・✿。CATER TO YOU ปรนเปรอรัก。✿*ตอนพิเศษ3+แทรกตอนที่21ที่ลืมลงค่ะ 13-06-20 P.6
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ・✿。CATER TO YOU ปรนเปรอรัก。✿*ตอนพิเศษ3+แทรกตอนที่21ที่ลืมลงค่ะ 13-06-20 P.6  (อ่าน 40438 ครั้ง)

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


========================
*คลิกรูป*









FOLLOW ME CLICK



☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀
สารบัญ
บทนำ
ตอนที่1
ตอนที่2
ตอนที่3
ตอนที่4
ตอนที่5

ตอนที่6
ตอนที่7
ตอนที่8
ตอนที่9
ตอนที่10
ตอนที่11
ตอนที่12
ตอนที่13
ตอนที่14
ตอนที่15
ตอนที่16
ตอนที่17
ตอนที่18
ตอนที่19
ตอนที่20
ตอนที่21
ตอนที่22
ตอนที่23
ตอนที่24
ตอนที่25
ตอนที่26
ตอนที่27
ตอนที่28
ตอนที่29
ตอนที่30
ตอนที่31 บทส่งท้าย
ตอนพิเศษ 1
ตอนพิเศษ 2
ตอนพิเศษ 3

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-06-2020 23:08:36 โดย RiRi »

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
Re: ・✿.。.CATER TO YOU ปรนเปรอรัก .:。✿*゚
«ตอบ #1 เมื่อ09-10-2018 16:29:13 »

CATER TO YOU
สารบัญ

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
CATER TO YOU ปรนเปรอรัก
บทนำ


ชีวิตของเขาเหมือนถูกสาปให้อยู่เพียงลำพัง
ไม่ว่าใครก็ไม่เคยอยู่กับเด็กชายได้นาน
เขาภาวนาให้ชีวิตมีใครสักคนอยู่เคียงข้าง
และสาบานว่าจะดูแลคนๆนั้นให้ดีที่สุด
ตราบเท่าที่คนๆหนึ่งจะทำเพื่อคนที่รักได้

‘แม่ แม่’
‘ตั้งแต่อ้าปากพูดได้เนี่ย เอ็งก็เรียกหาแต่แม่นะไอ้ฟ้าน้อยเอ้ย แม่มึงทิ้งไว้ที่ข้างถังขยะ เรียกมันเข้าไป สักวันเดี๋ยวมันก็คงกลับมาหามึงนั่นล่ะ’
‘แม่ แม่’
‘เออ นั่นแหละ เรียกเข้า เรียกจนกว่าแม่มึงจะได้ยิน แล้วมาหามึงก่อนที่กูจะตายแล้วเลี้ยงมึงต่อไม่ได้’


แต่ลุงขี้เมาที่เก็บเด็กน้อยมาเลี้ยงไม่เคยบอกว่าเสียงเล็กๆนั้น ไม่มีทางดังไปถึงคนที่ทิ้งกัน

‘ลุงจ๋า อดทนไว้นะ ฟ้าจะไปทำงาน หาเงินมารักษา’
‘จะรักษาทำไม เอ็งเก็บเงินไว้เรียนเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว อยากพัก’
‘ไม่เอา รักษาลุงให้หายแล้วลุงค่อยพัก’
‘เอ้า ไอ้นี่นิ คนจะตายก็ไม่ให้ตาย’
‘ฮึก ลุงอย่าทิ้งฟ้าไป ลุงตายฟ้าจะอยู่กับใคร'
'ฟ้าเอ้ย'
'ลุงจ๋า อยู่กับฟ้านะ ลุงอย่าตายนะ'
'...'
'ฟ้าไม่ยอม ลุงห้ามตาย สัญญามาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฟ้าจะไม่กินข้าว ไม่กินจริงๆด้วย'
‘เออๆ ข้าจะไม่ตาย พอใจยัง’
‘จริงนะ ฮึก’
‘ก็จริงสิ ข้าเคยหลอกเอ็งหรือไง’


ที่ผ่านมาลุงแก่ๆที่ขี้เหล้าแต่ใจดีคนนี้ไม่เคยหลอก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ทำ
เพราะสุดท้ายลุงก็จากไปและไม่กลับมาอีกเลย
ความสูญเสียดูจะเป็นสิ่งที่เคียงคู่กับเด็กชาย สิ่งใดที่ยึดถือไว้เป็นความสุข สิ่งนั้นมักอยู่ไม่นาน ไม่เว้นแม้แต่แมวจรจัดที่ตายจากไป เหลือทิ้งไว้แค่ชามอาหารที่ยังคงว่างเปล่านับตั้งแต่นั้น
และตอนนี้การสูญเสียอีกครั้งกำลังจะเริ่มต้นขึ้น

‘คุณตรีเรียกผมมามีอะไรเหรอครับ’
‘ฉันจะต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ’
‘ไปอยู่กับพ่อแม่เหรอครับ’
‘ประมาณนั้น’
‘ครับ’
‘หลังสิ้นเดือนนี้ ก็ไม่ต้องมาทำงานที่นี่แล้วนะ ขอโทษทีที่บอกกะทันหัน’
‘ไม่เป็นไรครับ’


และตอนนี้คนที่ให้ชีวิตแก่เด็กชายคนล่าสุดก็กำลังจะจากไป และไม่ว่าใครก็ตามที่ได้เดินออกไปจากชีวิตเขาแล้ว ไม่เคยมีใครสักคนหนึ่งหวนกลับคืนมา
และคงไม่มีกรณียกเว้นกับคนๆนี้ คนที่เขาแอบรัก
คนที่เปรียบเสมือนเพราะอาทิตย์ที่ดอกทานตะวันอย่างเขาไม่เคยคู่ควร และไม่มีวันคู่ควร
สายฟ้าคิดเช่นนั้น เขาไม่เสียใจ เพราะตั้งแต่โตพอที่จะมีความคิด เขาก็บอกกับตัวเองว่าเขาจะไม่คาดหวังกับอะไร แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ยอมรับความเป็นไปของสิ่งที่เข้ามาและสิ่งที่จากไป
โลกก็เป็นเช่นนี้
แต่ว่า...สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
เป็นครั้งแรกที่คนที่เคยจากไป โคจรกลับเข้ามาในชีวิตของสายฟ้าอีกครั้ง
เขาไม่เคยคาดหวัง แต่ก็แอบบอกกับตัวเองในใจว่า เขาจะทำดีกับคนๆนี้ให้มาก ตอบแทนที่ทำให้ชีวิตของเขาได้มีคนสำคัญ



CATER TO YOU ปรนเปรอรัก
ตอนที่1 เขากลับมาให้ผมได้ดูแล


เช้าอีกแล้ว ผมว่าผมเพิ่งจะหลับไปไม่นานนี้เอง สามชั่วโมงสั้นราวสามสิบนาที แต่ต่อให้อยากนอนแค่ไหนก็นอนต่อไม่ได้ เพราะมีสิ่งที่รอให้ต้องไปทำ

สิ่งที่ทำเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องให้ยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไป

ผมมองดูนาฬิกาอีกครั้ง ตีสี่สามสิบห้านาที เอาล่ะ ผมเอ้อระเหยไปห้านาทีสมควรลุกจากเตียงแล้วไปล้างหน้าแปรงฟันเพื่อออกไปทำงาน

ผมยังไม่ได้แนะนำตัวใช่ไหม ผมชื่อฟ้า ชื่อจริงชื่อสายฟ้า อายุ21 ปี คนที่ตั้งชื่อนี้ให้ผมเป็นลุงขี้เมาคนหนึ่ง ที่เล่าให้ผมฟังว่า ในคืนวันที่ฝนตกหนัก สายฟ้าก็ผ่าเหนือหน้าบ้านมุงสังกะสีเก่าๆของลุงจนสะเทือนไปหมด แล้วหลังจากนั้นลุงชัยก็ได้ยินเสียงเด็กทารกร้อง ออกมาดูก็เจอกับผมที่นอนตากฝนอยู่ข้างถังขยะในซอยของสลัม

ลุงไม่รู้จะทำยังไงกับผม เที่ยวเร่หาคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ แต่ก็หาไม่เจอ และผมในตอนนั้น ไม่ยอมให้ใครอุ้มเลยยกเว้นลุงคนเดียว แกเลยต้องจำใจเจียดเงินค่าเหล้ามาซื้อนมให้ผม และเลี้ยงผมมาอย่างตามมีตามเกิด

จนกระทั่งผมอายุได้สิบสองขวบ ลุงก็จากไปด้วยโรงมะเร็งตับ ที่ไม่ต้องถามหาสาเหตุว่าเพราะอะไร ตั้งแต่นั้นมา ผมก็ต้องดิ้นรนด้วยตัวเอง รับจ้างทำงานตั้งแต่เด็กยันโต เพื่อให้ชีวิตตัวเองอยู่รอด ให้สมกับที่ลุงชัยมีเมตตาเก็บผมขึ้นมาจากความตาย

นึกถึงลุงแล้ว ผมก็อดไม่ได้ที่จะหยิบของเล่นเพียงชิ้นเดียวที่ผมมีในชีวิต หุ่นยนต์ตัวเก่าๆ ที่ลุงเก็บได้ในถังขยะ ตอนที่ไปคุ้ยหาของเก่าไปขาย

ในตอนนั้นมันดูสมประกอบมากเสียจนเกือบจะเป็นของใหม่ ผมดีใจคิดว่าลุงซื้อมาให้ แต่ลุงไม่เคยโกหก ลุงบอกว่าลุงเก็บมา แต่ผมไม่เชื่อแก จะมีก็แค่สัญญาครั้งสุดท้ายที่ลุงบอกว่าจะไม่ตาย สุดท้าย...ลุงก็จากไป

“ฟ้าคิดถึงลุงนะ ลุงล่ะ คิดถึงฟ้าไหม”

ผมยิ้มให้กับหุ่นยนต์ที่เริ่มจะเก่า แล้ววางมันลงที่หัวเตียงตามเดิม จากนั้นก็รีบเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวไปทำงานในตอนเช้าตรู่

ทุกเช้า ผมรับจ้างส่งอาหารกล่องให้ตามบ้านในซอยที่ผมเช่าอพาร์ทเม้นท์อยู่ ภายในซอยนี้มีหมู่บ้านอยู่หลายหมู่บ้าน ราคาก็หลายล้านบาทไปจนถึงหลักห้าสิบล้านก็มี

ร้านอาหารที่ผมไปทำงาน จะเปิดขายอาหารปกติตอนแปดโมงเช้า แต่จะมีจัดส่งอาหารกล่องเพื่อสุขภาพก่อนในตอนตีห้าถึงเจ็ดโมง และผมก็เป็นคนที่จะต้องไปส่งอาหารตามบ้านต่างๆที่สั่งเข้ามา

“สวัสดีครับพี่นุช” ผมยกมือไหว้และยิ้มให้พี่เจ้าของร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ที่รับผมเข้าทำงานตั้งแต่ผมตกงานจากการเป็นคนทำความสะอาดบ้านของคนๆหนึ่ง

“สวัสดีจ้า ทำไมวันนี้หน้าตาดูไม่ค่อยสดชื่นเลยล่ะ” พี่นุชสอดสายตาสังเกตไปทั่วใบหน้าของผม ที่คงจะออกอาการฟ้องว่าช่วงนี้ผมนอนน้อยมากถึงมากที่สุด

“ช่วงนี้ใกล้สอบน่ะครับ ผมต้องอ่านหนังสือหนัก เลยนอนน้อย”

“ก็เราทำงานหนักตั้งแต่เช้ายันดึก” พี่นุชพูดคล้ายจะบ่น

“ทำไงได้ล่ะครับ ผมต้องเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง” ผมพูดยิ้มๆ หยิบรายชื่อและรายการอาหารที่ต้องไปจัดส่งมาดู พร้อมกับจัดกล่องข้าวใส่ถุงตามออเดอร์ที่ต้องนำไปจัดส่งก่อนในรอบหกโมงเช้า

“เอ๋?” ผมครางเสียงเบาด้วยความแปลกใจ

“มีอะไรเหรอ” พี่นุชที่กำลังจัดอาหารลงกล่องอยู่ใกล้ๆเงยหน้าขึ้นมามอง

“มีไปส่งที่บ้านเลขที่88ด้วยเหรอครับ” ผมยื่นใบออเดอร์ให้พี่นุชดู

“อ่อ ใช่จ้า เป็นวันแรกเลยนะที่มีสั่งอาหารมาจากบ้านหลังนี้”

ไม่แปลกที่จะเป็นวันแรก เพราะบ้านหลังนั้นไม่มีใครอยู่นับตั้งแต่เมื่อสี่ปีที่แล้ว

‘คุณตรี’

แค่คิดถึงผู้ชายคนนั้น ผมก็รู้สึกใจเต้นแรง ความเคลื่อนไหวของบ้านหลังนั้น จะหมายความว่าคุณตรีกลับมาแล้วหรือเปล่า

ผู้มีพระคุณของผม



ย้อนไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว

หลังจากที่ลุงจากไปแล้วผมต้องดิ้นรนด้วยตัวเอง ผมก็ยังใช้ชีวิตอยู่ในสลัม ลักลอบทำงานเล็กๆน้อยๆเท่าที่จะทำได้ด้วยอายุไม่อำนวย เก็บขยะขายบ้าง รับจ้างล้างจานที่ร้านก๋วยเตี๋ยวบ้าง รับจ้างเข็นผักในตลาดสดผมก็ทำ ว่างๆก็ไปเก็บยอดกระถินส่งแผงขายหอยนางรม ผมทำทุกงานที่สุจริตเพื่อหาเงินเลี้ยงดูตัวเอง

จนกระทั่งอายุ17 ผมก็ย้ายออกจากสลัมแห่งนั้น เพราะใครไม่รู้ที่บอกว่าเป็นญาติของลุงอยู่ๆก็มาที่บ้าน และมาอาศัยอยู่แบบถาวร เขาดูน่ากลัว และแน่นอนว่าเขาเหมือนลุงเรื่องกินเหล้า ผมไม่กล้าอยู่ที่นั่น เพราะเคยเห็นเขาเตะต่อยชาวบ้านยามเมาจัด สุดท้ายก็ตัดสินใจแอบย้ายออกมา

ผมเลือกหอพักที่ผมอยู่ในปัจจุบัน สภาพเก่าถึงเก่ามาก แต่ก็ราคาถูกมากเหมือนกัน เป็นอะไรที่น่าแปลกว่าห้องเช่านี้อยู่ในซอยที่มีหมู่บ้านเป็นสิบโครงการ และแต่ละโครงการก็ราคาแพงหูฉี่ ส่งผลให้ในซอยนี้ครึกครื้นไปด้วยร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ และตลาดสด

ตอนนั้นผมยังไม่รู้เลยว่าจะต้องใช้ชีวิตยังไง เงินที่มีติดตัวก็พอแค่เช่าห้องอยู่ ผมเดินเตร็ดเตร่หางานอยู่ในซอยอยู่หลายวัน เพราะส่วนมากร้านอาหารก็พนักงานเต็มหมดแล้ว ส่วนร้านสะดวกซื้อต้องใช้วุฒิการศึกษาในการสมัครงาน ซึ่งผมจบแค่ประถมศึกษาปีที่หก จึงไม่สามารถไปสมัครได้

ผมร่อนเร่อยู่เกือบเดือนสุดท้ายผมก็ได้งาน งานแรกที่ผมได้ทำก็คือการรับจ้างทำความสะอาดบ้านให้คนๆหนึ่ง คนที่อายุมากกว่าผมแค่ปีเดียว แต่เขาต้องอาศัยอยู่ในบ้านหลังโตแค่เพียงลำพัง

คนๆนั้นก็คือคุณตรี

‘สวัสดีครับ เอ่อ ผม...ผมมาสมัครทำความสะอาดบ้านครับ’ นั่นเป็นประโยคแรกที่ผมพูดเมื่อกดกริ่งหน้าบ้าน แล้วเขาเดินออกมาเปิดประตูด้วยตัวเอง

เขามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาสงบนิ่งนั้นเจือแววสงสัยเล็กน้อย ผมเลยยื่นใบประกาศที่ผมได้มาจากหน้าร้านสะดวกซื้อให้เขาดู

‘คุณได้เอาไปติดไว้ที่ร้านสะดวกซื้อหรือเปล่าครับ’ ผมถามอย่างไม่แน่ใจ กลัวว่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดและผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เพราะว่าผมอยากได้งานทำมากๆ ไม่อย่างนั้นผมจะต้องอดตายแน่นอน

‘ใช่’ เขาตอบแค่นั้น สั้นๆคำเดียว ที่จริงเขาดูเป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่ไม่น่าจะอายุเยอะกว่าผมมากนัก แต่ที่มากกว่าก็คือรูปร่างและส่วนสูง เพราะเขาไม่ผอมแห้งแรงน้อยแบบผม

'เอ่อ แล้ว...' เป็นผมที่ไปต่อไม่ได้ เพราะใบหน้าของเขานิ่งเกินไป จนไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

ทั้งผมและเขาต่างเงียบด้วยกันทั้งคู่ ผมมองเขาในระดับที่ไม่ตรงสายตา ไม่กล้าจ้องหน้าเขาตรงๆ ส่วนเขาก็คงจะกำลังจ้องหน้าผมอยู่

‘อายุเท่าไหร่’ หลังจากที่เงียบไปชั่วครู่ เขาก็ถามผมกลับมา

‘ผมอายุสิบเจ็ดปีครับ’ ผมรีบตอบ

‘ฉันรับสมัครคนทำงานบ้าน รวมทั้งทำกับข้าว ดูแลทุกอย่างภายในบ้าน’ เขาอธิบาย

‘ครับ’ ผมตอบรับ

‘แน่ใจว่านายทำเป็น’

นี่สินะ ที่เขาดูจะลังเลในตัวผม

‘ถึงผมจะดูผอม ไม่ค่อยแข็งแรง แต่เรื่องงานบ้าน ผมทำมาตลอดตั้งแต่เด็ก ส่วนเรื่องทำอาหาร ผมพอทำได้ครับ’

ก็ถ้าเป็นอาหารง่ายๆน่ะนะ ผมต่อประโยคนี้ในใจ

ผมอยากได้งานนี้ ไม่รู้สิ ผมรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่าอยู่ใกล้ เขาดูใจดี แม้ภายนอกจะดูนิ่งเฉย แต่ผมว่าเขาใจดีแน่นอน

‘ถ้านายบอกว่าทำได้’

‘ครับ ผมทำได้ ทำได้แน่นอน’

‘หึหึ รีบตอบอะไรขนาดนั้น’ เขาหลุดหัวเราะเบาๆ

‘ขอโทษทีครับ ผมกลัวคุณจะไม่เชื่อ’

‘ฉันไม่เคยเชื่ออะไรง่ายๆ’

‘...’ หมายความว่ายังไงนะ เขาไม่เชื่อคำพูดของผมหรือเปล่า เขายกยิ้มมุมปากแค่จางๆ จางจนเกือบจะมองไม่เห็น ดีที่ผมเป็นคนช่างสังเกตก็เลยพอจะมองออก

‘ถ้าอยากให้ฉันเชื่อว่านายทำได้ ลองพิสูจน์ให้เห็นหน่อยเป็นไง’ ผู้ชายตรงหน้าเปิดประตูรั้วไม้ที่สูงเลยหัวไปประมาณหนึ่งออกกว้างกว่าเดิม พร้อมขยับเปิดทางคล้ายจะให้ผมเดินเข้าไป

‘ครับ?’ ผมที่ยังงงๆ

‘ถ้าอยากได้งาน วันนี้นายก็ลองทำงานให้ฉันดู ถ้านายทำได้ดี ฉันจะรับนายทันที’ เขาพูดในท่าทางแสนสบาย เอนตัวยืนไขว้ขาพิงประตู สองมือยกกอดอก ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น แต่ดูเท่สุดๆในสายตาผม

‘ได้เลยครับ ผมจะทำให้เต็มที่’ และผมจะต้องได้งานนี้ เพื่อปากท้อง เพื่ออนาคต

‘นายชื่ออะไร’ เขาถามหลังจากที่เดินนำผมเข้ามาในบ้าน ผมถึงได้นึกได้ว่าผมลืมแนะนำตัวกับเจ้าของบ้าน ทั้งๆที่มาของานเขาทำแท้ๆ ทำไมผมถึงได้เอ๋อแบบนี้นะ

‘ผมชื่อสายฟ้าครับ เรียกฟ้าเฉยๆก็ได้ครับ’

‘อืม ฉันชื่อตรี’ เขาตอบกลับมา

‘ครับ คุณตรี’ เป็นครั้งแรกที่ผมได้เรียกชื่อเขา นับแต่วินาทีนั้น ผมรู้สึกอยากเรียกชื่อของเขาไปตลอด

คุณตรี

วันนั้นผมเริ่มต้นการทดลองงานด้วยการเก็บกวาดถูบ้าน ซักผ้า ทำอาหารเที่ยงง่ายๆอย่างราดหน้าทะเล และจบท้ายด้วยการรดน้ำต้นไม้ในสวน

ความจริงแล้วบ้านคุณตรีแทบจะไม่สกปรกอะไรเลย ทุกอย่างอยู่เป็นระเบียบเรียบร้อยดี ไม่เหมือนกับบ้านผู้ชายทั่วไป ที่ส่วนมากก็จะต้องมีของกองสุม มีรกมีสกปรกบ้าง แต่คุณตรีดูจะเป็นคนรักสะอาดและเจ้าระเบียบ ผมลอบสังเกตหลายครั้ง เวลาคุณตรีหยิบจับใช้อะไรในบ้าน เขาจะเอาไปเก็บที่อย่างเรียบร้อยทุกครั้ง ช่างเป็นผู้ชายที่ดูสมบูรณ์แบบอย่างบอกไม่ถูก

จบวันผมก็มายืนรอลุ้นคำตอบอยู่ตรงหน้าคุณตรี เขานั่งไขว่ห้างกอดอกมองหน้าผมอยู่ที่โซฟา เขาพยักหน้าให้ผมนั่งลงที่โซฟาอีกตัว แต่ผมส่ายหน้าปฏิเสธอย่างนอบน้อม ขอผมยืนแบบนี้จะดีกว่า ผมไม่กล้านั่งเทียบเท่าเขาหรอกครับ

‘นายว่างทำงานได้วันไหนบ้าง’

‘ผมเหรอครับ’ ผมสะดุ้ง เพราะมัวแต่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

‘ก็นายน่ะสิ หรือมีใครคนอื่นจะมาทำงานนี้’

‘ไม่มีครับไม่มี ผมว่างทุกวันเลยครับ’

‘ว่างทุกวัน?’ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

‘ครับ ว่างทุกวัน’

‘ทำไมว่างทุกวัน ไม่มีเรียนหรือยังไง’

‘อ่อ ผมไม่ได้เรียนหนังสือหรอกครับ ผมต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเอง ทำให้ไม่มีเวลาไปเรียนครับ’

คุณตรีเงียบไป แล้วก็เอาแต่จ้องผมนิ่งราวสองนาทีได้ ก่อนจะพูดเรื่องที่ทำให้ผมดีใจจนเกือบจะกระโดดร้องเย้สุดตัว

‘ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ก็มาเริ่มงานได้ นายมาตั้งแต่ตีห้าทุกวัน นี่กุญแจบ้าน ไขเข้ามาได้เลย แล้วก็นี่ ลิสต์รายการงานที่นายจะต้องทำทุกวัน ทำได้ใช่ไหม’

‘ทำได้ครับ ผมทำได้ และจะทำให้ดีที่สุดเลยครับ’ ผมเอื้อมมือไปรับกุญแจและสมุดจดรายการงานที่ผมต้องทำมาถือไว้แน่นด้วยความดีใจ

‘ก็ดี วันนี้ก็กลับไปพักผ่อนเถอะ’

‘ครับ ขอบคุณคุณตรีมากเลยนะครับที่รับผมเข้าทำงาน ขอบคุณครับ’

‘อืม’

ผมกลับห้องพักไปด้วยความดีใจ แล้วรีบตื่นเช้าไปทำงาน งานหลักๆที่คุณตรีจดมาให้ ก็คือการเตรียมอาหารเช้าให้คุณตรีก่อนที่คุณตรีจะไปโรงเรียน เตรียมหนังสือพิมพ์ รดน้ำต้นไม้ในตอนเช้า เก็บกวาดบ้านไม่ให้มีไรฝุ่น โดยเฉพาะในห้องนอนที่จะต้องเปลี่ยนผ้าปูเตียงทุกอาทิตย์ ผ้าขนหนูจะต้องมีผืนใหม่ไว้ใช้วันต่อวัน เสื้อผ้าซักรีดทุกวัน เพราะคุณตรีไม่ชอบให้หมักหมม อย่างที่บอกความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญกับคุณตรีมากๆ

ตกเย็นก็แค่รอให้คุณตรีกลับบ้าน บางวันเขาก็กินข้าวเย็นมาแล้ว บางวันก็กลับมากินที่บ้าน ผมทำเป็นแต่อาหารง่ายๆ แต่เพราะเป็นคุณตรี ผมเลยต้องลองหัดทำอะไรที่มันดูพิเศษกว่าพวกผัดผัก ต้มจืด ของทอดๆดูบ้าง ความรู้ก็ดูเอาจากทีวีที่คุณตรีอนุญาตให้เปิดดูได้

ผ่านไปได้สักหนึ่งอาทิตย์ คุณพ่อคุณแม่ของคุณตรีก็มาที่บ้านในวันหยุด วันนั้นผมถึงได้รู้ว่า จริงๆแล้วคุณตรีมีแม่บ้านเป็นผู้หญิงก่อนที่จะรับผมมาทำแทน ผมได้ยินคุณแม่ของคุณตรีบ่นเรื่องที่คุณตรีเปลี่ยนแม่บ้านบ่อยมากๆ และล่าสุดก็ไล่แม่บ้านที่แม่เขาหามาให้โดยไม่บอกแม่เขาก่อน

เหตุผลที่เขาบอกกับแม่เขาก็คือ แม่บ้านที่แม่หามาทำตัวไม่เหมาะสมและเขาไม่ชอบ คุณพ่อคุณแม่ของคุณตรีก็ทำได้แค่ถอนหายใจ แล้วบอกกับผมว่าให้ตั้งใจทำงานแค่นั้น ก่อนที่ทั้งคู่จะบินกลับอังกฤษ

แต่ผมก็ทำงานอยู่กับเขาได้แค่หกเดือนเท่านั้น คุณตรีก็ต้องไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ต่างประเทศ เขาดูไม่อยากไป เพราะผมเคยได้ยินเขาทะเลาะกับพ่อแม่เขาผ่านทางโทรศัพท์ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

‘นายหางานใหม่ได้หรือยัง’ เขาถามผมขณะที่ผมช่วยเขาเก็บของเตรียมตัวไปต่างประเทศ ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านก็ต้องหาผ้ามาคลุมไม่ให้มีฝุ่นจับ

‘ยังเลยครับ แต่ผมว่าพรุ่งนี้ผมคงไปเดินหางานทำดู’

‘อืม มีอะไรให้ฉันช่วยไหม’ เขาถามอย่างคนมีน้ำใจ เพราะว่าคุณตรีใจดี

‘ไม่เป็นไรครับ แค่คุณให้โอกาสผมทำงานที่นี่ ก็มากพอแล้วครับ’

‘นายดูเป็นคนหวังน้อยดีนะ’

ผมแค่ยิ้มให้เขา เพราะผมรู้ดีว่าชีวิตนี้เราหวังอะไรไม่ได้มาก แค่ที่เป็นอยู่นี่ก็ดีแล้ว ผมมีความสุขดี อีกอย่างคุณตรีให้เงินเดือนผมค่อนข้างเยอะ ผมเลยมีเงินเก็บมากกว่าที่เคยมีมาด้วยซ้ำ

‘ตามปกติแล้ว ถ้าพนักงานโดนไล่ออกหรือขอให้ออกจากงาน พนักงานจะได้เงินชดเชย’

อยู่ๆคุณตรีก็พูดขึ้นมา ซึ่งผมชินเสียแล้ว ทำงานให้เขามาหลายเดือน ผมรู้ว่าคุณตรีเป็นคนเงียบๆ เพราะเขามีเรื่องให้คิดมากมาย ทั้งๆที่อายุมากกว่าผมแค่ปีเดียว คุณตรีเป็นคนที่ทำให้ผมเห็นว่าคนรวยก็ไม่ได้มีความสุขเสมอไป อย่างน้อยเขาก็ถูกกดดันจากครอบครัวในหลายๆเรื่อง ซึ่งผมไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่ เรื่องของเจ้านาย ถ้าเขาไม่พูดผมก็ไม่จำเป็นต้องรู้

‘นายจะเรียกเงินชดเชยเท่าไหร่ ที่นายต้องตกงานแบบกะทันหัน’

บอกตามตรงว่า ผู้ชายตรงหน้าไม่เหมือนผู้ชายที่แก่กว่าผมแค่ปีเดียว เพราะเขาชอบพูดอะไรที่มันเข้าใจยากและดูเป็นผู้ใหญ่แบบสุดโต่ง

‘คุณตรีพูดอะไร ผมไม่เห็นเข้าใจ’

‘หึ เด็กหัวช้า’ เขาบ่นผม แล้วลุกเดินหายขึ้นไปบนชั้นสอง ครู่เดียวก็เดินลงมา พร้อมกับยื่นซองสีน้ำเงินสีที่คุณตรีชอบให้ผม

‘อะไรครับ’

‘ของขวัญ’

‘ของขวัญ? ในโอกาสอะไรครับ’ ผมถามด้วยความสงสัย

‘ของขวัญส่งท้าย ไว้ฉันไปแล้วนายค่อยเปิดดู เข้าใจไหม’

‘ครับ ผมเข้าใจ’ ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจก็ต้องบอกว่าเข้าใจ ผมไม่อยากให้คุณตรีรู้สึกรำคาญในความหัวช้าของผม

และแล้วงานเลี้ยงก็ย่อมมีวันเลิกรา เช้าวันต่อมาก่อนที่คุณตรีจะต้องไปสนามบิน ผมรีบตื่นมาทำแซนวิชแบบหรูๆให้คุณตรีเป็นการส่งท้าย ผมปั่นจักรยานที่ซื้อมาได้ด้วยเงินเดือนที่คุณตรีให้ไปที่บ้านของเขา

‘แฮกๆ’ ผมเหนื่อยหอบอยู่หน้าบ้าน ยังไม่ทันได้กดออด คุณตรีก็เปิดประตูออกมาพอดี พร้อมกับเสียงรถยนต์ดังขึ้นที่ด้านหลัง ผมหันไปมองรถยนต์คันหรูที่ขับมารับคุณตรีไปสนามบิน ก่อนจะหันกลับมาพูดกับเขา

‘คุณตรีครับ’

‘ว่าไง’

‘ผมทำแซนวิชมาให้ครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมานะครับ’ ผมยื่นถุงกระดาษที่มีกล่องแซนวิชอยู่ข้างในให้คุณตรี เขามองก่อนจะยกยิ้มแล้วรับไป ผมดีใจที่เขาไม่รังเกียจน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากผม

‘เดินทางปลอดภัยนะครับ คุณตรีคงต้องไปแล้ว งั้นผมลานะครับ’

‘ฟ้า...’ คุณตรีเรียกผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะออกตัวถีบจักรยาน ผมหันไปมองเขา คุณตรีเหมือนมีอะไรอยากจะพูด แต่เขาก็ไม่ได้พูดออกมา

‘โชคดีนะครับ’ ผมยิ้มให้เขา รู้สึกใจหายหดหู่จนอยากจะร้องไห้ เพราะหลังจากนี้ผมจะไม่เจอเขาอีกแล้ว

‘นายด้วย โชคดีนะ’

ผมรู้ว่าคุณตรีเก่ง เขาจะต้องเรียนที่ต่างประเทศได้ดีแน่นอน ผมดีใจกับเขาด้วย และรู้สึกเสียใจเล็กๆที่คิดว่าชาตินี้ทั้งชาติอาจจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว

แล้วถ้าผมอยากจะลองฝันดูล่ะ ถ้าปาฏิหาริย์มีจริงแล้วเราได้เจอกันอีกครั้ง ถึงตอนนั้นเขาจะยังจำผมได้หรือเปล่า ส่วนตัวผมนั้นไม่มีทางที่จะลืมเขาได้

ผู้มีพระคุณและคนที่ผมแอบรัก




นานแล้วที่ผมไม่ได้มาที่บ้านหลังนี้ ช่วงแรกๆที่คุณตรีไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ผมก็แวะเวียนมาอยู่สองถึงสามครั้ง คงเพราะรู้สึกคิดถึงคนที่เคยให้โอกาส แต่เพราะผมต้องหางานใหม่และหาเงินเพื่อเรียนต่อ ทำให้ผมไม่มีเวลาเหลือพอให้มามองหลังคาบ้านเขา

ของขวัญในซองสีน้ำเงิน สีประจำตัวของคุณตรีที่ให้ผมไว้ บรรจุเงินสดจำนวนห้าหมื่นบาท ตอนนั้นผมเสียใจที่ไม่เปิดซองดูให้เร็วกว่านี้ ถ้าผมรู้ก่อนที่คุณตรีจะจากไป ผมคงคืนเงินทั้งหมดให้เขา

ผมไม่ได้ต้องการเงินชดเชย ที่ผ่านมาคุณตรีให้ผมมามากพอแล้ว สำหรับผมที่หาเงินได้จากการรับจ้างทำทุกอย่างทั้งเดือนรวมๆกันแล้วไม่เคยเกินแปดพันบาท เทียบกับการทำความสะอาดบ้านและทำกับข้าวง่ายๆให้คุณตรีแล้วได้เงินเดือนหนึ่งหมื่นบาท ก็ถือว่าผมโชคดีที่สุดแล้ว

วันนี้จึงนับเป็นครั้งแรกในรอบสี่ปีที่ผ่านมาที่ผมมาที่นี่ หน้าประตูไม้บานเก่าที่สูงชะลูดเลยหัวผมไป ถ้ายืนชิดก็จะมองเห็นแค่แผ่นไม้ แต่ถ้าถอยไปไกลสักหน่อยก็จะเห็นหลังคาบ้านที่ดูจะแปลกตาไปอย่างบอกไม่ถูก

ผมก้มมองถุงกระดาษที่บรรจุกล่องข้าวจำนวนสามกล่องเอาไว้ในมือ ก่อนที่จะเสียเวลามากไปกว่านี้ ผมกดกริ่งหน้าประตู แล้วยืนรอด้วยใจที่เต้นค่อนข้างจะแรง

“ฟู่ว” ผมเป่าลมออกจากปาก ระงับความตื่นเต้นที่อัดแน่นอยู่เต็มอก

ผมจับจ้องไปที่ประตู จนกระทั่งบานไม้ใหญ่ค่อยๆเปิดออก จังหวะนั้นผมเผลอกลั้นหายใจ ร่างกายเกร็งขึงเหยียดตัวยืนตรงโดยอัตโนมัติ มือที่ถือถุงกำแน่นขึ้นเล็กน้อย

ผมจะได้เจอคุณตรีแล้วใช่ไหม

ความกว้างของประตูที่เพิ่มมากขึ้นเผยให้เห็นผู้ชายตัวสูงในชุดออกกำลังกาย กล้ามเนื้อตามท่อนแขนดูเป็นมัดสวยอย่างสมบูรณ์แบบ เขาใช้ผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนคอซับเหงื่อบนใบหน้า ก่อนจะขยับสายตามองมายังผมที่ยืนนิ่งค้าง

และเมื่อเขาเห็นผม เขาดูชะงักไปเล็กน้อย นั่นหมายความว่าเขาจำผมได้ใช่ไหม

จากที่เคยรู้สึก มาวันนี้ที่ได้เห็นหน้าเขาอีกครั้ง ผมจึงได้รู้ว่า...ผมคิดถึงเขามากเหลือเกิน

ดีจัง...ดีจนอยากจะร้องไห้

คุณตรีนับเป็นคนแรกที่เดินออกจากชีวิตผมไป แล้วหวนกลับคืนมาอีกครั้ง

“ไง” เขาทักผมก่อน ทำให้ผมได้สตินึกขึ้นได้ว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่ ผมยิ้มกว้างให้เขาเท่าที่ริมฝีปากจะขยายออกได้

“สวัสดีครับคุณตรี ผมเอาข้าวที่คุณสั่งไว้มาส่งครับ” ผมยื่นถุงอาหารให้เขา

เหมือนตอนนั้นเลย ที่ผมต้องมาทำอาหารเช้าให้เขาทานก่อนไปโรงเรียน ต่างกันตรงที่ว่าตอนนี้ผมมาส่งอาหารเช้าให้เขาแทน

“อืม เข้ามาก่อนสิ ฉันจะเข้าไปเอาเงินให้” เขาเปิดประตูออกให้ผมเดินตามเขาเข้าไปในบ้าน

เพราะผมไม่ได้มาที่บ้านหลังนี้นานแล้ว เลยไม่รู้ว่าข้างในเปลี่ยนไปทั้งหมด บ้านหลังเก่าได้อันตรธานหายไป แล้วมีบ้านหลังใหม่มาตั้งไว้แทน บ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมและดูสวยทันสมัยกว่าเดิมมาก

พอเดินเข้ามาในตัวบ้าน ผมก็แทบจะต้องห่อตัวเพราะความหนาวจากเครื่องปรับอากาศ แต่ก่อนเขาไม่เคยเปิดแอร์หนาวขนาดนี้ จะเป็นเพราะไปอยู่ต่างประเทศมาหรือเปล่า เลยทำให้เขาติดอากาศเย็น

คุณตรีเดินหายขึ้นไปข้างบน ผมไม่กล้าถือวิสาสะเดินไปไหนในบ้านของเขา ก็เลยยืนรออย่างเก้อเขินอยู่ที่หน้าประตู

“เท่าไหร่นะ” คุณตรีถาม เขาลงมาพร้อมกระเป๋าสตางค์สีน้ำเงินเข้มในมือ

สีน้ำเงินยังคงเป็นสีโปรดของคุณตรีสินะ

“สามกล่อง หนึ่งร้อยแปดสิบบาทครับ” ผมบอกและรับเงินมาจากคุณตรี คลี่แบงก์ร้อยออกดูก็นับจำนวนได้สามใบ ผมคิดว่าคุณตรีน่าจะให้เงินมาเกิน ก็เลยเตรียมจะคืนเงินพร้อมเงินทอน แต่คุณตรีกลับโบกมือปฏิเสธไม่ยอมรับ

“ไม่ต้องทอน”

“แต่...”

“ไม่มีแต่ ฉันให้ทิป”

“ไม่ได้หรอกครับ”

“ต้องได้สิ รับไว้เถอะนะ”

“เอ่อ ครับ ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้เขา

“นายทำเองเหรอ” เขาถามต่อ

“เปล่าครับ ผมเป็นแค่เด็กส่งของเฉยๆ” ผมตอบ เขาพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ

“ยังทำงานรับจ้างทั่วไปอยู่เหรอ”

“ครับ ผมยังต้องหาเงินนี่นะ” ผมตอบยิ้มๆ

“ก็คงจะต้องอย่างนั้น”

เสียงกริ่งหน้าประตูบ้านดังขึ้น บทสนทนาของเราสองคนเลยจบลงแต่เพียงเท่านี้ ผมอยากจะคุยกับเขาต่อ แต่ว่าผมก็ยังมีงานให้ต้องกลับไปทำ

วันนี้ก็คงจะได้เพียงเท่านี้ การได้เจอคุณตรีอีกครั้ง ต่อให้ไม่มีโอกาสได้พูดคุยกัน ขอเพียงได้เห็นหน้า สำหรับผมมันก็ดีมากเกินพอ

“ถ้างั้น ผมขอตัวกลับไปทำงานต่อนะครับ” ผมเอ่ยลาเขา

“อืม ออกไปพร้อมกันสิ”

“ครับ”

ผมเดินออกมาหน้าบ้านพร้อมกับคุณตรี ได้เดินเคียงกันแบบนี้ ทำให้เห็นชัดเลยว่าเขาโตขึ้นกว่าเดิมมาก จากเด็กหนุ่มกลายเป็นผู้ชายเต็มตัวเต็มวัย ต่างจากผมที่ยังคงเหมือนเดิม

เขาเปิดประตูรั้วออก มีผู้หญิงใส่ชุดสูทดูดียืนอยู่ข้างรถยนต์สีดำ เธอส่งยิ้มให้คุณตรีก่อนจะเบนสายตามามองผมด้วยความแปลกใจ ผมเพียงยิ้มบางๆให้เธอ พลางขยับเดินเลี่ยงไปที่รถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ส่งอาหาร

“สวัสดีค่ะคุณตรี พอดีท่านประธานให้ดิฉันเอารายชื่อคนที่มาสมัครเป็นแม่บ้านมาให้คุณค่ะ”

แม่บ้านเหรอ?

ผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะ แต่ผมกำลังถอยรถมอเตอร์ไซค์แล้วบังเอิญได้ยินพอดี

ก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์ ผมตัดสินใจหันไปมองคุณตรีอีกครั้งและเขาเองก็มองผมอยู่ก่อนแล้วเช่นกัน

“ขอบใจนะ แต่จริงๆส่งอีเมลมาก็ได้” คุณตรีพูด

“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันผ่านมาทางนี้พอดี เลยถือโอกาสเอาเข้ามาให้ด้วยตัวเองเลยจะดีกว่า”

“ครับ”

ผมไม่มีเหตุผลให้ยื้ออยู่ตรงนี้อีกต่อไป จึงตัดสินใจออกรถเพื่อไปส่งอาหารตามออเดอร์ที่เหลืออยู่

เรื่องที่คุณตรีเหมือนจะต้องการรับสมัครแม่บ้าน วนเวียนอยู่ในหัวผมหลายต่อหลายครั้ง ผมแอบคิดเล่นๆว่า ถ้าผมได้มีโอกาสกลับไปเป็นคนดูแลเรื่องงานบ้านงานสวนให้เขาเหมือนเมื่อก่อนก็คงจะดี

และถ้าผมได้รับโอกาสนั้นอีกครั้ง ผมสัญญาเลยว่าครั้งนี้ผมจะดูแลเขาให้ดีกว่าครั้งก่อน

และบางทีผมคงจะเพ้อเจ้อเกินไป ถึงได้คิดอะไรบ้าๆแบบนั้น

 :L1:

ติดแท็ก #ปรนเปรอรัก
Facebook : RiRiWorld
Twitter : @NovelsRiri

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-06-2020 16:29:46 โดย RiRi »

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ฟ้าน่าสงสารจัง

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
CATER TO YOU
ตอนที่ 2
คุณตรีอย่าฟุ่มเฟือยสิครับ

เสร็จจากการช่วยพี่นุชเตรียมส่งอาหารรอบกลางวัน ผมก็ไปทำงานต่อที่ ร้านอาหารไทยบรรยากาศดีในซอย ร้านจะเปิดตั้งแต่บ่ายสามโมงยันเที่ยงคืน รายได้ก็ถือว่าดีมากสำหรับผม แต่ก็ต้องแลกมากับการที่ต้องเลิกงานดึกๆดื่นๆ เพราะอย่างนั้น ช่วงนี้ที่ผมต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบด้วย เลยทำให้ร่างกายอ่อนเพลียไปบ้าง

งานที่ร้านอาหารจะทำงานแปดชั่วโมงมีพักหนึ่งชั่วโมงและมีวันหยุดสองวัน ผมหยุดวันจันทร์กับวันพฤหัสบดี ก็จะเป็นสองวันที่ผมจะได้พักผ่อน

วันนี้เป็นวันศุกร์ หลังเลิกงานผู้คนก็จะมากินดื่มเลี้ยงฉลองกันที่ร้านอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ดังนั้นตั้งแต่เข้าร้านมาผมก็แทบไม่ได้หยุดพักเลย ปกติจะได้พักทานข้าวทานน้ำหนึ่งชั่วโมง แต่วันนี้พอทุกคนกินข้าวเสร็จก็รีบมาช่วยงานกันต่อ เพราะลูกค้าเยอะมากจริงๆ และแต่ละโต๊ะก็สั่งอาหารกันแบบล้นโต๊ะเลยทีเดียว

“เอ้า ช่วยๆกันหน่อย เดี๋ยววันนี้เฮียแกให้พิเศษ” พี่ไม้พี่ผู้จัดการร้านตะโกนให้กำลังใจลูกน้องที่หลังร้าน พอได้ยินแบบนั้นทุกคนก็เฮกันใหญ่ มีเรี่ยวมีแรงทำงานขึ้นมาทันที

“ฟ้าๆ เอาอาหารไปเสิร์ฟลูกค้าชั้นสองโซนวีไอพีที” พี่ไม้เดินมาเรียกผมที่กำลังจะออกไปเก็บโต๊ะ แล้วหาคนอื่นไปทำแทนผม

“ได้ครับพี่” ผมตอบรับแล้วเดินไปดูที่รายการอาหาร ก่อนจะยกถาดอาหารเดินขึ้นไปเสิร์ฟที่ชั้นสอง ซึ่งเป็นชั้นที่จะรับรองเฉพาะแขกวีไอพีเท่านั้น รายการอาหารก็จะเป็นแบบแพงที่สุดดีที่สุด

ผมวางถาดอาหารไว้ที่โต๊ะหน้าประตู ก่อนจะเคาะประตูพร้อมเอ่ยขออนุญาตแขกข้างใน แล้วจึงยกอาหารเข้าไปเสิร์ฟ

“ไงวะ กลับมาทั้งทีมึงจะพักหรือว่าลุยงานเลย”

“คงทำงานเลย”

“มันจะไม่โหดไปหน่อยเหรอวะ”

“หึหึ มึงก็รู้นิสัยพ่อกู อีกอย่างกูมีเป้าหมายที่ต้องทำให้สำเร็จ”

ผมค่อยๆวางจานอาหารลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวังทีละจานจนครบ แต่ตอนที่จะหมุนตัวกลับผมรู้สึกว่าตัวเองถูกจ้อง ก็เลยค่อยๆหันกลับไปมอง

...คุณตรี...

ผมได้แค่ครางชื่อเขาในใจก่อนจะรีบปลีกตัวออกมา เพราะยังมีงานที่ต้องทำ และมันก็เป็นมารยาทที่ไม่ดีด้วย

ผมยังต้องยกอาหารขึ้นไปเสิร์ฟให้โต๊ะคุณตรีอีกสามสี่รอบ และทุกครั้งคุณตรีจะจดจ้องมาที่ผมตลอด ทำให้ผมรู้สึกประหม่าแบบแปลกๆ แต่พอโต๊ะคุณตรีไม่ได้สั่งอะไรเพิ่มให้ผมต้องขึ้นไปเสิร์ฟ ผมก็ลงมาหัวหมุนที่ข้างล่างเหมือนเดิมจนกระทั่งร้านปิด

“เฮ้อ เหนื่อยวะ” แจ็ค เพื่อนที่ทำงานของผมทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง

“ยังไม่ชินหรือไง” ผมหัวเราะขำๆ วันนี้มันวุ่นวายก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น ทุกๆวันศุกร์หรือทุกสิ้นเดือน ลูกค้าจะมีเยอะมากกว่าปกติอยู่แล้ว

“มันก็ชิน แต่ก็ยังเหนื่อยอยู่ดี”

“ทิปก็ดีด้วย” ผมยิ้มกว้าง ผมชอบเวลาที่ร้านยุ่งๆลูกค้าเยอะๆ เพราะจะเป็นวันที่เราได้ทิปหนัก แล้วก็จะได้พิเศษเพิ่มอีกส่วนหนึ่งด้วย

งานเหนื่อยผมไม่เคยกลัวนะ นอนพักเดี๋ยวก็หายเหนื่อย ถึงผมจะเป็นคนง่ายๆไม่เรื่องมากในการใช้ชีวิต เพราะเกิดมาก็ยากจนแล้ว แต่ผมก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าเงินน่ะมันสำคัญมากสำหรับการใช้ชีวิต ไม่มีเงินจะทำอะไรก็ลำบาก

“กูไม่เถียงเลยเรื่องเงิน เฮ้อ ไปดีกว่า กูกลับบ้านล่ะ”

“อืม” ผมโบกมือลาแจ็ค แล้วหันมาเก็บของในล็อคเกอร์เตรียมกลับห้องพัก

“ฟ้า เฮียเรียก”

“ครับ?” ผมที่กำลังจะเดินออกจากห้องพักพนักงานหันไปตามเสียงเรียกของพี่ไม้

“เฮียชาร์ปแกเรียกน่ะ”

“เอ่อ เรื่องอะไรพี่ไม้พอจะรู้ไหมครับ” ผมถามอย่างกล้าๆกลัวๆ แอบคิดไปว่าวันนี้ผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า

“ฮ่าๆๆ ดูทำหน้าเข้า ไม่มีอะไรหรอก ไปเถอะ”

“ครับ” ผมยิ้มแห้งให้พี่ไม้ ก่อนจะเดินไปหาเฮียชาร์ปเจ้าของร้านที่ห้องทำงานด้านใน

ผมเคาะประตูอยู่สองที พอได้ยินเสียงอนุญาตก็เปิดประตูเข้าไป เฮียชาร์ปวัยสามสิบปลายๆเงยหน้าขึ้นจากสมุดบัญชีของร้านแล้วยิ้มให้ผม ผมเดินเข้าไปใกล้โต๊ะทำงานของเฮีย ยืนเอามือประสานไว้ด้านหน้า รอฟังสาเหตุที่เฮียเรียกผมมาพบหลังจบงาน

“เป็นอะไร ทำไมทำหน้าเหมือนกลัว”

“เปล่าครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร” ผมส่ายหน้า ใครจะไปกล้าบอกล่ะว่ากลัว กลัวว่าจะไปเผลอทำอะไรผิดแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว

“หึหึ ไม่ได้จะดุอะไรหรอกน่า ที่เรียกมาหาเนี่ย เพราะมีลูกค้าฝากนี่ไว้ให้” เฮียชาร์ปยื่นซองจดหมายสีน้ำเงินมาตรงหน้าผม

ซองสีน้ำเงินอย่างนั้นเหรอ

ผมมองซองตรงหน้ากับหน้าเจ้าของร้านสลับกันอยู่สองถึงสามรอบ เฮียชาร์ปก็พยักหน้าให้ผมหยิบไป ผมลังเลใจเล็กน้อยก่อนจะหยิบซองสีน้ำเงินมาเปิดออก

“นี่มัน” เงินสดสองพันบาท

“ลูกค้าที่โซนวีไอพีเขาให้ไว้ บอกว่าให้ฟ้าโดยเฉพาะ เพราะว่าคนทำงานดีก็ต้องได้รับผลตอบแทน” เฮียพูดยิ้มๆ

“เอ่อ คือที่จริง ทิปต้องเข้ากองกลาง” ผมพูดเสียงเบา พลางนึกไปถึงเจ้าของซองเงิน ที่จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณตรี ถึงซองสีน้ำเงินซองนี้จะต่างไปจากแต่ก่อนมาก เพราะดูหรูขึ้นด้วยขลิบสีทอง แต่นอกจากคุณตรีแล้วผมไม่คิดว่าจะมีใครใช้ซองสีน้ำเงินแบบนี้อีก

“ทิปกองกลางน่ะลูกค้าให้มาแล้ว อันนี้ฟ้าก็คงต้องรับไป”

“มันจะดีเหรอครับ” ผมถามเฮียชาร์ปอย่างไม่ค่อยมั่นใจ เงินน่ะผมก็อยากได้ แต่ว่าปกติไม่ว่าลูกค้าจะให้ทิปกับใครก็ต้องใส่กองกลาง จากนั้นค่อยนำมาหารเท่าๆกัน จะไม่มีการแยกทิปเพื่อคนใดคนหนึ่ง

“มันก็ต้องดี เพราะอันนี้ลูกค้าเขากำชับมา เอาเถอะน่า ฟ้าทำงานดี ทำให้แขกวีไอพีพอใจ เฮียก็ดีใจแล้ว ส่วนนี่เป็นความประสงค์ของลูกค้าเขา ซึ่งเฮียก็รับปากไปแล้วว่าจะให้ถึงมือเรา ฟ้าก็รับไปเถอะ อย่าไปคิดมาก”

ผมยิ้มนิดๆ ก่อนจะยกมือไหว้เฮียชาร์ป

“ขอบคุณนะครับ แต่เฮียไม่บอกใครได้ไหม” ผมกลัวว่าถ้าคนอื่นรู้จะทำให้เขารู้สึกไม่พอใจที่ผมได้ทิปแยกต่างหาก

“อืม ก็ต้องอย่างนั้นแหละ วางใจเถอะ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้แม้แต่ไอ้ไม้”

“ครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”

“ไม่เป็นไร ไปเถอะ ดึกมากแล้ว กลับห้องดีๆล่ะเรา”

“ครับ สวัสดีครับ”

ผมยกมือไหว้ลาผู้ใหญ่อีกครั้ง ก่อนจะออกจากห้องทำงานของเจ้าของร้าน ผมก็รีบยัดซองเงินจำนวนสองพันบาทใส่กระเป๋าเพื่อไม่ให้ใครรู้ ถึงผมจะไม่ฉลาดมากนัก แต่ก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดไม่รู้ว่าการได้ทิปนอกรอบ มันอาจจะทำให้ใครบางคนไม่พอใจก็ได้

ทำยังไงได้ ในสังคมชั้นล่างที่ทุกคนต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบเพื่อหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องอ่อนไหว ดีไม่ดีจะเกิดการแย่งลูกค้ากันเพราะอยากได้ทิปนอกรอบหนักๆ ถ้าเป็นแบบนั้นคงวุ่นวายไม่น้อย

ผมกลับมาถึงห้องพักก็ตีหนึ่งได้แล้ว วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยและล้ามากๆวันหนึ่ง แต่ก็เป็นวันดีๆที่ผมอิ่มเอมใจมากเช่นกัน

ผมนั่งลงบนขอบเตียงนอน หยิบซองสีน้ำเงินซองที่สองที่ผมได้มาจากคุณตรีออกจากกระเป๋า ซองใบนี้ยังมีเงินสดอยู่ข้างใน แต่ซองใบเก่าไม่มีเงินสดหลงเหลืออยู่แล้ว นั่นเพราะผมได้เอามันไปเข้าธนาคารเป็นที่เรียบร้อย เก็บไว้เป็นเงินสำรองไว้ใช้ในยามจำเป็น

เงินก้อนแรกผมเต็มใจรับเอาไว้ เพราะไม่สามารถคืนให้กับเจ้าของที่จากไปไกลถึงต่างประเทศ รวมถึงตอนนั้นผมก็จำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ ผมอยากเรียนต่อเพื่อให้ตัวเองมีความรู้เอาไปสมัครงานดีๆ

แต่ครั้งนี้ผมรู้สึกว่ามันมากเกินไปหน่อย ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้ตีลังกาไปเสิร์ฟด้วย ทำไมผมจะต้องได้ทิปพิเศษส่วนตัวเยอะขนาดนี้

แต่ก็นั่นละนะ ผมจะทำอะไรได้ นอกจากเปิดลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือที่วางติดกับหัวเตียง  วางซองเงินไว้ในนั้น ทิ้งสายตามองมันอีกเสี้ยววินาที ก่อนจะยกยิ้มแล้วเลื่อนปิดลิ้นชัก พลางคิดขอบคุณน้ำใจที่อีกคนมีให้กันเสมอมา

ทว่าถ้ามีโอกาสได้เจอคุณตรีอีกครั้งผมก็อยากจะคืนเงินในซองนี้ให้เขา ก็ไม่รู้ว่าเขาจะรับคืนไหม คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต

“เฮ้อ เหนื่อยจัง”

ผมอยากทิ้งตัวลงนอนพักให้หายเหนื่อย แต่ผมก็ยังต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ ผมเรียนมหาวิทยาลัยเปิดแบบที่ไม่ต้องเข้าเรียนก็ได้ แต่ถ้าไม่ติดงานหรือธุระอะไร ผมก็จะไปเข้าเรียนเท่าที่เวลาจะอำนวย

ผมเลือกเรียนคณะมนุษยศาสตร์ เพราะถ้าในชีวิตนี้จะมีงานอะไรที่ผมอยากทำ ก็คงจะเป็นงานเกี่ยวกับหนังสือนิตยสาร เพราะสายงานอื่นบางงานต้องใช้ต้นทุนที่สูงเกินไป ดังนั้นการเรียนคณะนี้เลยดูจะเหมาะกับผมที่สุด

ตั้งแต่ผมไปสมัครเรียน กศน.แล้วอ่านหนังสือออก ผมชอบอ่านหนังสือมาโดยตลอด เพราะผมตามโลกใบนี้ไม่ทัน หนังสือจึงช่วยผมได้เยอะ ส่วนมากหนังสือที่อ่านก็ยืมมาจากห้องสมุดทั้งนั้น ให้ซื้อเองก็จะได้แค่เดือนละเล่มถึงสองเล่ม เพราะราคาหนังสือก็แอบแพงอยู่เหมือนกัน บางเล่มราคาเทียบเท่ากับค่าข้าวผมทั้งอาทิตย์เลยทีเดียว

ผมตั้งใจที่จะอ่านหนังสือให้จบบท แต่งานในวันนี้ดูดพลังงานผมไปมากพอตัว อ่านไปได้ไม่เท่าไหร่ผมก็ต้านทานต่อความง่วงไม่ไหว เผลอหลับคาโต๊ะหนังสือแบบไม่รู้ตัว ตกใจตื่นอีกทีก็ตอนที่นาฬิกาปลุกดังขึ้นตอนตีสี่ครึ่ง

ต้องตื่นอีกแล้วเหรอ

“อื้อ ขี้เกียจโว้ย” ผมร้องโวยวายในลำคอ ง่วงจนจะไม่ไหวอยู่แล้ว บางทีนะผมก็อยากจะงอแงไม่ไปทำงาน แต่เพราะว่าเกิดมาจนและไม่มีที่พึ่ง ดังนั้นจะเกเรมากไม่ได้

ถึงผมจะชินกับความจน ไม่ฟุ้งเฟ้อกับการอยากได้อยากมีเหมือนคนอื่น แต่การต้องหิ้วท้องหิวเป็นวันๆเพราะไม่มีเงินซื้อข้าวกินก็เป็นอะไรที่ทรมานมาก จนผมไม่อยากกลับไปมีชีวิตแบบนั้นอีก

“เฮ้อ” ผมถอนหายใจยาวเหยียด หลังจากที่ทำใจได้ก็ลุกขึ้นไปล้างหน้าอาบน้ำให้ร่างกายและสติตื่น ก่อนจะออกไปทำงาน

“มาแล้วเหรอฟ้า วันนี้ออเดอร์เยอะเลย มาช่วยพี่จัดกล่องหน่อยสิ” พี่นุชเรียกผมอย่างดีใจเมื่อผมก้าวเข้าไปในครัว

“รอบเช้าส่งกี่กล่องเหรอพี่” ผมถาม พลางหยิบเอารายการอาหารที่ต้องจัดส่งรอบหกโมงเช้ามาดู

“หกสิบกล่อง พี่เลยจัดไม่ทัน ช่วยทีนะ”

“ได้ครับ”

เหลือเวลาอีกแค่ยี่สิบนาทีในการจัดอาหารลงกล่อง ผมเร่งมือช่วยทำ แม้จะงงๆเบลอๆใส่ผิดใส่ถูกไปบ้าง แต่พี่นุชก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะต่างคนต่างลนด้วยกันทั้งคู่

“บ้านคุณตรี” ผมหลุดพูดชื่อเจ้าของบ้านตามเลขที่บ้านในกระดาษ

“ฟ้าๆ เดี๋ยวเอาครึ่งหนึ่งไปส่งก่อนนะ แล้วค่อยวนรถกลับมาเอาออเดอร์ที่เหลือ”

“ได้ครับพี่ งั้นผมเอารอบแรกไปส่งก่อนนะครับ”

“จ้า ขับรถระวังๆด้วยนะ”

“ครับผม” ผมฉีกยิ้มให้พี่นุช แล้วรีบออกไปส่งข้าวตามบ้าน

เพราะวันนี้ต้องส่งข้าวกล่องเยอะกว่าทุกวัน และทุกคนที่สั่งเขาก็ต้องออกจากบ้านตรงเวลาเพื่อไปทำงาน ปกติผมจะขับมอเตอร์ไซค์ช้าๆเพื่อความปลอดภัย แต่วันนี้ต้องขับเร็วและซิกแซกกว่าเดิม ไม่อย่างนั้นจะไปส่งข้าวไม่ทันเวลา

หลายครั้งที่ผมเกือบจะชนกับรถคันใหญ่เข้า แต่ก็รอดมาได้ด้วยดี จนกลับมาที่ร้านพี่นุชอีกครั้งเพื่อไปส่งข้าวเช้ารอบสอง

“ทำเวลาดีนี่เรา ขับซิ่งเลยล่ะสิ”

“นิดหนึ่งครับพี่” จากง่วงๆ เจอเรื่องหวาดเสียวแต่เช้าเข้าไป หัวใจผมเต้นแรงเป็นเท่าตัว

“ส่งรอบนี้เสร็จก็กลับไปพักได้เลยนะ รอบเที่ยงเดี๋ยวพี่ให้คนอื่นทำแทน เราจะได้พัก”

“ขอบคุณครับ” ผมน้อมใจรับเอาไว้ เพราะร่างกายผมต้องการการพักผ่อนจริงๆ

ผมเลือกไปส่งข้าวที่บ้านหลังอื่นก่อน แล้วค่อยไปส่งข้าวกล่องให้คุณตรีเป็นหลังสุดท้าย ก่อนไปผมแวะไปที่ห้องเพื่อเอาซองเงินสีน้ำเงินไปคืนเจ้าของ

แต่พอมาถึงหน้าประตูรั้ว เจ้าของบ้านก็ออกมายืนรออยู่แล้ว เขาดูเหมือนเพิ่งจะออกกำลังกายเสร็จ แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า

ผมมองคนตัวโตที่ยืนสูงเด่นท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ ผิวของคุณตรีขาว พอโดนแสงสีเหลืองอ่อนก็เหมือนจะเปล่งออร่าออกมาจากตัว เขาเหมือนเทพบุตรที่ลงมาจากสรวงสวรรค์

คนอะไรมีออร่าจนตาพร่าได้ขนาดนั้น

“เป็นอะไร จะมาส่งข้าวไม่ใช่เหรอ”

“อ่า” ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของคุณตรี เพราะเผลอมองอีกคนจนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

คุณตรีก้าวเท้าเข้ามาใกล้ผมที่ยังคงนั่งคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ ผมรีบร้อนลงจากรถจนลืมเอาขาตั้งยันพื้น เกือบจะโดนมอเตอร์ไซค์ล้มทับ โชคดีที่คุณตรีช่วยจับรถไว้ได้ทัน ทำให้ผมยังคงอยู่รอดปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน

“ระวังหน่อยสิ เดี๋ยวก็บาดเจ็บ”

“ขอโทษครับ” ผมพูดเสียงเบา

“ไม่ต้องมาขอโทษฉันหรอก ขอโทษตัวเองเถอะ”

“ครับ” เหมือนผมจะถูกดุ หรือเปล่านะ?

“ไม่สบายหรือเปล่า หน้าซีดๆ”

“เอ่อ”

ผมเผลอขยับถอยหลัง เมื่อฝ่ามือของคุณตรีแตะเข้าที่หน้าผาก แต่เขาไม่ปล่อยให้ผมหนีไปไกล ใช้อีกมือหนึ่งดึงผมเข้าหาตัวแล้วแตะสัมผัสไปทั่วใบหน้า

“ตัวร้อน” เขาพูดเสียงดุไม่พอ ยังทำหน้าดุอีกด้วย

“คือ เดี๋ยวผมส่งข้าวให้คุณตรีเสร็จก็จะไปพักแล้วครับ” ผมบอกเขา ไม่ให้เขาเป็นห่วง ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกแบบนั้นหรือเปล่า

“งั้นก็เอาข้าวมา” เขาแบมือมาตรงหน้า ผมรีบเดินไปหยิบถุงใส่กล่องข้าวในตู้เก็บความร้อนที่ท้ายรถมาส่งให้คุณตรี คุณตรีรับถุงไปถือไว้ก่อนจะยื่นเงินให้ผมห้าร้อยบาท ผมกำลังจะหยิบเงินทอน ทว่า...

“ไม่ต้องทอน” เขาพูดขัดขึ้น ผมรีบเงยหน้ามองเขาแล้วส่ายหน้าทันที

“ไม่ได้นะครับ ผมต้องทอน”

“ฉันไม่รับเงินทอน” เขาปฏิเสธอย่างดื้อดึง

“คุณตรี อย่าใช้เงินฟุ่มเฟือยสิครับ” ผมบอกเขาเสียงอ่อย เผลอกำเงินทอนในมือแน่นจนมันยับย่นไปหมด

“ฉันไม่ชอบใช้เงินที่ยับแล้ว นายก็รู้” เขาพูด ทำให้ผมนึกถึงความหลังว่าเขาชอบให้เงินเรียบๆไม่มีรอยพับ ดังนั้นเงินที่เขาจะใช้จะต้องเป็นเงินที่ออกมาจากธนาคารสดๆร้อนๆเท่านั้น

“งั้นคราวหลังคุณตรีก็จ่ายให้พอดีสิครับ”

“อืม ไว้คราวหลังละกัน”

“พรุ่งนี้คุณตรีจะสั่งข้าวอีกไหมครับ”

“สั่ง”

“ถ้าอย่างนั้นเงินนี่ ผมจะเก็บไว้หักวันพรุ่งนี้นะครับ พรุ่งนี้คุณตรีก็ไม่ต้องจ่ายอีก”

“...” เขาเงียบ เอาแต่จ้องหน้าผมนิ่ง ดวงตาของเขาดูอบอุ่น แต่ก็ดูดุดันอยู่ในที ทำให้ผมไม่กล้าที่จะสบตาเขานานเกินไปนัก

“ถ้าให้ทิปผมอีก วันหลังผมจะไม่มาส่งข้าวแล้วนะครับ จะให้คนอื่นมาส่งแทน”

“ฟ้า”

“ตกลงตามนี้นะครับ” ผมย้ำอีกครั้ง ให้เขาเห็นถึงความจริงจัง

“ก็แล้วแต่นาย” เขาพูดแบบขอไปที ท่าทางดูจะไม่สนใจที่ผมพูดสักเท่าไหร่

“อ่อ ผมลืมไปเลย”

ผมนึกขึ้นได้ว่ามีของที่อยากจะคืนเขา ซองสีน้ำเงินที่ผมได้มาเมื่อคืน ผมหยิบออกจากกระเป๋าสะพายข้าง แล้วส่งคืนให้คนร่างสูง

“อะไร” เสียงของเขาดุขึ้นกว่าเดิม

“เมื่อคืนที่คุณฝากไว้ให้ผม ผมรับไว้ไม่ได้หรอกครับ มันมากเกินไป”

“ฉันอยากให้”

“แต่ผมรับไว้ไม่ได้”

“ทำไมถึงรับไว้ไม่ได้”

“คุณตรีเอาคืนไปเถอะนะครับ ยังไงคุณตรีก็ให้ทิปรวมแล้ว ส่วนนั้นผมก็ได้เหมือนกัน”

“แต่ส่วนนี้ฉันให้นายคนเดียว ถ้าไม่อยากรับก็เอาไปทิ้งซะ นั่นน่ะ ถังขยะ” เขาเหลือบตามองไปที่ถังขยะตรงหน้าประตูรั้ว

ทำไมเขาดื้อแบบนี้นะ

“อย่าทำแบบนี้สิครับ ถึงคุณตรีจะรวย แต่ก็ไม่ควรใช้เงินแบบนี้นะ” ผมพูดเสียงอ่อน มือที่ยื่นซองเงินค้างเติ่งจนเริ่มจะเมื่อย

“ฉันอยากให้นาย ก็เหมือนให้ของขวัญไง ฉันผิดตรงไหน”

“มันก็...” ไม่ผิด แต่มันเกินไปไหมที่เขาให้ผม

“นายก็อย่าดื้อกับฉัน ฉันให้นายต้องรับ”

ผมดื้อตรงไหน เขาต่างหากที่ดื้อ

“ฉันจะเข้าบ้านแล้ว เงินนั่นถ้าไม่อยากรับ ก็โยนทิ้งไปซะ ฉันพูดจริง” เขาพูดจบก็เดินเข้าบ้านไปเลย ไม่สนใจผมที่ยืนเครียดอยู่ตรงนี้

จะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะบอกว่าผมเกลียดเจ้าซองสีน้ำเงินนี่นัก หวังว่าชีวิตนี้ผมจะไม่ต้องรับมันมาเพิ่มอีกแล้วนะ

“คนอะไร ใช้เงินฟุ่มเฟือย” ผมบ่นกับตัวเอง ได้แต่มองบานประตูไม้ที่ปิดสนิทด้วยความอ่อนใจ ผมจะเอาอะไรไปขัดใจเขาได้ ในเมื่อผมแพ้เขาทุกทาง


:L1:

ติดแท็ก #ปรนเปรอรัก
Facebook : RiRiWorld
Twitter : @NovelsRiri

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-06-2020 16:50:59 โดย RiRi »

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
น้องฟ้าหนูนี่แม่ศรีเรือนจริงๆเลยลูก  :m13:
รอออ  :กอด1:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
CATER TO YOU
ตอนที่ 3
ดื่มเยอะแบบนี้ ไม่ดีเลยนะครับ


วันนี้เป็นอีกวันที่มีลูกค้าหนาแน่นเต็มร้านอาหารจนโต๊ะเต็มทุกโต๊ะ คืนวันเสาร์ก็แบบนี้แหละนะ ผมเดินส่งออเดอร์ เดินเสิร์ฟอาหารไม่หยุดตั้งแต่เปิดร้านมา จนตอนนี้ก็หนึ่งทุ่มแล้ว เป็นเวลาที่ผมจะได้พักกินข้าว

“ฟ้า กินข้าวอยู่เหรอ” พี่ร่วมงานเดินเข้ามาหาผมที่นั่งกินข้าวอยู่หลังร้าน

“ครับพี่” ผมตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปากแล้วรีบเคี้ยวรีบดื่มน้ำตาม

“พอดีพี่ไม้แกให้มาเรียกน่ะ บอกว่าลูกค้าวีไอพีเรียกหา”

“หาผมเหรอ” ผมถามกลับอย่างแปลกใจ เพราะว่าปกติผมไม่มีลูกค้าวีไอพีเจ้าประจำ

“อืม กินข้าวเสร็จแล้วก็ไปหาพี่ไม้ละกัน”

“ครับพี่ ขอบคุณครับ”

ผมยกน้ำขึ้นดื่มอีกรอบ ก่อนจะเข้าห้องน้ำไปแปรงฟัน กับข้าวที่พ่อครัวทำในวันนี้เป็นกับข้าวที่มีกลิ่นแรง ถ้าต้องไปดูแลลูกค้าวีไอพี จะพูดจะคุยกับลูกค้าแล้วมีกลิ่นปากคงไม่ดี

ปกติผมก็แปรงฟันหลังกินข้าวอยู่แล้ว เหตุผลก็เพราะผมยอมเสียเวลาดูแลมันซะหน่อย ดีกว่าให้มันมีปัญหาแล้วต้องไปหาหมอเสียเงินเสียทองทีหลัง

แปรงฟันเสร็จผมก็รีบเดินไปหาพี่ไม้ที่ยืนรับแขกอยู่หน้าร้าน ผมยืนรออยู่ใกล้ๆจนกระทั่งพี่เขาจัดแจงหาโต๊ะให้ลูกค้ากลุ่มใหญ่เสร็จ

“กินข้าวเสร็จแล้วเหรอเรา ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดีเลย” พี่ไม้ถาม ขณะที่เดินนำผมไปยังห้องอาหารวีไอพี

“ครับ ปกติผมกินข้าวไวอยู่แล้ว” ผมบอก

“พอดีลูกค้าเขารีเควสมาอ่ะ พี่เลยต้องให้คนไปตาม”

“ไม่เป็นไรครับ”

“ยังไงก็ฝากด้วยนะ” พี่ไม้บอกผม ก่อนจะเปิดประตูห้องอาหาร

พี่ไม้เดินนำเข้าไปในห้อง ทำให้จังหวะแรกผมไม่เห็นว่าลูกค้าคือใคร จนกระทั่งพี่ไม้ขยับตัวเบี่ยงไปทางซ้าย ผมถึงได้เห็นว่าใครคือลูกค้าวีไอพีที่เรียกหาผม

คุณตรี

“ผมพาเด็กมาส่งแล้วครับลูกค้า ต้องการอะไรก็บอกกับน้องเขาได้เลยนะครับ”

“ครับ” คุณตรีตอบรับพี่ไม้สั้นๆ ก่อนจะหันมาสบตาผม

“ตั้งใจทำงานนะฟ้า”

“ครับพี่”

พี่ไม้เดินออกจากห้องไปแล้ว ผมยืนมองคุณตรีด้วยความประหม่า ก่อนจะรีบตั้งสติแล้วเข้าไปจดออเดอร์อาหาร เพราะเท่าที่สังเกตคือบนโต๊ะยังโล่งไม่มีแม้แต่แก้วน้ำด้วยซ้ำ

“รับเป็นเครื่องดื่มอะไรดีครับ” ผมถามในสิ่งที่คิดว่าพวกเขาน่าจะให้คำตอบได้ก่อน

“เอาเหล้าไหมเจ้าภาพ” ผู้ชายคนหนึ่งหันไปพูดกับคุณตรี

“อืม อยากกินก็สั่ง”

“งั้นพวกกูเต็มที่นะ มึงกลับมาอยู่ไทยทั้งที มันก็ต้องฉลองกันสักหน่อย”

“ตามสบาย”

“ไหนๆก็มีคนเลี้ยงละ คืนนี้จัดเต็ม”

“ดีๆ เอาให้เต็มที่ ฮ่าๆๆ”

พวกเขาดูเฮฮาสนุกสนาน ขนาดคุณตรีเองที่มักจะมีสีหน้าเคร่งเครียดก็ยังหลุดยิ้มและขำขันไปกับเพื่อนของเขา ผมเผลอยิ้มให้กับรอยยิ้มที่ดูผ่อนคลายของคุณตรี ถ้าคุณตรียิ้มแบบนี้บ่อยๆก็คงจะดี ผมชอบที่เขายิ้มมากกว่าตอนที่เขาทำหน้านิ่ง

ตอนสั่งอาหารก็เป็นเพื่อนๆเขาที่สั่งกันเสียมากกว่า ผมมองคุณตรีที่เอาแต่นั่งมองเมนู ไม่เห็นจะสั่งอะไรสักที ผมจึงขยับเข้าไปใกล้เขาแล้วสอบถาม

“คุณตรีไม่สั่งเหรอครับ”

“ไม่รู้สิ มีอะไรแนะนำไหมล่ะ” คุณตรีเงยหน้าจากเมนูมาถามผมกลับ

“เต้าหู้หมูสับนึ่งขิงไหมครับ กลมกล่อม ไม่เผ็ดด้วย” ผมเสนอ เพราะรู้ว่าคุณตรีไม่กินเผ็ด เขาเหมือนจะกินง่าย แต่ความจริงค่อนข้างเลือกกินมากๆ และแต่ละเมนูที่เพื่อนๆเขาสั่งมาก็เป็นอาหารรสจัดทั้งนั้น

“อืม เอาอันนั้นก็ได้ แล้วมีอะไรอร่อยอีกไหม” คุณตรีพยักหน้ารับเมนูที่ผมเสนอ

“ที่จริงก็อร่อยทุกอย่างแหละครับ ผมรับประกัน” ผมรีบขายของ คุณตรีเหลือบมองผมแล้วยกยิ้มมุมปาก

“เอาที่ฉันกินได้สิ”

“ปลากะพงทอดน้ำปลาโอเคไหมครับ เค็มนิดๆอมหวานหน่อยๆ”

“เอา”

“อีกอย่างเอาเป็นพวกต้มดีไหมครับ ที่สั่งมามีแต่ต้มยำกับแกงส้ม ที่ร้านทำค่อนข้างเผ็ดเลย คุณตรีน่าจะไม่ชอบ”

“อืม”

“งั้นเอาเป็นต้มจืดฟักเส้นใส่ไก่สับไหมครับ คุณตรีชอบกินไก่นี่”

เขาดูแลสุขภาพตัวเองตั้งแต่เขายังเป็นนักเรียนมัธยมปลาย ออกกำลังกายแล้วก็สร้างกล้ามเนื้อตลอด แต่ก็ไม่ถึงกับควบคุมอาหารไปเลยขนาดนั้น ตอนนั้นเขาก็ยังกินทุกอย่าง ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับอารมณ์ แต่ปัจจุบันนี้ผมยังไม่ค่อยรู้เรื่องของเขาเท่าไหร่ อาศัยก็แค่ข้อมูลครั้งเก่าที่ผมยังจำได้ไม่เคยลืม

“เดี๋ยวนะ สองคนนั้นซุบซิบๆอะไรกัน” เพื่อนของคุณตรีที่ตัดผมทรงสกินเฮด เจาะหูแต่งตัวดูเท่เอ่ยทักขึ้น

“นั่นสิ ทำไมน้องไม่มาแนะนำอาหารให้พี่บ้างล่ะ พี่ก็อยากได้คนดูแลนะ” ส่วนคนนี้ดูเป็นผู้ชายแบบไทยแท้ ทั้งรูปหน้าและผิวสีแทน

“เงียบไปไอ้ทิศ” คุณตรีแหวขึ้นเสียงเบา

“หวงเหรอ นี่เพื่อนไง” คนที่คุณตรีเรียกว่าทิศยักคิ้วถามกวนๆ

“เรื่องของกู”

“น้องชื่ออะไรครับ” พี่คนหัวสกินเฮดถามผม

“ผมชื่อสายฟ้าครับ” ผมตอบเพื่อนคุณตรีด้วยเสียงที่นอบน้อม

“งั้นเรียกน้องฟ้าได้ไหม ง่ายดี”

“ได้ครับ”

“น้องฟ้ามีอาหารแนะนำให้พวกพี่บ้างไหม ขอรสจัดๆ”

“ครับ ก็มี...”

“ที่สั่งไปยังรสจัดไม่พอหรือยังไง”

เสียงของผมถูกขัดจากคุณตรี แล้วยังดึงแขนผมให้ขยับเข้าหาเขาใกล้กว่าเดิม เพียงเท่านั้นเพื่อนทั้งสองคนของคุณตรีก็โห่แซวพร้อมผิวปาก

“หวงจริงๆด้วยว่ะ กับพนักงานเสิร์ฟก็ยังจะหวงกับเพื่อน นิสัยเด็กไม่หายเลยนะคุณชายตรี”

“อย่ายุ่งน่า” คุณตรีชักสีหน้าแบบว่าเริ่มรำคาญเต็มทน

“โอเคๆ ไม่แซวแล้ว กูยังไม่อยากเห็นคนตัวโตเท่าควายเขิน ถ้าเป็นอย่างน้องฟ้าก็ว่าไปอย่าง”

“จิ๊”

ดูท่าว่าคุณตรีเริ่มจะอารมณ์ไม่ดีแล้วจริงๆ

“จะสั่งอะไรเพิ่มไหมครับ ผมจะได้เอาออเดอร์ไปส่งทีเดียว เดี๋ยวคนมาเยอะกว่านี้จะรอนาน” ผมยิ้มนิดๆแล้วเบี่ยงประเด็นออกจากเรื่องที่พวกเขาแซวเล่นอย่างสนุกสนาน ถ้ามากไปกว่านี้ผมคงจะทำหน้าไม่ถูก และคุณตรีอาจจะคว่ำโต๊ะใส่เพื่อนเขาก็เป็นได้

“เอาแค่นี้ก่อนก็ได้ครับน้องฟ้า” เพื่อนคุณตรีหันมายิ้มให้ผม

“งั้นผมทวนรายการอาหารนะครับ” ผมบอก

หลังจากที่ทวนรายการอาหารว่าไม่มีเมนูไหนตกหล่นจดไม่ทัน ผมก็เดินเอากระดาษจดออเดอร์อาหารไปส่งที่ห้องครัว พร้อมจัดเครื่องดื่มตามที่สั่ง ทั้งเหล้า โซดาและน้ำเปล่า ก่อนจะเอาขึ้นไปเสิร์ฟให้ที่ห้องอาหารของคุณตรีเป็นอันดับแรก

พอขึ้นไปถึงผมก็จัดแจงชงเหล้าใส่แก้วให้กับทุกคน ก่อนจะหลบมายืนอยู่ที่มุมห้อง รอเวลาที่พวกเขาจะเรียกให้ผมไปบริการ

คุณตรีและเพื่อนๆของเขากำลังนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องสถานที่ท่องเที่ยวที่พวกเขาไปมา และแน่นอนที่สุดว่าพวกเขาจะต้องซักถามถึงเรื่องที่คุณตรีไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ

ต่อให้ผมจะรู้ว่ามารยาทที่ดีคืออะไร ทว่าพื้นที่ในห้องสำหรับแขกไม่เกินหกท่าน มันก็ทำให้ผมได้ยินเรื่องที่แอบอยากรู้ได้ไม่ยาก เพียงแต่ว่าคุณตรีไม่ค่อยจะเล่าอะไรเท่าไหร่ เพื่อนๆของคุณตรีก็ร้องบ่นกันว่าคุณตรีชอบกั๊กเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผู้หญิงที่นู่นหรือเรื่องครอบครัว ที่ดูจะพูดได้คล่องก็คงเป็นเรื่องงาน

ผมกะดูเวลาว่าอาหารน่าจะได้แล้ว ก็ปลีกตัวออกมาจากห้องอาหารไปที่ห้องครัว แล้วก็เป็นไปตามคาด อาหารทยอยเสร็จเรื่อยๆ ผมเอากับข้าวสามอย่างกับข้าวสวยหนึ่งโถขึ้นไปเสิร์ฟเป็นอันดับแรก

“น้องฟ้าครับ ชงเหล้าให้พี่หน่อยสิ น้องชงรสชาติดีมาก ไม่เหมือนเพื่อนพี่ ชงได้ห่วยแตก” พี่คนหัวสกินเฮดบอกพร้อมกับชูแก้วเหล้าให้ผม

“แล้วทำไมมึงไม่ชงเองล่ะ ใช้กูแล้วยังจะบ่นอีกเหรอ” พี่ที่ชื่อทิศบ่นใส่เพื่อนที่นั่งยิ้มเยาะ

ผมตักข้าวใส่จานให้พวกเขาเสร็จ ก็หยิบแก้วของพี่เขามาชงเหล้าเติมให้ แถมเติมให้แก้วของคุณตรีด้วย พวกเขาดื่มกันไวน่าดู เวลาผ่านไปราวๆครึ่งชั่วโมงเหล้าในขวดก็พร่องไปกว่าเศษหนึ่งส่วนสาม

เหล้าที่คุณตรีสั่งเป็นเหล้าที่แพงที่สุดในร้าน ผมก็ไม่เคยกินหรอกนะ เขาว่ากันว่ารสชาติดี แต่สำหรับผมเหล้าอะไรก็ขมทั้งนั้น กินแล้วก็เมาเหมือนกัน

อาหารที่คุณตรีสั่งค่อยๆทยอยเสร็จและนำขึ้นมาเสิร์ฟ ผมยังคงคอยชงเหล้าอยู่เรื่อยๆ พร้อมกับรอรับออเดอร์อาหารจำพวกกับแกล้ม

“เฮ้ตรี เหล้ามึงหมดแล้ว เติมดิเติม น้องๆ มาเติมเหล้าให้เพื่อนพี่หน่อย”

“ครับ” ผมรับคำ แล้วเดินไปหยิบแก้วเหล้าของคุณตรี

ใบหน้าของเขาตรงแก้มและจมูกเริ่มขึ้นสีแดงนิดๆ คุณตรีเป็นคนขาว พอเริ่มเมาก็จะเห็นได้ชัด

เขาจะไม่เมาได้ยังไง เหล้าขวดแรกหมดไปแล้ว ตอนนี้เข้าสู่เหล้าขวดที่สอง มากันแค่สามคน แต่ดื่มเหมือนมากันสักสิบคน งานนี้เพื่อนๆของคุณตรีคงกะมอมให้เมาเละเทะ

“ไหวไหมครับ” ผมก้มถามเขาเสียงเบา

“อืม” เขาพยักหน้าเล็กน้อย

ผมมองเขาอีกแวบ ก่อนจะเดินไปชงเหล้า ผมลดปริมาณเหล้าลงครึ่งหนึ่ง ผสมกับโซดาและน้ำเปล่าอย่างละครึ่ง แล้วจึงเดินเอาไปเสิร์ฟ

คุณตรีมองหน้าผมสลับกับแก้วที่วาง ก่อนจะยกยิ้มบางๆแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ

เขาไม่ได้พูดอะไร ยังคงนั่งฟังเพื่อนๆพูดคุย บางครั้งคุณตรีก็มองมาที่ผม ผมสังเกตเห็นว่า เขายกแก้วเหล้าดื่มช้าลง กว่าแก้วนี้จะหมด เพื่อนๆของเขาก็ร้องว่าไม่ไหวซะแล้ว

“เก็บบิลเลยละกัน เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำแปบ”

“ไปด้วยๆ”

พวกเพื่อนของคุณตรีเดินออกไปเข้าห้องน้ำ ส่วนผมก็เดินไปเอาบิลค่าอาหารที่ห้องการเงิน ปล่อยคุณตรีไว้ในห้องนั้นเพียงลำพัง

ก่อนจะกลับขึ้นไปแจ้งค่าอาหาร ผมแวะหยิบผ้าสะอาดผืนใหม่ชุบน้ำสะอาดเย็นจัดขึ้นไปให้คนทั้งสามคนข้างบนด้วย ในส่วนนี้จะไม่ได้มีบริการทุกโต๊ะ จะเตรียมไว้บริการแขกวีไอพีเท่านั้น เพราะผ้าสะอาดจะใช้เพียงครั้งเดียว ไม่นำกลับมาใช้กับแขกคนอื่นอีกรอบ

ผมกลับมาที่ห้องอาหาร คุณตรีนั่งหลับตาพิงเก้าอี้ มือขาวเรียวยกนวดระหว่างหัวคิ้วทั้งสองข้าง เขาดูเมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ระหว่างมื้ออาหารก็ไม่ยอมหยุดดื่ม ขนาดผมชงแบบเบาที่สุดให้แล้วก็ยังไม่ค่อยช่วย

“คุณตรี ผ้าเย็นสักหน่อยไหมครับ จะได้สดชื่น” ผมเรียกเขา คุณตรีลืมตาขึ้นมองผม แล้วไล่สายตาลงมามองผ้าเย็นในถาดเล็กที่ผมยื่นไปตรงหน้าเขา

“ผ้าเย็นผืนใหม่ สะอาดแล้วก็หอมแน่นอนครับ” ผมยิ้มรับประกัน

“ขอบใจนะ” เขาหยิบผ้าเย็นไปเช็ดตามใบหน้าและลำคอ

“นี่บิลค่าอาหารครับ”

ผมวางถาดผ้าเย็นอีกสองผืนไว้บนโต๊ะ ที่ทำการเคลียร์จานเปล่าไปเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะยื่นบิลให้คุณตรีดู เขาหยิบไปเช็คก่อนจะส่งคืนพร้อมกับบัตรเครดิตและเงินสดอีกหนึ่งพันบาท

“ค่าอาหารรูดบัตร ส่วนเงินสดฉันให้เป็นทิป” เขาบอก

“ครับผม คุณตรีครับ”

“หืม”

ผมไม่รู้ว่าควรพูดสิ่งที่คิดดีไหม แต่ถ้าไม่พูดแล้วเกิดเหตุการณ์เดิมซ้ำรอย ก็จะกลายเป็นผมเองที่รู้สึกลำบากใจมากขึ้นไปอีก ถ้าต้องเป็นแบบนั้น ผมว่าผมพูดดีกว่า

“วันนี้คุณตรีไม่ต้องให้ทิปผมส่วนตัวแล้วนะครับ”

“ทำไม” คำถามของเขาไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจ

“แค่นี้ก็พอแล้วครับ วันก่อนที่คุณตรีให้มาก็เยอะแล้ว ไม่ต้องให้ผมแล้วนะครับ”

“อืม”

“คุณตรีรับปากแล้วนะ” ผมกลัวเหลือเกินว่าเขาจะรับคำไปอย่างนั้น

“ฉันรู้แล้ว”

“ขอบคุณครับ”

ผมรีบลงไปเคลียร์บิลให้คุณตรี ก่อนจะเอาบัตรและใบเสร็จมาส่งคืน ผมอยู่ให้บริการจนกระทั่งพวกเขาลุกเดินออกจากห้องอาหารลงไปที่หน้าร้าน พวกเขาเอ่ยลากันก่อนจะแยกย้าย คุณตรียืนมองเพื่อนขึ้นรถแล้วขับออกไป

“คุณตรีกลับไหวเหรอครับ” ผมถามด้วยความเป็นห่วง ดูท่าว่าเขาคงขับรถมา

“ไม่ไหว”

“อ้าว”

“หึหึ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันโทรเรียกคนขับรถแล้ว”

“อ่อ นั่นสินะครับ” แต่ไหนแต่ไรมาคุณตรีก็มีคนขับรถส่วนตัวอยู่แล้ว แม้ว่าเขาจะชอบขับรถเองก็เถอะ

“เลิกงานกี่โมง” คุณตรีถามขึ้น ผมที่กำลังจะขอตัวกลับไปทำงานก็ต้องชะงักคำพูด

“เที่ยงคืนครับ”

“เลิกดึก แล้วก็ตื่นแต่เช้าไปส่งอาหาร วันๆหนึ่งได้นอนกี่ชั่วโมงกันฟ้า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าคล้ายจะตำหนิมากกว่าถาม

“แต่ผมก็มีเวลานอนกลางวันอยู่ครับ” ผมรู้ว่าคำตอบของผมมันไม่ตรงกับคำถามของเขา

“ฉันถามว่าวันละกี่ชั่วโมง ตอบให้ตรงคำถามหน่อย”

“เอ่อ ก็ สองสามชั่วโมงครับ พอดีช่วงนี้ติดอ่านหนังสือสอบ”

เขาจ้องผมนิ่งเลยทีนี้ ทำไมผมต้องรู้สึกเหมือนว่าตัวเองทำผิดมหันต์ ในเมื่อผมต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเอง ถ้าไม่ใช่ช่วงสอบก็สบายอยู่ กลับถึงห้องก็อาบน้ำแล้วเข้านอนเลย ตื่นมาส่งข้าวรอบเช้าก็มีเวลากลับไปนอนก่อนจะส่งข้าวรอบเที่ยง ผมเกิดมาตัวคนเดียว ไม่มีใครหาเลี้ยง จะมามัวทำตัวขี้เกียจมันก็ไม่ได้

“เมื่อเช้าตัวร้อน ไปหาหมอมาหรือยัง”

“แค่นั้นเอง ไม่ต้องไปหาหมอหรอกครับ กินยาผมก็ดีขึ้นแล้ว”

ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น โตมาแบบตามมีตามเกิด แทบจะเรียกได้ว่านอนกลางดินกินกลางทราย แค่ทำงานหนักนอนน้อยแค่นี้ ไม่ทำให้ร่างกายผมถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อหรอกครับ

“แต่ก็ควรจะไปหาหมอให้เขาตรวจ”

“เปลืองเงินนี่ครับ ผมซื้อยาแก้ไข้เองแผงละสิบกว่าบาท ไปหาหมอเสียเป็นร้อย”

“ช่างเถอะ ดูแลตัวเองให้ดี ฉันไปละ”

คุณตรีคงอยากจะดุผมมากกว่านี้ แต่ว่าคนขับรถของคุณตรีขับมาเทียบท่าที่หน้าร้านซะก่อน

“กลับดีๆนะครับ” ผมเอ่ยลา

“นายก็ด้วย ดูแลตัวเอง อย่าให้ป่วย”

“ครับ ผมจะไม่ป่วยครับ”

ผมส่งคุณตรีขึ้นรถกลับบ้าน ยืนมองจนรถของเขาลับสายตา ผมถึงได้กลับเข้าไปทำงานต่อ

การทำงานวันนี้ไม่เหนื่อยอย่างที่ควรจะเป็น เพราะการรับรองแขกวีไอพีอย่างคุณตรีทำให้ผมไม่ต้องไปวิ่งหัวหมุนอยู่ที่โซนธรรมดา ติดอยู่อย่างเดียวก็คือซองสีน้ำเงินเข้มที่ชายคนนั้นฝากเอาไว้กับเจ้าของร้าน

ทำไมคุณตรีถึงได้ดื้อขนาดนี้นะ เขาให้ทิปส่วนตัวกับผมอีกแล้ว!

อย่าคิดว่าผมไม่อยากได้เงิน คนจนๆแบบผมก็อยากจะมีเงินไว้กินไว้ใช้ แต่ที่เขาให้ผมมันมากเกินไป ตั้งแต่เขากลับมาได้ไม่กี่วัน ผมก็ได้รับเงินแทบจะเท่ากับส่งอาหารทั้งเดือนอยู่แล้ว

ผมอยากจะขุ่นเคืองใจให้ได้มากกว่านี้ ถ้าไม่ติดว่ามีกระดาษแผ่นเล็กแอบแทรกตัวอยู่ในซองสีน้ำเงินเจ้าปัญหา


‘เอาเงินนี้ไปหาหมอ ถ้าป่วยหนักทำงานไม่ได้
คงเสียเงินมากกว่าหลักร้อย
หาหมอแล้ว เอาใบแพทย์มาให้ดูด้วยล่ะ’


ผมละอ่อนอกอ่อนใจกับคนหน้านิ่งที่ใจดีเหลือเกิน ไหนเขาพูดว่าเขารู้แล้วไง แต่ก็ไม่ยอมทำตามความต้องการของผม

“เฮ้อ ไว้พรุ่งนี้ ผมจะไปหาหมอก็แล้วกัน”

แน่นอนว่าผมไม่ได้ดื้ออย่างที่คุณตรีเคยพูด แต่ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เพราะเขากลัวผมไม่รับเงิน ถึงได้ใช้เล่ห์อุบายให้ผมไปหาหมอแทน ซึ่งผมก็ทำตามที่เขาต้องการ

เช้าวันถัดมาผมไปส่งอาหารที่บ้านเขาในตอนเช้า สิ่งที่ผมยื่นให้เขาเป็นสิ่งแรกไม่ใช่ถุงใส่กล่องอาหาร แต่เป็นใบแพทย์และเงินทอน

“ก็ยังดี ที่ไปหาหมอ” คุณตรีพูด ก่อนจะรับใบแพทย์กับเงินทอนไปอย่างไม่เต็มใจนัก

“แล้วก็อาหารเช้าครับ คุณตรียังไม่ได้แม่บ้านเหรอถึงได้สั่งอาหารทุกวัน”

ผมใช้ความกล้าในการถามคำถามนี้ เพราะไม่รู้ว่ามันจะดูละลาบละล้วงเกินไปไหม แต่ผมก็สงสัยจริงๆ คุณตรีกินค่อนข้างยากและไม่ชอบกินอะไรซ้ำๆ การที่เขาสามารถกินข้าวกล่องได้ติดกันเกินสองวันจึงทำให้ผมค่อนข้างแปลกใจพอสมควร

“ยังหาคนใหม่ไม่ได้” เขาตอบ รับถุงกระดาษไปถือไว้พร้อมกับควักเงินจ่าย ทำให้ผมไม่ทันได้สงสัยในความหมายของแม่บ้านคนใหม่ที่เขาพูด

“คุณตรีไม่ต้องจ่ายแล้วไงครับ ลืมไปแล้วเหรอ เมื่อวานผมยังไม่ได้ทอนเงินให้”

“หึ ความจำดีจริงนะ” เขาบ่นพึมพำ ผมไม่เข้าใจจริงๆ จะมีใครที่ไหนที่อยากจ่ายเงินซ้ำซ้อน คาดว่าคงจะมีคนอย่างคุณตรีคนเดียวในโลก

“ผมความจำดีอยู่แล้ว แต่คุณตรีอาจจะขี้ลืม ขนาดบอกกับผมว่ารู้แล้ว แต่ก็ยังลืม ฝากทิปส่วนตัวมาให้ผมอีก”

“ฉันไม่ได้ลืม ฉันบอกว่ารู้แล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าจะทำตามสักหน่อย”

พอเขาพูดมาแบบนี้ ผมก็ไม่รู้จะตอบอะไรกลับไปดี ทั้งยังไม่มีเวลาเหลือให้ผมได้ถกเถียงเรื่องทิปกับเขาต่อ ยังเหลือออเดอร์ที่ผมยังต้องไปส่งอีกหลายบ้าน ถ้าไม่รีบไปตอนนี้ผมจะต้องไปส่งข้าวสายแน่ๆ

“ผมเข้าใจคุณตรีแล้วครับ ถ้ายังไงผมขอตัวก่อนนะครับ ต้องไปส่งอาหารที่อื่นต่อ”

“อืม”

“แล้วก็ ถ้าวันนี้คุณตรีจะไปทานข้าวเย็นที่ร้าน ผมหยุดนะครับ ยังไงคุณตรีก็เรียกใช้งานพี่ๆคนอื่นที่ร้านได้เลย” ผมบอกไว้ก่อน เขาจะได้ไม่ต้องให้พี่ไม้ไปตามผม

“วันนี้ตอนเย็นฉันไม่ไปกินที่นั่นหรอก”

“ครับ”

“ฟ้า”

“ครับคุณตรี”

“ถ้าช่วงบ่ายวันนี้หยุด ติดธุระที่ไหนหรือเปล่า”

“ไม่ครับ” ผมตอบไปอย่างไม่คิดอะไร ที่จริงก็มีต้องอ่านหนังสือ แต่ก็เหลือที่ต้องอ่านไม่เยอะมากแล้ว

“ช่วงบ่ายมาช่วยหน่อยได้ไหม ฉันจะจัดห้องทำงานใหม่ มีชั้นหนังสือที่ต้องจัดเรียง”

“ได้สิครับ ผมมาช่วยได้”

ไม่รู้ว่าผมออกอาการมากไปหรือเปล่า เพียงแค่เขาถามหาความช่วยเหลือจากผม ประโยคต่อจากนั้นผมก็แทบฟังไม่ได้ศัพท์แล้วว่าเขาจะให้ผมทำอะไร รู้แค่ว่าไม่ว่างานอะไรผมก็เต็มใจช่วย

“งั้นเจอกันบ่ายสองโมงที่บ้าน”

“ครับคุณตรี แล้วเจอกันครับ”

“ไปทำงานดีๆ ขี่รถระวังตัวด้วย” คุณตรีพยักพเยิดหน้าไปทางมอเตอร์ไซค์ที่ผมขี่

“ครับ ผมจะขี่รถอย่างระมัดระวัง” ผมรับคำเขาอย่างหนักแน่น

เพราะเชื่อในคำสั่งของคุณตรี วันนี้ผมจะยอมขับรถช้าเป็นเต่าคลาน แต่คาดว่าจะส่งข้าวกล่องทันเวลาทุกหลังคาเรือนแน่นอน เอาหัวไอ้ฟ้าเป็นประกันเลย!


:L1:

ติดแท็ก #ปรนเปรอรัก
Facebook : RiRiWorld
Twitter : @NovelsRiri

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-06-2020 17:00:06 โดย RiRi »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Fasai25448

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุกกกก น้องฟ้าน่ารักน่าเอ็นดูจังเลยค่ะ ฮืออยากกอดน้องไว้แน่นๆ

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
รับไว้นัองฟ้าเผื่อเป็นค่าสินสอด  :hao3:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สนุกดีค่ะ และยังอยากอ่านต่อเรื่อยๆนะ
แต่กลัวเรื่องจะปลิวมากๆเลยค่ะเพราะคุณไม่ลงกฎของเล้าเลย ฉะนั้น แก้ไขให้เรียบร้อยก่อนนะคะ

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
สนุกดีค่ะ และยังอยากอ่านต่อเรื่อยๆนะ
แต่กลัวเรื่องจะปลิวมากๆเลยค่ะเพราะคุณไม่ลงกฎของเล้าเลย ฉะนั้น แก้ไขให้เรียบร้อยก่อนนะคะ

ขอบคุณที่เตือนค่า ลืมไปเลย ไม่ได้ลงนิยายนาน งื้อออ เกือบไปแล้ววว  :mew5:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
น้องฟ้าปล่อยพี่เขาเปย์ไปเถอะค่ะ พี่เขาอยากให้เราเหนื่อยน้อยลงไงค่ะ

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
หน่องฟ้าาาาาาาา น่าเอ็นดูมากๆ
งี้พี่ตรีต้องดูแลน้องนะะะะ

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
CATER TO YOU
ตอนที่ 4
คุณตรีอยากได้พ่อบ้านเหรอครับ

เวลาบ่ายสองโมงตรงแบบไม่ขาดไม่เกิน ผมมายืนอยู่ที่หน้าบ้านคุณตรีตามที่นัดกันไว้ ถือเป็นครั้งที่สองนับตั้งแต่คุณตรีกลับมาจากอังกฤษ ที่ผมจะได้เข้าไปในบ้านของเขา

ความจริงแล้วผมว่าผมก็แอบเป็นคนเกเรอยู่เหมือนกัน ทั้งที่อีกสองวันผมจะสอบ แทนที่จะไปอ่านหนังสือ แต่กลับเลือกที่จะมาช่วยคุณตรีจัดบ้าน

ไม่รู้สิ คงเพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสแบบนี้อีกไหมในชีวิต ที่จะได้ใช้เวลาร่วมกับเขา ผมตระหนักถึงความไม่แน่นอนในชีวิตอยู่เสมอ ผมไม่คาดหวังให้ได้ใกล้ชิดเขาบ่อยๆ แต่ถ้ามีโอกาสลอยมาอยู่ตรงหน้า ก็คงไม่ผิดอะไรที่ผมจะคว้าเอาไว้

ผมกดกริ่งหน้าประตูรั้ว และยืนรอคนข้างในด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ผมว่าผมชอบประตูไม้บานใหญ่ตรงหน้า เพราะผมมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณตรีจะเดินออกมาหรือยัง ไม่รู้ว่าวินาทีไหนเขาถึงจะเปิดประตูออกมา

ผมช่างบ้าบอเนอะ แต่ว่าทุกวินาทีที่เคลื่อนตัวไปข้างหน้า หัวใจผมจะเต้นเร็วขึ้น ก่อนหน้านี้มันเคยราบเรียบเพราะชีวิตผมไม่มีอะไรหวือหวา พอมีคนมาทำให้หัวใจได้ทำงานบ้างก็เป็นความรู้สึกที่ดีไม่น้อย

“ฟ้า เป็นอะไร ยืนเหม่ออยู่ได้”

“ห๊ะ อะไรนะครับ” ผมสะดุ้งตกใจที่โดนเขย่าตัว

“ฉันเรียกสองสามรอบแล้ว ยืนเหม่ออะไร” คุณตรีขมวดคิ้วถาม ผมรีบดึงสติกลับแล้วพิจารณาคนตรงหน้า

เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่

บอกผมที ว่าผมไม่ได้แสดงสีหน้าน่าเกลียดออกไปตอนที่มัวแต่มโนบ้าบอ

“ผมขอโทษทีครับ พอดีคิดอะไรเพลินๆนิดหน่อย” ผมยกมือขึ้นเกาท้ายทอยอย่างเก้ๆกังๆ

ขายหน้าชะมัดเลยเรา

“คิดว่ายืนตากแดดจนสติหายออกจากร่างไปแล้ว ไป เข้าไปในบ้านเถอะ” นอกจากความนิ่งแล้ว คุณตรีก็แอบมีมุมกวนๆเหมือนกันนะ

ผมเดินตามคุณตรีเข้าไปในบ้านและครั้งนี้ผมได้เห็นว่ามีคนอื่นอยู่ในบ้านของคุณตรีด้วย เป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างมีอายุ แต่ว่าก็ยังดูมีสง่า มีออร่าของผู้ใหญ่ใจดี

“สวัสดีครับ” ผมไม่รู้ว่าคุณน้าท่านนี้เป็นใคร แต่เพราะเขาอายุมากกว่าผมเยอะ ผมจึงรีบยกมือไหว้ไว้ก่อน

“สวัสดีจ้ะ เพื่อนของคุณตรีเหรอคะ” คุณน้าพูดกับผมอย่างใจดี แล้วหันไปถามคุณตรี

“ชะ...”

“ผมเคยทำงานกับคุณตรีน่ะครับ วันนี้เห็นคุณตรีจะจัดห้องทำงาน ผมเลยมาช่วย”  ผมรีบตอบ เลยดันไปพูดสวนกับคุณตรี แต่เขาก็เลือกที่จะเงียบไปแทน ไม่พูดอะไรต่อ

“งั้นเหรอจ้ะ ใช่ก่อนที่คุณตรีจะไปเรียนต่อหรือเปล่าคะ” คุณน้าหันไปถามคุณตรี

“ใช่ครับ เขาชื่อฟ้า ฟ้านี่น้ากุ้ง”

“อย่างนี้นี่เอง”

“น้ากุ้งครับ ยังไงผมขอของว่างแล้วก็เครื่องดื่มที่ห้องทำงานด้วยนะครับ”

“ได้ค่ะคุณตรี น้าจะเอาขึ้นไปให้นะคะ”

“อยากได้อะไรเพิ่มไหม” คุณตรีก้มหน้าถามผมที่ยืนมองน้ากุ้งหยิบจับงานในบ้าน

“ไม่ครับ ไม่เป็นไร”

“ตามใจ แต่ถ้าอยากกินอยากดื่มอะไรก็บอกได้ น้ากุ้งเขาจะได้จัดเตรียมให้”

“ไม่ต้องลำบากหรอกครับ”

“อืม” คุณตรีพยักหน้า แล้วออกเดินนำไปที่ห้องทำงานชั้นสอง

ผมเดินตามคุณตรีไปพลางสำรวจบ้านไปพลาง นอกจากภายนอกจะไม่เหมือนเก่าแล้ว ภายในก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง หลังเก่าจะเป็นสไตล์แบบดั้งเดิม แต่บ้านหลังนี้ดูทันสมัยแบบหรูหราแต่ยังคงเรียบง่ายสไตล์คุณตรี

ขึ้นมาที่ชั้นสองก็เจอกับห้องทำงานเป็นห้องแรก บ้านคุณตรีค่อนข้างใหญ่และกว้างขวาง แต่พื้นที่ทางเดินบนชั้นสองไม่ได้กว้างมากนัก ส่วนใหญ่คือพื้นที่ของห้องต่างๆ

ห้องทำงานของคุณตรียังคงเป็นโทนสีที่เขาชอบ ผนังห้องด้านหลังโต๊ะทำงานทาสีน้ำเงิน มีดีเทลของการตีแผ่นไม้ขึ้นนูนเป็นตารางกว้างๆ ประดับด้วยกรอบรูปสีขาวขนาดกลาง แม้ว่ารูปข้างในกรอบจะขนาดเล็กก็ตาม แต่ดูลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ

ส่วนผนังฝั่งประตูก็มีกรอบรูปเล็กๆอยู่สามรูป ผมหยุดยืนดูรูปของคุณตรี เป็นเขาตอนเด็กๆ ที่ยังคงคอนเซ็ปต์หน้านิ่งแม้ว่าเพื่อนๆในชุดฟุตบอลรอบข้างจะยิ้มแย้มเฮฮา ในมือของคุณตรีถือถ้วยรางวัลชนะเลิศเอาไว้ด้วย

“ยืนดูอะไร”

“อ๊ะ” ผมผงะถอยหลัง แล้วก็ชนเข้ากับคนที่ยืนซ้อนแบบไม่บอกไม่กล่าว มือของเขาจับประคองเอวผมเอาไว้ เหมือนจะตกใจเช่นกัน

“คุณตรี ผมตกใจหมด” ผมบอกเขา พลางขยับตัวออกห่าง รู้สึกได้ว่ารอยมือของเขายังร้อนวาบอยู่ที่เอว

“ตกใจอะไร ขวัญอ่อนหรือไงเล่า”

คงเพราะผมมัวแต่ดูรูปเขา พอถูกขัดจังหวะเข้าก็เลยตกใจ ใครใช้ให้เขาอยู่ๆก็มาส่งเสียงที่ข้างหูกัน ก่อนหน้านี้ห้องมันเงียบ เจอแบบนั้นเข้าไปผมก็สะดุ้งสิครับ

“คุณตรีจะให้ผมทำอะไรเหรอครับ”

“นู่นน่ะ ฉันให้ช่างเขาทำตู้หนังสือเป็นล็อกๆแล้ว ตามชื่อหมวดหมู่ นายช่วยเอาหนังสือในลังจัดวางเข้าชั้นให้เรียบร้อยที ทำได้ใช่ไหม”

“ทำได้สิครับ แค่จัดเรียงหนังสือแค่นี้เอง”

“ถ้าเล่มไหนไม่รู้จะเอาไปวางตรงไหน ก็ถามฉัน ไม่ก็วางแยกเอาไว้ เดี๋ยวฉันทำเอง”

“ครับ”

คุณตรีจ้องตาผมอยู่ราวห้าวินาทีได้ ไม่รู้ว่าเขาอยากให้แน่ใจหรือเปล่าว่าผมจะไม่ทำให้เขายุ่งยากมากกว่าเดิม จากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานแล้วทิ้งความสนใจเอาไว้กับโน๊ตบุ๊คตรงหน้า

ผมเริ่มลงมือทำงานของตัวเอง กล่องลังจำนวนหกใบวางชิดผนังกับชั้นหนังสือที่สูงจนติดเพดานห้อง ผมสูงแค่ครึ่งเดียวของชั้นหนังสือเท่านั้นเองนะ คุณตรีแกล้งผมหรือเปล่าเนี่ย

“คุณตรีครับ” ผมหันไปเพื่อที่จะถามเขา

“หืม” เขารับคำโดยที่ไม่ได้เงยหน้ามองผม ยังคงจดจ้องอยู่หน้าโน๊ตบุ๊คอย่างเคร่งเครียด

“ให้เริ่มวางจากชั้นไหนครับ ถ้าชั้นบนสุดผมวางไม่ถึงนะ” ยิ่งพูดก็ยิ่งกระดากอายในความเตี้ยของตัวเอง

เด็กจนๆที่เติบโตมากับนมข้นหวานชงน้ำร้อนที่ลุงป้อนใส่ปาก ผมสูงถึงร้อยเจ็ดสิบก็ถือว่าเป็นบุญแล้ว ยังดีที่ไม่โตมาเป็นคนแคระให้ชีวิตดูน่ารันทดไปมากกว่านี้

“ชั้นกลางๆก็ได้ เอาที่นายวางถึง”เขาเงยหน้าขึ้นมาตอบผมแวบหนึ่ง ก่อนจะกลับไปตั้งใจทำงานต่อ คุณตรีในโหมดจริงจังแบบนี้ ดูดีจัง

เฮ้อ...ผมรู้สึกชอบเขามากขึ้นอีกแล้ว

ผมนี่มันชอบคนที่รูปลักษณ์ภายนอกจริงๆ 

ผมควรจะเลิกบ้าคุณตรี แล้วหันมาตั้งใจทำงานที่คุณตรีมอบหมายให้ แม้ว่ากล่องหกกล่องใหญ่ตรงหน้าจะทำเอาผมหมดแรงไปแล้วสิบเปอร์เซ็นต์ก็ตาม

เขาอ่านหนังสือเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย หนอนหนังสือเหมือนกันนะครับคุณตรี หึหึ

ผมเริ่มลงมือแกะกล่องที่หนึ่ง ข้างในมีหนังสืออัดแน่นอยู่เต็มกล่อง ผมตื่นเต้นตาลุกวาวเมื่อได้เห็น ผมชอบหนังสือ ทั้งชีวิตมีหนังสืออยู่ไม่ถึงสิบเล่ม ผมละเมียดละไมอ่านแต่ละเล่มอย่างคุ้มค่าที่สุดกับเงินหลักร้อยที่เสียไป

การได้มาเห็นหนังสือกองใหญ่วางตั้งอยู่ตรงหน้า เลือดในกายผมสูบฉีดยิ่งกว่าการได้เห็นคุณตรีในโหมดมุ่งมั่นตั้งใจทำงานเสียอีก

ผมหยิบเล่มแรกขึ้นมาอ่านหน้าปกแล้วแบ่งแยกไว้ตามล็อกแนวตั้ง ส่วนมากในกล่องนี้จะเป็นหนังสือเกี่ยวกับการแต่งบ้านและการจัดสวน และยังมีหนังสือเกี่ยวกับปรัชญาบ้าง วรรณกรรมบ้างประปราย

ผมหยิบหนังสือดูทีละเล่มด้วยความตั้งใจ บางเล่มผมก็เปิดอ่านจนเกือบจะลืมเวลา รู้ตัวทีก็รีบเอาไปเข้าชั้นที กว่าจะเสร็จกล่องแรกก็กินเวลาไปเกือบๆชั่วโมง

ก๊อกๆๆ

“ขออนุญาตนะคะ น้าเอาของว่างมาเสิร์ฟค่ะ” น้ากุ้งเคาะประตู ก่อนจะเปิดแง้มแล้วส่งเสียง

“เชิญครับ” คุณตรีเอ่ย

“คุณน้า ฟ้าช่วยนะครับ” ผมรีบลุกขึ้นไปช่วยคุณน้าถือถาด

“ขอบใจนะจ๊ะ”

ผมวางถาดของว่างไว้ที่โต๊ะหน้าโซฟาที่ตั้งอยู่กลางห้อง ซึ่งหันหน้าไปทางโต๊ะทำงานของคุณตรี ตัวโซฟาเองก็เป็นสีน้ำเงินเข้มเช่นกัน โต๊ะกลางเป็นหินอ่อน ระดับคุณตรีแล้ว ผมว่าน่าจะเป็นหินอ่อนของจริง

“คุณตรี น้าขอลากลับไปดูสามีหน่อยนะคะ จะให้น้าเตรียมอาหารเย็นทิ้งไว้ให้เลยไหมคะ”

“ไม่เป็นไรครับ แล้วอาการเขาเป็นยังไงบ้างครับ”

“ก็ยังไม่ดีขึ้นเลยค่ะ วันนี้ทุกคนทำงาน ไม่มีใครไปเฝ้า”

“คุณน้าไปเถอะครับ ผมโตแล้ว ดูแลตัวเองได้”

“พรุ่งนี้เช้า...”

“ถ้าน้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรครับ ไปทำในสิ่งที่คุณน้าต้องทำเถอะ ยังไงเรื่องของคนในครอบครัวต้องมาก่อน ตอนนี้ฟ้าก็อยู่ เขาช่วยผมได้”

“น้าขอบคุณมากนะคะคุณตรีที่เข้าใจน้า”

ผมยืนอยู่ข้างโซฟาเงียบๆ ไม่ได้นั่งลงกินของว่างก่อนเจ้าของบ้าน รอจนกระทั่งคุณตรีกับน้ากุ้งคุยกันเสร็จ น้ากุ้งก็หันมายิ้มให้ผม เดินเข้ามาใกล้แล้วจับมือผมทั้งสองข้าง

“น้าฝากดูแลคุณตรีด้วยนะลูก คุณเขาชอบทำงานจนลืมกินข้าวตลอดเลย” สีหน้าตอนที่น้ากุ้งพูดถึงคุณตรีเต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย

“ครับ” ผมตอบรับสั้นๆแบบที่คิดว่าเหมาะสมที่สุด

น้ากุ้งยิ้มให้ผมทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไป ผมหันกลับไปมองคุณตรี คิดว่าเขาจะกลับไปสนใจงาน แต่ทันทีที่สายตาสบกัน ผมถึงได้รู้ว่าเขามองผมอยู่ก่อนแล้ว

“ทานของว่างเลยไหมครับ” ผมถามเขา มือผายไปทางของว่างตรงโต๊ะโซฟา

“ของนายนั่นแหละ กินซะ แล้วค่อยไปจัดหนังสือต่อ”

“ให้ผมทานคนเดียวเหรอครับ”

“ใช่”

“แต่...”

“ทำไม อยากให้ฉันไปนั่งกินเป็นเพื่อนหรือไง”

มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น

“ยกน้ำมาให้ฉันแก้วหนึ่งก็พอ ส่วนขนมนั่นนายกินเถอะ”

“ครับ”

ผมยกน้ำผลไม้สีออกแดงๆม่วงๆไปเสิร์ฟให้คุณตรี พร้อมกับยืนมองจนกระทั่งเขายกแก้วขึ้นจิบ ผมจึงเดินกลับมาจัดการของหวานตรงหน้า เพราะเขาเองก็นั่งจ้องผมเช่นกัน คาดว่าถ้าผมไม่กิน เขาจะมองกดดันจนร่างกายผมเป็นรูพรุน

จัดการของหวานเสร็จด้วยความรวดเร็ว ผมก็กลับมานั่งคัดแยกหนังสือต่อ ผมจัดหนังสือที่ตัวเองพอจะอ่านหน้าปกออกใส่เข้าชั้น ส่วนมากก็เป็นภาษาไทย แต่เล่มที่เป็นภาษาอังกฤษผมจะแยกเอาไว้ เว้นแต่ว่าผมพอจะดูออกและคำศัพท์ไม่ยากเกินเข้าใจ ก็จะเอาไปจัดเข้าหมวด

ถึงไม่ได้อ่าน แต่ได้เปิดดูบ้างและได้ใช้เวลาอยู่กับมัน ผมก็แทบลืมเลือนเวลา รู้ตัวอีกทีฟ้าก็มืดแล้ว ผมจัดการหนังสือไปได้เยอะพอสมควร แต่ก็ยังเหลืออีกสองกล่องเต็มๆ กับส่วนที่เป็นหนังสือต่างประเทศ

“วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้ ที่เหลือเดี๋ยวฉันทำเอง” คุณตรีลุกออกจากโต๊ะทำงานมายืนอยู่ใกล้ๆ

“ถ้าคุณตรีไม่รีบ วันหลังผมมาทำให้ก็ได้นะครับ” ผมอาสา

“อย่างนั้นก็ได้”

“เย็นแล้ว คุณตรีจะทานอะไรไหมครับ หรือว่าคุณตรีจะออกไปทานข้างนอก” อีกเรื่องที่น้ากุ้งฝากฝังไว้ ผมควรจะทำให้ได้ก่อนกลับ

“ทำกับข้าวให้ฉันกินได้ไหมล่ะ” เขาถาม สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง ขนาดอยู่บ้านก็ยังแต่งตัวดูดี ถ้าเป็นผมเหรอ บนร่างกายก็คงจะเป็นเสื้อยืดตัวเก่งที่ทั้งเปื่อยและมีจุดขาดเป็นรู แต่จุดเด่นของมันคือความนุ่มลื่นของผ้าที่สบายผิว กางเกงก็กางเกงบอลผ้านิ่มใส่สบายคล่องตัว

“ได้ครับ ถ้าคุณตรีไม่กินของยากๆน่ะนะ” ผมแกล้งพูดเล่นกับเขา

“แล้วปกติฉันเคยให้นายทำอาหารยากๆหรือไง ข้าวไข่เจียวเฉยๆฉันก็ยังกินมาแล้ว”

“ฮ่าๆๆ” ผมหลุดขำเลย เพราะที่เขาพูดมันเป็นเรื่องจริง ตอนนั้นผมทำเป็นแค่อาหารง่ายๆกันตาย แต่ตอนนี้ทำเป็นมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

“ไปเถอะ” คุณตรีเดินไปที่หน้าประตู

“คุณตรีครับ” ผมเรียกเขาไว้เพราะมีเรื่องอยากจะขอ

“หืม” เขาหันกลับมา มือจับลูกบิดประตูค้างไว้

“ผมขอยืมหนังสือเล่มนี้หน่อยได้ไหมครับ” ผมชูหนังสือเล่มหนึ่งที่อยากอ่านให้เขาดู

‘แมงมุมเพื่อนรัก’

ผมมีหนังสือที่อยากอ่านเยอะมาก เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมแวะเวียนไปดูที่ร้านหนังสือบ่อยๆ แต่ก็อย่างที่บอกว่าผมมีเงินน้อย ซื้อได้นานๆครั้งเท่านั้น

“อืม จะอ่านอะไรก็หยิบไป เรื่องนั้นมีเป็นภาษาอังกฤษด้วยนะ” คุณตรีเดินมาที่ชั้นหนังสือ เขามองอยู่ปราดหนึ่งก็หยิบออกมา

“ผมอ่านภาษาอังกฤษไม่ออกหรอกครับ อ่านภาษาไทยเนี่ยแหละ ว่าแต่ทำไมคุณตรีถึงมีแบบภาษาไทยละครับ”

“ซื้อมาให้หลานน่ะ แต่ดันซื้อมาชนกับแม่เด็ก ก็เลยเก็บไว้เอง”

“งั้นเหรอครับ”

“ความจริงนายเอาไปเลยก็ได้นะ”

“ไม่เอาหรอกครับ ผมยืมอ่านก็พอ สัญญาเลยว่าจะดูแลอย่างดี ไม่ให้ยับไม่ให้พัง”

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้ใส่ใจอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว”

“ยังไงก็ขอบคุณนะครับ” ผมบอกกับเขาด้วยใจจริง

“ลงไปข้างล่างเถอะ ฉันหิวแล้ว”

“ครับ”



ในตู้เย็นของคุณตรีอัดแน่นไปด้วยของสดมากมาย อาจเป็นเพราะมีน้ากุ้งเป็นแม่บ้าน ถ้าอย่างนั้นทำไมทุกเช้าคุณตรีจะต้องสั่งอาหารกล่องจากร้านพี่นุชด้วย ผมได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจแล้วลงมือรื้อตู้เย็น หาวัตถุดิบมาทำอาหารให้เจ้าของบ้าน

พอเข้ามาสิงอยู่ในครัวของคุณตรี ผมก็เกิดรู้สึกชอบใจ ครัวของเขาเป็นหินอ่อนสีดำลายขาวทอง ดูหรูหราแล้วก็สวยงาม เหมือนทำมาประดับบ้านมากกว่าเพื่อการใช้งาน แต่เพราะว่ามันสวยเลยทำให้ดูน่าใช้น่าเข้าครัวทำกับข้าว

“คุณตรีทานเป็นอาหารจานเดียวไหมครับ” ผมเดินมาถามคุณตรีที่นั่งเล่นแท็บเล็ตที่โซฟา

“อืม อะไรก็ได้”

“ครับ คุณตรีรอสักครู่นะ ผมจะรีบทำ”

“ไม่ต้องรีบก็ได้ ฉันยังไม่หิวเท่าไหร่”

“ครับ” ผมก็รับคำไปอย่างนั้น หนึ่งทุ่มแล้วจะไม่หิวจริงๆน่ะเหรอ แต่ผมน่ะหิวแล้ว รีบทำจะได้รีบออกไปหาอะไรกินก่อนกลับห้องพัก

“ฟ้า”

“ครับ” ผมรีบขานรับ เพราะคิดว่าคุณตรีอาจจะอยากได้อะไรเพิ่ม

“ทำเผื่อตัวเองด้วย”

“เผื่อผม?” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

“ผมไปซื้อก๋วยเตี๋ยวทานก็ได้ครับ” ผมเกรงใจเขา

“จะไปซื้อทำไม ก็กินด้วยกันเนี่ยแหละ แต่ถ้านายไม่กิน ฉันจะจ่ายเงินค่าจ้างจัดหนังสือให้แทน เอาแบบนั้นดีไหม” ฟังดูก็รู้ว่าเขากำลังข่มขู่ผมด้วยเงิน แล้วคิดว่าผมจะทำอะไรได้นอกจากยอม

“ก็ได้ครับ ผมจะทำเผื่อตัวเองจานโตๆเลย”

“หึหึ ดี กินได้เยอะเท่าไหร่ยิ่งดี ตัวผอมชะมัด”

“ฮะ คุณตรีว่าอะไรนะครับ” ผมฟังไม่ถนัด เพราะเขาบ่นเสียงเบามาก

“ไม่มีอะไร รีบไปทำอาหารสิ ฉันเริ่มจะหิวแล้ว”

อะไรกัน เดี๋ยวก็หิวเดี๋ยวก็ไม่หิว เอาใจคนหล่อนี่มันลำบากเหมือนกันนะครับท่านผู้ชม

เมนูที่ผมเลือกทำให้เขาทานก็คือสุกี้รวมมิตร อาหารทานง่ายย่อยง่าย และผมสามารถทำได้โดยไม่ต้องห่วงว่าจะกินได้หรือไม่ เพราะความอร่อยนั้นพึ่งน้ำจิ้มสำเร็จรูปล้วนๆ ถ้าไม่อร่อยก็ต้องให้คุณตรีโทษตัวเอง เพราะเขาเป็นคนเลือกน้ำจิ้มยี่ห้อนี้มา ผมแค่หยิบมาทำให้เฉยๆตามที่มีของ

ผมต้มน้ำซุปกับผักรวมกัน ก่อนจะตักผักแยก แล้วลวกของสดขึ้นมาพักแยกไว้ ต่อด้วยวุ้นเส้นกับไข่ลงไปลวกกับน้ำซุปจนได้ที่ ก็ตักใส่ถ้วยทรงสวย จากนั้นก็เอาผักที่ต้มแล้วมาจัดตกแต่งในชาม เทน้ำจิ้มสุกี้ใส่ถ้วยเล็กเสิร์ฟข้างกัน วิธีนี้ผมก็จำมาจากครัวที่ร้าน ไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสเอามาใช้จริง

“ถ้าเราไปเปิดร้านอาหารก็อาจจะรุ่งน่ะเนี่ย” ผมพึมพำกับตัวเอง แต่ดันมีคนมาแอบฟังด้วย

“กิจการจะรุ่งหรือจะร่วง เอาให้แน่” ผมบอกแล้วไงว่าคนหล่อก็กวนประสาทเป็น

“ถ้ากินแล้วติดใจ จะขอเพิ่มชามที่สองไม่ได้นะครับ”

“หึหึ เสร็จหรือยังล่ะ” เขาเปลี่ยนเรื่อง สงสัยกลัวไม่ได้กินชามที่สอง

“เสร็จแล้วครับ คุณตรีไปนั่งที่โต๊ะได้เลย เดี๋ยวผมเอาไปเสิร์ฟให้ถึงที่”

“อืม นายก็มานั่งกินกับฉันที่โต๊ะ ห้ามนั่งกินในครัว” เขาพูดดักคอ เหมือนจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่

คุณตรีเดินไปนั่งที่โต๊ะทานข้าว ที่ถึงเขาจะอยู่ที่บ้านหลังนี้คนเดียว แต่โต๊ะกินข้าวก็มีที่นั่งถึงสิบที่ ผมอยากรู้ว่าโต๊ะใหญ่ขนาดนี้ ตอนกินข้าวคนเดียวคุณตรีจะรู้สึกเหงาบ้างไหมนะ

ผมยกชามสุกี้ของคุณตรีไปเสิร์ฟก่อน พร้อมกับน้ำดื่มและน้ำผลไม้รวมที่ผมเห็นอยู่ในตู้เย็น จำได้ว่าคุณตรีชอบดื่มน้ำที่มีรสชาติมากกว่าน้ำเปล่า

ตอนผมยกชามของตัวเองมาวางพร้อมกับน้ำดื่มหนึ่งแก้ว คุณตรีก็ยังไม่ลงมือกิน เขามองดูชามของเขากับของผมสลับกันอย่างสงสัย

“ทำไมไม่เหมือนกัน” เขาถาม

“ของผมไม่จำเป็นต้องจัดให้สวยงามหรอกครับ ผมกินง่ายๆ” ผมตอบเขา เพราะสุกี้ของผมต้มทุกอย่างรวมกันจนเละ น้ำจิ้มก็ราดลงไปเลยก่อนจะยกมาที่โต๊ะ

“แล้วทำไมของฉันต้องจัด”

“ก็คุณตรีเป็นเหมือนเจ้านายนี่น่า ผมก็อยากทำให้แบบดูน่ารับประทาน คุณตรีไม่ชอบเหรอครับ” ผมก็แอบกังวลนะ หรือว่าเขาอยากได้แบบเละๆเทะๆของผมมากกว่า

“ชอบ แต่ถ้าเหมือนกันจะดีกว่า” เขาพูดเบาๆแล้วก็เลิกสนใจสุกี้ของผม ก้มหน้าก้มตากินมื้อเย็น ผมยิ้มกับตัวเอง เห็นเขากินอาหารที่ผมทำได้ก็โล่งใจ

จะว่าไปแล้ว ผมต้องเตรียมยาแก้ท้องเสียไว้ไหมนะ

“ฟ้า” คุณตรีเรียกผมอีกครั้งหลังจากทานสุกี้จนหมดชาม แม้แต่น้ำซุปก็ยังไม่เหลือ

“อยากได้เพิ่มเหรอครับ อร่อยใช่ไหมล่ะ” ผมถามด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นเต็มที่ แม้แต่ตัวเองยังรู้สึกว่ามันฟังดูกระดี๊กระด๊าเกินไป

“ไม่ใช่” เขาตอบสั้นๆ แต่สีหน้าแอบดูเหนื่อยใจที่ผมขายอาหารของตัวเองจนออกนอกหน้านอกตา

“อ้าว”

ไม่ใช่นี่คือ ไม่เอาเพิ่มหรือไม่อร่อยกันนะ

“ทำงานที่ร้านอาหารเหนื่อยไหม” อยู่ๆคุณตรีก็ถามเรื่องงานของผม

“ก็เหนื่อยแหละครับ ยิ่งวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ที่ลูกค้าเยอะยิ่งเหนื่อย แต่ก็ได้รายได้ดี”

“ก็เพราะว่าต้องเสิร์ฟต้องดูแลคนเยอะๆ” เขาพูดนิ่งๆ

“แน่นอนสิครับ บางครั้งต้องจำให้ได้ว่าลูกค้าประจำชอบอะไรไม่ชอบอะไร”

“อืม”

“แต่ผมน่ะได้รับคำชมบ่อยเลยว่าความจำดี แต่จริงๆเพราะพวกเขาเรื่องมาก ผมได้ยินเวลาเขาบ่นบ่อยๆก็จำได้เอง”

“แล้วถ้าบริการแค่คนๆเดียวแต่ได้รายได้เท่าเดิมล่ะ สนใจไหม”

“เอ๋? มันมีด้วยเหรอครับ ทำงานร้านอาหารแล้วบริการลูกค้าแค่คนเดียว”

“มาทำงานกับฉันไง ดูแลฉันแค่คนเดียว ฉันจ่ายให้เท่ากับที่นายได้จากร้านอาหารเลย”

เดี๋ยวนะ เขาพูดว่าอะไรนะ

ผมหูฟาดไปหรือเปล่า ได้ยินไม่ผิดใช่ไหมว่าเขาอยากให้ผมกลับมาทำงานกับเขา แต่ดูจากสีหน้าของเขาที่ไม่มีแววล้อเล่น ก็พอบอกได้ว่าคุณตรีพูดจริง

“คุณตรีพูดใหม่ได้ไหมครับ” เพื่อความชัวร์ผมจึงอยากได้ยินอีกรอบ

“ฉันรับสมัครแม่บ้านอยู่ แต่ตอนนี้ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ อย่างน้อยนายก็เคยทำกับฉัน น่าจะพอรู้ว่าฉันชอบอะไรไม่ชอบอะไร”

มันก็ถูกที่ผมรู้เรื่องของเขาพอสมควรจากที่เคยทำงานให้เขา

“แล้วน้ากุ้งล่ะครับ” ไม่ใช่ผมไม่อยากทำนะ ผมถามเพราะความสงสัย

“สามีน้ากุ้งแกป่วยหนัก ทางครอบครัวก็เลยอยากให้ย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านที่ต่างจังหวัด สิ้นเดือนนี้น้ากุ้งก็จะลาออกแล้ว”

“อ่อ” อย่างนี้นี่เอง

“สรุปว่าไง จะทำไหม”

ผมแอบอมยิ้มนิดๆก่อนจะตอบคุณตรี

“ทำครับ ผมรับงานนี้”

ผมฝันอยู่หรือเปล่า ทำไมมันดีขนาดนี้

ขอเถอะนะ ขอให้มันเป็นความจริง

“ก็ดี ฉันจะได้ไม่ต้องสัมภาษณ์ใครละ” เสียงทุ้มนุ่มของเขาเป็นเครื่องยืนยันว่าผมไม่ได้ฝันไป

ความโชคดีเกิดขึ้นจริงกับผมคนนี้ สายฟ้าผู้ที่อาภัพมาตั้งแต่กำเนิด

“คุณตรีครับ ผมขออะไรอย่างได้ไหม”

“ว่ามาสิ”

“คุณตรีห้ามเปลี่ยนใจไล่ผมออกตอนที่ผมลาออกจากงานแล้วนะ ไม่งั้นผมแย่แน่ๆ” ผมพูดดักทางเอาไว้ กลัวเขาเปลี่ยนใจทีหลัง ทีนี้ล่ะได้ตกงานยาวๆ

“ไม่เปลี่ยนใจหรอกน่า ว่าแต่นายเถอะ มาเริ่มงานพรุ่งนี้เลยละกัน”

“อะไรนะครับ” คราวนี้ไม่ใช่ว่าผมได้ยินไม่ชัดเจนนะ แต่ผมตกใจในความเร่งรีบของคนตรงหน้า

“พรุ่งนี้มาเริ่มงาน ไม่อย่างนั้นฉันไล่ออก”

พรุ่งนี้!

ไล่ออก!

โอ๊ย! จะใจร้อนไปไหนเนี่ยคุณผู้ชาย


:L1:

ติดแท็ก #ปรนเปรอรัก
Facebook : RiRiWorld
Twitter : @NovelsRiri

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-06-2020 17:32:46 โดย RiRi »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
น่ารักดีค่ะ คุณตรีมีความสนใจฟ้าไม่มากไม่น้อยเลยนะ
แล้วกลับมาเจอกันแบบนี้อีก เหมือนคนคุ้นเคย

ฟ้าเป็นเด็กดีมากเลยค่ะ ชอบความคิด ความพยายาม
อยู่ให้คุ้มกับที่ลุงเลี้ยงมาด้วยความลำบาก

คุณตรีรอพ่อบ้านใหม่ใช่ไหมล่ะ

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
น้องฟ้าเอ็นดูเหลือเกินนนนนนน

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
น้องฟ้ายังไม่ทันเป็นแฟนก็เชื่อคุณตรีทุกคำเลย  :กอด1:

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
น้องฟัาคือ เป็นเด็กดีมากเลยอ่ะ น่ารัก สดใส อ่านแล้วเหมือนได้รับพลังบวกมาจากน้องไปด้วย
ตอนนี้คือคุณพี่นังเริ่มจะหลอกล่อน้องให้เข้ามาติดกับตัวเองแล้วใช่มั้ย55555555 :laugh:

แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะคะริริ :mc4: มีความสุขมากๆนะ ขอให้ประสบความสำเร็จในชีวิตทุกๆด้านเลยนะคะ แต่งนิยายดีๆแบบนี้ไปเรื่อยๆเลย เรารออ่านเสมอค่ะ กอดๆ :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
คุณตรีไม่ต้องท่ามากหรอกค่ะ อยากให้ฟ้าเป็นแม่บ้านให้ก็บอกซิค่ะ พูดชวนนิดเดียวฟ้าก็ตอบตกลงแน่นอนค่ะ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
คุณตรีอายุมากกว่าน้องฟ้าปีเดียวเองเหรอ ดูแล้วเหมือนคนอายุซักสามสิบ เป็นป๋าสายเปย์

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ไม่อยากรับเงินก็ต้องเอาเงินไปหาหมอ เจ้าเล่ห์จริงๆ

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
คุณตรีนี่ใจป๋าจริงๆ เปย์เก่งเหลือเกิน

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
 
CATER TO YOU
ตอนที่5
ผมว่าคุณรู้ ว่าผมขัดใจคุณไม่เคยได้





คุณตรีพูดเอาแต่ใจและถึงแม้ว่าผมอยากจะตามใจเขา แต่ความจริงคือทำไม่ได้ ถึงงานที่ผมทำจะไม่ใช่งานประจำตามโรงงานหรือบริษัท แต่การจะลาออกมันก็ไม่ใช่นึกจะทำก็ทำได้เลย

ผมยังคงนอนดึกและตื่นเช้า ด้วยกิจวัตรประจำวันอย่างการอ่านหนังสือเตรียมสอบก่อนนอนและตื่นแต่เช้าไปทำงาน เพียงแค่วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าทุกครั้ง ไปถึงร้านพี่นุชก่อนเวลาปกติครึ่งชั่วโมง

ผมอยากมีเวลาคุยกับพี่นุชว่าจะลาออกก่อนเลิกงาน ถ้าไปเวลาปกติก็คือเข้าไปช่วยงานนิดหน่อยแล้วเอาอาหารไปส่งเลย ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะคุยในเรื่องที่จริงจัง

“พี่นุช สวัสดีครับ” ผมเดินเข้ามาในครัว พี่นุชยังคงง่วนอยู่กับการทำอาหาร

“อ้าวฟ้า ทำไมวันนี้มาเร็ว”

“พอดีผมมีเรื่องจะคุยกับพี่นุชน่ะครับ” ผมเดินเข้าไปใกล้ มองดูว่ามีอะไรที่จะช่วยหยิบจับได้บ้าง

“เรื่องอะไรล่ะ สำคัญเหรอ” พี่นุชทำหน้าสงสัย หยุดทำอาหารแล้วหันมาตั้งใจฟังผม

“ก็สำคัญครับ”

“เรื่องอะไรไหนว่ามาสิ”

“คือ พี่นุชจะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะขอลาออก” ผมค่อยๆพูด ใช้โทนเสียงเบาจังหวะเนิบนาบ พลางสังเกตสีหน้าของพี่นุชไปด้วย

“พี่จะไปว่าอะไรล่ะ แต่เราหางานอื่นได้แล้วเหรอ หรือว่ามีแพลนอะไรในชีวิต” พี่นุชตอบกลับด้วยท่าทีสบายๆ ทั้งยังถามผมด้วยความห่วงใย

“พี่นุชจำได้ไหมครับที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ผมเคยรับจ้างทำงานบ้านให้กับบ้านหลังหนึ่งในซอยนี้” ผมเกริ่นนำ

“อ่อ จำได้ๆ”

“คือคุณตรีเขากลับมาแล้วน่ะครับ แล้วเขาขอให้ผมไปช่วยงาน”

“งานทำความสะอาดบ้านน่ะนะ”

“ครับ”

“แน่ใจใช่ไหมว่างานจะยั่งยืน อยู่กับพี่ พี่ไม่ไล่ออกหรอกนะ ไม่มีแพลนจะปิดร้านไปไหนด้วย” พี่นุชพูดแหย่กึ่งแซว

“ไม่รู้สิครับ แต่ผมอยากลองไปทำกับคุณเขาดู”

“พี่รู้ แล้วเขาให้เงินดีไหม”

“ยังไม่แน่ใจครับ”

เรื่องนี้ผมก็ยังไม่ได้ถามคุณตรี แต่เขาจะให้เงินเท่าไหร่ผมก็เอา เมื่อก่อนเขาก็ไม่ได้ให้เงินผมน้อย ติดจะมากไปด้วยซ้ำ นอกเหนือจากเรื่องเงินแล้ว การได้อยู่ใกล้ๆเขา ดูจะเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่า

ไม่ว่าใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับชีวิตผม ผมไม่รู้วิธีที่จะเก็บรักษาพวกเขาไว้ให้อยู่กับผมตลอดไป ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ที่ผมไม่เคยรู้จักหรือลุงชัยที่เก็บผมมาเลี้ยง สุดท้ายพวกเขาก็จากไปและไม่หวนกลับมา

แต่คุณตรีต่างออกไป เขาไม่ได้ไปแล้วไปลับ ทันทีที่เขากลับมา ผมบอกกับตัวเองเลยว่า ถ้าผมทำได้ ผมจะรักษาเขาไว้ให้นานที่สุด

ผมไม่หวังคำว่าตลอดไป ไม่เคยหวังให้ได้ครอบครอง ขออยู่ในฐานะอะไรก็ได้ แค่ให้ผมยังเห็นเขาอยู่ในสายตาหรือวนเวียนอยู่ในชีวิตกันและกันบ้างก็พอ

“เอาเป็นว่า พี่เคารพการตัดสินใจของฟ้านะ แต่ยังไงก็อยู่ทำงานกับพี่จนกว่าพี่จะได้คนส่งของคนใหม่ได้ไหม เพราะไม่มีใครรู้จักบ้านลูกค้าและรู้ใจพวกเขาได้ดีกว่าฟ้าแล้ว” พี่นุชทำหน้าแบบน่าเห็นใจ ผมเองก็ใจหายที่จะต้องออกจากงานนี้ พี่นุชคือผู้มีพระคุณของผมอีกคน ไม่มีทางที่ผมจะทำให้พี่นุชลำบากเพราะผม

“ได้สิครับ ผมจะอยู่ช่วยจนกว่าคนส่งข้าวคนใหม่จะจำบ้านของลูกค้าได้”

“ขอบใจนะฟ้า แต่แค่ช่วยสอนช่วยไกด์เส้นทางก็พอ”

“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ และยิ้มกว้างที่คิดว่าออกมาจากใจที่สุดให้พี่นุช

คุยเรื่องลาออกจากงานกับพี่นุชไม่ยากอย่างที่คิดเอาไว้ แต่คนที่คุยยากน่าจะเป็นคุณชายเจ้าของบ้านหลังใหญ่มากกว่า

ผมหยุดยืนอยู่หน้าบ้านเขามาร่วมห้านาทีได้แล้ว ขณะนี้เป็นเวลาหกโมงตรง ผมมาพร้อมกับอาหารกล่องสำหรับสองมื้อ จากเมื่อวานที่น้ากุ้งบอกว่าวันนี้อาจจะไม่ได้แวะเข้ามา ผมก็เลยกลัวว่าคุณตรีจะไม่มีอะไรทาน

ถึงเขาจะไม่ได้สั่งอาหารไว้ แต่ผมก็จัดมาส่งเขาอยู่ดี อย่าลืมว่าเงินค่าข้าวเขายังอยู่กับผมอีกเป็นร้อย ยังพอให้หักค่าอาหารของวันนี้

หลังจากยืนทำใจได้ ผมก็กดกริ่งเรียกให้เจ้าของบ้านออกมาเปิดประตู ซึ่งหลังจากที่กดกริ่งไปได้ไม่นาน คุณตรีก็เปิดประตูออกมายืนทำหน้านิ่งใส่ผม

“ทำไมมาช้าล่ะ ต้องมาตอนตีห้าไม่ใช่เหรอ” คุณตรีพูดเสียงนิ่งๆ เขาไม่ได้ดูโกรธอะไร ดูเป็นปกติมากกว่า

“คุณตรีครับ ผมลาออกจากงานแบบปุบปับไม่ได้หรอกนะครับ ขอเวลาผมหน่อย” ผมบอกกับเขาเสียงอ่อน หวังให้เขาเห็นใจ

“ให้ฉันไปพูดให้ไหม” เขารีบเสนอทางออกให้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมบอกกับพี่เจ้าของร้านข้าวแล้ว เขาก็ให้ลาออก แต่จะต้องรอให้เขาหาคนมาแทนได้ก่อน คนส่งมีแค่สองคนเองก็คือผมกับพี่อีกคนซึ่งมีเวรสลับกัน”

“...” คุณตรีเงียบ

“ส่วนร้านอาหารตอนเย็น เย็นนี้ผมขอไปทำงานก่อน จะได้เข้าไปแจ้งเจ้าของร้านเขาด้วย ส่วนจะลาออกได้เลยไหม ผมต้องลองถามเขาดูอีกที” ผมรีบพูดรีบอธิบาย

“นานไหม ไอ้งานส่งข้าวตอนเช้าเนี่ย” เขาถาม

“หมายถึงกว่าผมจะลาออกได้น่ะเหรอครับ”

“อืม”

“ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ว่าเมื่อเช้าพี่นุชเขาติดป้ายรับสมัครพนักงานแล้ว ผมว่าไม่น่าจะเกินสองอาทิตย์นะครับ”

“นานไป” เขาว่าอย่างนั้น

“แต่คุณตรีไม่ต้องห่วงนะครับ ผมส่งอาหารเสร็จ ผมจะรีบมาช่วยงานที่บ้านถ้าหากว่าน้ากุ้งไม่อยู่” ผมเสนอทางออกที่คิดว่าผมพอจะทำให้คุณตรีได้

“ไม่ต้องหรอก” เขาส่ายหน้า “จัดการลาออกได้เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น แต่อย่านานนัก ต้องจัดการให้ได้ก่อนสิ้นเดือนนี้ เข้าใจไหมฟ้า”

ทุกครั้งที่เขาเอ่ยชื่อผม หัวใจก็เต้นแรงขึ้นทุกที

“ครับ ผมเข้าใจแล้ว”

“ก็ดี”

“คุณตรีครับ”

“ว่า”

“อาหารเช้าครับ” ผมส่งถุงกระดาษแบบเดิมให้เขา คุณตรีมองถุงในมือผม เขาขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“ฉันไม่ได้สั่ง” เขาพูด

“ครับ ผมรู้ แต่น้ากุ้งไม่มาไม่ใช่เหรอครับ แล้วช่วงเช้ากับช่วงเที่ยงคุณตรีจะกินอะไร”

“ก็เพราะฉันรอให้นายมาเริ่มงานแล้วทำอาหารเช้าให้ฉันกินไง”

“อะไรนะครับ” เขารอให้ผมมาทำให้กินอย่างนั้นเหรอ

“ช่างเถอะ เอามานี่มา” คุณตรีทำท่าจะดึงถุงข้าวไป แต่ผมรีบชักกลับแล้วเอามันหลบไว้ข้างหลัง

“ให้ผมทำให้ก็ได้นะครับ แต่ขอผมไปส่งข้าวเสร็จก่อนได้ไหม เจ็ดโมงก็เสร็จแล้วครับ” ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากทำให้เขาทานมากกว่า ไม่ใช่ว่าผมทำอร่อยหรอกนะ แต่อยากทำให้เขาทานด้วยตัวเอง

“ก็แล้วแต่” คุณตรีเอามือขึ้นกอดอก ผมเพิ่งสังเกต วันนี้เขาไม่ได้อยู่ในชุดออกกำลังกาย แต่เป็นชุดลำลองใส่อยู่บ้าน

“อย่างนั้นคุณตรีรอผมสักครู่นะครับ ผมจะรีบไปส่งข้าวแล้วจะรีบกลับมา”

“อืม แต่ไม่ต้องขับรถเร็ว เดี๋ยวรถจะล้ม” คุณตรีพูดแล้วก็จ้องเขม็งมาที่มอเตอร์ไซค์คันเก่งของผม ที่เพิ่งจะผ่อนหมดเมื่อไม่นานมานี้

“รับทราบครับผม”

“ส่งถุงข้าวมาสิ ไหนๆก็เอามาแล้ว”

“แต่...”

“เอามา” คุณตรีทำเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย ใช้สายตากดดันให้ผมทำตามที่เขาต้องการ ผมก็เลยต้องยอมส่งถุงข้าวกล่องให้เขาแต่โดยดี

“คุณตรีไม่ต้องจ่ายค่าอาหารนะครับ ผมหักจากเงินที่ยังเหลือ”

“เอาที่สบายใจเถอะฟ้า” คุณตรีดูเหนื่อยใจกับผมจริงๆ ผมก็ได้แต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดีที่ทำให้คุณตรียอมแพ้ได้

ผมรีบไปส่งอาหารตามบ้านเพราะไม่อยากให้คุณตรีรอนาน แต่กว่าจะส่งหมดก็เป็นไปตามเวลาที่ควรเป็น ตอนมาถึงบ้านคุณตรีก็คือเลยเวลาที่นัดมาครึ่งชั่วโมง

“คุณตรีอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ” ผมถามขณะที่เข้ามาอยู่ในครัวและกำลังเปิดตู้เย็นดูว่าจะทำอะไรให้เขาทานดี

“นายกินอะไรมาหรือยัง” เขาไม่ตอบคำถามของผม แต่ตั้งคำถามกลับมาแทน

“กินนมกับขนมปังรองท้องไปนิดหน่อยแล้วครับ พี่เจ้าของร้านเขาทำเตรียมไว้ให้ทุกเช้า บางวันก็ให้เป็นอาหารกล่องเอากลับไปกินที่ห้อง”

“ไม่ต้องทำอาหารก็ได้ เอาอาหารเมื่อเช้าที่วางอยู่บนโต๊ะไปใส่จาน อุ่นร้อนแล้วก็ยกมานั่งกินด้วยกัน” เขาพูดแล้วก็เดินออกไปนั่งรอที่โต๊ะทานข้าว ผมเอียงคอมองตามคุณตรีด้วยความสงสัย

“คุณตรียังไม่ได้ทานข้าวกล่องเหรอครับ”

“ยัง ฉันรอกินพร้อมนาย”

“อ่อครับ งั้นผมอุ่นข้าวให้นะครับ”

ผมเอาอาหารในกล่องมาจัดใส่จาน ผมเลือกข้าวหน้าปลาแซลมอนอบมัสตาร์ดมาให้เขาหนึ่งกล่อง อีกกล่องเป็นข้าวผัดธัญพืชกับกุ้งย่างซอสสับปะรด

“คุณตรีทานอันไหนดีครับ” ผมวางอาหารทั้งสองจานลงตรงหน้าเขา ผมกินอะไรก็ได้ จึงให้เขาเลือกก่อน

“นายเลือกก่อน” แต่เขาก็ไม่ยอมเลือก

“ไม่ครับ คุณตรีเลือกเลย” จะให้ผมเลือกก่อนเขาได้ยังไง ในเมื่อเขาเป็นเจ้านาย

“ถ้านายไม่เลือก ก็ไม่ต้องกินกันทั้งคู่นั่นแหละ”

“คุณตรีครับ” ผมเรียกเขาเสียงอ่อย เขาทำแบบนี้ผมก็ลำบากใจนะ

“เลือกเถอะ ฉันก็กินได้ทั้งสองอย่างนั่นแหละ”

“...”

“ฟ้า เลือกสิ”

ต้องมีใครแอบเอาความลับของผมไปบอกเขาแน่ๆ ได้โปรดอย่าเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงแบบนั้น เพราะผมจะขัดใจเขาไม่ได้

“เอากุ้งย่างก็ได้ครับ” และสุดท้ายผมก็ต้องเป็นคนเลือก

“โอเค งั้นฉันกินปลาเอง”

คุณตรียกจานที่เป็นปลาแซลมอนไปวางตรงหน้าแล้วเริ่มลงมือทาน ผมที่นั่งฝั่งตรงข้ามเขาก็เริ่มทานมื้อเช้าเงียบๆ

อุณหภูมิภายในบ้านเย็นสบายจากเครื่องปรับอากาศ มีภาพกิ่งไม้ปลิวไสวด้านนอกเป็นฉากประกอบให้บรรยากาศในตอนนี้ดีต่อใจเสมือนเป็นความฝัน

ทานมื้อเช้าเสร็จแล้ว ผมก็ขึ้นไปจัดหนังสือที่เหลือให้คุณตรี ส่วนเขาก็ไปนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงานเช่นเดิม จนกระทั่งเป็นเวลาเที่ยง คราวนี้ไม่มีข้าวกล่อง มีเพียงผมเท่านั้นที่จะทำอาหารให้คุณตรีทาน

และสุดท้ายผมก็ต้องมาคิดหนักอีกทีว่าจะทำอะไรให้เขาทานดี ผมทำกับข้าวได้ไม่กี่เมนู ที่ทำได้ก็เป็นอาหารง่ายๆ กลัวจะทำไม่ถูกใจเขา

“เป็นอะไร ยืนนิ่งอยู่หน้าตู้เย็นนานแล้วนะ” คุณตรีโผล่เข้ามาในครัวแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง ผมตกใจเงียบๆไม่ได้ออกอาการ

“คุณตรีอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ” ผมถาม แม้จะรู้ว่าถ้าเขาอยากกินอะไรยากๆ ผมก็คงทำให้กินไม่ได้

“ทำมาเถอะ ง่ายๆนั่นแหละ”

แล้วไอ้ง่ายๆเนี่ย มันคืออะไรล่ะ

“ฟ้า” คุณตรีมายืนข้างๆผม เขาเปิดตู้ข้างบนหัว แล้วหยิบของบางอย่างมาวางไว้ตรงหน้าผม

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสต้มยำ

ผมเงยหน้ามองคุณตรีทันที

“อยากกินแบบแต่ก่อน ใส่ผักแล้วก็ใส่ไข่ ทำให้หน่อยละกัน ทำเผื่อตัวเองด้วย แล้วมานั่งกินด้วยกัน” คุณตรีพูดนิ่งๆ แล้วก็เดินออกไป

คุณตรีอยากกินมาม่า

“หึหึ” ผมไม่หัวเราะไม่ได้เลย แต่ก็ต้องแอบหัวเราะไม่ให้เขาได้ยิน

คุณตรีเขาน่ารักนะผมว่า

ผมต้องบอกไหมว่าผมขัดใจเขาไม่ได้ ต่อให้จะรู้ว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมันไม่ดีต่อสุขภาพ ถ้าไม่นับรวมผมที่ไม่ได้มีทางเลือกให้หากินมากนัก

แต่กับคุณตรีมันไม่ใช่ เขามีสิทธิ์ที่จะเลือกทานของดีๆที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ถ้าเขาอยากทาน ผมก็เต็มใจที่จะทำให้

เพราะสีหน้าเขาตอนที่บอกว่าอยากกิน มันน่าเอ็นดูเหมือนเด็กตัวเล็กๆที่ร้องขอขนมเลยละครับ



ตกเย็นผมไปทำงานที่ร้านอาหาร ผมไปก่อนเวลาแล้วเข้าไปคุยกับเฮียชาร์ปเจ้าของร้านเรื่องขอลาออก เฮียชาร์ปก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่บ่นๆว่าเสียดายผมและยังเอ่ยชมอีกว่าผมทำงานดี นอบน้อมต่อลูกค้า ไม่เคยมีลูกค้าคอมเพลนผมเลยสักคนเดียวตั้งแต่ผมเข้าทำงานที่นี่

แน่นอนว่าเฮียชาร์ปต้องถามว่าผมจะออกไปทำอะไร ผมก็ตอบไปตามความจริงเหมือนที่บอกกับพี่นุช แค่บอกเพิ่มไปว่าคนคนนั้นก็คือคุณตรีเพราะเฮียแกถาม แกกลัวว่าผมจะโดนหลอก มีใครที่ไหนอยากจะได้แม่บ้านเป็นผู้ชาย แต่พอบอกว่าคนจ้างคือคุณตรีลูกค้าวีไอพีของร้าน เฮียชาร์ปแกก็ดูเบาใจลง

เฮียขอให้ผมทำงานที่ร้านจนถึงสิ้นเดือน การหาพนักงานไม่ใช่เรื่องยาก สมัยนี้คนตกงานเยอะ ใบสมัครงานถูกส่งมาถึงเฮียชาร์ปทุกวัน แต่เพราะผมทำงานมาครึ่งเดือนแล้ว ไหนจะส่วนของทิปรวมที่จะต้องไปหารกันตอนจ่ายเงินเดือนอีก เฮียไม่อยากให้ผมเสียประโยชน์ตรงนี้ เลยขอให้ผมอยู่จนถึงสิ้นเดือน ซึ่งผมก็ตอบตกลง

ดังนั้นจนกว่าจะถึงสิ้นเดือน ผมก็ยังคงใช้ชีวิตแบบเดิมเหมือนที่ผ่านมา ตอนเช้าไปทำงานที่ร้านพี่นุชพร้อมสอนงานเด็กใหม่ไปด้วย ต่อด้วยไปส่งข้าวที่บ้านคุณตรี ก่อนจะกลับมาอ่านหนังสือจนกระทั่งช่วงสอบของผมผ่านพ้นไป

ช่วงเวลาสองอาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เผลอแป๊บเดียวก็สิ้นเดือน วันสุดท้ายของเดือนผมไปหาพี่นุชที่ร้านเพื่อเอ่ยลาอย่างเป็นทางการ แม้ว่าผมจะหยุดงานส่งอาหารมาแล้วสามวัน เนื่องจากพนักงานใหม่สามารถไปส่งข้าวได้โดยไม่ต้องมีผมเป็นพี่เลี้ยง

“ฟ้าขอบคุณพี่นุชมากๆเลยนะครับ ที่วันนั้นพี่นุชรับฟ้าเข้าทำงาน”

“ไม่เป็นไรจ้า ฟ้าเป็นเด็กดี ทำงานกับพี่พี่ไม่เคยปวดหัวเลย ลูกค้าก็ชมว่าพนักงานส่งข้าวน่ารัก แล้วก็ถ้าหากวันไหนบ้านนั้นเขาไม่จ้างฟ้าต่อแล้ว กลับมาทำงานกับพี่ได้ตลอดนะ”

“ขอบคุณครับ ถือว่าผมยื่นใบสมัครไว้ล่วงหน้าเลยนะครับ ถ้าวันนั้นมาถึง”

“ฮ่าๆๆ ได้เลยจ้า”

คนไม่มีวุฒิการศึกษาสูงๆอย่างผม ขอแค่มีคนให้โอกาสทำงาน ผมก็รู้สึกซาบซึ้งและขอขอบคุณจากใจจริง เขาคือผู้มีพระคุณของผม ของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องต่อสู้อยู่บนโลกใบนี้เพียงลำพัง หากไม่ได้ผู้มีพระคุณเหล่านี้ ผมคงอดตายเพราะไม่มีเงินซื้อข้าวกิน

ยังมีเฮียชาร์ปอีกคนที่ผมต้องไปเอ่ยลาและขอบคุณด้วยตัวเองแม้ว่าวันสุดท้ายของเดือนจะไม่ใช่วันที่ผมต้องไปทำงาน และก่อนหน้านี้ทุกคนก็รับรู้แล้วว่าสิ้นเดือนผมจะลาออก แต่เมื่อวานงานยุ่งมากและเฮียชาร์ปก็ติดธุระเรื่องที่บ้านเลยไม่ได้เข้าร้าน

ผมอยากเดินออกมาให้เหมือนความรู้สึกครั้งแรกที่เดินเข้าไปของานเขาทำ อยากเก็บไว้ให้เป็นความทรงจำดีๆในชีวิต

“ว่าไงฟ้า” เฮียชาร์ปทัก พี่ไม้เองก็อยู่ในห้องทำงาน

“สวัสดีครับเฮียชาร์ป พี่ไม้ ฟ้ามาลาน่ะครับ”

“โถ่เอ้ย ดูเจ้าเด็กนี่มันทำสิไอ้ไม้ ทำให้เป็นทางการไปได้ เราคนกันเองทั้งนั้น” เฮียชาร์ปหันไปพูดกับพี่ไม้แล้วหัวเราะ

“เฮียไม่ชินหรือไง ฟ้ามันก็เป็นอย่างนี้”

ผมได้แต่ยิ้ม ไม่มีสิ่งของอะไรตอบแทนเป็นพิเศษให้กับพวกเขาที่ดีกับผม ที่มีก็คือความจริงใจเท่านั้น

“อ่ะ อยากพูดลาอะไรก็ว่ามาเลย เฮียรอฟังอยู่” เฮียชาร์ปเอนหลังพิงเก้าอี้บุนวมด้วยท่าทางสบายอกสบายใจ

พอทั้งสองคนจ้องมาที่ผมเป็นตาเดียว ผมก็รู้สึกเขินจนพูดไม่ออก อะไรที่เตรียมมาว่าจะพูดมันเหมือนจะระเหยหายไปในอากาศเสียแล้ว

“ยืนนิ่งเลย ไม่ต้องเขินแล้วมาถึงขนาดนี้” พี่ไม้แซว

“ฟ้าก็แค่อยากมาขอบคุณเฮียชาร์ปที่ให้งานทำครับ และฟ้าก็อยากจะขอโทษถ้าหากว่าที่ผ่านมาฟ้าเผลอทำอะไรที่ไม่ดีไม่สมควร พี่ไม้ด้วยนะครับ ฟ้าขอบคุณที่สอนงานฟ้าและคอยแนะนำตักเตือน ถ้าฟ้าเคยทำอะไรให้เฮียรู้สึกไม่ดี ฟ้าก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ”

ผมยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองคน พวกเขามองผมแล้วก็ยิ้ม พี่ไม้เดินมาหาผมแล้วเอามือตบบ่า

“อย่าคิดมากฟ้า เอ็งเป็นเด็กดี ไม่เคยทำให้พี่รู้สึกไม่ดีเลย”

“ใช่ แต่ทำแบบนี้ก็ถือว่าถูกต้องและดีกับตัวเองแล้วฟ้าเอ้ย จำเอาไว้นะ ถ้าวันไหนลำบากก็มาหาเฮียได้เสมอ ฟ้าเป็นเด็กดี เฮียแก่แล้วเฮียมองคนออก ใครจะพูดอะไรก็ช่างหัวมัน เรื่องนั้นเฮียไม่รู้สึกอะไร เราเองก็เหมือนกัน ถ้าไม่ได้ทำผิดก็อย่าไปแคร์คำพูดของคนอื่นให้มากนัก ชีวิตนี้มันสั้นเกินกว่าจะมานั่งใส่ใจคำพูดติดลบ”

เฮียชาร์ปยังคงเป็นผู้ใหญ่ที่คอยสั่งสอนให้ผมเป็นคนดี แทนพ่อแม่และลุงชัยเสมอมานับตั้งแต่วันแรกที่ผมเข้าทำงานจนวันนี้ และผมคิดว่าตัวเองโชคดีที่มีเจ้านายที่ดีทุกคน

“เรื่องนั้นฟ้าไม่คิดมากหรอกครับ ฟ้ารู้ตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่” ผมบอกให้เฮียทั้งสองคนสบายใจ

“ดีแล้ว เฮียก็ขออวยพรให้งานใหม่ของฟ้าราบรื่นเป็นไปได้ด้วยดี มีอะไรก็อดทนเอา อยู่ให้เป็นที่รักและจากให้เป็นที่นึกถึง ยังจำคำสอนของเฮียได้ใช่ไหม”

“ฟ้าจำได้ครับ”

“อืม ดีแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะ ไปทำงานใหม่จะได้มีเรี่ยวมีแรง”

“ขอบคุณนะครับ ฟ้าลานะครับ” ผมยกมือไหว้เฮียชาร์ปและพี่ไม้อีกครั้ง

“โชคดีๆ ว่างๆก็แวะมาหาเฮียบ้าง”

“ครับเฮีย ผมจะแวะมาแน่นอน”

ผมเดินออกมาจากร้านอาหารที่ทำงานมาได้ร่วมสามปีพร้อมกับรอยยิ้ม มีทั้งเสียงเอ่ยทักด้วยความรักและความเกลียด

ผมรู้ว่าไม่มีใครในโลกนี้จะเป็นที่รักของคนทุกคนบนโลกได้ และการที่ผมออกจากงานไปเป็นพ่อบ้านให้คุณตรี อาจจะทำให้ใครบางคนมองว่าผมขายตัวหรือเฮียส่งผมไปรับใช้ลูกค้าวีไอพี ผมไม่สนใจหรอก เพราะผมรู้ว่าผมไปทำงานกับคุณตรีในฐานะอะไร ไม่มีใครจะทำให้ผมสกปรกได้ ยกเว้นความคิดของผมเอง

และนี่จะเป็นการเดินทางครั้งใหม่ของผมกับเส้นทางที่ผมได้เลือกแล้ว

ผมยืนอยู่ต่อหน้าเขา ในเวลาเช้าตรู่ของวันแรกในเดือนใหม่

คนสำคัญที่ยังมีชีวิตอยู่ของผม

“สวัสดีครับคุณตรี หลังจากวันนี้ผมขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ ผมสัญญาว่าจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดครับ!”


 :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-06-2020 23:07:59 โดย RiRi »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด