แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11  (อ่าน 61453 ครั้ง)

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
รู้แล้วว่าเสี่ย(ลูก)มโนได้ใคร มีพ่อ(พี่เบิ้ม)ช่างมโน มีแม่(พี่สัน)เป็นจอมมาร เคลียอีกรอบ  :m20:
  :L1:  :pig4:  :L2:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
พี่เบิ้มเดอะฟาส ยังไงก็อ่อนให้จอมมารคมสันอยู่ดี ก็คนมันรักไปแล้ว o18

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เสี่ยช่างเดียงสาใสๆจริมๆ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เบิ้ม.....เก่งมากกกกก
เป็นทั้งเดอะแฟลช แอนด์ เดอะฟาสท์  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ส่วนเสี่ย...เด็กเวร  เล็กๆก็น่ารักดีกว่าตอนใหญ่นะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'


ตอนที่ 8 : ประสบการณ์ดักฟังครั้งแรกของเบิ้ม

 

ถ้าถามว่าเบิ้มกำลังทำอะไรอยู่

‘หมอนั่นหายหัวไปห้าวันแล้ว เราจะทำยังไงดี’

เบิ้มตอบได้เพียง...กำลังแอบดักฟังอยู่

และถ้าถามว่าดักฟังได้ยังไง มา เบิ้มจะเท้าความให้

 

หลังจากปรับความเข้าใจกัน ชุดนอนไม่ได้นอนของคมสันก็มาเยือนเบิ้มทุกคืนให้มือขวาโลกสวยอีกครั้ง

ความสัมพันธ์ที่คืบหน้า กับความรู้สึกที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น การรุกคืบอย่างไวว่องในช่วงแรก กลายเป็นบรรยากาศละมุนนุ่มนวลลงอย่างไม่น่าเชื่อ คล้ายต่างคนต่างเปิดใจ พยายามจะเรียนรู้ซึ่งกันและกันให้มากกว่าเดิม

แต่ที่ไม่ต่างจากเดิม คือความร้อนฉ่ากับฟีโรโมนของคมสันที่มักนั่งไขว่ห้างบนเตียงเบิ้มด้วยท่วงท่าเดี๋ยวเปลี่ยนเป็นไขว้ขาซ้ายที ขาขวาทีเนี่ยละ

เล่นเอาร้อนวูบวาบไปหมด

แต่เพราะความสัมพันธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้ก็ดีแล้ว เบิ้มไม่อยากให้รีบร้อนไวไฟเหมือนแรกเริ่ม ที่เอะอะเดี๋ยวจับเดี๋ยวหอมเดี๋ยวจูบ ทำให้ไม่ได้เข้าใจกันที่ตัวตนจริงๆ เขาจะรอวันที่ต่างคนต่างพร้อม เป็นการร่วมรักที่ไม่ใช่การสนองทางเพศเพียงอย่างเดียว

แหม อย่างแมนอ่ะไอ้เบิ้ม

“ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ฉันมีงานให้นายทำ”

“อะไรหรือ” เบิ้มวางมือบนต้นขาคนรัก ไม่ได้คิดอกุศลแต่ขอจับขอทัชสักนิดให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ

“ดักฟัง” พูดจบ คมสันก็ยื่นกล่องซึ่งมีหูฟังอันเล็กๆ ส่งให้เบิ้ม

“แอบไปติดเครื่องดักฟังที่บ้านผู้หญิงคนนั้นมาเหรอสัน?”

“ฉันอยู่กับนายตลอด จะไปได้ยังไง” คมสันอธิบายอย่างใจเย็น คมสันเป็นคนปกติธรรมดามีสองมือสองเท้า แม้เบิ้มจะเหนือมนุษย์ไปบ้าง แต่จะให้คนรักทำอะไรเวอร์ๆ แบบนั้นก็เกินไป “ท่านประธานวานให้ฉันช่วยซื้ออุปกรณ์เกี่ยวกับเด็กเล็ก ท่านอยากเอาใจผู้หญิงคนนั้นหลังทะเลาะกันเรื่องทะเบียนสมรสมาหลายวันแล้วน่ะ ฉันเลยซื้อเตียงเด็ก รถเข็นเด็ก ของเล่นเด็กมาที่นี่ แล้วแอบซ่อนเครื่องดักฟัง”

เบิ้มครางในลำคอ จะว่าไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ท่านประธานก็อาศัยช่วงเด็กเวรเข้านอนแอบขนของขึ้นรถลับๆ ล่อๆ กับคมสัน เบิ้มกะแล้วว่าต้องเกี่ยวกับบ้านเล็กบ้านน้อยเลยไม่กล้าเสนอหน้า เพราะประธานยังไม่รู้ว่าคมสันเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังแล้ว

“เตียงเด็กอยู่ในห้องนอน รถเข็นอยู่ตรงทางเดิน ของเล่นอยู่ในห้องนั่งเล่น น่าจะพอดักฟังได้อะไรดีๆ บ้าง”

มองคนรักที่พูดหน้าตายแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของชาวบ้าน เบิ้มก็ได้แต่รับหูฟังมาเก็บถนอมอย่างดี...อดคิดในใจไม่ได้ว่าคนรักของเขาช่างเก่งกาจเรื่องการวางแผนแบบไม่เปลืองแรงจริงๆ

“นายคอยสรุปแล้วเล่าให้ฉันฟังแค่ประเด็นสำคัญก็พอ”

หมดธุระ คมสันก็ตบมือเบิ้มซึ่งวางบนต้นขาเบาๆ เป็นสัญญาณให้ยกออก จากนั้นก็ลุกขึ้น หันมายิ้มสวยชวนเคลิ้ม

“ราตรีสวัสดิ์”

 

กลับมาปัจจุบัน

ไอ้เบิ้มวิ่งบนลู่ในฟิตเนสไป ก็แอบดักฟังไป

กลมกลืนกับคนอื่นที่ฟังเพลงออกกำลังกายกันเป็นเรื่องปกติ อันที่จริงเบิ้มก็สงสัย ว่าเขาควรจะมีสามัญสำนึกหน่อยมั้ยนะ แต่ในเมื่อรับเงินมาเป็นบอดี้การ์ด การป้องกันความปลอดภัยให้เด็กเวรก็ถือเป็นหน้าที่สำคัญ แต่พอทบทวนดูดีๆ ไอ้สิ่งที่ทำแต่ละอย่างทั้งขับรถชน ลักพาตัว พ่วงแอบดักฟัง...

คล้ายๆ จะเป็นอาชญากรรมชอบกล

แต่กับฝั่งที่หมายเอาชีวิต เบิ้มก็สมควรจะทิ้งมโนธรรมในใจเพื่อให้ครอบครัวยังเป็นครอบครัว

ไม่ใช่แค่ฝั่งเบิ้ม แต่รวมถึงฝั่งภรรยาคนที่สองของท่านประธานด้วย

เพราะต่อให้เชื่อฟังคมสันยังไง แต่เบิ้มก็ไม่วายต้องถามเพื่อความสบายใจว่าทุกอย่างจะลงเอยด้วยดี ซึ่งคมสันยืนยันว่าแผนการที่คิดไว้นั้นจะทำให้ออกมาดีกับทุกฝ่าย ประธานจะยังคบหากับผู้หญิงคนนั้น ตัวเธอเองก็จะได้คลอดลูกอย่างปลอดภัย ส่วนเด็กเวรก็จะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ใช้ชีวิตไปวันๆ เหมือนไม่เคยมีใครปองร้าย

ต่างคนจะต่างใช้ชีวิตของตัวเอง ไร้ซึ่งการข้องแวะ และเลิกล้มความคิดอยากได้ในสิ่งที่ไม่ควรจะได้

ฟังแล้วเหลือเชื่อนะ เบิ้มเองก็รอดูเหมือนกันว่าคมสันจะทำสำเร็จรึเปล่า

เพราะเขาคิดผลสรุปแบบที่ไม่ต้องแตกหักไม่ออกเลย!

‘ใช่ เจ้านั่นหายตัวไป เหลือแต่ซากรถกับรอยเลือด ถ้าไม่โดนลักพาตัวไป...ก็คงโดนฆ่าตายไปแล้ว’

ก็สถานการณ์ตอนนี้เข้าขั้นตึงเครียด อีกฝ่ายไม่ยอมถอยง่ายๆ แน่

‘อย่าคิดว่าผู้ช่วยเลขาคนนั้นไม่กล้าฆ่าคนนะแม่ เห็นหงิมๆ แบบนั้นแต่น่ากลัวจะตาย! คอยจัดแจงทุกอย่างให้ประธานตั้งแต่ตอนที่เขาเริ่มคบกับฉันเลยด้วยซ้ำ ตั้งแต่จองโต๊ะร้านอาหาร ซื้อของขวัญ ซื้อบ้าน ช่วยย้ายที่อยู่ ขนาดวันไหนควรจะกลับบ้านหรือมาหาฉัน ผู้ช่วยเลขายังเป็นคนกำหนดเลย!’

ที่แท้เธอก็คุยโทรศัพท์กับคุณแม่อยู่นี่เอง

‘ตัวเองก็น่ากลัวอยู่แล้ว ยังไปหาตัวประหลาดมาสมทบอีก’

เบิ้มคิ้วกระตุก

‘ก็ไอ้บอดี้การ์ดคนนั้นไงแม่ คนที่ช่วยชีวิตเด็กนั่นทันน่ะ คนปกติที่ไหนจะว่ายน้ำเร็วขนาดนั้น แถมซากรถที่เจอก็มีรอยมือตรงฝากระโปรงด้วย...ทั้งที่จ้างนักซิ่งค่าตัวแพงมาแท้ๆ กลับพลาดท่าไม่เหลือสภาพ ฉันว่ามันต้องไม่ใช่คนแน่ๆ’

ถ้าไม่ติดว่าดักฟังอยู่ เบิ้มก็อยากจะบอกเหลือเกินว่าเบิ้มเป็นคน เป็นมนุษย์มีเลือดเนื้อ อย่ากลัวไปเลย

‘เผลอๆ อาจจะฆ่าแล้วฝังศพอยู่แถวนั้นก็ได้’

เบิ้มถึงกับวิ่งไปวิ่งปาดเหงื่อไป ถ้าไม่ติดว่าดักฟังอยู่ ก็อยากจะติดต่อไปหาภรรยาคนที่สองของท่านประธานโดยตรงว่าเธอเข้าใจผิด เข้าใจผิดอย่างมหันต์เลยด้วย!

นักซิ่งคนนั้นอยู่ไหนน่ะเหรอ ปัดโธ่ ก็อยู่ในคฤหาสน์ไงละ!

แถมยังอยู่ดีกินดี มีอาหารเสิร์ฟสามมื้อ มีเตียง มีห้องน้ำส่วนตัวเพราะโดนพามาขังในห้องรับแขกชั้นสองของคฤหาสน์ ที่เรียกว่าขัง เพราะคมสันไม่อยากปล่อยคนไปหาผู้ว่าจ้าง เลยเป็นการลักพาตัวมาเลี้ยงดูปูเสื่อกรายๆ หลายวันนี้อุดมสมบูรณ์ขึ้นตั้งเยอะ!

ตอนแรกเบิ้มก็กังวลอยู่หรอกว่านักซิ่งคนนั้นจะยอมอยู่ในห้องดีๆ ไม่หาทางหนีออกไปแน่หรือ แต่พอเบิ้มแวะเวียนไปหา นักซิ่งคนนั้นก็กอดขาอ้อนวอนในทันดลว่าขออยู่อย่างนี้ดีกว่าโดนฆ่าตาย โปรดอย่ายกหมัดต่อยจนกะโหลกยุบเลย ได้โปรด!

หลังแวะไปหาสองครั้ง โดนกอดขาทั้งสองครั้ง คมสันก็บอกว่าอย่าไปสร้างความหวาดกลัวให้นักซิ่งคนนี้อีก เกิดสติแตกขึ้นมาจะยุ่ง ไม่อยากเสียเงินจ้างจิตแพทย์มารักษาด้วยหรอกนะ

สรุปแล้วนักซิ่งไม่หนีไปไหนแน่นอนตราบใดที่เบิ้มไม่บอกว่าไปได้ ซึ่งเจ้าตัวก็เริ่มปรับตัวกับชีวิตกินๆ นอนๆ สุขสบายยิ่งกว่าใครหลายคนซะอีก

‘ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะจัดการเด็กนั่นไม่ได้ อุตส่าห์ยอมเป็นเมียน้อยทั้งที่เรารักกัน ฉันก็ควรจะได้สิ่งที่ฉันและลูกควรจะได้สิ!’

ฟังความคนละด้าน ความคิดเห็นก็คนละมุม

คมสันคิดว่าคุณหนูที่รักยิ่งควรได้บริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์เพราะพ่อแม่ต่างแยกย้ายไปมีชีวิตของตัวเอง จึงสมควรทิ้งทรัพย์สมบัติให้ลูกชายคนแรกของทั้งคู่ไว้เลี้ยงตัว

ส่วนผู้หญิงคนนี้ก็คิดว่าตัวเองควรได้เพราะมีลูกชายและครอบครัวอบอุ่นให้ท่านประธาน ในเมื่อเป็นที่รัก แล้วทำไมถึงไม่ได้บริษัทที่คนรักสร้างมากับมือจนเจริญรุ่งเรือง

ถ้าถามว่าเบิ้มเข้าข้างใคร

แหม ไม่เห็นต้องถามเลย

ก็ต้องเข้าข้างคุณแฟนอยู่แล้ว!

ไม่ใช่ความรักทำให้คนตาบอด แต่เบิ้มยอมรับคนที่คิดฆ่าเด็กซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวไม่ลงต่างหาก

จะอ้างเหตุผล อ้างความคิดตัวเองก็อ้างไป แต่หมายเอาชีวิตคนอื่นเนี่ยยังไงก็ผิดเต็มประตู!

‘ต้องหาวิธีแยกผู้ชายคนนั้นออกจากเด็กนั่นให้ได้ แต่ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว วันก่อนให้คนไปรับเด็กที่โรงเรียนก่อนเวลา ก็โดนปฏิเสธว่าต้องเป็นคมสันเท่านั้น ต่อให้เป็นพ่อแท้ๆ ยังพาเด็กนั่นกลับบ้านเองไม่ได้เลย!’

เบิ้มยิ้มกับความรอบคอบของคนรัก เรื่องนี้เขารู้จากคมสันเพราะทางโรงเรียนโทรมารายงาน โรงเรียนนานาชาติค่าเทอมแพงหูฉี่ ย่อมมีระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม

‘แล้วแม่รู้มั้ยว่าคนที่ฉันให้ปลอมตัวไปรับ...ก็หายตัวไปในคืนวันนั้นเลย! หลังโทรมารายงานฉันแค่สองชั่วโมง!’

ส่วนที่ว่าคนคนนั้นหายไปไหน...

ตอนนี้กินดีอยู่ดีเป็นเพื่อนนักซิ่ง ซึ่งกำลังเล่าขานตำนานบทใหม่ซึ่งมีชื่อว่าเบิ้มเดอะฮัค

...เดอะแฟลช เดอะฟาส ต่อด้วยเดอะฮัค

เบิ้มไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจกับฉายาต่อท้ายที่เริ่มมากขึ้นทุกที

‘พวกนั้นต้องรู้แล้วแน่ๆ ว่าพวกเราอยู่เบื้องหลัง ถึงได้ทยอยเก็บไปทีละคนสองคน’

นอกจากเสียงสั่นอย่างหวั่นวิตกแล้ว เบิ้มยังได้ยินเสียกัดเล็บอย่างเคร่งเครียดด้วย

‘นั่นสินะแม่ ถ้ารู้ว่าเราทำ แล้วทำไมยังอยู่เฉย ไอ้พวกนั้นอาจโดนฆ่าตายก่อนคายข้อมูลก็ได้’

ใช่ว่าตัวเองคิดฆ่าคนแล้วคนอื่นจะต้องฆ่าคนของเธอด้วยสักหน่อย

เบิ้มวิ่งไปโคลงศีรษะไป ยิ่งฟังก็ยิ่งสงสารคนท้อง อยากให้เธอปล่อยวางทุกอย่างแล้วตั้งอกตั้งใจดูแลลูก กลัวอะไรไม่กลัว กลัวก็แต่เด็กบริสุทธิ์จะได้ผลกระทบ น่าเสียดายเพราะเธอไม่มีทีท่าว่าจะถอย ขนาดลูกจ้างหายตัวไปสองคนยังคิดเข้าข้างตัวเองว่าความยังไม่แตก ยังไม่จนมุม ยังลุยต่อได้อีก

ถ้าหยุดแค่ตอนนี้ก็ตั้งใจจะปิดหูปิดตาแล้วแท้ๆ

แต่พอคิดจะเดินหน้าต่อ กลายเป็นว่าเข้าแผนคมสันอย่างจัง

คนรักแสนฉลาดของเขารู้ว่าก่อนจะทิ้งไพ่ให้ศัตรูเห็น ก็ต้องทำให้ศัตรูเผยไพ่ตายสุดท้ายซะก่อน

‘ถ้าแยกเด็กคนนั้นออกมาไม่ได้ งั้นก็ต้องเข้าไปเอง’

และนี่ก็เป็นช่วงเวลาเหมาะสมในการทิ้งไพ่เด็ดแล้ว

 ‘บ้านหลังนั้นใหญ่ซะเปล่า แต่คนรักษาความปลอดภัยไม่ค่อยมี ฉันเคยถามสามี เขาเล่าว่าที่มีห้องพักค้างคืนในคฤหาสน์มีแค่คนครัว แม่บ้านแก่ๆ กับคนเฝ้ายามแค่สามคน ส่วนคนใช้อื่นๆ แวะเวียนมาไม่ได้อยู่ประจำ คมสันกับตัวประหลาดอยู่ปีกซ้ายชั้นสอง ส่วนเด็กนั่นนอนที่ปีกขวาชั้นสอง คนละฝั่งกันพอดี จะลงมือทำอะไรตอนเด็กหลับน่าจะง่ายกว่า’

เบิ้มหยุดวิ่งชั่วคราว ไม่ใช่ว่าเคืองที่โดนเรียกว่าตัวประหลาด แต่เพราะเตรียมจะโทรหาคมสัน

‘ก็ทำเหมือนลักพาตัวแบบไม่มีวันกลับมาเลยไงแม่ ให้กลายเป็นคนหายสาบสูญหาไม่เจอไปซะ เหมือนที่ทางนั้นลงมือกับคนของเรา’

น่าเสียดายที่คมสันติดประชุม เบิ้มดูตารางงานของคนรักจากโน๊ตในโทรศัพท์ ตั้งใจว่าอีกครึ่งชั่วโมงค่อยโทรหา

‘ฝากแม่ติดต่อทีมมืออาชีพที ไม่เอาพวกนักเลงข้างถนนนะ ฉันอยากให้แอบเข้าไปในคฤหาสน์โดยไม่มีใครรู้และไม่มีใครตาย ฉันอยากเล่นงานแค่เด็กนั่น เป็นเด็กที่ไม่มีใครรัก พ่อแม่แท้ๆ ยังไม่อยากได้ ก็ไม่รู้จะอยู่ให้รกโลกทำไม ถือว่าฉันสงเคราะห์ให้แล้วกัน”

เบิ้มเกือบกำโทรศัพท์แตกคามือ ประโยคสุดท้ายของผู้หญิงคนนี้หากให้คมสันได้ยิน...เกรงว่าจะกลายเป็นโศกนาฏกรรม

อย่าว่าแต่คมสันโมโห ขนาดเบิ้มไม่ค่อยสนิทกับคุณหนู ในใจเรียกเด็กเวรแล้วเด็กเวรอีก ยังรู้สึกไม่ดีและไม่อยากให้ได้ยิน

‘ค่าจ้างไม่ต้องห่วงเลยแม่ ช่วงนี้ฉันท้อง ได้เงินช้อปปิ้งมาเยอะเลย ไว้แม่ตกลงแล้วส่งเลขบัญชีมาก็แล้วกัน เอาเร็วที่สุดเลยนะ คืนนี้ยิ่งดี ฉันอยากให้เรื่องนี้จบไวๆ จะได้เลี้ยงลูกอย่างสบายใจสักที’

เสียงพูดเงียบลงแล้ว คาดว่าคงวางสายสักที แต่เบิ้มยังแอบดักฟังต่อไป เพราะยังไงคมสันก็ยังไม่เลิกประชุม

ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

‘ลูกจ๋า ที่ผ่านมาอะไรยอมได้แม่ก็จะยอม แต่ครั้งนี้แม่จะไม่ยอมให้ลูกด้อยกว่าเด็กคนนั้นเด็ดขาด’

น้ำเสียงที่เอ่ยกับตัวเองคล้ายพยายามกล่อมว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นเป็นเรื่องจำเป็น ราวกับคนละคนที่คุยโทรศัพท์เมื่อครู่

‘เราจะเป็นภรรยาและลูกชายที่ถูกต้องตามกฎหมาย เราจะได้ในสิ่งที่ควรเป็นของเรากลับคืนนะลูก’

ราวกับเป็นแม่ที่ยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อลูกแม้มือจะแปดเปื้อนเลือดก็ตาม

แต่ไม่คิดจะถามสักนิด...ว่านั่นเป็นสิ่งที่ลูกต้องการ หรือตัวเองต้องการแล้วอ้างลูกกันแน่

เอาเถอะ เรื่องนี้คิดไปก็ปวดหัวเปล่าๆ เพราะมานึกดูดีๆ แล้ว ตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นก็คือ...

ท่านประธาน!

เสียแต่ท่านประธานไม่เคยจะรู้เรื่องอะไรกับใครเขาเลย คมสันเองก็ไม่คิดบอก เพราะพูดไปมีแต่จะยิ่งบานปลายซะเปล่าๆ ในเมื่อความสามารถในการจัดการปัญหาของท่านประธานนั้นเท่ากับศูนย์ วัดจากอาการหูเบาเชื่อภรรยาคนที่สองพาลูกชายไปง้อที่สวนน้ำจนเกิดเหตุ แล้วยังให้ผู้ช่วยเลขาช่วยจัดแจงซื้อของนู้นนี่นั่นให้โดยที่ตัวเองนอนตีพุงอยู่เฉยๆ แล้ว...

เอ๊ะ หรือนี่จะเป็นคุณสมบัติของผู้ชายตระกูลชาติบดินทร์!!

 

------------

 

ทีนี้จะโทษการเลี้ยงดูของคมสันอย่างเดียวไม่ได้แล้วนะคะ เพราะมันอยู่ที่สายเลือดด้วย! 555
เอาจริงๆ เด็กเวรก็ได้พ่อมาเยอะนะคะตอนโต ทั้งเรื่องชอบคนหน้าตาดีจนกลายเป็นความรักที่ล้มเหลว และสุดท้ายไปติดใจกับคนรักที่มีฝีมือปลายจวักจนเกาะหนึบ ( แต่ในกรณีของเสี่ย คือติดใจคนรักที่มีแม่ทำอาหารอร่อยจนติดใจ 555 )

หลายคนอ่านแล้วอาจจะคิดว่าคมสันน่าจะพูดความจริงไปตรงๆ เลยให้จบเรื่องจบราวซะ
แต่คมสันไม่อยากให้ท่านประธานเลิกกับผู้หญิงคนนี้ค่ะ หรือก็คือ..ไม่อยากให้มีเด็กเวรเป็นคนที่สอง โดนพ่อทิ้ง ไม่ให้ความรักนั่นเอง

 
#จอมมารคมสัน
เพจนักเขียนที่ซึ้งกับความรักเมตตาของจอมมาร(?)
Twitter : MajaYnaja

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
เบิ้ม เดอะมาเวล แล้วกันฮะ รวมทุกความสามารถ เพื่อรับมือกับจอมมาร 555

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
คนเรานะ คิดเข้าข้างตัวเองตลอด

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คุณเมียของประธานคนที่สอง  :hao3:
คิดเองเออเองเข้าข้างตัวเองที่ซู้ด
แบบให้เด็กเวรหายสาบสูญ  o22 o22 o22
เพื่อให้ลูกตัวเองมีสิทธิแทนได้อย่างถูกต้อง   :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
เข้าทางคมสัน จัดการไปเล้ยยยยย  :katai2-1:
        :L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
สงสารเด็กสองคน ไม่ได้ทำอะไรผิด แค่เกิดผิดที่ผิดเวลาเท่านั้นเอง กรรม!!!

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ตกลงทำเพื่อลูกหรือเพื่อตัวเองกันแน่ :hao3:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
แล้วเธอจะได้รู้ว่าเล่นผิดคน :laugh: กล้าแหยมกับไข่ในหินของจอมมารได้ไงงง :z6:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เป็นท่านจอมมารที่เหนื่อยจริงๆ

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
ตอนที่ 9 : (หรือจะเป็น)ครอบครัวของเบิ้ม

 

ทุกคนครับ โปรดเบาเสียงหน่อย เพราะเบิ้มกำลังซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้า

หืม ตู้เสื้อผ้าของใครน่ะเหรอ

ก็ของเด็กเวรน่ะสิ!

ปกติเวลานี้ไอ้เบิ้มจะต้องได้เจอคมสันในชุดนอนไม่ได้นอน นั่งไขว่ห้างปรึกษาหาทางรับมือภรรยาคนที่สองของท่านประธานแท้ๆ แต่วันนี้ไม่ทันได้เห็นแม้แต่ปลายเสื้อคลุมและตาตุ่มของคนรัก เบิ้มก็ต้องยัดตัวเองอยู่ในตู้เสื้อผ้าที่มีกลิ่นอับๆ ของเด็กเวร แล้วดูขนาดตัวเขาซะก่อน...ตู้เสื้อผ้าไม่ปริก็ขอบคุณฟ้าดินแล้ว

แต่การยืนเฉยๆ ห้ามขยับตัวก็เป็นอะไรที่ทรมานมากเหมือนกัน โดยเฉพาะการซ่อนตัวอย่างไร้จุดหมาย เพราะทั้งเบิ้มและคมสันต่างไม่รู้ว่าจะมีคนบุกมาตอนไหน เวลาใด รู้เพียงแต่ว่าจะมาคืนนี้อย่างแน่นอน จากการดังฟังครั้งล่าสุดที่ผู้หญิงคนนั้นได้รับโทรศัพท์จากมารดาว่ามีการตกลงว่าจ้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว

‘เป็นไงบ้าง’

แต่พอได้ยินเสียงคนรักลอดผ่านหูฟัง จากอึดอัดก็กลายเป็นจั๊กจี้ เหมือนคมสันมากระซิบข้างหู

“สบายดีสุดๆ เลย” เบิ้มรีบก้มตอบไมค์ซึ่งติดตรงอกเสื้อทันที เพราะแยกย้ายกันปฏิบัติการ เลยต้องอาศัยเครื่องมือสื่อสารเล็กจิ๋วพวกนี้ในการประสานงาน

ไอ้เบิ้มคนนี้เป็นหน่วยบุกทะลุย ส่วนคมสัน...

‘ฉันเห็นเงาในกล้องวงจรปิดแล้ว มากันทั้งหมดหกคน’

เป็นหน่วยวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ ซึ่งแน่นอนว่าในการใช้กำลังจับคนนั้นคมสันไม่ออกความเห็นใดๆ ปล่อยให้เบิ้มเคลื่อนไหวอิสระตามสบาย เชื่อมั่นและไว้ใจอย่างเต็มเปี่ยม

“ขนมาเยอะจังนะ กับแค่เด็กคนเดียว” และเบิ้มก็มีความสุขมากเวลาคนรักเชื่อใจกัน

“พวกนั้นปีนกำแพงข้ามมาแล้ว คล่องแคล่วไม่เลว’ คมสันรายงานเป็นระยะ ขณะจับจ้องหน้าจอโน๊ตบุ้คซึ่งเชื่อมต่อกับระบบวงจรปิดภายในคฤหาสน์ หากเบิ้มมาเห็นภาพคมสันเอนพิงหัวเตียงโดยมีเจ้าเครื่องนี้วางบนตัก ท่าทางผ่อนคลายจิบไวน์แสนสบาย จะต้องคอแห้งมากแน่นอน

เพราะคมสันนอนอยู่บนเตียงของเบิ้ม

เป็นสิ่งที่เบิ้มวาดฝันแต่ไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเองสักที เพราะมาทีไรคมสันก็เอาแต่นั่งไขว่ห้างอยู่ปลายเตียงตลอด

‘เริ่มจัดการกับยามเฝ้าประตูหน้าแล้ว ลงมือฉับไวเน้นต่อสู้ระยะประชิดให้สลบในพริบตา ฝีมือดีสมราคา’

“เทียบกับฉันล่ะ”

‘ฉันจ้างนายเป็นคู่ชีวิต เทียบกับเจ้าพวกนี้ได้ด้วยหรือ’

คำพูดพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ นั้นทำให้เบิ้มหวานในอกจนน้ำตาลยังอาย

‘สองคนจัดการยามประตูหน้า สองคนจัดการยามที่ประตูหลัง อีกสองคนดูต้นทาง พวกนี้ทำงานเป็นทีมเวิร์ก นายระวังตัวด้วย’

“ไม่ต้องห่วงครับสัน การต่อสู้ระยะประชิดฉันไม่เคยแพ้ใคร’

‘แล้วจะรอดู’

ได้ยินคำนั้น เบิ้มที่กำลังตกในห้วงรักก็ตื่นตัวทันที เขาเริ่มปรับลมหายใจและตั้งสมาธิ เตรียมอวดฝีไม้ลายมือ

‘เจ้าพวกนั้นเข้ามาในคฤหาสน์แล้ว กำลังขึ้นบันไดชั้นสอง ไปที่ห้องของคุณหนู’

แม้ราบรื่นสะดวกโยธินสุดๆ แต่อย่าเข้าใจผิด คฤหาสน์หลังนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยดีเลิศ หากมีคนอื่นรุกล้ำเข้ามาจะมีสัญญาณเตือนภัยแจ้งไปหาสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุดทันที แต่คมสันปิดระบบนั้น จงใจอำนวยความสะดวกให้ผู้มาเยือนทั้งหก

 ‘เจ้าพวกนั้นไปถึงหน้าห้องแล้ว’

“อืม ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าแล้ว ขอบคุณนะสัน”

เบิ้มพูดเสียงอบอุ่นอ่อนหวานขณะกล่าวกับคนรัก แต่สีหน้ายามจับจ้องประตูที่เปิดออกช้าๆ ผ่านช่องตู้เสื้อผ้านั้นเคร่งขรึมเต็มไปด้วยกลิ่นอายนักสู้

ผู้บุกรุกมีทั้งหมดหกคน ทุกคนต่างสวมหน้ากากไอ้โม่ง สวมเสื้อผ้าสีดำกลมกลืนกับความมืด ทันทีที่เข้ามาในห้องสำเร็จ สองคนแรกก็ใช้สายตาสำรวจรอบๆ เพื่อหาเป้าหมายทันที จนเมื่อเห็นเตียงขนาดคิงไซส์ที่มีรอยนูนคล้ายคนนอนหลับ ก็ส่งสัญญาณมือให้อีกสี่คนเดินตามเข้ามา

ทีมงานเป็นมืออาชีพจริงๆ ซะด้วย ไม่อย่างนั้นคงไม่มีสัญญาณมือป้องกันไม่ให้เกิดเสียง ฝีเท้ายามย่างก้าวเองก็เบากริบ แบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน สองคนแรกเดินไปเฝ้าทางหน้าต่าง สองคนหลังเฝ้าทางประตู ส่วนอีกสองคนรุกคืบไปที่เตียง คนหนึ่งถือผ้าเช็ดหน้าโปะยาสลบ อีกคนถือถุงกระสอบพร้อมลักพาตัวเด็ก

เบิ้มกลั้นลมหายใจ เพราะไม่อยากให้ทั้งหกคนนั้นรู้ตัวว่ามีบุคคลอื่นในห้องนี้ คมสันเองก็ไม่พูดอะไรอีกด้วยเกรงจะทำลายสมาธิเบิ้ม

ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเชื่องช้าแต่รอบคอบ ไม่เกิดเสียงแม้แต่น้อย จนกระทั่งหนึ่งในสองดึงผ้าห่มออกจึงอุทานออกมา

“ไม่มีเด็ก!”

“ไม่มีเด็กแล้วมีอะไร” สองคนที่เฝ้าตรงหน้าต่างถามสงสัย เพราะปฏิบัติการนี้เกิดจากการว่าจ้างกะทันหัน จ่ายเงินวันนี้ลงมือคืนนี้ แล้วทำไมถึงโดนดักล่วงหน้า หรือว่าจะมีหนอนบ่อนไส้!?

หนอนคนนั้นไม่ใช่ทางฝั่งพวกเขาแน่ แต่น่าจะเป็นจากทางนายจ้างมากกว่า

และถ้าแผนล่ม...ก็เท่ากับว่า...

“มีหมอนข้าง!”

พวกเขาโดนตลบหลังแล้ว!

สิ้นเสียงพูดของพรรคพวก ตู้เสื้อผ้าพลันเปิดพรวดพร้อมการปรากฏกายของผู้ชายคนหนึ่งที่เคลื่อนไหวปานลมกรด พวกเขาทั้งหกเห็นเพียงเงาร่างวูบไหวเท่านั้น ต่างรีบหยิบอาวุธขึ้นมาถือพร้อมปะทะ แต่ไม่ทันจะจับมีดหรือปืนกันให้ดี แรงกระแทกที่แม่นยำราวจับวางก็ทำให้แต่ละคนร้องโอดโอยเผลอปล่อยอาวุธตกพื้นพร้อมเพรียงกัน

สิ่งของที่กระแทกข้อมือเข้าอย่างจังนั้น...คือ...เอ่อ...ไม้แขวนเสื้อ!

พุ่งตัวออกจากตู้เสื้อผ้า ใช้ไม้แขวนเสื้อเป็นอาวุธก็ไม่แปลก แต่ที่แปลกคือการเหวี่ยงไม้แขวนเสื้อประหนึ่งบูมเมอแรง จัดการคนทั้งหกได้พร้อมๆ กัน วินาทีนั้นพวกเขาต่างตระหนักได้ว่าเจอกับยอดฝีมือเข้าให้แล้ว!

เงาร่างปริศนายังคงปรากฏกายวูบไหวยากจับทาง ทุกคนรีบตั้งสติ แม้จะเจ็บข้อมือแต่คนเรามีมือสองข้าง! ในเมื่อข้อมือขวายังปวดแปลบๆ งั้นก็ใช้มือซ้ายก้มเก็บสิ!

พลันแรงกระแทกหนักหน่วงปรากฏอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่ไม้แขวนเสื้อ แต่เป็น...อืม...ลูกเหม็น!

พุ่งตัวจากตู้เสื้อผ้า จะใช้ลูกเหม็นเป็นอาวุธก็ไม่แปลก เดี๋ยวก่อน มันใช่เวลามาคิดเรื่องนี้มั้ย!

แน่นอนว่าไม่ใช่ เพราะทันทีที่ทั้งหกคนข้อมือบวมจนเก็บอาวุธไม่ไหว เงาร่างแสนน่ากลัวของพ่อบ้านใจกล้าที่ใช้อุปกรณ์ในบ้านเป็นอาวุธก็พุ่งจู่โจมคนใกล้ตัวที่สุดทันที

ผัวะ

เสียงกระแทกของหมัดที่ปะทะเข้ากับกกหูจังๆ หนึ่งในหกที่เห็นเพื่อนร่วงต่อหน้าต่อตาถึงกับอ้าปากค้าง เพราะหมัดเดียว...ล่อซะคนโดนต่อยถึงกับลงไปนอนน้ำลายฟูมปากกับพื้น!

วูบหนึ่งในใจคิดว่าควรจะเข้าไปช่วยเพื่อนดีมั้ย แต่อีกวูบก็บอกตัวเองว่าควรจะกระโดดหน้าต่างหนีไป น่าเสียดาย เพราะความคิดไม่ไวเท่ากับการเคลื่อนไหวของเงาร่างที่พลิกตัวรวดเร็ว เมื่อครู่ต่อยหมัดใส่เพื่อนเขาอยู่แท้ๆ จู่ๆ ก็พลิกตัวหันมาตวัดขาจัดท่าจระเข้ฟาดหางเข้าเต็มคอ!

วินาทีนั้น...ชายผู้เคราะห์ร้ายก็ลงไปนอนแหมะกับพื้น ร่วงง่ายๆ เหมือนใบไม้ปลิวจากขั้ว

ภาพที่เกิดขึ้นน่าสะพรึงกลัวจนผู้เหลือรอดอีกสี่คนตัดสินใจรวมตัวกันดีกว่าจะเกิดผล ก่อนหน้านี้พลาดท่าเพราะตั้งตัวไม่ทัน แต่พวกเขาคือทีมมืออาชีพ! กับอีแค่ต่อสู้ประชิดตัว ตั้งสติเข้าหน่อยแล้วรุมตื้บก็น่าจะรอดแล้ว

แต่ไม่! ความสามัคคีนี้ไม่บังเกิดผลใดๆ ทั้งสิ้น!

เพราะเพียงถีบเดียวที่ซัดเข้าเต็มหน้าท้องของคนหน้าสุด แรงกระแทกก็กระเทือนไปถึงคนหลังสุด ทั้งสี่คนที่บังเอิญยืนเสียงกันเป็นโดมิโน่ล้มไปพร้อมๆ หมดสภาพพังพาบกับพื้น

อันที่จริง...คนที่สี่ซึ่งอยู่หลังสุดไม่ถึงกับสลบเหมือดตามเพื่อน

แต่เห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีอย่างนี้ แม้ไม่สลบ ก็ต้องแกล้งสลบ

คร่อก!

ตัดภาพมาที่เบิ้มกันบ้าง ณ ขณะนี้เบิ้มยืนปัดมือเบาๆ ราวเมื่อครู่แค่ตบแมลงวันหกตัว ไม่ได้เหนื่อยหอบอะไรเลย แน่นอนว่าเขาเห็นว่ามีคนหนึ่งแกล้งสลบ ตั้งใจว่าจะจัดการอยู่หรอก ถ้าไม่ติดว่าได้รับบัญชาจากสวรรค์ซะก่อน

‘เก็บไม้แขวนเสื้อกับลูกเหม็นด้วย’

“ครับ”

เก่งกาจแค่ไหนแต่เป็นพ่อบ้านใจกล้าก็ทำได้เพียงก้มเก็บไม้แขวนเสื้อกับลูกเหม็นงกๆ กว่าจะหาครบเล่นเอาไอ้เบิ้มปาดเหงื่อ เหนื่อยยิ่งกว่าตอนสู้ซะอีก

‘จับพวกนั้นมัดแล้วลากไปที่ห้องรับแขก’

“ได้ครับ” หมดหน้าที่การใช้กำลัง เบิ้มก็ทำได้เพียงปฏิบัติตามความต้องการของคุณแฟนอย่างตั้งอกตั้งใจ งวดนี้ เขาเตรียมเชือกมาพร้อม ไม่ต้องแสลงตาคอยฉีกเสื้อผ้าผู้ชายมาใช้เหมือนก่อนหน้านี้

เอาละ เริ่มจากมัดคนแรกก่อน...คนที่โดนหมัดเข้าอย่างจัง เห็นมั้ย ก็แค่น้ำลายฟูมปากเอง ไม่ได้กะโหลกบุบบี้หรือคอหักอย่างที่นักซิ่งเข้าใจผิดสักหน่อย เบิ้มน่ะเป็นคนปกติธรรมดานะ

ส่วนคนที่สอง...โดนจระเข้ฟาดหางเข้าไปเลยเฝ้าพระอินทร์ทั้งที่ยังลืมตา สงสัยจะน็อกไวไปหน่อย เลยสลบทั้งที่เบิกตาค้าง มีแต่ตาขาวด้วยตาดำไม่มี

ถึงตามัดคนที่สามบ้าง รายนี้โดนถีบเข้าเต็มท้อง จุกจนตัวงอเป็นกุ้ง แม้สลบก็ไม่วายหดตัวเป็นก้อนกลมๆ เบิ้มเลยมัดทั้งที่ยังเป็นก้อนอย่างนั้นด้วยความมีน้ำใจ

คนที่สี่ รายนี้โดนกระแทกจากคนหน้า ไม่ได้โดนที่ท้อง แต่โดนหัวกระแทกหัว ขนาดสวมหน้ากากไอ้โม่งอยู่ยังเห็นหน้าผากที่ปูดนูนเป็นลูกซาลาเปา หัวโนแบบนี้สงสัยต้องหายาหม่องให้ทาซะแล้วสิ

คนที่ห้า คนนี้ความจริงไม่เป็นหนัก แต่ดันล้มผิดท่าหัวฟาดพื้น เลยสลบตามเพื่อนๆ ไปด้วย เบิ้มสำรวจแผลแล้ว ไม่มีเลือดออก นับว่าโชคดีที่ไม่ต้องทำความสะอาดห้อง

ส่วนคนที่หก...

แกล้งสลบเห็นๆ แต่เพราะอยากกลับไปหาคมสันเต็มแก่ เบิ้มเลยไม่เปิดโปง จับมัดโยงเข้าด้วยกันแล้วลากออกมาทีเดียวด้วยกำลังกายที่ไม่ธรรมดา แม้เบิ้มคิดว่าธรรมดา การลากผู้ชายหกคนไปกับพื้นเนี่ยไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย

แต่พอเปิดประตูห้องรับแขกปุ๊บ

นักซิ่งและผู้ปกครองปลอมๆ ที่ไปที่โรงเรียนนานาชาติหมายจะรับตัวเด็กเวรก็พากันกอดคอกันกลมดิ๊ก ร้องไห้โฮราวกับว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต

เอ่อ เบิ้มเป็นบอดี้การ์ด ไม่ใช่ยมทูต

“ฝากดูแลด้วย” เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนมองอย่างหวาดกลัว เบิ้มเลยคร้านจะอธิบาย เพียงโยนร่างทั้งหกไปกองใกล้ๆ ทั้งคู่แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าอ่อนโยนที่สุด

“ได้เลยครับพี่เบิ้ม อยากให้พวกเราทำอะไรบอกได้เลยครับ!”

ก่อนหน้านี้กอดขาอ้อนวอน มาตอนนี้กอดขาประจบซะงั้น คนหนึ่งกอดขาซ้าย อีกคนกอดขาขวา เบิ้มนวดขมับ รีบหนีออกมาโดยไม่ลืมล็อกประตู

ถ้าถามว่าทำไมต้องขังเจ้าพวกนี้ไว้ด้วยกัน แถมยังเลี้ยงดูอย่างดี เบิ้มตอบเลยว่า ไม่รู้

แต่คมสันบอกว่าเก็บแล้วจะมีประโยชน์ในอนาคต

โบราณว่าเชื่อฟังภรรยาจะเจริญ เบิ้มจึงไม่คัดค้าน

ปฏิบัติงานสำเร็จก็ได้เวลาไปหาคนรักตัวเองซะที เบิ้มเปิดประตูห้องนอน ชื่นอกชื่นใจทันตาเมื่อเห็นคมสันในชุดนอนไม่ได้นอนนั่งอยู่ตรงปลายเตียง ก่อนจะรอยยิ้มจะหุบลง เพราะข้างๆ นั้นคือร่างหลับใหลไม่รู้ไม่ชี้ของเด็กเวร

เตียงของเขา ไม่ทันให้คมสันนอนสบายๆ กลับต้องสละให้เด็กเวรหลับฝันหวานซะงั้น

เบิ้มแสนจะร้าวรานใจ

“อุ้มคุณหนูกลับห้องเถอะ”

แต่คุณแฟนมีบัญชา เขาก็ทำได้เพียงตอบว่า

“ครับ”

เมื่ออุ้มเด็กชายวัยสิบสี่พลันตัวเล็กในทันตาเมื่ออยู่ในอ้อมกอดแน่นๆ ของเบิ้ม วินาทีนั้นเบิ้มพลันรู้สึกว่าเด็กเวรนั้นเป็นเพียงเด็กไร้เดียงสาคนหนึ่งที่สมควรได้รับการปกป้องดูแล

เพราะหากตัดความมั่นหน้าออกแล้ว เด็กชายกิจภัทรมีชะตากรรมน่าสงสารมากทีเดียว

เด็กที่ไม่มีใครรัก พ่อแม่แท้ๆ ยังไม่เอา

ประโยคแทงใจที่ขนาดเขาไม่ใช่เจ้าตัวยังเจ็บแทน หากไม่มีคมสันคอยอยู่เคียงข้าง เด็กคนนี้จะโตมายังไงก็สุดจะรู้ได้

นึกแล้วเบิ้มก็หันไปมองคมสันซึ่งเดินเคียงข้างกันโดยสายตาชำเลืองมองคุณหนูเป็นระยะ แววตาใต้กรอบแว่นยามทอดมองนิทราหวานของคุณหนูสุดที่รักนั้นเต็มไปเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่ลึกซึ้งราวต้องการทดแทนสิ่งที่เด็กนี่ขาดหาย และพร้อมจะปกป้องไม่ให้เรื่องชั่วร้ายใดๆ เข้ามากล้ำกรายสมองน้อยๆ นั่น

เบิ้มเริ่มเข้าใจความรู้สึกของคมสันก็ตอนนี้

และการอุ้มเด็กเวรไปยังห้องนอน ก็ไม่ยักน่าหงุดหงิดเหมือนเคย

แต่ค่อนไปทางอบอุ่นอ่อนโยน เห็นอกเห็นใจ นึกอยากปกป้องคุ้มภัย คล้ายกับว่าพวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน

เดี๋ยวนะ ถ้าคมสันเป็นแม่ เขาเป็นพ่อ งั้นไอ้เด็กเวรนี่ก็...

เบิ้มก้มมองใบหน้าที่แม้จะหลับแต่ไม่วายยกมุมปากแถมเชิดหน้าเย่อหยิ่งแล้วแทบจะโยนทิ้ง

ไม่ ไม่ ไม่ ไอ้เบิ้มคนนี้ไม่มีวันรับเด็กอายุสิบสี่เป็นลูกหรอกน่า!!



----

ตอนนี้พี่เบิ้มก็ยังกาวหลุดโลกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความเป็นครอบครัวค่ะ
เราชอบตอนจบตอนที่พี่เบิ้มอุ้มเด็กเวรแล้วมีคมสันเดินเคียงข้างมาก อารมณ์พ่อแม่ลูกสุดๆ
แต่พี่เบิ้มคงไม่อยากจะได้ลูกอย่างนี้! 55555

#จอมมารคมสัน

เพจนักเขียนที่อยากจับทั้งสามคนถ่ายรูปครอบครัว
Twitter : MajaYnaja

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อะไรทำให้คุณคิดว่าคุณเป็นคนธรรมดาคะเบิ้ม

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
มีความพ่อ แม่ ลูก :laugh: นี่ขนาดมืออาชีพยังทำอะไรพี่เบิ้มไม่ได้เลยอ่ะ

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
โอ้โห พี่เบิ้มเป็นคนจริงๆหรอ 55555 6ต่อ1 ยังไม่ระคายสักนิด
นี่มันยอดมนุษย์ชัดๆ คมสันคิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกพี่เบิ้มเป็นบอดี้กาด ฝีมือหาใครเทียบได้ยาก
ถึงแม้ว่าภายนอกพี่เบิ้มจะดูแข็งแกร่งผิดมนุษย์สักแค่ใหน ข้างในพี่เบิ้มก็มุ้งมิ้งและอ่อนไหวมาก นิ่งเวลาโดนคมสันยั่วด้วยแล้ว ยิ่งหนักเลย  :laugh:
แต่ว่า 'ฉันจ้างนายเป็นคู่ชีวิต เทียบกับเจ้าพวกนี้ได้ด้วยหรือ’ นี่เขินแทนพี่เบิ้มจริงๆ  :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
เรามองเบิ้ลแล้วถึงดาราอย่าง อาโนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ โดยเฉพาะฉากบู๊
เก่งเวอร์ กล้ามบึก
คมสันเรานึกถึง. เลสลี่จาง ดาราฮ่องกงที่เสียชีวิตแล้วชีวิตก็เป็นเกย์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2018 23:27:58 โดย Chompoo reangkarn »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เรามองเบิ้ลแล้วถึงดาราอย่าง อาโนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ โดยเฉพาะฉากบู๊
เก่งเวอร์ กล้ามบึก
คมสันเรานึกถึง. เลสลี่จาง ดาราฮ่องกงที่เสียชีวิตแล้วชีวิตก็เป็นเกย์

คล้ายอย่างที่คิดจริงๆ........

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
พี่เบิ้มสุดยอดบอดี้การ์ด. พ่วงตำแหน่งพ่อบ้านใจกล้าอีกหนึ่ง. กำลังจะได้รับคำแหน่งคุณพ่อจำเป็นอีกหนึ่ง  :laugh:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
พลาดอ่ะ ไม่รู้ว่าคมสันมาแล้ว

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ที่พี่เพิ้มมโนไปนะถูกแล้ว มีความพ่อแม่ลูกสูงจ้า :m20:
 :L1:   :pig4:   :L2:

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
ตอนที่ 10 : วิธีปิดเกมที่ไม่ใช่ของเบิ้ม

 

‘ทีมมืออาชีพอะไรของแม่! จ่ายเงินไปตั้งแพง แต่จู่ๆ ก็หายตัวเข้ากลีบเมฆ โดนเล่นงานอีกรายแล้ว!’

เช้าแสนสดใส ไอ้เบิ้มยังคงดักฟังอย่างตั้งใจขณะขับรถ คมสันนั่งอยู่เคียงข้าง ในมือถือเอกสารการประชุม ส่วนเด็กเวรป่านนี้น่าจะนั่งหน้าเชิดอยู่ที่โรงเรียน ก็ไม่รู้ว่ามีเพื่อนสนิทบ้างรึเปล่า หรือจะหัวเดียวกระเทียมลีบ เหมือนพี่เลี้ยงผู้ควบตำแหน่งผู้ช่วยเลขาของท่านประธาน

ถึงคมสันจะไม่มีคนคบ แต่ตำแหน่งหน้าที่อิสระสุดกู่ จะเข้างานกี่โมงก็ได้ จะเลิกงานกี่โมงก็ได้

อืม...ก็สมควรที่จะไม่มีคนคบจริงๆ อภิสิทธิ์เหนือใครอย่างนี้สมควรให้โดนมองด้วยสายตาร้อนฉ่า หมายถึงอิจฉานะไม่ใช่หลงใหลแบบไอ้เบิ้ม

‘นี่แม่ว่าฉันเหรอ คนที่เห็นด้วยก็แม่นั่นแหละ ผลลัพธ์เป็นแบบนี้แม่จะโทษฉันได้ยังไง!’

“เริ่มทะเลาะกันแล้ว” เบิ้มรายงานคนรัก ขณะที่สายตายังจดจ้องกับถนนตรงหน้า แม้จะขับรถเก่งกาจ ได้ฉายาว่าเดอะฟาสเทพแห่งการดริฟ แต่การขับรถอย่างไม่ประมาทคือการแสดงความรับผิดชอบต่อเพื่อนร่วมใช้ถนนที่ดีกว่าการเรียกประกันตอนโดนชนหรือถูกชนเป็นไหนๆ

“อืม” คมสันครางในลำคอไม่สนใจ เพราะไม่ได้หลุดจากที่คาดคิดไว้นัก

ก่อนจะเก็บเอกสารทั้งหมดเพื่อลงจากรถหลังถึงจุดหมาย

อันเป็นบ้านเดี่ยวหนึ่งหลังที่แม้เล็กกว่าคฤหาสน์ชาติบดินทร์แต่ดูอบอุ่นสมเป็นครอบครัว

อะแฮ่ม ก่อนเข้าเรื่อง มาวิเคราะห์กันก่อนดีกว่า

แผนของคนรักของเขาคืออะไรน่ะหรือ

คือการปล่อยให้ฝ่ายนั้นสำแดงเดชอย่างเต็มที่ ใช้สมองขบคิดหาทางเอาชีวิตเด็กเวรทุกวิธีทางจนแทบไม่เหลือวิธี ทำให้ระดับความผิดยิ่งเพิ่มพูน จากแผนแรก...ให้เด็กเวรจมน้ำแบบเป็นอุบัติเหตุไม่มีใครเห็นผู้ลงมือ ก็เปลี่ยนเป็นหาแพะสักคนมาขับรถชนให้พลิกคว่ำ จากนั้นก็หาแพะคนใหม่เปิดหน้าเปิดตา เดินไปรับเด็กเวรที่โรงเรียนนานาชาติ และเมื่อไม่ได้ผล ก็ถึงขั้นจ้างทีมงานมืออาชีพ บุกรุกคฤหาสน์ วัดดวงกันไปข้าง

ดูสิ นอกจากความผิดจะยิ่งยกระดับ หลักฐานก็ยิ่งรวบรวมง่าย

ตอนจับเด็กจมน้ำเอาผิดไม่ได้งั้นเหรอ ไม่เป็นไร หลังจากนั้นพวกเขามีอัดเสียงตอนดักฟังแล้ว อะไรนะ แค่เสียงยังพลิกลิ้นยกความผิดให้แม่ว่าเป็นคนว่าจ้างได้งั้นเหรอ ไม่เป็นไร พวกเขามีทั้งกล้องหน้ารถตอนเบิ้มเดอะฟาสขับชนนักซิ่ง มีคำยืนยันจากคุณครูที่โรงเรียนนานาชาติ มีกล้องวงจรปิดในคฤหาสน์ และมีจดหมายสารภาพประทับรอยนิ้วมือของทุกคน

คมสันปล่อยให้อีกฝ่ายแสดงฝีมือโดยที่ตัวเองค่อยๆ รวบรวมทุกอย่างแบบใจเย็น รอจนกระทั่งทางนั้นไม่เหลือหนทางไปต่อ เริ่มจนมุม ทำอะไรไม่ถูก เพราะทิ้งไพ่ลงไปหมดหน้าตัก ก็ได้เวลา...

‘เดี๋ยวนะแม่ มีคนกดออด’

เปิดไพ่ฝั่งตัวเองบ้าง!

“สวัสดีครับ”

ฉะนั้นก็ไม่แปลก หากภาพความประทับใจแรกของไอ้เบิ้มยามเห็นภรรยาคนที่สองของท่านประธาน หรือผู้หญิงที่ดูอ่อนหวานน่ารักแม่บ้านแม่ศรีเรือนไร้พิษภัยนามว่าสมทรวง จะอ้าปากค้างจนแทบทิ้งโทรศัพท์เมื่อเห็นแขกผู้มาเยือน

“สะ...สวัสดีค่ะ”

ตกใจก็ส่วนตกใจ สมทรวงยังฝืนยิ้มแม้จะแทบกรีดร้อง รีบหันหลังเป็นเชิงเชื้อเชิญให้คมสันเข้ามาในบ้าน เพราะสำหรับเธอซึ่งเป็นเพียงภรรยาไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้องของท่านประธานแล้ว ไม่มีสิทธิ์มีเสียงที่จะขับไล่ผู้ช่วยเลขาผู้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังความสัมพันธ์ลับๆ นี้มาตลอด

คมสันออกจะช่วยเหลือ จัดแจง ดูแลค่าใช้จ่ายบางส่วนซะด้วยซ้ำ!

แม้ว่า...สมทรวงจะไม่เต็มใจก็ตาม

ช่วยไม่ได้จริงๆ ประธานดันไว้ใจผู้ช่วยเลขาคนนี้ว่าจะไม่ปากโป้ง และยังเก็บงำอย่างดี เพราะคมสันให้ความสำคัญกับคุณหนูเป็นที่หนึ่ง จึงต้องการปิดบังความจริงข้อนี้สุดความสามารถเพื่อไม่ให้เด็กชายรู้สึกแย่ที่พ่อไม่มีเวลาให้ตัวเองแต่กลับมีเวลาให้หญิงอื่น

เลยเกิดเป็นความสัมพันธ์สุดซับซ้อนที่เบิ้มขอทำแผนภูมิคร่าวๆ ดังนี้

สมทรวงเกลียดคมสัน

ประธานไว้ใจคมสัน

คมสันรักคุณหนู

คุณหนูสมองว่างเปล่า

บังเกิดเป็นคมสันช่วยประธานกับสมทรวงครองรักกันดีๆ เพื่อจะได้ไม่มาระรานหรือเปิดเผยให้คุณหนูรับรู้นั่นเอง

อะไรนะ ประโยคที่ว่าคุณหนูสมองว่างเปล่าจะใส่มาทำไม อืม...เบิ้มเผลอน่ะ อย่าว่ากัน

“คมสันมาหาถึงนี่มีอะไรรึเปล่าจ๊ะ” สมทรวงกุมมือทั้งสองแน่นขณะทิ้งตัวนั่งบนโซฟา ส่อพิรุธชัดเจนว่าเธอกำลังประหม่า โทรศัพท์ซึ่งคุยกับมารดาบังเกิดเกล้าก็รีบกดวางสาย

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่มาถามว่าเตียงเด็ก รถเข็นเด็ก และของเล่นเด็กที่ท่านประธานให้ผมเลือกซื้อถูกใจหรือเปล่า เพราะถ้าไม่ชอบ สามารถนำไปเปลี่ยนเป็นแบบอื่นได้นะครับ” คมสันเอ่ยสุภาพ วางตัวเป็นผู้ช่วยเลขาผู้ทำหน้าที่สมบูรณ์แบบ แม้คนรักจะนั่งโซฟาตรงข้ามกับสมทรวง แต่เบิ้มเลือกที่จะยืนเป็นยักษ์ปักหลัก สร้างความคุกคามจนคุณผู้หญิงของบ้านเหลือบมองเป็นระยะ

“ไม่เลยจ้ะ ถูกใจฉันมากเลย” สมทรวงเอ่ย ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าของทุกอย่างที่สามีซื้อให้ล้วนผ่านการคัดกรองจากผู้ชายตรงหน้า ช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะสามีของเธอคนนี้ไม่ละเอียดอ่อนเรื่องผู้หญิงเอาซะเลย แม้จะเป็นสายเปย์แต่รสนิยมการเลือกของนั้นติดลบ ทั้งที่เธอชอบสีชมพูแต่บางครั้งดันเลือกสีเขียวซะงั้น หนักสุดคือเธอเคยบ่นว่าอยากได้ตุ๊กตา แต่ดันซื้อตุ๊กตาชักกี้มาให้

ฉะนั้นแม้จะไม่ชอบใจคมสันแค่ไหน อย่างน้อยก็วางใจเรื่องการเลือกของได้มากกว่าแน่นอน

“ถ้าคุณชอบก็ดีแล้วครับ” คมสันเอ่ยพลางประสานมือบนตัก หลังเหยียดตรง กริยาสง่างดงามราวกับเจ้านายมาเยี่ยมงานลูกน้อง เพราะสมทรวงเป็นแม่บ้านธรรมดาคนหนึ่ง แม้น่ารักอ่อนหวานแต่ไม่ค่อยแต่งตัว ตอนนี้ก็อยู่ในชุดคลุมท้องราบเรียบปล่อยผมธรรมชาติ นั่งห่อไหล่ ขยับตัวขยุกขยิกไม่หยุด “ประธานเป็นห่วงว่าถ้าท้องโตขึ้นจะทำอะไรคงไม่สะดวก ก็เลยให้ผมช่วยหาคนขับรถคอยดูแล คุณจะได้ไม่ต้องออกไปจับจ่ายซื้อของเองคนเดียว”

“ขอบคุณมากเลยจ้ะ” แม้สามีจะไม่ค่อยได้เรื่องได้ราว แต่การใช้เงินแก้ปัญหาของเขาก็ทำให้เธอซาบซึ้งใจไม่น้อย

“แล้วก็ให้หาพี่เลี้ยงที่จบด้านจิตวิทยาเด็กมาด้วย เผื่อว่าตอนคลอดคุณจะดูแลไม่ไหว”

สมทรวงยิ้ม

“ตอนนี้คุณหนูมีบอดี้การ์ดคนหนึ่ง ประธานกลัวคุณจะน้อยใจ ก็เลยให้ผมจัดหาบอดี้การ์ดด้วย วันนี้ผมเลยจะพาทุกคนมาให้ดูตัว เผื่อจะว่าจะได้ตกลงเซ็นสัญญาจ้างวานกันเลย”

“ขอบคุณมากนะจ๊ะที่ช่วยเป็นธุระให้” สมทรวงยิ้มแก้มปริ เธอกำลังกังวลใจกลัวคมสันจะรู้ว่าเธอทำอะไรลงไป พอเป็นแบบนี้เลยสบายใจ แถมยังโล่งใจกว่าเดิมด้วยซ้ำเพราะมีบอดี้การ์ดยังไงก็ปลอดภัยเห็นๆ ต่อให้คมสันรู้ความจริงหลังจากนี้ก็ยากจะทำร้ายเธอแล้ว

“ไม่เป็นไรครับ” ผู้ช่วยเลขาตอบเสียงเรียบ ก่อนจะชำเลืองมองเบิ้ม

โอ๊ะ ถึงตาของเบิ้มแล้วสินะ

ในสายตาคนภายนอก มักเข้าใจว่าเบิ้มเป็นบอดี้การ์ดที่สุขุมมาดกำยำน่ากลัว เพียงยืนเฉยๆ ก็แลคุกคามหลอกหลอนแล้ว เพราะเบิ้มไม่ค่อยพูด ซึ่งหากย้อนความตั้งแต่ต้น ก็จะเห็นว่าจะเปิดปากแต่ละทีนั้นน้อยมากจริงๆ แต่ใช่ว่าคนพูดน้อยจะคิดน้อยด้วยนี่นา

เบิ้มหยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรออก ก่อนจะหันมาเอ่ยกับคมสันเสียงขรึม

“ทุกคนพร้อมแล้วครับ”

“งั้นก็พาเข้ามาเลย”

เมื่อได้รับคำสั่ง เบิ้มก็เดินไปเปิดประตู เชื้อเชิญชายทั้งแปดให้เดินเข้ามาในบ้าน

เพียงเห็นหน้าตาของชายคนแรก สมทรวงก็แทบจะหวีดร้อง

เมื่อเห็นผู้ชายคนที่สอง เธอก็แทบจะหมดสติ

จนกระทั่งคนที่สาม ที่สี่ ห้า หก เจ็ด และแปดเดินเรียงหน้ากระดานอยู่หลังคมสันครบถ้วนสมบูรณ์ สมทรวงก็หน้าซีดตัวสั่นจนเบิ้มนึกห่วงว่าจะกระทบต่อเด็ก

แต่คมสันยังคงดำเนินตามแผนอย่างสุขุมและเยือกเย็น

“คนแรกนี้มีฝีมือขับรถดีมาก ผมเห็นว่าพวกคุณเคยรู้จักกัน น่าจะทำความคุ้นเคยกันได้ดี เลยเลือกมาแค่คนเดียวครับ ถ้าคุณเห็นด้วย ก็สามารถตกลงเซ็นสัญญาได้เลย”

แน่นอนว่าผู้ชายคนแรกไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นนักซิ่งที่ร้องกรี๊ดต่อหน้าเบิ้มมาแล้ว

“ส่วนคนที่สองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็ก สามารถกล่อมเด็กให้คล้อยตามได้ดี เหมาะกับการช่วยดูแลเด็กเล็ก แม้ค่าตัวจะแพงไปสักหน่อย แต่ผมเชื่อว่าท่านประธานยอมทุ่มให้คนมีฝีมืออย่างแน่นอน”

ส่วนผู้ชายคนที่สอง ก็คือคนที่ไปขอรับตัวเด็กเวรที่โรงเรียนนานาชาติ และเป็นคนเดียวกับที่หลอกล่อที่สวนน้ำด้วย

คนที่กล้าทำร้ายคุณหนูสุดที่รักของคมสันจนเกือบตาย ย่อมไม่ปล่อยออกมาง่ายๆ

ฉะนั้นสมทรวงเลยจ้องหน้าบวมตาปูด มีรอยช้ำจากการโดนกระทืบไปทั้งตัวของผู้ชายคนนี้ราวเห็นสภาพตัวเองในอนาคต

“สำหรับบอดี้การ์ด ถ้าให้ผมเลือกเองคงไม่เหมาะ เพราะเป็นคนที่จะคอยดูแลความปลอดภัยและเกาะติดกับคุณตลอดทั้งวัน จึงควรเป็นคนที่คุณอยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ วางใจ รวมถึงมอบความเชื่อใจให้ได้ ผมคัดมาแล้วหกคน เป็นมืออาชีพด้านการต่อสู้ระยะประชิด ถ้าชอบคนไหนก็บอกได้เลยนะครับ”

ผู้ชายทั้งหกซึ่งยืนตัวตรงเป็นระเบียบบ่งบอกว่าผ่านการฝึกอบรมอย่างดียืนหน้านิ่งไม่สะทกสะท้านแม้จะต้องเผชิญหน้ากับอดีตนายจ้าง จะเป็นใครไปไม่ได้ พวกเขาคือไอ้โม่งที่โดนเบิ้มเดอะฮัคกำราบจนสิ้นฤทธิ์นั่นเอง

ถึงตอนนี้สมทรวงจะเข้าข้างตัวเองว่าคมสันไม่รู้ไม่เห็นคงไม่ได้แล้ว

นับเป็นไพ่ตายที่ลงมาแค่ตาเดียว แต่กินเรียบหมดกระดานจริงๆ!

เบิ้มลอบพยักหน้าหงึกหงักอยู่หลังชายทั้งแปดคน นึกยอมรับนับถือคนรักตัวเองจากใจที่สามารถขบคิดแผนการทั้งหมดได้อย่างรอบคอบหมดจด แม้จะดูง่ายดาย แต่ความจริงละเอียดอ่อนมาก คมสันปล่อยให้สมทรวงเทหมดหน้าตัก ทิ้งช่วงให้ร้อนรนแทบขาดใจแล้วค่อยนำทุกอย่างมาตีแผ่ตรงหน้า ข่มขู่ด้วยรอยยิ้มนิ่มๆ แฝงเชือดเฉือน ที่สื่อว่าการกระทำของเธอโคตรจะไม่มีความหมายต่อหน้าจอมมาร แคก! คมสัน

สำหรับคนใช้กำลังสู้ชีวิตแบบเบิ้ม มักอึ้งเสมอเวลาเห็นคนจัดการปัญหาต่างๆ ลุล่วงได้โดยแทบไม่ลงแรงใดๆ

ดูสิ คมสันแทบไม่ต้องทำอะไรเลย

ปล่อยให้สมทรวงเคลื่อนไหวที ปล่อยเบิ้มไปอาละวาดที แล้วนั่งไขว่ห้างรอเก็บเกี่ยวผลสวยๆ

“ฉัน...ขอเวลาคิดก่อน”

“ได้ครับ” คมสันพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย จุดประสงค์ที่มาวันนี้คือการหงายไพ่ตาย ไม่ได้มาเค้นคอให้ใครบางคนกระอักเลือดจนตายจริงๆ “ยังไงพี่เลี้ยงเด็กกับบอดี้การ์ดก็ยังไม่จำเป็นต้องรีบว่าจ้าง แต่สำหรับคนขับรถ...ท่านประธานเห็นชอบแล้ว ถ้าคุณอยากไปไหนก็เรียกใช้ได้เลย ไม่ต้องห่วง เขาคนนี้จะไม่วุ่นวายในบ้าน แต่จะเฝ้ารถอยู่ด้านนอก”

คมสันดันแว่นหนึ่งครั้ง เผยให้เป็นแววตาเย็นเยียบวูบหนึ่ง

“ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมบอกกันได้นะครับ ไม่ต้องเกรงใจ”

สมทรวงใบ้กินเรียบร้อย เธอนั่งตัวแข็งกับที่ไม่ยอมขยับ ปล่อยให้คมสันหันมาพยักหน้ากับเบิ้ม ไล่ต้อนผู้ชายทั้งแปดคนออกจากบ้าน โดยมีพวกเขาเดินรั้งท้าย

เมื่อประตูปิดลง ผู้ชายแปดคนที่เพิ่งจะตีหน้านิ่งก็พากันยิ้มประจบ

“คุณเบิ้มและคุณสันครับ ถ้ามีอะไรเรียกใช้บริการพวกเราได้เลยนะครับ” เริ่มจากหนึ่งในทีมอาชีพหกคน ผู้เป็นหัวหน้าคือคนที่โดนเบิ้มชกร่วงในหมัดเดียวจนน้ำลายฟูมปาก

“ผมด้วยครับ สามารถเรียกใช้ผมได้ทุกเมื่อเลยนะครับ ผมไม่คิดค่าบริการสักบาท” ต่อด้วยคนที่หน้าเละตัวช้ำ ถึงอย่างนั้นก็หวังจะสานสัมพันธ์ ไม่คิดจะเป็นศัตรูกับคู่รักหฤโหด

“ส่วนผม...” นักซิ่งซึ่งเกรงอกเกรงใจเบิ้มเป็นพิเศษเหลือบมองพวกเขาอย่างไม่มั่นใจ “ผมต้องคอยเฝ้าผู้หญิงคนนี้แบบไม่มีกำหนดใช่มั้ยครับ”

“ใช่” เบิ้มตอบแทนคนรัก

“ไม่ต้องห่วงเลยครับลูกพี่ ผมจะเฝ้าอย่างดี ถ้ามีอะไรผิดปกติจะรีบโทรรายงานแน่นอน!”

เบิ้มพยักหน้าขอไปที ก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้คมสันขึ้นรถ แล้วขับออกไปสองต่อสองทิ้งให้ที่เหลือแยกย้ายกันเอาเอง

“ผู้หญิงคนนั้นจะหยุดแล้วจริงๆ ใช่มั้ย” ขับได้สักพัก เบิ้มก็นึกห่วงว่าเด็กเวรจะโดนปองร้าย

“หยุดแน่นอน ฉันถือหลักฐานความผิดทั้งหมด ถ้าเธอฉลาดพอ จะไม่หาเรื่องให้ฉันเอาหลักฐานไปนำเสนอต่อท่านประธาน” พอจบเรื่อง คมสันก็ดูจะผ่อนคลายขึ้นอย่างชัดเจน คนรักของเขาเท้าแขนกับกระจกหน้าต่าง หันหน้ามองเบิ้มพลางยิ้มมุมปาก “ระหว่างยึดติดกับบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ แลกกับการเสียผู้ชายที่เป็นบ่อเงินบ่อทอง เลือกไม่ยากเหมือนตอนให้เลือกระหว่างพันล้านกับสิบล้านให้ใช่มั้ยล่ะ”

“เพราะเธอจะไม่เหลืออะไรเลย”

“ใช่” คมสันเหยียดยิ้มมากขึ้น วูบหนึ่งเบิ้มคล้ายจะเห็นปีกจอมมารอีกแล้ว

อืม...ถ้าไม่นับว่าภรรยาคนที่สองของท่านประธานทำผิดก่อน แผนตลบหลังครั้งนี้ของคมสันก็คลับคล้ายจะเป็นจอมมารอยู่เหมือนกัน

“ทำไมถึงไปสารภาพความจริงให้ท่านประธานรู้ไปเลยล่ะ ถ้าพวกเขาแยกกัน จะดีกับคุณหนูของเรามากกว่าไม่ใช่เหรอ”

“นายไม่รู้จักท่านประธานดีเท่าฉัน” คมสันถอนหายใจ “ถ้าเลิกกับผู้หญิงคนนี้ ประธานก็จะหาผู้หญิงคนใหม่ เขาแก่เกินกว่าจะใช้ชีวิตคนเดียวแล้ว ท่านประธานอยากปักหลักกับผู้หญิงอ่อนหวานอยู่กับบ้านรอต้อนรับ เอาอกเอาใจเก่ง พูดจาน่าฟัง ไม่ใช่คอยดูแลลูกชายที่ไม่เชื่อฟังและเอาแต่ใจ ฉันไม่อยากเสี่ยงหากผู้หญิงคนต่อไปจัดการยากกว่าเดิม”

“...”

“อีกอย่าง...”

“อะไรหรือ”

“ถ้าท่านประธานทิ้งผู้หญิงคนนี้ไป ลูกชายของเธอก็จะเป็นเหมือนคุณหนู...”

เป็นเด็กที่พ่อแม่ไม่อยากเลี้ยงดู

เป็นเด็กที่ไม่ได้รับความรักจากครอบครัว

“สัน...”

“ตั้งใจขับรถเถอะ” คมสันตัดบท ละสายตาจากเบิ้มแล้วหันไปมองวิวนอกกระจก คล้ายไม่อยากเอ่ยถึง

เพียงพริบตา ปีกจอมมารก็แทนที่ด้วยปีกนางฟ้าอีกครั้ง

ไอ้เบิ้มละซึ้งเหลือเกินที่มีคนรักน้ำใจงามขนาดนี้

หารู้ไม่ว่าทันทีที่คมสันเบือนหน้าหนี เงาสะท้อนบนกระจกรถพลันปรากฏรอยยิ้มวายร้าย

ให้ประธานกลับมาทำร้ายจิตใจคุณหนูแล้วทิ้งอีกงั้นเหรอ สู้ปล่อยให้อยู่กับผู้หญิงร้ายลึกคนนั้นยังดีกว่า อย่าหวังจะกลับมาที่บ้านอีกเลย ฝันไปเถอะ!


 

----------------------

พี่เบิ้มก็จะยังหลงคารมของคมสันอยู่เรื่อยไป

ซึ่งคมสันก็ไม่ได้โกหกนะคะ แค่บอกไม่หมด ซึ่งไอ้เหตุผลสุดท้ายที่ปิดไว้เนี่ยคือเหตุผลหลักจริงๆ ที่คมสันยอมให้ประธานไปรักกับผู้หญิงคนอื่น ไปเลยไปชิ้วๆ 5555

ตอนนี้ก็ได้เห็นความสามารถของจอมมารอีกครั้ง ไม่ลงแรงมาก เพียงพูดนิ่งๆ แต่ทำเอาคนอื่นพูดไม่ออก ได้แต่ยอมจำนน เจอกันมาหมดแล้วไม่ว่าจะจิตริน จิระหรือน้องเจ 5555

#จอมมารคมสัน
เพจนักเขียนที่ขอก้มกราบจอมมาร
Twitter

ออฟไลน์ Elf_Carat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คิดถึงมากกกกกก รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จอมมารยังไงก็คือจอมมาร

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด