[END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ⎮แจ้งข่าว P.4
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ⎮แจ้งข่าว P.4  (อ่าน 28400 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
8

ผัวเตี้ย เมียนางแบบ




“เมื่อวานอ่ะไม่ใช่การผิดแชทแน่ๆ แต่มึงตั้งใจส่งมาให้กูเพื่อบอกว่ามึงเลิกเป็นคู่กัดกับพี่เมืองแล้วใช่มั้ยเพื่อนร้อย กูรู้ทันมึงนะ”

“รู้ทันอะไรวะ”

“อย่าให้กูต้องพูดซ้ำ”

“โอ๊ยยย! อะไรของมึงเนี่ย”

มโนเป็นตุเป็นตะ

จะมีใครตั้งใจส่งแชทหาเพื่อนที่คอยชงตัวเองกับคนอื่นให้มันยิ่งชงกว่าเดิมแบบที่มาวินคิดบ้าง ร้อยเอกอยากรู้นัก เขาพยายามไม่สนใจคำพูดเพ้อเจ้อของมาวินก็แล้ว แต่แววตาเป็นประกายและมือที่มักจะหงิกงอบวกกับเสียงหงิงๆ เวลาฟินขั้นสุดก็สร้างความหงุดหงิดให้จนได้

ตั้งแต่เดินเข้าบูธคณะมาจัดของ จนงานโอเพ่นเฮ้าส์ของมหา’ลัยเริ่มขึ้นแล้ว มาวินยังไม่หยุดชงเลย

อยากทุบหัวมันให้แบะ เพื่อนเวร

“มาช่วยกูเรียงโบว์ชัวร์นี่มา อย่ามัวแต่เขิน” พูดพลางยื่นกระดาษปึกใหญ่ให้คนตรงหน้าที่ยังยิ้มไม่หยุด

“ก็กูเขินจริงๆ มึงคิดดูดิ เรือที่กูพร่ำชงทุกวี่ทุกวัน จู่ๆ ก็มีแววว่ากัปตันจะรักกันจริงๆ ขึ้นมา ไอ้เชี่ย คือกูแบบ เป็นชิปเปอร์ที่คอมพลีทสัสๆ”

รับโบว์ชัวร์ไปเรียงด้วยท่าทางระริกระรี้...

สุดแสนจะอยากถีบ

เรื่องแชทเมื่อวาน ขอสาบานต่อหน้าฟ้าดินเลยว่าร้อยเอกส่งผิดแชทจริงๆ

เขาเถียงกับเมืองน้ำอยู่นานว่าจะกินชาบูร้านไหน เห็นตัวเล็กแบบนั้นแต่พอหิวแล้วเหมือนองค์ลง เพิ่งรู้ว่าพี่เมืองกินเก่งกว่าเขาเสียอีก เขาถ่ายรูปไอศกรีมรูปนั้นไว้ตอนที่อีกคนลุกไปคีบกุ้งเทมปุระที่พนักงานเพิ่งยกมาเสิร์ฟตรงเคาน์เตอร์อาหารญี่ปุ่น และกว่าจะกลับถึงบ้านก็เล่นเอาเหนื่อย

เพราะความเหนื่อยถึงทำให้เบลอจนส่งผิดแชทไป

ร้อยเอกขี้เกียจอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ระหว่างเขากับเมืองน้ำ ที่จริงไม่มีอะไรพิเศษจนต้องเล่าด้วยซ้ำ แค่ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น เรียกว่าญาติดีกันได้มั้ย ก็อาจจะ...แค่อาจจะไม่ได้แปลว่าญาติดีแล้วสักหน่อย

จริงๆ นะ

“เดี๋ยวมึงเอาโบว์ชัวร์ไปให้น้องที่ขายน้ำในบูธ แจกให้ทุกคนที่มาซื้อ แล้วก็ไปแปลงสาธิตกับกู ป่านนี้พวกรุ่นพี่บ่นกูจะตายละ”

“เปลี่ยนเรื่องไวจริ๊ง”

“จะไปไม่ไป”

“ไปแล้วโว้ยยย ไม่ต้องยกตีนมาขู่กูก็ได้”

“คนวอนตีนต้องได้ตีน เก็ทไม่เก็ท”

“มึงมันป่าเถื่อนเหมือนพระเอกตบจูบ!!”

เพ้อเจ้อ

ร้อยเอกถอนหายใจเบาๆ เหนื่อยหน่ายกับเพื่อนสนิท วางเท้าที่ยกขึ้นขู่มาวินลงที่เดิม ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไล่ดูข้อความในแอพไลน์

มีแต่แชทกลุ่มคณะที่เด้งตลอดเวลา กลุ่มเล่นเกมที่ชวนซื้อไอเท็มเด็ดๆ ที่เขามีเก็บไว้แล้ว หรือไม่ก็พวกที่ทักมาชวนพัฒนาความสัมพันธ์ทุกวันแม้เขาจะไม่เคยตอบ มีสองพันข้อความที่ยังไม่เปิดอ่าน ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีแชทจากเมืองน้ำ

นี่เขา...

รอข้อความจากพี่เมืองเหรอ

ในวันโอเพ่นเฮ้าส์ที่ผู้คนคึกคัก ทุกคณะ ทุกสาขาจัดกิจกรรมให้คนภายนอกเข้ามาเยี่ยมชม มีสื่อมวลชนเข้ามาทำข่าวทั้งสื่อออนไลน์ สื่อวิทยุโทรทัศน์ และสื่อสิ่งพิมพ์ คนดังอย่างเมืองน้ำคงยุ่งจนไม่มีเวลาหันซ้ายหันขวา

รู้อยู่แล้วว่าพี่เมืองยุ่งมาก แล้วทำไมต้องรอล่ะร้อยเอก

ก็คง...ชินมั้ง ช่วงนี้คุยกันบ่อย พอไม่ได้คุยเลยรู้สึกแปลกๆ

เกิดจากความเคยชินทั้งนั้นล่ะ ไม่เห็นต้องคิดเยอะเลย

‘มึงเห็นยังวะ พี่รักษ์เลิกกับแฟนแล้วนะ’

ข้อความล่าสุดในกลุ่มคณะทำให้มือที่เตรียมกดล็อกโทรศัพท์หยุดชะงัก ร้อยเอกเผลอกำตัวเครื่องในมือแน่นขึ้นเมื่อข้อความต่อมามีชื่อใครบางคน

‘แซ่บนัวๆๆ เห็นแฟนเก่าโพสต์ด่าพี่รักษ์ซะยับ ฝั่งพี่รักษ์ก็ลบรูปคู่แฟนออกจากไอจีหมดเลยจ้า’

คนที่เป็นคู่กัดของเขา...

‘พริกสิบเม็ดเลยว่ะ 5555555’

‘งี้ก็เข้าทางเมืองน้ำเลยดิ ถ้าพี่รักษ์เลิกกับแฟนแล้ว’

‘บ้าน่า อาจจะไม่มีอะไรในกอไผ่ก็ได้’

‘กูว่ามีเต็มกอไผ่ เผลอๆ ล้นออกมาด้วยว่ะ มึงไม่เห็นอ่อว่าเมืองน้ำโพสต์ไอจีแปลกๆ ไม่แท็กหา แต่แคปชั่นหมายถึงใครสักคน พี่รักษ์ชัวร์’

‘รอบนี้ไม่พลาด พี่รักษ์เปลี่ยนมาคบกับเมืองน้ำแน่ๆ’

เขาเปิดเข้าไปอ่านโดยไม่ต้องชั่งใจเลยด้วยซ้ำ คนตัวสูงกัดฟันกรอด พยายามระงับอารมณ์เพื่อไม่ให้มาวินที่เดินกลับมาสงสัยเอาได้ คว้ากระเป๋าขึ้นมาพาดไหล่ แล้วก้าวตามเพื่อนที่เดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีไปยังแปลงสาธิตหลังตึกคณะ

สัญญาว่าถ้าพวกคนที่พูดเรื่องเมืองน้ำเสียๆ หายๆ ยืนอยู่แถวนี้ เขาจะเข้าไปเอาเรื่องพวกมันทีละคน

ถึงไม่ใช่เรื่องจริง แต่ก็หวังว่าเพื่อนพี่เมืองจะไม่แคปไปให้ดูอีก พี่เมืองไม่แสดงออก ก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกอะไรกับข้อความของคนพวกนั้น

ที่จริงต้องพูดว่าเมืองน้ำไม่เคยแสดงออกเลยต่างหาก

แล้วเรื่องโพสต์ในไอจี ไม่ใช่ภานุรักษ์เลยสักนิด

ทั้งรูปก้อนเมฆร้องไห้ แก้วชา และอีกหลายรูปที่พี่เมืองถ่ายไปลง พี่เมืองหมายถึงเขา

เข้าใจมั้ย พี่เมืองโพสต์ถึงร้อยเอกคนเดียว



(⺣◡⺣)♡*



“พี่เมืองคะ หนูชอบพี่เมืองมากๆ เลยค่ะ”

“กรี๊ดดด!! ขอถ่ายรูปหน่อยค่ะพี่เมือง”

“เรียนมนุษย์แต่ทำไมเป็นนางฟ้าล่ะคะ!!”

“ขอท่าชูสองนิ้วด้วยนะคะ”

“มินิฮาร์ทกับท่าบันทึกคุณไว้ในหัวใจด้วยค่ะพี่ เนมาอึมโซเก ช้อจัง! ท่านี้ฮิตมากๆ หนูช้อบชอบ”

เป็นวันที่เมืองน้ำรู้สึกหล่อมาก

ถ้าถามว่าใครชม ตอบโดยไม่ต้องคิดว่าไม่มี

อุตส่าห์แต่งตัวดีๆ ผูกเนคไทอย่างเรียบร้อย เซตผมด้วยทรงที่คิดว่าดีที่สุด ออกมายืนต้อนรับนักเรียนและคนนอกที่เข้ามาเยี่ยมชมโซนแสดงผลงานคณะมนุษยศาสตร์ ตั้งแต่งานเริ่ม ไม่มีเพื่อนหรือรุ่นน้องคนไหนชมว่าเมืองน้ำหล่อสักคน

นอกจากคำว่าน่ารัก ก็ไม่ได้ยินคำไหนอีกเลย

ฉะนั้นทุกครั้งที่มีคนมาทักทายและขอถ่ายรูป เมืองน้ำจะคิดถึงเรื่องความหล่อของตัวเองเสมอ

ไม่มีใครชมก็ต้องให้กำลังใจตัวเอง ชีวิตมันก็มีแค่นี้

“หนูขอไปดูข้างในก่อนนะคะ เดี๋ยวจะแท็กรูปในไอจีไปให้ค่ะ”

“ได้เลย พี่จะรอนะ”

คนตัวเล็กยิ้มกว้างจนแก้มสีพีชกลมมน โบกมือลาน้องมัธยมที่พากันเดินไปอีกทาง พาร่างกายผอมบางอ้อมไปนั่งด้านหลังบูธ กิจกรรมช่วงเช้าเสร็จสิ้นไปแล้ว จากนี้ไปเป็นหน้าที่ของคนอื่น เมืองน้ำมีงานต้องทำต่ออีกสองงาน หนึ่งคือให้สัมภาษณ์กับนิตยสารออนไลน์เพื่อประชาสัมพันธ์มหา’ลัย และสอง...ถ่ายแบบให้เพื่อนคณะนิเทศศาสตร์

ที่ร้อยเอกชอบพูดว่าเมืองน้ำมีกิจกรรมเยอะยิ่งกว่าเมืองไทยประดับชีวิต เห็นทีคงจะจริงล่ะนะ

มือคู่ขาววางแก้วน้ำที่หยิบมาเจาะหลอดดูดลงบนเก้าอี้อีกตัว เอื้อมคว้ากระเป๋าที่แขวนรวมกับกระเป๋าคนอื่นลงมาวางบนหน้าตัก ใช้เวลาครู่เดียวในการหาเครื่องมือสื่อสาร และไม่รอช้าที่จะเข้าไปเช็กห้องแชทของเด็กตัวสูง

ไม่มีข้อความจากร้อยเอก...

นี่เมืองน้ำ...ตั้งตารอ แถมยังรู้สึกนอยด์ที่ไม่มีประโยคกวนๆ จากอีกฝ่ายให้อ่านตั้งแต่เมื่อไหร่

ก็ตั้งแต่รู้สึกดีกับเจ้าตัวนั่นแหละ



101 :
พี่เมืองเป็นไงบ้าง
เหนื่อยมั้ย



ให้ตาย พอคิดถึงแล้วมีข้อความจากอีกคนเด้งขึ้นมา ปากนุ่มก็พลันอมยิ้มน้อยๆ ทาบมือแนบแก้มเนียนเมื่อรู้สึกได้ถึงไอร้อน มั่นใจว่าไม่ใช่เพราะอากาศ แม้จะเลยเที่ยงตรงมาแล้ว แต่แดดแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำ คิดว่าเย็นนี้ฝนจะตกแน่นอน ควันร้อนๆ บนแก้มเมืองน้ำมาจากคำถามสั้นๆ ง่ายๆ จากร้อยเอกต่างหาก



m.nam ☆° :
เหนื่อย T^T
เมื่อคืนนอนห้าชั่วโมงเอง โคตรง่วงเลย


101 :
ผมบอกให้นอนไม่เกินเที่ยงคืนไง
นอนดึกเลยได้นอนแค่ห้าชั่วโมงเนี่ย
แล้วก็มาบ่นว่าเหนื่อย
เห้อ ดื้อชิบ


m.nam ☆° :
ก็งานมันยังไม่เสร็จอ่ะ ต้องทำงานก่อน
อย่าดุเซ่
แล้วนี่อยู่ไหนเหรอ


101 :
แปลงสาธิต รอคิวไปโชว์ปลูกข้าวให้น้อง ม.ปลายดู


m.nam ☆° :
หูยยย เท่จัง
พี่อยากปลูกมั่งๆๆๆ ขอไปปลูกด้วยได้มั้ย


101 :
เดี๋ยวมือเลอะ ไม่ต้องมาหรอก
มีแต่ดินแต่โคลน ให้พี่เมืองลงนามีหวังผื่นขึ้นพอดี


m.nam ☆° :
;___;
อยากไปอ่าาาา



101 :
พี่เมือง


m.nam ☆° :
นะๆ เนี่ยพี่มานั่งพักแล้ว
ว่าจะไปหาอะไรกิน
มีร้านขายไก่ทอดมาขายด้วย



101 :
หิวอีกละ หิวทั้งวัน


m.nam ☆° :
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
ไม่มีอาหารในท้องจะใช้ชีวิตยังไง
ให้พี่ไปที่แปลงสาธิตนะ



101 :
พี่เมือง


m.nam ☆° :
นะ


101 :
จะมาก็มา เคยฟังกันบ้างมั้ย


m.nam ☆° :
ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ฟังหมดก็ไม่ใช่พี่เมืองดิ
ฮี่ๆ



ก่อนหน้านี้ยังนอยด์อยู่เลย ตอนนี้ดันตรงกันข้ามซะแล้ว

นอกจากทำให้หยุดน้อยใจได้ ร้อยเอกยังทำให้หายเหนื่อยได้ในเวลาเดียวกัน นี่คนหรือยาวิเศษกันเนี่ย



(⺣◡⺣)♡*



“ดื้อ”

สิบเอกยังไม่ดื้อเท่าเมืองน้ำ

นี่ไม่ใช่การใส่ร้าย เขาแค่พูดความจริง แล้วก็...ใช่เลย พอพูดคำนี้ใส่คนตัวเล็กที่ซื้อไก่ทอดกับเฟรนช์ฟรายส์ติดมือมาสามชุด ริมฝีปากสีสดก็ยู่ใส่เขาจังๆ

ร้อยเอกเปลี่ยนชุดนักศึกษาเป็นเสื้อยืดและกางเกงขายาวสีดำ เขาและรุ่นน้องคนอื่นช่วยกันสาธิตวิธีปักดำต้นกล้าบนผืนนาเสร็จก่อนเมืองน้ำจะมาแค่ไม่กี่นาที นั่นทำให้คนที่อยากลงไปเดินในนาด้วยกันอดทำตามใจโดยปริยาย

ขายาวก้าวนำรุ่นน้องไปล้างเนื้อล้างตัวตรงก๊อกน้ำที่ต่อสายยางเส้นยาวเอาไว้ แวะดื่มน้ำที่ทางคณะจัดบริการก่อนจะหยิบขึ้นมาสองแก้ว แล้วเดินตรงมาหาคนที่โบกมือหยอยๆ อยู่ตรงจุดที่คนไม่ค่อยเดินผ่าน

ตรงนี้ไม่มีเก้าอี้ เขากลัวเมืองน้ำจะคันเพราะมีแต่หญ้าแห้งๆ ใต้ต้นไม้ เลยเดินไปขอผ้าปูจากจุดบริการ ตอนนี้คนที่งอแงอยากจะมาให้ได้นั่งอยู่ข้างเขา เอาเจลฆ่าเชื้อออกมาให้เขาล้าง ขณะที่หน้ามุ่ยๆ เพราะโดนพูดคำว่าดื้อเพิ่งจะหาย

ที่บอกว่าดื้อน่ะหมายถึงเรื่องที่คุยในไลน์ พี่เมืองฟังบ้างไม่ฟังบ้างจริงๆ บอกไม่ให้มายังจะมา แล้วเป็นไงล่ะ สุดท้ายก็ต้องมานั่งบนผ้าปูบางๆ กับเขา แทนที่จะเข้าไปนั่งรับแอร์เย็นฉ่ำในโรงอาหาร

“โรงอาหารคนเยอะมาก ดีนะที่ร้านไก่ทอดอยู่ข้างนอก แต่ก็ต้องต่อคิวนานอยู่ดี”

คนอะไร พูดขึ้นมาเหมือนรู้ความคิดร้อยเอก

“เพราะงั้นพี่ก็เลยซื้อมาตั้งสามชุดเหรอ”

“แหงสิ เผื่ออร่อยจะได้ไม่ต้องกลับไปต่อคิวอีกไง ป่านนี้ขายหมดแล้วมั้ง ช่วงเที่ยงด้วย เนี่ยคนกำลังหิวเลย”

“คนกำลังหิวนี่หมายถึงคนอื่นหรือหมายถึงตัวเอง”

“ทั้งสองอย่าง”

“เหรอๆ”

ร้อยเอกเบี่ยงตัวหลบมือที่เตรียมจะทุบเพราะน้ำเสียงและสีหน้ายียวนของเขา ปากเรียวจุดยิ้มน้อยๆ ส่วนคนที่บ่นว่าเหนื่อยแต่พูดไม่หยุดลดกำปั้นลงบนตัก เบนความสนใจไปที่ไก่ทอดในถุงกระดาษแทน

จริงๆ ก็รู้ว่ากวนประสาทพี่เมืองแล้วทำให้ยิ้มได้

แต่ไม่คิดว่าจะมีความสุขขนาดนี้

“เย็นนี้กลับก่อนก็ได้นะ พี่ต้องอยู่ถ่ายแบบกับพวกนิเทศอ่ะ น่าจะค่ำเลย” คนตัวเล็กพูดพลางกัดไก่ป๊อปราดซอส เคี้ยวตุ้ยๆ ก่อนจะยื่นถุงไก่อีกถุงให้คนข้างกาย

“อยู่ถึงกี่ทุ่มครับ”

“น่าจะ...สอง” แล้วก็ชูนิ้วสั้นๆ ขึ้นมาสองนิ้ว

“สองเลย? มหา’ลัยเราโคตรวังเวงเลยนะ ตอนมืดอ่ะ ผมอยู่เป็นเพื่อนดีกว่า กลัวพี่เมืองโดนผีหลอก”

“เฮ้ย พี่ไม่กลัวผีนะ”

“พี่ไม่กลัวแต่ผมกลัว”

“มันเกี่ยวอะไรอ่ะร้อย ถ้ากลัวก็กลับบ้านไปก่อนไง ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อน”

“พี่นี่เข้าใจอะไรยากว่ะ ผมเหนื่อยจะพูดละ”

อยู่ดีๆ ก็เหมือนโดนงอน

เฮ้ บอกหน่อยว่าเมืองน้ำผิดอะไร ก็ที่ร้อยเอกบอกมาน่ะงงจริงๆ นะ ไม่อยากกลับก่อนเพราะกลัวเมืองน้ำโดนผีหลอก เมืองน้ำไม่กลัวผี ส่วนตัวเองกลัว เพราะฉะนั้น ให้อีกคนกลับบ้านไปก่อนก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ

แต่ว่า...

“จะให้พูดกี่ครั้งว่าเป็นห่วง ไม่อยากให้พี่เมืองกลับคนเดียว”

ได้ยินแบบนี้ เมืองน้ำก็เริ่มเข้าใจแล้วล่ะ

“ไม่กลัวพี่โดนผีหลอกแล้วเหรอ”

“ไม่อ่ะ ถ้าเข้าบ้านผีสิงคือผมเอาพี่ไปสู้กับผีได้เลย ส่วนผมก็เกาะหลังพี่ตอนสู้”

“ชอบพูดอะไรเว่อร์ๆ เนอะ”

“แต่ตอนพูดว่าห่วงไม่ได้เว่อร์นะ”

อยากให้ไก่ป๊อปติดคอเมืองน้ำนักรึไง...

คนที่พูดออกมานิ่งๆ ตรงไปตรงมา และไม่คิดอะไร คนคนนั้นไม่รู้หรอกว่าคนที่คิดกระโดดโลดเต้นไปไกลแค่ไหนแล้ว

ถ้าคนร้อยเอกรู้สึกเหมือนกันก็คงดี...

แต่อะไรๆ มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ร้อยเอกชอบคนเรียบร้อย ซึ่งเมืองน้ำคงห่างไกลจากคำนั้นในสายตาอีกคน เคยเห็นเจ้าตัวมีแฟน คนนั้นที่ร้อยเอกคบนั่นน่ะ ดูเป็นคนในอุดมคติของเจ้าตัวมากๆ เลยล่ะ

ความหวังของเมืองน้ำช่างริบหรี่เหลือเกิน...

ไม่เป็นไร ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ดีมากๆ แล้ว

“แก้มผมเลอะโคลนอ่ะ เหมือนล้างออกไม่หมด พี่เมืองเช็ดให้ผมหน่อยดิ”

เมืองน้ำชอบที่เราเป็นแบบนี้

“เช็ดเองไม่ได้รึไง”

“มือผมจับไก่ทอดอยู่เนี่ย ไม่เห็นเหรอ”

“ใครบอกให้ใช้มืออ่ะ ไม้จิ้มก็มี”

“โอ๊ยพี่เมือง เวลากินไก่ทอดก็ต้องใช้มือป้ะ จะมัวมาเอาไม้จิ้มมันจะฟินอะไร ตกลงจะเช็ดไม่เช็ด ไม่เช็ดก็ได้ ไม่ว่ากัน”

ไม่ว่ากันแต่ทำหน้างอน แล้วใครจะกล้าขัดใจพ่อคนหล่อได้ลงคอ

คนตัวเล็กปล่อยไม้จิ้มไก่ทอดในถุง หันมาค้นผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าที่วางอิงกายอยู่ข้างๆ หยิบออกมาและค่อยๆ เช็ดคราบโคลนที่เปรอะแก้มขาว

ร้อยเอกหยุดกินก่อนชั่วคราว กลัวคราบโคลนที่แห้งเป็นผงจะร่วงใส่มื้อกลางวันของเขา

ไม่ได้หรอก พี่เมืองซื้อให้ทั้งที แม้แต่ฝุ่นก็ปล่อยให้เปื้อนไม่ได้

กระทั่งผ้าเช็ดหน้าผืนบางถูกผละออกไป คนตัวสูงถึงกลับมากินอีกครั้ง

“เดี๋ยวผมเอากลับไปซักให้ วางไว้บนกางเกงผมนะ ห้ามปฏิเสธ”

“พี่ยังไม่ทันพูดอะไรเลยนะ”

“ผมรู้ว่าพี่จะพูด”

ใช่แล้ว เขารู้ ก็เมืองน้ำน่ะเกรงใจเก่งจะตาย

“งั้นใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มหอมๆ มาเลยนะ ขอแบบกลิ่นฟุ้งๆ”

“รีเควสเก๊งเก่ง”

“แล้วจะทำให้มั้ย”

“ผมบอกรึยังล่ะว่าไม่ทำ”

“ก็ไม่...”

“นั่นแหละ เดี๋ยวใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มหอมๆ ให้เลยครับคุณเมืองน้ำ”

ลมเย็นชะมัด แดดก็แทบไม่มี แน่นอนว่าอากาศไม่ร้อน เมฆเกาะกลุ่มเป็นก้อนจนฟ้าเริ่มครึ้มแล้วด้วย

แต่ทำไม...

“อื้อ ใส่มาเลย”

พี่เมืองแก้มแดงจังเลยนะ

ปกติไม่เห็นแก้มแดงขนาดนี้

จริงด้วย...เขาที่คิดว่าพี่เมืองน่ารักเวลาแก้มขาวระบายด้วยสีแดง ก็คงไม่ปกติเหมือนกัน

สงสัยเพราะฝนจะตกแน่ๆ



(⺣◡⺣)♡*



----- มีต่อค่า -----
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2018 23:33:44 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
----- ต่อ -----


งานโอเพ่นเฮ้าส์เกือบหยุดชะงักเพราะหยาดฝนที่เทลงมาไม่หยุด โชคดีที่ช่วงเย็นไม่ค่อยมีคนเดินอยู่ในงานแล้ว ตาคู่ใสมองทิวทัศน์ด้านนอกผ่านหน้าต่างชั้นสี่บนตึกคณะนิเทศศาสตร์ ภาพที่ทุกคนช่วยกันเก็บของแม้เนื้อตัวเปียกปอนทำให้นึกถึงเจ้าของใบหน้ากวนๆ อย่างห้ามไม่ได้

ร้อยเอกบอกว่าต้องช่วยคนอื่นดูความเรียบร้อย และคนแรงเยอะแบบเจ้าตัวก็มีอยู่ไม่กี่งานที่รุ่นพี่มอบหมายให้ทำ ถ้าไม่ยกของจนเปียกโชกทั่วทั้งตัว เมืองน้ำก็คิดไม่ออกว่าตอนนี้อีกคนจะทำอะไรอยู่

มาหาเมืองน้ำที่สตูดิโอบนตึกนิเทศเหรอ ไม่เด็ดขาด เพราะเมืองน้ำยืนอยู่บนนี้มาครบชั่วโมงแล้ว เพิ่งเดินมาริมหน้าต่างก็ตอนที่ทีมงานขอเวลาเคลียร์ปัญหาเมื่อสิบนาทีก่อนหน้านี่เอง

จู่ๆ นางแบบที่ต้องถ่ายคู่กันก็ท้องเสียกะทันหัน ทำให้ต้องหาคนใหม่ภายในครึ่งชั่วโมง และครึ่งชั่วโมงที่ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เมืองน้ำเลยขอให้เปลี่ยนเป็นใช้นายแบบแค่คนเดียว ซึ่งไม่ได้ผล เพราะงานชิ้นนี้เสนอไอเดียกับอาจารย์ไปแล้ว สุดท้ายเลยทำให้ได้แค่รอทีมงานหานางแบบคนใหม่เท่านั้น

“เมือง”

“…?”

“หาได้แล้ว ไปเตรียมตัวได้เลยนะ”

ไวจังแฮะ...

คนตัวเล็กยิ้มรับเพื่อนต่างคณะที่สะกิดเรียกด้วยการใช้มือแตะบนเนินไหล่

ความคิดมากมายค่อยๆ เลือนหายเมื่อต้องกลับมารวบรวมสมาธิเพื่อทำงาน เมืองน้ำกลับเข้ามาด้านใน และเสียงโวยวายจากห้องแต่งตัวก็ทำเอาคิ้วสีน้ำตาลสวยขมวดเข้าหากัน

“ไอ้มาวิน เพื่อนเลว นี่มึงหลอกกูมาเหรอ”

“หลอกเชี่ยไรวะ กูก็บอกมึงแล้วว่าช่วยเป็นแบบให้เฉยๆ”

“แต่มึงไม่บอกกูว่าต้องมาเป็นนางแบบ!!”

แทบไม่ต้องเดาเลยว่าเจ้าของเสียงทุ้มที่เถียงกับเพื่อนสนิทอยู่คือใคร ปมบนคิ้วค่อยๆ คลายออก รีบก้าวเร็วๆ เพื่อเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นด้านใน ริมฝีปากนุ่มคลี่ยิ้มจางๆ เกือบหลุดขำกับภาพที่เห็นเข้าอย่างจัง ถ้าเด็กตัวสูงที่นั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งไม่หันมาเห็นเสียก่อน

“ขำไรอ่ะ”

“เปล่าๆ”

จะไม่ให้ขำได้ยังไงเล่า ในเมื่อน้องเอกของเมืองน้ำปรากฏตัวเหนือความคาดหมายขนาดนี้

ไม่รู้หรอกว่าเป็นไงมาไงนางแบบถึงกลายมาเป็นร้อยเอกได้ แต่ภาพที่เด็กผู้ชายตัวสูงถึงร้อยเก้าสิบเซนติเมตร สวมชุดเดรสเปิดไหล่สีแดงสด ใบหน้าหล่อที่สุดแสนบึ้งตึงถูกทาด้วยคุชั่นสีเดียวกับผิว และปิดท้ายด้วยไฮไลต์สำคัญอย่างวิกผมภาพนี้น่ะ

ไม่คิดไม่ฝันจริงๆ

“ทำไมจู่ๆ มาเป็นนางแบบให้พี่เนี่ย”

พูดพลางเดินเข้าไปหยิบคอลซีลเลอร์ให้ช่างแต่งหน้า ยิ่งยิ้มมากขึ้นเมื่อร้อยเอกทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ตอนถูกสั่งให้หลับตา

“คือพี่แวนบอกว่านางแบบท้องเสีย ช่วยหานางแบบให้หน่อย เอาผู้หญิงหรือผู้ชายมาเป็นนางแบบก็ได้ มาวินก็เลยจัดให้นี่แหละครับ” มาวินอธิบายพร้อมกับยกมือขึ้นตบแผงอกอย่างภาคภูมิใจ มองคนตัวเล็กที่ตอบรับในลำคอขณะสายตายังจดจ้องเพื่อนรักของเขา

“ร้อยเอกยอมง่ายๆ เลยเหรอ”

อุแหมะ...

“ตอนแรกก็ไม่ง่ายนะครับพี่เมือง แต่พอบอกว่านายแบบอีกคนคือพี่เมืองเท่านั้นแหละ วิ่งแน่บมาคณะก่อนผมอีก”

“มึงอย่าเว่อร์ได้ป้ะ กูไม่ได้วิ่งเหอะ”

“มึงนั่นแหละอย่าปฏิเสธ กูมีหลักฐานนะ ไปขอดูกล้องวงจรปิดมหา’ลัยก็ได้จ้า”

อย่าหาว่ามาวินเว่อร์เลยนะ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาน่ะเว่อร์จริงๆ

โถ่...ก็หลักฐานมันชัดจนเก็บความฟินไม่ไหว อยากให้ทุกคนเห็นว่าขนาดมาวินไม่ได้สวมฟิลเตอร์สีชมพูไว้ที่ตา ความเอ็นดูบนตาสวยๆ ของพี่เมืองตอนมองร้อยเอกยังเปล่งประกายถึงขั้นนี้ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้ามาวินหยิบฟิลเตอร์มาใส่ตอนมองสองคนนี้ด้วย จะหวานถึงขั้นไหน

“สรุปวิ่งไม่วิ่ง”

“ผมไม่ได้วิ่งเว้ยยย เดินเร็วเฉยๆ ไม่เรียกว่าวิ่ง”

“แล้วร้อยเดินเร็วทำไมอ่ะ เดี๋ยวก็สะดุดล้มหรอก”

“นี่พี่เมืองรวมหัวกับไอ้เพื่อนเวรกวนประสาทผมป้ะ”

เรียกเมืองน้ำว่าพี่เมือง แต่เรียกมาวินว่าไอ้เพื่อนเวร

อืม...

เป็นชิปเปอร์ที่น่าสงสาร

“แต่ขอบใจนะที่มาช่วย ไม่งั้นพี่กลับบ้านช้า ไปเคลียร์งานต่อไม่ทันแน่เลย”

“ผมช่วยเพราะมาวินบอกว่าถ่ายไม่เห็นหน้าหรอก นี่ถ้ารู้ว่าต้องมาเป็นนางแบบนะ เหอะ!”

“ถ้ามาเป็นนางแบบก็จะไม่ช่วยเหรอ”

“ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ”

เมืองน้ำยิ้มกว้างกับคำตอบที่ได้ยิน ร้อยเอกถูกสั่งให้นั่งนิ่งๆ เพราะช่างแต่งหน้าต้องการทาลิป และดูเหมือนเด็กตัวสูงจะเริ่มสงบสติอารมณ์ได้แล้ว คนตัวเล็กเลยยืนนิ่งๆ ไม่ส่งเสียงรบกวนการทำงานของคนอื่น ทำเพียงยิ้มและแกล้งเบือนมองทางอื่นตอนที่คนถูกจับแต่งหญิงตวัดแววตาขุ่นๆ ขึ้นมามองเท่านั้น

กลั้นยิ้มจนจะเมื่อยหน้าไปหมด อยากยิ้มกว้างๆ อีกรอบแต่ก็กลัวร้อยเอกลุกมาเอาเรื่อง ถ้าเมืองน้ำถูกอุ้มไปโยนทิ้งลงหน้าต่าง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นฝีมือใคร

“จะหยุดยิ้มได้ยัง ทั้งพี่เมืองทั้งมึงเลยไอ้เพื่อนชั่ว”

ฝีมือสาวน้อยจอมเกรี้ยวกราดคนนี้นี่แหละ

“พี่เมืองหยุดยิ้มได้แล้ว”

“พี่ยิ้มตรงไหน ไม่มี้”

“เสียงสูงขนาดนี้ต้องให้ผมอธิบายมั้ย จะเอาไง”

“ไปดีกว่า เบื่อคนอารมณ์ไม่ดี”

โบกมือลาเลยแล้วกัน อีกนิดเดียวน้องเอกจะลุกขึ้นมากินหัวทั้งเมืองน้ำทั้งมาวินอยู่แล้ว

คนหรืออะไรเนี่ย บทจะดุก็แยกเขี้ยวขู่ไม่ยั้ง ไม่ชอบ เขินอาย อารมณ์ไหนของเขา

ไหนว่ามาที่นี่เพราะได้ยินชื่อเมืองน้ำไงล่ะ ทำให้คนอื่นสับสนอย่างนี้ไม่ดีเลย

น่าตีจริงๆ เจ้าเด็กคนนี้



(⺣◡⺣)♡*



“ร้อยเอก นั่งหุบๆ หน่อย จะอ้าขาทำไมเนี่ย”

“หุบแล้วนั่งไม่ถนัด”

“อ้าขาไปกระโปรงก็จะขาดนะ”

“ไม่ขาดหรอก ผมลองแหกขามาแล้ว กระโปรงตัวนี้ใหญ่กว่ามุ้งที่บ้านผมอีก นี่พี่เมืองพาผมพูดเรื่องทะลึ่งเหรอ”

“บ้าป้ะ พี่ก็พูดเรื่องธรรมดา มีแต่ตัวเองนั่นแหละที่วกเข้าเรื่องทะลึ่ง”

ร้อยเอกหลุดขำพร้อมเสียงชัตเตอร์และแสงแฟลชที่ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาเพิ่งทำใจเรื่องที่จู่ๆ ก็ต้องมาแต่งตัวเป็นผู้หญิงได้แล้ว และเกือบหงุดหงิดอีกรอบหลังเถียงเรื่องนั่งอ้านั่งหุบกับเมืองน้ำมาสักพัก แต่พอเห็นคนตัวเล็กพยายามบังคับไม่ให้ใบหน้าน่ารักๆ ง้ำงอจนผิดคอนเซปต์งาน อารมณ์ขุ่นมัวก็สว่างสดใสขึ้นมาได้

ถูกบรีฟมาว่าให้ทำท่าทางแบบผู้หญิง จริตจะก้านเหมือนสาวแรกแย้ม กระมิดกระเมี้ยนที่สุดเท่าที่ทำได้

แล้วท่าทางที่ว่ามันทำยังไงล่ะวะ

เมื่อกี้ร้อยเอกลองนั่งหุบขา เอาเข่าชิดกันตามที่เมืองน้ำบอก แล้วก็...นั่นแหละ นั่งไม่ถนัด รู้สึกอึดอัดจนต้องอ้าออกมาอีกรอบ

“โอ๊ย! เกือบโดนหัวพี่แล้วเห็นมั้ย”

โดนบ่นอีกตามเคย

ร้อยเอกถอนหายใจ ต่อให้นั่งไม่ได้ก็คงต้องได้แล้วล่ะจุดนี้ คนตัวเล็กที่รับบทเป็นเจ้าชายรูปงามจะได้นั่งพิงขาสาวน้อยอย่างเขาได้ถนัด

คิดถูกคิดผิดกันแน่ที่ช่วย รู้งี้หาอะไรทำอยู่ข้างล่างต่อก็ดี แต่ร่างกายเขาช้ากว่าความคิดซะที่ไหน พอได้ยินว่าช่วยพี่เมืองทำงาน เท้าทั้งสองก็อยู่ไม่สุข รีบหยิบกระเป๋าแล้วเดินเร็วๆ มาที่นี่ตั้งแต่ยังไม่รู้ว่ารายละเอียดงานเป็นยังไงบ้างเลยด้วยซ้ำ

เดินเร็วๆ ของเขา หรือที่มาวินเรียกว่าวิ่งนั่นแหละนะ

เพิ่งรู้ว่าขายาวๆ ของเขามันทำให้เพื่อนรักตีความไปได้ถึงขนาดนี้

“เหมาะกันดีว่ะ” ช่างภาพผิวแทนกล่าวชมเบาๆ ขณะที่มือยังกดชัตเตอร์ไม่หยุด เล่นเอาคนที่ยืนชมอยู่ด้านหลังอย่างมาวินยิ้มกริ่ม ไม่เสียแรงที่นึกถึงร้อยเอกเป็นคนแรกหลังพี่แวนติดต่อให้ช่วย

“เนาะพี่ เหม๊าะเหมาะ ตาผมนี่เฉียบแหลมจริงๆ” ว่าแล้วก็หัวเราะคิกคัก จนรุ่นพี่ต้องหันมามองด้วยความงุนงง

“อย่าบอกนะว่าเชียร์ให้สองคนนี้ชอบกัน”

“แหงดิครับ แต่ตอนนี้คงไม่ต้องเชียร์แล้วแหละ”

“ทำไมวะ”

“ไม่บอก”

“ไอ้สัส”

“ฮี่ๆ”

“คุยกับมึงนี่เสียเวลาทำงานฉิบหาย”

เอาน่าพี่แวน เชื่อมาวินเถอะว่าคงไม่ต้องเชียร์ให้สองคนนี้ชอบกันแล้ว เชียร์ไปก็เสียแรงเปล่า เพราะจากสายตาอันเฉียบคมของเขา...กลับมานั่งลุ้นว่าจะคบกันเมื่อไหร่อย่างเดียวพอ

ถึงภาพตอนนี้จะดูสลับโพสิชั่นไปหน่อยก็เถอะ แต่เห็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ลองเดินสายผัวเตี้ยเมียนางแบบสักหน่อยจะเป็นอะไรไป

ฟินโว้ยยยยย



(⺣◡⺣)♡*



“นั่งเฉยๆ สิ อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว”

“พี่ก็เบามือหน่อยไม่ได้รึไง”

“พี่เบาแล้วนะ”

“เบาเท่าแรงช้าง...อื้อออ! อ๊อยยยย!”

ทะเลาะกันตอนถ่ายแบบแล้ว ไม่ยักรู้ว่าพอเสร็จงาน ต้องมาทะเลาะกับสาวน้อยจำเป็นของตัวเองด้วยอีกรอบ

ช่างแต่งหน้าขอตัวกลับก่อนเพราะรับจ็อบพิเศษไว้ ระหว่างที่คนอื่นช่วยกันเก็บอุปกรณ์ และเช็กรูปถ่ายบนจอแล็ปท็อป เมืองน้ำก็เดินไปดึงร้อยเอกที่ยืนตัวสูงเด่นเข้ามาในห้องแต่งตัว

มือเล็กกดไหล่กว้างแทนคำพูดให้อีกคนนั่งลง และขอเดาว่าร้อยเอกคงไม่ค่อยสัมผัสกับเครื่องสำอางใดๆ นอกจากแป้งเย็นที่ชอบทาหลังอาบน้ำ เจอกลิ่นคลีนซิ่งบนสำลีแผ่นที่เมืองน้ำเช็ดทำความสะอาดใบหน้าหล่อๆ เข้าหน่อย คนตัวสูงก็โวยอย่างที่เห็น

เมืองน้ำแก้ปัญหาด้วยการใช้มือข้างหนึ่งล็อกท้ายทอยอีกคนไว้ ส่วนอีกข้างแกล้งเช็ดแรงๆ เมื่อคนตรงหน้าบอกว่าตนมือเบาเท่าแรงช้าง

ร้อยเอกส่งเสียงอู้อี้ให้เจ้าของมือเนียนผละออกเสียที ดิ้นซ้ำมากกว่าสามครั้ง คนโตกว่าถึงจะยอมปล่อยเขา จะบ้าตาย...พี่เมืองตัวเล็กแค่นี้ ปกติแรงก็ไม่ได้เยอะมากมายอะไร แต่พอโดนยั่วน้ำโหเข้าหน่อย องค์เดอะฮัคเข้าสิงรึไงไม่รู้

กลายเป็นหน้าคิตตี้ เอเนอร์จี้มาร์เวลเลยว่ะ

“ล้างหมดแล้ว ทีนี้ก็ไปเปลี่ยนชุด จะได้กลับบ้านกัน”

เสร็จสักที

“ทำหน้าโล่งใจอะไรขนาดนั้นล่ะ”

คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อคนที่เก็บสำลีไปทิ้งเอ่ยถามเขา เมืองน้ำง่วนอยู่กับการเคลียร์อุปกรณ์บนโต๊ะ จัดเครื่องสำอางให้เข้าที่เข้าทาง

“ผมแสดงออกเบอร์นั้นเลย?”

“ใช่สิ หน้างี้บูดเป็นตูดลิงด้วย”

“ตูดลิงเลยเหรอพี่”

“ก็บอกว่าใช่ไง”

“หูยยย เชื่อๆๆๆ”

ชอบตอนหันมาทำหน้าบูดใส่กันชะมัด ว่าแต่เขาแสดงออกถึงความไม่พอใจ เมืองน้ำควรรู้ตัวว่าตัวเองก็เป็นเหมือนร้อยเอก ดูความน่ารักเวลาปากมุบมิบยู่ไปยู่มาเวลาถูกเขากวนประสาทนั่นสิ

ไม่ต่างกันเลยพี่เมือง

“บอกให้ไปเปลี่ยนชุดไง”

คนพูดย้ำวางมือจากขวดรองพื้น หันมาดันไหล่กว้างของคนตัวสูงที่จู่ๆ ก็เดินเข้ามาใกล้ ร้อยเอกควรถอยหลังกลับไปสิ ไม่ใช่ยิ่งผลักยิ่งขืน ใครกันแน่ที่แรงเท่าช้าง

“พี่เมือง”

“อะไร จะเดินเข้ามาทำไมเนี่ย”

“เปลี่ยนชุดด้วยกันมั้ย ประหยัดเวลานะ”

“ตลกเหรอ”

“เห็นผมขำรึยังล่ะ ถ้ายังก็แปลว่าไม่ตลก”

“โอ๊ย! อย่ากวนได้มั้ยร้อยเอก พี่จะช่วยเพื่อนเคลียร์ของ”

รอยยิ้มจุดยิ้มน้อยๆ ทว่าสร้างความหมั่นไส้ได้อย่างดีเยี่ยม

“ผมกวนตรงไหน นี่ถามจริงจังนะ เรื่องเปลี่ยนชุดด้วยกันอ่ะ”

“ไม่”

“ตอบไวจัง ไม่คิดเลยเหรอ”

“ไม่จำเป็นต้องคิดสำหรับความทะลึ่งตึงตัง”

“ผมทะลึ่งยังไง กล่าวหากันอ่ะ นิสัยไม่ดี”

เมืองน้ำอยากถามนักว่าร้อยเอกไปกินอะไรมา อารมณ์ถึงแปรปรวนง่ายยิ่งกว่าอะไรดี

ก่อนหน้านี้ยังโมโหเหมือนโดนแตนต่อยอยู่เลย วินาทีนี้ทำไมหน้าตาชื่นบานอย่างนี้ล่ะ

เพิ่งอินบทสาวน้อยเริ่มมีความรักตามที่โดนบรีฟไปเหรอ

เข้าใจยากจริงๆ เลย

“ทะลึ่งหรือไม่ทะลึ่ง คำตอบก็คือไม่”

“นะๆ เปลี่ยนชุดพร้อมกัน ประหยัดเวลาดี กลับบ้านช้ากว่านี้รถติดตายเลยเนี่ย”

“ไม่”

“เดี๋ยวพาไปซื้อไก่ทอด”

“ไม่”

“มันบดด้วยก็ได้”

“ไม่”

“ช่วยตัดคลิปก็...”

ปั่กกก!

“โอ๊ยยยย!”

เมืองน้ำไม่ใช่คนใจร้ายหรอกนะ แต่เวลานี้ที่ต้องรีบจัดของเพื่อกลับบ้านไปเคลียร์งานอื่นต่อ คนที่กวนประสาทไม่รู้เวล่ำเวลาอย่างร้อยเอก

“มือหนักเป็นช้างจริงๆ โว้ย”

“รอบต่อไปเอามากกว่ามือมั้ยล่ะ”

“ไม่!!!”

ก็ต้องเจอฝ่ามืออรหันต์แบบนี้

ดีแล้ว ดีที่ตอบกลับมาว่าไม่ ถ้าร้อยเอกยังกวนประสาทกันต่อ รับรองเลยว่าเมืองน้ำจะจัดคอมโบ้เซตให้อีกชุดใหญ่แน่นอน

น่าโมโห!



(⺣◡⺣)♡*



#ร้อยเมือง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2018 23:34:17 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

9

101 is so sad







** ลืมบอกว่าเรื่องนี้ก็ต้องอ่านช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไปนะคะ **





ช่วง #ร้อยเมืองชวนฟังเพลง

I like me better - Lauv

https://youtu.be/a7fzkqLozwA
















คนอยากกินมันบดไม่หลับระหว่างทางเหมือนครั้งก่อนแล้ว แถมยังขอให้ร้อยเอกเปิดเครื่องรับวิทยุเพิ่มอีกด้วย เมืองน้ำบอกว่าบรรยากาศในรถของเขาน่ะเงียบเกินไป มากกว่านี้คงนึกว่านั่งอยู่ในสถานปฏิบัติธรรม ต้องหาเพลงฟังเพื่อทำลายความเงียบทั้งหมดทิ้ง

เงียบเหรอ ร้อยเอกคิดว่าไม่เงียบนะ

แค่เสียงเมืองน้ำคนเดียวก็ไม่มีช่วงไหนที่เงียบนานๆ แล้ว ไม่รู้ไปเอาความช่างพูดมาจากไหน ตั้งแต่ขึ้นรถมาถึงมีเรื่องคุยกับเขาตลอด

เมื่อฝ่ายหนึ่งพูด อีกฝ่ายก็ต้องเป็นผู้ฟัง ร้อยเอกเลือกเป็นผู้ฟัง ตอบรับพอเป็นพิธีเพื่อไม่ให้เมืองน้ำรู้สึกว่าตัวเองพูดคนเดียว แต่คงตอบอีกคนน้อยไปหน่อย พี่เมืองถึงคิดไปทางนั้นได้

“อยากฟังเพลงสากลอ่ะ”

นี่ไง บอกแล้วว่าไม่เงียบหรอก มีเสียงนุ่มๆ ดังอยู่เสมอ จะเงียบได้ไงล่ะ

“ไม่รู้ตอนนี้มีคลื่นไหนเปิดเพลงสากลมั้ย ถ้าพี่อยากฟังก็เปิดจากโทรศัพท์ผมได้นะ”

“ได้เหรอ”

ร้อยเอกส่งเสียงตอบในลำคอ

“รหัสเป็นเลขที่บ้าน ถ้าพี่จำเลขที่บ้านตัวเองได้ ก็จำเลขที่บ้านผมได้ เอาไปเปิดเพลงเร็ว ในแอปเปิ้ลมิวสิคนะครับ”

“คนอะไรเอาเลขที่บ้านมาตั้งรหัสโทรศัพท์”

“เอาเลขอื่นเพื่อนก็จำได้ดิ ไม่ชอบให้ใครยุ่ง เมื่อก่อนเพื่อนมันชอบเอาไปเล่น”

“อ้าว ถ้างั้น...”

“แต่พี่เมืองยุ่งได้”

อะไรดลใจให้พูด...

หวังว่าเมืองน้ำจะไม่คิดว่าเขาผีเข้าหรอกนะ

“ตกลงจะฟังเพลงมั้ยเนี่ย มัวแต่นิ่งอยู่ได้”

“ฟังสิ บ่นอีกแล้ว ไม่อยากคุยกับคนขี้บ่นละ”

เขาขับรถมาตามเส้นทางที่คุ้นเคย ไม่มีอะไรแปลกใหม่ โดยเฉพาะจราจรที่แสนเอื่อยเฉื่อย หลายครั้งที่ไม่ชอบใจจนต้องเปลี่ยนไปใช้ทางด่วนแทน แต่ครั้งนี้กลับแตกต่าง

การมีคนนั่งมาด้วยกัน ทำให้อารมณ์ดีอย่างไม่น่าเชื่อ

กลับบ้านช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร ตุ๊กตาหน้ารถของเขากลับไปทันเคลียร์งานก็น่าจะพอ

“เอาเพลงไหนดี”

“ไหนบอกไม่อยากคุย”

“กวนพี่อีกแล้วอ่ะ”

ก็มันน่ากวนมั้ยล่ะ ปากบอกไม่อยากคุย แต่แค่ครู่ก็คุยกับเขาเรื่องเพลง ตกลงอยากคุยหรือไม่อยากคุยกันแน่ พี่เมืองนี่...อารมณ์แปรปรวนง่ายไม่ต่างจากเขาเลยนะ

“เอาเพลงไหนดี ช่วยพี่เลือกหน่อย”

“แค่เลือกเพลงยังต้องให้ผมช่วยเลือกอีกเหรอ” ชำเลืองมองคนข้างกายที่หยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นไปปลดล็อก เห็นว่าปากเล็กๆ มู่ทู่เพราะประโยคที่ได้ยิน จึงละสายตากลับมามองถนนและเอ่ยตอบไป “เปิดแล้วสุ่มไปห้าครั้ง เอาเพลงนั้นเลยครับ”

“พูดเพราะจัง”

“เอาเพลงนั้นเลยโว้ยยย จะให้เล่นมุกนี้อีกมั้ย”

“ไม่ต้องแล้ว ฟังเพลงๆ”

ยิ้มทำไมน่ะ อารมณ์ดีผิดปกติเกินไปแล้ว

มือเล็กวางโทรศัพท์เครื่องบางลงบนตัก ทอดมองทางด้านหน้าที่เห็นเพียงแสงไฟจากรถยนต์คันอื่น ร้อยเอกไม่ใช่คนขับรถเร็ว ค่อนข้างนุ่มนวลหากเทียบกับการขับรถของเมืองน้ำเอง ไม่รู้ว่าเพราะมีคนนั่งมาด้วยหรือปกติขับอย่างนี้อยู่แล้ว

แต่เมืองน้ำชอบมากเลย

อีกสักพักกว่าจะถึง ควรหาเรื่องมาคุยอีกดีมั้ย ร้อยเอกชอบฟังเรื่องไหน ไม่สิ...ต้องถามว่าที่ฟังเมืองน้ำพูดมาตลอดทาง ตั้งแต่ออกจากมหา’ลัยมา รำคาญกันบ้างหรือเปล่า

เปลี่ยนมาฟังเพลงไปเรื่อยๆ ก็ดีเหมือนกันนะ สุ่มมาโดนเพลงที่ฟังบ่อยในช่วงนี้อย่าง I like me better ด้วย...บังเอิญดีจัง

“พี่เมือง”

คนที่จดจ่ออยู่กับเสียงเพลงและถนนหนทางเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ หันมองเจ้าของรถที่หมุนพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวรถเข้าสู่ซอยเล็กๆ ซึ่งแทบไม่มีใครสัญจร

คงเป็นทางลัดที่เลี่ยงรถติดได้ดีทีเดียว

“ผมถามอะไรหน่อย”

“ว่าไง”

“พี่รู้รึยังว่าพี่รักษ์เลิกกับแฟน”

ร้อยเอกไม่พูดถึงพี่รักษ์มาเป็นอาทิตย์แล้ว ตั้งแต่ปรับความเข้าใจกัน ที่ผ่านมา เมืองน้ำก็พอมองออกว่าเด็กตัวสูงไม่ชอบพี่รักษ์เอามากๆ แล้วทำไมวันนี้ถึงถามขึ้นมาล่ะ

หรือว่า...

“พี่รู้แล้ว เพื่อนบอก แต่พี่ไม่รู้ว่าทำไมถึงเลิกกันนะ”

“แปลว่าพี่เมืองไม่ใช่มือที่สามใช่มั้ย”

“…”

ใช่จริงๆ

“พี่เมือง”

จู่ๆ ก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมา...

ถ้าคนอื่นถามคงรู้สึกเฉยๆ แต่กับคนคนนี้ ไม่มีทางที่จะ ‘เฉย’ ได้เลย

เมืองน้ำกับภานุรักษ์ไม่เคยเป็นมากกว่าคนรู้จัก แม้แต่คนคุยก็ไม่ใช่ แม้จะจริงที่ภานุรักษ์เคยพยายามพัฒนาความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ แต่เพราะขีดเส้นไว้ชัดเจน อีกคนถึงยอมถอยกลับไปเป็นคนรู้จักตามเดิม

ไม่เคยคิดเกินเลย และไม่เคยปล่อยให้ใครล้ำเส้นที่ขีดไว้นับแต่จบความสัมพันธ์กับสิงหา เคยสงสัยว่าทำไมไม่ยอมให้พี่รักษ์เลื่อนจากคนรู้จักมาเป็นคนคุย เวลานั้นหาคำตอบไม่ได้ แต่พอความรู้สึกชัดเจนมากขึ้น เมืองน้ำก็รู้สาเหตุ

เพราะมีคนที่ชอบแล้ว เลยไม่อยากเริ่มใหม่กับใคร

คนที่ชอบ...

“ร้อยเอกไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน จากกลุ่มคณะเหรอ”

ก็เป็นคนที่อยู่ข้างๆ กันนี่ไง

“ครับ เห็นคนในกลุ่มคุยกัน เพื่อนพี่เมืองไม่ได้แคปไปให้ดูใช่มั้ย”

“แคป...มีเยอะเลย จริงๆ ก็แคปให้ดูตลอด”

“จะดูทำไม บอกให้เพื่อนเลิกแคปมาได้แล้ว เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ”

“พี่โอเค”

“โดนคนอื่นด่าในเรื่องที่ไม่จริง พี่เมืองจะโอเคได้ยังไง”

ตาคู่สวยขยายกว้างขึ้นเมื่อได้ยิน ทว่าไม่รู้จะพูดอะไร จึงทำเพียงรอคนที่เงียบไม่ต่างจากตนพูดต่อเท่านั้น

คนตัวสูงมอบคำตอบให้คำถามของตัวเองไปแล้ว พูดออกมาเองว่าเรื่องที่คนในกลุ่มคณะพูดกันเป็นเรื่องไม่จริง แถมยังรู้ด้วยว่าเมืองน้ำไม่โอเคกับเรื่องนี้

เมืองน้ำไม่เคยแสดงออก แทนที่จะอึดอัดเพราะมีคนจับความรู้สึกได้ และเป็นคนที่เคยอคติใส่กันมาตลอด

“ทำไมต้องว่าพี่แรงขนาดนั้นก็ไม่รู้เนอะ”

“...”

“แต่ก็ดีที่ร้อยเข้าใจ”

“ผมก็รู้สึกดีที่พี่เมืองไม่ได้เป็นแบบที่คนอื่นคิด”

ตอนนี้กลับรู้สึกดีอย่างประหลาด

“ร้อยเชื่อพี่เมืองนะ”

“…”

“ไม่อยากให้พี่เมืองแบกเรื่องเครียดๆ ไว้คนเดียว”

“ขอบคุณนะ”

“ครับ เต็มใจ”

ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงบอกว่าไม่ต้องขอบคุณ ไม่อยากได้ อะไรทำนองนั้น วินาทีนี้ร้อยเอกกลับเลือกที่จะพูดตามความรู้สึกที่เก็บมาตลอดทั้งวัน

เมืองน้ำดูลำบากใจเวลาพูดเรื่องความรัก คงกลัวว่าเขาจะหยิบเรื่องที่เคยคุยกับสิงหาขึ้นมาพูด เพราะเรื่องนี้ทำให้อคติที่มีต่ออีกคนเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ พูดแรงๆ ใส่พี่เมืองจนอีกฝ่ายเดินหนีก็ทำมาแล้ว

มาทบทวนดูอีกรอบ เรื่องราวระหว่างสองคนนั้น ร้อยเอกยังไม่เคยมีโอกาสได้รู้เลยนี่นะ สิงหาชิงบวชไปก่อน ส่วนเมืองน้ำ รายนี้ไม่ป่าวประกาศให้ใครรู้อยู่แล้ว

อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง รอโอกาสดีๆ ก่อนแล้วกัน ส่วนตอนนี้...มาโฟกัสที่ความรู้สึกตัวเองก่อน

เขาเคยมีแฟนมาหลายคน ทุกคนเลิกกับเขาด้วยเหตุผลต่างกัน บางคนงี่เง่าจนทนไม่ได้ บางคนก็เจอทางเลือกที่ดีกว่า เขาอยากคบกับใครสักคนนานๆ แต่บางคนก็ทิ้งเขาไปอย่างไม่ไยดี ทุกจุดจบแตกต่างแล้วแต่สถานการณ์

แต่จุดเริ่มต้นมักคล้ายกันเสมอ

“เปลี่ยนเพลงหน่อยสิ ขอแบบร็อคๆ เพลงแบบนี้มันทำให้ผมง่วง”

“ง่วงเหรอ แต่พี่ว่าเพราะดีนะ สบายๆ ดี”

“ถ้าผมหลับในระหว่างขับรถอ่ะ เราแย่กันหมดเลยนะ”

ความรู้สึกที่อยากเรียนรู้ใครสักคน อยากรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เก็บเรื่องไหนไว้ในใจ อยากเข้าใจอีกฝ่ายให้มากๆ ไม่อยากให้ใครมาทำร้ายคนคนนี้แม้จะเป็นแค่ตัวหนังสือที่พิมพ์ผ่านอินเทอร์เน็ต

หลังจบโอเพ่นเฮ้าส์ ระหว่างรอเมืองน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน จู่ๆ ก็หวนนึกถึงช่วงที่เริ่มรู้สึกดีกับแฟนคนก่อน

เขารู้ดีว่าความรู้สึกพวกนี้มันคืออะไร มันไม่ใช่แค่ความเห็นอกเห็นใจในฐานะเพื่อนมนุษย์แน่นอน

“ทำไมต้องแช่งด้วย”

“ผมแช่งที่ไหนเนี่ย แค่นี้ก็ต้องหน้ามุ่ยด้วย หน้ามุ่ยทีนี่ยับเหมือนตูดกระต่าย”

“เป็นคนดีนาทีเดียวจริงๆ เบื่อๆๆ ไม่อยากคุยแล้ว ไม่เปลี่ยนเพลงด้วย ร้อยเอก! ขำอะไรอ่ะ”

“ก็ขำพี่ไง ตกลงนี่มันโทรศัพท์ผมหรือโทรศัพท์พี่เมืองกันแน่”

ใช้ชีวิตหลังเจอจุดจบมาเป็นปี ไม่คิดว่าจะเจอจุดเริ่มต้นครั้งใหม่กับคู่กัดคู่แกล้งของตัวเอง

ไม่เลยจริงๆ

“ทำให้โมโหอยู่เรื่อยเลย”

“อย่าโมโหดิพี่ โมโหแล้วแก่เร็วนะ”

“ร้อย!”

ว่าแต่...

ทะเลาะกันทุกวันแบบนี้ จะไปต่อยังไงล่ะวะเนี่ย



(⺣◡⺣)♡*



เมืองน้ำได้รับคำชมจากผู้ใหญ่หลายฝ่ายกับบทสัมภาษณ์ในนิตยสารออนไลน์วันนี้ ถือเป็นอีกเรื่องที่ทำให้ยิ้มได้นอกเหนือจากเรื่องคู่กัดคนเก่ง

ร้อยเอกสั่งเมืองน้ำให้ล็อกประตูรั้วและประตูบ้านอย่างแน่นหนา ถึงคำพูดจะกวนประสาทไปสักหน่อย แต่ถ้าไม่พูดกวนๆ ก็เป็นร้อยเอกตัวปลอมสิ เมืองน้ำทำแค่ตอบรับสั้นๆ เดินเข้ามาแล้วจัดการล็อกรั้วให้อีกคนเห็น เพื่อไม่ให้คนสั่งต้องกังวล โดนคนตัวสูงบอกว่าประชดด้วย แต่ใบหน้าไร้แววบูดบึ้ง ติดอมยิ้มหน่อยๆ ก็ยืนยันได้ว่าเป็นคำพูดที่ไม่เอาจริงเอาจังอะไรมากนัก

นิ้วเล็กพิมพ์รายงานความคืบหน้าให้ลูกค้า เลื่อนปลายนิ้วบนแทร็กแพดเพื่อไล่ดูข้อความบนจอสี่เหลี่ยม ทยอยตอบข้อความให้หมด และเขียนคิวงานใส่สมุดจดโน้ต

เมืองน้ำในชุดนอนสีพาสเทลเดินมาทิ้งตัวนอนบนเตียงหลังเคลียร์งานเสร็จ ละสายตาจากไฟดวงใหญ่กลางห้องนอนมามองจอโทรศัพท์ที่ใช้มือประคองวางไว้ตรงหน้าอก เกิดรอยยิ้มบนมุมปากในวินาทีที่สัมผัสเปิดเพลงแล้วโน้ตตัวแรกค่อยๆ ดังขึ้นมา

บอกแล้วว่าฟังเพลงนี้บ่อยจริงๆ กลายเป็นแทร็กล่าสุดในเครื่องไปแล้วด้วย

เนื้อหาไม่ตรงกับชีวิตเมืองน้ำเท่าไหร่หรอกนะ แถมทำเอาหลอนเสียงไวโอลินที่ต้นฉบับเป็นเสียงจริงของนักร้องไปพักใหญ่

แต่ท่อน I like me better when I’m with you น่ะดีจริงๆ

ยอมรับเลย...

ไม่เคยฟังเพลงรักแล้วนึกถึงใคร แต่ตอนนี้...เมืองน้ำนึกถึงร้อยเอก

เลี่ยนจัง

ปล่อยให้เพลงเปลี่ยนเป็นแทร็กอื่น แต่มวลความสุขยังตลบอบอวลใต้อกด้านซ้าย เมืองน้ำกดเข้าห้องแชทของแม่ทันทีที่แจ้งเตือนเด้งขึ้นมา แค่นั้นริมฝีปากก็วาดยิ้มได้อีกหน ทุกครั้งที่ท่านไปทำงานต่างประเทศ จะมีรูปถ่ายบรรยากาศและรูปของฝากส่งมาทุกครั้ง ครั้งนี้ก็ด้วย พิเศษหน่อยตรงที่รู้ว่าท่านจะกลับมาไทยอาทิตย์หน้า

ไม่ได้กอด ไม่ได้หอมตั้งนาน คิดถึงจะแย่แล้ว

พิมพ์ตอบด้วยประโยคและสติ๊กเกอร์น่ารักๆ กลับออกมาหน้าแชทรวม ตั้งใจกดเข้าแชทของคนห้องตรงข้าม ทว่าเสียงกริ่งที่ดังผ่านความมืดมาจากด้านล่างก็หยุดความสนใจเอาไว้เสียก่อน

คนตัวนุ่มเดินไปดูที่ระเบียง เด็กตัวสูงที่ควรจะอ่านหนังสือหรือไม่ก็นั่งเล่นเกมอยู่ในห้องยืนกอดอกรออยู่ด้านล่าง เมืองน้ำจะไลน์ไปถาม แต่ร้อยเอกกดกริ่งเรียกซ้ำอีกครั้ง จุดหมายทั้งหมดเลยเปลี่ยนเป็นหน้าประตูรั้วทันที

ร้อยเอกอยู่ในชุดกางเกงขายาวเนื้อลื่น สวมเสื้อแขนกุด โชว์กล้ามแขนแข็งแรงที่เหมาะสมกับสัดส่วนความสูง ด้านหลังเป็นรถยนต์ที่จอดเทียบบ้านเมืองน้ำ และ...ในมือถือกุญแจรถ

“ทำไมไม่ใส่เสื้อแขนยาวอ่ะร้อย เดี๋ยวยุงก็กัดหรอก อากาศเย็นด้วยนะ”

คนฟังยิ้มเบาๆ คิดไว้แล้วว่าพี่เมืองต้องทักเขาแบบนี้

“แล้วนี่จะไปไหนอ่ะ”

“กินโจ๊ก”

“กินโจ๊กตอนห้าทุ่มเนี่ยนะ”

“ใช่ ห้าทุ่ม ก็คนมันหิวอ่ะ คิดว่าพี่ก็หิวเหมือนกัน เลยมาชวนให้ไปกับผม”

“ร้านหน้าเซเว่นใกล้ๆ หมู่บ้านอ่ะเหรอ”

ร้อยเอกพยักหน้ารับ

“ร้านที่ขายข้าวต้มที่ร้อยซื้อมาให้พี่วันนั้นด้วยใช่ป้ะ ที่บอกว่าขายวันนั้นวันเดียว”

“พี่เมือง”

โดนเมืองน้ำหยอกเข้าหน่อย เสียงเข้มเชียวน้องเอก

“ต้มมาม่ากินในบ้านไปก่อนสิ แล้วไม่เล่นเกมเหรอ ปกติก็เล่นตอนนี้นะ”

“วันนี้ไม่เล่นแล้ว ต้องอ่านหนังสือสอบ”

“งั้นก็ไปอ่าน...”

“ไม่เอา อยากกินโจ๊ก”

เมืองน้ำเริ่มเข้าใจแล้วล่ะว่าร้อยเอกในสายตาของอาจารย์พันเอกเป็นแบบไหน จากความสูงถึงร้อยเก้าสิบเซนติเมตร พอเริ่มโวยวายเข้าหน่อย กลายเป็นตัวเล็กเท่าสิบเอกเลย

เหมือนเห็นน้องเอกวัยสิบกว่าขวบเดินเข้ามาเขย่าชายเสื้อยังไงชอบกล

“จะไปไม่ไป ถ้าไม่ไปผมก็จะกลับไปนอนละ”

เฮ้ ต้องอ้อนด้วยคำพูดแนวๆ ‘นะๆ พี่เมืองไปกินโจ๊กกับร้อยหน่อย’ สิ ไม่ใช่เผด็จการใส่เมืองน้ำแบบนี้

ผิดคาดไปหน่อย แต่ว่า...อุตส่าห์มาชวนถึงที่ทั้งที

“ไปสิไป แต่ขอไปเปลี่ยนกางเกงก่อนนะ”

ตามใจหน่อยก็ได้

“แค่นี้ก็ยาวแล้วมั้ย คลุมเข่าแล้ว”

“แต่อากาศมันหนาว นี่พี่จะเอาเสื้อกันหนาวด้วย รอพี่แป๊บเดียว เดี๋ยวลงมา”

“พี่นี่มากมายจริงๆ”

“มากมายอะไร”

“เปล๊า”

โดนมองค้อนใส่อีกตามเคย

ร้อยเอกมองตามร่างเล็กที่วิ่งเหยาะๆ เข้าไปในบ้าน ขนาดท่าวิ่งยังทำให้รู้สึกเอ็นดูได้ เริ่มเข้าใจคนที่เป็นแฟนคลับเมืองน้ำขึ้นมาบ้างแล้ว

อมยิ้มค้างจนเมื่อยหน้า เลยไม่ทันสังเกตว่ามียุงตัวจิ๋วมาเกาะบนหัวไหล่ มือหนาเกือบจะยกขึ้นตบ แต่เปลี่ยนใจเป็นปัดออกแทน

อยู่ในช่วงหัวใจกระชุ่มกระชวย เขาไม่อยากฆ่าสัตว์ตัดชีวิต

เว่อร์ไปมั้ยร้อยเอก

เออว่ะ สงสัยจะเว่อร์จริงๆ



(⺣◡⺣)♡*




————— มีต่อนะคะ —————


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2018 23:34:56 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
————— ต่อจ้า —————

ก่อนจะลงไปชวนเมืองน้ำออกมาร้านขายโจ๊กด้วยกัน ร้อยเอกคิดว่าจะใช้มอเตอร์ไซค์แทนรถยนต์ แต่อย่างที่เจ้าตัวบอก ตอนนี้อากาศเย็นมาก ฝ่าลมหนาวมาด้วยรถยนต์คงปลอดภัยมากกว่า อย่างน้อยก็มั่นใจว่าคนที่มาด้วยกันจะไม่แพ้อากาศจนล้มป่วยอย่างที่เคยเป็นอีก

ป่วยแล้วเหมือนเด็ก แต่ตอนไม่ป่วยก็ไม่ต่างจากเด็กนักหรอก

ไม่ได้ปรักปรำนะ เขาพูดเรื่องจริงทั้งนั้น

“อร่อยอ่ะ”

โดยทั่วไปคนเราต้องกินของคาวก่อนของหวาน แต่สำหรับเมืองน้ำที่หากหิวแล้วองค์ลงคงไม่ใช่ พอเขาเลี้ยวรถเข้าลานจอดหน้าร้านสะดวกซื้อ คนตัวเล็กที่สวมเสื้อกันหนาวและกางเกงขายาวก็ขอตัวเข้าไปซื้อของกินด้านใน กลับออกมาพร้อมถุงใส่ขนมปังปิ้งร้อนๆ

สารภาพเลย ตอนเมืองน้ำเดินเข้าไป ปล่อยให้เขาเดินมาสั่งโจ๊กกับป้าเจ้าของร้าน เกือบนึกว่าจะไม่มีเพื่อนร่วมกินอาหารมื้อดึกในคืนนี้ซะแล้ว

“กินขนาดนี้ พุงแตกเหมือนพลุปีใหม่แน่”

“ไม่ปากหมาสักวันจะขาดใจรึไง”

“แล้วไม่บอกว่าผมปากหมาสักวันจะขาดใจรึไง”

คนถูกถามกลับละดวงตาคู่สวยจากขนมปังโชยกลิ่นหอมขึ้นมองเขา ยู่หน้าใส่หนึ่งครั้ง ก่อนจะกลับไปกัดขนมปังต่อ

“กินเก่งจริงๆ ใครได้เป็นแฟนคงล้มละลายเพราะเอาเงินมาเลี้ยงพี่หมดแน่ๆ”

เมืองน้ำแกล้งทำหูทวนลม ตบท้ายด้วยสีหน้าล้อเลียนคำพูดคนตรงหน้า ร้อยเอกควรจะกลับไปหยิบเสื้อกันหนาว ไม่ก็เสื้อแขนยาวมาคลุมตอนที่เมืองน้ำเข้าไปเปลี่ยนชุดในบ้าน แต่อีกคนกลับไม่ทำอย่างที่คิด

ใส่เสื้อกล้าม ขับรถหรู สู้ลมหนาว สโลแกนคุณร้อยเอกเขาล่ะ

สุดท้ายเลยต้องขอเวลากลับเข้าไปหาของในบ้านอีกรอบ และออกมาพร้อมสเปรย์กันยุงที่หยิบมาให้คนชวน

เมืองน้ำที่เคี้ยวของหวานในปากจนแก้มตุ่ยกลืนขนมปังลงท้อง ดึงความสนใจกลับมาที่โจ๊กร้อนๆ ตรงหน้า เริ่มต้นด้วยการตักเครื่องปรุงมาใส่

“ไม่ถ่ายรูปก่อนเหรอ” ขณะที่คนตรงหน้าเอ่ยถามขึ้นเรียบๆ

คนผิวขาวส่ายศีรษะเล็กน้อย

“ไม่ล่ะ เห็นร้อยไม่ชอบก็ไม่อยากทำให้หงุดหงิด กินเลยดีกว่า หิวอ่ะ”

“อยากถ่ายก็ถ่ายดิ ครั้งที่แล้วตอนกินชาบูก็ถ่าย”

“กว่าจะได้ถ่ายก็โดนว่าไปตั้งเยอะ”

“จะเก็บไปคิดอะไรนักหนา”

แล้วไม่ใช่เรื่องจริงรึไง ถึงวันนั้นจะมีความสุขกับการได้กินบุฟเฟ่ต์ชาบูก็เถอะ แต่เมืองน้ำก็โดนร้อยเอกกวนประสาทไปตั้งหลายหน แถมตอนจะถ่ายรูปเก็บไว้ลงเพจกับไอจี คนที่พาไปก็บ่นซะเกือบหูชา

ใจร้ายโคตรๆ เลย

“ถ่ายๆ ไปเหอะ ถ้าพี่อยากถ่ายก็ถ่ายไป ผมจะไม่ยุ่ง”

“งั้นพี่ถ่ายเฉพาะชามตัวเองก็ได้” พูดพลางหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะขึ้นมาปลดล็อก

“พี่เมือง”

แต่แล้วเสียงเรียกชื่อก็ทำให้ต้องเงยมองอีกหน

“มาสองคนจะถ่ายชามเดียวได้ไง”

“…”

“ถ่ายผมด้วยสิ โพสต์แล้วแท็กมาบัญชีผมด้วย”

“ทำไมต้องแท็กด้วยอ่ะ”

“คนอื่นจะได้รู้ไงว่ามากับผม แต่อย่าให้เห็นหน้าผมแล้วกัน ไม่อยากออกสื่อ”

“กฎเยอะจัง”

“จะถ่ายมั้ย”

“ถ่ายซี่”

ร้อยเอกเอนตัวออกห่างเพื่อให้เห็นแค่ชามของเขา ได้ยินเสียงชัตเตอร์จากโทรศัพท์เครื่องบางแล้วจึงกลับมานั่งท่าเดิม มื้อดึกของเราดำเนินไปอย่างเรียบง่าย และมันควรเป็นแบบนี้ไปตลอด ทว่าไม่กี่นาทีต่อมา ประกายความสุขเล็กๆ ก็ดับมอดลงซะได้

“เมืองออกมากินข้าวกับน้องคนรู้จักครับ พี่รักษ์มีอะไรเหรอ”

ภานุรักษ์...ดึกดื่นขนาดนี้ยังมีอารมณ์โทรหาคนอื่น ไม่มีใครให้โทรหาแล้วรึไง แฟนก็ไม่ใช่ มีสิทธิ์อะไรมาทำลายบรรยากาศดีๆ ระหว่างเขากับพี่เมือง

แล้วพี่เมืองนี่นะ เข้าใจว่าต้องรักษาน้ำใจคนโทร แต่ช่วยตัดสายเร็วๆ ได้มั้ย

น่าโมโห

“ถ้าไม่มีอะไร เมืองขอวางสายก่อนนะครับ ครับ...ฝันดีครับ”

“เหอะ”

ตายห่า

เผลออุทานเต็มเสียง คนที่เพิ่งวางสายจากรุ่นพี่ที่โทรเข้ามาไม่รู้เวลาเลยมองหน้าเขาด้วยความไม่เข้าใจ ร้อยเอกรีบกระแอมไอ ให้คนตัวเล็กเข้าใจว่าเสียง ‘เหอะ’ เมื่อกี้เป็นเสียงไอของเขา แม้จะไม่ค่อยเนียนก็เถอะ แต่ถ้าทำให้เมืองน้ำกลับไปกินโจ๊กต่อได้ วิธีนี้ก็คงได้ผลในระดับนึงล่ะนะ

จะว่าไป เมืองน้ำยังไม่ได้บอกร้อยเอกเลยว่าที่ถูกเข้าใจผิดคิดว่าไปดินเนอร์กับพี่รักษ์ ความจริงแล้วคืออะไร

บอกดีมั้ย...

ไม่รู้ว่าร้อยเอกอยากรู้หรือเปล่า

“วันนั้นที่ไปกินข้าวกับพี่รักษ์...”

แต่เมืองน้ำอยากบอกมากเลย

“พี่รักษ์พาไปรู้จักกับเจ้าของแบรนด์เพราะเห็นพี่รับตัดต่อคลิป รู้จักกันไว้เฉยๆ ถึงไม่ได้ร่วมงานกันตอนนี้ แต่อนาคตถ้าแบรนด์มีงานอะไร จะได้นึกถึงเราคนแรก ไม่ได้ไปดินเนอร์กันสองคนนะ ถึงโดนชวนก็ไม่ไปด้วย แฟนพี่รักษ์ขี้หึงจะตาย ตอนที่ยังไม่รู้ว่าพี่กับพี่รักษ์รู้จักกันอยู่แล้ว เคยไลน์มาด่าพี่ตั้งเยอะ”

ด่าเลยเหรอ...

ถ้าได้ฟังเรื่องนี้ตอนที่ความรู้สึกไม่บอกให้เชื่อใจคนคนนี้ ร้อยเอกคงคิดว่าเมืองน้ำพูดเรื่องโกหก และถามตรงๆ ว่าบอกทำไม แต่สีหน้าเซ็งเป็ดตอนพูดเรื่องถูกไลน์มาด่า ทำให้เขาตัดสินใจสวมบทผู้ฟังที่ดีอีกครั้ง

เพื่อนแคปคำด่าในไลน์กลุ่มคณะไปให้ พี่เมืองยังเก็บไปคิดขนาดนั้น นี่โดนพิมพ์ด่าตรงๆ ในไลน์ส่วนตัว จะไม่นอยด์แย่เลยเหรอ

ประสาทรึไงวะ ถ้าแฟนเจ้าชู้ก็ด่าแฟน ไม่ใช่มาด่าคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย

โมโหย้อนหลังได้มั้ย ในฐานะน้องข้างบ้านก็ได้

“เป็นคนดังมันก็ลำบากหน่อย มีคนคอยมองตลอด ใครๆ ก็ตัดสินเราได้ทั้งนั้น พี่ไม่ต้องไปคิดมากหรอก”

“พี่ไม่ได้ดังขนาดนั้นหรอก” คนตัวเล็กถอนหายใจแผ่วผ่าว “ถ้าไม่เป็นเมืองน้ำที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็ไม่รู้จะมีโอกาสดีๆ เข้ามาเยอะแยะแบบนี้รึเปล่า อาจจะเป็นแค่เมืองน้ำที่ตั้งใจเรียนเฉยๆ ก็ได้”

“ผมถึงบอกไงว่าไม่ต้องไปสนใจ ยังไงมันก็เป็นสิ่งที่เราเลือกที่จะเป็นแล้วนะ แล้วที่เป็นอยู่ตอนนี้ ผมว่าดีแล้ว มีโอกาสต่อยอดงานได้เยอะเลย”

“อันนี้คือเกร็ดความรู้ใช่มั้ยเนี่ย”

“แหงสิ” ร้อยเอกหัวเราะหน่อยๆ คว้าแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแล้ววางลงที่เดิม “ผมเห็นพ่อทำงานเบื้องหลังมาตั้งแต่เด็ก ทุกยุค ทุกสมัย หลายๆ ค่ายมักจะดึงคนที่มีกระแสอยู่แล้วไปร่วมงานด้วย ผมว่าพี่ก็น่าจะมีคนติดต่อมาให้ร่วมงานในวงการบันเทิงเยอะนะ”

จริงอย่างที่พูด...อย่างน้อยๆ หนึ่งในคนหยิบยื่นโอกาสก็คือพ่อของร้อยเอก ทุกวันนี้ก็ยุ่งอยู่แล้ว คิวงานตัดต่อยาวไปอีกสองเดือน เมืองน้ำเลยปฏิเสธน้ำใจของท่านเพราะรู้สึกว่าตัวเองคงทำได้ไม่เต็มที่

อะไรที่เกินกำลัง เมืองน้ำจะไม่ทำ เพราะเคยเจอปัญหาจากการรับงานที่ยากเกินความสามารถมาแล้ว ทั้งเหนื่อย ทั้งเกิดปัญหาระหว่างทาง กว่าจะฝ่าฟันมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

เมืองน้ำมีภาพลักษณ์ที่ดี เพราะเมืองน้ำไม่เคยเปิดเผยให้ใครรู้ว่าเจออะไรมาบ้าง คิดว่าไม่จำเป็นต้องเล่า คงไม่มีใครอยากรู้เรื่องเครียดของตัวเองนอกจากคนใกล้ตัว

แต่พอมีร้อยเอก คนที่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นอีกหนึ่งความสบายใจให้กันได้

ไม่รู้สิ...

ดีมั้ง

อื้อใช่ ดีมากเลย


“ถามอะไรหน่อยสิ”

มันคงจะดีถ้าเมืองน้ำได้รับหน้าที่เป็นผู้ฟังบ้าง

“ทำไมร้อยถึงเลือกเรียนเกษตรเหรอ เห็นอาจารย์พันเอกเคยบอกว่าร้อยติดหมอก่อนจะติดเกษตร”

อย่างน้อยการฟังเรื่องของอีกฝ่ายก็ทำให้รู้จักคนตรงหน้ามากขึ้นล่ะนะ

“ไม่ใช่ว่าหมอไม่ดีนะ หมอก็ดีครับ แต่ผมชอบเกษตรมากกว่า ไม่ค่อยมีคนเชื่อหรอกว่าผมชอบต้นไม้ แต่ชอบมากจริงๆ”

“ทำไมถึงชอบล่ะ”

“ติดมาจากปู่มั้ง” ร้อยเอกหัวเราะหน่อยๆ วางข้อศอกลงบนโต๊ะ และประสานมือทั้งสองไว้ใต้คาง “ตอนเด็กๆ ผมไปเที่ยวบ้านปู่ อยู่สุโขทัยนู่น บ้านปู่มีแต่ต้นไม้ มีสวนไว้ปลูกผักด้วยนะ ปู่ชอบเอานั่นเอานี่มาทำให้กิน ที่จำได้ขึ้นใจเลยคือปู่เอามันฝรั่งมาหั่นเป็นแท่งเล็กๆ เอาไปต้ม แล้วก็เอามาทอด”

“เฟรนช์ฟรายส์?”

“ใช่ เฟรนช์ฟรายส์ ตอนนั้นไม่รู้นะว่าเรียกว่าอะไร แต่รู้สึกอะเมซิ่งมาก ผมรู้สึกว่าเฮ้ย มันทำอย่างนี้ได้ด้วยเหรอ เป็นความชอบแบบเด็กๆ แหละครับ แต่ก็ทำให้ผมสนใจเรื่องพวกนี้มาจนโตเลยนะ”

“พูดซะอยากไปบ้านปู่ร้อยเลยเนี่ย ไว้ถ้ามีโอกาส พาพี่ไปเที่ยวบ้างสิ”

“สามหมื่น”

“…?”

“ค่าพาไปสามหมื่น เคป้ะ”

“กวนประสาทอีกละ”

ใครจะกล้าเก็บเงินเมืองน้ำกันเล่า ร้อยเอกก็พูดไปอย่างนั้นเอง เขาไม่ทำจริงหรอก บอกให้พาไปฟรียังได้เลย แค่แกล้งหยอกเล่นเพราะไม่คิดว่าเราสองคนจะมีช่วงเวลาแบบนี้ด้วยกัน

หรือจะเป็นคู่กัดเสินเจิ้นจริงๆ นะ

“แค่นี้ก็ต้องเก็บเงินด้วย ใช่ซี้ เรามันไม่สำคัญหนิ”

“อะไรอีกล่ะ”

ไม่หรอก เขากับเมืองน้ำยังเป็นคู่กัดเหมือนเดิมนั่นแหละ

“ไม่รู้สิ ถ้าเป็นคนสำคัญคงไม่เก็บเงินมั้ง”

“ถ้าคนสำคัญหมายถึงแฟน ผมไม่มีแฟนมาเป็นปีแล้วนะพี่เมือง ตกข่าวอ่ะ ทำไมไม่อัพเดทเลย”

ดูทำหน้าเข้า ดีนะร้านไม่ได้ขายก๋วยเตี๋ยว ไม่งั้นเมืองน้ำคงหยิบตะเกียบขึ้นมาจิ้มหน้าผากเขาไปแล้ว

“อ้าวเหรอๆ ไม่รู้ว่าเลิกกันนานแล้ว เห็นน้องเขาดู...ดูตรงสเป็กร้อยเอกดี เลยนึกว่าคบกันอยู่”

“ใช่ ตรงสเป็ก น่ารัก เรียบร้อย พูดเพราะ ดีทุกอย่าง”

ทำไมบทสนทนามันมาถึงจุดที่ร้อยเอกชื่นชมคนรักเก่าให้เมืองน้ำฟังได้ ย้อนกลับไปเปลี่ยนเรื่องทันมั้ย รู้แล้วว่าชอบคนแบบไหน รู้แล้วว่าเมืองน้ำไม่เข้าข่ายสเป็กของร้อยเอกหรอก

ต้องมานั่งฟังคำพูดทำนองนี้

มันตอกย้ำกันชัดๆ

“คนไม่ดีคงเป็นผมมั้ง” ร่างสูงพูดด้วยท่าทางเซ็งๆ คนตัวเล็กเลยดึงสติกลับมาทันที เมืองน้ำคิดว่าตัวเองนอยด์มากแล้วนะ เจอสีหน้าร้อยเอกตอนนี้เข้าไป คูณสองเลยแล้วกัน “คบกับคนอื่นทั้งที่คบกับผมอยู่ ตลกดีเนอะ”

ให้ตาย...

“บอกว่าคนอื่นดีกว่า ทั้งที่เป็นแฟนเรา พยายามแค่ไหนเขาก็ไม่เลือกเรา ไม่เคยเจอใครใจร้ายขนาดนี้เลย”

“ทำไมเขาไม่เลือกร้อยล่ะ ร้อยก็ดูเป็นแฟนที่ดีนะ”

รู้สึกผิดเลยแฮะ

“ไม่รู้สิ เพราะผมเป็นแค่นักศึกษา ยังไม่มีงานทำ ยังไม่มั่นคงในสายตาเขาล่ะมั้ง นักศึกษาที่ยังเรียนอยู่กับนักธุรกิจที่รวยเป็นพันล้าน เป็นพี่เมือง พี่เมืองจะเลือกอะไร”

“พี่คง...เลือกทางที่ไม่ทำให้แฟนเราเสียใจ คนเรา ถ้าไม่รู้สึกต่อกันแล้ว ก็อย่าทนคบกันเลย เลิกกันไปคนละทางนี่แหละ เจ็บน้อยที่สุดแล้ว”

“ใช่ครับ โดนบอกเลิกนี่แหละ เจ็บน้อยกว่าโดนหลอกไปเรื่อยๆ อีก แต่เขาคงไม่คิดแบบพี่เมือง ช่างเหอะ ป่านนี้ก็คงมีความสุขดี บล็อกผมทุกทาง สุดยอดเลย”

ร้อยเอกรักแฟนคนเก่ามากเลยใช่มั้ย

ทำไมจู่ๆ บรรยากาศถึงหม่นขนาดนี้ได้ล่ะ

“ผมถามพี่กลับบ้างสิ”

“พี่มีอะไรให้ถาม”

“โอ๊ยเยอะแยะว่ะ” คิ้วบนใบหน้าน่ารักที่ขมวดใส่ร้อยเอกนั่นน่ะ ตลกชะมัด เครียดเรื่องไหนอยู่หรือไงเมืองน้ำ “ผมอยากรู้ว่าทำไมพี่ถึงไม่คบกับเพื่อนผม”

“หลวงพี่สิงหาน่ะเหรอ” ร้อยเอกพยักหน้ารับ ขณะที่ปากนุ่มนิ่มเม้มจนเป็นเส้นตรง ความรู้สึกห่อเหี่ยวเหมือนถูกเป่าลมให้ค่อยๆ ล่องลอยขึ้นมา ร้อยเอกไม่เคยอยากรู้เรื่องของเมืองน้ำกับสิงหาเลย หนำซ้ำตอนจบความสัมพันธ์ อคติในตัวอีกคนที่มีต่อเมืองน้ำก็เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว “พี่ไม่ได้เป็นคนขอหยุดนะ หลวงพี่เป็นคนขอ”

ขอบคุณ...

ใช่เลย ความรู้สึกนี้ ขอบคุณที่ถาม เพราะมันทำให้เมืองน้ำได้อธิบายเรื่องของตัวเอง

“ก่อนจะบวชก็มาขออโหสิกรรมที่เคยทำให้พี่เสียใจ จริงๆ แล้ว...ไม่เคยเสียใจเลยนะ เพราะเราต่างไม่รู้สึกอะไรต่อกันทั้งคู่”

“…”

“หลายเดือนที่คุยกัน มันมีแต่ความไม่สบายใจ เกร็งไปหมด ไม่ถึงขั้นเสียใจ แต่ก็ไม่มีความสุขเลย เลยกลับไปเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันดีกว่า พี่แค่อยากคบคนที่ทำให้เราสบายใจ...”

“ตอนนี้เจอรึยัง คนที่ทำให้พี่เมืองสบายใจ”

ได้ยินมั้ย

เสียงหัวใจของร้อยเอก

ไม่รู้อะไรดลใจให้ถาม แต่มันเต้นรัวไม่หยุดเลย

“เจอแล้ว”

“…”

“ทั้งทำให้สบายใจ เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องห่วงภาพลักษณ์ ทำอะไรก็ได้ตอนอยู่ด้วยกัน แล้วก็ทำให้ชอบตัวเองเวลาอยู่กับเขา”

บ้าเอ๊ย

ทำไมรู้สึกเหมือนโดนเหยียบที่ใจเลยวะ

“น้ำเน่าอ่ะ ถ้าคนคนนั้นของพี่มาได้ยิน สงสัยต้องหาของเปรี้ยวมาดับละมั้ง หวานเลี่ยนสุด”

“ไม่รู้สิ”

“…”

“ก็เขาคงไม่ชอบพี่”

“ใครอ่ะ”

“ไม่รู้อีกเหมือนกัน”

“เอ้า กวนป้ะ ถามดีๆ นะ”

“ก็ตอบดีๆ นะเนี่ย”

มีคนที่ชอบแล้ว แล้วอย่างนี้ร้อยเอกจะเดินเข้าไปอยู่ในใจพี่เมืองได้ยังไง

รู้ตัวช้าไปรึไงวะ ทำไมนะทำไม ทำไมไม่รู้ก่อนที่พี่เมืองจะชอบคนอื่น

อย่างนี้เรียกว่าอกหักตั้งแต่ยังไม่ได้จีบได้มั้ย

“เซ็ง”

“เซ็งอะไรเหรอ”

“โจ๊กไม่อร่อย อยากกลับบ้านละ”

“อ้าว...”

“อากาศหนาวทำผมขมคอ”

ยอมรับเลยว่าร้อยเอกอยากเป็นคนนั้น คนที่พี่เมืองอยู่ด้วยแล้วสบายใจ เป็นตัวของตัวเอง เป็นคนที่พี่เมืองชอบ

คนที่พี่เมืองชอบ อย่าชอบพี่เมืองกลับเลยนะ

รู้ว่าบาป แต่จังหวะนี้ก็เหลือแค่หนทางเดียว

เซ็งเว้ย แม่ง เรื่องมันเศร้าขอเหล้าเข้มๆ

อยากย้อมใจโว้ยยยย




(⺣◡⺣)♡*




—————————







101 :
เพื่อนรัก
มึงรู้มั้ยว่าพี่เมืองชอบใคร

101 :
ถ้ารู้บอกกูด้วยนะ

101 :
มึงแม่งชงกูกับพี่เมืองทุกวัน ทั้งที่พี่เมืองมีคนที่ชอบอยู่แล้วเนี่ยนะ

101 :
มึง แม่ง สัส
กูโมโหๆๆๆๆ
ไม่มีสมาธิอ่านหนังสือเลย ไอ้เหี้ย

101 :
โมโหว่ะ

Marvin :
ใจเย็นไอ้สัส ขอกูย้อนอ่านแปป

Marvin :
อุ้...
แหม ทำไมจู่ๆ มาถามเรื่องพี่เมืองล่ะจ๊ะเพิ่ลรวักซ์

101 :
ให้โอกาสมึงพิมพ์ดีๆ อีกแค่ครั้งเดียว

Marvin :
*เพื่อนรัก
ทำไมล่ะ รู้ใจตัวเองแล้วเหรอจ๊ะ
แหม่ะ กูนี่ชงเช้าชงเย็น ยิ่งกว่าคนชงชาชัก
ไงมึง

Marvin :
เอ๊ะ หรือมึงโกรธกูจนไม่อยากตอบแล้ว
เฮ้ย กูล้อเล่นนะเว้ย ใจเย็นก่อนนะ
ร้อยเอกกกกกกกกก

101 :
มึงอ่ะใจเย็น

Marvin :
แหะ

101 :
มึง

Marvin :
ว่า

101 :
เห้อ

Marvin :
จะพิมพ์อะไรก็รีบๆ มิดเทอมรอฆ่ากูอยู่จ้า

101 :
อืม

Marvin :
อืมเหี้ยไร ขยายความสิวะ


101 :
กูว่ากูชอบพี่เมือง

Marvin :
……………..

101 :
กูชอบพี่เมือง

Marvin :
เดี๋ยว

101 :
กูชอบพี่เมืองจริงๆ
แต่พี่เมืองมีคนที่ชอบแล้ว
เหี้ย พูดแล้วกูเศร้าเลย

Marvin :
เดี๋ยวก่อนเพื่อนร้อย

101 :
อยากแดกเหล้า ขับรถออกเซเว่นอีกรอบได้ป้ะ
แม่งเอ๊ย

Marvin :
โอ๊ยยยยย!!
บทจะยอมรับมึงก็ยอมง่ายๆ
แต่มึงแม่งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ที่กูชงมาเหมือนไม่มีความหมาย ไอ้เวร

101 :
อะไร

Marvin :
โง่ฉิบหายยยยย

101 :
ด่ากูทำไม

Marvin :
ไม่ด่าไม่ได้แล้วพ่อหนุ่ม
ไอ้โง่ เพื่อนกูโง่เหี้ยๆๆๆๆ
มึงมันๆๆๆๆ โว้ยยยย กูน้ำลายฟูมปากเพราะความง่าวของมึง
มึงสงบอารมณ์นะ ได้สติแล้วกลับมาอ่านหนังสือ

101 :
กูโซแซดว่ะ

Marvin :
กูแซดกว่ามึงอีก มีเพื่อนโง่ในเรื่องที่ไม่ควรโง่

101 :
มึง

Marvin :
พอ จบ แยก!!

101 :
ตกลงพี่เมืองชอบใคร

Marvin :
กูไม่บอก
ไปอ่านหนังสือ!!!








#ร้อยเมือง







กด 1 เป็นกำลังใจให้ร้อยเอก
กด 2 เป็นกำลังใจให้มาวิน

ส่งข้อความมาที่ prayfor101 นะคะ 55555

ปล. ไม่มีดราม่าแฟนเก่าจะหวนกลับมาอะไรยังงิแน่นวลลล เลิกแล้วเลิกเลยเน้อ สบายใจได้โลยย


นอกจากเมืองน้ำจะมีความสุขที่ได้อยู่กับร้อยเอกแล้ว เราเองก็มีความสุขกับการได้เขียนนิยายเรื่องนี้เช่นกันนะคะ ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์เลยค่ะ



มีความสุขกับร้อยเมืองไปเรื่อยๆ เลยนะคะ ❤︎
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2018 23:35:17 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 o13  เพื่อนวิน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ขอยาดกด2 สงสารมือชงอันดับ1 55555555555

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เหนื่อยใจจะชง เพื่อนโง่จนปลงแบบนี้ 55555  :laugh:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
10
ให้ฉันดูแลเธอ






มื้อดึกที่ร้อยเอกชวนไปกินด้วยกันเมื่อคืน จะว่าดีก็ดี จะบอกว่าไม่ดีก็ไม่เชิง

จนตอนนี้เมืองน้ำยังไม่รู้เลยว่าร้อยเอกเซ็งเรื่องอะไร บอกว่าโจ๊กไม่อร่อย แต่กินหมดชามก่อนเมืองน้ำจะกินหมดซะอีก บอกว่าอากาศหนาวทำให้รู้สึกขมคอ ถึงไม่เกี่ยวกันก็เถอะ แต่ก็เป็นร้อยเอกเองที่ไม่ยอมสวมเสื้อแขนยาว ทั้งที่เมืองน้ำบอกไปแล้ว

เป็นผู้ชายเข้าใจยากยังไง ก็ยังเป็นผู้ชายเข้าใจยากวันยังค่ำ เชื่อเขาเลย

หรือว่า...จะโกรธที่เมืองน้ำไม่เฉลยว่าคนที่ตัวเองชอบคือใคร

พี่เมืองชอบน้องเอกนั่นแหละ! ขืนบอกแบบนี้ มีหวังโดนเกลียดขี้หน้าไปอีกสิบปีแน่ๆ เผลอๆ อาจอคติต่อเมืองน้ำยิ่งกว่าแต่ก่อนชัวร์เลย

ยืนยันอีกครั้งว่าเป็นการชอบใครสักคนที่ยากชะมัด

ร้อยเอกตื่นแต่เช้า โทรมาปลุกเมืองน้ำให้ลุกมาอาบน้ำแต่งตัว จากนั้นก็ขับรถมาส่งที่มหา’ลัยด้วยสีหน้าเรียบๆ ติดบึ้งตึงหน่อยๆ อยากเอานิ้วไปนวดรอยขมวดตรงกลางระหว่างคิ้วได้รูป ให้ปมยึกยือหายไป แต่ดูจากรูปการณ์แล้ว...อย่าดีกว่า

น้องเอกเวอร์ชั่นงอนอะไรไม่รู้นี่น่าตีจริงๆ

เวลาดำเนินมาถึงช่วงบ่ายแก่ หลังคุยเรื่องสถานที่ฝึกงานในเทอมหน้าเสร็จ เพื่อนในกลุ่มก็ขอแยกตัวเพื่อกลับบ้าน เพราะฝนที่ตกตลอดทั้งวัน ทำให้ด้านนอกมีแต่ความเปียกชื้น คนตัวเล็กเลือกเก้าอี้ข้างโต๊ะไม้หินอ่อนเป็นที่พักพิง ถูกสั่งว่าห้ามกลับเอง ให้หาอะไรทำขณะรอเจ้าของคำสั่งขับรถมารับ ฉะนั้นตอนนี้ที่ร้อยเอกยังไม่มา เมืองน้ำเลยหาอะไรอ่านในโซเชียลไปพลางๆ

มีคนคิดว่าเมืองน้ำเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่รักษ์เลิกกับแฟนจริงๆ ด้วย จะคิดก็คิดไป ไม่เห็นต้องมาคอมเมนต์ถามในไอจีของเมืองน้ำเลย

ไม่เคยตอบเลยนะ แต่บางคนใช้คำรุนแรงเกินไปจริงๆ

ตอบหน่อยดีมั้ย



101 :
เลิกหรือยัง



อ่า

ยิ่งตอบยิ่งโดนว่านะ ปิดแจ้งเตือนคอมเมนต์ดีกว่า



m.nam ☆° :
เลิกแล้ววว
อยู่ไหนอ่ะ
พี่รอข้างล่างตึกนะ ใกล้ๆ ร้านถ่ายเอกสาร



101 :
กำลังไปครับ
รอหน่อยนะ แป๊บเดียว
พอดีแม่มาตัดแว่นใหม่แถวนี้ ก็เลยแวะไปรับแม่ด้วย



m.nam ☆° :
อื้อๆ
มาไวๆ นะ



พอคิดถึงคำพูดดีๆ ของร้อยเอก คำพูดที่บอกว่าอย่าไปสนใจ นั่นแหละ...จากที่นอยด์ก็ผ่อนคลายขึ้นมาได้

ถ้าได้คุยกับพ่อ เมืองน้ำคงดีกว่านี้

ไม่รู้ว่าความเข้มแข็งหนีไปเที่ยวที่ไหนหมด ไม่เห็นมีเยอะเท่าเดิมเลย



101 :
เอ้อพี่เมือง
แม่บอกว่าจะไปทำบุญ วัดที่หลวงพี่สิงหาจำพรรษาอยู่
ไปด้วยกันมั้ย



นอกจากคอมเมนต์แย่ๆ ก็ยังมีคอมเมนต์ดีๆ ให้เห็นอยู่บ้าง มีทั้งคอมเมนต์ที่ตอบโต้กับคนที่คิดว่าเมืองน้ำเป็นมือที่สาม คอมเมนต์น่ารักๆ ที่บ่นคิดถึง อยากให้ลงรูปเยอะๆ ลงโฆษณาอะไรก็ได้ ไม่ใช่หายไปนานหลายวันขนาดนี้ แล้วก็คอมเมนต์ที่ถามถึงความสัมพันธ์เจ้าของชามโจ๊กในไอจีเมื่อคืน

ไอจีเจ้าของชามโจ๊กมีแต่รูปต้นไม้ ลงรูปตัวเองก็ปิดหน้าปิดตา ถ่ายเหมือนไม่อยากถ่าย เชื่อแล้วว่าร้อยเอกไม่ชอบให้ถ่ายหน้าจริงๆ



m.nam ☆° :
ไปสิ งั้นถ้ามารับพี่แล้ว แวะร้านสังฆภัณฑ์หน่อยได้มั้ย
อยากซื้อของไปทำบุญ



101 :
ได้ๆ
แม่มาแล้ว ขอขับรถก่อนนะ ฝนตกหนักโคตรๆ เลยเนี่ย
อวยพรให้ผมด้วยพี่เมือง



m.nam ☆° :
ขอให้ปลอดภัยโว้ยยย
หยอกๆ ขอให้ปลอดภัยครับ



101 :
เลียนแบบเหรอ
จ่ายค่าแลคตาซิดมาเลยนะ



m.nam ☆° :
ลิขสิทธิ์!!!



นึกจะเล่นมุกก็เล่นมาดื้อๆ นึกจะดีก็ดี นึกจะงอนก็งอน อะไรก็ไม่รู้ เอาแต่ใจที่สุด แต่ก็เป็นความเอาแต่ใจที่ทำให้ยิ้มได้

คิดถูกแล้วล่ะที่ปิดแจ้งเตือน กลับถึงบ้านค่อยเช็กแล้วกันนะ



(⺣◡⺣)♡*



ร้อยเอกคิดว่าฝนคงตกตลอดทั้งวัน และเป็นอย่างนี้ไปอีกหลายวันแน่นอน คำเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยาในรายการวิทยุยืนยันความคิดนี้ได้เป็นอย่างดี

สิ่งหนึ่งที่ดีขึ้นแม้หยาดฝนจะโปรยปราย อากาศเย็นชื้น แถมยังใช้ชีวิตลำบากมากขึ้นเพราะเสี่ยงไม่สบายได้ง่ายๆ คืออารมณ์ของเขา เมื่อวานที่บอกว่าเศร้า เขาเศร้ามากจริงๆ ทักไปถามมาวินก็โดนเพื่อนด่า สมาธิอ่านหนังสือลดน้อยลงเพราะเอาแต่คิดเรื่องเมืองน้ำ หัวใจแทบไม่เป็นสุข แค่นึกภาพพี่เมืองกับคนที่ชอบ คนคนนั้นที่ไม่ใช่ตัวเขาเอง แค่นี้ก็หงุดหงิดจะตายชัก

เรียกว่าหึงมั้ย

เออ หึงก็หึง

เกือบจะหยุดความเศร้าไม่ได้ แต่พอเห็นใบหน้าน่ารักที่ดูอยากรู้ว่าเขาเป็นอะไร นั่นแหละ เห็นแล้วโกรธไม่ลง เพราะพี่เมืองไม่มีความผิด หงุดหงิดเป็นบ้าเป็นหลังเพราะตัวเองล้วนๆ

“ของครบแล้วใช่มั้ยคะน้องเมือง”

“ครบแล้วครับ เมืองช่วยถือนะ”

จริงๆ แล้วเห็นแค่ตาใสๆ ก็อ่อนยวบไปทั้งใจ

เป็นได้เบอร์นี้เลยเหรอร้อยเอก

“ผมถือให้เอง พี่เมืองกางร่มไปกับแม่เถอะครับ” พูดพลางคว้าถังสังฆทานและของทำบุญอื่นๆ ที่แวะซื้อจากมือคู่เล็กมาไว้ในมือตัวเอง ทีแรกเมืองน้ำจะไม่ยอม และขอบคุณที่ฝนยังตกจนถึงตอนนี้ เจ้าของแก้มเนียนที่ป่องเพราะอีกคนอมลมไว้หน่อยๆ ถึงยอมหยิบร่มมากางให้แม่เขาได้

เพิ่งรู้ว่าลูกหมาตาแป๋วอมลมเป็นด้วย มหัศจรรย์ดีจริงๆ

ร้อยเอกหยิบร่มอีกคันออกมากันฝนให้ตัวเอง กดสวิตช์ล็อกรถแล้วก้าวตามสองคนที่เดินนำเขาไปก่อนแล้ว มือเมืองน้ำเล็กมาก ใส่ฟิลเตอร์น่าเอ็นดูลงไปหน่อยคงไม่ต่างจากมือนุ่มๆ ของเด็ก และถึงจะเล็กแค่นั้น แต่ก็ยังยกขึ้นมาบังละอองฝนให้แม่ของเขา

เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงเอ็นดูพี่เมืองนัก

เพราะเป็นเด็กดีอย่างนี้นี่เอง

กุฏิของหลวงพี่สิงหาค่อนข้างไกลจากจุดที่ร้อยเอกจอดรถไว้ ทำให้สายตาเก็บรายละเอียดความสวยงามของสถาปัตยกรรมได้ตลอดทาง

ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเดินมาถึงจุดหมาย นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ร้อยเอกได้พบกับเพื่อนในกลุ่มของตัวเอง หลวงพี่สิงหาเปลี่ยนไปมาก เขาไม่เคยเห็นหลวงพี่ในมาดสงบนิ่ง แววตาอ่อนโยน และดูใจเย็นถึงขนาดนี้

“โยมเมืองน้ำสบายดีนะ”

ภาพที่เพื่อนเสียใจกับความสัมพันธ์ที่พังทลายในวันนั้น กับภาพที่เห็นตอนนี้

ไม่รู้สิ...เรียกว่าโล่งใจ แล้วก็รู้สึกดีล่ะมั้ง

“สบายดีครับ แต่งานเยอะมากเลย”

พวกเขาถวายของทำบุญครบหมดแล้ว กรวดน้ำและนำออกไปเทในกระถางต้นไม้หน้ากุฏิ กลับเข้ามารับพร และเหลือแค่การพูดคุยที่คงจบลงในไม่ช้า

หลวงพี่ยิ้มพอใจกับคำตอบที่ได้ยิน

“อย่าหักโหมล่ะ ดูแลตัวเองด้วยนะ”

ขณะที่เมืองน้ำขานตอบอย่างสุภาพ

“โยมป้าจะปิดทองต่อมั้ย กางร่มแล้วเดินเลี้ยวซ้ายไปประมาณร้อยเมตรมีศาลาที่คนจะมาสักการะขอพรกัน”

คนถูกกล่าวถึงอ้ำๆ อึ้งๆ ด้วยไม่รู้จะไปดีหรือเปล่า จนร้อยเอกต้องสะกิดเบาๆ ให้เอ่ยตอบเพราะกลัวหลวงพี่จะรอนาน

“ไปเถอะ ไปกับโยมเมืองน้ำก็ได้ ไม่ต้องกลัวเสียมารยาท อาตมาอยากคุยกับโยมร้อยเอกอยู่พอดี”

ร้อยเอกเลิกคิ้วกับประโยคที่ได้ยิน ทว่าไม่พูดอะไรต่อ รอให้แม่กับเมืองน้ำกราบนมัสการแล้วเดินไปยังอีกศาลาด้วยกัน คนตัวสูงเปลี่ยนตำแหน่งเข้ามาใกล้ช้าๆ ระมัดระวังกิริยาให้มากที่สุด

“เป็นไงมาไงถึงมากับโยมเมืองน้ำได้ล่ะ”

คำถามนี้ทำเอาเขาไปต่อไม่ถูก ถ้าคุยกับมาวินคงหาข้อแก้ตัวได้ง่ายๆ เหมือนที่ผ่านมา แต่เวลานี้ที่ทุกอย่างค่อยๆ เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนมากที่สุดคือความรู้สึกที่เขามีต่อคู่กัดตัวเล็ก

ใครๆ ก็รู้ว่าเขากับพี่เมืองไม่ถูกกัน และเป็นเขาเองที่อคติกับเมืองน้ำทุกอย่าง พอจะอธิบาย ก็รู้สึกยากจริงๆ

“ห้ามโกหกนะ พูดปดเป็นบาปหนักนะโยม”

ใช่ โกหกไม่ได้ หาข้ออ้างไม่ได้

ถ้างั้น...

พูดความจริงนั่นแหละ ดีที่สุดแล้ว

“ช่วงนี้...สงบศึกชั่วคราวครับหลวงพี่ คุยกันบ่อยขึ้น ไปไหนมาไหนด้วยกัน พี่เมืองไม่มีรถ ผมก็เลยไปส่ง วันนี้ก็พามาด้วยเพราะไปรับพี่เมืองที่คณะพอดี”

“แค่นี้เหรอ”

“ครับ”

หลวงพี่สิงหาเงียบเสียงครู่หนึ่ง เหลือบมองสายฝนก่อนจะกลับมามองร้อยเอก

“แล้วความสัมพันธ์ล่ะ ไปถึงไหนแล้ว”

“ก็ไม่ไปถึงไหนครับ เป็นคนรู้จักเหมือนเดิม”

“หายอคติกับโยมเมืองน้ำหรือยัง”

“…”

“เคยโกรธหนักเรื่องอะไรล่ะ รู้ตัวมั้ย”

“ผมไม่ได้โกรธ...” ใช่ ร้อยเอกไม่ได้โกรธ ก็แค่...​ “ผิดหวังครับ ตอนนั้นผิดหวังมาก ก็เลยตั้งแง่อคติ ทุกอย่างที่เห็นก็เป็นใจกับสิ่งที่คิดมากๆ ด้วย หลายเดือนที่ผ่านมาก็เลยคิดลบกับพี่เมืองเยอะมาก”

“ผิดหวังเพราะไปหวังกับเขามากน่ะสิ หวังโดยไม่รู้ตัว คิดว่าเขาจะเป็นแบบที่ใจเราต้องการ ใช่มั้ย”

หลวงพี่สิงหาพูดถูกทุกอย่าง ตั้งแต่ทะเลาะกับเมืองน้ำ และคืนดีกัน ร้อยเอกคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหลวงพี่จะลาบวชมาตลอด ยิ่งช่วงนี้ที่อยู่ใกล้เมืองน้ำมากกว่าช่วงไหนๆ ได้เจอเมืองน้ำในด้านที่ไม่เคยเห็น ยิ่งคิด

พอถูกจี้ถาม ก็ได้คำตอบอย่างที่เห็น

เขาหวังว่าเพื่อนกับรุ่นพี่ที่รู้จักจะคบกัน หวังให้ทั้งสองคนมีความสุขกับความสัมพันธ์ และพอผลลัพธ์ไม่เป็นดังที่คิด ก็โทษว่าเป็นความใจร้ายของเมืองน้ำมาตลอด

ร้อยเอก...

งี่เง่าชะมัด

“โยมร้อย”

“ครับ”

“เราไม่ควรเอาความคาดหวังของตัวเองไปวางไว้บนบ่าคนอื่นนะ บางคนอาจจะแบกเรื่องนั้นเรื่องนี้เยอะอยู่แล้ว ให้เขามาแบกความคาดหวังของเราอีก พอไม่ได้ดั่งใจ ก็ผิดหวังในตัวเขา ทั้งที่เขาไม่อยากให้เราไปหวังอะไรในตัวเขาเลย เขาอยู่เฉยๆ เป็นตัวเขาแบบนั้นมาตั้งนาน เรามากกว่าที่วาดภาพต่างๆ นานาไว้ในความคิดของเราเอง เข้าใจที่พูดใช่มั้ย”

“เข้าใจครับหลวงพี่”

“โยมเมืองน้ำชอบเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว ต่อไปนี้อยากรู้เรื่องไหนก็ให้ถาม ถ้าเขาไว้ใจเรา เขาจะบอกเอง อย่าคิดไปเอง สงสารโยมเขา”

“ถ้าพี่เมืองไม่บอกล่ะครับ”

หลวงพี่ถอนหายใจบางเบา

“โยมร้อยนี่...ไม่สมกับเป็นเพื่อนรักอาตมาเลย โยมเก่งทุกเรื่องแล้ว อยากให้เก่งเรื่องโยมเมืองน้ำด้วยนะ”

“...”

“ลองคิดดูว่าโยมเมืองน้ำยอมให้โยมร้อยเอกเข้าไปในพื้นที่ของตัวเองหรือยัง ต้องหาคำตอบเอาเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องทางโลก อาตมายุ่งมากไม่ได้หรอก”

“...”

“ถ้าคิดถึงก็ขอให้พ้นช่วงออกพรรษาไปก่อน อาตมาใกล้สึกแล้วล่ะ โยมไปหาโยมป้ากับโยมเมืองน้ำเถอะ จะได้กลับบ้าน เย็นแล้ว รถติด”

“ครับ กราบนมัสการครับหลวงพี่”

“เจริญพร”

หลวงพี่สิงหาเปลี่ยนไปมากจริงๆ การพูดคุยวันนี้ก็ทำให้ความคิดหลายๆ อย่างของร้อยเอกค่อยๆ เปลี่ยนเช่นกัน

เขาวาดภาพเมืองน้ำไว้ และตัวตนที่เมืองน้ำเป็นตอนนี้ก็เป็นสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น

เพราะไม่เคยคิด ถึงรู้สึกชอบที่เมืองน้ำแสดงออกเอามากๆ ท่าทาง คำพูด แม้แต่ตัวอักษรที่เจ้าตัวพิมพ์ใส่ห้องแชทของเขามา

อยากรู้นักว่าต่อไปนี้จะได้เห็นอะไรจากเมืองน้ำอีก พนันเลยว่าร้อยเอกต้องชอบทุกอย่างที่ได้เจอแน่ๆ

บ้ามาก

นี่มันในวัด หยุดยิ้มก่อนร้อยเอก หยุดเดี๋ยวนี้เลย



(⺣◡⺣)♡*



ทุกคำของหลวงพี่แทรกซึมในความรู้สึกของเขา เหมือนฝนที่เทลงมาเพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกในใจจนคราบเขรอะค่อยๆ หลุดออก มีเรื่องราวมากมายที่หวนกลับมาเหมือนนาฬิกาทวนเข็ม ทุกเรื่องเป็นเรื่องของเขากับเมืองน้ำ และส่วนใหญ่เป็นการกระทำที่พอนึกดู ร้อยเอกที่เต็มไปด้วยอคติ ไม่น่ารักเอาซะเลย

ประโยคเรียบง่าย ใช้ถ้อยคำธรรมดา แต่ทำให้เขายังกลับไปเป็นร้อยเอกเวอร์ชั่นเดิมไม่ได้ เรียกได้ว่าตัวเขาเป็นร้อยเอกที่สงบเสงี่ยมที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา

ระหว่างกลับบ้าน เขาเงียบยิ่งกว่าตอนที่รับบทเป็นผู้ฟังรุ่นพี่ตัวเล็กที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถอยู่ข้างๆ เขาเสียอีก

“นิ่งจังเลยน้องเอก”

“ไม่อยากคุยเยอะน่ะครับ เห็นแม่มีเพื่อนคุยแล้ว”

แม่ยังรู้เลยว่าเขานิ่งมาก เพื่อนคุยที่ว่าหมายถึงเมืองน้ำ ส่วนหนึ่งที่ทำให้อยากนั่งเงียบๆ ฟังบทสนทนาที่เต็มไปด้วยเรื่องนั้นเรื่องนี้ของผู้โดยสารทั้งสองคน ก็เพราะแม่มีเพื่อนคุยจริงๆ

“น้อยใจเหรอลูก”

“เปล่าครับเปล่า แค่คิดอะไรนิดหน่อย”

“อ้อ แม่นึกว่าน้องเอกน้อยใจซะอีก”

“ร้อยไม่ได้น้อยใจนะครับแม่”

เขาพูดเรื่องจริงนะ แต่ดูเหมือนท่านจะไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ ทีนี้รู้ซึ้งเลยว่าเมื่อก่อนที่เคยทำตัวงี่เง่า ชักสีหน้า หรือพูดจากวนประสาทตอนแม่อยู่กับพี่เมือง มันทำให้ผู้ใหญ่คิดกับเขายังไง

ในสายตาพันเอก เขาเป็นเด็กประถม ในสายตาแม่ ก็คงต้องเพิ่มความงอแงงี่เง่า เอาแต่ใจแบบเด็กๆ เข้าไปอีกหน่อย แม่ถึงคิดว่าเขาน้อยใจได้

จะกลับมาเป็นคนเดิมเมื่อไหร่

บอกเลยว่าคงไม่ใช่ชั่วโมงหรือสองชั่วโมงนี้

“แม่เข้าบ้านเถอะครับ เดี๋ยวร้อยตามไป”

ความเร็วรถยนต์ค่อยๆ ชะลอกระทั่งหยุดนิ่ง ร้อยเอกเอ่ยเรียบๆ ขณะเปลี่ยนเกียร์รถเป็นเกียร์ว่าง สาวสวยของเขาที่นั่งอยู่ตรงเบาะอมยิ้มหลังพูดประโยคนั้นออกไป แม่คงดีใจที่เขาไม่บอกให้เมืองน้ำรีบลงจากรถดังเช่นเมื่อก่อน เห็นดวงตาที่มองเขาด้วยความรักเสมอมีประกายเล็กๆ ปรากฏอยู่ ทว่าไม่นานก็ขอตัวลงจากรถ และกลับเข้าบ้านตามคำขอ

“ไม่ลงไปกับคุณป้าด้วยเหรอ”

“ไม่ล่ะ รอให้พี่เมืองเข้าบ้านก่อน ผมค่อยเอารถไปเก็บ”

“แปล๊กแปลก”

“แปลกอะไรล่ะ”

“ก็วันนี้มาแปลก เมื่อวานยังงอนพี่อยู่เลย”

ให้ตาย ที่บอกว่าร้อยเอกคงไม่กลับมาเป็นคนเดิมในชั่วโมงสองชั่วโมงนี้ เห็นทีคงต้องถอนคำพูด

“ผมไม่ได้งอน”

“ร้อยเอกงอน”

ร้อยเอกอยากทึ้งหัวตัวเอง

“บอกว่าไม่ได้งอน”

“ไม่ได้งอนแล้วชักสีหน้าใส่ทำไม ทั้งเมื่อคืน ทั้งตอนนี้เลยนะ”

“พี่นี่...” ไม่เข้าใจอะไรเลย เมืองน้ำไม่เข้าใจความรู้สึกของเขาเลยสักนิด อยากโมโหก็ทำไม่ได้ เพราะที่ทำได้... “เข้าบ้านเถอะครับ ฝนยังไม่หยุดตกเลย อากาศมันเย็น เดี๋ยวไม่สบาย”

ก็มีแค่ทำตัวดีๆ เพื่อเพิ่มคะแนนให้ตัวเองเท่านั้นล่ะ

“นี่เรียกว่าเป็นห่วงป้ะ”

“แล้วแต่จะคิด”

“ไม่อยากคิดเอง กลัวคิดผิด”

“ถ้าบอกว่าคิดถูกพี่เมืองจะเชื่อมั้ยล่ะ”

คะแนนเพิ่มจริงมั้ยไม่รู้ ที่รู้ๆ คือพี่เมืองแกล้งทำเป็นหูทวนลมใส่เขาอีกแล้ว ศีรษะกลมส่ายไปส่ายมาคล้ายกำลังล้อเลียนเขา ร้อยเอกอยากบีบแก้มนุ่มๆ ให้ช้ำกันไปข้าง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่จะได้ยินเขาพูดแบบนี้ แต่ดูเมืองน้ำทำสิ

มันเขี้ยว

“จะเข้าบ้านได้ยัง มืดแล้ว ไม่มีงานทำรึไง”

“มีสิมี โมโหอีกละ” คนตัวเล็กทำปากมุบมิบขณะที่มือคว้าสายกระเป๋าขึ้นมาพาดไหล่

“ผมยังไม่ได้โมโหอะไรเลยเนี่ย พี่เมืองก็ชอบว่าผมจัง”

“เอ๊า พี่ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเล้ย”

“เสียงสู้งงงงสูง โคตรไม่เนียน”

เมืองน้ำหัวเราะแห้งๆ ใส่เจ้าเด็กตัวสูง รอให้ร้อยเอกปลดล็อกประตูฝั่งตรงข้ามคนขับ ขยับตัวเตรียมลงจากรถ แต่ถูกมือแกร่งคว้าข้อมือไว้เสียก่อน

“ผมจะเล่นเกมกับอ่านหนังสืออยู่บนห้อง”

“อื้อ”

“อื้ออะไรล่ะพี่เมือง”

“อื้อที่แปลว่ารับรู้ไง”

“ทำไมพี่เข้าใจอะไรยากจังวะ”

“...”

“ต้องการคนอยู่เป็นเพื่อนก็ไลน์มาละกัน”

เมืองน้ำเข้าใจยาก หรือร้อยเอกพูดอะไรที่คนฟังเข้าไม่ถึงกันแน่

แต่ว่า...เชื่อเมืองน้ำหรือยัง ร้อยเอกดูแปลกจริงๆ โดนหลวงพี่สิงหาเทศน์เรื่องไหนมารึไงนะ ถึงดูใจดีขนาดนี้ได้ สงสัยน้องเอกคนเก่าโดนกลืนไปแล้วจริงๆ

จะไม่เล่นมุกคายน้องเอกออกมาหรอกนะ เพราะเมืองน้ำชอบที่ร้อยเอกใจดีแบบนี้

“พี่อยู่ได้”

“ก็หมายถึงถ้าอยากมีคนอยู่เป็นเพื่อนไง”

“รู้แล้วๆ”

หน้าหงิกอีกแล้ว อุตส่าห์ไปวัดมา จิตใจไม่เบิกบานเลยเหรอ

“ขอบคุณมากนะ แล้วนี่จะปล่อยมือพี่ได้ยัง”

เจ้าของรถสะดุ้ง ปล่อยข้อมือเล็กให้เป็นอิสระก่อนถอยกลับไปที่เดิม ริมฝีปากนุ่มวาดยิ้มจางๆ ทว่าก็ทำให้แก้มสีพีชกลมขึ้นอย่างน่ารัก

“อย่าอ่านหนังสือดึกเกินไปล่ะ ยิ่งดึกสมองยิ่งล้า เดี๋ยวจะอ่านไม่รู้เรื่องเอา”

“อันนี้ต้องบอกตัวเองด้วยมั้ย ทั้งทำงาน เรียน อ่านหนังสือ สารพัด”

“ครับๆ รับทราบครับคุณพ่อ”

“เคยบอกแล้วไงว่าผมไม่อยากเป็นพ่อ”

ได้ยินสองครั้งแล้วนะคำนี้ ไม่อยากเป็นพ่อแล้วร้อยเอกอยากเป็นอะไร

อ้อ เมืองน้ำพอเดาออก

“ครับๆ รับทราบครับคุณคู่กัด”

คนตัวสูงกลั้นขำ อยากจะพูดคำว่ามันเขี้ยวใส่พี่เมืองอีกสักร้อยรอบ

ทำอะไรก็น่าหยิกไปหมด พี่เมืองทำให้เขาเหมือนคนบ้า กับคนก่อนๆ ไม่เห็นเกิดความรู้สึกที่ทั้งอยากหยิก อยากกวนประสาท ทั้งน่าเอ็นดูเท่าเมืองน้ำเลย

เป็นถึงขั้นนี้เลยเหรอร้อยเอก

“พี่เข้าบ้านแล้วนะ ฝนตกหนักอีกแล้ว ไม่อยากตัวเปียก”

“ก็ไปสิ”

“ไล่เหรอ”

“ผมเปล่า ไปเถอะพี่เมือง เดี๋ยวทำงานไม่ทัน”

พูดดีๆ ไม่ค่อยเป็น ทั้งที่เจตนาไม่ใช่อย่างนั้น สมกับความปากหมาที่สั่งสมมาทั้งชีวิต

แล้วก็นะ แค่เมืองน้ำลงจากรถ ล็อกประตูรั้วและรีบวิ่งฝ่าฝนเข้าไปในบ้าน ภาพง่ายๆ ที่ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ทำเอาคู่กัดอย่างเขายิ้มค้างไม่หยุดจนขำกับอาการของตัวเอง

เออ เป็นถึงขั้นนี้จริงๆ ว่ะ




(⺣◡⺣)♡*



----- มีต่อ -----
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2018 23:36:48 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
——— ต่อ ———


ร้อยเอกเปลี่ยนคลื่นวิทยุหลังนั่งฟังข่าวน้ำท่วมกรุงเทพมหานครในบางพื้นที่มาสักพัก หยุดที่คลื่นเพลงสากล และช่างบังเอิญที่ดีเจกำลังเปิดเพลงที่เมืองน้ำเคยสุ่มเจอในโทรศัพท์ของเขา

I like me better ฟังกี่ทีก็ชอบ ไม่รู้ชอบเพลงหรือชอบที่เคยฟังเพลงนี้กับคนห้องตรงข้ามมากกว่ากัน

ก็ทั้งสองอย่าง

คนตัวสูงสวมเสื้อกล้ามและกางเกงขายาว ชุดนอนประจำตัวของเขา อุณหภูมิที่ลดต่ำทำให้ไม่ต้องทาแป้งเย็นเพื่อคลายร้อน แถมไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศให้เปลืองค่าไฟเพิ่มอีกด้วย

หนึ่งในข้อดีของฝนตก คงเป็นการประหยัดไฟล่ะมั้ง

ร้อยเอกพักสายตาจากเลคเชอร์ที่จดเก็บไว้ตั้งแต่ต้นเทอม เหลืออีกนิดหน่อยจะอ่านจนครบทุกแผ่นแล้ว หลังจากนั้นก็แค่รอสอบมิดเทอมให้เสร็จ ค่อยกลับมาเล่นเกมเต็มเวลา

พาร่างกายมานอนลงบนเตียง พร้อมหันหน้าไปทางบ้านหลังข้างๆ ม่านทั้งผืนถูกรูดเก็บจนหมด และเป็นครั้งแรกที่เขานอนมองห้องฝั่งตรงข้ามได้นานขนาดนี้ เมืองน้ำเปิดม่านไว้แค่ครึ่งหนึ่ง ประตูระเบียงถูกปิดสนิทเช่นเดียวกับเขาเพื่อกันหยาดฝนที่สาดเข้ามา ร้อยเอกมองไม่เห็นเจ้าของห้องเพราะตำแหน่งโต๊ะทำงานถูกม่านบังเอาไว้ เลยไม่รู้ว่าคนตัวนุ่มทำอะไรอยู่

ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากมอง เห็นแค่ปลายเตียงและตุ๊กตาขนฟูตัวเล็กๆ นับร้อยตัวกับของตกแต่งน่ารักๆ ที่พี่เมืองชอบสะสมก็ยังดี

ของสะสมยังน่าเอ็นดู

ยิ้มแล้วยิ้มอีก เมื่อยแก้มไปหมดแล้ว

ร้อยเอกหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเคลียร์การแจ้งเตือน ไม่มีข้อความจากเมืองน้ำจึงเข้าไปเช็กโซเชียลอีกคนเพื่อดูความเคลื่อนไหว ขนาดพี่เมืองลงรูปโจ๊กที่ไปกินกับเขา แท็กมาที่ไอจีเขา ยังมีคนมาคอมเมนต์แย่ๆ หาว่าเปลี่ยนจากพี่รักษ์เป็นคนอื่นได้ ทั้งที่พี่เมืองไม่เคยเกินเลยกับรุ่นพี่คนนั้น

สัญญาว่าถ้าเขาเป็นเจ้าของไอจีจะบล็อกให้หมด โต้ตอบให้สิ้นซาก ไม่ปล่อยให้คนพวกนั้นเข้าใจผิดแน่ๆ

แต่พี่เมืองไม่ใช่เขา มีอะไรอีกมากที่ต้องแคร์ อย่างน้อยก็ผลลัพธ์และภาพลักษณ์ที่จะตามมา ทุกอย่างส่งผลถึงงานในอนาคตทั้งนั้น เพราะงั้นอีกคนถึงเลือกความเงียบเป็นคำตอบ



m.nam ☆° :
เมื่อไหร่ฝนจะหยุดตก
(*´ー`*)



พอนึกถึง เจ้าตัวก็ส่งข้อความมาหาเขา ร้อยเอกไม่รอช้าที่จะกดเข้าไปดู



m.nam ☆° :
ตัดคลิปใกล้เสร็จแล้ว เหลือใส่เสื้อถ่ายรูปอีก งานเยอะมากๆ เลย
ทำอะไรอยู่เหรอ
ก็ต้องอ่านหนังสืออยู่แล้วสิ
เล่นเกมแล้วก็อ่านหนังสือ!
แหะๆ ไม่น่าถาม
(´-`).。oO



รัวข้อความมาจนร้อยเอกตอบไม่ทัน แถมยังส่งอีโมจิญี่ปุ่นแนวนี้มาอีก

ทำให้ยิ้มจนเมื่อยหน้า แล้วก็ทำให้ถอนหายใจเพราะเป็นห่วงอีกจนได้

เขามั่นใจว่าเมืองน้ำกำลังคิดมากกับคอมเมนต์แย่ๆ ในไอจีแน่นอน



101 :
ให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อนมั้ย
หรือจะไปเซเว่นดี



m.nam ☆° :
งืมมม
ขอคิดก่อน



101 :
อย่าคิดเยอะล่ะ
คิดมากปวดหัว
หมายถึงทุกเรื่องเลยนะ



m.nam ☆° :
เรื่องไหนเหรอ



101 :
ในไอจี



m.nam ☆° :
อ่า



101 :
ขอโทษที่พูดตรงๆ
เป็นห่วงก็เลยไม่อยากอ้อมค้อม
ถ้าไม่ไหวก็บอก จะไปอยู่เป็นเพื่อน



101 :
สิบนาทีแล้วนะครับ
ตอบร้อยหน่อย



m.nam ☆° :
ㅠㅠ
เอาหนังสือมาอ่านที่บ้านพี่ได้มั้ย
มาดูหนังหรืออะไรก็ได้
สัญญาว่าจะไม่ส่งเสียงรบกวน



101 :
ได้ๆ เดี๋ยวผมเอาหูฟังไปด้วย
จะได้ไม่รบกวนพี่เหมือนกัน
ว่าแต่ อะไรอ่ะพี่เมือง มีความชวนดูหนัง
จะชวนผมไป netflix and chill เหรอ



m.nam ☆° :
ไอ้บ้า!!!!
คนกำลังนอยด์ๆ อย่าทะลึ่งตึงตังได้ป้ะ



101 :
อุแงงงง
ร้อยเอกขอโทษค้าบบ
/ me นั่งคุกเข่าห้านาที



m.nam ☆° :
เว่อร์อีกแล้ว น่าตีโคตรๆ
แต่ยิ้มออกเลย ㅜㅇㅜ
รีบมาๆ จะลงไปรอข้างล่างนะ
อย่าลืมกางร่มมาด้วย



ยิ้มออกจริงด้วย

หมายถึงร้อยเอก ยิ้มออกเหมือนที่เมืองน้ำบอกเลย

วันนี้ยิ้มไปกี่รอบแล้ว ถ้าลองนับดู จำนวนนิ้วมือของเขาคงไม่พอ



(⺣◡⺣)♡*



เมืองน้ำไม่ส่งเสียงรบกวนร้อยเอกจริงๆ พอขึ้นไปถึงบนห้อง เจ้าของบ้านก็ขนอุปกรณ์ทำงานพร้อมหนังสืออ่านสอบลงมาชั้นล่าง เมืองน้ำนั่งตัดคลิปอยู่ตรงโต๊ะด้านหน้าโซฟา ส่วนเขานอนอ่านเลคเชอร์ให้ครบทุกแผ่น

อากาศเย็นชื้น บวกกับความเงียบที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ ระหว่างเขากับเมืองน้ำทำให้เผลอหลับก่อนจะได้เล่นเกมเสียอีก

เขารู้สึกตัวอีกครั้งตอนตีหนึ่ง พบว่าคนตัวเล็กส่งไฟล์งานให้ลูกค้าเรียบร้อยแล้ว มีเสื้อแบรนด์ดังถูกพับวางเอาไว้ข้างกาย คงใส่ถ่ายรูปขณะที่เขาไม่รู้สึกตัว แล็ปท็อปถูกพักการทำงาน แต่เปิดฝาพับค้างไว้อย่างนั้น ส่วนเจ้าของ...เอาแก้มนุ่มๆ แนบบนหนังสือเรียนที่เปิดค้างไว้ มือข้างหนึ่งถือปากกาไฮไลต์สีเดียวกับสีที่ขีดลงบนกระดาษ เมืองน้ำใช้แขนเล็กๆ แทนหมอน ซึ่งคงช่วยอะไรไม่ได้มาก

ร้อยเอกดึงปากกาไฮไลต์ออกจากมือเนียน จัดการปิดฝาให้เรียบร้อย สะกิดเรียกคนทำงานหนักให้รู้สึกตัวตื่น ทีแรกจะบอกให้เมืองน้ำขึ้นไปนอน แต่เจ้าตัวยังยืนยันที่จะอ่านหนังสือต่อ เขาเลยปล่อยให้คนโตกว่าอ่านบทที่ค้างอยู่ให้จบ หลังจากนั้นก็ถูกอีกคนชวนออกมาซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อใกล้หมู่บ้าน

เพราะต้องกลับไปเอารถตอนเกือบตีสองนั่นแหละ ถึงโดนเจ้าแก้บนเห่าใส่เสียงดังตอนยังไม่เห็นหน้าเขา

เกือบโดนหมาสุดที่รักขย้ำเข้าให้ ประสบการณ์ที่จะจำไปอีกนาน

“ไส้กรอกแบบไหนดีอ่ะ”

“แบบไหนก็เอาไปเถอะ อร่อยเหมือนกัน”

“ไม่ดิ มันไม่เหมือนกัน คนละสูตรก็รสชาติไม่เหมือนกันแล้วนะ”

“มันก็กินได้เหมือนกันมั้ยพี่เมือง ไม่เห็นต้องเลือกเยอะเลย”

คนฟังตวัดสายตามามองเขา ทำปากเบี้ยวไปเบี้ยวมาให้รู้ว่าไม่พอใจกับคำตอบ

แม่งเอ๊ยยยย

“ทีร้อยเอกยังเลือกเลยอ่ะว่าจะกินนมรสไหน ทำไมพี่จะเลือกไม่ได้”

น่ารักว่ะ

โดนหมาที่บ้านเห่าไม่พอ ยังมาโดนลูกหมาที่อุตส่าห์ขับรถพามาหาของกินเตรียมขบเนื้อด้วยฟันน้ำนมอีก

อยากบีบปาก!

“งั้นเอาทุกอัน”

“เปลือง”

พี่เมืองนี่มันพี่เมืองจริงๆ

“ผมเลี้ยง”

“รวยเหรอ”

“ใช่ รวย” คนตัวสูงดึงถุงไส้กรอกจากมือน้อย หย่อนใส่ตะกร้าขณะที่อีกคนทำหน้าเหมือนหมั่นไส้เขาเต็มแก่ “อยากกินอันไหนหยิบใส่ตะกร้ามาเลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ”

นอกจากหมั่นไส้แล้ว คงอยากปฏิเสธเพราะเกรงใจเขา แต่เมืองน้ำก็น่าจะรู้ว่าเขาคงไม่ยอมง่ายๆ คนผิวขาวถึงหันไปหยิบของที่อยากกินออกมาวางใส่ตะกร้าตามที่บอก

“พี่ไปรอข้างนอกก็ได้นะ เดี๋ยวผมรอพนักงานเวฟให้เอง”

“ใจดีจัง”

“หรือจะให้ใจร้าย”

“ไม่เอาดิ”

ร้อยเอกอมยิ้มกับการตอบกลับทันทีของอีกฝ่าย ดันไหล่แคบเบาๆ แทนคำพูด รอให้คนตัวเล็กเดินออกไปรอข้างนอกแล้วจึงนำของในตะกร้าไปวางที่เคาท์เตอร์

ร่างสูงเดินออกมาด้านนอกหลังรับเงินทอนจากพนักงาน ก้าวไปหาอีกคนที่นั่งรอเขาอยู่บนเก้าอี้หน้าร้านสะดวกซื้อ เมืองน้ำหยิบถุงไส้กรอกที่ถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ พร้อมราดซอสตามที่เจ้าตัวชอบขึ้นไปก่อนร้อยเอกจะลดกายนั่งเสียอีก

“กินมั้ย”

ใบหน้าหล่อส่ายเบาๆ ใส่คนที่เอาไม้จิ้มชิ้นไส้กรอกขึ้นมาจ่อตรงริมฝีปากของเขา ไม่ใช่ไม่อยากกิน แต่เพราะเขามีนมกล่องที่ซื้อมาดื่มรองท้องอยู่แล้ว บวกกับเห็นเมืองน้ำดูเอร็ดอร่อยกับของที่เขาซื้อให้ เลยคิดว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนกินเก่งดีกว่า

“เร็วๆ พี่ป้อน”

“นี่บังคับ?”

“ไม่ได้บังคับ แต่อยากให้กิน”

“ไม่บังคับก็เหมือนบังคับอ่ะ”

“ก็บอกว่าไม่ได้บังคับไง อ้าปาก”

ไม่บังคับแต่สั่งให้เขาอ้าปาก แถมยังเป่าลมใส่ไส้กรอก ลดความร้อนให้เขาก่อนจะป้อนอย่างนี้อีก

สุดท้ายก็ปฏิเสธไม่ได้ จากที่ไม่กินก็ต้องกลืนลงท้อง ให้มันได้อย่างนี้

ร้อยเอกปล่อยให้เมืองน้ำใช้เวลาอยู่กับการกิน เบนสายตามองความมืดมิดเบื้องหน้า หยาดฝนที่ยังโปรยปรายไม่หยุด อากาศเย็นเฉียบ และความเงียบสงบเพราะไม่มีรถเคลื่อนผ่านคือสิ่งที่เขาชอบ บรรยากาศตอนนี้ทำให้นึกถึงความทรงจำดีๆ ซึ่งเกิดขึ้นทุกครั้งที่ไปเที่ยวบ้านปู่

ล้อมรอบด้วยไร่นา สวนผัก สวนผลไม้ ห่างไกลผู้คนแต่ไม่กันดาร มีอินเทอร์เน็ตแต่เขากลับไม่ค่อยใช้ยามอยู่ที่นั่น

ไม่รู้ว่าพี่เมืองชอบบรรยากาศแบบนี้หรือเปล่า ถ้ามีโอกาส เขาก็อยากให้คนตัวเล็กไปสัมผัสดูสักครั้ง

อย่างน้อยก็น่าจะคลายความเครียดได้บ้าง

เอาไว้ค่อยชวนแล้วกัน

“พี่เมือง...”

มีเสียงตอบรับสั้นๆ จากคนข้างกาย ร้อยเอกคิดไว้แล้วว่าความอ่อนเพลียจะทำให้เมืองน้ำเริ่มง่วงหลังจากอิ่ม เขาหยิบถุงไส้กรอกออกจากมือเล็ก เก็บใส่ถุงและขยับเข้าไปใกล้ เคลื่อนมือแข็งแรงดันศีรษะกลมที่กำลังโอนเอนมาซบบนไหล่ของเขา

“ขออนุญาตจับโทรศัพท์นะครับ”

“อื้อ...เอาไปทำอะไรเหรอ”

“ทำเรื่องสำคัญ”

เมืองน้ำขมวดคิ้วโดยที่ยังหลับตา ความง่วงงันส่งผลให้สติเริ่มพร่าเลือน ไม่เห็นว่าอีกคนหยิบโทรศัพท์ไปแล้ว แต่รู้สึกได้จากการถูกจับปลายนิ้วทาบบนปุ่มโฮม

ร้อยเอกปลดล็อก...

เอ๊ะ เสียงนี้มัน...

เสียงชัตเตอร์?

“พี่เมือง ร้อยพิมพ์แคปชั่นอะไรดี”

“แคปชั่นอะไรเหรอ”

“โพสต์ในไอจีไง รูปที่ถ่ายด้วยกันเมื่อกี้”

หือ...

“ร้อย...ร้อยไม่ชอบให้พี่ถ่ายรูป”

“ช่างแม่งเหอะ”

“…”

“เร็วๆ คนจะได้เลิกคิดว่าพี่เมืองทำให้พี่รักษ์เลิกกับแฟนสักที”

เมืองน้ำเข้าใจแล้ว

ไม่คิดว่าร้อยเอกจะห่วงถึงขนาดนี้ ใจดีจังเลยนะ

“อะไรก็ได้”

“อะไรก็ได้คือปัญหาระดับชาตินะพี่”

ริมฝีปากนุ่มจุดรอยยิ้ม อยากลืมตาแต่ง่วงจนไม่มีแรง เลยทำได้แค่เอ่ยตอบเสียงแผ่วเท่านั้น

“Special”

“…”

“พิมพ์แค่นี้แหละ จะพิเศษในฐานะอะไรก็ได้ ไม่ต้องอธิบายเพิ่ม ให้คนคิดเอาเอง”

งั้นร้อยเอกคิดเองด้วยดีมั้ย

ขอคิดว่า Special ของพี่เมือง คือทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเรา

มาวินไม่ยอมบอกว่าพี่เมืองชอบใคร ถามเท่าไหร่ก็ไม่บอก ไล่ให้เขาไปหาคำตอบเอาเอง เพราะงั้นตราบใดที่ยังไม่รู้ ร้อยเอกก็จะคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์เป็นคนพิเศษของพี่เมืองเสมอ

มาถึงจุดนี้ได้ไงวะเนี่ยร้อยเอก

“โพสต์เสร็จแล้ว กลับบ้านไปนอนกันครับ”

“ขออยู่ตรงนี้ก่อน...”

“…”

“อยากนอนบนไหล่ร้อย”

น่ารัก

แล้วอย่างนี้ร้อยเอกจะหยุดชอบเมืองน้ำได้ยังไง

ความรู้สึกของเขา เป็นความรู้สึกที่ไม่ทันระวังตัว รู้อีกทีก็ดึงเอาความรู้สึกดีๆ กลับมาจากคู่กัดคนเก่งไม่ได้แล้ว

นี่เขา...

หยุดชอบเมืองน้ำไม่ได้เลย




(⺣◡⺣)♡*



#ร้อยเมือง



เป็นเรื่องแรกที่แต่งให้เพื่อนพระเอกเป็นพระค่ะ 55555 เมื่อก่อนหลวงพี่สิงหายิ่งกว่ามาวิน (เรื่องสาวๆ) แต่บวชแล้วก็สงบลงเนอะ

ดีใจที่ชอบ ‘ยกเว้นเรื่องคุณ’ นะคะ ❤︎
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2018 23:37:41 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เทคแคร์ดีจังเลยยย

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เทคแคร์ได้ละมุนสุดๆ  :-[

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
พัฒนาไปอีกขั้นเพราะได้หลวงพี่ชี้แนะเลยนะเนี่ย

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
11
ทดลองเป็นน้องชาย










101 :
สวัสดีครับ ผมชื่อร้อยเอกนะครับ
อยู่ปีสาม เป็นน้องคนรู้จักของพี่เมือง
พี่เป็นคนที่แคปข้อความในไลน์กลุ่มคณะเกษตรมาให้พี่เมืองใช่มั้ยครับ


101 :
ผมมีเรื่องจะขอร้อง
อย่าแคปมาให้พี่เมืองดูอีกได้มั้ยครับ
ใครจะว่าพี่เมืองยังไงก็ช่าง พี่อย่าแคปไปให้พี่เมืองอ่านเลยนะครับ


101 :
ไม่รู้พี่จะเข้าใจหรือเปล่า
ผมไม่อยากให้พี่เมืองเครียดกับคำพูดแย่ๆ ของคนอื่น
ถ้าไม่พอใจต้องขอโทษด้วยครับ
ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีนะ
ขอบคุณนะครับที่รับฟัง



จะหาว่าร้อยเอกจุ้นจ้านก็ได้ แต่ถ้าเมื่อคืนไม่ถือวิสาสะไล่ดูข้อความในไลน์ของเมืองน้ำ คงไม่มีทางรู้ว่าเพื่อนที่แคปข้อความในไลน์กลุ่มคณะมาให้พี่เมืองดู ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเพื่อนสนิทที่มีแค่สามคน เขาพยายามไม่ด่วนตัดสินใคร ไล่หาข้อความเก่าๆ เพื่อดูว่าคุยอะไรกับพี่เมืองไปบ้าง เผื่อจะเจอบทสนทนาที่มากกว่าการส่งรูปที่แคปไว้

ไม่มี...

ถ้าเป็นเพื่อนสนิทของเมืองน้ำ ก็ต้องรู้ว่าทุกอย่างที่แคปมาทำให้เพื่อนตัวเองเครียด และควรหยุดสิ่งที่ทำอยู่

แต่นี่...เป็นเพื่อนประสาอะไรวะ

เขาหัวเสียมาก เผลอกำโทรศัพท์อีกคนจนมือสั่น ความคิดตอนนั้นมีแต่ความใจร้อน โมโหที่ต้องมารู้ว่ามีคนแบบนี้อยู่ในชีวิตพี่เมือง อยากดุคนตัวเล็กที่นอนซบไหล่ด้วยซ้ำว่าปล่อยให้เพื่อนคนนี้เข้ามาในชีวิตได้ยังไง

สุดท้ายก็ปล่อยความเลือดร้อนของตัวเองทิ้ง ร้อยเอกส่งคอนแท็กเพื่อนเมืองน้ำเข้าไลน์ของเขา จัดการลบข้อความที่ส่งเพื่อไม่ให้เมืองน้ำรู้ ส่งข้อความไปขอร้องหลังจากกลับมาที่บ้าน ส่งเมืองน้ำเข้านอน และเห็นว่าไฟห้องนอนฝั่งตรงข้ามถูกดับลงแล้ว

เพื่อนพี่เมืองเปิดอ่านแล้ว แต่ไม่มีคำตอบให้เขา ซึ่งก็ไม่ได้หวังว่าจะทำตามในทันที อย่างน้อยๆ อีกฝ่ายก็น่าจะรู้แล้วว่าไม่ควรทำ

ที่สำคัญ พวกที่ชอบเอาเรื่องพี่เมืองมาด่าเสียๆ หายๆ ไม่มีความเคลื่อนไหวในกลุ่มคณะตั้งแต่เขาโพสต์รูป พวกมันคงเห็นว่าเป็นเขา ร้อยเอกที่ต้องเจอในคาบเรียนทุกครั้ง และครั้งก่อนที่พูดเรื่องเมืองน้ำต่อหน้าเขา ก็เกือบถูกเขาเล่นงาน เลยไม่กล้าพิมพ์คำแย่ๆ มาในกลุ่มอีก

ถ้าคนปากเสียพวกนั้นจะไปตั้งกลุ่มแยกเพื่อนินทาโดยเฉพาะ เขาคงห้ามไม่ได้

ที่เขาทำเพื่อเมืองน้ำทั้งหมด ได้ผลลัพธ์เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

ร้อยเอกวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทานข้าว หลังส่งข้อความหาคนตัวเล็ก ดึงสติกลับมาจดจ่อที่กระทะบนเตาไฟฟ้า ทีแรกว่าจะทอดเฟรนช์ฟรายส์สูตรคุณปู่เป็นของว่างในมื้อเช้า แต่โรงปลูกของเขาไม่มีมันฝรั่ง ที่พอเก็บมาทำได้ ก็มีอยู่ไม่กี่อย่าง เลยเก็บคะน้ามาล้างให้สะอาด หั่นเห็นชิ้นเล็กๆ เตรียมวัตถุดิบอย่างอื่นอีกครู่หนึ่ง สุดท้ายความตั้งใจของเขาก็ถูกกลั่นกรองออกมาในรูปของผัดคะน้า

พี่เมืองชอบกินผัก และชอบผัดคะน้าเป็นพิเศษ เขาจำได้แม่นเลยล่ะ

แต่ว่า...

“เวรแล้วกู ลืมหุงข้าว”

ร้อยเอกอยากทึ้งหัวตัวเองแรงๆ เขาตักผัดคะน้ามาจัดใส่จานเสร็จเรียบร้อย หลังจากนี้มันควรเพอร์เฟกต์ตามที่คิดไว้ คดข้าว ยกไปบ้านพี่เมือง ชวนพี่เมืองลงมากินมื้อเช้าในช่วงเกือบเที่ยงด้วยกัน กลับกลายเป็นว่ามัวแต่คิดเรื่องส่งข้อความ เลยขาดองค์ประกอบสำคัญอย่างข้าวสวยร้อนๆ ไป

เอาไงดีวะ...

หิวจะตายแล้ว

“เป็นไรอ่ะ หน้าเครียดเชียว”

คนตัวเล็กที่ยังสวมชุดนอนชุดเดิมเดินเข้ามาพร้อมแววตาสงสัย มองจานผัดคะน้าแล้วอมยิ้มหน่อยๆ ก่อนจะเงยขึ้นมองเขา

“หอมมากเลย นี่ใช่มั้ยที่บอกจะทำให้พี่กิน”

“ใช่ นี่แหละ แต่ผมยังไม่ได้หุงข้าวเลย แม่ก็ไม่อยู่ ไปช่วยพ่อที่กองถ่าย”

คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อย ไม่ส่งเสียงตอบ เหมือนรอให้ร้อยเอกพูดต่อ

“พี่เมืองรอหน่อยได้มั้ย ผมขอหุงข้าวก่อน แป๊บเดียว ครึ่งชั่วโมงก็เสร็จแล้วครับ”

“พี่หุงให้มั้ย ร้อยจะได้ไปนั่งพัก”

“พี่หุงเป็นเหรอ”

พี่เมืองนี่นะ

ทำหน้าตาน่ารักใส่กันตั้งแต่ยังไม่พ้นเที่ยงวันเลย

“ผมไม่ได้ว่านะ ก็เห็นพี่เมืองทำงานบ้านไม่ค่อยเป็น ถ้ามันรบกวนพี่ ผมทำเองก็ได้”

“ไม่รบกวนหรอกน่า แค่หุงข้าวเอง”

ใช่ แค่หุงข้าวเอง งานบ้านง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ แต่กับเมืองน้ำที่แค่ทอดไข่เจียวหมูสับ ยังต้องเปิดกูเกิ้ลดูวิธีทำ ร้อยเอกคิดว่าไม่ง่าย

ฟังกันซะที่ไหน คนตัวเล็กดึงจานผัดคะน้าออกจากมือเขา วางบนโต๊ะอาหาร แล้วเดินไปหยิบหม้อข้าวมาตักข้าวสารเทใส่โดยไม่รอให้เขาปฏิเสธจนหน้างออีกรอบ

ร้อยเอกเดินไปหยิบฝาชีสแตนเลสมาครอบจานผัดคะน้า ก่อนเดินเข้าหาเมืองน้ำที่กำลังเทน้ำจากขวด

“ใส่น้ำเยอะขนาดนั้นพี่จะทำข้าวต้มรึไง”

ว่าจะไม่หงุดหงิดแล้วนะ แต่ดูสิ ดูปริมาณน้ำที่พี่เมืองเทลงไป เยอะเหมือนชีวิตไม่เคยกินข้าวแฉะมาก่อน

“อย่าดุสิ แค่นี้ต้องทำหน้าหงิกด้วย ก็พี่ไม่รู้ว่าข้าวยี่ห้อนี้ต้องใส่น้ำเยอะแค่ไหน ไม่ถึงกับเป็นข้าวต้มหรอกน่า”

“ไม่ถึงกับเป็นข้าวต้มแต่แฉะจนเละเนี่ยนะ”

คนผิวขาวขบริมฝีปาก ไม่กล้าเถียงต่อเพราะกลัวถูกคนเด็กกว่าดุใส่อีกหน ได้แต่มองคนตัวสูงที่สลับอายุกับตัวเองยกหม้อข้าวไปเทน้ำทิ้งเท่านั้น

“ข้าวแต่ละชนิดใส่น้ำไม่เท่ากัน ยี่ห้อที่บ้านผมกินใส่แค่หนึ่งข้อครึ่ง อ้อ พี่เมืองนิ้วสั้น ต้องสองข้อนิ้ว”

“อะไรอ่ะ โดนหาว่านิ้วสั้นเฉยเลย”

ร้อยเอกเกือบหลุดขำ ท่าทางตอนได้ยินเขาบอกว่าเจ้าตัวนิ้วสั้นน่ะน่าเอ็นดูชะมัด

“ปกติพี่หุงข้าวกินเองมั้ยเนี่ย”

“ก็หุง แล้วก็ใส่น้ำเยอะแบบนี้แหละ”

“แฉะมั้ย”

“ก็...แฉะ”

“แล้วทำไมไม่ใส่ให้น้อยลง”

เมืองน้ำเถียงไม่ออก...

“ทีนี้ก็ใส่น้ำให้น้อยลง ถ้าไม่มั่นใจก็มาถาม”

“ขอบคุณนะ แต่แบบ พ่อบ้านมากเลยอ่ะ”

“ยิ้มทำไม เป็นบ้าเหรอ”

เมืองน้ำไม่ตอบ ไม่หยุดยิ้มเช่นเดียวกัน รีบเดินออกมารอที่โซฟาก่อนคนตัวสูงจะเอาเรื่อง ไม่ได้เป็นบ้าหรอก ยังปกติดีทุกอย่าง ที่ยิ้มจนแก้มกลมแบบนี้ เพราะชอบที่ร้อยเอกทำเป็นทุกอย่าง ตั้งแต่งานบ้านจนถึงงานสวนต่างหาก

ถึงจะขี้บ่นไปสักหน่อย แต่มีร้อยเอกคนเดียวก็สบายไปทั้งชีวิตแล้ว

ใครได้เป็นแฟนนี่น่าอิจฉาตายเลย

ก็นะ

อยากให้คนคนนั้นที่น่าอิจฉามากๆ เป็นตัวเองจัง



(⺣◡⺣)♡*



ผ่านพ้นมื้อแรกของวันด้วยเมนูโปรดที่ไม่คิดว่าร้อยเอกจะทำให้ทาน เมืองน้ำตอบแทนคนใจดีแต่ขี้ดุไปสักนิดด้วยการอาสาล้างจานให้ รับรองว่าเรื่องล้างจานต้องไม่ล้มเหลวเหมือนหุงข้าวแน่ๆ พูดอยู่นานกว่าคนตัวสูงจะยอม ไม่รู้จะห้ามทำไมนักหนา กลัวเมืองน้ำทำจานแตกรึไงนะ

บอกแล้วไงว่าเมืองน้ำน่ะฟังบ้างไม่ฟังบ้าง อีกอย่าง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มั่นใจว่าทำได้เต็มร้อยด้วย เพราะงั้นร้อยเอกห้ามไม่ได้หรอก

วันนี้คุณป้าไม่อยู่บ้าน ร้อยเอกรู้สึกเหงา พอเห็นว่าเมืองน้ำจะกลับไปทำงานต่อก็บอกให้รออยู่ชั้นล่างก่อน รอให้น้องเอกวิ่งขึ้นไปหยิบหนังสือเรียนบนห้องนอน ค่อยเดินไปบ้านพี่เมืองพร้อมกัน

“ไอ้เหี้ย!!!”

พอจะรู้มาบ้างว่าเวลาร้อยเอกเล่นเกมน่ะหัวร้อนง่าย บางวันได้ยินเสียงโวยวายมาถึงระเบียงห้อง แต่ไม่คิดว่าจะเดือดดาลถึงขั้นนี้

“มึงรอกู อย่าเพิ่งหนี รอกู”

ริมฝีปากสีสวยจุดยิ้ม สายตาจดจ้องอยู่ที่แอพตัดคลิป และเห็นสีหน้ายุ่งๆ ของร้อยเอกผ่านเงาบนจอแล็ปท็อป มีดังขึ้นเบาๆ หลังนิ้วเรียวทาบบนปุ่มโฮม รู้ทันทีว่าคนที่นอนเล่นเกมอยู่บนโซฟาลงทุนซื้อไอเท็มเด็ดๆ ไปแก้แค้นคู่ต่อสู้แล้ว

ดูเหมือนร้อยเอกจะแก้แค้นสำเร็จ สิบนาทีต่อมาเด็กที่บอกจะมาอ่านหนังสือที่นี่ก็หยิบเลคเชอร์บนโต๊ะด้านหน้าโซฟาไปอ่านเสียที

“พี่เมือง...”

เมืองน้ำหยุดแตะนิ้วบนแทร็กแพด รอคนที่เอื้อมแขนมาหยิบกระดาษซึ่งเขียนด้วยปากกาหลากสีสันพูดต่อ

“ผมเสียงดังมากเลยเมื่อกี้”

“...”

“รบกวนพี่มั้ย”

“ไม่รบกวนเท่าไหร่นะ”

“แปลว่ารบกวน”

เจ้าของคำถามหยิบเฮดโฟนที่ถือติดมือมาด้วยสวมบนศีรษะกลม พร้อมกับเสียบตัวเชื่อมเข้ากับ Macbook Pro โดยที่เมืองน้ำยังไม่ทันได้ตอบ

อยู่ดีๆ ก็เจอแบบนี้ จะตอบต่อยังไงไหว

ได้แต่นั่งบังคับหัวใจไม่ให้เต้นแรงไปมากกว่านี้

“รุ่นนี้กันเสียงพอสมควร ถ้าไม่โอเคบอกได้นะ บนห้องมีอีกหลายรุ่น กันเสียงกว่านี้อีก”

เมืองน้ำไม่มีสมาธิตัดต่องานแล้วเห็นมั้ย ทำไมต้องมาพูดใกล้ๆ กันด้วย

“อือ ร้อยเอกอ่านหนังสือเถอะ”

“ครับ”

ชอบมาก ชอบคำว่า ‘ครับ’ จังเลย

เมืองน้ำเกือบกลั้นหายใจไม่ไหวในตอนที่ลมอุ่นๆ จากปลายจมูกโด่งรินรดข้างใบหน้า แก้มเนียนมีสีแดงจางระบายอยู่ และยิ่งแดงมากขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าตัวเองบนจอแล็ปท็อป

น่าเกลียดชะมัด

น่าเกลียดมากๆ

รู้ว่าเขิน แต่เขินแล้วทำหน้าตาแบบนี้ ไม่โอเคเอาซะเลย

“พี่เมือง”

“...”

“วันนี้จะได้งานมั้ย ทำงานสิพี่ นั่งก้มหน้าอยู่ได้”

“พี่รู้แล้วน่าๆ เสียงเข้มเชียว”

“พี่เมือง”

“เสียงเข้มอีกแล้ว”

“อยากโดนบีบปากก็ลองล้ออีกที”

“ซาดิสต์”

“ไม่โดนด่านานละ รู้สึกมีแรงอ่านหนังสือ”

“ประสาท”

“ด่าเบาไปอ่ะพี่เมือง ขอแรงๆ กว่านี้อีก”

“โอ๊ยย! ไม่อยากคุยแล้ว”

ใครมีวิธีระงับความเขินกระซิบบอกเมืองน้ำที

เมืองน้ำกลั้นยิ้มจนแก้มจะแตกอยู่แล้ว



(⺣◡⺣)♡*



Meungnam Charming Boy
Today, 13:15 น.

มีใครทันไลฟ์บ้างครับ ห้องไม่ได้จัดก็จะรกๆ หน่อย แต่ก็หายคิดถึงกันใช่มั้ย
ใครไม่หายคิดถึงไม่รู้ แต่เมืองอ่ะหายคิดถึงสุดๆ เลย
ใกล้สอบมิดเทอมแล้ว ใครที่อ่านหนังสือก็สู้ๆ นะครับ
อย่าหักโหม อย่าอ่านจนเช้า หาเวลาพักสายตาบ้างเนอะ
เป็นห่วง ❥



“พี่เมืองไม่ใช่สเป็ก ไม่ใช่สเป็กก็ไม่คิดจะจีบ ไม่มีโอกาสชอบ เห้ออออ พูดเป็นพระเอกนิยาย มาวันนี้กัปตันกลับลำซะแล้ว”

ร้อยเอกกลอกตากับเสียงเพื่อนรักที่ดังขึ้นขัดบรรยากาศดีๆ ของเขา มุมปากที่ยกยิ้มกับข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์กลายเป็นเส้นตรง พร้อมลมหายใจหนักๆ ที่แสดงถึงความเบื่อหน่าย

“ยิ้มจนปากจะฉีก พอกูแซวนี่หน้าหงิกเลยนะ ใช่ซี้ ก็กูไม่ใช่พี่เมืองที่จะได้รอยยิ้มจากมึงทุกวัน”

“รู้แล้วก็เจียมตัวสิ ไม่ใช่มาพร่ำเพ้อใส่กู”

“ไอ้ร้อย ไอ้เชี่ย มึงนี่มัน ออกตัวแรงสัส เอาซะไม่เหลือหน้าที่ชิปเปอร์ให้กูเลยนะ”

หน้าที่ชิปเปอร์เหรอ หน้าที่ที่มาวินพูดมันจบตั้งแต่ปิดปากเงียบ ไม่ยอมบอกเขาว่าเมืองน้ำชอบใครนั่นแล้ว ร้อยเอกไม่ได้เคืองเพื่อนตัวเองหรอกนะ แต่ทุกๆ ครั้งที่มาวินชงเขากับพี่เมือง สมองก็จะคิดตลอดว่าพี่เมืองมีคนที่ชอบแล้ว ทำไมเพื่อนรักยังชงแบบไม่มีวันหยุดราชการอยู่อีก

ใช่ เขาชอบพี่เมืองที่พูดนักพูดหนาว่าไม่ใช่สเป็ก เขาย้อนแย้ง เขากลืนน้ำลายตัวเอง แต่แล้วไงต่อ ในเมื่อคนมันชอบไปแล้ว จะให้ร้อยเอกทำยังไง

บอกแล้วไงว่าทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำคะแนนให้พี่เมืองชอบเขามากกว่าคนในใจคนนั้น

ถ้าได้เจอจะสะกดรอยตาม อยากรู้นักว่าทำยังไงถึงทำให้พี่เมืองหลงชอบได้

“กูจะกลับบ้านเลยนะ วันนี้เล่นเกมได้แป๊บเดียว ไม่ว่างว่ะ” ร้อยเอกปิดฝาปากกา ก่อนจะเก็บสมุดและอุปกรณ์การเรียนทุกชิ้นใส่กระเป๋าสะพาย เว้นแต่โทรศัพท์ที่ยังวางไว้บนโต๊ะ

มหา’ลัยอื่นต้องมาเรียนก่อนวันสอบมิดเทอมหรือเปล่า ไม่แน่ใจ แต่สำหรับเขา ต้องมาแบ่งหน้าที่ในงานกลุ่มที่จะทำหลังมิดเทอมตั้งแต่เช้า โชคดีที่พายุไม่เข้ากรุงเทพฯ วันนี้ ฝนไม่ตก อากาศปลอดโปร่งเหมือนอยู่คนละฤดูกับเมื่อวาน รอยยิ้มบนใบหน้าเขาจึงเกิดขึ้นได้ง่ายๆ

“เป็นไรไม่ว่าง ปกติมึงไม่เคยขาดเลยนะ”

“ก็ไม่ว่างไง กูก็มีธุระมั้ยล่ะ”

“มีธุระหรือติดใครเอ่ย กูเห็นนะ มึงนั่งดูไลฟ์พี่เมืองอ่ะ”

ไม่ใช่เพราะอากาศดีอย่างเดียวหรอก เพราะไลฟ์ในเพจเมืองน้ำด้วยต่างหาก

อยากลองใช้ชีวิตแฟนคลับ ก็เลยกดติดตามเพจและเปิดดูไลฟ์ที่เด้งขึ้นมาตอนพักเที่ยงพอดี หลังจากนั้นก็อารมณ์ดีลากยาวมาถึงตอนนี้

เมืองน้ำพูดคนเดียวเป็นชั่วโมงได้ยังไง น้ำเสียงนุ่มๆ กับสำเนียงยามอธิบายโครงสร้างแกรมม่าภาษาอังกฤษให้เจ้าของคอมเมนต์ที่ขอเรื่องนี้ฟัง

โคตรน่ารักเลยว่ะ

“มึงหยุดโยงพี่เมืองสักประโยคได้มั้ย รำคาญ”

“รำคาญพี่เมืองเหรอ กูจะฟ้องพี่เมือง”

“รำคาญมึงนั่นแหละไอ้เวร”

“อุ้ย...” เกลียดท่าทางสะดีดสะดิ้งของมาวินชิบเป๋ง “จ้าๆ ถ้าจะไปทำธุระก็ไปเถอะพ่อหนุ่ม กูก็ว่าจะกลับแล้วเหมือนกัน มีนัดกับสาว”

“จะไปไหนก็ไปไป๊”

“ท่าทีและน้ำเสียงขึงขังน่ากลัวจัง ไม่นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนตอนตกหลุมรักพี่เมืองเลย

“เอาตีนกูมั้ย”

“ไม่! ไอ้เวร ไอ้คนหยาบคาย ไอ้พระเอกตบจูบ อย่าทำกู๊ กูไปแล้ววว!”

วอนจริงๆ

ร้อยเอกถอนหายใจหนักๆ ตามหลังเพื่อนตัวดีที่วิ่งหนีเขา ไม่ทันได้ถีบจังๆ มาวินก็วิ่งเตลิดเปิดเปิงหนีเขาไปแล้ว เขาก้าวออกจากห้องเรียนเกือบคนสุดท้าย เดินตรงไปยังร้านขายชานมไข่มุกตรงหัวมุมใต้ตึกคณะ รู้สึกโล่งใจเมื่อเหลือเมนูที่เขาต้องการ อากาศอบอ้าวแบบนี้ ถ้าไม่หมดตั้งแต่หัววัน ก็ต้องหมดก่อนเขาเลิกเรียน

“เอานมเย็นครับลุง ใส่ไข่มุกเยอะๆ เลยนะครับ”

ลุงคนขายทำหน้างง แต่ก็ชงนมเย็นให้เขาโดยดี ร้อยเอกซื้อน้ำร้านนี้ตั้งแต่ปีหนึ่ง เรียกว่าสนิทกับลุงคนขายเลยก็ได้ และเขาไม่ค่อยชอบกินนมเย็น มันค่อนข้างเลี่ยนเพราะลุงใส่นมข้นเยอะ แต่เห็นเมืองน้ำบ่นว่าอยากกินในไลฟ์ ก็...ซื้อไปฝากสักหน่อยแล้วกัน

หวังว่านมเย็นที่เขาซื้อกลับไปฝากจะไม่ละลายกลางทางหรอกนะ

ข้อความที่เขาส่งไปเมื่อชั่วโมงก่อน เมืองน้ำยังไม่อ่าน ฉะนั้นตอนนี้ที่ซื้อชานมใส่ไข่มุกให้คนโตกว่าเสร็จแล้ว ร้อยเอกจึงใช้โทรหาแทนพิมพ์ข้อความในแชทไลน์

ให้ตาย...

ทำอะไรอยู่นะ รับช้าชะมัด

[ว่าไง...]

คิ้วเข้มเคลื่อนเข้าหากัน พร้อมความสงสัยที่ปรากฏโดยไม่รู้ตัว

[เมื่อกี้รถไฟฟ้าวิ่งเสียงดังมาก ก็เลยไม่ได้ยินเสียงริงโทน]

“ไม่ได้อยู่บ้านเหรอ มีเสียงคนเยอะแยะเลย”

[ไม่ได้อยู่ ออกมาข้างนอก มาหาพ่อ...]

เสียงพี่เมือง...

ไม่รู้คิดมากไปเองหรือเปล่า แต่ถ้าไม่โทรหา อ่านแค่ข้อความ เขาอาจไม่รู้เลยว่าโทนเสียงตอนเมืองน้ำพูดถึงพ่อดูแปลกไป

พ่อของเมืองน้ำทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องจักร ท่านมีความจำเป็นต้องดูแลการทำงานของลูกน้องอย่างใกล้ชิด กลับมาบ้านอาทิตย์ละหน หรือบางครั้งสองอาทิตย์ต่อหนึ่งครั้ง แต่พักนี้ จริงด้วย...เพราะเขาไม่ได้สังเกต เลยเพิ่งเอะใจว่าไม่เห็นคุณอามาหลายเดือนแล้ว

อีกอย่าง เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัวของเมืองน้ำ

เขาไม่กล้าก้าวก่าย

“พี่เมืองโอเคมั้ย”

[พี่โอเค เนี่ยเดี๋ยวจะกลับบ้านแล้ว ร้อยเลิกเรียนแล้วเหรอ]

“เลิกแล้วๆ ผมซื้อนมเย็นใส่ไข่มุกไปฝากพี่เมืองด้วยนะ”

[รู้ได้ไงว่าพี่อยากกิน]

“เห็นพี่พูดในไลฟ์”

[เดี๋ยวนะ แปลว่าร้อยเอกดูไลฟ์พี่เหรอ]

“เพื่อนมันเปิด ผมไม่ได้ตั้งใจดู”

นี่ร้อยเอกไปเอาวิชาโกหกหน้าตายมาจากไหน ในหลักสูตรมีสอนหรือไง

ตลกตัวเองเป็นบ้า

[อ่ะเชื่อๆๆ เชื่อก็ได้]

ส่วนคนนี้ก็น่าหยิกแม้กระทั่งตอนไม่เห็นหน้ากัน

ทำได้ไงวะ

“พี่อยู่ห้างไหน”

[พารากอน]

“ผมต้องไปเซ็นทรัลเวิลด์ ต้องไปซื้อของเข้าบ้านให้แม่ ไปซื้อของกับผมมั้ย”

[…]

“นะ พี่เมือง เหงาอ่ะ อยากมีเพื่อนเดิน”

[มาวินไง]

“ไม่เอา ไม่อยากไปกับมัน มันกลับบ้านไปแล้วด้วย เหลือแต่ลุงคนขายชานมเนี่ย จะให้ผมไปกับลุงเหรอ ลุงก็ต้องขายของป้ะ รบกวนลุงเปล่าๆ อย่าใจร้ายดิ”

[โอ๊ยๆ มาเป็นชุดเลย] ร้อยเอกมั่นใจว่าได้ยินเสียงหัวเราะหน่อยๆ จากคนปลายสาย เท่านั้นปากก็พลันยกยิ้ม [พี่เดินเล่นรอนะ พาไปโคเรียทาวเว่อร์ด้วยสิๆ อยากกินเคียวโชน]

“เคยกินน้อยสักวันมั้ย”

[งั้นไม่รอละ กลับบ้านเลยแล้วกัน]

“ได้ไงอ่ะพี่เมือง”

[ตกลงจะพาไปมั้ยเนี่ย]

“ผมพูดว่าไม่ไปรึยังล่ะ ถึงรถพอดี แค่นี้ก่อนนะครับ แล้วเจอกัน”

ยังไม่ต้องเล่าให้ฟังก็ได้ อย่างน้อยคำพูดกวนๆ ของเขาก็ทำให้เมืองน้ำอารมณ์ดี

แค่นี้ก็พอใจแล้ว



(⺣◡⺣)♡*



ตอนได้ยินร้อยเอกบอกว่าจะซื้อของใช้เข้าบ้านให้แม่ เมืองน้ำคิดว่าจะซื้ออุปกรณ์งานช่างภายในบ้าน หรือของจำพวกที่ถ้าให้ผู้ชายเป็นคนเลือก จะถนัดกว่าผู้หญิงเลือกเอง

เมืองน้ำคิดผิด พอมาถึงห้างสรรพสินค้า ร้อยเอกก็กดลิฟต์ขึ้นมาชั้นซูเปอร์มาร์เก็ต ดึงรถเข็นจากจุดบริการ และเดินเข้าล็อกนั้นที ล็อกนี้ที ถือโทรศัพท์ซึ่งเปิดรายการสินค้าที่ลิสต์ไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างใช้ดันรถเข็นและเอื้อมหยิบของที่ต้องการบนเชลฟ์

คนตัวสูงเลือกของเข้าบ้านเก่งมาก เก่งกว่าเมืองน้ำเสียอีก เมืองน้ำมีหน้าที่แค่เดินตามเฉยๆ มองร้อยเอกในชุดนักศึกษา ปล่อยชายเสื้อไว้นอกกางเกง ถอดเนคไททิ้งไว้บนรถ ร่นแขนเสื้อขึ้นมาครึ่งหนึ่ง ผมสีเข้มที่เซตเป็นทรงเริ่มหลุดลุ่ย แต่ไม่มากนัก ถึงอย่างนั้นก็ยังน่าชม

ถ้าร้อยเอกเป็นคนดังในโซเชียล ต้องมีแมวมองติดต่อให้ไปแคสติ้งละครแน่ๆ โครงหน้าจัดอยู่ในไทป์พระเอกซีรีส์ซะขนาดนี้

“อยากกินอะไรอีกมั้ย”

“ทำไมเหรอ”

จากที่ยืนปกติก็ราวได้ยืดตัวขึ้นเมื่อคนตัวสูงส่งเสียงถาม ร้อยเอกละความสนใจจากการพิจารณาความคุ้มค่าของสินค้าที่ถืออยู่ มองคนตัวเล็กที่เปลี่ยนตำแหน่งจากด้านหลังมายืนเกาะรถเข็นของเขา

“เปล่า ไม่มีอะไร ถามเฉยๆ”

“อ้าว”

“ผมล้อเล่น” วาดยิ้มจางๆ กับลูกหมาหูลู่ที่พลันหูตั้งขึ้นมาอีกครั้ง “หมายถึงถ้าพี่อยากกินอะไรนอกจากเคียวโชนไง จะได้ทำให้กิน”

เมืองน้ำนึกว่าจะถามเฉยๆ ถามไปงั้นจริงๆ ซะอีก นมเย็นที่ร้อยเอกซื้อมาให้ เมืองน้ำดื่มหมดตั้งแต่บนรถ โดนหาว่ากินดุด้วย คนกินดุต้องกินเยอะกว่านี้สิ ตอนนั้นรู้สึกหิวมากก็เลยกินนมเย็นรองท้องไปก่อนแค่นั้นเอง แล้วถ้าเมืองน้ำกินน้อย หรือเลือกไม่กินของที่ร้อยเอกซื้อให้เลย พนันมั้ยล่ะว่าร้อยเอกจะไม่ว่าอะไรเมืองน้ำอีก

เปลี่ยนจากคนกินดุเป็นคนใจร้ายมากแน่นอน

“พี่เอาอะไรก็ได้ แล้วแต่ร้อยเอกเลย กินทุกอย่างนั่นแหละ ได้หมด”

“คนหรือเครื่องย่อยอาหาร”

ร้อยเอกเบี่ยงตัวหลบมือเล็กที่เตรียมจะฟาดไหล่เขา กลับมายืนองศาเดิมเมื่อมือขาวลดลงวางบนขอบรถเข็น

“เห็นช่วงนี้พี่กินไก่ทอดบ่อย งั้นผมซื้อแป้งทอดกรอบไปไว้ทอดไก่ให้พี่กินดีกว่า” พูดพลางเลี้ยวรถเข็นเข้าล็อกที่มีวัตถุดิบที่ต้องการ

“ไม่กลัวพี่อ้วนเหรอ ให้กินแต่ของทอด”

“อันนี้พี่ต้องถามตัวเองป้ะ กินเยอะอย่างกับองค์ลง”

“พี่ก็กินปกตินะ”

“ไม่อ่ะ ไม่ปกติ”

“ร้อยเอก”

เมืองน้ำเปลี่ยนตัวเองจากลูกหมาเป็นลูกหมูได้ด้วย ดูสิ ลูกหมูของเขากำลังทำหน้าโกรธอยู่ล่ะ

ถ่ายรูปไปประมูลในเพจคงได้หลายหมื่น เอามาซื้อของกินให้ลูกหมูต่อดีมั้ยนะ

“พี่เมือง”

“อะไร”

“งอนเหรอ”

“แล้วแต่จะคิด”

งอนชัวร์

“อย่างอนเลยนะ โอ๋เอ๋~”

“เกลียดโอ๋เอ๋”

เกลียดมาก เกลียดตรงที่ร้อยเอกทำหน้าทำตาประกอบตอนพูดคำนี้

อยากเอามือตีปาก

“แต่พี่ไม่ได้งอนจริงๆ กำลังคิดอยู่ว่าจะกินอะไร เอาไก่ทอดก็ได้ ขอน่องไก่เยอะๆ เลยนะ เอาแบบกรอบๆ จะกินให้หมดเลย”

“รีเควสเก่งอีกละ”

“แล้วจะทำมั้ย ไม่ทำก็ไม่ต้องทำ พี่ไปซื้อกินเองก็ได้”

“พี่เมืองอย่าตีความไปเองได้มั้ย หลายรอบแล้วนะ ผมยังไม่พูดอะไรเลยเนี่ย”

“เหรอๆๆๆ”

“พี่เมือง”

เมืองน้ำเวอร์ชั่นมารร้ายกลับมาแล้ว แถมยังเป็นมารร้ายที่อยากจะปราบสุดๆ เลยด้วย

คอยดูเถอะ สักวันจะร้ายไม่ออกเพราะทำให้เขามันเขี้ยวบ่อยๆ

ร้อยเอกหยิบแป้งทอดกรอบ พร้อมด้วยเกล็ดขนมปังใส่รถเข็น ตั้งแต่เจอหน้ากัน เมืองน้ำดูผ่อนคลายขึ้นมาก โทนเสียงแปลกๆ ที่ได้ยินตอนคุยโทรศัพท์ไม่เหลือให้ได้ยิน เหมือนไม่เคยเกิดขึ้น แต่เขาที่แอบสังเกตเมืองน้ำตลอด มั่นใจว่าสิ่งที่คิดไม่ใช่แค่คิดไปเอง

เมืองน้ำ...ชอบเก็บทุกอย่างไว้คนเดียวจริงๆ

“ร้อยเอกนี่เก่งงานบ้านเนอะ”

“ไม่ขนาดนั้น แต่ก็ทำเป็นบ้าง ที่ทำได้ทุกวันนี้ก็จำมาจากพ่อบ้าง แม่บ้าง พี่พันก็ด้วย แต่ส่วนมากก็จำมาจากปู่”

“อบอุ่นดีจัง”

เมืองน้ำพูดโดยไม่มองหน้าเขา อยู่ดีๆ ก็เงียบเสียงจนเขาต้องสะกิดไหล่นุ่มเบาๆ

“พี่เมือง...”

“...”

“เป็นอะไรรึเปล่า”

“เปล่าๆ” ส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะเงยมองเขา คนตัวเล็กสูดลมหายใจ คล้ายเรียกพลังให้ตัวเอง “เมื่อก่อนพี่ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกคนที่มีพี่น้องไง เพราะเป็นลูกคนเดียว พอนึกถึงบ้านร้อยเอกที่มีคุณลุง คุณป้า อาจารย์พันเอก น้องสิบ แถมยังมีคุณปู่ที่ร้อยดูรักมากๆ ก็เลยคิดว่าครอบครัวร้อยอบอุ่นดี”

ก็คงได้ผล เพราะเมืองน้ำกลับมาเป็นปกติแล้ว

แต่ให้ตายเถอะ

เขาเป็นห่วงพี่เมืองชะมัด

“ผมเป็นน้องชายให้เอามั้ย”

“…?”

“ลองดู พี่จะได้เข้าใจความรู้สึกเวลามีน้อง”

“มีน้องแบบร้อยเอกเนี่ยนะ”

“ทำไม น้องแบบผมแล้วทำไม”

“เห็นจากอาจารย์พันเอกแล้วคงปวดหัวน่าดู”

“ปวดหัวก็กินยาดิ จะทนปวดทำไมอ่ะ”

“ก็เนี่ย ตัวอย่างความปวดหัว”

เราหัวเราะออกมาพร้อมกัน เป็นเสียงหัวเราะที่ร้อยเอกชอบ

“ก็ได้ๆ ทดลองเป็นน้องชายพี่ดูก็ได้ สักสามเดือนแล้วกัน เริ่มพรุ่งนี้เลยมั้ย”

“ไม่เอาอ่ะ นานไป เริ่มวันนี้เลยดิ”

“นี่ก็เร็วไปป้ะ”

“งั้นเริ่มตอนสามทุ่มมั้ยล่ะ เจอกันตรงกลาง”

“ก็ได้ ดีล”

“ดีลง่ายๆ งี้เลย?”

“หรือจะเอาพรุ่งนี้”

“สามทุ่มก็สามทุ่มดิ”

ไหนๆ ก็ปรับสถานะจากคู่กัดคู่แกล้งมาเป็นคู่กัดเสินเจิ้น และเปลี่ยนมาเป็นน้องชายระยะทดลองแล้ว ต่อไปขอมากกว่าน้องเลยได้มั้ย

“มาเกี่ยวก้อยก่อน”

“ต้องทำด้วยเหรอ”

“ต้องทำดิ เวลาผมสัญญาอะไรกับพี่พัน ก็เกี่ยวก้อยทั้งนั้นแหละ มาเร็ว”

“ก็ได้ๆ น้องเอกก็คือน้องเอกจริงๆ”

“เดี๋ยวจะโดน”

น้องที่มากกว่าน้อง น้องที่พี่เมืองไว้ใจ

น้องที่เป็นที่พักพิงให้คนคนนี้ได้

น้องที่จะทำให้พี่เมืองไม่ต้องคิดถึงเรื่องเครียดๆ เวลาอยู่ด้วยกัน

ร้อยเอกอยากเป็นคนนั้น คนที่เมืองน้ำยอมให้เดินเข้าไปในพื้นที่ของตัวเอง




(⺣◡⺣)♡*



#ร้อยเมือง




น้องเอกไม่อยากเป็นน้องค้าบพิเมือง /)_(\
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2018 23:38:34 โดย ErrorPOP »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
พ่อพี่เมืองเป็นอะไรอ่ะ ป่วย?

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มาไกลนะร้อยเอก จากศัตรู มาเป็นกัปตันเรือ ตอนนี้เป็นน้องชาย ใกล้ถึงฝั่งฝันแล้ว :m20:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ todiefor

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 204
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
เรื่องนี้ดี๊ดี น่ารักมากกก อ่านรวดเดียวหมดเลยยยยยยย
รอมาต่อนะคะ

ออฟไลน์ Josett

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว แงงงง ชอบอะน่ารักมากก

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
สถานะเยอะจริงๆ รอดูตอนเป็นแฟนกันแล้วววว
 :katai2-1:

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
ต้องไปถามพี่พันว ่าจริงป่ะ น้องร้อยเกี่ยวก้อยสัญญากับพี่พัน 5555

ออฟไลน์ ErrorPOP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
12
เราสนิทกัน



เมืองน้ำบอกเขาว่าเกลียดคำว่า ‘โอ๋เอ๋’

ไม่ชอบแต่เอาคำนี้ไปหลังชื่อไลน์ของเขา จาก 101 เฉยๆ กลายเป็น ‘101 โอ๋เอ๋’

ตอนเห็นจากจอโทรศัพท์เจ้าตัว ได้แต่ถามตัวเองในใจว่าได้เหรอ ไม่ชอบแต่เอาไปตั้งชื่อไลน์ร้อยเอก ได้จริงๆ ใช่มั้ย

แต่เห็นพี่เมืองดูชอบ และเขาก็ชอบที่เห็นว่าอีกคนอมยิ้มตอนเขาแกล้งโวยวายเรื่องนี้ ถ้าพี่เมืองชอบ คำถามที่ว่าได้เหรอ คำตอบก็กลายเป็น ‘ได้’ ขึ้นมาทันที

โคตรลำเอียง

แต่ยอมรับนะว่าตัวเองลำเอียงจริงๆ

“มานี่เลยๆ”

แม้เราจะทะเลาะกันมาตลอด แต่ร้อยเอกคิดว่าความสัมพันธ์ของเขากับเมืองน้ำเป็นความเรียบง่ายมาตั้งแต่ต้น ดังนั้นช่วงแรกของการทดลองเป็นน้องชาย จึงไม่มีความพิเศษใดๆ เกิดขึ้น ในความไม่หวือหวานี่แหละ ที่พิเศษสำหรับเขา

ศึกหนักที่เรียกว่ามิดเทอมยังไม่จบง่ายๆ ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตัวเอง เหนื่อยหน่อย แต่ถ้ามีชีวิตรอดจากศึกครั้งนี้ได้ ร้อยเอกก็คิดว่าคุ้ม

เทอมหน้าเป็นเทอมแห่งการฝึกงาน เดาได้เลยว่าพี่เมืองต้องเหนื่อยมากกว่านี้ และคงไม่มีเวลาเจอกันเยอะๆ เหมือนตอนนี้แล้ว

แค่คิดว่าจะไม่ได้เจอพี่ชายปลอมๆ ของตัวเองบ่อยๆ ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

ของอแงเรื่องนี้ได้มั้ย

คำตอบคือไม่ได้ เพราะงั้นตอนนี้ที่เหลือเวลาอีกแค่ครึ่งเทอม น้องชายระยะทดลองเลยต้องรีบทำคะแนนสักหน่อย

“คนดูแลแกตื่นรึยังไม่รู้ นอนดึกทุกวัน โคฟเว่อร์เป็นนกฮูกเหรอ”

วันนี้สิบเอกไม่ทันรถโรงเรียนอีกแล้ว เดือดร้อนให้เขาที่นอนไปแค่สี่ชั่วโมงต้องขับรถไปส่ง ร้อยเอกเห็นถุงกาแฟแขวนอยู่ตรงรั้วบ้านตอนกลับมาถึง มีโน้ตสั้นๆ ที่เขียนว่า ‘กลัวน้องชายง่วง’ แปะไว้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครทำให้เขายิ้มได้ตั้งแต่เช้า

ร้อยเอกนำแก้วกาแฟของเมืองน้ำไปแช่ตู้เย็น ขึ้นไปนอนให้หายเวียนหัว และลงมาเติมพลังดีๆ จากรสชาติหวานขมหลังตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

เขานั่งอ่านหนังสืออยู่ชั้นล่างเกือบครบชั่วโมง คิดถึงโรงปลูกเลยพับหนังสือแล้วคีบรองเท้าแตะเดินมาด้านหลัง เห็นกระถางต้นไม้ที่เมืองน้ำย้ายกลับมาจุดเดิมตั้งแต่วันที่คืนดีกันเลยลากสายยางมารดน้ำให้

“โตไวจังนะเราน่ะ เพราะฝนตกบ่อยล่ะสิ”

ใช่ เขาคุยกับต้นพลูด่างของพี่เมืองอยู่

เขาเชื่อว่าการพูดกับต้นไม้บ่อยๆ เทคแคร์เหมือนคนในครอบครัวจะทำให้ต้นไม้โตเร็ว ที่สำคัญ การทำแบบนี้ถือเป็นการเพิ่มพลังบวกให้ตัวเอง ถ้าคนอื่นมีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนคลายเหงา เขาก็มีต้นไม้เป็นเพื่อนคู่ใจเหมือนกัน

ร้อยเอกหยุดแรงกดบนหัวฉีด วางกระถางพลูด่างบนชั้นไม้ พาดสายยางบนรั้วกั้น ก่อนจะหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาถ่ายผลงานตัวเอง


101 :
(send a photo.)
อาบน้ำให้น้องแล้ว
ชุ่มฉ่ำไปหมด


m.nam ☆° :
ขอบคุณนะะ
น่ารักจัง
หมายถึงพลูด่าง


101 :
ตอบไวอ่ะ
แล้วผมไม่น่ารักอ่อพี่เมือง
ใช่สิ


m.nam ☆° :
อะไรเล่า -.-;;



เคยได้ยินคำว่ามีเสียงดังมาจากข้อความมั้ย ตอนนี้ร้อยเอกกำลังสัมผัสอะไรแบบนั้นอยู่ล่ะ

ไม่ใช่แค่เสียง แต่นึกภาพออกเลยต่างหาก



101 :
อย่าทำหน้ามุ่ยดิ
หน้ามุ่ย = แก่เร็ว


m.nam ☆° :
มุ่ยตรงไหน!
รู้ได้ไงว่าแก่!
เพิ่ง 22 เองป้ะ


101 :
ครับๆๆๆ


m.nam ☆° :
-*-!!!!


101 :
แล้วพี่ไม่นอนต่อเหรอ เมื่อคืนนอนดึกนะ


m.nam ☆° :
นอนแล้วๆ พี่เพิ่งตื่น กำลังแต่งตัว ตอนบ่ายจะไปงานอีเว้นท์


101 :
พักบ้างเถอะคุณ
เดี๋ยวงานนั้นเดี๋ยวงานนี้ วิ่งวุ่นเป็นหนูติดจั่นแล้ว


m.nam ☆° :
รับงานไว้นานแล้วอ่ะ ไม่อยากปฏิเสธ ไหนๆ ก็เชิญมาแล้ว
ไปด้วยกันมั้ย เป็นงานแฟชั่นโชว์ นั่งดูเฉยๆ แต่สนุกดีนะ


101 :
ผมไม่ค่อยชอบงานแบบนี้อ่ะ วุ่นวาย


m.nam ☆° :
พี่มีบัตรสองใบ ใบนึงของตัวเอง อีกใบยังไม่รู้เลยว่าจะชวนใครไป
ถ้าร้อยไปก็จะได้นั่งด้วยกันนะ


101 :
ได้นั่งด้วยกันด้วย?
งั้นขอคิดก่อนละกัน เดี๋ยวให้คำตอบ



ร้อยเอกสอดโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงวอร์ม ดึงสายยางมาเก็บให้เรียบร้อย ก้าวเข้าประตูหลังบ้านเพื่อเดินขึ้นห้องนอน ร่างสูงตรงเข้าหาตู้เสื้อผ้า แล้วเปิดออกโดยไม่รอช้า

ร้อยเอกไม่ใช่คนสนใจเรื่องแฟชั่น เขาแต่งตัวไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ เสื้อผ้าทุกชิ้นมีแต่ดีไซน์ธรรมดา ชิ้นไหนที่มีสีสันล้วนแล้วแต่เป็นเสื้อผ้าที่ครอบครัวเลือกให้ นั่นทำให้เขาคิดไม่ตก

แต่เดี๋ยวนะ...

“ไหนบอกขอคิดดูก่อนไงวะกู”

หัวใจมักไวกว่าความคิดเสมอ ถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องของเมืองน้ำ

นี่แหละคำนิยามความเป็นร้อยเอกในตอนนี้



(⺣◡⺣)♡*



ตอนที่ชวนร้อยเอกไปด้วยกัน ไม่ได้คิดหรอกว่าเจ้าตัวจะโอเค เมืองน้ำเข้าใจเรื่องที่ร้อยเอกไม่ค่อยชอบสายงานที่เมืองน้ำทำอยู่เท่าไหร่ แต่เพราะต้องออกไปข้างนอก ยังไงคนตัวสูงก็ต้องขอไปส่งอยู่แล้ว ก็เลยลองชวนดู

ไม่มีอะไรเหมือนเดิมเสมอไปหรอก

‘ผมไปนะ ออกจากบ้านกี่โมง’

ขนาดคนที่ทำท่าเหมือนจะปฏิเสธ ยังตอบตกลงได้เลย

ประตูเล็กข้างรั้วถูกล็อกอย่างแน่นหนา พร้อมรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าน่ารัก เมืองน้ำสวมกางเกงยีนเนื้อดี เสื้อเชิ้ตสีขาว สวมทับด้วยเสื้อแจ็คเกตขนาดพอดีตัว เช็กความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกาย มั่นใจแล้วว่าไม่มีส่วนไหนประดักประเดิดจนไม่เหมาะสมกับงานแฟชั่นจึงก้าวไปหยิบกุญแจสำรองบ้านข้างๆ จากที่ซ่อนที่เจ้าของบ้านบอกไว้ตั้งแต่วันที่มากินข้าวเช้าด้วยกัน

คุณลุงคุณป้าไม่อยู่บ้าน น่าจะทำงานอยู่กองถ่ายซีรีส์อีกตามเคย น้องสิบไปโรงเรียน อาจารย์พันเอกก็ต้องทำงาน เหลือแต่เด็กตัวสูง

เงียบพอๆ กับบ้านเมืองน้ำเลยแฮะ

ร้อยเอกไม่อยู่ด้านล่าง ไม่ทันประมวลผลก็ได้ยินเสียงทุ้มๆ ดังมาจากด้านบน คนตัวเล็กเปลี่ยนจุดหมายเป็นบันไดทางขึ้นชั้นสองทันที

เมืองน้ำไม่เคยขึ้นไปบนห้องนอนร้อยเอก แม้เราจะรู้จักกันมานานก็ตาม ร้อยเอกเอง ก็เพิ่งจะเข้าไปในห้องนอนเมืองน้ำในช่วงหลังที่เราไม่ค่อยทะเลาะกันแล้วนี่เอง

“ร้อย...”

ตื่นเต้นแปลกๆ แฮะ

“แต่งตัวอะไรเนี่ย”

เมืองน้ำไม่ตั้งใจทำให้ร้อยเอกเสียความมั่นใจหรอกนะ ไม่มีเจตนาแอบแฝงแบบนั้นเลย แค่แปลกใจเพราะไม่เคยเห็นคนตัวสูงแต่งตัวแบบนี้

ฮู้ด Supreem สีแดงสด กางเกงยีนขายาวสีน้ำเงิน หมวกสีเหลือง คาดกระเป๋าใส่ของไว้ตรงอก ผ้าพันคอไหมพรม แล้วก็สวมแมสลายเท่ๆ อีกหนึ่งชิ้น

“แฟชั่นไงพี่เมือง”

คำตอบของคนที่ดึงแมสออกจากหน้าเล่นเอาเมืองน้ำอมยิ้ม ที่จริงก็พอไหว แต่ผิดธีมงานไปหน่อย ถ้าให้ร้อยเอกไปในสภาพนี้ ต้องเป็นจุดเด่นของงานแน่ เผลอๆ อาจเด่นยิ่งกว่านายแบบบนแคทวอล์กเสียอีก

“ยิ้มอะไรล่ะ นี่ก็พยายามสุดๆ แล้วนะ อันไหนที่คิดว่าดีก็จับมาใส่หมด น้อยไปเหรอ”

“ไม่น้อยๆ”

เยอะมากเลยแหละร้อยเอก

“แล้วยิ้มทำไม”

“เอ็นดูน้องชาย”

บ้าเอ๊ย...

ที่ว่าไม่น้อยน่ะการแต่งตัวของร้อยเอก หรือจังหวะหัวใจที่เต้นไม่หยุด แถมแก้มยังร้อนเหมือนถูกไฟเผาจนต้องยกมือขึ้นมาเกาแก้เขินอย่างนี้กันแน่

ร้อยเอกอยากจะบ้าตาย

“มาๆ พี่แต่งให้”

“ทำไมอ่ะ มันไม่โอเคเหรอ”

“เหอะน่า ให้พี่แต่งให้ ยืนเฉยๆ”

“พี่…”

“ร้อยเอก เดี๋ยวไปสายนะ”

“…”

ที่เงียบไม่ใช่เพราะไม่กล้าเถียง พูดไปแบบนี้ก็เหมือนโกหก เพราะงั้นยอมรับก็ได้ว่าความไม่กล้าขัดใจเมืองน้ำเป็นส่วนหนึ่งในความเงียบ สาเหตุหลักมาจากการเห็นภาพตัวเองหลังถูกมือเล็กจับเข้าที่ไหล่ บีบเบาๆ ให้หมุนตัวเข้าหากระจกต่างหาก

เข้าใจแล้วว่าทำไมพี่เมืองถึงต้องแต่งตัวใหม่ให้เขา

เว่อร์มาก เว่อร์ได้อีกร้อยเอก

“เอาผ้าพันคอออกก่อนนะ หมวกกับแมสด้วย กระเป๋าด้วยๆ” เมืองน้ำนำของที่หยิบออกแล้วไปวางในตู้เสื้อผ้าที่เปิดค้างไว้ กวาดสายตาหาเครื่องแต่งกายที่ต้องการ ก่อนจะหยิบเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับแจ็คเกตยีนกลับมายื่นให้คนตัวสูง “ใส่แค่นี้ก็พอ”

“พอจริงอ่ะ น้อยมากเลย”

“พอจริงๆ แค่นี้ก็หล่อแล้ว”

“โหย โดนชมด้วยว่ะ โคตรไม่ชิน”

คนตัวเล็กถอนหายใจกับความกวนประสาท เงยหน้ามองอย่างเหลืออด

“ไม่กวนสักวันได้ป้ะ”

“ไม่ได้”

“โคตรเกลียด เกลียดมาก”

“พี่อย่าพูดอะไรที่มันไม่จริงสิ โกหกว่าเกลียดผมนี่ไม่ดีเลย คนเกลียดกันที่ไหนจะช่วยแต่งตัวขนาดนี้”

ร้อยเอกหัวเราะหน่อยๆ เห็นแก้มนุ่มๆ กลมเพราะเจ้าของพวงแก้มอมลมแล้วอยากหยิกให้แดงช้ำ

“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้เลย”

“เถียงต่อไม่ได้ก็เปลี่ยนเรื่องเลยครับคุณ”

“จะโมโหแล้วนะ”

น่ารักจังโว้ย!

“ไปเปลี่ยนก็ได้ แต่เปลี่ยนตรงนี้ได้ป้ะ”

“ไม่ได้ ไปเปลี่ยนในห้องน้ำดิ”

“แต่นี่มันห้องผมนะพี่เมือง”

“งั้นก็แล้วแต่!”

กระแทกเสียงก่อนจะเดินไปนั่งที่เตียง หันหน้าไปอีกทางที่มองไม่เห็นร่างกายแข็งแรงของคนขี้แกล้ง ร้อยเอกขยับปากล้อเลียนประโยคสุดท้ายของคนผิวขาว จับชายเสื้อแล้วถอดอาภรณ์ชิ้นบน สวมเสื้อเชิ้ตตัวใหม่แล้วยิ้มออกมาเมื่อเห็นแจ็คเกตยีนในมือ

ใส่ชุดคู่เหรอวะ เกือบเหมือนกันเป๊ะๆ เลย

เอาน่ะ ไหนๆ โอกาสก็มาแล้ว จังหวะก็เป็นใจ

ร้อยเอกจะคิดว่านี่คือชุดคู่ของเขากับเมืองน้ำก็แล้วกัน



(⺣◡⺣)♡*



เมืองน้ำบอกว่าแล้วแต่เขา เพราะงั้นถ้าร้อยเอกจะเปลี่ยนเสื้อผ้าตรงหน้ากระจก ไม่เข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำตามที่อีกคนต้องการ ก็ไม่ใช่เรื่องผิด

แต่การที่เขาจงใจเปลี่ยนเสื้อผ้าช้าๆ ชวนคุยนั่นคุยนี่เพื่อให้อีกคนหันมาคุยด้วย

“เลิกหน้ามุ่ยได้แล้วน่าพี่เมือง งานจะเริ่มแล้วนะ ทำหน้าเหมือนตูดกระต่ายอีกแล้ว”

ดูเหมือนจะผิดเต็มๆ

ก็คนมันเห็นแล้วอดไม่ได้ ไม่โดนด่าไม่ชื่นใจ อยากแกล้งแล้วแกล้งอีก แกล้งจนกว่าจะพอใจ ช่วยเข้าใจร้อยเอกหน่อยเถอะ

“ไม่อยากคุยกับคนบ้า”

โดนหาว่าเป็นคนบ้าซะงั้น

ร้อยเอกดึงคนตัวเล็กเข้ามาใกล้ บีบไหล่แคบที่กำลังขัดขืนเบาๆ แทนคำสั่งให้ยืนนิ่ง เมืองน้ำตั้งท่าจะโวยวายใส่เขา แต่พอเห็นคนข้างๆ เดินชนกันด้วยความไม่ระวัง ริมฝีปากสีอ่อนถึงหยุดโวยวายขึ้นมาได้

ยังยืนยันว่าไม่ค่อยชอบแฟชั่นโชว์ที่เต็มไปด้วยเซเลบคนดังที่แบรนด์เชิญมาร่วมงานจริงๆ ผู้คนพลุกพล่าน อึดอัดยิ่งกว่าอยู่ในที่แคบ แถมยังรู้สึกรำคาญเสียงพูดคุยที่ดังเซ็งแซ่เหมือนเสียงแมงหวี่จากคนรอบตัวอีกด้วย

ถ้าไม่ใช่เพราะเมืองน้ำ สาบานเลยว่าจะไม่มีทางเห็นร้อยเอกยืนอยู่ในงานแบบนี้แน่

“จะปล่อยพี่ได้ยัง”

“ปล่อยครับปล่อย” ละมือจากไหล่นุ่ม จุดยิ้มหน่อยๆ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าการที่เมืองน้ำพูดกับเขาก่อน เท่ากับหยุดงอนเรื่องเมื่อเช้าแล้ว “มีแต่คนถือกล้อง เป็นอย่างนี้ทุกงานเลยเหรอพี่เมือง”

“ก็ทุกงานนะ ที่ถือกล้องส่วนใหญ่เป็นยูทูบเบอร์ มาถ่ายวล็อกกันอ่ะ”

“แล้วพี่เมืองไม่ถ่ายบ้างเหรอ”

คนที่ดูดีเป็นพิเศษ​ น่ารักมากกว่าทุกวันส่ายหน้าช้าๆ

“พี่มาร่วมงานเฉยๆ แต่ก็ว่าจะถ่ายรูปเก็บไว้นะ เอาไว้ลงเพจ ได้มางานฟรีทั้งที ก็ต้องตอบแทนเจ้าของงานหน่อย ถือเป็นมารยาทสำคัญเลย”

“พูดกับผมดีขนาดนี้ หายงอนจริงๆ แล้วใช่ป้ะ”

“ไม่อยากคุยละถ้างั้น”

“เดี๋ยวดิ”

“อะไรเล่า”

“เปล่า” เมืองน้ำขมวดคิ้วใส่คนตัวสูง “อย่าไม่คุยสิ อยากให้คุย ผมไม่ชอบให้พี่เมืองเมินใส่นะ”

“ก็ไม่ชอบให้แกล้งเหมือนกัน”

“อันนี้ห้ามยาก ก็พี่น่าแกล้งอ่ะ”

ร้อยเอกก็เป็นแบบนี้ เห็นว่าช่วยเมืองน้ำไม่ให้เดินชนกับคนอื่นหรอกนะ เลยยกโทษเรื่องที่กวนประสาทจนโมโห

แล้วคนตัวสูงก็ไม่ได้ยั่วให้เมืองน้ำรู้สึกหมั่นไส้จนไม่อยากคุยเรื่องเดียวด้วย ไอ้การดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้ ทั้งที่เมืองน้ำบอกแล้วว่าทำเองได้ ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบกลับมาด้วยประโยค ‘ผมทำหน้าที่น้องชาย’ คิดว่าเป็นฉากในหนังโรแมนติกหรือไง

เดี๋ยวต้องไปถามอาจารย์พันเอกสักหน่อยแล้ว ว่ากับอาจารย์ ร้อยเอกเคยทำอย่างนี้หรือเปล่า

“งานจะเริ่มแล้ว ไปนั่งในงานกันเถอะ”

ร้อยเอกตอบรับในลำคอ ก้าวตามคนตัวเล็กที่เดินนำเข้าไปด้านใน ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ชอบความพลุกพล่านของผู้คนอยู่ดี ที่นั่งของเราเป็นที่นั่งแถวที่สอง นับจากเวทีลงมา ร้อยเอกปล่อยให้เมืองน้ำทักทายผู้ใหญ่ที่นั่งแถวหน้า ไม่ส่งเสียงรบกวน หรือทำอะไรที่จะส่งผลเสียกับภาพลักษณ์ของคนตัวเล็ก

น้ำเสียงนุ่มๆ ถ้อยคำที่มีแต่คำสุภาพ รอยยิ้มและดวงตาหวานๆ บนใบหน้าขาว

นี่ใช่มั้ยที่เรียกว่าเสน่ห์

เมืองน้ำกลับมานั่งในท่าเดิมหลังพูดคุยเล็กๆ น้อยๆ กับเจ้าของงาน แฟชั่นโชว์เริ่มต้นขึ้นแล้ว บนเวทีเต็มไปด้วยเสื้อผ้าดีไซน์เรียบหรูบนเรือนร่างได้สัดส่วนของนายแบบ อดคิดไม่ได้เลยว่าถ้าคนข้างบนเป็นร้อยเอกที่ตรงตามมาตรฐานของเหล่านายแบบทุกอย่าง ผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง

ต้องดีมากแน่ๆ

“เสื้อยืดตัวนั้นสวยดี”

“พี่อยากได้เหรอ”

คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อย หันมองคนข้างกายที่พูดตอบโต้เสียงเพลง

“บ้า ไม่อยากได้หรอก พี่มีเสื้อผ้าเยอะแล้ว”

“มีแล้วก็มีอีกได้ ผมก็ว่าสวยดีเหมือนกัน ถ้าอยากได้...ผมซื้อให้เอามั้ย”

“จะซื้อให้ทำไม ตัวนึงตั้งหลายหมื่น ซื้อสองตัวก็เป็นแสนแล้ว”

ร้อยเอกยักไหล่ จะใช้มุกหน้าที่น้องชายอีกรอบก็กลัวว่าคนข้างกายจะเปลี่ยนมาทำหน้างอใส่เขา เมื่อเช้าที่คาดเข็มขัดให้ก็ทีนึงแล้ว

เวลาพี่เมืองหน้ามุ่ยเนี่ย ต่อให้แบรนด์ขายเสื้อตัวละสองล้าน ร้อยเอกก็ซื้อให้ได้นะ

“ผมอยากซื้อให้”

“มันแพง”

“อยากซื้อ”

“ร้อยเอก”

เอาเรื่อง

หมายถึงพี่เมือง เสียงเข้มเอาเรื่องว่ะ

ร้อยเอกหยุดคำพูดทั้งหมด เปลี่ยนเป็นนั่งนิ่งเพราะกลัวลูกหมาของเขาแยกเขี้ยวใส่ซะก่อน เบือนสายตามองเวที นอกเหนือจากเมืองน้ำ แฟชั่นสวยๆ บนตัวนายแบบก็ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายกับการต้องอยู่ในงาน แต่ว่า...

“พี่รักษ์...”

แม่งเอ๊ย

งานอีเว้นท์มีเป็นล้านงาน ทำไมต้องมาเจอคนที่ไม่อยากเจออย่างภานุรักษ์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพวกเขาด้วย

ใครจัดที่นั่งวะ อยากรู้นัก

เมืองน้ำที่พึมพำชื่อรุ่นพี่หยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าเสื้อออกมาปลดล็อก แจ้งเตือนที่เด้งขึ้นมาเมื่อสักครู่แทบไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นของใคร


Phanurak :
คนข้างๆ ใช่คนที่ถ่ายรูปคู่กับน้องเมืองในไอจีรึเปล่า
มากับแฟนเหรอครับ


“ใช่ครับ ตอบไปสิ”

“...?”

“ผมหมายถึง ใช่ คนที่ถ่ายรูปคู่กับพี่เมืองในไอจี”

หัวใจเมืองน้ำเกือบหยุดเต้นไปแล้ว ตอนที่ตีความหมายไปว่าร้อยเอกหมายถึงเมืองน้ำมากับแฟน


Phanurak :
ถ้าใช่ งั้นพี่ก็เดินหน้าต่อไม่ได้แล้วสิ


เดินหน้าอะไรของเขา...

เมืองน้ำไม่เคยคุยกับภานุรักษ์เกินกว่าคนรู้จัก ที่เคยให้รุ่นพี่จอมเจ้าชู้คนนี้ไปส่งที่มหา’ลัย เพราะเมืองน้ำเอารถไปขายให้คนรู้จักของภานุรักษ์ ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญก็ไม่มีทางไปไหนมาไหนด้วย ที่เคยให้ไปรับที่ผับตอนนั้น ก็เพราะอีกคนบอกว่าจะมาหาเพื่อนสมัยมัธยม แต่สุดท้ายก็ไม่มา

ยอมรับตรงๆ ว่ามีหลายครั้งที่พี่รักษ์ดูเหมือนจะคุยในทำนองที่มากกว่าคนรู้จัก เรียกง่ายๆ ว่าจีบทั้งที่มีแฟนอยู่แล้ว แต่ทุกครั้งมันไม่ชัดเท่าครั้งนี้ หลายๆ ครั้งก็ดูเข้าใจว่าเมืองน้ำขีดเส้นความสัมพันธ์ของเราไว้แค่ไหนด้วยซ้ำ

เพราะเลิกกับแฟนแล้วงั้นเหรอ

เลิกกันทั้งที่เมืองน้ำไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ต้องถูกคนอื่นคิดว่าเป็นมือที่สามในความสัมพันธ์ของตัวเองเนี่ยนะ

“พี่เมือง”

“...”

“โอเคมั้ย”

“พี่โอเค”

กายบางสะดุ้งเมื่อจู่ๆ คนตัวสูงก็พาดแขนบนไหล่เล็ก

“เมื่อย”

ดึงเมืองน้ำเข้าไปใกล้ แถมกระชับเรียวแขนจนไร้ช่องว่างระหว่างเรา

“เก็บโทรศัพท์ได้แล้วครับ อันไหนเป็น junk mail ก็ลบ หรือถ้าไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบ”

junk mail

จดหมายขยะ...ร้อยเอกพูดถึงข้อความของภานุรักษ์ เป็นการเปรียบเทียบที่แรงไปหน่อย แต่ก็ทำให้เมืองน้ำตัดสินใจลบแชทรุ่นพี่จริงๆ

“พี่รักษ์จะจีบพี่เมืองเหรอ”

“...”

“หรือพี่รักษ์เป็นคนที่พี่เมืองชอบ”

“ไม่ใช่นะ พี่ไม่ได้ชอบพี่รักษ์”

“แล้วเรื่องที่จะจีบล่ะ”

“อันนี้...ก็คงใช่”

“ผมไม่ให้”

“...”

“ไม่ให้จีบ ในฐานะน้องชาย ร้อยเอกไม่อนุญาต”

กับพันเอกเขาไม่เคยหวงพี่ชายขนาดนี้ แต่กับเมืองน้ำ ร้อยเอกขอหน่อยเถอะ

อยากขึ้นไปตะโกนดังๆ บนเวทีว่า ‘หวงโว้ย!’ ให้รู้แล้วรู้รอด

“ไม่ให้จีบๆ ไม่เคยให้พี่รักษ์จีบเลย พอใจมั้ย”

“พอ-ใจ-มาก”

ทำขนาดนี้แล้ว ทั้งห้ามไม่ให้พี่เมืองตอบ ทั้งแสดงออกว่าหวง ทั้งโอบไหล่ไม่ยอมปล่อย ช่วยชอบร้อยเอกสักทีเถอะ

จะได้หยุดสถานะน้องชายก่อนครบสามเดือนสักที

แค่อาทิตย์เดียวก็เหมือนจะตาย ร้อยเอกอยากข้ามขั้นจะแย่แล้ว



(⺣◡⺣)♡*



“รีบกลับจังเลยครับ น่าจะอยู่คุยกันสักหน่อย พี่ว่าจะชวนเมืองไปกินข้าวต่อ”

“เมืองมีธุระต้องทำอีกเยอะเลยครับ อยู่นานไม่ได้จริงๆ”

“ธุระอะไร งานส่วนตัวเหรอ หรือต้องไปต่อกับคนที่มาด้วย”

“งานส่วนตัวครับ”

“พี่เชื่อได้รึเปล่า”

ซักไซร้เอาความขนาดนี้ เอากุญแจมือมาล็อกตัวเมืองน้ำเลยดีมั้ย

ร้อยเอกทนฟังน้ำเสียงนุ่มๆ ที่แฝงความเจ้าชู้ของภานุรักษ์ไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากเดินหนีไปไหน เพราะถ้าหนี เขาจะไม่รู้ว่ารุ่นพี่หน้าหล่อคุยอะไรกับเมืองน้ำ และไม่มีทางรู้เลยว่าที่เมืองน้ำเคยบอกว่าไม่เคยคุยกับภานุรักษ์มากกว่าคนรู้จัก จากที่เชื่ออยู่แล้ว วันนี้ยิ่งตอกย้ำว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด

แขกทุกคนแยกย้ายตามอัธยาศัยหลังจบงาน เมืองน้ำบอกเขาว่าอยากกลับบ้านเลย มีงานส่วนตัวต้องทำต่อ นั่นก็ใช่ เพราะไม่อยากอยู่เจอภานุรักษ์ นี่ก็ใช่อีกเหมือนกัน

เขาพาคนตัวเล็กเดินออกมาด้านหลัง พื้นที่ซึ่งเชื่อมไปยังลานจอดรถ ไม่ทันถึงจุดหมาย คนที่ไม่อยากเจอก็มาดักหน้าไว้เสียก่อน

นี่แหละคือที่มาของบทสนทนาที่มีแต่ความกระอักกระอ่วนใจ

“เชื่อได้สิครับ พี่รักษ์ก็รู้ว่าเมืองงานเยอะ อย่างวันนี้ก็ต้องตัดคลิปอีกเยอะเลย”

“มิน่า พี่ไม่เห็นเมืองโพสต์ในเพจเท่าไหร่”

เมืองน้ำยิ้มจางๆ ให้คนตรงหน้า เริ่มไม่ชอบความขี้เกรงใจของตัวเองขึ้นมาซะแล้ว อยากเดินหนีจากตรงนี้ แต่นั่นก็คงไม่ใช่มารยาทที่ดีเท่าไหร่ ตัดเรื่องเจ้าชู้ออกไป อย่างน้อยรุ่นพี่คนนี้ก็ช่วยเหลือเรื่องงานมาตลอด ถ้าหักหน้าด้วยการตัดบทอีกคนดื้อๆ คงเกิดผลเสียตามมาแน่นอน

“ถ้าช่วงไหนว่างก็จะโพสต์เยอะหน่อยครับ แต่ช่วงนี้ยุ่งมากจริงๆ”

“นั่นสิ เมืองน่ะยุ่งมากเลย”

“ครับ...”

“ถ้างั้นพี่ให้เมืองกลับเลยก็ได้ แต่อย่าลืมเรื่องบ้านที่เคยคุยกันไว้นะ”

“…”

“หวังว่าเราจะไม่เปลี่ยนใจทีหลัง”

ริมฝีปากนุ่มขบเม้มจนเป็นเส้นตรง โน้มศีรษะเล็กน้อยเพื่อบอกลารุ่นพี่ตัวโต ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อภานุรักษ์ก้าวพ้นพื้นที่ตรงนี้แล้ว เมืองน้ำสูดอากาศเข้าไปใหม่เพื่อเรียกพลังให้ตัวเอง หมุนตัวกลับมาหาเด็กตัวสูงที่ยืนรออยู่ด้านหลัง

“เรื่องบ้านอะไรเหรอครับ”

“…”

“ไม่เปลี่ยนใจทีหลัง หมายความว่าไง”

“…”

“พี่เมือง”

ไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย...

ความรู้สึกที่อยากจะพูด แต่ก็อึดอัดจนเอ่ยออกไปไม่ได้ หัวใจที่พองโตค่อยๆ มีขนาดเล็กลงเมื่อมองเห็นแววสงสัยบนตาคู่คม

ร้อยเอกรอให้เมืองน้ำตอบคำถาม แต่คนตัวเล็กก็ยังเงียบ

“ถ้าไม่บอกก็ไม่เป็นไร กลับบ้านกันเหอะ เมื่อยละ”

เงียบจนอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องที่ตกลงกับรุ่นพี่สองคน เป็นเรื่องที่คนนอกไม่มีสิทธิ์รับรู้

อยากรู้เรื่องไหนให้ถาม ถ้าเมืองน้ำไว้ใจ จะเล่าเรื่องที่ถามออกมาเอง

ทั้งที่เรื่องนี้ดูเป็นเรื่องสำคัญ และคนใกล้ตัวอย่างเขาควรได้รับคำตอบ ไม่เลย ยังไงร้อยเอกก็ยังเป็นคนที่ไม่ได้รับสิทธิ์นั้นอยู่ดี

ไม่อยากน้อยใจ เพราะรู้ว่าพี่เมืองมีเรื่องเครียดอยู่แล้ว แต่เจอแบบนี้ เป็นใครก็ต้องน้อยใจทั้งนั้นแหละ

คิดถูกหรือคิดผิดที่มาด้วยกันนะ



(⺣◡⺣)♡*



ร้อยเอกยังไม่พูดอะไรตั้งแต่ขึ้นรถมา ทอดสายตามองถนน และขับรถไปเงียบๆ เปิดวิทยุเพื่อใช้บทเพลงเพราะๆ จากการเลือกสรรของดีเจบรรเทาอารมณ์ขุ่นมัว แต่เพลงพวกนั้นช่วยให้บรรยากาศสีเทาลอยออกจากรถของเขาไม่ได้เลย

เขาไม่ใช่คนขี้น้อยใจ ไม่ใช่เด็กงอแงขนาดนั้น พยายามไม่คิดไปเอง หวังว่าความเงียบจะทำให้คนตัวเล็กเรียบเรียงสิ่งต่างๆ และยอมเล่าเรื่องบ้านที่ภานุรักษ์พูดถึงให้เขาฟัง

อีกครึ่งทางจะถึงบ้านอยู่แล้ว เมืองน้ำยังนิ่งเฉย

รู้มั้ยว่าตัวเองน่ะเงียบยิ่งกว่าเขาเสียอีก

ร้อยเอกชะลอความเร็วรถ หมุนพวงมาลัยเทียบรถเข้าข้างทาง ก่อนเปลี่ยนตำแหน่งปลายเท้าเป็นแตะเบรกเพื่อหยุดการเคลื่อนที่ของเครื่องยนต์ เขาปลดล็อกเข็มขัดนิรภัย หมุนตัวเข้าหาตุ๊กตาหน้ารถที่มองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ และวางเรียวแขนไว้บนพวงมาลัยเพื่อใช้เป็นที่พิง

“จอดทำไมเหรอ”

“จอดเพื่อฟังพี่เมืองไง”

“…”

“ไม่อยากให้เราทะเลาะกัน หรือไม่คุยกันอีก ผมไม่ชอบโมเมนต์นั้น”

“…”

“เล่าให้ฟังหน่อยนะครับ”

เล่าให้ฟัง...

เรื่องที่พี่รักษ์พูดทิ้งท้ายไว้น่ะเหรอ

เมืองน้ำอยากพูดนะ ตลอดเวลาที่นั่งนิ่งๆ บนรถ ก็พยายามร้อยเรียงสิ่งที่เก็บเอาไว้ในใจ ไม่ใช่ไม่อยากเล่า แต่มันยากที่จะพูดออกมา

“คือพี่...”

“…”

“คิดว่าจะขายบ้านน่ะ”

“ขายบ้าน?”

“อื้อ ขายบ้าน”

อย่างที่คิดไว้เลย พอบอกร้อยเอกแบบนี้ คนตัวสูงก็ดูตกใจขึ้นมาทันที

“เพื่อนพี่รักษ์อยากซื้อต่อ แต่ก็ยังไม่ได้นัดมาดูบ้านหรืออะไรนะ แค่คุยกันไว้เฉยๆ ว่าอยากจะขาย”

“ทำไมต้องอยากขาย ขายแล้วพี่เมืองจะไปอยู่ที่ไหน”

“พี่กับแม่หาบ้านเช่าไว้แล้ว แถวๆ นครปฐม ไกลจากสุวรรณภูมิมากเลยเนอะ แต่มันโอเคนะ ร่มรื่น สวย ค่าเช่าก็ไม่แพง”

“ผมไม่ให้ย้าย”

“…”

“อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี จะย้ายง่ายๆ ได้ไง เรื่องสำคัญขนาดนี้ทำไมพี่เมืองไม่บอก ผมคิดว่าเราจะสนิทกันจนคุยได้ทุกเรื่องแล้วนะตอนนี้ แต่ก็อย่างว่าแหละ แบบที่พี่เมืองเคยพูด คนสนิทกัน ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องของกันและกันก็ได้”

เมืองน้ำไม่ชอบร้อยเอกเวอร์ชั่นนี้

“ผมคงคิดไปเองว่าเราสนิทกัน”

โวยวาย เอาแต่ใจ พูดเสียงแข็งใส่กันโดยที่ไม่แคร์ว่าคนฟังจะรู้สึกยังไง

“ฟังกันก่อนได้มั้ย แล้วค่อยตัดสินว่าตัวเองคิดไปเอง”

ไม่ชอบเอามากๆ

“นอกจากร้อยเอก ตอนนี้พี่ก็ไม่ไว้ใจใครเท่าร้อยแล้ว ทำไมต้องมาพูดเหมือนคนอื่นไม่ให้ความสำคัญกับตัวเองด้วย”

“พี่เมือง...”

“ถ้าไม่สำคัญจะให้ไปรับไปส่งมั้ย จะให้เข้ามาอ่านหนังสือในบ้านมั้ย จะให้ทำอาหารให้กิน จะไปซื้อของ หรือไปกินโจ๊กหน้าเซเว่นเป็นเพื่อนร้อยเอก จะชวนมางานวันนี้ทั้งที่พี่ชวนคนอื่นก็ได้แบบนี้มั้ย ทำไมร้อยไม่คิดถึงตรงนี้บ้าง”

“…”

“หรือว่าอคติกับพี่จนไม่อยากญาติดีกันแล้ว ที่บอกว่าไม่ได้เกลียด ที่บอกว่าเป็นน้องชายให้พี่ก็ได้ พูดจากใจจริงๆ รึเปล่า”

“พี่เมือง...อย่าร้อง”

“ไม่ต้องมาพูด” เมืองน้ำกะพริบตาไล่ไอร้อนผ่าว เพิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังจะร้องไห้ก็ตอนที่คนตรงหน้าพูดขึ้นมานี่เอง “ไม่อยากฟังแล้ว”

และคนที่ต้องน้อยใจ...

“เบื่อคนใจร้าย เบื่อมาก เบื่อร้อยเอก”

คือเมืองน้ำต่างหาก : (



(⺣◡⺣)♡*
#ร้อยเมือง[/center]



เข้าสู่ครึ่งหลังของเนื้อเรื่องแล้วววว
ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์เลยนะคะ <3

ps. เรื่องนี้ยังเป็นฟีลกู้ดที่อ่านได้เรื่อยๆ ทุกเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาจะทำให้ความสัมพันธ์ของตัวละครก้าวไปข้างหน้า เข้ามาแล้วผ่านไป สบายใจได้เลยยย ♥︎
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-11-2018 14:25:00 โดย ErrorPOP »

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โธ่เมืองน้ำตัวน้อยของพ่อ อย่าร้องสิลูกกก :m15:
ที่บ้านต้องมีปัญหาอะไรแน่เลยถึงต้องใช้เงินเยอะขนาดนี้ พี่รักษ์ก็รู้จักใช้จุดนี้เป็นประโยชน์จริงๆ :katai1:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
โดนงอนกลับเฉยร้อยเอก  TT

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด