[END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ⎮แจ้งข่าว P.4
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ⎮แจ้งข่าว P.4  (อ่าน 28357 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
สงสารเมืองที่มีพ่อคิดแบบนี้

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เมืองน้ำจะผ่านมันไปได้นะ มีร้อยเอกอยู่ตรงนั้นทั้งคน TT

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
18
ฟ้าหลังฝน



สิ่งที่ร้อยเอกไม่ชอบตั้งแต่เล็กจนโตคือความมืดและทุกเรื่องเกี่ยวกับผี อีกสิ่งที่เพิ่งค้นพบในวัยยี่สิบเอ็ด...คือหยดน้ำตา

เขาเคยร้องไห้อย่างหนักสองครั้ง ครั้งแรกคือตอนย่าเสียชีวิต ครั้งที่สอง แน่นอนว่าต้องเป็นครั้งที่เลิกกับแฟนเก่า ทุกๆ ครั้งเกี่ยวข้องกับการสูญเสียคนสำคัญในชีวิต จึงเข้าใจดีว่าทำไมเมืองน้ำถึงร้องไห้หนักขนาดนั้น

เมืองน้ำกำลังสูญเสียความสมบูรณ์ของครอบครัว

หนที่แล้วเขาผ่านมาได้เพราะมีคนรอบตัวคอยอยู่ข้างๆ ร้อยเอกเลยรู้สึกขอบคุณตัวเองที่ไม่กลับบ้านไปก่อน อย่างน้อยการรอเจอเมืองน้ำ ทำให้เมืองน้ำรู้ว่าไม่ได้ร้องไห้เพียงลำพัง ยังมีร้อยเอกอยู่เป็นเพื่อน มีเขารับรู้ว่าอีกคนกำลังเจอปัญหาอะไร คงเป็นสิ่งที่เขาทำได้มากที่สุดแล้ว

เรายืนอยู่ตรงลานจอดรถในมหา’ลัยจนท้องฟ้าระบายด้วยสีดำทึบ เสียงสะอื้นจากคนในอ้อมกอดค่อยๆ เบาลงเมื่อเวลาผ่านไป เชื่อเลยว่าการร้องไห้จนตัวโยนสูบพลังจากคนตัวเล็กไปอย่างมหาศาล เมืองน้ำแทบไม่เหลือแรงเดินจากที่ไม่ค่อยมีอยู่แล้ว เปลือกตาคู่สวยที่ไม่เคยมีตำหนิคลอด้วยหยดน้ำชื้นๆ และผิวรอบดวงตาก็แดงช้ำจนน่ากลัว

เมืองน้ำไม่พูดอะไรมากนัก บอกสั้นๆ ว่าอยากกลับบ้าน หลังจากนั้นอีกสองชั่วโมงคนตัวเล็กก็ขึ้นไปพักบนห้องนอน เขาเป็นห่วง เพราะเมืองน้ำอยู่บ้านคนเดียว พยายามชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ในไลน์ แต่อีกคนคงไม่ไหวจริงๆ สุดท้ายเลยปล่อยให้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองตลอดทั้งคืน

คนสัญญาจะไม่ทำงาน เก็บไว้ทำวันอื่น และเข้านอนตั้งแต่ห้าทุ่มผิดสัญญากับเขา ตีสองแล้วไฟในห้องนอนฝั่งตรงข้ามยังสว่างจ้าอยู่เลย แต่ก็เป็นการผิดสัญญาที่เขาเอาผิดไม่ได้ เมืองน้ำบอกว่านอนไม่หลับ อยากนั่งทำงานจะได้ไม่คิดมาก

แค่นี้ก็ไม่กล้าขัดใจอะไรแล้ว บอกแล้วไงว่าร้อยเอกไม่เคยยอมใครเท่าเมืองน้ำจริงๆ

“แม่ฝากซุปไปให้พี่เมืองด้วยนะคะน้องเอก ใส่ถ้วยไว้ให้แล้ว”

“ครับแม่ ไปกองถ่ายเถอะครับ เดี๋ยวสาย”

“จ้าๆ”

ร้อยเอกมองตามหลังมารดาที่เข้ามาทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไปพร้อมบทละครปึกหนาในอ้อมแขน ถ้าจำไม่ผิด สิ่งที่แม่ถือออกไปเป็นบทซีรีส์ที่เขาพาเมืองน้ำไปแคสติ้ง ผลแคสติ้งน่าจะออกตั้งแต่เมื่อเช้า และหนึ่งในนั้นไม่มีชื่อของเมืองน้ำ

พ่อบอกเขาว่าไม่อยากให้เล่นทั้งที่ไม่ตรงกับคาแร็คเตอร์ กลัวจะมีกระแสต่อว่านักแสดงในสังกัด ยังมีบทดีๆ อีกเพียบอยู่ในคลัง เจอบทที่เหมาะสมจะติดต่อกลับมาอีกรอบ

ร้อยเอกยังไม่ได้บอก แต่คิดว่าเมืองน้ำคงรู้ด้วยตัวเองจากการประกาศในเพจของบริษัท เขาเพิ่งกลับจากมหา’ลัยเมื่อชั่วโมงก่อน นอนพักครู่เดียวก็เดินไปเก็บวัตถุดิบในโรงปลูกมาทำอาหารให้เมืองน้ำและสิบเอกที่ทำการบ้านในห้องนอน

อาหารในถาดใบเล็กที่ครอบด้วยฝาชีสแตนเลสมีกระดาษแปะไว้ให้น้องชายรู้ว่ามื้อเย็นของตัวเองวางอยู่ตรงนี้ ส่วนถาดใหญ่ที่มีอาหารสามชุด บวกด้วยน้ำซุปของแม่ ร้อยเอกยกมาที่บ้านหลังข้างๆ

หนึ่งชุดเป็นของคุณน้า จัดไว้บนโต๊ะในครัว และอีกสองชุดที่เหลือเป็นของเขากับเมืองน้ำ

ประตูห้องเมืองน้ำไม่ได้ล็อก เปิดอ้าค้างไว้อย่างนั้น ทำให้เห็นว่าอีกคนกำลังคุยกับมารดาอยู่ แต่ดูเหมือนว่าจะคุยเสร็จแล้ว พอร้อยเอกเดินเข้าไป เธอก็เดินออกมาพอดี

“ร้อยทำมื้อเย็นมาให้ มีของคุณน้าด้วยชุดนึง วางอยู่ในครัวนะครับ”

เธอกล่าวขอบคุณเขาพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะปิดประตูห้องลูกชายเมื่อร้อยเอกก้าวเข้าไปด้านในแล้ว

เมืองน้ำนั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงาน จอแล็ปท็อปที่เปิดค้างไว้มีอีเมลติดต่องานนับสิบฉบับที่เมืองน้ำยังอ่านไม่หมด ดวงหน้าขาวซีดหันมองเด็กตัวสูงพลางจุดยิ้มบนริมฝีปาก

จัดการพับจอแล็ปท็อปแล้วลุกมาช่วยร้อยเอกจัดวางจานข้าวบนโต๊ะญี่ปุ่นที่หยิบออกมากาง นั่งลงฝั่งตรงข้ามเหมือนที่เคยเข้าไปกินมื้อเช้าในห้องร้อยเอก

“ทำไมมีซุปถ้วยเดียวล่ะ ร้อยไม่ตักมาให้ตัวเองเหรอ”

“อันนี้แม่ผมทำให้พี่เมืองโดยเฉพาะเลย ก็เลยไม่มีของผม”

“ไม่น้อยใจแล้วเหรอ เห็นเมื่อก่อนเอาแต่บอกว่าคุณป้ารักพี่มากกว่า”

“คำพูดพวกนี้เนี่ย ผมพูดเล่นนะพี่เมือง ตอนนั้นหมั่นไส้จริงๆ”

“แล้วตอนนี้ล่ะ ยังหมั่นไส้อยู่มั้ย”

เมื่อวานเป็นวันที่แย่จนไม่อยากจดจำ แต่ความเจ็บปวดที่มากมายถึงขั้นทำให้ร้องไห้สะอึกสะอื้น ไม่มีทางที่จะจำไม่ได้ จนวันนี้ก็ยังนึกถึง แต่เมืองน้ำคิดว่าตัวเองโชคดีที่ยังมีแม่ มีร้อยเอก และคนรอบตัวที่ดีมากๆ คอยอยู่เคียงข้าง

ดังนั้นเมืองน้ำจะไม่อ่อนแอแบบเมื่อวานอีกแล้ว

“ไม่หมั่นไส้แล้วครับ ตอนนี้นะ อยากให้พี่เมืองกินเยอะๆ ถ้าไม่พอก็บอก เดี๋ยวผมทำให้ใหม่”

ห้ามร้องไห้ และห้ามทำให้คนอื่นเป็นห่วง แม้ข้อหลังจะปรามความคิดคนอื่นได้ยาก แต่เมืองน้ำก็จะทำให้ได้

“ต้องลองกินดูก่อน แล้วจะรู้ว่ากินพอมั้ย”

“แต่ผมว่าไม่พออ่ะ ระดับพี่เมืองต้องกินสามจาน”

“โคตรเว่อร์”

ร้อยเอกหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตักข้าวผัดฝีมือตัวเองเข้าปาก บนโต๊ะทำงานมีผ้าเย็นวางเอาไว้ด้วย แปลว่าเมืองน้ำเอาผ้าผืนนั้นมาประคบดวงตาตามที่เขาบอก จากที่บวมช้ำก็บรรเทาลงบ้างแล้ว

เขาดีใจนะที่เมืองน้ำกลับมาพูดคุยกับเขาได้เหมือนเดิม ไม่ถามคำตอบคำอย่างเมื่อวานอีก แม้ไม่เต็มร้อย แต่ก็ดีกว่าไม่ดีขึ้นเลยไม่ใช่เหรอ

ทุกอย่างต้องใช้เวลา การรักษาความเจ็บปวดก็เช่นกัน

“วันนี้มีงานต้องทำอีกเยอะมั้ย”

“ก็เยอะนะ เพราะพี่เอางานของเมื่อวานมาทำวันนี้อ่ะ ก็เลยเยอะหน่อย ทำไมเหรอ” เมืองน้ำเลิกคิ้วขณะที่เคี้ยวข้าวผัดจนแก้มป่อง

“ว่าจะชวนไปดูหนัง”

“ดูหนังอีกแล้ว?”

“ก็ไม่รู้จะทำอะไร เล่นเกมมั้ยล่ะ ผมสอนเล่นได้นะ”

“มีคนสอนเล่นแบบร้อยเอกนี่พี่ไม่โดนด่าตายเลยเหรอ”

“ผมไม่หัวร้อนง่ายขนาดนั้นสักหน่อย”

“ไม่เชื่ออ่ะ ไม่รู้ใครที่ไหนเคยตะโกนลั่นห้องตอนแข่งเกมแพ้ แล้วอย่างนี้จะสอนพี่ที่ไม่ชอบเล่นเกมได้เหรอ”

“ได้สิ อยู่กับพี่เมืองผมก็ใจเย็นลงแล้ว”

เมืองน้ำดูไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่ที่พูดมาทั้งหมด ร้อยเอกพูดความจริงนะ

“งั้นดูที่บ้านได้มั้ย ในแอพดูหนังก็ได้ ถ้าพี่ทำเสร็จเร็วก็คงได้ดูเร็วนะ”

“ไม่เป็นไรๆ ไม่ต้องดูก็ได้ ผมกลัวพี่เมืองนอนดึกอ่ะ พรุ่งนี้มีเรียนนี่ครับ”

“พี่เรียนตอนบ่าย ไม่เป็นไรหรอก ตื่นสายได้”

“งั้นก็ไปมอพร้อมผม”

“ร้อยไม่มีเรียนไม่ใช่เหรอ”

“ไม่มี แต่ผมก็ต้องไปทำงานกลุ่มกับเพื่อนไง”

คนตัวเล็กร้องอ๋อเบาๆ เปลี่ยนความสนใจกลับไปที่มื้อเย็น จัดการจนเรียบแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอึกใหญ่

ทุกการกระทำอยู่ในสายตาร้อยเอก เขาชอบเวลาได้มองทุกอิริยาบถของคนคนนี้ สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่าเสน่ห์ส่องประกายอยู่รอบตัวเมืองน้ำเสมอ เพราะจ้องมองไม่วางตา ถึงได้เห็นว่าเมืองน้ำพยายามสดใสที่สุดเท่าที่ทำได้ และเขาไม่อยากขัดหรือพูดออกไปตรงๆ ว่าถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืน

ความร่าเริงที่เมืองน้ำกำลังสร้างขึ้นมาใหม่หลังแหลกสลายไปเมื่อวาน ก็เหมือนกับเขาในตอนที่ไม่อยากให้ใครต้องมาคอยเป็นห่วง

“พี่เล่าเรื่องเมื่อวานให้แม่ฟังแล้วนะ”

เขาเข้าใจเมืองน้ำ เข้าใจมากเลยล่ะ

“ครับ แล้วคุณน้าว่ายังไงบ้าง”

“ก็...ฟีดแบ็กจากแม่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ถึงขั้นโกรธพ่อนะ แค่ช่วยกันตัดสินใจอะไรหลายๆ อย่าง แต่เรื่องย้ายบ้านต้องคุยกับพ่อก่อน”

จะเข้าใจแค่ไหน ยังไงร้อยเอกก็ไม่อยากให้เมืองน้ำย้ายบ้านอยู่ดี

แค่คิดว่าทุกๆ เช้าที่ตื่นขึ้นมา จะไม่เห็นเมืองน้ำอยู่ในห้องฝั่งตรงข้าม แค่นี้ก็ใจหายจนไม่รู้จะไปตามหาที่ไหนแล้ว

“เมื่อวานพ่อโทรมาหาแม่ โทรหาในรอบหลายเดือนเลย แม่บอกว่าพ่อคุยด้วยน้ำเสียงไม่ดีเท่าไหร่ คงโมโหที่พี่เดินหนีพ่อ...พี่ไม่เคยเดินหนีเขาเลยนะ เหมือนตัวเองเป็นเด็กนิสัยเสียเลย”

ริมฝีปากนุ่มขบเม้มเมื่อจบประโยค พยายามพูดต่อทว่าก็ทำไม่ได้ในทันที เห็นแบบนั้นร้อยเอกเลยเลื่อนมือเข้ามากุมมือเล็กเอาไว้ บีบเบาๆ ให้รู้ว่าเขารอฟัง เมืองน้ำถึงกลับมาเล่าต่อได้

“แต่พอคุยไปสักพักพ่อก็ใจเย็นลง พ่อบอกว่าจะกลับมาบ้านวันนี้”

“จะมาตอนไหนครับ”

เมืองน้ำชำเลืองมองนาฬิกาบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนหันกลับมาสบตาคนตรงข้าม

“เดี๋ยวก็คงมาแล้วล่ะ พี่กลัวพ่อทะเลาะกับแม่อีกจัง”

“พี่เมืองเคยบอกว่าเวลาพ่อแม่ทะเลาะกัน จะไม่ให้พี่เมืองเห็นใช่มั้ย”

คนถูกถามพยักหน้ารับ

“ถ้างั้นการมาเจอกันวันนี้ ผมคิดว่าคุณลุงคุณป้าจะไม่ทะเลาะกันหรอกนะ เพราะพี่เมืองก็อยู่ด้วย”

“พี่ก็ขอให้เป็นอย่างที่ร้อยเอกบอกนะ”

ครั้งแรกและครั้งเดียวที่เข้าไปเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันด้วยตัวเอง ไม่มีการทำร้ายร่างกาย พ่อไม่เคยทำ แต่คำพูดที่แหลมคมยิ่งกว่าหนามนั่นแหละรุนแรงที่สุด

ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี อย่ามีปัญหาเกิดขึ้นอีกเลย



(⺣◡⺣)♡*



ห้องสิบเอกมองเห็นระเบียงห้องเมืองน้ำได้แค่ครึ่งเดียว ถ้าไม่สังเกต ร้อยเอกคงไม่รู้ว่าถ้าจะดูความเป็นไปในบ้านหลังข้างๆ ห้องของเขาจะเป็นตำแหน่งที่ชัดที่สุด

ห้องรับแขกชั้นล่างคือพื้นที่ที่ครอบครัวเมืองน้ำใช้พูดคุย ร้อยเอกไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทั้งที่อยากรู้จนแน่นอก หลายชั่วโมงที่เขาเห็นแค่แสงไฟที่ปรุผ่านม่านผืนใหญ่ ไม่มีเสียงใดเกิดขึ้นนอกจากความเงียบ

โล่งใจได้หนึ่งเปราะ อย่างน้อยก็ไม่มีความรุนแรง

คงจะดีถ้าเขาได้ยืนมองอยู่ที่ห้องตัวเอง เพราะสิบเอกขาดคนสอนการบ้าน และคืนนี้เขาอยู่กับน้องแค่สองคน ทำได้มากสุดก็แค่เดินไปดูตรงระเบียงห้องน้องชายว่าไฟชั้นล่างในบ้านเมืองน้ำปิดลงหรือยัง

อยู่เคียงข้างไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้ เป็นอย่างที่มาวินบอกเขาจริงๆ แต่การไม่รู้ถึงความเป็นไป ทำร้อยเอกเป็นห่วงชะมัดเลย

“พี่ร้อย สิบเวียนหัว”

เท้าที่ย่ำไม่อยู่สุขชะงักกลางคัน มองดูน้องชายที่นอนห่มผ้าถึงหน้าอกแล้วถอนหายใจเบาๆ ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่มานอนกับน้อง แทนที่น้องจะได้นอน กลายเป็นว่าเขาทำน้องนอนไม่หลับ แถมยังเวียนหัวซะอย่างนั้น

“โทษทีสิบ พี่คิดอะไรนิดหน่อย” คนพี่ว่าพลางก้าวขึ้นมานอนบนเตียง มุดกายเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับน้อง

“คิดเรื่องพี่เมืองเหรอ”

“พูดอะไรอ่ะ”

“ก็สิบเห็นพี่ร้อยสนิทกับพี่เมือง ไม่ว่าพี่เมืองบ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อน”

คำพูดคำจา ใครสอนให้เด็กประถมพูดแบบนี้กันนะ

“สิบอยากกินไอติมอ่ะพี่ร้อย”

“มันดึกแล้วนะสิบ ถึงเวลานอนแล้ว”

“ไม่ๆๆ ไม่กินวันนี้ ไปกินวันอื่นได้มั้ย” สิบเอกหันตัวเข้าหาพี่ชาย มองคนตัวโตด้วยแววตาใสซื่อ

“ถ้าว่างพี่จะพาไปนะ แต่คิดว่าอาทิตย์นี้ว่าง ไม่ต้องไปทำงานกับเพื่อน”

ร้อยเอกนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาที่นอนหันเข้าหาน้อง คุยกับน้องเพื่อดับความร้อนใจ กับน้องชายที่ยังไร้เดียงสา พูดตรงๆ ตามประสาเด็ก

ภาพนี้มัน...เหมือนเขากับพันเอกเมื่อสิบปีก่อนไม่มีผิด

เริ่มเข้าใจแล้วล่ะว่าตัวเขาที่เป็นเด็กตัวเล็กในสายตาพี่ชายเป็นยังไง

“พี่ร้อยหน้าเครียดจัง”

“ขนาดนั้นเลย?”

“ครับ” พยักหน้าจนผงแป้งที่ทาอยู่บนแก้มร่วงลงมา

ร้อยเอกมองออกไปนอกระเบียง จากที่ตรงนี้เห็นแค่หลังคาบ้านเมืองน้ำ ไม่รู้ว่าคุยกันจบหรือยัง ได้แต่หวังว่าจะไม่มีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นกับคนที่มีอิทธิพลกับความรู้สึกของเขาขนาดนี้

ไปกดกริ่งเรียกหน้าบ้านได้มั้ย จะเสียมารยาทเกินไปรึเปล่า

เห้อ ยากไปหมดทุกอย่าง

“อยู่โรงเรียนเป็นไงบ้างสิบ เล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ”

“สนุก...แต่สิบไม่ชอบวิชาคณิต สิบปวดหัว”

“ทำไมไม่ชอบ สนุกนะวิชานี้”

“สิบชอบคิดเลขผิด ครูดุด้วย”

“แต่ครูคนนี้สอนแค่ปอห้าใช่มั้ย ขึ้นปอหกก็เจอกับครูคนอื่นแล้ว อดทนนะ จำได้มั้ย ที่พี่เคยบอกว่าให้อดทน”

“อื้อ แต่สิบไม่ชอบวิชานี้เลย”

“บอกให้อดทนไง”

“ดุอ่ะ”

ร้อยเอกวาดยิ้มกับท่าทางงอแงของสิบเอก น้องชายเขาอายุแค่สิบเอ็ดขวบ เรื่องใหญ่ที่สุดคือวิชาคณิตศาสตร์ เกม และการไม่ได้กินของอร่อยในวันหยุด

ตอนเขายังเป็นเด็ก ไม่มีวิชาที่เขาไม่ชอบเรียน มีแต่เรื่องอื่นที่ไม่ชอบในสภาพแวดล้อมที่เด็กคนหนึ่งต้องเจอ โลกของเขากว้างขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเติบโต โลกยิ่งกว้าง ยิ่งต้องเจอเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นใหม่ในทุกๆ วัน พอมองย้อนกลับไป สิ่งที่เขาไม่ชอบในตอนนั้น ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปแล้ว

สิ่งที่เขาสอนน้อง ก็เหมือนกับที่พี่ชายสอนเขามาตลอด

เดี๋ยวมันก็ผ่านไป อดทนไว้ เรายังต้องเจออะไรอีกมาก ไม่เคยเข้าใจจนกระทั่งพบเจอด้วยตัวเอง

นึกถึงเมืองน้ำอีกแล้ว ร้อยเอกอยากจะบอกเมืองน้ำด้วยประโยคที่เขาพูดกับน้อง อยากกุมมือนุ่มๆ นั่นไว้แล้วหลับไปด้วยกัน

เขาไม่อยากให้เมืองน้ำอยู่คนเดียวจริงๆ

ร้อยเอกพลิกตัวไปหยิบเครื่องมือสื่อสารมาเช็กข้อความในแอพไลน์ ไล่ดูความคืบหน้าของงานกลุ่มในกรุ๊ปแล้วเปลี่ยนเป็นแชทของเมืองน้ำ พิมพ์ๆ ลบๆ หลายครั้ง ในที่สุดก็กดออกมาจนได้

“พี่ร้อยชอบพี่เมืองเหรอ”

“พูดอะไรน่ะสิบ”

“ก็สิบเห็นพี่ร้อยจะจุ๊บพี่เมือง”

“ไหนสิบบอกว่าจะไม่พูดเรื่องนี้กับพี่แล้วไง”

“สิบบอกว่าจะไม่ฟ้องแม่เฉยๆ นะ มั่วอ่ะ เร็วเด่ะ ตอบสิบๆ”

“เออชอบ ชัดยัง ชอบมาก”

“แล้วเป็นแฟนกันยังง่ะ”

“ยัง”

“ไม่เป็นแฟนแล้วไปจุ๊บพี่เมืองได้ไง”

อยากมอบมะเหงกให้น้องตัวเอง โทษฐานแก่แดดเกินอายุ

ร้อยเอกไม่ตอบคำถาม สัมผัสเข้าห้องแชทเมืองน้ำอีกครั้ง สูดลมหายใจราวรวบรวมความกล้า ก่อนจะรัวปลายนิ้วบนแป้นพิมพ์อีกรอบ

“ฝัน...อะไรข่างๆ”

ข่างอะไรน้องสิบ พี่ร้อยน่ะพิมพ์ไปว่า ‘ฝันดีครับ ยังมีร้อยเอกอยู่ข้างๆ’ ต่างหาก

“พอเลยๆ นอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนนะ”

“พี่ร้อยหน้าแดงด้วยอ่ะ”

“นอนนนน~”

“ฮี่ๆ”

สู้กับงานกลุ่มยังไม่พอ ยังต้องมารบกับน้องชายอีกเหรอ ช่างเถอะ ถึงเวลาต้องพาน้องเข้านอนแล้ว

จะว่าไป...แม้วันนี้จะไม่ใช่วันที่ดีที่สุด แต่ก็เป็นวันที่ดีกว่าเมื่อวาน ฉะนั้นร้อยเอกเชื่อว่าพรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้แน่นอน

ไม่รู้อีกคนเปิดอ่านข้อความหรือยัง แต่ก็หวังว่าจะรู้ถึงความห่วงใยของเขา

ถ้าได้คุยกับเมืองน้ำตอนนี้ก็คงดี



(⺣◡⺣)♡*



ร้อยเอกตัดใจเรื่องไปหาเมืองน้ำ เกือบจะหลับตามน้องชายไปแล้วด้วยซ้ำ เขาตื่นจากความง่วงเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ เมืองน้ำเปิดอ่านไลน์ที่เขาส่งไปบอกฝันดี ถามว่าลงมาหาได้มั้ย มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง แทบไม่ต้องคิดมากความ ยังไงคำตอบก็ต้องเป็น ‘ได้’ อยู่แล้ว

ห้าทุ่มสิบนาที...

ตอนแรกจะยืนคุยกันตรงประตูบ้าน ทว่าจู่ๆ ฝนก็เทลงมาจนคุยที่เดิมไม่ได้ ร้อยเอกพาเมืองน้ำเข้ามาด้านใน ตั้งใจว่าจะนั่งด้วยกันในห้องรับแขก แต่คนตัวเล็กอยากมองสายฝน สุดท้ายก็จบที่พามานั่งบนพื้นเย็นๆ ตรงประตูบ้าน

จุดที่เขากับเมืองน้ำนั่งอยู่ไม่โดนฝนเลย แต่อากาศเย็นเป็นบ้า ถึงอย่างนั้นก็เถอะ สภาพอากาศก็ไม่ทำให้เราเดือดร้อนเท่าไหร่ ดีเสียอีกที่ได้นั่งมองฟ้าด้วยกันอีกครั้ง

“เอานมมั้ยครับ ผมกลัวพี่เมืองจะหนาว”

คนข้างกายหยุดคิดพักหนึ่ง แววตายังคงทอดมองหยาดฝน ราวกำลังทบทวนและเรียบเรียงสิ่งต่างๆ ที่อัดแน่นอยู่ในใจ

“ก็ได้นะ”

“กับเรื่องกินไม่เคยปฏิเสธเล้ย”

“ไปชงนมเร็วๆ ซี่”

เมืองน้ำยังไม่เล่าเรื่องไหนให้เขาฟัง ร้อยเอกคิดว่ายังไม่ถึงเวลา ระหว่างรออีกคนพร้อมก็หาอย่างอื่นทำไปก่อน เช่นการเดินเข้าครัวไปชงนมให้ลูกหมาของเขา

ร้อยเอกเดินกลับมาพร้อมแก้วนมอุ่นๆ ที่ยื่นให้เมืองน้ำ และอาหารเม็ดในกล่องที่เทให้เจ้าแก้บนในบ้านของน้อง

“ทำไมแก้บนถึงชื่อแก้บนเหรอ”

คนถูกถามหันมอง ขณะที่มือยังลูบหัวซามอยด์ขนฟูไม่หยุด แก้บนครางหงิงเหมือนออดอ้อน ก่อนก้มหน้าก้มตากินอาหารในถ้วยอย่างเอร็ดอร่อย

“ทำไมอยากรู้ล่ะครับ” ถามพลางเดินมานั่งข้างๆ เมืองน้ำ

“ก็น้องชื่อแปลกดี”

“แก้บนไม่ใช่หมาผมหรอก หมาพี่พัน”

“อาจารย์พันเอกไปบนอะไรไว้เหรอ น้องถึงชื่อแก้บน”

“บนเรื่องงานมั้งนะ ผมจำไม่ได้ ไม่ได้ไปด้วย พี่พันไปบนกับแม่ รู้อีกทีแก้บนก็มาอยู่ที่บ้านแล้ว”

“พี่อยากเลี้ยงหมาบ้างจัง แต่กลัวดูแลไม่ดีอ่ะ”

ตัวเองเป็นลูกหมาอยู่แล้ว จะอยากเลี้ยงหมาทำไมอีกล่ะ อย่าน่ารักผิดเวลาได้มั้ยเมืองน้ำ

“ถ้ากลัวดูแลไม่ดี ก็ช่วยผมเลี้ยงแก้บนสิ เลี้ยงหมาตัวเดียวกันก็ได้”

“แต่แก้บนเป็นหมาของอาจารย์พันเอกนะ”

“ตั้งแต่พี่พันย้ายไปอยู่คอนโด แก้บนก็เหมือนหมาผมเข้าไปทุกวัน ถึงบอกไงว่าถ้าพี่เมืองยังไม่มั่นใจ ก็ช่วยผมเลี้ยงไปก่อนก็ได้”

“แล้ว...น้องเลี้ยงยากมั้ย”

“ไม่ยาก แก้บนเป็นหมาอารมณ์ดี กินง่ายอยู่ง่าย วิ่งเล่นในสวนจนเหนื่อยก็มานอน หายเหนื่อยก็ไปวิ่งเล่นใหม่”

“พี่ก็เลี้ยงไม่ยากเหมือนแก้บนนะ”

คำพูดทีเล่นทีจริงทำให้ร้อยเอกหันมอง ยอมรับว่ากำลังมันเขี้ยว อยากหยิก อยากบีบริมฝีปากสีพีชให้บวมช้ำ แต่พอเห็นคนข้างกายหัวเราะหน่อยๆ กับการพูดเล่นของตัวเอง ร้อยเอกคิดว่าอย่าดีกว่า

เวลาเห็นเมืองน้ำมีความสุขต่อหน้าตัวเอง เมื่อก่อนมีแต่ความหมั่นไส้ คนอะไร...ยิ้มได้ตลอดเวลา ความสดใสที่เห็นอยู่เสมอกลายเป็นอคติ ทั้งที่รอยยิ้มเป็นสิ่งที่คู่ควรกับคนคนนี้ที่สุดแล้ว

“คุยกับพ่อเสร็จแล้ว”

เขากล่าวหาว่าเมืองน้ำเป็นพวกสร้างภาพ ไม่จริงใจกับคนอื่นไปได้ยังไงนะ

“ทำไมคนเราถึงต้องพูดร้ายๆ ใส่กันตลอดด้วยนะ” นี่ใช่มั้ยที่เมืองน้ำจะเล่าให้เขาฟัง คนตัวเล็กไม่แค่พูดเปล่า วางแก้วนม ขยับกายเข้าไปใกล้คนตัวโต กอดสองขาที่ชันขึ้นมาด้วยเรียวแขน แล้ววางปลายคางไว้บนเข่า “ไม่รุนแรง...แต่อึดอัด พี่อึดอัดมากเลย เคลียร์กันจบแล้ว แต่ไม่รู้ว่านี่จะเป็นจุดจบจริงๆ หรือเปล่า”

“คุยว่าไงบ้างครับ”

“พ่อบอกว่าไม่หย่ากับแม่ก็ได้ อยู่ดีๆ ก็บอกแบบนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนพี่คงดีใจ แต่ตอนนี้เราดีใจไม่ได้แล้ว เพราะแฟนใหม่พ่อกำลังท้อง พี่กำลังจะมีน้องแล้วนะ ห่างกันตั้งยี่สิบกว่าปีแน่ะ”

เมืองน้ำวาดรอยยิ้ม แต่ครั้งนี้...ดูเป็นยิ้มที่เศร้าเหลือเกิน

“เมื่อวานพี่รู้สึกแย่มาก ตอนรู้ว่ากำลังจะมีน้อง มันเหมือนเรากำลังจะโดนแย่งความรักไปเลย พอพ่อบอกว่าที่ไม่หย่าเพราะไม่อยากทำให้พี่เสียใจ จะพยายามทำให้ครอบครัวกลับมาเป็นเหมือนเดิมตามที่พี่ต้องการ นั่นแหละ...พี่ถึงรู้ว่าความต้องการพี่เปลี่ยนไปแล้ว”

“…”

“คงไม่เรียกว่าทำใจได้เร็วหรอกเนอะ เพราะเอาจริงๆ ก็ยังทำใจไม่ได้ แต่พี่คิดว่าให้พ่อกับแม่หย่ากันไปเลยดีกว่ามาแกล้งทำเป็นรักกันให้พี่สบายใจ ถ้าเป็นแบบนั้น พี่ก็ไม่ต่างอะไรจากคนเห็นแก่ตัว อีกอย่าง...พี่สงสารน้องที่กำลังจะเกิดมา ไม่อยากให้น้องเจอปัญหาแบบเดียวกัน อยากให้น้องมีความสุข”

“แล้วพี่เมืองล่ะครับ”

“…”

“มีความสุขหรือเปล่า”

“เดี๋ยวก็มี”

เดี๋ยวก็มี แปลว่าตอนนี้ยังไม่มี หรือมีก็ไม่เต็มร้อย

มั่นใจว่าเมืองน้ำอยู่ในจำพวกหลัง

“มันพูดยากนะ กับความรู้สึกนี้ ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความสุขไปซะทีเดียว แค่ยังหยุดคิดถึงความเจ็บปวดไม่ได้ พี่คิดเยอะเลยนะ ระหว่างที่เราคุยกัน มันมีทางออกกี่ทาง ทางไหนจะแฟร์กับทุกฝ่ายมากที่สุด แล้วพี่ก็คิดว่าทางนี้โอเคที่สุดแล้ว”

“…”

“เมื่อวานที่พี่เดินหนี พ่อบอกว่ารู้สึกผิดมากตอนเห็นพี่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ พ่อโมโหและโกรธตัวเอง ที่พ่อไม่ส่งเงินให้เลยเพราะโดนแม่พูดไม่ดีใส่ แม่บอกว่าเลี้ยงพี่คนเดียวได้ ก็เลยประชดแม่ด้วยวิธีนี้ พ่อไม่เคยคิดเลยว่าวิธีที่ใช้จะทำให้พี่ลำบาก พ่อคิดแต่ว่าเดี๋ยวแม่ก็ยอม ไม่กี่เดือนก็จบ”

“…”

“พี่พูดนานมากเลย กว่าพ่อจะเปลี่ยนใจกลับมาหย่าเมือนเดิม กับยอมให้พี่มาอยู่กับแม่ พ่อพี่ดื้อมากเลยเนอะ ดื้อมากจริงๆ”

เมืองน้ำสูดลมหายใจ ขอบตาร้อนผ่าวจนต้องกะพริบตาถี่

“พ่อจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่ไม่ส่งให้ที่บ้านเลยตลอดหลายเดือน หลังจากนี้ทุกคนก็จะทำหน้าที่พ่อแม่ให้พี่เหมือนเดิม ส่วนเรื่องที่จะกลับมาเป็นเพื่อนกันได้มั้ย พี่ก็ไม่รู้ แต่พี่คิดนะว่าไม่ต้องดีกันเหมือนเดิมก็ได้ แค่ไม่เกลียดกันก็พอแล้วล่ะ พ่อแม่หย่ากัน ยังไม่เจ็บเท่าเห็นคนที่เรารักเกลียดกันเลย”

“ผมดีใจนะที่พี่เมืองคิดแบบนี้”

วิธีให้กำลังใจที่ร้อยเอกเคยถูกปฏิบัติจากคนในบ้าน โดยเฉพาะพี่ชายที่มอบคำสอนดีๆ ให้เขาเสมอ นอกจากอยู่เคียงข้าง อดทน ยังมีการจับมืออีกฝ่ายเข้ามากอบกุม กระชับแรงบีบให้รู้ว่ายังมีเราอยู่ตรงนี้

แน่นอน เขากำลังจับมือเมืองน้ำเอาไว้

“บางอย่างมันยากที่จะยอมรับ ยากที่จะผ่านไป แต่ถ้าเราผ่านไปได้ แล้วย้อนกลับมามอง เราจะรู้สึกว่าตัวเองโคตรเก่งเลย พี่เมืองอยากรู้สึกว่าตัวเองเก่งสุดๆ เลยมั้ย”

อีกคนส่งเสียงตอบผ่านลำคอ ขยับศีรษะเบาๆ เป็นการยอมรับ

“ถ้างั้นผ่านมันไปให้ได้นะครับ”

“...”

“ผ่านไปพร้อมกับร้อยเอกนะ”

ฝนเริ่มหยุดตกแล้ว จากที่เทลงมาลูกใหญ่ ก็เหลือแต่น้ำหยดเล็กๆ ความเสียใจจากทุกปัญหาในชีวิตก็เหมือนหยาดฝนในค่ำคืนนี้

เดี๋ยวก็หยุด เดี๋ยวก็ผ่านไป

“ร้อย...”

“ครับ”

“เรื่องบ้าน...”

หลังจากนี้จะมีแต่เรื่องดีๆ เข้ามา ฟ้าหลังฝนงดงามเสมอ เขาเชื่ออย่างนั้น

“พี่ไม่ย้ายบ้านแล้วนะ”

“…”

“จะอยู่ที่นี่แหละ อยู่เป็นคู่กัดกับร้อยเอกไปอีกนานเลย”

เหมือนที่เขาได้รับข่าวดีเรื่องที่รออยู่ และกำลังยิ้มกว้างกับสิ่งที่รอนี่ไง

จะบ้าตาย...

เมืองน้ำไม่ใช่ลูกหมาที่เลี้ยงง่ายอย่างเดียวนะ เป็นลูกหมาตัวเล็กๆ ที่ทำให้เขายิ้มได้ง่ายๆ ด้วยต่างหาก

เขาบอกแล้วว่าฟ้าหลังฝนงดงามมากจริงๆ



(⺣◡⺣)♡*
#ร้อยเมือง



หมดดราม่าแล้วน้า เจอกันตอนหน้าฮับบ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
บางทีความสมบูรณ์ของครอบครัวก็ไม่ใช่จำนวนนะเมืองน้ำ TT
แต่ก็นั่นแหละเดี๋ยวมันก็ผ่านไปผ่านไปพร้อมกับร้อยน่ะแหละะะะะะะ

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
19
เมื่อไหร่จะเป็นแฟน



‘Meungnam Charming Boy ได้เปลี่ยนชื่อเพจเป็น Meungnam’s Diary’

Meungnam’s Diary
Yesterday, 19:34 น.

เปลี่ยนชื่อเพจต้อนรับสัปดาห์ใหม่ อย่าเพิ่งงงกันนะครับ เมืองเอง~
ไม่ค่อยได้คุยกันเลย เป็นยังไงกันบ้าง เล่าให้เมืองฟังหน่อยนะ มาแชร์กัน เดี๋ยวเมืองจะกลับมาอ่าน

เมืองน้ำ <3



คิดว่าอะไรเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในชีวิตเมืองน้ำ

คำตอบอาจเป็นเรื่องครอบครัว แต่พอเอาเข้าจริง ตอบไม่ได้หรอกว่าเป็นเรื่องไหน เพราะแต่ละช่วงเจอเรื่องราวไม่เหมือนกัน ดังนั้นคำตอบจึงเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามสถานการณ์ที่พบเจอ

หนึ่งเดือนก่อนเป็นเรื่องพ่อแม่หย่าร้าง ตอนที่พวกท่านวางปลายปากกาบนกระดาษ และตวัดไปมาเพื่อเขียนลายเซ็นลงในใบสำคัญการหย่า แม้ไม่มีน้ำตา ไม่รู้สึกอยากร้องไห้ แต่หัวใจก็อัดแน่นเหมือนลูกโป่งที่กำลังจะแตก ไม่อยากมองก็ต้องมอง เมืองน้ำอยากจะย้ำกับตัวเองซ้ำๆ ว่ายากแค่ไหนก็ต้องผ่านไปให้ได้

หลังจากวันนั้นบาดแผลก็ค่อยๆ หายดี ความเจ็บปวดที่เคยมีค่อยๆ ลดน้อยลง

เมืองน้ำสัญญากับพ่อว่าจะไปหาอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง ไม่ให้พ่อรู้สึกว่าการที่เลือกมาอยู่กับแม่ เท่ากับตัดขาดความเป็นพ่อลูก ตัวท่านเองก็สัญญาว่าจะไม่งี่เง่าและเอาแต่ใจแบบที่ผ่านมา ความคิดแย่ๆ ที่เคยมี จะพยายามปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น และท่านก็ทำให้รู้สึกได้

แล้วมันจะผ่านไป ตอนนี้คงต้องพูดว่า ‘และแล้วทุกอย่างก็ผ่านมาด้วยดี’ มั้ยนะ

ตอนนี้ยังไม่มีสิ่งที่รู้สึกว่าผ่านไปได้ยาก จะมีก็แต่น้องชายข้างบ้านที่เข้ามารบกวนใจทุกวันอย่างร้อยเอกนี่แหละ

“กว่าจะลงมา ต้นไม้เหี่ยวตายหมดละ”

พอจบปัญหา ร้อยเอกก็กลับเข้าสู่โหมดเดิมนั่นคือโหมดคู่กัดจอมกวนประสาท ขยับความสัมพันธ์ขึ้นมาอีกหน่อยด้วยการเป็นคนคุย แต่อย่าคิดนะว่าพอเป็นคนคุยกันแล้วจะมีโมเมนต์โรแมนติกแบบในนิยาย

“ถ้าผมไม่มาคอยรดน้ำ ใครจะมาทำให้พี่เมือง อ้อ ไม่มีหรอก มีผมคนเดียวที่ดูแลพี่เมืองดี๊ดี”

หมั่นไส้การบ่นพร้อมๆ กับชงเข้าตัวเองชะมัด ทำหน้าที่คนชงแทนมาวินตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย

ทำให้อยากทุบด้วยกำปั้น แล้วก็ทำให้หวั่นไหวในเวลาเดียวกัน อะไรแบบนี้ไม่น่าจะเรียกว่าโรแมนติกอย่างเต็มปากหรอกมั้ง

“เป็นอะไรล่ะ หน้าบึ้งเชียว”

“เพิ่งตื่น ง่วงอ่ะ”

“ก็พี่เมืองนอนน้อยเอง ช่วยไม่ได้”

“ร้อยเอก”

“อะไร”

“ปากหมาแต่เช้าเลยนะ”

ริมฝีปากที่บิดเบี้ยวจนไม่เป็นรูปทรง กับแววตาคาดโทษสร้างรอยยิ้มเล็กๆ ให้คนตัวสูง จะพูดก็พูดเถอะ ร้อยเอกชอบเวลาเมืองน้ำด่าเขาหลังถูกกวนประสาทที่สุดแล้ว รู้สึกโรคจิตไปหน่อย แต่ชอบมากจริงๆ

“ไม่เช้าแล้วป้ะ ดูนาฬิกาบ้านใครถึงคิดว่าเช้า”

“เพิ่งสิบโมงเอง”

“สายแล้วครับคุณ เช้าสำหรับผมมีถึงแค่เก้าโมงแค่นั้นแหละ”

“เหนื่อย ไม่อยากคุยด้วยละ”

“ไม่อยากคุยก็อย่ายิ้มดิ ถ้ายิ้มแปลว่าอยากคุยนะรู้ป้ะ”

“โอ๊ยๆๆๆ ไม่อยากได้ยินเสียงแมงหวี่”

นี่ไง ชอบสุดๆ เลยว่ะ

เมืองน้ำพยายามไม่สนใจเขา หันไปหาต้นไม้บนชั้นวางที่สูงแค่เอวแล้วรดน้ำด้วยฝักบัวที่ถือติดมือมาด้วยต่อ ร้อยเอกที่ลากสายยางมาพรมน้ำให้ต้นไม้ของคนตัวนุ่มคลายแรงกดตรงหัวฉีด ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าตัว แล้วกลับเข้ามาในโรงปลูกของตัวเอง

ถ้ามองไม่ผิด ใบหูขาวจัดกำลังระบายด้วยสีแดงจางๆ ใช่มั้ยนะ

เมืองน้ำกำลังเขินเหรอ หลายเดือนก่อนยังทะเลาะกันตรงนี้อยู่เลย เขาเองก็แกล้งฉีดน้ำใส่จนเห็นไปถึงไหนต่อไหน มาวันนี้กลับเขินใส่เขาซะแล้ว ให้ตายเถอะ...ไม่มีใครน่าเอ็นดูเท่าลูกหมาของร้อยเอกแล้วทุกคน ไม่มีจริงๆ

ร้อยเอกทำป้ายไวนิลคำว่า ‘พี่เมืองน่ารัก!!!’ ไปติดไว้หน้าหมู่บ้านดีหรือเปล่า หรือจะเอา ‘ไม่มีใครน่ารักเท่าพี่เมือง’ ดีล่ะ

ตลก...

“ยิ้มอะไรอ่ะ”

ตลกความคิดตัวเอง ตลกที่พอได้ยินเสียงน่าฟัง ก็ดันหลุดขำโดยไม่มีสาเหตุ

“เป็นบ้าเหรอ”

เออนะ สงสัยร้อยเอกจะบ้าจริงๆ

“ยิ้มจนแก้มจะแตกแล้ว”

“เว่อร์ว่ะ”

“อยู่กับร้อยบ่อยๆ ก็งี้แหละ ติดความเว่อร์จากร้อยเอกมา”

“มันจะติดต่อกันทางไหนเนี่ยพี่เมือง ทางปากรึไง”

“…”

“จริงสิ น่าจะทางปากแหละ เพราะจูบกันบ๊อยบ่อย”

ไม่เห็นหรอกว่าเมืองน้ำทำสีหน้ายังไง แต่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าสีแดงที่ปรากฏอยู่ตรงใบหูกำลังกระจายไปทั่วพวงแก้ม

ร้อยเอกหันไปมองคนที่ห่างกันแค่รั้วกั้น และยิ้มพอใจเมื่อสิ่งที่เขาคิดเป็นความจริง

แดงกว่านี้ก็ลูกตำลึงแล้ว พูดจริงๆ ไม่ได้โม้

“เสร็จแล้ว...พี่ขึ้นบ้านก่อนนะ ว่าจะไปนอนต่อ”

“เขินแล้วหนีทุกที”

“ไม่ได้เขินสักหน่อย”

“อย่าโกหกตัวเองสิพี่เมือง”

“พี่…"

เวลาเมืองน้ำเขินมากจะมีอาการอยู่สองอย่าง หนึ่งคือหน้าแดงหูแดง สองคือทำอะไรไม่ถูก แน่นอนว่าประโยคที่ขาดหายเพราะนึกคำพูดไม่ทันคือส่วนหนึ่งในอาการที่เมืองน้ำเป็น

เพราะแบบนี้ ร้อยเอกถึงอยากจะแกล้งบ่อยๆ นอกจากชอบโดนด่า ยังชอบเห็นคนตัวเล็กเขินมากอีกด้วย

“ว่าไง สรุปจะพูดว่าอะไรครับ”

“พี่...ง่วง! จะขึ้นห้องแล้วนะ”

“ให้ผมไปนอนกล่อมมั้ย”

“ไม่!”

ร้อยเอกขำออกมาเบาๆ กับการเทน้ำใส่ต้นไม้จนหมด แล้วกอดฝักบัวเดินขึ้นบ้าน รีบวิ่งไปไหน เดี๋ยวก็สะดุดล้มอีกหรอก

ร้อยเอกม้วนสายยางเป็นวงกลมเพื่อนำไปวางในที่ที่ใช้จัดเก็บ หลังจากนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการอ่านหนังสือ อีกไม่กี่อึดใจจะถึงช่วงสอบปลายภาค เขาไม่แน่ใจว่าจะสอบเสร็จตรงกับเมืองน้ำหรือเปล่า เรื่องที่รู้อยู่แล้วตั้งแต่เริ่มต้นคือเทอมหน้าจะไม่มีเวลาเจอเมืองน้ำบ่อยๆ เหมือนตอนนี้

ถึงจะฝึกในบริษัทของพ่อก็เถอะ แต่แผนกที่อยู่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับส่วนที่พ่อดูแลโดยตรงเลยสักนิด จะใช้อภิสิทธิ์ในการเป็นลูกเจ้าของไปหาเมืองน้ำในเวลาทำงานติดกันหลายครั้งก็คงจะดูไม่ดี แถมเทอมหน้ายังเป็นเทอมที่เรียนหนักมากซะด้วย

แค่คิดก็เวียนหัว ข้ามไปตอนเรียนจบทั้งคู่เลยได้มั้ย

พอถึงเวลานั้นพี่เมืองก็คงทำงานอะไรสักอย่างอยู่ในวงการบันเทิง ส่วนร้อยเอก...คงเริ่มลงทุนธุรกิจส่งออกสินค้าเกษตรตามที่เคยฝันไว้

หวังว่าเราจะเติบโตไปพร้อมกัน เป็นคู่กัดกันไปเรื่อยๆ นะ


Marvin :
ที่กูบอกให้ทำ มึงทำรึยังไอ้ร้อย


ร้อยเอกทิ้งกายลงบนเตียงเมื่อกลับขึ้นมาบนบ้าน พลิกกายไปยังห้องนอนฝั่งตรงข้ามที่ร่นม่านปิดเอาไว้ครึ่งหนึ่งขณะเปิดอ่านข้อความเพื่อนรักที่เด้งแจ้งเตือนไปด้วย ตรงปลายเตียงมีบางอย่างขยับเคลื่อนไหวอยู่ใต้ผ้าห่ม เขามองเห็นไม่ชัด แต่รู้ว่านั่นคือปลายเท้าของเจ้าของห้อง เมืองน้ำคงหลับไปแล้ว เพราะถ้าไม่ คงรูดม่านเก็บจนหมด

ไม่ใช่ความแปลกใหม่กับภาพในห้องนอนที่เห็นมาตลอด หลายๆ อย่างยังเหมือนเดิม เขายังชอบมองความเป็นไปในห้องเมืองน้ำผ่านพื้นที่ตรงนี้ ยังเปิดฟังเพลง I like me better บ่อยๆ เพราะชอบความหมายที่เหมือนตัวเขาเวลานึกถึงเมืองน้ำ ยังไปเรียน เล่นเกม ไปเที่ยว ยังใช้ชีวิตในรูปแบบที่เคยเป็น

สิ่งที่เปลี่ยนคือความรู้สึก ยิ่งมองก็ยิ่งชอบ ยิ่งอยู่ด้วยกัน ยิ่งได้เรียนรู้ว่าเมืองน้ำเป็นยังไง

ยิ่งเรียนรู้ก็ยิ่งชัดเจนในความรู้สึก ถ้าวันหนึ่งไม่มีคนคนนี้อยู่ในชีวิต ต่อให้ดูหนังตลกเป็นพันเรื่องก็คงหัวเราะไม่ออก


101 :
ยัง

Marvin :
ไอ้เวร!
อยากด่ามึงอีกแล้ว
แม่ง เมื่อไหร่มึงจะขอพี่เมืองเป็นแฟน
มึงรอใครมาตัดริบบิ้นเหรอ

101 :
ไม่ด่ากูสักวันสงสัยจะขาดใจตายเลยมั้ง
จะรีบขอไปไหนวะ
คุยไปเรื่อยๆ ก็ดีแล้วป้ะ

Marvin :
เหรอ ก็ดีเหรอ
ใครน้าาา มาปรึกษากูเรื่องพี่เมืองมีคู่จิ้นเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
ระวังเหอะ คนอื่นจะเอาไปแดก


คู่จิ้นที่มาวินหมายถึงมันเริ่มมาจากเมืองน้ำถูกเรียกตัวให้ไปแคสติ้งซีรีส์อีกรอบ ครั้งนี้เป็นซีรีส์เรื่องใหม่ แนวสยองขวัญที่พ่อการันตีว่าถ้าเมืองน้ำเอาบทอยู่จะดังเป็นพลุแตก

เมืองน้ำเป็นตัวเต็งในบรรดาคนแคสติ้งทั้งหมด เริ่มเวิร์กช็อปปีหน้า ตรงกับช่วงที่ลูกหมาของเขาฝึกงานจบพอดี ระหว่างนี้ ถ้าผ่านจะให้เรียนการแสดงพร้อมกับทุกคนที่ได้รับเลือกไปก่อน

ทั้งที่ไม่ใช่ซีรีส์แนวคู่จิ้น แต่พอภาพแคสติ้งถูกปล่อยลงอินเทอร์เน็ต เมืองน้ำดันถูกจับจิ้นกับนักแสดงอีกคนจนได้

หลายคนก็รู้นะว่าเมืองน้ำคุยอยู่กับเขา เจ้าตัวโพสต์นั่นโพสต์นี่ในไอจีแล้วแท็กมาบ่อยๆ ตัวเขาเอง ก็มีบางรูปที่แท็กเมืองน้ำไปเหมือนกัน แต่ก็ยังถูกจิ้นจนแท็กติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ร้อยเอกถึงกับมึนไปเลย


101 :
ก็แค่คู่จิ้นแหละวะ
กูต่างหากตัวจริง
เหอะ

Marvin :
แหม่ะ ผมสัมผัสถึงความหัวร้อนได้เลยนะครับกัปตัน
ตัวจงตัวจริงอะไรของมึง ตัวจริงที่ยังไม่ใช่แฟนอ่ะนะ

101 :
เออ ไม่ใช่แฟนแต่ก็เป็นตัวจริงไงวะ

Marvin :
ไอ้เวร ไม่ใช่แฟนแล้วเป็นตัวจริงตรงไหน
ถ้ามึงไม่ใช่แฟน พี่เมืองก็มีสิทธิ์เปลี่ยนใจได้ป้ะ

101 :
มึงแช่งกูเหรอ

Marvin :
ถ้ามึงคิดว่ากูแช่งมึงก็บล็อกกูเลยจ้าา
วันนี้มึงจะไปซื้อของกับพี่เมืองหนิ งั้นก็ขอซะสิ ให้มันจบๆ ไป

101 :
ขอตอนเดินเลือกผงชูรสอยู่ในห้างอ่ะนะ
ไม่โรแมนติกเลยมึง

Marvin :
จริงๆ เรื่องของมึงกับพี่เมืองมันก็ไม่ได้เริ่มจากความโรแมนติกมั้ยวะ
แม่งเป็นรูปเป็นร่างจากแรงชงของกูทั้งนั้น
อย่าให้เสียชื่อเรือร้อยเมืองที่มีกูลงเรืออยู่คนเดียว ไม่ต้องเขิน
แล้วก็คิดเอาแล้วกัน
จะทนหึงพี่เมืองกับคู่จิ้นต่อไปเรื่อยๆ ทั้งที่ไม่มีสิทธิ์อะไรเลย
กับเป็นแฟนแล้วใช้สิทธิ์หวงพี่เมืองได้เต็มที่ อันไหนจะคุ้มกว่ากัน

101 :
อันที่สอง

Marvin :
เออไง เพราะงั้นก็ลุยเลยเว้ยพ่อหนุ่ม
กูรอฉลองเพราะเพื่อนสละโสดอยู่นะ


จะลุยยังไงไหว จะขอทีไรกลายเป็นร้อยเอกขี้ป๊อดทุกที

สารภาพเลยว่าตอนพรีเซนต์งานยังไม่กลัวคำตอบเท่าเรื่องขอเมืองน้ำเป็นแฟน ไม่รู้สิ...จะบอกว่าร้อยเอกคิดมากไปเองก็ได้ แต่ความสัมพันธ์ของเรามันเพิ่งเริ่มต้น เขาไม่อยากรีบร้อน ถึงจะใจตรงกัน แต่เพิ่งคุยกันจริงๆ จังๆ ได้แค่เดือนเดียวเอง

ถ้าพี่เมืองยังไม่อยากคบกันล่ะ ถ้าพี่เมืองรู้สึกว่ามันเร็วเกินกว่าจะขยับเส้นความสัมพันธ์ขึ้นไปอีกขั้น ร้อยเอกไม่หงอยไปเป็นเดือนๆ เลยเหรอ

เรื่องคู่จิ้น...เขาเข้าใจว่าเป็นการตลาดอย่างหนึ่งที่จะเรียกกระแสจากคนดูได้ พ่อไม่เคยบอกให้นักแสดงเซอร์วิส และไม่เคยเข้าไปยุ่งกับการจับคู่ของคนดู พ่อคิดว่าเป็นเรื่องดีถ้าได้เรตติ้งจากตรงนี้ เลยปล่อยผ่านมาตลอด

เพราะพ่อปล่อยผ่านนั่นแหละ ร้อยเอกถึงหงุดหงิดทุกครั้งที่เปิดเฟซบุ๊กเข้าไปเจอคนชงเมืองน้ำกับนักแสดงคนนั้น จะสั่งห้ามไม่ให้ใครจิ้นก็ไม่ได้ จะบอกให้พี่เมืองเลิกยุ่งก็ไม่ใช่เรื่อง ทุกคนต้องทำงาน ทำได้มากสุดแค่หึงและหวงไปวันๆ เท่านั้นล่ะ

แค่คิดก็เวียนหัว เปลี่ยนจากติดป้ายเรื่องความน่ารักของพี่เมือง เป็นซื้อโฆษณาในเน็ตเพื่อบอกว่าพี่เมืองเป็นของเขาดีมั้ย

ไม่ดีหรอก...หยุดเว่อร์ได้แล้วร้อยเอก

สงบสติอารมณ์ แล้วกลับมาคิดเรื่องขอเมืองน้ำเป็นแฟนสักที



(⺣◡⺣)♡*



หมอนั่นชื่อสอง ลุคแบดบอย บ้านรวยมาก เรียนปีสี่ คนละมหา’ลัย และคนละคณะกับเมืองน้ำ ตอนมัธยมปลายเคยเรียนพิเศษที่เดียวกัน พอกลับมาเจอกันอีกครั้งก็เหมือนเพื่อนเก่ารำลึกความหลัง ร้อยเอกเคยคุยอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนไปรับคนโตกว่าที่บริษัทพ่อ เป็นประโยคทั่วไป แต่ก็สัมผัสได้ว่าสองไม่ได้แบดบอยอย่างที่เห็น

ดูเป็นมิตร และไม่ก้าวก่ายเมืองน้ำ มั่นใจว่าสองมองออกว่าเมืองน้ำคุยอยู่กับเขา เลยมีกำแพงบางอย่างที่คั่นไว้ เว้นระยะไม่ให้เกินงามจนตัวจริงอย่างเขารู้สึกไม่ดี เพราะระยะที่เว้นไว้นี่แหละ คนถึงฟินเพราะอยากให้ทั้งสองคนสนิทกันกว่านี้

คำที่เห็นคนพูดกันบ่อยๆ คือแตกต่างอย่างลงตัว

เออ เอาเข้าไป ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด ไม่มีใครชอบคู่ร้อยเมืองนอกจากมาวินเพื่อนรักแล้วเหรอ

ไม่เป็นไร ถ้าเรื่องมันมาทางนี้ ร้อยเอกชอบคู่ตัวเองก็ได้

เหอะ...

“อันนี้มั้ย”

“ครับ อันนี้แหละ”

ร้อยเอกหลุดจากภวังค์ เอ่ยตอบเสียงเรียบ ขณะที่มือเล็กๆ หยิบผงปรุงรสยี่ห้อที่เขาให้เมืองน้ำหัดเลือกของเข้าครัวใส่ลงในรถเข็น เมืองน้ำเดินนำไปอีกสามก้าว ไล่สายตามองของบนเชลฟ์สลับกับโพยกระดาษในมือ

พี่เมืองเคยบอกว่ามีเขาแค่คนเดียวก็สบายไปทั้งชีวิต แต่พักหลังเจ้าตัวเริ่มอยากลองเข้าครัวดูบ้าง ทุกครั้งที่มาซื้อของในห้างสรรพสินค้าด้วยกัน ก็เลยให้พี่เมืองหัดเลือกวัตถุดิบจำเป็น เก็บไว้ทำเมนูง่ายๆ เวลาอยู่บ้านคนเดียว

“ผงปรุงรสนี่ทำได้หลายอย่างเลยใช่มั้ย”

“ใช่ หลายอย่างเลย ต้มผัดแกงทอดตามคำโฆษณาไง เวลาทำไข่เจียวก็ใส่ได้นะ ผมว่าอร่อยดี”

“ใส่อย่างเดียวมันจะอร่อยเหรอร้อย”

“อร่อย แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าพี่เมืองจะใส่เยอะแค่ไหน ถ้าไม่มั่นใจก็ใส่ซอสหอยนางรมเพิ่มได้นะ ไม่รู้บ้านอื่นทำไข่เจียวสูตรเดียวกันมั้ย แต่บ้านผมใช้สูตรนี้”

“โอเค งั้นพี่เอาซอสหอยนางรมไปด้วยดีกว่า”

“เอาขวดเล็กก็พอนะ เปลืองตังค์”

“ครับคุณพ่อ~”

จะทำตัวน่าบีบกลางแผนกซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ได้นะเมืองน้ำ

อยากโดนจับฟัดอีกหรือไง สงสัยจะไม่เข็ด

“หนังเข้าโรงกี่โมงอ่ะร้อย” คนเสียงใสมองเขาตาแป๋ว น่ารักโคตรๆ

“อีกสองชั่วโมง เลือกของไปก่อนก็ได้นะ เสร็จแล้วก็เอาของไปเก็บที่รถ แล้วค่อยดูหนังกัน”

มีหลายเรื่องที่เราความเห็นไม่ตรงกัน ชอบต่างกัน และเถียงกันบ่อยๆ ตามประสาคู่กัด เรายังรักษามาตรฐานของคำนี้ได้ดี ถึงจะเป็นคู่กัดเสินเจิ้นมาตั้งนานแล้วก็เถอะ แต่สิ่งที่ชอบเหมือนกันและไปด้วยกันได้ ก็คงเป็นเรื่องดูหนัง

ทุกครั้งที่พาเมืองน้ำมาเลือกของ หากคนตัวเล็กมีเวลาว่างจากงานตัดคลิปอย่างเช่นวันนี้ ก็จะอยู่ต่อเพื่อหาหนังดูสักเรื่อง

ขอเมืองน้ำเป็นแฟนตอนดูหนังดีมั้ยนะ

แต่ว่า...ร้อยเอกเคยขอเมืองน้ำจูบตอนหนังกำลังฉาย โดนฟาดด้วยมือไม่พอ ตอนออกจากโรงยังโดนบ่นว่ารบกวนสมาธิในการดูเพิ่มอีกด้วย

จูบก็ไม่ได้จูบ แถมยังเจ็บตัวอีก งั้นไม่ดีกว่า

“คิดอะไรอยู่อ่ะ เหม่อสองรอบแล้วนะ”

กำลังจะเถียงว่าไม่จริง แต่พอทบทวนดู สิ่งที่เมืองน้ำพูดมาก็เป็นเรื่องที่เถียงไม่ออก ร้อยเอกทำแค่ยิ้มแห้งๆ ส่ายหน้าช้าๆ พร้อมกับดันรถเข็นตามคนตัวเล็กไปเท่านั้น

“ก็คิดไปเรื่อยเปื่อย”

“จริงอ่ะ”

“จริ๊ง”

เสียงสูงขนาดนี้ ใครเชื่อก็บ้าแล้ว แต่ก็ขอบคุณที่เมืองน้ำยอมเป็นคนบ้าให้เขา

“นี่พี่เมืองต้องไปเทสต์หน้ากล้องอีกวันไหนนะ”

“คิดเรื่องพี่เหรอ”

ให้ตาย...

“เรื่องพี่กับสอง”

เหมือนโดนยิงยังไงไม่รู้

“ครับ นิดหน่อย”

เมืองน้ำหยุดก้าวเท้า วางความสนใจจากของบนเชลฟ์ เดินเข้าหาคนตัวสูงที่ดูแล้วคงไม่ใช่นิดหน่อยอย่างที่พูด

ตลอดหนึ่งเดือนมานี้ เราคุยกันทุกวัน ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าร้อยเอกไม่ค่อยโอเคที่มีคนจับคู่ให้เมืองน้ำกับเพื่อนเก่าที่กลับมาเจอกันอีกครั้งอย่างสอง แสดงอาการทั้งในแชท ทั้งต่อหน้าเลยนะ อย่างนี้เรียกว่าหึงชัดๆ

“ทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อยสิน้องเอก”

“เกลียดพี่เมืองว่ะ”

เมืองน้ำอมยิ้มกับคนที่ไม่ว่าจะยังไงก็จะไม่มีทางชอบสรรพนามน่ารักๆ ที่ตนเรียก ยกมือขึ้นบีบแก้มขาวเบาๆ ก่อนจะดึงไปมาจนอีกคนเบี่ยงตัวหนี

“ผ่านมาตั้งหลายอาทิตย์แล้ว เลิกหึงได้แล้วน่า”

“ใครหึง บ้าเหรอ ไม่มี”

“โกหกไม่เนียนเลยเนอะ”

“ผมไม่ได้โกหกนะ”

“เหรอๆๆ”

“หมั่นไส้ว่ะ”

ใบหน้าหงิกงอของร้อยเอก กำลังทำให้เมืองน้ำยิ้มกว้าง คนตัวเล็กเดินกลับมาที่เดิม ปล่อยให้คนขี้หึงสงบสติอารมณ์ เท่าที่เคยคุยกับสองมา รายนั้นก็มีคนของตัวเองอยู่แล้ว ดูไม่อะไรกับกระแสในโลกออนไลน์เท่าไหร่ แรกๆ อาจจะมีตกใจบ้าง แต่ก็แค่ช่วงแรกเท่านั้นล่ะ

ร้อยเอกก็คงอยู่ในช่วงที่ยังไม่ชิน ต้องให้เวลาน้องสักน่อยแหละนะ

“เลือกของครบแล้ว ไปจ่ายเงินกัน”

“อืม”

“โอ้โห เย็นชาเว่อร์”

“อะไร ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ พี่เมืองอย่าชวนทะเลาะดิ”

“พี่ก็ไม่ได้ชวนทะเลาะซะหน่อย แค่แซวเล่นเฉยๆ”

“เหรอ”

“แน่น้อนนน”

“เดี๋ยวบีบปากเลย เดี๋ยวเหอะ”

แต่หึงบ่อยๆ ก็ดีไปอีกแบบ ตอนร้อยเอกหึงเนี่ย กลายเป็นน้องเอกตัวน้อยๆ ขึ้นมาเชียว แล้วแบบนี้จะเลิกเรียกน้องเอกได้ยังไง

เป็นน้องเอกหนึ่งครั้ง ก็ต้องเป็นน้องเอกตลอดไป ใช่เลย ประโยคนี้เหมาะกับร้อยเอกที่สุดแล้ว

“ยิ้มอะไร แก้มจะแตกแล้ว”

“ยิ้มเพราะคนขี้หึง”

“พี่เมือง!”

สำหรับเมืองน้ำ...ไม่มีใครน่ารักและตรงใจเท่าน้องเอกแล้วล่ะ



(⺣◡⺣)♡*



สุดท้ายก็ไม่ได้ขอ แถมเนื้อหาหนังก็เอื่อยจนร้อยเอกผล็อยหลับในโรงหนัง เหลือเมืองน้ำที่ตั้งใจดูและตีความสิ่งที่หนังต้องการจะสื่ออยู่คนเดียว

ตรงนี้ล่ะมั้งที่ต่างกัน ร้อยเอกไม่ชอบอะไรที่ซับซ้อน ส่วนอีกคน จะทำความเข้าใจกับความซับซ้อนที่เจอให้มากที่สุด ตลอดทางกลับบ้านเลยมีแต่ภาพที่คนตัวเล็กเปิดอ่านกระทู้วิเคราะห์หนังในพันทิป

จริงจังอะไรเบอร์นั้น กลับถึงบ้านก็ยังอ่านไม่เลิก กว่าจะหยุดก็ตอนที่โดนเรียกให้มาเอาของออกจากถุง แล้วนำไปจัดในครัวนู่นเลย

เมืองน้ำลองทำอาหารให้เขากิน แต่แค่เมนูง่ายๆ อย่างไข่เจียวยังไม่รอด กลิ่นไหม้ฟุ้งเสียทั่วบ้าน ลอยไปไกลถึงบ้านของเขาจนแม่ต้องเดินมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นในครัว ท่านยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตอนเห็นว่าเมืองน้ำทอดไข่ไหม้ บอกให้เขากับคนตัวเล็กทำความสะอาดให้เรียบร้อย เมื่อถึงเวลามื้อเย็นก็ให้ไปกินด้วยกันที่บ้าน

“เอาน่า รอบหน้าแก้มือใหม่ เดี๋ยวผมสอน”

พอเจอความผิดพลาด หมาน้อยหัดเข้าครัวก็หูลู่หางตกไปเลย ถอนหายใจใส่ร้อยเอกที่นอนหนุนตักนุ่มๆ อยู่บนโซฟา ริมฝีปากนุ่มบิดเบี้ยวอย่างขัดใจ ก่อนใบหน้าน่ารักจะส่ายไปมาเพราะถูกมือหนายกขึ้นบีบแก้ม

ทำเหมือนตอนโดนบีบในห้างนั่นแหละ แต่ทำไมถึงน่าเอ็นดูกว่าก็ไม่รู้

“อย่าแกล้งดิ”

“หายหน้างอก่อน”

“หายแล้ววว”

“ไหนยิ้มให้ดูหน่อย”

ได้รับคำสั่งแล้วคนผิวขาวก็ยิ้มยิงฟัน เล่นเอาร้อยเอกกลั้นเสียงหัวเราะไม่ไหว

เหมือนโดนประชดแปลกๆ แต่ถ้าทำให้เมืองน้ำค่อยๆ อารมณ์ดีได้ ก็โอเค

“เก่งมากครับเก่งมาก”

“หยุดยิ้มเลยร้อย”

ร้อยเอกยิ้มอยู่เหรอ ก็คงใช่...ไม่ทันสังเกตตัวเองเลยแฮะ

“ง้วงง่วง ผมอยากนอนจัง” พูดพลางลดมือลงมาจับมือนุ่มวางไว้บนอกตัวเอง

“ทำไมขี้อ้อนจังอ่ะวันนี้ มีอะไรรึเปล่า หรือว่า...ร้อยอยากได้อะไร”

ร้อยเอกเพิ่งอ้อนตอนที่มานั่งเล่นนอนเล่นบนโซฟานี่เองนะ ไม่ใช่ทั้งวัน พี่เมืองของใครเนี่ย ขี้เว่อร์เหมือนกันไม่มีผิด

“ก็ไม่ได้ต้องการอะไร แค่อยากอ้อนเฉยๆ ไม่ได้เหรอ”

“จริงอ่ะ ก็ปกติไม่อ้อนพี่เลยนะ”

“เอ๊า คนเรามันก็ต้องมีโมเมนต์นี้บ้างป้ะ จะให้ผมแข็งทื่อตลอดเลยก็ไม่ใช่”

“แต่ปกติร้อยก็ไม่ได้แข็งทื่อ”

“แล้วร้อยเป็นแบบไหน”

“ไม่รู้ แต่ไม่ได้อ้อนขนาดนี้ไง”

ขำอีกแล้ว เมืองน้ำเป็นเรื่องตลกของร้อยเอกหรือไง พูดนิดก็อมยิ้ม พูดหน่อยก็ขำ น่าหมั่นไส้เป็นบ้า

“ว่าไง ตกลงที่อ้อนนี่จะเอาอะไร”

“เปล่า ไม่ได้ต้องการอะไรจริงๆ ร้อยอยากอ้อนเฉยๆ”

“ไม่เชื่อๆๆ ร้อยเอกไม่มีทางอ้อนเฉยๆ แน่นอน”

“ไม่มีจริงๆ”

“พี่ก็ไม่เชื่อจริงๆ”

“พี่เมือง”

ลอยหน้าลอยตานัก ถ้าไม่ติดว่าใกล้ถึงเวลามื้อเย็นที่แม่บอก ร้อยเอกสัญญาว่าจะจับเมืองน้ำเข้ามาฟัดแรงๆ เอาให้มีรอยเต็มคอจนต้องกลบด้วยคอลซีลเลอร์เหมือนที่เคยทำไปเลย

เขาไม่ได้ต้องการอะไรจริงๆ แค่อยากอ้อนเพราะตอนกลางวันหน้าหงิกใส่คนตัวเล็กเยอะไปหน่อย เขาไม่ชอบให้เมืองน้ำเครียด เมืองน้ำก็คงไม่ชอบที่เห็นเขาหึงกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเหมือนกัน

เหตุผลมีแค่นี้ หรือการกระทำของร้อยเอกมันสื่อความหมายมากกว่านั้นเหรอ

เอ...หรือว่าจะใช้มุกอ้อนเพราะอยากได้พี่เมืองเป็นแฟนดี แต่ถ้าเจ้าตัวตอบกลับมาว่ามันเร็วเกินไป ร้อยเอกจะทำไงล่ะ นั่งซดน้ำใบบัวบกดีมั้ย

“คิดอะไรอีกแล้ว คิดเยอะจังเลย คิดอะไรทำไมไม่พูด”

กล้าพูดที่ไหน ป๊อดในเรื่องบ้าๆ บอๆ นี่ยกให้ร้อยเอกเป็นตัวท็อปในหมวดนี้ได้เลย

“พี่เมืองว่า...” คนที่ใช้ปลายนิ้วนวดรอยย่นบนหว่างของเขาเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย หยุดนวดเมื่อกลายเป็นฝ่ายขมวดคิ้วเสียเอง “เรา...”

“หืม? เราอะไร”

“เรา…”

“…”

“เราสองคน...”

“ครับ เราสองคนทำไม”

“เราสองคนหาเวลาไปเที่ยวด้วยกันดีมั้ย”

ไอ้กาก

ถ้ามาวินอยู่ด้วยต้องโดนด่าด้วยคำนี้แน่นอน กากมาก กากจริงๆ ร้อยเอกยอมรับด้วยตัวเอง

“เลี้ยงรุ่นคณะพี่ไง ว่าจะไปต่างจังหวัดกันอ่ะ อีกสองอาทิตย์”

“เหรอ เอ่อ...แล้ว...เขาให้คนนอกคณะไปได้ใช่ป้ะ”

“ได้สิ แต่ถ้าจะไปต้องออกเงินเองนะ ถ้าไม่ไปก็รอบายเนียร์อีกรอบที่มอหลังปีสี่ฝึกงาน”

“จะไปที่ไหนกันครับ”

“ยังไม่รู้เลย เอาไว้ถ้าชัวร์แล้วพี่จะบอกนะ ว่าแต่ร้อยจะไปจริงมั้ย”

“พี่เมืองไปด้วยใช่มั้ย”

“อื้อ” เมืองน้ำพยักหน้ารับ ช้อนมองนาฬิกาแล้วดึงสายตากลับมามองคนตัวสูง “ต้องไปอยู่แล้ว เหนื่อยกันมาทั้งเทอม ไม่ไปก็เสียดายแย่สิ”

“งั้นผมไปด้วย จองห้องสวีทเลยนะ”

“ร้อยจะเอาห้องสวีทไปทำอะไร ห้องธรรมดาก็ได้”

“ก็นอนกับพี่เมืองสองคนไง ไม่อยากนอนรวมกับคนอื่น”

“หวงพี่อีกแล้ว”

ร้อยเอกเบ้หน้าเล็กๆ แกล้งทำเป็นเจ็บมากกับการถูกดีดหน้าผาก ทั้งที่เมืองน้ำออกแรงแค่นิดเดียว เล่นใหญ่ไม่มีใครเกินเลยล่ะ

“นะๆ เอาห้องสวีท ใครไม่โอเคก็มาคุยกับผม ผมเคลียร์เอง”

“ใหญ่เนอะ”

“ใช่ ใหญ่มาก ลองป้ะ”

“ทะลึ่ง!”

เกือบโดนฟาดไปอีกหนึ่งที ดีที่คว้ามือนุ่มไว้ทัน บทสนทนายังดำเนินไปเรื่อยๆ จากเรื่องไปเที่ยวต่างจังหวัด ก็เปลี่ยนเป็นเรื่องอื่น

แค่ขอเป็นแฟนเอง ไหนบอกว่าจะพยายามเรื่องเมืองน้ำแบบสุดตัวไงล่ะ ไม่ลองขอแล้วจะรู้เหรอว่าตอนนี้เป็นแฟนกันได้หรือยัง

กล้าๆ หน่อยสิร้อยเอก

ไม่เป็นไร วันนี้ไม่สำเร็จ วันอื่นก็ยังมีโอกาส

ยังไงเมืองน้ำก็เป็นของเขาคนเดียวอยู่แล้ว นั่นสิเนอะ ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ; )



(⺣◡⺣)♡*
Hashtag #ร้อยเมือง



ไม่ต้องคิดมากจริงเหรอพ่อหนุ่ม /)__(\

รู้สึกใจหายที่ต้องบอกว่าตอนหน้าเป็นตอนจบ แต่ก็มีความสุขมากที่ได้พาร้อยเอกและเมืองน้ำไปถึงตอนสุดท้ายค่ะ

ขอบคุณที่เอ็นดูเด็กๆ ของเรานะคะ ฝากคอมเมนต์เพื่อเติมพลังให้กันเช่นเคยจ้า ❤︎
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2019 13:38:16 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
จะขอเมืองน้ำเป็นแฟนได้มั้ยน้าาาา

ออฟไลน์ BaGgYsOdA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
20
รักที่ไม่คาดฝัน



Meungnam’s Diary
20:19 น.

ในชีวิตล้วนเต็มไปด้วยเรื่องที่เราคาดไม่ถึง บางเรื่องก็ดี บางเรื่องก็ร้าย
แต่ทุกๆ เรื่องมอบสิ่งดีๆ ให้เราเสมอ บางคนอาจจะบอกว่าเจอเรื่องร้ายแล้วจะมีเรื่องดีได้ยังไง
โอเค...ไม่เถียง บางเรื่องมันก็เจ็บปวดโดยที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องเจ็บมากขนาดนี้
อย่างน้อยความเจ็บปวดที่เกิดจากเรื่องไม่ดี ก็ทำให้เรารู้ว่ามันเจ็บยังไง ไม่ดียังไง อนาคตต้องทำแบบไหน ถึงจะไม่ย้อนกลับมาหาเราอีก
เห็นมั้ย ต่อให้เป็นเรื่องไม่ดี เราก็หาข้อดีจากตรงนั้นได้
เมื่อก่อนไม่เข้าใจเลย หาข้อดีจากเรื่องไม่ดีไม่ได้เลย แต่ตอนนี้ไม่คิดเหมือนเดิมแล้ว

ความคิดของเราก็เหมือนเมล็ดพันธุ์ ทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาก็เหมือนน้ำ แสงแดด ปุ๋ยและดิน
อยากให้เมล็ดพันธุ์เติบโตแบบไหน ก็ปลูกแบบนั้น

มีคนคนนึงบอกว่าถ้าอยากได้ต้นไม้ดีๆ ก็ให้พิถีพิถันในขั้นตอนการปลูก เราปรุงดินไม่เป็นหรอก ไม่รู้วิธีขนาดนั้น แต่เราอยากเติบโตไปเป็นต้นไม้ที่มีคุณภาพ เราจึงปลูกตัวเองด้วยวัตถุดิบที่ดีต่อเมล็ดพันธุ์ของเรา
เราไม่รู้เลยว่าวันข้างหน้าจะเจอกับอะไรบ้าง คาดเดาไม่ได้ ดังนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะป้อนแต่สิ่งดีๆ ให้ความคิด

แล้วทุกคนล่ะ มีอะไรที่คิดว่านี่เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงกันมั้ย
เล่าให้เมืองฟังได้เลยนะ มาแชร์กันครับ

เช้าวันศุกร์ที่ดีมากๆ อีกหนึ่งวัน
เมืองน้ำ



ไม่กี่วันมานี้เกิดเรื่องที่ไม่คิดว่าจะเกิด แต่ก็เป็นเรื่องที่เมืองน้ำไม่แปลกใจเท่าไหร่ สื่อทุกแขนงตีแผ่เรื่องราวเจ้าของสตูดิโอรายหนึ่งที่ติดกล้องแอบถ่ายนายแบบและนางแบบในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่มีใครเปิดเผยชื่อ แต่ชาวเน็ตก็พอจะเดากันได้ เช่นเดียวกับเมืองน้ำที่เห็นแค่ภาพเบลอในลิงก์ข่าวก็รู้แล้วว่านั่นคือภานุรักษ์

รุ่นพี่สุดหล่อไม่ติดต่อมาอีกเลยหลังจ่ายค่าชดเชย เมืองน้ำไม่รู้ถึงความเป็นไป อ่านจากเนื้อหาข่าวก็พบว่าถูกจับได้จากคู่นอนที่เป็นหนึ่งในเหยื่อ สถานการณ์รุนแรงพอสมควร แต่ก็ขอบคุณที่พี่รักษ์ได้รับผลการกระทำของตัวเองสักที

เมืองน้ำเพิ่งรู้เงินชดเชยจากรุ่นพี่เป็นเงินส่วนตัวของร้อยเอก เจ้าตัวปฏิเสธท่าเดียวตอนขอโอนเงินคืน บอกว่าให้แล้วให้เลย หว่านล้อมอยู่นานกว่าจะยอม

เข้าใจนะว่าทำไมร้อยเอกถึงเลือกไม่บอกกันตั้งแต่แรก แต่เงินที่ไม่ได้หามาด้วยตัวเอง แถมยังมากมายขนาดนั้น เมืองน้ำรับไว้ไม่ได้จริงๆ

แค่ช่วยเหลือและปกป้องจากสิ่งแย่ๆ ที่ภานุรักษ์ทำ เท่านี้ก็มากพอแล้ว

ชีวิตเมืองน้ำยังวนเวียนอยู่กับสิ่งเดิมๆ ถ่ายรูปลงเพจ เขียนโพสต์ด้วยประเด็นที่อยากเขียน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนในโซเชียล ร้อยคนร้อยความคิด ร้อยคนร้อยความรู้สึก พอมุมมองต่อโลกเปลี่ยนไป การได้อ่านทัศนคติของผู้คนก็เป็นอีกสิ่งที่ชอบมาก

เมืองน้ำยังรับตัดต่อวิดีโอ ต่างจากเดิมแค่งดรับงานใหม่จนกว่าจะฝึกงานเสร็จ หลังจากนั้นต้องดูอีกที ไม่อยากหักโหมทำงานจนนอนน้อยอย่างเดิมอีก กลัวส่งผลเสียต่อสุขภาพ กลัวโดนร้อยเอกบ่นเรื่องนี้ด้วย ทั้งที่ตัวเองก็เล่นเกมจนดึกดื่นแทบทุกวัน

คิดถึงเรื่องนี้แล้ว ปากเมืองน้ำก็มู่ทู่ขึ้นมาเลย

“พี่เมือง”

“…”

“พี่เมืองครับ”

เมืองน้ำสะดุ้งน้อยๆ กับเสียงนุ่มทุ้มที่ดังจากตำแหน่งใกล้ตัว ความสนใจถูกดึงกลับมายังคนตัวสูงที่เดินมานั่งลงฝั่งตรงข้าม โต๊ะนั่งใต้ต้นไม้ข้างคณะเกษตรศาสตร์เป็นจุดนัดพบที่หาเจอง่ายอีกจุดหนึ่ง ร้อยเอกถึงขอนั่งคุยกับเพื่อนตรงนี้ก่อนไปสตูดิโอถ่ายแบบด้วยกัน

“คุยเสร็จแล้วเหรอ”

“ครับผม เสร็จแล้ว”

นานหลายเดือนแล้วที่ไม่มีโอกาสได้เห็นร้อยเอก มาวิน และสิงหาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า รายสุดท้ายเพิ่งสึกจากการบวชพระเมื่อสัปดาห์ก่อน เมืองน้ำยังไม่มีโอกาสได้เจอแบบจริงๆ จังๆ วันนี้ที่พบหน้ากันอีกครั้งเมื่อตอนกลางวัน ก็คุยกันแค่เล็กน้อย

ถึงจะแค่เล็กน้อย แต่ก็สัมผัสได้ว่าความอึดอัดระหว่างเราไม่มีอีกต่อไปแล้ว

ชอบจัง กับความรู้สึกสบายใจแบบนี้

ไม่รู้ว่าทั้งสามคนคุยเรื่องไหนกันบ้าง เมืองน้ำนั่งห่างออกมาค่อนข้างไกลเพราะอยากมอบพื้นที่ส่วนตัว มีเสียงเซ็งแซ่จากนักศึกษากลุ่มอื่นดังคลออยู่ตลอด จะอ่านจากปากด้วยความอยากรู้ก็เกินความสามารถไปหน่อย เพราะเรื่องที่คุยคงไม่ได้มีแค่เรื่องเดียว

“เพื่อนผมกลับบ้านไปแล้ว เราก็ไปกันเลยมั้ย”

“ไปเลยก็ได้ เดี๋ยวต้องแต่งหน้าแต่งตัวอีก กว่าจะเสร็จน่าจะดึกเลยอ่ะ”

“ไม่เป็นไร ผมเตรียมเกมไปเล่นรอพี่เมืองละ”

“เยี่ยมมากน้องเอก”

“เรียกน้องเอกอีกทีจะตีจริงๆ แล้วนะ”

เดี๋ยวนี้กล้าหือกล้าอือกับเมืองน้ำแล้ว!

ใครกันแน่ที่น่าตีไม่หยุด

“ผมถือให้ครับ”

ปากนุ่มกำลังจะปฏิเสธ แต่เหตุการณ์แนวนี้ที่เกิดขึ้นเสมอก็ทำให้เปลี่ยนเป็นยอมให้อีกคนคว้ากระเป๋าขึ้นไปพาดไหล่ หยิบของทุกชิ้นของเมืองน้ำขึ้นไปถือ และเดินตัวปลิวตามแผ่นหลังกว้างๆ ไปเท่านั้น

วันนี้แดดไม่ร้อน บรรยากาศร่มรื่น อุณหภูมิค่อนข้างเย็น แต่ร้อยเอกก็ยังเดินนำหน้าเพราะต้องการบังแดดให้เมืองน้ำเสมอ

ให้ตาย...เมืองน้ำกลั้นยิ้มไม่ได้อีกแล้ว

“นี่ๆ”

“ครับ ว่าไง” ร้อยเอกเอ่ยตอบโดยไม่หันมอง ทว่าก้าวเท้าช้าลงเพื่อรอฟัง

“คุยอะไรกันบ้างเหรอ”

“หมายถึงคุยกับใคร ผมกับเพื่อนเหรอ”

“ใช่ พี่อยากรู้อ่ะ จะหาว่าขี้เผือกก็ได้นะ แต่อยากรู้จริงๆ”

“ใครจะกล้าว่าพี่เมืองขี้เผือก” คนตัวโตขำในลำคอ “ก็เรื่องทั่วไป นั่นนี่นู่น หยิบมาคุยกันตามประสาเพื่อนนั่นแหละ ผมไม่ได้คุยกับสิงหาแบบธรรมดามานานแล้วนะ มีอะไรให้คุยเยอะเลย มันโคตรใจเย็นเลยรู้มั้ย เปลี่ยนไปเยอะมาก กลายเป็นผมที่ห้าวที่สุดในกลุ่มซะงั้น”

ใครบอกว่าห้าวที่สุด สำหรับเมืองน้ำ น้องเอกน่ารักที่สุดต่างหาก แต่เมืองน้ำจะไม่เรียกเจ้าตัวด้วยสรรพนามนี้อีกรอบ ไม่ได้หรอก ขืนพูดไปนะ ต้องโดนงอน แถมไม่ยอมเล่าต่อแน่ๆ

“มีเรื่องพี่เมืองด้วยนะ”

“หืม อะไรเหรอ”

“ก็...พี่เมืองชอบอะไร ไม่ชอบอะไร อันนี้ผมถามเอง เรียนรู้ไว้ใช้ในอนาคต มันรู้เรื่องพี่เมืองเยอะดีนะ ความสัมพันธ์กับพี่เมืองไปถึงไหนแล้ว อันนี้สิงหาเป็นคนถาม แซวผมด้วยนะว่าฟอร์มจัด ไม่ยอมรับตัวเองว่าชอบพี่เมืองตั้งแต่แรก ถ้ายอมตั้งแต่แรกคงลงเอยกันนานแล้ว ก็ผมไม่รู้ตัวนี่นาว่าชอบพี่เมือง”

“...”

“เขินอ่ะดิ”

“...”

“แดงทั้งหูทั้งหน้าแล้วม้างงง”

“เกลียดร้อยอ่ะ”

“คำว่าเกลียดจากพี่เมือง แปลว่ารักร้อยเอกนะรู้ป้ะ”

ถอนคำพูดที่บอกว่าน้องเอกน่ารักที่สุดได้มั้ย

ไม่ได้หรอก มันฝืนตัวเองเกินไป

งั้นต้องบอกว่าน้องเอกทั้งน่ารัก ทั้งชอบแกล้งให้เมืองน้ำไปต่อไม่ถูกก็แล้วกัน บทสนทนาของเราควรไปต่อเรื่อยๆ ถามมาตอบไป คุยกันเหมือนที่ทำทุกวันไม่ใช่เหรอ

ดูเขาทำกับเมืองน้ำสิ

“ถึงรถแล้ว รีบๆ ปลดล็อกเลยนะ”

“หอมแก้มก่อนดิ ค่าปลดล็อกรถ”

“ไอ้บ้า ประสาทเหรอ ทำไมต้องหอมแก้มด้วย”

“ไม่หอมก็ไม่ออกรถจ้า ยืนอยู่ตรงนี้ยันเช้านี่แหละ”

“พี่เรียกแกร๊บก็ได้ ไม่ง้อหรอก เฮอะ”

“เฮ้ยได้ไง อันนี้ผมไม่ยอมนะพี่เมือง เออๆ ก็ได้วะ ยอมก็ได้”

จุดชนวนให้เราเถียงกันทุกวัน แต่ก็ทำเอาใจเต้นแรงไม่หยุดเลย

เป็นคนที่ทำให้เมืองน้ำรู้สึกหวั่นไหวได้เสมอ เหลือเชื่อมากจริงๆ



(⺣◡⺣)♡*



“ไปทะเลก็ต้องเล่นน้ำไม่ใช่เหรอ”

“ก็เล่นไปสิ ใครห้าม”

“แต่เมื่อกี้ร้อยห้ามพี่นะ”

“ผมหมายความว่าถ้าพี่เมืองจะใส่กางเกงว่ายน้ำตัวเดียวลงทะเล ก็ห้ามลงไปเล่นต่างหาก”

บทสนทนาระหว่างทางกลับบ้านมีแต่เรื่องไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนปีสี่ในวันพรุ่งนี้ มีความหึงหวงจากร้อยเอก และความอยากแกล้งให้อีกคนโวยวายซ่อนอยู่ในประโยคที่เรียบง่าย เมืองน้ำทำเป็นไม่สนใจใบหน้ายุ่งๆ ของคนข้างกาย ไล่ดูกางเกงว่ายน้ำในแอพช็อปปิ้ง แล้วก็ต้องร้องเหวอเมื่อจู่ๆ ร่างสูงก็ดึงโทรศัพท์ออกจากมือทั้งที่ยังบังคับพวงมาลัยรถอยู่

“พอได้แล้ว เลิกดู”

“…”

“ไม่ให้ใส่ด้วย หวง”

ถ้าร้อยเอกหันมามองตุ๊กตาหน้ารถตอนนี้ จะเห็นว่าคนอยากแกล้งเริ่มมีสีแดงระบายบนแก้มคู่กลมแล้ว

ดูโรคจิตมั้ยนะ รู้ว่าอีกคนจะทำให้เขิน แต่ก็อยากจะแกล้งให้หึงอยู่ดีนั่นแหละ ก็ตอนร้อยเอกหึงเนี่ย เหมือนเด็กหวงของอย่างนั้นเลย

“โอเคๆ พี่ไม่ใส่ก็ได้ เลิกหน้าหงิกได้แล้วน่า”

“ก็พี่เมืองอ่ะ”

“พี่ทำไม”

“ยังจะถามอีก”

โถ่ พ่อคุณ ช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน

“คืนโทรศัพท์พี่มาได้แล้ว”

“ห้ามดูกางเกงว่ายน้ำอีกนะ”

“ทราบแล้วครับๆ ไม่ดูแล้ว”

รับโทรศัพท์คืนจากคนตัวโต ปิดทุกแอพที่เปิดดูกางเกงว่ายน้ำค้างไว้ เป็นนาทีเดียวกันที่ Aston Martin ของคนขี้หึงเคลื่อนตัวมาถึงหน้าบ้าน มีเสียงพ่นลมหายใจหนักๆ จากเจ้าของรถ แววตาที่เพิ่งเห็นชัดตอนจอดสนิทและเปิดไฟบนเพดานทำให้เมืองน้ำชะงักน้อยๆ

ร้อยเอก...กำลังคิดมากงั้นเหรอ

ไม่สิ ไม่ถึงขั้นคิดมากเรื่องไหนอยู่หรอก ตอนคุยเล่นกับเมืองน้ำก็ดูปกติดีทุกอย่าง ที่หวงจนหน้าบูดก็หายเป็นปกติดีแล้ว

ความรู้สึกแบบนี้...เหมือนจะเป็นก่อนพาเมืองน้ำไปถ่ายแบบ แสดงว่าคิดอะไรมาตั้งแต่ช่วงเย็น

“เครียดอะไรอยู่ครับ”

อีกคนเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย ทว่าไม่ตอบกลับในทันที ร้อยเอกปิดประตูรถ เดินมาหาเมืองน้ำที่กำลังควานหากุญแจบ้านในกระเป๋าเป้

“เปล่า”

มือที่ล้วงกระเป๋าพลันหยุดนิ่ง ดวงหน้าน่ารักช้อนขึ้นมองคนสูงกว่า ดึงมือออกจากกระเป๋าแล้วยกสายสะพายขึ้นพาดบ่า

“จริงเหรอ พี่เห็นร้อยทำหน้าทำตาแบบนี้มาตั้งแต่ที่มอแล้วนะ”

“พี่เมืองสังเกตด้วยเหรอ ผมว่าผมปิดเก่งพอตัวนะ”

“ไหนบอกว่าเปล่าไง”

ร้อยเอกลืมอะไรไปหนึ่งอย่าง ถึงมั่นใจว่าตัวเองเก็บอารมณ์เก่งขนาดนั้น เขาลืมไปได้ยังไงว่าพอเป็นเรื่องของเมืองน้ำ ความสามารถทุกย่างก็ถูกละลายจนหมดสิ้น

ถ้าเรื่องที่คิดอยู่ในหัวเป็นเรื่องของเมืองน้ำล่ะก็...ร้อยเอกไม่เก่งเลย

“ก็คิดอะไรนิดหน่อย”

“นิดหน่อยที่ว่าคืออะไรครับ บอกพี่เมืองได้มั้ย”

“ไม่อยากบอกเลยครับ กลัวจะดูเป็นเด็กงี่เง่า”

“พี่ไม่คิดอย่างนั้นหรอก” อมยิ้มจางๆ พลางเดินเข้าไปใกล้คนตัวสูง “เราคุยกันได้ทุกเรื่องไม่ใช่เหรอ ที่ผ่านมาก็แลกเปลี่ยนเรื่องนั้นเรื่องนี้กันตลอด ไม่ต้องกลัวหรอกร้อย”

“มันดูงี่เง่าจริงๆ นะพี่เมือง”

“พี่ยังไม่รู้เลยว่าร้อยเอกคิดเรื่องอะไร เพราะงั้นพี่ตัดสินไม่ได้หรอกว่างี่เง่าหรือไม่งี่เง่า ว่าไง ตกลงคิดเรื่องไหนอยู่ครับ”

“เรื่องพี่เมือง”

“…”

“แค่คิดว่าสิงหามันรู้เรื่องพี่เมืองเยอะดี เยอะกว่าผมอีก”

นึกว่าเรื่องอะไร...

ที่จริงเมืองน้ำได้ยินประโยค ‘รู้เรื่องพี่เมืองเยอะดี’ มาครั้งนึงแล้วล่ะ ตอนร้อยเอกเล่าให้ฟังว่าคุยอะไรกับเพื่อนบ้าง แค่ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะเก็บมาคิดเล็กคิดน้อย

นอกจากเรื่องคู่จิ้นก็ยังมีเรื่องนี้อีก น้องเอกนี่มันน้องเอกจริงๆ เลยนะ

“ตัวก็โต๊โต” เมืองน้ำยกสองมือทาบลงบนแก้มขาว จับใบหน้าหล่อส่ายไปมาสองสามครั้งด้วยความเอ็นดู “แต่ใจปลาซิวจัง แค่นี้ก็ต้องนอยด์ด้วย”

“ไม่ได้นอยด์สักหน่อย”

“โม้นะอันนี้ ใครจะเชื่อ”

หน้านิ่งเชียว แล้วอย่างนี้จะให้เมืองน้ำเชื่อว่าร้อยเอกไม่ได้นอยด์ยังไงไหว

“ปล่อยมือจากผมเลย เข้าบ้านได้แล้วครับ อากาศมันเย็น”

“อยากให้พี่เข้าบ้านแน่นะ”

“อือ”

“จริงอ่ะ ให้เข้าจริงๆ นะ”

“จริง อะไรของพี่เมืองเนี่ย”

ร้อยเอกนั่นแหละเป็นอะไร บอกให้ปล่อยมือ บอกให้เมืองน้ำเข้าบ้าน แต่ก็ยืนนิ่งๆ ให้จับแก้มตามใจชอบ การกระทำสวนทางกับคำพูดขนาดนี้ เมืองน้ำขอไม่ทำตามแล้วกันนะ

คนตัวเล็กเกลี่ยแก้มขาวด้วยนิ้วโป้งช้าๆ จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีเข้มที่มองลงมา ลดระยะห่างโดยการเขย่งปลายเท้าจนสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นร้อน

“ทำอะไร...”

เมืองน้ำไม่ตอบคำถาม กดจมูกลงบนแก้มขาว สูดดมกลิ่นหอมของคนคิดมาก ทำอย่างเดิมซ้ำๆ กระทั่งความรักฟุ้งทั่วทั้งใจ เมื่อมั่นใจว่าก้อนหินหนักๆ ในใจร้อยเอกถูกยกออกไปแล้วจึงถอยกลับมายืนที่เดิม

“เดี๋ยวสิบเอกก็ลงมาเห็นหรอก”

“ถ้าเห็นก็ซื้อเพชรในเกมให้น้องสิ”

“เข้าบ้านได้แล้วครับ ไปนอนพัก พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า”

“เขินแล้วเปลี่ยนเรื่องอ่ะ”

“ใครเขิน”

ปฏิเสธอะไรก็ปฏิเสธได้นะ แต่จะถามกลับว่าใครเขินแล้วก็บอกว่าตัวเองไม่ได้เขิน รู้มั้ยว่าใบหูแดงๆ ของร้อยเอกใช้เป็นหลักฐานชิ้นดีได้เลยล่ะ

“พี่เข้าบ้านก็ได้ แต่ยังไม่ได้เก็บกระเป๋าเลยอ่ะ”

“ผมก็เหมือนกัน อ่านหนังสือเพลินเลยไม่ได้เก็บสักที”

“งั้นเก็บพร้อมกันมั้ย ใช้กระเป๋าเดินทางใบเดียวกันก็ได้ ชุดร้อยกับชุดพี่รวมกันก็ไม่เท่าไหร่หรอก ประหยัดดี”

“ไม่มีกางเกงว่ายน้ำใช่ป้ะ”

“…?”

“ในกระเป๋าเดินทางของเราอ่ะ จะไม่มีกางเกงว่ายน้ำของพี่เมืองใช่มั้ย”

“ไม่มีหรอก” ใบหน้าขาวส่ายเบาๆ พร้อมรอยยิ้ม เป็นภาพที่แสนน่ารัก “เดี๋ยวพี่เอากางเกงสามส่วนใส่กระเป๋าไป ร้อยก็ด้วยล่ะ ห้ามแต่งตัวตกสาวๆ นะ”

น่ารักจนอยากแกล้งกลับเลยล่ะ

“ระดับผมอ่ะ ต่อให้แต่งตัวมิดชิดก็ตกสาวได้สบายอยู่ละ”

“พอเลยๆ คุยแล้วเวียนหัว”

“เอ้า อะไรเล่า ทำไมอ่ะ หรือไม่จริง โถ่ พี่เมือง กลับมาคุยกันก่อนสิ”

อยากถ่ายคลิปเมืองน้ำตอนที่แกล้งทำเป็นหูทวนลม หยิบกุญแจมาไขประตูเล็กข้างรั้ว และรีบก้าวเร็วๆ เข้าบ้านไว้ชะมัด เหมือนเด็กวิ่งเข้าโรงเรียนอนุบาลไม่มีผิด

ยังไม่ได้เอาคืนเรื่องที่ยั่วให้ร้อยเอกหึงเพราะจะใส่กางเกงว่ายน้ำเรื่องนั้นเลยนะ แต่สัมผัสดีๆ ตอนจมูกมนฝังลงมาบนแก้มของเขา...สัมผัสที่เกิดขึ้นเพราะไม่อยากให้เขาคิดมาก มันดีสุดๆ เลย

จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้ขอเมืองน้ำเป็นแฟน ต่างคนต่างยุ่งกับการสอบปลายภาค โดยเฉพาะรุ่นพี่ปีสี่ที่ต้องจัดการทุกอย่างให้เสร็จก่อนเริ่มฝึกงานในเทอมหน้า หลังสอบเสร็จ ถ้าไม่กลับมาบ้านก็ต้องไปถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา ไม่ก็ไปคุยงานกับเจ้าของแบรนด์

เรื่องของเขากับเมืองน้ำไม่ได้เริ่มจากความโรแมนติก หาคำนั้นได้ยากหากมองย้อนกลับไป ฉะนั้นถ้าต้องขออีกฝ่ายเป็นแฟนจริงๆ เขาก็อยากให้เราทั้งคู่อยู่ในสถานการณ์ที่น่าจดจำ

ไปเที่ยวครั้งนี้นี่แหละเหมาะที่สุด ทั้งระยะเวลา สถานที่ ทั้งความกล้าที่รวบรวมมาตลอดสองอาทิตย์

เลิกใจเสาะได้แล้ว ไอ้กากเอ๊ย



(⺣◡⺣)♡*




มีต่อค่า

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ต่อ








“พี่เมืองออกไปก่อนเลย เสร็จแล้วผมจะตามไป”

“โอเคๆ รีบมานะ”

“ครับผม”

ร้อยเอกยิ้มจางๆ ให้คนตัวเล็กที่สวมเสื้อยืดฮาวายกับกางเกงสามส่วน เครื่องแต่งกายที่พอรวมกับรองเท้าผ้าใบสีขาวและหมวกปีกกว้างที่เตรียมมาให้เขาอีกหนึ่งใบ ของทุกชิ้นก็ดูน่ามองขึ้นได้ง่ายๆ

ความสามารถพิเศษอีกอย่างของเมืองน้ำล่ะมั้ง ไม่แปลกใจที่แบรนด์เสื้อผ้าต่างก็ชอบส่งของมาให้เจ้าตัวถ่ายลงเพจ

ร้อยเอกก้าวเข้าหาคนตัวนุ่มที่ยืนจับหมวกอยู่ตรงหน้าประตู เมืองน้ำดูแปลกใจที่เห็นว่าเขาวางมือจากกระเป๋าเดินทางในห้องพัก ทว่าก็ยอมยืนนิ่งให้เขาจับเชือกที่ปลิวตามแรงลมมาผูกเป็นโบว์ยึดหมวกไว้ตรงปลายคาง

“ขอบคุณครับ”

เมืองน้ำพูดพร้อมวาดรอยยิ้มกว้างๆ แก้มนุ่มป่องขึ้นมาอย่างน่ารัก ร้อยเอกบีบแก้มกลมๆ นั่นด้วยความมันเขี้ยว ทำให้เกิดเสียงท้วงเล็กๆ จากเจ้าของแก้มเนียน

“ปล่อยพี่เลยนะ ห้ามจับห้ามบีบ”

“ปล่อยแล้วครับปล่อยแล้ว บีบนิดบีบหน่อยก็ไม่ได้ ทำไมต้องห้ามด้วย”

“อันนี้ไม่เรียกบีบนิดบีบหน่อยแล้วมั้ย นึกว่าเกลียดพี่แล้วเนี่ย”

“คนเว่อร์” ว่าแล้วก็ดีดหน้าผากคนที่สูงเท่าไหล่ของเขาไปหนึ่งที “ผูกเชือกเสร็จแล้ว ไปเถอะครับ เดี๋ยวเพื่อนรอนานนะ”

“อีกนานมั้ยกว่าร้อยจะตามไป”

“นานอยู่ อย่าทำหน้างอดิ”

เมืองน้ำทำหน้างอเหรอ อืม...ใช่แหละ มาทะเลทั้งที ก็อยากจะใช้เวลาอยู่กับร้อยเอกให้มากที่สุด

“ขอไปถ่ายรูปสักครึ่งชั่วโมง เสร็จแล้วจะตามไป พี่เมืองก็คงเล่นบานาน่าโบ๊ทเสร็จพอดี”

อีกคนตอบกลับมาด้วยคำสั้นๆ เป้าหมายถูกเปลี่ยนเป็นกลุ่มเพื่อนที่ยืนถือเสื้อชูชีพรอบนชายหาด ร้อยเอกเดินกลับเข้ามาด้านในเมื่อภาพที่โฟกัสห่างไกลจนเห็นได้เพียงเลือนราง

เป็นวันเสาร์ที่แสนสงบสุข ในที่สุดก็ได้ห้องสวีทมาครอบครองสมใจอยาก ไม่มีใครคัดค้านร้อยเอกเรื่องนี้ ทุกคนเป็นมิตรกับเขาจนอยากชวนมาวินกับสิงหามาด้วยกัน แต่สองคนนั้นก็คงมีแพลนพักผ่อนเป็นของตัวเองแล้ว

ทุกคนนั่งเรือมาถึงเกาะแห่งนี้ตั้งแต่ช่วงบ่าย เพราะแดดร้อนจัด สภาพอากาศไม่เป็นใจ สิบกว่าคนในทริปจึงนัดรวมตัวในช่วงเย็น เขาพาเมืองน้ำมาที่ห้องพัก ต่างคนต่างหลับด้วยความอ่อนเพลีย ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เห็นเมืองน้ำเปลี่ยนชุดเตรียมเล่นน้ำกับเพื่อนๆ แล้ว

เมืองน้ำบอกว่าจะมีเพื่อนต่างมหา’ลัยที่คุ้นเคยกันตามมาด้วย เขาไม่รู้ว่ามีใครบ้าง ได้แต่ภาวนาอย่าให้มีคู่จิ้นสุดฟินของพี่เมืองเลย

ไม่ได้เกลียดหรอกนะ ไม่มีอคติจริงๆ แค่ไม่ชอบเวลามีคนถ่ายรูปคนของเขากับรุ่นพี่อีกคนไปลงโซเชียล ยิ่งเป็นเพื่อนที่เคยรู้จักกันสมัยยังวัยรุ่นแบบนี้ พล็อตนิยายชวนฝันชัดๆ

ร้อยเอกถูกชวนให้ไปเล่นบานาน่าโบ๊ทด้วยกัน แต่เขามีเรื่องต้องทำ เลยต้องปฏิเสธไปอย่างน่าเสียดาย

พักหลังมานี้ร้อยเอกนึกถึงความโรแมนติกที่สามารถเกิดขึ้นได้ระหว่างเขากับเมืองน้ำ อะไรก็ตามที่ไม่ต้องหวือหวา เพราะเขาไม่ชอบ

ความเรียบง่ายที่หากย้อนกลับมานึกถึงช่วงเวลาเหล่านี้ อะไรที่ว่าจะกลายเป็นช่วงเวลาที่จดจำ

แทนที่จะเล่นน้ำทะเลเหมือนคนอื่นๆ ร้อยเอกใช้เวลาหลังจัดของในกระเป๋าเดินทางใบเดียวกับเมืองน้ำเดินลัดเลาะไปตามชายหาด เก็บภาพสวยๆ ของบรรยากาศยามเย็นด้วยกล้องถ่ายรูปที่นำติดกระเป๋ามาจากบ้าน

เขาซื้อกล้องตัวนี้เก็บไว้นานแล้ว น่าจะเกินสองปีได้ ภาพด้านในมีแต่กิจกรรมในคณะ รวมถึงภาพประกอบโปรเจกต์ที่เพิ่งผ่านพ้นมาพร้อมเกรด A จากอาจารย์ เขาไม่ชอบการถ่ายรูปพร่ำเพื่อ แทบไม่มีรูปตัวเองอยู่ในกล้องตัวนี้ หรือแม้แต่กล้องในโทรศัพท์ ในไอจีจึงมีแต่รูปต้นไม้ เขาชอบ และคิดว่าสิ่งนี้บ่งบอกตัวตนของเขาได้

ทุกรูปที่ถ่ายในตอนนี้ ทะเลสีสวย ดวงอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้า ก้อนเมฆที่รวมตัวเป็นกลุ่มก้อน หาดทรายสีขาว และผู้คนที่ค่อนข้างบางตา ที่กล่าวมาไม่ใช่สไตล์ของเขาเลยสักนิด แต่สำหรับเมืองน้ำ...รายนั้นต้องชอบแน่นอน

คงจะดีถ้าได้ขอเมืองน้ำเป็นแฟนระหว่างที่เปิดดูภาพในกล้องด้วยกัน

นี่แหละความโรแมนติกในแบบของเขา

มาวินจะได้ฉลองที่เขาสละโสด ดูแล้วเพื่อนรักคงได้ฉลองแค่ครั้งเดียว เพราะร้อยเอกจะไม่ยอมโสดอีกเลยตลอดชีวิต

โอเว่อร์เนอะ ก่อนขอเป็นแฟน ต้องเลิกเป็นไอ้กากก่อนนะร้อยเอก

คนตัวสูงหยุดเดินทันทีเมื่อใครบางคนปรากฏอยู่ในกล้องที่กำลังขยับหามุมสวยๆ เพื่อถ่ายรูป ร้อยเอกลดกล้องลง หรี่ตามองภาพตรงหน้าให้แน่ใจ แล้วหัวเราะหึในลำคอ

“ร้อยเอก”

“สวัสดีครับพี่สอง”

คู่จิ้นสุดฮอตของเมืองน้ำ เดินมาพร้อมกับเพื่อนที่มากับพี่เมืองซะด้วย แปลว่าเพื่อนต่างมหา’ลัยที่จะตามมาทีหลัง มีพี่สองอยู่ในลิสต์ด้วยงั้นเหรอ

ทริปที่ควรสงบสุข ดูเหมือนจะมีเรื่องน่าหงุดหงิดซะแล้ว

“มากับเมืองน้ำเหรอ”

“ครับ”

“อ้อ มิน่า พี่เห็นเมืองถ่ายรูปอยู่กับเพื่อนตรงนั้น แล้วเราไม่ไปอยู่กับเมืองเหรอ”

“กำลังจะไปครับ”

พูดเพราะอะไรปานนี้พ่อคุณ ขัดกับลุคแบดบอยที่คนภายนอกหวีดกันจริงๆ

หน้าตาดี หล่อมากเลยล่ะ พูดจาสุภาพ น้ำเสียงเป็นมิตร เป็นรุ่นพี่ที่น่าเคารพนับถือคนหนึ่ง อ้อ พกแฟนมาด้วย แฟนพี่สองเดินตามหลังมา พอถึงก็โอบกันกลมดิ๊ก ปลอดภัยกับความสัมพันธ์ของร้อยเอกกับเมืองน้ำร้อยเปอร์เซ็นต์

ที่ไม่ปลอดภัยน่ะคือมือกล้องทั้งหลายต่างหาก ถ้ามีคนถ่ายไปลง ไม่ว่ารูปหรือคลิป แล้วแฟนคลับเห็นว่าสองคนนี้มาทริปเดียวกัน นึกภาพออกมั้ยว่ากระแสคู่จิ้นของทั้งคู่จะเป็นยังไง

“งั้นพี่ขอตัวก่อนนะ ยินดีที่ได้เที่ยวด้วยกันครับ”

“เช่นกันครับพี่สอง”

แต่มีพี่สองก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็ทำให้ร้อยเอกรู้ว่าอยู่เฉยๆ ไปวันๆ ไม่ได้แล้ว จงเป็นตัวจริงที่มีสิทธิ์หึงและหวงเมืองน้ำอย่างเต็มทีเสียที

เขาจะยืนประกบเมืองน้ำตลอดเวลา ดูซิว่าจะมีคนชงได้อีกมั้ย

“โอ๊ยย!”

“ร้อยเอก!”

แม่งเอ๊ย!

ไม่ได้ทำบาปทำกรรมอะไรไว้เลยนะ แต่ทำไมต้องเดินเหยียบเปลือกหอยจนล้มหน้าคะมำลงพื้นด้วยก็ไม่รู้

เจ็บชะมัด เลือดออกด้วย เป็นแผลไปอีก

ร้อยเอกจะบ้าตาย แทนที่จะมีแต่เรื่องดีๆ ดันซวยเพราะความซุ่มซ่ามของตัวเองจนได้

แล้วอย่างนี้จะได้ขอพี่เมืองเป็นแฟนวันไหนวะเนี่ยยยยย



(⺣◡⺣)♡*



วันนี้กลายเป็นวันพักผ่อนที่มีเรื่องร้อนใจเข้าจนได้

จู่ๆ เพื่อนก็โทรมาบอกว่าร้อยเอกโดนเปลือกหอยบาดเท้า ต้องปฐมพยาบาลโดยด่วนเพราะเลือดไหลไม่หยุด แพลนทุกอย่างถูกพับเก็บ แทนที่ด้วยความเป็นห่วง ร้อนใจ หลากหลายความรู้สึกที่เบียดเสียดอยู่ในอก

ร้อยเอกถูกพาตัวไปที่สถานีอนามัยของเกาะด้วยความช่วยเหลือจากสอง เพิ่งรู้ว่าสองอยู่ที่นี่ตอนเพื่อนโทรมาบอกนี่เอง เรื่องแรกที่คิดคือความรู้สึกของร้อยเอก เมืองน้ำกลัวเจ้าตัวจะไม่โอเคกับการมีสองอยู่ในทริป ทว่าผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามก็ทำให้รู้สึกโล่งใจ

ดูเป็นมิตรมากขึ้น แม้จะไม่เต็มร้อยแต่ก็ดีกว่าไม่โอเคขึ้นเลย

“อยู่กันสองคนได้แน่นะ”

“ได้ๆ ไม่เป็นไร”

“งั้นถ้าปาร์ตี้เริ่มแล้วจะโทรหา”

“โอเค ขอบคุณนะ เดี๋ยวขอตัวไปดูร้อยเอกก่อน”

เมืองน้ำถอนหายใจเบาๆ เมื่อเพื่อนสนิทเดินลงจากชานไม้หน้าห้องพักไปพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน

ทุกคนเป็นห่วงร้อยเอก พาน้องมาส่งแล้วก็ถามย้ำไปย้ำมาเพื่อให้มั่นใจว่านับจากนี้เมืองน้ำจะดูแลน้องเล็กของทริปได้จริงๆ

ดูแลได้สิ ทั้งอยากดูแล ทั้งอยากตีเด็กตัวสูงที่นั่งพักอยู่บนเตียงให้เนื้อเขียว ร้อยเอกบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ก็เพราะความไม่ระวังนั่นแหละ เลยทำให้เดินกะเผลกทุกฝีก้าวแบบนี้

“เจ็บมากมั้ย”

“มากกกกกครับ”

ลากเสียงยาวๆ แถมยังทำหน้าตาน่าสงสารใส่เมืองน้ำด้วย นี่ไง บอกแล้วว่าร้อยเอกน่าตีจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้อยากตีเพราะเจ้าตัวไม่ระวัง หรือมาจากความหมั่นไส้กันแน่

“ไหนดูซิ เจ็บตรงไหนบ้าง”

“ทุกที่เลย เข่าก็เจ็บ”

“เข่าเจ็บด้วยเหรอ” มองคนเด็กกว่าอย่างไม่เชื่อนัก แต่อีกคนก็พยักหน้ารับรัวๆ

เมืองน้ำระบายยิ้มกับการกระทำของคนที่นั่งเท้าแขนอยู่บนเตียง เดินไปดึงเก้าอี้มานั่งลงใกล้ๆ ตำแหน่งที่มองเห็นความสมบูรณ์แบบบนใบหน้าร้อยเอกได้ถนัด

“ขอพี่ดูหน่อย” ใช้สองมือยกขาแข็งแรงขึ้นมาวางบนตักนุ่ม ร่นชายกางเกงขายาวมากองไว้เหนือหัวเข่า “มีแผลจริงๆ ด้วย แต่หมอก็เช็ดแผลให้แล้วใช่มั้ย”

“ครับ แต่ก็ยังเจ็บอยู่อ่ะ”

“เดี๋ยวก็หาย พรุ่งนี้ก็น่าจะดีขึ้นแล้วล่ะ ร้อยเอกเก่งอยู่แล้ว แผลไม่อยู่กับร้อยนานหรอก”

เมืองน้ำทำเหมือนร้อยเอกเป็นเด็กสามขวบที่จะเชื่อคำปลอบโยนโดยไม่คิดอะไรซับซ้อน คนตัวเล็กดึงกางเกงให้กลับไปคลุมข้อเท้า ใช้มือน้อยๆ ยกขาของเขาวางลงที่เดิม ทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง ราวหวาดกลัวว่าเขาจะเจ็บไปมากกว่านี้

ไม่เจ็บหรอก มีเมืองน้ำดูแลแบบนี้ แม้คำปลอบโยนจะเป็นคำที่ใช้พูดกับเด็กตัวเล็ก ร้อยเอกก็จะยอมเป็นเด็กให้เมืองน้ำจนกว่าแผลจะหาย

ทีแรกก็โกรธตัวเองที่ทำเอาความโรแมนติกหนีหายไปจนหมด แต่พอคิดดูแล้ว เทียนหอมหน้าทีวี เตียงนอนนุ่มๆ ขนาดคิงไซส์ แสงไฟสีนวลตรงระเบียงหลังห้อง สิ่งเหล่านี้ก็สร้างบรรยากาศดีๆ ได้เหมือนกัน

“มานอนกอดร้อยหน่อยสิพี่เมือง”

คิดไว้แล้วว่าเมืองน้ำจะต้องแปลกใจกับคำขอของเขา มันดูเป็นคำขอที่ไร้ที่มาที่ไป เอ่ยขึ้นมาดื้อๆ แถมยังล้มตัวนอนรอเพื่อบังคับกลายๆ อีกต่างหาก

ถึงอย่างนั้นคนที่ดวงตาเต็มด้วยประกายสงสัยก็คว้ากล้องถ่ายรูป แล้วก้าวขึ้นมานอนหนุนแขนที่พาดเตียงรอศีรษะกลมอยู่

“อ้อนพี่อีกแล้วนะร้อย”

ไม่เอ่ยตอบ และไม่ปฏิเสธว่ากำลังอ้อนอยู่จริงๆ

“ต้องการอะไรครับ บอกพี่มาซิ”

นอกจากกลิ่นหอมอ่อนๆ บนผิวขาวเนียน ใบหน้าน่ารักที่ช้อนมองเขายังทำให้เขารู้สึกดีเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกว่ามีสเน่ห์เท่าเมืองน้ำเลย

“อยากอ้อนพี่เมืองเฉยๆ”

“แน่นะ”

“แน่สิครับ พี่เมืองมองผมเป็นคนยังไงเนี่ย”

“ไม่รู้สิ”

“พี่เมือง”

“อะไร พี่ยังพูดไม่จบเลย” ร้อยเอกทำให้เมืองน้ำวาดยิ้มอีกจนได้ ท่าทางเหมือนเด็กถูกขัดใจนั่นน่ะ ซื้อเก็บไว้ดูคนเดียวได้มั้ย ไม่อยากแบ่งให้คนอื่นเห็นร้อยเอกเวอร์ชั่นนี้ “จะบอกว่าไม่รู้สิ มองว่าร้อยเอกเป็นเด็กดื้อล่ะมั้ง”

“ผมดื้อตรงไหน”

“ทุกตรง”

“ไม่ขนาดนั้นซะหน่อย”

“แล้วใครที่เดินไม่ระวังจนได้แผล ใครล่ะที่ไม่ใช่ร้อยเอก”

“อันนี้มันอุบัติเหตุจริงๆ มัวแต่คิดอะไรนิดหน่อย ก็เลยไม่ทันมอง”

“หืม? คิดอะไรครับ ตอนแรกที่บอกพี่ ไม่ได้พูดว่าคิดอะไรอยู่นี่”

ร้อยเอกหยุดพูดทันที กลอกตามองไปรอบๆ ราวกับหาตัวช่วย และหยุดที่กล้องถ่ายรูป

“ดูรูปในกล้องดีกว่า ผมถ่ายมาเยอะเลยนะ พี่เมืองต้องชอบแน่ๆ”

“ไม่เอา อย่าเปลี่ยนเรื่อง”

“ผมเปลี่ยนเรื่องยังไง”

“เมื่อกี้บอกว่าคิดอะไรนิดหน่อย”

“มันไม่สำคัญ”

“ไม่สำคัญทำไมทำร้อยไม่มีสติจนถึงขั้นเหยียบเปลือกหอยได้ล่ะ”

นอกจากเป็นเน็ตไอดอล เป็นนักศึกษาเตรียมฝึกงาน เป็นฟรีแลนซ์รับตัดต่อวิดีโอ เป็นว่าที่นักแสดง เพิ่งรู้ว่าเมืองน้ำยังเป็นนักสืบสวนเพิ่มอีกหนึ่งบทบาท

“บอกพี่มาเลยนะ พี่อยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้ร้อยเอกของพี่ไม่มีสติขนาดนี้ ห้ามถามกลับด้วยว่าไม่บอกได้มั้ยครับ เพราะพี่จะบอกว่าไม่ได้”

มาเป็นชุด

ตอนได้ยินคำว่า ‘ร้อยเอกของพี่’ ความคิดที่จะปฏิเสธก็ถูกทำลายเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น แปลว่าเขาไม่มีความคิดที่จะถามกลับตามที่อีกคนพูดมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

“ห้ามหัวเราะร้อยนะ”

“ทำไมอ่ะ เป็นเรื่องตลกเหรอ”

“เหอะน่า ห้ามหัวเราะ”

“ก็ได้ๆ ไม่หัวเราะก็ได้” เมืองน้ำวางกล้องถ่ายรูปไว้เหนือศีรษะ ดึงมือกลับมาวางไว้ตรงหน้าอกแล้วเอ่ยบอกซ้ำสอง “เล่ามาเร็ว พี่พร้อมแล้ว”

“หงุดหงิดเรื่องพี่สอง”

“...”

“พี่สองไม่ได้ทำอะไรให้นะ ดีกับผมมากเลยแหละ แค่ตกใจว่าทำไมถึงมาเที่ยวด้วยกันได้”

“พี่ก็เพิ่งรู้ว่าสองมาด้วย รู้ตอนเพื่อนโทรบอกว่าสองพาร้อยไปอนามัย”

“นั่นแหละ แค่คิดว่าถ้าเพื่อนพี่เมืองถ่ายรูปไปโพสต์ในไอจี พอคนเห็นว่าอยู่ในงานเดียวกันก็จะมีกระแสเกิดขึ้นอีก มันหงุดหงิดนะ ทั้งที่พี่เมืองเป็นของผม แต่คนอื่นดันจับคู่ให้พี่เมืองกับคนอื่น”

“วงการบันเทิงก็แบบนี้แหละร้อย”

“ก็ใช่ไง เพราะวงการบันเทิงเป็นแบบนี้ เลยน่าหงุดหงิด ผมคิดว่าตัวเองอยู่เฉยๆ ไม่ได้แล้ว ต้องประกบพี่เมืองตลอดทริป คนจะได้เอาไปมโนไม่ได้ ขำอะไรอ่ะ บอกว่าอย่าขำไง”

พยายามแล้วนะ เมืองน้ำกลั้นขำอย่างเต็มที่แล้ว แต่เรื่องที่ร้อยเอกเล่ามา ไม่ขำด้วยความเอ็นดูไม่ได้จริงๆ

นึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็เพราะหึงหวงเมืองน้ำนี่เอง

“คราวหน้าต้องระวังนะรู้มั้ย พี่ไม่อยากให้เจ็บตัวอีก”

“รู้แล้วน่า”

“รู้แล้วก็ต้องทำตามด้วย เข้าใจมั้ยครับ”

“เข้าใจแล้วครับคุณ”

“ว่าแต่มีแค่นี้เหรอ”

“ครับ?”

“เรื่องที่ร้อยคิดไง มีแค่นี้ใช่มั้ย”

ที่จริง...ก็ไม่ใช่เท่าไหร่ ตรงอยู่เฉยไม่ได้ ไม่ได้หมายถึงแค่มาตามประกบเมืองน้ำ ยังรวมไปถึงเรื่องขอเป็นแฟน แต่พอถึงเวลาจริงๆ...

“พี่นึกว่าจะมีเรื่องสิงหาด้วย”

ใจปลาซิวจริงๆ เลยเว้ย

“นึกว่าร้อยยังคิดเรื่องสิงหาอยู่ แต่ก็ดีแล้วนะที่ไม่คิด เรื่องของสองก็ไม่ต้องคิดเหมือนกัน มันไม่มีอะไรเลย พี่กับสองเป็นแค่เพื่อนกัน และมันก็จะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ”

“จะไม่เปลี่ยนใจจากผมใช่มั้ย”

“ทำไมถึงคิดว่าพี่จะเปลี่ยนใจล่ะ”

“ก็...คนโสด แบบว่ายังโสด มีสิทธิ์คบใครก็ได้ เปลี่ยนใจได้ตลอดเวลา”

เมืองน้ำขมวดคิ้วยุ่ง

“แต่เราคุยกันมาตั้งเป็นเดือนแล้วนะ เดือนกว่าแล้วเนี่ยร้อย พี่ว่าพี่ก็ไม่ได้โสดสนิทอะไรขนาดนั้น งอแงอะไรเนี่ย”

“ผมงอแงอะไรเล่า”

“นี่แหละเรียกว่างอแง”

ทะเลาะกันจนได้

ไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กตัวโต สูงกว่าตัวเองตั้งเกือบยี่สิบเซนติเมตรจะใจเล็กจิ๋วขนาดนี้ เรื่องอื่นไม่เป็นหรอกนะ เป็นอยู่แค่เรื่องเดียว

เรื่องของเมืองน้ำเอง

“ร้อยรู้มั้ยว่าทำไมพี่กับสิงหาถึงไปด้วยกันไม่ได้”

“ทำไมครับ”

“ที่จริง...ไม่ใช่แค่รู้สึกอึดอัด เลยเลิกคุยกัน เหตุผลหลักมันอยู่ตรงที่ไม่เคยรู้สึกพิเศษกับสิงหา พี่คิดว่าเพราะพี่ชอบคนอื่น”

“...”

“คนอื่นที่หมายถึง...ร้อยเอก”

คนฟังดูตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เมืองน้ำเลยให้เวลาร้อยเอกทบทวนหลายสิ่งหลายอย่างที่คงปรากฏขึ้นในความคิด

“แต่พี่รู้ตัวว่าชอบร้อยตอนโดนร้อยว่าเยอะๆ ปกติไม่รู้สึกอะไรเลยตอนที่เราทะเลาะกันรอบนั้น รอบที่พี่โกรธร้อย ไม่คุยกับร้อยนานๆ”

“งั้นแปลว่าตอนที่พี่ผมว่าพี่เมือง พี่เมืองก็ยังชอบผมเหรอ”

“อื้อ” พยักหน้ารับช้าๆ “ถ้าเมื่อก่อนคงตอบไม่ได้ แต่ตอนนี้...แม้แต่ตอนโดนว่าก็ยังชอบ”

และแล้วบทสนทนาที่ควรดำเนินไปเรื่อยๆ ก็หยุดกลางคัน

เมื่อก่อนเราเถียงกันด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ตามประสาคู่กัดบ่อยมากก็จริง ทุกวันนี้ก็ยังเป็น เรื่องที่เถียงกันอยู่ตลอดเป็นเรื่องที่ไม่จริงจังอะไร แค่ตอนนั้น ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเมืองน้ำ มันเต็มไปด้วยอคติ มักจะมีความคิดแย่ๆ และคำพูดร้ายๆ พ่นใส่อีกคนอยู่เสมอ

สารภาพตามตรงว่าร้อยเอกกำลังรู้สึกผิด

“ร้อยเอก...”

“ขอโทษนะครับ”

“ขอโทษเรื่องอะไรครับ”

“ทุกเรื่อง”

“พี่งงนะร้อย”

“ทุกเรื่องที่เคยทำไม่ดีใส่พี่เมือง”

ไม่แค่พูดเปล่า แขนแกร่งยังรวบเอวเล็กเข้ามาแนบชิด ระยะห่างที่ลดน้อยลงอย่างรวดเร็วทำเอาคนผิวขาวไปต่อไม่ถูก ทั้งตกใจ งุนงง และใจเต้นแรงในเวลาเดียวกัน

ร้อยเอกวางจมูกบนแก้มนิ่ม ทำเหมือนที่เมืองน้ำเคยทำกับเขาเวลารู้สึกไม่ดี สูดดมความหอมแล้วปล่อยลมหายใจเอื่อยๆ รดผิวเนียนสวย

“ร้อย...”

เมืองน้ำขนลุกซู่ ดันแผ่นอกกว้างเบาๆ ด้วยมือทั้งสองข้าง ทว่าไม่เป็นผล ร้อยเอกยังหอมแก้มตนอยู่แบบนั้น เลยปล่อยให้ทำตามใจจนกว่าจะพอ

“ถ้าไม่อยากรู้สึกผิดก็ดูแลพี่เป็นการไถ่โทษดีมั้ย”

“ดีครับ จะดูแลตลอดชีวิตเลย”

“ถ้างั้นหยุดก่อนนะ”

แต่ดูเหมือนคนตัวสูงจะไม่พอใจสักที เมืองน้ำเลยต้องเอ่ยปากขอจนได้ มีเสียงหัวเราะดังคลอหน่อยๆ ตอนที่อีกคนผละศีรษะออกห่าง ร้อยเอกกอดเมืองน้ำไว้ไม่ปล่อย ยกนิ้วขึ้นเกลี่ยปอยผมที่ไหลลงมาบังผิวแก้มสีระเรื่อ

“กับสิงหา เคยให้มันทำแบบที่ผมทำมั้ย”

“ทำ...หมายถึงทำแบบไหน”

“กอด หอมแก้ม จูบ มากกว่าจูบ แต่ไม่ถึงขั้นนั้น”

ขั้นนั้นที่ร้อยเอกพูดถึง คือขั้นที่ต้องติดเรทสิบแปดบวก

จะว่าไป...เขาก็ยังไม่เคยไปถึงขั้นนั้นกับเมืองน้ำเลยสักครั้ง ทั้งที่ไม่ใช่คนไร้เดียงสาในเรื่องนี้ แต่พอคิดว่ามันจะถึงเวลาเหมาะสมหรือมีสิทธิ์ทำได้หรือยัง ก็ไม่เคยทำจนถึงจุดนั้นสักที

“เคยให้กอด จูบก็เคย แต่ครั้งเดียว ส่วนอย่างอื่น...ไม่เคย“

“ดีใจจังครับ”

“ยิ้มกว้างมาก หมั่นไส้อ่ะ”

“หมั่นไส้ผมทำไมเล่า”

“ก็ร้อยทำตัวน่าหมั่นไส้จริงๆ”

โดนปรักปรำซะงั้น ดีใจก็ผิดรึไงเนี่ย

เมืองน้ำเคยมีแฟนมาก่อน แน่นอนว่าประสบการณ์ตรงนี้ย่อมมีอยู่แล้ว แต่เขาไม่สนใจหรอก เลิกกันแล้วก็แล้วกันไป แค่อยากยืนยันว่าขณะที่อีกคนมีเขาอยู่ในใจ จะไม่ยอมให้คนอื่นมาทำในสิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิด

“สบายใจแล้วเนอะ”

“ครับผม สบายใจแล้ว”

“ถ้างั้นนอนพักก่อนนะ อีกสักพักเพื่อนพี่คงโทรมาตามแล้วล่ะ”

“ไม่อยากออกไปปาร์ตี้เลย กลัวคนถ่ายรูปพี่เมืองกับพี่สองไปลง”

“ต้องมีคนถ่ายอยู่แล้วแหละร้อย แต่พี่ก็อยู่กับร้อยตลอดนะ วันนี้พี่มากับร้อยนี่ ใครจะคิดยังไงก็ช่างเขาสิ”

“เห้อ”

“ถอนหายใจทำไม”

“พี่เมืองน่ารักจนเหนื่อย”

เดี๋ยวก่อนนะ อย่างนี้ก็ได้เหรอพ่อคุณ

ร้อยเอกกระชับอ้อมกอด โอบคนตัวเล็กเข้าหาอีกครั้ง ทาบริมฝีปากบนเนื้อหยุ่นนุ่มโดยที่เมืองน้ำไม่ทันตั้งตัว เปลือกตาสีอ่อนค่อยๆ ปิดลงเมื่อตั้งสติได้ เผยอเรียวปากเพื่อเปิดทางให้ลิ้นร้อนได้แทรกเข้ามา

จูบของร้อยเอกเป็นจูบที่ดีเสมอ จูบที่ทำให้เมืองน้ำรู้สึกว่าตัวเองยืนอยู่กึ่งกลางระหว่างฤดูร้อนและฤดูหนาว

ไม่เย็นเกินไป ไม่ร้อนจนเกินทน ความอบอุ่นที่ได้รับสามารถหลอมละลายอะไรก็ตามในตอนนี้ได้

ช่างวิเศษ

จะพูดอีกครั้งว่าเมืองน้ำโชคดีเหลือเกินที่มีคนคนนี้อยู่ในชีวิต

โชคดีมากจริงๆ



(⺣◡⺣)♡*



มีต่อ

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ต่อ



.

ร้อยเอกลืมเรื่องที่จะเปิดดูรูปในกล้องกับเมืองน้ำไปสนิท แต่ถึงจะพลาดเรื่องนี้ ก็ยังมีเรื่องดีเรื่องอื่นเกิดขึ้น ได้พูดคุย ได้รู้ว่าเมืองน้ำชอบเขาตั้งแต่ตอนไหน ทั้งยังได้ลิ้มรสหวานๆ จากริมฝีปากจิ้มลิ้ม มองให้เป็นข้อดีก็ถือว่าไม่เสียเปล่า

เมืองน้ำขอร้องไม่ให้ทำรอยที่คอ ตอนที่เขาผละจูบ ลดใบหน้าลงต่ำ ไล่ปลายจมูกไปกับผิวขาวเนียน และหยุดที่ลำคอ ที่จริง...ไม่จำเป็นต้องขอก็ได้ ร้อยเอกตั้งใจไม่ทำตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพื่อนเมืองน้ำโทรมาตามได้ตรงจังหวะพอดี เราทั้งคู่ก็เลยหยุดแค่นั้น

งานปาร์ตี้จัดขึ้นในบาร์เล็กๆ ของรีสอร์ท ร้านไม่ใหญ่มาก ทำให้มีนักท่องเที่ยวคนอื่นอยู่ในร้านด้วย บทสนทนาตามประสาเพื่อนรุ่นเดียวกันดำเนินไปพร้อมบทเพลงไพเราะที่ร้านคัดมาเปิด มีอาหาร เครื่องดื่มนานาชนิดยกมาเสิร์ฟตลอดงาน แต่ที่ชอบที่สุดคือเก้าอี้ชายหาดริมทะเลที่เป็นมุมพักผ่อนของร้าน

“อย่าเมานะพี่เมือง”

ร้อยเอกบอกคนตัวเล็กที่กำลังจิบเหล้าในแก้วอยางอารมณ์ดี เมืองน้ำพยายามดื่มทีละน้อยเพราะไม่อยากให้ถึงลิมิตที่ตัวเองรับไหวเร็วเกินไป แต่เห็นคนที่ดื่มเอาๆ มาสั่งห้ามไม่ให้เมาแล้วเกิดอาการอยากแกล้ง

“พี่เมาไม่ได้เหรอ อยากเมาอ่ะ อยากขี่หลังร้อยอีก” ...เลยยั่วโมโหเข้าหน่อย

“ห้ามเมา”

เสียงเขียวปั๊ดอย่างที่คิด

“รู้แล้วน่าๆ ทำเป็นดุไปได้ พี่ไม่เมาหรอก นี่เพิ่งแก้วที่สาม อีกตั้งเจ็ดแก้วแน่ะ กว่าจะเมา”

“รู้แล้วยั่วผมทำไม”

“ก็ร้อยเอกน่าแกล้งอ่ะ”

ไม่โดนบีบจมูกที่แดงอยู่แล้วให้แดงมากกว่าเดิม สงสัยคืนนี้เมืองน้ำจะนอนไม่หลับแน่ๆ

“ไปนั่งเล่นที่เก้าอี้ชายหาดกันมั้ย คนไม่มีเลย พี่อยากไปรับลม”

“ไปสิครับ ผมอยากไปอยู่พอดี”

ร้อยเอกค่อยๆ ลุกขึ้นยืนด้วยขาข้างที่ไม่เจ็บ หยิบขวดแอลกอฮอล์ที่เมืองน้ำอยากดื่มเข้าไว้ในมือ ขณะที่อีกคนประคองเขาที่เดินกะเผลกออกไปด้านนอก

คนตัวสูงลดกายนั่งบนเก้าอี้ชายหาดที่วางเรียงรายเป็นคู่ สายลมเอื่อยเฉื่อย เสียงคลื่นทะเล กับดวงจันทร์บนท้องฟ้า เข้าใจแล้วว่าทำไมคู่รักถึงชอบมาเที่ยวทะเลด้วยกันนัก พ่อและแม่ของเขาก็เคยไปฮันนีมูนที่ทะเลด้วยกัน ร้อยเอกเห็นจากอัลบั้มรูปสมัยพวกท่านยังเป็นหนุ่มสาว

“พี่ชอบเหล้ายี่ห้อนี้ มันหวาน”

เสียงนุ่มนวลของเมืองน้ำดึงความสนใจจากเขาได้ดี คนตัวเล็กอยู่บนเก้าอี้ชายหาดตัวถัดไป หันตัวมาทางเขา มีโต๊ะตัวเล็กคั่นกลางระหว่างเราไว้ ใช้วางแก้วทรงสูง และขวดแอลกอฮอล์ที่อีกคนถืออยู่

เมืองน้ำรินเหล้าใส่แก้วทั้งสองใบ ยกมันยื่นให้เขารับไว้แก้วหนึ่ง

“เหล้าหวานด้วยเหรอพี่เมือง ผมดื่มแต่รสขมๆ”

“หวานสิ แต่ไม่มาก มีความหวานนิดเดียว ตรงนี้แหละที่ชอบ ไม่เชื่อร้อยลองดื่มดู”

ไม่ใช่ไม่เชื่อ แค่ชอบดื่มเหล้าที่มีรสขมมากกว่ารสหวานเท่านั้น ร้อยเอกทำตามที่เมืองน้ำบอก ของเหลวในแก้วค่อยๆ ปรากฏรสชาติบนเรียวลิ้น

ตามที่เมืองน้ำพูดเลย หวานจริงๆ ด้วยแฮะ

“อร่อยมั้ย”

“อร่อยครับ แต่ยี่ห้อไหนก็อร่อยทั้งนั้นแหละ”

“…?”

“ถ้าพี่เมืองรินให้”

“ไอ้เว่อร์”

ร้อยเอกยิ้มขำกับคนที่เขินจนแก้มขึ้นสี โดนด่าแล้วเขาชื่นใจจริงๆ คำที่พูดออกมาด้วยท่าทางน่ารักๆ แบบนั้น เต็มไปด้วยพลังงานดีๆ

พลังงานที่ทำให้หัวใจของเขาสูบฉีด

“พี่ลืมเอากล้องมาด้วย อดดูรูปในกล้องร้อยเลยอ่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ นี่ไง ไม่ต้องดูรูปในกล้อง ดูฟ้าด้วยกันก็ได้ สวยดีเนอะ”

“ใช่ สวยจริงๆ เอ้อนี่ ช่วงนี้พี่สงสัยอะไรอยู่อย่างนึงล่ะ”

“อะไรครับ” ร้อยเอกกลืนแอลกอฮอล์รสอร่อยลงคอ วางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะคั่นกลาง ขณะที่คนตัวเล็กลุกมานั่งข้างเขา “เล่าให้ร้อยฟังหน่อย”

“พี่สงสัย...ว่าคนเราจะหมดรักกันตอนแก่ทุกคู่เลยหรือเปล่า”

“ทำไมพี่เมืองสงสัยเรื่องนี้ครับ”

คิ้วเข้มขยับเข้าหากัน ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ตั้งแต่จบปัญหาครอบครัว เมืองน้ำก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เติบโต และมองโลกในแง่ดี ร้อยเอกไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่ถามเป็นเรื่องไม่ดีนะ แค่ไม่คิดว่าเมืองน้ำจะข้องใจกับอะไรทำนองนี้

“ไม่รู้สิ พี่กลัวมั้ง...”

“…”

“กลัวว่าเราจะเป็นเหมือนพ่อกับแม่”

เป็นความสงสัยที่ได้คำตอบอย่างรวดเร็ว ร้อยเอกเงียบเสียงไปครู่หนึ่ง ไม่ถึงนาทีก็ยกเรียวแขนขึ้นโอบไหล่แคบเข้ามาแนบชิด

“ไม่เห็นต้องกลัวเลยพี่เมือง”

“ก็มันกลัวนี่”

“พี่เมืองเคยได้ยินประโยคนี้มั้ย อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”

“เคย…”

“นั่นแหละ เหมือนที่เราไม่เคยคิดว่าจะชอบกัน ก็ดันชอบกันได้”

เมืองน้ำหันมองคนตัวสูง แววตาเห็นด้วยจากคนตัวนุ่มทำให้คนมองโล่งใจได้เปราะหนึ่ง ร้อยเอกลดสายตามองมือเล็กๆ ที่กำลังใช้ปลายนิ้วลูบวนทั่วปากแก้ว

การกระทำแบบนี้ แปลว่ายังกังวล

อย่างนี้ต้องทำให้เลิกกังวลสักหน่อย

“ผมไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นหรอกครับ”

“…”

“ตอนนี้ไม่มีลดลงเลยนะ มีแต่เพิ่มขึ้น ร้อยเอกชอบพี่เมืองเพิ่มขึ้นทู้กกกวัน”

ให้ตาย...ร้อยเอกทำตัวน่าหมั่นไส้ใส่เมืองน้ำอีกแล้ว ไม่ใช่แค่พูด หรือโอบไว้ แต่ยังกอดแล้วเขย่าตัวเหมือนโอ๋เด็กตัวน้อยอีกด้วย

น่ารักเนอะ น่ารักจนกลั้นยิ้มไม่ได้เลย

“พี่มีอะไรจะบอกร้อยด้วยนะ”

“ครับ อะไรเหรอ”

“เอาโทรศัพท์ร้อยมาสิ”

“ครับ?”

“เปิดอ่านในเพจ ดูคอมเมนต์ในโพสต์ล่าสุดของพี่”

“พี่เมืองไปเมนต์ไว้เหรอ”

“อื้อ แต่ใช้เฟซอื่นนะ ร้อยไล่หาเอาเลย”

“แล้วผมจะหาเจอได้ไงเนี่ย คนเมนต์ทีเป็นร้อยเป็นพัน”

“เจอสิ ยังไงก็เจอ”

จะไม่เจอได้ไง ก็ตอนที่เข้าไปเช็กล่าสุด มีคนกดไลค์ไปตั้งเยอะ

ช่วงก่อนสอบเสร็จ เมืองน้ำมีความคิดที่จะทำอะไรบางอย่าง คิดนั่นคิดนี่ วาดภาพไว้หลายเส้นทาง ค่อยๆ เลือกว่าทางไหนจะเป็นไปได้มากที่สุด สุดท้ายก็ออกมาเป็นวิธีนี้

ไม่มีใครเข้าใจหรอกว่าเมืองน้ำหมายถึงอะไร ร้อยเอกเองด้วย แต่ถ้ากดเข้าไปอ่านคอมเมนต์ใต้โพสต์ล่าสุดในแฟนเพจ โพสต์ที่พูดถึงเรื่องที่คาดไม่ถึง เลือกให้เฟซบุ๊กแสดงผลความคิดเห็นยอดนิยม แล้วไล่ลงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอบัญชีที่ใช้ชื่อโปรไฟล์แปลกๆ

“ถึงคู่กัดที่ไม่คาดฝันว่าจะรักคุณ...”

ใช่ อันนี้แหละ บัญชีที่เมืองน้ำสมัครไว้

“ร้อยลองอ่านดูสิ”

ขอให้ฟีดแบ็กจากร้อยเอกออกมาดีด้วยเถอะนะ



ถึงคู่กัดที่ไม่คาดฝันว่าจะรักคุณ
1 วันที่แล้ว, แสดงความรู้สึก 1,246 คน

’อะไรที่คาดไม่ถึงเหรอเมืองน้ำ ถึงกับต้องสมัครเฟซใหม่มาเมนต์เลย

อืม...อะไรดีล่ะ ที่จริงช่วงหลายเดือนมานี้ มีเรื่องที่เราไม่คิดว่าจะเกิดหลายเรื่องเลยล่ะ

หนึ่งคือเรื่องครอบครัว อยู่ๆ เราก็พบว่าพ่อแม่หมดรักกันนานแล้ว

ที่ผ่านมา พวกท่านแกล้งดีต่อกันเพื่อให้เราสบายใจ

เราคิดว่าเราโตแล้วนะ แต่เอาเข้าจริง พอเจอเรื่องนี้เราไปไม่เป็นเลย

เราโคตรเด็กน้อย

เราทำใจไม่ได้ที่พ่อแม่ต้องเลิกกัน คิดว่าตัวเองจะเป็นตัวเชื่อมให้พ่อแม่กลับมาคืนดี

แต่ไม่สำเร็จ พ่อมีแฟนใหม่ แถมยังบังคับให้เราเลือกอยู่กับพ่อ บังคับโดยการทำให้เรากับแม่ลำบาก

เราคิดว่าโลกนี้แย่มาก มืดบอดไปหมด แต่ก็ต้องเก็บซ่อนทุกอย่างไว้

ต่อหน้าทุกคน เราเป็นคนเข้มแข็งคนหนึ่ง ใช่ เราเคยเข้มแข็ง เราไม่ชอบน้ำตา เกลียดความเสียใจทุกชนิด แต่เราก็หลีกเลี่ยงความเสียใจไม่ได้เลย

มันมีนะ บางมุมที่เราคิดว่าผ่านไปไม่ได้ มันยาก เราไม่เคยเจอคำว่า ‘ปัญหา’ ในครอบครัว

ชีวิตเรานี่โคตรเพอร์เฟกต์เลยอ่ะ มีแต่คนชื่นชม ทำอะไรก็ดีไปหมด จู่ๆ จะมาดิ่งลงเหวได้ไง มันไม่ใช่

แต่จริงๆ แล้ว เราเป็นคนธรรมดา และทุกๆ คนก็ต้องเจอปัญหาเหมือนกันทั้งนั้น

จู่ๆ ฟ้าก็ส่งใครไม่รู้มาในชีวิต

อืม...ไม่เรียกว่าจู่ๆ หรอกมั้ง เรากับเขารู้จักกันมานานมากแล้ว สามปีแน่ะ รวมตอนนี้ด้วยก็เกือบสี่

เขาอายุน้อยกว่าเราหนึ่งปี เป็นเด็กผู้ชาย ตัวสูงมาก หน้าตาดี ชอบเล่นเกม เรียนเก่ง รักต้นไม้ รักธรรมชาติ แต่ปากโคตรจัด เหมือนเลี้ยงหมาไว้ในปาก

คนคนนี้แม่งธรรมดากว่าเราอีกอ่ะ ใช้ชีวิตง่ายๆ ไม่ต้องแคร์สายตาใคร

ไม่เหมือนเรา ที่ต้องแคร์ภาพลักษณ์เสมอ

เขาเรียกเราว่ามารร้าย เพราะเวลาเราอยู่กับเขา พวกเราเถียงกันตลอด ใครๆ ก็รู้ว่าเราไม่ถูกกัน

เราไม่เคยคิดอะไรกับเขาเลย เวลาโดนด่า เรารู้สึกเฉยๆ ตอบโต้ตลอดด้วยซ้ำ

อยู่มาวันนึง ความรู้สึกของเราเปลี่ยนไป เรารู้สึกเจ็บมากเวลาโดนว่า เราไม่อยากให้เขาเกลียดเรา ไม่ชอบเลย เวลาเขาหน้าหงิกใส่ เวลาเขาไล่ให้เราไปไกลๆ

เราค้นพบว่าหัวใจเรามีเขาตั้งนานแล้ว

เขาเป็นผู้ชายปากร้ายก็จริง แต่ใจดีมาก ความธรรมดาที่เขามี คือความพิเศษสำหรับเรา

เขาเป็นคนที่มีความสุขกับเรื่องง่ายๆ ในชีวิต อย่างเช่นการคุยกับต้นไม้ แม้ต้นไม้จะไม่เคยตอบ

เขาชอบเล่นเกม พอเล่นไม่ผ่าน พอหัวร้อน ก็ซื้อไอเท็มเด็ดๆ มาเล่นใหม่จนกว่าจะชนะ

เขาพาเราไปบ้านปู่ สภาพแวดล้อมที่สงบสุข ห่างไกลความเจริญ สถานที่ที่เราไม่เคยคิดจะไป แต่เมื่อไปแล้ว เรากลับชอบที่นั่นพอๆ กับกรุงเทพฯ

เขาไม่เชื่อเรื่องความพยายามที่คนชอบพูดกันว่ามันไม่เคยทำร้ายใคร เพราะเขาเคยถูกความพยายามทำร้ายมา แต่เขาเชื่อว่าถ้าพยายามจนสุดความสามารถแล้ว ไม่ว่าผลจะออกมายังไง เราอาจเสียใจ แต่เราจะไม่มีวันเสียดาย

วันที่เราไม่รู้ว่าเราจะพยายามให้พ่อแม่กลับมาคืนดีกันไปทำไม คำพูดของเขาเหมือนอะไรสักอย่างที่ผลักให้เราเดินไปข้างหน้า จากที่หยุดนิ่ง หรืออยากถอยกลับ เราก็จบปัญหาได้ด้วยการตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

เราเสียใจกับผลลัพธ์จริงๆ แต่เราไม่รู้สึกเสียดาย

เราเปลี่ยนให้โลกเป็นอย่างที่ต้องการไม่ได้ แต่เรายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้

แล้วทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี จะยาก จะง่าย แต่สุดท้ายมันจะผ่านไป

เขาทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องง่าย ง่ายในแบบที่ตัวเราเองไม่เคยมอง

นี่คือสิ่งดีๆ ที่เขามอบให้เรา


คงเรียกว่าสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับเราล่ะมั้ง


เรา...โคตรแพ้

แพ้ในสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะแพ้ได้

แพ้ทุกอย่างที่เป็นเขา


เอาจริงๆ นะ สเป็คของเราไม่ใช่คนแบบเขาเลยสักนิด ตลอดเวลาที่รู้จักกัน เราถึงไม่เคยมองเขามากกว่าน้องข้างบ้าน

แต่วันดีคืนดีก็มารู้สึก มาชอบ มารัก เขาก็พังสเป็คที่เราตั้งไว้หมดเลย

รู้ตัวอีกที คนคนนี้ก็กลายเป็นคนในใจของเราซะแล้ว เป็นอะไรที่ตลกดี


ความสัมพันธ์ของเรากับเขาพัฒนามาไกลมากในระยะเวลาไม่กี่เดือน

ไกลขนาดที่ว่าเพื่อนสนิทของเขาแอบมาถามเราว่าเขาขอเราเป็นแฟนหรือยัง


ไม่รู้สิ หลายๆ ครั้งเขาก็เหมือนจะขอ สุดท้ายก็ไม่พูดออกมาสักที อาจจะเขิน หรือยังไม่อยากขอก็ได้

อ้อ ไม่กี่วันก่อน เพื่อนสนิทคนเดิมบอกเราว่าเขากลัวว่าเราจะปฏิเสธ กลัวเราบอกว่าเร็วเกินไป


ทำไมเขาถึงกลัวล่ะ ไหนบอกจะเต็มที่กับทุกอย่าง ไหนจะเชื่อว่าเราจะไม่ใจร้ายกับเขา

ป๊อดอะไรขนาดนี้คุณ ป๊อดนานขนาดนี้ ไม่กลัวเราเปลี่ยนใจหรือไง


ถ้ามาอ่านก็ขอให้รู้ไว้ด้วยว่ารีบๆ จบทุกสถานนะ และขอเราเป็นแฟนได้แล้ว


รออยู่นะ

คุณคู่กัดเสินเจิ้นของเรา’




สองบรรทัดสุดท้ายทำให้คอมเมนต์นิรนามของเมืองน้ำกลายเป็นความเห็นยอดนิยมภายในวันเดียว มั่นใจว่าร้อยเอกไม่ได้เข้าไปเช็กหรือตามอ่านอะไรในเพจในช่วงนี้ ไม่อย่างนั้นคงเห็นตั้งแต่มันเด้งขึ้นท็อปแล้ว

เกิดความเงียบตั้งแต่คนตัวสูงหาคอมเมนต์เจอ กระทั่งตอนนี้ที่อ่านจบจนหน้าจอดับมืดไปแล้ว ตาคู่คมก็ยังจ้องที่มือของตัวเอง

จับมือร้อยเอก แล้วก็ดึงโทรศัพท์ออกมาดีมั้ย

“ผมไม่ใช่สเป็คพี่เมืองจริงๆ เหรอ”

ไม่ดีกว่า...

“จริง ก็เหมือนที่พี่ไม่ใช่สเป็คร้อยเอกไง”

“ก็ใช่”

เมืองน้ำยังจำได้อยู่เลย สเป็คร้อยเอกคือคนเรียบร้อย ผ้าพับไว้นั่นแหละคือคำจำกัดความ จริงๆ เมืองน้ำตรงข้ามกับคำนั้นนะ ตรงข้ามสุดๆ เลยล่ะ

แต่ก็...

“เป็นแฟนกันนะ”

“…”

“คบกับร้อยนะพี่เมือง”

ขอบคุณที่ตัวเองได้เป็นคนในใจร้อยเอกตอนนี้

“ไม่ป๊อดแล้วเหรอ”

“ก็รออยู่ไม่ใช่เหรอครับ”

จริงด้วย...

“คำตอบของพี่อยู่ในประโยคที่ร้อยพูดไปแล้ว”

“ครับ?”

“เรื่องรักหมดอายุนั่นไง”

ที่ร้อยเอกบอกว่าจะไม่ยอมให้เขากับเมืองน้ำเป็นแบบนั้น หมายถึงไม่ยอมให้รักหมดอายุไปจากเราน่ะเหรอ

เขาไม่รู้เลยว่าคนรอบข้างเชียร์ให้คบกันขนาดนั้น มาวินถึงขั้นไปถามพี่เมืองตรงๆ ว่าเขาขอเป็นแฟนรึยัง ขณะที่เขาเอาแต่คิดว่าจะขอยังไง ยังไม่ถึงเวลา และกลัวคำตอบ

ทั้งที่อีกฝ่ายมีคำตอบให้อยู่แล้ว


“พูดให้ฟังอีกรอบนึงสิ”
“เอาแบบเดิมเลยเหรอ”
“ไม่ต้องเหมือนมากก็ได้ แค่ใจความเดิมก็พอ”


ถ้าจะเอาเหมือนเดิมก็ต้องดึงเมืองน้ำมากอดเป็นอันดับแรก


“ร้อยเอกชอบพี่เมืองมากขึ้นทู้กกกกวัน”


เลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้


“เป็นแฟนกับร้อยนะครับ ร้อยจะไม่ยอมให้รักเราหมดอายุเลย”
วางริมฝีปากข้างใบหูนิ่มที่แดงจากความเขินอาย
“ว่าไงพี่เมือง จะเป็นแฟนร้อยมั้ย”
“เป็น...”


กดจูบเข้าอีกหน่อย ให้สีแดงบนหูกระจายสู่พวงแก้ม


“พี่เป็นแฟนร้อยแล้วครับ”
“น่ารักเนอะ”
“น่ารักก็รักพี่เยอะๆ สิ”


แล้วก็เปลี่ยนมาจูบแก้มนุ่มเป็นการตบท้าย


“ก็เนี่ย พี่เมืองเป็นแบบนี้ตลอด น่ารักตลอดเลย”
“น่ารักแล้วทำไมไม่ขอพี่เป็นแฟนตั้งนานแล้ว”
“ล้อเหรอ คนล้อต้องโดนลงโทษนะรู้ป้ะ”
“อะ...อะไรร้อยเอก หยุด ไม่งั้นพี่วิ่งหนีนะ”
“ได้ไง พี่เมืองวิ่งหนีร้อยก็วิ่งตามไม่ได้ดิ ร้อยยังไม่หายเจ็บแผลเลยนะ”
“ไม่รู้ไม่ชี้ ซุ่มซ่ามเองก็ช่วยไม่ได้”


แสบนักนะเมืองน้ำ ทำหน้าตาชวนฟัดอีกแล้ว รอหายเจ็บก่อนเถอะ หนีไม่รอดแน่


แต่ที่เมืองน้ำบอกเขา ก็ใช่เลย รู้แบบนี้ร้อยเอกขอเมืองน้ำเป็นแฟนนานแล้ว
ก็อย่างว่าแหละ ถ้าเก่งเรื่องคนคนนี้ทุกเรื่อง
เมืองน้ำจะเป็นข้อยกเว้นข้อเดียวของเขาเหรอ


หัวใจมันขีดเส้นไว้แล้ว
ร้อยเอกจะเก่งกับใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่คนนี้


นับจากนี้ไป เมืองน้ำจะหมดความรู้สึกกับใครก็ได้ แต่คนคนนั้นต้องไม่ใช่เขา
เตรียมชอบร้อยเอกมากขึ้นทุกวันได้เลย


คุณคู่กัดเสินเจิ้น คนที่เป็นมากกว่าความชอบ


ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันนะครับ

better with you : )





บทส่งท้าย





ร้างกว่าป่าช้า (3)
16:34 น.

101 :
พวกมึง
ถ้าไม่รู้จะเอาเงินไปใช้อะไร
อุดหนุนเสื้อผ้าที่พี่เมืองเป็นพรีเซนเตอร์ได้นะ
ตัวละพันห้า จัดไปคนละสองสามตัว


Marvin :
อีกแล้วเหรอ!
ครั้งที่แล้วก็บอกให้กูซื้อสินค้าโรงเรียนติวของพี่มึง
ปากกาหน้าพี่เมือง สมุดหน้าพี่เมือง ยางลบก็หน้าพี่เมือง
รวยนักรึไง ซื้ออะไรนักหนา


101 :
พอดีว่าต้องช่วยแฟนกูทำมาหากินอ่ะครับ


Marvin :
แฟนเต็มปากเลยนะเพื่อนร้อย
เพื่อนสิงว่าไงครับ @singhaismyname


singhaismyname :
แท็กกูทำเชี่ยไร


Marvin :
อุ้...
คนเพิ่งสึกทำไมหยาบคายจัง


singhaismyname :
สึกนานแล้วไอ้เวร
เป็นเดือนแล้วมะ


Marvin :
สร้างบุญเสร็จแล้วก็สร้างบาปเลยน้า


singhaismyname :
รำคาญ


101 :
#มาวินร้องไห้ทำไม


Marvin :
สัส อย่ารุมกู


singhaismyname :
555555555555555


101 :
อย่าลืมซื้อของที่กูบอก
ถ้าพวกมึงไม่รู้จะเอาเงินไปใช้อะไรน่ะนะ


singhaismyname :
ขอดูก่อนแล้วกันว่าจะซื้อมาใช้อะไร
สเปรย์เซตผมที่ซื้อมาก็ยังใช้ไม่หมด
มันดีอยู่ เลยจะใช้ให้หมดก่อน


101 :
มาว่ะ
สิงหาผู้ไม่เคยประหยัดเงินเลยในชีวิต
บวชครั้งเดียวกลายเป็นคนมัธยัสถ์
พ่อพระของกู


singhaismyname :
คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้
ขนาดมึงที่ย้ำบ่อยๆ ว่าพี่เมืองไม่ใช่สเป็ค
ทุกวันนี้ยังนั่งเปย์ของที่พี่เมืองเป็นพรีเซนเตอร์ได้เลย


Marvin :
#ขยี้โดยไม่มีผงซักฟอก


101 :
กูรักของกูจ้า
เดี๋ยวมึงมีบ้างแล้วจะรู้ว่าทำไมกูถึงต้องเปย์


Marvin :
#เหม็นกลิ่นขิง


singhaismyname :
ไปละ ขี้เกียจคุย
แม่เรียกไปเดินจงกรม


Marvin :
#โกหกเป็นบาป


singhaismyname :
@Marvin #แซะเพื่อนก็เป็นบาป


Marvin :
แงงงงงงงงง T^T


101 :
เพื่อนวินน่าสงสาร
55555555555555555555





ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ
— end —




ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษของยกเว้นเรื่องคุณที่คิดไว้มีอยู่ 2 ชื่อ หนึ่งคือ sds ย่อมาจาก sweety, daisy, sunshine (คนรู้จักช่วยคิด) เป็นสิ่งที่เมืองน้ำชอบ สองคือ better with you ที่เราคิดไว้เอง และคิดว่าประโยคนี้เหมาะกับสิ่งที่เราตั้งใจนำเสนอผ่านเนื้อเรื่องอย่างมาก

ไม่คาดฝันว่าจะรักคุณ และ ดีขึ้นไปพร้อมกับคุณ

ไม่ใช่แค่เมืองน้ำกับร้อยเอกที่จะดีขึ้นไปด้วยกัน ตัวเราเอง ระหว่างที่เขียนเรื่องนี้ ก็ดีขึ้นไปพร้อมๆ กับตัวละครด้วยค่ะ เมื่อก่อนเราอัพนิยายช้ามาก จัดระเบียบในตัวเองไม่ค่อยได้ ตอนที่เขียนนิยายเรื่องเก่าจบ เราตั้งใจไว้เลยว่าเรื่องต่อไปจะขยันให้มากขึ้น จะไม่ปล่อยให้คนอ่านรอนานเหมือนเรื่องก่อนๆ ไม่ว่าฟีดแบ็กจะออกมายังไง มากหรือน้อย เราก็จะขยันอัพนิยายให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ค่ะ

เดิมทีพล็อตยกเว้นเรื่องคุณเป็นเรื่องเกี่ยวกับเน็ตไอดอลกับเด็กแว้น ใช่ค่ะ พระเอกเป็นเด็กแว้น 5555 แต่เปลี่ยนไปปรับมา ก็ออกมาเป็นร้อยเอกและเมืองน้ำในตอนนี้

หลายๆ ฉากที่คิดไว้ก็ไม่ได้ใช้ ด้วยอารมณ์และเหตุการณ์ในเรื่องที่คิดว่าไม่ใส่เข้าไปดีกว่า โดนตัดทิ้งเยอะเลยค่ะ ตอนแรกมีฉาก nc แต่ก็ตัดใจให้ไม่มี ความรุนแรงในครอบครัวเมืองน้ำ จากที่เป็นเหตุการณ์โดยเราเล่าตามลำดับ ก็ให้เมืองน้ำเล่าให้ร้อยเอกฟัง คิดว่าถ้าใส่ฉากครอบครัวทะเลาะกันแรงๆ มา จะหลุดความฟีลกู้ดพอสมควรค่ะ

เราสร้างเมืองน้ำให้มีความเข้มแข็ง ดูเหมือนเก่งแต่จริงๆ แล้วซ่อนอะไรไว้มากมาย และเราก็สร้างให้ร้อยเอกเป็นคนปากร้าย แต่ลึกๆ แล้วเป็นคนใจดีมาก เป็นห่วงเมืองน้ำตลอด

เราอยากให้พระเอกเป็นคนที่เก่ง หล่อ แต่มีมุมกากๆ แต่ทุกอย่างในตัวร้อยเอกจะเติมเต็มในสิ่งที่เมืองน้ำขาดหายได้เสมอ

เราอยากให้เรื่องนี้เป็นโรแมนติกคอมเมดี้ เพราะเราไม่ค่อยได้เขียนแนวนี้เท่าไหร่ เรียกว่าไม่ถนัดเลยก็ได้


และเป็นครั้งแรกที่ได้ลงนิยายเรื่องยาวในเล้าเป็ดจนจบ ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่ติดตามยกเว้นเรื่องคุณ ขอให้มีความสุขกับการอ่านนิยายของเรา เราเองก็มีความสุขเสมอเลยค่ะ


ฝากเอ็นดูเด็กๆ ของเราไปเรื่อยๆ นะคะ ❤︎



ช่วง #ร้อยเมืองชวนฟังเพลง
ไม่ธรรมดา - มุก วรนิษฐ์
ลิงก์ : https://youtu.be/w5qOoL6wx2A


ด้วยความรักและความตั้งใจ
ป๊อป ❤︎



page : errorpop author
twitt : @erp_up
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-12-2018 15:10:27 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :กอด1: รักเรื่องนี้

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เป็นคู่ที่น่ารักมากๆ เลย
better with you จริงๆน่ะแหละ TT
 :pig4:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ชอบร้อยเมืองจริง ๆ เลย
น้องสิบด้วย เด็กอัลลัยยยยยยยย

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ขอบคุณค่ะ อ่านไปก็สงสารเมืองน้ำไป

ออฟไลน์ มนุษย์บิน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เราว่ารักษ์ควรได้บทเรียนมากกว่านี้นะคือมันแบบไม่ได้สำนึกใดๆเลยอ่ะจริงๆเรื่องแบบนี้ต้องถึงตำรวจด้วยซ้ำอะไรคือนางยังได้เงินไปเฉยแย่อ่ะแบบนี้ นางอาจจะทำกับคนต่อๆไปอีกที่ตกเป็นเหยื่อได้เลยถ้าในชีวิตจริงเนี่ยพวกแบบนี้ต้องให้รับโทษให้เข็ดรู้สึกไม่สะใจแบบอิหยังวะะะะะะะะ 55555555555 เราอินเกินนนนน

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ HappyYaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านมาหลายวัน จนจบ เราชอบความสัมพันธ์ของร้อยเอกกับพี่เมืองที่ค่อย ๆ ปลูกฝังความรู้สึกกันเรื่อย ๆ ไม่เร่งรีบ จนความรักเติบโต มอบแต่สิ่งดี ๆ ให้กัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ noina

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Special
ขอจุ๊บหน่อย




ร้อยเอกควรได้ตำแหน่งแฟนที่ดีที่สุด

ยอมรับว่าประโยคนี้เต็มไปด้วยความลำเอียง อวยแฟนเหรอ ใช่สิ ไม่อวยแฟนแล้วจะให้ไปอวยใครล่ะ

ต้องมีคนสงสัยแน่ๆ ว่าเมืองน้ำเป็นบ้าหรือเปล่า นั่งยิ้มคนเดียวทั้งที่บทละครที่ถืออยู่เป็นบทเศร้าเคล้าน้ำตา เนื้อหาในบทละครปึกนี้น่ะ ทั้งตีความ ทำความเข้าใจตัวละคร ทั้งลองต่อบทด้วยตัวเองจนจำได้ทุกบรรทัดแล้ว เพราะงั้นเมืองน้ำไม่ได้บ้าสักหน่อยนะ

ชีวิตของนักศึกษาฝึกงานเป็นชีวิตที่ที่เหนื่อยมาก ตั้งแต่เช้าถึงห้าโมงเย็น เป็นเวลาที่ต้องแปลเอกสารทั้งวัน ไทยเป็นอังกฤษ อังกฤษเป็นไทย ซ้ำๆ วนๆ จนรู้สึกเวียนหัว หลังจากนั้นเมืองน้ำจะได้พักประมาณหนึ่งชั่วโมง หกโมงเย็นถึงสามทุ่มต้องขึ้นไปเรียนการแสดงพร้อมนักแสดงคนอื่นที่ได้เล่นซีรีส์เรื่องเดียวกัน กว่าจะเสร็จ กว่าจะกลับถึงบ้าน บางวันเผลอหลับบนรถร้อยเอกก็มี

มันเหนื่อยมากจริงๆ

ถึงจะเหนื่อย แต่ผลลัพธ์ที่จะตามมา เมืองน้ำก็คิดว่าผลที่ได้จะคุ้มกับความตั้งใจและทุ่มเทในตอนนี้ล่ะนะ

ร้อยเอกกลายเป็นรุ่นพี่ที่มีรุ่นน้องชื่นชมมากมายจากงานกลุ่มที่ทำร่วมกับเพื่อนในเทอมที่แล้ว ในสายตาคนอื่นคงเท่แบบสุดๆ แต่ยังไงน้องเอกก็คือน้องเอก ยังเป็นเด็กที่มักจะส่งข้อความออดอ้อน อยากเข้ามานั่งให้ห้องเรียนการแสดงด้วยทั้งที่เข้าไม่ได้ ส่งสติ๊กเกอร์ร้องไห้มาเป็นสิบ ตบท้ายด้วยข้อความดีๆ ที่เป็นกำลังใจให้กันในทุกๆ วัน

เห็นห้าวๆ แบบนี้ ร้อยเอกเคยเซลฟี่หน้าตัวเองส่งมาให้เมืองน้ำด้วยแหละ ไม่รู้ว่าตอนนั้นอยู่ในอารมณ์ไหน แต่ก็เป็นอะไรที่น่ารัก

ใช่ น้องเอกของเมืองน้ำน่ารักมาก

เมืองน้ำไม่กล้าไปเล่าให้คนอื่นฟังเลย ขืนเล่าออกไป เจ้าตัวคงโดนแซวไม่หยุด เรื่องนี้ถึงหูมาวินไม่ได้เลยนะ ชิปเปอร์ร้อยเมืองหนึ่งเดียวและตลอดกาลรายนั้นน่ะ ชงเก่งกว่าบาริสต้าอีก

‘เสร็จแล้วโทรมาด้วย ผมจะเล่นเกมรอในห้องทำงานพ่อ’

‘ทำไมพ่อไม่ให้ร้อยเข้าไปนั่งดูอ่ะ ผมเศร้า TT’

งอแงรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ แถมังมีอีโมติค่อนร้องไห้แนบมาด้วย

ร้อยเอกส่งมาตั้งแต่ช่วงเย็น นึกถึงทีไรก็อยากหยิกผิวขาวๆ ของเจ้าตัวทุกที มีแฟนเทียวรับเทียวส่ง มานั่งรอนอนรอเพื่อกลับบ้านพร้อมกันมันดีอย่างนี้นี่เอง

ทีนี้รู้แล้วใช่มั้ยว่าเมืองน้ำกำลังยิ้มเพราะเรื่องอะไร


m.nam ☆° :
เสร็จแล้วครับน้องเอก
พี่เมืองกำลังเก็บของ
อยู่ที่ห้องคุณลุงเหมือนเดิมมั้ย
เดี๋ยวพี่ขึ้นไป


101 :
โกรธที่เรียกน้องเอกได้ป้ะ


m.nam ☆° :
จะโกรธจริงเหรอ


101 :
ไม่ต้องมาทำเป็นถาม


m.nam ☆° :
ไม่ได้ทำเป็น พี่ถามจริงๆ นะ
จะโกรธจริงๆ เหรอครับ น้องเอกของพี่เมือง


101 :
ไม่จริง!


m.nam ☆° :
55555555555
น่ารักจุมมมมม
อยากเจอร้อยละ
ขอพี่เก็บของก่อนเนอะ
❤︎

101 :
พิมพ์หัวใจมางี้ ผมใจเต้นเลยนะ


m.nam ☆° :
ปกติหัวใจคนเราก็เต้นอยู่แล้ว
เพราะถ้าใจไม่เต้นก็คือ...
ไม่เล่นดีกว่า กลัวไม่ฮา


101 :
อะไรของพี่เมืองอ่ะ


เกิดรอยยิ้มเล็กๆ บนริมฝีปากจิ้มลิ้ม เมืองน้ำวางโทรศัพท์ลงบนหน้าตัก เก็บบทละครและข้าวของอื่นๆ ใส่กระเป๋าสะพาย โดยไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใหม่เพื่อโพสต์รูปที่ถ่ายเก็บไว้ในแฟนเพจ

วันนี้ไม่มีงานที่ต้องนำกลับไปเคลียร์ต่อที่บ้าน ที่จริง...ตั้งแต่ฝึกงาน นานๆ ครั้งถึงจะมีสักที ไม่ต้องทำงานหนักจนนอนน้อยแบบเมื่อก่อนแล้ว มีร้อยเอกคอยเตือนเรื่องเวลานอน รวมทั้งเรื่องอื่น ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นเหมือนกันหรือเปล่า แต่ชีวิตนักศึกษาฝึกงานของเมืองน้ำ มีความสุขสุดๆ เลย

ส่วนร้อยเอก แม้หลายสิ่งหลายอย่างจะเปลี่ยนไป แต่คนคนนี้ก็ยังใช้ชีวิตในรูปแบบของตัวเอง โดยเฉพาะตั้งใจเรียนเพื่อรักษามาตรฐาน พนันได้เลยว่าเจ้าตัวต้องได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาครอบครอง

นอกจากเรื่องเรียนแล้ว ร้อยเอกยังจริงจังเรื่องเล่นเกมไม่เปลี่ยน แต่ก็แบ่งเวลามาอยู่กับเมืองน้ำมากขึ้น บางครั้งก็หอบเกมมาเล่นที่บ้านเมืองน้ำ จนถูกคนในบ้านแซวอยู่บ่อยๆ ว่าย้ายมาอยู่ด้วยกันให้จบๆ ไปเลยดีมั้ย

นึกถึงเรื่องนี้แล้วขำทุกที

เพิ่งคบกันได้ไม่กี่เดือนเอง ถึงไม่ย้าย บ้านเมืองน้ำก็เหมือนเป็นบ้านหลังที่สองของร้อยเอกอยู่ดีนั่นแหละ


101 :
วันนี้ไม่ต้องรีบกลับนะครับ
ครูงิ้วปล่อยเร็วใช่มั้ย ผมเห็นครูขึ้นมาคุยกับพ่อ
พ่ออยากกินข้าวกับพี่เมือง
ไปกินข้าวเย็นด้วยกัน


หนึ่งองค์ประกอบที่ทำให้การฝึกงานเต็มไปด้วยความสุขคือรอบตัวมีแต่คนดีๆ พ่อร้อยเอกดีกับเมืองน้ำมาก เวลาอยู่บ้าน ท่านเป็นคุณลุงที่ใช้ชีวิตอยู่ในสวนหน้าบ้าน ชมนกชมไม้ นอนเล่นรับลมธรรมชาติ อยู่ที่นี่เป็นบอสใหญ่ที่น่าเคารพนับถือ คุณลุงกำชับเสมอว่าให้ตั้งใจ อย่าทำให้คนที่รอดูผลงานของเราผิดหวัง

ทุกคนที่เรียนการแสดงด้วยกันก็เลยตั้งใจกับตรงนี้มาก บางวันโดนชม บางวันโดนติ ได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดของตัวเอง ถือเป็นเรื่องปกติในชีวิตไปแล้ว


m.nam ☆° :
โอเคได้เลยยย
เจอกันนะ


101 :
ครับ ❤︎


ไม่ใช่ร้อยเอกคนเดียวที่ใจเต้นเวลาเห็นหัวใจในข้อความที่เราคุยกันหรอกนะ เมืองน้ำก็เหมือนกัน

เป็นคู่กัดที่ทำให้หวั่นไหวได้เสมอ แล้วก็เป็นคนรักที่ทำให้รักมากขึ้นทุกวัน

สงสัยใช่มั้ยว่าทำไมยังเป็นคู่กัดกันอยู่ ก็เคยสลัดคำนี้ออกจากความสัมพันธ์ของเราสองคนแล้ว แต่ทำไม่ได้สักที หยุดได้จริงๆ ก็มีแค่สถานะพี่น้องที่เคยทดลองแค่อย่างเดียวนั่นแหละ



(⺣◡⺣)♡*



เมืองน้ำได้ร่วมทานอาหารกับพ่อของร้อยเอกไม่บ่อยนัก คุณลุงงานยุ่ง เวลาของเราก็ไม่ค่อยตรงกัน แต่ถ้าวันไหนมีโอกาส ทั้งคุณลุง ร้อยเอก และตัวเมืองน้ำเอง ก็จะสั่งข้าวจากโรงอาหารใต้ตึกบริษัทขึ้นมาทานด้วยกัน

เพราะเราเจอกันหลังร้านในโรงอาหารปิดทำการกันหมดแล้ว ร้อยเอกจึงรับหน้าที่เป็นสารถี ขับรถวนรอบเมือง หาร้านอาหารดีๆ สักร้านสำหรับมื้อดึกวันนี้

แม่เคยบอกบ่อยๆ ว่าการพูดคุยระหว่างทานข้าวจะทำให้ดูเป็นคนพูดมาก และถ้าร้องเพลงระหว่างที่ยังกินข้าวไม่หมดก็จะทำให้มีแฟนแก่ เมืองน้ำเคยเชื่ออย่างนั้น แต่พอโตขึ้น คำสอนแบบนี้ก็เลือนหายไปตามกาลเวลา และได้รู้ว่าบทสนทนาดีๆ มักเกิดขึ้นในเวลานี้เสมอ

“ครั้งหน้าถ้าไปเที่ยวบ้านปู่อีก ชวนแม่เมืองไปด้วยสิ ไปพร้อมลุงกับป้าตอนปีใหม่ก็ได้นะ”

เราสั่งอาหารและเครื่องดื่มมาคนละชุด ที่นี่เป็นเหมือนสวรรค์เล็กๆ สำหรับมนุษย์กลางคืน มีวงดนตรีเล่นเพลงเพราะๆ อย่างต่อเนื่องอยู่ตรงเวทีด้านในสุด มีบาร์เทนเดอร์คอยชงแอลกอฮอล์ตรงเคาน์เตอร์ที่ห่างจากตรงนี้ไม่มากมายนัก คิดว่าหลังเที่ยงคืนไปแล้ว ลูกค้าจะเยอะพอสมควรเลย

“เมืองจะลองชวนแม่ดูนะครับ ปีใหม่นี้ไม่รู้จะหยุดหรือเปล่า แม่ต้องบินตลอดเลย”

คนฟังระบายยิ้มให้ ขณะที่มือก็หยิบแก้วเบียร์ขึ้นมาจิบ ทีแรกก็สงสัยว่าทำไมคุณลุงถึงดื่มเยอะเป็นพิเศษ แก้วนี้ที่จิบอยู่นี่ปาไปแก้วที่สี่แล้ว พอนึกแบบนี้ คำตอบก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว

เพราะไม่ต้องขับรถเอง มีลูกชายสุดหล่อรับหน้าที่ดูแลทุกคนอยู่นี่ไง

“ไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะเมือง ลองชวนดูก่อน ลุงไม่บังคับ”

“ครับ เมืองจะลองชวนดู ได้เรื่องยังไงเดี๋ยวเมืองบอกอีกทีนะครับ”

“จ้า”

ชอบคำว่า ‘จ้า’ ชะมัด ได้ฟีลเหมือนคุยกับคนในบ้านจริงๆ เลย

จะว่าไป...คุณลุงก็ถือเป็นญาติผู้ใหญ่ที่เมืองน้ำเคารพมากๆ คนหนึ่งนี่นะ

“เอาเบียร์เพิ่มมั้ยน้องเอก พ่อจะไปสั่งให้”

“จะสั่งเพิ่มอีกแล้วเหรอครับ พ่อดื่มเยอะแล้วนะ”

“มีปัญหากับพ่อเหรอ”

“เปล๊า ใครจะกล้ามี”

“ดีมาก”

เมืองน้ำอมยิ้มทุกครั้งที่ได้ยินคำว่าน้องเอกจากคนที่ไม่ทำให้ร้อยขมวดคิ้วใส่ อย่างเช่นคุณลุงที่คงเรียกแบบนี้มาตั้งแต่ลูกชายยังตัวน้อยๆ

ร้อยเอกเอาแต่จัดการกับเนื้อย่างชุดใหญ่ในจาน ไม่พูดอะไรหากไม่โดนกล่าวถึง ได้ตำแหน่งคนที่เงียบที่สุดในเวลานี้ไปโดยปริยาย แต่ก็เข้าใจนะ เห็นว่ายังไม่ได้กินอะไรรองท้องมาเลย ตลอดเวลาที่รอเมืองน้ำอยู่ในห้องทำงานของพ่อก็มีแค่น้ำเปล่า

“น่ารักเนอะ” เมืองน้ำพูดขึ้นเมื่อผู้ใหญ่ใจดีลุกจากโต๊ะไปแล้ว คนฝั่งตรงข้ามละสายตาจากอาหาร มองกลับมาอย่างสงสัย ผงะเล็กน้อยเมื่อมือเนียนหยิบทิชชูขึ้นมาซับความมันบริเวณมุมปาก “กินเลอะเป็นเด็กเลยอ่ะร้อย”

“ชมใครอ่ะเมื่อกี้”

“ก็พี่นั่งอยู่กับใครล่ะ”

“กับผม”

“อยู่กับร้อยก็ต้องชมร้อยไง”

“จะไปรู้เหรอ นึกว่าชมนักดนตรีบนเวที”

“พี่จะไปชมเขาทำไม ชมร้อยดีกว่า ร้อยน่ารักกว่าตั้งเยอะ”

เมืองน้ำตั้งใจชักมือกลับ ทว่าอีกคนกลับจับมือไว้ ทำให้ต้องออกแรงดึงเพื่อให้หลุดจากการจับกุม แน่นอน ร้อยเอกไม่ยอม ซ้ำยังแกล้งต่อด้วยการจุ๊บเบาๆ บนหลังมือ

เพียะ!

“โอ๊ย!”

ร้อยเอกนี่นะ คุยดีๆ ไม่ชอบ ชอบยั่วโมโหให้ตัวเองโดนตีอยู่เรื่อยๆ แล้วดูสิ พอเมืองน้ำใช้มืออีกข้างตีไหล่หนาแรงๆ คนที่ยอมปล่อยมือก็ทำสีหน้าโอเว่อร์แบบสุดๆ

“ไม่เจ็บขนาดนั้นสักหน่อย หยุดทำหน้าเศร้าเลยนะ”

“ไม่เจ็บขนาดนั้นแต่ก็เจ็บ ไหล่ผมหักแล้วมั้งเนี่ย ต้องไปโรงพยาบาลก่อนกลับบ้านละ”

“ไอ้เว่อร์”

“ถึงเว่อร์ก็รักเธอนะ”

“ประสาท!”

“โดนด่าไปอีก ไม่ไหวๆ นั่งคนละฝั่งยังตีผมได้อ่ะ แขนก็สั้นนิดเดียว ผมเจ็บนะ”

“ก็ตีให้เจ็บไง อย่ามาทำทะลึ่งในร้านอาหารนะร้อย คนอื่นก็อยู่เห็นมั้ย”

ทำหน้าเฉไฉไม่รู้ไม่ชี้ สงสัยร้อยเอกอยากโดนตีอีกแน่ๆ

“ก็พี่เมืองมือห๊อมหอม ผมอดใจไม่ไหว”

“ถ้าไม่หยุดจะไปนั่งโต๊ะอื่นแล้ว”

ร้อยเอกหัวเราะในลำคอ จับมือและมีดขึ้นมาจัดการกับเนื้อในจานต่อ

“หยอกๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้ กินต่อแล้วครับ”

“เฮอะ”

“แน่ะ โดนงอนอีกแล้ว”

“มันน่ามั้ยล่ะ”

“ไม่เถียง เพราะเถียงไม่ออก ยอมแล้วครับที่รัก”

เกลียดอะไรแบบนี้ เกลียดมากๆ ทำไมต้องพูดคำหวานเลี่ยนทั้งที่ปกติก็ไม่ค่อยพูด บทจะทำให้เมืองน้ำเขินจนอยากมุดแผ่นดินหนีก็กลายเป็นผู้ชายโรแมนติกขึ้นมาดื้อๆ หมั่นไส้ อยากตีซ้ำๆ ให้ไหล่หักของจริงไปเลย

“ลุงสั่งเบียร์มาให้เมืองด้วยนะลูก เครื่องดื่มอย่างอื่นอีก เลยต้องรอแป๊บนึง เดี๋ยวพนักงานเอามาเสิร์ฟ”

เมืองน้ำปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อเจ้าของเสียงแหบทุ้มเดินกลับมานั่งที่เดิม ทว่ายังรู้สึกได้ถึงไอร้อนๆ บนแก้ม

“ขอบคุณครับคุณลุง เมืองจะดื่มให้เต็มท้องไปเลย”

ที่บอกไปว่าเกลียด แท้จริงแล้วช่างตรงกันข้าม

ป่านนี้แก้มคงแดงจนสังเกตได้ ไม่อย่างนั้นร้อยเอกคงไม่แอบยิ้มอย่างนี้หรอก

โดนกวนประสาททุกวัน ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพราะแบบนี้ เมืองน้ำถึงย้ำเสมอว่าสลัดคำว่าคู่กัดออกจากความสัมพันธ์ของเราไม่ได้สักที

เห็นทีคงจะอยู่กับคำคำนี้ไปจนวันสุดท้ายเลยล่ะ



(⺣◡⺣)♡*



ร้อยเอกนำเงินใส่ซองผ้าป่าที่ได้รับจากน้ายามหน้าหมู่บ้าน ซองละหนึ่งพันบาท เขียนหน้าซองเป็นครอบครัวของเขาและครอบครัวเมืองน้ำนามสกุลละหนึ่งซอง จากนั้นก็นำไปวางบนโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยกระดาษโน้ต

มีแต่งานที่ต้องทำ

เมืองน้ำน่ะ...เป็นคนที่ทำแต่งานตลอดเลยแฮะ

เขานอนอยู่บนเตียง มองคนตัวเล็กในชุดนอนที่เดินไปเดินมาเพื่อหารีโมทเครื่องปรับอากาศ เห็นทุกการเคลื่อนไหว และท่าทางเล็กๆ น้อยๆ ตอนดีใจที่หาของเจอก็ตรึงเขาไว้เหมือนโดนเวทมนตร์

ละสายตาไปมองทางอื่นไม่ได้เลย เพราะมองทางไหนก็ไม่มีความสุขเท่ามองเมืองน้ำหรอก

“พี่ปิดไฟนอนเลยนะ”

“ครับ”

ร้อยเอกตอบเสียงนุ่ม เปลี่ยนจากนั่งเอนตัวพิงหัวเตียงเป็นวางศีรษะบนหมอนใบนุ่ม วันไหนที่มีโอกาส อย่างเช่นวันนี้ที่ไม่มีงานต้องเคลียร์ ไม่มีเกมต้องแข่ง แถมสิบเอกยังมีทั้งพ่อและแม่คอยอยู่เป็นเพื่อนน้อง เขาก็จะขอมานอนที่ห้องเมืองน้ำ

ตั้งแต่กลับมาถึง เจ้าของห้องก็จดจ่ออยู่กับงานลงภาพสินค้าในแฟนเพจ ไล่อ่านอีเมลเพื่อดูว่ามีงานไหนที่รับทำได้ในช่วงนี้ เพิ่งจะหยุดและลุกไปอาบน้ำก็ตอนที่เขาไลน์มาบอกว่ากำลังจะมาเมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่เอง

“พรุ่งนี้ต้องตื่นกี่โมงครับ”

“เวลาเดิมเลย”

“ตีห้าเนอะ ผมจะได้ตั้งปลุกไว้ให้”

“ขอบคุณครับน้องเอก”

“เรียกน้องอีกแล้วนะ”

ไฟห้องนอนถูกปิดไปแล้ว เหลือแค่แสงสีนวลจากโคมไฟ ถึงอย่างนั้นก็เห็นชัดว่าเมืองน้ำกำลังยิ้ม แก้มเนียนกลมป่องกับได้แกล้งเขา ชวนมันเขี้ยวเป็นบ้า

“จะยืนยิ้มอีกนานป้ะ ขึ้นมานอนดิ”

คนถูกเรียกไม่รอช้า เคลื่อนตัวขึ้นมาบนเตียงแล้วล้มกายนอนในที่ของตัวเอง ก่อนลุกไปหารีโมท เมืองน้ำนอนหนุนแขนของเขา เปิดบทสนทนาด้วยเรื่องทั่วไป เราหัวเราะกับเรื่องง่ายๆ ทุกครั้งที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน วินาทีนี้ที่คนตัวเล็กนอนอยู่ในอ้อมกอดเขาอีกรอบ ร้อยเอกก็อยากจะยิ้มด้วยเรื่องธรรมดากับเมืองน้ำดังเช่นทุกครั้ง

ร้อยเอกชอบความสัมพันธ์แบบนี้ที่สุด

เรื่อยๆ เรียบๆ แต่สร้างความผูกพันได้อย่างลึกซึ้ง

“อยากให้พี่เมืองฝึกงานเสร็จเร็วๆ จัง”

“หืม? ทำไมครับ”

“อยากมีเวลาอยู่กับพี่เมืองเยอะๆ”

“แต่พี่เพิ่งฝึกงานได้แค่เดือนเดียวเองนะร้อย ยังไม่ค่อยเป็นงานเลย”

“ไม่จริงหรอก ที่บอกว่าไม่เป็นงานอ่ะ พ่อบอกว่าคนในแผนกชมตลอดเลยว่าพี่เมืองเก่งจะตาย นิสัยดีด้วย”

“คือยังไงเนี่ยร้อย กำลังอวยพี่อยู่เหรอ”

“ก็เหมือนที่พี่เมืองชอบอวยผมไง”

เมืองน้ำขำออกมาเบาๆ สบตาคู่เข้มแล้วยิ้มจางๆ เห็นมาวินบอกประจำว่าร้อยเอกเป็นรุ่นพี่สุดเท่ในสายตารุ่นน้อง อยากให้คนอื่นมาเห็นแบบที่เมืองน้ำเห็นชะมัด ยกไปไว้ที่ไหนแล้วนะ ความเท่ที่สั่งสมมา ทำไมถึงใช้แต่ลูกอ้อนกับเมืองน้ำล่ะ

“วันนี้ร้อยต้องกู๊ดไนท์คิสหรือเปล่า”

เวลาร้อยเอกเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเล่น รู้สึกดีเหมือนยืนสัมผัสเกลียวคลื่นริมทะเลเลย

“แล้วแต่ร้อยสิ”

“งั้นจุ๊บร้อยหน่อย ให้ร้อยจุ๊บก่อนตลอดเดี๋ยวพี่เมืองขาดทุน”

“ทำตัวน่ารักอีกแล้ว”

“หรือจะให้ปากหมาตอนนี้ อยากนอนหรืออยากหงุดหงิด เลือกเอานะ”

ยื่นคำขาดแบบนี้ ถึงจะพูดเล่นๆ ก็เถอะ แต่แทบไม่ต้องเลือกเลย ยังไงคำตอบต้องเป็นอยากนอนอยู่แล้ว

มือเล็กเลื่อนขึ้น ทาบลงบนแก้มขาว รู้ว่าร้อยเอกจะไม่หนีไปไหน แต่ก็ทำเหมือนล็อกเพื่อป้องกันการหลบหนี เมืองน้ำชอบเวลารู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนๆ ยามที่เราห่างกันเพียงเสี้ยว ที่ชอบที่สุดคงเป็นรสชาติหวานนุ่มราวเนื้อครีมตอนที่ริมฝีปากของเราสัมผัสกัน

เป็นแค่การจุ๊บเบาๆ แต่ควบคุมจังหวะหัวใจไม่ได้

“พี่ก็อยากฝึกงานให้จบไวๆ เหมือนกันนะ” เมืองน้ำผละริมฝีปากออกห่าง และกลับมานอนที่เดิม “อีกไม่นานหรอกเนอะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”

“พอเสร็จแล้วก็เริ่มเวิร์กช็อปซีรีส์”

“ใช่ ช่วงนั้นพี่ว่าพี่ว่างกว่าเดิมเยอะเลย นี่ก็รับงานตัดคลิปน้อยลงแล้วนะ เวลานอนพี่เยอะกว่าเดิมมาก”

ร้อยเอกหยุดคิดไปพักหนึ่ง ตอนนี้น่าจะเลยสี่ทุ่มมาแล้วนิดหน่อย เทียบกับเมื่อก่อนที่เมืองน้ำได้นอนวันละห้าชั่วโมง ก็จริงอย่างที่อีกคนพูด

“แล้วช่วงนี้พี่เมืองว่างอีกวันไหนครับ”

“อืม...พุธหน้าพี่ว่าง ไม่มีเรียนการแสดง”

“งั้นไปดูหนังกันมั้ย”

“เอาสิ ดูที่ไหนดี”

“ที่ห้องผม” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน “ดูหนังไป กินป๊อปคอร์นไป ดื่มเป๊ปซี่ไป แล้วก็...”

เด็กทะลึ่งทำน้ำเสียงไม่น่าไว้ใจ เคลื่อนใบหน้าเข้าหาจนอีกคนต้องถอยหนี เมืองน้ำคลายปมบนคิ้ว ทำหน้าเหยเกใส่คนตรงข้าม ก่อนจะผลักอกกว้างแรงๆ เพื่อให้ร้อยเอกถอยไปนอนที่เดิม

“ทะลึ่งตลอดเลย คนอะไรเนี่ย”

“คนแบบร้อยนี่แหละครับ”

คนแบบร้อยเอกคือคนประเภทที่ทำให้รักและหมั่นไส้ในเวลาเดียวกัน และตอนนี้เจ้าตัวก็กำลังทำให้เมืองน้ำรู้สึกแบบนั้นอยู่ล่ะ

“พี่เมือง”

“ครับผม”

แต่ถ้าคิดในแง่ดี ก็ดีแล้วที่ร้อยเอกทะลึ่งกับเมืองน้ำคนเดียว ลองไปพูดหรือทำอะไรสองแง่สองง่ามกับคนอื่นดูสิ จะตามไปพากลับบ้านถึงที่เลย

ไม่ได้หรอก น้องเอกของพี่เมืองทั้งคน ห้ามไปหว่านเสน่ห์ใส่ใครทั้งนั้น

“ถ้าดังแล้วห้ามลืมร้อยนะ”

“อะไรของร้อย”

“ก็เห็นคนพูดคำนี้บ่อยๆ ว่าถ้าดังแล้วห้ามลืมนะ แบบนี้อ่ะ ต่อไปถ้าพี่เมืองเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงแล้วก็ห้ามลืมร้อยนะรู้มั้ย”

“ทำไมร้อยชอบคิดเล็กคิดน้อยจังอ่ะ”

“เปล่านะ อันนี้จริงจัง”

“พี่ก็จริงจัง ไหนอธิบายมาซิว่าทำไมพี่ต้องลืมร้อย”

“ก็พอดังแล้วงานก็จะเยอะ คนเข้าหาเยอะขึ้น เดี๋ยวก็มีคนมาจีบเยอะขึ้นไปอีก”

“ตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนมาจีบสักหน่อย แต่พี่ก็ยังรักร้อยคนเดียว”

“พี่เมือง”

ร้อยเอกตีเสียงเข้ม จะบอกว่าเขินก็เขิน แต่นึกถึงเรื่องเมืองน้ำมีคนมาจีบไม่ขาดสาย ชนิดที่ว่าหัวกระไดไม่เคยแห้งแล้วหงุดหงิดทุกที

ฮอตนัก ฮอตแบบนี้ต้องหวงให้สุด

“พูดคำนั้นอีกที”

“คำไหน”

“คำนั้นอ่ะครับ คำนั้น”

“แล้วคำไหนอ่ะ”

อยากฟัดโว้ย!

รู้ทั้งรู้แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ ลักษณะประจำตัวของมารร้ายในตัวเมืองน้ำเลยล่ะ วันไหนอยากปั่นร้อยเอกเล่น ก็จะงัดความร้ายออกมาใช้ทุกที

มาถึงจุดนี้แล้ว ยอมรับตรงๆ เลยว่าร้อยเอกแพ้เมืองน้ำทั้งในยามปกติ ทั้งตอนที่เป็นคู่กัดตัวแสบ

“ร้อยคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้”

ดูความน่ารักของพี่เมืองสิ

“แต่อยากให้รู้ไว้ว่าต่อให้พี่จะดังมากขึ้น หรือดังน้อยลง พี่ก็จะเป็นเหมือนเดิม ไม่ๆ...”

“…”

“พี่จะดีให้มากกว่าเดิม ต้องพูดแบบนี้ต่างหาก”

เป็นแบบนี้ร้อยเอกจะไปไหนรอด

เจอดารามาก็เยอะ เด็กในสังกัดของพ่อมีตั้งกี่คน แต่เขาไม่รู้หรอกว่าชีวิตดาราจริงๆ มันเป็นยังไง ถ้าเรียนจบ และเข้าสู่วงการบันเทิงเต็มตัว เขากับเมืองน้ำจะห่างกันมากขึ้นหรือเปล่า

ตั้งแต่พี่เมืองฝึกงาน เจอกันน้อยลงก็จริง แต่ก็ไม่ห่างเหินขนาดนั้น เรายังคุยกันทุกวัน น้อยบ้าง มากบ้าง แล้วแต่โอกาส สำหรับความสัมพันธ์ที่ดีมากๆ ในตอนนี้ ร้อยเอกไม่กลัวเลยว่าใครคนใดคนหนึ่งจะเปลี่ยนใจ สิ่งที่เขาคิดอยู่เสมอคือทำยังไงให้เรายังรักกันแม้จะเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ

“พี่เมืองรักน้องเอกคนเดียว รักจริงๆ นะ รักมาก รักที่สุดแล้วเนี่ย”

“รักพี่เมืองมากๆ เหมือนกันครับ ขอจุ๊บหน่อย”

“อะไร มาจุ๊บอะไรอีก พอแล้ว พี่ง่วงนะ”

เคยอ่านเจอมาว่าเมื่อถึงเวลาหนึ่งคู่รักทุกคู่จะถึงจุดอิ่มตัว จากที่รักก็เหลือเพียงความผูกพัน มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย อย่างเช่นพ่อแม่ของเมืองน้ำ แต่คู่รักที่ยังรักกันไม่เปลี่ยน มากขึ้นในทุกๆ วันก็ยังมีให้เห็น แน่นอน ปู่กับย่า พ่อกับแม่ของเขาก็จัดอยู่ประเภทนี้

เขาเองก็อยากรักพี่เมืองให้เหมือนที่เห็นจากครอบครัวมาตลอด

“ก็ร้อยรักพี่เมืองอ่ะ รักแล้วขอจุ๊บไม่ได้หรอก นะๆ ขอจุ๊บหน่อย น้องสิบไม่เห็นหรอก”

“เกี่ยวอะไรกันอ่ะร้อย แล้วก็นะ เลี่ยนมาก ทำไมเราถึงอยู่โหมดนี้กันได้เนี่ย”

“ตลกหน้าพี่เมืองอ่ะ สงสัยจะเลี่ยนจริงๆ”

“อึ๋ยยย”

“เว่อร์ละอันนี้”

“อึ๊ยยย”

“พี่เมืองงงง”

“ฮ่าๆ”

มั่นใจมากว่าจะไม่มีทางรักเมืองน้ำน้อยลง

จะบอกว่าเขามั่นใจเกินไปก็ได้ แต่เรื่องนี้ ชัวร์ยิ่งกว่าตอนทำข้อสอบไฟนอลอีก

พูดจริงๆ ไม่ได้โม้ เขาน่ะรักพี่เมืองที่สุดแล้ว ❤️



(⺣◡⺣)♡*
- end special -
#ร้อยเมือง



สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้ปีนี้เป็นปีที่มีความสุขมากๆ นะคะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านน้า ❤︎

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :L2: ละมุนหัวใจ

ออฟไลน์ praewypn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น้องเอกกับพี่เมืองน่ารักมากๆเลยค่า   :mew1: :-[

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
สวัสดีค่ะ ตอนนี้ 'ยกเว้นเรื่องคุณ' เปิดจองรูปเล่มแล้วนะคะ สามารถสั่งซื้อได้ถึงวันที่ 19 กรกฎาคม 2562

ดูรายละเอียดทั้งหมดในลิงก์นี้เลยค่ะ https://forms.gle/KtKQ9P3qtitnV4vc7



สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
ทวิตเตอร์ : @erp_up
เพจ : ErrorPOP Author
แฮชแท็กในทวิตสำหรับติดตามการรวมเล่ม : #รวมเล่มร้อยเมือง #รวมเล่มยกเว้นเรื่องคุณ

อย่าลืมรับเด็กๆ ไปดูแลด้วยนะคะ ☁︎

ป๊อป <3

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด