**** /// ...change!.... //// *** ตอนจบ [17/12/61] [END/END/END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: **** /// ...change!.... //// *** ตอนจบ [17/12/61] [END/END/END]  (อ่าน 26613 ครั้ง)

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 16 [29/09/61]
«ตอบ #30 เมื่อ29-09-2018 22:37:40 »

ตอนที่ 16

หลายวันผ่านไปและแล้วช่วงเวลาการสอบก็มาถึง หลายคนเอามือก่ายหน้าผากเมื่อเห็นกองหนังสือเรียนที่ต้องอ่านให้เสร็จภายในไม่กี่วัน มองกองข้าง ๆ กันก็เป็นเอกสารชีตงานแบบฝึกหัดที่เคยทำส่งอาจารย์ก็เยอะไม่ต่างกัน ปฐวีร์ตกลงกับเพื่อนว่าจะแยกกันอ่านเพราะรวมกลุ่มกันก็ไม่มีทางได้อ่านหนังสือแน่นอน
   ตรากตรำทนทรมานกับกองหนังสือเกือบท่วมหัวมาหลายวันปฐวีร์ตัดสินใจยกมือยอมแพ้ และใช้เวลาที่เหลือเวลาอีกสองวันก่อนถึงวันสอบวิชาแรกพักผ่อนสมอง โดยการดูหนัง อ่านมังงะ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีหยิบชีตขึ้นมาเหลือบเหลือบดูบ้าง ภฤดล กติกรณ์และนภาภรณ์ใช้ห้องเขาเป็นสถานที่ติวหนังสือทุกคนดูตั้งอกตั้งใจ แต่เขาไม่สนใจหยิบหนังสือนิยายจีนกำลังภายในขึ้นมาอ่านแก้เบื่อแทน นอนกลิ้งไปมาบนพื้นกำลังอ่านถึงช่วงสำคัญที่พระเอกจะออกไปต่อสู้โชว์พลังเทพ แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ของกระบี่ที่เพิ่งได้มา เสียงออดหน้าห้องก็ดังขึ้น เขาทำเป็นไม่ได้ยิน แต่ก็ไม่มีใครลุกขึ้นไปเปิด ทั้งสามคนก็ไม่ท่าทีว่าจะลุกไปเปิด ก็ได้วะสุดท้ายเขาก็ยอมแพ้กับสงครามเงียบ ลุกไปเปิดประตู
“อ้าว พี่เทวาลมอะไรหอบมา” ตัวโตอย่างนี้น่าจะเป็นลมพายุซะมากกว่า
“พอดีเพิ่งตื่น ไปหาอะไรกินกันชวนเพื่อนเราไปด้วย”
“อ่านหนังสือดึกหรือครับ”
“เปล่า ดูบอลดึก”
“อือ ขอให้สอบได้”
“หึ หึ” เทวาหัวเราะกับท่าทางรับมุกของอีกฝ่าย
“เข้าห้องดีกว่า เดี๋ยวผมทำอะไรให้กิน ดูสภาพพี่ไม่น่ารอด ไปถึงร้านข้าวอาจจะหลับก่อนจะได้กิน อีกอย่างผมแบกพี่กลับมาไม่ไหวหรอก”
“อือ ดีเหมือนกัน ประหยัดตังค์”
   เชิญแขกเข้าห้องเขาก็เปิดตู้เย็นสำรวจว่ามีอะไรในนั้นบ้าง หยิบเนื้อหมูเหลืออยู่ครึ่งแพ็คออกมา หัวหอมใหญ่ ข้าวโพดอ่อนและต้นหอม เทวาทำตัวเป็นแขกที่ดีนั่งรอกินข้าวที่โต๊ะอาหาร มองพ่อครัวคนเก่งตั้งหน้าตั้งตาทำกับข้าวอยู่หน้าเตา เป็นภาพที่เขาเห็นบ่อยในช่วงนี้ เกือบทุกครั้งที่มาคอนโดมิเนียมเขามักจะฝากท้องกับปฐวีร์มีบ้างที่ชวนออกไปกินข้างนอก เขามักตอบแทนมื้ออาหารเป็นขนมฝีมือแม่ ว่าไปแล้วไม่ค่อยจะลงทุนเท่าไหร่ กับข้าวที่อีกฝ่ายทำไม่ได้อร่อยเหมือนร้านอาหาร แต่มันมีอะไรมากกว่านั้นเขาเองก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน มองพ่อครัวคนเก่งจนเพลินแล้วกับข้าวหน้าตาน่ากินก็มาอยู่ตรงหน้าพร้อมกับส่งกลิ่นหอมเล่นเอาคนที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องถึงกับน้ำลายไหลเลยทีเดียว
“ผมเพิ่มไข่ดาวให้กลัวจะไม่อิ่ม” บริการพิเศษให้คนกระเพาะโต
“ขอบใจนะ” ช่างรู้ใจคนหล่อจริง
“วีร์ทำอะไรกลิ่นหอมเชียว” ภฤดลเดินลูบท้องมาที่โต๊ะกินข้าว มองที่มาของกลิ่นหอมเรียกน้ำย่อยในจานรุ่นพี่ “ขอดลจานดิ”
“อือ เดี๋ยวไปตักมาให้”
ปฐวีร์กลับมาอีกทีพร้อมกับข้าว ภฤดลรับจานข้าวมาอย่างเต็มใจ “ขอบใจนะ”
“อร่อยไหมพี่เทวา” ถามรุ่นพี่ที่กินคนเดียวไม่พูดไม่จา
“ก็ดี อ่านหนังสือเป็นยังไงกันบ้าง”
“เรื่อย ๆ ครับ อืม อร่อยใช้ได้เลยมิน่าพี่เทวามากินข้าวที่นี่บ่อย ๆ” ภฤดลมองหน้ารุ่นพี่แล้วยิ้ม
“อะไรอร่อยดล ขอกินด้วยคนดิ” กฤติกรณ์และนภาภรณ์มาร่วมวง ปฐวีร์กลับเข้าครัวทำไข่เจียวกับหมูทอดมาเพิ่ม มื้อบ่ายเลยจบลงด้วยความอิ่มอร่อย
หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน เทวานั่งโงนเงนหาวอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์ จะให้นอนอยู่โซฟานี่ก็ดูใจดำเกินไปปฐวีร์ไล่คนตัวโตเข้าไปนอนในห้อง เทวาไม่เกรงใจเดินตาปรือเข้าไปในห้องปีนขึ้นเตียง ดึงผ้าห่มนุ่มเข้ามากอด กลิ่นหอมอ่อนของเจ้าของเตียงทำให้เขาผ่อนคลายแล้วหลับไป
   การอ่านหนังสืออย่างมาราธอนผ่านหลายชั่วโมง ทำให้ภฤดลตัดใจจากหนังสือนอนแผ่บนพื้น กฤติกรณ์เลือกผ่อนคลายด้วยการเล่นเกม นภาภรณ์หลับคาหนังสือไปแล้ว ปฐวีร์เห็นเพื่อนแล้วรู้สึกสงสาร จึงชวนทุกคนออกไปเดินเปลี่ยนบรรยากาศที่ตลาดแถวนี้ ได้ยินว่าออกไปเที่ยวข้างนอกทุกคนก็ฟื้นคืนชีพ ตาเป็นประกาย ปฐวีร์เข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
   เทวากำลังหลับฝันหวานได้ยินเสียงดังก๊อกแก๊ก ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองไปปลายเตียงเห็นแผ่นหลังขาว เขารีบลุกขึ้นนั่งบนเตียง มองให้ชัดอีกครั้ง มองหน้าอกแบน ไล่สายตาลงข้างล่างจนร่างกายมีปฏิกิริยาแปลก ๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เฮ้ย” ปฐวีตกใจเมื่อสวมเสื้อเสร็จเห็นคนหัวฟูยืนหน้านิ่งอยู่ในกระจก “ตื่นแล้วหรือครับ”
“อืม” เทวาจ้องใบหน้าใส แล้วยื่นมือไปจับปลายผมนุ่มที่งอ “หางเป็ด” ไม่พอเขายังดึงปลายผมมาดม “เหม็น” ปฐวีร์คิ้วกระตุกเหม็นได้ไงเขาเพิ่งสระผมเมื่อเช้า เห็นท่าทางหน้าบึ้งอีกฝ่ายเทวาก็ยิ้มกว้างที่แกล้งได้สำเร็จ ปฐวีร์หันไปมองคนตัวโตกำลังจับปลายผมเขาเล่นเหมือนเป็นเจ้าของในใจรู้สึกแปลก ๆ กับความใกล้ชิด “ผมพี่ก็ยุ่งเหมือนกัน ไม่เชื่อดูในกระจกดิ”
“ไหน” คนตัวโตยืนซ้อนข้างหลัง หันซ้ายหันขวาเสยผมแล้วหยักคิ้ว “เห็นแต่คนหล่อในกระจก” ปฐวีร์เบะปากหมั่นใส่คนหลงตัวเอง
“แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหน”
“ไปเที่ยวตลาด เห็นพวกนั้นอ่านหนังสือเลยจะพาไปเปิดหูเปิดตา ไปด้วยกันไหมครับ”
“ดีเหมือนกัน” ดวงตาสีเข้มจ้องคนอยู่หน้ากระจกเงา ก่อนจะพูดอะไรออกมา “ตัวเล็กนะเรา”
“รู้ได้ไง” ปฐวีร์ขมวดคิ้ว
“ก็แบกขึ้นห้องมาแล้วจำไม่ได้รึไง” ได้ฟังคำพูดของเทวาหน้าก็เห่อแดงขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ ไม่รู้ว่าคำพูดเมื่อกี้มีอะไรแปลก ๆ ยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก
   ตลาดกลางคืนห่างจากคอนโดมิเนียมสองสามช่วงตึก คึกคักไปด้วยผู้คนแถวนี้ออกมาหาของกิน ตลาดถูกแบ่งเป็นโซน พวกเขาเลือกเริ่มต้นเดินที่โซนของกิน ตั้งแต่ที่เดินเข้ามาพวกเขาแวะเกือบทุกร้าน
“ดลแกดูสองคนนั้น” กฤติกรณ์สะกิดเพื่อนที่กินไม่ยอมหยุดตั้งแต่เข้ามาในตลาด
“ไหน” เขามองหาคนที่เพื่อนบอก
“ก็วีร์กับพี่เทวาไง”
“ทำไม” สองคนนั้นมีอะไรผิดปกติ
“สองคนนั้นเหมือนมาเดทกันเลย”
“ใช่ภรณ์ก็คิดเหมือนกัน ดูสายตาพี่เทวามองวีร์สิ เห็นแล้วชวนจิ้นมาก คนหนึ่งก็หล่อใส ๆ อีกคนก็หล่อเข้มนักกีฬา” นภาภณณ์พูดไปจินตนาการไปเล่นเอาเลือดกำเดาเธอแทบไหล
“ไม่รู้สองคนนั้นไปสนิทกันตอนไหน”
“ถ้าสองคนนี้เป็นอย่างที่ภรณ์คิด เรื่องนี้ถึงหูยัยแม่มดวีร์ต้องแย่แน่” กฤติกรณ์และนภาภรณ์พยักหน้าเห็นด้วย ทั้งสามมองปฐวีร์อย่างเป็นห่วง
   เช้าวันสอบมาถึงสภาพนักศึกษาแต่ละคนที่เดินเข้าห้องสอบเหมือนผีดิบ ขอบตาดำคล้ำ ถ้าให้เดาก็คงเร่งอ่านหนังสือในคืนสุดท้ายก่อนสอบ ทุกคนนั่งประจำที่ เวลาสอบเริ่มขึ้น เวลาค่อย ๆ เดินช้า ๆ หลายคนหงุดหงิดกับข้อสอบที่โจทย์คำถามยาวเกือบสามบรรทัด รบกับข้อสอบร้อยกว่าข้ออยู่เป็นชั่วโมง ปฐวีร์ก็ได้ฤกษ์ดีออกจากห้อง เพื่อน ๆ เห็นปฐวีร์ออกมาต่างรีบถามว่าทำข้อสอบได้ไหม ข้อนั้นถามอย่างนั้นแล้วต้องตอบยังไงถึงจะถูก คุยกันเกี่ยวกับข้อสอบมาถึงโรงอาหารจนกินข้าวเสร็จ จากนั้นทุกคนแยกย้ายกลับไปอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบเพื่อชดเชยข้อสอบที่ทำไม่ได้วันนี้

   ปฐวีร์เดินลากเท้าเขาห้องน้ำ รู้สึกพลังงานวันนี้ถูกข้อสอบดูดไปทั้งหมดจนแทบไม่มีเหลือ นั่งรถไฟฟ้ากลับมาก็แทบหลับเลยสถานี ยืนมองหน้าตัวเองในกระจกเงาเครียดบวกกับนอนพักผ่อนน้อยทำให้มีสิวเม็ดเล็ก ๆ กำลังโผล่ขึ้นมา หมดหล่อเลยถึงว่าพักนี้สาวไม่แล เปิดน้ำล้างหน้าเงยหน้าขึ้นมองในกระจกแทบช๊อค เมื่อเห็นคนอยู่ในกระจก ”พ่อ” เขาหันหลังกลับไปมองแต่ไม่มีใครหันกลับไปมองในกระจก พ่อยังอยู่ในนั้น ภาพในกระจกมีบางตอนที่ชัดเจนบางตอนกลับเลือนรางพยายามเพ่งมองก็ไม่เห็น จากนั้นพ่อของเขาก็ล้มลง มีหมอพยาบาลพาเข้าไปในห้องฉุกเฉิน แล้วทุกอย่างหายไปเปลี่ยนเป็นภาพ คุณนายรอง คุณนายสาม พี่น้องของเขายืนล้อมเตียงคนไข้ ปฐวีร์ยื่นมือออกไปสัมผัสกระจกตรงหน้าเพื่อพิสูจน์ในสิ่งที่ตาเห็นว่าเป็นความจริงหรือความฝัน “โอ๊ย” มือยังไม่ทันจะสัมผัสถูกอะไร อาการปวดหัวไม่มีที่มาก็เกิดขึ้นอีกครั้ง อาการปวดทรมานเล่นงานจนยืนไม่ไหว ถ้ามือทั้งสองไม่เกาะเคาน์เตอร์ไว้ก็คงลงไปนอนกับพื้น เขายังไม่ยอมแพ้พยายามเพ่งสายตามองภาพเหตุการณ์ต่อจากนั้น แต่กลับกลายเป็นทุกอย่างพร่าเลือนแล้วสติของเขาดับวูบ

“วีร์ เป็นอะไรทำไมหน้าซีด” ภฤดลถามคนที่นั่งจ้องขวดน้ำบนโต๊ะ
“เพลียนิดหน่อย คงเพราะนอนดึกติดต่อกันหลายคืน” พูดแล้วก็อดหาวไม่ได้ รู้สึกไม่สบายตัวเมื่อตอนเช้าตื่นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องน้ำทั้งคืน แต่นั่นก็ทำให้รู้ว่าสิ่งที่เห็นผ่านกระจกน่าจะเป็นเค้าลางบอกอะไรสักอย่างให้รู้
“นี่ภรณ์ว่ายังไงสอบเสร็จ พวกเราไปเที่ยวกันดีกว่า” หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มเสนอความคิดขึ้น
“เออ ว่าไปแล้วพวกเราก็ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันนานแล้ว” ปฐวีร์กำลังคิดว่าครั้งสุดท้ายที่พวกเขาไปเที่ยวด้วยกันมันตั้งแต่เมื่อไหร่
“จะไปที่ไหนกันดี” กฤติกรณ์ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ไปทะเล ไปทะเลใกล้ ๆ นี่แหละ นั่งรถไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง ทุกคนว่าไง”
ทะเลทุกคนกำลังคิดถึงหาดทรายสีขาว น้ำทะเล เสียงคลื่น ท้องฟ้าสีคราม
“เห็นด้วย/ไปกัน/พร้อมเดินทาง” ทุกคนเห็นด้วย และช่วยกันคิดวางแผนต่อจากนั้น
“จะไปไหนกันเหรอ น้องๆ โดยเฉพาะน้องภรณ์คนสวย”
“พวกเราคุยกันว่าจะสอบเสร็จจะไปเที่ยวทะเลกันค่ะ พี่ ๆ สนใจไปด้วยกันไหมคะ”
“เที่ยวทะเล เฮ้ย น่าสนใจว่ะเทวา” ตติวัฒน์ที่ยืนเงียบได้ยินว่าทะเลก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมา
“ไปดูสาว ๆ ชุดบิกินี่ เดินเล่นริมชายหาด” นั่นคือจุดประสงค์หลักของการไปเที่ยวทะเลของยุทธจักร
“ไอ้พวกนี้พูดเรื่องเที่ยวสดชื่นขึ้นมาเชียว เมื่อกี้ใครแทบคลานออกจากห้องสอบ”
ทุกคนเห็นด้วยแถมมีกลุ่มรุ่นพี่ร่วมเดินไปด้วยยิ่งครึกครื้นมากขึ้น เทวานั่งลงข้างปฐวีร์สังเกตสีหน้าที่ดูซีด เหมือนที่เขาเจออีกฝ่ายในคืนนั้นอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ “เป็นอะไรรึเปล่า” ปฐวีร์ส่ายหัวเป็นคำตอบ
“เปล่า พี่ไปเที่ยวด้วยกันไหม”
“ไปดิ คนชวนเป็นคนเลี้ยงนะ”
ปฐวีร์กลอกตามองบน ลูกชายเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ครอบครัวทำเงินได้เดือนหนึ่งหลายร้อยล้านยังจะมาเบียดเบียนคนไม่มีอันจะกินอย่างเขาอีก “งั้นก็นอนขึ้นราอยู่ห้องเถอะ เดี๋ยวซื้อขนมมาฝาก” เทวาได้แกล้งอีกฝ่ายก็อารมณ์ดีจนอดหัวเราะไม่ได้ ทุกคนกำลังคุยเรื่องที่พัก สถานที่เที่ยว ร้านอาหาร ได้ยินเสียงหัวเราะแว่วมาทุกคนต่างหันไปมองเทวาเหมือนตัวประหลาด เห็นคนต้นเหตุให้เกิดเสียงหัวเราะนั่งหน้าบึ้งอยู่ข้าง ๆ สองคนนี่มันยังไง
   การสอบผ่านไปอย่างยากลำบาก หลายคนโยนหนังสือลงกล่องทันที หลายคนขว้างออกไปให้พ้นจากชีวิตชาตินี้ไม่อยากจะเจออีกแล้ว สอบเสร็จแล้วหลายคนโทรตามเพื่อนออกมาฉลองว่าสามารถเอาชีวิตรอดจากข้อสอบได้ หลังจากคุยเรื่องเที่ยวเสร็จทุกคนไปต่อร้านอาหารกึ่งผับแถวมหาวิทยาลัย ที่ดูครึกครื้นเป็นพิเศษช่วงหลังสอบ
“กินนี่อร่อย” เทวาเลื่อนจานไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ให้ ปฐวีร์ลังเลเล็กน้อย “ไม่เผ็ดกินได้” การกระทำทั้งสองอยู่ในสายตาทุกคนในโต๊ะ แต่ทุกคนก็เงียบทำเป็นเหมือนไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ยุทธจักรเลือกเบือนหน้าหนีไปคุยกับโต๊ะข้าง ๆ เพราะถ้าให้ความสนใจมากกว่านี้กลัวว่าปากจะถามออกไป ตติวัฒน์ขยับแว่นสายตาจ้องเพื่อนสนิทนั่งไหล่ชนกับรุ่นน้องทั้งที่ที่นั่งออกกว้าง แล้วไหนจะยังท่าทางดูเอาใจ และรู้ใจนี่อีก นภาภรณ์ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดหน้าตลอดกลัวว่าเลือดกำเดาจะไหลออกมาได้ตลอดเวลาที่เธอมองเพื่อนสนิทกับรุ่นพี่
   ในร้านอาหารคนหนาตาขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็มีทยอยเข้ามาเรื่อย คชาธรณ์ยืนกวาดสายตามองหาเพื่อน ก่อนจะเห็นเพื่อนโบกมือเรียก
“มาช้า”
“โทษที แล้วคิดไงชวนมากินข้าวร้านนี้”
“เพิ่งสอบเสร็จขี้เกียจไปไกล”
“หิวด้วย ที่มหาลัยสอบเสร็จยัง”
“2 วันแล้ว “ เขากวาดสายตามองร้านอาหารที่ดูคนเยอะจนน่าเวียนหัว “ที่นี่คึกคักอย่างนี้ทุกวันรึเปล่า”
“เปล่าหรอกเฉพาะช่วงนี้แหละ”   
“เฮ้ย นั่นแกพี่เทวา”
“ไหน นั่นไงนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อน”
“ธรณ์มันคงไม่รู้จักพี่เทวา ถ้าบอกว่า สุรัตนธรรมวรธิเบศน์ คงจะรู้จัก” คชาธรณ์นึกถึงผู้ชายตัวสูงสวมสูทหน้าตาหล่อในงานเปิดตัวสินค้าของครอบครัว เขามองไปที่โต๊ะที่เพื่อนกำลังพูดถึง ริมฝีปากบางโค้งขึ้นเล็กน้อย ในใจคิดไม่ได้ว่า แล้วเขาก็ได้เจอกับอีกฝ่ายอีกครั้ง “ไปห้องน้ำนะเดี๋ยวมา”
“มันเป็นอะไรของมันเห็นผู้ชายหล่ออยากเข้าห้องน้ำ”
“แกเชื่อว่าคนมันจะเข้าห้องน้ำจริง คอยดูต่อไปเถอะ”
   เพิ่งมานั่งกินข้าวได้แค่ชั่วโมงกว่าทุกคนต่างรีบแยกย้ายเพื่อกลับไปเตรียมตัวไปเที่ยวพรุ่งนี้ ปฐวีร์ถือโอกาสติดรถเทวากลับด้วยกัน “ไปนั่งรอในรถเดี๋ยวพี่ไปเข้าห้องน้ำ”
“อืม” ปฐวีร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมรอ
เทวาเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วออกจากที่นั่น ระหว่างที่ออกมาเป็นเพราะไม่ทันระวังทำให้เขาชนเข้ากับใครสักคนเข้า ”ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไรครับ” คชาธรณ์ยิ้มหวานให้ ผิดคาดเมื่ออีกฝ่ายแค่พยักหน้าให้แล้วรีบเดินออกจากห้องน้ำไป เขาหุบยิ้มทันทีเมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจแม้จะคุยด้วยสักคำ ยืนมองชายหนุ่มตัวสูงเดินตรงไปที่ลานจอดรถของร้าน เขาเดินหงุดหงิดกลับที่โต๊ะ
“เดี๋ยวนี้แกอดอยากปากแห้งถึงขนาดต้องวิ่งชนเลยเหรอ”
“ดูเหมือนเขาจะไม่เล่นกับแกด้วย”
“หึหึ นั่นมันขึ้นอยู่กับว่าผู้ชายที่ฉันสนใจคนนั้นเป็นใคร”
ทุกคนไม่ตกใจคำพูดของเพื่อนเป็นใครเมื่อเจอเทวาต่างก็ชื่นชอบเขาทั้งนั้น มีหลายคนพยายามเข้าใกล้แต่ก็ต้องเลิกรา ไหนจะนิสัยเฉยชา เพื่อนในกลุ่มอีกที่คอยขัดขวาง พวกเธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าคชาธรณ์จะทำยังไงให้ผู้ชายอย่างเทวาพิทักษ์มาครอบครองดูแล้วเรื่องนี้น่าสนุกทีเดียว

****************************************
โปรดติดตามตอนต่อไป

ขออภัยลงข้ามตอน อ่านตอนนี้ก่อนนะคะ ถึงไปต่อต่อที่ 16
 :mew2: :mew2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2018 18:49:41 โดย jaengsRU »

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 15.2 [29/09/61]
«ตอบ #31 เมื่อ29-09-2018 23:49:15 »

รอต่อนะคะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 15.2 [29/09/61]
«ตอบ #32 เมื่อ30-09-2018 06:30:42 »

ตอนที่ 16. อย่างหลอน แต่เทวาแอบจูบวีร์นึ้คือไรชอบน้องเหรอ

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 18 [30/09/61]
«ตอบ #33 เมื่อ30-09-2018 20:21:44 »

ตอนที่ 18
[/size]

นอนหลับบนรถเกือบสองชั่วโมง ชดเชยที่เมื่อคืนแทบไม่ได้นอน ทุกคนเริ่มหิวโชคดีที่เจอตลาดเช้าข้างทาง พวกเขาแวะหาอะไร

กิน ปฐวีร์ไปเห็นหมูปิ้ง ตับปิ้ง กับข้าวเหนียว “พี่กินเปล่า” ถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

“เลี้ยงหน่อยไม่ได้เอาตังค์ลงมาด้วย”

“ตลอด ป้าเอาอย่างละห้าไม้ ข้าวเหนียวสอง” ได้ของกินมาแล้วทั้งสองยังเดินต่อ เห็นของกินหลายอย่าง พวกเขาซื้อโน่นซื้อนี่

ใส่ท้องจนอิ่ม เห็นขนมครกใบเตยนมสด ขนมฝักบัวซื้อติดมือไปเผื่อคนอื่น กลับมาถึงรถเห็นยุทธจักรกับตติวัฒน์กำลังดูดก้นถุง

น้ำเต้าหู้คนละถุง ภฤดลกับกฤติกรณ์กำลังแย่งปาท่องโก๋นภาภรณ์ ปฐวีร์เลยเอาขนมที่ซื้อมาให้เพื่อน ๆ

เมื่อทุกคนอิ่มท้องก็พร้อมออกเดินทางต่อ เช้าแล้วทุกคนเริ่มพูดถึงเรื่องที่เจอเมื่อคืนอีกครั้ง แต่ละคนเล่าโดยรายละเอียด ทุกคน

ต่างโทษยุทธจักรเพราะเป็นคนจองที่พัก

“ภรณ์ก็ว่าแล้วโรงแรมมันดูน่ากลัวจะตาย”

“ดีนะไม่เป็นไข้หัวโกร๋น”

“แกไม่ต้องมาพูดเลยไอ้วัฒน์ไอ้เพื่อนเลวทิ้งฉันไว้คนเดียว”

“เพราะแกเลือกจองโรงแรมไม่ดูให้ดี”

“ก็ใครมันจะไปรู้ ทางโรงแรมไม่ได้ลงหมายเหตุว่ามีผีด้วยนี่หว่า” ลุงคนขับรถได้ฟังก็หัวเราะบอกให้แวะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้

หญิงคนนั้น และเป็นสิริมงคลให้กับตัวเองด้วย ส่วนจะเป็นวัดไหนนั้นให้ลุงคนขับรถเป็นคนพาไป

หลับพักสายตามาสักพักรถตู้ก็เลี้ยวเข้าไปจอดในวัดแห่งหนึ่ง ทุกคนเห็นโบสถ์ เห็นศาลา รู้สึกดีขึ้นเยอะ จากนั้นช่วยกันเอา

สังฆทาน และของทำบุญลงมาจากรถ

“นั่นลุงเขามีงานอะไรรึเปล่า”

“ป้ายทางเข้าเขียนบอกไว้ว่ามีงานบุญครับ ตอนเย็นมีงานมหรสพ”

“มีงานวัดด้วย” ทุกคนฟังแล้วรู้สึกสนใจ

“ภรณ์ก็อยากเที่ยวงานวัดเหมือนกัน”

 “ที่พักห่างจากที่นี่ไม่ไกลเท่าไหร่ เราน่าจะอยู่เที่ยวได้”

”หวังว่าที่พักของแกจะไม่เหมือนเมื่อคืนนะ”

“ไม่แน่นอนรับรองเพราะที่นี่ฉันเคยไปพักมาแล้ว” ตกลงกันได้ทุกคนเข้าไปข้างใน

   วัดดูคึกคักเป็นพิเศษ มีชาวบ้านกำลังช่วยกันเตรียมงานบุญอยู่บนศาลา พวกเขาบอกว่าจะมาทำบุญ ชาวบ้านแนะนำให้ขึ้น

ไปพบหลวงพ่อที่กุฏิ เดินตามหลังเด็กวัดมาเรื่อยจนมาถึงกุฏิหลังใหญ่อยู่ห่างจากกุฏิหลังอื่นพอสมควร ยืนรอด้านล่างให้เด็กวัด

ขึ้นไปบอกหลวงพ่อ สักพักเด็กวัดลงมาตามให้ขึ้นไป เดินตามก้นขึ้นไปก็เห็นพระภิกษุสูงอายุสวมแว่นสายตา ใบหน้าแจ่มใส

ท่านนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะเก่าๆ ด้านข้างมีหนังสือธรรมะหลายเล่ม ทุกคนค่อย ๆ คลานเข่าเข้าไปใกล้และก้มลงกราบ เทวาเล่า

เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน หลวงพ่อได้ฟังเรื่องที่ทุกคนเจอแนะนำให้ทำบุญกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ทุกคนเห็นด้วย

ช่วยกันถวายสังฆทาน ของที่นำมา และบริจาคเงินร่วมทำบุญ

ได้ทำบุญกรวดน้ำแล้วจิตใจทุกคนก็ดีขึ้นมาก แต่อยู่ ๆ หลวงพ่อมองมาที่ปฐวีร์แล้วพูดขึ้นว่า “โยมอาบน้ำมนต์เพื่อเป็นสิริมงคล

กับชีวิตหน่อยไหม” คนที่นั่งเงียบมาตั้งนานแปลกใจอยู่บ้างแต่ก็เข้าใจว่าท่านหมายความว่าอะไร “ครับ”

“เอ่อ อย่างผมนี่อาบน้ำมนต์ด้วยได้ไหมครับ” ยุทธจักรอยากอาบบ้างจะได้มีเรื่องดี ๆ เข้ามา

“ได้สิ จะอาบทั้งหมดด้วยกันก็ได้”

   พิธีอาบน้ำมนต์ผ่านไปอย่างเปียกปอน สดชื่น และสบายใจ ทุกคนเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย งานวัดก็เริ่มขึ้น ร้านขายของกิน

เริ่มคึกคัก คนในหมู่บ้านแต่งตัวหล่อสวยจูงมือลูกหลานออกมาเดินเที่ยว หนุ่มสาวก็อาศัยช่วงเวลานี้ออกมาเจอกัน ยังไม่ทันจะได้

เดินเที่ยวท้องก็ร้องขึ้นมาก่อน ปฐวีร์เห็นร้านผัดไทยน่ากิน เขาชวนทุกคนไปนั่งกินที่ร้าน  ผัดไทยในกระทะส่งกลิ่นหอมเรียกน้ำ

ย่อย ทุกคนสั่งผัดไทยทะเล ผัดไทยกุ้งสด ปฐวีร์เห็นลูกค้าหลายคนสั่งผัดไทยวุ้นเส้นกล้ามปูเลยลองสั่งมากินบ้าง

“นั่นอร่อยไหม”

“ลองกินดูซิ” เทวาไม่เกรงใจลองชิมผัดไทยในจานอีกฝ่ายทันที “เป็นไงวะเทวาอร่อยไหม ถ้าอร่อยฉันจะสั่งมากินบ้าง”

“อร่อยสั่งมาเผื่อด้วย” กินผัดไทยกันไปคนละจานสองจานจนปากมันวาว ก็ได้เวลาเดินย่อย เริ่มจากปาลูกโป่ง ยุทธจักรขอโชว์

ฝีมือความแม่นยำเป็นคนแรก ต่อมาเป็นตติวัฒน์และ คฑาวุธ ปาไปหลายสิบดอกก็ยังไม่ถูกลูกโป่ง ทั้งสามเลยยอมแพ้เดินคอตก

ออกมา ทั้งสามขอแก้มือที่ซุ้มยิงปืนอัดลมที่อยู่ถัดมา ยุทธจักรเล็งรางวัลใหญ่ เขาต้องยิงตุ๊กตาให้ล้มสามตัวโดยใช้กระสุนเพียง

แค่สามลูก ยิ่งหมดไปหลายสิบลูกได้แค่เฉียด ยังถูกตุ๊กตาหน้าตาน่าเกลียดหัวเราะเยาะอยู่หลายครั้ง แต่ก็ได้รางวัลเป็นลูกอมไม่

กี่เม็ด เห็นทั้งสามเดินมือเปล่ากลับมาเทวาอดหัวเราะไม่ได้ เดินเข้าซุ้มนั้นออกซุ้มนี้หมดเงินไปหลายร้อยแต่ได้ของปลอบใจเป็น

ขนมบ้างลูกอมบ้าง

“ไม่อยากเล่นอะไรเหรอ”

“ไม่ครับ ไม่ค่อยถนัด ยืนดูสนุกกว่า แล้วพี่ล่ะไม่แสดงฝีมือหน่อยเหรอ ซุ้มนั้นก็ได้” ปฐวีร์ชี้ไปซุ้มยิงกระป๋อง เทวายอมรับคำท้า

เดินตรงไปซุ้มนั้น ถามเจ้าของร้านว่าเล่นยังไง ฟังกติกาจนแน่ใจ เขาบอกให้ปฐวีร์ดูให้ดีอย่ากะพริบตา เล็งปืนอัดลมไปที่กระป๋อง

น้ำอัดลม แป๋ง แป๋ง แป๋ง แค่สามนัดกระป๋องน้ำอัดลมเปล่าก็ปลิวตกลงจากชั้น

“เป็นไงฝีมือ พอใช้ได้ไหม” เทวายืนเก๊กท่าเสยผมยักคิ้วถาม เห็นท่าทางกวนประสาทของอีกฝ่ายแล้วปฐวีร์รู้สึกหมั่นไส้อย่าง

บอกไม่ถูก ยิงถูกทั้งสามนัดของรางวัลที่ได้เป็นน้ำอัดลมสองกระป๋อง เทวาส่งน้ำอัดลมที่ได้เป็นรางวัลให้ ปฐวีร์เลิกคิ้วขึ้นอย่าง

แปลกใจแต่ก็รับมา

“วีร์ มาอยู่ที่นี่เอง” นภาภรณ์เดินตามเพื่อนอยู่นาน จนมาเห็นที่ซุ้มยิงปืนอัดลม เธอมาทันเห็นรุ่นพี่เอาของรางวัลให้เพื่อนของเธอ

ด้วย เธออดรู้สึกเขินแทนปฐวีร์ไม่ได้ “ไปเล่นร้านนั้นกัน พี่เทวาด้วย”

ทั้งสองถูกนภาภรณ์ลากมาที่ซุ้มบิงโก เห็นยุทธจักรกำลังหัวเราะเสียงดัง “ฉันบิงโกอีกแล้ว”

“อะไรวะ ทำไมไอ้ยุทธบิงโกเอา บิงโกเอานี่มันรอบที่สามแล้วนะ”

“แพ้คนอย่างไอ้ยุทธนี่รู้สึกไม่ดีเลยว่ะ”

“ยังไงไอ้วัฒน์ พูดให้ดีนะ”

“เดี๋ยวค่ะอย่าเพิ่งทะเลาะกัน ภรณ์พาวีร์กับพี่เทวามาเล่นด้วย”

“มาเลยต่อให้เป็นไอ้เทวาฉันก็จะบิงโกให้ดู” ปฐวีร์ยืนฟังอยู่นานรู้สึกน่าสนุก “ของรางวัลจากร้านเป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ มันจะไป

สนุกอะไร เอาอย่างนี้ไหมครับเรามาเพิ่มเดิมพันเป็นไง แบบเลี้ยงข้าวสักเดือน เลี้ยงหนังสักสิบเรื่องอะไรประมาณนี้จะไม่สนุกกว่า

หรือครับ”

“ดี เห็นด้วย” ทุกคนเห็นด้วยการเดิมพันครั้งใหม่ทั้งสนุกทั้งตื่นเต้นมากกว่าเดิม แต่ผ่านไปห้ารอบก็ยังไม่มีใครบิงโก จากสนุก

กลายเป็นน่าเบื่อ ทุกคนตัดสินใจออกจากซุ้ม เดินเรื่อยต่อไปจนถึงโซนเครื่องเล่น

“วีร์ ไปเล่นชิงช้าสวรรค์กัน” นภาภรณ์ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วลากเพื่อนไปที่ชิงช้าที่กำลังหยุดรอคน

“เราว่าชิงช้าสภาพมันไม่ค่อยสวรรค์เท่าไหร่ แต่ตกลงมายังไม่แน่ว่าจะสวรรค์หรือนรก” แววตาของปฐวีร์แสดงออกอย่างชัดเจน

ว่ากำลังกลัว

“เอาน่า อย่าคิดมากน่า หรือน้องวีร์กลัวความสูง” ยุทธจักรยิ้มเจ้าเล่ห์

“เฮ้ย..” ปฐวีร์ยังไม่ทันพูดอะไรก็ถูกผลักเข้าไปในชิงช้า

“เทวาฝากน้องด้วย” เทวายังไม่ทันทำความเข้าใจกับคำพูดของยุทธจักร เขาก็ถูกผลักเข้าไปในชิงช้าอีกคน “พี่เต็มแล้วเดิน

เครื่องเลย” ยุทธจักรรีบล็อกประตูตะโกนบอกคนคุมเครื่อง ชิงช้าสวรรค์ ชิงช้าสภาพที่ไม่ค่อยสวรรค์ขยับช้า ๆ ลอยสูงขึ้น ทุกคน

มองขึ้นไปเห็นสายตาที่ทั้งสองคนมองลงมา สายตาทั้งสองบอกชัดเจนว่าไม่พอใจ

“มันจะดีจริง ๆ เหรอพี่ยุทธ” นภาภรณ์รู้สึกเป็นกังวลกับแผลการณ์ของยุทธจักร

“ดีสิเชื่อมือพี่ ที่เหลือก็ปล่อยให้สองคนนั้นสานต่อกันเอง พวกเราทำได้แค่นี้ ไป ไปหาที่หลบตีนไอ้เทวากัน มันลงมาเตรียมโดน

เตะเรียงตัวแน่นอน” ยุทธจักรพูดจบทุกคนต่างแยกย้าย

   ชิงช้าสภาพไม่สวรรค์แกว่งไปมาจนปฐวีร์ไม่กล้าขยับตัวหายใจแรงก็ยังไม่กล้า และมันก็เล็กดูไม่ค่อยเหมาะกับผู้ชายสอง

คนมานั่งด้วยกัน ชิงช้าค่อย ๆ สูงขึ้นจนสามารถมองเห็นรอบงาน “ดูนั่นตรงนั้นมีลิเกด้วย” เทวาขยับเข้าไปใกล้เพื่อมองจุดที่อีก

ฝ่ายบอกจนปฐวีร์รู้สึกว่าใกล้เกินไป ลมหายใจอุ่นกระทบลงบนแก้มจนเขารู้สึกแปลก “กลัวความสูงเหรอ” เสียงทุ้มดังอยู่หูทำให้

รู้สึกจั๊กจี้ เขารีบหันไปจะด่าอีกฝ่ายที่ชอบแกล้ง แต่ยังไม่ทันพูดอะไรริมฝีปากก็ปิดด้วยริมฝีปากร้อน พร้อมกับชิงช้าหยุดและไฟ

ปิดลง ในหัวที่เต็มไปคำด่าตอนนี้กลับว่างเปล่า ทุกอย่างรอบตัวเงียบลงชั่วคราว ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ รู้สึกตัวอีกทีก็

เห็นดวงตาสีเข้มจ้องมองอยู่ “พี่ชอบเรานะ” ปฐวีร์ทำตาปริบ ๆ เขายังอยู่ในอาการมึนงง นี่เขาเห็นภาพหลอนหรือมันเป็นความ
จริง

“พี่สับสนอะไรรึเปล่า ผมเป็นผู้ชายนะ” ปฐวีร์ถามอีกฝ่ายเพื่อความแน่ใจ

“รู้ หลับตาข้างเดียวก็ดูออกว่าผู้ชาย”

“เอ่อ..” เขากังวลเมื่อนึกถึงภาพความตาย เมื่อคนที่รักทั้งหัวใจเป็นผู้ชายคือต้นเหตุถึงจะไม่ใช่คนนี้ก็ตาม ใครสาบานได้ว่ามันจะ

ไม่จบลงเหมือนความฝัน เขายังไม่พร้อมเผชิญหน้ากับความรัก เขากลัว เขายอมรับว่าเขาขี้ขลาด

เทวามองแววตาที่แสดงความหวาดกลัวความลังเลออกมาให้เห็นชัดเจน ทำให้เขาต้องรีบพูดความในใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้ “ไม่รู้

เหมือนกัน แต่อยู่กับเราแล้วรู้สึกสบายใจ คิดถึงเวลาไม่ได้เจอ อยากอยู่ใกล้ อยากสัมผัส ที่ไม่เคยรู้กับใครมาก่อน” เขารู้ว่าตัวเอง

พูดไม่เก่งไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจไหมในสิ่งที่เขาพูดออกไปไหม เขาถือโอกาสนี้โอบกอดอีกฝ่ายไว้ และเพื่อส่งความรู้สึกของเขา

ให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ปฐวีร์เพิ่งเคยถูกคนที่ไม่ใช่ครอบครัว ไม่ใช่เพื่อนกอด แต่มันกลับรู้สึกดีจนอธิบายไม่ถูก เขาไม่เคยได้สัมผัส

อ้อมกอดแบบนี้มาก่อน ในใจกลับรู้สึกหวงมันขึ้นมาเมื่อคิดว่าคนอื่นจะได้มันไปภาพความฝันความรักของเขาทุกอย่างก็เหมือนจะ

ดีมีความสุข แต่ตัวแปรที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปคือ พิมพ์รตา นึกถึงชื่อนี้ขึ้นมาแววตาเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้น เขาสวมกอดคนตัว

สูงแน่นขึ้นด้วยความกลัวความกังวลมากมายจนบอกไม่ถูก ในเมื่อเขาไม่สามารถเปลี่ยนชะตากรรมที่มีคนรักเป็นผู้ชายได้ แต่

อย่างน้อยก็เลือกได้ว่าจะรักใคร งั้นก็ขอเป็นคนที่เขามีความรู้สึกดี ๆ ด้วยก็น่าจะดีกว่า และจากนี้ก็มาพนันกัน ว่าเขาจะสามารถ

เปลี่ยนแปลงอนาคตได้หรือไม่ แน่นอนเขาจะไม่ยอมเป็นฝ่ายที่ต้องถูกแย่งคนรักและตายอย่างน่าอนาถ

“เอ่อ พี่คงลืมไปว่าพวกเรายังอยู่บนชิงช้าสวรรค์” ปฐวีร์ช่วยเตือนอีกฝ่าย เทวาปล่อยอีกฝ่ายออกจากอ้อมกอดด้วยความเสียดาย

เขายังไม่ได้ฟังคำตอบที่ต้องการเลย เสียงจากข้างล่างดังขึ้นบอกให้รู้ว่าหมดรอบแล้ว ชิงช้าหยุดลงทั้งสองลงจากชิงช้า

บรรยากาศรอบ ๆ ชวนให้รู้สึกกระอักกระอ่วน เทวาชวนอีกฝ่ายไปรอทุกคนที่รถ รอสักพักทุกคนก็มาถึง จากนั้นก็เดินทางเข้าที่พัก

   กว่าจะได้เข้าห้องพักก็เกือบเที่ยงคืน ถึงอย่างนั้นปฐวีร์ก็ยังไม่รู้สึกง่วง เขายังนอนตาสว่างในอ่างอาบน้ำเมื่อคิดถึงช่วงเวลา

บนชิงช้าสวรรค์ ริมฝีปากบางโค้งขึ้น เขาเลื่อนมือลูบริมฝีปากที่ถูกจูบ ร่างกายเบาหวิวหัวใจอบอุ่นเมื่อได้รับความรู้สึกของเทวามา

ว่าไปแล้วเขายังไม่ได้ให้คำตอบอีกฝ่ายเลย คิดได้แล้วก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่

   เทวากำลังรอคนในห้องน้ำ ได้ยินเสียงประตูเปิด เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนก่อน กลิ่นหอมของปฐวีร์กำลังก่อกวน

อารมณ์ของเขา แล้วสายตามองเห็นผมเส้นเล็กยังเปียกอยู่

“นั่งลงสิพี่จะช่วยเช็ดผมให้เดี๋ยวจะไม่สบาย”

“ขอบคุณ” ในห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง ปฐวีร์หยิบรีโมตมาเปิดโทรทัศน์เพื่อช่วยให้บรรยากาศดีขึ้น คนตัวสูงซับน้ำออกจากผม

เส้นเล็กแล้วอดแอบหอมไม่ได้ การกระทำของเทวาทำหัวใจปฐวีร์อุ่นวาบขึ้นมา เขาชอบช่วงเวลาแบบนี้ ความรู้สึกที่ไม่ได้รับจาก

ครอบครัว “ให้เวลาผมนะครับ ให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป” เทวาได้ฟังคำตอบอดยิ้มกว้างไม่ได้ เขาไม่ได้เร่งรัดอีกฝ่ายแค่ได้ใช้

เวลาอยู่ด้วยกัน เรียนรู้ซึ่งกันและกันเท่านี้ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว

   
   บนโต๊ะกลางเต็มไปด้วยกล่องเครื่องประดับที่คุณนายรองเอาออกมาเลือกเพื่อจะใส่ไปออกงาน เธอเปิดดูว่ากล่องไหนจะ

เข้ากับชุดที่เธอสั่งตัดมา “เป็นอะไรคะคุณแม่” พิมพ์รตาแปลกใจเมื่ออยู่ ๆ แม่ของเธอก็เงียบไป

“แม่รู้สึกเหมือนเครื่องประดับของแม่จะหายไป”

ตึก หนังสือในมือพีรพลธ์หล่นลงพื้น “เป็นอะไรเจ้าพีมือไม้อ่อน”

“ปะ เปล่าครับ แม่พีง่วงแล้วไปนอนนะ”

“ไปเถอะลูก อย่าเล่นเกมดึกนักล่ะ” พีรพลธ์รีบหอบหนังสือเดินออกจากห้องนั้น

“แปลกจัง”

“อะไรแปลก” เธอเงยหน้าจากกล่องเครื่องประดับมองลูกสาวที่มองตามหลังลูกชายคนเล็กที่เพิ่งเดินออกจากห้องไป

“เจ้าพีช่วงนี้อยู่ติดบ้าน ปกติแทบจะไม่โผล่หน้ามาให้เห็น คุณแม่พูดอะไรก็เชื่อฟังไปหมด นี่ถ้าบอกว่าผีเข้าพิมพ์ก็เชื่อนะคะ”

“ก็ดีไม่ใช่รึไง ให้แม่ปวดหัวเรื่องพี่ชายเราคนเดียวก็พอ”

“บางทีคนเรามักทำตัวดีเพื่อปิดบังเรื่องไม่ดีของตัวเองก็ได้” พีรพลธ์ยืนอยู่หลังประตูได้ยินคำพูดพี่สาว ต้องกัดฟันแน่นแล้วรีบ

เดินกลับห้องตัวเอง

“ช่างเถอะปิดบังอะไรไว้เดี๋ยวเราก็รู้เอง แล้วเรื่องพี่ชายจะทำยังไงคะ คุณนายสี่นั่นยังลอยหน้าลอยตา แอบส่งสายตาให้พี่ชาย

บ่อย ๆ ” เธอเห็นแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน

ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น “เข้ามา” คนเคาะประตูได้ยินเสียงจากข้างในบอกให้เข้าไป ก็เปิดประตูเข้าไปข้างใน เห็นคนเดิน

เข้ามาพิมพ์รตาก็อดแปลกใจไม่ได้

“นี่ไงคนที่จะทำให้ยัยคุณนายสี่ออกไปจากบ้านอย่างถาวร แถมพี่ชายเราไม่มีทางหันกลับไปหามันแน่นอน” พิมพ์รตาได้ยินคำ

อธิบายก็พอจะเดาอะไรได้บ้าง ถ้าลองแม่ของเธอได้ลงมือเองทุกอย่างต้องเรียบร้อยแน่นอน


********************************************************************

โปรดติดตามตอนไป

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2018 18:50:08 โดย jaengsRU »

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 17 [30/09/61]
«ตอบ #34 เมื่อ30-09-2018 20:41:39 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 17 [30/09/61]
«ตอบ #35 เมื่อ01-10-2018 05:40:01 »

เทวาเอาจริง  o13

บ้านของวีร์นี้มีแต่ตัวปัญหา

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 17 [30/09/61]
«ตอบ #36 เมื่อ01-10-2018 14:45:00 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 19 [2/10/61]
«ตอบ #37 เมื่อ02-10-2018 10:53:48 »

ตอนที่ 19
[/size]

พระอาทิตย์จอมขยัน ตื่นแต่เช้าโผล่ขึ้นมาจากทะเล แสงสีอุ่นไล่อาบไปทั่วท้องทะเลจนเป็นแสงระยิบระยับ ลมเย็นพัดโชยมาเป็น

ระลอกทำให้พื้นน้ำเกิดเป็นคลื่นเล็กๆ เล่นเอาคนตื่นเช้าอย่างปฐวีร์หลงเสน่ห์ยืนมองภาพนั้นอยู่นาน เมื่อคืนเขาหลับไปพร้อม

ความรู้สึกอบอุ่น นานแล้วไม่ได้รู้สึกแบบนี้ ถ้าจำไม่ผิดก็คงตั้งแต่ที่แม่จากไป หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนที่

ผ่านมาแทบแยกไม่ออกว่าอันไหนจริงอันไหนคือความฝัน จนต้องตื่นขึ้นมาเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่สัมผัสอยู่ตอนนี้ไม่ได้คิดไปเอง

“ตื่นแต่เช้าเชียว เป็นอะไรรึเปล่า” เทวายืนอยู่ข้าง ๆ คนตัวเล็กที่ทอดสายตามองทะเลสวยแต่ดูลึกลับ

“เปล่าครับ แค่อยากตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น”

“โรแมนติกนะเรา”

“มีอะไรอีกเยอะที่พี่ยังไม่รู้” ทั้งสองกำลังเล่นเกมจ้องตากัน ต่างคนต่างไม่ยอมแพ้

“ถ้าให้โอกาสพี่ก็พร้อมจะเรียนรู้”

“หึ หึ รู้จักกันได้มาสักพักเพิ่งรู้ว่าพี่ก็มีอะไรแบบนี้ด้วย”

“คบกันไปนาน ๆ จะรู้ว่ามีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะ” คำพูดของเทวาเล่นเอาปฐวีร์หน้าแดงจนต้องเบือนหน้าหนี และแล้วเกมนี้เทวาก็

เป็นฝ่ายชนะ

   ตอนเช้าในห้องอาหารของโรงแรม ทุกคนมาพร้อมหน้ากัน ยุทธจักรเข้าไปหาเทวากระซิบกระซาบถามทันทีว่าเป็นยังไง

บ้าง เมื่อคืนได้กันรึยัง ปฐวีร์การรับรู้เสียงดีกว่าคนปกติ ทำให้ได้ยินคำถามของยุทธจักรชัดเจนจนอดหน้าแดงไม่ได้ ใครเขาถาม

เรื่องแบบนี้กัน ไม่เพียงแค่เทวาที่ถูกซักฟอกปฐวีร์ก็ถูกเพื่อนรุมถามเหมือนกัน “ตกลงคบกันแล้ว” ปฐวีร์เลือกตอบสั้น ๆ แต่ก็พอ

ให้ทุกคนเข้าใจ เพื่อนสนิททั้งสามมองกันทั้งดีใจและกังวล แต่ก็แยกแยะได้ว่าช่วงเวลานี้ควรทำอะไร พวกเขาควรช่วยให้เพื่อนมี

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดถึงจะถูก ส่วนเรื่องอนาคต กลับไปค่อยว่ากันอีกที ทำให้มื้อเช้าจึงผ่านไปด้วยดี

ทะเลในที่สุดมาก็ถึง ทุกคนบ่นเป็นเสียงเดียวกัน พวกเขาไม่คิดว่ามันจะไกลขนาดนี้ใช้เวลาสองวันกว่าจะมาถึง ทุกคนวิ่งลงทะเล

เหมือนเคยมาเป็นครั้งแรก ส่วนปฐวีร์ลดความรู้สึกกลัวน้ำได้บ้างแล้ว ทุกคนเล่นน้ำสักพักเรือที่จะพาไปดำน้ำดูปลาดูปะการังก็มา
รับ

นั่งเรือเร็วออกจากฝั่งผ่านทะเลสีฟ้ากว้างไม่ถึงสามสิบนาทีก็มาถึงเกาะ เรือเร็วจอดให้ทุกคนเล่นน้ำ คนขับเรือบอกจุดดำน้ำตื้น

บริเวณนั้นจะมีปลาสวยงามและปะการัง ปฐวีร์อาศัยเวลาที่ทุกคนไปทำกิจกรรมที่ชอบ เดินเล่นบนชายสีขาวโดยมีเทวาตามหลัง

ปฐวีร์วิ่งหนีน้ำทะเลเวลาคลื่นพัดน้ำทะเลขึ้นมา เทวาเห็นแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้กับการเล่นอะไรแบบเด็ก ๆ

เดินเล่นจนเบื่อก็เปลี่ยนมาเก็บเปลือกหอย ปฐวีร์กวักมือเรียกเทวาให้มาช่วยเก็บ ผ่านไปสักครึ่งชั่วโมงเปลือกหอยรูปร่างต่าง ๆ ก็

เต็มถัง ทั้งสองไม่รู้จะเอาไปทำอะไรดีจึงปล่อยลงกลับที่เดิม

แดดเริ่มแรงขึ้นทั้งสองกลับมานั่งใต้ร่มชายหาดทั้งนั่งสองมองทะเลสีครามผ่านแว่นตากันแดด ความเงียบความสงบทำให้ทั้งสอง

ผ่อนคลายและเทวาผล็อยหลับไป

ปฐวีร์รู้สึกดีกับลมทะเลเขาหยิบถังมาเริ่มกอบทรายลงไปในถังจนเต็มแล้วคว่ำลงเพื่อทำเป็นปราสาท ทำอยู่อย่างนั้นหลายครั้งแต่

ดูยังไงมันก็ไม่เหมือนปราสาท เขาพยายามปลุกวิญญาณความศิลปินของตัวเองออกมาเพื่อจะสร้างสรรค์กองทรายตรงหน้า จาก

การพยายามอย่างหนักก็ได้ปราสาทหน้าตาประหลาด เขายิ้มอย่างภูมิใจหยิบโทรศัพท์ออกมาเก็บไว้ ปรับหามุมสวย ๆ จนเห็นมุม

ที่สามารถมองเห็นคนนอนหลับ แช๊ะ ได้รูปประทับใจเก็บไว้ในความทรงจำอีกภาพ

เล่นน้ำทะเลจนตัวเปื่อย ถูกแดดเผาจนตัวคล้ำ ตอนบ่ายเรือเร็วก็พามาส่งที่โรงแรม ทุกคนกลับเข้าห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ต่อ

จากนี้ไปเที่ยวตลาดหาของสดมาทำปิ้งย่างตอนเย็น สอบถามจากพนักงานบอกว่าใกล้ ๆ นี้มีตลาด พวกเขาตัดสินใจเดินไป เดิน

เท้าตามถนนเลียบชายหาดไม่ทันเหนื่อยก็เจอตลาดที่ว่า ตลาดดูคึกคักมีทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวมาหาอาหารทะเลสด

พ่อค้าแม่ค้าต่างบอกว่าเพิ่งได้มาจากทะเล เดินวนดูสักรอบก็ได้ของสดมาเยอะพอสมควร จากนั้นถือโอกาสเดินเล่นดูของฝาก

ปฐวีร์ไปสะดุดตาเข้ากับร้านขายเสื้อเล็ก ๆ ร้านหนึ่งเจ้าของร้านกำลังนั่งเพ้นท์เสื้อตามสั่งอยู่หน้าร้าน ลูกค้าหลายคนสนใจจนต้อง

หยุดดู เขาเดินเลี่ยงเข้าไปในร้านมีเสื้อเพ้นท์หลายแบบ “เสื้อตัวนี้เป็นไงบ้าง” เขาชูเสื้อที่เพ้นท์เป็นรูปทะเลและเขียนข้อความ

สั้นๆว่า ฉันรักทะเลขึ้นถามเทวา

“ดูเหมาะกับเราดี”

“พี่ซื้อตัวหนึ่งดิ จะได้รู้ว่ามาเที่ยวทะเล”

“พี่ครับ ลายแบบนี้แต่ตัวใหญ่กว่านี้ไหมครับ” เจ้าของร้านอีกคนมาช่วยหา ออกจากร้านเสื้อก็ได้เสื้อลายเหมือนกันไปคนละตัว

เดินเที่ยวจนทั่ว ถึงเวลากลับที่พัก เดินเลียบตามชายหาดมองตามดวงอาทิตย์กำลังจะตกทะเล แสงสีส้มฉาบไปทั่วท้องท้อง

ทะเลเป็นภาพที่ไม่ได้เจอทุกวัน ทุกคนจึงรวมกลุ่มกันให้ยุทธจักรช่วยเป็นช่างภาพเก็บภาพพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าเป็นฉาก
หลัง

กลับมาถึงที่พักทุกคนแยกย้ายอาบน้ำ แล้วออกมารวมตัวกันหน้าระเบียง พนักงานของโรงแรมจัดเตรียมทุกอย่างที่ขอไว้เรียบร้อย

แล้ว ภฤดล กฤติกรณ์และปฐวีร์ทำหน้าที่อยู่หน้าเตา ย่างกุ้งหอยปูและบาร์บีคิว คฑาวุธผสมเครื่องดื่มเสิร์ฟให้ทุกคน ยุทธจักรเล่น

กีต้าร์ช่วยให้บรรยากาศไม่เงียบเหงาจนเกินไป

“อันนี้สุกยัง” เทวาไม่มีอะไรทำมายืนช่วยปิ้งบาร์บีคิว พลิกกลับไปมาอยู่สองสามครั้งก็ยังดูไม่ออกว่าสุกแล้วรึยัง

“แถวนี้สุกแล้วหยิบใส่จานได้เลยครับ”

“ครับผม” คนหนึ่งถามคนหนึ่งตอบเล่นเอาคนอยู่รอบข้างรู้สึกอิจฉาไปตาม ๆ กัน

“วีร์ กุ้งในถาดนี้ภรณ์ยกไปนะ”

“ได้ ยกไปเลย ระวังร้อนด้วยนะ”

“เฮ้ย ทุกคนกับข้าวมาแล้วมากินได้แล้ว” ตติวัฒน์เดินมาพร้อมพนักงานโรงแรมสองสามคนตะโกนเรียกทุกคน

“แกสั่งอะไรมาบ้างวัฒน์ น่ากินทั้งนั้นเลย” ยุทธจักรเสนอหน้าก่อนใครเพื่อน

“น้องวางตรงนั้นเลยครับ มีข้าวผัดทะเลถาดใหญ่ ต้มยำทะเลน้ำข้น และปลาหมึกผัดผงกะหรี่”

“พอดีเลยพี่วัฒน์ ทางนี้ก็จะเสร็จแล้ว” เมื่อปฐวีร์ถือกุ้งถาดสุดท้ายตามมาทุกคนก็เริ่มกินมื้อเย็นทันที บรรยากาศบนโต๊ะอาหาร

เป็นกันเอง กินไปคุยกันไป รองท้องด้วยกับข้าวแล้วจากนั้นก็แย่งกันกินกุ้งกินหอยกินปู

“ไอ้ดล ไอ้กร พวกแกสองคนกินเยอะไปแล้ว” ยุทธจักรเริ่มหงุดหงิดเมื่อรู้ว่าตัวเองกินไม่ทันรุ่นน้อง

“ก็พี่ยุทธมัวแต่พูดพวกผมเลยกินเผื่อไงครับ”

“เฮ้ย นั่นกุ้งที่ฉันอุตส่าห์แกะไว้ไอ้วัฒน์เอาคืนมานะ”

“ใครจะรู้ไม่เห็นแกกินสักที อะเอาหางคืนไปไอ้ขี้งก” ตติวัฒน์วางกุ้งที่เหลือแต่หางวางกลับคืนบนจานยุทธจักร ยุทธจักรคิ้ว

กระตุก แต่ทุกคนกับหัวเราะชอบใจ ปฐวีร์มองคนข้าง ๆ ที่ชอบแย่งกุ้งที่เขาแกะไปกินเหมือนกัน เทวามองสายตาปฐวีร์แล้วยิ้ม

“อยากให้แกะให้ก็ไม่บอก” เทวาแกะกุ้งวางบนจานปฐวีร์เล่นเอาปฐวีร์รู้สึกอาย แต่ก็ไม่ปฏิเสธที่จะกินกุ้งตัวนั้น เทวายิ้มกริ่ม เป็น

ครั้งแรกที่เขาเคยทำอะไรแบบนี้ เห็นอีกฝ่ายชอบเขาก็แกะเพิ่มอีกสองสามตัว

คฑาวุธรู้จักเพื่อนมานานไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้มาก่อน ในใจแอบกังวลอยู่บ้างกลัวว่าที่บ้านของเทวาจะไม่เข้าใจ ไหนจะสังคมอีก

แต่ในฐานะเพื่อนสิ่งไหนที่ทำให้เพื่อนมีความสุขก็จะพยายามช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ ซึ่งไม่ต่างจากยุทธจักรและตติวัฒน์ก็คิด

แบบนั้นเหมือนกัน

เครื่องดื่มดีกรีต่ำในแก้วหมดไปแล้วหลายรอบแต่ยังไม่มีใครเมา จากที่แย่งกันกินตอนนี้เป็นเกี่ยงกัน ถาดที่เต็มไปด้วยกุ้งหอยปู

เหลือแต่เศษซาก บาร์บีคิวก็เหลือแต่ไม้ให้ต่างหน้า ทุกคนเริ่มเปลี่ยนจากนั่งหลังตรงเป็นเอนหลังพิงพนัก ยุทธจักรหยิบกีตาร์มา

เล่นเพื่อช่วยให้บรรยากาศดีขึ้น โดยมีตติวัฒน์ช่วยร้องคลอเบา ๆ นั่งย่อยฟังเสียงเพลงสักพัก จากนั้นทุกคนต่างแยกย้ายกลับเข้า

ห้องเพราะดึกแล้ว กลัวจะรบกวนแขกบริเวณใกล้เคียง

หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกรอบปฐวีร์ออกมานั่งรับลมทะเลกลางคืน เขาแหงนหน้ามองดูดาว รู้สึกมันเหมือนกับชีวิตเขายัง

ไงไม่รู้ ไม่มีความแน่นอนในชีวิต ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง ทุกอย่างดูเลือนรางและริบหรี่เหมือนแสงดาวที่อยู่บนท้องฟ้าตอนนี้ไม่มี

ผิด แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็มีเพื่อนและเทวาที่ทำให้ในแต่ละวันผ่านไป ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่ “มานั่งตากลมเดี๋ยวก็ไม่สบาย ดึก

แล้วไปนอนกันเถอะ”

“ครับ ผมก็ง่วงเหมือนกัน” ทั้งสองปีนขึ้นเตียง คงเป็นเพราะเหนื่อยมาทั้งวันทำให้หัวถึงหมอนทั้งสองก็หลับทันที


   หลายวันต่อมาก็ถึงเวลาเปิดเรียน มหาวิทยาลัยเงียบเหงามาเกือบสองสัปดาห์กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง นักศึกษาได้พักก

ผ่อนทั้งร่างกาย และสมอง พร้อมกลับมาเริ่มต้นเข้าสู่บทเรียนใหม่ นักศึกษาต่างพูดคุยถามว่าช่วงวันหยุดไปไหนกันมาบ้าง ปฐวีร์

เอาของฝากมาให้เพื่อน ๆ แถมเล่าเรื่องไปเที่ยวรวมเรื่องที่เจอเรื่องไม่คาดฝัน พีรพัฒน์ขี้กลัวอยู่เป็นทุนเดิมได้ฟังที่ปฐวีร์เล่าก็

รู้สึกขนลุกขึ้นมา น้ำขิงกับวจีได้ของฝากถูกใจก็ไม่ได้มีท่าทางไม่พอใจที่เพื่อนไม่ชวน กายนั่งนิ่งตั้งใจฟังทริปสั้น ๆ ของเพื่อน

ขณะที่ทุกคนนั่งคุยกันเพลิน ๆ ก็มีคนเดินเข้านั่งลงข้าง ๆ ปฐวีร์

“สวัสดีทุกคน” ปิ่นอนงค์หน้าตาดูดีขึ้นพูดทักทายทุกคน ทุกคนยิ้มให้เธอ ตั้งแต่ที่เธอนอนอยู่โรงพยาบาลทุกคนต่างแวะเวียนไป

เยี่ยม น้ำขิงกับวจีจากที่เคยไม่ชอบหน้าอีกฝ่ายก็ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เปลี่ยนเป็นเห็นใจมากขึ้น ช่วงเวลาสั้น ๆ ในโรง

พยาบาลทำให้พวกเธอเข้ากันได้ แล้วยังเรื่องสอบยังได้โน้ตสรุปย่อจากปฐวีร์อีก

“นี่ของฝากเราไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนมา ไม่รู้ว่าปิ่นจะชอบรึเปล่า”

เธอรีบรับกระเป๋าใส่เหรียญหน้าตาน่ารัก “ชอบสิ ขอบใจนะ” เธอรู้สึกผิดบ้างเมื่อนึกว่าเคยทำอะไรไม่ดีไว้กับปฐวีร์ แต่เป็นปฐวีร์ที่

ปล่อยผ่านและช่วยพาเธอส่งโรงพยาบาล รวมทั้งช่วยปิดเรื่องนั้นไว้เป็นความลับ ถึงจะไม่รู้ว่าเรื่องคืนนั้นจบลงยังไงแต่ส่วนหนึ่งก็

เป็นความผิดของเธอ กำลังคุยกันสนุกอาจารย์ก็หอบเอกสารกองใหญ่เข้ามา บอกให้นักศึกษาช่วยกันแจก พร้อมเริ่มสั่งงานชิ้น

ใหม่ หลายคนออกอาการเซ็งทันที เอกสารทยอยส่งมาเรื่อยจนมาอยู่ในมือปฐวีร์และเพื่อน พวกเขาตั้งใจอ่านทำความเข้าใจใบ

งานที่อาจารย์ให้ จากนั้นอาจารย์ก็เริ่มเข้าสู่เนื้อหา

   หลังจากเรียนวิชาสุดท้ายเสร็จปฐวีร์นั่งเล่นกับกลุ่มเพื่อนอยู่หน้าตึกสักพัก จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ ปฐวีร์ได้รับ

ข้อความจากเทวาให้ไปหาที่สนามบาสคณะข้าง ๆ ไปทำอะไรที่นั่นล่ะนั่น ก่อนจะไปที่นั่น เขาแวะซื้อน้ำดื่ม ขนม ติดมือไปด้วย

เดินลัดเลาะไปเรื่อยจนได้ยินเสียงยุทธจักรตะโกนเรียกเทวาดังมาแต่ไกล นั่นทำให้รู้ว่าเขามาถูกทางแล้ว

   สี่หนุ่มในสนามสี่เหลี่ยม ที่แบ่งเป็นทีม ทีมละสองคน กำลังยื้อแย่งลูกบาสในมือยุทธจักร ตึก ตึก เสียงลูกบอลกระทบบน

พื้นกระตุ้นเลือดในร่างกายให้ตื่นตัว ยุทธจักรอยู่ในช่วงเวลาอยากลำบาก เมื่อเขาถูกตติวัฒน์ประกบอย่างแน่นหนา ไม่มีโอกาสจะ

ส่งบอลให้เทวา ส่วนเทวาก็ถูกคฑาวุธประกบไว้ ผ่านมาสิบห้านาทีทั้งสองฝ่ายยังผลัดกันบุกผลัดกันตั้งรับ คะแนนทั้งสองทีมตอน

นี้ยังเสมอกันอยู่ ถ้าบุกครั้งนี้สำเร็จพวกเขาจะมีโอกาสชนะ เทวาส่งสัญญาณให้ยุทธจักรส่งบอลมา และอาศัยความเร็วที่เหนือ

กว่าเบียดคฑาวุธแล้วรีบคว้าบอล จากนั้นโยกตัวหลบหลีกเพื่อเปิดทางให้ตัวเอง ในที่สุดโอกาสที่สร้างขึ้นก็เปิด

“โธ่เอ้ย!!!” คฑาวุธหัวเสียขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าหลงกลอีกฝ่าย ขยับกลับมาเทวาก็เทคตัวขึ้นใช้ข้อมือส่งลูกบอลไปที่ห่วงแล้ว ทุก

คนต่างมองตามลูกบอลที่ค่อย ๆ ลอยตรงไปที่ห่วง

“ซวบ!!!!” บอลลงไปในห่วงทุกคนก็หยุดการคลื่นไหว ผลการแข่งรอบแรกออกมาแล้วว่ายุทธจักรกับเทวาเป็นฝ่ายชนะ ทุกคน

ผ่อนคลายลง เทวามองไปข้างสนามเห็นปฐวีร์ส่งยิ้มโบกมือให้ เขารีบเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายทันที

“น้ำกับผ้าครับ” ปฐวีร์ยื่นผ้าเช็ดหน้าของเขากับน้ำดื่ม ให้คนเหงื่อท่วมตัว

“ขอบคุณ” รับน้ำกับผ้าเช็ดหน้ามีกลิ่นน้ำหอมเจ้าของมาซับเหงื่อ

“เล่นเก่ง จังเลยนะครับ” ชายหนุ่มอยากเล่นเก่งแบบนี้บ้าง ยิ่งตอนที่แย่งลูกจากฝ่ายตรงข้ามมาได้แล้วชู้ตลูกลงห่วงมันดูเท่ไม่
เบา

เทวายิ้มชอบใจกับคำชม แปลก คนอื่นออกจะพูดบ่อยว่าเขาเล่นกีฬาเก่ง แต่คำชมของปฐวีร์ทำให้เขารู้สึกพิเศษกว่านั้น ชายหนุ่ม

อดหน้าแดงรู้สึกเขินไม่ได้

“เฮ้ย เทวาเอาน้ำมากินด้วยดิ” ยุทธจักรเห็นท่าทางของเพื่อนแล้วรู้สึกหมั่นไส้จนต้องเข้ามาเป็นก้างชิ้นโต

“เรื่อง” เทวาปฏิเสธทันที

“ขี้งก ขอน้องวีร์ก็ได้ น้องวีร์พี่ยุทธสุดหล่อขอน้ำเย็นสักขวดได้ไหมครับ”

“ได้ครับ ผมซื้อเผื่อทุกคนเลย”

“โอ้ น้องวีร์หน้าตาดีแล้วยังนิสัยดีอีกด้วย แต่ไม่น่าหลวมตัวมาคบกับคนจืดชืด นิสัยแย่อย่างไอ้เทวามันเลย”

“พูดมากเอาน้ำคืนมาเลย”

“NO NO เรื่องอะไรจะคืน วุธ วัฒน์มาพักกินน้ำก่อน น้องวีร์ใจดีซื้อมาฝาก” 

สองหนุ่มวิ่งมารับน้ำมาดื่มหน้าตาเฉย “ขอบคุณนะน้องวีร์ ขี้เกียจเดินไปซื้อพอดีเลย”

เทวาเลิกสนใจเพื่อนถามปฐวีร์สนใจอยากเล่นบาสด้วยกันไหม ปฐวีร์ส่ายหัวแทบไม่ต้องคิดเขาไม่ค่อยถูกกับกีฬาเท่าไหร่ พักกิน

น้ำพักเหนื่อยแล้วทั้งสี่หนุ่มก็กลับเข้าสู่สนามอีกครั้ง

ปฐวีร์หยิบนิยายกำลังภายในที่อ่านค้างไว้ก่อนสอบออกมาอ่านฆ่าเวลา อ่านไปได้เกือบครึ่งเล่มถึงช่วงพระเอกกำลังต่อสู้บนเวที

ประลองใกล้จะได้เหยียบตัวร้ายที่ทำร้ายพระเอกเกือบตาย แต่ก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา เขาปิดหนังสือลงกวาดสายตามองหา

ห้องน้ำใกล้ ๆ ถ้าไปยืนฉี่ข้างกำแพงนั่นก็ออกจะเกินไป เลยต้องมองหาที่ใหม่ 


*************************************************************

โปรดติดตามตอนไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2018 18:50:28 โดย jaengsRU »

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 18 [2/10/61]
«ตอบ #38 เมื่อ02-10-2018 19:26:36 »

 :katai1: จะมีอะไรเกิดขึ้นกับวีร์มั้ย?

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 18 [2/10/61]
«ตอบ #39 เมื่อ02-10-2018 22:01:42 »

ตอน 15.2 มาทีหลัง อยู่ๆก็เจอผีตอน 16 มาสอบ แล้วกลับไปเที่ยวอีก ทำเอางง

ตอน 18
บาร์บีคิวก็เหลือแต่ไม้ให้ต่างหน้า >>> บาร์บีคิวก็ไม่เหลือให้ดูต่างหน้า

การเว้นวรรค ขึ้นบรรทัดใหม่ ทำให่ดูโล่งอ่านง่าย แต่ไม่ค่อยเหมาะ เนื่องจากทำให้สับสนเข้าใจผิด บางครั้งดูด้วนๆ นึกว่าจบย่อหน้า แต่ไม่จบยังมีต่อ หรือบางทีขี้นย่อหน้าใหม่คนละช่วงเวลา แต่เว้นบรรทัดเหมือนกัน เลยอ่านไม่ลื่น

ตัวอย่าง
พระอาทิตย์จอมขยัน ตื่นแต่เช้าโผล่ขึ้นมาจากทะเล แสงสีอุ่นไล่อาบไปทั่วท้องทะเลจนเป็นแสงระยิบระยับ ลมเย็นพัดโชยมาเป็นระลอกทำให้พื้นน้ำเกิดเป็นคลื่นเล็กๆ เล่นเอาคนตื่นเช้าอย่างปฐวีร์หลงเสน่ห์ยืนมองภาพนั้นอยู่นาน เมื่อคืนเขาหลับไปพร้อมความรู้สึกอบอุ่น นานแล้วไม่ได้รู้สึกแบบนี้ ถ้าจำไม่ผิดก็คงตั้งแต่ที่แม่จากไป หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาแทบแยกไม่ออกว่าอันไหนจริงอันไหนคือความฝัน จนต้องตื่นขึ้นมาเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่สัมผัสอยู่ตอนนี้ไม่ได้คิดไปเอง

“ตื่นแต่เช้าเชียว เป็นอะไรรึเปล่า” เทวายืนอยู่ข้าง ๆ คนตัวเล็กที่ทอดสายตามองทะเลสวยแต่ดูลึกลับ

“เปล่าครับ แค่อยากตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น”

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 18 [2/10/61]
« ตอบ #39 เมื่อ: 02-10-2018 22:01:42 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ 30267

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 18 [2/10/61]
«ตอบ #40 เมื่อ03-10-2018 00:32:19 »

อ่านไปก็ลุ้นไป.. มีแต่งูพิษเต็มไปหมด วีร์สู้ ๆ

รอจ้าา :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2018 21:31:05 โดย 30267 »

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 18 [2/10/61]
«ตอบ #41 เมื่อ03-10-2018 15:06:10 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 20 [3/10/61]
«ตอบ #42 เมื่อ03-10-2018 18:43:57 »

ตอนที่ 20



หลังแยกกับเพื่อน ๆ ปิ่นอนงค์ไปแอบนั่งในห้องน้ำ ทำใจปรับอารมณ์ คิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น เธอไล่เปิดอ่านข้อความที่ถูกส่งมาก่อนหน้านี้

“แผนสำเร็จไหม”

“มันเป็นยังไงบ้าง”

“เธออยู่ไหน ทำไมติดต่อไม่ได้”

ฯลฯ ไม่มีข้อความไหนที่บ่งบอกว่าเป็นห่วง หรือสนใจว่าเธอจะเป็นตายร้ายดียังไง เห็นแก่ตัวชะมัด นี่หรือความหมายของคำว่าเพื่อน เงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์ความรู้สึกแย่ที่พยายามอดกลั้นไว้ก็ไหลออกมาเป็นน้ำตา เพื่อนเหรอ ถ้ามีเพื่อนแบบนี้ขออย่ามีดีกว่า เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ เช็ดน้ำตา แล้วตรงไปที่คณะข้าง ๆ มองหาห้องที่คณิตาร์ส่งข้อความมาบอกตั้งแต่เช้า เธอกำลังกังวลใจว่าเมื่อต้องเจอหน้าคณิตาร์กับพิศนภาเธอต้องทำหน้ายังไง ทั้งสองยังไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเธอ ต่างคิดไปว่าที่เธอหลบหน้าเพราะทำแผนที่วางไว้ล้มเหลว มือเล็กสั่นเล็กน้อยก่อนจะหมุนลูกบิดแล้วผลักประตูเข้าไป

“มาแล้วเหรอยัยตัวดี หายหน้าหายตาไปไหน” อารมณ์พิศนภาพุ่งสูงขึ้นทันทีที่เห็นคนหายหน้าไปนาน เห็นอีกฝ่ายยังเงียบเธอก็ยิงคำถามต่อ

“ทำไมไม่ยอมรับโทรศัพท์”

ปิ่นอนงค์ยังยืนเงียบไม่กล้ามองหน้าทั้งสองคน ในใจได้หัวเราะเยาะตัวเอง นี่เหรอคือคำถามที่เพื่อนของเธอถามหลังจากที่เธอหายไปนานหลายสัปดาห์ งี่เง่าชะมัด

“พอก่อนพิศให้ยัยปิ่นเล่าเรื่องคืนนั้นว่ามันเกิดอะไรขึ้น” คณิตาร์รีบห้ามพิศนภาโวยวายไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น

“ว่าไง” ทั้งสองนั่งเงียบรอคอยคำตอบ

“คืนนั้นฉันให้คนเอาเครื่องดื่มไปให้วีร์ตามแผน” เธอเงียบลงกลืนก้อนขมจุกในคอลงไป แล้วหันหน้าไปมองทั้งสอง “ฉันรู้สึกมึน ๆ คงเพราะดื่มเยอะเลยนั่งแท็กซี่กลับ” เธอพูดแล้วยิ้มเศร้าให้ทั้งสอง

“ฉันว่าแล้วมันต้องออกมาแบบนี้ เสียเวลาฟังมาตั้งนาน” พิศนภาควบคุมอารมณ์ไม่ได้ตำหนิอีกฝ่ายทันที เธออุตส่าห์วางแผนทุกอย่างไว้ดีแล้วเชียว

“เธอนี่มันไร้ประโยชน์จริง ๆ ให้ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ” ดวงตาของปิ่นอนงค์มองทั้งสองด้วยความรู้สึกว่างเปล่า

“ช่างเถอะ คืนนี้ฉันต้องบินแล้ว ยังไงไปถึงที่โน่นแล้วจะติดต่อมาอีกที” ทั้งสองเดินชนไหล่ปิ่นอนงค์ออกจากห้องไป ปล่อยให้เธอยืนนิ่งในสมองคิดเรื่องอะไรมากมาย ไม่รู้ว่ายืนอยู่อย่างนั้นนานแค่ไหน เธอได้สติคืนมาเพราะเสียงใครบางคนพูดขึ้น

“ทำกันอย่างนี้เขาไม่เรียกเพื่อนหรอก” เธอหันกลับไปเห็นคนยืนกอดอกพิงประตูท่าทางสบายใจอยู่

“วีร์” ปิ่นอนงค์เสียการควบคุมไปชั่วคราว ใบหน้าซีดลง

“ใช่เราเอง” เขายิ้มหวานให้เธอ กลัวว่าเธอจะเป็นกังวลมากเกินไป

“เอ่อ...” เธอลนลานไม่รู้จะรู้อธิบายยังไง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายได้ยินอะไรบ้าง

“ไม่ต้องสนใจหรอกว่าเราจะได้ยินเรื่องทุกอย่างรึเปล่า สนใจแค่ว่าปิ่นจะทำยังไงต่อไป” ปฐวีร์หยุดพูดดูท่าทางอีกฝ่าย และพูดกระตุ้นเธอต่อ “เราไม่รู้หรอกนะว่าเกิดขึ้นอะไรกับปิ่นบ้าง แต่มันก็คงเป็นเรื่องร้ายแรงมากพอสมควร ถึงทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งทำร้ายตัวเอง จนไม่คิดถึงครอบครัวที่อยู่ข้างหลัง” ปิ่นอนงค์ตัวสั่นเม้มริมฝีปากแน่นความรู้สึกเจ็บปวดยังไม่จางหาย เธอสูดหายใจเข้าเต็มปอด แล้วผ่อนลมหายใจออกท่าทางของเธอเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ตัวเองตอนนี้ดี เธออยากสอนบทเรียนให้เพื่อนของเธอทั้งสอง “แล้วต้องทำยังไงต่อไป”

ปฐวีร์คลี่ยิ้ม นั่นคือสิ่งที่เขาอยากได้ยิน “ก็ทำให้ทั้งสองคนได้รับรู้ความเจ็บปวดเหมือนที่ปิ่นรู้จักยังไงล่ะ” ปฐวีร์ล้วงของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้เธอ

“อะไร เมมโมรี่การ์ด” ปิ่นอนงค์มองมันด้วยความแปลกใจ แต่ก็รับมันไว้

“มันเป็นของปิ่นแล้ว ต่อจากนี้ไปก็ขึ้นอยู่กับว่าปิ่นจะจัดการกับมันยังไง” เธอพยักหน้าเข้าใจแล้วรีบเดินออกจากห้อง ปฐวีร์ยืนมองปิ่นอนงค์เดินจากไป เขาเคยคิดจะลงมือเอง แต่ตอนนี้คงไม่ต้องแล้ว ให้คนอื่นลงมือแทนน่าจะดีกว่า

            ปิ่นอนงค์รับเม็มโมรี่การ์ดมาแล้วออกจากที่นั่น เธอหยิบมันออกมาดูอีกครั้ง สงสัยว่าข้างในเก็บความลับอะไรอยู่กันแน่ ใจลอยคิดอะไรหลายอย่างรู้สึกตัวอีกทีอยู่ในห้องแล้ว ไหน ๆ ก็มาถึงขนาดนี้แล้วคงไม่มีทางให้ถอยอีกแล้ว เธอเปิดโน้ตบุ๊กแล้วเสียบเมมโมรี่การ์ดที่ได้จากปฐวีร์เข้าไป สักพักดวงตาเธอก็เบิกกว้างเมื่อเห็นภาพวิดีโอ ถึงภาพจะเห็นไม่ชัดแต่ก็ดูออกว่าผู้หญิงที่อยู่บนเตียงท่ามกลางผู้ชายหลายคนนั้นเป็นพิศนภา ถึงจะไม่ได้ยินเสียงแต่ก็ดูออกว่าพิศนภาไม่สมยอม ในใจที่เคยปวดร้าวของเธอค่อย ๆ รู้สึกดีขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนอยู่ในช่วงเวลาเลวร้าย ใบหน้าสวยมีรอยยิ้มยินดีปรากฏขึ้น จากนั้นเธอหัวเราะลั่นห้องเหมือนคนบ้า “พิศนภาเธอหนีฝันร้ายไม่พ้นหรอก ถึงอยู่ไกลแค่ไหนฉันจะพามันไปส่งให้เธอถึงหน้าประตูเลย”

            เดินทางไกลมาหลายชั่วโมง กว่าจะมาถึงห้องพัก        เล่นเอาเหนื่อย ปวดเมื่อยไปทั้งตัว พิศนภาทิ้งตัวลงบนโซฟาในห้องอย่างอ่อนแรง ติ๊ด ติ๊ด เสียงข้อความเข้า ใครกันที่ติดต่อมาทันทีที่เธอมาถึง มีเรื่องสำคัญเร่งด่วนอะไรรึเปล่า เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยความรู้สึกขี้เกียจ เปิดหน้าจอเห็นข้อความออนไลน์ส่งเข้ามา เธอเลื่อนเปิดดู ภาพเคลื่อนไหลบนหน้าจอขยับผ่านไปไม่ถึงห้าวินาที มือของเธอสั่น “กรี๊ด ไม่จริง“ เธอกรีดร้องและขว้างโทรศัพท์ทันที ร่างกายของเธอสั่นไปหมด ภาพความเจ็บปวดวันนั้นผุดขึ้นมาอีกครั้ง ปากก็พูดแต่คำเดิมว่าไม่จริง ไม่จริง ซ้ำไปซ้ำมา สักพักก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอหันหน้าไปมองเห็นแม่โทรเข้ามา เธอรีบคลานไปกดรับ “ไม่จริงแม่ ไม่จริง ไม่ใช่หนู ไม่ใช่ แม่ต้องเชื่อหนู ต้อง......”

“ยัยพิศนั่นลูกเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” แม่ของพิศนภาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอได้ยินแต่เสียงร้องห่มร้องไห้กับคำพูดที่ฟังไม่รู้เรื่องของลูกสาว แล้วสายก็ถูกตัดไป

            คลิปวิดีโอความยาวไม่ถึงห้านาทีได้เผยแพร่ไปทั่วในโลกออนไลน์ หลายคนดู หลายคนส่งต่อ ใช้เวลาไม่ถึงสี่สิบแปดชั่วโมงก็มีการส่งต่อหลายพันครั้ง บางคนพยายามสืบหาว่าใครเป็นผู้หญิงในคลิป บางคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการโปรโมทละครเรื่องหนึ่ง ดูเหมือนทุกอย่างเงียบไป ถ้าวันต่อมาไม่มีข้อความขยายความเพิ่มเติมว่าเป็นลูกสาวเจ้าของคอนโดมิเนียมชื่อดังย่านคนมีเงิน นั่นทำให้คนหันกลับมาสนใจข่าวอีกครั้ง นักข่าวต่างขุดหาที่มาของคลิปวิดีโอและข้อความ เพราะหลายคนเชื่อว่าเป็นความขัดแย้งทางธุรกิจ เหล่านักธุรกิจที่เป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมที่อยู่อาศัยย่านคนมีเงินต่างร้อนตัว นักข่าวจ่อไมค์สัมภาษณ์ต่างบอกปัดไม่รู้ไม่ทราบ

คนอยู่เบื้องหลังอย่างปฐวีร์นั่งอ่านข่าวออนไลน์ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นข่าวที่ออกมา เขาไม่นึกว่าปิ่นอนงค์จะทำทุกอย่างได้รวดเร็วและใหญ่โตอย่างนี้

“เป็นไงปิ่นทำทุกอย่างได้ดีไหม”

“อืม แต่มันจะไม่วุ่นวายเกินไปเหรอ”

“ไม่หรอกในคลิปที่ปิ่นเอาลงเบลอหน้าทุกคนแล้ว อีกอย่าไม่เบลอหน้าก็ไม่มีใครรู้ ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทและเจ้าตัวเอง” ปิ่นอนงค์ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข “ไม่รู้ว่าป่านนี้พิศนภาจะเป็นยังไงบ้าง ว่าไปแล้วก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมานิด ๆ” ปากพูดออกไปอย่างแต่หน้าตากลับยิ้มแย้ม ปฐวีร์รู้สึกกลัวปิ่นอนงค์ขึ้นมา

ข่าวแพร่ไปเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง ในขณะที่ไม่สามารถหาที่มาของคลิปได้ คณิตาร์เริ่มสงสัย ข้อมูลทุกอย่างชี้ไปที่พิศนภา เพราะอยู่ ๆ เธอก็ลาออกจากมหาลัยแล้วเรียนต่อเมืองนอก และหลังจากที่เธอเดินทางไปได้ไม่นานข่าวนี้ก็ออกมา แต่เธอก็ตัดใจไม่พูดอะไรออกมา

เช้าวันหยุดพักผ่อนปฐวีร์ตื่นแต่เช้าไปวิ่งออกกำลังกายเป็นเพื่อนเทวาที่กำลังวิ่งนำไปไกล เขาค่อย ๆ ผ่อนความเร็วลงแล้วเปลี่ยนเป็นเดินแทน อากาศตอนเช้าในสวนสาธารณะรู้สึกสดชื่นปลอดโปร่ง เหงื่อไหลซึมตามหน้าผากได้มาจากวิ่งรอบสระน้ำหนึ่งรอบ เขารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยจึงได้หันซ้ายหันขวาหาที่นั่งพัก เดินไปเรื่อยเห็นที่นั่งม้ายาวว่างอยู่ เขารีบเดินไปนั่ง นั่งผ่อนคลายมองคนโน้นทีคนนี้ที เหงื่อบนหน้าผากก็เริ่มยุบ สายตามองหา   เทวาไม่รู้ว่าวิ่งไปถึงเขตไหนของเมืองหลวงแล้ว

“ขอนั่งด้วยคนนะครับ” ปฐวีร์หันไปมองผู้ชายที่ถามขึ้น เขาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเสียมารยาท พร้อมกับพูดชื่อใครสักคนออกมา “ไอ้ณัฑศ์” แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ยิน

“เอ่อ เชิญครับ” เขารีบดึงสติกลับคืนมา ไม่นึกว่าจะเจอกับอีกฝ่ายเร็วขนาดนี้

“ชอบมาออกมากำลังกายที่นี่หรือครับ”

“เปล่าเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก” เขาตอบส่ง ๆ

“ผมก็เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกเหมือนกัน พักอยู่แถวนี้หรือครับ”

ปฐวีร์มองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ตอบออกไป “อืม ถามทำไมจะสำรวจสำมะโนครัวรึไง”

“หึ หึ เปล่าครับ” ชายหนุ่มมองปฐวีร์แล้วยิ้ม “คุณนี่มีอารมณ์ขันดีนะครับ” ปฐวีร์ขมวดคิ้วทันที อ้าวไอ้นี่คิดว่าเขาเป็นตลกรึไง เดี๋ยวโอปป้าก็ด่าให้หรอก

“ผมชื่อณัฑศ์ แล้วคุณล่ะ” ชายหนุ่มตัวสูงสวมชุดออกกำลังกาย ใบหน้าหล่อ แนะนำตัวเอง

ปฐวีร์กลอกตาเบะมุมปากเมื่อได้ยินอีกฝ่ายแนะนำตัวเอง ใครเขาอยากรู้จักชื่อนายกัน ไม่พอยังหน้าด้านมาถามชื่อเขาอีก “ปฐวีร์” เขาตอบสั้นและห้วน

“เรียกวีร์เฉย ๆ ได้ไหม”

“ไม่ได้” ปฐวีร์ตวัดสายตาดุใส่อีกฝ่ายทันที นึกถึงความฝันที่อีกฝ่ายเคยเรียกสนิทสนมแบบนั้น  นั่นมันความฝัน ส่วนนี่มันคือความจริง อีกอย่าง “ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น” เขาเน้นทุกคำให้อีกฝ่ายเข้าใจ

ชายหนุ่มไม่สนใจท่าทีและน้ำเสียงอีกฝ่าย กลับชอบด้วยซ้ำดูแล้วน่าสนใจดี คนน่ารักทำตาดุไม่น่ากลัวสักนิด “เรียกผมว่าณัฑศ์ได้นะ เพราะผมอยากสนิทกับคุณ” พูดไปแล้วก็เกือบหลุดหัวเราะกับท่าทางของปฐวีร์ที่เขยิบให้ห่างจากเขา ทำเหมือนเขาเป็นเชื้อโรคยังไงยังงั้น

“ไอ้ณัฑศ์กลับได้แล้ว พวกฉันหิวแล้ว” เสียงผู้ชายคนหนึ่งตะโกนมาทางนี้

“รอก่อน” ชายหนุ่มตะโกนตอบ “ผมต้องไปแล้ว แล้วเจอกันใหม่นะ” ปฐวีร์ไม่ตอบเลือกไม่สนใจอีกฝ่าย เขาฝันถึงผู้ชายคนนี้เกือบทุกคืนพร้อมกับความตายที่อีกฝ่ายมอบให้ ถึงจะเป็นอุบัติเหตุและเป็นความฝันที่ยังมาไม่ถึง แต่ก็ทำให้รู้สึกหวาดกลัวจับใจ แล้วนี่ผู้ชายคนนี้โผล่มาคงไม่ได้หมายความว่าถึงเวลาที่เขาต้องตายแล้วใช่ไหม

“ไอ้หมอนั่นใคร” เทวาไม่รู้โผล่มาจากไหนถามเสียงแข็งขึ้น สายตามองไปที่ทิศทางที่ผู้ชายคนนั้นไป

ปฐวีร์ก็ไม่รู้จะบอกว่ายังไงดี แฟน ก็ไม่ใช่ แฟนเก่า ก็ไม่ใช่อีก แฟนใหม่นั่นยิ่งไม่ใช่ คนรู้จักใครอยากรู้จักผู้ชายหลายใจกัน “แค่คนบ้าคนหนึ่ง อย่าไปสนใจเลย ผมหิวแล้วไปหาอะไรแถวนี้กินกัน ตอนเข้ามาเห็นร้านโจ๊กอยู่ตรงหัวมุมตรงนั้น” เขาไม่รอให้เทวาคิดรีบลากอีกฝ่ายไปทันที

“อื้อ” เห็นท่าทางปฐวีร์ไม่ได้สนใจผู้ชายคนนั้น เทวาก็ไม่อยากเก็บมาใส่ใจ คนบ้าก็คนบ้า

ทั้งสองเดินออกจากสวนสาธารณะไปทางทิศเหนือก็เจอร้านโจ๊กหม้อดินที่ว่า ตั้งอยู่อีกฟากถนน เทวามาวิ่งแถวนี้ออกบ่อยไม่ยักเห็นแต่กลับเป็นปฐวีร์ที่มาครั้งแรกกลับรู้จัก จะให้บอกว่ายังไงว่าปฐวีร์ได้กลิ่นหอมของโจ๊กตั้งแต่ที่อยู่ในสวนแล้วแค่เดินตามกลิ่นมาก็เจอ เขาก็เพิ่งรู้ว่าข้อดีของจมูกที่สามารถรับรู้กลิ่นได้มากกว่าคนปกติมันดีอย่างนี้นี่เอง

“ลุงเอาโจ๊กรวมพิเศษสอง” เข้าไปในร้านหาที่นั่งได้ก็สั่งทันที

“ตื่นมาวิ่งอย่างนี้ทุกวันหยุดเลยเหรอครับ”

“อืม”

“โจ๊กร้อน ๆ ได้แล้วครับ”

“ขอบคุณครับ” ปฐวีร์ตื่นเต้นกับโจ๊กชามใหญ่ควันฉุยมีเครื่องเยอะ แถมยังส่งกลิ่นหอมอีก เทวามองคนยิ้มพอใจกับเรื่องง่าย ๆ

“ชอบกินโจ๊กเหรอ วันหลังจะพาไปกินที่บ้านแม่ทำอร่อย ขนมที่เอามาฝากบ่อย ๆ นั่นก็ฝีมือแม่” ชายหนุ่มรีบอวดฝีมือแม่ทันที

“อืม ไปบ้านได้เหรอ ที่บ้านพ่อกับแม่ไม่ว่า” ปฐวีร์ถามด้วยลังเล

“จะว่าทำไมแค่พาแฟนไปกินข้าว” ปฐวีร์แทบสำลักโจ๊กเมื่อได้ยินเทวาพูดไม่อายโต๊ะข้าง ๆ บ้างเลย

กินโจ๊กคนละชามจนอิ่มทั้งสองกลับไปที่ห้อง ปฐวีร์อาบน้ำเรียบร้อยกะจะหลับสักหน่อย แต่ก็คนมีกดออดหน้าห้อง เปิดประตูเห็นเทวาถือของเต็มสองมือ “ไปไหนมาซื้ออะไรมาเยอะแยะครับ”

“พอดีนึกได้ว่ามารบกวนเจ้าของห้องบ่อย เลยซื้อของกินมาให้” ที่จริงเขากลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่มีอะไรกินเลยออกไปซื้อของกินมาให้

“แล้วทำไมไม่เรียกไปด้วยกัน” เขารื้อของในถุงออกมาดูว่าอะไรบ้าง

“ซื้อร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ นี่เอง วันหลังค่อยออกไปเดินห้างกัน แล้วก็เห็นบ่นว่าอยากกินข้าวมันไก่ร้านหัวมุมถนน วันนี้อาแป๊ะแกเปิดร้านเลยซื้อแบบพิเศษไก่เยอะ ๆ มาให้” ชายหนุ่มชูถุงข้าวมันไก่ให้อีกฝ่ายดู

“ขอบคุณครับ” เขายิ้มขอบคุณให้คนใจดีซื้อของอร่อยมาฝาก เท่านี้ก็รู้ว่าอีกฝ่ายใส่ใจเขาแค่ไหน จำได้ว่าเขาชอบกินข้าวมันไก่ ร้านไหน และชอบแบบไหนอีก เทวาเห็นรอยยิ้มอีกฝ่ายก็มีความสุขไปด้วย

ทั้งสองช่วยกันจัดของ จากนั้นกินข้าวมันไก่ไปด้วยดูหนังไปด้วย มันออกจะดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ แต่ขอแค่ปฐวีร์ชอบก็พอแล้ว

“ข้าวมันร้านแป๊ะยังอร่อยเหมือนเดิม”

“แป๊ะเจ้าของร้านได้ยินคงดีใจ”

“วันหลังไปกินที่ร้านกัน”

“ไปสิ” หนังจบไปหนึ่งเรื่อง ปฐวีร์มองออกไปข้างนอกเห็นแดดกำลังแรง จำได้ว่ามีผ้าแช่ไว้ในกะละมัง เขาปล่อยให้เทวานั่งดูหนังคนเดียว แล้วรีบไปซักผ้าก่อนแดดจะหมด เทวาเห็นเจ้าของห้องหายไปนานได้ยินเสียงน้ำมาจากในห้องน้ำ จึงชะโงกหน้าเข้าไปดูว่าอีกฝ่ายทำอะไรสักอย่างอยู่ “นึกว่าหายไปไหนที่แท้ก็แอบมาซักผ้านี่เอง”

“อืม กลัวผ้าไม่แห้งเลยรีบซัก”

“ฝากซักหน่อยสิ”

“เรื่อง”

“ฝึกไว้ต่อไปจะได้ซักให้พี่ด้วย”

ปฐวีร์เม้มปาก ถลึงตาใส่อีกฝ่าย “ใครจะไปรู้ในอนาคตพี่อาจจะเป็นคนซักให้ผมก็ได้”

“แล้วทำไมมีแต่กางเกงในตัวเล็ก” เทวาไม่ถามเปล่า แถมยังยกขึ้นมาดูอีก

“เฮ้ย ทะลึ่งตัวเล็กที่ไหน” ปฐวีร์รีบแย่งกางเกงในจากมืออีกฝ่ายทันที “รอบเอวไม่ได้ตัดสินขนาดตรงนั้นซะหน่อย”

เทวาเลิกคิ้วเหลือบมองที่เอวของปฐวีร์ “อ้าวเหรอเพิ่งรู้นะเนี่ย ไม่มีสีขาวเหรอ ทำไมมีแต่เข้ม” ชายหนุ่มลองหยิบตัวอื่นขึ้นมาดู แต่ก็ถูกเจ้าของแย่งกลับไป

“เป็นคุณชายรึไงใส่แต่สีขาว อีกอย่างก็ไม่ชอบมันเปื้อนง่าย สีเข้มหน่อยมันดีกว่า”

“อืม เหมือนที่ใส่อยู่ตอนนี้ใช่ไหม” ปฐวีร์มองตามสายตาเทวาที่จ้องอยู่ที่เอวเขา “เฮ้ย ทะลึ่งมองอะไร เดี๋ยวจิ้มตาบอดเลย” ปฐวีร์รีบดึงกางเกงขาสั้นที่เลื่อนลงจนเห็นขอบกางเกงในขึ้น เทวาเห็นท่าทางอีกฝ่ายแล้วอดหัวเราะไม่ได้ แล้วเปลี่ยนมามองขาขาวที่มีขนเส้นเล็กบาง ๆ แทน ปฐวีร์เห็นสายตาอีกฝ่ายมองโน่นมองนี่ไปทั่วก็ไล่ออกไปข้างนอก เทวาเลยต้องยอมแพ้ออกมานั่งดูโทรทัศน์ตามเดิม คนอะไรหวงตัวชะมัด มองแค่นี้ถึงกับจะจิ้มตาบอดเลย อีกอย่างเขาไม่ได้ทะลึ่งซะหน่อยแต่สายตามันเห็นเอง

ดูเหมือนจะเป็นวันหยุดที่แสนจะธรรมดา แต่พวกเขาก็พอใจกับการใช้เวลาด้วยกัน นั่งดูโทรทัศน์ กินข้าวด้วยกัน แย่งมังงะกันอ่าน แบ่งขนมกันกิน บางวันก็ไปออกกำลังกาย ดูหนัง เดินห้างเท่านี้ก็มีความสุขแล้ว

            หลังจากซักผ้าตากผ้าเรียบร้อย ปฐวีร์ก็เก็บห้อง เทวาช่วยเอาถุงขยะออกไปทิ้ง ห้องดูสะอาดเรียบร้อยขึ้นมาก มองดูเวลาถึงได้รู้ว่ามันเย็นมากแล้ว จำได้วันนี้ต้องกลับบ้านใหญ่ เทวาได้ฟังว่าอีกฝ่ายจะกลับบ้าน ชายหนุ่มก็ไม่รู้จะอยู่คอนโดมิเนียมทำไมคนเดียว เขาจึงถือโอกาสแวะไปส่งปฐวีร์แล้วกลับบ้านไปด้วย เขาพอใจกับการวางแผนของตัวเอง วีรวัฒฑณ ฯ ตระกูลเศรษฐีใหม่ได้ยินแม่พูดว่าอย่างนั้น ปทีปหัวหน้าครอบครัวสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยด้วยสองมือและความสามารถล้วน ๆ ถือว่าเป็นหนึ่งในไอดอลคนสู้ชีวิตให้ใครหลายคนเลยทีเดียว ถึงร่ำรวยแต่ปทีปก็ไม่เคยปิดบังที่มาของตนเองทำให้หลายคนต่างยกย่องชื่นชม  เทวาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

 “จอดตรงนี้ก็ได้ครับ”

“แน่ใจนะว่าไม่กลับบ้านไปด้วยกัน”

“นานทีกลับมานอนบ้านใหญ่บ้าง เดี๋ยวจะถูกตัดออกจากกองมรดก”

“ถ้าได้แล้วอย่าลืมเอามาแบ่งด้วยนะ” เทวาพูดติดตลก ถ้ารับมรดกมันตัดสินกันอย่างนี้เขาคงเป็นคนแรกที่ถูกพ่อตัดออกจากกองมรดก

“สุรัตนธรรมวรธเบศน์ ก็ใช่ว่าจะมีน้อยกว่าที่ไหน”

“ใครบอก ถ้ามีเยอะคงไม่ได้ขอข้าวเรากินทุกวันหรอก จริงไหม”

“เชื่อก็ได้”

“วันหลังจะพาไปกินข้าวบ้านสุรัตนธรรมวรธเบศน์ และนอนค้างที่นั่นสักคืน”

“เอาไว้มีโอกาสแล้วจะไป แต่ตอนนี้ขอเข้าบ้านก่อน” เทวามองคนตัวเล็กเดินเข้าประตูรั้วก็ค่อย ๆ ขับออกไป



***********************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2018 18:50:56 โดย jaengsRU »

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 19 [3/10/61]
«ตอบ #43 เมื่อ04-10-2018 18:35:51 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 21 [05/10/61]
«ตอบ #44 เมื่อ05-10-2018 18:47:35 »

​ตอนที่ 21

บนโต๊ะอาหารบ้านใหญ่ทุกคนต่างพร้อมหน้าโดยไม่ได้นัดหมาย บรรยากาศก็เหมือนทุกวัน แต่วันนี้ดูคุณนายรองจะความสุขเป็นพิเศษจนหลายคนรู้สึกได้ ทุกคนนั่งกินข้าวเงียบ ๆ  มีบางครั้งที่คุณนายสี่กับ พลพัฒน์แอบเหลือบมองกันเป็นระยะ จนคุณนายรองต้องสะกิดลูกชายเรียกสติคืนมา ให้รู้ว่าพ่อยังนั่งอยู่ตรงนี้ ปฐวีร์รับรู้ทุกการกระทำบนโต๊ะอาหารรวมทั้งสายตาที่รินนัศน์มองมาอย่างไม่เป็นมิตร เขามองหน้าเธอแล้วยิ้มให้

“น้องรินทร์หน้าหายดีแล้วเหรอ” รินนัศน์ถูกทักขึ้นถลึงตาใส่อีกฝ่าย

“หายแล้วค่ะ”

“ยินดีด้วย” ปฐวีร์มองหน้าเธอแล้วขยับริมฝีปากโดยไม่มีเสียงเตือนอีกฝ่ายว่า “คิดทำร้ายคนอื่นระวังหน้าจะเละจนรักษาไม่ได้”

รินนัศน์อ่านริมฝีปากอีกฝ่าย มือก็ได้แต่กำช้อนในมือแน่น มองแววตาของปฐวีร์ที่มองมาน่ากลัวจนขนลุก และนึกถึงคำพูดที่ปฐวีร์เทียวไปคอมเมนต์ใต้รูปภาพที่โพสต์ลงในโซเชียลเอฟส่วนตัว อย่าง “น่ารัก” บ้างล่ะ “หน้าใส” บ้างล่ะ ถึงแม้จะเป็นข้อความสั้น ๆ แต่ก็เล่นเธอแทบประสาท

“อึกกก” เธอเกิดสำลักข้าวขึ้นมา ทุกคนมองเธอเป็นตัวตลก เพราะทุกคนในบ้านรู้ดีว่าคุณนายสามพาลูกสาวคนเล็กวิ่งหาหมอรักษาผิวหน้าให้วุ่น คณิตาร์หันไปมองปฐวีร์คิดว่าอีกฝ่ายเป็นต้นเหตุให้น้องสาวเธอถูกหัวเราะเยาะ คอยดูเถอะสักวันเธอจะต้องจัดการอีกฝ่ายให้ได้

เกลียด เธอรู้สึกเกลียดปฐวีร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ คงเป็นตั้งแต่ที่จำความได้ เมื่อเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนมีพ่อมารับ มีพ่อพาไปเที่ยวทะเล สวนสัตว์หรือสวนสนุก แต่เธอกลับไม่มี พ่อของเธอให้เวลาส่วนใหญ่กับปฐวีร์  จนเธอรู้สึกอิจฉา ทำให้มีหลายครั้งที่ต้องแกล้งปฐวีร์ และหลายครั้งเคยสงสัยว่านั่น เป็นเพราะปฐวีร์น่ารักกว่า เรียนเก่งกว่า  สุดท้ายก็รู้ว่าเพราะพ่อรักปฐวีร์มากที่สุด ทุกคนในบ้านรู้สึกได้ นั่นทำให้เธอแค้น เกลียดพ่อที่ลำเอียงรักลูกไม่เท่ากัน  จนอยากให้พ่อผิดหวังกับปฐวีร์ และมองปฐวีร์ด้วยสายขยะแขยง ถึงแม้ตอนนี้จะยังทำอะไรไม่ได้ แต่เธอไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะโชคดีได้ตลอดไป

            สงครามเย็นบนโต๊ะอาหารเกิดขึ้นเป็นระลอก มีทั้งคนแพ้คนชนะ แต่หัวหน้าครอบครัวอย่างปทีปไม่พูดอะไรทุกอย่างก็ดำเนินต่อเหมือนไม่มีอะไร ทุกคนดูจะคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ดี ถึงจะเบื่อหน่ายแต่ก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้

“เรื่องฤกษ์วันหมั้นของตาพลกับหนูลูกศรฉันได้มาแล้วนะคะ เร็วสุดก็เดือนหน้า ช้าสุดก็อีกสามเดือน”

“อืม ยังไงคุณก็ไปคุยกับญาติอีกฝ่ายได้เลย เรื่องนี้ให้คุณจัดการ”

“ค่ะ”

พอได้ยินว่าพลพัฒน์กำลังจะหมั้นกับคนอื่นคุณนายสี่ก็นั่งนิ่งเหมือนถูกสาป สายตามองข้าวในจานที่ยังเหลืออยู่เกือบครึ่ง ผิดกับคุณนายรองเห็นท่าทางคุณนายสี่ก็อดยิ้มเยาะไม่ได้ พลพัฒน์มองคุณนายสี่ด้วยความรู้สึกเห็นใจ แต่ก็รู้สึกสงสารตัวเองเหมือนกันที่ต้องมั่นกับผู้หญิงที่แม่หาให้ ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรกับหุ่นกระบอก

            มื้อเย็นจบลงด้วยความรู้สึกกดดันจนรู้สึกเจ็บกระเพาะ ยังไงปฐวีร์ก็ทำใจให้ชินกับชีวิตแบบนี้ไม่ได้ เมื่อก่อนที่ไม่เคยรับรู้อะไร ไม่เข้าใจอะไร โง่ มองโลกในแง่ดี จนมองไม่เห็นสายตาที่ทุกคนในบ้านมองมา แต่ตอนนี้ไม่ใช่ จะทำอะไรต้องระมัดระวังถึงแม้จะอยู่ในบ้าน เขาเดินเข้าครัวถามแม่บ้านว่าพอจะมียาลดกรดในกระเพาะบ้างไหม แม่บ้านเห็นเจ้านายรู้สึกไม่สบายก็วิ่งหายาให้ทันที

ปฐวีร์ได้กินยาก็รู้สึกดีขึ้นบ้างเขาเดินลูบท้องกลับห้อง ในใจได้แต่คิดว่ากับข้าวราคาแพงมันคงไม่ถูกกับกระเพาะเขาจริง ๆ รสชาติก็ยังแย่อีก สู้ข้าวมันไก่แป๊ะร้านหัวมุมถนนใหญ่ไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าไปแล้วไม่รู้ว่าป่านนี้คนขับรถมาส่งกลับถึงบ้านและกินข้าวแล้วรึยัง คิดแล้วก็อยากรีบกลับห้อง แต่ขณะที่เขาเดินผ่านโถงทางเดินก็ได้ยินเสียงเหมือนคนคุยกัน เขาหยุดฟังอยากรู้ว่าใครมาคุยอะไรกันตรงนี้

“พี่พลนี่โชคดีจังเลยนะคะที่จะได้มั่นกับผู้หญิงดี ๆ อย่างยัยลูกศร” พิมพ์รตาพูดขึ้นเพื่อขัดจังหวะพลพัฒน์และคุณนายสี่ คุณนายสี่ถอยห่างจากพลพัฒน์ทันที

“พิมพ์รู้ได้ยังไงว่าลูกศรเป็นคนดี”

“ก็ต้องดีกว่าผู้หญิงหิวเงิน ไม่มียางอายเป็นไหน ๆ” พิมพ์รตาพูดแล้วมองหน้าคุณนายสี่ แล้วยิ้มเยาะ

“ถ้าจะพูดกระทบกระเทียบคนอื่นก็พอเถอะ” พลพัฒน์เตือนน้องสาว

“ทำไมคะ เจ้าตัวเขายังรับได้ ไม่เห็นพูดอะไรสักคำ แล้วพี่จะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนทำไม” เธอเริ่มไม่เข้าใจพี่ชายทำไมต้องปกป้องผู้หญิงพรรค์นี้ด้วย มันมีดีอะไร

“พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าพี่เป็นคนเริ่มทุกอย่างเอง” ชายหนุ่มเริ่มทนไม่ไหว มองใบหน้าคนรักที่ซีดลงจนน่าสงสาร แล้วยังต้องมาทนฟังคำพูดพวกนี้อีก เขาอยากเข้าไปกอดปลอบเธอแต่มันรังแต่จะทำให้ทุกอย่างมันเลวร้ายลงกว่าเดิม เขายืนมองหน้าเธอในใจรู้สึกเจ็บปวด หลายคืนที่ผ่านมากว่าจะข่มตาให้หลับได้ บางครั้งต้องมองดูรูปเธอในโทรศัพท์เพื่อคลายความคิดถึง เขาคิดว่าเธอก็คงไม่ต่างกัน ตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลังเหมือนคนขี้ขลาดดี พลพัฒน์หักห้ามความรู้สึกทุกอย่างไว้ และตัดใจรีบเดินหนีออกจากตรงนั้น

คุณนายสี่เห็นพลพัฒน์ตัดใจเดินจากไปเธอกำลังจะเดินตามไปแต่กลับถูกพิมพ์รตายืนขวางทางไว้

“จะไปไหน ที่ของเธออยู่ทางโน้น” คุณนายสี่พูดอะไรไม่ออกทำได้แค่เดินหลบออกมาจากตรงนั้น

            กลับมาถึงบ้านคุณนายสี่เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์บาร์ หยิบเหล้าที่วางอยู่รินลงในแก้ว แล้วดื่มลงไปรวดเดียวหมดแก้ว หลายต่อหลายคืนที่เธอใช้มันเป็นตัวช่วยให้เธอหลับสนิท ลืมความเจ็บปวดไปได้ชั่วขณะ

“อึก ฮึก” ดูเหมือนว่าคืนนี้มันจะไม่ได้ผล เธอปล่อยน้ำตาที่อดกลั้นให้ไหลออกมา ตั้งแต่ที่ได้ยินว่าพลพัฒน์จะหมั่น หัวใจเธอก็เหมือนจะแตกสลายหน้าอกรู้สึกปวดร้าวไปหมด

“ทำไม ทำไมเรื่องทุกอย่างต้องเป็นอย่างนี้” เธอคร่ำครวญกับตัวเอง แนบแก้มลงบนเคาน์เตอร์มองน้ำสีสวยที่คอยเป็นเพื่อนปลอบใจเธอตลอดหลายวันที่ผ่านมา ขนาดเหล้าที่เธอดื่มยังขมเลย แล้วจะไม่ให้ชีวิตเธอขมได้ยังไงกัน แอลกอฮอล์ในเหล้าที่ดื่มเข้าไปค่อนข้างแรง มันกำลังออกฤทธิ์ทำให้สติของเธอเลื่อนลอยและรางเลือน สุดท้ายเธอก็ครองสติไว้ไม่อยู่แล้วหลับไปพร้อมกับน้ำตาอีกคืน

ในบ้านเงียบลงได้ไม่นานก็มีเสียงประตูบ้านเปิดออกพร้อมกับมีร่างชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาอุ้มคนเมาไม่ได้สติออกจากบ้านไป

            สายลมตอนเช้ากำลังทักทายต้นไม้ใบหญ้าเหมือนทุกวัน ทำให้ชายสูงอายุผมแซมด้วยสีขาวยืนอยู่ในสวนอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา ทุกครั้งที่มีเวลาว่างเขามักจะมาทบทวนความหลัง คิดถึงช่วงเวลาที่มีความสุขที่นี่ สายลมพัดแรงขึ้นจนดอกปีบทนแรงลมไม่ไหวหลุดปลิวตกลงมาเกลื่อนพื้น ปทีปเงยหน้าขึ้นมองดอกปีบสีขาวห้อยย้อยลงมาเหมือนโคมไฟ

*“ถ้าพวกเรามีบ้านหนึ่งอยากจะปลูกต้นปีบหลายต้น หนึ่งชอบเวลาลมพัดดอกปีบสีขาวร่วงจากต้น แล้วยังมีกลิ่นหอมด้วย”*  เขายังจำคำพูดนั้นได้ทำให้ที่ตรงนี้กลายเป็นสวนดอกปีบ และเขาเป็นคนปลูกเองกับมือ เวลาความสุขมักสั้นเสมอเมื่อมีเรื่องราวหลายอย่างเกิดขึ้น ถึงอย่างนั้นความรักของทั้งสองก็ไม่เคยลดลงกลับเพิ่มขึ้น เมื่อหนึ่งฤทัยให้กำเนิดลูกชายน่ารัก ถึงจะอยากลำบากและใช้เวลานานแต่ลูกชายของทั้งคู่ก็แข็งแรง แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ต้องสูญเสียภรรยาที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ

“หนึ่งผมและลูกสบายดี ถึงวีร์ต้องออกไปอยู่ข้างนอก แต่ก็เพื่อลูกจะได้มีอิสระ ไม่เหมือนผมที่ไม่มีอิสระอะไร” ปทีบพูดกับสายลมเผื่อมันจะพาคำพูดของเขาไปถึงหนึ่งฤทัยได้

“มาอยู่นี่เองหรือคะ ตื่นขึ้นมาไม่เห็นคุณนึกว่าหายไปไหน” คุณนายรองเดินเข้ากอดสามี

“อืม เข้าบ้านกันเถอะในสวนมีแมลงเยอะ” ปทีปหวงที่นี่เขาไม่ชอบให้ใครเข้ามา เพราะมันเป็นของเขากับหนึ่งฤทัย

“ค่ะ” คุณนายรองไม่เข้าใจสามี มีเวลาทีไรต้องมาขลุกตัวอยู่ในสวนดอกปีบเป็นชั่วโมง ที่นี่ดูเงียบวังเวงจนน่ากลัว ปกติคนในบ้านก็ไม่มีใครเข้ามา เธอกวาดสายตามองรอบสวนอีกครั้งก่อนจะรีบเดินตามสามีออกไป ทั้งสองเดินคู่กันคุณนายรองชวนคุยเรื่องนั้นทีเรื่องนี้ที จนเดินมาถึงบ้านใหญ่

“กรี๊ด” เสียงกรีดร้องดังแว่วมา ทำให้ทั้งสองมองหาที่มาของเสียง

“เสียงอะไรน่ะ” ปทีปขมวดคิ้วรู้สึกกังวลใจว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นในบ้าน

“ไม่รู้เหมือนกันค่ะดังมาจากบ้านพักคนงาน” เธอมองหาคนงานที่อยู่แถวนี้ “แจ่ม แจ่มมานี่สิไปดูสิว่าที่บ้านพักคนงานเกิดอะไรขึ้น” หญิงคนงานรีบไปดูตามเจ้านายสั่ง สักพักก็วิ่งกระหืดกระหอบกลับมา “คุณนายรองคะ คุณนายรอง”

“มีอะไร ตั้งสติก่อนค่อยพูด”

“คือ ไอ้มั่นมันเล่นชู้กับคุณนายสี่” บรรยากาศรอบ ๆ เงียบลง แววตาปทีปเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้น มองหน้าหญิงคนงาน

“แกพูดอะไรบ้าๆ พูดแบบนี้คุณนายสี่เสียหายนะ” เธอพูดแล้วไม่ลืมเหลือบมองท่าทีของสามี

“หนูพูดความจริง” เธอลนลานเพราะกลัวจะถูกไล่ออก “คนงานคนอื่นก็เห็น ไม่เชื่อไปดูก็ได้ค่ะ หนูไม่ได้โกหก“ เธอกลัวเจ้านายทั้งสองไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด

“พาฉันไปดู” ปทีปเดินตามหญิงสาวคนงานไป คุณนายรองรีบเดินตามไปอีกคน เธอแอบเผยรอยยิ้มออกมาแล้วเปลี่ยนเป็นใบหน้ากังวลใจ

            ความวุ่นวายเกิดขึ้นแต่เช้าเมื่อคุณนายสี่พบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาในห้องของใครสักคน และมีผู้ชายอีกคนนอนร่วมเตียง จากนั้นก็มีคนเปิดประตูห้องเข้ามา หญิงคนงานคนนั้นเห็นทั้งคู่แล้วกรี๊ดร้องเสียงดังเหมือนเป็นสัญญาณให้รู้ว่าเรื่องราวทุกอย่างกำลังจะเริ่มต้นต่อจากนี้ อาการปวดหัวจากฤทธิ์แอลกอฮอล์กำลังเล่นงานผสมกับสายตาหลายคู่อยู่หน้าประตูมองมาที่เธอ มองกวาดสายตาผ่านไปจนเห็นสายตาที่ฉายแววความเจ็บปวด พลพัฒน์หลับตากำมือแน่นระงับอารมณ์ไว้ เขาเข้าใจแล้วว่าถ้าเขาไม่ทำตามคำเตือนของแม่จะเกิดอะไรขึ้นแต่ไม่นึกว่าผู้หญิงที่เขามีใจให้ก็ต้องมีจุดจบเหมือนตายทั้งเป็นอย่างนี้ เขากำลังจะแหวกคนงานเข้าไปกลับถูกมือใครสักดึงไว้

“พี่มาทำอะไรตรงนี้” พิมพ์รตาไม่ยอมให้พี่ชายทำลายแผนที่แม่วางไว้ ยังไม่ได้พูดอะไรเสียงที่ไม่ยากได้ยินก็ดังขึ้น

“คุณนายสี่ ที่คุณทำหมายความว่ายังไง” คุณนายรองมาถึงก็เปิดคำถามทันที

“ฉ..ฉันไม่รู้ ฉันจำอะไรไม่ได้” เห็นคุณนายรองอยู่ตรงหน้าเธอก็ไม่โง่พอจะไม่รู้ว่าทุกอย่างเป็นแผนที่ถูกเตรียมมาอย่างดี และเธอคงไม่มีทางดิ้นหลุด แล้วชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้าง ๆ ก็ตื่นขึ้นมา

“นายมั่นนี่มันเรื่องอะไรทำไมแกเป็นคนอย่างนี้ กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา”

“ผ..ผมไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่อคืนคุณนายสี่มาหาผมที่ห้อง จากนั้น..” คำพูดตะกุกตะกักปฏิเสธกลาย ๆ ว่าไม่ได้เป็นคนผิด และเหมือนชี้ชัดว่าตัวคนร้ายคือคุณนายสี่ เธอได้ยินแล้วอยากจะหัวเราะทั้งเจ้านายลูกน้องเล่นละครได้เก่งจริง ๆ น่าจะเปลี่ยนอาชีพจากคนสวนไปเป็นนักแสดงน่าจะดีกว่า

“ฉันไม่นึกว่าเธอจะเป็นอย่างนี้ คงจะทำมานานแล้วสิ” ปทีปได้ยินคำพูดของคุณนายรองแต่ละคำฟังแล้วระคายหูยังไงไม่รู้ “พอเถอะ”

“พอ หรือคะ คุณจะปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในครอบครัวเราไม่ได้นะคะ” เธอยังไม่ยอมแพ้วันนี้คุณนายสี่ต้องออกไปจากบ้านหลังนี้

“โอ๊ย” ปทีปอยู่ดี ๆ ก็ล้มลงกับพื้น “คุณ คุณ เป็นอะไร” ทุกคนแตกตื่นขึ้นมา

“คุณ คุณ” คุณนายสี่รีบถลาเข้าไปดูคนล้มไปนอนกับพื้นอย่างเป็นห่วง

“เอามือสกปรกของเธอออกไปจากพ่อฉัน” พิมพ์รตาผลักอีกฝ่ายออก “เป็นเพราะเธอพ่อฉันต้องเป็นอย่างนี้” ทุกอย่างวุ่นวายพลพัฒน์รีบโทรตามรถพยาบาล

            เสียงสัญาณรถพยาบาลดังขึ้น ปลุกคนนอนสบายบนเตียงให้ตื่น ปฐวีร์รีบลุกจากเตียงออกมาดูตรงระเบียงเห็นเจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉิน พยาบาลช่วยกันแบกใครสักคนขึ้นรถ เขารีบวิ่งลงมาจากห้องเห็นคนในบ้านยืนมองรถพยาบาลเคลื่อนออกไป “ใครเป็นอะไร”

“คุณท่านค่ะ คุณท่านเป็นลมหมดสติ”

“พ่อ”



*******************************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 21 [05/10/61]
«ตอบ #45 เมื่อ05-10-2018 20:32:12 »

ก็ยังเป็นครอบครัวที่วุ่นวายชิงดีชิงเด่นกันจริงๆ

ออฟไลน์ 30267

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 21 [05/10/61]
«ตอบ #46 เมื่อ05-10-2018 21:28:53 »

ถ้าพ่อวีร์ไม่มีเมียหลายคน บ้านคงสงบสุขกว่านี้

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 22 [07/10/61]
«ตอบ #47 เมื่อ07-10-2018 20:15:43 »

ตอนที่ 22



เหตุการณ์เหนือความคาดหมาย คุณนายรองร้อนใจในสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ เธอไม่ได้ต้องการให้มันเป็นอย่างนี้ เธอแค่ต้องการเฉดหัวผู้หญิงไร้ยางอายคนนั้นออกจากบ้าน ออกจากชีวิตลูกชาย เธอผิดเหรอ สายตาที่พลพัฒน์มองมาคือการตำหนิ “ฉันทำทุกอย่างเพื่อแก”

“ผมชักไม่แน่ใจว่าเพื่อผมหรือเพื่อตัวคุณแม่เอง” พีรพัฒน์ธ์รู้สึกสูญเสียคนรัก และพ่อไม่รู้จะเป็นตายร้ายดี

“พี่อย่าว่าคุณแม่นะ ทุกอย่างมันเป็นเพราะพี่”

“ขอโทษครับ มีใครอ่านหนังอ่านหนังสือไม่ออกบ้าง หรือมองไม่เห็นป้ายหรือครับเขาบอกว่าห้ามส่งเสียงดัง” ปฐวีร์ห้ามทั้งสามไว้ ทุกคนกำลังร้อนใจเป็นห่วงคนที่ถูกพาเข้าไปในห้องฉุกเฉินเกือบสองชั่วโมงแล้ว แล้วไฟป้ายหน้าห้องฉุกเฉินดับลง คุณหมอพยาบาลเดินออกจากห้อง ตามด้วยเจ้าหน้าที่เข็นรถผู้ป่วยเข้าห้องผู้ป่วย CCU ทุกคนเดินตามไปเงียบ ๆ

“พวกคุณเป็นญาติผู้ป่วยใช่ไหมครับ” ทุกคนพยักหน้าต่างตั้งใจฟังคำพูดของหมอ “อาการเป็นลมหมดสติครั้งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง” ทุกคนได้ฟังต่างอยู่ในความคิดของตัวเอง ไม่ค่อยเข้าใจที่หมอพูดเท่าไหร่แต่ต่างคิดว่าเหตุการณ์ความวุ่นวายเมื่อเช้าล้วนมีส่วน

คุณหมอไม่สามารถบอกได้ว่าคนไข้จะฟื้นตอนไหน ขึ้นอยู่กับกำลังใจของครอบครัว และอาการยังอยู่ในช่วงวิกฤตไม่อนุญาตให้เยี่ยมในช่วงสองสามวันแรก ต่อจากนั้นจะให้เยี่ยมหรือไม่ต้องดูอาการคนไข้ต่อไปอีก ทุกคนรับทราบ แล้วแยกย้ายกันกลับ เพราะอยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร

            กลับถึงบ้านคุณนายรองให้คนงานช่วยกันไล่คุณนายสี่ออกจากบ้าน พลพัฒน์อยากช่วยแต่ก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายเดือดร้อนไปกว่านี้ บรรยากาศในวีรวัฒฑณกุลธรรมไพศาลทรัพย์เปลี่ยนเป็นเงียบเหงาลงทันที พวกเขาไม่รู้ชะตากรรมพวกเขาต่อจากนี้จะเป็นไปในทิศทางไหน

            คุณนายรองตระหนักได้ถึงความไม่แน่นอนในชีวิตของตัวเองและลูกขึ้นมาทันทีเมื่อขาดปทีบไป เธอเป็นแค่เมียนอกสมรสไม่มีทรัพย์สินอะไรเป็นของเธอ นอกจากเงินสดเครื่องประดับไม่เท่าไหร่ เธอควรจะทำอย่างไรดีถ้าเกิดปทีบไม่ฟื้นขึ้นมา เธอกลุ้มใจหาทางออกไม่ได้จนต้องโทรศัพท์ไปปรึกษาพ่อของเธอ

            หลายวันผ่านไป คุณนายรอง คุณนายสาม แวะไปเยี่ยมปทีปถึงโรงพยาบาลจะบอกว่าคุณหมอไม่อนุญาตให้เยี่ยมก็ตาม

ปฐวีร์ไม่ได้ขอเข้าเยี่ยม เขาแค่ยืนอยู่ข้างนอกมองพ่อนอนอยู่บนเตียง ด้านข้างมีเครื่องวัดสัญญาณชีพดังเป็นระยะ หน้าตาพ่อเหมือนคนกำลังหลับ ปฐวีร์กำลังสงสัยอาการป่วยกะทันหันและไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน ถึงหมอจะบอกว่าได้รับกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง คุณนายสี่กับพ่อแทบจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน คุยก็ไม่เคยเห็นคุยกัน แล้วอาการป่วยก็ไม่เคยปรากฏให้เห็นมาก่อน นั่นเป็นเหตุผลที่เขายังอยู่ที่บ้านใหญ่ รอเวลาที่คุณนายรองไม่อยู่แอบเข้าไปในห้องพ่อ ห้องคุณนายรอง แต่กลับไม่เจออะไรที่น่าสงสัย แม้แต่ยาที่เกี่ยวกับอาการของพ่อก็ไม่เจอ ดูเหมือนเขาอาจจะเข้าใจผิด การทนอยู่ในบ้านใหญ่หลายวันเสียเวลาเปล่า ทุกอย่างที่เห็นผ่านกระจกวันนั้นเกิดขึ้นจริง แล้วภาพเหตุการณ์ต่อจากนั้นล่ะ เขาอยู่ในห้วงความคิดไม่สนใจว่าอาจารย์กำลังพูดอะไรอยู่หน้าห้อง ไม่ได้ยินว่าเพื่อนกำลังคุยกันว่าตอนเที่ยงจะไปหาอะไรกินกันดี

“วีร์ วีร์”

“อะ อะไรวจี มีอะไร”

“อาจารย์ให้จับกลุ่มทำงาน” ปฐวีร์ดึงสติกลับคืนมาช่วยเพื่อนทำงานกลุ่ม มัวแต่แค่คิดมากก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก ตอนนี้เขาต้องตั้งสติ เพื่อเตรียมรับมือกับเรื่องที่กำลังจะตามมาดีกว่า

            หมดชั่วโมงเรียนช่วงเช้าปฐวีร์กับเพื่อน ๆ หิ้วท้องลงมาหาอะไรกินที่โรงอาหารเหมือนทุกวัน แต่วันนี้โชคดีหน่อยที่อาจารย์ยกเลิกคลาสช่วงบ่าย พวกเขาจึงไม่รีบ แต่ถึงอย่างนั้นอาจารย์ยังทิ้งงานให้เข้าหอสมุดเพื่อค้นคว้าส่งในชั่วโมง เติมพลังงานจนเต็มท้องทุกคนก็ไปที่หอสมุด วจีเห็นหนังสือบนชั้นรู้สึกปวดหัวขึ้นมา เปลี่ยนเป็นหนังสือนิยายเธอคงมีความสุขที่สุด พีรพัฒน์กลับอยากให้กลายเป็นชั้นวางแผ่นเกม กับแผ่นอนิเมชั่น เขาคงหมกตัวในห้องไม่ไปไหนสักหลายเดือน  ทุกคนมองหัวข้อแล้วไม่รู้ว่าเริ่มจากตรงไหน  ปฐวีร์ออกความคิดว่าช่วยกันเพราะทุกคนต่างได้หัวข้อเดียวกัน ทุกคนเห็นด้วยและเริ่มช่วยกัน

            ทำงานเสร็จแล้วทุกคนรวบรวมงานไปส่งบนโต๊ะอาจารย์ จากนั้นต่างแยกย้าย ปฐวีร์ยังลังเลว่าวันนี้จะกลับบ้านใหญ่หรือจะกลับไปที่คอนโดมิเนียมดี เทวาชอบส่งข้อความให้กลับไปคอนโดมิเนียมแทบทุกวัน ไหนจะเอาของกินมาล่อ ชวนไปกินโน่นกินนี่ มาเรียนก็บ่นไม่มีเวลาเจอกัน

“คุณปฐวีร์” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งเรียกคนใจลอยไว้ เขาหันไปมองหน้าผู้หญิงคนนั้นให้ชัด “คุณนายสี่”

“ค่ะ ฉันเอง พอดีฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ”

“กับผม” เขาทำหน้าประหลาดใจร้อยวันพันปีไม่เคยคุยกัน

“ขอเป็นที่เงียบ ๆ นะคะ”

ปฐวีร์ไม่เข้าใจว่าเธอต้องการอะไร แต่ก็พยักหน้าทำตามที่เธอบอก เขาโบกมือเรียกแท็กซี่ พาหญิงสาวไปหาที่เงียบคุยกัน

นั่งรถแท็กซี่ออกมาได้สักพักใหญ่ รถก็ชะลอหน้าร้านกาแฟใกล้คอนโดมิเนียมเก่าของปฐวีร์ เขาพาเธอเข้าไปในร้านเลือกมุมในสุด สั่งสเต๊กหมูพริกไทยดำ ของกินเล่นกับเครื่องดื่มมากินรองท้อง “เป็นคุณนี่ดีจังเลยนะคะ” เห็นท่าทางไม่ทุกข์ร้อนของชายหนุ่มเธอรู้สึกอิจฉา ไม่ต้องมีรถขับราคาแพง แต่งตัวธรรมดา กระเป๋าก็ดูเหมือนจะใช้จนเก่า โทรศัพท์ก็ยังเป็นรุ่นเก่าที่ออกมาเมื่อปีที่แล้ว ดูแล้วไม่เหมือนทายาทเจ้าของกิจการหลายหมื่นล้านสักนิด

“ยังไง” เขาถามเมื่อไม่เข้าใจสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ

“ดูมีอิสระ มีชีวิตเป็นของตัวเอง”

“หึ หึ คุณนายสี่คุณอย่าลืมว่าผมถูกไล่ออกจากบ้านนะ”

หญิงสาวอยากจะหัวเราะมุกตลกฝืดของอีกฝ่าย คนที่ถูกไล่ออกจากบ้านจะดูมีความสุขอย่างนี้เหรอ ที่ถูกไล่ออกมานั่นมันเธอต่างหาก “ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น แต่ยังไงทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมายคือคุณคนเดียว คุณนายรองเป็นแค่เมียนอกสมรส ทรัพย์สินทุกอย่างกว่าครึ่งเป็นของคุณ ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าทั้งหมดถึงจะถูก อ้ออีกอย่าง กรุณาอย่าเรียกฉันว่าคุณนายสี่อีกเลย”

“อืม” เขาพอจะเข้าใจที่เธอพูด “ที่จริงผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องที่เกิดวันนั้นเหมือนกัน แต่คิดว่าคนอย่างคุณคงไม่อดยากจนไปคว้าคนสวนมาหรอกนะ ใช่ไหม” ไม่ใช่ไม่ค่อยรู้เรื่องต้องบอกว่าเขาไม่สนใจมากกว่า “แล้วเรื่องที่คุณ...”

“ป่านฟ้า”

“เรื่องที่คุณป่านฟ้าต้องการจะคุยคืออะไร”

“ฉันอยากให้คุณช่วย” เธอบอกจุดประสงค์ที่ไปดักรอชายหนุ่มตลอดหลายวัน

“อืม แล้วอะไรที่ทำให้คุณมั่นใจว่าผมจะช่วยคุณ คนที่ทรยศพ่อ และทำให้พ่อนอนไม่ได้สติ”

“เพราะฉันเชื่อว่าฉันไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้พ่อของคุณนอนไม่ได้สติ” ชายหนุ่มประเมินผู้หญิงตรงอีกครั้ง แววตาของเธอไม่มีท่าทางบอกว่าโกหก

“ถ้าอย่างนั้นลองบอกเหตุผลที่ช่วยยืนยันคำพูดของคุณที” หญิงสาวหยิบซองเอกสารน้ำตาลออกกระเป๋ายื่นให้อีกฝ่ายดู เขามองซองเอกสารอย่างแปลกใจและรับมาเปิดดู อ่านเนื้อหาเอกสารข้างในแล้วก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยแปลกใจ ไม่นึกว่าพ่อของเขาจะทำสัญญาแบบนี้  เธอกลัวว่าชายหนุ่มจะไม่เชื่อ “คุณสามารถโทรไปสอบถามกับทนายประจำตระกูลได้ ส่วนสาเหตุที่ทำสัญญานี้ขึ้นมา....” เธอเล่าความเป็นมาของสัญญา พ่อของเธอในช่วงที่ร่ำรวยได้ช่วยปทีปไว้ หลังจากนั้นผ่านไปหลายปีมีผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งเกิดถูกใจเธอเข้า พยายามบีบครอบครัวให้ยกเธอให้ แต่พ่อไม่ยอม พ่อของเธอหันหน้าไปทางไหนก็มีแต่คนส่ายหน้า ขนาดเพื่อนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายปีก็หันหลังเดินหนี พ่อของเธอจึงบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากปทีป  ปทีปตกลงช่วยเหลือโดยไม่ลังเล แต่จะทำให้คนที่มีอิทธิพลคนนั้นรามือยังไง จึงได้เกิดสัญญาขึ้นมาว่าเธอต้องเข้าไปอยู่ในฐานะคุณนายสี่เมื่อเธอครบอายุ 23 ปีหรือครบเจ็ดปีเธอจะพ้นสภาพ 

“นั่นทำให้ฉันมั่นใจว่า ฉันกับคุณพ่อคุณไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันในเชิงชู้สาว ฉันกลับคิดว่าคุณปทีปเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง”

“เข้าใจแล้ว ตัดประเด็นนี้ไป แล้วเรื่องที่คุณนายรอง ทำไมถึงต้องกำจัดคุณ” ป่านฟ้าฟังคำถามแล้วต้องถอนใจ เริ่มเล่าเรื่องที่เป็นเหตุชนวนที่ทำให้เธอถูกตราหน้าว่ามีชู้ ปฐวีร์พยักหน้ารับรู้ ใบหน้าแสดงความเห็นใจ และถอนหายใจ อดคิดถึงเรื่องตัวเองไม่ได้ ขนาดป่านฟ้าเป็นผู้หญิงสวยยังถูกคุณนายรองรังเกียจ แล้วความรักแบบของเขาล่ะ มันเป็นเรื่องที่สังคมไม่ยอมรับ หลายคนรังเกียจ บางคนเห็นแล้วต้องด่าว่าวิปริต พ่อแม่ของเทวาจะรู้สึกยังไงจะรับเรื่องแบบนี้ได้รึเปล่า คิดแล้วก็รู้สึกหนักใจขึ้นมา

            ปฐวีร์พาป่านฟ้าไปพักที่ห้องคอนโดมิเนียมเก่า เธอรู้สึกพอใจกับห้องพัก ถูกไล่ออกมาจากบ้านวีรวัฒฑณ ฯ แทบไม่มีอะไรติดตัวมาเลย ถึงจะมีเงินในบัญชีจำนวนหนึ่งแต่ใครจะรับรองว่ามันจะไม่หมด “คุณจะทำยังไงต่อไป”

“ฉันไม่รู้เหมือนกัน”

“อื้อ มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน แต่ถ้าช่วงนี้คุณว่างก็นั่งแช่งคุณนายรองไปพลาง ๆ”

“ได้” เธอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่อยากให้เธอคิดอะไรมาก

“อ้อ ถ้าคุณอยากเห็นคุณนายรองบ้า ผมแนะนำว่าวันหมั้นถ้าพลพัฒน์หายไป คุณนายรองต้องเต้นแน่”

“นั่นสิ หรือฉันจะอุ้มท้องไปที่งานดี” เธอพูดจบทั้งสองก็หัวเราะแทบพร้อมกัน

            ผ่านไปอีกหลายวันอาการของปทีปทรงตัว หมออนุญาตให้เยี่ยมได้แต่จำกัดแค่วันละหนึ่งชั่วโมง เวลาถูกจัดสรรโดยคุณนายรอง วันแรกที่หมออนุญาตให้เข้าเยี่ยมทุกคนต่างอยู่กันพร้อมหน้า ยืนฟังคุณนายรองเล่าเรื่องไม่เป็นเรื่องให้คนไม่ได้สติฟัง ปฐวีร์รู้สึกหัวใจคันยุบยิบถ้าเขาเป็นพ่อก็คงไม่อยากฟื้นขึ้นมา บางทีอาจจะลุกขึ้นมาถอดเครื่องช่วยหายใจออกเอง เขากลอกตาไปมาทนภาพตรงหน้าไม่ไหวเดินปลีกตัวออกมาสูดอากาศข้างนอก

            เกือบสัปดาห์แล้วที่เทวาไม่มีโอกาสได้เจอคนรัก ถึงจะรู้ข่าวว่าหัวหน้าครอบครัววีรวัฒฑณ ฯ ป่วยหนัก คนของเขาต้องกลับไปนอนบ้านใหญ่ เรียนเสร็จต้องรีบมาดูอาการพ่อ เขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ด้วยแรงคิดถึงหลังจากเรียนเสร็จเขาบึ่งรถตรงมาที่โรงพยาบาลทันที ขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นบน มองหาห้องที่คนรักบอก

“นั่นคุณเทวา รึเปล่าคะ”

“เอ่อ อ้อครับ คุณ...” เทวารู้สึกไม่คุ้นหน้าหญิงสาว

“พิมพ์รตา วีรวัฒฑณ ฯ พวกเราเคยเจอกันแล้วตอนงานเปิดตัวสินค้าล่าสุด”

“ครับ” เขาตอบรับส่งส่ง ที่จริงเขาจำเธอไม่ได้

“บังเอิญจังเลยนะคะที่เจอคุณที่นี่ มาทำธุระหรือคะ”

“ครับ คือ...” กำลังจะพูดต่อแต่เห็นปฐวีร์กำลังเดินตรงมาทางนี้ เทวาส่งยิ้มให้ แต่ก็ต้องหุบยิ้มทันทีเมื่อปฐวีร์มองมาด้วยสายตาคนไม่รู้จักแถมยังเดินหนีไปอีกทาง ชายหนุ่มตกใจที่ถูกมองด้วยสายตาแบบนั้น “ขอโทษนะครับพอดีผมต้องไปทำธุระ”

“เอ่อ เดี๋ยวคือ...” เธอพยายามเรียกชายหนุ่มไว้ เธอรู้สึกหงุดหงิดนี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เธอถูกปฏิเสธ

เทวารีบเดินตามปฐวีร์ “วีร์ วีร์” เรียกเท่าไหร่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมหยุด ไม่แม้แต่จะหันมา “พี่ทำอะไรผิด พี่ขอโทษ” ชายหนุ่มไม่เคยเจออีกฝ่ายเป็นแบบนี้มาก่อน ปฐวีร์ไม่ตอบเลือกเดินหนีเข้าห้องน้ำ แต่เรื่องอะไรร่างสูงจะยอมเขาดันประตูไว้แล้วเบียดตัวเข้าไปด้วย “เฮ้ย เข้ามาทำไมคนจะเข้าห้องน้ำ”

“อย่าบอกนะที่เรียกตั้งนานไม่หยุดเนี่ยเพราะอยากเข้าห้องน้ำ”

“อื้อ รู้แล้วก็ออกไปได้แล้วปวดฉี่จะราดแล้ว” คนตัวสูงยังยืนจ้องอีกฝ่ายนิ่ง “โกรธอะไรพี่”

ปฐวีร์ตวัดสายตามองอีกฝ่าย เมื่อจำได้ว่าเห็นเทวายืนคุยอยู่กับใคร “ปึ้ง โอ้ย” ร่างสูงถูกดันจนหลังชนเข้ากับผนังห้องน้ำ ก่อนที่จะพูดอะไรเทวาเห็นความเจ็บปวดผ่านดวงตาคู่สวย ปฐวีร์ซบหน้าลงบนอกอุ่นพูดเสียงแข็งว่า “ผมไม่ชอบให้คนของผมไปคุยกับคนอื่น โดยเฉพาะผู้หญิงคนนั้น” เป็นคำพูดที่ค่อนข้างเอาใจ แต่เขายังจำภาพความฝันได้แม่น ว่าใครเป็นแย่งคนรักของเขาไป ถึงส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะคนรักของเขาไม่หนักแน่นพอจนปล่อยคนอื่นเข้าแทรกกลาง ผู้หญิงใจร้ายคนนั้นทำลายชีวิตเขายังไงบ้าง ทั้งสีหน้าแววตาและคำพูดของเธอยังชัดเจน อนาคตได้เปลี่ยนไปแล้ว เธอยังจะตามมาแย่งคนรักของเขาอีก แต่คราวนี้เขาจะไม่ยอมเขาสัญญาจะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น ร่างสูงลูบแผ่นหลังคนตัวเล็กที่กำลังสั่น

“ไม่มีอะไรเธอแค่เข้ามาทัก” ปฐวีร์เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงกำชายเสื้ออีกฝ่ายแน่น ต้องให้มีอะไรกันก่อนรึไง

“พี่คงไม่รู้ว่าผมขี้หวง” พูดแล้วก็งับแขนอีกฝ่ายจนเป็นรอย “เป็นหมารึไงเรา” ปฐวีร์เปลี่ยนจากแขนข้างหนึ่งไปกัดอีกข้าง ดึงคอเสื้อคนตัวสูงลง แล้วงับที่ไหล่กว้างและแถมท้ายด้วยทำรอยบริเวณต้นคอ ร่างสูงปล่อยให้อีกฝ่ายทำจนพอใจ

“เป็นไง กินพี่อิ่มรึยัง” ปฐวีร์ยังไม่ทันตอบท้องทรยศก็ร้องโครมครามเสียงดัง “ท่าทางจะยังไม่อิ่ม ไปกินข้าวมันไก่ร้านแป๊ะกัน”

“ยังงอลอยู่อย่าเอาของกินมาล่อ อีกอย่างเย็นป่านนี้แล้วแป๊ะปิดร้านแล้วอย่ามาหลอก” ปฐวีร์ทำหน้าบู๊ดแต่น้ำเสียงบอกว่าอารมณ์ดีขึ้นมาก

เทวาเกาแก้มแก้เขินเมื่อถูกรู้ทัน “ไม่ได้หลอกบอกแป๊ะว่าจะพาแฟนไปกินข้าว ให้แป๊ะปิดร้านดึกหน่อย” เทวาพยายามชวนอีกฝ่าย เขาอุตส่าห์คิดแผนนี้ขึ้นมาเพื่อให้ปฐวีร์ไปกับเขา ไม่เจอหน้าอีกฝ่ายคิดถึงเป็นบ้า

“อือ งั้นก็รีบไปเดี๋ยวแป๊ะจะรอ” ปฐวีร์จูงมือคนตัวโตไป อารมณ์เมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นดีขึ้น

            มาถึงร้านข้าวมันไก่ประตูร้านยังเปิดแง้มอยู่ ทั้งคู่มาถึง หมวยลูกสาวอาแป๊ะก็รีบเข้ามาต้อนรับ เธอเห็นทั้งคู่มากินข้าวที่ร้านบ่อย ๆ เห็นท่าทางไม่ค่อยเหมือนเพื่อน ถามไปถามถึงได้รู้ว่าทั้งสองเป็นคนรักกัน หมวยแทบเลือดกำเดาพุ่งคนหนึ่งหนุ่มหล่อหุ่นนักกีฬา อีกคนหนุ่มหล่อตี๋ นี่มันคือที่สุดของความฟิน พูดคุยสองสามคำเธอก็รีบเอาข้าวมันไก่ ข้าวน้อยไก่เยอะ ๆ น้ำซุปถ้วยใหญ่ร้อน ๆ มาเสิร์ฟที่โต๊ะ ปฐวีร์ที่หิ้วท้องรอก็กินอย่างอร่อย คนตัวสูงตักเนื้อไก่ตักแตงกวาให้กลัวไม่อิ่ม คนแอบมองอยู่มุมร้านอย่างหมวย เห็นแล้วบิดตัวไปบิดตัวมาบางทีก็เอาหัวโขลกผนังเหมือนคนบ้า จนแป๊ะต้องส่ายหัวกับท่าทางของลูกสาว สองคนนี้มาทีไรหมวยมักเป็นแบบนี้ทุกที เจ้าของร้านเห็นลูกค้าประจำกินข้าวมันไก่อย่างอร่อยก็ทำให้ยิ้มแก้มปริพร้อมกับบอกให้วันหลังแวะมากินอีกนะ ขอบคุณแป๊ะและหมวยที่ยอมเปิดร้านรอ

ทั้งสองเดินตามฟุตปาธที่โล่ง ปกติแถวนี้จะมีรถเข็นมีแผงลอยจนแทบเดินสวนกันไม่ได้ ปฐวีร์ขอบคุณอีกฝ่ายสำหรับมื้อเย็น ถึงไม่ใช่ภัตตาคารหรูหรือโรงแรมหรูแต่ก็ทำให้เขามีความสุข

“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้ไหม”

“เลี้ยงข้าวตอบแทนเหรอ”

“ขอเป็นจูบได้ไหม” ชายหนุ่มมองอย่างคาดหวัง

“บ้า พูดอะไรที่มันที่สาธารณะนะ” ปฐวีร์กวาดสายตามองรอบ ๆ กลัวว่าจะมีใครได้ยินคำพูดเมื่อครู่

“ถ้าไม่ใช่ที่สาธารณะได้ใช่ไหม”

ปฐวีร์ยิ้มเขินไม่ตอบ เดินตัวปลิวเข้าร้านสะดวกซื้อ หยิบมันฝรั่งทอดทะเล้นรสดั้งเดิมที่เขาชอบกิน ใส่ตะกร้า ใกล้กันมีรสมันม่วงที่ออกมาได้ไม่นาน ดูแล้วท่าทางจะอร่อยเขาหยิบมาสองถุง จากนั้นหยิบนมช็อกโกแลต นมถั่วเหลืองผสมงาดำ อย่างละขวดใส่ตะกร้า ถามเทวาว่าอยากกินอะไรไหม

“กินด้วยกันนี่แหละ” ตลอดขนมที่ซื้อไปไว้ที่ห้องก็ถูกอีกฝ่ายเขมือบจนหมด เลยต้องซื้อขนมติดห้องไว้กลัวว่าวันไหนไม่มีอะไรกินคนตัวโตจะหันมาเขมือบเขาแทนขนม

            คิดว่าซื้อขนมไม่กี่ถุง นมแค่สองขวดแต่ทำไมมาถึงห้องแล้วทำไมมันเยอะกว่านั้น หยิบของออกมาจากถุง  นี่ขนมถุงนี้เขาจำได้ว่าไม่ได้หยิบมา ถุงนี้อีกถุงนี้ด้วย ชาเขียวนี่ก็ด้วย ไม่ต้องบอกก็เดาได้ว่าใครเป็นคนหยิบมา

“ดึกแล้วไม่กลับห้องหรือครับ” ถามคนนั่งบนโซฟาไม่มีทีท่าจะกลับห้อง

“ใจร้ายพี่อุตส่าห์ไปรับ ไล่กลับห้องเฉยเลย” พูดแล้วทำน่าเศร้า

“แล้วจะเอาไง”

“ไม่ได้เจอหน้าแฟนตั้งหลายวัน อยากนอนกอด”

“อืม” ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดไหนจะเรื่องพ่อ ไหนจะเรื่องที่ต้องเปลี่ยนแปลงอนาคต ทุกอย่างประเดประดังเข้ามา เล่นเอาเขากังวลกลัวไปหมด แล้ววันนี้ยังเห็นคนของตัวเองคุยกับผู้หญิงคนนั้นอีก ทำให้อารมณ์ที่เก็บกดไว้ทะลักออก เขากลัวการถูกหักหลังอาจจะดูเหมือนเห็นแก่ตัว ไม่ยุติธรรมกับเทวาเท่าไหร่ แต่เขาหวง

“เป็นอะไรเงียบไป คิดเรื่องเมื่อตอนบ่ายอีกเหรอ” เทวาดึงอีกฝ่ายมานั่งที่โซฟาด้วยกัน มองใบหน้าที่ปรากฏร่องรอยความกังวลให้เห็นอย่างชัดเจน

“ครับ ผมขอโทษที่ทำแบบนี้” นิ้วเรียวลูบรอยช้ำบนแขน ต้นคอ ที่เริ่มเห็นชัดขึ้น

“เชื่อใจพี่นะว่าไม่มีอะไร” ปฐวีร์ไม่ตอบจ้องเข้าไปในดวงตาสีเข้ม อยู่ ๆ ก็ถูกมันเล่นงานจนหัวใจเต้นแรง ผู้ชายคนนี้เริ่มมีอิทธิพลต่อเขามากขึ้นทุกวัน

“ครับผมเชื่อ” เขารู้สึกเพลียมาทั้งวันขอไปอาบน้ำก่อน ออกมาจากห้องน้ำก็คลานขึ้นเตียงนอนมองเพดาน อยู่ ๆ ก็รู้สึกเพดานต่ำลง ต่ำลงมาจนทับเปลือกไว้ทำให้เขาลืมตาไม่ขึ้นแล้วหลับไป เทวาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาเห็นอีกฝ่ายหลับไปแล้ว มองหน้าคนหลับสบายท่าทางไม่ระวังตัวนี่หมายความว่ายังไงไว้ใจเขาขนาดนั้น เขายังไม่ค่อยไว้ใจตัวเองเลย ถอนหายใจเบา ๆ หันมามองร่องรอยบนแขนทั้งสองข้าง บนไหล่ไหนจะรอยที่ต้นคอที่ถูกอีกฝ่ายทำไว้ หวง ได้ยินคำพูดนี้ออกจากปากเล็กแล้วรู้สึกดีชะมัด แต่ความเจ็บปวดที่แสดงออกมาทางแววตานั่นหมายความว่ายังไง ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายเคยเจอเรื่องแบบไหนมา แล้วไหนจะฝันร้ายนั่นอีก บาดแผลทางร่างกายกินยาทายาก็หาย แต่แผลทางใจต้องใช้ความรักและความไว้ใจรักษาเท่านั้นถึงจะหาย ไม่รู้ว่าปฐวีร์จะไว้ใจเขาให้ช่วยรักษามันรึเปล่า

            ด้านหน้าประตูรั้วบ้านใหญ่ ในตอนเย็นมีชายหนุ่มคนหนึ่งแต่งตัวปอนปอน ยืนชะเง้อไปมา ท่าทางดูน่าสงสัย คนงานรีบออกมาถามว่าต้องการอะไรมาทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ หน้าบ้านคนอื่น ชายหนุ่มยิ้มอย่างเป็นมิตร บอกว่าไม่ใช่คนน่าสงสัยเป็นเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของพีรพลธ์ พีรพลธ์บอกให้มาเอาการบ้าน คนงานเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่ก็ยอมให้เข้ามานั่งรอหน้าบ้าน แล้วจะไปบอกพีรพลธ์ให้ ชายหนุ่มไหว้ขอบคุณนั่งรออย่างเรียบร้อย แต่สายตาก็กวาดไปรอบ ๆ

“บ้านใหญ่ชะมัดเลย” รอไม่นานก็เห็นคนที่ต้องพบเดินตรงมา “พี่โจ้ มาทำไม แล้วมาบ้านผมถูกได้ไง”

“ก็มารับเงินส่วนที่แกยังค้างอยู่ไง บ้านใหญ่ดีนี่หว่า ถึงว่าแกใช้ของแต่ละอย่างมียี่ห้อทั้งนั้น”

“เอ่อ ผมไม่มีเงินสดหรอก”

“หมายความว่ายังไง แกคงไม่ได้คิดจะเบี้ยวหรอกนะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วถามเสียงแข็ง

“ป เปล่า ใครจะกล้า” พีรพลธ์รีบปฏิเสธทันที เป็นเขาเองที่หลงผิดไปเล่นพนันบอลตามคำชวนของเพื่อนคนหนึ่ง

“เฮ้ย แค่ดูฟุตบอลมันจะไปสนุกอะไร ไม่ลองมาเป็นส่วนหนึ่งของเกมดู” เพียงแค่คำชักชวนไม่กี่คำและความอยากรู้อยากเห็นทำให้เขาเดินเข้าสู่การพนันโดยไม่รู้ตัว เมื่อได้สัมผัสการพนันครั้งแรกมันทั้งตื่นเต้น สนุกและลุ้นไปด้วย ยิ่งในตอนที่ชนะพนัน แต่ขึ้นชื่อว่าการพนันมันต้องมีได้มีเสีย และครั้งสุดท้ายที่เล่นเขาเสียพนันไปเยอะพอสมควร จนเขาไม่มีเงินไปจ่ายให้เฮียเจ้าของโต๊ะ โชคยังดีที่ได้พี่โจ้เจ้าของร้านเกมที่เขาไปเล่นที่ร้านบ่อย ๆ ช่วยพูดให้ เขาถึงได้มีครบสามสิบสองมาจนถึงทุกวันนนี้

“ผมไม่มีเงินแต่มีของเดี๋ยวผมไปหยิบมาให้“ เด็กหนุ่มเดินกลับไปที่บ้าน

ปี๊ด ปี๊ด เสียงแตรรถดังขึ้น คนงานมองเห็นว่าเป็นรถใครก็รีบเปิดประตูรั้วทันที รถหรูราคาแพงเลี้ยวเข้ามาข้างใน  รถหรูจอดสนิท พิมพ์รตาออกมาจากรถเข้าไปในบ้าน มองชายหนุ่มนั่งอยู่หน้าบ้าน เธอถามคนงานว่าใคร คนงานบอกว่าเพื่อนของพีรพลธ์ ได้ยินว่าเพื่อนน้องชายเธอก็ขมวดคิ้วทำไมพีรพลธ์ไปคบคนไม่เลือก เห็นทีต้องเอาเรื่องไปบอกแม่ซะแล้ว

ชายหนุ่มมองรถหรูแล้วมองหญิงสาวที่ออกมารถด้วยความรู้สึกสนใจ พอดีกับพีรพลธ์เดินกลับมา “ผู้หญิงคนนั้นใครวะ สวยดี”

“สวยเหรอ ปีศาจล่ะไม่ว่า” เด็กหนุ่มเบะปาก เมื่อคิดได้ว่าใครต่อใครต่างก็ถูกรูปลักษณ์ภายนอกของพี่สาวหลอกลวงเอา

“อย่าบอกนะว่าเธอคือพี่สาวแกที่เคยพูดถึงบ่อย ๆ ”

“อือ คนนั้นแหละ”

“โห สวยกว่าคิดไว้อีก”

“อย่าไปสนใจยัยปีศาจนั่นเลย” เด็กหนุ่มล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง “ของนี้น่าจะมีค่าพอใช้หนี้ได้บ้าง” โจ้รับมาแล้วเปิดดู เห็นของข้างในก็พอใจ ท่าทางร้อนใจของอีกฝ่ายก็พอจะเดาได้ว่า มันถูกขโมยมาแน่นอน เขาไม่สนใจที่มาของมันขอแค่ให้มันมีค่าเท่านั้นเป็นใช้ได้

*******************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ kanyakorn24

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 22 [07/10/61]
«ตอบ #48 เมื่อ09-10-2018 16:36:51 »

ลุ้นได้อีกกก  :katai1:

มาต่อเร็วๆน้าาา

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 23 [09/10/61]
«ตอบ #49 เมื่อ09-10-2018 19:02:05 »

ตอนที่ 23


บรรยากาศบนโต๊ะอาหารตอนนี้ค่อนข้างอึดอัด ถึงแม้จะไม่เท่าบ้านใหญ่แต่ก็ทำให้ปฐวีร์เป็นกังวลไม่น้อยกับการพบกับครอบครัวเทวาครั้งแรก เช้าวันหยุดปฐวีร์กำลังหลับสบายกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง แล้วเสียงออดหน้าห้องก็ดังขึ้นมันทำลายความสุขเขาทันที ปฐวีร์คลานลงจากเตียงไปเปิดประตูเห็นว่าเป็นใครมากดก็หน้างอทันที เทวาเดินตามเข้าห้อง

“วันนี้ไปกินข้าวบ้านพี่กัน”

“จะดีเหรอ” เขาถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงลังเล

“ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว” แล้วเขาก็ถูกเร่งให้อาบน้ำแต่งตัว จากนั้นก็ถูกหิวขึ้นรถตรงมาที่บ้านสุรัตนธรรมธิเบศน์

บ้านหลังใหญ่ถึงจะไม่เท่าวีรวัฒฑณ ฯ แต่กลับให้บรรยากาศรู้สึกอบอุ่น อย่างนี้สิถึงเรียกว่าบ้าน ถึงว่าเทวาถึงได้ดูอบอุ่นเพราะโตมาในบ้านแบบนี้นี่เอง ปฐวีร์ลงจากรถกวาดสายตามองพื้นที่กว้าง ในสวนดูร่มรื่นมีศาลาไม้หลบร้อนอยู่หลังหนึ่ง ใช่ที่นี่รึเปล่าที่เทวาบอกว่าชอบมานั่งเล่นบ่อย ๆ เทวาเข้ามาขัดจังหวะความคิด และชวนอีกฝ่ายเข้าบ้าน “ไปไหว้พ่อกับแม่ก่อน และจะพาออกมาเดินเล่น”

ทั้งสองมาถึงเวลาอาหารพอดี ทุกคนกำลังนั่งพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหาร ทุกคนต่างดีใจที่เห็นเทวากลับมา แต่พอชายหนุ่มแนะนำคนมาด้วยว่าเป็นคนรักเท่านั้น ทุกคนก็เงียบ เล่นเอาปฐวีร์ใจเสีย ว่าแล้วไงใครมันจะไปรับเรื่องแบบนี้ได้ ถึงอย่างนั้นเขาก็พร้อมเผชิญหน้า เทวาทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้เริ่มแนะนำทุกคนให้คนรักรู้จัก เริ่มจากชายสูงอายุหน้านิ่งคือ ธัศณัยพ่อของเทวา หญิงสูงวัยท่าทางใจดีคือ จริญญา แม่ของเทวา ชายอีกสองหน้าตาคล้ายเทวาคือธรรมและธนา ยังมีเด็กตัวเล็กอีกสองคนหลานชายของเทวา การแนะนำตัวไม่ค่อยเป็นทางการนัก เมื่อจบลงทุกคนก็ลงมือกินมื้อเช้า เทวาที่ปกติไม่ชอบเอาใจใครตักกับข้าวใส่จานข้าวให้คนนั่งเกร็ง ปฐวีร์ยิ้มและขอบคุณ การกระทำทุกอย่างล้วนอยู่ในสายตาของทุกคน แต่ทุกคนก็นั่งดูเงียบ ๆ ไม่รู้ว่ากำลังตกใจเพราะลูกชายคนเล็กของบ้านพาคนรักมากินข้าว หรือรู้ว่าคนรักเป็นผู้ชายกันแน่ แต่ก็ยังมีเด็กสองคนที่ไม่ค่อยเข้าใจทั้งสองรู้แค่ว่าวันนี้มีคนมาเล่นด้วยกันเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน ทั้งสองจึงเรียบร้อยเป็นพิเศษ

“หนูวีร์ใช่ไหมลูก” จริญญาสังเกตชายหนุ่มอยู่นานสุดท้ายก็ตัดสินใจพูดทำลายบรรยากาศกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้

“ครับ” ปฐวีร์นั่งหลังตรงตัวเกร็งตอบคำถาม

“ตอนนี้ทำอะไรที่ไหน” พี่ชายคนโตถาม

“ผมเรียนที่เดียวกับพี่เทวาแต่คนละคณะ”  เขาตอบอย่างระมัดระวัง

“แล้วไปรู้จักกันได้ยังไง” พี่ชายคนรองถามขึ้นบ้าง

“เพื่อนผมเป็นรุ่นน้องพี่เทวา และก็ผมพักที่คอนโดมิเนียมเดียวกับพี่เทวา”

“ห้องเดียวกัน” พี่ชายคนรองยิงคำถามตรงจนทุกคนกลั้นหายใจ

“เปล่าครับ ห้องผมชั้นถัดลงมา” ทุกคนดูเหมือนจะโล่งอกกับคำตอบที่ได้ยิน

“มีคนเลี้ยง” ปฐวีร์ขมวดคิ้วคำถามแต่ละคำถามพี่ชายคนรองและไม่นึกว่าจะถูกถามอะไรแบบนี้

เทวาได้แต่นั่งขำคำถามเลยถูกปฐวีร์ถลึงตาใส่ คนอะไรไม่ช่วยแล้วยังจะหัวเราะเยาะอีก

“เอ่อ พอดีเป็นเงินที่ผมได้จากการเสี่ยงโชค”

“ทำไมไม่อยู่บ้าน ไม่ใช่คนที่นี่เหรอ แล้วพ่อกับแม่ล่ะ”

“แม่เสียไปนานแล้วครับ ส่วนพ่อป่วยนอนไม่ได้สติในห้องCCU”

“แล้ว....”

“พอเถอะคุณ กินข้าวเสร็จก่อนแล้วค่อยไปนั่งคุยกัน ลูกอุตส่าห์พาเพื่อนมากินข้าว” หัวหน้าครอบครัวอย่างธักศนัยพูดขัดจังหวะขึ้น

“นั่นสิ ก็ลืมไปว่าเสียมรรยาท” ได้เปิดปากพูดคุยกันไปบ้างบรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็ดีขึ้นเยอะ ไม่นานทุกคนก็อิ่ม     เทวาพาปฐวีร์เปลี่ยนไปนั่งที่ห้องนั่งเล่น

            ปฐวีร์เข้าไปในห้องนั่งเล่น สิ่งที่เห็นอย่างแรกและสะดุดตาคือรูปถ่ายครอบครัวของเทวาแขวนไว้ในระดับสายตา ถัดลงมามีรูปอยู่ในกรอบขนาดต่าง ๆ ตั้งเรียงกันอยู่ ปฐวีร์จ้องเด็กชายหน้าบึ้งในรูปก็อดหัวเราะไม่ได้ “หล่อตั้งแต่เด็กเลยนะครับ”

“เดี๋ยวเถอะล้อเลียนเหรอ”

“เปล่าสักหน่อย” ปากบอกอย่างนั้น แต่ก็ยังหัวเราะน้ำตาไหล

ทุกคนมาพร้อมหน้ากันในห้องนั่งเล่น เทวารีบพาปฐวีร์ไปนั่งเรียบร้อยที่โซฟา แล้วการตอบคำถามก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ทุกสายตาจ้องมาที่ปฐวีร์สลับกับเทวา

“รู้ใช่ไหมว่าการคบกันอย่างนี้ไม่เป็นที่ยอมรับจากสังคม”

ปฐวีร์พยักหน้ายอมรับเรื่องนี้ไม่มีใครไม่รู้

“ครับ แต่จะมัวรอให้สังคมยอมรับแล้วเมื่อไหร่จะมีความสุขสักที การที่ผมสองคนคบไม่ได้ถูกบังคับมันเกิดจากการที่เราสองคนคุยกันรู้เรื่อง อยู่ด้วยกันแล้วสบายใจโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรมาก”

“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นเพื่อนกันไม่ได้เหรอ”

“พอดีพวกเรารู้สึกมากกว่านั้น แม่คงยังไม่รู้ว่าผมเป็นคนขอเริ่มความสัมพันธ์นี้เอง หลายคนอาจจะมองว่าแปลก แต่ผมอยากให้คุณแม่รับรู้ไว้ไม่ว่ายังไงผมก็ยังเป็นลูกคุณแม่คนเดิม”   เทวาเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาบ้าง

“แต่..”

“คุณพอเถอะเจ้าเทวามันโตแล้ว ถ้าจะโง่ให้ถูกหลอก จะทำอะไรก็เรื่องของมัน หรือมันจะไปเป็นผัวใครเมียใครก็ปล่อยไป ลูกมันเลี้ยงได้แต่ตัวจิตใจความรู้สึกให้มันคิดเอง  รึกลัวว่าจะเป็นขี้ปากคนอื่น” จริญญาส่ายหัวยังไงคนอื่นก็ยังไม่สำคัญเท่าคนในครอบครัวอยู่แล้ว

ปฐวีร์มองผู้ใหญ่สองคนคุยกัน ตั้งแต่ต้นเขารู้สึกว่าพ่อของเทวาดูมีเหตุผลมากที่สุด นั่งเงียบคอยสังเกตสถานการณ์ นี่แหละคนมีประสบการณ์ผ่านอะไรมาเยอะ น้ำท่วมภูเขาถล่มอยู่ตรงหน้าก็สามารถตั้งสติได้

“เราน่ะลูกชายคุณปทีป วีรวัฒฑณกุลธรรมไพศาลทรัพย์ใช่ไหม”

“ครับ” ปฐวีร์แปลกใจที่มีคนรู้จักพ่อด้วย “คุณลุงรู้จักกับพ่อผมด้วยหรือครับ”

“อืม ก็เคยเจอกัน ไปออกรอบด้วยกันก็หลายครั้ง”

“อ้อ มิน่าทำไมผมถึงรู้สึกคุ้นหน้า” ธนานึกขึ้นได้ว่าคนนี้นี่เองที่น้องชายเขาแอบมองตอนไปงานเปิดตัวสินค้า วันนั้นอยู่ไกลทำให้มองเห็นไม่ชัด ชายหนุ่มชะโงกหน้าเข้าดูอีกฝ่ายใกล้ๆ จนเทวาต้องรีบผลักพี่ชายออก หลาน ๆ นึกว่ากำลังเล่นกันอยู่รีบกระโดดเข้าไปเกาะธนาไว้ ธนาทำหน้ามุ่ยถูกน้องชายรังเกียจ ไอ้น้องบ้า ไอ้คนขี้หวง

“ลูกชายคุณนายใหญ่” จริญญาพูดแล้วหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ รู้อย่างนี้แล้วเธอก็ยิ้มออก ยอมรับในตอนแรกกังวลใจอยู่บ้างกลัวลูกชายจะถูกหลอก อยากให้ความรักของลูกชายเกิดจากความรู้สึกรักจริง ๆ ไม่มีเงินหรือผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ถึงเธอจะไม่ค่อยอยากจะยอมรับความรักแบบนี้ ทำยังไงได้ก็ในเมื่ออีกฝ่ายสามารถทำให้ลูกชายของเธอเปลี่ยนไป และเพื่อลูกชายเธอก็จะพยายามหลับตาข้างคิดว่าเป็นลูกชายอีกคนก็แล้วกัน

            ไม่รู้ว่าบรรยากาศชวนอึดอัดเปลี่ยนเป็นความอบอุ่นและเสียงหัวเราะตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งสองกำลังนั่งข้างขอบสระน้ำมองหลาน ๆ กับเด็กโค่งอย่างธนากำลังเล่นแย่งลูกบอลกันในสระ

“เป็นไงบ้าง บอกแล้วพ่อกับแม่ใจดี” เทวาเขยิบนั้งเบียดคนรักอย่างอารมณ์ดี ที่ทุกคนในบ้านเห็นด้วยที่เขาคบกับปฐวีร์

“อืม แต่ก็แค่หวงลูกชายมากเกินไป โดยไม่รู้ว่าลูกท่านต่างหากที่เป็นคนหลอกล่อผม” ปฐวีร์ทำหน้าตาน่าสงสาร

“คำถามแต่ละคำถามแปลกทั้งนั้น” ไม่นึกว่าแม่กับพี่ชายจะถามอะไรแบบนั้นออกมา

“เหมือนกำลังเข้าประกวดเพื่อเข้ารับตำแหน่งอะไรสักอย่าง”

“แฟนพี่ไง ตำแหน่งแฟนพี่” ปฐวีร์ได้ฟังแล้วต้องขำออกมา แต่แล้วหัวใจก็สะดุดกับคำว่าแฟนทำให้อดหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้ นึกขึ้นมาได้ว่าทั้งสองคนเป็นคนรักกัน บ้า ใครเขาอยากได้ตำแหน่งนั้นกัน คนหลงตัวเอง

“ถ้าที่บ้านไม่มีใครยอมรับเรื่องแบบนี้ได้ล่ะ อย่างพ่อไล่ตะเพิดทั้งพี่ทั้งผมออกจากบ้านไป หรือเอาปืนมาไล่ยิงล่ะพี่จะทำยังไง” ปฐวีร์นึกถึงฉากแบบนี้ที่เห็นบ่อยในละครโทรทัศน์

“ก็ไม่ยากอะไร ถ้าไล่ก็ไป” เทวาตอบด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ “เอาปืนมาไล่ยิงก็รีบวิ่งหนีจะอยู่ทำไม ดีซะอีกเราจะได้หนีความวุ่นวายแบบนี้”

คำว่าวุ่นวายทำให้ปฐวีร์คิดถึงเรื่องของตัวเองในตอนนี้

“คุยอะไรกันอยู่สองหนุ่ม หิวกันไหมแม่เอาขนมของว่างมาให้ เด็ก ๆ เลิกเล่นมากินขนมเร็ว” เด็ก ๆ ได้ยินว่าขนมก็รีบปีนขึ้นมาจากสระ ห่อตัวด้วยผ้าเช็ดตัวนั่งลงแย่งกันกินขนม ท่าทางจะหิวมากขนมในจานหมดไปแล้วยังไม่อิ่ม ปฐวีร์เลื่อนจานขนมเขาให้ เด็ก ๆ เห็นขนมก็ยิ้มกว้าง และคิดว่าเพื่อนอาเทวาใจดีเหมือนอาเทวาเลย

“ผมกำลังบอกน้องว่าคุณแม่ทำกับข้าวเก่ง ทำขนมอร่อยจะให้น้องมาฝากตัวเป็นศิษย์”

“อืม ได้สิน้องวีร์ทำกับข้าวเป็นด้วย”

“นิดหน่อยครับ แต่ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่” เขารู้สึกอายเมื่อพูดถึงฝีมือทำอาหารของตัวเองต่อหน้าคนอื่น

“ถึงว่าตาเทวาไม่ยอมกลับบ้าน” เธอพูดเสียงติดน้อยใจ จนปฐวีร์ใช้ศอกสะกิดคนตัวโตให้ช่วยพูด

“เปล่าครับ ไม่ใช่อย่างนั้นช่วงนี้น้องเลิกเรียแล้วต้องแวะไปดูพ่อบ่อย ๆ ผมเลยทำหน้าที่ไปรับ”

“ใช่ครับ” ปฐวีร์ช่วยยืนยันอีกคน

จริญญามีหรือจะมองไม่ออกว่าลูกชายของเธอกำลังโกหก เห็นทั้งสองคนเข้ากันได้ดีดูแล้วน่ารักยังไม่รู้ “คุณพ่อเป็นยังไงบ้างล่ะ ได้ยินว่าป่วย” คิดถึงเรื่องนี้ปฐวีร์ก็รู้สึกเครียดขึ้นมา ทุกคนพยายามจะปิดข่าวไว้เพื่อไม่ให้กระทบกับบริษัท และถ้าจะกระทบก็ให้มันเกิดน้อยที่สุด เพราะนั่นมันหมายถึงพนักงานหลายพันชีวิต แต่ก็ไม่รู้ว่าจะปิดข่าวไว้ได้นานเท่าไหร่

            เทวาเห็นใบหน้าอีกฝ่ายแสดงความกังวลชัดเจน จนเป็นห่วงที่เขาพามาที่บ้านไม่ใช่มานั่งเครียด แต่อยากให้ผ่อนคลาย อยากให้ลืมเรื่องไม่สบายใจ จริญญาเพิ่งรู้ตัวว่าถามสิ่งที่ไม่ควรถามออกไป

พอดีเธอคิดว่าถึงเวลามื้อเที่ยงแล้วจึงได้เรียกทุกคนเข้าบ้าน ปฐวีร์ตามเทวามาที่โต๊ะอาหารพอเห็นว่ามื้อเที่ยงของบ้าน  สุรัตนธรรมวรธิเบศณ์เป็นข้าวซอยไก่ก็รู้สึกตื่นเต้น เขานั่งเรียบร้อยที่นั่งเดิม รอทุกคนลงมือ ปฐวีร์ตัดน้ำซุปมาชิมอย่างแรก “อร่อยจังครับ” จริญญาถูกคนรักลูกชายชมก็หน้าบาน ยิ้มไม่หุบ

“ข้าวซอยไก่ของแม่อร่อยอยู่แล้ว” ธนาช่วยชมอีกคน แต่ที่ได้รับมาเป็นสายตาค้อนจากแม่แทน ชายหนุ่มงง อะไรทีน้องวีร์พูดกับยิ้มหน้าบาน

“ถ้าไม่อิ่มเติมได้” ได้ยินเทวาพูดอย่างนั้นตาปฐวีร์เป็นประกาย เห็นปฐวีร์กินได้เยอะเทวาก็เจริญอาหารไปด้วย

มื้อเที่ยงปฐวีร์กินข้าวซอยไปสองชามกับน่องไก่สามชิ้น เทวาก็ไม่ต่างกัน ทั้งสองเดินลูบท้องออกมานั่งย่อยที่ศาลาหลบร้อน นั่งไปสักพักปฐวีร์ก็หลับไปโดยอาศัยไหล่เทวาไปหมอน เทวานั่งเล่นเกมออนไลน์เพลินหันมามองปฐวีร์อีกทีก็หลับไปแล้ว  เห็นอีกฝ่ายผ่อนคลายเขาก็ดีใจ ช่วงนี้เห็นปฐวีร์แสดงสีหน้ากังวลบ่อยครั้งเขาเองก็รู้สึกไม่สบายใจไปด้วย เทวาถือโอกาสนี้เปิดโปรแกรมถ่ายรูปขึ้น ยกโทรศัพท์ให้ได้มุมที่มองเห็นทั้งคู่ แต่เขาหันหน้าไปอีกทางทำให้เหมือนว่ากำลังถูกแอบถ่าย นับหนึ่งสองสามในใจ เสียงชัตเตอร์ก็ดังขึ้น จากนั้นเลือกรูปที่คิดว่าดูดีที่สุดแล้วโพสต์ลงโซเชียลเอฟส่วนตัว พร้อมข้อความสั้น ๆ ว่า พร้อมเดินเคียงข้าง ไม่ว่าหลับหรือตื่น โพสต์ลงไปในโซเชียลเอฟส่วนตัวของเทวา ไม่นานก็วุ่นวาย มีหลายคนสงสัยว่าผู้ชายที่หนุนไหล่เทวาอยู่เป็นใคร ทั้งคู่เกี่ยวข้องกันยังไง

ยุทธจักรนอนเล่นเกมอยู่บ้านอย่างสบายใจเห็นข้อความเตือนว่ามีโพสต์ใหม่จากเพื่อนเด้งขึ้นมาพอเปิดดูก็ต้องหน้าดำทันที พร้อมกับด่าเพื่อนในใจ ไอ้เทวาไอ้คนใจดำไม่เห็นใจคนไม่มีแฟนเลยรึไง ดีล่ะ ชายหนุ่มรีบกดรูปโกรธลงใต้รูปภาพทันที แล้วนอนหัวเราะกลิ้งไปมาบนเตียงคนเดียว คฑาวุธกับตติวัฒน์กดรูปหัวใจให้ ส่วนคนทิ้งระเบิดอย่างเทวากับออกจากระบบไม่อยากให้เสียงเตือนข้อความรบกวนเวลานอนของปฐวีร์ มือหนาวางโทรศัพท์ลงแล้วขยับคนกำลังนอนหลับให้เอนตัวนอนลงโดยใช้ตักเป็นหมอน อาจจะไม่นุ่มแต่ก็แข็งแรงแน่นอน

ปฐวีร์รู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงเทวาปลุกให้เข้าไปนอนในบ้าน ปฐวีร์บอกไม่เป็นไรตอนนี้ไม่ง่วงแล้ว แดดตอนบ่ายส่องเข้ามาในศาลา อากาศร้อนอบอ้าว เทวาจึงชวนกลับเข้าบ้าน

พอดีจริญญาจะเข้าครัวเห็นลูกชายกับคนรัก เธอจึงชวนปฐวีร์เข้าในครัวช่วยเตรียมมื้อเย็น ได้ยินของกินปฐวีร์ก็รีบพยักหน้า จริญญาชวนคุยไปด้วยสังเกตคนรักลูกชายไปด้วย ปฐวีร์มีเหรอจะไม่รู้ เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นต่างหาก เข้ามาในครัวเห็นคนงานอีกสองคนกำลังทำโน่นทำนี่อยู่ จริญญาถามว่ามื้อเย็นจะทำอะไรดี

“แกงเขียวหวานไก่ดีไหม วันก่อนคุณธักบ่นอยากกิน “

“อ้อ ใช่ค่ะได้ยินจากเจ้าบอยคนขับรถพูดเหมือนกัน มันคุยให้ฟังว่าคุณท่านไปประชุมที่ไหนสักที่ที่ชื่อฝรั่งหน่อย ท่านได้กินแกงเขียวหวานแล้วถูกปาก”

“ตกลงทำแกงเขียวหวาน ผัดผักรวมก็ดีนะ แกงจืดฟักมะนาวดอง ไข่เจียวกุ้งกับไก่ทอดให้เด็ก ๆ ด้วย น้องวีร์อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมลูก”

“ไม่ครับ”

“งั้นป้าวันนี้ทำมื้อเย็นตามนี้นะ ฝากน้องวีร์ด้วย น้องวีร์แม่ฝากทางนี้ด้วยนะ” จริญญาปล่อยเรื่องในครัวให้ทุกคนจัดการ เธอออกมาจากครัวก็สวนทางกับลูกชายคนเล็ก ไหนบอกว่าจะไปนั่งดูโทรทัศน์ เพิ่งผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาตามหาแฟน อะไรจะเป็นห่วงขนาดนั้น

            จริญญาออกจากครัวทุกคนก็ไม่รู้จะพูดอะไรถึงจะบอกว่าฝากให้ดูแล ยังไงชายหนุ่มคนนี้ก็เป็นคนรักของลูกชายเจ้าของบ้านใครจะกล้าใช้ทำงานกัน ป้าคนงานเลยได้แต่ยิ้มให้ ปฐวีร์เลยรีบเสนอตัวช่วยงานและพยายามดูดความรู้ทำอาหารจากป้าคนงานให้ได้มากที่สุด เทวาแอบย่องมาเงียบ ๆ ยืนกอดอกมองพ่อครัวตัวเล็กช่วยงานอย่างตั้งใจ ปากก็ถามโน่นถามนี่ ถ้าเป็นเรื่องของกินคนรักเขานี่จริงจังตลอด นี่ถ้าเขาทำอาหารเป็นสักอย่างสองอย่างคงทำให้อีกฝ่ายรักเขามากขึ้นไหมนะ คิดได้อย่างนั้นเทวาก็เข้าไปช่วยอีกคน ป้าคนงานกับคนงานอีกคนเห็นเจ้านายหนุ่มที่ปกติไม่สนจะเดินเข้ามาในครัว วันนี้กลับมาช่วยทำโน่นหั่นนี่ แถมยังยิ้มเยอะหัวเราะบ่อย เห็นทั้งสองคุยกระหนุงกระหนิง คนหนึ่งถามคนหนึ่งตอบ พวกเธอมองแล้วไม่เห็นจะแตกต่างคนที่เป็นคนรักทั่ว ๆ ไปเท่าไหร่ ออกจะน่ารักด้วยซ้ำ

            แกงจืดฟักมะนาวดองในหม้อกำลังเดือดปุด ๆ ทุกอย่างสุกจนได้ที่ พ่อครัวตัวเล็กปิดเตา กับข้าวอย่างแรกเสร็จแล้ว เขาตักแกงจืดตักใส่ถ้วยเล็กออกมาให้เทวาทำหน้าที่เป็นคนชิม เทวารับถ้วยมาใช้ช้อนตักชิ้นฟักขึ้นมาเป่าให้หายร้อนแล้วลองชิม

“อืม เอาข้าวสวยมาเลย” คำชมธรรมดาเล่นเอาพ่อครัวตัวเล็กหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง คนงานทั้งสองก็ชมว่าอร่อยเหมือนกัน จากนั้นก็เริ่มทำเมนูต่อไปทันที จริญญากลับเข้าครัวอีกครั้งหลังหายไปสองชั่วโมง กับข้าวมือเย็นเหลืออีกหนึ่งอย่างก็จะเสร็จ เธอค่อนข้างพอใจ ยิ่งได้ลองชิมรสชาติแล้วก็ถูกปากกว่าที่คิด และได้รับการบอกเล่าจากคนงานทั้งสองว่าฝีมือทำอาหารทั้งหมดเป็นของปฐวีร์ก็แปลกใจเล็กน้อย ปฐวีร์เห็นท่าทางพึงพอใจของจริญญาก็โล่งอก รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกแม่คนรักทดสอบยังไงยังงั้น เข้าใจว่าความสัมพันธ์แบบนี้จะให้ทุกคนทำใจยอมรับได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงนั้นเป็นไปไม่ได้ มันต้องค่อยเป็นค่อยไป คนปกติเมื่อไม่ชอบอะไรแล้วจะแสดงอาการออกมาทั้งทางหน้าตา คำพูดและการกระทำ แต่ถ้าใครไม่แสดงออกมาเลยนั่นมันก็น่ากลัวเกินไปแล้ว โชคดีที่เขาเจอคนที่คิดยังไงก็แสดงออกมาแบบนั้นในบ้านหลังนี้ จริญญาเห็นใบหน้าทั้งสองเต็มไปด้วยเหงื่อ ผ้ากันเปื้อนทั้งเปียกทั้งเลอะไปด้วยคราบอาหาร ก็บอกให้ทั้งสองไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า



****************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 23 [09/10/61]
« ตอบ #49 เมื่อ: 09-10-2018 19:02:05 »





ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 23 [09/10/61]
«ตอบ #50 เมื่อ09-10-2018 19:54:10 »

เสน่ห์ปลายจวักที่แท้จริง  :katai2-1:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 23 [09/10/61]
«ตอบ #51 เมื่อ09-10-2018 22:53:32 »

ผ่านไปหนึ่งด่าน ก็ยังหวังว่าเทวาจะเป็นคนมาเปลี่ยนอนาคตของวีร์อยู่ ส่วน ผช ที่อยู่ต้นเรื่องจะเป็นแค่ตัวประกอบ

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 24 [11/10/61]
«ตอบ #52 เมื่อ11-10-2018 18:55:56 »


ตอนที่ 24


ปฐวีร์อาบน้ำเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าของเทวา เดินสดชื่นออกมาจากห้องน้ำ เปลี่ยนให้เทวาเข้าไปอาบบ้าง เมื่อเจ้าของห้องไม่อยู่เขายิ้มกว้างทันที เดินตรงไปที่เตียงแล้วกระโดดขึ้นไป จากนั้นใช้สายตาสำรวจไปรอบ ๆ เห็นห้องนอนที่ตกแต่งเรียบง่ายและค่อนข้างรก โดยเฉพาะโต๊ะเขียนหนังสือ เขาลุกจากเตียงเดินไปหยุดที่โต๊ะรกหยิบหนังสือนิตยสารกีฬารายสัปดาห์ขึ้นมาดู บนโต๊ะดูวุ่นวายไปหมด มีทั้งหนังสือเรียน มังงะ นิตยสาร ถัดจากโต๊ะรกนั้นด้านหลังมีชั้นวางหนังสือเขาไล่อ่านชื่อหนังสือตามสัน ที่เรียงกันเป็นระเบียบ ลองสุ่มหยิบออกมาเปิดดูสักเล่ม เป็นหนังสือเกี่ยวกันเทคโนโลยี ยานยนต์หนังสือดูใหม่ไม่มีรอยยับให้เห็นท่าทางเจ้าของจะรักษาอย่างดี เก็บหนังสือเข้าที่เดิม เลื่อนสายตาไปมองรูปถ่ายในกรอบสองสามรูป มีรูปครอบครัว รูปกับเพื่อน เขาหยิบรูปรวมเพื่อนขึ้นมา ดูจากหน้าตาคนในรูปน่าจะเป็นรูปที่ถ่ายก่อนหน้านี้ไม่กี่ปี ในนั้นมียุทธจักรผู้ชายจอมกวน แถมขี้เล่นมือข้างหนึ่งกำลังชูสองนิ้ว ตติวัฒน์ชายสวมแว่นท่าทางฉลาดยิ้มให้กล้อง คฑาวุธคนที่ชอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่เสมอยืนตัวตรงเหมือนถ่ายรูปติดบัตร และเทวาพิทักษ์ผู้ชายที่ชอบหน้าทำนิ่งยืนกอดอกแต่อย่าให้ภายนอกหลอกเอา เพราะยิ่งรู้จัก ปฐวีร์ก็รู้ว่าสิ่งที่เห็นภายนอกมันเป็นแค่ภาพลวงตา ผู้ชายหน้านิ่งคนนี้ทั้งฉลาด เจ้าเล่ห์ อบอุ่น และเอาแต่ใจ

“นั่นแอบดูรูปคนหล่ออีกแล้ว” คนเพิ่งอาบน้ำเสร็จยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง

“ไม่ได้แอบเห็นวางอยู่บนชั้น แค่หยิบขึ้นมาดู รูปนี้ถ่ายตอนไหนครับ”

“น่าจะช่วงมัธยมปลายไปเที่ยวด้วยกันที่ไหนสักที่”

“โห เป็นเพื่อนกันตั้งหลายปีแล้วซิ ถึงว่าดูสนิทกัน”

“อืม รู้จักกันมาตั้งแต่ มัธยมต้น แล้วเรากับเพื่อน ๆ ล่ะ”

“ก็ตั้งแต่เด็ก พวกนั้นชอบมาเล่นที่บ้านบ่อย ๆ นอนค้างบ้างก็มี” พูดแล้วก็ทำให้นึกถึงช่วงเวลาเหล่านั้น

“ถึงว่าไอ้ดลชอบมานอนที่ห้องเราบ่อย ๆ ”

“คงชดเชยช่วงเวลาที่หายไปหลายปีมั้ง เพราะแม่เสียก็ไม่ได้มาที่บ้านอีกเลย” ปฐวีร์พูดเสียงเศร้า

“ทำไม”

“เขากลัวคุณนายรองกัน ภรณ์ถึงขนาดเรียกว่า ยัยแม่มด” เทวาพยักหน้ารับรู้ คุณนายรองที่ว่าเธอคงน่ากลัวน่าดู ขนาดทำให้ผู้หญิงอย่างนภาภรณ์เรียกอย่างนั้นได้

ใกล้ถึงเวลามื้อเย็นหลาน ๆ ขึ้นมาตามลงไปกินข้าว ปฐวีร์กำลังนั่งอ่านมังงะอยู่มุมห้อง ส่วนเทวานั่งเล่นเกม เห็นเด็ก ๆ โผล่หน้าเข้ามาในห้อง ยังไม่ทันบอกว่าคุณย่าให้มาตามไปกินข้าวก็ลืมซะแล้ว

“พี่ทำไร” เด็กชายชะโงกไปดูด้วยความสนใจ

“อ่านมังงะครับ” เห็นเด็กชายจ้องหนังสือมังงะที่มีรูปภาพอยู่เต็มหน้ากระดาษ เห็นท่าทางสนใจของทั้งสองปฐวีร์รู้สึกเอ็นดูไม่ได้ “ไหนใครชื่ออะไรบ้าง พี่ลืมแล้ว”

“ผม วิน นี่น้องวอม” เด็กชายกอดน้องแล้วยิ้มอาย ๆ เมื่อคุยกับพี่ชายท่าทางใจดี “น่ารักทั้งคู่เลย” พูดแล้วก็หยิกแก้มนุ่มเบา ๆ

“ถ้าอยู่เฉย ๆ ก็น่ารักดีหรอก ถ้าสนิทกันเมื่อไหร่จะไม่มีทางพูดคำนี้ออกมาแน่นอน” เด็ก ๆ ไม่เข้าใจได้แต่ยิ้มหวาน จากที่นั่งเรียบร้อยอยู่บนพื้นทั้งสองเขยิบเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ จนขึ้นไปนั่งบนตักปฐวีร์ ไม่พอยังชวนคุยถามโน่นถามนี่ไม่หยุดจนลืมไปว่าเพิ่งรู้จักกันไม่กี่ชั่วโมง ลำบากให้ธนาขึ้นมาตามอีกคน ชายหนุ่มชะโงกหน้าเข้าไปในห้อง เห็นเด็ก ๆ กำลังคุยสนุกกับเพื่อนใหม่เห็นแล้วรู้สึกดีไปด้วย

“ไปกินข้าวได้แล้ว ว่าแล้วเชียวเจ้าวินกับเจ้าวอมเชื่อใจไม่ได้ คุณย่าให้มาเรียกคุณอาไปกินข้าวแต่มาชวนเล่นอยู่นี่เอง” เด็กชายทั้งสองมองหน้ากันตกใจเมื่อนึกได้ว่าขึ้นมาทำไม ทั้งสองจึงรีบจูงมือปฐวีร์กับเทวาลงไปข้างล่าง

มื้อเย็นผ่านไปอย่างอิ่มอร่อย และรอยยิ้ม อย่างนี้สิถึงจะเรียกว่ากินข้าวพร้อมกับครอบครัว ไม่ใช่อย่างที่เขาเจอทุกครั้งที่กลับบ้านใหญ่นั่น กินข้าวอิ่มตามด้วยผลไม้ช่วยย่อยอีกจาน จากนั้นก็ถูกเด็ก ๆ ลากมานั่งดูการ์ตูนที่เพิ่งได้มาการ์ตูนเปิดขึ้นทั้งสองก็นั่งประจำที่เรียบร้อย ดูยังไม่จบเรื่องลิงน้อยสองตัวก็หลับ พี่ชายคนโตกับภรรยาช่วยกันอุ้มลิงน้อยกลับห้อง ปฐวีร์กับเทวาก็ขึ้นห้อง เข้าห้องปฐวีร์หยิบมังงะที่อ่านค้างไปนอนอ่านบนเตียงโดยมีเทวานอนเล่นเกมในมือถืออยู่ข้าง ๆ ลงฟาร์มออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตาได้ของดีติดมือมาหลายอย่าง เวลาก็ทำได้ดีเกินคาด หันไปมองคนข้าง ๆ อีกทีก็หลับไปแล้ว อ้าว เขาถูกทิ้งซะแล้ว

ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปอย่างรวดเร็ว ส่วนความวุ่นวายเพิ่งส่อเค้าว่ากำลังจะเริ่มขึ้น เมื่อข่าวการป่วยไม่ได้สติของประธานใหญ่ของ Ago Group เล็ดลอดออกมาพร้อมภาพนอนสวมเครื่องหายใจในห้องวิกฤต ทำให้นักลงทุนเกิดอาการร้อน ๆ หนาว ๆ ถึงจะไม่ใช่ข่าวอย่างเป็นทางการแต่ก็มีผลกระทบทันทีกับตลาดหุ้น นักลงทุนหลายกลุ่มชะลอการลงทุนเพราะไม่รู้ว่าภาพที่ออกมาเป็นจริงรึเปล่า ถึงก่อนหน้านั้นจะได้ยินข่าวมาบ้างประธานบริษัท Ago Group ป่วยเข้าโรงพยาบาล แต่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นหนักถึงขั้นนอนไม่ได้สติ นั่นทำให้หลายคนรีบให้คนสืบหาที่มาของข่าวว่าเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงแค่การสร้างความเสียหายให้ Ago Group เท่านั้น ประเด็นในค่ำคืนหนึ่งล่วงเลยมาถึงอีกวัน ข่าวพร้อมภาพก็ได้การรับรองว่าเป็นความจริง เหล่าคู่แข่งต่างดีใจและกังวลไปพร้อมกัน แต่ช่วงเวลานี้ก็ไม่มีใครกังวลใจไปเท่า Ago Group เหล่าผู้บริหารต่างมีความเห็นตรงกันว่าสมควรออกจดหมายด่วนเชิญประชุมผู้บริหารและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทุกคน เพื่อเดินหน้าช่วยกันแก้ไขวิกฤตครั้งนี้ของบริษัท

วีรรัตนฑณกุลธรรมไพศาลทรัพย์ยังปิดบ้านเงียบปฏิเสธไม่ให้สัมภาษณ์หรือข่าวใด ๆ ทั้งสิ้น ทำให้นักข่าวหลายสำนักส่งนักข่าวมาดักรอหน้าประตูใหญ่ สร้างความอึดอัดให้กับทุกคนในบ้านไม่น้อย คุณนายรองมีคำสั่งใครที่ไม่มีธุระจำเป็นห้ามออกจากบ้านเด็ดขาดและให้ระวังไม่ให้นักข่าวเข้ามาในบ้านหรือพูดอะไรที่ไม่สมควร นักข่าวบางส่วนไปดักรอสัมภาษณ์หน้าสำนักงานใหญ่ของ Ago Group นั่นทำให้ข้างบนสั่งลงมาห้ามให้พนักงานให้ข่าวให้สัมภาษณ์ไม่อย่างนั้นจะถูกลงโทษโดยการไล่ออก พนักงานหลายคนอดจับกลุ่มคุยกันไม่ได้ถึงทำงานใน Ago Group แต่ก็ไม่มีใครทราบเรื่องอาการป่วยของประธานบริษัท พวกเขาต่างก็รู้พร้อมกับคนอื่น ๆ

เหมือนกันกับหน้าโรงพยาบาลมีนักข่าวไปสืบหาข่าว แต่ก็ถูกไล่ออกมา เสียงโทรศัพท์ดังแทบไม่ขาดสาย เล่นเอาเจ้าหน้าที่ พนักงานปวดหัวกับการต้องมานั่งตอบคำถามเดิมซ้ำๆ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรีบต่อสายตรงถึงวีรวัฒฑณฯ เพื่อกราบขอโทษและยอมรับผิดที่ปล่อยให้ภาพและข่าวออกมา พร้อมทั้งวางแผนเตรียมรับมือในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

ปฐวีร์นั่งอ่านข่าวในมือถือมาเกือบสิบห้านาที อ่านไปแล้วก็ทั้งถอนหายใจสลับขมวดคิ้วไม่รู้ว่าข่าวพวกนี้ออกมาได้ยังไงไหนจะรูปถ่ายนั่นอีก ทั้งที่ทางโรงพยาบาลรับรองเองทุกอย่างจะปิดความลับจนกว่าทางวีรวัฒฑณฯ พร้อมจะเปิดเผย แล้วนี่อะไร รูปออกมาโชว์หราขนาดนี้ไม่ใช่ภาพเดียวด้วย จากมุมรูปที่เห็นแน่นอนว่าแอบถ่ายแต่ถ้าไม่ใช่กล้องมืออาชีพระยะทางจากเตียงผู้ป่วยกับด้านนอก ภาพคงไม่ออกมาดูดีขนาดนี้ ใครกันเป็นคนทำเรื่องแบบนี้ คุณนายรอง คุณนายสามถ้าพวกเธอทำแล้วก็มีไม่มีอะไรดีขึ้นไม่ใช่รึไง

หลายคนควานหาตัวการปล่อยข่าว อีกทางด้านทศพลบิดาของคุณนายรองกำลังหัวเราะนั่งจิบกาแฟกับของว่างกับลูกสาวอย่างสบายใจ และยอมรับว่าเขาเป็นคนลงมือทำทุกอย่างเอง

“ทำไมคุณพ่อถึงทำอย่างนี้คะ” เธอรู้สึกผิดที่เป็นฝ่ายโทรไปขอคำปรึกษาจากบิดา แต่ไม่นึกว่าผลจะออกมาอย่างนี้

“หึ หึ ช่วงเวลาอย่างนี้สิเราถึงต้องรีบคว้า แกเป็นเมียมันหลายปีได้อะไรบ้าง แค่ทะเบียนสมรสสักใบมันยังไม่มีให้ แล้วเป็นไงเวลานี้แกแทบไม่มีสิทธิ์อะไรเลย” ทศพลพูดให้ลูกสาวให้สติ

“พ่อ คุณปทีปยังไม่ได้เป็นอะไร”

“ไม่ได้เป็นอะไรแต่นอนเป็นเจ้าชายนิทรามาเกือบครึ่งเดือน ใช่ว่าฉันเป็นคนทำให้สามีแกเป็นอย่างนั้นเมื่อไหร่ ฉันแค่ช่วยให้เรื่องทุกอย่างมันเดินเร็วขึ้นเท่านั้น” ทศพลยิ้มเจ้าเล่ห์

“คุณพ่อหมายความว่ายังไง” เธอเห็นยิ้มของพ่อแล้วรู้สึกไม่สบายใจ ลางสังหรณ์บอกว่าพ่อต้องคิดที่จะทำอะไรมากกว่านี้แน่นอน

“แน่นอนตอนนี้ตำแหน่งประธานขาดไม่ได้ จะต้องมีการสรรหา แน่นอนว่าเจ้าพลพัฒน์ไม่มีสิทธ์ แต่เราพอจะสนับสนุนคนได้ หรือไม่ก็ใช้ช่วงเวลานี้กอบโกยให้ได้ที่สุด”

“ยังไงคะ กอบโกย”

“ก็แค่ทำให้ศาลสั่งให้ปทีปเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ จากนั้นแกก็ขอเป็นผู้อนุบาล”

คุณนายรองตั้งใจฟังเรื่องทั้งหมดก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างในตอนนี้ดี ถ้าเธอไม่ลงมือทำอะไรสักอย่าง บางทีอาจจะไม่มีอะไรเหลือให้เธอ อาจจะดูใจร้ายที่ทำกับสามีอย่างนี้ แต่ทำยังไงได้เธอยังต้องกินต้องใช้แล้วลูกอีกสามคน เธอไม่ยอมให้ทุกอย่างตกไปอยู่ในมือปฐวีร์เด็ดขาด

หมดเวลาเรียนวิชาสุดท้ายในช่วงบ่ายทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับ แต่เทวากำลังนั่งอ่านข่าวความเคลื่อนไหวรอปฐวีร์อยู่โรงอาหาร โดยมีเพื่อน ๆ นั่งกินขนมเล่นเกมนั่งอยู่ข้าง ๆ ทุกอย่างอาจดูเหมือนปกติ แต่ทุกคนกำลังเป็นห่วงเพื่อน เริ่มมองหน้ากันเกี่ยงว่าใครจะเป็นคนพูด สุดท้ายยุทธจักรได้รับหน้าที่อันมีเกียรตินั้น

“เอ่อ เทวาน้องเป็นยังไงบ้าง”

“เมื่อเช้าดูเหมือนซึม ๆ หน่อย”

ทุกคนได้ฟังคำตอบแล้วก็ช่วยพูดให้เพื่อนคลายความกังวล และบอกว่าถ้ามีเรื่องอะไรให้ช่วยพวกเขาพร้อมเสมอ เทวาพยักหน้ารับความห่วงใยและความหวังดีแทนปฐวีร์ สักพักทั้งสามก็แยกย้ายกลับ

ปฐวีร์เลิกเรียนเดินเกาะกลุ่มกับเพื่อนลงมาจากตึก จากนั้นก็แยกกับเพื่อนบอกว่าต้องรีบกลับ ทุกคนเข้าใจและเห็นใจกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่

“รอนานไหมครับ” ปฐวีร์ถือน้ำปั่นในมือ แก้วหนึ่งของเขาอีกแก้วส่งให้อีกฝ่าย

“ไม่นานหรอก ขอบใจนะ เรียนเป็นไงบ้างวันนี้”

“ไม่รู้เรื่องเลย ไม่รู้ว่าอาจารย์สอนอะไรบ้าง จิตใจอยู่แต่กับไอ้ข่าวบ้านี่ อ่านแล้วโมโห ทุกคนทำเหมือนกับว่าพ่อตายไปแล้ว เหลือแค่จองวัดเผาเท่านั้น” พูดแล้วก็หงุดหงิดอย่าให้รู้นะว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวพวกนี้ออกมา ถ้ารู้จะด่าให้จนไม่กล้าออกจากบ้านเลย

“เอาน่า ใจเย็นก่อน เดี๋ยวเรื่องทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง” เทวากุมมือขาวเพื่อให้กำลังใจ ความอบอุ่นของมือหนาช่วยทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง เขารู้สึกดีที่มีคนคอยอยู่ข้างๆ คอยพูดให้กำลัง คอยถามว่าเหนื่อยไหม ถามว่าอยากกินอะไร เท่านี้ก็ทำให้มีแรงเดินต่อไปแล้ว ทั้งสองกำลังมองตากัน เสียงโทรศัพท์ปฐวีร์ก็ดังขัดจังหวะ เทวายิ้มแก้เขินแล้วเบือนหน้าไปทางอื่นรู้สึกอายที่คิดอกุศลกับคนตรงหน้า ปฐวีร์มองโทรศัพท์เห็นชื่อคนโทรเข้ามาก็อดแปลกใจไม่ได้ เขารีบเลื่อนรับสายแล้วนั่งคุยอยู่ตรงนั้น

ปฐวีร์นั่งคุยโทรศัพท์กับทินกรไม่ถึงสิบนาที รถหรูสีดำก็มาจอดชะลอหน้าคณะ ก่อนขึ้นรถไปเขาเล่าเรื่องการประชุมของ Ago Group ที่จะมีขึ้นเย็นนี้ เทวาเข้าใจและบอกจะไปรอรับ เขาขอบคุณแล้ววิ่งขึ้นรถไป ขึ้นไปบนรถเห็นหน้าทินกรที่ดูซูบซีดจนน่าเป็นห่วง “พี่กรสวัดดีครับ”

“สวัสดี เป็นไงสบายไหมเรา”

“สบายดีครับ”

“ดี เพราะต่อจากนี้จะไม่สบายดี เตรียมตัวเตรียมใจ เราจะต้องเข้าไปประชุมทั้งในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่และผู้บริหาร และเตรียมหูเตรียมสมองให้พร้อมพี่จะพูด...” ทินกรไม่อยากเสียเวลาเริ่มหยิบเอกสารที่จะใช้ประชุมออกมา เล่าสรุปสถานการณ์คร่าว ๆ ของบริษัทที่กำลังเผชิญอยู่ สาเหตุและจุดประสงค์ที่มีการประชุมครั้งนี้ และอีกหลายอย่าง ทินกรพูดไม่หยุดตั้งแต่ขึ้นรถมา ใช้ปากกาเน้นจุดสำคัญเพื่อให้อีกฝ่ายจดจำได้เยอะที่สุด ปฐวีร์รู้สึกเครียดกังวลที่ต้องเข้าห้องประชุมที่มีแต่ผู้ใหญ่ อย่างเขาจะไปทำอะไรได้ รถหรูเลี้ยวเข้าจอดชะลอหน้าสำนักงานใหญ่ ทำให้เขารู้ว่าไม่มีเวลาให้ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว

คณะผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ต่างทยอยเดินเข้าห้องประชุมนั่งประจำที่ใบหน้าแต่ละคนแสดงถึงความเป็นกังวล ปฐวีร์สวมสูทตัวใหม่ที่ทินกรให้คนเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้วเข้าไปในห้องประชุม ทุกสายตามองตรงมาที่เขาอย่างสงสัยว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นใครกัน เขานั่งลงหลังป้ายชื่อทุกคนก็หายสงสัย เมื่อทุกคนมาพร้อมรองประธานทำหน้าที่เป็นประธานในการเปิดประชุมอย่างเป็นทางการ ชายวัยกลางคนแต่งตัวภูมิฐานด้วยสูทราคาแพงนั่งอยู่หัวโต๊ะสายตาของเขากวาดมองทุกคนแล้วพูดผ่านไมโคโฟนเล็กว่า

“เรื่องที่จะแจ้งให้ทุกท่านทราบก็คืออาการป่วยของท่านประธาน” ทุกคนมองมาที่ปฐวีร์ที่นั่งเงียบเหมือนไม่ได้ยินอะไร “พวกเราจำเป็นต้องสรรหาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานชั่วคราว จนกว่าอาการท่านจะดีขึ้นแล้วกลับมาทำงานได้เหมือนเดิม ดังนั้นวันนี้ผมอยากให้ทุกคนในที่นี้เสนอรายชื่อคนที่มีความสามารถนั้น” เจ้าหน้าที่ที่นั่งเงียบอยู่อีกมุมห้องลุกขึ้นเดินแจกเอกสารให้ทุกคน ปฐวีร์เปิดดูรายชื่อประวัติโดยย่อของผู้สิทธิ์เข้าดำรงตำแหน่ง เลื่อนเปิดอ่านไปทีละแผ่นจนหยุดลงที่แผ่นหนึ่ง เห็นคนคุ้นหน้าทำให้เขาหยุดอ่านประวัติคนในรูปอย่างตั้งใจไม่ได้ ชื่อธีรณัฑศ์ วีรวัฒฑณกุลธรรมไพศาลทัพย์ ทั้งที่ไม่อยากเจอแต่โชคชะตากลับให้ต้องมาเกี่ยวข้องกันได้ ที่เห็นในความฝัน เขาเจออีกฝ่ายครั้งแรกที่มหาวิทยาลัย และอีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ต่างคณะ ดูเหมือนหลายอย่างจะเปลี่ยนไป ดูจากประวัติการศึกษา อายุ ประสบการณ์ทำงานของอีกฝ่ายในกระดาษแทบจะไม่ใช่คนในฝันนั่นเลย แล้วยังมีนามสกุลเดียวกันกับเขาอีกเป็นญาติฝ่ายไหนกันล่ะเนี่ย เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ

เงยหน้าขึ้นเอกสารเพื่อดูปฏิกิริยาคนเข้าประชุมคนอื่น แต่ก็ตกใจเมื่อเห็นคนนั่งข้าง ๆ ยิ้มให้

“สวัสดีครับ เราเจอกันอีกแล้ว” คนที่น่าจะอยู่ในเอกสารกลับนั่งยิ้มอยู่ข้าง ๆ มาตอนไหนล่ะเนี่ย

“สวัสดีครับ เพิ่งรู้ว่าเราเป็นญาติกัน”

ชายหนุ่มยิ้มให้ปฐวีร์ เขาเป็นแค่เด็กกำพร้าที่ไม่มีที่ซุกหัวนอน เดินเร่ร่อนเข้ามาในเมืองใหญ่ อาศัยขอทานประทังชีวิตไปวัน ๆ จนวันหนึ่งได้เจอคนใจดีอย่างปทีปช่วยเหลือไว้ ให้อนาคต ระหว่างนั้นเขาได้มีโอกาสได้พบกับปฐวีร์ เด็กผู้ชายตัวเล็กและผอม หน้าตาน่าเอ็นดู เขาเคยได้เข้าไปคุยด้วยไม่กี่ครั้ง เพราะต่อจากนั้นไม่นานก็ถูกส่งไปเรียนถึงต่างประเทศ หลายปีที่เขาอยู่ที่นั่น เคยคิดอยากหนีกลับมาแต่ก็กลัวผู้มีพระคุณต้องผิดหวังเสียใจ แต่แล้วเมื่อไม่นานมานี้ก็มีจดหมายจากปทีปบอกให้เตรียมตัวกลับมาที่นี่ นั่นทำให้เขาดีใจ เมื่อกลับมาถึงเมืองไทยลุงปทีปให้เขาเรียนรู้งานเบื้องต้น ทำให้จำเป็นต้องรู้จักทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคณะผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น คู่แข่ง แต่คนที่ทำให้เขาสนใจตั้งแต่เห็นรูปก็คือผู้ชายตัวเล็กคนนี้ที่โตขึ้นมาก และชอบทำหน้าตาเหมือนไม่ชอบขี้หน้าเขาตั้งแต่แรกเจอ

“อืม พอดีพี่คงอยู่ที่ต่างประเทศนานไปหน่อย ที่กลับมาเพราะคุณลุงปทีปเรียก” ในใจปฐวีร์คิดว่าทำไมไม่อยู่ที่นั่นไปตลอดชีวิต พ่อเรียกกลับมาทำไม แล้วไอ้ที่เรียกพ่อว่าลุงกับท่าทางสนิทสนมนี่มันหมายความว่ายังไง

ประธานในที่ประชุมให้เวลาศึกษาผู้มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งประธานเบื้องต้น จากนั้นเป็นแนะนำตัวพูดคุยตอบคำถาม ปฐวีร์ยังแอบคิดขำขำว่าเหมือนประกวดนางงามไม่มีผิด

“โปรเจคจุลินทรีย์กินแมลงนี่เป็นของคุณใช่ไหม”

“ครับ พอดีได้รับการแนะนำจากผู้อาวุโสหลายท่าน ทำงานออกมาดีกว่าคาดไว้” ธีรณัฑศ์ตอบคำถามอย่างมั่นใจ ถึงอายุของเขาน้อยที่สุดแต่เรื่องความสามารถเขาไม่น้อยเหมือนอายุ

และแล้วก็ถึงเวลาที่ทุกคนต้องเลือก ผลคะแนนออกมา ค่อนข้างแน่นอนว่าธีรณัฑศ์ได้รับเลือก ผลเป็นอย่างที่ทุกคนคาดคิด เพราะธีรณัฑศ์มีระดับการศึกษาสูง มีความสามารถ มีประสบการณ์ในระดับหนึ่ง คุณสมบัติเบื้องต้นเหมาะสมที่สุด ผู้บริหารหลายคนรู้ดีว่าชายหนุ่มเป็นคนที่ท่านประธานเรียกตัวกลับมาเพื่อเรียนรู้งาน พวกเขาได้แอบสังเกตห่าง ๆ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ชายหนุ่มทำได้ดีกว่าที่พวกเขาคิด ท่านประธานไว้วางใจขนาดนี้พวกเขาก็พร้อมจะสนับสนุน

การประชุมลากยาวจากชั่วโมงกลายเป็นสามชั่วโมงกว่า ในที่สุดการประชุมก็เสร็จสิ้นลง เล่นเอาปฐวีร์แทบสลบเมื่อเดินออกจากห้องแต่ดูเหมือนจะไม่จบลงเพียงแค่นี้

“วีร์ไปพักกินของว่างที่ห้องนั้น อีกครึ่งชั่วโมงจะเปิดแถลงข่าวอาการของท่านประธานและผลการคัดเลือกประธานคนใหม่” ยังไม่ทันพูดอะไรทินกรก็เดินหายไปอีกห้อง ปล่อยปฐวีร์ยืนน่าเศร้า อะไรนี่ เขาอยากกลับไปนอนแล้วนะหิวข้าวแล้วด้วย

“พี่ว่าพวกเราไปนั่งพักห้องนั้นกันดีกว่า” ทำอะไรไม่ได้เขาเดินคอตกเข้าไปในห้องพักที่ว่า โดยมีธีรณัฑศ์เดินตามมาเงียบ ๆ ปฐวีร์นั่งบนโซฟาถอดเสื้อสูทออกนั่งกินของว่างเงียบ ๆ “ช่วงนี้ที่บ้านเป็นยังไงบ้าง”

“ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่ได้อยู่ที่บ้าน แต่ก็คงวุ่นวายน่าดู”

“ถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกได้นะ”

“อืม เป็นประธานวุ่นทั้งวัน คงมีเวลาหรอก”

“ใครว่า เป็นแค่ชั่วคราวยังไงหน้าที่หลักก็ยังเป็นคณะผู้บริหารอยู่ดี แล้วอีกอย่างวีร์ก็ต้องเข้ามาช่วยงานที่บริษัทด้วยนะ”

“เฮ้ย ใครบอก”

“ท่านประธาน รู้สึกว่าจะเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน คณะผู้บริหารก็เห็นด้วย” ปฐวีร์นั่งตกใจกับคำพูดอีกฝ่าย และก็คิดได้ว่าพ่อคงจะกลัวว่าเขาสบายเกินไปเลยอยากหาอะไรให้ทำ เรื่องนั้นไม่เท่าไหร่หรอก ไม่ใช่ว่าไม่เคยทำ แต่เวลาที่ไม่เข้าใจก็ยังมีทินกรคอยช่วย ถ้าคุณนายรองรู้ว่าเขาเข้ามาทำงานที่บริษัทมีหวังได้เต้นแน่นอน แต่ว่าต้องมาทนเจอหน้าคนตรงหน้าบ่อย ๆ เขาก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เอาเถอะถือเป็นเวรเป็นกรรมที่ต้องเผชิญก็แล้วกัน





*********************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 24 [11/10/61]
«ตอบ #53 เมื่อ11-10-2018 20:30:22 »

เรื่องมันช่างซับซ้อนและน่าติดตาม  งื้อออออ

ออฟไลน์ kanyakorn24

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 24 [11/10/61]
«ตอบ #54 เมื่อ12-10-2018 03:00:31 »

วีร์จะผ่านไปไงเนี่ยย แต่ละตอนเจอแต่ปัญหา

พี่เทวาช่วยน้องด่วนนน :katai1:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 24 [11/10/61]
«ตอบ #55 เมื่อ12-10-2018 19:56:49 »

เริ่มซับซ้อนอีกแล้ว ในที่สุดคนชื่อณัฑศ์ก็เริ่มมีบทบาทแล้วอยากรู้ๆจะเหมือนความฝันของวีร์ไหม. อยากให้มาช่วยวีร์มากกว่าไม่อยากให้มาทำร้ายกันเลย

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 25 [13/10/61]
«ตอบ #56 เมื่อ13-10-2018 18:44:17 »

ตอนที่ 25



ภาพถ่ายทอดสดภายในห้องประชุมของตึกสำนักงานใหญ่  Ago Group รองประธานกำลังทำหน้าที่ตอบข้อสงสัยของนักข่าว  นักข่าวสายเศรษฐกิจต่างมีข้อมูล คำถามและข้อสงสัยในมือ ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน แต่ขึ้นอยู่กับว่าคำถามและไหวพริบของใครมีมากกว่ากัน

เทวากลับห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจากนั้นไม่นานก็ได้รับข้อความจากปฐวีร์ว่าประชุมเสร็จแล้ว และจะมีแถลงณ์ข่าวต่อ

เทวาขับรถออกมารอรับปฐวีร์ จนมาถึงหน้าตึกสำนักงานใหญ่ Ago Group ในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา ซึ่งเลยเวลาเลิกงานแล้วลานจอดรถจึงพอจะมีที่ให้จอดรถ พอจอดรถเรียบร้อยแล้วเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูข่าวผ่านมือถือ เห็นคนรักสวมสูทสีเข้มพอดีตัวนั่งนิ่งอยู่ฝั่งซ้ายของชายคนหนึ่งกำลังให้สัมภาษณ์ แล้วเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อฝั่งขวาเป็นผู้ชายที่เคยเจออยู่สวนสาธารณะเมื่อไม่นานมานี้ ไอ้หมอนี่เป็นใครกัน

“จากข่าวที่ออกมาหลายคนอาจจะอยากรู้ข้อเท็จจริง ทางเราจึงได้เปิดแถลงข่าวเพื่อให้ทุกรับรู้ ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางผม ชรรภวัฒณ์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธาน ฝั่งขวามือคือคุณธีรณัฑศ์  วีรวัฒฑณกุล ฯ ทางคณะผู้บริหารและผู้ถือหุ้นของ Ago Group เห็นพ้องต้องกันว่าเขาเหมาะสมที่ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทชั่วคราว” หลังจากเขาพูดจบทั้งเสียงชัตเตอร์แสงแฟลชรัวใส่ชายหนุ่มแทบลืมตาไม่ขึ้น ไม่พอนักข่าวยังตั้งคำถามมากมาย สงสัยที่มาที่ไปของชายหนุ่มว่ามีที่ไปยังไงทำไมถึงได้รับความเชื่อใจ แต่ก็ถูกรองประธานห้ามไว้

“ส่วนคนที่นั่งฝั่งซ้ายของผมคือ ลูกชายของท่านประธาน คุณปฐวีร์” ปฐวีร์ไหว้ทักทายนักข่าว โชคดีหน่อยที่เขาพอจะเป็นที่รู้จักในสังคมพอสมควรนักข่าวจึงไม่กล้าเสียมรรยาท

“ก่อนอื่นผมจะให้คุณปฐวีร์เปิดเผยข้อมูลอาการป่วยของท่านประธานในส่วนที่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนทำไมถึงไม่ให้แพทย์ประจำตัวท่านมาพูดนั้นเราขอไม่ตอบ” ไม่ใช่แต่แค่นักข่าวที่สงสัยประเด็นนี้ปฐวีร์ก็สงสัยไม่ต่างกัน อาจจะเป็นเพราะแพทย์ไม่สามารถโกหกได้หรือเปิดเผยข้อมูลทุกอย่างได้ ชั่งเถอะคิดไปก็เปล่าประโยชน์เขาเริ่มตอบคำถามนักข่าวทีละคน หรือสำนักข่าวละคำถาม เท่าที่ทางทินกรได้บอกว่าสิ่งไหนควรพูดสิ่งไหนไม่ควรพูด เพราะทุกคำที่เขาพูดจะมีผลต่ออนาคตบริษัท และชีวิตพนักงานหลายพันคน เขาได้แต่ถอนหายใจ แล้วทำไมต้องเอาเรื่องสำคัญแบบนี้มาให้เขารับผิดชอบด้วย

            บ้านวีรวัฒณกุล ฯ คุณนายรองนั่งหงุดหงิดอยู่หน้าโทรทัศน์ตั้งแต่ที่ได้ยินรองประธานแนะนำปฐวีร์เป็นลูกชายท่านประธาน แล้วลูกชายเธอไม่ใช่รึไง ที่ตรงนั้นสมควรเป็นของลูกชายเธอถึงจะถูก สุดท้ายเด็กนั่นก็หน้าด้านเอาทุกอย่างที่สมควรจะเป็นของเธอและลูกไป นั่นทำให้ในใจเธอไม่กังวลที่จะทำทุกเพื่อลูก ๆ พลพัฒน์ลุกเดินออกจากห้องเงียบ ๆ เกลียด ไม่ชอบขี้หน้า ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงรู้สึกอย่างนั้นอยู่บ้าง แต่ตอนนี้กลับไม่ใช่ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่รู้สึกไม่ชอบน้องชายที่กำพร้าแม่ เมื่อไหร่ที่เขาอิจฉาอีกฝ่าย พยายามทำทุกอย่างตามคำสั่งแม่ ทำให้ดี แล้วยังไง เขาไม่รู้จะทำไปทำไม ทำเพื่อตัวเองหรือแม่ที่อยากได้สมบัติไม่สนใจว่าเขาจะมีความสุขกับมันรึไม่ แต่กลับเป็นปฐวีร์ที่ช่วยดูแลผู้หญิงที่เขาไม่สามารถดูแลไว้ ที่จริงเขาควรจะอิจฉาน้องชายที่สามารถทำอะไรได้ตามใจคิด ไม่ต้องฟังเสียงคนรอบข้างจนไม่เป็นตัวของตัวเองเหมือนเขาทุกวันนี้ 

            บ้านสุรัตนธรรมวรธิเบศณ์ ทุกคนนั่งดูข่าวถ่ายทอดสด ถึงได้เจอปฐวีร์ไม่กี่ครั้งพูดคุยไม่กี่ประโยค แต่นั่นก็ทำให้ทุกคนก็รู้สึกชอบและหลงเสน่ห์ปฐวีร์โดยไม่รู้ตัว “ดูแล้วแฟนเจ้าเทวาตอบคำถามได้ฉลาดและควบคุมอารมณ์ได้ดีทีเดียว”

“ใช่พี่ธรรมผมก็ว่าอย่างนั้น ภายใต้สถานการณ์ที่กดดันอย่างนั้นยังนั่งมีสมาธิ” หัวหน้าครอบครัวเห็นด้วยกับคำพูดของลูกชายทั้งสอง ส่วนในใจกำลังคิดอะไรหลายอย่าง

“แม่ว่า น้องวีร์ดูผอมไปนะ แม่ไปทำขนมฝากไปให้ดีกว่า” จริญญาพูดแล้วก็เดินเข้าไปในครัว

            ภฤดล กฤติกรณ์ นภาภรณ์และเพื่อนของเปฐวีร์ต่างก็ทยอยส่งข้อความให้กำลังใจ จนมือถือบนโต๊ะสั่นจนเกือบตกพื้น ทำให้เขาได้รู้ว่าเวลาแบบนี้มีเพื่อนที่คอยเป็นห่วงไม่กี่คนดีกว่ามีคนในครอบครัวเยอะแยะ แต่กลับไม่มีความจริงใจให้กันเป็นไหน ๆ

            การแถลงข่าวเป็นไปอย่างราบรื่นทุกคนช่วยกันขอบคุณนักข่าวจากหลายสำนักที่ให้เกียรติมา นักข่าวทยอยกลับ ปฐวีร์สะกิดทินกรว่าเขาจะกลับได้รึยัง ทินกรบอกได้ไม่มีอะไรต้องทำแล้ว แต่หลังจากนี้เขาจะติดต่อไปอีกที ได้กลับแล้วเขารีบออกจากห้องโทรหาเทวาถามว่าอยู่ตรงไหน ปลายสายตอบกลับมาว่าอยู่ลานจอดรถ ปฐวีร์ชะเง้อมองหา แล้วก็มีคนเดินเข้ามาคุยด้วย “กลับยังไงให้พี่ไปส่งไหม”

“ไม่รบกวนครับ พอดีมีคนมารับ”

“อืม เดินทางปลอดภัย แล้วเจอกันใหม่” ปฐวีร์ไม่ตอบรับแต่เดินตรงไปที่รถจอดอยู่

ธีรณัฐศ์มองรถเลี้ยวออกไปจากลานจอดรถไป ดวงตาสีเข้มฉายแววความรู้สึกหลากหลายออกมาก่อนจะหายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

            เหนื่อยมาทั้งวันเทวาพาปฐวีร์แวะหาอะไรกินก่อนกลับขึ้นห้อง ปฐวีร์เห็นด้วยตอนนี้รู้สึกปวดแสบกระเพาะไปหมดไม่รู้ว่าเครียดจากประชุมต่อด้วยแถลงข่าวที่ไม่ได้ตั้งตัวนั่น หรือหิวกันแน่ ดึกมากแล้วแต่โชคดียังดี ร้านโจ๊กใกล้ที่พักยังเปิด ทั้งสองนั่งลงที่โต๊ะเจ้าของร้านก็รีบเข้ามาถามทันทีว่าต้องการสั่งอะไรบ้าง เขาสั่งโจ๊กทรงเครื่องพิเศษ หันไปถามคนข้าง ๆ เทวาบอกเอาเหมือนกัน รอไม่นานโจ๊กถ้วยโตเต็มไปด้วยเครื่องก็ถูกมาเสิร์ฟ

“เป็นยังไงบ้างประชุมครั้งแรก”

“น่าเบื่อ ฟังไม่รู้เรื่องพูดอะไรก็ไม่รู้ ผมแค่เข้าไปยกมือกับพยักหน้า” น่าจะเท่านั้นนะที่จำได้ “พี่ได้ดูตอนที่ผมให้สัมภาษณ์เปล่า”

“บันทึกเก็บไว้เรียบร้อย อยากดูไหม”

“อืม พอดีเลยอยากเห็นว่าตัวเองเป็นยังไงบ้าง”

“กินเสร็จขึ้นห้องแล้วค่อยดู” ปฐวีร์พยักหน้าเป่าโจ๊กในช้อนให้หายร้อนแล้วตักเข้าปาก ไม่นานโจ๊กในถ้วยก็มาอยู่ในท้องเขาลูบท้องที่ป่องขึ้นเล็กน้อย ได้กินอะไรอุ่น ๆ ย่อยง่าย กระเพาะก็รู้สึกสบายขึ้นมาก

กลับขึ้นห้องก็เกือบเที่ยงคืน เทวาปิดไฟห้องข้างนอกเข้ามาในห้องนอน เห็นอีกฝ่ายนอนดูคลิปที่เขาบันทึกไว้ ปฐวีร์ดูไปหัวเราะตัวเองไป ตอนที่ตอบคำถามเหมือนไม่ใช่ตัวเองยิ่งใส่สูทนั่งตัวตรงทำหน้าจริงจังแบบนั้นแล้วด้วย ไม่นึกว่าตนเองจะสามารถเล่นละครได้เก่งแบบนี้ เห็นทีถ้าภายในสองสามวันนี้มีผู้จัดหรือผู้กำกับติดต่อไปถ่ายละครก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

            ข่าวอาการป่วยของประธาน Ago Group ได้รับการยืนยันเป็นที่เรียบร้อยจากบุตรชาย และยังเป็นถึงหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ถึงหลายต่อหลายคนสงสัยว่าทำไมถึงไม่ให้ทางโรงพยาบาลและแพทย์ประจำตัวของท่านประธานออกมาพูด แต่ทาง Ago Group ก็ประกาศประธานคนใหม่ขึ้นมาแทนชั่วคราว พอที่จะทำให้ทุกคนหันมาสนใจประธานหนุ่มคนใหม่แทน หลายคนเร่งสืบหาข้อมูลประธานคนใหม่เพิ่มเติม ในขณะเดียวกันนักลงทุนเริ่มให้ความไว้วางใจ Ago Group ถึงจะยังไม่เชื่อใจเหมือนเดิม แต่หุ้นของบริษัทก็ยังไม่ร่วงลงจนน่าตกใจเหมือนในช่วงหลายวันที่ผ่านมา คณะผู้บริหารต่างหายใจโล่งขึ้น และเตรียมที่จะวางแผนรองรับในระยะยาวหากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นอีก

คุณนายรองอาศัยช่วงเวลานี้รวบรวมเอกสารยื่นต่อศาลเพื่อขอให้ปทีปเป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถ และให้เธอคู่สมรสเป็นผู้อนุบาลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตามที่พ่อของเธอแนะนำ

            ปฐวีร์ยังใช้ชีวิตปกติ ถึงจะแตกต่างตรงที่เลิกเรียนบางวันต้องไปแวะไปดูอาการพ่อหรือสอบถามอาการความคืบหน้าจากคุณหมอ แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ช่วงเวลาสอบก็ใกล้เข้ามาอีกครั้งมีหลายเรื่องทำให้ไม่สบายใจ ทำให้ไม่เข้าใจบทเรียนไปบ้าง ยังดีมีเพื่อน ๆ คอยช่วย ส่วนเรื่องที่ต้องเข้าไปเรียนรู้งานเขาขอเวลาอีกสักพัก ในเมื่อบริษัทมีคนเยอะแยะก็ให้ทำกันไป เพิ่มเขาที่ทำอะไรไม่เป็นก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น เรียนช่วงเช้าผ่านไปเขาลงไปหาอะไรกินกับเพื่อนที่โรงอาหาร วางกระเป๋าไว้ที่โต๊ะต่างแยกย้ายไปหาของกิน มัวแต่สนใจเรื่องตัวเองมากเกินไปจนลืมมองรอบข้างว่ามีคนสายตาหลายคู่มองมา คงเป็นผลมาจากการแถลงข่าววันนั้น เดินตามกลิ่นอาหารไปถึงหน้าร้านข้าวแกง เขาเลือกข้าวแกงสองสามอย่าง ได้ไข่พะโล้สองฟอง ผัดเต้าหู้ทรงเครื่องและปีกไก่ทอดอีกชิ้น ซื้อน้ำหวานสักแก้วกลับมาที่โต๊ะนั่งฟังเพื่อนคุยเรื่องซีรีย์เกาหลีเรื่องใหม่ที่เพิ่งฉายได้ไม่กี่ตอน แต่พระเอกหล่อนางเอกสวย แล้วเนื้อเรื่องล่ะทำไมไม่มีใครพูดถึง

”พระเอกเป็นนักร้องวงบอยแบนด์ด้วยนะ ชื่อวงอะไรจำไม่ได้ ร้องเพลงอะไรฟังไม่รู้เรื่องรู้แต่ว่าหล่อ”

“ขิงฟังแล้วรู้สึกสงสารพระเอกซีรีย์คนนี้ชะมัด”

“ใช่สิผู้หญิงเดี๋ยวนี้ชอบแต่ขาว ๆ โอปป้า หล่อเข้มแบบนายหัวเลยไม่เป็นที่นิยม” กายอดบ่นไม่ได้ตั้งแต่นั่งลงได้ยินแต่เพื่อนพูดถึงผู้ชายในลักษณะนั้น สองสาวต่างรีบพูดปลอบใจกลัวเพื่อนเสียความมั่นใจ ปฐวีร์นั่งฟังไปยิ้มไป เรื่องแบบนี้เขาไม่ขอออกความคิดใด ๆ ก็คงเพราะที่มองจากภายนอกอย่างเดียวนี่แหละทำให้เขาต้องฝันเห็นตัวเองตายอย่างน่าสงสาร ขณะที่นั่งเศร้ากับชีวิตก็ได้ยินเสียงข้อความดังขึ้น เขาหันไปมองปิ่นอนงค์กำลังเปิดอ่านข้อความในโทรศัพท์ ริมฝีปากสีสวยของเธอปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ แต่เขาเห็นแล้วรู้สึกขนลุก เขากำลังจะถามว่ามีเรื่องอะไรดี ๆ ปิ่นอนงค์เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้แล้วใช้นิ้วชี้ชิดริมฝีปากบอกให้รู้ว่าเป็นความลับตอนนี้ยังบอกไม่ได้ เขาก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ผู้หญิงคนนี้กำลังมีความสุขกับการทำให้เพื่อนสนิทของเธอได้รับความรู้สึกเดียวกันกับเธอ คนแรกคือพิศนภาคนต่อไปคงเป็น.....พิมพ์รตา

“เออนี่ เรียนเสร็จแล้ววันนี้ไปร้องคาราโอเกะกัน” พีรพัฒน์พูดแทรกขึ้น

“ฮือ อยู่ดี ๆ ทำไมถึงอยากไปร้องคาราโอเกะ”

“ไม่มีอะไรแค่อยากไปแหกปากเท่านั้น”

“ถ้างั้นเราขอผ่าน เรายังไม่อยากให้หูพิการ” ปฐวีร์ได้ยินคำตอบแล้วปฏิเสธเป็คนแรก

“เฮ้ย ล้อเล่นก็อยากชวนไปเปิดหูเปิดตาบ้างเดี๋ยวสอบแล้วก็ต้องมานั่งอ่านหนังสือปวดหัวอีก” ทุกคนเห็นด้วยกับพีรพัฒน์ หลังจากเรียนเสร็จทุกคนตรงไปที่ห้างสรรพสินค้าใกล้มหาวิทยาลัย ไปถึงโซนคาราโอเกะเสียงเพลงกำลังฮิตช่วงนี้ดังแว่วออกมาจากแต่ละห้อง

พีรพัฒน์บอกพนักงานว่าอยากได้ห้อง VIP พนักงานบริการด้วยรอยยิ้มและความเต็มใจ บอกหมายเลขห้องที่ว่างให้ทราบ ทุกคนช่วยกันเลือกห้องและเดินตามกันเข้าไปในห้อง VIP ในห้องมีโซฟาตัวโต และจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ พวกเขาสั่งของกินเครื่องดื่มมาสามสี่อย่าง พีรพัฒน์รีบคว้าไมค์เป็นคนแรก กดเลือกเพลงที่อยากร้อง วจีกับน้ำขิงก็แย่งกันเลือกเพลง กายไม่ถนัดเรื่องแบบนี้เขาขอนั่งฟังเงียบ ๆ ส่วนปฐวีร์เลือกกินแล้วร้องคลอไปกับเสียงเพลงเบา ๆ พร้อมพิมพ์ข้อความคุยกับเทวาบอกว่าออกมาเที่ยวกับเพื่อนอีกฝ่ายจะได้ไม่เป็นห่วง ข้อความตอบกลับบอกว่าจะรอกินข้าวเย็น เท่านั้นเขาก็วางเฟร้นฟรายในมือลงกลัวว่าจะอิ่มก่อน  เพลงแรกจบลงพีรพัฒน์ได้รับเสียงปรบมือจากเพื่อน ๆ อย่างคาดไม่ถึงว่าเพื่อนตัวเล็กจะมีความสามารถร้องเพลงได้เก่งขนาดนี้ คนได้รับเสียงปรบมือเสียงชมยิ้มกว้างรีบเลือกเพลงต่อไป วจีกับน้ำขิงไม่ยอมแพ้พวกเธอจะร้องบ้าง ปฐวีร์มองทุกคนก็ยิ้มออก บางครั้งได้ออกมาสนุกกับเพื่อนทำอะไรเรื่อยเปื่อยแบบที่ไม่เคยทำมาก่อนก็ดีเหมือนกัน เพลงเริ่มเปลี่ยนจังหวะทุกคนก็ลุกขึ้นขยับตามเสียงเพลง

“วีร์ไปเข้าห้องน้ำกัน” พีรพัฒน์กลั้นอยู่นานลากเพื่อนออกไปห้องน้ำ “เฮ้ย อะไรจะรีบขนาดนั้น”

“ไม่รีบได้ไงเดี๋ยวกลับมาอดร้องเพลงทำไง”

“เป็นโรคติดไมค์รึไง”

“ใช่ ไปกันเถอะ”

ทั้งสองเดินตามทางลูกศรชี้ ระหว่างที่เดินออกมาเห็นบางคนออกมายืนสูบบุหรี่ คุยโทรศัพท์ เข้าไปในห้องน้ำปฐวีร์บังเอิญเห็นพีรพลธ์กำลังยืนคุยกับผู้ชายสองคนอยู่มุมห้อง เขาเลือกทำเป็นมองไม่เห็น แต่ไม่ทันแล้วดูเหมือนอีกฝ่ายจะเห็นเขาเข้าแล้ว เขารีบเดินเข้าห้องน้ำที่ว่างอยู่ มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อยรู้สึกดีใจคุณนายรอง เธอจะรู้ไหมว่าลูกชายคนเล็กที่บอกว่าต้องไปเรียนพิเศษหลังเลิกเรียน ขยันถึงขั้นแอบมาเรียนพิเศษอยู่ที่โซนคาราโอเกะในห้างสรรพสินค้า

“ใคร” โจ้ถามพีรพลธ์ที่มีท่าทางตกใจเมื่อเห็นใครสักคน

“เอ่อ พี่ชายอีกคน”

โจ้มองตามผู้ชายสองคนที่เดินเข้าไปในห้องน้ำ หนึ่งในนั้นมีคนหน้าตาคล้ายพีรพลธ์อยู่บ้าง “แกนี่มีพี่กี่คน แต่คนนี้ดูดีถูกใจ”

“แต่นั่นผู้ชายนะพี่ อดยากขนาดนั้นเลยรึไง” พีรพลธ์อดบ่นไม่ได้

“ฉันไม่ได้โง่ขนาดแยกไม่ออก ผู้ชายแล้วไงถ้าฉันถูกใจ” โจ้พูดแล้วก็เลียริมฝีปากจ้องไปที่ประตูที่ร่างปฐวีร์หายเข้าไป คนถูกพูดถึงกำลังรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว เขาได้กลิ่นอันตรายแต่ไม่รู้มาจากไหน ปฐวีร์ทำธุระเรียบร้อยออกมาล้างมือเห็นผู้ชายที่ยืนอยู่กับพีรพลธ์ยืนกอดอกพิงผนังห้องน้ำมองตรงมาที่เขาพร้อมรอยยิ้มที่ชวนขนลุก เขาทำเป็นไม่สนใจ โจ้เห็นท่าทางอีกฝ่ายยิ่งรู้สึกอยากแกล้ง เขาเดินเฉียดเข้าไปใกล้อีกฝ่ายแล้วเป่าลมใส่ต้นคอขาวก่อนเดินออกไป ปฐวีร์ตัวแข็งไปแล้วไม่กล้าขยับตัว เขาได้กลิ่นอันตรายมาจากผู้ชายคนนั้นอย่างชัดเจน กลิ่นเมื่อครู่ทั้งรุนแรงและฉุนจนอยากอาเจียน ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครแต่สัญชาตญาณเตือนให้อยู่ให้ห่างจากผู้ชายคนนั้น สงบสติอารมณ์แล้วกลับเข้าไปในห้อง ฟังน้ำขิง กับวจีร้องเพลงต่ออีกสองสามเพลง จากนั้นทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับ

            ปฐวีร์นั่งรถไฟฟ้ากลับโชคดีวันนี้มีที่ว่างให้นั่ง ปกติแทบไม่มีที่จะให้ยืน กลับมาถึงห้องเห็นคนนอนหลับให้โทรทัศน์ดู หืม จำได้ว่านี่คือห้องเขา วางกระเป๋าและของกินไว้บนโต๊ะกับข้าว แล้วไปนั่งลงข้างล่างโซฟามองหน้าคนหลับอย่างมีความสุขก็อดยิ้มไม่ได้ อะไรที่ทำให้เขาเลือกคบกับอีกฝ่าย เพื่อเปลี่ยนอนาคตหรืออะไร ตอนแรกอาจจะเป็นเพราะต้องการเปลี่ยนอนาคต แต่ตอนนี้มันมีอะไรมากกว่านั้นที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ เทวาพิทักษ์ สุรัตนธรรมวรธิเบศณ์ ลูกชายคนเล็กเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เคยได้ยินคนพูดถึงบ่อย ๆ พอได้มองหน้าอีกฝ่ายใกล้ ๆ ชัด ๆ อย่างนี้ว่าไปแล้วก็หล่อจนน่าอิจฉา ขนตาก็ยาว จมูกนี่อีก เขาใช้นิ้วลูบริมฝีปากเบา ๆ

“โอ๊ย เป็นหมารึไงงับมาได้” นิ้วเรียวถูกคนที่คิดว่าหลับอยู่งับเบา ๆ

“อืม กลับมานานแล้วเหรอ”

“เพิ่งมาถึงเห็นโจรแอบย่องเข้ามานอนในห้อง ถึงว่าค่าไฟเดือนนี้ขึ้นตั้ง 200”

“โจรอะไรจะหล่อขนาดนี้” เทวาลืมตาข้างเดียวดึงอีกฝ่ายขึ้นมานอนเบียดบนโซฟา ถือโอกาสซบหน้าลงบนซอกคอดมกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ผสมเหงื่อ

“ใครบอก” ปฐวีร์เบื่อจะพูดกับคนหลงตัวเอง

“ไม่มีใครบอกแต่ขนาดหลับอยู่ก็มีใครบางคนแอบมาจับ ๆ ลูบ ๆ หรือไม่จริง” ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม รู้สึกดีเมื่อคิดว่าตัวเองสามารถดึงดูดอีกฝ่ายได้

“เปล่า แค่ไล่ยุงให้กลัวไม่สบายเป็นห่วง” ปฐวีร์ปฏิเสธไม่เต็มปาก แล้วรีบแก้ตัว ใครจะยอมรับว่าทำเรื่องอะไรแบบนั้นน่าอายจะตาย “แล้วดมอยู่ได้ไม่เหม็นรึไง” เขารู้สึกจั๊กจี้ที่คอ ท่าทางจะเป็นหมาถ้าไม่กัดก็ดม

“ไม่รู้สิบอกไม่ถูกแต่ชอบกลิ่นนี้ ฟอด” พูดแล้วก็พิสูจน์โดยการหอมแก้มอีกฝ่าย คนถูกฉวยโอกาสถึงกับพูดไม่ออก หน้าเห่อแดงเพราะกำลังเขิน แต่ปากก็ยังไม่ยอมแพ้

“จมูกมีปัญหารึเปล่า หรือไม่ก็สมอง” ปฐวีร์ขยับยุกยิกไปมาเพื่อหนีจมูกจอมฉวยโอกาส

“หึ หึ อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้” มือหนาลูบแผ่นหลังอีกฝ่ายเบา ๆ “แล้วไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกไหม”

“สนุกดีครับ นานทีไปแหกปากเสียงดัง เต้นแร้งเต้นกาก็ดีเหมือนกัน”

“ไม่รู้ว่าเราชอบอะไรแบบนั้น“

“เปล่า แค่เพื่อนชวนไป ใกล้จะสอบแล้วด้วยเลยไปผ่อนคลาย”

“อืม หิวยังไปหาอะไรกินกัน” เทวาลูบผิวเนียนจนรู้สึกหิวคนตัวเล็กจนส่วนนั้นปวดทรมานไปหมดปฐวีร์กลับเข้าใจคนละเรื่อง “ผมซื้อสเต๊กกับสปาเกตตี มีน้ำเต้าหู้ทรงเครื่องหน้าร้านสะดวกซื้อที่พี่ชอบด้วย” เทวาขอบคุณ บอกให้อีกฝ่ายไปอาบน้ำแล้วมากินมื้อเย็นด้วยกัน ส่วนเทวานอนสงบอารมณ์บนโซฟา สัมผัสนุ่มเนียนติดอยู่ที่ปลายนิ้ว กลิ่นปฐวีร์ยังวนเวียนอยู่ปลายจมูก เล่นเอาเขาแทบควบคุมความรู้สึกไว้ไม่ได้ คลื่นพายุค่อย ๆ ผ่านไปจนลมสงบลงในเวลาต่อมา จากนั้นเทวาไปเตรียมมื้อเย็น

ปฐวีร์อาบน้ำเปลี่ยนชุดเรียบร้อยออกมากลิ่นหอมสเต๊กหมูพริกไทยดำก็โชยมาเรียกน้ำย่อย เทวาจัดหยิบจานออกมาจากไมโครเวฟมาวางบนโต๊ะ ทั้งสองนั่งพร้อมหน้าที่โต๊ะอาหารมื้อเย็น ปฐวีร์เล่าเรื่องไปเที่ยวให้เทวาฟังต่อ เทวายังบอกอีกด้วยว่าเขาก็ร้องเพลงเพราะเหมือนกัน ไว้วันหลังจะร้องให้ฟัง

“แล้วผมจะล้างหูรอ”

“ได้สำหรับคนพิเศษเท่านั้น”

บ้า ปฐวีร์ค้อนใส่อีกฝ่าย เทวายิ้มชอบใจกับปฏิกิริยาของอีกฝ่าย เขาไม่ได้พูดอะไรผิดสำหรับคนพิเศษของเขา ก็อยากทำอะไรพิเศษให้



****************************************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป


ออฟไลน์ Mizunoe

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 25 [13/10/61]
«ตอบ #57 เมื่อ13-10-2018 19:56:56 »

วีร์เจอคนอันตรายๆตลอดเลย

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 25 [13/10/61]
«ตอบ #58 เมื่อ13-10-2018 20:09:41 »

ท่าทางวีร์จะเจอผู้ไม่หวังดีเพิ่มอีกคนแล้ว

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 25 [13/10/61]
«ตอบ #59 เมื่อ13-10-2018 20:13:16 »

คนมาใหม่ดูอันตรายแฮะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด