THIEF MAN #แฟนโจร (end) --------- SPECIAL หนุ่มหน้าใสกับชายมลทิน [10/08/19]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: THIEF MAN #แฟนโจร (end) --------- SPECIAL หนุ่มหน้าใสกับชายมลทิน [10/08/19]  (อ่าน 59683 ครั้ง)

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
โจรก็มีหัวใจนะโว้ยยยย

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ห๊อยยยยยสงสารรรโจรเบย์~~ทำไมทำอย่างเน่~~~ก็เข้าใจอยู่ ผดุงความยุติธรรม แต่มันแบบหักดิบไป๊ อร๊ายยยยแหลกสลายกับรักจอมปลอม พังๆๆ ฮื้ออเบย์จะติดคุกแล้วหรอ มีพลิกล็อคไหม?? รออออออออตอนหน้าาาาาาาาาาาาา จะว่ายังไงกันบ้างละเนี้ย โอ๊ยยย //ขอบคุณนะคะที่มาต่อให้ได้อ่าน สนุกกกกกกกกกกกกกกกก โจรก็มีรักมีหัวใจ โจรก็คนๆนึงนะเว้ยยยยยย อิน 5555

ออฟไลน์ Nekosama

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เบย์โดนจับแบบนี้ซวยแน่ๆ :hao5: ทำไมฝรั่งทำเงี้ยอาาาาาา หลุดเมื่อไหร่จะขอให้น้องหนีไปจนตามไม่เจอเลย...

ออฟไลน์ Noina_Pn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Blackmamba

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0



34
ปิดบัญชีแค้น (1/2)



“อะไรนะ!!!”

โจรอู๋ตะโกนใส่โทรศัพท์อย่างตกใจ ทำให้ผมสะดุ้งตื่น มองนาฬิกาเป็นเวลาตีหนึ่งกว่าๆ ผมทำหน้าอยากรู้ มันก็เปิดลำโพงให้ฟัง เป็นเบย์โทรมา จะว่าเปิดเผยหรือขี้เกียจอธิบายให้ฟังทีหลังก็ไม่รู้มัน

[พูดจริงเฮีย ตอนนี้ผมโคตรกลัวเลย จะทำไงดี]

เสียงเบย์สั่นเครือปนสะอื้นไห้คล้ายกำลังจะสติแตก

“เกิดอะไรขึ้นเบย์” ผมถามด้วยใจหวั่นๆ

[เราถูกจับ]

“เฮ้ย!!!”

[แต่ตอนนี้หนีมาได้แล้ว]

“ใครจับนาย แล้วหนีได้ยังไง”

[ผู้ชายไล่ตามเราตลอดน่ะ ที่จริงมันเป็นทหาร จับเราใส่กุญแจมือ แต่เราเอาตีนกระแทกปุ่มเปิดประทุนรถ เลยหนีออกมาได้]

“เชี่ย! มึงไม่กลัวตายรึไง!” ลูกพี่โวย

[วินาทีนั้นผมไม่มีอะไรให้กลัวแล้วเฮีย ถ้าผมโดนจับ พวกเราจะซวยด้วยกันหมด]

“มึงคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกหนังบู๊หรอสัด ขนาดกูบ้ากว่ามึงยังไม่กล้าโดดออกรถเลย ดีนะที่บุญคุ้มกะลาหัวมึงรอดมาได้ ไม่โดนรถทับตายโหง”

โจรอู๋คล้ายจะด่า แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ผมรู้ เบย์เองก็รู้เช่นกัน

[บ้า ผมก็มองทางสิ เจอที่โล่งๆ ค่อยโดด]

“มึงแม่ง...” ลูกพี่ยกมือขึ้นกุมขมับ “คนทำมึงใช่ไอ้คนที่เคยเล่าให้ฟังไหม คนเมกันตัวใหญ่ๆ สูงๆ”

[อือ]

“โถ่ลูกน้องกู เสียทั้งตัวเสียทั้งใจ”

[ถ้าจะพูดงี้เอามีดมาแทงกันเหอะ] เบย์ถอนหายใจ

“แล้วตอนนี้มึงอยู่ไหน เดี๋ยวกูไปรับ”

[ไม่ต้องๆ ผมโอเค]

“ให้มันน้อยๆ หน่อย คิดว่ากูจะเห็นแก่ตัวปล่อยให้มึงเดี้ยงคนเดียวหรอ”

ผมแอบอมยิ้ม

[พอมีเงินอยู่น่า ไม่ตายง่ายๆ หรอก ไม่ต้องห่วง]

“มึงคิดจะไปไหนมาไหนทั้งที่ใส่กุญแจมือ?”

[เอาทุบกับซีเมนต์หลุดแล้วครับ เป็นแค่อลูมิเนียมอ่ะ ไอ้เหี้ยนั่นมีทั้งของเล่นของจริง คงหยิบผิด]

“ไม่มั้ง เป็นถึงทหาร ของเล่นกับของจริงน้ำหนักก็ต่างกัน มันอาจไม่ได้อยากจับมึงจริงๆ ก็ได้ แค่ขู่ให้ขวัญเสีย”

ผมฟังโจรอู๋พูดก็แอบเห็นด้วย เพราะผู้ชายที่มาติดพันเบย์คนนั้นดูหลงรักเพื่อนเราหัวปักหัวปำเหลือเกิน ยากจะเชื่อว่าจะทำร้ายกันได้... แต่มันก็แค่สันนิษฐานอ่ะนะ คนเรามองแค่ภายนอกไม่ได้

[ทำกันขนาดนี้ คงไม่ใช่แค่ขู่ละเฮีย]

“กูไม่ค่อยอยากเชื่อเลยว่ะ มันคลั่งมึงขนาดนั้น”

[ตอแหลน่ะสิ]

“แล้วนี่มึงจะไปไหนต่อ”

[คงกลับสลัม]

“เห้ย อันตราย ตำรวจให้ชาวบ้านช่วยเป็นหูเป็นตา เอาเงินมาล่อ ขืนมึงกลับไปก็ซวยสิ”

[ไม่ๆ มีพวกที่พึ่งได้อยู่]

“คนไหน กูเห็นมีแต่ขี้ยา”

[ก็ไอ้พวกนั้นแหละ ถ้าแม่งแจ้งจับผม ผมก็แจ้งจับพวกมันข้อหายาเสพติดเหมือนกัน]

“อ่อ ศีลเสมอกัน”

[โชคดีนะเฮีย ระวังตัวด้วย]

เราต่างหากต้องพูดประโยคนั้นกับเบย์

ผมกับโจรอู๋มองหน้ากันแล้วก็ถอนหายใจอย่างสลด หายนะลามเข้ามาใกล้ปลายจมูกพวกเราขนาดนี้ จะรอดถึงวันปิดบัญชีไหมนะ...

โจรอู๋ลุกจากเตียงไปใส่เสื้อผ้า ก่อนจะเก็บข้าวของใส่กระเป๋า

“อะไร อย่าบอกนะว่าจะย้ายที่”

“ใช่ ตำรวจว่าชิบหายแล้ว นี่แม่งมีทหารมาผสมโรงอีก เราอยู่เฉยไม่ได้แล้ว ใครจะรู้ว่าพวกมันอาจแฮ็กมือถือไอ้เบย์ รู้ว่าโทรหาข้า แล้วก็ตามมารวบเราสองคนเข้าคุก”

“แล้วจะไปไหน”

“ที่ไหนก็ได้ที่ถูกๆ” โจรอู๋โยนกระเป๋าตังค์ลงบนเตียง “เหลือเงินอยู่แค่นี้ คิดทีว่าจะเอาไง”

ผมเปิดดูข้างใน นับดูก็พบว่ามันมีเพียงสามพันบาท แต่เราต้องใช้อีกสามวันกว่าจะถึงวันปิดบัญชีหนี้ของโจร

“หักเอาจากที่ขโมยมานิดนึงไม่ได้เหรอ กูกลัวไม่พออ่ะ” ผมปิดกระเป๋าตังค์ของมันอย่างอ่อนใจ

“ไม่ได้ ข้าไม่รู้ว่าทรัพย์สินที่เรามีตอนนี้ตีเป็นเงินได้เท่าไหร่ ข้าไม่อยากให้มันขาดหายไป สามพัน สองคนสามวัน ถ้ากัดฟันใช้ยังไงก็พอน่า”

นี่แหละชีวิตจริง ไม่มีเศรษฐีคอยเป็นแบ็กอัพให้ ขอต้อนรับสู่วิถีกัดก้อนเกลือกินครับผม

โจรอู๋เห็นผมสีหน้าไม่ดีก็เข้ามายืนตรงหน้า ก่อนจะทำสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง... มันร้องเพลง

“มีแฟนเป็นโจร ต้องทนหน่อยน้อง~ พี่นี้ไม่มีเงินทอง มารองรับความลำบาก~”

“เชี่ย!” ผมขว้างหมอนใส่มัน ทั้งน้ำเสียงเพี้ยนๆ กับอินเนอร์ที่มาเต็ม ทำให้ผมอดหัวเราะไม่ได้

“อยากให้อารมณ์ดี” โจรสวมกอด เอาหน้าหนวดๆ ถูหน้าผม “ทนเอาหน่อยนะ อีกสามวันเอง”

“รู้...” ผมกอดมันตอบ

ขอเพียงแค่ไม่มีอะไรผิดแผน

 


D-Day

เมื่อวันนั้นมาถึง

เฟลมอยู่ไม่สุข ร้อนรน กระวนกระวาย เมื่อไม่มีใครบางคนตีหน้ามึนใส่มาสามวันเต็มๆ หมวดขาดการติดต่อไปเฉยๆ อย่างกับจะหายตัวตามแสงเทียนไปอีกคน

ความจริงหมวดได้เบาะแสจากพนักงานโรงแรมม่านรูดว่าเจอคู่รักชายชายรูปพรรณสัณฐานคล้ายผู้ร้ายในข่าว เลยมาให้ปากคำ เป็นข้อมูลสำคัญมากจนหมวดไม่มีเวลาไปหาเฟลม เหตุนี้ผู้ร้องทุกข์จึงไปหาหมวดที่สน. เอง เพราะไม่มีเบอร์โทร

จะขอก็ไม่กล้า มันดูส่วนตัวไป เกิดหมวดไม่ได้ก็หน้าแหกอีก

ใจหนึ่งตื่นเต้นเรื่องความคืบหน้าของคดี... อีกใจคืออยากเจอหมวด จะว่าเป็นความเคยชินก็ได้มั้ง เฟลมรู้สึกว่าเวลามีหมวด โลกก็ไม่ได้จะถล่มเหมือนตอนอยู่คนเดียว หมวดมีฟิลเตอร์ของความล่องลอยเหนือปัญหา...จะว่าหลุดโลกก็เอา เรื่องคอขาดบาดตายใดๆ ก็ไม่ทำให้หมวดรู้สึกสะทกสะท้านได้เลย ต่างกับเขาที่เหมือนแบกระเบิดขนาดใหญ่เท่าโลกไว้ตลอดเวลา

เขารู้สึกตัวเบาเวลาอยู่กับหมวด...

แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นความรู้สึกพิเศษหรือไม่ เพราะเขาไม่มีจิตใจจะคิดเรื่องนั้น อย่างน้อยก็จนกว่าจะเคลียร์เรื่องแสงเทียนได้

พอไปถึงสน. ก็เห็นตำรวจหลายนายหน้าดำคร่ำเครียด เหมือนกำลังเตรียมตัวออกปฏิบัติภารกิจสำคัญ รถตำรวจจอดเรียงกันเต็มลานทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ แสงไฟจากไซเรนสว่างไปทั่ว เฟลมสอดส่องสายตามองหาหมวดรักษ์ เห็นเดินวุ่นๆ อยู่ในอาคาร ชายหนุ่มรอจังหวะที่หมวดอยู่คนเดียวเดินเข้าไปหา

“อยากจะหายก็หาย ไม่คิดบอกอะไรสักคำเลยสินะ”

“อ้าว เปรมประกิตติ์” หมวดเบิกตาขึ้นเล็กน้อยมองคนตรงหน้า “มีธุระอะไรเหรอ”

“จำเป็นต้องมีด้วยรึไง” เฟลมขมวดคิ้ว

หมวดยิ้มกวน “คิดถึงผมเหรอ?”

“บ้า! ใช่ที่ไหน ใครจะไปคิดถึงคุณ!” หนุ่มหล่อปฏิเสธทันที “เล่นหายไปเฉยๆ ตั้งสามวัน ไม่บอกอะไรผมเลย ผมก็แค่สงสัย”

“พอดีมีภารกิจใหญ่แทรกน่ะ ผมเลยต้องโฟกัสกับมันก่อน”

“ใหญ่แค่ไหน”

“ระดับความมั่นคงของชาติ”

เฟลมอึ้ง เทียบแล้วคดีของเขากลายเป็นขี้ผงไปเลย

“แต่ก็น่าจะติดต่อหาผมบ้าง ไม่ใช่หายไปเฉยๆ ผมกระวนกระวายจะแย่รู้รึเปล่า”

“เป็นห่วงรึไง?” หมวดเลิกคิ้ว

“ผมไม่ได้เล่นๆ นะ ซีเรียส” เฟลมนิ่วหน้าเครียด

“โอเค ผมขอโทษที่ไม่ได้บอก ก็มันฉุกละหุกมากนี่นา ตอนนี้ผมขอตัวก่อนนะ” หมวดรักษ์พูดแล้วเดินเลี่ยงไป แต่ชายหนุ่มคว้าแขนตำรวจไว้ก่อน

“เดี๋ยวหมวด”

“อะไร”

“ผมไปด้วยได้มั้ย”

“ไม่ได้! มันอันตรายเกินไป แล้วคุณก็เป็นคนนอก ผมไม่อนุญาตเด็ดขาด” หมวดปฏิเสธทันควัน แววตาจริงจังมองเฟลม

“ถ้าคุณเผลอหลับใน ขับรถออกนอกเลนเหมือนคราวก่อนอีกล่ะ”

“ไม่หรอกน่า พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินเลย”

“คุณก็เคยหลับในตอนเช้าที่ร้านของผม จนหงายหลังล้มมาแล้ว”

“.... ยังไงผมก็ให้ไปไม่ได้ นี่ผมเป็นห่วงคุณนะเปรมประกิตต์”

“แล้วคิดว่าผมไม่เป็นห่วงคุณรึไง”

พอจบประโยคนั้นของเฟลม ทั้งสองคนก็เงียบ เพราะรู้สึกอึ้ง ฝ่ายหนึ่งอึ้งที่ตัวเองพูดคำนั้นออกไป อีกฝ่ายอึ้งเพราะคาดไม่ถึงว่าจะได้ยิน

เฟลมถามเบี่ยงประเด็นทันที กลัวจะนำไปสู่บรรยากาศชวนเพลี่ยงพล้ำทางใจ

“คดีนี้เกี่ยวกับแสงเทียนมั้ย”

“ไม่ เป็นคดีค้าโบราณวัตุข้ามชาติ”

“ไอ้โจรที่ลักพาตัวแสงเทียนก็เคยขโมยวัตุโบราณ ผมว่า...”

“หมวดรักษ์ ไปสแตนด์บายได้แล้ว!”

ไม่ทันที่เฟลมจะพูดจบ ผู้กำกับก็ร้องบอกซะก่อน

“ครับท่าน” หมวดขานรับ ก่อนจะหมุนตัวหันหลังให้เฟลม “เจอกันพรุ่งนี้ ถ้าไม่มีอะไรผิดแผน”

แล้วก็หายไป

ขบวนรถตำรวจทยอยออกจากสถานี เฟลมรอจนพวกเขาไปหมดทุกคันแล้วจึงโบกแท็กซี่หน้าสถานี

“ตามตำรวจไป”

แท็กซี่ทำหน้างง ปกติเคยเห็นแต่ตำรวจตามประชาชน

เฟลมไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขาต้องตาม อาจเป็นลางสังหรณ์ว่าต้องเกี่ยวกับแสงเทียน... ถ้าไม่เกี่ยว เขาก็แค่กลับ ไม่ทำให้ตำรวจปวดหัวหรอก

ถ้าไม่มีอะไรผิดแผน

 



สามวันที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเงินสะพัดโดยแท้

ผม โจรอู๋ กับพรรคพวกในแก๊งช่วยกันกระจายเอาทรัพย์สินที่ขโมยมาไปเปลี่ยนเป็นเงินสด ขายตามตลาดมืดบ้าง แลกเปลี่ยนกับพวกผู้มีอิทธิพลบ้าง แล้วนำเงินสดทั้งหมด (หกสิบล้าน แม่เหยด) ฝากไว้ที่ห้องเคฟ...บุรุษคนเดียวในกลุ่มที่ยังไร้หมายจับ รอรวมกับขายของเถื่อนให้ครบร้อยล้านแล้วส่งมอบให้เฉินเชว่

โจรอู๋บอกว่ามันจะนัดเจอในกรุงเทพฯ ก็ถือเป็นเรื่องดีจะได้ไม่ต้องขนเงินไปจีนให้ยุ่งยาก แถมเสี่ยงตายในเขตแดนของพวกมันอีกต่างหาก

เคฟเอาวัตถุโบราณที่โจรอู๋ฝากไว้มาส่งให้ตั้งแต่เช้ามืด ได้แก่ภาพวาดของศิลปินแห่งชาติชื่อก้องโลกผู้ล่วงลับนับสิบ พระพุทธรูปโบราณ กับเครื่องประดับของราชวงศ์สมัยทวารดี แค่ไม่กี่ชิ้นก็มูลค่ามหาศาลเกินสี่สิบล้านไปโข แน่นอนว่าโจรอู๋จะฟันกำไรชนิดจุกอกตาย

พวกอาชญากรยกพลกันไปที่โกดังร้างแถบชานเมืองที่เจ้าสัวหัวหอกของขบวนการเป็นเจ้าของ ผมในนามแสงโสม กับโจรอู๋ในนามเคลวิน ขึ้นรถตู้มากับเจ้าสัวด้วย จึงไม่เป็นที่สะดุดตาของชาวบ้านหรือเจ้าหน้าที่ ต้องทำแบบนี้เพราะเราไม่มีรถเป็นของตัวเอง และการใช้บริการรถสาธารณะก็เสี่ยงเกินไป อเล็กซ์อัพเดตสดๆ ร้อนๆ มาว่าตำรวจเคลื่อนไหวแล้ว ยกขบวนกันไปทั้งโรงพัก แต่ไม่รู้ว่าไปไหน ให้พวกเราระวังตัว เพราะอาจมีข่าวรั่วไหลเรื่องการซื้อขายวันนี้ก็ได้ หากเป็นจริง ไม่ใช่แค่โจรอู๋ที่จะถูกเก็บ แต่โดนกันทั้งขบวนการ

แทนที่จะเบาใจ ผมเลยยิ่งเครียด

มาก็มาเถอะครับ แต่ขอเป็นหลังปิดบัญชีนะท่าน ...

ลูกค้าเศรษฐีชาวต่างชาติที่เจ้าสัวเป็นคนกลางให้ก็กำลังเดินทางไปที่โกดังเช่นกัน มีชาวรัสเซีย ซาอุฯ กับฮ่องกง พวกรวยเงินเหลือทั้งนั้น

มาถึงปุ๊บก็ลงจากรถกัน แต่พอผมจะลง โจรก็จับไหล่ให้หยุด

“เอ็งไม่ต้องไป รออยู่ที่นี่”

“ทำไม” ผมงงเป็นไก่ตาแตก

“มันอันตรายเกินไป ข้าให้เอ็งไปเสี่ยงด้วยไม่ได้”

“อันตรายยังไง ไม่ได้มีศัตรูมึงอยู่ด้วยซักหน่อย”

“อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า”

“มาด้วยกันตั้งขนาดนี้ กูไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วล่ะ”

โจรถอนหายใจ คิ้วขมวดเคร่ง

“คราวนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมา เทียน มีแต่มาเฟียตัวเป้งๆ เกิดมันเล่นตุกติกฆ่าข้าตายขึ้นมา เอ็งจะไม่ปลอดภัย”

“อย่าพูดอย่างนั้น” ผมเอามือปิดปากมันทันที แค่คิดก็ใจหายแล้ว

โจรจูบมือผม แล้วดึงออก

“ก็แค่พูดเผื่อไว้ แต่จะทำให้ดีที่สุด มันต้องผ่านไปด้วยดี และหลังจากวันนี้ไปเราจะไม่ใช่โจรอีก”

“อื้อ...”

โจรอู๋ขยี้หัวผมเหมือนลูกหมาก่อนจะลงจากรถไปพร้อมกับเจ้าสัวและบอดี้การ์ดนับสิบ เดินหายไปอย่างรวดเร็วในความมืด ทิ้งให้ผมอยู่กับบอดี้การ์ดอีกหนึ่งคนเบื้องหลัง

ขอให้ภารกิจสำเร็จด้วยดี ขอให้มันปลอดภัยด้วยเถอะ...

 





ภายในโกดัง

คู่ค้าชาวต่างชาติทั้งสามคนส่งตัวแทนมา เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง ไม่คุ้มหากจะถูกตำรวจไทยรวบเอาง่ายๆ โจรอู๋กับเจ้าสัวจับมือทักทายพันธมิตรชาวฝรั่ง แขก และ...

“ไอ้สัดหมา มึงมาได้ไง”

เป็นอันต้องผวาเมื่อลูกค้าชาวฮ่องกงที่ว่ากลายเป็นคนที่เขาเอาตีนเหยียบหน้าเมื่อหลายวันก่อน รอยช้ำบวมแดงยังปรากฏให้เห็นชัด พอๆ กับสายตาลุกวาวเหมือนไฟที่จ้องมองมา

“แปลกใจทำไม ก็กูมาจากฮ่องกง”

“กูไม่คิดว่าจะเป็นมึง”

“มึงโง่ไง”

“พวกลื๊อรู้จักกันเหรอ” เจ้าสัวมองหนุ่มจีนสองคนสลับกันไปมาอย่างฉงนฉงาย

“ยิ่งกว่ารู้จักอีกครับ” เฉินเชว่เอ่ย “ไอ้เหี้ยนี่ไม่ได้ชื่อเควิน มันชื่ออติศร แซ่อู๋ บ้านอยู่เยาวราช เป็นอาชญากรสิบคดีในหมายจับ มันคือตัวซวยของแท้ เสี่ยโดนมันแหกตาแล้วล่ะ เลิกกระแดะสปีคอิงลิชเถอะ จีนด้วยกันทั้งนั้น”

โจรอู๋หน้าร้อนผ่าว

มึงสิตัวซวย มาแหกอะไรกูตอนที่ทุกอย่างกำลังจะสำเร็จ!

“เรื่องแค่นี้ คิดว่าอั๊วไม่รู้เรอะ”

“อ้าว” ทั้งสองเป็นงง

“ก็เพราะรู้ว่าอีเป็นโจร อั๊วถึงยอมให้มาร่วมงาน ยิ่งพวกหนีคดีเก่งๆ ปลอมตัวเนียนๆ ก็แสดงว่าฝีมือขั้นเทพ”

โอ้โห คดีพลิกสัด...แล้วกูจะเสียเงินเป็นแสนให้ไอ้เล็กเมคตัวตนใหม่เพื่อ!?

“แหม เสี่ยนี่หัวคิดดีจริงๆ นะครับ” เฉินเชว่หัวเราะแบบเสแสร้ง “แต่ยังไงผมก็ขอเตือนว่าไอ้เวรนี่มันงูเห่า กัดตายหมดแม้กระทั่งคนใกล้ตัว”

“แยกแยะบ้างได้ป่ะสัด”

โจรอู๋พูดลอดไรฟันน้ำเสียงเจือโทสะ ใจจริงอยากเอากระแทกหน้ามันเหลือล้น แต่ต้องรอให้ทุกอย่างเสร็จสิ้นก่อน ไม่งั้นจะเสียงานเอา เขารู้ว่าไอ้หอกนั่นก็อยากควักปืนมาเป่ากบาลตัวเองจะแย่ แต่เกรงใจเจ้าสัวกับคู่ค้าอีกสองคน อยู่กันลำพังเมื่อไหร่คงทำตามใจได้

“ปิดดีลนี้ กูขอเคลียร์บัญชีหนี้มึงต่อเลยแล้วกัน” มาเฟียกล่าว

โจรรู้ว่ามันอยากเก็บเขา ถึงได้ถ่อมาหาถึงที่ แถมยังก่อนกำหมดตั้งหลายวัน มันตั้งใจเล่นไม่ซื่อ เพราะหากรอเขาบินไปหาเองถึงจีน นอกจากเฮียฟงผู้เป็นคนกลาง (อาจจะ) ปกป้องเขาแล้ว ก็ยังง่ายที่เขาจะได้ตัวแม่คืนไปด้วย

มันต้องการฆ่าเขา... และไม่ต้องการให้ได้เจอแม่

แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาบอกแสงเทียน

เขารู้ว่าต้องเป็นแบบนี้ตั้งแต่วันแรกที่เห็นเฉินเชว่ในไทยแล้ว แต่ไม่อยากให้แสงเทียนไม่สบายใจ และไม่อยากให้ต้องมาเสี่ยงภัยด้วยกัน เขาตายได้แต่แสงเทียนต้องรอด ข้างนอกนั้นมีโลกที่รอการกลับไปของแสงเทียนอยู่

แต่สำหรับเขา ไม่มี

ทว่าบางทีมันอาจไม่เป็นอย่างที่คิด เขาอาจชนะก็ได้ ใครจะรู้... อาจเป็นเขาที่ได้เอาคืนมันทบต้นทบดอก

โจรอู๋เปิดกระเป๋าเดินทาง หยิบภาพวาดทั้งสิบออกมาวาง ตัวแทนลูกค้ารัสเซียกับคนที่น่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญตรวจดูอย่างละเอียด ใช้เวลาร่วมสิบนาทีจนแน่ใจว่าเป็นของจริง จึงตกลงรับ และยื่นกระเป๋าเอกสารที่มีเงินอัดแน่นให้เจ้าสัวกับลูกน้องไปนับ หักค่านายหน้าออก แล้วจึงส่งให้โจรอู๋ ทำเช่นนี้กับลูกค้าแขกและเฉินเชว่

ตลกดีที่คนอย่างมันบูชาพระพุทธรูป กูเองก็บาปเหมือนกัน... แต่อีกไม่กี่อึดใจเวรกรรมก็จะตามสนอง

กระบวนการดำเนินไปท่ามกลางความสุ่มเสี่ยง ไม่มีใครวางใจใครร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะหนุ่มจีนทั้งสอง เจ้าสัวต้องสั่งการ์ดให้ล้อมวงรอบไว้เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน แต่ทุกอย่างก็เสร็จสิ้นไปด้วยดี ลูกค้าได้ของ เสี่ยได้ค่าคอมฯ โจรอู๋ได้เงิน                                                         

“ทีนี้ก็เหลือแต่เรา” เฉินเชว่พูด

“กูจะจ่ายมึง ก็ต่อเมื่อมึงปล่อยแม่กูเท่านั้น”

“เอาสิ กูคอลให้ แต่มึงต้องเอาเงินทั้งหมดมากองแทบเท้ากูก่อน”

“.....”

เสร็จธุระ แขกกับฝรั่งก็จากลา เจ้าสัวก็จะขอตัว แต่ลูกน้องกระซิบว่า ‘ถ้าพวกมันฆ่ากันตาย จะซวยลามมาถึงเสี่ยด้วยนะครับ’ เลยตัดสินใจจะอยู่ต่อเป็นคนกลาง

“ไหนๆ ก็ไหนๆ อั๊วจะช่วยพวกลื๊อไกล่เกลี่ยกันเอง จะทำอะไรก็เห็นแก่หัวหงอกอั๊วด้วยแล้วกัน”

“ไม่ต้องครับเสี่ย รบกวนเวลาเปล่าๆ” เฉินเชว่ว่า

“ไม่ได้ ที่นี่แดนอั๊ว ถ้าพวกลื๊อทำอะไรไม่เข้าท่า อั๊วนี่แหละจะซวย” เจ้าของที่ดินพูด สองศัตรูคู่แค้นมองหน้ากัน แล้วเฉินเชว่ก็พ่นลมออกจมูก

“งั้นผมไปที่อื่นก็ได้”

“ก็ดี โดนตำรวจจับได้ก็ไม่เกี่ยวกับอั๊ว”

“....” เจ้าหนี้กัดริมฝีปากล่างอย่างอึดอัดใจ ก่อนจะเอ่ยคำสรุป “เออ งั้นก็ทำแม่งที่เนี่ยแหละ”

“เอาไปก่อน ที่เหลือกูให้น้องมาส่ง”

โจรอู๋ยื่นกระเป๋าที่เพิ่งถือได้ไม่กี่นาทีให้คู่แค้น อีกฝ่ายกระชากไปอย่างไม่เต็มใจ จากนั้นเขาก็ส่งโลเคชั่นให้เคฟ อีกฝ่ายส่งสติกเกอร์โอเค คาดว่าจะบึ่งมอเตอร์ไซค์มาภายในไม่เกินสิบห้านาที

“อีกตั้งนาน เสี่ยกลับก่อนเลยครับ ผมเกรงใจ” เฉินเชว่บอก

“พวกลื๊อคิดจะฆ่ากันในบ้านคนอื่น แต่ไล่เจ้าของบ้านออกไปให้พ้นเนี่ยนะ บ้ารึเปล่า!”

“ใครบอกผมจะฆ่ามัน มันสิจะฆ่าผม ไม่เชื่อดูหน้ามันสิ”

เจ้าหนี้ชี้นิ้วใส่คนตรงข้ามที่ทำหน้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อไม่มีผิด เจ้าสัวได้แต่ถอนหายใจและส่ายหัว

“อย่าฆ่าคนเลย มันบาป อั๊วเคยแล้ว ยังเสียใจมาจนทุกวันนี้ ต่อให้มันจะเป็นศัตรูคู่อาฆาตมาแต่ชาติก่อนก็เหอะ ลื๊อจะสะใจแค่แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ แต่จะฝันร้ายไปทั้งชีวิต ไม่คุ้มหรอก เชื่ออั๊ว”

มีเพียงความเงียบจากชายทั้งสองคน กับสายตาของเฉินเชว่ที่อ่านได้ว่า ‘ผมจะไม่มีวันเสียใจ’ ที่โจรอู๋อ่านออก

“ถึงจะเป็นเรื่องของลื๊อสองคน แต่ถ้ามีอะไรไม่ถูกต้อง อั๊วก็จะไม่อยู่เฉย บอกไว้ก่อนว่าอั๊วมีเครือข่ายที่แผ่นดินใหญ่เพียบ”

“.....”

คำพูดของเจ้าสัวทำให้โจรอู๋ปลาบปลื้มจนแทบน้ำตาคลอ คนระดับนี้มีหรือจะดูไม่ออกว่าใครชั่วใครไม่ชั่ว... คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ไว้ใจ ยอมเสี่ยงตายมาลงขันด้วย

แต่ละวินาทีที่ผ่านไปยาวนานเหมือนสิบชาติ โจรอู๋ค่อนข้างกระวนกระวาย เพราะเงินตั้งยี่สิบล้านอยู่ในมือมัน ชีวิตแม่ก็อยู่ในมือมัน แต่ยังไม่ทันที่เคฟจะมาถึง เจ้าหนี้ก็ประกาศ

“กูเปลี่ยนใจละ เรื่องนี้เอาไปเคลียร์กันตอนมึงกลับจีนดีกว่า”

“ไอ้สันขวาน!!!”

ผัวะ!

โจรซัดเต็มกำลังใส่ปากมาเฟียจนเลือดพุ่งจากปาก เฉินเชว่ร้องลั่น แต่ก็คือเตรียมตัวซัดอยู่นานแล้ว รอแค่จังหวะเปิดฉาก จัดการจับกลางลำตัวโจรอู๋ทุ่มลงกับพื้นซีเมนต์แล้วซัดคืนสองหมัดติด

“เฮ้ย! บอกว่าอย่าทำร้ายกัน พวกลื๊อฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง!!!”

เจ้าสัวตะโกน สั่งให้ลูกน้องเข้าไปแยกหมาบ้าสองตัวนั้นออกจากกัน แต่พวกเขาก็ต้องชะงักเมื่อเฉินเชว่ชักปืนออกมาจ่อกลางหน้าผากโจรอู๋

“อาเฉิน! ลื๊ออย่า!” เสี่ยตวาด หน้าแดงก่ำ ตัวสั่นด้วยความโมโห

“เสี่ยไม่ต้องเสือก เรื่องนี้เกี่ยวกับผมและมันแค่สองคน!”

เฉินเชว่จ้องตาโจรอู๋เป็นประกาย คล้ายสัตว์กระหายเลือดศัตรู

“มีแค่ผมกับมันที่รู้...ว่าจะต้องจบแบบนี้!!!”

ปัง!


v
v
v

ออฟไลน์ Blackmamba

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0



(2/2)



เสียงปืนจากด้านในโกดังทำให้ผมสะดุ้งสุดตัว นี่ก็ผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีแล้ว พวกฝรั่งกับแขกชิ่งออกจากโกดังไปแล้วด้วย เหลือแต่คนฮ่องกง เจ้าสัว กับโจรอู๋เท่านั้นที่ยังอยู่ข้างใน หัวใจของผมเต้นไม่เป็นส่ำ ตอกย้ำความกลัวให้ยิ่งกัดกินหัวใจ กลัวเกิดเรื่องไม่ดี

และลางสังหรณ์ก็เป็นจริง

เช่นเดียวกับที่ผมรู้กระจ่างแจ้งว่าโจรอู๋ไม่ได้ทิ้งผมไว้เพื่อความปลอดภัยเท่านั้น มันให้เฝ้าต้นทางด้วย

รถตำรวจนับสิบกำลังแห่เข้ามา ไฟไซเรนสว่างวูบวาบแต่ไร้สุ้มเสียง เหมือนกองทัพพญามัจจุราช

ผมปลดล็อก รีบวิ่งลงจากรถเข้าไปในโกดังสุดฝีเท้า

“โจรอู๋! อยู่ไหน!!!”

ผมตะโกนไปวิ่งไปภายในความมืด ต้องรีบบอกให้ทุกคนหนี ไม่งั้นเกิดวิสามัญหมู่โจรแน่ๆ!

โผล่มาที่กลางโกดัง ที่ซึ่งเจ้าสัวกับลูกน้องกำลังยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก และโจรอู๋กำลังต่อสู้กับใครบางคนฝุ่นตลบอยู่ที่พื้น เลือดไหลนองจากหัวไหล่ ไอ้เวรนั่นยิงแฟนผมอีกแล้ว!

“หยุดตีกันเดี๋ยวนี้!!!” ผมตะโกนลั่น

“เทียน ลงมาทำไม!”

“หนีเร็ว ตำรวจมา!”

“อะไรนะ!!!” ไม่เพียงแค่โจรอู๋เท่านั้นที่ตกใจ ทั้งเสี่ยและไอ้มาเฟียเหี้ยฆ่าไม่ตายก็หน้าซีดไปตามๆ กัน

“เลิกตีกันแล้วหนีก่อน ไม่งั้นจะตายกันหมด!” ผมร้องบอก

“ออกข้างหลัง!”

เฉินเชว่วิ่งนำพวกเราทุกคนไป เหมือนลืมไปเลยว่ากำลังจะเอาชีวิตโจรอู๋อยู่ แต่โชคร้ายที่ตำรวจเข้าปิดล้อมรอบโกดังทั้งด้านซ้ายขวาหน้าหลัง พวกเราจึงติดอยู่ข้างในไม่สามารถออกไปได้

“มีทางลับใต้ดินโผล่ออกไปอาคารข้างๆ ได้ ตามอั๊วมา!”

เจ้าสัวเป็นฝ่ายนำพวกเราบ้าง ในเวลานี้ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนไม่เกี่ยง ขอให้มีชีวิตรอดเป็นพอ

เป็นเหตุการณ์ระทึกขวัญสั่นประสาทแบบเดียวกับที่โจรอู๋พาผมไปเผชิญมาหลายครั้ง ทั้งวิ่งหนีกระสุน บุกป่าฝ่าดงหัวซุกหัวซุน แต่คราวนี้ความโหดร้ายหนักหนากว่าที่ผ่านมา เพราะผลลัพธ์คือตายหรือไม่ก็ถูกจับ ผมอดแปลกใจในโชคชะตาไม่ได้จริงๆ ที่คนซึ่งตำรวจพยายามช่วยเหลือทุกวิถีทาง กลับกลายเป็นคนที่วิ่งหนีตำรวจสุดฝีเท้า

“มอบตัวซะ ไม่อย่างนั้นเราจำเป็นต้องวิสามัญ!!!”

ตำรวจตะโกนผ่านโทรโข่งรถ แต่พวกเราไม่มีใครหยุด ด้วยรู้ดีว่าหนทางข้างหน้าไม่เลวร้ายเท่าการหันกลับหลัง ดังนั้นเจ้าหน้าที่ทั้งหลายจึงไล่กวดเราเหมือนหมาป่าล่ากระต่าย

แล้วหมาป่าก็ฉลาดมาก แทนที่จะยิงคน กลับยิงกระหน่ำใส่รถจนยางระเบิด ทำให้พวกเราหมดหนทางขับหนี

“แม่ง!!!”

อยู่ดีๆ เฉินเชว่ก็ร้องลั่นสุดเสียงและล้มลง เลือดไหลทะลักจากขา มันโดนลูกหลงตำรวจเข้าให้แล้ว ผม โจรอู๋ กับลูกน้องของมันช่วยกันพยุงมันขึ้น แต่มันสะบัดทิ้ง

“ไม่ต้องห่วงกู รีบหนีไป! อยากตายกันหมดรึไง!”

แทบไม่อยากเชื่อหู

“อดทนไว้สิวะ อีกนิดเดียว!” โจรอู๋ดึงแขนมันขึ้นมาอย่างดื้อรั้น

“กูไม่อยากเป็นตัวถ่วง!”

“กูก็ไม่เห็นแก่ตัว ปล่อยมึงตายเหมือนกัน”

“ไอ้เหี้ย มึงนี่โง่หรือโคตรโง่!”

“เออกูโง่ แต่กูไม่ได้เลว”

“ไอ้สัดอู๋!”

“อย่ามัวแต่เถียงกัน พวกลื๊อไปทางนั้น ในอาคารมีทางลับใต้ดิน ประตูอยู่ที่พื้นใต้พรม อั๊วจะไปทางนี้ แยกกันปลอดภัยกว่า” เจ้าสัวบอก ก่อนจะวิ่งไปทางด้านขวาซึ่งมีอาคารหลังใหญ่อยู่

โจรอู๋จับมือผมแน่น แววตามั่นคงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา

“เทียน เอ็งวิ่งไปให้เร็วที่สุด แล้วข้าจะตามไป”

“อะไรนะ!”

“เหอะน่า!” โจรอู๋ผลักให้ผมไปทางด้านซ้ายที่เป็นอาคารชั้นเดียว แม้จะไม่เข้าใจแต่ผมก็วิ่งสุดฝีเท้า



กระสุนจากปลายกระบอกปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงไล่หลังสองหนุ่มชาวจีนมาติดๆ ขณะที่โจรอู๋พยุงร่างของเฉินเชว่ที่ได้รับบาดเจ็บหลบหนีอย่างทุลักทุเล

“มึงช่วยกูทำไม!” เฉินเชว่มองคนที่พยุงตัวเองอย่างไม่เข้าใจ

“กูไม่เคยลืม ที่กูเคยโดนหมากัดตอนปอสาม แล้วมึงแบกกูจากโรงเรียนไปโรง'บาล”

“เวรเอ๊ย...” เฉินเชว่สบถ “นานเป็นชาติแล้วยังเสือกจำได้”

“กูไม่มีวันลืมบุญคุณคนหรอก”

เสี้ยววินาทีหนึ่งในแววตาของมาเฟีย โจรอู๋เห็นความเสียใจและดีใจระคนกัน

“ไอ้เหี้ย คนอย่างมึง... คนอย่างมึง...”

“แข็งใจไว้ เราต้องรอด” โจรอู๋บอก

“ถ้าไม่รอด กูจะตามไปล้างแค้นมึงถึงในนรก...” เฉินเชว่กัดฟันกลั้นเจ็บ มองหน้าคนข้างๆ “แต่ถ้ารอด... กูจะยกโทษ ยกหนี้ทั้งหมดให้มึง”

 


...

ผมเข้ามาข้างในอาคาร มองหาทางลับใต้พรมตามที่เจ้าสัวบอก เจอพรมเน่าๆ อยู่ผืนหนึ่งกลางห้อง ยกมันขึ้น เห็นประตูบานประมาณหนึ่งคูณหนึ่งฟุตก็งัดเปิดออก สำลักฝุ่นอยู่สี่รอบ มองลงไปเพื่อดูว่าไม่มีสิ่งอันตราย ก็ตัดสินใจเดินลงไป

ใช้มือคลำผนังเดินไปอย่างระมัดระวัง พบว่าไม่ใช่ห้องใต้ดิน แต่เหมือนทางลับไปสู่อีกสถานที่หนึ่ง บันไดทอดยาวลงสู่ด้านล่าง ก่อนจะขึ้นสู่ด้านบน กว่าจะถึงปลายทาง ผมสำลักฝุ่นไปแล้วแสนรอบ

ปลายทางของมันคือกระต๊อบคนงานนอกรั้วโกดัง ผมเดินไปที่ข้างหน้าต่างเพื่อดูสถานการณ์ภายนอก ให้ตาย ถ้าตำรวจจะแห่กันมาขนาดนี้! ขนกันมาทั้งเขตเลยรึไง! แล้วเราจะรอดไหมนี่!

ผมผละจากหน้าต่างเพื่อจะหาที่ซ่อนตัว แต่จู่ๆ ประตูก็เปิดออกโดยใครบางคนจากข้างนอก ตอนแรกผมคิดว่าตำรวจ ทว่าพอเห็นหน้า ผมก็คิดว่ายอมถูกตำรวจยิงตายยังจะดีซะกว่า

“แสงเทียน”

“......”

หมดเวลาวิ่งหนีแล้วจริงๆ สินะ             

 



/ / / /

เข้าช่วงพีคแล้ว ใกล้จบแล้ว ใจหายยย

ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงจุดนี้

รวมทั้งคนใหม่ที่เพิ่งมาอ่านนะคะ (อ้าแขนรับ)

มาเอาใจช่วยโจรกับแฟนของเขาในโค้งสุดท้ายด้วยนะคะ

รักๆๆ <3<3<3

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ใครอีกเนี่ย!!!!

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ขอให้ปลอดภัยนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
กึก!!! เฟรมหรือป่าวที่แอบตามมา?? อ่าาาาาา ทำไมมันแตกกระเจิงขนาดนี้ ยังไงดีเอาไงดี จะรอดดีๆไหมละเนี้ยแต่ละคน โอ้ยยยลุ้นนนนน!!!! ทั้งขำทั้งสงสาร โจรเพี้ยนเอ๊ยย 55555 เอาๆเอาใจช่วยให้รอดปลอดภัยดีละกัน จะโดนจับไหมนี่อันนี้ไม่รู้ รออออไรท์มาต่อตอนหน้าเลยค่า สนุกกกกกก ขอบคุณนะคะที่มาต่อ เส้นทางโจรกับความรักจะจบแล้วหรอ แต่ละคู่ยังไงดีละหนออ ):

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
เฟลม ใช่มั๊ย ช่วยแสงเทียนด้วย

ออฟไลน์ Noina_Pn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ Blackmamba

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0

35
ปิดฉากความรัก (สุดท้าย)




เฟลมมองผมด้วยแววตาเป็นประกายแสดงความดีใจ ก่อนจะรวบตัวผมไปกอดไว้แน่น ประหนึ่งเข้าเส้นชัยของการวิ่งมาราธอนข้ามทวีป

“เทียน! เทียนจริงๆ ด้วย!”

ผมตัวแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้ที่ไม่รู้สึกอะไร แม้จะถูกเขากอดรัดและสะบัดตัวแรงๆ ราวกับร่างกายตาย หัวใจหยุดเต้น


ทำไม...ทำไม...ทำไม


“นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หนีโจรมาใช่มั้ย ไม่ต้องห่วงนะ เรากับตำรวจมาช่วยแล้ว”

เฟลมคลายกอดแล้วพูดกับผมด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ แววตาส่องประกาย ตรงข้ามกับผมทุกอย่าง พอเห็นว่าผมไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ เขาก็เริ่มมองอย่างสงสัย

“แสงเทียน นี่นายใช่ไหม?”

“....” ลิ้นของผมแข็งจนขยับไม่ได้

“นายคือแสงเทียนรึเปล่า”

เฟลมจับแขนทั้งสองข้าง จ้องหน้าผมตรงๆ ผมจ้องเขากลับด้วยดวงตาที่พร่ามัว... ไม่รู้ตัวว่าน้ำตาเอ่อล้นออกมาตั้งแต่ตอนไหน

“ใช่” ผมตอบด้วยเสียงสั่นเครือ “แต่ไม่ใช่แสงเทียนที่นายรู้จัก”

“หมายความว่าไง” รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปทันที กลายเป็นความหวาดผวาเข้ามาแทนที่

“มันคงถึงเวลาที่เราต้องบอกนายแล้ว”

“...”

“เราเป็นโจร”

“อะไร...นะ”

เฟลมเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง มือที่กำแขนของผมผ่อนแรงและหลุดออกไป อาการของเขาบ่งบอกถึงความตกตะลึงสุดชีวิต

“ไม่จริง นายถูกพวกมันบังคับใช่ไหม เราเชื่อว่าคนอย่างนายไม่มีวันทำเรื่องชั่วๆ” เฟลมพูดรัว คล้ายว่าควบคุมเสียงของตัวเองไม่ได้

“ไม่มีใครบังคับ เราเต็มใจเป็นเอง”

“ทำไม...?”

“เราแค่อยากลองใช้ชีวิตที่แตกต่าง”

“ประชดเราเหรอ?”

“ไม่จำเป็น นายไม่ได้สำคัญกับเราอีกต่อไปแล้ว”

“.......”

“จะบอกให้ว่าเราทำการโจรกรรมทุกรูปแบบ ปล้นทรัพย์สินของชาวบ้านมานับไม่ถ้วน ใช้ชีวิตเหลวแหลกเละเทะ สกปรกจนนายต้องขยะแขยง ไม่กล้าจะแตะต้องแน่...”

ระหว่างที่พูด ผมจ้องหน้าเฟลมไม่วางตา เขาเองก็มองผม แววตาของเราแสดงความเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่ากัน

“ไม่เชื่อ...” เฟลมพูดออกมาเบาๆ “นายรู้ไหมว่าตลอดเวลาที่นายหายไปเราทรมานมากแค่ไหน เป็นห่วงนายจนจะบ้าตาย แล้วก็รู้สึกผิดตลอดเวลา เราสัญญากับตัวเองว่าถ้าเจอนายอีกครั้ง เราจะ...”

“นายหมดโอกาสตั้งแต่วันที่นอกใจเราแล้ว!”

“.......”

เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ หลังจากที่ผมตะโกนแทรกเฟลม เพราะผมไม่สามารถอดทนฟังคำพูดอ้อนวอนของเขาได้อีกแล้ว ยิ่งฟังก็เหมือนเขาหาข้อแก้ตัว ฟังยังไงก็ฟังไม่ขึ้น

“ความจริงนายก็ไม่ได้รักเราแล้วไม่ใช่เหรอ นายร้อนใจที่เราหายตัวไปก็เพราะรู้สึกผิด ถ้าหากเราเป็นอะไรไปมันจะกลายเป็นตราบาปติดตัวนายไปตลอดชีวิต แค่นั้นเอง... ถ้านายรักเราอย่างที่นายพูด นายจะไม่นอกใจตั้งแต่แรก แล้วเหตุการณ์ทั้งหมดก็จะไม่เป็นอย่างนี้”

เฟลมกัดฟันเม้มปากแน่น “แต่เรากับมาร์คไม่ได้มีอะไรอีกต่อไปแล้ว มันจบแล้วเทียน”

“ระหว่างเราสองคนก็จบแล้วเหมือนกัน เราไม่ได้รักนายแล้ว”

“...นายคงไม่ได้เปลี่ยนใจไปรักโจรหรอกใช่ไหม”

น้ำเสียงของเฟลมเรียบต่ำลง ทำให้คนฟังอย่างผมขนลุกซู่

“เปล่า เรารักโจร คนที่ลักพาตัวเรานั่นแหละ” ผมตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ “ไม่ใช่แค่เราเป็นโจร... แต่เป็นเมียโจรด้วย ได้ยินไหม”

ราวกับภูเขาไฟปะทุ เฟลมผลักผมอย่างแรงจนหลังกระแทกผนังเสียงดังตึง ผมเจ็บแต่ไม่ส่งเสียงร้องเพราะมัวแต่ตกใจ เขากำไหล่ผมแน่น บีบจนเจ็บไปถึงกระดูก

“ทำไมถึงทำอะไรสิ้นคิดแบบนี้!!!”

เฟลมตะคอกใส่หน้าผม เหมือนคนที่ผมไม่รู้จัก

“แล้วนายจะเดือดร้อนทำไม! เราจะไปเป็นผัวเป็นเมียใครมันก็เรื่องของเรา! ทีนายยังร่านไปนอนกับไอ้ชู้นั้นได้เลย ทุเรศกว่าเราเป็นไหนๆ!!!”

ผมตะโกนกลับพลางผลักเขาออกจากตัว แต่เฟลมไม่ยอมปล่อย

“นายไม่เข้าใจ! ที่เราทำไปก็เพื่อเงิน เพื่องาน เพื่ออนาคตของเราทั้งนั้น! แต่ในใจเราก็มีแค่นาย!”

“หยุดแก้ตัวซะทีเถอะ ยิ่งฟังยิ่งทุเรศ!” ผมเหยียบเท้าเขาสุดแรง จนเฟลมร้องลั่นแล้วปล่อยมือจากตัวผม ถอยห่างไปสองสามก้าว

“ถ้าเรารู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ ถ้ารู้ว่าจะเสียนายไป เราคงไม่ทำ”

เฟลมพูด ดวงตาของเขาสั่นคลอน มีน้ำตารื้นๆ

ผมคิดว่ามันเป็นภาพที่น่าสมเพช

“ขอโทษด้วย แต่มันไม่ทันแล้ว”

“.....”

“เราขอย้ำอีกครั้ง... ว่านายมาช้าเกินไป

“.....”

เราสองคนมองหน้ากัน นิ่งงันไปทั้งคู่

เหมือนจะจบแค่นั้น     

แต่มันก็ไม่จบ เมื่อเขาพุ่งเข้ามาผลักผมล้มลงกับพื้นก่อนจะขึ้นคร่อมเหนือร่าง กดข้อมือยึดติดกับพื้น แล้วซุกไซ้ซอกคออย่างบ้าระห่ำ

“เฟลม! ปล่อยนะ โอ๊ย! จะทำอะไร!”

“ชอบคนเลวใช่ไหม ฮะ! ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก!”

“ฮือออ”

ผมสะบัดตัวดีดดิ้นอย่างหมดสภาพภายใต้ร่างกายอันแข็งแรงของเฟลม ความโกรธแค้นทำให้เขาขาดสติ เสียการควบคุมตัวเอง ราวกับสัตว์ป่าบ้าคลั่ง เขาฉีกกระชากเสื้อของผมจนขาดออกจากกัน ถอดเข็มขัด ดึงกางเกงลง สองมือลูบไล้อย่างรุนแรงจนเล็บครูดผิวหนังของผมถลอก เป็นริ้วแดงๆ เขาใช้ร่างของตัวเองกดทับร่างของผมไว้ แล้วจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเอง

แน่นอน เขากำลังจะข่มขืนผม

“อย่านะ!!!”

“นายไม่ได้รักมันหรอก นายแค่หลงผิด”


นายต่างหากที่หลงผิด


ผมฟาดฝ่ามือใส่หน้าเขาด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี เผื่อมันจะทำให้เขารู้สึกตัว แต่ก็หาไม่ เพลิงแค้นยังคงลุกโชนเผาผลาญและเหมือนจะโหมกระพือขึ้นเรื่อยๆ เฟลมประกบปากจูบผมอย่างหนักหน่วง บดขยี้จนได้รสเลือด ท่อนล่างที่แข็งขันบ่งบอกว่าพร้อมจู่โจม แต่ผมถีบถองปัดป้องเต็มกำลัง

“กูเกลียดมึง! ไอ้เหี้ยเฟลม! กูไม่มีวันให้อภัยมึง!”

ราวกับประกาศิตเทพเจ้า ราวกับน้ำโครมใหญ่ที่สาดไฟคลั่งให้ดับลง เขาหยุดทุกการเคลื่อนไหวและหอบหายใจหนักหน่วง

“ขอโทษ...”

“....”

“ใส่เสื้อผ้าซะ แล้วออกไปหาตำรวจด้วยกัน”

“.....”

หัวใจของผมหล่นวูบเมื่อได้ยินคำนั้น แต่ผมไม่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้เพียงแค่ใส่เสื้อผ้าแล้วนั่งอยู่มุมห้องเงียบๆ รอรับชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง

กึกๆ

มีเสียงดังที่พื้นตรงประตูที่ผมขึ้นมาเมื่อกี้ หลังจากนั้นก็เปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของชายสองคนในสภาพไม่คาดฝัน โจรอู๋โผล่จากประตูลับมาพร้อมกับเฉินเชว่ เนื้อตัวของพวกเขาสะบักสะบอมเหมือนหมาขี้เรื้อน เปื้อนทั้งเลือดทั้งฝุ่นแบบโคตรทุเรศ ผมลุกขึ้นยืนเมื่อทั้งสองคนเดินเข้ามา

แต่... เฟลมขวางหน้าผมไว้

“มึงเป็นใคร” เฟลมมองโจรอู๋ตาขวาง

“กูเหรอ ก็ผัวแสงเทียนไง” โจรอู๋ตอบ

เฟลมชักสีหน้าโมโหทันที ก่อนจะเข้าไปกระชากคอเสื้อโจรอู๋แล้วต่อยเข้าเต็มหมัด

“ไอ้สารเลว!!!”

“หยุดนะเฟลม!” ผมพยายามจะเข้าไปห้าม แต่สองคนนั้นตีกันโหดมาก เฉินเชว่คลานออกมาจากวงต่อสู้เข้ามาหาผมในสภาพอุบาทว์อย่างไม่น่าเชื่อ

“รีบหนีไป เฮียจะช่วยไอ้อู๋สู้เอง” นายมาเฟียบอกผม

“ไม่ เราต้องไปด้วยกันทั้งสามคน”

“น้องแม่งดื้อชะมัด”

“ท่าทางมึงจะแย่นะ นั่งพักก่อนเถอะ”

ผมบอกเฉินเชว่ มันพยักหน้าแล้วนั่งลงกับพื้นด้วยท่าทางเจ็บปวด เลือดไหลทะลักจากขาไม่หยุด ไม่รู้เพราะอะไรผมจึงไม่รู้สึกโกรธเกลียดมันเหมือนที่ผ่านมา... คงเพราะมันสำนึกได้แล้วมั้ง ก็หวังว่าจะไม่ใช่การแสดงละครฉากใหญ่

เฟลมและโจรอู๋แลกหมัดกันอย่างบ้าคลั่ง แต่โจรอู๋เป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะโดนยิงที่ไหล่กับเหนื่อยล้าจากการหลบหนี พละกำลังของเขาไม่สามารถต่อกรกับเฟลมที่กำลังโกรธแค้นถึงขีดสุดได้ ผมก็ไม่รู้ว่าจะหยุดพวกเขายังไง

“ไอ้สัตว์นรก! เพราะมึงถึงทำให้เทียนกลายเป็นโจร!”

ผัวะ!

“ใครกันแน่วะสัตว์นรก ไม่ใช่มึงหรอกเหรอที่ทำลายใจเขา!”

ผัวะ!

“พอได้แล้ว!!!!”

ผมตะโกนแทรกเสียงด่าทอของทั้งสองคน แต่ไม่มีผลใดๆ พวกเขายังคงตีกันจนเลือดตกยางออก สภาพไม่ต่างกับหมาบ้า โจรอู๋ใช้จังหวะที่เฟลมเผลอเตะข้อพับขาจนเฟลมล้มลง จากนั้นก็เงื้อหมัดซัดเต็มหน้าซีกซ้ายจนเฟลมล้มตัวกระแทกพื้น

เหมือนโจรอู๋จะชนะแล้ว

ถ้าเฟลมไม่งัดไม้ตายออกมาใช้

“ไปลงนรกเถอะมึง...” อาวุธสีเงินวาวถูกชักออกจากเอวเข้าจ่อแสกหน้าโจรอู๋ “ตำรวจฝากกูมาเก็บมึง ลาก่อน”

ปัง!!!

“....!!!”

“........”

เสียงปืนที่ดังขึ้นหนึ่งนัดทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดชะงักในทันที ไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่มีเสียง มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ทำงาน


มือเฟลมถูกกระสุนยิงถากเหวอะหวะเลือดท่วม


“หยุดแค่นั้นแหละ เปรมประกิตต์”

“.....”

เสียงของใครบางคนใกล้เข้ามา...ชุดสีกากีที่ทำให้เราผวายิ่งกว่าความตาย มากันนับสิบนาย ปิดล้อมพวกเราไว้เป็นวงกลมพลางเล็งปืนเข้าใส่ จนพวกเราต้องยกมือชูขึ้นเหนือหัวด้วยความจำนน

ผมเหลือบมองเฟลม ปืนที่ถือเมื่อครู่ร่วงหล่นลงแทบเท้า แต่แทนที่จะร้องโอดครวญ เขากลับอ้าปากค้างอย่างอึ้งสุดใจ

“หมวดทำแบบนี้ทำไม!”

“ลงโทษที่คุณฝ่าฝืนคำสั่งผม” ตำรวจเสียงดุมาก “และป้องกันไม่ให้คุณกลายเป็นฆาตกร”

“มันต่างหากฆาตกร มันสมควรตาย!” เฟลมโวยพลางชี้หน้าโจรอู๋

“จะยังไงก็ให้มันเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายเถอะ”

เสียงหมวดเข้มที่สุด จนเฟลมหน้าสลด จากนั้นตำรวจหลายคนที่เหลือก็เข้าจับกุมสองโจรทันที

“มี่!” ผมจะเข้าไปหาแต่ถูกหมวดคว้าตัวไว้ “ปล่อยผมนะคุณตำรวจ หรือไม่ก็จับผมไปด้วยเลย ผมก็เป็นโจรเหมือนกัน!”

“ไม่ต้องห่วง ยังไงเราก็ต้องสืบสวนคุณ แต่ตอนนี้ต้องจับแยกกับสองคนนั้นก่อน” หมวดพูดแล้วจับแขนผมแน่น ส่งให้ตำรวจอีกคนพาผมเดินออกไปจากอาคาร

หันไปมองข้างหลัง... เห็นโจรอู๋ถูกใส่กุญแจมือ มันเองก็มองมาที่ผมเช่นกัน แววตาเศร้าสลดอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

แววตาของคนที่ยอมแพ้ หมดหวัง และเสียใจสุดชีวิต

ผมเห็นมันมีน้ำตาขณะที่เรามองหน้ากัน และห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ

ไม่...

มันต้องไม่ใช่แบบนี้


 



v
v
v
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2019 11:41:20 โดย Blackmamba »

ออฟไลน์ Blackmamba

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
[2/2]




สามชั่วโมงหลังจากนั้น

หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมและจับกุมผู้ร้ายทั้งสามนาย (โจรอู๋ เฉินเชว่ และเจ้าสัว) ได้แล้ว ก็ถูกพาตัวไปที่สถานีตำรวจทันที อีกทั้งยังสกัดจับลูกค้าชาวต่างชาติที่กำลังหลบหนีได้อย่างทันท่วงที ของกลางทั้งหมดก็ถูกยึดไว้ด้วยเช่นกัน

เฟลมถูกพาไปทำแผลที่โรงพยาบาล ก่อนจะเดินทางมาโรงพักเพื่อติดตามความคืบหน้า เขาต้องการเจอแสงเทียน แต่ตำรวจไม่อนุญาต เนื่องจากแสงเทียนอยู่ในสภาพบอบช้ำ ขวัญเสีย และโศกเศร้า ไม่พร้อมเจอใครทั้งนั้น ยกเว้นพ่อแม่ที่กำลังเดินทางมาจากต่างจังหวัด หนุ่มเจ้าทุกข์จึงได้แต่นั่งเศร้า อย่างน้อยขอคุยกับหมวดก็ยังดี

“รอผมอยู่ใช่มั้ย ไปเถอะ กลับบ้านกัน”

“...”

หมวดเดินมาหยุดยืนตรงหน้า เฟลมผงกหัว ลุกขึ้นและเดินตามหลังไปโดยไม่พูดคำใด ราวกับเคยชิน

“นี่เป็นคดีใหญ่ที่สุดในรอบหกเดือนเลย และก็เป็นโชคดีจริงๆ ที่คดีหนึ่งเกี่ยวโยงไปได้อีกหลายคดี... จากตอนแรกเราจะจับกุมขบวนการค้าของเถื่อน แต่ดันได้ทั้งโจรที่ลักพาตัวแฟนคุณ ได้ทั้งมาเฟีย... ยิงปืนนัดเดียวได้นกเป็นฝูง”

หมวดรักษ์พูดขณะรถแล่นไปบนถนนที่มืดและเงียบสงัด แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจากคู่สนทนา เฟลมเหมือนวิญญาณหลุดจากร่างตั้งแต่อยู่ในโกดัง ที่เห็นอยู่เป็นเพียงกายหยาบ

“ผมขอโทษที่ใช้วิธีรุนแรง ทำคุณบาดเจ็บ แต่หากปล่อยให้คุณลั่นไก ผลที่ตามมาจะร้ายแรงกว่านี้เป็นล้านเท่า ลองคิดดูดีๆ”

“ผมอยากทำมากกว่านั้นด้วยซ้ำ คุณไม่น่าขัดขวางผม...”

“เปรมประกิตติ์!” หมวดขึ้นเสียง “คุณบ้าไปแล้วรึไง พูดอะไรออกมารู้ตัวไหม”

“รู้ ผมรู้อยู่ตลอด”

“ผมเข้าใจว่าคุณเสียศูนย์ แต่อย่าให้ความโกรธครอบงำจนขาดสติแบบนี้สิ มันไม่มีอะไรดีขึ้นหรอกนะ มีแต่จะยิ่งพัง”

“คุณไม่เข้าใจหรอก!” เฟลมตวาด ขอบตาแดงก่ำสั่นคลอน “คุณก็เห็นว่าผมแทบจะบ้าตายที่เขาหายไป! กินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่เป็นอันทำงานก็เพราะเป็นห่วงว่าเขาจะเป็นตายร้ายดียังไง! แต่ดูสิ่งที่ผมเจอวันนี้สิ... เขาเอาโจรเป็นผัว!!! สมรู้ร่วมคิดเป็นพวกเดียวกับมัน! แล้วสิ่งที่ผมกับคุณทุ่มเทมาตลอดล่ะ เราทำไปเพื่ออะไร!!!”

หมวดถึงกับหยุดหายใจเมื่อเห็นเฟลมระเบิดอารมณ์พร้อมกับร้องไห้

“ผมเคยหวังว่าเราจะกลับมารักกันเหมือนเดิม... ถึงได้ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาเขา หวังว่าเขาจะให้อภัย แต่มันก็...”

หมวดวางมือบนบ่ากว้างของคนข้างๆ บีบแน่นๆ แทนการให้กำลังใจ แรงสั่นสะเทือนจากร่างของอีกฝ่ายทำให้ตำรวจหนุ่มรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าเฟลมเลย

“เชื่อเถอะเปรมประกิตติ์ สิ่งที่เราทำไม่มีทางสูญเปล่า เป้าหมายของเราก็คือให้เขามีชีวิตรอดปลอดภัย เท่านั้นไม่ใช่เหรอ”

“......”

“ส่วนเรื่องความรัก แม้มันจะจบลง ก็ไม่จำเป็นต้องโทษว่าเป็นความผิดใคร แค่มูฟออนต่อไปก็พอแล้ว”

เฟลมยังคงร้องไห้อย่างหนักหน่วง หมวดเห็นท่าไม่ดี ก็จอดรถข้างทางและดึงเขามากอด...กอด...กอด ยิ่งทำอีกคนร้องไห้ทะลักทลายจนน้ำตาแทบหมดตัว

“ผมเจ็บ...  เจ็บจะตายแล้วหมวด...”

“มันจะผ่านไป เชื่อผมนะ”

“ฮึก...”

“ผมจะอยู่ตรงนี้จนกว่าคุณจะโอเค”

“....”

“จะไม่ทิ้งให้คุณอยู่คนเดียวแน่นอน”




อีกด้าน

หลังจากเหตุการณ์สงบ ผมก็ถูกคุมเข้มอยู่ในเซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่งพร้อมกับตำรวจเฝ้าระวังทั่วบ้านห้านาย เหมือนกับนักโทษคนหนึ่งเลย ติดต่อใครก็ไม่ได้ มีก็แต่พ่อแม่ที่กำลังนั่งรถบัสมาจากต่างจังหวัดเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตเข้าพบ แต่กว่าพวกท่านจะมาถึงก็คงพรุ่งนี้เช้า มีเพียงทีวีจอสีเหลี่ยมเก่าๆ เครื่องหนึ่งเป็นสิ่งเชื่อมต่อกับโลกภายนอก
 

“ข่าวด่วน เวลาสองทุ่มของวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าปิดล้อมโกดังแห่งหนึ่งบนถนน XXX จับกุมผู้ต้องหาค้าวัตถุโบราณผิดกฎหมายได้สามราย คือนายเฉลียว นิรมิตนิมมาน หรือเจ้าสัวเหลียว นักธุรกิจเจ้าของบริษัทนำเข้าอาหารทะเลขนาดใหญ่

คนที่สองนายหวังเฉินเชว่ นักธุรกิจชาวจีน และนายอติศร แซ่อู๋ ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์และลักพาตัวที่ทางการได้ออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ โดยมีของกลางคือโบราณวัตถุจำนวนมาก และเงินสดกว่ายี่สิบล้านบาท นอกจากนี้ตำรวจยังสกัดจับนายเคิร์ต โรแลนด์ เศรษฐีชาวรัสเซียและนายกุลมาร์ อบิชเนค ข่าน ชาวซาอุดิอาระเบีย และพรรคพวกของทั้งสองคนได้อีกด้วย ขณะนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกควบคุมตัวเพื่อรอการสืบสวนและขยายผลต่อไป...”


 
เป็นข่าวใหญ่ระดับชาติไปแล้ว

ในทีวีมีภาพตอนเจ้าสัว เฉินเชว่ และโจรอู๋ถูกตำรวจควบคุมตัว  หัวใจของผมเหมือนถูกบีบคั้นอย่างรุนแรงเมื่อเห็นคนรักอยู่ในสภาพตกต่ำน่าสังเวช มันเป็นภาพที่สะเทือนใจจริงๆ และก็รู้สึกผิดที่ผมควรจะอยู่ในภาพนั้นด้วย

“ยังไม่นอนเหรอ คุณแสงเทียน”

ตำรวจนายหนึ่งเปิดประตูเข้ามา ผมไม่รู้ว่าควรโกรธเคืองหรือเบาใจดีที่เห็นหน้าเขา

“หมวดรักษ์”

“อติศรให้การว่าคุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ นอกจากเป็นผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกลักพาตัวไปเท่านั้น เพราะฉะนั้นเราจะปล่อยตัวคุณในคืนนี้เลย” หมวดรักษ์บอกแล้วทำท่าจะออกจากห้อง

“เดี๋ยวก่อน มันพูดแบบนั้นจริงๆ เหรอ” ผมดึงแขนตำรวจเอาไว้ หมวดหันมาแล้วพยักหน้า

“ใช่ อีกอย่างทีมสืบสวนก็ไม่พบหลักฐานที่บ่งบอกว่าคุณเป็นโจรด้วย ดังนั้นคุณจึงไม่มีความผิด”

“แต่ผมเป็นโจรจริงๆ! ผมขโมยเงินจากบ่อน ปล้นบ้านคน ขโมยเพชร ใช้เอกสารปลอม กับอีกเยอะ ถ้าคุณจับโจรอู๋ คุณก็ต้องจับผมด้วย”

ตำรวจเบิกตากว้าง แววตาของเขาที่มองผมเต็มไปด้วยความประหลาดใจและไม่เชื่อ

“โอเค หากคุณทำผิดจริงค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้ผมอนุญาตให้คุณกลับได้ เรามีนัดกันที่ห้องสอบสวนตอนเก้าโมงเช้าของวันพรุ่งนี้ ตรงเวลาด้วยล่ะ สวัสดี” หมวดรักษ์หมุนลูกบิดประตูเตรียมก้าวเท้าออกไป แต่ผมก็รั้งแขนเขาไว้อีกครั้ง

“ผมอยากไปหาโจรอู๋ ให้ผมเจอหน่อยได้ไหม”

“.....”

มองหมวดด้วยสายตาอ้อนวอน มีประกายน้ำตาปริ่มจะไหล แต่ไม่ได้คาดหวังหรอกว่าตำรวจตงฉินและตรงเผงยิ่งกว่าไม้บรรทัดอย่างเขาจะใจอ่อน แต่ก็ทำไปก่อนเผื่อฟลุค

หมวดทำหน้าโคตรจะเย็นชา

“ไม่ได้หรอก”

“....” นั่นไง

“ต้องรอหลังคุณให้ปากคำเสร็จก่อน ผมจะพาไป”

“....”

“เรื่องคดีถูกผิดยังไงไม่แน่ชัด แต่ความสัมพันธ์ของคุณกับนายอติศร ผมเชื่อว่าเป็นของจริง”

“......”

หมวดไม่ได้สวมแหวน

ผมสงสัยว่าทำไมเฟลมถึงไม่จีบ

 


เช้าวันต่อมา

เหมือนตื่นจากฝันร้ายเพื่อมาเจอความจริงที่ร้ายกว่า

พ่อกับแม่มาถึงกรุงเทพฯ ตีห้า และมาหาผมตอนหกโมง ทั้งสองโผกอดผมร้องไห้โดยปราศจากการสนทนาใดๆ โดยเฉพาะแม่ที่อาการหนักมาก ทั้งร้องทั้งปลอบขวัญผมจนเกือบจะเป็นลม ต้องพาไปนอนพักที่ห้องพยาบาล ส่วนพ่อไม่พูดอะไรมาก แค่ย้ำว่าจากนี้ไปต้องรักษาตัวดีๆ

ผมเสียใจที่ทำให้พวกท่านเป็นทุกข์นับเดือน ให้สัญญาว่าจากนี้ไปจะระวังตัวมากกว่านี้ ใช้ชีวิตให้ปลอดภัยกว่านี้... แล้วก็รู้สึกผิดที่ไม่ได้เล่าความจริงเรื่องความสัมพันธ์กับโจรอู๋ให้ฟัง เนื่องจากพวกท่านเกลียดชังโกรธแค้นโจรเข้ากระดูก คงไม่ง่ายที่จะยอมรับ ซึ่งผมก็ต้องใช้เวลาและให้โจรพิสูจน์ตัวเองด้วยเหมือนกัน

พอพวกท่านกลับ ผมก็ออกจากที่พักเพื่อไปให้ปากคำต่อที่โรงพัก พบกับหมวดรักษ์กับจ่าตะวัน พวกเขาส่งผมไปห้องสอบสวน โดนรีดเค้นข้อมูลจนหมดไส้หมดพุง ผมตอบตามความจริงทุกอย่างไม่มีกั๊ก แต่เหมือนว่า...แทนที่จะเป็นการเปิดโปงความชั่วร้ายของแก๊งโจร กลับกลายเป็นชี้แจงความถูกต้องให้ซะงั้น

ผมเล่าประวัติ เบื้องลึกเบื้องหลังของโจรอู๋ อเล็กซ์ และเบย์ให้ตำรวจฟังอย่างละเอียด เล่าถึงแรงจูงใจที่พวกเขาต้องทำผิดกฎหมาย (แต่อเล็กซ์เบย์โชคดีหน่อยตรงที่โดนแค่คดีลักทรัพย์คนละหนึ่งคดี) ส่วนของโจรอู๋ใช้เวลานานเป็นพิเศษเพราะมีหลายเคส และเหตุจูงใจซับซ้อน

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวทั้งหมดไม่ทำให้ตำรวจแปลกใจ เท่ากับที่ผมบอกพวกเขาว่า

ผมไม่ได้ถูกลักพาตัว

ผมบอกว่าเสียใจที่เลิกกับแฟน อยากทำอะไรที่สิ้นคิดประชดชีวิต ประจวบกับตอนนั้นโจรปีนเข้าห้องพอดี ผมกับโจรจึงตกลงกัน จัดฉากการลักพาตัวขึ้น โดยให้เงินโจรเป็นการตอบแทน... เพราะทำแบบนี้แฟนผมจะได้รู้สึกผิดมากกว่าที่ผมจะหายตัวไปเฉยๆ ผมแค่อยากแก้แค้น

แน่นอน ผมทำเพื่อปกป้องโจรอู๋ ไม่อยากให้มันโดนข้อหาลักพาตัวพ่วงไปด้วย

เรื่องหลักฐานในตึกร้างที่คาดว่าผมถูกข่มขืน ก็อธิบายไปหมดเลยว่าไม่จริง เป็นแค่เลือดที่เกิดจากอุบัติเหตุ ส่วนอสุจิก็เกิดจากการร่วมเพศโดยสมยอม ไม่มีความรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้น

ตำรวจแทบยกตีนขึ้นก่ายหน้าผากเมื่อพบว่าทุกอย่างผิดคาดไปหมด

ไม่เพียงแค่นั้น ผมเล่าให้พวกเขาฟังทุกวีรกรรมการปล้น สถานที่ เวลา วิธีการ จำนวนเงิน บอกหมดเท่าที่จำได้ (แต่ไม่พาดพิงถึงนกต่ออย่างเคฟและอเล็กซ์เลย) ทำเอาตำรวจอ้าปากค้าง ไม่ทราบว่าอึ้งในความตรงไปตรงมาของผม อึ้งในความฉลาดของโจร หรืออึ้งในความชั่วกันแน่ ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมใช้รูปประโยคและน้ำเสียงแสดงให้ตำรวจเห็นว่าทั้งหมดที่โจรทำไปเพราะความ ‘จำเป็น’ ไม่ใช่เพราะความโลภ

สอบเครียดผ่านไปสามชั่วโมงเต็มจนได้ครบทุกประเด็นแล้ว ผมก็ถูกปล่อยตัว ถามว่าโจรทั้งสามจะถูกลงโทษอย่างไรบ้าง ตำรวจบอกว่าต้องรอคำตัดสินจากศาล ระหว่างนี้โจรอู๋ก็จะถูกควบคุมตัวที่นี่ไปพลางก่อน ผมก็ได้แต่ภาวนาว่าถ้อยคำสำนวนทั้งหมดที่พูดไปจะช่วยพวกเขาได้บ้างไม่มากก็น้อย แล้วก็ปลอบใจตัวเองว่าทำเต็มที่อย่างดีที่สุดแล้ว

“คุณทำให้พวกเราช็อกหัวหมุน”

หมวดรักษ์เอ่ย ระหว่างเดินนำผมออกจากห้องสืบสวนไปยังห้องขัง หน้าตาที่ดูมึนๆ อยู่แล้วยิ่งมึนขึ้นไปอีก

“พวกคุณต่างหากที่คิดมากกันไปเอง” ผมบอก

หมวดยิ้มอ่อนๆ

บรรยากาศภายในห้องขังช่างไม่น่าอภิรมย์ มีทั้งกลิ่นไม่พึงประสงค์และผู้ต้องหาหน้าตาน่ากลัวอยู่ในนั้น ดีที่โจรอู๋อยู่ห้องแรก ไม่งั้นผมคงต้องเดินฝ่าดงสายตาหลอนๆ อีกไกล 

“คุณมีเวลาสิบห้านาที” หมวดรักษ์บอกก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้ผมอยู่หน้ากรงของผู้ต้องหารายล่าสุด

โจรนั่งอยู่ที่มุมมืด หัวพิงผนังหลับ ถอดเสื้อเหลือแต่กางเกง เนื้อตัวสะบักสะบอม บาดแผลที่โดนยิงถากถูกเยียวยาแบบชุ่ยๆ แต่มันก็ยังดูดีเกินจริง... เหมือนราชสีห์ที่โดนขังกรงหมา

“มี่” ผมนั่งลงที่หน้าห้องขังแล้วเรียก

“.....” เปลือกตาของมันขยับเล็กน้อย

“อาร์มี่” ผมเรียกด้วยเสียงดังมากขึ้น

“...เทียน”

มันลืมตาขึ้นช้าๆ ท่าทางอ่อนล้าเหมือนจะขาดใจ ดวงตาบวมแดงก่ำเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนักทั้งคืน ทำให้ผมใจหาย ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาไม่เคยเห็นมันเสียน้ำตามากขนาดนี้มาก่อน

“เข้ามาใกล้ๆ สิ” ผมกวักมือ

แต่มันไม่ขยับออกจากที่เดิม ซ้ำยังก้มหน้าไม่สบตาผม

“เอ็งกลับไปเถอะ ข้าไม่อยากให้เอ็งเห็นสภาพนี้”

“ไม่ กูไม่กลับ จนกว่าจะช่วยมึงออกมาให้ได้ หรือไม่ก็โดนจับขังเหมือนมึง”

“แสงเทียน!” มันตะโกนเสียงดังจนผมสะดุ้ง “ทำไมเอ็งพูดแบบนี้ ยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่าที่ข้ายอมรับผิดทั้งหมดเพื่ออะไร เพราะข้าไม่อยากให้เอ็งซวยไปด้วยไง ให้ข้าโดนคนเดียวก็พอ”

“ไร้สาระ” ผมสวนกลับพลางจ้องหน้าเขม็ง “แล้วตอนนั้นใครกันที่บอกว่าอยากให้กูเป็นโจร จะได้ซวยไปพร้อมกัน... ใครที่บอกว่าเราจะไม่ทิ้งกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น... มึงไม่ใช่เหรอ”

“....” โจรอู๋กัดริมฝีปากแน่น หันหน้าไปอีกด้าน

“กูไม่มีวันทิ้งมึง กูต้องช่วยมึงออกมาให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม”

 “เอ็งอย่าพยายามเลย”

“....ทำไม”

โจรมองหน้าผมตรงๆ ทำให้ผมเห็นว่าแววตาของมันสั่นคลอน เต็มไปด้วยความเศร้าเกินบรรยาย และเมื่อเขาพูดคำๆ หนึ่งออกมา มันก็เหมือนมีมีดเสียบแทงทะลุตัดขั้วหัวใจของผมทันที

“เราเลิกกันเถอะ”

“................”

“ทางของเราสิ้นสุดแล้ว ทิ้งข้าไปซะ แล้วกลับไปใช้ชีวิตของตัวเอง”

“ทำไมมึงพูดแบบนี้...” ผมเกาะซี่กรงด้วยมือสั่นเทามองเข้าไปที่คนซึ่งอยู่ด้านในด้วยดวงตาพร่าเบลอ “รู้มั้ยกูแก้ต่างให้มึงทุกทาง เพื่อให้มึงไม่ต้องถูกลงโทษ หรือต่อให้โดน กูก็จะจ้างทนายยื่นอุทธรณ์ ให้มึงโดนน้อยที่สุด แต่มึงจะยอมแพ้ตั้งแต่ด่านแรกงั้นเหรอ”

“มันเป็นไปไม่ได้หรอก” โจรอู๋เริ่มร้องไห้ ยกมือขึ้นกุมขมับเหมือนไม่อยากให้ผมเห็นสายตา “เฉินเชว่โดนจับ เท่ากับแม่ข้าจะไม่มีวันเป็นอิสระ... ในเมื่อช่วยแม่ไม่ได้ ชีวิตข้าก็ไม่มีความหมายอีกแล้ว จะให้สู้ไปเพื่ออะไรกัน”

ผมจุกจนพูดไม่ออก แต่ก็เค้นเสียงพูด

“กูจะให้ตำรวจช่วย”

“ช่วยอะไร? ต่อให้ไอ้เฉินถูกประกันตัว คิดเหรอว่ามันจะช่วยข้า? เชื่อเถอะว่ามันจะกลับจีนได้สบายๆ มีแต่ข้าต้องก้มหน้ารับชะตากรรม”

“...มันต้องมีหนทาง กูจะพยายาม” ผมยืนกรานหนักแน่น

แต่โจรอู๋เหมือนคนที่สิ้นหวังแล้วจริงๆ

“อย่าเอาชีวิตที่มีค่าของเอ็งมาแลกกับคนอย่างข้าเลย เอ็งมีอนาคตที่สวยงามรออยู่ ส่วนข้าหลังจากนี้คงไม่พ้นอยู่ในรั้วเรือนจำ... เห็นรึเปล่าว่าเราสองคนไปต่อด้วยกันไม่ได้แล้ว”

ผมคล้ายหายใจไม่ออก พยายามตั้งสติแล้วพูดออกไป แม้ว่าเสียงจะขาดๆ หายๆ ก็ตาม

“ถ้าเป็นงั้นจริง... กูจะรอจนกว่ามึงพ้นโทษ”

“ไม่เทียน ข้าไม่อยากเอาเปรียบเอ็ง... เอ็งควรเจอคนที่ดีกว่า”

“กูไม่ได้อยากได้คนดี กูอยากมีแค่มึง”

มันถอนหายใจ “ต่อให้ออกไปได้ ข้าก็ได้ชื่อว่าไอ้ขี้คุก เป็นจุดด่างพร้อยในชีวิตเอ็งเปล่าๆ”

“ใครจะคิดยังไงกูไม่สน กูเลือกมึง ถึงได้อยู่ตรงนี้จนถึงตอนนี้ไง กูต้องการแค่มึงเท่านั้น คนอื่นจะคิดยังไงก็ช่างหัวแม่ง”

“ไม่ได้หรอกเทียน โลกไม่ได้สวยงามขนาดนั้น คิดซะว่าที่ผ่านมาเอ็งแค่ฝันร้าย แต่ตอนนี้เอ็งต้องตื่นจากความฝันได้แล้ว”

“ไม่...”

“จบกันแค่นี้เถอะนะ”

“ไม่!!!!!!!”

ผมเกาะซี่กรงแล้วร้องไห้อย่างบ้าคลั่งต่อหน้ามัน ความเจ็บปวดจากหัวใจแล่นกระจายไปทั่วทั้งร่างจนสั่นสะท้าน และไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

“กูไม่เลิก! ไม่ยอม! ได้ยินไหม! มึงเคยสัญญาไงว่าจะไม่ทิ้งกู! เอาเกียรติของโจรเป็นประกัน! ลืมแล้วเหรอ! ทำให้กูรักทั้งหัวใจ แล้วจะทิ้งกันง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง!”

ผมจ้องหน้า แต่มันหลบตา เราสองคนร้องไห้อย่างไม่มีใครยอมใคร... และเจ็บไม่น้อยไปกว่ากัน

เสียงรองเท้าหนังดังตึกๆ มาจากข้างหลัง บ่งบอกว่าเวลาของผมและโจรอู๋กำลังจะสิ้นสุดลง

“หมดเวลาแล้ว คุณแสงเทียน”

ตำรวจดึงผมขึ้นจากพื้น พาเดินออกไปจากห้องขัง แต่ผมยังหันไปมองข้างหลัง กระทั่งเราห่างกันมากขึ้น...มากขึ้น น่าเสียใจที่มันเอาแต่ก้มหน้ามองพื้น

“มี่...”

ประตูห้องขังปิด

เช่นเดียวกับความรักของเราที่ปิดฉากลง...







//

ประตูปิด แต่ยังไม่จบนะคะ

อย่าเพิ่งไปไหนกันนะ!

ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ รักๆๆ <3 <3

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2019 11:45:14 โดย Blackmamba »

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
รอปิดคดี และเริ่มความรักอีกครั้ง

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เจ็บทุกทาง

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
 :mew4:
สงสารที่สุด แต่ละคนก็มีเหตุผลที่ต้องทำ แม้แต่หัวใจจะเจ็บปวดเพียงใด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
 :mew6: :hao5:  รอโจรออกจากเรือนจำอย่างสง่า

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ยอมรับ ลดโทษ แล้วติดคุกไป เป็นนักโทษชั้นดี ไม่กี่ปีก็ออกแล้วเริ่มใหม่ ก็ยังทันนะ แสงเทียนฉลาดมาก สารภาพเลี่ยงวิธีหนีข้อกล่าวหา สมเมียโจรจริงๆ 555 ต่างก็รู้ละว่าไม่อยากเลิก ยังไงก็เอาใจช่วยคู่นี้นะ ทุกคู่ด้วย ขอบคุณที่มาต่อค่ะ สนุกกกกกกปนขำๆ 555555

ออฟไลน์ Blackmamba

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.36 ทางรอด [02/06/19]
«ตอบ #262 เมื่อ02-06-2019 10:43:31 »





36
ทางรอด




ผมไม่กลับบ้าน เพราะไม่ต้องการเจอหน้าเฟลม และก็ไม่รู้ต้องใช้เวลาแค่ไหนด้วยถึงจะพร้อมเจอ บางทีอาจไม่มีวันนั้น

จริงๆ ผมไม่ได้โกรธเกลียดเขาแล้วนะ แต่เหตุการณ์เมื่อวานทำให้ความรู้สึกกลับมาติดลบแบบย่ำแย่มาก เขาเป็นคนโมโหรุนแรง ผมรู้ แต่ถึงขนาดจะข่มขืนกัน ผมคงทำใจให้อภัยยาก จะโทษว่าผมใจแคบไม่ได้นะ ในเมื่อเขาทำตัวเขาเอง

หมวดรักษ์ผู้แสนดีที่ต้องไปหาเฟลมอยู่แล้วจึงอาสาจะเอาของใช้จำเป็นจากที่บ้านมาให้ (ระหว่างนี้ผมจะพักหอเพื่อนใกล้มหา’ลัย) แต่ที่ผมต้องการเพียงอย่างเดียวคือมือถือ และสิ่งแรกที่ผมทำทันทีเมื่อได้จับมันคือโทรหาเบย์

เขาบอกว่าตอนนี้อยู่บ้านเพื่อนในสลัม เห็นข่าวโจรอู๋แล้ว เพิ่งคุยกับอเล็กซ์ว่าจะเข้ามอบตัว แต่ผมห้ามหัวชนฝา

“โจรอู๋ยอมรับผิดทุกอย่างตัวคนเดียว เพื่อปกป้องเราทุกคน ฉะนั้นนายกับอเล็กซ์จะติดคุกไม่ได้”

[แต่เราทนดูพี่อู๋รับโทษคนเดียวไม่ไหว มันทุเรศเกิน การเสียสละของเขาทำให้พวกเราดูเหมือนคนเห็นแก่ตัว] เบย์พูดเสียงขุ่น ซึ่งผมเข้าใจดี

“เราก็หัวอกเดียวกับนายแหละเบย์ แต่แทนที่จะแห่กันไปมอบตัว เราทำอะไรที่มีประโยชน์กว่านั้นได้ มันจะช่วยทั้งตัวเราเองและโจรอู๋”

[คือ?]

“เอาทรัพย์สินทั้งหมดที่ขโมยไปคืนเจ้าของ”

[เห้ย พูดเป็นเล่น ขายไปหมดแล้วเนี่ยนะ]

“มีวิธีเดียวที่เขาจะไม่ได้รับโทษ ก็คือให้เจ้าทุกข์ถอนฟ้อง ซึ่งจะทำอย่างนั้นได้ก็ต้องคืนเงิน คืนทรัพย์สินให้พวกเขาไง เราว่ามันอาจได้ผล”

เบย์เงียบไปหลายอึดใจ คงกำลังคิดหนัก

[ถ้าเป็นสามวันก่อนคงทำได้ แต่ตอนนี้ของมันกระจายไปทั่วแล้วนะเทียน เผลอๆ ไหลออกนอกประเทศโน่นละ เราจะตามยังไง]

“เอางี้ ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็คืนเป็นเงิน ตำรวจไม่รู้ว่าเรามีเงินอยู่ที่ห้องเคฟอีกแปดสิบล้าน รีบเอาไปกระจายคืนก่อนพวกเขาจะมาเจอดีกว่า”

[แล้วจะคืนยังไง เดินเข้าไปยื่นให้เขาตรงๆ งี้อ่อ? จะโดนรวบเอาน่ะสิ]

“เรามีวิธี ไว้จะอธิบายให้ฟัง แต่ตอนนี้ทำตามที่บอกก่อน โอเคนะ บอกอเล็กซ์กับเคฟให้ช่วยด้วย คงเร็วและง่ายขึ้น”

[โอเค เราจะพยายาม]

ถึงความรักเราอาจจะจบลง แต่ความหวังดีไม่มีทางจบ ผมจะช่วยมันสุดความสามารถ ต่อให้สุดท้ายมันจะถูกส่งไปเรือนจำจริง ก็ขอให้ระยะเวลาสั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ผมเปิดสมุดบันทึกที่พกติดตัวตอนซื้อขาย-แลกเปลี่ยนสินค้าเมื่อสามสี่วันก่อน เผื่อจะมีประโยชน์ภายหลัง ซึ่งก็มีจริงๆ

“สวัสดีครับเฮีย ผมแสงโสม อยากซื้อสร้อยเพชรที่ขายไปคืน ไม่รู้ตอนนี้ยังอยู่ไหมครับ”

ต่อให้ยากเย็นขนาดพลิกแผ่นดินหา ผมก็จะทำ
 



ใช้เวลาเพียงครึ่งวัน ภารกิจก็คืบหน้าไปหลายก้าว

ผมเคลียร์กับผู้เสียหายไปได้สองคน คือคุณหญิงสองท่านที่โดนลักทรัพย์ยามวิกาล แต่ละคนมีเครื่องประดับคนละสี่ห้าชิ้น โชคดีเหลือเกินที่ราคามันสูงมาก เลยยังไม่มีลูกค้าตลาดมืดคนไหนซื้อไป

ทำใจแข็งสู้เสือนัดคุณเธอทีละคนมาเจอที่ร้านกาแฟติดสกายวอล์คของห้างดัง ทันทีที่ผมเปิดกล่องให้ดูของที่หายไป ท่านๆ ก็เอามือกุมอก น้ำตาคลอ มือไม้สั่นระริก

ผมจะคืนของให้ แต่มีข้อแม้ว่าท่านๆ ต้องถอนฟ้องนายอติศร คุณหญิงก็ควักมือถือออกมาโทรหาทนาย สั่งให้จัดการเรียบร้อยในเวลาไม่ถึงสามนาที ผมโทรเช็กกับอเล็กซ์ พอเพื่อนบอกว่าคดีถูกแคนเซิลแล้ว ผมก็ส่งมอบของให้ ท่านๆ รับไปด้วยอาการดีใจน้ำตาไหลดั่งพบลูกที่พลัดพราก

เบย์กำลังไล่ตามสามเคส เป็นของเสี่ยบ่อนสามเจ้า ซึ่งเคลียร์ง่ายเพราะเอาคำว่า ‘ถ้าไม่ถอนฟ้องจะแฉเรื่องการพนัน’ นี่แน่ะ...คนโฉดก็ต้องเจอคนโฉดกว่าเท่านั้นถึงจะเอาอยู่

อเล็กซ์ก็สามเคส เป็นนิติบุคคล เจรจากันผ่านคอมพ์ซึ่งเจ้าตัวถนัด

เคฟก็ลงทุนลางานเพื่อรับผิดชอบเคสของตัวเองเช่นกัน – จะอะไรซะอีกนอกจากป๋าร้านเพชร

เหลือหนึ่งเคสเป็นของผม ยากชนิดหืดขึ้นคอ... ก็เคสของอีลุงนักการเมืองยังไงล่ะ อิทธิพลใหญ่กว่าคนอื่น ดีไม่ดีผมอาจถูกสั่งเก็บโดยคดียังไม่จบเลยก็ได้

หนักใจจังว่ะ...นักศึกษาตัวกะเปี๊ยกอย่างผมจะเอาอะไรบากหน้าไปสู้กับมาเฟียในคราบนักการเมืองอย่างมันได้ เผลอๆ มันจะอยากฆ่าคนที่กล้ามาลูบคมมัน มากกว่าจะอยากได้เงินยี่สิบสามสิบล้านคืนซะอีก หรือต่อให้ยอม จากนั้นมันก็อาจส่งคนมาตามรังควานหรือเก็บผมทีหลัง

นี่แหละนะ... เรียนผูกไม่ยากเท่าเรียนแก้ ตอนทำแย่ไม่ยากเท่าตอนขอโทษ

แต่ๆๆๆ เหมือนจะลืมอะไรไป

มีเอกสารแบล็กเมล์มันอยู่นี่หว่า

ผมโทรหาอเล็กซ์ทันทีที่นึกขึ้นได้ มือไม้สั่นไปหมดเพราะความตื่นเต้น มือถือโจรอู๋โดนตำรวจหิ้วไปแล้ว แต่ผมมั่นใจว่าของสำคัญอย่างนี้ ยังไงมันก็ต้องเคยส่งให้อเล็กซ์แน่ๆ

[จะเอาจริงใช่มั้ย นี่มันเล่นกับไฟชัดๆ เลยนะแสงเทียน]

สาบานเลยว่าตั้งแต่รู้จักกันมา ผมเพิ่งเคยได้ยินเสียงอเล็กซ์สั่นแบบคนไม่มั่นใจเป็นครั้งแรก ขนาดอัจฉริยะยังกลัว

“เราต้องทำ ไม่งั้นโจรอู๋ไม่รอดแน่ บุกบ้านขโมยเงิน หยามกันขนาดนี้อีลุงคงเอาเรื่องถึงที่สุด” ผมบอก

อเล็กซ์ถอนหายใจ [ถ้าทำ ฝ่ายนั้นก็คงจ้างนักสืบมาสืบเรากลับ ค้นหาที่อยู่แล้วตามมายิงหัวแบบไม่ต้องสงสัยเลย]

“จะไม่มีวิธีจริงเหรอ”

[จริงๆ มี แต่ไม่อยากให้ทำ ตาเฒ่ามันต้องรู้ว่าคนทำคือพวกเรา เพราะมีแค่พวกเราที่ได้รับผลเสียจากเรื่องนี้ เราว่ามันเสี่ยงเกินไป]

“High risk, high return”

ผมกล่าวอย่างแน่วแน่

อเล็กซ์ยอมแพ้ เขาแนะนำอย่างละเอียด ผมจดจำทุกถ้อยคำ จากนั้นเขาก็ส่งไฟล์พีดีเอฟภาพเอกสารทุกหน้ามาให้ทางอีเมล์

A: จงรอบคอบที่สุด ถ้าทำพลาด พวกเราอาจตายทั้งแก๊ง

A: แต่ถ้าทำสำเร็จ คดีมีสิทธิ์ถูกยกฟ้องแบบถอนรากถอนโคน

A: โชคดี


 


ผมเริ่มปฏิบัติการตอนห้าโมงเย็น มูฟจากห้างหนึ่งไปอีกห้างหนึ่ง เพื่อไม่ให้ถูกตามตัวง่าย

อเล็กซ์บอกคีย์เวิร์ดสามคำ ‘ปลอมตัว-ใช้โทรศัพท์ในช็อป-พีคไทม์’

เริ่มแรกผมแต่งตัวเลียนแบบนักท่องเที่ยวจีน เสื้อกล้ามขาว กางเกงลายช้าง สะพายเป้ สวมแว่นสวมหมวกแกป เลือกเวลาห้าโมงเย็นซึ่งเป็นช่วงเลิกงาน คนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เข้าไปในช้อปมือถือชื่อดังที่มีคนทดลองเครื่องตัวโชว์กันเต็มร้านจนแทบเหยียบตีนกัน ผมเลือกเครื่องที่อยู่ริมสุดใต้กล้องวงจรปิดพอดี ที่ถึงแม้กล้องอีกตัวจากมุมอื่นจับมาก็มองเห็นไม่ชัด แล้วเริ่มปฏิบัติการ ฟีลลิ่งประหนึ่งลิซเบธ ซาลันเดอร์ ต่อสู้กับศัตรูระดับบอสอย่างกล้าหาญผ่านคอมพิวเตอร์

-สมัครอีเมล์ใหม่

-ส่งเอกสารแบล็กเมล์ไปพร้อมกับให้ถอนแจ้งความ

-ลงชื่อออก

-ลบประวัติในเครื่อง

- เอาทิชชู่เปียกเช็ดหน้าจอ ทำลายรอยนิ้วมืออย่างเร็ว

จบ...

ใช้เวลาไม่ถึงสามนาที ผมก็เดินออกจากร้านด้วยความไวแสงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ กลายร่างเป็นหนุ่มเกาหลีติสต์ๆ เสื้อยืดตัวโคร่ง แจ็คเก็ตยีนส์ กับกางเกงทรงแบ็คกี้ กระเป๋าก็พลิกกลับเอาด้านในออกไว้ด้านนอกให้เป็นคนละสี แล้วเดินออกจากห้องน้ำและห้างไป

แต่ถึงอย่างนั้น ผมว่าถ้าอีลุงมันจะตามสืบจริงๆ ก็คงรู้แหละ แต่คงทำอะไรไม่ได้...คิดว่านะ   

 

ถึง...ท่าน XX ที่เคารพ

จงถอนฟ้องคดีล่าสุดเสีย มิเช่นนั้นเอกสารแสดงการคอรัปชั่นนี้จะถูกเผยแพร่สู่สาธารณชน และท่านคงรู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร

ส่วนเงินยี่สิบล้านที่สูญหายไป ข้าพเจ้าจะคืนให้ทันทีที่คำถอนฟ้องของท่านเป็นผล

ด้วยความเคารพอย่างสูง

จาก...ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม



...

สามชั่วโมงต่อมา

หมวดรักษ์โทรบอกผมว่าโจรอู๋พ้นโทษแล้ว ทุกข้อหา โดยไม่แจ้งต้นสายปลายเหตุ แต่จำเป็นต้องถูกขังต่ออีกอย่างต่ำสามวันเพราะยังมีเรื่องต้องสืบสวนเพิ่มเติมอีก

ประเทศไทยนี่มันประเทศไทยจริงๆ



 
...

วันต่อมา

ถึงจะพ้นโทษ ก็ยังไม่พ้นบ่วงกรรม

ผมทราบจากอเล็กซ์ว่าเฉินเชว่บินกลับจีนแล้ว เหมือนที่โจรอู๋บอกไม่มีผิด เส้นใหญ่ขนาดนั้นโดนขังคืนเดียวก็ถือว่ามากพอ อีกอย่างมันคือสัญญาณบอกว่าความตั้งใจของโจรอู๋ที่จะช่วยแม่ล้มเหลว

ข่าวร้ายกว่านั้นคือผมไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมโจรอู๋อีก แม้มันจะโดนเบื้องบนอุ้มให้รอดพ้นจากสถานะผู้ต้องหาแล้วก็ตาม อาจเป็นไปได้ว่าตำรวจ (โดยเฉพาะหมวดรักษ์) คิดว่าผมคือคนที่ช่วยโจรทางอ้อม เลยไม่ไว้ใจผม มีเพียงแค่เคฟที่เข้าได้เพราะเป็นญาติ ซึ่งก็ยังดี

ทันทีที่ออกจากโรงพัก เคฟก็โทรหาผมก่อนใคร เหมือนรู้ใจ ทว่าข่าวอัพเดตกลับทำให้หัวใจผมหล่นวูบ

[ตำรวจจะขังต่อเฮียต่ออีกหนึ่งอาทิตย์]

“ทำไม ไหนบอกแค่สามวันไง แล้วมันก็พ้นโทษแล้วไม่ใช่เหรอ”

[โดนตั้งข้อหาใหม่น่ะสิ พกปืนโดยไม่มีใบอนุญาต]

“เฮ้ย มันถึงกับต้องขังเป็นอาทิตย์เลยรึไง”

[ไม่รู้สิ โง่กฎหมายอ่ะ]

“ทีเฟลมยังมีเลย แถมยังจ่อหน้าจะยิงคนตายด้วยซ้ำ”

[ก็มันอยู่ฝั่งเดียวกับตำรวจมั้ยล่ะ ปืนนั่นก็ปืนตำรวจให้มัน  ตำรวจแหละสะเพร่าเอง ใครจะโง่ตั้งข้อหากับมัน ซวยกันหมดสิ]

ไอ้เคฟ เอ็งเอาความจริงมาพูดได้เจ็บมาก

[แต่ก็ดีนะที่ยื้อไว้รู้มั้ย เพราะเฮียบอกว่าออกจากคุกเมื่อไหร่จะกลับจีนทันทีเลย ไปช่วยแม่ เราก็ไม่รู้ว่าไอ้เฉินจะเชื่อถือได้แค่ไหน ปากบอกจะปล่อยแม่เฮีย แต่พอเฮียไปถึง มันอาจตลบหลังฆ่าทั้งคู่ก็ได้]

“จริงเหรอ...”

[อือ ช้าหรือเร็วเฮียก็ต้องไป นี่ก็ยังไม่อยากให้ไปเหมือนกัน]

ผมเจ็บหัวใจแปลบๆ เพราะระหว่างนี้ที่มันยังอยู่ไทย เราก็ยังรับรู้ความเป็นไปของกันและกัน ถึงมันจะเป็นฝ่ายขอเลิกผม แต่พรรคพวกก็ยังรายงานเรื่องของมันให้ผมฟังอยู่... แต่หากมันไปจีน ทุกอย่างก็จะเป็นศูนย์ ผมจะรู้ข่าวมันแค่ทางความฝันและการมโน

แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมเป็นห่วงมัน

มาเฟียเหี้ยอย่างเฉินเชว่ ไม่รู้จะไว้ใจได้มากแค่ไหน นี่ถ้ามันยังอยู่ไทยผมก็คงจะไปเจรจาต่อรองด้วยแล้ว ขายตัวก็ขายสิกลัวอะไร ดีกว่าให้แฟนตายเป็นไหนๆ แต่มันกลับจีนไปแล้วเนี่ยสิ ผมเลยหมดปัญญา

“พอจะมีช่องทางติดต่อเฉินเชว่บ้างไหมเคฟ” ผมถาม

เขาเงียบไปสามวินาที [ไม่มี]

“...ให้ตาย”

[แต่ถ้าคิดจะช่วยเฮีย คนนี้อาจช่วยได้ เขาเคยเกือบทำสำเร็จ ถ้านายร่วมมือกัน คราวนี้อาจสำเร็จ]

ผมรู้ทันทีว่าเคฟหมายถึงใคร พลันหัวใจก็ยิ่งเจ็บแปลบกว่าเก่า

“ได้ เอาชื่อที่อยู่เบอร์โทรมาเลย”

 





บางทีมันอาจเป็นช่วงเวลาล้างบาป

เพียงแต่เจ้าของบาปไม่ว่าง ผมเลยมาเป็นตัวแทน

ความทรงจำที่ว่าโจรอู๋กับเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้เคยเป็นชู้รักกันยังไม่เลือนหายไปจากใจผม ภาพรอยจูบสีแดงกับการทะเลาะต่อยตีวันนั้นยังแจ่มชัดในห้วงจิต แม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะสิ้นสุดลง ก็ยังไม่นานพอที่บาดแผลของพวกเราจะตกสะเก็ดจนแตะต้องมันได้อีกครั้งอยู่ดี

แต่ยังไงก็ตาม นี่เป็นทางออกสุดท้าย ต่อให้ต้องกรีดแผลรีดเลือดเจียนตาย ผมก็ต้องทำ ปณิธานที่จะปลดแอกโจรอู๋ให้เป็นไท ออกจากวงจรแห่งความชั่วร้าย... เหลือแค่ด่านนี้ด่านเดียวเท่านั้น ทำสำเร็จเมื่อไหร่ผมก็ตายตาหลับ

“สวัสดี คุณแสงเทียน”

เจ้าของบ้านเปิดประตูเล็กพร้อมกับกล่าวทักทาย ผมแปลกใจว่าทำไมบ้านใหญ่ขนาดนี้ไม่มีคนรับใช้ แสดงว่าเขาอยู่คนเดียว

“สวัสดีครับ คุณนักสืบ” ผมทักทายกลับตามมารยาท

เมื่อได้เห็นหน้าชัดๆ ผมก็รู้สึกหัวใจห่อฟีบลงเหลือเท่าตีนแมว เขาหล่อมากเลย คิ้วเข้มตาคม องค์ประกอบทุกอย่างบนใบหน้าสมส่วนอย่างกับภาพวาดผู้ชายบนปกนิยายจีนสวยๆ ไม่แปลกใจว่าทำไมโจรอู๋ถึงตัดใจตัดความสัมพันธ์ได้ยากนัก เป็นผมก็คงเสียดายเหมือนกัน รู้เลยว่าต้องใจแข็งมากจริงๆ

เขามองผมด้วยสายตาเฉียบคมเหมือนจะสังเกตไปถึงก้นบึ้งความคิด ทำผมร้อนๆ หนาวๆ

“เข้ามาสิ”

นักสืบเดินนำผมเข้าไปในบ้านตรงส่วนห้องรับแขก เขาเตรียมน้ำและของทานเล่นไว้ให้ด้วย จากนั้นเราก็พูดคุยกัน โดยผมเป็นฝ่ายเปิดประเด็น

“ผมอยากให้คุณช่วยเรื่องเฉินเชว่” ความจริงผมบอกไปแล้วตอนโทรหา แต่ย้ำอีกทีเพราะนักสืบยังไม่ให้คำตอบว่าจะช่วยหรือไม่

“คุณรู้มั้ยเฉินเชว่เป็นคนกลับกลอกเชื่อถือไม่ได้ การต่อรองกับมันมันให้ได้ผลเป็นเรื่องยากมากพอๆ กับลูบหัวงูเห่า”

“ผมรู้ แต่อยากพยายามดูสักครั้ง”

เขาถอนหายใจเบาๆ “ใช่ว่าผมไม่อยากช่วยนะ แต่ตอนนี้ผมเองก็ตกที่นั่งลำบากเหมือนกัน ผมมีความผิดที่ช่วยปกปิดบิดเบือนคดีให้ไอ้มี่และพวกคุณ สาเหตุที่ผมถอนตัวจากทีมสืบสวนก็เพราะเรื่องนี้ หมวดรักษ์ฉลาดมาก ผมกลัวถูกแฉถ้าแหย่เท้ากลับเข้าไปในคดีอีก”

“คุณกลัวถูกแฉ แต่ปล่อยให้โจรอู๋ถูกจับงั้นเหรอ” ผมพยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้เดือดกินไป “คุณเคยบอกว่าจะช่วยมัน แต่พอถึงเวลาวิกฤตคุณก็หนีเอาตัวรอดคนเดียว”

“คุณแสงเทียน” ทิวาพูดเสียงเข้ม น้ำเสียงดุดัน

แต่ผมไม่กลัว ผมพูดความจริง “คุณอ้างว่ากลัวถูกแฉเลยไม่ช่วยโจรอู๋ต่อให้จบคดี แต่ที่จริงคุณเสียใจที่ถูกมันปฏิเสธต่างหาก”

“อย่าพูดไร้สาระ!” นักสืบเปลี่ยนจากพูดเป็นตะโกน ภาพลักษณ์นิ่งขรึมเริ่มหายไป

“หรือไม่จริงล่ะ คุณเสียใจที่โจรอู๋รักผม คุณเลยปล่อยมือมัน”

“มันต่างหากที่ปล่อยมือผม!”

“...”

“มันเป็นฝ่ายปฏิเสธความช่วยเหลือจากผมเอง นั่นเพราะมันเห็นคุณสำคัญกว่า ไม่ใช่ความผิดผม แต่เป็นคุณ!”

“....!!!”

ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกตะโกนใส่หน้า จากนั้นดวงตาของเขาสั่นคลอนคล้ายจะร้องไห้... ผมหน้าชา พูดไม่ออก ทั้งเสียใจและละอายใจ

“ผมขอโทษ” ผมก้มหน้ามองพื้น เช่นเดียวกับทิวาที่ก้มหน้ากุมหน้าผาก “แต่ตอนนี้ผมกับโจรอู๋เลิกกันแล้ว”

“อะไรนะ?” นักสืบเงยหน้าขึ้นมาทันที

“ใช่ เลิกกันแล้ว”

 “...เดาว่ามันเป็นฝ่ายขอเลิกสินะ”

“อืม...” ผมพยักหน้า “เพราะงั้นคุณช่วยมันอีกครั้งได้ไหม”

“...” นักสืบกัดริมฝีปาก สีหน้าลำบากใจ

“โจรอู๋เคยบอกผมว่าคุณเป็นเพื่อนคนเดียวของมัน และเป็นคนเดียวที่ช่วยมันได้ทุกอย่าง ผมเองก็เชื่อแบบนั้น... ตลอดหกเดือนที่ผ่านมาถ้าไม่มีคุณ มันคงถูกจับไปนานแล้ว”

“...”

“คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าโจรอู๋ต้องเป็นโจรเพราะอะไร ทุกอย่างที่มันทำไปก็เพื่อช่วยแม่ และตอนนี้ก็มีแต่คุณ... คุณคนเดียวที่ช่วยให้เรื่องนี้จบด้วยดีได้ ทิวา”

“....” นักสืบยกมือขึ้นกุมขมับ

“คุณคงไม่อยากให้มันกับแม่ตายหรอกใช่ไหม”

ผมมองนักสืบด้วยสายตาวิงวอนสุดชีวิต น้ำตาพาลจะไหล แต่นักสืบไม่พูดคำใด เพียงแต่ถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะลุกจากโซฟาเดินไปที่ข้างหน้าต่าง หันหลังให้ผม เห็นท่าทางอย่างนั้นก็ฉุนขาด ลุกขึ้นยืนเช่นกัน

“ถ้ามันตัดสินใจยากขนาดนั้นก็ไม่เป็นไร ขอบคุณที่ทำให้ผมตาสว่างรู้จักคำว่าเพื่อนแท้!” ผมประชดประชันเต็มเหนี่ยว เตรียมตัวเดินออกจากห้อง “ผมจะฟ้องตำรวจว่าคุณทุจริต ปกปิดความผิดให้โจร! ที่นี้ก็เตรียมตัวไปอยู่เรือนจำพร้อมกับโจรเลยละกัน เฮอะ!”

พูดเท่านั้น ผมก็เดินกระแทกส้นเท้าปึงปังออกจากห้องนั้นทันที

“เดี๋ยวก่อนคุณแสงเทียน!” เสียงของนักสืบดังตามหลัง

ผมหยุดชะงัก หันไปมองด้วยหางตา

นักสืบทำหน้ายุ่งยากใจ

“ตั้งแต่คุยกันมา ผมพูดสักคำรึยังว่าจะไม่ช่วย”







///

เห็นเป็นนางเอกตัวเล็กๆ แต่นางใจสู้นะคะ!

เอาใจช่วยคุณแสงด้วยเด้อ

รักทุกคนค่ะ <3 <3

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.36 ทางรอด [02/06/19]
«ตอบ #263 เมื่อ02-06-2019 14:46:43 »

แหม ที่ทำมาดูดีหมดนะแสงเทียน มาเสียตอนท้ายที่สบัดกระแทกเท้าออกไปเนี่ยแหละ อิอิอิ
 :hao3:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.36 ทางรอด [02/06/19]
«ตอบ #264 เมื่อ02-06-2019 15:07:49 »

ใจเด็ดสุดๆ

ออฟไลน์ MM04

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.36 ทางรอด [02/06/19]
«ตอบ #265 เมื่อ02-06-2019 16:17:01 »

ทิวา.. :sad4: สงสารเลยทำเพื่อเค้าแล้วทำเพื่อเค้าอีก ขอให้เธอได้เจอกับคนดีๆนะ :mew2:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.36 ทางรอด [02/06/19]
«ตอบ #266 เมื่อ02-06-2019 21:12:28 »

 :pig2: :pig2: :pig4:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.36 ทางรอด [02/06/19]
«ตอบ #267 เมื่อ03-06-2019 01:04:17 »

แสงเทียนจิตใจเด็ดเดี่ยวมาก

ออฟไลน์ Blackmamba

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.37 Bay is Bae [08/06/19]
«ตอบ #268 เมื่อ08-06-2019 15:54:01 »



37
Bay is Bae


 
               
“พ้นโทษแล้วอ่ะ มึงออกจากบ้านกูได้ยัง”
               
หนุ่มขี้ก้างร่างลายพร้อยยืนเท้าสะเอว สีหน้ายุ่งยากลำบากใจ น้ำเสียงก็รำคาญอย่างชัดเจน 
               
“กูอยากอยู่ต่อตายล่ะ ขอบใจละกันที่ให้ซุกหัวนอน” ผู้อาศัยชั่วคราวกล่าว ก่อนจะออกจากบ้านขนาดเท่ากล่องตู้เย็น แต่ยังไม่ทันจะก้าวพ้น ก็โดนเจ้าของบ้านดึงแขนไว้
               
“ไม่คิดจะจ่ายค่าน้ำค่าไฟกูหน่อยไง้”
               
“ฟวยเหอะ สามวันมันจะกี่บาทกันวะ”
               
“ค่าที่มึงทำกูอดนอนกับเมีย”
               
“ไม่ต้องพูด กูได้ยินมึงเอากันบนหัวกูทุกคืน”
               
“นี่เพื่อนนะเบย์ เพื่อนต้องกินต้องใช้ป่ะว้า เป็นค่าน้ำใจก็ได้อ้ะ”
               
“กูไม่มี ถึงมีก็ไม่ให้ รู้หรอกว่ามึงจะเอาไปซื้อยา”
               
“ยาไร ไม่มี้ ทุกวันนี้แค่ยาไส้ก็แทบไม่พอ กูรู้มึงรวย นะๆ”
               
“รวยแต่เขือสิ ไปละ”
               
ร่างแห้งโอดครวญอย่างผิดหวัง แต่เบย์ไม่หันหลังกลับ เดินออกจากซอกแคบเท่าแมวเดินสู่ซอยใหญ่ ทันใดนั้นก็ต้องชะงักนิ่งเหมือนโดนสาปกะทันหัน
               
“มอร์นิ่ง”
               
“....เชี่ย”
               
เบย์กลับหลังหันทันที แต่ก็ไม่เร็วพอที่จะรอดพ้นเงื้อมมือของอีกฝ่ายที่ดึงไว้
               
“ปล่อยนะไอ้เวร! กูพ้นผิดแล้ว! มึงไม่มีสิทธิ์จับกู!”
               
“ไอไม่ได้มาจับ แค่อยากคุย”
               
“กู-ไม่-คุย!”
               
ผู้ถูกจับกุมออกแรงถีบเข้ากลางเป้าของอีกฝ่าย แต่คนตัวใหญ่กว่าหลบทัน แถมยังเป็นฝ่ายล็อกขาเบย์ไว้แล้วจับเหวี่ยงขึ้นพาดบ่าหน้าตาเฉย เหมือนน้ำหนักหกสิบกว่าของเขาเบาเท่าปุยนุ่น
               
“จะพากูไปไหน! ปล่อย!!!”
               
ไม่ว่าตัวเล็กจะปฏิเสธและดิ้นหนีอย่างไรก็ไม่อาจสู้พละกำลังของทหารได้ ที่สุดก็ถูกฉุดขึ้นรถไปเหมือนทุกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่แบบเปิดประทุน จึงมั่นใจว่าเบย์จะไม่มีทางหนี

“จอดเดี๋ยวนี้นะไอ้ผู้พันจัญไร!”

คนข้างหลังตะโกนใส่หูคนขับ ทุบตีแขนหนักหน่วง แต่คนขับไร้อาการสะทกสะท้านประหนึ่งร่างกายทำด้วยโลหะ เขาไม่มีท่าทีว่าจะจอด ซ้ำยังเร่งความเร็วขึ้นอีก

เบย์โกรธจนน้ำตาซึม คาดไม่ถึงว่ามันจะใจกล้าหน้าด้านขนาดนี้ เขาทำเสียตัวเสียใจเจียนตายแล้วยังมีหน้ากลับมาทำแบบเดิมซ้ำๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สุดจะหาคำด่าจริงๆ

ส่วนผู้พันนั้น โดนด่ามาแล้วจนหูแทบหนวก...

 

“Pete you idiot!!! ทำอะไรลงไปใช้สมองคิดก่อนรึเปล่า แอบยุ่งกับคดีเราไม่เท่าไหร่ แต่ยูทำกับผู้ต้องหาแบบนั้นได้ไง ป่าเถื่อนสิ้นดี ยูทำให้ภาพลักษณ์เจ้าหน้าที่ไทยดูแย่ แต่ที่แย่กว่านั้นคือจิตใจบรรณภพ Or who you call bae ไหนบอกว่ารักเขา แต่สิ่งที่ยูทำ is  such a shame!”

“ไอโกรธที่ฮีโกหกหลอกลวง”

“So do you”

“....”

“เราไม่รู้เลยว่าบรรณภพที่กำลังตามหาคือแฟนยู จริงๆ ยูควรปรึกษาพวกเราก่อนมั้ยว่าควรทำไง ไม่ใช่อยู่ๆ ไปจับเขาแบบนั้น นี่ถ้าเกิดเขาโดนรถชนตายขึ้นมา จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหนคิดบ้างไหม แค่ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์นะ ไม่ใช่ฆาตกร ตัวเขาก็เล็กนิดเดียว สู้ยักษ์อย่างยูไม่ได้อยู่แล้ว ทำรุนแรงเพื่ออะไร ยูแม่งโคตรใจร้ายเลยว่ะ”

“...รักษ์ พลีส ไอเฮิร์ตจะตายแล้ว”

“ก็ดี จะได้คิดได้มั่ง ขนาดเรายังโกรธแทนเลย แล้วเจ้าตัวจะเสียใจขนาดไหน ไอ้เรื่องรักความถูกต้องของยูมันก็น่าชื่นชมอยู่หรอก แต่วิธีการมันแข็งทื่อ ซื่อบื้อ และสิ้นคิดมาก”

“Damn...ไอโทรมาขอคำแนะนำ ไม่ใช่ให้ยูซ้ำเติมนะ”

“โอเค แนะนำเหรอ go pack your shit back to LA!

“รักษ์!”


 

ขนาดหมวดที่ว่าเย็น ยังร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ ก็ไม่แปลกที่เบย์จะโมโหเกลียดชังเข้าทุกอณูรูขุมขน แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้มีหรือที่จะได้คุยกันง่ายๆ ก็เบย์หนีเก่งอย่างกับอะไรดี

รถแล่นเข้าสู่เขตหมู่บ้านจัดสรรสุดหรู ผู้พันลดความเร็วลงแล้วจอดที่หน้าบ้านหลังแรก เป็นบ้านสีขาวสไตล์เฟรนช์โพรวินซิคอล ที่มีสนามหญ้าหน้าบ้านกับลานจอดรถกว้างขวาง ที่ซึ่งมีซูเปอร์คาร์จอดเรียงรายอยู่สามคัน หนึ่งในนั้นมีพอร์ชสีขาวที่เบย์จำได้ว่าถูกจับคืนนั้น

ไม่ผิดแน่ บ้านผู้พัน

“คิดจะทำอะไร จับขังในบ้านเหรอ” เบย์โวยวาย

“อย่ามองไอเป็นคนป่าเถื่อนแบบนั้นสิ”

“มึงเป็น!” ว่าแล้วก็ลงจากรถ เบย์ก็ลงแต่วิ่งหนีทันทีที่เท้าแตะพื้น

“เบย์!”

หนุ่มน้อยที่กำลังจะวิ่งหนีหยุดชะงักทันที หลังจากได้ยินเสียงเรียกข้างหลัง ซึ่งไม่ใช่เสียงของผู้พัน หันหลังกลับไปมองพบว่ามีสองคนยืนอยู่ด้วยสีหน้าดีใจ เป็นคนที่เบย์ไม่ได้เจอนานกว่าครึ่งปีแล้ว และไม่คาดคิดว่าจะได้เจอเร็วๆ นี้ด้วย

“พ่อ แม่!!!”

ชายและหญิงวัยกลางคนส่งยิ้มให้ลูกชาย จากนั้นเบย์ก็วิ่งเข้าไปกอดทั้งคู่ ต่างพากันน้ำตาซึมด้วยความดีใจและคิดถึง

“พ่อแม่มาอยู่ที่นี่ได้ไง” 

“ผู้พันเขาไปรับเรามา บอกว่าจะพามาเจอลูก” พ่อของเบย์บอก หนุ่มน้อยหันขวับไปมองผู้ชายตัวโตทันที

“มึงรู้เรื่องครอบครัวกูได้ยังไง”

“ชู่ว์ ไม่เอาลูก พูดกับเขาดีๆ สิ” แม่ดุ ท่าทางเกรงใจยศอันใหญ่โตกับความร่ำรวยของไอ้ฝรั่งปลอมเอามาก

“แม่ไม่รู้หรอกว่าไอ้เวรนี่ทำอะไรกับผมบ้าง”

“เอ็งโดนจับก็จริงแต่พ้นข้อหาแล้วไม่ใช่เหรอ เรื่องผ่านไปแล้ว ช่างมันเถอะลูก” แม่พูด

“ใช่ลูก เนี่ย เขายังให้พ่อกับแม่ย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ด้วยนะ เราจะได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง” พ่อบอก ทำเบย์ตกใจกว่าเดิม

“อะไรนะ! พูดจริงเหรอ!”

“เยส พ่อแม่ยู แล้วก็ยูด้วย” ผู้พันยิ้ม

แต่เบย์กลับยิ่งโกรธเป็นบ้าเป็นหลัง

“จะดูถูกกูว่าไม่มีปัญญาเลี้ยงดูพ่อแม่ตัวเองงั้นสิ? ฮะ ถึงต้องมาพึ่งชายคาบ้านมึง! คิดว่ามีเงินมีอำนาจแล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอ ปรึกษากูซักคำรึยัง! นี่พ่อแม่กูไม่ใช่พ่อแม่มึง!”

“ใจเย็นก่อนเบย์” พ่อกับแม่ช่วยกันห้ามลูกชาย เพราะดูท่าเบย์จะโกรธมากกว่าดีใจในการกระทำของทหารหนุ่ม

“ผู้พันเขาเป็นคนดีนะลูก ถ้าเขาไม่ช่วย พ่อกับแม่ก็คงไม่ได้เจอหน้าลูก ลูกไม่ดีใจเหรอที่เราจะได้อยู่ด้วยกันซะที” แม่พูด

“คนรวยไม่ได้แปลว่าคนดีแม่” ลูกชายเถียง

พ่อกับแม่หน้าเหวอ แล้วพ่อก็พูด

“แต่เขาก็ช่วยเราได้ ลำพังถ้าจะรอลูกหาเงินสร้างบ้านแล้วมารับพ่อกับแม่กลับไป ก็ไม่รู้เมื่อไหร่ อีกอย่างพ่อกับแม่ก็ไม่อยากเห็นลูกตกระกำลำบาก ไปเป็นโจรปล้นชาวบ้านเขาด้วย”

“แต่บ้านเราก็มี ทำไมต้องอาศัยบ้านคนอื่นอยู่”

“คนอื่นที่ไหน เขาเป็นแฟนลูกนี่” แม่พูดหน้าตาเฉย

“ไม่ใช่นะแม่!”

“ไม่ต้องปฏิเสธน่า เขาเล่าให้พ่อกับแม่ฟังทุกเรื่องแล้ว” พ่อพูดพลางยิ้ม ทำเอาเบย์หัวร้อน ทั้งโกรธทั้งเขินจนทำอะไรไม่ถูก เลยวิ่งหนีไปดื้อๆ

“ใครจะอยู่ก็อยู่ไป แต่ผมไม่!”

“เบย์!” แม่ตะโกนเรียกตามหลัง

“ปล่อยเด็กๆ เขาเคลียร์กันเถอะคุณ”

พ่อบอก พยักหน้าให้ผู้พัน จากนั้นร่างสูงก็ไล่กวดตามหลังไปติดๆ

 

เบย์กระโดดขึ้นซ้อนวินหน้าหมู่บ้านแล้วให้พี่แกซิ่งสุดลิมิต เข้าย่านที่เต็มไปด้วยตรอกซอกซอย ผู้พันทิ้งรถยนต์กระโดดควบช็อปเปอร์ขับตามไปทันที แต่ไปดักทางออกที่ (คาดว่า) เบย์โผล่ออกมา เป็นทางด้านหลังร้านหนังสือที่อเล็กซ์ทำงาน เพราะผู้พันคิดว่าเบย์เพิ่งหนีกบดานจากบ้านเพื่อนในสลัม ไม่น่ามีเงินพอจ่ายค่าวินด้วยซ้ำ ต้องจ่ายปลายทาง และปลายทางที่ใกล้ที่สุดสำหรับคนรู้จักของเบย์ ณ ตอนนี้ก็คืออเล็กซ์

ผู้พันเดาถูก

“ร้อยยี่” พี่วินบอก

เบย์หน้าเจื่อน เหลือบมองผู้พันด้วยสายตาอาฆาตเหมือนลูกหมาโกรธ หนึ่งโกรธที่มันตามทัน และสองโกรธที่หนีมัน แต่ดันต้องขอเงินมันจ่าย เพื่ออะไรวะเนี่ย...

หนุ่มช็อปเปอร์ยื่นเงินให้วินโดยไม่พูดคำใด วินดูงงๆ แต่ก็รับแล้วขับจากไป เบย์พ่นลมหายใจออกจมูกอย่างสุดจะทน

“เลิกตามซักทีได้มั้ย จะเอาอะไรจากกูอีก”

“ไออยากเคลียร์กับยู”

“คิดว่าเอาท็อปบูตส์ตบหัวแล้วเอาเงินลูบหลัง ทุกอย่างจะจบงั้นเหรอ ขอโทษนะแต่กูไม่ใจง่ายแบบนั้น”

“เบย์” ผู้พันคว้าแขนอีกคนไว้ขณะกำลังจะเดินเข้าร้านหนังสือ “ไม่เหนื่อยรึที่ต้องหนีตลอด มาคุยกันตรงๆ ดีกว่า”

“คุย? ทำกูปางตายแท้ๆ ยังคิดว่าจะคุยกันได้อีกเหรอ”

ร่างสูงคอตก สีหน้าโศกสลด “ไอ’ม โซ ซอรี่ ไอโง่เองที่ทำเรื่องสิ้นคิด แต่ไอโกร้ดมากที่ยูปิดบังเรื่องเป็นโจร”

“มึงก็ปิดบังเรื่องที่เป็นทหารเหมือนกัน”

“ไอจำเป็น ไอให้ใครรู้ไม่ได้ โดยเฉพาะมายแด๊ดดี้ ฮีต้องฆ่าไอแน่ถ้ารู้ว่าทำตัวไม่ดี”

“เออ งั้นก็สมควรถูกฆ่าไปซะ”

“เบย์” ผู้พันบีบแขนกระชับขึ้น “ไอขอโทษจริงๆ ไอเสียใจที่ทำรุนแรงกับยู แต่ไม่ได้จะจับยูเข้าคุกนะ แค่ขู่เท่านั้น ถึงได้ใช้กุญแจมือปลอมไง แล้วก็เพิ่งรู้ว่ายูคือลองแฮร์บอยวันเดียวกับที่จับยูนั่นแหละ รู้จักหมวดรักษ์ใช่มั้ย? ฮี’ส มายเฟรนด์ วันนั้นแวะไปหาแล้วก็เจอรูปถ่ายยู เลยค้นหาข้อมูล ไอไม่ได้สตอล์กเกอร์ยูอย่างที่พูดเลย”

เบย์ส่ายหน้า ดวงตาสั่นคลอน “คำพูดมึงเชื่อถืออะไรไม่ได้แล้ว... มึงทำลายความเชื่อใจกูไปแล้ว...”

ผู้พันใจหวิวๆ “โอเค ไอรู้ตัวว่าทำเกินเหตุ ไอสำนึกแล้ว ยูจะลงโทษไอยังไงก็ได้ แต่ขอโอกาสแก้ตัวสักครั้งเถอะนะ”

ทว่าคนฟังส่ายหัว สีหน้าอ่อนล้าเต็มทน

“พอเถอะ หยุด อย่าพยายามเลย ลืมกูแล้วกลับอเมริกาไปซะ คิดซะว่าเรื่องห่าเหวทั้งหมดที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้น แล้วก็บอกพ่อแม่กูกลับบ้านสลัมได้แล้ว กูไม่ต้องการคำขอโทษในรูปแบบหนี้บุญคุณ...หรือใดๆ จากมึงทั้งนั้น”

ชาติชายใจทหารเหมือนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองแตกสลาย เจ็บยิ่งกว่าตอนถูกกระสุนยิง เขาข่มน้ำตาไว้สุดแรงเกิด

“ไม่เบย์ มันไม่ควรเป็นแบบนี้”

“ปล่อย”

“พลีส...”

“บอกให้ปล่อย!”

“พอได้แล้ว”

จู่ๆ ก็มีบุคคลที่สามเข้ามาขัดจังหวะ เป็นอเล็กซ์นั่นเอง เพื่อนสนิทแปลกใจที่เห็นเขาเลิกทาผิวแทน เลิกใส่คอนแท็กเลนส์ เลิกทำตัวเป็นอเลฮานโดร โจฟ คูนิคาลอส หนุ่มสเปนที่เป็นมาร่วมเดือน คงเพราะเจ้าของร้านถูกชะตา เลยไม่ถือสาแม้ว่าเขาจะเคยเป็นโจรล่ะมั้ง เลยไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป

อเล็กซ์ซุ่มดูจากในร้านนานแล้ว จนทนไม่ไหวต้องออกมาแทรกแซง เขามองเพื่อนที่หน้าบูดบึ้งสลับผู้พันที่ใกล้ร้องไห้ แล้วถอนหายใจ

“เชี่ยเบย์มึงอย่าเล่นตัว ทำเรื่องง่ายให้กลายเป็นเรื่องยาก รักเขาก็ปรับความเข้าใจกันซะ ดีแค่ไหนที่ทำผิดแล้วมีโอกาสแก้ไข ไม่เหมือนกู ป่านนี้แล้วยังติดต่อน้องมันไม่ได้เลย”

“......”

“เพื่อนผมรักคุณครับผู้พัน แต่โกรธที่คุณใช้วิธีรุนแรงแล้วก็ปิดบังตัวตน แค่นั้นเอง ถ้าคุณรักมันก็พยายามเข้านะ แต่ถ้าไม่ก็ปล่อยมือแล้วกลับบ้านไปเถอะ อย่ามาเล่นๆ เลยเพราะคนที่ต้องมาเหนื่อยปลอบใจมันทีหลังก็คือพวกผม”

“......”

“ไปละ เจอกัน”

สองฝ่ายต่างตกอยู่ในความเงียบ กระทั่งผู้พันชวนไปนั่งคาเฟ่ที่อยู่ข้างๆ เบย์พยักหน้า เดินเข้าไปสั่งกาแฟคนละแก้ว เลือกนั่งเก้าอี้คู่ด้านในสุดเพื่อความเป็นส่วนตัว ระหว่างรอเครื่องดื่มก็ยังคงเงียบ เหมือนรอให้อารมณ์ดุเดือดเข้าที่เข้าทาง กว่าจะพูดกันก็ผ่านไปครึ่งแก้ว

ผู้พันเป็นฝ่ายเปิดประเด็นก่อน “ไอรู้ว่ามันไม่ง่าย แต่ก็อยากให้ยูให้อภัย ช่วยเปิดใจแล้วรับรักไอได้มั้ย?”

“มึงไม่ได้รักกู” คนตรงข้ามเอ่ย ปลายเสียงสั่นพอๆ กับดวงตาที่หันมองออกนอกหน้าต่างร้าน

“ไอโกหก I love you to death darling แลไอก็เสียใจแทบตายที่ทำลงไป...”

เบย์ก้มหน้า เม้มปากแน่น

“ไอจริงจังนะ ถ้ายูกลัวว่าไอจะกลับอเม้ริเค่อะแล้วทิ้งยู Don’t worry ยูไปอยู่ที่โน่นกับไอได้”

“เห้ย!”

“จริงๆ” ไม่เพียงพูด เอื้อมมือมาจับมือเบย์แน่นบ่งบอกความจริงจัง เบย์ตกใจปนเขิน จะดึงออกแต่ไม่สำเร็จ “หรือถ้ายูไม่อยากไป ไม่เป็นไร้ ไอจะมาหาทุกวันหยุด รึว่ายูอยากไปเที่ยว ก็บินไปหาไอได้”

“อย่าคิดเองเออเองได้ป่ะ”

“งั้นพูดตรงๆ เลย ไอก็ไม่อยากทำให้ยูลำบากใจเหมือนกัน”

“อือ”

“ยูรักไอมั้ย”

“.....”

“Just yes or no คำเดียวก็พอ ถ้าเยส ไอขออยู่ต่อ... ถ้าโน ไอจะไม่ตื๊อให้ยูรำคาญอีก”

เบย์กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง มองออกไปนอกกระจกผนังร้าน “มันไม่ง่ายเลยนะ มึงเป็นถึงทหารยศสูง มีคนเคารพนับถือ ขืนใครรู้ว่าเป็นเกย์ไม่เดือดร้อนเอารึไง”

“I don’t give a shit”

เบย์ทำตาขวาง “มึงไม่แคร์ แต่กูแคร์”

“ที่โน่นไม่มีใครใส่ใจเรื่องชาวบ้านเหมือนที่นี่หรอกนะ”

มันหลอกด่าประเทศกูป่ะวะ

“ไอเลิฟยู เบย์ ทุกคำพูด ทุกการกระทำผ่านมา ไอทำด้วยใจ เปล่าแสดงละครเพื่อจับยูเหมือนที่วันนั้น I’m nut about you like no one before ไออยากมียูทุกวันแบบไม่ต้องจ่ายตังค์ซื้อ ยูเข้าใจมั้ย? ไอรู้ว่าสิ่งที่ไอทำวันนั้นมันทำร้ายจิตใจยู แต่ไอมาขอโทษ ยอมให้ยูลงโทษได้ตามใจ... แต่ขอโอกาสให้ไอสักครั้งได้ไหม”

“.....” ยกมือขึ้นปิดปาก ตาแดงเรื่อ

ผู้พันท้อใจกับความเงียบและนิ่งเฉย จึงตัดสินใจเอ่ย

“โอเค เบย์ ถ้ามันทำให้ยูลำบากใจขนาดนั้น ไอไปก็ได้”

“.........”

“ขอบคุณสำหรับความทรงจำดีๆ ไอจะไม่มีวันลืมยูเลย ส่วนเรื่องร้ายๆ ก็อย่างที่บอกไป ไอขอโทษ... ขอโทษจริงๆ

หนุ่มอเมริกันปล่อยมือที่กุมอีกคนไว้ ถอยเก้าอี้ไปด้านหลัง แล้วลุกขึ้นยืน ทว่าจังหวะที่กำลังจะก้าวเท้าเดินนั่นเองก็ต้องหยุดชะงัก


มีคนเหยียบตีน

         
“ยูเอามาเหยียบหน้าไอได้นะ ที่จริง”
         
“ซื่อบื้อชิบ”

“...?”

“แค่ครั้งเดียวนะ”

“ว้อท? เหยียบหน้า?”

“ไม่ใช่!” เบย์ลั่น “ให้แก้ตัว”

ดั่งพรวิเศษจากนางฟ้า ผู้พันยิ้มกว้างจนเห็นฟันหน้าทั้งแถว หมุนตัวกลับดึงเบย์เข้ามากอดแน่นจมอก จูบตั้งแต่หน้าผาก ปาก แก้ม ดีที่นั่งในสุดและคนไม่เยอะ ไม่งั้นคงตัวแตกตายด้วยความอายไปแล้ว

“โอ้มายก็อด ขอบคุณที่สุดๆ ไอเลิฟยู!” 

“อื้อ... พอ”

คนตัวโตกอดรัดฟัดเหวี่ยงราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ เบย์ทั้งเขินทั้งขำ ขัดขืนไม่ได้ก็ปล่อยให้โดนฟัดจนหนำใจ

“จากนี้ไป ยูเป็นแฟนไออย่างเป็นทางการแล้วนะ”

เบย์ไม่พูด แค่ยิ้ม

คนตัวสูงสอดมือจับท้ายทอยแล้วก้มหน้าลงมาจะจูบ แต่ก็ต้องสะดุดกับเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ ผู้พันทำหน้าเซ็งพร้อมกับควักมันออกมาจากกระเป๋าหลังของกางเกง ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอซัดเอาความสุขเหือดหายไปกว่าครึ่ง แถมยังเป็นวิดีโอคอลอีกต่างหาก เซ็งเป็นสองเท่า ไม่รับก็ไม่ได้เดี๋ยวเป็นเรื่อง

“ฮาย แด๊ด”

[พีเทอร์ มีคนฟ้องพ่อว่าลูกมีแฟนงั้นเหรอ!]

ท่านนายพลตะโกนใส่หน้าจอด้วยสีหน้าโมโห เบย์ฟังไม่ออกทุกคำแต่แค่ฟังเสียงก็เข้าใจ เห็นท่าไม่ดีเลยถอยไปห่างๆ กลัวจะถูกเห็นเข้า

“ใครมันปากดีไปฟ้องยู หรือยูส่งคนมาติดตามไอ”

[ไม่สำคัญหรอก แต่ที่พ่อรู้มาคือแฟนลูกเป็นผู้ชาย! ใช่มั้ย!!]

เสียงตะโกนของท่านนายพลดังมากจนลำโพงจะแตก แถมใบหน้าก็แดงก่ำบ่งบอกว่าโมโหที่สุด

[พ่อย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามมีแฟนเป็นผู้ชาย! ทำไมถึงกล้าขัดคำสั่งฮะ! มันคือไอ้เด็กข้างบ้านเราเมื่อก่อนใช่มั้ย! ทำไมลูกยังไม่ลืมมันซะที! รู้แบบนี้พ่อไม่มีทางให้ลูกกลับไทยเด็ดขาด!]

ผู้พันพีเทอร์กัดริมฝีปากระงับความโกรธ รอให้พ่อด่าเสร็จเขาจึงเปิดปากพูด “ต่อให้ยูจะเอาไอไปทิ้งเกาะกลางทะเลหรือเอาไปทิ้งบ่อจระเข้ ก็เปลี่ยนความจริงที่ว่าไอเป็นเกย์ไม่ได้หรอกแด๊ด”

[ละ...ลูกว่าไงนะ]

“From sergeant to major ไอฟาดมาหมดแล้ว วันเดอร์มากกว่า ว่าทำไมยูเพิ่งจะมาสงสัยเอาป่านนี้”

[พีเทอร์!!!!!!]


ไอ้สัด พูดอะไรกันวะ พ่อมึงตะโกนลั่นขนาดนั้นจะหัวใจวายมั้ย


“ไอหาโอกาสจะบอกยูนานแล้ว แต่ก็ไม่กล้าซักที จนวันนี้ไอเกือบเสียแฟนไป ไอจะไม่ปิดบังอีก ทั้งกับยูและกับโลก”

[ไม่ได้ มันไม่ถูกต้อง พ่อไม่ยอม!]

“ไม่ถูกตรงไหน เรื่องธรรมดามาก ขนาดแม่ของไอยังมีผัวใหม่เป็นทอมเลย ทำไมไอจะมีแฟนเป็นผู้ชายไม่ได้”

[พีเท๊อออออ!!!]

“แด๊ดสั่งไอมาตลอดชีวิต คอนโทรลไอทุกอย่าง วันนี้ไอก็แค่อยากใช้ชีวิตของไอเองบ้าง”

[ไอ้เด็กคนนั้นทำให้ลูกเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยหรือ]

“ไม่มีใครทำให้ไอเปลี่ยนไปหรอก ไอเป็นมานานแล้วต่างหาก แค่ยูไม่รู้ อ้อ... แล้วมายบอยเฟรนด์ก็ไม่ใช่รักษ์ด้วย”

[แล้วมันเป็นใคร!]

ผู้พันหันไปมองเบย์ที่ยืนหลบอยู่หลังเสาไฟฟ้า แล้วกวักมือเรียก

“คัมมอน เบบี้ โด้นท์บีอะเฟรด”

เบย์ก้าวออกไปจากที่กำบังอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะฟังแค่เสียงก็รู้ว่าท่านนายพลดุมาก แต่พีเทอร์จับมือเขาไว้ เบย์จึงรู้สึกมั่นใจขึ้นนิดหน่อยจากนั้นเงยหน้าสบตากับนายพลแฮมิลทันทางวิดีโอคอล

พ่อของพีเทอร์ไม่เหมือนพีเทอร์สักนิด ตัวใหญ่ล่ำเหมือนนักมวยปล้ำ ดวงตาดุดันขึงขัง ไว้หนวดดกดำเหนือริมฝีปาก หน้าบึ้งตึงขวางโลกสุดๆ ต่างกับลูกชายลิบลับ

“H…Hi, I’m Bay.”

หนุ่มน้อยแนะนำตัวแบบตะกุกตะกัก สบตาท่านได้แค่สามวิก็ก้มหน้ามองพื้น เพราะไม่กล้าสู้สายตาโหดๆ บางทีความสัมพันธ์ของเขากับพีเทอร์อาจจบลงภายในสามนาทีนี้ก็ได้

“นี่แหละแฟนไอ ฮีน่ารัก แล้วเราก็รักกันมากด้วย” พีเทอร์โอบไหล่แฟนโชว์พ่อด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “ไอไม่แคร์แล้วว่ายูจะลงโทษยังไง จะสั่งปลดหรือตัดไอจากมรดกก็เชิญ แต่ไอจะไม่ปล่อยเบย์เด็ดขาด กู๊ดบาย”
               
เบย์เสียวจี๊ดที่หัวใจเมื่อได้ยินพีเทอร์พูด นั่นแสดงถึงความจริงใจหรือไม่ก็หาที่ตายแท้ๆ
               
[เดี๋ยวก่อน!] ท่านนายพลตะโกนก่อนที่พีเทอร์จะวางสาย [พ่อจะกลับไทยเดี๋ยวนี้!]

               
พีเทอร์สะดุ้งเฮือก ส่วนเบย์ใจหายวาบ ในหัวมีแต่คำว่า ‘ชิบหาย’

               
กระทั่งท่านนายพลถูจมูกกลบเกลื่อนอาการเขิน แล้วพูดเป็นภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ

               
[น้องเบย์อยากได้อะไรเป็นของฝากรึเปล่า]





///

เอาคู่รองไปคั่นเวลาก่อน กิกิ

จริงๆ ก็โกรธอีตาผู้พันมากเลยที่ทำร้ายเบย์

แต่ทุกคนในเรื่องก็มีความผิดพลาดกันหมด

และทุกคนได้โอกาสแก้ตัวเหมือนกัน

เพราะงั้น...ให้อภัยไอ้ฝรั่งเก๊ด้วยนะคะ

เลิ้ฟทุกคนที่อ่านอยู่ <3

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: THIEF MAN #แฟนโจร --------- EP.37 Bay is Bae [08/06/19]
«ตอบ #269 เมื่อ08-06-2019 16:13:00 »

อ้าว พ่อผัวยอมรับแล้วเหรอ555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด