5
สุดท้ายก็พ่ายแพ้
Meungnam Charming BoyToday 12:31 น.ที่จริงตอนเที่ยงต้องแดดแรงมากๆ นี่นา แต่ฝนตกตลอดเลย
ตกมาหลายวันแล้ว ออกไปข้างนอกลำบากมากเลยครับ
ช่วงนี้เมืองไม่ค่อยว่าง อาจจะไม่ค่อยได้โพสต์รูปใหม่ๆ เท่าไหร่
ดูรูปเก่าไปก่อนนะ ^^;
แล้วเจอกันใหม่นะครับ ถ้าว่างแล้วจะรีบมาอัพรูปเลย
เมืองน้ำ <3
พิมพ์ข้อความมาโพสต์ในเพจได้ โพสต์ไอจีด้วยรูปร้องไห้รูปนั้นได้ แต่พิมพ์ข้อความตอบไลน์ร้อยเอกไม่ได้ ไม่เปิดอ่านเลยด้วยซ้ำ
เจอกันที่มหา’ลัยก็เดินหนีไปอีกทาง ซื้อโจ๊กไปแขวนหน้าบ้าน เผื่อว่าคนตัวเล็กจะลงมาหยิบไปกิน ก็ไม่ยอมลงมา จนสุดท้ายต้องเดินไปหยิบถุงโจ๊กกลับบ้านมากินเองเพราะกลัวของเสีย
ให้มันได้อย่างนี้
หนึ่งอาทิตย์มีเจ็ดวัน เขาคิดเรื่องเมืองน้ำไปแล้วทุกวัน ไม่มีวันไหนหยุดคิดเรื่องพี่เมืองได้เลย บ้านอยู่ใกล้กันแค่นี้ ห้องก็ห่างไม่ถึงสิบเมตร แต่ทำไมพี่เมืองถึงใจแข็งนัก ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้คุย เจอหน้ากันก็ทำเป็นเมิน สบตาบ้างตอนเจอกันที่มหา’ลัย ทว่าสุดท้ายก็เบือนหนีเขาทุกที
ร้อยเอกอยากจับเมืองน้ำเข้ามาตีแรงๆ ไม่สนว่าเมืองน้ำจะคุยหรือไม่คุย จะโวยวาย จะด่าอะไรก็ได้ อยากลงโทษแล้วตะโกนใส่คนตัวเล็กว่า ‘หายโกรธผมได้แล้ว!’ แต่ดันไม่กล้าพอ
ถูกโกรธเพราะความปากร้าย ถ้าทำตัวแย่เพิ่มเข้าไปอีก จะไม่ถูกเมินตลอดชีวิตเลยรึไง
ถึงจะอยากทำจริงก็เถอะ แต่ไม่เอาหรอก เขาไม่กล้าเสี่ยง แค่นี้ก็คิดจนไม่มีสมาธิเล่นเกมแล้ว เพราะไม่ค่อยได้เล่นนั่นแหละ เพื่อนต่างคณะที่เล่นเกมด้วยกันประจำถึงเอาแต่ไลน์มาถามว่าเขาเป็นอะไร
ได้แต่ตอบว่าต้องอ่านหนังสือสอบ ทั้งที่ความจริงถึงจะเป็นช่วงก่อนสอบ ร้อยเอกก็ไม่เคยหนีหายจากเกมสักครั้ง
พูดตรงๆ...ไม่เคยมีใครทำให้เขาสูญเสียความเป็นตัวเองได้เท่าเมืองน้ำ
ไม่มีเลยคาบเรียนชดเชยเมื่อวานทำเอาเขาหมดแรง วันนี้ร้อยเอกเลยตั้งใจตื่นสาย ทว่ามีเหตุให้ต้องตื่นเช้าจนได้ รถโรงเรียนของสิบเอกเกิดเสียกะทันหัน น้องมายืนเขย่าตัวเขาให้ตื่น ลากเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟัน และบอกให้ขับรถไปส่งที่โรงเรียนตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า
พอกลับถึงบ้าน ร้อยเอกก็นอนไม่หลับแล้ว เขาลงไปรดน้ำต้นไม้ที่แปลงหลังบ้าน ตั้งใจรดให้เมืองน้ำเหมือนทุกครั้ง แต่ต้นไม้ของเมืองน้ำถูกย้ายไปวางจุดอื่น จุดที่เขาเดินไปรดให้ไม่ได้
หนีกันแม้กระทั่งต้นไม้ ชีวิตร้อยเอกนี่มันดีจริงๆ เลยเว้ย
เขาไม่รู้ว่าเมืองน้ำอยู่บ้านหรือเปล่า อีกคนไม่ยอมเปิดม่าน รถยนต์ส่วนตัวก็ไม่มีให้เห็นมาตั้งแต่อาทิตย์ก่อน พี่เมืองไปไหนมาไหนด้วยแท็กซี่ ไม่เรียกมารับที่บ้าน ก็เดินออกไปหน้าหมู่บ้านเพื่อขึ้นรถ
ทำไมต้องลำบากขนาดนั้น
อีกอย่าง ปกติไฟห้องเมืองน้ำจะดับก่อนเขา แปลว่าร้อยเอกนอนดึกกว่า แต่พักนี้ดันตรงกันข้าม
ร้อยเอกนอนก่อนเมืองน้ำทุกวัน ส่วนเมืองน้ำ ไม่รู้ป่านนี้ขอบตาดำเป็นหมีแพนด้านไปรึยัง
คิดเรื่องพี่เมืองครั้งที่เท่าไหร่แล้วร้อยเอก
จนกว่าพี่เมืองจะกลับมาคุยกับเขานั่นแหละ ร้อยเอกถึงจะหยุดคิดเรื่องพี่เมืองได้
มุ้งที่ม้วนรวบจนกลายเป็นก้อนกลมถูกวางลงบนเตียง ร้อยเอกผ่อนลมหายใจ ทิ้งแผ่นหลังกว้างๆ ไปกับความนุ่มของเตียงนอน ปิดเปลือกตาและนอนฟังเสียงหยาดฝนที่จู่ๆ ก็ตกลงมาลูกใหญ่
ทีแรกจะเก็บมุ้งลงไปซัก แต่สภาพอากาศไม่เป็นใจเอาซะเลย
จัดเป็นวันแย่ๆ อีกหนึ่งวันร่างสูงเด้งตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตากผ้าขนหนูไว้ตรงริมระเบียง รีบเก็บผ้าที่กลัวจะโดนละอองฝนจนเปียกเข้ามาด้านใน แต่แล้วก็เดินออกไปใหม่
เพราะเหมือนเห็นเมืองน้ำเดินออกมาจากบ้าน
ใช่จริงๆ ด้วย!
เมืองน้ำสวมชุดนักศึกษา พร้อมกระเป๋าสะพายข้างและร่มกันฝนอีกหนึ่งคัน ดูเหมือนจะออกไปข้างนอก แต่ออกไปตอนฝนตกหนักเนี่ยนะ คิดอะไรอยู่เมืองน้ำ
ร้อยเอกคว้ากุญแจรถทั้งที่ยังสวมชุดเดิมอย่างเสื้อกล้ามและกางเกงวอร์ม ความใจร้อน กลัวว่าจะวิ่งลงไปไม่ทันทำให้เขาไม่มีเวลาเปลี่ยนเป็นเสื้อตัวอื่น ร่างสูงรีบล็อกบ้านและกดรีโมทเพื่อเปิดรั้ว ก่อนจะพา Aston Martin ออกมาด้วยความรวดเร็ว
ชะลอความเร็วเครื่องยนต์เมื่อรถเคลื่อนเข้ามาใกล้ร่างเล็กที่รีบจ้ำอ้าวทันทีหลังมองเห็นเขา ร้อยเอกบีบแตรเป็นจังหวะสั้นๆ เพื่อให้เมืองน้ำหันมามอง ได้ผล ทว่าแค่วินาทีเดียวคนที่จับคันร่มแน่นขึ้นก็เบือนหน้าหนี
โคตรเย็นชาร้อยเอกบังคับพวงมาลัยมือเดียว ปรับความเร็วรถตามความเร็วของเท้าคู่เล็กที่ย่ำไม่หยุด ใช้มืออีกข้างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อก สัมผัสเข้าห้องแชทของเมืองน้ำ และพิมพ์ข้อความด้วยมืออีกข้าง
101 :
พี่เมืองจะไปเรียนเหรอ
หยุดเดินก่อน
พี่เมือง หยุดเดินมาคุยกัน
ผมพิมพ์ไม่ถนัด
พี่เมือง จะให้ลงไปอุ้มขึ้นรถมั้ย
เมืองน้ำหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู สัมผัสเข้ามาอ่านและหยุดนิ่งเมื่อเขากดส่งบรรทัดสุดท้าย
101 :
พี่เมืองครับ
หันมาคุยกันหน่อยได้มั้ย
m.nam ☆° :
พี่จะไปเรียน
เกลียดกันก็ไม่ต้องมายุ่ง
จะขับรถตามมาทำไม
101 :
เมื่อไหร่พี่จะหายโกรธ
ผมไม่รู้จะง้อยังไงแล้วนะ
m.nam ☆° :
ก็ไม่ได้ขอให้ง้อสักหน่อย
เมืองน้ำเก็บโทรศัพท์ ก้าวเร็วๆ ไปยังแท็กซี่ที่จอดเทียบได้ทันเวลาพอดี ทิ้งไว้แค่ข้อความสุดท้ายที่พิมพ์ตอบมา ร้อยเอกทุบกำปั้นเบาๆ ใส่พวงมาลัย เอนศีรษะแนบพนักพิงแล้วถอนหายใจออกมาอีกรอบ
“อะไรของกูวะ”
เมืองน้ำน่ะ
“ทำไมต้องมาตามง้อคนอย่างนี้ด้วยเนี่ย ปวดหัวจะตายแล้ว”
มีผลต่อความรู้สึกของเขาเกินไปแล้ว101 :
ทำไมคนบางคนเข้าใจยากจังวะ
กูพูดอะไรก็ดูปากหมาไปหมด
ไม่รู้จะคุยกับเขายังไงเลย
Marvin :
น้องมึงยังไม่หายงอนอ่อ
ไอ้ร้อย
Marvin :
ไอ้สัส ทักมาตอนกูเล่นเกมแล้วก็หาย
หายทั้งแชททั้งเกม
101 :
ขอโทษ
Marvin :
ห๊ะ
101 :
ไม่ได้ขอโทษมึง
Marvin :
แล้วมึงขอโทษใคร
(⺣◡⺣)♡*
กี่ครั้งแล้วที่เมืองน้ำยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาบนหน้าจอ กังวลเหลือเกินว่าจะกลับไปแก้ฟอนต์ในคลิปให้ลูกค้าไม่ทัน เสร็จจากงานถ่ายแบบวันนี้คงต้องใช้บริการรถไฟฟ้าแทนแท็กซี่ ไม่อย่างนั้นเมืองน้ำกลับไปเคลียร์งานไม่ทันแน่
“น้องเมืองเอาเครื่องดื่มอะไรนะคะ พี่ลืม”
“กาแฟครับ ขอเข้มๆ เลย”
ช่างแต่งหน้าร่างใหญ่ขยับหน้าตอบรับ ละแปรงลงแป้งโปร่งแสงจากใบหน้าเนียน วางรวมกับแปรงแต่งหน้าชิ้นอื่น ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก
เมืองน้ำไม่เคยดื่มกาแฟหนักถึงขั้นนี้ ก็ต้องดื่มเพราะต้องสู้กับความอ่อนเพลียในร่างกาย
หวังว่าจะไม่หลับตอนยืนบนบีทีเอสนะ
เหนื่อยชะมัดเลย
โรงเรียนติวของอาจารย์พันเอกอยู่ในขั้นต่อเติม ฉะนั้นวันนี้ที่ต้องรีบนั่งรถจากมหา’ลัยมาที่นี่เพื่อถ่ายรูปทำภาพโปรโมท เมืองน้ำจึงได้ยินเสียงสว่าน เสียงตอกตะปู และเสียงเครื่องจักรอื่นๆ จากคนงานตลอดเวลา
ที่จริงอาจารย์พันเอกตั้งใจนัดเมืองน้ำมาถ่ายโปรโมทวันอื่น แต่เมืองน้ำไม่ค่อยว่าง เวลานอนยังแทบไม่มี อาจารย์คนเก่งก็ภารกิจเยอะไม่ต่างกัน กลัวว่าทุกอย่างจะล่าช้า เลยตกลงว่าจะถ่ายให้เสร็จวันนี้
คนที่กลับเข้ามาไม่ใช่ช่างแต่งหน้าที่เพิ่งเดินออกไป แต่เป็นเจ้าของโรงเรียนที่เดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามาในท่าสบายๆ
เสียงรบกวนจากด้านนอกเบาลงเมื่อพันเอกปิดประตู เมืองน้ำยิ้มทักทายคนที่อิงสะโพกไปกับโต๊ะวางของข้างๆ โต๊ะแต่งหน้า ในมือพันเอกถือกาแฟเย็นแก้วหนึ่งไว้ คิดว่าเป็นของเมืองน้ำเพราะคนตัวโตวางของในมือตรงหน้าน้อง
“ไงเรา ไม่เจอนาน ไม่เห็นโตขึ้นเลย”
“นานที่ไหนครับ ยังไม่ถึงเดือนเลย” เมืองน้ำคว้าแก้วกาแฟเข้ามาดูด ช้อนตามองอีกคนที่ยิ้มบางๆ พร้อมทั้งใช้มือลูบศีรษะกลมอย่างอ่อนโยน
“แล้วนี่ไปไหนต่อมั้ย ว่าจะชวนไปกินปิ้งย่างเกาหลีสักหน่อย เห็นมีร้านเปิดใหม่แถวสยาม”
“มีใครไปด้วยมั้ยครับ เมืองต้องกลับไปแก้งานที่บ้านอ่ะ”
“ไปๆ มาๆ ไม่มีรถลำบากแย่เลย”
ก็ใช่
แต่ว่า...เมืองน้ำชินแล้วล่ะ
“คนที่ไปด้วยก็มีพี่ เมืองน้ำ แล้วก็กะจะชวนร้อยเอกไปด้วยอีกคน”
ชื่อน้องชายของพันเอกทำเอาคนตัวเล็กต้องค่อยๆ หลบสายตา กลัวคนตรงหน้าจะมองออกว่าเวลาพูดถึงร้อยเอก เมืองน้ำ ‘มีอาการ’ ขนาดไหน
นึกไว้แล้วว่าอาจารย์พันเอกต้องชวนน้องชายไปด้วย ครั้งก่อนที่เมืองน้ำไปกินปิ้งย่างกับอาจารย์โดยไม่รู้ว่ามีร้อยเอกรออยู่ในร้าน เราทะเลาะกันแทบตาย
พอมานึกย้อนถึงสีหน้าบึ้งๆ ของร้อยเอกในตอนนั้น...
ก็โดนเกลียดมาตั้งนานแล้วนี่เนอะ
“เมืองน้ำ”
“ครับ?”
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“เปล่านะ เมืองไม่ได้เป็นอะไร คิดเพลินไปหน่อย ขอโทษนะครับ”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่ต้องขอโทษหรอกน่า”
เป็นอย่างนี้ทุกทีเลย ใจดีกับเมืองน้ำตลอด แล้วอย่างนี้จะไม่ให้คนอื่นคิดว่าเราเป็นมากกว่าคนสนิทได้ยังไง
เมืองน้ำกล้าสาบานว่าไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกับอาจารย์พันเอก ไม่เลยสักครั้ง อาจารย์ก็คิดเช่นเดียวกับเขา แต่ไม่รู้ทำไมคนอื่นถึงคิดว่าเราสองคนมีอะไรเกินเลยกันนัก โดยเฉพาะคนในคณะเกษตรที่ไม่รู้ว่าด่าเมืองน้ำไว้ว่ายังไงอีกบ้าง
ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดน เคยมีคนโพสต์ว่าเมืองน้ำในเฟซบุ๊ก ครั้งนั้นก็ทำให้เครียดไปหลายวันเหมือนกัน
ทั้งที่เมืองน้ำไม่เคยคบใครที่ฐานะ หน้าตา เงินทอง หรือชื่อเสียง ทำไมต้องมาโดนคนว่าด้วยล่ะ
ไม่เข้าใจคนพวกนั้นเลย
“พี่ไปคุมงานช่างก่อนนะ เราก็รอคนเข้ามาบรีฟงาน เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว ทนเหนื่อยเอาหน่อย”
“ครับ เมืองน้ำทนได้อยู่แล้ว แค่นี้สบายมากๆ”
“ดีมากคนเก่ง~”
เมืองน้ำยิ้มกว้างรับคำชม รอจนพันเอกก้าวออกจากห้องแล้วจึงพับยิ้มนั้นเก็บลงลิ้นชักไป
ไม่เคยคิดอะไรกับอาจารย์พันเอก คนที่เมืองน้ำคิด...คือน้องชายอาจารย์ต่างหาก
ทีแรกเมืองน้ำคิดว่าเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ ไม่นานก็หาย อาจเป็นผลข้างเคียงจากความเสียใจที่โดนร้อยเอกพูดไม่ดีใส่ก็ได้ ทว่าไม่เลย ไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบ
มันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหน
ทำไมไม่สังเกต
ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองรู้สึกมากขนาดนี้นะ
เมืองน้ำได้อ่านข้อความร้อยเอกหลังหนีเจ้าตัวขึ้นแท็กซี่มาแล้ว มีทั้งข้อความที่ส่งมาตั้งแต่วันที่เราทะเลาะกัน วันที่ร้อยเอกเอาโจ๊กมาแขวนไว้หน้าบ้าน รวมทั้งวันนี้
ไม่ใช่ไม่อยากเปิดอ่าน แต่ไม่รู้จะตอบว่าอะไร กลัวโดนอีกฝ่ายพิมพ์ไม่ดีใส่ เลยอ่านผ่านหน้าจอล็อก และ 3d touch แล้วก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากลงไปเอาโจ๊กที่ร้อยเอกแขวนไว้ให้มากินด้วย
ตอนนั้นเมืองน้ำลุกมาเปลี่ยนรองเท้า เตรียมลงไปด้านล่างแล้ว ทว่าช้ากว่าคนซื้อ ร้อยเอกมาเอาคืนไปก่อน ก็เลยไม่ได้กิน
ส่วนเรื่องวันนี้ พิมพ์บอกไปแล้วนะว่าถ้าเกลียดกันก็ไม่ต้องมายุ่ง แต่ถ้าร้อยเอกมาวุ่นวายกับเมืองน้ำอีก...
“น้องเมือง นี่บรีฟครับ มีประมาณสิบโพส อีกสิบนาทีเจอกันหน้าเซ็ต”
“ขอบคุณครับ” คนตัวเล็กรับกระดาษจากทีมงานพร้อมหยิบแว่นตาซึ่งเป็นพร็อบประกอบฉากขึ้นมาใส่
ทีมงานคนเดิมก้าวออกไปแล้ว เมืองน้ำกวาดตาคู่สวยเพื่อจำรายละเอียดคอมโพสที่ต้องทำ ไม่นานเสียงเปิดประตูก็ดึงความสนใจจากแผ่นกระดาษ ดวงหน้าเนียนเงยขึ้นมองภาพด้านหลังผ่านกระจก และสิ่งที่เห็นก็สาปให้กายบอบบางนิ่งงัน
ร้อยเอก...
“พี่เมือง”
“…”
“นึกว่าพี่พันอยู่ในนี้ เห็นช่างแต่งหน้าบอกว่าเดินมาคุยกับพี่”
เมืองน้ำไม่ตอบกลับ กดสายตาลงมองกระดาษตรงหน้าต่อ แต่...เมืองน้ำไม่มีสมาธิ ยิ่งคนตัวสูงก้าวเข้ามาหา คอมโพสที่จำได้แล้วก็กระเจิดกระเจิงออกจนหมด
“หน้าบึ้งแบบนี้จะทำงานได้รึไง”
ใครหน้าบึ้งกันล่ะ ปรักปรำคนอื่นอย่างนี้ก็ได้เหรอ
“ใจคอจะไม่พูดกับผมจริงๆ?”
“…”
“พี่เมือง”
ริมฝีปากนุ่มเม้มจนเป็นเส้นตรง
“ผมถามตรงๆ ไอจีที่พี่โพสต์ ที่เป็นรูปก้อนเมฆร้องไห้ หมายถึงผมเหรอ”
รูปนั้น...
ใช่ หมายถึงร้อยเอก และเมืองน้ำหมายถึงตัวเองด้วย
“พี่เมืองเสียใจอะไรทำไมไม่พูด ผมไม่ชอบให้เราเงียบใส่กันเลยนะ ไม่ดิ ไม่ชอบให้ผมเป็นคนพูดฝ่ายเดียวด้วย”
“…”
“อย่าเป็นแบบนี้ได้มั้ยพี่เมือง”
“พี่ไม่รู้จะพูดอะไร”
“…”
“พูดไปก็โดนร้อยหงุดหงิดใส่ ก็เลย...ไม่กล้าพูด”
จะย้ำอีกรอบว่าถ้าเกลียดกันก็ไม่ต้องมายุ่ง เพราะถ้ายังมาวุ่นวาย
“โพสต์นั้นก็โพสต์ไปงั้นๆ เซฟรูปมาวาดเล่นในโทรศัพท์เฉยๆ”
“พี่เมือง”
“พี่ไปทำงานก่อนนะ”
ก็จะคิดว่าร้อยเอกแคร์เมืองน้ำมากๆ เหมือนกัน
แล้วพอคิดแบบนี้ ก็อยากเอามือตีแขนตัวเองแรงๆ
อย่าคิดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ จำคำนี้ไว้เมืองน้ำ
ท่องให้จำขึ้นใจไปเลย(⺣◡⺣)♡*
“หนึ่ง...สอง...สาม...ดีมากครับน้องเมือง เปลี่ยนโพสครับ”
ถ่ายแบบโปรโมทโรงเรียนติวจริงเหรอ แอคชั่นน่ารักๆ กับใบหน้าราวกับเด็กมัธยม เหมือนถ่ายโปรโมทชุดนักเรียนมากกว่า
ยืนกอดอกหลบมุมดูนายแบบตัวเล็กของพี่ชายทำงานมาครึ่งชั่วโมงแล้ว เสียงชัตเตอร์ดังสับเปลี่ยนกับเสียงตอกตะปูจากด้านนอกมาเป็นระยะ ไม่ถึงสิบนาทีเสียงทำงานของช่างต่อเติมก็เงียบสงบลง
จนช่างทำงานเสร็จแล้ว ในหัวของเขาก็ยังคิดเรื่องเมืองน้ำไม่หยุดเสียที
ร้อยเอกมาที่นี่เพราะต้องมาช่วยพันเอกดูเรื่องการตกแต่ง ไม่คิดว่าเมืองน้ำจะอยู่ที่นี่ด้วย เป็นความบังเอิญที่ไม่รู้จะขอบคุณหรืออะไรดี แทนที่เราจะได้คุยกันดีๆ สุดท้ายก็ถูกเมืองน้ำเดินหนีอีกจนได้
จะหนีกันไปถึงไหน คอยดูเถอะ เขาไม่ปล่อยให้เมืองน้ำหลุดมือไปอีกแน่
วันนี้ต้องพูดกันให้รู้เรื่อง ต้องง้อให้ได้
แต่จะง้อด้วยวิธีไหน ร้อยเอกยังไม่รู้
ถึงเวลาคงคิดออกเอง...
มั้งเมืองน้ำทำเขาเป็นบ้าแล้วจริงๆ ผ่านมาเกือบชั่วโมง ประโยคที่เจ้าตัวพูดกับเขาก็ยังวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา เกลียดกันก็ไม่ต้องมายุ่ง ไม่รู้จะพูดอะไร พูดไปแล้วก็โดนเขาหงุดหงิดใส่ นี่ไง เพราะพี่เมืองเอาแต่ทำหน้าเศร้า พูดเสียงเอื่อยๆ ใส่เขา ไม่ยอมคุยให้จบสักที แถมยังโกหกเรื่องโพสต์ไอจีเพิ่มอีกด้วย แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ร้อยเอกหงุดหงิดได้ไงล่ะ
“เมืองน้ำพรุนแล้วร้อยเอก”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มดังในระดับที่ได้ยินกันเพียงสองคน เป็นพันเอกที่ก้าวมายืนด้านหน้าน้องชายตัวสูง ทำให้ร้อยเอกรีบดึงสติกลับมา
“จะพรุนได้ไง ร้อยยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะพี่พัน”
“แค่มองก็พรุนแล้ว ถ้าพี่เป็นเมืองน้ำคงเกร็งแย่ ทำงานอยู่ดีๆ ก็มีคู่กัดมายืนมอง”
รู้ใจกันดีจริงๆ
หมั่นไส้
“หน้าบึ้งใส่พี่อีก เฮ้ นี่พี่เป็นพี่นะ”
“ร้อยเปล่าหน้าบึ้งนะ”
พันเอกหลุดขำ โกหกไม่เนียนที่สุดในโลกคงหนีไม่พ้นน้องชายของเขา
“พี่พัน”
“…?”
“พี่เมืองเคยงอนพี่พันมั้ย”
“งอน?” ร้อยเอกพยักหน้ารับ “มีอะไรรึเปล่า โดนเมืองน้ำงอนเหรอ”
ไม่ต้องมีคำตอบ คนตรงหน้าร้อยเอกก็พอจะรู้ว่าที่ถามน่ะเป็นเรื่องจริง แปลกดี...ทะเลาะกับเมืองน้ำมานานหลายปี แต่พันเอกไม่เคยเห็นน้องตาเป็นประกายเพราะความอยากรู้ขนาดนี้
“ไม่เคยหรอก แล้วพี่ก็ไม่รู้นะว่าเมืองน้ำกับร้อยงอนอะไรกัน เมืองน้ำไม่ใช่คนโชว์ความอ่อนไหวให้ใครเห็นง่ายๆ ด้วย ปกติเข้มแข็งจะตาย”
ใช่ เมืองน้ำเข้มแข็ง เพราะร้อยเอกไม่เคยเห็นเมืองน้ำอ่อนแอแบบจริงๆ จังๆ นั่นแหละ เลยไม่รู้จะทำยังไงให้ความสัมพันธ์ของเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม
“แต่ช่วงนี้ เมืองน้ำมีเรื่องให้คิดเยอะ เลยเครียดๆ ล่ะมั้ง”
“คิดอะไรครับ”
“ถามเจ้าตัวดูสิ เรื่องส่วนตัวเขา พี่ตอบแทนไม่ได้หรอก”
“ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวแล้วพี่เมืองจะบอกร้อยเหรอ แค่คุยกันยังคุยดีๆ ไม่ได้เลย ไม่รู้จะง้อยังไงแล้วครับ”
“ขอโทษเมืองน้ำสิ”
“…”
“ทำผิดเรื่องไหน ก็ขอโทษเรื่องนั้น บางทีคนเราก็ไม่ต้องการอะไรมากหรอก แค่คำขอโทษที่มาจากใจจริงๆ ก็พอแล้ว”
ขอโทษแบบจริงใจ
แค่คำว่าขอโทษ ทำไมร้อยเอกถึงคิดไม่ได้นะ แล้วต้องทำยังไงเมืองน้ำถึงจะเชื่อว่าคำขอโทษของเขามาจากใจจริงๆ ล่ะ
พอเป็นคนคนนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทั้งหมดกลายเป็นเรื่องยาก
สมแล้วที่พี่เมืองเป็นข้อยกเว้นหนึ่งเดียวของเขา(⺣◡⺣)♡*
ฝนตกทั้งวันเลยแฮะ
ถ้าไม่เอาร่มมา ต้องแย่แน่ๆ เมืองน้ำ
นิ้วเล็กพิมพ์ข้อความตอบเจ้าของโรงเรียนติวเตอร์ รับปากอย่างดีว่าจะกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย และมีเวลาเหลือเฟือให้กลับไปแก้งาน แต่ในความเป็นจริงไม่รู้เลยว่าสภาพอากาศที่แปรปรวนจะทำให้เมืองน้ำกลับถึงบ้านก่อนสามทุ่มหรือเปล่า
ไม่ทำให้ผู้ใหญ่เป็นห่วงนั่นแหละดีที่สุด
อาจารย์พันเอกติดธุระด่วน ขับรถออกไปเคลียร์งานตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว และฝากงานไว้กับน้องชายที่รับหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยต่อ ร้อยเอกถึงกลายมาเป็นเจ้านายชั่วคราว คอยดูภาพรวมของภาพทั้งหมดที่ถ่ายไปวันนี้
หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้าย เหลือแค่ร้อยเอกที่เดินล็อกประตูภายในตึก และเมืองน้ำที่กำลังเดินไปหน้าปากซอยเพื่อขึ้นรถไฟฟ้า
ฝนนะฝน ตกแรงเป็นบ้าเลย อย่างกับโกรธใครมางั้นแหละ
แสงไฟที่ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้เป็นตัวเร่งฝีเท้าได้ดีเยี่ยม เมืองน้ำก้าวเร็วๆ เพื่อหนีให้พ้นรถคันหลัง แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางรอดพ้นความเร็วรถของร้อยเอกอยู่แล้ว
เครื่องยนต์คันสวยชะลอความเร็ว คนตัวสูงเปลี่ยนเป็นเกียร์ว่างและดึงเบรกมือเพื่อป้องกันรถไหล เอี้ยวตัวคว้าร่มที่เบาะหลัง ก้าวลงจากรถและรีบย่ำเท้าให้ทันคนตัวเล็กที่หันมามองเขาเพียงเล็กน้อย
เป็นครั้งแรกที่เห็นข้อดีในความขายาว ไม่กี่อึดใจร้อยเอกก็เดินมาดักหน้าคนโตกว่าได้สำเร็จ เมืองน้ำขมวดคิ้วเมื่อเกือบชนเขาเต็มๆ ฉายความไม่ชอบใจผ่านตาคู่สวยชัดเจน
ถ้าไม่หยุดด้วยวิธีนี้ พี่เมืองก็จะหนีเขาไปเรื่อยๆ
อย่างน้อยก็ทำให้เราได้คุยกัน
“กลับยังไงครับ”
ถึงพี่เมืองจะไม่คุยกับเขาก็เถอะ
“พี่เมืองไม่ได้เอารถมา กลับกับผมนะ”
“…”
“ไปเร็ว ฝนตกหนัก เดี๋ยวไม่สบาย”
ไม่แค่พูดเปล่า มือแข็งแรงยังเอื้อมไปคว้าข้อมือเล็กอีกด้วย ซึ่งแน่นอน...เจ้าของข้อมือขาวขัดขืนเขาเต็มที่
“กลับคนเดียวมันอันตราย กลับกับผมดีกว่านะ”
“กลับกับร้อยอันตรายกว่าอีก”
พอพูดด้วยก็ประชดประชัน
สุดยอดไปเลยเมืองน้ำ“ผมเนี่ยนะ อันตรายตรงไหน ปลอดภัยที่สุดแล้ว รู้จักกันมาตั้งนาน น่าจะรู้ว่าผมไม่ทำอะไรพี่หรอก”
“ไม่ ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น”
“แล้วพี่หมายถึงอะไร”
ก็หมายถึง กลับกับร้อยเอก อันตรายกับความรู้สึกไงล่ะ
อีกแล้วนะ มายุ่งวุ่นวายกับเมืองน้ำอีกแล้ว ทำไมไม่จำล่ะว่าถ้าเกลียดก็ไม่ต้องมายุ่ง
“พี่เมือง” เอ่ยเรียกคนที่เบือนหน้าหนีตัวเองแผ่วเบา ร้อยเอกปล่อยข้อมือนุ่มเมื่อมั่นใจว่าเมืองน้ำจะไม่เดินหนีเขาอีกรอบ
“มีอะไรก็พูดมาสิ ฝนสาด มันเปียกกางเกง”
“ขอโทษครับ เรื่องวันนั้นที่ปากไม่ดี”
“…”
“ร้อยขอโทษจริงๆ”
“…”
“…”
เพิ่งเข้าใจคำว่าเดดแอร์ก็วันนี้...
ร้อยเอกเป็นคู่กัดประเภทที่หากคาดหวังความร้ายกาจ ความกวนประสาท และใบหน้าบึ้งๆ จากเด็กตัวสูง คุณจะได้สิ่งนั้นโดยไม่มีบกพร่อง แต่ถ้าคุณคาดหวังร้อยเอกในโหมดน้องเอก น้องชายข้างบ้านที่ไม่ใช้ถ้อยคำร้ายๆ จ้องมองกันแน่นิ่ง และมองลึกเข้ามาในดวงตา ขอบอกว่าต้องผิดหวัง เพราะนานๆ ครั้งร้อยเอกถึงจะมีโหมดอ่อนโยน
ฉะนั้นเมืองน้ำจึงไม่คาดหวังหรอกว่าร้อยเอกจะพูดคำนี้ออกมา
แต่ก็ต้องยอมรับตรงๆ ว่าคำง่ายๆ คำนี้ เป็นคำที่อยากฟังมากที่สุด
“ถามอะไรหน่อยสิ”
“ครับ”
คำลงท้ายดีๆ อย่างคำว่า ‘ครับ’ ก็เป็นอีกคำที่เมืองน้ำอยากฟังด้วยเหมือนกัน
“ในสายตาร้อยเอก เมืองน้ำเป็นคนแบบไหน”
“…”
“ตอบตรงๆ เลยนะ ห้ามโกหก คิดกับพี่ยังไง ร้อยพูดออกมาเลย”
“เอาตรงๆ เลยเหรอ”
เมืองน้ำส่งเสียงตอบ เอื่อยเฉื่อยเหมือนคนแรงน้อย ร้อยเอกยกมือขึ้นปัดผมหน้าม้าที่ถูกลมพัดมาบังดวงตาที่เงยมองเขา และใช้มือข้างเดิมบังละอองฝนให้คนตรงหน้า
“ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ”
“ยังไง...”
“ห่วงภาพลักษณ์ แบบว่า...สร้างภาพเก่ง ไม่จริงใจกับคนอื่น คบแต่คนรวย อันนี้ความคิดเมื่อก่อน”
“แล้วตอนนี้เป็นยังไงเหรอ”
“ก็...ไม่รู้สิ”
“…”
“เหมือนพี่เมืองเปลี่ยนไป”
ร้อยเอกเงียบไปพักหนึ่ง รอให้คนรอฟังคำตอบสงบตัวเองได้ คิดไว้แล้วว่าเมืองน้ำต้องอ่อนไหวกับคำพูดเขา ม่านน้ำจางๆ บนดวงตาที่กำลังแดงรื้นนั่นน่ะ
เขาโคตรไม่ชอบ“ทั้งที่เรารู้จักกันมานาน แต่เหมือนผมไม่รู้จักพี่เมืองเลย พี่เมืองไม่เคยโกรธผม ไม่ว่าผมจะพูดอะไร พี่เมืองตอบโต้กลับทุกครั้ง ไม่เคยไม่คุย ไม่เคยหนีหาย ไม่เคยเงียบใส่ ใช่ ไม่ชอบที่สุดคือการถูกเงียบใส่ ด่าผมแรงๆ ยังดีกว่า”
“ให้ด่าว่าอะไร ไอ้น้องข้างบ้านมีหมาสองตัว หมาตัวแรกชื่อแก้บน พันธุ์ซามอยด์ ตัวนึงชื่อร้อยเอกเวอร์ชั่นสอง พันธุ์เกษตร อย่างงี้เหรอ”
“ด่างี้ก็ได้ เอาเลย”
“คนอะไรอยากให้คนอื่นด่าตัวเอง”
“คนอย่างผมนี่แหละ” รีบตอบกลับโดยเร็ว และเริ่มเข้าใจอาการชื่นใจเวลาโดนด่าของมาวินขึ้นมาบ้างแล้ว แม้สถานการณ์จะต่างกัน แต่ความรู้สึกที่บอกว่าคำด่าดีกว่าความเงียบ ร้อยเอกสัมผัสมันแล้วจริงๆ
“ไม่รู้ร้อยจะเชื่อมั้ย” ริมฝีปากสีอ่อนขบเม้มอย่างครุ่นคิด รวมความกล้าแค่ครู่เดียวแล้วเอ่ยออกมา “พี่ไม่เคยคบใครที่ฐานะเลยนะ สบายใจก็คบ ไม่เคยเอาเรื่องพวกนี้มาวัดว่าจะเป็นแฟนกับใครเลย แล้วก็...เรื่องคบกับพี่รักษ์ พี่ไม่ได้โกหก ไม่เคยคุยมากกว่าพี่น้องด้วยซ้ำ ไม่เชื่อลองไปย้อนไอจีพี่รักษ์ดูได้เลยว่าพี่รักษ์มีแฟนรึยัง”
“…”
“พี่ไม่คิดว่าเราจะเกลียดกันจริงๆ โดนคนอื่นมองในแง่ร้าย ยังไม่รู้สึกแย่เท่าคนใกล้ตัว ก็เลยเสียใจมาก”
“ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ”
“ไม่เป็นไรหรอก ต่อไปนี้ถ้าจะเกลียดกันก็แล้วแต่เลยนะ ยังไงวันนี้พี่ก็รู้แล้วว่าที่ผ่านมาร้อยคิดยังไง”
“ร้อยไม่เคยเกลียดพี่เมือง”
“…”
“ก็แค่หมั่นไส้เฉยๆ เลยอคติกับพี่เมืองทุกอย่าง”
“ตอนนี้ล่ะ ยังหมั่นไส้อยู่มั้ย”
“ก็หมั่นไส้ด้วย มันเขี้ยวด้วย หลายๆ อย่างอะ แล้วแต่ความประพฤติ”
“แล้วแต่ความประพฤติไปอีก”
“พี่จะยิ้มทำไมเล่า”
นี่ร้อยเอกถามจริงจังนะ ไม่ใช่คำถามเล่นๆ ที่เมืองน้ำจะยิ้มกว้างกว่าเดิม
นี่ไง เขาถึงบอกว่าแล้วแต่ความประพฤติ
“หยุดยิ้มได้แล้วพี่เมือง เมาป้ะ”
“ปากหมาอีกแล้ว”
“เออ”
“เอออะไรร้อยเอก”
“เออชอบโดนด่า ด่ามาอีก ด่าเยอะๆ ด่าอะไรก็ได้”
“บ้า”
ยิ้มอีกแล้ว ยิ้มจนแก้มกลมๆ บวมเป็นซาลาเปาเลยนะ
“หายโกรธแล้วนะครับ”
“อือ”
“อืออะไรครับ”
“ก็หายโกรธแล้วไง”
“งั้นกลับกับผม ไปเร็ว เดี๋ยวรถติด”
“เฮ้ย!! อย่าลากกันสิ นี่พี่ยังไม่ตกลงเลยนะ ร้อยเอก!!”
ร้อยเอกไม่ได้ลากสักหน่อย ดึงข้อมืออีกคนให้เดินตามเขาแบบปกติเลยนะ
เมืองน้ำนั่นแหละที่ขาสั้นเอง
คนอะไร โตกว่าแท้ๆ แต่ตัวกะทัดรัดเท่าหมากระเป๋า
“พี่เมืองไม่ดื้อดิ รีบขึ้นรถ”
“กำลังขึ้นๆ ดุเป็นพ่อเลยอ่ะ”
“ตลกเหอะ ใครอยากเป็นพ่อพี่”
“ก็ไม่อยากมีร้อยเป็นพ่อเหมือนกันแหละ”
“ขึ้นรถ”
“เผด็จการ”
“อืมดี ด่าอีก ผมชอบ”
“...”
“ด่าสิพี่เมือง”
“โอ๊ย!! คิดคำด่าไม่ออก!”
คนนึงเลี้ยงหมาในปาก คนนึงเหมือนลูกหมา
นี่สิ ถึงจะเป็นคู่กัดที่สมน้ำสมเนื้อกันจริงๆ(⺣◡⺣)♡*
#ร้อยเมืองไม่อยากมีน้องร้อยเป็นพ่อแล้วพี่เมืองอยากมีน้องร้อยเป็นอัลไล ( ´ ▽ ` )
ช่วง #ร้อยเมืองชวนฟังเพลง
ยกเว้นเรื่องเธอ - แพรว คณิตกุล
https://youtu.be/aPRoUDFs2NM