'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 25 เจ้าชีวิต ​P.26 11/03/2019 -- The End
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 25 เจ้าชีวิต ​P.26 11/03/2019 -- The End  (อ่าน 177071 ครั้ง)

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
คิดถึงพี่เจ้าแล้วเมื่อไหร่จะมาน้า

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เกิดอะไรขึ้นกับดินนะ ทำไมจำเรื่องเจ้าไม่ได้เลย

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
อ่านรวดเดียวฮือ 

เราไปอยู่ไหนมา เปิดเรื่่องใหม่ตอนไหน อะไรยังไง ตามตลอดแต่ไม่เห็นเลย

เรื่องมีมิติมาก ทั้งรู้สึกหน่วง แล้วก็หวิว ฟินคำที่เค้าโต้ตอบกัน

แอบสงสัยพระเอกจำอะไรไม่ได้บ้างเลยรึ แล้วนายเอกไม่พยายามให้นึกให้ออกหรอ

แต่ยังไงก็ตาม มันดีมากเลยเรื่องนี้ อบอุ่นละมุนๆหน่วงๆ ดีงามไปหมด :o8: :hao5:

ออฟไลน์ owlseason

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
มันอึดอัดอยู่ในใจตลอดเวลาที่อ่านเลยค่ะ แงงงงงงงง
 :ling3:

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คิดถึงเจ้าแล้วววว
มาต่อให้ชื่นใจหน่อยน้าาา  :mew1:

ออฟไลน์ BChampa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
นี่เป็นสายโรคจิต รู้สึกชอบเจ้าตอนเป็นสตอล์คเกอร์มากกว่า เจ้าที่คอยบังคับ ขู่ให้ธราเลิกกับสาว เจ้าที่มีตัวตนในแชท รู้สึกเป็นคนแปลกหน้าดี โรคจิตชัดๆเลย

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
เจ้ายุน๊ายยยยยยยยยยยยยยย :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ oneil

  • I wanna always be your King&Prince
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คิดถึงพิเจ้าา :mew1: :mew6:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รอ  'เจ้า'  ..........  :mew2:
คิดถึงเจ้า   .........  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
รอเจ้าอยู่นะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ angelninae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
คิดถึงพี่เจ้าแล้วค่ะะ

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
 :mew6: :mew6:


หน่วงอ่ะ   สงสารเจ้า 

คนที่ลืมกับคนที่จำ คนจำมันเจ็บจริงไรจริง

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
มารออ่านตอนต่อไปค่ะ :katai5:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
เจ้าไปไหนกลับมาเดี๋ยวนี้เลย

 :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
นี่เป็นห่วงผู้แต่งเด้อ
กลับไปอ่านทอล์คท้ายบทที่แล้วว่ากำลังเดินทางกลับบ้าน แล้วจะมาต่อใน1สัปดาห์
ถ้าได้รับแมสเสจแล้วขอให้ส่งซิกแนล    :L1:

ออฟไลน์ yanggi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
จนลืมไปแล้วว่าเคยอ่านนิยายเรื่องนี้

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
หน่ว ดราม่า และบ้ามาก

ออฟไลน์ btoey

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หน่วงสุดด  :sad11:

ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
ตอนที่ 10 กล่องใบนั้น





Saturday, 01:30 AM

D. : มึง

D. : นอนยังวะ

P. : จะนอนได้ไง กูรอเสือกเรื่องของมึงอยู่

D. : เออ

P. : อะ จะมาองมาเออสั้นๆ ไม่ได้นะเพื่อนนะ เล่าเลย

D. : ให้เล่าอะไร

P. : เอ้า ไอ้ห่าดิน มึงเมาเหรอ

D. : กูไม่ได้กินเหล้ามั้ยล่ะ

P. : แต่มึงดูงงๆ

D. : เออ ไม่รู้ว่ะ งงมั้ง

P. : อาการหนัก ไปคุยในกรุ๊ปมั้ย ให้ไอ้จอมกับไอ้คินตบมุขสร้างความบันเทิงให้ มึงจะได้ไม่งงเพียงลำพังแต่จะมีกูงงไปกับมึงด้วย

D. : แก้ปัญหาอะไรของมึง กูว่าเครียดกว่าเดิม

P. : เอาแต่ใจจริงๆ ไอ้ลูกคนนี้

D. : บอกกี่ทีแล้วว่ากูไม่มีพ่ออย่างมึง

P. : เจ็บ แต่ไม่ตาย

P. : แล้วยังไง เคลียร์กับไอ้เจ้ายังลูกรัก

D. : ให้เคลียร์ไรวะ

P. : แฟนเก่าไง ที่น้องเอ๋คนซื่อของกูวางระเบิดโดยไม่รู้ขิงรู้ข่า

D. : มีอะไรต้องเคลียร์รึไง

P. : ก็จริง อดีตก็คืออดีต





ธราได้แต่ถอนหายใจกับข้อความจากเพื่อนซี้ ไม่รู้จะตอบกลับมันอย่างไรดี เพราะเขาไม่ได้คิดว่าอดีตก็คืออดีตเลยสักนิด ในเมื่ออดีตนั้นกำลังวิ่งแข่งกับปัจจุบัน อดีตที่ทำให้คนอย่างไอ้เจ้ายังคงรู้สึก





P. : เงียบหายเหมือนตายจาก

P. : สรุปยังไงลูกพ่อ ไปต่อหรือพอส่ำนี่

D. : ทะเลาะ

P. : ว๊อทท?

D. : กูทะเลาะกับเจ้า

D. : แล้วกูก็ปากไวบอกเลิกมันไปแล้ว

P. : เอ้า! แล้วค่าน้ำมันสามเดือนกูอะ

D. : ใช่เวลามั้ยไอ้สัด

P. : ขอโทษขรั่บ

P. : รอรับสายนะ เดี๋ยวโทรหา

D. : อือ





ธรารออีกไม่กี่อึดใจ ไอ้แพร์เพื่อนผู้ชอบใส่ใจในเรื่องของเขายิ่งกว่าเรื่องของตัวมันเองก็โทรเข้ามา เขากดรับสายพลางลุกเดินไปที่ระเบียง

“ไหน เรื่องมันเป็นยังไง” เสียงของเพื่อนซี้ดังมาตามสาย “ทำไมเรื่องของแฟนเก่าไอ้เจ้าถึงเป็นปัญหาได้วะ มึงไปงี่เง่าใส่มึงหรือไง”

เจ้าของไหล่กว้างเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามราตรีที่มีพระจันทร์สีนวลตาลอยเด่น ความรู้สึกตอนที่ได้พูดคุยถึงอดีตคนรักของคนที่เกลียดเป็นพิเศษคนนั้นยังคงลอยวน

“ถามหน่อยเถอะไอ้แพร์ ถ้าเป็นมึงจะคบกับคนที่ไม่เคยลืมแฟนเก่าได้ไหม” ธราถามเสียงแผ่ว เขาเต็มไปด้วยความลังเลและความสับสน ทั้งไม่รู้และไม่แน่ใจว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี

“ไอ้เจ้าบอกเหรอว่ายังไม่ลืม” ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง “หรือมึงคิดไปเองวะไอ้ดิน”

“มันก็ไม่ได้บอกตรงๆ แต่มันก็ไม่ได้ปฏิเสธตอนที่กูถาม” ธราบอกเสียงห้วนสั้น เขาจ้องมองพระจันทร์แต่ภาพที่เห็นกลับเป็นใบหน้าของคนที่ทำให้หงุดหงิดใจแทน

“ได้ถามมั้ยว่าแฟนเก่ามันเป็นใคร แล้วมีโอกาสจะรีเทิร์นมากแค่ไหน”

“กูไม่ได้อยากรู้จัก ไม่ได้อยากรู้อะไรทั้งนั้น” ทั้งไม่อยากรู้จักและไม่อยากให้คนคนนั้นมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ ธราไม่อยากรับรู้หรอกว่าหัวใจของไอ้เจ้าเคยเป็นของใครมาก่อน เพราะเขาหวั่นใจ หวั่นใจว่าจะสู้คู่แข่งคนนั้นไม่ได้ “ไม่จำเป็นมั้ยล่ะวะ มันจะเป็นใครก็ช่าง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกูแล้ว”

“ต้องเกี่ยวสิวะไอ้ลูกโง่นี่” คนชอบใส่ใจทำเสียงเข้มมาตามสาย ธรานึกสีหน้าของไอ้แพร์ในตอนนี้ออกได้เลยว่าต้องทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่แน่ๆ “ถ้าวันหนึ่งมันโผล่หัวกลับมา มึงจะไม่แย่เอาเหรอไอ้ดิน”

“ใครจะกลับมาก็ช่างแล้วตอนนี้” ธราเสียงห้วน เขาแสดงออกอย่างไม่แยแสแต่ในใจนั้นรุ่มร้อนราวกับถูกลนด้วยไฟ “เพราะกูเลิกไปแล้วไง”

“วิถีคนแพ้สัดๆ แค่คนในอดีตก็เอาชนะไม่ได้ เลิกกันด้วยเรื่องแฟนเก่านี่นะ กูเป็นไอ้เจ้าที่ตามตื้อมึงมาสองปีคงร้องไห้ตาย” ถ้อยคำปรามาสจนคนฟังรู้สึกอยากต่อยให้หน้าหงาย “แล้วตอนนี้ไอ้เจ้าอยู่ไหน”

“ไม่รู้ ไปหาไอ้น้องเอ๋เพื่อนมันมั้ง เลิกกันแล้วกูก็ไม่จำเป็นต้องรู้มั้ย”

“อะ ย้ำเข้าไป พูดอยู่ได้ว่าเลิกกัน แต่ใจมึงอยากเลิกกับมันเหรอ”

“ก็ไม่ได้อยากคบตั้งแต่แรก” ธราว่าเสียงแข็ง เผลอขบเม้มริมฝีปากเมื่อพูดถ้อยคำที่ตรงข้ามกับความรู้สึก “กูก็บอกอยู่ตลอดว่าเกลียดมัน”

“ดิน มึงก็แค่ปากแข็ง” เพื่อนซี้เถียงอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนจะย้ำถ้อยคำให้ธรารู้สึกราวกับโดนหมัดหนักๆ ต่อยเข้าที่ปลายคาง “มึงรักมัน”

“ไม่” คนปากแข็งปฏิเสธเสียงเบา “กูไม่ได้รัก”

“ดิน”

“กูพูดจริงๆ แพร์” บางแห่งในใจของธรากำลังร้องประท้วง บางแห่งในอวัยวะแสนสำคัญนี้กำลังรู้สึกทรมาน “ความรู้สึกของกูที่มีต่อเจ้า กูรู้สึกว่ามันไม่ใช่ความรัก มันเป็นความรู้สึกที่กูนิยามมันไม่ได้ อยู่กับมัน...บางครั้งกูก็รู้สึกทรมานใจ บางครั้งก็รู้สึกเกลียดมันอย่างไม่มีเหตุผล แต่กูก็ไม่ปฏิเสธว่ามันทำให้กูมีความสุขมากกว่าที่คนอื่นทำได้”

ธราพยายามอธิบายความรู้สึกของเขาเผื่อว่าคนที่รับฟังจะสามารถนิยามความรู้สึกที่มีนี้ได้บ้าง หวังว่าความรู้สึกที่เขาหาคำตอบมาเนิ่นนานจะได้รับคำนิยามสักที แต่เปล่าเลย ไอ้แพร์ได้แค่เงียบฟังโดยไม่ออกความเห็นจนเมื่อเขาพูดจบก็ได้ยินเสียงมันถอนหายใจ

“กูเป็นงง” ไอ้แพร์พูดขึ้นในที่สุด “กูอยากรู้เลยเนี่ยว่าในหนึ่งวินาทีที่มึงอยู่กับไอ้เจ้า ความรู้สึกของมึงซับซ้อนได้ขนาดไหนกันวะ”

“ขนาดที่เขาวงกตยังต้องแพ้ให้ความรู้สึกของกูว่ะ” ธราเปรียบเปรย เขาจ้องมองแสงนวลตาของพระจันทร์เพื่อหวังหาคำตอบที่ไม่ได้รับจากการปรึกษาคนไร้ประโยชน์อย่างไอ้แพร์ คาดหวังอย่างโง่ๆ ว่าอาจจะมีคนที่อาศัยอยู่บนนั้นเขียนคำตอบลงบนผืนฟ้าให้ ทว่าสุดท้ายก็ยอมรับว่าเป็นแค่ความคิดเพ้อเจ้อ เขาถอนหายใจ สะบัดศีรษะเล็กน้อยแล้วเหลือบมองไปที่ระเบียงของห้องที่เจ้าของสร้างความว้าวุ่นใจให้ ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังเป็นหัวข้อสนทนาส่งยิ้มกว้างตอบกลับมา “ชิบ! ไอ้เหี้ย!!”

“เอ้า ด่ากูทำไม” เสียงทุ้มโวยวายมาตามสาย

“ไม่ได้ด่ามึง” ธรารีบพูด เขายกมือข้างที่ว่างขึ้นลูบอกข้างซ้ายราวกับกำลังสำรวจว่าหัวใจยังอยู่ที่เดิม ไม่ได้กระเด็นกระดอนหายไปตอนที่กำลังตะโกนด้วยความตกใจ “แค่นี้ก่อนไอ้แพร์”

“อ้าว ไรวะ เดี๋ยว...”

ธรากดวางสาย เขาไม่รอฟังเพื่อนซี้โวยวายเสียด้วยซ้ำเพราะตอนนี้ความสนใจทั้งหมดกำลังมุ่งตรงไปที่เจ้าของร่างผอมสูง ผู้ซึ่งกำลังยืนอยู่ท่ามกลางความมืด หลบแสงจากพระจันทร์อยู่ตรงมุมหนึ่งของระเบียง “กูเกือบหัวใจวายตาย” เขาว่า หัวใจยังคงเต้นในจังหวะรัวเร็ว “นึกว่าผีไอ้สัด มายืนทำอะไรมืดๆ”

“ก็ได้ยินเสียงคุณคุยโทรศัพท์ ผมก็เลยออกมายืนเป็นเพื่อน” ไอ้เจ้าว่าด้วยน้ำเสียงสบายๆ ใบหน้าคมคายระบายรอยยิ้มให้เห็น “ไหนบอกจะนอนแล้ว”

“นอนไม่หลับ” ธราบอกตามตรง

“อืม” ไอ้เจ้าขานรับ

หลังจากจบมื้อดึกด้วยกันที่ร้านโจ๊กเจ้าอร่อยแล้วไอ้เจ้าก็เป็นแบบนี้มาตลอด ธรารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายพูดน้อยคำ แววตาคมบนดวงหน้าก็ราวกับคนกำลังครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา เขาทั้งอยากรู้และไม่อยากรู้จึงได้แต่สังเกตอยู่เงียบๆ โดยไม่ตั้งคำถาม แต่ก็พยายามหาคำตอบเองในแบบของเขาจนท้ายที่สุดก็ต้องยอมรับว่าตัวเขานั้นไม่เก่งกาจพอจะตีความคนคนนี้ได้จึงตัดสินใจแยกย้ายกันกลับ ตกลงกันว่านอนพักสักคืนแล้วค่อยมาพูดคุยทำความเข้าใจกันใหม่

ไอ้เจ้าอยากให้เขาคิดทบทวนเรื่องที่จะเลิกรา ในขณะที่เขาก็อยากให้มันคิดทบทวนความรู้สึกของตัวมันเอง

“เจ้า” ธราตัดสินใจเอ่ยเรียก

ไอ้เจ้าละสายตาจากภาพทิวทัศน์ยามค่ำคืนตรงหน้าแล้วหันมองเจ้าของเสียง “ว่าไง”

ครั้นได้ยินคำถาม ธราก็เผลอกลั้นหายใจ เขาไม่ได้คิดคำถามหรือบทสนทนาไว้ตั้งแต่แรก เพราะก็แค่อยากเรียกคนที่เหมือนกำลังหลุดลอยไปในที่ไกลๆ ให้กลับมาเท่านั้น

“ว่าไงดิน” ไอ้เจ้าถามย้ำ คิ้วโก่งได้รูปเลิกขึ้นสำทับ

“กูคิดว่ามึงไปหาเพื่อน” ธราปรับสีหน้าให้เป็นปกติพลางพูดเสียงราบเรียบ เหลือบเห็นไอ้เจ้ากำลังอมยิ้มแล้วก็ยิ่งไม่อยากมองสบตากับมัน เพราะกลัวไอ้คนรู้ทันจะรู้ว่าเขาก็แค่อยากชวนคุย “ไม่ได้ไปหรอกเหรอ”

“ครับ เอ๋นอนแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปมอแต่เช้า ผมก็เลยไม่อยากไปกวน”

“แต่พรุ่งนี้วันเสาร์” ธราแย้งเมื่อนึกขึ้นได้ “คณะมึงมีเรียนเหรอ”

“เปล่าครับ แต่เอ๋มีภารกิจลับนิดหน่อย” ไอ้เจ้าตอบ น้ำเสียงของมันกลั้วหัวเราะเมื่อนึกถึงวีรกรรมวีรเวรของไอ้เอ๋เพื่อนยาก “ผมคิดว่าถ้าว่างก็คงไปช่วยมัน”

“ทำอะไร” ธราถามด้วยความสนใจแต่เขาปิดบังความรู้สึกนั้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ปลูกผัก”

“เป็นภารกิจลับตรงไหน”

“ต้องลับสิครับเพราะผมกับเอ๋วางแผนกันเกือบสองชั่วโมง” ไอ้เจ้าโคลงหัวเล็กน้อยเมื่อเริ่มเล่าถึงแผนการณ์ของมันกับเพื่อนรัก “ผมต้องยอมไปกินข้าวกับแป้งจี่เพื่อแลกกับที่เธอต้องไปเดตกับไอ้คิ้ม ดินคงสงสัยใช่ไหมว่าไอ้คิ้มเป็นใคร อะๆ ไม่ต้องปฏิเสธหรอกเพราะดินกำลังขมวดคิ้ว”

“คนขมวดคิ้วก็ไม่ใช่ว่ามีเรื่องสงสัย” ธราว่า “บางทีอาจจะกำลังไม่พอใจ”

“แล้วไม่พอใจเรื่องอะไรครับ” ไอ้เจ้าเลิกคิ้ว แววตาของมันกำลังแสร้งไม่รู้ความ แต่ธรารู้ดีว่าไอ้คนยียวนคนนี้รู้ทันความคิดของเขามากแค่ไหน

“ทำไมต้องไปกินข้าวกับคนอื่น” ธราถามตามตรง

“เนี่ย คำพูดคำจาของคนเพิ่งบอกเลิก” ไอ้เจ้าส่ายหน้าพลางยิ้มกริ่ม “คุณไม่มีสิทธิ์แล้วนะครับ”

“กวนตีนไอ้สัด” ธราว่าอย่างหงุดหงิด เขาอยากจะเดินไปหยิบกระถางต้นดอกมะลิแล้วเขวี้ยงข้ามระเบียงไปโดนไอ้คนชอบยียวนกวนประสาทเสียจริงๆ เอาให้หน้ายิ้มๆ ของมันยับไปเลย

“หงุดหงิดอีกแล้วนะครับ”

“ถ้าไม่อยากให้กูหงุดหงิด ก็ลดความกวนตีนลงหน่อย”

“ไม่ได้ มันเป็นคาแรคเตอร์”

“ไปตาย”

“อย่าไล่ ขอร้อง”

น้ำเสียงจริงจังของไอ้เจ้าทำให้ธราหันไปมอง ก่อนจะเห็นสีหน้าที่ไม่ต่างจากน้ำเสียงของมัน เขามองสำรวจ ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว “ขอโทษ”

“ผมไม่โกรธหรอกครับ” ไอ้เจ้ายิ้ม รอยยิ้มของมันเศร้าสร้อย “โกรธคุณสักครั้งผมยังไม่เคย”

“เคยสิ” ธราแย้ง “มึงโกรธทุกทีตอนที่กูป่วย”

“ไม่ใช่ความโกรธครับที่รัก แต่คือความห่วงใย”

เลี่ยนแค่ไหน ธราก็ชอบฟัง หากไอ้เจ้ามีงานอดิเรกชอบหยอดขนมครก เขาก็คงชอบที่จะได้เป็นลูกค้าขาประจำ “งั้นก็เป็นตอนที่กูควงคนอื่น ตานี่ขวางอย่างกับหมาบ้า”

“ผมโกรธที่ไหนกัน หึงหวงคุณต่างหาก”

“ทั้งที่ไม่มีสิทธิ์” คนถูกหึงหวงเลิกคิ้วยียวน “ก็ยังหึง”

“ครับ ทั้งที่ไม่มีนั่นแหละ”

ธราเผยรอยยิ้ม เขาไม่แน่ใจเลยว่าทำไมถึงยิ้มกับแค่ได้ยินคำพูดที่เรียบง่าย “เจ้า เล่าต่อสิ แผนบ้าบอของมึงกับเพื่อน”

“อ๋อ…ถึงไหนแล้วนะ”

“ไอ้คิ้ม”

“ครับ ไอ้คิ้ม” ไอ้เจ้าพยักหน้าหงึก “ไอ้คิ้มมันเป็นคนรับผิดชอบแปลงผักสาธิตที่นายเอ๋เพื่อนของผมขโมยผักไปให้น้องบีดาวเภสัชฯ เพราะเข้าใจผิดว่าน้องท้องผูก”

“วิธีจีบแบบใหม่เหรอ” ธราถามอย่างไม่แน่ใจ เพราะถ้าไม่ใช่เขาอาจต้องเตือนไอ้แพร์เพื่อนซี้ให้คิดทบทวนการสานสัมพันธ์กับเพื่อนของไอ้เจ้า เด็กหนุ่มที่ชื่อเอ๋คนนั้นอาจต้องการการรักษาสติมากกว่าต้องการแฟนดีๆ สักคน

“ครับ เอ๋มีความรักความจริงใจมอบให้หล่อน แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าหล่อนมีใจให้คุณ ส่วนคุณก็มีใจให้ผม รักสี่เส้าเราสี่คน เรื่องนี้ต้องมีคนเจ็บ”

“เอาที่มึงสบายใจจะพูดเถอะ” คนฟังอ่อนใจจนขี้เกียจจะแย้ง “แล้วยังไงต่อเจ้า ทำไมมึงต้องไปกินข้าวกับแป้งจี่อะไรนั่น”

“มันเป็นแผนล่อไอ้คิ้มออกจากแปลงสาธิตครับ เพราะหลังจากที่ผักโดนขโมย ไอ้คิ้มก็แทบจะกินนอนอยู่ที่แปลง”

“ไม่เวอร์ใช่มั้ย”

“ผมใส่ไข่นิดหน่อย” ไอ้เจ้ายอมรับในขณะที่ธราส่ายหน้าระอาใส่มัน “แต่ก็มีความจริงอยู่นะ ที่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกับแป้งจี่ เพราะจะให้แป้งจี่กันไอ้คิ้มให้ ปกติวันเสาร์เนี่ย ไอ้คิ้มมันจะชอบขลุกอยู่ที่แปลง เออ...แต่ที่จริงมันก็ขลุกอยู่ที่นั่นทุกวันจนนายเอ๋ไม่มีจังหวะเข้าไปไถ่โทษ ไม่รู้มันไปเรียนบ้างหรือเปล่าก็ได้แต่หวังว่ามันจะไม่โดนไทร์แล้วยึดอาชีพปลูกผักขายจริงๆ แต่นั่นแหละครับก็เลยต้องให้แป้งจี่ไปเดตกับมันวันเสาร์เพื่อที่เอ๋จะได้มีเวลาปลูกผักคืนให้”

“แต่ปลูกยังไงก็โตไม่ทันมั้ย ไม่ได้มีเวทมนตร์เสกได้ข้ามคืน”

“ครับ ถ้าปกติก็ไม่ทัน แต่คุณก็รู้ว่าผมมีเวทมนตร์ ยังไงก็ทัน”

เวทมนตร์ของไอ้เจ้านั้น ธรารู้ดีทีเดียวว่าคือมนตร์แบบไหน

“เจ้า” ธรามองตาดุ “มึงเอาเงินไปทำเรื่องไร้สาระอีกแล้วใช่มั้ย”

“ไม่นะครับ” ไอ้เจ้าปฏิเสธตาใส “ผมแค่อยากช่วยเพื่อน”

“มึงใจดีตั้งแต่เมื่อไหร่” ธราเค้น

“ก็ใจดีมาตลอด” ไอ้เจ้าตอบเสียงอ้อมแอ้ม

“แค่กับกู”

คนใจดีไม่ทั่วถึงได้แต่พยักหน้าจำนนต่อพยานปากเอก “ครับ แค่กับดิน กับเอ๋ก็เลยมีข้อแลกเปลี่ยนนิดหน่อย”

“ถึงคราวซวยของไอ้น้องเอ๋ที่เป็นเพื่อนกับคนอย่างมึง” ธราแน่ใจว่าข้อแลกเปลี่ยนของไอ้เจ้าคงจะใช้งานเพื่อนผู้โชคร้ายของมันอย่างคุ้มค่าทีเดียว

“พูดมาขนาดนี้ ถ้าคุณไม่ให้ผมเจ็บ แล้วคุณจะให้ใครเจ็บ” ไอ้เจ้าแสร้งตัดพ้อ มันมองสบตากับธราที่กำลังขึงตามองกลับมา “ว่าร้ายกันก็เหมือนเอาหนามมาทิ่มตำใจ”

“ไม่เล่น”

“ดุจังเลยพ่อ”

“ไม่ใช่พ่อ”

“ผัว”

“ยังไม่ได้เป็น”

ไอ้เจ้าหัวเราะขึ้นมาทันที “ก็ถ้าไม่บอกเลิกกันก่อน ก็ได้เมียไปแล้วคืนนี้อะ ผมนี่ซักซ้อมเอวมาเต็มที่ วันนี้วันครบรอบสองปีแล้วด้วย เปลี่ยนใจยังทันนะครับ”

“ไม่รีเทิร์น”

“เล่นตั๊วว”

“เสียงสูงทำไม”

“เป็นคนแบบนี้”

“หึ มึงนี่นะ”

ธราถึงกับหลุดหัวเราะ รู้สึกโล่งใจขึ้น เพราะดูเหมือนว่าไอ้เจ้าจะเริ่มกลับมาอยู่กับร่องกับรอยแล้ว เขาไม่ชอบที่มันเอาแต่เงียบ ไม่ชอบที่เวลาอยู่ด้วยกันแล้วเกิดความอึดอัด

“ดินครับ”

“หืม”

“จะเลิกกับผมจริงๆ ใช่ไหม”

“อืม จริงสิ ก็บอกชัดเจนไปแล้วนี่” ธราบอกเลิกไปแล้ว...แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะไปมีใครใหม่ ไม่ได้คิดจะมีคนอื่น เพราะเขาก็รอแค่มัน รอให้มันชัดเจนและรอให้ความรู้สึกของเขาชัดเจนยิ่งกว่านี้ “ที่จริงเราอาจจะใจร้อนไปหน่อยที่ตกลงคบกัน ทั้งที่ยังไม่ได้รู้จักกันดีก็ได้ สองปีที่มึงเข้ามาในชีวิตของกูก็ไม่ใช่สองปีที่กูได้เข้าไปอยู่ในชีวิตของมึง”

สถานะจะสำคัญอะไรหากหัวใจไม่ได้ให้ความสำคัญต่อกัน

“ดินเคยได้ยินตำนานของกล่องแพนโดร่ามั้ย” ไอ้เจ้าเกริ่นถาม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์ที่เริ่มเคลื่อนตัวหายลับไปในก้อนเมฆ “กล่องแพนโดร่าเป็นกล่องที่ไม่ควรถูกเปิดเพราะมันเต็มไปด้วยความหายนะและความวิบัติ ผู้ที่สอดรู้สอดเห็นและสงสัยใคร่รู้ว่าในกล่องนั้นมีอะไรแล้วเปิดมันออกมักจะพบเจอแต่ความโชคร้ายเสมอ” ไอ้เจ้ายิ้ม แววตาเลื่อนลอย “ความทรงจำบางความทรงจำก็เหมือนกับกล่องแพนโดร่า มันควรถูกล็อกด้วยแม่กุญแจที่แข็งแรงที่สุดในโลกและถูกคุ้มกันด้วยระบบความปลอดภัยที่แม้แต่มดสักตัวก็ไม่กล้าเข้าใกล้”

“มึงมีความลับอะไรนักหนาเจ้า” ธราเอ่ยถามด้วยความสงสัยเป็นล้นพ้น เขาอยากรู้ว่าเรื่องใดกันที่ทำให้ไอ้เจ้าทำหน้าเศร้าสร้อยได้ถึงขนาดนี้ “เปิดอกคุยกันทุกเรื่องไม่ได้หรือไง ความลับของมึงน่ะ ให้กูรู้อีกคนไม่ได้เหรอ”

“ไม่ใช่ความลับเลยดิน” ไอ้เจ้าปฏิเสธ ส่ายหน้าพลางพรูลมหายใจ “มันไม่ใช่ความลับ แต่ผมเป็นแค่คนขี้ขลาดที่ไม่กล้าแม้แต่จะยื่นมือเข้าใกล้กล่องใบนั้น”

“ถ้ามึงพูดแบบนี้ งั้นกูก็คงมีเหมือนกันใช่ไหม” ธราว่าพลางสังเกตสีหน้าของไอ้เจ้า “กล่องบ้าๆ ใบนั้น กล่องความทรงจำที่อาจจะเป็นกล่องเดียวกับมึง เพียงแค่กูไม่มีกุญแจเปิดมันออก หลายครั้งแล้วนะที่มึงทำเหมือนว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อน มึงคงเป็นใครสักคนที่ถูกกูลืมใช่ไหม บอกมาสิ กูรับฟังมึงทุกเรื่อง ต่อให้จะมีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับแฟนเก่าของมึงกูก็จะฟัง”

ไอ้เจ้าไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ มันเพียงแค่มองจ้องพระจันทร์ที่ถูกก้อนเมฆบดบังไปเกือบทั้งดวง ปล่อยให้ถ้อยคำของธราถูกสายลมเย็นพัดเลือนหายไป

“โอเค มึงไม่พูดตอนนี้ก็ได้ แต่ถ้าสักวันมึงพร้อม ก็ช่วยใช้กุญแจที่มึงมีเปิดมันออกให้กูได้ไหม”

คนรับฟังผินหน้ามองก่อนจะคลี่ยิ้มเศร้า “ผมไม่ทำเรื่องแบบนั้นหรอกครับดิน เพราะในกล่องใบนั้นมีทั้งเรื่องที่คุณควรรู้และไม่ควรรู้”

“เจ้า...”

“ถ้าคุณเปิดกล่องใบนั้น ตัวตนของผมจะหายไป” ไอ้เจ้าบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผมจะอยู่ข้างๆ คุณไม่ได้”

“ทำไม...”

“เพราะคุณจะเกลียดผม”

“ตอนนี้กูก็เกลียด”

ไอ้เจ้ายิ้มมุมปาก ทอดมองคนที่บอกว่าเกลียดด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก “นั่นสินะครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ผมก็ทำให้คุณตกหลุมรักไม่ได้”

“รู้แล้วก็ไม่ต้องพยายาม”

ไอ้เจ้ายักไหล่ ใบหน้าคมคายกระจ่างยามที่เจ้าของใบหน้าคลี่ยิ้ม “ไม่รู้เหรอครับว่าหน้าด้านหน้าทนก็เป็นคาแรคเตอร์ของผม”

ธรามองคนที่กำลังยียวนด้วยความอ่อนใจ “เอาเถอะ ไปนอนไป ดึกแล้ว”

“เนี่ย มีความห่วงใย”

“ก็ห่วง” ธราว่าเสียงแผ่ว แต่ไอ้คนถูกห่วงดันหูดีได้ยินเข้า ทีนี้ก็เลยยิ้มกว้างเต็มหน้า “ยิ้มอะไรนักหนา ไปนอน!”

“ครับๆ ไปก็ไป แต่คุณบอกฝันดีก่อนได้ไหม”

“เป็นแค่แฟนเก่า อย่าเรียกร้องเยอะ”

“เจ็บ แต่ยังไหว” ไอ้เจ้าแสร้งยกมือขึ้นกุมที่อกข้างซ้าย ทำท่าจะเป็นจะตายจนธราหลุดหัวเราะ “ดูสิคนเรา ไม่สงสารกันแล้วยังมาหัวเราะใส่ ใจร้ายมากคุณธรา”

“ผมน่ะแค่ใจร้าย แต่คุณน่ะหลายใจ”

“โอ้โห...คำพูดคำจา”

“ไปนอน” ธราเอ่ยเสียงดุกับคนที่เล่นไม่เลิก “จะให้บอกอีกกี่ครั้ง”

“จนกว่าจะเปลี่ยนคำว่าไปนอนเป็นคำว่ามานอน...ด้วยกัน จะอีกกี่ครั้งก็แล้วแต่ใจคุณ”

ธราพรูลมหายใจใส่คนดื้อดึง “เลิกกันแล้ว จำได้มั้ย”

“อย่าย้ำเลยครับที่รัก” ไอ้เจ้าเอ่ยขอร้อง ก่อนบอกด้วยเสียงอ้อนที่ธราฟังแล้วรู้สึกปวดประสาทมากกว่าใจอ่อน “ผมเคารพการตัดสินใจของคุณนะ แต่ก็ยังหวังอยู่นิดๆ ว่าถ่านไฟเก่าของเรายังร้อน รอวันรื้อฟื้น”

“ดื้อสุด แต่ไม่นอนก็ตามใจ ตัวของใครคนนั้นก็รับผิดชอบเอง ป่วยมาก็อย่าลำบากคนอื่น”

“จะมีใครใจร้ายเท่าคุณอีกไหม”

“มึงไง” ธราย้อน “แฟนเก่ามึงด้วย”

“เลิกกันไปแล้วยังจะประชดประชัน”

ธราตวัดตามองคนที่กำลังเล่นลิ้นกวนประสาท “กูพูดตามจริง ไม่ได้ประชดใคร”

“จะมีทางมั้ยที่คุณจะลืมอดีตของผม”

ธรารับฟังแล้วนิ่งงันไปเพียงครู่ คำตอบของเขาชัดเจนอยู่แล้ว “ก็อย่าทำให้มันเป็นปัจจุบัน”

“ผมมีแค่คุณที่เป็นปัจจุบัน” ไอ้เจ้าขยับก้าวเข้ามาชิดกับระเบียงฝั่งห้องของธรา ในขณะที่เขายังยืนอยู่ที่เดิม “มีแค่คุณนะธรา”

ต่อให้ถ้อยคำของไอ้เจ้าหนักแน่นแค่ไหน แต่ก็สั่นคลอนธราไม่ได้ “งั้นก็เลิกรักมันให้ได้”

“ผมรักคุณ”

“มากแค่ไหน”

“มากเท่าที่จะมากได้”

“โกหกเก่ง”

ไอ้เจ้ามีสีหน้าอ่อนใจพลางส่งยิ้มมาให้ “ขออยู่ใกล้กว่านี้ได้ไหม”

“อือ มาสิ” ธราเอ่ยอนุญาต “มาที่ห้อง อยากมาก็มา มึงจะได้นอนสักที”

“ครับ งั้นผมนอนด้วยนะ” ไอ้เจ้าคลี่ยิ้มบอก ก่อนจะรีบเสริม “ผมนอนพื้นก็ได้ ไม่รบกวนคุณ”

“เคยนอนที่ไหนก็นอนที่นั่น”

“ได้เหรอดิน” ไอ้เจ้าถามย้ำ “ในอ้อมกอดของคุณ แฟนเก่าอย่างผมนอนตรงนั้นได้เหมือนเดิมเหรอ”

“อือ อยากทำอะไรก็ทำเถอะ รีบมาได้แล้ว”

ไอ้เจ้ายิ้มกว้างเต็มหน้า ก่อนจะรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง ในขณะที่ธราได้แต่ส่ายหน้าอ่อนใจให้กับตัวเขาเองที่เผลอใจอ่อนตามใจคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนเก่าหมาดๆ

ก็ทำหน้าดีใจซะขนาดนั้นแล้วจะให้ทำใจร้ายลงได้ยังไง




[ต่อด้านล่าง]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 10
«ตอบ #320 เมื่อ05-01-2019 17:31:37 »





“บอกหน่อยเพื่อนรักว่าทำไมคนที่ควรไปเดตในวันครบรอบสองปีกับธราอย่างนายถึงมาช่วยผมจัดการเรื่องหยุมหยิมใจอย่างนี้ได้” ไอ้เอ๋ตั้งคำถามด้วยความฉงนพลางมองไอ้เจ้าเพื่อนรักของมันที่กำลังพาดด้ามจอบไว้บนบ่า “นายบอกว่ามืออาชีพที่นายจ้างวานมาขนย้ายผักที่กำลังงอกงามลงดินนั้นทำงานได้ดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ทำไมถึงยังลากผมมาตากแดดหน้าดำกันด้วย แถมงานก็ยังเสร็จหมดแล้ว เหลือแค่รอเวลาให้ไอ้คิ้มกลับจากเดตกับแป้งจี่มาเซอร์ไพรส์กับความงามของแปลงสาธิตเท่านั้นเอง”

“เอ๋ฟังผม ผมต้องหาข้ออ้างทำตัวไม่ให้ว่างในวันนี้ ไม่อย่างนั้นผมคงจะทำให้ธราลำบากใจ เพราะถ้าเผื่อนายไม่รู้นะเอ๋ ธราตัดความสัมพันธ์กับผมเรียบร้อยแล้ว” ไอ้เจ้าตอบเสียงขรึม ใบหน้าคมคายนั้นเรียบนิ่งจนไอ้เอ๋นึกหวั่นว่าจอบในมืออาจจะจามลงบนหัวทุยๆ ของมันหากเผลอพูดถ้อยคำขัดหูเข้า “เขาย้ำอีกว่าไม่รีเทิร์น”

“เฮ้...นาย คงไม่ใช่ว่า...” ไอ้เอ๋อ้าปากพะงาบ สมองกำลังประมวลผลอย่างรวดเร็วเพื่อพยายามวิเคราะห์หาสาเหตุของการเลิกรา “เพราะเรื่องนั้นที่ผมเผลอพูดออกไป...”

“ตอบแบบไม่ให้นายโทษตัวเองผมก็คงตอบว่าใช่” ไอ้เจ้าว่าเสียงเรียบในขณะที่ไอ้เอ๋หน้าซีด นึกในใจอยู่ครามครันว่าคำตอบของไอ้เจ้าเพื่อนยากเป็นคำตอบประเภทไหนกัน ขนาดบอกว่าไม่ให้โทษตัวเองยังรู้สึกผิดขนาดนี้

“แล้ว...แล้วถ้าตอบแบบให้ผมโทษตัวเองล่ะ” ไอ้เอ๋ถามเสียงหวั่น เห็นไอ้เจ้าตวัดตามองมาแล้วก็หน้าหดเหลือสองนิ้ว

“ก็ใช่มากๆ ไงไอ้สัด” ไอ้เจ้าคำรามลั่น “เพราะมึงเลยเอ๋ เพราะมึ้งงงง”

“ขอโทษษษษษ เป็นความผิดของผมเอ๊งงงงงง พลีสคลามดาววววดู๊ดดดดด” ไอ้เอ๋ยกมือไหว้ท่วมหัว สีหน้าสำนึกผิดจนจอบในมือของไอ้เจ้าหยุดสั่น คนหัวร้อนพรูลมหายใจ ก่อนจะทิ้งจอบลงข้างกายแล้วทรุดตัวลงนั่งโดยไม่สนใจว่ากางเกงยีนส์สีซีดของมันจะเปื้อนดินโคลน “นะ...นาย นายโอเคไหมเพื่อนรัก”

ไอ้เจ้าพยักหน้า “ผมโอเค”

“เต็มสิบ โอเคเท่าไร”

“หนึ่ง”

“ก็ยังดี...ถุ้ย! อย่างนี้เรียกว่าไม่โอเคมากๆ”

“นายไม่ควรถามคนที่ถูกบอกเลิกว่าโอเคมั้ย” ไอ้เจ้าบอกพลางทำหน้าหน่าย “โดนบอกเลิกไม่ใช่โดนบอกรักจะให้ยิ้มแล้วบอกว่าโอเคไอ้สัด”

“เอ๋ผิดอีกแล้ว” ไอ้เอ๋เสียงหงอย พลางนั่งลงเคียงข้างไอ้เจ้า มันยอมกางเกงเปื้อนดินเพื่อจะได้นั่งเคียงตบไหล่ปลอบใจเพื่อนรักของมัน “แต่นายรู้ใช่ไหมว่าต่อให้นายไม่โอเคแค่ไหน นายก็ยังมีผม”

“อืม ผมไม่ได้หัวโล้น” คนที่ยังมีผมใช้มือจับเส้นผมของตัวเองเพื่อยืนยัน “ผมยังแข็งแรงสุขภาพดี แต่มันก็เริ่มยาวนิดหน่อยแล้ว ส่องกระจกเมื่อเช้าก็เห็นว่าดูดีไม่หยอก”

ไอ้เอ๋กลอกตาอย่างนึกเซ็ง “นายแค่โดนบอกเลิกนายเจ้า อย่าถึงกับคิดลาออกไปเปิดคณะตลก”

“อยากได้ความบันเทิง” ไอ้เจ้ายกยิ้มมุมปาก

“งั้นผมจะร้องเพลงให้นายฟังเอง” ไอ้เอ๋รีบเสนอตัวสร้างความบันเทิงให้ “จัดเมดเล่ไปเลยดีไหม”

“อย่าเลยเอ๋” คนต้องการความบันเทิงรีบห้าม “เก็บปากไว้กินข้าวเถอะ”

“นี่ไง นายเกลียดผมแล้วใช่ไหมเพื่อนรัก” ไอ้เอ๋ทำหน้าเศร้า แววตาของมันเหมือนลูกหมากำลังจะถูกทิ้ง

“ไม่มากเท่าที่ผมรักธราหรอก อย่ากังวลไปเลย”

ไอ้เอ๋หน้างอ “นายควรปฏิเสธนะ”

“ผมจะไม่พูดโกหก”

“ได้นายเจ้าได้! งั้นเราขาดกัน! พรุ่งนี้ไปเจอกันที่หน้าอำเภอ!” ไอ้เอ๋เล่นใหญ่ ทำท่าสะบัดสะบิ้งราวกับนางเอกละครหลังข่าวที่กำลังจะหย่าขาดกับสามี

“เอ๋ บางทีนายก็ไม่ควรคิดลาออกเพื่อไปเปิดคณะตลกกับผมก็ได้”

ไอ้เอ๋ยิ้มแหย “ขำขันเท่านั้นจ้าา”

“เฮ้อ มิตรภาพกับนายทำให้ผมปวดหัว”

“ยาพาราช่วยนายได้ ที่จริงญาติผู้น้องฝั่งแม่จ๋าของผมคนหนึ่งกำลังขายยาเทวดาประเภทนี้อยู่ หากว่านายสนใจผมจะแนะนำโปรโมชั่นดีๆ ให้ ซื้อสามกระปุกวันนี้ แถมฟรี...”

ไอ้เจ้ายกมือห้าม “หยุดก่อนสัดเอ๋ นายจะขายตรงตอนนี้ไม่ได้”

“แล้วตอนไหนถึงจะขายได้”

“ตอนที่ผมได้ธราคืนมา ผมสัญญากับนายเลยว่าตอนนั้นผมจะซื้อมากกว่าสามกระปุก”

“งั้นชาตินี้นายก็ไม่ได้อุดหนุนญาติผู้น้องของผมแล้วล่ะ”

ไอ้เจ้าตวัดตามองไอ้เอ๋ที่ยิ้มซื่อส่งมาให้ “ถ้าไม่ใช่นายพูด ผมคงได้เอาจอบในมือนี่จามหน้าแหกไปแล้ว”

“แหะ ผมก็แค่พูดความจริง” ไอ้เอ๋เสียงอ่อย ก่อนแววตาของมันจะกระตือรือร้นขึ้นมา “นี่นายเจ้า ผมคิดออกแล้วว่าจะบรรเทาความเศร้าของนายได้อย่างไร”

“ว่าไปซิเพื่อนรัก”

“ไปเข้าผับเข้าบาร์กัน! นายควรปลดปล่อยความเศร้าไปกับเหล้าเข้มๆ”

ไอ้เจ้าทำหน้าละเหี่ยใจ “แก้ปัญหาแบบเด็กๆ”

“จุ๊ๆ ๆ” ไอ้เอ๋ยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายพลางทำหน้าอมภูมิ “อย่าประมาทไอเดียของผม”

“นอกจากไปกินเหล้าแล้วจะมีอะไรปลอบใจผมได้” ไอ้เจ้าถามเสียงเนือย ความสนใจทั้งหมดในตอนนี้ถูกเปลี่ยนจากไอ้เอ๋เพื่อนยากไปที่ไส้เดือนบนดินร่วนซุยเสียแล้ว “บอกไว้ก่อนว่าผมไม่สนใจผู้หญิง ถ้านายคิดจะหาใครสักคนมาปลอบใจผม คนนั้นต้องเป็นธราเพียงคนเดียว”

“ผมรู้ใจนายดีเพื่อนรัก ผมก็เลยคิดว่าจะยอมปลดบล็อกไอ้หมอแพร์อีกสักครั้งแล้วชักชวนมันออกไปเที่ยวด้วยกันในค่ำคืนนี้” ไอ้เอ๋อธิบายพลางยิ้มกริ่ม “นายรู้ ผมรู้ ว่าธราสนิทกับไอ้คนหื่นกามคนนั้น ผมจะให้หมอนั่นชักชวนธราไปให้ได้ แล้วทีนี้นายจะรวบหัวรวบหางอย่างไรก็ตามแต่ใจนาย”

ไอ้เจ้ายกยิ้มมุมปากทันทีที่ได้ฟังไอ้เอ๋พูดจบ “นายคือเพื่อนตายของผมจริงๆ นายเอ๋”

“แน่นอนนายเจ้า เพราะถ้าไม่ใช่เพื่อนาย ผมคงไม่ปลดบล็อกไลน์หมอนั่นแน่ๆ”

“ขอบใจนายมาก” ไอ้เจ้ามองไอ้เอ๋ด้วยความซาบซึ้ง ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “แต่นายลองชวนนายขวัญดูด้วยไหม ผมว่าเขาอาจจะสนใจไปปาร์ตี้กับเรา”

“อ้อ...นายขวัญสัตวศาสตร์ เพื่อนใหม่ร่วมคณะของเรานั่นเอง” ไอ้เอ๋พูดทวนพลางพยักหน้าหงึกตาม เพื่อนใหม่คนนี้คือคนที่ไอ้เจ้าแนะนำให้รู้จักตอนที่กำลังเคี้ยวลูกชิ้นอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ใต้ตึกคณะในบ่ายวันจันทร์เมื่อสามสัปดาห์ก่อน “ผมก็ลืมไปเลยว่าตอนนี้กลุ่มคนหน้าตาดีของเรามีสมาชิกเพิ่มขึ้นแล้ว”

“นั่นแหละ ลองชวนดู”

“ได้ ผมจะจัดการให้เพื่อนรัก” ไอ้เอ๋รับปากพลางรีบควักโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจัดแจงนัดหมายทันที





(กรุ๊ปไลน์) ถ้ารวยก็ออกจากแก๊งเราไป (3)

มั่นคง รักดี: มีใครอยู่ไหมครับ

OMG : ผมไง

มั่นคง รักดี : ไม่ใช่นายสินายเจ้า @ควั๊นพั๊ด

มั่นคง รักดี : @ควั๊นพั๊ด อันเชิญ!

มั่นคง รักดี : @ควั๊นพั๊ด อันเชิญ!

มั่นคง รักดี : @ควั๊นพั๊ด อันเชิญ!

ควั๊นพั๊ด : ว่าไงครับเอ๋

มั่นคง รักดี: ควั๊นนน นายมาแล้ว ผมรอนายอยู่

ควั๊นพั๊ด : โทษที ผมเพิ่งว่าง มีไรเอ๋ ว่ามาได้เลย

OMG : นายอยู่ไหน

ควั๊นพั๊ด : ที่เดิมเหมือนเช่นวันวาน

OMG : รับจ๊อบอีกแล้วเหรอ

ควั๊นพั๊ด : ครับ ว่างๆ ก็เลยมา

มั่นคง รักดี : ดีแล้วควั๊น เอาเวลาว่างไปทำประโยชน์ดีกว่าไปยุ่งกับยาเสพติด

OMG : งั้นนายก็ควรทำบ้างนะเอ๋ นายไม่ควรเอาเวลาว่างไปดมกาว

มั่นคง รักดี : จะพูดอะไรก็ให้เกียรตินามสกุลผมด้วย

ควั๊นพั๊ด : อย่าแกล้งเพื่อนนายเจ้า อ่านทวนชื่อไลน์เอ๋เดี๋ยวนี้

มั่นคง รักดี : ใช่ ใช่ ใช่

ควั๊นพั๊ด : แล้วยังไงเอ๋ มีอะไร

มั่นคง รักดี : ผมจะชวนนายเข้าผับเข้าบาร์

ควั๊นพั๊ด : ผมเพิ่งให้นายเจ้าอ่านชื่อไลน์นายไปเมื่อกี้นะ

OMG : เอ๋ใจแตก

มั่นคง รักดี : อย่ารุมผม!

ควั๊นพั๊ด : บอกตามตรงว่าผมไม่ชอบที่แบบนั้น

OMG : ไม่ไปหรือไง

ควั๊นพั๊ด : ครับ อีกอย่างแฟนผมคงไม่อนุญาต

ควั๊นพั๊ด : คุณไปด้วยเหรอเจ้า

OMG : อืม

ควั๊นพั๊ด : แฟนอนุญาตเหรอครับ

OMG : ผมโสดแล้ว

มั่นคง รักดี : เพราะแบบนี้เราถึงต้องเข้าผับเข้าบาร์กันไงควั๊น

ควั๊นพั๊ด : งั้นเอาไงดี ไม่มีใครว่างดูแลแฟนให้ผมด้วย ผมปล่อยเขาอยู่คนเดียวไม่ได้ครับ

OMG : ไม่เป็นไร เอาไว้คราวหน้า

มั่นคง รักดี : ใช่แล้วควั๊น นายเจ้าคงเฮิร์ตไปอีกนาน ไม่คืนดีเร็วๆ นี้หรอก ไม่ต้องคิดมาก คราวหน้าไปกัน

OMG : ก็ว่านั่งอยู่ข้างกันดีๆ มันลุกหนีไปทำไม กลับมาให้เตะเดี๋ยวนี้ไอ้สัดเอ๋!!

ควั๊นพั๊ด : อย่าแกล้งเพื่อน

ควั๊นพั๊ด : 555









“มึง น้องเอ๋ชวนไปเข้าผับเข้าบาร์” น้ำเสียงทุ้มของคนที่กำลังก้มหน้าอยู่เหนือโทรศัพท์มือถือดังขึ้น “น้องบอกให้ชวนมึงไปด้วยว่ะ”

ธราละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือของตัวเองแล้วหันมองเพื่อนซี้ที่เขาลากมันให้ออกมานั่งหากาแฟดื่มด้วยกันตั้งแต่ก่อนเที่ยง คิ้วเข้มได้รูปเลิกขึ้นเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ “แปลก”

“ใช่ แปลก แปลกตั้งแต่พิมพ์มาแล้วไอ้ห่า เข้าผับเข้าบาร์ สำนวนบ้าบออะไร ชวนเที่ยวก็คือชวนเที่ยว” ไอ้แพร์เห็นด้วยพลางยิ้มขำกับความเกินจนล้นของเด็กหนุ่มข้างห้อง “อีกอย่างน้องบล็อกไลน์กูเป็นว่าเล่น แต่ตอนนี้ดันมาปลดบล็อกแล้วชวนไปเที่ยว แถมยังเจาะจงให้กูลากมึงไปให้ได้ ต่อให้โง่ก็รู้ว่ามีจุดประสงค์แอบแฝง”

“เออ โคตรไม่เนียน”

“น้องคงไม่รู้ตัว แต่น่ารักดีว่ะ กูชอบคนโง่ หึหึ” หัวเราะชอบใจแล้วยกแก้วคาปูชิโน่เย็นขึ้นดูดไปอึกใหญ่ “แล้วเอาไง ไปดีไหม”

“อืม ไปสิ” ธราตอบรับทันทีโดยไม่อิดออด “น้องอุตส่าห์ชวน”

“ไปเพราะน้องชวนหรือไปเพราะรู้ว่าไอ้เจ้าไปด้วย”

คำถามจากคนรู้ทันทำให้ธราอึกอักอยู่นานก่อนจะให้คำตอบว่า “อย่างหลัง”

“ให้มันรู้กันไป” เพื่อนซี้ส่งสายตาล้อเลียนแล้วถามต่อ "วันนี้มันทักมามั้ย”

“หาย” ธราตอบเสียงแผ่ว “ออกไปไหนไม่รู้ตั้งแต่เช้า ยังไม่ทักกูมาเลย”

“อ้อ จ้องโทรศัพท์ตั้งแต่มาถึงร้านนี่คือรอให้มันทัก”

“อืม”

คนรับฟังกลอกตาอย่างนึกเซ็งกับท่าทีของเพื่อน “จะรอทำไมวะไอ้ดิน มึงทักมันไปก่อนเลย”

“เลิกกันแล้วไง” ให้เหตุผลแล้วดูดเอสเปรซโซ่จนเหลือค่อนแก้วก่อนจะพรูลมหายใจออกมาพลางตั้งคำถามเสียงเรียบ “กูมีสิทธิ์รู้เหรอว่ามันออกไปไหนกับใคร”

“เอ้า ยุ่งยากอีก”

“วันนี้เป็นวันครบรอบสองปีว่ะ” คนพูดยกมือขึ้นลูบใบหน้า เหนื่อยล้าเต็มทีกับความรู้สึกที่ยุ่งเหยิงนี้ “มันบอกกูเองว่าหน้าด้านหน้าทน แต่กลับหนีหน้ากู ปกติต้องบังคับให้ไปเดตกับมันแล้ว”

“สีหน้ามึงแย่มาก มึงรู้ตัวมั้ย” ไอ้แพร์ถามพลางมองหน้าเพื่อนซี้ด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่รู้จักกันมาก็เพิ่งเคยเห็นธรามีสีหน้าทุรนทุรายขนาดนี้ “มึงอาจจะบอกกูว่ามึงไม่ได้รักไอ้เจ้า แต่ที่มึงแสดงออกในตอนนี้ มันไม่ใช่ความเกลียด กูไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกของมึงถึงขั้นไหน แต่มึงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วนะ ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไม่ได้ ทำเพื่อหัวใจของมึงเองเถอะดิน”

“แต่กูไม่รู้ว่าต้องทำยังไง” ธราตอบอย่างคนจนมุม “ไม่รู้ว่าต้องทำแบบไหนถึงจะดี ปกติจะมีแต่เจ้าที่เป็นคนทำตลอด มึงเข้าใจใช่ไหมว่ากูก็แค่อยู่ของกูเฉยๆ มันเป็นฝ่ายวิ่งเข้าหากูเอง”

“เข้าใจ เพราะงั้นตอนนี้มึงก็ต้องเป็นฝ่ายวิ่งเข้าหามันบ้าง ทำความรู้จักมันบ้าง มึงบอกนี่ว่ามันรู้จักมึงดีทั้งที่เพิ่งเคยเจอกันไม่นาน มันรู้อกรู้ใจมึงมากกว่าใคร อาจจะมากกว่าคนในครอบครัวของมึงด้วยซ้ำ” คนพูดเหลือบตามองคนที่กำลังนิ่งงันฟังถ้อยคำ ที่เงียบไปแบบนั้นคงเพราะไม่มีข้อโต้แย้งในเมื่อเป็นจริงตามที่ว่ามาทั้งหมด ไอ้เจ้ารู้จักธราดียิ่งกว่ากลุ่มเพื่อนอย่างไอ้แพร์ ไอ้คินและไอ้จอมที่ร่ำเรียนด้วยกันมาตั้งแต่เข้าเรียนปีแรกในมหาวิทยาลัย กลุ่มเพื่อนสนิทที่ร่ำเรียนด้วยกันมานานสามสี่ปีก็ยังรู้จักธราดีได้ไม่เท่าไอ้เจ้าที่เพิ่งเจอ “มันไม่มีหรอกนะเว้ยดิน คนที่จะรู้อกรู้ใจทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จะบอกว่ามันเป็นคนในอดีตชาติของมึงก็คงเกินความเชื่อของกูไปหน่อย ทางเดียวที่จะเชื่อได้นั่นก็คือไอ้เจ้ามันรู้จักมึงมานานแล้ว นานกว่าที่พวกกูรู้จักมึง นานกว่าที่ครอบครัวที่มึงบอกว่าเหมือนคนแปลกหน้ารู้จักมึงก็ได้”

ธราเคยสงสัยว่าตัวเขานั้นเป็นใครมาก่อน เขาไม่มีความทรงจำในวัยเด็ก ไม่มีเรื่องราวก่อนหน้าที่ตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลให้นึกถึง ตัวเขามีเพียงความว่างเปล่าอยู่รายล้อม รู้สึกอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวราวกับตัวคนเดียวบนโลกใบนี้ เขาอยู่ในโรงพยาบาลโดยลำพังนานนับเดือนก่อนที่จะมีชายหญิงคู่หนึ่งมาแสดงตัวว่าเป็นผู้ให้กำเนิดพร้อมกับยื่นอัลบั้มรูปในวัยเด็กให้เขาดูเป็นหลักฐาน แต่เขาในตอนนั้นไม่ได้คิดโต้แย้งในข้อเท็จจริง เพราะให้พูดตามจริงแล้ว ใบหน้าในตอนเด็กของตัวเขาเอง เขาก็ไม่รู้ว่าเป็นแบบไหน หากเทียบกับหน้าตาในปัจจุบันแล้วเด็กผู้ชายในรูปก็คล้ายคลึงมากทีเดียว

“มึงเคยบอกกูว่ามึงเกิดอุบัติเหตุรถชนจนความจำเสื่อม เพราะงั้นไอ้เจ้าอาจจะเป็นคนเดียวที่รู้จักมึงคนก่อน” ถ้อยคำของไอ้แพร์ยังคงดำเนินอยู่ในความคิดของธรา ความสงสัยของเพื่อนซี้นั้นไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยนึกสงสัยแต่กลับไม่เคยหาคำตอบว่าเป็นจริงมากแค่ไหน

“มึงเชื่อมั้ยว่ากูไม่เคยอยากรู้ว่ากูคนก่อนเป็นยังไงหรือผ่านอะไรมาบ้าง อาจจะมีคนอีกหลายคนที่กูลืมเขาไป อาจจะมีเรื่องอีกหลายเรื่องที่กูจำไม่ได้” ธราเผยความในใจ “แต่กูรู้สึกว่าที่กูลืมไปนั้นอาจจะมีแต่เรื่องที่ไม่น่าจำ กูก็เลยไม่เคยพยายามที่จะนึกถึง มันอาจจะไม่มีเรื่องสำคัญอะไรเลย อาจจะแค่ชีวิตเรียบง่ายอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ บ้านของพ่อกับแม่ก็เป็นบ้านที่ในบ้างครั้งกูนึกขึ้นมาได้ว่าเคยไปเล่นตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้าง ความคุ้นเคยกับคนในบ้านอาจจะไม่ค่อยมีแต่พ่อก็บอกว่าเมื่อก่อนกูเป็นเด็กที่ค่อนข้างเก็บตัว พ่อกับแม่ก็บินไปต่างประเทศบ่อยไม่ค่อยอยู่บ้าน ไม่แปลกหากเราจะไม่รู้สึกผูกพันกัน ทุกอย่างมันลงล็อกจนกูไม่ได้เดือดร้อนแม้ว่าจะจำเรื่องเมื่อก่อนไม่ได้” เขาหยุดพักหายใจพลางผินหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างที่วิวทิวทัศน์ในยามนี้เห็นเด่นชัดด้วยแสงสว่างจ้าของดวงอาทิตย์ในยามบ่ายโมงตรง “แต่มึงรู้ไหม ตั้งแต่ที่รู้จักเจ้า กูรู้สึกมากขึ้นทุกวันว่ามีบางอย่างที่ไม่ลงล็อก มันน่าหงุดหงิดใจทุกครั้งที่ได้เห็นหน้ามัน ได้ยินเสียงของมัน ก็รู้สึกรำคาญ มีบางอย่างที่ติดค้างแต่กูอธิบายไม่ได้ว่าคืออะไร”

“แล้วมึงอยากหาคำตอบไหมหรือจะปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้ต่อ”

“ทั้งอยากและไม่อยาก” เขาพรูลมหายใจออกมา ในขณะที่แววตาเต็มไปด้วยความสับสน “เพราะยอมรับตรงๆ ว่ากูก็กลัว กูไม่รู้จักตัวกูคนก่อน กูไม่รู้ว่าตัวกูในตอนนี้คือตัวกูจริงๆ ไหม”

“มึงก็คือมึงนะดิน” น้ำเสียงทุ้มปลอบโยน “ไม่ว่าจะคนก่อนหรือคนที่อยู่ตรงหน้ากูในตอนนี้ ก็คือตัวมึง คนเราเติบโตจากอดีต มันอาจจะดีกว่าก็ได้ถ้ามึงได้รู้จักตัวเองก่อนหน้านี้ ไม่ใช่คนที่อยู่ๆ ก็โตเป็นหนุ่มโดยข้ามผ่านเรื่องราววัยเด็ก มึงอาจจะเคยเป็นแชมป์ดีดลูกแก้ว อาจจะเคยสร้างวีรกรรมแสบๆ แล้วหัวเราะมีความสุขไปกับกลุ่มแก๊ง เนี่ย...มีแต่เรื่องที่ควรนึกถึง อย่ากลัวไปเลย เราทุกคนก็เปลี่ยนไปกันทั้งนั้น ไม่ต้องกังวลหรอกว่าตอนนั้นกับตอนนี้จะไม่เหมือนกัน”

“แต่ไม่รู้ทำไมนะแพร์ กูถึงได้รู้สึกว่าตัวกูคนก่อนไม่ควรมีตัวตนอยู่บนโลกนี้” เขาแย้งด้วยเสียงราบเรียบ วัยเด็กสดใสในจินตนาการของเพื่อนอาจจะไม่เคยเกิดขึ้นกับเขา “ตอนนั้นกูอาจจะเป็นคนที่แย่มากกว่านี้ก็ได้ อาจจะไม่ใช่เด็กแสบซน แต่คงเป็นเด็กเวรคนหนึ่งที่ควรตายๆ ไปซะ พ่อบอกว่ากูขับรถชนเสาไฟฟ้าเพราะทะเลาะกับพ่อแล้วหนีออกจากบ้าน”

“ตอนนั้นมึงอายุเท่าไรกันเชียว”

“สิบเจ็ดย่างสิบแปดแล้วมั้ง ขับเร็วน่าดู สภาพรถพังยับตอนที่ตำรวจเอารูปรถมาให้กูดูพร้อมกับสอบปากคำ” น้ำเสียงเรียบเรื่อยของผู้พูดทำให้ผู้ฟังได้แต่ลอบมองอย่างไม่แน่ใจว่าเจ้าของน้ำเสียงกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน “โชคดีที่ไม่ตาย หรือโชคร้ายก็ไม่รู้ เพราะกูก็เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ จำอะไรไม่ได้สักอย่าง”

“มึงฆ่าตัวตายเหรอ” คนถามใช้น้ำเสียงอย่างระมัดระวังพลางมองสีหน้าเพื่อนที่ราวกับล่องลอยไปในที่ไกลแสนไกล

“ไม่รู้ แต่ตำรวจบอกว่าไม่พบรอยเบรก ตอนนั้นคงจะคิดสั้น เด็กวัยรุ่นที่มีปัญหาก็หาทางออกผิดๆ เป็นส่วนใหญ่กันทั้งนั้น”

“อืม ก็เข้าใจได้ แต่ว่านะดิน มึงขับจริงๆ เหรอวะ”

“ทำไม” คนถูกถามหันมองคนตั้งคำถามด้วยความฉงน “ถ้ากูไม่ขับแล้วใครจะขับ”

“ก็มึงเพิ่งให้กูสอนขับรถให้ตอนปีหนึ่งเทอมสองนะเว้ย”

ธรานิ่งงันไปเพียงครู่ ทบทวนความจำแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเขานั้นเริ่มขับรถเป็นตอนไหน “กูจำเรื่องอื่นไม่ได้ ขับรถไม่เป็นก็ไม่แปลก”

“แต่มึงก็ไม่ได้หัดเดิน หัดจับช้อนกินข้าว หัดทำนู่นนี่ที่ต้องทำในชีวิตประจำวันใหม่นี่ใช่ไหม มึงว่ายน้ำได้ด้วย จำได้ไหมตอนที่ถามว่ามึงว่ายน้ำเป็นหรือเปล่า”

“กูจำได้ ตอนรับน้องที่หัวหิน”

“ใช่ มึงก็บอกว่ามึงไม่แน่ใจ แต่พอลงทะเล มึงก็ว่ายได้นี่ คล่องปร๋อเชียว”

“แล้วยังไงวะแพร์ ถ้ากูขับไม่เป็น ก็แค่ขับรถไม่เป็นมั้ย”

“เอ้า ไอ้นี่ ถ้ามึงขับไม่เป็นแล้วใครขับรถไปชนเสาไฟเล่า!”

คำพูดของไอ้แพร์ทำให้ธราจมอยู่ในความคิดอยู่นาน ก่อนเขาจะแย้งขึ้นว่า “กูว่ากูก็แค่ลืมวิธีขับ”

“แต่กูว่ามันน่าสงสัยนะเว้ย” เพื่อนซี้เริ่มสวมวิญญาณของยอดนักเสือก หัวคิ้วมุ่นเข้าหากันอย่างคนที่ครุ่นคิดถึงอุบัติเหตุที่พรากความทรงจำของธราไป แต่เจ้าของเรื่องกลับไม่ให้ความร่วมมือ

“ช่างเถอะน่า” ธราตัดรำคาญกับความสงสัยไม่เข้าเรื่องของเพื่อนซี้ “แล้วนี่ตอบไอ้น้องเอ๋มันรึยังว่าเราจะไปด้วย”

“ตอบแล้ว น้องบอกว่าเจอกันที่อันซีนได้เลย” ไอ้แพร์ตอบอย่างอารมณ์ดี หัวใจเต้นโครมครามยามเมื่อคิดว่าจะได้ชิดใกล้กับเด็กหนุ่มข้างห้อง ความหวานนุ่มจากกลีบปากบางในครั้งเก่าก่อนยังติดตรึงอยู่ในใจไม่หาย

“เจ้าไปแน่นะ” ธราถามย้ำเพื่อความแน่ใจว่าตัวเองจะไม่ไปเสียเที่ยว

“เออ มึงคิดว่าน้องเอ๋จะชวนกูทำมะเขืออะไรถ้าไม่มีไอ้เจ้าบงการอยู่เบื้องหลัง”

คนรับฟังหัวเราะเยาะ “ถือมีดแทงตัวเองทำไม”

“ไม่เจ็บเท่าโดนน้องบล็อก” คนเจ็บจนชินสาธยาย “กูบอกเลย ส่งข้อความฝันดีไปเป็นร้อย ไม่ขึ้นอ่านสักข้อความ เจ็บกระดองใจยิ่งกว่าตอนที่ไอ้ฟินน้องรหัสมาช่วยแก้แล็ปแล้วเสือกทำฟันที่กูกรออย่างดีแล้วแตกคามือ”

“ถือว่ามีประสบการณ์ความเจ็บ แต่ส่งไปขนาดนั้นเป็นกูก็บล็อกไอ้สัด มึงโรคจิตเหรอ” ถึงกับส่ายหัวกับวิธีจีบบ้าบอของเพื่อนซี้ ปกติแล้วไอ้แพร์ก็ถือว่าเป็นผู้เป็นคนมากที่สุดในกลุ่ม แต่เห็นได้ชัดว่ากับเรื่องของความรักแล้ว มันก็เป็นคนบ้าไม่น้อยหน้าคนอื่นเลย

“น้อยกว่าไอ้เจ้าละกัน กูกำลังใช้วิธีมันอยู่ เพราะมันพิสูจน์แล้วว่าวิธีของมันได้ผล”

“ได้ที่ไหน”

“ได้ที่มึงนี่แหละ”

ธราหัวเราะอารมณ์ดี เขาไม่โต้แย้งเพราะความจริงก็เห็นกันอยู่ทนโท่ “เออ ก็เกือบได้”

“แน๊ มีความขิงข่าใส่กู”

“หึ ไม่มีก็แย่หน่อย”

“อย่าลืมว่ามึงเพิ่งบอกเลิกมัน”

“เดี๋ยวคืนนี้คืนดี”

“ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“ไม่รู้ ดูก่อน”

“เอ้า”

“เออน่า ทักมันแป๊บ”

“เชิญเถอะ กูจะคุยกับน้องเอ๋แล้ว”

“ขอให้น้องบล็อกมึงอีกรอบ”

“ไม่มีทาง!”

คำแช่งของธราดูเหมือนจะได้ผลเพราะในอีกไม่กี่นาทีต่อมาก็เห็นเพื่อนซี้สถบคำหยาบยาวเหยียด จับใจความไม่ค่อยได้แต่รู้แน่ว่าคนที่มันอยากคุยด้วยคงบล็อกมันไปแล้วเรียบร้อย





D. : .

OMG :?

D. : อยู่ไหน

OMG : ห้องเอ๋ครับ คุณล่ะ

D. : ร้านกาแฟ

OMG : กับใคร?

D. : แพร์

OMG : ครับ

D. : มามั้ย

OMG : อยากให้ไปหาเหรอครับ

D. : เปล่า





ลมหายใจสะดุดไปเล็กน้อยในระหว่างที่กำลังพิมพ์ตอบ





D. : ชวนตามมารยาท





ไอ้เหี้ย...ถึงขนาดทักไปหา ใครเชื่อว่าชวนตามมารยาทก็โง่เง่าเต็มที





OMG : อ๋อ





แต่คนรับข้อความอีกฝั่งคงจะเชื่อ เพราะตอบกลับมาสั้นๆ แล้วหายไปเลย จนธราต้องรีบพิมพ์ข้อความไปอีกครั้ง





D. : มาหน่อยสิ ไอ้แพร์บอกจะเลี้ยงกาแฟ





ข้ออ้าง ไม่โง่ก็คงรู้ว่าเป็นข้ออ้าง





OMG : มันอยากได้เงินค่าน้ำมันหรือเปล่า ผมยังติดมันอีกสองเดือน





แต่ไอ้เจ้าโง่...โง่จนไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรดีแล้ว





D. : ก็ใช่ มาเถอะ

OMG : ไม่มีเงินสด ผมโอนไปดีกว่าไหม





แม่ง...





D. : ให้ยืม

OMG : อยากเจอผมใช่ไหม





ธราขมวดคิ้วมุ่น คันยุบยับที่หัวใจเล็กน้อย





D. : เปล่า





ใช่ อยากเจอ รู้สักทีได้ไหมว่าอยากเจอ...อยากเจอมากๆ





OMG : ส่งโลเกชั่นมาครับ เดี๋ยวผมไปหา

D. : *Sent a location*

OMG : เดี๋ยวเจอกันครับที่รัก

D. : แล้วมายังไง

OMG : รถเมล์

D. : ไม่ขับรถมาล่ะ

OMG : คุณก็รู้ว่าผมไม่ชอบขับรถ

D. : แต่ขับให้กูนั่งทุกที

OMG : ถ้าไม่มีคุณอยู่ด้วยผมก็ไม่ขับ

D. : งั้นเดี๋ยวไปรับ จะได้ไม่ต้องลำบากนั่งรถเมล์





พิมพ์ไปแล้ว เวลาพิมพ์ตรงกับใจทำไมรู้สึกเหมือนจะตายขนาดนี้กันวะ!





OMG : ห่วงเหรอ





ที่สุด





D. : อืม ห่วงในฐานะแฟนเก่าได้ใช่มั้ย





ข้อความถูกส่งออกไปแล้ว แต่นิ้วมือของธราก็ยังคงสั่นเทา เขามองข้อความที่ขึ้นอ่านด้วยหัวใจที่เต้นด้วยจังหวะผิดแปลก





OMG : สำหรับคุณแล้วมีเรื่องไหนที่ไม่ได้บ้าง

D. : ก็มีอยู่ไม่ใช่เหรอ





มีอยู่แล้วเรื่องที่อีกฝ่ายให้กันไม่ได้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงต้องจบลง





OMG : ครับ ก็มีอยู่จริงๆ





ธราแค่นยิ้มให้กับคำตอบที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ เขาเกือบหลุดคำหยาบคายเหมือนอย่างไอ้แพร์ที่ตอนนี้นั่งทำหน้าซังกะตายในขณะที่นิ้วมือจิ้มลงบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือเพื่อเคลียร์ด่านเกมแคนดี้ครัช

“ไอ้แพร์”

“ว่า”

“มึงว่าอย่างกูนี่มีดีพอจะทำให้ใครสักคนลืมแฟนเก่าได้มั้ยวะ”

คนรับฟังทำหน้าหน่ายพลางส่ายหัวเมื่อฟังคำถามจบ “ไม่ได้ว่ะ เพราะมึงคนเหี้ย มึงมันไม่มีดี มึงต้องโสดเป็นเพื่อนกูต่อไปไอ้เพื่อนยาก ไอ้เจ้าจะต้องบล็อกไลน์มึงเหมือนที่น้องเอ๋กระทำกับกู!”

“โทษที” ธรายกคิ้วยียวน “กูถามผิดคน”

“ว๊อทททท!”

คำถามนี้ควรเก็บไปถามกับคนที่น่าจะให้คำตอบได้ถูกต้องที่สุดคงดีกว่า

ไอ้เจ้าคงเป็นคนเดียวที่จะให้คำตอบกับเขาได้





...............TBC.................


ทุกคนขาาาา เค้ามาแล้วเด้ออออออ ขอโทษที่ให้รอกันนะคะ ที่เราเงียบหายไปเลยยยยย

เราคิดว่าจะเคลียร์ธุระให้เสร็จหมดก่อน แต่คือมันยืดยาวนานและมันนานเกินไปปปป เห็นวันที่แล้วใจหาย เกือบสองเดือน

กลับมาค่ะ กลับมาแล้ววววววว ฮืออออ

เอาใจช่วยกันด้วยนะคะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ CHOO

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ใครขับ เจ้าเหรอ

ออฟไลน์ Phaakram

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หน่วงนี้อีกนาน ขอบคุณที่กลับมาอัพ ดีใจ :mew1: :sad4:

ออฟไลน์ Fuzz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 117
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ในที่สุดก็กลับมาาาาาาาาาาา    :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Justccwpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอออๆๆ

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
 :hao7: เจ้ามาแล้วววว

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
เปิดกล่องเหอะ
ทั้งหน่วงทั้งอึดอัด
ต่อมอยากรู้ทำงาน

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
 :hao5:  :hao5: :hao5:

อ่านแล้วอึดอัดแหม๋  สงสารเจ้า  เป็นคนที่ถูกลืมแต่ดันจำได้ในทุกๆอย่าง

ออฟไลน์ taku_kimu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

อดีตมันเกิดขึ้นแล้ว จบไปแล้ว ..จะจำเรื่องในอดีตได้ไม่ได้ มันก็เกิดขึ้นแล้ว

ถ้าอดีตมันไม่ส่งผลถึงปัจจุบันก็อาจจะไม่จำเป็นต้องรื้อฟื้น แต่ถ้ามันเห็นชัดว่าเป็นปัญหา ที่ควรทำคือแก้ไขมันซะ ไม่งั้นชีวิตมันก็ไปต่อไม่ได้ เจ็บเหมือนเป็นฟันคุดไม่ได้ผ่าอยู่อย่างนั้น จะเคี้ยวจะกลืนจะอ้าปากยังยากเลย ชีวิตยังอีกยาวไกล เป็นเรื่องโง่มากที่จะเก็บปัญหาไว้ รอถึงวันตายแล้วมานั่งเสียใจว่าทำไมเราไม่กล้าเผชิญหน้ากับมัน

ตอนนี้คิดว่ามันไม่แฟร์กับ ธรา เพราะไม่ว่าอดีตเค้าจะเลวยังไง แต่ปัจจุบันเค้าความจำเสื่อม จริงๆ เค้ามีสิทธิ์ที่จะรู้ทุกอย่างและตัดสินมันด้วยตัวตนในปัจจุบัน แต่ดูเหมือนว่าคนรอบตัวจะคิดแทนเค้าไปซะหมด ไม่บอกไม่กล่าวอะไรให้ชัดเจนเลย

ในแง่ของ เจ้า เข้าใจว่ามันเจ็บปวด แต่เราก็คิดว่าเจ้าเห็นแก่ตัวจริงๆ น่ะแหละ ถึงธราคนนี้จะเป็นคนเดียวกับธราในอดีตหรือเปล่าก็ตาม การทำให้ธราคนนี้เข้าใจผิดไปทั้งอย่างนี้มันใจร้ายและเห็นแก่ความรู้สึกตัวเองฝ่ายเดียว ไม่คิดบ้างล่ะว่าธราคนปัจจุบันมันก็เจ็บเป็น และ มันเป็นคนใหม่ไปแล้ว มันเหมือนคนละคนเดียวกันไปแล้วไหม จะมารักแบบกั๊กๆ ไว้นี่ ไม่ดีเลย จริงๆ ถ้าเจ้าไม่มาวุ่นวายตามตื๊อธรามาตั้งสองปี ธราคนใหม่ก็คงไม่ต้องเจ็บอีกไหม คงมีชีวิตใหม่แบบที่พ่อแม่อยากให้มีไปละ นี่มาวุ่นวายสร้างเรื่องทำไมอะ งง เข้ามาละก็มาทำให้เค้ารู้สึกว่ารักคนเก่ามากกว่าไปอีก อะไรของคุณนะเจ้า :seng2ped:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
บอกได้แค่ "โธ่ ชีวิตของแพร์" ทำใจลูก ที่เป็นเพื่อนกับดิน  :hao4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด