'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 25 เจ้าชีวิต ​P.26 11/03/2019 -- The End
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 25 เจ้าชีวิต ​P.26 11/03/2019 -- The End  (อ่าน 177066 ครั้ง)

ออฟไลน์ mareeyah

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เหมือนทรมานตัวเอง  :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 15 Our love ​P.17 31/01/2019
«ตอบ #481 เมื่อ31-01-2019 19:39:30 »

ตอนที่ 15 Our love





ที่ไอ้เจ้าบอกว่ามี ‘กิ๊ก’ ของมันอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่จะพาธรามาเจอด้วยนั้นคงไม่ได้ล้อเล่น...

ธรามากับไอ้เจ้าที่ร้านอาหารไทยบรรยากาศดีติดชายทะเลเพื่อกินข้าวเย็นกับเพื่อนของไอ้เจ้าที่นัดหมายกันไว้ ซึ่งเพื่อนที่ว่านั้นมีอยู่สามคน คนแรกชื่อบิน คนคนนี้ธราเคยเห็นมาก่อนแล้วจากรูปถ่ายในตอนที่ไอ้เจ้าประชดประชันเขาด้วยการจะไปนอนกับผู้ชายคนอื่น แต่บินตัวจริงนั้นตัวสูงและดูดีกว่าในรูปเป็นเท่าตัว หากบอกว่าเป็นนายแบบก็ไม่แปลกใจนัก ส่วนคนที่สองชื่อวิน หนุ่มหน้าแฉล้มอารมณ์ดี ทักทายธราด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร อีกทั้งเสียงหัวเราะของวินก็ให้ความรู้สึกคุ้นเคยราวกับว่าเคยได้ยินบ่อยๆ จากที่ไหนสักที่ซึ่งเขาก็นึกไม่ออก และคนสุดท้ายชื่อจี้ ผู้ชายที่มีส่วนสูงถึงแค่ปลายจมูกของไอ้เจ้า ใบหน้าหวานไม่แพ้จันทร์เจ้าแต่กลับให้ความรู้สึกแตกต่าง จี้ไม่ได้เป็นมิตรตั้งแต่แรกเห็นและไม่ได้ให้ความรู้สึกอยากเข้าใกล้ ในตอนที่สบตากันครั้งแรกนั้นความรู้สึกไม่สบายใจประดังประเดเข้าหาธราอย่างท่วมท้น เพราะจี้ที่แม้จะมีใบหน้าน่ารักน่ามองแต่แววตาที่ใช้มองธรานั้นกลับเย็นชาและให้ความรู้สึกไม่ได้ยินดีที่เจอกันเลยสักนิด

คนคนนี้คงเป็นกิ๊กของไอ้เจ้า...ธราสรุปความได้ตามนั้นเพราะอีกฝ่ายมองมือที่จับกันของเขาและไอ้เจ้าไม่วางตา

“เป็นอะไร” ไอ้เจ้าเอ่ยถามในขณะที่มันกับธรากำลังนั่งฟังเสียงคลื่นและรับลมเย็นๆ หลังมื้ออาหารเย็นอยู่ที่เก้าอี้ผ้าใบริมหาดซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่พัก “หน้าบึ้งเชียว”

“เปล่า” ธราปฏิเสธ มุ่นคิ้วเข้าหากัน “แค่ปวดหัวนิดหน่อย”

มือผอมของไอ้เจ้ายกขึ้นแล้วนวดคลึงขมับให้ คนที่บ่นปวดหัวจึงคลายสีหน้าลงเล็กน้อย “ไม่รีบบอก เมื่อกี้ก็กินข้าวไปนิดเดียว ต่อไปถ้ารู้สึกไม่สบายต้องบอกผมนะ”

“อือ” พยักหน้าแล้วขานรับในลำคอ ก่อนจะหลับตาลงแล้วหวนนึกถึงบทสนทนาระหว่างมื้ออาหารกับเพื่อนของไอ้เจ้าอีกครั้ง “เจ้า”

“หืม”

“กูเคยสนิทกับเพื่อนของมึงจริงเหรอ”

“อืม” ไอ้เจ้าตอบพลางหันมองคนถามที่ตอนนี้แม้จะหลับตาแต่คิ้วเข้มๆ นั้นก็ยังขมวดเข้าหากัน “ทำไมเหรอครับ มีอะไรที่คุณข้องใจหรือเปล่าดิน”

“กูคุ้นคนที่ชื่อวิน” ธราว่า ก่อนจะค่อยๆ ลืมตามองไอ้เจ้า แสงสลัวรอบบริเวณทำให้เห็นสีหน้าของมันไม่ชัดนัก “กับคนชื่อจี้”

“อ้อ…” ไอ้เจ้ายกยิ้ม ใช้มืออีกข้างที่ว่างดึงมือธราไปกุมไว้ “อาจเพราะคุณสนิทกับวินมากๆ เมื่อก่อนมันเป็นเพื่อนซี้ของคุณเลยนะ คุณอยู่กับมันตลอด พักหลังน่ะอยู่ด้วยกันมากกว่าอยู่กับผมอีก”

“แล้วกับจี้” ใช่เพื่อนแน่เหรอ เขาทดประโยคไว้ในใจ เพราะไม่กล้าถามออกไป แม้จะติดอยู่กับความสงสัยนี้ตั้งแต่ที่แยกย้ายกันกลับ เพราะจวบจนถึงวินาทีที่บอกลา จี้ก็ยังไม่พูดกับเขา เอาแต่ใช้สายตาไม่เป็นมิตรจ้องมอง

“ก็เพื่อนของคุณ”

“เหรอ” ธราทวนถามพลางเลิกคิ้ว น้ำเสียงแปร่งไปเล็กน้อยเมื่อพยายามข่มความรู้สึก “เพื่อนแบบไหนวะ”

“ทำไมครับ”

“กูรู้สึกว่าเขาไม่ชอบกู”

ไอ้เจ้าหัวเราะขึ้นมาทันที “ไม่ใช่หรอกดิน จี้แค่เป็นคนขี้อาย หลังจากที่ไม่เจอกันมาหลายปีมันก็คงไม่รู้จะเริ่มพูดกับคุณยังไงละมั้ง ดินอย่าคิดมากเลย จี้ก็เป็นอย่างนั้นเอง ไม่ใช่คนไม่ดี ผมยืนยันได้”

“มึงดูรู้จักเขาดีนะ” น้ำเสียงของธราเต็มไปด้วยความประชดประชัน เขารู้สึกไม่ชอบใจที่เห็นไอ้เจ้าพูดถึงจี้ด้วยสีหน้าอ่อนโยนแบบนี้ ทีกับเขายังไม่เคยทำสีหน้าอ่อนโยนแบบนี้ให้เห็นบ้างเลย

“แน่นอนครับ” ไอ้เจ้าไม่ปฏิเสธ “ก็เพื่อนของผมเหมือนกัน”

“แน่ใจเหรอว่าแค่เพื่อน” จากสายตาที่มองกัน ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่งที่คิดมากเกินกว่าเพื่อน ธราแน่ใจว่าเขาไม่ได้มองพลาด จี้น่ะรู้อกรู้ใจไอ้เจ้า อะไรที่ชอบกินไม่ชอบกิน คนคนนั้นรู้ดี อีกทั้งยังเอาอกเอาใจอย่างออกนอกหน้าในขณะที่ธรานั่งบื้อ ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง

“แล้วคุณจะให้เป็นอะไรล่ะครับ”

“กิ๊กมึงมั้ง”

“ว้า” แววตาของไอ้เจ้าเต็มไปด้วยความขบขัน “รู้ซะแล้ว ว่าจะเฉลยทีหลังนะเนี่ยว่าคนไหนคือกิ๊กของผม แต่คุณก็ไม่เห็นจะยกมือไหว้เลย”

“กูไม่ถีบหน้าหงายก็บุญแล้วไอ้สัด!” น้ำเสียงของธราแข็งกร้าว แววตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด แต่คนฟังไม่กลัวเกรง เอาแต่หัวเราะชอบใจ

“ขี้หึงจังเลย”

“ไม่เล่นนะเจ้า” ใบหน้าขึงขังจริงจังนั้นทำให้ไอ้เจ้าหยุดหัวเราะ “บอกความจริงมาว่าเขาเป็นอะไรกับมึง”

คำถามของธราทำให้ไอ้เจ้าพรูลมหายใจ ก่อนมันจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่แพ้กัน “แค่เพื่อนครับ สำหรับผม จี้เป็นเพื่อนสนิท”

“แล้วอีกฝ่ายล่ะคิดยังไง”

ใบหน้าคมคายระบายยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ธราต้องเบือนหน้ามองไปทางอื่น เขาไม่ได้อยากเห็นรอยยิ้มที่ยืนยันว่าความคิดของเขาถูกต้อง “ไม่ว่าจี้จะคิดยังไง คุณก็ไม่มีอะไรต้องกังวล”

“ทำไมจะไม่มี” ความกังวลของธราเต็มแน่นอยู่ในใจจนเขารู้สึกแย่ เขามีแต่ความไม่รู้และยังหงุดหงิดที่ตนเองกำลังรู้สึกอิจฉา เพราะในขณะที่เขาจำอะไรเกี่ยวกับไอ้เจ้าไม่ได้เลยแต่จี้กลับรู้ทุกอย่าง ทั้งที่เขาเป็นคนรัก ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้ก็ยังเป็นแต่กลับแพ้คนที่ไอ้เจ้าเรียกว่าเพื่อนอย่างหมดท่า

ทว่าความกังวลของธราก็คงอยู่ได้ไม่นานเมื่อไอ้เจ้าเอ่ยถ้อยคำที่ราวกับเวทมนตร์ช่วยปัดเป่าเมฆหมอกในใจของเขา แค่เพียงมันพูดว่า “เพราะผมรักคุณ คนที่ผมรักน่ะมีแค่คุณครับธรา”

แค่เท่านั้น...หัวใจของธราก็ถูกเติมเต็ม จากความรู้สึกแย่ที่ทำให้วูบโหวง ตอนนี้กลับเต็มแน่นไปด้วยความสุขใจ

ติ๊ง!

เสียงแจ้งเตือนดังขัดขึ้น ธราหลุดจากภวังค์ความคิดในขณะที่ไอ้เจ้าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มันมองมาที่เขาด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้เพราะเสียงแจ้งเตือนนั้นไม่ได้ดังจากโทรศัพท์มือถือของมัน





J_Jao : อยู่ไหนครับดิน

J_Jao : ออกมาเจอผมหน่อยได้มั้ย

J_Jao : ผมรู้สึกไม่ดีเลย





ข้อความที่ได้เห็นเรียกความกังวลใจของธรากลับคืน เขาเงยหน้าขึ้นมองไอ้เจ้า ในใจคิดอยากโทรหาคนตัวเล็กเสียเดี๋ยวนั้นแต่ก็ไม่ได้ทำ เพราะความรู้สึกผิดที่มีต่อไอ้เจ้าเต็มล้นอยู่ในใจ เขาคิดว่าถ้าหากเขาโทรหาจันทร์เจ้าในตอนนี้แล้วไอ้เจ้าจะรู้สึกอย่างไร เขาห่วงว่ามันจะคิดมาก ห่วงว่ามันจะเจ็บปวด แต่ความเป็นห่วงใครอีกคนกลับมีมากกว่า เขาอยู่กับความลังเลอีกชั่วอึดใจ ทว่าเมื่อตัดสินใจได้ มือผอมของคนที่นั่งเคียงข้างก็จับมือของเขาไว้แน่น

“มีใครกำลังจะตายเหรอถึงได้ทำหน้าแบบนั้น” ไอ้เจ้าเอ่ยถามด้วยเสียงเยียบเย็น “ผมไม่เคยบอกเหรอว่าเวลาอยู่กับผมอย่าทำแบบนี้”

“เจ้า” ธราเอ่ยเรียกเสียงแผ่ว ก่อนพยายามอธิบาย “กูขอโทษ แต่จันทร์กำลังแย่ เขาต้องเจอเรื่องไม่ดีมาแน่ๆ”

“ผมไม่รู้ด้วยหรอกเรื่องแบบนั้น” คำตอบของไอ้เจ้าไม่แยแสเหมือนกับแววตาที่มันกำลังใช้จ้องมองธรา “อีกอย่างเขาจะเจออะไรมาก็ไม่เห็นเกี่ยวกับคุณ”

“ทำไมจะไม่เกี่ยว”

“แล้วคุณเกี่ยวยังไง” ไอ้เจ้าถามต่อ สีหน้าของมันเย็นชาลงทุกขณะ “รักเขาเหรอ”

“เจ้า...” ธราตอบไม่ได้ เขาไม่แน่ใจในคำตอบแต่กลับรู้สึกห่วงใยจันทร์เจ้ามากเหลือเกิน ทุกครั้งที่ออกไปพบก็เพราะคนตัวเล็กบอกว่ารู้สึกไม่ดี ไม่ว่าดึกดื่นแค่ไหนเขาก็พร้อมจะไปหา จันทร์เจ้าอยู่ตัวคนเดียว ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเดี่ยวหลังเล็กเพียงลำพัง ไม่มีเพื่อนหรือใครที่พอจะพึ่งพาได้ อีกทั้งยังมีร่างกายที่อ่อนแอขี้โรค ไม่แข็งแรงเหมือนอย่างคนอื่นๆ เขาจึงรู้สึกว่าไม่สามารถปล่อยคนคนนี้ไว้คนเดียวได้

“จะทิ้งผมไว้ตรงนี้แล้วกลับไปหาเขาหรือไง”

“…”

“ผมพามาไกลถึงที่นี่แล้ว แต่ถ้าคุณยังคิดจะกลับไป ผมว่าเราก็ไม่ต้องเสียเวลายื้อกันต่อ”

ความเด็ดขาดของไอ้เจ้าทำให้ธราแน่ใจว่าถ้าเขาไปคราวนี้มันคงจะหายไปจากเขาตลอดกาล ด้วยความคิดแบบนั้นทำให้เขาไม่กล้าขยับเขยื้อนราวกับถูกโซ่ตรวนล่ามเอาไว้

“เฮ้อ...” ธราถอนหายใจ ก่อนจะตั้งคำถามด้วยความน้อยใจ “ทำไมชอบขู่จะทิ้งกูนักวะ”

คนชอบขู่คลี่ยิ้ม “ไม่อยากให้ขู่ก็เป็นเด็กดี”

เด็กดีของไอ้เจ้าเบ้ปาก แต่ก็ยังไม่คลายความเป็นห่วงที่มีต่อใครอีกคน “แล้วถ้าเขาเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ ล่ะเจ้า ถ้าเขากำลังแย่และต้องการความช่วยเหลือในขณะที่กูเป็นเด็กดีของมึงอยู่ตรงนี้ล่ะ”

“มีแรงพิมพ์มาหาคุณได้คงไม่ได้ใกล้ตายหรอกครับ” ไอ้เจ้าว่าอย่างใจร้าย “แล้วถ้าไม่โง่ เบอร์โทรโรงพยาบาลก็มีเยอะแยะ แจ้งเหตุฉุกเฉินก็ยังได้ ต่อให้จะตายขึ้นมาจริงๆ คนที่อยู่ชลบุรีในตอนนี้อย่างคุณก็ช่วยมันไม่ได้”

“ก็จริงของมึง” อดเห็นด้วยไม่ได้ว่าที่ไอ้เจ้าพูดมานั้นจริงทุกอย่าง “แต่กูก็ยังห่วง”

แววตาของไอ้เจ้าเจ็บปวด แต่ก็เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นที่มันยอมเผยให้เห็น ก่อนความเย็นชาจะกลบทับจนมิด “อืม คุณก็ห่วงเขามากมาตลอดนั่นแหละ”

“เจ้า” ราวกับเพิ่งรู้สึกตัวว่าเผลอพูดถ้อยคำไม่น่าฟังสำหรับอีกฝ่ายออกไป “กูไม่ได้ตั้งใจให้มึงรู้สึกแย่”

“เพราะความรู้สึกของคุณบังคับไม่ได้อีกใช่ไหม” ไอ้เจ้ายกยิ้ม เป็นอีกครั้งที่มันใช้รอยยิ้มกลบเกลื่อนความรู้สึก “ตลกดีนะ ข้ออ้างนี้ของคุณทำให้ผมโทษอะไรคุณไม่ได้เลย”

“จะโทษกูก็ได้แต่ฟังกูหน่อยได้ไหม” ธราพยายามอธิบายให้ไอ้เจ้าเข้าใจ “จันทร์ตัวคนเดียวนะเจ้า เขาไม่มีใคร ร่างกายก็ไม่แข็งแรง เขาเป็นหอบหืด ต้องใช้ยาพ่นบ่อยๆ ยิ่งเวลาอากาศเย็นๆ อาการของเขาจะแย่มาก มีครั้งหนึ่งที่เขาเกือบตาย ถ้าวันนั้นกูไม่ไปเจอ เขาก็คงแย่ เพราะแบบนี้กูก็เลยเป็นห่วง มันแค่นี้จริงๆ”

“คุณรู้เรื่องของเขาขนาดนี้แล้วคุณรู้อะไรเกี่ยวกับผมบ้าง” ไอ้เจ้าย้อนถาม คำว่าแค่นี้ของธราไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้น แต่กลับยิ่งตอกย้ำว่าเขาใส่ใจเรื่องของใครอีกคนมากแค่ไหน “สองปีที่ผมอยู่กับคุณ ช่วยให้คุณรู้จักผมมากขึ้นไหม”

ธราหลุบตาลงต่ำ เขาไม่กล้าพอที่จะมองสบตากับไอ้เจ้า อีกทั้งยังไม่สามารถตอบคำถามของมันได้ เพราะสองปีที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้เขารู้จักคนที่ชื่อเจ้า จักรพรรดิมากพอที่จะพูดได้ว่า ‘รู้จักกันดี’ เขารู้แค่ว่ามันเป็นไอ้เจ้าโรคจิตที่ตามติดเขาไปวันๆ เป็นใครมาจากไหนเขาก็ไม่รู้ ตัวตนของมันแม้แต่นักสืบที่เขาจ้างสืบก็ไม่สามารถระบุประวัติอย่างละเอียดถี่ถ้วนให้ได้ รู้แค่ว่ามันไม่ใช่คนธรรมดา แม้จะชอบทำตัวเหมือนยาจกก็ตามที ไอ้เจ้าน่ะเหมือนลมเพลมพัด มาๆ หายๆ นึกจะมาให้เห็นหน้าก็ตามติดจนน่ารำคาญ แต่พอนึกจะหายไปก็หายไปจนเขาห่วงว่ามันไปทำอะไรอยู่ที่ไหน

“แค่เพราะเขาทำให้คุณเห็นว่าเขาอ่อนแอ คุณก็เลยอยากปกป้องเหรอ” ไอ้เจ้าถามต่อพลางเหยียดยิ้มหยัน “งั้นถ้าผมทำให้เห็นบ้าง คุณจะห่วงผมเท่าที่ห่วงเขาหรือเปล่า”

“มึงเป็นคนเข้มแข็ง ทุกครั้งที่มองไปที่มึงกูจะรู้สึกปลอดภัย มึงเป็นเซฟโซนที่กูขาดไม่ได้ แค่มีมึงอยู่ด้วยกูก็รู้สึกว่ากูจะผ่านทุกปัญหาไปได้อย่างง่ายดาย” ธราบอกเสียงเบา เขาเลือกที่จะมองไปยังท้องทะเลมืดมิดแทนที่จะมองใบหน้าของคู่สนทนา “ต่อให้ตอนนี้กูกำลังลอยคออยู่กลางทะเลมืดๆ นั่นกูก็ไม่กลัวถ้ามีมึงอยู่ด้วย เพราะกูรู้ว่ามึงต้องพยายามหาทางพากูกลับเข้าฝั่งจนได้ แต่ทั้งที่มึงเข้มแข็งกูก็ยังห่วง กูห่วงมึงไม่น้อยกว่าเขาหรอกเจ้า เพราะมึงไม่เคยบอกเลยว่าจริงๆ แล้วรู้สึกยังไง สองปีที่อยู่ด้วยกัน มีสักกี่ครั้งที่มึงเผยความรู้สึกให้เห็น มีสักกี่ครั้งที่ยอมให้กูทำความรู้จัก แล้วมึงจะคาดหวังให้สองปีที่ผ่านมาของเราเป็นแบบไหน คาดหวังให้กูรู้จักมึงมากในระดับไหนกัน”

ไอ้เจ้ามองไปยังท้องทะเลเบื้องหน้าเช่นกัน มันมองนิ่งนานก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา “เป็นสองปีที่แย่หรือเปล่านะ”

“แรกๆ มันก็แย่เพราะมึงไม่ได้เข้ามาเหมือนคนปกติ แต่หลังจากนั้น...ไม่มีวันไหนเลยที่ทำให้รู้สึกไม่ดี” ธราแน่ใจในถ้อยคำที่ได้พูดออกไป ไม่มีคำโกหกแม้แต่คำเดียวอยู่ในนั้น มีแต่ความรู้สึกที่ชัดเจนของเขาว่าการที่มีในไอ้เจ้าอยู่ในทุกๆ วันของชีวิตไม่ใช่เรื่องไม่ดี

“ผมควรต้องยิ้มกับคำพูดนี้หรือเปล่า”

“ก็แล้วทำไมไม่ยิ้ม”

“เพราะอยากร้องไห้มากกว่า” คนที่บอกว่าอยากร้องไห้นั้นยังคงเอาแต่ยิ้ม ทว่าแววตาเศร้าสร้อยเหลือเกิน เพียงแต่ว่าธราไม่อาจเห็นได้้เพราะเขายังมองตรงไปเบื้องหน้า ในขณะที่ไอ้เจ้าก็ไม่ได้ละสายตาไปจากคลื่นที่กำลงซัดเข้าฝั่ง “กลับห้องของเรากันมั้ยครับ ดึกแล้ว คุณคงอยากพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับแต่เช้าด้วย”

“อืม” ธรารับคำอย่างเห็นด้วย “รู้สึกเพลียเหมือนกัน”

“งั้นไปกันครับ” ไอ้เจ้าลุกขึ้นยืนก่อนแล้วส่งมือให้ธรา ในขณะที่เขายื่นมือไปจับไว้แล้วลุกขึ้นตาม

การเดินทางกลับ ‘ห้องของเรา’ นั้นใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที ระหว่างทางที่เดินเคียงกันไปก็ไร้บทสนทนา จวบจนเมื่อประตูห้องถูกเปิดออกก็ยังไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาและเมื่อประตูปิดลงไอ้เจ้าก็ปล่อยมือธราแล้วแยกตัวไปที่ครัว ทิ้งให้เขายืนเคว้งอย่างไม่รู้จะไปอยู่ตรงไหนดี เขารู้สึกเคอะเขินราวกับนี่เพิ่งเป็นครั้งแรกที่ได้อยู่สองต่อสองกับไอ้เจ้า ทั้งที่ผ่านมาก็อยู่กับมันมาตลอด แต่ที่ห้องนี้ให้ความรู้สึกพิเศษต่างออกไป ความรู้สึกของธราบอกแบบนั้น

ธรากลับมาที่ห้องนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว ครั้งแรกที่มาก็ได้ตกลงเป็นแฟนกับไอ้เจ้า ได้สวมแหวนที่มันมอบให้แล้วมีมันอยู่ในอ้อมกอดไปจนถึงเช้า ซึ่งครั้งนั้นก็เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ได้เห็นคนอย่างเจ้า จักรพรรดิ ร้องไห้ราวกับจะขาดใจ เขาจึงไม่แน่ใจว่าเพราะแบบนั้นไหมจึงรู้สึกพิเศษขึ้นมา

“ดื่มน้ำครับ” ไอ้เจ้ากลับมาพร้อมกับแก้วน้ำ มันยื่นแก้วไปให้ธราที่นั่งอยู่บนพนักโซฟาซึ่งกำลังกวาดสายตามองไปรอบห้อง เขาหันมองไอ้เจ้าเพียงครู่แล้วรับแก้วไปไว้ในมือ จากนั้นจึงยกขึ้นดื่ม ก่อนจะวางลงบนที่ว่างข้างกาย “คุณไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวผมไปหาเสื้อผ้ามาให้คุณเปลี่ยน กางเกงเก่าๆ ของคุณน่าจะยังพอใส่ได้”

“เจ้า”

“หืม”

“ทำไมถึงเรียกว่าห้องของเรา” ธราไม่เก็บความสงสัย เขาถามออกไปตามตรง

“เพราะเป็นห้องของเรา” ไอ้เจ้าตอบง่ายๆ ความไม่ซับซ้อนของคำตอบทำให้ธราขมวดคิ้ว มันจึงพูดต่อ “เป็นห้องของผมกับคุณ เราเคยอยู่ด้วยกันที่นี่” แววตายามพูดเต็มไปด้วยความสุข “อยู่กันแค่สองคน มีแค่คุณกับผม”

“งั้นนอกจากเพื่อนที่อยากพามาเจอแล้ว ก็อยากพามาที่นี่เหรอ”

“ครับ” ตอบพลางยิ้มสำทับ “เพราะมาคราวก่อนคุณยังไม่ได้เห็นห้องที่ผมล็อกเอาไว้”

“แล้วคราวนี้...”

“ผมจะเปิดให้คุณได้ดู” รอยยิ้มของไอ้เจ้ากว้างขึ้นจนหัวใจของธราเต้นรัว “ความทรงจำของเรา”

ธราราวกับคนละเมอ เขายื่นมือไปจับใบหน้าของไอ้เจ้า ความรู้สึกเศร้าใจพวยพุ่งแต่เขาไม่สามารถละสายตาไปจากมันได้ “เป็นความทรงจำที่ดีหรือเปล่า” เขาถาม น้ำเสียงแผ่วเบาราวกับไม่มั่นใจว่าอยากรับฟังคำตอบ

“ดียิ่งกว่าดี”

รอยยิ้มบนใบหน้าคมคายยืนยันคำว่าดีให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ธราคลี่ยิ้มตาม เขาบีบจมูกไอ้เจ้าแล้วขยี้ศีรษะของมัน “ขี้โม้หรือเปล่ามึงน่ะ”

“ก็ลองดูก่อนครับว่าจะดีจริงอย่างที่ผมบอกไหม”

“แล้วถ้าได้เห็น แต่กูยังจำไม่ได้ล่ะ”

“ก็ไม่เป็นไร” ไอ้เจ้าตอบจากใจ คำตอบของมันไม่ได้เสแสร้งแต่กลับรู้สึกจริงๆ ว่าต่อให้ธราจะจำไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องที่มันต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว “ผมก็ยังยืนยันนะว่าทุกสิ่งที่ผมทำก็แค่บอกเพื่อให้คุณรับรู้ ส่วนคุณจะจำได้หรือไม่ได้ จะรู้สึกหรือไม่รู้สึก ผมก็ไม่ได้บังคับ แต่ขอแค่อย่าปิดกั้นความจริง อย่าปฏิเสธความเป็นไปได้ที่มันจะเกิดขึ้น เพราะถ้าคุณไม่เชื่อ นั่นแหละถึงจะเป็นปัญหา”

ธราพยักหน้า ไม่แย้งหรือต่อความให้ยืดยาวไปมากกว่านั้น ในเมื่อไม่มีเรื่องใดเลยที่เขาจดจำได้ก็ต้องปล่อยให้ความรู้สึกเป็นตัวตัดสิน จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ขอให้ได้รู้ได้เห็นก่อนก็แล้วกัน

“ตอนนี้ไปอาบน้ำก่อนเถอะครับ วันนี้ความรู้สึกของคุณคงตีกันวุ่นจนเหนื่อย แต่น้ำอุ่นๆ จะช่วยให้คุณผ่อนคลายนะ แช่น้ำสักหน่อยคงดีขึ้น”

“อือ” ธราขานรับ ก่อนถาม “มึงอาบด้วยกันมั้ย”

แววตาของไอ้เจ้าวูบไหว “ได้เหรอ”

“ทำไมจะไม่ได้”

“ก็มีเหตุผลที่มันไม่ได้อยู่นะ” และเหตุผลที่ว่านั้นกำลังเฉือนเนื้อหัวใจของไอ้เจ้าอย่างเงียบๆ

“มึงไม่ใช่คนมีเหตุผลหรอก” ธรามองลึกเข้าไปในดวงตาของไอ้เจ้าผู้ที่ตอนนี้ซ่อนเก็บความปรารถนาของตนเองเอาไว้ “กูรู้”

“ครับ” ไอ้เจ้ายอมรับ “ผมทิ้งเหตุผลตั้งแต่ชอบกินอมยิ้มของคุณแล้ว”

“กินอีกมั้ย” ธราเชิญชวน เขาดึงมือข้างที่ว่างของไอ้เจ้ามาจับที่กลางกายของตัวเอง “ไม่ได้กินนานแล้วนี่”

ใบหน้าของไอ้เจ้าร้อนผ่าวเมื่อมือของมันจับต้องสิ่งแข็งขืน ความรู้สึกผิดบาปก็ไม่อาจต่อสู้กับความต้องการในใจได้ “อยากกินจนตัวสั่นเลยครับที่รัก”

น้ำเสียงกระเส่าที่ตอบรับกลับมาทำให้ธราอดที่จะรู้สึกไม่ได้ “แล้วรอช้าทำไม” เสียงที่เอ่ยนั้นแหบพร่า ยิ่งเมื่อถูกมือบางลูบไล้ก็ยิ่งทำให้เสียงของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา “มากินสักทีครับเจ้า”

“คำพูดของคุณเหมือนถีบประตูนรกให้เปิดออกเลยดิน” แววตาของไอ้เจ้าสั่นระริก มันขยับเข้าใกล้ธรามากยิ่งขึ้น ก่อนจะค่อยๆ กดจูบลงบนลำคอหนา ใบหน้าของมันเริ่มซุกไซ้เข้าหาผิวเนื้ออ่อนแล้วฝากฝังรอยลงไป

“ใช่นรกที่ไหน” ธราแย้งเสียงสั่น โอบแขนเข้ากับเอวของไอ้เจ้าแล้วดึงรั้งเข้าแนบชิด จงใจให้กลางกายของเขาบดเบียดกับกลางกายของอีกฝ่าย “มองดีๆ สิเจ้า สวรรค์ไม่ใช่เหรอ”

“อืม” ไอ้เจ้างึมงำเพราะริมฝีปากยังไม่ละจากซอกคอของธรา “เค็ม”

“ก็ยังไม่ได้อาบน้ำ” ธราออกตัวพลางผลักใบหน้าของไอ้เจ้าให้ออกห่าง “เค็มแล้วยังดูดอยู่ได้”

“ก็อยาก” ไอ้เจ้ายอมรับอย่างไม่อาย “เพราะงั้นควรไปต่อในห้องน้ำแล้วจังหวะนี้”

รอยยิ้มกรุ้มกริ่มของคนทะลึ่งทำให้ธราถึงกับส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “ปากเก่งทุกที แต่แก้ผ้าต่อหน้ากูสักครั้งมึงยังไม่กล้า”

“เคยแก้แล้ว แต่คุณไม่มองเอง” คนถูกกล่าวหาว่าปากเก่งได้ทีเถียง

“ตอนนั้นใครจะอยากมอง อยู่ดีๆ ก็มีคนโรคจิตมาแก้ผ้าให้ดู” ธราว่าพลางหวนนึกถึงตอนที่ไอ้เจ้าแก้ผ้าท้าลมอยู่ที่ระเบียง นึกไปแล้วตอนนั้นเขาเกือบแจ้งตำรวจให้มาจับมัน

“ที่แก้ก็เพราะรู้ว่าคุณไม่มองนี่แหละ”

“กวนตีนจริงๆ” นึกหมั่นไส้จนต้องดีดหน้าผากมันไปหนึ่งที “กล้าให้มันถูกทางหน่อย”

ไอ้เจ้าหัวเราะชอบใจ “คุณอยากเห็นผมเปลือยให้ดูเหรอ”

“กูอยากเห็นมึงทุกซอกทุกมุม” ธราเอ่ย แววตาของเขาไม่ปิดบังความต้องการ “อยากรู้ว่าคนของกูจะน่ามองแค่ไหน”

คำว่าคนของกู ทำให้หัวใจของไอ้เจ้าเต้นกระหน่ำ แค่เพียงถ้อยคำไม่กี่คำจากธราก็กำหนดจังหวะการเต้นของหัวใจได้ขนาดนี้...คงไม่แปลกเลยที่ความรักของเขาจะกำหนดลมหายใจของไอ้เจ้าด้วย

“ถ้าไม่ติดว่าเสื้อตัวที่ใส่อยู่ราคาแพง ผมจะกระชากทิ้ง” ไอ้เจ้าแสร้งทำหน้ากระเหี้ยนกระหือรือ มือของมันยึกยักอยู่ที่คอเสื้อ ทำท่าจะกระชากอยู่หลายรอบแต่ก็ไม่ทำสักที

“ตัวละเท่าไร” ธราใจป้ำ เขามองอย่างลุ้นตามไปด้วย “กูจ่ายชดใช้ให้ได้ แพงแค่ไหนก็จ่ายไหว”

“199 จากตลาดนัด” ไอ้เจ้ายิ้มเผล่ตอบ

“ต้องถุยน้ำลายเพื่อตบมุขมึงมั้ย” ถึงกับหงุดหงิดใจจนอยากตบกบาลคนขี้เล่นให้แยก “เอาดีๆ”

“ถ้าไม่ปิดไฟผมก็ไม่มั่นใจจะให้คุณเห็นหรอกดิน” ไอ้เจ้าไม่เคยให้ธราได้เห็นผิวกายภายใต้เสื้อผ้าที่มันส่วมใส่อย่างจริงจังเลยสักครั้ง ถ้าไม่นับตอนที่มันแก้ผ้าในครั้งนั้น ธราก็ไม่ได้มีโอกาสได้เห็นอีกเลย แม้จะเลยเถิดกันหลายครั้งจนเกือบจะตกต้องเป็นของกันและกันแต่เขาก็ยังได้แค่สัมผัส ไม่เคยได้เชยชมชัดๆ แต่ละครั้งถ้าไม่ปิดไฟก็อย่าหวังเลยว่าไอ้เจ้าจะยอมให้เอาเปรียบ “ผมไม่น่ามองหรอกที่รัก”

“น่ามองหรือไม่กูจะตัดสินใจเอง”

“ต้องเป็นคนหื่นแค่ไหนอะถึงอยากให้คนอื่นแก้ผ้าให้ดู” แสร้งทำหน้าตกใจก่อนจะเล่นใหญ่ “คุณตำรวจจจจ มีคนหื่นอยู่ทางนี้ค่าาาา คุณตำรวจคะคุณตำรวจ” ดัดเสียงอ่อนเสียงหวานไม่พอยังแสดงเก่งเหมือนผู้หญิงกำลังจะโดนโรคจิตลวนลามอย่างสมจริง

“มึงนี่ชอบลองดีจริงๆ ไอ้เจ้า” ธราว่าเสียงเหี้ยม แม้สีหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยความจริงจังแต่คนชอบลองดีก็ไม่กลัวเกรง จนต้องสั่งสอนให้รู้ความเสียบ้าง ทันเท่าความคิดมือหนาของธราก็จับมือผอมบางของไอ้เจ้าเอาไว้แล้วออกแรงกระชากเสื้อที่เจ้าของมันบอกว่าซื้อจากตลาดนัดมาในราคาหนึ่งร้อยเก้าสิบเก้าบาทจนกระดุมหลุดออกจากเนื้อผ้า “หึหึ” เสียงหัวเราะไม่ต่างจากคนโรคจิตในบทบาทสมมติของไอ้เจ้าดังขึ้นเมื่อเห็นผิวกายขาวละเอียด ในขณะที่คนถูกกระทำชะงักงัน

ธรากวาดสายตามอง เขาจดจ้องที่หน้าท้องแบนเรียบของมันเรื่อยขึ้นไปจนถึงแผ่นอกแคบ วนเวียนสายตาอยู่กับเม็ดทับทิมสีสวยทั้งสองข้างจนเผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างนึกอยากลิ้มลอง ก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่ตรงรอยแผลเป็นกลางอกที่ค่อนไปทางขวามือเล็กน้อย รอยแผลเป็นที่เป็นตำหนิเพียงจุดเดียวบนความสวยงามนี้ทำให้เขายกมือขึ้นลูบไล้เบาๆ อย่างไม่รู้ตัว

“ดิน” ไอ้เจ้าจับมือของธราไว้พลางร้องเรียก “ไปอาบน้ำเถอะครับ ผมบอกรอบที่เท่าไรแล้วนะ”

“ได้มายังไง” ธราไม่ยอมละความสนใจ เขาตั้งคำถามและไม่ละสายตาจากรอยแผลเป็นนั้น รอยแผลเป็นที่แค่ใช้นิ้วสัมผัสเบาๆ ก็รู้สึกว่าไอ้เจ้าเกร็งตัวขึ้นมา “รอยแผลที่เหมือนรอยของกระสุนปืนนี่ มึงได้มายังไงเหรอ”

“จำไม่ได้แล้วครับ”

โกหก...ไอ้เจ้าโกหกเขา ทำหน้าเจ็บปวดขนาดนั้นแล้วจะให้คิดว่าจำไม่ได้ได้ยังไง “ยังเจ็บอยู่มั้ย”

“ครับ เจ็บอยู่ตลอดเวลา”

“ใครทำ”

“ผมจำไม่ได้” ไอ้เจ้าบอกพลางเลี่ยงที่จะสบตากับธรา แววตาที่หลบไปนั้นวูบไหว ปิดซ่อนความรู้สึกและฝังความทรงจำเกี่ยวกับรอยแผลนี้ไว้กับตัว

“เจ้า...” ปฏิกิริยาของไอ้เจ้าทำให้ธรารู้สึกกลัวขึ้นมา เพราะเขาไม่รู้เลยว่าในความทรงจำที่เขาจำไม่ได้นั้น เขาได้ทำเรื่องเลวร้ายลงไปบ้างไหม เขากลัวจริงๆ ว่าตัวเขาคนก่อนจะเป็นคนไม่ดีถึงขั้นทำร้ายไอ้เจ้าได้ลง “กูไม่ได้เป็นคนทำใช่มั้ย"

ไอ้เจ้าหัวเราะจนอกกระเพื่อม “บ้าแล้ว คุณยิงปืนเป็นที่ไหนกัน”

“กูอาจจะเคยยิงเป็นก็ได้” ศีรษะของธราเริ่มหนักอึ้ง ตรงขมับเต้นตุบๆ ปวดร้าวจนต้องหลับตาลง

“ต่อให้ยิงเป็น” ไอ้เจ้าพูดพลางใช้มือนวดขมับให้ธรา สีหน้าของเขากำลังแย่เต็มที “แล้วความรู้สึกของคุณน่ะคิดจะยิงผมเหรอ”

ธราส่ายหน้าเร็วๆ “แค่เห็นรอยแผลเป็นของมึงกูก็รู้สึกแย่มากๆ กูคงรู้สึกเหมือนจะขาดใจตายถ้าลงมือยิงมึงจริงๆ แต่มีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นใช่ไหมถึงทำให้มึงได้รอยแผลนี้มา มีคนทำร้ายมึงเหรอเจ้า มันเป็นใคร แล้วทำไมต้องทำมึงด้วย ตอนนี้มันโดนจับไปหรือยัง จะย้อนกลับมาอีกไหม มึงปลอดภัยหรือเปล่า กูจะช่วยได้ยังไงเจ้า ถ้ามึงเป็นอะไรขึ้นมากูควรทำยังไงดี”

“ดิน...อย่าเพิ่งคิดมาก” น้ำเสียงของไอ้เจ้าอ่อนโยน มันปลอบประโลมคนที่กำลังวิตกกังวลได้เป็นอย่างดี “ตอนนี้ผมไม่เป็นไร โอเคไหม สูดหายใจเข้าลึกๆ ครับ”

ธราทำตามที่ไอ้เจ้าบอก เขาค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดแล้วผ่อนออกมาช้าๆ ทำอยู่อย่างนั้นสามสี่ครั้งจนรู้สึกดีขึ้น

“โอเคนะ”

“อืม”

“ไปครับ ไปอาบน้ำกันสักที เชื่อผมเถอะว่าน้ำอุ่นๆ ช่วยคุณได้”


ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 15 Our love ​P.17 31/01/2019
«ตอบ #482 เมื่อ31-01-2019 19:40:05 »

คราวนี้ไอ้เจ้าไม่ทำแค่พูด มันจูงมือธราไปที่ห้องน้ำ จัดการเตรียมน้ำในอ่างให้แล้วบอกธราให้ไปทำความสะอาดร่างกายที่ใต้ฝักบัวก่อนจะลงไปแช่น้ำอุ่น ซึ่งเขาก็ทำตามอย่างไม่อิดออด พอจัดการชำระล้างเหงื่อไคลแล้วก็ก้าวลงอ่างโดยมีไอ้เจ้าทำหน้าที่นวดผ่อนคลายให้

เพราะเห็นธราเปลือยจนชินตาแล้วไอ้เจ้าจึงไม่รู้สึกเคอะเขิน แต่ไหล่กว้างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขาก็ยังทำให้หัวใจเต้นรัวไปด้วยความปรารถนาอยู่ดี ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งก็ไม่เคยห้ามใจได้เลย

“อยากกัดกล้ามของคุณ” ไอ้เจ้าสารภาพ ความต้องการกำลังทำให้ใบหน้าของมันขึ้นสีระเรื่อ ลมหายใจกระชั้นเล็กน้อยราวกับคนกำลังอดกลั้น

“เอาสิ” ธราเอ่ยอนุญาต “กัดแรงๆ เลยนะ”

เมื่อได้รับคำอนุญาต คนชอบกัดก็ฝากรอยฟันไว้บนผิวเนื้อ หนึ่งรอยที่ท้ายทอย หนึ่งรอยที่ลำคอ และอีกหนึ่งรอยที่ต้นแขน ในขณะที่ธราได้แต่นิ่วหน้า ยอมรับความเจ็บโดยไม่ปริปากบ่น

“เจ็บมั้ยครับ” เมื่อทำเสร็จก็เอ่ยถามพลางใช้ลิ้นอุ่นร้อนของตัวเองเลียบาดแผลให้ “ผมขอโทษที่อดใจไม่ไหว”

“เจ็บ แต่ไม่เป็นไร” ธรายอม เขามักจะยอมโดยไม่มีเหตุผลและเลิกหาเหตุผลตั้งแต่ที่มีคนชื่อเจ้า จักรพรรดิเข้ามาในชีวิต ทั้งที่ไม่ชอบแต่ก็ขัดไม่ได้ ทั้งที่เจ็บแต่ก็ยังบอกว่าไม่เป็นไร เขาเป็นแบบนั้นเสมอมา

“ผ่อนคลายบ้างมั้ย”

“ก็ดีขึ้น คงเพราะมึงนวดให้ด้วย”

“ดีแล้วครับ”

“เจ้า”

“หืม”

“รอยแผลนั่นจะไม่เป็นไรใช่ไหม” ธรายังไม่คลายความกังวล เขายังคิดวนเวียนถึงสาเหตุ ยังคงจินตนาการถึงคนร้ายไร้ใบหน้าที่กำลังยกปืนขึ้นเล็งยิงไอ้เจ้าจากที่ไหนสักแห่ง “มึงหายดีแล้วใช่หรือเปล่า”

“อย่ากังวลเรื่องของผมเลย” ไอ้เจ้าคลี่ยิ้มเมื่อธราลืมตาขึ้นมองมัน “ผมอยู่กับมันได้”

“ที่บอกว่ายังเจ็บอยู่” ใบหน้าหล่อเหลายิ่งกังวลมากขึ้น “หมายถึงว่ามันยังเจ็บอยู่จริงๆ เหรอ”

“ครับ ก็นิดหน่อย แต่ไม่ต้องห่วงผมหรอก ผมอยู่กับความเจ็บนี้จนชินแล้ว” ไอ้เจ้าตอบแค่นั้นแล้วไม่อธิบายเพิ่มเติม ต่อให้ธราจะตั้งคำถามถึงการรักษาหรือสาเหตุที่ได้รอยแผลมา มันก็ไม่ได้ให้คำตอบใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเลย

หลังจากนั้นอีกสิบนาทีต่อมาธราก็อยู่ในชุดเสื้อยืดผืนบางขนาดพอดีตัวกับกางเกงขายาวที่ไอ้เจ้าเตรียมเอาไว้ให้ ในขณะที่คนเตรียมเสื้อผ้าให้เขาขอตัวเข้าไปอาบน้ำบ้าง เขาจึงนอนรอที่เตียงโดยเลือกหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นเกมเพื่อฆ่าเวลารอ ไม่สนใจที่จะตอบกลับข้อความของจันทร์เจ้า แม้ตอนนี้จะมีโอกาสแล้วแต่เขาก็เลือกที่จะปล่อยการแจ้งเตือนค้างไว้อย่างนั้น

“ทำอะไรครับ คิ้วขมวดเชียว” คนที่ออกจากห้องน้ำมาในชุดนอนเอ่ยถามขึ้น กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำทำให้ธรายกมือขึ้นกวักเรียกให้เข้าไปใกล้ ซึ่งไอ้เจ้าที่แม้จะเลิกคิ้วด้วยความสงสัยแต่ก็เดินไปหาธราอย่างไม่อิดออดและเมื่อเข้าไปในระยะความยาวของท่อนแขนแกร่ง ตัวของมันก็ถูกดึงให้ลงไปนอนทับเจ้าของอกกว้างทันที

“อืม” ธราส่งเสียงในลำคอ เขาสูดดมความหอมจากซอกคอของไอ้เจ้าเข้าเต็มปอด แน่ใจว่าใช้ครีมอาบน้ำขวดเดียวกัน ทว่ากลิ่นครีมอาบน้ำจากตัวของไอ้เจ้าหอมกว่าเป็นไหนๆ “เคยบอกหรือยังว่าชอบกลิ่นจากตัวมึง”

“หมายถึงกลิ่นครีมอาบน้ำเหรอครับ” ไอ้เจ้าถามเสียงแผ่ว หัวใจของมันเต้นโครมครามเพราะกำลังถูกกอดรัด

“ไม่รู้ แต่ครีมอาบน้ำที่มึงใช้กูก็ใช้ด้วย แล้วทำไมไม่หอมเหมือนกันล่ะ”

“งั้นคงขึ้นอยู่กับหน้าตาคนใช้แล้วล่ะ” ด้วยเพราะตอบยียวนจึงโดนเขกหัวเข้าให้

“อยู่ดีๆ ก็หาเรื่องให้ตบตี มึงนี่จริงๆ เลย” ธราส่ายหน้าอ่อนใจ ไอ้เจ้าน่ะชอบทำลายบรรยากาศอยู่บ่อยๆ บางทีอารมณ์กำลังได้ที่มันก็กวนตีนเสียจนอยากประเคนเท้าให้มากกว่าจูบอย่างร้อนแรง

“แล้วเมื่อกี้คุณทำอะไรอยู่เหรอ”

“เล่นเกม”

ไอ้เจ้ามีสีหน้าไม่เชื่อ ทำให้ธรายื่นโทรศัพท์มือถือไปตรงหน้ามัน “อะไรครับ”

“เอาไปดู” ธราบอก “ดูสิว่าไม่ได้คุยกับใคร ข้อความของจันทร์ก็ยังไม่ได้อ่านไม่ได้ตอบเลย”

ไอ้เจ้าเบ้ปาก ก่อนพูด “ยังไงคุณก็ตอบอยู่ดี จะช้าจะเร็วก็ไม่เห็นต่าง”

“สำหรับกูมันต่าง” ธรารู้ดีว่าความรู้สึกของเขาในตอนนี้เป็นแบบไหนและมีความรู้สึกใดที่โดดเด่นขึ้นมา “สำหรับคนที่รอการตอบกลับก็คงต่างเหมือนกัน”

“ถ้างั้นคุณก็ควรรีบถ้าไม่อยากเสียเขาไป” ไอ้เจ้าแนะแต่ธราส่ายหน้า

“ไม่เคยพูดสักทีว่าเสียเขาไปไม่ได้” จันทร์เจ้าเป็นความสบายใจ แต่หากจะไม่มีเขาก็ไม่ได้ทุรนทุราย ทว่าคนที่เป็นความว้าวุ่นใจอย่างไอ้เจ้า กลับขาดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว “ตอนนี้กูอยากอยู่กับมึงมากกว่า”

คำพูดของธราทำให้ไอ้เจ้ายิ้มจนตาหยีและเป็นรอยยิ้มที่สะกดสายตาของเขาได้เป็นอย่างดี เขาคิด...คิดจริงๆ เลยว่าพระจันทร์เสี้ยวดวงนี้สวยกว่ามาก...มันสวยกว่าพระจันทร์ดวงไหนๆ ที่เขาเคยเห็น สวยราวกับได้เห็นในความฝันมานับครั้งไม่ถ้วน

“ยิ้มขนาดนี้...แสดงว่ามีความสุขมากเหรอ” ธราถามราวกับคนที่กำลังต้องมนตร์ แววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความลุ่มหลงเมื่อมองรอยยิ้มตรงหน้า

“ครับ เพราะคุณน่ะเก่งเรื่องให้ความหวัง” ไอ้เจ้ายอมรับ หัวใจพองโตราวกับลูกโป่งที่ถูกสูบลม พร้อมที่จะล่องลอยไปบนท้องฟ้ากว้างไกล แต่จะลอยจนถึงสวรรค์ไหมก็ไม่มีทางรู้ได้

“มึงก็เก่งเรื่องคิดไปเอง” ธราปัดปอยผมหน้าม้าออกจากหน้าผากเนียน ก่อนจะกดริมฝีปากแนบลงไป ความอุ่นนุ่มจากสัมผัสทำให้ไอ้เจ้าหลับตาลงเพื่อซึมซับความรู้สึกนี้เอาไว้ “กูพูดจริงก็หาว่าให้ความหวัง”

“ใครจะรู้ใจคุณ” ไอ้เจ้ากระซิบ ฟังดูเหมือนพูดกับตัวเองมากกว่าพูดกับธรา แต่คนที่มันนอนเกยอยู่นี้คงได้ยิน

“อืม ก็ไม่แปลกที่มึงไม่รู้” ธราพรูลมหายใจพลางยกมือขึ้นเกลี่ยแก้มเนียนที่ตอนนี้แนบอยู่กับอกกว้างของเขา ในขณะที่เจ้าของแก้มนอนหลับตาฟังเสียงหัวใจของเขาไปด้วย “เพราะขนาดกูที่เป็นเจ้าของยังไม่รู้เลยว่ามันรู้สึกยังไงกับมึง”

“ดิน” ไอ้เจ้าลืมตาขึ้นสบมองกับเจ้าของชื่อ

“ว่าไง”

“ไปที่ห้องนั้นกัน”

คำชักชวนที่ได้ยินทำให้หัวใจของธราเต้นกระหน่ำ เขามองลึกเข้าไปในดวงตาของไอ้เจ้าก่อนจะพยักหน้า จากนั้นจึงลุกเดินตามกันไปที่ ‘ห้องนั้น’ ห้องที่อยู่ถัดจากห้องที่เขากำลังนอนและถูกล็อกด้วยแม่กุญแจขนาดใหญ่ คล้องโซ่อย่างแน่นหนาราวกับต้องการป้องกันไม่ให้ใครเข้าไปยุ่มย่าม

ธรายืนรอในขณะที่ไอ้เจ้าจัดการปลดพันธนาการประตู ตอนนี้เขารู้สึกอย่างไรก็บอกไม่ถูก อาจจะทั้งกลัวทั้งตื่นเต้นราวกับคนป่วยโรคร้ายแรงที่รอคำวินิจฉัยจากหมอว่าจะมีชีวิตอยู่ต่ออีกนานเท่าไร ความรู้สึกของเขาเป็นแบบนั้นและเมื่อประตูถูกเปิดออก ไฟในห้องติดสว่างเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ในห้อง เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว จนไอ้เจ้าต้องจับที่ข้อมือของเขาไว้แล้วดึงให้เดินตาม

“อาจจะมีฝุ่นนิดหน่อยนะ เพราะลุงชันไม่ว่างเข้ามาทำความสะอาดให้หลายวันแล้ว” ไอ้เจ้าบอกในขณะที่ธรากวาดสายตามองรอบห้อง

ที่ถูกเรียกว่าห้องแห่งความทรงจำก็คงไม่ผิดมากนัก เพราะในห้องรูปตัวแอลนี้เต็มไปด้วยความทรงจำของธรากับไอ้เจ้า บนผนังมีกรอบรูปที่บ่งบอกถึงช่วงเวลาแห่งความสุขของคนทั้งสอง ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ ไม่มีช่วงเวลาไหนที่พื้นที่ข้างๆ ดิน ธรา จะไม่มีคนที่ชื่อเจ้า จักรพรรดิยืนอยู่ด้วย ทั้งสองมักจะยืนเคียงกันและจับมือกันไว้ พร้อมกันนั้นก็ฉีกยิ้มกว้างให้กับกล้อง รอยยิ้มของเจ้า จักรพรรดิในตอนนั้นเต็มไปด้วยความสุข ช่างห่างไกลจากรอยยิ้มของไอ้เจ้าในตอนนี้นัก ทว่าในบรรดารูปถ่ายเหล่านั้นกลับมีเพียงรูปเดียวที่แตกต่าง รูปถ่ายที่มีขนาดใหญ่กว่ารูปอื่นๆ และกินเนื้อที่บนผนังไปกว่าครึ่ง มันเป็นรูปที่อยู่ในกรอบสีไม้ซึ่งทำจากวัสดุชั้นเยี่ยม ในรูปนั้นธราถูกไอ้เจ้ากอดไว้จากข้างหลัง เป็นรูปที่สีหน้าของไอ้เจ้าเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย

“ไอ้วินถ่ายให้” ไอ้เจ้ากระซิบข้างหู มันกำลังสวมกอดธราเหมือนในรูป ด้วยส่วนสูงที่ต่างกันไม่ถึงห้าเซนติเมตรทำให้ไม่เป็นอุปสรรคนักที่จะเกยคางไว้บนไหล่หนา “ตอนนั้นคุณโกรธผม ผมตามง้ออยู่นานเลย ไอ้วินแค่อยากถ่ายมาแซวแกล้งคุณทีหลัง แต่รูปนี้มันถ่ายได้ดีผมก็เลยขอมาจากมัน”

“เจ้า” ธราร้องเรียกเสียงเบา “เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ”

“ตั้งแต่คุณห้าขวบ”

ใบหน้าหล่อเหลาของธราเต็มไปด้วยความสงสัย “ที่บ้านกู...หมายถึงบ้านพ่อแม่ไม่มีรูปมึงอยู่เลย ถ้ามึงอยู่ด้วยตั้งแต่เด็ก มันก็ต้องมีรูปของมึงบ้างใช่ไหม ต่อให้จะเป็นเด็กที่อยู่ข้างบ้านหรือในซอยเดียวกัน แต่ถ้าเป็นเพื่อนเล่นกันก็ต้องมี” มีบางอย่างที่ไม่ลงล็อกในความรู้สึกของธรา ถ้าไอ้เจ้าอยู่กับเขามาตั้งแต่เด็กแล้วทำไมพ่อกับแม่ของเขาไม่เคยพูดถึงมัน ตามปกติแล้วการพูดถึงเพื่อนของลูกชายที่สนิทกันมากขนาดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกไม่ใช่หรือ ทว่าทำไม... “เจ้า มีอะไรที่ไม่ได้บอกหรือเปล่า”

สีหน้าของคนที่พร้อมจะตอบคำถามทำให้ธรานึกหวั่นใจ “มีครับ”

ศีรษะของธราหนักอึ้งราวกับถูกของหนักหลายสิบตันถ่วงเอาไว้ บางแห่งในใจกรีดร้องให้เดินออกจากห้องแต่เท้าของเขาไม่ขยับ “ถ้า...ถ้าเป็นเรื่อง” ลมหายใจของเขาสะดุด พูดแทบไม่เป็นคำด้วยอะไรบางอย่างที่แล่นขึ้นมาจุกที่คอจนอยากจะอาเจียน “ถ้ามันเป็นเรื่องที่กูไม่ควรรู้ ก็ไม่ต้อง...”

“คุณควรรู้ครับ เพราะนอกจากผมจะเคยเป็นคนรักของคุณแล้ว ผมยังเป็นพี่ชายของคุณ” ไอ้เจ้าบอกเสียงเรียบ สีหน้าไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งใดของมันเผยให้เห็นเพียงครู่ ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้ม “ในทางกฎหมายน่ะครับ คุณเป็นน้องชายบุญธรรม”

ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นบีบรัดหัวใจของธราจนรู้สึกเจ็บ “แล้วเราก็เป็นคนรักกันเหรอ”

“ครับ” น้ำเสียงของไอ้เจ้าหนักแน่น แววตาเศร้าสร้อยของมันยืนยันได้ชัดถึงความเป็นจริง “เราเป็น”

“ความรักของเราในตอนนั้นมันถูกต้องใช่มั้ย” ธราถามอย่างไม่แน่ใจ ทั้งศีรษะและหัวใจปวดร้าวจนไม่รู้ว่าตรงตำแหน่งไหนที่เจ็บปวดมากกว่ากัน

“เราไม่ใช่สายเลือดเดียวกันนี่ครับ” น้ำเสียงของไอ้เจ้าแปร่งไปเล็กน้อยเมื่อพูด “หรือถ้าใช่จริงๆ แล้วมันยังไง”

“แล้วพ่อกับแม่...” ธรายังจับต้นชนปลายไม่ถูก ตอนนี้ข้อมูลในหัวของเขาผิดเพี้ยนไปหมด จากที่เคยมั่นใจในตัวตนของตัวเอง แต่ในตอนนี้กลับรู้สึกเลือนรางลงไปทุกที เขาไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเขาคือคนที่ชื่อ ดิน ธรา หรือเป็นใครคนอื่นกันแน่ เขาเป็นใครมาจากไหน พ่อกับแม่ที่แท้จริงเป็นใคร ราวกับตัวตนของเขาถูกอุปโลกน์ขึ้นมา

“ผมไม่ได้สนใจคนอื่น” ไอ้เจ้ากอดรัดธราแน่นขึ้น “ผมไม่เคยสนใจใครเลยนอกจากคุณ ต่อให้จะผิดหรือไม่ผิด ตัวผมก็รักคุณอยู่ดี ความจริงข้อนี้ไม่เคยเปลี่ยนเลย”

“กูปวดหัว” ธราเอ่ยเสียงแผ่วอย่างทรมาน “เหมือนมันจะระเบิดเลยเจ้า”

“เรารักกันมากนะดิน” ไอ้เจ้าย้ำ ไม่ยอมปล่อยธราออกจากอ้อมแขน “เราวางแผนที่จะแต่งงานกัน วางแผนที่จะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต ผมเป็นครึ่งชีวิตของคุณ คุณเป็นอีกครึ่งชีวิตของผม แหวนที่คุณใส่ก็คือแหวนแต่งงานของเรา ผมอยากให้คุณจำแค่เรื่องนี้ได้ อยากให้คุณจำได้ว่าคุณเคยรักผมมากแค่ไหน”

“เจ้า...” น้ำเสียงของธราอ่อนแรงแต่อีกคนไม่สนใจฟัง

“ผมรักคุณ รักคุณ จำผมได้หรือเปล่าดิน ผมคนที่รักคุณ ผมคนที่เป็นเจ้าชีวิตของคุณ เป็นพระเจ้าของคุณ” ไอ้เจ้าเฝ้ากระซิบ บอกย้ำคำว่ารักในขณะที่ธราตัวสั่นเทา น้ำตาไหลอาบแก้ม ดวงตาของเขาปิดสนิท ความปวดร้าวที่ศีรษะทำให้ดวงตาพร่าเลือน หัวใจของเขาก็ปวดแปลบราวกับถูกทิ่มแทงด้วยของมีคม เขากำลังทรมานแต่คนที่พร่ำพูดว่ารักไม่ยอมปล่อยให้เขาเป็นอิสระ

“ขอร้อง...เจ้า” ธราอ้อนวอน “กูขอร้อง พอสักที”

ราวกับเพิ่งรู้ตัว ไอ้เจ้าหน้าซีดเผือดและเมื่อมันคลายอ้อมแขน ธราก็ทรุดฮวบลงกับพื้น เขาตัวสั่น นอนคุดคู้อยู่ตรงนั้น น้ำตาไหลพรากด้วยความทรมาน สองมือยกขึ้นกุมศีรษะ ครวญครางราวกับสัตว์บาดเจ็บ

“ผมขอโทษ...” น้ำตาของเจ้า จักรพรรดิหลั่งไหล พร้อมกับทรุดตัวลงนั่งแล้วช้อนศีรษะคนรักขึ้นมาบนตัก ก่อนจะกอดไว้แน่นแล้วพร่ำพูดคำขอโทษที่หวังช่วยบรรเทา แต่ธรายังคงทรมาน คำขอโทษไม่เคยช่วยอะไร

ท้ายที่สุดแล้วคนที่ทำให้ธราต้องเจ็บปวดก็ยังคงเป็นคนที่ชื่อ เจ้า จักรพรรดิคนนี้อยู่ดี

.

.

“ท่าน มันหลับไปแล้วเหรอ” เสียงของจี้ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด ธราที่กำลังอยู่ในช่วงครึ่งหลับครึ่งตื่นถึงกับหยุดหายใจเมื่อได้ยินเสียงไม่คุ้นหูนี้ เขาควานมือไปข้างกายก็พบกับความเย็นชืดของที่นอน ไม่พบเจ้าของร่างผอมที่นอนหลับในอ้อมกอดไปพร้อมกัน

ไอ้เจ้าคงอยู่ข้างนอกกับเจ้าของเสียงที่ธราได้ยิน...

จี้...คนที่บอกว่าเป็นแค่เพื่อนมีธุระสำคัญหรือไงถึงได้มาหาในเวลานี้...

ตีสามสี่สิบห้านาทีใช่เวลาที่เหมาะสมต่อการพบเจอกันหรือ...

“หลับไปแล้วตั้งแต่ตอนสี่ทุ่ม ค่อนข้างแย่เลยวันนี้” เสียงของคนที่ควรจะนอนอยู่เคียงข้างธราตอบกลับ “ไอ้วินกับไอ้บินล่ะ”

“อยู่กับเมีย” จี้ตอบ “กำลังชดเชยให้กับพวกเมียๆ ของมันเพราะท่านเรียกรวมตัวกะทันหันก็เลยอดกินข้าวเย็นด้วยกัน ทำตัวครอบครัวสุขสันต์แต่ที่จริงก็นอกใจกันเป็นว่าเล่น”

“หึ ก็มองโลกในแง่ร้ายไป” เสียงของไอ้เจ้ากลั้วหัวเราะ ยิ่งได้ยินน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุขอย่างนั้นก็ยิ่งทำให้ธราอยากเห็นสีหน้าของมัน เขาลุกจากเตียงแล้วเดินไปที่ประตู พยายามทำเสียงให้เบาที่สุดเมื่อจับลูกบิดประตูแล้วเปิดออก แค่แง้มเป็นช่องเล็กๆ ก็เห็นแล้วว่าคนทั้งสองที่กำลังพูดคุยกันนั้นอยู่ตรงไหน

ไอ้เจ้านั่งอยู่บนโซฟาในขณะที่จี้คุกเข่าอยู่ตรงหน้า มือเล็กนั้นกำลังนวดคลึงเท้าทั้งสองข้างของไอ้เจ้าที่วางพาดอยู่บนหน้าตัก “แล้วนี่ทำไมเท้าระบมขนาดนี้ ตรงนี้ก็เป็นแผล”

“มาเพราะเรื่องนี้เหรอ” ไอ้เจ้าเอ่ยถามพลางทอดสายตามอง “ไม่เปลี่ยนเลยนะ ช่างสังเกตเหมือนเดิม”

“ถ้าเป็นเรื่องของท่าน ยังไงก็ต้องรู้” จี้ตอบแล้วเงยหน้าขึ้นสบตา “แค่ท่าเดินผิดไปนิดเดียวก็รู้แล้ว แต่ท่านไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง ไปทำอะไรมา”

“เดินคิดอะไรเพลินไปหน่อย”

“ไกลมากไหม”

“สิบกิโลได้มั้ง”

จี้ได้ยินก็ถอนหายใจ “ที่บอกว่าไปเจอมันมาน่ะเหรอ”

“อืม พอแยกย้ายก็เดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนถึงห้องเพื่อน”

“ไม่ดีเลยแบบนี้” สีหน้าของจี้เต็มไปด้วยความห่วงใย “ท่านควรรู้ได้แล้วว่าตัวเองสำคัญมากแค่ไหน”

ไอ้เจ้าส่ายหน้า “สำคัญกับใครก็ไม่มีความหมาย ถ้าไม่ได้สำคัญกับคนที่อยากสำคัญ”

“ไม่มีแม้กระทั่งกับกูเหรอท่านเจ้า” จี้ถามพลางกดริมฝีปากลงบนหลังเท้าของไอ้เจ้า ภาพที่เห็นทำให้ธรานิ่งค้าง ความปวดร้าวแล่นริ้วขึ้นที่ศีรษะทีละนิด สะสมมากขึ้นจนแทบระเบิด ภาพจำที่น่าเศร้าประดังประเดเข้ามาจนดวงตาของเขาพร่าเลือน เขาค่อยๆ คลานกลับไปที่เตียงอย่างยากลำบาก ความปวดร้าวที่ศีรษะยิ่งรุนแรงเมื่อเสียงของจี้ยังคงดังก้องอยู่ในหัว เสียงที่ไม่น่าฟังและไม่น่าจดจำ แม้ในยามที่ยกมือขึ้นปิดหูก็ยังคงได้ยิน เขาพยายามหลับตา กล่อมตัวเองให้หลับใหลจะได้ไม่ต้องรับรู้สิ่งใดอีกและไม่นานเขาก็ทำสำเร็จ เสียงของจี้หายไป แทนที่ด้วยความฝันแสนหวานที่เขาชอบที่จะฝันถึงอยู่บ่อยๆ

.

.

“อย่าถามในเรื่องที่มึงก็รู้อยู่แล้ว”

“เอาเถอะ” จี้ตัดบท ไม่อยากฟังถ้อยคำที่ตอกย้ำตัวเองไปมากกว่านี้ “ว่าแต่ที่อกเป็นยังไง ยังเจ็บขึ้นมาอีกไหม”

“มันก็เจ็บอยู่เรื่อยๆ” มือบางยกขึ้นลูบที่บริเวณอกด้านขวา “แต่ไม่ได้รบกวนอะไร กูยังใช้ชีวิตได้ปกติ”

“บอกมันเรื่องนี้หรือยัง”

“ไม่จำเป็น” ท่านเจ้าพูดขึ้นในทันทีโดยไม่ต้องใช้เวลาไตร่ตรองนาน

“แต่มันก็ควรรู้” จี้แย้งอย่างไม่เห็นด้วยกับความคิดของท่านเจ้า คนที่แสนสำคัญที่สุดในชีวิตของจี้นั้นไม่เคยคิดห่วงตัวเองเลย “มันควรรู้ว่าในตัวของท่านมีไอ้สิ่งที่เหมือนระเบิดเวลาฝังอยู่ในนั้น ควรให้มันได้เห็นรอยแผลที่ทำให้มันยังมีชีวิตอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ เผื่อว่ามันจะจำเรื่องของท่านขึ้นมาได้บ้าง”

“กูไม่อยากให้ดินเป็นห่วงหรือเป็นกังวล” รอยยิ้มของท่านเจ้าเศร้าสร้อยเมื่อเอ่ยถึงคนสำคัญ “ในตอนที่ดินเห็นรอยแผล สีหน้าก็แย่เต็มที ดินเอาแต่ถามว่าได้มายังไง ยังเจ็บอยู่ไหม มีแต่ความกังวลเต็มไปหมดจนกูรู้สึกแย่ตามไปด้วย เพราะฉะนั้นอย่าให้เรื่องของกูไปเพิ่มความทุกข์ใจให้ดินเลย แค่ที่แบกรับอยู่ทุกวันนี้ก็หนักหนาเต็มทีแล้ว”

“แต่บางทีท่านก็ควรอ่อนแอบ้างท่านเจ้า ให้โอกาสมันได้เป็นห่วง ได้ดูแล”

“ให้สำออยเป็นคนขี้โรคเหมือนจันทร์เลยหรือเปล่า” ท่านเจ้าย้อนถามพลางคลี่ยิ้มหยัน “กูจำไม่เห็นได้ว่ามันเป็นหอบหืด เมื่อก่อนน่ะชอบชวนดินออกไปเล่นน้ำฝน ทำตัวเหมือนเด็กสามขวบวิ่งไล่จับกัน ดินป่วยกลับมาแทบทุกครั้งในขณะที่มันไม่เป็นอะไรเลย ภูมิคุ้มกันดีจนกูคิดว่ามันจะไม่ป่วยตายแน่ แต่คงตายสักวันเพราะความตอแหล”

จี้หัวเราะเบาๆ “สันดานมันเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว มันน่ะชอบเรียกร้องความสนใจจนท่านกลายเป็นตัวร้าย ชอบทำตัวอ่อนแอใสซื่อ ทั้งที่อยากได้น้องชายของท่านจนตัวสั่น”

“น้องชายเหี้ยอะไรจี้” ท่านเจ้ามองเพื่อนสนิทตาขวาง

“งั้นก็เอาที่ท่านสบายใจ” จี้ไม่อยากต่อความให้ยืด พูดแล้วก็ถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะปล่อยมือออกจากข้อเท้าของท่านเจ้าแล้วกลับขึ้นมานั่งโซฟาตามเดิม “แล้วนี่นายหญิงว่ายังไงบ้างเรื่องที่ท่านไม่กลับไปตามสัญญา”

“ไม่รู้” ท่านเจ้าตอบง่ายๆ “ไม่ได้คุยกับแม่นานแล้ว”

“เดี๋ยวก็เป็นเรื่องหรอก” จี้เตือนด้วยความห่วงใย ตกใจอยู่เหมือนกันที่ได้ยินคำตอบที่ไม่คาดคิดนี้ เพราะจี้รู้ดีว่านายหญิง ท่านแม่ของท่านเจ้าเป็นคนแบบไหนและคนที่รู้ดีที่สุดอย่างท่านเจ้ากลับเพิกเฉย สีหน้าไม่อนาทรร้อนใจยิ่งทำให้จี้เป็นกังวล

“ก็เป็นเรื่องอยู่แล้ว ไม่งั้นแม่คงไม่ปล่อยให้มันกลับมา” แววตาของท่านเจ้าเครียดขรึมเมื่อพูดถึงมารดา “กูรู้ดีนะจี้ว่าดันทุรังต่อไปก็คงไม่มีประโยชน์ ทั้งที่เรื่องนี้มันควรจะจบตั้งแต่วันนั้น แต่กูกลับไม่ยอมให้มันจบลง” มือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบใบหน้าที่ปรากฏความทุกข์ใจให้เห็น “กูผิดเองที่กลับมาเป็นเรื่องแย่ๆ ในชีวิตของดินอีกครั้ง ผิดเองที่จะทำให้เขาต้องตกลงไปในนรกอีกหน มึงห้ามหรือใครห้ามกูก็ไม่ฟังเลย ขอโทษที่ต้องเป็นแบบนี้ ขอโทษจริงๆ นะจี้”

“ท่านขอโทษมากเกินไปแล้ว” จี้ยกมือขึ้นบีบไหล่แคบของท่านเจ้าอย่างปลอบประโลม “ท่านผิดตรงไหนกัน ท่านไม่ผิดเลยสักนิด พระเจ้าทำอะไรก็ไม่ผิดนะท่าน รู้ไว้ด้วย”

ท่านเจ้าหัวเราะขึ้นในทันที “จะอวยอะไรขนาดนั้น”

“ก็จริงนี่ ต่อให้ใครจะมองว่าท่านผิด แต่ท่านถูกเสมอในสายตาจี้คนนี้”

“คงมีแต่มึงที่เข้าใจ” ท่านเจ้ามองสบตากับคนหน้าหวานที่นั่งเคียงข้าง แววตาหวานที่มองมานั้นไม่เคยปิดบังความรู้สึก “ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี มึงก็เป็นคนเดียวจริงๆ ที่เป็นความสบายใจของกู”

“เป็นความสบายใจที่ไม่ใช่ความรักของท่านใช่ไหม”

“ขอโทษนะจี้” ท่านเจ้าบอกกับคนที่ยังคงคลี่ยิ้มส่งมาให้ “มึงน่ะควรมีความรักดีๆ ได้แล้ว คนดีๆ ยังมีอีกเยอะ”

“ใครจะดีกว่าท่านอีกท่านเจ้า” จี้เอ่ยถามเสียงแผ่ว “ที่ผ่านมายังไม่เคยเจอเลย”

“ไม่เปิดใจหรือเปล่า”

“ก็เหมือนกับท่าน”

“ยอกย้อนนัก” ท่านเจ้ายกมือขึ้นขยี้กลุ่มผมนุ่มของคนหน้าหวาน ก่อนจะชะงักมือแล้วผละออกห่างเมื่อพบว่าใบหน้าอยู่ใกล้กับอีกฝ่ายมากเกินไป

“ท่าน”

“หืม”

“ในตอนนั้น” จี้หยุดพูดไปเพียงครู่ ก่อนจะพูดต่อเมื่อรวบรวมความกล้าได้ “กูสงสัยมาตลอดว่าสำหรับท่านแล้ว...มันดีมั้ย คือ...กูหมายถึง...”

“ดีสิ” ท่านเจ้าตอบกลับก่อนที่จี้จะทันได้พูดจนจบประโยค “มึงเป็นเรื่องดีๆ สำหรับกูมาตลอดนั่นแหละ”

“…”

“ร้องไห้จนได้” พูดพลางดึงคนที่ร้องไห้ออกมาเงียบๆ มากอดปลอบ “ขี้แยเหมือนเดิมเลย ต่อหน้าไอ้วินกับไอ้บินล่ะทำเก่ง”

“ฮึก…” เสียงสะอื้นเบาๆ ดังไม่ขาดสาย จี้ซุกใบหน้าลงกับอกของคนสำคัญด้วยความคิดถึงจับขั้วหัวใจ ความคิดถึงที่ไม่สามารถส่งไปถึงได้นั้นช่างทรมาน

“ขอโทษที่เอาแต่ใจแล้วทำให้มึงต้องเหนื่อยมาตลอด ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรมึงก็คอยตามแก้ให้ กูเป็นเพื่อนที่ขยันสร้างเรื่องแต่มึงก็ไม่เคยบ่นเลย เวลากูมีเรื่องทุกข์ใจมึงก็เป็นคนแรกที่รู้ทุกที มึงเป็นทุกอย่างเพื่อกูจริงๆ จี้ แต่สัญญาได้มั้ยว่าจะรักตัวเองให้มากเท่าที่รักกู ถ้าวันหนึ่งกูต้องตกนรกก็อย่าตกไปกับกูด้วย มึงต้องมีชีวิตของตัวเองนะจี้ ใช้ชีวิตให้มีความสุขนะ ไม่ต้องคอยห่วงกูแล้ว”

คนที่ไม่เคยรักตัวเองมากเท่ารักธรากลับกล้าให้จี้สัญญาแบบนี้ก็เป็นเรื่องตลกดีเหมือนกัน แต่สีหน้าจริงจังของท่านเจ้าทำให้คนฟังพยักหน้ารับอย่างจำยอม

“ข้ออื่นน่ะรับปากได้อยู่หรอกท่าน แต่ไม่ให้ห่วงคงทำไม่ได้” จี้พูดขึ้นพลางผละออกจากอ้อมแขนของท่านเจ้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตามองดวงตาเรียวสวยบนใบหน้าคมคาย สีดำราวกับท้องฟ้ายามราตรีสะท้อนเงาของจี้อยู่ในนั้น “เพราะท่านทำแต่เรื่องน่าห่วงแถมยังไม่ค่อยดูแลตัวเอง"

“ก็มีจี้ดูแลแล้วไง”

“อย่ามาพูดแบบนี้!” จี้แหวกลับ “ท่านอยู่ให้ดูแลที่ไหนกัน”

“เอาน่า” ท่านเจ้ารีบพูดเมื่อจี้มองตาคว่ำ “ไม่ต้องห่วงๆ อยู่ทางนั้นก็มีเพื่อนที่พึ่งพา”

“ไอ้เด็กท่าทางเมากาวคนนั้นน่ะเหรอเพื่อนของท่าน” จี้ถามอย่างไม่อยากเชื่อ เคยให้วินเข้ากรุงเทพฯ เพื่อตามดูความเคลื่อนไหวของท่านเจ้าเมื่อหลายเดือนก่อน โดยที่วินหายไปสามวันแล้วสุดท้ายก็กลับมาพร้อมรูปถ่ายของท่านเจ้ากับเด็กหัวฟูหน้าตาเอ๋อๆ คนหนึ่ง ถามคนที่ถูกส่งเข้าเมืองกรุงก็ได้ใจความแค่ว่าท่านเจ้าอยู่กับเด็กคนนี้บ่อยๆ ซึ่งก็ไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมไปมากกว่านั้น ทำให้ทั้งจี้และบินต่างเดากันไปต่างๆ นานาว่าเด็กในรูปนั้นเป็นใคร

“อย่าว่าเอ๋!”

จี้ส่ายหน้าระอาทันทีที่เห็นท่านเจ้าเป็นเดือดเป็นร้อน “ใช้ชีวิตบ้าบออยู่ได้ ท่านน่ะไม่ใช่คนที่จะเที่ยวเล่นได้ขนาดนั้นนะ ถ้าเกิดนายหญิงรู้เข้า...”

“วันๆ แม่ยุ่งจะตาย” ท่านเจ้าพูดอย่างขอไปที เพราะรู้ดีว่าที่พูดออกมานั้นก็แค่คาดเดาเพื่อความสบายใจของตน

“นายหญิงก็ต้องว่างสักวันนั่นแหละท่าน” แต่จี้กลับดับฝัน พูดความจริงที่รู้กันอยู่แล้วออกมา

“ก็ให้แม่ว่างก่อนแล้วกันนะ แต่ตอนนี้ง่วงมาก แยกย้ายกันเถอะ ใกล้สว่างแล้วด้วย”

“อืม ใกล้ได้เวลาที่ไอ้บินจะมารับพอดี” จี้พูดเมื่อก้มลงดูนาฬิกาข้อมือ เวลาบนหน้าปัดนาฬิกาเดินทางเข้าใกล้ตีห้าอยู่รอมร่อ “ยังไงท่านก็ดูแลตัวเองด้วย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้รีบโทรมา ไม่ว่าดึกหรือไกลแค่ไหนก็จะไปหา”

“ได้”

“แล้วก็...”

“หืม”

“ถ้าวันหนึ่งท่านเหนื่อยจนไปต่อไม่ไหวแล้วก็บอกกัน” จี้กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “จะรีบไปรับกลับทันที”

ท่านเจ้าพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ถึงวันนั้นก็ฝากด้วยนะ”

หากพูดถ้อยคำที่อยู่ในใจออกไปได้ ก็คงจะบอกกับท่านว่า พอเถอะนะ กลับมาได้แล้ว กลับมาในที่ที่คู่ควรกับท่านเสียที แต่เพราะไม่มีสิทธิ์พูดออกไปก็คงทำได้แค่เคารพการตัดสินใจของท่าน



.............TBC............

ภาพจำของเรามันคงต่างกัน :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 15 Our love ​P.17 31/01/2019
«ตอบ #483 เมื่อ31-01-2019 20:06:51 »

รักดินนี่ มันเหนื่อยมากเลยนะ ท่าน  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 15 Our love ​P.17 31/01/2019
«ตอบ #484 เมื่อ31-01-2019 20:52:09 »

จะมีตอนไหนมั้ย.. ที่น้ำตาไม่ไหลลล..
ฮรุก..ๆ :hao5:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 15 Our love ​P.17 31/01/2019
«ตอบ #485 เมื่อ31-01-2019 20:55:02 »

ยิ่งอ่านก็ยิ่งไม่เข้าใจเหมือนว่าใคร ๆ ก็ไม่มีสิทธิ์ไปซะหมด :เฮ้อ:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 15 Our love ​P.17 31/01/2019
«ตอบ #486 เมื่อ31-01-2019 22:05:16 »

นายหญิงหรือจันทร์ตอแหลกันแน่ที่เป็นตัวแปรอดีตความรักของดินกับเจ้า

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 15 Our love ​P.17 31/01/2019
«ตอบ #487 เมื่อ31-01-2019 22:34:36 »

* จันทร์ตอแหลจะแย่งดินจากเจ้าเพราะเป็นเพียงหนึ่งอย่างที่คิดว่าถ้าทำให้ดินรักได้นั่นคือการชนะเจ้าได้สักเรื่อง
** ท่านแม่กีดขวางความรักของเจ้ากับดิน
***ดินมักเข้าใจเจ้าผิดว่าเจ้าชอบทำร้ายจันทร์
****มีคนจะยิงดินแต่เจ้าไปขวางทางปืนเลยโดนเอง..หรือดินเป็นคนยิงเจ้า ???!  :katai1:

ฯลฯ

เดาล้วนๆๆๆ  :katai5:

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 15 Our love ​P.17 31/01/2019
«ตอบ #488 เมื่อ31-01-2019 22:55:04 »

รักดีๆอยู่ข้างๆตลอดนะเจ้า
รักที่ให้ไปแบ้วต้องทนเจ็บกับคนโลเล เอากลับมาแล้วให้คนที่ควรเถอะนะ

ออฟไลน์ Gugii

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 15 Our love ​P.17 31/01/2019
«ตอบ #489 เมื่อ31-01-2019 22:57:00 »

 ไม่เข้าใจเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 15 Our love ​P.17 31/01/2019
« ตอบ #489 เมื่อ: 31-01-2019 22:57:00 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 15 Our love ​P.17 31/01/2019
«ตอบ #490 เมื่อ31-01-2019 23:00:20 »

รักดินนี่ มันเหนื่อยมากเลยนะ ท่าน  :เฮ้อ:

จริง........ที่สุด  :hao5: :sad4: :mew2:
ลุ้นนนน   :z3: :z3: :z3:
จันทร์ ที่ตอแหล มีแต่เล่ห์เหลี่ยม........  :fire: :angry2: :m31:
เมื่อไหร่ดินจะรับรู้ซะทีนะ   :mew2: :serius2: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 15 Our love ​P.17 31/01/2019
«ตอบ #491 เมื่อ01-02-2019 00:57:18 »

หน่วงมันเข้าไป น้ำตาไหลพรากอย่าได้หยุด
ไม่ไหวค่ะขอไปเมากาวกับน้องเอ๋ดีกว่า
โลกความจริงมันโหดร้ายเกินไป

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 15 Our love ​P.17 31/01/2019
«ตอบ #492 เมื่อ01-02-2019 03:04:58 »

ทีมเจ้าเอ๋ค่ะ เน่จะยืนหนึ่งในทีมนี้ ดินเจ้าอะไรไม่รู้จัก

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 15 Our love ​P.17 31/01/2019
«ตอบ #493 เมื่อ01-02-2019 03:41:54 »

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ อยากรู้ใจจะขาดแล้ว

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 15 Our love ​P.17 31/01/2019
«ตอบ #494 เมื่อ01-02-2019 06:52:04 »

 :pig4:

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 15 Our love ​P.17 31/01/2019
«ตอบ #495 เมื่อ01-02-2019 11:03:00 »

แผลนั่นได้มาก็เพราะธราสินะ
อึดอัดมาก หงุดหงิดด้วย
มีแต่เรื่องที่ไม่รู้เต็มไปหมด

ออฟไลน์ mareeyah

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 15 Our love ​P.17 31/01/2019
«ตอบ #496 เมื่อ01-02-2019 14:40:02 »

อ่านแต่ละตอนนี่กลัวตัวเองจะตายมาก หัวใจเต้นทั้งเร็วทั้งแรงเหมือนจะกระเด็นออกมา รู้ว่าทรมานแต่ก็ยังทนอ่าน อินเกินไปจริงๆ :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
ตอนที่ 16 Our happiness





“ลุงชันครับ เมื่อไหร่เจ้าจะกลับมา” ธราในวัยสิบห้าปีกำลังตั้งคำถามซ้ำซากกับลุงชันที่ก็ให้คำตอบอย่างไม่นึกรำคาญ เพราะไม่ว่าจะถามกี่ครั้ง คนสนิทของท่านเจ้าก็ยิ้มอย่างใจดีเสมอ

“อีกไม่นานหรอกครับคุณชาย” ลุงชันก็ให้คำตอบแน่นอนไม่ได้ ทว่าก็ไม่อยากให้คุณชายของบ้านกังวลไปมากกว่านี้ กว่าจะกลับมากินข้าวกินปลาได้ก็ใช้เวลาตั้งหลายวัน ขืนบอกไปว่าท่านเจ้าไม่มีกำหนดกลับคงได้กลับไปอดข้าวอีกเหมือนเดิม

“เมื่อสองเดือนก่อนลุงก็บอกว่าอีกไม่นาน” คนพูดทำหน้าหงอย เริ่มรู้แล้วว่ามันเป็นคำโกหก “เจ้าจะไม่กลับมาแล้วเหรอครับ”

“ท่านไปคราวนี้ไม่ได้บอกไว้ครับว่าจะกลับเมื่อไหร่” ลุงชันสารภาพ “นายหญิงก็ไม่ได้พูดอะไร ลุงขอโทษนะครับที่ต้องโกหก”

“ไม่เป็นไรครับลุง ผมเข้าใจ”

ธราไม่ถือโทษ เขาเบือนหน้ามองออกไปทางนอกหน้าต่างรถที่กำลังแล่นฉิวมุ่งสู่คฤหาสน์หลังงามของตระกูลเวชธาดา ท้องฟ้าที่เห็นในยามนี้เป็นสีอมส้ม เวลาเย็นย่ำแบบนี้การจราจรมักจะติดขัด กว่าจะหลุดออกจากแยกไฟจราจรได้ก็ติดอยู่ตรงนั้นราวครึ่งชั่วโมง แต่เขาไม่ได้หงุดหงิดเลย กลับคิดว่าหากติดอยู่ตรงนั้นนานอีกสักหน่อยก็คงดี เพราะการกลับไปบ้านที่ไม่มีท่านเจ้าก็ไม่ต่างกับการนั่งกร่อยอยู่บนรถท่ามกลางการจราจรที่ติดขัดนัก

ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หากไม่มีท่านเจ้าก็เหงาไม่ต่างกัน

“คุณชายทะเลาะกับท่านหรือครับ” ลุงชันเอ่ยถามพลางเหลือบมองธราผ่านกระจกมองหลัง เมื่อเห็นดวงหน้าอ่อนเยาว์เศร้าสร้อยก็สรุปความได้ “น่าแปลกใจนะ ปกติท่านเจ้าไม่เคยโกรธคุณชายลงสักครั้ง”

“ผมไม่ดีเองครับลุงชัน” ธราว่า “ผมพูดไม่ดีกับเจ้า จี้บอกว่าเจ้าร้องไห้ บอกว่าเจ้าจะไม่กลับมาแล้ว ผมผิด ผมไม่ดีเอง เจ้าก็เลยทิ้งผมไป”

ลุงชันได้แต่รับฟังเงียบๆ ปล่อยให้ธราได้ระบายความในใจ เด็กหนุ่มวัยสิบห้าปีพูดไปพลางร้องไห้ไปพลาง การแยกจากกันกับท่านเจ้าในครั้งนี้สร้างบาดแผลขนาดใหญ่ขึ้นในใจ บาดแผลที่คงมีแค่คนที่ทิ้งไปเท่านั้นที่จะเยียวยาให้หายได้ แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าคนคนนั้นจะกลับมารักษาให้เมื่อไหร่

“ถ้าเจ้ากลับมาผมจะเป็นเด็กดี ผมจะไม่ดื้อ จะไม่ขัดใจเจ้าอีกแล้ว ลุงชันบอกเจ้าให้ผมได้ไหมครับ” ธราอ้อนวอน น้ำตาไหลอาบแก้มแต่ก็ไม่ยอมเช็ดออก ผ่านมาสองเดือนแล้วแต่เขาก็ยังคงทำได้แค่รอ เพื่อนในกลุ่มบอกให้เขาอดทน คุณพ่อก็ไม่เคยกลับบ้านมาให้คำตอบว่าจะติดต่อเจ้าได้อย่างไร ครอบครัวของเขาในตอนนี้แยกกันไปคนละทิศคนละทาง ทุกคนทิ้งเขาไว้ที่บ้านเพียงลำพัง โดยมีลุงชันคอยทำหน้าที่รับส่งไปโรงเรียนและมีแม่บ้านคอยทำอาหารให้กินในแต่ละมื้อเท่านั้น “ผมพึ่งใครไม่ได้แล้ว คุณพ่อก็อยู่แค่ที่บริษัท ทำแต่งาน พอถามเรื่องเจ้ากับคุณแม่ คุณพ่อก็ตัดสาย ผมไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น”

“คุณชายใจเย็นๆ ก่อนนะครับ” ลุงชันปลอบโยน สงสารเด็กหนุ่มจับใจแต่ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรดี “ลุงจะพยายามติดต่อนายหญิงให้”

“ขอบคุณครับ” ธรายกมือไหว้ รู้สึกซาบซึ้งใจเพราะรองจากท่านเจ้าแล้วก็มีแค่ลุงชันที่เขาสามารถพึ่งพาได้ “แล้วเรื่องที่คุณแม่กับคุณพ่อจะหย่ากัน...”

“เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เถอะครับคุณชาย” น้ำเสียงของลุงชันแฝงไปด้วยความสงสาร “ทุกคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง”

“แต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดี คุณพ่อกับคุณแม่ไม่เคยทะเลาะกันเลย พวกท่านใจเย็นและมีเหตุผล ต่อให้คุณพ่อจะค่อนข้างเข้มงวด แต่ครอบครัวของเราก็มีความสุขกันดี” ธราพูดตามที่ใจคิด เขาเข้ามาอยู่ในตระกูลเวชธาดาตั้งแต่ห้าขวบ รับรู้ถึงความอบอุ่นและความรักความเอาใจใส่จากคนในครอบครัวมาตลอด แม้ว่าเขาจะเป็นบุตรบุญธรรมแต่ก็ไม่เคยน้อยหน้าใคร คุณพ่อของเขาเข้มงวดแต่ก็รักเขามาก ส่วนคุณแม่ก็ใจดีและตามใจเขา ทั้งสองท่านไม่เคยมีเรื่องหมางใจกันหรือทะเลาะเบาะแว้งกันเลยสักครั้ง ตรงกันข้ามกลับให้เกียรติซึ่งกันและกัน ภาพความสมบูรณ์แบบนี้ทำให้เขาไม่เคยคาดคิดว่าทั้งสองท่านจะหย่าร้าง

“เพราะท่านเจ้าอยากให้คุณชายมีความสุข ท่านอยากให้คุณชายได้อยู่ในครอบครัวที่อบอุ่น สมบูรณ์พร้อม เพราะแบบนั้นภาพครอบครัวที่คุณชายเห็นจึงเป็นครอบครัวในอุดมคติของท่านเจ้า” ลุงชันพูดพลางหักเลี้ยวพวงมาลัยรถไปตามทาง “ท่านเจ้าของคุณชายน่ะไม่เหมือนใคร หากท่านรักท่านก็ให้ทุกสิ่งทุกอย่างและเพราะท่านเกิดมาเป็นคนที่สามารถให้ได้ คุณชายจึงเป็นคนพิเศษ สำหรับท่านเจ้าแล้วนอกเหนือจากนายหญิงก็ไม่มีใครสำคัญเท่ากับคุณชาย แต่สำหรับนายหญิง ท่านเจ้าคือคนสำคัญเพียงคนเดียวในโลก”

แม้ลุงชันจะแฝงความนัยไว้ในถ้อยคำแต่ธราก็ไม่สามารถเข้าใจได้ เขาทำหน้างุนงงในขณะที่ลุงชันหัวเราะด้วยความเอ็นดู “ตราบใดที่เรื่องนี้ยังไม่เกิดผลกระทบ คุณชายก็ยังไม่ต้องเข้าใจก็ได้ครับ”

“แล้วถ้าเกิดคุณพ่อกับคุณแม่หย่ากัน ผมจะถูกทิ้งอีกหรือเปล่าครับ” ธราเผยความกังวลใจ “คนอย่างผมมีสิทธิ์เลือกบ้างไหม”

“ไม่ต้องห่วงครับ คุณพ่อท่านรักคุณชาย ท่านไม่ทิ้งคุณชายแน่นอนและคุณชายก็เป็นลูกชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของท่าน อยู่ในความอุปการะของท่านเพียงคนเดียวมาตั้งแต่แรก”

คำว่า ‘เพียงคนเดียว’ ไม่ได้สะดุดหูของธรา เพราะเขาเอาแต่คิดถึงท่านเจ้า คิดถึงอนาคตที่อาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน พอคิดแบบนั้นความกลัวก็เข้าครอบงำอย่างช่วยไม่ได้ “แต่ผมอยากอยู่กับเจ้า เจ้าคงต้องไปอยู่กับคุณแม่ใช่ไหมครับ”

“ครับ หากตกลงกันเรียบร้อยแล้วท่านเจ้าต้องอยู่กับนายหญิง เพราะท่านเป็นทายาทเพียงคนเดียว”

ความจริงในข้อนี้ทำให้ธราปวดใจ ปลายทางที่มองเห็น ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่ได้อยู่กับท่านเจ้า แม้จะตั้งคำถามว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเป็นร้อยๆ ครั้งก็คงไม่ได้รับคำตอบ เพราะอย่างที่ลุงชันพูดไว้ ทุกคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง เหตุผลที่เด็กกำพร้าถูกทิ้งอย่างเขาคงไม่มีวันเข้าใจ

รถเบนซ์สีดำคันหรูส่งธราที่หน้าคฤหาสน์ซึ่งยามนี้สว่างไสวและสวยงามไปด้วยแสงไฟจากจุดต่างๆ สถานที่ที่เหมือนภาพฝันเมื่อได้เห็นเป็นครั้งแรกยังคงเหมือนเช่นวันวาน ไม่ว่าจะผ่านเลยมากี่ปีก็ยังคงความงดงามอยู่อย่างนั้น เหมือนๆ กับวันแรกที่ท่านเจ้าบอกว่า ‘ยินดีต้อนรับนะน้องดิน ที่นี่เป็นบ้านของเรา’

ธราก้าวลงจากรถหลังจากบอกลาลุงชันที่เคลื่อนรถออกไป เขาเดินเข้าไปในบ้านที่เงียบสงบ หยุดทักทายแม่บ้านที่ออกมาต้อนรับด้วยน้ำผลไม้เย็นชื่นใจก่อนจะขอตัวกลับไปทำงาน หน้าที่ที่ท่านเจ้ากำหนดให้กับคนในบ้านนั้นทุกคนยังปฏิบัติได้ดีแม้ว่าตัวคนกำหนดในตอนนี้จะไม่กลับมาร่วมสองเดือนแล้ว

“เฮ้อ…" เสียงถอนหายใจของธราดังสะท้อนโถงทางเดินในขณะที่เขาเดินตัดไปยังบันไดที่ทอดนำขึ้นสู่ชั้นสองของตัวบ้าน ทั้งที่ปกติแล้วต้องไปทักทายคุณแม่ที่มักจะง่วนอยู่ในครัวหรือบางครั้งก็ไปทักทายคุณพ่อที่ห้องหนังสือหากวันไหนท่านกลับบ้านแต่หัวค่ำ ทว่าตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว เขาจำไม่ได้ว่าทำเรื่องแบบนั้นครั้งสุดท้ายตอนไหน ที่จำได้ก็มีแต่ขลุกตัวอยู่กับท่านเจ้า พี่ชายที่แสนดีของเขา ทำการบ้าน เล่นเกมหรือแม้แต่นอนพูดคุยกันถึงเรื่องราวในโรงเรียน

ธราก้าวเดินช้าๆ เขาลากเท้าไปตามทางเดินอย่างนึกเบื่อหน่ายก่อนจะชะงักเมื่อรู้สึกถึงลมเย็นๆ ลอดผ่านประตูบานใหญ่ของห้องนอนท่านเจ้าที่เปิดแง้มเอาไว้ เขาขมวดคิ้ว จ้องมองด้วยหัวใจที่เต้นรัวแรงแล้วรีบผลักประตูให้เปิดออก เมื่อแทรกตัวเข้าไปในห้องเรียบร้อยก็ปิดประตูลงอย่างเบามือ

กลับมาแล้ว...เจ้าชีวิตของเขากลับมาแล้ว

เขาร่ำร้องขึ้นในใจเมื่อเห็นร่างสูงโปร่งของท่านเจ้านอนอยู่บนเตียง ใบหน้าคมคายแผ่ความเย็นชาแม้ในยามที่เปลือกตาปิดสนิท เขายื่นมือออกไปสัมผัสที่แก้มเนียน แน่ใจว่ามือของเขาคงเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งด้วยความตื่นเต้นเพราะแค่สัมผัสก็ทำให้คนที่อยู่ในห้วงนิทราสะดุ้งเฮือกพลางลืมตาขึ้น

“ขอโทษครับ” ธราบอกขอโทษเบาๆ “ขอโทษที่ทำให้เจ้าตื่น”

“ไม่เป็นไร” ท่านเจ้าตอบเสียงเรียบ ปราศจากรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างที่ชอบยิ้มให้กับธรา “เพิ่งกลับมาเหรอดิน”

“ครับ” ธราตอบพลางขยับเข้าไปใกล้ แต่ท่านเจ้าขยับออกห่าง เขาจึงต้องหยุดตัวเองไม่ให้ขยับเข้าไปใกล้กว่านี้

“แล้วเข้ามาในห้องพี่มีธุระอะไรหรือเปล่า”

ธราเม้มริมฝีปาก สะกดกลั้นความเสียใจ เพราะรู้ดีว่าตัวเขาเป็นฝ่ายผิด แต่สรรพนามที่ห่างเหินทำให้อดที่จะน้อยใจไม่ได้ “ลุงชันบอกว่าเจ้าไม่มีกำหนดกลับ ไม่มีใครรู้เลยว่าเจ้ากลับมา ทำไมไม่บอกกันเลย โกรธกันมากจนไม่อยากเจอกันแล้วเหรอ”

“พี่ไม่เคยโกรธ” ท่านเจ้ายกมือขึ้นลูบศีรษะของธราเบาๆ เมื่อเห็นว่าคนสำคัญกำลังเสียใจแล้วก็ใจอ่อนทุกที “แต่ถ้าพี่ทำให้อึดอัด ทำให้ดินไม่มีความสุข พี่ก็ไม่ควรอยู่กับดินต่อ”

“ขอโทษที่พูดไม่ดี ขอโทษที่เป็นน้องชายที่ไม่ได้เรื่อง” ธรากล่าวขอโทษทั้งน้ำตา ตั้งแต่ที่ได้เผลอพูดถ้อยคำนั้นออกไปก็เสียใจอยู่ทุกวัน “แต่จากนี้จะเป็นเด็กดีของเจ้า จะไม่เกเร จะไม่ขัดใจเจ้าอีกแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าทิ้งผมได้ไหม ให้ผมได้อยู่กับเจ้าต่อเถอะนะ ผมไม่ชอบชีวิตที่ไม่มีเจ้าเลย”

ท่านเจ้าใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้กับธราพร้อมกับเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “แน่ใจแล้วเหรอครับว่าจะเป็นเด็กดีของพี่”

ธราพยักหน้า เขารับรู้ถึงความทรมานที่ไม่มีท่านเจ้าแล้วและจะไม่ขอรับรู้มันอีก “ครับ” คำตอบรับหนักแน่นทำให้ท่านเจ้าเผยรอยยิ้มกว้าง “จะเป็นเด็กดี”

“ที่รัก” ท่านเจ้ากระซิบเมื่อดึงธราเข้าสู่อ้อมแขน ใบหน้าคมคายโน้มเข้าใกล้ ก่อนริมฝีปากบางจะบดขยี้ลงบนริมฝีปากของธราอย่างหนักหน่วง ราวกับเฝ้ารอมานานแล้วที่จะได้รับคำอนุญาต “ต่อให้เจ้าทำแบบนี้” ท่านเจ้าจูบธราอีกครั้งแล้วผละออก “ดินก็จะเป็นเด็กดีใช่ไหม”

แม้จะตกใจแต่ธราก็พยักหน้า ผิวหน้าขาวขึ้นสีแดงระเรื่อ หัวใจเต้นรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

จูบแรกของเขา...จูบแรกกับคนที่เป็นพี่ชาย จูบแรกกับท่านเจ้า แต่เมื่อมองสบตากับคนตรงหน้า เขาก็พบว่าไม่ใช่...จูบแรกนี้กับผู้ชายที่ชื่อเจ้า จักรพรรดิ ต่างหาก

“อ้าปากหน่อยครับ” ท่านเจ้าบอกเสียงนุ่มกับธราที่กำลังตื่นเต้นกับสัมผัสแปลกใหม่ เด็กหนุ่มที่เติบใหญ่ขึ้นมาโดยไม่เคยรู้จักสัมผัสนี้ถึงกับทำหน้างงงวย แต่เมื่อถูกสั่งแกมขอร้องก็ทำตามแต่โดยดี เขาเผยอริมฝีปากขึ้น เปิดช่องเพียงเล็กน้อย แต่แค่เท่านั้นก็ทำให้ท่านเจ้ารุกล้ำเข้าไปได้ ริมฝีปากของเขาถูกดูดดึง บดคลึงจนแดงช้ำ ในขณะที่ในโพรงปากก็ถูกเรียวลิ้นร้อนเข้าสำรวจ จูบร้อนแรงที่ช่วงชิงเอาลมหายใจของเขาดำเนินไปอย่างดุดัน ท่านเจ้าไม่ปล่อยเขา เอาแต่ตักตวงอย่างคนไม่รู้จักอิ่ม

“อือ..อ” เสียงครางต่ำดังขึ้นในลำคอของธรา เลือดในกายฉีดพล่านจนรู้สึกร้อนเร่า ยิ่งเมื่อท่านเจ้าละริมฝีปากไปที่ซอกคอของเขา เขาก็ยิ่งส่งเสียงน่าอาย “เจ้า...”

“หืม” ท่านเจ้าขานรับ หยุดชะงักการกระทำแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนสำคัญ “ว่าไงครับเด็กดี”

“ผม…” ใบหน้าของธราแดงก่ำ “รู้สึกแปลกๆ”

“รังเกียจมั้ย”

ความรู้สึกของธราไม่ใกล้เคียงความรู้สึกที่ท่านเจ้าถามเลยแม้แต่น้อย “ไม่ครับ”

“แล้วถ้าเจ้าทำมากกว่านี้” มือผอมของท่านเจ้าไล้ไปตามลำตัวของธราก่อนจะหยุดลงที่กลางกายของเขา สอดมือเข้าไปสัมผัสกับสิ่งที่อยู่ใต้เนื้อผ้าในระหว่างที่เจ้าของมือก็สบตากับเขาโดยไม่ปิดบังความต้องการ “ดินจะว่ายังไง”

“แต่เรา...” แม้จะมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว ธราก็ไม่กล้าที่จะก้าวผ่านเส้นความสัมพันธ์ของเขากับท่านเจ้าไปมากกว่านี้ เขาไม่ใช่เด็กไม่รู้ประสา เขารู้อยู่แล้วว่าการจูบกันอย่างลึกซึ้งไม่ใช่เรื่องที่พี่ชายกับน้องชายควรทำ ทว่าต่อให้รู้ก็ไม่ได้นึกขัดขืนหรือรังเกียจ ตรงกันข้าม...เขากลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

“เวลาอยู่กันสองคน ไม่เป็นพี่น้องแล้วได้มั้ย” ท่านเจ้ายอมเผยความในใจให้ธราได้รับรู้เป็นครั้งแรก “ดินรู้หรือเปล่าว่าเจ้าต้องอดทนมากแค่ไหนที่ต้องรักษาระยะห่าง รู้หรือเปล่าว่าเจ้าต้องหักห้ามใจมาตลอด”

“แล้วคนอื่นเขาจะคิดยังไงล่ะครับ ถ้ามีใครรู้ว่าเราทำเรื่องแบบนี้กัน” ไม่มีพี่น้องที่ไหนจูบกัน ไม่มีพี่น้องที่ไหนมองกันด้วยความปรารถนาเหมือนอย่างที่ธรากับท่านเจ้ามองกันอย่างนี้เลย

“ไหนดินบอกว่าจะเป็นเด็กดี” ท่านเจ้าตัดพ้อ สีหน้าน้อยใจที่ธราเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกปรากฏแก่สายตา “โกหกเหรอ”

“เปล่าครับ” ธรารีบปฏิเสธ ไม่อาจทนมองท่านเจ้าของเขาตัดพ้อต่อได้ “ผมจะเป็นเด็กดีของเจ้า”

“อืม” ท่านเจ้ายิ้มกว้างก่อนจะบดจูบธราอีกครั้ง ครั้งนี้หนักหน่วงจนริมฝีปากของเขารู้สึกเจ็บ “ถ้ากลัวว่าคนอื่นจะคิดยังไง ก็ให้เป็นความลับของเราสองคนนะครับ น้องดินของพี่เก็บความลับเก่งใช่มั้ย”

ธราพยักหน้าพลางคลี่ยิ้มตาม “อื้ม” เขาพ่ายแพ้ทุกที ท่านเจ้าน่ะไม่เคยเอาแต่ใจ แต่กลับมีวิธีที่ทำให้เขาสามารถคล้อยตามได้ง่ายๆ “จะเก็บอย่างดีเลยครับ”

“แล้วที่ว่ารู้สึกแปลกๆ คือตรงนี้เหรอ” แววตาของท่านเจ้ากรุ้มกริ่มในขณะที่มือก็ลูบไล้ ‘ตรงนี้’ ของธราไปด้วย เด็กหนุ่มถึงกับเกร็งตัวขึ้นเพราะไม่เคยมีใครสัมผัสนอกจากมือของเจ้าตัว “มีอารมณ์กับพี่ชายแบบนี้ เป็นเด็กไม่ดีเลยนะ”

เชื่อแน่ว่าถ้าไอ้วินรู้ มันก็คงต้องร้องฉิบหายแล้วไปกับธราแน่นอน เขาน่ะเคยเกิดอารมณ์ทางเพศเพราะท่านเจ้ามานับครั้งไม่ถ้วน ปรึกษาปัญหานี้กับไอ้วินก็บ่อยจนโดนมันแซวเกือบความแตกไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ถูกจับได้คาหนังคาเขาแบบนี้เลย แต่แล้วจะแปลกอะไร โดนจูบขนาดนี้ถ้าไม่มีอารมณ์น่ะสิแปลก

“เจ้าครับ...อย่า” ในขณะที่ธรากำลังตบตีกับความคิดของตัวเองอยู่นั้น ท่านเจ้าก็ทำสิ่งที่คาดไม่ถึง พี่ชายตัวดีของเขาลดระดับใบหน้าลงจนอยู่ในระดับที่อันตรายต่อหัวใจและก็เกือบจะทำให้หัวใจของเขาแทบวายเมื่อริมฝีปากบางงัดเอาเจ้าสิ่งแข็งขืนใต้เนื้อผ้าออกมาครอบครอง แค่ในทีเดียวเจ้าสิ่งนั้นก็ผลุบหายเข้าไปในโพรงปากอุ่นร้อนเกือบครึ่ง

“ซี๊ดด..ด” คนถูกกระทำสูดปากจนเกิดเสียงเมื่อกลางกายถูกเล่นงานอย่างหนักหน่วง ริมฝีปากบางห่อตัวแล้วขยับรูดขึ้นลง ลิ้นร้อนก็ทำหน้าที่ดุนดันเป็นอย่างดี ธราเชิดหน้าครางต่ำ จับศีรษะผู้รุกล้ำไว้แล้วกดลง คราวนี้มันจึงผลุบหายเข้าไปเกือบหมด ทำให้เขาแทบคลั่งไปกับสัมผัสที่ถูกมอบให้ ริมฝีปากเม้มแน่นก่อนจะคลายออกแล้วฟันกระต่ายเริ่มขบกัดริมฝีปากล่าง สะกดกลั้นอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่าน ในระหว่างที่เอวสอบเริ่มสวนกลับเพื่อโต้ตอบการรุกล้ำ เขารู้ว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยแต่กลับรู้สึกสุขจนเกินจะทน

“อาา..า”

ราวกับฝันเป็นจริง ความฝันที่ในระยะนี้ได้เสพสุขร่วมกับท่านเจ้าผู้เป็นพี่ชาย สุดท้ายก็ได้กลายมาเป็นความจริง พอก้มลงมองก็ยิ่งย้ำชัดว่าท่านเจ้ากำลัง ‘ทำ’ ให้ เสียงดูดดุนยิ่งกระตุ้นอารมณ์ดิบให้พุ่งสูง

“จะเสร็จแล้วครับเจ้า” เสียงของธรากระเส่า เร่งเร้าให้คนปรนเปรอยิ่งเพิ่มความถี่กระชั้นในการขยับริมฝีปาก เขาหลับตาแน่น ครางต่ำในลำคอ ก่อนจะกระตุกสั่นในริมฝีปากของท่านเจ้า ปลดปล่อยความต้องการเหนียวข้นให้พี่ชายที่เป็นแค่คำเรียกของสถานะได้ลิ้มลอง

ทำลงไปแล้วสินะ...ในที่สุดก็ทำลงไปจนได้

.

.

นับตั้งแต่วันนั้น นับตั้งแต่วันที่ได้ก้าวข้ามเส้นความสัมพันธ์ ธราก็ไม่เคยแยกห่างจากท่านเจ้า ทั้งคู่ตัวติดกันยิ่งกว่าเดิม เจอท่านเจ้าที่ไหนก็มักจะเจอธราที่นั่น กรงทองที่เขาพาตัวเองกลับเข้าไปไม่ได้สร้างความอึดอัดให้อีกต่อไปแล้ว แต่กลับเต็มไปด้วยความสุขที่โอบล้อมตัวของเขาเอาไว้

ธราไม่เคยตั้งคำถามถึงการกลับมาของท่านเจ้าที่กลับมาเพียงลำพัง เพราะเขาพอใจแล้วที่ได้อยู่กับท่านเจ้า พอใจแล้วที่บ้านหลังใหญ่นี้ไม่ได้มีแค่เขาที่ถูกทิ้งไว้ บิดาไม่ได้กลับมาที่บ้านนับเวลาก็ร่วมหลายเดือนแล้ว ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าท่านไปอยู่ที่ไหน ได้พูดคุยกันผ่านสายโทรศัพท์ก็เท่านั้น ส่วนมารดานั้น ท่านเจ้าบอกแค่ว่างานยุ่งแล้วตัดบทไม่ให้เขาตั้งคำถามไปมากกว่านี้

“งอนอะไรครับที่รัก” ในเวลาที่อยู่ด้วยกันสองคนท่านเจ้ามักจะเรียกธราด้วยคำพูดแสนหวานอย่างนี้เสมอ แขนยาวทั้งสองข้างก็โอบรอบเอวของเขาไว้ไม่ห่าง “ไหนบอกเจ้าหน่อยครับ หน้าบึ้งตั้งแต่อยู่ที่โรงเรียนแล้ว”

“เจ้าสนิทกับจี้มากเกินไปแล้วรู้ตัวหรือเปล่า” น้ำเสียงของธรากรุ่นไปด้วยความอิจฉา นับวันเขาก็ยิ่งทำตัวเหมือนท่านเจ้าที่เคยเป็นหมาบ้าไปทุกที “คุยแต่เรื่องที่รู้กันสองคน แล้วยังออกไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ”

ท่านเจ้าหัวเราะพลางกอดธราแน่นขึ้น “ก็เพื่อนเจ้านี่ครับ ดินก็ไปเที่ยวกับไอ้วิน เจ้ายังไม่ว่าเลย”

“ไม่เหมือนกัน” ตอบเสียงห้วนแล้วพยายามผละออกจากอ้อมแขนของคนที่ไม่ยอมเข้าใจอะไรเลย “เพราะจี้น่ะ...”

“จี้ทำไมครับ”

“ก็…” ธราไม่กล้าพูด เขารู้ความรู้สึกของจี้ดี แค่มองตาก็รู้แล้วว่าสายตาของจี้เต็มไปด้วยความรู้สึกแบบไหนเวลามองท่านเจ้า “เอาเป็นว่าอย่าอยู่กับจี้บ่อยๆ”

“อ้าว...ซะงั้นเลยคนเรา” ท่านเจ้าส่ายหน้าอ่อนใจกับคนที่อยู่ๆ ก็ไร้เหตุผลขึ้นมา แต่เพราะเป็นธราจึงยอมความได้ “เป็นเด็กขี้หวงตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”

ธราเบ้ปาก มองตาคว่ำ “หวงพี่ชายผิดด้วยเหรอ”

“หืม” เลิกคิ้วมองคนขี้หวง “ให้เป็นพี่ชายเท่านั้นใช่มั้ย”

“ไม่” ธราปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ก่อนจะละล่ำละลักพูด “ก็...เจ้าก็รู้ว่าเรา...”

“เรา…” คนยียวนลากเสียงตาม

“เจ้าอย่าแกล้ง”

“พูดออกมาสิครับ” ท่านเจ้าเร่งเร้า คลี่ยิ้มกว้างเมื่อได้แกล้งคนสำคัญ “เจ้ารอฟังอยู่นะ”

“เจ้ายังไม่เคยพูดเลย” น้ำเสียงของธราแฝงความน้อยใจ “บอกตลอดว่าไม่อยากเป็นพี่ แต่ก็ไม่เคยบอกว่าอยากเป็นอะไร”

“โอ้โห...เจ้าผิดเลย” แววตาของท่านเจ้าเต็มไปด้วยความขบขัน “ถ้างั้นก็ขอโทษนะครับ”

“อือ ไม่โกรธหรอก แค่...”

“แค่น้อยใจ”

ธราย่นจมูกใส่คนรู้ทัน “รู้แล้วก็ยังไม่พูดอีก”

“ยังไม่ถึงเวลาครับ” ท่านเจ้าจูบขมับของธราแรงๆ ก่อนจะผละออกห่าง ทิ้งให้ธราได้แต่มองตามด้วยความน้อยใจ แต่เขาก็น้อยใจพี่ชายตัวดีได้ไม่นาน เมื่ออีกฝ่ายกลับมายืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกล่องขนาดเท่าฝ่ามือที่ได้รับการห่อหุ้มเป็นอย่างดีจากผ้ากำมะหยี่สีสวย บนตัวกล่องสลักชื่อของธราเอาไว้ “รับไปสิธรา”

“อะไรครับ” ธราถามพลางมองกล่องในมือท่านเจ้า คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย

“ของขวัญวาเลนไทน์ไง” ท่านเจ้าตอบ คลี่ยิ้มน่ามอง “เจ้าไม่ลืมหรอก”

คนฟังยิ้มกว้างขึ้นทันที แต่กลับพูดตรงข้ามกับเสียงหัวใจ “ไม่เห็นต้องให้เลย”

“ก็ตั้งใจไว้แล้ว วาเลนไทน์ปีแรกที่ได้เป็นมากกว่าพี่ชายแถมยังได้ดอกกุหลาบสีขาวดอกสวยที่ดินปลูกเองกับมืออีก ยังไงก็ต้องพิเศษสิครับ”

ใช่...วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์และท่านเจ้าก็ได้รับดอกกุหลาบจากธราแต่เช้าตรู่ เพราะหลังจากที่เข้าไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปเรียน พอออกจากห้องน้ำก็เห็นดอกกุหลาบดอกสวยวางอยู่บนเตียง แนบการ์ดที่มีลายมือหวัดๆ ของธราด้วยว่า ‘ความรู้สึกของผมเหมือนดอกกุหลาบห้าดอกที่มอบให้ ขอบคุณที่ทำให้วาเลนไทน์ปีนี้เป็นปีที่ดีที่สุดนะครับ’

“แล้วชอบมั้ย” ธรารู้สึกประหม่าเมื่อตั้งคำถาม “ไม่ได้มีของแพงๆ จะให้ ผมมีแค่ดอกไม้...”

“ชอบครับ” คนพูดยืนยันความชอบของตัวเองด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ “ชอบความหมายของดอกกุหลาบห้าดอก ชอบการ์ดที่ดินเขียนให้ แล้วก็ชอบอาหารเช้ามื้อพิเศษที่ดินเตรียมให้ด้วย”

“ก็ไม่ได้พิเศษ” ธราแย้ง ใบหน้าของเขาตอนนี้คงแดงไม่ต่างจากท่านเจ้า “แค่อาหารเช้าธรรมดา”

“ดินทำเองก็ไม่ธรรมดาแล้ว ทุกอย่างบนจานเป็นรูปหัวใจหมดเลย แล้วที่บอกว่าพิเศษน่ะ” ใบหน้าของคนฟังยิ่งร้อนผ่าวเมื่อคนพูดลดเสียงลงเป็นเสียงกระซิบที่แฝงไปด้วยความกระเส่าเล็กน้อย “ของดินต่างหาก ยิ่งตอนที่โดนริบบิ้นผูกไว้ก็ยิ่ง...”

“เจ้าเป็นคนแบบนี้เองสินะ”

“หึหึ”

“ระวังโดนดี”

“ยิ่งชอบเลย”

“ไม่คุยด้วยแล้วครับ” พอสู้ไม่ได้ก็ตัดบทหนีดื้อๆ “ว่าแต่ในกล่องนี้มีอะไรครับ”

“เปิดดูสิ ไม่ใช่ช็อกโกแลตโง่ๆ ที่ดินได้จากคนที่โรงเรียนทั้งวันหรอก บอกเลยว่าคนอย่างเจ้าไม่ให้ซ้ำใคร”

ธรามองคนพูดด้วยความหมั่นไส้พลางเปิดกล่องที่ได้รับมา ปากก็พูดบ่นไปด้วย “เห็นอยู่แต่กับจี้ แล้วเอาเวลาที่ไหนไปหาของขวัญ”

“ก็เวลาที่อยู่กับจี้นั่นแหละ”

“เหรอ ผิดคาดนะ ตัวติดกันซะขนาดนั้นผมก็คิดว่าเจ้าคงให้ดอกกุหลาบกับจี้วันนี้ซะแล้ว เห็นจี้ได้ดอกกุหลาบผมก็คิดว่าเป็นของเจ้า”

“ก็คิดไปเรื่อยอะคนเรา” ท่านเจ้าส่ายหน้าระอาใส่ธรา ก่อนจะตั้งคำถามเมื่อเห็นเขาเอาแต่จ้องมองของในมือ “เป็นไง ของขวัญของเจ้า”

ความอิจฉาที่เคยเกิดขึ้นในใจของธราหายวับไปกับตา เหลือเพียงความสุขใจที่ยังหลงเหลืออยู่ภายในนั้น เขามองสิ่งของล้ำค่าที่อยู่ในกล่อง ความสวยงามของมันทำให้ไม่กล้าแม้แต่จะหยิบจับขึ้นมาเชยชม

ท่านเจ้ามอบดอกกุหลาบให้เขา เป็นดอกกุหลาบที่มีขนาดความยาวเกือบเท่าฝ่ามือ ตัวดอกมีสีแดงที่เขาไม่แน่ใจว่าแกะสลักมาจากพลอยทับทิมหรืออัญมณีอื่น เขาไม่ได้เชี่ยวชาญทางด้านอัญมณีนัก แต่แน่ใจว่าตัวก้านนั้นประดับไปด้วยเพชรเม็ดเล็กๆ หลายร้อยเม็ดแน่นอน

“รู้ความหมายของดอกกุหลาบสีแดงดอกเดียวที่ไม่มีวันร่วงโรยมั้ย” ท่านเจ้ายกมือขึ้นไล้ไปตามแก้มของธรา แววตานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกทั้งรักทั้งใคร่ “นั่นแหละ...ความรู้สึกของเจ้าเป็นแบบนั้น เจ้ารักดิน...รักมากๆ รักตั้งแต่ที่ได้เห็นรอยยิ้มของดินในวันแรกที่เจอกัน”

“งั้นผมจะเก็บรักษาไว้อย่างดี” ธราบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขาสบตากับคนตรงหน้า ดึงอีกฝ่ายเข้าหาแล้วประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากบางเบาๆ ก่อนกระซิบพูด “ทั้งความรักของเจ้าและกุหลาบดอกนี้”

“สัญญาหรือเปล่า”

“สัญญาครับที่รัก”

ไม่แน่ใจว่าเพราะคำสัญญาที่หนักแน่นของธราหรือสรรพนามเรียกขานของเขากันแน่ที่ทำให้ท่านเจ้ายิ้มกว้างเต็มหน้าจนดวงตาเหมือนพระจันทร์เสี้ยว ทว่ามีสิ่งเดียวที่ธราแน่ใจ นั่นก็คือความรู้สึกของเขาที่มีต่อท่านเจ้า

ความรู้สึกรักที่ไม่ใช่รักที่มีต่อพี่ชาย แต่เป็นความรู้สึกรักที่มีให้กับผู้ชายที่ชื่อเจ้า จักรพรรดิ

.

.


ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
“ดอกกุหลาบ” ธราพึมพำออกมาหลังจากที่เขารู้สึกราวกับเพิ่งผุดขึ้นเหนือน้ำ ความรู้สึกอึดอัดในอกหายไปแล้ว เหลือเพียงแค่อาการหอบเหนื่อย เขาพลิกตัวนอนหงายหลังจากพบว่าที่รู้สึกอึดอัดเป็นเพราะนอนคว่ำทับแขนตัวเอง

“ตื่นแล้วเหรอครับ” ไอ้เจ้าที่นอนอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นธราขยับตัว “ผมคิดว่าถ้าอีกสิบนาทีคุณยังไม่ตื่นจะปลุกด้วยจูบร้อนแรงรับอรุณอยู่แล้วเชียว”

“เจ้า” ธราร้องเรียก ไม่สนใจคำหยอกล้อ “ดอกกุหลาบ”

“หืม” ไอ้เจ้าทำหน้างง “คุณอยากได้ดอกกุหลาบเหรอ เช้าๆ อย่างนี้ที่ตลาดก็น่าจะมีขายนะ ให้ผมไปซื้อให้มั้ย ว่าแต่จะเอามาทำอะไรครับ”

“ไม่…” ยกมือนวดขมับพลางสะบัดศีรษะไล่ความมึนเบลอ “ดอกกุหลาบสีแดงที่มึงเคยให้ ตัวดอกทำจากพลอยสีแดง ตัวก้านมีเพชร...มันเป็นของขวัญ”

“ของขวัญวาเลนไทน์ปีแรกของเรา” ไอ้เจ้าต่อประโยคให้ด้วยใบหน้าเครียดขรึมลงทันควัน

“มันอยู่ที่ไหน”

“หายไปแล้วครับ” ไอ้เจ้าตอบเสียงเรียบ “คุณบอกผมว่าทำหายไปแล้ว”

“แต่มันเป็นของสำคัญ แล้วกูจะทำหายได้ยังไง” ธราไม่เชื่อ บางแห่งในใจของเขากำลังตะโกนก้องว่าไอ้เจ้าโกหก

“มันหาย...ก็เพราะมันไม่สำคัญกับคุณในตอนนั้น” แววตาของไอ้เจ้าเจ็บปวดเมื่อพูดขึ้น “ผมจะรู้กับคุณมั้ยว่าคุณทิ้งมันไว้ที่ไหน”

“เจ้า กูมั่นใจว่ากูไม่ได้ทิ้ง”

“คุณจะมั่นใจได้ยังไงในเมื่อคุณจำไม่ได้” ไอ้เจ้ายิ้มหยัน “อย่าทำให้เช้านี้เป็นเช้าที่แย่เลยธรา คุณรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปเรียนดีกว่า เข้าสายบ่อยๆ เดี๋ยวก็โดนไอ้หมอแพร์บ่นคุณอีก”

“ก็ได้” ธราตอบเสียงห้วน “กูก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นเช้าที่แย่เหมือนกัน ทั้งที่มันก็เป็นมาตลอดตั้งแต่กลับจากชลบุรีวันนั้น”

ธราไม่เคยนอนหลับสนิทอีกเลย แม้จะมีเวลานอนแค่วันละสองสามชั่วโมงหรือต่อให้มีเรื่องเรียนรุมเร้า งานแก้แล็ปบานตะไท แต่เขาก็ยังมีความฝันมากมายที่ทำให้รู้สึกเหนื่อย เขาอดคิดไม่ได้ถึงความสัมพันธ์ของไอ้เจ้ากับเพื่อนที่ชื่อจี้คนนั้น ทั้งอยากรู้และไม่อยากรู้ในเวลาเดียวกันทำให้ลังเลที่จะตั้งคำถาม

“ไปหาหมอกันมั้ยดิน” ไอ้เจ้าเอ่ยชวนเมื่อเห็นสีหน้าของธรา สีหน้าของเขาเผือดซีด ขอบตาดำคล้ำอย่างน่าเป็นห่วง “ถ้ายังเป็นอย่างนี้ร่างกายของคุณจะแย่นะครับ เวลานอนเหมือนไม่ได้นอน ตื่นมาก็เลยไม่สดชื่น ทั้งเพลียทั้งหงุดหงิด ปล่อยไว้นานคงไม่ดีแน่ ผมเป็นห่วงคุณนะ”

“มึงห่วงในฐานะอะไร พี่ชายหรือไง” ธราย้อนถามพลางเหยียดยิ้มไม่น่ามอง ช่วงนี้เขาหงุดหงิดงุ่นง่านจนกลายเป็นคนไม่น่าคบหา “อ๋อ...ใช่สิ มึงเป็นพี่ชายที่เป็นคนรักของกูด้วยนี่ แต่ถามหน่อยเถอะ ตอนนั้นมึงบอกคนอื่นว่ายังไงวะ บอกว่ากูเป็นน้องหรือบอกว่าเป็นผัว”

“ดิน…”

“หรือมึงมีคนของมึงอยู่แล้วกันแน่เจ้า คนที่บอกว่าเป็นเพื่อนคนนั้นน่ะเป็นผัวหรือเป็นเมียมึง”

“ผมว่าคุณชักจะพูดไม่รู้เรื่องแล้ว”

“กูก็พูดไม่รู้เรื่องจริงๆ นั่นแหละ” ว่าแล้วก็นึกสมเพชตัวเอง “แม้แต่ตัวกู กูยังไม่รู้เลยว่ากูเป็นใคร กูเป็นแค่ไอ้โง่ที่จำอะไรไม่ได้อยู่คนเดียว”

“ผมเข้าใจที่คุณหงุดหงิด” ไอ้เจ้ากล่าวอย่างสงบ ไม่เต้นไปตามอารมณ์ของธรา ขืนร้อนใส่กันคงมีแต่พังกับพัง “แต่อะไรทำให้คุณคิดว่าผมมีคนอื่น”

“ความรู้สึกของกูตอนเห็นมึงอยู่กับเขา” ธราว่าพลางยกมือขึ้นเสยผมไปด้านหลังด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจเมื่อหวนนึกถึงตอนที่คนคนนั้นจูบลงบนหลังเท้าของไอ้เจ้า “มันไม่ธรรมดาเลยนะเจ้า เป็นแค่เพื่อนจริงๆ เหรอวะ”

“แค่เพื่อนครับ”

“แล้วทำไม...” ธราหยุดพูดไปเสียอย่างนั้น ก่อนจะตัดบท “ช่างเถอะ ต่อให้ไม่ใช่แค่เพื่อนแล้วกูจะว่าอะไรมึงได้”

ไอ้เจ้าคลี่ยิ้มอย่างอ่อนใจ “ขี้หึงจริงๆ”

“ไม่ได้หึง” ปฏิเสธเสียงห้วนอย่างไม่ยอมรับ

“คุณหึง”

“มึงนี่...” รู้สึกพ่ายแพ้ต่อรอยยิ้มของมัน “ดื้อด้าน เป็นพี่บ้าบออะไรวะ ดื้อกว่าน้อง”

“เป็นพี่ที่ไม่เคยใช่พี่อะ”

“แล้วเป็นอะไรถ้าไม่ใช่พี่”

“เป็นเมีย”

“เคยเรอะ”

“ตอนนั้นก็หลายครั้ง แต่ตอนนี้ยังไม่ได้สักครั้งเดียว”

“มึงมา!”

ท่าทางคุกคามของธราทำให้ไอ้เจ้าหัวเราะ “ล้อเล่นครับ ผมก็ไม่ได้กามขนาดนั้น”

“มึงกามขนาดนั้นแหละ”

“ไปอาบน้ำไป๊”

คราวนี้เป็นฝ่ายธราที่หัวเราะขึ้นมาบ้าง เขาเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเปลื้องผ้าต่อหน้าไอ้เจ้าที่ร้องอู้ขึ้นอย่างอารมณ์ดี “แล้วบอกว่าไม่กาม มองกูไม่วางตาเลยไอ้ห่า”

“โผ๊มก็มีความรู้สึกอยู่เด้อ”

“อยู่กับไอ้น้องเอ๋บ่อยก็เลยได้สำเนียงเพี้ยนๆ มาหรือไง”

“ถ้าไม่เมากาวนายเอ๋ก็ไม่เพี้ยนหรอก แต่ที่เพี้ยนปกติน่ะนายขวัญ” ไอ้เจ้าพูดถึงเพื่อนพลางหัวเราะคิก เห็นมันอารมณ์ดีแล้วธราก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ เขาเดินเข้าไปใกล้แล้วขยี้ศีรษะของมันแรงๆ จนผมที่ถูกเซ็ตเป็นทรงชี้ไปคนละทิศคนละทาง

“คบเพื่อนปกติบ้าง” ธราเตือนไม่จริงจังนัก โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเพื่อนของเขาแต่ละคนก็ไม่ได้ต่างจากเพื่อนของไอ้เจ้ามากนัก

“เพื่อนของคุณก็ไม่มีใครปกตินะดิน” ไอ้เจ้าเถียงก่อนจะเริ่มสาธยาย “ไอ้หมอแพร์ขี้บ่น น้องหมอจอมก็ไม่ค่อยเต็ม วันๆ เอาแต่คิดว่าตัวเองท้องกับกู ส่วนไอ้หมอคินว่างเมื่อไหร่ก็เอาแต่นอนแล้วละเมอถึงฟันปลอมอย่างกับเป็นคนรัก”

“เออ ก็จริง” เถียงไม่ได้จึงจำต้องเห็นด้วย “ควรเลิกคบว่ะ”

“สงสารน้องหมอจอมล่วงหน้าเลยนะ หลุดจากกลุ่มคุณไปก็คือไม่มีใครคบแล้ว ทุกวันนี้ก็ชอบมาบ่นว่าโดนคุณกับไอ้หมอแพร์ทิ้ง ไอ้หมอคินก็ไม่สนใจไยดี”

ธราเลิกคิ้วนิดๆ พลางมองไอ้คนขี้สงสารอย่างจับผิด “คุยกับไอ้จอมบ่อยเหรอ”

“ก็ไม่บ่อย” ไอ้เจ้าตอบ พยายามกระตุกปมผ้าเช็ดตัวของธรา แต่เขาก็รั้งไว้สุดกำลัง “แน่นแฮะ”

“ก็แล้วจะดูทำไม” ว่าเสียงดุแล้วใช้มือดันใบหน้าของไอ้เจ้าออกห่าง

“เผื่อของคุณไม่เหมือนของผม” คนหาข้ออ้างทำหน้ายียวนก่อนจะถูกเขกหัวเข้าให้ “เนี่ย! ชอบใช้กำลัง”

“มึงนี่นะ เป็นบ้าเป็นบอได้ทุกวัน” ทุกวันนี้ธราก็ชักไม่แน่ใจแล้วว่าคนที่ควรไปพบหมอคือเขาหรือไอ้เจ้ากันแน่ เพราะอารมณ์ของมันเหวี่ยงยิ่งกว่าคนมีประจำเดือน บางวันก็ดีด บางวันก็ทำหน้านิ่งทั้งวันจนตามอารมณ์แทบไม่ทัน

“คนหน้าตาดีก็อย่างนี้แหละคุณ” ไอ้เจ้ายิ้มเผล่ ท่าทางของมันในวันนี้ร่าเริงราวกับคนไม่มีเรื่องทุกข์ใจใดๆ

“ถ้าหน้าตาดีแล้วเป็นบ้า กูว่ากูขอขี้เหร่”

“คนขี้เหร่ก็เป็นบ้าได้นะคุณ ยกตัวอย่างเช่นนายเอ๋เพื่อนของผม”

ธรารู้สึกสงสารไอ้เด็กกาวคนนั้นจับใจ “ไอ้น้องเอ๋นี่มีดีอะไรบ้างวะ”

“นิสัยดี” เพื่อนไอ้น้องเอ๋ตอบโดยไม่เสียเวลาคิด “เป็นเด็กน่ารักใสซื่อคนหนึ่งเลย”

“เด็กใสซื่อที่ไหนเมากาว”

“ฮ่าๆ ๆ” ไอ้เจ้าระเบิดหัวเราะทันทีกับความคิดของธรา “พูดแต่ว่ามันเมากาวจนคนอื่นจะคิดจริงๆ แล้วนะว่ามันดมกาวอะ”

“อ้าว ไม่ได้ดมเรอะ”

“มันชอบซื้อกาวมาทำงานศิลปะอะคุณ ไม่ได้ซื้อมาดม” ไอ้เจ้ารีบอธิบาย “ผมยืนยันได้ ที่ดมทุกวันนี้อะทินเนอร์ต่างหาก”

ธราหลุดหัวเราะ ใบหน้าหล่อเหลากระจ่างขึ้นเมื่อมีรอยยิ้ม “ขายเพื่อนแล้วนายคนนี้”

“เป็นมุขที่ทำให้คุณอารมณ์ดีต่างหาก” ไอ้เจ้ายิ้มกว้างเมื่อเห็นธรามีสีหน้าสดชื่นขึ้น “ทีนี้ก็ไปอาบน้ำได้แล้วนะครับ เดี๋ยวผมไปอุ่นข้าวต้มให้”

“อือ” ธราขานรับเบาๆ ในลำคอพลางมองตามไอ้เจ้าที่ลุกขึ้นจากเตียงและกำลังเดินไปที่ประตูห้องนอน “เจ้า”

คนถูกเรียกชะงักเท้า ก่อนหันมอง “ว่าไงดิน”

“เย็นนี้กูมีนัด” ธราบอกพลางก้าวไปยืนตรงหน้าไอ้เจ้า “จันทร์อยากเจอ กูก็เลยตกลงจะไปกินข้าวกับเขา”

แววตาของไอ้เจ้าไม่เผยความรู้สึก มีเพียงริมฝีปากเท่านั้นที่กำลังคลี่ยิ้ม “อยากเจออีกแล้วเหรอ หลังกลับจากชลบุรี คุณก็ไปเจอมันทุกวันเลยนะ มีเรื่องอะไรให้คุยกันขนาดนั้น แค่ในแชตยังไม่พอหรือไง พามานอนด้วยเลยมั้ยจะได้หายคิดถึงกัน”

“เจ้า อย่าเพิ่งพาลได้มั้ยวะ” ธราปรามไม่เต็มเสียงนัก ก่อนจะรีบอธิบายเพราะเกรงว่าความคิดของไอ้เจ้าจะเลยเถิดไปมากกว่าความเป็นจริง “ก็แค่ไปเจอ ไปกินข้าว ไปเดินเที่ยวด้วยกัน ไม่ได้มีอะไรเกินกว่านั้นเลย”

“แต่คุณไม่ได้ว่างไงธรา” น้ำเสียงของไอ้เจ้าเข้มจัด รอยยิ้มบนใบหน้าคมคายเริ่มบิดเบี้ยวไปเพราะโทสะที่เริ่มปะทุ “มันรู้หรือเปล่าว่าคุณเรียนหนัก งานก็เยอะ เวลาพักผ่อนแทบจะไม่มี แล้วจะนัดออกไปเจอทำไมบ่อยๆ กว่าจะกลับมาก็ดึกดื่น ขนาดผมอยากจะชวนคุณออกไปกินข้าวข้างนอก ผมก็ยังห่วงว่าคุณจะเหนื่อยเกินไป ซื้อข้าวกลับมาเตรียมไว้ให้คุณทุกครั้ง ผมอยากไปเดตที่โรงหนังกับคุณบ้าง แต่ผมก็อดทนนั่งดูหนังคนเดียวที่หน้าทีวีเพื่อรอให้งานของคุณเสร็จ ผมอยากไปเดินเที่ยวกับคุณ อยากพาคุณไปในที่ที่ผมชอบ แต่พอเห็นคุณทั้งง่วงทั้งเพลีย ผมก็อยากให้คุณพักผ่อน ผมเป็นห่วงทุกเรื่องของคุณ แล้วดูสิ่งที่คุณกำลังทำ คุณห่วงตัวเองบ้างมั้ย หรืออยากไปเจอมันมากจนไม่นึกห่วงตัวเองเลย”

ธราดึงมือที่กำลังสั่นด้วยความโกรธของไอ้เจ้ามากุมไว้ เขาบีบเบาๆ เพื่อหวังให้มันใจเย็นลงบ้าง ไม่เคยเห็นโกรธมากขนาดนี้ก็รับมือไม่ถูก ปกติแล้วเจ้า จักรพรรดิมีแต่รอยยิ้ม แม้จะเป็นรอยยิ้มจอมปลอมแต่ก็เป็นเครื่องหมายการค้าที่บ่งบอกว่าอารมณ์ของมันอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ทว่าในตอนนี้กลับพร้อมจะพังสิ่งที่ขวางตรงหน้าให้ราบเป็นหน้ากลอง

“ที่กูไปเจอเขา มันไม่ใช่ความรู้สึกอยากเจอเหมือนที่กูต้องกลับห้องมาเจอมึงทุกครั้งหรอกนะเจ้า แต่กูก็แค่อยากแน่ใจกับความรู้สึกที่มันรบกวนกูอยู่ในตอนนี้ กูหาคำตอบเองไม่ได้ กูก็เลยต้องไปหาคำตอบที่เขา”

ไอ้เจ้าสบตากับธรา มองลึกเข้าไปในดวงตาสีดำขลับ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบ “แล้วคุณได้คำตอบบ้างหรือยัง ตอนนี้ความลังเลในใจของคุณมันชัดเจนขึ้นบ้างมั้ย”

“อืม ก็ค่อนข้าง”

รอยยิ้มหยันปรากฏขึ้น “งั้นถ้ากำหนดวันจะทิ้งผมได้เมื่อไหร่ก็บอกล่วงหน้าก็แล้วกัน”

“เราก็ไม่ใช่คนที่คบกันอยู่แล้วนี่” ธราตอกกลับ รู้สึกหงุดหงิดใจกับคนที่เอาแต่คิดจะทิ้งกันไป ไอ้เจ้าจะรู้บ้างไหมว่าการฟังถ้อยคำทำนองนี้ซ้ำๆ นั้นไม่ใช่เรื่องที่ดี หัวใจของเขาปวดหนึบทุกครั้งที่ได้ยิน “กูยังต้องกำหนดวันอีกเหรอ ถ้าไม่อยากอยู่แล้วมึงจะไปตอนนี้ก็ได้”

คำพูดของธราเป็นเหมือนค้อนเหล็กที่คอยทุบหัวใจของไอ้เจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า “อ้อ…งั้นผมไปได้เลยใช่มั้ย”

“มึงเป็นพี่ชายประสาอะไรถึงทิ้งน้องชายของตัวเองได้ลง” สถานะพี่น้องถูกยกมาอ้าง ในขณะที่คนฟังทำได้เพียงหัวเราะเบาๆ กับเรื่องตลกร้ายนี้ “เว้นแต่มึงจะไม่ใช่”

ไอ้เจ้าเลิกคิ้วเมื่อได้ฟัง ดวงตาเรียวคมมองธราด้วยความสงสัย “มีเรื่องอะไรที่คุณจำได้แล้วยังไม่ได้บอกกับผมหรือเปล่าธรา”

“เปล่า” คำปฏิเสธห้วนสั้นหนักแน่น แต่ไม่นำพาให้คนฟังเชื่อถือ

“พักหลังมานี้คุณไม่เล่าความฝันให้ผมฟังเลย มีเรื่องไหนที่จำได้ คุณก็ไม่ค่อยพูด หรือตอนนี้ผมไม่มีสิทธิ์รู้แล้ว”

“ความฝันมันก็มีทั้งเรื่องจริงกับเรื่องไม่จริง แล้วจะให้กูเล่าอะไร” ธราเลี่ยงจะสบตา เขาไม่ได้เก่งเรื่องปกปิดความรู้สึกเหมือนไอ้เจ้า ยิ่งแววตาที่มองมาเต็มไปด้วยความกดดันเขาก็ยิ่งต้องหนี

“เอาเถอะ ผมไม่คาดคั้น” ไอ้เจ้าตัดบทเสียดื้อๆ จากที่คิดว่ามันจะซักไซ้มากกว่านี้แต่มันก็ไม่ทำ “สรุปยังไง ผมไปได้เลยใช่มั้ย”

“ไปได้ก็แย่ละ คิดจะจบง่ายขนาดนี้เลยหรือไงเจ้า” ธราหน้าบึ้ง เขาไม่เข้าใจเลยสักนิด อยากถามว่ามันง่ายนักเหรอที่จะทิ้งกันไป แต่ก็กลัวคำตอบที่ใจร้ายว่ามันอาจจะเป็นเรื่องง่ายดายเหมือนแค่ปอกกล้วยเข้าปาก

“ก็ควรจบตั้งแต่คุณเป็นน้องชายของผมแล้วมั้ย อีกอย่างคุณก็พูดเองว่าเราไม่ใช่คนคบกัน” ไอ้เจ้าพูดเตือนความจำให้คนความจำสั้นที่เริ่มพูดกลับไปกลับมาอย่างจับต้นชนปลายไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วต้องการอะไร

“กูไม่ได้รู้สึกว่ามึงเป็นพี่เลยนะเจ้า กูคนก่อนจะยังไงก็ไม่รู้ ช่างหัวไอ้ธราคนนั้นเถอะ เพราะกูจำห่าอะไรไม่ได้สักอย่าง แต่กูคนนี้ไม่ใช่น้องของมึง” ธราเถียงในทันที เขาปฏิเสธสถานะพี่น้องตั้งแต่วันที่ไอ้เจ้าบอกแล้วว่าเขาเป็นน้องชายของมัน ความรู้สึกของเขาบอกชัดว่าไม่ใช่ ต่อให้ไอ้เจ้าจะยืนยันว่าเป็นความจริงอย่างไร เขาก็จะคิดว่ามันโกหก “แล้วเราก็ไม่ใช่คนคบกันจริงๆ ไม่ใช่เหรอวะ ทุกวันนี้มีสถานะมั้ย ก็ไม่ คนอื่นเขาคิดว่าเราคบกัน แต่ความจริงแล้วที่มึงยังอยู่ตรงนี้แค่เพราะกูไม่ให้มึงไป”

“แล้วคุณจะเอายังไงธรา” สีหน้าของไอ้เจ้าหงุดหงิดเต็มที “ผมเอาใจคุณไม่ถูกแล้ว”

“อยู่...โดยที่ไม่คิดจะทิ้งกันไปได้มั้ย”

“…”

“มึงรู้ตัวหรือเปล่าเจ้าว่าคนที่กำหนดวันจะทิ้งแม่งไม่ใช่กู”

“…”

“แต่เป็นมึง”

“…”

“กูต่างหากที่ควรถามว่าตอนนี้เหลือเวลาอีกเท่าไรที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน”

คำถามของธราได้รับคำตอบเพียงความเงียบงันเพราะคนที่ควรให้คำตอบเอาแต่หลุบตาลงต่ำ ทั้งที่ผ่านมานั้นไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเลี่ยงสบตา

.

.

“เอ๋ จอดๆ ๆ ๆ จอดรถก่อนได้มั้ย บีมีเรื่องอยากถาม”

ไอ้เอ๋ถึงกับเบิกตาโตเท่าไข่ห่านเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกแม่ยอดยาหยีดาวเภสัชฯ ที่เคยสะบั้นรักมันมาดักตรงหน้ารถจักรยาน สาวเจ้าถ่อมาถึงคณะเกษตรฯ เพื่อดักรอมันโดยเฉพาะ คิดได้อย่างนั้นไอ้เอ๋จึงรีบลูบผมเผ้าและจัดให้เข้าทรง ทว่าผมฟูๆ ของมันไม่เป็นใจ ยังคงชี้โด่เด่ขายขี้หน้า

“โอ้ ว่าไงยัยตัวร้าย” ไอ้เอ๋ทักทายด้วยการทำตัวแบดบอยอย่างที่ควั๊นเพื่อนรักของมันแนะนำ การเจอยัยตัวร้ายที่ไม่ได้เจอกันหลายเดือนทำให้ไอ้เอ๋ถึงกับแสยะยิ้มอย่างคิดไปเองว่าในที่สุดเจ้าหล่อนก็มาตามตื้อ “ตั้งแต่ที่เธอทำให้ผมโดนไอ้คิ้มตามล่าเรื่องขโมยผักในแปลง เราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยนะ”

สาวเจ้าขมวดคิ้วโก่งได้รูปเข้าหากันด้วยไม่เข้าใจว่าตนเองเป็นสาเหตุได้อย่างไร แต่ก็พอจำได้แม้จะนานมากแล้วที่ได้รับผักปลอดสารพิษจากชายหนุ่มตัวผอมตรงหน้า “แม้จะไม่เข้าใจที่เอ๋พูดเท่าไร แต่บีก็ขอโทษนะคะ"

“ให้ความหวังผมอีกแล้วนะ แต่เธอรู้ไว้ว่าผู้ชายอย่างผมเจ็บแล้วจำ มันสุดจะทนเมื่อต้องเจ็บนมเพราะคนอย่างเธอ” ไอ้เอ๋สะบัดหน้า ท่าทางตลกๆ ของมันทำให้ดาวเภสัชฯ อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “ไม่ต้องยิ้มขำ เพราะผมไม่ใช่คนตลก ผมคือเอ๋ที่จริงจัง”

“เอ๋” เจ้าหล่อนร้องเรียกพลางทำหน้าจะร้องไห้เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายเริ่มพูดคุยไม่รู้เรื่องแล้ว

“เอาล่ะ เข้าเรื่องของคุณได้ แต่ผมขอจอดจักรยานแป๊บ”

“เอ่อ ไม่ต้องจอดก็ได้ ไม่นานหรอก แค่มีเรื่องอยากถามเฉยๆ”

ไอ้เอ๋ตวัดตามอง “โปรดให้เกียรติความยาวของขาผมด้วย เขย่งอย่างนี้มันเมื่อยนะ”

“งั้นตามแต่ใจเอ๋เลยค่า”

ไม่อยากขัดไปมากกว่านี้จึงปล่อยให้ไอ้เอ๋จูงรถจักรยานของมันไปจอดใต้ร่มไม้ โดยที่ขาเรียวยาวของแม่ยอดยาหยีดาวเภสัชฯ ก็ก้าวตามไปด้วย เมื่อไอ้เอ๋จอดรถเป็นที่เรียบร้อย บทสนทนาจึงเริ่มขึ้น

“เรียบร้อยละ ไหน มีเรื่องอะไรจะถามก็พูดมาเลย แต่ถ้าถามว่าตอนนี้ผมโสดไหม บอกเธอได้ว่าขายออกแล้วจ้า”

ดาวเภสัชฯ ยิ้มยินดี “ดีใจกับเอ๋ด้วยจ้า”

“ไม่เสียดายหน่อยเรอะ”

“ไม่ เพราะบีก็มีแฟนแล้ว”

“เธอมันคือยัยตัวร้ายที่มาเหยียบอกผมถึงที่ ฮึ่ยย” ไอ้เอ๋ฟึดฟัด แต่แล้วก็สงบใจได้ด้วยรู้ว่าออกนอกเรื่องไปไกล “ว่าแต่เรื่องที่จะถามล่ะ”

“อ่า...คือ เอ๋จำได้มั้ยที่บีเคยบอกว่ามีพี่สาวที่เรียนแพทย์อยู่มอ J” ดาวเภสัชฯ เกริ่นนำเรื่อง พอเห็นไอ้เอ๋ทำหน้าครุ่นคิดไม่นานจากนั้นก็พยักหน้าแล้วจึงพูดต่อ “พี่เอน่ะ พี่เอเป็นสายรหัสกับพี่เจ้า พี่เจ้าคนที่เป็นเดือนแพทย์ ที่บีบอกว่าหน้าเหมือนกับเจ้าเพื่อนของเอ๋”

“อื้อๆ จำได้ๆ นายเจ้าเพื่อนของผมก็ซิ่วมานะ แต่ก็ไม่เคยถามอะว่าจากคณะไหน ทำไมเหรอ”

“คืออย่างนี้เอ๋” ดาวเภสัชฯ มีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย แต่ในความลำบากใจนั้นกลับแฝงแววบางอย่างที่ไอ้เอ๋เห็นแล้วรู้สึกไม่ดี “ช่วงนี้เจ้าไปไหนเหรอ ไม่ค่อยเห็นเลย”

“รายนั้นโดดบ่อย ไม่ค่อยเข้าเรียนอยู่แล้วอะ ไม่เห็นก็ไม่แปลกหรอก มีอะไรหรือเปล่าเธอ สีหน้าเธอไม่ดีเลยนะ” ไอ้เอ๋มีสีหน้าจริงจัง พลอยรู้สึกเครียดไปด้วย

“บีบังเอิญได้คุยกับพี่เอเรื่องสายรหัส ต้องเรียกว่าบังเอิญจริงๆ เพราะติดต่อไม่ค่อยได้ คงเพราะต่างคนต่างเรียนหนักด้วย กลับบ้านก็คลาดกันตลอด แต่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายก็ยังสบายดีอะไรแบบนี้อะก็เลยไม่ได้นึกห่วงอะไร แล้วเมื่อวานไม่รู้ทำไมถึงติดต่อได้ขึ้นมา แล้วอยู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ถามเรื่องของพี่เจ้าเลย ติดค้างเจ้าว่าจะเอารูปมาให้ดูด้วย ที่คุยกันตอนอยู่โรงอาหารคราวนั้น จะขอรูปจากพี่เอแล้วถามสักหน่อยว่าพี่เจ้าเป็นยังไงบ้าง ยังเรียนอยู่หรือซิ่วไปแล้ว แบบ...อยู่ๆ บีก็อยากรู้”

“โห เรื่องก็นานหลายเดือนแล้วอะ แต่ยังจำได้ ไม่แปลกใจที่เรียนเภสัชฯ คงจำชื่อยาเก่งเชียว”

“ไม่นะเอ๋ ปกติบีลืมง่าย เรื่องนี้ก็ลืมไปแล้ว แต่อยู่ๆ ก็ฉุกคิดขึ้นมา” ดาวเภสัชฯ มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเล็กน้อยเมื่อกำลังขบคิดถึงเรื่องที่กำลังจะพูดต่อจากนี้ “คือบีคุยกับพี่เอเรื่องพี่เจ้าอะ แซวๆ พี่เอไปว่ามีพี่รหัสหล่อๆ คอยช่วยติวให้ เกรดก็คงสวย แต่พี่เอก็บอกว่าสายขาดไปแล้ว ตอนนี้สายปีสูงของพี่เอก็จบเป็นอินเทิร์นไปหมดแล้วอะ”

“ก็ถ้าใช่คนเดียวกับนายเจ้าเพื่อนของผม สายก็ต้องขาดอยู่แล้วนะเธอ ก็นายเจ้าซิ่วมาเรียนที่นี่อะ” ไอ้เอ๋ว่า “เธองงอะไร”

“เอ๋” ดาวเภสัชฯ เอ่ยเรียกชื่อไอ้เอ๋เสียงแผ่ว เสียงหวานสั่นเล็กน้อยเมื่อเริ่มพูด “แต่พี่เอบอกว่าพี่เจ้าไม่ได้ซิ่วไปเรียนที่ไหนนะ ที่สายขาดเพราะโดนยิงเสียชีวิตไปแล้ว”

“เฮ้!” ไอ้เอ๋ร้องลั่น “ไม่ตลกนะ”

“อือ ไม่เลย” สาวเจ้าไม่ได้มีท่าทีโกหกแม้แต่น้อย และเพราะอย่างนั้นไอ้เอ๋จึงได้แต่ทำหน้าเครียด “ดูแชตพี่เอมั้ย บีขอรูปพี่เจ้ามาด้วย”

ไอ้เอ๋ไม่มีความกล้า อยู่ๆ ก็รู้สึกกลัวขึ้นมา ไม่รู้ว่าตัวมันกลัวอะไร แต่เพื่อความแน่ใจจึงทำใจกล้ายื่นมือไปรับโทรศัพท์จากดาวเภสัชฯ มาดู บนหน้าจอนั้นปรากฏรูปของไอ้เจ้าเพื่อนของไอ้เอ๋ที่ถ่ายรวมกับหญิงชายในรูปที่คาดเดาน่าจะเป็นการเลี้ยงรวมสายรหัส แต่พี่เอ คนที่ส่งรูปมาให้บอกว่าผู้ชายในรูปชื่อพี่เจ้า จักรพรรดิ สายรหัสของหล่อนที่เป็นเดือนคณะ ทว่าใบหน้าคมคายที่โดดเด่นหาตัวจับยากนั้นไม่มีทางปฏิเสธได้เลยว่าไม่ใช่คนเดียวกับเพื่อนของไอ้เอ๋

“เธอ พี่สาวเธอได้ข่าวมาผิดมั้ย” ไอ้เอ๋เอ่ยถามทั้งที่หน้าซีดเผือด “คือพี่เจ้าเดือนแพทย์อะคนเดียวกับเพื่อนของผมแน่นอน แต่เธอก็เห็นนี่ เพื่อนของผมยังไม่ตาย”

ดาวเภสัชฯ ไม่ได้สนใจตอบคำถาม หล่อนมองหน้าไอ้เอ๋พลางเอ่ยถาม “เอ๋เจอเจ้าครั้งแรกเมื่อไหร่เหรอ จำได้มั้ย”

“ก็ต้องจำ...” ไอ้เอ๋หยุดพูดไปเพียงครู่ อยู่ๆ ก็เริ่มไม่แน่ใจว่าความทรงจำของตัวเองนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ใบหน้าของคนที่กล่าวทักทายกันครั้งแรกที่ถือเป็นการเริ่มต้นมิตรภาพนั้นพร่าเลือนลงไปทุกที “เธอ...”

“ลืมเหมือนกันใช่มั้ย ไม่รู้ทำไมบีก็จำไม่ได้เหมือนกัน ถ้าไม่มีรูปพี่เจ้าในเครื่อง บีก็นึกหน้าเจ้าไม่ออก”

“คนเราก็ต้องมีลืมกันบ้าง” ไอ้เอ๋ไม่ยอมรับ “บางเรื่องก็ลืม บางเรื่องก็จำ มันเป็นปกติ”

“เอ๋ว่ามันจะเป็นยังไงอะ ถ้ามันเป็นเรื่องจริงขึ้นมา”

“เธอ เพื่อนของผมยังไม่ตาย” ไอ้เอ๋ยืนกรานเสียงหนักแน่น “สองปีเลยนะที่ผมอยู่กับเพื่อนของผม แล้วเธอจะให้ผมสงสัยเหรอว่ามันมีเรื่องบ้าๆ เหนือธรรมชาติเกิดขึ้นจริง”

“ทำไมถึงจำเวลาได้แม่นล่ะเอ๋” ดาวเภสัชฯ เอ่ยถามพลางเฝ้ารอคำตอบ “ทั้งที่ไม่รู้เวลาเริ่มต้นแต่ทำไมรู้ระยะเวลาที่แน่นอน ทำไมถึงเป็นเวลาสองปี เอ๋เคย...”

“ผมว่าเธอเพ้ออะ” ไอ้เอ๋ตัดบท ไม่คิดยอมรับว่าตัวมันเองก็แคลงใจสงสัย “เดี๋ยวผมต้องขึ้นเรียนแล้ว เธอก็คงมีเรียนใช่มั้ย ให้ยืมจักรยานปั่นกลับคณะเอาเปล่า”

“เอ๋ ไม่รู้ทำไมจริงๆ นะ บีถึงรู้สึกว่าเราไม่ได้คุยกันเรื่องนี้เป็นครั้งแรกอะ ทั้งที่นี่ก็เพิ่งครั้งแรก มันตะหงิดอยู่ในใจ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร”

“เธอคงเรียนหนักแน่ๆ บอกแฟนเธอซื้อวีต้าให้กินด้วยนะ”

“เฮ้อ ก็คิดแล้วว่าเอ๋คงไม่เชื่อ” ดาวเภสัชฯ ถอนหายใจ ก่อนจะมองหน้าไอ้เอ๋ด้วยความจริงจัง “แต่เอ๋...ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาสองปีแล้วนะ เวลามันเกินสองปีมามากแล้ว”

“…"

“ตอนนี้มันเป็นสองปีกับอีกสี่สิบวัน”

แต่ในความรู้สึกของไอ้เอ๋ราวกับผ่านมาสักชาติเห็นจะได้ ทว่ามันก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป “เห็นมั้ย เธอยังจำเวลาได้แม่นเลย”

“แล้วทำไมเราถึงจำได้ล่ะ มันคือเวลาอะไร เรานับเวลากันทำไม นับตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วจริงๆ แล้วมันคือเวลาของใครกันแน่เอ๋” ดาวเภสัชฯ มีสีหน้าย่ำแย่ลงทุกที “บีกลับคอนโดฯ ก่อนดีกว่า ปวดหัวยังไงก็ไม่รู้”

“อืม ไปพักเถอะ เธอคงเพ้อ กาวอะ ลดๆ ลงบ้างก็ดี”

“นายก็เหมือนกันล่ะย่ะ!”

ดาวเภสัชฯ ทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะหันหลังเดินจากไป ทิ้งไว้แค่เพียงไอ้เอ๋กับจักรยานคู่ใจของมัน

เวลา...ของใคร งั้นเหรอ

นั่นสินะ...มันเป็นเวลาของใครกัน

.

.

03:40 PM

เอ๊: ควั๊น นายเรียนอยู่มั้ย

ควั๊นพั๊ด: ไม่ นายมีไร ทำไมไม่ทักในกลุ่ม ทักส่วนตัวทำไม บอกเลยนะว่าผมมีแฟนแล้ว ไม่รับดีลใครลับหลังแฟน

เอ๊: เมาควันรถมอเตอร์ไซค์เหรอนาย

ควั๊นพั๊ด: โอเค นายจริงจังใช่มั้ย งั้นมีไรว่ามา

เอ๊: ผมอยากรู้ว่านายเจอนายเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ

ควั๊นพั๊ด: บอกนายไปแล้วไง ว่าครึ่งปีมาแล้ว

เอ๊: วันไหน

ควั๊นพั๊ด: ใครจะไปจำได้

เอ๊: จำเดือนได้มั้ย

ควั๊นพั๊ด: มิถุนาหรือกรกฏานี่แหละมั้งไม่แน่ใจ

เอ๊: นาย ถ้าบอกว่าครึ่งปีก่อนก็ไม่ใช่มิถุนาหรือกรกฏาสิ มันต้องพฤศจิกายนนะ นายนับเดือนไม่เป็นเหรอ จบอนุบาลที่ไหนมา

ควั๊นพั๊ด: นายโมโหทำไมเอ๋ ผมงง ก็เดือนนี้ธันวาคมไม่ใช่เหรอ

เอ๊: นี่มันเดือนเมษายน! ผมเพิ่งเล่นเอพริลฟูลเดย์กับนายไปนะ! ที่ผมบอกนายไงว่าผมจน นั่นน่ะเป็นการโกหกในวันเอพริลฟูลเดย์ของผม

ควั๊นพั๊ด: นั่นไม่ใช่คำโกหกนี่

เอ๊: เราต้องตัดเพื่อนกันวันนี้แหละ ไปเปิดปฏิทินเลยไป๊

ควั๊นพั๊ด: เฮ้ นายนั่นแหละที่ควรไปเปิดปฏิทิน เรายังไม่สอบกลางภาคกันเลย ถ้าเป็นเดือนเมษายน นายจะยังเรียนอยู่ได้ยังไง ต้องปิดเทอมแล้วสิ สมองนายมีปัญหาแล้วนายเอ๋

เอ๊: ควั๊น นายมาเจอกันหน่อยได้มั้ย ผมว่าผมอาจจะมีปัญหาจริงๆ

ควั๊นพั๊ด: ผมมีธุระ

เอ๊: ทำไมนายต้องติดธุระทุกครั้งเวลาที่แก๊งเราจะรวมกลุ่ม

ควั๊นพั๊ด: ผมจะรู้มั้ยเนี่ย ก็คนมันมีธุระ ผมควรจะถามมากกว่าว่านายเป็นตัวดึงดูดความวุ่นวายมั้ย นัดผมทีไร ผมงานเข้าทุกที

เอ๊: ควั๊น นายคิดว่าเราอยู่คนละมิติมั้ย แบบ...เวลาของนายอาจจะเร็วหรือช้ากว่าเวลาของผม ไม่รู้ทำไม ยิ่งผมสงสัยผมก็ยิ่งรู้สึกว่าโลกที่ผมอยู่นี้มันไม่จริงมากขึ้นเรื่อยๆ นายว่าโลกคู่ขนานมันจะมีจริงมั้ย แล้วถ้าเกิดวันหนึ่งมันซ้อนทับกันขึ้นมามันจะเป็นยังไง ถ้าโลกหนึ่งไม่ได้เดินไปพร้อมกับอีกโลก แต่กลับถูกหยุดเวลาไว้แค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น วนเวียนอยู่อย่างนี้ซ้ำๆ แล้วถ้าวันหนึ่งโลกคู่ขนานเกิดครอสกันขึ้นมา ซ้อนทับช่วงเวลาแค่บางช่วงเวลา นายว่ามันจะเป็นไปได้มั้ย

ควั๊นพั๊ด: ผมบอกให้เลิกดมกาวไง อ่านชื่อและนามสกุลของนายวนไปสิบครั้ง! เริ่ม!

เอ๊: ควั๊น ผมพูดจริงๆ นายยกเลิกธุระของนายได้มั้ย มาเจอกันหน่อย เราไม่เคยเจอกันเลยนะ

ควั๊นพั๊ด: เอ๋ แฟนผมไข้ขึ้นสูงต้องนอนโรงพยาบาล วันนี้ผมไปหาไม่ได้จริงๆ เขาไม่มีใครแล้วเอ๋ เขามีแค่ผม นายเรียกนายเจ้าได้มั้ย

เอ๊: ไม่เป็นไรนาย ผมเข้าใจนะ ไม่ต้องรู้สึกผิดนะ ผมแค่หาเพื่อนกินข้าว

ควั๊นพั๊ด: มีเรื่องด่วนอะไรก็โทรมานะ นายทนกินข้าวคนเดียวไปก่อนละกัน

เอ๊: โอเค๊

ควั๊นพั๊ด: แต่ว่านะเอ๋

ควั๊นพั๊ด: เราเคยเจอกันแล้ว เมื่อสองวันก่อนไง แต่นายคงรีบก็เลยมองไม่เห็นว่าผมทัก ผมเกือบคิดไปแล้วว่าเราเป็นเพื่อนกันแค่ในแชตเท่านั้น

เอ๊: อ่า...เหรอๆ ๆ ผมคงรีบจริงๆ นั่นแหละ นายอย่าน้อยใจไปเลยนะเพื่อนรัก

ควั๊นพั๊ด: เค ผมไปก่อนละ

เอ๊: จ้า



....................TBC..................



คุณรู้ไหมว่ามันไม่ง่ายเลยที่ผมต้องยอมรับ กับชีวิตในโลกที่มันไม่มีคุณ

ขอบคุณการคิดวิเคราะห์มาตลอดนะคะ มันทำให้เรารู้ว่าเราร่วมเดินทางมากับทุกคนมานานแค่ไหน

ออฟไลน์ Margarita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากวอทททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททท
งงไปหมดแล้วจ้ะพี่จ๋า รอต่อนะคะ
ปล.พี่เจ้าเป็นเมะทันมั้ย พี่หล่อกระแทกตาน้องเหลือเกิน เลิฟยู

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 16 Our happiness ​P.17 01/02/2019
« ตอบ #499 เมื่อ: 01-02-2019 17:37:12 »





ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
สับสน สงสัย..  :hao5:
งงอ่าาาา..  :katai1:
ไรท์รีบมานะค้าาาาาา.. :katai4:

ออฟไลน์ Justccwpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
งงงไปหมดแล้ววววว

ออฟไลน์ mareeyah

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มันคืออารายยยยย  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ kosmos

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
คือยังไงงงง สับสนไปหมดแล้ว
สับสนในสับสน ซับซ้อนในซับซ้อน
หรือว่าจริงๆแล้วนายเอ๋เมากาว
หรือเจ้าจะขอเวลาเพื่อมาอยู่กะดินแล้วก็จากไป

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ไม่เอาไม่คิดนะเอ๋นะ
ตอนนี้สนแค่ เจ้า
เจ็บให้สุดๆแล้วออกมานะ

ออฟไลน์ Gugii

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
โลกคู่ขนานหรอออ ก็รู้ว่าท่านเจ้าบันดาลได้ทุกสิ่ง ทำไมกลายเป็นแบบนี้ งงไปหมด

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เจ้า เดือนแพทย์ถูกยิงตาย  :really2:
แล้วที่มาเรียนมอ.เอ๋ ตามตื๊อดิน มันยังไง  :z3:
เจ้ามีรอยแผลที่หน้าอก ยังเจ็บอยู่ ยังคุยเรื่องนี้กับจี้ด้วย แล้ว  :z3: :a5:

เวลาที่จำกันไม่ได้ ทั้งเอ๋ ทั้งเดือนเภสัช ทั้งควั๊นพัด งงงงงงงงง....เดั   :z10: o22

หรือเจ้ามาปรากฎให้เห็นเฉพาะบางคน  o22 :really2: :serius2:
ที่แน่ๆ ดินเห็นแก่ตัว  :angry2:
ไม่มีสถานะการคบ แล้วก็ไม่ให้เจ้าไป........ เครียดเด้อ   :really2:
หรือเจ้า ปล่อยข่าวว่าตายที่มอ.เดิม แต่จริงๆมาเรียนที่มอ.ดิน
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
เราฮงเลยนิ  o22 o22 o22

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
????????...

ออฟไลน์ Poompim

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทำไมเอ๋พาเราออกทุ่งอ่ะ :z3: :z3:
 เหมือนจะตามเรื่องได้ เรากลับไปอ่านตั้งแต่ตอน  เเรกอีกรอบเลยอ่ะ :a5: o22

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด