[END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ⎮แจ้งข่าว P.4
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ⎮แจ้งข่าว P.4  (อ่าน 28390 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Josett

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เป็นความสำคัญที่แปลกๆ ถ้าสำคัญทำไมไม่เล่าให้ฟังหละน้อยใจน้องกลับอีก
มันจะได้คบกันวันไหนหละคู่นี้ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
สงสารพี่เมืองงงงง พี่เมืองตัวเร้กๆ ของน้องไม่ร้องนะคะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
โอ้ยยยยยยยยย

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
13
ไปกินดิน = ชอบร้อยเอกมาก




เรื่องปากหมาที่สั่งสมบารมีมาทั้งชีวิต ร้อยเอกพอเข้าใจว่าทำไมถึงมีคำพูดแย่ๆ หลุดจากเขา แต่เรื่องความใจร้อน ทำตัวเหมือนคนไม่รู้จักโต ไม่รู้ไปคว้ามาจากไหน ถึงกลายเป็นฟังคำอธิบายของคนอื่นไม่จบไปได้

เพราะได้ยินว่าคนที่อยู่ใกล้กันมากว่าสามปีกำลังจะย้ายไปอยู่ที่อื่น ถึงจะยังไม่ตัดสินใจ แต่แค่คิดว่าห้องตรงข้ามจะไม่ใช่ห้องของเมืองน้ำ เป็นของคนอื่นที่มาซื้อต่อ แค่นั้นก็ทนไม่ไหวแล้ว

ชีวิตที่ไม่มีเมืองน้ำ ร้อยเอกยอมไม่ได้หรอกนะ

เข้ามาอยู่ในชีวิตคนอื่นแล้ว จะเดินออกไปง่ายๆ ได้ยังไง

ขอบคุณที่เมืองน้ำไม่ร้องไห้ แค่น้ำตาคลอ ร้อยเอกก็รู้สึกผิดจนแทบบ้า เขาปล่อยให้เมืองน้ำสงบสติอารมณ์ ไม่กล้าพูดอะไรในตอนนั้น ตำหนิตัวเองในใจและหยุดเลือดร้อนๆ ที่ปะทุอยู่ในกายไปด้วย

เหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นกับใครสักคน แต่กลับยิ่งใหญ่ และมีผลต่อความรู้สึกของเขา

พี่เมืองน่ะ...สำคัญกับร้อยเอกจริงๆ

‘กลับบ้านก่อนนะครับ แล้วเราค่อยคุยกันใหม่’

อีกคนทำเพียงพยักหน้ารับ ไม่ส่งเสียงตอบ ไม่มองหน้าเขา ซึ่งก็สมควรแล้วที่เมืองน้ำจะมีท่าทีแบบนี้ เขาที่ดึงตัวเองกลับสู่ความปกติได้เพิ่มช่องว่างให้อีกคนโดยการขับรถกลับบ้านโดยไม่พูดอะไร ไม่อยากให้คนสำคัญของเขารู้สึกอึดอัด หรือรู้สึกว่าเขาเป็นคนใจร้ายอีก

มาวินเคยด่าเขาด้วยคำที่แรงกว่านี้ร้อยเท่า ยังไม่เจ็บเท่า ‘คนใจร้าย’ คำเดียวเลย

ร้อยเอกหยุดรถเมื่อขับมาถึงหน้าบ้านเมืองน้ำ ปลดล็อกประตูอีกฝั่งให้ แต่อีกคนกลับนั่งเฉย เพราะแบบนั้นเลยปล่อยให้เสียงเพลงจากวิทยุซึมซับเอาความอึดอัดระหว่างเราออกไป

ผลลัพธ์ที่ได้ค่อนข้างล้มเหลว ร้อยเอกเลยปิดเครื่องรับวิทยุ และหันไปมองคนข้างกาย

“ขอโทษครับ”

เมืองน้ำหันมองเขา ถอนหายใจเบาๆ ขณะรอฟังประโยคถัดมา

“น่าจะฟังให้จบก่อน แต่ก็ระงับอารมณ์ไม่ได้ แถมยังพูดไม่คิด”

“…”

“ต่อไปจะระวังมากกว่านี้ ผมขอโทษจริงๆ”

“ไม่เป็นไร” ริมฝีปากนุ่มเม้มจนเป็นเส้นตรง ตาคู่หวานที่พยายามหันมองทางอื่นเบือนกลับมาสบกับคนตัวสูง “พี่ก็ขอโทษเหมือนกันที่โวยวาย”

ฝนตกอีกแล้ว ชุ่มฉ่ำพร้อมกับความอึดอัดที่กำลังเลือนหาย ขอบคุณที่ตกได้ตรงจังหวะพอดี เพราะเมืองน้ำเชื่อเหลือเกินว่าหยาดฝนทำให้รู้สึกดีมากกว่าเสียงเพลงในวิทยุ

แต่ทั้งสองอย่างนี้ ไม่ว่าสิ่งไหนก็เทียบไม่ได้กับคำขอโทษที่เราต่างมอบให้กันและกัน

“ถ้างั้นเราหายกันแล้วนะ”

เมืองน้ำส่งเสียงตอบในลำคอ คลี่ยิ้มให้คนตรงหน้าที่ยิ้มให้ตนก่อน

“ที่พี่เมืองบอกว่าผมสำคัญ...”

“พี่พูดจริงนะ”

“…”

“ไม่มีคำไหนโกหกเลย”

“ผมเชื่อ แล้วผมก็อยากรู้ว่า...”

ร้อยเอกนิ่งไปครู่หนึ่ง คล้ายทบทวนสิ่งที่กำลังจะพูดต่อ ยิ่งนาน อกข้างซ้ายของเมืองน้ำก็ยิ่งเต้นรัว ไม่รู้หรอกว่าอีกคนจะพูดอะไร แต่ลางสังหรณ์มันบอกว่าเรื่องที่เจ้าตัวจะพูด คือเรื่องที่ทำให้ใจดวงนี้ไม่สามารถอยู่อย่างสงบสุขได้

“สำหรับพี่เมืองแล้ว ร้อยเอกสำคัญกว่าคนที่พี่เมืองชอบหรือเปล่า”

ร้อยเอกเข้าใจว่าเมืองน้ำชอบคนอื่น เห็นได้ชัดจากประโยคที่เอ่ยออกมา

อย่างที่คิดเลย...หัวใจเมืองน้ำกำลังเต้นระรัว สั่นรุนแรงเพราะไม่คิดว่าร้อยเอกเข้าใจแบบนี้

“บอกไปแล้วอย่าเกลียดพี่นะ”

จู่ๆ ก็ไม่กล้าสบตาขึ้นมาซะงั้น

“ร้อยเอกกับคนที่พี่ชอบ สำคัญเท่ากัน”

“ครับ?…ทำไมสำคัญเท่ากัน”

บอกไปสิ...

“ให้ร้อยสำคัญกว่าไม่ได้เหรอ”

บอกไปเลยเมืองน้ำ โอกาสบอกชอบมาแล้ว พูดออกไป

“ไม่เป็นไร ยังไม่ต้องตอบก็ได้ เอาไว้ตอบทีหลัง ตอนนี้เราต้องเข้าบ้าน”

“…”

“แล้วพี่เมืองก็ต้องเล่าเรื่องที่ยังเล่าไม่จบให้ฟังด้วยนะ จะไม่ขัดแล้ว จะฟังจนกว่าจะจบเลย”

สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว...

เมืองน้ำก็ยังเป็นแค่คนแอบชอบที่กลัวว่าบอกไปแล้วทุกอย่างที่เป็นอยู่จะเปลี่ยนไปนั่นแหละ จากที่เป็นผู้ฟังที่ดีให้ อาจจะกลายเป็นคนที่ไม่เคยพูดดีใส่กันเหมือนเมื่อก่อนก็ได้

ไหนๆ ก็อยากสำคัญมากกว่าคนที่ชอบ ถ้าร้อยเอกอยากเป็นคนคนนั้นที่เมืองน้ำชอบก็คงดี

จะมีโอกาสที่เราจะใจตรงกันบ้างมั้ยนะ



(⺣◡⺣)♡*



‘เมื่อก่อนพ่อกับแม่เป็นคู่รักที่รักกันมาก พี่ไม่เคยเห็นพวกท่านทะเลาะกันเลย ตั้งแต่เด็กๆ บ้านเรามีแต่ความสุข พี่อยากได้อะไร พ่อกับแม่ก็หามาให้ อยากไปเที่ยวที่ไหนก็พาไป เราเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก แล้วพี่ก็คิดว่าเราจะเป็นอย่างนี้ไปตลอด แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่’

‘ทำไมครับ’

‘...’

‘พี่เมือง’

‘ขอโทษๆ พี่ใจลอยไปหน่อย’

‘ไม่เป็นไร เล่าต่อเถอะ’

‘พวกท่าน...หมดรักกันนานแล้ว หลังจากย้ายมาอยู่ที่นี่ได้สักพักก็เริ่มรู้ตัว แม่บอกว่าทะเลาะกันบ่อยมาก แต่พี่ไม่เคยเห็น’

‘...’

‘ในสายตาพ่อแม่ ต่อให้โตแค่ไหน เราก็ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ ไม่มีใครอยากให้พี่รู้ รอให้พี่เรียนจบก่อนค่อยบอก จนวันนึงที่พี่ไปเห็นเองที่บริษัทของพ่อนั่นแหละ แม่ถึงเล่าให้ฟัง แล้วอะไรๆ ก็แย่ไปหมด’

‘...’

‘คนเราน่ะ หมดรักกันได้ด้วยเหรอ ในเมื่อแต่งงานกันแล้ว สร้างครอบครัวมาด้วยกันตั้งนาน ทำไมถึงไม่อยู่ด้วยกันตลอดไปล่ะ ในหัวพี่มีแต่คำถาม จนบางทีก็รู้สึกว่าเรายังไม่โตเหมือนที่พ่อแม่คิดจริงๆ นั่นแหละ พี่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนที่ทำให้พ่อกับแม่กลับมารักกันได้ พยายามคุยทุกวิถีทาง แต่พวกท่านแยกกันอยู่ไปแล้ว ตัดสินใจไปแล้ว และนัดวันหย่าเอาไว้แล้ว พี่เปลี่ยนอะไรไม่ได้เลย’

‘...’

‘พ่อมีแฟนใหม่แล้ว พี่เคยตามไปดู...ดูมีความสุขกับคนคนนั้นมากเลย มีความสุขกว่าตอนอยู่กับแม่อีก จนวันนี้ภาพที่เห็นยังติดตาอยู่เลย ลบยังไงก็ลบไม่ออก ไม่รู้ว่าพ่ออยากทำให้พี่ดีขึ้นกับเรื่องตรงนี้หรือเปล่า พ่อถึงพยายามขอให้พี่ไปอยู่กับพ่อหลังหย่ากับแม่เสร็จ แน่นอนว่าแม่ไม่มีทางยอม’

‘คุณน้าไม่ยอม...เพราะแบบนี้เลยมีปัญหาเรื่องเงินเหรอครับ’

‘อื้อ...’

‘เล่าต่อได้มั้ย มีอะไร เก็บเรื่องไหนไว้ก็เล่าออกมาเลย’

‘...’

‘พี่เมืองอย่าเก็บไว้คนเดียวเลยนะ’

‘...’

‘...’

‘หลังจากนั้นพ่อก็ไม่กลับมาบ้านอีกเลย’

‘...’

‘พ่อประชดแม่โดยการไม่ส่งค่าใช้จ่ายอะไรมาจนกว่าแม่จะยอมให้พี่ไปอยู่กับพ่อ เมื่อก่อนพวกท่านรับผิดชอบร่วมกัน แต่พอตัดขาด ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของแม่ พี่ก็เลยทำงานเยอะๆ เพื่อเอาเงินมาจ่ายแทนแม่ แล้วก็ขอให้แม่เก็บเงินไว้ใช้ในอนาคตที่ไม่รู้จะเป็นยังไงแทน’

‘...’

‘หลังจากขายรถ พี่ก็เพิ่งมารู้ว่าพ่อไม่ยอมจ่ายค่าผ่อนบ้านด้วย เราค้างไว้หลายเดือนแล้ว รวมแล้วก็เยอะเหมือนกัน พี่กับแม่ก็เลยคิดว่าถ้าเราย้ายไปอยู่ที่อื่นที่ใช้เงินน้อยกว่านี้ ก็คงลดปัญหาได้อีกหน่อย’

‘แล้วพ่อพี่เมืองยอมมั้ย’

‘ไม่รู้สิ’

‘...’

‘ไม่อยากใช้คำว่าทิ้ง แต่พ่อก็เหมือนทิ้งเราไปจริงๆ วันนั้นที่บอกว่าไปหาพ่อ พี่ดีใจมากเลยนะ แต่พ่อก็เอาแต่พูดเรื่องที่ให้พี่เลือกเขาหลังหย่ากับแม่ จนพี่ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว’

‘ถามอะไรหน่อยสิ’

‘ว่าไง’

‘ชื่อเพจพี่เมือง ได้มาจากพ่อเหรอครับ ผมเพิ่งเห็นคำนี้บนกรอบรูปตรงหน้าทีวี’

‘ใช่ พ่อเขียน Charming Boy ใส่อัลบั้มรูปของพี่ตอนเด็กๆ ทุกหน้า พี่ชอบ ก็เลยเอามาใส่เป็นชื่อเพจ แต่เดี๋ยวจะเอาออกแล้วล่ะ’

‘...’

’คนที่เป็นฮีโร่ของเรามาทั้งชีวิต ทำไมจู่ๆ ถึงกลายเป็นคนที่ทำให้เราเสียใจที่สุดก็ไม่รู้’

เมืองน้ำไม่เล่าต่ออีกเลยหลังจากนั้น เป็นคำถามที่พูดกับตัวเองมากกว่าต้องการคำตอบจากคนฟัง เวลาล่วงเลยมากว่าสิบนาทีแล้ว ร้อยเอกเองก็หมดข้อสงสัยในสิ่งที่อยากรู้ เขาคิดว่าสิ่งที่คนตัวเล็กเล่ามามันเพียงพอที่จะไขข้อสงสัยในใจของเขาทั้งหมด

เพราะแบบนี้พี่เมืองถึงต้องทำงานหนัก

เพราะแบบนี้ถึงไม่เห็นคุณอามาหลายเดือน

เพราะแบบนี้พี่เมืองถึงอยากย้ายบ้าน

เมืองน้ำเอาทุกเรื่องแบกไว้บนบ่า แต่ตัวเล็กแค่นี้เอง แบกไหวได้ไงนะ ถ้าเป็นเขา ต่อให้โตแค่ไหน ก็ทำใจเรื่องพ่อแม่เลิกกันในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ได้อยู่ดี

เก่งจริงๆ ลูกหมาของร้อยเอกเนี่ย

“ผมไปหาอะไรให้ดื่มนะ”

ใบหน้าขาวที่ดูผ่อนคลายมากขึ้นขยับตอบรับช้าๆ มองคนตัวสูงที่ลุกจากโซฟา ก้าวไปยังห้องครัวจนแผ่นหลังกว้างลับหายไป ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กและเสียงกดน้ำร้อนดังจากตรงนั้น แค่ไม่กี่นาทีเด็กที่นั่งฟังเมืองน้ำอย่างใจเย็นก็เดินกลับมาพร้อมแก้วนมอุ่นๆ

“ดื่มก่อน จะได้หายหนาว”

ที่จริงก็ไม่หนาวเท่าไหร่ ตั้งแต่ให้ร้อยเอกเอารถเข้ามาจอดในบ้าน พามานั่งในห้องนั่งเล่นเพื่อระบายเรื่องตัวเอง ยังไม่เปิดแอร์เลยด้วยซ้ำ ความเย็นที่ได้มาจากฝนที่ตกไม่หยุด และเมืองน้ำคิดว่าแอร์ในรถร้อยเอกน่ะหนาวยิ่งกว่าอากาศตอนนี้เสียอีก

แต่ร้อยเอกอุตส่าห์ชงนมมาให้เลยนะ เมืองน้ำจะไม่ขัดอะไรแล้วกัน

“ขอบคุณครับ หายหนาวขึ้นเยอะ”

ร้อยเอกยิ้มจางๆ พร้อมนั่งลงที่เดิม ตำแหน่งข้างกายเจ้าของบ้าน มองริมฝีปากสีธรรมชาติที่เปื้อนคราบนมแล้วยิ้มออกมาอีกรอบ

เหมือนเด็กสิบขวบจริงๆ

“สบายใจมากขึ้นด้วย ถ้าไม่มีร้อยเอก พี่คงไม่รู้จะไประบายกับใคร” เมืองน้ำวางแก้วนมลงบนโต๊ะด้านหน้าโซฟา

“ไม่เป็นไร ผมเต็มใจฟังนะ ต่อไปนี้ถ้าพี่เมืองเครียดเรื่องไหน ก็อย่าเก็บไว้คนเดียว”

“รู้แล้วๆ ไม่เก็บไว้คนเดียวแล้ว จะเล่าให้ฟังทุกอย่างเลย”

“น่ารัก”

“…?”

“หมายถึงลายแก้วนมพี่อ่ะ น่ารักดี”

คนฟังร้องอ้อเบาๆ ส่วนคนหลุดปากพูดได้แต่ทำเป็นมองแก้วนมเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในคำแก้ตัว

ถึงจะบอกว่าชมลายบนแก้วนมก็เถอะ แต่ความรู้สึกบางอย่างก็บอกเมืองน้ำซ้ำๆ ว่าอย่าเชื่อร้อยเอกเรื่องนี้ คนอย่างร้อยเอกน่ะเหรอ จะชมแก้วมัคที่มีการ์ตูนง่ายๆ สกรีนไว้บนแก้ว

แต่ลายนี้...ก็น่ารักจริงๆ นะ

“พี่เมือง”

ดวงตาสองคู่กลับมาสบกันอีกครั้ง เป็นเมืองน้ำเองที่ลดสายตามองมือแกร่งที่เคลื่อนมาจับมือของตัวเองไว้ ร้อยเอกจับไว้หลวมๆ ชั่งใจหลายวินาทีก่อนจะกระชับแรงบีบ

“ผมอยู่ตรงนี้นะ”

“อะไรเหรอ”

“ก็บอกว่าผมอยู่ตรงนี้ไง”

“รู้แล้วว่าอยู่ตรงนี้ แต่ช่วยขยายความหน่อยได้มั้ย พี่ไม่เข้าใจร้อยเลย”

ร้อยเอกไม่ยกมือบางออกไปวางบนตักของเขา ทำเพียงเพิ่มแรงบีบเมื่อได้ยินเมืองน้ำพูดออกมา

“ผมใช้คำซึ้งๆ ไม่เก่ง แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

“…”

“พี่เมืองยังมีน้องชายข้างบ้านที่เป็นคู่กัดตลอดกาลคนนี้นะ”

รู้มั้ยว่าเมืองน้ำชอบร้อยเอกตรงไหนที่สุด

ตรงนี้ไง...ตรงที่ไม่ว่าชีวิตจะเจอสถานการณ์แบบไหน ไม่ว่าร้ายหรือดี จะเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้อง ก็จะมีเด็กคนนี้วนเวียนอยู่ในชีวิตตลอด

อยากขอบคุณซ้ำๆ อยากให้ร้อยเอกรู้ว่ามีความสุขแค่ไหนที่ความสัมพันธ์ของเรามาถึงจุดนี้ได้

“นี่”

“ครับ”

“รู้มั้ยว่าทำไมร้อยเอกถึงสำคัญเท่าคนที่พี่ชอบ แล้วทำไมถึงสำคัญกว่าคนที่พี่ชอบไม่ได้”

“ผมไม่รู้ แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย”

“ทำไมล่ะ”

“ก็ไม่อยากสำคัญน้อยกว่าคนที่พี่เมืองชอบไง”

เมืองน้ำน่ะ...ชอบร้อยเอกมากจริงๆ

“แล้วร้อยเอกไม่คิดเหรอว่าสองคนนี้...”

“…”

“เป็นคนเดียวกัน”

ชอบจนรู้สึกว่าปล่อยให้ช่วงเวลาแบบนี้ผ่านไปไม่ได้แล้ว

“พี่เมืองอย่าพูดบ้าๆ นะ”

เมืองน้ำเคยคิดว่าการบอกชอบร้อยเอกเป็นเรื่องอันตรายที่สุดในชีวิต เป็นความเสี่ยงที่ผลลัพธ์มีแต่เสียกับเสีย ถึงเราจะไม่ทะเลาะกันแล้ว แต่การที่เมืองน้ำไม่ตรงสเป็กร้อยเอกเอาเสียเลยก็เป็นเรื่องยากที่อีกฝ่ายจะรู้สึกเหมือนกัน

และเมืองน้ำก็ไม่เก่งถึงขั้นเดาใจใครออกทั้งหมด แต่การที่ร้อยเอกอยากสำคัญกว่าคนที่เมืองน้ำชอบ ก็ช่วยทำให้เมืองน้ำอยากจะลองเข้าข้างตัวเองสักครั้ง

“พี่ไม่ได้พูดบ้าๆ พี่พูดความจริง”

“พี่เมือง”

“พี่ชอบร้อยเอกจริงๆ นะ ชอบมากเลย ชอบตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้”

“เฮ้ยพี่ ผมไม่ตลก”

“พี่ก็ไม่ตลก”

“…”

“พี่ชอบร้อยจริงๆ”

“แป๊บนะ”

มันควรจะมีผลลัพธ์อยู่สองทางคือสมหวังกับไม่สมหวัง ซึ่งเมืองน้ำก็โอเคถ้าอีกคนจะตอบกลับมาตรงๆ ว่าไม่คิดอะไรด้วย เพราะที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้มาตลอด แค่ครั้งนี้อยากลองเข้าข้างตัวเอง ก็เลยบอกออกไปตรงๆ

ทำไม...

ทำไมร้อยเอกถึงขอตัววิ่งออกไปหน้าบ้าน แล้วตะโกนลั่นสู้เสียงฝนอย่างนั้นล่ะ

“ดีใจโว้ยยย!!!”

คนตัวสูงใจเต้นเหมือนมันจะหลุดออกจากร่าง ทุกคำที่พี่เมืองพูดมาเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย และดูเหมือนเป็นความฝันด้วยซ้ำ แต่ร้อยเอกทดลองหยิกแขนตัวเองดูแล้ว นี่ไม่ใช่ความฝัน เพราะตั้งตัวไม่ทัน เลยวิ่งออกมาสงบสติอารมณ์ด้านนอก

พอตั้งสติได้ก็รีบยกมือปิดปากตัวเอง เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเผลอตะโกนออกไปอย่างน่าอาย และยิ่งอายเมื่อตัดสินใจเดินกลับเข้าไปด้านในแล้วเห็นว่าเมืองน้ำกำลังมองเขาอยู่

ต้องเป็นฉากระบายความในใจที่จบด้วยความซึ้ง ไม่ใช่ฉากโดนสารภาพรักจากคนที่เคยทำให้เศร้าจนถึงขั้นไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ เพราะเข้าใจว่าอีกคนชอบคนอื่นแบบนี้สิ

โง่มากร้อยเอก

สมแล้วที่โดนมาวินด่า

“เอ่อ...”

ฉิบหาย!

พี่เมืองแก้มแดงโคตรน่ารัก

“ผม…”

เอาว่ะร้อยเอก ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว สารภาพรักกลับไปเลย อย่ามัวแต่พูดติดอ่าง พูดออกไปสิ

“ผมก็…”

“…”

“ผมก็ชอบพี่เมือง...”

ปี๊นนนน! ปี๊นนนน!

ไม่ใช่แค่ร้อยเอกคนเดียวหรอกที่ใจเต้นเหมือนจะหลุดออกจากร่าง เมืองน้ำที่ฟังประโยคเมื่อกี้ทันก่อนเสียงแตรรถจะดังจากรั้วบ้านก็ตกใจไม่ต่างกัน

เมืองน้ำจำได้ดีว่าเป็นรถของแม่ ทำให้สติที่กระเจิดกระเจิงค่อยๆ หวนกลับ บทสนทนาที่ควรมีมากกว่านี้ชะงักกลางคันทันทีเมื่อเจ้าของบ้านอีกคนบีบแตรซ้ำ

“พี่...ไปเปิดรั้วให้แม่ก่อนนะ”

“ครับ”

เขินจะตายแล้ว อย่าใช้น้ำเสียงอย่างนั้นสิ

คนตัวเล็กรีบเดินไปกดรีโมทเพื่อเปิดรั้วบ้านให้ผู้เป็นแม่ สวมรองเท้าและเดินออกไปพร้อมร่มคันใหญ่ แม้ถูกหยาดฝนลดความชัดเจนลงไปบ้าง แต่เมืองน้ำก็เห็นแววตาแปลกใจตอนท่านเจอรถร้อยเอกจอดอยู่ก่อนแล้ว

นิรดามองลูกคนเดียวของเธอด้วยความไม่เข้าใจ ยิ่งเห็นเด็กตัวสูงที่เดินตามหลังเมืองน้ำออกมายิ่งหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมเด็กๆ ที่ไม่เคยญาติดีถึงพร้อมหน้าพร้อมตาอยู่ในบ้านของเธอได้

มีอะไรเกิดขึ้นตอนเธอไม่อยู่งั้นเหรอ

“เมืองน้ำ”

“ครับแม่”

“เป็นอะไร แก้มแดงเชียว ไม่สบายเหรอ”

“เปล่าครับ” แก้มกลมๆ ขยับไหวตอนเมืองน้ำส่ายหน้าปฏิเสธ

“ทำไมร้อยเอกอยู่ที่นี่ล่ะลูก”

“เรื่องมันยาวครับ เข้าบ้านกันดีกว่า”

เมืองน้ำพรูลมหายใจเมื่อนิรดาเปลี่ยนความสนใจมาที่ของฝากตรงเบาะหลัง ร้อยเอกอาสาเป็นคนช่วยยกของทั้งหมด คนตัวเล็กที่คิดว่าจะเดินตามแม่เข้าบ้านเลยต้องรับหน้าที่กางร่มให้เด็กดีก่อน

พออยู่ด้วยกันสองคน เหตุการณ์ชวนใจเต้นก็ฉายซ้ำอีกจนได้

“ไม่มีอะไรแล้วนะ”

“อือ หมดแล้วแหละ เข้าบ้านกันดีกว่า” ก้าวถอยเพื่อให้คนตัวสูงที่ถือถุงของฝากเต็มไม้เต็มมือยืนได้ถนัด

“พี่เมือง”

“อะไร”

“เสียงเข้มว่ะ ไม่เห็นเหมือนตอนบอกว่าชอบผมเลย”

“ร้อยเอก!”

ร้อยเอกหลุดขำกับท่าทีน่าหยิกของคนตรงหน้า เมืองน้ำอยากเอามือฟาดเขาเต็มแก่ เห็นแค่นี้ก็พอดูออก แต่ครั้งนี้ เขามั่นใจว่าตัวเองรอด เมืองน้ำจะไม่กล้าทำอะไรเขาแน่ๆ

“ยิ้มเยอะๆ เลยนะครับ ร้อยชอบเห็นพี่เมืองมีความสุข”

“พี่ก็ชอบตอนร้อยแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นเหมือนกัน น่ารักดี”

“ให้พี่เมืองน่ารักไปคนเดียวเถอะ แค่นี้ก็ไม่เหลือให้คนทั้งโลกละ”

“พอแล้ว”

“…”

“หยุดทำหน้าระรื่นด้วย เข้าบ้านเดี๋ยวนี้เลย”

“คร้าบบ~”

บอกแล้วไงว่าเมืองน้ำไม่กล้าทำอะไร เพราะแค่นี้ก็เขินจนไม่เหลือแรงมาเถียงกับเขาแล้วล่ะ

ได้แต่หวังว่าหลังจากนี้เมืองน้ำจะมีความสุขในทุกครั้งที่อยู่กับเขา และหยุดเครียดกับปัญหาภายในครอบครัวที่กำลังเกิดขึ้นสักที

มีเขาอยู่ตรงนี้ และเขาจะเป็นความสบายใจให้เมืองน้ำเอง



(⺣◡⺣)♡*



พ่อกับแม่ออกกองต่างจังหวัดหลายวัน ส่วนสิบเอกต้องไปดูโชว์ไอซ์สเก็ทซ์ที่สยาม พี่ชายคนโตอย่างพันเอกที่สัญญากับน้องว่าจะพาไปเลยให้น้องไปอยู่ที่คอนโด เพราะต้องอยู่บ้านคนเดียว เลยต้องฝากท้องไว้กับบ้านเมืองน้ำ

มื้อเย็นจบลงตอนสองทุ่มเศษ เขาไม่มีโอกาสได้คุยกับเมืองน้ำมากนัก คนตัวเล็กช่วยแม่ขนของในรถเข้าบ้าน ร้อยเอกจึงอาสาช่วยอีกแรง

เขาได้ขนมกลับมาบ้านหนึ่งถุง คุณน้าบอกว่าพี่เมืองเป็นคนฝากซื้อ เจาะจงใส่ชื่อร้อยเอกต่อท้ายขนมยี่ห้อนี้เลยทีเดียว ยิ่งทำให้เขาเอาแต่ยิ้มเหมือนคนไม่มีสติ พอให้อาหารเจ้าแก้บนเสร็จ ก็รีบวิ่งขึ้นห้องไปแกะขนมกินทันที

เหมือนคนบ้า แต่ไม่ใช่ ร้อยเอกเป็นคนอินเลิฟต่างหาก

ใครจะคิดว่าพี่เมืองก็ชอบเขาเหมือนกัน

เห้อ...

ไม่เคยมีความสุขเท่านี้มาก่อน



101 :
ตื่นยังจ๊ะ


วันนี้เขาตื่นเช้า ลุกมาแต่งตัวตั้งแต่เก้าโมง เมืองน้ำบอกว่าต้องไปถ่ายโฆษณาที่ภานุรักษ์ติดต่อไว้เมื่อเดือนก่อน อยากให้ยกเลิกใจจะขาด แต่เพราะทำอย่างนั้นไม่ได้ เมืองน้ำเลยขอให้เขาไปเป็นเพื่อน

ได้ยินชื่อนี้แล้วเลือดในกายมันร้อนขึ้นมา ไม่ต้องเอ่ยขอก็เต็มใจไปด้วยอยู่แล้ว


101 :
ตื่นยังจ๊ะคลตัลล้าค


ไม่ได้หรอก ให้พี่เมืองเจอรุ่นพี่ขี้หลีบ่อยๆ ไม่ได้

เขาหึง


101 :
โถ่ อ่านแล้วก็ไม่ตอบ น้อยใจนะ


m.nam ☆° :
พิมพ์ดีๆ ก่อนสิ
แล้วจะตอบ


101 :
ดีๆ


m.nam ☆° :
ขอนุยาดกดตุ่มบล็อกเด้อ


101 :
พี่เมือง!


m.nam ☆° :
หยอกๆ
เห็นพิมพ์งี้แล้วขนลุกอ่ะ กลับมาเป็นร้อยเอกคนเดิมเถอะ


101 :
ร้อยเอกคนเดิมก็คือร้อยเอกที่พี่เมืองไม่ชอบอ่ะ
อยากเป็นร้อยเอกคนนี้ที่พี่เมืองชอบ
ได้ป้ะ


m.nam ☆° :
ไม่อยากคุยแล้ว


101 :
เขินอ่ะเด้


m.nam ☆° :
เกลียด!!!


101 :
อย่าเกลียดผมเลย ;-;
ชอบผมดีกว่า อิอิ
พี่เมืองก็ทำทุกอย่างให้เหมือนเดิมก่อนสิ
เหมือนที่เราเคยทำไง ทะเลาะกันทุกวันอะไรแบบนี้


m.nam ☆° :
มันจะเหมือนเดิมได้ไง
ไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้วร้อยเอก


101 :
เหมือนที่พี่ไม่ได้รู้สึกกับผมเหมือนเดิมใช่ป้ะ


m.nam ☆° :
ไปกินดินเหอะ


101 :
ไปกินดิน = ชอบร้อยเอกมาก


m.nam ☆° :
ประสาท!


101 :
ชื่นใจจัง


m.nam ☆° :
เลิกกวนได้แล้วววว
ถ้ายังกวนอยู่ พี่จะฟ้องมาวินนะ


101 :
ฟ้องเล้ย
นี่มันดีใจมากเลยนะที่ผมหายโง่สักที
มันอยากไปฉลองด้วย


m.nam ☆° :
ไปฉลองที่ไหนอ่ะ มีของกินมั้ย
อยากกินบุฟเฟ่ต์อีกๆ


101 :
พูดถึงของกินแล้วสนใจขึ้นมาเลยนะ
หวงว่ะ
#เมืองน้ำพุงแตก


m.nam ☆° :
block na krab nong’Ek
( ̄^ ̄)


เห็นคำว่าน้องเอกแล้วอยากบล็อกเหมือนกัน ถ้าไม่ติดว่าคนใช้เป็นเมืองน้ำ ร้อยเอกคงไม่ปล่อยผ่านขนาดนี้

นี่พี่เมือง...

กลายเป็นข้อยกเว้นสำหรับคำนี้ไปซะแล้ว

ร้อยเอกที่สวมกางเกงขายาวตัวเดียวและเปลือยท่อนบนเดินไปนั่งลงบนเตียง ตำแหน่งที่มองเห็นห้องตรงข้ามได้ถนัด วางโทรศัพท์ไว้ด้านข้าง ยันร่างกายโดยพาดแขนไปด้านหลัง ทอดสายตามองระเบียงฝั่งตรงข้าม

ก่อนยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าคนที่เปิดม่านออกจนหมดตกใจกับสภาพเปลือยท่อนบนของเขาจนต้องดึงม่านปิดอีกครั้ง

ทำเป็นเขินไปได้ ไม่เห็นโป๊สักหน่อย

ร้อยเอกใส่ชั้นในตัวเดียวเดินทั่วห้อง เมืองน้ำยังเห็นมาแล้ว

สงสัยคราวหน้าต้องถอดให้หมด จะได้รู้ว่าเมืองน้ำมีอาการยังไง

เพราะแค่ถอดเสื้อยังน่าเอ็นดูขนาดนี้เลย



(⺣◡⺣)♡*

มีต่อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-11-2018 14:26:22 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ต่อ

.
.


เมืองน้ำขยี้ตากับภาพกึ่งเปลือยของร้อยเอกตั้งหลายรอบ อุณหภูมิบนแก้มร้อนขึ้นทุกทีที่คิด กว่าจะหยุดนึกถึงตอนที่เปิดม่านไปเจอแจ็คพ็อตในห้องฝั่งตรงข้าม ก็หลายชั่วโมงอยู่เหมือนกัน

คำขู่ที่ว่าจะบล็อกถ้าหากร้อยเอกยังไม่เลิกพิมพ์ข้อความกวนๆ ให้คนอ่านควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจไม่ได้ สุดท้ายก็เป็นคำขู่ที่ไร้ความหมาย นอกจากไม่ยอมทำตามแล้ว ร้อยเอกยังเพิ่มความกวนด้วยการพิมพ์แกล้งเมืองนำ้ไม่หยุดอีกด้วย

เมืองน้ำไม่เคยคิดเลยว่าเราจะใจตรงกัน ได้แต่หวังเล็กๆ และคิดว่าความหวังนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะงั้นเรื่องที่ร้อยเอกบอกว่าชอบเมืองน้ำ บางครั้งก็ทำให้เมืองน้ำทำตัวไม่ถูก

“ดูดีแล้ว ไม่ต้องส่องกระจกแล้วครับ”

อย่างเช่นครั้งนี้

“มานั่งได้แล้ว เดินไปเดินมาเมื่อยขาเปล่าๆ”

ร้อยเอกพูดพลางตบที่ว่างข้างกายเบาๆ ส่งสายตาแกมบังคับมาให้คนตัวเล็กที่กำลังเช็กความเรียบร้อยของชุดที่ใส่เพื่อถ่ายโฆษณาซีนแรกเดินมานั่งข้างเขา ริมฝีปากนุ่มบิดเบี้ยวราวเด็กถูกขัดใจ แต่ก็ยอมทำตามที่อีกคนบอก

“เอากำลังใจมั้ย จะได้มีแรงทำงาน”

ไม่ชินกับความอบอุ่นของร้อยเอกเลย...

“พี่เมือง เงียบทำไมเนี่ย”

“เปล่าๆ เอากำลังใจด้วยก็ได้”

คนฟังวาดยิ้ม เป็นยิ้มที่เล่นเอาใจเมืองน้ำเต้นรัวอีกรอบ จะบอกอีกครั้ง ย้ำซ้ำๆ ว่ายังไม่ชิน เมื่อก่อนยังมีคำว่าคู่กัดเป็นกำแพงคั่นกลางระหว่างเราไว้ แต่ตอนนี้...ไม่รู้ เมืองน้ำไม่รู้อะไรทั้งนั้น

ก็ยังเป็นคู่กัดนั่นแหละ แค่เป็นคู่กัดที่ดันชอบกันขึ้นมา

นี่ไง แค่พูดก็อยากสลายตัวเป็นผงต่อหน้าร้อยเอกให้รู้แล้วรู้รอด

“อ่ะ กำลังใจ” ร้อยเอกแตะมือบนอกข้างซ้าย กดลงไป แล้วนำมือข้างนั้นมาแตะบนไหล่เล็กเบาๆ สองที “สู้ๆ พี่เมืองเก่งอยู่แล้ว ถ่ายแป๊บเดียวก็เสร็จ”

“ขอบคุณนะ”

“สามร้อย”

“ไอ้บ้า”

“เอ้าพี่ ของฟรีไม่มีในโลกมั้ย”

ก็ใช่ ของฟรีไม่มีในโลก แต่เก็บเงินค่ากำลังใจกันแบบนี้ น่าเอามือฟาดแรงๆ

ถึงจะโดนกวนประสาท แต่เมืองน้ำก็ยังไม่ถอนคำพูดที่บอกว่าร้อยเอกอบอุ่นหรอกนะ จะบ้าตายแล้ว เดี๋ยวชอบเดี๋ยวหมั่นไส้ รู้สึกสับสนจนบอกไม่ถูก

“ไปทำงานเถอะครับ ผมจะออกไปรอข้างนอกแล้ว อยู่ในนี้นานๆ กลัวได้หาเรื่องคน”

ร้อยเอกหมายถึงภานุรักษ์ เจ้าของสตูดิโอที่ย้ำกับเขาสามรอบแล้วว่าคนนอกห้ามเข้าไปในพื้นที่ทำงาน ถ้าอยากรอก็ให้ไปรอข้างนอก ห้ามเข้ามาด้านในโดยไม่ได้รับอนุญาต เขาได้ยินประโยคแนวนี้ตั้งแต่มาถึง และเข้ามารอเมืองน้ำในห้องแต่งตัว

“อย่าอารมณ์ร้อนสิร้อยเอก ใจเย็นๆ”

“บอกเฉยๆ ยังไม่ได้หงุดหงิดเลย”

“แต่กำลังจะหงุดหงิด”

“ก็มันน่าหงุดหงิดมั้ยล่ะ”

แต่เห็นหน้าตาน่ารักของพี่เมืองแล้วความขุ่นเคืองก็หายไปซะดื้อๆ

ร้อยเอกโดนขมวดคิ้วใส่ก่อนเมืองน้ำจะถูกเรียกตัวให้ไปเตรียมพร้อม เขาออกมารอด้านนอก ก่อนเดินเข้าไปเห็นมีม้านั่งตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ แต่โชคไม่ดีที่ตรงนั้นโดนแดดสาดเข้ามาจนนั่งไม่ได้ นอกนั้นก็ไม่มีที่นั่งว่าง จะขับรถออกไปเดินเล่นในห้างแถวนี้ก็ไม่กล้าทิ้งให้เมืองน้ำอยู่คนเดียว

อีกหลายชั่วโมงกว่าจะเสร็จ นั่งเล่นเกมตรงเก้าอี้หน้าห้องน้ำก็แล้วกัน

“ไม่เห็นรู้เลยว่าคุณรักษ์คือพี่ใหญ่”

มือที่หยิบเครื่องมือสื่อสารจากกระเป๋ากางเกงชะงักค้าง ร้อยเอกรีบกดกลับมาหน้าโฮมก่อนเสียงในเกมจะดังประสานกับเสียงแปลกๆ ในห้องน้ำชาย เขารีบปิดเสียงโทรศัพท์ และตั้งใจฟัง

“ทำไมล่ะ แปลกใจเหรอ พี่ก็ไม่คิดว่าเราจะเป็นเด็กที่พี่เล็งไว้เหมือนกัน”

“แปลกใจสิครับ ก็ในทวิตพี่ใหญ่ดังจะตาย”

ร้อยเอกก้าวไปยังประตูห้องน้ำที่ปิดไม่สนิท เหลือช่องว่างแคบๆ ให้พอมองเห็นด้านในได้ แววตาแฝงความสงสัยเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าคนด้านในคือมารหัวใจอันดับหนึ่งของเขา

ภานุรักษ์...กับใครสักคน

ห้อยป้ายพนักงาน น่าจะเป็นคนของที่นี่

“ไม่ได้ดังขนาดนั้นหรอก แค่มีเข้ามาเรื่อยๆ”

“ดังสิ ไม่มีใครไม่รู้จักพี่ใหญ่เก้านิ้วหรอกครับ”

“เด็กเว่อร์”

อะไรวะเนี่ย...

“ไม่ไปล็อกประตูเหรอครับ เดี๋ยวคนมาเห็น”

“ตรงนี้ห้องน้ำส่วนตัว คนอื่นทำงานแล้ว ไม่มีใครเดินมาเห็นเราหรอก”

“อึก...ไปล็อกประตูก่อนครับ”

ก่อนจะรู้ว่าพี่ใหญ่เก้านิ้วคืออะไร ร้อยเอกควรพาตัวเองออกจากตรงนี้ เดินไปทางไหนก็ได้ที่จะพ้นภาพเรทอาร์จากคนทั้งคู่ ยืนมองต่อไปคงได้เห็นหนังโป๊จากคนทั้งคู่แน่ๆ

ร้อยเอกเดินมาหลบแสงแดดตรงโขดหินใต้ต้นไม้ในลานจอดรถ คงเป็นพื้นที่ที่ไกลที่สุดในตอนนี้แล้ว จะบ้าตาย ลมเย็นๆ ที่พัดผ่านมาไม่ช่วยให้ภาพที่สองคนนั้นนัวเนียแทบเป็นหนึ่งเดียวเลือนรางลงได้เลย

“แม่งเอ๊ย”

ทำไมต้องมาเห็นคนกำลังจะฟีทเจอริ่งเบ่เบ๋กันด้วยวะ

คนตัวสูงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง ในเมื่อลบไม่ออก ก็ต้องสืบหาว่าชื่อที่เด็กอีกคนเรียกภานุรักษ์คืออะไร เขาจำได้แม่นกับคำว่าทวิต หมายถึงทวิตเตอร์เหรอ

ลองเสิร์ชดูหน่อยแล้วกัน


@touchmysexx กล่าวถึง @youcantfindmebitch : หวัดดีครับ พี่ใหญ่เก้านิ้ว
@touchmysexx กล่าวถึง @youcantfindmebitch : อยู่แถวไหนในกรุงเทพครับ
@touchmysexx กล่าวถึง @youcantfindmebitch : ชอบสดไม่สด
@touchmysexx กล่าวถึง @youcantfindmebitch : ผมอยู่จตุจักร


ผลลัพธ์ที่เจอทำเอาร้อยเอกขมวดคิ้ว เลื่อนดูซ้ำๆ เพราะเขาอาจจะค้นผิดคีย์เวิร์ดก็ได้ แต่ไม่เลย...นี่แหละถูกแล้ว แอ็กเคาต์ที่เจอคือสิ่งที่เขาตามหาจริงๆ

แต่นี่...ทำไมมีแต่รูปของสงวนกับคลิปตอนมีเซ็กส์

มาวินเคยพูดถึงแอ็กเคาต์ประเภทนี้ให้ฟัง เพื่อนรักของเขาเจอตอนเสิร์ชหางานทำส่งอาจารย์ และถ้าจำไม่ผิด บัญชีพวกนี้ คนในโซเชียลเรียกว่า...


พี่ใหญ่ 9”
@youcantfindmebitch
ข้อมูลส่วนตัว : หนีเมียมาเล่น แต่ปัจจุบันเลิกกับเมียแล้ว | ใหญ่มาก 9 นิ้ว | ใครอยากลองทัก DM | ซื้อคลิปเต็มแอดไลน์

@youcantfindmebitch
6 วันที่แล้ว
คิดถึงน้องคนนั้นจัง เมื่อไหร่จะได้แซ่บกับน้อง

@youcantfindmebitch
5 วันที่แล้ว
ขาว น่ารัก ตัวเล็ก สเป็กพี่ใหญ่

@youcantfindmebitch
4 วันที่แล้ว
เอว 25 ด้วย น้ำลายไหลละ อยากทำน้องแรงๆ เอาให้ช้ำจนเดินไม่ได้

@youcantfindmebitch
3 วันที่แล้ว
ใครอยากดูคลิปรอเลย รับประกันอีก 2 เดือนได้แน่ จัดสดชุดใหญ่ตามสไตล์พี่

@youcantfindmebitch
2 วันที่แล้ว
พรุ่งนี้ได้เจอน้องเค้าว่ะ ฮ่าๆ งานแฟชั่นโชว์

@youcantfindmebitch
1 วันที่แล้ว
ว้าา~ มากับคนใหม่ด้วย เสน่ห์แรงจริ๊ง

@youcantfindmebitch
วันนี้
ขาวมากจริงๆ ว่ะ หุ่นน่าเจี๊ยะสัส อย่างนี้ต้องโดนแรงๆ

.

.

.

แอคเค่อ



(⺣◡⺣)♡*
#ร้อยเมือง



เพิ่งว่างค่ะ แงง T^T
ผ่านเข้ามาแล้วผ่านไปจริงๆ นะคะ /)___(\

ปล. ได้แรงบันดาลใจบทพี่รักษ์มาจากตอนที่มีแอคเค่อติดแท็กนิยายเรื่องก่อนๆ มาค่ะ 555555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-10-2018 15:54:50 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
พี่เมืองต้องระวังตัวดีๆ
ร้อยเอกต้องกันอิพี่รักษ์นี้นะ

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ร้อยเอก triggered!!!  :m31:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ไม่คิดว่าจะบอกชอบกันแล้ว แต่ก็ซักที แงงงงงงง  :hao5:

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
14
จะดูแลอย่างดี




ร้อยเอกไม่ใช่เด็กไร้เดียงสา และไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องใต้สะดือ ผ่านมาเยอะเลยด้วย เรื่องของอารมณ์มันห้ามกันยาก แต่อย่างน้อยการมีเซ็กส์ในห้องน้ำบริษัทก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำไม่ใช่เหรอ

เขาเข้าใจนะ ทุกคนต้องมีด้านมืดในตัวเอง แต่ภานุรักษ์น่ะมืดเกินไปหรือเปล่า ภาพที่เขาเห็น ต่อให้เอาแอลกอฮอล์มาล้างก็คงลบภาพสยิวพวกนั้นไม่ได้หรอก ติดหนึบยิ่งกว่ากาวตราช้างเสียอีก

เหอะ...

ต่อหน้าทำเป็นอยากจีบเมืองน้ำ พยายามหว่านเสน่ห์ เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องที่เมืองน้ำต้องการได้ตรงจังหวะ ลับหลังหวังเคลมลูกเดียว คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ

ร้อยเอกอยากกลั้นใจตายไปซะเดี๋ยวนี้

“เสร็จแล้ววว”

แต่ก็ตายไม่ได้ เพราะยังต้องมีชีวิตเพื่อปกป้องเมืองน้ำจากมนุษย์แอคเค่ออย่างภานุรักษ์อยู่

“เสร็จเย็นมากเลย หิวมั้ย เดี๋ยวไปหาอะไรกินกัน”

“พี่เมืองอยากกินอะไร ผมกินได้หมด แล้วแต่เลย”

ร้อยเอกกัดฟันกรอด ข่มอารมณ์ขุ่นเคืองที่เดือดขึ้นเพียงเพราะเห็นเจ้าของสตูดิโอเปิดประตูเข้ามาเช็กงาน แค่เห็นก็นึกไปถึงข้อความแย่ๆ ที่ภานุรักษ์สื่อถึงเมืองน้ำ อยากเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อแล้วชกหน้าคนอายุมากกว่าแรงๆ พูดถึงเมืองน้ำกี่ทวีต ก็ต่อยกลับคืนเท่านั้น

แต่วิธีที่ว่าไม่ใช่ทางออกสำหรับเรื่องนี้ เขาไม่เชื่อว่าความรุนแรงจะขัดเกลาจิตใจหยาบกระด้างของใครได้

หนทางที่จะจัดการภานุรักษ์ มีไม่กี่วิธีหรอก และแน่นอน หลังจากพาเมืองน้ำไปส่งที่บ้านแล้ว เขาจะเริ่มจัดการทันที

“ช่วยกันคิดหน่อยดิ พี่คิดอะไรไม่ออกแล้ว เหนื่อยมากๆ เลยเนี่ย”

ร้อยเอกดึงความสนใจกลับมายังคนตัวเล็กที่นั่งลงด้านข้างเขา ใบหน้าขาวงอแงคล้ายจะสื่อว่าตัวเองเหนื่อยมากจริงๆ

มันเขี้ยว

“ขนาดนั้นเลย?”

“ใช่สิ คิดว่าพี่โกหกเหรอ”

“ผมเปล่านะ”

“เหรอๆๆ”

“เออดิ”

“พูดไม่เพราะเลยอ่ะร้อยเอก”

คนถูกดุถอนหายใจ โมโหภานุรักษ์ก็โมโห อยากบีบปากนุ่มๆ เพราะมันเขี้ยวก็อยากทำ เขาสับสนไปหมดแล้ว

ร้อยเอกอยากเข้ามาในสตูดิโอใจจะขาด กลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับเมืองน้ำ แต่เขาเข้ามาไม่ได้ เลยต้องนั่งบนโขดหินใกล้ลานจอดรถทั้งที่ความเป็นห่วงลอยทะลุกำแพงไปแล้ว แถมยังเจอแจ็คพ็อตตอนที่ภานุรักษ์เดินนำพนักงานคนนั้นไปที่รถเพื่อสานต่อเรื่องในห้องน้ำอีก

กระจกหนาทึบ มองไม่เห็นภาพด้านใน คนพวกนั้นถึงกล้ามีเซ็กส์กันในรถต่อ แต่รถที่โยกเป็นจังหวะเพราะกิจกรรมเร้าใจนั่นน่ะ ไม่กลัวใครเดินผ่านมาเห็นหรือไง

อืม…

แถวนั้นก็มีแค่ร้อยเอกคนเดียวนั่นแหละ


“ไปเปลี่ยนชุดสิครับ”

“รอทีมงานมาแจ้งเรื่องค่าตัวก่อนอ่ะ แล้วถึงจะไปเปลี่ยนชุดได้”

“น้องเมืองครับ...”

เหมือนตากระตุกยังไงไม่รู้

คนที่เดินเข้ามาหาเมืองน้ำควรเป็นทีมงานมากกว่าภานุรักษ์ รุ่นพี่ตัวโตระบายยิ้มเมื่อนายแบบตัวจิ๋วขานรับและลุกไปหา บทสนทนามีแต่เรื่องค่าตัว กำหนดโอนเงินที่ย้ำอีกรอบ และคำชมสุดเลี่ยนทำเอาร้อยเอกกลอกตา จังหวะรถโยกลอยเข้ามาในหัวเขาอีกแล้ว

ซวยสุดๆ เลยเว้ย

“แล้วเรื่องบ้านว่าไงครับเนี่ย เพื่อนพี่อยากเข้าไปดูบ้านแล้วนะ”

“เมืองยังไม่คุยกับแม่เลยครับ พอดีแม่เพิ่งกลับจากทำงาน เลยอยากให้แม่พักผ่อนก่อน”

“นานจัง”

เมืองน้ำยิ้มแห้งกับน้ำเสียงนุ่มที่เหมือนประชดประชัน ก้าวเท้าถอยเพื่อเว้นระยะห่างจากคนตรงหน้าที่พยายามจะลูบศีรษะของตน

หลบไม่พ้น ช้าเกินไปสำหรับการหว่านเสน่ห์

“ไม่เป็นไร ค่อยๆ คุยแล้วกันครับ ยังไงก็ไปดูบ้านหลังใหม่มา พี่ว่าโอกาสย้ายก็สูงแหละเนอะ”

ก็ใช่

แต่ว่านะ เรื่องนี้...เมืองน้ำไม่อยากให้พี่รักษ์พูดต่อหน้าร้อยเอกเลย ถ้าฟังไม่เพี้ยน ตอนถูกรุ่นพี่คนนี้ลูบหัว เหมือนได้ยินเสียงจิ๊ปากเบาๆ มั้ยนะ

“วันนี้กลับยังไง”

“กลับกับร้อยเอกครับ น้องมาเป็นเพื่อน”

“อ้อ ไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนแฟนเลยเนอะ”

“…”

“พี่นึกว่าเมืองน้ำจะคบกับอาจารย์พันเอกซะอีก เอ้ย ไม่ใช่สิ อาจารย์พันเอกไม่ใช่เรื่องจริง สิงหาใช่มั้ยที่เคยกิ๊กกัน”

“กลับบ้านกันเถอะพี่เมือง”

เมืองน้ำสะดุ้งกับการถูกดึงให้ก้าวไปอยู่ด้านหลัง ภาพของรุ่นพี่เปลี่ยนเป็นแผ่นหลังของเด็กตัวสูง ขนาดที่ทำให้มองไม่เห็นสีหน้าของภานุรักษ์ และความแข็งแรงที่มีมากกว่า

ร้อยเอกทำให้เมืองน้ำรู้สึกปลอดภัย

“รีบกลับจัง”

“มีธุระต้องทำต่อครับ”

“ไปเดทเหรอ นี่พี่หมดโอกาสจริงๆ แล้วสินะ”

ร้อยเอกยังยืนยันความคิดเดิม...เขาอยากชกหน้ารุ่นพี่คนนี้จริงๆ

“ที่จริง...”

“…”

“บางคนก็ไม่มีโอกาสตั้งแต่แรกแล้วมั้งครับ”

ร่างสูงกำหมัดแน่นในวินาทีที่เห็นภานุรักษ์ขมวดคิ้วใส่เขา อย่างที่คิดเลย แวดล้อมที่เต็มไปด้วยผู้คน หัวหน้าที่ต้องรักษาความเชื่อมั่นในตัวพนักงานจะไม่มีทางทำอะไรเขา

ร้อยเอกจ้องมองเรียบนิ่ง ได้สติอีกครั้งก็ตอนที่มือคู่เล็กดึงแขนเสื้อเขาเบาๆ กระซิบเสียงแผ่ว บอกว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนชุดแล้ว เพราะแบบนั้นเลยต้องปล่อยให้เมืองน้ำกล่าวลารุ่นพี่ตามมารยาท ก่อนจะแยกตัวออกมาเพื่อเข้าไปในห้องแต่งตัว

จริงสิ...ภานุรักษ์ขายคลิปด้วย

“ผมเข้าไปด้วยได้มั้ย”

เมืองน้ำที่หยิบกระเป๋าใส่เสื้อผ้า เตรียมตัวเดินเข้าห้องเปลี่ยนชุดมองคนตัวสูงด้วยความแปลกใจ ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ เมื่อจู่ๆ เจ้าของคำถามก็ก้าวไปยืนในห้องเปลี่ยนชุดก่อนได้คำตอบเสียอีก

“เข้ามาทำไม พี่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้านะ”

“ผมไม่มองพี่หรอก เดี๋ยวหันหลังให้ ไม่อยากให้พี่อยู่คนเดียว”

“พี่ไม่เป็นไรเลย ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนหรอก แค่เปลี่ยนชุดเอง”

“พี่เมืองรู้สึกแย่กับคำพูดพี่รักษ์”

“…”

“ผมเป็นห่วง ไม่อยากอยู่ห่างจากพี่เมืองเกินสามสิบเซ็นเลยครับ”

“เว่อร์แล้วๆ”

“มาเร็ว”

บอกเมืองน้ำไปตรงๆ คงรู้สึกแย่กว่าเดิม เอาไว้จัดการเสร็จค่อยเล่าทีเดียว เขาจะเล่าให้ฟังทุกอย่าง

ร้อยเอกกวาดมองทั่วห้อง ขณะที่อีกคนก้าวเข้ามาพร้อมกระเป๋าเป้ในอ้อมแขน เมืองน้ำเกี่ยวกระเป๋าไว้บนที่แขวน ก่อนจะร้องเหวอเมื่อถูกมือหนาจับให้หันไปยืนอีกทาง

“เปลี่ยนตรงนี้ เดี๋ยวผมหยิบชุดให้”

แม่งเอ๊ย...

“เมื่อเช้าพี่เปลี่ยนชุดในนี้ด้วยใช่มั้ย”

“ใช่ ทำไมเหรอ”

“เปล่า ถามเฉยๆ”

แม่งติดกล้องแอบถ่ายในห้องแต่งตัว

ไอ้เหี้ย...


“ร้อยเอกหยิบกางเกงให้หน่อย”

“ครับ” ร้อยเอกทำตามที่อีกคนบอก ยื่นกางเกงสีครีมให้คนด้านหลังโดยไม่หันมอง ในใจมีแต่คำสบถ หมัดอีกข้างก็กำแน่นจนไม่เหลือพื้นที่ว่าง

ถ้าไม่ยืนบังให้เมืองน้ำ ภานุรักษ์จะมีคลิปแอบถ่ายคนอื่นไปกี่คลิปแล้ว

“ร้อยเอก”

“ว่าไง”

“พี่กลัว”

“พี่เมืองกลัวอะไร”

“ที่เราไปไหนมาไหนด้วยกัน พี่กลัวคนอื่นจะคิดว่า...เพราะร้อยเอกรวย”

เรื่องนี้เขาก็เคยคิด และสารภาพเลยว่ารู้สึกผิดมากที่มองเมืองน้ำในแง่ร้าย

“ถ้าร้อยไม่โอเค ไม่ต้องไปรับไปส่งพี่ก็ได้”

“เรื่องไปรับไปส่ง เราคุยกันจบไปแล้วนะ”

“…”

“ร้อยเต็มใจ แล้วก็ไม่แคร์คนอื่นด้วย ไม่มีอะไรต้องแคร์”

“ร้อย...”

“ร้อยแคร์พี่เมืองคนเดียว”

ต่อให้คนล้านคนมาร้องไห้ใส่เขา ก็ไม่รู้สึกอะไร ไม่มีใครทำให้เป็นห่วงได้เท่าเมืองน้ำ

เห็นเมืองน้ำทำหน้าเศร้านิดเดียว แค่นั้นก็รู้สึกมากกว่าเห็นคนล้านคนมานั่งร้องไห้ข้างหน้าเขาแล้ว

“รีบเปลี่ยนชุดเถอะครับ ในนี้มันแคบ ปลอบพี่เมืองไม่ถนัดเลย”

“ขอบคุณนะ”

“ยินดีครับ”

อยากเล่นมุกให้กำลังใจแล้วเก็บเงินสามร้อยบาท แต่หลายสิ่งหลายอย่างที่วนเวียนอยู่ในหัวทำให้กวนประสาทไม่ออก

“ขาหมูมั้ย มีร้านเปิดใหม่แถวเยาวราช ถ้าอยากกินจะพาไป”

“กิน อยากกินขาหมู!”

“เร็วเชียว”

“แหะ...”

เมืองน้ำน่ะ...

ไม่สมควรถูกใครทำร้ายจริงๆ



(⺣◡⺣)♡*



เมืองน้ำใช้เวลาทั้งวันไปกับการทวนหนังสือเพื่อเตรียมสอบวิชาสุดท้าย ข้อเขียนสุดโหดของเมื่อวานทำเอาหมดแรงจนกลับมาเคลียร์งานต่อไม่ไหว เป็นคืนแรกในรอบหลายเดือนที่ได้นอนก่อนห้าทุ่ม แถมยังนอนเต็มอิ่มแบบสุดๆ เลยล่ะ

ส่วนหนึ่งที่ทำให้เข้านอนเร็ว ก็มาจากข้อความของเด็กบ้านติดกันนั่นแหละ

ร้อยเอกบอกให้เมืองน้ำไปอาบน้ำนอน หลังห้าทุ่มห้ามเปิดม่าน เปิดระเบียง หรือแม้แต่เปิดไฟ ไม่งั้นจะมานั่งเฝ้าจนกว่าจะหลับ เป็นความเว่อร์ที่รู้ดีว่าจะเว่อร์ได้มากกว่านี้ถ้าไม่ยอมทำตาม

พอรู้สึกตัวตื่นจากการนอนตอนเย็น เช็กข้อความในโทรศัพท์เสร็จ ก็เดินโซเซเข้าไปอาบน้ำ กลับออกมาพร้อมชุดนอน กินข้าวที่แม่ยกขึ้นมาเสิร์ฟ พร้อมยาแก้ปวดหัวอีกหนึ่งเม็ด ก่อนจะหลับอีกรอบโดยที่ร้อยเอกไม่ต้องส่งข้อความมาย้ำรอบสอง

หนังสือเรียนถูกวางลงเมื่อทวนถึงหน้าสุดท้าย ต่อไปเป็นช่วงเวลาของการเคลียร์งานตัดคลิปที่ยังทำไม่เสร็จ คนตัวเล็กอ้าปากหาว กะพริบเปลือกตาหนักๆ เพื่อปัดไล่ความง่วง ทว่าไม่ดีขึ้น เลยเดินมาทิ้งกายลงบนเตียงพร้อมคว้าโทรศัพท์ติดมือมาด้วย

อย่างที่คิดเลย มีข้อความจากร้อยเอก


101 :
ผมอยู่สยาม เอาอะไรมั้ย


m.nam ☆° :
อะไรอ่ะ
ไปเที่ยวไม่ชวนเลย


101 :
รู้เลยนะว่าหน้าหงิกอยู่


m.nam ☆° :
เอ๊ะๆๆๆ
มีตาทิพย์เหรอพ่อคุณ


101 :
ผมอ่ะยิ่งกว่าตาทิพย์อีกนะพี่เมือง



เห็นมั้ยล่ะ เรื่องเว่อร์ๆ ขอให้บอก ร้อยเอกเว่อร์ได้มากกว่าที่เมืองน้ำคิดอีกนะ



m.nam ☆° :
ฝากซื้อสายชาร์จโทรศัพท์หน่อย อันที่ใช้อยู่จะขาดแล้วอ่ะ
ว่าแต่ไปทำอะไรเหรอ


101 :
คิดถึงผมล่ะสิ


m.nam ☆° :
หลงตัวเองงงงง


101 :
หรือไม่จริง


m.nam ☆° :
จะเอาคำตอบแบบไหนอ่ะ
จริงก็ได้
เพราะไม่เห็นร้อยตั้งแต่เช้าหรอกนะ เลยคิดถึงอ่ะ


101 :
อ่ะๆ จะใช้เหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ให้เต็มที่
ยังไงปลายทางก็คือคิดถึงผมอยู่ดี



ไม่ใช่ร้อยเอกที่นึกสีหน้าเมืองน้ำออกคนเดียวหรอก คนทางนี้ก็พอเดาออกว่าอีกคนกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่

ถ้าอยู่ใกล้ๆ จะฟาดเข้าให้ หมั่นไส้ชะมัด



101 :
ผมมาทำธุระนิดหน่อย กลับเย็นๆ
ว่าจะซื้อเฟรนช์ฟรายส์ไปฝากพี่ด้วย


m.nam ☆° :
เอา


101 :
ยังไม่ถามเลยนะว่ากินมั้ย


m.nam ☆° :
อุ้ย
แต่ยังไงร้อยก็ต้องให้พี่กินอยู่แล้วอ่
รีบกลับมานะ
อยากกินเฟรนช์ฟรายส์


101 :
ไม่อยากเจอหน้าผมไวๆ บ้างเหรอ


m.nam☆° :
อย่าพูดอะไรเลี่ยนๆ ได้มั้ย พี่ขนลุกกกก


101 :
ไม่ได้!


m.nam☆° :
โอ๊ยยยย
รีบๆ กลับมา อยากเจอทั้งของกินทั้งคนซื้อของกินเลย
หิวแล้วว


101 :
แท็ก #พุงไม่แตกไม่ใช่เมืองน้ำ ติดเทรนด์แน่วันนี้



มีแฮชแท็กติดให้ตลอด ไม่รู้จะเคืองเพราะแต่ละแท็กที่คิดให้ล้อเรื่องกินของเมืองน้ำทั้งนั้น หรือเขินกับความเอาใจใส่ของร้อยเอกมากกว่ากัน

พอคิดดูแล้ว...ไอร้อนๆ บนแก้มก็แทนคำตอบได้ดีเลยนะ

เมืองน้ำสัมผัสกลับมาหน้าโฮม เมื่อเด็กตัวสูงขอไปทำธุระต่อ ห้องแชทล่าสุดเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทที่พักนี้คุยแต่เรื่องสอบ เรื่องฝึกงานในเทอมหน้า รวมถึงความสัมพันธ์ของเมืองน้ำกับร้อยเอก

มีแต่คนแปลกใจว่าทำไมคู่กัดที่เป็นเหมือนเส้นขนานถึงมาสนิทสนมกันได้

ไม่ใช่แค่คนอื่น จนถึงตอนนี้เมืองน้ำก็ยังหาเหตุผลไม่เจอ รู้แค่สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้...ดีที่สุดแล้ว


my dad :
จะมาหาก็มา แต่ไม่ต้องเอาแม่มานะ
พ่อไม่อยากเจอ


และคงดีกว่านี้ถ้าความรู้สึกแย่ๆ ไม่หวนกลับมาเพราะข้อความของพ่อ

วันนั้นที่ไปหา ท่านดูโกรธที่เมืองน้ำพยายามไม่พูดถึงเรื่องที่อยากให้ไปอยู่ด้วย บางครั้งก็ทำเสียงกร้าวใส่ มองตาแข็งเหมือนระงับอารมณ์ไม่ได้ ฮีโร่ผู้อบอุ่นและสร้างความเข้มแข็งให้เด็กคนหนึ่งเหมือนลาจากโลกใบนี้ไปแล้ว

พ่อไม่เหมือนเดิม ที่จริงต้องบอกว่าไม่มีใครเหมือนเดิมเลยต่างหาก

เป็นคนสร้างฟองสบู่สีรุ้งไว้รอบๆ ตัวเมืองน้ำ ปล่อยให้ฟองสบู่ก้อนนั้นลอยอยู่บนฟ้า บนโลกที่สวยงาม โลกที่มีแต่ความสุข แล้วก็เป็นตัวท่านเอง ที่เจาะฟองสบู่ที่ตัวเองสร้างไว้ให้ลูกจนแตกสลาย

เมืองน้ำตกลงมาในโลกแห่งความจริง โลกที่เห็นว่าพ่อกับแม่ไม่มีความรักต่อกันแล้ว

จากสีรุ้งก็เหลือเพียงสีเทา และเจ็บปวดทุกครั้งที่ต้องทำใจยอมรับว่าทุกอย่างใกล้ถึงจุดสิ้นสุด

ย้อนเวลากลับไปได้มั้ย...

ไม่อยากให้พ่อกับแม่เลิกกันเลย


m.nam☆° :
ร้อยเอก
กลับมาไวๆ นะ
แม่ออกไปธนาคาร พี่ไม่อยากอยู่บ้านคนเดียวเลย
อยู่ดีๆ ก็กลัวผีอ่ะ _φ(·_·




(⺣◡⺣)♡*




คนอะไร อยู่ดีๆ ก็กลัวผีกะทันหัน

เมืองน้ำไม่ได้กลัวผีหรอก เรื่องกลัวผี เปลี่ยนเป็นร้อยเอกยังน่าเชื่อถือมากกว่า ไม่รู้ว่ารายนั้นคิดอะไรอยู่ แต่ประโยคที่บอกว่าไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว ก็พอเดาได้ว่าลูกหมาของเขาเป็นอะไร

อยากให้ทุกเรื่องที่ทำให้เมืองน้ำคิดมากหายไปสักที และเขาก็อยากกลับบ้านเร็วๆ เหมือนกัน


BIG 9 :
ถึงยังครับ


แจ้งเตือนบนหน้าจอทำเอาร้อยเอกเบ้ปาก

พอเห็นกล้องในห้องแต่งตัว ในหัวของเขามีแต่คำว่าต้องจัดการภานุรักษ์ให้ได้ หมอนั่นน่าจะรู้เต็มอกว่าเขาไม่ชอบหน้า ฉะนั้นการยอมออกมาเจอตรงๆ เลยเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก

ร้อยเอกใช้แอ็กเคาต์ทวิตเตอร์ร้างๆ ของตัวเองเป็นตัวล่อภานุรักษ์ออกมา เขาลบทวีตเก่าๆ ทั้งหมดทิ้ง เปลี่ยนชื่อบัญชี ชื่อโปรไฟล์ และใช้รูปท้องฟ้าเป็นดิสเพลย์เพื่อไม่ให้เห็นหน้า

ใช่ อยากนัดเจอแอคเค่อ ก็ต้องเป็นแอคเค่อเหมือนๆ กัน

ร้อยเอกเสิร์ชดูว่าคนอื่นนัดเจอวิธีไหน ใช้ภาษายังไง พยายามใช้ตามอย่างแนบเนียนและทักไปคุย

สาบานเลยว่าไม่เคยทำอะไรที่โคตรไม่เป็นตัวเองเท่านี้มาก่อน


Wah :
ถึงแล้วคร้าบ
จะไปโรงแรมเลยมั้ย
หรือหาไรกินก่อนดี


BIG 9 :
หาไรกินก่อนดิครับ
พี่หิวอยู่พอดี


Wah :
ครับพี่
งั้นเจอกันที่ร้าน StarBook
ผมใส่เชิ้ตสีขาวนะ เดี๋ยวไปนั่งรอ


BIG 9 :
ได้ครับหวา


บทสนทนาระหว่างภานุรักษ์กับเขาไม่มีอะไรนอกจากเรื่องบนเตียง อีกหนึ่งสิ่งที่เขาเพิ่งรู้คือรุ่นพี่คนนี้ตกลงเรื่องถ่ายคลิปตอนมีเซ็กส์ก่อนทุกครั้ง ถ้าไม่ตกลงจะไม่นัดเจอ ใครอยากเจอก็ต้องยอม

แน่ล่ะ ร้อยเอกตอบตกลง

ไอ้คนใจหยาบจะไม่มีทางได้แตะต้องเขา แค่คิดก็ได้ยินเสียงฟ้าผ่า ไม่ต้องรอจนถึงโรงแรมหรอก เดี๋ยวก็จัดการเสร็จแล้ว เชื่อมือเขาได้เลย

ใช้เวลาไม่นานในการหาที่จอดรถ ขอบคุณที่วันนี้คนมาใช้บริการไม่มากเท่าวันหยุด ร้อยเอกเข้าไปสั่งเครื่องดื่มในร้านกาแฟและเลือกที่นั่งด้านในสุด ส่งข้อความไปบอกตำแหน่งของตัวเอง ก่อนจุดยิ้มบนริมฝีปากเมื่อเห็นว่าภานุรักษ์ใกล้มาถึงแล้ว

“หวาป้ะครับ”

มาไวกว่าที่คิด

ร้อยเอกไม่ตอบกลับเจ้าของเสียงทุ้มที่ดังขึ้นด้านหลัง พยักหน้ารับเบาๆ เพื่อให้อีกคนอยากเห็นหน้า อยากหัวเราะดังๆ กับแววตาที่ทั้งงุนงง ตกใจ แต่ก็ยังสงวนท่าที วางมาดนิ่งเฉยของภานุรักษ์ตอนเห็นว่าเป็นเขาชะมัด

รุ่นพี่ตัวสูงนั่งลงฝั่งตรงข้าม มีคำถามมากมายลอยมาจากใบหน้าหล่อเหลา

“แปลกใจเหรอครับ ที่เป็นผม”

“ใช่ แปลกใจ...ไม่คิดว่าน้องจะเล่นแอคพวกนี้ด้วย”

ร้อยเอกหัวเราะในลำคอ วางแก้วกาแฟที่ยกขึ้นดื่มลงที่เดิม พลางเคาะปลายนิ้วเบาๆ ขณะพูด

“ทำไมครับ แอคพวกนี้ไม่ดีเหรอ”

“ไม่ใช่ไม่ดี แต่คิดไม่ถึง”

“ผมก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าพี่จะเล่น”

ภานุรักษ์ออกมาเจอเขาเพราะไม่คิดว่าจะเป็นเขา ตลอดเวลาที่เล่นแอคเค่อคงเป็นไปได้สวย นัดเจอกันเพื่อทำเรื่องอย่างว่า จากนั้นก็แยกทาง วินวินทั้งสองฝ่าย เมื่อวานเขาเข้าไปอ่านโพสต์แฟนเก่าของภานุรักษ์อีกรอบ คีย์เวิร์ดหลายๆ อย่างทำให้เดาได้ว่าสาเหตุที่เลิกกันมาจากเรื่องนี้

“เข้าเรื่องเลยนะครับ”

หนีเมียมาเล่นจริงๆ พอเมียรู้ เมียรับไม่ได้ เมียก็เลยขอเลิกตามสเต็ป

ซึ่งก็...ไม่ได้ดูทุกข์ร้อนกับการเลิกกับเมียเท่าไหร่นัก

“พี่รักษ์มีคลิปพี่เมืองกี่คลิป”

นัยน์ตาคู่คมเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ทว่าครู่เดียวก็เรียบนิ่งดังเดิม

“คลิปที่แอบถ่ายในห้องแต่งตัว”

“พูดเรื่องอะไร”

“อย่าหนีนะ ไม่งั้นผมจะแจ้งตำรวจ” ตอบกลับโดยเร็ว ทำให้คนที่เตรียมลุกยืนชะงักค้าง “ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง พี่รักษ์ก็ไม่จำเป็นต้องหนี แต่ร้อนรนขนาดนี้ แสดงว่าผมพูดถูก”

“พี่มีธุระว่ะ ต้องกลับก่อน”

“เมื่อวานพี่บอกว่าวันนี้ว่างทั้งวัน อย่าลืมสิครับ”

ภานุรักษ์กัดฟันกรอด สบถในลำคอก่อนจะยกสองแขนขึ้นกอดอก

“รู้ได้ไงว่ามีกล้องแอบถ่าย มโนไปเองรึเปล่า ถึงมีมันก็ไม่ใช่เรื่องของน้องป้ะ”

“ไม่น่าเชื่อนะว่าคำพูดแบบนี้จะหลุดมาจากปากคนที่เป็นเจ้าคนนายคน”

“…”

“ผมย้อนอ่านที่พี่เอาความคิดแย่ๆ มาทวีตถึงพี่เมืองหมดแล้ว แคปไว้หมดแล้วด้วยนะ”

“เกินไปมั้ยวะ มีสิทธิ์อะไรมายุ่งวุ่นวาย”

“ว่าไงครับ จะยอมรับมั้ย”

“…”

“ถ้าพี่ไม่ยอมรับว่าซ่อนกล้องถ่ายคนอื่น ผมจะส่งให้พี่เมืองดำเนินคดี”

“เออ กูถ่ายเองแหละ แล้วไงวะ ก็ถ่ายเก็บไว้ดูเล่นป้ะ คลิปที่ลงทวิตก็ไม่เคยเปิดหน้าใคร คนที่มาหาก็ยอมให้ถ่ายด้วยซ้ำ”

ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ใครต่างก็นับถือจะมีความคิดพวกนี้จริงๆ

ร้อยเอกพยายามสงบสติอารมณ์อย่างมาก ยิ่งคุยยิ่งไม่ชอบ ยิ่งฟังคำพูดของคนตรงหน้ายิ่งทำให้เขาเกลียดชุดความคิดแย่ๆ ของภานุรักษ์

เกลียดมาก

“พี่จะมีอะไรกับใคร จะถ่ายเก็บไว้ปล่อยขาย หรือลงให้ดูฟรี ถ้าอีกฝ่ายยินยอมก็แล้วแต่พี่เลยครับ ไม่ผิด แต่การที่พี่แอบถ่ายคลิปคนอื่น ถึงจะบอกว่าเก็บไว้ดูเล่น แต่มันก็ผิดกฎหมาย”

“…”

“สตูดิโอของพี่เปิดมาหนึ่งปี ใช้งานอาทิตย์ละครั้ง ทุกๆ อาทิตย์จะมีนายแบบนางแบบเข้าไปเปลี่ยนชุด เดือนนึงมีสี่อาทิตย์ หนึ่งปีพี่จะมีคลิปแอบถ่ายสี่สิบแปดคน หนึ่งในนั้นคือพี่เมือง ผมพูดถูกมั้ย”

“ต้องการอะไร ล่อกูออกมาเจอทำไม”

“ลบคลิปแอบถ่ายให้หมด ลบทุกทวีตที่สื่อถึงพี่เมืองด้วย อย่าเอาความคิดหยาบๆ มาใช้กับพี่เมือง”

“…”

“อ้อ แล้วก็อย่าคิดนะครับว่าจะแกล้งปล่อยคลิปเพื่อเอาคืนผม เพราะผมไม่ยอมแน่”

ร้อยเอกแตะนิ้วชี้บนกระดุมเม็ดที่สาม ขณะที่อีกคนมองเขาด้วยความโกรธ

ใช่ หลังกระดุมของเขามีกล้องแอบถ่าย ทุกบทสนทนาถูกบันทึกไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว บอกแล้วไงว่าเขาจัดการภานุรักษ์ได้แน่นอน

“คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหน ถึงมีอำนาจสั่งให้คนอื่นทำตามได้”

“พี่จะไม่ทำตามก็ได้ แต่พี่ควรจะรู้ไว้ว่าพ่อผมทำให้พี่ต้องยอมทำเพื่อรักษาหน้าที่การงานของตัวเองได้”

“…”

“พี่ก็รู้ว่าในวงการบันเทิงที่พี่หากินอยู่เป็นยังไง บริษัทพ่อผมก็มีอิทธิพลสุดๆ เลยด้วย”

“…”

“งานที่สร้างเงินให้เป็นกอบเป็นกำ กับคลิปแอบถ่ายที่ทำให้เสี่ยงติดคุก ผมว่าเลือกงานดีกว่านะ”

ร้อยเอกไม่เคยยกพ่อไปข่มใคร นี่เป็นครั้งแรก และเขาจะไม่ให้มีครั้งต่อไปถ้าสถานการณ์ไม่บีบบังคับ หวังว่าภานุรักษ์จะชั่งน้ำหนักกับความคุ้มค่าหากเกิดข้อผิดพลาดในสิ่งที่ตัวเองทำ หวังว่ารุ่นพี่คนนี้จะทำตามที่เขาบอก

“เหอะ”

“ว่าไง”

“งั้นกูขอยกเลิกงานที่จะจ้างเมืองน้ำทั้งหมดแล้วกันนะ แลกกับการลบคลิป”

“เท่าไหร่”

“…”

“ค่าจ้างพี่เมือง รวมแล้วเท่าไหร่”

“เหลืออีกห้างาน ค่าจ้างแสนเจ็ด”

“ได้ ผมจะจ่ายให้พี่เมืองเอง แต่พี่รักษ์ต้องบอกพี่เมืองว่าเป็นเงินชดเชยในการยกเลิกสัญญา”

ภานุรักษ์กระตุกยิ้ม ในรอยยิ้มนั้นมีความไม่พอใจแอบแฝง คงจะโกรธและไม่คิดว่าจะมีคนมาลูบคมเขี้ยวของตัวเอง อีกคนไม่ไว้ใจเขาหรอก มองดูก็รู้ เขาเองก็ไม่ไว้ใจรุ่นพี่คนนี้ จะลบคลิปจริงหรือเปล่ายังไม่รู้เลย แต่ตอนนี้เขามั่นใจว่าภานุรักษ์เลือกงาน และถ้าวันไหนเปลี่ยนใจมาเลือกคลิปที่ถ่ายไว้ ภาพในกล้องกระดุมก็พร้อมส่งให้ตำรวจเหมือนกัน

“เงินชดเชย? เมืองน้ำไม่ได้งานยังมีเงินชดเชย แล้วกูที่ต้องหาคนมาถ่ายใหม่ได้อะไรวะ”

“ได้รู้ไงครับว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากคนอื่น”

“…”

“ผมจะจ่ายแค่เงินชดเชยของพี่เมือง อย่าลืมที่ตกลงกันไว้นะ หวังว่าเราจะจบกันแค่ตรงนี้”

จากนี้ไปช่วยอยู่คนละทิศคนละทาง อย่ากลับมาเจอกันอีกเลย

เขาไม่ต้องการให้คนคนนี้อยู่ใกล้เมืองน้ำอีกแล้ว

ไม่ต้องการ



(⺣◡⺣)♡*



มีต่อ



30/10/61

** แก้ไขเนื้อหาช่วงที่ร้อยเอกเคลียร์กับพี่รักษ์ เรากลับมาอ่านทั้งเนื้อหาทั้งคอมเมนตอีกรอบ คิดว่าการให้เงินพี่รักษ์เพิ่มไม่โอเคเหมือนกันค่ะ ก็เลยเปลี่ยนตรงจุดนี้ ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์นะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2018 00:43:40 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ต่อจ้า




ทีแรกว่าจะเอาเฟรนช์ฟรายส์กับสายชาร์จไปให้เมืองน้ำแล้วก็กลับมานอนพักที่บ้าน ร้อยเอกนอนแทบนับชั่วโมงได้เลย แต่เพราะภานุรักษ์โทรมายกเลิกงานตอนเขาเอาของไปให้พี่เมืองพอดี ความสงสัยและเป็นกังวลที่เห็นได้ชัดจากคนตัวเล็กก็กลายเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ตัดสินใจอยู่ต่อ

ร้อยเอกเดินตามเมืองน้ำเข้าบ้านในสภาพหมดแรง คนโตกว่าเลยบอกให้เขานอนพักเอาแรงสักหน่อย หลังตื่นค่อยเล่าทุกอย่างให้ฟังก็ได้

หลังจากนั้นเกือบสองชั่วโมงจึงเป็นชั่วเวลาแห่งการพักผ่อน เขารู้สึกตัวตื่นตอนบ่ายแก่ เห็นเมืองน้ำเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมแก้วชาร้อนในมือ แค่เห็นก็เกิดรอยยิ้มบนริมฝีปาก ร้อยเอกจิบชาเพื่อชาร์จพลังให้ร่างกาย ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เมืองน้ำฟัง ยกเว้นเรื่องเงินชดเชยที่เป็นเงินส่วนตัวของเขา

ไม่ได้หรอก ขืนให้พี่เมืองรู้ ต้องไม่ยอมรับเงินของเขาแน่นอน

เมืองน้ำต้องการคนอยู่เคียงข้าง ไม่ใช่เงินฟรีๆ จากใคร แม้ที่ให้ไปจะให้ด้วยความเต็มใจก็ตาม

อย่างน้อยเงินชดเชยที่ได้ไปก็เพียงพอกับค่าเช่าบ้านที่ค้างไว้ แถมยังเหลือเก็บไว้ใช้ส่วนอื่นได้อีกหลายเดือน

อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ...

“ทีนี้พี่เมืองจะยังย้ายบ้านอยู่มั้ย”

“...”

ไม่มีคำตอบจากริมฝีปากจิ้มลิ้ม คนตัวเล็กที่นั่งบนพื้นพรม ปล่อยให้เขานอนพาดตัวบนโซฟาลดสายตามองต่ำ ความสงสัยและความกังวลเรื่องงานที่โดนยกเลิกจางลงบ้างแล้ว แต่เรื่องอื่นที่ยังติดค้างก็ทำให้ความสดใสหม่นหมองได้อยู่ดี

ไม่ชอบ

ไม่อยากเห็นเมืองน้ำที่เอาแต่คิดมากแบบนี้เลย เสกคาถาเรียกมารร้ายของเขากลับมาได้มั้ยนะ ไม่ก็ลูกหมาที่คอยแต่จะแยกเขี้ยวใส่ก็ได้

“เพื่อนพี่รักษ์ก็คงไม่มาดูบ้านแล้วล่ะ ถ้าจะขายก็ต้องขายทอดตลาด ราคาคงถูกลงอีกหน่อย”

“งั้นก็ไม่ต้องย้าย อยู่ด้วยกันที่นี่ ดีมั้ยครับ”

“แต่ว่า...”

“กลัวอนาคตจะมีปัญหาเรื่องเงินเหรอ”

คนตัวเล็กพยักหน้ารับ เห็นแบบนั้นร้อยเอกเลยเปลี่ยนเป็นลงไปนั่งข้างๆ

“ตอนนี้พี่เมืองมีเงินเก็บเท่าไหร่”

“ก็...ไม่เยอะหรอก ตั้งแต่พ่อไม่กลับบ้านก็เอาออกมาใช้หลายๆ อย่าง พี่ก็ทำงานเพื่อหาเงินมาคืนส่วนนั้นนะ แต่ก็ยังไม่ครบเลย”

“เดี๋ยวก็ได้เงินจากงานอื่นแล้วครับ ไม่ต้องกังวลหรอกนะ”

“อือ ก็ใช่ แต่พี่กลัวว่าสักวันจะมีปัญหา เลยต้องเก็บเงินไว้เยอะๆ เข้าใจใช่มั้ย”

“ผมเข้าใจ งั้นเอาอย่างนี้ หลังสอบมิดเทอมเสร็จพี่เมืองไปแคสติ้งซีรีส์บริษัทพ่อผมดูมั้ย จริงๆ วันแคสติ้งที่พ่อเปิด ไม่ได้หาคนไปเล่นซีรีส์อย่างเดียว พ่อบอกว่าถ้าตรงกับคอนเซ็ปต์โฆษณาก็จะเอาไปเล่นโฆษณาด้วย ถ้าได้งานตรงนี้อีกก็น่าจะมีเงินเก็บเพิ่มนะ”

“หลังสอบมิดเทอม...ก็ได้นะ แต่ร้อยไม่ว่างใช่มั้ยช่วงนั้น ต้องทำงานกลุ่มไม่ใช่เหรอ”

“ผมว่างให้พี่เมืองเสมอแหละ”

“...”

“ไม่ได้หยอดนะ นี่พูดความจริง ดูดิ ช่วงนี้ผมเล่นเกมที่ไหน เอาเวลาเล่นเกมมาอยู่กับพี่หมดแล้ว”

“โหยยย~ พูดซะรู้สึกผิดเลย”

คนรู้สึกผิดที่ไหนอมยิ้มแก้มป่องอย่างเมืองน้ำกันนะ

“ขอพี่คุยกับแม่ก่อนนะ ได้เรื่องยังไงจะมาบอก”

“ครับ ผมจะรอนะ”

ร้อยเอกเคยคิดว่าจะซื้อบ้านเมืองน้ำเป็นของตัวเอง ไม่ให้เจ้าตัวย้ายไปอยู่ที่อื่น ถ้าอยากอยู่บ้านเช่าก็จะปล่อยให้เช่าในราคาไม่แพง เพราะให้อยู่ฟรีก็คงไม่ยอมอีก

ที่จริงเมืองน้ำคงไม่ยอมตั้งแต่ขอซื้อบ้านต่อนู่นแล้ว

“เอ้อนี่ พี่เอาผ้าเย็นมาให้ด้วย เกือบลืมแน่ะ”

คนพูดว่าพลางหยิบซองสีขาวบนโต๊ะด้านหน้ามาให้คนตัวสูงรับไว้ ร้อยเอกรับไปแกะก่อนจะยื่นให้เมืองน้ำ

“อะไรอ่ะ”

“เช็ดให้ผมหน่อยสิ”

“...?”

“เร็วๆ เดี๋ยวผ้าหายเย็นหมด”

“เช็ดเองก็ได้มั้ย ทำไมต้องให้คนอื่นเช็ดให้ด้วย”

“แต่พี่เมืองไม่ใช่คนอื่น”

เถียงไม่ออกเลย...

คนอะไรเนี่ย เมืองน้ำนั่งอยู่เฉยๆ ก็ทำให้หน้าร้อนผ่าวขึ้นมา เห็นเป็นขนมครกรึไง หยอดได้หยอดดี หยอดจนเต็มกระทะแล้วนะวันนี้

“นะๆ ถือซะว่าให้รางวัลผลที่ช่วยจัดการพี่รักษ์ให้ เนี่ยร้อนมากเลย เหงื่อจะท่วมตัวละ”

“แต่พี่ไม่เห็นร้อยมีเหงื่อสักเม็ด”

“เหงื่อมันมาจากความรู้สึก ไม่ได้ออกมาทางผิวหนัง ถ้าใจเราร้อน ไม่ต้องมีเหงื่อก็ร้อนนะพี่เมือง”

“ได้เหรอมุกนี้”

“ไม่ได้ก็ต้องได้แล้วอ่ะจุดนี้”

หมั่นไส้!

อยากฟาดไหล่กว้างที่แกล้งทำเป็นอ่อนปวกเปียก รอให้เมืองน้ำเอาผ้าเย็นมาเช็ดให้ชะมัด แต่ก็อย่างที่ร้อยเอกบอก นี่เป็นการให้รางวัลที่ช่วยเรื่องภานุรักษ์ เพราะงั้นจะยอมแพ้น้องชายปลอมๆ ของตัวเองยกนึงแล้วกัน

จะว่าไป...

ในเมื่อต่างฝ่ายต่างชอบกัน เรื่องที่ทดลองเป็นน้องชายสามเดือน จะยังเป็นอยู่อีกเหรอ

ไม่นะๆ เมืองน้ำอย่าคิดไปไกลกว่านี้สิ ไม่เอาๆ

“พี่เมือง”

“เห? อ...อะไร พี่ไม่ได้คิดอะไรนะ”

“ผมก็ยังไม่บอกว่าพี่คิดอะไรเลยนะ”

“...”

“พี่เมือง”

“เปล่าๆ ไม่คิดอะไรจริงๆ นั่งเฉยๆ สิ จะเอนหัวมาทำไม พี่เช็ดไม่ถนัดนะ”

“ง่วงครับง่วง อยากนอนยังไงไม่รู้ ขอยืมไหล่พี่เมืองหน่อยนะ”

“ร้อยเอก!”

“ร้อยหลับแล้ว ไม่รู้ไม่ชี้แล้วครับ”

ทะเล้นเป็นบ้า ให้มันได้อย่างนี้

ถ้าไม่มีร้อยเอก เมืองน้ำจะรู้ว่ารุ่นพี่ที่เคยไว้ใจเข้าหาเพราะเรื่องบนเตียง รู้ว่ามีกล้องแอบถ่ายตอนตัวเองเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือรู้ว่าภาพลักษณ์ซึ่งน่าเคารพนับถือมีด้านหยาบโลนซ่อนอยู่ตอนไหนนะ

ดีจริงๆ ที่มีร้อยเอก

เมืองน้ำโชคดีเหลือเกินที่ชีวิตมีคนคนนี้



(⺣◡⺣)♡*




พี่ใหญ่เก้านิ้วกู๊ดบายสเตจแล้วววว

ช่วง #ร้อยเมืองชวนฟังเพลง
ให้ฉันดูแลเธอ - แหนม รณเดช
https://youtu.be/cci7_Zf6nfA

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ดูแลอย่างดีจริงๆจ้ะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จะต้องมีใครอีกหลายคนเลยนะที่โดน

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไม่น่าต้องเสียเงินให้คนแบบนั้นเลย อยากเรียกตำรวจมาจับ  :m31:
ดูแลดีจริงๆ ทำความดีขนาดนี้ขอเลื่อนขั้นได้แล้วมั้ง  :-[

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ร้อยนี่ครบสูตรมากกกกก

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
15
จูบ




“ลืมตาหน่อยไอ้ร้อย ทำตาปรือแบบนี้จะขับรถไหวเหรอวะ”

อยากนอนให้ลืมตื่นสักอาทิตย์ เอาให้คุ้มกับพลังงานที่ใช้ไปตลอดทั้งสัปดาห์ แต่ร้อยเอกทำอย่างนั้นไม่ได้ ทำได้มากสุดก็คือนั่งหาววอดจนเพื่อนรักที่นั่งเล่นเกมในโทรศัพท์บนโซฟาอีกตัวเอ่ยบอกเขา

คนมันง่วง จะให้ทำไงล่ะ กะพริบตาวิ้งๆ แบบการ์ตูนตาหวาน ร้อยเอกไม่เอาด้วยนะ

จบจากภานุรักษ์ก็ต้องสู้รบการสอบกลางภาคต่อ ข้อสอบที่ยากขึ้นทุกเทอมทำให้มีเสียงบ่นจากนักศึกษาหลายสิบคนที่สอบวิชาเดียวกัน ไม่เว้นแม้แต่ร้อยเอก เมืองน้ำถามเขาว่ากลายเป็นคนขี้บ่นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ คำพูดคำจาอย่างกับคนแก่ แค่รถติดไฟแดงยังเอามาบ่นได้

ไม่อยากจะบ่นเหมือนคนมีอายุหรอกนะ แต่วันนั้นเหลืออดจริงๆ ทั้งข้อสอบ ทั้งการจราจร ทั้งนู่นนี่นั่นสารพัด ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องบ่นจุกจิกไปเรื่อยๆ ให้หายหงุดหงิดสิ

ถึงจะถามแบบนั้นแต่เมืองน้ำก็เป็นผู้ฟังที่ดี มักจะมีรอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นเสมอเมื่อรู้สึกเอ็นดู ร้อยเอกไม่ชอบรอยยิ้มประเภทนั้น เพราะมันเหมือนรอยยิ้มที่พันเอกมอบให้เขาตั้งแต่จำความได้

ยิ้มที่พี่เอ็นดูน้องชาย ยิ้มที่มองเขาเป็นเด็กสิบขวบ

ร้อยเอกไม่อยากเป็นน้อง แต่ก็ยอมรับว่ารอยยิ้มประเภทที่ไม่ค่อยชอบนี่แหละ เป็นยาวิเศษที่ทำให้เขาอารมณ์ดี

“ถ้ากูขับไม่ไหว มึงขับนะ ง่วงจริงๆ ว่ะ”

“นอนกี่ทุ่มอ่ะเมื่อคืน”

“ตีหนึ่ง”

“ทำสถิติเหรอวะ นอนดึกฉิบหาย”

อยากเถียงกับมาวินสักตั้ง แต่ก็ขี้เกียจเถียง รู้ดีว่าเพื่อนเป็นห่วงเขา วันก่อนเขาบ่นมาเยอะแล้ว วันนี้ก็ปล่อยให้เพื่อนบ่นใส่สักหน่อยจะเป็นไรไป

“อีกครึ่งชั่วโมงออก มึงนอนพักเหอะ ถึงเวลาแล้วเดี๋ยวกูปลุก”

“เออ ไลน์ไปบอกพี่เมืองให้กูด้วยว่าอีกครึ่งชั่วโมงออก”

“อุ๊ย”

“ไอ้สัส กูรู้นะว่าคิดอะไรอยู่”

รำคาญสีหน้ากรุ้มกริ่มเวลาพูดถึงพี่เมืองของมันชะมัด

“น้องวินยังไม่ได้คิดอะไรเลยนะครับกัปตัน ทำไมกัปตันมโนยัง แย่งหน้าที่น้องวินอ่ะ”

“น้องวินที่หน้า อย่าพูด ขนลุก”

“ทีมึงใช้สติ๊กเกอร์แบ๊วๆ กับพี่เมืองอ่ะ ไม่คิดว่าคนอื่นจะขนลุกเลยไง้ ขนาดกูเป็นคนเห็นยังขนลุกเลย มึงก็คิดดิว่าพี่เมืองจะรู้สึกยังไง”

“ใครใช้ให้มึงเสือกเวลากูคุยกับพี่เมืองล่ะ”

“ไม่ได้เรียกเสือกโว้ย ตอนนั้นกูอยู่กับมึงพอดี ก็เลยเห็นพอดี บังเอิญอ่ะ รู้จักป้ะ บังเอิ๊ญบังเอิญ”

“เหี้ย”

“ผู้ชายด่าแปลว่าผู้ชายรัก”

อยากเอาเท้ายันให้หงายหลัง ดูซิว่าจะคิดว่ารักอีกมั้ย

มาวินพูดถึงตอนที่เรานั่งอยู่ด้วยกันในโรงอาหาร ผลัดกันถามตอบเพื่อติวก่อนเข้าสอบ ยังไม่ทันจบแจ้งเตือนในโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัด เห็นว่าเป็นไลน์จากเมืองน้ำ เพื่อนตัวดีเลยปล่อยให้เขาคุยกับเมืองน้ำก่อน

เรียกง่ายๆ ก็คืออยากใส่ใจว่าเขากับพี่เมืองจะคุยอะไรกันนั่นล่ะนะ

เซลฟี่หน้าตัวเอง กับนิ้วเล็กๆ ที่ชูขึ้นมาสองนิ้ว พร้อมข้อความสั้นๆ อย่าง ‘สู้ๆ’ ทำให้ทั้งยิ้มขำ ทั้งเขินจนอยากละลายมันซะเดี๋ยวนั้น ร้อยเอกไม่รู้จะตอบอะไร เลยส่งสติ๊กเกอร์น่ารักๆ กลับไป

แค่นั้นมาวินก็ล้อยาวๆ จนถึงตอนนี้

ทำไมล่ะ คนอย่างร้อยเอกจะซื้อสติ๊กเกอร์แบ๊วๆ มาไว้ใช้กับเมืองน้ำไม่ได้เหรอ ก็คนที่คุยน่ารักซะขนาดนั้น ต้องหาอะไรที่มันกุ๊กกิ๊กมาสู้หน่อยสิ

ร้อยเอกพาเมืองน้ำไปแคสติ้งที่บริษัทของพ่อหลังจากสอบเสร็จ เพราะโปรเจกต์นี้ประกาศรับสมัครผ่านทางออนไลน์ เลยมีคนมาร่วมแคสติ้งหลายร้อยคน กว่าจะถึงคิวพี่เมือง กว่าจะสัมภาษณ์ ไหนจะเทสต์หน้ากล้องก็ลากไปจนตอนห้าทุ่มกว่า ดีที่พ่อยกเลิกเรื่องที่บอกให้อยู่รอเพื่อทานข้าวด้วยกัน ไม่อย่างนั้นคงนอนช้ากว่าตีหนึ่งแน่ๆ

ไม่รู้ป่านนี้จะตื่นหรือยัง บอกให้นอนพักก็ไม่เชื่อ จะไปด้วยกันท่าเดียว บทจะดื้อก็ดื้อจนเป็นเมืองน้ำซะเองที่ดูอายุน้อยกว่าเขา

“พี่มาแล้ว อ้าว...ร้อยหลับอยู่เหรอ”

แค่คิดถึงก็ปรากฏตัว คนถูกน้ำเสียงเจื้อยแจ้วกล่าวถึงลืมตามอง เมืองน้ำอยู่ในชุดเสื้อยืดสีฟ้าพาสเทล กางเกงยีน ถุงเท้าลายแครอท กระเป๋าเป้ที่บอกจะใส่ของกินมาให้เต็ม และหมวกแก๊ปสีขาว

จัดเต็มมาก เหมือนตื่นมาเตรียมตัวตั้งแต่หกโมง คนอยากเห็นทุ่งนากระตือรือร้นอย่างนี้นี่เอง

“ร้อยเอกยิ้มอะไรอ่ะ”

เขายิ้มเหรอ

เออแฮะ ยิ้มจริงๆ ด้วย

“ไปกันเลยมั้ยครับ ผมหายง่วงละ”

“มึงแน่ใจนะ”

“ไม่แน่ใจว่ะ” มาวินด่าเพื่อนรักทางสายตา สร้างเสียงหัวเราะให้ร้อยเอก “มึงขับแล้วกันนะ กูของีบต่อบนรถ ครึ่งทางแล้วค่อยเปลี่ยนกันขับ”

“ถ้าง่วง พี่ขับให้ก็ได้นะ”

“ไม่ได้!”

สองหนุ่มตอบพร้อมกัน ขณะที่เมืองน้ำขมวดคิ้วจนยุ่ง ปากนุ่มบิดเบี้ยวเพราะถูกขัดใจ อยากจะงอแงต่อ แต่ก็ทำได้แค่ยอมและก้าวตามเจ้าของบ้านไปที่รถ

สาเหตุแรกที่ร้อยเอกและมาวินไม่ให้เมืองน้ำขับรถ เพราะรุ่นพี่ตัวเล็กเป็นอีกคนที่นอนน้อย เกิดหลับในตอนขับน่ะเรื่องใหญ่เลยนะ ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมนั่นแหละดีที่สุด

ส่วนสาเหตุที่สอง...

“ร้อยเอก พี่หนักนะ”

“ขอหนุนตักหน่อย”

อีกครั้งที่เมืองน้ำพูดไม่ออก ไม่ทันได้เถียงเจ้าเด็กตัวสูงก็ล้มตัววางศีรษะบนหน้าตักนุ่มๆ ซะแล้ว โจ่งแจ้งแบบนี้ ไม่กลัวมาวินแซวหรือไง ไหนว่าไม่ชอบให้เพื่อนรักทำหน้าที่มือชงอันดับหนึ่งไงล่ะ

“รอบนี้ง่วงจริงๆ ไม่ง่วงหลอกๆ แบบวันนั้นแล้วครับ”

อะไรเนี่ยยย

“พี่เมืองอย่าขยับเยอะได้ป้ะ คนจะนอน” ร้อยเอกพูดทั้งที่หลับตา รอให้คนผิวขาวหยุดเคลื่อนไหวแล้วจึงหรี่ตามองมาวินที่ประจำตำแหน่งคนขับ

มาวินหันมามองใบหน้าหล่อ เกิดประกายวิบวับผ่านแววตาของคนทั้งคู่

เป็นอันรู้กันว่าครั้งนี้กัปตันยอมให้พายเรือได้ง่ายๆ

“แค่ขยับเพราะนั่งไม่ถนัดเฉยๆ แค่นี้ก็ต้องดุด้วย”

“ผมดุตรงไหน มีคำไหนที่เรียกว่าดุ”

“เสียงดุ”

ร้อยเอกขำกับสิ่งที่ได้ยิน

“ครับๆๆ ดุก็ดุ ไม่อยากให้ดุก็นั่งนิ่งๆ เอาหมอนรองคอตรงเบาะหน้ามาหนุนได้นะ พี่เมืองก็น่าจะง่วงเหมือนกัน”

“หมอนครับพี่เมือง”

เยี่ยมมากเพื่อนรัก สมกับเป็นชิปเปอร์คู่ร้อยเมือง ทำหน้าที่ได้ดีจริงๆ

ร้อยเอกหลับตาลงอีกครั้งเมื่อเห็นว่าคนตัวนุ่มรับหมอนรองคอจากมาวินมาแล้ว น้ำหนักบนเปลือกตาค่อยๆ จางหาย พร้อมความฝันที่เดินทางไปพร้อมกับรถยนต์

เมืองน้ำเบือนสายตาจากโครงหน้าได้รูปเป็นนอกกระจกรถ วินาทีเดียวก็กลับมามองเด็กตัวสูงที่นอนผ่อนลมหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เมื่อวานร้อยเอกต้องเสียพลังงานไปเท่าไหร่กันนะ ทั้งสอบ ทั้งขับรถ ทั้งรอเมืองน้ำแคสติ้งตั้งหลายชั่วโมง วันนี้ยังต้องไปเก็บข้อมูลทำงานที่ต่างจังหวัดอีก

ต้องเหนื่อยมากแน่ๆ

มือเล็กเลื่อนขึ้นวางบนศีรษะของอีกคน มอบสัมผัสอ่อนโยนผ่านการลูบเบาๆ บนเรือนผมสีน้ำตาล

ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เมืองน้ำสนใจเรื่องราวในชีวิตร้อยเอกมากขนาดนี้ เห็นว่าจะไปเก็บตัวอย่างงานที่บ้านคนรู้จักในสุพรรณบุรี ก็อยากรู้ว่าสภาพแวดล้อมที่นั่นเป็นยังไง บรรยากาศแบบไหนที่ร้อยเอกชอบ จะเหมือนที่จินตนาการไว้หรือเปล่า

พอคิดถึงตรงนี้ หัวใจก็อัดแน่นด้วยความตื่นเต้น และริมฝีปากก็เผยรอยยิ้มได้ไม่ยาก

มีความสุขง่ายๆ เพราะแค่ได้เห็น ได้นึกถึง ได้ทำอะไรดีๆ ให้คนที่เป็นความสบายใจของเรา

เมืองน้ำไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครเลย



(⺣◡⺣)♡*



รูปถ่ายรูปใหม่ถูกอัพโหลดลงเพจและอินสตาแกรม ไม่ถึงสิบนาทีก็มีคอมเมนต์มากมายเด้งมาให้อ่านเหมือนเคย หนนี้ดูจะเยอะกว่าทุกครั้งที่โพสต์ ซ้ำยังเต็มไปด้วยข้อความที่จับใจความได้ว่าคิดถึง

เมืองน้ำไม่ได้โพสต์รูปเยอะเท่านี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว เพราะไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวในที่สวยๆ มีแต่โพสต์โฆษณา ซึ่งพอย้อนอ่าน เพจของเมืองน้ำก็ดูเหมือนเป็นห้างสรรพสินค้าอย่างที่คนอื่นเขาว่า

เห็นทีคงต้องรีบเคลียร์ตัวเองให้กลับไปว่างเท่าเมื่อก่อนสักหน่อยแล้ว จะได้มีเวลาหาเรื่องราวมาแชร์ให้คนในเพจได้อ่าน

เหมือนวันนี้ที่โพสต์ถามว่ามาทุ่งนาควรเอาอะไรมาด้วย หมวก แว่นกรองแสง เสื้อแขนยาว กระเป๋าใส่ของ ขนม ของกิน ที่ชาร์จแบตสำรอง มีอะไรอีกนะ...

“ครีมกันแดด”

เมืองน้ำทาครีมกันแดดมาจากบ้าน ไม่ได้พกใส่กระเป๋ามา เพราะทั้งมาวิน ร้อยเอก รวมถึงเพื่อนที่ทำงานกลุ่มด้วยกันอีกสองคนไม่มีใครใช้

แต่ว่า...

“รับไปทาสิพี่เมือง”

ไม่ยักรู้ว่าร้อยเอกมีครีมกันแดดติดกระเป๋ามาด้วย

“พี่ทามาแล้ว นี่ร้อยซื้อเองเหรอ”

“ใช่ ผมซื้อเอง”

“ยี่ห้อเดียวกับพี่ด้วย” เรียวปากอิ่มอมยิ้มน้อยๆ

“อะไร ผมไม่ได้ซื้อตามนะ เห็นลดราคาเลยซื้อเก็บไว้ แค่นั้นแหละ”

“พี่ก็ยังไม่ได้บอกว่าร้อยซื้อตามเลยนะ”

ร้อยเอกยืนอยู่ด้านล่าง ส่วนเมืองน้ำนั่งอยู่บนแคร่ที่วางไว้ในเพิงเล็กๆ ใต้ต้นไม้ มองเลยไหล่หนาออกไปด้านหลังจะเห็นทุ่งนาสีเขียวขจี กว้างใหญ่ ไกลสุดลูกหูลูกตา น้องควายตัวเล็กที่เดินตามแม่ควายไปกินหญ้า และรุ่นน้องคนอื่นๆ ที่แยกกันทำงานคนละมุม

รุ่นน้องที่แก้ตัวน้ำขุ่นๆ เก็บตัวอย่างงานใกล้เมืองน้ำ วางเคียวเกี่ยวข้าวบนแคร่ มือที่ใส่ถุงมือผ้าจับหมวกปีกกว้างเอาไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างยื่นหลอดครีมกับหมวกอีกใบมาให้

เมืองน้ำรับของจากร้อยเอก ขณะที่ริมฝีปากยังอมยิ้มกับคำแก้ตัวของอีกคนไม่หยุด

“ใช้หมวกนี้ดีกว่าครับ บังแดดบังลมได้เยอะกว่าหมวกแก๊ป”

“ครับผม”

เคยบอกใช่มั้ยว่าร้อยเอกเก่งทุกอย่าง ตั้งแต่งานบ้านไปจนถึงงานช่าง ความรู้รอบตัวมีเยอะพอๆ กับต้นข้าวในผืนนาซะอีก มีร้อยเอกคนเดียวก็สบายไปทั้งชีวิต

ถึงตอนนี้เมืองน้ำก็ยังยืนยันคำเดิมนะ

“แล้วนี่ร้อยทำงานเสร็จแล้วเหรอ”

“ระดับไหนแล้วผมอ่ะ ไม่เสร็จไม่เดินมาตรงนี้หรอก”

“เว่อร์มาก ไม่เว่อร์สักวันจะขาดใจเลยมั้ย”

“คิดว่าขาด เอ๊ะ หรือไม่ขาดดี แต่ผมว่าขาดดีกว่า”

“กวนประสาท”

ร้อยเอกคว้ากำปั้นเล็กๆ ที่ง้างขึ้นเตรียมทุบลงบนไหล่ ดูจากใบหน้าน่ารักที่เกี่ยวพันยุ่งเหยิงคงหมั่นไส้เขาเต็มทน ได้ยินเสียง ‘ฮึ่ย’ เบาๆ ตามหลังแรงขัดขืนบนข้อมือที่จับกุมอยู่ รอจนมั่นใจว่าเมืองน้ำจะไม่อยากทุบเขาอีกรอบจึงยอมปล่อยโดยดี

ร้อยเอกปัดเศษใบไม้บนแคร่ให้ร่วงลงพื้น ก่อนจะขึ้นมานั่งข้างคนตัวเล็ก

เมืองน้ำปิดเปลือกตารับสายลมที่พัดผ่าน ความเย็นของอากาศเหมือนเศษแก้วที่เสียดกระทบผิว แต่เป็นเศษแก้วที่ไม่ทำให้บาดเจ็บ เมืองน้ำกลับรู้สึกดีที่ได้สัมผัสบรรยากาศดีๆ แบบนี้ด้วยซ้ำ

“พี่เมืองชอบที่นี่มั้ย”

“ชอบสิ พี่ชอบมากนะ”

ชอบทั้งบรรยากาศ ชอบทั้งคนที่อยู่ข้างๆ กันเลย

“ที่บ้านปู่ผมก็มีอะไรคล้ายๆ ที่นี่นะ แต่ไม่ได้มีแค่นาอย่างเดียว”

คิ้วสีน้ำตาลเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย ขณะที่คนเด็กกว่าถอดถุงมือไปวางบนแคร่

“อย่างที่เคยบอกแหละครับ มีต้นไม้ มีสวนปลูกผัก แล้วก็มีบ่อน้ำไว้พายเรือด้วยนะ ที่นั่นห่างจากตัวเมืองเยอะหน่อย แต่ก็มีเน็ตให้เล่น เวลาผมปิดเทอมก็จะไปหาปู่ ไปนอนเล่นเฉยๆ ก็มีความสุขแล้ว เหมือนได้ชาร์จพลัง”

“…”

“ผมอยากให้พี่เมืองไปชาร์จพลังที่นั่นดู”

“จะชวนพี่ไปเที่ยวบ้านปู่เหรอ”

“ไปนอนเฉยๆ ก็ได้นะ”

กวนประสาททุกที แต่ก็เป็นการกวนที่ทำให้ยิ้มอีกครั้งจนได้

“ปู่ร้อยดุมั้ย พี่กลัวจะทำอะไรให้ท่านไม่พอใจ”

“ก็ต้องลองไปเอง ถึงจะรู้ว่าปู่ผมดุหรือเปล่า”

“อะไรอ่ะ นี่คือมัดมือชกให้พี่ไปให้ได้เหรอ”

“ผมเปล๊า”

“เสียงโคตรสูง”

เมืองน้ำเคยได้ยินเรื่องราวของปู่ร้อยเอกจากคุณป้า ท่านเป็นคนง่ายๆ รักธรรมชาติ ใช้ชีวิตอยู่กับไร่กับสวน ตอนพ่อของร้อยเอกตัดสินใจเปิดบริษัทที่กรุงเทพฯ ก็ไม่ยอมย้ายมาอยู่ด้วยกัน อ้างว่าขี้เกียจเดินทาง ใครอยากไปก็ไป ถ้าคิดถึงค่อยกลับมาหา ถึงจะเสียภรรยาไปแล้ว ก็ยังมีเด็กๆ แถวนั้นอยู่เป็นเพื่อน ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมย้ายจากสุโขทัยเด็ดขาด

ร้อยเอกเคยบอกว่าความชอบในทุกวันนี้ได้มาจากปู่ แสดงว่าท่านต้องเป็นคุณปู่ที่ดีมากแน่ๆ

“ตอนผมเป็นเด็ก ปู่สอนผมว่าธรรมชาติคือสิ่งสวยงาม ต่อให้เราตายไป ธรรมชาติก็ยังอยู่ ถ้ารักธรรมชาติก็รักให้มากๆ วันไหนที่ไม่ได้อยู่กับธรรมชาติแล้ว จะได้ไม่เสียดายว่าทำไมวันนั้นถึงไม่รัก”

“...”

“เวลาผมชอบหรือสนใจเรื่องไหน ผมก็เต็มที่กับทุกอย่าง บางอย่างพยายามสุดตัวแล้วล้มเหลว ไม่ได้ดั่งใจ ก็เสียใจนะ แต่ไม่เสียดาย”

“...”

“ผมไม่เชื่อเรื่องความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร ถ้าไม่เคยทำร้ายใครจริงๆ ในโลกนี้ก็คงไม่มีความผิดหวัง กับแฟนคนก่อนที่เคยเล่าให้ฟัง ผมก็มั่นใจว่าตัวเองพยายามจนถึงที่สุดแล้ว แค่ความพยายามของเรามันไม่มากพอสำหรับเขา ทุกอย่างมันเลยจบ”

“คนนั้น...ใจร้ายกับร้อยจังเลยนะ”

“ครับ ใจร้ายมาก”

“...”

“แต่พี่เมืองคงไม่ใจร้ายกับร้อยแบบเขาหรอกเนอะ”

อะไรนะ

เดี๋ยวก่อนสิ จู่ๆ ก็โดนพูดใส่แบบนี้ ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ทำให้หน้าร้อนผ่าว แถมยังเพิ่มจังหวะชีพจรใต้อกด้านซ้ายได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย

ถ้าเมืองน้ำหมดลมหายใจ ขอให้รู้ไว้เลยว่าร้อยเอกคือสาเหตุ

“เขินก็บอก”

“เขินอะไรเล่า”

“โกหกเป็นบาปนะพี่เมือง”

ฮื่อออ~

กลับไปเป็นร้อยเอกคนเดิมไม่ได้เหรอ ร้อยเอกเวอร์ชั่นนี้น่ะอันตรายสุดๆ เลย

“ไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร ผมยังมีเวลาถามอีกเยอะ เผลอๆ อาจได้ถามไปจนแก่”

“ใครจะอยู่กับร้อยจนแก่อ่ะ”

“อ้าว พี่ไม่อยากอยู่กับผมไปนานๆ เหรอ นึกว่าจะอยู่บ้านข้างกันไปตลอดซะอีก”

“...”

“หรือจะอยู่บ้านเดียวกันดี”

“อยากโดนทุบจริงๆ ก็ลองพูดอีกทีดิ”

เหมือนลูกหมาแยกเขี้ยวขู่ชัดๆ น่ากลัวจนอยากหยิกให้หูตั้ง ที่ไม่พูดต่อ ไม่ใช่ว่ากลัวโดนทุบหรอกนะ แต่เห็นสีแดงจางๆ บนแก้มเนียน ร้อยเอกก็คิดว่าพอจะรู้คำตอบที่เมืองน้ำไม่ยอมรับแล้ว

เขินได้โคตรน่ารัก

“ไม่เบื่อหน้าพี่เหรอ ต้องอยู่ด้วยกันจนแก่เลยนะ”

“แล้วพี่เมืองล่ะครับ ถ้าต้องอยู่ด้วยกันจนแก่ จะเบื่อหน้าผมมั้ย”

“ไม่เบื่อ”

คำพูดคำจาก็สุดแสนน่าเอ็นดู

“พี่นี่มัน...”

ร้อยเอกมันเขี้ยวเมืองน้ำจะตายอยู่แล้ว อยากจับเข้ามาบีบให้ตัวแตก!

“อะไร พี่อะไร พูดดีๆ นะ”

“ไม่พูดละ ผมไปขุดไส้เดือนต่อดีกว่า”

“อย่าทำให้อยากรู้แล้วจากไปนะร้อยเอก ห้ามไปไหนทั้งนั้น” เมืองน้ำคว้าแขนคนตัวโตที่เตรียมกระโดดลงจากแคร่เอาไว้มั่น ดึงให้คนที่ตั้งใจหนีกลับมานั่งที่เดิม ร้อยเอกแกล้งทำหน้าเจ็บปวดกับการถูกดึง และวินาทีต่อมาก็ถูกฟาดด้วยมือเล็กเข้าเต็มๆ

มือหนักอย่างกับช้าง โกรธเกลียดอะไรร้อยเอกวะเนี่ย

“ไหนบอกว่างานเสร็จแล้วไง ถ้าเสร็จก็ไม่ต้องไปขุดไส้เดือนเพิ่มสิ”

“ก็อยากขุดอีก ผมขุดมาแค่ตัวเดียว อยากเอาอีกตัวมาอยู่เป็นเพื่อน”

“เหรอ”

“ใช่”

“เชื่อตายแหละ”

แค่พูดไม่พอ ต้องทำหน้าตาเหมือนได้กลิ่นเหม็นอย่างนั้นด้วย

“น้องเอกมาช่วยน้ายกปิ่นโตหน่อยลูก!”

“น้าเรียกผมแล้ว จะปล่อยได้ยัง” ร้อยเอกพยักพเยิดใบหน้าไปด้านหลัง ตำแหน่งมีเสียงเรียกจากญาติดังแว่วมา ลดสายตาลงมองมือขาวที่วางอยู่บนแขนของเขา แค่นั้นคนจับก็ชักมือออกทันที

“ปล่อยแล้ว จะไปก็ไปดิ”

“ทีงี้อ่ะไล่เลยนะ”

“ไปเร็วๆ เดี๋ยวคุณน้ารอนาน”

“ทราบแล้วครับคุณยายยย~”

วันไหนที่ร้อยเอกไม่กวนประสาทเมืองน้ำจนเสี่ยงโดนทุบ วันนั้นถือเป็นร้อยเอกตัวปลอม เมืองน้ำจะจำคตินี้ไว้รับมือกับอีกคนในอนาคต

ร้อยเอกเดินจากไปพร้อมกับเพื่อนอีกสามคนที่ทำงานเสร็จแล้ว และกำลังเดินมาทางนี้ เมืองน้ำเลยจัดแจงพื้นที่สำหรับมื้อเย็นโดยเร็ว เริ่มจากหยิบเคียวเกี่ยวข้าวที่เด็กตัวสูงวางทิ้งไว้ไปเก็บในที่ปลอดภัย เก็บหมวกแก๊ป รวมถึงครีมกันแดดใส่กระเป๋าเป้ ปัดเศษใบไม้ และผูกริบบิ้นของหมวกปีกกว้างเป็นโบว์หลวมๆ ไว้ที่ปลายคาง

“คอแห้งมั้ยครับพี่เมือง ผมพกน้ำผลไม้มาจากกรุงเทพด้วยนะ”

“เอามาก็ได้ พี่กำลังหิวอยู่พอดีเลย”

เชื่อว่าอาหารมื้อนี้จะต้องเป็นมื้อที่อิ่มทั้งกายและใจอีกหนึ่งมื้อแน่นอน ก็เพื่อนของร้อยเอกใจดีกับเมืองน้ำขนาดนี้นี่นา



(⺣◡⺣)♡*


มีต่อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2018 13:05:29 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ต่อค่ะ

.
.
.

Album created.
Total: 58


101 :
ถ่ายไปทำโฟโต้บุ๊กรึไง เยอะเกิ๊น


โดนบ่นอีกตามเคย ที่จริงก็บ่นตั้งแต่เมืองน้ำขอถ่ายเลยล่ะ

ลานกว้างที่แวะก่อนกลับกรุงเทพฯ กับแสงยามเย็นสีส้มนวล ไหนจะดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้านั่นอีก พอเอามารวมกับร้อยเอกที่ดูดีอย่างกับดารา จะนั่งเฉยยังไงไหว อีกอย่างนึงนะ ตอนนั้นไม่มีมาวินคอยแซวคอยชงแล้วด้วย รายนั้นกลับกับเพื่อนอีกสองคนเพราะจะไปเที่ยวที่อื่นต่อ เท่ากับว่ามีแค่เมืองน้ำกับร้อยเอก ไม่มีอะไรต้องอายเลย

แม้จะบ่นไม่ขาดสาย แถมยังชอบทำหน้าหงิกใส่กันอีกด้วย แต่นายแบบสุดหล่อก็ยอมให้ถ่ายจนจบ

ผู้ชายปากร้ายใจดีเป็นอย่างนี้นี่เอง


m.nam ☆° :
เดี๋ยวเปิดพรีเลยดีมั้ย 55555
จะเอารูปไหนไปลงไอจีก็เซฟไปเลยนะ
ถ้ายังไม่สวยก็แต่งในแอพก่อนก็ได้
โทรศัพท์ร้อยไม่มีแอพแต่งรูปหนิ ใช่ป้ะ
ถ้าจะแต่งก็บอก พี่จะแนะนำแอพให้
ลงรูปตัวเองบ้าง โพสต์แต่ต้นไม้ใบหญ้า
นึกว่าต้นไม้เล่นไอจีได้แล้วเนี่ยยย


101 :
แล้วแต่


เมืองน้ำวาดยิ้มกว้างกับข้อความที่อีกฝ่ายส่งกลับมา สั้นๆ ง่ายๆ ทว่าแตกต่างจากเมื่อก่อน ถ้าเป็นเมื่อเดือนสองเดือนที่แล้ว ร้อยเอกคงใช้คำพูดแรงๆ จนไม่กล้าพิมพ์ต่อไปแล้ว แต่ครั้งนี้คู่กัดคนเก่งตามใจเมืองน้ำสุดๆ เลยนะ จะไม่ให้ยิ้มได้ยังไง

แต่ว่านะ...นั่งใกล้กันแค่นี้ จะแชททำไมก็ไม่รู้

นิ้วเล็กๆ สัมผัสสลับแอพไปยังบราวเซอร์ซึ่งเปิดวิธีทำอาหารค้างไว้ แล้ววางมันไว้บนโต๊ะญี่ปุ่นที่นำออกมากางแทนโต๊ะอาหาร เจ้าของห้องนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม กินข้าวผัดฝีมือเมืองน้ำโดยไม่พูดอะไร มือข้างหนึ่งจับโทรศัพท์ เลื่อนนิ้วไปมาขณะอ่านข้อความบนจอ หลุดขำเมื่อเจออะไรตลกๆ ในนั้น ส่วนอีกข้างหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มเมื่อทานอาหารในจานหมดแล้ว

ก่อนยกมาที่นี่ เมืองน้ำก็อ่านทวนจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีขั้นตอนไหนขาดตกบกพร่อง เครื่องปรุงเอย วิธีทำเอย ต้องอร่อยอย่างที่คิดไว้สิ

“จืดมากเลยอ่ะ”

ใช่ จืดมาก จืดจนคิดว่าผัดข้าวกับน้ำมัน

“ไม่หรอกครับ อร่อยดี”

“รักษาน้ำใจพี่เหรอ มันจืดจริงๆ นะ ทำไมพี่ทำไม่อร่อยเหมือนร้อยเลยอ่ะ”

ขำอีกแล้ว มีอะไรตลกนักหรือไงร้อยเอก

“ถ้ามันจืดมากจริงๆ สิบเอกก็ต้องเดินมาบ่นแล้วมั้ง นี่หายไปเลย อย่าคิดมากน่า”

มันจืดจริงๆ นะ เมืองน้ำสาบานได้ น้องสิบที่ขอเอาข้าวไปกินที่ห้องเพราะอยากกินไปเล่นเกมไปอาจจะคิดเหมือนกัน แต่ไม่อยากทิ้งเกมเพื่อเดินมาบอกเมืองน้ำว่าจืดก็ได้

“พี่เมืองอย่าคิดอะไรหยุมหยิมสิ มันอร่อยตั้งแต่พี่เมืองตั้งใจทำให้ผมกับสิบแล้วนะ”

ตั้งแต่กลับมา ร้อยเอกเอาแต่นอน ถ้ามีรับจ้างนอนเป็นงานประจำ เชื่อว่าอีกคนคงสมัครทำงานไปแล้ว ถึงอย่างนั้นก็แวะมาตอบไลน์นิดๆ หน่อยๆ แล้วก็หายไปพร้อมกับประตูระเบียงและผ้าม่านที่ปิดสนิท ไม่รู้ว่าลงจากห้องมากินข้าวบ้างหรือเปล่า ยิ่งวันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเป็นเพื่อนนอกจากสิบเอกแล้วด้วย ยิ่งเป็นห่วงเข้าไปใหญ่

เมืองน้ำก็แค่อยากทำอาหารอร่อยๆ มาเติมพลังคนเหนื่อย แต่เพราะรสชาติไม่เป็นอย่างที่หวัง ก็เลยเกิดอาการผิดหวังแค่นั้นเอง

เปล่าหยุมหยิมสักหน่อยนะ

“อย่าทำปากยู่ได้มั้ย”

“โอ๊ย!” ส่งเสียงร้อง พลางเอนตัวหลบคนตัวสูงที่ยื่นมือมาบีบริมฝีปากจิ้มลิ้มอย่างมันเขี้ยว “มาแกล้งพี่ทำไม”

“ก็พี่เมืองน่าแกล้ง”

คำพูดนี้ทำให้ร้อยเอกถูกมองค้อนเข้าจังๆ แต่เขาไม่สนใจหรอก ก็พี่เมืองน่าแกล้งมากจริงๆ

ร้อยเอกโยนโทรศัพท์ไว้บนปลายเตียง เก็บจานข้าวทั้งของตัวเองและคนตัวเล็กไปวางไว้ตรงมุมห้อง เก็บโต๊ะให้เรียบร้อย แล้วก้าวช้าๆ ไปเปิดม่านออกจนสุด

ไม่ได้เห็นแสงสว่างอย่างนี้มาหนึ่งวันเต็ม เขาใช้เวลาทั้งหมดไปกับการนอน และกะจะนอนต่ออีกหน่อยถ้าไม่มีคนส่งรูปถ่ายตอนตั้งใจหั่นหัวหอมจนน้ำตาไหลมาให้ ไม่เถียงว่าอาหารที่เมืองน้ำทำให้น่ะจืดจริงๆ แต่พอนึกถึงความตั้งใจแล้วร้อยเอกก็ติไม่ลง

คิดดูสิ แค่ทำข้าวผัดจืดยังนอยด์ขนาดนี้ ถ้าโดนคนบอกว่าไม่อร่อย พี่เมืองจะเศร้าขนาดไหน

นึกแล้วมันเขี้ยวชะมัด อยากบีบปากนุ่มๆ อีกสักสิบรอบ

“แล้วนี่แปรงฟันยังอ่ะ”

“ยัง”

“กินข้าวโดยไม่แปรงฟันเนี่ยนะ”

“ทำไมอ่ะ แปรงทีหลังก็ได้นี่ครับ ไม่เห็นแปลก”

“แปลก แปลกมากๆ ไม่เคยเห็นใครกินข้าวแล้วค่อยแปรงฟันอย่างร้อยเอกเลย” เมืองน้ำเดินเข้ามาหาเขา ชี้ปลายนิ้วไปทางห้องน้ำ “ไปแปรงฟันเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวนะ...ยิ้มอะไรอ่ะ”

“เทคแคร์ดี๊ดี อย่างนี้ต้องให้รางวัลเพื่อนบ้านดีเด่นสักหน่อยละ”

“อย่าเว่อร์ พี่บอกให้ไปแปรงฟันไง”

“แปรงให้ผม...”

“ไม่!”

ยังพูดไม่จบประโยค รีบตอบกลับมาเชียวนะ

“พี่เชื่อจริงๆ เหรอว่าผมยังไม่แปรงฟัน”

“ก็ร้อยบอกเองว่ายังไม่แปรง”

“งี้ถ้าผมบอกว่าไม่อาบน้ำมาสามวัน พี่เมืองจะเชื่อมั้ย”

“ทำไมต้องชวนทะเลาะด้วยอ่ะ”

“ผมเปล่าชวนทะเลาะนะ”

“ชวน”

ร้อยเอกเพิ่งสังเกตตัวเองว่าเขาน่ะเหมือนโรคจิตขึ้นทุกวัน ชอบเวลาได้เถียงกับเมืองน้ำ ชอบเวลาคิ้วสีน้ำตาลเข้มย่นเข้าหากัน ชอบเวลาใบหน้าน่ารักง้ำงอเพราะอยากจะเอาชนะเวลาเถียงกับเขา ซึ่งหลายๆ ครั้งเขาก็เป็นฝ่ายยอมแพ้เพราะไม่อยากให้การเถียงกันเล่นๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่โต

ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน

“โอเคๆ ผมชวนก็ได้”

ร้อยเอกเวอร์ชั่นยอมแพ้ไม่เป็น อ่อนข้อให้คู่กัดตัวเล็กไม่ได้

ร้อยเอกเวอร์ชั่นนั้น ค่อยๆ หายไปตั้งแต่หัวใจเปิดให้คนคนนี้เดินเข้ามาเลยมั้ง

“แล้วนี่พี่เมืองจะกลับบ้านเลยมั้ย”

“อืม…” ตาคู่ใสขยับไปมาราวครุ่นคิด ก่อนจะหยุดมองเขาตรงๆ เมื่อได้คำตอบ “ก็มีงานต้องเคลียร์นะ แต่พี่ยกมาทำที่นี่ได้มั้ย ไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว”

แปลกดี

เมืองน้ำไม่เคยอยู่ในห้องร้อยเอกนานเกินหนึ่งชั่วโมงเลยสักครั้ง ไม่คิดว่าจะขอเอางานมาทำบนห้องเขาด้วย

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ พี่เมืองไปเอางานมาทำเถอะ เดี๋ยวผมยกจานลงไปล้าง น่าจะเสร็จพร้อมกันพอดีนะ”

“ใจดีจัง”

“งั้นไม่ต้องมาละ อยู่คนเดียวเหอะ”

“ไม่เอา อย่าไล่พี่ดิ”

น่ารักแบบไม่เผื่อแผ่ใครจริงๆ

ไม่กี่วินาทีต่อมา คนตัวเล็กก็หมุนตัวก้าวลงไปด้านล่าง เหลือเพียงเจ้าของห้องที่มองตามหลังจนลับสายตา ร้อยเอกเดินมายกถาดอาหาร ชะงักหน่อยๆ กับปริมาณข้าวในจานของคนตัวเล็ก

ปกติพี่เมืองกินเยอะจะตาย เพราะเสียความมั่นใจกับเมนูที่ตั้งใจทำให้เขากับสิบเอก เลยกินข้าวไม่หมดงั้นเหรอ

อ่อนไหวง่ายๆ กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี่สินะเมืองน้ำตัวจริงเสียงจริง พอเห็นแบบนี้ก็คิดถึงเมืองน้ำตอนเป็นมารร้ายที่ร้ายสุดกู่ขึ้นมาเสียดื้อๆ

ถ้าลูกหมาของเขาผ่านพ้นช่วงที่เอาแต่คิดมากไปได้ก็คงดีไม่น้อย คิดว่างั้นมั้ย



(⺣◡⺣)♡*



เตียงนอนห้องร้อยเอกนี่นุ่มชะมัด เมืองน้ำอยากจะซื้อมาไว้ที่ห้องตัวเองบ้าง

แต่ว่า... ความนุ่มระดับโรงแรมห้าดาว ราคาก็คงเอาเรื่องน่าดู

ตาคู่สวยละจากจอแล็ปท็อป เปลี่ยนเป็นมองเจ้าของแผ่นหลังกว้างที่นั่งตรวจงานอยู่อีกมุม ร้อยเอกเป็นผู้ชายที่จริงจังกับเรื่องเรียนเสมอ แยกโต๊ะทำงานกับโต๊ะวางคอมพิวเตอร์ออกจากกัน โต๊ะคอมพิวเตอร์มีแต่รูปตัวละครในเกม ส่วนโต๊ะทำงานมีกระดาษโพสต์อิทแปะไว้เต็มกระดาน เขียนข้อความสำคัญจากเนื้อหาที่เรียน กำหนดส่งงานวิชาต่างๆ แพลนเนอร์ที่วาดขึ้นเองและเขียนไว้ว่าในแต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง


เป็นผู้ชายที่...ละเอียดอ่อน แล้วก็น่าทึ่งในเวลาเดียวกัน

มีรูปต้นไม้พันธุ์ต่างๆ แปะเอาไว้ด้วย ที่บอกว่าชอบเรื่องไหนแล้วจะชอบแบบสุดตัว เมืองน้ำเห็นชัดแล้วว่าร้อยเอกเป็นอย่างที่พูดจริงๆ

ที่เขียนว่า ‘บ้านปู่ - กับพี่เมือง’ ไว้บนแพลนเนอร์ของตัวเองนั่นน่ะ คือเรื่องที่ชอบมากๆ ด้วยใช่มั้ย

คิดเองเขินเอง เมืองน้ำต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ

สะบัดหัวไล่ความคิด ทว่าไอร้อนยังคุกรุ่นอยู่บนแก้ม เมืองน้ำดึงความสนใจกลับมาที่แล็ปท็อปคู่ใจ ลากเอฟเฟกต์มาใส่ในคลิปแล้วลองกดเพลย์เพื่อเช็กความเรียบร้อย

หูฟังที่ร้อยเอกบอกว่าดีกว่าอันที่เคยให้ใส่ มันดีมากจริงๆ นะ อาจจะเป็นเพราะเจ้าของหูฟังสวมให้ด้วยนั่นแหละ เมืองน้ำถึงรู้สึกดีขนาดนี้

เขินอีกแล้ว จะเขินทำไมนักหนาเนี่ย

ร้อยเอกวางมือจากงานที่นั่งทำมาจวนครบชั่วโมง ไล่สายตาดูคร่าวๆ แล้วพาร่างกายสูงโปร่งไปล้มกายนอนบนเตียง เมืองน้ำนอนคว่ำ ส่วนเขานอนหงาย อีกคนเหลือบมองเขา ทว่าครู่เดียวก็กลับไปมองจอสี่เหลี่ยม

“งานเสร็จยังครับ”

“อีกนิดนึง”

ตอนพูดว่า ‘นิดนึง’ นี่น่ารักโคตรๆ

“พี่เมือง”

“…?”

“ไปดูหนังกันมั้ย”

เมืองน้ำเลิกคิ้ว ขณะที่มือยังง่วนอยู่กับแทร็กแพด

“ว่าจะชวนตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ลืม วันนี้มีหนังเข้าใหม่เยอะเลยด้วย น่าดูทั้งนั้นเลย”

“ร้อยจะดูเรื่องไหน”

“Stay Home”

“หนังรักอ่ะเหรอ”

“ไม่ค่อยรักเท่าไหร่ เห็นคนรีวิวว่าดราม่า”

“พี่ไม่ค่อยชอบดูหนังดราม่าอ่ะ อินง่าย ดูอะไรเศร้าๆ พี่จะเศร้าตาม”

“แต่ผมอยากดูกับพี่เมืองนะ”

มือบนแทร็กแพดหยุดเคลื่อนไหว และแก้มสีระเรื่อก็ยิ่งแดงขึ้นไปอีก

ร้อยเอกอยากซื้อสีแดงทั้งโลกมาไว้บนพวงแก้มของเมืองน้ำ มีเท่าไหร่ขอเหมาให้หมดเลย

“งั้นดูเรื่องอื่นก็ได้ เอาเรื่องที่ไม่ดราม่า”

“ก็ได้ๆ ร้อยจะไปดูที่ไหนล่ะ”

“เซ็นทรัลเวิลด์มั้ย ผมต้องไปเอาน้ำหอมให้แม่พอดี”

“รอบก่อนที่ไปด้วยกัน ร้อยพาพี่หลงนะ หาทางออกตั้งนานกว่าจะเจออ่ะ”

“ผมก็หลงทุกรอบนั่นแหละ ห้างมันซับซ้อนจริงๆ แต่เดี๋ยวนี้ดีกว่าเมื่อก่อนเยอะนะ เมื่อก่อนผมหลงกว่านี้อีก”

“ไปทีไรพี่ก็หลงเหมือนกัน อย่างกับเขาวงกตแน่ะ”

เมืองน้ำหันมองคนที่ขำเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เห็นแล้วอดขำตามไม่ได้

“แต่หลงตลอดก็ดีนะ ร้อยจะได้เดินกับพี่เมืองนานๆ”

“เลี่ยน”

เป็นอีกครั้งที่หัวเราะออกมาพร้อมกัน ร้อยเอกปล่อยให้เมืองน้ำกดเรนเดอร์ไฟล์ให้เสร็จ นอนนิ่งๆ ไม่ส่งเสียง พร้อมกับเก็บรายละเอียดทุกการกระทำของอีกคนไปด้วย เขาชอบเวลาเมืองน้ำตั้งใจทำงาน ยิ่งเห็นว่าแววตาคู่ใสที่สะท้อนภาพบนแล็ปท็อปไม่สั่นไหวเหมือนตอนมองเขา ยิ่งชอบ

ชอบทุกอย่างที่เห็นในตอนนี้

“พี่เมือง”

ร้อยเอกไม่รู้ว่าบรรยากาศพาไปหรือเปล่า แต่ริมฝีปากนุ่มๆ ที่เม้มจนเป็นเส้นตรงตอนหันมาสบตาเขา น่าสัมผัสชะมัด

มองแค่ตายังรู้เลยว่านิ่ม ถ้าได้ลองพิสูจน์ ร้อยเอกอาจจะคลั่งตายเลยก็ได้

“ร้อยขอ...”

“ร้อยจะขออะไร”

ขอเอาปากแตะปาก

ร้อยเอกไม่กล้าบอกตรงๆ กลัวลูกหมาตัวน้อยจะตกใจและวิ่งหนีเขาก่อนจะลงมือทำ เพราะแบบนั้นจึงค่อยๆ ลดระยะห่างระหว่างเราแทน

เมืองน้ำไม่ขัดขืน ซ้ำยังคลายริมฝีปากที่ถูกกัดจนมีรอยช้ำเหมือนจะบอกว่าอนุญาต

ใจเต้นแรงชะมัด

ยิ่งใกล้ ยิ่งแรง

อีกนิด...

อีกแค่นิดเดียว...

เขาจะได้ครอบครอง

ตุ้บ!

“พี่ร้อย...”

แม่ง...

“สิบจะฟ้องแม่!”

แม่งเอ๊ยย!!

“พี่ร้อยจะจุ๊บพี่เมือง สิบจะฟ้องแม่!”

เมืองน้ำอยู่ในอาการไปต่อไม่ถูก สติถูกดึงกลับมาและสั่งให้ดึงผ้าห่มมาบังใบหน้าแดงแจ๋ทันที ส่วนร้อยเอก เขาอยากสบถด้วยคำแรงๆ แต่น้องชายที่ยืนนิ่งตรงประตูพร้อมห่อขนมที่ร่วงลงพื้นคงช็อกกว่าเดิมถ้าได้ยินคำหยาบ ขายาวก้าวลงจากเตียง รีบเดินไปหาน้องชายตัวจิ๋ว ปิดใบหน้ากลมด้วยมือใหญ่ และดันไหล่เล็กให้เดินกลับไปทางห้องตัวเอง

“สิบฟ้องแม่แน่ พี่ร้อยทำทะลึ่งกับพี่เมืองในบ้าน”

“ทะลึ่งอะไรสิบ ไม่ทะลึ่งเลยนะ แล้วก็ไม่ต้องฟ้องแม่ด้วย”

“ทะลึ่ง พี่ร้อยโคตรทะลึ่งเลย”

“สิบ ไม่...สิบฟังพี่ มันไม่ทะลึ่ง”

“พี่ร้อยจะจุ๊บพี่เมือง พี่ร้อยทำทะลึ่งให้สิบเห็น!!”

“สิ๊บบบบบบ!”

จูบก็ไม่ได้จูบ แถมน้องยังเข้ามาเห็นภาพที่เด็กไม่ควรเห็นอีก

ร้อยเอกอยากตายมากๆ ก็วันนี้

ปัดโถ่โว้ยยยยยย



(⺣◡⺣)♡*



คลิกที่รูปเพื่อขยาย



(⺣◡⺣)♡*
#ร้อยเมือง




เวลาผ่านไปเร็วมากเลยค่ะ อีกไม่นานยกเว้นเรื่องคุณก็จะเดินทางถึงตอนจบแล้ว โค้งสุดท้ายของนิยายเรื่องนี้ยังมีสิ่งที่เราอยากบอกเล่าอีกหลายอย่าง และบางตอนอาจจะใช้เวลาแต่งนานกว่าตอนแรกๆ เพราะมีเนื้อหาเยอะพอสมควร แต่จะพยายามมาให้ไวที่สุดนะคะ
ขอบคุณมากจริงๆ ที่ติดตามกันจนถึงตอนนี้นะคะ
ทอล์คซะยาวเลย 5555
เจอกันตอนหน้าจ้า สุโขทัยรออยู่วววว -.,-

ปล. น้องสิบน่าจ๋งจ๋านนนนนน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-11-2018 00:22:20 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
น้องสิบลูก 5555555555555555555555

ออฟไลน์ BaGgYsOdA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอบคุณน้าาาาา
 :pig4:

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
16
ไม่มีน้องแล้วนะ

** อ่านช้าๆ นะคะ **



ถามว่าเหตุการณ์หลังจากนั้นเป็นยังไง

ก็...สิบเอกเกือบเอาเรื่องที่เห็นโดยบังเอิญไปฟ้องแม่ คนเป็นพี่ขอร้องและอธิบายภาพที่น้องเห็นอยู่นาน สุดท้ายก็จบตรงที่สองพี่น้องทำข้อตกลงซึ่งกันและกัน ร้อยเอกต้องเติมเพชรในเกมให้น้องเป็นเวลาสามวันติด ห้ามเลท ห้ามขาด ห้ามเบี้ยว ไม่งั้นน้องจะเอาภาพติดเรททั้งหมดไปฟ้องแม่

พอทำข้อตกลงเสร็จ ร้อยเอกก็เดินกลับมาที่ห้อง ถอนหายใจอย่างโล่งอก กลับมาทำสีหน้าชวนหมั่นไส้อีกครั้งเมื่อเห็นว่าเมืองน้ำยังมุดตัวใต้ผ้าห่ม

ร้อยเอกล็อกห้องนอน ป้องกันไม่ให้ใครพรวดเข้ามา ก้าวขึ้นมาบนเตียงและบอกให้เมืองน้ำหยุดเอาผ้าห่มบังหน้าเสียที ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ทุกอย่างมันเกิดไปแล้วเต็มๆ

เมืองน้ำไม่กล้าร่นผ้าห่ม ซ้ำยังคลุมจนมิดทั้งตัวเพื่อไม่ให้อีกคนใช้คำพูดแกล้งกันได้อีก

มันเขิน เขินมาก นึกถึงตอนที่คนตัวสูงค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเข้ามาแล้วควันร้อนๆ ก็ฟุ้งกระจายทั่วพวงแก้ม ใจก็เต้นรุนแรงเหมือนมีคนไล่ตาม

หัวใจเกือบวาย

ถ้าน้องสิบไม่เข้ามา ป่านนี้คงสติหลุดไปแล้วแน่ๆ

เมืองน้ำไม่ใช่คนไร้ประสบการณ์สักหน่อย จะได้แปลไม่ออกว่าตอนนั้นร้อยเอกต้องการอะไร ถึงร้อยเอกไม่ตอบแต่ก็พอเดาได้

พอรู้ว่าร้อยเอกอยากจะ...จูบ ทุกอย่างก็เป็นไปตามธรรมชาติ

พอมานึกย้อนดู ไอ้การเป็นไปตามธรรมชาตินั่นแหละที่ทำให้เขินจนไม่กล้าโผล่หน้าออกไปเจอ

‘เห็นพี่เมืองเขินแล้วอยากขออีกเลยเนี่ย’

‘ไม่ให้แล้ว!’

‘น่านะ ผมขออีกนะ’

‘ไม่เอา!’

เสียงหัวเราะของร้อยเอก ทั้งน่าหมั่นไส้ ทั้งเพิ่มความเขินอาย คนที่ทะเลาะกันตลอด กลายมาเป็นคนที่ทำให้แก้มแดงทุกวันได้ยังไงเนี่ย

เมืองน้ำนอนคลุมโปงอยู่อย่างนั้นเกือบครึ่งชั่วโมง รู้สึกได้ถึงเม็ดเหงื่อและความอบอ้าวใต้ผ้าห่ม และสงบตัวเองได้แล้วจึงยอมโผล่หน้าออกมา ร้อยเอกไม่ได้อยู่แกล้งกันเหมือนเดิมแล้ว คนตัวสูงจดจ่ออยู่กับงาน บอกจะเคลียร์ให้เสร็จก่อนถึงเวลานัด เมืองน้ำเลยรีบส่งงานให้ลูกค้า ทำทุกอย่างให้เสร็จพร้อมเจ้าของห้อง แต่ก็ช้ากว่าอีกคนอยู่ดี

เห็นทีต้องเก็บเงินซื้อเครื่องใหม่ซะแล้ว เครื่องปัจจุบันนี่ไม่ทันใจเลย

‘ผมซื้อให้เอามั้ย’

‘จะบ้าเหรอ เครื่องนึงตั้งแพง พี่เก็บเงินซื้อเองได้’

‘เก็บเองแล้วเมื่อไหร่จะได้ซื้อ พี่เมืองต้องเอาเงินเก็บไว้ใช้ในอนาคตไม่ใช่เหรอ’

ร้อยเอกเป็นอะไรไม่รู้ เอาแต่พูดเรื่องซื้อคอมให้อยู่ได้ ทั้งที่รู้ว่าเมืองน้ำไม่อยากรบกวนคนอื่น แต่ก็ย้ำแล้วย้ำอีก ย้ำตั้งแต่บ้านจนมาถึงช็อปของแบรนด์ในเซ็นทรัลเวิลด์ กว่าจะหยุดพูดเรื่องที่เมืองน้ำยืนกรานปฏิเสธ ก็ตอนหนังเข้าฉายนู่นเลย

ที่สุดของความดื้อ

เมืองน้ำเข้าใจนะว่าทำไมร้อยเอกถึงอยากซื้อให้ ถึงคำพูดจำกวนประสาทอยู่บ่อยๆ แต่คนคนนี้ก็ทำให้รู้สึกดีอีกแล้ว

เพราะมันสำคัญกับเมืองน้ำ เพราะต้องใช้คอมทำงานหาเงินไงล่ะ ร้อยเอกเลยคะยั้นคะยอขนาดนั้น เรียกง่ายๆ ว่าห่วงนั่นแหละ

ประโยคหลัง...เจ้าตัวบอกมาเองนะ ไม่ได้คิดไปเอง

“รอบนี้หาทางออกไวเนอะ นึกว่าจะหลงนานกว่านี้ซะอีก” ร้อยเอกเดินล้วงกระเป๋ากางเกงระหว่างที่เดินไปตามสกายวอล์กบีทีเอสชิดลม คนตัวเล็กเดินอยู่ข้างเขา ขาที่สั้นจนเดินช้าอยู่แล้วยิ่งช้ามากขึ้นเพราะเอาแต่ตักไอศกรีม

เมืองน้ำกินเก่งจนน่าทึ่ง ป๊อปคอร์นถังใหญ่ที่ซื้อก่อนเข้าโรงหนังก็กินจนไม่เหลือ ยังแวะซื้อไอศกรีมก่อนเดินออกมารับลมกับเขาอีก

ไม่เป็นไร กินเก่งแค่ไหนก็น่ารักอยู่ดี ร้อยเอกชอบเวลาอีกคนเคี้ยวหนุบหนับในปาก ให้นั่งมองทั้งวันยังได้เลย

“เพราะอะไรรู้ป้ะ”

“ครับ?”

“เพราะร้อยเอกเก่งไง เลยเจอทางออกไวกว่าทุกรอบ”

มันเขี้ยวว่ะ

พอได้กินก็อารมณ์ดี พออารมณ์ดีก็เปลี่ยนจากเถียงมาเป็นชมเลยนะ ให้มันได้อย่างนี้

“กินดีๆ หน่อยไม่ได้รึไง เลอะหมดแล้วเนี่ย”

“อื้อ!”

เมืองน้ำส่งเสียงท้วงเมื่อจู่ๆ ร้อยเอกก็หยิบทิชชู่มาซับคราบช็อกโกแลตบนเรียวปากจิ้มลิ้ม ความนุ่มที่สัมผัสผ่านมือช่วยตอกย้ำว่าน้องชายทำเขาพลาดโอกาสดีๆ ไปจริงๆ

มีทิชชูกั้นยังนุ่มขนาดนี้ ถ้าได้จูบจริงๆ จะนุ่มขนาดไหน

มองเฉยๆ ก็หลงจะแย่แล้ว

“หมดแล้วๆ ไม่เลอะแล้วเนี่ย ฮึ่ย ร้อยนี่จริงๆ เลย”

เป็นเสียง ‘ฮึ่ย’ ที่น่าเอ็นดูที่สุดในโลก

ร้อยเอกนำถ้วยเปล่าในมือเล็กมาถือไว้เอง ให้อีกคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายตรงจุดที่เราหยุดเดินเพื่อมองวิวหน้าห้างสรรพสินค้า จุดที่ยืนอยู่ไม่ได้เห็นอะไรมากนักหรอก ก็แค่จราจรติดขัด กับแสงไฟยามค่ำคืน ไหนจะเสียงรถไฟฟ้าที่วิ่งผ่านไปผ่านมาข้างบนนี่อีก

“สวยจัง”

ถ้าเมืองน้ำชอบ เขาก็โอเค

“จริง สวยมาก เวลาผมมากับมาวินนะ ก็จะมาตรงนี้ประจำ มายืนคุยกันเฉยๆ บางทีมีเรื่องเครียดก็พากันมาปรับทุกข์ตรงนี้ คุยเสร็จก็หายเครียดเลย”

“หายเครียดเลยเหรอ”

ร้อยเอกพยักหน้ารับ

“ในกรุงเทพมีจุดที่สวยกว่านี้เยอะนะ แต่ตรงนี้มันพิเศษ”

“พิเศษยังไงอ่ะ”

“พิเศษเพราะมากับพี่เมืองไง”

เมืองน้ำรู้สึกหน้าร้อนอีกแล้ว...

จู่ๆ ก็ทำให้ใจสั่นไหว แล้วอย่างนี้จะกล้าสบตากับร้อยเอกได้ยังไงล่ะ หนีกลับบ้านตอนนี้ดีมั้ยนะ เก็บไว้เขินพรุ่งนี้บ้างได้มั้ย วันนี้น่ะ...เมืองน้ำก็ทำให้เขินมากพอแล้ว

“วันหลังถ้ามีเวลา ไปล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยามั้ย ตอนผมเด็กๆ พี่พันพาไปบ่อย สนุกดี”

“พี่กลัวเรืออ่ะ ตอนเด็กๆ...เคยตกเรือ”

คิดไว้แล้วว่าร้อยเอกต้องแปลกใจ เมืองน้ำถอนหายใจเมื่อนึกถึงตรงนี้ รอจนกว่าไอร้อนบนแก้มจะเบาบางลงแล้วจึงหันกลับมาสบตากับคนตัวสูง

“ยังไงครับ เล่าให้ฟังได้มั้ย”

แววตาของร้อยเอก มีแต่ความเป็นห่วง ทั้งที่เมืองน้ำยังไม่เล่าให้ฟังเลยด้วยซ้ำ

ตั้งแต่มีความรักมา ไม่เคยมีใครเป็นห่วงเมืองน้ำเท่าเด็กคนนี้

“ไม่รู้จะเล่ายังไงเหมือนกันนะ เป็นความทรงจำที่ไม่ค่อยดีตอนเด็กๆ จำได้ว่าตอนนั้น...พ่อพาไปทำงานด้วย ติดตั้งเครื่องจักรบนเรือ พี่ก็วิ่งวุ่นไปทั่ว เล่นซนจนโดนท่านดุ ก็เลยไปนั่งหงอยอยู่คนเดียวบนขอบเรือ พี่เห็นเงาตัวเองในทะเล ด้วยความที่เราไม่รู้ เราพยายามแตะเงาตัวเองในน้ำ หลังจากนั้นก็ตกลงไป แล้วจำอะไรไม่ได้”

“…”

“ตื่นมาอีกทีก็อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว แม่บอกว่าพี่จมน้ำ คนไปช่วยคือพ่อ พี่รู้สึกว่าพ่อเท่มาก รู้สึกว่าเราเป็นเด็กดื้อด้วย ทำให้พ่อร้องไห้เพราะเป็นห่วง ก็เลยพยายามเชื่อฟังพ่อแม่มาตลอด”

“เรื่องนี้ทำให้พี่เมืองเห็นพ่อเป็นฮีโร่ด้วยใช่มั้ย”

“ใช่เลย ตอนนั้นพ่อเป็นฮีโร่ของพี่จริงๆ ไม่มีใครเท่เท่าพ่อพี่แล้วล่ะ” เมืองน้ำวาดยิ้มจางๆ ภาพความสวยงามและความสุขในตอนนั้นยังอบอวลอยู่ในความรู้สึก แม้ตอนนี้จะพังทลายไปหมดแล้ว แต่ก็ยิ้มได้ยามคิดถึง

“แล้วตอนนี้ล่ะครับ”

ไม่มีคำตอบในทันที ราวกับคิดทบทวนคำตอบ ร้อยเอกเลือกที่จะเงียบเพื่อให้เวลากับอีกฝ่าย เขารู้...เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เมืองน้ำอยากจะเก็บให้ลึกสุดใจ ไม่แสดงออกเหมือนโยนทิ้งและจมหายไปในทะเล หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ที่คนภายนอกเห็น ก็มีแต่ความสวยงามของเกลียวคลื่น

คนอื่นเห็นแค่ผิวน้ำที่ระยิบระยับไม่ว่าต้องแสงจันทร์ หรือกระทบกับแสงอาทิตย์เท่านั้น

“ไม่ใช่แล้วล่ะ”

ขอบคุณที่เมืองน้ำยอมให้เขาได้มองเห็นสิ่งที่จมอยู่ใต้ทะเล

“พ่อยังเป็นคนที่พี่รักและเคารพ เป็นคนที่พี่อยากให้อยู่ในชีวิต เป็นคนที่พี่อยากดูแลท่านจนวันสุดท้าย แต่พ่อไม่ใช่ฮีโร่สำหรับพี่แล้ว”

ขอบคุณจริงๆ

“หลายคนมีพ่อแม่เป็นคอมฟอร์ตโซน ซึ่งพี่ก็เคยมีช่วงเวลานั้น แต่ตอนนี้...ไม่ใช่ เพราะพี่เหลือแค่แม่”

ตาคู่สวยสะท้อนแสงไฟ สั่นไหวเมื่อพูดถึงวรรคสุดท้าย ควรร้องไห้ออกมาด้วยซ้ำ ความอัดอั้นที่ไม่ว่าใครก็สัมผัสได้ปรากฏอยู่บนใบหน้าเนียน แต่เมืองน้ำก็ยังเป็นเมืองน้ำ ที่จะไม่ร้องไห้หากเรื่องนั้นไม่เหลืออดจริงๆ

เมืองน้ำสูดลมหายใจแรงๆ เพื่อลดทอนความเจ็บปวด หันกลับมาหาเขา และยิ้มให้เขาอีกครั้ง

“ช่างเถอะ พี่ก็ไม่รู้นะว่าจะยังไงต่อ แต่พี่โชคดีมากที่มีร้อยเอก”

“ผมก็โชคดีนะ ที่ได้มายืนตรงนี้กับพี่เมือง”

แน่ล่ะ มันเป็นคำพูดที่ทำให้ร้อยเอกกลั้นยิ้มไว้ไม่ได้ เขาคว้ามือเล็กเข้ามากุม บีบเบาๆ เพื่อย้ำคำพูดของตัวเอง

“นี่เราเคยทะเลาะกันทุกวันจริงๆ ใช่มั้ย”

“ใช่สิ เมื่อก่อนนะ เถียงกันไม่เคยจบเลย” เมืองน้ำหัวเราะใส่อีกคน ถอยศีรษะหนีคนตัวสูงที่ยกนิ้วโป้งขึ้นมาซับความชื้นตรงปลายหางตา ทว่าไม่ทัน เครื่องทำความร้อนบนแก้มเลยกลับมาทำงานโดยเร็ว

“เอ้อนี่ แต่พี่ก็ไม่ได้กลัวเรือขนาดนั้นนะ แค่ไม่ชอบนั่งเรือคนเดียว ถ้าต้องนั่งคนเดียวพี่จะกลัวมาก”

“ผมไม่ปล่อยให้พี่เมืองนั่งเรือคนเดียวหรอกน่า ไม่ต้องกลัว”

“แค่นั่งเรือเหรอ”

“ครับ?”

“เรื่องอื่น...ก็อย่าปล่อยให้พี่อยู่คนเดียวนะ”

ถ้าไม่มีร้อยเอก ก็ไม่รู้จะกลับมาเป็นปกติได้เร็วอย่างนี้หรือเปล่า ตอนรู้เรื่องพ่อกับแม่แรกๆ เมืองน้ำยังจำภาพที่ตัวเองใช้ชีวิตเหมือนคนหมดอาลัยได้ดี ผ่านไปหลายวันเลยล่ะ กว่าจะกลับมาเป็นคนที่ทุกคนเห็นแต่ความสดใส

“ไม่ขอก็ทำให้อยู่แล้ว”

“…”

“ถ้าจะทิ้งพี่เมืองให้เจอเรื่องแย่ๆ คนเดียว คงทิ้งตั้งนานแล้วครับ”

“…”

“แล้วถ้าพี่เมืองอยากไล่กันตอนนี้ บอกเลยว่าผมไม่ไปเด็ดขาด”

ตั้งแต่รู้ว่าร้อยเอกพังกำแพงที่สลักคำว่าคู่กัดได้สำเร็จ ตั้งแต่รู้ว่าคนคนนี้มีอิทธิพลกับความรู้สึก เมืองน้ำก็ไม่เคยชอบการอยู่คนเดียวอีกเลย

“ขอบคุณนะ”

“ยินดีครับ”

เป็นความรักที่ธรรมดา ผูกพันง่าย แทรกซึมโดยไม่รู้ตัว แต่ก็เป็นความธรรมดาที่เมืองน้ำชอบมากที่สุด ไม่ต้องเดทในที่หรูหรา ไม่มีการเซอร์ไพรส์ที่ทำให้ใจเต้นรัว แค่ยืนคุยในที่ที่เราได้ยินและมองเห็นกันได้ถนัด

นี่น่ะเป็นความธรรมดาที่มีค่าที่สุดแล้ว



(⺣◡⺣)♡*






(⺣◡⺣)♡*



“เหลืออะไรอีก”

“รองเท้าๆ พี่ซื้อรองเท้าหูคีบมาใหม่ ลืมเอาออกมาอ่ะ”

“ลืมทั้งปีเลย”

“ทั้งปีอะไรเล่า เพิ่งลืมครั้งแรกเอง”

ริมฝีปากนุ่มบิดเบี้ยวใส่คนตัวสูงที่ยืนเท้าสะเอว ขมวดคิ้วใส่ตนอยู่ตรงฝากระโปรงหลัง ด้านในมีกระเป๋าเดินทาง ใบสีเข้มเป็นของร้อยเอก อีกใบที่สกรีนลายการ์ตูนมาร์เวลเป็นของคนตัวเล็กที่วิ่งหลุนๆ เข้าไปเปลี่ยนรองเท้า เมืองน้ำกลับออกมาใหม่ จัดการล็อกรั้วบ้านให้เสร็จ ก่อนจะวิ่งเหยาะๆ มาหาคนขับรถที่ยืนรออยู่

“เสร็จแล้ว เลิกขมวดคิ้วได้ยังเนี่ย”

“ก็พี่เมืองอ่ะ”

“พี่ทำไม”

“เปล่า” ขี้โม้ชะมัด แต่ไม่เป็นไร วันนี้ถือเป็นวันดีที่เมืองน้ำจะไม่ถือสาร้อยเอก “ขึ้นรถเถอะครับ เดี๋ยวไปเช็กอินไม่ทัน”

“จะไม่ขับรถไปจริงๆ อ่ะ”

“จริง” ร้อยเอกพูดขณะปิดฝากระโปรงรถ “ฝากไว้ที่สนามบินนั่นแหละ เดี๋ยวไปถึงก็มีคนมารับ ผมบอกปู่ไว้แล้ว นี่ปู่ตื่นเต้นมากเลยนะที่จะเจอพี่เมือง”

เมืองน้ำยิ้มจนแก้มฟูกับคำพูดของอีกคน พยักหน้ารับรัวๆ แม้ร้อยเอกจะไม่เห็นเพราะเดินไปเปิดประตูรถแล้ว เห็นแบบนั้นจึงรีบเดินไปนั่งในรถทันที

“ปู่ตื่นเต้นเลยเหรอ”

“อื้อ ตื่นเต้น ในที่สุดก็จะได้เจอพี่ชายปลอมๆ ของผมซะที”

“หมายความว่าไง”

“เมื่อวานผมเล่าเรื่องที่เราทดลองเป็นพี่น้องสามเดือนให้ปู่ฟัง”

“แล้ว...คุณปู่ว่าไงบ้างเหรอ”

ร้อยเอกอมยิ้ม ล็อกเข็มขัดนิรภัยแล้วสตาร์ทรถ

“ปู่บอกว่าจะเป็นพี่น้องทำไม เสียเวลา”

“อันนี้ปู่พูดหรือร้อยพูดเอง”

“ปู่พูดจริงๆ...แน่ะ ไม่เชื่อผมอีกละ”

ก็ท่าทางทะเล้นแบบนั้น มันน่าเชื่อซะที่ไหน

ย้ำอีกทีว่าวันนี้เป็นวันดีที่ร้อยเอกจะพาไปสุโขทัย เมืองน้ำจะสงบสติอารมณ์ ไม่โกรธ ไม่โมโห ไม่ทำร้ายร่างกายร้อยเอกด้วยการฟาดฝ่ามือลงไปบนกล้ามแน่นๆ ของเจ้าเด็กสุดกวนประสาท

“เดี๋ยวพี่จะไปถามปู่”

“ถามทำไมให้เขิน แค่นี้ก็หน้าแดงจนแทบจะมุดเบาะรถอยู่แล้ว”

“ร้อยเอก”

“อะไร...โอ๊ยยย! พี่เมื้องงง”

ไม่ได้...

เมืองน้ำทำไม่ได้ เอาเป็นว่าแม้จะเป็นวันดีก็ตาม แต่ถ้าร้อยเอกทำให้หมั่นไส้ ก็ต้องโดนลงโทษไปตามระเบียบ

คันมือมากบอกเลย พูดอีกสิ กวนประสาทอีกสิ ได้โดนเมืองน้ำทุบอีกแน่

จัดมาเลยร้อยเอก



(⺣◡⺣)♡*



สิ่งแรกที่นึกขึ้นได้ระหว่างเดินทางมาสุโขทัย คือเมืองน้ำไม่เคยมาเที่ยวที่นี่อย่างจริงๆ จังๆ เลยสักครั้ง กล้องถ่ายรูปที่พกมาจากกรุงเทพฯ จึงเต็มไปด้วยภาพบรรยากาศ ภูเขา ทุ่งนา บ้านเรือนที่มีทั้งร่วมสมัยและบ้านเรือนไทย อุทยานเมืองเก่าซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์คของนักท่องเที่ยว แล้วก็คนตัวสูงที่หลับสนิทตลอดทาง

ร้อยเอกรู้สึกตัวตอนที่รถกระบะคันใหญ่ที่ปู่ส่งมารับเคลื่อนเข้าสู่บริเวณบ้าน เขาไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว ยิ่งโตยิ่งเรียนหนัก ยิ่งมีอะไรให้ทำมากขึ้น หากไม่ปิดเทอม หรือไม่มีโอกาสจริงๆ คงไม่ได้มา

ที่นี่แบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนแรกคือที่อยู่อาศัย ตอนเด็กๆ มีบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ที่ครอบครัวของเขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ตอนนี้เหลือบ้านไม้สักยกสูง ปู่ใช้เหลือพื้นที่ได้จากการรื้อบ้านทิ้งทำเป็นเล้าไก่และพื้นที่นั่งรับลม ส่วนที่สองคือพื้นที่ทำนา เลี้ยงควาย ปลูกไร่อ้อยไว้ข้างๆ กัน ส่วนสุดท้ายเป็นสวนผัก สวนผลไม้ อยากปลูกอะไรก็ปลูก ตามใจชายวัยเกษียณ

ตรงนั้นปู่เกือบโละทิ้งเพราะไม่มีคนดูแล แต่เขาขอให้ปู่เก็บไว้ แล้วจ้างคนงานมาดูแลแทน ท่านเลยให้คนงานดูแลส่วนอื่นด้วย

ที่ชอบที่สุดคงเป็นบ่อน้ำสำหรับพายเรือ เขาอยากพาเมืองน้ำไปตรงนั้น แต่แดดค่อนข้างร้อน ไม่อยากให้ผิวขาวๆ โดนแดดเผา เดี๋ยวผิวเสียเปล่าๆ ให้ตายเถอะ ร้อยเอกเว่อร์เกินไปรึเปล่า แต่เรื่องเว่อร์ๆ นี่แหละงานถนัดของเขา

ทุกๆ วันปู่จะออกมานอนเล่นใต้ต้นมะม่วง เปิดวิทยุทิ้งไว้ นอนฟังไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงเย็นแล้วกลับเข้าบ้านไปทำอาหาร วันไหนเบื่อก็จะหาอะไรมาทำเป็นกิจกรรมแก้เซ็งตามประสาคนแก่ อย่างเช่นวันนี้ที่ตัดทางมะพร้าวมาเหลาเพื่อนำใบออก เหลือแต่ก้านเล็กๆ ที่จะเอาไปมัดรวมกันเป็นไม้กวาด

“ปู่ครับ”

คุณปู่เงยหน้ามองเสียงเรียกของหลานชาย ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าคร้ามคมตามวัย เมืองน้ำสัมผัสความอบอุ่นจากสายตาที่มองมาได้อย่างชัดเจน ความประหม่าที่คิดไปเองขณะเดินตามร้อยเอกถึงจางหายไปช้าๆ

“นี่ใช่มั้ยเมืองน้ำ”

“ครับ สวัสดีครับคุณปู่”

มือเล็กยกขึ้นไหว้พร้อมรอยยิ้ม ลดมือลงข้างกายและเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ ร้อยเอกก็คว้าข้อมือโดยไม่บอกไม่กล่าว เมืองน้ำเตรียมส่งเสียงท้วง ทว่าอีกคนกลับดึงเบาๆ ให้ก้าวตาม

“เห็นเจ้าร้อยบอกว่าตัวนิดเดียว แต่ปู่ไม่คิดว่าจะเล็กขนาดนี้”

“…”

“เหมือนลูกหมาจริงๆ”

เมืองน้ำรู้แล้วว่าร้อยเอกเหมือนใคร ไม่ใช่คุณลุงกับคุณป้าหรอก นี่ไงล่ะ ร้อยเอกเหมือนคุณปู่เป๊ะๆ เลย

“ถามปู่สิครับพี่เมือง”

“ถาม? ถามอะไร”

“เอ้า ก็พี่บอกว่าจะถามปู่เรื่องที่ผมพูดเมื่อเช้าไม่ใช่เหรอ”

ตาคู่สวยเจือแววสงสัย เห็นสายตาแบบเดียวกันจากเจ้าของบ้านแล้วไอร้อนๆ ก็ปกคลุมทั่วพวงแก้ม นึกออกแล้วว่าเรื่องไหน แต่ว่านะ...พอถึงสถานการณ์จริง ประโยค ‘เป็นพี่น้องทำไม เสียเวลา’ ที่อยากรู้ว่าคุณปู่พูดจริงหรือเปล่า เมืองน้ำกลับไม่กล้าถาม

ไม่กล้าจริงๆ

“ไม่ถามแล้ว ช่างมันเถอะ พี่ไม่อยากรู้แล้วอ่ะ”

“ได้ไง อุตส่าห์มาถึงที่ทั้งที”

“ก็บอกว่าไม่ไงเล่า”

“อย่าแกล้งพี่เขา ร้อยเอก”

นี่อาจเป็นข้อแตกต่างข้อเดียวระหว่างปู่กับหลานชายก็ได้ เด็กตัวสูงทำหน้าเซ็งหน่อยๆ กับการถูกห้าม ปล่อยมือเมืองน้ำแล้วเดินไปนั่งบนเสื่อด้านข้างปู่ กอดรัดร่างกายที่ยังแข็งแรงแม้อายุมากไว้แนบแน่น จนคนถูกกอดร้องโอดโอยเพราะกอดแน่นเกินไปนั่นแหละ ถึงยอมมอบอิสระให้คุณปู่

“เมืองมานั่งข้างปู่นี่มา ยืนนานๆ เมื่อยตัวพอดี”

“ครับ”

เมืองน้ำพยักหน้ารับก่อนทำตามโดยเร็ว

“ร้อยขึ้นไปเอาน้ำบนบ้านมาให้พี่เมือง ปู่แช่เย็นไว้แล้ว หยิบจากตู้เย็นลงมาได้เลย”

“ครับปู่ งั้นร้อยเอากระเป๋าไปเก็บเลยนะ”

“ปู่ไม่ได้ล็อกห้องร้อยไว้นะ เข้าไปกวาดห้องมาเมื่อเช้า เลยไม่ได้ล็อก”

ร้อยเอกขานรับขณะที่ลุกไปหยิบกระเป๋าสะพายทั้งของตัวเองและของเมืองน้ำ หันกลับมามองแวบเดียว ก่อนจะเดินขึ้นไปบนตัวบ้าน

เหลือกันแค่สองคน แต่เมืองน้ำกลับไม่รู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อย

“เมืองเป็นรุ่นพี่เจ้าร้อยปีนึงใช่มั้ย ร้อยบอกปู่”

“ใช่ครับคุณปู่ โตกว่าร้อยปีนึง เมืองอยู่ปีสี่แล้วครับ”

ดีจัง ดีสุดๆ เลย

“ฝึกงานรึยังล่ะเรา”

“ฝึกงานเทอมหน้าครับ ยื่นขอฝึกงานไปหลายที่แล้ว ตอนนี้รอให้บริษัทติดต่อมา”

“ปู่ได้ยินชื่อเมืองน้ำมาหลายทีแล้วนะ พ่อเจ้าร้อยเคยบอกว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากับร้อยเอก เจ้าร้อยก็อย่างนี้แหละ เถียงเก่ง แต่จริงๆ น้องเป็นคนน่ารักนะ”

ท่านพูดพลางเหลาทางมะพร้าวไปด้วย ลมเย็นๆ พัดผ่านให้ใจดวงน้อยกระชุ่มกระชวย เมืองน้ำกวาดมองธรรมชาติที่ไม่มีให้เห็นในเมืองหลวง ก่อนจะหันกลับมาหาคุณปู่

“เมืองเห็นด้วยครับ” ว่าแล้วก็ยิ้มจนแก้มกลมป่อง “ร้อยเอกเถียงเก่ง ชอบแกล้งด้วย เมื่อก่อนทะเลาะกันบ่อยมาก แต่ตอนหลังๆ ที่ไม่ค่อยทะเลาะกันแล้ว เมืองก็คิดว่าจริงๆ แล้วน้องเป็นคนน่ารักเหมือนกัน”

“ชอบล่ะสิ”

เดี๋ยวนะ...

“ไม่ต้องเขินหรอกน่า ปู่เข้าใจหัวอกวัยรุ่น ไม่มีอะไรต้องเขินเลย”

คำว่าไม่มีอะไรต้องเขินของคุณปู่นี่แหละ ทำเอาเมืองน้ำไปต่อไม่ถูก

อยู่ดีๆ แก้มก็อุ่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“ให้เมืองช่วยเหลามั้ยครับ”

“เปลี่ยนเรื่องเหรอเรา”

เหมือนมาก คุณปู่ทำให้เมืองน้ำคิดว่าท่านเหมือนร้อยเอกจนน่าตกใจ แล้วอย่างนี้จะทำอะไรได้ นอกจากยอมรับตรงๆ ว่าเมื่อกี้ตั้งใจเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นเพราะเขินจริงๆ

“เอาปลอกไปใส่นิ้ว แล้วก็นี่ มีดที่ปู่ใช้เหลา มีไม่เยอะหรอก แต่ถ้าเมืองอยากทำก็ทำได้”

คนตัวเล็กยิ้มกว้างอีกครั้ง รับปลอกนิ้วกับมีดเล่มเล็กจากมือคุณปู่แล้วหยิบทางมะพร้าวเข้ามาเหลาตามแนวยาวของก้านไม้

“ช่วยเล่าเรื่องร้อยเอกให้เมืองฟังหน่อยสิครับ”

ท่านเลิกคิ้ว ทว่าไม่พูดต่อ เห็นแบบนั้นเมืองนำ้เลยรีบอธิบาย

“เมืองอยากรู้ว่าตอนร้อยอยู่ที่นี่เป็นยังไง เพราะร้อยพูดถึงบ้านปู่หลายครั้งแล้วน่ะครับ ดูผูกพันมากเลย”

“ผูกพันเหรอ ก็คงใช่นะ” ถ้ามองไม่ผิด เมืองน้ำเห็นท่านอมยิ้มตอนพูดถึงหลานชายด้วยล่ะ “เวลาเจ้าร้อยอยู่ที่นี่ ก็...นอน นอนอย่างเดียว อยู่แต่บนห้อง จะลงมารดน้ำต้นไม้ตอนเช้า ไปเดินเล่นในสวน ไม่ก็พายเรือเล่นในบ่อน้ำ พอตกค่ำก็ไม่ออกไปไหนแล้วล่ะ”

อบอุ่นเป็นบ้าเลย

“ทำไมไม่ออกไปไหนตอนมืดเหรอครับ”

“หลานปู่กลัวผี”

ส่วนนี่ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่พอเกิดขึ้นกับร้อยเอก ผู้ชายลุยๆ รักธรรมชาติ...น่ารัก โคตรน่ารักเลยล่ะ

“เจ้าร้อยกลัวผีมากจริงๆ ที่นี่ไม่เหมือนกรุงเทพ ตอนกลางคืนไม่มีไฟตามทาง ตอนเด็กๆ นี่ไม่ค่อยกล้านอนคนเดียวเลยนะ ต้องให้พันเอกไปนอนด้วยตลอด แล้วต้องกางมุ้งนอนด้วยนะ ถึงจะหายกลัว”

“เมืองเห็นร้อยเอกกางมุ้งนอนมานานแล้วล่ะครับ เพิ่งรู้ว่าเพราะกลัวผี”

“ไม่กางก็ไม่ปลอดภัย เหมือนร้อยนอนกลางทุ่งนา ปู่จำประโยคนี้ได้มาสิบกว่าปีแล้วล่ะ ตั้งแต่น้องยังเรียนปอหนึ่ง”

“เพราะอย่างนี้คนในบ้านถึงเห็นร้อยเอกเป็นเด็กตลอดเวลาใช่มั้ยครับ”

“ก็คงใช่ แต่คงต้องยกเว้นสิบเอกไว้คนนึง รายนั้นมองเจ้าร้อยเป็นฮีโร่ล่ะมั้ง”

มองพี่ชายเป็นฮีโร่ เหมือนที่เมืองน้ำเคยยกให้พ่อเป็นฮีโร่ของตัวเองสินะ

บทสนทนาจบลงเพียงแค่นั้น คนถูกกล่าวถึงเดินลงมาพร้อมกางเกงตัวใหม่ที่เปลี่ยนจากกางเกงขายาวเป็นกางเกงสามส่วน เป็นเวลาเดียวกันที่เมืองน้ำช่วยคุณปู่เหลาไม้กวาดเสร็จพอดี ร้อยเอกเดินมานั่งข้างๆ มองมือขาวที่เลอะฝุ่นแล้วขมวดคิ้ว

“ทำไมมาเหลาไม้กวาดได้อ่ะ เดี๋ยวก็ผื่นขึ้นหรอก”

“ไม่ได้แพ้ง่ายขนาดนั้นซะหน่อย”

“ไม่รู้แหละ ห้ามทำอีกนะพี่เมือง ถ้าผื่นขึ้นจะว่าไง”

“โอ๊ยเว่อร์มาก”

ใช่ เว่อร์มาก แต่ก็เว่อร์ได้อีก กับการที่ยกขันใส่น้ำขึ้นมาจ่อตรงริมฝีปากเมืองน้ำ

“อะไรอ่ะ”

“ป้อนไง มือพี่เมืองเลอะ ไม่อยากให้จับขัน”

“อะแฮ่ม!”

บ้าเถอะ...

“แค่นี้ก็ต้องป้อนด้วย ปู่นั่งอยู่ตรงนี้นะร้อย”

เมืองน้ำอยากหายตัวได้จริงๆ แค่ร้อยเอกป้อนก็ทำให้ใจเต้นแรงสุดๆ แล้ว ยังถูกคุณปู่แซวอีก

จากนี้ไปจะใช้ชีวิตยังไงเนี่ย หวังว่าจะไม่เขินจนสติหลุดก่อนเดินทางกลับหรอกนะ

“ดื่มเร็วครับ ผมเมื่อยแขนแล้วนะ”

“…”

“พี่เมือง”

“รู้แล้วๆ​ จะดื่มแล้ว ป้อนพี่สิ”

สติจะหลุดหรือไม่หลุด เมืองน้ำไม่รู้ ที่รู้ๆ คือตอนนี้หยุดแก้มร้อนไม่ได้เลย

ใครก็ได้ช่วยที

ฮืออออ~



(⺣◡⺣)♡*


มีต่อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2019 13:33:47 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ต่อค่า


.
.
.


ครั้งล่าสุดที่ต้องนั่งเรือคือตอนถ่ายงานกับเพื่อนสมัยอยู่ปีหนึ่ง จำได้ว่ารู้สึกกลัวจนขาสั่น ไม่กล้าแม้แต่ขยับตัว แต่เพื่อนทุกคนก็ช่วยกันดูแลจนเมืองน้ำผ่านเหตุการณ์ครั้งนั้นมาได้ หลังจากนั้นก็ค้นพบว่าเมืองน้ำสามารถนั่งเรือนานๆ ถ้ามีใครสักคนนั่งอยู่เป็นเพื่อน

ใครก็ตามที่เรารู้สึกว่าเขาปลอดภัย

ใครที่ในตอนนี้มีแค่ร้อยเอกเท่านั้นที่เป็นได้

“โอเคมั้ยครับ”

ร้อยเอกถามขณะที่พายเรือช้าๆ เด็กตัวสูงนั่งฝั่งตรงข้าม รับหน้าที่เป็นสารถีบวกกับคนดูแล เมืองน้ำเว้นช่องว่างตรงกลางไว้วางสายบัวที่ดึงขึ้นจากบ่อน้ำและตัดด้วยกรรไกรที่ถือเอาไว้แน่น

“โอเคนะ แต่มันก็กลัวอยู่นิดนึงอ่ะ”

เมืองน้ำเป็นคนที่พูดคำว่า ‘นิดนึง’ ได้น่ารักที่สุดในโลกแล้วล่ะ ร้อยเอกกรับประกันเลย

“ถ้าไม่ไหวก็บอกนะ ผมจะพากลับฝั่ง”

“ไม่เป็นไรๆ” ส่ายหน้าจนแก้มกลมๆ สั่นไหวไปมา “ร้อยอุตส่าห์พามาทั้งที จะกลับเข้าฝั่งง่ายๆ ได้ไง”

“ร้ายเนอะ”

“…?”

“ทำให้ผมอยากยิ้มอีกละ”

ร้อยเอกอยากให้เมืองน้ำทำอะไรไม่ถูกจนกระโดดลงน้ำไปรึไงนะ

ก่อนหน้านี้ก็ทีนึงแล้ว ตอนที่อีกคนป้อนน้ำต่อหน้าคุณปู่ เมืองน้ำอยากจะสลายตัวเป็นผงไปให้รู้แล้วรู้รอด อายก็อาย เขินก็เขิน แต่หิวน้ำก็หิวอีกเหมือนกัน ในเมื่อความหิวนำทางทุกความรู้สึกก็ต้องนั่งอยู่ตรงนั้นไปเรื่อยๆ

ร้อยเอกพาเมืองน้ำไปล้างเนื้อล้างตัวบนห้องนอน สิ่งที่ทำเอายิ้มไม่หยุดคือผ้ายันต์ซึ่งแปะไว้หน้าประตูห้อง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าตัวแปะไว้กันผี กับความเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ ที่อีกคนคงคิดไม่ถึงว่าจะทำให้เมืองน้ำประทับใจ

ผ้าห่มสองผืน ไม่ห่มผืนเดียวกัน หมอนสองใบ กับฟูกนุ่มๆ ที่เอามาปูด้านล่าง ยกเตียงนอนคิงไซส์ด้านบนให้แขก

นอนเตียงเดียวกันก็ได้ ไม่มีปัญหาหรอก ถ้าร้อยเอกไม่ทำอะไรเมืองน้ำน่ะนะ

เชื่อว่าอีกคนจะไม่ทำ แต่เรื่องที่ริมฝีปากของเราเกือบแตะกัน...

อา ควรลืมเรื่องนี้ไปได้แล้ว

“พี่เมือง”

นึกถึงทีไรอกแทบระเบิดทุกที

“พี่เมืองคิดอะไรอยู่”

“ป…เปล่านะ คิดอะไรเพลินๆ นิดหน่อยอ่ะ”

หรี่ตามองเหมือนไม่เชื่อกันเลยนะ ร้อยเอกนี่น่าหมั่นไส้สุดๆ

“ถ้าไม่ได้คิดอะไรก็ดึงสายบัวขึ้นมาสิครับ อีกนิดเดียวก็เก็บเสร็จแล้วล่ะ”

“อื้อ ได้ๆ อันนี้เหรอ” นิ้วเล็กๆ ชี้ไปทางฝักบัวดอกตูมที่โผล่พ้นน้ำ

“ครับ อันนั้นแหละ”

ก่อนจะดึงขึ้นมาตัดตามที่อีกคนบอก

คุณปู่บอกเมืองน้ำว่าจะทำแกงสายบัวให้กิน มีลูกมือเป็นร้อยเอก เมืองน้ำก็เลยมาเก็บสายบัวให้ท่านหลังหลานชายสุดที่รักอาสามาที่นี่ มีสวนผลไม้หลากชนิดเรียงรายตลอดทางเดิน มาสิ้นสุดก็ตรงศาลาท่าน้ำนี่เอง

ร้อยเอกจะพาเมืองน้ำไปเก็บผลไม้กลับกรุงเทพฯ ในวันรุ่งขึ้น ส่วนวันนี้...ใช้เวลาดีๆ กันบนเรือไม้ไปก่อนแล้วกัน

“พี่เมืองชอบมั้ยครับ”

“หมายถึงบ่อน้ำนี่เหรอ”

“ก็...หลายๆ อย่าง บ่อน้ำ ฝักบัว บ้านปู่”

“ชอบสิ ทำไมจะไม่ชอบล่ะ”

“ไม่รู้สิ” คนตัวสูงยักไหล่ “ผมอยากพาพี่มาที่นี่จริงๆ นะ แต่บางทีก็กลัวพี่จะไม่ชอบ พี่เมืองที่ต้องเล่นโซเชียล ต้องใช้แล็ปท็อปทำงานอยู่ตลอด”

“ดูขัดๆ กันเหรอ”

“ไม่ขนาดนั้น แต่ก็แอบคิด”

“พี่ก็ไม่คิดว่าร้อยจะกลัวผีมากๆ เหมือนกัน ถึงกับต้องกางมุ้งนอนตั้งแต่เด็กยันโตแน่ะ”

“เฮ้ยๆ อะไรอ่ะ ใครเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ปู่ผมเหรอ”

“แหงสิ ไม่ใช่ปู่แล้วจะเป็นใคร”

พ่อคนหล่อของเมืองน้ำทำหน้าเซ็งเป็ดอย่างที่คิด อย่างกับเด็กกำลังโวยวายเพราะไม่อยากยอมรับความจริงงั้นแน่ะ

จะเท่แค่ไหนก็มีมุมน่ารักตลอดเลยนะ ร้อยเอกเนี่ย

“ก็บ้านปู่ตอนกลางคืนมันน่ากลัวจริงๆ นะพี่เมือง เมื่อก่อนมีข่าวลือเรื่องผีปอบเยอะมาก กระสืออีก สารพัดผีของไทยเลย...ขำอะไรอ่ะ”

“ขำคนกลัวผี”

อยากบีบแก้มเมืองน้ำให้แตก!

ร้อยเอกกัดฟันอย่างมันเขี้ยว ใช่สิ คนไม่กลัวผีแบบพี่เมืองไม่มีวันเข้าใจคนที่กลัวขึ้นสมองอย่างร้อยเอกหรอก

เหอะ

“อย่าทำหน้าแบบนี้สิร้อยเอก”

เกือบร้องเหวอในวินาทีที่มือเนียนยกขึ้นบีบแก้มขาว ร้อยเอกเอนตัวหนี ทำให้คนอยากแกล้งบีบแก้มน้องต่อไม่ได้ เมืองน้ำกลับมานั่งในองศาเดิม รู้สึกแปลกใจเล็กๆ ที่ตอนนี้แทบไม่มีความกลัวในวัยเด็กหลงเหลืออยู่เลย

พอรู้สึกปลอดภัยแล้วกลัวน้อยลงจริงๆ

“นี่ร้อยเอก”

“ครับ”

“พี่ชอบบ้านปู่ร้อยเอกมากๆ เลยนะ ถ้ามีโอกาส พาพี่มาอีกได้มั้ย จ่ายเงินก็ได้”

“ไม่ต้องจ่ายเงินหรอกพี่เมือง ให้ร้อยจ่ายเองดีกว่า”

“ร้อยจะจ่ายทำไมอ่ะ เป็นคนพามาไม่เห็นต้องจ่าย”

“จ่ายดิ ยังไงก็ต้องจ่าย”

“...”

“ร้อยหมายถึงจ่ายเป็นสินสอด...”

เพียะ!

“โอ๊ย! ตีปากผมทำไม”

“พูดจาเลอะเทอะก็ต้องตี ยิ่งเลอะเทอะก็ยิ่งตี พูดอีกดิ พี่จะตีให้ปากแตก”

แค่พูดไม่พอ ยังง้างมือรอตีปากร้อยเอกด้วย

“ไม่เอาแล้ว ไม่พูดก็ได้ โถ่ หมดกัน โมเมนต์หวานๆ”

“หวานจนเลี่ยน! อี๋เลยอ่ะ”

“พี่เมืองอย่าเว่อร์ได้มั้ย”

“เฮอะ”

ร้อยเอกมองเห็นอนาคตเลยล่ะ รู้เลยว่าถ้าอยู่ด้วยกันไปนานๆ ใครจะเป็นฝ่ายถือไพ่เหนือกว่า

จะเป็นใครถ้าไม่ใช่เมืองน้ำ มีคนเดียวที่ร้อยเอกจะยอมอ่อนข้อ แบบที่ไม่เคยยอมใครเท่านี้มาก่อน

สมแล้วที่เมืองน้ำเป็นข้อยกเว้นหนึ่งเดียวของเขา



(⺣◡⺣)♡*



“เอาผ้าห่มเข้าไปรึยังเจ้าร้อย”

“เรียบร้อยครับปู่” ร้อยเอกพูดพลางยีเรือนผมชื้นน้ำ เขาอาบน้ำและเปลี่ยนเป็นชุดนอนตั้งแต่จบมื้อเย็น แต่จนตอนนี้ผมยังไม่แห้ง มันน่าหงุดหงิดนิดหน่อยที่ต้องดูละครหลังข่าวกับปู่ไปพร้อมกับการใช้ผ้าซับความชื้นบนศีรษะ

ร้อยเอกปล่อยผ้าที่ถือไว้ลงบนไหล่ เหลือบมองห้องนอนตัวเองก่อนจะหันกลับมาเมื่อถูกคุณปู่สะกิดเบาๆ

“ครับ?”

“อยากไปนอนก็ไปเถอะ ปู่อยู่คนเดียวได้”

“ร้อยอยากอยู่เป็นเพื่อนปู่”

คนฟังถอนหายใจ อยากดีดหน้าผากหลานชายเต็มทน อยากอยู่เป็นเพื่อนที่ไหนเอาแต่มองประตูห้องนอนตัวเองขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าคิดถึงคนในห้องจนกระวนกระวาย อยากจะกลับเข้าห้องไปซะเดี๋ยวนี้หรือไง

ทีแรกเมืองน้ำจะมานั่งดูด้วยกัน แต่มีคนโทรมา แขกคนสำคัญของบ้านหายเข้าไปในห้องครบชั่วโมงแล้ว แล้วหลานชายสุดที่รักก็ดูห่วงเขาเหลือเกิน

หลานปู่ทั้งคน ปู่ดูออกนะ

“ละครมันไม่สนุก ปู่ว่าจะเข้านอนแล้ว ร้อยไปปิดทีวีให้ปู่ไป จะได้เข้านอน”

“เอางั้นเหรอครับ”

ร้อยเอกรู้ด้วยตัวเองว่าต้องทำตามที่ปู่บอกแม้ท่านจะไม่เอ่ยตอบ ร่างสูงลุกไปปิดทีวี เดินกลับมาประคองคุณปู่ทว่าถูกปฏิเสธ

“ปู่เดินเองๆ ไม่ต้องประคอง”

“แต่ร้อยอยากประคองนี่ครับ”

“ดื้อวุ้ย หลานปู่เนี่ย”

ร้อยเอกยิ้มกว้าง ยอมปล่อยมือจากปู่แล้วก้าวตามหลังไปจนถึงห้องนอนห้องใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามห้องนอนของเขา ก้าวไปดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงหน้าอกของคนที่เอนกายลงบนเตียง

“ฝันดีครับปู่”

เอ่ยเสียงนุ่มทุ้ม เดินไปปิดไฟและปิดประตูห้องให้เรียบร้อยเมื่อคุณปู่เดินทางเข้าสู่ความฝัน

เขากลับมายังห้องนอน ล็อกประตูให้เรียบร้อย เมืองน้ำหันมองเขา ยิ้มให้จางๆ ก่อนจะดึงสายตากลับไปจดจ่อกับจอโทรศัพท์ คนตัวเล็กขอตัวเข้ามาคุยโทรศัพท์กับพ่อ ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไร กลัวจะเป็นเรื่องที่ทำให้ลูกหมาของเขาหูลู่หางตกอีก ร้อยเอกก็เลยห่วงจนดูละครไม่รู้เรื่อง ปู่คงรู้ว่าเขาห่วงเมืองน้ำมาก จากที่ตั้งใจดูละครให้จบ ก็เลิกดูแล้วเข้านอนเพื่อให้เขากลับมาที่ห้อง

พอเห็นว่าเมืองน้ำไม่เป็นอะไรมาก ก้อนหินหนักๆ ในความรู้สึกก็กลิ้งหายไป

ขอบคุณที่อีกคนยังโอเค

“ทำอะไรอยู่ครับ”

“กำลังเขียนโพสต์ในเพจ พี่ว่าจะเขียนแคปชั่นยาวๆ รูปที่ถ่ายมาสวยมากเลย แต่ก็เขียนไม่ออก พิมพ์ๆ ลบๆ มาชั่วโมงนึงแล้ว”

ร้อยเอกที่กำลังแกะมุ้งออกมากางสะดุดเล็กน้อย ช้อนตามองคนตัวเล็กที่ถอนหายใจบางเบา

“มีเรื่องอะไรเหรอ”

“ไม่มี” ส่ายหน้าช้าๆ “แค่คิดไม่ออกเฉยๆ งั้นพี่ไม่เขียนแคปชั่นดีกว่า โพสต์แต่รูปก็พอ”

“เอางั้นก็ได้นะ คิดไม่ออกก็ไม่ต้องเขียน อย่าฝืน”

“อือ ก็คงต้องเป็นแบบนั้น”

เมืองน้ำวางโทรศัพท์ไว้ข้างหมอน มองคนตัวสูงที่กำลังเกี่ยวเชือกผูกมุ้งตามจุดต่างๆ ของห้องนอน ทั้งชั่วโมงที่อยู่คนเดียว มีความคิดมากมายหลั่งไหลเข้ามา ทั้งดี ทั้งไม่ดี ทั้งทำให้ยิ้ม และทำให้เจ็บปวดในเวลาเดียวกัน อยากให้ร้อยเอกเข้ามาอยู่เป็นเพื่อน แต่เจ้าตัวก็ต้องใช้เวลาอยู่กับคุณปู่ เพราะฉะนั้นตอนนี้ที่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว...

“ขึ้นมานอนข้างบนกับพี่มั้ย”

ร้อยเอกเลิกคิ้ว เดินเข้ามาข้างใน และมือยังง่วนอยู่กับการกันมุ้ง

“ข้างบนก็นอนสองคนได้นะ เตียงไม่ได้แคบด้วย ร้อยไม่ต้องไปนอนข้างล่างหรอก ปวดหลังเปล่าๆ”

“จะดีเหรอ”

“ไม่รู้อ่ะ” ประโยคนี้ทำให้ร้อยเอกอมยิ้ม “แต่ไม่อยากให้ร้อยนอนข้างล่าง เป็นเจ้าของเตียงจะลงไปนอนที่อื่นทำไม”

“ผมอยากให้พี่เมืองนอนสบายๆ ไง”

“พี่ก็อยากให้ร้อยนอนสบายๆ เหมือนกัน”

รู้เลยว่าขัดใจคนโตกว่าไม่ได้ ร้อยเอกปิดไฟกลางห้อง เหลือแค่ไฟหัวเตียงสีส้มอ่อน อยากล้มตัวนอนบนฟูกที่ปูไว้ แต่ตาคู่ใสที่ดูอ้อนวอนก็สั่งให้เขาขยับตัวขึ้นไปนอนด้านบน

เมืองน้ำกระเถิบไปนอนอีกฝั่ง เว้นที่ว่างไว้ให้เขา มองไม่วางตา ขณะที่มือก็ยื่นผ้าห่มผืนเดียวกับตัวเองมาให้

“แอร์หนาวไปมั้ย ถ้าหนาวผมจะปรับให้”

“ไม่หนาว แต่จริงๆ ไม่ต้องเปิดก็ได้ ลมจากหน้าต่างก็เย็นพอตัวเลยนะ”

“กลัวพี่เมืองไม่ชิน”

เมืองน้ำไม่เอ่ยต่อ ทั้งที่บทสนทนาไม่ควรหยุดลงแค่นี้ ไม่อยากจะหยุดหรอกนะ อยากจะคุยกับร้อยเอกไปเรื่อยๆ ด้วยซ้ำ แต่พอเห็นว่าอีกคนเป็นห่วง เอาใจใส่ในเรื่องที่เมืองน้ำเองก็ไม่เคยคิดถึงมันเลย ไม่รู้สิ เรียกว่าซึ้งใจล่ะมั้ง

“วันนี้พ่อโทรมาหาพี่...”

มือคู่ขาววางไว้บนหมอน หนุนแก้มกลมๆ ระหว่างที่พูดกับคนที่นอนหันหน้าเข้าหากัน ช่องว่างที่ไม่มากนัก กับแสงสว่างที่ทอประกายบนตาสีเข้ม ทำให้เห็นว่าร้อยเอกไม่ละสายตาไปที่ไหนเลย

มองอยู่ตลอด คอยรับฟังเมืองน้ำเสมอ

“พ่อถามว่าเมื่อไหร่จะไปหา อยากคุยด้วย พี่รู้นะว่าพ่อจะคุยเรื่องอะไร”

ชอบจัง

หมายถึงชอบร้อยเอกมากเลย

“พี่ตั้งใจจะไปหาพ่ออยู่แล้ว อยากไปหาเพราะคิดถึง แต่พอพ่อพูดแบบนี้ พี่ก็ไม่รู้ว่าจะไปดีมั้ย กลัวทำใจในสิ่งที่เขาพูดไม่ได้ ความรู้สึกแบบนี้...มันแย่จังเลยเนอะ”

“เข้าใจนะว่าทำไมพี่เมืองถึงรู้สึกแย่ รู้ว่าพี่เมืองกลัวจุดจบของครอบครัว แต่ถ้าหนีไปเรื่อยๆ ไม่ตัดสินใจแบบเด็ดขาด ก็ไม่รู้ผลลัพธ์จริงๆ ของมันนะครับ”

“…”

“วันสุดท้ายก่อนเลิกกับแฟนเก่า ผมไปหาเขาที่บ้าน เจ็บปวดดีนะกับการที่เห็นแฟนเราอยู่กับผู้ชายอีกคน ทุกๆ ครั้งผมเลือกที่จะหนี พยายามทำตัวให้ดีเพราะอยากให้เขาเลือกเรา วันนั้นเป็นวันแรกที่ผมอยากเผชิญหน้า แล้วก็เป็นวันที่ชัดเจนที่สุดเลยด้วย”

“ชัดเจนยังไง”

“ก็ชัด...ว่าเขาไม่แคร์เราแล้ว”

เมืองน้ำเม้มริมฝีปาก ไม่ใช่รู้สึกไม่ดีที่ต้องมาฟังร้อยเอกเล่าเรื่องแฟนเก่า แทบไม่มีความรู้สึกนั้น สิ่งที่กำลังคิดในหัว

“แฟนเก่าร้อย...ใจร้ายจริงๆ นะ”

คือความรู้สึกนี้ต่างหาก

“แต่ผมโอเคแล้วนะ แค่อยากเล่าให้พี่เมืองฟัง อยากให้พี่เมืองพยายามกับเรื่องพ่อแม่ ถ้าอยากให้ท่านคืนดีกัน ก็ลองคุยดู”

“…”

“บางครั้งความพยายามก็ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ดีกับเรา แต่ก็ยังดีกว่าไม่เคยสู้จริงๆ จังๆ เลยสักครั้งไม่ใช่เหรอครับ”

“พี่ไม่อยากให้พ่อหย่ากับแม่ แต่พ่อพี่มีแฟนใหม่แล้วนะ ทำยังไงก็ไม่กลับมาคืนดีกับแม่หรอก”

“ถ้างั้นก็ทำให้พ่อแม่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แบบนี้โอเคมั้ย”

คนฟังเงียบไปอีกครั้ง ลดสายตามองต่ำราวกำลังทบทวนในสิ่งที่ร้อยเอกพูด ถ้ามองเป็นทางเลือก ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย แต่เป็นหนทางที่เมืองน้ำไม่อยากเลือกเลย

อยากให้พ่อกับแม่คืนดีกัน อยากให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม

เมืองน้ำรู้ดีว่าไม่มีอะไรเหมือนเดิมได้ตลอด คำว่าตลอดไปไม่มีจริง ดังนั้นตอนนี้ที่ต้องคิดเรื่องครอบครัว...

“พี่เมือง...”

“ขอกอดหน่อย”

“…”

“คิดแล้วปวดหัว ไม่อยากคิดเรื่องนี้แล้ว”

ร้อยเอกนิ่งงันชั่วครู่ คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เมืองน้ำจะขยับเข้าหาเขา เรียวแขนที่โอบกอด ศีรษะกลมที่จมอยู่ในแผงอกกว้าง และการขยับตัวเพื่อให้กอดได้ถนัดเรียกสติได้เป็นอย่างดี

ไม่รอช้าที่จะรวบร่างกายนุ่มๆ ไว้ใต้อ้อมแขน ร้อยเอกวางปลายคางบนไหล่มน ถึงได้รู้ว่ามีแรงสั่นน้อยๆ อยู่ตรงนี้ เมืองน้ำไม่ร้องไห้หรอก แต่กำลังหยุดความรู้สึกแย่ๆ อยู่ต่างหาก เขาเลยกระชับแรงกอด เพิ่มความแนบแน่นเพื่อตอกย้ำว่าจะไม่ไปไหน รอจนแรงสั่นมลายหายไปแล้วค่อยๆ ผละตัวออกมา

ไม่ร้องไห้จริงๆ ด้วย

เห็นมั้ย ลูกหมาของเขาเนี่ยเก่งมากเลย

“ขอบคุณนะ”

“ด้วยความยินดีเลยครับ”

“ไม่ได้กอดใครอย่างนี้มานานมากๆ แล้วล่ะ พี่...”

“พี่เมืองทำไม”

“พี่ชอบที่เรากอดกัน”

เมืองน้ำกำลังทำให้เขาเป็นบ้า และเป็นคนไม่รู้จักพอ ไม่รู้หรือไงว่าระยะห่างที่น้อยแค่นี้สร้างแรงดึงดูดมากแค่ไหน ไม่รู้เหรอว่ากำลังยั่วให้เขาอยากสัมผัสความนุ่มบนริมฝีปากสีพีชนั่นอีกครั้ง

ร้อยเอกกำลังโลภมาก รู้ตัวบ้างมั้ย

“ร้อย...”

“ครับ”

“ไม่มีน้องสิบแล้วนะ”

พี่เมืองรู้...

“อยากจูบ...ก็จูบ”

“อย่าพูดเล่นนะ ถ้าทำจริงก็ย้อนเวลากลับคืนไม่ได้แล้ว”

“แต่พี่อยากย้อนเวลานะ”

“...”

“ย้อนกลับไปเมื่อสามปีที่แล้ว จะชอบร้อยเอกตั้งแต่ตอนนั้นเลย”

“พี่เมือง”

แน่ล่ะ

ร้อยเอกจะไม่สนอะไรอีกแล้ว

“อย่าบอกให้ร้อยหยุดจูบก็แล้วกัน”

ไม่มีสิบเอกเข้ามาขัด ไม่มีใครโผล่พรวดเข้ามาในห้องนอนเขาอีกแน่นอน

ร้อยเอกจับเมืองน้ำนอนหงาย พลิกตัวมาอยู่ด้านบนอย่างไม่รอช้า เพราะความรวดเร็วที่คิดไม่ทันนั่นแหละ ใจดวงน้อยถึงเต้นแรงขึ้น และยิ่งเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อคนด้านบนทาบริมฝีปากลงมา

เกิดเสียงครางแผ่วผ่าวเมื่อสติเริ่มพร่าเลือน เปลือกตาสวยแนบสนิทหลังภาพทุกภาพคลุมด้วยสีขาวโพลน จูบของร้อยเอกเป็นจูบที่เอาแต่ใจ เหมือนความกระหายที่พร้อมกลืนกินทุกอย่าง ไม่เคยจินตนาการเลยว่าคู่กัดของเมืองน้ำจะจูบเก่งขนาดนี้

หนักหน่วง แต่กลับนุ่มนวล ผสมผสานอย่างลงตัว และสูบวิญญาณได้อย่างอัศจรรย์ใจ

คนตัวสูงถอนริมฝีปาก รู้ซึ้งแล้วว่ากลีบปากที่เต็มด้วยน้ำชื้นๆ นุ่มถึงขนาดไหน การตอบสนองแบบคนมีประสบการณ์ทำให้เขาไม่อยากหยุดแค่ปากแตะปาก

แค่นี้...มันไม่พอ

ต้องมากกว่านี้สิ มากกว่านี้

“พี่เมืองครับ”

แขนแข็งแรงวางอยู่บนหมอนที่อีกคนใช้หนุน ส่วนมืออีกข้างลูบไล้อยู่บนเนื้อแก้มกลมนิ่ม ปลอบประโลมเพื่อบรรเทาความเขินอายที่ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ

“ขอลิ้นหน่อยครับ”

ชอบเวลาพี่เมืองหน้าแดงชะมัด อยากฟัดให้ช้ำไปทั้งตัว

ร้อยเอกทาบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ละลายกลีบปากแสนอร่อยด้วยปลายลิ้นร้อนๆ เกี่ยวพันความหวานที่ถูกมอบให้ตามคำขอ และเขาคงเป็นพวกที่จูบเหมือนคนกระหายจริงๆ นั่นล่ะนะ

ลองมาเป็นร้อยเอกแล้วจะรู้ ว่าความอยากจูบโดยไม่รู้จักพอน่ะเป็นยังไง

เมืองน้ำส่งเสียงพอใจอยู่ในลำคอ ได้ยินเสียงทำนองเดียวกันจากคนด้านบน ทว่าทุ่มต่ำ อีกทั้งเชื่องช้า สะดุ้งเล็กๆ เมื่อปลายลิ้นถูกแกล้งด้วยการดูดแรงๆ กำปั้นเล็กจิ๋วทุบเข้าที่ไหล่หนาเบาๆ ก่อนสติจะล่องลอยอีกครั้งหลังคนตัวสูงหยุดแกล้ง

เมืองน้ำจะตายแล้ว เหมือนกำลังจมน้ำเลย ดิ่งสู่ใต้ทะเลอันแสนอ้างว้าง เต็มด้วยอันตราย และไม่รู้ว่าจะขึ้นมาข้างบนได้ยังไง

พอสติหลุดมากๆ ก็พานนึกถึงความทรงจำในวัยเด็ก ตอนนั้นพ่อเป็นคนช่วยเมืองน้ำไว้ แต่ตอนนี้...ความหวาดกลัวที่ค่อยๆ หายไป เป็นเพราะคนคนนี้

ร้อยเอกที่ยื่นมือเข้ามาดึงเมืองน้ำให้พ่นเขตอันตราย

เราจูบกันนานแค่ไหน ไม่มีใครนับ รู้แค่หายใจไม่ทั่วปอด ต้องการออกซิเจนอย่างมหาศาลตอนริมฝีปากผละจากกัน แก้มเมืองน้ำกำลังร้อนฉ่า ยิ่งเห็นร้อยเอกหอบหายใจไม่ต่างจากตนยิ่งไม่กล้ามองใบหน้าคมตรงๆ

เซ็กซี่ชะมัด ดูดีสุดๆ

แถมปากของร้อยเอกยัง...บวมเจ่อมากๆ ด้วย

“ไม่มีน้องสิบมันดีอย่างนี้นี่เอง”

“อย่าโทษน้อง”

“ไม่โทษน้องก็ได้ เพราะพี่เมืองขอหรอกนะ”

“พี่อยากนอนแล้ว”

“หายใจก่อนครับ ค่อยนอน”

อยากจะโกนใส่หน้าว่าไอ้บ้า! พูดจาเหมือนไม่รู้ว่าคำพูดแนวนี้มันสื่อถึงอะไร แต่เพราะร้อยเอกจงใจแกล้งกันนั่นแหละ เมืองน้ำถึงทำได้แค่โกยอากาศเข้าปอดเท่านั้น

“กลับไปนอนที่เดิมได้แล้ว ร้อยเอก” ว่าพลางดันอกกว้าง

“อยากจูบอีกจังครับ”

“ไม่เอา”

“ได้มั้ย”

“บอกว่าไม่เอาไง พอแล้ว พี่อยากนอนแล้ว”

“เพิ่งสี่ทุ่มเอง”

“สี่ทุ่มเกือบห้าทุ่มต่างหาก อย่ามาขี้ตู่นะ”

“งั้นจูบถึงห้าทุ่มค่อยพอ”

“ไม่”

“นะ...”

“อื้อออ~”

ให้ตายสิ เรี่ยวแรงมันหายไปไหนหมดนะ จะผลัก จะปฏิเสธ เมืองน้ำทำไม่ได้เลยสักอย่าง

อีกตั้งสิบนาทีกว่าจะห้าทุ่ม กว่าจะถึงตอนนั้นได้หัวใจวายเพราะทนรสจูบไม่ไหวจริงๆ แน่

แต่ก็ต้องยอมรับว่าจูบของร้อยเอกน่ะดีมากจริงๆ

ดีที่สุดในชีวิตเลย



(⺣◡⺣)♡*
#ร้อยเมือง



ร้อยเอก = เงาแค้นน้องสิบเอก 55555
ตอนนี้ยาวที่สุดในเรื่องเลยค่ะ จิ้มไปเจ็ดพันกว่าคำเลย หวังว่าจะชอบกันนะคะ ไม่มีน้องสิบตามชื่อตอนเล้ยยย ><

ฝากคอมเมนต์กับแท็กให้กันด้วยน้า เจอกันตอนหน้าค่ะ ❤︎
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2019 13:34:40 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
สงสารน้องสิบ น้องผิดอัลลัย 5555555

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :-[  โอ้ย เขินมากมาย

ออฟไลน์ BaGgYsOdA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
งุ้ยยยยยยยย มาต่อเร็ว ๆ นะ  :pig4:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
อย่าแกล้งน้องสิบบบบ

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
17
เหนื่อยล้า

ไก่ที่ปู่เลี้ยงไว้คงคิดถึงร้อยเอกมาก ถึงขันปลุกเขาตั้งแต่ฟ้ายังไม่รุ่งสาง ไม่ใช่เขาคนเดียวที่ตื่น เมืองน้ำที่นอนอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกตัวเพราะเสียงไก่ขันด้วยเหมือนกัน

สิบนาทีกว่าความสงบจะกลับมา ร้อยเอกนอนมองคนตัวเล็กที่นอนนิ่งๆ ไม่พูดอะไร ทำแค่ส่งเสียงท้วงหลังโดนเขารวบตัวเข้ามากอด คงอยากขัดใจเขา แต่ก็ขัดไม่ได้เพราะความง่วงอยู่เหนือทุกสิ่ง ในที่สุดเมืองน้ำก็คล้อยหลับโดยมีเขานอนกอดอยู่ข้างๆ

ที่จริงก็ขอนอนกอดตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ แต่ไม่รู้ทำไมตอนตื่นมาอีกที เมืองน้ำถึงหลุดจากอ้อมแขนของเขาไปได้

ร้อยเอกได้คำตอบหลังมองลูกหมาขนฟูไปสักพัก คนหลับสนิทมักจะขยับขลุกขลักอยู่เสมอ นอกจากน้องชายคนสุดท้องอย่างสิบเอก เมืองน้ำเป็นอีกคนที่เขาเพิ่งรู้ว่าเจ้าตัวนอนดิ้น

เพราะแบบนั้นเลยถือโอกาสกอดกายนุ่มไว้แน่นๆ กระทั่งหลับไปอีกรอบ

เป็นคนถูกกอดเสียเองที่ตื่นก่อนเจ้าของห้อง หนนี้ไม่ใช่เสียงไก่ขัน แต่เป็นแรงสั่นจากโทรศัพท์ร้อยเอกต่างหาก เมืองน้ำสะบัดหัวไล่ความง่วงให้พ้นทาง ไม่ได้ผลมากนัก ทว่าก็ทำให้มีแรงลุกไปคว้าเครื่องมือสื่อสารที่สั่นไม่หยุดขึ้นมาดูชื่อคนปลายสาย

ปู่...

รับแทนร้อยเอกได้มั้ยนะ จะดูก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวไปหรือเปล่า แต่คุณปู่โทรเข้าเครื่องหลานชายคนกลางเป็นครั้งที่สามแล้ว

“ร้อยเอกยังไม่ตื่นเลยครับ”

รับหน่อยแล้วกัน เผื่อท่านมีเรื่องเร่งด่วนจะได้ช่วยจัดการได้

[ปู่ว่าแล้ว] มีเสียงหัวเราะหน่อยๆ ดังตามมา ขณะเมืองน้ำวางสายตาไว้ที่ใบหน้าหล่อ [อยู่ที่นี่ทีไรเจ้าร้อยหลับลึกทุกที]

เมืองน้ำไม่ทันระวัง ห้ามใจไม่ให้คิดถึงเรื่องเมื่อคืนไม่ได้ หัวใจเลยเต้นรุนแรงอย่างกะทันหัน

เราจูบกันถึงห้าทุ่ม กว่าจะถึงก็แทบหมดแรงเพราะร้อยเอกไม่ปล่อยให้เมืองน้ำหายใจเลย ซ้ำยังจูบอย่างเดียวไม่พอ เด็กตัวสูงยังเอาไรหนวดข้างแก้มที่กำลังขึ้นใหม่เป็นตอเล็กๆ สีเขียวอ่อนมาถูเบาๆ บนผิวเนียนเพื่อแกล้งให้คนโตกว่าจั๊กจี้เล่นอีก

กว่าจะหยุดก็ขำจนไม่มีแรง ไม่น่าเกิดมาบ้าจี้เลยเมืองน้ำ

ส่วนร้อยเอก ไม่โดนตีก็ไม่หยุด คนอะไรชอบความรุนแรงขนาดนี้นะ

“มีอะไรเหรอครับ ฝากเมืองไปบอกน้องได้นะ”

[ปู่จะเอารายชื่อของที่จะฝากซื้อไปให้ร้อยเอก นี่ปู่ไปหามาแล้วรอบนึงนะ แต่น้องล็อกห้อง ปกติไม่ค่อยล็อกนะเมือง ทำอะไรกันล่ะเมื่อคืน]

“เปล่านะครับ...ไม่ได้ทำอะไร”

[จริงอ่ะ โม้ปู่รึเปล่า]

ก็โม้คุณปู่อยู่น่ะสิ ใครจะกล้าบอกความจริงเล่า

“เปล่าจริงๆ นะครับ เมืองไม่รู้ว่าร้อยจะล็อกห้อง...ยังไงคืนนี้เมืองจะบอกให้น้องไม่ต้องล็อกให้นะครับ”

[เอ้า อยากล็อกก็ล็อกสิน้องเมือง ปู่ไม่ถือ]

ไม่อยากโกหกเลย แต่จำเป็นจริงๆ ก็ดูสิ นึกว่าร้อยเอกถอดวิญญาณมาสิงร่างปู่ไปแล้ว

เมืองน้ำจะเขินตายจริงๆ ก็คราวนี้

[ไหนๆ เมืองก็ตื่นแล้ว ลงมาเอากระดาษที่ปู่หน่อยได้มั้ย]

“ได้ครับ เดี๋ยวเมืองลงไป อยู่ตรงไหนเหรอครับ เมืองจะได้ไปถูก”

[ตรงที่ปู่นั่งเหลาไม้กวาดเมื่อวาน เมืองลงมาเลยลูก ปู่รออยู่]

“ครับปู่ รอเมืองแป๊บนึงนะครับ”

เมืองน้ำวางสายหลังมีเสียงตอบรับนุ่มๆ แทบไม่มีแจ้งเตือนอื่นๆ นอกจากข้อความโปรโมชั่นจากเครือข่าย ก่อนที่นี่...ร้อยเอกคงปิดไว้ทั้งหมด ต่างจากเมืองน้ำไม่ปิดแจ้งเตือนแอพไหนเลย เห็นทีต้องทำตามเจ้าตัวบ้างแล้ว

สองแก้มเนียนก็ระบายสีแดงขึ้นอีกครั้ง มัวแต่คิดอะไรเพลินๆ ระหว่างที่เอี้ยวตัวเอาของในมือมาคืนเจ้าของ เลยไม่ทันเห็นว่าท่านี้ทำให้หน้าของเราใกล้กันเต็มๆ

ผิวดีเหมือนกันแฮะ ไรหนวดที่ใช้แกล้งให้เมืองน้ำจั๊กจี้เล่นเมื่อคืน จะว่าไปก็เซ็กซี่ไม่เบา

จากที่ตั้งใจว่าจะถอยออกมาเงียบๆ ก็เปลี่ยนใจกะทันหัน เมืองน้ำฝังปลายจมูกบนแก้มของคนหลับสนิท สูดความหอมเข้าปอดหนึ่งฟอด ก่อนจะยิ้มพอใจเมื่อใบหน้าหล่อบิดเบี้ยวเหมือนกระดาษยับๆ ทำเสียงฟึดฟัดทั้งที่หลับอยู่เหมือนเด็กถูกรบกวนในเวลานอน โชคดีที่เมืองน้ำกลับมานั่งตัวตรงก่อนเด็กตัวสูงจะพลิกตัวไปอีกทาง ไม่งั้นคงได้ลักหลับรอบสองแน่ๆ

เมืองน้ำกลับขึ้นมาด้านบนอีกครั้งหลังผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทีแรกจะขึ้นมาเลยหลังรับของจากคุณปู่ แต่เพราะท่านชวนคุย แถมยังเป็นคนที่คุยสนุกมาก ไม่มีเรื่องไหนเป็นเรื่องน่าเบื่อ ก็เลยนั่งฟังท่านจนลืมเวลา รู้ตัวอีกทีก็โดนคุณปู่บอกให้ขึ้นมานอนต่อแล้ว

อยากนอนต่อนะ แต่ให้นอนตอนนี้ก็นอนไม่หลับจริงๆ อีกอย่างเจ้าของห้องก็ตื่นมาเก็บที่นอนแล้วด้วย ถ้าจะนอนก็ทำได้แค่นอนเล่นรออาบน้ำต่อจากร้อยเอกนั่นล่ะนะ

เมืองน้ำวางกระดาษโน้ตบนโต๊ะไม้ใกล้ประตู เดินมาคว้าโทรศัพท์แล้วล้มกายนอน เช็กดูแจ้งเตือนในเครื่องพลางไล่ปิดแจ้งเตือนในแอพที่ไม่จำเป็น เสียงน้ำกระทบพื้นจากฝักบัวดังผ่านประตูห้องน้ำได้สักระยะหนึ่งแล้ว ทว่าครู่เดียวก็ค่อยๆ เลือนหาย

ร้อยเอกเปิดประตูออกมาในสภาพพันผ้าขนหนูผืนเดียวไว้บนเอว มีผ้าเช็ดตัวผืนเล็กอีกผืนที่ใช้ซับหยดน้ำชื้นๆ บนร่างกาย ตาคู่เข้มมองคนตัวเล็กที่นอนเล่นอยู่บนเตียงเป็นสิ่งแรก จุดยิ้มหน่อยๆ เมื่อเห็นว่าเมืองน้ำพยายามไม่มองมาทางเขา

“ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้า”

เขินแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ท่าทางเกร็งๆ แต่ก็ยังถามเสียงเขียวเหมือนกำลังโกรธของเมืองน้ำนี่...น่ารักเนอะ

น่ารักมากจริงๆ

“เสื้อผ้าผมอยู่ข้างนอกไงครับ ก็เลยไม่ได้ใส่ออกมา”

“อยู่ข้างนอกแล้วทำไมไม่เอาเข้าไปด้วยอ่ะ”

“ขี้เกียจ”

เท่านั้นแหละ โดนทำหน้าหงิกใส่จนได้

ที่จริงไม่ใช่ขี้เกียจหรอก เมื่อคืนเขาก็เอาเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนตอนอาบน้ำ กลัวเมืองน้ำจะช็อกเพราะคงไม่ชินกับเขาที่ชอบถอดเสื้อผ้าเดินทั่วห้อง ร้อยเอกคิดว่าเมืองน้ำจะขึ้นมาช้ากว่านี้ เห็นนั่งฟังปู่เล่าเรื่องราวตอนยังเป็นหนุ่มอย่างตั้งอกตั้งใจ ก็เลยเอาเสื้อผ้าไว้ข้างนอก

มีความรักทีไร ไม่เคยมีใครอยากมาบ้านเขาสักที ทั้งที่บรรยากาศร่มรื่นขนาดนี้ เมืองน้ำเป็นคนแรกที่ยอมมาตามคำชวนของเขา ไม่แปลกหากปู่จะชอบแขกของหลานชายคนกลางเอามากๆ

“ทำอะไรอ่ะพี่เมือง”

“ถ่ายรูปไง”

“ถ่ายรูปผมเนี่ยนะ”

“ใช่ เอาไว้แบล็กเมล์”

ร้อยเอกขำกับคนที่รัวชัตเตอร์บนโทรศัพท์ไม่หยุด

“อยากถ่ายตอนผมเกือบโป๊ทำไมไม่บอก จะได้ยืนนิ่งๆ ให้ถ่าย”

“ใครอยากถ่ายอ่ะ ก็บอกแล้วว่าจะเอาไว้แบล็กเมล์”

คนเก่งผงะเล็กน้อยเมื่อคนตัวโตเดินเข้ามาใกล้และดึงโทรศัพท์ไปไว้ในมือตัวเอง ร้อยเอกจุดยิ้มมุมปาก ข้อดีของการมีผ้าขนหนูผืนเดียวพันรอบตัวคือเมืองน้ำไม่กล้าลุกมาชิงของคืน ดีไม่ดีเกิดผ้าหลุดกลางคันน่ะเรื่องใหญ่เชียวนะ เพราะแบบนั้นเลยทำให้เขาไล่ดูรูปที่อีกคนถ่ายไว้ได้สะดวก

ให้ตาย มีเซลฟี่ที่พี่เมืองถ่ายตัวเองเก็บไว้เต็มเลย

“พี่เมืองส่งรูปเซลฟี่มาให้ผมอีกสิ ผมชอบ”

“รูปพี่เนี่ยนะ”

“ใช่ แบบตอนที่ผมสอบมิดเทอมไง ที่ส่งมาให้กำลังใจ”

“มันแปลกๆ อ่ะร้อย ส่งรูปตัวเองไปให้คนอื่นบ่อยๆ”

“แต่ผมไม่ใช่คนอื่นไม่ใช่เหรอ”

ไม่ใช่สังเวียนนักมวยด้วย แต่ทำไมเมืองน้ำเหมือนโดนหมัดฮุคจากร้อยเอกเข้าเต็มๆ

“อื้อ ก็ได้ๆ เดี๋ยวพี่ส่งให้ แต่ขอเลือกรูปก่อนนะ ยังไม่ได้แต่งรูปเลย” พูดพลางรับโทรศัพท์คืนจากเด็กตัวสูง

“ไม่ต้องแต่งแล้ว จะแต่งทำไมครับ ไม่ได้เอาลงเพจซะหน่อย ถ่ายแบบหน้าสดก็ดูดีแล้วนะ ทำอะไรอ่ะ”

ร้อยเอกขมวดคิ้ว อยู่ดีๆ มือเล็กก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดใบหน้า เหลือแค่ตาใสๆ ที่กะพริบมองเขาเท่านั้น

“เขิน”

“...”

“เขินจริงๆ อย่าชมเยอะดิ เดี๋ยวพี่ก็ทนไม่ไหว”

ประโยคนี้ช่วยลบความสงสัย และแทนที่ด้วยรอยยิ้มกว้างๆ

“ไม่ทำตัวน่ารักสักวันสงสัยพี่เมืองจะขาดใจแน่ๆ”

“แต่พี่ไม่รู้ว่าอะไรทำแล้วน่ารัก ร้อยเอกคิดไปเองทั้งนั้น”

นอกจากน่ารักทุกวัน ยังน่าเอ็นตลอดเวลาเลยด้วย

ร้อยเอกใช้จังหวะที่มือคู่เล็กผ่อนแรงจับบนผ้าห่มร่นผ้าผืนนั้นลงมา ชันเข่าลงบนเตียงเพื่อทรงตัว กดริมฝีปากบนกลีบปากนุ่ม แล้วบดคลึงอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะผละออกมายืนที่เดิม

โดนจูบโดยไม่ทันตั้งตัว แก้มเลยแดงเป็นลูกตำลึงตามที่คิด

ถ้าเมืองน้ำเป็นนักร้อง แล้วเขาเป็นแฟนคลับ บอกเลยว่าหวีดจนเป็นลมตั้งแต่เห็นแววตาตื่นๆ ตอนเขาเคลื่อนตัวเข้าหานู่นแล้ว

“พี่เมืองน่ารักทุกอย่างแหละครับ ทำอะไรก็น่ารัก แต่ยกเว้นตอนกินนะ”

“ทำไมอ่ะ ตอนกินพี่เป็นยังไง”

“ตอนกินเหมือนองค์ลง ไม่คีพลุคเลย เสียชื่อเมืองน้ำคนดังหมด”

“น่าเกลียดมากเลยเหรอ”

“ใช่ น่าเกลียดมาก จากลูกหมาเป็นลูกหมูเลย”

“น่าเกลียดจริงๆ อ่ะเหรอ”

“จริง”

หน้าเครียดมาก เครียดเหมือนไม่ได้กินข้าวมาหลายวัน อะไรที่เกี่ยวกับเรื่องกินนี่ยอมไม่ได้จริงๆ สินะ ตลกชะมัด ทำให้ร้อยเอกหลุดขำอยู่เรื่อย

“ไม่ต้องมาใกล้เลย”

พอรู้ว่าโดนเขาแกล้งเต็มๆ คนหน้าเครียดก็ผลักเขาออกโดยเร็ว ดูริมฝีปากสีพีชที่บิดไปเบี้ยวมานั่นสิ คงหมั่นไส้เขาเต็มทน

“พี่เมืองคิดว่าผมพูดจริงรึไงเนี่ย”

“ไม่รู้”

“อะไรคือไม่รู้”

“ก็ไม่รู้จริงๆ ร้อยพูดเหมือนจริงมากเลย แล้วเมื่อก่อนก็ชอบว่าพี่ด้วย ก็เลยนึกว่าพูดจริง ไม่ต้องมาขำเลยนะร้อยเอก”

“อ่ะๆ ผมไม่ขำก็ได้ๆ เดี๋ยวพาไปกินของอร่อยสุโขทัย ตลาดในเมืองมีของกินดีๆ เยอะมาก”

บอกแล้วไงว่าเป็นเรื่องกินแล้วเมืองน้ำยอมไม่ได้ ดูตากลมๆ ที่เป็นประกายตอนร้อยเอกยกของกินมาไถ่โทษนั่นสิ

น่าเปย์โคตรๆ เลยว่ะ

“พี่เมืองไปอาบน้ำก่อนนะครับ เดี๋ยวร้อยจะลงไปยืมรถปู่”

“ก็ได้ แต่พี่เหมือนหมูจริงเหรอ”

“ไม่จริง ผมพูดเล่น”

“จริงอ่ะ”

“จริงสิ”

“ร้อยเอกโคตรขี้โม้”

“เอ้า ผมผิดอะไรอีกเนี่ย ไปเลยๆ ไปอาบน้ำ”

ร้อยเอกคิดว่าตัวเองจะพ้นโทษตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ แต่พอรับคนตัวเล็กที่ถูกดึงขึ้นจากเตียงไว้ในอ้อมกอด แล้วถูกผลักจนเซไปข้างหลัง รู้เลยว่าความผิดยังไม่ถูกลบล้าง

เอาน่า ปล่อยให้เดินดุ่มๆ เข้าห้องน้ำไปก่อนนั่นแหละดีแล้ว จะได้มีเวลาคิดเมนูที่จะเอามาง้อคนถูกแกล้งด้วย

พี่เมืองกินเก่งจะตาย เลี้ยงบุฟเฟ่ต์สักครั้ง หวังว่าจะหายงอนนะ



(⺣◡⺣)♡*



พอมีของกินก็หายงอนจริงๆ ด้วย แต่ดูดีๆ แล้ว...ร้อยเอกถูกคนกินเก่งแกล้งกลับแน่ๆ

แค่บุฟเฟ่ต์ไม่พอหรอก ต้องต่อด้วยไก่ทอดอีกชุดใหญ่ บอกว่าอยากให้ร้อยเอกกินเยอะๆ ทั้งที่ความจริงคนจ่ายเงินอย่างเขากินไปแค่นิดเดียว ที่เหลือน่ะเหรอ หายไปอยู่ในท้องเมืองน้ำนู่น

ใครได้เป็นแฟนต้องล้มละลายเพราะเอาแต่ซื้อของกินชัวร์ๆ

แต่คนคนนั้น...ร้อยเอกก็อยากเป็นนี่นะ บ่นไปบ่นมารู้สึกเข้าตัวยังไงไม่รู้

คนกินไม่ยั้งบ่นว่าแน่นท้องตอนอยู่ในรถ ร้อยเอกเลยแวะซื้อยาคลายกรดก่อนจะเดินทางกลับ เขาเอาของไปให้ปู่ ช่วยท่านจัดนั่นจัดนี่อยู่พักใหญ่ เปิดทีวี เครื่องปรับอากาศ และปล่อยให้คนตัวเล็กนอนตีพุงนุ่มๆ ของตัวเองอยู่ในห้อง กลับห้องอีกทีก็เห็นเมืองน้ำนอนหลับทั้งๆ ที่มือยังถือรีโมททีวีไว้ไม่ปล่อย

‘เห็นพี่หลับทำไมไม่ปลุกอ่ะ’

‘ไม่รู้ว่าต้องปลุกนี่ครับ เห็นพี่เมืองหลับสบายผมก็ไม่กล้าปลุกหรอก’

‘แต่นี่มันเลยเวลาไปปิกนิกแล้วนะ’

‘อะไรวะพี่เมือง ผมผิดเหรอ’

สุดท้ายก็เข้าโหมดคู่กัดอีกจนได้ ใครกันแน่ที่เป็นเด็ก ร้อยเอกคิดว่าไม่ใช่ตัวเองแน่นอน

ปิกนิกที่เมืองน้ำพูดถึงคือนัดที่ร้อยเอกจะพาไปเดินเล่นในสวนผลไม้ เลยบ่ายโมงซึ่งเป็นเวลานัดมานิดหน่อย อีกคนที่กลัวเวลาไม่พอเลยดูกังวลขนาดนั้น แต่เอาเข้าจริงร้อยเอกคิดว่าการไปที่สวนตอนบ่ายแก่น่ะดีกว่าตอนกลางวันตั้งเยอะ แดดไม่ร้อน มีลมพัด ไม่มืดจนเกินไป ถ้าทำของว่างไปกินก็ถึงเวลาท้องหิวพอดี

“พี่เมืองอยากกินอะไรก็ตัดได้เลยนะ”

“ทราบแล้วๆ พี่ชอบทุกอย่างเลย”

เสียงใสๆ ที่หาไม่ได้ในครึ่งชั่วโมงที่แล้ว เมืองน้ำเดินออกจากโหมดคู่กัด ซ้อนจักรยานที่ร้อยเอกเป็นคนปั่นมาที่สวนอย่างว่าง่าย แถมยังวิ่งลงไปหาต้นส้มก่อนเขาเสียอีก

ทำอะไรก็น่ารัก คำขวัญประจำตัวพี่เมืองเขาล่ะ

ร้อยเอกปล่อยให้เมืองน้ำเลือกผลไม้ใส่ตะกร้าที่เตรียมไว้ได้ตามใจชอบ เดินมาปูเสื่อใต้ต้นไม้ใหญ่ เดินกลับไปอีกรอบพร้อมถุงมือและกรรไกสำหรับตัด

“จะเอาส้มเหรอ” พูดพลางตัดผลส้มที่สุกได้ที่ออกจากกิ่ง

“อื้อ พ่อชอบ”

“จะเอาไปฝากพ่อเหรอครับ”

“ใช่ พี่จะเอาไปฝากพ่อ ไม่รู้พ่อจะชอบหรือเปล่านะ แต่ก็อยากเอาไปให้เขา”

“ต้องชอบอยู่แล้ว พี่เมืองตัดไปให้ทั้งคน”

ร้อยเอกไม่ได้มองหน้าเมืองน้ำอยู่หรอก แต่เขารู้สึกได้ว่าอีกคนกำลังยิ้ม เรื่องเมื่อคืนที่เขาพูด อย่างน้อยๆ คงบรรเทาความเครียดในใจเมืองน้ำได้บ้าง แค่เล็กน้อยก็ยังดี และจะดีกว่านี้ถ้าสิ่งไม่ดีหายไปทั้งหมด

เคยได้ยินคำว่าพรุ่งนี้ต้องดีกว่าหรือเปล่า ช่วงที่เลิกกับแฟนคนเก่า ร้อยเอกพูดกับตัวเองบ่อยมาก เขามีครอบครัวที่เข้าใจ มีพี่ชายที่ผ่านโลก ผ่านประสบการณ์ด้านความรักมามากกว่า คำพูดดีๆ จากคนใกล้ตัวทำให้ความเจ็บปวดกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อผ่านมันมาได้ กับเมืองน้ำก็เหมือนกัน

“อีกสามวันพี่จะไปหาพ่อ เป็นกำลังใจให้พี่ด้วยนะ”

“ไม่ต้องขอ ร้อยก็จะเป็นกำลังใจให้พี่เมืองอยู่แล้ว”

“ขอบคุณครับ”

“ยินดีครับ”

ร้อยเอกอยากให้คนคนนี้ดีขึ้นพร้อมกับเขา

“ถ้าเมื่อยก็ไปนั่งรอที่เสื่อได้นะ ผมปูไว้แล้ว”

“ดูแลดี๊ดี”

“ก็ต้องดูแลดีสิ”

“…”

“พี่เมืองมีคนเดียว ไม่ให้ผมดูแลพี่เมือง แล้วจะให้ไปดูแลใคร”

อยากให้เรื่องแย่ๆ ทิ้งเมืองน้ำไปสักที



(⺣◡⺣)♡*



ไม่ให้ดูแลพี่เมือง แล้วจะให้ไปดูแลใคร เป็นประโยคง่ายๆ ไม่หวือหวา ไม่ซึ้งกินใจ แต่เมืองน้ำกลับรู้สึกขอบคุณทุกครั้งที่นึกถึงคำพูดดีๆ ของร้อยเอก

คนพาไปเก็บผลไม้บอกว่าอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนก็ได้ ตามใจเมืองน้ำทุกอย่าง แต่พอฟ้าเริ่มมืด ตะวันเริ่มตกดิน บรรยากาศเงียบสงบ ได้ยินเพียงเสียงลมพัดผ่าน แค่นั้นแหละ ผู้ชายตัวโตแต่กลัวผียิ่งกว่าอะไรดีก็ชวนปั่นจักรยานกลับบ้านซะแล้ว

ตอนกลางคืนไม่มีไฟ แถมยังมืดมากจนน่ากลัวอย่างที่คุณปู่บอกจริงๆ ถ้าเมืองน้ำกลัวผีเหมือนร้อยเอกล่ะก็ รับรองเลยว่าจะชวนกลับจากสวนผลไม้ตั้งแต่ห้าโมงเย็น

เพราะความไม่กลัวนั่นแหละ ถึงหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาชวนร้อยเอกคุยระหว่างกลับมาที่บ้านได้เรื่อยๆ จะนับตรงนี้ให้เป็นข้อดีอีกข้อของตัวเองแล้วกันนะ

“ครบแล้วนะร้อย”

“ครบแล้วครับปู่ เอาไปฝากที่ขนส่งเสร็จแล้วก็จะไปสนามบินครับ” ร้อยเอกพูดพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะแกล้งเบะปากเมื่อคุณปู่เดินเข้ามากอด

เห็นงอแงตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะว่าไม่อยากกลับกรุงเทพ อยากใช้ชีวิตอยู่ที่นี่นานๆ เหมือนช่วงปิดเทอม พอบอกออกไปแบบนั้น ก็โดนเจ้าของบ้านดีดหน้าผากเข้าเต็มๆ

ไม่ใช่เมืองน้ำคนเดียวที่ทั้งเอ็นดูทั้งหมั่นไส้ร้อยเอกเวลาทำตัวเหมือนเด็ก คุณปู่คงไม่ต่างกัน ตัวจะโต หรือในบางมุมจะเป็นผู้ใหญ่แค่ไหน แต่น้องเอกก็ยังเป็นน้องเอกของทุกคนอยู่วันยังค่ำ

ไม่ได้แกล้งร้อยเอกด้วยคำต้องห้ามมาสักพักแล้วแฮะ

“พระคุ้มครองนะหลานปู่ ว่างแล้วค่อยมาอีกนะ นี่เดี๋ยวก็ปิดเทอมแล้วนี่ ปิดแล้วค่อยมา โอเคมั้ย”

“โอเค้” ร้อยเอกหยุดตีหน้าเศร้าหลังได้รับพรจากเจ้าของบ้าน เดินมาหาเมืองน้ำที่ยืนรออยู่ด้านหลัง

“เมืองกลับแล้วนะครับ สวัสดีครับคุณปู่”

“เดินทางปลอดภัยนะน้องเมือง”

และคว้าข้อมือนุ่มไว้ใต้อาณัติ สำรวจลังผลไม้ที่แพ็คอย่างดีตรงกระบะหลังด้วยสายตา เห็นว่าเรียบร้อยแล้วจึงพาเมืองน้ำมาขึ้นรถ

ถึงเวลาต้องกลับบ้านแล้ว สิ่งหนึ่งที่เมืองน้ำเรียนรู้ได้จากที่นี่คือความสงบ ความสงบที่เปรียบดั่งยาเม็ดเล็กๆ ซึ่งช่วยรักษาอาการอ่อนเพลีย สรรพคุณของยาเม็ดนี้น่าจะเรียกว่าความสุข แต่ก็เป็นความสุขที่ขยายความลึกลงไปในรายละเอียดไม่ได้

“คิดอะไรอยู่ครับพี่เมือง”

“คิดไปเรื่อยเปื่อย ร้อยจะนอนมั้ย นอนตักพี่ได้นะ”

“ไม่นอนๆ ผมไม่ง่วง”

“งั้นนั่งรถไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงสนามบินแล้วกันเนอะ”

“ครับ”

เมืองน้ำอธิบายไม่ถูก...รู้แค่มีความสุขกับการได้อยู่ในที่นี่

อยากอยู่ไปนานๆ แต่ในความเป็นจริงเมืองน้ำทำไม่ได้ สิ่งที่ต้องพบเจอหลังจากนี้ หวังว่าเมืองน้ำจะผ่านไปได้ง่ายๆ เหมือนสายลมที่พัดผ่านมา แล้วก็พัดผ่านไป

ขอให้ความเข้มแข็งกลับมาหาเมืองน้ำสักทีเถอะนะ



(⺣◡⺣)♡*



มีต่อ

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ต่อ

.


.



พรีเซนต์งานกลุ่มรอบแรกผ่านไปอย่างทุลักทุเล เริ่มจากร้อยเอกตื่นสาย รถติด เกือบมาถึงห้องเรียนไม่ทัน งานที่ลงรายละเอียดไปแล้วเกือบไม่ผ่านเพราะอาจารย์ไม่ชอบเรื่องที่กลุ่มเขาทำ ร้อยเอกไม่อยากดูเป็นเด็กแย่ๆ ในสายตาผู้ใหญ่หรอกนะ งานที่ยังอยู่ในขอบเขตที่อาจารย์กำหนด ถึงจะไม่ชอบเป็นการส่วนตัว แต่ก็ย้ำนักย้ำหนาว่าทำเรื่องไหนก็ได้ที่อยู่ในขอบเขตของวิชา เขาก็มีสิทธิ์ท้วงไม่ใช่เหรอ

โจทย์ที่ยากที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่เนื้อหาที่ต้องทำ กลุ่มเขาช่วยกันลุยได้สบายอยู่แล้ว ที่ยากจนรู้สึกเบื่อหน่ายคือทำยังไงให้อาจารย์เปลี่ยนใจมาชอบหัวข้อที่เขาทำส่งต่างหาก

ถ้างานมันแย่จะไม่ว่าอะไรเลย พร้อมแก้ให้ด้วยซ้ำ นี่งานดี แต่อาจารย์ไม่ชอบ ก็เกินไปหน่อย

“เมื่อไหร่จะจบวิชานี้ ไอ้เหี้ย โดนด่าซะกูอยากไปเกิดใหม่ ย้ายคณะไปเรียนอย่างอื่นก็ไม่ทันแล้ว”

เขาเห็นด้วยกับมาวิน ร้อยเอกหัวเสียระดับสิบ มาวินก็คงระดับหมื่น ยังไม่รวมเพื่อนในกลุ่มอีกสองคนที่บ่นเป็นเสียงเดียวกัน

ดีที่สองคนนั้นกลับไปแล้ว ภาพตอนพวกมันเกือบระเบิดลงยังติดตาร้อยเอกอยู่เลย

เอาเรื่องกันทุกคน

“ช่างเหอะ ยังไงงานเราก็ดีแหละว่ะ มึงก็ไปแก้ตามที่กูบอกแล้วกัน อาจารย์จะได้ชอบ”

“เห้อ”

“ถอนหายใจทำเหี้ยไร”

“ถ้ากลุ่มเราไม่มีมึงนะไอ้ร้อย ตายหยังเขียด ตายแหง่กกันทุกคน”

“หมายถึงตายเพราะรบกับอาจารย์ไม่ชนะอ่ะนะ”

“ไอ้สัส”

ร้อยเอกเบี่ยงตัวหลบคนตรงข้ามที่เตรียมฟาดงวงฟาดงาใส่เขา ขำใส่คนหน้าหงิกก่อนจะดึงสมาธิกลับมาที่หนังสือเรียนวิชาอื่นต่อ

เกินสี่โมงเย็น เขาควรกลับบ้านไปนอนพัก เพราะถ้าไม่กลับตอนนี้ ต้องเจอมหกรรมรถติดอีกแน่ๆ แต่ร้อยเอกกลับไม่ได้ วันนี้เป็นวันที่เมืองน้ำจะไปหาพ่อ ให้กลับไปอยู่คนเดียวโดยไม่รู้ว่าเมืองน้ำเป็นยังไง เขาทำไม่ลง

ห่วง ห่วงมาก เขาเป็นห่วงเมืองน้ำจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว

ขอไปด้วยก็ไม่ให้ไป บอกให้เขารับผิดชอบหน้าที่ตัวเอง เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว ร้อยเอกไม่เคยบกพร่องในเรื่องเรียนเลยสักครั้ง แต่หลังเลิกเรียนเนี่ย ร้อยเอกก็ยังไปไม่ได้จริงๆ เหรอ

“จะอ่านหนังสือก็มองหนังสือ ไม่ใช่มองโทรศัพท์ จะอ่านรู้เรื่องมั้ยเนี่ยมึง”

ความคิดถึงไม่ใช่สิ่งเดียวที่ฆ่าคนได้นะ ความห่วงใยก็พรากชีวิตคนได้เหมือนกัน

“เมื่อไหร่พี่เมืองจะโทรมาวะ”

“อะไรของมึง”

“กูรอไม่ไหวแล้ว”

มาวินขมวดคิ้วในทีแรก วินาทีต่อมาก็เข้าใจในคำพูดของเพื่อนรักทุกอย่าง ร้อยเอกบอกว่าเมืองน้ำมีธุระ อยากตามไปด้วย อยากอยู่ข้างๆ พี่เมือง และอีกสารพัด ไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เห็นเพื่อนรักแสดงออกชัดเจนขนาดนี้ ทริปสุโขทัยที่ผ่านมาต้องมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นแน่นอน

แค่คิด มาวินก็มีความสุขแล้ว

“ใจเย็นๆ นะมึง เดี๋ยวพี่เมืองก็โทรมา”

“แล้วถ้าไม่โทรอ่ะ”

“มึงก็โทรไปเองดิวะ”

“กูโทรแล้ว พี่เมืองไม่รับ”

“เวรกรรม”

“อืม เวรมาก”

ดราม่าเฉยเลยว่ะ เพื่อนมาวินเป็นเอามาก

“กูก็ไม่ใช่คนมีสาระอะไร...บางอย่างเราเข้าไปช่วยเขาแก้ไขไม่ได้ แต่เราอยู่ข้างๆ เวลาเขามีปัญหาได้นะ”

“กูก็อยากอยู่ข้างๆ เขา แต่เขาไม่ให้กูไปด้วยไงวะ”

“อยู่ข้างๆ ไม่ได้แปลว่าต้องตัวติดเขาตลอด ให้เขามีพื้นที่ของตัวเองบ้าง ไม่กลัวพี่เมืองอึดอัดเหรอวะ”

“ไม่ ตอนกูอยู่กับพี่เมือง มีแต่ความสบายใจทั้งนั้นเลย”

“ไอ้เหี้ย กูฟินมาก”

ขัดอารมณ์ร้อยเอกไปหน่อย แต่มาวินอดใจไม่ไหวจริงๆ

“มึงมองออกว่ากูชอบพี่เมืองตั้งแต่เมื่อไหร่วะมาวิน”

“ถามทำไมอ่ะ”

“อยากรู้ คุยกับกูหน่อย กูฟุ้งซ่าน”

“เออ! มึงมันเด็กน้อยจริงๆ ว่ะ”

เกือบโดนร้อยเอกมอบฝ่าเท้าเข้าให้แล้ว โชคดีที่นั่งตรงข้ามกัน เลยมีพื้นที่ให้หลบอีกคนได้บ้าง

มาวินกลับมานั่งท่าเดิม กระแอมไอเล็กน้อย แกล้งให้เพื่อนหมั่นไส้เล่น ก่อนจะตอบออกไปตรงๆ

“ตั้งแต่พี่เมืองคุยกับหลวงพี่สิงหา”

“นานขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“เออสิ แต่มึงคิดว่าตัวเองเกลียดพี่เมืองมาตลอดไง ไม่ใช่อ่ะ ไม่เกลียดแน่ๆ ยิ่งเวลาไปเที่ยวด้วยกันแล้วมีพี่เมืองไปด้วยนะ มึงแทบจะกินหัวพี่เมืองอยู่แล้ว ที่บอกว่าเป็นคู่กัดเลยทะเลาะกันบ่อยของมึงเนี่ย เมื่อก่อนอาจจะใช่ แต่พอพี่เมืองมาคุยกับหลวงพี่ ไม่ใช่เพราะความเป็นคู่กัดแล้ว เพราะมึงหึงล้วนๆ”

“มึงก็เลยชงกูกับพี่เมืองมาตลอดเลยเหรอ”

“ถูกต้องนะครับเพื่อนร้อย”

“ขอบใจว่ะ”

“ขอบใจเหี้ยไร”

“ขอบใจที่มึงชงกูกับพี่เมืองไง”

“ทีงี้อ่ะมาขอบใจกู เมื่อก่อนด่ากูทุกวัน ใช่สิ ถ้าไม่มีกูคอยชงร้อยเมืองมึงก็คงคิดว่าตัวเองไม่ชอบพี่เมืองไปอีกนาน สำนึกบุญคุณกูเลยนะ ไม่มีมาวินก็ไม่มีเมีย...อย่ายิ้ม! ไอ้ร้อย กูขนลุก”

ยิ้มให้ก็ไม่ได้ จะให้ร้อยเอกทำหน้าแบบไหนล่ะ

แต่ก็ถูกอย่างที่มาวินบอก อยู่ข้างๆ ไม่ได้แปลว่าต้องตัวติดตลอด แต่ร้อยเอกอยากอยู่ใกล้เมืองน้ำจริงๆ

ลางสังหรณ์บางอย่างมันบอกเขาว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี

ขอให้เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับตัวเขา อย่าเกิดกับเมืองน้ำเลยนะ ขอร้องล่ะ

ร้อยเอกไม่อยากให้เมืองน้ำเจอเรื่องร้ายๆ อีกแล้ว



(⺣◡⺣)♡*



เมืองน้ำเพิ่งเคยมาบ้านหลังนี้ครั้งแรก บ้านหลังใหญ่ที่เป็นบ้านใหม่ของพ่อ ไม่ตั้งใจจะมาหรอก แต่ท่านบอกให้มา อย่างน้อยก็มาดูว่าชอบหรือไม่ชอบส่วนไหนของบ้าน ถ้าไม่ชอบจะได้ปรับปรุงให้ถูกใจ

ไม่มีตรงไหนที่ไม่ชอบ ห้องนอนห้องใหญ่สุดที่แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนนึงสำหรับนอน อีกส่วนจะทำเป็นห้องทำงาน ตรงนั้นน่ะดีที่สุดในบ้านหลังนี้เลย

เมืองน้ำไม่ใช่คนอยากรู้อยากเห็น แต่ระหว่างที่เดินลงมา เห็นห้องเล็กๆ อีกห้องที่ตกแต่งด้วยเตียงนอนและเปลสีสันสดใส ของตกแต่งที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นของใช้สำหรับเด็ก สิ่งที่เห็นก็พอเดาได้ว่าแฟนใหม่ของพ่อกำลังจะมีน้อง

น้องที่หากเกิดมาก็จะห่างจากเมืองน้ำถึงยี่สิบสองปี

น้องที่ไม่มีความผิดอะไร แต่เมืองน้ำกลับไม่ชอบสิ่งที่ตัวเองกำลังรู้สึกในตอนนี้

เหมือนถูกแย่งความรัก...

พอคิดแบบนี้แล้ว เมืองน้ำดูเป็นคนไม่ดีไปเลยใช่มั้ย

“เมือง คิดอะไรอยู่”

เกลียดตัวเองสุดๆ เลย

“ไม่ได้คิดอะไรครับ พ่องานเยอะมั้ย เมืองงานเยอะมากเลย”

“เยอะสิ ยุ่งมาก บางวันพ่อก็ต้องนอนที่บริษัทนะ”

“เหรอครับ”

“ใช่”

และแล้วทุกอย่างก็เงียบลงอีกครั้ง ประโยคที่อยากตอบไม่ใช่คำที่ดีเท่าไหร่นัก เมืองน้ำไม่อยากให้พ่อได้ยิน กลัวท่านจะคิดว่าลูกเป็นเด็กไม่รู้จักโตไปแล้ว

บางวันก็ต้องนอนที่บริษัท แปลว่าไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่วันนี้นัดมาที่บ้าน ก็แสดงว่าพ่อไม่สนใจบ้านหลังเก่าแล้ว

เวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน ไม่มีสิ่งไหนยั่งยืน จะเป็นฮีโร่ของเมืองน้ำตลอดไป ไม่ใช่ความจริง

ทำไมถึงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย

“เมืองว่าพ่อซื้อเตียงขนาดไหนดี เอาหกฟุตมั้ย นอนสบายเลยนะ”

ริมฝีปากสีพีชเม้มจนเป็นเส้นตรง มองผู้เป็นพ่อแน่นิ่ง พยายามเก็บความรู้สึกแต่ก็เป็นเรื่องยากที่สุดของวัน เราอยู่ตรงโซฟาในห้องรับแขก นั่งข้างกันอย่างที่ทำมาตลอด คุยกันหลายเรื่อง  ส่วนมากเป็นเรื่องทั่วไป บทสนทนาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม สุดท้ายก็กระอักกระอ่วนเพราะวกเข้ามาเรื่องนี้

เรื่องที่เมืองน้ำไม่ชอบ...

“หรือจะใหญ่กว่านั้น แต่ถ้าใหญ่มากก็จะไม่มีชั้นเก็บตุ๊กตาของเมืองนะ”

พ่อยังเป็นคนที่เท่มากๆ ในสายตาเมืองน้ำเสมอ แม่เคยเอารูปท่านตอนหนุ่มๆ ให้ดู หล่อระดับขวัญใจสาวๆ เลยล่ะ ตอนนี้ที่แก่ลงตามวัย แต่ก็ยังดูกระฉับกระเฉงเหมือนไม่แก่ตามอายุอย่างงั้นแหนะ

“เอ...โต๊ะทำงานก็สำคัญ เอ้อ แล็ปท็อปเครื่องที่เมืองซื้อมาทำงาน มันก็หลายปีแล้วนะ เริ่มอืดบ้างหรือยัง”

“เริ่มอืดแล้วครับ เมืองเบื่อมาก เวลามันเรนเดอร์ไฟล์ช้า”

“เอาเครื่องใหม่มั้ย พ่อเห็นยี่ห้อที่เมืองใช้มีรุ่นใหม่ออกมา”

“เป็นแสนเลยนะครับ ถ้าจะเอาสเป็กแรงสุด”

“จิ๊บๆ น่า เพื่อเมืองพ่อซื้อให้ได้อยู่แล้ว”

แล็ปท็อปราคาเป็นแสนยังซื้อให้ได้ แล้วทำไมค่าใช้จ่ายที่จำเป็นกับแม่และเมืองน้ำ พ่อถึงไม่ยอมจ่ายให้ล่ะ อะไรที่เกี่ยวกับแม่ จะไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีเลยหรือไง เกลียดกันมากขนาดนั้นเลยเหรอ

“ถ้าเมืองอยากได้รถใหม่ พ่อจะซื้อให้มั้ยครับ”

“ได้สิลูก เอารุ่นไหนล่ะ เบนซ์มั้ย พ่อว่าดีนะรุ่นนี้”

“ก็ดีครับ”

“แล้วคันเก่าที่เมืองเก็บเงินซื้อมาเองล่ะ ไม่ใช้แล้วเหรอ”

“ไม่ใช่ไม่ใช้” ส่ายหน้าปฏิเสธช้าๆ “แต่เมืองขายไปแล้ว”

คนฟังเบิกตาขึ้นเล็กน้อย คงคาดไม่ถึงกับสิ่งที่ได้ยิน และไม่คิดว่าเมืองน้ำจะกล้าขายรถที่เก็บเงินซื้อนานเป็นปี ใครๆ ก็ตกใจ คนที่เป็นเจ้าของอย่างเมืองน้ำยังเสียดายรถคันนั้นเลย

“เมืองจะขายทำไม”

“จำเป็นครับ เมืองอยากเก็บเงินไว้เยอะๆ ก็เลยขาย”

“อยากมีเงินทำไมไม่ขอแม่ล่ะ ไหนว่าลูกคนเดียวฉันเลี้ยงได้”

เห้อ...

ในหัวมีแต่ความคิดไม่ดีเต็มไปหมด...

“เมืองอยากให้แม่เก็บเงินไว้ใช้ ก็เลยขายรถเพื่อเอาเงินเก็บตัวเองมาใช้กับแม่”

“พ่อไม่ชอบที่เมืองขายรถเลยนะ แต่ก็อย่างว่าแหละ เป็นแอร์เงินเดือนไม่กี่หมื่น จะเอาเงินจากไหนมาเลี้ยงลูกนักหนา สุดท้ายลูกก็เดือดร้อน”

“พ่ออย่าว่าแม่ได้มั้ย”

“ทำไมจะว่าไม่ได้ แม่บอกพ่อเองนะว่าเลี้ยงเมืองได้ แต่เมืองก็เดือดร้อน”

“แล้วใครล่ะครับที่ทำให้เมืองเดือดร้อน”

“เมือง”

“ถ้าพ่อรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองควรรับผิดชอบ แม่ก็ไม่ต้องลำบาก เมืองก็ไม่ต้องทำงานหนัก ไม่ต้องเอาเงินเก็บมาใช้ ไม่ต้องขายรถ ไม่ต้องเสียใจแบบนี้ด้วย”

“นี่เมืองว่าพ่อเหรอ”

เมืองน้ำเปล่านะ...

ไม่ได้ตั้งใจ ไม่มีเจตนาว่าท่านเลยสักนิด ที่พูดเพราะความอดทนมันมาถึงจุดสูงสุดแล้ว

“พ่อบอกแล้วไงว่าถ้าไม่อยากทำงานหนักก็มาอยู่กับพ่อ พ่อซัพพอร์ตเมืองได้ทุกอย่าง โดยที่เมืองไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องรับตัดคลิปไปวันๆ ไม่ต้องถ่ายรูปลงเพจเพื่อรับเงินด้วย เมืองจะไม่ทำงานตลอดชีวิตก็ได้ ขอแค่มาอยู่กับพ่อ”

พ่อไม่เคยโทษตัวเอง ไม่เคยคิดว่าที่กำลังทำอยู่ทำให้เมืองน้ำที่ต้องอยู่ตรงกลางระหว่างความร้าวฉานต้องลำบากใจ

พ่อเมืองน้ำในตอนนี้...ไม่เหมือนพ่อที่เคยรู้จักเลยนะ

“ถ้าเมืองมาอยู่กับพ่อ แล้วแม่จะอยู่กับใครล่ะครับ”

“…”

“เมืองทิ้งแม่ไม่ได้หรอกนะ”

“งั้นแปลว่าเมืองจะทิ้งพ่อสินะ”

อะไรทำให้พ่อคิดแบบนี้ มีประโยคไหนที่เมืองน้ำสื่อความหมายไปในทางที่ท่านพูดออกมาหรือเปล่า

ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินประโยคนี้จากปากของคนเป็นพ่อด้วยซ้ำ ทำไมล่ะ ทำไมถึงเป็นเมืองน้ำที่ต้องเลือกว่าจะไปทางซ้ายหรือทางขวา

ทำไมทุกอย่างถึงมาเจอกันตรงกลางไม่ได้

ตั้งใจว่าจะมาคุยเรื่องหย่า จากที่ไม่อยากคุยเลยสักครั้ง แทบทุกครั้งจะพูดเรื่องอยากให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม อยากให้เรากลับไปอยู่ด้วยกัน แต่ความต้องการของเมืองน้ำในตอนนี้ แค่อยากให้พ่อและแม่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ แค่นั้นเอง

“เมืองไม่เคยอยากทิ้งพ่อเลย”

“งั้นก็มาอยู่กับพ่อ”

“เมืองบอกแล้วไงว่าทิ้งแม่ไม่ได้”

“แล้วเมืองจะเอายังไง จะให้กลับไปคืนดีพ่อไม่เอาด้วยนะ”

ซึ่งมันก็...ยากจัง

“เมืองถามหน่อยสิ”

“…”

“ที่ผ่านมา ไม่มีความหมายกับพ่อเลยเหรอ ตลอดเวลาที่อยู่กับแม่ พ่ออึดอัดมากเลยเหรอครับ”

“ถามทำไม”

เมืองน้ำพยายามเต็มที่แล้ว สุดแล้วจริงๆ...

“เมืองอยากรู้ว่ามันไม่มีความหมายจนต้องเกลียดกันขนาดนี้เลยหรือเปล่า”

แต่พยายามไปก็เปล่าประโยชน์ ไม่มีอะไรดีขึ้นมา มีแต่ความเข้มแข็งที่เปราะบางขึ้นทุกวัน

“พ่อไม่ต้องห่วงนะครับ เมืองกับแม่จะไม่รบกวนพ่อแล้วล่ะ จะหย่าก็หย่าได้ เห็นแม่บอกว่าอาทิตย์หน้าก็หย่าแล้ว ดีเลย เมืองจะได้ตัดสินใจถูก”

“อย่าประชดพ่อนะเมือง”

“พ่อก็บังคับเมืองทางอ้อมด้วยการไม่รับผิดชอบอะไรเลยเหมือนกัน”

“เมืองน้ำ”

ไม่ได้ยินพ่อเรียกชื่อเต็มที่เป็นคนตั้งให้มานานแล้วล่ะ เจ็บปวดดีจัง

“เมืองโตแล้ว เมืองมีสิทธิ์เลือกนะ แล้วเมืองก็คิดแล้วว่าจะเลือกใคร”

“…”

“ในเมื่อมาเจอกันตรงกลางไม่ได้ เมืองก็จะอยู่ในที่ที่สบายใจ”

“…”

“เมืองขออยู่กับแม่นะครับ”

“ไม่ พ่อไม่ยอม อยู่กับแม่แล้วลำบากขนาดนี้เมืองก็ควรจะอยู่กับพ่อสิ จะไปอยู่กับแม่ทำไม เมือง! อย่าเพิ่งกลับนะ คุยให้รู้เรื่องก่อน”

วันนี้เป็นอีกวันที่แย่จนไม่รู้จะรับมือยังไง เมืองน้ำเคยเป็นคนที่เข้มแข็งมากที่สุดคนหนึ่ง ไม่ว่าเรื่องไหนก็ผ่านไปได้ง่ายๆ เพราะมีคำสอนดีๆ จากคนในบ้านคอยรักษาหัวใจที่บอบช้ำในทุกๆ ครั้ง

ยาวิเศษที่เรียกว่าครอบครัว นับจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว

ตอนนี้เมืองน้ำก็เป็นแค่คนที่ไม่อยากฟังเสียงเรียกจากคนที่เคยเป็นความสบายใจของตัวเอง เป็นคนอ่อนแอ และเป็นเด็กดื้อที่ไม่รู้จักฟังผู้ใหญ่ ไม่สนว่าพ่อจะเรียกตัวเองด้วยน้ำเสียงแบบไหน ทำหูทวนลม หยิบกระเป๋าสะพายแล้วก้าวออกจากบ้านพร้อมก้อนหนักๆ ที่จุกอยู่ในคอ

จุกจริงๆ จุกจนพูดไม่ออก

เมืองน้ำคิดว่าพ่อคงหงุดหงิดไม่น้อย มีเสียงสบถและเสียงโครมครามดังตามมา ทุกอย่างค่อยๆ กลายเป็นความเงียบเมื่อเดินออกมาเรื่อยๆ กระทั่งถึงหน้าปากซอย

เมืองน้ำกัดฟันข่มอารมณ์ เรียกแท็กซี่และขึ้นไปนั่งโดยไม่รีรอ เป็นวินาทีเดียวกันที่โทรศัพท์สั่นครืนอยู่ในกระเป๋าซึ่งวางไว้บนตัก คนตัวเล็กสูดลมหายใจ หยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมากดรับสายน้องชายตัวสูง

[พี่เมืองอยู่ไหน]

“พี่กำลังกลับ ร้อยอยู่ไหนเหรอ”

[ในมอ]

“ทำไมไม่กลับบ้าน ใกล้มืดแล้วนะ”

[กลับไม่ได้ เป็นห่วง]

“…”

[ให้ผมไปรับมั้ย อยู่บนแท็กซี่หรือเปล่า]

“…”

[ทางกลับมันผ่านมหา’ลัยเราใช่มั้ย ให้แท็กซี่จอดข้างหน้านะ ผมจะออกไปรอ แล้วค่อยกลับพร้อมกัน]

“อื้อ”

คลื่นทะเลคลื่นเล็กๆ ซัดใส่กลางลำตัว เมืองน้ำรู้สึกอึดอัดกว่าที่เคย เหมือนลูกโป่งที่ถูกอัดลมจนแทบระเบิด ขอบตาร้อนผ่าว และภาพที่เคยเห็นชัดเริ่มพร่ามัวจนรู้สึกได้

“ร้องเพลงให้ฟังหน่อยสิ”

[อารมณ์ไหนอ่ะ จู่ๆ จะมาขอให้ร้องเพลง]

“พี่...บอกไม่ถูกเหมือนกัน นะ...ร้องเพลงให้ฟังหน่อย”

อย่านะ...อย่าร้องไห้นะ รอให้เจอร้อยเอกก่อน

อย่า...

[เอาเพลงไหนดีครับ เดี๋ยวไปกินน้ำมะนาวแป๊บ]

มีเสียงกระแอมไอด้วย ร้อยเอกก็ยังเป็นร้อยเอก เด็กที่ทำให้รู้สึกหมั่นไส้ได้เสมอ

[เพลงนี้แล้วกัน เข้ากับเราดี]

แต่ก็เป็นความหมั่นไส้ที่ทำให้เมืองน้ำยังทนไหวกับความเจ็บปวด

[ลิ้นกับฟัน พบกันทีไรก็เรื่องใหญ่ น้ำกับไฟ ถ้าไกลกันได้ก็ดี หมากับแมวมาเจอะกัน สู้กันทุกที ต่างไม่เคยมีวิธีจะพูดจา]

เพลงเก่ามาก เกิดหลังเมืองน้ำไม่ใช่เหรอ หลุดมาจากยุคไหนเนี่ยพ่อคุณ

แต่ว่า...เข้ากับพวกเราจริงๆ ด้วยล่ะ

จะปล่อยให้ร้อยเอกร้องจนจบเพลง จะฟังไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงมหา’ลัย และจะทนกับความรู้สึกตอนนี้ให้ได้

เมืองน้ำควรหลับหรือเปล่า ถึงแล้วค่อยตื่น ปิดเปลือกตา...แล้วเปิดขึ้นใหม่พร้อมภาพของคนที่กำลังหาเพลงมาร้องให้ฟังไม่หยุด

ทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว

นิดเดียว...



(⺣◡⺣)♡*



ท้องฟ้าคลุมด้วยสีน้ำเงินเข้ม มีแค่แสงไฟที่ส่องสว่างตามทางเดิน คนที่ไม่ชอบความมืดอย่างร้อยเอกควรกลับบ้านไปตั้งนานแล้ว

แต่ยังกลับไม่ได้...

ลานจอดรถใกล้ประตูมหา’ลัยเหลือรถยนต์อยู่ไม่กี่คัน หนึ่งในนั้นคือรถของเขา ร้อยเอกมองนาฬิกาบนข้อมือสลับกับมองจอโทรศัพท์ เมืองน้ำบอกว่าอีกไม่นานจะมาถึง เลยขอวางสายเพราะแบตใกล้หมด แต่นี่ผ่านมาสิบนาทีแล้ว เขายังไม่เห็นคนตัวเล็กเดินเข้ามาเลย

เมืองน้ำปล่อยให้เขาร้องเพลงตลอดเวลาที่คุยกัน เอ่ยตอบบ้างเป็นบางครั้ง และทุกครั้งเขาเป็นคนชวนคุย ร้อยเอกไม่อยากคิดมาก แต่เสียงเมืองน้ำตอนคุยกับเขา...รู้นะว่าพยายามควบคุมให้เป็นปกติที่สุด แต่เสียงที่ไม่โอเคขนาดนั้น ไม่มีทางที่เขาจะฟังไม่ออก

ลางสังหรณ์ที่ไม่อยากให้เป็นจริง ทำไมต้องจริงขึ้นมาด้วยนะ

ร้อยเอกปิดเครื่องรับวิทยุเมื่อมองเห็นร่างเล็กๆ ใต้แสงไฟ แม้จะเห็นไม่ชัดแต่ก็มองออกว่านั่นคือเมืองน้ำ คนที่เขาเฝ้ารอเดินช้าๆ ราวกับคนหมดแรง เพราะแบบนั้นเลยรีบลงจากรถ ก้าวขายาวๆ ไปหาอีกคนโดยเร็ว

เมืองน้ำหยุดเดินเมื่อมองเห็นเขา ยืนนิ่งเพื่อรอให้เขาเดินเข้าไปใกล้ สภาพเมืองน้ำแย่มากตามที่คิด ดวงตาที่มีประกายความสดใสทออยู่เสมอหม่นเศร้าอย่างเห็นได้ชัด

เขาไม่ชอบเมืองน้ำในสภาพนี้

“พี่มาถึงนานแล้ว แต่ไม่กล้าเข้ามา”

“ทำไมไม่เข้ามาล่ะครับ ร้อยเป็นห่วงนะ”

ไม่มีคำตอบจากริมฝีปากที่ปิดสนิท

เมืองน้ำไม่รู้จะตอบยังไง เรียงความรู้สึกให้เป็นรูปเป็นร่างไม่ได้เลย รู้แค่มันแย่มาก ก้อนที่จุกอยู่ในลำคอ ก็ยังจุกอยู่อย่างนั้น

กลัวว่าเจอร้อยเอกแล้วสิ่งที่กำลังต่อสู้จะพังทลายลง

“พี่เมือง...”

“...”

“หนักมากมั้ย”

“…”

“ที่พี่เมืองแบกไว้ตรงนี้” ร้อยเอกวางมือบนไหล่แคบ บีบเบาๆ ให้รู้ว่าหมายถึงตรงนี้ “หนักมากหรือเปล่า”

“…”

“ถ้ามันหนักจนทนไม่ไหว แบ่งมาให้ร้อยช่วยถือบ้างได้มั้ย”

“…”

“อย่าทนต่อไปเลยนะ”

ไม่ทนแล้ว...

ยิ่งทนยิ่งไม่ไหว ยิ่งสู้ ยิ่งอดทน ก้อนที่จุกอยู่ในคอก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้น จนตอนนี้มันแตกละเอียดเป็นหยดน้ำตา

นานมากแล้วที่ไม่ได้ยินเสียงสะอื้นของตัวเอง จำไม่ได้ว่าร้องไห้ครั้งล่าสุดตอนไหน ชีวิตที่มีแต่ความสุขทำให้น้ำตาไม่เคยแวะมาทักทาย

ตอนที่ร้อยเอกกอดเมืองน้ำ แล้วเมืองน้ำก็กอดอีกคนแน่นๆ นั่นแหละ ถึงรู้ว่าความเสียใจอย่างสุดซึ้งที่เคยลืมไปแล้วมันเป็นยังไง

ไม่อยากร้องไห้เลย แต่ไม่ไหวแล้ว

ขอร้องไห้สักวันนึงนะ

พรุ่งนี้จะกลับมายอมรับความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในชีวิต แล้วก็เป็นเมืองน้ำที่เข้มแข็งเหมือนเดิม

ขอฟังเสียงสะอื้นตัวเองแค่วันเดียวก็พอ



(⺣◡⺣)♡*
#ร้อยเมือง



ตอนนี้เป็นตอนที่ดราม่าที่สุดในเรื่องแล้วค่ะ โทนเรื่องโดยรวมยังเป็นฟีลกู้ดอยู่นะ แง ;-;

อีก 3 ตอนจบแล้วววว ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ

ขอบคุณทุกๆ ฟีดแบ็กเลยค่ะ อ่านแล้วชื่นใจมากๆ เลย ♥︎
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2019 13:37:54 โดย ErrorPOP »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด