แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11  (อ่าน 61450 ครั้ง)

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'

ตอนที่ 18 : การกลับบ้านของเบิ้ม



น่าเสียดายที่การมาของคมสันครั้งนี้มาได้เก้าวันเท่านั้น

อาศัยหยุดช่วงเสาร์-อาทิตย์ชนเสาร์-อาทิตย์ เพื่อจะได้ขอลาแค่ห้าวัน ความจริงแล้วระดับเด็กเส้นก๋วยจั๊บจะลานานก็ได้ แต่เพราะเพิ่งทำผลงาน คมสันเลยไม่อยากให้คนในบริษัทเขม่น เดี๋ยวจะโดนนินทาว่าหลงระเริง

เก้าวันที่สองวันแรกคมสันไปส่งเด็กเวรที่โรงเรียน ก่อนจะสลับกับเบิ้มขับรถเลียบถนนชมวิวไปดูพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ จากนั้นก็ไปแกรนแคนยอน เบิ้มกำลังกลุ้มใจพอดีเพราะเส้นทางค่อนข้างโหด มีคมสันช่วยดูช่วยขับแทนบางช่วง เลยราบรื่นปลอดภัย แถมยังได้ตากล้องคนใหม่ถ่ายรูปสวยถูกใจให้คุณหนูและคุณหญิงด้วย

“สันจะไปแล้วเหรอ”

“ครับ”

ครบเก้าวันกับการท่องเที่ยวที่ยังไปไม่ถึงไหน เด็กเวรขัดใจมากทีเดียว แต่พอเห็นพี่เลี้ยงยืนยันอย่างนิ่งสงบ กลับเป็นเด็กชายกิจภัทรที่เริ่มงอแง

“งั้นฉันจะกลับด้วย! ฉันจะไปกับสัน!”

เบิ้มถึงกับหลุดขำกับท่าทางที่คล้ายจะเก็บกดของเด็กเวร แม้จะมีความสุขดีเมื่อไม่มีคนคอยคุมคอยปราม แต่การได้มาเจอกันอีกครั้งก็ทำให้เด็กเวรแสนจะคิดถึงคมสันเหลือเกิน พอต้องจากกันอีกครั้งเลยตัดใจทิ้งเรื่องเที่ยวแล้ว ภาพสวยๆ ก็ได้มาตั้งเยอะ ช่างมันสิ!

“แต่ผมอยากเห็นรูปคุณคู่กับเทพีเสรีภาพนะครับ”

“ถ้าสันว่างั้นละก็...”

นี่มันสลับกันชัดๆ!

เบิ้มขำจนไหล่สันกับพี่เลี้ยงและเด็กเวรที่แตกต่างกับตอนขามาโดยสิ้นเชิง ตอนนั้นคมสันทำหน้าเหมือนจะตาย ขณะที่เด็กเวรกระดี๊กระด๊าดีใจ มาตอนนี้คมสันทำใจและอยากให้เที่ยวเล่นเต็มที่ เด็กเวรกลับทำหน้างอ อยากกลับบ้านด้วยเต็มแก่ ความตื่นตาตื่นใจเริ่มระเหือดหายแล้ว

เกลี้ยกล่อมคุณหนูสุดที่รักเสร็จ คมสันก็กวักมือเรียกเบิ้มให้ไปยืนหลบมุมอีกครั้ง คุณหญิงเองก็รู้งาน ช่วยกันเด็กเวรโดยใช้ไอติมล่อ เปิดโอกาสให้พวกเขาคุยสองต่อสอง

ครั้งนี้เบิ้มเป็นฝ่ายรั้งตัวคมสันมากอดก่อน ขณะคนรักหลับตาซุกหน้าพิงกับแผ่นอกแน่นๆ แสนอบอุ่นของไอ้เบิ้ม

การกอดครั้งนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกรักและคิดถึงล้วนๆ เพราะอะไรที่ควรกำชับก็พูดกันตั้งแต่ช่วงช่วยกันเก็บของเมื่อวานแล้ว คมสันเอากระเป๋ามาน้ำหนักไม่ถึงยี่สิบโล แต่ขากลับต้องขนกลับถึงสามสิบโล เพราะเสื้อผ้าและของเล่นที่เด็กเวรซื้อล้วนๆ

“เดินทางปลอดภัยนะ”

ถ้าเลือกได้ก็อยากจะกอดกันนานๆ แต่พอเห็นเด็กเวรถือไอติมเดินเข้ามาใกล้เบิ้มก็ผละออก อวยพรคมสันเล็กน้อยก่อนจะยืนส่งคนรักจนลับตา

ขากลับ เด็กเวรหงอยอย่างเห็นได้ชัด ขนาดคุณหญิงยังช่วยปลอบไม่สำเร็จ

“ไปกินขนมกันเถอะครับ สันไม่อยู่แบบนี้ต้องแอบกินตุนไว้เยอะๆ เลยนะ”

“จริงด้วยเบิ้ม งั้นไปกันเลย!

เฮ้อ...หลอกเด็กนี่มันง่ายจริงๆ





พวกเขาบินลงแคลิฟอร์เนียก็จริง แต่ขากลับนั้นขึ้นเครื่องที่นิวยอร์ก เด็กเวรได้ถ่ายรูปกับเทพีเสรีภาพสำเร็จ แถมก่อนกลับยังได้ไปชมละครเพลงกับคุณหญิงหลายเรื่องด้วย เบิ้มเริ่มเห็นแววความเป็นท่านประธานบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ก็ตอนนี้ เพราะขณะที่เขาแทบหลับกับโศกนาฏกรรมความรักในเรื่องแฟนท่อม ออฟ ดิโอเปร่า เด็กเวรกลับวิจารณ์อย่างออกรส แถมยังชอบเรื่องรักน้ำเน่ามากทีเดียว

แม้จะเคยทำงานในวงการบันเทิง แต่เบิ้มไม่สันทัดเรื่องละครจริงจัง เขาถนัดแนวบู๊ระห่ำไร้เรื่องรักมาข้องเกี่ยวมากกว่า

เด็กเวรหาว่าเบิ้มหยาบกระด้างไร้รสนิยม

...พอเล่าให้คมสันฟังก็ได้เสียงหัวเราะเย้ยหยันจนได้แต่ทำใจ

ขากลับมีแค่เบิ้มกับเด็กเวรเท่านั้น เพราะคุณหญิงต่อเครื่องไปอีกรัฐหนึ่งเพื่อกลับไปหาครอบครัว...เอ่อ ครอบครัวใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลชาติบดินทร์ ตอนรู้ว่าแม่ไม่ได้กลับด้วยกันนั้นเด็กเวรก็ไม่ได้ว่าอะไร คล้ายเคยชินแล้วที่พ่อกับแม่จะมาทำหน้าที่ผู้ปกครองแบบแวบมาแวบไป

“บอกสันรึยังเบิ้ม เครื่องลงตอนบ่ายสองนะ บอกให้สันลางานด้วย!”

“บอกแล้วครับ”

“ภัทร แม่ไปแล้วนะ” เพราะเครื่องของคุณหญิงบินก่อน เธอเลยหมายจะกอดลูกชายอำลา ติดก็แต่เด็กเวรยุ่งวุ่นวานกับเบิ้มที่แชทคุยกับคมสัน จนสุดท้ายทนไม่ไหวแย่งมากดวีดีโอคอล

“สัน ฉันกำลังจะกลับแล้วนะ!”

เบิ้มหันไปยิ้มปลอบคุณหญิงที่โดนลูกชายมองเมินโดยสิ้นเชิง เธอเองก็ยิ้มอย่างเข้าใจ เดินมาแตะไหล่เด็กเวรเบาๆ คุยกับคมสันอีกเล็กน้อย ก่อนจะเดินขึ้นเครื่องโดยไม่ได้กอดอย่างที่ตั้งใจไว้

ช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะอ้อมกอดของเด็กเวรนั้นรอคอยคนสำคัญคนหนึ่ง

การนั่งเครื่องบินแสนยาวนาน เบิ้มต้องดูการ์ตูนและเล่นเกมเป็นเพื่อนเด็กเวรที่ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ได้งีบแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น และพอมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ...

“เบิ้ม สันมารึยัง”

“มาแล้วครับ รออยู่ด้านนอกนะ”

เบิ้มก็ต้องจับตัวเด็กเวรที่แทบจะวิ่งไปข้างนอกไม่ยอมรอกระเป๋า อืม...กระเป๋าที่งอกขึ้นมาจากสองเป็นห้าใบทั้งที่ให้คมสันขนบางส่วนกลับไปแล้วนะเนี่ย

“เร็วๆ สิเบิ้ม”

ไอ้เบิ้มจะไปเร่งสายพานได้ยังไงเล่า!

กว่าจะได้กระเป๋าครบ เบิ้มโดนเด็กเวรมองเหยียดหยามไปหลายที พอผ่านด่านตรวจเดินออกมาก็เห็นคมสันยืนโดดเด่นท่ามกลางกลุ่มคนมารอรับญาติ ทั้งที่มีคนมากมายยืนเบียดกัน แต่เบิ้มหาคมสันเจอเป็นคนแรก คนรักของเขาสวมสูทยืนหลังเหยียดตรงอย่างสง่า เผยยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นเด็กเวร

“สัน!”

“ยินดีต้อนรับกลับครับ”

เด็กเวรกอดพี่เลี้ยงอย่างแสนคิดถึง แหม เบิ้มก็อยากกอดบ้าง ติดแต่ที่ตรงนั้นยังไม่ใช่เวลาของเบิ้ม

ขากลับคมสันเป็นคนขับแม้เบิ้มจะยืนยันว่าไม่เจ็ตแล็ก ความห่วงใยนี้ทำเอาเบิ้มซาบซึ้งนัก ส่วนเด็กเวร...แน่นอนว่าสลบเหมือด

พอถึงคฤหาสน์ชาติบดินทร์ คมสันพยายามจะอุ้มเด็กน้อยที่สลบไสลปลุกไม่ตื่น แต่คุณหนูอายุสิบสี่แล้ว ตอนนี้ใกล้จะสูงเท่าพี่เลี้ยงเต็มแก่ จะอุ้มแบบเมื่อก่อนก็ไม่ถนัด

“ฉันอุ้มเอง”

เบิ้มอาสาพลางช้อนเด็กเวรขึ้นอุ้มแบบสบายๆ แล้วเดินตามไปที่ห้องนอน พี่เลี้ยงชี้นิ้วบอกให้เบิ้มอย่าเพิ่งวางคุณหนูบนเตียง แต่ให้พาไปที่โซฟาก่อน หลังเปิดแอร์ เปิดไฟ และเตรียมเสื้อผ้าเรียบร้อย คมสันก็เช็ดตัวให้เด็กชายที่ต้องนั่งเครื่องบินนานจนตัวเหนียวเหนอะ เปลี่ยนชุดให้ แล้วบอกเบิ้มให้อุ้มไปนอนบนเตียง จากนั้นคมสันก็ห่มผ้า จัดหมอน ก่อนจะจูงมือคนรักกลับห้องตัวเองบ้าง

“ไม่ง่วงหรือ” คมสันถาม มองเบิ้มที่ฉวยโอกาสจูงมือเพลินๆ แล้วพาลากเข้าห้องน้ำด้วยแววตาประกายวาวอย่างรู้ทัน

“ง่วง แต่คิดถึงมากกว่า”

ได้อยู่สองต่อสองสักที ไอ้เบิ้มที่อดทนอดกลั้นมานานก็ทนไม่ไหวแล้ว เขาประคองหน้าคมสันเพื่อรับจูบ เรียวลิ้นทักทายส่งความคิดถึงหากัน โดยที่สองมือช่วยกันเปลื้องผ้าคนละไม้คนละมือสุดแสนจะสามัคคี

เบิ้มอุ้มคมสันไปนั่งบนอ่างล้างหน้า ไม่ทันจะได้แสดงความรักสมใจอยากก็โดนคมสันตบอกเป็นเชิงแย้ง

“ไม่เอาตรงนี้ ไปที่อ่าง”

ภรรยาบัญชา ไอ้เบิ้มก็ว่าตาม

เขาอุ้มคมสันไปที่อ่างน้ำซึ่งพอสำหรับคนเดียว แต่ถ้ามีอีกคนนั่งทับด้านบนก็ไม่เป็นปัญหา และคนที่ได้สิทธิ์นั้นก็คือคมสันที่ขยับสะโพกบดเบียดสัตว์ร้ายที่เริ่มตื่นตัว ในเมื่อคนรักชอบทำรักในท่านี้ไอ้เบิ้มก็ไม่ขัดศรัทธา

น้ำอุ่นเปิดวนรอบกาย บรรยากาศเร่าร้อนหอบกระชั้น เสียงครางและลมหายใจประสานกัน ร่างกายพวกเขาขยับควบเพลิดเพลินจำเริญใจ

สู้รบปรบมือกันไปสองยกจนหายคิดถึงก็ช่วยกันอาบน้ำจนไฟเกือบลุกอีกรอบ ไอ้เบิ้มสวมชุดนอนเดินไปที่เตียง เตรียมวางแขนพาดบนหมอนให้คนรักนอนหนุน แต่คมสันซึ่งสวมชุดนอนไม่ได้นอนนั้นกลับหยิบโน๊ตบุ๊ตมาเปิด มือข้างนั้นของเบิ้มเลยเป็นหมัน ทำได้เพียงลูบๆ คลำๆ ช่วงเอวของคนรักที่นั่งพิงหัวเตียง

“รบกวนมั้ย”

“ไม่เป็นไร ฉันนอนหลับง่าย”

“อืม ฉันเชื่อ” คมสันพูดพลางอมยิ้มมุมปาก เพราะเบิ้มชอบหลับเป็นตาย โดยเฉพาะหลังออกกำลังกายไม่ว่าจะเป็นนอกร่มหรือในร่ม มักนอนหลับสนิทมากทีเดียว

“มีงานค้างหรือ”

“อืม วันนี้ลามารับคุณหนู เลยต้องตามงานก่อน”

เบิ้มไม่ว่าอะไร คนรักเลือกนั่งทำงานอยู่ข้างๆ เขาก็นับเป็นความสุขอย่างหนึ่ง

มาสะดุ้งตื่นอีกทีเอาตอนกลางดึกเมื่อคมสันปิดไฟแล้วเขยิบตัวเข้าหาในอ้อมกอด เบิ้มวางมือรออัตโนมัติ เมื่อคมสันหามุมซุกสบายๆ ก็โอบตัวร่างนั้นเข้าใกล้ ก่อนจะหลับตาลง

สุขีจริงๆ ชีวิตไอ้เบิ้ม






เพราะกลับมาวันศุกร์ ช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ได้พักแป๊บเดียวเปิดเทอมก็มาเยือน

เป็นครั้งแรกที่เด็กเวรกระตือรือร้นจะไปเรียนโดยไม่ต้องให้พี่เลี้ยงไล่ต้อน

“ฉันจะเอาภาพไปอวดทุกคน!”

ที่แท้ก็อยากอวด เบิ้มส่ายหัวอย่างอ่อนใจ ขับรถไปส่งเด็กเวร แต่พอก้าวย่างเข้ามาในบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ พลันพบกับบรรยากาศที่เปลี่ยนไป

ทำไมเพื่อนร่วมงานที่เคยห่างเหินเย็นชาถึงมองคมสันอย่างเคารพสักหลายส่วน

“คมสัน รายงานวางบนโต๊ะแล้วนะจ๊ะ”

“ขอบคุณครับ”

เบิ้มมองคนรักเป็นคำถาม คมสันไม่ตอบอะไร เพียงเดินนำไปห้องประชุมเล็กเพื่อความเป็นส่วนตัว

“ไหนๆ ก็มีคนดูแลคุณหนูแล้ว ฉันเลยมีเวลาทำงานเต็มที่” คมสันเกริ่นขณะประสานมือบนเข่า ดวงตาใต้กรอบแว่นประกายวับวาวชวนให้คนเห็นร้อนๆ หนาวๆ “โปรเจ็กต์เสนอกับทางจีนสำเร็จด้วยดี ทางนั้นพอใจมาก แต่ทางนี้กลับมีหลายคนไม่พอใจพยายามจะหาทางแว้งกัด ฉันเลยถือโอกาสนี้นำหลักฐานทุจริตที่เคยตรวจสอบไว้สืบสาวเพิ่มเติม ไล่ไปทุกๆ แผนก ก่อนหน้าที่นายจะกลับมา ฉันรวบรวมหลักฐานยื่นให้ท่านประธาน ไล่คนออกไปสิบสองคน”

“แล้วยอมออกกันง่ายๆ เหรอ”

ส่วนใหญ่คนที่กล้าโกงกินบริษัทมักจะมีตำแหน่งใหญ่พอที่จะกลบเกลื่อนความผิดโดยไม่มีใครกล้าฟ้อง และแทบทุกคนมักจะอายุมากกว่าคมสันเกือบเท่าตัว ก็ไม่แปลกที่จะนึกขัดใจกับผู้ช่วยเลขาคนนี้

“ไม่ยอมหรอก หลายคนพยายามจะโยนความผิดให้ลูกน้อง แต่พอดีฉันยื่นหลักฐานให้ตำรวจด้วย ต่อให้จะอ้างยังไงก็ไม่เป็นผล โดนตำรวจลากออกไปอยู่ดีน่ะ”

เบิ้มกลืนน้ำลาย

คนใหญ่คนโตที่ว่ามักสนิทสนมกับประธาน ต่อให้ทำผิดแต่ก็ทำประโยชน์ให้บริษัทซะมาก ฉะนั้นเวลาเกิดเรื่องส่วนใหญ่มักจะเรียกมาสอบถามแล้วไล่ออกเงียบๆ ไม่ถึงแจ้งตำรวจ เพราะจะเป็นการหักหน้าและทำให้บริษัทเสียชื่อเสียง

“โปรเจ็กต์ที่เซ็นสัญญากับจีนใหญ่พอจะกลบข่าวทุจริตนี้ และหลายคนก็พร้อมใจทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเพราะเป็นช่วงขาขึ้นของบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ รีบกอบรีบโกยอัดโปรโมต อีกอย่าง...ทางจีนระบุว่าต้องการให้ฉันเป็นคนติดต่อประสานนับจากนี้โดยเฉพาะ ถึงจะทำเกินหน้าที่ไปบ้าง แต่ทุกคนก็เลือกจะสนับสนุนฉันน่ะนะ”

“นายตรวจสอบเรื่องทุจริตตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ตั้งแต่แรกที่เข้าทำงาน ประธานมีวิสัยทัศน์ก้าวไกลลงทุนเก่งก็จริง แต่ไม่สนใจพนักงานทำให้หลายฝ่ายได้ใจเริ่มคดโกง ฉันหาหลักฐานได้ตั้งแต่แรก แต่ติดที่เพิ่งเข้ามาทำงาน จะทำอะไรก็ไม่ค่อยสะดวก เลยได้แต่รวบรวมทีละเล็กละน้อย อืม...มีแสร้งปล่อยเหยื่อให้จับบ้าง ไม่งั้นคงไม่ถึงขั้นให้ตำรวจบุกเข้ามาจับคาบริษัทได้หรอก”

“ปล่อยเหยื่อให้จับ?”

“ผู้ช่วยเลขาที่มาคุมโปรเจ็กต์ใหญ่เซ็นสัญญาหลายร้อยล้าน ประมาทเลินเล่อขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสให้คุมด้านค่าลิขสิทธิ์ เข้างานออกงานไม่เป็นเวลา แถมจู่ๆ ก็บินไปต่างประเทศเก้าวัน เป็นโอกาสดีที่จะปลอบแปลงเอกสาร กินส่วนต่างค่าเงินเล็กๆ น้อยๆ เลยไม่ใช่เหรอ”

เบิ้มคิดว่า...เบิ้มควรจะเงียบ

“คนที่โดนตำรวจจับน่ะมีแค่สามคนเท่านั้นแหละ อีกเก้าคนที่เหลือ...คือพวกปลาซิวปลาสร้อยที่พอเห็นหัวหอกโดนจับคาบริษัท พอโดนเรียกไปคุยก็ยอมโดนไล่ออกแต่โดยดี”

“แล้วตำแหน่งที่ว่างลงล่ะ”

“ฉันเสนอชื่อให้ประธานเลือกแล้ว ตลอดหนึ่งปีที่ฉันทำงานไม่ได้เรียนรู้งานเฉยๆ หรอกนะ ฉันสังเกตคน และพยายามหาคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่จะมาพัฒนาบริษัทนี้ไปด้วยกัน คนที่ฉันเสนอชื่อส่วนใหญ่เคยทำผลงานและเป็นที่รักของลูกน้องอยู่แล้ว การโยกย้ายครั้งใหญ่เลยสำเร็จลงด้วยดี”

“...”

“อีกสี่ปีคุณหนูจะเป็นประธานบริษัทนี้ ฉันจะให้เขาได้สิ่งที่ดีที่สุด”

อืม...คนรักของเขาไม่ใช่นางฟ้า แต่ร้ายกาจเหมือนจอมมาร

วางแผนอย่างใจเย็น ลงดาบฉับไว แถมยังมองการณ์ไกลมากซะด้วย

คิดจัดการกับคนที่ทำงานในบริษัทมานาน แค่หลักฐานทุจริตเล็กๆ น้อยๆ คงเอาผิดไม่ได้ โดยเฉพาะหากคนยื่นเรื่องเป็นผู้ช่วยเลขาที่เข้างานไม่เป็นเวลาจนเพื่อนร่วมงานโดนนินทา นอกจากคมสันจะวางเหยื่อให้งับแล้วโละยกแผงแบบสบายๆ แล้ว ยังเตรียมตัวแทนขึ้นต่อโดยไม่กระทบต่อการบริหารในบริษัท สร้างความหวาดกลัวต่อคนที่เคยนินทาลับหลัง หรือคิดโกงกิน และสร้างความน่าเชื่อถือให้เหล่าคนทำงานไฟแรง เป็นการกำจัดศัตรูแล้วสร้างกำลังพลของตัวเองได้อย่างแนบเนียน

ความน่ากลัวของคมสันอยู่ตรงนี้ ให้คนหลงกับภาพลักษณ์ภายนอกที่สงบนิ่งไร้พิษภัย หลอกให้เผยหลักฐานแล้วรวบรวมอย่างใจเย็น กว่าจะรู้ตัวว่าโดนเล่นก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ทุกอย่างโดนตีแผ่อย่างไร้ช่องโหว่ ทำได้แต่ก้มหน้ายอมรับผิดไม่อาจท้าทายจอมมาร

เขาควรทักยังไงดีนะ

ไม่เจอกันนาน จอมมารขึ้นนะสัน

ไม่ดีไม่เอา คนอื่นจะว่าคนรักยังไงก็ได้ แต่ไอ้เบิ้มพูดแบบนั้นไม่ได้!

“ไม่เจอกันนาน ทำงานเก่งขึ้นนะสัน”

อืม ประโยคนี้แหละเหมาะสมที่สุด

คมสันดันแว่นเล็กน้อย ก่อนจะเผยยิ้มเย็นเยียบขณะเดินออกจากห้องประชุมพลางเหลือบมองเพื่อนร่วมงานในแผนก เบิ้มเพิ่งสังเกตตอนนี้เองว่ามีหน้าใหม่เพิ่มขึ้นมา และมีบางคนที่หายสาบสูญไป

สายตานั้นไม่ต่างกับการมองประเมินหวังควบอำนาจเบ็ดเสร็จในอีกไม่ช้านาน

“ขอบคุณ”

--------------

เรื่องนี้ใกล้จะจบแล้วนะคะ ยังมีช่วงไคล์แมกซ์ตอนท้ายอีกนิดหน่อยให้พี่เบิ้มแสดงฝีมือก็จะได้เวลาอำลากันแล้วค่ะ

เรื่องราวของจอมมารคมสันและพี่เบิ้ม เป็นคล้ายๆ เล่มพิเศษที่แต่งแยกออกมาจากเรื่อง I’m Not Him ซึ่งเป็นเรื่องของเด็กเวรหรือในอนาคตจะถูกเรียกว่าเสี่ยตอนโตค่ะ เราเลยไม่ได้วางเรื่องมายาวมากอยู่แล้ว อยากให้ทุกคนได้เห็นว่าเสี่ยโดนเลี้ยงมายังไงถึงได้มั่นหน้ามั่นโหนกเหลือเกิน และอยากให้ได้เห็นสายสัมพันธ์น่ารักๆ ของทั้งสามคนไม่ใช่แค่พี่เบิ้มกับคมสันค่ะ

เอ่อ...รวมถึงว่าทำไมอนาคตคมสันถึงกุมอำนาจในบริษัทได้เด็ดขาดด้วย

#จอมมารคมสัน

เพจนักเขียนที่เคารพรักจอมมารเสมอ/ตัวสั่น
Twitter : MajaYnaja

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ปัจจุบัน(ตอนเสี่ยโตแล้ว)เสี่ยรู้มั้ยคะว่าเบิ้มกับสันเป็นอะไรกัน หรือรู้แค่ว่าเบิ้มเป็นบอดี้การ์ดอย่างเดียว

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
ตอนโตนี่เสี่ยน่าจะยังไม่รู้ว่าเบิ้มเป็นแฟนกับสัน-_-  ไม่รู้ว่าเป็นข้อดีหรือไม่ดีที่เป็นคนแบบนี้555
ต้องเรียกได้ว่าจอมมารเลี้ยงมาดี

ออฟไลน์ Chobreadyaoi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ใจหายจังเลย ไม่อยากให้จบ ชอบอ่านชีวิตประจำวันของคู่นี้ อ่านแล้วอินมาก คนเขียนแต่งเก่งมากก

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
โถ๋ ท่านจอมมารผู้เก่งกาจ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ขำเด็กเวร..........  :m20: :laugh:
เด็กเวร ก็น่ารักในสไตล์ตัวเอง   :mew1:

เบิ้ม    จอมมาร   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ก็ถ้าท่านจอมมารทุ่มเทขนาดเน้

ยกบริษัทให้เขาไปเถอะเสี่ยจะได้ไม่เหนี่อย

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
ตอนที่ 19 : วันหวานๆ ของเบิ้ม


“เข้าค่าย?”

เปิดเทอมไม่ทันไร วันดีคืนดี เด็กเวรก็เรียกเบิ้มมาซุบซิบกันสองคน

“ใช่ เข้าค่าย” เด็กชายกิจภัทรพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนยื่นเอกสารที่ต้องมีลายเซ็นผู้ปกครองว่าอนุญาตหรือไม่ให้เบิ้ม

“จะให้ผมเซ็นแทนสันเหรอครับ”

“ไม่ใช่ แต่ให้นายกล่อมสันให้เซ็นต่างหาก” เด็กเวรชักสีหน้าใส่ไอ้เบิ้มที่ไม่เจียมกะลาหัว ริอาจข้ามหน้าข้ามตาผู้ปกครองดีเด่นอย่างคมสันได้ลงคอ “ฝากด้วยนะเบิ้ม!”

บรรลุจุดประสงค์ เด็กเวรที่หมู่นี้เริ่มติดเกมก็หนีขึ้นห้องไปตั้งตี้ลงดันกับเพื่อน เบิ้มเกาหัวเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปหาคมสันที่กำลังนั่งทำงานตรงโซฟาห้องนั่งเล่น ช่วงเวลาอิสระในวันว่างที่ต่างคนต่างแยกย้ายทำกิจกรรมส่วนตัว มีเพียงไอ้เบิ้มนี้หนาที่ต้องเป็นกาวเชื่อมประสานใจ

“สัน...”

“อะไร” จอมมาร เอ๊ย คนรักของเขาดันแว่น บรรยากาศเคร่งเครียดอย่างบอกไม่ถูก ความอึมครึมที่ปรากฏนั้นไม่พ้นเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างพี่เลี้ยงกับคุณหนูสุดที่รัก ตั้งแต่เปิดเทอมเด็กเวรก็ติดเกมหนัก เพราะมีเพื่อนๆ ในห้องหลายคนชักชวนกันกลายเป็นแก๊งเด็กติดเกม แล้วมีหรือคมสันจะยอม แต่พอตำหนิ(เบาๆ)หลายครั้งเข้าทั้งทางตรงและทางอ้อม ผลคือ...

โดนเด็กงอน

นี่ก็เข้าวันที่สองแล้วนับจากคุณหนูสุดที่รักไม่ยอมคุยกับพี่เลี้ยง

เบิ้มไม่เข้าข้างใครทั้งนั้น เพราะเด็กเวรติดเกมหนักจริงๆ ช่วงวันหยุดแทบจะเล่นทั้งวันไม่ยอมออกไปไหน วันที่มีเรียนพอกลับบ้านมากินข้าวเสร็จก็ขึ้นไปเล่นเกม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น...คมสันก็มีเวลาให้คุณหนูสุดที่รักน้อยลงเพราะภาระการงานที่มากขึ้น การเป็นหัวหน้าโปรเจ็กต์และถูกระบุตัวจากจีนนั้นทำให้คมสันแทบจะต้องติดต่อประสานงานตลอดเวลา เมื่อไม่ค่อยมีเวลาใช้ร่วมกัน เด็กเวรจะหันไปติดเกมก็ไม่แปลก

“คุณหนูของเราขอไปเข้าค่ายกับโรงเรียนน่ะ”

เบิ้มยื่นเอกสารให้คนรักอ่าน เตรียมใจส่วนหนึ่งว่าต้องโดนปฏิเสธแน่ เพราะคมสันแทบไม่ยอมให้เด็กเวรอยู่ห่างจากสายตาเกินยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่การเข้าค่ายครั้งนี้ไปถึงสามวัน

“คุณหนูอยากไปเหรอ”

“ใช่”

คมสันนวดขมับเล็กน้อย ไอ้เบิ้มเห็นแล้วก็รีบทำหน้าที่สามีที่ดี เข้าไปช่วยคลึงขมับให้คนรักเบาๆ

“ถึงฉันจะไม่ชอบให้ไปเข้าค่ายค้างคืน แต่คนที่ไม่อยากไปยิ่งกว่าก็คือตัวคุณหนูเองนั่นแหละ ไม่มีที่ไหนสบายเท่าบ้านเรา เขามักพูดอย่างนั้นเสมอ”

ฟังคำพูดของคมสันที่คล้ายจะน้อยใจเบิ้มก็แอบร้องเหวอ นี่คุณหนูงอนคมสันหนักขนาดจะหนีออกจากบ้าน เอ๊ย ไปเข้าค่ายประชดเลยเหรอ

“นายไม่ได้อ่านรายละเอียดใช่มั้ย” เห็นหน้าเหวอๆ ของเบิ้ม คมสันก็ส่งเอกสารคืน เบิ้มถึงเพิ่งได้อ่านเต็มสองตาชัดๆ ว่าการเข้าค่ายครั้งนี้คือการไปปลูกป่าชายเลนที่จังหวัดสมุทรปราการ มีการแวะสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ารวมถึงทำกิจกรรมเพื่อสังคมหลายอย่าง เป็นอะไรที่...ห่างไกลจากความเย่อหยิ่งของเด็กเวรแบบคนละขั้วโลก

เด็กชายกิจภัทรคนนั้นคิดจะทำความดีเพื่อสังคม ฝันไปเถอะ!!

ฉะนั้นนี่จึงเป็นการวัดใจ ให้พี่เลี้ยงไปตามง้อให้ทะเลาะกันเล่นๆ สักยกสองยกต่างหาก อืม...เด็กคนนั้นงอนไม่ยอมพูดด้วยจนถึงขีดจำกัดแล้วสินะ ถึงต้องหาเรื่องให้คมสันมาคุยก่อนด้วยวิธีเด็กๆ อย่างนี้

“แต่ก็ดี” พลันคมสันคลี่ยิ้มบาง เล่นเอาเบิ้มที่กำลังนวดขมับให้ถึงกับชะงักค้าง กลัวว่าเผลอไปกดโดนสวิตซ์อะไรของคนรักเข้ารึเปล่า “เอาปากกามา”

“จะเซ็นเหรอสัน”

ตอนแรกเบิ้มสนับสนุนเด็กเวร เพราะการไปเข้าค่ายคือการทำกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ได้ดี แต่พอรู้ว่าจุดประสงค์ของเด็กเวรคือการประชด ก็เริ่มไม่อยากจะสนับสนุนแล้ว ไม่นับเรื่องที่หากไปจริงเด็กเวรจะสร้างความเดือดร้อนแก่เพื่อนและคุณครูมากแค่ไหน ต้องบ่นร้อน บ่นเหนื่อย บ่นนู่นนี่นั่นตลอดทางแน่ๆ คมสันเลี้ยงคุณหนูยิ่งกว่าถนอมแก้ว ไม่เคยให้ลำบากมาก่อน

“ใช่”

เอ่อ...บางครั้งเบิ้มก็ไม่ค่อยเข้าใจคมสันเลย

“เดี๋ยวนายก็รู้เอง”





เด็กชายกิจภัทรกำลังนั่งตัวโคลงเคลงบนรถบัสคันหนึ่งซึ่งจุนักเรียนและคุณครูร่วมสามสิบคน

“โอ๊ย เวียนหัวไปหมดแล้ว เมื่อไหร่จะถึงเนี่ย”

ตอนแรกก็นั่งหลับเพลินๆ ดีอยู่หรอก แต่พอออกต่างจังหวัด เริ่มเจอถนนลูกรัง รถบัสก็โยกไปเยกมา ทำให้เด็กผู้รักสบายอดบ่นออกมาไม่ได้ แม้จะเป็นการบ่นครั้งที่หนึ่งพันห้าร้อยเก้าสิบแปดครั้งก็ตาม

 “ก็นายอยากมาเองไม่ใช่เรอะ” เพื่อนชั้นเดียวกันซึ่งนั่งถัดออกไปหลายแถวตะโกนเย้ย ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่าเด็กคนนี้คือเด็กชายนายเอ ผู้โดนเด็กชายกิจภัทรเหยียบเท้าแล้วไม่ขอโทษจนท้าต่อยนั่นเอง แม้วันนั้นจะแพ้ราบคาบ แต่ความหมั่นไส้ที่มีต่อเด็กชายกิจภัทรยังเต็มเปี่ยมล้นเหลือ มีโอกาสเป็นต้องค่อนแคะเหน็บแนม แต่ใครบางคนดันหน้าหนาเกินไป ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา คิดว่าไม่ได้พูดถึงตัวเอง

ใครเลยจะกล้าว่าคนเลิศล้ำอย่างฉันได้ลงคอ!


ใช่ ใครจะกล้าว่าร้ายเด็กชายกิจภัทรได้ นอกจากตัวเด็กชายเองที่นั่งกอดอกเชิดหน้าอย่างหงุดหงิด นึกโทษพี่เลี้ยงที่ยอมเซ็นใบอนุญาตง่ายๆ ตอนเบิ้มเอามาให้เด็กชายถึงกับเหวอ คมสันนะคมสัน รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ชอบร้อน ไม่ชอบเหงื่อออก ไม่ชอบลำบาก แค่นั่งรถโคลงเคลงก็เล่นเอาปวดหัวครั่นเนื้อครั่นตัว ยังส่งมาทรมานกันลงคอ ใครจะอยากมาเข้าค่ายกันล่ะ ไอ้ที่ทำก็แค่การเรียกร้องความสนใจแบบเด็กๆ เท่านั้นเอง ทำไมคมสันถึงไม่เข้าใจ!

เด็กชายกิจภัทรเชิดหน้าเย่อหยิ่งแม้ในใจจะบ่นไม่หยุด ความมั่นหน้ามั่นใจนั้นเป็นคุณสมบัติที่ขาดไม่ได้ของเด็กชาย ซึ่งไม่ควรจะเกิดกับเด็กที่ครอบครัวแยกทาง แทบไม่ได้ใช้เวลาร่วมกับพ่อแม่ ทั้งหมดทั้งมวลต้องยกความดีความชอบให้คมสัน เพราะแม้ครอบครัวจะมีปัญหา แต่เด็กชายกิจภัทรไม่เคยขาดความอบอุ่นหรือรู้สึกขาดอะไรเลย

ออกจะล้นๆ ซะด้วยซ้ำ!

ยังไงก็ตาม แม้ครั้งนี้คมสันจะใช้ไม้เด็ดดัดนิสัย เด็กชายกิจภัทรก็คิดจะเอาคืนเหมือนกัน นี่เป็นวิวัฒนาการทางสมองที่ยากจะได้ยล

บังอาจเห็นงานสำคัญกว่าฉันเป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ

จะพาตัวเองไปทรมานชนิดสันเห็นแล้วช็อกจนน้ำตาคลอเลยคอยดู!





ขณะนั้น...คนโดนนินทากำลังเดตกับไอ้เบิ้ม

เมื่อปราศจากเด็กเวร ช่วงเย็นหลังเลิกงานก็กลายเป็นเวลาของเราสอง เบิ้มมีความสุขมาก ถ้ารู้ว่าส่งเด็กเวรออกไปแล้วจะสงบหู สุขใจขนาดนี้ คงไม่ลังเลตอนคมสันขอปากกาหรอก

“ไปดูหนังกันมั้ย หนังเรื่องอื่นที่ไม่ใช่การ์ตูนดิสนีย์น่ะ”

“เอาสิ” คมสันตอบรับอย่างว่าง่าย แม้จะไม่ต้องรับเด็กเวร แต่พวกเขายังคงเลิกงานก่อนเวลาเหมือนเดิม เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เยาวชน แต่โทษเถอะ นานครั้งจะได้อยู่สองต่อสอง ได้ใช้เวลาสวีตหวาน ขอไอ้เบิ้มกอบโกยบ้าง

พวกเขาแวะที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เพราะไม่อยากให้เป็นเป้าสายตา ทั้งเบิ้มและคมสันจึงถอดสูทตัวนอกออกเหลือแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวด้านใน คมสันยังคงสวมเนกไท แต่ไอ้เบิ้มรูดปมกระชากเนกไทออกด้วยท่วงท่าแสนเท่ แถมยังปลดกระดุมสามเม็ดบนสุดเผยให้เห็นแผ่นอกแน่นๆ จากมาดเคร่งขรึมบอดี้การ์ด เพียงพริบตากลายเป็นไอ้หนุ่มแบดบอย

“จับมือมั้ย” ได้เป็นตัวของตัวเองโดยไม่ต้องแต่งตัวเนี้ยบกริบ เบิ้มก็แบมือรอเบื้องหน้าคมสันที่เริ่มปลดกระดุมแขนเสื้อเผยให้เห็นข้อมือผอมเซ็กซี่ขยี้ใจ

“เอาสิ” ขอแค่ไม่ใช่ต่อหน้าคุณหนู คมสันไม่เคยอายจะแสดงความรักแก่เบิ้ม

พวกเขาสองคนเดินจับมือไปชั้นโรงหนัง ไม่สนใจสายตาคนที่มองมา หลังถกเถียงกันก็ตกลงปลงใจดูหนังสยองขวัญเรื่องหนึ่ง

เบิ้มอยากเห็นคนรักสะดุ้งโหยงเวลาผีโผล่

อืม...ก็ไม่รู้ว่าหวังมากไปหน่อยรึเปล่า จอมมารกับหนังผี ดูยังไงก็เข้ากั๊นเข้ากัน






“เหนื่อย! ร้อน! สกปรกชะมัด! ฉันไม่ทำแล้ว!”

“ไม่ได้นะกิจภัทร”

คุณครูยังสาวรีบเข้ามาปลอบเด็กที่ย่ำโคลนลงไปปลูกป่ากับเพื่อนๆ ไม่ทันไรก็เดินกลับ แถมยังโยนต้นกล้าทิ้งอีกต่างหาก ความเอาแต่ใจเด็กชายของกิจภัทรขึ้นชื่อเป็นที่หนึ่ง เธอเลยคอยเมียงๆ มองๆ อยู่นานแล้วว่าจะอาละวาดเมื่อไหร่

“ไม่ทำแล้ว” เด็กชายที่มักมีรอยยิ้มมั่นหน้าอยู่เสมอยืนยันเสียงแข็ง ดูหน้าแข้งเขาซะก่อน จมลงไปในโคลนตั้งเกือบครึ่ง! อึ๋ย ไม่อยากจะเดินต่อเลย อยากอาบน้ำ อยากล้างตัว อยากนอนเฉยๆ ให้คนมาบริการบีบนวด!

“งั้น...ครูโทรแจ้งผู้ปกครองให้มารับมั้ยจ๊ะ” คุณครูปาดเหงื่อ เธอมีเบอร์โทรศัพท์ของผู้ปกครองทุกคน แต่มีคนเดียวเท่านั้นที่ได้อภิสิทธิ์ ถูกตั้งเป็นเบอร์ฉุกเฉินพร้อมจะโทรออกได้ทุกเมื่อ

คนคนนั้นคือคมสัน

คนที่โทรมากำชับเธอตั้งแต่ก่อนออกเดินทางว่าให้ช่วยจับตาดูเด็กชายกิจภัทร รวมถึงให้คำแนะนำหากเกิดเหตุแบบนี้ด้วย

แม้ตัวไม่อยู่ แต่จอมมารก็เป็นจอมมาร เพราะเพียงคุณครูถามคำนั้นออกมา เด็กชายกิจภัทรก็เลิกโวยวาย ถ้าอู้แล้วโดนส่งกลับทันที เขาก็อดเห็นคมสันมาง้อน่ะสิ!

“โทรเลย แต่ห้ามให้มารับนะ บอกว่าฉันลุยโคลนอยู่ ลำบากมาก!”

คุณครูมองหน้าเด็กชายแล้วจะยิ้มก็ไม่ใช่หัวเราะก็ไม่เชิง

“จ้ะ”





เบิ้มเดินออกจากห้องน้ำ ทันเห็นคมสันเพิ่งวางโทรศัพท์พอดี

“ยิ้มอะไร”

“หนังสนุกดีนะ” คนรักของเขาตอบเลี่ยง ในเมื่อคมสันไม่อยากพูด ไอ้เบิ้มก็ไม่ขัดศรัทธา เพราะภาพติดตาเมื่อครู่ยังสยองอยู่ในใจ

ผลลัพธ์ของการพาจอมมารไปดูหนังผีน่ะเหรอ

คือรอยยิ้มมุมปากชวนขนแขนลุกเวลาผีออกหรือมีใครโดนฆ่าตาย ไอ้เบิ้มล่ะเกรงว่าศพต่อไปจะเป็นตัวเอง เลยตั้งปนิธานว่าเดตครั้งหน้าพาคนรักไปดูหนังโรแมนติกจะดีกว่า แม้เขาจะไม่ชอบดูหนังรักน้ำเน่าก็เถอะ แต่เพื่อให้คืนนี้นอนหลับฝันดี ไอ้เบิ้มต้องยอมแลก

“หิวรึยัง ไปไหนกันต่อดี”

“ไปร้านหนังสือ” คมสันตอบขณะดันแว่น “เปิดเทอมแล้วแต่คุณหนูไม่ตั้งใจเรียน ฉันต้องซื้อหนังสืออ่านเสริมมาทำสรุปให้คุณหนูหน่อย”

“เอาสิ”

หลักการครองเรือนที่ดี หากคมสันพูดถึงคุณหนู ไม่ว่ายังไงก็ห้ามขัด จงคล้อยตามและเสนอแนะ นั่นจึงเป็นการถนอมช่วงเวลาแสนล้ำค่า

โธ่ แต่นี่เป็นเดตของพวกเขานะ!

เอาเถอะ เบิ้มทำใจแล้ว คมสันหายใจเข้าออกเป็นคุณหนู เพื่ออนาคตของบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ที่จะมีเด็กเวรนั่งเป็นประธานคนต่อไป เขาควรสนับสนุนให้เด็กชายกิจภัทรมีผลการเรียนที่ดี

พูดถึงเรื่องนี้ก็แปลก เด็กเวรเหมือนจะไร้สมอง แต่ผลการเรียนทุกชั้นปีติดอันดับต้นๆ ตลอด ก็ไม่รู้ว่าคมสันสอนเก่ง ทำสรุปเข้าใจง่าย หรือเพราะเด็กชายกิจภัทรแม้จะขาดอีคิว แต่มีไอคิวดีกันแน่

“แวะร้านเสื้อหน่อยมั้ย ช่วงนี้คุณหนูของเราสูงขึ้นแล้วนะ”

ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง เพราะระหว่างเดินหาร้านหนังสือ ไอ้เบิ้มก็เหลือบไปเห็นร้านเสื้อผ้าผู้ชายพอดี เด็กชายกิจภัทรอายุสิบสี่แล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะสิบห้า เป็นช่วงเด็กกำลังโต ส่วนสูงเพิ่มขึ้นพรวดพราดจนตอนนี้ถึงติ่งหูคมสันแล้ว

“ไว้ให้คุณหนูมาเลือกเองดีกว่า” คมสันเอ่ย แน่วแน่ไปร้านหนังสือ หลังช่วยกันเลือกแบบเรียนที่ต้องการ คมสันก็ลากเบิ้มมาหมวดวรรณกรรมเยาวชน “ช่วงนี้คุณหนูจ้องหน้าจอมากเกินไป ฉันกลัวเขาสายตาเสีย ซื้อหนังสืออ่านเล่นไปไว้ที่บ้านดีมั้ย”

“ดีสิ แต่ที่ถืออยู่นั่นนิยายอะไรน่ะ...รักใสๆ หัวใจสองดวง?”

“คุณหนูชอบอ่านแนวนี้น่ะ”

“ลองพวกสืบสวนสอบสวนวัดไหวพริบบ้างมั้ย” เบิ้มหยิบเชอร์ล็อกโฮล์มขึ้นมา

“เคยให้อ่านแล้ว คุณหนูหลับคาหนังสือหลังเปิดไปสามหน้า”

โอเค เบิ้มเชื่อคมสัน วางเชอร์ล็อกโฮล์มลง

“นายอ่านด้วยเหรอ”

“ไม่เชิงว่าชอบหรอก แต่อ่านฆ่าเวลาก็สนุกดี”

“งั้นเคยอ่านเรื่อง...รึเปล่า”

แล้วการเลือกหนังสือให้คุณหนูก็กลายเป็นการคุยกันถึงรสนิยมการอ่านของคมสันและไอ้เบิ้ม ช่างบังเอิญเหลือเกินที่ชอบเหมือนกันพอดิบพอดีประหนึ่งกิ่งทองใบหยก ค่อยสมเป็นเดตของพวกเราหน่อย เฮ้อ!




“แหวะ อาหารไม่อร่อยเลย”

ตัดฉากจากบรรยากาศหวานแหววสีชมพู เป็นเด็กชายกิจภัทรและผองเพื่อนกับการรับประทานอาหารเย็นที่ค่ายซึ่งเป็นอาหารใส่ถาด ตอนแรกเด็กชายก็ตื่นเต้นอยู่หรอก เพราะไม่เคยกินอาหารแบบถาดหลุมมาก่อน แต่คงจะคึกเกินไป กว่าจะเดินมานั่งแกงไก่ก็ผสมรวมกับถั่วเขียว รสชาติ...ไม่ขอบรรยายจะดีกว่า

“ขนมปังมั้ย”

เห็นเด็กชายกินไม่กี่คำก็วางช้อน คุณครูผู้ชายอีกคนหนึ่งซึ่งดูแลด้านเครื่องดื่มและขนมให้เด็กๆ ก็หยิบขนมปังไส้แซลมอนรมควันของโปรดให้ เด็กหลายคนตาวาว ร้องขอจากคุณครูบ้าง หารู้ไม่ว่านั่นเป็น...

“เอ่อ...มีชิ้นเดียวน่ะ”

...บริการพิเศษที่คมสันฝากฝังต่างหาก!

คุณครูผู้ชายนึกลำบากใจ ก่อนจะหลอกล่อโดยการแจกขนมปังหมูหยองแทน

วินาทีนั้นเด็กชายกิจภัทรรู้สึกเหมือนเป็นคนพิเศษ

กัดขนมปังพลางเชิดหน้ากินท้าทายสายตาผองเพื่อนอย่างสบายอุรา!




“มาแล้ว”

“อะไรมาแล้ว”

เบิ้มชะงักขณะเก็บเงินทอน หลังเลือกหนังสือเสร็จพวกเขาก็แวะรับประทานอาหาร แน่นอนว่าไอ้เบิ้มอาสาจ่ายตามประสาหัวหน้าครอบครัว แม้ว่านับตั้งแต่เซ็นสัญญา แทบจะไม่ได้ควักเงินออกจากกระเป๋าตัวเองเลยก็ตาม

คมสันไม่ตอบ แต่ใช้สายตาเหลือบไปทางมุมเสาที่ถัดจากร้านอาหารออกไปหลายช่วงตัว

แล้วเบิ้มก็ได้เห็นกลุ่มคนที่ดูจะไม่ประสงค์ดีสักเท่าไหร่ อืม...เป็นบอดี้การ์ดแต่ดันรู้ตัวช้ากว่าพี่เลี้ยงอย่างคมสัน เขาควรจะอับอายมั้ยเนี่ย แต่ช่วยไม่ได้จริงๆ ในเมื่อพวกเขากำลังเดตกัน แทบจะโดนจ้องมาตลอดทาง เบิ้มเลยตัดประสาทสัมผัส ไม่ได้ใช้สัญชาตญาณหยั่งรู้เหมือนเคย!

“คนรู้จักเหรอสัน”

“ไม่เชิง แต่ฉันรู้จักคนที่ส่งพวกนั้นมาน่ะ” คมสันเอ่ยขณะเช็ดปากอย่างสุภาพ “ก็คนที่โดนตำรวจจับคาบริษัทที่เคยเล่าไง คงเป็นหนึ่งในสาม ไม่ก็ร่วมมือกันจ้างมานั่นแหละ”

เบิ้มชักสังหรณ์ใจไม่ดี

“สัน...หรือที่ชวนมาเดตก็เพราะ...”

“เดตด้วยล่อเจ้าพวกนี้มาจัดการด้วย ไม่ดีหรือ”

เบิ้มจะตอบอะไรได้นอกจากดีครับดี คมสันผู้ฉลาดหลักแหลม เมื่อรู้ตัวว่าโดนเล็งจากกลุ่มคนไม่ประสงค์ดีเพราะเด้งพนักงานตำแหน่งไม่ธรรมดาออกทีเดียวสามคนด้วยวิธีเอาตำรวจมาลากคอไปดำเนินคดี ไม่ผูกใจเจ็บก็แปลกแล้ว

“งั้นที่ให้คุณหนูไปเข้าค่าย...”

“กันโดนลูกหลงด้วยและไปเรียนรู้ชีวิตด้วย ไม่ดีหรือ”

เบิ้มได้แต่ตอบว่าดีครับดีอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มพับแขนเสื้อเตรียมลุย ชีวิตที่แสนสุขสงบในช่วงหลัง ทำให้ไอ้เบิ้มนึกอยากออกกำลังอยู่พอดี

นับดูแล้วน่าจะยกพวกกันมาสี่คน หึ เจอทีมมืออาชีพหกคนยังไม่คณามือเบิ้ม แล้วสี่คนนี้มีหรือจะเรียกเหงื่อให้เขาได้ อุตส่าห์โชว์ฝีมือต่อหน้าคนรัก เบิ้มก็อยากจะออกท่วงท่าเท่ๆ ให้คมสันประทับใจ

“อย่าต่อยหมัดเดียวสลบอีกล่ะ ฉันอยากเค้นคอเจ้าพวกนี้ก่อน”

“ครับผม”




ถึงที่พัก คุณครูก็เรียกเด็กๆ มารวมกันเพื่อทำกิจกรรมสันทนาการรวมถึงให้ความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่าไม้ กิจภัทรจับพลัดจับพลูได้มาอยู่กลุ่มเดียวกับเด็กชายนายเอ ต้องออกไปพรีเซนต์ว่าวันนี้รู้สึกยังไงตอนปลูกป่าชายเลน

“ฉันจะยืนหล่อเฉยๆ นายพูดแล้วกัน”

“ไม่เอา”

“ให้ฉันพูดจะดีเหรอ ถ้าทั้งยืนหล่อด้วยพูดด้วย จะไม่มีใครเห็นนายในสายตาเลยนะ”

“พูดแบบนี้ไปต่อยกันเลยดีกว่า”

“ไม่ล่ะ คมสันสอนว่าอย่ารังแกคนอ่อนแอ”

“ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้กิจภัทร เราไปต่อยกัน!”

“เฮ้อ...คนอ่อนแอนี่ช่างเข้าใจยากจริงๆ”





“ขอโทษนะสัน แต่เจ้าพวกนี้อ่อนแอสุดๆ”

เบิ้มยิ้มเจื่อนให้คนรัก เพราะเพียงพริบตา สามในสี่ก็สลบเหมือดด้วยพลังหมัดไม่ธรรมดาของไอ้เบิ้ม ทั้งที่พยายามออมแรงแล้วเชียว แต่ใครจะคิดว่าแค่สะกิดนิดหน่อยจะกระเด็นตัวปลิวขนาดนี้ ดีนะที่พวกเขาล่อมาจัดการที่ลานจอดรถ ไม่อย่างนั้นคงโดนรุมคิดว่ากำลังถ่ายละครกันแล้ว

“ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็เหลือหนึ่งคน และเป็นคนที่ฉันคุ้นหน้าพอดี” คมสันซึ่งปลีกตัวยืนห่างจากวงอาละวาดตั้งแต่ต้นจนจบก้าวเท้าเข้าใกล้ชายหนุ่มผู้น่าสงสารซึ่งขาอ่อนจนลงไปคุกเข่ากับพื้นเพราะเห็นภาพที่น่าสยดสยองเกินไป

“ฉันจะไม่ถามหรอกนะว่าใครส่งมา แต่อยากจะขอยืมโทรศัพท์หน่อยน่ะ” คมสันเอ่ยเสียงเรียบ ใบหน้าสงบนิ่ง ดูไม่มีพิษมีภัย เว้นแต่ไอ้เบิ้มทำหน้าเหี้ยมอยู่ข้างหลัง ทำให้ชายหนุ่มรีบประเคนส่งโทรศัพท์ตัวเองให้ทันที

คมสันกดเบอร์โทรออกไม่รอช้า

“สวัสดีครับ สบายดีรึเปล่า” คมสันเอ่ยกับปลายสายด้วยน้ำเสียงแฝงความเคารพหลายส่วน “ทำไมถึงใช้เบอร์นี้โทรมาเหรอครับ...อืม ผมลำบากใจที่ต้องพูดแบบนี้ แต่ลูกน้องของคุณขายคุณให้ผมแล้วล่ะ”

ชายผู้น่าสงสารส่ายหน้าถี่รัว เขาไม่ได้ขาย! แต่จะตะโกนออกไปก็ไม่ได้ เพราะไอ้เบิ้มยังคงยืนขู่อยู่หลังคมสัน

“เขาบอกว่าชื่อสมจิตร ทำงานเป็นมือเป็นเท้าให้คุณมาสี่ปีแล้ว เป็นข้อมูลการขายที่...น่าสนใจมากพอๆ กับคดีความฉ้อโกงเลยนะครับ”

สมจิตร​ผู้น่าสงสารแทบจะเอาหัวโขกกับพื้น รับรู้ชะตากรรมว่าต่อให้เขาจะภักดีต่อเจ้านายแค่ไหน แต่กลับไปงวดนี้คงไม่ได้รับความเชื่อถืออีกแล้ว เผลอๆ จะโดนเขี่ยทิ้งยกแผง! แต่เจ้านายเอ๋ย ตอนนี้ตัวเองก็ติดคดี ถ้าเขี่ยพวกเขาทิ้งอีก ก็แทบจะไม่มีมือเท้าไว้คอยใช้แล้วนะ

อย่าหลงกลเชียว!

สมจิตร​ได้แต่คิด ก่อนจะรีบยิ้มฝืนขณะรับโทรศัพท์คืนจากคมสัน สัญชาตญาณบอกว่าคนมาดดีตรงหน้าน่ากลัวกว่าที่เห็น

“โชคดีนะ”

คมสันอวยพรอย่างเป็นมิตร ก่อนจะเดินไปหาเบิ้มเตรียมกลับบ้าน ทิ้งสมจิตร​นั่งท้อแท้สิ้นหวัง มองคนหนึ่งที่ตัวสูงใหญ่กำยำ ต่อยคนสลบในพริบตา กับอีกคนที่น้ำนิ่งไหลลึก พูดไม่กี่ประโยคก็พลิกสถานการณ์ในเสี้ยวนาที

เป็นการจับคู่ที่น่าสยดสยองมาก!




กลางดึกคืนนั้น เด็กชายกิจภัทรนอนไม่หลับ

เตียงไม่นุ่มเหมือนที่บ้าน ผ้าห่มก็ไม่มีคนมาคลุมให้! ทุกอย่างช่างไม่ได้ดังใจ ขนาดหมอนข้างไว้กอดนอนยังไม่มี! เด็กชายพลิกตัวไปมา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู ก่อนจะจ้องตาแทบถลนเมื่อเห็นว่าไม่มีสัญญาณ

เด็กชายฮึดฮัดไม่พอใจ เอาผ้าห่มคลุมโปง

“ร้องไห้เหรอ”

เด็กชายนายเอที่เป็นรูมเมทกันเพราะจับสลากพาซวยเอานิ้วจิ้มก้อนกลมๆ บนเตียงจึกๆ

“เปล่า” เด็กชายกิจภัทรไม่ตอบ แต่เสียงขึ้นจมูกนิดๆ เด็กชายนายเอยักไหล่ ก่อนจะแอบออกไปส่งข้อความหาคมสันนอกห้องที่มีสัญญาณดี เพราะการจับสลากพาซวยนั้นเป็นการเตรียมการล่วงหน้าจากคุณครูฝ่ายสันทนาการ รวมถึงการซื้อใจเด็กด้วยการซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดแลกกับแชทไลน์ของคมสันเพื่อคอยรายงานความเคลื่อนไหวเด็กชายกิจภัทร

ส่งสายสืบใกล้ชิดเป็นคู่กัดเอะอะเป็นท้าต่อย ใครจะสงสัย

โดยเฉพาะกับเด็กสมองน้อยอย่างกิจภัทร ไม่แม้แต่จะสะกิดใจด้วยซ้ำ!

เด็กชาย...ที่ป่านนี้คงกำลังน้ำตานองงอนพี่เลี้ยง หารู้ไม่ว่าแม้จะยอมปล่อยให้คลาดสายตาก็ใช่ว่าจะยอมให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่มีคนดูแลสักหน่อย

ขนาดไอ้เบิ้มยังรู้ ถึงจะแอบตงิดในใจว่าคมสันใช้วิธีไหนในการสอดส่องพฤติกรรมก็ตาม

เอาน่า อย่าดูถูกจอมมารเชียว

--------

เราอยากลองแต่งวันสบายๆ ของคมสันกับพี่เบิ้มมาสักพักแล้วค่ะ เลยออกมาเป็นการส่งคุณหนูไปเข้าค่าย เปิดโอกาสให้พี่เบิ้มได้เดตสมใจ แม้จะไม่วายโดนใช้ให้จัดการคนก็ตาม

แต่ในขณะเดียวกัน แม้คมสันจะเริ่มปล่อยๆ ก็ไม่ลืมเตรียมความพร้อมให้คุณหนูไม่ต้องอกแตกตายไปก่อน เราชอบเขียนบรรยายคมสันในมุมเล่าผ่านคนอื่นมาก รู้สึกได้อารมณ์จอมมารดี เพราะถ้าให้คมสันเล่าเองคงไม่ขลังเท่า และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่เรื่องนี้ลองเขียนแบบแปลกใหม่ บรรยายแบบไม่ใช่บุคคลที่หนึ่งเหมือนเรื่องอื่นๆ ทำเพราะรักจอมมารล้วนๆ ค่ะ

#จอมมารคมสัน
เพจนักเขียนที่ตบบ่าสมจิตรผู้น่าสงสาร
[urlชhttps://twitter.com/MajaYnaja]Twitter : MajaYnaja[/url]

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
คิดว่าเด็กชายเอจะกลายเป็นหนึ่งแขนขาของคุณหนูในอนาคต

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เรียกจอมมารได้เต็มปากเต็มคำเชียวนะ

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
จอมมารช่างน่ากลัวในทุกๆด้าน

ออฟไลน์ Chobreadyaoi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบนะคะที่ได้อ่านคมสันตากมุมมองของเบิ้ม เหมือนเราได้มองอะไรจากสายตาคนทั่วไป ที่แม้จะค่อนข้างหน้ามืดตามัวอยู่พอสมควร55555555555 อ่านไปก็เอ็นดูคุณหนูไป เด็กหนอเด็ก

ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ชอบเหมือนกันค่ะ เป็นจอมมารที่ทำทุกอย่างให้ใครสักคนอย่างสุดใจโดยที่ไม่หวังอะไรตอบแทน
ชอบเบิ้มด้วย ที่โดนดักตกมาร่วมขบวนการแบบงงๆ แถมทำหน้าที่ได้ดีเกินคาด 55555

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:


กำลังเป็นวัยรุ่นเลยยยยย ปวดหัวๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คมสัน เป็นจอมมาร ที่สุดยอดมากๆ   :katai2-1:
จอมมารสุดที่รักของเบิ้ม   :impress2:

เบิ้ม  คมสัน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:



ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
โถ วันสบายของพี่เบิ้มก็ยังไม่วายต้องออกแรง จอมมารนี่มันจอมมารจริงๆ  :laugh: สะใจ เอ้ย สงสารที่เด็กชายกิจภัทรต้องไปเข้าค่าย 5555 แม้จะมีคมสันแอบส่งสายช่วยเหลืออยู่บ้าง แต่ก็ดีใจที่เสี่ยจะได้หัดช่วยเหลือตัวเองบ้าง ได้เข้าสังคม ได้เรียนรู้ชีวิต ทำกิจกรรมกับเพื่อนๆบ้าง อยากให้เสี่ยเข้าค่ายสักเดือนเผื่อความมั่นของนางจะลดลงบ้าง แต่คิดว่าคงไม่เพราะความมั่นหน้ามันเป็นซิกเนเจอร์ของเสี่ย 555

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
นี่ขนาดเป็นวันสบายๆของคมสันกับพี่เบิ้มนะ แต่ที่จริงทุกอย่างคมสันเซตไว้หมดแล้ว จอมมารได้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าและจัดการไว้เรียบร้อยหมดแล้ว o13

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'


ตอนที่ 20 : ได้เวลาออกโรงของเบิ้ม


อาจเพราะเริ่มทำใจได้ การเข้าค่ายในวันที่สองของเด็กชายกิจภัทรจึงราบรื่นด้วยดี

โดยเฉพาะตอนไปบ้านเด็กกำพร้า เมื่อเห็นว่าเด็กหลายคนโดนพ่อแม่ทิ้ง ไม่ก็เสียครอบครัวไปแต่เด็ก เด็กชายกิจภัทรก็คล้ายจะได้เรียนรู้ชีวิตสมใจพี่เลี้ยง

“พ่อแม่น่ะไม่จำเป็นหรอก!” เด็กชายกิจภัทรให้โอวาทเด็กๆ “จะไปเรียกร้องหาทำไม ไร้สาระ ดูนี่!” พูดจบก็ไปลากแขนพี่เลี้ยงคนหนึ่งซึ่งประจำสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามายืนต่อหน้าเด็กๆ “พี่เลี้ยงทั้งหนุ่มกว่า ดูดีกว่า จะไปวาดฝันถึงพ่อแม่ในจินตนาการทำไม อ้อนคนนี้ให้เยอะๆ สิแล้วจะสบาย เชื่อฉัน ฉันทำมาแล้ว!”

...อืม ก็ไม่รู้ว่าได้เรียนรู้จริงรึเปล่าน่ะนะ

ยังไงก็ตาม หลังออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เด็กชายกิจภัทรที่โวยวายมาตลอดก็เริ่มสงบ ไม่ค่อยบ่นมากแล้ว

รางวัลของเด็กดีคือโทรศัพท์สายสำคัญจากนางฟ้า

“สัน!”

นางฟ้าในใจเด็กชายกิจภัทรน่ะนะ

(( ผมคิดถึงคุณหนูมากเลยครับ ))

“หึ แน่อยู่แล้วสิ แต่ฉันไม่คิดถึงสันหรอกนะ” ถึงจะดีใจแค่ไหนแต่เด็กชายกิจภัทรก็ยังปากแข็งเพราะยังนึกงอนพี่เลี้ยงที่เห็นงานสำคัญกว่าตัวเอง สำหรับคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากครอบครัว ความห่วงใยเอาใจใส่จากคมสัน คือสิ่งเดียวที่เด็กชายยึดเหนี่ยวจนเป็นตัวของตัวเองได้น่าหมั่นไส้ขนาดนี้ ฉะนั้นพอพี่เลี้ยงเริ่มสนใจอย่างอื่นมากกว่า ยุทธวิธีเรียกร้องความสนใจจึงเดินขบวนออกมาเป็นระยะ

เป็นอย่างที่คมสันคิดนั่นแหละ หากเปิดตัวว่าคบกับเบิ้มต่อหน้าเด็กชาย จากความรู้สึกดีๆ ที่เริ่มมีให้เบิ้มจะกลายเป็นปรปักษ์ทันทีข้อหาแย่งความรักจากคมสันไป

ความเอาแต่ใจแบบสุดโต่งนับเป็นคุณสมบัติของตระกูลชาติบดินทร์

(( ลำบากมั้ยครับ ))

“ลำบากมากกกกก” เด็กชายลากเสียงยาว ตั้งใจให้พี่เลี้ยงรู้สึกผิด

(( ผมเสียใจจัง ))

“อยากมารับฉันแล้วล่ะสิ แต่ฉันไม่ไปหรอก ฉันจะอยู่เข้าค่ายให้ครบสามวัน!” เด็กชายพูดอย่างมาดมั่น หารู้ไม่ว่านั่นเป็นกลลวงของคมสันที่อยากให้ทำตัวดีจนครบกำหนดต่างหาก

(( งั้นพรุ่งนี้ผมจะรีบไปรับนะครับ ))

“แล้วจะนั่งคุยโทรศัพท์ในรถเรื่องงานอีกรึเปล่า”

(( ไม่แล้วครับ ผมจะฟังคุณเล่าถึงความยากลำบากในการเข้าค่ายแทน ))

“ดีมาก!”

ได้คำตอบที่ต้องการเด็กชายกิจภัทรก็ยิ้มแป้น คืนนั้นนอนหลับฝันดี วาดฝันถึงวันพรุ่งนี้ที่พี่เลี้ยงตามง้อสมใจ

แต่เรื่องราวมันไม่ง่ายขนาดนั้นนี่สิเด็กชายกิจภัทรเอ๋ย...






เช้าวันที่สามขณะขับรถลงเขาเตรียมกลับกรุงเทพ รถบัสพลันเบรกเอี๊ยดจนเหล่าเด็กๆ และคุณครูแทบจะหน้าทิ่มเบาะกันถ้วนหน้า

“มีอะไรเหรอคะ” คุณครูยังสาวชะโงกหน้าถามคนขับ

“มีคนตัดหน้ารถน่ะ เหมือนจะต้องการความช่วยเหลือนะ” คุณครูผู้ชายและฝ่ายสันทนาการเดินลงไปรับชายแปลกหน้าขึ้นมา

“มอเตอร์ไซค์ผมล้มตรงโค้งโน้น” ชายผู้บาดเจ็บหัวแตกเลือดอาบเล่าระหว่างได้รับการปฐมพยาบาลจากคุณครูยังสาว “ขอติดรถไปโรงพยาบาลได้มั้ยครับ”

“ได้ค่ะ เอ้า เด็กๆ เว้นที่ให้พี่เขาหน่อยนะ”

กิจภัทรที่มักนั่งหน้าเป็นนิสัยโดนไล่ แอบไม่ชอบใจนิดหน่อย นึกว่าจะได้กลับไปหาคมสันเร็วๆ แล้วเชียวแต่ติดต้องแวะโรงพยาบาลก่อนอีก แต่เอาเถอะ เขาเกลียดเลือดสีแดงๆ ดูน่ากลัวจัง ลุกก็ลุก...

“อย่าขยับ!”

อ้าว ทำไมลุกแล้วยังไม่ไปไหน เหมือนจะโดนคว้าตัวไปติดแหมะกับบางคน

“กรี๊ด!”

คนคนนั้นคือชายแปลกหน้าที่ทำแผลเสร็จก็หยิบปืนออกมาชี้กราด

“ขับต่อสิวะ ขับไปข้างหน้า แม่งเอ๊ย มอเตอร์ไซค์เสือกล้ม ไม่งั้นกูหนีได้ไกลแล้ว” ชายคนนั้นหันไปตวาดคนขับ ก่อนจะหันมาจ่อปืนเข้าที่หัวกิจภัทร เด็กชายกะพริบตาปริบๆ เพราะเคยดูแต่การ์ตูนดิสนีย์ เลยไม่รู้ว่าไอ้ที่โดนจี้อยู่นี้คือการโดนจับเป็นตัวประกัน

“จอดข้างหน้า! กูรู้น่าว่าเลยไปมีป้อมตำรวจ จอดแค่ตรงนี้พอ จอดสิวะ!” ชายแปลกหน้าอาละวาดโวยวายไม่หยุด เด็กชายกิจภัทรปวดหูมาก แม้เขาจะชอบโวยวายเป็นปกติ แต่ใช่ว่าจะชอบเวลาโดนตะโกนข้างหู “อย่าขยับ!”

แต่ไม่ทันได้ยกมือปิดหู เด็กชายกิจภัทรก็ถูกกระชากลงจากรถไปพร้อมกับชายแปลกหน้าที่ยังยกปืนจ่อ

“กิจภัทร!” คุณครูยังสาวกรีดร้องเพราะคิดไม่ถึงว่าเจ้าโจรจะลากเด็กลงไปด้วย

“กูรู้ว่าลับหลังพวกมึงต้องแจ้งตำรวจ ใครจะโง่โดนจับวะ กูจะพาตัวประกันไปด้วย ดูซิพวกตำรวจมันจะกล้ายิงกูมั้ย”

“แต่เด็กไม่เกี่ยวอะไรเลยนะ”

“ก็เรื่องของมันสิวะ!”

เด็กชายกิจภัทรทำอะไรไม่ถูก เขากะพริบตาปริบอีกหลายที รู้ตัวอีกทีก็โดนโจรลากเข้าป่าแล้ว






ณ ช่วงเวลานั้น ไอ้เบิ้มกำลังจะสอนคนรักว่ายน้ำ

คมสันที่สวมกางเกงรัดรูปตัวเดียวช่างคุ้มค่าแก่การเกลี้ยกล่อมแกมอ้อนวอนของไอ้เบิ้มเหลือเกิน เขายกข้ออ้างสารพัดอย่างเพื่อให้คนรักยอมตกลง ก่อนจะจับหน้าอกตัวเองว่าจะสอนรอดโดยไม่หัวใจวายก่อนรึเปล่า เพราะนอกจากความเซ็กซี่สะท้านทรวงแล้ว เวลาคมสันหรี่ตาเพราะมองไม่เห็นช่างน่ารักเกินจะทานทน

เบิ้มเพิ่งรู้เมื่อเร็วๆ นี้เองว่าคมสันสายตาสั้นมาก เวลาถอดแว่นเลยเผลอหรี่ตาบ่อยๆ นี่อาจเป็นอีกเหตุผลที่ไม่ชอบว่ายน้ำละมั้ง ก็ไอ้ท่าทางแบบนี้ดูไม่สมกับเป็นผู้ช่วยเลขาแสนน่าเกรงขามเลย

แต่สมเป็นคนรักของไอ้เบิ้ม

แหม นึกแล้วก็เขิน เบิ้มสอนคมสันว่ายน้ำต่อดีกว่า ความจริงแล้วคมสันพื้นฐานดีมาก ติดแต่พอถอดแว่นแล้วไม่ค่อยมั่นใจ เลยว่ายแบบเก้ๆ กังๆ เหยียดแขนไม่สุด

พลันเสียงโทรศัพท์ดังแทรกระหว่างเราสอง

คมสันว่ายไปรับโทรศัพท์ซึ่งวางอยู่บนขอบสระว่ายน้ำ เสยผมปรกตาขึ้น ก่อนจะชะงัก

เห็นความผิดปกติ เบิ้มรีบว่ายไปหาคนรักที่ดวงตาเผยแววหวั่นไหว

“สัน...”

ไม่รู้ทำไม แต่ตอนนั้นเบิ้มตัดสินใจกอดคนตรงหน้า

เพราะคมสันดูเปราะบางอย่างบอกไม่ถูก แต่ในพริบตา ความเปราะบางก็แทนที่ด้วยความเกรี้ยวกราด คมสันกำโทรศัพท์แน่น ขณะที่อีกข้างกำมือเบิ้มซึ่งโอบรอบเอว พลังบีบด้วยแรงอารมณ์นั้นถึงกับทำให้ผู้ชายตัวใหญ่อย่างเบิ้มร้องโอดโอย

“เบิ้ม”

วินาทีนั้นเบิ้มเริ่มคิดว่าการถอดแว่นคมสันนั้นอาจไม่ใช่เรื่องดี

เพราะตอนนี้เขาแทบจะเห็นแววตาชัดๆ ของจอมมารกำลังกริ้ว

“ได้เวลานายออกโรงแล้ว”





กว่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตอนไอ้เบิ้มขึ้นเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวบินจากกรุงเทพไปสมุทรปราการ อภิสิทธิ์พิเศษที่ไม่เคยรู้ว่ามีมาก่อน คมสันแค่เล่าสั้นๆ ว่าเป็นของท่านประธาน เอาไว้พาสาวชมวิวกรุงเทพเล่นๆ มามุกนี้ทีไร จีบติดทุกรายรวมถึงคุณหญิงด้วย

ช่างเรื่องอดีตความรักของประธานก่อน เพราะตอนนี้เบิ้มกำลังประชุมกับคมสัน ใครเลยจะนึกว่าแค่ส่งเด็กเวรไปเข้าค่ายทำความดี จะบานปลายถึงขั้นถูกจับเป็นตัวประกันได้ล่ะ พอนึกหน้าซีดเผือดของคมสันตอนรู้ข่าว ไอ้เบิ้มก็รีบจับมือที่สั่นน้อยๆ นั้นอย่างให้กำลังใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันคงทำให้คมสันนึกโทษตัวเองที่สุด

และคาดว่าจะตราตรึงในความทรงจำอีกนาน

หลังจากนี้เด็กเวรเตรียมตัวอดเข้าค่ายตลอดชีวิตแน่!

อืม...แต่เบิ้มก็ไม่คิดว่าคุณหนูสุดที่รักจะกล้าไปค้างที่อื่นอีกเหมือนกัน ต้องใช้เวลาเยียวยาจิตใจเด็กชายด้วย เบิ้มห่วงคมสัน แต่ขณะเดียวกันก็ห่วงเด็กเวรมาก แต่ถ้าไม่มีคนตั้งสติสักคน เกรงว่าจะทำให้สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่

“แล้วจะหาคุณหนูเจอยังไง”

พูดไม่ทันจบประโยคดีคมสันก็ส่งเครื่องที่มีลักษณะคล้ายโทรศัพท์ขนาดจิ๋วให้เบิ้ม บนหน้าจอปรากฏจุดสีแดงเคลื่อนที่

“...”

อืม...มาถึงตอนนี้ก็ไม่ควรแปลกใจ แม้คมสันยอมให้เด็กเวรไปเข้าค่าย มีหรือจะยอมเฉยๆ โดยไม่ใส่เครื่องติดตามตัวไปด้วย

เบิ้มไม่แปลกใจเลยจริงๆ

จริงๆ นะ

“ไม่ส่งพิกัดให้ตำรวจล่ะ” เขารับมาถือ ดูรายละเอียดการเคลื่อนไหวของคนร้ายและเด็กเวรที่ดูเหมือนจะเดินเข้าป่าลึกเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้ยังไม่เท่าไหร่ แต่ตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มตกดึก เดินในป่ายามกลางคืนน่ะไม่น่าพิสมัยนักหรอก

“ให้แน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ฉันกลัวพวกตำรวจล้อมจับกุมจนคนร้ายคลุ้มคลั่งแล้วทำให้คุณหนูเป็นอันตราย” คมสันเอ่ย แม้จะมือสั่น หน้าซีด แต่ก็พยายามคงสติและความเยือกเย็นไว้ ความเข้มแข็งอันน่านับถือของคนรักนั้นทำให้เบิ้มกำมืออีกฝ่ายแน่นขึ้น “คนที่ฉันเชื่อใจมีแค่นายคนเดียว”

“ไม่ต้องห่วง ฉันจะช่วยคุณหนูของเราให้ได้”

เบิ้มดึงมือนั้นมาจุมพิตหลังฝ่ามือ เหมือนอัศวินที่กำลังกล่าวปฏิญาณกับนายเหนือชีวิต

“ฉันสัญญา”






ขณะที่เบิ้มและคมสันกำลังตึงเครียด คนร้ายก็กำลังประสบปัญหาตัวประกันอ่อนแอเกินไป

“เดินเร็วๆ หน่อยสิวะ!”

“ไม่ไหวแล้ว เหนื่อย”

“อยากตายใช่มั้ย!”

“ก็มันเดินไม่ไหว จะให้ทำยังไง!”

เด็กชายกิจภัทรร้องโวยวายหลังจากโดนลากไปมาหลายชั่วโมง เขาเคยต้องลำบากถึงขนาดนี้ที่ไหน ต่อให้จะต้องลุยโคลน ปลูกต้นไม้ แต่ก็ได้พัก มีคุณครูเอาน้ำมาให้ดื่ม นั่งคุยเล่นกับเพื่อน ทำเสร็จก็ขึ้นรถตากแอร์แสนสบาย ไม่เคยต้องมาย่ำบนหญ้าบนกิ่งไม้ เหงื่อไหลอาบตัว มุ่งตรงเข้าป่าแบบไร้จุดหมายสักหน่อยนี่!

ในใจคนร้ายเห็นตัวประกันไม่กลัวตายก็เริ่มรู้สึกว่าตรรกะของเด็กคนนี้ออกจะเพี้ยนๆ ไปสักหน่อยแล้ว เห็นปืนแต่ไม่กลัว คิดว่าเขาถือเยลลี่จ่ออยู่หรือไง แต่จะให้ยิงทิ้งตรงนี้ก็ไม่ได้ เพราะเขาสังหรณ์ว่าตำรวจใกล้จะตามทันแล้ว ถึงตอนนั้น...หากไม่มีตัวประกัน เขาคงโดนจับง่ายๆ ทั้งที่เกือบจะหนีพ้น!

เรื่องเริ่มต้นจากเมื่อสามชั่วโมงก่อน เขามีปากเสียงกับเพื่อนสนิทเพราะแย่งแฟนกันจนเผลอยิงไปหนึ่งนัดด้วยความเมา แต่ดันเป็นนัดที่เจาะสมองแม่นยำจนไม่ต้องอังจมูกก็รู้ว่าตายแน่ ตอนนั้นเขาคิดอะไรไม่ออกนอกจากต้องหนี! หนีไปให้ไกลที่สุด! เลยรีบขี่มอเตอร์ไซค์หลบออกมา แต่โชคร้ายเหลือเกิน มอเตอร์ไซค์สะดุดก้อนหินล้มคว่ำกลิ้งขลุกๆ ตรงทางลาดระหว่างลงเขา หัวแตกเลือดอาบ แต่ในความโชคร้ายยังมีโชคดี มีรถโรงเรียนผ่านมา เลยรีบยืนขวางขอความช่วยเหลือ

เมื่อได้ทำแผล คนร้ายก็ใจกล้าจับเด็กเป็นตัวประกันเพื่อทำการหลบหนีต่อ แม้จะไม่รู้ก็ตามว่าไอ้ทางที่กำลังเดินไปเนี่ยจะทะลุออกทางไหน เขาหวังแค่ว่าไม่โดนตำรวจจับก็พอแล้ว อืม...ว่าแต่เด็ก คนร้ายก็ไม่ค่อยจะมีสมองเหมือนกัน ช่วยไม่ได้จริงๆ เขาเมาจนพลั้งมือยิงเพื่อนตาย สติเลยไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางดีนัก ในหัวคิดแต่ว่าต้องหนี! ทำยังไงก็ได้ขอแค่หนีไว้ก่อนส่วนจะรอดมั้ยค่อยว่ากัน!

“ฉันจะพัก!”

แล้วดูเด็กที่กะมาเป็นหลักประกันหากตำรวจตามเจอซะก่อน โวยวายจบก็นั่งกับพื้นทันทีอย่างเอาแต่ใจสุดขีด พอเห็นกางเกงเปื้อนก็ทำหน้าขยะแขยง สงสัยจะจับลูกคุณหนูมาสินะ วินาทีนั้นคนร้ายครุ่นคิดฉับไว หรือว่าเขาควรเอาเด็กนี่มาเรียกค่าไถ่ ขอเงินสักร้อยล้านแล้วบินหนีออกประเทศดี

ความคิดนี้ใช้ได้ แต่ไม่ทันจะถามว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร แสงไฟฉายที่ส่องลอดต้นไม้ก็ทำให้คนร้ายตื่นตัว ความกลัวเข้าแทรก รีบกระชากเด็กชายกิจภัทรที่เพิ่งนั่งพักหมาดๆ ให้รีบหนีเข้าป่าลึก

“ฉันจะ...อื้อ!”

คนร้ายปิดปากเด็กเวร แทบจะอุ้มวิ่งเพื่อหนีตำรวจ ถ้ายังไม่มั่นใจว่าเป็นลูกคนรวยขนาดยอมจ่ายร้อยล้านจริงเขาก็ขอหนีก่อนกว่า ต้องหนี! หนี!!!

---------------

มาถึงช่วงสุดท้ายของเรื่องนี้แล้วนะคะ เมื่อเด็กเวรต้องมารับกรรมด้วยแรงพลังแห่งคำสาปของผู้ถูกลืม จึงกลายเป็นผู้ถูกเลือกโดนลักพาตัวไปด้วยประการฉะนี้ รับรองว่าไม่มีใครลืมแล้วแน่นอน สรุปแล้ว...มาเรื่องคมสันเด็กเวรนั้นมีบทเยอะกว่าเรื่องตัวเองอีก! 5555555

ส่วนพี่เบิ้มกับคมสันนั้น...ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ห่วงคนร้ายดีกว่า!

#จอมมารคมสัน
เพจนักเขียนที่ตบบ่าสมชัยผู้น่าสงสาร
Twitter : MajaYnaja

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ได้ลุยเกินลิมิตไปเพียบเลย

ออฟไลน์ Chobreadyaoi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สยองแทนคนร้าย จะโดนจอมมารจับไปทำไรน้อ

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
โถ จับใครไม่จับ มาจับเสี่ย สงสารโจรจริงๆ 55555
ว่าแต่พี่เบิ้มขึ้นเฮลิคอปเตอร์จากกทม-สมุทรปราการเนี่ยนะ .... :laugh:

ออฟไลน์ Narika

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด