกที่จะตอบคำถามด้วยการตั้งคำถามกลับถึงเรื่องที่คาใจเด็กชายมาตลอด
ยิ่งเห็นว่ารพีร์ดื่มมาหนัก บวกกับความร้อนจากแอลกอฮอล์ที่รั่วไหลออกมา ทำให้ซันแอบคิดไปว่าคนตรงหน้าคงกำลังไม่สบายอยู่แน่ๆ แต่ทำเป็นปากแข็ง ไม่ยอมพูดความจริง เพราะกลัวที่จะโดนบังคับให้ไปหาหมอ
“…ออกไป”
ร่างสูงที่ไม่มีแรงเหลือเฟือจะมาต่อกร ได้แต่ออกปากไล่เสียงเนือยๆ ปวดหัวก็ปวด อยากนอนก็อยาก ดื่มของมึนเมาแล้วเป็นแบบนี้ทุกที และทางเดียวที่จะทำได้คือต้องรีบไล่ซันให้ออกไปจากห้องโดยไว เขาจะได้จัดการตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น ทำมันตรงนี้เนี่ยแหละ สบายตัวแล้วจะได้นอนต่อ แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อคนโดนไล่กลับนั่งตาแป๋ว ไม่แม้จะขยับเขยื้อนตัวใดๆ ทั้งสิ้น
“ออกไปไอ้ซัน…”
“ไม่ฮะ! ผมไม่ออก ผมจะพาพี่พีร์ไปหาหมอ แต่ถ้าพี่พีร์ยังดื้อ ผมจะโทรฟ้องคุณป้า”
ลมแทบจับตอนที่ได้ยินประโยคคำขู่ แค่เกิดอารมณ์ทางเพศถึงขั้นต้องโทรไปรายงานแม่กันเลยทีเดียว ถ้าเรื่องนี้ถึงหูคนที่บ้านใหญ่ รู้ถึงไหนได้อายถึงนั่น
“มะ…ไม่ต้อง ออกไปก่อน”
แต่ไม่ว่าจะไล่ยังไงอีกฝ่ายก็ไม่ยอมล่าถอยไปอยู่ดี ก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะพูดเสนอตัวขึ้นมาโดยที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลย
“และทำยังไงให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมล่ะฮะ มันแข็งจนจะแตกได้อยู่แล้ว มีอะไรที่ผมพอจะช่วยพี่พีร์ได้บ้างไหม ผมทำให้ได้นะ ผมอยากทำ พี่พีร์จะได้หายป่วยไวๆ ไง”
เพราะเป็นห่วงคนตรงหน้าสุดหัวใจ ถ้าไม่ได้เห็นมันกลับไปเป็นแบบเดิมมีหวังซันก็คงไม่ยอมเลิกรา อย่างที่เห็นว่าเด็กคนนี้ดื้อดึงมากแค่ไหน แต่เรื่องแบบนี้รพีร์ก็ไม่ได้อยากให้ซันมาช่วยอะไรอยู่แล้ว
“ออกไปเถอะน่า เดี๋ยวกูจัดการเอง”
“แต่มันร้อนระอุขนาดนี้ เกิดแตกขึ้นมาแล้วพี่พีร์จะเอาอะไรไว้ฉี่ล่ะฮะ ถ้าอย่างนั้น…”
พูดยังไม่ทันขาดคำซันก็เลือกที่จะอมสิ่งนั้นเข้าไปในปากตัวเองเพื่อให้ความอบอุ่น แต่กลับกลายเป็นว่าจากที่มันร้อนอยู่แล้วก็ยิ่งร้อนมากขึ้นไปใหญ่ แถมยังมีขนาดที่ขยายกว่าตอนแรกอีกด้วย
“เฮ้ยยย! ฮึก…”
ส่วนหัวกระแทกคอหอยจนรพีร์รู้สึกกระสันไปทั้งร่าง คนตัวเล็กแม้จะลำบากที่เอาส่วนคับแน่นเข้าปากแต่เพื่อรพีร์จึงยอมใช้โพรงปากตัวเองช่วยสุดฤทธิ์โดยไม่ปริปากบ่น
รพีร์ที่ไม่รู้ว่าจะร้องหรือจะครางดีใช้ฝ่ามือดันหน้าผากน้องชายให้ถอยห่างออกไปไกลๆ แต่ตอนนี้แรงแค่ลุกยังเซ นับประสาอะไรจะต่อต้านกับเด็กซนๆ อย่างซันได้
“รู้สึกดีขึ้นใช่ไหมฮะ เดี๋ยวก็หายป่วยแล้วเนอะ”
“อื้มมม…”
ไม่ใช่เสียงขานรับ แต่เป็นเสียงครางต่ำที่ทนความเสียวไม่ไหวต่างหาก แต่ซันคงนึกว่าอีกฝ่ายขานตอบด้วยความชอบใจก็เลยยิ่งออกแรงดูดๆ อมๆ เพื่อตักตวงความร้อนจากส่วนนั้นของรพีร์มารับไว้เอง
โพรงปากรูดขึ้นลงไม่หยุด เกิดเสียงวาบหวามดังก้องไปทั่วห้องแข่งกับเสียงเข็มนาฬิกาติดข้างฝา จากตอนแรกคนเป็นพี่เอ่ยปากห้ามค้านหัวชนฝา แต่พอทุกอย่างถลำลึกลงไปมากกลับกลายเป็นบอกให้คนน้องเร่งจังหวะแรงขึ้นตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่านเสียอย่างนั้น
“ไอ้เชี่ยซัน…”
“…”
“ระ…แรงอีก”
“อีกเหรอฮะพี่พีร์”
“อื้อ อ่า ดี อย่างนั้นแหละ…”
ปากคอยบงการคนตัวเล็กให้ขยับท่อนล่างอย่างที่ใจต้องการ ส่วนตัวเองก็ทำหน้าที่สะกิดหัวนมเพื่อเพิ่มความเสียวไปด้วย ไม่นานก็ไปถึงประตูสวรรค์ด้วยน้ำมือของเด็กอายุ 5 ขวบ จนของเหลวสีขาวขุ่นพุ่งออกมาเลอะปากซันเต็มไปหมด
“อ้าาา”
“…พี่พีร์มีซอส” พูดด้วยสีหน้าท่าทางตื่นตาตื่นใจ แอบเผลอกลืนของเหลวสีข้นที่ทะลักเข้าไปในปากโดยไม่ทันระวัง
“ซะ…ซอสอะไรของมึง”
เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่คนตัวเล็กพูด แถมยังไม่มีพละกำลังที่จะขยับตัวไปมอง เหนื่อยหอบไปหมดแม้จะไม่ได้ออกแรงด้วยซ้ำ ตั้งใจว่าจะเช็ดคราบทีเดียวตอนเช้า แต่ปรากฏว่ามีบางสิ่งบางอย่างมาทำความสะอาดให้หมดจรดแล้ว
“มายองเนส…”
“?!”
“ร่างกายพี่พีร์มีมายองเนสไหลออกมาด้วย จะกินๆ”
“เฮ้ยยยยย! กะ…กินไม่ได้”
☺ Fin ☺