ตัวสำรอง - บทที่ 23 ขอบใจนายมาก
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ตัวสำรอง - บทที่ 23 ขอบใจนายมาก  (อ่าน 10332 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
มาให้หายคิดถึงหรือมาให้คิดถึงมะลิมากกว่าเดิมนิ ฮือๆอยากอ่านอีก :monkeysad:

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7

ออฟไลน์ lovenut

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ InDefinition

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
บทที่ 15 แข่งกับเวลา


เสร็จสิ้นงานกีฬาประจำปีของโรงเรียนไปเพียงชั่วข้ามคืน ชมรมกรีฑาก็กลับมาฝึกซ้อมอีกครั้ง ไม่ยอมปล่อยให้สนามหญ้านั้นโล่งร้างไร้ผู้คนไปได้แม้แต่วันเดียว และนอกจากสมาชิกชมรมกรีฑา วันนี้เพื่อนร่วมสถาบันเดียวกันต่างรายล้อมอยู่ทั่วสนาม แม้ไม่ได้พลุกพล่านเหมือนกับเมื่อวาน แต่ก็มากพอให้สนามเล็กลงถนัดตา หลายคณะสีกำลังเก็บเศษซากความทรงจำที่หลงเหลืออยู่จากวันกีฬา รุ่นน้องรุ่นพี่มากหน้าหลายตาช่วยกันเก็บข้าวของ อยู่รอบนอกเขตลู่วิ่งที่ยังหลงเหลือร่องรอยให้นักกรีฑาทั้งสามคนได้ใช้งาน


การวิ่งนับรอบแบบไม่จับเวลาหลังอบอุ่นร่างกายเข้าสู่รอบสุดท้าย มะลิ ใจกล้า และเสมอ ต่างอยู่ในลำดับไล่เลี่ยกันมาอย่างไม่รีบร้อน เท้าทั้งสามคู่กำลังรักษาระดับการก้าวย่างอย่างมั่นคง ก่อนมาหยุดลงบริเวณมุมหนึ่งของสนาม ยืนเรียงกันด้านหน้าที่ปรึกษาชมรมอย่างกฤษที่กำลังสังเกตสภาพหลังวิ่งของนักกีฬาทั้งสาม เหงื่อค่อยๆ ไหลชุ่มกาย ขับความร้อนจากภายในและปรับสมดุลของนักกีฬา การเดินไปมาในระยะสั้นๆ ช่วยให้พวกเขาคลายความตึงเกร็งของร่างกายจากการวิ่งที่ใช้กำลังและเหนี่ยวรั้งบางส่วนของกล้ามเนื้อในบางช่วง

“เอาล่ะเดี๋ยวจะแจงรายการฝึกซ้อมของแต่ละคนให้ทราบ วันนี้จะแยกฝึกซ้อมตามประเภทและระยะที่แต่ละคนถนัด”

“ครับ” ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ สำหรับนักกีฬาทั้งสาม

การฝึกซ้อมของชมรมกรีฑาหลังจากการแข่งขันกระชับมิตรระหว่างโรงเรียนเล็กๆ แห่งนี้กับโรงเรียนกีฬาที่มีชื่อเสียงในตัวเมือง กฤษให้นักกีฬาของตนเปลี่ยนระยะการวิ่งที่แต่ละคนทำได้ดีที่สุด เริ่มต้นที่มะลิ ซึ่งขยับระยะมาที่ 3,000 เมตร  มากกว่าเดิมเท่าตัวหนึ่ง เพราะกฤษมองว่าศักยภาพของเด็กคนนี้ยังสามารถพัฒนาได้อีกไกล การฝังไว้ที่ 1,500 เมตร อาจไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก

อีกทั้งความอึดของคนตัวเล็กก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผลักดันกฤษให้เพิ่มระยะการวิ่งของมะลิขึ้น ส่วนสองคนที่เหลือยังฝึกซ้อมร่วมกันอยู่ในระยะสั้นและระยะกลาง เพราะทำเวลาในสองช่วงนี้ได้ค่อนข้างดี แต่ความอึดเมื่อเทียบกับมะลิแล้วยังต้องพัฒนาอีกมาก กฤษจึงต้องดูผลการฝึกไปอีกพักหนึ่งก่อนตัดสินใจ หรือแม้แต่การถามความสมัครใจของนักกีฬาร่วมด้วยว่าอยากวิ่งในระยะใดที่สุด หากไม่ขัดกับการพัฒนาหรือผลสัมฤทธิ์ที่ออกมา กฤษก็ย่อมอนุญาตให้พวกเขาทำตามต้องการได้ กรณีนี้เคยใช้กับมะลิเช่นกัน

“งั้นเริ่มจากมะลิ วิ่งจับเวลานับรอบ”

“จับเวลานับรอบ” มะลิถามออกไปอย่างสงสัย ตามปกติเขาจะวิ่งตามรอบที่กำหนด จากนั้นกลับมาดูเวลาที่ดีที่สุดในแต่ละครั้ง เป็นแบบนี้เสมอ


“ใช่ จับเวลานับรอบ หมายความว่าครูจะกำหนดเวลาให้ เช่น 15 นาที 10 นาที จากนั้นให้เธอวิ่งบริหารรอบที่ต้องการจะทำในช่วงเวลาดังกล่าว” กฤษอธิบายเสริม

“พอจะเข้าใจแล้วครับ งั้นแสดงว่าต้องเปลี่ยนจากการบริหารแรงเพื่อให้ครบรอบ มาบริหารรอบเพื่อให้ครบเวลาใช่ไหมครับ” มะลิลองทำความเข้าใจตามที่ตนประมวลผลออกมา 

“ถูกต้อง เหตุที่ทำแบบนี้ก็เพราะเรามีข้อจำกัดด้านสมาชิก จึงไม่มีใครเป็นคู่แข่งกับเธอตอนฝึก ครูเลยคิดโปรแกรมที่คล้ายกับการบังคับให้นักวิ่งแข่งกับตัวเอง” เป็นเช่นนั้น เพราะลำพังเวลาฝึกซ้อมและข้อจำกัดด้านต่างๆ ของโรงเรียนและชมรมกรีฑาแห่งนี้ ไม่อาจขยายพัฒนาการและขีดความสามารถของนักกีฬาได้อย่างเต็มที่หากยังใช้วิธีฝึกซ้อมตามปกติ โดยเฉพาะการวิ่งระยะไกลของมะลิ แทบไม่มีคู่ซ้อมให้เลย และคงไม่สามารถยืมตัวอีกสองคนที่เหลือมาร่วมด้วยได้ เพราะหากเป็นเช่นนั้นทั้งสองคนก็จะไม่มีเวลาให้กับการฝึกซ้อมของตัวเอง

รูปแบบที่เขาคิดจึงเป็นการปล่อยให้นักกีฬาวิ่งออกไปอย่างมีข้อจำกัดด้านเวลา ซึ่งจะค่อยๆ ร่นลงทีละนิด นักกีฬาจึงต้องจัดสรรเอาเองว่าแต่ละนาทีเขาควรวิ่งให้ได้กี่รอบเป็นอย่างน้อย ซึ่งการบริหารเวลาและกำลังกายของตนจะส่งผลกระทบต่อรอบที่ได้จากการวิ่งในแต่ละครั้ง เป็นสิ่งที่นักกีฬาจะรับรู้ได้ขณะฝึก โดยกฤษนำนาฬิกาดิจิตอลเรือนโตมาติดไว้ในบริเวณที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ‘เวลา’ จะเป็นตัวบีบคั้นให้นักกีฬารู้ถึงแรงกดดัน เสมือนการแข่งกับเวลาที่ค่อยๆ ร่นลง หรืออาจมองว่ามันกำลังไล่ตามอยู่ก็ได้ หากจินตนาการว่ามีนักวิ่งชื่อ‘เวลา’ กำลังขนาบข้างอยู่ในลู่ถัดไปตลอดเวลาอย่างนั้น ซึ่งคงโหดกว่าการแข่งกับคู่แข่งจริงๆ เสียอีก

“ครับ” มะลิตอบรับ เขาพร้อมสำหรับการฝึกของวันนี้แล้ว รอเพียงคำสั่งจากอาจารย์ที่ปรึกษา

“งั้นครั้งแรกครูกำหนดให้ 12 นาที บริหารเองว่าเวลาเท่านี้ควรทำได้กี่รอบ” สิ้นเสียงบอกกล่าว มะลิก็พุ่งตัวออกไปยังสนามอีกครั้ง ก้าวย่างออกอย่างมั่นคงและหนักแน่น ไม่เร่งรีบเหมือนระยะสั้นหรือเร็วเกินกว่าระยะกลาง แต่กำลังใช้แรงกายตามมาตรฐานของตนสำหรับวิ่งระยะนี้ แม้วิธีการจะเปลี่ยนไปแต่เขาคิดว่าการวิ่งตามปกติน่าจะได้ผลไม่ต่างกัน

“ต่อไปเสมอกับใจกล้า ชั่วโมงแรกครูจะให้สองคนแข่งเวลาและความเร็วกันก่อน ค่อยๆ เพิ่มระยะไปเรื่อยๆ จนสุดระยะกลาง”

“ครับ”

“เริ่มจาก 100 เมตร เอาล่ะไปเตรียมตัวได้” นักกีฬาทั้งสองเข้าประจำลู่วิ่งริมสุดจากด้านนอก เพื่อไม่ไปรบกวนการเก็บรอบของนักวิ่งระยะไกลอย่างมะลิ

ปี๊ด! เสียงสัญญาณออกตัวตามแบบฉบับโรงเรียนห่างไกล ไม่ได้ใกล้เคียงกับมาตรฐานสากลของโรงเรียนดังที่เคยไปแข่งขันแม้แต่น้อย แต่ก็เพียงพอสำหรับการฝึกฝนที่วัดผลสัมฤทธิ์มากกว่าแข่งกันเรื่องเทคโนโลยี

นักกีฬาทั้งคู่ไม่ได้เก็บออมแรงกายไว้แม้แต่นิดเดียว ทุ่มสุดตัวตั้งแต่เริ่มต้น เพราะไม่ใช่การวิ่งระยะกลางหรือระยะไกลที่ต้องห่วงเรื่องกำลังกายและระยะทาง แต่สำหรับการวิ่ง 100 เมตร ผู้ออกตัวได้ก่อนหลังเสียงสัญญาณ คือผู้ที่เข้าใกล้สู่ชัยชนะอย่างน้อยก็มากกว่าคู่แข่งครึ่งก้าว หากไม่มีอะไรผิดพลาด ซึ่งคราวนี้ดูเหมือนจะเป็นไปตามแนวคิดนั้น ใจกล้าที่ออกตัวได้ก่อนทิ้งห่างเสมอประมาณหนึ่งช่วงขา วิ่งเข้าเส้นชัยไปอย่างรวดเร็ว

“12.40 กับ 13.05 ไม่ได้ดีจนต้องชม พวกเธอคงเข้าใจ” คำกล่าวคล้ายจะไร้เยื่อใย ไม่มีแม้กระทั่งการปลอบโยน แต่หากเป็นการแข่งขันจริง คงไม่มีใครเอาเวลาอันมีค่าของพวกเขามาปลอบโยนผู้พ่ายแพ้ให้เสียเวลา เพราะจะมีเพียงเสียงแห่งความยินดีที่ถูกส่งไปยังผู้ชนะเท่านั้น ฉะนั้น การฝึกซ้อมทุกครั้ง นักกีฬามีหน้าที่ทำผลงานให้ออกมาดีที่สุด ส่วนผู้ฝึกสอนก็มีหน้าที่ปรับแก้จุดด้อยและเสริมจุดแข็งของนักกีฬา คำปลอบโยน การปลอบใจ ไม่ใช่ภาระหลักหรือสิ่งจำเป็นในขณะนี้

“ครับ” สองคนตอบรับอย่างเข้าใจในความหมาย เพราะหากยังไม่เข้าไปแตะเลข 11 ได้ แสดงว่าพวกเขาก็ยังห่างชั้นจากคู่แข่งอยู่มาก และแม้จะถึง 11 วินาทีแล้วก็ตาม ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับเวทีระดับประเทศ ด้วยสถิติเยาวชนแห่งชาติประเภทชายเดี่ยวของระยะนี้ ผู้ครอบครองบัลลังก์ของการวิ่งประเภทลู่ระยะ 100 เมตร ดีที่สุดทำไว้ที่ 10.47 วินาที ซึ่งจะค่อยๆ ถูกทำลายและล้มลงจากผู้แข็งแกร่งที่เข้ามาประชันฝีเท้าจากทั่วประเทศ ที่ยังไม่นับรวมสถิติโลก

“ครูขอดูการวิ่ง 100 เมตรอีกครั้ง”

“ครับ”

การแข่งระหว่างใจกล้าและเสมอยังคงดำเนินต่อไป เป็นบททดสอบเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง เป็นส่วนสำคัญสำหรับพวกเขา ทั้งในฐานะเพื่อนร่วมทีมเดียวและคู่แข่ง พวกเขาทั้งสองต้องมุ่งไปยังเป้าหมายที่สูงยิ่งขึ้น เพื่อนำไปชิงชัยกับผู้ที่เหนือกว่าจากทั่วจังหวัดและทั่วทั้งประเทศ
 
นอกจากการแข่งขันของเพื่อนร่วมทีมทั้งสอง อีกด้านหนึ่งก็กำลังมีการแข่งที่ดำเนินไปอย่างดุเดือด ระหว่างผู้เข้าแข่งขันเพียงคนเดียว เป็นการขับเคี่ยวระหว่างนักกีฬากับเวลาที่ค่อยๆ ร่นลง มะลิไม่คิดว่าการวิ่งตามปกติเหมือนเช่นเคย เพียงแค่โจทย์ที่เปลี่ยนไปจะทำให้เขาเหนื่อยอ่อนขนาดนี้ เวลา 12 นาที ที่ได้รับ หากเป็นการวิ่งปกติ อย่างน้อยเขาควรทำได้ประมาณ 3,500 - 4,000 เมตร เป็นมาตรฐาน แต่ขณะนี้เหลือเวลา 4 นาทีเศษ มะลิยังวนเวียนอยู่ใน 1,000 เมตร แรกไม่พ้นเสียที ขาที่วิ่งไม่ได้ดั่งใจเพราะมัวแต่พะวงกับตัวเลขข้างสนามจนไม่สามารถรักษาความเร็วตามมาตรฐานของตนไว้ได้ หรืออาจเป็นเพราะเขาที่คิดจะเอาชนะเวลาซึ่งวิ่งอยู่นั้น จนรวนเรกับการควบคุมเรี่ยวแรงของตนให้คงที่ มะลิมัวแต่โหมกำลัง พยายามเพิ่มแรงเข้าไปหมายจะเพิ่มรอบในการวิ่ง ผลที่ได้กลับมาก็คือความอ่อนล้าจากการหักโหมซึ่งไม่เข้าท่านัก ขณะนี้เขาไม่สามารถบริหารเรี่ยวแรงที่มีอยู่ให้เหมาะสมกับระยะที่ควรจะได้รับ

“เป็นไงบ้าง แข่งกับเวลาไม่ง่ายเลยใช่ไหม” กฤษเอ่ยขึ้น เมื่อลูกศิษย์ตัวเล็กของตนกลับมาจากการฝึกซ้อม สภาพของมะลินั้นย่ำแย่กว่าการวิ่งปกติที่เจ้าตัวเคยทำตลอดมา มะลิที่วิ่งได้อย่างง่ายดายในสนามที่เต็มไปด้วยคู่แข่งตัวสูง แม้จะทำได้ขนาดนั้นแล้ว แต่เวลาที่ได้จากการฝึกซ้อมแบบเดิมนั้น กฤษมองว่ายังด้อยไปเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งอย่างคมสันหรือนักวิ่งคนอื่นในระดับประเทศ แม้จะอยู่ในขั้นที่เรียกว่าแตะระดับประเทศได้ในบางรอบที่วิ่งออกไป แต่อย่าลืมว่าคู่แข่งข้างนอกก็กำลังพัฒนาศักยภาพของตนไปอย่างยากจะหยุดยั้ง โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีวิทยาการและเครื่องมือทันสมัยเพรียบพร้อม ยิ่งไม่อาจคาดเดาผลสัมฤทธิ์ที่ออกมา สำคัญกว่านั้นคือสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นรองของพวกเขา จำต้องระลึกอยู่เสมอว่าไม่ควรหลงระเริงกับตัวเลขสวยหรูที่ทำได้เป็นครั้งคราว

“ครับ ผมมัวแต่ห่วงเรื่องเวลาจนออกมาแย่แบบนี้” มะลิยอมรับสภาพที่เป็นอยู่ เขารู้ดีว่ากับดักเวลาเป็นอะไรที่เลวร้ายกว่าคู่แข่งในสนามไปไหนๆ ความต้องการที่จะเอาชนะซึ่งมีมากเท่าไหร่ก็จะกลับมาเล่นงานนักวิ่งเป็นทบทวี

“แสดงว่าเธอรู้ข้อบกพร่องของตัวเองดี สิ่งที่เธอต้องทำในขณะนี้คือจัดการกับความว้าวุ่นภายในใจที่ มาทำลายฟอร์มการวิ่งออกให้หมด และอย่างลืมบริหารกำลังให้สอดคล้องกับเวลา ค่อยๆ ปรับตัว อย่าโหมหรือมุ่งเอาชนะ”กฤษไล่เรียงปัญหาและคอยชี้แนะนักวิ่งตัวเล็กอย่างใจเย็น สำหรับครั้งแรกที่ได้ลองการวิ่งแบบนี้ก็ถือว่าไม่เหนือความคาดหมาย มะลิไม่ใช่นักกีฬามากพรสวรรค์ ไม่มีใครบันดาลพรวิเศษให้ เด็กคนนี้ก็แค่นักวิ่งซึ่งขวนขวายด้วยตัวเอง เป็นนักกีฬาพรแสวงซึ่งถูกยอมรับจากคู่แข่งที่เคยลงสนามด้วย รวมถึงเขาในฐานะที่ปรึกษาชมรมกรีฑา ก็ถูกดึงดูดให้วิ่งไปพร้อมกับคนตัวเล็กอย่างไม่รู้ตัว







#อ่านตอนพิเศษได้ที่
(1) www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b9247b5e3ef4900101120e2
(2) https://www.readawrite.com/a/befadb43ba9c2c20826468f72f3ed7b2
(3) http://www.tunwalai.com/story/251592/ตัวสำรอง

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามข้อมูลข่าวสารและข่าวพูดคุยกันได้ที่   facebook.com/inDefinitionStory
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2018 19:52:10 โดย InDefinition »

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 อ่านไปก็ลุ้นไปว่าเมื่อไหร่มะลิจะได้เจอกับคมสันอีก สู้ ๆ นะชมรมกรีฑา

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
หนทางชนะนี้อีกยาวไกล ขอชมอ.กฤษที่คิดวิธีซ้อมแบบจับเวลานับรอบนี้ มันเป็นวิธีที่ดีมาก ต้องบริหารทั้งเวลาและรอบ ทำให้รู้สึกกดดันและเขว่ไป ดังนั้นถ้าผ่านมันไปจึงช่วยให้เราบริหารความกดดันได้อีกยิ่งขึ้น รู้ถึงปัญหา ไม่มีใครเป็นคู่ซ้อมก็ต้องซ้อมกับตัวเองอะนะ การซ้อมต่อไปคงราบรื่นแต่ก็คงต้องซ้อมเยอะหน่อย แต่เชื่อว่ามะลิ ใจกล้า เสมอต้องทำได้ในที่สุด รอวัน และรอการแข่งอีกครั้ง เจอกันนะคมสัน มะลิ ไม่ได้กล่าว 5555555 รอตอนต่อไปเลยค่ะ สนุกมากก ชอบจริง เอาใจช่วยสามเกลอ

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
มะลิคนแกร่งทำได้อยู่ความมานะเกินร้อยสู้ต่อไปเอาใจช่วยอยู่ ตามกับใจกล้าก็สู้ๆนะ :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ตามลุ้นเด็กๆ ค่อยๆ เติบโตไปทีละนิด

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่าวัยรุ่นนี่ดีจังเลยน้าาาาา
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกแก่มากๆเลย5555555555555

ออฟไลน์ lovenut

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
รออยู่นะ  :katai5:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ InDefinition

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
 :ling1:
บทที่ 16 - ก้าวต่อไป


“แสดงว่าเธอรู้ข้อบกพร่องของตัวเองดี สิ่งที่เธอต้องทำในขณะนี้คือจัดการกับความว้าวุ่นภายในใจที่ มาทำลายฟอร์มการวิ่งออกให้หมด และอย่างลืมบริหารกำลังให้สอดคล้องกับเวลา ค่อยๆ ปรับตัว อย่าโหมหรือมุ่งเอาชนะ” กฤษไล่เรียงปัญหาและคอยชี้แนะนักวิ่งตัวเล็กอย่างใจเย็น สำหรับครั้งแรกที่ได้ลองการวิ่งแบบนี้ก็ถือว่าไม่เหนือความคาดหมาย มะลิไม่ใช่นักกีฬามากพรสวรรค์ ไม่มีใครบันดาลพรวิเศษให้ เด็กคนนี้ก็แค่นักวิ่งซึ่งขวนขวายด้วยตัวเอง เป็นนักกีฬาพรแสวงซึ่งถูกยอมรับจากคู่แข่งที่เคยลงสนามด้วย รวมถึงเขาในฐานะที่ปรึกษาชมรมกรีฑา ก็ถูกดึงดูดให้วิ่งไปพร้อมกับคนตัวเล็กอย่างไม่รู้ตัว 

“ครับ”

“งั้นรอบหน้าครูขอร่นเวลาเหลือ 10 นาที แต่ตอนนี้เข้าไปพัก 5 นาที แล้วค่อยกลับมา” กฤษมองลูกศิษย์ตัวน้อยที่เจอศึกหนักอย่างไม่คาดคิด กระนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะหม่นหมองหรือถอดใจไปเลยสักนิด กลับยิ่งฮึดสู้และท้าทายความแปลกใหม่ กฤษชื่นชมความพยายามของมะลิจากใจของเขาเลย แม้ไม่อาจเอ่ยออกมาให้เจ้าตัวได้ยินก็ตาม

เมื่อมะลิกลับเข้าไปพักตามคำแนะนำ กฤษจึงหันมาให้ความสนใจอีกสองคนที่เหลือ ซึ่งกลับมาจากช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนที่ได้รับไปเมื่อครู่ เด็กทั้งสองยืนอยู่เบื้องหน้าเขาตรงเวลาตามที่กำหนดไว้ ไม่ขาดไม่เกิน ทั้งคู่หน้าตาสดชื่นขึ้น กับเรี่ยวแรงที่คล้ายจะฟื้นคืน หรืออย่างน้อยก็น่าจะมาสักส่วนสองส่วน สำหรับใช้ในการฝึกซ้อมอีกสองชั่วโมงที่เหลือ

“ขอดูเวลาในระยะ 400 เมตรอีกครั้ง พร้อมแล้วไปประจำที่ได้” ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลาเปล่า กฤษออกปากเริ่มการฝึกในทันที

ปี๊ด! สิ้นเสียง แรงถีบจากเท้าสู่พื้นบนลู่วิ่ง ไร้ซึ่งที่ยันเท้า นำร่างทั้งสองพุ่งทะยานออกมาจากตำแหน่งเริ่มต้น ระดับความเร็วจากจุดสูงสุดขณะออกตัวค่อยๆ ลดลง ก่อนเปลี่ยนมารักษาระดับความเร็วให้คงที่ไประยะหนึ่ง เนื่องด้วยความยาวของการวิ่งที่เพิ่มขึ้นจากเศษหนึ่งส่วนสี่ ไต่ระดับมาเรื่อยๆ จนถึงหนึ่งรอบสนามในขณะนี้ นักวิ่งจำต้องรักษาแรงในแต่ละช่วงสนามให้พอเหมาะพอควรกับศักยภาพของตน ไม่เช่นนั้นอาจเกิดกรณีหมดแรงเร่งเพื่อต่อกรกับคู่แข่งในช่วงท้าย แม้ระยะจะไม่มากเท่าการวิ่งของมะลิ ไม่ถึงขั้นต้องเก็บแรงนานเป็นรอบสนาม แต่ก็สร้างภาระให้นักกีฬาไม่แพ้กัน เพราะต้องแบ่งสันปันส่วนเรี่ยวแรงให้ได้อย่างรวดเร็วในเวลาที่จำกัดและในสถานการณ์ที่คู่แข่งจะทิ้งห่างไปได้ทุกเมื่อ มีเพียงอึดใจไว้สำหรับการตัดสินแพ้ชนะ

ผลการแข่งขันยังออกมาในรูปเดิม ผู้ชนะยังครองตำแหน่งต่อไป นั่นคือใจกล้าสามารถช่วงชิงมาจากได้อีกครั้ง แต่ใช่ว่าเสมอจะยอมรับความพ่ายแพ้ตลอดไป เพราะเวลาที่ค่อยๆ ขยับร่นลงมาเรื่อยๆ จากหลายวินาที เริ่มเหลือเพียงไม่กี่วินาที และลดลงจนไม่ถึงเสี้ยววินาที

“ขออีกรอบครับขอ 400 เมตรอีกรอบ” เป็นเสมอที่ร้องขอออกมาอย่างเกินความคาดหมายของกฤษ ความพ่ายแพ้ที่ได้รับไม่ได้บั่นทอนกำลังใจเด็กคนนี้เลยแม้แต่น้อย

“ใจกล้าล่ะว่าไง” เขาหันกลับไปถามคู่แข่งของเสมอ เพราะในตารางพวกเขาต้องขยับไปที่ระยะ 800 เมตรแล้ว การเสียเวลาให้ความทะเยอทะยานแม้ในมุมของกฤษจะไม่สูญเปล่า กระนั้นก็ต้องรับความเห็นจากอีกฝ่ายร่วมด้วย เขาที่ทำหน้าที่โค้ชอยู่ข้างสนามพร้อมสละเวลาที่มีให้กับลูกศิษย์เต็มที่ ขึ้นอยู่กับว่าพวกเด็กๆ เองจะแบ่งใจกลับมาเท่าไหร่แค่นั้น

“ไม่มีปัญหาครับ” เมื่อใจกล้าตอบกลับมาเช่นนั้น ก็ไม่มีเหตุผลใดที่กฤษจะห้ามปรามความต้องการที่เป็นผลดีกับตัวนักกีฬา จึงเริ่มระยะนี้อีกครั้งในทันที

“ตกลง งั้นไปเตรียมพร้อมที่สนามได้”

นักกีฬาทั้งคู่พุ่งออกจากจุดเริ่มต้นดังเดิม ด้วยระยะหนึ่งรอบสนามที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป ทั้งเสมอและใจกล้าต่างรักษาระดับความเร็ว ก่อนถึงช่วงสุดท้ายที่ทั้งคู่พากันงัดเอาเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีแปรเปลี่ยนเป็นความเร็ว เพื่อมุ่งสู่เส้นชัยอย่างไม่มีใครยอมใคร และแล้วเขาก็ทำได้ เสมอเข้าเส้นชัยเป็นคนแรก ทิ้งห่างใจกล้าไปเสี้ยววินาที ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ ความปรารถนาที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเอง สุดท้ายความพยายามนั้นก็สำเร็จผล

เป็นชัยชนะแรกในรอบหลายวันที่ฝึกซ้อมร่วมกันมา แม้เขาจะเป็นอดีตนักกีฬา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องความเร็วเสมอจะเอาชนะคนที่มุ่งมั่นในเรื่องนี้มาตลอดอย่างสองคนที่เหลือได้ แน่นอนว่าเขาต้องพยายามมากกว่าคนอื่นๆ ถึงสองเท่า เพื่อปรับตัวเองให้คุ้นชินและค่อยๆ ก้าวขึ้นไปสู่การเป็นนักวิ่งอย่างเต็มตัว นี่ไม่ใช่ชัยชนะที่เสมอต้องเชิดชู แต่เป็นก้าวเล็กๆ ที่สำคัญสำหรับเขาเช่นกัน



เวลาพักของมะลิหมดลงอย่างรวดเร็ว เจ้าตัวออกวิ่งอีกครั้งด้วยเวลาที่ร่นลงไป ครั้งนี้มะลิพยายามตั้งสมาธิกับการรักษาสมดุลของร่างกายและการวิ่งให้คงที่ เพียงแต่เร่งความเร็วเพิ่มขึ้นกว่าที่เคยทำไว้ เมื่อต้องวิ่งระยะไกล แม้จะเป็นการเพิ่มภาระให้กับขาทั้งสองและเรี่ยวแรงโดยรวมของร่างกาย แต่ก็เป็นการท้าทายที่น่าจะมอบอะไรแก่เขาหากได้ลองพยายาม และในครั้งนี้มะลิตั้งเป้าหมายไว้ที่ 8 รอบสนามเป็นอย่างน้อย ซึ่งถือว่าเป็นงานหนักพอสมควรสำหรับเวลาที่จำกัดเพียง 10 นาที

เป็นอีกเหตุผลที่เขาเลือกจะเพิ่มความเร็วและเพิ่มจำนวนก้าวให้มากกว่ามาตรฐานที่เคยทำไว้กับการวิ่งระยะนี้ ในมุมมองของมะลิหากไม่ทำเช่นนี้ เขาก็คงต้องย่ำอยู่กับที่ไปตลอด ไม่สามารถพัฒนาหรือก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปได้ หรือแม้กระทั่งการเอาชนะคู่แข่งอย่างคมสัน คงจะยิ่งไกลห่าง หากเขายังไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง แล้วลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ และท้าทายกับมันด้วยความมานะ ครั้งนี้เขาพยายามจะไม่หันมองเวลาข้างสนาม เพ่งสมาธิไว้ที่การวิ่งและรักษาความเร็วเท่านั้น

มะลิเข้าสู่รอบที่สี่ เหงื่อไหลท่วมกายเป็นสัญญาณว่าเขาได้ใช้เรี่ยวแรงที่มีไปเกินครึ่งแล้ว ความอ่อนล้าย่างกรายเข้ามาทักทาย พร้อมแย่งยื้อสูบแรงกายของเขาไปเรื่อยๆ จากการที่มะลิเพิ่มภาระให้กับขาทั้งสองข้าง ซึ่งต้องออกแรงเพื่อออกตัวไปข้างหน้าได้เร็วกว่าปกติ เมื่อเข้าสู่รอบที่ห้ายิ่งเป็นการตอกย้ำความสาหัสของการฝึกซ้อมในรอบนี้ ร่างกายเริ่มร้องเตือนว่าใกล้ถึงขีดจำกัด ทว่า มะลิกลับฝืนทนข่มความเหนื่อยล้าและความทรมาน เลือกที่จะก้าวต่อไปโดยไม่ลดความเร็วแม้แต่น้อย

ช่วงขาที่สม่ำเสมอหากมองจากข้างสนามจะเป็นรูปแบบการวิ่งที่พร้อมเพรียง สวยงาม ไม่มีก้าวที่เสียเปล่า ไม่มีจังหวะที่แปลกแยก ทั้งหมดออกมาอย่างสมบูรณ์และลงตัว แต่ในความเป็นจริง ผู้กระทำท่วงท่าที่น่าชื่นชมนั้น กำลังทุกข์ทรมานกับทุกขณะที่ก้าวย่าง เท้าทั้งสองร้องเตือนเมื่อเขากดแรงลงบนพื้นแข็งกระด้าง ความเจ็บปวดถูกส่งขึ้นไปทั่วร่าง ไม่ได้บาดเจ็บ เพียงแต่กำลังรับภาระที่มากเกินจะรับไหว และแล้วรอบที่เจ็ดก็มาถึง เหงื่อไหลย้อยโทรมกายจนเสื้อแขนสั้นที่สวมอยู่เปียกชุ่มไปทั้งตัว หยดน้ำกระเซ็นทุกก้าวที่ร่างสั่นไหว มะลิยังฝืนเรียกความเร็วขึ้นไปอีกเมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายที่ตั้งเป้าหมายไว้

รอบที่แปดเริ่มขึ้นด้วยการเพิ่มแรงเข้าไปอีกเท่าตัว มะลิมองดูเวลาที่เหลืออยู่เพียง 50 วินาที กับอีกประมาณ 300 เมตร ที่ยังเหลืออยู่ เขาเร่งความเร็วจนร่างกายแทบรับความเจ็บปวดไม่ไหว ทุกสัมผัสตอบกลับมาด้วยความเจ็บปวด จนอดคิดไม่ได้ว่าหากร่างนี้ด้านชาไปคงดีไม่น้อย จะได้ไม่ต้องรับรู้ถึงภาระที่ขาคู่นี้ต้องแบกไว้ น้ำหนัก การโหมแรง และการกระแทกทุกเสี้ยววินาทีที่ผ่าน ล้วนตอบแทนด้วยความสาหัส ทว่า ยังไม่มากพอเท่ากับความกระหายในจุดหมายที่มีอยู่ มะลิจึงไม่คิดจะหยุด เลือกที่จะก้าวต่อไป

พุ่งไปข้างหน้าสู้อยู่กับวินาทีที่กำลังเข้าสู่บทสรุปของเวลา ร่างกายทุกข์ทรมานและร้องเตือนเป็นครั้งสุดท้ายว่าให้หยุดฝืน แต่มะลิกลับไม่ฟังเสียงร้องจากภายในที่กำลังเจ็บปวดอยู่ เขาเหนื่อยอ่อนอย่างถึงที่สุด ล้าไปทั้งตัว กระนั้น ความเร็วที่เป็นอยู่ก็ไม่มีทีท่าจะลดลงแม้แต่น้อย กลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้นไป

กฤษที่จ้องมองจากนอกสนาม รวมทั้งเพื่อนร่วมทีมอีกสองคนที่เพิ่งเสร็จจากการแข่งระยะ 800 เมตร ไปเมื่อครู่ หันมาจ้องมองคนตัวเล็กในสนามและเลขเวลาที่ถอยลงเรื่อยๆ เพียงครึ่งนาทีสุดท้ายก่อนเลขบนหน้าปัดนาฬิกาจะหยุดลง คนตัวเล็กในสนามกลับวิ่งผ่านจุดออกตัวไปอีกครั้ง ใช้เวลาที่เหลืออยู่กับ 400 เมตร ที่เกินเข้ามาจากที่ตั้งใจ

รอบที่แปดผ่านไปโดยที่ยังเหลือเสี้ยวนาทีให้มะลิก้าวต่อ เจ้าตัวจึงไม่รอช้าโหมแรงและส่งกำลังเท่าที่มีมอบให้กับรอบสุดท้ายก่อนหมดเวลา ร่างที่แทบด้านชาไปกับความเจ็บปวด เขาเจ็บจนไม่รู้สึกถึงมันอีก การวิ่งออกไปขณะนี้คงเหลือแต่ความรู้สึกและสำนึกเท่าที่พอเรียกหา มะลิวิ่งออกไปด้วยกำลังใจ ส่วนกำลังกายนั้นคงหมดไปตั้งนานแล้ว

ท้ายที่สุดเวลาก็หมดลงพร้อมกับร่างของคนตัวเล็กที่ถูกใจกล้ารับไว้

“9 รอบเลยเหรอนี่” กฤษเอ่ยออกมาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“9 รอบนี้เยอะไหมครับครู” เสมอถามไถ่ออกไป เพราะไม่รู้ความหมายของเก้ารอบที่มะลิทำไว้ เก้ารอบภายในเวลา 10นาที ที่มะลิพึ่งทำลงไป

“3,600 เมตร กับ 10 นาที หรือก็คือเขาวิ่งออกไป 1เมตรโดยใช้เวลาไปเพียง 0.166 วินาที” ใจกล้าที่นิ่งงันไปชั่วครู่ ก่อนเข้ามาช่วยคลายข้อสงสัยของเสมอ

“อืม...” กฤษยังไม่แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว เพียงก้มมองใบหน้าของคนที่คล้ายจะหมดสติเพราะฟืนตัวใช้แรงเกินกำลัง เหงื่อมหาศาลยังปรากฏอยู่บนใบหน้าและทั่วร่างของเด็กน้อย

“ค่าเฉลี่ยของระยะ 3,000เมตรอยู่ที่เท่าไหร่ครับอาจารย์” ใจกล้าร้องถามกฤษ

“อืม... ถ้าเป็นสถิติระดับเยาวชนแห่งชาติ 3,000 เมตร อยู่ที่ 8:52.21 หรือ 0.177 วินาทีต่อเมตร ส่วนสถิติของประเทศอยู่ที่ 8:10.39 หรือ 0.163 วินาทีต่อเมตร”

“หา! ที่มะลิวิ่งออกไปนั่นตั้ง 3,600 เมตรไม่ใช่หรือครับ ทำเวลาน้อยกว่าระดับเยาวชนด้วยซ้ำ และเอ่อ... เทียบกับสถิติของประเทศแล้วมันเป็นยังไงน่ะ...” เสมอผู้ไม่ถนัดตัวเลขหันมาขอความช่วยเหลือจากใจกล้า

“ถึงจะเทียบยาก แต่ความต่างของ 600 เมตรที่มะลิทำ กับเวลาที่ต่างกันแค่ 0.003 ไม่ว่าจะดูยังไงก็เกินระดับประเทศไปแล้ว”

“โอ้โฮ...” เสมอยังเป็นลูกคู่ลูกถามในสถานการณ์เช่นนี้

“ก็ตามที่ใจกล้าว่ามา เอาล่ะหมดเวลาคุยกันแล้ว พวกเธอสองคนเห็นแล้วใช่ไหมว่าตอนนี้เพื่อนร่วมทีมของเธอก้าวไปถึงระดับชาติอย่างไม่เป็นทางการแล้ว แล้วสองคนล่ะจะยอมแพ้ไหม”

“ไม่ครับ” สองเสียงตอบพร้อมกัน ก่อนการฝึกของทั้งคู่จะดำเนินต่อไป กอปรกับบรรยากาศของการฝึกที่ดูท่าจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากได้เห็นการวิ่งของคนตัวเล็กที่หลับใหลอยู่ตรงนั้น ทั้งคู่ต่างทุ่มกำลังและแรงกายฝึกซ้อมอย่างหนัก บรรยากาศความกระหายสิ่งที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนกำลังเกิดขึ้น ทุกอย่างเพื่อไล่ตามหลังใครบางคนที่นำหน้าไปก่อนแล้วหนึ่งก้าว

คนตัวเล็กที่ไม่เหมาะกับกีฬาเลย ไม่ว่าประเภทใดก็ตาม





#อ่านตอนพิเศษได้ที่
(1) www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b9247b5e3ef4900101120e2
(2) https://www.readawrite.com/a/befadb43ba9c2c20826468f72f3ed7b2
(3) http://www.tunwalai.com/story/251592/ตัวสำรอง

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามข้อมูลข่าวสารและข่าวพูดคุยกันได้ที่   facebook.com/inDefinitionStory
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2018 19:51:44 โดย InDefinition »

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
หยิบรองเท้าแป๊บ จะไปวิ่ง!แรงใจมาเต็มมากกับการอ่านเรื่องนี้

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ใช่ๆ อ่านจบแล้วไปวิ่งดีกว่า เป็นกำลังใจได้ดีมากเรื่องนี้

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ป้าเป็นปลื้มกับหนูมากเลยนะมะลิ หนูทำให้ป้าออกไปวิ่งทุกอาทิตย์(ได้แค่วันอาทิตย์วันเดียวใน1อาทิตย์555 แต่ป้าก็พยายามนะ) หนูมีความมุ่งมั่นมาก มานะ อดทนดีจริงๆเลยลูก ดีใจแทนตามจริงๆถึงจะเป็นชัยชนะเล็กๆแต่ก็ทำให้มีกำลังใจสู้ต่อไป
  เป็นกำลังใจให้ทุกคนจ้าสู้ๆไปด้วยกัน :pig4:

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ InDefinition

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
บทที่ 17 - เปลวไฟของวัยรุ่นกำลังร้อนรุ่ม


นับตั้งแต่จบการแข่งขันอย่างไม่เป็นทางการไป ธนัฐก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับนักกีฬาของตน ความมุ่งมั่นที่มีให้กับการฝึกซ้อมในแต่ละวันซึ่งทบทวีขึ้น เหตุผลส่วนหนึ่งอาจมาจากเพื่อนร่วมทีมของพวกเขาที่ทำผลงานได้ดีในการแข่งครั้งนั้น จนทำลายสถิติตัวเองและสนามลงได้ หรือการที่พวกเขาหลายคนยังรั้งท้ายในการแข่งขันรายการต่างๆ การมองดูเพื่อนที่ฝึกซ้อมมาด้วยกันทุกวี่ทุกวันนำหน้าไปทีละก้าว ในฐานะนักกีฬาคงไม่อาจยอมให้เป็นเช่นนั้นได้ อย่างน้อยก็ต้องพัฒนาขีดความสามารถของตัวเองให้เหนือกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้

แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด เพราะไม่เพียงนักกีฬาที่ถูกคัดเลือกให้เข้าแข่งขันในวันนั้นที่มีปฏิกิริยากับการแข่งซ้อมดังกล่าว แต่ทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ ทั้งชายและหญิง ที่มีโอกาสรับชมหรือเพียงแค่ผ่านเข้ามาในสนาม โดยเฉพาะช่วงโค้งสุดท้ายของการแข่งท้ายสุด ทุกคนต่างเปลี่ยนไป

โรงเรียนแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องส่งเสริมทักษะการกีฬา วัดได้จากผลงานในอดีตจนถึงปัจจุบัน จึงไม่แปลกหากเหล่านักกีฬาไม่ว่าจะประเภทไหน หลายคนจากทั่วทั้งจังหวัดหรืออาจรวมไปถึงทั่วทั้งประเทศ ต่างหมายปองและคิดจะเข้ามามีส่วนร่วมในชมรมกีฬาที่ตนสนใจในโรงเรียนแห่งนี้ เพื่อพัฒนาศักยภาพ เพื่อชื่อเสียง เพื่อเงินทอง หรือเพื่อความสนุกสนาน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลประการใด หากพวกเขาได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในที่แห่งนี้แล้วล่ะก็ จะมีสิทธิ์คว้าเอาอย่างใดอย่างหนึ่งที่ว่ามาไปครอบครองอย่างแน่นอน หรืออาจได้ทุกสิ่งที่ปรารถนา แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ เมื่อมีผู้ที่เหนือกว่าจากทั่วประเทศมารวมตัวกัน ย่อมมีผู้ชนะและผู้แพ้เป็นสัจธรรม คนที่เข้ามาแล้วฝ่าฟันไปอย่างมานะก็อาจอยู่รอด แต่จำนวนไม่น้อยที่ถอยร่นลงไปเพียงเพราะพบเจอความพ่ายแพ้และไม่เห็นหนทางก้าวหน้า ยิ่งเมื่อมองไปที่จุดสูงสุด ผู้ที่เหนือกว่าก็ยังเหนือกว่าอยู่วันยังค่ำ พอหันกลับมามองตัวเองที่ยังไม่ขยับไปไหน ก็พาให้หมดกำลังใจ สุดท้ายก็ยอมรับความพ่ายแพ้นั้นไปโดยปริยาย

นักกีฬาเหล่านั้น ผู้คิดหันหลังให้กับอุปสรรค ขณะนี้ทุกคนกำลังตั้งหน้าตั้งตาฝึกซ้อมอย่างหนัก ดวงหน้าไม่หม่นหมองดังเช่นที่ผ่านมา บัดนี้ใบหน้าเหล่านั้นต่างเต็มไปด้วยความหวังที่จะก้าวข้ามอุปสรรค ซึ่งขวางกั้นอยู่ ภาพของเด็กชายตัวเล็กคนหนึ่งที่วิ่งขนาบข้างมากับนักกีฬา ซึ่งได้ชื่อว่าเก่งที่สุดในการวิ่งระยะกลางอย่างคมสัน ไม่ว่ารุ่นเดียวกันหรือสูงกว่าต่างยอมรับในข้อนั้น ภาพที่พวกเขาเห็นเพียงเสี้ยวนาทีที่ยืนจ้องจากตำแหน่งต่างๆ ทั่วสนามอันกว้างใหญ่นี้ ภาพนั้นได้เปลี่ยนความคิดของพวกเขาไปสิ้น

“เวลาดีขึ้นอีกแล้วนะคมสัน” ธนัฐที่อยู่ข้างสนามตะโกนออกไปเมื่อเจ้าของชื่อกลับมาที่ม้านั่งข้างสนาม หลังจบรอบวิ่งตามรายการที่ได้รับมอบหมาย

“ยังไม่พอครับ” คมสันตอบกลับมาอย่างไม่เหนื่อยอ่อน

“ให้ได้แบบนี้สิ” ธนัฐมองนักกีฬาดาวเด่นประจำรุ่นที่ดูเหมือนจะได้รับอิทธิพลจากคนตัวเล็กมากที่สุด เพราะหลังจากวันนั้นเป็นต้นมา เขาไม่เคยเห็นคมสันหยุดพักเกินครึ่งชั่วโมงแม้แต่ครั้งเดียว ความมุ่งมั่นในดวงตาคู่นั้นเป็นของจริง ไม่ว่าใครในสนามก็ไม่อาจเทียบเคียงได้

หากวันนั้นเขาไม่ตอบรับคำชวนของเพื่อนสนิท และหากไม่มีการแข่งอย่างไม่เป็นทางการนั้น ไม่รู้ว่าภาพที่เขามองอยู่ในขณะนี้จะเป็นอย่างไร อาจจะดีหรือแย่กว่านี้ก็คงยากเกินคาดเดา รู้เพียงว่า เขาไม่เคยกลับมานึกเสียดายหรือเสียใจกับการตัดสินในวันนั้น
คมสันนั่งพักอยู่ข้างสนามกำลังกลับเข้าลู่วิ่งอีกครั้ง หากไม่มีเสียงๆ หนึ่งร้องทักให้เข้าหันกลับไปสนใจเสียก่อน

“เดี๋ยวนี้ซ้อมคนเดียวตลอดเลยนะ” เสียงจากสิทธิพลซึ่งหายไปช่วงหนึ่งหลังจากการแข่งวันนั้น นับตั้งแต่ความพ่ายแพ้ที่เจ้าตัวได้รับไป

“เข้ามาคุยแบบนี้แปลว่ามีเงินเลี้ยงข้าวแล้วสินะ” เขาร้องตอบไปในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับประโยคสนทนาข้างต้น เบี่ยงเข้าเรื่องสัญญาที่เคยให้ไว้เมื่อไม่นานมานี้ และแทบจะเลือนไปเสียแล้ว หากไม่ได้พบคู่สัญญาตรงหน้า

“นี่ยังจำได้อีกเหรอ” สิทธิพลอุตส่าห์แกล้งเข้ามาด้วยเรื่องอื่น แต่คนตรงหน้ากลับวกเข้าในสิ่งที่ไม่อยากได้ยินที่สุด

“ข้าวฟรีตั้งหนึ่งเดือน ไม่มีทางลืมหรอก” คมสันพูดออกไปทีเล่นทีจริง แกล้งคนตรงหน้าอย่างไม่จริงจังนัก

“โถ่... แค่พูดเล่นๆ นายจริงจังไปได้” คนรับปากอย่างมั่นเหมาะในวันนั้น มาวันนี้กลับเฉไฉไม่เป็นท่า แต่คมสันก็ไม่ได้ติดใจ

“แล้วนี่มีอะไรหรือเปล่า” เขาถามจุดประสงค์ของคนตรงหน้าที่ร้องทักในคราแรก ซึ่งเข้ามาขวางการซ้อมอยู่

“ว่าจะมาถามถึงคนวันนั้น ที่เกือบเอาชนะนายได้”

“มะลิน่ะเหรอ” คมสันคิดว่าคงไม่มีใครอีกแล้วที่จะทำให้นักกีฬาอย่างสิทธิพล หรือแม้กระทั่งนักกีฬาคนอื่นๆ ค้างคาใจได้เท่าเพื่อนตัวเล็กของตน

“ใช่ เขาเป็นใคร มาจากไหน แล้วเป็นนักกีฬารายการอะไร ทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้า แต่ความสามารถขนาดนั้นจะบอกว่าแค่วิ่งเป็นงานอดิเรกก็คงทำใจเชื่อลำบาก” คำถามมากมายพรั่งพรูออกมา เกินกว่าที่คมสันคาดเอาไว้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร สิทธิพลคงโดนคนตัวเล็กวิ่งนำไปหลายช่วงตัว ทั้งๆ ที่ในมุมมองของคนอื่นมะลิไม่น่าจะมีแรงพอต่อกรกับคนในสนามได้ เป็นใครก็ประหลาดใจกันทั้งนั้น

“จะบอกว่าวิ่งเป็นงานอดิเรกก็คงจะใช่...” คมสันยังพูดไม่ทันจบ

“หา... จริงดิ วิ่งเป็นงานอดิเรกเนี่ยนะ” สิทธิพลร้องลั่นอย่างไม่เชื่อหู

“ก็ตัวขนาดนั้นนายคิดว่าจะมีใครให้เป็นตัวจริงไหม” คมสันสวนกลับโดยไม่สนใจปฏิกิริยาของคนตรงหน้าที่ส่งออกมา

“ไม่” สิทธิพลตอบกลับพร้อมส่ายหน้า

“ก็ตามนั้น ไม่มีครูหรือโค้ชคนไหนกล้ารับเด็กตัวเท่านั้นเข้าทีมหรอก แต่ที่เขาทำได้ก็มีเพียงอย่างเดียวคือ วิ่ง วิ่งออกไปอย่างนั้นไม่ว่าจะได้เป็นนักกีฬาตัวจริงหรือไม่ นั่นแหละมะลิ”

“ไม่เคยแข่งรายการไหนเลยเหรอ” ความสงสัยยังไม่หมดไปจากสิทธิพล

“ใช่” ใบหน้าของคมสันยังนิ่งไร้อารมณ์

“งั้นหรอกเหรอ งั้นก็ไม่กวนนายละ” สิทธิพลพูดแค่นั้นก่อนเดินออกไป แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับการคลายข้อสงสัยของเขา เด็กคนนั้นไม่ใช่ยอดมนุษย์หรือผู้มีพลังวิเศษจากไหนหรอก เป็นแค่คนๆ หนึ่งเหมือนกับเขา มีแขน มีขา มีเรี่ยวแรงที่จะวิ่งออกไปเหมือนกันทุกประการ สิทธิพลยิ้มเยาะตัวเองอย่างน่าละอายที่ยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ กลับไปถามไถ่คมสัน คาดหวังในคำตอบสวยหรูเพื่อเอามาเป็นข้ออ้างให้แก่ตน ทั้งที่จริงแล้วกลับไม่เป็นอย่างนั้น ‘ไม่เคยแข่งสักรายการเลยเหรอ คงยอมแพ้ไม่ได้แล้วล่ะ ทั้งคมสันและมะลิ’

หลังสิทธิพลลับหายไป เปรียบเสมือนสัญญาณเริ่มต้นการฝึกซ้อมของคมสันอีกครั้ง ขายาวก้าวไปยังลู่วิ่ง รักษาระดับความเร็วในช่วงต้นของการวิ่ง เพราะระยะทางยังอีกไกล เพียงแต่บทสนทนาเมื่อครู่กลับเข้ามามีอิทธิพลเหนือความคิดเขา ชั่วขณะหนึ่งคมสันคิดไปถึงวันที่มะลิวิ่งตีคู่มาพร้อมกับเขา ฉับพลันขาที่กำลังวิ่งอย่างสมดุล กลับเร่งความเร็วขึ้นอย่างไม่อาจยั้งได้



‘นายชักจะเอาใหญ่แล้วนะมะลิ’ กว่าคมสันจะกลับสู่ภาวะปกติได้ก็เข้าสู่รอบที่สาม การฝึกซ้อมดำเนินต่อไป ความเหนื่อยล้าอบอวลไปทั่วสนาม แต่ไม่สามารถหยุดการกระทำหรือกิจกรรมใดๆ ลงได้ ทุกคนต่างเพิกเฉยต่อความเหนื่อยอ่อนเหล่านั้น




ปี๊ด! เสียงนกหวีดเป็นสัญญาณเรียกนักกีฬาจากมุมต่างๆ ทั่วสนามมารวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียง ก่อนความวุ่นวายจะเข้าครองบรรยากาศตรงหน้าธนัฐ นักกีฬาที่แยกย้ายกันซ้อมกลับมาพูดคุยหยอกล้อกันตามประสาเพื่อนและรุ่นพี่รุ่นน้อง บ้างบ่นถึงประสบการณ์ตลอดวันที่ได้รับมา ก่อนบรรยากาศจะเงียบลงเฉียบพลัน เมื่อเสียงประกาศของหัวหน้าผู้ฝึกสอนดังขึ้น

“อีกหนึ่งเดือนนับจากนี้ การคัดเลือกระดับจังหวัดจะเริ่มขึ้นแล้ว นี่คือหนทางที่จะนำพวกเธอไปสู่เวทีระดับชาติ” นักกีฬาทุกคนกำลังจดจ่อกับเสียงนั้น เส้นทางสู่อนาคตที่พวกเขาวาดฝันไว้ นับตั้งแต่ก้าวเข้ามายังโรงเรียนแห่งนี้

“แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับโอกาส แต่ก็ใช่ว่าความพยายามของพวกเธอจะสูญเปล่า ครูไม่อยากเอาพวกเราไปเปรียบเทียบกับใคร แต่เชื่อว่าทุกคนที่มาดูการซ้อมแข่งในวันนั้นคงจะทราบดีว่า ไม่มีใครที่เกิดมาเพียบพร้อมไปด้วยพรสวรรค์ หากเธอไม่มีสิ่งนั้นก็ต้องคว้ามันมาด้วยกำลังของตัวเอง และที่สำคัญจงอย่าลืมไปว่าคู่แข่งเขาไม่รอเราอยู่กับที่” ธนัฐพูดจบ

“ครับ” “ค่ะ” เสียงตอบกลับจากหนุ่มสาวที่มารวมตัวกันตรงหน้าธนัฐและผู้ช่วยผู้ฝึกสอนคนอื่น

“วันนี้ครูจะมาคุยเรื่องการแข่งรายการที่จะถึงนี้ ที่พวกเธอรุ่นเล็กทุกคนจะถูกคัดเลือกเพื่อลงแข่ง ซึ่งรายการนี้แม้ว่าจะเป็นการแข่งที่จัดมาเมื่อไม่กี่ปีมานี้ เมื่อเทียบกับรายการอื่นของสมาคม ซึ่งรุ่นพี่ของพวกเธอแข่งขันกันไปเมื่อเดือนที่แล้ว คงต้องบอกว่า ยังเป็นรายการน้องใหม่ แต่ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ใครเกิดก่อนเกิดหลัง พวกเธอหลายคนคงพอจะทราบถึงปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นตลอด 3 ปีที่ผ่านมาแล้วว่า การแข่งขันน้องใหม่นี้ได้ทำลายสถิติของการแข่งระดับชาติลงได้ หลายประเภทกีฬา

โดยเฉพาะกรีฑาประเภทลู่ นั่นหมายความว่า รายการที่พวกเธอจะไปท้าชิงในอนาคตอันใกล้นี้ ต่างมีนักกีฬาในระดับสูงของประเทศที่พร้อมด้วยความสามารถมากมาย การจะมานั่งสบายใจหรือไม่ให้ความสำคัญคงไม่เป็นเรื่องที่ดีแน่ เพราะหากดูจากผลการแข่งปีที่ผ่านมา รายการนี้หินกว่าการแข่งของพวกรุ่นใหญ่อย่างแน่นอน”

ธนัฐกล่าวยืดยาวหลายนาที แต่นักกีฬาของเขาไม่มีทีว่ท่าาจะเบื่อหน่ายเลยแม้แต่น้อย เพราะพวกเขากำลังรอฟังเรื่องราวเกี่ยวกับอนาคตและหนทางสู่การเป็นดาวรุ่งของตน เรื่องของการแข่งขันน้องใหม่ที่เข้ามามีบทบาทในวงการกีฬาระดับเยาวชนสังกัดสถานศึกษาในขณะนี้ เป็นรายการที่รวมการแข่งของกีฬาทุกประเภทเอาไว้ แต่ความยิ่งใหญ่อยู่ที่การแข่งนี้เป็นการจัดโดยเอกชน มีสมาคมกีฬาเข้ามาจัดระบบการแข่งขันช่วยเพียงเล็กน้อย ซึ่งทำให้ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนอย่างล้นหลาม มีเงินทุนอัดฉีดจำนวนมาก แน่นอนว่ามีแมวมองเข้ามาสอดส่องและตามหานักกีฬาที่มีแววในประเภทต่างๆ เช่นเดียวกับการแข่งขันกีฬารายการอื่น

ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ผลการแข่งและสถิติที่ออกมาสู่สาธารณะ ซึ่งเทียบเคียงกับรายการใหญ่ที่จัดโดยสมาคม สมาพันธ์ หรือองค์กรณ์กีฬาต่างๆ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีมาก นับแต่มีการจัดการแข่งขึ้นในปีแรก และในช่วงหลังมานี้หลายประเภทกีฬากำลังก้าวข้ามขีดจำกัดของการแข่งขันระดับประเทศ แซงหน้ารายการใหญ่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานอย่างเกินความคาดหมาย เพราะตามปกติ รายการแข่งขันนี้มักส่งนักกีฬารุ่นใหม่หรือดาวรุ่งที่พึ่งเข้ามาสู่วงการกีฬา หรือเหล่านักกีฬาที่ย้ายจากรุ่นเล็กสู่รุ่นใหญ่ ซึ่งยังไม่สามารถปรับตัวให้คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมใหม่ได้ สนามนี้จึงกลายเป็นลานประลองฝีมือของหน้าใหม่ แม้กระทั่งนักกีฬาดาวรุ่งจากรุ่นเล็กที่ถูกดึงตัวให้เข้าร่วมกับโรงเรียนใหญ่ๆ ก็มักถูกส่งมาแข่งขันในรายการนี้ อีกเหตุผลหนึ่งที่โรงเรียนส่วนมากเลือกส่งนักกีฬารุ่นเล็กในเวทีนี้ ก็เพื่อแยกเด็กรุ่นใหม่กับรุ่นเก่าหรือรุ่นพี่ออกจากกัน การแข่งขันระดับเยาวชนที่สังกัดโรงเรียน มักส่งนักกีฬารุ่นพี่ไปแข่งขันรายการดั่งเดิมซึ่งจัดมาอย่างยาวนาน ส่วนรุ่นใหม่หรือรุ่นน้องก็ส่งมาที่รายการนี้แทน

แต่เมื่อรายการน้องใหม่สร้างความตื่นตะลึงให้กับวงการกีฬา ทำลายสถิติที่ดีที่สุดของรายการแข่งหน้าเดิมที่จัดโดยภาครัฐหรือสมาคมกีฬาไปอย่างขาดลอย ก็ส่งผลให้หลายโรงเรียนเปลี่ยนรูปแบบการส่งนักกีฬากันใหม่ โดยส่งทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ปะปนกันเข้ามาท้าชิงชัย จนทำให้การแข่งสนามนี้ดุเดือดและโหดหินยิ่งขึ้นไป จนแทบไม่มีใครกล้ามองข้ามรายการน้องใหม่นี้ไปได้ หรือบางประเภทกีฬาอาจถือเป็นเวทีสูงสุดของการแข่งขันประเภทนั้นไปได้เลย

“ยังไงก็ฝากพวกเธอไปคิดด้วยว่า ควรจัดการเวลาที่เหลืออยู่อย่างไรให้คุ้มค่าที่สุดสำหรับการแข่งขันที่ใกล้เข้ามาทุกทีแบบนี้ เท่าที่ครูสังเกตในระยะหลัง เห็นหลายคนเริ่มมีจุดมุ่งหมายที่จะก้าวไปอย่างมั่นคงและพัฒนาตนเองทีละขั้นแล้ว นั่นถือเป็นเรื่องน่ายินดี ส่วนใครที่ยังสับสน ปรับตัวไม่ได้ หรือไม่มีท่าว่าจะก้าวหน้าเลย ก็ให้ดูคู่แข่งของเธอเป็นตัวอย่าง หลายคนคงได้ดูการแข่งขันครั้งก่อนไปแล้ว และเห็นแล้วว่า ไม่มีอะไรที่เพียบพร้อมเสมอไป ทุกสิ่งล้วนได้มาด้วยความพยายาม จงระลึกเสมอว่าเมื่อใดที่พวกเธอหยุด นั่นคือสัญญาณแห่งการพ่ายแพ้ สำหรับวันนี้ครูขอฝากไว้เท่านี้ แยกย้ายกันไปทานข้าวและพักผ่อนได้”

สิ้นเสียง วงล้อมขนาดใหญ่ก็แตกตัวออกไปคนละทิศละทาง จุดหมายของแต่ละคนก็ต่างกันออกไป แต่เป้าหมายสูงสุดนั้นแทบไม่แตกต่างกัน ชัยชนะและการขึ้นเป็นที่หนึ่ง นั่นคือเป้าหมายของนักกีฬาทุกคน --- เปลวไฟของวัยรุ่นกำลังร้อนรุ่ม





////////
ดีใจที่เห็นทุกคนได้รับกำลังใจในการวิ่งหรือเริ่มกลับมาสู้อีกครั้งเพราะอ่านเรื่องนี้
และเห็นความพยายามของมะลิ ใครมีอะไรอยากแชร์ หรือบอกต่อ ไม่ต้องอาย บอกกันได้
เพราะคนเขียนรออ่านอยู่ทุกวัน





#อ่านตอนพิเศษได้ที่
(1) www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b9247b5e3ef4900101120e2
(2) https://www.readawrite.com/a/befadb43ba9c2c20826468f72f3ed7b2
(3) http://www.tunwalai.com/story/251592/ตัวสำรอง

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามข้อมูลข่าวสารและข่าวพูดคุยกันได้ที่   facebook.com/inDefinitionStory
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2018 18:56:21 โดย InDefinition »

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เจอฤทธิ์คนตัวเล็กเข้าไปดูทุกคนมีความมุ่งมั่นกันเยอะมากขึ้นเลย มะลิกับคมสันจะได้มาเจอกันแล้ว แต่พรุ่งนี้เจอกันที่สนามนะมะลิเรามีนัดกับป้านะ :a1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
พอดีเห็นผู้แต่งบอกให้คอมเม้นท์  เลยขออนุญาตนิดนึง  พอดีมีบางจุดที่อ่านแล้วอึดอัด เผื่อจะมีประโยชน์ต่อผู้แต่งบ้างเลยขอยกตัวอย่างบางช่วง



บทที่ 15 แข่งกับเวลา
เสร็จสิ้นงานกีฬาประจำปีของโรงเรียนไปเพียงชั่วข้ามคืน ชมรมกรีฑาก็กลับมาฝึกซ้อมอีกครั้ง ไม่ยอมปล่อยให้สนามหญ้านั้นโล่งร้างไร้ผู้คนไปได้แม้แต่วันเดียว.... ประโยคนี้อ่านแล้วสะดุดหญ้า เพราะกรีฑาจะซ้อมในลู่วิ่งไม่ลงสนามหญ้า  อ่านแล้วรก  ถ้าตัดคำว่าหญ้าออกจะอ่านได้ลื่นกว่า สนามหญ้าน่าจะใช้กับฟุตบอล และนอกจากสมาชิกชมรมกรีฑา วันนี้เพื่อนร่วมสถาบัน... คำว่าสถาบันไม่ค่อยให้บรรยากาศโรงเรียนชนบทเล็กๆเดียวกันต่างรายล้อมอยู่ทั่วสนาม แม้ไม่ได้พลุกพล่านเหมือนกับเมื่อวาน แต่ก็มากพอให้สนามเล็กลงถนัดตา หลายคณะสีกำลังเก็บเศษซากความทรงจำที่หลงเหลืออยู่จากวันกีฬา รุ่นน้องรุ่นพี่มากหน้าหลายตาช่วยกันเก็บข้าวของ อยู่รอบนอกเขตลู่วิ่งที่ยังหลงเหลือร่องรอยให้นักกรีฑาทั้งสามคนได้ใช้งาน

.......................   พารากราฟที่ยกมาให้บรรยากาศประดิษฐ์คำเกือบทุกประโยค  เหมือนคำจะเยอะไป ลองใช้คำให้น้อย กระชับจะดีขึ้น..........มีทั้งเพื่อนร่วมสถาบัน คณะหลายสี รุ่นพี่รุ่นน้องมากหน้าหลายตา.....เศษซากความทรงจำที่หลงเหลือ(ตรงนี้ไม่น่าใช้ความทรงจำ  ความทรงจำมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น) ข้าวของ ร่องรอย... รายล้อมรอบสนาม / อยู่รอบนอกเขตลู่วิ่ง....

แล้วก็ ส่วนสูงไม่ค่อยเอามาใช้เอื้อประโยชน์เพื่อเปรียบเทียบในกีฬาวิ่งนะ  ขาสั้นขายาวจะวิ่งเร็ววิ่งอึดหรือไม่ขึ้นอยู่กับการฝึก โดยเฉพาะในระยะ1500  พอดีอ่านคำพูดของมะลิเรื่องส่วนสูงของนักวิ่งในบทแรกๆแล้วตะหงิดๆ...  แต่ผู้แต่งแต่งเรื่องวิ่งเก่ง  อ่านแล้วอยากกลับไปซ้อมวิ่งอีก

ออฟไลน์ InDefinition

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0

บทที่ 18 มีแต่ต้องลงมือทำเท่านั้น

ดวงอาทิตย์คล้อยตัวต่ำลงไปจนลับฟ้า ไร้แสงส่องนำทางให้ผู้ที่กำลังก้าวย่างอยู่บนพื้นผิวขรุขระของสนาม ซึ่งหญ้ายังขึ้นกระจายตัวไม่ทั่วทั้งผืน ลานฝึกซ้อมที่ไม่สวยหรูและได้รับมาตรฐาน เป็นเพียงลานกว้างธรรมดาที่ถูกใช้สอยอย่างเกินความสามารถ จนบางคราที่ผู้ผ่านมาพบ หรือแวะเวียนมาเจอ แทบมองไม่ออกว่ามีชมรมใดบ้างผ่านการฝึกซ้อมจากสนามหญ้าแห่งนี้ หนึ่งในนั้นคือชมรมกรีฑา ที่ยังพึ่งพาขอบสนามฟุตบอลเป็นเส้นเขตแดนของลู่วิ่งสมมติ

แสงไฟประดิษฐ์สว่างขึ้น --- มะลิ เสมอ และใจกล้ากำลังอยู่ในช่วงท้ายของการฝึก ก่อนเสียงเรียกรวมตัวจะตามมา จากที่ปรึกษาของชมรม ซึ่งกฤษพิจารณาดูแล้วว่าควรหยุดกิจกรรมของวันไว้เพียงเท่านี้ อย่างที่เขาเคยบอกไว้กับลูกศิษย์ ว่าการพักผ่อนนั้นสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการฝึกซ้อม และเวลานี้เองก็เหมาะที่จะใช้คำอธิบายนั้นอย่างยิ่ง

สภาพของทั้งสามที่เหงื่อโทรมกายจนชุ่มไปทั้งร่าง ความเหนื่อยอ่อนที่แสดงออกมาทางสีหน้านั้นชัดเจนว่าต้องการช่วงเวลานี้อย่างไม่ต้องอธิบายให้มากความ แต่ก่อนหน้านั้น สิ่งสำคัญที่พวกเขาต้องทำก่อนแยกย้ายไปพักผ่อนนั่นคือ การคลายกล้ามเนื้อและปรับอุณหภูมิของร่างกายให้กลับสู่สภาวะปกติ ขณะนี้ทั้งสามกำลังทำหน้าที่นั้นอย่างไม่รีรอให้กฤษต้องร้องเตือน

“อีกไม่ถึงหนึ่งเดือน การแข่งขันอย่างเป็นทางการของพวกเธอก็จะเริ่มขึ้นแล้ว” กฤษกล่าว หลังทุกคนเก็บสัมภาระเรียบร้อย

“แข่งกับใครครับ” เสมอซึ่งไม่ได้อยู่ในแวดวงกรีฑาและการวิ่งมาก่อน ถามตามความสงสัย เขาไม่แน่ใจว่าการแข่งวิ่งนี้จะเหมือนกับการแข่งฟุตบอลที่เขารู้จักหรือเปล่า

“แข่งกับคนทั้งจังหวัดไงล่ะ” ใจกล้าที่เคยเข้าร่วมการแข่งรายการระดับจังหวัดร้องบอกแทนกฤษ

“ใช่ การแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ โดยความร่วมมือระหว่างองค์กรเอกชน แต่ก่อนที่เราจะไปถึงขั้นนั้น ต้องผ่านอุปสรรคระดับจังหวัดไปให้ได้ก่อน” กฤษเสริมคำตอบของลูกศิษย์

“งั้นก็แข่งกันทั้งวันทั้งคืนสิครับ นักกีฬาในจังหวัดนี้มีตั้งเท่าไหร่” ยังเป็นเสมอที่ร้องออกมาอย่างตกใจ

“นั่นสิครับ” มะลิที่ไม่เคยมีโอกาสเข้าร่วมการแข่งรายการใด ออกตัวสนับสนุนข้อสงสัยของเสมอ

“เยอะก็จริง แต่ไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสเข้าร่วมการแข่ง” กฤษคลายสงสัยของทั้งคู่

“ยังไงครับ” เป็นมะลิที่ให้ความสนใจในประเด็นดังกล่าว

“ก็อย่างโรงเรียนใหญ่ๆ ที่เราไปแข่งมาเมื่อไม่นานมานี้ นักกีฬาเขามีเป็นร้อยใช่ไหม” มะลิและเสมอพยักหน้าตาม ส่วนใจกล้ายังนิ่งฟังโดยไม่เข้าไปขัดจังหวะ

“พวกเขาต้องคัดเลือกกันเองภายในเพื่อส่งตัวแทนที่เก่งที่สุดมาแข่งขันกับโรงเรียนอื่น แต่มันก็เยอะอยู่ดีนั่นแหละ โรงเรียนในจังหวัดนี้ก็หลายร้อยแห่ง” ยังเป็นสองคนที่น้อยประสบการณ์ในการแข่งจริงที่พยักหน้ารับความรู้ใหม่

“ฉะนั้น รอบคัดเลือกระดับจังหวัดเขาจึงใช้วิธีคัดโดยดูจากเวลาที่ดีที่สุดของนักกีฬาแต่ละคนในวันคัดเลือก จากนั้นก็เรียงลำดับคะแนน และคัดเอาเฉพาะคนที่ได้อันดับดีที่สุดตามโควตาที่ตั้งไว้ เพื่อมาแข่งขันกันอีกครั้ง อาจแตกต่างจากการแข่งขันรายการอื่น แต่ทางผู้จัดเขายืนยันแล้วว่าเป็นวิธีการที่ดีที่สุด” กฤษชี้แจงให้ทั้งสาม หรืออาจเพียงแค่สองคน ให้เข้าใจระบบการแข่งขันรายการดังกล่าวนี้

“วัดจากสถิติที่สูงกว่ารายการอื่นใช่ไหมครับ” ใจกล้าเอ่ยสมทบ

“ใช่แล้วล่ะ รายการนี้เมื่อเทียบจำนวนปีที่จัดการแข่ง อาจเป็นน้องเล็กของรายการอื่นๆ แต่เมื่อดูผลการแข่งที่ออกมาแล้ว เรียกได้ว่าเป็นจ่าฝูงของวงการกีฬาเลยก็ว่าได้” กฤษต่อความให้เช่นเดิม

“งั้นแสดงว่า พวกเราอาจตกรอบตั้งแต่แรกเลยน่ะสิ ถ้าทำเวลาออกมาไม่ดี” เสมอโอดครวญ เมื่อเริ่มเข้าใจถึงความโหดหินของการแข่งจริง หากเทียบกับเวลาที่เหลืออยู่สำหรับฝึกซ้อม ซึ่งมีไม่ถึงเดือน

“ใช่” เป็นใจกล้าที่ตอกย้ำความจริงนั้น

“ถึงจะเป็นอย่างนั้นจริง ก็อย่าพึ่งไปวิตกกังวล เราไม่สามารถคาดเดาผลที่จะออกมาได้ สิ่งเดียวที่พวกเธอทำได้ขณะนี้คือ พยายามฝึกซ้อมเพื่อเพิ่มศักยภาพของตัวเองให้มากที่สุด จนถึงวินาทีสุดท้าย เวลาหนึ่งเดือนไม่ได้น้อยเลยสำหรับการก้าวข้ามขีดจำกัดที่มีอยู่ในตัวพวกเธอ อาจจะมากไปเสียด้วยซ้ำ เข้าใจความหมายที่พูดใช่ไหม” กฤษถามลูกศิษย์ทั้งสาม

“ครับ”

“ถึงจะเหลือเวลาไม่มากแล้วก็ตาม แต่อย่าโหมฝึกจนไม่มีเวลาพักผ่อนเสียล่ะ เพราะไม่อย่างนั้น การฝึกจะกลับมาทำร้ายเธอเอง อย่าลืมข้อนี้โดยเด็ดขาด” กฤษย้ำเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับการฝึกฝนตนเองในฐานะนักกีฬา เขาทราบดีถึงผลกระทบที่จะได้รับจากการหักโหม เพราะเคยประสบมากับตัว

หากมีโอกาสกฤษก็อยากบอกเล่าเรื่องราวที่พบผ่านให้กับเด็กทั้งสาม กฤษอยากให้มันเป็นบทเรียนแก่เหล่านักกีฬาของตน --- แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา



ไม่มีนักกีฬาคนใดในประเทศนี้ที่ไม่ตื่นเต้นกับการมาถึง ของมหกรรมกีฬาครั้งสำคัญ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความทรงจำครั้งหนึ่งในชีวิตของพวกเขา --- เหล่านักกีฬาหลายสิบประเภทที่ถูกบรรจุไว้ในตารางแข่งขัน กำลังฝึกซ้อมอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนที่เพียบพร้อมไปด้วยวิทยาการทันสมัย โรงเรียนระดับกลางที่มีผู้สนับสนุนไม่มากเท่าโรงเรียนใหญ่ ไปจนถึงโรงเรียนขนาดเล็กห่างไกลความเจริญ ห่างไกลการสนับสนุนจากกลุ่มทุน แม้จะต่างกันออกไปตามความพร้อมและโอกาส แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกโรงเรียน รวมไปถึงนักกีฬาทุกคน ต่างมีเหมือนกันนั่นคือ เวลา หนึ่งเดือนต่อจากนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ศักยภาพของพวกเขาว่าสามารถใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด คงไม่มีใครถอดใจไปก่อน เพียงเพราะความน้อยเนื้อต่ำใจเรื่องโชคชะตา เพราะถึงกระนั้น แม้จะร่ำร้องไปก็คงไม่ช่วยให้พวกเขาก้าวต่อได้ การขังตัวเองอยู่กับโอกาสที่รอวันมาถึง จึงไม่ใช่เรื่องจำเป็นของพวกเขา --- หากมันไม่มา หรือมันไม่มี ก็สร้างขึ้นด้วยตัวเอง จากแรงกาย และความพยายามทั้งหมดที่มี เพื่อตัวเอง เพื่อพวกพ้อง และเพื่อความฝัน



เพราะโชคชะตาไม่อาจมอบชัยชนะแก่ใครได้
มีแต่เราเท่านั้นที่จะต้องทำมัน







///////////////////////////////
ขอบคุณทุกกำลังใจที่มอบให้ตลอดมาครับ


#อ่านตอนพิเศษได้ที่
(1) www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b9247b5e3ef4900101120e2
(2) https://www.readawrite.com/a/befadb43ba9c2c20826468f72f3ed7b2
(3) http://www.tunwalai.com/story/251592/ตัวสำรอง

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามข้อมูลข่าวสารและข่าวพูดคุยกันได้ที่   facebook.com/inDefinitionStory

ออฟไลน์ lovenut

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ใช่!! มีแต่เราเท่านั้นที่จะต้องทำมัน!! ปล่อยของออกมาเลยมะลิ ใจกล้า เสมอ 1เดือนนับจากนี้ซ้อมเต็มที่ิ โคตรลุ้นและเอาใจช่วยเลย คู่แข่งก็เยอะ เก่งๆทั้งนั้น พากันซ้อมไปนะ เดี๋ยวเราจะไปทำผ้าเชียร์รอ จะเอาไปโบกเชียร์ในสนามวันแข่งจริง หรือไม่ก็จะอาสาไปเสริมน้ำช่วยอ.กฤษนะ 555555 อยากจะทำเสื้อทีมส่งไปให้จัง อินมากอ่ะ ตื่นเต้นแทน 5555555 สู้เขาลูก สู้เขามะลิ ใจกล้า เสมอ ฮึบๆ ว้อยยยยยสนุกกก ลุ้น นี่ยังไม่ถึงวันแข่งจริงนะ แค่บอกเล่าการคัดเลือกคู่แข่งก็ลุ้นแล้วอะ ถึงเวลาแข่งจริง ลุ้นขิบหายแน่นอน 555555 รอๆค่ะ รอการซ้อมตลอด1วันถึงวันแข่ง เจอกันคมสัน ^^ แต่งเก่งมาก บรรยายเห็นแบบ HD เลย :)

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
การฝึกซ้อมเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว รอมะลิเจอกับคมสันที่งานแข่งนะคะ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อ่านกี่ตอนๆก็ยังลุ้นไปกับเด็กๆเหมือนเดิม เด็กๆสู้ๆพยายยามเพื่อความสำหรับในวันข้างหน้า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด