[END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ⎮แจ้งข่าว P.4
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ⎮แจ้งข่าว P.4  (อ่าน 28392 ครั้ง)

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




“ขอให้ปลอดภัยครับ”
“พูดเพราะอีกแล้วอ่ะ”
“ขอให้ปลอดภัยโว้ยยย! พอใจยัง”
“พอใจแล้วๆ อย่างนี้ค่อยเหมือนร้อยเอกตัวจริงหน่อย”



พอเป็นเรื่องร้อยเอก เมืองน้ำไปไม่ถูกเลย
ไม่รู้วิธีเลยจริงๆ




เก่งทุกเรื่องนั่นแหละ

ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ


☆°


prologue
1 ☁︎ 2 ☁︎ 3 ☁︎ 4 ☁︎ 5
ตอนพิเศษ : แรกพบสบตาได้เจอหน้าเธอ
6 ☁︎ 7 ☁︎ 8 ☁︎ 9 ☁︎ 10
11 ☁︎ 12 ☁︎ 13 ☁︎ 14 ☁︎ 15
16 ☁︎ 17 ☁︎ 18 ☁︎ 19 ☁︎ 20 [END]
Special ☆ ขอจุ๊บหน่อย


page | twit | #ร้อยเมือง

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2019 19:17:33 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ
«ตอบ #1 เมื่อ14-09-2018 08:35:57 »


(วาดโดยน้องซี - สีคิด : @zekaint)




00



น้องเอก






 
 
โปรไฟล์
Meungnam Charming Boy
697,176 คนถูกใจสิ่งนี้
มี 699,681 คนติดตามสิ่งนี้
เกี่ยวกับ : sweety, daisy, sunshine เพราะโลกมีแต่ของหวาน ดอกไม้ และแสงอาทิตย์ • ติดต่องาน mncmb@erp.com • ig : mncmb_
 





Meungnam Charming Boy
Today, 13:53 น.

วันนี้เมืองมีผลิตภัณฑ์ดีๆ มาแนะนำ ‘SIW Hi’ น้ำตบหน้าใสนำเข้าจากอเมริกาครับ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเห็นผลได้ภายใน 7 วันจริงๆ อย่างนี้ต้องลองใช่มั้ยล่ะ
ใครอยากหน้าใส ไร้สิว ผิวเรียบเนียนเหมือนเมือง คลิกดูรายละเอียดที่เพจ SIW Hi Pai Nai ด่วนๆ คลิกช้าของหมดไม่รู้ด้วยนะ!
 
ปล. อย่าลืมตั้ง see first เพจ เย็นนี้จะอัพรูปตอนไปเที่ยวทะเลให้ครับ ヾ(๑╹◡╹)ノ”
 
 
 



 
ถามว่าร้อยเอกเบ้ปากให้เมืองน้ำที่สุดตอนไหน
 
บอกได้เลยว่าตอนอ่านชื่อเพจพี่เมืองนี่แหละ
 
ไม่รู้อะไรดลใจให้พี่เมืองตั้งชื่อเพจว่าเมืองน้ำชาร์มมิ่งบอย โอ้โหหห~ โคตรตลก
 
แต่ก็แปลกที่คนพากันติดตามเป็นแสนๆ ทั้งที่วันๆ เอาแต่อัพรูปไปเที่ยว ไปกินข้าว บางรูปก็ไม่มีอะไรเลย แม้แต่รูปหน้าสด นอนทำตาปรืออยู่บนเตียง ยังมีคนไลค์เป็นหมื่น ก็แหม คุณเมืองน้ำขึ้นชื่อเรื่องหน้าสดที่โคตรจะใส ผิวดีเหมือนเด็กแรกเกิด ตาสวยจนหยุดมองไม่ได้
 
สมัยนี้ยังเชื่อเรื่องหน้าสดกันอยู่เหรอคุณ
 
เอาเหอะ แต่ก็ไม่เถียงว่าพี่เมืองหน้าดีจริง
 
ไอ้ร้อยอวยอยู่เหรอ
 
ไม่...
 
พูดไปตามเนื้อผ้า

รู้จักกันมาสามปี เห็นตั้งแต่พี่เมืองอยู่บ้านเฉยๆ ไปเรียน กลับมานอน นั่งมาส์กหน้า ทาครีมบำรุงผิว เริ่มเปิดเพจ เริ่มมีคนติดตาม จนตอนนี้พี่เมืองกลายเป็นเน็ตไอดอลคนดังที่กิจกรรมเยอะยิ่งกว่าเมืองไทยประดับชีวิต ไม่เลย ไม่เคยมีวันไหนที่ร้อยเอกจะญาติดีกับพี่เมืองสักครั้ง
 
เกลียดมั้ย ก็ไม่
 
ชอบมั้ย ก็ไม่อีกเหมือนกัน
 
แล้วถามว่ารู้สึกยังไงที่ต้องอยู่หมู่บ้านเดียวกันกับคุณเมืองน้ำชาร์มมิ่งบอย(ยังเกลียดชื่อนี้อยู่)ก็...รู้สึกว่าพี่เมืองเป็นคู่กัดที่สมน้ำสมเนื้อดีล่ะมั้ง
 
 
 
 
 
101 :
พี่เมือง

[ read ]

101 :
อ่านแล้วตอบด้วย
มือเป็นไร
ง่อยอ่อ

m.nam ☆° :
ง่อยบ้านแก
มีอะไร
ไม่ว่าง
ทำงาน
ไม่เล่น
ไม่คุย
 
101 :
ขนาดไม่คุยยังตอบซะเยอะ

m.nam ☆° :
โอ๊ยยย
เบื่อร้อย
 
101 :
เบื่อคนหล่อก็เหนื่อยหน่อยนะ
เพราะจะหล่อไม่หยุดเลยอ่ะ

m.nam ☆° :
โอ๊ยยยยยยยยย
 
101 :
โอ๊ยยยยยยยยย
ก็อปวางเอา

m.nam ☆° :
มีอะไร ถ้าไม่มีจะบล็อกละนะ คนมีงานมีการทำ
 
101 :
ก็จะเอางานมาให้ทำ

 
 
 
 
เงียบ...

ร้อยเอกหัวเราะใส่โทรศัพท์ เสียงหัวเราะเขานี่ ถ้าอัดเสียงส่งไปให้พี่เมือง ต้องโดนเอาขี้หมามาวางหน้าบ้านแน่

เพราะเคยโดนหรอกนะเลยพูดได้
 
 
 
 
 
m.nam ☆° :
งานอะไร
 
101 :
พูดดีๆ ก่อนดิ แล้วจะบอก

m.nam ☆° :
งานอะไรครับ
 
101 :
ดีกว่านี้เป็นมั้ย ทีคนอื่นนะแหมมม
เมืองอย่างงั้น เมืองอย่างงี้
พอพูดกับผมเหมือนจะกินหัว

m.nam ☆° :
มีอะไรครับคุณร้อยเอก
งานอะไรครับ ^.^
 
 
 
 
 
 
อีโมจิจริงใจแบบติดลบ
 
แต่ว่า เยี่ยมมาก แสดงว่าทักษะกวนประสาทของร้อยเอกยังดีอยู่
 
 
 
 
 
 
101 :
จำเรื่องที่พี่พันจะเปิดโรงเรียนติวได้ป้ะ

m.nam ☆° :
อาจารย์พันเอกบอกพี่แล้ว
 
101 :
นั่นแหละ พี่พันต้องการพรีเซนเตอร์

m.nam ☆° :
สามแสน
 
101 :
ว้อท? ถ่ายรูปรีวิวยังแค่รูปละสี่หมื่น

m.nam ☆° :
ถ่ายรีวิวเฉยๆ กับพรีเซนเตอร์ คนละเรทครับคุณร้อยเอก
(send a photo.)
ค่าพรีเซนเตอร์ ติดรูปในสินค้าทุกอย่างของอาจารย์พันเอก แถมรีวิวให้ด้วย
คิดแปดหมื่น ลดให้แล้วจากแสนนึงครับคุณร้อยเอก
ราคาคนรู้จักเลยนะครับ
 
101 :
จริงๆ แปดหมื่น แต่บอกสามแสน
แล้วที่เหลืออ่ะ เอาไปดาวน์รถเหรอวะ

m.nam ☆° :
พูดไม่เพราะ งั้นขอห้าแสนครับคุณร้อยเอก
 
101 :
อะไรของพี่วะ

m.nam ☆° :
ไม่เพราะอีกแล้ว เพิ่มเป็นหกแสนครับคุณร้อยเอก
 
101 :
นี่กวน?

m.nam ☆° :
ครับคุณร้อยเอก
 
101 :
พี่เมือง

m.nam ☆° :
ครับคุณร้อยเอก
 
101 :
เกลียด

m.nam ☆° :
ครับ ^__________^
คุณร้อยเอก
 
[ read ]

m.nam ☆° :
เงียบเลยนะครับ
 
101 :
ไม่อยากคุยกับคนบ้า

m.nam ☆° :
ถ้าไม่อยากคุยก็ไม่ต้องมาคุยก็ได้ เพราะร้อยไม่เคยคุยดีๆ กับพี่สักครั้งเลยนะ
ให้อาจารย์พันเอกติดต่อมาเอง ไม่ต้องถึงมือน้องชายอาจารย์หรอก ลำบากเปล่าๆ
ขอบคุณครับสำหรับงาน เดี๋ยวที่เหลือพี่เมืองคุยกับอาจารย์เอง
น้องเอกอยู่บ้านกินนมเนาะ ดูดขวดนมจ๊วบๆๆ
อย่าเจอกันอีกเลย
บายเด้อ
 
101 :
อย่าเรียกน้องเอก

m.nam ☆° :
น้องเอก
 
101 :
เข้าใจภาษาไทยป้ะ

m.nam ☆° :
น้องเอก
น้องเอก
น้องเอก
พิมพ์เองนักเลงพอ ไม่ก็อปวาง
 
101 :
พอใจยัง

m.nam ☆° :
น้องเอก
 
101 :
พี่เมือง

m.nam ☆° :
(send a sticker.)
 
101 :
ฝากไว้ก่อน
เจอเมื่อไหร่โดนแน่

[ read ]

 
 
 
 
 
น่ากลัวจังเลย เมืองน้ำกลัวจนขนลุกฮือไปหมดแล้ว น้องเอกน่ากลัวที่สุด!
 
น้ำตาจะไหลขอขำนะครับ
 
โถ...พ่อคนหล่อคนแมนประจำหมู่บ้าน เจอคนเรียกชื่อที่บอกเมืองน้ำบ่อยๆ ว่าห้ามเรียกถึงกับไปไม่เป็น เคยได้ยินมั้ยคุณ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ
 
นั่นแหละ ยิ่งบอกไม่ให้เรียก เท่ากับขอให้เมืองน้ำเรียกชื่อนี้บ่อยๆ
 
จุดเริ่มต้นของ ‘น้องเอก’ เกิดขึ้นในวันที่ครอบครัวร้อยเอกชวนครอบครัวเมืองน้ำไปทานอาหารเย็นร่วมกันที่บ้าน ทุกอย่างดำเนินไปได้สวย วันนั้นเกือบจะเป็นวันแรกที่ร้อยเอกไม่พูดจากวนประสาทใส่เขา ก็แค่เกือบ ไม่รู้ไปกินรังแตนที่ไหนมา ถึงอยากจะแกล้งกันนัก
 
เด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเมืองน้ำหนึ่งปีเอาแต่ถามเรื่องราวความรักของเขาต่อหน้าผู้ใหญ่จนทนไม่ไหว เมืองน้ำเกือบจะใช้ช้อนส้อมจิ้มเจ้าเด็กตัวสูงนั่นเข้าแล้ว โชคดีที่ผู้ใหญ่ห้ามไว้ได้ทัน ร้อยเอกถึงรอดมือเขาไปได้
 
คุณป้าเอ็ดลูกชายคนกลางของบ้านเบาๆ ว่า ‘น้องเอก ไม่เอาสิลูก ไม่แกล้งพี่เขา พี่เมืองจะร้องไห้แล้วนะ’ หลังจากนั้นเมืองน้ำก็รู้ทันทีว่าจุดอ่อนของร้อยเอกคืออะไร
 
เชื่อมั้ยว่าสีหน้าร้อยเอกตอนถูกเรียกว่าน้องเอกเนี่ย หาที่ไหนไม่ได้แล้ว ต้องเรียกแล้วเจ้าตัวถึงจะทำเหมือนเด็กสามขวบถูกขัดใจ ต้องใช้คำนี้ให้น้องเอกทนไม่ไหวเท่านั้นนะ
 
เมืองน้ำรับประกัน ไม่พอใจยินดีคืนเงินเลยล่ะ
 
ส่วนเรื่องที่คุณป้าบอกว่าเมืองน้ำจะร้องไห้หลังโดนน้องกวนประสาทใส่ ยอมรับว่าแกล้งทำ เพราะอยากให้ร้อยเอกเป็นผู้แพ้
 
คิดว่าร้อยเอกคงเจ็บใจน่าดู แต่เมืองน้ำไม่กลัวหรอก
 
มาเล้ย จะเรียกน้องเอกให้อกแตกตายไปเล้ย
 
ถามว่าเป็นคู่ปรับกันมาตั้งแต่ตอนไหน เมืองน้ำจำไม่ได้ เจอร้อยเอกครั้งแรกตอนย้ายเข้ามาอยู่ในโครงการบ้านจัดสรรแห่งนี้ใหม่ๆ บ้านเราอยู่ข้างกัน แม้จะมีรั้วและสนามหญ้าเป็นระยะห่างระหว่างห้องนอน แต่ก็เห็นกันอย่างชัดเจนหากยืนมองตรงระเบียง
 
ร้อยเอกกวนประสาทตั้งแต่ครั้งแรกๆ ที่เจอ ตรงนี้คงเรียกว่าจุดเริ่มต้นได้ล่ะมั้ง
 
ตอนนั้นร้อยเอกกำลังเรียนมัธยมปลายปีสุดท้าย ส่วนเมืองน้ำกำลังขึ้นปีหนึ่ง นักเรียนชายตัวสูง ตัดผมรองทรง ใส่ชุดนักเรียนกางเกงน้ำเงิน กลับมาทำการบ้านอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบแกทแพท อ่านเสร็จก็นั่งเล่นเกมจนถึงเที่ยงคืน ตื่นตีห้ามาอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียนต่อ ความเรียบง่ายตามประสาเด็กวัยรุ่นทั่วไป ภาพพวกนั้นน่ะ เมืองน้ำยังจำได้อยู่เลย
 
ไม่รู้ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นเด็กน่าเอามือตีปากทุกครั้งที่พูดไปได้
 
นึกแล้วคันไม้คันมือ อยากจะตีน้องเอกแรงๆ ขึ้นมาซะงั้น
 
เมืองน้ำเป็นคนซาดิสต์เหรอ
 
ไม่นะ แค่หมั่นไส้น้องเอกตะหงิดๆ แค่นั้นเอ๊ง
 
เมืองน้ำวางโทรศัพท์ลงบนเตียง ดึงความสนใจกลับมายังกล้องถ่ายรูป กดปลายนิ้วขาวบนตัวกล้องเพื่อเลือกรูปดีๆ ไปลงแฟนเพจ คิ้วสีน้ำตาลขมวดเป็นปมเมื่อเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นอีกครั้ง ยังไม่ทันได้รูปก็ต้องวางมือก่อนชั่วคราว ร้อยเอกรัวข้อความใส่กันอีกแล้ว ไม่แปลกใจเลยถ้าการแจ้งเตือนจากอีกคนจะทำให้แบตเตอร์รี่บนโทรศัพท์เครื่องนี้ลดลงไป
 
 
 
 
 
 
101 :
ลงมาเอาของ
เร็วๆ
เมื่อย
ขี้เกียจพิมพ์แล้ว
เดินลงมา
พี่เมืองเดินออกมา
 
 
 
 
 
 
ขี้เกียจพิมพ์แต่รัวมาเป็นกระสุน เป็นงี้ทุกที
 
เมืองน้ำถอนหายใจ ดูเหมือนวันนี้จะไม่ใช่วันที่ดีเท่าไหร่นัก เมื่อเช้าฝนตกจนออกไปถ่ายรูปข้างนอกไม่ได้ ต้องหามุมถ่ายเอาในห้อง ตกบ่ายยังโดนรบกวนสมาธิด้วยข้อความเป็นสิบๆ จากร้อยเอกอย่างนี้อีก
 
เวียนหัวชะมัด
 
 
 
 
 
 
101 :
จะลงมายังเนี่ย หนักนะโว้ย
 
m.nam☆° :
หยาบคายตลอด รำคาญ

101 :
รำคาญก็รีบลงมา ไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้นานๆ
 
m.nam☆° :
ปล่อยให้รอหน้าบ้านสักสามชั่วโมงดีมั้ย

101 :
อยากนอนไม่หลับก็ลองดูดิ
 
 
 
 
 
 
ขู่กันแบบนี้เลยเหรอ!
 
ครั้งหนึ่งเมืองน้ำเคยทำให้จอมหัวร้อนโมโหจนเลือดขึ้นหน้า ร้อยเอกแก้เผ็ดด้วยการเปิดเพลงเสียงดังจนดังมาถึงระเบียงห้องนอน ในที่สุดคนแพ้ก็คือเมืองน้ำเอง หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ใช้มุกนี้ข่มขู่กันมาตลอด
 
เฮอะ เชื่อเขาเลย
 
อย่างที่คิด พอเดินลงมาข้างล่าง เด็กตัวสูงในชุดประจำตัวอย่างเสื้อยืดธรรมดา กางเกงวอร์มขายาว และทรงผมแสกกลางแบบพี่มอสปฏิทินสมัยออกอัลบั้มยุคแรกก็ยืนรออยู่ก่อนแล้ว ร้อยเอกหน้าหงิกเหมือนเล่นเกม VOR แล้วแพ้ราบคาบ มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง ส่วนอีกข้าง กอดกระเป๋าเครื่องสำอางที่เมืองน้ำฝากอาจารย์พันเอกหิ้วจากญี่ปุ่นมาให้แม่แนบเอวไว้
 
กระเป๋าเครื่องสำอางที่ว่าคือของที่ร้อยเอกบอกให้รีบลงมาเอานั่นแหละ
 
“กว่าจะลงมา นึกว่าต้องรอไปถึงปีหน้าละ” ร้อยเอกถามเสียงขุ่น พลางยื่นของในมือให้คนตรงหน้า อยากตะโกนดังๆ ให้พี่เมืองเปิดประตูออกมารับเร็วๆ เอื่อยเฉื่อยแบบนี้มันแกล้งกันชัดๆ แต่แสดงออกแค่นี้พี่เมืองก็น่าจะรู้แล้วล่ะว่าเขาไม่สบอารมณ์เอาซะเลย
 
“ทำไมอาจารย์พันเอกไม่เอามาให้เอง วันนี้อาจารย์ไม่อยู่บ้านเหรอ”
 
“จะรู้เรอะ อยากรู้ก็ไปถามเอาเอง สนิทกันนี่”
 
“สนิทกันแล้วจำเป็นต้องรู้เรื่องอาจารย์ทุกเรื่องป้ะ”
 
“ไม่รู้”
 
“ก็ใช่ไง ไม่รู้ สนิทกันก็ไม่ได้แปลว่าต้องรู้เรื่องของอาจารย์ทุกเรื่อง”
 
“หมายถึงผมไม่รู้กับสิ่งที่พี่ถาม”
 
“เหรอๆ”
 
ลอยหน้าลอยตานัก อยากบีบให้แก้มแตก
 
“ไม่บอกพี่ก็ไม่รู้เลยอ่าร้อยเอก”
 
ร้อยเอกเกลียดการทำหน้าสำนึกผิดแต่แววตากลับล้อเลียนแบบนี้ที่สุด คนอย่างเมืองน้ำถนัดนัก เบื่อจะเสวนาเต็มทน ที่ควรทำตอนนี้คือจับมือขาวๆ เข้ามารับของจากมือเขา จะได้กลับบ้านไปเล่นเกมต่อ
 
“ทำไมไม่เถียงต่อแล้วอ่า”
 
เกลียด ‘อ่า’ ของพี่เมืองจริงๆ
 
“ไม่ใส่ใจดิ”
 
“ก็อยากใส่ใจอ่ะ”
 
“กลับไปทำงานต่อไป มีงานทำเยอะหนิ”
 
“ไล่กันงี้ไม่น่ารักเลย”
 
ซื้อหน้าตาโศกเศร้าปลอมๆ ไปทิ้งต้องจ่ายเท่าไหร่ บอกร้อยเอก จะกี่แสนก็บอกมา จะโอนเงินเข้าบัญชีให้ตอนนี้เลย
 
“ก็ไม่อยากน่ารักหรอก โอ๊ยยย!”
 
ใครบอกว่าพี่เมืองเป็นนางฟ้า ไหนร้อยเอกขอดูหน้าคนพูดหน่อย คนดีๆ ที่ไหนจะปล่อยพวงกุญแจหนักๆ ใส่เท้าคนอื่นโดยไม่มีสาเหตุอย่างที่พี่เมืองทำกับเขา
 
บอกเลยว่าไม่มี!
 
“ไปและ เชิญน้องเอกกลับบ้านไปกินนมนอน”
 
“เลิกเรียกน้องเอก”
 
“น้องเอกก~”
 
“พี่เมือง”
 
“น้องเอกกกกก~”
 
โว้ยยยย!
 
เท้าก็เจ็บ หมัดก็กำซะแน่น อยากร้องดังๆ เพราะเจ็บจนจี๊ดขึ้นสมอง แต่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
 
นี่น่ะนะ เน็ตไอดอลความประพฤติดีเยี่ยมที่ใครๆ ต่างก็ชื่นชม
 
เบื้องหน้าเป็นนางฟ้า เบื้องหลังอย่างกับนางมาร
 
คนอื่นเป็นยังไงไม่รู้ ที่รู้ๆ คือไอ้ร้อยเห็นแต่ด้านมารร้ายมาสามปีเต็ม
 
และคงเห็นต่อไปอีกนาน

ตราบใดที่ชีวิตยังต้องรู้จักกับเมืองน้ำอยู่
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ
hashtag : #ร้อยเมือง

 
 
 
 
 
 
 
ครั้งหนึ่งไทยเคยมีข่าวดัง เป็นข่าวอาหารเสริมลดน้ำหนัก หลังจากติดตามข่าวก็ได้ไอเดียที่นายเอกเป็นเน็ตไอดอลรีวิวของต่างๆ และช่วงนั้นติดเพลงคู่กัดของพี่เบิร์ดมากค่ะ เลยให้ตัวละครเป็นคู่กัดกันสักเรื่องแล้วกัน แต่ทะเลาะกันแบบน่ารักๆ

ตอนแรกชื่อเรื่องเป็นอีกชื่อนึง เคยสปอยล์ไปในทวิตเมื่อนานมาแล้ว ประมาณต้นปี แต่พอได้ฟังเพลงยกเว้นเรื่องเธอก็เลยปิ๊งไอเดียเป็น ‘ยกเว้นเรื่องคุณ’ ขึ้นมานั่นเอง

ชื่อพระเอก รวมถึงพี่ชาย มาจากเว็บตั้งชื่อลูก ส่วนชื่อนายเอก ครั้งนึงเรานั่งรถผ่านบริษัทขายอุปกรณ์ก่อสร้าง แล้วสะดุดใจกับชื่อนี้มากเลยค่ะ ติดใจจนอยากมีนายเอกนิยายชื่อนี้เลย

ทั้งหมดนี้คือจุดเริ่มต้นของยกเว้นเรื่องคุณ ฝากร้อยเอกกับเมืองน้ำไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ >///<
 
ps. เรื่องนี้เป็นแนว feel good ❤️


ช่วง #ร้อยเมืองชวนฟังเพลง
คู่กัด - เบิร์ด ธงไชย
https://youtu.be/s0CG2PYo1cA
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2018 11:44:48 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
1
ไม่อยากคุย









 

Meungnam Charming Boy
Today 08:13 น.


ใกล้วันหยุดแล้ว ไปเที่ยวที่ไหนกันครับ เมนต์บอกเมืองหน่อยสิ
เมืองไม่ได้ไปไหนเลย อยู่บ้าน อ่านหนังสืออย่างเดียว ชีวิตเด็กปีสี่นี่ยุ่งมากจริงๆ ToT
ฝากเที่ยวด้วยนะครับ แล้วก็อย่าลืมสวมรองเท้าดีๆ สักคู่สำหรับการเดินทางในวันหยุดด้วยนะ (^O^)




อาทิตย์ไหนเมืองน้ำไม่ขายของในเพจ อยากรู้นักว่าอาทิตย์นั้นคือวันที่เพจโดนแฮ็กรึไง

เหอะ...สร้างภาพ

โตขนาดนี้แล้ว ร้อยเอกเข้าใจนะว่าทุกคนล้วนอยากโชว์ด้านดีๆ ให้คนอื่นเห็น ใครๆ ก็เป็น แต่สำหรับเมืองน้ำ ไม่มีใครดูออกจริงๆ เหรอว่าคนคนนี้เป็นยังไง

อคติเหรอ ร้อยเอกเนี่ยนะมีอคติต่อเมืองน้ำ





Marvin :

ไอ้ร้อย
อยู่ไหนวะ ท้องกูร้องแง้วๆ เป็นลูกแมวแล้วเนี่ย
หิวววว





แจ้งเตือนจากมาวินเด้งขึ้นมาอีกสี่ห้าครั้ง ไม่นานจอก็ดับมืดลง ร้อยเอกเพิ่งสังเกตเห็นสีหน้าตัวเองจากเงาบนจอโทรศัพท์ คิ้วสีเข้มแนบชิดจนแทบทักทายกัน ใบหน้าบึ้งตึงที่คงเป็นแบบนี้ตั้งแต่อ่านโพสต์ของเมืองน้ำและคิดอะไรในหัวอยู่คนเดียว

เรื่องที่คิดก็เรื่องของพี่เมืองนั่นแหละ





101 :
กูอยู่บนรถ เพิ่งถึง
รถติดว่ะโทษที
กำลังไป รอก่อน






ใบหน้าบึ้งๆ กับคิ้วขมวดเวลานึกถึง สองอย่างนี้น่าจะตอบคำถามว่าเขาอคติกับเมืองน้ำหรือเปล่าได้ดีทีเดียว

อคติมั้ง...

ทำไมต้องมานั่งจำกัดความกับความรู้สึกที่มีต่อเมืองน้ำด้วยก็ไม่รู้

ร้อยเอกดึงโทรศัพท์ออกจากสายชาร์จที่เชื่อมคาไว้บนรถ ดับเครื่องยนต์ Aston Martin คันสวย คว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายบนไหล่กว้าง โดยไม่ลืมหยิบแก้วกาแฟอะเมซันที่ซื้อมาจิบระหว่างนั่งรอสัญญาณไฟจราจรออกมาด้วย

เขามีเรียนตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง มั่นใจว่าออกจากบ้านในช่วงที่จะไม่เจอรถติดในกรุงเทพฯ แต่ก็เจอจนได้ นี่เลยเป็นเรื่องชวนหัวเสียเรื่องแรกของวัน

เรื่องที่สองคือไลน์จากมาวินที่รัวเข้ามาไม่หยุด เอาแต่พิมพ์ถ้อยคำเดิมๆ อย่างหิว มาเร็วๆ ไม่ก็ท้องร้องจะตายแล้ว จนสุดท้ายต้องปิดเสียงห้องแชทเพื่อนรักไว้ก่อนชั่วคราว

โรงอาหารของเด็กเกษตรอยู่ไม่ไกลจุดจอดรถมากนัก ถึงเลือกไม่พิมพ์บอกเพื่อนว่าเดินใกล้ถึงแล้ว ร้อยเอกยกกาแฟขึ้นดื่ม เหลือเพียงแก้วเปล่าที่โดนบีบจนไม่เหลือรูปร่างเดิม ก่อนเบนจุดหมายหาถังขยะใบเล็กด้านหน้าตึก

เตรียมปล่อยมันทิ้ง

“ส่งแค่นี้ก็พอครับ เมืองต้องไปกินข้าวกับเพื่อนก่อน”

ทว่าน้ำเสียงคุ้นเคยก็จุดรอยยิ้มบนริมฝีปากเอาไว้เสียก่อน

ยิ้มที่แปลความหมายได้ว่า ‘อีกแล้ว’

เพื่อนในกลุ่มของเขามีสามคน ร้อยเอก มาวิน และสิงหา คนสุดท้ายเคยคุยกับเมืองน้ำอยู่พักใหญ่ น่าจะสามสี่เดือนได้ล่ะมั้ง ตลอดเวลาที่สิงหาไปไหนมาไหนกับเมืองน้ำ เขามั่นใจมากว่าสุดท้ายสองคนนี้จะพัฒนาความสัมพันธ์มาเป็นแฟน สิงหาชอบเมืองน้ำมาก มากถึงขนาดที่ว่าเมื่อความสัมพันธ์ระดับคนคุยจบลง ลดขั้นลงเหลือแค่คนรู้จัก เพื่อนสนิทอีกคนของเขาขาดการติดต่อไปเป็นเดือนเพราะทำใจไม่ได้

ติดต่อเพื่อนได้อีกทีก็ตอนที่เพื่อนตัดสินใจละทางโลก หันหน้าเข้าหาทางธรรมเมื่อเดือนก่อน

หักอกเพื่อนเขาจนหลวงพี่ต้องหนีไปบวช เป็นโมเมนต์ที่ตลกดีเหมือนกัน

ทั้งตลก ทั้งเพิ่มกลิ่นชวนยี้ในตัวเมืองน้ำเพิ่มขึ้นอีกด้วย

“ขอบคุณพี่รักษ์นะครับที่มาส่ง เรียนเสร็จตอนไหน เมืองจะโทรไปบอกนะ”

“ห้ามลืมนะ”

“จะลืมได้ไงครับ เรื่องสำคัญทั้งที”

“ดีมากครับ”

มีคนคุยใหม่แล้วสิ เสน่ห์แรงไม่มีตกจริงๆ

ร้อยเอกรีบทิ้งขยะ ก้าวยาวๆ เข้ามาด้านในก่อนเมืองน้ำกับเจ้าของสปอร์ตคาร์สีเทาจะเหลือบมาเห็น ไม่รู้หรอกว่าเมืองน้ำมาทำอะไรที่นี่ ตึกมนุษย์ห่างจากตึกเกษตรคนละทิศคนละทาง บางครั้งต้องใช้รถบริการของมหาวิทยาลัยเดินทางไปมาระหว่างสองคณะนี้ด้วยซ้ำ

แต่ถ้ามองภาพเมืองน้ำกับรุ่นพี่ผู้หญิงอีกคนจากตรงนี้ โต๊ะโล่งๆ ที่มาวินบอกให้ร้อยเอกนั่งเฝ้าไว้เพราะเจ้าตัวจะไปซื้อข้าว ก็พอเดาได้ว่าเมืองน้ำมาที่นี่ทำไม

“โพสต์สินค้าอย่างเดียว กับถือหรือใส่สินค้าด้วย จะคนละเรทกันนะครับ ยังไงลองเอาเรทราคาไปดูก่อน ค่อยตัดสินใจก็ได้”

ไอ้มาวินเฮงซวย เลือกโต๊ะไกลกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้

ได้นั่งใกล้คุณเน็ตไอดอลชื่อดัง คงเป็นมื้อที่อาหารไม่อร่อยที่สุดแน่

“มองตาเป็นมันเลยนะมึง” มาวินเดินกลับมาพร้อมข้าวราดแกงง่ายๆ แต่ราคาไม่ค่อยเป็นมิตรกับนักศึกษา ลดกายนั่งข้างร้อยเอกที่ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา

“กูอยากย้ายโต๊ะ”

วันๆ นึงร้อยเอกจ้องเมืองน้ำเป็นสิบครั้งได้ เมื่อก่อนไม่เท่าไหร่ ตั้งแต่หลวงพี่สิงหาลาบวชไปนี่สิ เจอทีไรเป็นต้องจ้องทุกครั้ง

ถ้าพี่เมืองเป็นปลากัด สงสัยออกลูกมาเป็นร้อยตัวแล้ว

เพราะอย่างนี้มาวินถึงเดินลงเรือ #ร้อยเมือง อย่างกล้าหาญ ถึงกัปตันจะไม่ถูกกัน แต่ทะเลาะกันก็คือโมเมนต์ ขอแค่ใจเราชิป แค่นั้นพอ

“ไม่คิดที่จะสนใจสิ่งที่กูพูดหน่อยเหรอ”

“ไม่ล่ะ”

เป็นชิปเปอร์ที่ถูกกัปตันล่มเรือทุกที ให้มันได้อย่างนี้สิวะ

“กินตรงนี้ไม่อร่อย”

ร้อยเอกคิดว่าเมืองน้ำได้ยินประโยคของเขา ใบหน้าเนียนเงยขึ้นมอง ชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเขานั่งอยู่ตรงนี้ ปกติเมืองน้ำจะไม่ทำเป็นหูทวนลม เพราะคุยงานอยู่ถึงได้กลับไปยิ้มแบบทันตาเห็น

ยิ้มที่ใครๆ ต่างชื่นชอบ ยิ้มที่ดูก็รู้ว่าสร้างภาพ

หมั่นไส้

ร้อยเอกสะพายกระเป๋าที่วางบนเก้าอี้ตอนเดินมาถึงขึ้นอีกหน หยิบจานข้าวแล้วส่งเสียงเร่งให้มาวินเดินตามมาเร็วๆ โต๊ะตัวใหม่ที่เดินมานั่งไกลจากจุดเดิมพอสมควร ต่อจากนี้คงไม่มีเสียงรบกวนจนแกงเขียวหวานในจานหมดความอร่อยไปอีกแน่นอน

ใบหน้าบึ้งตึงค่อยๆ ผ่อนคลาย แค่ไม่มีเมืองน้ำในสายตาก็อารมณ์ดีได้ไม่ยาก นี่คือความมหัศจรรย์ในชีวิตร้อยเอกอีกอย่างนึงล่ะ

“โรคพืชมึงทำยังวะ”

“ทำแล้ว อยู่ในกระเป๋า จะอ่านก็หยิบเอาเอง” ร้อยเอกดันกระเป๋าสะพายให้คนตรงหน้าที่เคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ย

“มีตรงที่กูงงอ่ะ ก่อนขึ้นเรียนอธิบายให้กูฟังด้วยได้ป้ะ”

“ได้”

“รักมึง”

“แต่ขอสามพัน”

“พ่องงง”

เขาหลุดขำกับคำด่าที่ไม่จริงจังนัก พลางกลืนข้าวอีกคำลงท้อง

“พวกรุ่นน้องอ่ะติวให้ได้ ดี๊ดี ไม่เคยจะบ่น แต่กับกูเนี่ยเก็บตังค์จั๊ง เพื่อนเลว”

“อยากรู้มั้ยว่าทำไมกูถึงเก็บตังค์มึง”

“ทำไมวะ”

“กูไม่บอก”

“อะไรของมึงเนี่ย”

ทีแรกก็ว่าจะบอก แต่มาคิดดูแล้ว ถ้าพูดว่าแกล้งเก็บเงินเพราะมาวินชอบชงเขากับเมืองน้ำ การชงเข้มราวกับเป็นบาริสต้าของมาวินจะไม่จบง่ายๆ

ฉะนั้นร้อยเอกจะไม่พูด

“เพราะเรื่องพี่เมืองชัวร์ๆ”

ถึงไม่พูดก็ถูกพูดใส่อยู่ดี ที่คิดมาทั้งหมดโคตรไร้ความหมาย

“รู้แล้วก็หยุดพูดเหอะ มึงก็รู้ว่ากูกับพี่เมืองเป็นยังไง หยุดชง”

“ไม่ได้ว่ะ ไม่ชงก็เสียชื่อชิปเปอร์ดิ”

“เพื่อนเหี้ย”

“จ๋าาา”

ยังมีหน้ามาขานรับเสียงระรื่น

คุยกับมาวินน่ะเหนื่อยพอๆ กับสอบไฟนอลเมื่อเทอมที่แล้ว ยิ่งกว่าคุยกับฟ้ากับฝน ขออะไรไปไม่เคยทำให้สักอย่าง แต่ก็ขอบคุณที่สองนาทีต่อมาเพื่อนรักหันไปจดจ่อกับชีทงานที่เจ้าตัวถามหา เขาจึงปลีกตัวออกมาทำอย่างอื่นได้

ร้อยเอกกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย โรงอาหารคณะเกษตรออกจะกว้าง มีพื้นที่ให้เดินเยอะแยะ ไม่รู้ว่าดวงของเขามันสมพงษ์กับเมืองน้ำนักหรือไง เลือกร้านซื้อของได้ไม่เท่าไหร่ ถึงได้เจอกับคนที่อุตส่าห์ย้ายโต๊ะหนีเข้าเต็มๆ

เมืองน้ำกำลังกวาดสายตาบนขนมในตะกร้าที่เจ้าของร้านนำมาวางขาย มือเรียวข้างหนึ่งคว้าขนมถุงที่สามเข้าในอ้อมแขน มืออีกข้างยังถือถุงใส่สินค้าจากรุ่นพี่ซึ่งดีลงานด้วยเอาไว้ ไม่กี่วินาทีน้ำหนักที่เกินขนาดก็ทำให้คนตัวเล็กย่อตัวลงช้าๆ เพื่อวางถุงกระดาษสกรีนชื่อแบรนด์ใบใหญ่ลงบนพื้น

ไม่รู้รึไงว่าการวางของท่านั้น มันทำให้ซองขนมที่ใช้แขนโอบอยู่ร่วงตามลงมา

“ซุ่มซ่าม”

เมืองน้ำช้อนตามองหลังได้ยินเสียง ยู่ปากอิ่มเนื้อทันทีที่เห็น ร้อยเอกไม่พูดอะไรต่อ บ่นไว้แค่นั้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่เคยเป็นมิตร เดินมาโน้มตัวหยิบขนมบนพื้นแล้วยื่นให้คนอายุมากกว่า

“ขอบคุณสักคำก็ไม่มี”

“ขอบคุณ”

สาบานเลยว่าเมืองน้ำไม่ได้อยากประชดหรือพูดกวนประสาท เมื่อกี้นี้กำลังจะพูดคำที่อีกคนอยากได้ยินอยู่แล้ว

“จริงใจ๊จริงใจ อยากให้แฟนคลับกับลูกค้าพี่มาเห็นจริงๆ”

เมืองน้ำพูดไม่ทัน เพราะอีกคนสวนขึ้นมาก่อน แถมยังจ้องจิกกัดกันตลอดเวลา เอาเถอะ ถือเป็นเรื่องปกติระหว่างร้อยเอกกับเมืองน้ำนั่นล่ะนะ

“ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณที่ช่วยเก็บขนมให้พี่เมือง พอใจมั้ย”

ร้อยเอกยักไหล่ ชักมือกลับหลังคนตรงหน้ารับซองขนมจากมือเขาไปแล้ว พี่เมืองกินขนมเก่งยิ่งกว่าอะไร แต่ก็แปลกที่ไม่เคยเห็นคนคนนี้มีช่วงน้ำหนักเกินมาตรฐานแบบคนอื่นเขาสักที

ผอมอย่างกับกุ้งแห้ง ตัวก็จิ๊ดเดียว เหมือนไม้จิ้มฟันเดินไปเดินมา

ข้อหลังยอมรับว่าเว่อร์ไปหน่อย แต่พี่เมืองผอมมากจริงๆ เคยได้ยินพวกผู้ชายในคลาสพูดกันว่าเมืองน้ำมีรอบเอวแค่ยี่สิบห้า

ไปรู้มาได้ไงวะ ขนาดอยู่บ้านข้างกันยังไม่เคยเห็นเอวพี่เมืองจริงๆ จังๆ สักที

ไม่อยากเห็นด้วย กลัวเป็นตากุ้งยิงเปล่าๆ


“พอใจแล้วก็เดินไปทางอื่นได้แล้ว ไม่ต้องมายืนตรงนี้สิ เดี๋ยวก็หมดอารมณ์ซื้อของพอดีหรอก”

เมืองน้ำพูดตามจริงนะ เพราะก่อนหน้านี้ร้อยเอกยังบอกอยู่เลยว่านั่งกินข้าวใกล้กันแล้วเมืองน้ำทำให้อาหารไม่อร่อย

ยอมรับว่ารอบนี้ประชดนิดหน่อย ก็เพราะร้อยเอกไม่ใช่รึไงที่พูดไม่ดีออกมาก่อน

“ยังไม่ได้บอกเลยว่าพอใจ”

“เห็นร้อยยักไหล่”

“ยักไหล่แปลว่าพอใจเหรอพี่เมือง ไปอ่านจากไหนมา”

ขึ้นเสียงทำไมเล่า

“สงสัยอ่านมาจากกูเกิ้ลมั้ง”

ไม่ใช่ร้อยเอกคนเดียวที่อยู่ใกล้เมืองน้ำแล้วอาหารไม่อร่อย เมืองน้ำก็เหมือนกัน แทนที่วันนี้จะเป็นวันดีๆ เมืองน้ำได้งานใหม่โดยไม่ต้องเดินทางไปคุยไกลๆ เหมือนงานอื่น รับงานเสร็จก็เดินไปเรียนต่อได้ ทำไมต้องมาเจอความกวนประสาทจากร้อยเอกก็ไม่รู้

นั่นสิ ทำไมนะทำไม

“บางทีกูเกิ้ลก็สอนอะไรผิดๆ นะพี่เมือง เสิร์ชอะไรก็พาไปเป็นมะเร็งได้หมด อย่างเช่น ทำไมคนเราถึงไม่พูดขอบคุณคนอื่นที่ช่วยเหลือเรา อ๋อ เพราะปากเราเป็นมะ...”

“เหรอๆ”

“...”

“พูดอะไรไม่รู้ เหมือนคนเพ้อเจ้อเลยอ่ะ” เมืองน้ำส่ายศีรษะเบาๆ ระหว่างที่หยิบแบงค์ร้อยมาจ่ายค่าขนมและน้ำที่ซื้อตุนเต็มกระเป๋าสะพาย

“พี่เมือง”

“ว่า...” จะกระแนะกระแหนกันด้วยคำแรงๆ ใช่มั้ยล่ะ รู้ทันหรอกนะ แต่เมืองน้ำจะไม่คุยกับคนเพ้อเจ้อต่อแล้ว

“กวน?”

“เปล๊า~”

“โกหก”

“งั้นก็แล้วแต่ร้อยเหอะ พี่ไปละ มีธุระต้องทำ ไม่ว่างมาทะเลาะด้วย”

“พี่...”

“บายยยย~”

ไม่รู้ว่าร้อยเอกทำสีหน้าแบบไหนตอนเมืองน้ำยกถุงกระดาษขึ้นจากพื้นแล้วเดินหนีคนตัวสูงออกมา แต่จากประสบการณ์ที่รบกับร้อยเอกมาเป็นหมื่นครั้ง ร้อยเอกต้องอยากพ่นไฟใส่เมืองน้ำชัวร์เลย

พ่นมาสิ ไฟน่ะ เดินมาไกลขนาดนี้คงเผาเมืองน้ำได้หรอก

เฮ้อ น้องเอกของพี่เมืองนี่ช่างเพ้อเจ้อจริงๆ



(⺣◡⺣)♡*



“เมื่อเช้ากูเห็นนะ”

จบหรือยัง

“มึงอ่ะ ย้ายโต๊ะหนีเขา แต่พอเห็นเขาทำของหล่น ก็เดินไปเก็บให้เขา มาว่ะ ไอ้ร้อยเพื่อนกู”

จะจบหรือยัง

“ตั้งแต่หลวงพี่ลาบวช มึงก็สนใจพี่เมืองมากขึ๊นนนนมากขึ้น รู้ตัวมั้ยร้อยเอก”

สงสัยจะไม่จบ

เพราะถ้าจบต้องหยุดพร่ำเพ้อตั้งแต่เห็นร้อยเอกทำหน้าไม่สบอารมณ์นู่นแล้ว

เรื่องชวนหัวเสียนี่แบ่งเป็นภาคเช้า ภาคบ่าย แล้วก็ภาคค่ำหรือไงนะ ภาคเช้าร้อยเอกเจอมาทั้งรถติด นั่งกินข้าวใกล้กับคนที่เห็นขี้หน้า แถมยังเถียงไม่ชนะ ภาคบ่ายนี่ตั้งแต่อาจารย์สั่งงานไม่ละเอียด ต้องมาเดาใจว่าจะเอาแบบไหน ทำผิดมาก็โดน ทำมากเกินไปก็โดน นี่มันเรื่องเฮงซวยในชีวิตนักศึกษาชัดๆ

แล้วก็...เรื่องที่สองสำหรับภาคบ่าย จะมีอะไรนอกจากประโยคชงเข้มของมาวิน

มาวินน่าจะรู้ว่าเมืองน้ำเป็นคนไม่จริงใจกับคนอื่น สร้างภาพ และเคยทำร้ายความรู้สึกหลวงพี่ยังไงบ้าง ร้อยเอกไม่ชอบคนประเภทนี้ ในเมื่อไม่ชอบ ก็จะไม่มีทางลงเอยกับเมืองน้ำเด็ดขาด

เรื่องง่ายๆ แค่นี้ทำไมมาวินคิดไม่ได้

อีกอย่าง เมืองน้ำก็มีคนคุยคนใหม่แล้ว รุ่นพี่ที่มาส่งนั่นไง

สเป็คเมืองน้ำก็ประมาณรุ่นพี่คนเมื่อเช้า หล่อ รวย ใจดี สปอร์ต กทม. ที่ผ่านมาก็เห็นคบแต่คนแบบนี้ทั้งนั้น

“มึงจะกลับเลยมั้ย”

“มีความเปลี่ยนเรื่องว่ะ”

“จะตอบดีๆ มั้ย กูไม่ถามซ้ำนะ”

“โถ่เพื่อนร้อย เพื่อนวินขอโทษ” รำคาญการเม้มปากตีหน้าเศร้าของมันจริงๆ เลยเว้ย “กูว่าจะไปดูแปลงผักต่อ มึงก็ต้องไปกับกูหนิ วันนี้เวรพวกเรา”

“เออลืม”

“ทั้งปี”

นอกจากรบกับเมืองน้ำ ไม่เห็นมีใครบอกเลยว่าร้อยเอกต้องรบกับเพื่อนด้วยอีกคน

แปลงผักที่เขาพูดถึงคือผักสารพัดชนิดที่ปลูกไว้โชว์ในงานโอเพ่นเฮาส์ ส่วนหนึ่งเป็นผักสำหรับนำมาแปรรูปเป็นเครื่องดื่มเพื่อหารายได้เข้าคณะ และส่งขายให้คณะอื่นที่ต้องการนำไปใช้ประโยชน์ อย่างเช่นรุ่นน้องจากคหกรรมที่มาซื้อไปทำอาหาร ที่จริงคณะของเขามีไฮไลต์ในงานโอเพ่นเฮาส์อีกหลายส่วน แต่เขาไม่ค่อยรู้รายละเอียดพวกนั้น เป็นหน้าที่ของคนอื่น ลำพังดูแลงานของตัวเองกับต้องเรียนก็เหนื่อยจะบ้าตายแล้ว

พวกรุ่นพี่ชอบพูดกันว่าให้ร้อยเอกยืนเรียกแขกหน้าบูธเฉยๆ เท่านี้ก็รายได้ดี มีคนสนใจคณะเราได้ไม่ยาก แต่ขอเถอะ เขาไม่ใช่พวกคิ้วท์บอยในเพจมหาวิทยาลัยนะ แทบไม่มีคนรู้จักด้วยซ้ำ จะเอามาเรียกก็คงเรียกได้แต่วิญญาณผักหรือเปล่า

หน้าที่นี้ต้องเป็นของพวกรุ่นน้องที่ถูกถ่ายรูปไปลงเพจบ่อยๆ มีคนติดตามในโซเชียลพอสมควร ไม่ก็ใช้คนอย่างเมืองน้ำที่เป็นคนดังของจริงนู่น

ในหัวเขา...

“จะไปยังวะ คนออกจะหมดห้องแล้ว”

มีเรื่องพี่เมืองอีกแล้ว

“รอกูเก็บของแป๊บนึง นาทีเดียว”

พอเหอะน่า คิดทำไมวะ

มีแต่เรื่องไร้สาระ



(⺣◡⺣)♡*



น้ำผักโขม น้ำมะเขือเทศ น้ำตะไคร้ น้ำมะนาว สิบเมนูน่าจะพอ

ร้อยเอกพับกระดาษแผ่นเล็กที่ถูกเขียนด้วยลายมืออ่านยากของมาวินใส่กระเป๋า ก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน มาวินกำชับอย่างดีว่าห้ามลืมรายการทั้งหมดนี้ไปให้รุ่นพี่ในไลน์กลุ่ม ไม่อย่างนั้นจะโทรมากวนจนเขาเล่นเกมไม่ได้ไปทั้งคืน

โคตรเว่อร์ และถึงจะไม่เคยโดน แต่เขาก็รู้ว่ามาวินพูดจริงทำจริง มีเพื่อนบ้าๆ บอๆ ก็ต้องทำใจหน่อยล่ะนะ

มือที่ยกขึ้นเสยผมอย่างลวกๆ เปลี่ยนเป็นควานหาโทรศัพท์ที่สั่นเพราะการแจ้งเตือน ร้อยเอกผ่อนลมหายใจเมื่อเห็นว่าเจ้าของไลน์เป็นใคร ขายาวก้าวหลบแดดยามเย็นที่ส่องเข้ามาถึงฟุตปาธขณะปลดล็อกเครื่องมือสื่อสาร





10 :

พี่ร้อยจะกบัยบ้านกรือยัง

สิบหิ๋ว

สิบหยากกินขนม

พี่ร้อย สิบหิ๋ว





สิบเอก ผู้ชายอายุน้อยที่สุดในบ้าน น้องคนเล็กของเขาเอง

น่าจะเรียกว่าเป็นลูกหลงได้เลย พันเอกสามสิบ เขายี่สิบเอ็ด ส่วนสิบเอกเพิ่งสิบเอ็ดขวบหมาดๆ





101 :
พิมพ์อะไรสิบ พี่อ่านไม่รู้เรื่อง
หิวขนมเหรอ


10 :

หิ๋วๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



101 :

ครับๆๆ พี่กำลังกลับ รู้แล้วว่าหิว

จะเอาอะไรบ้าง

อัดเสียงมา







หน้าที่พาน้องไปซื้อขนมเวลาน้องกลับจากโรงเรียนส่วนใหญ่จะเป็นพันเอก แต่ถ้าน้องไลน์มาบอกเขา แสดงว่าพี่ชายคนโตไม่อยู่บ้าน ไม่สอนนักศึกษาที่มหา’ลัยก็ดูงานอยู่สถาบันติวเตอร์ที่กำลังสร้าง นอกจากเมืองน้ำที่กิจกรรมเยอะยิ่งกว่าเมืองไทยประดับชีวิตแล้ว คงต้องรวมพี่ชายเขาอีกคน

นึกแล้วอดแปลกใจไม่ได้ ทีแรกร้อยเอกคิดว่าเมืองน้ำจะเป็นมากกว่าคนสนิทกับพันเอกด้วยซ้ำ พูดกันตามตรง พี่พันก็เป็นอีกหนึ่งคนที่อยู่ไทป์เดียวกับทุกคนที่เคยคบกับพี่เมือง ถ้าเมื่อเช้าไม่เจอพี่เมืองมากับรุ่นพี่อีกคน เขาคงไม่หยุดคิดเรื่องนี้แน่

ก็อะไรๆ มันชวนคิดซะขนาดนั้น เป็นใครก็ต้องคิดว่าสองคนนี้อาจจะคบกันเข้าสักวัน

ร้อยเอกเกือบฟังคลิปเสียงที่เต็มไปด้วยชื่อแบรนด์ขนมจากน้องสิบไม่จบ เพราะตาสีเข้มดันกวาดไปเห็นภาพชวนบึนปากเสียก่อน

ทำไมต้องเจอเมืองน้ำยืนคุยกับอาจารย์พิมพ์ก็ไม่รู้ คนที่อยู่ในความคิดน่ะหลุดออกมาโลดแล่นข้างนอกได้ด้วยเหรอ คราวหลังจะไม่นึกถึงแล้ว จะไม่ให้มีพี่เมืองอยู่ในความคิดอีก

บังเอิญหรือซวยกันแน่วะ

จะไม่อยากเดินหนีเลยถ้าอาจารย์พิมพ์ไม่เป็นคนรู้จักพี่พัน และ...

“น้องเอก”

ไม่เรียกเขาด้วยสรรพนามแบบนี้

อยู่ไม่ได้ ยืนตรงนี้ไม่ได้แล้ว ถึงทั้งคู่จะเห็นเขา แต่ร้อยเอกจะทำหน้านิ่ง แกล้งไม่ได้ยิน เดินย้อนกลับไปทางเดิม อ้อมข้างหลังเพื่อไปถอยรถออกจากลานจอดอีกที

ลงทุนไปมั้ย แต่ถ้าแลกกับการต้องคุยกับพิมพ์ที่เรียกเขาว่าน้องเอกตั้งแต่ยังเด็กต่อหน้าเมืองน้ำล่ะก็ ยังไงก็คุ้มล่ะน่า

“น้องเอก หยุดคุยก่อนสิคะ”

กร๊อบ~

จังหวะละครไทยไปอี๊กกกก

ร้อยเอกโว้ยยยย

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

เมืองน้ำอมยิ้มกับภาพที่เห็น เสียดายที่ยกโทรศัพท์มาถ่ายตอนร้อยเอกสะดุดกึกเพราะเหยียบเศษไม้แห้งไม่ทัน ท่าทางของน้องตลกจนต้องอมยิ้ม ยิ่งตอนร้อยเอกพยายามบังคับเสียงให้ปกติที่สุดยิ่งตลก

“จะกลับบ้านแล้วเหรอคะ”

“ครับ อาจารย์มีอะไร”

ห้วนมาก พูดกับผู้ใหญ่ที่โตกว่าตั้งสิบปีห้วนขนาดนี้ได้ไงเนี่ย

“อาจารย์พิมพ์...มีอะไรครับ”

ดูเหมือนร้อยเอกจะเห็นสายตาที่ปรามหน่อยๆ ของเมืองน้ำ ถึงถามขึ้นมาใหม่พร้อมหางเสียงเพราะๆ เมืองน้ำยิ่งอมยิ้มจนแก้มนุ่มกลมป่องออกมา

เมืองน้ำเจออาจารย์พิมพ์หน้าตึกรัฐศาสตร์ อาจารย์กำลังตามหาร้อยเอก หลังจากไปหาน้องที่แปลงสาธิตของเด็กเกษตรแล้วไม่เจอ แต่มาเจอเขาแทน เมืองน้ำก็เลยพามาลานจอดที่เห็นรถร้อยเอกจอดอยู่

“อาจารย์จะวานให้น้องเอกเอากระเช้ารังนกไปฝากพันเอกหน่อยน่ะค่ะ พันเอกไม่มีเวลามาเจอเพื่อนเลย ก็เลยอยากวานหน่อย”

อาจารย์พิมพ์พูดพลางยื่นกระเช้าผูกโบว์ที่ถือมาด้วยให้เด็กตัวสูง เห็นมั้ย เชื่อเมืองน้ำหรือยัง จุดอ่อนของร้อยเอกคือสรรพนามน่ารักที่คนรอบตัวใช้เรียกจริงๆ

น้องคงอยากโวยวายเต็มที่ แต่ก็ทำไม่ได้ ใบหน้าหล่อถึงไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก

ถ้าเมืองน้ำเป็นคนพูดคงโดนตอกกลับไปแล้ว มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เลย

“ไม่ค่อยได้เจอพี่พันเหมือนกันครับ ช่วงนี้ไม่ค่อยกลับบ้าน พี่พันอยู่แต่คอนโดครับ”

“เอาน่า อยู่บ้านเดียวกัน ยังไงก็ต้องเจอนี่คะ”

“แต่ว่า...”

“อย่าแต่เลยค่ะ ถ้าไม่ฝากวันนี้ก็อีกนานกว่าจะได้เจอ พรุ่งนี้อาจารย์ต้องบินไปอังกฤษแล้วค่ะ ไม่มีเวลามาหาน้องเอกแล้ว นะคะ ฝากน้องเอกไปให้หน่อย”

คำก็น้องเอก สองคำก็น้องเอก ร้อยเอกอยากเขียนใส่กระดาษแขวนคอไว้บอกทุกคนว่าห้ามเรียกคำนี้ ไม่สิ ไม่พอหรอก ทำป้ายติดหน้าหมู่บ้าน ประกาศลงเน็ตเลยดีกว่า

ชื่อเล่นของเขามีแค่ร้อยคำเดียว เข้าใจมั้ย ร้อยน่ะร้อย ร้อยเฉยๆ เรียกเอกเฉยๆ ยังพอทน จะเติมน้องเข้ามาทำไม

ใครเป็นคนเริ่มเรียกน้องเอกวะ

เอ่อ...
แม่เขาเอง


“ครับ ถ้าพี่พันกลับบ้านแล้ว ร้อยจะรีบเอาให้ครับ”

“ขอบคุณค่ะน้องเอก”

ร้อยเอกรับกระเช้ารังนกจากอาจารย์พิมพ์มาอย่างจำยอม วาดยิ้มให้หญิงสาวเมื่อเธอเอ่ยลา รอกระทั่งพ้นสายตาไปแล้วใบหน้าบูดบึ้งจึงปรากฏ

ได้กลับบ้านสักที สิบเอกคงงอแงอยากกินขนมจนไม่เป็นอันทำการบ้านไปแล้ว

“ไม่ค่อยเจอพี่พัน แต่ได้ข่าวว่าพี่พันกลับบ้านเกือบทุกวันนะครับ หัดเป็นเด็กโกหกไม่ดีเลย”

“ยุ่ง”

แต่ก่อนอื่นเลยนะ ก่อนจะเขียนป้ายบอกทุกคนว่าห้ามเรียกน้องเอก ต้องทำป้ายบอกเมืองน้ำก่อนว่าถ้าไม่ได้ขอให้พูด ก็ไม่จำเป็นต้องออกความเห็นหรือมาก้าวก่ายเรื่องของเขาก็ได้

ตั้งแต่ตอนเอ็ดเขาด้วยสายตาแล้ว ยอมรับว่าเผลอเพราะมัวแต่เคืองสรรพนามที่ไม่ชอบจริงๆ และเขารู้ตัวว่าต้องพูดใหม่พร้อมหางเสียงที่แสดงถึงความสุภาพกับอาจารย์พิมพ์ เมืองน้ำน่ะจุ้นไม่เข้าเรื่อง

แต่อย่างว่า ก็เมืองน้ำสร้างภาพนี่นะ

“ยุ่งเหรอ ก่อนออกจากตึกคณะพี่ก็เข้าห้องน้ำไปส่องกระจกมาแล้วนะ ไม่เห็นผมยุ่งเลย หรือว่าโดนลมจนไม่เป็นทรงไปแล้ว”

อะไรอีกล่ะ กวนทำไมอีก

“ประสาท”

“ขอบคุณที่ชม”

วุ้ยยย

“รำคาญพี่เมือง หลบไปเลยไป ผมจะกลับบ้าน”

“ไม่อยู่คุยกันก่อนเหรอ ไม่สนเรื่องที่พี่บอกด้วย”

“เรื่องไหนอีกวะ”

“ก็เรื่องที่หัดเป็นเด็กโกหกไง”

“วุ่นวายอะไรนักหนา”

“ร้อยเอก คนพูดด้วยดีๆ นะ”

“นี่ดีแล้ว?”

เมืองน้ำพยักหน้ารับ ท่าทางน่ารักชนิดที่ว่าถ้าแฟนคลับมาเห็นคงรู้สึกเอ็นดู ปลุกความเป็นแม่ในตัวคุณได้เลย

แต่สำหรับร้อยเอก บึนปากสถานเดียว

“โอ๊ยยย!”

ไอ้มือเล็กๆ นั่นน่ะ เก็บไว้จับกล้องมาถ่ายรูปตัวเองไปลงเพจเถอะ จะยกมาบีบปากเขาอย่างนี้ไม่ได้

มันน่านัก!

“พูดด้วยดีๆ จริงๆ...ยังจะบึนปากอีก อยากโดนบีบปากอีกมั้ย”

ยกมือมาเตรียมตีปากร้อยเอกด้วย น่ากลัวที่สุดในโลก

น่ากลัวเหมือนโดนลูกหมาแยกเขี้ยวขู่

“จะไม่ถามว่าทำไมถึงโกหกอาจารย์พิมพ์ว่าอาจารย์พันเอกอยู่แต่คอนโด แต่จะบอกว่าการโกหกผู้ใหญ่ไม่ดีนะ รอบหน้าห้ามทำอีก อ้อ แล้วเวลาพูดกับอาจารย์ ต้องใส่หางเสียงด้วย ไม่งั้นผู้ใหญ่จะมองว่าเราก้าวร้าวเอาได้”

เรื่องแบบนี้ใครๆ ก็รู้ ร้อยเอกก็รู้ แต่ที่ไม่รู้คือเมืองน้ำมีสิทธิ์อะไรมาสอนไม่ทราบ เพื่อนก็ไม่ใช่ คนในครอบครัวยิ่งแล้วใหญ่ ขนาดคนรู้จักยังไม่อยากมอบสถานะนี้ให้เลย

ร้อยเอกไม่ได้เกลียด ไม่ได้ชอบ ออกจะเป็นคู่กัดที่สมน้ำสมเนื้อด้วยซ้ำ

“เข้าใจที่พี่พูดใช่มั้ย”

แถมยังเป็นคนที่ร้อยเอกมีแต่อคติ ไม่แปลกที่ความรู้สึกของเขาตอนนี้จะติดลบเอามากๆ

“ร้อยเอก”

เหนื่อยกว่าคุยกับมาวิน คือการคุยกับเมืองน้ำนี่แหละ

เมื่อไหร่จะหยุดสักที

“ไม่คุยด้วยก็แล้วแต่”

“…”

“ก็ได้ๆ ถ้าไม่อยากคุย พี่ไปก็ได้”

“ดี”

“...”

คนฟังชะงักกับคำสั้นๆ ง่ายๆ คำนั้น ทว่าคนพูดคงไม่เห็น ไม่สังเกต และไม่ใส่ใจ อันที่จริงร้อยเอกก็ไม่เคยสนใจเมืองน้ำอยู่แล้ว แค่รู้สึกว่า ‘ดี’ ที่ร้อยเอกพูดออกมา คือการยอมรับกลายๆ ว่าไม่อยากคุยกับเขาจริงๆ

สงสัยจะหงุดหงิดเรื่องอื่นมาก่อนแล้ว พอคุยกับเมืองน้ำที่เจ้าตัวไม่ชอบหน้า ผลลัพธ์เลยออกมาแบบที่เห็น

แต่ว่า...

เมืองน้ำอยากรู้นะว่าร้อยเอกเกลียดเมืองน้ำจริงๆ หรือเราเป็นแค่คู่กัดที่ลึกๆ แล้ว ไม่มีความเกลียดชังต่อกันจริงๆ พวกเราเป็นแบบไหนกันแน่

ตั้งแต่จบความสัมพันธ์กับสิงหา ใบหน้าไม่สบอารมณ์ของร้อยเอก เหมือนจะเจอถี่ขึ้นทุกที

เจอทุกครั้งที่เจอกัน

ไม่น่าไปกวนร้อยเอกเลย

ไม่น่าเลยเมืองน้ำ :(



(⺣◡⺣)♡*
#ร้อยเมือง


มีต่อด้านล่าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2018 23:22:08 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
----- ต่อ -----



หนึ่งเหตุผลที่ร้อยเอกบอกอาจารย์พิมพ์ว่าพี่ชายไม่ค่อยกลับบ้าน อยู่แต่คอนโด เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อาจารย์พิมพ์ใช้เขาเป็นสะพานทำคะแนนจีบพันเอก พี่พันไม่ใช่คนใจยักษ์ใจมารอะไร แต่คงเจอมุกจีบที่ค่อนข้างล้ำเส้นจนทนไม่ไหวมานับไม่ถ้วน ถึงบอกเขาเสมอว่าถ้าอาจารย์พิมพ์ฝากของอะไรมาให้ ก็บอกปัดไปได้เลยว่าไม่ค่อยได้เจอ

พี่ชายคนโตกลับมาถึงบ้านราวหนึ่งทุ่มเศษ หลังร้อยเอกนำรถเข้าไปเก็บในโรงจอดได้ไม่นาน หน้าที่สอนการบ้านน้องคนเล็กจึงตกไปอยู่ที่อาจารย์คนเก่ง

“พี่ร้อยเบาเสียงทีวีหน่อย สิบคิดเลขไม่ออก”

ส่วนเขาน่ะเหรอ นอนดูข่าวภาคค่ำสบายใจเฉิบ ปล่อยให้น้องสิบนั่งนับนิ้วทำวิชาคณิตศาสตร์กับพี่พันตรงโต๊ะหน้าโซฟานี่ไง

“ร้อย น้องบอกอะไร ฟังน้องหน่อย”

“รู้แล้วน่า กำลังจะลดเสียงให้นี่ไงครับ” พูดพลางคว้ารีโมทมากดลดเสียงตามที่บอก ร้อยเอกเปลี่ยนจากนอนตะแคง ใช้มือหนุนหัวแทนหมอน เป็นลุกขึ้นนั่ง เอนแผ่นหลังกว้างๆ แนบพนักพิง บิดขี้เกียจคลายความเมื่อยล้าแล้วกลับมานั่งตาปรือดังเดิม

“ง่วงมากมั้ย ขึ้นไปนอนได้นะ ถ้าแม่ทำกับข้าวเสร็จแล้วพี่จะไลน์ไปบอก”

“นอนตอนนี้ต้องปวดหัวแน่เลยครับ เก็บไว้นอนตอนกลางคืนเลยดีกว่า” คนที่ยังสวมชุดนักศึกษา แต่ถอดเนคไทออก และปลดกระดุมลงมาสามเม็ดอ้าปากหาววอด

พันเอกจุดยิ้มกับภาพที่เห็น ไม่อยากเชื่อว่าร้อยเอกโตขึ้นจนสูงเลยเขาไปแล้ว น่าจะร้อยเก้าสิบเซนได้ แต่ร้อยเอกในสายตาเขา ตัวเล็กนิดเดียว พันเอกหยุดภาพน้องชายไว้ที่ป.หนึ่ง ต่อให้โตแค่ไหนก็ยังเด็กเสมอ

ร้อยเอกเป็นเจ้าชายน้อยประจำครอบครัว เพราะแบบนั้นถึงได้มีฉายาน้องเอกที่แม่ชอบเรียก แต่เจ้าตัวดันไม่ชอบ

“งั้นก็ขึ้นไปเล่นเกมรอ”

“ได้เหรอ ปกติไม่ให้เล่นเกมก่อนกินข้าว กลัวร้อยติดลมจนไม่ลงมากินตลอด” ร้อยเอกตาลุกวาวเป็นประกาย

“ระหว่างนอนกับเล่นเกม ร้อยก็เลือกเอาแล้วกันว่าจะทำอะไร”

“เล่นเกม!” ตะโกนเสียงดังจนผู้เป็นแม่ชะโงกหน้ามองมาจากในครัว ร้อยเอกคลี่ยิ้มกว้าง ดีดกายลุกขึ้นเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายและสายเนคไทมหา’ลัยเข้าไว้ในมือ “งั้นร้อยไปละ สัญญาจะไม่เล่นจนติดลม”

“เดี๋ยวก่อน”

“…?”

“พี่ซื้อมุ้งกับแป้งตรางูเขียวมาให้ใหม่ วางอยู่ตรงกระเป๋าเอกสารนะ ไปหยิบเอาเลย”

“ขอบคุณคร้าบบ”

มีพี่ชายคอยเปย์มันดีอย่างนี้นี่เอง บุญหัวร้อยเอกชัดๆ

นอกจากการเอาหน้าที่การงานของลูกหลานมาข่มกันในวันรวมญาติ สิ่งที่ร้อยเอกได้ยินทุกปีคือโตป่านนี้ยังกางมุ้งนอนอยู่อีกเหรอ ได้ยินตั้งแต่เล็กจนโต คิดว่าสงกรานต์ปีหน้าก็หนีไม่พ้นประโยคทำนองนี้อีก แล้วไงล่ะ โตแล้วจะชอบกางมุ้งนอน ชอบทาแป้งเย็นหลังอาบน้ำเหมือนตอนเด็กๆ ไม่ได้เหรอ ปู่ ย่า พ่อ แม่ พี่พัน น้องสิบ ไม่เห็นมีใครในครอบครัวเขาวุ่นวายเรื่องนี้สักคน

ร้อยเอกวางมุ้งหลังใหม่ในถุงที่แพ็คอย่างดีกับกระป๋องแป้งลงบนเตียง พร้อมกระเป๋าและเนคไทซึ่งพาดไว้บนบ่า เดินไปม้วนมุ้งหลังเก่าที่ขาดวิ่นจนต้องปิดรูรั่วด้วยหนังยางเป็นก้อนกลม ก่อนจะนำไปยัดใส่ถังขยะข้างโต๊ะคอม

เด็กตัวสูงระบายยิ้มกว้าง รีบกดสวิตช์เปิดคอมพิวเตอร์พลางผิวปากอย่างอารมณ์ดี

ในบรรดาเรื่องชวนหงุดหงิดในวันนี้ ก็ยังมีเรื่องดีๆ ให้ยิ้มอยู่แหละน่า

‘You just want attention, you don’t want my heart’

เพลงนี่...

‘Maybe you just hate the thought of me with someone new’

เปิดเพลงเบาๆ ไม่เป็นรึไง อีกแล้วนะพี่เมือง อีกแล้วนะ

‘Yeah you just want attention I knew from the start the start’

โถ่โว้ยยยย!

ร้อยเอกง้างกำปั้นเตรียมจะทุบโต๊ะคอมเพื่อระบายอารมณ์ แต่ลืมไปว่าโต๊ะตัวนี้เป็นโต๊ะรุ่นพิเศษที่เขาเพิ่งซื้อมาเมื่อเดือนก่อน คำนวณความเสียหายกับราคาหลายหมื่นที่ซื้อมาแล้วโคตรไม่คุ้ม มือที่กำจนแน่นจึงเปลี่ยนเป็นหยิบโทรศัพท์มารัวไลน์บอกให้คนข้างบ้านเบาเสียงเพลง

ไม่มีการตอบรับ รัวเป็นสิบครั้งแต่ก็ยังเงียบหาย เมืองน้ำยังไม่นอน เขามั่นใจ นี่เพิ่งสองทุ่มนาที ห้องนอนก็เปิดไฟสว่างจ้า ประตูระเบียงก็เปิดอ้าไว้ เว้นแค่ผ้าม่านที่ร่นมาปิดครึ่งหนึ่ง

ไลน์ไม่ตอบ โทรไม่รับ เสียงเพลงก็ดังขึ้นเรื่อยๆ จนโมโห เหลือทางเดียวคือออกไปยืนตะโกนให้คนไม่มีมารยาทรู้สึกตัว

จะเอาคืนเรื่องเมื่อเย็นที่เขาไม่อยากคุยด้วยหรือไง

โคตรแย่ โคตรบ้า โคตรน่ารำคาญ

โคตร...

“อ้าวร้อยเอก”

เอ่อ...

“ไม่เจอตั้งเกือบเดือน โตเป็นหนุ่มขึ้นอีกแล้ว”

ร้อยเอกยังไม่ทันตะโกนเลย แม่พี่เมืองก็ส่งเสียงทักทายขึ้นมาซะก่อน

คุณน้าสวมยูนิฟอร์มสายการบินที่ตัวเองทำงานอยู่ ดูแล้วคงเพิ่งกลับมาถึงเมืองไทยได้ไม่นาน และเพราะเสียงเพลงที่ดังไม่หยุด ทำให้อีกฝ่ายต้องใช้โทนเสียงที่ดังกว่าเดิมเกือบเท่าตัว

“จะคุยกับเมืองน้ำเหรอจ๊ะ ตั้งแต่กลับมาก็นอนอย่างเดียวเลย แต่น่าจะตื่นแล้ว เปิดเพลงเสียงดังเชียว”

“เปล่าครับ...ไม่ได้จะคุย”

จะด่าต่างหาก ถ้าพูดแบบนี้ออกไป แม่พี่เมืองต้องเบิกตากว้างเพราะช็อกกับสิ่งที่เขาพูดแน่

“แค่จะบอกให้พี่เมืองเบาเสียงเพลง ยังไงคุณน้าบอกพี่เมืองให้ร้อยหน่อยนะครับ ร้อยต้องอ่านหนังสือสอบ”

ไม่...จริงๆ ร้อยเอกจะเล่นเกม แต่นั่นแหละ ขอยอมเป็นเด็กหัดโกหกอีกรอบเพื่อความปลอดภัยก็แล้วกัน

คนด้านล่างยิ้มให้เขา เดินหายเข้าไปในบ้านหลังรับปากว่าจะขึ้นไปบอกเมืองน้ำให้ สองวินาทีให้หลังเสียงเพลงก็เงียบสงบลง ร่างสูงยืนเท้าแขนบนราวระเบียงเพื่อรอดูว่าคนสร้างปัญหาจะออกมาเจอหน้าเขาหรือเปล่า

คำตอบคือไม่...

ร้อยเอกเห็นนะว่าเมืองน้ำยืนมองอยู่ตรงผ้าม่าน ห้องนอนตัวเองแท้ๆ ไม่รู้รึไงว่าผ้ามันบางขนาดนั้น เข้ามาใกล้นิดเดียวก็เห็นเงาคนแล้ว

ทำไมไม่ออกมาล่ะ ไม่กล้าสู้หน้าเหรอ

ถ้าพี่เมืองไม่ออกมาเจอ แสดงว่ายกนี้เขาเป็นฝ่ายชนะ

ทะเลาะกันมาหลายปี จู่ๆ จะมาป๊อด ไม่สมกับเป็นมารร้ายของเขาเลยนะ

ไม่สมกับเป็นเมืองน้ำเลย




#ร้อยเมือง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-09-2018 21:37:32 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
2
เป็นแผลก็ต้องทำแผล




พลาดอีกแล้วเมืองน้ำ

ป่านนี้ร้อยเอกสาปส่งเป็นร้อยหนได้เลย

จะสาปส่งเรื่องอะไรซะอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่เสียงเพลงที่จู่ๆ ก็ดังไปถึงห้องนอนร้อยเอก

เมื่อคืนร้อยเอกยืนเท้าเอว มองตรงมายังห้องนอนเมืองน้ำโดยไม่ละสายตา ทำอย่างนั้นราวสิบนาทีได้ ระหว่างที่ยืนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเพลงฟัง ทำเหมือนยืนชมวิวยามค่ำคืน ทว่าไม่ใช่ เมืองน้ำรู้ดีว่าร้อยเอกต้องการให้เขาเดินออกไปเผชิญหน้าเพื่อสู้รบกันสักตั้ง ราวกับเขาเป็นนักโทษหนีความผิด ซึ่งก็คงจะผิดจริงๆ ที่ปล่อยให้เพลงมันดังจนรบกวนอีกคนได้

หลังกลับถึงบ้านเมืองน้ำก็เปิดเพลงอย่างที่ทำประจำทุกวัน และเปิดเสียงในระดับที่ใช้ฟังคนเดียว เขาเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ตื่นขึ้นอีกครั้งก็ด้วยเสียงเพลงที่ดังเกินความพอดีนั่นแหละ

สาบานเลยว่าเมืองน้ำไม่ตั้งใจรบกวนร้อยเอก ต้องโทษร่างกายที่กลิ้งไปทับรีโมทคุมเครื่องเล่นเพลง นั่นต่างหากที่เป็นต้นเหตุของปัญหา

เมืองน้ำสะดุ้งเล็กๆ ตอนที่รู้ตัวว่าร้อยเอกมองเห็นตัวเองแม้จะยืนอยู่หลังผ้าม่าน คนตัวสูงเลิกยกมือเท้าสะเอว ถอยกลับไปพิงประตูกระจกก่อนหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความบางอย่าง

‘ถ้าไม่ขอโทษ อย่าหวังว่าผมจะเดินเข้าไป’

ริมฝีปากสีสวยถูกกัดเม้มตอนแจ้งเตือนบนโทรศัพท์เด้งขึ้นมา นิ้วขาวพิมพ์คำขอโทษ ลบแล้วลบอีกกว่าจะได้ข้อความที่น่าจะทอนความผิดของตนได้ รู้สึกหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูกกับความคิดที่ว่าส่งไปแล้วอีกคนจะให้อภัยหรือเปล่า

แต่ที่จริง...ตั้งแต่รู้จักกันมา ร้อยเอกก็ไม่เคยให้อภัยเมืองน้ำเรื่องไหนอยู่แล้ว

สิ่งที่เจอบ่อยพอๆ กับใบหน้าบึ้งตึงจากคู่กัดคนเก่ง ก็คือขนาดตัวของตัวเอง มันเล็กลงทุกครั้งเวลารู้สึกแบบนี้

เฟลเหรอ ทำไมต้องเฟลด้วยล่ะ ในเมื่อพวกเราเป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ทะเลาะกัน แกล้งกัน เอาความสะใจและชัยชนะเป็นที่หนึ่ง

ไม่เห็นต้องรู้สึกเลย

แต่มันรู้สึกไปแล้ว จะให้ทำยังไง

ไม่เข้าใจ...

เมืองน้ำไม่เข้าใจจริงๆ

“ยังไงขอรายละเอียดผลิตภัณฑ์ด้วยนะครับ ถ้าผิดกฎหมาย สวมเลขอย. เมืองขอไม่รับ ขอบคุณที่เข้าใจครับ ส่งมาที่อีเมลเดิมเลยนะครับ”

เมืองน้ำตื่นมารับโทรศัพท์ตั้งแต่เช้า นี่เป็นคนที่สองที่กดวางสาย หลังจากนี้คงมีคนโทรเข้ามาเรื่อยๆ ตลอดทั้งวัน แม้เมืองน้ำจะใช้อีเมลติดต่องานเป็นส่วนใหญ่ก็ตาม เคยอยากหยุดรับโฆษณาลงเพจบ้างเหมือนกัน แต่ช่วงสำหรับช่วงนี้...คงต้องทำไปก่อน

นอกจากรับตัดต่อวิดีโอ นี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้เขามีเงินล่ะนะ

เมืองน้ำเป็นที่รู้จักจากการรับงานฟรีแลนซ์อย่างการตัดวิดีโอโปรโมทสินค้าออนไลน์ให้แบรนด์เสื้อผ้าและเครื่องสำอาง มีหลายคนแนะนำให้เปิดเพจลงผลงานเพื่อประชาสัมพันธ์ ส่วนรูปตัวเอง เมืองน้ำอัพโหลดผิดบัญชี เดิมทีจะอัพลงแต่เฟซบุ๊กส่วนตัว แต่วันนั้นดันเผลอลงเพจซะได้

รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีคนไลค์ไปพันกว่าคนแล้ว

หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นที่รู้จัก เมืองน้ำเลยคิดว่าใช้ตรงนั้นแชร์ทั้งผลงาน ตัวตน และความคิดในหลายๆ ด้านที่ได้พูดคุยกับคนอื่นไปเลยก็คงดี

ซึ่งก็ดีจริงๆ

หวังว่ามันจะดีอย่างนี้ไปเรื่อยๆ นะ

คนตัวเล็กคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ กลับออกมาใหม่เมื่ออาบน้ำและจัดการเช็ดผมจนหมาด ทิ้งสะโพกนุ่มลงบนเตียง ตำแหน่งที่มองเห็นระเบียงห้องตรงข้ามได้ถนัด ร้อยเอกไม่ชอบปิดประตูระเบียง ปล่อยให้ลมพัดโชยเข้าไปแทนลมเครื่องปรับอากาศ ผ้าม่านถูกร่นเก็บ แต่มุ้งที่เจ้าตัวกางไว้ทุกวันยังขึงครบสี่มุมอยู่เลย

ร้อยเอกยังไม่ตื่น และสาเหตุที่นอนตื่นสายขนาดนี้มีแค่ข้อเดียวคือนั่งเล่นเกม

ไม่ใช่ร้อยเอกคนเดียวที่ชอบกางมุ้งนอน เมืองน้ำรู้ว่าใครหลายคนก็เป็น แต่พอเป็นร้อยเอก ไม่รู้สิ น่าเอ็นดูมั้ง

นี่ไง น้องเอกก็คือน้องเอก

รูปลักษณ์จะหล่อแค่ไหน แต่มุมน่ารักก็ยังมีให้เห็นเสมอ เพราะแบบนี้เมืองน้ำถึงชอบแกล้งร้อยเอกไงล่ะ ถึงพักหลังจะเฟลบ่อยๆ จากคำพูดของเจ้าตัวก็เถอะ

เรื่องเมื่อคืน...ร้อยเอกน่าจะหายหงุดหงิดแล้ว

ถ้างั้น...เมืองน้ำส่งไลน์ไปแกล้งได้มั้ยนะ

ลองถ่ายรูปห้องน้องเอกส่งไปดีกว่า







m.nam ☆° :
(send a photo.)
น้องเอก น้องเอก น้องเอก
ตื่นได้แล้วน้องเอก
จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน
ตื่นนนนนน
น้องเอกกกกกกก


m.nam ☆° :
ร้อยเอกกกก
ลุกมาปิดประตูระเบียง เดี๋ยวยุงก็เข้าไปบินเล่นหรอก



[read]



m.nam ☆° :
อ่านแล้วก็ตอบด้วยสิ
(send a sticker.)
(send a sticker.)
(send a sticker.)
หยิ่งจังงงง







ร้อยเอกอ่านข้อความเมืองน้ำอีกครั้ง ทว่ายังไร้การตอบกลับ นิ้วเล็กสัมผัสบนแป้นพิมพ์ เตรียมรัวข้อความล็อตใหม่ แต่แล้วต้องหยุดไว้ก่อนชั่วคราว

แก้มสีพีชกลมขึ้น และตาคู่ใสที่เรียวลงเพราะเมืองน้ำคลี่ยิ้ม ร้อยเอกเดินตึงตังออกมาพร้อมผมแสกกลางที่ยุ่งจากการยีแรงๆ ก่อนสีหน้าเหมือนกินข้าวบูดจะหายวับราวเสกเวทมนตร์เมื่อคนตัวสูงดึงประตูระเบียงและร่นผ้าม่านปิดอย่างรวดเร็ว

จะว่าไป เวลาร้อยเอกไม่เซตผม ปล่อยให้มันแสกกลางเหมือนนักร้องยุค 90 ก็ดูดีไม่แพ้ตอนแสกข้างแล้วเซตขึ้นไปนิดหน่อยเลยนะ







101 :

วันนี้วันหยุด
ช่วยหยุดทำตัวน่ารำคาญสักวันเถอะพี่เมือง
ไม่ต้องกวนแล้วนะ จะนอน ไม่งั้นผมจะบล็อก






แล้วก็...ถึงจะพิมพ์ว่ารำคาญก็เถอะ แต่เมืองน้ำก็มั่นใจว่าเรากลับเข้าสู่สถานะเดิมแล้ว

สถานะคู่กัดคู่แกล้งที่สมน้ำสมเนื้อน่ะ



(⺣◡⺣)♡*



ร้อยเอกควรอ่านหนังสือและเลคเชอร์เก็บไว้ทบทวนในวันหยุดแบบนี้ แต่เขาบอกแล้วไงว่าวันนี้วันหยุด ฉะนั้นร้อยเอกจะไม่ทำอะไรทั้งนั้นนอกจากนอน เล่นเกม ลงไปรดน้ำต้นไม้ที่เขาปลูกไว้

เมืองน้ำไลน์มากวนตอนเขาหลับไปแค่ห้าชั่วโมง หลังโดนขู่ว่าจะบล็อก อีกฝ่ายก็ไม่รบกวนเขาอีกเลย ถือเป็นเรื่องดีใช่มั้ย

ดีที่ไหนกันล่ะ

ร้อยเอกพลิกตัวไปทางนั้นที ทางนี้ทีได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว เขานอนต่อไม่ได้ เพราะถูกปลุกขึ้นมากลางคัน เพราะหงุดหงิดพี่เมือง จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ที่กล่าวมาทั้งหมด ยังเทียบไม่ได้กับความรู้สึกตอนเข้าไปอ่านไลน์กลุ่มของคณะเลยสักนิด

ไม่ได้ตั้งใจกดเข้าไปหรอก เขาไม่เปิดแจ้งเตือนห้องแชทห้องนี้ด้วยซ้ำ มือเจ้ากรรมดันกดไปโดน แถมหัวข้อสนทนายังเป็นเรื่องของเมืองน้ำอีกต่างหาก เลยไล่อ่านดูสักหน่อย

‘เมืองน้ำมีหนุ่มใหม่อีกแล้ว’

‘ชื่อภานุรักษ์ หรือพี่รักษ์คณะนิเทศ จบไปเมื่อปีที่แล้ว’

‘หล่อ รวย ใจดี สปอร์ต กรุงเทพมหานคร ตรงตามสเป็คเมืองน้ำเป๊ะๆ เลย’

‘อยากรวยบ้างว่ะ เพราะจนเมืองน้ำเลยไม่แล อดแซ่บคนดังเลยกู’

‘บ้านเมืองน้ำก็รวย คนรวยก็ต้องคบกับคนรวยอ่ะมึง เหมือนดาราที่ต้องคบกับไฮโซอ่ะ สัจธรรมโลกป้ะ’

‘ฮู้ววว แล้วที่เค้าเม้าท์กันว่าคบกับอาจารย์พันเอก คนที่เคยมาเป็นอาจารย์พิเศษมหา’ลัยเราอ่ะ ข่าว Out ไปแล้ว?’

‘อาจารย์พันเอก ที่มาสอนพวกฟิสิกส์ตอนนั้นอ่ะนะ’

ไม่ใช่ครั้งแรกที่เมืองน้ำตกเป็นประเด็นพูดคุยอย่างออกรสในไลน์กลุ่ม เขาไม่รู้ว่ากลุ่มของคณะอื่นเป็นอย่างนี้หรือเปล่า แต่ในกลุ่มนี้ เมืองน้ำถูกพูดถึงในด้านลบพอสมควร แม้สิ่งที่คนอื่นพูดกัน จะเป็นเรื่องที่เขาเคยคิด และในหลายเรื่องก็คิดอยู่เสมอ

อย่างเรื่องสเป็ค เรื่องสร้างภาพเก่ง แต่พอมาเห็นแบบนี้...

เขาไม่ชอบ

อีกอย่าง...ถ้าเมืองน้ำกับพี่ชายเขาจะเคยอยู่ในความสัมพันธ์ที่มากกว่าคนรู้จักจริงๆ หรือเมืองน้ำมีคนใหม่เข้ามาติดพันอีกราย แล้วมันเกี่ยวกับคนพวกนั้นยังไง

ทำไม...รู้สึกไม่ดีสุดๆ เลยวะ

เสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากด้านล่าง ร้อยเอกปิดห้องแชท ล็อกโทรศัพท์ และนอนฟังเงียบๆ จนมั่นใจว่าเป็นเสียงพันเอกกับคนที่ยังวนเวียนในความคิดเขา คนตัวสูงเดินลงจากเตียง ก้าวยาวๆ ไปที่ประตูระเบียง ใช้นิ้วเกี่ยวผ้าม่านออกเล็กน้อยเพื่อให้มองเห็นได้ถนัด

พี่พันกับพี่เมืองจริงๆ

ถ้าไม่รู้ว่าเมืองน้ำมีรุ่นพี่คนนั้นเป็นคนคุยอยู่แล้ว ใครๆ ก็ต้องคิดว่าสองคนนี้เป็นมากกว่าคนรู้จักนั่นแหละ

เพื่อนเขา พี่ชายเขา รุ่นพี่ที่เขาเพิ่งเคยเจอ ต่อไปจะเป็นใครดีล่ะ

ร้อยเอกรีบปล่อยมือจากผ้าม่านทันทีที่เมืองน้ำหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้าน ดวงหน้าที่คนมากมายหลงรักเงยขึ้นมองหลังเท้าคู่เล็กเคลื่อนตัวช้าลง

เมืองน้ำเห็นเขาหรือเปล่า






m.nam ☆° :
ไหนว่าจะนอน มายืนตรงระเบียงทำไม






ข้อความที่เด้งขึ้นหลังจากนั้นไม่นานแทนคำตอบได้ดี ร้อยเอกพ่นลมหายใจใส่เครื่องมือสื่อสารที่ถือติดมือมาด้วย เขาลบการแจ้งเตือนนั้นจากหน้าจอล็อก ไม่คลิกเข้าไปดู พาร่างกายสูงยาวมุดมุ้งกลับมาทิ้งตัวนอน






m.nam ☆° :
ร้อยเอกไม่เวียนหัวเหรอ
ไปนอนเร็ว
นอนนนน






เป็นคู่กัดไม่ใช่เหรอ ถ้าเป็นคู่กัดจะมาทำเหมือนเป็นห่วงกันทำไม ร้อยเอกไม่พิศวาสเมืองน้ำหรอกนะ ไม่เคยคิด บอกไว้ก่อน




m.nam ☆° :

พอนอนไม่พอก็หงุดหงิดง่าย
พอหงุดหงิดก็หน้าบูด
พอหน้าบูดก็เหวี่ยง
พอเหวี่ยงก็




101:

รำคาญ



m.nam ☆° :

(◕︿◕✿)



สงสัยพี่เมืองอยากโดนบล็อกไลน์จริงๆ



(⺣◡⺣)♡*



“พี่วางบิลล์ค่าไฟไว้หน้าโซฟานะ ฝากจ่ายหน่อย”

“เดี๋ยวจ่ายผ่านแอพให้ครับ พี่พันไปทำงานเถอะ ออกช้ากว่านี้สายแน่เลย” ร้อยเอกบอกโดยไม่มองหน้าคนด้านหลัง ง่วนอยู่กับการเช็ดจานที่เพิ่งล้างเสร็จ ได้ยินพันเอกร้องขึ้นอย่างเห็นด้วย ก่อนเสียงพี่ชายจะเลือนหายไป แทนด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวพ้นรั้วบ้าน

สุดท้ายร้อยเอกก็นอนต่อได้แค่ชั่วโมงเดียว เพราะนอนต่อไม่ได้ เลยลงมาหาอะไรกินสักหน่อย เหลือเชื่อเลยว่าวันนี้แม่ไม่ทำอาหารไว้ให้เขา ท่านเขียนข้อความสั้นๆ ใส่กระดาษแปะไว้ว่า ‘ต้องรีบไปช่วยงานพ่อที่กองถ่าย ทำให้ไม่ทัน น้องเอกทำเองนะคะ’ พร้อมโน้ตอีกใบที่เขียนว่า ‘รักน้องเอกม้ากมาก’

คำก็น้องเอก สองคำก็น้องเอก แม่คงเป็นคนเดียวที่เขายอมให้เรียกคำนี้ ถึงจะจำใจยอมก็เถอะนะ

บ้านของเราเป็นบ้านหลังใหญ่ แต่สมาชิกมีแค่ห้าคน แถมยังไม่ค่อยมีเวลาเจอกันเท่าไหร่นัก พันเอกกลับมาบ้านเป็นพักๆ แล้วแต่ว่าช่วงนั้นงานที่มหา’ลัยมีมากน้อยแค่ไหน ส่วนพ่อและแม่ ท่านเป็นเจ้าของบริษัทผลิตสื่อบันเทิง ใช้ชีวิตอยู่ในกองถ่ายรายการ ละคร ไม่ก็ซีรีส์วัยรุ่นที่เตรียมออนแอร์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

เหลือเขากับสิบเอกที่ยังเรียนอยู่ เขาเรียนจบปีหน้า ส่วนน้องสิบคงอีกนาน น้องชายเขาเพิ่งขึ้นป.ห้าเองนะ ฟันน้ำนมยังหลุดไม่ครบเลย

ร้อยเอกจ่ายค่าไฟในแอพธนาคารให้พี่ชายเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะออกจากครัวไปทำอย่างอื่นต้องทำข้าวผัดกุ้งให้น้องชายสุดที่รักที่คงนอนเล่นเกมอยู่บนห้องเสียก่อน เกิดหิวจนงอแงไม่หยุด มีหวังหมดอารมณ์ทำอย่างอื่นต่อแน่

เจ้าของส่วนสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรคีบรองเท้าแตะเดินอ้อมมาด้านหลัง พื้นที่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ของเขา ทั้งไม้ดอกไม้ประดับ ทั้งแปลงผักและต้นไม้หลากชนิดที่เขาชอบ ไม่ใช่พื้นที่ที่กว้างมากนัก ออกจะรกหน่อยๆ เพราะเขาจัดระเบียบอะไรไม่ค่อยเป็น ทว่าก็มีความสุขเสมอที่ได้มา

แล้วก็ไม่รู้ว่าที่พื้นที่ข้างหลังมันเหมาะทำการเกษตรนักหรือไง คนข้างบ้านถึงเอาต้นไม้มาปลูกเหมือนกันได้

ห่างกันแค่รั้วกั้น เดินชิดรั้วเข้าไปนิดหน่อยก็เห็นเลยว่าเมืองน้ำไม่ดูแลต้นไม้เอาซะเลย

“เหี่ยวไปหมด เจ้าของไม่ดูแลจนน่าสงสาร เป็นต้นไม้ที่อาภัพจริงๆ เว้ย”

บอกตรงๆ ว่าเห็นต้นไม้เหี่ยวๆ แล้วร้อยเอกทนไม่ได้ เลือดเด็กเกษตรในตัวเขาข้นยิ่งกว่าอะไรดี คนตัวสูงจิ๊ปาก ขณะลากสายยางหัวฉีดให้เคลื่อนตามเท้าของเขามาด้วย

ร้อยเอกหยุดตรงริมรั้ว มือข้างหนึ่งจับสายยาง วางนิ้วโป้งแตะไว้ตรงหัวกด ส่วนอีกข้างเอื้อมข้ามรั้วไปดึงใบไม้เหี่ยวแห้งออกจากกระถาง แล้วกดหัวฉีดเบาๆ เพื่อรดน้ำ

“ลำบากคนอื่นอยู่เรื่อย ไม่ดูแลแล้วจะซื้อมาปลูกทำไมวะ”

“รู้ได้ไงว่าไม่ดูแล”

นึกถึงก็ปรากฏตัวเชียวนะ

“เอาออกไปเลย เดี๋ยวรดเอง”

แถมยังปรากฏตัวพร้อมความน่ารำคาญเหมือนเดิมซะด้วย

เมืองน้ำสวมเสื้อยืดกับกางเกงสามส่วนเดินเข้ามาพร้อมบัวรดน้ำแปะสติ๊กเกอร์ลายการ์ตูน ทำหน้ายู่และคาดโทษเขาด้วยสายตา ก่อนจะปัดมือเขาออกด้วยมือเล็กๆ ของตัวเอง

“ร้อยเอก! จับสายยางดีๆ หน่อยไม่ได้รึไง”

เพราะจู่ๆ ก็ปัดออก น้ำที่พุ่งจากสายยางจึงฉีดใส่ขาเมืองน้ำเข้าเต็มๆ

“อันนี้ต้องโทษตัวเองมั้ยพี่เมือง อยู่ดีๆ ก็มาปัดมือผมออก ที่เปียกขาอยู่เนี่ยก็สมควรแล้ว”

“ขี้บ่นอ่ะร้อย เสียงงุ้งงิ้งๆ เหมือนแมงหวี่ แบบ...น่ามคาน”

เกลียด ‘น่ามคาน’ ของพี่เมืองพอๆ กับ ‘อ่า’ เลยให้ตาย แล้วก็นะ เจอพี่เมืองพูดแบบนี้ ชัดเลยว่าวิญญาณมารร้ายกลับมาสิงร่างพี่เมืองแล้ว

“ร้อยวันพันปีไม่เห็นออกมา วันนี้กินยาผิดกระปุกรึไงถึงออกมาได้”

ถามก็ไม่ตอบ ทำตัวน่ารำคาญเก่งที่หนึ่งเลยล่ะคนนี้ ร้อยเอกคลายแรงกดบนหัวฉีด ปล่อยให้เมืองน้ำใช้ฝักบัวรดต้นไม้ของตัวเอง

“กินถูกกระปุกเหอะ ร้อยเอกนั่นแหละที่ผิด มาวุ่นวายต้นไม้คนอื่นทำไม”

เขาเดินกลับมาที่ชั้นวางกระถางดอกไม้ ตากระตุกหน่อยๆ กับประโยคที่ได้ยิน ถ้าวุ่นวายกับต้นไม้เมืองน้ำแล้วถูกกล่าวหาว่ากินยาผิดกระปุก ก็คงผิดมาเป็นสิบกระปุกแล้วมั้ง

เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารดให้สักหน่อย

“แต่ขอบคุณนะ”

“ขอบคุณทำไมไม่ทราบ”

“ก็ขอบคุณที่รดน้ำต้นไม้ให้ไง ช่วงนี้ไม่ค่อยว่าง เลยลืมลงมาดูแล ถ้าไม่รดให้พี่ สงสัยเหี่ยวตายแล้วมั้งเนี่ย”

“ก็เหี่ยวเหมือนเจ้าของอ่ะ”

เมืองน้ำหันขวับทันที เล่นเอาร้อยเอกหลุดหัวเราะ ไอ้การทำหน้ายู่ๆ กับมองค้อนใส่ร้อยเอกเนี่ย คิดว่าน่ารักมากนักเหรอ เออใช่ น่ารัก แต่น่ารักสำหรับคนอื่น

สำหรับร้อยเอก น่าหมั่นไส้มากกว่า

สามปีที่เห็นพี่เมืองมา มีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงมากมาย แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือขนาดตัวและผิวที่เหมือนมีคอลลาเจนเด้งไปเด้งมาตลอดเวลา

อ้อ แล้วที่บอกว่าเหี่ยวเหมือนเจ้าของ เขาพูดเล่นนะ

“หัดเป็นเด็กโกหกอีกละ ยังไม่เหี่ยวเหอะ”

ตลก...

ตลกที่เมื่อเช้ายังหงุดหงิดเมืองน้ำอยู่เลย ตอนนี้กลับขำรอบสองเพราะมายืนเถียงกับเมืองน้ำซะได้ คนอะไร ทำให้รำคาญก็ได้ ทำให้ขำก็ได้อีกเหมือนกัน

“แล้วนี่...นอนไปกี่ชั่วโมงอ่ะ”

“พี่อยากได้คำตอบที่สบายใจหรือฟังแล้วรู้สึกผิดล่ะ”

แทบไม่ต้องเดาเลยว่าคำตอบที่ทำให้รู้สึกผิดคืออะไร เมืองน้ำรู้นะว่าร้อยเอกจะยกเรื่องที่ไลน์ไปกวนมาพูด

“ว่าแต่ร้อยเถอะ มายืนดูคนอื่นคุยกันทำไม”

“เปลี่ยนเรื่องว่ะ สงสัยจี้ใจดำ”

ฮึ่ยยยย!

เมืองน้ำปวดประสาทกับเสียงหัวเราะในลำคอของร้อยเอกเหลือเกิน แต่ว่า นี่แหละ พวกเขาในโหมดปกติต้องเป็นแบบนี้

“อยากรู้ว่าพี่เมืองคุยอะไรกับพี่พัน ก็เลยไปยืนดู”

“แล้วได้ยินอะไรมั้ย”

“ก็แว่วๆ แต่ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไร”

“ใส่ใจเก่งจัง”

“พี่เมือง” ร้อยเอกกัดฟันอย่างทนไม่ไหว ร้อยยิ้มกับการหัวเราะชอบใจขณะเอาฝักบัวรดน้ำใส่ต้นไม้นั่นน่ะ น่าหมั่นไส้นัก “ถ้าไม่ตอบจะเข้าบ้านละ เบื่อจะคุย”

“อาจารย์พันเอกนัดไปถ่ายงานที่โรงเรียนติวเฉยๆ แล้วก็คุยกันเรื่องทั่วไป ถามสารทุกข์สุกดิบ แค่นี้”

“สนิทกันจังเนอะ”

“ใช่ สนิทมาก!”

ตรงนี้ไม่รู้เหรอว่าร้อยเอกประชด มองจากหมอชิตก็รู้หรอกว่าสนิทกัน ไม่เห็นต้องย้ำแล้วย้ำอีกขนาดนั้น

แต่เขาเป็นคนถามเอง จะหัวร้อนทำไมวะ

“ถามอีกอย่างนึงดิ”

“ว่าไง”

“พี่ที่ชื่อรักษ์ เป็นแฟนใหม่พี่เมืองป้ะ”

“พี่รักษ์? ร้อยรู้จักพี่เขาเหรอ”

ร้อยเอกเกลียดคำว่า ‘พี่เขา’ อีกคำนึงได้มั้ย

“ไม่สำคัญว่าผมจะรู้จักเขาหรือไม่รู้จัก ประเด็นสำคัญคือคำถามของผมนะตอนนี้”

“ดุจัง”

“ตอบ”

“กำลังจะตอบแล้วๆ ทำไมต้องหัวร้อนด้วยอ่ะ” เมืองน้ำวางฝักบัวไว้บนโต๊ะไม้ริมรั้ว เดินมาหาเจ้าของคำถามที่หากจับคนกินได้ ร้อยเอกคงเขมือบเมืองน้ำลงท้องไปแล้ว

ดุอะไรขนาดนั้นเล่า

“ร้อยคิดว่าพี่กับพี่รักษ์เป็นแฟนกันมั้ย”

“อะไรวะ ถามผมกลับอย่างนี้ก็ได้เหรอ”

“อยากรู้”

“จะอยากรู้ไปทำไม ความคิดผมมันเกี่ยวอะไรกับพี่จะมีแฟนหรือไม่มีอ่ะ”

“งั้นก็ไม่ตอบ”

อะไรของพี่เมือง ร้อยเอกไม่ใช่คนที่ความอดทนสูงลิบขนาดนั้นนะ ดูทำหน้าเข้า ในใจเขาพูดคำว่าหมั่นไส้กี่รอบแล้ว ครบร้อยรอบได้เลย

เมื่อย!

หมายถึงร้อยเอกน่ะเมื่อยหน้าแล้ว เบ้หน้าจนเกร็งไปทั้งหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ร้อยเอกไม่เห็นรู้ตัวเลย แล้วก็นะ ถ้าพี่เมืองไม่หยุดทำหน้าน่าหมั่นไส้ล่ะก็...

“ร้อยเอก! มาฉีดน้ำใส่พี่ทำไมเนี่ย”

“รำคาญ”

เมืองน้ำอ้าปากเหวอ ส่วนคนบ้าที่ฉีดน้ำใส่เขาไม่หยุดยืนล้วงกระเป๋าท่าทางสบายๆ กระตุกยิ้มมุมปากพลางตวัดสายยางไปตามทิศทางที่เขาขยับหนี

หนีไม่ได้เลย แถมยังเปียกไปหมด เมืองน้ำยังไม่อยากอาบน้ำใหม่ตอนนี้นะ เก็บไว้อาบตอนมืดสิ

“อย่างกับลูกหมา”

ร้อยเอกยิ้มกว้างกับสายตาเอาเรื่องของคนที่ยกสองแขนกอดร่างกายขาวๆ นั่นไว้ วินาทีต่อมารอยยิ้มทั้งหมดก็จางหาย ตาคู่เข้มเบือนหนีทันทีที่เผลอมองเห็นว่าเสื้อเปียกชุ่มแนบลู่ไปกับสัดส่วนของอีกคน

หมั่นไส้จนลืมไปเลยว่าเสื้อพี่เมืองโคตรบาง ยืนอยู่แถวสุวรรณภูมิ แต่เห็นไปถึงสยามพารากอนนู่น ให้มันได้อย่างนี้สิวะ

“ตัวเองก็เหมือนหมาบ้าอ่ะ อยู่ดีๆ ก็มาแกล้ง”

เออ สงสัยจะบ้าจริงๆ

“บัดสีบัดเถลิง ทำไมไม่ใส่เสื้อหนาๆ”

เอวยี่สิบห้าจริงด้วย เรียกบุญตาได้มั้ย

ไม่ล่ะ เรียกว่าคาวตาน่าจะเหมาะกว่า

เมืองน้ำรู้สึกถึงลมร้อนที่พัดใส่ใบหน้า แขนซึ่งกอดร่างกายยิ่งกระชับแนบแน่น ยอมรับตรงๆ ว่าร้อยเอกทำให้คำที่เตรียมเอ่ยเถียงถูกกลืนลงท้องทันที

“จะเข้าบ้านแล้ว” ริมฝีากสีอ่อนพูดเร็วๆ อย่างตัดบท มือเล็กขยำเนื้อผ้าด้วยสองมือที่เรี่ยวแรงถูกทอนออกไปด้วยคำว่า ‘บัดสีบัดเถลิง’ อยู่ตรงนี้นานๆ คงไม่ดีแน่

อากาศเย็นนะ แต่ทำไมหน้ามันร้อนอย่างนี้ล่ะ

ตุ้บ!

“โอ๊ยยย!”

“พี่เมือง!”

ฮืออออ~

เมืองน้ำอยากพ่นไฟ หน้าร้อนไม่พอ ยังสะดุดตอไม้จนเกือบล้มหน้าคว่ำอย่างนี้อีก

“ซุ่มซ่ามน่ารำคาญจริงๆ เลยเว้ย” ร้อยเอกใส่อารมณ์อย่างห้ามไม่ไหว ภาพที่เมืองน้ำสะดุดตอไม้เพราะเดินไม่ทันระวังทำเขาโมโหมากๆ แล้ว พอรีบปีนรั้ววิ่งมาหา เจอแผลถลอกบนเท้าของพี่เมือง

แม่ง โมโหกว่าเดิมไม่รู้กี่เท่า

“จะดุทำไม...”

“ค่อยๆ เดิน”

“เฮ้ สนใจกันหน่อยมั้ย”

“บอกให้ค่อยๆ เดิน” ร้อยเอกไม่สนใจ สอดมือจับเอวเล็ก “ผมไม่อุ้มไปหรอกนะ พี่เมืองตัวหนักอย่างกับโอ่ง ถ้าอุ้มผมแขนเคล็ดแน่”

“ร้อยเอก!”

“อะไร ตะคอกทำไม”

ปั้ก!

“โอ๊ยยย!”

นี่ร้อยเอกทำคุณบูชาโทษรึไง คนอุตส่าห์เป็นห่วง คิดว่าเจ็บมากเพราะเห็นกัดฟันน้ำตาคลอ อยากประคองเข้าบ้านไปทำแผล เมืองน้ำตอบแทนความห่วงใยของเขาด้วยฝ่ามืออรหันต์อย่างนั้นเหรอ

จำไว้เลยพี่เมือง จำไว้เลย อย่าให้ร้อยเอกมีโอกาสเอาคืนนะ

โดนแน่



(⺣◡⺣)♡*



มีต่อค่า

 :hao5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2018 23:24:29 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
----- ต่อจากข้างบน -----


เมืองน้ำล่ะแสนจะงง

ร้อยเอกหาว่าเมืองน้ำแต่งตัวบัดสีบัดเถลิง ทั้งๆ ที่เจ้าตัวเป็นคนทำให้เกิดภาพติดเรทเอง เด็กตัวสูงร้องโวยวายหลังโดนฟาดเพราะฝีปากเห็นเหตุไปเต็มๆ ทำเหมือนอยากจะผลักเขาลงพื้นให้รู้แล้วรู้รอด พูดซ้ำอีกสองรอบว่าไม่อุ้ม สั่งให้เมืองน้ำเดินดีๆ แต่พอเห็นเมืองน้ำเดินกะเผลกหน่อยเดียว คนตัวสูงก็อุ้มเมืองน้ำเข้ามาในบ้านจนได้

อารมณ์ร้อยเอกขึ้นๆ ลงๆ เหมือนผู้หญิงเป็นประจำเดือน

แล้วอย่างนี้จะไม่ให้งงได้ยังไง

“ห้ามลุกไปไหนนะพี่เมือง”

“รู้แล้ว~”

“รู้แล้วก็ตามทำด้วย”

“ก็รู้แล้วไง เร็วๆ สิ พี่เจ็บแผลนะ”

ร้อยเอกวางกายนุ่มลงบนโซฟา คนเจ็บอยากจะบอกนะว่าเข้าไปนั่งในครัวก็ได้ ถึงจะไกลกว่าก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็ไม่ทำให้โซฟาเปียก แต่บอกทันซะที่ไหน พอเมืองน้ำบอกว่าเจ็บแผล ร้อยเอกก็รีบเดินไปหาของที่ต้องการทันที

ร่างสูงเดินกลับมาพร้อมผ้าเช็ดตัวสองผืน กะละมังใบเล็กที่เทน้ำสะอาดใส่ไว้เรียบร้อย และกล่องปฐมพยาบาลที่หยิบมาจากในครัว แทบไม่ต้องบอกว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง เพราะไม่มีเพื่อนบ้านคนไหนรู้ตำแหน่งข้าวของในบ้านเมืองน้ำเท่าร้อยเอกอีกแล้ว

ที่รู้เพราะเคยมาช่วยแม่ของเมืองน้ำเปลี่ยนหลอดไฟ ไม่ก็ยกนั่นย้ายนี่บ่อยๆ ไม่ได้มาเพราะอยากมาหาเมืองน้ำหรอกนะ บอกไว้ก่อน

“นั่งดีๆ”

บอกแค่นั้นคนตัวเล็กก็ยืดตัวขึ้น เป็นวินาทีเดียวกันที่คนตรงหน้าลดกายนั่งพื้นหลังวางผ้าเช็ดตัวบนไหล่แคบแล้ว เมืองน้ำดึงผ้าผืนหนามาปิดร่างกายส่วนบนไว้ กลัวอีกคนจะหาว่าภาพที่เห็นเป็นภาพชวนปลุกอารมณ์อีก ร้อยเอกขยับเข้ามาใกล้ ยกเท้าข้างซ้ายที่ทั้งถลอก ทั้งเปื้อนเศษดินเศษหญ้าจุ่มลงไปในกะละมัง

“เจ็บ...”

“คิดซะว่าเข้าค่ายลูกเสือ เจออะไรก็ต้องทนเอาหน่อยแล้วกัน” พูดพลางทำความสะอาดเท้าขาวๆ ด้วยมือทั้งสองข้าง

“เกี่ยวอะไรกับค่ายลูกเสือเหรอ” คิ้วสวยขมวดยู่เมื่อความเจ็บแล่นปราดไปทั่วปลายเท้า ไม่ทันได้คำตอบร้อยเอกก็ยกเท้านุ่มออกจากกะละมัง ซับความเปียกชื้นด้วยผ้าผืนเล็กอีกผืนที่จับพาดบ่ามาพร้อมผืนที่คลุมให้เมืองน้ำ

“พี่จะสงสัยอะไรนักหนา”

“ก็คนมันสงสัยนี่”

“โคฟเว่อร์เป็นเจ้าหนูจำไมรึไง”

“แล้วทำไมต้องโมโหด้วยอ่ะ”

ร้อยเอกอยากตะโกนดังๆ ว่าเพราะเมืองน้ำนั่นแหละที่ทำให้เขาโมโห คนจะทำแผลให้ ก็ไม่ควรชวนคุยในเรื่องที่ทำให้เสียสมาธิหรือเปล่า ดูสิ ดูพี่เมืองทำ สงสัยไม่เข้าเรื่องแล้วยังพยายามชักเท้าที่เขายกมาวางบนตักกลับไปอย่างนี้อีก

“เดี๋ยวกางเกงร้อยเปียก”

“ให้มันเปียกไปเหอะ ค่อยกลับไปเปลี่ยนเอา”

น่าหมั่นไส้

ร้อยเอกไม่ตอบ กดสีหน้ายุ่งๆ ลงต่ำ วางสายตาไว้ที่เท้าของอีกคน มือข้างหนึ่งจับข้อเท้าเนียนไว้ ส่วนอีกข้างหยิบก้อนสำลีไปวางเหนือปากขวดน้ำเกลือ จับขวดคว่ำลงจนมั่นใจว่าน้ำเกลือซึมเข้าสำลีแล้วพลิกขวดกลับดังเดิม

“น้ำเกลือจะแสบมั้ย”

“ถ้าคิดว่าแสบก็ไม่ต้องล้าง ตัดเท้าทิ้งไปเลยละกัน”

“ร้อย”

“ล้อเล่นน่า ไม่แสบหรอก เอางี้นะ ผมขอล่ะ ช่วยนั่งเฉยๆ นั่งเงียบๆ จนกว่าจะทำแผลเสร็จ อย่าทำผมหงุดหงิด โอเค้?”

“หงุดหงิดมากเลยเหรอ”

“อะไรอีกล่ะพี่เมือง”

“ทำแผลให้พี่ หงุดหงิดมากเลยมั้ย” เมืองน้ำเม้มริมฝีปาก อธิบายไม่ถูกว่าทำไมถึงถามแบบนั้นออกไป แค่รู้สึกไม่ชอบคำว่าหงุดหงิดของร้อยเอกเอามากๆ

อยู่ดีๆ ก็ไม่ชอบขึ้นมาดื้อๆ

คนที่อารมณ์ขึ้นลงพอๆ กับร้อยเอก เห็นทีคงหนีไม่พ้นเมืองน้ำนั่นแหละนะ

“ถ้าหงุดหงิดก็ไม่ต้องทำก็ได้ ไม่อยากทะเลาะด้วย...”

“…”

“เอาสำลีมา เดี๋ยวพี่เช็ดแผลเอง”

“เออ งั้นก็แล้วแต่พี่เหอะ”

ทำดีกับเมืองน้ำไม่ขึ้นจริงๆ ร้อยเอก คนเป็นห่วงจนโมโหขนาดนี้ยังโดนปฏิเสธจนได้ แล้วเป็นไงล่ะ พอเขายกเท้าแต้มแผลลงจากตัก ถอยออกมาและยื่นสำลีให้เจ้าตัวทำแผลเอง เมืองน้ำได้เรื่องซะที่ไหน

“เอามานี่”

“อะ…”

“อย่าปฏิเสธ”

คนตัวเล็กรีบกลืนน้ำลายทันทีที่อีกคนออกคำสั่ง ร้อยเอกกลับมานั่งท่าเดิม จับเท้าเนียนเข้าไปใหม่ แย่งสำลีไปเช็ดแผลโดยที่เมืองน้ำได้แต่ทำหน้าเหวอ

“ไม่หงุดหงิดแล้วเหรอ”

“ก็หงุดหงิดอยู่นี่ไง”

“…”

“แต่ช่างเถอะ ให้พี่เมืองทำแผลเองคงเสร็จอีกทีเที่ยงคืน”

“เว่อร์จังอ่ะ”

“ผมเว่อร์ได้มากกว่าที่พี่คิดอีก”

เออแฮะ

ลมเย็นพัดโชยเข้ามาด้านใน ฟ้าด้านนอกมืดครื้ม ทำให้รู้ว่าอีกไม่นานจะมีฝนตก ต้องออกไปเก็บผ้าหลังจบจากตรงนี้ซะแล้ว แต่จะเดินไหวหรือเปล่านั่นอีกเรื่องนึง

เมืองน้ำกัดฟันข่มความหนาว จิกปลายนิ้วลงบนโซฟาเมื่อรู้สึกแสบกับยาที่ร้อยเอกกำลังใช้สำลีแต้มลงบนแผล

มือเบาจังเลยนะ คิดว่าร้อยเอกจะมือหนักกว่านี้ซะอีก

เพราะร้อยเอกไม่เคยทำแผลให้ ถึงไม่รู้ว่าเด็กที่ดูแรงเยอะอ่อนโยนขนาดนี้

แต่สิ่งที่เมืองน้ำคิดมาตลอด...ตั้งแต่เจอกัน จนกระทั่งวันนี้

ไม่มีวันไหนที่ร้อยเอกดูดีน้อยลงเลย รู้ตัวมั้ยร้อยเอก

เห็นแค่เสี้ยวหน้าด้านข้าง ยังดูดีเป็นบ้า

“ร้อยเอก”

“ครับ”

ให้ตาย ตอบกลับดีแบบนี้ สงบศึกชั่วคราวเหรอเนี่ย

“ขอบคุณนะ”

“…”

“ไม่รู้ว่าอยากได้ยินหรือเปล่า แต่ขอบคุณจริงๆ ที่ทำแผลให้”

“อารมณ์ไหนวะ”

“ไม่อยากรับก็ไม่เป็นไรนะ”

“แล้วใครบอกว่าไม่อยากรับ”

“น้องเอกน่ารักจัง”

“พี่เมือง”

“หยอกๆ”

น่าบีบจริงเว้ย!

ที่จริงร้อยเอกไม่หวังอะไรหรอก เพราะที่ช่วยน่ะไม่ได้หวังให้เมืองน้ำเอ่ยคำขอบคุณเลยสักนิด

แต่ทำไมต้องอยากยิ้มด้วยล่ะ

หยุดได้แล้วร้อยเอก หยุด เลิกเกร็งปากจนเมื่อยไปทั่วทั้งหน้าได้แล้ว















#ร้อยเมือง


<3
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2018 12:20:45 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ AppleA-

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่าตีปากร้อยเอกจริงๆ ฮึ่ยยยย  พีเมืองสู้เค้าน้า
ว่สแต่พี่รักษ์คนนั้นนี่ใครหว่า

ออฟไลน์ cxerxx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ร้อยเอกปากร้ายจุงงงงงง
กินไรมาทำไมดุ

 :katai1:

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไม่ใช่บุญตาแต่เป็นคาวตา... โห ปากคอเราะร้าย  :m20:

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
3
เมืองน้ำไม่ชอบเลย









“ไหวมั้ยมึง เลคเชอร์หนักเหรอวะ”

เลคเชอร์อะไรที่ไหนกันล่ะมาวินเพื่อนรัก เหตุผลที่ทำให้ร้อยเอกนั่งตาปรือ ป้องปากหาววอดกลางห้องเรียนน่ะมีแค่สาเหตุเดียวเท่านั้น

“อย่าบอกนะว่ามึงเอาแต่เล่นเกม”

ใช่ แพ้เกมสามรอบติดโคตรไม่ตลก ร้อยเอกลุกไปอาบน้ำปะแป้ง วอร์มมือรอแข่งเกมรอบใหม่เพื่อแก้ตัว ผลเป็นไปตามที่คาด หลังจากลงทุนจ่ายไอเท็มเทพๆ ในเกมแล้ว เขาก็ไม่เคยแพ้อีกเลย

เพราะไม่แพ้อีกเลยนั่นแหละ ทำให้เล่นติดลมยาวไปหลายชั่วโมง รู้ตัวอีกทีก็ตีสามเข้าไปแล้ว

เขาไม่เคยเล่นเกมดึกขนาดนั้น มากสุดแค่ตีสอง คิดไม่ออกเลยว่าถ้าไม่หยุดเล่น จะตื่นมาเรียนคาบเช้าไหวได้ยังไง ขอบคุณที่ยังมีแรงมากพอให้ขับรถมามหา’ลัยได้ และไม่เผลอหลับตอนรถติดไฟแดงซะก่อน

ตอนเขาเดินไปนอน ห้องเมืองน้ำยังเปิดไฟอยู่เลย

พี่เมืองไม่ใช่คนนอนดึก ห้าทุ่มก็หลับปุ๋ยแล้ว แต่ว่า...ไม่ใช่แค่เมื่อคืน พักนี้คนที่แผลบนเท้าเพิ่งหายดีนอนดึกแทบทุกวัน

คงอยากเปลี่ยนมานอนดึกมั้ง

“กูบอกแล้วใช่มั้ยว่าถ้ามีเรียนเช้า มึงห้ามเล่นเกมดึก แพ้แล้วของขึ้นง่ายกว่าอะไรดี”

“บ่นเก่ง บ่นเป็นพ่อกูเลยนะ”

“กูเป็นห่วง”

“ขอบใจ” ว่าพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ร้อยเอกปิดเปลือกตา เชิดหน้าขึ้นแล้วกัดฟันระงับความง่วง มึนหัวชะมัด วันนี้จะเรียนรู้เรื่องหรือเปล่ายังไม่รู้เลย

เครื่องอัดเสียงก็ไม่ได้เอามา โทรศัพท์ก็แบตหมด อะไรขนาดนี้วะร้อยเอก

“อาจารย์มาแล้วเรียกกูด้วยนะ ขอนอนก่อน”

ร่างสูงฟุบศีรษะลงบนแขนที่ยกขึ้นมาใช้แทนหมอน เอียงหน้าวางแก้มขาวแนบไปกับกล้ามแขน เส้นผมที่ไม่เซตเป็นทรงลู่ลงตามแรงโน้มถ่วง บังภาพเบื้องหน้าจนเห็นภาพได้ลางๆ

“มึงดูๆๆ ไอจีพี่รักษ์ที่มาส่งเมืองน้ำเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่ะ”

“ไอ้สัส รวยเชี่ย รถคันนี้ตั้งสามสิบล้าน”

“ไม่ได้มีคันเดียวด้วย”

เห็นไม่ชัด แต่ได้ยินชัดแจ๋วเลยล่ะ

ร้อยเอกยกศีรษะขึ้นอีกครั้งเมื่อเสียงน่ารำคาญดังมาจากผู้ชายกลุ่มใหญ่ด้านหน้าเขา มาวินวางมือบนไหล่หนา กดหนักๆ เพื่อดึงสติเพื่อนรัก ไม่ให้คนที่แสดงออกชัดว่าไม่ชอบบทสนทนาของพวกนั้นของขึ้นมากกว่านี้

ลุกไปกระชากคอเสื้อได้ ร้อยเอกคงทำไปแล้ว

“แน่นอนจริงว่ะ คบแต่คนรวยจริงๆ”

“เดี๋ยวกูถูกล็อตเตอร์รี่แล้วจะเข้าไปจีบ เผื่อเมืองน้ำจะมองบ้าง ฮ่าๆ”

“ไปโมหน้าก่อน มึงต้องหล่อด้วย”

“งั้นต้องถูกสักเก้าสิบล้าน”

“เป็นเหี้ยไรกัน”

“…”

“มารยาทมีมั้ย ถ้าไม่มีก็ไปขนมาจากบ้าน รำคาญ”

“มึงเสือกไรอ่ะร้อยเอก”

“แล้วมึงเสือกเรื่องเมืองน้ำทำไม!”

ฉิบหาย!

ไม่ใช่แค่พวกนั้นที่สะดุ้ง มาวินที่กำลังห้ามปรามเพื่อนก็ไม่ต่างกัน ร้อยเอกไม่แค่ตะเบ็งเสียง เพื่อนตัวสูงที่ก่อนหน้านั้นดูอ่อนเพลียกลับมีแรงลุกขึ้นยืนเสียดื้อๆ มาวินกระตุกแขนเสื้อร้อยเอก กลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วพูดเบาๆ ให้เจ้าตัวนั่งลง

ร้อยเอกทำตามความต้องการ ยังหัวร้อนไม่เลิก ตาคู่คมจ้องนิ่งๆ ไปที่กลุ่มคนปากเสีย ไม่มีใครกล้าลุกมาคุยกับเขาต่อสักคน ขึ้นเสียงใส่หน่อยก็กลัวหัวหด ทีนั่งนินทาเมืองน้ำน่ะพูดเสียงดังเชียวนะ

คนอื่นเป็นอะไรกันไปหมด พวกมันพูดเรื่องเมืองน้ำในไลน์กลุ่มคณะกี่ครั้งแล้ว นี่ยังมาพูดในห้องเรียนอีก ไม่มีใครคิดจะเตือนเลยรึไง

หรือการที่เมืองน้ำถูกเอามาพูดเสียๆ หายๆ ถกกันเหมือนเป็นเรื่องตลกขบขัน คือเรื่องปกติของคนอื่นไปแล้ว

แย่มาก อารมณ์เขาตอนนี้ แย่มากจริงๆ

“มึงโอเคมั้ยวะ”

“ไม่”

“…”

“ช่างแม่งเหอะ”

“มึง…”

“กูบอกว่าช่างแม่งไง”

“กูไม่ได้จะพูดเรื่องพวกมัน” ร้อยเอกเงียบทันทีที่มาวินบอก เอนหลังกว้างแนบพนักพิงเช่นเคย เบือนสายตามามองเขา แล้วสายตาร้อยเอกนี่นะ...​ “มึงไม่เคยเป็นงี้เลยนะ”

ขุ่นมัวสุดยอด

“ยังไง”

“ก็แบบ โมโหที่มีคนว่าพี่เมืองอ่ะ ไม่เคยเลยจริงจริ๊ง หรือว่า...”

“หยุด” ร้อยเอกยกมือปรามเพื่อนรักที่ยิ้มกว้างเหมือนสาวน้อยมีความรัก “กูรู้ว่ามึงจะชง”

“เก่งมากครับกัปตัน” ...ร้อยเอกเกลียดร้อยยิ้มของมาวิน

“เลิกชง...ไม่ บอกว่าเลิกชงรอบที่ล้าน มึงก็ไม่หยุดสักที”

“มันเป็นหน้าที่ของชาวเรือ”

“ไอ้ควาย”

“โดนด่าแล้วชื่นใจ”

อยากถอนหายใจสักสิบรอบ

“พี่เมืองไม่ใช่สเป็คกู มึงก็รู้ ไม่ใช่สเป็คก็แปลว่าไม่คิดจะจีบ ไม่มีโอกาสชอบ”

“ไม่มีโอกาสชอบก็พูดเกินไป มึงรู้มั้ยว่าพระเอกนิยายใช้คำว่าไม่ใช่สเป็คมากี่เรื่องแล้ว สุดท้ายก็รักกับคนที่บอกว่าไม่ใช่สเป็คทุกทีนั่นแหละ”

“คงไม่ใช่กูกับพี่เมือง”

“แหมมมม พ่อหนุ่ม กูจะรอดู”

มาวินจะบอกอะไรให้นะ ว่าถึงร้อยเอกจะชอบคนเรียบร้อยกว่าผ้าพับไว้ บริสุทธิ์ผุดผ่อง อินโนเซนต์ต่อโลกใบนี้ เรียกง่ายๆ ว่าคนที่ตรงกันข้ามกับเมืองน้ำ

แต่ตอนที่ร้อยเอกโมโหพวกที่นินทาพี่เมือง รู้มั้ย อาการมันออกขนาดไหน

เขาไม่รู้หรอกว่ามีโมเมนต์อะไรเกิดขึ้นระหว่างสองคนนี้บ้าง แต่เชื่อมาวินเถอะว่าที่ร้อยเอกเกือบลุกขึ้นไปต่อยคนพวกนั้น ไม่ใช่แค่ความรำคาญแน่ๆ

ขนาดหลวงพี่สิงหา มาวินยังคิดถูกมาแล้วว่าหลวงพี่จะไปกับเมืองน้ำไม่รอด นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่มั่นใจว่าคนที่ฟ้าส่งมาให้เมืองน้ำคือร้อยเอกกันล่ะ

แล้วมาวินจะคอยดูว่าร้อยเอกจะตกหลุมรักคนที่ไม่ใช่สเป็คอย่างเมืองน้ำหรือเปล่า



(⺣◡⺣)♡*



“ตกลงมึงจะกลับไปนอน?”

“อือ” ร้อยเอกพยักหน้าพร้อมเสียงตอบรับในลำคอ พลางล้วงกุญแจรถในกระเป๋ากางเกง กดสวิทซ์บนรีโมทเพื่อปลดล็อกรถ แล้วแทรกกายเข้าไปนั่งตำแหน่งคนขับ “นัดตั้งห้าทุ่ม นี่เพิ่งบ่ายโมง ถ้าไม่นอนกูว่ากูไปไม่ไหวว่ะ”

“เออดีแล้ว นอนคือนอนนะมึง ห้ามเล่นเกม เดี๋ยวไม่ได้นอน”

“บ่นกูอีกละ”

“ก็กูห่วงมึงไงวะ กลัวมึงหลับในตอนขับรถกลับบ้านยิ่งกว่ากลัวมึงไม่ได้นอนอีกเนี่ย”

ท่าทางโวยวายของคนที่ยืนพิงประตูรถตัวเองซึ่งจอดข้างกันทำเอาร้อยเอกหลุดขำ มีมาวินคอยเตือนสติในหลายๆ เรื่องก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยเสียงบ่นของมันก็ทำให้เขาไม่อยากขัดใจเพื่อนรักล่ะนะ

ร้อยเอกรับปากมาวินว่าจะกลับไปนอนโดยไม่มีการเปิดคอมเล่นเกมอย่างเด็ดขาด เพื่อนสนิทที่ตัวสูงเกือบเท่าเขาถึงยอมเดินกลับไปที่รถ และขับรถออกจากลานจอด

นัดที่เขาพูดถึงคือนัดทั่วไปที่พวกรุ่นพี่จะมารวมตัวเมื่อมีเวลาว่างตรงกัน ทั้งรุ่นพี่ปีสี่ และกลุ่มรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว เขาไม่ไปก็ได้ ถ้าไม่ติดว่ารับปากนัดครั้งนี้ไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว อีกอย่าง อาจารย์เพิ่งประกาศยกคลาสวันพรุ่งนี้ ร้อยเอกเลยเบาใจขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยถ้าเมาก็นอนหมดสภาพอยู่บ้าน ไม่ต้องแบกร่างกายอ่อนแรงมาเรียนอย่างวันนี้อีก

ร้อยเอกเสียบกุญแจแล้วหมุนเพื่อเปิดการทำงานรถยนต์ วางแขนข้างหนึ่งบนพวงมาลัย ส่วนอีกข้างเอื้อมเปิดเครื่องปรับอากาศ เลื่อนนิ้วไปกดเปลี่ยนคลื่นวิทยุจากรายงานสภาพจราจรเป็นคลื่นเพลงสากล ก่อนจะซบศีรษะหนักๆ ลงบนแขน ปิดเปลือกตาลงช้า และปล่อยให้เสียงเพลงพาเขาเข้าสู่ความฝัน

แผนตั้งใจว่าจะงีบหลับพังไม่เป็นท่า ไม่ทันหายโมโห อาจารย์ก็เดินเข้ามาและการนั่งเรียนคาบเช้าก็เริ่มต้นหลังจากนั้น

ง่วงจะตายชัก ของีบสักสิบนาทีแล้วกัน

ไม่มีใครพูดถึงเมืองน้ำในแง่ลบต่อหน้าเขาอีก แต่ในไลน์กลุ่ม เขาไม่แน่ใจ และถ้ามีอีกครั้ง ร้อยเอกไม่รู้ว่าเขาจะทนอ่านข้อความแย่ๆ ที่คนอื่นพูดถึงเมืองน้ำได้หรือเปล่า

มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด เขาคิดว่าคงมีคนหมั่นไส้เมืองน้ำมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นคนอื่นคงช่วยกันเตือนพวกปากสุนัขในไลน์กลุ่มไปแล้ว

พี่เมืองมีภาพลักษณ์ที่ดีมากในโลกโซเชียล แต่ก็ยังไม่วายมีคนมาโพสต์เหน็บแนมเรื่องส่วนตัว อย่างเช่นเรื่องความรักที่คบแต่คนรวย แล้วยิ่งคนล่าสุดที่ตกเป็นประเด็นคือรุ่นพี่ที่ชื่อรักษ์ด้วยแล้ว

ไม่ใช่แค่ไลน์คณะของเขาแน่นอน

ถ้าเมืองน้ำคบกับรุ่นพี่คนนั้นจริงๆ ก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับใครเลยนี่

พี่เมืองคงไม่อยากให้ใครยุ่งด้วยเหมือนกัน ที่เขาถามวันนั้นถึงไม่ได้คำตอบ

หรือจริงๆ ต้องใช้คำว่าไม่เกี่ยวกับร้อยเอกไปด้วยอีกคน

อืม ก็ใช่แหละ

ก๊อกๆ~ ก๊อก~

ร้อยเอกสะดุ้งเล็กๆ กับเสียงกำปั้นที่เคาะเบาๆ บนกระจกรถ สติที่เริ่มพร่าเลือนค่อยๆ หวนกลับมาช้าๆ ยืดกายนั่งตรง เอื้อมมือไปลดเสียงเพลงบนเครื่องรับวิทยุเมื่อเห็นว่าเจ้าของกำปั้นคือใคร

เมืองน้ำเคาะกำปั้นใส่กระจกรถเขาอีกครั้ง ขยับริมฝีปากได้รูปเป็นประโยคที่เขาได้ยินไม่ชัด อ่านจากปากแล้วได้ใจความว่า ‘ลดกระจก’ แต่ยังไม่ทันทำตามที่อีกคนบอก คนที่หลุดมาจากความคิดเสมอก็รีบวิ่งไปขึ้นแท็กซี่ที่ขับมาจอดเทียบริมฟุตปาธเสียก่อน

คงเป็นแท็กซี่ที่พี่เมืองเรียกมา

ว่าแต่...ถ้าไม่มีใครมาส่ง ก็ขับรถมาเรียนเองไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้ถึงนั่งแท็กซี่ได้ล่ะ

“มาไวไปไวจริงๆ พี่เมือง”

กระจกหนาทึบลดลงจนสุด ร้อยเอกถึงเห็นว่าเมืองน้ำแขวนแก้วกาแฟไว้ที่กระจกมองข้าง คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความแปลกใจ ถึงอย่างนั้นก็เอื้อมไปหยิบสิ่งที่อีกคนแขวนทิ้งไว้

แก้วกาแฟ...ไม่ใช่แก้วเปล่า ปริมาณที่ยังเต็มเต็ม และหลอดที่ไม่มีหยดน้ำข้างใน ยังไม่ผ่านการดูด

เพิ่งซื้อมาใหม่

ซื้อมาให้เขางั้นเหรอ

พักนี้ใจดีผิดปกติจริงนะ

แต่เดี๋ยวก่อนน

“อึก!...”

รสชาติที่ทำให้กาแฟในปากร้อยเอกเกือบพุ่งใส่พวงมาลัยเต็มๆ นี่มัน...

กาแฟที่ไหนมันเปรี้ยวเหมือนน้ำมะนาวขนาดนี้วะเนี่ยย



(⺣◡⺣)♡*



พอหายเจ็บเท้าก็สวมวิญญาณมารร้ายทันทีเลยนะพี่เมือง

ร้อยเอกตื่นเต็มตาหลังดื่มกาแฟผสมมะนาวเข้าไปอึกเดียว ดูจากถุงแล้วเดาได้ไม่ยากว่าซื้อมาจากใต้ตึกคณะของเขา และจำได้แม่นว่าร้านใต้ตึกไม่ขายกาแฟที่เปรี้ยวจัดถึงขนาดนี้

จงใจสั่งสูตรพิเศษมาแกล้งกันชัดๆ ถ้าร้อยเอกท้องเสียล่ะก็ คอยดูเมืองน้ำ คอยดูเลย

พอกลับถึงบ้าน กาแฟที่ดื่มไปแค่สองอึกก็หมดฤทธิ์ในทันที เขาใช้เวลาที่เหลือไปกับการนอน รู้สึกตัวอีกครั้งในตอนที่สิบเอกมาเคาะประตู และขอให้ร้อยเอกไปช่วยดูคอมให้หน่อย

ฟ้าด้านนอกคลุมด้วยสีน้ำเงินเข้ม เริ่มมีหมู่ดาวปรากฏให้เห็น อีกไม่กี่ชั่วโมงจะมืดสนิทจนดาวผุดระยิบระยับเต็มท้องฟ้า ร้อยเอกกลับมาที่ห้องหลังเคลียร์ไวรัสในคอมน้องชายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาควรหาอะไรทำระหว่างรอเวลาเดินทางออกจากบ้าน อย่างน้อยๆ ก็ลงไปช่วยแม่เตรียมมื้อเย็นในครัว แต่ร่างกายดันตรงกันข้ามกับความคิด

ไม่ทันไรร้อยเอกก็เดินมาหยุดตรงระเบียงห้องนอนแล้ว

เมืองน้ำยังไม่กลับบ้าน ไม่มีรถจอด ไม่มีไฟเปิด ไม่ใช่แค่ชั้นล่าง ห้องนอนฝั่งตรงข้ามที่อยู่ชั้นบนก็เช่นเดียวกัน

เมืองน้ำไปไหน จะมืดแล้วยังไม่กลับบ้านอีก ปกติไม่ใช่คนเถลไถลไม่ใช่รึไง

โมโหทำไมร้อยเอก

ร่างสูงพ่นลมหายใจหนักๆ อย่างหัวเสีย เดินกลับเข้าไปด้านใน ลดสะโพกลงบนเตียงพลางเอื้อมคว้าเครื่องมือสื่อสาร แล้วรีบกดเข้าห้องแชทอีกคนโดยเร็ว



101 :
พี่เมืองอยู่ไหน
ทำไมไม่กลับบ้าน
เป็นอะไรรึเปล่า
พี่เมืองงง


101 :
ตอบหน่อยได้มั้ย
รู้นะว่าเห็น


ร้อยเอกพิมพ์ไปงั้นๆ ไม่รู้ว่าเมืองน้ำเห็นการแจ้งเตือนของเขาหรือเปล่า แต่ถ้าเห็นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี อย่างน้อยก็ทำให้เมืองน้ำรำคาญจนหยิบโทรศัพท์มาตอบได้

แต่ว่า นี่มันสิบนาทีแล้วนะ เมืองน้ำไม่แม้แต่เปิดอ่านด้วยซ้ำ

ผิดปกติเกินไปแล้ว



101 :
พี่เมือง


m.nam ☆° :
ขอโทษๆ (◞‸◟)
ตอบแล้ววว
พี่มาทำธุระ ยังกลับไม่ได้
ดีลงานกับลูกค้า
ไม่ต้องห่วง กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยแน่นอน


101 :
ใครห่วงอ่ะ
ถามไปงั้นแหละ
ทำงานไป ไม่ต้องตอบ


m.nam ☆° :
นึกว่าจะห่วงกันจริงๆ ซะอีก (´・_・`)

ริมฝีปากสีอ่อนคลี่ยิ้มโดยไม่รู้ตัว สายตายังจดจ้องบนหน้าจอแม้อีกฝ่ายจะตอบมาแค่สติ๊กเกอร์ ทว่าครู่เดียวที่ร้อยเอกหลุดยิ้ม ไม่กี่วินาทีต่อมา แจ้งเตือนจากไลน์เพื่อนรักก็ทำให้ยิ้มของเขาจางหายในทันที

มาวินแคปโพสต์ล่าสุดจากไอจีของใครสักคน อ่านจากชื่อก็พอจะรู้ว่าเป็นแอ็กเคาต์ของรุ่นพี่คนนั้น

ภานุรักษ์โพสต์รูปที่ถ่ายในร้านอาหารหรูหรา แท็กจานสเต็กฝั่งตรงข้ามที่มีคนนั่งแต่ไม่เห็นหน้าด้วยแอ็กเคาต์เมืองน้ำ

สองคนนี้อยู่ด้วยกัน...

ไหนพี่เมืองบอกเขาว่าทำธุระ

ไหนบอกว่าดีลงานกับลูกค้าอยู่ไงล่ะ


Marvin : ยอมเหรอครับกัปตัน ขิงสิขิง ขิงกลับด่วนโว้ย


ร้อยเอกจะเอาอะไรไปขิง ไม่สิ จริงๆ ต้องบอกว่าทำไมร้อยเอกต้องขิงกลับต่างหาก เขาไม่ได้เป็นอะไรกับเมืองน้ำสักหน่อย ที่ไลน์ไปถามก็เพราะเมืองน้ำไม่ค่อยกลับบ้านดึก กลัวจะมีปัญหา แค่นั้น และทั้งที่บอกตรงๆ ก็ได้ว่าไปดินเนอร์กับพี่รักษ์อยู่ ไม่มีเวลาตอบข้อความ แต่เรื่องแค่นี้เมืองน้ำกลับเลือกไม่บอกเขา

คู่กัดยังไงก็เป็นคู่กัด และคู่กัดก็เป็นแค่คนอื่นสำหรับเมืองน้ำวันยังค่ำนั่นแหละ

สรุปว่าคบกันจริงสินะ

เหอะ...เสียความรู้สึกสุดๆ เลย







---------------- มีต่อด้านล่างค่า ------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2018 23:25:14 โดย ErrorPOP »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
---------------------- ต่อ ตอนที่ 3 -----------------



“หน้าบึ้งฉิบหาย ทำหน้าให้มันมันๆ หน่อยเพื่อน ทำหน้าจอยๆ อ่ะมึงรู้จักมะ”

นึกไว้แล้วว่าประโยคแรกที่มาวินพูดกับเขาต้องเป็นคำพูดแนวนี้ ร้อยเอกไม่ตอบเพื่อนตัวสูงที่มือข้างหนึ่งถือแก้วไวน์ อีกข้างใช้ลูบปอยผมสาวน้อยหน้าตาสะสวยที่ตัวเองโอบไหล่ไว้

ร้อยเอกคิดว่าเขามาช้า ช้ามากจนเพื่อนรักได้สาวมาควงในคืนนี้แล้ว

มาผับทีไรออกลายทุกที ให้มันได้อย่างนี้สิมาวิน

“นั่งโต๊ะไหน”

“เมินคำพูดกูอ่า”

“มึงก็เมินคำถามกูเหมือนกันแหละ สรุปว่านั่งโต๊ะไหน”

“โต๊ะเดิมชั้นสอง โซนวีไอพี”

ก็แค่นั้น

มือเรียวยกขึ้นยีผมที่เซตมาอย่างลวกๆ ที่จริงก็พอมีเวลาแต่งตัวหล่อๆ มาดีลสาวเก็บแต้มเหมือนมาวิน แต่เขาไม่มีอารมณ์ เลยนอนฟังเพลงรอเวลาขับรถมาผับเท่านั้น

ไม่อยากยอมรับ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมืองน้ำทำให้เขาอารมณ์ไม่ดีจนถึงตอนนี้

ร้อยเอกยืนนิ่งเพื่อปรับโฟกัสในสภาพแสงน้อย เสียงเพลงจังหวะฮิปฮอปที่ดังกระหึ่มดูเหมือนจะช่วยให้เขาผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง แม้แค่เสี้ยวเดียวก็ตาม คนตัวสูงก้าวขายาวๆ ขึ้นมาชั้นสอง ตรงเข้าไปด้านในสุด พื้นที่ที่เพลงไม่ได้ดังน้อยกว่าด้านล่าง แต่เด่นเรื่องความเป็นส่วนตัว เพราะไม่ได้ตั้งโต๊ะติดกันเหมือนด้านล่าง

ไม่เห็นมีใครนั่งอยู่เลย ยังไม่มากันเหรอ

ไม่...นี่เที่ยงคืนแล้ว คนที่มาก็คง...
ร้อยเอกเบือนหน้าหนีเมื่อเห็นรุ่นพี่ที่เป็นคนนัดเขานั่งนัวเนียกับผู้หญิงหุ่นแซ่บตรงโซฟาอีกตัว ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ทั้งที่เป็นคนนัดเขามา คนอื่นที่มาด้วยก็คงแยกย้ายไปตามจุดต่างๆ ของผับแล้ว รุ่นพี่คนเดิมยกมือทักทายและเรียกชื่อเขาดังๆ ก่อนจะหันไปนัวเนียต่อ

อีกนิดเดียวคงพากันไปเปิดห้องได้เลยมั้ง

บัดสีจริงๆ

“แน่ใจนะว่าจะนั่งอยู่บนนี้”

“แน่ใจ ลงไปเต้นเถอะ อยู่ได้”

แล้วนี่มันเรื่องอะไรกันวะ

เพราะมัวแต่มองรุ่นพี่ ร้อยเอกเลยไม่ทันสังเกตว่าคนต้นเหตุของอารมณ์ขุ่นมัวนั่งอยู่ชั้นบนด้วยอีกคน เมืองน้ำสวมเชิ้ตโอเว่อร์ไซส์สีครีม กับกางเกงยีนส์ทรงสกินนี่ และเพิ่มลูกเล่นให้คนมองไม่อาจละสายตาด้วยสร้อยโชคเกอร์ลายลูกไม้

ตาคู่สวยต้องแสงไฟหยุดชะงักเมื่อมองเห็นเขา ร้อยเอกไม่สนใจมือเล็กๆ ที่ยกขึ้นโบกทักทาย ปล่อยให้เมืองน้ำลดมือลงช้าๆ ขณะลดกายนั่งลงฝั่งตรงข้าม

ขอบคุณที่โต๊ะมันยาวถึงขนาดนี้ ถ้าต้องนั่งติดกับเมืองน้ำ นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะมีเรื่องน่าหงุดหงิดเกิดขึ้นมากขนาดไหน

เห็นแค่หน้า เห็นแค่การแต่งตัวที่ไม่ได้พิเศษอะไรมากมาย แต่กลับดึงดูดให้คนโต๊ะอื่นชำเลืองมองเป็นระยะ เห็นแค่นี้ร้อยเอกยังหงุดหงิดเลย

จบจากพี่รักษ์ก็มาหว่านเสน่ห์ที่นี่ต่อ

หมั่นไส้

แล้วก็นะ เขารู้หรอกว่าเมืองน้ำก็รู้จักกับรุ่นพี่ที่ชวนมาเที่ยวเหมือนกัน แต่หลายๆ ครั้งไม่เห็นเมืองน้ำมาด้วย ทุกครั้งที่มาก็ทะเลาะกันจนโดนจับแยก ทำไมวันนี้ถึงมาได้ล่ะ

ไม่กลัวเกิดสงครามระหว่างเขากับตัวเองหรือไง

หรือเขาควรลงไปชั้นล่าง เดินดีลสาวอย่างมาวินบ้าง แต่ถ้าลงไป เท่ากับว่าเมืองน้ำนั่งคนเดียว แถมยังมีสายตาแพรวพราวจากพวกนักดื่มโต๊ะอื่นจ้องไม่วางตาอีก

“มาคนเดียวเหรอครับ”

งั้นร้อยเอกนั่งมองคนเสน่ห์แรงอยู่ตรงนี้ไปเรื่อยๆ แล้วกัน

“เอ่อ...มากับเพื่อนครับ”

“แล้วเพื่อนไปไหนเอ่ย ไม่เห็นอยู่ด้วยเลย”

“เพื่อนลงไปเต้นข้างล่างครับ เดี๋ยวก็คงขึ้นมา”

“แต่อีกนานกว่าจะขึ้นมาใช่มั้ยครับ เห็นตัวเล็กนั่งตรงนี้ตั้งนานแล้ว ไม่เหงาเหรอหืม?”

ตึก!

เมืองน้ำสะดุ้งกับเสียงแก้วเหล้าที่กระทบโต๊ะไม้เนื้อดีจากคนฝั่งตรงข้าม ตั้งแต่เดินเข้ามานั่ง กระทั่งตอนนี้ที่ผู้ชายโต๊ะข้างๆ เดินมาคุย ร้อยเอกก็ยังไม่มองหน้าเขา ไม่รู้ไปโมโหเรื่องอะไรมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังไลน์มาถามเรื่องที่เมืองน้ำกลับบ้านดึกอยู่เลย

ไปเจอเรื่องอะไรมาหรือเปล่านะ

เมืองน้ำอยากถามชะมัด แต่ร้อยเอกคงไม่อยากคุย เพราะถ้าจะคุยก็คงไม่เมินตอนเมืองน้ำยกมือทักทายหรอก

“ไม่เหงาครับ ที่จริงก็มีคนรู้จักมาด้วย”

“ใคร น้องหน้าหล่อคนนั้นน่ะเหรอ”

“ครับ” ริมฝีปากน่าสัมผัสค่อยๆ วาดยิ้ม กลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะทำให้คนที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อจะอารมณ์เสียจนเกิดเรื่องไม่ดี “มีน้องคนรู้จักนั่งเป็นเพื่อน ไม่เหงาหรอก”

“งั้นพี่นั่งด้วยคนได้มั้ย”

เอาไงดี...

เมืองน้ำไม่อยากตอบตกลงเลย

“เอ่อ...”

“ตอบเร็วๆ สิครับ”

“คือเมือง...”

“เหล้าผมหมดแล้วอ่ะ ของพี่เมืองหมดยัง เอามาแบ่งหน่อยดิ”

พ่นลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อจู่ๆ คนฝั่งตรงข้ามก็ลุกพรวด ก้าวเร็วๆ มานั่งบนเก้าอี้ตัวด้านข้างเขา เมืองน้ำไม่ทันได้คว้าขวดเหล้าแบรนด์หรูที่วางอยู่ด้านหน้า ร้อยเอกจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ รินแอลกอฮอล์ใส่แก้วในมือโดยไม่พูดซ้ำ

“พี่จะนั่งด้วยกันมั้ยครับ นั่งดื่มกันสามคนไปเลย สนุกดีนะ”

“พี่อยากนั่งกับน้องตัวเล็กสองคน”

“โทษทีครับ ผมขี้เกียจเดินกลับแล้วอ่ะ เหล้าตรงนู้นไม่อร่อย ตรงนี้อร่อยกว่า”

เหล้าแบรนด์เดียวกัน สูตรเดียวกันมั้ยล่ะร้อยเอก

แต่ถ้าทำให้คนที่พยายามหว่านล้อมเมืองน้ำชักสีหน้า และเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเองได้ ร้อยเอกก็คิดว่าคุ้ม

“ขอบคุณนะ”

“ไม่ต้องขอบคุณ ไม่อยากได้”

เมืองน้ำคิดว่าเสียงเพลงน่ะดังสุดๆ เลยนะ ทว่าทำไมบรรยากาศระหว่างเมืองน้ำกับร้อยเอก ดูเงียบและอึดอัดขนาดนี้ล่ะ ขอบคุณก็ไม่ได้ พูดด้วยก็ไม่พูด แถมยังขมวดคิ้วใส่อีก

“มายังไง”

“…?”

“ผมถามว่าพี่มายังไง”

นึกจะพูดก็พูด นึกจะห่วงก็ห่วง นึกจะเหวี่ยงก็เหวี่ยง อะไรของเขา

เมืองน้ำเดาใจไม่ถูกแล้ว :(

“มีคนมาส่ง”

“พี่รักษ์เหรอ”

“ก็...ใช่”

หน้าบึ้งอีกแล้ว ร้อยเอกหงุดหงิดเรื่องไหนมาเนี่ย

“ไปคุยธุระมา คุยเสร็จเพื่อนก็ชวนมาที่ร้าน พี่รักษ์ก็เลยมาส่งอ่ะ”

“เหรอ”

“ใช่สิ”

ร้อยเอกหัวเราะในลำคอ หมั่นไส้ดวงตาใสๆ ตอนพูดถึงพี่รักษ์จนอยากยกมือบีบปากนุ่มแรงๆ บอกแค่พี่รักษ์มาส่งก็ได้ เขาไม่อยากรู้รายละเอียดขนาดนั้นหรอก แล้วที่พูดมา...ไม่มีคำว่าดินเนอร์กับภานุรักษ์สักคำ ขณะที่อีกฝ่ายโพสต์ลงไอจีชัดเจน

เมืองน้ำก็ยังเป็นเมืองน้ำ เป็นคนที่ไม่จริงใจกับใครเหมือนเดิมนั่นแหละ

ก็เป็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาคงหวังในตัวเมืองน้ำมากไปเอง

ว่าแต่...ร้อยเอกหวังอะไรจากคู่กัดคู่แกล้งของตัวเองอยู่

“ร้อยเอกชอบเหล้าแบรนด์นี้นี่นา”

เขาไม่รู้...

“ทำอะไรอ่ะพี่เมือง” ร้อยเอกถามเสียงขุ่น แต่คนตัวเล็กกลับไม่ฟัง หยิบเหล้าอีกแบรนด์ที่วางรวมกับแบรนด์อื่นมารินใส่ทั้งแก้วตัวเองและแก้วของเขา “จะมอมเหล้าผมรึไง”

“โอ๊ย! ใครจะไปทำงั้น คิดมาได้” มือเล็กตีแขนแข็งแรงเบาๆ เป็นการลงโทษ วางขวดในมือลงที่เดิม

“ใครจะไปรู้ อยู่ดีๆ ก็มารินเหล้าให้ ปกติพี่ไม่ทำงี้ แทบจะเอาเหล้าสาดหน้าผมทุกครั้งที่มาร้านเดียวกันอ่ะ”

“เว่อร์มาก” คนตัวสูงยักไหล่ “ก็เห็นโมโหอะไรอยู่ อยากให้อารมณ์ดี ก็เลยรินเหล้าให้ไง บ้าเปล่า อยู่ดีๆ มาบอกว่าคนอื่นจะมอมเหล้าตัวเอง”

“เออบ้า”

บ้าทั้งพี่เมืองที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรไว้ บ้าทั้งร้อยเอกที่แค่เห็นคนข้างกายหน้านิ่วคิ้วขมวดตอนพูดว่า ‘บ้าเปล่า’ ก็หลุดยิ้มออกมาดื้อๆ

อารมณ์เปลี่ยนไวยิ่งกว่าอะไรดี

เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย หรือเขามีหลายบุคลิกกันนะ

ไร้บทสนทนาหลังจากนั้น ความอึดอัดที่เคยก่อตัวเป็นควันสีเทาจางลงอย่างเห็นได้ชัด อาจจะน้อยจนมองไม่เห็นแล้วก็ได้ ร้อยเอกกระดกแอลกอฮอล์รสเลิศเข้าปาก เช่นเดียวกับเมืองน้ำที่ดื่มไม่หยุดมากว่าสิบนาทีแล้ว

ร้อยเอกไม่ใช่คนดื่มเก่ง คำว่าคอทองแดงน่ะตัดออกจากสารบบของเขาได้เลย แต่เขาก็ไม่ใช่คนเมาง่าย เรียกว่ารู้ลิมิตตัวเองคงเหมาะกว่า

แต่สำหรับเมืองน้ำ พี่เมืองก็มีลิมิตของตัวเองเหมือนกัน พนันได้เลยว่าไม่เกินสิบแก้ว และเท่าที่ดื่มเข้าไปตอนนั่งอยู่กับเขา หก...ไม่ น่าจะแปด

เฮ้ นี่จะเกินลิมิตแล้วนะ

“พี่เมือง ก่อนผมจะมานั่งด้วย ดื่มไปกี่แก้วแล้ว”

“อืม…” เสียงเอื่อยๆ หวานๆ กับดวงตาแวววาวด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ อีกทั้งริมฝีปากที่กำลังกัดแตงโมที่จิ้มขึ้นมาจากจานผลไม้นั่นน่ะ “น่าจะสาม”

ถ้าคืนนี้จะเจอเสือสิงห์กระทิงแรดที่ไหนมาขอเบอร์อีก ร้อยเอกก็ไม่แปลกใจ

“พอได้แล้ว เกินสิบแก้วแล้วนะ”

“บ้าน่า ไม่เกินหรอก”

“พี่เมืองดื่มได้แค่สิบแก้วก็เมา ลืมไปแล้วรึไง”

“ไม่ลืมๆ แต่พี่ดื่มได้เยอะขึ้นแล้ว”

“พี่เมือง”

“ว่าแต่ร้อยเอกจำได้ด้วยเหรอว่าพี่ดื่มได้แค่ไหน”

“…”

“ดีใจจังที่จำได้”

“จะมาดีใจทำไมล่ะ”

“ก็ดีใจอ่ะ” ว่าแล้วก็ยกขึ้นดื่มอีกแก้วพร้อมเสียงหัวเราะน้อยๆ

ชัดเลย ใกล้เมาแล้วแน่นอน

“เครียดอ่าร้อยเอก”

“เครียดอะไร”

“เครียด”

“เครียดอะไรครับพี่เมือง”

คนที่จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุไม่ตอบคำถามเขา เมืองน้ำตั้งท่าจะรินเหล้าใส่แก้วอีกรอบ ทำให้ร้อยเอกต้องรีบดึงออกโดยเร็ว เมืองน้ำส่งเสียงโวยวาย ฟังไม่ได้ศัพท์ พร้อมใบหน้ายุ่งๆ เหมือนเด็กถูกขัดใจ เมาทีไรเป็นอย่างนี้ทุกที และทุกๆ ครั้งพี่เมืองต้องหาเรื่องทะเลาะกับเขา แต่หนนี้...มีแค่หน้ายุ่งๆ ที่จ้องมองเขาเท่านั้น

ร้อยเอก...

ไม่ชินกับเมืองน้ำเวอร์ชั่นนี้

“พี่เมือง กลับบ้านมั้ย”

“เพิ่งมาเอง...” เมืองน้ำกระโดดลงจากเก้าอี้ทรงสูง ทำให้ร้อยเอกต้องรีบก้าวลงตาม “อยากไปเต้นอ่ะ”

“เต้น?”

จริงด้วย ดีเจกำลังเปิดเพลงมันๆ อยู่เลยนี่นะ

“เต้นๆๆๆ มีเพลงเกาหลีอ่ะอยากเต้น ไปเต้นกัน”

สุดท้ายก็ยอมจนได้ ร้อยเอกคว้ากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์เมืองน้ำ วางสายตาบนมืออีกข้างที่ถูกมือเล็กจับไว้แนบแน่น แต่แค่ครู่เดียวก็ต้องดึงสายตากลับมามองทางเดินเมื่อคนโตกว่าดึงเบาๆ ให้เดินตามไปชั้นล่าง

มาวินส่งเสียงแซวทันทีที่เห็นเขาเดินมากับเมืองน้ำ เพื่อนตัวดีกำลังเต้นคลอเคลียกับสาวคนเดิมที่ดีลไว้ก่อนเขามาถึง ปากก็ร้องแซวสู้เสียงเพลงไม่เลิก จนร้อยเอกเป็นฝ่ายดึงเมืองน้ำมายืนจุดอื่นเสียเอง

“พี่เมืองควรกลับบ้าน”

“อย่าเพิ่งดิ เต้นก่อน” ร้อยเอกผ่อนลมหายใจ เก็บทรัพย์สินส่วนตัวของเมืองน้ำที่ถืออยู่ใส่กระเป๋ากางเกง ส่วนคนที่อยู่ไม่สุขเปลี่ยนมายืนข้างหน้าเขา “เต้นๆๆ เนี่ยร้อยเอกเต้นดิ วงนี้มีคนไทยด้วยนะ”

เห้อ...

ร้อยเอกอยากจะบ้าตาย

เต้นเฉยๆ เต้นเป็นเพื่อนก็ได้อยู่หรอก แต่เขาไม่ชอบสายตาคนอื่นที่มองมาที่เมืองน้ำ คนที่มองน่ะจับเมืองน้ำกลืนได้คงทำไปแล้ว ถ้าเมืองน้ำมาที่นี่คนเดียว แล้วเมาไม่รู้เรื่องแบบนี้ เชื่อเถอะว่าไม่รอดมือใครสักคนในผับนี้แน่

ร้อยเอกโอบเอวเล็กเข้ามาประชิดกาย พาเมืองน้ำที่โวยวายไม่หยุดหลีกหนีความวุ่นวายออกมาด้านนอก แทบจะกลายเป็นอุ้มมือเดียวด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าคนโตกว่าเลิกโวยวายซะก่อน

“ร้อยเอกกก...” แล้วก็ใช้น้ำเสียงหงิงๆ เหมือนลูกหมาพูดกับเขาแทน

ถ่ายไปลงเน็ตดีมั้ย เมาแล้วกลายเป็นเด็กสามขวบขนาดนี้

ร้อยเอกพาเมืองน้ำออกมาด้านหลัง ที่ตรงนี้เป็นทางเชื่อมไปลานจอดรถที่ไม่ไกลมากนัก เดินแค่ห้านาทีก็ถึง ปัญหามันอยู่ที่เขาจะพาเมืองน้ำไปถึงรถโดยที่เจ้าตัวไม่ไหลไปกองกับพื้นก่อนได้ยังไง

หน้าแดงตัวแดงไปหมดแล้ว

พี่เมืองนี่จริงๆ เลย

“ร้อยเอก...”

“ว่าไง”

“งือ…”

“พี่เมืองตั้งสติหน่อย”

“...พี่รักษ์บอกว่า...จะมารับ”

ร้อยเอกกลอกตามองบน ดุนลิ้นใส่แก้มขาวอัตโนมัติ เริ่มไม่ชอบคำว่า ‘พี่รักษ์’ เข้าให้แล้ว

“แล้วพี่รักษ์จะมาตอนไหน”

“ม่ายยยยลู้”

สำเนียงแบ๊วมากมั้ย!

น่าโมโห

แขนที่โอบกายเล็กกระชับแน่น เมื่อมั่นใจว่าเมืองน้ำจะไม่หลุดจากอ้อมกอดเขา คนตัวสูงจึงหยิบโทรศัพท์ของคนเมาขึ้นมาไล่ดูการแจ้งเตือนในหน้าจอล็อก แจ้งเตือนล่าสุดคือข้อความที่ภานุรักษ์ส่งมาหาเมื่อยี่สิบนาทีก่อน

บอกว่ามารับไม่ได้แล้ว

แค่นี้ร้อยเอกก็กลับมายิ้มได้ดังเดิม

“กลับกับผมละกันนะ”

“อื้อ กลับกับร้อยเอก อยากขี่หลังอ่ะ ขี่หน่อยๆ”

อีกครั้งที่ยิ้มโดยไม่รู้ตัว

ทุกครั้งที่เจอเมืองน้ำในผับแห่งนี้ ถ้าพี่เมืองไม่เมาก็ไม่เดือดร้อน แต่ถ้าเมา ก็เป็นเขาที่ต้องพาเจ้าตัวกลับบ้านเกือบทุกครั้ง เมืองน้ำมักขอเขาขี่หลังเสมอ เชื่อว่าพอสร่างเมาคงจำไม่ได้หรอก ไม่ว่าครั้งก่อนที่ขึ้นมาบนหลังเขาแล้วก็โวยวายจนทะเลาะกัน หรือครั้งนี้ที่ขึ้นมาแล้วไม่ชวนทะเลาะสักคำ

“ร้อยเอก...”

ดันไหล่เขาด้วยแก้มนุ่มๆ

“ว่า”

“พูดเพราะๆ หน่อยซี่”

เอานิ้วจิ้มแก้ม แถมหัวเราะชอบใจตอนเขาเบี่ยงหน้าหลบอีกด้วย

“ครับ ว่าไง เรียกร้อยมีอะไร”

นี่ร้อยเอกลงทุนพูดเพราะเหมือนตอนพูดกับคนในบ้านเลยนะ เลิกทำหน้าเศร้าได้แล้ว

“อย่าหงุดหงิดใส่เมืองน้ำเยอะเลยนะ”

อะไรของพี่เมือง

“เมืองน้ำไม่ชอบเลย เสียใจมากๆ เลยนะ”

“เพี้ยนเหรอ ทำเสียงอย่างกับจะร้องไห้”

“ฮื่อออ”

“เบ้ปากด้วย เรียนเอกการแสดงมั้ยเนี่ยพี่เมือง”

“ไม่ได้แสดงนะ”

“…”

“ทำไมมีแต่คนว่าเมืองน้ำ”

อะไรนะ...

“เมืองน้ำโดนด่าบ่อยจังเลย”

“…”

“เมืองน้ำไปทำอะไรให้ ทำไมต้องว่ากันด้วย”

“ใครว่าพี่เมืองครับ”

“เกษตร...”

“…”

“เพื่อนแคปมาให้ดู มีแต่คนว่าพี่เมือง”

เมืองน้ำรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ...

“ทุกคนว่าพี่เมืองแรงจังเลยร้อยเอก”

“พี่เมือง”

“ว่าแรงจังเลย ว่าแรงจัง ว่าแรงจัง...”

“พี่เมืองได้ยินร้อยมั้ย”

“ไม่ได้ยิน”

“ไม่ได้ยินแล้วตอบได้ไงครับ”

“ว่าเมืองน้ำแรงจัง...”

สงสัยคราวนี้จะไม่ได้ยินจริงๆ

อีกไม่ถึงสิบเมตรจะเดินถึงจุดที่จอดรถไว้ แต่ร้อยเอกเลือกที่จะก้าวช้าๆ เพื่อฟังคำพูดเดิมที่เมืองน้ำพูดซ้ำไปซ้ำมา

เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่าระบายให้เขาฟัง แต่เขาก็อยากรู้ว่าเมืองน้ำจะพูดอะไรออกมาอีก

ว่ากันว่าเวลาเมาคือช่วงที่คนเราระบายความในใจออกมาโดยไม่รู้ตัว แล้วเมืองน้ำรู้หรือเปล่าว่าที่แสดงออกมาทั้งหมด ไม่เหมือนเมืองน้ำที่เขาเคยรู้จัก

มารร้ายที่เขามองเห็นมาตลอดสามปี ไม่ใช่เมืองน้ำในตอนนี้

ไม่เลย...



(⺣◡⺣)♡*



#ร้อยเมือง







เอ๊ะ ยังไงกันคู่นี้ /)~(\

ขอบคุณทุกๆ ฟีดแบ็กนะคะ <3
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2018 23:25:42 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
4



เสียใจมากนะ







 

 






‘ถ้าลงไม่ไหวก็ไม่ต้องลง ตื่นแล้วไลน์มาบอกด้วย จะเอาน้ำชาไปให้

101 สุดหล่อ’







ถึงจะเวียนหัว แต่ก็มีเรื่องให้อมยิ้มแต่เช้า



ไม่สิ ไม่เช้า กว่าเมืองน้ำจะตื่น กว่าจะเรียบเรียงว่าตัวเองสติหลุดตอนไหน และกลับถึงบ้านได้ยังไง ก็เกือบสิบเอ็ดโมงเข้าไปแล้ว



โพสต์อิทลายน่ารักช่างตรงกันข้ามกับนิสัยคนเขียน ที่เคยสงสัยว่าร้อยเอกรู้ตัวมั้ยว่าตัวเองดูดีแค่ไหนคงไม่ต้องหาคำตอบให้เหนื่อยเปล่า ถ้าเจ้าตัวลงท้ายไว้ขนาดนั้น เมืองน้ำดึงกระดาษแผ่นบางที่แปะโคมไฟออกมา เตรียมขยำทิ้งถังขยะ แต่วินาทีเดียวก็เปลี่ยนเป็นเก็บโพสต์อิทแผ่นเดิมใส่ลิ้นชักข้างเตียง



โมเมนต์ดีๆ จากร้อยเอกไม่ได้มีบ่อยๆ ฉะนั้นต้องเก็บไว้เป็นที่ระลึก



มือบางคว้าโทรศัพท์ที่วางรวมกับกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาปลดล็อก พิมพ์ข้อความสั้นๆ ส่งให้เด็กข้างบ้านก่อนจะไล่ดูแชทคนอื่นต่อ แชทติดต่องาน ไลน์ออฟฟิเชียล โปรโมชั่นสินค้า เพื่อน และ...พี่รักษ์



พี่รักษ์ไม่ว่างมารับ เพราะงั้นร้อยเอกเลยพาเมืองน้ำกลับบ้านงั้นเหรอ



เมื่อคืนหลุดพูดอะไรไปบ้างนะ



หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องน่าอายใช่มั้ย



เมืองน้ำขยับตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อประตูห้องนอนถูกเปิดออก เผยให้เห็นเรือนร่างสูงโปร่ง ร้อยเอกสวมชุดประจำตัวอย่างเสื้อยืดและกางเกงวอร์มขายาว ปล่อยผมแสกกลางแบบพี่มอสปฏิทิน มือข้างหนึ่งเอาถาดรองชามข้าวต้มน้ำเปล่า และชาร้อนๆ แนบเอวไว้



เป็นภาพที่คุ้นเคย ทว่าแตกต่างตรงที่ใบหน้าขาวๆ ไม่บึ้งตึงเวลามองมา



เมืองน้ำชอบที่ร้อยเอกไม่หงุดหงิดใส่



ร้อยเอกวางถาดลงบนเตียง ตำแหน่งด้านหน้าคนตัวเล็ก เสร็จแล้วจึงเดินไปที่ลากเก้าอี้ทำงานของเจ้าของห้องมาทิ้งสะโพกนั่งลงไป



“ทำข้าวต้มเองเหรอ” เมืองน้ำถามพลางหยิบช้อนขึ้นมาตักอาหารในชาม



“เปล่า ขับรถไปซื้อจากหน้าเซเว่นใกล้ๆ หมู่บ้าน”



“เซเว่นตรงนั้นมีข้าวต้มขาย? มีแต่โจ๊กไม่ใช่เหรอ”



“ก็ขายวันนี้วันเดียวไง”



“แต่...”



“พี่จะสงสัยอะไรนักหนา ไม่หิวหรือไง”



“หิวสิหิว สงสัยเยอะก็ไม่ได้ ดุเหมือน...”



“พี่เมือง”



คนโดนดุเงียบเสียง หยุดพูดแล้วหันมาเป่าลมไล่ควันฟุ้งบนช้อนที่ตักข้าวต้มขึ้น รีบนำอาหารเข้าปากก่อนจะถูกดุมากกว่านี้ เพิ่งคิดไปหยกๆ ว่าร้อยเอกไม่หน้าบึ้งตอนเดินเข้ามา ไม่ถึงห้านาทีก็กลับมาขมวดคิ้วใส่เมืองน้ำซะแล้ว



สรุปใครเป็นพี่ ใครเป็นน้องกันแน่



แล้วก็นะ...



ข้าวต้มรสชาติดี แถมหมูสับกับกุ้งเยอะขนาดนี้ ถ้าเป็นข้าวต้มทำขาย จะไม่ขาดทุนหรือไง



“รสชาติเหมือนร้อยเอกทำเองเลยอ่ะ”



“ยังไงไม่ทราบ”



“ก็อร่อยดีไง”



“ถ้าอร่อยก็ต้องซื้อมาจากร้านแล้ว”



“ไม่...พี่ว่าร้อยเอกทำเอง รสชาตินี้ สูตรแบบนี้พี่เคยกินนะ”



“พี่เมืองจะเคยกินได้ไง ผมไม่เคยทำข้าวต้มให้คนอื่นกินเลยนะ”



“อาจารย์พันเอกเอามาให้กิน บอกว่าร้อยเอกทำเอง ชิมหน่อย ถ้าดีจะส่งไปเรียนเชฟ ว่าแต่...เมื่อกี้เหมือนจะหลุดเลยนะว่าทำมาเองอ่ะ”



เถียงไม่ออกเลยเว้ย



ร้อยเอกแสร้งมองไปทางอื่น ปล่อยให้คนที่ต้อนเขาจนเจอทางตันจุดยิ้มบนริมฝีปาก ยอมรับก็ได้ว่าเขาเป็นคนทำข้าวต้มชามนี้เอง แต่แล้วไงล่ะ จำเป็นต้องบอกด้วยเหรอ ก็แค่ข้าวต้มชามเดียว



พี่เมืองนี่นะ แค่ยิ้มไม่พอ ยังยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายของบนถาดเก็บไว้ด้วย



“จะเอาใส่กรอบรึไง ถ่ายทำไมเนี่ยพี่เมือง”



“จะเอาลงไอจี”



“คนเราไม่จำเป็นต้องถ่ายทุกอย่างลงก็ได้มั้ย”



“ก็อยากเอาลงอ่ะ” เมืองน้ำยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายเจ้าคนช่างถามแทนจานข้าว แล้วลดมือลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกคนไม่ชอบ



นู่นก็ไม่ชอบ นี่ก็ไม่ชอบ



ร้อยเอกไม่เคยชอบในสิ่งที่เมืองน้ำทำสักอย่าง



“ลบรูปร้อยเอกให้ก็ได้ แค่นี้ก็ต้องโกรธกันด้วย”



“ก็ไม่น่าถ่ายตั้งแต่แรก”



ริมฝีปากนุ่มยู่ย่นอย่างห้ามไม่ได้ คู่กัดก็ยังเป็นคู่กัด ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงจริงๆ เมืองน้ำไม่ได้ขอให้เราต้องมาทำดีใส่กันตลอดเวลาหรอกนะ แค่หลายวันมานี้ไม่มีแรงสู้รบกับใคร เลยคิดว่าเราอาจจะคุยกันด้วยถ้อยคำดีๆ ได้บ้าง



ดูจากแววตาขุ่นเคืองของร้อยเอก เมืองน้ำคงต้องการมากไปเอง



เปลี่ยนเรื่องคุยดีมั้ย ไม่ชอบให้บรรยากาศอึดอัดเลย



“เมื่อคืน...พี่เมาหนักมากมั้ย”



“ไม่มาก แค่ไม่ได้สติ ก็เหมือนเดิม” ไหล่กว้างขยับเล็กน้อยในท้ายประโยค



“แล้ว...ได้พูดอะไรแย่ๆ ไปรึเปล่า”



“พี่เมืองหมายถึงอะไร”



“ก็...ไม่รู้สิ”



“ไม่รู้ก็แปลว่าไม่มีอะไร ไม่ต้องไปนึกถึง ผมก็พาพี่กลับมาเหมือนทุกครั้งที่พี่ไม่ได้กลับกับเพื่อนนั่นแหละ ถึงประมาณตีสาม พาพี่ขึ้นมานอนแล้วก็กลับบ้าน”



ร้อยเอกควรจะบอกตามตรงว่าอีกฝ่ายพูดอะไรออกมาบ้าง แต่คนที่อยู่กับเขาเมื่อคืน เป็นเมืองน้ำเวอร์ชั่นที่เขาไม่เคยเห็น แม้กระทั่งตอนนี้ที่ไม่มีฤทธิ์แอลกอฮอล์ เมืองน้ำยังไม่เหมือนเดิมเลย



คนที่ไม่แยแสกับคำนินทา ไม่สนใจว่าเขาจะพูดแรงใส่ตัวเองแค่ไหน แถมยังโต้เถียงกันทุกครั้ง คนที่ไม่เคยเผยด้านอ่อนแอให้ใครเห็น



เมืองน้ำที่เป็นแบบนี้ หนีไปเที่ยวที่ไหนแล้ว



มีคนเอาเรื่องที่ภานุรักษ์ไปทานข้าวเย็นกับเมืองน้ำมาพูดคุยในไลน์กลุ่ม และเหมือนเดิม ไม่มีใครห้าม ซ้ำยังกระแนะกระแหนกันอย่างออกรส อยากจะพิมพ์ด่าแทนเมืองน้ำเป็นบ้า



แต่ทบทวนดูแล้ว...



ช่างแม่งเถอะ



“พี่เป็นแฟน...”



เสียงทุ้มค่อยๆ เบาลง ไม่ทันถามจนจบริงโทนโทรศัพท์ของเจ้าของห้องก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน คนตัวสูงพิงแผ่นหลังแนบพนักเก้าอี้ จ้องมองอีกคนที่รีบกดรับด้วยสายตาเรียบนิ่ง



“ครับ พี่รักษ์ เมืองเพิ่งตื่น”



อยากลุกหนีให้รู้แล้วรู้รอด แต่เพราะคาใจถึงได้นั่งรอให้น้ำเสียงหวานๆ คุยกับคนปลายสายให้เสร็จ



“ไม่เป็นไรครับ เมืองเข้าใจ เมืองกลับมากับน้องคนรู้จักน่ะครับ บังเอิญเจอกัน”



น้องคนรู้จัก...



ไม่ชอบเลยว่ะ



ไม่ชอบ ไม่ชอบ ไม่ชอบ!




“วันนี้เมืองอยู่บ้าน ไม่มีเรียนครับ มาตอนเย็นๆ ก็ได้ หรือนัดเจอที่อื่นก็ได้”



ร้อยเอกเป็นอากาศธาตุไปแล้วรึไง



เซ็งโว้ยย



“ครับผม แล้วเจอกันครับ”



นี่ขนาดไม่ได้ยินเสียงภานุรักษ์ ยังรู้เลยว่าต้องมาในมาดพระเอกนิยายมากแน่ๆ คนตรงหน้าถึงได้กลั้นรอยยิ้มไม่ไหวถึงขนาดนั้น



“เมื่อกี้จะถามเรื่องอะไรเหรอ”



เหอะ วางสายสักที



“เปล่า”



“อ้าว แต่...เมื่อกี้เหมือนร้อยเอกถามว่าพี่เป็น...”



“พี่เป็นแฟนกับพี่รักษ์หรือเปล่า”



“…”



“นั่นแหละ พี่เป็นแฟนกับพี่รักษ์รึเปล่า เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย มหา’ลัยก็ไปส่ง จะมาหาที่บ้านอีก”



เมืองน้ำมองเด็กตัวสูงอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก บอกว่าเปล่าแต่กลับยอมรับตรงๆ ในวินาทีต่อมา ถามมาเป็นชุดและเริ่มตีหน้าบึ้งตึงใส่กันอีกแล้ว



“ไม่ใช่แฟน”



“โกหก”



“…”



“ไม่ใช่แฟนแล้วพี่เมืองไปดินเนอร์กับพี่รักษ์ทำไม”



“ร้อยเอก พูดอะไรน่ะ”



“ก็ดินเนอร์ไง เมื่อวานผมเห็นพี่กลับบ้านดึก เลยไลน์ไปถามว่าอยู่ไหน พี่บอกดีลงานอยู่ ไม่ว่างตอบ แต่พี่รักษ์โพสต์ไอจีว่าดินเนอร์อยู่กับพี่ เป็นแฟนก็บอกว่าเป็นแฟน จะโกหกทำไม”



“ไม่ ไม่ได้เป็นแฟน ที่บอกว่าดีลงานก็ดีลงานอยู่กับพี่รักษ์จริงๆ”



“งั้นเป็นอะไรอ่ะ แล้วดีลงานอะไรกันวะ ถึงต้องไปกินข้าว ไปไหนมาไหนด้วย อ้อ หรือพี่ทำมากกว่างาน เหอะ รักษามาตรฐานจริงๆ”



มาตรฐานอะไร ร้อยเอกพูดเรื่องอะไร



ไม่เห็นเข้าใจเลย



พี่รักษ์เป็นรุ่นพี่ที่เมืองน้ำรู้จักมาหลายปีแล้ว ปัจจุบันพี่รักษ์เปิดบริษัทผลิตคอนเทนต์โฆษณา พี่รักษ์แค่พาไปแนะนำให้รู้จักกับเจ้าของแบรนด์เพราะเห็นเมืองน้ำรับตัดต่อคลิป ก็แค่นั้น



ส่วนเรื่องที่พี่รักษ์โพสต์ไอจี เมืองน้ำเพิ่งรู้จากปากร้อยเอกเมื่อกี้นี้เอง แล้วที่ร้อยเอกพูดมา...ในเมื่อตัดสินกันไปแล้วด้วยอคติที่ไม่เคยน้อยลง เมืองน้ำก็ไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายให้อีกคนเข้าใจ



“ดูถูกคนอื่นไม่ดีเลยนะ” ริมฝีปากนุ่มรู้สึกวาบชากับสายตาไม่สบอารมณ์ของคนตัวสูง เมืองน้ำดึงผ้าปูที่นอนเข้ามาจับไว้แน่น พลางเค้นเสียงบอกช้าๆ “ที่พูดมาแต่ละคำ คิดถึงใจคนฟังบ้างหรือเปล่า”



“แล้วพี่เมืองคิดบ้างมั้ยว่าผมจะรู้สึกแย่ที่พี่โกหก”



“พี่ไม่ได้โกหก แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าอะไรทำให้ร้อยเอกคิดกับพี่แบบนี้”



“…”



“เคยคิดนะว่าร้อยเอกเกลียดพี่จริงๆ หรือแค่พูดจากวนๆ ใส่กันไปอย่างนั้น ในใจคงไม่คิดอะไร สงสัยมาตลอด จนตอนนี้ก็ยังคิด”



“…”



“ซึ่งคำตอบมันก็ชัดเจนแล้วล่ะ”



มือเนียนปล่อยจากผ้าปูที่นอน กลืนก้อนฝืดเคืองลงคอ สบตาคนตรงหน้า และรู้สึกได้ถึงไอร้อนผ่าว



“ขอบคุณที่พากลับบ้านนะ ขอบคุณที่ทำอาหารกับชงน้ำชามาให้ด้วย”



ชัดเจนจริงๆ...



ทั้งความรู้สึกแย่ ทั้งคำตอบ



เมืองน้ำสูดลมหายใจเมื่อร้อยเอกลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องไปแล้ว กะพริบตาปัดไล่ไอร้อนๆ แล้วยกถาดบนเตียงไปวางบนโต๊ะทำงาน เบนจุดหมายไปยังระเบียงเพื่อล็อกประตูและปิดผ้าม่านจนมองไม่เห็นห้องฝั่งตรงข้าม



แสงสว่างด้านในลดทอนมากกว่าครึ่ง เมืองน้ำไม่คิดจะเดินไปผลักหน้าต่างเพื่อเปิดให้แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามา ทำเพียงเร่งความเย็นเครื่องปรับอากาศ ทิ้งกายลงบนเตียง ใช้มือขาวๆ ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงลำคอ ขณะที่มืออีกข้างเอื้อมหยิบเครื่องมือสื่อสาร



บนจอสี่เหลี่ยมยังค้างอยู่ในแอพรูปภาพ และภาพที่เป็นภาพของเด็กตัวสูงก็ถูกลบภาพร้อยเอกออกโดยเร็ว ทำให้ภาพล่าสุดกลายเป็นถาดอาหารที่ตั้งใจถ่ายเพื่อโพสต์ลงไอจีของตัวเอง



ถ่ายเก็บไว้เพราะร้อยเอกไม่เคยทำอาหารให้ทาน ไม่เคยชงชาให้



เป็นเรื่องเล็กๆ ที่แสนพิเศษ



ใช่...มันพิเศษกับเมืองน้ำ



เริ่มเข้าใจแล้วว่าที่รู้สึกแย่กับความใจร้ายของร้อยเอกบ่อยๆ ทั้งที่ไม่เคยรู้สึกมาตลอดมันคืออะไร



ไม่อยากรู้สึกเลย ทำยังไงดี



เขาเกลียดเราขนาดนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกเมืองน้ำ



ไม่มีวัน :(




(⺣◡⺣)♡*



จะให้ร้อยเอกคิดไปทางไหนได้อีก ในเมื่อทุกอย่างมันเป็นใจให้คิดมาตลอด



แม่ง...



โคตรบ้า



หมายถึงร้อยเอกนี่แหละที่บ้า ยิ่งบ้าขึ้นอีกเท่าตัวเมื่อลองทบทวนความใจร้อนและความปากสุนัขของตัวเอง แทนที่จะคุยกันดีๆ ได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร สุดท้ายก็ทะเลาะกันอีกจนได้



ทำไมพี่เมืองไม่ด่าเขา เถียงเขา ไม่ก็ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การท่าทางกระอักกระอ่วน จะร้องก็ไม่ร้อง จะปกติก็ไม่ปกติอีกเหมือนกัน



สงสัยเมืองน้ำเวอร์ชั่นมารร้ายจะหนีไปเที่ยวแล้วจริงๆ



“ปากหมาพาซวยแท้ๆ เลยเว้ยไอ้ร้อย” ร่างสูงยีผมอย่างหัวเสีย ทึ้งลมหายใจและดึงสติกลับมาที่คอมพิวเตอร์ เขานั่งเล่นเกมตั้งแต่กลับจากบ้านเมืองน้ำ ยอมรับตรงๆ ว่าไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับคีย์บอร์ด จอมอนิเตอร์ หรือเมาส์ที่ต้องคลิกเพื่อโจมตีเลยสักนิด



เพราะแบบนั้นร้อยเอกจึงกดปิดคอมเมื่อแข่งเกมรอบล่าสุดจบ ลุกขึ้นเดินทั่วห้อง ไม่ทราบจุดหมายว่าจะหยุดอยู่ตรงไหน และใช่ ที่สุดท้ายที่คนตัวสูงเดินมาถึงคือระเบียงห้องนอน จุดที่มองเห็นห้องตรงข้ามได้ถนัด



พี่เมืองไม่เปิดประตูระเบียงมาห้าชั่วโมงแล้ว เขาเข้าไปดูในแฟนเพจก็ไม่เห็นมาโพสต์อะไร ไอจีที่นานๆ จะโพสต์รูปทียิ่งแล้วใหญ่



ลบรูปเขาไปรึยังล่ะ ถ้ายังไม่ลบก็โพสต์เลยสิ มัวรออะไรอยู่



จะไลน์ไปบอกก็กลัวไม่อ่าน ป่านนี้บล็อกไลน์เขาไปแล้วมั้ง



“พี่ร้อยยืนทำอะไรอ่ะ”



ร้อยเอกหันขวับเมื่อเสียงใสๆ ของน้องชายคนสุดท้องดังจากหน้าประตู สิบเอกที่เปลี่ยนจากชุดนักเรียนเป็นชุดลำลองเดินเข้ามาหาพี่ชายตัวสูงพร้อมสมุดเล่มเล็กในอ้อมขน



“ว่าไงสิบ”



“สอนการบ้านสิบหน่อยครับ ครูสอนไม่เข้าใจเลย”



“วิชา?”



“อังกฤษ”



“ปกติก็ให้พี่เมืองสอน...”



แค่พูดชื่อยังทำให้สะดุดได้ขนาดนี้ มันจะเกินไปแล้วเมืองน้ำ



เกินไปแล้ว



“พี่เมืองอยู่บ้านเหรอครับ สิบนึกว่าไม่อยู่”



“อยู่ แต่ไม่ต้องไปรบกวนหรอก เดี๋ยวพี่สอนเอง”



สิบเอกยิ้มกว้างจนแก้มกลมเหมือนลูกโป่ง น้องกระโดดดึ๋งขึ้นไปบนเตียงก่อนจะหยิบกล่องใส่ปากกาในกระเป๋ากางเกงออกมาวาง เห็นแบบนั้น ร้อยเอกเลยต้องกลับเข้ามาอย่างช่วยไม่ได้



ร่างสูงนั่งลงบนเตียง ขณะที่น้องพลิกกระดาษหาหน้าที่ครูปั๊มหมึกคำว่าการบ้านมาให้



“วันนี้แม่ทำต้มยำไก่ด้วยแหละพี่ร้อย แม่บอกสิบว่าให้มาบอกพี่ร้อยว่าให้พี่ร้อยไปชวนพี่เมืองมากินข้าวเย็นด้วยกัน”



“เดี๋ยวนะสิบ พูดใหม่อีกรอบได้มั้ย”



“แม่บอกสิบว่าให้มาบอกพี่ร้อยว่าให้...”



“เออพอ พี่เข้าใจแล้ว”



ยิ้มหน้าบ้านเลยนะ มันเขี้ยว



แต่ว่า...ให้เขาไปตามพี่เมืองงั้นเหรอ



“สิบ” สิบเอกช้อนหน้ามองตาแป๋ว เห็นพี่ชายกัดริมฝีปาก ไม่ยอมพูดสักทีเลยใช้มืออวบเขย่าแขนเสื้อเบาๆ “ไปตามพี่เมืองให้พี่หน่อย...ได้มั้ย”



“พี่ร้อยก็ไปตามเองซี่ สิบจะทำการบ้าน ขี้เกียจเดิน”



“งั้นโทรก็ได้”



“สิบไม่มีทอสับ”



“ใช้โทรศัพท์บ้านไง เดี๋ยวพี่จดเบอร์ให้ สิบแค่บอกว่าแม่ชวน พี่เมืองไม่ปฏิเสธหรอก แล้วก็ห้ามบอกว่าพี่ให้เบอร์มานะ”



“…”



“จ้างสองร้อย กับเติมเพชรอีกพันนึง”



“...”



“พันห้าก็ได้ ดีลไม่ดีล”



“ดีล!”



นี่สิสิบเอก ตัวแทนอันดับหนึ่งของเขา



ส่งสิบเอกไปแทนก่อนแล้วกัน เดินไปชวนเอง เมืองน้ำปาหม้อข้าวใส่หัวเขาแน่



(⺣◡⺣)♡*



“น้องเอก คอจะเคล็ดแล้วนะคะ แคร์รี่จะมาส่งของเหรอลูก หรือดีแอลเอส ชะเง้อมองนานเชียว”



“ไม่ใช่ครับแม่”



บริษัทขนส่งจะมาส่งของที่ไหนกัน



“ถ้างั้นก็เข้าบ้าน มืดแล้วนะคะ”



“...”



“น้องเอก”



“ออกมาเล่นกับแก้บนนิดเดียวเองครับ เดี๋ยวจะเข้าไปแล้ว”



เจ้าตูบพันธุ์ซามอยด์ร้องเอ๋งๆ ราวกับขานรับเมื่อถูกกล่าวถึง ร้อยเอกลูบหัวสัตว์เลี้ยงพลางถอนหายใจบางเบา นี่เขาหมดปัญญาหาข้ออ้างจนต้องใช้หมาแทนเลยงั้นเหรอ



จะอธิบายยังไงดี...



หลังจากสอนการบ้านสิบเอกเสร็จไม่ถึงสองชั่วโมง ฟ้าก็คลุมด้วยสีทึบ คืนนี้แทบไม่มีแสงดาว เช่นเดียวกับห้องตรงข้ามที่จนป่านนี้ยังไม่เปิดม่าน ไม่แม้แต่เปิดไฟทั้งที่มืดแล้วด้วยซ้ำ



ไม่แปลกที่สิบเอกจะคิดว่าคนช่วยสอนภาษาอังกฤษจะไม่อยู่บ้าน



สิบเอกโทรไปชวนเมืองน้ำตามการจ้างวานของเขา อีกฝ่ายไม่รับปากน้องซะทีเดียว บอกว่าขอดูก่อน ถ้าว่างก็จะมา



แล้วเมื่อไหร่จะว่าง รอให้บ้านเขากินข้าวเสร็จก่อนหรือไง



คนอุตส่าห์มานั่งคอยถึงหน้าบ้าน ชะเง้อมองคอแทบเคล็ด เผื่อว่าเจอหน้า จะได้พูดกันอีกรอบ อย่างนี้มันหลบหน้ากันชัดๆ



ไลน์ไปตามดีมั้ย



พิมพ์ว่าอะไรดีล่ะ ร้อยเอกต้องคีพลุคเป็นผู้ชายปากหมาหรือเปล่า



ไม่สิ อันนี้ไม่ต้องคีพ ปกติก็ปากน่าตบอยู่แล้ว



“เห้อ...ยากจังวะ”



“น้องเอก~”



“ครับแม่”



“บ่นอะไรน่ะ”



“เปล่าครับ”



ร้อยเอกโขกศีรษะใส่ประตูบ้านเบาๆ อย่างทนไม่ไหว มือกำโทรศัพท์ที่เปิดห้องแชทของอีกคนไว้แน่น เม้มปากเมื่อเสียงบ่นอุบเกือบหลุดออกมาอีกครั้ง ไม่ได้...ส่งเสียงตอนนี้ไม่ได้ ไม่งั้นแม่คงถามไม่หยุด



“แม่ตั้งโต๊ะเสร็จแล้วนะคะน้องเอก มากินข้าวเร็ว”



วันนี้ร้อยเอกถอนหายใจมาแล้วกี่ครั้ง เขาไม่ได้นับ แต่ครั้งนี้ก็ยังมีเรื่องให้ยิ้มได้ล่ะน่า



นู่น คนที่เขารออยู่เดินมานู่นแล้ว



ร้อยเอกก้าวเร็วๆ ไปยังรั้วบ้าน ไม่รอให้เมืองน้ำกดกริ่งซ้ำเป็นหนที่สอง รีบตีหน้านิ่งทันทีที่สายตาสบกับคนผิวขาว เมืองน้ำเบือนหน้าหนีคนตัวสูง ไม่เปล่งเสียงใดออกมา และเปลี่ยนเป็นกดสายตาลงต่ำเมื่อระยะห่างระหว่างตนกับร้อยเอกลดน้อยลง



ทีแรกเมืองน้ำตั้งใจจะโทรมาบอกคุณน้าว่าตัวเองไม่สบาย แต่คำกล่าวหาว่าเป็นคนโกหกก็แทรกเข้ามาจนไม่กล้าปฏิเสธคำชวน พอสงบสติอารมณ์และนั่งตัดคลิปส่งลูกค้าจนใกล้เสร็จแล้ว ก็งีบหลับไปพักใหญ่ และตื่นอีกครั้งเมื่อสิบนาทีก่อน



เวียนหัวชะมัดเลย แถมยังต้องมาเจอคนใจร้ายอีก



เมืองน้ำอยากเดินกลับบ้าน แต่เพราะทำอย่างนั้นไม่ได้ เลยเดินหนีคนตัวสูงเข้ามาด้านใน



ร้อยเอกรีบล็อกรั้วและวิ่งตามแผ่นหลังเล็กๆ นั่นเข้ามา เห็นได้ชัดว่าเมืองน้ำจงใจเดินเร็ว



“พี่เมือง”



คนตัวเล็กไม่ตอบกลับตามคาด



“พี่เมือง ได้ยินมั้ย”



และเพิ่งรู้ว่าสนามหญ้าบ้านเขามันไกลจากตัวบ้านเอามากๆ ก็วินาทีนี้เอง



“จะเดินไวไปไหนอ่ะ ขาก็สั้นเท่านิ้วก้อย”



เมืองน้ำหยุดชะงัก ไม่หันกลับไปมอง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร้อยเอกจะมีอิทธิพลอะไรกับใจนักหนา



แค่ได้ยินเสียงก็นึกถึงคำร้ายๆ ที่อีกคนพูดใส่แล้ว



“พี่...โถ่เว้ย นึกจะหยุดก็หยุด นึกจะเดินก็เดิน”



ร้อยเอกเป็นเหมือนกันบ้างมั้ย ความรู้สึกที่สงสัยว่าทำไมเราต้อง ‘รู้สึก’ กับเขาขนาดนี้



เป็นเหมือนเมืองน้ำหรือเปล่า



“เออ”



“...”



“ไม่คุยก็ไม่ต้องคุย หงุดหงิดว่ะ ตามสบายเลยเหอะ”



คงไม่



ถ้าเรารู้สึกแบบเดียวกัน ร้อยเอกคงมีวิธีพูดที่ดีกว่านี้



ไม่รู้เลยว่าพอเข้าบ้านไปแล้ว จะปั้นรอยยิ้มให้คนอื่นไม่สงสัยได้ยังไง



พอเป็นเรื่องร้อยเอก เมืองน้ำไปไม่ถูกเลย



ไม่รู้วิธีเลยจริงๆ




(⺣◡⺣)♡*



เมืองน้ำแทบไม่มองหน้ากัน นั่งกินข้าวเงียบๆ โดยไม่พูดก่อนหากแม่เขาไม่ถาม ความผิดปกติทำให้ท่านสงสัยจนต้องถามเป็นการส่วนตัว ร้อยเอกบอกแค่เมืองน้ำไม่ค่อยสบาย นอนตอนตะวันโพล้เพล้ ตื่นขึ้นมาก็เลยเวียนหัว



แม่เชื่อเขาง่ายอยู่แล้ว ส่วนสาเหตุจริงๆ ที่ทำให้พี่เมืองคนสดใสของแม่นิ่งถึงขนาดนั้นน่ะเหรอ



จะเป็นใครนอกจากเขา



เงียบยิ่งกว่าอะไรดี ด่าร้อยเอกสักหน่อยจะเป็นไรไป ไม่ใช่คนยอมใครง่ายๆ นี่ ด่ากันทางสายตาก็ได้



บ้ารึไงร้อยเอก คนปกติที่ไหนจะกระหายคำด่าขนาดนี้ สติยังเต็มร้อยอยู่หรือเปล่า ไม่รู้ล่ะ ตอนนี้อยากโดนพี่เมืองด่าจริงๆ



เถียงกับตัวเองในใจมาเป็นชั่วโมง คิดว่าคงไม่ปกติเท่าไหร่



ร้อยเอกเดินมาระเบียงรอบที่สิบ เขาไม่มีสมาธิทำอย่างอื่น อ่านหนังสือ เล่นเกม แม้แต่ตอนนี้ที่ยืนไถจอโทรศัพท์ยังเอาแต่ชำเลืองมองระเบียงห้องตรงข้าม



ใจคอจะไม่เปิดม่านเลยใช่มั้ย



พี่เมืองเป็นแวมไพร์รึไงวะ



สุดท้ายก็ต้องปัดทุกแอพที่เปิดทิ้งไว้ออกจนหมด มีแค่ห้องแชทเมืองน้ำที่เปิดค้างอยู่แอพเดียว อยากชวนคุยแต่ก็พิมพ์ๆ ลบๆ มาพักใหญ่ ไม่รู้ต้องเริ่มด้วยประโยคแบบไหน อีกฝ่ายถึงจะกลับมาคุยกับเขาเหมือนเดิม



เพราะไม่รู้นั่นแหละ ถึงได้กลับมาหน้าแชทรวม และสัมผัสเข้าแชทของเพื่อนรักซึ่งเป็นทางเดียวที่นึกออกในตอนนี้





101 :

มึง

เคยโดนใครโกรธเพราะความงี่เง่าของตัวเองมั้ย

แบบ ปากหมา แล้วก็โดนเขาโกรธอ่ะ





101 :

ตอบหน่อยมาวิน

กูจะบ้าตายแล้ววววว

help me plsss

nowww

เข้าแชทกูสิโว้ยย!!!





Marvin :

กูมาแล้ว!!!! ใจเย็นดิสัส ไปเข้าห้องน้ำมา

เปิดประเด็นมาซะดราม่าเลย

ว่าแต่ใครโกรธมึง





101 :

อ๋อ

คือ

สิบเอกอ่ะ

กูพูดไม่ดีใส่น้อง น้องก็เลยโกรธ





Marvin :

เอ้า

เออ แต่มึงปากหมาจริงๆ





101 :

ขอบใจ

ช่วยกูได้เยอะเลยว่ะประโยคนี้





Marvin :

ล้อเล่นจ้า

เอางี้ น้องมึงชอบอะไร ซื้อไปง้อสิวะ

ชอบเล่นเกมไม่ใช่? ก็ซื้อมาแล้วตะล่อมๆ หน่อย แป๊บเดียวก็ยอม





101:

แต่ถ้าไม่ยอมอ่ะ

คือแค่ซื้อของที่ชอบไปให้ จะหายโกรธจริงเหรอวะ





Marvin :

ตอนมึงโกรธกู กูก็ซื้อของที่มึงชอบให้

เกมไง detroit become human มึงโกรธกูเพราะทำตัวละครตาย เลยจะซื้อมาเล่นเอง

นั่นแหละ พอซื้อมาแล้วมึงก็หายโกรธเลย





101:

ทำไมตอนนั้นกูติ๊งต๊องจังอ่ะ หายโกรธก็ง่ายสัส หน่อมแน้มว่ะ

แล้วรอบนี้มันจะง่ายขนาดนั้นจริงดิ

กูว่าไม่น่าหาย




Marvin :

ทำไมไม่หาย น้องมึงไม่เรื่องมากหรอกไอ้ร้อย คนเรื่องมากอ่ะคือมึง







จะบอกยังไงว่าไม่ใช่น้อง แต่ในเมื่อเลือกใช้น้องเป็นข้ออ้างแล้ว ก็ต้องไปให้สุด ขืนบอกว่าโดนพี่เมืองโกรธ ร้อยเอกโดนมาวินตีหัวตอนเจอกันที่มหา’ลัยแน่







Marvin :

คิดซะว่าเป็นข้อสอบ 100 เต็ม 100 มึงยังผ่านมาแล้ว

รอบนี้ไม่ลองก็ไม่รู้ว่าจะผ่านไปได้มั้ย ลงมือทำดีกว่านั่งเฉยๆ ดูฟ้าดูดาวไปวันๆ ล่ะวะ

มีสาระสัส รู้สึกไม่เป็นตัวเอง





101:

ยังไงกูจะลองดู





Marvin :

จัดไป เรื่องง่ายๆ

คนเก่งอย่างมึงทำได้อยู่แล้ว







เรื่องง่ายๆ จริงเหรอ



ร้อยเอกที่เพิ่งรู้สึกถึงรอยขมวดบนหว่างคิ้ว พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ทว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ในเมื่ออารมณ์ของเขาไม่อำนวย ขายาวก้าวกลับมาด้านใน ทิ้งกายลงบนเตียง ขณะกำเครื่องมือสื่อสารไว้แน่น



เอาไงดี...



แค่พิมพ์ข้อความเองนะร้อยเอก ไม่เห็นมีอะไรยากเลย อย่างที่มาวินบอกว่านี่เป็นเรื่องง่ายๆ คนเก่งอย่างเขาต้องทำได้สิ



ลองดูสักตั้งแล้วกัน







101 :

พี่เมือง

ทำไรอยู่อ่ะ

ตอนกินข้าวไม่ค่อยพูดเลยนะ

ปวดหัวเหรอ

ทำไมพี่ไม่เปิดระเบียง เดี๋ยวก็ร้อนหรอก





101 :

พี่เมือง

คืนนี้มีหนังที่พี่ชอบช่อง MINI29 อ่ะ ดูป้ะ





101 :

บ้านผมมีป๊อปคอร์น





101 :

บอกเฉยๆ

ไม่มีไร





101 :

แต่หนังอ่ะ The Maze Runner เลยนะ พี่ชอบไม่ใช่เหรอ ที่มันวิ่งๆ ในเขาวงกต

พระเอกหล่อดี

แต่หล่อสู้ผมไม่ได้หรอก พูดจริง

พี่

คือแบบ

เล่นเกมกันมะ





101 :

อ่อพี่ไม่ชอบเล่นเกม

ลืม





101 :

พี่เมือง

ง่วงยัง

จะนอนยัง

มาส์กหน้าก่อนนอนยัง





101 :

เฮ้ยพี่

พิมพ์คนเดียวก็เหงานะเว้ย

ตอบบ้างดิ

ด่าก็ได้





101 :

ไอ้น้องข้างบ้านมีหมาสองตัว ตัวนึงชื่อแก้บน พันธุ์ซามอยด์ ตัวนึงชื่อร้อยเอกv.2 พันธุ์เกษตร ไรงี้

ยกตัวอย่างเฉยๆ แต่จะด่าก็ได้





101 :

ไม่ตอบจริงๆ เนอะ

งั้นผมไม่กวนแล้วครับ

อย่านอนดึกล่ะ

ขอบตาดำไม่รู้ด้วย







“เห้อ...”



มันควรจะเป็นเรื่องง่ายเพราะเมืองน้ำไม่เคยปล่อยให้แชทของเขาหนักมาทางขวา ไม่ว่างพิมพ์เป็นข้อความก็จะมีสติ๊กเกอร์ตลกๆ ส่งกลับมาเสมอ



แต่นี่...ว่างเปล่า



เมืองน้ำไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ



เคยได้ยินว่าทุกสิ่งบนโลกจะมีข้อยกเว้นอย่างน้อยหนึ่งข้อเสมอ เขาเข้าใจคำนั้น แต่ไม่เคยสัมผัสเพราะที่ผ่านมา ไม่ว่าเจอปัญหาอะไร ร้อยเอกหาวิธีจัดการได้เสมอ คนรอบข้างถึงพูดบ่อยๆ ว่าเขาเป็นคนเก่ง ตั้งใจทำอะไรก็จะทำให้ได้ ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ เขาผ่านมาได้ทุกครั้ง



พอเป็นเรื่องเมืองน้ำ ทำไมไม่เก่งเหมือนเรื่องอื่นเลยนะ



คิดไม่ออก



ทำไมถึงเก่งทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องคนคนนี้



หรือจริงๆ แล้ว...



เมืองน้ำเป็นข้อยกเว้นหนึ่งเดียวที่ร้อยเอกจัดการไม่ได้



(⺣◡⺣)♡*







#ร้อยเมือง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2018 23:28:04 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
5
สุดท้ายก็พ่ายแพ้





Meungnam Charming Boy
Today 12:31 น.

ที่จริงตอนเที่ยงต้องแดดแรงมากๆ นี่นา แต่ฝนตกตลอดเลย
ตกมาหลายวันแล้ว ออกไปข้างนอกลำบากมากเลยครับ
ช่วงนี้เมืองไม่ค่อยว่าง อาจจะไม่ค่อยได้โพสต์รูปใหม่ๆ เท่าไหร่
ดูรูปเก่าไปก่อนนะ ^^;
แล้วเจอกันใหม่นะครับ ถ้าว่างแล้วจะรีบมาอัพรูปเลย

เมืองน้ำ <3







พิมพ์ข้อความมาโพสต์ในเพจได้ โพสต์ไอจีด้วยรูปร้องไห้รูปนั้นได้ แต่พิมพ์ข้อความตอบไลน์ร้อยเอกไม่ได้ ไม่เปิดอ่านเลยด้วยซ้ำ

เจอกันที่มหา’ลัยก็เดินหนีไปอีกทาง ซื้อโจ๊กไปแขวนหน้าบ้าน เผื่อว่าคนตัวเล็กจะลงมาหยิบไปกิน ก็ไม่ยอมลงมา จนสุดท้ายต้องเดินไปหยิบถุงโจ๊กกลับบ้านมากินเองเพราะกลัวของเสีย

ให้มันได้อย่างนี้

หนึ่งอาทิตย์มีเจ็ดวัน เขาคิดเรื่องเมืองน้ำไปแล้วทุกวัน ไม่มีวันไหนหยุดคิดเรื่องพี่เมืองได้เลย บ้านอยู่ใกล้กันแค่นี้ ห้องก็ห่างไม่ถึงสิบเมตร แต่ทำไมพี่เมืองถึงใจแข็งนัก ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้คุย เจอหน้ากันก็ทำเป็นเมิน สบตาบ้างตอนเจอกันที่มหา’ลัย ทว่าสุดท้ายก็เบือนหนีเขาทุกที

ร้อยเอกอยากจับเมืองน้ำเข้ามาตีแรงๆ ไม่สนว่าเมืองน้ำจะคุยหรือไม่คุย จะโวยวาย จะด่าอะไรก็ได้ อยากลงโทษแล้วตะโกนใส่คนตัวเล็กว่า ‘หายโกรธผมได้แล้ว!’ แต่ดันไม่กล้าพอ

ถูกโกรธเพราะความปากร้าย ถ้าทำตัวแย่เพิ่มเข้าไปอีก จะไม่ถูกเมินตลอดชีวิตเลยรึไง

ถึงจะอยากทำจริงก็เถอะ แต่ไม่เอาหรอก เขาไม่กล้าเสี่ยง แค่นี้ก็คิดจนไม่มีสมาธิเล่นเกมแล้ว เพราะไม่ค่อยได้เล่นนั่นแหละ เพื่อนต่างคณะที่เล่นเกมด้วยกันประจำถึงเอาแต่ไลน์มาถามว่าเขาเป็นอะไร

ได้แต่ตอบว่าต้องอ่านหนังสือสอบ ทั้งที่ความจริงถึงจะเป็นช่วงก่อนสอบ ร้อยเอกก็ไม่เคยหนีหายจากเกมสักครั้ง

พูดตรงๆ...ไม่เคยมีใครทำให้เขาสูญเสียความเป็นตัวเองได้เท่าเมืองน้ำ

ไม่มีเลย

คาบเรียนชดเชยเมื่อวานทำเอาเขาหมดแรง วันนี้ร้อยเอกเลยตั้งใจตื่นสาย ทว่ามีเหตุให้ต้องตื่นเช้าจนได้ รถโรงเรียนของสิบเอกเกิดเสียกะทันหัน น้องมายืนเขย่าตัวเขาให้ตื่น ลากเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟัน และบอกให้ขับรถไปส่งที่โรงเรียนตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า

พอกลับถึงบ้าน ร้อยเอกก็นอนไม่หลับแล้ว เขาลงไปรดน้ำต้นไม้ที่แปลงหลังบ้าน ตั้งใจรดให้เมืองน้ำเหมือนทุกครั้ง แต่ต้นไม้ของเมืองน้ำถูกย้ายไปวางจุดอื่น จุดที่เขาเดินไปรดให้ไม่ได้

หนีกันแม้กระทั่งต้นไม้ ชีวิตร้อยเอกนี่มันดีจริงๆ เลยเว้ย

เขาไม่รู้ว่าเมืองน้ำอยู่บ้านหรือเปล่า อีกคนไม่ยอมเปิดม่าน รถยนต์ส่วนตัวก็ไม่มีให้เห็นมาตั้งแต่อาทิตย์ก่อน พี่เมืองไปไหนมาไหนด้วยแท็กซี่ ไม่เรียกมารับที่บ้าน ก็เดินออกไปหน้าหมู่บ้านเพื่อขึ้นรถ

ทำไมต้องลำบากขนาดนั้น

อีกอย่าง ปกติไฟห้องเมืองน้ำจะดับก่อนเขา แปลว่าร้อยเอกนอนดึกกว่า แต่พักนี้ดันตรงกันข้าม

ร้อยเอกนอนก่อนเมืองน้ำทุกวัน ส่วนเมืองน้ำ ไม่รู้ป่านนี้ขอบตาดำเป็นหมีแพนด้านไปรึยัง

คิดเรื่องพี่เมืองครั้งที่เท่าไหร่แล้วร้อยเอก

จนกว่าพี่เมืองจะกลับมาคุยกับเขานั่นแหละ ร้อยเอกถึงจะหยุดคิดเรื่องพี่เมืองได้

มุ้งที่ม้วนรวบจนกลายเป็นก้อนกลมถูกวางลงบนเตียง ร้อยเอกผ่อนลมหายใจ ทิ้งแผ่นหลังกว้างๆ ไปกับความนุ่มของเตียงนอน ปิดเปลือกตาและนอนฟังเสียงหยาดฝนที่จู่ๆ ก็ตกลงมาลูกใหญ่

ทีแรกจะเก็บมุ้งลงไปซัก แต่สภาพอากาศไม่เป็นใจเอาซะเลย

จัดเป็นวันแย่ๆ อีกหนึ่งวัน

ร่างสูงเด้งตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตากผ้าขนหนูไว้ตรงริมระเบียง รีบเก็บผ้าที่กลัวจะโดนละอองฝนจนเปียกเข้ามาด้านใน แต่แล้วก็เดินออกไปใหม่

เพราะเหมือนเห็นเมืองน้ำเดินออกมาจากบ้าน

ใช่จริงๆ ด้วย!

เมืองน้ำสวมชุดนักศึกษา พร้อมกระเป๋าสะพายข้างและร่มกันฝนอีกหนึ่งคัน ดูเหมือนจะออกไปข้างนอก แต่ออกไปตอนฝนตกหนักเนี่ยนะ คิดอะไรอยู่เมืองน้ำ

ร้อยเอกคว้ากุญแจรถทั้งที่ยังสวมชุดเดิมอย่างเสื้อกล้ามและกางเกงวอร์ม ความใจร้อน กลัวว่าจะวิ่งลงไปไม่ทันทำให้เขาไม่มีเวลาเปลี่ยนเป็นเสื้อตัวอื่น ร่างสูงรีบล็อกบ้านและกดรีโมทเพื่อเปิดรั้ว ก่อนจะพา Aston Martin ออกมาด้วยความรวดเร็ว

ชะลอความเร็วเครื่องยนต์เมื่อรถเคลื่อนเข้ามาใกล้ร่างเล็กที่รีบจ้ำอ้าวทันทีหลังมองเห็นเขา ร้อยเอกบีบแตรเป็นจังหวะสั้นๆ เพื่อให้เมืองน้ำหันมามอง ได้ผล ทว่าแค่วินาทีเดียวคนที่จับคันร่มแน่นขึ้นก็เบือนหน้าหนี

โคตรเย็นชา

ร้อยเอกบังคับพวงมาลัยมือเดียว ปรับความเร็วรถตามความเร็วของเท้าคู่เล็กที่ย่ำไม่หยุด ใช้มืออีกข้างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อก สัมผัสเข้าห้องแชทของเมืองน้ำ และพิมพ์ข้อความด้วยมืออีกข้าง



101 :
พี่เมืองจะไปเรียนเหรอ
หยุดเดินก่อน
พี่เมือง หยุดเดินมาคุยกัน
ผมพิมพ์ไม่ถนัด
พี่เมือง จะให้ลงไปอุ้มขึ้นรถมั้ย



เมืองน้ำหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู สัมผัสเข้ามาอ่านและหยุดนิ่งเมื่อเขากดส่งบรรทัดสุดท้าย



101 :
พี่เมืองครับ
หันมาคุยกันหน่อยได้มั้ย


m.nam ☆° :
พี่จะไปเรียน
เกลียดกันก็ไม่ต้องมายุ่ง
จะขับรถตามมาทำไม


101 :
เมื่อไหร่พี่จะหายโกรธ
ผมไม่รู้จะง้อยังไงแล้วนะ


m.nam ☆° :
ก็ไม่ได้ขอให้ง้อสักหน่อย



เมืองน้ำเก็บโทรศัพท์ ก้าวเร็วๆ ไปยังแท็กซี่ที่จอดเทียบได้ทันเวลาพอดี ทิ้งไว้แค่ข้อความสุดท้ายที่พิมพ์ตอบมา ร้อยเอกทุบกำปั้นเบาๆ ใส่พวงมาลัย เอนศีรษะแนบพนักพิงแล้วถอนหายใจออกมาอีกรอบ

“อะไรของกูวะ”

เมืองน้ำน่ะ

“ทำไมต้องมาตามง้อคนอย่างนี้ด้วยเนี่ย ปวดหัวจะตายแล้ว”

มีผลต่อความรู้สึกของเขาเกินไปแล้ว



101 :
ทำไมคนบางคนเข้าใจยากจังวะ
กูพูดอะไรก็ดูปากหมาไปหมด
ไม่รู้จะคุยกับเขายังไงเลย


Marvin :
น้องมึงยังไม่หายงอนอ่อ
ไอ้ร้อย


Marvin :
ไอ้สัส ทักมาตอนกูเล่นเกมแล้วก็หาย
หายทั้งแชททั้งเกม


101 :
ขอโทษ


Marvin :
ห๊ะ


101 :
ไม่ได้ขอโทษมึง


Marvin :
แล้วมึงขอโทษใคร



(⺣◡⺣)♡*



กี่ครั้งแล้วที่เมืองน้ำยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาบนหน้าจอ กังวลเหลือเกินว่าจะกลับไปแก้ฟอนต์ในคลิปให้ลูกค้าไม่ทัน เสร็จจากงานถ่ายแบบวันนี้คงต้องใช้บริการรถไฟฟ้าแทนแท็กซี่ ไม่อย่างนั้นเมืองน้ำกลับไปเคลียร์งานไม่ทันแน่

“น้องเมืองเอาเครื่องดื่มอะไรนะคะ พี่ลืม”

“กาแฟครับ ขอเข้มๆ เลย”

ช่างแต่งหน้าร่างใหญ่ขยับหน้าตอบรับ ละแปรงลงแป้งโปร่งแสงจากใบหน้าเนียน วางรวมกับแปรงแต่งหน้าชิ้นอื่น ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก

เมืองน้ำไม่เคยดื่มกาแฟหนักถึงขั้นนี้ ก็ต้องดื่มเพราะต้องสู้กับความอ่อนเพลียในร่างกาย

หวังว่าจะไม่หลับตอนยืนบนบีทีเอสนะ

เหนื่อยชะมัดเลย

โรงเรียนติวของอาจารย์พันเอกอยู่ในขั้นต่อเติม ฉะนั้นวันนี้ที่ต้องรีบนั่งรถจากมหา’ลัยมาที่นี่เพื่อถ่ายรูปทำภาพโปรโมท เมืองน้ำจึงได้ยินเสียงสว่าน เสียงตอกตะปู และเสียงเครื่องจักรอื่นๆ จากคนงานตลอดเวลา

ที่จริงอาจารย์พันเอกตั้งใจนัดเมืองน้ำมาถ่ายโปรโมทวันอื่น แต่เมืองน้ำไม่ค่อยว่าง เวลานอนยังแทบไม่มี อาจารย์คนเก่งก็ภารกิจเยอะไม่ต่างกัน กลัวว่าทุกอย่างจะล่าช้า เลยตกลงว่าจะถ่ายให้เสร็จวันนี้

คนที่กลับเข้ามาไม่ใช่ช่างแต่งหน้าที่เพิ่งเดินออกไป แต่เป็นเจ้าของโรงเรียนที่เดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามาในท่าสบายๆ

เสียงรบกวนจากด้านนอกเบาลงเมื่อพันเอกปิดประตู เมืองน้ำยิ้มทักทายคนที่อิงสะโพกไปกับโต๊ะวางของข้างๆ โต๊ะแต่งหน้า ในมือพันเอกถือกาแฟเย็นแก้วหนึ่งไว้ คิดว่าเป็นของเมืองน้ำเพราะคนตัวโตวางของในมือตรงหน้าน้อง

“ไงเรา ไม่เจอนาน ไม่เห็นโตขึ้นเลย”

“นานที่ไหนครับ ยังไม่ถึงเดือนเลย” เมืองน้ำคว้าแก้วกาแฟเข้ามาดูด ช้อนตามองอีกคนที่ยิ้มบางๆ พร้อมทั้งใช้มือลูบศีรษะกลมอย่างอ่อนโยน

“แล้วนี่ไปไหนต่อมั้ย ว่าจะชวนไปกินปิ้งย่างเกาหลีสักหน่อย เห็นมีร้านเปิดใหม่แถวสยาม”

“มีใครไปด้วยมั้ยครับ เมืองต้องกลับไปแก้งานที่บ้านอ่ะ”

“ไปๆ มาๆ ไม่มีรถลำบากแย่เลย”

ก็ใช่

แต่ว่า...เมืองน้ำชินแล้วล่ะ

“คนที่ไปด้วยก็มีพี่ เมืองน้ำ แล้วก็กะจะชวนร้อยเอกไปด้วยอีกคน”

ชื่อน้องชายของพันเอกทำเอาคนตัวเล็กต้องค่อยๆ หลบสายตา กลัวคนตรงหน้าจะมองออกว่าเวลาพูดถึงร้อยเอก เมืองน้ำ ‘มีอาการ’ ขนาดไหน

นึกไว้แล้วว่าอาจารย์พันเอกต้องชวนน้องชายไปด้วย ครั้งก่อนที่เมืองน้ำไปกินปิ้งย่างกับอาจารย์โดยไม่รู้ว่ามีร้อยเอกรออยู่ในร้าน เราทะเลาะกันแทบตาย

พอมานึกย้อนถึงสีหน้าบึ้งๆ ของร้อยเอกในตอนนั้น...

ก็โดนเกลียดมาตั้งนานแล้วนี่เนอะ

“เมืองน้ำ”

“ครับ?”

“เป็นอะไรรึเปล่า”

“เปล่านะ เมืองไม่ได้เป็นอะไร คิดเพลินไปหน่อย ขอโทษนะครับ”

“ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่ต้องขอโทษหรอกน่า”

เป็นอย่างนี้ทุกทีเลย ใจดีกับเมืองน้ำตลอด แล้วอย่างนี้จะไม่ให้คนอื่นคิดว่าเราเป็นมากกว่าคนสนิทได้ยังไง

เมืองน้ำกล้าสาบานว่าไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกับอาจารย์พันเอก ไม่เลยสักครั้ง อาจารย์ก็คิดเช่นเดียวกับเขา แต่ไม่รู้ทำไมคนอื่นถึงคิดว่าเราสองคนมีอะไรเกินเลยกันนัก โดยเฉพาะคนในคณะเกษตรที่ไม่รู้ว่าด่าเมืองน้ำไว้ว่ายังไงอีกบ้าง

ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดน เคยมีคนโพสต์ว่าเมืองน้ำในเฟซบุ๊ก ครั้งนั้นก็ทำให้เครียดไปหลายวันเหมือนกัน

ทั้งที่เมืองน้ำไม่เคยคบใครที่ฐานะ หน้าตา เงินทอง หรือชื่อเสียง ทำไมต้องมาโดนคนว่าด้วยล่ะ

ไม่เข้าใจคนพวกนั้นเลย

“พี่ไปคุมงานช่างก่อนนะ เราก็รอคนเข้ามาบรีฟงาน เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว ทนเหนื่อยเอาหน่อย”

“ครับ เมืองน้ำทนได้อยู่แล้ว แค่นี้สบายมากๆ”

“ดีมากคนเก่ง~”

เมืองน้ำยิ้มกว้างรับคำชม รอจนพันเอกก้าวออกจากห้องแล้วจึงพับยิ้มนั้นเก็บลงลิ้นชักไป

ไม่เคยคิดอะไรกับอาจารย์พันเอก คนที่เมืองน้ำคิด...คือน้องชายอาจารย์ต่างหาก

ทีแรกเมืองน้ำคิดว่าเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ ไม่นานก็หาย อาจเป็นผลข้างเคียงจากความเสียใจที่โดนร้อยเอกพูดไม่ดีใส่ก็ได้ ทว่าไม่เลย ไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบ

มันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหน

ทำไมไม่สังเกต

ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองรู้สึกมากขนาดนี้นะ

เมืองน้ำได้อ่านข้อความร้อยเอกหลังหนีเจ้าตัวขึ้นแท็กซี่มาแล้ว มีทั้งข้อความที่ส่งมาตั้งแต่วันที่เราทะเลาะกัน วันที่ร้อยเอกเอาโจ๊กมาแขวนไว้หน้าบ้าน รวมทั้งวันนี้

ไม่ใช่ไม่อยากเปิดอ่าน แต่ไม่รู้จะตอบว่าอะไร กลัวโดนอีกฝ่ายพิมพ์ไม่ดีใส่ เลยอ่านผ่านหน้าจอล็อก และ 3d touch แล้วก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากลงไปเอาโจ๊กที่ร้อยเอกแขวนไว้ให้มากินด้วย

ตอนนั้นเมืองน้ำลุกมาเปลี่ยนรองเท้า เตรียมลงไปด้านล่างแล้ว ทว่าช้ากว่าคนซื้อ ร้อยเอกมาเอาคืนไปก่อน ก็เลยไม่ได้กิน

ส่วนเรื่องวันนี้ พิมพ์บอกไปแล้วนะว่าถ้าเกลียดกันก็ไม่ต้องมายุ่ง แต่ถ้าร้อยเอกมาวุ่นวายกับเมืองน้ำอีก...

“น้องเมือง นี่บรีฟครับ มีประมาณสิบโพส อีกสิบนาทีเจอกันหน้าเซ็ต”

“ขอบคุณครับ” คนตัวเล็กรับกระดาษจากทีมงานพร้อมหยิบแว่นตาซึ่งเป็นพร็อบประกอบฉากขึ้นมาใส่

ทีมงานคนเดิมก้าวออกไปแล้ว เมืองน้ำกวาดตาคู่สวยเพื่อจำรายละเอียดคอมโพสที่ต้องทำ ไม่นานเสียงเปิดประตูก็ดึงความสนใจจากแผ่นกระดาษ ดวงหน้าเนียนเงยขึ้นมองภาพด้านหลังผ่านกระจก และสิ่งที่เห็นก็สาปให้กายบอบบางนิ่งงัน

ร้อยเอก...

“พี่เมือง”

“…”

“นึกว่าพี่พันอยู่ในนี้ เห็นช่างแต่งหน้าบอกว่าเดินมาคุยกับพี่”

เมืองน้ำไม่ตอบกลับ กดสายตาลงมองกระดาษตรงหน้าต่อ แต่...เมืองน้ำไม่มีสมาธิ ยิ่งคนตัวสูงก้าวเข้ามาหา คอมโพสที่จำได้แล้วก็กระเจิดกระเจิงออกจนหมด

“หน้าบึ้งแบบนี้จะทำงานได้รึไง”

ใครหน้าบึ้งกันล่ะ ปรักปรำคนอื่นอย่างนี้ก็ได้เหรอ

“ใจคอจะไม่พูดกับผมจริงๆ?”

“…”

“พี่เมือง”

ริมฝีปากนุ่มเม้มจนเป็นเส้นตรง

“ผมถามตรงๆ ไอจีที่พี่โพสต์ ที่เป็นรูปก้อนเมฆร้องไห้ หมายถึงผมเหรอ”

รูปนั้น...

ใช่ หมายถึงร้อยเอก และเมืองน้ำหมายถึงตัวเองด้วย

“พี่เมืองเสียใจอะไรทำไมไม่พูด ผมไม่ชอบให้เราเงียบใส่กันเลยนะ ไม่ดิ ไม่ชอบให้ผมเป็นคนพูดฝ่ายเดียวด้วย”

“…”

“อย่าเป็นแบบนี้ได้มั้ยพี่เมือง”

“พี่ไม่รู้จะพูดอะไร”

“…”

“พูดไปก็โดนร้อยหงุดหงิดใส่ ก็เลย...ไม่กล้าพูด”

จะย้ำอีกรอบว่าถ้าเกลียดกันก็ไม่ต้องมายุ่ง เพราะถ้ายังมาวุ่นวาย

“โพสต์นั้นก็โพสต์ไปงั้นๆ เซฟรูปมาวาดเล่นในโทรศัพท์เฉยๆ”

“พี่เมือง”

“พี่ไปทำงานก่อนนะ”

ก็จะคิดว่าร้อยเอกแคร์เมืองน้ำมากๆ เหมือนกัน

แล้วพอคิดแบบนี้ ก็อยากเอามือตีแขนตัวเองแรงๆ

อย่าคิดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ จำคำนี้ไว้เมืองน้ำ

ท่องให้จำขึ้นใจไปเลย



(⺣◡⺣)♡*



“หนึ่ง...สอง...สาม...ดีมากครับน้องเมือง เปลี่ยนโพสครับ”

ถ่ายแบบโปรโมทโรงเรียนติวจริงเหรอ แอคชั่นน่ารักๆ กับใบหน้าราวกับเด็กมัธยม เหมือนถ่ายโปรโมทชุดนักเรียนมากกว่า

ยืนกอดอกหลบมุมดูนายแบบตัวเล็กของพี่ชายทำงานมาครึ่งชั่วโมงแล้ว เสียงชัตเตอร์ดังสับเปลี่ยนกับเสียงตอกตะปูจากด้านนอกมาเป็นระยะ ไม่ถึงสิบนาทีเสียงทำงานของช่างต่อเติมก็เงียบสงบลง

จนช่างทำงานเสร็จแล้ว ในหัวของเขาก็ยังคิดเรื่องเมืองน้ำไม่หยุดเสียที

ร้อยเอกมาที่นี่เพราะต้องมาช่วยพันเอกดูเรื่องการตกแต่ง ไม่คิดว่าเมืองน้ำจะอยู่ที่นี่ด้วย เป็นความบังเอิญที่ไม่รู้จะขอบคุณหรืออะไรดี แทนที่เราจะได้คุยกันดีๆ สุดท้ายก็ถูกเมืองน้ำเดินหนีอีกจนได้

จะหนีกันไปถึงไหน คอยดูเถอะ เขาไม่ปล่อยให้เมืองน้ำหลุดมือไปอีกแน่

วันนี้ต้องพูดกันให้รู้เรื่อง ต้องง้อให้ได้

แต่จะง้อด้วยวิธีไหน ร้อยเอกยังไม่รู้

ถึงเวลาคงคิดออกเอง...มั้ง

เมืองน้ำทำเขาเป็นบ้าแล้วจริงๆ ผ่านมาเกือบชั่วโมง ประโยคที่เจ้าตัวพูดกับเขาก็ยังวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา เกลียดกันก็ไม่ต้องมายุ่ง ไม่รู้จะพูดอะไร พูดไปแล้วก็โดนเขาหงุดหงิดใส่ นี่ไง เพราะพี่เมืองเอาแต่ทำหน้าเศร้า พูดเสียงเอื่อยๆ ใส่เขา ไม่ยอมคุยให้จบสักที แถมยังโกหกเรื่องโพสต์ไอจีเพิ่มอีกด้วย แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ร้อยเอกหงุดหงิดได้ไงล่ะ

“เมืองน้ำพรุนแล้วร้อยเอก”

น้ำเสียงนุ่มทุ้มดังในระดับที่ได้ยินกันเพียงสองคน เป็นพันเอกที่ก้าวมายืนด้านหน้าน้องชายตัวสูง ทำให้ร้อยเอกรีบดึงสติกลับมา

“จะพรุนได้ไง ร้อยยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะพี่พัน”

“แค่มองก็พรุนแล้ว ถ้าพี่เป็นเมืองน้ำคงเกร็งแย่ ทำงานอยู่ดีๆ ก็มีคู่กัดมายืนมอง”

รู้ใจกันดีจริงๆ

หมั่นไส้

“หน้าบึ้งใส่พี่อีก เฮ้ นี่พี่เป็นพี่นะ”

“ร้อยเปล่าหน้าบึ้งนะ”

พันเอกหลุดขำ โกหกไม่เนียนที่สุดในโลกคงหนีไม่พ้นน้องชายของเขา

“พี่พัน”

“…?”

“พี่เมืองเคยงอนพี่พันมั้ย”

“งอน?” ร้อยเอกพยักหน้ารับ “มีอะไรรึเปล่า โดนเมืองน้ำงอนเหรอ”

ไม่ต้องมีคำตอบ คนตรงหน้าร้อยเอกก็พอจะรู้ว่าที่ถามน่ะเป็นเรื่องจริง แปลกดี...ทะเลาะกับเมืองน้ำมานานหลายปี แต่พันเอกไม่เคยเห็นน้องตาเป็นประกายเพราะความอยากรู้ขนาดนี้

“ไม่เคยหรอก แล้วพี่ก็ไม่รู้นะว่าเมืองน้ำกับร้อยงอนอะไรกัน เมืองน้ำไม่ใช่คนโชว์ความอ่อนไหวให้ใครเห็นง่ายๆ ด้วย ปกติเข้มแข็งจะตาย”

ใช่ เมืองน้ำเข้มแข็ง เพราะร้อยเอกไม่เคยเห็นเมืองน้ำอ่อนแอแบบจริงๆ จังๆ นั่นแหละ เลยไม่รู้จะทำยังไงให้ความสัมพันธ์ของเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม

“แต่ช่วงนี้ เมืองน้ำมีเรื่องให้คิดเยอะ เลยเครียดๆ ล่ะมั้ง”

“คิดอะไรครับ”

“ถามเจ้าตัวดูสิ เรื่องส่วนตัวเขา พี่ตอบแทนไม่ได้หรอก”

“ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวแล้วพี่เมืองจะบอกร้อยเหรอ แค่คุยกันยังคุยดีๆ ไม่ได้เลย ไม่รู้จะง้อยังไงแล้วครับ”

“ขอโทษเมืองน้ำสิ”

“…”

“ทำผิดเรื่องไหน ก็ขอโทษเรื่องนั้น บางทีคนเราก็ไม่ต้องการอะไรมากหรอก แค่คำขอโทษที่มาจากใจจริงๆ ก็พอแล้ว”

ขอโทษแบบจริงใจ

แค่คำว่าขอโทษ ทำไมร้อยเอกถึงคิดไม่ได้นะ แล้วต้องทำยังไงเมืองน้ำถึงจะเชื่อว่าคำขอโทษของเขามาจากใจจริงๆ ล่ะ

พอเป็นคนคนนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทั้งหมดกลายเป็นเรื่องยาก

สมแล้วที่พี่เมืองเป็นข้อยกเว้นหนึ่งเดียวของเขา



(⺣◡⺣)♡*



ฝนตกทั้งวันเลยแฮะ

ถ้าไม่เอาร่มมา ต้องแย่แน่ๆ เมืองน้ำ

นิ้วเล็กพิมพ์ข้อความตอบเจ้าของโรงเรียนติวเตอร์ รับปากอย่างดีว่าจะกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย และมีเวลาเหลือเฟือให้กลับไปแก้งาน แต่ในความเป็นจริงไม่รู้เลยว่าสภาพอากาศที่แปรปรวนจะทำให้เมืองน้ำกลับถึงบ้านก่อนสามทุ่มหรือเปล่า

ไม่ทำให้ผู้ใหญ่เป็นห่วงนั่นแหละดีที่สุด

อาจารย์พันเอกติดธุระด่วน ขับรถออกไปเคลียร์งานตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว และฝากงานไว้กับน้องชายที่รับหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยต่อ ร้อยเอกถึงกลายมาเป็นเจ้านายชั่วคราว คอยดูภาพรวมของภาพทั้งหมดที่ถ่ายไปวันนี้

หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้าย เหลือแค่ร้อยเอกที่เดินล็อกประตูภายในตึก และเมืองน้ำที่กำลังเดินไปหน้าปากซอยเพื่อขึ้นรถไฟฟ้า

ฝนนะฝน ตกแรงเป็นบ้าเลย อย่างกับโกรธใครมางั้นแหละ

แสงไฟที่ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้เป็นตัวเร่งฝีเท้าได้ดีเยี่ยม เมืองน้ำก้าวเร็วๆ เพื่อหนีให้พ้นรถคันหลัง แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางรอดพ้นความเร็วรถของร้อยเอกอยู่แล้ว

เครื่องยนต์คันสวยชะลอความเร็ว คนตัวสูงเปลี่ยนเป็นเกียร์ว่างและดึงเบรกมือเพื่อป้องกันรถไหล เอี้ยวตัวคว้าร่มที่เบาะหลัง ก้าวลงจากรถและรีบย่ำเท้าให้ทันคนตัวเล็กที่หันมามองเขาเพียงเล็กน้อย

เป็นครั้งแรกที่เห็นข้อดีในความขายาว ไม่กี่อึดใจร้อยเอกก็เดินมาดักหน้าคนโตกว่าได้สำเร็จ เมืองน้ำขมวดคิ้วเมื่อเกือบชนเขาเต็มๆ ฉายความไม่ชอบใจผ่านตาคู่สวยชัดเจน

ถ้าไม่หยุดด้วยวิธีนี้ พี่เมืองก็จะหนีเขาไปเรื่อยๆ

อย่างน้อยก็ทำให้เราได้คุยกัน

“กลับยังไงครับ”

ถึงพี่เมืองจะไม่คุยกับเขาก็เถอะ

“พี่เมืองไม่ได้เอารถมา กลับกับผมนะ”

“…”

“ไปเร็ว ฝนตกหนัก เดี๋ยวไม่สบาย”

ไม่แค่พูดเปล่า มือแข็งแรงยังเอื้อมไปคว้าข้อมือเล็กอีกด้วย ซึ่งแน่นอน...เจ้าของข้อมือขาวขัดขืนเขาเต็มที่

“กลับคนเดียวมันอันตราย กลับกับผมดีกว่านะ”

“กลับกับร้อยอันตรายกว่าอีก”

พอพูดด้วยก็ประชดประชัน

สุดยอดไปเลยเมืองน้ำ

“ผมเนี่ยนะ อันตรายตรงไหน ปลอดภัยที่สุดแล้ว รู้จักกันมาตั้งนาน น่าจะรู้ว่าผมไม่ทำอะไรพี่หรอก”

“ไม่ ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น”

“แล้วพี่หมายถึงอะไร”

ก็หมายถึง กลับกับร้อยเอก อันตรายกับความรู้สึกไงล่ะ

อีกแล้วนะ มายุ่งวุ่นวายกับเมืองน้ำอีกแล้ว ทำไมไม่จำล่ะว่าถ้าเกลียดก็ไม่ต้องมายุ่ง

“พี่เมือง” เอ่ยเรียกคนที่เบือนหน้าหนีตัวเองแผ่วเบา ร้อยเอกปล่อยข้อมือนุ่มเมื่อมั่นใจว่าเมืองน้ำจะไม่เดินหนีเขาอีกรอบ

“มีอะไรก็พูดมาสิ ฝนสาด มันเปียกกางเกง”

“ขอโทษครับ เรื่องวันนั้นที่ปากไม่ดี”

“…”

“ร้อยขอโทษจริงๆ”

“…”

“…”

เพิ่งเข้าใจคำว่าเดดแอร์ก็วันนี้...

ร้อยเอกเป็นคู่กัดประเภทที่หากคาดหวังความร้ายกาจ ความกวนประสาท และใบหน้าบึ้งๆ จากเด็กตัวสูง คุณจะได้สิ่งนั้นโดยไม่มีบกพร่อง แต่ถ้าคุณคาดหวังร้อยเอกในโหมดน้องเอก น้องชายข้างบ้านที่ไม่ใช้ถ้อยคำร้ายๆ จ้องมองกันแน่นิ่ง และมองลึกเข้ามาในดวงตา ขอบอกว่าต้องผิดหวัง เพราะนานๆ ครั้งร้อยเอกถึงจะมีโหมดอ่อนโยน

ฉะนั้นเมืองน้ำจึงไม่คาดหวังหรอกว่าร้อยเอกจะพูดคำนี้ออกมา

แต่ก็ต้องยอมรับตรงๆ ว่าคำง่ายๆ คำนี้ เป็นคำที่อยากฟังมากที่สุด

“ถามอะไรหน่อยสิ”

“ครับ”

คำลงท้ายดีๆ อย่างคำว่า ‘ครับ’ ก็เป็นอีกคำที่เมืองน้ำอยากฟังด้วยเหมือนกัน

“ในสายตาร้อยเอก เมืองน้ำเป็นคนแบบไหน”

“…”

“ตอบตรงๆ เลยนะ ห้ามโกหก คิดกับพี่ยังไง ร้อยพูดออกมาเลย”

“เอาตรงๆ เลยเหรอ”

เมืองน้ำส่งเสียงตอบ เอื่อยเฉื่อยเหมือนคนแรงน้อย ร้อยเอกยกมือขึ้นปัดผมหน้าม้าที่ถูกลมพัดมาบังดวงตาที่เงยมองเขา และใช้มือข้างเดิมบังละอองฝนให้คนตรงหน้า

“ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ”

“ยังไง...”

“ห่วงภาพลักษณ์ แบบว่า...สร้างภาพเก่ง ไม่จริงใจกับคนอื่น คบแต่คนรวย อันนี้ความคิดเมื่อก่อน”

“แล้วตอนนี้เป็นยังไงเหรอ”

“ก็...ไม่รู้สิ”

“…”

“เหมือนพี่เมืองเปลี่ยนไป”

ร้อยเอกเงียบไปพักหนึ่ง รอให้คนรอฟังคำตอบสงบตัวเองได้ คิดไว้แล้วว่าเมืองน้ำต้องอ่อนไหวกับคำพูดเขา ม่านน้ำจางๆ บนดวงตาที่กำลังแดงรื้นนั่นน่ะ

เขาโคตรไม่ชอบ

“ทั้งที่เรารู้จักกันมานาน แต่เหมือนผมไม่รู้จักพี่เมืองเลย พี่เมืองไม่เคยโกรธผม ไม่ว่าผมจะพูดอะไร พี่เมืองตอบโต้กลับทุกครั้ง ไม่เคยไม่คุย ไม่เคยหนีหาย ไม่เคยเงียบใส่ ใช่ ไม่ชอบที่สุดคือการถูกเงียบใส่ ด่าผมแรงๆ ยังดีกว่า”

“ให้ด่าว่าอะไร ไอ้น้องข้างบ้านมีหมาสองตัว หมาตัวแรกชื่อแก้บน พันธุ์ซามอยด์ ตัวนึงชื่อร้อยเอกเวอร์ชั่นสอง พันธุ์เกษตร อย่างงี้เหรอ”

“ด่างี้ก็ได้ เอาเลย”

“คนอะไรอยากให้คนอื่นด่าตัวเอง”

“คนอย่างผมนี่แหละ” รีบตอบกลับโดยเร็ว และเริ่มเข้าใจอาการชื่นใจเวลาโดนด่าของมาวินขึ้นมาบ้างแล้ว แม้สถานการณ์จะต่างกัน แต่ความรู้สึกที่บอกว่าคำด่าดีกว่าความเงียบ ร้อยเอกสัมผัสมันแล้วจริงๆ

“ไม่รู้ร้อยจะเชื่อมั้ย” ริมฝีปากสีอ่อนขบเม้มอย่างครุ่นคิด รวมความกล้าแค่ครู่เดียวแล้วเอ่ยออกมา “พี่ไม่เคยคบใครที่ฐานะเลยนะ สบายใจก็คบ ไม่เคยเอาเรื่องพวกนี้มาวัดว่าจะเป็นแฟนกับใครเลย แล้วก็...เรื่องคบกับพี่รักษ์ พี่ไม่ได้โกหก ไม่เคยคุยมากกว่าพี่น้องด้วยซ้ำ ไม่เชื่อลองไปย้อนไอจีพี่รักษ์ดูได้เลยว่าพี่รักษ์มีแฟนรึยัง”

“…”

“พี่ไม่คิดว่าเราจะเกลียดกันจริงๆ โดนคนอื่นมองในแง่ร้าย ยังไม่รู้สึกแย่เท่าคนใกล้ตัว ก็เลยเสียใจมาก”

“ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ”

“ไม่เป็นไรหรอก ต่อไปนี้ถ้าจะเกลียดกันก็แล้วแต่เลยนะ ยังไงวันนี้พี่ก็รู้แล้วว่าที่ผ่านมาร้อยคิดยังไง”

“ร้อยไม่เคยเกลียดพี่เมือง”

“…”

“ก็แค่หมั่นไส้เฉยๆ เลยอคติกับพี่เมืองทุกอย่าง”

“ตอนนี้ล่ะ ยังหมั่นไส้อยู่มั้ย”

“ก็หมั่นไส้ด้วย มันเขี้ยวด้วย หลายๆ อย่างอะ แล้วแต่ความประพฤติ”

“แล้วแต่ความประพฤติไปอีก”

“พี่จะยิ้มทำไมเล่า”

นี่ร้อยเอกถามจริงจังนะ ไม่ใช่คำถามเล่นๆ ที่เมืองน้ำจะยิ้มกว้างกว่าเดิม

นี่ไง เขาถึงบอกว่าแล้วแต่ความประพฤติ

“หยุดยิ้มได้แล้วพี่เมือง เมาป้ะ”

“ปากหมาอีกแล้ว”

“เออ”

“เอออะไรร้อยเอก”

“เออชอบโดนด่า ด่ามาอีก ด่าเยอะๆ ด่าอะไรก็ได้”

“บ้า”

ยิ้มอีกแล้ว ยิ้มจนแก้มกลมๆ บวมเป็นซาลาเปาเลยนะ

“หายโกรธแล้วนะครับ”

“อือ”

“อืออะไรครับ”

“ก็หายโกรธแล้วไง”

“งั้นกลับกับผม ไปเร็ว เดี๋ยวรถติด”

“เฮ้ย!! อย่าลากกันสิ นี่พี่ยังไม่ตกลงเลยนะ ร้อยเอก!!”

ร้อยเอกไม่ได้ลากสักหน่อย ดึงข้อมืออีกคนให้เดินตามเขาแบบปกติเลยนะ

เมืองน้ำนั่นแหละที่ขาสั้นเอง

คนอะไร โตกว่าแท้ๆ แต่ตัวกะทัดรัดเท่าหมากระเป๋า

“พี่เมืองไม่ดื้อดิ รีบขึ้นรถ”

“กำลังขึ้นๆ ดุเป็นพ่อเลยอ่ะ”

“ตลกเหอะ ใครอยากเป็นพ่อพี่”

“ก็ไม่อยากมีร้อยเป็นพ่อเหมือนกันแหละ”

“ขึ้นรถ”

“เผด็จการ”

“อืมดี ด่าอีก ผมชอบ”

“...”

“ด่าสิพี่เมือง”

“โอ๊ย!! คิดคำด่าไม่ออก!”

คนนึงเลี้ยงหมาในปาก คนนึงเหมือนลูกหมา

นี่สิ ถึงจะเป็นคู่กัดที่สมน้ำสมเนื้อกันจริงๆ



(⺣◡⺣)♡*



#ร้อยเมือง




ไม่อยากมีน้องร้อยเป็นพ่อแล้วพี่เมืองอยากมีน้องร้อยเป็นอัลไล ( ´ ▽ ` )

ช่วง #ร้อยเมืองชวนฟังเพลง
ยกเว้นเรื่องเธอ - แพรว คณิตกุล
https://youtu.be/aPRoUDFs2NM
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2018 23:28:46 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เนื้อหาในตอนนี้คือการเจอกันครั้งแรกของร้อยเอกกับเมืองน้ำ
- จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ -






ตอนพิเศษ
แรกพบสบตาได้เจอหน้าเธอ








โรงเรียนธัญเดชาวิทยาลัย (Thandecha collage)
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1
ผลการสอบไล่ ประเภท English Program

ลำดับที่ 1 : นายร้อยเอก ภูริรัตนสุนทร
เกรดเฉลี่ย 3.98

ร้อยเอกเก็บใบเกรดใส่แฟ้มสะสมผลงานลายไอคอนง่ายๆ ที่คนอื่นมักเรียกกันว่ามินิมอล พี่ชายเขาบอกอยู่เสมอว่าแฟ้มผลงานไม่ใช่ทั้งหมดในการเรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่รวบรวมไว้เพื่อประกอบการตัดสินใจก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย

ฉะนั้นในวันสุดท้ายแห่งการปิดเทอม และเป็นวันที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าควรจัดของในห้องให้เรียบร้อย เขาเลยตื่นมานั่งหยิบใบประกาศนียบัตร รูปที่ถ่ายในงานกีฬาสี งานเชื่อมสัมพันธ์กับโรงเรียนหญิงล้วน รวมทั้งงานประจำปีของโรงเรียนตั้งแต่เช้าตรู่

เทอมที่แล้วเหนื่อยมากกับการรักษามาตรฐานเกรดเฉลี่ย พอปิดเทอมเลยใช้เวลาแทบทั้งหมดไปกับการเล่นเกม ร้อยเอกไปแข่ง E-sport มาด้วย เป็นอีเว้นท์ขนาดย่อมที่จัดโดยเว็บขายเกมออนไลน์ชื่อดัง แม้ไม่ใช่ที่หนึ่งในเรื่องนี้ แต่ลำดับแข่งขันก็ไม่น่าเกลียดอะไร

เรื่องเล่นเกมนี่เอาใส่แฟ้มได้มั้ยนะ

เอาน่า ยังไงก็เป็นความสามารถเหมือนกัน ใส่ไปก่อน ค่อยไปถามอาจารย์มหา’ลัยอย่างพี่พันอีกที

ร้อยเอกนำขยะในถุงดำลงไปวางด้านล่าง กลับขึ้นมาใหม่และทิ้งตัวนอนบนเตียง เป็นนาทีเดียวกันที่เครื่องมือสื่อสารกระเป๋ากางเกงมีเสียงแจ้งเตือน

เขาไม่รีรอที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตรวจเช็ก และยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเป็นข้อความจากไลน์กลุ่ม



Marvin :
(send a photo.)
คนเยอะเชี่ย แต่สนุกสัสๆ
กูบอกให้พวกมึงมาด้วยก็ไม่มา ฉายเดี่ยวเฟี้ยวสุดเลยกู
ได้เบอร์สาวมาเพียบ ฮอตสุดในพัทยาจ้า



มาวินจอมพูดมากนี่เอง

ก่อนปิดเทอมมันชวนเขาไปงานคอนเสิร์ตที่พัทยา รู้สึกเสียดายหน่อยๆ ที่ปฏิเสธ แต่ทำไงได้ ในเมื่องานจัดวันเดียวกับคอนเสิร์ตสุนทรีภรณ์ที่เขาต้องไปกับปู่

ถึงดนตรีจะไม่ใช่แนว แต่เขาก็นัดกับปู่ไว้แล้ว ยิ่งปีนี้ไม่มีย่าไปเป็นเพื่อนปู่แล้วด้วย ยิ่งยกเลิกนัดไม่ได้ใหญ่เลย



101 :
จะหลีสาวจะอะไร ป้องกันบ้างนะมึง
อย่าให้พลาด
กูยังไม่อยากเป็นอาตอนนี้นะ


Marvin :
แช่งกูเหรอไอ้เหี้ย
เพื่อนเลว
กูป้องกันทุกครั้งแหละโว้ยยยยย
บอกตัวเองเถอะอันนี้


101 :
บอกตัวเองห่าไร
กูไม่ได้เจ้าชู้เหมือนมึงนะ


Marvin :
รักเดียวใจเดียวก็เฟี้ยวได้จ้า


101 :
fuck


Marvin :
โห fuck เลยว่ะ เอาเรื่องว่ะพ่อหนุ่ม
อย่าบอกนะว่ามึงชวนเขามา Netflix and Chill แล้ว
แจ่มสาสสสส เพื่อนร้อย


101 :
ยัง


Marvin :
แซ่บๆ อย่างมึงอ่ะนะจะยัง


101 :
เขาบอบบาง กูก็ควรทะนุถนอม
ไม่ควรรีบมาก กลัวจะช้ำ


Marvin :
หมายถึงไม่ควรรีบแต่งมากไป คบกันยาวๆ รอเรียนจบมหา’ลัยค่อยแต่งอะไรงี้ แต่คือเข้าหอแล้วตั้งแต่สิบแปด
กรั่กๆๆๆๆ อุ้ๆๆ


101 :
ไอ้เหี้ย!


Marvin :
ย้ำอีกทีว่าเรื่องป้องกันมึงต้องบอกตัวเองด้วยจ้า



แก่แดดจริงๆ เพื่อนใครก็ไม่รู้

เรื่องแฟนของเขา จะลึกซึ้งกันแล้วหรือไม่ลึกซึ้ง ไม่เห็นต้องอธิบายให้คนอื่นรู้เลย เขาไม่ใช่พวกเปิดเผยแบบมาวินกับสิงหาสักหน่อย

มาวินกินในประเทศ ส่วนสิงหาน่ะเหรอ เมื่อเช้าเห็นโพสต์รูปไปเดทกับสาวฝรั่งโรงเรียนอินเตอร์นู่น

แบ่งฝั่งชัดเจน ไม่มีใครทับไลน์ใคร นี่แหละกลุ่มของเขา



1001 :
ว่างมั้ย
ลงมาช่วยพี่ขนของหน่อย



ร้อยเอกลุกจากเตียงนอนหลังเปิดอ่านข้อความจากพี่ชาย ได้ยินเสียงคล้ายคนกำลังโยกย้ายสิ่งของมาจากบ้านหลังข้างๆ หมู่บ้านที่เขาอาศัยอยู่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน แค่ปีสองปีเท่านั้นเอง และด้วยราคาที่แพงจนยากจับต้อง ทำให้คนยังย้ายเข้ามาอยู่ไม่ครบ รวมทั้งหลังนี้ด้วย

ซึ่งตอนนี้คงไม่ว่างแล้ว

ไม่รู้ว่าพันเอกคุยกับผู้ชายตัวเล็กคนนั้นว่าอะไร เดาจากความรู้สึก น่าจะรู้จักกับพี่ชายเขามาก่อน ไม่เคยเห็นพี่พันคุยกับใครด้วยรอยยิ้มถึงขนาดนั้น

แต่ว่า...มองจากไกลๆ ยังรู้เลยว่าเจ้าของผิวขาวๆ ที่กอดกล่องลังใส่หนังสือไว้ในอ้อมแขนมีเสน่ห์มากแค่ไหน

น่ารักดี

น่ารักชนิดที่ว่าถ้ามาวินกับสิงหามาเห็น ใครสักคนต้องเอ่ยปากชมคนคนนี้แน่นอน



(⺣◡⺣)♡*



“ให้ช่วยยกอะไรอีกมั้ยครับ”

“ไม่แล้วๆ พี่ยกขึ้นมาแล้วล่ะ ขอบคุณร้อยเอกมากเลย”

น่ารักจริงๆ ด้วย

เข้าใจแล้วว่าทำไมพี่พันถึงเอ็นดูคนตัวเล็กที่กำลังยิ้มแก้มกลมให้เขานัก

ระหว่างที่ช่วยยกเฟอร์นิเจอร์เข้ามาด้านใน ร้อยเอกจับใจความได้ว่าสมาชิกใหม่ของหมู่บ้านเป็นรุ่นพี่เขา อายุมากกว่าเขาหนึ่งปี รู้จักโครงการบ้านจัดสรรแห่งนี้จากคำแนะนำของพันเอก แน่นอนว่าสองคนนั้นเป็นคนรู้จักกันจริงๆ รู้จักจากทางไหน เขาไม่รู้ รู้แค่รุ่นพี่หน้าตาน่ารักคนนี้ชื่อเมืองน้ำ

ใช่...

เมืองน้ำ

เพิ่งเคยได้ยินคนชื่อนี้ แปลกดี

“พ่อแม่พี่จะกลับมาช่วงเย็นๆ ท่านจะซื้ออาหารเข้ามาด้วย ร้อยเอกอยากกินอะไรมั้ย จะได้ฝากท่านซื้อ”

“ไม่ครับ ไม่เป็นไร ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมกลับบ้านเลยดีกว่า”

“แต่พี่อยากตอบแทนร้อยเอกกับอาจารย์พันเอกนะ ถ้าไม่มีใครช่วยยก เสร็จพรุ่งนี้แน่ๆ”

เว่อร์สุดๆ

“นะๆ ขอเลี้ยงข้าวหน่อยนะ”

แต่เอาเถอะ รู้จักกันยังไม่ถึงสองชั่วโมง ใจดีกับเพื่อนบ้านขนาดนี้แล้ว ก็ตอบแทนน้ำใจหน่อยแล้วกัน

“เอาข้าวผัดไก่เทอริยากิ เซเว่นหน้าหมู่บ้านมีขาย ให้ท่านซื้อมานะครับ”

“ได้ๆ เดี๋ยวพี่บอกให้”

ร้อยเอกไม่พูดต่อ จับบันไดที่ใช้ปีนขึ้นไปติดวอลล์เปเปอร์บนผนังให้คนด้านหลังไว้มั่น ค่อยๆ ถอยลงมาทีละก้าว กลัวจะหงายหลังก่อนลงถึงพื้น

ข้าวของเมืองน้ำนี่เยอะชะมัด ถ้าไม่บอกว่าเป็นของใช้ส่วนตัว ก็จะคิดว่าเป็นร้านขายมือสองไปแล้ว

เพราะของที่เยอะมากๆ นั่นแหละ ถึงทำให้เขาสะดุดล้มเข้าเต็มๆ

“เฮ้ยยย!”

“เชี่ยยย!!”

ตุ้บบ...

“…”

“…”

อย่างกับซีรีส์ที่พ่อเป็นผู้จัด ล้มมาคนเดียวไม่พอ ยังพาร่างเล็กๆ นี่ล้มลงมาด้วย

“ร้อยเอก...”

ตายห่า...

ในซีรีส์ของพ่อไม่เห็นมีฉากที่ตัวละครเอาจมูกแตะแก้มกันหลังล้มทับเลยสักฉาก

“พี่…”

แล้วทำไมร้อยเอกถึงมีฉากนี้ในชีวิตล่ะวะ!!!

“เฮ้ยพี่!! ผมไม่ได้ตั้งใจนะ พี่เมื้องงง ใจเย้นนน เดี๊ยววว”

เพล้งงงงงงง!

.

.

.

ใครจะรู้ว่าตั้งแต่นั้นมา เราจะกลายเป็นเพื่อนบ้านที่ทะเลาะกันมาตลอด

ยกนี้เมืองน้ำชนะ อีกยกร้อยเอกชนะ วนเวียนไม่รู้จบ

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะยังเป็นคู่กัดกันอยู่มั้ย

เป็นสิ

เพราะนี่คือสีสันของชีวิตเลยนะ















hashtag : #ร้อยเมือง


note **
Netflix and Chill คือการชวนไป xxx—— (ประมาณว่าชวนไปดูหนังที่ห้อง แต่ไม่เคยดูจบสักที เพราะ.....ʕ⁎̯͡⁎ʔ༄)
ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์เลยนะคะ <3
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2018 23:29:04 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เพิ่งได้อ่านแอบมีหน่วงๆ นิดนึง
แต่ว่าก็น่าจะเข้าใจกันแล้วใช่ไหมมมม
 :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2018 22:06:04 โดย lizzii »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สนุกค่ะ ชอบๆเรื่องนี้

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
6
มีคนเปลี่ยนไป





m.nam ☆° :
กินขนมเบื้องมั้ยร้อยเอก
อร่อยนาาาา

101 :
คนอะไร ชวนกินทั้งวัน
ขนมที่พี่เมืองให้มา ผมยังกินไม่หมดเลย

แต่ก็เกือบหมดแล้วนะ
มี 40 ห่อ กินเหลือ 2 ห่อ เก่งป้ะ


m.nam ☆° :
เก่งๆๆๆ เก่งกว่าพี่อีก
กินเก่งมากกกก
อ้วนหมดแล้ว ขนมมีแต่แป้ง ครีม น้ำตาล


101 :
พี่ว่าใครอ้วนนะ


m.nam ☆° :
ร้อยไง


101 :
พี่เมือง



m.nam ☆° :
(о´∀`о)


101 :




m.nam ☆° :
ล้อเล่นนะๆ
ใครจะกล้าว่าน้องเอกอ้วนอ่ะ ถามจริ๊ง


101 :
ใครน้องเอกวะ


m.nam ☆° :
วะ < กับใครอ่ะ


101 :
ใครน้องเอก “ครับ”




m.nam ☆° :
ช่วยจริงใจหน่อยน้องเอก
แต่พูดเพราะแล้วน่ารักขึ้นเยอะจริงๆ


101 :
ไม่พูดอ่ะ นี่พิมพ์


m.nam ☆° :
โอ๊ยยยย!!!


101 :
โดนมดกัด?


m.nam ☆° :
ไม่คุยแล้ว


101 :
เดี๋ยวดิ
พี่เมือง
ผมจะบอกว่าขนมอร่อยดี


m.nam ☆° :
ไหนเมื่อวานบอกไม่อร่อย
รสชาติงั้นๆ


101 :
พี่คิดว่าไม่อร่อยจริงดิ
ขนมที่พี่เมืองเลือกให้
มันก็ต้องอร่อยอยู่แล้วมะ


m.nam ☆° :
โม้


101 :
พูดจริง
เนี่ยอร่อยมากเลย กินทั้งวัน พุงผมป่องไปหมดแล้ว
น้ำหนักขึ้นมาตั้งสองโล


m.nam ☆° :
เว่อร์อีกละ
รับไม่ได้!


101 :
เคยบอกแล้วว่าผมเว่อร์ได้มากกว่าที่พี่คิดอีก




m.nam ☆° :
ไม่คุยแล้ว!
รำคาญๆๆๆๆๆ


101 :
อิอิ



พิมพ์ว่ารำคาญทั้งที่ไม่รู้สึกรำคาญเลยสักนิด

ยิ้มกว้างจนเมื่อยแก้มทั้งที่ถูกอีกฝ่ายกวนประสาท

แบบนี้เรียกว่ามีอาการหรือเปล่าเมืองน้ำ

ก็...มีอาการมั้ง

ให้เมืองน้ำทำยังไง พยายามแล้ว แต่คนมันหยุดยิ้มไม่ได้นี่ ตั้งแต่วันนั้นที่ร้อยเอกบอกว่าไม่เคยเกลียดกัน จะจำกัดความด้วยคำไหนดี ที่นอยด์เป็นบ้าเป็นหลัง เพราะคิดว่าเขาเกลียดตัวเอง พอร้อยเอกย้ำชัดว่าไม่ใช่อย่างที่เมืองน้ำคิด น่าจะเรียกว่า ‘ปลดล็อก’ มั้ยนะ

เรากลับมาเป็นคู่กัดกันเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเพิ่มเติมนอกจากบรรยากาศระหว่างเราที่ปลอดโปร่ง เหมือนถนนที่โล่งจนพุ่งใส่กันได้ถนัด ประมาณนั้น

และคงมีแต่เมืองน้ำที่ยอมถอยออกมาก่อน ไม่เคยพุ่งเข้าไปชนร้อยเอกเลยทุกครั้ง

มาตกหลุมพรางคนที่เป็นคู่กัดตัวเอง แถมรู้ทั้งรู้ว่าเขาชอบคนแบบไหน แน่นอนว่าเมืองน้ำไม่เข้าข่ายคนในแบบที่ร้อยเอกชอบ

ความรู้สึกที่กลัวว่าเขาจะรู้แล้วไม่ยอมเข้าใกล้เราอีก

เป็นการชอบใครสักคนที่ยากเอาเรื่องเหมือนกัน



m.nam ☆° :
จะนอนยังเนี่ย



ถึงจะยาก แต่เมืองน้ำก็มีความสุขดีนะ
เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว



101 :
ยังอ่ะ มีนัดเล่นเกม
เอ้อ ต้องไปอาบน้ำก่อนด้วย


m.nam ☆° :
ก็ไปอาบดิ มาแชททำไม


101 :
เอ้า ก็พี่ส่งมาอ่ะ จะให้ผมเมิน?
เดี๋ยวก็มายืนตาแดงกลางสายฝนอีก
ฮือออๆๆๆๆๆๆ
#พี่เมืองร้องไห้ทำไม



หมั่นไส้

เมืองน้ำเกือบจะเบะปากใส่โทรศัพท์อยู่แล้ว แต่ก็เปลี่ยนใจซะก่อน สะโพกกลมย้ายจากเก้าอี้ทำงานมาที่เตียง มองผ่านประตูระเบียงที่เปิดรับลมอีกครั้งไปยังห้องนอนคนตัวสูง ด้านนอกมืดทึบตามเวลาที่ใกล้ผลัดเข้าสู่วันใหม่ แสงไฟยามค่ำคืนจากห้องตรงข้ามทำให้เห็นการเคลื่อนไหวของร้อยเอกได้ถนัด

มุ้งยังไม่กาง หนังสือบนเตียงยังไม่เก็บ ชุดนักศึกษาก็ยังไม่ถอด

อะ...

ถอดแล้ว แต่เฮ้!!!




m.nam ☆° :
ร้อยเอก!!
ทุเรศ!!!
บัดสี น่าเกลียด!
ทุเรศ!!
อี๋ๆๆๆๆๆ น่าเกลี๊ยดดด


101 :
อะไรของพี่อีก


m.nam ☆° :
ทำไมไม่เอาผ้าเช็ดตัวมาคลุม
ใส่กางเกงในเดินไปเดินมาทำไมมมมม


101 :
ทำไมอ่ะ ก็ผมจะไปอาบน้ำ ก่อนอาบก็ต้องถอดเสื้อผ้าป้ะ
พี่จะอายอะไร มีเหมือนกันแหละ


101:
พี่เมือง เดินหนีผมเลยเหรอ



จะให้ไม่หนีได้ยังไง ใครใช้ให้เดินออกมาที่ระเบียงในสภาพมีชั้นในชิ้นเดียวปกปิดไว้กันเล่า



101 :
พี่อ่ะ ไม่ใจเลย ของผมออกจะดี
ตรงนี้ลมเย็นดีว่ะ
ลมเย็นดีครับ*
เป็นไง


m.nam ☆° :
เป็นไงอะไร
ทุเรศอ่ะ จะเป็นตากุ้งยิงแล้ว
TTTTTT


101 :
อ่ะ อันนี้พี่เมืองเว่อร์
ก็ของผมไง ดีมะ
พอจะสู้พวก sexy boy ในเพจม.ได้ป้ะ


m.nam ☆° :
ไม่!!!
อิ๊ อันเท่าไส้กรอกนม!


101 :
ว่าไงนะ
อันเท่าไหนนะ


m.nam ☆° :
ไส้กรอกนม!!!


101 :
พี่เมือง


m.nam ☆° :


101 :
เดี๋ยวเหอะ
เดี๋ยวเจอของจริงแล้วจะหนาว



คนตัวเล็กยกมือกุมหน้าอกด้านซ้าย เดินไปรูดผ้าม่านแล้วกลับมาทิ้งตัวนอนทันที

ร้อยเอกพูดแบบนี้ทีไร ในหัวอีกคนต้องคิดวิธีเอาคืนเมืองน้ำเสมอ เมื่อปีที่แล้วเมืองน้ำแกล้งเอาอึน้องหมาไปวางหน้าบ้าน เพราะโดนร้อยเอกพูดจากวนประสาทใส่มาก่อน หลังจากนั้นก็โดนเอาคืนด้วยการถูกยิงด้วยปืนฉีดน้ำแรงดันสูงเพราะตรงกับช่วงสงกรานต์พอดี

คิดไม่ออกเลยว่ารอบนี้จะโดนเอาคืนด้วยวิธีไหนอีก

ที่บอกว่าของร้อยเอกอันเท่าไส้กรอกนม ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าตัวเองโกหก

ไม่เป็นไรหรอก ไม่เห็นต้องพูดความจริงเรื่องนี้เลยนี่ มันใช่เรื่องที่จะมาพูดกันโต้งๆ ได้ที่ไหน ถือซะว่าลงโทษที่ร้อยเอกเดินออกมาโดยไม่ดูฟ้าดูลมแล้วกัน

แล้วก็นะ...เหตุการณ์เมื่อกี้นี้ เหมือนหัวใจจะหลุดออกมาเลย

เมืองน้ำมีงานต้องทำอีกเพียบเลยนะ พรุ่งนี้ต้องไปเรียนด้วย เอาแต่หน้าร้อน แถมยังใจเต้นกับภาพติดเรทของร้อยเอกแบบนี้

คืนนี้ต้องนอนไม่หลับแน่ๆ

ฮื่อออ~



(⺣◡⺣)♡*



แชะ!

“ถ่ายทำไมครับพี่”

“หล่อแบบนี้ก็ต้องถ่ายหน่อยสิน้อง เอาไปเรียกเรตติ้ง เนี่ยเดี๋ยวลงเลขบูธในเพจให้เลย วันงานคนจะได้เข้าไปเยอะๆ”

ร้อยเอกยิ้มแห้งๆ ใส่รุ่นพี่ที่เดินถ่ายรูปนักศึกษาใต้ตึกกิจกรรม เมื่อกี้ยังถ่ายพวกรุ่นน้องปีหนึ่งอยู่เลย ก้มหน้าก้มตาเทน้ำผลไม้ใส่แก้วหน่อยเดียว กล้องตัวสวยก็เคลื่อนมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาซะแล้ว

เรื่องเรียกคนเข้าบูธ จนป่านนี้ก็ยังไม่เลิกคิดเรื่องเอาร้อยเอกไปเรียกคนอีกหรือไง จะย้ำอีกครั้งว่าร้อยเอกไม่ใช่คนดัง แทบไม่มีใครรู้จัก เพราะงั้นถึงถ่ายไปลงก็ใช้เรียกคนไม่ได้อยู่ดี

เอาเถอะ ใครอยู่ตรงนี้ก็โดนถ่ายรูปด้วยกันทั้งนั้น คงไม่มีอะไรเสียหาย

เพราะวันนี้ไม่มีคาบเรียน แต่ก็ต้องมาช่วยคนอื่นเตรียมงาน ร้อยเอกในชุดประจำตัว บวกด้วยร้องเท้าแตะแบรนด์ดังที่เพิ่งซื้อมาใหม่เลยต้องฝ่ารถติดมาจากบ้าน และไปช่วยมาวินขนอุปกรณ์ทำน้ำผักน้ำผลไม้จากคณะมาที่นี่

ไม่เห็นเคยรู้มาก่อนว่าตึกกิจกรรมไกลจากตึกคณะขนาดนี้ ถ้าไม่ได้เอารถมา เขากับมาวินได้เดินขาลากทั้งคู่แน่นอน

“กูเสิร์ฟหมดแล้ว ขอนั่งพักแป๊บ”

แค่นึกถึง เพื่อนรักก็เดินเอื่อยๆ เข้ามาวางถาดเสิร์ฟน้ำบนถังน้ำแข็ง ร้อยเอกขยับออกมาเล็กน้อยเพื่อให้มาวินนั่งพักตรงเก้าอี้ข้างหลังตนได้ถนัด

“แค่นี้ทำเป็นบ่น กูนี่คั้นมะเขือเทศจนปวดแขน ไม่พูดอะไรสักคำ”

“มึงบ่นในใจเหอะ กูรู้นะ”

“แสนรู้จังวะ”

“กูไม่ใช่หมา”

“กูบอกรึยังว่ามึงเป็นหมา”

“แหมไอ้ร้อย เจตนามึงชัดมากเลยนะ”

ขำหน่อยๆ ใส่อีกคน ก่อนจะนับดูว่าบนถาดมีน้ำส้มกับน้ำมะเขือเทศครบสิบแก้วหรือยัง

“มึงนั่งพักไปแล้วกัน เดี๋ยวรอบนี้กูไปเสิร์ฟเอง”

“อุ๊ย”

“อุ๊ยอะไรของมึง”

“คือแบบ กูยังไม่ได้เสิร์ฟให้โต๊ะพี่เมืองเลย แล้วแบบ มึงอ่า...” มาวินยิ้มแฝงเลศนัย ยืดตัวมาเกาะเอวเพื่อนตัวสูง

“เชี่ยไรเนี่ย อย่าทำตาเยิ้มได้มั้ย ขนลุก” แน่นอนว่าร้อยเอกที่ยกถาดขึ้นมาแล้วขยับหนีโดยเร็ว “จะชงอะไรอีกล่ะ”

“เปล่าชง แต่มึงแสดงออกเองน้า ว่าอยากไปเสิร์ฟให้พี่เมือง”

“กูเปล่า เห็นว่ามึงเหนื่อย เลยช่วยเสิร์ฟเฉยๆ”

“โกหกไม่เนียน กูเห็นพี่เมืองโพสต์ไอจีรูปแก้วชา ใส่แคปชั่นว่า 101 เป็นชื่อไลน์มึง ชัดเลยไอ้ร้อย มึงญาติดีกับพี่เมืองแล้วใช่มั้ยห๊ะ”

ญาติดีเหรอ

ปกติก็ไม่เคยเกลียดกันนี่

ร้อยเอกพูดตามจริง เขากับเมืองน้ำเป็นคู่กัด ที่มีแต่ความหมั่นไส้ ความอยากแกล้งกันเท่านั้น อคติที่เขามี มันจบไปตั้งแต่วันที่ง้อเมืองน้ำสำเร็จนั่นแล้ว

และที่สำคัญ เหมือนเขาไม่เคยรู้จักเมืองน้ำจริงๆ

ฉะนั้น ทุกครั้งที่เราคุยกัน ไม่ว่าคุยกันตัวต่อตัว หรือคุยในไลน์ เขาจะพยายามสังเกตเมืองน้ำให้มากๆ วางอคติลงก่อน แล้วทำความรู้จักกับคนที่มักวนเวียนอยู่ในความคิดเขาเสมอดูอีกสักรอบ

“แล้วแต่มึง” เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองเงียบนานเกินไป ร้อยเอกเลยตอบเพื่อนรักก่อนที่มาวินจะเริ่มทำหน้าที่ชิปเปอร์ต่อ “อยากคิดอะไรก็คิด ไม่อยากเถียง”

“แปลกมากกัปตัน ปกติทำหน้าเหม็นเบื่อตลอด รอบนี้อนุญาตให้เรือกูเล่นยาวๆ เลยว่ะ เอ๊ะ...ระหว่างมึงกับพี่เมือง มีอะไรที่กูไม่รู้แน่นอน”

ร้อยเอกอยากย้ำอีกครั้งว่าแล้วแต่มาวินจริงๆ

ร่างสูงหันไปสั่งให้เพื่อนรักที่นั่งยิ้มแฉ่งเก็บอุปกรณ์ไปล้างให้สะอาด มีเสียงบ่นง้องแง้งของเจ้าตัวดังมาตามคาด แต่มาวินก็บ่นไปอย่างนั้นเอง เขาจึงไม่จำเป็นต้องสน ร้อยเอกเดินเสิร์ฟน้ำในถาดให้คนอื่นที่ยังไม่ได้รับ แอบกันน้ำมะเขือเทศเก็บเอาไว้หนึ่งแก้วเมื่อนึกได้ว่าคู่กัดตัวเล็กที่นั่งจดจ่ออยู่กับงานชอบดื่มน้ำชนิดนี้

ตาคู่กลมละจากหน้าจอ ช้อนขึ้นมองคนตัวสูงที่ยกแก้วน้ำจากถาดพลาสติกมาวางบนโต๊ะข้างๆ Macbook Pro

เมืองน้ำเห็นตั้งแต่มาถึงแล้วล่ะว่าร้อยเอกมาที่นี่ด้วย แต่คิดว่ามาวินจะเป็นคนยกมาเสิร์ฟให้เสียอีก

ไม่คิดว่าจะเป็นร้อยเอกที่นั่งลงฝั่งตรงข้าม

“ไม่รู้ว่าพี่กินอะไรมารึยัง ถ้ายังก็ดื่มน้ำมะเขือเทศรองท้องไปก่อนก็ได้นะ”

“ขอบคุณนะ”​ วาดยิ้มบางๆ พลางเอื้อมมือไปคว้าแก้วน้ำเข้ามาจิบ

“อาจจะสู้ยี่ห้อดอนคำที่พี่ชอบไม่ได้ แต่ผมตั้งใจคั้นสุดๆ เลยนะ”

“สู้ไม่ได้ที่ไหน เนี่ยอ่ะ อร่อยจะตาย” ว่าแล้วก็ดื่มเข้าไปอีกอึกใหญ่

“จะตายเลย? เฮ้ย ผมไม่ได้ใส่ยาพิษนะ อย่าโมเมดิ”

“มุกไม่ฮาอ่ะร้อย”

ดูทำหน้าเข้า เข้าใจว่ามุกไม่ฮา แต่ช่วยหยุดทำหน้าตาน่าหยิกสักทีได้มั้ย

ตั้งแต่บอกว่าน้องชายเขาอันเท่าไส้กรอกนมแล้วนะ ตัดสินใจไม่ถูกแล้วว่าระหว่างร้อยเอกกับเมืองน้ำ ใครชอบกวนประสาทมากกว่ากัน

“แล้วนี่พี่มาทำไรอ่ะ วันนี้ไม่มีเรียนไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ ไม่มีเรียน แต่ก็มาช่วยงานไง อย่างตอนนี้ก็นั่งตัดคลิปพรีเซนต์ให้เพื่อน”

ร้อยเอกพยักหน้าช้าๆ ย้ายไปนั่งข้างคนที่เกือบจะร้องโวยวายทันทีที่เขาเปลี่ยนตำแหน่ง เมืองน้ำเม้มปาก ง้างมือเตรียมตีไหล่กว้างที่แกล้งเบียดไหล่ตัวเองค้างไว้ สงบสติแล้วดึงความสนใจกลับไปที่แอพตัดวิดีโอ

นั่งไกลๆ หน่อยก็ไม่ได้ เก้าอี้ยาวขนาดนี้ จะมานั่งเบียดกันทำไมเนี่ย

“พี่เมือง”

“ว่าไง...ขยับไปหน่อยได้มั้ย อึดอัด”

“ไม่ได้”

“โอ๊ยร้อยเอก”

“อ่ะ ก็ได้ๆ แค่นี้ต้องหงุดหงิดด้วย”

เมืองน้ำไม่ได้หงุดหงิดเลยสักนิด ที่บอกให้ขยับออกไปเนี่ย เพราะการอยู่ใกล้แถมยังโดนแกล้งโดนแหย่

มันทำให้ใจเต้นแรงอย่างไม่มีสาเหตุต่างหาก

“ปกติพี่ตัดคลิปเองเหรอ พวกคลิปที่เอาลงเพจ”

“ก็ตัดเองนะ ทำเองทุกคลิปเลย”

“ผมนึกว่าพี่จะมีทีมงานแบบคนอื่นที่ดังๆ ในเน็ต มีผู้จัดการอะไรแบบนี้”

“คนอื่นอาจจะมีจริงๆ แต่พี่ไม่มีหรอก ถ้าจ้างคนอื่นทำก็ต้องจ่ายเงิน เปลืองอ่ะ ทำเองได้ก็ทำไปเรื่อยๆ แบบนี้แหละ ประหยัดดี”

“อ่อ งกว่างั้น”

ร้อยเอกจุดยิ้มกับการหันขวับเพราะคำพูดของเขา ปากสีอ่อนขยับมุบมิบเหมือนจะโต้ตอบเขา ทว่าพึมพำกับตัวเองในใจมากกว่า แสดงว่าจี้ใจดำจริงๆ

ที่ถามเพราะอยากรู้ ไม่ตั้งใจจะกวนประสาทเลยสักนิด แต่นิสัยร้อยเอกเป็นแบบนี้ แถมคนข้างกายก็น่าหยอกให้โมโห

สุดท้ายเลยกลายเป็นกวนประสาทไปได้

“อย่างอนสิพี่เมือง ร้อยอุตส่าห์ทำน้ำมะเขือเทศมาให้เลยนะ หน้างอเป็นอะไรแล้วเนี่ย”

“เบื่อ”

“เบื่อผม?”

“เบื่อมากๆ”

เออนะ อยู่ดีๆ ก็โดนเบื่อ แถมคนที่พูดว่าเบื่อยังหน้างอเพิ่มอีกเท่าตัว

“นั่งเงียบๆ ก่อนนะ พี่ขอทำงานให้เพื่อนก่อน”

“อันนี้สั่งหรือขอร้อง”

“ขอร้องสิ”

“ขอร้องต้องทำยังไง”

“…?”

“ขอร้องต้องอ้อนด้วยดิ อย่าทำหน้างอ ทำหน้าทำตาแบบวิ้งๆ หน่อย แล้วก็พูดเสียงนุ่มๆ บอกผมว่านั่งเงียบๆ หน่อยนะร้อยเอก พี่เมืองขอทำงานก่อนน้าา~ อะไรงี้”

คนพูดสะกิดคางมนด้วยปลายนิ้ว หวังให้การออดอ้อนที่เขาพูดไปเกิดขึ้นจริง แต่สิ่งที่ได้ดันตรงกันข้าม

“ขอแค่นี้ก็ให้กันไม่ได้”

“ไปเล่นกับหมานู่นไป๊”

นอกจากไม่อ้อนแล้ว ยังถูกมือขาวตีแรงๆ บนหลังมือ

“ก็นี่ไง ก็เล่นกับหมาอยู่ แต่อันนี้เป็นลูกหมา”

ว่ากันว่ามะเขือเทศดีต่อร่างกาย ทำให้ผิวกระจ่างใส มีเลือดฝาด และมีสีแดงจางๆ ระบายแต้มไว้ แต่สรรพคุณที่กล่าวมาน่ะเห็นผลเร็วขนาดนี้เชียวเหรอ

ร้อยเอกไม่เห็นรู้เลยว่าดื่มไปแป๊บเดียว จะทำให้แก้มเมืองน้ำขึ้นสีระเรื่อแบบนี้

เมืองน้ำนี่...

ผิวดีเหมือนเด็กแรกเกิดจริงๆ ด้วย






มีต่อด้านล่างค่า
 :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2018 23:29:51 โดย ErrorPOP »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
-- ต่อ --

เมืองน้ำโพสต์ไอจีเกี่ยวกับเขาสามรอบแล้ว

ครั้งแรกคือก้อนเมฆร้องไห้ ครั้งที่สองคือแก้วชาที่ถ่ายไว้ในวันที่เราทะเลาะกัน เจ้าตัวเพิ่งโพสต์เมื่อวันที่เรากลับมาสถานะเดิม รูปที่สาม น้ำมะเขือเทศที่เขาเป็นคนคั้นเองกับมือ

นี่เป็นครั้งแรกที่ร้อยเอกกดไลค์รูปในโซเชียลของเมืองน้ำ

หลังจากนั้นมาวินก็เดินมาแซวยกใหญ่ ทั้งที่รูปนั้นมีคนกดไลค์เป็นหมื่น ดันมาล้อแค่เขาคนเดียว สมกับตำแหน่งนักชงที่ไม่มีใครเทียบได้จริงๆ

งานทุกอย่างเสร็จสิ้นตอนห้าโมงเย็น ร้อยเอกขนอุปกรณ์กลับมาเก็บที่ตึกคณะ นัดเวลาเล่นเกมกับมาวินก่อนจะขับรถวนมาตึกกิจกรรมอีกรอบ

จำได้ว่าเมืองน้ำไม่ได้เอารถมา น่าจะขึ้นแท็กซี่จากหน้าหมู่บ้านมามหา’ลัย ตรงนี้เดาจากบทสนทนาที่พี่เมืองคุยกับเพื่อนตอนรอคลิปเรนเดอร์ เลยคิดว่าพาคนตัวเล็กกลับด้วยกันคงดีกว่าปล่อยให้กลับเอง และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ตอนนี้เด็กมนุษย์น่าจะตรวจความเรียบร้อยของวิดีโอพรีเซนต์กันอยู่

แต่...พอเขามาถึง กลับไม่มีวี่แววคนที่ตามหา

เมืองน้ำไปไหน

“พี่ครับๆ”

ร้อยเอกรีบวิ่งเหยาะๆ เข้าไปหาเมื่อคนถูกเรียกเลิกคิ้วอย่างสงสัย

“พี่เมืองกลับแล้วเหรอครับ“

“เมืองน้ำอ่ะเหรอ”

“ครับ เมืองน้ำ”

คณะมนุษย์นี่มีหลายเมืองรึไงนะ

“เห็นว่าจะออกไปเรียกแท็กซี่หน้ามหา’ลัยอ่ะ มีธุระต้องทำต่อ ไม่รู้ตอนนี้ออกจากม.ไปยังนะ”

“ขอบคุณครับ”

เครื่องมือสื่อสารในมือเด็กตัวสูงสั่นระรัวพร้อมเสียงริงโทน ร้อยเอกกล่าวขอบคุณรุ่นพี่ก่อนจะเดินแยกตัวกลับมาที่รถ ยกโทรศัพท์ขึ้นดูแล้วคลี่ยิ้มกว้างเมื่อเห็นเป็นชื่อเมืองน้ำ

ปลายสายถูกตัดไปก่อนร้อยเอกจะกดรับเสียอีก แค่นั้นความงุนงงก็ฉายชัดบนใบหน้า ร่างสูงรีบโทรกลับ ทว่าดันสายไม่ว่าง

โทรคุยกับใครอยู่ แล้วเมื่อกี้แค่กดผิดเป็นเบอร์เขาหรือไง

โมโหอะไรวะเนี่ย ร้อยเอก



101:
อยู่ไหน
พี่เมือง
โทรหาผมทำไม


101 :
พี่เมือง ตอบหน่อยครับ
เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า


101 :
ถ้าคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วช่วยตอบด้วย


101 :
พี่เมือง
ร้อยจะหงุดหงิดแล้วนะ
อ่านแล้วตอบด้วย


m.nam ☆° :
พี่กำลังไปโรงพยาบาล
ไม่ต้องห่วงๆ ไม่เป็นอะไรมาก


101 :
ไม่เป็นอะไรมากคืออะไร
คนที่ไม่เป็นอะไรมาก คือพี่เมืองเหรอ


101 :
พี่เมืองงง



m.nam ☆° :
พี่พิมพ์ไม่ถนัด
เจ็บมือ
โดนรถเฉี่ยว


101 :
โรงพยาบาลไหน
อัดเสียงมาก็ได้ ไม่ต้องพิมพ์
ถ้าไม่อัดเสียง ผมจะโทรไปแล้วนะ
นับหนึ่งถึงสิบ


101 :
ครบสิบแล้วนะครับ


101 :
รับสายหน่อยครับ


101 :
ร้อยเป็นห่วงพี่เมือง


m.nam ☆° :
(send a voice.)



(⺣◡⺣)♡*



เรื่องมันเกิดตอนที่ยืนเรียกแท็กซี่ตรงหอนาฬิกาหน้ามหา’ลัย โดนปฏิเสธเป็นคันที่สาม ให้เหตุผลว่าทางที่จะไปรถติด เลี้ยวขึ้นทางด่วนไม่ได้ เมืองน้ำเลยเปลี่ยนใจเป็นให้วินมอเตอร์ไซค์ไปส่งที่รถไฟฟ้า

มีรถอีกคันวิ่งมาด้วยความเร็วสูงจังหวะที่เมืองน้ำก้าวลงจากรถและกำลังจ่ายเงิน เบรกไม่ทัน ชนท้ายรถวินมอเตอร์ไซค์เข้าเต็มๆ ส่วนคนตัวเล็กที่โดนเฉี่ยวกระเด็นไปกระแทกเสาไฟต้นใหญ่ มือซ้น เข่าถลอก มีเลือดไหลซึมกางเกง พี่วินคนเดิมที่เคลียร์เรื่องค่าใช้จ่ายกับคู่กรณีเสร็จจึงพามาส่งโรงพยาบาล

ร้อยเอกไลน์มาหาตอนเมืองน้ำกำลังม้วนผ้าเช็ดหน้ารอบรอยถลอกที่มือ นอกจากพิมพ์ไม่ถนัด ใช้เวลาพิมพ์ค่อนข้างนาน ข้อความเสียงยังมีแต่เสียงลมซ่าๆ อีกด้วย

ถึงอย่างนั้นอีกคนก็คงฟังออก ร้อยเอกไลน์มาบอกว่าถึงโรงพยาบาลแล้ว ถามตึก ถามแผนก และคงรออยู่ด้านนอก

“เสร็จแล้วครับ โชคดีที่ไม่บาดเจ็บมาก รอรับยาข้างนอกแล้วกลับบ้านได้เลย”

“ขอบคุณครับคุณหมอ”

มอบรอยยิ้มแด่ชายหนุ่มในชุดกาวน์ ก่อนจะนั่งนิ่งๆ ให้พยาบาลดันรถเข็นที่ตนนั่งอยู่ออกไปข้างนอก เมืองน้ำกัดฟันข่มความเจ็บเมื่อฤทธิ์บาดแผลแล่นพล่านขึ้นจากหัวเข่า

นัดคุยงานกับเจ้าของแบรนด์ถูกยกเลิก มือและเข่าก็เต็มด้วยผ้าพันแผล ในช่วงที่ต้องทำงานหาเงิน ทำไมต้องมาเจ็บตัวด้วยนะ

ไม่ชอบเลย

“หมดสภาพ”

เสียงทุ้มที่เดาได้ทันทีว่าเป็นของใครทำให้ดวงหน้าเนียนเงยขึ้นมอง ร้อยเอกเดินเข้ามาพร้อมการถอนหายใจหนักๆ ไม่พูดอะไรต่อ ทำแค่มองสำรวจผ้าพันแผลบนร่างกายขาวเท่านั้น

คนตัวสูงโน้มตัวลงมาคว้ากระเป๋าใส่ของรวมทั้งแล็ปท็อปบนตักนุ่ม พาดไว้บนไหล่กว้าง เดินอ้อมไปด้านหลังแล้ววางสองมือบนแฮนด์รถเข็น

“อุบัติเหตุอ่ะ แต่เจ็บมากเลย”

“ไม่เจ็บสิแปลก จะเดินไหวมั้ยเนี่ย”

“ไม่น่าไหว”

ถ้าฟังไม่ผิด เหมือนเมืองน้ำได้ยินเสียงถอนหายใจจากคนข้างหลังอีกรอบ

“ผมอยากบ่นพี่จะตายชัก แต่เห็นสภาพแล้วบ่นไม่ออก ถ้ารอผมที่ใต้ตึกกิจกรรมก็ไม่เจ็บตัวแล้ว”

“ก็ไม่รู้ว่าต้องรอ”

“หมายความว่าไง”

“ปกติเราไม่ได้กลับด้วยกัน คือพี่ไม่รู้จริงๆ ว่าร้อยอยากให้รอ”

“แล้วใครอยากให้รอวะ”

“อ้าว แล้วสรุป...ไม่ได้อยากให้พี่รอกลับพร้อมร้อยเหรอ”

เมืองน้ำไม่ตั้งใจกวนประสาทหรอกนะ และไม่รู้ว่าร้อยเอกที่เข็นเมืองน้ำไปรอรับยาตรงอีกมุมหนึ่งทำหน้ายังไง

ฟังจากน้ำเสียงและคำพูด ไม่ได้อยากให้รองั้นเหรอ ตอนคุยในไลน์ ยังบอกว่าเป็นห่วงเมืองน้ำอยู่เลย

“เห็นไม่เอารถมา ใช้แท็กซี่ไม่ก็บีทีเอสตลอด เลยคิดว่าจะพากลับด้วย กลับทางเดียวกัน ไปด้วยกัน ประหยัดเงินออก”

เด็กอะไรเข้าใจย้ากยาก

“งั้นครั้งต่อไปถ้าจะให้กลับด้วย ก็บอกกันก่อนสิ พี่จะได้รอ”

“ต้องให้บอกทุกเรื่องรึไง”

“อย่าหงุดหงิดซี่ ร้อยเอก”

ทีแรกร้อยเอกไม่เห็นหน้าเมืองน้ำ ยังรู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก ตอนนี้ที่เปลี่ยนจากเข็นรถให้เจ้าตัวมานั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เห็นใบหน้าน่ารักทำหน้าตาล้อเลียนเขาเต็มโฟกัส

แม่ง อยากบีบปาก

“ไม่ให้หงุดหงิดได้ไง ก็พี่อ่ะ”

“พี่ทำไม พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเล้ย”

“พี่เมือง นี่โรงพยาบาลนะ ไม่อยากทะเลาะด้วย”

“ไม่ได้ชวนทะเลาะสักหน่อย แค่อยากรู้เฉยๆ เองอ่ะ นะๆ บอกหน่อย ว่าทำไมต้องหงุดหงิด”

ถ้าไม่อยู่ในโรงพยาบาล และถ้าพี่เมืองไม่เจ็บตัวอยู่ ร้อยเอกจะบีบพี่เมืองให้เนื้อขาวๆ ช้ำจนเป็นรอยไปเลย เขาขอสัญญา

“บอกหมดแล้วในไลน์”

“หืม... บอกว่าอะไร พิมพ์มาแต่ละอย่าง เหมือนจะกินหัวพี่ทั้งนั้น”

“พี่เมืองยังไม่แก่เลย ทำไมตาพร่าแล้วล่ะ”

“ร้อยเอก”

“อะไร”

“ปากหมาอีกแล้วนะ”

“ด่าอีกดิ ไม่โดนด่าแล้วผมไม่มีความสุขเลยว่ะ”

เป็นคู่กัดที่รักษามาตรฐานได้ดีจริงๆ

คนตัวเล็กอมยิ้มกับคนที่มอบแววตาเกรี้ยวกราดใส่ แต่ก็ขำออกมาในที่สุด มองตามร่างสูงที่ลุกไปยังเคาท์เตอร์รับยาเมื่อโรงพยาบาลเรียกชื่อเมืองน้ำ ก่อนจะเดินกลับมาอีกครั้งหลังหย่อนถุงยาใส่กระเป๋าเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ร้อยเอกลดกายนั่งที่เดิม สะดุดเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าตาคู่สวยจ้องมองอยู่

ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้ตอบคำถาม

ถ้าเมืองน้ำอยากรู้ เขาจะตอบให้แล้วกัน

“เป็นห่วง”

“…”

“หงุดหงิดเพราะเป็นห่วง กลัวพี่เมืองแขนหักขาหัก แล้วจะลุกมาทะเลาะกับผมไม่ได้ เข้าใจยัง”

“เข้าใจแล้ว~”

เข้าใจแล้วก็ช่วยสบตากันด้วยสิ ไม่ใช่หลบตาเขาแบบนี้

แปลกเนอะ...เมืองน้ำในตอนนี้ แปลกไปจริงๆ

“นี่พี่อยากกินอะไรมั้ย ถ้าไม่ก็กลับบ้านกัน ผมมีนัดเล่นเกมกับเพื่อน”

“กี่ทุ่มแล้วอ่ะ”

“เพิ่งทุ่มกว่า”

“งั้น...พาไปเคเอฟบีหน่อย ตรงปั๊มใกล้ๆ มีอยู่สาขานึง เลี้ยวเข้าไดรฟ์ทรูก็ได้”

“เป็นแผลกินไก่ได้เหรอ”

“ไม่ได้ไปซื้อไก่ อยากซื้อมันบด”

แต่ก็เป็นความแปลกที่เขาไม่ประหลาดใจเท่าไหร่ เขาสังเกตความเปลี่ยนแปลงในตัวอีกคนตั้งแต่เราคืนดีกัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มารร้ายในตัวเมืองน้ำหนีไปพักร้อน

ให้เมืองน้ำมีโหมดน่ารักบ้างก็ดีเหมือนกัน

เพราะเขาชอบพี่เมืองในโหมดนี้



(⺣◡⺣)♡*



เจ้าของมันบดหลับก่อนร้อยเอกจะเลี้ยวรถเข้าปั๊มน้ำมันเสียอีก

สาขาร้านไก่ทอดชื่อดังอยู่ห่างจากปั๊มไม่ถึงกิโลเมตร ระยะทางสั้นๆ ที่ใครสักคนสามารถหลับได้ง่ายๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเหนื่อยมากจนร่างกายต้องการพักผ่อน เขาก็คิดถึงเหตุผลอื่นไม่ออก

ร้อยเอกปล่อยให้เมืองน้ำพักผ่อนแทนที่จะปลุกขึ้นมาซื้อของ เขาทำหน้าที่นั้นแทนคนอยากกิน ซื้อไก่ทอดกลับไปฝากคนที่บ้านอีกสองชุดใหญ่ สำหรับพ่อแม่และสิบเอกคนละชุด วางของตัวเองไว้ที่เบาะหลัง ส่วนมันบดในถุง เขาวางไว้บนกระเป๋าสะพายตรงหน้าตักของเจ้าตัว

ระหว่างเดินทางเมืองน้ำแทบไม่ขยับตัว ทำเพียงผ่อนลมหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอ อิงศีรษะกลมแนบพนักพิงเบาะตำแหน่งด้านข้างคนขับ

ไม่รู้อะไรดลใจให้ร้อยเอกปิดเสียงเครื่องรับวิทยุ ทั้งที่เขามักเปิดมันฟังเสมอเวลาต้องอยู่บนท้องถนน อย่างน้อยไม่มีเสียงเพลง ก็ยังมีข่าวจราจรให้ฟังตลอด

ให้พูดจริงๆ...

เขากลัวเมืองน้ำจะตื่นเพราะเสียงรบกวนนั่นแหละนะ

คนตัวเล็กบอกว่าลืมเอาพาวเวอร์แบงค์ติดตัวไปมหา’ลัยด้วย เลยขอชาร์จแบตโทรศัพท์บนรถก่อนออกจากโรงพยาบาล แจ้งเตือนที่เด้งขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นคอมเมนต์ในเพจ ไอจี หรือข้อความติดต่องานในไลน์อยู่ในสายตาเขาเสมอ ทั้งหมดนี้ทำให้ร้อยเอกหายสงสัยว่าเมืองน้ำเคยเช็กฟีดแบ็กในโซเชียลของตัวเองหรือเปล่า

วันนั้นที่เมาถึงระบายเรื่องโดนว่าบ่อยๆ สินะ

ไม่เคยพูด ไม่เคยแสดงออก ถ้าไม่เมาแล้วระบายอออกมา คงไม่มีทางรู้ว่าเมืองน้ำคิดอะไรอยู่

อยากรู้นักว่าในใจพี่เมืองเก็บเรื่องไหนไว้อีกบ้าง

ร้อยเอกค่อยๆ แตะเบรกเมื่อรถยนต์เคลื่อนมาถึงบ้านคนตัวเล็ก ผละมือจากพวงมาลัย เลื่อนขึ้นเหนือศีรษะหมายจะกดสวิตช์เพื่อเปิดไฟ ทว่าแจ้งเตือนล่าสุดที่ทำให้โทรศัพท์เครื่องบางสว่างวาบก็หยุดเขาไว้เสียก่อน

ข้อความคอนเฟิร์มราคารถจากบริษัทรับซื้อ แบรนด์และรุ่นที่เขาเห็นในแจ้งเตือน...

เป็นรถพี่เมือง

เขารีบหยุดความสงสัยแม้มันจะปรากฏขึ้นชัดเจน แสงบนจอดับมืดลงพร้อมกายขาวเนียนที่ขยับเคลื่อนไหว ร้อยเอกวางมือบนไหล่แคบ เขย่าเบาๆ พร้อมเอ่ยเรียก

“พี่เมือง ถึงบ้านแล้วครับ”

ไม่ต้องเรียกซ้ำสอง เปลือกตาสีอ่อนเปิดขึ้นช้าๆ ขณะที่เจ้าของรถละมือออก เมืองน้ำใช้เวลาครู่หนึ่งในการดึงสติ ปรับโฟกัสและเรียบเรียงสถานการณ์ วางดวงตาคู่สวยบนถุงมันบดตรงหน้าตัก เมื่อเข้าใจแล้วจึงเปลี่ยนเป็นมองคนข้างกาย

“แย่อ่ะ ไม่น่าหลับเลย อดซื้อโค้กเลยอ่ะ”

ยู่ปากด้วยความเซ็ง ก่อนจะดึงโทรศัพท์ออกจากสายชาร์จ ม้วนเป็นวงกลมหลวมๆ แล้วเก็บใส่กระเป๋า

“ถ้าพี่อยากกิน ไปเอาโค้กบ้านผมก็ได้ มีเยอะเลย แม่ซื้อมาตุนให้น้องสิบ”

“เฮ้ย ไม่เป็นไร ค่อยซื้อกินพรุ่งนี้ก็ได้ มีเหลือในตู้เย็นอยู่ขวดนึงอ่ะ เอาไว้ให้น้องสิบเถอะ พี่ไม่อยากแย่งน้องกินนะ”

ทำเป็นเล่นทั้งที่เมื่อกี้ตอนที่จอโทรศัพท์สว่างขึ้นมาอีกครั้ง เมืองน้ำเห็นการแจ้งเตือนที่ร้อยเอกเห็นเช่นเดียวกัน คนตัวเล็กชะงักไปเสี้ยววินาที แล้วสุดท้ายก็ทำเป็นมองข้ามไป

สาบานเลยว่าถ้าไม่เห็นแจ้งเตือนนั้น ร้อยเอกจะไม่มีทางคิดแบบนี้

ฐานะทางบ้านของพี่เมืองดีมากอยู่แล้ว ทั้งพ่อและแม่ ทั้งงานพิเศษที่เจ้าตัวทำอยู่ตลอด เขาไม่เคยเห็นคู่กัดของตัวเองเจอความลำบากด้านการเงิน ไม่รู้ด้วยว่าเพราะอะไรพี่เมืองถึงต้องขายรถราคาหลายล้านที่เก็บเงินซื้อมาเป็นปี

เขาอยากรู้ แต่เมืองน้ำไม่ใช่คนที่จะเผยด้านอ่อนแอให้ใครเห็นง่ายๆ

ดังนั้นคงไม่ดีเท่าไหร่ หากร้อยเอกจะก้าวล้ำความเป็นส่วนตัว

“ขอบคุณที่พากลับบ้านนะ พี่จะเข้าบ้านแล้ว ร้อยก็รีบไปเล่นเกมกับเพื่อนเถอะ”

“เดินไหวมั้ย”

“ตอนนี้น่าจะไหว”

“อวดเก่งจริงๆ”

“อะไรเล่า อยู่ดีๆ ก็มาว่า”

มุมปากหยักจุดยิ้มกับใบหน้างอๆ ร้อยเอกไม่ตอบกลับ ก้าวลงจากรถแล้วเดินไปยังประตูอีกฝั่ง

“ทำอะไรอ่ะ”

“ประคองพี่เข้าบ้านไง”

“พี่เดินเองได้”

“คนเดินเองได้ที่ไหนต้องให้ผมประคองตอนลงจากรถเข็นที่โรงพยาบาล ไหนพี่เมืองบอกผมหน่อย ว่าเดินได้เองแบบร้อยเปอร์เซ็นต์จริงๆ”

ที่จริงก็ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เท่าไหร่ เต็มร้อย ให้แค่ห้าสิบยังเยอะไปเลย

เมืองน้ำไม่อยากรบกวนคนตัวสูง แค่ซื้อของแทนให้ อนุญาตให้ติดรถกลับบ้านและยอมให้ชาร์จแบตในรถ แถมเมืองน้ำยังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว แค่นี้ก็เกรงใจแทบแย่

แต่ห้ามเด็กดื้ออย่างร้อยเอกได้ที่ไหน ไม่ทันไรเจ้าของรถก็เปิดประตู ยื่นมือรอให้เมืองน้ำก้าวลงไปซะแล้ว

“ลงดีๆ ครับ เอาขาข้างที่ไม่เจ็บลงก่อน แล้วก็จับมือผม”

“พูดเพราะจัง”

เป็นคนดีไม่ขึ้นจริงๆ ร้อยเอก

อยากดีดนิ้วใส่หน้าผากอีกคนจะตายชัก แต่ทำได้แค่จับมือนุ่มที่วางบนมือของตนไว้มั่น พาดแขนแข็งแรงบนเรือนกายที่เซเล็กน้อยหลังจากก้าวลงมายืนบนพื้น

ลมเย็นๆ พัดโชยผ่านขณะถูกประคองเข้าบ้าน

และคงมีเมืองน้ำแค่คนเดียว...

ที่รู้สึกว่าใบหน้ากำลังสัมผัสลมร้อน

“เข้าบ้านแล้วก็ล็อกดีๆ ด้วยนะครับ เดี๋ยวขโมยเข้า”

“ยังไม่ทันเข้าก็แช่งเลยนะ”

“พี่เมือง”

“ล้อเล่นๆ ดุอีกแล้ว อารมณ์แปรปรวนโคตรๆ”

“นี่พี่อยากโดนจับทุ่มมากเลยสินะ”

“กล้าเหรอ”

ถามเล่นๆ ไปงั้น

“ใครจะกล้า”

คำตอบที่ได้ดันไม่ใช่เล่นๆ ไปซะได้

“เมื่อกี้ไม่ได้แช่งนะ แต่อยากให้พี่ปลอดภัยจริงๆ”

“ถ้าไม่ได้แช่ง งั้นอวยพรอีกรอบก็ได้นะ”

“ขอให้ปลอดภัยครับ”

“พูดเพราะอีกแล้วอ่ะ”

“ขอให้ปลอดภัยโว้ยยย! พอใจยัง”

“พอใจแล้วๆ อย่างนี้ค่อยเหมือนร้อยเอกตัวจริงหน่อย”

“เดี๋ยวจะโดน”

จะเป็นเรื่องเล่นๆ ได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้ ไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้ว

เมืองน้ำหมายถึงหัวใจที่ไม่เคยรู้สึกดีกับการโวยวายของร้อยเอก กลับรู้สึกดีอย่างประหลาด

ถ้าร้อยเอกบ้าเพราะชอบโดนด่า เมืองน้ำที่ชอบน้ำเสียงเข้มๆ เวลาโวยวายเพราะถูกแกล้งเมื่อกี้นี้...คงบ้าด้วยเหมือนกัน

ใจเอ๋ยใจ เต้นเบาๆ จะได้มั้ย ถ้าอีกคนรู้ความรู้สึกของเมืองน้ำ เรื่องใหญ่ระดับชาติเลยนะ

อย่ามีอาการนักเลย เมืองน้ำคิดวิธีรับมือกับความหวั่นไหวไม่ออกแล้ว



(⺣◡⺣)♡*



แฮชแท็ก #ร้อยเมือง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2018 23:30:33 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
อ่าาาาา พี่เมืองมีปัญหาอะไรรึเปล่านะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เมืองน้ำมีปัญหาอะไร จะว่าไปเห็นแต่พาร์ทบ้านร้อยเอก  :katai1:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
น่ารักอ่ะ แงงงงงง จะเอาาาา

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
7
คู่กัดเสินเจิ้น




Meungnam Charming Boy
Today 10:35 น.

ในวันยุ่งๆ ที่สมองต้องทำงานหนัก มีอาหารเสริมดีๆ สักกระปุกมาเป็นตัวช่วยก็ดีนะ
เมืองกิน Banny Blink มาปีกว่าแล้ว นอนดึกแค่ไหนก็ไม่เวียนหัว
บำรุงระบบประสาท แถมยังช่วยเสริมสร้างความจำได้อีกด้วย
ตัวช่วยดีๆ ที่ทุกคนต้องมี ดูรายละเอียดที่เพจ Banny Blink Official เลยครับ

ps. ไม่ได้ไลฟ์เลย ช่วงนี้ยุ่งมากจริงๆ ครับ ว่างแล้วจะมาไลฟ์นะ T-T






เมื่อก่อนร้อยเอกคงเอาแต่คิดว่านี่เมืองน้ำหรือห้างสรรพสินค้า อยากซื้ออะไรให้เลื่อนดูเอาในเพจ เพราะเจ้าของเพจโพสต์สปอนเซอร์แทบทุกอย่าง

แต่ตอนนี้ต้องถามประโยคเดียวว่าเจ็บตัวขนาดนั้น ยังหาเวลามาโพสต์อีกหรือไง

เขาเล่นเกมเสร็จตอนตีสอง หลังปิดคอมและเดินมากางมุ้งนอน เห็นไฟห้องตรงข้ามเปิดอยู่อีกตามเคย ไลน์ไปบอกพี่เมืองให้ดับไฟและเข้านอนได้แล้ว พี่เมืองสัญญาว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะหยุดทำงานทั้งหมด แต่เมืองน้ำน่ะดื้อกว่าที่คิด เขานั่งดูอยู่ตรงระเบียง กว่าอีกคนจะปิดไฟก็เกือบตีสาม

โชคดีที่วันนี้ร้อยเอกมีเรียนตอนบ่าย ถึงนอนดึกและตื่นสายได้ ถ้าต้องเรียนคาบเช้า เมื่อคืนคงไม่เห็นว่าเมืองน้ำนอนดึกขนาดไหน

“ตื่นเร็วเชียว”

แปลกใจเล็กน้อยเมื่อเดินลงมาชั้นล่างแล้วเห็นพี่ชายนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษอยู่บนโต๊ะทานข้าว ร้อยเอกอยู่ในชุดนักศึกษา ตั้งใจทำอาหารให้ตัวเองทาน ทว่าพอเห็นอาหารกึ่งสำเร็จรูปในตู้เย็นแล้ว ค่อยสบายไปอีกหนึ่งมื้อ

“พี่พันซื้อมาเหรอครับ” ได้ยินคนด้านหลังตอบรับเสียงนุ่ม ร้อยเอกเลยใช้เวลากับการอุ่นอาหาร สองนาทีหลังจากนั้นก็ยกจานข้าวมานั่งใกล้คนเป็นพี่ “ร้อยไม่ได้ตื่นเร็วนะ สิบเอ็ดโมงแล้วครับ ไม่เห็นเร็วเลย”

“ปกติถ้ามีเรียนบ่าย พี่เห็นร้อยตื่นเที่ยงนี่นา”

จริงด้วย

ลืมเวลาตื่นนอนตัวเองได้ไงวะร้อย

“ทำไม มีเรื่องให้ตื่นเร็วเหรอ”

“เปล่าครับ ก็มันนอนไม่หลับอ่ะ เลยตื่นมาหาอะไรทำ”

หาอะไรทำที่ร้อยเอกพูดถึงคือนอนเล่นโทรศัพท์ ไล่ดูโพสต์เก่าๆ ในแฟนเพจเมืองน้ำ เพราะไล่ดูอีกรอบนั่นแหละ เขาถึงรู้ว่าความรู้สึกตอนอ่านโพสต์เดิมในเวลาต่างกันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

ยอมรับว่าข้อความคอนเฟิร์มราคารถเมื่อคืนทำให้เขาตีความไปเองว่าที่เมืองน้ำต้องรับงานพร้อมกันหลายด้าน เพราะมีเรื่องต้องใช้เงิน

“แล้วนี่คืนดีกับเมืองน้ำรึยัง”

“คืนดีแล้ว...ยิ้มทำไมอ่ะพี่พัน” มือที่ตักข้าวขึ้นมาจ่อตรงริมฝีปากวางลงอัตโนมัติ ขมวดคิ้วใส่พี่ชาย หวังให้อีกคนหยุดยิ้มบางๆ อย่างนั้นสักที แต่พี่พันก็คือพี่พัน คนที่ปฏิบัติเหมือนเขาเป็นเด็กตัวเล็กมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

“ก็ยิ้มดีใจไง ไม่คิดว่าคนอย่างร้อยจะไปง้อเมืองน้ำจริงๆ”

นอกจากยิ้มไม่ยอมหยุด ยังใช้น้ำเสียงที่ทำให้ร้อยเอกอยากจะเดินหนีขึ้นไปชั้นสองมันซะเดี๋ยวนี้

“ร้อยทำพี่เมืองโกรธ ก็ต้องไปง้อดิ ไม่เห็นแปลกเลย”

“มันแปลกตรงที่ร้อยไม่เคยง้อ”

“…”

เหมือนถูกอะไรสักอย่างพุ่งเข้าใส่เต็มๆ ร้อยเอกรีบดึงความสนใจกลับมายังจานข้าวของตัวเอง แต่ไม่วายมีเสียงพันเอกลอยมาอีกจนได้

“สงสัยพี่จะได้ฟังข่าวดีเร็วๆ นี้”

“ข่าวดีอะไรครับ จะมีใครแต่งงานเหรอ”

“ไม่น่าถึงขั้นแต่ง แต่ขั้นคบนี่ไม่แน่”

“พี่พันพูดเรื่องไรอ่ะ”

ร้อยเอกเกลียดการไม่ตอบ แต่ช้อนมองด้วยสายตาหยอกล้อระหว่างตักโจ๊กเข้าปากชะมัดเลย

เก็บสายตาแบบนั้นเอาไว้อ่อยสาวในสต็อกของตัวเองเถอะ นี่น้องนะ ไม่ใช่ผู้หญิงที่จะหลงสายตาแห่งความเป็นผู้ใหญ่ของพันเอกง่ายๆ

“ร้อยไปกินบนห้องดีกว่า ไม่อยากคุยกับพี่พันแล้ว” ว่าแล้วก็ลุกยืนพร้อมยกจานข้าวขึ้นมาด้วย

“จะหนีพี่ไปไหนล่ะ ไม่แซวแล้วก็ได้ นั่งกินตรงนี้แหละร้อย ไม่เห็นต้องเดินหนีเลย”

“ไม่ ร้อยไม่อยากฟังเสียงพี่พันแล้ว หยุดพูด!”

“ร้อยเอก”

“หยุดๆๆๆๆ! โอ๊ยร้อยเอกฟังภาษาไทยไม่ออกแล้วววว!”

พันเอกกลั้นเสียงหัวเราะไม่ไหวกับภาพน้องชายที่เดินตึงตังขึ้นไปบนห้อง อีกนานกว่าร้อยเอกจะยอมเดินลงมา และเขามีธุระต้องทำต่ออีกหลายอย่าง คงนั่งตรงนี้เพื่อรอน้องชายไม่ไหว

เมื่อกี้นี้น่ะ เขาแค่แกล้งเล่นเพราะไม่เคยเห็นร้อยเอกง้อคู่กัดตัวเองจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นอะไรดีๆ

ไม่รู้เจ้าตัวสังเกตเห็นมันหรือเปล่า แต่คนนอกที่เลี้ยงร้อยเอกมาตั้งแต่ตัวเท่าเมี่ยงอย่างเขา เห็นประกายวิบๆ วับๆ บนความสัมพันธ์ที่เรียกว่าคู่กัดของทั้งคู่ชัดเจนเลยล่ะ

เห็นทีต้องเปลี่ยนเป็นคู่กัดเสินเจิ้นซะแล้ว



(⺣◡⺣)♡*



Marvin :
กลับก่อนไม่บอกกูเลยนะ บ้านก็ไม่ได้ไกลจากม.มาก รีบจนกูงง



มาวินรัวข้อความใส่ไม่หยุด ทั้งตัวหนังสือ ทั้งสติ๊กเกอร์ โทษฐานที่ร้อยเอกหนีกลับมาก่อนโดยไม่บอก ปล่อยให้รอหน้าตึกคณะเกือบครึ่งชั่วโมง

เขาบอกมาวินตั้งแต่ในห้องเรียนแล้วว่าจะกลับบ้านเร็ว มีธุระด่วนต้องไปทำ ตอนนั้นมาวินเอาแต่กดเกมในโทรศัพท์ การรับปากส่งๆ ทำให้เข้าใจว่าเพื่อนสนิทรับทราบแล้ว ร้อยเอกจึงรีบขับรถกลับบ้านทันทีที่ส่งควิซท้ายชั่วโมงกับอาจารย์เสร็จ

ไม่ถึงสิบนาทีมาวินก็ส่งข้อความมาบอกว่าจำเรื่องที่เขาบอกได้แล้ว จบจากคำขอโทษ เพื่อนรักก็นัดเล่นเกมคืนนี้ และถามรัวๆ ว่าเขารีบกลับทำไม

อยากรีบกลับบ้านนี่ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ

’น้องเอก แม่หายาแก้แพ้ไม่เจอ ไม่ได้อยู่ในชั้นเหรอคะ’

‘น้องเอกเรียนอยู่นี่นา แม่ขอโทษค่ะ ถ้าว่างแล้วตอบแม่หน่อยนะคะ’

‘เมืองน้ำไม่สบาย เห็นว่าเป็นหวัด น่าจะไข้ขึ้นหน่อยๆ ด้วย แม่จะเอายาไปให้พี่เมือง’


ข้อความของแม่ที่ทำให้เขารีบพิมพ์ตอบ และแทบไม่มีสมาธิฟังคำบรรยายของอาจารย์ ต้องคอยถามแม่ตลอดว่าเจอกระปุกยาหรือยัง

ตรงนี้น่าจะเรียกว่าเหตุผลล่ะมั้ง

ทำงานหนัก นอนดึก โดนรถเฉี่ยว แถมเมื่อวานที่นั่งรถมากับเขา...ร้อยเอกเพิ่งนึกได้ว่าเปิดแอร์ซะเย็นฉ่ำ ไม่แปลกหากเมืองน้ำจะไม่สบาย

เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พี่เมืองป่วยเหรอเนี่ยร้อยเอก

“แย่จังวะกู”

ใช่ แย่มาก

อยากดูอาการเมืองน้ำจะแย่แล้ว

ร้อยเอกหมุนพวงมาลัย เลี้ยวรถเข้าโรงจอดก่อนจะรีบเดินมาบ้านคนป่วยโดยที่ยังสวมชุดนักศึกษา ยังไม่ทันได้เข้าไป แม่ก็โทรมาเรียกให้กลับไปยกข้าวต้มมาเสิร์ฟ เขาเกือบจะหงุดหงิดเพราะความใจร้อนอยู่แล้ว กุญแจบ้านที่แม่ได้มาจากเมืองน้ำนั่นแหละที่ทำให้อารมณ์เย็นลงได้

อย่างน้อยก็ไม่ต้องกดกริ่งเรียกพี่เมืองออกมา

บ้านหลังใหญ่เงียบสงบ และปิดทึบทุกบานประตู ร้อยเอกไม่กล้าเปิดม่านเพราะชั้นล่างไม่ค่อยมีใครลงมาเป็นปกติอยู่แล้ว เลยทำได้แค่เปิดไฟเพิ่มความสว่างเท่านั้น

เขาก้าวขึ้นมาหยุดอยู่หน้าห้องนอนที่มีของตกแต่งกุ๊กกิ๊กๆ เต็มไปหมดตามสไตล์ผู้เป็นเจ้าของ ลองหมุนลูกบิดและพบว่าประตูไม่ได้ล็อก คนตัวสูงจึงประคองถาดไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ใช้มืออีกข้างผลักประตูเพื่อเคลื่อนตัวเข้าไปด้านใน

“ร้อยเอก...”

“ก็ผมน่ะสิ”

ร้อยเอกวางถาดข้าวไว้บนเตียง นั่งลงบนโต๊ะทำงานโดยหันหน้าเข้าหาคนตัวเล็กที่นอนห่มผ้าขึ้นถึงลำคอ ดวงหน้าน่ารักขาวซีดเพราะพิษไข้ ตำแหน่งเดียวกับโคมไฟมีกล่องทิชชูสำหรับซับน้ำมูกที่ไหลจากจมูกแดงๆ และมีแผ่นเจลลดไข้แปะอยู่ตรงหน้าผาก

“ไข้ลดบ้างยังครับ”

“มาได้ไงเหรอ”

“ตอบไม่ตรงคำถาม” คนบนเตียงย่นหัวคิ้ว เห็นแบบนั้นร้อยเอกเลยรีบเอ่ยต่อ “ตอบมาก่อน เดี๋ยวผมจะบอกว่ามาได้ไง”

“ไข้ลดไปเยอะแล้ว นี่ก็เพิ่งตื่น นอนไปตั้งห้าชั่วโมง เหงื่อออกเต็มเลย”

ไม่แค่พูดเปล่า เมืองน้ำยังถลกแขนเสื้อโชว์ให้อีกคนเห็นว่าความเปียกชื้นจากเหงื่อที่ผุดขึ้นทั่วผิวขาว

ร้อยเอกหัวเราะเบาๆ กับการกระทำราวกับเขาอายุมากกว่า ได้เห็นพี่เมืองมุมนี้ก็แปลกตาดีเหมือนกัน

ปกติเห็นแต่มุมมารร้าย

เจอมุมเด็กน้อยเข้าหน่อย

“นอนเยอะๆ นั่นแหละดีแล้ว เดี๋ยวจะช็อกไปซะก่อน พี่เคยดูข่าวมั้ย ที่คนทำงานโดยไม่พักจนช็อกตายอ่ะ”

“แช่งป้ะ”

“ถ้าแช่งจะพูดแรงกว่านี้”

ไม่รู้สิ น่ารักดีมั้ง

“อย่าคิดมากน่า ไม่ได้แช่งจริงๆ เตือนเพราะว่าห่วง กลัวจะลุกมาด่าไม่ได้”

“แล้วจะบอกได้ยังว่ามาได้ไง”

“แม่ใช้”

“แค่นี้เหรอ”

“แล้วพี่จะเอาแค่ไหนล่ะ” ร่างสูงยกถาดบนเตียงขึ้นมาไว้ในมืออีกรอบเมื่อเจ้าของห้องค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง “จะให้บอกว่าผมเป็นห่วงมาก ก็เลยรีบมาดูอาการพี่ งี้เหรอ”

“ร้อยพูดงี้เองนะ”

“เดี๋ยวดิ ผมยังไม่ได้บอกเลยนะว่าจริงไม่จริง”

“พี่ก็ยังไม่ได้สรุปเลยนะว่าจริงไม่จริง”

“…”

ควิซวันนี้มั่นใจว่าได้เต็ม วิชาไหนๆ ก็ไม่เคยได้ต่ำกว่า B+ สงสัยวันนี้จะติด F วิชาเอาตัวรอดจากเมืองน้ำซะแล้ว

“กินข้าวกินยาเหอะ”

“แล้วเมื่อกี้ สรุปว่าห่วงจริงมั้ย”

“มันสำคัญรึไง”

“สำคัญสิ”

“…”

“ถ้าไม่สำคัญจะอยากรู้เหรอ”

เป็นคนที่ทำให้ร้อยเอกเจอทางตันได้ตลอดเลยจริงๆ

เมืองน้ำเบนความสนใจไปที่ถาดข้าวเมื่อคนตัวสูงปล่อยให้คิดเองเออเอง แน่นอนเลย ถึงไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่อย่างน้อยในฐานะคนรู้จักก็ได้ เมืองน้ำต้องคิดว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงอยู่แล้ว

ห่วงแบบคนรู้จักก็ยังดี แค่นี้ก็ทำให้ยิ้มได้แล้ว

“แก้มจะแตกมั้ย ผมบอกให้กินข้าว”

“รู้แล้วน่าๆ ยิ้มหน่อยก็ไม่ได้”

ดุจริงจริ๊ง คู่กัดใครก็ไม่รู้

“เปิดแอร์ให้หน่อยได้มั้ย เปิดแต่หน้าต่างอย่างเดียว มันร้อนอ่ะ” คนที่ตักข้าวเข้าปาก เคี้ยวจนแก้มป่องออกมาน้อยๆ เอ่ยบอกเสียงแผ่ว และคนตัวโตที่นั่งมองนิ่งๆ ส่งสายตาขุ่นๆ กลับมาตามคาด “ไข้ลดลงเยอะแล้ว มีแรงลุกนั่งแล้วเนี่ย ไม่เชื่อมาจับตัวดูเลย”

“ปกติพี่เปิดแอร์กี่องศา”

“ยี่สิบ”

“เปลืองไฟตาย” บ่นไปอย่างนั้น พอจบประโยคคนปากร้ายก็เอื้อมหยิบรีโมทคอนโทรลเครื่องปรับอากาศ “ยี่สิบห้าพอนะ เย็นกว่านี้ได้ไข้ขึ้นอีกรอบพอดี”

วางรีโมทลงบนโต๊ะทำงาน Macbook Pro ของเจ้าของห้องเปิดฝาพับค้างไว้ คงทำงานแล้วพักหน้าจอเพื่อมานอน ร้อยเอกลองเอานิ้วกดเบาๆ บนคีย์บอร์ด แค่วินาทีจอแล็ปท็อปก็พลันสว่างวาบ

มือเจ็บก็ยังนั่งตัดคลิปอยู่อีก เชื่อเขาเลย

“มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย”

คนถูกเรียกเงยมองใบหน้าหล่อ เห็นร้อยเอกชี้นิ้วไปที่แอพตัดวิดีโอก็เข้าใจว่าเจ้าตัวหมายถึงอะไร

“ไม่มีหรอก เหลือแค่เรนเดอร์คลิปก็เสร็จแล้ว แต่เรนเดอร์ก็นานหน่อย ลูกค้าจะเอาโหร์เค ไฟล์มันใหญ่อ่ะ ต้องใช้เวลา”

“งั้นผมเรนเดอร์ให้มั้ย”

“ร้อยใช้แอพนี้เป็นเหรอ”

“เป็นดิ เคยใช้ตัดคลิปส่งอาจารย์ แต่ใช้ในวินโดว์อ่ะ ไม่เคยใช้ในแมค ไม่รู้มันเหมือนกันมั้ย”

“คล้ายๆ กัน แต่เดี๋ยวพี่ทำเองก็ได้”

“พี่เมือง”

“…”

“พี่นอนพักเถอะครับ ให้ผมทำให้ เอาลงไอคลาวด์ใช่มั้ย เขียนเมลส่งลูกค้าไว้ก็ได้ เดี๋ยวส่งงานให้ด้วยเอ้า”

ใจดีอีกแล้ววว~

อยากจะพูดซ้ำๆ ว่าช่วงนี้ร้อยเอกใจดีกับเมืองน้ำมากๆ ใจดีผิดปกติ ใจดีโคตรๆ ใจดีที่สุด ใจดีอะไรขนาดนี้

“งั้น...รอร้อยส่งคลิปเสร็จพี่ค่อยนอนต่อแล้วกัน”

“มีงานอื่นอีกมั้ยคืนนี้”

“เปลี่ยนเรื่องเหรอ”

“ก็เรื่องเดียวกันป้ะ”

เป็นความใจดีที่ทำให้ยิ้มและรู้สึกหมั่นไส้ไปพร้อมกัน

“ว่าจะใส่รองเท้าถ่ายรูป เอาไว้แท็กแบรนด์ในไอจีอ่ะ แต่งานไม่รีบ ลงอาทิตย์หน้านู่นเลย”

“ถ้าพี่มีแฟนผมจะคิดว่าเก็บเงินแต่งงานละ ทำงานหนักเว่อร์”

“ไม่เว่อร์หรอก แต่มันจำเป็นต้องทำ”

ส่ายศีรษะพัลวัน ขณะที่กินข้าวต้มในถ้วยจนอิ่มท้อง คนตัวเล็กพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่ร้อยเอกที่ความสงสัยค่อยๆ มีคำตอบทีละน้อยรู้ดีว่าไม่ปกติเอาเสียเลย

ไม่ปกติทั้งเขา ทั้งพี่เมืองนั่นแหละ

เขาเป็นคนประเภทที่หากสงสัยสิ่งไหนจะถามและหาคำตอบทันที แต่กรณีนี้...ยอมรับตรงๆ ว่าไม่กล้า

เห็นแววตาตอนพูดคำว่า ‘จำเป็น’ ของพี่เมืองแล้ว คิดว่ารอจังหวะเหมาะๆ ในการก้าวเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวดีกว่า

ร่างสูงยกถาดข้าวมาวางบนโต๊ะทำงาน รอคนที่ล้มตัวนอนห่มผ้าและเปลี่ยนเจลบนหน้าผากจนเสร็จจึงยื่นกระดาษให้เขียนอีเมลลูกค้า เสร็จแล้วจึงเดินกลับมาที่โต๊ะ ขณะอีกคนพลิกตัวมาทางเขา

“นอนสิ”

“เดี๋ยวสิ คนนะ ไม่ใช่สวิตช์ไฟ จะได้ปิดปุ๊บหลับปั๊บ”

ขนาดไม่สบายยังน่าบีบ

สุดยอดไปเลยเมืองน้ำ

“พี่ใส่รองเท้าถ่ายรูปคืนนี้เลยก็ได้นะ ระหว่างเรนเดอร์ไฟล์ ให้ผมช่วยใส่ให้ จะได้ประหยัดแรง”

“คุณเป็นใคร!”

ตาคู่คมละจากเมนูบนจอสี่เหลี่ยมมายังคนตัวนิ่มที่กำลังทำหน้าจริงจังใส่เขา

“คายร้อยเอกออกมา คุณเป็นใคร คายน้องเอกออกมาเดี๋ยวนี้นะ”

“พูดอีกทีสิครับ”

“น้องเอกไม่ดีขนาดนี้ คายน้องออกมานะ!”

“พูดอีก”

“น้องเอก...”

“พูดคำว่าน้องเอกอีกทีจะจับโยนจากชั้นสองตอนนี้แหละ”

“อุ้ย”

“...”

“ร้อยเอกกลับมาแล้วอ่ะ ไม่ต้องคายแล้วก็ได้”

ใครสอนให้ทำหน้าทำตาแป้นแล้นขนาดนี้นะ

ถ้าเมืองน้ำหายตัวไปก่อนไฟล์งานจะเรนเดอร์เสร็จ ขอให้รู้ไว้เลยว่าร้อยเอกกลืนเมืองน้ำลงท้องไปแล้ว

หมั่นไส้ว่ะ หมั่นไส้จริงๆ

อยากตีแรงๆ จนกว่าปากมุบมิบนั่นจะเบะเพราะร้องไห้จ้าเป็นเด็กอนุบาลสักที



(⺣◡⺣)♡*



เมืองน้ำแคปคำชมจากลูกค้าส่งให้ผู้ช่วยชั่วคราวอย่างร้อยเอก ก่อนจะเก็บลงกระเป๋าและหยิบกุญแจมาล็อกประตูเล็กให้แน่นหนา นึกว่าจะต้องป่วยเป็นอาทิตย์ซะแล้ว พิษไข้ที่บรรเทาลงหายเป็นปกติในวันต่อมา ความเจ็บที่บาดแผลทั้งมือและหัวเข่าค่อยๆ ดีขึ้นจนเดินเหินได้สะดวก เช้าวันนี้เมืองน้ำถึงลุกมาแต่งตัวไปมหา’ลัยได้

ไม่ทันก้าวพ้นหน้าบ้าน เท้าคู่เล็กก็ต้องชะงักกับรถยนต์คันสวยที่ถอยหลังมารวดเดียว และเบรกเร็วๆ จนเกิดเสียงเมื่อตำแหน่งด้านข้างคนขับตรงกับจุดที่เมืองน้ำยืนอยู่

“ถอยมาดีๆ ไม่ได้รึไง!”

ปั้นเสียงเขียวใส่คนที่ลดกระจกทึบลงจนสุด ถ้าก้าวยาวขึ้นอีกนิด ล้อราคาแพงของรถร้อยเอกต้องบดเท้าเมืองน้ำจนแบนติดถนนแน่ๆ

“ได้ แต่กลัวไม่ทัน”

“ไม่ทันอะไร”

“กลัวถอยมารับพี่เมืองไม่ทันไง”

อะไรของเขา

ร้อยเอกไม่ได้บอกไว้ว่าจะให้ติดรถไปมหา’ลัยด้วยกัน เพราะพอช่วยใส่รองเท้าและถ่ายรูปเสร็จ เมืองน้ำหลับไปก่อนไฟล์งานจะอัพโหลดเสร็จเสียอีก รู้สึกตัวอีกทีก็ไม่เห็นเจ้าตัวนั่งอยู่ในห้อง มีแค่โพสต์อิทที่เขียนไว้ว่าส่งงานให้แล้ว

ลืมบอกหรือเปล่านะ

“ทำไมไม่ไลน์มาบอกก่อนล่ะ พี่จะได้รอ”

“ไม่อยากให้เสียงไลน์รบกวน”

อยากเล่นมุกคายร้อยเอกออกมาจริงๆ แต่ถ้าเล่นตอนนี้ ต้องโดนขู่ด้วยวิธีโหดๆ ตามสไตล์อีกคนแน่

“ขึ้นรถมาครับ เดี๋ยวรถติด”

“ขึ้นทางด่วนมั้ย”

“เร็วๆ เหอะน่า”

เมืองน้ำยักไหล่ใส่เจ้าของรถที่ปลดล็อกประตูรอ ก้าวขึ้นมานั่งโดยดี และคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย

ตาคู่ใสขยายกว้างจากเดิมเล็กน้อยเมื่อนึกได้ว่าอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเรียน

“ต่อไปนี้พี่ไม่ต้องขึ้นแท็กซี่ไปเรียนแล้วนะ ติดรถไปกับผมก็ได้ ประหยัดน้ำมัน” พูดพลางเหยียบคันเร่ง หมุนพวงมาลัยเลี้ยวไปยังทางออกหมู่บ้าน ทำให้เมืองน้ำต้องหยุดเรื่องที่จะพูดไว้ชั่วคราว

“ไม่เป็นไรหรอก พี่ขึ้นแท็กซี่ได้ เกรงใจร้อยเปล่าๆ”

“เปลืองเงิน”

“…”

“อีกอย่างนะ ผมเช็กในเว็บดูดวงมา ช่วงนี้ราศีพี่ดวงไม่ค่อยดีด้วย ถ้าโดนรถเฉี่ยวอีกรอบจะว่าไง”

ปกติร้อยเอกไม่ค่อยเชื่อเรื่องดวงไม่ใช่หรือไง เห็นด่าเมืองน้ำตลอดเวลา เวลาส่งลิงก์ดูดวงไปแกล้งในแชท ยิ่งตอนไหนเห็นแม่ของเมืองน้ำเชิญหมอดูมาดูฮวงจุ้ยที่บ้าน ก็ยิ่งหาเรื่องกระแนะกระแหนได้เรื่อยๆ

แต่เอาเถอะ ความคิดคนเราเปลี่ยนได้เสมอ ตอนนี้ร้อยเอกอาจจะเชื่อเรื่องดวงขึ้นมาแล้วก็ได้

“สรุปว่าไง”

“ว่าไงอะไร”

“เรื่องที่ผมพูด”

“อ๋อ ได้สิ แต่ถ้าวันไหนร้อยไม่ว่าง พี่ขอขึ้นแท็กซี่ไปเองนะ”

“พี่เมืองนี่ดื้อจริงๆ”

ขนาดเมืองน้ำที่ไม่คิดว่าจะรู้สึกดีกับประโยคดีๆ ของอีกคน เคยคิดว่าถ้าวันหนึ่งโดนพูดใส่แบบนี้ ต้องขนลุกขนพองจนวิ่งแนบไปอ้วกในห้องน้ำแน่นอน

ไม่เคยคิดว่าจะรู้สึกดี ยังรู้สึกได้เลย

“เอ้อนี่ เกือบลืม พี่จะบอกว่าเราเหลือเวลาอีกตั้งเยอะกว่าจะเข้าเรียน ไปหาอะไรกินก่อนได้ป้ะ ยังไม่ได้กินข้าวเลยอ่ะ” พูดพร้อมใช้มือลูบหน้าท้องแบนราบไปด้วย ร้อยเอกชำเลืองมองเล็กน้อย ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าสู่ถนนใหญ่

“พี่เมืองอยากกินอะไร”

“อะไรก็ได้”

“พี่รู้มั้ยว่าอะไรก็ได้เนี่ยมันเป็นปัญหาระดับชาติ”

“ก็ไม่รู้ว่าจะกินอะไรจริงๆ รู้แค่หิว ยังไม่ได้กินข้าวเช้า ก็เลยชวนไปหาของกินนี่ไง”

“เห็นมั้ย แค่นี้ก็ทำให้เราเถียงกันได้ ปัญหาโคตรใหญ่เลยพี่เมือง”

ไม่ได้อยากเถียงด้วยสักหน่อย ใครกันแน่ที่ทำให้เรื่องเล็กๆ บานปลายเป็นเรื่องใหญ่

ใครฮึ ถ้าไม่ใช่ร้อยเอก

“ข้างหน้ามีร้านอาหาร ร้านนั้นแล้วกัน ค่อยเข้าไปเลือกอีกทีนะ”

ตอบมาแค่นี้ก็เรียบร้อย ทำให้หมั่นไส้ตั้งแต่หัววัน สมกับเป็นคู่กัดอันดับหนึ่งของเมืองน้ำจริงๆ

“ว่าแต่ท้องพี่ร้องดังเนอะ เสียงน่าเกลี๊ยดน่าเกลียด”

“น่าเกลียดแล้วจะมาฟังทำไมล่ะ”

“ก็นั่งใกล้กันแค่นี้ ไม่ได้ยินก็คือหูตึงแล้วครับคุณเมืองน้ำ หรือพี่ไม่ได้ยิน นั่นแน่ แก่แล้วก็แบบนี้แหละ”

“แก่อะไรเล่า ห่างกันปีเดียวมั้ย”

“ปีเดียวก็แก่...โอ๊ยยย! พี่เมื้องงงง”

นี่ไง! เห็นมั้ยว่าร้อยเอกเป็นยังไง ทำให้รู้สึกดีได้ไม่เท่าไหร่ ก็แหย่เมืองน้ำจนต้องทุบกำปั้นลงไหล่กว้างซะแล้ว

สัญญาเลยว่าถ้าอีกคนไม่ขับรถอยู่ล่ะก็ มือเล็กๆ ที่ทุบลงบนไหล่นั่นน่ะ จะเปลี่ยนเป็นดึงคนตัวโตกว่าเข้ามารัวฝ่ามือจนกว่าจะพอใจไปเลย

เกลียดสีหน้าตอนพูด ‘นั่นแน่’ ชะมัด

ทะเล้นกว่านี้ไม่อีกแล้ว มันน่านักเชียว

หมั่นไส้!!





(⺣◡⺣)♡*



มีต่อด้านล่างค่า จำนวนตัวอักษรเกินกำหนดแย้วว T^T
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2018 23:31:45 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ต่อฮับบบ -------




บทสนทนาในไลน์กลุ่มเพื่อนสนิทที่มีแค่สามคน เต็มไปด้วยชีทงานที่เพื่อนถ่ายรูปส่งมาให้ เพราะเมืองน้ำขาดเรียนเมื่อวาน แถมยังมีผ้าพันแผลแปะตามตัว พอเดินเข้าห้องเรียน ก็ถูกซักเอาความเหมือนตกเป็นผู้ต้องหาเสียยกใหญ่

ทุกคนสวมบทเป็นผู้ปกครอง ถ้ามีไม้เรียววางอยู่ตรงนั้นคงหยิบมาถือเพื่อเสริมความน่ากลัวไปแล้ว กำชับให้เมืองน้ำดูแลตัวเอง พักผ่อนเยอะๆ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็ต้องรีบบอก ห้ามหายไปเฉยๆ อย่างนี้อีก

ไม่ได้หายไปเฉยๆ สักหน่อย แค่ยุ่งมาก เลยลืมบอกให้เพื่อนรู้ต่างหาก

ครั้งหน้าถ้าเกิดอะไรขึ้น สัญญาว่าจะไม่ลืม แต่ถ้าเลือกได้ อย่ามีเรื่องไม่ดีเข้ามาในชีวิตอีกเลยนะ

สาธุ!



101 :
หน้าเครียดเชียว คุณครูไม่ให้นอนกลางวันเหรอ



แจ้งเตือนบนหน้าจอล็อกทำให้ตาสวยละจากสมุดจดงานตรงหน้า มือขาววางดินสอลงบนโต๊ะหินอ่อน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อกเพื่อเข้าไปพิมพ์ตอบกลับเจ้าของข้อความ



m.nam ☆° :
นอนกลางวันอะไรล่ะ
เย็นแล้วป้ะ
แล้วพี่ก็ไม่ใช่เด็กอนุบาลด้วย ถึงต้องมานอนกลางวันอ่ะ


101 :
อ้าวเหรอๆๆ
ขนาดตัวได้ นึกว่าอยู่อนุบาล



วันไหนไม่กวน วันนั้นหิมะตกเมืองไทยแน่นอน

เมืองน้ำไม่ตอบกลับ ยู่ปากใส่คนที่นั่งห่างกันแค่สี่โต๊ะ ฟาดใบหน้างอๆ แล้วจึงกดสายตากลับมาที่สมุดจดงาน

เพราะร้อยเอกบอกให้กลับด้วยกัน พอช่วยเพื่อนจัดบูธสำหรับงานโอเพ่นเฮ้าส์เสร็จ เมืองน้ำก็ถูกโทรตามให้มานั่งรอหลังตึกเกษตร

ไม่คิดว่าจะมีมุมนี้ให้เห็น

น้องเอกของใครต่อใคร พอรับหน้าที่เป็นพี่ร้อย รุ่นพี่ปีสาม ติววิชาพื้นฐานให้รุ่นน้องปีหนึ่ง

ก็...เท่ไม่เบา

หนึ่งชั่วโมงที่นั่งอยู่ตรงนี้ ไม่มีช่วงไหนที่เบื่อเลย ไล่อ่านไลน์ไปเรื่อยๆ ดูว่าใครมาดีลงาน และมีงานไหนที่พอจะทำได้บ้าง หลายครั้งที่ถูกจ้างให้รีวิวอาหารเสริมสรรพคุณแปลกๆ แบบที่กินแล้วไม่น่าจะเกิดขึ้น ก็ได้แต่ปฏิเสธไปอย่างสุภาพ

อีกสิ่งที่ทำให้ไม่เบื่อนอกจากร่มเงาต้นไม้ และลมเย็นฉ่ำที่พัดอ้อยอิ่งอยู่ตลอด คือการวาดรูปติวเตอร์ชั่วคราวอย่างร้อยเอกใส่สมุด แล้วถ่ายเก็บไว้เพื่อลงไอจีไปเมื่อสิบนาทีที่ก่อน

นี่อาจเป็นสาเหตุที่อีกคนไลน์มากวนเมืองน้ำก็ได้



101 :
สามร้อย


m.nam ☆° :
อะไร


101 :
สามร้อยไง
ค่าแบบวาด อยู่ดีๆ จะมาวาดหน้าผมลงไอจีไม่ได้นะพี่เมือง


m.nam ☆° :
เกลียดอ่ะร้อย
โคตรงก


101 :
ตัวเองงกกว่าผมอีก


m.nam ☆° :
หลอออ


101 :
พิมพ์ดีๆ หน่อย


m.nam ☆° :
ดีๆ


101 :
เออ!
เกลียดผมแต่วาดรูปผม อืมๆๆๆๆ


m.nam ☆° :
ก็วาดเฉยๆ ไม่มีไรทำ


101 :
ครับ เชื่อๆๆๆๆ


m.nam ☆° :
โอ๊ยยย!!!



อยู่ดีๆ ร้อยเอกก็หัวเราะจนรุ่นน้องที่นั่งล้อมทั่วโต๊ะหันมามองเป็นตาเดียว

ให้ตาย...ถ้าเด็กพวกนี้เป็นมาวิน เขาโดนชงยับแน่

จะไม่ให้ขำได้ยังไง ในเมื่อใบหน้าน่ารักเอาเรื่องซะขนาดนั้น เข้าสู่โหมดคู่กัดตอนไหน เมืองน้ำก็หน้างอตอนนั้น น่าถ่ายไปแท็กในไอจีเป็นบ้า แฟนคลับที่มองพี่เมืองเป็นนางฟ้าจะได้มาเห็นมุมนี้บ้าง

ที่ทุบไหล่เขาเมื่อเช้า ยังจำความรู้สึกได้อยู่เลยนะ

มือเล็กแค่นี้ แต่แรงเยอะจะตาย

“วันนี้พอแค่นี้ก่อน หลังโอเพ่นเฮ้าส์ค่อยมาติวใหม่ ทำข้อสอบให้ได้นะ ใครสอบตกเลี้ยงบุฟเฟ่ต์”

ชี้นิ้วคาดโทษใส่รุ่นน้องที่กำลังโอดครวญกับข้อตกลง ร้อยเอกใช้เวลาเก็บของไม่นานนัก แยกตัวจากน้องปีหนึ่งมายังโต๊ะที่ห่างออกไปสี่ตัว

“กลับบ้านกัน”

เมืองน้ำเกือบร้องเหวอตอนที่คนตัวสูงหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นไปสะพาย ริมฝีปากนุ่มเม้มอย่างครุ่นคิด ประสบการณ์ช่วงนี้สอนให้รู้ว่าร้อยเอกขัดใจไม่ค่อยได้ ฉะนั้นความตั้งใจที่จะขอกระเป๋าซึ่งเก็บของใส่หมดแล้วคืนจากอีกคน

“ดีนะรถจอดไม่ไกล พี่ไม่ต้องเดินเยอะ แล้วหิวรึยัง”

คงต้องพับเก็บไปก่อน

“หิวแล้ว อยากกินชาบูอ่ะ”

“มีอะไรที่มันง่ายกว่านี้มั้ย”

“งั้นกลับไปทอดไข่ดาวที่บ้าน”

“กว่าจะถึงบ้าน ท้องร้องเป็นฟ้าผ่าพอดี”

นี่เมืองน้ำกับร้อยเอกเข้าสู่โหมดคู่กัดอีกแล้วเหรอ

บ่นอุบในใจขณะก้าวตามคนขายาวที่เดินนำอยู่ด้านหน้า แทนที่ร้อยเอกจะตอบให้รู้เรื่อง อีกคนกลับเงียบและเดินบนฟุตปาธไปเรื่อยๆ ไม่เป็นไร สงบศึกไปก่อนก็ได้ ยังไงระหว่างทางกลับก็มีเวลาตกลงเรื่องที่คุย

ส่วนตอนนี้...

“จะเดินไวไปไหนเนี่ย”

เมืองน้ำหงุดหงิดเรื่องนี้ที่สุดเลย!

“เดินช้าหน่อยสิร้อย พี่ตามไม่ทัน”

“โทษที ผมเดินเร็วจนชิน”

ถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อคนตรงหน้าค่อยๆ ชะลอความเร็ว

“ให้พี่ไปเดินข้างหน้ามั้ย มองไม่ค่อยเห็นทาง”

“พี่เมืองเดินข้างหลังนั่นแหละดีแล้ว”

“ทำไมอ่ะ”

ร้อยเอกเดานะ น้ำเสียงแบบนี้ เมืองน้ำทำหน้างออยู่แหงๆ

“พี่ตัวเตี้ยอ่ะ”

“เกี่ยวอะไรกับเตี้ย ก็ไม่ได้เตี้ยมากป้ะ ตัวเองตัวสูงเองมั้ย”

“ก็เตี้ยจนบังแดดไม่ได้มั้ยล่ะ”

“...”

“พี่อยากผิวเสียรึไง”

เมืองน้ำ...

“ถ้าพี่ผิวเสียจะรับงานได้มั้ย คิดหน่อย”

พูดไม่ออก

ร้อยเอกเป็นคิดอะไรคนลึกซึ้งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน มาบังแดดให้คนอื่น ขณะที่ตัวเองโดนแดดเต็มๆ เนี่ยนะ คนที่เสี่ยงผิวเสียน่ะเป็นเด็กตัวสูงคนนี้มากกว่า

เมืองน้ำจับกระเป๋าใส่ของที่พาดอยู่บนไหล่กว้าง เปิดซิปออกและควานหาของข้างใน ไม่นานก็หยิบหลอดครีมกันแดดยื่นให้คนตรงหน้า

“คนอะไรพกครีมกันแดดมาเรียน”

“คนอย่างเมืองน้ำนี่แหละ”

“ก็ถูก”

ใช่ ก็ถูกที่คนอย่างเมืองน้ำพกครีมกันแดดมาเรียน แต่คนอย่างร้อยเอก เคยใช้ของพวกนี้ซะที่ไหน

เดินถึงรถพอดี คงไม่ต้องใช้แล้วมั้ง

แต่เขาจะจำชื่อแบรนด์ไว้ เพราะคงต้องไปหาซื้ออีกที

จู่ๆ ร้อยเอกก็อยากลองใช้ครีมกันแดดครั้งแรกในชีวิต ไม่คิดไม่ฝันจริงๆ



(⺣◡⺣)♡*



101 :

คนอะไรซัดชาบูจนท้องป่อง ยังจะมากินไอศกรีมอีก
อ้วนหมดแล้ว เมืองน้ำลงพุงๆๆๆ 5555555555


101 :
อ้าวสัส
ผิดแชท


Marvin :
อุ้...


101 :
อย่าชง


Marvin :
กัปตัน...


101 :
อย่านะมึง


Marvin :
กัปต๊านนนนนนนนนนน!!!


101 :
มีเพื่อนอย่างมึงคือกูอยากตาย!!
พอ!




(กดที่รูปเพื่อขยาย)


tbc



ติดตามกันได้ที่ทวิต @erp_up + เพจ errorpop author
หรือบอกเล่าความรู้สึกผ่านคอมเมนต์และแท็ก #ร้อยเมือง ได้เลยนะคะ <3

ขอบคุณเสมอที่เอ็นดูน้องๆ ค่าา /)///(\

ช่วง #ร้อยเมืองชวนฟังเพลง
อยากเป็นคนสำคัญของเธอ - ยิปโซ อริย์กันตา
https://youtu.be/PGfPNuFMNfg
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2018 23:32:13 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขำความผิดแชท 55555555 ลูกเรือไม่ต้องพายแล้ว กัปตันมาเอง  :laugh:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
จะ unsent ก็คงไม่ทันสิ่นะร้อย 555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด