Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}  (อ่าน 88243 ครั้ง)

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ
10:00 PM



พวกเราที่กลับมาพักที่รีสอร์ทในเครือของ ‘เตชะณรงกรค์’ เฮียทัพจัดที่พักให้ทุกคนกลับมาพักอย่างดี  แต่ตัวเฮียเองไม่ยอมกลับมาพัก สิ่งที่เฮียทำก็คือแค่ยืนนิ่งๆอยู่หน้าห้องกระจก มองดูไอ้เมลที่นอนนิ่งๆไม่ได้สติอยู่ที่ห้องไอซียู  แค่หัวแตก แต่มันยังไม่ยอมฟื้น



ส่วนตัวผม ผมมีเรื่องที่จะต้องทำ



“เลิกเป็นหมาบ้าก็หนีมาดูดหรี่อยู่ตรงนี้เองหรอวะ”   



ผมที่เดินเข้าไปหา ไอ้บินที่พ่นควันสีเทาๆออกมาในอากาศ มันที่หันมามองหน้าผมแบบไม่สบอารมณ์ มองดูก็รู้ว่ามันไม่ชอบหน้าผม หึ ... ไม่ต่างกัน กูก็ไม่ชอบหน้ามึงเหมือนกัน



“เสือก”



“กูก็ไม่อยากเสือกนักหรอก ถ้ามึงไม่มาขวางทางกู”  จ้องหน้ามันนิ่งๆแล้วแสยะยิ้มมุมปาก  มองเห็นไอ้บินที่มองตาขวางมาทางผม หึ ขึ้นง่าย



“กูไปขวางทางอะไรของมึง”



“ขวางทางรักกู”



“นี่มึงจะเอากับกูจริงๆใช่ไหมไอ้ตุ๊ดปลอม”  มันที่เดินเข้าหาแล้วผลักอกผมจนเซถอยหลัง  ถ้าเทียบกันจากขนาดตัว ไอ้บินสูงกว่าผม แต่ผมตัวหนากว่ามัน



“แล้วมึงจะทำไมวะ ถ้าไม่รักไอ้กุ๊กมึงก็อย่ากั๊กมันดิ เป็นKอะไร”



“แล้วมึงอ่ะเป็นKอะไรมาเสือกเรื่องของกู”



“ก็พอดูว่ามันเป็นคนที่กูรักไง ถ้ามึงไม่รักมึงก็อย่ากั๊กมันสิวะไอ้ควาย”



‘พลัก’



ว่ามันออกไปแบบนั้นพร้อมๆกับต่อยเข้าหน้ามันไปทีนึง แรงแบบไม่ยั้งจนหน้าไอ้บินมันสะบัด



“เหอะ สมน้ำหน้า”



“หนอยย เดี๋ยวมึงเจอกู!”



‘ผลั้ว!’



ไอ้บินที่ว่าออกมาแบบนั้น มันที่ตรงเข้ามาต่อยผมแบบไม่ยั้ง แรงจากหมัดของมันที่ทำให้ผมหน้าหัน แรงหมัดใช้ได้ แต่ผมก็สวนต่อยกลับเข้าที่ชายโครงของมันเหมือนกัน  เราสองคนที่สวนหมัดเข้าใส่กันแบบไม่มีใครยอมใคร จริงๆกูรอเวลาจะได้ฟาดปากไอ้หมาหน้าตี๋นี่มานานเต็มทีแล้ว



‘ผลั้ว!ตุบ’



ผมที่ถีบเข้ากลางท้องของมันจนหงายหลัง ไม่รอให้มันได้ลุกก็ขึ้นไปคล่อมทับอกของมันแล้วต่อยเข้าหน้าของมันแบบไม่ยั้งไม่รอให้มันได้สวน



‘ผลั้ว!’



“ถ้ามึงไม่รักก็ปล่อยมันมาให้กูดูแลสิวะไอ้สัด”



‘ผลั้ว!พลัก’



“เห้ยๆ เห้ยพวกมึงสองคนทำเหี้ยอะไรกัน!”  เสียงที่ผมคุ้นเคยดีดังมาจากทางด้านหลังของผม แค่ได้ยินก็อดกระตุกยิ้มออกมาไม่ได้  ... นี่ไง เวลาที่ผมรอคอย



“ช่วยหน่อยโว้ยๆ มาแยกหมาบ้านี่ออกจากกันที” 



ไอ้กุ๊กที่ตะโกนโวยวายออกมาแบบนั้น ผมได้ยินเสียงคนที่วิ่งตรงมาที่เราหลายคน คิดว่าคงเป็นเสียงจากบอดี้การ์ดของเฮียที่จ้างมาดูแล พวกชุดดำที่ตรงมาแยกผมออกจากไอ้บิน  มองเห็นสภาพไอ้บินแล้วอดจะยกยิ้มสะใจออกมาไม่ได้ สภาพเหี้ยมาก แต่ผมแค่ช้ำเล็กๆที่มุมปาก



“กูบอกแล้วว่าถ้าไม่รักก็ปล่อยมันมา!” 



ผมที่โดนการ์ดจับเอาไว้แน่นหนาถึงสองคนแต่ยังตะโกนออกไปแบบนั้น มองเห็นไอ้กุ๊กที่กำลังพยุงไอ้บินให้ลุกขึ้นยืน มันที่มองผมกับไอ้บินแบบไม่เข้าใจ  หน้าตาของมันทั้งตกใจทั้งเป็นกังวล มันที่เอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดที่หัวคิ้วและปากของไอ้บินออกให้อย่างเบามือ  ผมที่แสร้งทำเป็นไม่เห็นภาพนั้น สะบัดแขนออกจากการ์ดแล้วชี้หน้าของมัน



“ปล่อยไอ้กุ๊กมา!”



“ถุย! กูไม่ปล่อย! มึงเป็นเหี้ยอะไร มีสิทธิ์อะไรมาบอกให้กูหลีกทางให้ไอ้ควาย!”  ไอ้บินที่ถุยเลือดออกจากปากทิ้งแล้วตะคอกเสียงใส่ผมแบบนั้น



“นี่พวกมึงสองคนทะเลาะเหี้ยอะไรกัน พอสักที”



“ไม่! กูไม่พอ กูชอบมึงไอ้กุ๊ก!”  เป็นผมที่ตะโกนออกไปเสียงดัง มองหน้าไอ้กุ๊กที่เบิกตากว้างมองหน้าผมในตอนนั้น  แค่เห็นสายตาของมัน ผมก็รู้คำตอบดีแล้ว



“มาหากูเหอะ นะ...”  ผมที่ว่าออกไปอีก พร้อมๆกับที่ยื่นมือออกไปหามัน



“พี่ดานี่...”  เสียงของมันสั่นในตอนนั้น เสียงสั่นๆที่แฝงความรู้สึกผิดเต็มไปหมด



‘หมับ’



“กูไม่ให้มึงไปไอ้กุ๊ก”  เป็นไอ้บินที่ดึงไอ้กุ๊กไว้ทั้งตัว ดึงมันเข้าไปกอดเอาไว้แล้วพูดออกมาแบบนั้น  แววตาที่กลัวจะเสียของรักถูกส่งไปให้ไอ้กุ๊กในตอนนั้น



“มึงจะรั้งมันไว้ทำไมในเมื่อมึงไม่ได้รักมัน”



“แล้วมึงเป็นกูหรอไอ้เหี้ยถึงรู้ว่ากูไม่ได้รักมันน่ะห๊ะไอ้สัด”



“ก็มึงรักไอ้เมล”



“กูไม่ได้รักไอ้เมล กูรักไอ้กุ๊กโว้ยไอ้เหี้ย!”



“อ...ไอ้บิน”  กุ๊กที่เอ่ยเรียกชื่อของมันออกมาแบบไม่เชื่อหู นิ้วเรียวของมันที่เกาะเสื้อไอ้บินแบบไม่เต็มแรง เหมือนทั้งกลัวทั้งไม่มั่นใจ ... ผมที่ก้มหน้าลงในตอนนั้น



“กูไม่ได้รักไอ้เมล ... ไอ้กุ๊กมึงฟังนะ กูรู้ว่ามันมีหลายครั้งที่มึงคงน้อยใจที่เห็นกูเป็นเดือดเป็นร้อนเรื่องไอ้เมล แต่กูไม่ได้คิดอะไรกับมันจริงๆนอกจากคำว่าเพื่อน”



“แต่มึงเคย...”



“เออ กูเคย กูเคยชอบมัน แต่แล้วมันผิดหรอวะถ้าวันนี้กูไม่ได้ชอบมันแล้ว กูรู้ตัวว่ากูเลิกชอบมันตั้งแต่ที่มีไอ้ตุ๊ดหน้าหล่อนี่มาเกาะแกะมึงแล้วไอ้สัด ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม คนเหี้ยๆแบบกูไม่ได้โกหกมึง กูเห็นเมลมันเป็นแค่เพื่อน ไอ้เมลมันน่าเป็นห่วงเพราะมันเจอแต่เรื่องเหี้ยๆ ในฐานะที่กูเป็นเพื่อนกูก็แค่ไม่อยากให้มันต้องเจอแบบนั้น แต่กูไม่ได้รักมัน ถ้าให้กูเลือกระหว่างมึงกับมันกูก็พูดแบบไม่ต้องคิดเลยว่ากูเลือกมึง .... เราอยู่ด้วยกันมานานแล้วนะกุ๊ก นานจนบางทีคำว่าเพื่อนแม่งก็รั้งความรู้สึกของเรามากเกินไป แต่วันนี้กูจะไม่ยอมให้คำว่าเพื่อนหรือใครหน้าไหน มาพรากมึงไปจากกู!”



“กู....”



“กูขอโทษที่ตลอดเวลากูไม่เคยพูดบอกให้มึงรู้ กูแค่คิดว่ามึงจะเข้าใจ แต่ในเมื่อมึงไม่เข้าใจ วันนี้กูจะบอกให้มึงรู้ ...กูรักมึง



‘หมับ’



ไอ้บินที่ดึงไอ้กุ๊กไปกอดในตอนนั้น  ผมเห็นมือของไอ้กุ๊กที่เลื่อนขึ้นมากอดไอ้บินเอาไว้ น้ำตาที่ไม่มีเสียงร้องของไอ้กุ๊กบอกผมได้ดีว่าตอนนี้มันกำลังมีความสุขดีแล้ว มองเห็นรอยยิ้มของมันที่เผลอยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ... รอยยิ้มแบบนี้ไง แบบนี้เลยที่ผมอยากเห็นจากหน้าของมัน



“เพราะงั้น! มึงนั่นแหล่ะต้องหลีกไป”



ไอ้บินที่ผละตัวออกจากอ้อมกอดของไอ้กุ๊กว่าออกมาแบบนั้น ผมเห็นไอ้กุ๊กที่กำลังขยับตัวเดินเข้ามาหาผม ผมที่ยังก้มหน้าลงกับพื้นอยู่ตรงนี้ ... ถึงเวลาแล้วสินะ ...



“พี่ดาบ ผมขอโทษนะพี่...ตลอดเวลาผมผิดเองที่คอยแต่ดึงพี่เข้ามาในวงโคจรของผม”  เปล่าสักหน่อย เป็นกูต่างหากที่หาทางเข้าไปอยู่ในวงโคจรของมึง



“ฮึก ผมขอโทษนะพี่”  ขอโทษทำไม มึงอย่าร้องสิวะ กูไม่อยากเห็นน้ำตามึงสักหน่อย



“พี่ดาบ อึก...ให้ ...ให้อภัยคนเลวๆแบบ ฮึก ผมได้ไหมพี่ ...ผม ฮึก ผมพยายามแล้ว”  กูรู้ว่ามึงพยายามแล้วกุ๊ก ไม่เป็นไร



“พี่ครับ...ฮึก”



เอาล่ะ มันถึงเวลาแล้วจริงๆ



“คิกๆๆ ฮ่าๆๆ ต๊ายยยย น้องหนูกุ๊กๆคะ ร้องไห้ทำไมอ่ะคะลู๊กกกก”   ผมที่เงยหน้าขึ้นมาแล้วหัวเราะเสียงสอง มองหน้าไอ้กุ๊กกับไอ้บินที่ทำหน้าเหวอ ไอ้กุ๊กที่ทำหน้าเหวอทั้งๆที่น้ำตากำลังไหล



“ต๊ายยย ร้องทำไมเดี๋ยวขี้เหล่กว่าเจ๊นะคะ”



“พี่...ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ครับ”



“ทำอะไรกันคะ นี่มันเป็นตัวตนของเจ๊เองค่ะ นี่จะบอกอะไรให้นะคะ นี่มันเป็นแผนของเจ๊เองค่า ก็แหม เจ๊อ่ะเห็นน้องกุ๊กๆกิ๊กของเจ๊กับน้องบินอ่ะไม่ลงเอยกันสักทีมันขัดตา นี่อย่าบอกนะคะว่าหนูๆคิดว่าเจ๊จะยึกยักจุ๊กกูดุ๋ยกับหนูอ่ะ กรี๊ดดด บ้าบอ รับไม่ได้โพเดียวกัน ฟ้าผ่าเด้อ”



“เจ๊ดานี่...นี่ ฮึก พูด อึก จริงหรอ”



“จ้า มานี่มามะๆ มาใกล้ๆเจ๊นี่ เจ๊คิดกับเราแบบน้องค่ะ เห็นเราก็เหมือนเห็นไอ้แจอ่ะ เจ๊อยากให้น้องเจ๊มีความสุข เพราะงั้น หนูจะต้องไม่ร้องไห้แล้วนะคะ” 



ผมที่บอกกับกุ๊กที่เดินเบะปากสะอึกสะอื้นเข้ามาหาผม ผมที่เอื้อมมือไปจับมือนุ่มของมันเอาไว้แน่นๆแล้วยิ้มให้  เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาออกจากหน้าให้เบาๆ



“ต่อจากนี้หนูจะต้องไม่ร้องแล้วนะคะ”



“ฮึก...พี่...พี่ดาบ”  ผมที่จ้องตาแล้วชะงักกับชื่อเรียกที่ออกมาจากปากของคนตรงหน้าไปพักนึง ก่อนจะสะบัดหัวหน่อยๆแล้วยิ้มกรีดกรายส่งไปให้ใหม่



“พอคะหนูๆ คิดนะคะคิด ถ้าเจ๊จะจีบหนู เจ๊จีบน้องบินๆไม่ดีกว่าหรอคะ หง๊าวว กร๊าวใจ แต่หมัดนั๊กหนักนะย๊ะ!”  ว่าแบบนั้นแล้วหันไปค่อนขอดใส่ไอ้บินที่ทำหน้าเหวออยู่



“จริงหรอวะ”



“อ๊ะๆ พูดเหมือนสนใจเจ๊นะคะ”



“เชี่ย ไม่ใช่เว่ยเจ๊ แต่...แต่ถ้าเป็นแบบที่เจ๊มึงว่าจริงๆ ผมก็...ขอโทษครับ” 



ไอ้บินที่มองมาที่ผมแบบแครงใจ แต่สุดท้ายมันก็เลือกที่จะยกมือขึ้นไหว้เพื่อขอโทษ  ผมที่ยกยิ้มมุมปากออกมาน้อยๆ ก่อนจะหันหน้ากลับมาหากุ๊ก มันที่ยังคงร้องไห้และมองมาที่ผม ผมส่งยิ้มไปให้มันเหมือนทุกครั้งที่ผมเคยทำ



“ขอเจ๊กอดน้องสาวหน่อยได้ไหมคะ”



“น้องชายเว้ยเจ๊”



“เออๆ สักทีได้ไหมคะอิหนู”



“ฮึก ครับ” 



ตอบรับผมออกมาแบบนั้นแล้วพุ่งเข้ามากอดผมเต็มแรง ไม่ต่างจากผมที่รับมันมาไว้ในอ้อมกอด แล้วกอดมันไว้แน่นๆอยู่แบบนั้น ซึมซับทุกความรู้สึกแล้วหลับตาลง ... อาจจะถูกของไอ้กุ๊กมันก็ได้ เพราะความรักมันไม่มีเหตุผล เราเลือกไม่ได้ว่าจะรักใคร เพราะสิ่งที่เลือกให้ ก็คือหัวใจไม่ใช่สมอง และเมื่อสุดท้ายพอถึงเวลาต้องเลือก...มันก็ต้องมีหนึ่งคนที่ต้องเจ็บกับเรื่องนี้



“ต่อจากนี้ก็รักกันดีๆนะคะ อย่าร้องไห้อีก สัญญากับเจ๊นะ”



“ฮึก ครับ”



เพราะนิยายทุกเรื่องไม่ได้มีแค่บทพระเอก ทุกเรื่องมันต้องมีบทของพระรองนิยายมันถึงจะดำเนินต่อได้ แล้วเรื่องนี้...ก็คือผมเอง คนที่ไม่มีดวงที่จะเหมาะได้เป็นความรักดีๆให้กับใคร ไม่เคยได้เป็นพระเอกในหัวใจใคร เป็นได้แค่พระรองโชคร้าย ที่ไม่ดีพอจะเป็นความรักให้ใครสักคน



...




“อึก อื้อ”



เสียงร้องเบาๆที่มาพร้อมกับแรงขยับตัวน้อยๆทำให้ผมต้องลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนนั้น  ใบหน้าขาวใสที่ตอนนี้ติดจะซีดเซียวเริ่มขมวดคิ้วหน่อยๆ หัวใจผมเต้นตึกตักในตอนนั้น



“เมล...เป็นยังไงบ้างวะ”  ผมที่ถามออกไปในแบบนั้น ดวงตาใสที่เปิดเปลือกตาขึ้นมาก็ค่อยขยี้ตาน้อยๆ ก่อนจะหันไปมองรอบๆห้องแบบมึนๆงงๆ



“เป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บตรงไหนหรือเปล่า บอกพี่สิ”  ผมพูดออกมาแบบนั้น เอื้อมมือไปลูบแก้มใส มันที่สะดุ้งหน่อยๆ ก่อนจะเอียงหน้าหลบ



“เมล มึงยังโกรธกูหรอวะ กูขอโทษนะ ขอโทษจริงๆที่ดีแต่ทำให้มึงตกอยู่ในอันตราย แต่ตั้งแต่วันนี้ไปกูสัญญาว่าจะไม่มีอะไรมาทำร้ายมึงได้อีก รวมถึงกูก็จะไม่ทำให้มึงเสียใจอีก  เรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม ทัพเคลียร์ทุกเรื่องจบหมดแล้ว ไม่มีณราชา ไม่มีอะไรที่จะทำให้ทางของเรามันพังอีกแล้วนะ” 



ผมที่ละล่ำละลักออกมาแบบนั้น ... กลัว กลัวที่จะไม่ได้พูด กลัวว่ามันจะไม่ฟังอะไรผมอีก



“ทัพ...”



“หื้มม ว่าไงครับเมล”  เอื้อมมือไปจับมือมันไว้แล้วพยุงให้คนป่วยได้ลุกขึ้นนั่งดีๆ  สายตาใสที่มองไปรอบๆห้อง ก่อนจะเหม่อสายตาไปที่หน้าต่าง  น้ำตาใสที่ไหลลงมาทำให้ผมไม่เข้าใจ



“เมล...ร้องไห้ทำไม ไม่ร้องนะเมล”  ดึงตัวมันเข้ามากอดไว้แน่นๆ แต่มันก็เอาแต่มองไปที่หน้าต่าง



“เป็นอะไร บอกทัพสิเมล”



“ทำไมทัพไม่มา ทำไมทัพลืมเมล”  คำพูดเบาๆที่เอ่ยออกมาแบบนั้นพร้อมน้ำตาของมันที่ไหลลงมา  ผมได้แต่มองมันแบบไม่เข้าใจ ... ทำไม มันเกิดอะไรขึ้น



“เมล ทัพอยู่นี่ไง พี่อยู่นี่...”



“เมลรอนะ เมลรอที่มหาลัยนะ” 



เสียงใสที่ว่าออกมาแบบนั้น ทำเอาน้ำตาผมไหลลงมา เมลที่เอาแต่พูดอยู่กับตัวเอง มันที่ไม่ได้รู้ตัวด้วยซ้ำว่าผมยืนอยู่ตรงนี้  เอาแต่พูดถึงทัพหน้า ทัพหน้าในจินตนาการของมัน ไม่ใช่ทัพหน้าที่อยู่ในชีวิตจริงของมันตอนนี้



“เมล...”



“วันนี้จะเอาขนมไปฝากพี่ทัพที่คณะนะ”



“ฮึก เมล ไม่เอา พี่อยู่นี่ไงเมล”



ผมที่โถมตัวกอดมันจนแน่น แต่มันไม่ได้รู้เลย ยังคงยิ้มบางๆและกำลังมีความสุขทั้งๆที่น้ำตามันไหล ทัพหน้าในจินตนาการของมันที่มันจะเอาขนมไปฝาก คือทัพหน้าที่ยังเรียนอยู่ปี4 รักแรกของมัน ไม่ใช่ทัพหน้าคนนี้ คนที่ทำร้ายมันซ้ำๆ



“เมล ฮึก พี่อยู่นี่ไงเมล”



ต่อให้ตะโกนดังแค่ไหน ก็เหมือนกำแพงกระจกที่ตะโกนแทบตายมันก็ไม่เห็นไม่ได้ยิน ... ถ้านี่เป็นการเอาคืนของคาราเมล ก็คงเป็นการเอาคืนที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตของทัพหน้า คาราเมลไม่ได้เลือกที่จะหนีไปเหมือนทุกครั้ง แต่เค้าไม่มีความทรงจำให้กับทัพหน้าคนปัจจุบันเหลืออยู่อีกเลย  ... จับต้องได้ แต่ไปไม่ถึง



-----------




​มาแล้วค่ะ สำหรับคนอ่านที่บอกว่าพี่ทัพต้องโดนบ้างพี่ทัพต้องเจ็บบ้าง คำถามคือ เจ็บไหมล่ะคุณ ฮี่ๆ

สำหรับแคท แคทคิดว่าเนื้อหาตอนนี้ค่อนข้างหนักหน่วงบีบหัวใจ สำหรับคนที่ทนไม่ไหว แคทขอให้ข้ามไปก่อนก็ได้ค่ะ แต่นิยายเรื่องนี้ไม่ใช่Bad Endแน่นอนค่ะ หลังจากผ่านตรงนี้ไป เราจะมายิ้มไปด้วยกันกว้างๆเลยน้า

ส่วนตอนนี้ แคทต้องขอโทษคนอ่านที่เชียร์ดาบกุ๊ก หรือใครก็ตามที่อาจจะเชียร์บินกุ๊ก หรือบางท่านที่เชียร์ดาบบิน บินดาบ หลากหลายเรือ ... สำหรับเรื่องนี้แคทได้วางพล็อตแบบนี้มันตั้งแต่ต้น สิ่งที่ต้องการเขียนก็คือ

เพราะความรักเป็นสิ่งที่เรากำหนดไม่ได้ เราไม่ได้เลือกรักคนที่ดีที่สุด แต่เราเลือกจะรักคนที่พอดีที่สุดกับใจของเรา

เพราะงั้น ต่อให้ใครที่ดีมากแค่ไหน เราอาจมองเห็นความดีนั้น แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ใจเราเต้นแรง

นี่คือพล็อตของบินกุ๊ก ... ถ้าใครได้อ่านมาถึงตรงนี้ คงจะรู้แล้วว่า ตอนนี้ เราได้พระเอกดีๆเพิ่มมาอีกหนึ่ง

ผู้ชายเท่ๆคนนึงที่ชื่อว่า 'ดาบ'  :o12:



ดาบ: ดานี่ค่ะอิพวกนี้!!! เรียกให้ถูกได้ไหมเจ๊ขอ ผ่านมาจะจบเรื่องดาบๆอยู่นั่น เดี๋ยวกูก็เสียบเลยค่ะ! แล้วก็นะ ถ้าพวกหล่อนคิดว่าฉันจะมาแค่นี้ เหอะ สวยๆแบบนี้ต้องมีตอนของฉันแล้วย๊ะ จำนะคะอิคนเขียน!


 :mew1: :3123: :pig4: :call:



-TBC-


ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
สมน้ำหน้าทัพหน้า  :z6: รำคาญบิน  :katai1:
น่าจะให้เจ๊ดานี่กับบินได้กันเองนะ   :hao6:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :serius2: มาม่าหม้อใหม่ก็มา
อีพี่เหลืองถ้าเป็นตุ๊ด คงอารมณ์แบบเจ๊ดานี่
เราวว่า2 คนนนี้จริตเหมือนกันมาก

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
โอ้ย สงสารเมล,,,

ออฟไลน์ ursleepingxd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ฮือออ เจ๊ดานี่ สวยสุดๆไปเลยค่ะ นางเอกมาก มงต้องมาแล้วป่าวคะ ถ้าจะดีขนาดนี้ หน้าตาดีแล้วยังแม่พระอีก มาค่ะ ให้หนูปลอบใจให้นะคะ

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ
บทที่32.2




“เมล ทานอะไรไหมครับ วันนี้พี่เอานมอุ่นๆมาให้ด้วยนะ”



ผมที่เดินเข้ามาในห้องพักฟื้นของคาราเมลไม่ต่างไปจากทุกวันที่ทำแบบนี้มาตลอดอาทิตย์  เอ่ยยิ้มแย้มกับคนที่นั่งอยู่บนเตียงที่เอาแต่มองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง และยังเหมือนเดิม เมลไม่เคยรับรู้การมีตัวตนของผม ผมที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขา



“เมล เมลชอบกินนมอุ่นๆก่อนนอนนี่นา ใช่ไหม” 



ผมยังคงพูดกับเค้าเหมือนอย่างเคย เอื้อมมือไปจับมือของอีกคน ครั้งนี้เมลหันมามองตาม หัวใจของผมสั่นเต้นตึกตักในตอนนั้น



“ทัพ”



“เมล...เมล เมลจำทัพได้แล้วหรอ จำพี่ได้แล้วใช่ไหม” 



ผมที่รีบถลาไปหากอดคนบนเตียงเอาไว้แน่นๆ แต่เมลกลับไม่ตอบผม เค้าเงียบจนผมต้องผละตัวออกมามองหน้าคนที่ผมกำลังกอด เมลไม่ได้มองหน้าผม เค้าเอาแต่เหมอมองไปที่ประตูห้อง ผมที่หันมองตามไป ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแต่เมลก็ยังเอาแต่มอง



“ทัพ”



“เมล...พี่อยู่นี่ไง”



“ทัพไม่มาเยี่ยม ทัพไปหาณราชา วันนี้ดาวเดือนมหาลัยต้องไปเตรียมดูน้องๆที่หอประชุม ... ทัพ ทัพไม่มา”



เสียงใสที่ว่าออกมาเบาๆ แต่กลับเป็นประโยคกรีดยาวเข้าไปในใจของผม เมลไม่ได้พูดกับผม เค้าแค่นึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่ผมยังเรียนอยู่ในรั้วมหาลัยเดียวกันกับเค้า เค้าคงคิดว่าผมไม่มาเยี่ยมเค้า เพราะผมไปงานดาวเดือนกับณราชา ทั้งๆที่ตอนนี้ผมอยู่ตรงนี้



เมลที่ว่าออกมาแค่นั้น ยิ้มออกมาน้อยๆ แต่น้ำตากลับไหลลงมา



“เมล พี่อยู่นี่ พี่ไม่ได้ไปไหน เมล...”  ผมได้แต่ดึงคนตรงหน้าเข้ามากอดไว้พร้อมน้ำตาที่ไหลลงมา ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ ผมอยากให้เมลกลับมา



“จะโกรธจะเกลียดกันก็ได้ แต่กลับมาได้ไหม อึก กลับมาหาพี่ได้ไหมเมล ฮึก” 



ได้แต่กอดคนตัวบางเอาไว้แน่นๆ ซุกลงไปที่อก ฟังเสียงหัวใจของคนที่ผมรักเต้นแผ่วๆ เสียงหัวใจที่ครั้งนึงมันเคยเต้นเพื่อผม แต่วันนี้ไม่ใช่แล้ว



“อย่าร้อง”  คำพูดปลอบโยนที่มาพร้อมฝ่ามือนุ่มที่จับเข้าที่หน้าของผม มือเรียวทั้งสองข้างประคองแก้มของผมไว้ สายตาสวยที่มองผมเหมือนคนแปลกหน้า



“เมล จำพี่ได้ไหม”



“อย่าร้องนะ ... พี่ทัพก็ไม่เคยร้อง ต้องเป็นผู้ชายเข้มแข็งแบบพี่ทัพนะ” 



เค้าที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มน่ารักส่งมาให้ผม นิ้วเรียวที่เกลี่ยไปทั้งใบหน้าของผม เช็ดน้ำตาให้ออกจากหน้า ...



“ว่าแต่ คุณคือใครครับ?”



แต่เค้ากลับไม่รู้ว่าผมคือใคร



...



“หมอ หมอหมายความว่ายังไงวะ!”



“คุณทัพหน้าใจเย็นๆก่อนครับ”



“ไม่ยงไม่เย็นแม่งแล้ว แบบนี้มันคืออะไรกันวะ! มึงรักษาเมียกูยังไง”



“เฮีย ใจเย็นก่อนเว้ย”  เป็นไอ้รบที่ตรงเข้ามาดึงผมออกจากหมอ ผมไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น



“จะให้กูเย็นได้ยังไง ในเมื่อไอ้เมลมันจำกูไม่ได้อยู่คนเดียว มึงคิดว่านี่นิยายวายดราม่าโรแมนติกหรอวะ กูไม่ตลก กูไม่ขำ!”



“คุณทัพหน้าใจเย็นก่อนครับ นี่อาจจะเป็นเพราะสมองของคุณคิรากรโดนกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงตอนที่ร่วงลงกระแทกกับขอบเรือ”



“หัวกูเคยกระแทกตั้งหลายรอบไม่เห็นจะเป็นอะไร” 



ผมยังคงเถียงออกมาแบบไม่เข้าใจ ผมรับไม่ได้ ทำไมต้องเป็นผมวะ ทุกครั้งที่ไอ้เมลมองไปรอบๆห้องและทักคนนั้นคนนี้ มันจำได้ทุกคน ทุกคนจริงๆ...ยกเว้นแค่ผม



“เฮีย บางทีซ้ออาจจะไม่อยากกลับมาจำอะไรที่เลวร้ายสำหรับตัวเองก็ได้นะ”



เป็นไอ้รุกฆาตที่นั่งอยู่มุมห้องฟังผมกับหมอเถียงกันมาเงียบๆพูดออกมาแบบนั้น ผมที่ฟังคำพูดของมันไปแล้วได้แต่นิ่งไป ... เป็นเพราะผมที่ทำให้มันเจ็บช้ำมามากจนตอนนี้มันไม่อยากจะเจอผมอีกแล้วสินะ ผมที่ทำให้มันเสียใจซ้ำๆ



.

.

.



“คิคิ..”



เสียงหวานหัวเราะออกมาน้อยๆ   ผมพาเมลกลับมาอยู่กับผมที่บ้าน โดยได้คำอนุญาตจากที่บ้านของเมลเอง และใช่...ผมโดนพ่อมันจัดการมาเรียบร้อย แต่มันก็สมควรแล้ว คำพูดสุดท้ายก่อนออกจากบ้านของคาราเมล “ถ้าครั้งนี้คุณทำให้ลูกผมเสียใจอีกล่ะก็ ผมจะไม่เอาคุณไว้คุณทัพหน้า”



ในห้องสีขาวที่ผมจัดไว้ให้เมลใหม่ เป็นห้องทางซ้ายมือของใหม่ที่โปร่งสบายลมพัดได้ดีและอากาศถ่ายเท ไม่เหมือนกับห้องนอนของผมที่ค่อนข้างมืดทึบ อีกอย่างกลัวว่าถ้าเมลไปอยู่ห้องเดิมจะทำให้ความทรงจำแย่ๆวกกลับมา



“คิคิ..” 



ในมือเรียวถือสมุดเล่มหนึ่งติดตัวไว้ตลอดเวลา เป็นไดอารีที่คุณแม่ของเมลให้มา ผมสังเกตว่าเขาค่อนข้างจะติดสมุดเล่มนี้ แม้ว่าตลอดเวลาที่เมลอยู่กับผม ผมจะไม่เคยเห็นมันเลยก็ตาม แต่เหมือนกับว่ามันมีอะไรหลายๆอย่างอยู่ในนั้น



"เป็นยังไงบ้างเมล"



"แอบเอาขนมไปให้พี่ทัพที่คณะ^^" 



พูดออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มกว้าง ก่อนจะยื่นสมุดหน้าที่เขียนไว้มาอวดผม  ผมที่ก้มลงมองลายมือที่ไม่ต่างจากที่ผมเคยเห็น สมุดจดบันทึกไว้เมื่อสามปีก่อน



'ทัพหน้า' ของเขา ไม่ใช่ผมที่ยืนอยู่ตรงนี้ แต่คือ 'ทัพหน้า' ในโลกของเขา ที่เขาจดจำ



“ครับ พี่ทัพชอบมากๆเลย” 



ตอบคนตรงหน้าออกไปแบบนั้น แต่อีกฝ่ายที่ได้ฟังแค่หุบยิ้มแล้วก้มหน้าลง ผมไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเมลเป็นอะไร ท่าทีที่ดูเศร้าลงไปกะทันหันแบบนี้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น



“เมล เป็นอะไรไป”



“ไม่...”



“หื้ม ไม่อะไรครับ”  เดินเข้าไปจับมือ แล้วพยายามก้มหน้ามองคนตรงหน้าที่ตอนนี้เอาแต่ก้มหน้าหลบตากัน



“พี่ทัพ...พี่ทัพไม่ชอบ ไม่เคยชอบเมลเลย”  ว่าออกมาแบบนั้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆที่ทำให้ผมรู้สึกเจ็บไปด้วย เจ็บจนต้องดึงมากอดแน่นๆ



“ไม่จริงหรอกเมล พี่ทัพชอบนะ ไม่เคยไม่ชอบเลยนะครับ”



“ฮึก พี่ทัพไม่เคยชอบเมลเลย”



“ไม่จริง พี่บอกอยู่นี่ไง พี่ชอบเมล ไม่เคยไม่ชอบเมลเลย”



“ข..ขนมก็ไม่เคยกิน ฮึก”



“ใครบอก พี่แกล้งทิ้งไปแบบนั้นแหล่ะ พี่แอบไปเก็บกลับมากินทุกครั้งเลย...จริงๆนะเมล ฟังพี่สิ” 



พยายามจะบอกคนตรงหน้า แต่เค้าไม่ฟังที่ผมพูดเลย เมลที่ทำแค่สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสารอยู่ในโลกของเค้า  ไม่ได้รับรู้ด้วยซ้ำว่าผมกำลังกอดเค้าอยู่ตรงนี้



“ฮึก ฮื่อออ”  คนตรงหน้าที่เอาแต่กอดไดอารีเล่มเล็กที่ก่อนหน้านี้



“เดี๋ยวๆ ไม่ร้อง เมล เมลครับ เอางี้ๆ เดี๋ยวพี่เอาไดอารี่ของไอ้บ้าทัพหน้ามาให้ไหม แลกกันๆ เมลจะได้รู้ไงว่าจริงๆแล้วมันมีอะไรที่เมลไม่รู้หรือเปล่า ...ดีไหม” 



พูดออกไปแบบนั้น เด็กตรงหน้าผมที่เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งทั้งๆที่น้ำตานองหน้า



“ของ...อึก ของพี่ทัพ”



“อืม ของพี่ทัพหน้าของเมล อยากได้ไหม”



“อื้ม อยากๆ”



ตอบออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มออกมาทั้งๆที่น้ำตายังเต็มหน้า ผมว่ามันควรพอแล้ว พอแล้วกับน้ำตาที่จะอยู่บนหน้าของเมล



“งั้นสัญญากันก่อน ไม่ร้องไห้แล้วนะ ไม่ร้องไห้แล้วได้ไหม” ว่าออกไปแบบนั้น เด็กตรงหน้าที่เงยหน้ามองผม ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันหน่อยๆ



“ทำไม?”  ถามออกมาแบบนั้นแล้วเอียงคอมองอย่างสงสัย กลายเป็นเด็กที่ร้องไห้ง่าย สงสัยง่าย



“เพราะพี่ไม่อยากให้เมลร้องไห้อีกแล้ว”



ผมที่ว่าออกไปแบบนั้น พร้อมๆกับเอื้อมมือไปจับที่ข้างแก้มทั้งสองข้างของคนตรงหน้า ใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าให้หมด ใช้สายตาแสดงออกทั้งหมดของความรู้สึกบอกคนตรงหน้า



“และพี่ก็เชื่อว่า พี่ทัพหน้าของเมล ก็ไม่อยากให้เมลร้องไห้อีกแล้ว” 



บอกออกไปแบบนั้น แววนึงที่ผมมองเห็นในตาของคนตรงหน้าที่เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย แต่นั่นมันก็แค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น บางที เมลอาจจะจำได้เร็วๆนี้ก็ได้จริงไหม ... ผมก็แค่พยายามให้กำลังใจตัวเองให้มากที่สุด และหวังว่าสิ่งที่ภวานามันจะกลายเป็นจริงก็แค่นั้นเอง



‘ปี๊ดๆ’



ในช่วงจังหวะที่เรากำลังจ้องตากันอยู่แบบนั้น เสียงแตรที่ดังมาจากหน้าบ้านก็ทำให้ทั้งผมและเมลสะดุ้ง ได้แต่ถอนหายใจหนักๆกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ



“ลงไปดูกันไหมว่าใครมา”



“อื้ม ไปๆพี่ทัพ”



“ห๊ะ!”  หันหน้าไปมองอีกคนอย่างตกใจ  เมื่อกี้...เมื่อกี้เค้าเรียกชื่อผม



“พี่ทัพมาหรือเปล่าน้า” 



เมลที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มสว่างสดใสใส่ผมพร้อมชะเง้อคอมองลงไปข้างล่าง ได้แต่ถอนหายใจออกมาหนักๆในตอนนั้น ... ก็คิดว่าจำกันได้



ผมที่จูงมือเจ้าเด็กดื้อ ที่พอตอนนี้จำผมไม่ได้ดูจะดื้อมากขึ้นไปอีกลงมาที่โถงทางหน้าบ้าน มองเห็นชายร่างสูงที่ผมไม่เคยเห็นหน้า แต่เหมือนจะเคยเห็นจากรูปถ่าย ไอ้ผู้ชายที่กอดเมลรูปที่ไอ้ปืนเคยเอามาให้ดู



“ก้า~”



เสียงใสของคนข้างๆตัวที่ร้องออกมาแบบนั้น มือบางที่สะบัดออกจากการเกาะกุมมือผมแล้ววิ่งไปหาใครอีกคนที่ยืนหน้าตาขี้เหร่อยู่ตรงนั้น เหอะ ... หล่อไม่ได้ครึ่งกู



“เมล อย่าวิ่ง”  ผมที่ตะโกนตามไป แต่เจ้าตัวดื้อเหมือนจะไม่ฟังเอาซะเลย



“ก้า เมลคิดถึงงงง”



“ไหน คิดถึงก็มากอด”



“ได้ๆ กอดกันเลย”  ว่าออกไปแบบนั้นแล้วกางมือออกก้าง จะพุ่งเข้าไปกอด ผมที่เอื้อมมือไปคว้าเอวไอ้เด็กดื้อนี่ไว้ก่อนแล้วดึงมายืนข้างๆตัว



“ไม่เอาครับ เป็นคนไทยก็สวัสดีกันสิครับ”  ผมที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วบอกคนที่ช้อนตามองผมแบบไม่เข้าใจ แต่สักพักก็ฉีกยิ้มกว้างออกมาแล้วยกมือขึ้นไหว้



“สวัสดีครับพี่ก้า”



“หึ ขี้หวงว่ะ”



“มึงว่าไรนะ”



“มึงนั่นแหล่ะว่าอะไร นี่มันน้องชายกู จะจีบเค้าก็หัดรู้เรื่องของเค้าให้มากๆหน่อยสิวะ”



“ห๊ะ...พ...พี่ชาย”



“ฮ่าๆ ตลกว่ะ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคุณทัพหน้าผู้ยิ่งใหญ่หน้าเหวอได้ขนาดนี้ กูชื่อก้า เป็นพี่ชายแท้ๆของไอ้เมล”  ห๊ะ ... ไอ้แม่ย้อย แล้วทำไมไม่มีใครบอกกู วันนั้นที่ไปบ้านเมลก็ไม่เจอนี่หว่า



“ขี้หึงนักนะมึงอ่ะ”



“ขอโทษครับพี่”  บอกออกไปแบบนั้นแล้วยกมือไหว้ เชี่ย  พี่เมีย



“ถ้ารักมันนัก ก็อย่าทำให้มันเจ็บอีก ถ้ามึงทำอีกมึงจะไม่ได้รับโอกาสจากคนที่บ้านกูอีก รวมถึงโอกาสจากไอ้เมลด้วย”  คนตรงหน้าที่ว่าออกมาแบบนั้น สายตาที่เป็นประกายแข็งกร้าวขึ้นมาตอนที่พูดกับผมแบบนั้น



“ครับ...ผมสัญญา”



“หึ เมล...กูเอาของมาให้มึง”



“ของไรๆๆ ของเมลหรอ”



“อืม ของมึงนั่นแหล่ะ รอแป๊บนะ” 



พี่ชายมันที่บอกแบบนั้น แล้วเดินไปเปิดประตูรถที่เบาะข้างๆของตัวเองออก ไอ้ตัวดื้อข้างๆผมก็ชะเง้อชะแง้มองตามไปด้วย ดื้อจริงๆ



‘เมี้ยวววว’



“อ๊ะ...หลงงง ไอ้หลงงงง” 



เสียงร้องเล็กๆที่ดังมาพร้อมร่างขาวๆของสัตว์สีขาตัวสั้นหน้าแป้นแล้นที่กำลังอยู่ในอ้อมกอดของพี่ชายไอ้เมล ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาหนักๆ ขนาดไอ้หลงเมลยังจำได้ แล้วทำไมถึงจำผมไม่ได้อยู่แค่คนเดียว



“คิดถึงจังเลยยยย”



“พี่เอามันมาคืนเจ้าของ”



“คิดถึงหลงจังเลยๆ” 



เมลที่ว่าแบบนั้นแล้วรับมันมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าน่ารักที่ก้มลงไปเอาจมูกฟัดหน้าไอ้หลงเล่นอยู่แบบนั้น ให้มันได้แบบนี้ กูอยากกินแมวปิ้ง



“เมล พี่มีเรื่องจะบอกอีกเรื่อง”



“หื้ม ก้าว่าไงหรอ” 



เมลที่เงยหน้าขึ้นมาถามพี่มัน เอียงหน้าเอียงคอถามไปอีก น่ารักชิพหาย อยากจะฟัดแม่งให้จมเตียง แต่ตอนนี้ทำได้แค่จับมือ จับแล้วมันก็มองมางงๆว่าผมคือใครกัน



“พี่จะไปอังกฤษนะ ไปดูโรงเรียนให้เจ้าแฝด”



“สองแฝดไปด้วยหรอ”



“ไม่ล่ะ พี่ฝากไว้กับแม่”



“อะเค รีบกลับมาน้า”



“อืม...จะเอาขนมกลับมาฝากเยอะๆ ยังไงพี่ฝากเจ้าแฝดด้วยนะ” 



พี่ก้าที่ว่าออกมาแบบนั้น มองหน้าผมและไอ้เมลพร้อมๆกัน คนข้างๆตัวผมที่พยักหน้าขยันขันแข็งตอบกลับไป เห็นแบบนั้นแล้วอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นไปลูบหัวเอ็นดูเด็กมัน



“ผมก็จะดูให้ครับ”



“หึ เออ ถ้าดูแลน้องกูลามไปถึงลูกกูด้วย กูก็ยกให้”



“ยกอะไรให้ใครหรอก้า ให้เมลด้วยเดะๆ”



“ฮ่าๆ อยู่นี่ดีๆ แล้วกลับมาเป็นตัวเองด้วยหัวใจนะเมล” 



พี่ก้าที่ว่าแบบนั้นแล้วเดินมายีผมน้อง มองพี่มันที่มองหน้าน้องตัวเองนิ่งๆ ผมเห็นเมลที่พยักหน้ารับช้าๆ ก่อนจะยกไอ้หลงมาให้ผมอุ้มไว้แบบงงๆ ไอ้ตัวจ้อยที่พอมาอยู่ในมือผมก็พยายามจะดิ้นลงจากอกให้ได้ เลยต้องยกมือไปเคาะหัวขู่มันถึงจะอยู่เฉยๆได้  ... ไอ้เมลที่เดินเข้าไปกอดพี่มันแน่นๆ ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันมีความหมายอะไร แต่ถ้ามองจากตรงนี้ก็คือพี่น้องที่รักกันดี



“ผมสัญญา ผมจะดูแลเมลให้ดีครับ”



“จำคำพูดมึงไว้”



คนที่ยังกอดน้องตัวเองไม่ปล่อยจ้องหน้าผมทั้งๆที่กอดไอ้เมลไว้แบบนั้น แต่ถึงไม่บอกให้ผมจำ ผมก็จะทำให้เห็นแน่นอน









ขอโทษจริงๆที่มาให้แค่นี้ คือแคทต้องขอโทษจริงๆค่ะ จริงๆวันนี้ว่าจะไม่ลงด้วย เพราะแคทมีปัญหาให้เครียด

กลัวว่าจะเขียนออกมาได้ไม่ดี แต่กลัวว่าจะมีคนรอ เลยขอมาต่อให้เท่านี้ ขอโทษจริงๆถ้ามันยังไม่ดีพอนะคะ




----


ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
เราว่าทัพหน้าโดนแมลดัดหลังให้แล้วล่ะ  :laugh:

ออฟไลน์ ursleepingxd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไม่ต้องเครียดเลยค่ะ แงงงง

เครียดที่น้องหลงจะโดนปิ้งกินมากกว่า

ม่ายยยยยยยยยยยยยยยย  :katai4:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 o18 มันแปลกๆนา เมล์แกล้งทัพใช่เปล่า :pigha2: :pigha2:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เครียดก็พักไว้ก่อนได้จ้า เรารออยู่เสมอน้า

โอ๊ยยยย ทำเหมือนจะลืม แต่เหมือนไม่ลืมน่ะ
เมลไม่ได้แกล้งทัพหน้าใช่ไหม

ทัพหน้าก็เหวอไปหลายเรื่องแล้วจ้า
เมลจำไม่ได้อยู่คนเดียว
น้องร้องไห้ใส่เฉย บ่อยมาก
คนที่เห็นกอดกันคือพี่ชาย 5555
ทัพหน้าใกล้เป็นบ้าแล้วจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
เหมือนจะไม่ลืมแต่ก็ลืม เมลไม่ได้แกล้งใช่ไหม เริ่มแยกไม่ออก เนียนไปหรือว่าจริงๆวะ  55555 สมน้ำหน้าทัพดีไหมเนี้ย คึคึ! จำได้หมดยกเว้นคนเดียว ถถถ พ่อคู๊ณณณณ ก็นะ ทำกับเขาไว้เยอะ เล่นสักหน่อย ถ้าเมลกลับมาคงได้รู้ซึ้ง จดและจำ ทำแต่อย่างดีๆที่รับปากไว้ เพราะอะไรๆมันก็ไม่แน่ ตอนอยู่ด้วยกันทำให้ดี จะได้ไม่เสียใจทีหลังว่ายังไงเราก็ทำดีที่สุดแล้ว //กลับมาฟื้นความจำที่เดิม ห้องใหม่ พยายามเข้านะทัพหน้า ดีใจจจจจจที่หลงได้กลับมาหาไอ้พี่รี่แล้ว รอออออบรรยากาศเดิมๆกลับมา //อร๊ายยยสนุกกกมากกกค่า โอ๊ยขอบคุณนะคะที่มาต่อให้เรื่อยๆ แต่งดีแล้วคะ ยังน่าติดตามเหมือนเดิม ผ่อนคลายหายเครียดเมื่อไหร่ค่อยมาแต่งลงต่อก็ได้นะคะ ยังไงก็รอ และรอบรรยากาศพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อนพ้องน้องพี่ไอ้พี่รี่ไอ้หลงแต่คงต้องรอให้เมลกลับมาก่อนอื่นเลย รอๆ ว่าแต่ไอ้พี่ทัพมันมีไดอารี่กับเขาด้วยหรอ ไหนนนเขียนว่าไงบ้างอ่ะ โว้ๆๆ มีไรบ้างที่เมลยังไม่รู้วะ 555  //ลูกตัวเองไม่มีก็พากันเลี้ยงหลานละนะ โอ้ยยยเอามาบ้านนี้คงป่วนน่าดู ถึงตอนนั้นเราคงกุมขมับแทนไอ้พี่ทัพหน้า เมลคงเป็นหัวหน้าแก๊งค์อ่ะ 55555 มโนไปก่อน อ่านจบอารมณ์ไม่จบ 555555 //สนุกกกกกกกกกกค่าโว้ยยชอบบบบ มาต่อๆรอๆ ไฟท์ติ้งกับทุกเรื่องเครียดๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^___^

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ
บทที่32.3


.

.

.



“เมล ทำอะไรอยู่หื้ม”



ผมที่เดินเข้าไปหาคนที่อยู่บนเตียงพร้อมๆกับแก้วนมอุ่น เอ่ยถามคนที่เอาแต่นั่งตาแป๋วไม่ยอมนอนซะที วางแก้วนมอุ่นลงบนโต๊ะข้างๆเตียงของเขาแล้วส่งยิ้มให้



“อื้ออ เข้ามาทำไม”  หันมาหาผมพร้อมขมวดคิ้วแน่นใส่ผม ว่าแบบนั้นไม่พอยังยกนิ้วชี้ขึ้นห้ามผมที่กำลังจะก้าวขึ้นเตียงอีกด้วย



“ทำไมล่ะ?”



“เราไม่ได้สนิทกัน ไม่เอา อย่าขึ้นมานะ ชิ่วๆ”



“ไม่สนิทอะไรล่ะ นี่พี่ทัพไง พี่ทัพของเมลเองนะ”  ว่าออกไปแบบนั้นแล้วตั้งท่าจะก้าวขึ้นเตียงอีกรอบ



“ไม่ใช่”  ว่าออกมาเสียงแข็งพร้อมหมอนใบเล็กที่เขวี้ยงเข้าใส่หน้าผมเต็มๆหน้า  เชี่ย หลบไม่ทัน



“โอ๊ย เจ็บนะเมล”



“ออกไปเลย ออกไปๆ”



“น้องเมล”  เพราะอีกคนที่เอาแต่พูดแบบนั้นเลยอดจะทำเสียงแข็งดุใส่อีกคนไม่ได้



“อย่ามาเรียกแบบนี้นะ อย่ามาทำเสียงแบบนี้นะ” 



ขมวดคิ้วใส่พร้อมเม้มปากแน่นๆ มองหน้าผมแบบโกรธๆ แต่ถึงจะดูโกรธแค่ไหน แต่อีกอย่างที่เห็นได้ชัดกว่าความโกรธคงจะเป็นความน้อยใจ เหมือนพอผมว่าเสียงแข็งใส่อีกฝ่ายก็ดูจะน้อยใจขึ้นมาทันที ได้แต่ถอนหายใจหนักๆแล้วค่อยๆนั่งลงบนพื้นห้องข้างๆเตียงนอนแทน



“โอเค พี่ไม่ขึ้นไปนอนด้วยก็ได้ อยู่ตรงนี้แทนนะ”  บอกออกไปแบบนั้นแล้วชี้ให้ดูว่าผมจะอยู่ที่พื้นตรงนี้ นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ตรงนี้  บัดโถ่เอ๊ย ชีวิตไอ้ทัพหน้า



“ทำไมไม่ยอมให้พี่ขึ้นไปนอนด้วยล่ะ เมื่อก่อนเราก็นอนด้วยกันนะ”



“โกหก ไม่เคย”



“เคยสิ เมลเคยนอนกับพี่นะ”



“เราไม่รู้จักกัน ผมไม่รู้จักคุณ”  มองหน้าผมด้วยสายตาว่างเปล่าพร้อมว่าออกมาแบบนั้น แววตาที่มองผมแบบระแวงและไม่คุ้นหน้า



“ไม่รู้จักแล้วจะมาอยู่บ้านพี่ได้ยังไง”



“ไม่รู้ คุณพ่อคุณแม่ให้มาอยู่ที่นี่ เมลไม่อยากมาอยู่ที่นี่ เมลไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับคุณ”



“แต่เมลมีความทรงจำเกี่ยวกับทัพหน้า”



“พี่ทัพหน้าหรอ อื้มม”



“ถ้าจำไอ้ทัพหน้านั่นได้ ทำไมถึงจำหน้าพี่ไม่ได้วะเมล” 



รู้สึกฉุนแปลกๆทั้งๆที่ผมก็คือทัพหน้าคนนั้น แต่ก็ยังรู้สึกฉุนที่เมลเอาแต่เรียกหาไอ้ทัพหน้านั่น พูดดีๆกับพี่ทัพหน้า แต่กลับผมกลับทำเป็นห่างเหิน แม่ง หงุดหงิดไอ้ทัพหน้าที่คือกูเอง



ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น ทำไมเมลถึงจำผมไม่ได้ ผมมีเงินมากมาย แต่ไม่ได้มีสมองเหมือนหมอ เพราะถ้าผมเป็นหมอ ผมก็อยากจะเป็นคนรักษาเมล ถ้าทำได้ผมก็อยากจะทำให้เค้าจำผมให้ได้สักที



“พี่ทัพหน้า ไม่ใช่คนแบบคุณ”



“หมายความว่ายังไง”



“พี่ทัพหน้าใจดี ถึงจะชอบบอกว่าไม่กินขนม ไม่ชอบแต่พี่ทัพหน้าก็ใจดีกับเมล ยิ้มเก่ง เค้าไม่ใช่คนแบบคุณ คนนิสัยไม่ดี”



“แต่พี่ก็คือมันไงวะ!”



“ออกไป!”  และพอผมขึ้นเสียงใส่ อีกคนก็เอ่ยปากไล่กันทันที  ทำไมวะ ผมก็คือไอ้คนที่เค้าร้องหาไง มันทำไม



“ไม่! นี่เมลกำลังแกล้งพี่อยู่ใช่ไหม จริงๆจำพี่ได้ใช่ไหม!”  อึดอัดไปหมด รู้สึกหงุดหงิดจนต้องลุกขึ้นยืนแล้วขึ้นไปบนเตียง จับแขนคนดื้อดึงที่เอาแต่ไล่ผมออกไปเอาไว้แน่นๆ ทำท่าทำทางว่าไม่รู้จักผมอยู่ได้  ทำไมวะ ทำไมถึงจำผมไม่ได้



“มองพี่! มองพี่แล้วพูดมาว่าจำพี่ได้!”



“ไม่!”



“เลิกโกหก มองพี่แล้วพูดมา เลิกแกล้งกันสักทีคาราเมล”  ว่าแบบนั้นพร้อมเขย่าแขนคนตรงหน้า เลิกแกล้งกันแบบนี้สักที!



“ฮึก ออกไปๆ ผมไม่รู้จักคุณ ผมไม่รู้จักคนใจร้ายแบบคุณ ฮึก ฮื่ออ”   เสียงสะอึกสะอื้นที่ดังมาพร้อมเสียงด่าทอของคนตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกตัว  นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่วะ



“ฮึก ฮื่ออ คน...คนใจร้าย เมลเกลียดที่สุด! เมลเกลียดคุณที่สุด! ฮึก”  ตาใสๆที่ช้อนตามองผมทั้งน้ำตา อีกแล้ว...ผมทำเมลร้องไห้อีกแล้ว



“ออกไปเลย ฮึก ออกไป”



“พี่...”



“ออกไป ฮื่ออ”



“ขอโทษครับเมล”



“ออกไปนะ ออกไปเลย”  คนตรงหน้าที่เอาทั้งมือทั้งเท้ายันตัวผมให้ลงจากเตียง หน้าของผมก็ยังไม่อยากจะมอง มันทำผมรู้สึกแย่ แต่พอลองคิดกลับกัน เมื่อก่อนตอนที่ผมทำเป็นมองไม่เห็นเมล เมลเองก็คงจะเสียใจแบบนี้เหมือนกัน



“พี่จะออกไปนะ เมลนอนนะครับ”



“ฮึก...”  น้ำตาใสยังคงไหลลงมาจากดวงตาคู่สวย คนตรงหน้าผมที่หันหน้าหนีไม่ยอมมองกันอยู่แบบนั้น ผมได้แต่ถอนหายใจหนักๆ แล้วล่าถอยออกมาจากห้อง



“แม่งเอ๊ย มึงทำพังอีกแล้วไอ้ทัพ!”



...

               

แสงสลัวๆพร้อมทั้งเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่ม ภาพบรรยากาศของผับในยามค่ำคืน ไม่ว่าที่ไหนก็เป็นแบบนี้แทบจะทั้งนั้น ไม่รู้ทำไมต้องเป็นแบบนี้  อาจเพราะแสงสีและเสียงแบบนี้ มันอาจจะทำให้ชวนเมามายและลุ่มหลงมากเป็นพิเศษก็ได้ล่ะมั้ง  ดวงตาเรียวรีแต่คมเฉียบเพราะการกรีดอายไลน์เนอร์มาเป็นอย่างดี ทำให้โครงหน้าหล่อนั่นยิ่งชวนน่าสนใจ  หากแต่เจ้าของดวงตาเรียวกลับไม่สนใจรอบๆข้าง เจ้าตัวทำเพียงแค่เอื้อมมือไปหยิบแก้วเหล้าออนเดอะร็อคกระดกเข้าปากไปอีกอึกแบบไม่สนใจสิ่งใด



‘ครืด ครืด’



แรงสั่นจากโทรศัพท์เครื่องหรูที่วางอยู่บนโต๊ะ ทำเอาเจ้าของเครื่องต้องขมวดคิ้วหน่อยๆก่อนจะเอื้อมมือไปกดรับสาย



“ว่าไงคะน้องแจของพี่ดานี่”



((พี่ดาบบบบ กี่โมงแล้วทำไมไม่กลับบ้าน))



“คนสวยๆ เค้าก็ออกล่าเหยื่อน่ะสิจ๊ะ เอิ๊ก”



((ทำไมเสียงยานแบบนั้นวะพี่มึง เมาหรอ ร้านตัวเองก็ไม่เข้าไปดู พี่ปืนด่าหัวแล้วอยากจะบอก))



“อ่าหะ หนูบอกแล้วค่าาา  หนูด่าคนสวยไปแล้วจะ เอิ๊ก”



((พี่ดาบอยู่ไหน บอกมาเลย แจจะออกไปรับ))



“มะเอาๆ มาเองกลับเองได้ นักเลงพ๊ออออ”



((โอ๊ยยย พูดไม่รู้เรื่องเลยโว้ย บอกแจมาๆ))



“พูดไม่รู้ฟังอินี่ ขี้เสือกอ่ะค่ะ คนสวยรับไม่ดั้ย”



((ฮัลโหลไอ้สัดดาบ นี่กูเองนะไอ้น้องเวน))



“กรี๊ดดด อิผู้ชายหยาบโลน มึงคือปืนๆชิมิ ว่างายยยย เรียกชื่อน้องให้ถูกๆจะได้รึเปล่าคะ”



((ถ้าอยู่ใกล้ๆจะถีบยอดหน้าให้ไอ้สัด มึงอยู่ร้านไหนบอกกูมา กูจะไปรับ))



“นามคานจุงเบย”



((นามคานคือเชี่ยไรมึงวะ))



“นามคานก็คือรำคาญไงๆ โอ๊ย ไม่อยากจะคุยกับคนแก่ๆเลยจริงเชียว กรี๊ดๆๆเจอผู้งานดี แค่นี้ก่อนน้าปืนๆ”



((เดี๋ยวๆไอ้สัดดาบมึงอย่าพึ่ง....))



‘ติ๊ด ตู๊ดๆๆ’



“รำคาญจริงเว้ย คนแค่อยากออกมาเมา แค่อยากจะลืม ทำไมต้องวุ่นวายกันนักวะ” 



บ่นออกมาแบบนั้นแล้วเอื้อมมือไปหยิบแก้วเหล้ามากระดกอีกอึก  มองไปรอบๆตัว มองเห็นผู้หญิงผู้ชายโยกเอวส่ายสะโพกกันอย่างออกรสออกชาติ เห็นแบบนี้แล้วก็โคตรจะน่าเบื่อ ไม่มีอะไรน่าสนใจ ส่วนคนที่สนใจ เค้าก็ไม่ได้สนใจเราว่ะ หึ น่าขำสิ้นดี



“อะ...เอ่อ...ข..ขอโทษนะครับ”  เสียงเรียกที่ดังเบาๆไม่ทำให้คนที่นั่งกระดกเหล้าสนใจแต่อย่างใด



‘จึกๆ’



“เอ่อ...ข..ขอโทษนะครับ” 



แรงสะกิดที่หัวไหล่ พร้อมเสียงเรียกที่ดังขึ้นมามากขึ้นกว่าครั้งแรกทำเอาต้องขมวดคิ้วก่อนจะหันไปมอง ภาพตรงหน้าคือพนักงานในผับที่ตัวไม่เล็กไม่ใหญ่ ดูจะตัวสูงแต่ดันผอมเก้งก้าง คนตรงหน้าที่ในมือถือถาดพร้อมยื่นแก้วส่งมาให้ผมตาแป๋ว



“คะ? มีอะไรคะหนู”



“อ่ะ..เอ่อ ...ลูกค้าโต๊ะนั้นส่งมาให้ครับ”  ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมเหงื่อที่ดูจะแตกออกมาตามไลผมมากขึ้น  ผับก็ไม่ร้อน



“หรอคะ หล่อรึป่ะ ถ้าไม่หล่อไม่กินนะคะ”



“มะ...ไม่ได้นะครับ”  ว่าออกมาตาลีตาเหลือกจนต้องเลิกคิ้วใส่แบบไม่เข้าใจ ก่อนเด็กตรงหน้าจะก้มหน้าลงอีกครั้ง



“ล...หล่อครับ เค้าฝากมา”  ว่าแบบนั้นแล้วก้มหน้าหนี ท่าทางดูขี้กลัว ผมที่ชะเง้อคอมองไปที่โต๊ะต้นตอของแก้วเหล้าแก้วปัญหาแล้วยกยิ้มมุมปาก  หล่อมากมั้ง นมเต็มตากูเลย ไอ้บ๋อยนี่ก็ยังอุตส่าห์จะโกหกกู



“หึ โอเค”



“งั้นจะกินใช่ไหมครับ”



“คะๆๆ แค่แดกๆก็พอจะได้จบๆใช่ไหมคะ”  ถามออกไป ไอ้พนักงานตรงหน้าก็พยักหน้าหงึกหงัก มองหน้าผมแบบมีความหวัง เฮ้อ วุ่นวายจังวะ



เพราะคิดแบบนั้นก็เลยยกแก้วคอกเทลที่ไอ้เด็กนี่เอามาให้กระดกเข้าปาก เหล้าหลายชนิดรวมกันในแก้วถูกกลืนลงไปในลำคอ ความร้อนแผดเผาจนต้องซี๊ดปาก



‘ปัก’



“แดกแล้ว โอเคนะคะหนู” 



ถามมันออกไปพร้อมๆกับที่วางแก้วคอกเทลนั่นลงบนถาดที่เด็กนั่นถืออยู่ แววตากลมใสที่มองมาทางผมแบบเป็นกังวลหน่อยๆเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ยอมพูด ทำแค่เพียงยกมือขึ้นไหว้ผม เห็นแบบนั้นแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาแล้วสะบัดมือไล่ไอ้พนักงานน่ารำคาญนี่ไปให้พ้นทาง  ก็แค่เด็กพนักงานที่พึ่งเคยทำงาน สงสัยจะโดนลูกค้าโต๊ะนั้นขู่ให้มาส่งเหล้าให้ผมให้ได้ล่ะสิท่า เหอะ

.

.

.



เวลาล่วงเลยผ่านไป ไม่รู้ว่าตอนนี้เวลากี่โมงแล้ว แต่มันก็อาจจะนานพอที่ทำให้หัวสมองมึนงงจนรู้สึกอยากหลับตาลง จนต้องทิ้งหัวฟุบลงกับโต๊ะ



“พี่ดาบคะ พี่เมามากแล้วนะคะ ไปต่อกับมิ้นน้า” 



เสียงใสที่ดังคลอเคลียร์อยู่ข้างหูทำให้ต้องปรือตาขึ้นมาดู หญิงสาวร่างสวยหน้าตาดีที่เบียดตัวเข้าใกล้ผมพร้อมจมูกโด่งที่คลอเคลียร์ไปตามลำคอ ยิ่งเธอทำแบบนั้นความรู้สึกร้อนลุ่มก็ยิ่งทวีขึ้นมากลางอกแปลกๆ รับรู้ได้ถึงความแข็งขืนที่เกิดขึ้นที่กลางหว่างขา



“จิ๊”  ได้แต่ส่งเสียงหงุดหงิดออกมาจากลำคอ มองหน้าสาวตรงหน้าตรงๆก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก



“พี่ดาบคะ”  เสียงอ่อนเสียงหวานพรางยิ้มสวยๆส่งมาให้ ใบหน้าเรียวที่เอียงเข้ามาหา



“หึ”



“ว๊ายยยยย”  หญิงสาวที่ร้องออกมาเสียงหลง พร้อมๆกับหงายหลังลงไปนั่งก้นจ้ำเป้าอยู่ที่พื้น  ตัวผมเองที่ค่อยๆยันตัวลุกขึ้นจากโต๊ะอย่างลำบาก



“ชะนี ออกไป๊!!”



.

.

.



“อึก แม่ง” 



ขายาวที่ค่อยๆก้าวเดินอย่างยากลำบาก ความรู้สึกอึดอัดที่อยากจะระบายแต่ไม่ได้ระบายนี่มันยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บหน่วงอยู่ที่กลางหว่างขา ฝ่ามือใหญ่ที่ค่อยๆยันเข้ากับผนังทางเดินของผับที่ทอดยาวออกไปหลังร้านอย่างเหนื่อยๆ เดินออกมาจนถึงด้านนอกได้ก็รีบสูดอากาศหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ อีกนิดเดียวก็จะถึงรถแล้ว



หายใจเข้าออกจนอกแกร่งกระเพื่อม เหงื่อเม็ดใหญ่ที่ไหลออกมาจากไรผม แผ่นหลัง ลามไปทั่วทั้งตัว รู้สึกร้อนลุ่มไปหมด ... ยาปลุก แม่งเอ๊ย! กี่รอบแล้ววะกับความอยากลองของพวกผู้หญิง น่ารำคาญ



‘พลึบ’



“สัด”  หงุดหงิดก็หงุดหงิด แล้วขายังจะเสือกไม่มีแรงอีกแม่ง กูอยากเอาโว้ย!



ได้แต่กลัดฟันกรอดแล้วยันตัวลุกขึ้นยืน



‘หมับ’



“พ...พี่ครับ ไหวไหม” 



เสียงใสที่โคตรจะคุ้นหูที่มาพร้อมแรงพยุงข้างๆตัวผมให้ยืนขึ้นได้ ตวัดสายตาหันไปมอง ก็มองเห็นดวงตากลมโตที่จ้องมองมาอย่างเป็นห่วง พอเห็นผมจ้องกลับก็สะดุ้งตกใจเล็กน้อยแล้วหลบสายตา



“ร...รถ รถพี่คันไหนครับ เดี๋ยว...เดี๋ยวผมช่วยพาไป”



“มึง” เค้นเสียงเข้มว่าออกไปแบบนั้นจนคนข้างตัวสะดุ้ง ... ไอ้เด็กบ๋อยพนักงานคนนั้น



“มึงรู้ใช่ไหมว่ามันมียา”



“คือ คือ...ผม ผมไม่รู้ครับ”  ว่าออกมาด้วยเสียงสั่นๆ ท่าทางไม่ต่างจากลูกแมวเวลาตกใจ รู้ว่าถูกจับได้แต่ก็ยังหน้าด้านแถ



“ตอแหล”



“ผ...พี่ คือ...ผ..ผมขอโทษครับพี่ ผมขอโทษ”   



ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมปล่อยแขนผมออกทันที ไอ้เด็กตรงหน้าที่ยกมือขึ้นไหว้ผม ทำหน้าทำตาเหมือนอยากจะร้องไห้  มึงไม่ต้องมาทำหน้าสงสาร สาระแนดีนัก!



“มึงมานี่เลย!”



“อ๊ะ พ...พะ...พี่ พี่จะทำอะไร ปล่อยผม จะลากผมไปไหน ช่ว...อึก  อ๊ะ อื้มมม”



...



“วิ่งๆ วิ่งเลยๆ จับเร็วๆ คิกๆ”  เสียงใสๆที่ดังมาพร้อมเสียงหัวเราะสนุกสนาน หลังจากที่เจ้าตัวสั่งให้ผมวิ่งตามไอ้แมวผี ... ใช่ครับ คนที่สั่งจะเป็นใครได้ นอกจากคาราเมล แม่ง!



ย้อนกลับไปเมื่อเช้า ตอนที่ตื่นนอน ... คนหน้าใสที่ตอนนี้นั่งกินชากับขนมอยู่ในร่มพร้อมหัวเราะเสียงใสแตกต่างจากเมื่อเช้านี้อย่างสิ้นเชิง



“เมล กินข้าวครับ”  ผมที่เดินเข้าไปในห้องนอนของคนที่เมื่อคืนนี้ไม่ยอมให้ผมนอนด้วย  แต่ตอนนี้เจ้าตัวไม่อยู่บนเตียง แต่กลับไปยืนรับลมอยู่ที่ระเบียงด้านนอก  เห็นแบบนั้นเลยเดินตามออกไป



“ทำอะไรอยู่ครับ หื้ม”  ถามเสียงอ่อนออกไป จริงๆก็เพราะรู้สึกผิดจากเรื่องเมื่อคืน วันนี้เลยตั้งใจจะเริ่มใหม่ เมลจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ผมจะเริ่มใหม่กับเมลเอง



“...........”



“เมล มองอะไรอยู่”  ถามย้ำออกไปอีกครั้ง เมื่อคนข้างๆตัวไม่ยอมพูดอะไรออกมากับผมสักคำแถมยังไม่ยอมมองหน้ากันอีกจนผมเอะใจ



“ยังโกรธอยู่หรอ”



“...........”  เห็นท่าทางปั้นปึ่งแบบนั้นแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมา ผมไม่ชอบมากๆเวลาที่คาราเมลไม่สนใจ  ไม่ว่าจะเป็นคาราเมลที่จำผมได้ หรือเด็กเอาแต่ใจตรงหน้าที่ตอนนี้จำผมไม่ได้ก็เหมือนกัน



“ทำยังไงถึงจะหายโกรธ พี่สัญญาจะไม่ตะคอกเมลอีก”  พูดออกไปแบบนั้น สิ่งที่ได้กลับมาคือคนข้างตัวที่หันหน้ามามองกัน เห็นแบบนั้นแล้วก็ยิ้มออก



“จริงๆนะครับ...”



“คำสัญญาที่ทำตามไม่ได้ ก็แค่ลมปากของคนไม่จริงใจไม่ใช่รึไง จะสัญญาทำไม ถ้าสุดท้ายก็ไม่เคยทำ”



“เมล...”  ได้แต่เอ่ยปากเรียกชื่อคนตรงหน้าเบาๆ รับรู้ว่าลำคอตัวเองตีบตันตอนที่อีกคนว่าเรียบๆออกมากระแทกหน้าของผมแบบนี้  สายตา ท่าที และน้ำเสียงไม่ต่างจากวันนั้น  วันที่เมลมาบอกผมว่ามันจะไม่มีทางกลับมาหาผมอีก



“ช่างเถ๊อะ แต่เมลไม่อยากคุยกับคนเองซวย”



“ด...เดี๋ยวนะ เฮ้อ เมลลลล”  พูดไม่ออก บอกไม่ถูก บอกตรงๆว่าผมตามอารมณ์ไม่ถูก รู้สึกเหมือนผมเป็นแค่หุ่นตัวเล็กๆที่อยู่ในขวดโหล ถูกจับขย่ำโยนไปมาเป็นว่าเล่นเพราะคนตรงหน้านี้  เมลที่ก่อนหน้านี้ทำหน้าจริงจัง แต่ตอนนี้แค่ยักไหล่เหมือนไม่ใส่ใจ แต่คำสุดท้ายนี่คือด่าผม...เฮง...เฮงซวยหรอวะ!



“รำคาญมากป๊ะ รำคาญมากก็ออกไปไกลๆ ไม่อยากเห็นหน้า”



“ใครจะกล้ารำคาญเมลล่ะครับ”  ว่าออกไปเสียงอ่อน พร้อมๆกับเอื้อมมือมากุมมือคนตรงหน้า แต่เมลที่ทำแค่สะบัดมือออก



“รำคาญ”  ตอบผมออกมาแบบนั้นพร้อมว่าเสียงเรียบ รู้สึกหน้าชาเป็นครั้งที่สอง



“จะให้พี่ทำยังไงถึงจะหายโกรธ บอกมาได้เลยนะเมล พี่จะทำทุกอย่างเลย”



“เหรอ”  เลิกคิ้ว ทำท่าทำทางเหมือนไม่อยากจะเชื่อ แต่ผมก็เลือกจะพยักหน้าลงช้าๆ



“ครับ”  ตอบออกมาแบบนั้นอีกคนก็ยกยิ้มมุมปากส่งมาให้  ท่าทางร้ายๆแบบนั้นมันคืออะไรวะ



“ไหนบอกจะให้ไดอารี่พี่ทัพหน้าไง”



“อะ...เอ่อ”   ชิพหาย



“ไม่มีใช่ไหม”  คนตรงหน้าที่กดเสียงถามออกมาเรียบๆ ทำเอาผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบแปลกๆ



“หึ คนเฮงซวยจริงๆ”  มองหน้าผมด้วยสายตาผิดหวัง แล้วผลักอกผมให้ถอยออกไปห่างๆตัวอีกหลายๆก้าว เมลที่ทำแค่กลับตัวหันหลังจะเดินเข้าไปในห้อง แต่ผมที่พุ่งเข้าไปหาแล้วกอดเอาไว้จากทางด้านหลัง



“ปล่อย ปล่อยนะ!”



“ชู่ววว เดี๋ยวก่อน ฟังพี่ก่อน”



“ไม่ฟัง ปล่อยน้า”



“พี่ไม่มีไดอารีเป็นเล่มๆ แต่พี่เล่าได้นะ เล่าทุกเรื่องได้นะ”



“โกหก! คำพูดของคนกลับกลอกใครมันจะเชื่อ ปล่อย”



“เชื่อพี่เถอะนะเมล ข้อความที่พี่จะเล่า...ทัพหน้า ไอ้ทัพหน้ามันเล่าให้พี่ฟัง เล่าให้พี่ฟังหมดเลย จริงๆนะ”  ผมที่รีบว่าออกไปแบบนั้นพร้อมกอดอีกคนแน่นๆ กลัว ผมกลัวเค้าจะหนีหายไปอีก



“จริง?”



“จริงสิ นอกจากเล่าเรื่องไอ้ทัพ เมลจะให้พี่ทำอะไรอีก พี่ยอม ยอมหมดเลยจริงๆนะ”



“แน่นะ”



“อื้ม แน่สิ”



“งั้น...”



“หื้มม?”




และหลังจากความสงสัยของกู ตอนนี้ก็ต้องมาวิ่งไล่จับไอ้หลงให้คุณเค้า! ชิพหาย หมดแล้วซึ่งทัพหน้าผู้นำของลูกน้อง มองไปรอบๆสนามหญ้า มองเห็นลูกน้องชุดดำที่ทำหน้าเลิกลั่กกันอยู่ สัดเอ๊ย! หน้าอายชิพหาย



“นายครับ พวกผมช่วยไหมครับ”



“จะทำอะไรน่ะ!”  คาราเมลที่เห็นพวกลูกน้องของผมวิ่งเข้ามาค้อมตัวถามผมแบบนั้นก็ตะโกนเสียงดังออกมาทันที ผมได้แต่ถอนหายใจหนักๆก่อนจะโบกมือไล่ลูกน้องให้หนีไป



“ไม่ต้องกูจัดการเอง”



“จะดีหรอครับนาย”



“เออ!”  แม่งเอ๊ย ไม่ดีได้ไง ขืนไม่ดีผมก็โดนโกรธอีกน่ะสิวะ ทั้งโดนโกรธทั้งโดนด่า กูเหลือโดนถีบหน้าต่อหน้าลูกน้องเนี่ยแหล่ะตอนนี้



“ฮ่าๆ ทำอะไรกันอยู่วะซ้อ อ้าวเฮีย ไปนั่งหน้าซีดเหงือกซกอะไรอยู่ตรงสนามแบบนั้นอ่ะครับบบ กินกล้วยไหม พอดีซื้อมาฝาก”



“พวกสัด มาบ้านกูทำเหี้ยไร!”



“อ้าวนักรบ รุกฆาต”



“แจก็มาด้วยจ้าพี่เมลลล”



“สัด ขนมากันหมดโคตรเลยไหมกูถามจริง”  ได้แต่บ่นพึมพำอยู่คนเดียวกลางสนามหญ้า แดดก็ร้อน แล้วยังมีพวกเวนนี่มาป่วนอีกแม่ง



“ทำอะไรอ่ะ วิ่งสิ ไอ้หลงไปนู่นแล้ว”



“เมี้ยวววว”  ไอ้สัดลูกแมวนี่ก็ร้องเก่งจัง เดี๋ยวมึงเจอกู



“จ้า”



หมด หมดกัน หมดทุกอย่างแล้วความเป็นทัพหน้า เตชะณรงกรค์ แม่ย้อยเอ๊ย!



“อย่าวิ่งไอ้หลง เดี๋ยวมึงเจอกู!”



...

100%



มาแล้วจ้า น้องแคทมาต่อแล้วน้าาาา มาครบ100แล้ว ปั่นสุดฤทธิ์ ... ทำงานแบบนี้มันแย่จริงๆตรงที่ถ้าจิตใจไม่ดี

ก็จะเขียนไม่ได้ เซ็งมากๆ แคทหวังว่าตอนนี้จะทำให้ทุกคนชอบนะคะ  คนอ่านยังอยู่ไหมมมมมม เหมือนหายไปเกินครึ่งแล้ว แง้

ส่วนเรื่องพี่ดาบ เอ้ย พี่ดานี่ แคทตั้งใจว่าจะเขียนเป็นเรื่องต่อไปค่ะ เดี๋ยวถ้าจบเรื่องนี้จะลองเอาอินโทรมาลงให้อ่านน้า  ส่วนฉากบะละฮึ่มดึ้มด้ำของพี่ดานี่กับน้อง...น้านนน อ่านต่อได้ในเล่มน้าา คิ๊กค๊าก



-----------



ดาบ: ดานี่ค่ะอิพวกนี้!!! เรียกให้ถูกได้ไหมเจ๊ขอ ผ่านมาจะจบเรื่องดาบๆอยู่นั่น เดี๋ยวกูก็เสียบเลยค่ะ! แล้วก็นะ ถ้าพวกหล่อนคิดว่าฉันจะมาแค่นี้ เหอะ สวยๆแบบนี้ต้องมีตอนของฉันแล้วย๊ะ จำนะคะอิคนเขียน!



-TBC-

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
หลังๆ อ่านเรื่องนี้ก็จะสงสัยว่า "แม่ย้อย" คือใคร ใครวะ เรียกทุกตอนเลย อิพี่ทัพเรียกทุกตอน ต้องคิดถึงมากแน่ๆ 55555

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
เจ๊ดานี่จะได้เมียแล้ว

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ร้ายกาจมากพี่ด้าบ!!!

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ตกเป็นทาสเจ้าแล้ว จะสั่งอะไรตอนนี้พี่ยอมมมม หมดกันพี่ทัพคนเข้ม น้องดุนะ พี่ไหวหรอ 555555555 //อะไรจะทำให้เมลจำได้ละเนี้ย สงสารคนหึงตัวเอง ด่าตัวเองก็เป็น ทำไว้เยอะไง ก็รับกรรมไป คึคึ! //แอร๊ยยยยพี่ดานี่จะได้เมีย เอ้อออสงสารน้องงง ซวยชิบ ดราม่าอะคู่นี้ รอตามต่อเลย พี่ดาบใจร้าย เห็นๆแบบนี้ ท่าจะร้ายกว่าไอ้พี่ทัพหน้าอีกนะเนี้ยย //สนุกกกกกก อ่านจบก็รออ่านต่อตอนต่อไปเลย เพื่อนพ้องน้องพี่มาเยี่ยมเมลหรือจะมาป่วน เอาดีๆ 55555 //ขอบคุณนะคะที่แต่งมาอัพต่อเรื่อยๆ อ่านเพลินเลย อิอิ ^^

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ทาสน้ะจ้าาา ทัพหน้าาาาาาาาา :jul3:

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ
​​​

บทที่33





“เฮ้ออ”



“เหนื่อยมากหรอวะเฮีย”  เสียงที่ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ทำเอาผมต้องหันไปมอง เป็นไอ้รบที่เดินเข้ามาหาผมที่นั่งพิงเคาเตอร์ห้องครัวอยู่ตอนนี้



“ก็เหนื่อยว่ะ”



“ทำไมถึงเหนื่อยวะ”



“ก็เมลอ่ะดิ พูดจริงๆตอนนี้กูแทบจะไม่เข้าใจอะไรเลย เมลอารมณ์ขึ้นๆลงๆจนกูเอาใจไม่ถูกแล้ว ตั้งแต่เช้านี่กูยังไม่ได้หยุด วิ่งจับไอ้หลง ไปซื้อน้ำเต้าหู้ กลับมาทำขนมจีบ พูดจาไม่ถูกหูก็ไม่พอใจ ไม่รู้อะไรนัก”



“แล้วเฮียท้อหรอวะ”



“เฮ้อ เอาจริงๆมันก็มีบ้าง แต่กูไม่ยอมแพ้หรอก”



“เฮียต้องเข้าใจนะเว่ย หลายๆอย่างที่ซ้อเจอมันหนักกว่าที่เฮียเจอตอนนี้ด้วยซ้ำ กี่ครั้งที่เฮียทำให้เค้าเสียใจ ให้เค้าเหนื่อย อาจจะทั้งเจ็บทั้งเหนื่อยมากกว่าเฮียตอนนี้อีกมั้ง”



“อืม มันก็อาจจะจริง” 



ผมที่ตอบรับออกไปแบบนั้นแล้วหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างห้องครัว มองเห็นเมลที่กำลังวิ่งไล่ไอ้หลงพร้อมหัวเราะสนุกสนาน ใกล้ๆตรงนั้นมีไอ้รี่นอนเล่นมองอยู่ตรงนั้น เมลมันดูมีความสุขดี รอยยิ้มร่าเริงที่ควรจะมีประดับอยู่บนหน้าของมันแบบที่ควรจะเป็น



“กูอยากเห็นมันยิ้มมากๆ และถ้าทำได้ ก็อยากจะเห็นมันยิ้มกว้างๆจากการกระทำของกู”



“งั้นเฮียมึงแบกขนมจีบนี่ออกไปด้วยกันเลย กูรับรองว่าซ้อต้องยิ้มกว้าง”



“สัด”



“เอ้า ตามมาเร็วๆพี่น้องบ๋อย ฮ่าๆๆๆ”  มันที่ว่าแบบนั้น แล้วอุ้มถังน้ำแข็งนำหน้าผมออกไปพร้อมเสียงหัวเราะขบขันสะใจ



“สัดเอ๊ย”  ถึงจะบนแบบนั้น ก็ยังจัดขนมจีบกุ้งฝีมือผมเองใส่ถาดเรียบร้อยเพื่อเอาไปเสริฟ คือวันนี้เมลไม่ยอมให้แม่บ้านทำงาน งานทุกอย่างตกอยู่ที่นี่ กูเอง ...



“ขนมจีบกุ้งของโปรดของเมลมาแล้วครับ”  ผมที่เดินตามไอ้รบออกมาจากห้องครัวพร้อมจานขนมจีบที่เอามาเสริฟลงตรงหน้าคนตัวดื้อที่ตอนนี้นั่งอยู่พร้อมญาติๆตัวเสือกของผมเอง อยากถามว่าใครเชิญพวกมันมา



“อุ๊บ อ...ก๊ากกกกกกกกกกกก”



“ฮ่าๆๆๆๆ อิเหี้ยโคตรจี้”  เสียงหัวเราะดังลั่นห้องทานอาหารตอนที่พวกมันหันมาเจอผม แม่ง



“เฮีย ชุดเฮียมึงสุดยอดมาก ฮ่าๆๆๆ”



“เมลเลือกชุดกันเปื้อนให้เองล่ะ น่ารักไหม ลายสิงโตสีชมพูด้วย น่ารักเนอะ”  และไอ้คนต้นคิดก็พูดขึ้นมาแบบหน้าตาเฉย ทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจหนักๆออกมาอีกหนึ่งที



“เฉียบมากซ้อ ฮ่าๆโคตรจี้”  ไอ้รบที่ว่าออกมาแบบนั้น กำลังจะหันไปด่ามันแต่ต้องถอดชุดออกมาปาใส่ไอ้ห่ารุกแทน แม่งกำลังยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปกูไว้อีก



“ตลกมากพอยังพวกมึง มากันทำเหี้ยอะไร ไสหัวออกไปจากบ้านกูเลยไป”



“อันตพาล เมลโทรชวนมาเองนะ”  เสียงใสที่เอ่ยขึ้นมาแบบไม่พอใจทำเอาผมต้องถอนหายใจออกมาอีกหนึ่งเฮือก



“เมลครับ”



“ทำไมอ่ะ จะไม่ทำตามหรอ”



“ก็เปล่า”



“งั้นก็ใส่ผ้ากันเปื้อนไว้สิ ไปเอาขนมมาเสริฟให้อีกหน่อย คนเยอะแยะ”



“สุดจัดซ้อบอก ไปๆเฮียไป”  ไอ้แจที่นั่งจิ้มขนมจีบเข้าปากพรางสะบัดมือไล่ผมให้ไปเอามาให้ใหม่



“อันนั้นมันของเมลนะเว้ย”



“แล้วไง เมลจะให้แจกิน”



“ได้ยินแล้วนะจ๊ะเฮียจ๋า”  เป็นไอ้แจที่ทำท่ากระหยิ่มยิ้มย่องใส่ผม เห็นมันแล้วโคตรคิดถึงน้องจอม ขอบคุณที่ไอ้น้องจอมไม่มาพร้อมไอ้แจ คู่นี้มันรุ่นเดียวกัน ถ้าอยู่พร้อมกันกูต้องตายแน่ๆ



“เออ รอเลย กูจะเอามายัดปากพวกมึงให้ล้นคอเลย”



“เกรี้ยวกราดจังเลยโน๊ะรุกโน๊ะ”



“เกรี้ยวไปก็เท่านั้นอ่ะ มึงดูรูปนี้ดิ” 



ไอ้รุกที่ยื่นมือถือให้ไอ้รบดู ท่าทางแบบนั้นที่ทำผมต้องขมวดคิ้ว มองเห็นไอ้เมลที่เดินเข้าไปหาพวกมันแล้วเอาหน้าแทรกกลางระหว่างน้องผมทั้งคู่  เหี้ย ใกล้ไปแล้วโว้ย



“ฮ่าๆๆๆ รูปนี้ทัพน่ารักโคตรๆเลย”



“ใช่มะซ้อ โคตรจี้ จะเอารูปนี้ไปอวดป๊าแม่ใหญ่แล้วก็น้องจอมดีกว่า”



“เดี๋ยวๆ พวกมึงถ่ายรูปอะไรกู”  เป็นผมที่ถามพวกมันออกไปแบบนั้น ยกมือขึ้นเท้าสะเอวอย่างเหนื่อยๆ



“นี่ไง ถ่ายรูปนี่ไง”  เป็นคาราเมลที่หยิบโทรศัพท์ออกมาจากมือของไอ้รุกแล้วหันโทรศัพท์มาให้ผมดู ชัด...ชัดเลย รูปกูในชุดเสื้อกันเปื้อนสีชมพูลายสิงโต



“มึง”



“จ้าเฮีย”



“จ๋าจ๊ะ”  เป็นไอ้รุกกับไอ้รบที่ร้องออกมาพร้อมกันตอนที่ผมหันหน้าไปมองพวกมันด้วยสายตาวาว



“พวกมึงอย่าอยู่เลย”



“โว้ยยยย ไม่เอานะเว่ยเฮีย”



“หนีสิวะ วิ่งๆ ไอ้เฮียรบวิ่ง”



และเป็นผมเองที่วิ่งไล่เตะพวกมันทั้งแบบนั้น มันน่านัก ทำเมียไม่ได้ ทำน้องก็ได้ไอ้สัด กวนตีนกูดีนัก



...



“เมล พี่เอานมอุ่นๆมาให้” 



ผมที่เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของอีกคน พร้อมนมอุ่นๆที่ถือมาให้ มองเห็นคนที่วันนี้กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือที่ผมจัดมาให้เค้า เมลที่นั่งอยู่บนนั้น ปลายตามามองผมเล็กน้อยก่อนจะหันหน้ากลับไปอ่านหนังสือตามเดิม



“ทำอะไรอยู่ครับ”



“ก็เห็นอยู่ ถามเพื่อ”



“อ่า ขอโทษครับ ว่าแต่ทำไมเร่งอ่าน หื้ม”  เอื้อมมือไปลูบหัวเล็กๆนั่น แต่คนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่กลับโยกหัวหนี ใบหน้าสวยที่ขมวดคิ้วหน่อยๆตอนที่ผมทำแบบนั้น ได้แต่ชะงักมือตอนที่เห็นอีกคนทำแบบนั้น



“อ่ะ พี่ขอโทษครับ”



“อื้มๆ”  ตอบออกมาแบบรำคาญที่ผมเข้ามากวน มือเรียวที่เอาแต่ไล่นิ้วไปตามบรรทัดต่างๆที่กำลังอ่านทำความเข้าใจ มองดูหนังสือแล้วก็คือวิชาที่ผมเคยไปสอน แต่ตอนนี้อาจารย์ประจำวิชากลับมาสอนตามปกติแล้ว



“พี่วางนมไว้ตรงนี้นะ”  ว่าแบบนั้นแล้ววางแก้วนมอุ่นๆลงบนโต๊ะข้างๆหนังสือ คิดว่าจะได้ดื่มง่ายๆและอ่านหนังสือไปจะได้มีสมาธิ แต่คนตรงหน้ากลับทำแค่จิ๊ปากขัดใจ



“มาวางตรงนี้ทำไม เดี๋ยวมันหกใส่หนังสือ”  เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมแบบรำคาญใจ  ดวงตาสวยที่มองผมแบบขุ่นเคือง



“พี่แค่คิดว่า...”



“หยุด เอาออกไปเลยไป รำคาญ”  ว่าออกมาแบบนั้น แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ ผมที่เผลอถอยตัวออกมาตอนที่เมลลุกขึ้นยืน ดวงตากลมที่มองหน้าผมแบบขัดใจ



“แล้วก็เอาออกไปด้วยไม่กิน ไม่มีสมาธิ แล้วก็ไม่รู้จะเข้ามาทำไมอยู่ได้ทุกวัน”   



ว่าออกมาแบบนั้นแล้วหยิบหนังสือออกจากโต๊ะ จ้ำพรวดๆก้าวผ่านหน้าผมไปนอนลงที่เตียงอย่างหงุดหงิด  ผมที่ยืนค้างอยู่ตรงนั้น รู้สึกหน้าชาแปลกๆ เหมือนถูกคำว่ารำคาญกระแทกเข้าหน้า  ผมที่กลืนน้ำลายหนืดๆลงคออย่างฝืดฝืน เอื้อมมือไปหยิบแก้วนมอุ่นๆนั่นมาไว้ในมือ แล้วถอยหลังเดินออกมา ในช่วงที่กำลังจะเปิดประตูออกจากห้อง ก็นึกอะไรขึ้นมาได้สักอย่าง เลยหันกลับไปมองคนที่ยังนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงนั้น แบบไม่ได้สนใจสักนิดว่าผมจะอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า



“เมลรู้ไหม ว่าทัพหน้ามันรู้นะว่าเมลต้องกินนมอุ่นๆก่อนนอนทุกคืน”  ผมที่พูดออกไปแบบนั้น มองเห็นเมลที่ชะงักมือที่กำลังจะเปิดหนังสืออ่านในหน้าถัดไป เขาที่ไม่ได้หันมามองหน้าผม ทำเพียงแค่นั่งนิ่งๆเหมือนไม่สนใจ



“ที่มันรู้ ก็เพราะว่ามีครั้งตอนไปค่ายอาสาที่เมลตามทัพหน้าไป ตอนกลางคืนที่เมลนอนไม่หลับแล้วแอบมารื้อหานมที่เอาไปด้วย จะเอามากินน่ะ คืนนั้นมันตามเมลออกไปนะ มันเห็นเด็กที่ยืนบ่นงงๆอยู่คนเดียวว่าถ้าไม่ได้กินจะนอนไม่หลับ ตั้งแต่ตอนนั้นมันเลยรู้  มันเลยจำได้ จริงๆคืนนี้มันเองก็แค่อยากให้เมลได้ฝันดีแค่นั้นเองล่ะ”



ผมที่ว่าออกไปแบบนั้น แล้วเอื้อมมือเปิดประตูเดินออกจากห้องไป ไม่ได้รู้ว่าอีกฝ่ายทำหน้าแบบไหน แต่ถ้าเมลรับรู้ได้บ้าง ผมเองก็จะดีใจ  ผมคิดถึงคาราเมล เด็กที่วิ่งตามผมเพราะรักผมหมดหัวใจคนนั้นเหลือเกิน


.

.

.


“วันนี้จะไปเรียนแน่หรอเมล”



“จริง จะสอบแล้ว”



“จำได้หรอว่าใกล้จะสอบ”  ผมเลิกคิ้วถามคนที่หิ้วกระเป๋าใส่ชุดนักศึกษาลงมาจากห้อง



“จำได้สิ ทำไมจะจำไม่ได้”



“แล้วทำไมถึงยังจำพี่ไม่ได้สักทีล่ะ พี่คิดถึงเมลนะ”  ถามออกไปแบบนั้น อีกคนที่ทำหน้านิ่งมองมาที่ผมไม่ต่างจากคนแปลกหน้าเหมือนเช่นทุกที



“ผมไม่รู้ว่าทำไม อาจเพราะ...คุณกับผมเราไม่สนิทกันขนาดนั้นมั้ง”



“ไม่จริงหรอก เราสองคนเกินกว่าจะสนิทกัน”



“หมายความว่ายังไง”  คนตรงหน้าที่กระชับสายกระเป๋าเป้บนบ่าแล้วว่าออกมาแบบนั้น ผมที่ยิ้มอ่อนๆส่งไปให้เค้า   



“ถ้าพี่บอกว่าเรารักกันจะเชื่อไหม”



“ถ้ามันเป็นแบบนั้น ทำไมผมถึงลืมคนที่ผมรักอยู่คนเดียวล่ะ? ถ้าผมรักมาก ผมก็ไม่ควรจะลืมคุณสิจริงไหม” 



เมลที่ถามออกแบบนั้นแล้วยกยิ้มมุมปาก คำพูดคำจาที่ไม่ได้ยีหระอะไร ผิดกับผมที่เหมือนโดนหมัดฮุกซัดเข้าหน้า



ถ้ารักมาก ทำไมถึงลืม



ผมที่ตอบอะไรออกไปไม่ได้สักคำ ผิดกับคนตรงหน้าที่อ้าปากพูดต่อออกมาได้หน้าตาเฉย



“หรือจริงๆแล้วคุณอาจไม่ใช่คนที่น่าจดจำมากนักสำหรับผมก็ได้ล่ะมั้ง ผมไม่รู้ว่าคุณกับผมจะเคยรักกันจริงไหม แต่ตอนนี้ผมจำคุณไม่ได้ เพราะฉะนั้น เราสองคนไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกัน นอกซะจาก...คนแปลกหน้า ที่ผมไม่เคยมีความทรงจำ”



“แต่พี่มี....”



“หรอ ก็ดี ลองกลับกันดูบ้าง เค้าว่ากันว่า คนที่มีความทรงจำมากกว่าก็มักจะเจ็บกว่า เพราะว่าไม่เคยลืม ... ผมเดาว่า ที่ผมลืมคุณได้ขนาดนี้ เมื่อก่อนคุณอาจไม่ใช่คนดีมากจนผมอยากจะลืมล่ะมั้ง และถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ เราลองมากลับกันดูบ้างก็ดีนะ เผื่อคุณจะเข้าใจอะไรมากขึ้น  เอาล่ะ วันนี้ผมไปล่ะ บาย”



ว่าออกมารัวๆแบบนั้น คำพูดคำจาที่ว่าเร็วๆแบบไม่ทันได้หายใจ ผมที่ยังไม่ทันเรียบเรียงอะไรก็มองเห็นแผ่นหลังบางเดินหายออกไปจากบ้านแล้วเรียบร้อย  ผมที่รีบวิ่งตามออกไป



“เมล เดี๋ยวให้เด็กไปส่ง”



“ไม่ต้อง ผมจะขับไปเอง คันนั้นของที่บ้านผม”



“แล้วจะกลับมายังไง”  ผมไม่ชอบใจเลยที่เป็นแบบนี้ ผมเป็นห่วง



“เรื่องของผมนะ ผมไม่ใช่นักโทษของคุณ ลานะ บาย” 



พูดออกมาแบบนั้นอีกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูด้านคนขับแล้วขึ้นรถขับออกไป เสียงล้อรถบดถนนด้วยความเร็วไม่ทำให้ผมสบายใจเลยตอนที่ได้เห็น หันหน้าไปมองลูกน้องของผมที่ยืนมองกันแบบงงๆแล้วพยักหน้าให้พวกมัน



“ตามไปดูห่างๆอย่าให้รู้ตัว”



“ครับนาย”



อดไม่ได้ อดห่วงไม่ได้ที่ต้องปล่อยให้ออกไปห่างตัวแบบนั้น แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้แบบที่เมลว่า เราไม่ได้เป็นอะไรกัน อย่างมากสุดก็เป็นได้แค่คนที่ไม่มีความทรงจำของกันและกัน แต่ผมมี .... ไม่เคยไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเค้าเลยสักครั้ง แต่คำพูดของเมลในครั้งนี้ ก็ทำให้ผมอดที่จะนึกถึงเรื่องเมื่อตอนที่ผมพาเมลไปร้านไอ้ดาบและเจอกับกุญแจครั้งแรก



“พูดเหี้ยอะไรกันนัก เมลมันเงียบเลยเห็นไหม เลิกคุยเรื่องเก่าๆดีกว่าน่า”



“จะเงียบไม่เงียบก็เรื่องของมันดิ ... ยังไง กูก็ไม่เคยมีมันในความทรงจำอยู่แล้วไหมวะ”




คำพูดของผมในวันนั้น กับคำพูดของเมลในวันนี้ มันไม่ต่างกันเลยสักนิด ในวันนั้น เมลเองก็คงจะรู้สึกเหมือนโดนหมัดกระแทกเข้าหน้าแบบที่ผมกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้สินะ ... ก็สมควรแล้วมึงไอ้ทัพหน้า



‘ครืด ครืด’



เสียงโทรศัพท์ที่ดังมาจากกระเป๋ากางเกงทำให้ผมหลุดออกมาจากภวังค์ พอเห็นเบอร์ที่โทรเข้าโชว์ขึ้นมาก็ได้แต่ถอนหายใจ



“อืม ว่าไง...รู้แล้ว เดี๋ยวเข้าไป”  ตอบรับแค่นั้นก่อนจะกดวางสาย ยังไม่ต้องไปถึงที่ ก็รู้แล้วว่าจะมีเรื่อง



.

.

.


                รถมัสแตงคันหรูที่ขับเข้ามาในรั้วบ้านหลังใหญ่ ประตูรั้วที่เปิดคอยเอาไว้อยู่แล้วยิ่งทำให้ทัพหน้าต้องถอนหายใจหนักๆ ...  ขายาวที่ก้าวเท้าลงมาจากรถแล้วมองไปรอบๆบ้าน วันนี้รถเยอะมากกว่าปกติ บ่งบอกให้รู้ว่าจะต้องมีแขกมาที่บ้านอย่างแน่นอน



“คุณทัพหน้า”  ไม่ต่างจากทุกครั้งที่กลับบ้าน จะเป็นคุณพ่อบ้านที่ออกมาต้อนรับเช่นทุกที  ผมที่แค่พยักหน้ารับหน่อยๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในตัวบ้าน



“ทางนี้ครับ ที่ห้องรับแขกใหญ่ครับ”



“ขอบคุณครับ”  ตอบรับออกไปแบบนั้นแล้วเดินเข้าไปเอง  เดินก้าวยาวๆไปไม่กี่ก้าวก็มองเห็นพวกชุดดำบอดีการ์ดที่ไม่ใช่ของบ้านผมยืนต้อนรับผมอยู่ในบ้านซะแล้ว



“เหอะ” แสยะยิ้มออกมาน้อยๆ ก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องรับแขก  และก็เป็นจริงแบบที่คิดเอาไว้จริงๆ แค่เห็นบรรยากาศอึมครึมชวนกดันของฝ่ายตรงข้ามที่นั่งอยู่ตรงข้ามป๊าและม๊าก็รู้แล้ว



“เหอะ มาได้สักทีนะเจ้าพ่อลูกชายตัวดีของแกน่ะ”  เสียงแข็งๆของผู้อาวุโสที่ทำให้ผมต้องยกมือไหว้แบบเสียไม่ได้ส่งไปให้ แต่อีกฝ่ายทำแค่เชิดหน้าใส่



“สวัสดีครับ คุณพ่อณราชา”



“เหอะ ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่อหรอกถ้าจะทำกันแบบนี้” 



ว่าออกมาแบบนั้น โดยที่มีลูกสาวนั่งหน้าซีดตัวสั่นอยู่ข้างๆ ผมเห็นแบบนั้นก็ได้แต่แสยะยิ้ม  ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดี่ยว ที่อยู่ระหว่างพ่อกับฝั่งของพ่อณราชา



“ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรกันหรอครับ”  เป็นผมที่เลือกจะถามออกไปแบบนั้น ก่อนจะเอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะยกขาขึ้นไขว่ห้างนั่งด้วยท่าทางสบายๆ



“ยังจะมาถามอีก แก! แกทำอะไรกับหุ้นและบริษัทของฉัน” ว่าออกมาแบบนั้นก่อนจะยกมือขึ้นชี้หน้าผมแบบเดือดดาล



“คุณพ่อคะ”  ณราชาที่เอ่ยออกมาเสียงสั่นๆ มองหน้าผมแบบกล้าๆกลัวๆ เธอที่พยายามดึงมือของพ่อเธอให้กลับมานั่งดีๆแต่อีกฝ่ายไม่คิดจะทำ แค่เห็นแบบนี้ก็รู้แล้ว



“ปล่อยพ่อยัยชา! แล้วนี่ยังไม่รวมเรื่องบ้าบอที่ลูกชายตัวดีของแกส่งทนายเข้าไปยื่นใบหย่ากับลูกสาวของฉันอีก นี่มันบ้าอะไรกันห๊ะ” 



หันไปตะคอกใส่หน้าพ่อของผมที่ยังคงทำหน้าตายนั่งนิ่งๆด้วยท่าทางสบายๆไม่ต่างจากผม พ่อของผมที่เลิกคิ้วทำหน้าตกใจ แบบที่มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าไม่เนียนเลย ท่านหันมามองหน้าผมแบบตกใจ



“มึงทำงั้นหรอทัพหน้า”



“ครับพ่อ”



“อ้าวตายแล้ววว อยากเอามือทาบอกเลยนะเนี่ย” 



ป๊าที่ว่าออกมาแบบนั้นทำเอาผมอยากหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น แต่ทำได้แค่กระตุกยิ้มมุมปาก แต่เพราะท่าทางแบบนั้นของป๊า เลยยิ่งเหมือนกับว่าเป็นการราดน้ำมันลงบนกองไฟ พ่อของณราชาที่โมโหมากจนตั้งท่าจะปรี่เข้ามากระชากคอเสื้อของป๊า แต่ติดที่ผมลุกขึ้นมาขวางไว้ซะก่อน และไม่ต่างจากณราชาที่ลุกขึ้นมาดึงแขนพ่อของเธอไว้ หน้าตาของเธอที่ยังมองเห็นได้ชัดว่าตาบวมจากการร้องไห้มาอย่างหนัก รอบข้อมือยังมีรอยแดงจากเชือกรัดเมื่อวันที่อยู่ที่ทะเล



“คุณจะทำอะไรไม่ทราบ” ผมที่ดันอกพ่อของเธอจนเสถอยหลังไปพร้อมๆกับลูกสาว จ้องหน้าผู้อาวุโสที่ครั้งนึงผมเคยนับถือ



“นี่แกกล้าผลักฉันหรอห๊ะ!”



“ผมกล้าทำมากกว่านี้อีกด้วยซ้ำถ้าคุณยังไม่หยุด”



“ทำไมฉันต้องหยุด แกทำแบบนี้ได้ยังไง ไอ้พวกไม่มีสัจจะ! ฟันลูกสาวฉันจนท้อง พอตอนนี้ก็จะมาขอหย่าหน้าด้านๆ งานแต่งยังไม่ได้จัดแต่เอาลูกฉันไปจนพลุน ไอ้หน้าตัวเมีย!”



“จุ๊ๆ เดี๋ยวนะครับคุณลุง ถ้าจะด่าผมด้วยคำนี้ ผมว่ามันออกจะเกินไปสักหน่อยนะ”



ว่าออกมาแบบนั้นพลางยกยิ้มมุมปาก ใช้นิ้วชี้ขึ้นมาจ่อที่ปากแล้วส่งเสียงจุ๊ๆออกมา มองเห็นณราชาที่ดึงแขนพ่อของเธอแล้วพึมพำว่าเรากลับกันเถอะๆอยู่แบบนั้น



“ทำไมฉันจะด่าแกไม่ได้ ฉันจะไม่ด่าแค่แก แต่จะด่าพ่อแกด้วย ไอ้เพื่อนเฮงซวย”



“อ้าวเห้ย พูดแบบนี้เดี๋ยวแกก็สวยหรอกไอ้อนันต์”  พ่อของผมที่ว่าออกมาแบบนั้นพรางจ้องหน้าพ่อของณราชานิ่งๆ



“แกสิต้องสวย ไอ้พวกเฮงซวย”



“หึ ก่อนคุณจะมาว่าผม ไม่ถามทางลูกสาวของคุณดูล่ะว่าทำอะไรเอาไว้ นี่คุณยังไม่ได้บอกพ่อของคุณหรอ?” 



เป็นผมที่ถามออกไปแบบนั้นแล้วแสยะยิ้มร้าย เวลาที่มองเห็นน้ำตาของเธอที่ไหลลงมาพร้อมๆกับสั่นหัวไปแบบอับอายแบบนั้นมันยิ่งสะใจพิลึก  สมควรแล้วสำหรับคนคนทรยศ!



“ทำไม มีเรื่องอะไร” พ่อของณราชาที่หันไปมองหน้าลูกสาวอย่างไม่เข้าใจ



“พ่อ กลับบ้านกันเถอะ นะ”  เธอที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมพึมพำเสียงสั่น สายตาใสๆสั่นไหวเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมาอีก



“ทำไมคุณไม่บอกพ่อคุณไปล่ะ ว่าคลิปที่ว่อนอยู่ในเน็ตที่กำลังดังตอนนี้ ใครเป็นนางเอกของเรื่อง?”



“ทัพหน้า!”



“อะไร หมายถึงอะไรกันห๊ะ”  พ่อของเธอที่ยังคงไม่เข้าใจ มองหน้าผมและลูกสาวของเธอกลับไปกลับมาอย่างงุนงง เห็นแบบนั้นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาหน่ายๆ



“ลูกสาวคุณน่ะมีชู้ เพราะงั้นเรื่องการหย่า ผมแค่ให้เซ็นท์นี่ก็บุญแค่ไหน ถ้าผมฟ้อง พวกคุณไม่มีที่อยู่แล้วล่ะ”



“น...นี่มัน!”



“แล้วก็ยังไม่รวมเรื่องหุ้นและธุรกิจระหว่างเราอีกนะไอ้อนันต์ อย่าคิดว่าแกกำลังพยายามปั่นพวกผู้ถือหุ้นอื่นๆให้เลือกฝั่งแกแล้วอยากปลดฉัน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ เพราะฉะนั้น...เรื่องที่แกเจอมันแค่เล็กน้อย เพราะนี่มันพึ่งเริ่มต้นเองนะอนันต์”



พ่อของผมที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมลุกขึ้นยืนพูดเสียงดังจนก้องไปทั่วห้อง  ผมที่หันกลับไปมองหน้าของพ่อณราชาที่ตอนนี้สีหน้าซีดเผือดไม่ต่างจากลูกสาว



“ถ้าคิดจะเล่นกับเตชะณรงกรค์แล้วล่ะก็ ... แกก็จะได้เล่นจนสนุก”



“ไอ้..ไอ้”



“อย่ากลับมาเหยียบบ้านฉันอีก ฉันกับแกจบลงที่ตรงนี้ เพื่อนที่หักหลังเพื่อนแบบแก ฉันเรียกมันว่าศัตรู ส่งแขก!”



“ไอ้!! ปล่อยฉันนะโว้ย แกต้องเจอแน่ ฉันไม่ยอมหรอกโว้ย” 



พ่อของณราชาและเธอที่โดนบอดีการ์ดบ้านผมเดินเข้ามาหิ้วตัวออกไปทันทีที่ได้ยินเสียงของพ่อผม เสียงตะโกนโวยวายที่ยังคงร้องตะโกนต่อไปแบบไม่ยอม ผมหันกลับมามองหน้าพ่อผมที่ยังคงมองตามเพื่อนรักของท่านด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ผมมั่นใจว่าพ่อจะไม่ใจดีกับคนที่เป็นศัตรูของท่าน



“นี่ใช่ไหม เรื่องที่แกบอกว่าถ้าแกลงมือทำอะไรบางอย่าง ป๊าจะเชื่อในการตัดสินใจของแกหรือเปล่าใช่ไหม”



“ครับ”



“หึ”



“แล้วป๊าเชื่อในการตัดสินใจของผมหรือเปล่า”  ผมถามออกไปแบบนั้นแล้วมองหน้าผู้เป็นพ่อ ข้างๆผมมีแม่นั่งทำหน้ากังวลใจอยู่ตรงนั้น



“ถ้าฉันบอกฉันไม่พอใจมากๆในเรื่องนี้ล่ะ”



“ผมก็จะบอกว่า แล้วแต่ป๊าละกัน ผมสบายใจดี” 



ตอบออกไปแบบนั้น มองหน้าพ่อตัวเองที่ทำท่าอยากหาอะไรเขวี้ยงหน้าผม แต่วันนี้ผมตัดสินใจแล้ว จริงๆตัดสินใจตั้งแต่วันที่คิดจะลงมือทำเรื่องนี้แล้ว



“หึ่ย ถ้าแกสบายใจก็เรื่องของแกละกัน งั้นก็รีบหาเมียใหม่มาแทนที่ยัยนั่นได้แล้ว แล้วรีบๆมีหลานมาให้ฉันได้แล้ว งามหน้านัก”



“ผมมีเมียแล้ว”



“ห๊ะ แกหมายความว่ายังไง”



“นั่นสิลูก เราไปมีเมียที่ไหนอีก”



“อย่าบอกว่าไปแอบทำผู้หญิงที่ไหนท้องอีกนะ นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันนัก”  พ่อกับแม่ของผมที่ว่าออกมาแบบนั้น ดูเหมือนว่าท่านจะเริ่มหงุดหงิดตั้งแต่เรื่องของณราชา



“ผมมีเมียแล้ว”



“อะ นี่คือเรื่องจริงใช่ไหม”



“ครับ”



“อื้ม ... งั้นก็พามาให้พ่อกับแม่เจอ ลูกเต้าเหล่าใคร เช็คมาดีแล้วใช่ไหม อย่าให้เป็นเหมือนเรื่องนี้อีก เหอะ ถ้าพูดตรงๆก็เป็นเพราะฉันเองนั่นแหล่ะที่จัดแจงชีวิตให้แก เลือกยัยผู้หญิงนี่มาให้” 



พ่อที่ว่าออกมาแบบนั้นพลางถอนหายใจหนักๆออกมา



“แต่ถ้าลูกมีคนที่ลูกรักจากการที่ลูกเลือกด้วยตัวเอง แม่ก็ดีใจนะทัพ”  แม่ของผมที่นั่งอยู่ข้างๆพ่อพูดออกมาแบบนั้นพร้อมส่งยิ้มมาให้  แม่ยังคงเป็นผู้หญิงที่ใจดีกับผมเสมอ



“ถ้าลูกมีคนที่ลูกรักแล้วก็ดี แบบนั้นก็รีบมีหลานมาให้พ่อกับแม่ได้แล้วนะทัพ เนอะคุณเนอะ”



“แต่คนที่ผมรัก เค้า...มีลูกให้พ่อกับแม่ไม่ได้หรอกครับ”  คำตอบของผมเรียกสีหน้าไม่ดีของแม่ได้เป็นอย่างดี ผิดกับพ่อที่ยังคงนั่งทำหน้านิ่งอยู่เช่นเดิม



“ทัพหมายถึงอะไรลูก”



“คนที่ผมรัก...เค้า เค้าเป็นผู้ชายครับ”  ตอบออกไปแบบนั้น ไม่ได้ไหวหวั่นแม้ว่าแม่จะเบิกตากว้างมองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ สีหน้าของความล่มสลายและผิดหวังมีอยู่เต็มใบหน้าของท่านในตอนนี้



“ลูกพูดอะไรออกมา”



“ผมพูดเรื่องจริง และเรื่องนี้...ผมตัดสินใจดีแล้วครับแม่”



“ทัพหน้า!” เป็นครั้งแรกที่แม่เรียกชื่อผมด้วยชื่อจริง  เป็นครั้งแรกที่แม่ขึ้นเสียงใส่ผมเสียงดังขนาดนี้ และเป็นครั้งแรก...ที่ผมเห็นน้ำตาของเธอ



“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! มันเกิดอะไรขึ้น นี่คุณช่วยฉันพูดอะไรหน่อยสิ”  แม่ที่หันไปมองหน้าพ่ออย่างขอความช่วยเหลือ สลับกับมองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ



“ผมพูดเรื่องจริงครับแม่ ผมรักเค้า และผมจะไม่ยอมเสียเค้าไปเป็นครั้งที่สองอีกแล้ว”



“ลูกพูดบ้าอะไร! ลูกเป็นลูกชายคนโตของเตชะณรงกรค์นะ! ลูกจะไม่มีหลานมาสืบสกุลของเราได้ยังไง ทัพก็เห็น ทัพก็รู้ว่าน้องๆทำไม่ได้อยู่แล้ว ทำไม...ทำไมลูกถึงทำแบบนี้” 



แม่ที่ว่าออกมาแบบนั้น น้ำตาของแม่ที่ไหลลงมาทั้งๆที่ไม่มีเสียงสะอื้น สายตาของแม่ที่มองผมแบบไม่เข้าใจมากที่สุดในชีวิตของเธอ



“เพราะน้องๆทำให้ไม่ได้ ทุกอย่างเลยต้องขึ้นอยู่กับผมหรอครับ...แล้วชีวิตผมล่ะครับแม่ แล้วชีวิตผมล่ะครับพ่อ”



ผมถามออกไปแบบนั้น เป็นคำถามที่ผมเคยสงสัย สงสัยมาทั้งชีวิตของผม ตั้งแต่เด็กเพราะผมเป็นพี่คนโต ถึงถูกสอนให้ต้องพยายามเก็บงำอารมณ์ ต้องเก่งและรอบคอบมากกว่าคนอื่น  ในเวลาที่น้องแบบไอ้รบไอ้รุกแอบปีนรั้วบ้านออกไปเล่น ผมต้องทำหน้าที่พี่ชายที่ดีคอยห้าม และรับหน้ากับการกระทำของน้อง ทั้งๆที่ตัวผมอยากจะหนีออกไปเล่นบ้างด้วยซ้ำ แต่ทำได้แค่นั่งเรียนเรื่องวิชาการอยู่ในบ้านตอนวันเสาร์และอาทิตย์  ... ผมอิจฉาน้องๆของผมทุกคนที่สุดท้ายแล้ว พวกท่านก็ยอมปล่อยน้องๆออกไปในเส้นทางที่เลือก ... แล้วผมล่ะ?



“ลูกมีชีวิตที่ดีที่สุดอยู่แล้วทัพหน้า แล้วลูกต้องการอะไร” ผมแค่นยิ้มออกมาตอนที่แม่ว่าแบบนั้น



“ชีวิตที่ดีที่สุด มีหน้ามีตาในสังคม มีชื่อเสียงมีเงินให้แม่เอาไปคุยกับคนรอบข้างได้ แบบนั้นใช่ไหมที่ดีที่สุด”



“ทัพ”



“ไอ้ทัพ แกอย่าพูดแบบนั้นกับแม่ของแกเชียวนะ”



“ผมไม่ได้ต้องการชีวิตพวกนี้ ผมต้องการแค่ความรักดีๆจากคนที่รักผม ครั้งนึงพ่อกับแม่เคยพรากมันไป ตอนที่ยัดเยียดณราชามาให้กับผม แต่วันนี้เมื่อมันมีทางที่ผมจะได้คืน ผมจะไม่ยอมเสียมันไปเป็นครั้งที่สองหรอก”



“ทัพหน้า!”



แม่ที่ลุกขึ้นยืนแผดเสียงใส่ผม ... ผมเข้าใจความรักที่ยิ่งใหญ่ของคนเป็นพ่อกับแม่ แต่ในบางครั้ง การต้องการให้เราเลือกเดินไปในทางที่เราไม่ถูกใจ แต่ถูกสายตาของพวกท่าน แบบนั้นผมไม่คิดว่ามันถูกต้อง



“ผมขอโทษที่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวัง แต่การที่ผมต้องเลือกเรียนบริหาร จบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง และก้าวเข้ามาเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ที่ทำกำไรให้บริษัทเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนถึง80เปอร์เซ็น และข้อสุดท้าย ... ครั้งนึงผมตามใจพ่อกับแม่ที่จะแต่งงานกับณราชาและมีหลานให้ ผมว่าเพียงเท่านี้มันน่าจะพอแล้ว”



“ทัพหน้า ฮึก!”



“ผมขอโทษครับแม่ แต่ครั้งนี้...ผมขอทำตามใจตัวผมเอง”  ผมที่พูดออกมาแค่นั้นแล้วยกมือขึ้นไหว้พวกท่าน แม่ของผมที่เหมือนคนกำลังใจสลาย นั่งร้องไห้โดยมีพ่อของผมกอดปลอบแต่เพียงเท่านั้น



“ครั้งนึงแม่เคยขอให้พ่อทำตามใจไอ้รบ แล้วมันจะเพราะเหตุผลอะไร ที่ครั้งนี้แม่ถึงไม่ยอม”



“นั่นมันรบ แต่นี่มันคือทัพ”



“ถ้ามันเพราะผมเป็นทัพหน้า ถ้าแบบนั้น...ผมเองก็ไม่อยากเป็นทัพหน้าอีกแล้วล่ะครับ”  ผมที่พูดแค่นั้น แล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินออกจากบ้านมาโดยที่ไม่ได้สนใจเสียงกรีดร้องเรียกชื่อผมจากแม่อีกเลย  พ่อไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ แต่เป็นแม่ที่กำลังใจสลายและไม่ยอม ... แต่บางทีแม่ก็อาจจะลืมไป ว่าผมเองก็ใจสลายไม่ต่างกัน จากการไม่เข้าใจของแม่



ผมคิดถึงเมล  ผมอยากเจอเมลมากๆในตอนนี้ ... เพราะเมลอาจเป็นสิ่งเดียวที่จะเยียวยาและทำให้ผมสู้ต่อในเรื่องของเราได้ต่อไป


...


(มีต่อด้านล่างจ้า)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ


‘ตื่อดึ้ง’



เสียงข้อความที่ดังขึ้นมาระหว่างที่ผมกำลังนั่งเรียน  ปลายสายตาไปมองแล้วหยิบมาเปิดขึ้นมาดู  เป็นข้อความจากคนที่ผมไม่คิดว่าจะส่งมา



ทัพ:[[เย็นนี้มาทานอาหารนอกบ้านกันครับ ร้านxxx ครั้งนึงทัพหน้าเคยบอกจะพาเมลไป ให้พี่ไปรับไหม เดี๋ยววันนี้เราไปทานด้วยกัน]]



เมล:[[ไม่ต้อง]]



ทัพ:[[โอเค งั้นเรามาเจอกันที่ร้านนะครับเย็นนี้]]



อ่านข้อความจบแล้วกดปิด ไม่ได้กดส่งอะไรตอบกลับไป แค่ไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องตอบอะไรออกไปอีก ทำแค่เอาปากกาเขี่ยไปเขี่ยมาในสมุดแลคเช่อร์  ไม่เข้าใจว่าคนที่ส่งมาต้องการอะไร



“ทำไรอยู่วะเมล”



“เปล่าอ่ะ” 



ผมที่ตอบไอ้กุ๊กออกไปแบบนั้น วันนี้มันเป็นคนที่นั่งข้างๆผม ไอ้บินไปนั่งริมสุดแทนไอ้กุ๊ก จากคำให้การที่ออกจากปากของไอ้บินในตอนเช้าที่เข้าห้องเรียน มันพูดสั้นๆแค่ว่า ‘กูไม่นั่งข้างมึงอีกต่อไป เดี๋ยวเมียกูคิดมาก’ มันที่บอกออกมาแบบนั้น แล้วถูกไอ้กุ๊กเตะเข้าที่ขา แต่มองดูพวกมันสองคนแล้วก็รู้สึกว่าน่ารักดี  ไอ้กุ๊กดูสดใสมากกว่าเมื่อก่อน อาจเพราะพวกมันเข้าใจกันแล้ว และผมเอง...ก็ไม่อยากเป็นคนหนึ่งคนที่เข้าไปทำให้พวกมันมีปัญหา



“เมื่อกี้ใครไลน์มาวะ พี่ทัพหรอ?”



“มึงเป็นคนขี้เสือกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไอ้กุ๊ก”



“มันเป็นนานแล้วไอ้เมล แต่ตั้งแต่แม่งคบกับไอ้บินก็เหมือนจะยิ่งเสือกเก่งมากขึ้นไปอีก ผัวเมียขี้เสือก”  ไอ้อู๋ที่นั่งข้างผมเหมือนอย่างเคยเสนอหน้าเข้ามากระซิบข้างๆผม แต่เป็นการกระซิบที่ดังมากจนไอ้บินได้ยิน



“ปากดี ควายอู๋”  ไอ้บินที่ว่าแบบนั้นพร้อมเขวี้ยงลิควิดไปใส่หัวมัน



“กูไม่ควายโว้ย”



“ควายไม่ควายน้องแจก็ไม่ยอมคบกับมึงนั่นแหล่ะ”



“ไอ้เหี้ยบิน เลว ล้อจุดอ่อนกู”  ไอ้อู๋ที่บ่นออกมาแบบนั้น หน้าหงิกจนพวกเราต้องขำออกมา  ก็แน่ล่ะ เปย์ไปเป็นแสน แขนก็ยังไม่ได้จับมันมีอยู่จริง สงสารเค้านะครับ ก็แม่งเรียกไอ้แจว่าหมูๆอยู่นั่น เป็นกูก็ไม่รับรักมันหรอก



“แล้วมึงว่าไงเมล พี่ทัพทักมาหรอ”



“ไม่รู้สิ ว่าแต่วันนี้...พวกเราไปเที่ยวผับกันดีไหม”  ผมที่ถามออกไปแบบนั้น เรียกสีหน้าแปลกใจมากจากเพื่อนของผมได้ดีมาก ไม่ได้ตอบอะไรพวกมันออกไป



“มึงมั่นใจ แล้วคนที่บ้านพี่ทัพอ่ะ”



“พี่ทัพๆ ทัพไรนักหนา ไม่เห็นจะคุ้นหน้าเลย”



“ไอ้เมล”



“เอาน่ากุ๊ก บ่นมากจัง ไปกันๆนะพวกมึง มึงชวนไอ้แจมาด้วยดิอู๋ สนุกๆ”



“เออๆ”  ไอ้อู๋ที่พยักหน้ารับ และไอ้กุ๊กที่ถอนหายใจเหนื่อยๆ ส่วนผม ก็แค่ยิ้มออกมากว้างๆจนตาปิดก็แค่นั้นเอง



.

.

.





10:00 PM



“เฮ้ ชนๆ”



“พอแล้วกุ๊ก มึงเลิกกินแล้วเต้นได้ไหมวะ” 



ผมหันไปมองข้างๆตัว มองเห็นไอ้กุ๊กที่ยืนเต้นอยู่ระหว่างหว่างขาของไอ้บิน พวกเราได้โต๊ะทรงสูงที่เก้าอี้นั่งจะสูง ไอ้บินมันนั่งอยู่ตรงนั้นแต่ไอ้กุ๊กแค่ยืนกับโต๊ะแล้วเต้น อาจเพราะมันเริ่มเมาเลยเต้นไปเรื่อย ไอ้บินเลยมานั่งคล่อมมันไว้แบบนั้น



“ทำไมต้องห้ามว้า” 



เสียงอ้อแอ้ของไอ้กุ๊กที่ว่าแบบนั้นแล้วเอนหัวลงซบอกของไอ้บิน ไอ้บินที่แค่ส่ายหัวหน่อยๆ แต่มือของมันก็กอดเอวของไอ้กุ๊กเอาไว้ เห็นมันยกยิ้มมุมปากน้อยๆแล้วยกมือขึ้นลูบหัวไอ้กุ๊กเบาๆ



“กูหวง มึงเต้นยัวโต๊ะอื่น”



“มึงหวงเมลหรา”



ไหวงมึงนี่ล่ะไอ้สัด เมลๆเหี้ยไรล่ะ”



“ดุจังว่าป๊ะ”



“เออ กูดุนะมึงไหวหรอ”



“ก็มาดิค้าบบบบบ” 



เสียงอ้อแอ้ที่แรงจะยืนก็แทบจะไม่อยู่แต่ก็ยังปากดีเถียงไอ้บิน มองเห็นไอ้บินที่ยิ้มขำๆให้มันแล้วก้มหน้าลงไปจูบปากมันเบาๆ ... เป็นความน่ารักที่ไม่มีใครทันสังเกต รวมถึงไอ้กุ๊กด้วยที่ไม่เคยเห็นว่าไอ้บินรู้สึกกับมันมากแค่ไหน นานมากแล้วที่ไอ้บินไม่ได้ใส่ใจผม แต่คนส่วนใหญ่ ก็มักจะมองเรื่องไกลๆมากกว่าเรื่องใกล้ๆที่อยู่กับตัว



“เย้ๆโย่วๆ อ้าวพี่เมลลลลล ทำไมพี่มาอยู่นี่อ่ะพี่”  เสียงใสๆของไอ้แจที่เดินนำไอ้อู๋เข้ามาพร้อมหน้าตาน่ารักของมัน ฉีกยิ้มกว้างๆในมือถือจานโดนัทกุ้งมาด้วย  เดี๋ยวนะ...มึงเอามาจากไหน?



“มึงไม่ต้องมองงงไอ้เมล แม่งบุกไปในครัวไปสั่งโดยตรง กูงงมากที่การ์ดไม่โยนมันออกนอกร้าน”  ไอ้อู๋ที่บ่นออกมาแบบนั้น แต่ไอ้แจไม่สนใจ



“ก็อยากกิน อิบ๋อยเดินช้ามาก แจรำคาญ อิอิ ว่าแต่ทำไมพี่เมลอยู่นี่อ่ะ”  ไอ้แจที่ถามออกมาแบบนั้น ผมก็หยิบแก้วเหล้ามากระดกอีกอึก



“ทำไมวะ?”



“นึกว่าวันนี้เฮียจะไม่ยอมให้พี่เมลออกมาน่ะสิ?”



“เฮีย?”



“เฮียทัพไง วันนี้ได้ข่าวว่าไปประกาศเรื่องพี่ที่บ้านใหญ่ สงสัยจะเครียดน่าดู แจก็นึกว่าพี่เมลจะอยู่ปลอบ”



“ทำไมกูต้องปลอบพี่มันวะ”



“โหยยยย ไม่ใจอ่อนหน่อยเร้อออ”



“เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอวะ คนแบบไอ้ทัพหน้า มันจะยอมลดศักดิ์ศรีได้นานแค่ไหนกูอยากจะรู้”



“โหยพี่เมล เลิกแกล้งเฮียมันเถอะ แค่นี้ลูกน้องก็จะไม่นับถือเฮียมันแล้ว พี่ไม่คิดว่าเฮียมันจะเสียใจบ้างหรอวะ แจเห็นหน้าแล้วโคตรหงอ ทีมพ่อบ้านใจกล้าสุดๆ ... คนเราจะถือทิฐิให้เสียเวลาความสุขไปทำไมอ่ะ สู้เอาเวลาไปมีความสุขด้วยกันไม่ดีกว่าหรอวะพี่ แก้แค้นกันไปแก้แค้นกันมา แล้วจุดจบที่จะสุขมันจะอยู่ตรงไหนอ่ะ?”



“............”



“แต่ว่านะ...วันนี้ที่เฮียทัพเข้าไปบ้านใหญ่ เห็นว่าไปเคลียร์เรื่องพี่ณราชาล่ะ แล้วก็ทะเลาะกับคุณป้าน่าดูเลย”



“ทำไม?”



“ก็เฮียทัพไปบอกว่าจะคบผู้ชายไง ลูกชายคนโตของเตชะณรงกรค์แบบเฮียทัพน่ะ กล้าทำอะไรแบบนั้น ตอนนี้คงลำบากน่าดู ลูกชายคนโปรดที่ทะเลาะกับแม่เพราะจะเลือกความรักของตัวเอง”



“แล้วเราน่ะรู้เรื่องได้ยังไง?”



“เฮียปืนเล่าในแชทครอบครัวให้ฟัง เฮียปืนรู้โลกรู้ อิอิ”



“เหรอ”  ผมที่ตอบรับออกไปเบาๆแบบนั้น นึกไปถึงข้อความที่ได้รับในช่วงบ่ายแก่ๆของวันนี้  มันที่ชวนผมไปกินข้าว นึกยังไงชวนไปกินข้าว  ยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา สี่ทุ่มกว่าๆมันคงกลับไปแล้วมั้ง กลับไปโมโหผมที่บ้าน



“พี่เมลอ่ะเลิกแกล้งจำเฮียไม่ได้ได้แล้วน้า เสียเวลามีความสุขหมด”



“พูดมากจังวะไอ้ลูกหมู แดกๆ”  เป็นไอ้อู๋ที่ยัดทอดมันกุ้งเข้าปากไอ้แจไปอีกชิ้น



“มึงอย่าไปฟังมันเลย พวกกูทุกคนเข้าใจมึง แล้วแต่มึงจะตัดสินใจเลยเพื่อน”  ไอ้อู๋ที่บอกแบบนั้น ผมก็แค่พยักหน้าลงหน่อยๆ ...



“พวกมึง ... กูกลับก่อนนะ” 



ผมที่หายใจออกหนักๆแล้วหันไปบอกพวกมันแบบนั้น  ไม่รอให้ใครได้ตอบ แต่สุดท้ายก็เลือกลุกจากเก้าอี้แล้วเดินออกมาจากตรงนั้น ตรงไปขึ้นรถของตัวเองด้วยหัวใจสั่นๆ แล้วขับรถกลับไปที่บ้านของไอ้ทัพหน้าทันที



ผมที่ใช้เวลาไม่นานก็เลี้ยวรถเข้าไปในรั้วบ้าน มองหารถของมันแต่ไม่เจอ เดินลงจากรถแล้วเดินตามหามันก็ไม่มี อย่าบอกนะ...



“นี่ เห็นทัพหน้าไหม”  ผมที่บังเอิญเจอบอดี้การ์ดที่เดินยามเฝ้าพอดีเลยถามออกไปแบบนั้น



“คุณทัพหน้ายังไม่กลับมาเลยครับคุณคาราเมล”  ชิพหาย!



ผมพุ่งกลับไปที่รถทันที ก่อนจะเหยียบคันเร่งมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย จำได้ดีมากๆเพราะครั้งก่อนมันบอกจะพาไป แต่เราไม่ได้ไป ผมภาวนาอยู่ในใจว่าทัพหน้ามันคงไม่อยู่ตรงนั้น ตั้งแต่ตอนบ่ายๆจนถึงตอนนี้จะห้าทุ่ม ... มันคงไม่อยู่หรอก



คนแบบไอ้ทัพหน้าน่ะ ถ้าอยู่ก็บ้าแล้ว



และทันทีที่ไปถึง ผมวิ่งลงจากรถไปที่หน้าร้านที่มันนัดผมเอาไว้ และผมก็เห็น...เห็นร่างสูงๆที่นั่งอยู่ที่พื้นหน้าร้านๆนั้น



มันยังอยู่ตรงนั้นจริงๆ



“ทัพ”



ผมที่เดินเข้าไปใกล้แล้วเรียกอีกฝ่ายออกไปแบบนั้น มันที่นั่งอยู่ตรงนั้นแบบหมดสภาพรีบเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม แววตาคมที่ไม่ได้ฉายแววโกรธเคืองเหมือนที่ผมเคยคิดไว้ เจ้าตัวแค่นั่งกอดเข่าเอาไว้แล้วเงยหน้ามองผมอย่างดีใจ เหมือนเด็กผู้ชายตัวเล็กๆที่เจอตุ๊กตาตัวโปรดของตัวเอง  ข้างกายของมันมีช่อดอกไม้ช่อใหญ่ ผมเห็นว่ามันคือดอกกุหลาบสีแดงวางอยู่ตรงนั้น



“เมล”



“......”



“เมลมาช้า พี่มาก่อนไวไปอ่ะ ตอนนี้ร้านมันปิดแล้ว หิวหรือเปล่า เราไปหาอะไรกินกันไหม” 



มันที่ยิ้มออกมาแบบนั้น คำถามที่ถามว่าผมหิวไหม แต่จริงๆผมกินมาแล้ว มีแต่มันนั่นแหล่ะที่ยังไม่ได้กินอะไรเลย



“มานานแล้วหรอ”



“มาตอนบ่าย3 แต่ร้านพึ่งไล่ให้ออกมาตอน3ทุ่ม ร้านนี้ปิดไว”  มันที่บอกแบบนั้นแต่ก็ยังยิ้มให้ผม



“ทำไมต้องรอ”



“เพราะนัดเมลไว้...เพราะเคยผิดสัญญา ไม่อยากผิดสัญญากับเมลอีกแล้ว พี่ไม่อยากผิดสัญญาอะไรกับเมลอีกแล้ว”



ผมที่เดินเข้าไปใกล้ๆ มองเห็นสภาพของมันแล้วรู้สึกสมเพชมันแปลกๆ ความรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมาอย่างบอกไม่ถูก



“กู...”



“ไม่เป็นไร เมลคงติดธุระ พี่คิดว่าอาจจะเลิกดึกเลยไม่กล้าโทรหา”  คนแบบทัพหน้าน่ะหรอจะไม่รู้ว่าผมอยู่ไหน ทำอะไร ทำไมคนแบบมันจะไม่รู้ มันรู้ว่าโดนทิ้งแต่ก็ยังฝืนยิ้มบอกว่าไม่เป็นไร



“ทำไมไม่กลับบ้าน”



“..............”



“เป็นบ้ารึไงวะ คนแบบทัพหน้าน่ะ มันไม่โง่คอยคนที่ไม่คิดจะมาหรอกนะ คนที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ อึก..”   



จู่ๆผมก็รู้สึกอ่อนแอจนอยากร้องไห้โฮออกมาตรงนี้  มองเห็นเนื้อตัวของมันเต็มไปด้วยรอยแดงจากการถูกยุงกัด สภาพที่เห็นอยู่ตอนนี้บอกได้เป็นอย่างดีว่ามันไม่โอเคแค่ไหน แต่ทำไมถึงยังฝืนยิ้ม มันที่ยังยิ้ม ยิ้มแล้วพูดออกมาต่อ



“แต่เมลก็มาแล้วไง เมลมาอยู่ตรงนี้แล้วนี่ไง”



“ฮึก อึก...ไอ้พี่ทัพ มึง...มึงมันบ้า ฮึก แย่ แย่ที่สุดเลย”



“ไอ้ทัพหน้ามันเป็นผู้ชายแย่ๆจริงๆสินะ แย่มากๆเลยล่ะ ดูดิ ว่าจะเอาดอกไม้มาให้ก็เหี่ยวก็ตกหมดแล้ว แย่จริงๆด้วย”



“ฮึก พอ พอสักทีไม่ได้หรอวะ ฮึก ไม่...ไม่อยากรู้สึกแบบนี้แล้ว ฮึก”



“แต่พี่อยากรู้สึกนะ อยากรู้สึกรัก และเริ่มใหม่กับเมลแบบจริงๆสักที”



“ฮึก ... ไอ้พี่ทัพหน้า ไอ้คนงี่เง่า ฮื่อ พี่ทำผมแพ้อีกแล้ว ฮึก...กี่ครั้งก็หนีไม่เคยพ้นสักที ทำไมต้องทำแบบนี้กับผมวะ ฮึก”



“นั่นสินะ ดีใจจัง ในที่สุดก็จำพี่ได้สักทีสินะ”



มันที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมรอยยิ้มกว้างๆ ไม่มีท่าทางตกใจที่บอกว่าผมจำมันได้แล้วด้วยซ้ำ มีแต่รอยยิ้มกว้างๆที่ส่งมาให้ผม   และตอนนั้นเองที่ผมโผเข้ากอดพี่มันไว้แน่นๆ พร้อมกับปล่อยโฮออกมาอย่างลืมอาย...



“เมลกลับมาแล้ว กลับมาหาพี่แล้ว”



“ฮึก แผนมึงใช่ไหมไอ้พี่เหี้ย ฮื่ออ”



“ว้า ถูกจับได้แล้ว”



“มึงปล่อยกูเลย ฮึก...รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฮึก”



“เรื่องอะไรจะปล่อย ต่อจากนี้พี่จะไม่ปล่อยเมลไปอีกแล้ว ... มาสู้ไปด้วยกันนะเมล อยู่กับพี่นะครับ”



“พี่ทัพ”



“พี่รักเมล ไม่ว่าจะเป็นพี่ทัพหน้าในอดีตของเมล หรือไอ้ทัพหน้าคนเฮงซวยในปัจจุบัน มันก็เป็นคนที่รักเมล รักมาเสมอ...ให้อภัยพี่ได้ไหม ขอโอกาสให้พี่อีกครั้ง...นะ”



มันน่าแปลกใจ ที่แค่การกระทำง่ายๆ กับคำพูดไร้น้ำหนักไม่กี่ครั้ง ... แต่สุดท้ายก็เป็นเหมือนทุกครั้ง ที่ต่อให้หนีมันแค่ไหน ก็ไม่เคยรอดไปจากมันสักที  ไม่ว่าจะตัวของผม หรือแม้แต่หัวใจของผมก็ตาม



“อื้ม”



แค่คำสั้นๆที่แปลว่าตอบตกลง โลกของเราสองคน ก็เปลี่ยนไปตลอดการ  บางทีอาจจะเป็นแค่คำถามเริ่มต้นง่ายๆ ที่ถามว่าเราจะปล่อยเวลาให้เนิ่นนานเพื่อเสียเวลามีความสุขกันไปทำไม สู้เอาเวลาเหล่านั้น มาสร้างความสุขให้กันและกันจะดีกว่า



มันอาจจะแค่นั้น...แค่นั้นจริงๆที่ผมต้องการ ความสุขที่เรียกว่ารัก ที่เกิดจากคนที่ชื่อว่า ‘ทัพหน้า’



---------TBC---------





สวัสดีค่ะ มาอ่านทอร์คกันหน่อยน้าาา


แคทมาลงแล้วนะ มาก่อนวันเสาร์ หวังว่าคนอ่านจะสนุกกับนิยายเรื่องนี้ ที่ดำเนินมาจนใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดของเรื่องแล้ว ก่อนอื่น แคทต้องขอพูดว่า แคทกลัวมากๆกลับการเขียนนิยายที่ใกล้จะจบ มันเครียดมากๆค่ะ แคทกลัวที่จะไม่ถูกใจคนอ่าน กลัวคำวิจารณ์ รวมไปถึงกลัวว่ามันจะทำให้ไม่มีคนอ่านด้วย ยิ่งนิยายใกล้จะจบก็ยิ่งกดดันมากขึ้นไปอีก

สำหรับตัวละครพี่ทัพหน้า แคทรู้สึกว่าเค้าเป็นพระเอกที่ฉลาด หรืออย่างน้อยก็ฉลาดมากที่สุดในบรรดาพี่น้อง555

พี่ทัพเป็นผู้ชายที่ฉลาดรอบคอบและกล้าที่จะลงมือทำตามสิ่งที่ตัวเองคิด แต่ว่าบางอย่างที่พี่เค้าคิด เค้าอาจจะทำมันไม่ได้ แต่สำหรับพาร์ทนี้ที่ใกล้จะจบแล้ว เรื่องราวมันก็ยังไม่ลงตัวใช่ไหมล่ะ แต่สิ่งที่เราได้เห็นก็คือ ความกล้าของเค้า กล้าที่จะเลือกน้องเมล ... แคทไม่รู้ว่าแคทเขียนได้ดีไหม มันอาจจะทำให้คนอ่านไม่เข้าใจและอาจจะไม่โอเคเมื่อตอนอ่านก็ได้ แต่แคทหวังมากๆว่า ถ้ามีคนอ่านที่เข้าใจและสนุกไปกับนิยายเรื่องนี้ แคทก็จะขอบคุณมากๆค่ะ

อีก1เรื่องคือ แคทตั้งใจจะตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้ รวมถึงดีลงานวาดปกและพรูฟเล่มไปเรียบร้อยแล้ว แต่แคทไม่แน่ใจว่า จะมีคนอ่านซื้อมันหรือเปล่า จากใจจริงๆก็กลัวมากๆ เพราะไม่นานมานี้ ต้องขออนุญาตพูดว่า แคทโดนติงว่าทำไมหนังสือถึงราคานี้ ทั้งๆที่หนังสือก็แค่นี้เอง ... แคทอยากขอความกรุณาทุกๆท่านจริงๆนะคะ ไม่ใช่แคทกับแคทหรอกนะ แต่กับนักเขียนท่านอื่นๆด้วย ถ้าคุณไม่เห็นคุณค่าของสมองและความเหนื่อยของคนเขียน แคทก็อยากฝากให้ทุกๆท่านนึกถึงราคาของกระดาษก็ได้ ตอนได้ยินเสียใจมากๆ แต่ก็นั่นแหล่ะ ฮ่าๆ

ยังไงก็ตาม ถ้ายังมีคนอ่านต้องการหนังสือเรื่องนี้ กด1 ถ้าอย่าทำแม่งเลยไม่ซื้อโว้ย กด0 ค่ะ

แคทขอขอบคุณคนอ่านทุกๆท่าน ทั้งที่พึ่งมาอ่านหรือร่วมเดินทางกันมาแต่แรก ขอบคุณมากๆจริงๆค่ะ

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
อ้างถึง
คนเราจะถือทิฐิให้เสียเวลาความสุขไปทำไมอ่ะ สู้เอาเวลาไปมีความสุขด้วยกันไม่ดีกว่าหรอวะพี่

เราเห็นด้วยกับคำพูดนี้นะ แต่ก็รู้แหละว่าแค่พูดน่ะมันง่ายคนที่เจ็บมาอย่างเมลคงทำใจยากอยู่ ที่พูดนี่ไม่ได้หมายความว่าเราจะให้อภัยในสิ่งที่ทัพหน้าทำเพียงแต่คิดว่าถ้าเมลยังรักและคิดจะรักทัพหน้าต่อไปก็ไม่ควรปล่อยเวลาให้สูญเปล่าแต่ถ้าไม่รักแล้วก็ช่างแม่งทัพหน้าไปเลยจะมาเสียเวลาแก้แค้นทำไมเราว่าแบบนี้มันเจ็บกว่าเยอะ
แต่สุดท้ายแล้วเราก็ดีใจนะที่ทั้งสองคนยอมรับความความรู็สึกตัวเองกันสักที

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ในที่สุดก็ลงเอยหันด้วยดี,,,

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ
บทที่34




“อึก อื้มม”



ร่างกายของเราไม่แยกออกจากกันเลยตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้อง มันที่กดจูบดูดปากของผมตั้งแต่ที่รถถูกจอดที่โรงจอดรถ เสื้อผ้าของผมที่ถูกปลดถูกถอดจนเกือบหมดตั้งแต่โถงทางเดินด้านล่าง และเสื้อผ้าของผมก็ถูกโยนทิ้งไปทั่วจนมาถึงที่ห้อง


‘พลับ’



รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มแล้วมีคนเปลื่อยเปล่าที่ไม่ต่างจากตัวเองถูกคล่อมทับกันอยู่บนตัว แรงสัมผัสจากฝ่ามือหนาที่กดลูบไล้ไปที่ผิวกายของผม จูบดูดดื่มที่ค่อยๆกลืนกินผม ลิ้นของเราที่พัวพันกันจนแยกแทบไม่ออกว่าของใครเป็นของใคร  ความรู้สึกสั่นไหวถูกเต้นแรงๆอยู่ในอก ความรู้สึกห่างเหินที่ไม่ได้สัมผัสมานานกลับมาอีกครั้ง ตื่นเต้นจนหัวใจสั่น  วูบวาบสั่นไหว ร้อนลุ่มไปหมดในหัวใจ  ริมฝีปากของมันที่กดจูบไปปตามแก้ม ซอกคอ และ ยอดอกของผม ขบเม้มพร้อมๆทั้งใช้ฝ่ามือบดขยี้มันอยู่แบบนั้น



“อื้ออ” 



ผมที่ร้องครางออกมาแบบนั้น ตอนที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายกดจูบลงบนหน้าท้อง มือของคนตรงหน้าที่ลูบไปไล้ตามขาอ่อนด้านใน ก่อนจะหยุดแล้วดึงขาของผมพาดขึ้นที่ลาดไหล่ ยกยิ้มพอใจแล้วใช้นิ้วถูลงไปที่ช่องทางด้านหลัง สายตาวาวโรจน์ที่จ้องหน้าผมจนผมต้องกัดปาก ความรู้สึกเสียววูบวาบที่ทำให้ต้องรู้สึกทั้งอายทั้งเสียวในเวลาเดียวกัน



“พี่คิดถึงเมล” มันที่ว่าออกมาแบบนั้น แล้วเลื่อนหน้ามากระซิบอยู่ข้างๆใบหู ลิ้นร้อนๆที่เลียใบหูของผมเบาๆ ก่อนจะเลื่อนหน้าลงไปดูดที่ซอกคอของผมแรงๆ  ฝ่ามือหนาที่เลื่อนมาขยับรูดส่วนกลางลำตัวของผม พร้อมๆกับดันนิ้วเข้ามาในตัวของผม จากนิ้วแรกเปลี่ยนเป็นสองเป็นสาม ได้แต่อ้าปากออกกว้างๆ ครางเสียงสั่นๆและจิกมือลงบนแผ่นหลังกว้างๆนั่น

“อ๊าาา”



“แน่นเหมือนเดิมเลยเมล”  พูดออกมาแบบนั้นด้วยเสียงกระเส่า มันที่จูบลงบนข้างแก้มของผมเน้นๆ ก่อนจะค่อยๆสอดแทรกความเป็นชายของมันเข้ามาแทนที่นิ้วเรียวนั่น ความรู้สึกจุกแน่นเข้ามาแทนจนผมน้ำตาไหล



“อึก ทะ..ทัพ พี่ทัพ”



“อ่า ซี๊ด เมล” เสียงทุ้มที่ดังชิดริมหูของผมมาพร้อมๆกับแรงโยกสะโพกเข้ามาในร่างของผมจนมิด มือสองข้างที่จับอยู่ที่สะโพกของผม รู้สึกเสียวจนต้องจิกขาเข้ากับที่นอน ทัพหน้าไม่ได้รุนแรงเหมือนทุกครั้ง แต่เน้นหนักมากกว่าทุกที ใส่เข้ามาหนักๆตรงจุดที่ทำให้ผมต้องร้องเสียงหลงเชิดหน้าขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่



“อ๊ะ อ๊า พี่ทัพ พี่ทัพ ตรงนั้น”



พอร้องออกมาแบบนั้น มันก็ใส่เข้ามาถี่ๆแบบไม่เว้นให้ผมได้พักหายใจ ช้อนตามองหน้าคนที่อยู่บนตัว มันที่ก้มหน้ามองหน้าผมอยู่แบบนั้น เอื้อมมือตัวเองขึ้นไปเสยผมที่ชื้นเหงื่อให้ออกจากใบหน้าพร้อมๆกับโยกสะโพกถี่กระชั้นไม่หยุด มันที่มองหน้าผมแล้วยกยิ้มมุมปากออกมาในตอนนั้น



“อ๊ะ ทัพ”



“พร้อมกันนะเมล ซี๊ด”



มันที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วก้มหน้าลงมาจูบปากของผมแบบร้อนแรง ลิ้นร้อนที่สอดแทรกเข้ามาเกาะเกี่ยวกับปลายลิ้นที่ทำให้ทั้งเสียว พร้อมๆกับความเป็นชายของอีกฝ่ายที่กระแทกกระทั้นเข้ามาหาผมแบบเน้นๆแรงส่งที่ถี่กระชั้นมากขึ้นเรื่อยๆๆ อยากจะกรีดร้องออกมาเสียงดัง แต่ก็ถูกลิ้นร้อนดูดดุนอยู่แบบนี้ ความรู้สึกเสียวซ่านที่ต้องจิกขาพร้อมๆกับต้องขมิบช่องล่างเพราะความเสียวซ่านไปพร้อมๆกัน จนแรงกระแทกสุดท้ายที่ส่งเข้ามาพร้อมกับที่ตัวผมกระตุกเกร็งออกมาพร้อมๆกัน



“อึก อ๊า”  ผมที่ร้องออกมาตอนที่รู้สึกถึงน้ำอุ่นร้อนที่ไหลเข้ามาในช่องทางด้านหลัง และตัวของผมเองที่ปลดปล่อยออกมาไม่ต่างกัน



เสียงลมหายใจหอบกระชั้นดังอยู่ที่ซอกคอของผม ทั้งผมและทัพหน้าที่พากันหอบหายใจแบบไม่หยุด ผ่านไปไม่นาน คนตรงหน้าก็ยันตัวขึ้นมามองหน้าของผมอีกครั้ง



“พี่คิดถึง คิดถึงเมลมากๆจริงๆ”



“อื้ม เมลก็เหมือนกัน”



“อย่าน่ารักให้มากได้ไหมวะ”



“หื้ม?...อ๊ะทัพ”



“เปลี่ยนท่ากัน”  มันที่ว่าออกมาแบบนั้น ก่อนจะจับตัวของผมพลิกคว่ำลงกับเตียง แล้วยกสะโพกของผมให้ลอยเด่นขึ้นมาเข้าหากับแกนกายของอีกฝ่าย ... เดี๋ยวนะ



“คืนนี้เมลต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่ฟังทั้งคืน”



“จะฟังก็ปล่อยก่อนสิเห้ย”



“ไม่ได้ ต้องลงโทษเด็กดื้อไปด้วย เล่ามา”



“อ๊ะ ทัพ เดี๋ยว อย่าพึ่งโยก อื้มมมม”



...



“อิเชี่ย นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นวะ”



“นั่นสิ บีหนึ่งคิดเหมือนบีสองไหมว่ามันแปลกๆ”



“บีสองก็คิดแบบบีหนึ่งเหมือนกัน”



“พอ มึงสองคนจะเลิกกระซิบกันได้ไหม ถ้าจะกระซิบดังออกมาขนาดนั้น”



“จริง แล้วมึงก็เลิกเอาหูเอาหัวมาถูหัวแฟนกูสักทีไอ้สัดอู๋”



ผมกับไอ้บินที่ด่าไอ้กุ๊กกับไอ้อู๋ออกมาแบบนั้น ถ้าถามว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ก็พูดตรงๆเลยว่า ที่ไอ้อู๋กับไอ้กุ๊กรวมถึงคนอื่นๆรอบๆโรงอาหารคณะเราที่กำลังตื่นเต้นอยู่ตอนนี้ก็เป็นเพราะ ไอ้ผู้ชายร่างสูงข้างๆผมที่กำลังนั่งยกยิ้มมุมปากอยู่นี่ล่ะมั้ง



“คืออะไรวะ มึงพาพี่ทัพมาทำไม”  ไอ้กุ๊กทำปากขมุบขมิบถามผม เหมือนไอ้ทัพมันจะมองไม่เห็นอย่างงั้นแหล่ะ



“ไม่ได้เชิญ แต่มันอยากมา”



“แหม พูดดี กูเห็นมึงเดินขาถ่างไอ้เมล คือยังไง พี่ทัพรู้ความจริงแล้วหรอครับ”  ไอ้อู๋แทรดเสียงออกมาแบบนั้น เป็นประโยคที่เหี้ยมากจนอยากเอาตีนขยี้หน้า



“ไอ้สัด”  ขยี้ไม่ได้ก็ด่าแม่งเลยละกัน



“ฮ่าๆ กูรู้มาสักพักละ จริงๆไม่แน่ใจหรอก แต่เมลมันเรียกชื่อกูตอนพวกไอ้รบไอ้รุกไปที่บ้าน ทั้งๆที่ปกติไม่เคยเรียกเพราะจำกูไม่ได้น่ะสิ”



“หลุดนิดเดียวก็รู้ ฉลาดมากมั้ง”



“แน่นอนครับผม”  ไม่สำนึกยังตอบกูมาแบบหน้าระรื่นอีก เห็นแล้วหมั่นไส้อยากข่วนหน้า



“เอ่อ...ไม่ทราบว่ายังเห็นกูกันอยู่ไหมเอ่ย ยังไง”  เป็นไอ้อู๋ที่พูดออกมาแบบนั้น



“กูไม่อยากเห็นหน้ามึง กูอยากเห็นหน้าเมียกู” 



ไอ้ทัพที่ว่าออกมาแบบนั้น แล้วหันมาจ้องตาผม สายตาคมๆที่ไม่ต่างจากเมื่อก่อน แตกต่างกันแค่ตอนนี้มันวาววับเสมอเวลาที่มองมาที่ผม สายตาที่ทำให้ต้องเสหน้าหนีหันไปมองที่อื่น



“โวะ”



“มาว้งมาเวอะ กูจูบปากแตก”



“เงียบไปเลยเว้ยไอ้บ้า” ว่าออกไปแบบนั้นแล้วลุกขึ้นยืน ตั้งท่าจะเดินหนี เพราะวันนี้พวกเรามีเรียนในคลาสที่เมื่อก่อนไอ้บ้าทัพหน้าเป็นอาจารย์สอน และตอนนี้ก็ใกล้ได้เวลาที่จะเข้าเรียนมากแล้ว



“โหววว เขินจ๊ะ น้องเมลเค้าเขินจ๊ะพี่ทัพจ๋า”



“เขินแล้วหนีเก่งก็แบบนี้แหล่ะ”



“ฮ่าๆๆๆๆ”



จ๊ะ แล้วก็หัวเราะใส่กันแบบครื้นเครงโดยไม่สนใจหน้าตาของกูเลย คือกูยังนั่งอยู่ตรงนี้เว้ย แม่งเอ๊ย ไอ้พวกบ้า ไอ้พี่ทัพนี่ก็ด้วย ไอ้บ้า...บ้าตั้งแต่กูรักมันแล้วโว้ย



.

.

.


“เอาล่ะนักศึกษานั่งให้เป็นระเบียบ พออาจารย์แก่ๆไม่อยู่แล้วมีความสุขกันมากเลยสินะ มีอาจารย์พิเศษหล่อๆเลยได้กำลังใจดีล่ะสิ ...เพราะแบบนี้อาจารย์พิเศษของพวกเธอเลยมานั่งอยู่ในห้องเรียนด้วยวันนี้”



หลังจบคำพูดของอาจารย์ประจำวิชาพูดออกมาแบบนั้น ทุกคนในห้องก็พร้อมใจกันหันมามองในจุดที่ผมนั่งเป็นตาเดียว  ก็แน่ล่ะ ก็ไอ้อาจารย์พิเศษหน้าหล่อที่ว่า วันนี้ก็มาเสนอหน้านั่งอยู่ข้างๆผมตอนนี้นี่ไงล่ะ



“วันนี้ผมไม่ได้มาในฐานะอาจารย์พิเศษนะครับ ผมมาในฐานะรุ่นพี่ที่กำลังตามจีบรุ่นน้องครับ



“โฮ้ววว ฮิ้ววววว”  และเสียงโห่ฮาก็เซ็งแซ่ขึ้นมาอีกรอบ กูอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้ แล้วจะไม่ว่าอะไรเลยถ้าไอ้คนพูดจะไม่หันมามองหน้าผมพร้อมยื่นมือมายีผมเบาๆแบบตอนนี้อีก



“แต่ทุกคนไม่ต้องกลัวเรื่องคะแนนข้อสอบจะไม่ยุติธรรมนะครับ ผมไม่ได้ออกสักข้อ”



“ฮ่าๆๆ”  เสียงหัวเราะครื้นเครงดังกันไป ดังแบบไม่กลัวว่ากูจะอาย โดยเฉพาะไอ้ผู้ชายที่นั่งข้างๆกูตอนนี้เนี่ย โอ้ยยย ไอ้ทัพหน้า ไอ้บ้าเอ้ย



“อย่าเขินน่าเมล ทำหน้าให้มันด้านๆหน่อยเร็ว”  แล้วยังมีหน้ามากระซิบบอกกันแบบนี้อีก พอหันหน้าไปมองอีกฝ่ายก็ทำแค่ยกยิ้มมุมปากแล้วยักคิ้วใส่กันทีนึงก็แค่นั้น



“เงียบไปเลยนะเว่ย”  ได้แต่หันไปจิกตาใส่ไอ้คนที่นั่งอยู่ข้างๆที่ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรสักอย่าง อีกฝ่ายทำเพียงแค่ส่งยิ้มพิฆาตมาให้ผม พร้อมเอียงหัวเข้ามากระซิบๆใกล้ๆ



“ตามใจเมลทุกอย่างเลยครับ”



จ๊ะ.... กูได้ตายลงตรงนี้แบบสมบูรณ์แล้ว อ๊ากกกกก



...



ผมที่เรียนคาบบ่ายเสร็จ เดินลงมาพร้อมๆกับไอ้อู๋ไอ้กุ๊กไอ้บินไม่ต่างจากทุกวัน ขอบคุณมากๆที่ไอ้บ้าทัพหน้าไม่บ้าจี้ขึ้นไปเรียนคาบบ่ายกับผมด้วย เพราะว่าแค่คาบเช้าก็ครื้นเครงมากจนกูไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ผมแยกย้ายกับเพื่อนๆเมื่อเดินลงมาจากตึกแล้ว ไอ้กุ๊กกลับกับไอ้บิน ส่วนไอ้อู๋ก็แน่นอนว่าแยกไปตามหาหัวใจ หรือหัวหมูก็ไม่แน่ใจ ผมเดินเข้าไปหาทัพหน้าที่นั่งรออยู่ที่ร้านคาเฟ่ในมหาลัย  พอเดินเข้าไปก็มองหาไม่ได้ยาก ผู้ชายหน้าตาดีนั่งโดดเด่นอยู่ตรงนั้น มันที่หันมาเห็นผมก็ยิ้มให้หน่อยๆ เดินเข้าไปหามัน อีกฝ่ายก็ดันแก้วชาเขียวปั่นมาไว้ตรงหน้าผมให้



“กูสั่งไว้รอ ได้ก่อนมึงมานิดนึง กินดิ”



“ขอบใจนะ” 



บอกมันออกไปแบบนั้นแล้วหยิบมาดื่ม รู้สึกว่าไม่ค่อยอยากมองหน้ามันเท่าไหร่ รู้สึกเขินอายมันแปลกๆ มันเองก็น่าจะเข้าใจ แอบเห็นมันยกยิ้มมุมปากส่งมาให้ แต่สายตาเสือกทำเหมือนเอ็นดู โง้ย ไม่ไหวเลยครับ แบบนี้มันไม่ดีกับใจผมจริงๆนะเนี่ย



“วันนี้จะพาไปกินข้าวข้างนอก”



“ที่?”



“ที่ๆนัดกับมึงทีไรก็ไม่ได้แดกไง”



“เอาจริง?”  ถามมันออกไปแบบนั้น เป็นร้านที่เหมือนมีอาถรรพ์ ครั้งแรกที่นัดกันก็ดันมีเรื่องณราชา ครั้งที่ผ่านมาผมก็ไม่ไปตามนัด จนมาถึงวันนี้...จะได้แดกไหมถามใจดู



“อืม ไปเถอะ เดี๋ยวพาไป ยังไงวันนี้ก็จะไม่ผิดสัญญา” 



บอกแบบนั้นพร้อมมองมาที่หน้าผม สายตาของมันที่บอกว่ามันจะไม่ผิดสัญญา ไม่ว่าเรื่องนี้ หรือเรื่องอื่นๆก็ตาม ... เห็นแบบนั้นก็เลยได้แต่กดหน้าตัวเองลงมา ทำเหมือนพยักหน้าตอบรับ จริงๆก็แค่หลบสายตา



“หึ งั้นไปกันเถอะ”



“อื้ม”



“เดี๋ยวนี้เขินเก่งเนอะ”



“ปากมาก”



“หึ โอเค ไม่ล้อละ”  ไม่ล้อพ่อมึงสิ มันที่พูดแบบนั้น แต่เสือกเลื่อนหน้าเข้ามาจ้องหน้าผมใกล้ๆ ไม่ล้อเลย ไม่ล้อกูเลยจ้า



.

.

.




เราใช้เวลาไม่นานก็ขับรถมาถึงร้าน  วันนี้รถไม่ค่อยติดทั้งๆที่เป็นช่วงเวลาเลิกงาน แต่ว่าก็ดีแล้วที่ใช้เวลาไม่นาน  ผมที่เปิดหน้าเมนูเลือกไปเรื่อยๆ ร้านอาหารบรรยากาศดี ที่เน้นพวกสเต็กและไวน์เป็นหลัก แต่อาหารอื่นๆก็น่าทานดี ผมละสายตาออกจากเมนู มองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม  ทัพหน้าที่นั่งหลังตรงเอียงหน้าพอประมาณ ใช้มือจับหนังสือทำมุมและองศาให้พอดีเหมาะเจาะมากๆ เหมือนนายแบบที่กำลังถ่ายแบบ ดูดีจนน่าหมั่นไส้ แต่อีกมุมนึงผมก็รู้สึกสงสารมันขึ้นมาในตอนนี้  ... ได้ยินมาว่าเพราะมันเป็นลูกชายคนโตที่ถูกคาดหวัง มันถึงทำอะไรออกมาก็ดูดีไปหมด ไม่เว้นแม้แต่การนั่งการเดิน คิดมาถึงตรงนี้ก็อยากรู้ว่า บนบ่ากว้างๆของมันจะหนักมากแค่ไหน กับภาระที่ผมมองไม่เห็น ... และอีกหนึ่งเรื่องที่มันกำลังแบกเอาไว้อยู่ตอนนี้ ... ก็คือเรื่องของผม



“มองอะไร”  สะดุ้งตอนที่มันเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม และแน่นอน ผมจ้องมันอยู่ก่อนแล้ว



“เปล่า”



“เป็นเด็กหรือไง ทำเหมือนโดนครูจับได้ว่าแอบกินขนมในห้องก็ตอบว่าเปล่าไว้ก่อนทั้งๆที่ตัวเองก็กิน”  มันที่ว่าออกมาแบบนั้น ทำเอาผมต้องยู่ปากหงุดหงิด ด่าซะกูเห็นภาพ



“ว่าไง มองหน้ากูทำไม หรือว่าความหล่อมันเด้งเข้าตามึง ต้องขอโทษด้วย กูห้ามไม่ได้จริง”



“โว้ย ไอเหลงตัวเองเอ๊ย”  ว่าออกมาแบบนั้น มันก็แค่ขำหึหึอยู่ในลำคอ ส่ายหน้านิดๆแล้วก้มลงไปเลือกเมนูต่อ



“ทัพ”



“หื้ม ว่าไง”



“กูขอโทษนะ”  ผมเลือกที่จะว่าออกมาแบบนั้น มันที่เงยหน้าขึ้นมาอีกรอบด้วยสายตานิ่งๆ มันที่วางเมนูลงบนโต๊ะแล้วจ้องหน้าผมแทนที่จะสนใจเรื่องอื่นๆ



“ขอโทษกูเรื่องอะไร”



“กูขอโทษ...เอ่อ...เพราะกู .. คือกูได้ยินมาเรื่องมึงกับที่บ้าน”  ผมที่ว่าออกไปแบบนั้น ไอ้ทัพก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะเอนหลังลงไปพิงพนักพิง



“ไอ้แจเล่าให้ฟังล่ะสิ ไอ้พี่น้องปากสว่าง”



“มึงอย่าไปโทษมันเลย แต่มึง...จริงๆมันเป็นเพราะกู...”



“คาราเมล”



“ห..หื้ม”  เพราะมันที่เรียกชื่อของผมออกมาด้วยเสียงเข้มๆจนผมไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไปอีก



“มึงไม่ต้องขอโทษกู กูสิที่ต้องขอโทษมึง กูทำอะไรกับมึงมาตั้งหลายอย่าง มีแต่เรื่องเหี้ยๆด้วยซ้ำ แต่ในวันนี้มึงยังให้อภัยกู แล้วกลับมานั่งกินข้าวอยู่ตรงหน้ากู สิ่งที่กูทำ มันเทียบไม่ได้เลยด้วยซ้ำกับการให้อภัยของมึง ... มันไม่มีอะไรที่กูแลกมาไม่ได้ ในเมื่อวันนั้น มึงก็แลกอะไรหลายๆอย่าง เพื่อมารักคนเหี้ยๆแบบกู”



“ทัพ...”



“จริงๆกูแทบจะไม่เสียอะไรด้วยซ้ำ”



“แต่มึงจะเสียครอบครัว พ่อและแม่ของมึง”



“แต่กูจะยังมีมึงไง ที่จะเป็นครอบครัวของกู”



มันที่ว่าออกมาแบบนั้นด้วยเสียงที่หนักแน่น สายตาคมที่มองจ้องมาที่ผม พร้อมเอื้อมมือมาจับมือของผมที่วางอยู่บนโต๊ะเอาไว้แน่นๆ เลื่อนสายตามองมือของมันที่กุมมือของผมเอ้าไว้ เพราะแบบนั้นเลยเลือกที่จะเลื่อนนิ้วเข้าไปสอดกระชับกับอีกฝ่าย เงยหน้าขึ้นมามองตาของมันแล้วยิ้มให้



“อื้ม...เมลก็จะมีพี่ทัพเป็นครอบครัวของเมลเหมือนกันนะ”



“ครับ”



.

.

.



     ผมกับทัพหน้ากลับมาถึงบ้านในเวลาประมาณสามทุ่ม เป็นวันธรรมดาๆที่ค่อนข้างมีความสุข เหมือนไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันแบบนี้กันสักที เหมือนเป็นเรื่องราวที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลยจริงๆ  ผมที่เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วมองเห็นทัพหน้านอนเล่นไอแพดอยู่บนที่นอน มันที่เงยหน้าขึ้นมามองผม ก่อนจะยกยิ้มหน่อยๆ ก่อนที่มันจะยกมือขึ้นตบเตียงนอนข้างๆ



“อะไร”



“เรียกเมียมานอนด้วย” 



ว่าออกมาแบบนั้นแล้วยกยยิ้มมุมปาก หน้าตาเจ้าเล่ห์จนไม่อยากเดินเข้าไปหา ห้องนอนห้องเดิม เตียงนอนเดิมๆกับคนๆเดิมที่สถานะไม่เหมือนเดิม พูดตรงๆว่าตอนนี้ก็ยังไม่ชินกับมันในเวอร์ชั่นแฟนที่น่ารักครับ



“เร็วๆ มึงอย่าลีลา จะเดินมาเองหรือให้กูลุกไปอุ้มมา”



“เนี่ย มึงก็ชอบแบบนี้อ่ะ”



“ทำไม กูเป็นแบบนี้ไม่ชอบกว่าหรือไง ถ้ากูพูดว่า น้องเมลรีบขึ้นมานอนข้างๆพี่มา...แบบนี้เมลรับไหวหรอ”



“โวะ!” แน่นอนว่ากูไม่ไหวอยู่แล้วโว้ย!



ไม่ได้ตอบอะไรมันกลับไป ทำแค่เดินหน้าร้อนๆไปนอนข้างๆคนที่ยกยิ้มมุมปากร้ายๆมองผมอยู่แบบนั้น ดูท่าทางจะมีความสุขมากๆกับการที่จะได้แกล้งผม ไม่อยากพูดอะไรกับมันเลยเลือกที่จะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว แล้วพลิกนอนตะแคกทั้งแบบนั้น เวลาผ่านไปไม่เท่าไหร่ ก็รู้สึกวงแขนแข็งแกร่งที่เลื่อนมากอดที่เอวของผม พร้อมๆกับลมหายใจอุ่นๆที่รดอยู่ที่ซอกคอ



“ท..ทัพ อย่า”



“อืม ไม่ทำอะไรหรอกน่า”



“ไม่ทำก็อย่าดิ”



“ทำไมพูดเหมือนเสียดาย”



“ไอ้บ้า! ไม่ใช่โว้ย”



“ฮ่าๆ นี่เมล กูมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง”



“ว่า?”  ต้องลืมตาขึ้นมาสนใจ เพราะอีกฝ่ายพูดแบบนั้น เอียงหน้าไปมองคนที่ยังซุกๆอยู่แถวซอกคอกันและก็กอดผมไว้ในอ้อมแขนกระชับแน่นแบบไม่ยอมปล่อย



“สมัยที่กูเรียน ชีวิตสมัยเรียนแม่งเป็นอะไรที่โคตรจะน่าเบื่อเลยมึงรู้ไหม”



“ทำไมอ่ะ?”



“ก็เพราะจริงๆกูอยากเรียนวิศวะ แต่ป๊าต้องการให้มาบริหารบริษัทเลยส่งให้เรียนบริหาร”



“อ่า...” พูดอะไรไม่ออกตอนที่มันบอกออกมาแบบนั้น  มันเป็นคนเก็บอะไรไว้ในใจมากเกินไปจริงๆ



“ตลอดสามปีที่เรียนแม่งไม่เคยมีความสุขเลยสักวัน จนถึงวันแรกที่เปิดเทอมปีสี่ของกูวันแรก ชีวิตกูมันก็แตกต่างจากปีก่อนๆอย่างสิ้นเชิงเลย”



“หื้ม”



“อืม...ชีวิตกูมันเปลี่ยนไปเลย ตั้งแต่วันที่กูเข้าไปดูน้องในห้องเชียร์แล้วเจอไอ้เด็กหน้ามึนคนนึงที่เต้นไก่ย่างอยู่หน้าแถว ป้ายชื่อมันเขียนไว้ว่า ‘น้องคาราเมล’”



“ห๊ะ เดี๋ยวๆอะไร ทำไมกูไม่เห็นรู้”



“ชู่วว เงียบ ฟังเรื่องเล่ากูก่อน” 



มันที่ว่าแบบนั้น หัวใจของผมเต้นตึกตักๆกับเรื่องเล่าของมันที่ผมไม่เคยรู้ ก็จะรู้ได้ยังไง ในเมื่อวันแรกของการรับน้อง ผมยังไม่รู้เลยว่าไอ้ทัพหน้าเข้าไปในห้องเชียร์ด้วยซ้ำ ผมเจอไอ้ทัพหลังจากเข้าห้องเชียร์ไปแล้วสองอาทิตย์หลังจากนั้นต่างหาก



“ตอนนั้นกูมองไอ้เด็กนั่นแล้วก็สงสัยว่าทำไมมันถึงยิ้มออกมาได้มีความสุขขนาดนั้น รอยยิ้มของมันที่ทั้งขำทั้งหัวเราะไปตอนร้องเพลงตอนนั้น มันทำให้กูไม่ลืม ขนาดกลับมาถึงบ้าน แค่หลับตาก็ยังนึกถึง โคตรแปลก ... ตอนแรกกูแค่คิดว่า กูอิจฉาไอ้เด็กนั่นที่มันอยากจะยิ้มกว้างๆแสดงอารมณ์ออกมายังไงก็ได้ ต่างจากกูที่ทำแบบนั้นไม่เคยได้ กูคิดว่ากูคิดแบบนั้น ... แต่มึงรู้ไหม จริงๆแล้วมันไม่ใช่ หลังจากวันนั้นกูก็เอาแต่มองหามัน คอยแอบมองมัน แอบเดินตามมันตลอด จริงๆไม่ใช่กูอิจฉารอยยิ้มของมัน แต่จริงๆ...กูตกหลุมรักมัน



“ทัพ...”



อืม พี่ตกหลุมรักเมล ก่อนที่เมลจะรักพี่ด้วยซ้ำ”



“กู...เมล...เมล ไม่คิดเลย ไม่....”



“เมลจำวันแรกที่เมลเจอพี่ได้ไหม วันที่พี่ไปดึงเมลออกมาจากถนนที่กำลังจะถูกรถชนน่ะ”



“จำได้สิ ก็เพราะวันนั้น เพราะพี่มาช่วยเมล ตอนที่เมลเจอหน้าพี่...เมลก็ชอบเลย” 



บอกมันออกไปแบบนั้น เป็นความทรงจำที่หน้าอาย แต่ก็ไม่น่าอายเท่าหลังจากวันนั้นที่ผมตามไปหาพี่มันแล้วบอกว่าชอบ แล้วดื้อดึงเอาขนมไปตามจีบมันตลอดหรอก



“เพราะกูหล่อ”



“เออจ้า แล้วยังไงต่อๆ”  ผมที่หันหน้าไปเขย่าแขนอีกฝ่าย ทัพหน้าที่กดหน้าลงมามองกัน แล้วยิ้มขำๆ ก่อนจะเอามือมาลองเท้ากับศีรษะให้นอนสบายขึ้น



“หึ จริงๆก็ไม่ได้บังเอิญผ่านไปหรอก จริงๆกูเดินตามมึงลงมาจากคณะตั้งนานแล้ว เห็นมึงใส่หูฟังเล่นมือถือ เดินออกจากคณะไปคนเดียวกูเลยเดินตามไป จริงๆอยากรู้ว่ามึงกลับกับใคร”



“จริงหรอ” 



ได้แต่ถามมันออกไปแบบไม่อยากจะเชื่อ  ผู้ชายที่ผมคิดว่าผมคอยเดินตามหลังไล่ตามเค้าเสมอ แต่จริงๆแล้ว...มันเป็นเค้าต่างหากที่เดินไล่ตามผมก่อนที่ผมจะเริ่มรู้สึกชอบเค้าซะอีก



“อืม ก็มองมาตั้งนานแล้ว”



“แล้วทำไมต้องไล่ แล้วทำไมต้องปฏิเสธเมลด้วย เอะอ่ะก็โยนขนมทิ้ง เอะอ่ะก็บอกไม่แดกๆ ดีแต่พูดทำร้ายจิตใจอยู่ได้”



“ขอโทษครับ”  มองหน้าผมด้วยความรู้สึกผิด ก่อนจะยื่นมือมาลูบแก้มผมเบาๆ เป็นความรู้สึกอุ่นๆที่ฝังอยู่ข้างแก้มตอนที่มือมันเกลี่ยไปที่แก้มของผม



“ที่ต้องทำแบบนั้น ไม่ได้ว่าอยากทำหรอก...แต่มันเป็นเรื่องที่ต้องทำ”



“อ่า...เพราะณราชาหรอ”



“อืม พี่คบกับณราชา จริงๆเป็นเพราะผู้ใหญ่ที่จัดเตรียมเอาไว้ให้ แต่ถึงแบบนั้น พี่ก็คบกับณราชา พี่รู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของเค้า ที่พี่เกิดไปรู้สึกกับใครอีกคนที่ไม่ใช่เค้า และพี่ก็ไม่อยากดึงเราเข้ามาให้มีปัญหา สู้ตัดใจตั้งแต่ตอนนั้น เดี๋ยวเมลก็คงลืมพี่ไปได้เอง”



“แต่เมลไม่เคยลืมพี่ทัพเลย”



“รู้ครับ”



“ถ้ามองจากสายตาของเด็กปี4ในตอนนั้น พี่เองไม่มีความกล้าพอที่จะดึงเมลไว้หรอก อีกอย่างพี่คิดว่า เรียนอีกปีเดียวพี่ก็จบแล้ว เมลกับพี่ก็คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว เลยเลือกทำให้เมลเจ็บ แล้วจบกันตอนนั้นมันคงดีที่สุด และอีกอย่าง พี่ก็มองไม่เห็นทางว่าเรื่องของพี่กับณราชาจะไม่เกิดขึ้นได้ยังไง ในเมื่อบ้านเราสองคนสนิทกันและวางโครงการร่วมกันไว้มากขนาดนั้น เมลเข้าใจไหม”



ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทำเพียงแค่พยักหน้าแล้วขยับตัวเข้าไปกอดอีกคนไว้ ซึ่งทัพหน้าเองก็ดึงตัวผมมากอดไว้แน่นๆเหมือนกัน  มันที่เลื่อนหน้าเข้ามาหอมแก้มผมเน้นๆแล้วพูดต่อ



“พี่บอกตัวเองให้ผลักเมลออกไป แต่จริงๆก็ไม่มีสักครั้งเลยที่ทำได้ เวลาที่เมลเอาขนมมาให้แล้วพี่ทิ้ง สุดท้ายพอเมลกลับไปพี่ก็แอบไปคุ้ยขยะเอากลับมาอยู่ดีจนไอ้ปืนด่าว่าสมเพช”



“พี่ทัพ จริงดิ”



“จริง ขนมเมลที่ทำมาให้พี่ก็ได้กินทุกอันนะ ถึงแม้ว่าขนมแรกๆที่เราหัดทำรสชาติจะแย่มากก็เหอะ คุ๊กกี้โคตรแข็ง



“ไอ้พี่ทัพ อย่ามาล้อนะโว้ย”



“ฮ่าๆ โทษครับ แต่หลังๆก็อร่อยดี”



“หึ่ย” 



ก็คนมันหัดทำแรกๆนี่หว่า กลับบ้านไปให้คุณแม่สอนเลยนะเว้ย คาราเมลในวัย18ปี ตอนนั้นผมยังคงเป็นแค่ลูกชายคนเล็กของบ้านที่เอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ รวมถึงเรื่องของทัพหน้าด้วย เพราะแบบนั้น...ผมเลยไม่เคยยอมแพ้กับเรื่องของผู้ชายคนนี้ได้เลยสักที



“พี่เคยแอบเดินตามเราทุกเลิกเรียน เห็นแต่เราชอบเข้าไปซื้อขนมจีบกุ้งร้านนึงทุกวันก่อนกลับบ้าน”



“โหยย ร้านนั้นโคตรอร่อยเลย”



“ใช่ไหม คงชอบน่าดูเลยสิ”



“ใช่สิ พูดแล้วหิวเลย เสียดายที่เดี๋ยวนี้เค้าไม่ขายแล้ว”



“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ทำให้กินเอง”



“เออว่าจะถาม ทำไมพี่ทำเป็น วันนั้นเมลบอกให้ทำอ่ะ แค่แกล้งเล่น ไม่คิดว่าจะทำออกมาได้ดีขนาดนั้นเลยนะเนี่ย”   



“หึ ก็เพราะว่ารู้ว่าเราชอบตั้งแต่ตอนนั้นไง กลับบ้านมาเลยให้แม่บ้านสอน เคยแอบคิดว่าอยากทำให้เรากินบ้าง พอตอนที่ทำเป็นแล้วก็มาคิดขึ้นได้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ ไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าจะมีวันที่ได้ทำให้เรากินจริงๆ”



“พี่ทัพ...”  ผมพูดอะไรไม่ออก รู้สึกร้อนผ่าวๆที่ขอบตา  ได้แต่เอ่ยเสียงเรียกอ่อยๆออกมาแบบนั้น



“เรารู้ไหมตั้งแต่พี่เรียนมาพี่ไม่เคยไปค่ายอาสาของคณะเลยนะ”



“แต่ปีนั้นพี่ไป”



“ใช่สิ ก็เพราะรู้ว่าเราไปไง พี่เลยยอมไป”



“.............”



“โชคดีแล้วที่พี่ไป ถ้าพี่ไม่ไป จะรู้ได้ไงว่ามีเด็กดื้อที่ไหนหนีออกมาจากเต้นทืเพื่อไปหานมอุ่นกินก่อนนอน”



“เพราะแบบนี้หรอ ตั้งแต่ที่ผมมาอยู่กับพี่ที่นี่ พี่ถึงเอานมอุ่นมาให้กิน”



“อืม ก็เพราะรู้ไง”



“พี่...ฮึก ผม...ผมไม่เคยรู้เลยว่าพี่ อึก...” 



อยู่ๆหัวใจของผมก็อ่อนแอลง ตั้งแต่ที่ได้ยินมันเล่าเรื่องต่างๆให้ผมฟัง ผมก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองไม่เคยรับรู้เรื่องอะไรเลยสักอย่าง ทุกๆวันตั้งแต่ที่ทัพหน้าเรียนจบ จนถึงเรื่องราวร้ายๆของเราที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้  ผมเหมือนเป็นคนเดียวที่มองในมุมของตัวเองแค่ด้านเดียวมาตลอด ผมไม่เคยรู้เลยว่า ข้างหลังของผม ยังมีผู้ชายคนนึงที่ผมคิดว่ามันแย่ มันร้าย มันเฮงซวย และมันไม่เคยรักผมเลย ... จริงๆมันกลับเป็นผู้ชายคนนั้น คนที่รู้เรื่องราวของผมและคอยดูแลผมอยู่เสมอ ทั้งๆที่จริงๆตัวมันต้องคอยแบกรับเรื่องราวมากมายเอาไว้กับตัว ต้องคอยแบกรับความหวังของคนรอบข้าง จนไม่เคยได้ทำตามอย่างที่ใจมันคิดเลยสักครั้ง



“พี่ทัพ ฮึก...”



“พี่รักเมล รักมาตลอด พี่ขอโทษที่เก่งไม่พอ ขอโทษที่ดีไม่พอ เลยต้องทำให้เมลเจ็บแบบนี้”  ผมได้แต่กอดมันแน่นๆแล้วส่ายหัวอยู่ที่หน้าอกของมันแบบนั้น



“ตอนที่พี่ได้หลักฐานปลอม มันแย่มากๆตอนที่รู้ว่าเมลเป็นคนทำ พี่ไม่อยากจะเชื่อหรืออยากจะยอมรับเลยว่าเด็กคนที่พี่หลงรัก จะกลายเป็นคนร้ายๆได้แบบนั้น...ทั้งทางบ้านณราชาบ้านของพี่ก็เตรียมจะจัดการเมล พอคิดได้แบบนั้น พี่เลยเป็นคนเลือกที่จะทำร้ายเมลเองดีกว่าที่จะให้คนอื่นต้องทำ พี่กลัว กลัวว่าถ้าเป็นคนอื่นทำ วันนี้พี่อาจจะไม่มีเมลอยู่ในโลกใบนี้อีกแล้ว...ขอโทษนะครับ ขอโทษที่ต้องร้ายใส่เมลขนาดนั้น ขอโทษจริงๆ”



“ฮึก อึก ไม่...พอแล้วพี่ทัพ ไม่เป็นไรนะครับ อึก...ลืมมันไปนะ ตอนนี้เมลอยู่กับพี่แล้วนะ เมลอยู่ตรงนี้กับพี่แล้วนะ” 



ได้แต่บอกออกไปแบบนั้นแล้วกอดมันแน่นๆ  ไม่ใช่แค่ผมหรอกที่ต้องได้รับการรักษาหัวใจ แต่จริงๆผู้ชายร่างสูงคนนี้ ก็เป็นอีกคนนึงที่ควรจะได้รับการเยียวยาเหมือนกัน  หลายต่อร้ายครั้งที่เขาต้องทำร้ายจิตใจตัวเองไม่ต่างกัน



“ต่อจากนี้พี่จะไม่ผิดคำสัญญากับเมลอีก พี่จะยอมร้ายกับคนทั้งโลก แต่พี่จะดีกับเมลแค่คนเดียว...”



“เมลรักพี่ทัพ ฮึก”



“พี่ก็รักเมลครับ”



“ขอบคุณ ฮึก...ขอบคุณที่รักเมล เมล...ฮึก เมลไม่เคยรู้เลย”



“ไม่ต้องขอบคุณหรอก พี่ต่างหากที่สมควรขอบคุณเมล ขอบคุณที่ยังอดทนกับคนแบบพี่ ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่วันนี้ยังรักพี่เหมือนเดิม”



...


(มีต่อจ้าาา)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2019 16:20:19 โดย Yoghurt »

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ
เช้าวันใหม่เริ่มขึ้นมาด้วยความวุ่นวาย ผมยังคงตามหาไอ้หลงเหมือนเดิม แมวกูหายอีกแล้ววววว และสุดท้าย ไปเจอมันนอนกกอยู่กับไอ้รี่บนกองผ้าห่มอีกแล้ว



“โว้ยยย นี่มันอะไรนัก มึงเอาแมวกูมากินหรอไอ้รี่!”



“คุณเมลอย่าเค้าไปนะครับ”  พี่หัวหน้าบอดีการ์ดคนใหม่ ไปตีซี้เรียบร้อยแล้ว พี่เค้าชื่อว่าพี่เต๋อ พี่เต๋อที่พยายามดึงตัวผมให้ออกมาห่างๆกรงของไอ้รี่



“มันไม่กัดผมหรอกพี่ แต่มันจะแดกแมวผม”



“เมล”  เสียงเข้มๆของผู้มาใหม่ทำให้ทั้งผมทั้งพี่เต๋อต้องหันไปมอง มองเห็นหน้าไอ้ทัพที่ดูจะเครียดมากกว่าปกติ มันที่เดินเข้ามาหาผมช้าๆ



“หื้ม มีอะไร?”



ผมที่ถามออกไปแบบนั้น แล้วผละตัวออกห่างจากกรงของไอ้รี่ คิดว่ามีเรื่องที่สำคัญกว่าการที่จะตามหาแมว ตราบใดที่ไอ้รี่ไม่แดกแมวกูเข้าไปก็โอเค แต่มาคิดๆดู มันก็หลายครั้งแล้วที่ไอ้หลงไปนอนกับไอ้รี่ แต่มันก็ยังไม่กินแมวกูเข้าไป คิดว่าถ้าแบบนี้ มันคงไม่กินไอ้หลงเข้าไปแล้วล่ะ



“ว่าไง ทำไมทำหน้าแบบนั้น”



“เมล”



“หื้ม?”  ผมที่ยิ้มรับมันพร้อมเอียงคอมองมัน คิดไว้ว่าต้องน่ารัก ไอ้ทัพต้องเขินบ้างล่ะครับงานนี้



“ทำใจดีไว้นะเมล”



“เรื่องงงงงงงง?”



“พี่ก้าเครื่องบินตก”



“ท...ทัพ...มึงพูดอะไร” 



น้ำตาของผมไหลลงมาตอนที่ได้ยินคำนั้น ผมที่มองหน้าของไอ้ทัพแบบไม่อยากจะเชื่อ ขอแค่มันบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องโกหกผมจะยอมไม่โกรธมันสักนิดเดียวถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องล้อเล่น



“เมล”



“ฮึก ทัพ ไม่...ไม่จริง”  มันที่ดึงผมเข้าไปกอดเอาไว้แน่นๆ ผมที่ได้แต่กอดมันไว้ ไม่จริง เรื่องนี้จะต้องไม่จริง เมื่อไม่กี่วันก่อนเรายังเจอกัน มันยังกอดผมเอาไว้  มันที่บอกจะเอาขนมมาฝาก พี่ชายของผม พี่ชายที่ดูแลผมมาตลอด



“ก้า ฮึก...ก้า ไม่...ไม่จริง ฮึก”



.

.

.
               

ภาพจองควันจางๆที่ถูกปล่อยออกจากปล่องควันในวันงานฌาปนกิจยังคงติดตาทำให้น้ำตาต้องไหลลงอาบใบหน้า  ในพุทธศาสนากล่าวเอาไว้ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย จุดสุดท้ายที่จะสิ้นสุดย่อมไม่ต่างกัน  แต่ตัวผมไม่คิดเลยว่า คำว่าความตาย จะอยู่ใกล้เรามากจนเกินจะคาดฝัน ดังเช่นครั้งนี้ เหตุการณ์ของคำว่าจากไป วิ่งเข้ามาใกล้ ไวเกินกว่าที่ผมจะคาดฝัน ...  การจากไปของก้าและครอบครัวของก้า มาถึงอย่างไม่คาดฝันจริงๆ



“เมลครับ” 



เสียงทุ้มที่ดังอยู่ข้างๆตัว มาพร้อมวงแขนแข็งแกร่งที่โอบกอดผมไว้อย่างให้กำลังใจ ผมที่ถอนหายใจออกมาหนักๆ สายตาที่เริ่มกลับมารับรู้ภาพตรงหน้าแทนการนึกไปถึงเรื่องราวเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ผมที่หันกลับไปสบตากับดวงตาสีดำเข้มที่กำลังมองมาที่ผมอย่างอบอุ่น ผมที่เพียงแค่ฝืนยิ้มบางๆส่งไปให้โดยไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก



“เมลเคยได้ยินเรื่องอวัยวะที่สำคัญที่สุดไหม”  ทัพที่ถามผมออกมาแบบนั้นเหมือนอยากชวนคุย ผมที่ไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก แต่คนข้างๆตัวยังคงพยายามต่อ



“อวัยวะที่สำคัญที่สุดของคนเรา ก็คือบ่ายังไงล่ะ ... เพราะในชีวิตของคนหนึ่งคน มันต้องมีอย่างน้อยครั้งนึง ที่เราอยากจะซบลงบนบ่าของใครสักคนเพื่อที่จะก้าวผ่านวันร้ายๆไปได้ ... และในวันนี้ เมลมีบ่าของพี่คอยรับอยู่นะ เมลไม่ได้อยู่คนเดียวนะครับ ... ถ้าวันนี้เมลยังไม่ไหว ขยับมาซบลงบนบ่าของพี่ก็ได้ เมลมีพี่อยู่ตรงนี้เสมอนะ”



ผมที่ฟังคำพูดของคนตรงหน้าจบก็โผเข้ากอดคนตรงหน้าแน่นๆ เอาหน้าซบลงบนบ่าของทัพหน้าแล้วร้องไห้ออกมาแบบสุดจะทน



“ฮึก อึก ฮื่อออ เมล...เมลยังไม่ได้พูดอะไรกับก้าสักคำ ฮึก”



“คนเราทุกคนไม่มีใครรู้หรอกเมลว่าวันพรุ่งนี้กับชาติหน้า อันไหนมันจะมาถึงก่อนกัน”  ถ้อยคำที่ดังชัดๆอยู่ข้างหูพร้อมฝ่ามืออุ่นๆที่โอบกอดรอบลำตัวของผม กับอีกข้างที่ลูบไปตามผมของผมอย่างปลอบประโลม



“แต่การจากไปของก้า ก้าก็ยังทิ้งตัวแทนของเขาเอาไว้นะ ...เมล”



“ฮึก อึก...”



“เรามาช่วยกันดูแลอาทิตย์กับจันทร์ให้ดีที่สุดเพื่อพี่ก้ากันเถอะ”



“ฮึก...ท...ทัพ”



...



“ก็เป็นแบบที่เมลเห็นแหล่ะลูก เจ้าแฝดยังไม่รู้หรอกว่าพ่อกับแม่ตัวเองหายไปไหน ยังไม่เข้าใจอะไรมากนักหรอก จะเอาอะไรมากกับเด็กสองขวบ” 



แม่ของผมที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมๆกับหันไปมองเจ้าเด็กแฝดสองคนที่หน้าตาเหมือนกันยังกับแกะ แต่มีนิสัยแตกต่างกันนิดหน่อยตรงที่คนนึงจะพูดเก่ง แต่อีกคนจะเงียบๆหน่อย อาทิตย์กับพระจันทร์ ชื่อที่ถูกตั้งจากก้า ก้าเคยบอกว่าอยากให้ลูกของตัวเองรักกันและขาดกันไม่ได้ เหมือนพระอาทิตย์กับพระจันทร์ที่ต่อให้อยู่บนฟ้ากันคนละเวลา แต่ไม่มีวันไหนที่จะหายไปจากกันและกัน



“แม่”



“หื้ม...ทัพหน้าพูดกับเมล”



“หื้ม ว่าไงลูก”



“เราอยากดูแลเด็กสองคนนี้เอง” ผมที่ว่าออกไปแบบนั้น มองหน้าแม่ที่ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่จะยิ้มบางๆออกมา



“แล้วเมลจะไหวหรอลูก ดูแลเด็กที่ถือเป็นชีวิตๆนึง มันไม่ง่ายนะ...”



“แต่เมลอยากดูแลตัวแทนของก้า ดูแลให้ดีที่สุด ไม่ต่างจากที่ก้า เคยดูแลเมลมา”



จริงๆความคิดนี้ คนที่จุดประกายให้ผม ก็คือผู้ชายที่ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะคิดแบบนี้เลยด้วยซ้ำ ... ผมที่หันไปมองเจ้าสองแฝดที่นั่งเล่นอะไรกันอยู่สองคนกลางห้องนั่งเล่น และอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่นั่งอยู่ตรงนั้นท่ามกลางเด็กๆก็คือ ... ทัพหน้า



ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปสนิทกันตอนไหน พระอาทิตย์กับพระจัทร์ถึงได้ติดทัพหน้ามากขนาดนี้



.

.

.



“จันทร์ จันทร์อยู่ไหนออกมาน้า คุณย่าเรียกแล้วน้า”



“ไม่ออกๆ” 



เสียงใสๆที่ทำให้ผมที่เดินกลับมาที่โรงจอดรถเพราะลืมกล่องขนมเค้กต้องชะงัก  ผมที่หันมองไปรอบๆด้านนอกของบริเวณตัวบ้านไม่เห็นเจ้าของเสียงที่ตะโกนเรียกนั่น แต่ไม่ใกล้ไม่ไกล ตรงเสาร์ข้างๆโรงจอดรถนั่น มองเห็นขาสั้นๆที่พยายามแอบตัวเองอยู่ตรงนั้น เด็กผู้ชายตัวเล็กผิวขาวที่มีดวงตาคม เด็กตัวเล็กๆที่พยายามนั่งลงข้างๆกันเบียดตัวเองกับเสาร์ต้นนั้นเพื่อแอบ แต่แอบไม่มิด กูมองจากตรงนี้คือเห็นทั้งตัว ขาป้อมๆคนละข้างของทั้งพี่ทั้งน้องนั่นโผล่ออกมาเด่นมาก



“มาแอบทำอะไรกันอยู่ตรงนี้”



ผมที่เดินเข้าไปหา เด็กที่นั่งตัวกลมอยู่ตรงนั้นสะดุ้งตกใจเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าด้วยสายตานิ่งๆ  สายตาที่มองผมไม่เหมือนเด็กเล็กๆทั่วไป แต่กลับมองผมอย่างประเมินและสงสัยว่าผมคือใคร



“ว่าไง ผู้ใหญ่ถามทำไมไม่ตอบ มานั่งอะไรอยู่ตรงนี้ คุณย่าเรียกหาอยู่ไม่ใช่หรอ” จ้องมองเด็กตรงหน้าสายตานิ่งๆ



“แล้วนี่ชื่ออะไรกันบ้าง”



“จันทร์ชื่อพระจันทร์ จันทร์เป็นพี่อาทิตย์”   ว่าออกมาแบบนั้นแล้วสบตาผมแบบไม่สบสายตา



“แล้วเป็นอะไรไป ไม่อยากไปหาคุณย่ารึไง”  เด็กวัยสองขวบที่กล้าสบตาผมหลายนาที ก่อนที่สุดท้ายจะก้มหน้าลงไปเอาหัวชิดกับหัวเข่าของตัวเองแล้วส่ายหน้า



 “ไม่อยาก จันทร์ไม่อยากไป!”  ตะเบ็งเสียงว่าออกมาแบบนั้น ผมที่มองนิ่งๆอย่างสงสัย สุดท้ายก็เป็นผมที่ย่อตัวลงตรงหน้าเด็กคนนี้



“ทำไม”



“ย่าบอกว่าพ่อกลับแม่ไปอยู่บนนู้น จะไม่กลับมาอีกแล้ว” 



มองเห็นนิ้วสั้นๆที่กำเข้าหากันจนแน่น มองเห็นไหล่เล็กๆในเสื้อลายสไปร์เดอร์แมนนั่นสั่นเหมือนคนกำลังร้องไห้ แต่กลับไม่มีน้ำตาไหลลงมาสักแอะ เป็นเด็กผู้ชายที่เข้มแข็ง



“แต่ไม่จริงหรอก จันทร์ได้ยินคนงานพูด พ่อกลับแม่ไม่ได้ไปอยู่บนนู้น ... แต่พ่อกับแม่ตายแล้ว อึก...ย่าโกหก!” สายตาดื้อดึงที่เงยหน้ามองหน้าผมพร้อมทั้งตะคอกเสียงออกมาแบบนั้น น้ำตาใสที่เอ่อคลอไปรอบนัยตาคู่คม แต่เด็กตรงหน้าไม่ยอมให้มันไหลลงมาสักหยด



“อยากร้องไห้หรอ”



“ไม่! จันทร์ไม่ร้อง จันทร์เป็นพี่จันทร์จะไม่ร้อง จันทร์จะไม่ร้องให้อาทิตย์ต้องเสียใจไปด้วย”



ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมๆกับกำนิ้วเล็กๆนั่นเข้าหากันจนแน่นมากขึ้นไปอีก ผมมองจันทร์นิ่งๆ แล้วรู้สึกเหมือนเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในวัยเด็ก ‘เพราะเป็นพี่ต้องเข้มแข็ง เพื่อเป็นที่พึ่งให้น้องๆ จะร้องไห้ออกมาไม่ได้’ ... ความเจ็บปวดที่ยิ่งใหญ่ ในหัวใจของเด็กวัยนี้ที่ไม่มีความเข้าใจ แต่ก็ยังเลือกจะเข้มแข็งสุดหัวใจ ผมเอื้อมมือไปลูบหัวเล็กๆนั่น แล้วเด็กตรงหน้าก็เริ่มตัวสั่น ผมที่ดึงจันทร์เข้ามากอดเอาไว้แน่นๆแล้วให้เจ้าตัวเล็กนี่ซบลงตรงบ่า



“ฉันเคยพูดกับเมลเอาไว้ว่า เพราะอวัยวะที่สำคัญที่สุดของคนเราก็คือบ่า เรามีเอาไว้เพื่อให้ใครสักคนคอยซบในวันที่เราเสียใจ เพราะฉะนั้นวันนี้ ตอนนี้ไม่มีใครเห็น จันทร์ซบลงบนบ่าฉันได้ แล้วมันจะเป็นความลับของเราสองคนตลอดไป”



“ฮึก อึก ฮื่อออ แด๊ดดด ฮึก มัม ฮื่ออออ”  เสียงร้องสะอึกสะอื้นที่ดังระงมข้างๆหูของผมช่างบาดหัวใจ เด็กเล็กที่ต้องแบบรับความเจ็บปวดเรื่องนี้ไว้จะเข้าใจและทนรับไว้ได้ยังไงกัน



“อึก ฮึก...ไม่มีแล้วความสุขของจันทร์ ฮึก....ไม่เหลือครอบครัวของจันทร์กับทิตย์อีกแล้ว ฮื่อออ”  ผมที่ผละตัวออกมาแล้วเช็ดน้ำตาให้จันทร์เบาๆ มองจ้องหน้าเด็กตรงหน้านิ่งๆ



“ไม่จริงหรอก จันทร์กับอาทิตย์ยังเหลือความสุข ถ้าเธอสองคนเลือกจะรับมัน”



“แด๊ดกับมัมทิ้งจันทร์กับทิตย์ไปแล้ว ไม่มีแล้ว ฮึก”



“มาอยู่ด้วยกันไหม จันทร์กับทิตย์มาอยู่ด้วยกันกับฉันกับเมลไหม สัญญา...ว่าฉันจะเอาครอบครัวที่สมบูรณ์ของเธอกลับคืนมาให้ได้”   เด็กตรงหน้าที่มองผมแบบสงสัยทั้งๆที่น้ำตายังนองหน้า ผมถอนหายใจออกมาหนักๆแล้วลูบหัวเด็กตรงหน้า เรื่องราวมันคงยากเกินไปที่เด็กๆจะเข้าใจ



“ฮึก...จ...จะเจอหรอ”



“หื้ม?”



“จะเจอจริงๆรึเปล่า”



“ครอบครัวสมบูรณ์ที่ว่า”



“อื้ม ... ถ้ามาอยู่ด้วยกัน ฉันสัญญาว่าเธอจะเจอครอบครัวที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน”



ผมที่ยื่นนิ้วก้อยออกไปแล้วนิ้วเล็กๆก็ถูกยื่นออกมาช้าๆแล้วเกี่ยวตอบกับผมเอาไว้ สายตาคมที่เอ่อไปด้วยน้ำตาจ้องมองมาที่หน้าของผมด้วยความสงสัย แต่ก็ยังคงกล้าพอที่จะลอง



ตัวผมที่เคยแบกรับอะไรหลายๆอย่างมาตั้งแต่เด็กมากจนเกินไป เข้าใจดีกว่าใครว่ามันทรมารมากแค่ไหนกับเรื่องราวมากมายที่มันเกินอายุ ผมมองเห็นจันทร์ไม่ต่างจากมองเห็นตัวเองในวัยเด็ก ผมคิดว่า ถ้าย้อนกลับไปได้ผมในวัยสามขวบ ถ้าได้วิ่งเล่นและโยนเรื่องราวหนักๆลงไปจากหัวใจ ได้พบเจอครอบครัวที่อบอุ่นมากกว่าหน้าของครูภาษาอังกฤษเรื่องหนังสือเรียนบ้างก็คงดี และสิ่งที่ผมอยากทำในตอนนี้ ก็คือเลี้ยงดูเด็กทั้งสองคนตรงหน้าให้ได้เจอกับคำว่าครอบครัวที่สมบูรณ์และวัยเด็กที่ควรจะเป็น



“จันทร์ เจอจันทร์แล้ว! เอ๊ะ ทำอะไรกันน่ะ สัญญาอะไรกัน ทิตย์เกี่ยวก้อยด้วยดิ สวัสดีครับ ทิตย์ชื่ออาทิตย์เป็นน้องของพระจันทร์” 



เด็กร่างป้อมในเสื้อลายไอรอนแมนที่เดินเข้ามา หน้าตาเหมือนกับพระจันทร์ไม่ผิดเพี้ยน จะแตกต่างกันก็ตรงท่าทางที่ดูสดใสพร้อมดวงตาคมที่เป็นประกายร่าเริง ต่างจากพระจันทร์ที่ดูนิ่งๆมากกว่า



“เกี่ยวก้อยทำสัญญา”



“สัญญาอะไรกันครับ ทิตย์เกี่ยวด้วย” อาทิตย์เงยหน้ามองหน้าผมพร้อมเอียงคอสงสัย ผมที่ยกยิ้มมุมปากออกมาน้อยๆแล้วยื่นมือไปลูบผมอาทิตย์เบาๆ



“สัญญาว่าจะเอาครอบครัวที่สมบูรณ์กลับคืนมาให้พวกเราสองคนให้ได้ มาเป็นครอบครัวเดียวกันนะ พระจันทร์ พระอาทิตย์ มาเป็นครอบครัวของฉันกับเมล”



ผมที่ว่าออกไปแบบนั้น มองหน้าอาทิตย์ที่เงยหน้ามองหน้าผมอย่างช่างใจ ก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะหันหน้าไปมองหน้าพี่ชายที่ยังคงเกี่ยวก้อยอยู่กับที่นิ้วของผม



“ทิตย์เชื่อจันทร์ ถ้าจันทร์สัญญา ทิตย์ก็สัญญาครับ มาๆ มาสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์กันน้า!”  อาทิตย์ที่ว่าออกมาแบบนั้นด้วยน้ำเสียงร่าเริง แล้วยื่นนิ้วก้อยออกมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยที่มืออีกข้างของผม



ผมไม่แน่ใจว่าพระอาทิตย์จะเจ้าใจในสิ่งที่ตัวเองพูดออกมาหรือเปล่า แต่หลังจากที่นิ้วก้อยเล็กๆของทั้งสองคนที่ถูกยื่นเข้ามาเกี่ยวกับนิ้วก้อยทั้งสองข้างของผม ตั้งแต่ตอนนั้นผมก็สัญญาในใจกับตัวเองเอาไว้แล้วว่า ผมจะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ของผมให้กับอาทิตย์ พระจันทร์ และอีกหนึ่งคนสำคัญของผม...คาราเมล ให้ได้เลย



-------------


สวัสดีจ้าาา แคทมาแล้วจ้าา เห้ยย๊ะ!! :mew1:

เนื้อเรื่องดำเนินมาจนถึงโค้งสุดท้ายแบบสุดๆ เหลืออีก1ตอนจบเท่านั้นเองนะคะทุกคน ขอบคุณคนอ่านเสมอที่อยู่กับแคทมาในทุกช่วงที่เขียนเรื่องนี้มา ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกคนชม ที่บางทีแคทอ่านก็ได้แต่คิดในใจว่า จริงๆแคทเขียนดีจริงๆหรือคนอ่านชมๆให้ชื่นใจไปแบบนั้นว้า คือไม่เคยคิดว่าจะได้คำชมเชยดีๆมากขนาดนี้มาก่อนจริงๆค่ะ บางทีก็คิดว่าความสามารถของตัวเองไม่ถึงขนาดที่คนอ่านว่าสักหน่อย แต่แคทขอบคุณจริงๆ ขอบคุณคนอ่านทุกๆคนที่เป็นแรงผลัก และคอยซัพพอร์ตให้กำลังใจนิยายเรื่องนี้มาเสมอ ... อ่านกันมาถึงตรงนี้ ถ้าใครรักพระเอกของเรามากขึ้นก็คงจะดี และแคทเป็นคนนึงที่คิดว่า พี่ทัพแม่งเจ๋งวะ อิอ๊ะ >////< ส่วนน้องเมล รักน้องงงง ขอให้น้องเจอเรื่องราวดีๆสักที เย้!  :hao3: :mew1:


*ขออนุญาตแก้ไขเนื้อหาเล็กน้อยค่ะ*
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2019 16:27:59 โดย Yoghurt »

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
ทำร้ายจิตใจกันเลย แงงงงงงงง

ออฟไลน์ ursleepingxd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พลิกล็อคกันน่าดู ถล่มทลายยย  o22

พี่ทัพเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยยย อมก

พี่ก้าาาาา ; w ;

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 o22 พี่ก้า..... สงสารนุ้งเมลเลย
ดีนะว่าคืนดีกับพี่ทัพเเล้ว 

สำหรับเรา เราว่าผู้แต่ง แต่งได้ดีจ้า สู้ๆ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด